โครงการเผยแผศลี ธรรมนำธรรมสูสงั คม
สาธยายพระไตรปฎก
เพื่อถวายเปน พระราชกุศลแด
สมเดจ็ พระนางเจาสริ กิ ิติ์ พระบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนพี ันปห ลวง
ระหวา งวนั ท่ี ๑๑-๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๔
สวนวางแผนและพัฒนาการอบรม สถาบนั วิปสสนาธรุ ะ
คำนำ
สว นวางแผนและพฒั นาการอบรม สถาบันวปิ ส สนาธรุ ะ เปน หนวยงานหลกั ท่ใี หบรกิ ารดานการปฏบิ ัติ
วิปสสนากรรมฐานตามแนวสติปฏฐาน ๔ และใหการบริการดานการฝกอบรม คุณธรรม จริยธรรม และนำ
ธรรมสูสังคม สำหรับคณาจารย เจาหนาที่ และนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตลอดถึง
หนวยงาน และองคก ร ภาครฐั และเอกชน เพ่อื ใหเขาใจหลกั ธรรมอยา งถกู ตอ ง
กจิ กรรมหน่งึ ที่สวนวางแผนและพัฒนาการอบรม สถาบันวิปส สนาธรุ ะ เหน็ คุณคาความสำคญั คอื การ
สาธยายพระไตรปฎก ซึ่งพระพระไตรปฎกถือเปนคัมภีรที่สำคัญสูงสุด แบงเปน ๓ สวนสำคัญไดแก
พระวินัยปฎก พระสุตตันตปฎก และพระอภิธรรมปฎก การสาธยายพระไตรปฎกดวยความศรัทธาเปนการ
เชิดชูสิ่งอันทรงคุณคาและการสืบตอพระพุทธศาสนา ทุกทานที่เขารวมกิจกรรม จะไดอานพระไตรปฎกใน
รูปแบบของภาษาบาลี พรอมคำแปล ซ่ึงจะทำใหเ กิดความรูความเขาใจในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจา
และสามารถนำไปปรบั ใชใ นชีวิตประจำวันได
การสาธยายพระไตรปฎกครัง้ นเี้ ปน คร้งั ที่ ๑ โดยความรวมมือกนั ระหวาง สถาบันวิปสสนาธรุ ะรว มกับ
บัณฑิตวิทยาลัยและสถาบันภาษา โดยกำหนดจัดงานระหวางวนั ที่ ๑๑-๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ เพื่อถวายเปน
พระราชกุศลแดส มเดจ็ พระนางเจา สริ กิ ิต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหลวง
สว นวางแผนแลพัฒนาการอบรม
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ
สถาบันวิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
สารบัญ หนา
๑
ความรูเกี่ยวกบั พระไตรปฎ ก ๓
แผนผงั พระไตรปฎ ก ๖
สาธยายพระไตรปฎ ก
บทเร่มิ ตนกอ นสาธยายพระไตรปฎ ก ๘
๙
บทอัญเชิญเทวดา ๙
ปพุ พภาคนมการ ๑๐
เขมาเขมสรณทปี กคาถา ๑๐
โอวาทปาติโมกขคาถา ๑๑
ปฐมพทุ ธภาสิตคาถา ๑๑
พุทธอุทานคาถา ๑๒
ปจฉมิ พุทโธวาทปาฐะ ๑๖
รตนสตุ ตัง ๑๖
พระวินัยปฎ ก ๓๖
อรุ เุ วลปาฏิหาริยกถา ๔๔
พิมพสิ ารสมาคมกถา ๔๖
บทถวายพรพระ
คำแผสว นกศุ ล และแผเมตตา ๔๗
บทเร่ิมตนกอนสาธยายพระไตรปฎก ๔๘
บทอัญเชญิ เทวดา ๔๘
ปุพพภาคนมการ ๔๙
เขมาเขมสรณทปี กคาถา ๔๙
โอวาทปาติโมกขคาถา ๕๐
ปฐมพทุ ธภาสิตคาถา ๕๐
พุทธอุทานคาถา ๕๑
ปจ ฉมิ พุทโธวาทปาฐะ ๕๕
รตนสตุ ตงั ๕๕
พระสตุ ตันตะปฎ ก ๕๙
ยมกวคฺโค ๖๓
อปฺปมาทวคโฺ ค ๖๕
บทถวายพรพระ
คำแผสวนกุศล และแผเ มตตา
สถาบนั วิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
บทเร่ิมตน กอนสาธยายพระไตรปฎก หนา
บทอัญเชญิ เทวดา
ปพุ พภาคนมการ ๖๖
เขมาเขมสรณทีปกคาถา ๖๗
โอวาทปาติโมกขคาถา ๖๗
ปฐมพทุ ธภาสิตคาถา ๖๘
พทุ ธอุทานคาถา ๖๘
ปจ ฉิมพุทโธวาทปาฐะ ๖๙
รตนสตุ ตงั ๖๙
๗๐
พระอภิธรรมปฎ ก
อภิธมมฺ ภาชนียํ ๗๔
๗๔
อาฏานาฏิยะสตู รตอนทา ย
เทวตาอุยโยชนคาถา ๑๐๙
บทถวายพรพระ ๑๐๙
คำแผสว นกุศล และแผเ มตตา ๑๑๓
๑๑๕
สถาบนั วปิ สสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ความรูเกย่ี วกับพระไตรปฎก
คัตจากหนังสือพระไตรปฎก ฉบบั สําหรับประชาชน
ของสชุ พี ปญุ ญานภุ าพ
พระไตรปฎ กคอื อะไร ?
ศาสนาทุกศาสนา ยอมมีคัมภรี หรือตําราทางศาสนาเปนหลักในการสั่งสอน แมเ ดิมจะมไิ ดขดี เขียนไว
เปนลายลักษณอกั ษร แตเม่ือมนุษยรูจักใชตัวหนังสือ กไ็ ดมีการเขียน การจารึกคําสอนในศาสนานั้นๆไว เม่อื
โลกเจริญขึ้นถึงกับมีการพิมพหนังสือเปนเลมๆได คัมภีรศาสนาเหลานั้นก็มีผูพิมพเปนเลมขึ้นโดยลําดับ
พระไตรปฎก หรือที่เรียกในภาษาบาลี ติปฎกหรือเตปฎกนั้นเปนคัมภีรหรือตําราทางพระพุทธศาสนา
เชนเดยี วกบั ไตรเวท เปน คมั ภรี ของศาสนาพราหมณ ไบเบ้ลิ ของศาสนาครสิ ต อัลกุรอาน ของศาสนาอิสลาม
กลาวโดยรปู ศัพท คาํ วา พระไตรปฎ ก แปลวา ๓ คมั ภีร เมอ่ื แยกเปน คําๆ วา พระ + ไตร + ปฎก
พระ แปลวา เปน คําแสดงความเคารพยกยอง
ไตร แปลวา ๓
ปฎ ก แปลได ๒ อยา ง คือ แปลวา คมั ภรี หรอื ตาํ ราอยา งหน่งึ
แปลวากระจาดหรอื ตระกรา อยางหน่ึง ท่แี ปลวา กระจาด หรอื ตะกรา
หมายความวาเปนที่รวบรวมคําสั่งสอนของพระพุทธเจาไวเปนหมวดหมู ไมใหกระจัดกระจาย
คลายกระจาดหรอื ตะกรา อนั เปน ภาชนะใสข องฉะน้นั
พระไตรปฎ กแบงออกเปน อะไรบาง ?
เมื่อทราบแลววา คําวา พระไตรปฎก แปลวา ๓ คัมภีร หรือ ๓ ปฎก จึงควรทราบ ตอไปวา ๓ ปฎ ก
นน้ั มอี ะไรบาง และแตละปฎกนัน้ มีความหมายหรือใจความอยา งไร ปฎ ก ๓ นัน้ แบง ออกดงั น้ี
๑. วินยั ปฎก วา ดวยวนิ ยั หรือศีลของภิกษุ ภกิ ษณุ ี
๒. สตุ ตันตปฎก วาดว ยพระธรรมเทศนาท่ัวๆไป
๓. อภธิ รรมปฎ ก วาดว ยธรรมะลวนๆ หรือธรรมะทส่ี าํ คญั
การสาธยายพระไตรปฎก
การจัดสาธยายพระไตรปฎกที่ยุวพุทธฯ ในครั้งนี้ ไดคัดสรรจากพระไตรปฎก ฉบับมหามกุฏราช
วิทยาลัย แลวเรียบเรียงเปนคําบาลีสลับกับคําแปลภาษาไทย เพื่อใหสาธุชนไดเขาใจความหมายในบทที่
สาธยาย โดยทานพระมหาประนอม ธัมมาลังกาโร จาก วัดจากแดง สมุทรปราการ ไดนําเนื้อความจาก
พระไตรปฎกที่คัดสรรออกมาแลวรวบรวม นํามาจัดพิมพไวในเลมเดียวกัน เพื่อใหใชประโยชนในการจัด
สาธยายพระไตรปฎ กใหจ บ ภายใน ๑ วัน
สถาบันวิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๒
การสาธยายพระไตรปฎ กในครั้งนี้ ประกอบดวย
๑.พระวินยั ปฎ ก
ปาฏหิ าริยท่ี ๑, ปาฏิหาริย ท่ี ๒, ปาฏหิ ารยิ ท ี่ ๓, ปาฏหิ าริยท่ี ๔, ปาฏิหาริยท ี่ ๕, ผา บังสุกุล,
ปาฏิหาริยเกบ็ ผลหวาเปน ตน ปาฏิหารยิ ผ า ฟน , ปาฏหิ ารยิ กอ ไฟ, ปาฏหิ าริยดบั ไฟ, ปาฏิหาริยก องไฟ,
ปาฏหิ ารยิ นำ้ ทวม, ทลู ขอบรรพชาและอุปสมบท, อาทติ ตปรยิ ายสูตรพมิ พสิ ารสมาคมกถา,
ความปรารถนา ๕ อยาง, คาถาสดดุ ีพระผูมีพระภาค, ทรงรบั พระเวฬวุ นั เปนสงั มิกาวาส
๒.พระสุตตนั ตะปฎก
ยมกวรรค, อปั ปมาทวรรค, จติ ตวรรค, ปปุ ผวรรค, พาลวรรค,
บณั ฑติ วรรค, อรหนั ตวรรค, สหัสวรรค, ปาปวรรค, ทัณฑวรรค
๓.พระอภิธรรมปฎ ก
รูปขนั ธ เวทนาขนั ธ (ทุกมูลกวาร]) สัญญาขันธ (ทุกมูลกวาร] สงั ขารขันธ (ทกุ มลู กวาร],
วญิ ญาณขนั ธ (ทกุ มูลกวาร]
ลกั ษณะการสาธยาย
สาธุชนที่มารวมงานสวดพรอมกันโดยการนําของพระมหาประนอม ธัมมาลังกาโร และคณะสงฆ
จากวัดจากแดง จ.สมุทรปราการ โดยพระมหาประนอมจะไดอธบิ ายนํา พรอ มสรุปเนือ้ ความที่ไดสาธยายทุก
บท และจบลงดว ยอริยสจั จกถา
อานสิ งสข องการสาธยายพระไตรปฎก
๑. บุคคลใดไดนําเอาพระไตรปฎกมาสาธยายจะเขาถึงความเปนอริยบุคคล คือ ไดมรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑
ในภายหนา
๒. บุคคลใดไดสาธยายพระไตรปฏกจะชว ยปดประตูอบายภูมิ ๔ คือเปรต อสุรกาย สตั วเ ดรจั ฉาน และสตั วน รก
๓. บุคคลใดไดสาธยายพระไตรปฎกแลวไดนอมจิตตามพระธรรม อาจบรรลุธรรม ชั้นหนึ่งชั้นใดในบรรดา
โสดาบัน พระสกทาคามี และพระอรหนั ต ไดต ามอุปนสิ ัยที่สรางมา
๔. บุคคลใดที่เปนมิจฉาทฐิ ิเมอ่ื ไดสาธยายพระไตรปฎกจะกลายเปน สัมมาทิฐิ
๕. การสาธยายพระไตรปฎ กมผี ลทาํ ใหป ระเทศชาติไมมีภยั พิบัติ ทําใหป ระเทศชาติมีแตความรม เย็น มีสนั ติสุข
ความเจรญิ กาวหนา ปราศจากโรคภยั
๖. สมยั พทุ ธกาลการสาธยายพระไตรปฎ ก ทาํ ใหค างคาวซึ่งเปนสัตวเดรจั ฉานไดฟงทุกวันเกิดอานิสงส เม่ือตาย
ไดไปจตุ เิ ปนเทพบุตรอยูบนสวรรค
๗. ในมงคล ๓๘ ประการไดก ลาวถึงงูเหลือมใหญ ฟงภิกษุสาธยายพระอภิธรรมเฉพาะ สฬายกถา จิตก็ปรีดา
โสมนสั หรรษา คร้ังทาํ กาลกริ ิยาตาย กไ็ ปบงั เกดิ ในสวรรค และเมอ่ื จุตจิ ากสวรรค ก็มาเกดิ ในตระกูลพราหมณ
๘. บคุ คลใดไดส าธยายพระไตรปฎ กและไดฟ งธรรมมีอานิสงสห าประมาณมิได
สถาบันวิปส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๓
แผนผงั พระไตรปฎก
หมายเลข ๑
พระไตรปฎก
วนิ ยั ปฎ ก สุตตนั ตปฎ ก อภธิ รรมปฎก
(คัมภีรว า ดวยระเบยี บวินัย)
(คมั ภรี ว า ดวยพระธรรม (คัมภรี วาดว ยขอ ธรรมลวนๆ
เทศนาทวั่ ๆ ไป ไมม ีประวตั ิและหองเรอ่ื ง
มปี ระวัตแิ ละทอ งเรื่อง) ประกอบ)
หมายเลข ๒
วินยั ปฎก
มหาวภิ งั ค มหาวัตต บรวิ าร
(วาดวยขอหามหรือวนิ ัย (วาดว ยพทุ ธประวัติ (วาดวยเบ็ดเตลด็
ท่เี ปนหลกั ใหญๆ ของภิกษุ) ตอนแรกและพิธกี รรม ทางพระวนิ ัย)
ทางพระวนิ ยั )
ภกิ ษุนีวภิ ังค จุลลวัคค
(วาดว ยขอ หามหรือวินยั (วา ตวั ยพิธกี รรมทางพระวินัย
และความเปนมาของนางภิกษุณี
ของนางภกิ ษณุ ี และประวัติการทาํ สังคายนา)
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๔
แผนผงั พระไตรปฎ ก
หมายเลข ๓
สตุ ตนั ตปฎก
ทีฆนิกาย สังยุตตนกิ าย ขุททกนิกาย
(วาดว ยพระสูตรหรอื
พระธรรมเทศนาขนาดยาว) (วาดวยพระสูตรหรอื (วา ดวยพระสตู รหรือ
พระธรรมเทศนาอนั ประมวล
มชั ฌมิ นิกาย พระธรรมเทศนาเบด็ เตล็ด
(วา ดว ยพระสตู รหรอื ธรรมะหรอื เร่อื งราว ไวเปน พวกๆ รวมทง้ั ภาษติ ของสาวก
พระธรรมเทศนาขนาดกลาง เชน วาดว ย ประวตั ิตางๆ และซาดก)
ไมยาวหรือส้ันเกินไป)
พระมหากัสสปะ เรียกกสั สปสังยตุ
วา ดวยเหตุการณใ นแควนโกศล
เรยี กโกศลสงั ยตุ วา ดว ยมรรค
(ขอปฏบิ ตั ิ) องั คุตตรนิกาย
เรียกมคั คสงั ยตุ )
(วาดวยพระสูตรหรอื
พระธรรมเทศนาเปนขอ ๆ
ตามลาํ ดับจาํ นวน เชน ธรรมะหมวด ๑
ธรรมะหมวด ๒ ธรรมะหมวด ๓ แตล ะ
ขอ ก็มีจาํ นวน ๑, ๒ หรือ ๓
ตามหมวดน้นั )
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๕
แผนผงั พระไตรปฎ ก
หมายเลข ๔
อภธิ ัมมปฎ ก
ธมั มสังคณี ธาตกุ ถา กถาวัตถุ ปฏฐาน
(วาดว ยธรรมะ (วา ดว ยธรรมะ (วาดว ยคาํ ถาม (วา ดว ยปจ จยั
รวมเปน หมวด เปน กลุม) จดั ระเบียบ คาํ ตอบในหลักธรรม คอื สง่ิ ทเ่ี กอ้ื กลู
ความสมั พันธ ประมาณ ๒๑๙ สนบั สนนุ ๒๔ อยาง)
โดยถือธาตุเปนหลกั ) หัวขอ เพ่ือถอื เปน
หลกั ในการตดั สนิ ยมก
(วาดว ยธรรมะ
พระรรม) ที่รวมเปน เปน คูๆ)
วิภงั ค ปุคคลบญั ญัติ
(วาดวยธรรมะ แยกเปน ขอ ๆ) (วา ดวยบัญญัติ ๖ ชนดิ
และแสดงรายละเอยี ดเฉพาะ
บญั ญัตอิ ันเกย่ี วกบั บคุ คล)
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
สาธยายพระไตรปฎก
ปญหาและทีม่ า
เมืองไทยของเราไดนับถือพระพุทธศาสนามาชานาน จนอยูในสายเลือด มีวิถีชีวิต การเปนอยูที่
เกี่ยวเนื่องดวยพระพุทธศาสนา มีวัฒนธรรมประเพณีอันดงี ามที่สืบเนื่อง เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาหลายอยาง
เชนประเพณีขึ้นบานใหม ประเพณีบวชพระ บวชเณรเพื่อ สืบทอดพระศาสนา ประเพณสี วดพระอภิธรรมใน
งานศพ ซึ่งประเพณี หรือวิถีแหงความ เปนชาวพุทธเหลานั้น หากขาดการศึกษาเรียนรูจากพระไตรปฎกแลว
เราจะไมทราบจุด ประสงคอยางถูกตองของประเพณีเหลานั้นไดเลย และยังไมมีโอกาสที่จะไดประโยชนอัน
สูงสุดจากประเพณีเหลานั้นดวย เมื่อไมอาน ไมศึกษา ไมคนควา ในที่สุด ก็เปนเหตุใหคน เสื่อมศรัทธาใน
พระพุทธศาสนาทั้งๆ ที่พระพุทธศาสนาเปนของดี เปนของเลศิ เปน ของ ประเสริฐ แตผูรกั ษา ผูเปนเจาของ
ศาสนาขาดความเขาใจในหลักคําสอน ก็ไมสามารถชี้ ใหคนอื่นเห็นคุณคาของพระศาสนาได เมื่อคนไมเห็น
คุณคา คนกไ็ มนับถือ ไมเสอื่ มใส ไมส นใจ ไมใ หความสําคัญ ไมเ อาเปนสาระ ไมย ึดเปน สรณะทพ่ี ึ่ง ศาสนาคือคํา
สอนก็ เสื่อมสิ้นไป ในที่สุด เหลือเพียงศาสนสถาน โบสถ วิหาร ที่กลายเปนแหลงทองเที่ยวไป เทาน้ัน
ประโยชนทจ่ี ะได จากการนบั ถือพระพุทธศาสนาก็ไมมีอกี ตอไป การศกึ ษาพระ ไตรปฎกจึงเปนสิ่งสําคัญในการ
สบื ตอ พระพทุ ธศาสนาใหย ่งั ยืนตอ ไป
การสาธยายพระไตรปฎกดวยภาษาบาลี “อสชุฌาย มลา มนฺตา มนต มีการไม ทองบนไมสาธยาย
เปนมลทิน” ตามหลักของคัมภรี โ ลกนีติ ที่เราทานท้ังหลายเคยไดยนิ ไดฟ งมาเนิ่นนานแลว พระพุทธมนต คือ
พระไตรปฎกแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธก็เชนกัน ตองมีการเรียนรูใหเขาอกเขาใจทั้งตัวพระบาลี และคํา
ขยายคืออรรถกถาที่เรียกวา อุคคหณะ(การเรียนรู), แลวก็ทองบนสาธยายทรงจําใหไดจนคลองปากไมให
หลงลืมผิดเพี้ยน ที่เรียกวา ธารณะ(การทรงจํา), และหลังจากนั้น จึงนําไปบอกกลาวสั่งสอนผูอื่นไดอยาง
ถกู ตองตรงตามพทุ ธประสงคท่พี ระพุทธองคไ ดต รสั ไวท ี่เรียกวา วาจนะ(การบอกกลา วส่งั สอน)
การท่เี ราจะทรงจําไดนานๆ กต็ อ งพยายามฝกสติ ทาํ สมาธใิ หต ั้งม่ันแลวหมน่ั สาธยาย อยูเนืองๆ หรอื
ที่เรียกวา ทบทวน ถาสวดเขา กันหลายคนๆ กเ็ รียกวา คณสาธยาย การสาธยายน้ัน สามารถที่จะยกเอาสูตรใด
สูตรหนึ่งมาสาธยาย หรือเอานิกายใดนิกายหนึ่ง ปฎกใด ปฏกหนึ่งมาสาธยายก็ได เชนสาธยายคัมภีร
มหาปฏ ฐานเปนตน เพอื่ รักษา พระธรรมคาํ ส่งั สอนไมใหส ญู หายไป
เมื่อไมมีการสาธยาย ความทรงจํากเ็ ริ่มเสือ่ ม พระศาสนาก็นับถอยหลัง คือเริ่ม อันตรธานหายไปทีละ
คัมภีร นับตั้งแตคมั ภีรท ่ียากท่ีสุดคือคัมภรี มหาปฏ ฐาน ก็จะเริ่ม อันตรธานหายไปกอนคมั ภีรอ่ืนๆ เพราะไมมีผู
สามารถทรงจําเอาไวได ไมมีผูสืบทอด แตถาตราบใด ยังมีผูทรงจําไดเขาใจได สืบทอดเอาไวได ตราบน้ัน
พระศาสนาก็ยงั อยูใ นใจ ของเรายังไมเ สื่อมหายไปไหน พระศาสนาท่ตี ้ังมนั่ อยูใ นใจของเรานน้ั เปน ศาสนาทเ่ี ปน
เครื่องมือใหเราไดถือเอาประโยชนทั้งสามได คือประโยชนในโลกนี้ ประโยชนในโลกหนา และประโยชนอ ยาง
ยง่ิ คอื พระนิพพาน แตถา เราปลอยใหพระศาสนาต้ังอยูแตในตําราใบ ลานทโี่ บสถว หิ ารอยางเดียวไมต ั้งอยูในใจ
ของเรา เมื่อนั้น ศาสนาก็ไมใชของเรา เพราะไม สามารถอํานวยประโยชนสุขใหแกเราได ดังที่ทานโบราณา
จารยกลา วไววา
โปตถฺ เกส จ ยํ สิปปฺ ปรหตฺเถสุ ยํ ธนํ, ยทา กิจเฺ จ สมปุ บฺ นฺเนน ตํ สปิ ฺป น ตํ ธน.ํ
ซ่งึ แปลวา มีความรู อยใู นตํารา มีทรพั ย แตอยใู นมือผูอื่น เมอ่ื คราวมีกิจรีบดว น ความรนู ้ัน กไ็ มใ ชของ
เรา ทรพั ยน ั้น ก็ไมใชข องเรา เพราะไมสามารถหยนิ นาํ เอามาใชไ ด
สถาบนั วปิ สสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๗
วัตถปุ ระสงค
• เพอ่ื เปนการปลกู จิตสาํ นึก ปลูกฝง ความเปนชาวพทุ ธอยางแทจริง
• เพือ่ ความเขา ใจอยา งถูกตอ งตอพระธรรมคาํ สอนของพระพทุ ธองค
• เพือ่ เปนการปพู น้ื ฐานของการเรยี นรูดว ยการสวดสาธยาย
• เพอ่ื ใหเ หน็ คณุ คาเห็นความสาํ คญั ของภาษาบาลที จี่ ะรักษาพระศาสนา
• เพื่อทําสมาธดิ ว ยการสวดสาธยาย
• เพอื่ ชว ยอนรุ ักษภาษาและวฒั นธรรมอันดีงามของชาวพุทธ
• เพื่อเจริญศรัทธาปสาทะตอ พระศาสนาไดโ ดยงา ย
• เพ่ือจดุ ประกายใหผเู ริ่มศึกษาธรรมไดเ หน็ ทศิ ทางในการศกึ ษาพระไตรปฎ ก
• เพอ่ื สรา งบุคลากรของศาสนาใหม คี ณุ ภาพมีองคความรูอยางถูกตอง ตรงตามพทุ ธประสงค
ผลทคี่ าดวาจะไดรบั
• พุทธบริษัท มีจิตสํานึก ระลึกรูหนาที่ มีความตื่นตัว ตื่นใจ รักพระศาสนา ไดปลูกฝงความเปนชาวพุทธอยาง
แทจ รงิ
• ไดความเขา ใจอยา งถูกตอ งตอ พระพทุ ธพจนซ ึ่งเปน หัวใจหลักของพระพทุ ธศาสนา
• ไดป ูพ้นื ฐานของการเรยี นรูดวยการสวดสาธยายอยา งเปน ระบบ
• ไดเห็นคุณคาเห็นความสาํ คญั ของภาษาบาลที ่ีจะรกั ษาพระศาสนา
• ไดอ นรุ กั ษภาษาและวัฒนธรรมประเพณอี นั ดีงามของชาวพุทธ
• ไดเจริญศรทั ธาปสาทะตอพระศาสนาไดโดยงา ย
• ไดจ ุดประกายใหผ เู ริ่มศึกษาธรรมไดเ หน็ ทศิ ทางในการศกึ ษาพระไตรปฎ ก
• ไดทําสมาธิดวยการสวดสาธยาย
• ไดสรางบคุ ลากรของศาสนาใหมคี ณุ ภาพมอี งคความรูอ ยา งถูกตองตรงตาม
พุทธประสงค ใหสมกบั คาํ วา เปนชาวพุทธ ซึ่งแปลวา ผรู ู ผูต น่ื ผูเบกิ บาน
สถาบันวปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๘
หมวดพระวินยั ปฎก
อัญเชิญเทวดา
สะรัชชงั สะเสนงั สะพนั ธงุ นะรนิ ทงั
ปะริตตานุภาโว สะทา รกั ขะตตู .ิ
ผะรติ ฺวานะ เมตตงั สะเมตตา ภะทนั ตา
อะวกิ ขติ ตะจติ ตา ปะริตตัง ภะณันตุ.
ทานผูเจริญทั้งหลาย ผูเ พียบพรอมดวยเมตตา จงแผไมตรีจิต ดวยคิดวา ขออานุภาพ แหงพระปริตร
จงรักษาพระราชา ผูเปนเจาแหงนรชน พรอมดวยราชสมบัติ พรอมดวย พระราชวงศ พรอมดวยเหลา
เสนามาตย แลว อยา ไดม จี ติ ฟงุ ซา น จึงต้ังใจสวดพระปรติ รเถดิ .
สะมนั ตา จกั กะวาเฬสุ อัตฺราคจั ฉนั ตุ เทวะตา
สทั ธมั มงั มนุ ริ าชัสสะ สณุ นั ตุ สคั คะโมกขะทงั ฯ
ขออญั เชิญเทวดาในจักรวาลท้ังหลายโดยรอบ มาสูส ถานทีน่ ี้ ขอเชิญฟง พระสทั ธรรม ของพระจอมมนุ ี
อนั ชี้ทางสวรรคแ ละนพิ พาน.
สัคเค กาเม จะ รูเป คริ สิ ิขะระตะเฏ จนั ตะลกิ เข วมิ าเน
ทเี ป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถมุ หิ เขตเต
ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธพั พะนาคา
ตฏิ ฐนั ตา สนั ติเก ยงั มุนวิ ะระวะจะนงั สาธะโว เม สณุ ันตุ.
ขอเชญิ เหลา เทพเจา ผสู ถติ อยูในสวรรคช ้ันกามภพกด็ ี ชนั้ รปู ภพก็ดี และภุมมเทวดา ผูสถิตอยูในวมิ าน
บนยอดภูเขา ในหุบผา ในอากาศ บนเกาะ ในแวน แควน ในบาน ในตน พฤกษา ในปา ชฏั ในเรอื นและในไรนา
ก็ดี และยกั ษ คนธรรพ นาค ผูส ถิตอยูในนํา บนบก ในที่ไมราบเรียบ อันอยูในที่ใกลเคียงก็ดี ขอจงมาประชุม
พรอ มกันในทีน่ ้ี ถอ ยคําใดเปน ของพระมหามนุ ี ขอทานสาธชุ นท้ังหลาย จงต้งั ใจสดบั ถอยคำน้ัน อันขาพเจาจกั กลา ว
ธมั มสั สะวะนะกาโล อะยัมภะทนั ตา
ดกู อนทา นผเู จรญิ ทง้ั หลาย กาลนเ้ี ปน กาลฟงพระสทั ธรรม
ธัมมสั สะวะนะกาโล อะยมั ภะทนั ตา
ดกู อนทา นผูเ จรญิ ท้ังหลาย กาลนีเ้ ปนกาลฟง พระสัทธรรม
ธมั มัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทนั ตา ฯ
ดูกอนทานผูเจริญทัง้ หลาย กาลน้ีเปนกาลฟงพระสทั ธรรม.
สถาบนั วิปส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๙
อะระหะโต
สมั มาสัมพุทธสั สะ. ปุพพภาคนมการ
(คาํ นอบนอ มในสว นเบื้องตน )
ขอนอบนอมแดพ ระผมู ีพระภาคเจา พระองคน้ัน
ซงึ่ เปนผไู กลจากกเิ ลส
ตรสั รชู อบไดโดยพระองคเ อง. (๓ ครั้ง)
เขมาเขมสรณทีปกคาถา
คาถาแสดงสรณะอันเกษมและไมเกษม
พะหงุ เว สะระณัง ยันติ ปพ พะตานิ วะนานิ จะ
อารามะรุกขะเจตฺยานิ มะนสุ สา ภะยะตชซติ า
มนุษยเปนอันมาก เมื่อเกิดมีภัยคุกคามแลว ก็ถือเอาภูเขาบาง ปาไมบาง อาราม และรุกขเจดียบาง
เปนสรณะ
เนตงั โข สะระณัง เขมัง เนตัง สะระณะมุตตะมัง
เนตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทกุ ขา ปะมุจจะติ
นน่ั มใิ ชสรณะอันเกษมเลย น่นั มใิ ชส รณะอันสงู สุด เขาอาศยั สรณะนนั้ แลว ยอ มไมพน จากทุกขท ง้ั ปวงได
โย จะ พทุ ธญั จะ ธัมมญั จะ สงั ฆญั จะ สะระณัง คะโต
จตั ตาริ อะริยะสัจจานิ สัมมปั ปญ ญายะ ปส สะติ
สว นผูใ ดถือเอาพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ เปนสรณะแลว เหน็ อรยิ สจั จ คือ ความจรงิ อันประเสริฐส่ี
ดวยปญ ญาอนั ชอบ
ทกุ ขงั ทุกขะสะมุปปาทงั ทุกขสั สะ จะ อะติกกะมัง
อะรยิ ัญจฏั ฐงั คิกัง มคั คัง ทกุ ขูปะสะมะคามนิ ัง
คือเห็นความทุกข เหตุใหเกิดทุกข ความกาวลวงทุกขเสียได และหนทางมีองคแปด อันประเสริฐ
เครื่องถึงความระงับทกุ ข
เอตัง โข สะระณงั เขมงั เอตัง สะระณะมตุ ตะมัง
เอตงั สะระณะมาคมั มะ สพั พะทุกขา ปะมจุ จะติ
น่นั แหละ เปนสรณะอันเกษม นน่ั เปน สรณะอันสงู สดุ เขาอาศยั สรณะนนั้ แลว ยอ มพนจากทุกขทั้งปวงได.
(เร่ืองปุโรหติ ช่ืออคั คทิ ตั ข.ุ ธ.)
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๑๐
โอวาทปาติโมกขคาถา
ขันตี ปะระมงั ตะโป ตีติกขา ขันติ คอื ความอดกลน้ั เปน ธรรม เครือ่ งเผากเิ ลสอยางย่งิ
นพิ พานัง ปะระมัง วะทนั ติ พทุ ธา ผรู ูทัง้ หลาย กลา วพระนพิ พานวา เปนธรรมอันยง่ิ
นะ หิ ปพพะชโิ ต ปะรูปะฆาตี ผกู าํ จดั สตั วอ ่ืนอยู ไมช่อื วาเปน บรรพชติ เลย
สะมะโณ โหติ ปะรงั วเิ หฐะยันโต ผทู ําสตั วอน่ื ใหลําบากอยู ไมช อ่ื วา เปน สมณะเลย
สพั พะปาปส สะ อะกะระณัง การไมทาํ บาปทง้ั ปวง
กสุ ะลสั สูปะสัมปะทา การทํากุศลใหถงึ พรอม
สะจติ ตะปะรโิ ยทะปะนัง การชาํ ระจิตของตนใหข าวรอบ
เอตงั พทุ ธานะสาสะนงั ธรรม ๓ อยา งนี้ เปนคําสง่ั สอนของ พระพุทธเจาท้ังหลาย
อะนูปะวาโท อะนปู ะมาโต การไมพ ดู ราย การไมทาํ ราย
ปาตโิ มกเข จะ สงั วะโร การสาํ รวมในพระปาตโิ มกข
มัตตัญุตา จะ ภตั ตสั มฺ งิ ความเปนผรู ปู ระมาณในการบรโิ ภค
ปน ตญั จะ สะยะนาสะนงั การนอน การนงั่ ในทอี่ ันสงดั
อะธจิ ติ เต จะ อาโยโค ความหมน่ั ประกอบในอธจิ ติ
เอตัง พุทธานสาสะนันติ ธรรม ๕ อยางนี้ เปนคาํ ส่งั สอนของ พระพุทธเจาท้งั หลาย
ปฐมพทุ ธภาสิตคาถา
คาถาแสดงปฐมพุทธพจน (ว.ิ พาหิรนิทาน)
อะเนกะชาติสงั สารัง สนั ธาวิสสัง อะนพิ พิสัง
เม่อื เรายงั ไมพบญาณ ไดแ ลน ทองเทยี่ วไปในสงสารอนั เปน อเนกชาติ
คะหะการัง คะเวสันโต ทกุ ขา ชาติ บนุ ัปปุนงั
แสวงหาอยูซ ง่ึ นายชา งปลกู เรอื น คือตณั หาผสู รางภพ การเกิดทกุ คราวเปน ทกุ ขร ่ำไป
คะหะการะกะ ทฏิ โฐสิ ปนุ ะ เคหัง นะ กาหะสิ
น่แี นะ ! นายชา งปลูกเรือน เรารจู กั เจาเสยี แลว เจาจะทําเรอื นใหเ ราไมไดอกี ตอ ไป
สพั พา เต ผาสกุ า ภัคคา คะหะกฎู ัง วสิ ังขะตัง
โครงเรอื นท้ังหมดของเจา เราหักเสียแลว ยอดเรอื นเรากร็ ื้อเสยี แลว
วิสงั ขาระตะดงั จิตตงั ตณั หานัง ขะยะมัชณะคาติ. (อภฐู . ท.ี สีล.)
จติ ของเราถงึ แลว ซึง่ สภาพทอ่ี ะไรปรุงแตงไมไดอีกตอ ไป
มนั ไดถงึ แลว ซง่ึ ความสน้ิ ไปแหง ตัณหา คือพระนพิ พาน (อฏฐใ ขุ. ขุทก.)
สถาบันวปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๑๑
พุทธอุทานคาถา (ว.ิ มหา. ข.ุ อุทาน.)
ยะทา หะเว ปาตุภะวันติ ธมั มา อาตาปโน ฌายโต พรฺ าหมฺ ะณสั สะ
อะกัสสะ กงั ขา วะปะยันติ สพั พา ยะโต ปะชานาติ สะเหตธุ มั มัง.
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏแกพราหมณผูมีความเพียรเพงอยู เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวง
ของพราหมณน ้นั ยอ มส้ินไป เพราะมารูแจง ธรรมพรอ มท้งั เหตุ
ยะทา หะเว ปาตภุ ะวันติ ธมั มา อาตาปโน ฌายโต พรฺ าหมฺ ะณสั สะ
อะถสั สะ กังขา วะปะยนั ติ สพั พา ยะโต ขะยัง ปจจะยานงั อะเวทิ.
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฎแกพราหมณผูมีความเพียรเพงอยู เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวง
ของพราหมณน้นั ยอมสิน้ ไป เพราะไดรคู วามสนิ้ ไปแหง ปจจัยทง้ั หลาย.
ยะทา หะเว ปาตภุ ะวนั ติ ธมั มา อาตาปโ น ฌายโต พรฺ าหฺมะณัสสะ
วิธูปะยัง ติฏฐะติ มาระเสนัง สโู รวะ โอภาสะยะมนั ตะลิกขันต.ิ
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏแกพราหมณผูมีความเพียรเพงอยู พราหมณนั้น ยอมกําจัดมาร
และเสนาเสียได ดจุ พระอาทิตยอุทัยกาํ จัดมดื ทาํ อากาศใหสวา ง ฉะนั้น.
ปจ ฉิมพุทโธวาทปาฐะ
คาํ แสดงโอวาทคร้งั สุดทา ยของพระพุทธเจา
หันทะทานิ ภิกขะเว อามนั ตะยามิ โว
ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย บดั น้ี เราขอเตือนทา นทง้ั หลายวา
วะยะธัมมา สงั ขารา
สงั ขารทงั้ หลาย มีความเสื่อมไปเปน ธรรมดา
อปั ปะมาเทนะ สมั ปาเทถะ
ทา นท้งั หลาย จงทาํ ความไมป ระมาทใหถงึ พรอมเถิด
อะยงั ตะถาคะตัสสะ ปจฉมิ า วาจา (มหาปรินิพพานสูตร ท.ี มหา.)
น้เี ปนวาจามใี นครง้ั สุดทา ยของพระตถาคต.
สถาบันวปิ สสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๑๒
รตนสุตตงั
ปะณิธานะโต ปฏฐายะ ตะถาคะตัสสะ ทะสะ ปาระมิโย
ทะสะ อุปะปาระมิโย ทะสะ ปะระมัตถะปาระมโิ ยติ
สะมะติงสะ ปาระมิโย ปูเรตวา ปญจะ มะหาปะรจิ จาเค
ตสิ โส จะริยา ปจ ฉมิ ัพภะเว คพั ภาวกั กนั ติง
ชาติง อะภนิ กิ ขะมะนงั ปะธานะจะริยงั โพธิปลลังเก
มาระวชิ ะยัง สัพพญั ุตะญาณปั ปะฏเิ วธัง
ธัมมะจักกปั ปะวตั ตะนัง นะวะ โลกตุ ตะระธมั เมติ
สพั เพปเม พุทธะคุเณ อาวัชชิตวฺ า เวสาลยิ า
ตสิ ุ ปาการันตะเรสุ ติยามะรัตติง ปะรติ ตัง กะโรนโต
อายสั ฺมา อานนั ทตั เถโร วิยะ การุญญะจติ ตัง อุปฏฐะเปตฺวา
เราทั้งหลาย จงตั้งจิตอันประกอบไปดวยความกรุณาในสัตวทั้งหลาย ดุจดังทานพระอานนทเถระผูมี
อายุรําพึงถึงพระพุทธคุณท้ังหลาย แมทั้งปวงของพระตถาคตเจา จาํ เดิมแตทรงปรารถนาพระพุทธภมู ิเปนตน
มา ทรงยงั พระบารมี ๓๐ ถวน ใหบ รบิ ูรณ คือ บารมี ๑๐ อปุ บารมี ๑๐ ปรมตั ถบารมี ๑๐ มหาบรจิ าค ๕ จรยิ า
๓ เสดจ็ ลงสูคพั โภทร ในภพอนั มใี นทส่ี ุด ประสตู ิแลว เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ บาํ เพญ็ ความเพียร ทรงชำนะ
มาร แทงตลอดพระสพั พัญุตญาณ ในโลกุตตรมรรม ๙ ณ โพธบิ ัลลังก ดังนี้ แลว กระทาํ พระปริตร ตลอดราตรี
ทัง้ ๓ ยาม ภายในกาํ แพง ๓ ชนั้ ในเมอื งเวสาลี.
โกฏสิ ะตะสะหสั เสสุ จักกะวาเฬสุ เทวะตา
ยสั สาณัม ปะฏคิ คัณหันติ ยญั จะ เวสาลียัมปุเร
โรคามะนสุ สะทุพภิกขะ สมั ภูตนั ตวิ ิธมั ภะยัง
ขปิ ปะมันตะระธาเปสิ ปะริตตนั ตัมภะณามะ เห ฯ
เทวดาทั้งหลายในแสนโกฏิจักรวาล ยอมรับเอาซ่ึงอาชญา แหงพระปริตรอันใด อนึ่งพระปริตรอันใด
ยังภัย ๓ ประการ อนั เกิดจากโรค เกดิ จากอมนษุ ยและเกดิ จากขาวยาก หมากแพง ในเมอื งเวสาลี ใหอ นั ตรธาน
ไปโดยเร็วพลัน เราท้งั หลาย จงสวดพระปรติ รเปน เครื่องปองกนั ภยั อนั น้ัน เทอญ.
ยานธี ะ ภตู านิ สะมาคะตานิ รตนสุตตัง (รัตนสูตร)
ภุมมานิ วา ยานิ วะ อนั ตะลกิ เข
สพั เพวะ ภูตา สมุ ะนา ภะวันตุ อะโถป สกั กจั จะ สณุ ันตุ ภาสติ งั .
หมูเทวดาเหลาใด อยูบนภาคพื้นดิน หรือเหลาใดอยูในภาคพื้นอากาศ มาประชุมกันแลวในที่นี้
ขอหมเู ทวดาท้ังหมดนัน้ จงมใี จดี และจงฟง สภุ าษิตโดยเคารพ ขอทานทง้ั หมดจงต้ังใจฟง
ตัสมฺ า หิ ภตู า นสิ าเมถะ สพั เพ เมตตัง กะโรถะ มานสุ ิยา ปะชายะ
ทิวา จะ รัตโต จะ หะรนั ติ เย พะลิง ตสั ฺมา หิ เน รักขะถะ อัปปะมตั ตา.
จงแผเมตตาไปในหมูประชาที่เปนมนุษย มนุษยเหลา ใด ยอมนําพลีกรรม คือ ทําบุญ อุทิศสวนกุศลไปให
ทานทั้งหลาย ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะเหตุนั้น ทานทั้งหลาย จงอยาประมาท จงชวยรักษามนุษย
เหลา น้นั ดว ยเถดิ .
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๑๓
ยงั กิญจิ วติ ตงั อิธะ วา หรุ ัง วา สคั เคสุ วา ยัง ระตะนัง ปะณีดัง
นะ โน สะมงั อตั ถิ ตะถาคะเตนะ อทิ ัมป พุทเธ ระตะนงั ปะณตี งั
เอเตนะ สจั เจนะ สุวตั ถิ โหตุ ฯ
ทรัพยเครื่องปลื้มใจอยางใดอยางหนึ่ง ในโลกนี้หรือในโลกอื่น หรือรัตนใด อันประณีต ในสวรรค
ทรัพยเครื่องปลื้มใจและรัตนะนั้น ที่เสมอดวยพระตถาคตไมมีเลย แมอันนี้เปน รัตนะอันประณีตใน
พระพทุ ธเจา ดว ยคาํ สัตยน้ี ขอความสวัสดจี งม.ี
ชะยัง วริ าคงั อะมะตงั ปะณตี งั ยะทัชฌะคา สกั ยฺ ะมุนี สะมาหิโต
นะ เตนะ ธัมเมนะ สะมัตถิ กญิ จิ อิทมั ป ธัมเม ระตะนัง ปะณตี ัง
เอเตนะ สจั เจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
พระศากยมุนี มีพระหฤทัยตั้งมั่น ทรงบรรลุธรรมใด เปนที่สิ้นกิเลส ปราศจาก ราคะ เปนอมตธรรมอัน
ประณีต สิ่งไร ๆ ที่เสมอดวยธรรมนัน้ ไมมี แมอนั น้ีเปน รัตนะอัน ประณีตในพระธรรม. ดวยคําสัตยนี้ ขอความ
สวัสดีจงม.ี
ยมั พทุ ธะเสฏโฐ ปะริวัณณะยี สจุ ิง สะมาธมิ านนั ตะรกิ ัญญะมาหุ
สะมาธนิ า เตนะ สะโม นะ วิชชะติ อทิ มั ป ธัมเม ระตะนัง ปะณตี ัง
เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ตั ถิ โหตุ ฯ
พระพุทธเจาผูประเสริฐสุด ทรงสรรเสรญิ สมาธิอันใดวา เปนธรรมอันสะอาด ปราชญท้ังหลายกลาว
สมาธิอันใดวา ใหผลโดยลําดับ สมาธิอื่นที่เสมอดวยสมาธิอันนั้น ไมมี แมอันนี้เปนรัตนะ อันประณีตใน
พระธรรม ดวยคาํ สัตยน ี้ ขอความสวสั ดจี งม.ี
เย ปุคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสตั ถา จตั ตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนติ
เต ทกั ขเิ ณยยา สุคะตสั สะ สาวะกา เอเตสุ ทนิ นานิ มะหปั ผะลานิ
อทิ มั ป สงั เฆ ระตะนงั ปะณีตงั เอเตนะ สัจเจนะ สุวตั ถิ โหตุ ฯ
บุคคลเหลาใด ๘ จําพวก ๔ คู อันสัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญแลว บุคคลเหลา นั้น เปนสาวกของพระ
สุคต ควรแกทักษิณาทาน ทานทั้งหลายที่เขาถวายในบุคคลเหลานั้น ยอมมีผลมาก แมอันนี้เปนรัตนะ
อนั ประณีตในพระสงฆ. ดวยคาํ สตั ยนี้ ขอความสวสั ดีจงมี.
เย สปุ ปะยตุ ตา มะนะสา ทัฬฺเหนะ นิกกามโิ น โคตะมะสาสะนมั หิ
เต ปตตปิ ต ตา อะมะตงั วคิ ยั ฺหะ ลัทธา มุธา นพิ พตุ ิง ภญุ ชะมานา
อิทัมป สังเฆ ระตะนงั ปะณตี ัง เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ัตถิ โหตุ ฯ
พระอริยบุคคลเหลาใด ในศาสนาของพระพุทธโคดม ประกอบดวยความเพียร ดีแลว มีใจมั่นคง
ปราศจากความอาลัย พระอรยิ บคุ คลเหลานั้น ถงึ พระอรหัตตที่ควรถึง หยั่งเขา สูพระนิพพาน ไดความดับกิเลส
เอง เสวยผลอยู แมอ นั นเี้ ปน รตั นะอันประณตี ใน พระสงฆ. ดว ยคาํ สัตยนี้ ขอความสวสั ดีจงมี.
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๑๔
ยะถินทะขีโล ปะฐะวงิ สิโต สยิ า จะตพุ ภิ วาเตกิ อะสัมปะกัมปโย
ตะกปู ะมงั สัปปรุ ิสัง วะทามิ โย อะรยิ ะสัจจานิ อะเวจจะ ปส สะติ
อิทมั ป สงั เฆ ระตะนงั ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ัตถิ โหตุ ฯ
เสาเขื่อนที่ฝงลงดินอยางมัน่ คงแลว ไมหวั่นไหวเพราะลมทั้ง ๔ ทิศ ฉนั ใด ผูใด พิจารณาเห็นอริยสัจจ
ทั้งหลาย เราเรียกผูนั้นวา สัตบุรุษ ผูไมหวั่นไหวเพราะโลกธรรม แมอันนี้เปนรัตนะอันประณีตในพระสงฆ.
