ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๔๖
คําแผส ว นบุญกศุ ล และแผเมตตา
ของ สมเด็จพระพฒุ าจารย (อาจ อาสภมหาเถร)
อิทัง เม ปุญญงั นิพพานสั สะ ปจ จะโย โหตุ
ขอผลบุญน้ี จงเปนปจจยั ใหขาพเจาไดบรรลุมรรคผลนิพพาน
อทิ ัง เม ปุญญะภาคัง, ราชาที่นัญเจวะ, มาตาปต ุ อาทีน่ ญั จะ ปยะชะนานัง, สัพพะสัตตานัญจะ, นิยยาเทมะ
ขาพเจาทั้งหลาย, ขอนอมถวายสวนบุญน้ี, แดอิสระชน, คือชนผูเปนใหญทั้งหลาย, มีองค
พระมหากษัตริย, ผูเปนพระประมุขของชาติ, องคสมเด็จพระสังฆราช, ผูเปนประมุขของศาสนา, และคณะ
รัฐบาล, ผบู รหิ ารประเทศ เปน ตน
ขอแผสวนกุศลน้ี, ใหแกปยชน, คนที่รักทั้งหลาย, มีบิดามารดา ปู ยา ตา ยาย, และครู อุปชฌาย
อาจารยท้งั หลาย เปน ตน
และขอแผสวนกุศลน้ี, ใหแกสรรพสัตวทั้งหลาย, ทุกชาติชัน้ วรรณะ ทุกศาสนา ทุกภาษา, ที่อยูทั่วทุก
มมุ แหง โลก,
สัพเพ สัตตา
อนั วา สตั วทง้ั หลาย, ทกุ ชาติทุกภาษา และทกุ หนทกุ แหง ทีอ่ ยูทางทิศบรู พากด็ ี ที่อยทู างทิศประจิมก็ดี
ท่อี ยูท างทิศอุดรกด็ ี ท่ีอยูทางทิศทกั ษณิ กด็ ี ที่อยทู างทิศอาคเนยก็ดี ท่อี ยทู างทิศพายัพกด็ ี ทอี่ ยูทางทิศอีสานก็ดี
ที่อยทู างทิศหรดีก็ดี ทีอ่ ยูทางทศิ เบื้องลาง ตั้งแตโลกนั ตมหานรกขึ้นมากด็ ี ที่อยูทางทิศเบื้องบนตั้งแตภวัคคะ
พรหมลงมาก็ดี
อเวรา โหนตุ ขอจงอยา ไดสรางกรรมทําเวร และรบราฆา ฟนซง่ึ กัน และกันเลย
อพั ยาปช ฌา โหนตุ ขอจงอยา ไดเบียดเบียน ขม เหงคะเนงรายและปายสีใหแ กก ันและกนั เลย
อนีฆา โหนตุ ขอจงอยา ไดมีความทุกขก าย ทุกขใจเลย
สขุ ี อตั ตานงั ปะรหิ ะรนั ตุ ขอจงมีความสุขกาย สขุ ใจ รกั ษาตนใหร อดพน จากทุกขภ ยั ทกุ ๆ คนเทอญ
สถาบนั วิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๔๗
หมวดพระสุตตนั ตะปฎ ก
อัญเชิญเทวดา
สะรัชชงั สะเสนัง สะพนั ธงุ นะรนิ ทงั
ปะริตตานุภาโว สะทา รกั ขะตูติ.
ผะรติ วฺ านะ เมตตงั สะเมตตา ภะทนั ตา
อะวกิ ขิตตะจติ ตา ปะรติ ตงั ภะณันตุ.
ทานผูเจรญิ ทั้งหลาย ผูเ พียบพรอมดวยเมตตา จงแผไมตรีจิต ดวยคิดวา ขออานุภาพ แหงพระปริตร
จงรักษาพระราชา ผูเปนเจาแหงนรชน พรอมดวยราชสมบัติ พรอมดวย พระราชวงศ พรอมดวยเหลา
เสนามาตย แลวอยา ไดม ีจติ ฟงุ ซา น จงึ ตั้งใจสวดพระปรติ รเถดิ .
สะมนั ตา จักกะวาเฬสุ อตั ฺราคจั ฉนั ตุ เทวะตา
สทั ธมั มงั มนุ ริ าชัสสะ สณุ นั ตุ สัคคะโมกขะทงั ฯ
ขออัญเชญิ เทวดาในจักรวาลท้ังหลายโดยรอบ มาสสู ถานทน่ี ี้ ขอเชญิ ฟง พระสทั ธรรม ของพระจอมมนุ ี
อนั ช้ีทางสวรรคและนิพพาน.
สัคเค กาเม จะ รูเป คริ ิสขิ ะระตะเฏ จันตะลกิ เข วมิ าเน
ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต
ภุมมา จายนั ตุ เทวา ชะละถะละวสิ ะเม ยกั ขะคันธัพพะนาคา
ติฏฐันตา สนั ติเก ยัง มนุ วิ ะระวะจะนงั สาธะโว เม สณุ ันตุ.
ขอเชญิ เหลา เทพเจา ผูสถติ อยูใ นสวรรคช ้ันกามภพกด็ ี ชั้นรปู ภพก็ดี และภุมมเทวดา ผูสถิตอยูใ นวิมาน
บนยอดภเู ขา ในหบุ ผา ในอากาศ บนเกาะ ในแวนแควน ในบาน ในตน พฤกษา ในปาชฏั ในเรือนและในไรนา
ก็ดี และยักษ คนธรรพ นาค ผูส ถิตอยูในนํา บนบก ในทีไ่ มราบเรียบ อันอยูในที่ใกลเคียงก็ดี ขอจงมาประชุม
พรอ มกันในท่ีน้ี ถอยคาํ ใดเปนของพระมหามุนี ขอทา นสาธชุ นท้ังหลาย จงต้ังใจสดบั ถอยคำนนั้ อนั ขา พเจา จักกลาว
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทนั ตา
ดูกอ นทา นผูเจริญทัง้ หลาย กาลนเ้ี ปน กาลฟงพระสัทธรรม
ธัมมสั สะวะนะกาโล อะยมั ภะทันตา
ดกู อ นทา นผูเจริญทงั้ หลาย กาลน้ีเปน กาลฟงพระสทั ธรรม
ธัมมสั สะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ฯ
ดูกอนทา นผูเ จรญิ ท้ังหลาย กาลนเี้ ปนกาลฟง พระสทั ธรรม.
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๔๘
อะระหะโต
สมั มาสัมพทุ ธสั สะ. ปุพพภาคนมการ
(คาํ นอบนอ มในสว นเบอื้ งตน )
ขอนอบนอมแดพระผมู ีพระภาคเจาพระองคน น้ั
ซึง่ เปนผไู กลจากกเิ ลส
ตรสั รูชอบไดโดยพระองคเอง. (๓ ครงั้ )
เขมาเขมสรณทีปกคาถา
คาถาแสดงสรณะอนั เกษมและไมเกษม
พะหุง เว สะระณงั ยนั ติ ปพพะตานิ วะนานิ จะ
อารามะรุกขะเจตยฺ านิ มะนสุ สา ภะยะตชซติ า
มนุษยเปนอันมาก เมื่อเกิดมีภัยคุกคามแลว ก็ถือเอาภูเขาบาง ปาไมบาง อาราม และรุกขเจดียบาง
เปนสรณะ
เนตงั โข สะระณงั เขมัง เนตัง สะระณะมุตตะมงั
เนตงั สะระณะมาคัมมะ สพั พะทกุ ขา ปะมจุ จะติ
น่นั มใิ ชส รณะอันเกษมเลย น่ันมิใชส รณะอนั สงู สุด เขาอาศยั สรณะนน้ั แลว ยอ มไมพน จากทกุ ขท้ังปวงได
โย จะ พุทธญั จะ ธมั มญั จะ สังฆญั จะ สะระณงั คะโต
จตั ตาริ อะรยิ ะสจั จานิ สมั มปั ปญ ญายะ ปส สะติ
สว นผใู ดถอื เอาพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ เปน สรณะแลว เหน็ อริยสจั จ คอื ความจริงอันประเสริฐส่ี
ดว ยปญญาอนั ชอบ
ทุกขงั ทุกขะสะมปุ ปาทงั ทุกขัสสะ จะ อะตกิ กะมัง
อะริยญั จฏั ฐังคิกงั มคั คงั ทุกขูปะสะมะคามนิ งั
คือเห็นความทุกข เหตุใหเกิดทุกข ความกาวลวงทุกขเสียได และหนทางมีองคแปด อันประเสริฐ
เครื่องถงึ ความระงบั ทุกข
เอตัง โข สะระณงั เขมงั เอตัง สะระณะมุตตะมงั
เอตงั สะระณะมาคมั มะ สพั พะทุกขา ปะมจุ จะติ
นน่ั แหละ เปน สรณะอันเกษม น่นั เปนสรณะอนั สงู สดุ เขาอาศยั สรณะนั้นแลว ยอ มพนจากทุกขท ั้งปวงได.
(เรื่องปุโรหติ ชอ่ื อดั คิทัต ขุ. ธ.)
สถาบนั วปิ สสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๔๙
โอวาทปาตโิ มกขคาถา
ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา ขันติ คือความอดกลั้น เปน ธรรม เครือ่ งเผากเิ ลสอยางย่งิ
นพิ พานัง ปะระมัง วะทนั ติ พทุ ธา ผรู ทู ัง้ หลาย กลา วพระนพิ พานวา เปนธรรมอันยง่ิ
นะ หิ ปพ พะชิโต ปะรูปะฆาตี ผกู าํ จัดสัตวอ น่ื อยู ไมช่อื วา เปน บรรพชติ เลย
สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยนั โต ผทู าํ สตั วอืน่ ใหล าํ บากอยู ไมช อ่ื วา เปน สมณะเลย
สพั พะปาปสสะ อะกะระณงั การไมทําบาปทง้ั ปวง
กสุ ะลัสสปู ะสมั ปะทา การทํากศุ ลใหถ ึงพรอม
สะจติ ตะปะริโยทะปะนงั การชําระจิตของตนใหขาวรอบ
เอตงั พทุ ธานะสาสะนงั ธรรม ๓ อยางน้ี เปน คําสง่ั สอนของ พระพุทธเจาทง้ั หลาย
อะนูปะวาโท อะนปู ะมาโต การไมพูดรา ย การไมท าํ ราย
ปาตโิ มกเข จะ สังวะโร การสาํ รวมในพระปาตโิ มกข
มัตตญั ตุ า จะ ภตั ตสั ฺมิง ความเปน ผรู ูประมาณในการบรโิ ภค
ปน ตัญจะ สะยะนาสะนงั การนอน การนง่ั ในทอ่ี นั สงดั
อะธจิ ิตเต จะ อาโยโค ความหมัน่ ประกอบในอธจิ ิต
เอตัง พุทธานสาสะนันติ ธรรม ๕ อยา งนี้ เปน คาํ ส่งั สอนของ พระพุทธเจาท้งั หลาย
ปฐมพุทธภาสติ คาถา
คาถาแสดงปฐมพุทธพจน (ว.ิ พาหริ นทิ าน)
อะเนกะชาตสิ ังสารัง สนั ธาวสิ สงั อะนิพพิสัง
เม่อื เรายังไมพ บญาณ ไดแ ลนทองเท่ยี วไปในสงสารอันเปนอเนกชาติ
คะหะการงั คะเวสนั โต ทกุ ขา ชาติ บนุ ปั ปุนงั
แสวงหาอยูซึง่ นายชา งปลูกเรือน คือตณั หาผูส รา งภพ การเกิดทกุ คราวเปน ทกุ ขร ่ำไป
คะหะการะกะ ทิฏโฐสิ ปนุ ะ เคหัง นะ กาหะสิ
น่แี นะ ! นายชา งปลูกเรือน เรารูจักเจาเสยี แลว เจา จะทาํ เรอื นใหเ ราไมไดอีกตอ ไป
สพั พา เต ผาสกุ า ภคั คา คะหะกฎู งั วสิ ังขะตงั
โครงเรอื นท้งั หมดของเจา เราหกั เสยี แลว ยอดเรือนเรากร็ ื้อเสียแลว
วิสงั ขาระตะดงั จิตตัง ตัณหานงั ขะยะมชั ณะคาติ. (อภฐู . ท.ี สีล.)
จติ ของเราถงึ แลวซึ่งสภาพทอ่ี ะไรปรงุ แตง ไมไดอีกตอ ไป
มนั ไดถ งึ แลว ซ่งึ ความสน้ิ ไปแหงตณั หา คือพระนพิ พาน (อฏฐใ ขุ. ขุทก.)
สถาบนั วปิ สสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๕๐
พุทธอุทานคาถา (ว.ิ มหา. ข.ุ อุทาน.)
ยะทา หะเว ปาตุภะวนั ติ ธมั มา อาตาปโน ฌายโต พรฺ าหมฺ ะณัสสะ
อะกัสสะ กงั ขา วะปะยันติ สพั พา ยะโต ปะชานาติ สะเหตธุ มั มัง.
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏแกพราหมณผูมีความเพียรเพงอยู เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวง
ของพราหมณน ้นั ยอ มส้ินไป เพราะมารแู จง ธรรมพรอ มท้งั เหตุ
ยะทา หะเว ปาตภุ ะวนั ติ ธัมมา อาตาปโน ฌายโต พรฺ าหมฺ ะณสั สะ
อะถสั สะ กังขา วะปะยนั ติ สพั พา ยะโต ขะยัง ปจจะยานงั อะเวทิ.
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฎแกพราหมณผูมีความเพียรเพงอยู เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวง
ของพราหมณน้นั ยอมสิน้ ไป เพราะไดรคู วามสนิ้ ไปแหงปจจัยทง้ั หลาย.
ยะทา หะเว ปาตภุ ะวนั ติ ธมั มา อาตาปโน ฌายโต พฺราหมฺ ะณัสสะ
วิธูปะยัง ติฏฐะติ มาระเสนัง สโู รวะ โอภาสะยะมนั ตะลกิ ขนั ต.ิ
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏแกพราหมณผูมีความเพียรเพงอยู พราหมณนั้น ยอมกําจัดมาร
และเสนาเสียได ดจุ พระอาทิตยอุทัยกาํ จัดมดื ทาํ อากาศใหสวา ง ฉะนั้น.
ปจ ฉิมพทุ โธวาทปาฐะ
คาํ แสดงโอวาทคร้งั สุดทา ยของพระพุทธเจา
หันทะทานิ ภิกขะเว อามนั ตะยามิ โว
ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย บดั นี้ เราขอเตือนทา นทง้ั หลายวา
วะยะธัมมา สงั ขารา
สงั ขารทงั้ หลาย มีความเสอื่ มไปเปน ธรรมดา
อปั ปะมาเทนะ สมั ปาเทถะ
ทา นท้งั หลาย จงทาํ ความไมป ระมาทใหถงึ พรอมเถิด
อะยงั ตะถาคะตัสสะ ปจฉมิ า วาจา (มหาปรินิพพานสูตร ที. มหา.)
น้เี ปนวาจามใี นครง้ั สุดทา ยของพระตถาคต.
สถาบันวปิ สสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๕๑
รตนสตุ ตงั
ปะณธิ านะโต ปฏ ฐายะ ตะถาคะตัสสะ ทะสะ ปาระมิโย
ทะสะ อุปะปาระมิโย ทะสะ ปะระมตั ถะปาระมิโยติ
สะมะติงสะ ปาระมโิ ย ปูเรตวา ปญจะ มะหาปะรจิ จาเค
ตสิ โส จะรยิ า ปจฉิมพั ภะเว คพั ภาวักกันตงิ
ชาติง อะภนิ กิ ขะมะนัง ปะธานะจะรยิ ัง โพธิปลลงั เก
มาระวชิ ะยัง สัพพัญุตะญาณปั ปะฏเิ วธัง
ธัมมะจกั กปั ปะวัตตะนัง นะวะ โลกตุ ตะระธมั เมติ
สพั เพปเม พุทธะคุเณ อาวชั ชติ วฺ า เวสาลยิ า
ตสิ ุ ปาการนั ตะเรสุ ตยิ ามะรตั ติง ปะริตตงั กะโรนโต
อายสั ฺมา อานนั ทัตเถโร วิยะ การุญญะจติ ตัง อุปฏฐะเปตวฺ า
เราทั้งหลาย จงตั้งจิตอันประกอบไปดวยความกรุณาในสัตวท ั้งหลาย ดุจดังทานพระอานนทเถระผูมี
อายุรําพึงถึงพระพุทธคุณท้ังหลาย แมทัง้ ปวงของพระตถาคตเจา จําเดิมแตทรงปรารถนาพระพุทธภมู ิเปนตน
มา ทรงยงั พระบารมี ๓๐ ถว น ใหบริบรู ณ คอื บารมี ๑๐ อปุ บารมี ๑๐ ปรมัตถบารมี ๑๐ มหาบริจาค ๕ จรยิ า
๓ เสดจ็ ลงสูคพั โภทร ในภพอนั มใี นทส่ี ุด ประสตู แิ ลว เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ บาํ เพญ็ ความเพยี ร ทรงชำนะ
มาร แทงตลอดพระสัพพัญุตญาณ ในโลกตุ ตรมรรม ๙ ณ โพธบิ ัลลงั ก ดังน้ี แลวกระทาํ พระปรติ ร ตลอดราตรี
ทัง้ ๓ ยาม ภายในกาํ แพง ๓ ชนั้ ในเมืองเวสาลี.
โกฏสิ ะตะสะหสั เสสุ จกั กะวาเฬสุ เทวะตา
ยสั สาณัม ปะฏคิ คณั หันติ ยญั จะ เวสาลียัมปเุ ร
โรคามะนสุ สะทุพภิกขะ สัมภูตนั ตวิ ิธมั ภะยัง
ขปิ ปะมันตะระธาเปสิ ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ
เทวดาทั้งหลายในแสนโกฏิจักรวาล ยอมรับเอาซึ่งอาชญา แหงพระปริตรอันใด อนึ่งพระปริตรอันใด
ยังภัย ๓ ประการ อนั เกดิ จากโรค เกิดจากอมนษุ ยและเกดิ จากขา วยาก หมากแพง ในเมอื งเวสาลี ใหอ นั ตรธาน
ไปโดยเร็วพลัน เราท้งั หลาย จงสวดพระปริตรเปน เครือ่ งปองกันภยั อันน้ัน เทอญ.
ยานธี ะ ภตู านิ สะมาคะตานิ รตนสตุ ตัง (รัตนสตู ร)
ภมุ มานิ วา ยานิ วะ อนั ตะลกิ เข
สพั เพวะ ภูตา สมุ ะนา ภะวนั ตุ อะโถป สักกัจจะ สณุ ันตุ ภาสิตัง.
หมูเทวดาเหลาใด อยูบนภาคพื้นดิน หรือเหลาใดอยูในภาคพื้นอากาศ มาประชุมกันแลวในที่นี้
ขอหมเู ทวดาท้ังหมดนัน้ จงมีใจดี และจงฟงสภุ าษติ โดยเคารพ ขอทานทง้ั หมดจงตั้งใจฟง
ตัสฺมา หิ ภตู า นสิ าเมถะ สัพเพ เมตตัง กะโรถะ มานสุ ยิ า ปะชายะ
ทิวา จะ รัตโต จะ หะรนั ติ เย พะลงิ ตสั ฺมา หิ เน รักขะถะ อัปปะมตั ตา.
จงแผเมตตาไปในหมูประชาท่ีเปนมนุษย มนุษยเหลาใด ยอมนําพลีกรรม คือ ทําบุญ อุทิศสวนกุศลไปให
ทานทั้งหลาย ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะเหตุนั้น ทานทั้งหลาย จงอยาประมาท จงชวยรักษามนุษย
เหลา น้นั ดว ยเถดิ .
สถาบนั วปิ สสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๕๒
ยงั กิญจิ วติ ตงั อิธะ วา หรุ ัง วา สคั เคสุ วา ยัง ระตะนัง ปะณีดัง
นะ โน สะมงั อตั ถิ ตะถาคะเตนะ อทิ ัมป พทุ เธ ระตะนงั ปะณตี งั
เอเตนะ สจั เจนะ สุวตั ถิ โหตุ ฯ
ทรัพยเครื่องปลื้มใจอยางใดอยางหนึ่ง ในโลกนี้หรือในโลกอื่น หรือรัตนใด อันประณีต ในสวรรค
ทรัพยเครื่องปลื้มใจและรัตนะนั้น ที่เสมอดวยพระตถาคตไมมีเลย แมอันนี้เปน รัตนะอันประณีตใน
พระพทุ ธเจา ดว ยคาํ สัตยน้ี ขอความสวัสดจี งมี.
ชะยัง วริ าคัง อะมะตงั ปะณตี งั ยะทัชฌะคา สกั ยฺ ะมนุ ี สะมาหิโต
นะ เตนะ ธัมเมนะ สะมัตถิ กิญจิ อิทมั ป ธัมเม ระตะนงั ปะณตี ัง
เอเตนะ สจั เจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
พระศากยมุนี มีพระหฤทัยตั้งมั่น ทรงบรรลุธรรมใด เปนที่สิ้นกิเลส ปราศจาก ราคะ เปนอมตธรรมอัน
ประณีต สิ่งไร ๆ ที่เสมอดวยธรรมน้นั ไมมี แมอนั นี้เปน รัตนะอัน ประณีตในพระธรรม. ดวยคําสัตยนี้ ขอความ
สวัสดีจงม.ี
ยมั พทุ ธะเสฏโฐ ปะรวิ ณั ณะยี สจุ ิง สะมาธมิ านนั ตะริกัญญะมาหุ
สะมาธนิ า เตนะ สะโม นะ วิชชะติ อทิ มั ป ธัมเม ระตะนงั ปะณตี ัง
เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ตั ถิ โหตุ ฯ
พระพุทธเจาผูประเสริฐสุด ทรงสรรเสริญสมาธิอันใดวา เปนธรรมอันสะอาด ปราชญท้ังหลายกลาว
สมาธิอันใดวา ใหผลโดยลําดับ สมาธิอื่นที่เสมอดวยสมาธิอันนั้น ไมมี แมอันนี้เปนรัตนะ อันประณีตใน
พระธรรม ดวยคาํ สตั ยน ้ี ขอความสวสั ดจี งม.ี
เย ปุคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสตั ถา จัตตาริ เอตานิ ยคุ านิ โหนติ
เต ทกั ขเิ ณยยา สุคะตสั สะ สาวะกา เอเตสุ ทินนานิ มะหปั ผะลานิ
อทิ มั ป สงั เฆ ระตะนงั ปะณีตงั เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ัตถิ โหตุ ฯ
บุคคลเหลาใด ๘ จําพวก ๔ คู อันสัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญแลว บุคคลเหลา นั้น เปนสาวกของพระ
สุคต ควรแกทักษิณาทาน ทานทั้งหลายที่เขาถวายในบุคคลเหลานั้น ยอมมีผลมาก แมอันนี้เปนรัตนะ
อนั ประณีตในพระสงฆ. ดว ยคาํ สัตยน ี้ ขอความสวสั ดีจงม.ี
เย สปุ ปะยตุ ตา มะนะสา ทัฬฺเหนะ นิกกามิโน โคตะมะสาสะนมั หิ
เต ปตติปต ตา อะมะตงั วคิ ยั หฺ ะ ลัทธา มธุ า นพิ พตุ งิ ภญุ ชะมานา
อิทัมป สังเฆ ระตะนงั ปะณตี ัง เอเตนะ สจั เจนะ สุวตั ถิ โหตุ ฯ
พระอริยบุคคลเหลาใด ในศาสนาของพระพุทธโคดม ประกอบดวยความเพียร ดีแลว มีใจมั่นคง
ปราศจากความอาลัย พระอรยิ บคุ คลเหลานั้น ถึงพระอรหัตตท่ีควรถึง หยง่ั เขา สูพระนิพพาน ไดความดับกิเลส
เอง เสวยผลอยู แมอ นั นเี้ ปน รัตนะอันประณีตใน พระสงฆ. ดว ยคาํ สัตยน ี้ ขอความสวสั ดีจงมี.
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๕๓
ยะถินทะขโี ล ปะฐะวงิ สิโต สิยา จะตพุ ภิ วาเตกิ อะสัมปะกัมปโ ย
ตะกูปะมงั สัปปรุ ิสัง วะทามิ โย อะริยะสัจจานิ อะเวจจะ ปสสะติ
อทิ มั ป สงั เฆ ระตะนงั ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ัตถิ โหตุ ฯ
เสาเขื่อนที่ฝงลงดินอยางมัน่ คงแลว ไมหวั่นไหวเพราะลมทั้ง ๔ ทิศ ฉนั ใด ผูใ ด พิจารณาเห็นอริยสัจจ
ทั้งหลาย เราเรียกผูนั้นวา สัตบุรุษ ผูไมหวั่นไหวเพราะโลกธรรม แมอันนี้เปนรัตนะอันประณีตในพระสงฆ.
ดวยคําสตั ยนี้ ขอความสวสั ดจี งม.ี
เย อะริยะสจั จานิ วภิ าวะยนั ติ คมั ภีระปญเญนะ สุเทสติ านิ
กิญจาป เต โหนติ ภุสัปปะมตั ตา นะ เต ภะวัง อฏั ฐะมะมาทิยนั ติ
อทิ ัมป สังเฆ ระตะนงั ปะณีตงั เอเตนะ สจั เจนะ สวุ ัตถิ โหตฯุ
พระโสดาบันจําพวกใด ทําใหแจงอริยสัจจ ที่พระศาสดาผูมีปญญาลึกซึ้งทรงแสดง ดีแลว ถึงแมวา
พระโสดาบันจําพวกน้นั จะเปนผูประมาทอยางแรงกลา ทานก็ไมถือเอาภพที่ ๘ แมอันนี้เปน รัตนะอันประณตี
ในพระสงฆ. ดว ยคาํ สัตยน ้ี ขอความสวัสดีจงมี.
สะหาวสั สะ ทัสสะนะสัมปะทายะ ตะยัสสุ ธัมมา ชะหติ า ภะวนั ติ
สกั กายะทฏิ ฐิ วจิ ิกจิ ฉิตัญจะ สีลพั พะตัง วาป ยะทตั ถิ กญิ จิ
จะตหู ะปาเยหิ จะ วปิ ปะมุตโต ฉะ จาภิฐานานิ อะภพั โพ กาตุง
อทิ มั ป สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวตั ถิ โหตุ ฯ
สักกายทิฏฐิ วิจกิ ิจฉา และสีลัพพตปรามาส อยา งใดอยางหนึง่ มีอยู สังโยชนธ รรม เหลานัน้ ยอมเปน
อนั พระโสดาบันละไดแลว พรอ มกับทัสสนสมั ปทา คือโสดาปต ติมรรค ทเี ดียว อน่ึง พระโสดาบนั เปนผูพนแลว
จากอบายทัง้ ๔ ไมอาจที่จะทาํ อภิฐาน ๕ คอื อนนั ตริยกรรม ๕ กับการเขารีต ๑ แมอนั นี้เปนรัตนะอันประณีต
ในพระสงฆ. ดว ยคําสตั ยน ี้ ขอความสวัสดจี งม.ี
กญิ จาป โส กมั มัง กะโรติ ปาปะกงั กาเยนะ วาจายุทะ เจตะสา วา
อะภพั โพ โส ตัสสะ ปะฏจิ ฉะทายะ อะภพั พะตา ทฏิ ฐะปะทสั สะ วุตตา
อทิ มั ป สงั เฆ ระตะนงั ปะณีตงั เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ัตถิ โหตุ ฯ
ถึงแมวาพระโสดาบันน้ัน ยังทําบาปกรรมทางกาย วาจา หรือใจไปบาง เพราะความ ประมาท ทานไม
อาจจะปกปดบาปกรรมน้ันได พระผูมีพระภาคเจายอ มตรัสความทีพ่ ระโสดาบัน ผูเห็นบทคือพระนิพพานแลว
ไมอ าจปกปด บาปกรรมนั้นไว แมอนั นเ้ี ปนรัตนะอนั ประณตี ในพระสงฆ. ดว ยคาํ สตั ยน ้ี ขอความสวัสดีจงม.ี
วะนปั ปะคมุ เพ ยะถา ผุสสิตคั เค คมิ หานะมาเส ปะฐะมัสมฺ งิ คิมเห
ตะถปู ะมงั ธมั มะวะรงั อะเทสะยิ นพิ พานะคามงิ ปะระมัง หิตายะ
อิทมั ป พทุ เธ ระตะนัง ปะณตี ัง เอเตนะ สจั เจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
พุม ไมง ามในปา ท่ยี อดมดี อกบานสะพร่งั ในตน เดือนคิมหะแหงฤดูคิมหันต ฉนั ใด พระผูมีพระภาคเจา
ไดท รงแสดงธรรมอนั ประเสรฐิ เปน เครอื่ งใหถ งึ พระนพิ พาน เพือ่ ประโยชน อยางยง่ิ แกสตั วท งั้ หลาย ก็อุปมาฉัน
นน้ั แมอ ันน้ีเปน รัตนะอันประณตี ในพระพุทธเจา ดว ยคาํ สัตยน้ี ขอความสวสั ดีจงม.ี
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๕๔
วะโร วะรัญู วะระโท วะราหะโร อะนุตตะโร ธมั มะวะรัง อะเทสะยิ
อิทัมป พทุ เธ ระตะนงั ปะณีตัง เอเตนะ สจั เจนะ สวุ ตั ถิ โหตุ ฯ
พระพุทธเจาผูประเสริฐ ทรงรูธรรมอันประเสริฐ ทรงประทานธรรมอันประเสริฐ ทรงนํามาซึ่งธรรม
อันประเสริฐ ไมมีผูอื่นยิ่งไปกวา ไดทรงแสดงธรรมอันประเสริฐ แมอันนี้ เปนรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจา .
ดวยคําสัตยน้ี ขอความสวสั ดจี งมี.
ขีณัง ปรุ าณัง นะวัง นัตถิ สัมภะวงั วริ ตั ตะจิตตายะตเิ ก ภะวสั มฺ ิง
เต ขณี ะพีชา อะวิรฬุ ฺหฉิ นั ทา นพิ พนั ติ ธีรา ยะถายมั ปะทโี ป
อิทมั ป สงั เฆ ระตะนัง ปะณตี ัง เอเตนะ สจั เจนะ สุวตั ถิ โหตุ ฯ
กรรมเกาของพระอริยบุคคลเหลาใด สิ้นไปแลว กรรมสมภพใหมยอมไมมี พระอริยบุคคลเหลาใด
มีจิตอันหนายแลวในภพตอไป พระอริยบุคคลเหลานั้น มีพืชสิ้นไปแลว มีความพอใจอันงอกไมไดแลว
เปนผูมีปญญา ยอมปรินิพพานดับสนิท เหมือนประทีปดวงนี้ ฉะนั้น แมอันนีเ้ ปนรัตนะอันประณีตในพระสงฆ.
ดวยคาํ สตั ยนี้ ขอความสวสั ดีจงม.ี คร้ันจบพระปริตรแลว ทาวสกั กเทวราชไดตรสั เสรมิ เปน คาถาวาดงั นี้
ยานธี ะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิ วะ อันตะลกิ เข
ตะถาคะตัง เทวะมะนสุ สะ ปูชติ ัง พุทธงั นะมสั สามะ สวุ ัตถิ โหตุ ฯ
หมูเทวดาเหลาใดอยูบนภาคพื้นดิน หรือเหลาไดอยูในภาคพื้นอากาศ มาประชุม กันแลวในที่นี้
จงพรอ มใจกันนอบนอมพระพทุ ธเจาผเู สดจ็ ไปแลวอยางงาม อนั เทวดา และมนุษยบูชาแลว ขอความสวสั ดีจงมี.
ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภมุ มานิ วา ยานิ วะ อันตะลิกเข
ตะถาคะตัง เทวะมะนสุ สะ ปูชิตัง ธัมมัง นะมสั สามะ สวุ ัตถิ โหตุ ฯ
หมูเทวดาเหลาใดอยูบนภาคพื้นดิน หรือเหลาใดอยูในภาคพื้นอากาศ มาประชุม กันแลวในที่น้ี
จงพรอ มใจกนั นอบนอ มพระธรรมอันเปน ไปแลวอยา งงาม อันเทวดา และมนษุ ยบูชาแลว ขอความสวสั ดจี งมี.
ยานีธะ ภตู านิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิ วะ อนั ตะลกิ เข
ตะถาคะตงั เทวะมะนุสสะ ปูชติ ัง สังฆัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
หมูเทวดาเหลาใดอยูบนภาคพื้นดิน หรือเหลาใดอยูในภาคพื้นอากาศ มาประชุม กันแลวในที่น้ี
จงพรอ มใจกนั นอบนอมพระสงฆผดู าํ เนินไปแลว อยางงาม อนั เทวดา และมนษุ ยบ ชู าแลว ขอความสวสั ดจี งมี
(ข.ุ ขทุ ก. ขุ. สตุ ต.)
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๕๕
สุตตฺ นฺปฏเก ขทุ ฺทกนิกายสสฺ ธมมฺ ปทปาลิ
พระบาลีสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ธรรมบท
นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมมฺ าสมพฺ ทุ ธฺ สสฺ ฯ
ขอนอบนอ มพระผมู ีพระภาคอรหันตสมั มาสมั พุทธเจาพระองคน ั้น
๑. ยมกวคโฺ ค
๑. ยมกวรรค
หมวดวา ดว ยธรรมเปน คกู นั
๑. จกฺขปุ าลตฺเถรวตถฺ ุ
เร่ืองพระจักขุบาลเถระ
(พระผูมพี ระภาคตรสั พระคาถานแ้ี กภ ิกษุท้งั หลาย ดงั นี้)
[๑] มโนปพุ พฺ งฺคมา ธมฺมา มโนเสฐา มโนมยา
มนสา เจ ปทุเ ฐน ภาสติ วา กโรติ วา
ตโต นํ ทกุ ฺขมนเฺ วติ จกฺกวํ วหโต ปท.ํ
[๑] ธรรมท้ังหลาย มใี จเปน หวั หนา มีใจเปนใหญ สำเรจ็ ดวยใจ ถา คนมใี จช่วั ก็จะพดู ช่วั หรือทำชั่วตาม
ไปดว ย เพราะความชว่ั นน้ั ทกุ ขยอมตดิ ตามเขาไป เหมือนลอหมนุ ตามรอยเทา โคทล่ี ากเกวียนไป ฉะนั้น
๒. มฐกุณฑฺ ลวี ตถฺ ุ
เร่อื งนายมฏั ฐกุณฑลี
(พระผูมพี ระภาคตรสั พระคาถานแ้ี กอ ทินนปุพพกพราหมณบิดานายมฏั ฐกุณฑลี ดงั น้)ี
[๒] มโนปพุ พฺ งคฺ มา ธมฺมา มโนเสฐ า มโนมยา
มนสา เจ ปสนเฺ นน ภาสติ วา กโรติ วา
ตโต นํ สขุ มนเฺ วติ ฉายาว อนปุ ายิน.ี
[๒] ธรรมท้ังหลาย มีใจเปนหัวหนา มีใจเปนใหญ สำเร็จดวยใจ ถา คนมีใจดี ก็จะพูดดหี รอื ทำดตี ามไป
ดวย เพราะความดนี ั้น สขุ ยอ มติดตามเขาไป เหมอื นเงาตดิ ตามตัวเขาไปฉะน้ัน
๓. ตสิ สฺ เถรวตฺถุ
เร่ืองพระติสสเถระ
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานี้แกภกิ ษุทงั้ หลาย ดงั น้)ี
[๓] อกโฺ กจฺฉิ มํ อวธิ มํ อชนิ ิ มํ อหาสิ เม
เย จ ตํ อปุ นยหฺ นฺติ เวรํ เตสํ น สมมฺ ติ.
[๓] ชนเหลา ใด เขาไปผกู เวรวา คนนีไ้ ดดา เรา ไดฆ า เรา ไดช นะเราและไดลักส่ิงของ ของเราไปเวรของ
ชนเหลา นน้ั ยอ มไมสงบระงบั
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๕๖
๔. กาลียกขฺ นิ วี ตถฺ ุ
เรือ่ งนางยักษช ื่อกาลี
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถาน้ีแกน างยักษช ื่อกาลแี ละหญิงคนหนงึ่ ดังน้ี)
[๔] อกโฺ กจฺฉิ มํ อวธิ มํ อชินิ มํ อหาสิ เม
เย จ ตํ นุปนยฺหนตฺ ิ เวรํ เตสูปสมฺมติ.
[๔] สว นชนเหลาใด ไมเขาไปผูกเวรวา คนนี้ไดดาเรา ไดฆ าเรา ไดชนะเราและไดลักสิ่งของของเราไป
เวรของชนเหลานนั้ ยอมสงบระงับ
๕. โกสมฺพกิ วตถฺ ุ
เร่อื งภกิ ษชุ าวเมืองโกสมั พี
(พระผูมพี ระภาคตรสั พระคาถานี้แกภกิ ษุชาวเมืองโกสมั พผี ูทะเลาะกนั ดงั น)ี้
[๕] น หิ เวเรน เวรานิ สมฺมนฺตธี กทุ าจนํ
อเวเรน จ สมมฺ นฺติ เอส ธมโฺ ม สนนตฺ โน.
[๕] เพราะวาในกาลไหน ๆ เวรท้ังหลายในโลกนี้ ยอมไมสงบระงับดว ยเวร แตเวรทัง้ หลายยอมสงบ
ระงับดว ยการไมจ องเวร นเ้ี ปน ธรรมเกา
[๖] ปเร จ น วชิ านนฺติ มยเมตถฺ ยมาม เส
เย จ ตตถฺ วิชานนฺติ ตโต สมมฺ นตฺ ิ เมธคา.
[๖] ชนเหลาอื่นไมรูชัดวา พวกเรากำลงั ยอยยับอยู ณ ที่นี้ สวนชนเหลาใดในหมูน น้ั รชู ัด ความมุงราย
กนั ยอมระงับ เพราะการปฎิบตั ิของชนเหลา น้นั
๖. มหากาลเถรวตฺถุ
เรื่องพระมหากาลเถระ
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานีแ้ กภ กิ ษุทั้งหลาย ดงั น)้ี
[๗] สุภานุปสฺสึ วหิ รนฺตํ อนิ ฺทฺรเิ ยสุ อสํวตุ ํ
โภชนมหฺ ิ อมตตฺ ฺํุ กุสีตํ หนี วีรยิ ํ
ตํ เว ปสหติ มาโร วาโต รุกฺขวํ ทุพฺพลํ.
[๗] มารยอมครอบงำบุคคลผูพจิ ารณาเหน็ ความงาม ไมสำรวมอินทรีย ไมรูจักประมาณในการบริโภค
เกยี จคราน มคี วามเพยี รยอหยอนเหมอื นพายุพดั ตนไมท ่ีไมมนั่ คงใหหกั โคนลงได ฉะน้นั
[๘] อสภุ านปุ สสฺ ึ วหิ รนฺตํ อนิ ทฺ ฺริเยสุ สุสวํ ุตํ
โภชนมหฺ ิ มตตฺ ฺุํ สทธฺ ํ อารทธฺ วีรยิ ํ
ตํ เว นปฺปสหติ มาโร วาโต เสลวํ ปพพฺ ตํ.
[๘] มารยอมไมครอบงำบุคคลผูไ มพิจารณาเห็นความงามสำรวมอินทรียดีแลว รูจักประมาณในการ
บริโภคมีศรัทธา และปรารภความเพยี รเหมอื นพายุพดั โคนภูเขาศลิ าไมไ ด ฉะน้ัน
สถาบันวิปสสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๕๗
๗. เทวทตตฺ วตถฺ ุ
เรอื่ งพระเทวทตั
(พระผูมีพระภาคทรงปรารภพระเทวทตั ท่ีไดผ ากาสาวะมรี าคามากจากแควนคนั ธาระ
จงึ ตรสั พระคาถาน้ีแกภ กิ ษุชาวเมืองราชคฤห ดงั นี)้
[๙] อนิกฺกสาโว กาสาวํ โย วตฺถํ ปริทหิสสฺ ติ
อเปโต ทมสจเฺ จน น โส กาสาวมรหต.ิ
[๙] ผูใ ดยงั มีกเิ ลสดจุ นำ้ ฝาด จะนงุ หมผากาสาวะ ปราศจากทมะและสจั จ๔ ผูนนั้ ไมควรท่ีจะนุงหมผา
กาสาวะเลย
[๑๐] โย จ วนฺตกสาวสสฺ สีเลสุ สุสมาหโิ ต
อุเปโต ทมสจเฺ จน ส เว กาสาวมรหต.ิ
[๑๐] สวนผูใ ดคายกเิ ลสดจุ น้ำฝาด ตั้งม่ันดีแลวในศีล ประกอบดวยทมะและสัจจ ผูนั้นแลควรทีจ่ ะนงุ
หม ผากาสาวะได
๘. สฺชยวตถฺ ุ
เร่อื งสัญชยั ปริพาชก
(พระผูมีพระภาคตรสั พระคาถานแ้ี กภ กิ ษุทง้ั หลาย ดงั น)้ี
[๑๑] อสาเร สารมตโิ น สาเร จาสารทสฺสิโน
เต สารํ นาธิคจฉฺ นฺติ มิจฺฉาสงฺกปปฺ โคจรา.
[๑๑] ชนเหลาใดเห็นสิ่งทีไ่ มมีสาระวามีสาระ และเห็นสิง่ ที่มีสาระวาไมมีสาระ ชนเหลานั้น ชื่อวามี
ความดำรผิ ดิ เปน ทางปฎบิ ัติ ยอ มไมประสบส่งิ ท่มี สี าระ
[๑๒] สารจฺ สารโต ญตวฺ า อสารฺจ อสารโต
เต สารํ อธิคจฺฉนตฺ ิ สมมฺ าสงกฺ ปฺปโคจรา
[๑๒] สวนชนเหลาใดที่รูสิ่งที่มีสาระวามีสาระ และรูสิ่งที่ไมมีสาระวาไมมีสาระ ชนเหลาน้ัน ชื่อวามี
ความดำรชิ อบเปน ทางปฎบิ ัติ ยอ มประสบส่งิ ท่มี ีสาระ
๙. นนทเถรวตฺถุ
เร่ืองพระนนั ทเถระ
(พระผูมพี ระภาคตรัสพระคาถานี้แกภกิ ษุท้ังหลาย ดงั น)้ี
[๑๓] ยถา อคารํ ทจุ ฺฉนฺนํ วุฐี สมติวชิ ฌฺ ติ
เอวํ อภาวติ ํ จติ ตฺ ํ ราโค สมติวชิ ฌฺ ติ.
[๑๓] ฝนยอมร่วั รดเรอื นทม่ี ุงไมดีได ฉันใด ราคะยอ มรัว่ รดจติ ทไ่ี มไ ดอ บรมได ฉันน้นั
[๑๔] ยถา อคารํ สจุ ฉฺ นนฺ ํ วุฐ ี น สมตวิ ิชฺฌติ
เอวํ สภุ าวติ ํ จติ ฺตํ ราโค น สมติวิชฌฺ ต.ิ
[๑๔] ฝนยอมรวั่ รดเรอื นทมี่ ุงดแี ลว ไมได ฉันใด ราคะยอ มร่ัวรดจติ ท่อี บรมดีแลวไมไ ด ฉนั น้นั
สถาบนั วิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๕๘
๑๐. จนุ ทฺ สูกริกวตถฺ ุ
เรือ่ งนายจุนทะฆาสุกร
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานีแ้ กภ กิ ษุทั้งหลาย ดงั นี้)
[๑๕] อธิ โสจติ เปจฺจ โสจติ ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ
โส โสจติ โส วิหฺญติ ทสิ วฺ า กมมฺ กลิ ิฐมตฺตโน.
[๑๕] ผูทำบาปเปนปกติ ยอมเศราโศกในโลกนี้ ตายไปแลวกย็ ังเศราโศกในโลกหนา ชื่ีอวาเศราโศกใน
โลกท้ังสองเขายอมเศราโศกเดอื ดรอน เพราะเห็นกรรมทเี่ ศราหมองของตน
๑๑. ธมมฺ กิ อุปาสกวตฺถุ
เรื่องอบุ าสกผปู ระพฤติธรรม
(พระผูมีพระภาคตรสั พระคาถานแ้ี กภ กิ ษุท้งั หลาย ดงั นี้)
[๑๖] อธิ โมทติ เปจฺจ โมทติ กตปุโฺ ญ อภุ ยตฺถ โมทติ
โส โมทติ โส ปโมทติ ทิสวฺ า กมมฺ วสิ ุทธฺ มิ ตตฺ โน.
[๑๖] ผูทำบุญไว ยอมบันเทิงใจในโลกน้ีตายไปแลวก็ยังบนั เทิงใจในโลกหนาชื่อวา บันเทิงใจในโลกท้งั
สองเขายอมบันเทิงรน่ื เริงใจเพราะเหน็ กรรมท่บี ริสุทธ์ขิ องตน
๑๒. เทวทตฺตวตฺถุ
เร่ืองพระเทวทตั
(พระผูมีพระภาคตรสั พระคาถาน้ีแกภกิ ษุท้งั หลาย ดงั น้)ี
[๑๗] อธิ ตปปฺ ติ เปจฺจ ตปฺปติ ปาปการี อุภยตถฺ ตปปฺ ติ
“ปาป เม กต นตฺ ิ ตปปฺ ติ ภยิ ฺโย ตปปฺ ติ ทคุ คฺ ตึ คโต.
[๑๗] ผูทำบาปเปนปกติ ยอมเดือดรอนในโลกนี้ตายไปแลว กย็ ังเดือดรอนในโลกหนา ชื่อวา เดือดรอน
ในโลกทงั้ สอง เขายอ มเดอื ดรอ นใจวา เราไดทำบาปไวแ ลว ครั้นไปสทู คุ ติ เขายง่ิ เดอื ดรอ นมากข้นึ
๑๓. สมุ นาเทวีวตฺถุ
เรอ่ื งนางสุมนาเทวี
(พระผูมพี ระภาคทรงปรารภนางสมุ นาเทวีธดิ าคนเล็กของเศรษฐีซึ่งเสียชีวิต
จึงตรัสพระคาถานี้แกอนาถบิณฑิกเศรษฐี ดงั น้)ี
[๑๘] อธิ นนฺทติ เปจจฺ นนฺทติ กตปุ โฺ ญ อุภยตฺถ นนฺทติ
“ปฺุญํ เม กต นตฺ ิ นนทฺ ติ ภยิ โฺ ย นนฺทติ สคุ ฺคตึ คโต.
[๑๘] ผูทำบุญไว ยอมเพลิดเพลินใจในโลกนี้ ตายไปแลวก็ยังเพลิดเพลินใจในโลกหนา ชื่อวา
เพลิดเพลินใจในโลกทั้งสอง เขายอ มเพลิดเพลินใจวา เราไดทำบญุ ไวแลว คร้ันไปสูสุคติ เขายิ่งเพลิดเพลินใจ
มากขนึ้
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๕๙
๑๔. เทฺวสหายกภิกขฺ วุ ตฺถุ
เรอื่ งภกิ ษุสองสหาย
(พระผูมพี ระภาคตรสั พระคาถานแี้ กภ กิ ษุทัง้ หลาย ดงั น)ี้
[๑๙] พหุมปฺ สหํ ติ ภาสมาโน
น ตกกฺ โร โหติ นโร ปมตโฺ ต
โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํ
น ภาควา สามญฺ สสฺ โหต.ิ
[๑๙] คนที่กลาวพุทธพจนแมมาก แตมัวประมาท ไมทำตามพุทธพจนน ั้น ยอมไมไ ดรับผลแหงความ
เปน สมณะ เหมอื นคนรบั จา งเล้ยี งโคไดแตน ับโคใหค นอน่ื ฉะน้นั
[๒๐] อปฺปมปฺ เจ สหํ ิต ภาสมาโน
ธมฺมสสฺ โหติ อนธุ มฺมจาร.ี
ราคจฺ โทสฺจ ปหาย โมหํ
สมมฺ ปปฺ ชาโน สุวิมตุ ฺตจิตโฺ ต.
อนุปาทยิ าโน อธิ วา หุรํ วา
ส ภาควา สามฺญสสฺ โหติ.
[๒๐] คนทีก่ ลา วพุทธพจนแ มนอย แตประพฤติธรรมสมควรแกธรรมเปนปกตลิ ะราคะ โทสะ และโมหะ
ไดแ ลว รชู อบ มีจิตหลุดพนดแี ลว ไมย ดึ ติดในโลกนีแ้ ละโลกหนา เขายอ มไดร ับผลแหง ความเปนสมณะ
ปฐโม ยมกวคฺโค
ยมกวรรคท่ี ๑ จบ
๒. อปฺปมาทวคโฺ ค
๑. อัปปมาทวรรค
หมวดวาดว ยความไมประมาท
๑. สามาวตวี ตฺถุ
เรอ่ื งพระนางสามาวดี
(พระผูมพี ระภาคตรสั พระคาถานี้แกภ กิ ษุท้งั หลาย ดงั นี้)
[๒๑] อปฺปมาโท อมตปทํ ปมาโท มจจฺ ุโน ปทํ
อปฺปมตฺตา น มียนตฺ ิ เย ปมตฺตา ยถา มตา.
[๒๑] ความไมประมาท เปน ทางแหง อมตะ ความประมาท เปนทางแหงความตาย คนผไู มป ระมาทชื่อ
วา ยอ มไมตาย คนผปู ระมาทจงึ เหมือนคนตายแลว
[๒๒] เอวํ วเิ สสโต ญตวฺ า อปปฺ มาทมหฺ ิ ปณฺฑติ า
อปปฺ มาเท ปโมทนตฺ ิ อริยานํ โคจเร รตา.
[๒๒] บัณฑิตทราบความตางกัน ระหวางความไมประมาทกับความประมาทน้ัน แลวต้ังอยูในความไม
ประมาท ยอ มบันเทงิ ใจในความไมป ระมาท ยนิ ดีในทางปฎบิ ัตขิ องพระอรยิ ะทง้ั หลาย
สถาบันวปิ สสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๖๐
[๒๓] เต ฌายิโน สาตติกา นิจจฺ ํ ทฬหฺ ปรกฺกมา
ผสุ นฺติ ธรี า นพิ ฺพานํ โยคกฺเขมํ อนตุ ตฺ รํ.
[๒๓] บณั ฑิตผเู ปนนักปราชญเหลานั้น เพงพินจิ มีความเพียรตอเนื่อง มีความบกบั่นมั่นคงเปนนิตย
ยอ มบรรลุนิพพานอนั เปน สภาวะยอดเยีย่ ม ปลอดจากโยคะ
๒. กมุ ฺภโฆสกวตฺถุ
เร่อื งนายกุมภโฆสก
(พระผูมีพระภาคตรสั พระคาถานแี้ กพ ระเจาพิมพิสารและนายกุมภโฆสก ดงั น)้ี
[๒๔] อุ ฐ านวโต สตีมโต
สจุ กิ มฺมสฺส นสิ มฺมการิโน.
สฺญตสสฺ ธมฺมชีวโิ น
อปปฺ มตตฺ สฺส ยโสภิวฑฺฒต.ิ
[๒๔] ยศ ยอ มเจริญแกบ ุคคลท่มี ีความขยนั หม่นั เพยี ร มีสติ มกี ารงานสะอาด ใครครวญกอนทำ สำรวม
ดำรงชวี ิตโดยธรรม และไมป ระมาท
๓. จฬู ปนถฺ กวตถฺ ุ
เรือ่ งจฬู ปนถก
(พระผูมพี ระภาคตรสั พระคาถานแี้ กภกิ ษุท้งั หลาย ดงั นี้)
[๒๕] อุ ฐ าเนนปปฺ มาเทน สฺญเมน ทเมน จ.
ทปี กยิราถ เมธาวี ยํ โอโฆ นาภกิ รี ต.ิ
[๒๕] คนมีปญญาพึงทำที่พึ่งดุจเกาะที่น้ำทวมไมถึง ดวยความขยัน ดวยความไมประมาท ดวยการ
สำรวม และดวยการฝกฝน
๔. พาลนกฺขตตฺ วตถฺ ุ
เรื่องนกั ษัตรของคนพาล
(พระผูมพี ระภาคตรสั พระคาถานี้แกภกิ ษุทั้งหลาย ดงั น)้ี
[๒๖] ปมาทมนุยุชฺ นฺติ พาลา ทุมเฺ มธโิ น ชนา
อปฺปมาทจฺ เมธาวี ธนํ เสฐ วํ รกฺขต.ิ
[๒๖] ความพาลมีปญญาทราม ประกอบความประมาทอยูเสมอ สวนบัณฑิตผูม ีปญญา รักษาความไม
ประมาทไว เหมอื นคนรกั ษาทรพั ยอ นั ประเสรฐิ ฉะนน้ั
[๒๗] มา ปมาทมนุยุเฺ ชถ มา กามรติสนถฺ วํ
อปปฺ มตฺโต หิ ฌายนฺโต ปปฺโปติ วิปุลํ สุข.ํ
[๒๗] ทา นท้งั หลาย อยาประกอบความประมาท อยา ประกอบความเชยชมยินดีในกามเลย เพราะผูไม
ประมาทแลว เพงพินจิ อยู ยอมไดร บั ความสขุ อนั ไพบลู ย
สถาบันวิปส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๖๑
๕. มหากสสฺ ปเถรวตถฺ ุ
เรื่องพระมหากสั สปเถระ
(พระผูมพี ระภาคตรัสพระคาถา ดังนี)้
[๒๘] ปมาทํ อปปฺ มาเทน ยทา นทุ ติ ปณฺฑิโต
ปฺญาปาสาทมารยุ ฺห อโสโก โสกินึ ปชํ
ปพพฺ ตโ ฐว ภุมเฐ ธีโร พาเล อเวกขฺ ต.ิ
[๒๘] เมื่อใด บัณฑิตบรรเทาความประมาท ดว ยความไมป ระมาท ขึน้ สปู ญ ญาดจุ ปราสาท ไมเศราโศก
พิจารณาเห็นหมสู ัตวผมู ีความเศราโศก เมื่อนัน้ บัณฑิตผูเ ปน นกั ปราชญย อมเห็นคนพาลได เหมือนคนที่ยืนอยู
บนภูเขาเห็นคนท่ภี าคพืน้ ได ฉะน้นั
๖. เทวฺ สหายกภกิ ขวุ ตถฺ ุ
เรอื่ งภกิ ษสุ องสหาย
(พระผูมพี ระภาคตรสั พระคาถาน้ีแกภ ิกษุ ๒ รปู ดงั น)้ี
[๒๙] อปฺปมตโฺ ต ปมตเฺ ตสุ สุตเฺ ตสุ พหชุ าคโร
อพลสสฺ วํ สีฆสโฺ ส หติ วฺ า ยาติ สเุ มธโส.
[๒๙] ผูมีปญ ญาดี เปนผูไมประมาท ในเม่ือผูอ ่ืนประมาท เปนผูตื่นอยูโดยมาก ในเมื่อผูอ ื่นหลับ ยอม
ละทิง้ คนมปี ญญาทรามไปไกล เหมอื นมาฝเ ทา จดั วง่ิ ละท้งิ มาท่ีหมดแรงไว ฉะนนั้
๗. มฆวตถฺ ุ
เรื่องทา วมัฆวาน
(พระผูมพี ระภาคตรัสพระคาถาน้แี กเจาลิจฉวนี ามวา มหาลิ ดงั นี้)
[๓๐] อปปฺ มาเทน มฆวา เทวานํ เสฐ ตํ คโต
อปปฺ มาทํ ปสํสนฺติ ปมาโท ครหิโต สทา.
[๓๐] ทา วมฆั วานประเสริฐสดุ ในหมเู ทวดา เพราะความไมป ระมาท บัณฑติ ท้ังหลายสรรเสริญความไม
ประมาท และตเิ ตยี นความประมาททุกเมือ่
๘. อฺญตรภิกฺขุวตฺถุ
เรือ่ งภกิ ษุรูปใดรปู หนึ่ง
(พระผูมีพระภาคตรสั พระคาถาน้แี กภ ิกษุรปู หน่ึง ดงั น)้ี
[๓๑] อปฺปมาทรโต ภกิ ฺขุ ปมาเท ภยทสสฺ ิ วา
สํโยชนํ อณํุ ถลู ํ ฑหํ อคคฺ ีว คจฺฉติ.
[๓๑] ภกิ ษุยนิ ดีในความไมประมาท หรือเห็นภยั ในความประมาท เผาสังโยชนนอยใหญไดห มด เหมอื น
ไฟเผาเชือ้ นอ ยใหญใหหมดไป ฉะน้นั
สถาบันวปิ สสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๖๒
๙. นิคมวาสีติสฺสเถรวตฺถุ
เรอ่ื งพระตสิ สเถระผูอยูในนิคม
(พระผูมพี ระภาคตรสั พระคาถานีแ้ กพระตสิ สะเถระผูอยูในนิคม ดงั นี)้
[๓๒] อปปฺ มาทรโต ภกิ ฺขุ ปมาเท ภยทสสฺ ิ วา
อภพโฺ พ ปรหิ านาย นพิ ฺพานสเฺ สว สนตฺ ิเก.
[๓๒] ภิกษุยินดีในความไมป ระมาท หรือมีปกติเห็นภัยในความประมาท เปนผูไมเสือ่ ม ชื่อวา อยูใกล
นพิ พานแนแท
ทุตโิ ย อปปฺ มาทวคโฺ ค
อปั ปมาทวรรคท่ี ๒ จบ
ขออนุโมทนาบุญ
เจา ภาพบทสวด
คุณ ณ.พงษ สขุ สงวน
สถาบนั วปิ สสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๖๓
บทถวายพรพระ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธสั สะ ฯ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธัสสะ ฯ
อิติป โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วชิ ชาจะระณะ-สัมปนโน สุคะโต โลกะวทิ ู อะนุตตะโร
ปุรสิ ะทมั มะสาระถิ สัตถาเทวะมะนุสสานงั พุทโธ ภะคะวาติ ฯ
ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปสสิโก โอปะนะยิโก ปจจัตตัง เวทิตัพโพ
วิญูหตี ิ ฯ
สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ อุชปุ ะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ ญายะปะฏิปนโน
ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุรสิ ะยุคานิ อฏั ฐะ
ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย
อะนุตตะรัง ปญุ ญักเขตตงั โลกสั สาติ ฯ
พาหงุ สะหัสสะมะภนิ ิมมติ ะสาวุธนั ตงั
ค๎รเี มขะลงั อุทติ ะโฆระสะเสนะมารงั
ทานาทิธมั มะวธิ ินา ชิตะวา มนุ นิ โท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ ฯ
มาราตเิ รกะมะภยิ ชุ ฌติ ะสัพพะรตั ตงิ
โฆรัมปะนาฬะวะมกั ขะมะถัทธะยกั ขัง
ขันตีสุทันตะวธิ นิ า ชิตะวา มุนนิ โท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
นาฬาคริ งิ คะชะวะรงั อะติมัตตะภตู ัง
ทาวคั คจิ ักกะมะสะนีวะ สุทารณุ ันตัง
เมตตมั พเุ สกะวิธนิ า ชิตะวา มนุ นิ โท
ตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
อกุ ขติ ตะขคั คะมะติหัตถะสทุ ารุณนั ตงั
ธาวนั ติโยชะนะปะถงั คลุ มิ าละวันตัง
อิทธีภสิ งั ขะตะมะโน ชิตะวา มุนนิ โท
ตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ ฯ
กตั ๎วานะ กฏิ ฐะมุทะรงั อิวะ คัพภินยี า
จญิ จายะ ทฏุ ฐะวะจะนงั ชะนะกายะมชั เฌ
สันเตนะ โสมะวธิ ินา ชติ ะวา มนุ นิ โท
ตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๖๔
สัจจัง วิหายะ มะตสิ ัจจะกะวาทะเกตงุ
วาทาภิโรปตะมะนงั อะติอันธะภูตงั
ปญ ญาปะทปี ะชะลิโต ชติ ะวา มนุ ินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
นันโทปะนันทะภุชะคัง วพิ ุธัง มะหิทธิง
ปตุ เตนะ เถระภชุ ะเคนะ ทะมาปะยันโต
อทิ ธปู ะเทสะวธิ นิ า ชิตะวา มุนนิ โท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
ทคุ คาหะทฏิ ฐภิ ุชะเคนะ สุทฏั ฐะหตั ถัง
พ๎รหั ม๎ ัง วสิ ุทธชิ ตุ มิ ทิ ธพิ ะกาภิธานงั
ญาณาคะเทนะ วธิ ินา ชติ ะวา มุนนิ โท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
เอตาป พทุ ธะชะยะมงั คะละอฏั ฐะคาถา
โย วาจะโน ทนิ ะทเิ น สะระเต มะตนั ที
หิตว๎ านะเนกะววิ ธิ านิ จุปท ทะวานิ
โมกขงั สุขงั อะธิคะเมยยะ นะโร สะปญ โญ ฯ
มะหาการุณโิ ก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง
ปเู รต๎วา ปาระมี สัพพา ปตโต สัมโพธมิ ตุ ตะมัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมงั คะลงั ฯ
ชะยนั โต โพธิยา มูเล สกั ย๎ านัง นนั ทิวฑั ฒะโน
เอวงั ต๎วัง วชิ ะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล
อะปะราชิตะปลลังเก สเี ส ปะฐะวโิ ปกขะเร
อะภเิ สเก สัพพะพุทธานงั อัคคัปปต โต ปะโมทะติ ฯ
สุนักขตั ตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหฏุ ฐติ งั
สุขะโณ สุมุหตุ โต จะ สุยฏิ ฐัง พร๎ หั ม๎ ะจารสิ ุ
ปะทกั ขณิ งั กายะกมั มงั วาจากมั มัง ปะทักขิณงั
ปะทกั ขณิ ัง มะโนกมั มัง ปะณธิ ี เต ปะทกั ขณิ า
ปะทกั ขณิ านิ กัตว๎ านะ ละภันตตั เถ ปะทักขเิ ณ ฯ
ภะวะตุ สพั พะมงั คะลัง รกั ขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะพุทธานภุ าเวนะ สะทา โสตถี ภะวนั ตุ เต ฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รกั ขนั ตุ สัพพะเทวะตา
สพั พะธัมมานภุ าเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ
ภะวะตุ สัพพะมงั คะลัง รกั ขนั ตุ สพั พะเทวะตา
สัพพะสังฆานภุ าเวนะ สะทา โสตถี ภะวนั ตุ เต ฯ
สถาบนั วิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๖๕
คําแผส ว นบุญกศุ ล และแผเมตตา
ของ สมเดจ็ พระพุฒาจารย (อาจ อาสภมหาเถร)
อิทัง เม ปุญญงั นิพพานสั สะ ปจ จะโย โหตุ
ขอผลบุญน้ี จงเปนปจจยั ใหขาพเจาไดบรรลุมรรคผลนิพพาน
อทิ ัง เม ปุญญะภาคัง, ราชาที่นัญเจวะ, มาตาปต ุ อาทีน่ ญั จะ ปยะชะนานัง, สัพพะสัตตานญั จะ, นิยยาเทมะ
ขาพเจาทั้งหลาย, ขอนอมถวายสวนบุญน้ี, แดอิสระชน, คือชนผูเปนใหญทั้งหลาย, มีองค
พระมหากษัตริย, ผูเปนพระประมุขของชาติ, องคสมเด็จพระสังฆราช, ผูเปนประมุขของศาสนา, และคณะ
รัฐบาล, ผบู รหิ ารประเทศ เปน ตน
ขอแผสวนกุศลน้ี, ใหแกปยชน, คนที่รักทั้งหลาย, มีบิดามารดา ปู ยา ตา ยาย, และครู อุปชฌาย
อาจารยท้งั หลาย เปน ตน
และขอแผสวนกุศลน้ี, ใหแกสรรพสัตวทั้งหลาย, ทุกชาติชั้นวรรณะ ทุกศาสนา ทกุ ภาษา, ที่อยูทั่วทุก
มมุ แหง โลก,
สัพเพ สัตตา
อนั วา สตั วทง้ั หลาย, ทกุ ชาติทุกภาษา และทุกหนทกุ แหง ทีอ่ ยูทางทิศบรู พากด็ ี ท่อี ยทู างทศิ ประจิมก็ดี
ท่อี ยูท างทิศอุดรกด็ ี ที่อยูทางทิศทกั ษณิ กด็ ี ท่อี ยูทางทิศอาคเนยก็ดี ท่อี ยทู างทิศพายัพกด็ ี ทอ่ี ยูท างทิศอีสานก็ดี
ที่อยทู างทิศหรดีก็ดี ทีอ่ ยูทางทศิ เบื้องลา ง ต้ังแตโลกนั ตมหานรกขึ้นมากด็ ี ที่อยูทางทิศเบื้องบนตั้งแตภวัคคะ
พรหมลงมาก็ดี
อเวรา โหนตุ ขอจงอยา ไดส รา งกรรมทําเวร และรบราฆา ฟนซง่ึ กัน และกนั เลย
อพั ยาปช ฌา โหนตุ ขอจงอยา ไดเ บียดเบียน ขม เหงคะเนงรายและปายสีใหแ กก นั และกันเลย
อนีฆา โหนตุ ขอจงอยา ไดมคี วามทุกขก าย ทุกขใจเลย
สขุ ี อตั ตานงั ปะรหิ ะรนั ตุ ขอจงมีความสุขกาย สขุ ใจ รกั ษาตนใหร อดพน จากทุกขภยั ทกุ ๆ คนเทอญ
สถาบนั วิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๖๖
หมวดพระอภิธรรมปฎก
อญั เชิญเทวดา
สะรัชชงั สะเสนัง สะพันธงุ นะรนิ ทงั
ปะรติ ตานภุ าโว สะทา รกั ขะตตู .ิ
ผะริตวฺ านะ เมตตัง สะเมตตา ภะทนั ตา
อะวกิ ขิตตะจติ ตา ปะริตตัง ภะณนั ตุ.
ทานผูเจริญทั้งหลาย ผูเ พียบพรอ มดวยเมตตา จงแผไมตรีจติ ดวยคิดวา ขออานุภาพ แหงพระปริตร
จงรักษาพระราชา ผูเปนเจาแหงนรชน พรอมดวยราชสมบัติ พรอมดวย พระราชวงศ พรอมดวยเหลา
เสนามาตย แลวอยา ไดม จี ิตฟงุ ซา น จงึ ตัง้ ใจสวดพระปรติ รเถดิ .
สะมนั ตา จกั กะวาเฬสุ อัตฺราคจั ฉนั ตุ เทวะตา
สทั ธมั มัง มนุ ริ าชสั สะ สณุ นั ตุ สัคคะโมกขะทงั ฯ
ขออญั เชิญเทวดาในจักรวาลท้ังหลายโดยรอบ มาสูสถานทีน่ ้ี ขอเชญิ ฟง พระสทั ธรรม ของพระจอมมนุ ี
อนั ช้ที างสวรรคแ ละนพิ พาน.
สคั เค กาเม จะ รเู ป คริ ิสิขะระตะเฏ จันตะลกิ เข วมิ าเน
ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถมุ หิ เขตเต
ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวสิ ะเม ยกั ขะคันธัพพะนาคา
ติฏฐันตา สันติเก ยงั มุนิวะระวะจะนงั สาธะโว เม สณุ ันตุ.
ขอเชญิ เหลา เทพเจา ผสู ถติ อยูใ นสวรรคชัน้ กามภพกด็ ี ชนั้ รูปภพก็ดี และภุมมเทวดา ผูสถิตอยูใ นวิมาน
บนยอดภเู ขา ในหุบผา ในอากาศ บนเกาะ ในแวน แควน ในบา น ในตน พฤกษา ในปาชฏั ในเรือนและในไรนา
ก็ดี และยักษ คนธรรพ นาค ผูสถิตอยูในนํา บนบก ในที่ไมราบเรียบ อนั อยูในที่ใกลเ คียงก็ดี ขอจงมาประชุม
พรอ มกนั ในท่นี ้ี ถอยคาํ ใดเปน ของพระมหามนุ ี ขอทานสาธชุ นทั้งหลาย จงต้งั ใจสดบั ถอยคำนนั้ อนั ขา พเจา จักกลาว
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยมั ภะทันตา
ดูกอ นทา นผูเจริญท้งั หลาย กาลน้ีเปนกาลฟงพระสัทธรรม
ธมั มัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทนั ตา
ดูกอนทา นผูเจริญทง้ั หลาย กาลนี้เปนกาลฟงพระสทั ธรรม
ธัมมสั สะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ฯ
ดูกอนทานผูเจริญทัง้ หลาย กาลน้เี ปน กาลฟงพระสทั ธรรม.
สถาบนั วปิ สสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๖๗
อะระหะโต
สมั มาสัมพทุ ธสั สะ. ปุพพภาคนมการ
(คํานอบนอ มในสว นเบอื้ งตน )
ขอนอบนอ มแดพระผมู ีพระภาคเจาพระองคน ั้น
ซงึ่ เปนผไู กลจากกเิ ลส
ตรสั รชู อบไดโ ดยพระองคเ อง. (๓ ครงั้ )
เขมาเขมสรณทีปกคาถา
คาถาแสดงสรณะอนั เกษมและไมเกษม
พะหุง เว สะระณงั ยนั ติ ปพพะตานิ วะนานิ จะ
อารามะรุกขะเจตยฺ านิ มะนสุ สา ภะยะตชซติ า
มนุษยเปนอันมาก เมื่อเกิดมีภัยคุกคามแลว ก็ถือเอาภูเขาบาง ปาไมบาง อาราม และรุกขเจดียบาง
เปนสรณะ
เนตงั โข สะระณงั เขมัง เนตงั สะระณะมตุ ตะมงั
เนตงั สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมจุ จะติ
น่นั มใิ ชส รณะอนั เกษมเลย นน่ั มิใชส รณะอันสงู สดุ เขาอาศยั สรณะนน้ั แลว ยอ มไมพน จากทกุ ขท้ังปวงได
โย จะ พุทธัญจะ ธัมมญั จะ สังฆญั จะ สะระณัง คะโต
จตั ตาริ อะริยะสจั จานิ สมั มปั ปญ ญายะ ปส สะติ
สว นผใู ดถอื เอาพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ เปน สรณะแลว เหน็ อรยิ สจั จ คอื ความจริงอันประเสริฐสี่
ดว ยปญญาอนั ชอบ
ทุกขงั ทกุ ขะสะมุปปาทงั ทกุ ขัสสะ จะ อะติกกะมัง
อะริยญั จัฏฐงั คิกัง มคั คงั ทุกขูปะสะมะคามินัง
คือเห็นความทุกข เหตุใหเกิดทุกข ความกาวลวงทุกขเสียได และหนทางมีองคแปด อันประเสริฐ
เครื่องถงึ ความระงับทุกข
เอตัง โข สะระณัง เขมัง เอตงั สะระณะมุตตะมงั
เอตงั สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ
นน่ั แหละ เปนสรณะอันเกษม นน่ั เปนสรณะอันสงู สดุ เขาอาศยั สรณะนั้นแลว ยอมพนจากทุกขท ั้งปวงได.
(เรื่องปุโรหติ ชอ่ื อดั คิทัต ขุ. ธ.)
สถาบันวปิ สสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๖๘
โอวาทปาตโิ มกขคาถา
ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา ขันติ คือความอดกลั้น เปน ธรรม เครือ่ งเผากเิ ลสอยางย่งิ
นพิ พานัง ปะระมัง วะทนั ติ พทุ ธา ผรู ทู ัง้ หลาย กลา วพระนพิ พานวา เปนธรรมอันยง่ิ
นะ หิ ปพ พะชิโต ปะรูปะฆาตี ผกู าํ จัดสัตวอ น่ื อยู ไมช่อื วา เปน บรรพชติ เลย
สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยนั โต ผทู าํ สตั วอืน่ ใหล าํ บากอยู ไมช อ่ื วา เปน สมณะเลย
สพั พะปาปสสะ อะกะระณงั การไมทําบาปทง้ั ปวง
กสุ ะลัสสปู ะสมั ปะทา การทํากศุ ลใหถ ึงพรอ ม
สะจติ ตะปะริโยทะปะนงั การชําระจิตของตนใหขาวรอบ
เอตงั พทุ ธานะสาสะนงั ธรรม ๓ อยางน้ี เปน คําสง่ั สอนของ พระพุทธเจาท้ังหลาย
อะนูปะวาโท อะนปู ะมาโต การไมพูดรา ย การไมท าํ ราย
ปาตโิ มกเข จะ สังวะโร การสาํ รวมในพระปาตโิ มกข
มัตตญั ตุ า จะ ภตั ตสั ฺมิง ความเปน ผรู ูประมาณในการบรโิ ภค
ปน ตัญจะ สะยะนาสะนงั การนอน การนง่ั ในทอ่ี นั สงดั
อะธจิ ิตเต จะ อาโยโค ความหมัน่ ประกอบในอธจิ ิต
เอตัง พุทธานสาสะนันติ ธรรม ๕ อยา งนี้ เปน คาํ ส่งั สอนของ พระพุทธเจาท้งั หลาย
ปฐมพุทธภาสติ คาถา
คาถาแสดงปฐมพุทธพจน (ว.ิ พาหิรนิทาน)
อะเนกะชาตสิ ังสารัง สนั ธาวสิ สงั อะนิพพิสัง
เม่อื เรายังไมพ บญาณ ไดแ ลนทองเท่ยี วไปในสงสารอันเปนอเนกชาติ
คะหะการงั คะเวสนั โต ทกุ ขา ชาติ บนุ ปั ปุนงั
แสวงหาอยูซึง่ นายชา งปลูกเรือน คือตณั หาผูส รา งภพ การเกิดทกุ คราวเปน ทกุ ขร ่ำไป
คะหะการะกะ ทิฏโฐสิ ปนุ ะ เคหัง นะ กาหะสิ
น่แี นะ ! นายชา งปลูกเรือน เรารูจักเจาเสยี แลว เจา จะทาํ เรอื นใหเ ราไมไดอีกตอ ไป
สพั พา เต ผาสกุ า ภคั คา คะหะกฎู งั วสิ ังขะตงั
โครงเรอื นท้งั หมดของเจา เราหกั เสยี แลว ยอดเรือนเรากร็ อื้ เสียแลว
วิสงั ขาระตะดงั จิตตัง ตัณหานงั ขะยะมชั ณะคาติ. (อภฐู . ท.ี สีล.)
จติ ของเราถงึ แลวซึ่งสภาพทอ่ี ะไรปรงุ แตง ไมไดอีกตอ ไป
มนั ไดถ งึ แลว ซ่งึ ความสน้ิ ไปแหงตณั หา คือพระนพิ พาน (อฏฐใ ขุ. ขุทก.)
สถาบนั วปิ สสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๖๙
พุทธอุทานคาถา (ว.ิ มหา. ข.ุ อุทาน.)
ยะทา หะเว ปาตุภะวันติ ธมั มา อาตาปโน ฌายโต พรฺ าหมฺ ะณัสสะ
อะกัสสะ กงั ขา วะปะยันติ สพั พา ยะโต ปะชานาติ สะเหตธุ มั มัง.
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏแกพราหมณผูมีความเพียรเพงอยู เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวง
ของพราหมณน ้นั ยอ มส้ินไป เพราะมารแู จง ธรรมพรอ มท้งั เหตุ
ยะทา หะเว ปาตภุ ะวันติ ธมั มา อาตาปโน ฌายโต พรฺ าหมฺ ะณสั สะ
อะถสั สะ กังขา วะปะยนั ติ สพั พา ยะโต ขะยัง ปจจะยานงั อะเวทิ.
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฎแกพราหมณผูมีความเพียรเพงอยู เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวง
ของพราหมณน้นั ยอมสิน้ ไป เพราะไดรคู วามสนิ้ ไปแหงปจจัยทง้ั หลาย.
ยะทา หะเว ปาตภุ ะวนั ติ ธมั มา อาตาปโน ฌายโต พฺราหมฺ ะณัสสะ
วิธูปะยัง ติฏฐะติ มาระเสนัง สโู รวะ โอภาสะยะมนั ตะลกิ ขนั ต.ิ
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏแกพราหมณผูมีความเพียรเพงอยู พราหมณนั้น ยอมกําจัดมาร
และเสนาเสียได ดจุ พระอาทิตยอุทัยกาํ จัดมดื ทาํ อากาศใหสวา ง ฉะนั้น.
ปจ ฉิมพทุ โธวาทปาฐะ
คาํ แสดงโอวาทคร้งั สุดทา ยของพระพุทธเจา
หันทะทานิ ภิกขะเว อามนั ตะยามิ โว
ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย บดั นี้ เราขอเตือนทา นทง้ั หลายวา
วะยะธัมมา สงั ขารา
สงั ขารทงั้ หลาย มีความเสอื่ มไปเปน ธรรมดา
อปั ปะมาเทนะ สมั ปาเทถะ
ทา นท้งั หลาย จงทาํ ความไมป ระมาทใหถงึ พรอมเถิด
อะยงั ตะถาคะตัสสะ ปจฉมิ า วาจา (มหาปรินิพพานสูตร ที. มหา.)
น้เี ปนวาจามใี นครง้ั สุดทา ยของพระตถาคต.
สถาบันวปิ สสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๗๐
รตนสตุ ตงั
ปะณธิ านะโต ปฏ ฐายะ ตะถาคะตัสสะ ทะสะ ปาระมิโย
ทะสะ อุปะปาระมิโย ทะสะ ปะระมตั ถะปาระมิโยติ
สะมะติงสะ ปาระมโิ ย ปูเรตวา ปญจะ มะหาปะรจิ จาเค
ตสิ โส จะรยิ า ปจฉิมพั ภะเว คพั ภาวักกันตงิ
ชาติง อะภนิ กิ ขะมะนัง ปะธานะจะริยงั โพธิปล ลังเก
มาระวชิ ะยัง สัพพญั ุตะญาณปั ปะฏเิ วธัง
ธัมมะจกั กปั ปะวัตตะนัง นะวะ โลกตุ ตะระธมั เมติ
สพั เพปเม พุทธะคุเณ อาวชั ชิตวฺ า เวสาลยิ า
ตสิ ุ ปาการันตะเรสุ ติยามะรตั ติง ปะรติ ตัง กะโรนโต
อายสั ฺมา อานนั ทัตเถโร วยิ ะ การุญญะจติ ตัง อปุ ฏฐะเปตวฺ า
เราทั้งหลาย จงตั้งจิตอันประกอบไปดวยความกรุณาในสัตวท ั้งหลาย ดุจดังทานพระอานนทเถระผูมี
อายุรําพึงถึงพระพุทธคุณท้ังหลาย แมทัง้ ปวงของพระตถาคตเจา จําเดิมแตทรงปรารถนาพระพุทธภมู ิเปนตน
มา ทรงยงั พระบารมี ๓๐ ถว น ใหบริบรู ณ คอื บารมี ๑๐ อุปบารมี ๑๐ ปรมตั ถบารมี ๑๐ มหาบริจาค ๕ จรยิ า
๓ เสดจ็ ลงสูคพั โภทร ในภพอนั มีในทส่ี ุด ประสตู แิ ลว เสดจ็ ออกมหาภิเนษกรมณ บําเพญ็ ความเพยี ร ทรงชำนะ
มาร แทงตลอดพระสัพพัญุตญาณ ในโลกตุ ตรมรรม ๙ ณ โพธบิ ัลลังก ดังน้ี แลวกระทาํ พระปรติ ร ตลอดราตรี
ทัง้ ๓ ยาม ภายในกาํ แพง ๓ ชนั้ ในเมืองเวสาลี.
โกฏสิ ะตะสะหสั เสสุ จักกะวาเฬสุ เทวะตา
ยสั สาณัม ปะฏิคคณั หันติ ยญั จะ เวสาลยี ัมปุเร
โรคามะนสุ สะทุพภิกขะ สมั ภูตนั ตวิ ิธมั ภะยัง
ขปิ ปะมันตะระธาเปสิ ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ
เทวดาทั้งหลายในแสนโกฏิจักรวาล ยอมรับเอาซึ่งอาชญา แหงพระปริตรอันใด อนึ่งพระปริตรอันใด
ยังภัย ๓ ประการ อนั เกดิ จากโรค เกิดจากอมนษุ ยและเกดิ จากขาวยาก หมากแพง ในเมอื งเวสาลี ใหอ ันตรธาน
ไปโดยเร็วพลัน เราท้งั หลาย จงสวดพระปริตรเปน เคร่อื งปองกนั ภยั อันน้ัน เทอญ.
ยานธี ะ ภตู านิ สะมาคะตานิ รตนสตุ ตัง (รัตนสตู ร)
ภุมมานิ วา ยานิ วะ อนั ตะลกิ เข
สพั เพวะ ภูตา สมุ ะนา ภะวนั ตุ อะโถป สักกจั จะ สณุ ันตุ ภาสิตัง.
หมูเทวดาเหลาใด อยูบนภาคพื้นดิน หรือเหลาใดอยูในภาคพื้นอากาศ มาประชุมกันแลวในที่นี้
ขอหมเู ทวดาท้ังหมดนัน้ จงมีใจดี และจงฟงสภุ าษติ โดยเคารพ ขอทานทง้ั หมดจงตัง้ ใจฟง
ตัสฺมา หิ ภตู า นสิ าเมถะ สัพเพ เมตตงั กะโรถะ มานุสิยา ปะชายะ
ทิวา จะ รัตโต จะ หะรนั ติ เย พะลงิ ตัสมฺ า หิ เน รักขะถะ อัปปะมตั ตา.
จงแผเมตตาไปในหมูประชาที่เปนมนุษย มนุษยเ หลาใด ยอมนําพลกี รรม คือ ทําบุญ อุทิศสวนกุศลไปให
ทานทั้งหลาย ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะเหตุนั้น ทานทั้งหลาย จงอยาประมาท จงชวยรักษามนุษย
เหลา น้นั ดว ยเถดิ .
สถาบันวปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๗๑
ยงั กิญจิ วติ ตงั อิธะ วา หรุ ัง วา สคั เคสุ วา ยัง ระตะนัง ปะณีดัง
นะ โน สะมงั อตั ถิ ตะถาคะเตนะ อทิ ัมป พทุ เธ ระตะนงั ปะณตี งั
เอเตนะ สจั เจนะ สุวตั ถิ โหตุ ฯ
ทรัพยเครื่องปลื้มใจอยางใดอยางหนึ่ง ในโลกนี้หรือในโลกอื่น หรือรัตนใด อันประณีต ในสวรรค
ทรัพยเครื่องปลื้มใจและรัตนะนั้น ที่เสมอดวยพระตถาคตไมมีเลย แมอันนี้เปน รัตนะอันประณีตใน
พระพทุ ธเจา ดว ยคาํ สัตยน้ี ขอความสวัสดจี งมี.
ชะยัง วริ าคัง อะมะตงั ปะณตี งั ยะทัชฌะคา สกั ยฺ ะมนุ ี สะมาหิโต
นะ เตนะ ธัมเมนะ สะมัตถิ กิญจิ อิทมั ป ธัมเม ระตะนงั ปะณตี ัง
เอเตนะ สจั เจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
พระศากยมุนี มีพระหฤทัยตั้งมั่น ทรงบรรลุธรรมใด เปนที่สิ้นกิเลส ปราศจาก ราคะ เปนอมตธรรมอัน
ประณีต สิ่งไร ๆ ที่เสมอดวยธรรมน้นั ไมมี แมอนั นี้เปน รัตนะอัน ประณีตในพระธรรม. ดวยคําสัตยนี้ ขอความ
สวัสดีจงม.ี
ยมั พทุ ธะเสฏโฐ ปะริวัณณะยี สจุ ิง สะมาธมิ านนั ตะริกัญญะมาหุ
สะมาธนิ า เตนะ สะโม นะ วิชชะติ อทิ มั ป ธัมเม ระตะนงั ปะณตี ัง
เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ตั ถิ โหตุ ฯ
พระพุทธเจาผูประเสริฐสุด ทรงสรรเสริญสมาธิอันใดวา เปนธรรมอันสะอาด ปราชญท้ังหลายกลาว
สมาธิอันใดวา ใหผลโดยลําดับ สมาธิอื่นที่เสมอดวยสมาธิอันนั้น ไมมี แมอันนี้เปนรัตนะ อันประณีตใน
พระธรรม ดวยคาํ สตั ยน ้ี ขอความสวสั ดจี งม.ี
เย ปุคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสตั ถา จัตตาริ เอตานิ ยคุ านิ โหนติ
เต ทกั ขเิ ณยยา สุคะตสั สะ สาวะกา เอเตสุ ทินนานิ มะหปั ผะลานิ
อทิ มั ป สงั เฆ ระตะนงั ปะณีตงั เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ัตถิ โหตุ ฯ
บุคคลเหลาใด ๘ จําพวก ๔ คู อันสัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญแลว บุคคลเหลา นั้น เปนสาวกของพระ
สุคต ควรแกทักษิณาทาน ทานทั้งหลายที่เขาถวายในบุคคลเหลานั้น ยอมมีผลมาก แมอันนี้เปนรัตนะ
อนั ประณีตในพระสงฆ. ดว ยคาํ สัตยน ี้ ขอความสวัสดีจงม.ี
เย สปุ ปะยตุ ตา มะนะสา ทัฬฺเหนะ นิกกามิโน โคตะมะสาสะนมั หิ
เต ปตติปต ตา อะมะตงั วคิ ยั หฺ ะ ลัทธา มธุ า นพิ พตุ งิ ภญุ ชะมานา
อิทัมป สังเฆ ระตะนงั ปะณตี ัง เอเตนะ สจั เจนะ สุวตั ถิ โหตุ ฯ
พระอริยบุคคลเหลาใด ในศาสนาของพระพุทธโคดม ประกอบดวยความเพียร ดีแลว มีใจมั่นคง
ปราศจากความอาลัย พระอรยิ บคุ คลเหลานั้น ถึงพระอรหัตตท่ีควรถึง หยง่ั เขา สูพระนิพพาน ไดความดับกิเลส
เอง เสวยผลอยู แมอ นั นเี้ ปน รัตนะอันประณีตใน พระสงฆ. ดว ยคาํ สัตยน ี้ ขอความสวสั ดีจงมี.
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๗๒
ยะถินทะขโี ล ปะฐะวงิ สิโต สิยา จะตพุ ภิ วาเตกิ อะสมั ปะกัมปโย
ตะกูปะมงั สัปปรุ สิ ัง วะทามิ โย อะรยิ ะสัจจานิ อะเวจจะ ปส สะติ
อิทมั ป สงั เฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ัตถิ โหตุ ฯ
เสาเขื่อนที่ฝงลงดินอยางมัน่ คงแลว ไมหวัน่ ไหวเพราะลมทั้ง ๔ ทิศ ฉนั ใด ผูใ ด พิจารณาเห็นอริยสัจจ
ทั้งหลาย เราเรียกผูนั้นวา สัตบุรุษ ผูไมหวั่นไหวเพราะโลกธรรม แมอันนี้เปนรัตนะอันประณีตในพระสงฆ.
ดว ยคําสตั ยนี้ ขอความสวัสดีจงม.ี
เย อะรยิ ะสจั จานิ วภิ าวะยนั ติ คัมภรี ะปญเญนะ สเุ ทสติ านิ
กิญจาป เต โหนติ ภุสปั ปะมตั ตา นะ เต ภะวัง อฏั ฐะมะมาทิยันติ
อทิ ัมป สังเฆ ระตะนงั ปะณตี งั เอเตนะ สจั เจนะ สวุ ตั ถิ โหตฯุ
พระโสดาบันจําพวกใด ทําใหแจงอริยสัจจ ที่พระศาสดาผูมีปญญาลึกซึ้งทรงแสดง ดีแลว ถึงแมวา
พระโสดาบันจําพวกนั้น จะเปนผูประมาทอยางแรงกลา ทานก็ไมถือเอาภพที่ ๘ แมอันนี้เปน รัตนะอันประณตี
ในพระสงฆ. ดว ยคาํ สัตยน้ี ขอความสวสั ดีจงม.ี
สะหาวสั สะ ทัสสะนะสัมปะทายะ ตะยสั สุ ธัมมา ชะหิตา ภะวันติ
สกั กายะทฏิ ฐิ วจิ ิกจิ ฉิตัญจะ สลี ัพพะตัง วาป ยะทัตถิ กิญจิ
จะตหู ะปาเยหิ จะ วปิ ปะมตุ โต ฉะ จาภิฐานานิ อะภพั โพ กาตงุ
อทิ มั ป สังเฆ ระตะนัง ปะณตี ัง เอเตนะ สจั เจนะ สุวตั ถิ โหตุ ฯ
สักกายทิฏฐิ วิจกิ จิ ฉา และสีลัพพตปรามาส อยา งใดอยางหนึง่ มีอยู สังโยชนธ รรม เหลานัน้ ยอมเปน
อนั พระโสดาบันละไดแ ลว พรอ มกับทัสสนสัมปทา คอื โสดาปต ติมรรค ทเี ดียว อนึ่ง พระโสดาบันเปนผูพนแลว
จากอบายทัง้ ๔ ไมอ าจท่ีจะทาํ อภฐิ าน ๕ คือ อนันตรยิ กรรม ๕ กับการเขารีต ๑ แมอนั นี้เปนรัตนะอันประณีต
ในพระสงฆ. ดวยคาํ สตั ยนี้ ขอความสวัสดจี งม.ี
กญิ จาป โส กัมมัง กะโรติ ปาปะกงั กาเยนะ วาจายทุ ะ เจตะสา วา
อะภพั โพ โส ตสั สะ ปะฏิจฉะทายะ อะภพั พะตา ทฏิ ฐะปะทสั สะ วุตตา
อทิ มั ป สงั เฆ ระตะนัง ปะณีตงั เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
ถึงแมวาพระโสดาบันน้ัน ยังทําบาปกรรมทางกาย วาจา หรือใจไปบา ง เพราะความ ประมาท ทานไม
อาจจะปกปดบาปกรรมนนั้ ได พระผูมีพระภาคเจายอมตรสั ความที่พระโสดาบัน ผูเห็นบทคือพระนิพพานแลว
ไมอ าจปกปด บาปกรรมน้นั ไว แมอนั นเ้ี ปน รตั นะอันประณตี ในพระสงฆ. ดว ยคําสตั ยน ี้ ขอความสวัสดีจงม.ี
วะนปั ปะคุมเพ ยะถา ผุสสิตคั เค คิมหานะมาเส ปะฐะมัสมฺ ิง คิมเห
ตะถปู ะมงั ธมั มะวะรงั อะเทสะยิ นิพพานะคามงิ ปะระมัง หติ ายะ
อิทมั ป พทุ เธ ระตะนงั ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
พุม ไมง ามในปา ท่ียอดมดี อกบานสะพรง่ั ในตน เดอื นคิมหะแหงฤดูคิมหนั ต ฉันใด พระผูมีพระภาคเจา
ไดท รงแสดงธรรมอนั ประเสริฐ เปน เครื่องใหถงึ พระนพิ พาน เพือ่ ประโยชน อยางยิ่งแกสัตวท งั้ หลาย ก็อุปมาฉนั
นน้ั แมอ ันน้ีเปน รตั นะอันประณตี ในพระพุทธเจา ดวยคาํ สัตยน้ี ขอความสวสั ดีจงมี.
สถาบันวิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๗๓
วะโร วะรัญู วะระโท วะราหะโร อะนตุ ตะโร ธัมมะวะรงั อะเทสะยิ
อิทมั ป พุทเธ ระตะนัง ปะณีตงั เอเตนะ สจั เจนะ สุวตั ถิ โหตุ ฯ
พระพุทธเจาผูประเสริฐ ทรงรูธรรมอันประเสริฐ ทรงประทานธรรมอันประเสริฐ ทรงนํามาซึ่งธรรม
อันประเสริฐ ไมมีผูอื่นยิ่งไปกวา ไดทรงแสดงธรรมอันประเสริฐ แมอันนี้ เปนรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจา .
ดวยคาํ สัตยน ี้ ขอความสวสั ดจี งมี.
ขีณัง ปรุ าณัง นะวงั นัตถิ สมั ภะวัง วริ ัตตะจติ ตายะตเิ ก ภะวสั ฺมงิ
เต ขณี ะพีชา อะวริ ฬุ หฺ ฉิ นั ทา นพิ พันติ ธีรา ยะถายมั ปะทโี ป
อทิ ัมป สังเฆ ระตะนัง ปะณตี ัง เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ัตถิ โหตุ ฯ
กรรมเกาของพระอริยบุคคลเหลาใด สิ้นไปแลว กรรมสมภพใหมยอมไมมี พระอริยบุคคลเหลาใด
มีจิตอันหนายแลวในภพตอไป พระอริยบุคคลเหลานั้น มีพืชสิ้นไปแลว มีความพอใจอันงอกไมไดแลว
เปนผูมีปญญา ยอมปรนิ พิ พานดับสนิท เหมือนประทีปดวงนี้ ฉะนัน้ แมอันน้ีเปนรัตนะอันประณีตในพระสงฆ.
ดวยคําสัตยน ี้ ขอความสวัสดีจงมี. คร้นั จบพระปรติ รแลว ทาวสักกเทวราชไดตรัสเสรมิ เปนคาถาวา ดงั นี้
ยานีธะ ภตู านิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิ วะ อันตะลกิ เข
ตะถาคะตงั เทวะมะนสุ สะ ปูชิตงั พทุ ธัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
หมูเทวดาเหลาใดอยูบนภาคพื้นดิน หรือเหลาไดอยูในภาคพื้นอากาศ มาประชุม กันแลวในที่น้ี
จงพรอ มใจกันนอบนอมพระพทุ ธเจาผเู สดจ็ ไปแลวอยางงาม อนั เทวดา และมนุษยบูชาแลว ขอความสวัสดีจงมี.
ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภมุ มานิ วา ยานิ วะ อนั ตะลกิ เข
ตะถาคะตัง เทวะมะนสุ สะ ปูชติ ัง ธัมมัง นะมสั สามะ สวุ ตั ถิ โหตุ ฯ
หมูเทวดาเหลาใดอยูบนภาคพื้นดิน หรือเหลาใดอยูในภาคพื้นอากาศ มาประชุม กันแลวในที่นี้
จงพรอ มใจกันนอบนอมพระธรรมอันเปน ไปแลว อยางงาม อนั เทวดา และมนษุ ยบ ชู าแลว ขอความสวสั ดจี งมี.
ยานธี ะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภมุ มานิ วา ยานิ วะ อันตะลกิ เข
ตะถาคะตงั เทวะมะนุสสะ ปูชติ งั สงั ฆงั นะมสั สามะ สวุ ตั ถิ โหตุ ฯ
หมูเทวดาเหลาใดอยูบนภาคพื้นดิน หรือเหลาใดอยูในภาคพื้นอากาศ มาประชุม กันแลวในที่น้ี
จงพรอ มใจกันนอบนอ มพระสงฆผดู ําเนนิ ไปแลวอยางงาม อันเทวดา และมนุษยบชู าแลว ขอความสวสั ดีจงมี
(ขุ. ขุทก. ข.ุ สตุ ต.)
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๗๔
อภธิ มฺมปฏ เก วิภงฺคปาิ
พระบาลีอภิธรรมปฎ ก วิภงั ค
๒. อภธิ มฺมภาชนยี ํ
๒. อภธิ รรมภาชนีย
[๓๒] ปฺจกฺขนธฺ า รูปกขฺ นโฺ ธ เวทนากขฺ นโฺ ธ สญฺ ากขฺ นฺโธ สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธ วิ ฺญาณกขฺ นฺโธ.
[๓๒] ขนั ธ ๕ คอื ๑. รปู ขนั ธ ๒. เวทนาขันธ ๓. สญั ญาขนั ธ ๔. สังขารขนั ธ ๕. วิญญาณขันธ
๑. รปู กขฺ นโุ ธ
๑. รปู ขนั ธ
ตตถฺ กตโม รูปกขฺ นโฺ ธ ในขันธ ๕ นน้ั รปู ขนั ธ เปนไฉน
[๓๓] เอกวิเธน รูปกขฺ นโฺ ธ สพพฺ ํ รูป น เหตุ อเหตกุ ํ เหตวุ ปิ ปฺ ยุตฺตํ สปฺปจฺจยํ สงขฺ ตํ รปู โลกิยํ สาสวํ
สฺโญชนิยํ คนฺถนิยํ โอฆนิยํ โยคนิยํ นิวรณิยํ ปรามฐํ อุปาทานิยํ สงฺกิเลสิกํ อพฺยากตํ อนารมฺมณํ
อเจตสิกํ จิตฺตวิปฺปยุตฺตํ เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมํ อสงฺกิลิฐสงฺกิเลสิกํ น สวิตกฺกสวิจารํ น อวิตกฺก
วิจารมตฺตํ อวิตกฺกอวิจารํ น ปติสหคตํ น สุขสหคตํ น อุเปกฺขาสหคตํ เนวทสฺสเนน น ภาวนายปหาตพฺพํ
เนวทสฺสเนน น ภาวนายปหาตพฺพเหตุกํ เนวาจยคามินา ปจยคามิ เนวเสกฺขนาเสกฺขํ ปริตฺตํ กามาวจรํ
น รูปาวจรํ น อรปู าวจรํ ปรยิ าปนฺนํ โน อปรยิ าปนนฺ ํ อนิยตํ อนยิ ยฺ านิกํ อุปฺปนฺนํ ฉหิ วิ ญฺ าเณหิ วิฺเญยฺยํ
อนจิ จฺ ํ ชราภภิ ูตํ เอวํ เอกวิเธน รปู กขฺ นโฺ ธ.
[๓๓] รูปขันธหมวดละ ๑ คือ รูปทั้งหมด เปนนเหตุ เปนอเหตุกะ เปนเหตุวิปปยุต เปนสัปปจจยะ
เปนสังขตะ เปนรูป เปนโลกิยะ เปนสาสวะ เปนสัญโญชนิยะ เปนคันถนิยะ เปนโอฆนิยะ เปนโยคนิยะ
เปนนีวรณิยะ เปนปรามัฏฐะ เปนอุปาทานิยะ เปนสังกิเลสกิ ะ เปนอัพยากฤต เปน อนารัมมณะ เปนอเจตสิกะ
เปน จิตตวปิ ปยตุ เปนเนววิปากนวปิ ากธัมมธรรม เปนอสงั กสิ ฏิ ฐสงั กิเลสกิ ะ เปนนสวิตักกสวจิ าระ เปน นอวิตกก
วจิ ารมัตตะ เปนอวิตักกอวิจาระ เปนนปติสหคตะ เปนนสุขสหคตะ เปน นอุเปกขาสหคตะ เปนเนวทัสสนนภา
วนาปหาตัพพะ เปนเนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพเหตุกะ เปนเนวาจยคามินาปจยคามี เปนเนวเสกขนาเสกขะ
เปนปริตตะ เปนกามาวจร เปนนรูปาวจร เปนนอรูปาวจรเปนปริยาปนนะ เปนนอปริยาปนนะ เปนอนิยตะ
เปนอนิยยานิกะ เปนอุปปน นฉวิญญาณวิญเญยยะ เปนอนิจจะ เปนชราภิภูตะ รูปขนั ธหมวดละ ๑ ดวยประการ
ฉะนี้
[๓๔] ทุวเิ ธน รูปกขฺ นโฺ ธ
[๓๔] รูปขนั ธหมวดละ ๒ คือ
อตฺถิ รูป อปุ าทา อตถฺ ิ รปู โน อุปาทา.
รูปเปน อปุ าทา รปู เปนอนปุ าทา
อตถฺ ิ รปู อปุ าทินนฺ ํ อตฺถิ รูป อนุปาทนิ นฺ ํ.
รปู เปน อปุ าทนิ นะ รูปเปนอนุปาทินนะ
สถาบนั วิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๗๕
อตถฺ ิ รปู อุปาทนิ นฺ ุปาทานยิ ํ อตถฺ ิ รปู อนปุ าทินฺนุปาทานยิ ํ.
รูปเปนอุปาทนิ นปุ าทานยิ ะ รูปเปนอนปุ าทินนปุ าทานยิ ะ
อตถฺ ิ รปู สนทิ สฺสนํ อตถฺ ิ รปู อนทิ สสฺ นํ.
รูปเปนสนทิ สั สนะ รปู เปน อนิทัสสนะ
อตฺถิ รปู สปฺปฏิฆํ อตถฺ ิ รูป อปฺปฏิฆํ.
รูปเปน สัปปฏฆิ ะ รูปเปน อปั ปฏิฆะ
อตฺถิ รปู อินฺทฺรยิ ํ อตถฺ ิ รปู น อนิ ฺทรฺ ยิ .ํ
รปู เปน อินทรยี รปู ไมเ ปน อินทรยี
อตฺถิ รปู มหาภูตํ อตถฺ ิ รปู น มหาภูต.ํ
รูปเปน มหาภูต รปู ไมเ ปนมหาภูต
อตฺถิ รปู วิ ญฺ ตตฺ ิ อตถฺ ิ รปู น วิ ญฺ ตฺต.ิ
รปู เปน วญิ ญัตติ รปู ไมเปน วญิ ญตั ติ
อตถฺ ิ รปู จติ ฺตสมฏุ ฐานํ อตถฺ ิ รูป น จิตตฺ สมฏุ ฐานํ.
รูปเปนจิตตสมุฏฐาน รูปไมเ ปน จิตตสมฏุ ฐาน
อตถฺ ิ รปู จิตตฺ สหภุ อตฺถิ รปู น จติ ฺตสหภุ.
รปู เปน จิตตสหภู รปู ไมเปนจิตตสหภู
อตถฺ ิ รปู จิตฺตานปุ รวิ ตฺติ อตถฺ ิ รปู น จิตตฺ านุปริวตฺติ.
รูปเปน จติ ตานปุ รวิ ัตติ รปู ไมเปน จติ ตานุปริวตั ติ
อตฺถิ รปู อชฌฺ ตตฺ ิกํ อตฺถิ รูป พาหิร.ํ
รปู เปนอัชมตั ติกะ รปู เปน พาหิระ
อตฺถิ รปู โอฬารกิ ํ อตถฺ ิ รูป สุขุม.ํ
รปู เปน โอฬาริกะ รปู เปนสขุ มุ ะ
อตฺถิ รปู ทเู ร อตฺถิ รปู สนฺติเก ฯเปฯ
รูปเปนทูเร รปู เปนสันตเิ ก ฯลฯ
อตฺถิ รปู กพกึ าโร อาหาโร อตฺถิ รูป น กพึกาโร อาหาโร.
รปู เปนกวิงการาหาร รปู ไมเปนกวิงการาหาร
เอวํ ทุวเิ ธน รูปกฺขนโฺ ธ.
รูปขันธหมวดละ ๒ ดว ยประการฉะนี้
[๓๕] ตวิ เิ ธน รปู กขฺ นฺโธ ยนฺตํ รูป อชณฺ ตตฺ กิ ํ ตํ อุปาทา ยนตฺ ํ รูป พาหิรํ ตํ อตถฺ ิ อปุ าทา อตฺถิ อนุปาทา.
[๓๕] รปู ขนั ธห มวดละ ๓ คอื อชั มตั ตกิ รูปเปน อปุ าทา พาหิรรปู เปนอุปาทา พาหิรรูป เปน อนปุ าทา
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๗๖
ยนตฺ ํ รปู อชฺฌตตฺ ิกํ ตํ อปุ าทนิ นฺ ํ ยนตฺ ํ รปู พาหิรํ ตํ อตถฺ ิ อปุ าทินฺนํ อตฺถิ อนปุ าทนิ ฺนํ.
อชั ณตั ติกรปู เปนอปุ าทินนะ พาหิรรูปเปน อปุ าทนิ นะ พาหิรรูปเปนอนปุ าทนิ นะ
ยนตฺ ํ รปู อชฺฌตตฺ กิ ํ ตํ อปุ าทนิ นฺ ปุ าทานยิ ํ ยนฺตํ รูป พาหริ ํ ตํ อตถฺ ิ อปุ าทนิ ฺนุปาทานยิ ํ อตถฺ ิ อุปาทินฺ
นุปาทานิยํ ฯเปฯ
อัชมัตติกรูปเปนอุปาทินนุปาทานิยะ พาหิรรูปเปน อุปาทินนุปาทานิยะ พาหิรรูปเปน อนุปาทินนุปา
ทานียะ ฯลฯ
ยนฺตํ รูป อชฺฌตฺติกํ ตํ น กพึกาโร อาหาโร ยนฺตํ รูป พาหิรํ ตํ อตฺถิ กพึกาโร อาหาโร อตฺถิ
น กพกึ าโร อาหาโร เอวํ ตวิ เิ ธน รปู กขฺ นโฺ ธ.
อัชมัตติกรูปไมเปนกวิงการาหาร พาหิรรูปเปนกวิงการาหาร พาหิรรูปไมเปน กวิงการาหาร
รูปขันธห มวดละ ๓ ดว ยประการฉะน้ี
[๓๖] จตุพฺพิเธน รปู กขฺ นโฺ ธ ยนตฺ ํ รปู อปุ าทา ตํ อตฺถิ อปุ าทินนฺ ํ อตถฺ ิ อนปุ าทนิ ฺนํ
[๓๖] รูปขนั ธห มวตละ ๔ คือ อปุ าทารูปเปนอุปาทนิ นะ อุปาทารปู เปนอนปุ าทินนะ
ยนฺตํ รูป อนปุ าทา ตํ อตถฺ ิ อปุ าทนิ นฺ ํ อตถฺ ิ อนปุ าทินฺนํ.
อนปุ าทารูปเปนอุปาทินนะ อนุปาทารูปเปนอนปุ าทนิ นะ
ยนฺตํ รูป อุปาทา ตํ อตถฺ ิ อปุ าทนิ ฺนุปาทานิยํ อตฺถิ อนุปาทนิ นฺ ุปาทานิยํ
อปุ าทารูปเปน อุปาทนิ นปุ าทานยิ ะ อุปาทารปู เปน อนุปาทินนุปาทานยิ ะ
ยนฺตํ รูป อนปุ าทา ตํ อตถฺ ิ อปุ าทินฺนุปาทานยิ ํ อตถฺ ิ อนปุ าทินฺนุปาทานยิ .ํ
อนปุ าทารูปเปนอปุ าทนิ นปุ าทานิยะ อนุปาทารูปเปน อนปุ าทนิ นปุ าทานิยะ
ยนฺตํ รปู อปุ าทา ตํ อตถฺ ิ สปฺปฏิฆํ อตฺถิ อปปฺ ฏิฆํ
อปุ าทารปู เปนสัปปฏฆิ ะ อปุ าทารูปเปน อปั ปฏิฆะ
ยนตฺ ํ รปู อนปุ าทา ตํ อตถฺ ิ สปฺปฏฆิ ํ อตถฺ ิ อปปฺ ฏฆิ ํ.
อนุปาทารปู เปนสัปปฏิฆะ อนุปาทารปู เปนอปั ปฏฆิ ะ
ยนฺตํ รปู อุปาทา ตํ อตถฺ ิ โอฬาริกํ อตถฺ ิ สขุ มุ ํ
อปุ าทารปู เปนโอฬาริกะ อปุ าทารปู เปน สขุ ุมะ
ยนตฺ ํ รปู อนปุ าทา ตํ อตถฺ ิ โอฬารกิ ํ อตถฺ ิ สขุ มุ ํ.
อนปุ าทารูปเปนโอฬารกิ ะ อนุปาทารปู เปน สขุ มุ ะ
ยนฺตํ รูป อุปาทา ตํ อตฺถิ ทูเร อตฺถิ สนตฺ ิเก
อปุ าทารูปเปนทูเร อุปาทารปู เปน สันติเก
ยนฺตํ รูป อนุปาทา ตํ อตถฺ ิ ทเู ร อตถฺ ิ สนตฺ ิเก ฯเปฯ
อนปุ าทารูปเปนทูเร อนปุ าทารูปเปน สนั ตเิ ก ฯลฯ
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๗๗
ทฏิ ฐํ สุตํ มตุ ํ วิ ญฺ าตํ รปู เอวํ จตพุ ฺพเิ ธน รูปกฺขนฺโธ.
ทฏิ ฐรูป สตู รปู มุดรูป วิญญาตรูป รูปขนั ธหมวดละ ๔ ดวยประการฉะน้ี
[๓๗] ปฺจวิเธน รูปกฺขนฺโธ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ยฺจ รูป อุปาทา เอวํ
ปจฺ วิเธน รปู กฺขนโฺ ธ.
[๓๗] รูปขันธหมวดละ ๕ คือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโย ธาตุ อุปาทารูป รปู ขันธหมวดละ ๕
ดว ยประการฉะนี้
[๓๘] ฉพพฺ เิ ธน รปู กขฺ นโฺ ธ จกฺขุวิฺเญยฺยํ รปู โสตวิฺเญยฺยํ รูป ฆานวิ ฺเญยฺยํ รูป ชวิ ฺหาวิฺเญยฺยํ
รปู กายวิ เฺ ญยฺยํ รปู มโนวิฺเญยยฺ ํ รปู เอวํ ฉพฺพเิ ธน รูปกขฺ นฺโธ.
[๓๘] รูปขันธหมวดละ ๖ คือ จักขวุ ิญเญยยรูป โสตวิญเญยยรปู ฆานวิญเญยยรูป ชิวหาวิญเญยยรูป
กายวิญเญยยรูป มโนวิญเญยยรปู รูปขนั ธห มวดละ ๖ ดวยประการฉะน้ี
[๓๙] สตฺตวิเธน รูปกฺขนฺโธ จกฺขุวิฺเญยฺยํ รูป ฯเปฯ มโนธาตุวิฺเญยฺยํ รูป มโนวิฺญาณธาตุ
วิ ฺเญยฺยํ รปู เอวํ สตฺตวิเธน รปู กขฺ นฺโธ.
[๓๙] รูปขันธห มวดละ ๗ คือ จักขุวิญเญยยรปู ฯลฯ มโนธาตุวิญเญยยรูป มโนวิญญาณ ธาตวุ ิญเญยย
รูป รูปขันธห มวดละ ๗ ดวยประการฉะนี้
[๔๐] อฐวิเธน รูปกฺขนฺโธ จกฺขุวิฺเญยฺยํ รูปฯเปฯ กายวิฺเญยฺยํ รูป อตฺถิ สุขสมฺผสฺสํ อตฺถิ
ทกุ ฺขสมฺผสสฺ ํ มโนธาตวุ ิ เฺ ญยฺยํ รูป มโนวิญฺ าณธาตวุ ิเฺ ญยฺยํ รูป เอวํ อฐวิเธน รูปกขฺ นโฺ ธ.
[๔๐] รูปขันธหมวดละ ๘ คือ จกั ขวุ ิญเญยยรปู ฯลฯ สขุ สัมผสั สกายวิญเญยยรูป ทกุ ขสัมผสั สกายวิญเญยย
รูป มโนธาตวุ ญิ เญยยรปู มโนวิญญาณธาตวุ ิญเญยยรูป รปู ขนั ธ หมวดละ ๘ ดว ยประการฉะน้ี
[๔๑] นววิเธน รูปกฺขนฺโธ จกฺขุนฺทฺริยํ โสตินฺทฺริยํ ฆานินฺทฺริยํ ชิวฺหินฺทฺริยํ กายินฺทฺริยํ อิตถินฺทฺริยํ
ปรุ สิ นิ ฺทฺริยํ ชวี ติ นิ ฺทฺรยิ ํ ยจฺ รูป น อินฺทรฺ ยิ ํ เอวํ นววิเธน รูปกฺขนโฺ ธ.
[๔๑] รูปขันธหมวดละ ๙ คือ จักขุนทรีย โสตินทรีย ฆานินทรีย ชิวหินทรีย กายินทรีย อิตถินทรีย
ปุริสินทรยี ชีวติ ินทรีย รปู ไมเปนอนิ ทรยี รูปขันธหมวดละ ๙ ดว ยประการฉะน้ี
[๔๒] ทสวิเธน รูปกฺขนฺโธ จกฺขนุ ฺทฺริยํ ฯเปฯ ชีวติ ินฺทฺริยํ น อนิ ฺทฺริยํ รูปํ อตฺถิ สปฺปฏิฆํ อตฺถิ อปฺปฏิฆํ
เอวํ ทสวเิ ธน รปู กฺขนโฺ ธ.
[๔๒] รูปขันธหมวดละ ๑๐ คือ จักขุนทรียฯลฯ ชีวิตินทรีย รูปไมเปนอินทรียเปน สัปปฏิฆะ รูปไมเปน
อนิ ทรยี เปนอปั ปฏิฆะ รูปขนั ธหมวดละ ๑๐ ดว ยประการฉะน้ี
[๔๓] เอกาทสวิเธน รูปกฺขนฺโธ จกฺขายตนํ โสตายตนํ ฆานายตนํ ชิวฺหายตนํ กายายตนํ รูปายตนํ
สทฺทายตนํ คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฐพฺพายตนํ ยฺจ รูป อนิทสฺสนํ อปฺปฏิฆํ ธมฺมายตนปริยาปนฺนํ เอวํ
เอกาทสวิเธน รปู กขฺ นฺโธ.
สถาบันวปิ สสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๗๘
[๔๓] รปู ขนั ธหมวดละ ๑๑ คือ จักขายตนะ โสตายตนะ ฆานายตนะ ชิวหายตนะ กายายตนะ รูปายตนะ
สัททายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ และรูปที่เห็น ไมไดกระทบไมได นับเนื่องในธัมมายตนะ
รูปขนั ธหมวดละ ๑๑ ดว ยประการฉะน้ี
อยํ วุจฺจติ รูปกฺขนโฺ ธ. สภาวธรรมน้ีเรียกวา รปู ขันธ
๒. เวทนากฺขนโธ
๒. เวทนาขนั ธ
ตตฺถ กตโม เวทนากฺขนโฺ ธ เวทนาขนั ธ เปน ไฉน
[ทุกมูลกวาร]
[๔๔] เอกวิเธน เวทนากขฺ นโฺ ธ ผสฺสสมฺปยุตโฺ ต.
[๔๔] เวทนาขันธห มวดละ ๑ คอื เวทนาขนั ธเปน ผสั สสมั ปยุต
ทวเิ ธน เวทนากขฺ นโฺ ธ อตฺถิ สเหตโุ ก อตถฺ ิ อเหตโุ ก.
เวทนาขันธหมวดละ ๒ คอื เวทนาขนั ธเ ปนสเหตุกะ เปนอเหตุกะ
ติวิเธน เวทนากขฺ นฺโธ อตถฺ ิ กสุ โล อตถฺ ิ อกุสโล อตถฺ ิ อพยฺ ากโต.
เวทนาขันธหมวดละ ๓ คือ เวทนาขนั ธเ ปนกุศล เปน อกศุ ล เปน อัพยากฤต
จตพุ ฺพเิ ธน เวทนากฺขนฺโธ อตถฺ ิ กามาวจโร อตฺถิ รูปาวจโร อตถฺ ิ อรปู าวจโร อตฺถิ อปุ ริยาปนฺโน.
เวทนาขนั ธห มวดละ ๔ คอื เวทนาขันธเ ปนกามาวจร เปนรูปาวจร เปนอรูปาวจร เปนอปริยาปน นะ
ปจฺ วเิ ธน เวทนากฺขนโฺ ธ อตถฺ ิ สุขนิ ฺทฺรยิ ํ อตฺถิ ทกุ ขฺ ินทฺ ฺรยิ ํ อตถฺ ิ โสมนสฺสินฺทฺริยํ อตฺถิ โทมนสฺสินฺทฺริยํ
อตฺถิ อเุ ปกฺขนิ ทฺ ฺรยิ ํ.
เวทนาขันธหมวดละ ๕ คือ เวทนาขันธเปนสุขินทรีย เปนทุกขินทรียเปนโสมนัสสินทรีย เปนโทมนัส-
สนิ ทรยี เปนอเุ ปกขนิ ทรยี
ฉพฺพิเธน เวทนากฺขนฺโธ จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา โสตสมฺผสฺสชา เวทนา ฆานสมฺผสฺสชา เวทนา
ชิวฺหาสมผฺ สฺสชา เวทนา กายสมผฺ สสฺ ชา เวทนา มโนสมผฺ สฺสชา เวทนา เอวํ ฉพพฺ ิเธน เวทนากฺขนโฺ ธ.
เวทนาขันธหมวดละ ๖ คือ จักขุสัมผัสสชาเวทนา โสตสัมผัสสชาเวทนา ฆานสัมผัส สชาเวทนา ชิวหา
สมั ผัสสชาเวทนา กายสมั ผสั สชาเวทนา มโนสมั ผัสสชาเวทนา เวทนาขนั ธ หมวดละ ๖ ดว ยประการฉะน้ี
สตฺตวิเธน เวทนากฺขนฺโธ จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา ฯเปฯ กายสมฺผสฺสชา เวทนา มโนธาตุสมฺผสฺสชา
เวทนา มโนวิญญาณธาตสุ มฺผสฺสชา เวทนา เอวํ สตฺตวิเธน เวทนากขฺ นฺโธ.
เวทนาขันธหมวดละ ๗ คือ จักขุสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ กายสัมผัสสชาเวทนา มโนธาตุ สัมผัสสชาเวทนา
มโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาเวทนา เวทนาขนั ธห มวดละ ๗ ดว ยประการฉะน้ี
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๗๙
อฐวเิ ธน เวทนากฺขนฺโธ จกฺขสุ มฺผสฺสชา เวทนา ฯเปฯ กายสมฺผสฺสชา เวทนา อตฺถิ สุขา อตฺถิ ทุกฺขา
มโนธาตสุ มผฺ สสฺ ชา เวทนา มโนวิฺญาณธาตสุ มผฺ สฺสชา เวทนา เอวํ อฐ วิเธน เวทนากขฺ นฺโธ.
เวทนาขนั ธห มวดละ ๘ คือ จักขสุ มั ผัสสชาเวทนา ฯลฯ สขุ กายสัมผสั สชาเวทนา ทกุ ขกายสัมผัสสชาเวทนา
มโนธาตุสมั ผสั สชาเวทนา มโนวิญญานธาตุสมั ผสั สชาเวทนา เวทนา ขนั ธหมวดละ ๘ ดว ยประการฉะนี้
นววเิ ธน เวทนากขฺ นฺโธ จกฺขสุ มผฺ สสฺ ชา เวทนา ฯเปฯ กายสมฺผสฺสชา เวทนา มโนธาตสุ มผฺ สสฺ ชา เวทนา
มโนวิญญาณธาตุสมฺผสสฺ ชา เวทนา อตถฺ ิ กสุ ลา อตฺถิ อกสุ ลา อตถฺ ิ อพยฺ ากตา เอวํ นววเิ ธน เวทนากขฺ นฺโธ.
เวทนาขันธหมวดละ ๙ คือ จักขุสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ กายสัมผัสสชาเวทนา มโนธาตุสัมผัสสชา
เวทนา กุสลมโนวิญญาณธาตสุ มั ผัสสชาเวทนา อกุสลมโนวิญญาณธาตุสัมผสั สซาเวทนา อพั ยากตมโนวิญญาณ
ธาตุสมั ผสั สชาเวทนา เวทนาขนั ธหมวดละ ๙ ดวยประการฉะนี้
ทสวิเธน เวทนากฺขนฺโธ จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา ฯเปฯ กายสมฺผสฺสชา เวทนา อตฺถิ สุขา อตฺถิ
ทุกฺขา มโนธาตุสมฺผสฺสชา เวทนา มโนวิฺญาณธาตุสมฺผสฺสชา เวทนา อตฺถิ กุสลา อตฺถิ อกุสลา อตฺถิ
อพฺยากตา เอวํ ทสวิเธน เวทนากฺขนฺโธ.
เวทนาขนั ธห มวดละ ๑๐ คือ จักขุสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ สุขกายสมั ผัสสชาเวทนา ทุกขกายสัมผัสสชา
เวทนา มโนธาตุสัมผัสสชาเวทนา กุสลมโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาเวทนา อกุสลมโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชา
เวทนา อัพยากตมโนวิญญาณธาตสุ ัมผสั สชาเวทนา เวทนา ขนั ธหมวดละ ๑๐ ดวยประการฉะน้ี
[๔๕] เอกวิเธน เวทนากฺขนฺโธ ผสฺสสมฺปยตุ โฺ ต.
[๔๕] เวทนาขันธห มวดละ ๑ คือ เวทนาขันธเปนสัมผสั สสัมปยตุ .
ทุวเิ ธน เวทนากขฺ นฺโธ อตถฺ ิ สเหตโุ ก อตถฺ ิ อเหตโุ ก.
เวทนาขนั ธห มวดละ ๒ คอื เวทนาขนั ธเ ปน สเหตุกะ เปน อเหตกุ ะ.
ตวิ เิ ธน เวทนากขฺ นโฺ ธ อตถฺ ิ วปิ าโก อตถฺ ิ วปิ ากธมฺมธมโฺ ม อตถฺ ิ เนววปิ ากน วิปากธมมฺ ธมฺโม
เวทนาขันธหมวดละ ๓ คอื เวทนาขันธเ ปนวบิ ากเปนวปิ ากธัมมธรรม เปน เนววบิ ากนวิปากธัมมธรรม
อตถฺ ิ อุปาทนิ นฺ ปุ าทานิโย อตฺถิ อนุปาทินนฺ ปุ าทานโิ ย อตฺถิ อนปุ าทนิ นฺ านุปาทานิโย
เวทนาขันธเ ปนอปุ าทินนุปาทานิยะ เปน อนุปาทินนปุ าทานิยะ เปน อนปุ าทนิ นานปุ าทานิยะ
อตถฺ ิ สงฺกิลิฐสงฺกิเลสิโก อตถฺ ิ อสงกฺ ลิ ิฐสงกฺ เิ ลสิโก อตฺถิ อสงฺกลิ ิ ฐ าสงกฺ ิเลสิโก
เวทนาขันธเปนสังกลิ ฏิ ฐสังกิเลสกิ ะ เปน อสังกิสฏิ ฐสงั กเิ ลสกิ ะ เปน อสังกสิ ฏิ ฐาสงั กิเลสกิ ะ
อตฺถิ สวิตกกฺ สวิจาโร อตถฺ ิ อวติ กกฺ วจิ ารมตโฺ ต อตฺถิ อวิตกกฺ าวจิ าโร
เวทนาขันธเปน สวติ ักกสวิจาระ เปนอวิตกั กวิจารมัตตะ เปนอวติ กการวิจาระ
อตถฺ ิ ทสฺสเนน ปหาตพโฺ พ
เวทนาขันธเ ปนทัสสนปหาตพั พะ
อตฺถิ ภาวนาย ปหาตพฺโพ
เปน ภาวนาปหาตัพพะ
สถาบันวิปส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๘๐
อตถฺ ิ เนว ทสสฺ เนน น ภาวนาย ปหาตพฺโพ
เปนเนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพะ
อตถฺ ิ ทสฺสเนน ปหาตพพฺ เหตโุ ก
เวทนาขนั ธเ ปน ทัสสนปหาตัพพเหตุกะ
อตฺถิ ภาวนาย ปหาตพพฺ เหตุโก
เปน ภาวนาปหาตัพพเหตกุ ะ
อตฺถิ เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพพฺ เหตุโก
เปนเนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพเหตุกะ
อตถฺ ิ อาจยคามิ อตฺถิ อปจยคามี อตถฺ ิ เนวาจยคามินาปจยคามิ
เวทนาขนั ธเ ปนอาจยคามี เปน อปจยคามี เปน เนวาจยคามีนาปจยคามี
อตถฺ ิ เสกฺโข อตถฺ ิ อเสกโฺ ข อตฺถิ เนวเสกฺโขนาเสกฺโข
เวทนาขนั ธเ ปน เสกขะ เปน อเสกขะ เปนเนวเสกขนาเสกขะ
อตถฺ ิ ปริตฺโต อตถฺ ิ มหคุคโต อตถฺ ิ อปฺปมาโณ
เวทนาขนั ธเปน ปรติ ตะ เปน มหคั คตะ เปน อปั ปมาณะ
อตถิ ปรติ ตารมมุ โณ อตถฺ ิ มหตคุ ตารมมุ โณ อตถฺ ิ อปปมาการมมุ โณ
เวทนาขนั ธ เปน ปรติ ตารมั มณะ เปน มหคั คตามมณะ เปน อปั ปมาณารัมมณะ
อตถิ หีโน อตถิ มชฺฌิโม อตถิ ปณีโต
เวทนาขันธเปน หนี ะ เปน มชั ฌิมะ เปนปณตี ะ
อตถิ มจิ ฺฉตฺตนิยโต อตถิ สมมฺ ตตฺ นยิ โต อตถิ อนยิ โต
เวทนาขนั ธ เปน มจิ ฉตั ตนยิ ตะ เปน สมั มตั ตนยิ ตะ เปน อนิยตะ
อตถิ มคฺคารมมฺ โณ อตถิ มคฺคเหตโุ ก อตถิ มคฺคาธปิ ติ
เวทนาขันธเ ปนมัคคารมั มณะ เปนมคั คเหตกุ ะ เปน มคั คาธปิ ติ
อตถิ อปุ ปฺ นฺโน อตถิ อนุปปฺ นฺโน อตถิ อุปฺปาที
เวทนาขนั ธเปนอปุ ปน นะ เปน อนปุ ปน นะ เปน อปุ ปาที
อตถิ อตีโต อตถิ อนาคโต อตถิ ปจจฺ ุปฺปนฺโน
เวทนาขนั ธเปนอดตี เปน อนาคต เปน ปจ จุบัน
อตถิ อตตี ารมมฺ โณ อตถิ อนาคตารมฺมโณ อตถิ ปจจฺ ุปฺปนฺนารมฺมโณ
เวทนาขันธเปนอตีตารัมมณะ เปน อนาคตารมั มณะ เปน ปจจปุ ปนนารัมมณะ
อตถิ อชฺฌตโฺ ต อตถิ พหทิ โฺ ธ อตถิ อชฺฌตตฺ พหิทฺโธ
เวทนาขนั ธเปนอัชมัตตะ เปน พหิทธา เปนอชั ญตั ตพิ หทิ ธา
สถาบันวปิ สสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๘๑
อตถิ อชฌฺ ตฺตารมมฺ โณ อตถิ พหทิ ธฺ ารมฺมโน อตถิ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมโณ ฯเปฯ
เวทนาขนั ธเปน อัชฌัตตารมั มณะ เปนพหิทธารัมมณะ เปน อชั ญัตตพหิทธารัมมณะ ฯลฯ
เอวํ ทสวเิ ธน เวทนากขฺ นโฺ ธ.
เวทนาขนั ธหมวดละ ๑๐ ดวยประการฉะน้ี
[๔๖] เอกวิเธน เวทนากฺขนโฺ ธ ผสสฺ สมปฺ ยตุ ฺโต.
[๔๖] เวทนาขันธหมวดละ ๑ คอื เวทนาขนั ธเปน ผัสสสัมปยตุ .
ทวิเธน เวทนากขฺ นฺโธ อตถิ เหตสุ มปฺ ยตุ ฺโต อตถิ เหตวุ ิปปฺ ยตุ ฺโต
เวทนาขันธหมวดละ ๒ คอื เวทนาขันธเปนเหตุสัมปยุต เปนเหตวุ ปิ ปยตุ
อตฺถิ น เหตุ สเหตโุ ก อตถฺ ิ น เหตุ อเหตุโก
เวทนาขนั ธเ ปนนเหตุสเหตกุ ะ เปนนเหตอุ เหตุกะ
อตถฺ ิ โลกิโย อตฺถิ โลกุตฺตโร
เวทนาขันธเปนโลกียะ เปนโลกุตตระ
อตฺถิ เกนจิ วิ เฺ ญยฺโย อตถฺ ิ เกนจิ น วิ ฺเญยฺโย
เวทนาขันธเ ปน เกนจวิ ญิ เญยยะ เปนเกนจิ นวิญเญยยะ
อตฺถิ สาสโว อตฺถิ อนาสโว
เวทนาขันธเปนสาสวะ เปน อนาสวะ
อตถฺ ิ อาสวสมปฺ ยตุ ฺโต อตฺถิ อาสววิปฺปยตุ โฺ ต
เวทนาขนั ธเ ปนอาสวสมั ปยุต เปน อาสววปิ ปยตุ
อตฺถิ อาสววปิ ปฺ ยุตฺตสาสโว อตฺถิ อาสววปิ ปฺ ยุตฺตอนาสโว
เวทนาขันธเปน อาสววิปปยตุ ตสาสวะ เปน อาสววปิ ปยตุ ตอนาสวะ
อตฺถิ สโฺ ญชนโิ ย อตถฺ ิ อสโฺ ญชนโิ ย
เวทนาขนั ธเปน สญั โญชนยิ ะ เปน อสญั โญชนยิ ะ
อตถฺ ิ สฺโญชนสมฺปยุตฺโต อตฺถิ สโฺ ญชนวปิ ปฺ ยตุ ฺโต
เวทนาขนั ธเปน สญั โญชนสมั ปยตุ เปน สญั โญชนวปิ ปยุต
อตถฺ ิ สฺโญชนวปิ ฺปยตุ ฺตสโฺ ญชนโิ ย อตถฺ ิ สฺโญชนวปิ ฺปยตุ ฺตอสฺโญชนโิ ย
เวทนาขนั ธเ ปน สญั โญชนวิปปยุตตสญั โญชนียะ เปน สญั โญชนวิปปยตุ ตอสัญโญชนิยะ
อตฺถิ คนฺถนโิ ย อตถฺ ิ อคนถฺ นิโย
เวทนาขันธเ ปน คนั ถนยิ ะ เปนอคนั ถนิยะ
อตฺถิ คนถฺ สมปฺ ยุตฺโต อตฺถิ คนถฺ วิปปฺ ยตุ ฺโต
เวทนาขันธเปน คนั ถสัมปยตุ เปนคันถวิปปยุต
สถาบันวปิ สสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๘๒
อตถฺ ิ คนถฺ วปิ ปฺ ยตุ ฺตคนถฺ นิโย อตฺถิ คนถฺ วิปปฺ ยตุ ฺตอคนถฺ นโิ ย
เวทนาขันธเ ปน คนั ถวปิ ปยตุ ตคนั ถนยิ ะ เปนคันถวิปปยุตตอคันถนยิ ะ
อตถฺ ิ โอฆนโิ ย อตฺถิ อโนฆนโิ ย
เวทนาขันธเ ปนโอฆนิยะ เปน อโนฆนิยะ
อตถฺ ิ โอฆสมฺปยตุ ฺโต อตฺถิ โอฆวปิ ปฺ ยตุ ฺโต
เวทนาขันธเปนโอฆสมั ปยุต เปน โอฆวิปปยุต
อตฺถิ โอฆวิปปฺ ยตุ ฺตโอมนิโย อตฺถิ โอฆวปิ ฺปยุตฺตอโนมนิโย
เวทนาขนั ธเปนโอฆวปิ ปยุตตโอฆนิยะ เปน โอฆวิปปยตุ ตอโนฆนยิ ะ
อตฺถิ โยคนิโย อตฺถิ อโยคนโิ ย
เวทนาขนั ธเปน โยคนิยะ เปนอโยคนยิ ะ
อตถฺ ิ โยคสมปฺ ยุตฺโต อตถฺ ิ โยควปิ ฺปยตุ ฺโต
เวทนาขันธเ ปน โยคสมั ปยตุ เปน โยควปิ ปยตุ
อตฺถิ โยควิปฺปยตุ ฺตโยคนโิ ย อตฺถิ โยควิปปฺ ยตุ ฺตอโยคนโิ ย
เวทนาขันธเปน โยควปิ ปยตุ ตโยคนิยะ เปน โยควิปปยุตตอโยคนิยะ
อตถฺ ิ นีวรณโิ ย อตถฺ ิ อนวี รณโิ ย
เวทนาขนั ธเ ปนนวี รณยิ ะ เปนอนีวรณยิ ะ
อตฺถิ นวี รณสมปฺ ยตุ ฺโต อตฺถิ นวี รณวิปปฺ ยตุ ฺโต
เวทนาขนั ธเปน นวี รณสัมปยุต เปน นวี รณวปิ ปยตุ
อตฺถิ นวี รณวิปปฺ ยตุ ฺตนีวรณิโย อตถฺ ิ นีวรณวิปปฺ ยุตตฺ อนวี รณิโย
เวทนาขันธเ ปน นวี รณวิปปยุตตนีวรณิยะ เปน นวี รณวิปปยตุ ตอนวี รณยิ ะ
อตถฺ ิ ปรามโฐ อตฺถิ อปรามโฐ
เวทนาขนั ธเ ปน ปรามฏั ฐะ เปน อปรามัฏฐะ
อตฺถิ ปรามาสสมฺปยุตฺโต อตฺถิ ปรามาสวิปปฺ ยุตฺโต
เวทนาขันธเปนปรามาสสมั ปยุต เปนปรามาสวปิ ปยตุ
อตฺถิ ปรามาสวิปฺปยตุ ฺตปรามโฐ อตฺถิ ปรามาสวปิ ปฺ ยตุ ฺตอปรามโ ฐ
เวทนาขนั ธเปน ปรามาสวิปปยตุ ตปรามฏั ฐะ เปนปรามาสวปิ ปยตุ ตอปรามฏั ฐะ
อตฺถิ อุปาทนิ โฺ น อตถฺ ิ อนปุ าทินฺโน
เวทนาขนั ธเ ปน อปุ าทนิ นะ เปน อนุปาทนิ นะ
อตถฺ ิ อปุ าทานโิ ย อตถฺ ิ อนุปาทานโิ ย
เวทนาขันธเ ปนอุปาทานิยะ เปน อนปุ าทานยิ ะ
สถาบนั วิปสสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๘๓
อตถฺ ิ อุปาทานสมฺปยุตฺโต อตฺถิ อปุ าทานวิปปฺ ยุตโฺ ต
เวทนาขนั ธเ ปนอปุ าทานสัมปยุต เปน อุปาทานวิปปยุต
อตถฺ ิ อปุ าทานวปิ ฺปยุตฺตอปุ าทานิโย อตฺถิ อุปาทานวิปฺปยุตฺตอนุปาทานโิ ย
เวทนาขนั ธเ ปนอุปาทานวิปปยุตตอุปาทานิยะ เปน อุปาทานวิปปยุตตอนปุ าทานยิ ะ
อตฺถิ สงฺกิเลสิโก อตฺถิ อสงกฺ ิเลสิโก
เวทนาขนั ธเปนสงั กเิ ลสกิ ะ เปนอสังกิเลสิกะ
อตฺถิ สงฺกลิ โ ฐ อตถฺ ิ อสงฺกลิ โ ฐ
เวทนาขนั ธเ ปน สังกิลฎิ ฐะ เปน อสงั กสิ ิฏฐะ
อตฺถิ กิเลสสมปฺ ยตุ ฺโต อตฺถิ กเิ ลสวิปฺปยตุ โฺ ต
เวทนาขนั ธเปน กเิ ลสสมั ปยุต เปนกเิ ลสวิปปยุต
อตถฺ ิ กิเลสวปิ ปฺ ยุตฺตสงฺกเิ ลสิโก อตฺถิ กเิ ลสวปิ ปฺ ยตุ ฺตอสงกฺ เิ ลสิโก
เวทนาขนั ธเปน กเิ ลสวิปปยุตตสังกเิ ลสกิ ะ เปนกเิ ลสวปิ ปยตุ ตอสังกิเลสิกะ
อตถฺ ิ ทสฺสเนน ปหาตพฺโพ อตถฺ ิ น ทสฺสเนน ปหาตพฺโพ
เวทนาขนั ธเ ปนทสั สนปหาตัพพะ เปนนทสั สนปหาตพั พะ
อตถฺ ิ ภาวนาย ปหาตพฺโพ อตฺถิ น ภาวนาย ปหาตพฺโพ
เวทนาขนั ธเ ปนภาวนาปหาตพั พะ เปน นภาวนาปหาตพั พะ
อตถฺ ิ ทสสฺ เนน ปหาตพฺพเหตโุ ก อตถฺ ิ น ทสสฺ เนน ปหาตพฺพเหตโุ ก
เวทนาขนั ธเ ปน ทสั สนปหาตพั พเหตกุ ะ เปนนทสั สนปหาตพั พเหตุกะ
อตถฺ ิ ภาวนาย ปหาตพฺพเหตโุ ก อตฺถิ น ภาวนาย ปหาตพพฺ เหตโุ ก
เวทนาขันธเปน ภาวนาปหาตัพพเหตุกะ เปนนภาวนาปหาตัพพเหตกุ ะ
อตฺถิ สวิตกฺโก อตฺถิ อวิตกโฺ ก
เวทนาขนั ธเปน สวิตกั กะ เปนอวิตกั กะ
อตฺถิ สวจิ าโร อตถฺ ิ อวจิ าโร
เวทนาขนั ธ เปน สวิจาระ เปนอวิจาระ
อตถฺ ิ สปฺปต โิ ก อตฺถิ อปปฺ ต ิโก
เวทนาขนั ธเปน สปั ปต กิ ะ เปน อปั ปติกะ
อตถฺ ิ ปตสิ หคโต อตถฺ ิ น ปตสิ หคโต
เวทนาขนั ธเ ปน ปต สิ หคตะ เปน น ปต ิสหคตะ
อตถฺ ิ กามาวจโร อตถฺ ิ น กามาวจโร
เวทนาขนั ธเปนกามาวจร เปน น กามาวจร
สถาบันวิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๘๔
อตฺถิ รูปาวจโร อตฺถิ น รปู าวจโร
เวทนาขนั ธเปน รปู าวจร เปน น รปู าวจร
อตถฺ ิ อรปู าวจโร อตฺถิ น อรปู าวจโร
เวทนาขนั ธเปน อรปู าวจร เปน น อรปู าวจร
อตถฺ ิ ปริยาปนฺโน อตถฺ ิ อปรยิ าปนโฺ น
เวทนาขันธเ ปนปรยิ าปน นะ เปน อปริยาปนนะ
อตถฺ ิ นยิ ฺยานโิ ก อตถฺ ิ อนิยฺยานิโก
เวทนาขันธเปนนิยยานกิ ะ เปนอนิยยานิกะ
อตถฺ ิ นยิ โต อตฺถิ อนิยโต
เวทนาขันธเปน นิยตะ เปน อนิยต
อตถฺ ิ สอุตตฺ โร อตฺถิ อนุตฺตโร
เวทนาขนั ธเ ปนสอุตตระ เปน อนุตตระ
อตฺถิ สรโณ อตถฺ ิ อรโณ.
เวทนาขันธเ ปนสรณะ เปนอรณะ
ติวเิ ธน เวทนากขฺ นโฺ ธ อตฺถิ กสุ โล อตฺถิ อกุสโล อตถฺ ิ อพฺยากโต ฯเปฯ
เวทนาขันธห มวดละ ๓ คอื เวทนาขนั ธเ ปนกุศล เปน อกศุ ล เปนอัพยากฤตฯลฯ
เอว ทสวิเธน เวทนากฺขนฺโธ.
เวทนาขันธห มวดละ ๑๐ ดวยประการฉะนี้
[๔๗] เอกวเิ ธน เวทนากขฺ นโฺ ธ ผสสฺ สมปฺ ยตุ ฺโต.
[๔๗] เวทนาขันธหมวดละ ๑ คอื เวทนาขันธเ ปนผสั สสัมปยตุ .
ทุวเิ ธน เวทนากฺขนฺโธ อตถฺ ิ สรโน อตถฺ ิ อรโณ.
เวทนาขนั ธห มวดละ ๒ คอื เวทนาขนั ธเปน สรณะ เปนอรณะ
ติวิเธน เวทนากขฺ นฺโธ อตฺถิ วปิ าโก อตฺถิ วิปากธมฺมธมฺโม อตฺถิ เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺโม อตฺถิ
อปุ าทนิ ฺนปุ าทานโิ ย ฯเปฯ
เวทนาขนั ธหมวดละ ๓ คอื เวทนาขนั ธเ ปนวิบาก เปนวิปากธัมมธรรม เปนเนววปิ ากนวปิ ากธมั มธรรมฯลฯ
อตฺถิ อชฺฌตฺตารมฺมโณ อตฺถิ พหิทฺธารมฺมโณ อตฺถิ อชฺฌตฺตพหิทฺธาร มฺมโณ ฯเปฯ เอวํ ทสวีเธน
เวทนากฺขนโฺ ธ.
เวทนาขันธเปนอัชฌัตตารัมมณะ เปนพหิทธารัมมณะ เปนอัชมัตตพหิทธารัมมณะ ฯลฯ เวทนาขนั ธ
หมวดละ ๑๐ ดวยประการฉะน้ี
ทกุ มูลกํ.
ทุกมลู กวาร จบ
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๘๕
๓. สญฺ ากฺขนโฺ ธ
๓. สัญญาขันธ
ตตฺถ กตโม สฺญากฺขนโฺ ธ สญั ญาขันธ เปนไฉน
[ทุกมลู กวาร]
[๕๔] เอกวเิ ธน สญฺ ากขฺ นโฺ ธ ผสสฺ สมฺปยุตฺโต.
[๕๔] สญั ญาขันธหมวดละ ๑ คือ สญั ญาขนั ธเ ปน ผัสสสัมปยุต
ทุวเิ ธน สญฺ ากขฺ นโฺ ธ อตถฺ ิ สเหตุโก อตถฺ ิ อเหตโุ ก.
สญั ญาขนั ธหมวดละ ๒ คอื สญั ญาขันธเ ปนสเหตกุ ะ เปนอเหตกุ ะ
ติวเิ ธน สญฺ ากขฺ นฺโธ อตถฺ ิ กสุ โล อตถฺ ิ อกสุ โล อตฺถิ อพยฺ ากโต.
สญั ญาขันธห มวตละ ๓ คือ สญั ญาขันธเ ปน กศุ ล เปนอกศุ ล เปน อัพยากฤต
จตพุ ฺพิเธน สญฺ ากขฺ นโฺ ธ อตถฺ ิ กามาวจโร อตฺถิ รปู าวจโร อตถฺ ิ อรูปาวจโร อตถฺ ิ อปริยาปนฺโน.
สญั ญาขันธหมวดละ ๔ คือ สัญญาขนั ธเ ปน กามาวจร เปน รปู าวจร เปน อรูปาวจร เปนอปรยิ าปนนะ
ปฺจวิเธน สฺญากฺขนฺโธ อตฺถิ สุขินฺทฺรยิ สมฺปยตุ ฺโต อตฺถิ ทุกฺขินฺทฺริยสมฺปยุตฺโต อตฺถิ โสมนสสฺ ินฺ-
ทรฺ ิยสมฺปยุตฺโต อตถฺ ิ โทมนสฺสินทฺ ฺรยิ สมปฺ ยตุ โฺ ต อตฺถิ อเุ ปกขฺ นิ ฺทรฺ ิยสมฺปยุตโฺ ต.
สัญญาขันธหมวดละ ๕ คือ สัญญาขันธเ ปน สุขินทรยิ สัมปยตุ เปนทุกขินทริยสัมปยุต เปนโสมนัสสินท
รยิ สัมปยุต เปน โทมนสั สินทรยิ สัมปยตุ เปน อุเปกขนิ ทริยสัมปยตุ
ฉพฺพิเธน สฺญากฺขนฺโธ จกฺขุสมฺผสฺสชา สฺญา โสตสมฺผสฺสชา สฺญา ฆานสมฺผสฺสชา สฺญา
ชิวฺหาสมผฺ สฺสชา สญฺ า กายสมฺผสฺสชา สฺญา มโนสมผฺ สฺสชา สฺญา เอวํ ฉพฺพเิ ธน สฺญากขฺ นโฺ ธ.
สัญญาขันธหมวดละ ๖ คือ จักขุสัมผัสสชาสัญญา โสตสัมผัสสชาสัญญา ฆานสัมผัสสชาสัญญา ซิวหา
สมั ผสั สชาสญั ญา กายสัมผสั สชาสญั ญา มโนสมั ผสั สชาสัญญา สญั ญาขันธ หมวดละ ๖ ดว ยประการฉะนี้
สตตฺ วเิ ธน สฺญากขฺ นโฺ ธ จกขฺ สุ มผฺ สฺสชา สฺญา ฯเปฯ กายสมฺผสสฺ ชา สฺญา มโนธาตสุ มผฺ สสฺ ชา
สฺญา มโนวิ ฺญาณธาตสุ มฺผสสฺ ชา สฺญา เอวํ สตฺตวิเธน สญฺ ากขฺ นฺโธ.
สญั ญาขนั ธหมวดละ ๗ คอื จกั ขสุ มั ผัสสชาสัญญาฯลฯ กายสมั ผสั สชาสญั ญา มโนธาตสุ มั ผสั สชาสญั ญา
มโนวญิ ญาณธาตุสัมผัสสชา สัญญาสญั ญาขันธหมวดละ ๗ ดวยประการ ฉะน้ี
อฐวิเธน สฺญากฺขนฺโธ จกฺขสุ มฺผสฺสชา สฺญา ฯเปฯ กายสมฺผสฺสชา สฺญา อตถฺ ิ สุขสหศตา
อตฺถิ ทุกฺขสหคตา มโนธาตุสมฺผสฺสชา สฺญา มโนวิญญาณธาตุสมฺผสฺสชา สฺญา เอวํ อฐวิเธน
สฺญากฺขนโฺ ธ.
สัญญาขันธหมวดละ ๘ คือ จกั ขุสัมผัสสชาสัญญา ฯลฯ สขุ สหคตกายสัมผัสสชา สัญญา ทุกขสหคต
กายสัมผสั สชาสัญญา มโนธาตุสัมผัสสชาสัญญา มโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาสัญญา สัญญาขันธหมวดละ ๘
ดวยประการฉะน้ี
สถาบันวปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๘๖
นววิเธน สฺญากฺขนฺโธ จกฺขุสมฺผสฺสชา สญฺ า ฯเปฯ กายสมฺผสฺสชา สญฺ า มโนธาตุสมฺผสฺสชา
สฺญา มโนวิฺญาณธาตุสมฺผสฺสชา สฺญา อตฺถิ กุสลา อตฺถิ อกุสลา อตฺถิ อพฺยากตา เอวํ นววิเธน
สญฺ ากฺขนโฺ ธ.
สญั ญาขันธหมวดละ ๙ คือ จกั ขุสมั ผัสสชาสัญญาฯลฯ กายสัมผัสสชาสัญญา มโนธาตุสมั ผัสสชาสญั ญา
กุสลมโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาสญั ญา อกุสลมโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาสัญญา อัพยากตมโนวิญญาณธาตุ
สมั ผสั สชาสัญญา สญั ญาขนั ธห มวดละ ๙ ดวยประการฉะน้ี
ทสวิเธน สฺญากฺขนฺโธ จกฺขุสมฺผสฺสชา สฺญา ฯเปฯ กายสมฺผสฺสชา สฺญา อตฺถิ สุขสหคตา
อตฺถิ ทุกฺขสหคตา มโนธาตุสมฺผสฺสชา สฺญา มโนวิฺญาณธาตุสมฺผสฺสชา สฺญา อตฺถิ กุสลา อตฺถิ
อกสุ ลา อตถฺ ิ อพยฺ ากตา
สัญญาขันธหมวดละ ๑๐ คือ จกั ขุสัมผัสสชาสัญญา ฯลฯ สุขสหคตกายสัมผสั สชา สญั ญา ทุกขสหคต
กายสัมผสั สชาสัญญา มโนธาตุสัมผัสสชาสัญญา กุสลมโนวิญญาณธาตสุ ัมผัสสชาสัญญา อกุสลมโนวญิ ญาณ
ธาตสุ มั ผัสสชาสัญญา อพั ยากตมโนวญิ ญาณธาตผุ สั สชาสัญญา
เอวํ ทสวเิ ธน สญฺ ากฺขนฺโธ.
สญั ญาขันธ หมวดละ ๑๐ ดว ยประการฉะน้ี
[๕๕] เอกวเิ ธน สญฺ ากขฺ นโฺ ธ ผสสฺ สมฺปยตุ ฺโต.
[๕๕] สัญญาขันธห มวดละ ๑ คือ สญั ญาขันธเ ปน ผัสสสมั ปยุต.
[๕๖] เอกวเิ ธน สฺญากฺขนฺโธ ผสสฺ สมปฺ ยุตฺโต.
[๕๖] สญั ญาขันธห มวดละ ๑ คอื สญั ญาขันธเปนผัสสสัมปยตุ
ทุวเิ ธน สฺญากฺขนโฺ ธ อตฺถิ สเหตุโก อตถฺ ิ อเหตุโก.
สญั ญาขนั ธห มวดละ ๒ คือ สญั ญาขนั ธเ ปนสเหตกุ ะ เปน อเหตกุ ะ
ติวิเธน สฺญากฺขนฺโธ อตฺถิ สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต อตฺถิ ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต อตฺถิ
อทุกขฺ มสขุ าย เวทนาย สมฺปยุตฺโต ฯเปฯ
สัญญาขันธหมวดละ ๓ คือ สัญญาขันธเปนสุขเวทนาสัมปยุต เปนทุกขเวทนาสัมปยุต เปน อทุกขมสุข
เวทนาสัมปยุต
อตฺถิ วิปาโก อตถฺ ิ วปิ ากธมฺมธมโฺ ม อตถฺ ิ เนววปิ ากนวิปากธมฺมธมฺโม
สญั ญาขันธเ ปนวบิ าก เปนวบิ ากธมั มธรรม เปน เนววปิ ากนวิปากธมั มธรรม
อตฺถิ อปุ าทนิ นฺ ปุ าทานิโย อตฺถิ อนุปาทินนฺ ปุ าทานโิ ย อตถฺ ิ อนุปาทินฺนานุปาทานโิ ย
สญั ญาขันธเ ปน อุปาทนิ นุปาทานิยะ เปน อนปุ าทนิ นปุ าทานยี ะ เปนอนุปาทนิ นานปุ าทานยะ
อตฺถิ สงฺกิลิฐสงกฺ ิเลสโิ ก อตถฺ ิ อสงฺกิลิฐสงฺกิเลสิโก อตถฺ ิ อสงฺกลิ ิฐ าสงฺกิเลสิโก
สญั ญาขันธเปนสงั กลิ ฏิ ฐสังกเิ ลสิกะ เปนอสังกิลิฎฐสังกเิ ลสิกะ เปนอสังกลิ ฏิ ฐาสังกเิ ลสิกะ
สถาบันวิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๘๗
อตถฺ ิ สวติ กฺกสวิจาโร อตถฺ ิ อวิตกฺกวจิ ารมตุโต อตฺถิ อวิตกกฺ าวจิ าโร
สญั ญาขันธเปน สวิตักกสวจิ าระ เปน อวติ กั กวจิ ารมัตตะ เปน อวติ กั กาวิจาระ
อตฺถิ ปติสหคโต อตถฺ ิ สุขสหคโต อตฺถิ อุเปกขฺ าสหคโต
สญั ญาขนั ธเ ปนปต สิ หคตะ เปน สขุ สหคตะ เปน อเุ ปกขาสหคตะ
อตถฺ ิ ทสสฺ เนน ปหาตพฺโพ อตฺถิ ภาวนาย ปหาตพฺโพ อตถฺ ิ เนวทสฺสเนน น ภาวนายปหาตพโฺ พ
สญั ญาขนั ธเปนทัสสนปหาตัพพะ เปนภาวนาปหาตพั พะ เปนเนวทสั สนนภาวนา ปหาตพั พะ
อตฺถิ ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุโก อตฺถิ ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุโก อตฺถิ เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย
ปหาตพพฺ เหตโุ ก
สัญญาขันธเปนทัสสนปหาตัพพเหตุกะ เปนภาวนาปหาตัพพเหตุกะ เปนเนวทัสสนนภาวนา
ปหาตพั พเหตกุ ะ
อตฺถิ อาจยคาม อตถฺ ิ อปจยคามิ อตถฺ ิ เนวาจยตามนาปจยตาม
สญั ญาขันธเปน อาจยคามี เปน อปจยคามี เปนเนวาจยคามนิ าปจยคามี
อตถฺ ิ เสกฺขา อตฺถิ อเสกขฺ า อตฺถิ เนวเสกขฺ นาเสกขฺ า
สญั ญาขนั ธเปนเสกขะ เปนอเสกขะ เปนเนวเสกขนาเสกขะ
อตถฺ ิ ปรติ ฺโต อตถฺ ิ มหคฺคโต อตถฺ ิ อปฺปมาโณ
สญั ญาขันธเปน ปริตตะ เปน มหคั คตะ เปน อัปปมาณะ
อตฺถิ ปรติ ฺตารมมฺ โณ อตฺถิ มหคคุ ตารมฺมโณ อตฺถิ อปฺปมาณารมฺมโณ
สญั ญาขนั ธเปน ปรติ รตารมั มณะ เปนมหัคคตารัมมณะ เปนอัปปมาณารมั มณะ
อตฺถิ หโี น อตฺถิ มชฌฺ โิ ม อตถฺ ิ ปณโี ต
สญั ญาขันธเ ปน หนี ะ เปน มชั ฌิมะ เปนปณีตะ
อตถฺ ิ มิจฺฉตฺตนิยโต อตฺถิ สมฺมตตฺ นยิ โต อตถฺ ิ อนยิ โต
สญั ญาขันธเ ปน มจิ ฉตั ตนิยตะ เปนสัมมตั ตนยิ ตะ เปน อนยิ ตะ
อตถฺ ิ มคคฺ ารมมฺ โณ อตถฺ ิ มคคฺ เหตุโก อตถฺ ิ มคคฺ าธปิ ติ
สญั ญาขนั ธเ ปนมคั คารมั มณะ เปน มคั คเหตกุ ะ เปนมัคคาธิปติ
อตถฺ ิ อปุ ปฺ นฺโน อตฺถิ อนปุ ปฺ นฺโน อตถฺ ิ อปุ ปฺ าที
สญั ญาขนั ธเ ปน อุปปน นะ เปนอนุปปนนะ เปน อุปปาที
อตฺถิ อตโี ต อตถฺ ิ อนาคโต อตฺถิ ปจจฺ ุปฺปนฺโน
สญั ญาขนั ธเ ปนอดีต เปน อนาคต เปน ปจ จุบัน
อตฺถิ อตีตารมมฺ โณ อตถฺ ิ อนาคตารมฺมโณ อตถฺ ิ ปจจฺ ุปฺปนฺนารมฺมโณ
สญั ญาขนั ธเ ปน อตีตารัมมณะ เปนอนาคตามมณะ เปน ปจ จปุ ปนนารมั มณะ
สถาบนั วปิ สสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๘๘
อตฺถิ อชฺฌตฺโต อตฺถิ พหทิ โฺ ธ อตถฺ ิ อชฺฌตตฺ พหทิ ฺโธ
สญั ญาขันธเ ปน อัชญตั ตะ เปนพหิทธา เปน อชั ฌตั ตพหิทธา
อตถฺ ิ อชฌฺ ตฺตารมมฺ โณ อตฺถิ พหิทธฺ ารมฺมโณ อตฺถิ อชฌฺ ตฺตพหิทฺธารมฺมโณ ฯเปฯ
สญั ญาขันธเ ปนอัชฌัตตารัมมณะ เปน พหทิ ธารัมมณะ เปน อัชฌตั ตพหทิ ธารมั มะ ฯลฯ
เอวํ ทสวเิ ธน สญฺ ากขฺ นโฺ ธ.
สญั ญาขันธหมวดละ ๑๐ ดวยประการฉะน้ี
[๕๗] เอกวิเธน สญฺ ากฺขนโฺ ธ ผสสฺ สมฺปยุตฺโต
[๕๗] สัญญาขนั ธห มวดละ ๑ คือ สญั ญาขันธเ ปน ผัสสสมั ปยตุ .
ทุวเิ ธน สฺญากขฺ นโฺ ธ อตถฺ ิ เหตสุ มปฺ ยตุ ฺโต อตฺถิ เหตุวปิ ปฺ ยตุ ฺโต
สญั ญาขนั ธหมวดละ ๒ คอื สัญญาขนั ธเ ปนเหตสุ ัมปยตุ เปน เหตุวิปปยุต
อตฺถิ น เหตุ สเหตโุ ก อตถฺ ิ น เหตุ อเหตโุ ก
สญั ญาขนั ธเ ปน นเหตสุ เหตุกะ เปนเหตุอเหตกุ ะ
อตฺถิ โลกโิ ย อตถฺ ิ โลกุตตฺ โร
สญั ญาขันธเ ปนโลกยิ ะ เปน โลกุตตระ
อตถฺ ิ เกนจิ วิฺเญยฺโย อตถฺ ิ เกนจิ น วิฺเญยฺโย
สญั ญาขนั ธเ ปนเกนจิวญิ เญยยะ เปนเกนจนิ วญิ เญยยะ
อตถฺ ิ สาสโว อตถฺ ิ อนาสโว
สญั ญาขนั ธเ ปน สาสวะ เปน อนาสวะ
อตฺถิ อาสวสมฺปยตุ ฺโต อตฺถิ อาสววิปปฺ ยุตโฺ ต
สญั ญาขนั ธเ ปน อาสวสมั ปยุต เปนอาสววปิ ปยุต
อตฺถิ อาสววปิ ฺปยุตฺตสาสโว อตถฺ ิ อาสววิปปฺ ยตุ ฺตอนาสโว
สญั ญาขนั ธเปน อาสววิปปยุตสาสวะ เปนอาสววปิ ปยุตตอนาสวะ
อตถฺ ิ สโฺ ญชนโิ ย อตถฺ ิ อสฺโญชนโิ ย
สญั ญาขนั ธ เปน สัญโญชนยิ ะ เปน อสัญโญชนิยะ
อตถฺ ิ สฺโญชนสมฺปยุตฺโต อตฺถิ สโฺ ญชนวปิ ปฺ ยตุ ฺโต
สญั ญาขันธเปน สญั โญชนสมั ปยตุ เปนสัญโญชนวปิ ปยุต
อตถฺ ิ สฺโญชนวิปปฺ ยตุ ฺตสโฺ ญชนิโย อตฺถิ สโฺ ญชนวปิ ปฺ ยุตฺตอสฺโญซนโิ ย
สญั ญาขันธเปนสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนยิ ะ เปน สญั โญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยะ
อตฺถิ คนฺถนิโย อตถฺ ิ อคนถฺ นิโย
สญั ญาขนั ธเ ปนคนั ถนยิ ะ เปนอคันถนิยะ
สถาบนั วิปส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๘๙
อตถฺ ิ คนถฺ สมปฺ ยตุ ฺโต อตถฺ ิ คนฺถวิปปฺ ยตุ ฺโต
สญั ญาขันธเปน คนั ถสมั ปยตุ เปน คันถวปิ ปยตุ
อตถฺ ิ คนฺถวิปปฺ ยตุ ฺตคนถฺ นิโย อตถฺ ิ คนถฺ วปิ ปฺ ยตุ ฺตอคนฺถนโิ ย
สญั ญาขนั ธเ ปนคันถวปิ ปยตุ ตคันถนยิ ะ สัญญาขันธเปน คันถวิปปยุตตอคันถนยิ ะ
อตฺถิ โอฆนิโย อตฺถิ อโนฆนิโย
สญั ญาขันธเ ปนโอฆนยิ ะ เปนอโนฆนยิ ะ
อตฺถิ โอฆสมปฺ ยตุ ฺโต อตถฺ ิ โอฆวปิ ปฺ ยตุ ฺโต
สญั ญาขนั ธเปนโอฆสัมปยตุ เปน โอฆวิปปยตุ
อตถฺ ิ โอฆวิปปฺ ยตุ ฺตโอฆนิโย อตถฺ ิ โอฆวิปปฺ ยุตฺตอโนฆนิโย
สญั ญาขันธเปนโอฆวปิ ปยตุ ตโอฆนยิ ะ เปน โอฆวปิ ปยุตตอโนฆนิยะ
อตถฺ ิ โยคนโี ย อตถฺ ิ อโยคนโิ ย
สญั ญาขันธเปนโยคนยิ ะ เปน อโยคนิยะ
อตถฺ ิ โยคสมฺปยุตฺโต อตถฺ ิ โยควปิ ฺปยตุ ฺโต
สญั ญาขนั ธเ ปนโยคสัมปยตุ เปนโยควปิ ปยตุ
อตฺถิ โยควิปปฺ ยตุ ฺตโยคนิโย อตฺถิ โยควิปปฺ ยตุ ฺตอโยคนิโย
สญั ญาขันธเปนโยควปิ ปยตุ ตโยคนยิ ะ เปนโยควิปปยตุ ตอโยคนยิ ะ
อตถฺ ิ นวี รณโิ ย อตถฺ ิ อนีวรณโิ ย
สญั ญาขนั ธเ ปนนวี รณิยะ เปน อนีวรณยี ะ
อตถฺ ิ นวี รณสมปฺ ยตุ ฺโต อตฺถิ นีวรณวปิ ปฺ ยุตฺโต
สญั ญาขันธเปนนวี รณสมั ปยุต เปน นวี รณวปิ ปยตุ
อตถฺ ิ นวี รณวปิ ปฺ ยตุ ฺตนิวรณโิ ย อตถฺ ิ นวี รณวิปปฺ ยตุ ตฺ อนีวรณิโย
สญั ญาขนั ธเปน นวี รณวปิ ปยตุ ตนีวรณิยะ เปน นวี รณวปิ ปยตุ ตอนวี รณิยะ
อตฺถิ ปรามโ ฐ อตถฺ ิ อปรามโ ฐ
สญั ญาขนั ธเ ปนปรามัฏฐะ เปนอปรามฏั ฐะ
อตฺถิ ปรามาสสมฺปยตุ ฺโต อตถฺ ิ ปรามาสวิปปฺ ยตุ ฺโต
สญั ญาขนั ธเปน ปรามาสสัมปยุต เปนปรามาสวิปปยุต
อตถฺ ิ ปรามาสวปิ ปฺ ยตุ ฺตปรามโฐ อตถฺ ิ ปรามาสวปิ ปฺ ยตุ ฺตอปรามโ ฐ
สญั ญาขันธเ ปนปรามาสวปิ ปยุตตปรามัฏฐะ เปน ปรามาสวปิ ปยตุ ตอปรามัฏฐะ
อตฺถิ อปุ าทินฺโน อตถฺ ิ อนปุ าทนิ โฺ น
สญั ญาขนั ธเปนอุปาทนิ นะ เปนอนปุ าทินนะ
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๙๐
อตถฺ ิ อปุ าทานโิ ย อตถฺ ิ อนุปาทานโิ ย
สญั ญาขนั ธเ ปนอปุ าทานยิ ะ เปนอนปุ าทานยิ ะ
อตถฺ ิ อปุ าทานสมปฺ ยุตฺโต อตฺถิ อปุ าทานวิปปฺ ยตุ โฺ ต
สญั ญาขันธเปน อุปาทานสัมปยตุ เปน อุปาทานวปิ ปยตุ
อตถฺ ิ อปุ าทานวปิ ปฺ ยุตฺตอปุ าทานิโย อตถฺ ิ อปุ าทานวิปปฺ ยุตฺตอนปุ าทานิโย
สญั ญาขนั ธเปนอุปาทานวปิ ปยตุ ตอปุ าทานยิ ะ เปน อปุ าทานวปิ ปยุตตอนปุ าทานยิ ะ
อตถฺ ิ สงกฺ เิ ลสิโก อตถฺ ิ อสงฺกเิ ลสิโก
สญั ญาขันธเ ปนสังกิเลสกิ ะ เปนอสังกเิ ลสกิ ะ
อตฺถิ สงกฺ ลิ ิโฐ อตถฺ ิ อสงกฺ ลิ ิ โ ฐ
สญั ญาขนั ธเ ปน สงั กิลิฏฐะ เปน อสังกลิ ิฏฐะ
อตฺถิ กเิ ลสสมฺปยุตฺโต อตถฺ ิ กเิ ลสวิปปฺ ยุตโฺ ต
สญั ญาขันธเปน กเิ ลสสัมปยุต เปนกเิ ลสวปิ ปยุต
อตถฺ ิ กเิ ลสวิปฺปยตุ ฺตสงฺกเิ ลสิโก อตฺถิ กเิ ลสวปิ ฺปยุตฺตอสงกฺ เิ ลสิโก
สญั ญาขนั ธเปนกเิ ลสวปิ ปยตุ ตสงั กิเลสกิ ะ เปน กิเลสวิปปยตุ ตอสงั กิเลสิกะ
อตฺถิ ทสสฺ เนน ปหาตพฺโพ อตฺถิ น ทสฺสเนน ปหาตพฺโพ
สญั ญาขันธเ ปน ทัสสนปหาตพั พะ เปนนทสั สนปหาตพั พะ
อตฺถิ ภาวนาย ปหาตพฺโพ อตฺถิ น ภาวนาย ปหาตพโฺ พ
สญั ญาขนั ธเ ปนภาวนาปหาตพั พะ เปนนภาวนาปหาตพั พะ
อตถฺ ิ ทสสฺ เนน ปหาตพฺพเหตโุ ก อตฺถิ น ทสสฺ เนน ปหาตพฺพเหตุโก
สญั ญาขันธเ ปนทสั สนปหาตัพพเหตุกะ เปน นทสั สนปหาตัพพเหตกุ ะ
อตถฺ ิ ภาวนาย ปหาตพฺพเหตโุ ก อตถฺ ิ น ภาวนาย ปหาตพพฺ เหตุโก
สญั ญาขนั ธเปนภาวนาปหาตพั พเหตกุ ะ เปน นภาวนาปหาตัพพเหตกุ ะ
อตฺถิ สวติ กฺโก อตถฺ ิ อวิตกโฺ ก
สญั ญาขนั ธเปนสวิตกั กะ เปน อวิตกั กะ
อตฺถิ สวจิ าโร อตฺถิ อวิจาโร
สญั ญาขันธเ ปนสวจิ าระ เปนอวิจาระ
อตถฺ ิ สปฺปต ิโก อตถฺ ิ อปปฺ ต โิ ก
สญั ญาขนั ธเ ปน สัปปต กิ ะ เปน อปั ปต ิกะ
อตฺถิ ปต ิสหคโต อตถฺ ิ น ปติสหคโต
สญั ญาขันธเปนปต ิสหคตะ เปน นปตสิ หคะ
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๙๑
อตถฺ ิ สขุ สหคโต อตถฺ ิ น สขุ สหคโต
สญั ญาขันธเ ปนสขุ สหคตะ เปนนสขุ สหคตะ
อตฺถิ อเุ ปกขฺ าสหคโต อตฺถิ น อเุ ปกขฺ าสหคโต
สญั ญาขันธเปนอุเปกขาสหคตะ เปน นอเุ ปกขาสหคตะ
อตฺถิ กามาวจโร อตถฺ ิ น กามาวจโร
สญั ญาขันธเ ปน กามาวจร เปน นกามาวจร
อตถฺ ิ รปู าวจโร อตฺถิ น รปู าวจโร
สญั ญาขันธเ ปน รปู าวจร เปนนรปู าวจร
อตถฺ ิ อรูปาวจโร อตฺถิ น อรูปาวจโร
สญั ญาขันธเ ปนอรูปาวจร เปนนอรูปาวจร
อตฺถิ ปรยิ าปนฺโน อตถฺ ิ อปริยาปนโฺ น
สญั ญาขนั ธ เปน ปรยิ าปน นะ เปนอปริยาปนนะ
อตฺถิ นยิ ยฺ านโิ ก อตถฺ ิ อนิยฺยานโิ ก
สญั ญาขันธเ ปนนยิ ยานกิ ะ เปน อนิยยานกิ ะ
อตถฺ ิ นยิ โต อตถฺ ิ อนิยโต
สญั ญาขันธเปน นิยตะ เปน อนยิ ตะ
อตฺถิ สอุตตฺ โร อตถฺ ิ อนุตฺตโร
สญั ญาขนั ธเ ปนสอตุ ตระ เปนอนุตตระ
อตถฺ ิ สรโณ อตถฺ ิ อรโณ.
สญั ญาขันธเ ปน สรณะ เปน อรณะ
ติวิเธน สญฺ ากฺขนโฺ ธ อตถฺ ิ กสุ โล อตถฺ ิ อกสุ โล อตถฺ ิ อพยฺ ากโต ฯเปฯ เอวํ ทสวเิ ธน สฺญากฺขนฺโธ.
สัญญาขันธหมวดละ ๓ คือ สัญญาขันธเปน กุศล เปนอกศุ ล เปนอัพยากฤต ฯลฯ สัญญาขันธหมวดละ
๑๐ ดว ยประการฉะน้ี
[๕๘] เอกวิเธน สญฺ ากฺขนฺโธ ผสสฺ สมฺปยุตฺโต.
[๕๔] สัญญาขนั ธห มวดละ ๑ คอื สญั ญาขนั ธเ ปนผสั สสัมปยุต
ทุวเิ ธน สญญากขนโุ ธ อตถฺ ิ สรโณ อตถฺ ิ อรโณ.
สญั ญาขนั ธหมวดละ ๒ คือ สญั ญาขนั ธเ ปนสรณะ เปน อรณะ
สถาบนั วปิ ส สนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๙๒
ติวิเธน สฺญากฺขนฺโธ อตฺถิ สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต อตฺถิ ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต อตฺถิ
อทกุ ขฺ มสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต ฯเปฯ
สญั ญาขันธห มวดละ ๓ คือ สัญญาขันธเปนสขุ เวทนาสัมปยุต เปนทกุ ขเวทนา สัมปยุต เปนอทกุ ขมสุข
เวทนาสมั ปยตุ ฯลฯ
อตฺถิ อชฺฌตฺตารมมฺ โณ อตถฺ ิ พหิทธฺ ารมฺมโณ อตถฺ ิ อชฺฌตตฺ พหทิ ฺธารมมฺ โณ ฯเปฯ
สญั ญาขนั ธเ ปนอชั ฌตั ตารัมมณะ เปนพหทิ ธารัมมณะ เปน อชั ฌัตตพหทิ ธารัมมณะฯลฯ
เอวํ ทสวเิ ธน สญฺ ากฺขนโฺ ธ. สญั ญาขนั ธห มวดละ ๖๐ ดวยประการฉะน้ี
ทกุ มูลกํ.
ทุกมลู กวาร จบ
๔. สงขฺ ารกฺขนฺโธ
๔. สังขารขันธ
ตตถฺ กตโม สงขฺ ารกฺขนโฺ ธ สงั ขารขันธ เปน ไฉน
[ทุกมูลกวาร]
[๖๙] เอกวิเธน สงขฺ ารกฺขนฺโธ จิตฺตสมปฺ ยตุ ฺโต.
[๖๔] สงั ขารขนั ธหมวดละ ๑ คอื สงั ขารขนั ธเปน จติ ตสัมปยุต
ทุวิเธน สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธ อตฺถิ เหตุ อตถฺ ิ น เหตุ.
สงั ขารขนั ธหมวดละ ๒ คอื สงั ขารขันธเปนเหตุ เปนนเหตุ
ติวิเธน สงฺขารกขฺ นโฺ ธ อตถฺ ิ กสุ โล อตฺถิ อกสุ โล อตฺถิ อพฺยากโต.
สงั ขารขนั ธหมวดละ ๓ คือ สงั ขารขนั ธเปน กศุ ล เปนอกศุ ล เปนอพั ยากฤต
จตวุ เิ ธน สงฺขารกฺขนโฺ ธ อตถฺ ิ กามาวจโร อตถฺ ิ รูปาวจโร อตถฺ ิ อรูปาวจโร อตฺถิ อปรยิ าปนโฺ น.
สงั ขารขันธหมวดละ ๔ คือ สงั ขารขนั ธเปนกามาวจร เปน รูปาวจร เปนอรูปาวจร เปนอปรยิ าปนนะ
ปฺจวิเธน สงฺขารกฺขนฺโธ อตฺถิ สุขินฺทฺริยสมฺปยุตฺโต อตฺถิ ทุกฺขุนฺทฺริยสมฺปยุตฺโต อตฺถิ โสมนสฺสินฺ
ทฺรยิ สมฺปยุตโฺ ต อตถฺ ิ โทมนสฺสินทฺ รฺ ยิ สมปฺ ยุตฺโต อตถฺ ิ อเุ ปกขินทฺ รฺ ยิ สมฺปยุตโฺ ต.
สังขารขันธหมวดละ ๕ คือ สังขารขันธเ ปนสุขินทริยสัมปยุต เปนทุกขินทริยสัมปยตุ เปน โสมนัสสนิ
ทริยสมั ปยุต เปน โทมนสั สนิ ทรยิ สัมปยุตเปน อเุ ปกขินทริยสมั ปยุต
ฉพฺพิเธน สงฺขารกฺขนฺโธ จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา โสตสมฺผสฺสชา เจตนา ฆานสมฺผสฺสชา เจตนา
ชวิ หฺ าสมผฺ สฺสชา เจตนา กายสมผฺ สสฺ ชา เจตนา มโนสมผฺ สฺสชา เจตนา เอวํ ฉพฺพิเธน สงฺขารกฺขนฺโธ.
สงั ขารขนั ธห มวดละ ๖ คอื จกั ขุสัมผัสสชาเจตนา โสตสมั ผัสสชาเจตนา ฆานสมั ผสั สชาเจตนา ชิวหาสัมผัสส
ชาเจตนา กายสมั ผสั สชาเจตนามโนสัมผสั สชาเจตนา สงั ขารขันธ หมวดละ ๖ ดว ยประการฉะน้ี
สถาบันวปิ สสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๙๓
สตฺตวิเธน สงฺขารกขฺ นฺโธ จกขสุ มฺผสฺสชา เจตนา ฯเปฯ กายสมฺผสสฺ ชา เจตนา มโนธาตุสมผฺ สสฺ ชา
เจตนา มโนวิ ฺญาณธาตสุ มผฺ สสฺ ชา เจตนา เอวํ สตฺตวิเธน สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธ.
สังขารขันธหมวดละ ๗ คือ จักขุสัมผัสสชาเจตนา ฯลฯ กายสัมผัสสชาเจตนา มโนธาตุสัมผัสสชา
เจตนา มโนวญิ ญาณธาตสุ มั ผัสสชาเจตนาสงั ขารขนั ธห มวดละ ๗ ดวยประการฉะนี้
อฐ วเิ ธน สงฺขารกขฺ นโฺ ธ จกฺขสุ มฺผสสฺ ชา เจตนา ฯเปฯ กายสมฺผสฺสชา เจตนา อตฺถสิ ขุ สหคตา อตฺถิ
ทุกฺขสหคตา มโนธาตสุ มผฺ สสฺ ชา เจตนา มโนวิ ญฺ าณธาตสุ มผฺ สสฺ ชา เจตนา เอวํ อฐ วเิ ธน สงขฺ ารกฺขนโฺ ธ.
สงั ขารขันธห มวดละ ๘ คอื จักขุสัมผสั สชาเจตนา ฯลฯ สขุ สหคตกายสัมผัสสชาเจตนา ทุกขสหคตกาย
สัมผัสสชาเจตนา มโนธาตุสัมผัสสชาเจตนา มโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาเจตนา สังขารขันธห มวดละ ๘ ดวย
ประการฉะน้ี
นววิเธน สงฺขารกฺขนฺโธ จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนาฯเปฯ มโนธาตุสมฺผสฺสชา เจตนา มโนวิฺญาณ
ธาตสุ มฺผสสฺ ชา เจตนา อตถฺ ิ กุสลา อตถฺ ิ อกุสลา อตฺถิ อพยฺ ากตา เอวํ นววเิ ธน สงขฺ ารกฺขนโฺ ธ.
สงั ขารขนั ธห มวดละ ๙ คือ จกั ขุสมั ผสั สชาเจตนาฯลฯ มโนธาตุสมั ผสั สชาเจตนา กุสลมโนวญิ ญาณธาตุ
สัมผัสสชาเจตนา อกุสลมโนวิญญาณธาตุสมั ผสั สชาเจตนา อัพยากตมโนวิญญาณธาตสุ ัมผัสสชาเจตนา สังขาร
ขนั ธห มวดละ ๙ ดว ยประการฉะนี้
ทสวเิ ธน สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธ จกขฺ สุ มผฺ สฺสชา เจตนา ฯเปฯ กายสมฺผสสฺ ชา เจตนา อตฺถิ สุขสหคตา อตฺถิ
ทุกฺขสหคตา มโนธาตสุ มฺผสฺสชา เจตนา มโนวิญฺ าณธาตสุ มฺผสฺสชา เจตนา อตฺถิ กสุ ลา อตฺถิ อกุสลา อตฺถิ
อพฺยากตา เอวํ ทสวิเธน สงฺขารกขฺ นโฺ ธ.
สังขารขันธหมวดละ ๑๐ คือ จักขุสัมผัสสชาเจตนาฯลฯ สุขสหคตกายสัมผัสสชา เจตนา ทุกขสหคต
กายสมั ผสั สชาเจตนา มโนธาตุสัมผัสสชาเจตนากสุ ล มโนวญิ ญาณธาตุสมั ผสั สชาเจตนา อกสุ ลมโนวญิ ญาณธาตุ
สมั ผสั สชาเจตนา อพั ยากตมโนวญิ ญาณธาตุสมั ผัสสชาเขตนา สังขารขนั ธห มวดละ ๑๐ ดวยประการฉะน้ี
[๖๕] เอกวิเธน สงขฺ ารกฺขนโฺ ธ จติ ฺตสมปฺ ยุตฺโต.
[๖๕] สังขารขนั ธห มวดละ ๑ คือ สังขารขนั ธเ ปนจติ ตสัมปยุต.
ทุวิเธน สงขฺ ารกฺขนโฺ ธ อตฺถิ เหตุ อตฺถิ น เหตุ.
สงั ขารขันธห มวดละ ๒ คอื สงั ขารขนั ธเปนเหตุ เปน นเหต.ุ
ติวิเธน สงฺขารกฺขนฺโธ อตฺถิ สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต อตฺถิ ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต อตฺถิ
อทกุ ขฺ มสุขาย เวทนาย สมฺปยุตโฺ ต
สังขารขันธหมวดละ ๓ คือ สังขารขันธเปนสุขเวทนาสัมปยตุ เปน ทุกขเวทนาสัมปยุต เปนอทุกขมสุข
เวทนาสมั ปยตุ
อตถฺ ิ วปิ าโก อตถฺ ิ วิปากธมฺมธมโฺ ม อตถฺ ิ เนววิปากนวปิ ากธมฺมธมฺโม
สงั ขารขันธเ ปน วิปาก เปนวิปากธมั มธรรม เปน เนววปิ ากนวิปากธัมมธรรม
อตถฺ ิ อุปาทินฺนุปาทานโิ ย อตฺถิ อนุปาทนิ นฺ ุปาทานิโย อตถฺ ิ อนุปาทินนฺ านปู าทานโิ ย
สงั ขารขันธเปนอปุ าทนิ นปุ าทานยิ ะ เปน อนปุ าทนิ นุปาทานยิ ะ เปน อนปุ าทินนานปุ าทานิยะ
สถาบนั วิปส สนาธรุ ะ | มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๙๔
อตฺถิ สงฺกิลิฐสงกฺ ิเลสิโก อตถฺ ิ อสงฺกิลิฐสงฺกเิ ลสโิ ก อตถฺ ิ อสงกฺ ลิ ิฐ าสงกฺ ิเลสิโก
สงั ขารขนั ธเ ปน สังกิลิฏฐสังกเิ ลสิกะ เปนเปน อสังกสิ ิฏฐสงั กเิ ลสกิ ะ เปนอสังกิลฏฐา สงั กิเลสิกะ
อตฺถิ สวติ กกฺ สวจิ าโร อตฺถิ อวติ กฺกวิจารมตฺโต อตถฺ ิ อรติ กกฺ าวิจาโร
สงั ขารขันธเปนสวติ กั กสวจิ าระ เปนอวติ ักกวจิ ารมตั ตะ เปนอวิตกั กาวจิ าระ
อตถฺ ิ ปต ิสหคโต อตถฺ ิ สขุ สหคโต อตฺถิ อเุ ปกฺขาสหคโต
สงั ขารขนั ธเ ปนปต ิสหคตะ เปน สขุ สหคตะ เปน อเุ ปกขาสหคตะ
อตถฺ ิ ทสสฺ เนน ปหาตพฺโพ
สงั ขารขนั ธเปนทสั สนปหาตพั พะ
อตถฺ ิ ภาวนาย ปหาตพโฺ พ
เปน ภาวนาปหาตพั พะ
อตถฺ ิ เนว ทสสฺ เนน น ภาวนาย ปหาตพโฺ พ
เปนเนวทสั สนนภาวนาปหาตัพพะ
อตฺถิ ทสสฺ เนน ปหาตพฺพเหตุโก
สงั ขารขนั ธเปน ทัสสนปหาตพั พเหตกุ ะ
อตฺถิ ภาวนาย ปหาตพพฺ เหตโุ ก
เปน ภาวนาปหาตพั พเหตกุ ะ
อตฺถิ เนว ทสสฺ เนน น ภาวนาย ปหาตพพฺ เหตุโก
เปน เนวทัสสนนภาวนาปหาตพั พเหตกุ ะ
อตถฺ ิ อาจยอามี อตถฺ ิ อปจยคามี อตฺถิ เนวาจยคามินาปจยคามี
สงั ขารขันธเ ปน อาจยอามี เปนอปจยคามี เปน เนวาจยคามนิ าปจยคามี
อตฺถิ เสกฺโข อตถฺ ิ อเสกโฺ ข อตถฺ ิ เนวเสกฺขนาเสกโฺ ข
สงั ขารขันธเปน เสกขะ เปนอเสกขะ เปน เนวเสกขนาเสกขะ
อตถฺ ิ ปรติ ฺโต อตถฺ ิ มหคฺคโต อตฺถิ อปฺปมาโณ
สงั ขารขนั ธเปนปริตตะ เปน มหคั คตะ เปน อปั ปมานะ
อตถฺ ิ ปริตฺตารมมฺ โณ อตถฺ ิ มหคคฺ ตารมฺมโณ อตถฺ ิ อปฺปมาณารมฺมโณ
สงั ขารขันธเ ปนปริตตารมั มณะ เปนมหคั คตารัมมณะ เปนอัปปมาณารัมมณะ
อตถฺ ิ หโี น อตถฺ ิ มชฌฺ โิ ม อตฺถิ ปณีโต
สงั ขารขันธเ ปน หีนะ เปน มัชฌมิ ะ เปน ปณีตะ
อตฺถิ มจิ ฺฉตฺตนิยโต อตถฺ ิ สมฺมตตฺ นยิ โต อตถฺ ิ อนยิ โต
สงั ขารขันธเปนมิจฉตั ตนิยตะ เปนสัมมตั ตนยิ ตะ เปนอนยิ ตะ
สถาบนั วิปสสนาธรุ ะ | มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ส า ธ ย า ย พ ร ะ ไ ต ร ป ฎ ก | ๙๕
อตถฺ ิ มคคฺ ารมมฺ โณ อตถฺ ิ มคคฺ เหตโุ ก อตฺถิ มคคฺ าธิปติ
สงั ขารขันธเปน มคั คารัมมนะ เปนมัคคเหตุกะ เปน มคั คาธปิ ติ
อตถฺ ิ อปุ ปฺ นฺโน อตถฺ ิ อนปุ ปฺ นฺโน อตฺถิ อปุ ปฺ าที
สงั ขารขันธเ ปนอุปปน นะ เปน อนปุ ปนนะ เปน อปุ ปาที
อตถฺ ิ อตีโต อตฺถิ อนาคโต อตถฺ ิ ปจจฺ ุปฺปนโน
สงั ขารขันธเปนอดีต เปน อนาคต เปนปจ จุบัน
อตฺถิ อตีตารมมฺ โณ อตถฺ ิ อนาคตารมฺมโณ อตถฺ ิ ปจจฺ ุปปนฺนารมฺมโณ
สงั ขารขนั ธเ ปน อตีตารมั มณะ เปนอนาคตารมั มณะ เปน ปจจุปปน นารมั มณะ
อตถฺ ิ อชฺฌตฺโต อตถฺ ิ พหิทโฺ ธ อตถฺ ิ อชฌฺ ตฺตพรทิ โฺ ธ
สงั ขารขนั ธเปนอัชมตั ตะ เปนพหทิ ธา เปนอัชญตั ตพหิทธา
อตฺถิ อชฺฌตฺตารมฺมโน อตฺถิ พหิทฺธารมฺมโณ อตฺถิ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมโณ ฯเปฯ เอวํ ทสวิเธน
สงฺขารกฺขนโฺ ธ.
สังขารขันธเปน อัชฌัตตารัมมณะ เปนพหิทธารัมมณะ เปนอัชญัตตพหิทธารัมมณะ ฯลฯ สังขารขนั ธ
หมวดละ ๑๐ ดว ยประการฉะนี้
[๖๖] เอกวเิ ธน สงฺขารกฺขนโฺ ธ จติ ฺตสมปฺ ยุตฺโต.
[๖๖] สังขารขนั ธห มวดละ ๑ คอื สังขารขันธเ ปนจติ ตสมั ปยตุ .
ทุวเิ ธน สงฺขารกขฺ นฺโธ อตถฺ ิ สเหตโุ ก อตฺถิ อเหตุโก
สงั ขารหมวดละ ๒ คอื สงั ขารขันธเปน สเหตุกะ เปนเหตุกะ
อตฺถิ เหตสุ มฺปยตุ ฺโต อตถฺ ิ เหตุวิปปฺ ยตุ ฺโต
สงั ขารขนั ธเปน เหตุสัมปยตุ เปนเหตวุ ิปปยุต
อตฺถิ เหตุ เจว สเหตุโก จ อตฺถิ สเหตโุ ก เจว น จ เหตุ
สงั ขารขันธเปนเหตสุ เหตุกะ เปน สเหตุกนเหตุ
อตฺถิ เหตุ เจว เหตสุ มปฺ ยตุ ฺโต จ อตฺถิ เหตุสมปฺ ยตุ ฺโต เจว น จ เหตุ
สงั ขารขันธเ ปนเหตเุ หตุสัมปยตุ เปน เหตสุ ัมปยุตตนเหตุ
อตฺถิ น เหตุ สเหตุโก อตฺถิ น เหตุ อเหตโุ ก
สงั ขารขันธเ ปน นเหตสุ เหตกุ ะ เปน นเหตุอเหตกุ ะ
อตฺถิ โลกโิ ย อตถฺ ิ โลกตุ ตฺ โร
สงั ขารขันธเ ปน โลกิยะ เปนโลกุตตระ
อตฺถิ เกนจิ วิฺเญยฺโย อตถฺ ิ เกนจิ น วิฺเญยฺโย
สงั ขารขันธเปนเกนจวิ ญิ เญยยะ เปน เกนจนิ วิญเญยยะ
สถาบนั วิปสสนาธรุ ะ | มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย