The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ccharoenkrung, 2022-01-09 22:47:12

วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์

ปีที่ 17 ฉบับที่ 2

ISSN 1686-8579 ISSN (Online) 2673-0464

เจ้าของ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารกั ษ์
ที่ปรึกษา นพ.เกรียงไกร ต้งั จิตรมณีศกั ดา ผอู้ านวยการโรงพยาบาล
บรรณาธิการ นพ.สุธน เอกเสถียร รองผอู้ านวยการโรงพยาบาล ฝ่ ายการแพทย์
ร.อ.พญ.สิริสรรพางค์ ยอดอาวธุ ผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นพยาธิวทิ ยา
นพ.ทิวา เกียรติปานอภิกุล

คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย กองบรรณาธกิ ารต่างสถาบัน
คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนราธวิ าสราชนครินทร์
ศ.นพ.ชนพ ช่วงโชติ ศ.นพ.วรี ะพล จนั ทร์ดียงิ่
คณะพยาบาลศาสตร์ วทิ ยาลัยเซนต์หลยุ ส์
รศ.ดร.กญั ญดา ประจุศิลป
คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธิราช กรุงเทพมหานคร
รศ.นพ.อนนั ต์ มโนมยั พิบลู ย์ ศ.พญ.ศิริวรรณ ต้งั จิตกมล รศ.พญ.ธนนั ดา ตระการวณิช
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศิลปากร
ดร.ศศิพชั ร จาปา
โรงพยาบาลกลาง
นพ.ชยั พร สุวชิ ชากุล นพ.มนตรี สิริไพบลู ยก์ ิจ พญ.อารีรัตน์ ชยั เรืองยศ
ผศ.(พเิ ศษ) พญ.จิรัฐคณา จนั ทร์งาม นพ.สุทศั น์ ภทั รวรธรรม นางสาวสุวดี สุขนี ิตย์
โรงพยาบาลตากสิน พญ.สุพรรณี จิรจริยาเวช
ทพญ.องั คณา ลีโทชวลิต พญ.วรวรรณ ชยั นานาม
นางเพลินตา สิริมานุวฒั น์
โรงพยาบาลลาดกระบงั กรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลพระมงกฎุ เกล้า โรงพยาบาลบารุงราษฎร์
นายรุจิโรจน์ ใบมาก พ.ต.หญิง สรวีย์ จินตนา นพ.สุรพจน์ เมฆนาวิน
ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC)
ดร.ภทั รารัตน์ ตนั นุกิจ

กองบรรณาธิการโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์

นพ.วนั ชยั จนั ทราพิทกั ษ์ ผศ.(พเิ ศษ) พญ.อภชั ฌา พ่งึ จิตตป์ ระไพ นางชวพร ลีลาเวทพงษ์
น.ส.อารีย์ บรุ พาวินิจพงษ์ นางสาวรติรัตน์ สายณั หรรษา นางกิจภรณ์ โฆธิพนั ธุ์
นางสาเนียง วสนั ตช์ ื่น นางสาวชนุตพร รัตนมงคล

เลขานุการและผ้ชู ่วยเลขานุการ

นางสาวเพียงพชิ ญ์ ภูพ่ งศพ์ นั ธุ์ ผศ.(พเิ ศษ) พญ.องั คณา เทพเลิศบุญ นายธาวติ บวรกลุ

กาหนดออก ปี ละ 2 ฉบบั มกราคม – มิถุนายน และ กรกฎาคม – ธนั วาคม
สานักงาน สานกั งานวารสาร โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โทร. 0-2289-2189
พมิ พ์ท่ี หา้ งหุน้ ส่วนจากดั น่ากงั การพิมพ์
74 ซ.16 ถ.สาธุประดิษฐ์ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ 10120
โทร. 0-2211-1998, 0-2211-9664 Email: [email protected]

 ปี ที่ 17 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564   Volune 17 Number 2 July – December 2021 

สารบญั CONTENTS

บทความพิเศษ EDITORIAL SPECIAL ISSUE
ประสบการณ์ การแก้ปัญหา และแนวทางการพัฒนา 1
Experiences, problem solving and treatment guidelines
การดูแลรักษาผูป้ ่ วยโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ของ for Coronavirus 2019 in the field of Internal medicine
กลุม่ งานอายรุ กรรม โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ department, Charoenkrung Pracharak Hospital

ทิวา เกยี รติปานอภิกุล Thiwa Kiatipranarpikul

บทความวชิ าการ ACADEMIC ARTICLE
ความสัมพนั ธ์ระหว่างการฉีกขาดของปากมดลูก ภาวะเลือดออก 10
The relationship between cervical tear, lower uterine
จากมดลูกส่วนลา่ ง และทาหัตถการกดมดลูกส่วนล่างผา่ น segment bleeding and lower uterine segment compression
ทางหน้าทอ้ งในสตรีต้งั ครรภท์ ่ีมีภาวะตกเลือดหลงั คลอด maneuver in pregnant women with primary postpartum
ปฐมภูมิ hemorrhage

วนั ชัย จันทราพิทักษ์ สาวิตรี สุวิกรม Wanchai Chantrapitak Sawittri Suwikrom
วีรพล เขมะรังสรรค์ นิพนั ธ์ บญุ ยัง Veerapol khemarangsan Niphan Boonyoung
เรณู วฒั นเหลืองอรุณ Renu Wattanaluangarun
Exercise recommendations for patients with medical
คาแนะนาการออกกาลังกายสาหรับผูป้ ่ วยที่มีโรคทาง 22 conditions
Nisarat Charoensri
อายรุ กรรม Development of human behavior in the age of new normal
นิศารัตน์ เจริญศรี base on psychology and Buddhism theories
Saowaluk Suttiponopas Kitsuchin Ponsen
การพัฒนาพฤติกรรมมนุษย์ในยุคชีวิตวิถีใหม่ภายใต้ 39

ทฤษฎีทางดา้ นจิตวิทยาและพทุ ธศาสนา
เสาวลกั ษณ์ สุทธิพรโอภาส กฤตสุชิน พลเสน

บทความวจิ ยั RESEARCH ARTICLE

อุบตั ิการณ์และปัจจยั เสี่ยงของภาวะสงสัยติดเช้ือระยะแรก 56 Incidence and risk factors of suspected early-onset neonatal
ในทารกแรกเกิด ของโรงพยาบาลปราสาท sepsis in Prasat Hospital
ปิ ยดา พรใหม่ Piyada Pornmai

ผลของการนิเทศตามโมเดลการโค้ชแบบสมาร์ทของ 74 The effects of supervision through SMART coaching model
หัวหน้าหอผูป้ ่ วยต่อการปฏิบตั ิงานของพยาบาลวิชาชีพ of head nurses on nursing performance of professional
ท่ีโรงพยาบาลของรัฐ ระดับทุติยภูมิแห่งหน่ึงในเขต nurses at a public secondary level hospital in Bangkok
กรุงเทพมหานคร Metropolis
เกตุแก้ว นิลยาน สมพันธ์ หิญชีระนันทน์ Ketkaew Nilyarn Sompan Hinjiranan
ปราณี มหี าญพงษ์ Pranee Meehanpong

ผลของโปรแกรมการดูแลแบบเอ้ืออาทรต่อความวิตก 89 The effects of caring generosity program on anxiety and
กงั วลและความร่วมมือของผปู้ ่ วยในการตรวจสวนหวั ใจ patient cooperation in coronary angiography
อณั ศยา โพธิพันธ์ ทิพา ต่อสกุลแก้ว Unsaya Photipun Tipa Toskulkao
ศากลุ ช่างไม้ Sakul Changmai

คาชีแ้ จงการส่งบทความ

วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์เป็ น มีสาระทางวิชาการที่ทนั สมยั และสามารถนาไปใช้
วารสารการแพทยข์ องโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ประโยชนไ์ ด้
มีการพิมพ์เผยแพร่ อย่างสม่าเสมอ ปี ละ 2 ฉบับ
(มกราคม - มิถุนายน และกรกฎาคม - ธนั วาคม) โดย 3. บทความปริทัศน์ (Review article) เป็ น
มี วัตถุป ระ ส ง ค์เพ่ื อเผย แพ ร่ บ ท ค วา ม วิช า ก า รท าง บทความท่ีรายงานความรู้และหลกั การท่ีเกี่ยวเน่ือง
การแพทย์ ผลงานวิจัยรายงานผูป้ ่ วย และรายงาน จากหนังสื อหรื อวารสารต่าง ๆ หรื อจากผลงาน
การสารวจทางระบาดวิทยา รวมท้งั ผลงานวิชาการ และประสบการณ์ของผูน้ ิพนธ์มาเรี ยบเรี ยง โดยมี
ดา้ นแพทยศาสตรศึกษาและวทิ ยาศาสตร์สุขภาพ โดย การวเิ คราะห์ วิจารณ์เปรียบเทียบ
ตีพิมพบ์ ทความฉบบั ละประมาณ 6 - 8 เรื่อง ซ่ึงจะไดร้ ับ
การกล่ันกรองโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเช่ียวชาญ 4. รายงานผู้ป่ วย (Case report) เป็นการรวบรวม
ในสาขาน้ัน ๆ (peer review) 2 ท่าน โดยใช้รูปแบบ ข้อมูลผูป้ ่ วยเป็ นรายบุคคลที่พบไม่บ่อยหรือพบได้
double-blinded ท้งั ผูพ้ ิจารณาและผูน้ ิพนธ์ ไม่ทราบ นอ้ ยหรือโรคท่ีเกิดข้ึนใหม่
ชื่อกันและกัน ท้ังน้ีข้อความและความคิดเห็นใน
บทความน้นั ๆ เป็ นของเจา้ ของบทความโดยตรงใน หลกั เกณฑ์ทว่ั ไปและเงื่อนไข
ด้านความเหมาะสมทางจริ ยธรรมความถูกต้อง การส่งบทความ ให้ส่ง file ผ่านระบบจดั การ
วิธีการดาเนินการวิจยั ความชดั เจนของการนาเสนอ วารสารของ Thaijo (สามารถเข้าดูข้ันตอนการส่ง
กองบรรณาธิ การขอส งวนสิ ทธ์ ิ ในก ารตรวจ แก้ไ ข บทความเพอ่ื ขอตีพมิ พไ์ ดท้ ี่ www.ckphosp.go.th)
บทความก่อนตีพมิ พ์ หมายเหตุ วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
รั บ บ ท ค ว า ม ที่ ส่ ง ตี พิ ม พ์ ท้ัง ภ า ษ า ไ ท ย แ ล ะ
ภาษาองั กฤษ แต่กรณีถา้ เป็ นบทความภาษาอังกฤษ
จะตอ้ งมีบทคดั ยอ่ ท่ีเป็นภาษาไทยควบคดู่ ว้ ยเท่าน้นั

การเตรียมและส่งต้นฉบบั การเตรียมบทความ

ประเภทบทความ 1. การพิมพ์ต้นฉบับ ใช้กระดาษ A4 โดยใช้
1. บทความวิชาการ (Academic article) เป็ น ตวั อกั ษรชนิด Angsana New ขนาด 16 เวน้ ระยะห่าง
บทความที่ใชก้ ารวิเคราะห์ประเด็นตามหลกั วิชาการ จากขอบกระดาษ 1 นิ้วทุกดา้ น และใส่เลขหนา้ กากบั
ท้งั การทบทวนวรรณกรรม และวิเคราะห์อย่างเป็ น ทุกหน้า มุมขวาบน โดยขอบด้านหลังไม่ต้องดึง
ระบบจนสามารถสรุปเป็นประเดน็ ได้ แตล่ ะบรรทดั ใหต้ รงกนั
2. บทความวิจัย (Research article) บทความ
วิจยั เป็นบทความท่ีสรุปจากผลงานวจิ ยั ของผนู้ ิพนธ์ท่ี ผู้นิพนธ์ควรเตรี ยมบทความตามแนวทาง

การเขียนบทความทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ ของ

คณะบรรณาธิการวารสารนานาชาติ (International แนวขวาง 3 เส้น ที่ดา้ นบนสุด ดา้ นล่างสุด และเส้น
Committee of Medical Journal Editors) คือบทความ แบ่งหวั ขอ้ ตารางกบั เน้ือหาเท่าน้นั รูปภาพควรเป็นรูป
ที่เขียนส่งเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ ควรเขียนเรียงลาดับ ท่ีจัดทาข้ึนเอง ถา้ เป็ นรูปจากแหล่งอ่ืน จะตอ้ งระบุ
ดังน้ี ช่ือเรื่ อง ชื่อผู้นิพนธ์ บทคัดย่อ เน้ือหาหลัก ที่มา รวมท้งั เอกสารลิขสิทธ์ิจากสานักพิมพต์ น้ ฉบบั
กิตติกรรมประกาศ เอกสารอา้ งอิง ดว้ ย สาหรับผปู้ ่ วยตอ้ งไม่ทราบว่าเป็ นบุคคลใด และ
อาจตอ้ งมีคายนิ ยอมจากผปู้ ่ วยดว้ ย
2. ชื่อเร่ือง (Title page) เขียนท้ังภาษาไทย
และภาษาองั กฤษ โดยแต่ละภาษาประกอบดว้ ยหัวขอ้ - วิจารณ์ ให้วิจารณ์ผลงานวิจยั ที่นาเสนอ
ต่อไปน้ี สรุปผลการวจิ ยั ท้งั หมดส้ัน ๆ เปรียบเทียบผลการวิจยั
กับการศึกษาอ่ืน ๆ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการวิจัย
- ชื่อเร่ือง (title) ส้ัน กะทดั รัด ไม่ใช้คาย่อ วิจารณ์วธิ ีการดาเนินการวิจยั ความน่าเช่ือถือทางสถิติ
ครอบคลุมสาระสาคัญของบทความท้ังหมด และ ข้อจากัดการวิจัย รวมท้ังประโยชน์ที่จะนาไปใช้
ชื่อเร่ื องภาษาอังกฤษใช้ตัวใหญ่เฉพาะคาแรกหรื อ การวจิ ยั ท่ีควรพฒั นาต่อไปในอนาคต
ช่ือเฉพาะ เช่น สถาบนั
รายงานผู้ป่ วย ควรมีหัวข้อบทนา รายงาน
- ช่ือผู้นิพนธ์ (authors) เขียนช่ือ-สกุล ผูป้ ่ วย วิจารณ์ และสรุป ส่วนบทความวิชาการให้ปรับ
พร้อมวุฒิการศึกษา และสังกดั สถานที่ทางาน คุณวุฒิ หวั ขอ้ หลกั ตามความเหมาะสมกบั บทความน้นั ๆ
ภาษาไทยให้เขียนตวั อกั ษรตามพจนานุกรม คุณวุฒิ
ภาษาองั กฤษ เขยี นตวั ยอ่ โดยไม่ตอ้ งมีจุด 5. กิตติกรรมประกาศ แสดงความขอบคุณ
ผสู้ นบั สนุนการวิจยั และผใู้ หค้ าแนะนาดา้ นตา่ ง ๆ
3. บ ท คัด ย่อ ( Abstract) เ นื้อ ห า ต อ้ ง มี
ความสมบูรณ์ ในตัวเองโดยเขียนให้ได้ใจความ 6. เอกสารอ้างอิง ให้ใส่หมายเลข 1,2,3 ...ไว้
นิพนธ์ต้นฉบับให้เขียนบทคัดย่อแบบ Structured ท้า ย ป ร ะ โ ย ค ท่ี พิ ม พ์ตัว พิ ม พ์ย ก สู ง โ ด ย ไ ม่ ต้อ ง ใ ส่
abstract เขียน 5 หวั ขอ้ หลกั ประกอบดว้ ย วตั ถุประสงค์ วงเล็บ เอกสารท่ีอ้างอิงเป็ นอันดับแรกให้จัดเป็ น
วิธีดาเนินการวิจัย ผลการวิจัย สรุป และคาสาคญั หมายเลขหน่ึง และเรี ยงลาดับอันดับก่อนหลัง
ส่วนบทความวิชาการและรายงานผูป้ ่ วยให้เขียน ต่อ ๆไป และไม่ควรใชเ้ อกสารที่เก่าเกินไป การเขียน
บทคัดย่อแบบ standard abstract ท้ังภาษาไทยและ เอกสารอ้างอิงใช้ตาม Vancouver guideline ซ่ึ ง
ภาษาองั กฤษ กาหนดโดย International Committee of Medical
Journal Editors โดยมีหลกั ดงั น้ี
4. เนื้อเรื่อง หวั ขอ้ หลกั ควรประกอบดว้ ย
- บทนา กล่าวถึงความสาคญั ของปัญหาที่ ชื่อผ้เู ขยี น
ในบทความ ชื่อภาษาองั กฤษ ชื่อสกุล ตามด้วย
นามาศึกษา รวมท้งั บอกวตั ถปุ ระสงคใ์ นการวจิ ยั อกั ษรตวั แรกของชื่อตน้ และช่ือกลางดว้ ยตวั พิมพใ์ หญ่
- วิธีดาเนินการวิจัย บอกรูปแบบการวิจยั ช่ือภาษาไทยใหเ้ ขียนชื่อเตม็ ท้งั ช่ือตวั และช่ือสกุล
- ถ้ามี 2 คน เขียนท้ัง 2 คน ใช้เคร่ืองหมาย
กลุ่มตวั อย่างและขนาด แสดงวิธีคานวณกลุ่มตวั อยา่ ง จุลภาพระหวา่ งช่ือ
แบบส้ัน ๆ เกณฑ์การคัดเข้าและคัดออกบอก - ถา้ มีมากกว่า 2 คน ให้เขียนชื่อเดียวแลว้ ตาม
รายละเอียดของการดาเนินการวิจัย รวมท้ังบอก ดว้ ย ,et al. (ช่ือภาษาองั กฤษ) หรือคณะ (ช่ือภาษาไทย)
รายละเอียดการวิเคราะหข์ อ้ มูลทางสถิติ ท้ายบทความ ชื่อภาษาองั กฤษ ให้ใช้ชื่อสกุล
ตามด้วยอักษรแรกของช่ือต้นและช่ือกลางเป็ น
- ผลการวิจัย นาเสนอให้เขา้ ใจง่าย โดยใช้
ตารางแผนภูมิหรือรูปภาพประกอบ และช่ือกากบั มี
คาอธิบายโดยสรุ ป ส่วนตารางให้มีเฉพาะเส้น

ตวั พิมพใ์ หญ่ ช่ือภาษาไทย ให้เขียนชื่อเต็มท้งั ช่ือตวั การอ้างอิงข้อมูลทางอิเลก็ ทรอนิกส์ ช่ือผูแ้ ต่ง.
และชื่อสกุล ใส่ชื่อผูเ้ ขียนทุกคนคนั่ ดว้ ยเคร่ืองหมาย ช่ือบทความ[ประเภทส่ือ]. ปี พิมพ์[เข้าถึงเม่ือ/cited
จุลภาค ถ้าเกิน 6 ใส่ชื่อ 6 คนแรก ตามด้วย et al. ปี เดือน วนั ท่ี]. เขา้ ถึงไดจ้ าก/ Available from: http://.....
(ช่ือภาษาองั กฤษ) หรือคณะ (ช่ือภาษาไทย)
การอ้างอิงวิทยานิพนธ์ ให้เขียนช่ือผูน้ ิพนธ์.
อ้างองิ วารสาร ใหใ้ ส่ชื่อผเู้ ขยี น. ชื่อเร่ือง. ชื่อย่อ ชื่อเร่ือง [ประเภทปริญญา]. เมือง: มหาวิทยาลยั ; ปี ท่ี
วารสารตาม index medicus (ถา้ เป็ นภาษาไทยให้ใช้ ไดร้ ับปริญญา.
ช่ือเต็ม) ปี ค.ศ. (ภาษาไทยใช้ พ.ศ.); ปี ท่ี (volume):
หน้าแรกจนถึงหนา้ สุดทา้ ย. โดยเลขหน้าที่ซ้ากนั ไม่ การแก้ไขบทความเพื่อส่งตพี มิ พ์
ตอ้ งเขียน เช่น 152 ถึงหนา้ 158 ใหเ้ ขียน 152-8. ผู้นิ พ น ธ์ แ ก้ไ ข แ ล ะ อ ธิ บ า ย ข้อ ส ง สั ย ต า ม ที่

อ้างอิงหนังสือตารา ให้เขียนช่ือผูเ้ ขียน. ช่ือ ผูท้ รงคุณวุฒิ และกองบรรณาธิการให้ขอ้ เสนอแนะ
หนังสือ. คร้ังที่พิมพ์ (ถา้ พิมพค์ ร้ังแรกไม่ตอ้ งเขียน). ให้ครบทุกประเด็น และระบุว่าได้แก้ไขประเด็น
ชื่อเมือง (ใช้ชื่อเมืองแรกเมืองเดียว): ชื่อโรงพิมพ์; ใดบา้ งรวมท้งั อธิบายประเด็นท่ีไม่ไดแ้ กไ้ ข
ค.ศ. p. หนา้ แรก-หนา้ สุดทา้ ย.
ผูน้ ิพนธ์ส่งกลบั ให้กองบรรณาธิการภายใน 4
อ้างอิงบทหนึ่งในหนังสือตารา ให้เขียน ชื่อ สัปดาห์หลังได้รับเอกสาร ถ้าไม่ได้ส่งกลับตามท่ี
ผูเ้ ขียน. ชื่อเรื่อง. In: ช่ือบรรณาธิการ, editor (s). ชื่อ กาหนดหรือแกไ้ ขตามขอ้ เสนอแนะ กองบรรณาธิการ
หนังสือ. คร้ังที่พิมพ(์ ถา้ พิมพค์ ร้ังแรกไม่ตอ้ งเขียน). ขอส งวนสิ ทธ์ิ ในการถอนบทความออกจาก
ช่ือเมือง: ชื่อโรงพิมพ์; ปี ค.ศ. p. หน้าแรก-หน้า การพิจารณาการตีพิมพใ์ นฉบบั ที่ตอบรับน้นั โดยจะ
สุดทา้ ย. พิจารณาการลงในฉบับต่อ ๆไป (ที่บทความยัง
ไม่เต็ม) แต่ตอ้ งส่งฉบบั ท่ีแก้ไขแลว้ เสร็จภายใน 12
อ้ างอิงหนังสื อประกอบการประชุ ม/รา ยงาน สัปดาห์เท่าน้ัน และขอสงวนสิ ทธ์ิในการถอน
การประชุม ให้เขียน ชื่อบรรณาธิการ, บรรณาธิการ. บทความออกจากการพิจารณาการตีพิมพ์ กรณีที่ท่าน
ช่ือเร่ือง. ชื่อการประชุม; สถานท่ีจดั ประชุม; เมืองท่ี ไมป่ ฏิบตั ิตามคาช้ีแจงการส่งบทความ
พมิ พ:์ สานกั พิมพ;์ ปี ที่พมิ พ.์
จริยธรรมในการตีพิมพ์ผลงานวิจัย (Publication
ก า ร อ้ า ง อิ ง บ ท คั ด ย่ อ จ า ก ท่ี ป ร ะ ชุ ม วิ ช า ก า ร Ethics)
(published proceedings paper) บทความที่นาเสนอ
ในการประชุ มหรื อสรุ ปการประชุ ม ให้เขียน บทความตอ้ งเป็ นบทความท่ีไม่เคยพิมพท์ ่ีใด
ชื่อผู้เขียน. ชื่อเรื่ อง. ใน/In: ช่ือบรรณาธิการ, มาก่อน และไม่อยู่ระหวา่ งการพิจารณาเพ่ือพิมพท์ ี่ใด
บรรณาธิการ/editor. ชื่อการประชุม; วนั เดือนปี ที่ ในกรณีที่เรื่ องน้ันเคยพิมพ์ในรูปบทคัดย่อ หรื อ
ประชุม; สถานท่ีจัดประชุม. เมืองท่ีพิมพ์; ปี พิมพ์. วิทยานิพนธ์ หรือเคยนาเสนอในที่ประชุมวิชาการ
หนา้ /p. หนา้ แรก-หนา้ สุดทา้ ย. ใด ๆ จะตอ้ งแจง้ ใหก้ องบรรณาธิการทราบ และตอ้ ง
อา้ งอิงหากมีการนาผลงานของผอู้ ่ืนมาใชส้ าหรับเรื่อง
การอ้างอิงรายงานทางวิชาการหรือรายงาน ท่ีทาการศึกษาในคน จะต้องมีหนังสืออนุญาตจาก
คณะกรรมการจริยธรรมการศึกษาวิจยั ในมนุษยแ์ นบ
ทางวิทยาศาสตร์ เอกสารท่ีจัดพิมพ์ โดยเจ้ าของทุน มาดว้ ย
(issued by funding) ให้เขียน ช่ือผูเ้ ขียน. ช่ือเร่ือง.
เมืองท่ีพิมพ:์ หน่วยงานท่ีพิมพ/์ แหล่งทุน; ปี ที่พิมพ.์
เลขที่รายงาน.

บทบาทและหน้าทีข่ องผู้นิพนธ์ ผูเ้ ชี่ยวชาญ และกองบรรณาธิการให้ข้อเสนอแนะ
1. ผูน้ ิพนธ์ตอ้ งเขียนบทความให้ถูกตอ้ งตาม แลว้ หรือมีคาช้ีแจงกรณีมีเหตใุ หไ้ ม่สามารถแกไ้ ขได้

รูปแบบที่ “การเตรี ยมบทความ” ของวารสารที่ 4. บรรณาธิการต้องไม่เปิ ดเผยข้อมูลของ
กาหนดไวใ้ นคาช้ีแจง ผูน้ ิพนธ์และผูป้ ระเมินบทความระหว่างกัน รวมท้งั
กบั บคุ คลอ่ืน ๆ
2. ผูน้ ิพนธ์ตอ้ งรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดข้ึน
จากการศึกษาหรือการทาวจิ ยั โดยไม่บิดเบือนขอ้ มูล 5. บรรณาธิการตอ้ งมีการตรวจสอบบทความ
ในดา้ นการคดั ลอกผลงานของผอู้ ่ืน
3. ผูน้ ิพนธ์ต้องรับรองว่าผลงานที่ส่งมาน้ัน
เป็ นผลงานใหม่และไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน กรณี 6. บรรณาธิการวารสารตอ้ งพิจารณาคุณภาพ
ทาการศึกษาในคน จะต้องมีหนังสืออนุญาตจาก ของบทความ เพอ่ื ตีพิมพใ์ หอ้ อกมาตามมาตรฐาน
คณะกรรมการจริยธรรมการศึกษาวิจยั ในมนุษยแ์ นบ
มาดว้ ย 7. บรรณาธิการตอ้ งไม่ตีพิมพ์บทความท่ีเคย
ตีพมิ พท์ ่ีอื่นมาแลว้
4. ผูน้ ิพนธ์ตอ้ งอา้ งอิงผลงานของผูอ้ ่ืน หากมี
การนาผลงานเหล่าน้ันมาใช้ โดยเขียนอ้างอิงตาม 8. บรรณาธิการตอ้ งไม่มีผลประโยชนท์ บั ซอ้ น
รูปแบบท่ีวารสารกาหนด กบั ผนู้ ิพนธ์ และผปู้ ระเมิน

5. ผนู้ ิพนธต์ อ้ งเขยี นบทคดั ย่อภาษาไทย และ 9. บรรณาธิการตอ้ งมีการพฒั นาและปรับปรุง
ภาษาองั กฤษใหถ้ ูกตอ้ ง กระชบั และไดป้ ระเดน็ ที่เป็น วารสารให้มีคุณภาพสม่าเสมอ ตลอดจนพยายาม
สาระสาคญั ของบทความที่จะนาเสนอ ยกระดบั วารสารใหไ้ ดม้ าตรฐานท่ีสูงข้ึนอยา่ งต่อเนื่อง

6. ผนู้ ิพนธ์ตอ้ งแกไ้ ขบทความตามขอ้ เสนอแนะ บทบาทและหน้าทข่ี องผ้ปู ระเมนิ บทความ
ของกองบรรณาธิการและผูป้ ระเมินบทความ กรณีที่ 1. ผปู้ ระเมินบทความ ควรประเมินบทความ
มีเหตุให้ไม่สามารถแก้ไขไดต้ อ้ งเขียนคาช้ีแจงและ
เหตผุ ลส่งมาพร้อมบทความท่ีแกไ้ ขแลว้ ในสาขาวชิ าที่ตนมีความถนดั และเช่ียวชาญ
2. ผูป้ ระเมินบทความ ตอ้ งประเมินบทความ
7. ผูน้ ิพนธ์ตอ้ งต้องส่งบทความที่แกไ้ ขแล้ว
กลบั ภายในระยะเวลาท่ีกาหนด ตามหลกั วิชาการของบทความน้ัน ๆ โดยไม่ควรใช้
ความคิดเห็นส่วนตวั หรือประสบการณ์ที่ไม่อิงตาม
บทบาทและหน้าทีข่ องบรรณาธกิ าร หลกั วชิ าการ
1. บรรณาธิการวารสารตอ้ งให้คาแนะนาหรือ
3. ผปู้ ระเมินบทความ ตอ้ งรักษาความลบั และ
ขอ้ เสนอแนะที่เป็นประโยชน์แก่ผเู้ ขา้ มาขอลงตีพิมพ์ ไม่เปิ ดเผยขอ้ มลู ของบทความแก่บคุ คลอ่ืน
2. บรรณาธิการต้องตดั สินใจเลือกบทความ
4. ผูป้ ระเมินบทความ ตอ้ งแจ้งให้บรรณาธิการ
มาตีพิมพ์ โดยพิจารณาจากบทความท่ีส่งผลให้มี ทราบ หากพบว่า บทความน้ันมีความเหมือนหรือ
การพัฒนางานด้านวิชาการ และเป็ นบทความ ซ้าซอ้ นกบั บทความอ่ืน ๆ
ท่ีมีความสาคัญ ความชัดเจน เชื่อถือได้ ตลอดจน
ความหลากหลายในด้านวิชาการท่ีสอดคล้องกับ 5. ผูป้ ระเมินบทความ ตอ้ งไม่มีผลประโยชน์
วตั ถปุ ระสงคข์ องวารสาร ทบั ซอ้ นกบั ผนู้ ิพนธ์

3. บรรณาธิการตอ้ งเผยแพร่บทความ ท่ีผ่าน 6. ผูป้ ระเมินบทความ ตอ้ งไม่นาบทความท่ี
การประเมินบทความจากผู้เช่ียวชาญท่ีตรงตาม ประเมินไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชนส์ ่วนตน
บทความน้ัน ๆ และผูน้ ิพนธ์ได้มีการแก้ไขตามท่ี
7. ผู้ประเมินบทความ ต้องส่งบทความที่
ผ่านการพิจารณาแลว้ กลบั กองบรรณาธิการภายใน
ระยะเวลาการประเมินบทความที่กาหนด

บรรณาธกิ ารแถลง

วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เป็นปี ท่ี 17 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564 ซ่ึงวารสารไดผ้ า่ น
กระบวนการพฒั นาและปรับปรุงคุณภาพตามเกณฑข์ องศูนยด์ ชั นีการอา้ งอิงวารสารไทย (Thai Journal Citation
Index Centre: TCI) ซ่ึงผา่ นการรับรองคณุ ภาพ โดยอยใู่ นฐานขอ้ มลู วารสารกลมุ่ ที่ 2 จนถึง 31 ธนั วาคม 2567

จากสถานการณ์ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ท่ีส่งผลกระทบกบั ทุกคน
ทุกระบบ ทุกหน่วยงาน ทุกองค์กรของประเทศ โดยเฉพาะระบบบริการสาธารณสุขและสถานพยาบาล
บุคลากรทางการแพทยน์ อกจากการเป็ นผูใ้ ห้การดูแลผูป้ ่ วยโรค COVID-19 แลว้ ในบางเวลาก็ยงั ตอ้ งเปลี่ยน
บทบาทจากผูด้ ูแลไปเป็ นผูป้ ่ วยเอง ขา้ พเจา้ นอกจากภารกิจของการเป็ นบรรณาธิการของวารสารโรงพยาบาล
เจริญกรุงประชารักษ์ อีกหน่ึงในภารกิจหลกั คือ การเป็นหัวหนา้ กลุ่มงานอายุรกรรม ซ่ึงในสถานการณ์ระบาด
ของโรค COVID-19 น้ี อายุรแพทย์ถือเป็ นผูร้ ับผิดชอบหลักในการให้การรักษาและช่วยเหลือผูป้ ่ วยโรค
COVID-19 โดยตรง ฉะน้นั ในวารสารฉบบั น้ี ขา้ พเจา้ จึงอยากบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ การแกป้ ัญหา และ
แนวทางการพฒั นาการดูแลรักษาผูป้ ่ วยโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ของ กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาล
เจริญกรุงประชารักษ์ ซ่ึงอาจจะทาใหท้ ่านผูอ้ ่านไดเ้ ห็นอีกมมุ มองหน่ึงของโรงพยาบาลใจกลางกรุงเทพมหานคร
ท่ีตอ้ งปรับตวั เพ่ือให้สามารถช่วยเหลือและดูแลประชาชนที่ไดร้ ับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโรค
COVID-19 ในคร้ังน้ีให้ไดม้ ากและดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทาได้ ซ่ึงอาจจะเป็ นอีกพลงั แรงพลงั ใจหน่ึงสาหรับ
ทุกท่านที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกนั และในวารสารฉบบั น้ี มีบทความท่ีมีเน้ือหาสาระที่เป็ นผลงานวิชาการ/
งานวิจยั โดยผูน้ ิพนธ์ไดม้ ีความต้งั ใจในการคน้ ควา้ วิเคราะห์ ทบทวนองคค์ วามรู้ ตลอดจนประสบการณ์ต่าง ๆ
ที่คาดว่า ผูอ้ ่านจะสามารถนาไปปรับใชห้ รือต่อยอดเพ่ือก่อให้เกิดประโยชน์ไม่มากก็น้อย ซ่ึงกองบรรณาธิการ
ของวารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษม์ ีความต้งั ใจและคาดหวงั ว่า เราจะเป็ นส่วนหน่ึงในการเผยแพร่
ผลงานทางวิชาการต่าง ๆ น้ี เพื่อให้ผอู้ ่านนาไปต่อยอดใหเ้ กิดประโยชน์ท้งั ต่อตนเอง หน่วยงาน และสังคม โดย
บทความที่ตีพิมพเ์ ผยแพร่น้ี ได้ผ่านการตรวจสอบและพิจารณาคุณภาพบทความโดยผูท้ รงคุณวุฒิที่มีความ
เชี่ยวชาญตรงตามเน้ือหาของบทความน้นั ๆ

ทา้ ยน้ี กองบรรณาธิการวารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ขอขอบคุณผูน้ ิพนธ์ทุกท่านท่ีนา
บทความมาลงตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารฉบับน้ี รวมท้ังผูท้ รงคุณวุฒิท่ีให้ความอนุเคราะห์ในการพิจารณา
คณุ ภาพบทความ ซ่ึงถึงแมว้ า่ ดว้ ยสถานการณ์ปัจจุบนั ทุกท่านจะมีภาระงานท่ีเพ่ิมมากข้ึนก็ตาม กองบรรณาธิการ
วารสารฯ คาดหวงั ว่า บทความที่ตีพิมพแ์ ละเผยแพร่น้ีจะช่วยให้งานดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสุขมีความกา้ วหน้า
และพฒั นาให้ดียิ่งข้ึน รวมท้งั ยงั เป็ นแรงจูงใจให้กบั ผูส้ นใจนาไปต่อยอดศึกษาคน้ ควา้ เพื่อจะช่วยส่งผลให้เกิด
องคค์ วามรู้ใหม่ ๆ ที่จะนาไปสู่การพฒั นาท่ีมีคุณคา่ และประโยชนต์ อ่ ไป

นพ.ทิวา เกยี รตปิ านอภกิ ลุ
กองบรรณาธิการวารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564  1

บทความพเิ ศษ
Editorial Special Issue

ประสบการณ์ การแก้ปัญหา และแนวทางการพัฒนาการดูแลรักษาผู้ป่ วย
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาล
เจริญกรุงประชารักษ์

ทวิ า เกยี รติปานอภกิ ลุ พ.บ. วว. อายรุ ศาสตร์มะเร็งวิทยา*
*กลมุ่ งานอายรุ กรรม โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ แรงดันลบ (negative pressure room) แบบ modified
ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิค-19) ซ่ึงเป็ นโรคติดต่อที่ AIIR (airborne infection isolation room) เพ่ือรองรับ
เกิดจากเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ต้ังแต่ปลายปี 2019 ผู้ป่ วยหนักที่เกิดจากโรคโควิด-19 โดยได้จัด
เริ่มตน้ การระบาดจากต่างประเทศ ถึงแมใ้ นช่วงแรก เตรียมการ ดงั น้ี
จะมีมาตรการจากภาครัฐเพ่ือป้องกันการแพร่ระบาด
แต่ก็ไม่สามารถปิ ดก้นั การแพร่ระบาดของเช้ือโรคได้ 1. ดา้ นบุคลากร จดั ให้มีอายุรแพทยเ์ ฉพาะ
ไม่วา่ จะผา่ นทางการเดินทางระหว่างประเทศ หรือทาง ทางดูแลผปู้ ่ วยโควิค-19 โดยตรงเพ่ิมข้ึนมาใหม่ เพ่ือให้
แนวตะเขบ็ ชายแดน ผลท่ีตามมา คือ เช้ือไวรัสโคโรนา มีความพร้อมในการดูแลและรักษาท้ังในเวลาและ
2019 ปะปนเข้ามาภายในประเทศไทย ทาให้เกิด นอกเวลาราชการ โดยในช่วงเวลาที่มีผูป้ ่ วยโควิด-19
การติดเช้ือเป็ นวงกวา้ ง โดยมกั จะมีการติดเช้ือในที่ จานวนมาก ได้จัดให้มีอายุรแพทย์ท้ังหมด 7 ทีม
ชุมชน หรือโรงงานตา่ ง ๆ ในเวลาราชการ เพ่ือครอบคลุมทุกพ้ืนท่ี ๆ เก่ียวขอ้ ง
ได้แก่ แพทย์ประจาหออภิบาลผูป้ ่ วย MICU และ
ในการน้ี โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ หอผปู้ ่ วย cohort1-5(หอผปู้ ่ วยที่เปิ ดข้ึนเฉพาะกิจเพ่ือให้
โดยนโยบายของผู้อานวยการโรงพยาบาล และ การดูแลผปู้ ่ วยโควคิ -19) และทาหนา้ ที่รับการปรึกษา
คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาล มอบให้กลุ่มงาน จากห้องอุบตั ิเหตุและฉุกเฉิน (Emergency room; ER)
อายุรกรรมดาเนิ นการเตรี ยมพร้อมรับมือกับ คลินิกผปู้ ่ วยหวดั ท่ีมีความเส่ียง(PUIclinic)โรงพยาบาล
การระบาดคร้ังน้ี โดยทางานร่วมกบั ฝ่ ายการพยาบาล สนามเอราวณั 3 โรงพยาบาลผูส้ ูงอายุบางขุนเทียน
ฝ่ ายซ่อมบารุงและกาจดั ของเสีย และหน่วยงานต่าง ๆ (ในขณะน้ันได้ปรับให้เป็ นโรงพยาบาลท่ีดูแลผูป้ ่ วย
ในโรงพยาบาล ซ่ึงมีการสร้างมาตรการในการรับมือ โควิด-19 ที่อยู่ในเกณฑ์อาการนอ้ ยและตอ้ งแยกโรค)
กบั โรคระบาดดงั กล่าว โดยระยะแรกไดม้ ีการปรับปรุง และจาก community isolation กรณีที่ผูป้ ่ วยมีอาการ
หออภิบาลผู้ป่ วยหนักอายุรกรรม (MICU) ห้อง แย่ลง นอกจากน้ี ช่วงนอกเวลาราชการได้จัดเวร

2  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

อายรุ แพทยเ์ พมิ่ อีก 2 คน เพศชายสูงสุดได้ถึง 21 เตียง โดยเป็ นผูป้ ่ วยท่ีมีโรค
2. ด้านสถานที่ เนื่องจากมีหอผูป้ ่ วยและ ร่วมต่าง ๆ เช่น ผสู้ ูงอายุ โรคเบาหวาน โรคปอดเร้ือรัง
โรคสมองและหลอดเลือด โรคหัวใจ และผูป้ ่ วยท่ีมี
บุคลากรที่จากัด จึงได้ปรับหออภิบาลผู้ป่ วยหนัก อาการเหน่ือยมีคา่ ออกซิเจนในเลือด(oxygensaturation)
หอผปู้ ่ วยพิเศษ และหอผปู้ ่ วยสามญั ท่ีมีอยู่เดิม ใหเ้ ป็น ต่ากว่า 96% และต้องได้รับออกซิเจนในการช่วย
หอผปู้ ่ วยสาหรับดูแลผปู้ ่ วยโควิด -19 (cohort) เพอื่ เพ่ิม หายใจ
ศกั ยภาพในการดูแล รวมท้งั หมด 6 หอผปู้ ่ วย ไดแ้ ก่
2.4 หอผูป้ ่ วย cohort 3 เป็ นการปรับปรุง
2.1 หออภิบาลผู้ป่ วยหนักอายุรกรรม จากหอผูป้ ่ วยอายุรกรรมหญิง 2 ดูแลผูป้ ่ วยโควิด-19
(MICU) ปรับปรุงให้เป็ น ห้องแรงดันลบ (negative เพศหญิงสูงสุดไดถ้ ึง 24 เตียง โดยดูแลผูป้ ่ วยท่ีมีโรค
pressure room) แบบ modified AIIR (airborne infection ร่วมตา่ ง ๆ ลกั ษณะเดียวกบั หอผปู้ ่ วย cohort 2
isolation room) จานวน 6 หอ้ ง เพื่อใหส้ ามารถรับผปู้ ่ วย
ที่ติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ที่มีอาการหนักรุนแรง 2.5 หอผูป้ ่ วย cohort 4 เป็ นการปรับปรุง
และหายใจลม้ เหลว (acute respiratory failure) ซ่ึงตอ้ ง จากหอผปู้ ่ วยพิเศษศลั ยกรรม ช้นั 18 ดูแลผปู้ ่ วยที่ตอ้ ง
ไดร้ ับดูการดูแลอย่างใกลช้ ิด โดยมีการใช้เครื่องช่วย ใช้ออกซิเจนแบบ HFNC ดูแลผู้ป่ วยสูงสุดได้ถึง
หายใจ (mechanical ventilator) หรือการใช้ออกซิเจน 20 เตียงเช่นกนั กบั cohort 1 และดูแลผปู้ ่ วยไตวายและ
อตั ราไหลสูง (high-flow nasal cannula; HFNC) ทาการลา้ งไตแบบ hemodialysis (HD)

2.2 หอผูป้ ่ วย cohort 1 เป็ นการปรับปรุง 2.6 หอผูป้ ่ วย cohort 5 เป็ นการปรับปรุง
จากหอผูป้ ่ วยพิเศษ ช้ัน 21 (เป็ นหอผูป้ ่ วยที่สามารถ จากหอผูป้ ่ วยพิเศษอายุรกรรม ช้ัน 19 ดูแลผูป้ ่ วยที่
ทาเป็ นห้องแยกได)้ ซ่ึงในช่วงท่ีสถานการณ์การแพร่ เป็ นเจา้ หน้าที่ของโรงพยาบาล ผูป้ ่ วยหลงั คลอด และ
ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ยงั ไม่รุนแรง ผปู้ ่ วยเด็ก จานวนสูงสุดได้ 25 เตียง
และมีจานวนไม่มาก โรงพยาบาลมีการปรับหอผูป้ ่ วยน้ี
เป็ นหอผูป้ ่ วยที่ดูแลผูป้ ่ วยโควิค-19 เพียงหอผูป้ ่ วย 3. ดา้ นยาและเวชภณั ฑ์ต่าง ๆ โดยกลุ่มงาน
เดียว รับผูป้ ่ วยสูงสุดได้ถึง 24 เตียง โดยให้การดูแล เภสัชกรรมได้ติดต่อประสานงานกับหน่วยงาน
ผปู้ ่ วยต้งั แตม่ ีอาการและมีความเสี่ยงในการสัมผสั โรค ส่วนกลางในการนายารักษาโรคโควิด-19 ท่ีผ่าน
(high risk patient under investigation; PUI) ไม่มาก การรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ซ่ึงให้ใช้
จนถึงผูป้ ่ วยที่ต้องการใช้ออกซิเจนอัตราไหลสูง ในการรักษาของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข1
(HFNC) แต่ต่อมาเมื่อการแพร่ระบาดมีจานวนมากข้ึน ไดแ้ ก่ ยาฟาร์วิพิราเวีย (favipiravir)2,3 ยาเรมเดสซิเวีย
โรงพยาบาลจึงเปิ ดหอผูป้ ่ วย cohort ต่าง ๆ เพิ่มอีก (remdesivir)4 ยาโทซิลิซูแมบ (tocilizumab)5, 6 ร่วมกบั
4 หอผปู้ ่ วย ยาในกลุ่มสเตียรอย (steroids) และทางกลุ่มงานยงั ได้
นาเสนอยาโทฟาซิทินิบ (tofacitinib)7 ที่มีข้อมูลท่ี
2.3 หอผูป้ ่ วย cohort 2 เป็ นการปรับปรุง ทาใหอ้ าการดีข้ึนในการรักษาผปู้ ่ วยโควิด
จากหอผูป้ ่ วยอายุรกรรมชาย 2 ดูแลผูป้ ่ วยโควิด-19

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564  3

ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดข้ึน เน่ืองจาก และเจ้าหน้าท่ีวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับการฝึ ก
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์เป็ นโรงพยาบาล อบรม มีความชานาญตามมาตรฐานความปลอดภัย
ใจกลางเมืองมีเขตชุมชนหลากหลายแห่ง ดูแลประชากร พร้อมท้ ังมีเคร่ื องมือที่ มีประสิ ทธิ ภาพและทันสมัย
ในเขตบางคอแหลม ยานนาวา สาทร บางโพงพาง และ รายงานผลตรวจไดอ้ ย่างรวดเร็ว เน่ืองจากเพิ่มจานวน
พ้ืนที่รอบ ๆ มีสถานที่ก่อสร้างตลาด ชุมชนหลายแห่ง รอบให้ครอบคลุมสูงสุดได้ 3 รอบการตรวจ และ
จึงเป็นโรงพยาบาลแห่งแรก ๆ ในกรุงเทพมหานคร ท่ี รายงานผลได้วนั ต่อวนั ส่งผลให้สามารถแจ้งผล
ผปู้ ่ วยโควดิ -19 มาขอรับการรักษา และเป็นท่ีรับส่งต่อ การตรวจให้ผูป้ ่ วยทราบไดร้ วดเร็วตามไปดว้ ย โดย
ผูป้ ่ วยโควิด-19 ซ่ึงมีผูป้ ่ วยถูกนาส่งโรงพยาบาลเป็ น ผ่านทางแอพพลิเคชนั่ ในโทรศพั ท์มือถือ 3) กลุ่มงาน
จานวนมาก ดงั น้นั จึงตอ้ งมีการจดั เตรียมอุปกรณ์และ วิสัญญีวทิ ยา (department of anesthesiology) เนื่องจาก
ครุภณั ฑ์ให้เพียงพอต่อผูป้ ่ วยในแต่ละวนั ช่วงเดือน โรคโควิด-19 จะทาให้ปอดอักเสบได้อย่างรวดเร็ว
กรกฎาคม - สิงหาคม 2564 เป็ นช่วงท่ีมีการติดเช้ือ และส่งผลให้ผูป้ ่ วยมีภาวะหายใจลม้ เหลวได้ การขอ
สูงสุดในประเทศไทย ซ่ึงพบวา่ โรงพยาบาลเจริญกรุง- คาปรึกษากบั วสิ ัญญีแพทยเ์ พื่อช่วยเหลือผปู้ ่ วยในการใส่
ประชารักษ์เคยมีอตั ราการเสียชีวิตสูงถึงเกือบร้อยละ ทอ่ ช่วยหายใจในกรณีท่ีมีภาวะหายใจลม้ เหลวเฉียบพลนั
10 ของผูป้ ่ วยเสียชีวิตท้ังประเทศ แต่ถึงแม้จะต้อง รวมถึงการใช้ยาทางด้านวิสัญญีเพ่ือควบคุมสภาวะ
รับภาระในการดูแลผูป้ ่ วยเป็ นจานวนมาก แต่เพ่ือให้ การหายใจใหน้ ่ิงมากท่ีสุด จึงเป็นแนวทางรักษาที่ตอ้ ง
ผูป้ ่ วยเกิดความปลอดภัยและได้รับการรักษาอย่าง ให้ความสาคญั และเร่งด่วนสาหรับผูป้ ่ วยโควิค-19 ท่ี
รวดเร็วท่ีสุด กลุ่มงานอายุรกรรมจึงได้ประสาน เกิดภาวะดงั กล่าว 4) กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉินและ
ความร่วมมือเพอื่ วางแผนใหก้ ารดูแลผปู้ ่ วยกบั หน่วยงาน นิติเวชวิทยา (department of emergency and forensic
อื่น ๆ ในโรงพยาบาล ได้แก่ 1) กลุ่มงานรังสีวิทยา medicine) รับผูป้ ่ วยที่มาท่ีด้วยภาวะฉุกเฉิน ซ่ึงตอ้ ง
(department of radiology) เน่ืองจากการถ่ายภาพรังสี วางแผนและปรึ กษาอายุรกรรมเพ่ือให้การรักษาใน
ปอดเป็ นส่ิงจาเป็ นสาหรับการวินิจฉัยปอดอักเสบ โรงพยาบาลต่อไป และ 5) องค์กรแพทย์ (medical
(covid – 19 pneumonia) จึงตอ้ งไดร้ ับผลอ่านทางรังสี staff organization) เป็ นทีมท่ีมีความสาคัญมาก
วิทยาอย่างรวดเร็วที่สุด ซ่ึงจะนาไปสู่การตัดสินใจ เพราะเป็นทีมขบั เคล่ือนการคิดข้นั ตอนกระบวนการ
และประกอบการพิจารณาในการใช้ยา favipiravir ต่าง ๆ ร่วมกบั ทีมควบคุมโรคติดเช้ือในโรงพยาบาล
2) กลุ่มงานเทคนิคการแพทย์ (department of medical (infectious control; IC) รวมท้ังเป็ นตัวกลางเช่ื อม
laboratort) งานอณูชีววิทยา (biomolecular laboratory) ประสานงานเร่ื องการปรึ กษาผู้ป่ วยโควิค-19 ใน
มี ความส าคัญใ นก า รรายง า นผ ลกา ร ต รวจ ห า เ ช้ื อ condition ต่าง ๆ เช่น การปรึกษาผปู้ ่ วยก่อนผา่ ตดั ที่มา
โควิด-19 ซ่ึงมีการปรับปรุ งห้องอณูชีววิทยาให้ ดว้ ยภาวะฉุกเฉิน หญิงต้งั ครรภ์ เป็ นตน้ (ดงั แผนภาพ
ปลอดภัยได้รับมาตรฐานและผ่านการรับรองจาก ที่ 1)
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เจา้ หนา้ ที่เทคนิคการแพทย์

4  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

แผนภาพท่ี 1 แสดงการเชื่อมโยงหน่วยงานในการวางแผนการจดั การโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019
(โควิค-19) ภายในโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์

คาย่อ (abbreviations): ER = ห้องอุบตั ิเหตุและฉุกเฉิน, Anes = วิสัญญี, PUI = ผูป้ ่ วยที่มีความเสี่ยงรอการตรวจ
patients under investgation, Lab = หอ้ งอณูชีววิทยา, XRAY = รังสีวทิ ยา, HI = ผปู้ ่ วยโควดิ ที่สามารถดูแลตนเอง
ที่บ้านได้ (home isolation) CI = ผู้ป่ วยโควิดที่ได้รับการดูแลที่ศูนย์พักคอย (community isolation),
IC = หน่วยควบคุมโรคติดเช้ือในโรงพยาบาล (Infectious control), Subboard = ผูเ้ ชี่ยวชาญทางด้านสาขาต่าง ๆ,
OB-GYN = สูติ-นรีเวชกรรม, SURG = ศลั ยกรรม, ORTHO = ออร์โธปิ ดิกส์

ในช่วงแรกของการระบาด เน่ื องจาก การหายใจและวณั โรค คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์เป็ นโรงพยาบาล รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพนั ธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์
แห่งแรก ๆ ที่มีผูป้ ่ วยโควิด-19 ท่ีมีอาการรุนแรง และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั ผศ.พญ.ณบั ผลิกา กองพลพรหม
ยงั ขาดแคลนบุคลากรที่เช่ียวชาญทางด้านโรคระบบ พ.อ.นพ. วิริสสร วงศ์ศรีชนาลยั ทีมอาจารย์จากสาขา
ทางเดินหายใจและภาวะวกิ ฤตทางการหายใจ จึงไดร้ ับ วิชาโรคทางการหายใจและภาวะวิกฤตทางการหายใจ
คาแนะนาแนวทางและการวางแผนการรักษาจาก ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
คณาจารย์ของโรงเรี ย นแพทย์ช้ ันนาข องประ เท ศ มหาวิทยาลยั (รูปที่ 1, 2) และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ไดแ้ ก่ รศ.นพ.นิธิพฒั น์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์ ได้ให้ความอนุเคราะห์ส่ งอายุรแพทย์โรคปอด
แห่งประเทศไทยและหัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบ และทางเดินหายใจ จานวน 1 ราย มาช่วยราชการที่

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564  5

โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์เป็ นเวลา 2 เดือน 4 เครื่อง เคร่ืองกรองอนุภาคในอากาศและกาจดั ไวรัส
ทาให้การรักษาผูป้ ่ วยทางด้านวิกฤตมีประสิทธิภาพ ชนิดเคลื่อนยา้ ยได้ รุ่น S2 จานวน 1 เคร่ือง เครื่องให้
สูงสุด และในดา้ นอุปกรณ์ทางการแพทยโ์ รงพยาบาล ออกซิเจนผสมอากาศอัตราการไหลสูง 2 เครื่ อง
เจริญกรุงประชารักษไ์ ดร้ ับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องผลิตออกซิเจนจานวน 15 เคร่ือง แผ่นซิลิโคน
ที่จาเป็ นในการช่วยเหลือผูป้ ่ วยโควิด-19 จากมูลนิธิ เจลผสมโฟมสาหรับรองรับผูป้ ่ วยป้องกนั แผลกดทบั
ศิริราช – ทุนต่อลมหายใจ โดย รศ.นพ.นิธิพฒั น์ เจียรกลุ จานวน 1 ชุด และเครื่องวดั ออกซิเจนปลายนิ้ว จานวน
ซ่ึงไดม้ อบเคร่ืองช่วยหายใจ (VELA ventilator) จานวน 10 เคร่ือง (รูปท่ี 3, 4)

รูปท่ี 1 และ 2 รศ.นพ.ฉนั ชาย สิทธิพนั ธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั และคณาจารย์
มาเยยี่ มและใหค้ าแนะนาแก่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ที่หออภิบาลผปู้ ่ วยหนกั อายรุ กรรม

รูปที่ 3 และ 4 มลู นิธิศิริราช – ทุนต่อลมหายใจ โดย รศ.นพ.นิธิพฒั น์ เจียรกุล มอบเครื่องช่วยหายใจ (VELA
ventilator) จานวน 4 เครื่อง และมอบแผน่ ซิลิโคนเจลผสมโฟมสาหรับรองรับผปู้ ่ วยป้องกนั แผลกดทบั
จานวน 1 ชุด

ในขณะท่ีการระบาดของโรคโควดิ -19 กระจาย เดือนกรกฎาคม - กลางสิงหาคม 2564 เป็ นช่วงที่มี
และทวีความรุนแรงมากย่ิงข้ึน โดยเฉพาะช่วงปลาย สถิติการติดเช้ือและเสียชีวิตของผู้ป่ วยสูงสุดใน

6  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

กรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ กับผู้ป่ วยที่มาตรวจตามนัดปกติ ดังน้ัน กลุ่มงาน
เคยมีผปู้ ่ วยเสียชีวิตสูงถึงเกือบร้อยละ 10 ของผปู้ ่ วยท่ี อายุรกรรมจึงไดเ้ พ่ิมมาตรการป้องกนั ความปลอดภยั
เสียชีวิตท้งั ประเทศ ทาใหก้ ลมุ่ งานอายรุ กรรมมีการจดั โดย 1) ให้มีการคดั กรองเพิ่มเติมโดยการซักประวตั ิ
อายุรแพทยเ์ พิ่มเพ่ือให้มีการดูแลผูป้ ่ วยโควิด-19 ให้ เร่ืองความเสี่ยงต่อการสัมผสั โรค ผทู้ ่ีมีอาการหวดั และ
ครอบคลุมมากที่สุดรวมท้งั หมด 7 ทีม รวมถึงการรับ อาการร่วม รวมถึงการวดั ค่าออกซิเจนปลายนิ้วก่อน
ปรึกษาจากโรงพยาบาลสนามเอราวณั 3 ศูนยพ์ กั คอย ทุกคน 2) มีระบบระบายอากาศที่ป้องกันการแพร่
ผูป้ ่ วยในระบบ home isolation (HI) ที่มีปัญหาหรือ กระจายของเช้ือโรคโดยการผลกั อากาศดีจากภายนอก
อาการเปลี่ยนแปลงที่แย่ลง และจัดเวรดูแลผู้ป่ วย เข้าสู่ภายในอาคารและดูดอากาศภายในอาคารทิ้ง
โควิด-19ในช่วงนอกเวลาราชการเพิ่มข้ึนอีก 2 ทีม ออกภายนอก 3)ให้มีการบริการแบบโทรเวชกรรม
ต่อวนั เพ่ือให้ครอบคลุมการดูแลผูป้ ่ วยโควิด-19 ท่ี (telemedicine) การอานวยความสะดวกผูป้ ่ วยโดย
สูงสุดเกือบ 120 ราย และยงั มีคนไขท้ ่ีรอเตียงท่ีหน้า การเจาะเลือดท่ีบ้าน (mobile lab) และการจัดส่งยา
หอ้ งอบุ ตั ิเหตแุ ละฉุกเฉิน อีกสูงสุดถึงประมาณ 60 ราย ทางไปรษณีย์เพื่อความสะดวกแก่ผู้ป่ วยท่ัวไป
แล ะ เนื่ องจาก ใ นส ถ านก ารณ์ ก ารระ บ าดข อ ง โ ร ค ลดความเสี่ยงต่อการสัมผสั และการแพร่กระจายของ
โควิค-19 คร้ังน้ี ส่งผลกระทบกับระบบงานและ เช้ือโรคในการท่ีต้องเข้ามาในโรงพยาบาล ซ่ึงจาก
บุคลากรในโรงพยาบาล ดงั น้ัน ทุกคนจึงไดร้ ่วมแรง กระบวนการการป้องกันดังกล่าวพบว่า ยงั ไม่พบ
ร่วมใจช่วยวางแผนบริหารจดั การออกแบบระบบงาน บุคลากรในคลินิกอายุรกรรมติดเช้ือโควิด-19 จาก
เพื่อรองรับจานวนผูป้ ่ วยท่ีเพิ่มมากข้ึน โดยเฉพาะ การปฏิบตั ิงาน
แพทยจ์ ากกลมุ่ งานอ่ืน ๆ ไดเ้ ขา้ มาช่วยออกแบบระบบ
ของ PUI clinic โดยมีกลุ่มงานอายรุ กรรมเป็นท่ีปรึกษา กลุ่มงานอายรุ กรรม ไดเ้ ลง็ เห็นปัญหาและให้
และมีหลกั การท่ีสาคญั คือ เม่ือผปู้ ่ วยมาถึงโรงพยาบาล ความสาคญั กบั ผูป้ ่ วยโควิด-19 ที่ไดร้ ับการรักษาและ
และไดร้ ับการตรวจวินิจฉัยแลว้ ผปู้ ่ วยจะตอ้ งไดร้ ับยา กลบั บา้ น ซ่ึงยงั พบว่า บางส่วนยงั มีอาการในระบบ
favipiravir ให้เร็วที่สุดภายใน 1 วนั โดยใช้ standing ต่าง ๆ ของร่างกายหลงเหลืออยู่ หรือท่ีเรียกว่า long
order เป็ นมาตรฐานเพ่ือลดความผิดพลาด และไดน้ า covid, post covid-19 syndrome ไม่ว่าจากอาการ
แนวทางการรักษาจากกระทรวงสาธารณสุขมาปรับใช้ ทางเดินหายใจ ไดแ้ ก่ เหน่ือยง่าย ไอเร้ือรัง หรือมีโรค
ใหเ้ ป็นปัจจุบนั แทรกซ้อน เช่น ปอดอกั เสบเฉียบพลนั ชนิดไฟบรินัส
และออแกไนซ์ซ่ิง (organising pneumonia; OP) ทาให้
ในส่วนของแผนกผปู้ ่ วยนอก แมจ้ ะมีมาตรการ ผูป้ ่ วยมีอาการเหนื่อยอย่างเร้ือรัง บางรายอาจจาเป็ น
เบ้ืองต้น คือ การคัดกรองผูป้ ่ วยก่อนเข้าตรวจ เพื่อ ตอ้ งใชอ้ อกซิเจนต่อเนื่อง รวมถึงอาการทางดา้ นจิตใจ
ป้องกันผูป้ ่ วยโควิค-19 เขา้ ไปปะปนกับผูป้ ่ วยปกติ เช่น depression กลุ่มงานอายรุ กรรม จึงไดจ้ ดั ต้งั คลินิก
แลว้ แต่เนื่องจากผปู้ ่ วยมีจานวนมากโดยเฉพาะคลินิก post COVID-19 clinic ข้ึน โดยเปิ ดให้บริการ ทุกวนั พุธ
อายุรกรรม ก็ยงั พบว่า มีผูป้ ่ วยโควิค-19 เขา้ มาปะปน เวลา 08.30 - 12.00 น. อีกท้งั ยงั ไดร้ ับความร่วมมือจาก

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564  7

กลุ่มงานเวชกรรมฟ้ื นฟูและกลุ่มงานจิตเวช ในการ ผูป้ ่ วยอย่างสุดความสามารถ โดยการประชุมร่วมกัน
ร่วมให้คาปรึกษาในการดูแลผูป้ ่ วยกลุ่มน้ีด้วย และ กบั สหสาขาวชิ าชีพและหน่วยงานต่างๆในโรงพยาบาล
เพ่ือเป็ นการแก้ไขปัญหาในระยะยาวและการพฒั นา ท้ ั ง ก า ร ซั ก ซ้ อ ม ส ถ า น ก า ร ณ์ ข อ ง อ า ยุ ร แ พ ท ย์ ที่
ต่อเนื่อง จึงให้มีการปรับปรุงหอผูป้ ่ วยสามญั ให้เป็ น หออภิบาลผูป้ ่ วยหนักอายุรกรรม การปรับตัวของ
ห้องความดันลบ (negative pressure room) ที่เรียกว่า เจา้ หนา้ ที่เพ่ือการดูแลรักษาพยาบาลผปู้ ่ วย เช่น การใส่
ห้องผู้ป่ วยแยกโรคติดเช้ือความดันลบ (airborne ชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (personal protection
infection isolation room, AIIR) เพื่อรองรับผูป้ ่ วย equipment; PPE) ซ่ึงตอ้ งอดทนต่ออุณหภูมิท่ีร้อนมาก
โควิด-19 และโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ เช่น โรควณั โรค จนบางคร้ังสภาพร่างกายรับไม่ไหว และการรับส่งต่อ
(tuberculosis; TB) เพิ่มข้ึน โดยได้ปรับปรุงห้องแยก ผูป้ ่ วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงท่ีเกิดข้ึนเป็ นประจา
เดิมท่ีหอผปู้ ่ วยอายรุ กรรมชาย 2 และอายรุ กรรมหญิง 2 ท้ังน้ี ส่ิงหน่ึงที่ช่วยให้พวกเราบุคลากรทุกคนของ
หอผปู้ ่ วยละจานวน 2 หอ้ ง รวมเป็น 4 ห้อง ซ่ึงขณะน้ี โรงพยาบาลเจริ ญกรุ งประชารักษ์ผ่านสถานการณ์
กาลงั ดาเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะแลว้ เสร็จภายใน คร้ังน้ี ไปไดก้ ็คือ การไดร้ ับการสนับสนุนช่วยเหลือ
ปี 2564 น้ี จากสถาบนั ทางการแพทยอ์ ื่น ๆ องค์กรต่าง ๆ จาก
ภายนอก รวมท้งั ประชาชนท่ัวไป ซ่ึงเป็ นขวญั และ
จากช่วงเวลาท่ีผา่ นมา มีเหตุการณ์ต่าง ๆ และ กาลงั ใจที่มาจากหลากหลายช่องทางและในรูปแบบ
เร่ืองราวท่ีเกิดข้ึนมากมาย ไดเ้ ห็นถึงความสามัคคีท่ี ตา่ ง ๆ (รูปที่ 5-12)
เกิดข้ึนในทุกฝ่ าย เพื่อบริหารจัดการและช่วยเหลือ

8  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

รูปท่ี 5 - 12 : รวมรูปภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วงการระบาดของโรคโควดิ - 19

ถึงแม้ช่วงเวลาน้ีเป็ นช่วงเวลาที่โรคระบาด เอกสารอ้างองิ
โควิค-19 ในกรุงเทพมหานครเริ่มควบคุมได้มากข้ึน
มีการระดมการฉีดยาวคั ซีนท่วั ทุกแห่ง แต่กลุ่มงาน 1. คณะทางานด้านการรั กษาพยาบาล และ
อายรุ กรรม และโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ไดม้ ี การป้องกนั การติดเช้ือในโรงพยาบาล กรมการแพทย์
การเตรี ยมพร้อมในการรับมืออยู่เสมอ หากมี กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางเวชปฏิบัติ
การระบาดในระลอกใหม่ท้งั ดา้ นบุคลากรและสถานท่ี การวนิ ิจฉยั ดูแลรักษา และป้องกนั การติดเช้ือใน
แ ล ะ พ ร้ อ ม ที่ จ ะ พั ฒ น า ด้ า น ก า ร รั ก ษ า โ ร ค แ ล ะ โรงพยาบาล กรณีผูป้ ่ วยติดเช้ือไวรัสโคโรนา
การป้องกันโรคอย่างต่อเน่ือง มีการรักษาที่ทันสมัย 2019 (COVID-19) สาหรับแพทย์และบุคลากร
ปลอดภยั ไดม้ าตรฐานระดบั ประเทศและระดบั สากล สาธารณสุข [อินเทอร์เน็ต]. 2021 [เขา้ ถึงเมื่อ 18
เพ่ือให้ผู้ป่ วยทุกคนมีสุ ขภาพท่ีดีย่ิงข้ึนต่ อไป ต.ค. 2564].เขา้ ถึงได้จาก: https://covid19.dms.go.th/
“MEDCKP Strong Together” backend/Content/Content_FIle/Bandner_(Big)/
Attach/25640820144939PM_25640804171629P
กติ ตกิ รรมประกาศ M_CPG_COVID_v.17_n_20210804.pdf.

กลุ่ มงานอายุ รกรรมขอขอบพ ร ะ คุ ณ 2. Manabe T, Kambayashi D, Akatsu H, Kudo K.
ผู้อานวยการโรงพยาบาลเจริ ญกรุ งประชารักษ์ Favipiravir for the treatment of patients with
คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาล คณะทางานชุด Covid-19: a systematic review and meta-analysis.
ต่าง ๆ และบุคลากรทุกคนในโรงพยาบาล ที่ร่วมวาง BMC Infect Dis 2021; 21: 489.
นโยบายและวางแผนดาเนินการ ตลอดจนร่วมปฏิบตั ิ
หน้าท่ีอย่างเสียสละ และทุ่มเทในการรับมือกับ 3. Shinkai M, Tsushima K, Tanaka S, Hagiwara E,
สถานการณ์ระบาดของโรคในคร้ังน้ี และทา้ ยที่สุด Tarumoto N, Kawada I, et al. Efficacy and safety
ขอขอบคุณอย่างยิ่งในความร่ วมมือร่ วมใจของ of favipiravir in moderate Covid-19 pneumonia
อายุรแพทย์ พยาบาลอายุรกรรม และชาวอายุรกรรม patients without oxygen therapy: a randomized,
ทุกท่านท่ีร่วมกนั ฝ่ าฟันอุปสรรคคร้ังใหญ่คร้ังหน่ึงใน phase III clinical trial. Infect Dis Ther 2021; 10:
ชีวิตไปดว้ ยกนั 2489-509.

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564  9

4. Beigel JH, Tomashek KM, Dodd LE, Mehta AK, 6. Stone JH, Frigault MJ, Serling-BoydNJ, Fernandes
Zingman BS, Kalil AC, et al. Remdesivir for the AD, Harvey L, Foulkes AS, et al. Efficacy of
treatment of Covid-19 - final report. N Engl J tocilizumab in patients hospitalized with Covid-19.
Med 2020; 383: 1813-26. N Engl J Med 2020; 383: 2333-44.

5. Salama C, Han J, Yau L, Reiss WG, Kramer B, 7. Guimaraes PO, Quirk D, Furtado RH, Maia LN,
Neidhart JD, et al. Tocilizumab in patients Saraiva JF, Antunes MO, et al. Tofacitinib in
hospitalized with Covid-19 pneumonia. N Engl J patients hospitalized with Covid-19 pneumonia.
Med 2021; 384: 20-30. N Engl J Med 2021; 385: 406-15.

10  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

บทความวชิ าการ
Academic Article

ความสัมพันธ์ระหว่างการฉีกขาดของปากมดลูก ภาวะเลือดออกจาก
มดลูกส่ วนล่าง และทาหัตถการกดมดลูกส่ วนล่างผ่านทางหน้าท้อง
ในสตรีต้งั ครรภ์ท่ีมภี าวะตกเลือดหลงั คลอดปฐมภูมิ

วันชัย จนั ทราพทิ ักษ์ พ.บ.วว.* สาวิตรี สุวิกรม พ.บ.วว.* วีรพล เขมะรังสรรค์ พ.บ.วว.*
นิพนั ธ์ บุญยัง พ.บ.วว. * เรณู วฒั นเหลืองอรุณ วท.ม.**
*กลุม่ งานสูติ-นรีเวชกรรม โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
**หอ้ งคลอด โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร

บทคดั ย่อ วนั รับบทความ: 18 มิถุนายน 2564
วนั แกไ้ ขบทความ: 1 ธนั วาคม 2564
วนั ตอบรับบทความ: 2 ธนั วาคม 2564

บทนา: ภาวะตกเลือดหลังคลอด (postpartum hemorrhage: PPH) เป็ นสาเหตุหลักการเสียชีวิตของมารดา
หลังคลอด ปากมดลูกฉีกขาด (cervical tear/laceration) เป็ นหน่ึงในต้นเหตุของภาวะตกเลือดหลังคลอด
ปากมดลกู ฉีกขาดเกิดข้ึนเป็นจานวนมากในการคลอด แตม่ ีจานวนนอ้ ยท่ีเกิดปัญหาภาวะแทรกซอ้ นจากเสียเลือด
มากจนเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด ซ่ึงสาเหตุอาจไม่ได้เกิดจากภาวะปากมดลูกฉี กขาดเพียงอย่างเดียว
ภาวะเลือดออกจากมดลกู ส่วนลา่ ง (lower uterine segment bleeding) อาจเป็นสาเหตุร่วม การรักษาใหต้ รงสาเหตุ
จะทาใหก้ ารรักษาไดผ้ ลดียง่ิ ข้ึน

วัตถุประสงค์: เพื่อวิเคราะห์ความสัมพนั ธ์ของเลือดออกจากปากมดลูกฉีกขาดกับภาวะเลือดออกจากมดลูก
ส่วนลา่ ง และการทาหตั ถการกดมดลูกส่วนล่างผา่ นทางหนา้ ทอ้ ง

วิธีดาเนินการศึกษา: การศึกษาน้ีไดท้ บทวนวรรณกรรมของภาวะปากมดลูกฉีกขาด และไดศ้ ึกษาอุบตั ิการณ์
ภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะตกเลือดหลงั คลอด จานวนเลือดท่ีสูญเสียหลงั คลอด และภาวะแทรกซอ้ นอ่ืน ๆ ของ
ปากมดลูกฉีกขาดในห้องคลอด โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เปรียบเทียบอุบตั ิการณ์ของปากมดลูกฉีกขาด
และภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผูป้ ่ วยที่คลอดปกติและกลุ่มที่คลอดปกติร่วมกบั การใชห้ ัตถการกดมดลูกส่วนล่าง
ผ่านทางหน้าทอ้ ง (lower uterine segment compression) โดยศึกษาเป็ น 2 ช่วง คือ พ.ศ. 2557 - 2560 (4 ปี ) และ
พ.ศ. 2537 - 2556 (20 ปี )

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564  11

บทความวิชาการ
Academic Article

ความสัมพันธ์ระหว่างการฉีกขาดของปากมดลูก ภาวะเลือดออกจาก
มดลูกส่ วนล่าง และทาหัตถการกดมดลูกส่ วนล่างผ่านทางหน้าท้อง
ในสตรีต้ังครรภ์ท่มี ภี าวะตกเลือดหลงั คลอดปฐมภูมิ

วันชัย จนั ทราพทิ กั ษ์ พ.บ.วว.* สาวิตรี สุวกิ รม พ.บ.วว.* วรี พล เขมะรังสรรค์ พ.บ.วว.*
นิพนั ธ์ บุญยัง พ.บ.วว. * เรณู วฒั นเหลืองอรุณ วท.ม.**
*กลุม่ งานสูติ-นรีเวชกรรม โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
**หอ้ งคลอด โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร

บทคดั ย่อ (ตอ่ ) วนั รับบทความ: 18 มิถนุ ายน 2564
วนั แกไ้ ขบทความ: 1 ธนั วาคม 2564
วนั ตอบรับบทความ: 2 ธนั วาคม 2564

สรุป: ภาวะเลือดออกจากมดลูกส่วนล่างอาจมีบทบาทในภาวะเลือดออกจากปากมดลูกฉีกขาด โดยเลือด
ส่วนหน่ึงมาจากมดลูกส่วนล่าง จึงเป็ นเหตุผลว่าทาไม Cho’s compression suture จึงได้ผลดีในการรักษา
ปากมดลูกฉีกขาด การศึกษาน้ีพบว่า การทาหัตถการกดมดลูกส่วนล่างผา่ นทางหนา้ ทอ้ ง ช่วยลดอุบตั ิการณ์ของ
ภาวะเลือดออกจากปากมดลูกฉีกขาด โดยหัตถการมีการกระทาท่ีคล้ายกบั หัตถการ Cho’s compression suture
ดังน้ัน หัตถการกดมดลูกส่วนล่างผ่านทางหน้าท้องจึงเป็ น none invasive surgical maneuver แทน Cho’s
compression suture ซ่ึงหตั ถการน้ีไดผ้ ลดีเป็นการลดการผา่ ตดั ลดความเจ็บปวด และลดภาวะแทรกซอ้ นโดยรวม
ท้งั หมดของปากมดลกู ฉีกขาดไดเ้ ป็นอยา่ งดี

คาสาคัญ: ภาวะตกเลือดหลงั คลอด ปากมดลูกฉีกขาด เลือดออกจากมดลูกส่วนล่าง หตั ถการกดมดลูกส่วนล่าง
ผา่ นทางหนา้ ทอ้ ง

12  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

บทความวชิ าการ
Academic Article

The relationship between cervical tear, lower uterine segment bleeding
and lower uterine segment compression maneuver in pregnant women
with primary postpartum hemorrhage

Wanchai Chantrapitak MD*, Sawittri Suwikrom MD*, Veerapol khemarangsan MD*,
Niphan Boonyoung MD*, Renu Wattanaluangarun MSc**
*Department of Obstetrics and Gynecology, Charoenkrung Pracharak Hospital, Bangkok
** Labor Room, Charoenkrung Pracharak Hospital, Bangkok

Abstract Received: June 18, 2021
Revised: December 1, 2021
Accepted: December 2, 2021

Introduction: Postpartum hemorrhage (PPH) is a major cause of maternal mortality after delivery. Albeit rare,
cervical tear or laceration contribute to PPH and could prove fatal. In some of those cases, PPH might not be
solely attributed by cervical tear but also lower uterine segment bleeding. As a result, treating the latter might
prove beneficial.

Objectives: To study the relationship between cervical tear bleeding, lower uterine segment bleeding, and lower
uterine segment compression maneuver (LUSC)

Materials and Methods: This is a literature review covering the prevalence of cervical tear as well as its
consequences together with the prevalence of PPH in Charoenkrung Pracharak Hospital’s labor room. We
compare the incidence of cervical tear and its complications between mothers who underwent normal delivery
alone and those who underwent normal delivery together with lower uterine segment compression. The study
consisted of two phases: 2014-2017 (4 years) and 1994-2013 (20 years).

Conclusions: Lower uterine segment bleeding may play a role in cervical tear bleeding and may be the reason
why Cho’s compression suture is effective in treating cervical tear. This study also found that lower uterine
segment compression maneuver reduced the incidence of cervical tear bleeding via mechanisms similar to that
of Cho’s compression suture. Since LUSC is a non-invasive procedure, it can be used in place of Cho’s
compression suture to minimalize the surgery, the subsequent pain, and the complications from cervical tear.

Keywords: postpartum hemorrhage, cervical tear, lower uterine segment bleeding, lower uterine segment
compression maneuver

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564  13

บทนา Introduction

ปากมดลูกฉีกขาด (cervical tear/cervical Cervical tear or laceration belongs to the
laceration) เป็ นสาเหตุหน่ึงของภาวะตกเลือดหลงั คลอด genital tract injury1 category of the causes that lead
(Postpartum hemorrhage : PPH) จัดอยู่ในกลุ่ม to postpartum hemorrhage (PPH). The causes of
genital tract injury1 ซ่ึงสาเหตุของภาวะตกเลือดหลงั PPH can be conventionally distinguished into 4Ts,
คลอดแบ่งไดเ้ ป็น 4 จาพวก (4Ts) คือ Tone, Tissue, namely Tone, Tissue, Trauma, and Thrombin. 2,3
Trauma, Thrombin2,3 ซ่ึงสาเหตุของภาวะตกเลือด Most of the PPH cases were caused by uterine
หลังคลอด ส่วนใหญ่เกิดจากมดลูกไม่หดรัดตัว atony. Recently, there are trends that reclassify the
นอกจากน้ียงั มีการเสนอแนวคิดใหม่ที่แบ่งเร่ือง tone Tone into two subcategories: uterine atony which
เป็นสองจาพวก คือ tone ที่เสียไปหรือมดลูกคลายตวั follows flaccid uterus and uterine hypoxic atony
(uterine atony) จากมดลูกไม่หดรัดตัวต้ังแต่แรก which is caused by lower uterine segment bleeding
หลงั คลอดทนั ที (flaccid uterus) และการเกิดมดลูก and low implantation of placenta.4
คลายตัวที่เกิดหลังคลอดไประยะเวลาหน่ึงแล้ว
(uterine hypoxic atony) ซ่ึงมกั เกิดจากภาวะเลือดออก Genital tract trauma from delivery consists
จากมดลูกส่วนล่าง (lower uterine segment bleeding) of vaginal tear, perineal tear, cervical tear, and
โดยเกิดจากภาวะรกเกาะต่าในส่วนล่างของมดลูก uterine rupture, all of which compose 5% of PPH
(low implantation of placenta)4 cases. 5 Although cervical tear made up merely
small portion of PPH (70-80% of PPH cases are
การบาดเจ็บของช่องทางคลอดจากการคลอด caused by uterine atony),6,7 they are commonly
มีท้งั ช่องคลอดฉีกขาด ฝี เยบ็ ฉีกขาด ปากมดลูกฉีกขาด found in more than half of all deliveries.8,9 Most of
และมดลูกแตก ซ่ึงโอกาสเกิดประมาณ 5% ของ them are smaller than 0.5 cm and do not require
สาเหตภุ าวะตกเลือดหลงั คลอด5ส่วนปากมดลูกฉีกขาด treatment. Those that do are as rare as 0.16 - 0.8%10,11
จากการคลอด แมจ้ ะมีสัดส่วนที่นอ้ ยของภาวะตกเลือด and are often larger than 1.5-2.0 cm.11
ห ลัง ค ล อ ด เ น่ื อ ง จ า ก ภ า ว ะ ต ก เ ลื อ ด ห ลัง ค ล อ ด
ส่วนใหญ่หรือ 70 - 80% เกิดจากภาวะมดลูกไม่
แข็งตวั (uterine atony)6,7 แต่กลบั พบว่า ปากมดลูก
ฉีกขาดในการคลอดทางช่องคลอดทั่วไปจะเกิด
มากกว่าคร่ึ งของการคลอด8,9 ซ่ึงมักจะฉี กขาด
น้อยกว่า 0.5 เซนติเมตร และส่วนใหญ่ไม่ต้องการ
การรักษา ส่วนรายท่ีเกิดพยาธิสภาพจนต้องการ
การรักษาพบไดน้ อ้ ยมากเพียง 0.16 - 0.8%10,11 และ
มกั พบวา่ เป็นปากมดลูกฉีกขาดท่ีมากกวา่ 1.5 - 2.0
เซนติเมตร11

14  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

ปัจจัยเส่ียงที่สาคัญและพบบ่อยสุด คือ The most common risk factor for cervical
การเยบ็ ผูกปากมดลูกที่หลวม (cervical cerclage)11 tear is cervical cerclage.11 Other risk factors include
และสาเหตุอื่น ๆ เช่น precipitated labor, induction precipitated labor, induction of labor,8 prior
of labor8 prior dilatation and evacuation ( D&C) , dilatation and evacuation, conization, young
conization, ผคู้ ลอดที่อายนุ อ้ ย การใช้ oxytocinโดยเฉพาะ mother, use of oxytocin especially in multiparous
การใชใ้ นผคู้ ลอดที่ต้งั ครรภห์ ลายคร้ัง (multiparous women (2.5 times the risk),11 and operative vaginal
women) จะเพิ่มความเส่ียง 2.5 เท่า11 รวมท้งั การใช้ delivery which was still in controversy.8
สูติศาสตร์หัตถการในการช่วยคลอด (operative
vaginal delivery) แต่บางการศึกษามีรายงานว่า
ไม่ไดเ้ พิ่มความเส่ียง8

แมว้ ่ารายงานส่วนใหญ่จะพบว่า เกิดภาวะ Although reported complicated cervical
ปากมดลูกฉีกขาดที่ตอ้ งการการรักษาจานวนน้อย tears are rare, they can still be the cause of PPH
แต่ปากมดลูกฉีกขาดอาจเป็ นต้นเหตุของภาวะ which would then require surgical management and
ตกเลือดหลังคลอดและเกิดภาวะแทรกซ้อนของ could become fatal.
ภาวะตกเลือดหลังคลอดตามมา จึงมีความสาคัญ
เพราะส่วนหน่ึง ตอ้ งมีการเยบ็ ซ่อมแซมหรือฉีกขาด
มากจนอาจเป็นอนั ตรายต่อชีวติ

จากการเก็บขอ้ มูลในห้องคลอดโรงพยาบาล From 4 years of data collection in
เจริญกรุงประชารักษ์ระหว่างปี พ.ศ. 2557 - 2560 Charoenkrung Pracharak Hospital in 2014 - 2017,
รวม 4 ปี พบอุบัติการณ์การเกิดภาวะปากมดลูก the prevalence of cervical tear is as followed
ฉีกขาด ดงั น้ี

Table 1: The prevalence of cervical tear in Charoenkrung Pracharak Hospital (2014-2017) Number of cervical
tear 2014-2017

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564  15

พบว่า มีรายงานการเกิดภาวะปากมดลูกฉีกขาด There were 23 cases of cervical tears out of 9,799
23 ราย จากการคลอดทางช่องคลอด 9,799 ราย cases of vaginal deliveries, making up 0.23%.
คิดเป็ นอุบัติการณ์ ร้อยละ 0.23 และต้องเย็บ Of those, 9 cases needed repair and 7 had PPH
ซ่อมแซม 9 ราย เกิดภาวะตกเลือดหลงั คลอด 7 ราย (30.4%). All the mentioned cases had vaginal bleeding
คิดเป็ นร้อยละ 30.4 ท้ังหมดเป็ นการคลอดปกติ so close inspection and treatment of bleeding point
เม่ือมีเลือดออกทางช่องคลอดจานวนมาก จึงทาการตรวจ was sufficient. There were no case of hysterectomy
เพื่อคน้ หาสาเหตุของเลือดท่ีออกจานวนมากจาก or death.
ช่องคลอดและใหก้ ารรักษา จากขอ้ มลู ไมพ่ บการตดั
มดลกู หรือเสียชีวิต Discussion

บทวิจารณ์ Studies on cervical tear are lacking. As a
result, the conclusions from various existing studies
ภาวะปากมดลูกฉีกขาด (cervical tear) มี can be varying. Some reported the incidence of
การศึกษากนั นอ้ ยมาก จึงมีขอ้ มูลท่ีจากดั จากรายงาน complicated cervical tear as low as 1% while
การศึกษา แมจ้ ะพบว่า ภาวะปากมดลูกฉีกขาดที่ another reported it to be as high as 5.06%5 and the
ตอ้ งการการรักษา พบน้อยกว่า 1% แต่ก็ยงั มีบาง mortality rate in vaginal tract trauma group as high
รายงานพบ ปากมดลูกฉีกขาดสูงถึง 5.06%5 และ as 16.05%.5
ทาให้อัตราการเสียชีวิต (mortality rate)ในกลุ่ม
การบาดเจ็บของช่องทางคลอด (vaginal tract trauma) Despite having myriad of risk factors, the
สูงถึง 16.05%5 only stark one is cervical cerclage.8,11 Other risk
factors proved to be inefficient as predictors.8
แมว้ ่าจะมีปัจจยั เสี่ยงมากมายดงั กล่าว โดย Studies in the past century had not added any value
ความเสี่ยงที่ชัดเจน คือ การเย็บผูกปากมดลูกท่ี on the incidenceand prevention of cervical tear.
หลวม (cervical cerclage)8,11 ส่วนความเสี่ยงอื่น ๆ ก็
เหมือนไม่สามารถทานายอะไรไดม้ าก8 จึงจะเห็นได้
จากอุบตั ิการณ์ที่ยงั สูงในบางรายงานการศึกษาใน
หลายศตวรรษที่ผ่านมา แทบไม่มีขอ้ มูลใหม่ ๆท่ีจะ
มาช่วยทาให้ลดอุบตั ิการณ์หรือภาวะแทรกซ้อนท่ี
เกิดจากภาวะปากมดลกู ฉีกขาดเลย

16  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

ระยะหลังน้ี มีการศึกษาเร่ืองภาวะตกเลือด Recently there had been rising interests in
หลังคลอดที่เกิดจากมดลูกส่วนล่าง (lower uterine the association between PPH and lower uterine
segment) เป็ นจานวนมาก12,13,14,15 รวมท้ังมีหลักฐาน segment12,13,14,15 There were also evidences that
ที่ว่า Cho’s compression suture มีประสิทธิภาพดีใน Cho’ s compressionsuture was effective in stopping
การเย็บเพื่อหยุดเลือดท่ีออกจากปากมดลูกฉีกขาด hemorrhagefrom cervical tear, lower uterine segment
มดลูกส่วนลา่ ง และช่องคลอดส่วนบน10 ท้งั ๆท่ี Cho’s as well as upper vagina10 even though the suture was
compression suture น้ีไม่ได้เย็บตรงรอยที่ฉี กขาด not done directly on the tear. This might serve as a
บริเวณปากมดลูกเลย ดงั น้ัน อาจมีความสัมพนั ธ์ของ clue to the secret relationship between cervical tear
Cho’s compression suture กับปากมดลูกฉีกขาดและ bleeding and lower uterine segment. A retrospective
ภาวะเลือดออกจากมดลูกส่วนล่างได้ หรือ Cho’s data collection would provide worthwhile insight on
compression suture จะเป็ นเง่ือนงาของความสัมพนั ธ์ the issue. The incidence of cervical tear in normal
ระหว่างเลือดที่ออกจากปากมดลูกฉีกขาด และ delivery group could be pitched against those who
มดลูกส่วนล่าง ดงั น้ัน การเก็บขอ้ มูลยอ้ นหลงั เพื่อดู had normal delivery and had LUSC performed.
อุบัติการณ์ของภาวะปากมดลูกฉี กขาดในกลุ่ม LUSC had similar mechanism as Cho’s compression
การคลอดทางช่องคลอด ที่ไดร้ ับการดูแลการคลอด suture because it had a hand directly compressing
แบบปกติ เปรียบเทียบกับการคลอดทางช่องคลอดที่ upon the lower uterine segment16, 17, 18, 19, 20 which
ใช้หัตถการ การกดมดลูกส่วนล่างผ่านทางหน้าทอ้ ง yielded some interesting results.
(lower uterine segment compression) มาร่ วมด้วย
ซ่ึงการกดมดลูกส่วนล่างจะมีรูปแบบการทางานคลา้ ย
Cho’s compression suture ท่ีหัตถการน้ีใช้มือกดลง
บนมดลูกส่วนล่างผ่านทางหนา้ ทอ้ งโดยตรง16,17,18,19,20
ซ่ึงผลการศึกษาไดผ้ ลที่น่าสนใจมาก ดงั น้ี

(Figure 1) Cho’s compression suture21 (Figure 2) lower uterine segment compression20

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564  17

Table 2: Result of cervical tear and lower uterine segment compression in Charoenkrung Pracharak Hospital
(1994 - 2013)

NA* no record of intervention
LUSC: lower uterine segment compression

จากการคน้ แฟ้มประวตั ิที่อยใู่ นรูปแบบเอกสาร From manual archive and digital record
และ digital data ในศูนย์ข้อมูลสานักงานเวชสถิติ in the medical record department of Charoenkrung
ของโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ระหว่างปี Pracharak Hospital from 1994- 2013 ( 20 years) ,
พ.ศ. 2537 - 2556 (20 ปี ) พบว่า จานวนผูค้ ลอดทาง there were 77,081 normal deliveries. Of these, 44
ช่องคลอดท้งั หมด 77,081 ราย พบภาวะปากมดลูก (0.06%) had cervical tear, 25 (56.8%) had PPH from
ฉีกขาด 44 ราย คิดเป็ นร้อยละ 0.06 และเกิดภาวะ said cervical tear. Among them, 7 needed sutures, 2
ตกเลือดหลงั คลอดท่ีเกิดจากปากมดลูกฉีกขาด 25 ราย needed vaginal packing, 31 did not have record of
คิดเป็ นร้อยละ 56.8 รักษาโดยการเย็บซ่อมแซม intervention, and 1 patient underwent hysterectomy
7 ราย vaginal packing 2 ราย ไม่ไดบ้ นั ทึกหัตถการ from severe PPH (blood lose=3200 ml).
31 ราย ตัดมดลูก 1 ราย เนื่องจากภาวะตกเลือด
หลงั คลอดอยา่ งรุนแรง (blood loss = 3200 ml)

18  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

แมข้ อ้ มูลจะไม่สมบูรณ์ในการทาหัตถการ Despite lack of completion of data, we
แต่ก็พบว่า ภาวะตกเลือดหลงั คลอดอย่างรุนแรง found as many as 8 patients who had severe PPH
มีถึง 8 ราย (average blood loss = 1637.80 ml.) และ (average blood loss 1637.80 ml) and 1 patient who
ตอ้ งตดั มดลูก 1 ราย แต่ที่น่าสนใจก็คือ ในรายที่ปาก had to undergo hysterectomy. An intriguing point
มดลูกฉีกขาดท่ีตอ้ งได้รับการรักษาท้งั 44 ราย ใน was that during the 20 years of data, not a single
ระยะเวลา 20 ปี ไม่เกิดในกลุ่ม การกดมดลูก complicated cervical tear was recorded among
ส่วนล่างเลย LUSC patients.

อะไรคือความเชื่อมโยงระหว่าง การกดมดลูก What exactly is the association between
ส่วนล่างกบั ภาวะเลือดออกจากปากมดลูกฉีกขาด lower uterine segment compression and cervical
หรือไม่ อาจมีภาวะเลือดออกจากปากมดลูกฉีกขาด tear bleeding? Would there be cervical tear
จานวนหน่ึงท่ีไม่จาเป็ นต้องเย็บผูกโดยอาจหยุด bleeding that did not require suturing? Would it be
เลือดออกโดยการกดมดลูกส่วนล่างผ่านทางหน้าทอ้ ง stopped simply by compression of placental bed,
ซ่ึงหมายถึงการกดท่ี placental bed ท่ีทาใหเ้ กิดภาวะ the same place that causes lower uterine segment
เลือดออกจากมดลูกส่วนล่างก็ได้ ปกติจะพบว่า bleeding? Normally we would find bleeding from
เลือดที่ไหลออกมาจะออกจากมุมแผลดา้ นบนของ the upper angle of cervical tear10 which would also
ปากมดลูกท่ีฉีกขาด10 ซ่ึงเลือดที่ออกจากมดลูก be where lower uterine segment bleed. It would be
ส่วนล่างจะไหลผ่านตาแหน่งน้ีเช่นกนั จึงตอ้ งแยก difficult to distinguish from between the two. This
สาเหตุเลือดท่ีออกใหช้ ดั เจน ดงั น้นั เลือดที่ออกจาก might help explain why most cervical tear cases did
รอยฉีกขาดอาจมาจากมดลูกส่วนล่างได้ จึงเป็ น not even need any treatment and why some cervical
ขอ้ สังเกตว่าแมจ้ ะเกิดภาวะปากมดลูกฉีกขาดใน tear could not be stopped by suture and proceeded
การคลอดเป็ นจานวนมาก แต่ส่วนใหญ่ไม่ตอ้ งการ to PPH and eventually hysterectomy. In those case,
การรักษาและไม่ค่อยสัมพนั ธก์ บั ปัจจยั เสี่ยงนอกจาก the true culprit might be lower uterine segment
การเยบ็ ผกู ปากมดลูกที่หลวม (cervical cerclage) ที่ bleeding masked by cervical tear and prompted us
เป็นความเสี่ยงที่ชดั เจนขณะเดียวกนั ผคู้ ลอดบางราย to study further into these issues.
ที่ไดร้ ับการวินิจฉัยพบว่า เลือดออกจากปากมดลูก
ฉีกขาดแต่เยบ็ ผกู แลว้ เลือดไม่หยดุ ไหล จนเกิดภาวะ
ตกเลือดหลังคลอดและสุดท้ายต้องตัดมดลูกใน
ผคู้ ลอดเหล่าน้ีอาจเกิดจากภาวะเลือดออกจากมดลูก
ส่วนล่าง ซ่ึงต้องการการรักษาตรงสาเหตุจึงจะ
แกป้ ัญหาได้ ซ่ึงตอ้ งมีการศึกษาตอ่ ไป

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564  19

จากการสงั เกตพบวา่ ผคู้ ลอดบางรายที่ไดร้ ับ From experience, some cases were diagnosed
การวินิจฉัยวา่ มีภาวะเลือดออกจากปากมดลูกฉีกขาด with cervical tear bleeding but before suture could be
และเตรี ยมพร้ อมที่ จะได้รั บการ เย็บผูก ซ่ อมแซม done, the bleeding already stopped from LUSC.
แต่เมื่อกดมดลูกโดยใช้หัตถการกดมดลูกส่วนล่าง Initially there would be blood seeping out from the
ผา่ นทางหนา้ ทอ้ งเลือดกลบั หยดุ ไหลและเม่ือหยุดกด edges of cervical tear, but after 10 minutes of LUSC,
มดลูกเลือดจะไหลออกมาอีกตามร่องของปากมดลกู the bleeding stopped spontaneously without any
ฉีกขาด และเมื่อใช้หัตถการกดมดลูกส่วนล่างผ่าน further intervention.
ทางหนา้ ทอ้ งประมาณ 10 นาที เลือดท่ีกาลงั ไหลออกมา
จะหยุดได้โดยไม่ตอ้ งการการเย็บผูกซ่อมแซมหรือ
intervention อยา่ งอ่ืนแต่อยา่ งใด

สรุป Conclusion

ภ า ว ะ เ ลื อ ด อ อ ก จ า ก ป า ก ม ด ลู ก ฉี ก ข า ด มี Cervical tear bleeding is associatedwith
ความสัมพนั ธ์กบั ภาวะเลือดออกจากมดลูกส่วนล่าง lower uterine bleeding, lower uterine compression,
หัตถการกดมดลูกส่วนล่างผ่านทางหน้าท้อง และ and Cho’ s compression suture. We believed that
Cho’s compression suture โดยภาวะเลือดออกจาก some cases diagnosed as cervical tear bleeding were
ปากมดลูกฉีกขาด ส่วนหน่ึงอาจมาจากเลือดท่ีออกจาก actually bleeding from lower uterine segment.
มดลูกส่วนล่าง หัตถการกดมดลูกส่วนล่างผ่านทาง Lower uterine segment compression maneuver
หนา้ ทอ้ งเป็นการรักษาแบบประคบั ประคอง (conservative ( LUSC) is a conservative maneuver that could
treatment) ที่สามารถช่วยลดการ intervention และ decrease the need for intervention and other
ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จากภาวะเลือดออก complications of cervical tear bleeding.
จากปากมดลูกฉีกขาดไดเ้ ป็นอยา่ งดี

20  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

Reference 9. Cunningham FG. Obstetrical hermarrhag. In:
Cunningham FG, Gant NF, Leveno KJ,
1. Cunnigham FG, Levenc KJ, Bloom SL, Dashe Gilstrap III LC, HauthJC, Wenstrom KD, editors.
JS,HoffmanBL,CaseyBM, et al. editors.Williams Williams obstetrics. 21sted. New York:
obstetrics. 25thed.New York: McGraw-Hill; 2018. McGraw-Hill; 2001. p. 644 - 5.
p.1674.
10. Cunnigham FG, Levenc KJ, Bloom SL,
2. Anderson J, Etches D. Prevention and management Dashe JS, Hoffman BL, Casey BM, et al. editors.
of postpartum hemorrhage. Am Fam Physician Williams obstetrics. 25thed. New York: McGraw-
2007; 75: 875-82. Hill; 2018. p.1687.

3. American C. ACOG practice bulletin: clinical 11. Campbell P, Fogartypcervical tears. World clin
management guidelines forobstetrician-gynecologists Obstet Gynecol 2012; 2: 199 - 206.
number 76, October 2006: postpartum hemorrhage.
Obstet Gynecol 2006; 108: 1039-47. 12. Albayrak M, Ozdemir I, Koc O, Demiraran Y.
Post-partum hemorrhage from the lower uterine
4. Chantrapitak W, Anansakunwat W, Suwikrom S, segment secondary to placenta previa/ accreta:
Wattanaluangarun R. The correlation of lower successful conservative management with foley
uterine segment atony after delivery with atonic balloon tamponade. Aust N Z J Obstet Gynaecol
postpartum hemorrhage. Journal of Charoenkrung 2011; 51: 377-80.
Pracharak Hospital 2019; 115: 1-13.
13. Yuksel H. A novel approach to primary lower
5. Khasklsli M, Baloch S, Baloch AS. Obstetrical uterine segment atony. Taiwan J Obstet Gynecol
trauma to the genital tract following vaginaldelivery. 2015; 54: 452-4.
J Coll Physicians Surg Pak 2012; 22: 95-7.
14. Panda B, Laifer S, Stiller R, Kleinman G. Primary
6. Wetta LA, Szychowski JM, Seals S, Mancuso atony of the lower uterine segment as a distinct
MS, Biggio JR, Tita ATN. Risk factor for uterine cause of early postpartum hemorrhage: a case
atony postpartum hemorrhage requiring treatment series and management recommendations.
after vaginal delivery. Am J obstetgynecol 2013; J Obstet Gynaecol 2009; 29: 628-32.
209: 51e1-6.
15. Kaya B, Tuten A, Daglar K, Misirlioglu M,
7. Committee on Practice Bulletins- Obstetrics. Polat M, Yildirim Y, et al. Ballon tampanade
Postpartum hemorrhage. ACOG practice bulletin. for the management of postpartum uterine
No 183; 2017. hemorrhage. J Perinat Med 2014; 42: 745-53.

8. Parikh R, Brotzman S, Anasti JN. Cervical
laceration: some surprising fact. Am JObstet
Gynecol 2007; 196: 17 - 8.

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564  21

16. Chantrapitak W, Srijanteok K, Puangsa- art S. 20. Alves ALL, Francisco AA, Osanan GC, Vieira LB.
Lower uterine segment compression for
management of early postpartum hemorrhage Postpartum hemorrhage: prevention, diagnosis and
after vaginal delivery at Charoenkrung Pracharak
Hospital. J Med Assoc Thai 2009; 92: 600-5. non-surgical management. RBOG Gynecology &

17. Chantrapitak W, Srijuntuk K, WattanaluangarunR. obstetrics 2020; 42: 776-84.
The efficacy of lower uterine segment compression
for prevention of early postpartum hemorrhage 21. Matsubara S, Yano H, Ohkichi A, Kuwata T,
after vaginal delivery. J Med Assoc Thai 2011; Usui R, Suzuki M. Uterine compression sutures
94: 649-56. for postpartum hemorrhage: an overview. Acta
Obstet Gynecol Scand 2013; 92: 378-85.
18. Anansakunwat W, lamurairat W, Boonyoung P.
Lower uterine segment compression for 20
minutes to prevent early postpartum hemorrhage.
J Med Assoc Thai 2018; 101: 1151-6.

19. Chantrapitak, W, Anansakunwat W, Suwikrom S,
Wattanaluangarun R, Puangesaart S. Postpartum
hemorrhage outcome in lower uterine segment
compression maneuver: A 20-Year Experience in
CharoenkrungPracharak Hospital. J Med Assoc
Thai 2018; 101: 495-500.

22  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

h บทความวชิ าการ
Academic Article

คำแนะนำกำรออกกำลงั กำยสำหรับผ้ปู ่ วยทีม่ ีโรคทำงอำยุรกรรม

นิศำรัตน์ เจริญศรี*
*อายรุ แพทยโ์ รคหวั ใจ กลุ่มงานอายรุ กรรม โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์

บทคดั ย่อ วนั รับบทความ: 10 พฤศจิกายน 2563
วนั แกไ้ ขบทความ: 1 ธนั วาคม 2564
วนั ตอบรับบทความ: 2 ธนั วาคม 2564

ประโยชน์ของการออกกาลงั กาย คือ ทาให้ร่างกายแขง็ แรง ระบบต่าง ๆ ของร่างกายสามารถทางานไดด้ ี

และสมบูรณ์มากข้ึนโดยเฉพาะระบบหัวใจและหลอดเลือด สามารถลดอตั ราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและ
อตั ราตายได้ การออกกาลงั กายสามารถทาไดท้ ุกเพศและทุกกลุ่มอายุ การเรียนรู้ทฤษฎีการออกกาลงั กายท่ีถูกตอ้ ง
ไดแ้ ก่ ชนิดกีฬา วิธี ความหนกั ความถี่ และระยะเวลาในการออกกาลงั กาย เมื่อนามาปรับใชอ้ ยา่ งเหมาะสมจะทา

ใหบ้ ุคคลทว่ั ไป นกั กีฬา และผปู้ ่ วยที่มีโรคทางอายุรกรรมชนิดต่าง ๆไดร้ ับประโยชน์สูงสุดจากการออกกาลงั กาย
โดยไม่เกิดการบาดเจบ็ และภาวะแทรกซอ้ น

การประเมินความเส่ียงของโรคหัวใจและหลอดเลือด การสืบคน้ เพิ่มเติมอย่างเหมาะสม และการไดร้ ับ
คาแนะนาจากผูเ้ ช่ียวชาญก่อนการออกกาลงั กาย โดยเฉพาะในคนที่มีปัจจยั เสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ และ
ผปู้ ่ วยท่ีมีโรคทางอายรุ กรรม เช่น โรคหวั ใจชนิดต่าง ๆ เบาหวาน ความดนั โลหิตสูง ภาวะอว้ น เป็นตน้ เพือ่ พิจารณา

วธิ ีการออกกาลงั กายท่ีเหมาะสม จะทาใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุดจากการออกกาลงั กายและลดความเสี่ยงต่อการเกิด

ภาวะหวั ใจหยดุ เตน้ เฉียบพลนั และภาวะเสียชีวติ ชนิดเฉียบพลนั ขณะออกกาลงั กายได้

คำสำคัญ: คาแนะนาการออกกาลงั กายสาหรับผปู้ ่ วยที่มีโรคทางอายุรกรรม ภาวะหัวใจหยุดเตน้ เฉียบพลนั ขณะ
ออกกาลงั กาย ภาวะเสียชีวิตชนิดเฉียบพลนั ขณะออกกาลงั กาย

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธน้ วาคม 2564  23

บทความวชิ าการ
Academic Article

Exercise recommendations for patients with medical conditions

Nisarat Charoensri*

*Cardiologist, Medical department, Charoenkrung Pracharak Hospital

Abstract Received: November 10, 2020
Revised: December 1, 2021
Accepted: December 2, 2021

Exercise is beneficial for improving body strength and multisystem function, especially the

cardiovascular system. Exercise is associated with lower cardiovascular and all-cause mortality. Exercise can

be done in any gender and age group. Learning the theory of exercise, including type, mode, intensity, frequency

and duration, and applying this knowledge appropriately can help the people, athletes and patients with various

medical conditions get the most benefit from exercise without injury and complications.

Pre-participation cardiovascular screening, appropriate further investigation and expert consultation for

people with cardiovascular risk factors, patients with various medical conditions such as cardiovascular disease,

diabetes, hypertension, obesity, etc., to consider appropriate exercise training to achieve the greatest benefit and

avoid sudden cardiac arrest and sudden cardiac death during exercise.

Keywords: exercise recommendations for patients with medical conditions, sudden cardiac arrest during
exercise, sudden cardiac death during exercise

24  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

ปัจจุบนั คนทวั่ ไปนิยมออกกาลงั กายกนั มากข้นึ สามารถลดความดันโลหิต ลดน้าหนัก ลดการเกิด
เน่ืองจากการออกกาลงั กายมีประโยชน์ต่อระบบตา่ ง ๆ เบาหวานจากการที่ฮอร์โมนอินซูลินทางานดีข้ึน
ของร่างกาย1 โดยสามารถลดน้าหนัก ทาให้รูปร่าง ห ล อ ด เ ลื อ ด ท า ง า น ดี ข้ึ น จ า ก ก า ร ล ด ก ร ะ บ ว น
สมส่วน กระดูกและกลา้ มเน้ือแข็งแรง การเคลื่อนไหว การอกั เสบที่หลอดเลือด ลดไขมนั ชนิดที่ก่อให้เกิด
การทรงตวั ความคล่องตวั ความยืดหยนุ่ ของส่วนต่าง ๆ ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ (low density lipoproteins;
ของร่างกายดีข้ึน ระบบเมตาบอลิซึมต่าง ๆ สามารถ LDL) และเพม่ิ ไขมนั ชนิดดี (high density lipoproteins;
ทางานอย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึน เช่น การควบคุม HDL) เป็ นตน้ ดังน้ัน การออกกาลงั กายจึงสามารถ
ระดับน้าตาลและไขมัน การทางานของระบบปอด ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และ
หวั ใจและหลอดเลือด แสดงดงั รูปที่ 1 อตั ราตายได้ 5

การออกกาลงั กายทาใหป้ ัจจยั เส่ียงต่าง ๆ ของ
โรคหัวใจและหลอดเลือดควบคุมได้ดีข้ึน1,2,3,4 เช่น

หลกั สำคัญของกำรออกกำลงั กำย4,6 1. ควำมบ่อย (F = Frequency) แนะนาให้
ออกกาลงั กายอยา่ งสม่าเสมอ อยา่ งนอ้ ย 4 - 5 คร้ังต่อ
การออกกาลังกายท่ีส่ งผลดีต่อระบบ สปั ดาห์
การทางานของหัวใจและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มี
หลกั สาคญั และหลกั จาท่ีใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ 2. ควำมหนัก (I=Intensity) การออกกาลงั กาย
“FITT” + mode ข อ ง ก า ร อ อ ก ก า ลัง ก า ย 1 ซ่ึ ง ใหห้ นกั เพยี งพอและเหมาะสมกบั สภาวะสุขภาพของ
ประกอบดว้ ย

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธน้ วาคม 2564  25

ผู้ป่ วยแต่ละคน จะทาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อ Maximal heart rate (HRmax) คือ อัตรา
หัวใจและร่างกาย ความหนักของการออกกาลงั กาย การเตน้ ของหวั ใจสูงสุดขณะออกกาลงั กาย เป็นวธิ ีการ
ชนิดความทนทาน (endurance exercise) สามารถ คานวณความหนักของการออกกาลังกายแบบง่าย
แบ่งได้เป็ น low, moderate, high และ very high เพื่อหาอัตราการเต้นของหัวใจท่ีเหมาะสมในขณะ
intensity exercise แสดงดงั ตารางที่ 1, 2 และรูปท่ี 2 ออกกาลงั กายเพื่อสุขภาพ โดย HRmax คานวณจาก
220 - อายุ เช่น ชายอายุ 40 ปี ตอ้ งการออกกาลังแบบ
Maximal oxygen consumption (VO2max) moderate intensity ซ่ึ งอัตราการเต้นของหัวใจที่
คือ อตั ราการใชอ้ อกซิเจนสูงสุดของร่างกายในขณะ เหมาะสมดงั ตารางที่ 1 คือ ร้อยละ 55 - 74 ของ HRmax
ออกกาลงั กาย มีหน่วยเป็ นมิลลิลิตรต่อน้าหนักตวั ดังน้ัน การออกกาลังกายท่ี หนักเพียงพอ คือ
1 กิโลกรัมในเวลา 1 นาที ตรวจประเมินไดโ้ ดยการ การออกกาลงั กายที่มีอตั ราการเตน้ ของหวั ใจอยทู่ ี่ 0.55 x
ให้ออกกาลงั กายและวดั ก๊าซขณะท่ีผูท้ ดสอบหายใจ (220-40) = 99 คร้ังต่อนาที ถึง 0.74 x (220-40) = 133
เข้า-ออก เรียกวิธีการตรวจน้ีว่า cardiopulmonary คร้ังตอ่ นาที วิธีน้ีมีความผนั ผวนตามอายุ จึงแนะนาให้
exercise test (CPET) ค่าย่ิงมากแสดงว่าร่างกายของ ใช้ในการประเมินเบ้ืองต้น ร่วมกับการประเมิน
ผู้ทดสอบสามารถดึงออกซิเจนไปใช้เพื่อให้เกิด ความหนกั ของการออกกาลงั กายดว้ ยวธิ ีการอ่ืน ๆ
พลงั งานไดม้ าก

ตำรำงท่ี 1 แสดงความหนกั (I = Intensity) ของการออกกาลงั กาย6

HRmax = maximum heart rate, HRR = heart rate reserve, RPE = rate of perceived exertion,
VO2max = maximum oxygen consumption

Heart rate reserve (HRR) คือ ควำมต่ ำง Rate of perceived exertion scale (RPE scale)
ของอตั ราการเตน้ ของหวั ใจสูงสุดขณะออกกาลงั กาย เป็ นการประเมินความหนักของการออกกาลงั กาย
(HRmax) และอัตรำกำรเต้ นของหัวใจขณะพัก ดว้ ยการใชค้ วามรู้สึกเหนื่อยเป็ นเกณฑ์ โดยให้เป็ น
(resting heart rate) ระดบั คะแนนต้งั แต่ 6 - 20 แสดงดงั ตารางท่ี 1 และ 2

26  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

ตำรำงท่ี 2 แสดงความหนกั ของการออกกาลงั กายดว้ ยวธิ ี rate of perceived exertion scale (RPE scale)4,7

training zone8 การแบ่งการออกกาลังเป็ น ต่อวนั หรือ 150 นาที/สัปดาห์โดยระยะเวลาของ
ข้ันโดยใช้เกณฑ์ของ HRmax เพ่ือให้บุคคลท่ัวไป การออกกาลงั กายสามารถใชเ้ ป็นเกณฑก์ ารแบ่งประเภท
เข้าใจง่ายข้ึน การออกกาลงั กายที่ทาให้หัวใจและ ของนักกีฬา ได้แก่ นักกีฬาอาชีพ (professional
ร่างกายแขง็ แรง แนะนาใหอ้ อกกาลงั กายอยใู่ นช่วงท่ี athlete) มักจะมีการออกกาลังกาย ≥ 10 ช่ัวโมง/
มีความหนกั ชนิด moderate intensity สัปดาห์ นักกีฬาท่ีมีการลงแข่งขัน (competitive
athelete) เช่น นักกีฬาระดบั โรงเรียน มกั มีการออก
การประเมินความหนกั ของการออกกาลงั กาย กาลงั กาย ≥ 6 ชว่ั โมง/สัปดาห์ และนกั กีฬาทวั่ ๆ ไป
ชนิดท่ีมีการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเน้ื อ ท่ีออกกาลงั กายเพ่ือสุขภาพ (recreation athelete) มกั
(strengthening หรือ resistance exercise) จะประเมิน มีการออกกาลงั กาย ≥ 4 ชวั่ โมง/สปั ดาห์
โดยการใช้ Repetition Max (RM) โดย 1 RM คือ
ความสามารถในการออกกาลังกายอย่างสมบูรณ์ 2. ชนิด (T = Type) ของการออกกาลงั กาย
เพียง 1 คร้ัง เช่น การยกน้าหนกั ดว้ ยลูกน้าหนกั ขนาด แสดงดังรูปท่ี 2 ประกอบด้วย 4 ประเภท ได้แก่
15 กิโลกรัมในท่าท่ีสมบรู ณ์ 1 คร้ัง ซ่ึงคร้ังที่ 2อาจทาได้ 1) skill ซ่ึงเป็ นการออกกาลังกายที่ใช้ทักษะพิเศษ
ไม่สมบูรณ์เท่าคร้ังแรก ดงั น้ัน ค่า 1 RM ในการยก เช่น การเล่นกอลฟ์ 2) endurance คือ การออกกาลงั
น้าหนัก คือ 15 กิโลกรัม การประเมินความหนักน้ี กายที่ต้องมีการฝึ กความทนทาน เช่น การปั่น
จะนาไปคานวณเป็นร้อยละของ 1 RM จกั รยาน การวา่ ยน้า 3) power คือ การออกกาลงั กาย
ที่มีการเสริมสร้างความแข็งแรงของกลา้ มเน้ือ เช่น
1. ควำมนำน (T = Time) แนะนาให้มี
การออกกาลงั กายต่อเน่ืองติดต่อกนั อย่างนอ้ ย 30 นาที

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธน้ วาคม 2564  27

การยกน้าหนกั และ 4) mixed คือ การออกกาลงั กาย และ isotonic (dynamic) exercise เป็ นการออกกาลงั
ชนิดผสมผสาน กายโดยมีการตา้ นแรงตลอดการเคล่ือนไหวของขอ้
เช่น การยกลูกน้าหนกั
3. วิธี (mode) การออกกาลังกาย มีวิธีการ
แบง่ หลายแบบ เช่น - strength/ resistance exercise การออก
กาลงั กายที่มีการออกแรงตา้ นกับแรงจากภายนอก
- aerobic และ anaerobic exercise การ สามารถเพ่ิมแรงต้านเป็ นลาดับตามกาลังของ
ออกกาลังกายแบบ aerobic เป็ นการออกกาลังกาย กลา้ มเน้ือ
ติดต่อกันอย่างต่อเนื่องและนานพอจนร่ างกาย
สามารถใช้พลงั งานจากออกซิเจนมากข้ึนกว่าปกติ กล่าวโดยสรุป6 แนะนาให้ผูใ้ หญ่ทวั่ ไปท่ีมี
จนทาใหเ้ กิดการเผาผลาญของคาร์โบไฮเดรต ไขมนั สุขภาพดีควรออกกาลังกายด้วยวิธีแอโรบิกอย่าง
และโปรตีน ทาใหก้ ารทางานของอวยั วะต่าง ๆ ไดแ้ ก่ สม่าเสมอด้วยความหนักปานกลาง (moderate
หวั ใจ ปอด ระบบไหลเวียนโลหิต และกลา้ มเน้ือดีข้ึน intensity) เช่น การเดินเร็วอย่างน้อย 150 นาทีต่อ
แนะนาให้ออกกาลังกายชนิดน้ีเน่ืองจากมีผลดีต่อ สัปดาห์ หรือออกกาลงั กายแบบหนกั มาก (high หรือ
ระบบหวั ใจและร่างกาย ส่วนการออกกาลงั กายแบบ vigorous intensity) เช่น การว่ายน้าระยะไกล อยา่ งน้อย
anaerobic เป็นการออกกาลงั กายที่ไมใ่ ชอ้ อกซิเจนใน 75 นาทีต่อสัปดาห์ ในกรณีท่ีตอ้ งการประโยชน์จาก
การเผาผลาญสารอาหารเพื่อสร้างพลงั งาน ขอ้ ดีคือ การออกกาลงั กายมากข้นึ สามารถเพิม่ ระยะเวลาของ
ทาใหก้ ลา้ มเน้ือมีความแขง็ แรงมากข้นึ การออกกาลังกายอย่างเป็ นลาดับด้วยวิธีแอโรบิก
อย่างสม่าเสมอด้วยความหนัก moderate intensity
- isometric (static) exercise เป็นการออก อย่างนอ้ ย 300 นาทีต่อสัปดาห์หรือ high (vigorous)
กาลงั ตา้ นแรงโดยที่ไม่มีการขยบั ของขอ้ เช่น การงอ intensity อยา่ งนอ้ ย 150 นาทีต่อสัปดาห์
ขอ้ ศอกขา้ งขวาตา้ นแรงมือซา้ ยที่ดนั ขอ้ มือขวา plank

28  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

Skill Power Mixed Endurance

LOW Golf (buggy) Shot putting Soccer (adapted) Jogging
Golf (18 holes walking) (recreational) Basketball (adapted) Long distance walking
Table tennis (double) Disus (recreational) Handball (adapted) Swimming (recreational)
Table tennis (single) Alpine skiing Volleyball Speed walking
Shooting (recreational)
Curling
Bowling Short distance running Tennis (double) Mid/long distance
Sailing running
Yachting Shot putting Ice-Hockey Style dancing
Equestrian Cycling (road)
MEDIUM Discus Hockey Mid/long distance
swimming
Alpine skiing Rugby

Judo/karate Fencing

Weight lifting Tennis (single) Long distance skating

Wrestling Waterpolo Pentathlon

Boxing Soccer (competitive) Rowing

HIGH Basketball Canoeing
(competitive)
Handball (competitive) X-country skiing
Biathlon

Triathlon

Low Medium High
intensity intensity intensity

รูปท่ี 2 แสดงชนิด (type) และความหนกั (intensity) ของการออกกาลงั กายประเภทตา่ ง ๆ6

ผลของกำรออกกำลังกำยต่อระบบหัวใจและ resistance เช่น นกั กีฬามวยปล้า ซ่ึงเป็ นกีฬาที่ทาให้มี
หลอดเลือด9,10,11 การเพ่ิมข้ึนของ systemic vascular resistance และ left
ventricularafterload9ทาใหห้ วั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ยมีความหนา
1. การเปล่ียนแปลงของขนาดและการทางาน มากข้ึนโดยท่ีขนาดของหัวใจไม่เปลี่ยนแปลง หวั ใจ
หวั ใจ (exercise induce cardiac remodelling; EICR)9 ห้องล่างซ้ายท่ีมีการเปล่ียนแปลงของขนาดเหล่าน้ี
มกั ไม่มีผลต่อการบีบตวั ของหัวใจ มกั ไม่ทาให้เกิด
เ ม่ื อ นั ก กี ฬ า มี ก า ร อ อ ก ก า ลั ง ก า ย ห นั ก อาการผิดปกติ และเมื่อหยดุ เล่นกีฬา ขนาดของหวั ใจ
เพียงพอในช่วงระยะเวลาหน่ึง ขนาดหวั ใจของนักกีฬา มกั จะกลบั มาเป็นปกติภายใน 3 สัปดาห์
อาจจะมีการเปล่ียนแปลงได้ โดยในนกั กีฬาท่ีเล่นกีฬา
ชนิด endurance เช่น นักกีฬาว่ายน้า นักวิ่ง ที่ทาให้มี นอกจากน้ีการออกกาลงั กายท่ีหนักมากและ
การเพิม่ ข้ึนของอตั ราการเตน้ ของหวั ใจ stroke volume, นานมากจนเกินพอดี อาจทาให้มีการเพิ่มข้ึนของ
cardiac output, exercise capacity9,10 และมีการลดลง pulmonary artery pressures, right ventricular afterload
ของ systemic vascular resistance4 ทาใหห้ วั ใจห้องล่าง และ wall stress ซ่ึงส่งผลต่อรูปร่างและการทางานของ
ซ้ายมีการเปลี่ยนแปลงท้งั ขนาดท่ีโตมากข้ึนร่วมกับมี หัวใจห้องล่างขวา (RV remodelling)10 ได้ โดยหัวใจ
ความหนามากข้ึน ส่วนนักกีฬาท่ีเล่นกีฬาประเภท

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธน้ วาคม 2564  29

หอ้ งล่างขวาจะมีขนาดโตมากข้ึน และมกั พบร่วมกบั มี คนที่ มี ปั จจัยเส่ี ยงของโรคหลอดเลื อดหัวใจอยู่เดิม
การบีบตวั ที่ลดลง ทาใหเ้ กิดอาการผิดปกติข้ึนได้ เช่น หรือคนท่ีเป็ นโรคหัวใจชนิดต่าง ๆ แต่ไม่มีอาการ
เหน่ือยงา่ ย ใจสนั่ และภาวะหวั ใจเตน้ ผิดจงั หวะ ดงั น้นั แสดงเกิดภาวะน้ีข้ึน การป้องกันสามารถทาได้โดย
คาแนะนา คือ ควรออกกาลงั กายอย่างพอเหมาะพอดี การประเมินความเส่ียงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
จะทาให้ร่างกายและหัวใจมีสุขภาพดี โดยไม่ทาให้ (pre-participation cardiovascular screening; PPCS)
เกิดความผดิ ปกติของหัวใจจนเกิดปัญหาตามมา อยา่ งเหมาะสมก่อนการออกกาลงั กาย สาเหตุและโรค
ท่ีพบบ่อยของภาวะหัวใจหยุดเตน้ เฉียบพลนั (sudden
2. ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (sudden cardiac arrest; SCA) และภาวะเสียชีวิตแบบเฉียบพลนั
(sudden cardiac death; SCD) ขณะออกกาลงั กาย แสดง
cardiac arrest; SCA) และภาวะเสียชีวติ แบบเฉียบพลนั ดงั ตารางท่ี 3

(sudden cardiac death; SCD)11,12 ขณะออกกาลงั กาย

พบอุบตั ิการณ์ในนกั กีฬาประมาณ 1:1,000,000

- 1:5,000 ต่อปี 13 โดยการออกกาลงั กายอาจกระตุน้ ให้

ตำรำงที่ 3 แสดงสาเหตุที่พบบ่อยของการเกิดภาวะหัวใจหยดุ เตน้ เฉียบพลนั ขณะออกกาลงั กาย (sudden cardiac
arrest; SCA) 11,12,13,14,15,16

คำแนะนำของกำรออกกำลังกำยในบุคคล ไ ด้แ ก่ ก า ร ซัก ป ร ะ วัติ ท้ังข อ ง ต น เอง
ครอบครัว ร่วมกับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด
ทั่วไปท่ีสุขภำพร่ ำงกำยแข็งแรงและไม่มีอำกำร และการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiogram)
ผดิ ปกติ6,16 ในกรณีที่พบความผิดปกติสามารถสืบคน้ เพิ่มเติมได้
ตามความเหมาะสม
1. แนะนาให้ competitive Athelete ที่มีอายุ
< 35 ปี ประเมินความเสี่ ยงของโรคหัวใจและ
หลอดเลือด (PPCS)

30  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

2. แนะนาให้ competitive athelete ท่ีมีอายุ - คนท่ีมีความเส่ียงต่อการเกิดโรคหลอดเลือด
> 35 ปี ประเมินความเสี่ ยงของโรคหัวใจและ หัวใจต่า (low cardiovascular disease risk) สามารถ
หลอดเลือด (PPCS) ออกกาลังกายแบบสันทนาการหรื อ recreational
sport ไดโ้ ดยไม่มีความจาเป็ นตอ้ งตรวจหรือสืบคน้
ก่อนเสมอ ได้แก่ การซักประวัติท้ังของ ใด ๆ เพม่ิ เติม
ตนเอง ครอบครัว ร่วมกับการตรวจร่างกายอย่าง
ละเอียด การประเมินความเส่ียงของการเกิดโรค - คนท่ีมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือด
หลอดเลือดหัวใจ (cardiovascular disease; CVD) หัวใจสูง (high cardiovascular disease risk) สามารถ
แสดงดงั ตารางที่ 4 การตรวจคล่ืนไฟฟ้าหัวใจและ ออกกาลงั กายชนิด low และ moderate intensity ได้
อาจพิจารณาตรวจ exercise maximal stress test ได้ โดยไม่แนะนาใหต้ รวจหรือสืบคน้ ใด ๆ เพิ่มเติม แต่
ในกรณีท่ีพบความผิดปกติสามารถสืบคน้ เพิ่มเติมได้ ในกรณีที่ตอ้ งการออกกาลงั กายชนิด high และ very
ตามความเหมาะสม high intensity แนะนาว่า ควรมีการประเมินความเสี่ยง
ดว้ ยการสืบคน้ เพ่ิมเติมก่อน แสดงดงั รูปที่ 3

รูปท่ี 3 แนวทางการสืบคน้ เพ่ิมเติมหลงั ประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหวั ใจก่อนการออกกาลงั กาย6
CVD = cardiovascular disease, SCORE = systematic coronary risk evaluation, ECG = electrocardiogram,
CTCA = coronary computed tomography angiography

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธน้ วาคม 2564  31

ตำรำงท่ี 4 แสดงปัจจยั เสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหวั ใจ (cardiovascular risk; CVD categories)6

หมำยเหต:ุ eGFR = estimated glomerular filtration rate, ml/min/1.73 m2= มิลลิลิตรต่อนาทีต่อ 1.73 ตารางเมตร,
mg/dl = มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

คำแนะนำของกำรออกกำลงั กำยในผู้ป่ วยที่มี เ พ่ื อ สุ ข ภ า พ ร่ า ง ก าย แ ละหัว ใจ ท่ี แ ข็งแ ร ง มากข้ึน
โรคหวั ใจชนดิ ต่ำง ๆ6 ลดอตั ราตายและการนอนโรงพยาบาล การออกกาลงั กาย
สาหรับผูป้ ่ วยโรคหัวใจชนิดต่าง ๆ มีรายละเอียด
แนะนาให้บุคลากรทางการแพทย์ และ แสดงดงั ตารางท่ี 5 และ 6
ครอบครัวของผปู้ ่ วย มีส่วนในกระตนุ้ และสนบั สนุน
ให้ผปู้ ่ วยโรคหัวใจมีการออกกาลงั กายอย่างเหมาะสม

32  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

ตำรำงที่ 5 แสดงคาแนะนาในการออกกาลงั กายสาหรับผปู้ ่ วยโรคหวั ใจชนิดต่าง ๆ6

โรคหัวใจชนดิ ต่ำง ๆ คำแนะนำในกำรออกกำลงั กำย

1.โรคหลอดเลือดหัวใจตีบชนิดเร้ือรัง - ผปู้ ่ วยควรไดร้ ับการประเมินความเส่ียงของโรคหวั ใจจาก

(chronic coronary syndrome; CCS) การออกกาลงั กาย (risk stratification of exercise-induced

adverse events) ท้งั ก่อนและระหวา่ งการออกกาลงั กาย

เป็นระยะ ๆเสมอ

-ผปู้ ่ วยท่ีมีความเส่ียงต่าต่อการเกิด - สามารถออกกาลงั กายประเภทสนั ทนาการหรือ

ความผิดปกติของโรคหวั ใจจาก การแข่งขนั (leisure or competitive sports activities) ได้

การออกกาลงั กาย

-ผปู้ ่ วยที่มีความเส่ียงสูงต่อการเกิด สามารถออกกาลงั กายประเภทสันทนาการได้

ความผดิ ปกติของโรคหวั ใจจาก - แนะนาใหห้ ยดุ พกั ทนั ทีเมื่อมีอาการเจบ็ หนา้ อกหรือ

การออกกาลงั กาย ไดแ้ ก่ เหน่ือย

1) หลอดเลือดหวั ใจท่ีมีรอยตีบมาก - ไม่แนะนาใหผ้ ปู้ ่ วยกล่มุ น้ีออกกาลงั กายประเภท

2) หวั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ยมีการบีบตวั การแข่งขนั (competitive sport) โดยเด็ดขาด

นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 40

3) มีภาวะหวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะ

4) ไดร้ ับการขยายหลอดเลือดหัวใจ

ดว้ ยวิธีการผา่ ตดั หรือการทา

บอลลนู ภายใน 12 เดือน

2. โรคหลอดเลือดหวั ใจตีบชนิดเฉียบพลนั - แนะนาใหผ้ ปู้ ่ วยทุกคนออกกาลงั กายเพ่ือฟ้ื นฟกู ารทางาน

(acute coronary syndrome; ACS) ของหวั ใจ (exercise-based cardiac rehabilitation) เพอื่ ลด

อตั ราตายและอตั ราการนอนโรงพยาบาล

- แนะนาใหม้ ีการวางแผนการออกกาลงั กายอยา่ งเหมาะสม

- เร่ิมตน้ การออกกาลงั กายชนิดแอโรบิกแบบสนั ทนาการ

(recreational sports) ที่มีความหนกั ชนิด low to moderate

intensity ก่อน

- ในกรณีท่ียงั ไมส่ ามารถออกกาลงั กายชนิดแอโรบิกได้

แนะนาใหอ้ อกกาลงั กายชนิด strength-related sport เช่น

การเล่นโยคะแทนได้

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธน้ วาคม 2564  33

ตำรำงที่ 5 แสดงคาแนะนาในการออกกาลงั กายสาหรับผปู้ ่ วยโรคหวั ใจชนิดต่าง ๆ6(ต่อ)

โรคหัวใจชนิดต่ำง ๆ คำแนะนำในกำรออกกำลงั กำย

3. ภาวะหวั ใจลม้ เหลว แนะนาการออกกาลงั กายเพ่ือฟ้ื นฟกู ารทางานของหวั ใจใน

(heart failure; HF) - ผปู้ ่ วยทุกคนท่ีไดร้ ับการรักษาดว้ ยยาอยา่ งเตม็ ที่แลว้

(optimizing medical therapy)

- และ/หรือหลงั การใส่อปุ กรณ์ช่วยการทางานของหวั ใจ

(cardiovascular implantable electronic devices; CIED)

- มีอาการทางคลินิกคงที่ (New York heart Association; NYHA

class I-III) ไดแ้ ก่ ไม่มีความดนั สูงหรือต่าจนเกินไปท้งั

ในขณะพกั และขณะออกกาลงั กาย, ไม่เจบ็ หนา้ อกและไมม่ ี

อาการของภาวะหวั ใจลม้ เหลว, ไมม่ ีอาการของโรคปอด

ร่วมดว้ ย

- แนะนาใหผ้ ปู้ ่ วยเริ่มออกกาลงั กายดว้ ยวธิ ีแอโรบิก หรือวิธี

resistance แสดงดงั ตารางท่ี 5 ภายใตค้ าแนะนา และการดูแล

จากผเู้ ชี่ยวชาญอยา่ งใกลช้ ิด

- ไม่แนะนาใหผ้ ปู้ ่ วยท่ีมีการบีบตวั ของหวั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ย

นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 40 ท้งั ที่มีหรือไม่มีอาการ ออกกาลงั กาย

ชนิดการแข่งขนั (competitive sport) โดยเดด็ ขาด

4. ภาวะกลา้ มเน้ือหวั ใจอกั เสบ - งดเวน้ การออกกาลงั กายอยา่ งนอ้ ย 3 - 6 เดือน ข้ึนกบั อาการ

(acute myocarditis) ทางคลินิกของผปู้ ่ วย

- แนะนาใหผ้ ปู้ ่ วยไดร้ ับการประเมินปัจจยั เส่ียงของการเกิด

exercise related SCD ก่อนกลบั ไปออกกาลงั กาย

5. ภาวะเยอ่ื หุม้ หัวใจอกั เสบ - งดเวน้ การออกกาลงั กายอยา่ งนอ้ ย 1 - 3 เดือน ข้นึ กบั อาการ

(acute pericarditis) ทางคลินิกของผปู้ ่ วย

6. ความผดิ ปกติของกลา้ มเน้ือหวั ใจชนิด - ไมแ่ นะนาใหอ้ อกกาลงั กายประเภท high intensity exercise

hypertrophic cardiomyopathy และ โดยเด็ดขาด

arrhythmogenic cardiomyopathy

34  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

ตำรำงที่ 5 แสดงคาแนะนาในการออกกาลงั กายสาหรับผปู้ ่ วยโรคหวั ใจชนิดต่าง ๆ6(ต่อ)

โรคหัวใจชนดิ ต่ำง ๆ คำแนะนำในกำรออกกำลังกำย

7. ความผดิ ปกติของกลา้ มเน้ือหวั ใจชนิด - แนะนาใหผ้ ปู้ ่ วยสามารถออกกาลงั กายประเภท low intensity

dilated cardiomyopathy และ exercise อยา่ งนอ้ ย 150 นาที/สปั ดาหไ์ ด้

arrhythmogenic cardiomyopathy

8. ภาวะลิน้ หวั ใจรั่ว/ตีบ

- ผปู้ ่ วยท่ีมีลิน้ หวั ใจร่ัว/ตีบท่ีมี - สามารถออกกาลงั กายไดเ้ หมือนคนปกติ

ความรุนแรงนอ้ ย

- ผปู้ ่ วยที่มีลิน้ หวั ใจร่ัว/ตีบที่มี - สามารถออกกาลงั แบบสันทนาการ (recreational sports) ได้

ความรุนแรงปานกลางท่ีไมม่ ี ตามความเหมาะสม

อาการผดิ ปกติ

- ผปู้ ่ วยท่ีมีลิน้ หวั ใจรั่ว/ตีบที่มี - ไม่แนะนาใหอ้ อกกาลงั กายชนิดที่มีการแขง่ ขนั หรือ

ความรุนแรงมาก ออกกาลงั กายแบบสันทนาการท่ีมีความหนกั ชนิด

moderate-high intensity โดยเด็ดขาด

9. ภาวะหวั ใจเตน้ ผิดจงั หวะ - แนะนาใหค้ นทวั่ ไปออกกาลงั กายอยา่ งสมา่ เสมอ เพื่อลดการเกิด

ภาวะหวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะชนิดส่นั พริ้ว (atrial fibrillation)

- ไมแ่ นะนาใหผ้ ปู้ ่ วยท่ีรับประทานยาละลายลิ่มเลือดเล่นกีฬาท่ีมี

การกระแทกหรือกีฬาที่มีความเส่ียงต่อการบาดเจบ็

- ผปู้ ่ วยท่ีมีอาการใจสนั่ ควรไดร้ ับการตรวจหาความผดิ ปกติ

ของหวั ใจ และภาวะหวั ใจเตน้ ผิดปกติชนิดร้ายแรง เช่น

ventricular arrhythmia ก่อนออกกาลงั กายเสมอ

- ผปู้ ่ วยที่มีภาวะหวั ใจเตน้ ผิดจงั หวะชนิด pre-excitation

ควรรักษาดว้ ยวิธีการจ้ีไฟฟ้า (ablation) ก่อนออกกาลงั กาย

- ผปู้ ่ วย Brugada syndrome ที่มี arrhythmic syncope และ/หรือ

aborted SCD ควรไดร้ ับการใส่ ICD (implantable

cardioverter defibrillator) ก่อนการออกกาลงั กาย

- ผปู้ ่ วยที่ใส่อุปกรณ์ช่วยการทางานของหวั ใจควรไดร้ ับ

คาแนะนาจากแพทยผ์ เู้ ชี่ยวชาญก่อนออกกาลงั กาย

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธน้ วาคม 2564  35

ตำรำงที่ 6 แสดงคาแนะนาของการออกกาลงั กายสาหรับผปู้ ่ วยโรคหวั ใจ6

aerobic exercise resistance exercise

Frequency (F) 3 - 5 วนั /สปั ดาห์ 2 - 3 วนั /สปั ดาห์

Intensity (I) ร้อยละ 40 - 80 ของ VO2max Borg RPE <15
(ร้อยละ 40 - 60 ของ 1 RM)

Time (T) 20 - 60 นาที ทาซ้า 10 - 15 คร้ัง/ 1 ชุด

1 ชุด ประกอบดว้ ย 8 - 10 ทา่ ทาง

บริหารท้งั ส่วนบนและส่วนล่างของร่างกาย

mode continuous หรือ interval

progression เพิ่มการฝึกฝนทุก 3 - 6 เดือน เพ่ือปรับระยะเวลาและความหนกั ของการออกกาลงั กาย

36  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธน้ วาคม 2564  37

38  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

เอกสำรอ้ำงองิ 9. Aaron B, Robert B, James B, Alfred B, Rachel L,
Benjamin L. Sports cardiology core curriculum
1. Myers J. Exercise and cardiovascular health. for providing cardiovascular care to competitive
Circulation 2003; 107: e2-5. athletes and highly active people. JACC 2017; 70:
1902-16.
2. Nystoriak M, Bhatnagar A. Cardiovascular
effects and benefits of exercise. Front Cardiovasc 10. Andre G, Dhrubo R, Guido C. Exercise and
Med. 2018; 5: 135. the right ventricle: a potential Achilles’ heel.
Cardiovascular Research 2017; 113: 1499-508.
3. Pinckard K, Baskin K, Stanford K. Effects of
exercise to improve cardiovascular health. Front 11. Michael E, Richard K. Sudden cardiac death in
Cardiovasc Med 2019; 6. athletes. JACC: Heart Fail 2018; 6: 30-8.

4. Fletcher G, Balady G, Amsterdam E, Chaitman 12. Sumeet C, Joseph W. Sudden cardiac death in the
B, Eckel R, Fleg J, et al. Exercise standards older athlete. JACC 2015; 65: 493-501.
for testing and training. Circulation 2001; 104:
1694-740. 13. Harmon KG, Drezner JA, Wilson MG, Sharma S.
Incidence of sudden cardiac death in athletes: a
5. Kodama S, Saito K, Tanaka S, Maki M, Yachi Y, state-of-the-art review. Br J Sports Med 2014;
Asumi M, et al. Cardiorespiratory fitness as a 48: 1185.
quantitative predictor of all-cause mortality and
cardiovascular events in healthy men and women: 14. Harmon KG, Asif IM, Klossner D, Drezner JA.
a meta-analysis. JAMA 2009; 301: 2024. Incidence of sudden cardiac death in National
Collegiate Athletic Association athletes.
6. Antonio P, Sanjay S, Sabiha G, Maria B, Mats B, Circulation 2011; 123: 1594.
Stefano Ci, et al. 2020 ESC Guidelines on
sports cardiology and exercise in patients with 15. Finocchiaro G, Papadakis M, Robertus JL,
cardiovascular disease. Eur Heart J 2021; 42: Dhutia H, Steriotis AK, Tome M, et al. Etiology
17-96. of sudden death in sports: insights from a United
Kingdom regional registry. J Am Coll Cardiol
7. Saaihealthy.blogspot.com. ตารางบอกความเหน่ือย 2016; 67: 2108.
[Internet]. 2021 [cited 2021 Feb 6]. Available
from:<http://saaihealthy.blogspot.com/2017/04/ 16. Franklin BA, Thompson PD, Al-Zaiti SS, Albert
blog-post_27.html> CM, Hivert MF, Levine BD, et al. Exercise-
related acute cardiovascular events and potential
8. วิ่งไหนกัน ป่ันไหนดี. ว่ิง Zone 2 คืออะไร? มี deleterious adaptations following long-term
ประโยชน์ยงั ไง และต้องคานวณอะไรบ้าง - exercise training: placing the risks into
วิ่งไหนกนั ป่ันไหนดี [Internet]. 2021 [cited 2021 perspective-an update: a scientific statement from
Feb 6]. Available from: <https://www.vrunvride.com/ the American heart association. Circulation 2020;
running-heart-rate-zone-2-benefit/. 141: e705.

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564  39

บทความวิชาการ
Academic Article

การพั ฒนาพฤติ กรรมมนุ ษย์ ในยุ คชี วิ ตวิถี ใหม่ ภ ายใต้ ทฤษฎี ทา ง ด้ า น
จติ วทิ ยาและพทุ ธศาสนา

เสาวลกั ษณ์ สุทธพิ รโอภาส* กฤตสุชิน พลเสน**
*นกั ศึกษาปรัชญาดุษฎบี ณั ฑิต สาขาวิชาพทุ ธศาสนาและปรัชญา มหาวทิ ยาลยั มหามกุฎราชวทิ ยาลยั
**อาจารยป์ รัชญาดุษฎบี ณั ฑิต สาขาวิชาพุทธศาสนาและปรัชญา มหาวิทยาลยั มหามกฎุ ราชวทิ ยาลยั

บทคดั ย่อ วนั รับบทความ: 20 กนั ยายน 2564
วนั แกไ้ ขบทความ: 2 ธนั วาคม 2564
วนั ตอบรับบทความ: 3 ธนั วาคม 2564

บทความวิชาการน้ีมีวตั ถุประสงค์ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษยใ์ นยุคชีวิตวิถีใหม่ และบูรณาการ

การพฒั นาพฤติกรรมมนุษย์ภายใตท้ ฤษฎีทางด้านจิตวิทยาและพุทธศาสนา ด้วยวิธีการวิเคราะห์เอกสารและ
สังเคราะห์บูรณาการอย่างเป็ นระบบ พบว่า พฤติกรรมมนุษยใ์ นปัจจุบนั เป็ นยคุ ชีวิตวิถีใหม่ มีเหตุปัจจยั มาจาก
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพื่อความอยู่รอดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของการติดเช้ือโควิด-19 และ
ขอ้ มูลข่าวสาร เศรษฐกิจ สังคม ครอบครัว สาธารณสุข ท่ีส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมมนุษย์ ผลกั ใหผ้ ูค้ นทวั่ โลก
เขา้ สู่ “การดาเนินชีวิตรูปแบบใหม่” ในทุก ๆ ดา้ น ท้งั การดาเนินชีวิต สาธารณสุข การงาน การเงิน ธุรกิจและ
ด้านสิ่งแวดลอ้ ม เรียกว่า “ยุคชีวิตวิถีใหม่” (new normal) จากการศึกษาปัจจยั พ้ืนฐานของพฤติกรรม พบว่า
มนุษยท์ ุกคนยงั มีความโลภ ความโกรธ ความหลง ทาใหพ้ ฤติกรรมส่วนใหญ่เป็นไปตามความรู้สึกและอารมณ์
ส่งผลให้บุคคลมีความทุกข์ต่าง ๆ เช่น ทุกข์จากการเจ็บป่ วยทางร่างกายและจิตใจ ส่งผลต่อสังคมขาด

ความสันติสุข ดงั น้นั การพฒั นาพฤติกรรมมนุษยจ์ ึงตอ้ งเร่ิมท่ีตวั เรา คือ ตอ้ งเรียนรู้ฝึ กฝนตนเองโดยบูรณาการ
หลกั ทฤษฎีจิตวทิ ยา ไดแ้ ก่ ทฤษฎีการฝึ กควบคุมตนเอง ทฤษฎีทางปัญญา ทฤษฎีการวางเงื่อนไข และหลกั ธรรม

ทางพุทธศาสนา ที่สามารถพัฒนาพฤติกรรมมนุษยไ์ ด้อย่างสมบูรณ์แบบ มีกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต
เป็ นแก่นแท้ แห่งการพฒั นาพฤติกรรม สติปัฎฐาน 4 เป็ นธรรมโอสถ “กายบาบดั ” และ “จิตบาบดั ” มาปรับ
พฤติกรรมตามจริ ตของตนเอง ด้วย CAC model เกิดปัญญาหยั่งรู้เป็ นคนดี คนเก่งและมีความสุข ตาม
หลกั ธรรมสัปปุริสัตธรรม 7 ประการ คือ รู้จกั เหตุ รู้จกั ผล รู้จกั ตน รู้จกั ประมาณ รู้จกั กาล รู้จกั ชุมชน รู้จกั บุคคล

เพอ่ื การอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสันติสุข มีคุณภาพชีวติ ที่ดีในยคุ วถิ ีชีวติ ใหม่

คาสาคัญ : การพฒั นาพฤติกรรมมนุษย์ ยคุ ชีวติ วถิ ีใหม่ รูปแบบ CAC จริต ธรรมโอสถ

40  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

บทความวชิ าการ
Academic Article

Development of human behavior in the age of new normal base on
psychology and Buddhism theories

Saowaluk Suttiponopas* Kitsuchin Ponsen PhD**
*Doctor of Philosophy student Buddhism and Philosophy Mahamakutwittayalai University
**Doctor of Philosophy Buddhism and Philosophy Mahamakut wittayalai University

Abstract Received: September 20, 2021
Revised: December 2, 2021
Accepted: December 3, 2021

This academic article aims to: To analyze human behavior in the new life era and integrate the
development of human behavior under the theory of psychology and Buddhism. By analyzing documents and
systematically integrated synthesis, it was found that: Today's human behavior is a new way of life. There is a
reason for the rapid change. After survive from the epidemic situation of covid-19 infection and information,
economy, society, family, public health that affect human behavior pushing people around the world into “New
lifestyle” in every aspect including lifestyle, public health, work, finance, business and the environment, known

as the “new life era” From studying the fundamentals of behavior It was found that all human beings still have
greed, anger, and delusion, causing most behaviors to be based on feelings and emotions. As a result, people
have various sufferings. such as suffering from physical and mental illness resulting in a lack of peace in society
therefore, the development of human behavior must begin with ourselves is to learn and practice by integrating
the principles of psychology including the theory of self-control training intellectual theory conditional, theory
and Buddhist principles that can perfectly develop human behavior. Having an honest body, honest speech, and
honest mind is the essence of behavioral development. The 4 foundations of mindfulness are Dharma medicine:
"Physical Therapy" and "Psychotherapy" to adjust their behavior according to their own ethics with the CAC
model. A person who is smart and happy according to the seven principles of qualities of a good man. Knowing
the cause, knowing the effect, knowing the self, knowing the moderation, knowing the time, knowing the
community, knowing the person for peaceful coexistence have a good quality of life in the new normal.

Keywords: development human behavior, new normal, CAC model, intrinsic nature of a person, dharma
medicine

 ปีท่ี 17 ฉบบั ท่ี 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2564  41

บทนา เรียกว่า จริต ซ่ึงจริต คือ ความประพฤติจนเคยชินเป็ น
นิสัย อนั เป็ นพ้ืนฐานใจของแต่ละบุคคคลมีท้งั หมด
มนุษยเ์ ป็ นสัตวส์ ังคมท่ีตอ้ งอาศยั อยู่ร่วมกนั 6 ประเภท คือ ราคจริต โทสจริต โมหจริต วิตกจริต
ปัญหาและความตอ้ งการของสังคมยุคชีวิตวิถีใหม่ สัทธาจริต พุทธิจริต จริตท้งั 6 จะมีคู่เป็นกุศล-อกุศล
สรุปเป็นปัญหาสาคญั คอื ดา้ นสงั คม การแพร่ระบาด ตรงขา้ มกัน คือ ราคจริตคู่กับสัทธาจริต โทสจริ ต
โรคโควดิ -19 ความรุนแรงในครอบครัว ดา้ นเศรษฐกิจ คู่กบั พทุ ธิจริต โมหจริตคกู่ บั วิตกจริต การท่ีคนมีจริต
การประกอบอาชีพ การดาเนินชีวิต ทางเศรษฐกิจ ต่างกนั เพราะเหตุแห่งสภาพของจิตในขณะท่ีทากุศล
และอื่น ๆ รวมท้งั เก่ียวขอ้ งกบั ปัญหาศีลธรรม ทาให้ ในชาติปางก่อน มีความนึกคิดต่าง ๆ กนั อีกท้งั อาจ
สังคมมีความทุกข์ทางกายและใจ จึงตอ้ งการแก้ไข เกิดข้ึนมาจากคติในภพชาติก่อน สาเหตุของจริต 6
ปัญหาและขจดั ความทุกข์ ทฤษฎีจิตวิทยา หมายถึง อยา่ งน้ี เกิดจากความตอ้ งการทางจิตใจ เป็นแรงผลกั ดนั
พฤติกรรม คือ การกระทา และการตอบสนอง ในตวั มนุษย์ ไดแ้ ก่ กามตณั หา ภวตณั หา วิภวตณั หา
ท่ีสังเกตไดก้ บั กระบวนการทางจิต (mental process) ดงั น้ัน การพฒั นาพฤติกรรมมนุษย์เป็ นส่ิงที่สาคัญ
เช่น การคิด ความรู้สึก1 พฤติกรรมมนุษย์แบ่งได้ ท่ีสุด
2 ประเภท คือ 1) พฤติกรรมภายนอก (overt behavior)
ไดแ้ ก่ การเคลื่อนไหว ท่ีเห็นได้ การเดิน การพูด และ สาหรับการบาบดั รักษาโรคแบบใชก้ ายและใจ
พฤติกรรมท่ีตอ้ งอาศยั เคร่ืองมือช่วยในการวิเคราะห์ (mind - body interventions) คือ วธิ ีการปฏิบตั ิกรรมฐาน
จึงจะสามารถเห็นได้ เช่น การเต้นของหัวใจ ฯลฯ ตามหลกั พระพุทธศาสนา ทาใหเ้ กิดสมาธิ ซ่ึงมีผลให้
2) พฤติกรรมภายใน (covert behavior) เป็นพฤติกรรม จิตใจสงบ มีอารมณ์และความคิดในทางบวก ผ่อนคลาย
ท่ีมนุษยแ์ สดงแลว้ ผูอ้ ่ืนไม่สามารถมองเห็นได้ เช่น ความเครียด ทาให้เกิดสติปัญญา การนาธรรมะ
ความคิด อารมณ์ ความจา บิดาแห่งจิตวิทยาการ มาใช้ในการบาบดั รักษาโรคนับว่าเป็ นวิธีการใหม่
ทดลอง Wundt WM2 ผนู้ ากลมุ่ โครงสร้าง การปฏิบตั ิธรรมเป็ นการช่วยให้ผูป้ ฏิบตั ิมีความสุข
ท้งั ในชาติน้ีและชาติหนา้ และปัจจุบนั เป็นที่นิยมกนั
ของจิต (structuralism) ศึกษาองค์ประกอบ มากข้ึน เนื่องจากสามารถปฏิบตั ิกนั ไดท้ ุกเพศ ทุกวยั
ของจิตสานึก (consciousness) นาหลกั วิชาเคมีมาใช้ ทุกเวลา และทุกสถานที่ เสียค่าใช้จ่ายน้อย และไม่เพียง
อธิบายในเชิงจิตวิทยา โดยเทียบกับองค์ประกอบ แต่เป็ นการบาบัดรักษาโรคท้งั ทางกายและทางใจ
ของธาตุต่าง ๆ ประกอบดว้ ยธาตุทางจิต 3 ชนิด คือ ไปพร้อม ๆ กันแลว้ ยงั เป็ นประโยชน์ต่อการสร้าง
การสัมผสั (sensation) การรู้สึก (feeling) และมโนภาพ สุขภาพ เพ่ือป้องกนั ไม่ให้เกิดโรคต่าง ๆ สร้างคุณภาพ
(imagination) เม่ือจิตธาตุท้ัง 3 มาสัมพันธ์กันใน ชีวิตใหด้ ีข้นึ 3 คือ การพฒั นาจิตใจมนุษยท์ ่ีใชห้ ลกั ธรรม
สถานการณ์ใดสถานการณ์หน่ึงที่เหมาะสม ก็จะ ทางพุทธศาสนา ช่วยในการเปล่ียนแปลงหรือยกระดบั
ก่อใหเ้ กิดรูปจิตผสมข้ึน เช่น ความคิด อารมณ์ ความจา คุณภาพของผคู้ นใหด้ ีมากข้นึ โดยการใชว้ ิธีการเจริญสติ
ความเป็ นเหตุเป็ นผล ฯลฯ พฤติกรรมของมนุษย์มี ปฏิบตั ิกมั มฏั ฐาน หลกั ธรรม สติปัฏฐาน 4 คือ การต้งั
ความสาคัญต่อตนเองและสังคมอย่างมาก จึงจาเป็ น สติกาหนดพิจารณากาย ใหร้ ู้เห็นตามเป็นจริงว่าเป็ น
ตอ้ งศึกษาเพื่อที่จะเขา้ ใจพฤติกรรม ในทางพระพุทธศาสนา

42  วารสารโรงพยาบาลเจรญิ กรุงประชารกั ษ์ 

แต่เพียงรูป กาหนดพิจารณาเวทนาให้รู้เห็นตามเป็ น พฤตกิ รรมมนุษย์ในยุค new normal
จริงว่า เป็ นแต่เพียงเวทนา กาหนดพิจารณาจิตให้รู้
เห็นตามเป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงจิต กาหนดพิจารณา โลกปัจจุบนั กาลงั อยใู่ นสถานการณ์การแพร่
ธรรมให้รู้เห็นตามเป็ นจริง ไม่ใช่สัตว์บุคคลตวั ตน ระบาดของโรคโควิด-19 และเขา้ สู่ยุคดิจิตอล ส่งผล
จึงไม่ควรยึดถือสิ่งเหล่าน้ัน กาหนดลมหายใจเขา้ ออก กระทบวิกฤตทางสาธารณสุข เศรษฐกิจและสังคม
ที่เรียกว่า อานาปานสติ ซ่ึงเป็ นส่ิงสาคญั ในเบ้ืองตน้ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกชนชาติ สร้างความท้าทาย
ของการพฒั นาจิตให้เกิดสมาธิและส่ิงท่ีสูงสุด คือ โดยเฉพาะประชากรกลุ่มเปราะบางมากท่ีสุด คือ
การเจริญปัญญา ด้วยเหตุดังกล่าวมา ทาให้ผูเ้ ขียน กลุ่มผูส้ ูงอายุซ่ึงเป็ นสังคมผูส้ ูงอายุมีสัดส่วนและ
จึงมีความสนใจ ที่จะศึกษาการพัฒนาพฤติกรรม จานวนมาก และกลุ่มเด็กปฐมวัย ท้ัง 2 กลุ่มน้ีมี
ม นุ ษ ย์ใ น ยุ ค ชี วิ ต วิ ถี ใ ห ม่ ภ า ย ใ ต้ท ฤ ษ ฎี ท า ง ด้ า น ภูมิคุม้ กันต่า เส่ียงต่อการติดเช้ือโควิด-19 ง่าย และ
จิตวิทยาและพทุ ธศาสนา ความสามารถในการช่วยเหลือตนเองไดน้ อ้ ย รัฐบาล
มีนโยบายให้ปิ ดสถานศึกษา สถานรับเล้ียงเด็ก
วตั ถุประสงค์ ดงั น้นั การปรับพฤติกรรมในการดาเนินชีวิต จึงเป็น
ส่ิงสาคญั ที่สุด เสริมสร้างปรับหาวิถีการดารงชีวิต
1. เพ่ือวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษยใ์ นยคุ ชีวิต แบบใหม่เพื่อให้ปลอดภยั จากการติดเช้ือโควิด-19
วิถีใหม่ ควบคู่ไปกับความพยายามรักษาและฟ้ื นฟูสุขภาพ
และศักยภาพทางเศรษฐกิจและธุรกิจ นาไปสู่
2. เพ่ือบูรณาการ การพัฒนาพฤติกรรม การสรรคส์ ร้างส่ิงประดิษฐใ์ หม่ ๆ เทคโนโลยใี หม่ ๆ
ม นุ ษ ย์ใ น ยุ ค ชี วิ ต วิ ถี ใ ห ม่ ภ า ย ใ ต้ท ฤ ษ ฎี ท า ง ด้ า น มีการปรับแนวคิด วิสัยทศั น์ วิธีการจดั การ ตลอดจน
จิตวิทยาและพทุ ธศาสนา พฤติกรรมที่เคยทามาเป็นกิจวตั ร พฤติกรรม (behavior)
หมายถึง การกระทาหรือกิจกรรมทกุ อยา่ งของมนุษย์
วิธีการดาเนนิ งาน ทาไปโดยรู้ตวั และไม่รู้ตวั พฤติกรรมท่ีพึงประสงค์
และไม่พงึ ประสงค์ ผอู้ ื่นสงั เกตไดห้ รือไม่ก็ตาม และ
1. วิ เ ค ร า ะ ห์ เ อ ก ส า ร เ กี่ ย ว กับ ส ภ า พ สามารถใชเ้ ครื่องมือทดสอบได้ รัฐบาลมีการประกาศ
พฤติกรรม ปัญหาในปัจจุบัน การปรับพฤติกรรม มาตรการการป้องกันและควบคุมการระบาดของ
ของมนุษย์ ความหมายของพฤติกรรมมนุษย์ โควิด-19 ทุกคนตอ้ งให้ความสาคญั และปฏิบัติตาม
ความสาคญั ของพฤติกรรมมนุษย์ อย่างเคร่ งครัด ได้แก่ สวมใส่หน้ากากผ้าหรื อ
หน้ากากอนามยั เสมอ เวน้ ระยะห่าง 1 เมตร ลา้ งมือ
2. ทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับ แนวคิด บ่อย ๆ พกแอลกอฮอล์เจล หลีกเลี่ยงสถานท่ีแออดั
หลกั การ ทฤษฎี งานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง อยา่ งเป็นระบบ หลีกเลี่ยงกลุ่มเส่ียงหรือผูท้ ่ีมีอาการป่ วยไม่ใช้ของ
ส่วนตัวร่ วมกับผู้อ่ืน สามารถใช้เทคโนโลยีใน
3. บูรณาการ การพฒั นาพฤติกรรมมนุษย์ การส่ือสารได้ ซ่ึงราชบณั ฑิตยสภา4 ไดบ้ ญั ญตั ิศพั ท์
ในยุคชีวิตวิถีใหม่ภายใตท้ ฤษฎีทางดา้ นจิตวิทยาและ
พุทธศาสนา


Click to View FlipBook Version