ดว ยคาํ สตั ยนี้ ขอความสวสั ดจี งม.ี
เย อะริยะสจั จานิ วภิ าวะยนั ติ คัมภรี ะปญเญนะ สุเทสติ านิ
กิญจาป เต โหนติ ภสุ ัปปะมตั ตา นะ เต ภะวัง อฏั ฐะมะมาทิยนั ติ
อทิ มั ป สังเฆ ระตะนงั ปะณีตงั เอเตนะ สจั เจนะ สวุ ัตถิ โหตฯุ
พระโสดาบันจําพวกใด ทําใหแจงอริยสัจจ ที่พระศาสดาผูมีปญญาลึกซึ้งทรงแสดง ดีแลว ถึงแมวา
พระโสดาบันจําพวกน้นั จะเปนผูประมาทอยางแรงกลา ทานก็ไมถือเอาภพที่ ๘ แมอนั นี้เปน รัตนะอันประณตี
ในพระสงฆ. ดว ยคาํ สัตยน ้ี ขอความสวัสดีจงม.ี
สะหาวสั สะ ทัสสะนะสัมปะทายะ ตะยสั สุ ธัมมา ชะหิตา ภะวนั ติ
สกั กายะทฏิ ฐิ วจิ ิกจิ ฉิตัญจะ สีลัพพะตัง วาป ยะทตั ถิ กญิ จิ
จะตูหะปาเยหิ จะ วปิ ปะมุตโต ฉะ จาภิฐานานิ อะภพั โพ กาตงุ
อทิ มั ป สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
สักกายทิฏฐิ วิจกิ ิจฉา และสีลัพพตปรามาส อยา งใดอยางหนึง่ มีอยู สังโยชนธ รรม เหลานัน้ ยอมเปน
อนั พระโสดาบันละไดแลว พรอ มกับทสั สนสัมปทา คอื โสดาปต ติมรรค ทเี ดียว อนง่ึ พระโสดาบนั เปนผูพนแลว
จากอบายทงั้ ๔ ไมอาจทจ่ี ะทาํ อภฐิ าน ๕ คอื อนนั ตรยิ กรรม ๕ กับการเขารีต ๑ แมอ ันนี้เปนรัตนะอันประณีต
ในพระสงฆ. ดว ยคําสตั ยน ี้ ขอความสวัสดจี งมี.
กญิ จาป โส กมั มงั กะโรติ ปาปะกงั กาเยนะ วาจายทุ ะ เจตะสา วา
อะภัพโพ โส ตัสสะ ปะฏจิ ฉะทายะ อะภัพพะตา ทฏิ ฐะปะทัสสะ วตุ ตา
อทิ มั ป สงั เฆ ระตะนงั ปะณีตงั เอเตนะ สจั เจนะ สวุ ัตถิ โหตุ ฯ
ถึงแมวาพระโสดาบันน้ัน ยังทําบาปกรรมทางกาย วาจา หรือใจไปบาง เพราะความ ประมาท ทานไม
อาจจะปกปดบาปกรรมน้นั ได พระผูมีพระภาคเจายอมตรัสความที่พระโสดาบัน ผูเห็นบทคือพระนิพพานแลว
ไมอ าจปกปดบาปกรรมน้นั ไว แมอนั น้เี ปนรัตนะอนั ประณีตในพระสงฆ. ดว ยคําสตั ยน ี้ ขอความสวัสดีจงม.ี
วะนปั ปะคมุ เพ ยะถา ผุสสติ ัคเค คิมหานะมาเส ปะฐะมัสมฺ งิ คมิ เห
ตะถปู ะมงั ธมั มะวะรัง อะเทสะยิ นิพพานะคามงิ ปะระมัง หิตายะ
อิทมั ป พทุ เธ ระตะนัง ปะณตี ัง เอเตนะ สจั เจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
พุม ไมง ามในปา ท่ยี อดมดี อกบานสะพร่งั ในตน เดอื นคิมหะแหงฤดคู ิมหันต ฉันใด พระผูมีพระภาคเจา
ไดท รงแสดงธรรมอนั ประเสรฐิ เปน เคร่ืองใหถึงพระนพิ พาน เพือ่ ประโยชน อยางยิ่งแกสัตวท งั้ หลาย ก็อุปมาฉนั
นน้ั แมอ ันนีเ้ ปน รัตนะอันประณีตในพระพทุ ธเจา ดว ยคําสตั ยน้ี ขอความสวสั ดีจงมี.
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๑๕
วะโร วะรัญู วะระโท วะราหะโร อะนุตตะโร ธมั มะวะรัง อะเทสะยิ
อทิ ัมป พทุ เธ ระตะนงั ปะณีตัง เอเตนะ สจั เจนะ สวุ ตั ถิ โหตุ ฯ
พระพุทธเจาผูประเสริฐ ทรงรูธรรมอันประเสริฐ ทรงประทานธรรมอันประเสริฐ ทรงนํามาซึ่งธรรม
อันประเสริฐ ไมมีผูอื่นยิ่งไปกวา ไดทรงแสดงธรรมอันประเสริฐ แมอันนี้ เปนรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจา .
ดวยคําสตั ยน้ี ขอความสวัสดีจงม.ี
ขณี ัง ปรุ าณัง นะวัง นัตถิ สมั ภะวัง วริ ตั ตะจิตตายะตเิ ก ภะวสั มฺ ิง
เต ขีณะพชี า อะวริ ฬุ ฺหฉิ นั ทา นพิ พนั ติ ธีรา ยะถายมั ปะทโี ป
อิทมั ป สังเฆ ระตะนงั ปะณตี ัง เอเตนะ สจั เจนะ สุวตั ถิ โหตุ ฯ
กรรมเกาของพระอริยบุคคลเหลาใด สิ้นไปแลว กรรมสมภพใหมยอมไมมี พระอริยบุคคลเหลาใด
มีจิตอันหนายแลวในภพตอไป พระอริยบุคคลเหลานั้น มีพืชสิ้นไปแลว มีความพอใจอันงอกไมไดแลว
เปนผูมีปญญา ยอมปรนิ พิ พานดับสนิท เหมือนประทีปดวงนี้ ฉะนัน้ แมอันนี้เปนรัตนะอันประณีตในพระสงฆ.
ดวยคําสตั ยน้ี ขอความสวสั ดีจงมี. คร้ันจบพระปริตรแลว ทาวสกั กเทวราชไดตรสั เสรมิ เปน คาถาวาดงั นี้
ยานธี ะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิ วะ อันตะลกิ เข
ตะถาคะตงั เทวะมะนุสสะ ปชู ิตงั พุทธงั นะมสั สามะ สวุ ัตถิ โหตุ ฯ
หมูเทวดาเหลาใดอยูบนภาคพื้นดิน หรือเหลาไดอยูในภาคพื้นอากาศ มาประชุม กันแลวในที่นี้
จงพรอ มใจกันนอบนอมพระพทุ ธเจา ผเู สดจ็ ไปแลวอยางงาม อนั เทวดา และมนุษยบูชาแลว ขอความสวสั ดีจงมี.
ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิ วะ อันตะลกิ เข
ตะถาคะตงั เทวะมะนุสสะ ปูชติ ัง ธัมมัง นะมสั สามะ สวุ ัตถิ โหตุ ฯ
หมูเทวดาเหลาใดอยูบนภาคพื้นดิน หรือเหลาใดอยูในภาคพื้นอากาศ มาประชุม กันแลวในที่น้ี
จงพรอ มใจกนั นอบนอมพระธรรมอนั เปน ไปแลว อยางงาม อนั เทวดา และมนุษยบชู าแลว ขอความสวัสดจี งมี.
ยานธี ะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิ วะ อันตะลกิ เข
ตะถาคะตงั เทวะมะนสุ สะ ปชู ิตัง สังฆัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
หมูเทวดาเหลาใดอยูบนภาคพื้นดิน หรือเหลาใดอยูในภาคพื้นอากาศ มาประชุม กันแลวในที่น้ี
จงพรอ มใจกนั นอบนอมพระสงฆผ ดู าํ เนนิ ไปแลว อยางงาม อนั เทวดา และมนษุ ยบ ชู าแลว ขอความสวัสดจี งมี
(ข.ุ ขทุ ก. ขุ. สตุ ต.)
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๑๖
วินยปฎเก มหาวคคฺ ปาลยิ า ปฐมภาเค
พระวินยั ปฎก มหาวรรค ภาค ๑
มหาขนธฺ โก
มหาขันธกะ
อุรุเวลปาฏหิ ารยิ กถา
เร่ืองอุรเุ วลปาฏหิ าริย
[๓๗] อถโข ภควา อนปุ ุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน อุรุเวลา ตทวสร.ิ
[๓๗] คร้งั นนั้ พระผูม พี ระภาคเสดจ็ จารกิ โดยลำดบั ถึงตำบลอรุ เุ วลาแลว.
เตน โข ปน สมเยน อรุ เุ วลายํ ตโย ชฎลิ า ปฎวิ สนตฺ ิ อุรเุ วลกสสฺ โป นทีกสฺสโป คยากสสฺ โปต.ิ
กโ็ ดย สมยั น้นั แล ชฎิล ๓ คน คือ อุรเุ วลกัสสป ๑ นทีกสั สป ๑ คยากัสสป ๑ อาศยั อยูในตำบลอุรุเวลา.
เตสุ อรุ ุเวลกสฺสโป ชฎโิ ล ปฺจนนฺ ํ ชฎิลสตานํ นายโก โหติ วนิ ายโก อคฺโค ปมุโข ปาโมกฺโข.
บรรดาชฎิล ๓ คนนั้น ชฎิลชื่ออุรุเวลกัสสป เปนผูนำ เปนผูฝกสอน เปนผูเลิศ เปนหัวหนา
เปนประธานของชฎิล ๕๐๐ คน.
นทกี สฺสโป ชฎิโล ติณณฺ ํ ชฎลิ สตานํ นายโก โหติ วินายโก อคฺโค ปมโุ ข ปาโมกโฺ ข.
ชฎิลช่ือนทีกสั สป เปน ผูน ำ เปน ผูฝก สอน เปน ผเู ลิศ เปนหัวหนา เปน ประธานของชฎลิ ๓๐๐ คน.
คยากสฺสโป ชฎิโล ทวฺ ินนฺ ํ ชฎลิ สตานํ นายโก โหติ วนิ ายโก อคฺโค ปมโุ ข ปาโมกฺโข.
ชฎิลช่ือคยากสั สป เปน ผนู ำ เปน ผูฝกสอน เปนผเู ลิศ เปนหวั หนา เปนประธานของชฎิล ๒๐๐ คน.
อถโข ภควา เยน อรุ ุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ อุปสงกฺ มิตวฺ า อุรุเวลกสฺสป ชฎิลํ
เอตทโวจ “สเจ เต กสฺสป อครุ วเสยฺยาม เอกรตตฺ ึ อคยฺ าคาเรติ.
ครั้งนั้น พระผูมีพระภาคไดเสด็จเขาไปสูอาศรมของชฎิลชื่ออุรุเวลกัสสป แลวไดตรัสกะชฎิลช่ือ
อรุ ุเวลกัสสป วา ดกู รกัสสป ถา ทานไมห นักใจ เราขออาศัยอยใู นโรงบูชาเพลงิ สกั คนื หน่ึง.
“น โข เม มหาสมณ ครุ อปจ โข จณฺเฑตถฺ นาคราชา อทิ ฺธมิ า อาสวี ิโส โฆรวโิ ส โส ตํ มา วิเหเฐสตี .ิ
อรุ .ุ ขา แตม หาสมณะ ขาพเจา ไมห นกั ใจเลย แตในโรงบชู าเพลงิ น้นั มพี ญานาคดรุ ายมีฤทธิ์ เปนอสรพิษ
มพี ิษรายแรง อยา เลย มันจะทำใหท านลำบาก.
ทุติยมปฺ โข ภควา อรุ ุเวลกสสฺ ป ชฎิลํ เอตทโวจ สเจ เต กสฺสป อครุ วเสยยฺ าม เอกรตตฺ ึ อคฺยาคาเรติ.
แมครั้งที่สอง พระผูมีพระภาคไดตรัสแกชฎิลชื่ออุรุเวลกัสสปวา ดูกรกัสสป ถาทานไมหนักใจ
เราขออาศยั อยใู นโรงบูชาเพลงิ สกั คนื หนึ่ง.
“น โข เม มหาสมณ ครุ อปจ โข จณเฺ ฑตถฺ นาคราชา อิทฺธมิ า อาสีวโิ ส โฆรวโิ ส โส ตํ มา วิเหเฐสีต.ิ
อรุ .ุ ขาแตม หาสมณะ ขา พเจา ไมห นักใจเลย แตในโรงบูชาเพลิงนน้ั มพี ญานาคดุรายมีฤทธ์ิ เปนอสรพิษ
มพี ษิ รา ยแรง อยา เลย มันจะทำใหท านลำบาก.
สถาบันวปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๑๗
ตติยมปฺ โข ภควา อรุ เุ วลกสฺสป ชฎลิ ํ เอตทโวจ สเจ เต กสฺสป อครุ วเสยยฺ าม เอกรตฺตึ อคฺยาคาเรติ.
แมครั้งที่สาม พระผูมีพระภาคไดต รัสแกชฎิลชื่ออุรเุ วลกัสสปวา ดูกรกัสสป ถาทานไมหนักใจ เราขอ
อาศยั อยูใ นโรงบชู าเพลิงสักคืนหนงึ่ .
“น โข เม มหาสมณ ครุ อปจ โข จณฺเฑตถฺ นาคราชา อทิ ธฺ มิ า อาสีวโิ ส โฆรวโิ ส โส ตํ มา วิเหเฐสตี ิ.
อรุ .ุ ขาแตม หาสมณะ ขาพเจา ไมหนักใจเลย แตใ นโรงบูชาเพลิงน้ันมีพญานาคดรุ ายมีฤทธ์ิ เปนอสรพิษ
มีพษิ รายแรง อยา เลย มนั จะทำใหท านลำบาก
“อปฺเปว มํ น วเิ หเฐยยฺ องิ ฆฺ ตฺวํ กสสฺ ป อนุชานาหิ อคฺยาคารนฺต.ิ
ภ. ลางที พญานาคจะไมท ำใหเ ราลำบาก ดกู รกสั สป เอาเถดิ ขอททา นจงอนุญาตโรงบชู าเพลงิ .
“วิหร มหาสมณ ยถาสขุ นฺต.ิ
อรุ ุ. ขา แตม หาสมณะ เชญิ ทา นอยูตามสบายเถิด.
อถโข ภควา อคฺยาคารํ ปวิสิตฺวา ติณสนฺถรกํ ปฺญาเปตฺวา นิสีทิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ
ปณธิ าย ปริมุขํ สตึ อปุ ฐเปตฺวา.
ครั้งนั้น พระผูมีพระภาคเสด็จเขาไปสูโรงบูชาเพลิง แลวทรงปูหญา เครื่องลาดประทับนั่งคูบัลลังก
ตงั้ พระกายตรง ดำรงพระสติมั่น.
[๓๘] อถโข โส นาโค อททฺ ส ภควนตฺ ํ ปวิ ฐํ ทิสฺวาน ทุกฺขี ทมุ ฺมโน ปธปู าสิ
[๓๘] คร้งั นัน้ พญานาคนั้นไดเ หน็ พระผมู พี ระภาคเสด็จเขาไปดงั น้นั ครนั้ แลว มคี วามข้ึงเคียด ไมพ อใจ
จงึ บงั หวนควันขึน้ .
ปาฏิหาริยที่ ๑
อถโข ภควโต เอตทโหสิ “ยนฺนูนาหํ อิมสสฺ นาคสฺส อนปุ หจฺจ ฉวิจฺ จมฺมฺจ มํสฺจ นฺหารฺุจ
อฏฐิมิ ชฺ ฺจ เตชสา เตชํ ปริยาเทยยฺ นฺติ.
ลำดับนั้น พระผูม ีพระภาคไดทรงดำริวา ไฉนหนอ เราพึงครอบงำเดชของพญานาคนีด้ วยเดช ของตน
ไมกระทบกระทง่ั ผิวหนัง เนอ้ื เอน็ กระดูก และเยื่อในกระดกู ดังน.้ี
อถโข ภควา ตถารปู อิทธฺ าภสิ งฺธารํ อภสิ งขฺ รติ ฺวา ปธูปาสิ.
แลวทรงบนั ดาลอิทธาภสิ งั ขารเชน นั้น ทรงบงั หวนควนั แลว.
อถโข โส นาโค มกขฺ ํ อสหนโฺ ต ปชฺชล.ิ
พญานาคน้ันทนความลบหลูไมไ ด จงึ พนไฟสใู นทนั ท.ี
ภควา เตโชธาตํุ สมาปชชฺ ิตฺวา ปชฺชล.ิ
แมพ ระผูม พี ระภาคกท็ รงเขา กสณิ สมาบัตมิ ีเตโชธาตุเปนอารมณ บนั ดาลไฟตานทานไว.
อุภนิ ฺนํ สโฺ ชติภูตานํ อคฺยาคารํ อาทติ ฺตํ วยิ โหติ สมฺปชฺชลิตํ สโฺ ชติภูต.ํ
เมือ่ ทั้งสองฝา ยโพลงไฟขนึ้ โรงบูชาเพลงิ รงุ โรจน เปน เปลวเพลงิ ดุจไฟลกุ ไหมท ว่ั ไป.
สถาบนั วิปสสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๑๘
อถโข เต ชฎิลา อคยฺ าคารํ ปริวาเรตฺวา เอวมาหํสุ อภริ ูโป วต โภ มหาสมโณ นาเคน วเิ หฐยิ ตตี ิ.
จึงชฎิลพวกนั้นพากันลอมโรงบูชาเพลิง แลวกลาวอยางนี้วา ชาวเรา พระมหาสมณะรูปงาม คงถูก
พญานาคเบยี ดเบียนแน.
อถโข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ตสฺส นาคสฺส อนุปหจฺจ ฉวิฺจ จมฺมฺจ มํสฺจ นฺหารุ ฺจ
อฐิฺจ อฐิมิฺชจฺ เตชสา เตชํ ปริยาทยิตฺวา ปตฺเต ปกฺขปิ ตวฺ า อุรเุ วลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส ทสเฺ สสิ อยนฺ
เต กสสฺ ป นาโค ปริยาทนิ ฺโน อสสฺ เตชสา เตโชติ.
ตอมา พระผูมีพระภาคไดทรงครอบงำเดชของพญานาคนั้น ดวยเดชของพระองค ไมก ระทบกระท่ัง
ผิวหนัง เนื้อ เอ็น กระดูก และเยื่อในกระดูก ทรงขดพญานาคไวในบาตร โดยผานราตรีน้ัน แลวทรงแสดงแก
ชฎิลอุรุเวลกัสสปดวย พระพุทธดำรัสวา ดูกรกัสสป นีพ่ ญานาคของทาน เราครอบงำ เดชของมันดวยเดชของ
เราแลว
อถโข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ “มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว ยตฺร หิ นาม
จณฺฑสฺส นาคราชสฺส อิทธฺ ิมโต อาสวี ิสสสฺ โฆรวสิ สฺส เตชสา เตชํ ปริยาทยิสฺสติ น เตวฺ ว จ โข อรหา ยถา
อหนตฺ .ิ
จึงชฎิลอุรุเวลกัสสปไดดำริวา พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท จึงครอบงำเดชของ
พญานาคที่ดุราย มีฤทธิ์ เปนอสรพิษ มีพิษรายแรง ดวยเดชของตนได แตพระมหาสมณะนี้ ก็ไมเปน
พระอรหันตเ หมอื นเราแน
[๓๙] เนรฺชราย ภควา อุรุเวลกัสฺสป ชฎิลมโวจ “สเจ เต กสฺสป อครุ วิหเรมุ อชฺชุโณฺห อคฺคิ
สรณมหฺ ีติ
[๓๙] ที่แมน้ำเนรัญชรา พระผูมีพระภาคไดตรัสกะชฎิลอุรุเวลกัสสปวาดังนี้ ดูกรกัสสป ถาทานไม
หนกั ใจ เราขออาศยั อยูในโรงบชู าเพลงิ สักวันหนึ่ง.
“น โข เม มหาสมณ ครุ ผาสกุ าโม จ ตํ นิวาเรมิ จณเฺ ฑตฺถ นาคราชา อทิ ฺธิมา อาสีวโิ ส โฆรวโิ ส โส
ตํ วเหเฐสีต.ิ
อุรุ. ขาแตมหาสมณะ ขาพเจาไมหนักใจเลย แตขาพเจาหวังความสำราญจึงหามทานวา ในโรงบูชา
เพลิงน้นั มีพญานาคดุราย มฤี ทธ์ิ เปน อสรพิษ มพี ษิ รา ยแรง อยา เลย มันจะทำใหท านลำบาก.
“อปเฺ ปว มํ น วเิ หเฐยฺย อิงฺฆ ตฺวํ กสสฺ ป อนชุ านาหิ อคฺยาคารนิติ.
ภ. ลางที พญานาคนัน้ จะไมทำใหเ ราลำบาก ดูกรกัสสป เอาเถิด ทา นจงอนญุ าตโรงบชู าเพลงิ .
“ทนิ ฺนนตฺ ิ นํ วิทิตวฺ า อภโี ต ปาวิสิ ภยมตีโต.
พระผูมีพระภาคทรงทราบอุรุเวลกัสสปนั้นวา อนุญาตใหแลว ไมทรงครั่นครามปราศจาก ความกลัว
เสด็จเขา ไป.
ทสิ วฺ า อสิ ึ ปวิ ฐ ํ อหนิ าโค ทุมฺมโน ปธปู าสิ.
พญานาคเหน็ พระผมู พี ระภาคผแู สวงคุณความดี เสดจ็ เขาไปแลว ไมพ อใจ จงึ บังหวนควันข้นึ .
สถาบนั วิปสสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๑๙
สุมนมานโส น วิมโน มนสุ สฺ นาโคป ตตถฺ ปธูปาส.ิ
สว นพระพุทธเจา ผูเปนมนษุ ยประเสริฐ มีพระทยั ดี มีพระทัยไมขดั เคือง ทรงบังหวนควนั ขึ้น ในทีน่ ั้น.
มกขฺ จฺ อสหมาโน อหนิ าโค ปาวโกว ปชฺชล.ิ
แตพ ญานาคทนความลบหลูไมไ ด จึงพนไฟส.ู
เตโชธาตุกสุ โล มนุสสฺ นาโคป ตตถฺ ปชชฺ ล.ิ
สว นพระพุทธเจา ผูเปน มนษุ ยป ระเสริฐ ทรงฉลาดในกสณิ สมาบตั มิ เี ตโชธาตเุ ปน อารมณ ไดท รงบนั ดาล
ไฟตา นทานไวใ นทนี่ ้นั .
อภุ ินฺนํ สโฺ ชติภตู านํ อคยฺ าคารํ อุทิจจฺ เร.
เมื่อทั้งสองฝา ยโพลงไฟขึ้นแลว โรงบชู าเพลิงรุงโรจนเ ปน เปลวเพลิง.
ชฎิลา “อภริ ูโป วต โภ มหาสมโณ นาเคน วิเหฐยิ ตตี ิ ภณนตฺ .ิ
พวกชฎลิ กลาวกนั วา ชาวเรา พระสมณะรูปงามคงถกู พญานาคเบยี ดเบียนแน.
อถ รตตฺ ยิ า อจจฺ เยน อหินาคสสฺ อจฺจิโย น โหนตฺ .ิ
ครน้ั ราตรีผานไป เปลวไฟของพญานาคไมป รากฏ.
อทิ ฺธมิ โต ปน ฐติ า อเนกวณฺณา อจฺจโิ ย โหนฺต.ิ
แตเปลวไฟสีตาง ๆ ของพระผูมีพระภาคผทู รงฤทธ์ิ ยังสถิตอยู.
นลี า อถ โลหติ กา มเฺ ชฐา ปตกา ผลิกวณณฺ าโย องฺคริ สสฺส กาเย อเนกวณฺณา อจฺจิโย โหนตฺ ิ.
พระรัศมีตาง ๆ คือสีเขยี ว สีแดง สีหงสบาท สีเหลอื ง สีแกว ผลึก ปรากฏท่ีพระกายพระอังครี ส.
ปตฺตมฺหิ โอทหิตฺวา อหินาคํ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสสิ อยํ เต กสฺสป นาโค ปริยาทินฺโน อสฺส เตชสา
เตโชติ
พระพุทธองคทรงขดพญานาคไวในบาตรแลว ทรงแสดงแกพราหมณวา ดูกรกัสสป นี่พญานาค
ของทาน เราครอบงำเดชของมันดว ยเดชของเราแลว .
อถโข อรุ เุ วลกสสฺ โป ชฎิโล ภควโต อมิ ินา อิทฺธปิ าฏหิ าริเยน อภปิ ปฺ สนโฺ น ภควนฺตํ เอตทโวจ “อเิ ธว
มหาสมณ วิหร อหนฺเต ธุวภตเฺ ตนาติ.
ครั้งนั้น ชฎิลอุรุเวลกัสสป เลื่อมใสยิ่งนัก เพราะอิทธิปาฏิหารยนี้ของพระผูมีพระภาค ไดทูลคำน้ี
ตอ พระผูม พี ระภาควา ขาแตมหาสมณะ นมิ นตอยใู นที่น้แี หละ ขา พเจาจกั บำรุงทานดวยภตั ตาหารประจำ.
ปฐมํ ปาฏิหาริยํ
ปาฏิหารยิ ท ี่ ๑ จบ
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๒๐
ปาฏิหารยิ ที่ ๒
[๔๐] อถโข ภควา อรุ ุเวลกสฺสปสสฺ ชฎลิ สฺส อสสฺ มสสฺ อวิทูเร อฺญตรสฺมึวนสณเฺ ฑ วิหาส.ิ
[๔๐] ครั้งนั้น พระผูมีพระภาคประทับอยู ณ ไพรสณฑแหงหนึ่ง ไมไกลจากอาศรมของชฎิล
อรุ เุ วลกสั สป.
อถโข จตฺตาโร มหาราชา อภิกฺกนตฺ าย รตตฺ ิยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺป วนสณฺฑํ โอภาเสตวฺ า
เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา จตุทฺทิสา อฐํสุ เสยฺยถาป มหนฺตา
อคฺคกิ ฺขนธฺ า.
คร้ังนน้ั ทา วมหาราชทั้ง ๔ เมอื่ ราตรีปฐมยามผานไปแลว เปลงรัศมีงาม ยงั ไพรสณฑท ้งั สิ้นใหสวางไสว
แลวเขาไปเฝาพระผูม ีพระภาค ครั้นถึงแลวจึงถวายบังคมพระผูมีพระภาค ไดยืนเฝาอยูทั้ง ๔ ทิศ ดุจกองไฟ
ใหญฉ ะนัน้ .
อถโข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ
เอตทโวจ “กาโล มหาสมณ นิฐิตํ ภตฺตํ เก นุ โข เต มหาสมณ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา
เกวลกปฺป วนสณฺฑํ โอภาเสตฺวา เยน ตวํ เตนุปสงฺกมึสุ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา จตุทฺทิสา อฐํสุ
เสยยฺ ถาป มหนฺตา อคคฺ ิกขฺ นธฺ าติ.
ตอ มาชฎิลอุรเุ วลกัสสป เขา ไปเฝาพระผูมีพระภาคโดยผานราตรนี ั้น คร้นั ถึงแลว ไดท ูลคำน้ตี อพระผูมี
พระภาควา ถึงเวลาแลว มหาสมณะ ภตั ตาหารเสรจ็ แลว พวกนั้นคอื ใครกันหนอ เมอ่ื ราตรปี ฐมยามผานไปแลว
มีรศั มีงาม ยังไพรสณฑท้ังสิ้นใหสวางไสว เขาไปหาทาน ครั้นถึงแลวอภิวาททา น ไดยืนอยูทั้ง ๔ ทิศ ดุจกองไฟ
ใหญฉะนั้น?
“เอเต โข กสฺสป จตฺตาโร มหาราชาโน เยนาหํ เตนปุ สงฺกมึสุ ธมฺมสสฺ วนายาต.ิ
พระผมู ีพระภาคตรัสตอบวา ดกู รกสั สป พวกนน้ั คอื ทาวมหาราชท้ัง ๔ เขา มาหาเราเพ่อื ฟงธรรม.
อถโข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ มหิทฺธิโก โข “มหาสมโณ มหานุภาโว ยตฺร หิ นาม
จตตฺ าโรป มหาราชาโน อปุ สงกฺ มสิ สฺ นตฺ ิ ธมมฺ สสฺ วนาย น เตวฺ ว จ โข อรหา ยถา อหนฺต.ิ
ครั้งนั้น ชฎิลอุรุเวลกัสสปไดมีความดำริวา พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท ถึงกับ
ทา วมหาราชท้ัง ๔ เขามาหาเพอื่ ฟง ธรรม แตก ไ็ มเปน พระอรหันตเหมอื นเราแน.
อถโข ภควา อรุ ุเวลกสสฺ ปสฺส ชฎลิ สฺส ภตตฺ ํ ภฺุชิตฺวา ตสฺมึเยว วนสณเฺ ฑ วหิ าสิ.
ครง้ั น้ัน พระผูมีพระภาคเสวยภตั ตาหารของชฎิลอรุ เุ วลกสั สป แลวประทบั อยูใ นไพรสณฑ ตำบลน้ันแล.
ทตุ ิยํ ปาฏิหารยิ ํ.
ปาฏหิ าริยที่ ๒ จบ
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๒๑
ปาฏิหาริยท ี่ ๓
[๔๑] อถโข สกฺโก เทวานมินฺโท อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺป วนสณฺฑํ
โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฐาสิ เสยฺยถาป
มหาอคคฺ กิ ฺขนโฺ ธ ปุรมิ าหิ วณณฺ นภิ าหิ อภกิ ฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จ.
[๔๑] ครัง้ นั้น ทาวสักกะจอมทวยเทพ เมื่อราตรีปฐมยามลวงไปแลว เปลงรัศมีงาม ยังไพรสณฑทั้งสน้ิ
ใหสวางไสว เขา ไปเฝาพระผูม ีพระภาค ครั้นถึงแลวจึงถวายบังคมพระผูมีพระภาค ไดประทับยืนอยู ณ ท่ีควร
สว นขางหน่งึ ดจุ กองไฟใหญ งามแลประณีตกวารศั มีแตก อน.
อถโข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมติ ฺวา ภควนฺตํ
เอตทโวจ “กาโล โข มหาสมณ นิฺตํ ภตฺตํ โก นุ โข โส มหาสมณ อภิกฺกนตฺ าย รตฺติยา อภิกกฺ นฺตวณฺโณ
เกวลกปฺป วนสณฑํ โอภาเสตฺวา เยน ตวํ เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฐาสิ
เสยฺยถาป มหาอคฺคกิ ขฺ นโฺ ธ ปรุ ิมาหิ วณฺณนภิ าหิ อภิกกฺ นุตตโร จ ปณตี ตโร จาต.ิ
ตอ มา ชฎิลอรุ เุ วลกสั สปเขาไปเฝา พระผมู ีพระภาคโดยผานราตรีน้ัน คร้นั ถงึ แลว ได ทูลคำนตี้ อ พระผูมี
พระภาควา ถงึ เวลาแลว มหาสมณะ ภัตตาหารเสร็จแลว ผูน้ันคอื ใครกันหนอ เมื่อราตรปี ฐมยาม ผานไปแลว
เปลงรศั มงี าม ยงั ไพรสณฑท ั้งสนิ้ ใหส วา งไสว เขา มาหาทา น ครั้นถงึ แลว อภวิ าททาน ไดยนื อยู ณ ทคี่ วรสวนขาง
หนง่ึ ดจุ กองไฟใหญ งามและประณตี กวา รศั มีแตกอน?
เอโส โข กสฺสป สกฺโก เทวานมินโฺ ท เยนาหํ เตนปุ สงกฺ มิ ธมฺมสสฺ วนายาติ.
พระผมู พี ระภาคตรสั ตอบวา ดกู รกสั สป ผนู ้นั คือทา วสักกะ จอมทวยเทพเขามาหาเราเพือ่ ฟงธรรม.
อถโข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ “มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว ยตฺร หิ นาม
สกฺโกป เทวานมนิ โฺ ท อุปสงกฺ มสิ สฺ ติ ธมฺมสฺสวนาย น เตวฺ ว จ โข อรหา ยถา อหนฺต.ิ
ครั้งนั้น ชฎิลอุรุเวลกัสสปไดมีความดำริวา พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท ถึงกับ
ทา วสกั กะจอมทวยเทพเขา มาหาเพือ่ ฟงธรรม แตก ไ็ มเ ปน พระอรหนั ตเ หมือนเราแน.
อถโข ภควา อรุ ุเวลกสฺสปสฺส ชฎลิ สฺส ภตตฺ ํ ภฺุชติ ฺวา ตสฺมเึ ยว วนสณเฺ ฑ วหิ าส.ิ
ครง้ั นั้น พระผูมพี ระภาคเสวยภตั ตาหารของชฎลิ อรุ เุ วลกสั สป แลว ประทับอยูใน ไพรสณฑ ตำบลน้ันแล.
ตติยํ ปาฏหิ ารยิ ํ.
ปาฏิหารยิ ท ่ี ๓ จบ
ปาฏหิ าริยท ี่ ๔
[๔๒] อถโข พฺรหมฺ า สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปปฺ วนสณฺฑํ โอภาเสตฺ
วา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ อปุ สงกฺ มิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏิฐาสิ เสยฺยถาป มหาอคฺคิกฺขนฺโธ
ปุรมิ าหิ วณฺณนิภาหิ อภิกกฺ นฺตโร จ ปณีตตโร จ.
[๔๒] ครั้งนั้น ทาวสหัมบดีพรหม เมื่อราตรีปฐมยามลวงไปแลว เปลงรัศมีงาม ยังไพรสณฑทั้งสิ้น
ใหสวา งไสว เขาไปเฝาพระผูมีพระภาค ครั้นถึงแลวจึงถวายบังคมพระผูมีพระภาค ไดยืนอยู ณ ที่ควรสวน
ขางหน่งึ ดจุ กองไฟใหญ งามและประณตี กวารศั มแี ตกอ น.
สถาบันวปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๒๒
อถโข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมติ ฺวา ภควนฺตํ
เอตทโวจ “กาโล มหาสมณ นิฐิตํ ภตฺตํ โก นุ โข โส มหาสมณ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ
เกวลกปฺป วนสณฺฑํ โอภาเสตฺวา เยน ตวํ เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฐาสิ
เสยยฺ ถาป มหาอคคฺ กิ ขฺ นฺโธ ปรุ ิมาหิ วณฺณนภิ าหิ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณตี ตโร จาต.ิ
ครั้นลวงราตรีนั้น ชฏลิ อุรเุ วลกัสสป ไดเขาไปเฝาพระผูมีพระภาค คร้ันถงึ แลวไดทูลคำนี้ตอ พระผูมี
พระภาควา ถงึ เวลาแลว มหาสมณะ ภตั ตาหารเสร็จแลว ผูน้ันคอื ใครกันหนอ เมื่อราตรปี ฐมยาม ผานไปแลว
เปลงรัศมีงาม ยังไพรสณฑทั้งสิ้นใหสวางไสว เขามาหาทาน ครั้นถึงแลวอภิวาททาน ไดยืนอยู ณ ที่ควรสวน
ขา งหนงึ่ ดจุ กองไฟใหญ งามและประณตี กวารศั มีแตก อ น?
“เอโส โข กสสฺ ป พรฺ หฺมา สหมฺปติ เยนาหํ เตนุปสงกฺ มิ ธมมฺ สฺสวนายาติ.
พระผูมีพระภาคตรัสตอบวา ดกู รกสั สป ผูน้นั คอื ทา วสหัมพรหมเขามาหาเราเพ่อื ฟงธรรม.
อถโข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ “มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว ยตฺร หิ นาม
พฺรหมฺ า สหมปฺ ติ อุปสงกฺ มิสสฺ ติ ธมมฺ สฺสวนาย น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อหนฺติ.
ครั้งน้ัน ชฎิลอุรเุ วลกสั สปไดดำริวา พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท ถึงกับทาวสหัมบดี
พรหมเขามาหาเพือ่ ฟง ธรรม แตก ไ็ มเ ปน พระอรหนั ตเหมอื นเราแน.
อถโข ภควา อรุ ุเวลกสฺสปสฺส ชฎลิ สสฺ ภตตฺ ํ ภุ ชฺ ติ ฺวา ตสมึเยว วนสณฺเฑ วิหาสิ.
ครงั้ นั้น พระผมู ีพระภาคเสวยภัตตาหารของชฎิลอรุ ุเวลกสั สปแลว ประทับอยใู นไพรสณฑ ตำบลนนั้ แล.
จตตุ ถฺ ํ ปาฏิหารยิ ํ.
ปาฏหิ ารยิ ที่ ๔ จบ
ปาฏหิ ารยิ ท่ี ๕
[๔๓] เตน โข ปน สมเยน อุรเุ วลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส มหายฺโญ ปจฺจปุ ฏฐิ ิโต โหต.ิ
[๔๓] กโ็ ดยสมัยนนั้ แล ชฎิลอุรุเวลกสั สปไดเ ตรียมการบูชายัญเปนการใหญ.
เกวลกปปฺ า จ องฺคมคธา ปหตู ํ ขาทนียํ โภชนยี ํ อาทาย อภกิ ฺกมติ กุ ามา โหนต.ิ
และประชาชนชาวอังคะและมคธทง้ั สิ้น ถือของเคีย้ วของบรโิ ภคเปน อนั มาก บา ยหนา มุงไปหา.
อถโข อุรุเวลกสสฺ ปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ “เอตรหิ โข เม มหายฺโญ ปจฺจปฐิโต เกวลกปฺปา จ
องฺคมคธา ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย อภิกฺกมิสฺสนฺติ สเจ มหาสมโณ มหาชนกาเย อิทฺธิปาฏิหาริยํ
กริสฺสติ มหาสมณสฺส ลาภสกฺกาโร อภิวฑฺฒิสฺสติ มม ลาภสกฺกาโร ปริหายิสฺสติ อโห นูน มหาสมโณ
สฺวาตนายนาคจฺเฉยฺยาต.ิ
จึงชฎิลอุรุเวลกัสสปไดดำริวา บัดนี้ เราไดเตรียมการบูชายัญเปนการใหญและประชาชน ชาวอังคะ
และมคธทั้งสิ้น ไดนำของเคี้ยวของบริโภคเปนอันมากบายหนามุงมาหา ถาพระมหาสมณะ จักทำ
อิทธิปาฏิหาริยในหมูมหาชน ลาภสักการะจักเจริญยิ่งแกพระมหาสมณะ ลาภลักการะของเราจักเสื่อม
โอ ทำไฉน วนั พรงุ น้ี พระมหาสมณะจึงจะไมมาฉัน.
สถาบันวปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๒๓
อถโข ภควา อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เจตสา เจโตปริวตกฺกมฺญาย อุตฺตรกุรุํ คนฺตฺวา ตโต
ปณฑฺ ปาตํ อาหริตวฺ า อโนตตตฺ ทเห ปรภิ ุ ชฺ ิตวฺ า ตตฺเถว ทิวาวหิ ารํ อกาสิ.
ครั้งนน้ั พระผูมพี ระภาคทรงทราบความปรวิ ิตกแหงจิตของชฎิลอุรเุ วลกัสสปดว ยพระทยั แลว เสด็จไป
อุตตรกุรุทวีป ทรงนำบิณฑบาตมาจากอุตตรกุรุทวีปนั้น แลวเสวยที่ริมสระอโนดาต ประทับกลางวันอยู
ณ ท่ีนน่ั แหละ.
อถโข อุรุเวลกัสฺสโป ชฎิโล ตสฺสา รตฺติยา อจจฺ เยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ
เอตทโวจะ “กาโล มหาสมณ นิฐิตํ ภตฺตํ กึ นุ โข มหาสมณ หิยฺโย นาคมาสิ อปย มยํ สราม กึ นุ โข
มหาสมโณ นาคจฺฉตตี ิ ขาทนยี สสฺ จ เต ปฏิวโิ ส ฐปโ ตต.ิ
ครัน้ ลว งราตรนี น้ั ชฎลิ อุรุเวลกัสสปไดเขา ไปเฝาพระผูมีพระภาค ครัน้ ถงึ แลว ไดทูลคำนี้ตอพระผูมีพระ
ภาควา ถงึ เวลาแลว มหาสมณะ ภตั ตาหารเสร็จแลว เพราะเหตุไรหนอ วานนี้ทา นจงึ ไมม า เปน ความจริง พวก
ขา พเจา ระลึกถึงทา นวา เพราะเหตุไรหนอ พระมหาสมณะจึงไมมา แตส วนหน่ึง ขาทนียาหาร ขาพเจาไดจัดไว
เพื่อทาน.
นนุ เต กสฺสป เอตทโหสิ “เอตรหิ โข เม มหายฺโญ ปจจฺปฐโิ ต เกวลกปฺปา จ องฺคมคธา ปหูตํ
ขาทนยี ํ โภชนยี ํ อาทาย อภิกฺกมสิ สฺ นฺติ สเจ มหาสมโณ มหาชนกาเย อทิ ธฺ ิปาฏหิ ารยิ ํ กริสฺสติ มหาสมณสฺส
ลาภสกฺกาโร อภวิ ฑฺฒิสฺสติ มม ลาภสกฺกาโร ปริหายิสฺสติ อโห นูน มหาสมโณ สฺวาตนาย นาคจฺเฉยฺยาติ
“โส โข อหํ กสฺสป ตว เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺญาย อุตฺตรกุรุํ คนฺตฺวา ตโต ปณฺฑปาตํ อาหริตฺวา
อโนตตตฺ ทเห ปรภิ ุ ชฺ ติ วฺ า ตตเฺ ถว ทวิ าวิหารํ อกาสนิ ฺต.ิ
พระผมู พี ระภาคตรัสยอนถามวา ดกู รกสั สป ทา นไดดำรอิ ยางน้ีมิใชหรือวา บัดน้ี เราไดเตรียมการบชู า
ยัญเปน การใหญ และประชาชนชาวองั คะและมคธทั้งสิ้นไดน ำของเค้ียวและของบรโิ ภคเปน อนั มากบายหนามุง
มาหา ถาพระมหาสมณะจักทำอิทธิปาฏิหาริย ในหมูมหาชน ลาภสักการะจักเจริญยิ่งแกพระมหาสมณะ
ลาภสักการะของเราจักเสื่อม โอ ทำไฉน วันพรุงน้ี พระมหาสมณะจึงจะไมมาฉัน ดูกรกสั สป เรานั้นแลทราบ
ความปริวิตกแหงจิตของทานดวยใจของเรา จึงไปอุตตรกุรุทวีป นำบิณฑบาตมาจากอุตตรกุรุทวีปนั้น มาฉัน
ที่ริมสระอโนดาตแลว ไดพักกลางวันอยู ณ ทนี่ ั้นแหละ.
อถโข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ “มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว ยตฺร หิ นาม
เจตสาป จติ ฺตํ ปชานิสสฺ ติ น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อหนฺต.ิ
ทีนั้น ชฎลิ อรุ ุเวลกัสสปไดด ำรวิ า พระมหาสมณะมฤี ทธม์ิ าก มอี านภุ าพมากแท จงึ ไดท ราบความคดิ นึก
แมดว ยใจได แตก็ไมเปน พระอรหันตเ หมือนเราแน.
อถโข ภควา อรุ ุเวลกสฺสปสสฺ ชฎลิ สฺส ภตตฺ ํ ภุชฺ ติ ฺวา ตสฺมึเยว วนสณเฺ ฑวหิ าส.ิ
คร้งั น้ัน พระผมู ีพระภาคเสวยภตั ตาหารของชฎลิ อรุ ุเวลกสั สป แลว ประทบั อยู ณ ไพรสณฑ ตำบลน้นั แล.
ปจฺ มํ ปาฏหิ าริย.ํ
ปาฏิหาริยท ี่ ๕ จบ
สถาบนั วปิ สสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๒๔
ผา บงั สุกุล
[๔๔] เตน โข ปน สมเยน ภควโต ปสุกลู ํ อุปปฺ นนฺ ํ โหต.ิ
[๔๔] กโ็ ดยสมัยนนั้ ผา บังสกุ ลุ บังเกิดแกพ ระผูม ีพระภาค.
อถโข สกฺโก เทวานมินฺโท ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺญาย ปาณินา โปกฺขรณึ ขนิตฺวา
ภควนตฺ ํ เอตทโวจ “อธิ ภนฺเต ภควา ปส ุกลู ํ โธวตูต.ิ
ลำดับนั้น ทาวสักกะจอมทวยเทพ ทรงทราบพระดำริ ในพระทัยของพระผูม ีพระภาค ดวยพระทัย
ของพระองค จึงขุดสระโบกขรณีดวยพระหัตถแลว ไดทูลพระผูมีพระภาควา พระพุทธเจาขา ขอพระผูมี
พระภาค โปรดซกั ผา บงั สุกลุ ในสระน.ี้
อถโข ภควโต เอตทโหสิ “กมิ หฺ ิ นุ โข อหํ ปส กุ ลู ํ ปรมิ ทเฺ ทยฺยนตฺ .ิ
ที่นัน้ พระผูมพี ระภาคไดท รงพระดำริวา เราจะพึงขยำผาบังสกุ ุล ณ ท่ไี หนหนอ.
อถโข สกฺโก เทวานมินฺโท ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺญาย มหตึ สิลํ อุปนิกฺขปิ “อิธ ภนฺเต
ภควา ปสุกลู ํ ปรมิ ทฺทตูต.ิ
ลำดับนั้น ทาวสักกะ จอมทวยเทพ ทรงทราบพระดำริในพระทัยของพระผูมีพระภาค ดวยพระทัย
ของพระองคแลว ไดย กศิลาแผนใหญมาวางพลางทูลวา พระพุทธเจาขา ขอพระผูมีพระภาคโปรดทรงขยำ
ผา บังสุกุล บนศิลาแผน น้.ี
อถโข ภควโต เอตทโหสิ “กิมฺหิ นุ โข อหํ อาลมฺพิตวฺ า อุตตฺ เรยฺยนตฺ ิ.
ลำดบั นั้น พระผมู ีพระภาคไดทรงดำริวา เราจะพงึ พาดผาบังสุกลุ ไว ณ ท่ไี หนหนอ.
อถโข กกุเธ อธิวตฺถา เทวตา ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺญาย สาขํ โอนาเมสิ “อิธ ภนฺเต
ภควา อาลมพฺ ติ ฺวา อตุ ตฺ รตูต.ิ
ครง้ั น้นั เทพยดาท่ีสงิ สถติ อยูทีต่ นกุมบก ทราบพระดำริในพระหทยั ของพระผูมีพระภาคดวยใจของตน
จงึ นอมก่งิ กุมลงมา พลางกราบทลู วา พระพทุ ธเจาขา ขอพระผมู ีพระภาค โปรดทรงพาดผาบังสกุ ุลไว ทก่ี ง่ิ กมุ นี้.
อถโข ภควโต เอตทโหสิ “กิมฺหิ นุ โข อหํ ปสกุ ลู ํ วิสสฺ ชเฺ ชยฺยนตฺ .ิ
คร้งั น้นั พระผูมีพระภาคไดทรงดำริวา เราจะผ่งึ ผา บงั สุกุล ณ ที่ไหนหนอ.
อถโข สกฺโก เทวานมินฺโท ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺญาย มหตึ สิลํ อุปนิกฺขปิ “อิธ ภนฺเต
ภควา ปส ุกลู ํ วิสฺสชเฺ ชตูติ.
ครั้งนั้น ทาวสักกะจอมทวยเทพ ทรงทราบพระดำริในพระหทัยของพระผูมีพระภาค ดวยพระทัย
ของพระองคแลว ไดย กแผนศลิ าใหญมาวางไว พลางกราบทลู วา พระพุทธเจา ขาขอพระผูมีพระภาคโปรดทรง
ผง่ึ ผาบังสกุ ุลบนศลิ าแผนน้.ี
อถโข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมติ ฺวา ภควนฺตํ
เอตทโวจ “กาโล มหาสมณ นิฐิตํ ภตฺตํ กึ นุ โข มหาสมณ นายํ ปุพเฺ พ อิธ โปกฺขรณี สายํ อิธ โปกฺขรณี
นยมิ า สิลา ปพุ ฺเพ อุปนกิ ฺขติ ฺตา เกนมิ า สลิ า อุปนกิ ขฺ ติ ตฺ า นยิมสฺส กกุธสสฺ ปพุ เฺ พ สาขา โอนตา สายํ สาขา
โอนตาต.ิ
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๒๕
หลังจากนั้น ชฎลิ อุรเุ วลกัสสปเขาไปเฝาพระผูมีพระภาคโดยลวงราตรีนั้น ครั้นถึงแลว ไดทูลคำนี้ตอ
พระผูมีพระภาควา ถึงเวลาแลว มหาสมณะ ภัตตาหารเสร็จแลว เพราะเหตุไรหนอ มหาสมณะ เมือ่ กอนสระนี้
ไมม ที ่นี ี้ เดีย๋ วนี้มสี ระอยูที่นี้ เมอื่ กอนศลิ าเหลาน้ีไมม วี างอยู ใครยกศิลาเหลานี้มาวางไว เม่ือกอนกิ่งกุมบกตนนี้
ไมนอมลง เดีย๋ วนีก้ ิง่ นั้นนอมลง?
“อิธ เม กสฺสป ปสุกูลํ อุปฺปนฺนํ อโหสิ ตสฺส มยฺหํ กสฺสป เอตทโหสิ “กตฺถ นุ โข อหํ ปสุกูลํ
โธเวยฺยนฺติ อถโข กสฺสป สกฺโก เทวานมินโฺ ท มม เจตสา เจโตปรวิ ิตกฺกมฺญาย ปาณนิ า โปกฺขรณึ ขนิตวฺ า
มํ เอตทโวจ “อธิ ภนเฺ ต ภควา ปสกุ ลู ํ โธวตูติ อมนสุ เฺ สน ปาณินา ขนิตา โปกขฺ รณี
พระผูมีพระภาคตรัสตอบวา ดูกรกัสสป ผาบังสุกุลบังเกิดแกเรา ณ ที่นี้ เรานั้นไดดำริวา จะพึงซัก
ผาบังสุกุล ณ ที่ไหนหนอ ครั้งน้ัน ทาวสักกะจอมทวยเทพ ทรงทราบความดำริในจิตของเราดว ยพระทัยของ
พระองคแลว จงึ ขุดสระโบกขรณดี วยพระหัตถ แลวตรัสบอกแกเ ราวา พระพทุ ธเจา ขา ขอพระผมู พี ระภาคโปรด
ทรงซกั ผาบงั สกุ ุลในสระนี้ สระนอี้ นั ผูมใิ ชม นุษย ไดขุดแลวดว ยมือ
ตสฺส มยฺหํ กสฺสป เอตทโหสิ “กิมหฺ ิ นุ โข อหํ ปสกุ ลู ํ ปริมทฺเทยฺยนตฺ ิ
ดกู รกสั สป เราน้นั ไดด ำริวา จะพงึ ขยำผา บงั สกุ ลุ ณ ทีไ่ หนหนอ
อถโข กสสฺ ป สกฺโก เทวานมนิ ฺโท มม เจตสา เจโตปริวติ กกฺ มญฺ าย มหตึ สลิ ํ อปุ นิกขฺ ปิ “อธิ ภนฺเต
ภควา ปส กุ ูลํ ปริมททฺ ตูติ สายํ อมนสุ ฺเสน นิกขฺ ติ ตฺ า สลิ า
ครั้งน้ัน ทาวสักกะจอมทวยเทพ ทราบความดำรใิ นจิตของเราดวยพระทยั ของพระองคแ ลว ไดทรงยก
ศิลาแผนใหญมาวางไว โดยทูลวา พระพุทธเจาขา ขอพระผูมีพระภาค โปรดทรงขยำผาบังสุกุลบนศิลาแผนนี้
ศิลาแผน น้ีอนั ผูมใิ ชม นุษยไ ดยกมาวางไว
ตสฺส มยฺหํ กสฺสป เอตทโหสิ “กิมฺหิ นุ โข อหํ อาลมฺพิตฺวา อุตฺตเรยฺยนฺติ อถโข กสฺสป กกุเธ
อธิวตฺถา เทวตา มม เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺญาย สาขํ โอนาเมสิ “อิธ ภนฺเต ภควา อาลมฺพิตฺวา อุตฺตระตูติ
สฺวายํ อาหรหตโฺ ถ กกโุ ธ
ดูกรกัสสป เรานั้นไดดำริวา จะพึงพาดผาบังสุกุล ณ ที่ไหนหนอ ครั้งนั้น เทพยดาที่สิงสถิตอยูท่ีตน
กมุ บก ทราบความดำริในจิตของเราดว ยใจของตนแลว จงึ นอมก่งิ กุมลงมา โดยทูลวา พระพุทธเจาขา ขอพระผู
มีพระภาค โปรดทรงพาดผา บงั สุกุลไวบนกิง่ กุมนี้ ตน กมุ บกน้นี น้ั ประหนึง่ จะกราบทูลวา ขอพระองคจงทรงนำ
พระหตั ถมาแลว นอมลง
ตสฺส มยฺหํ กสฺสป เอตทโหสิ “กิมฺหิ นุ โข อหํ ปสุกูลํ วิสฺสชฺเชยฺยนฺติ อถโข กสฺสป สกฺโก
เทวานมินฺโท มม เจตสา เจโตปริวติ กฺกมฺญาย มหตึ สิลํ อุปนิกฺขปิ “อิธ ภนฺเต ภควา ปสุกูลํ วิสฺสชฺเชตูติ
สายํ อมนสุ เฺ สน นิกขฺ ิตฺตา สิลาติ.
ดูกรกัสสป เรานั้นไดดำริวา จะพึงผึ่งผาบังสุกุล ณ ที่ไหนหนอ ครั้งนั้น ทาวสักกะ จอมทวยเทพ
ทรงทราบความดำริแหงจิตของเราดวยพระทัยของพระองคแลว ไดยกศิลา แผนใหญมาวางไว โดยทูลวา
พระพทุ ธเจา ขอพระผมู พี ระภาคโปรดทรงผง่ึ ผาบังสกุ ลุ บนศลิ าแผน น้ี ศลิ าแผน นี้อนั ผูมิใชม นษุ ย ไดยกมาวางไว.
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๒๖
อถโข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ “มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว ยตฺร หิ นาม
สกโฺ ก เทวานมนิ โฺ ท เวยฺยาวจจฺ ํ กรสิ สฺ ติ น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อหนฺต.ิ
ครั้งนั้น ชฎิลอุรุเวลกสั สปไดดำริวา พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท ถึงกับทาวสักกะ
จอมทวยเทพไดทำการชว ยเหลือ แตกไ็ มเ ปนพระอรหนั ตเ หมือนเราแน.
อถโข ภควา อรุ เุ วลกสฺสปสสฺ ชฏลิ สสฺ ภตตฺ ํ ภุชฺ ิตฺวา ตสฺมึเยว วนสณเฺ ฑ วหิ าส.ิ
คร้งั น้ัน พระผูมพี ระภาคเสวยภัตตาหารของชฎิลอรุ เุ วลกัสสป แลว ประทับอยูในไพรสณฑ ตำบลนั้นแล
ผา บังสุกลุ จบ.
ปาฏหิ าริยเกบ็ ผลหวา เปนตน
[๔๕] อถโข อุรุเวลกสั ฺสโป ชฏิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา
ภควโต กาลํ อาโรเจสิ “กาโล มหาสมณ นิฐติ ํ ภตตฺ นตฺ .ิ
[๔๕] ครนั้ ลวงราตรนี น้ั ไป ชฎิลอุรเุ วลกัสสปเขาไปเฝาพระผูมีพระภาค ครนั้ แลว จงึ กราบทูล ภัตตกาล
แดพระผมู พี ระภาควา ถงึ เวลาแลว มหาสมณะ ภตั ตาหารเสรจ็ แลว .
“คจฉฺ ตวฺ ํ กสสฺ ป อายามหนฺต.ิ
พระผมู ีพระภาคตรสั วา ดูกรกัสสป ทา นไปเถดิ เราจะตามไป.
อุรุเวลกสฺสป ชฏิลํ อุยฺโยเชตฺวา ยาย ชมฺพุยา ชมฺพุทีโป ปฺญายติ ตโต ผลํ คเหตฺวา ปฐมตรํ
อาคนฺตฺวา อคยฺ าคาเร นสิ ีทิ.
พระผูมีพระภาคทรงสงชฎิลอุรุเวลกัสสปไปแลว ทรงเก็บผลหวาจากตนหวาประจำชมพูทวีป แลว
เสดจ็ มาประทบั นัง่ ในโรงบูชาเพลิงกอ น.
อทฺทสา โข อุรุเวลกสสฺ โป ชฏิโล ภควนฺตํ อคฺยาคาเร นิสินฺนํ ทสิ ฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ “กตเมน
ตวฺ ํ มหาสมณ มคเฺ คน อาคโต อหํ ตยา ปฐมตรํ ปกกฺ นโฺ ต โส ตฺวํ ปฐมตรํ อาคนตฺ ฺวา อคยฺ าคาเร นสิ ินฺโนต.ิ
ชฎลิ อุรุเวลกัสสปไดเหน็ พระผมู ีพระภาคประทับนั่งในโรงบูชาเพลิงแลว ไดท ลู คำนต้ี อพระผูมีพระภาค
วา ขาแตมหาสมณะ ทานมาทางไหน ขา พเจา กลับมากอนทาน แตทา นยงั มานั่งในโรงบูชาเพลงิ กอ น?
“อิธาหํ กสฺสป ตํ อุยฺโยเชตฺวา ยาย ชมฺพุยา ชมฺพุทีโป ปฺญายติ ตโต ผลํ คเหตฺวา ปฐมตรํ
อาคนตฺ วฺ า อคฺยาคาเร นสิ ินฺโน อิทํ โข กสฺสป ชมฺพผุ ลํ วณฺณ สมฺปนนฺ ํ คนธฺ สมปฺ นฺนํ รสสมฺปนนฺ ํ สเจ อากงฺขสิ
ปรภิ ุ ชฺ าติ.
ภ. ดูกรกสั สป เราสง ทา นไปแลว ไดเ ก็บผลหวา จากตนหวา ประจำชมพูทวปี แลว มานัง่ ในโรงบูชาเพลงิ
น้กี อน ดูกรกัสสป ผลหวา นแ้ี ล สมบูรณดว ยสี กลน่ิ รส ถา ทานตองการเชิญบริโภคเถิด.
“อลํ มหาสมณ ตวฺ ํเยเวตํ อาหรสิ ตฺวเํ ยเวตํ ปรภิ ุชฺ าติ.
อรุ ุ. อยา เลย มหาสมณะ ทา นน่ันแหละเกบ็ ผลไมน ีม้ า ทานนนั่ แหละ จงฉนั ผลไมน ้เี ถดิ .
สถาบันวปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๒๗
อถโข อุรุเวลกสสฺ ปสฺส ชฏิลสฺส เอตทโหสิ “มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว ยตฺร หิ นาม มํ
ปฐมตรํ อุยฺโยเชตวฺ า ยาย ชมฺพุยา ชมฺพุทีโป ปญฺ ายติ ตโต ผลํ คเหตฺวา ปฐมตรํ อาคนฺตวฺ า อคฺยาคาเร
นิสีทสิ สฺ ติ น เตวฺ ว จ โข อรหา ยถา อหนตฺ ิ.
ลำดับนัน้ ชฎลิ อุรเุ วลกัสสปไดม คี วามดำริวา พระมหาสมณะมีฤทธิม์ าก มีอานุภาพมากแท เพราะสง
เรามากอนแลว ยังเก็บผลหวาจากตนหวาประจำชมพูทวีปแลว มานั่งในโรงบูชาเพลิงกอน แตก็ไมเปนพระ
อรหันตเ หมือนเราแน.
อถโข ภควา อรุ เุ วลกสสฺ ปสฺส ชฏลิ สฺส ภตตฺ ํ ภุ ฺชิตฺวา ตสฺมึเยว วนสณเฺ ฑวหิ าส.ิ
ครงั้ นน้ั พระผูมพี ระภาคเสวยภตั ตาหารของชฎิลอรุ เุ วลกัสสปแลว ประทับอยใู นไพรสณฑตำบล นัน้ แล.
อถโข อรุ ุเวลกสฺสปสฺส ชฏโิ ล ตสสฺ า รตฺติยา อจจฺ เยน เยน ภควา เตนุปสงกฺ มิ อปุ สงกฺ มติ ฺวา ภควโต
กาลํ อาโรเจสิ “กาโล มหาสมณ นิ ฐ ิตํ ภตฺตนฺต.ิ
ครั้นลวงราตรีนั้นไป ชฎิลอุรุเวลกัสสปไปเฝาพระผูมีพระภาค ครั้นแลว จึงทูลภัตตกาล แดพระผูมี
พระภาควา ถึงเวลาแลว มหาสมณะ ภัตตาหารเสร็จแลว.
“คจฺฉ ตวฺ ํ กสฺสป อายามหนฺติ อุรุเวลกสฺสป ชฏิลํ อุยฺโยเชตวฺ า ยาย ชมฺพุยา ชมพฺ ุทีโป ปญฺ ายติ
ตสฺสา อวิทูเร อมฺโพ ฯเปฯ ตสฺสา อวิทูเร อามลกี ฯเปฯ ตสฺสา อวิทูเร หรีตกี ฯเปฯ ตาวตึสํ คนฺตฺวา
ปาริจฺฉตตฺ กปปุ ฺผํ คเหตฺวา ปฐมตรํ อาคนตฺ วฺ า อคยฺ าคาเร นสิ ที ิ.
พระผูมีพระภาคทรงสงชฎิลอุรุเวลกัสสปไปดวยพระดำรัสวา ดูกรกัสสป ทานไปเถิด เราจักตามไป
แลวทรงเกบ็ ผลมะมวง ... ผลมะขามปอ ม ... ผลสมอ ในทีไ่ มไกลตนหวา ประจำชมพูทวีปน้ัน ... เสด็จไปสูภพ
ดาวดึงส ทรงเกบ็ ดอกปาริฉตั ตกะ แลว มาประทบั น่ังในโรงบชู าเพลงิ กอ น.
อทฺทสา โข อรุ ุเวลกสฺสโป ชฏิโล ภควนฺตํ อคฺยาคาเร นิสินฺนํ ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ “กตเมน
ตฺวํ มหาสมณ มคฺเคน อาคโต อหํ ตยา ปฐมตรํ ปกกฺ นโฺ ต โส ตฺวํ ปฐมตรํ อาคนตฺ วฺ า อคยฺ าคาเร นิสนิ ฺโนต.ิ
ชฎิลอุรุเวลกัสสปไดเห็นพระผูมีพระภาคประทับนั่งในโรงบูชาเพลิง ครั้นแลวไดทูลคำนี้ตอพระผูมี
พระภาควา ขาแตมหาสมณะ ทา นมาทางไหน ขาพเจากลับมากอ นทาน แตท านยงั มาน่งั ในโรงบชู าเพลิงกอ น?
“อิธาหํ กสฺสป ตํ อุยฺโยเชตฺวา ตาวตึสํ คนฺตฺวา ปาริจฺฉตฺตกปุปฺผํ คเหตฺวา ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา
อคฺยาคาเร นสิ ินโฺ น อทิ ํ โข กสฺสป ปารจิ ฺฉตฺตกปุปฺผํ วณณฺ สมปฺ นนฺ ํ คนฺธสมฺปนฺนนฺต.ิ
พระผูมีพระภาคตรัสตอบวา ดูกรกสั สป เราสงทานแลวไดไปสูภพดาวดึงส เก็บดอกปาริฉัตตกะแลว
มานั่งในโรงบชู าเพลงิ กอน ดกู รกสั สป ดอกปาริฉตั ตกะนี้แล สมบรู ณด วยสีและกลนิ่ .
อถโข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฏิลสฺส เอตทโหสิ “มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว ยตฺร หิ นาม มํ
ปฐมตรํ อุยฺโยเชตฺวา ตาวตึสํ คนฺตฺวา ปาริจฺฉตฺตกปุปฺผํ คเหตฺวา ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา อคฺยาคาเร นิสีทิสฺสติ
น เตวฺ ว จ โข อรหา ยถา อหนตฺ ิ.
ครง้ั นน้ั ชฎลิ อรุ เุ วลกสั สปไดมคี วามดำรวิ า พระมหาสมณะมีฤทธ์ิมาก มอี านภุ าพมากแท เพราะสงเรา
มากอนแลวยังไปสูภพดาวดึงส เก็บดอกปาริฉัตตกะแลว มานั่งในโรงบูชาเพลิงกอน แตก็ไมเปนพระอรหนั ต
เหมือนเราแน.
สถาบนั วปิ สสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๒๘
ปาฏิหาริยผา ฟน
[๔๖] เตน โข ปน สมเยน เต ชฏิลา อคฺคี ปริจริตกุ ามา น สกโฺ กนตฺ ิ กฐ านิ ผาเลตุํ.
[๔๖] ก็โดยสมัยน้ันแล ชฎิลเหลานัน้ ปรารถนาจะบำเรอไฟ แตไ มอาจจะผาฟนได.
อถโข เตสํ ชฏลิ านํ เอตทโหสิ “นิสสฺ ํสยํ โข มหาสมณสฺส อทิ ธฺ านภุ าโว ยถา มยํ น สกฺโกม กฐานิ
ผาเลตุนตฺ ิ.
จึงชฎิลเหลานั้นไดมีความดำริตองกันวา ขอที่พวกเราไมอาจผาฝนไดนั้น คงเปนอิทธานุภาพของ
พระมหาสมณะ ไมต อ งสงสัยเลย.
อถโข ภควา อรุ เุ วลกสสฺ ป ชฏิลํ เอตทโวจ “ผาลิยนตฺ ุ กสฺสป กฐ านีต.ิ
ครัง้ น้นั พระผูมพี ระภาคไดตรัสกะชฎลิ อุรุเวลกสั สปวา ดกู รกสั สป พวกชฎลิ จงผาฟน เถดิ .
“ผาลิยนฺตุ มหาสมณาติ.
ชฎลิ อรุ เุ วลกัสสป รับพระพทุ ธดำรัสวา ขาแตม หาสมณะ พวกชฏลิ จงผา ฟนกัน.
สกิเทว ปฺจ กฐสตานิ ผาลยิ สึ .ุ
ชฏิลท้ังหลายไดผ า ฟน ๕๐๐ ทอ นคราวเดียวเทานน้ั .
อถโข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฏิลสฺส เอตทโหสิ “มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว ยตฺร หิ นาม
กฐานปิ ผาลยิ ิสฺสนตฺ ิ น เตวฺ ว จ โข อรหา ยถา อหนตฺ .ิ
ครั้งนั้นแล ชฏิลอรุ เุ วลกัสสป ไดมีความดำริวา พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานภุ าพมากแท ถึงกับให
พวกชฎลิ ผา ฟน ได แตก็ไมเ ปนพระอรหันตเ หมอื นเราแน.
ปาฎหิ าริยก อไฟ
[๔๗] เตน โข ปน สมเยน เต ชฏลิ า อคคฺ ี ปริจรติ กุ ามา น สกฺโกนฺติ อคคฺ ีอุชฺชเลตุํ.
[๔๗] กโ็ ดยสมยั น้ันแล ชฎิลเหลา น้นั ปรารถนาจะบำเรอไฟ แตไ มอาจจะกอไฟใหลกุ ได.
อถโข เตสํ ชฏิลานํ เอตทโหสิ “นิสฺสํสยํ โข มหาสมณสฺส อิทฺธานุภาโว ยถา มยํ น สกฺโกม อคฺคึ
อชุ ฺชเลต.ํุ
จึงชฎิลเหลาน้ันไดมีความดำริตองกันวา ขอที่พวกเราไมอาจจะกอไฟใหลกุ ขึ้นไดน ั้น คงเปนอิทธานภุ าพ
ของพระมหาสมณะ ไมตองสงสัยเลย.
อถโข ภควา อรุ เุ วลกสสฺ ป ชฏิลํ เอตทโวจ “อชุ ชฺ ลิยนตฺ ุ กสสฺ ป อคคฺ ตี .ิ
ครงั้ น้นั พระผูมพี ระภาคไดต รัสกะชฎิลอุรเุ วลกสั สปวา ดกู รกสั สป พวกชฎลิ จงกอ ไฟใหลุกเถดิ .
“อุชชฺ ลยิ นตฺ ุ มหาสมณาต.ิ
ชฎลิ อรุ ุเวลกัสสป รับพระพุทธดำรัสวา ขาแตมหาสมณะ พวกชฎิลจงกอไฟใหล กุ .
สกิเทว ปฺจ อคคฺ สิ ตานิ อุชฺชลึสุ.
ไฟท้ัง ๕๐๐ กอง ไดล กุ ข้นึ คราวเดียวกันเทยี ว.
สถาบันวปิ สสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๒๙
อถโข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฏิลสฺส เอตทโหสิ “มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว ยตฺร หิ นาม
อคคฺ ีป อชุ ชฺ ลิยิสฺสนตฺ ิ น เตวฺ ว จ โข อรหา ยถา อหนฺต.ิ
ลำดับนัน้ ชฎลิ อุรเุ วลกัสสป ไดมีความดำริวา พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท ถึงกับให
ไฟลุกข้ึนได แตก็ไมเปน พระอรหันตเ หมือนเราแน.
ปาฏหิ าริยดบั ไฟ
[๔๘] เตน โข ปน สมเยน เต ชฏลิ า อคคฺ ึ ปริจริตวฺ า น สกโฺ กนตฺ ิ อคฺคี วชิ ฌฺ าเปตํ.ุ
[๔๘] กโ็ ดยสมยั นน้ั แล ชฎลิ เหลานน้ั บำเรอไฟกนั แลว ไมอาจดบั ไฟได.
อถโข เตสํ ชฏิลานํ เอตทโหสิ “นิสฺสํสยํ โข มหาสมณสฺส อิทฺธานุภาโว ยถา มยํ น สกฺโกม อคคฺ ี
วชิ ฺฌาเปตุนตฺ .ิ
จึงไดค ดิ ตองกันวา ขอ ท่ีพวกเราไมอาจดับไฟไดน ้นั คงเปน อิทธานภุ าพของพระสมณะไมตองสงสยั เลย.
อถโข ภควา อรุ ุเวลกสั สป ชฏลิ ํ เอตทโวจ “วชิ ฌฺ ายนฺตุ กสสฺ ป อคคฺ ีต.ิ
คร้งั นน้ั พระผูมีพระภาคไดต รัสกะชฏลิ อรุ เุ วลกัสสปวา ดกู รกัสสป พวกชฎิลจงดับไฟเถิด.
วชิ ฺฌายนฺตุ มหาสมณาต.ิ
ชฎิลอรุ เุ วลกัสสป รับพระพุทธดำรสั วา ขาแตมหาสมณะ พวกชฎิลจงดบั ไฟกนั .
สกิเทว ปจฺ อคคฺ ิสตานิ วิชฺฌายึส.ุ
ไฟทั้ง ๕๐๐ กอง ไดดับคราวเดยี วกันเทียว.
อถโข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฏิลสฺส เอตทโหสิ “มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว ยตฺร หิ นาม
อคฺคปี วิชฺฌายิสฺสนฺติ น เตวฺ ว จ โข อรหา ยถา อหนฺติ.
ครั้งน้ันแล ชฎิลอุรเุ วลกัสสปไดมีความดำริวา พระมหาสมณะมฤี ทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท ถึงกับให
พวกชฎิลดบั ไฟได แตกไ็ มเ ปน พระอรหันตเหมือนเราแน.
ปาฏหิ ารยิ ก องไฟ
[๔๘] เตน โข ปน สมเยน เต ชฏิลา สีตาสุ เหมนฺติกาสุ รตฺตีสุ อนฺตรฐกาสุ หิมปาตสมเย นชฺชา
เนรชฺ รายํ นิมชุ ฺชนฺติป อุมฺมุชฺชนตฺ ิป อุมมฺ ุชชฺ นมิ ชุ ชฺ มปฺ กโรนตฺ ิ.
[๔๙] ก็โดยสมัยน้ันแล ชฎิลเหลานั้น พากันดำลงบาง ผุดขึ้นบาง ทัง้ ดำทั้งผุดบา งในแมน้ำเนรัญชรา
ในราตรหี นาวเหมันตฤดู ระหวางทา ยเดอื น ๓ ตน เดอื น ๔ ในสมัยน้ำคา งตก.
อถโข ภควา ปฺจมตตฺ านิ มนทฺ ามขุ ิสตานิ อภนิ ิมมฺ นิ ิ ยตฺถ เต ชฏิลา อุตตฺ ริตวฺ า วิสิพเฺ พส.ุํ
ครั้งนั้น พระผูมีพระภาคไดทรงนิรมิตกองไฟไว ๕๐๐ กอง สำหรับใหชฎิลเหลานั้นขึ้นจากน้ำแลว
จะไดผ ิง.
อถโข เตสํ ชฏิลานํ เอตทโหสิ “นิสฺสํสยํ โข มหาสมณสฺส อิทฺธานุภาโว ยถายิมา มนฺทามุขิโย
นิมมฺ ติ าต.ิ
จึงชฎิลเหลานั้นไดมีความดำริตองกันวา ขอที่กองไฟเหลานี้ถูกนิรมิตไวนั้น คงตองเปนอิทธานุภาพ
ของพระมหาสมณะ โดยไมตอ งสงสยั เลย.
สถาบันวปิ สสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๓๐
อถโข อุรเุ วลกสฺสปสฺส ชฏลิ สสฺ เอตทโหสิ “มหิทฺธโิ ก โข มหาสมโณ มหานภุ าโว ยตฺร หิ นาม ตาว
พหู มนฺทามขุ โิ ยป อภนิ มิ มฺ ินิสสฺ ติ น เตวฺ ว จ โข อรหา ยถา อหนตฺ ิ.
ครั้งน้ัน ชฎิลอุรุเวลกสั สปไดม ีความดำรวิ า พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มอี านุภาพมากแท ถึงกับนริ มิต
กองไฟไดม ากมายถงึ เพยี งนัน้ แตก ไ็ มเ ปน พระอรหันตเหมอื นเราแน.
ปาฎิหารยิ นำ้ ทว ม
[๕๐] เตน โข ปน สมเยน มหาอกาลเมโฆ ปาวสสฺ ิ มหาอุทกวาหโกสชฺ าย.ิ
[๕๐] กโ็ ดยสมยั นนั้ แล เมฆใหญในสมยั ทมี่ ใิ ชฤดูกาลยงั ฝนใหต กแลว หวงน้ำใหญไดไหลนองไป.
ยสฺมึ ปเทเส ภควา วิหรติ โส ปเทโส อุทเกน โอตฺถโต โหติ.
ประเทศท่พี ระผูมีพระภาคประทับอยนู ั้นถกู นำ้ ทว ม.
อถโข ภควโต เอตทโหสิ “ยนฺนูนาหํ สมนฺตา อุทกํ อุสฺสาเทตฺวา มชฺเฌ เรณุหตาย ภูมิยา
จงกฺ เมยฺยนฺต.ิ
ขณะน้นั พระผูมพี ระภาค ไดทรงดำริวา ไฉนหนอ เราพึงบันดาลใหน ำ้ หางออกไปโดยรอบ แลวจงกรม
อยูบนภาคพื้น อันมีฝนุ ฟุงขน้ึ ตอนกลาง.
อถโข ภควา สมนฺตา อุทกํ อุสสฺ าเทตฺวา มชฺเฌ เรณหุ ตาย ภมู ิยา จงฺกม.ิ
ครั้นแลวจึงทรงบันดาลใหน้ำหางออกไปโดยรอบแลว เสด็จจงกรมอยูบนภาคพื้นอันมีฝุนฟุงขึ้น
ตอนกลาง.
อถโข อุรุเวลกสฺสโป ชฏิโล “มา เหว โข มหาสมโณ อุทเกน วุโฬฺห อโหสีติ. นาวาย สมฺพหุเลหิ
ชฏเิ ลหิ สทฺธึ ยสิมึ ปเทเส ภควา วิหรติ ตํ ปเทสํ อคมาส.ิ
ตอ มา ชฎิลอรุ ุเวลกัสสปกลาววา พระมหาสมณะอยาได ถกู น้ำพัดไปเสียเลย ดงั นี้ แลวพรอมดวยชฎิล
มากดว ยกนั ไดเอาเรอื ไปสปู ระเทศที่พระผมู ีพระภาคประทับอย.ู
อทฺทสา โข อรุ ุเวลกสฺสโป ชฏิโล ภควนฺตํ สมนฺตา อุทกํ อุสฺสาเทตฺวา มชฺเฌ เรณุหตาย ภูมิยา
จงฺกมนฺตํ ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ “อธิ นุ ตวํ มหาสมณาต.ิ
ไดเ หน็ พระผมู พี ระภาคผทู รงบันดาลใหน ้ำหางออกไปโดยรอบแลว เสดจ็ จงกรมอยูบนภาคพ้ืนอันมีฝุน
ฟุงข้นึ ตอนกลาง แลวไดท ลู พระผมู ีพระภาควา ขา แตมหาสมณะ ทานยังอยูท น่ี ่ดี อกหรอื ?
“อาม อหมสฺมิ กสสฺ ปาติ ภควา เวหาสํ อพภฺ คุ ฺคนฺตวฺ า นาวาย ปจจฺ ฏุ ฐาส.ิ
พระผมู ีพระภาคตรสั ตอบวาถกู ละ กัสสป เรายงั อยูท่ีนี่ ดงั นี้แลว เสดจ็ ขนึ้ สเู วหาสปรากฏอยทู เี่ รือ.
อถโข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฏิลสฺส เอตทโหสิ “มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว ยตฺร หิ นาม
อุทกํป นปปฺ วาหิสสฺ ติ น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อหนฺต.
จึงชฎลิ อุรเุ วลกสั สปไดมคี วามดำรวิ า พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มอี านุภาพมากแท ถึงกับบันดาลไมให
นำ้ ไหลไปได แตก ไ็ มเ ปน พระอรหนั ตเหมอื นเราแน.
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๓๑
ทูลขอบรรพชาและอุปสมบท
[๕๑] อถโข ภควโต เอตทโหสิ “จริ ํป โข อมิ สสฺ โมฆปรุ สิ สฺส เอวํ ภวสิ ฺสติ ‘มหิทธฺ โิ ก โข มหาสมโณ
มหานุภาโว น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อหนตฺ ิ “ยนฺนนู าหํ อิมํ ชฏิลํ สํเวเชยยฺ นฺติ.
[๕๑] ลำดับนั้น พระผูมีพระภาคไดทรงพระดำริวา โมฆบุรุษนี้ ไดมีความคิดอยางนี้ มานานแลววา
พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท แตก ็ไมเปน พระอรหนั ตเหมือนเราแน ถากระไรเราพึงใหชฎลิ น้ี
สลดใจ
อถโข ภควา อุรุเวลกสฺสป ชฏิลํ เอตทโวจะ “เนว โข ตฺวํ กสสฺ ป อรหา นาป อรหตฺตมคคฺ ํ สมาปนฺโน
สาป เต ปฏิปทา นตฺถิ ยาย ตวฺ ํ อรหา วา อสฺสสิ อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโนติ.
แลวจึงตรัสกะชฎิลอุรุเวลกัสสปวา ดูกรกสั สป ทานไมใช พระอรหันตแน ท้ังยังไมพบทางแหงความ
เปนพระอรหันต แมปฏิปทาของทานที่จะเปนเหตุใหเ ปนพระอรหันต หรือพบทางแหงความเปนพระอรหันต
กไ็ มม .ี
อถโข อุรุเวลกสสฺ โป ชฏิโล ภควโต ปาเทสุ สริ สา นปิ ตติ ฺวา ภควนตฺ ํ เอตทโวจ “ลเภยยฺ ามหํ ภนฺเต
ภควโต สนฺติเก ปพพฺ ชฺชํ ลเภยยฺ ามิ อปุ สมฺปทนตฺ .ิ
ทีนนั้ ชฎิลอรุ ุเวลกัสสปได ซบเศียรลงทพ่ี ระบาทของพระผูมีพระภาค แลว ทูลขอบรรพชาอุปสมบทตอ
พระผมู พี ระภาควาขอขา พระพทุ ธเจาพึงไดบ รรพชา พงึ ไดอ ปุ สมบทในสำนักพระผมู ีพระภาค พระพทุ ธเจาขา .
ตฺวํ โขสิ กสฺสป ปจฺ นฺนํ ชฏิลสตานํ นายโก วนิ ายโก อคฺโค ปมุโข ปาโมกฺโข เตป ตาว อปโลเกหิ
ยถา เต มญฺ ิสสฺ นฺติ ตถา กริสฺสนตฺ ีต.ิ
พระผูมีพระภาคตรัสวา ดูกรกัสสป ทานเปนผูนำ เปนผูฝก สอน เปนผูเลิศ เปนหวั หนาเปนประธาน
ของชฎลิ ๕๐๐ คน ทา นจงบอกกลาวพวกน้ันกอน พวกนนั้ จักทำตามทเี่ ขา ใจ.
อถโข อุรุเวลกสฺสโป ชฏิโล เยน เต ชฏิลา เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา เต ชฏิเล เอตทโวจ
“อจิ ฉฺ ามหํ โภ มหาสมเณ พฺรหมฺ จริยํ จรติ ุํ ยถา ภวนฺโต มญฺ นฺติ ตถา กโรนฺตตู ิ.
ลำดับนัน้ ชฎลิ อุรเุ วลกัสสปเขาไปหาชฎิลเหลานั้น คร้ันแลวไดแจงความประสงค ตอชฎิลเหลา นัน้ วา
ผูเจริญทั้งหลาย เราปรารถนาจะประพฤติพรหมจรรยในพระมหาสมณะ ทานผูเจริญทั้งหลาย จงทำตามท่ี
เขา ใจ.
จิรปฏิกา มยํ โภ มหาสมเณ อภิปฺปสนฺนา สเจ ภวํ มหาสมเณ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสติ สพฺเพ ว มยํ
มหาสมเณ พรฺ หิมจริยํ จริสสฺ ามาต.ิ
ชฎิลพวกน้นั กราบเรียนวา พวกขาพเจา เลื่อมใสยงิ่ ในพระมหาสมณะมานานแลว ขอรับถาทา นอาจารย
จักประพฤติพรหมจรรยในพระมหาสมณะ พวกขาพเจาทั้งหมดก็จักประพฤติพรหมจรรยในพระมหาสมณะ
เหมอื นกนั .
อถโข เต ชฏิลา เกสมิสฺสํ ชฏามิสฺสํ ขาริกาชมิสสฺ ํ อคฺคิหุตฺตมิสิสํ อุทเก ปวาเหตฺวา เยน ภควา
เตนปุ สงกฺ มึสุ อุปสงกฺ มิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นปิ ตติ วฺ า ภควนฺตํ เอตทโวจํุ
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๓๒
ตอมา ชฎิลเหลา นั้นไดล อยผม ชฎา เคร่อื งบริขาร และเครอ่ื งบูชาเพลงิ ในน้ำ แลว พากันเขาเฝา พระผูมี
พระภาค ซบเศยี รลงแทบพระบาทของพระผูมพี ระภาค
“ลเภยฺยาม มยํ ภนฺเต ภควโต สนฺตเิ ก ปพพฺ ชชฺ ํ ลเภยฺยาม อปุ สมฺปทนตฺ ิ
แลวไดทูลขอบรรพชา อุปสมบทตอพระผูมีพระภาควา ขอพวกขาพระองคพึงไดบรรพชา พึงได
อปุ สมบทในสำนกั พระผูมีพระภาค พระพทุ ธเจา ขา.
“เอถ ภกิ ฺขโวติ ภควา อโวจ “สวฺ ากขฺ าโต ธมโฺ ม จรถ พฺรหมฺ จริยํ สมฺมา ทุกฺขสสฺ อนตฺ กริ ยิ ายาต.ิ
พระผูมพี ระภาคตรสั วา พวกเธอจงเปน ภิกษุมาเถิด ดังนี้แลว ไดต รสั ตอ ไปวา ธรรมอนั เรา กลาวดแี ลว
พวกเธอจงประพฤติพรหมจรรยเพอื่ ทำทส่ี ดุ ทกุ ขโดยชอบเถดิ .
สา ว เตสํ อายสฺมนฺตานํ อปุ สมปฺ ทา อโหส.ิ
พระวาจานน้ั แล ไดเปนอปุ สมบทของทา นผูมีอายุเหลา นน้ั .
[๕๒] อทฺทสา โข นทีกสฺสโป ชฏิโล เกสมิสฺสํ ชฏามิสฺสํ ขาริกาชมิสฺสํ อคฺคิหุตฺตมิสฺสํ อุทเก
วุยหฺ มาเน. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ “มา เหว เม ภาตุโน อปุ สคฺโค อโหสีต.ิ
[๕๒] ชฎลิ นทีกัสสปไดเห็นผม ชฎา เคร่ืองบริขาร และเครื่องบูชาเพลิงลอยนำ้ มา คร้ันแลว ไดมคี วาม
ดำรวิ า อปุ สรรคอยา ไดมีแกพ่ชี ายเราเลย.
ชฏเิ ล ปาเหสิ คจฺฉถ เม ภาตรํ ชานาถาติ สามจฺ ตีหิ ชฏิลสเตหิ สทหฺ ึ เยนายสฺมา อุรุเวลกสสฺ โป
เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตวฺ า อายสฺมนฺตํ อรุ เุ วลกสสฺ ป เอตทโวจ “อทิ ํ นุ โข กสฺสป เสยโฺ ยติ.
จึงสง ชฎลิ ไปดว ยคำส่งั วา พวกเธอจงไป จงรูพี่ชายของเรา ดงั น้แี ลว ทงั้ ตนเองกับชฏิล ๓๐๐ ไดเ ขาไป
หาทา นพระอุรเุ วลกสั สป แลว เรียนถามวา ขา แตพก่ี สั สป พรหมจรรยน ้ปี ระเสริฐแนหรือ?
อามาวุโส อทิ ํ เสยโฺ ยต.ิ
พระอรุ ุเวลกสั สปตอบวา แนล ะเธอ พรหมจรรยน้ปี ระเสรฐิ .
อถโข เต ชฏิลา เกสมิสฺสํ ชฏามิสฺสํ ขาริกาชมิสสฺ ํ อคฺคิหุตฺตมิสฺสํ อุทเก ปวาเหตฺวา เยน ภควา
เตนุปสงฺกมึสุ อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจํุ “ลเภยฺยาม มยํ ภนฺเต
ภควโต สนตฺ ิเก ปพพฺ ชฺชํ ลเภยฺยาม อปุ สมปฺ ทนตฺ .ิ
หลงั จากนน้ั ชฎิลเหลา นั้นลอยผม ชฎา เครอ่ื งบริขารและเครอ่ื งบชู าเพลิงในน้ำ แลวพากนั เขาเฝาพระ
ผมู พี ระภาค ซบเศียรลงแทบพระบาทของพระผูมพี ระภาค แลว ไดทลู ขอบรรพชา อุปสมบทตอ พระผมู ีพระภาค
วา ขอพวกขาพระพทุ ธเจาพงึ ไดบ รรพชา พึงไดอ ปุ สมบทในสำนกั พระผูมีพระภาค พระพุทธเจาขา.
“เอถ ภกิ ฺขโวติ ภควา อโวจ “สวฺ ากฺขาโต ธมโฺ ม จรถ พฺรหฺมจริยํ สมมฺ า ทกุ ฺขสฺส อนตฺ กิรยิ ายาติ.
พระผูมีพระภาคตรัสวา พวกเธอจงเปนภิกษุมาเถดิ ดังนี้แลว ไดต รัสตอ ไปวา ธรรมอันเรากลาวดีแลว
พวกเธอจงประพฤติพรหมจรรยเพื่อทำทส่ี ุดทุกขโดยชอบเถิด.
สา ว เตสํ อายสมฺ นตฺ านํ อปุ สมปฺ ทา อโหส.ิ
พระวาจาน้นั แล ไดเปนอปุ สมบทของทา นผูมีอายุเหลานน้ั .
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๓๓
[๕๓] อทฺทสา โข คยากสฺสโป ชฏิโล เกสมสิ สฺ ํ ชฏามสิ สฺ ํ ขาริกาชมิสสฺ ํ อคคฺ หิ ุตฺตมิสฺสํ อุทเก วุยฺหมาเน.
[๕๓] ชฎลิ คยากสั สปไดเหน็ ผม ชฎา เคร่ืองบริขาร และเคร่อื งบชู าเพลงิ ลอยนำ้ มา.
ทิสฺวานสสฺ เอตทโหสิ “มา เหว เม ภาตูนํ อปุ สคโฺ ค อโหสตี .ิ
คร้นั แลว ไดมีความดำริวา อปุ สรรคอยาไดมีแกพีช่ ายทั้งสองของเราเลย.
ชฏิเล ปาเหสิ คจฉฺ ถ เม ภาตโร ชานาถาติ สามฺจ ทฺวีหิ ชฏิลสเตหิ สุทฺธึเยนายสมฺ า อรุ ุเวลกสฺสโป
เตนุปสงฺกมิ อปุ สงฺกมิตฺวา อายสฺมนตฺ ํ อุรเุ วลกสฺสป เอตทโวจ “อทิ ํ นุ โข กสสฺ ป เสยโฺ ยต.ิ
จึงสงชฎิลไปดวยคำสั่งวา พวกเธอจงไป จงรูพ่ีชายทงั้ สองของเรา ดังนี้แลว ทั้งตนเองกับชฎิล ๒๐๐ คน
ไดเขา ไปหาทานพระอุรุเวลกสั สปแลวเรียนถามวา ขา แตพ ก่ี ัสสป พรหมจรรยน ้ปี ระเสริฐแนหรอื ?
อามาวโุ ส อิทํ เสยโฺ ยติ.
พระอรุ เุ วลกสั สปตอบวา แนล ะเธอ พรหมจรรยน ปี้ ระเสริฐ.
อถโข เต ชฏิลา เกสมิสฺสํ ชฏามิสฺสํ ขาริกาชมิสสฺ ํ อคฺคิหุตฺตมิสฺสํ อุทเก ปวาเหตฺวา เยน ภควา
เตนุปสงฺกมึสุ อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ “ลเภยฺยาม มยํ ภนฺเต
ภควโต สนฺติเก ปพพฺ ชฺชํ ลเภยยฺ าม อปุ สมปฺ ทนตฺ ิ.
หลังจากนั้น ชฎิลเหลานั้นลอยผม ชฎา เครื่องบริขาร และเครื่องบูชาเพลิงในน้ำ แลว พากันเขาเฝา
พระผูมีพระภาค ซบเศียรลงแทบพระบาทของพระผูมีพระภาคแลว ไดทูลขอบรรพชาอุปสมบทตอพระผูมี
พระภาควา ขอพวกขาพระพทุ ธเจา พึงไดบรรพชา พงึ ไดอ ุปสมบทในสำนกั พระผูมีพระภาค พระพุทธเจา ขา .
“เอถ ภิกฺขโวติ ภควา อโวจ “สวฺ ากฺขาโต ธมฺโม จรถ พฺรหิมจริยํ สมมฺ า ทกุ ฺขสฺส อนตฺ กิรยิ ายาต.ิ
พระผูมีพระภาคตรัสวา พวกเธอจงเปนภิกษุมาเถิด ดังนี้แลว ไดต รัสตอ ไปวา ธรรมอันเรากลาวดีแลว
พวกเธอจงประพฤติพรหมจรรยเ พื่อทำทีส่ ดุ ทกุ ขโ ดยชอบเถดิ .
สา ว เตสํ อายสฺมนตฺ านํ อุปสมฺปทา อโหส.ิ
พระวาจาน้นั แล ไดเปนอปุ สมบทของทา นผูมอี ายเุ หลา น้ัน.
ภควโต อธิฐาเนน ปฺจ กฐสตานิ น ผาลิยึสุ ผาลิยึสุ อคิคี น อุชฺชลึสุ อุชฺชลึสุ น วิชฺฌายึสุ
วิชฌฺ ายึสุ ปจฺ มนทฺ ามขุ ิสตานิ อภินมิ มฺ นิ .ิ เอเตน นเยน อฑฒฺ ุฑฒฺ ปาฏหิ าริยสหสฺสานิ โหนตฺ ิ.
พวกชฎลิ นน้ั ผาฟน ๕๐๐ ทอนไมไ ด แลวผา ได กอไฟไมตดิ แลว กอ ไฟตดิ ข้ึนไดด ับไฟไมด ับ แลวดับได
ดวยการเพงอธิษฐานของพระผูมีพระภาค พระผูมีพระภาคทรงนิรมิตกองไฟไว ๕๐๐ กอง. ปาฏิหารยิ ๓๕๐๐ วิธี
ยอมมีโดยนยั น้.ี
อาทติ ตปริยายสูตร
[๕๔] อถโข ภควา อุรุเวลายํ ยถาภริ นตฺ ํ วิหริตวฺ า เยน คยาสสี ํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ มหาตา ภิกฺขุสงฺเฆน
สทธฺ ึ ภกิ ขฺ ุสหสเฺ สน สพฺเพเหว ปรุ าณชฏเิ ลห.ิ
[๕๔] ครั้นพระผูมีพระภาคประทับอยู ณ ตำบลอุรุเวลา ตามพระพุทธาภริ มยแลวเสด็จจาริกไปโดย
มรรคาอนั จะไปสูต ำบลคยาสีสะ พรอ มดว ยภกิ ษสุ งฆหมใู หญ ๑๐๐๐ รูป ลวนเปน ปุราณชฎิล.
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๓๔
ตตรฺ สุทํ ภควา คยายํ วหิ รติ คยาสเี ส สทธฺ ึ ภกิ ฺขสุ หสเฺ สน.
ไดย นิ วา พระองคป ระทบั อยูท่ตี ำบลคยาสสี ะ ใกลแมน้ำคยาน้ัน พรอมดวยภกิ ษุ ๑๐๐๐ รูป.
ตตฺร โข ภควา ภิกขฺ ู อามนฺเตสิ
ณ ทน่ี นั้ พระผูมพี ระภาครับสั่งกะภกิ ษุทั้งหลาย วาดังน:้ี -
“สพพฺ ํ ภิกขฺ เว อาทติ ตฺ ํ กิฺจ ภกิ ฺขเว สพพฺ ํ อาทิตตฺ ํ
ดกู รภกิ ษุท้ังหลาย สงิ่ ทัง้ ปวงเปนของรอน ก็อะไรเลา ช่ือวา ส่ิงทง้ั ปวงเปน ของรอน?
จกฺขุ ภิกฺขเว อาทิตฺตํ รูปา อาทิตฺตา จกฺขุวิฺญาณํ อาทิตฺตํ จกฺขุสมฺผสฺโส อาทิตฺโต ยมฺปทํ
จกฺขสุ มฺผสฺสปจฺจยา อปุ ฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตมฺป อาทิตฺตํ เกน อาทิตฺตํ อาทิตฺตํ
ราคคคฺ นิ า โทสคคฺ ินา โมหคคฺ ินา อาทิตฺตํ ชาตยิ า ชรามรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทกุ เฺ ขหิ โทมนสเฺ สหิ อุปายา
เสหิ อาทติ ฺตนตฺ ิ วทาม.ิ
ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย จักษเุ ปน ของรอน รปู ทัง้ หลายเปนของรอ น วิญญาณอาศัยจักษุ เปน ของรอน สัมผัส
อาศัยจักขุเปนของรอน ความเสวยอารมณ เปนสุขเปนทุกข หรือมิใชสุขมิใชทุกข ที่เกิดขึ้น เพราะจกั ษุสัมผัส
เปนปจจัย แมนั้นก็เปนของรอน รอนเพราะอะไร? เรากลาววา รอน เพราะไฟคือราคะ เพราะไฟคือโทสะ
เพราะไฟคือโมหะ รอ นเพราะความเกิด เพราะความแกแ ละความตาย รอ นเพราะความโศก เพราะความรำพนั
เพราะทุกขก าย เพราะทกุ ขใ จ เพราะความคบั แคน .
โสตํ อาทติ ตฺ ํ สทฺทา อาทติ ฺตา ฯเปฯ
โสตเปน ของรอ น เสยี งทั้งหลายเปน ของรอน ...
ฆานํ อาทิตฺตํ คนธฺ า อาทิตตฺ า ฯเปฯ
ฆานะเปนของรอน กล่ินท้ังหลายเปนของรอน ...
ชิวฺหา อาทติ ตฺ า รสา อาทิตฺตา ฯเปฯ
ชวิ หาเปนของรอ น รสทงั้ หลายเปน ของรอน ...
กาโย อาทติ ฺโต โผฐพพฺ า อาทติ ตฺ า ฯเปฯ
กายเปน ของรอ น โผฏฐพั พะท้ังหลายเปน ของรอน .
มโน อาทิตฺโต ธมฺมา อาทิตฺตา มโนวิฺญาณํ อาทิตฺตํ มโนสมฺผสฺโส อาทิตฺโต ยมฺปทํ
มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทกุ ขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตมฺป อาทิตฺตํ เกน อาทติ ฺตํ อาทติ ฺตํ
ราคคฺคนิ า โทสคฺคนิ า โมหคคฺ ินา อาทติ ตฺ ํ ชาตยิ า ชรามรเณน โสเกหิ ปรเิ ทเวหิ ทกุ เฺ ขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายา
เสหิ อาทติ ฺตนตฺ ิ วทาม.ิ
มนะเปนของรอน ธรรมทั้งหลายเปนของรอน วิญญาณอาศัยมนะเปนของรอน สัมผัสอาศัยมนะเปน
ของรอน ความเสวยอารมณเ ปน สุข เปน ทกุ ขห รือมิใชท ุกขม ิใชส ุข ทเี่ กิดข้ึนเพราะมโนสัมผสั เปนปจจัย แมนั้นก็
เปนของรอน รอนเพราะอะไร? เรากลาววา รอนเพราะไฟคือราคะ เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ รอน
เพราะความเกิด เพราะความแกและความตาย รอ นเพราะความโศก เพราะความรำพนั เพราะทกุ ขก าย เพราะ
ทกุ ขใจเพราะความคับแคน .
สถาบันวปิ สสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๓๕
เอวํ ปสฺสํ ภิกฺขเว สุตวา อริยสาวโก จกฺขุสฺมึป นิพฺพินฺทติ รูเปสุป นิพฺพินฺทติ จกฺขุวิฺญาเณป
นิพฺพินฺทติ จกฺขุสมฺผสฺเสป นิพฺพินฺทติ ยมฺปทํ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกขํ วา
อทุกฺขมสขุ ํ ตสฺมึป นพิ ฺพินทฺ ติ
ดกู รภกิ ษุทง้ั หลาย อรยิ สาวกผไู ดฟงแลว เห็นอยูอยางนี้ ยอ มเบอ่ื หนา ยแมในจักษุ ยอมเบื่อหนายแมใน
รูปทั้งหลาย ยอมเบื่อหนายแมในวญิ ญาณอาศัยจักษุ ยอมเบื่อหนาย แมในสัมผัสอาศยั จกั ษุ ยอมเบือ่ หนา ยแม
ในความเสวยอารมณ ท่เี ปน สขุ เปนทุกขหรอื มิใชท ุกข มิใชสุข ทีเ่ กดิ ขนึ้ เพราะจักษสุ มั ผสั เปนปจ จัย
โสตสมฺ ปึ นิพพฺ นิ ฺทติ สทฺเทสุป นพิ พฺ ินฺทติ ฯเปฯ
ยอ มเบ่ือหนา ยแมในโสต ยอมเบ่ือหนา ยแมใ นเสียงท้ังหลาย .
ฆานสฺมปึ นิพฺพนิ ทฺ ติ คนเฺ ธสปุ นพิ ฺพนิ ฺทติ ฯเปฯ
ยอ มเบ่อื หนายแมในฆานะ ยอมเบ่ือหนายแมในกลน่ิ ทง้ั หลาย .
ชิวหฺ ายป นพิ พฺ นิ ฺทติ รเสสุป นพิ ฺพินทฺ ติ ฯเปฯ
ยอ มเบ่อื หนา ยแมในชิวหา ยอ มเบ่อื หนา ยแมในรสท้งั หลาย .
กายสมฺ ึป นพิ ฺพินทฺ ติ โผฐพเฺ พสุป นพิ พฺ นิ ทฺ ติ ฯเปฯ
ยอ มเบ่อื หนา ยแมในกาย ยอมเบือ่ หนายแมในโผฏฐัพพะท้งั หลาย .
มนสฺมึป นิพฺพินฺทติ ธมฺเมสุป นิพฺพินฺทติ มโนวิฺญาเณป นิพฺพินฺทติ มโนสมฺผสฺเสป นิพฺพินฺเทติ
ยมปฺ ท ํ มโนสมผฺ สฺสปจฺจยา อปุ ฺปชชฺ ติ เวทยิตํ สขุ ํ วา ทกุ ขฺ ํ วา อทกุ ฺขมสุขํ วา ตสฺมปึ นพิ พฺ ินทฺ ติ
ยอ มเบอ่ื หนายแมในมนะ ยอ มเบ่ือหนายแมใ นธรรมท้ังหลาย ยอมเบือ่ หนา ยแมในวิญญาณ อาศัยมนะ
ยอ มเบื่อหนา ยแมใ นสัมผัสอาศัยมนะ ยอมเบื่อหนายแมในความเสวยอารมณท่ีเปนสุข เปนทุกข หรือมิใชทุกข
มิใชสขุ ท่เี กิดขน้ึ เพราะมโนสมั ผัสเปน ปจ จยั .
นิพฺพินทฺ ํ วิรชฺชติ วิราคา วิมุจจฺ ติ วมิ ตุ ฺตสมฺ ึ วมิ ตุ ตฺ มิติ ญาณํ โหติ “ขีณา ชาติ วสุ ติ ํ พฺรหมฺ จริยํ กตํ
กรณียํ นาปรํ อิตฺถตตฺ ายาติ ปชานาตตี .ิ
เมือ่ เบ่ือหนาย ยอมสิ้นกำหนัด เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พน เมื่อจิตพนแลว ก็รูวาพนแลว อริยสาวกนั้น
ทราบชัดวา ชาติสน้ิ แลว พรหมจรรยไดอ ยูจ บแลว กิจที่ควรทำไดท ำเสรจ็ แลว กจิ อน่ื อีกเพื่อความเปนอยางนี้ไมม ี.
อมิ สฺมึ จ ปน เวยฺยากรณสมฺ ึ ภญฺ มาเน ตสฺส ภกิ ขฺ สุ หสฺสสสฺ อนปุ าทาย อาสเวหิ จติ ตฺ านิ วิมจุ ฺจสึ ุ.
ก็แล เมื่อพระผูมีพระภาคตรัสไวยากรณภาษติ นี้อยู จิตของภิกษุ ๑๐๐๐ รูปนั้น พนแลวจากอาสวะ
ท้ังหลาย เพราะไมถอื มั่น.
อาทติ ฺตปรยิ ายํ นิฐติ ํ.
อาทติ ตปรยิ ายสูตร จบ
ตติยภาณวารํ นิ ฐติ .ํ
อุรเุ วลปาฏิหารยิ ตติยภาณวาร จบ.
สถาบันวิปส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๓๖
พมิ พิสารสมาคมกถา
[๕๕] อถโข ภควา คยาสีเส ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน ราชคหํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ มหตา
ภิกขฺ สุ งเฺ ฆน สทธฺ ึ ภกิ ฺขสุ หสเฺ สน สพฺเพเหว ปรุ าณชฏิเลห.ิ
[๕๕] ครั้งนัน้ พระผูมีพระภาคประทับอยู ณ ตำบลคยาสสี ะ ตามพระพุทธาภิรมยแลวเสดจ็ จาริกไป
โดยมรรคาอนั จะไปสพู ระนครราชคฤห พรอ มดว ยภิกษสุ งฆห มใู หญจำนวน ๑๐๐๐ รูป ลว นเปน ปรุ าณชฎลิ .
อถโข ภควา อนปุ พุ เฺ พน จาริกํ จรมาโน เยน ราชคหํ ตทวสร.ิ
เสด็จจาริกโดยลำดบั ถึงพระนครราชคฤหแ ลว .
ตตรฺ สทุ ํ ภควา ราชคเห วิหรติ ลฐวิ นุยฺยาเน สปุ ปฺ ติเ ฐ เจตเิ ย.
ทราบวา พระองคป ระทับอยูใตตน ไทรชื่อ สปุ ระดษิ ฐเจดียในสวนตาลหนมุ เขตพระนครราชคฤหน นั้ .
อสฺโสสิ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร “สมโณ ขลุ โภ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต
ราชคหํ อนปุ ฺปตโฺ ต ราชคเห วหิ รติ ลฐ ิวนุยยฺ าเน สปุ ฺปติเฐ เจติเย
พระเจาพิมพิสารจอมเสนามาคธราช ไดทรงสดับขาวถนัดแนวา พระสมณโคดมศากบุตรทรงผนวช
จากศากยตระกูล เสด็จพระนครราชคฤหโดยลำดับ ประทับอยูใตตนไทรชื่อสุประดิษฐเจดีย ในสวนตาลหนุม
เขตพระนครราชคฤห
ตํ โข ปน ภควนตฺ ํ โคตมํ เอวํ กลยฺ าโณ กติ ตฺ ิสทฺโท อพภฺ คุ ฺคโต อิตปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ
วิชฺชาจรณสมฺปนโฺ น สคุ โต โลกวทิ ู อนตุ ตฺ โร ปุรสิ ทมฺมสารถิ สตถฺ า เทวมนุสฺสานํ พุทโฺ ธ ภควาติ โส อิมํ โลกํ
สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ โส ธมฺมํ
เทเสติ อาทกิ ลฺยาณํ มชฺเฌกลยฺ าณํ ปรโิ ยสานกลยฺ าณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พรฺ หฺมจริยํ
ปกาเสติ
ก็แลพระกิตติศัพทอันงามของทาน พระโคดมพระองคนั้น ขจรไปแลวอยางนี้วา แมเพราะเหตุนี้ ๆ
พระผูมีพระภาคพระองคนั้นทรงเปน พระอรหันต ตรัสรูเองโดยชอบ สมบูรณ ดวยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดี
ทรงทราบโลก ทรงเปน สารถีฝกบุรุษที่ควรฝก ไมมีผูอื่นยิ่งกวา เปนศาสดาของเทพและมนุษยทั้งหลาย เปนผู
เบิกบานแลว เปนผูจำแนกธรรม พระองคทรงทำโลกนี้ พรอมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกใหแจงชัด
ดวยพระปญญาอันยิ่งของพระองคเอง แลวทรงสอนหมูสัตวพรอมทั้งสมณะ พราหมณ เทพ และมนุษย ใหรู
ทรงแสดงธรรม งามในเบื้องตน งามในทามกลาง งามในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย พรอมทั้งอรรถ
ท้งั พยญั ชนะบรบิ รู ณบ ริสทุ ธิ์.
สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสสฺ นํ โหตตี .ิ
อน่ึง การเห็นพระอรหันตท ้ังหลาย เหน็ ปานนัน้ เปน ความด.ี
อถโข ราชา มาคโธ เสนโิ ย พมิ พฺ ิสาโร ทวฺ าทสนหเุ ตหิ มาคธิเกหิ พรฺ าหมฺ ณคหปตเิ กหิ ปริวโุ ต เยน
ภควา เตนุปสงกฺ มิ อปุ สงฺกมติ ฺวา ภควนตฺ ํ อภวิ าเทตวฺ า เอกมนตฺ ํ นสิ ที ิ.
หลงั จากน้นั พระเจาพมิ พสิ ารจอมเสนามาคธราช ทรงแวดลอ มดวยพราหมณค หบดชี าวมคธ ๑๒ นหตุ
เสด็จเขาไปเฝา พระผมู ีพระภาค คร้ันถงึ จงึ ถวายบังคมพระผูม พี ระภาคแลว ประทบั น่ัง ณ ทีค่ วรสว นขา งหน่งึ .
สถาบนั วิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๓๗
เตป โข ทฺวาทสนหุตา มาคธิกา พฺราหฺมณคหปติกา อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ
นิสีทึสุ อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ สมฺโมทนียํ กถํ สาราณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ
อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ อปฺเปกจฺเจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ
สาเวตวฺ า เอกมนตฺ ํ นสิ ีทึสุ อปฺเปกจเฺ จ ตุณหฺ ภึ ูตา เอกมนตฺ ํ นสิ ที ึสุ.
สวนพราหมณคหบดีชาวมคธ ๑๒ นหุต นั้นแล บางพวกถวายบังคมพระผมู ีพระภาคแลวนั่ง ณ ที่ควร
สวนขางหนึ่ง บางพวกไดทูลปราศรัยกับพระผูมีพระภาค ครั้นผานการทูลปราศรยั พอใหเปนที่บนั เทิง เปนที่
ระลกึ ถงึ กันไปแลว จึงนง่ั ณ ทค่ี วรสวนขางหนง่ึ บางพวกประคองอัญชลีไปทางท่ีพระผูมีพระภาคประทับ แลว
นั่ง ณ ที่ควรสวนขางหนึ่ง บางพวกประกาศนามและโคตรในสำนักพระผูมีพระภาค แลวนั่ง ณ ทีค่ วรสวนขาง
หน่งึ บางพวกนงั่ นิ่งอยู ณ ทคี่ วรสว นขา งหนึ่ง.
อถโข เตสํ ทฺวาทสนหุตานํ มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เอตทโหสิ “กึ นุ โข มหาสมโณ
อรุ ุเวลกสสฺ เป พฺรหฺมจรยิ ํ จรติ อุทาหุ อรุ เุ วลกสฺสโป มหาสมเณ พฺรหฺมจรยิ ํ จรตตี .ิ
ครั้งน้ัน พราหมณคหบดีชาวมคธ ๑๒ นหุตนั้นไดม ีความดำรวิ า พระมหาสมณะประพฤตพิ รหมจรรย
ในทานอรุ เุ วลกสั สป หรือวาทานอุรุเวลกสั สป ประพฤติพรหมจรรยใ นพระมหาสมณะ.
อถโข ภควา เตสํ ทฺวาทสนหุตานํ มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺ าย
อายสมฺ นตฺ ํ อุรเุ วลกสสฺ ป คาถาย อชฌฺ ภาสิ
ลำดับน้ัน พระผูมีพระภาคทรงทราบความดำริในใจของพราหมณคหบดีชาวมคธ ๑๒ นหุตนั้น
ดว ยพระทัยของพระองค ไดต รสั กะทา นพระอุรเุ วลกสั สป ดวยพระคาถาวา ดังน้ี :-
กเิ มว ทิสวฺ า อุรเุ วลวาสิ
ปหาสิ อคฺคึ กสิ โกวทาโน.
ปจุ ฺฉามิ ตํ กสฺสป เอตมตฺถ
กถํ ปหีนํ ตว อคคฺ ิหตุ ฺต.ํ
ดูกรทานผูอยูในอุรุเวลามานาน เคยเปนอาจารยสั่งสอนหมูชฎิลผูผอม เพราะกำลังพรต กัสสปะ
เราถามเนอ้ื ความนีก้ ะทาน ทานละเพลงิ ทบี่ ชู าเสียทำไมเลา
รูเป จ สทเฺ ท จ อโถ รเส จ
กามิตถฺ โิ ย จาภิวทนตฺ ิ ยฺญา
เอตํ มลนตฺ ิ อุปธีสุ ญตวฺ า
ตสฺมา น ยิ เ ฐ น หุเต อรชฺ .ึ
ทานพระอุรุเวลกัสสปตอบวา ยัญทั้งหลาย กลาวยกยองรูปเสียง และรสที่นาปรารถนาและสตรี
ทั้งหลาย ขาพระพุทธเจารูวานั้น เปนมลทินในอุปธิทั้งหลายแลว เพราะเหตุนั้น จึงไมยินดี ในการเซนสรวง
ในการบชู า
เอตถฺ จ เต มโน น รมิตถฺ กสฺสปาติ ภควา
รเู ปสุ สทฺเทสุ อโถ รเสสุ
อถ โกจรหิ เทวมนสุ สฺ โลเก
รโต มโน กสฺสป พรฺ ูหิ เมตํ.
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๓๘
พระผูมีพระภาคตรัสถามวากัสสป ก็ใจของทานไมยินดีแลวในอารมณ คือรูป เสียงและรสเหลาน้ัน
กสั สป กเ็ ม่ือเปน เชนน้ันใจของทานยนิ ดใี นส่งิ ไรเลาในเทวโลก หรือมนษุ ยโลกทา นจงบอกขอ น้ันแกเ รา?
ทสิ วฺ า ปทํ สนฺตมนปู ธีกํ
อกิ จฺ นํ กามภเว อสตฺตํ
อนฺญถาภาวิมนญฺ เนยยฺ ํ
ตสฺมา น ยิ เฐ น หุเต อรชฺ นิ ตฺ ิ.
ทานพระอุรุเวลกัสสปทูลตอบวา ขา พระพุทธเจา ไดเ ห็นทางอันสงบ ไมมีอุปธิ ไมมกี ังวล ไมติดอยูใน
กามภพ ไมมีภาวะเปนอยางอืน่ ไมใชธรรมที่ผูอื่นแนะใหบรรลุ เพราะฉะนัน้ จึงไมยนิ ดี ในการเซนสรวงในการ
บชู า
[๕๖] อถโข อายสฺมา อุรเุ วลกสฺสโป อุ ฐายาสนา เอกสํ ํ อตุ ฺตราสงฺคํ กรติ วฺ า ภควโต ปาเทสุ สิรสา
นิปติตวฺ า ภควนตฺ ํ เอตทโวจะ “สตฺมา เม ภนเฺ ต ภควา สาวโกหมสมฺ ิ สตฺถา เม ภนฺเต ภควา สาวโกหมสฺมีติ.
[๕๖] ลำดับนั้น ทา นพระอุรุเวลกัสสปลุกจากอาสนะ หมผาอุตราสงคเฉวยี งบา ซบเศียรลงที่พระบาท
ของพระผูมีพระภาค แลวไดกราบทูลพระผูมีพระภาควา พระพุทธเจาขาพระผูมีพระภาคเปนพระศาสดา
ของขาพระพุทธเจา ขาพระพุทธเจาเปนสาวก, พระผูมีพระภาคเปนพระศาสดาของขาพระพุทธเจา
ขาพระพุทธเจาเปนสาวก พระพทุ ธเจา ขา .
อถโข เตสํ ทฺวาทสนหุตานํ มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เอตทโหสิ “อุรุเวลกสฺสโป มหาสมเณ
พรฺ หมฺ จริยํ จรตตี ิ.
ลำดับนั้น พราหมณคหบดีชาวมคธ ทั้ง ๑๒ นหุต นั้น ไดมีความเขาใจวา ทานพระอุรุเวลกัสสป
ประพฤติพรหมจรรยใ นพระมหาสมณะ.
อถโข ภควา เตสํ ทวฺ าทสนหุตานํ มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เจตสา เจโตปริวติ กฺกมญฺ าย
อนุปุพพฺ กิ าถํ กเถสิ เสยฺยถที ํ ทานกถํ สลี กถํ สคคฺ กถํ กามานํ อาทนี วํ โอการํ สงกฺ ิเลสํ เนกขฺ มเฺ ม อานิสสํ ํ ปกาเสสิ.
ครั้งน้ัน พระผูมีพระภาคทรงทราบความปรวิ ติ กแหงจิตของพราหมณค หบดีชาวมคธ ทั้ง ๑๒ นหุตนั้น
ดวยพระทัยของพระองคแลว ทรงแสดงอนุปุพพิกถา คือทรงประกาศทานกถา สีลกถา สัคคกถา โทษ
ความต่ำทราม ความเศรา หมองของกามทงั้ หลายและอานสิ งฆในความออกจากกาม.
ยถา เต ภควา อฺญาสิ กลฺลจิตฺเต มุทุจิตฺเต วินีวรณจิตฺเต อุทคฺคจิตฺเต ปสนฺนจิตฺเต อถ ยา
พุทฺธานํ สามุกกฺ ํสิกา ธมฺมเทสนา ตํ ปกาเสสิ ทกุ ขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺคํ.
เมื่อพระผูมีพระภาคทรงทราบวา พวกเขามีจิตสงบ มีจิตออน มีจิตปลอดจากนิวรณ มีจิตเบิกบาน
มีจิตผอนใสแลว จึงทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจาทั้งหลายทรงยกขึน้ แสดงดวยพระองคเอง คือ
ทกุ ข สมทุ ยั นโิ รธ มรรค.
เสยฺยถาป นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฏิคฺคเณฺหยฺย เอวเมว เอกาทสนหุตานํ
มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ พิมพฺ สิ ารปฺปมุขานํ ตสฺมึเยวาสเน วริ ชํ วตี มลํ ธมมฺ จกขฺ ํุ อทุ ปาทิ “ยงฺกิฺจิ
สมุทยธมมฺ ํ สพฺพนตฺ ํ นโิ รธธมมฺ นุติ.
สถาบันวปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๓๙
ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน วาสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเปนธรรมดา สิ่งนั้น
ทั้งหมดมีความดับเปน ธรรมดา ไดเ กดิ แกพราหมณค หบดีชาวมคธ ๑๑ นหุต ซึง่ มพี ระเจาพิมพสิ าร เปนประมุข
ณ ทีน่ ง่ั นั้นแล ดจุ ผาท่สี ะอาด ปราศจากมลทิน ควรไดร บั น้ำยอ มเปนอยางดี ฉะน้นั .
เอกนหุตํ อุปาสกตตฺ ํ ปฏิเวเทส.ิ
พราหมณคหบดีอกี ๑ นหุต แสดงตนเปนอุบาสก.
[๕๗] อถโข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ทิฐธมฺโม ปตฺตธมฺโม วิทิตธมฺโม ปริโยคาฬฺหธมฺโม
ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุ สาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ “ปุพฺเพ เม
ภนเฺ ต กุมารสสฺ สโต ปจฺ อสสฺ าสกา อเหสุํ เต เม เอตรหิ สมทิ ฺธา
[๕๗] ครง้ั น้ัน พระเจา พิมพิสารจอมเสนามาคธราช ไดท รงเห็นธรรมแลว ไดท รงบรรลุธรรมแลว ไดท รง
รูธ รรมแจม แจงแลว ทรงมธี รรมอันหย่ังลงแลว ทรงขามความสงสัยไดแ ลว ปราศจากถอ ยคำแสดงความสงสัย
ทรงถึงความเปนผูแกลวกลา ไมต องทรงเชือ่ ผูอ ืน่ ในคำสอนของพระศาสดา ไดทูลพระวาจานี้ ตอพระผูมีพระ
ภาควา ครงั้ กอ น เมอื่ หมอ มฉันยังเปน ราชกุมาร ไดม ีความปรารถนา ๕ อยา ง บดั นี้ ความปรารถนา ๕ อยา งน้นั
ของหมอ มฉันสำเรจ็ แลว.
ความปรารถนา ๕ อยาง
ปพุ ฺเพ เม ภนฺเต กมุ ารสสฺ สโต เอตทโหสิ ‘อโห วต มํ รชเฺ ช อภิสิเฺ จยฺยุนฺติ
๑. ครงั้ กอ น เมอื่ หมอมฉันยังเปน ราชกุมาร ไดม คี วามปรารถนาวา ไฉนหนอ ชนทั้งหลายพึงอภิเษกเราใน
ราชสมบัติดังน้ี
อยํ โข เม ภนฺเต ปฐโม อสสฺ าสโก อโหสิ โส เม เอตรหิ สมิทฺโธ
นี้เปนความปรารถนาของหมอมฉันประการที่ ๑ บัดนี้ ความปรารถนานั้นของหมอมฉันสำเร็จแลว
พระพทุ ธเจา ขา
‘ตสฺส เม วิชิตํ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ โอกฺกเมยฺยาติ อยํ โข เม ภนฺเต ทุติโย อสฺสาสโก อโหสิ โส เม
เอตรหิ สมิทฺโธ
๒. ขอพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา พึงเสด็จมาสูแวนแควนของหมอมฉันน้ัน นี้เปนความปรารถนาของ
หมอมฉนั ประการท่ี ๒ บดั นี้ ความปรารถนานนั้ ของหมอมฉนั สำเรจ็ แลวพระพทุ ธเจา ขา
‘ตจฺ าหํ ภควนตฺ ํ ปยิรปุ าเสยฺยนตฺ ิ อยํ โข เม ภนฺเต ตตโิ ย อสสฺ าสโก อโหสิ โส เม เอตรหิ สมทิ โฺ ธ
๓. ขอหมอ มฉันพึงไดเขาเฝาพระผมู ีพระภาคพระองคน น้ั นเี้ ปนความปรารถนาของหมอมฉันประการท่ี ๓
บัดนี้ ความปรารถนานน้ั ของหมอมฉนั สำเรจ็ แลว พระพุทธเจา ขา
‘โส จ ภควา ธมมฺ ํ เทเสยฺยาติ อยํ โข เม ภนเฺ ต จตตุ ฺโถ อสฺสาสโก อโหสิ โส เม เอตรหิ สมทิ ฺโธ
๔. ขอพระผูมีพระภาคพระองคนนั้ พงึ แสดงธรรมแกห มอมฉนั น้ีเปนความปรารถนาของหมอมฉนั ประการ
ท่ี ๔ บดั น้ี ความปรารถนานัน้ ของหมอ มฉันสำเรจ็ แลว พระพทุ ธเจาขา
ตสสฺ จาหํ ภควโต ธมฺมํ อาชาเนยฺยนฺติ อยํ โข เม ภนฺเต ปฺจโม อสฺสาสโก อโหสิ โส เม เอตรหิ
สมิทโฺ ธ
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๔๐
๕. ขอหมอมฉันพึงรูทั่วถึงธรรมของพระผูมีพระภาคพระองคนั้น นี้เปนความปรารถนาของหมอมฉัน
ประการท่ี ๕ บดั นี้ ความปรารถนาน้นั ของหมอมฉันสำเร็จแลว พระพุทธเจาขา
ปพุ ฺเพ เม ภนฺเต กมุ ารสสฺ สโต อเิ ม ปจฺ อสสฺ าสกา อเหสุํ เต เม เอตรหิ สมิทธฺ า
พระพุทธเจาขา ครั้งกอนหมอมฉันยังเปนราชกุมาร ไดมีความปรารถนา ๕ อยางนี้ บัดนี้ความ
ปรารถนา ๕ อยา งน้ันของหมอ มฉนั สำเร็จแลว
อภิกกฺ นตฺ ํ ภนเฺ ต อภกิ กฺ นตฺ ํ ภนฺเต เสยยฺ ถาป ภนเฺ ต นิกฺกชุ ชฺ ิตํ วา อุกกฺ ชุ ฺเชยยฺ ปฏิจฉฺ นนฺ ํ วา วิวเรยฺย
มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย อนฺธกาเร วา เตลปฺปชฺโชตํ ธาเรยฺย ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ เอวเมวํ
ภควตา อเนกปริยาเยน ธมโฺ ม ปกาสิโต เอสาหํ ภนฺเต ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺ อุปาสกํ
มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ อธิวาเสตุ จ เม ภนฺเต ภควา สฺวาตนาย ภตฺตํ สทธฺ ึ ภิกฺขสุ งฺ
เฆนาต.ิ
ภาษิตของพระองคแจมแจง นกั ภาษิตของพระองคไ พเราะนัก พระพทุ ธเจาขา พระองค ทรงประกาศ
ธรรมโดยอเนกปริยายอยา งนี้ เปรยี บเหมือนบุคคลหงายของท่ีคว่ำ เปด ของที่ปด บอกทางแกคนหลงทาง หรือ
สองประทีปในที่มืด ดวยตั้งใจวา คนมีจักษุจกั เห็นรปู ดังนี้ หมอมฉนั นี้ ขอถึงพระผูมีพระภาค พระธรรมและ
พระภกิ ษสุ งฆ วา เปนสรณะ ขอพระองค จงทรงจำหมอมฉันวา เปน อุบาสกผมู อบชีวติ ถึงสรณะ จำเดิมแตวันน้ี
เปนตนไป และขอพระผมู ีพระภาคพรอมดวยภกิ ษุสงฆจ งทรงรับภัตตาหารของหมอมฉนั ในวนั พรุงน.ี้
อธวิ าเสสิ ภควา ตุณฺหภี าเวน.
พระผูมีพระภาคทรงรบั ดว ยดุษณีภาพ.
อถโข ราชา มาคโธ เสนิโย พมิ ฺพิสาโร ภควโต อธิวาสนํ วิทิตวฺ า อุฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺ
วา ปทกขฺ ณิ ํ กตฺวา ปกฺกามิ.
ครั้นพระเจาพิมพิสารจอมเสนามาคธราชทรงทราบการรับนิมนตของพระผูมีพระภาคแลว เสด็จลุก
จากทปี่ ระทบั ถวายบงั คมพระผมู ีพระภาค ทรงทำประทักษณิ แลว เสด็จกลับไป.
อถโข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมพฺ ิสาโร ตสสฺ า รตฺตยิ า อจจฺ เยน ปณตี ํ ขาทนยี ํ โภชนียํ ปฏยิ าทาเปตฺ
วา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ “กาโล ภนฺเต นิฐิตํ ภตตฺ นตฺ .ิ
หลังจากนั้น พระเจาพิมพิสารจอมเสนามาคธราช รับสั่งใหตกแตง ของเคี้ยว ของฉันอันประณีตโดย
ผานราตรีนั้น แลวใหเจาพนักงานไปกราบทูลภัตตกาลแดพระผูมีพระภาควา ถึงเวลาแลว พระพุทธเจาขา
ภตั ตาหารเสร็จแลว.
[๕๘] อถโข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาหาย ราชคหํ ปาวสิ ิ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน
สทฺธึ ภิกขฺ ุสหสเฺ สน สพเฺ พเหว ปรุ าณชฏเิ ลห.ิ
[๕๘] ขณะนั้นเปนเวลาเชา พระผูมีพระภาคทรงอันตรวาสกแลว ทรงถือบาตรจีวรเสดจ็ พระพุทธ
ดำเนินสพู ระนครราชคฤห พรอ มดวยภกิ ษุสงฆห มูใหญ จำนวน ๑๐๐๐ รูป ลว นปรุ าณชฎลิ .
[๕๙] เตน โข ปน สมเยน สกฺโก เทวานมินฺโท มาณวกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส
ภิกฺขสุ งฺฆสสฺ ปุรโต ปรุ โต คจฺฉติ อิมา คาถาโย คายมาโน
สถาบันวปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๔๑
[๕๙] ก็โดยสมัยนั้นแล ทาวสักกะจอมทวยเทพทรงนิรมิตเพศเปนมาณพ เสด็จพระดำเนิน นำหนา
ภกิ ษสุ งฆม พี ระพทุ ธเจา เปนประมุข พลางขบั คาถาเหลา น้ี วา ดงั น้:ี -
คาถาสดุดีพระผูม ีพระภาค
ทนฺโต ทนเฺ ตหิ สห ปุราณชฏเิ ลหิ วปิ ฺปมุตฺโต วปิ ปฺ มุตเฺ ตหิ สิงคฺ ีนกิ ขฺ สุวณโฺ ณ ราชคหํ ปาวสิ ิ ภควา.
พระผูมีพระภาค มีพระฉวีเสมอดวยลิ่มทองสงิ คี ทรงฝกอินทรียแลว ทรงพนวิเศษแลวเสดจ็ ประเวศสู
พระนครราชคฤหพรอ มดวยพระปรุ าณชฎลิ ทัง้ หลาย ผูฝก อินทรียแลว ผพู นวเิ ศษแลว .
มุตโฺ ต มตุ เฺ ตหิ สห ปรุ าณชฏิเลหิ วปิ ปฺ มุตฺโต วปิ ปฺ มตุ เฺ ตหิ สิงคฺ นี ิกฺขสวุ ณโฺ ณราชคหํ ปาวิสิ ภควา.
พระผูมพี ระภาค มพี ระฉวีเสมอดวยล่มิ ทองสิงคี ทรงพนแลว ทรงพน วิเศษแลวเสดจ็ ประเวศสูพระนคร
ราชคฤห พรอมดวยพระปรุ าณชฎิลท้ังหลาย ผูพนแลว ผพู น วิเศษแลว.
ติณฺโณ ติณฺเณหิ สห ปุราณชฏิเลหิ วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ สิงฺคีนิกฺขสุวณฺโณ ราชคหํ ปาวิสิ
ภควา.
พระผูมีพระภาคมีพระฉวีเสมอดวยลิ่มทองสิงคี ทรงขามแลว ทรงพนวิเศษแลว เสด็จประเวศสูพระ
นครราชคฤห พรอ มดวยพระปรุ าณชฎลิ ท้ังหลาย ผพู น แลว ผพู นวเิ ศษแลว.
สนโฺ ต สนฺเตหิ สห ปุราณชฏเิ ลหิ วิปฺปมุตโฺ ต วปิ ปฺ มตุ ฺเตหิ สงิ คฺ ีนกิ ขฺ สวุ ณโฺ ณ ราชคหํ ปาวสิ ิ ภควา.
พระผูมีพระภาค มพี ระฉวีเสมอดวยลิ่มทองสิงคี ทรงสงบแลว ทรงพนวิเศษแลว เสด็จประเวศสูพ ระ
นคร ราชคฤห พรอมดวยพระปุราณชฎิลทง้ั หลาย ผสู งบแลว ผูพ น วเิ ศษแลว.
ทสวาโส ทสพโล ทสธมมฺ วทิ ู ทสภิ จุเปโต โส ทสสตปรวิ าโร ราชคหํ ปาวิสิ ภควาต.ิ
พระผูมีพระภาคพระองคน้ันทรงมีอริยวาสธรรม ๑๐ พลญาณ ๑๐ รูแจงธรรม ๑๐ เขาถึงธรรม ๑๐
ทรงมีภิกษุบริวาร ๑๐ รอย เสดจ็ ประเวศสพู ระนครราชคฤห
มนุสฺสา สกฺกํ เทวานมินฺทํ ปสสฺ ิตฺวา เอวมาหสํ ุ “อภริ ูโป วตายํ มาณวโก ทสสฺ นีโย วตายํ มาณวโก
ปาสาทิโก วตายํ มาณวโก กสสฺ นุ โข อยํ มาณวโกติ.
ประชาชนไดเหน็ ทา วสักกะจอมทวยเทพแลว พากนั กลาวอยางนว้ี า พอหนมุ น้ี มรี ูป งามย่งิ นัก นาดูนัก
นา ชมนัก พอ หนุม นี้ของใครหนอ.
เอวํ วตุ เฺ ต สกฺโก เทวานมนิ โฺ ท เต มนุสเฺ ส คาถาย อชฺฌภาสิ
เม่อื ประชาชนกลา วอยางนแ้ี ลว ทา วสกั กะจอมทวยเทพไดกลาวตอบประชาชนพวกนัน้ ดว ยคาถาวา ดงั นี้:-
โย ธโี ร สพพฺ ธิ ทนฺโต สทุ ฺโธ อปปฺ ฏิปคุ ฺคโล
อรหํ สคุ โต โลเก ตสสฺ าหํ ปริจารโกต.ิ
พระผูมีพระภาคพระองคใดเปนนักปราชญ ทรงฝกอินทรีย ทั้งปวงแลว เปน ผูผ องแผว หาบุคคเปรยี บ
มไิ ด ไกลจากกเิ ลส เสดจ็ ไปดแี ลว ในโลก ขาพเจาเปน ผูรบั ใชของพระผูมพี ระภาคพระองคน้นั .
สถาบนั วปิ สสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๔๒
ทรงรับพระเวฬุวันเปน สงั ฆิกาวาส
[๕๙] อถโข ภควา เยน รฺโญ มาคธสฺส เสนยิ สฺส พิมฺพสิ ารสสฺ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตวฺ า
ปุ ฺญตเฺ ต อาสเน นิสีทิ สทธฺ ึ ภิกขฺ สุ งฺเฆน.
[๕๙] ครั้งนั้น พระผูมีพระภาคเสด็จพระพุทธดำเนินไปสูพระราชนิเวศนของพระเจาพิมพิสาร
จอมเสนามาคธราช ครั้นถึงแลว ประทับนงั่ เหนอื พระพุทธอาสนท ่ีเขาจดั ถวายพรอมดว ยภิกษุสงฆ.
อถโข ราชา มาคโธ เสนโิ ย พมิ ฺพิสาโร พุทฺธปฺปมขุ ํ ภกิ ฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนเี ยน โภชนีเยน สหตฺถา
สนตฺ ปฺเปตวฺ า สมปฺ วาเรตฺวา ภควนฺตํ ภตุ ฺตาวึ โอนีตปตตฺ ปาณึ เอกมนตฺ ํ นสิ ที ิ.
จึงพระเจาพิมพิสารจอมเสนามาคธราชทรงอังคาสภิกษุสงฆมีพระพุทธเจา เปนประมุข ดวยขาทนีย
โภชนียาหารอันประณีต ดวยพระหัตถของพระองคจนใหพระผูมีพระภาคเสวยเสร็จ ทรงนำพระหตั ถออกจาก
บาตร หา มภตั แลว จึงประทบั น่ัง ณ ท่ีควรสวนขางหน่ึง.
เอกมนฺตํ นิสินฺนสฺส โข รฺโญ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส เอตทโหสิ “กตฺถ นุ โข ภควา
วหิ เรยยฺ ํ ยํ อสสฺ คามโต เนว อตทิ เู ร น อจฺจาสนเฺ น คมนาคมนสมฺปนนฺ ํ อตฺถกิ านํ มนุสสฺ านํ อภิกกฺ มนยี ํ ทิวา
อปฺปกณิ ฺณํ รตตฺ ึ อปฺปสททฺ ํ อปฺปนคิ ฺโฆสํ วชิ นวาตํ มนุสฺสราหเสยยฺ กํ ปฎสิ ลลฺ านสารปุ ฺปนตฺ ิ.
ทา วเธอไดท รงพระราชดำริวา พระผมู ีพระภาคพงึ ประทับอยู ณ ทีไ่ หนดหี นอ ซ่งึ จะเปน สถานท่ีไมไกล
ไมใกลจากบานนัก สะดวกดวยการคมนาคม ควรที่ประชาชนผูตองประสงคจะเขาไป เฝาได กลางวันไม
พลุกพลาน กลางคืนเงียบสงัด เสียงไมกกึ กอง ปราศจากลมแตชนทีเ่ ดินเขาออก ควรเปนท่ีประกอบกิจของผู
ตองการท่สี งดั และควรเปนทห่ี ลีกเรนอยตู ามสมณวสิ ยั .
อถโข รฺโญ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส เอตทโหสิ “อิทํ โข อมฺหากํ เวฬุวนํ อุยฺยานํ คามโต
เนว อติทูเร น อจฺจาสนฺเน คมนาคมนสมฺปนฺนํ อตฺถิกานํ มนุสฺสานํ อภิกฺกมนียํ ทิวา อปฺปกิณฺณํ รตฺตึ
อปฺปสทฺทํ อปปฺ นิคโฺ ฆสํ วิชนวาตํ มนุสสฺ ราหเสยฺยกํ ปฎสิ ลลฺ านสารุปปฺ ยนนฺ ูนาหํ เวฬุวนํ อยุ ฺยานํ พุทฺธปฺป
มุขสสฺ ภกิ ขฺ ุสงฆฺ สฺส ทเทยยฺ นฺติ.
แลวไดทรงพระราชดำริตอ ไปวา สวนเวฬุวันของเรานี้แล ไมไกลไมใกลจ ากบานนัก สะดวกดวยการ
คมนาคม ควรที่ประชาชนผูตองประสงคจะพึงเขา ไปได กลางวันไมพลุกพลาน กลางคืนเงียบสงัด เสียงไม
กึกกอ ง ปราศจากลมแตชนที่เดินเขา ออก ควรเปนที่ประกอบกิจของ ผูต องการที่สงัด และควรเปนท่ีหลกี เรน
อยตู ามสมณวสิ ัย มิฉะนน้ั เราพงึ ถวายสวนเวฬุวนั แกภ ิกษสุ งฆ มีพระพุทธเจา เปน ประมุข ดังนี้.
อถโข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร โสวณฺณมยํ ภิงฺคารํ คเหตฺวา ภควโต โอโณเชสิ “เอตาหํ
ภนเฺ ต เวฬวุ นํ อยุ ยฺ านํ พทุ ธฺ ปฺปมุขสฺส ภิกฺขสุ งฺฆสสฺ ทมฺมตี ิ.
ลำดับนั้น จึบทรงจบั พระสุวรรณภงิ คาร ทรงหลั่งนำ้ นอมถวายแดพ ระผูม ีพระภาค ดวยพระราชดำรสั
วา หมอ มฉนั ถวายสวนเวฬวุ ันน่นั แกภ กิ ษสุ งฆ มพี ระพุทธเจาเปนประมขุ พระพุทธเจา ขา .
ปฏคิ ฺคเหสิ ภควา อาราม.ํ
พระผมู ีพระภาคทรงรบั อารามแลว
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๔๓
อถโข ภควา ราชานํ มาคธํ เสนิยํ พิมฺพิสารํ ธมฺมิยา กถาย สนฺททสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเต
เชตวฺ า สมปฺ หํเสตวฺ า อุฐ ายาสนา ปกฺกาม.ิ
และทรงชี้แจงใหพระเจาพิมพิสารจอมเสนามาคธราช ทรงเห็นแจง สมาทาน อาจหาญ ราเริง ดวย
ธรรมิกถา แลว เสดจ็ ลุกจากทป่ี ระทบั เสด็จกลับ.
อถโข ภควา เอตสฺมึ นิทาเน ธมฺมึ กถํ กตฺวา ภกิ ขฺ ู อามนเฺ ตสิ “อนชุ านามิ ภกิ ขฺ เว อารามนฺต.ิ
ตอมา พระองคทรงทำธรรมมิกถาในเพราะเหตเุ ปน เคา มลู นั้น แลวรับส่งั กะภิกษุทั้งหลายวา ดูกรภกิ ษุ
ทง้ั หลาย เราอนญุ าตอาราม.
พิมพิสารสมาคมกถา นิ ฐิตา.
ทรงเทศนาโปรดพระเจา พมิ พิสาร จบ.
ขออนโุ มทนาบญุ
เจาภาพบทสวด
๑. คณุ ลลติ า สริ ิพชั รนันท
๒. นางสาววยิ ะดา พรี รฐั กุล
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๔๔
บทถวายพรพระ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธสั สะ ฯ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธัสสะ ฯ
อิติป โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วชิ ชาจะระณะ-สัมปนโน สุคะโต โลกะวทิ ู อะนุตตะโร
ปุรสิ ะทมั มะสาระถิ สัตถาเทวะมะนุสสานงั พุทโธ ภะคะวาติ ฯ
ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปสสิโก โอปะนะยิโก ปจจัตตัง เวทิตัพโพ
วิญูหตี ิ ฯ
สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ อุชปุ ะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ ญายะปะฏิปนโน
ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุรสิ ะยุคานิ อฏั ฐะ
ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย
อะนุตตะรัง ปญุ ญักเขตตงั โลกสั สาติ ฯ
พาหงุ สะหสั สะมะภนิ ิมมติ ะสาวุธนั ตงั
ค๎รเี มขะลงั อุทติ ะโฆระสะเสนะมารงั
ทานาทิธมั มะวธิ ินา ชติ ะวา มนุ นิ โท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ ฯ
มาราตเิ รกะมะภยิ ุชฌติ ะสัพพะรตั ตงิ
โฆรัมปะนาฬะวะมกั ขะมะถัทธะยกั ขัง
ขันตีสุทันตะวธิ นิ า ชิตะวา มุนนิ โท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
นาฬาคริ ิง คะชะวะรงั อะติมัตตะภตู ัง
ทาวคั คจิ ักกะมะสะนีวะ สุทารณุ ันตัง
เมตตมั พเุ สกะวิธินา ชิตะวา มนุ นิ โท
ตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
อกุ ขติ ตะขัคคะมะติหัตถะสทุ ารุณนั ตงั
ธาวนั ติโยชะนะปะถงั คุลมิ าละวันตัง
อิทธีภสิ งั ขะตะมะโน ชติ ะวา มุนนิ โท
ตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ ฯ
กตั ๎วานะ กฏิ ฐะมุทะรงั อิวะ คัพภินยี า
จญิ จายะ ทฏุ ฐะวะจะนัง ชะนะกายะมชั เฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มนุ นิ โท
ตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๔๕
สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตงุ
วาทาภิโรปตะมะนงั อะติอนั ธะภูตงั
ปญ ญาปะทปี ะชะลิโต ชติ ะวา มนุ ินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
นันโทปะนันทะภุชะคัง วพิ ุธัง มะหิทธิง
ปตุ เตนะ เถระภชุ ะเคนะ ทะมาปะยนั โต
อทิ ธปู ะเทสะวธิ นิ า ชิตะวา มุนนิ โท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
ทคุ คาหะทฏิ ฐภิ ุชะเคนะ สุทฏั ฐะหตั ถัง
พ๎รหั ม๎ ัง วสิ ุทธชิ ตุ มิ ทิ ธพิ ะกาภิธานงั
ญาณาคะเทนะ วธิ ินา ชติ ะวา มุนนิ โท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
เอตาป พทุ ธะชะยะมงั คะละอฏั ฐะคาถา
โย วาจะโน ทนิ ะทเิ น สะระเต มะตนั ที
หิตว๎ านะเนกะววิ ธิ านิ จุปท ทะวานิ
โมกขงั สุขงั อะธิคะเมยยะ นะโร สะปญ โญ ฯ
มะหาการุณโิ ก นาโถ หติ ายะ สัพพะปาณินัง
ปเู รต๎วา ปาระมี สัพพา ปต โต สัมโพธมิ ตุ ตะมัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมงั คะลงั ฯ
ชะยนั โต โพธิยา มูเล สกั ๎ยานัง นันทิวฑั ฒะโน
เอวงั ต๎วัง วชิ ะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมงั คะเล
อะปะราชิตะปลลังเก สเี ส ปะฐะวโิ ปกขะเร
อะภเิ สเก สัพพะพุทธานงั อัคคัปปต โต ปะโมทะติ ฯ
สุนักขตั ตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐติ ัง
สุขะโณ สุมุหตุ โต จะ สุยฏิ ฐัง พร๎ หั ม๎ ะจารสิ ุ
ปะทกั ขณิ งั กายะกมั มงั วาจากัมมัง ปะทักขิณงั
ปะทกั ขณิ ัง มะโนกมั มัง ปะณธิ ี เต ปะทกั ขณิ า
ปะทกั ขณิ านิ กัตว๎ านะ ละภันตตั เถ ปะทักขเิ ณ ฯ
ภะวะตุ สพั พะมงั คะลัง รกั ขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะพุทธานภุ าเวนะ สะทา โสตถี ภะวนั ตุ เต ฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รกั ขนั ตุ สัพพะเทวะตา
สพั พะธัมมานภุ าเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ
ภะวะตุ สัพพะมงั คะลัง รกั ขันตุ สพั พะเทวะตา
สัพพะสังฆานภุ าเวนะ สะทา โสตถี ภะวนั ตุ เต ฯ
สถาบนั วิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย