The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rtana, 2023-10-08 04:32:55

เอกสารประกอบการเรียน_สุคนธบำบัด

เอกสารประกอบการเรียน Aromatherapy

61 Working: Injection of Samples into GC 62 Working: Separation of molecules 63 Working: Separation of molecules


64 Working: Separation of molecules 65 Working: Separation of molecules 66 Working: Separation of molecules


67 Working: Separation of molecules 68 Working: Detection 69 Working: Detection


70 Working: Detection 71 Working: Detection 72 Working: Detection


73 Working: Detection 74 Working: Detection 75 Working: Result


76 Working: Result 77 Working: Result 78 Working: Result


79 Working: Result 80 Working: Result 81 Working: Result


82 Working: Result 83


การปรุงน ้ามันหอมระเหย โดย อาจารย์ ดร.รัตนา ปานเรียนแสน สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม วิทยาลัยสหเวชศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา E-mail address: [email protected] หัวข้อ • การแบ่งกลุ่มน ้ามันหอมระเหยตามความทนทานของกลิ่น • หลักการผสมน ้ามันหอมระเหย • สารที่ใช้ผสมน ้ามันหอมระเหย • การตั งต้ารับการผสมน ้ามันหอมระเหย • สูตรต้ารับน ้ามันหอมระเหยเพื่อรักษาและบรรเทาอาการ • บทสรุป การแบ่งกลุ่มน ้ามันหอมระเหยตามความทนทานของกลิ่น Base Note • ความสามารถในการระเหยต่้าที่สุด (ระเหยได้ช้าที่สุด) ติดทนสุด • ก้ายาน แฝกหอม Cedar wood, Patchouli, Frankincense Middle Note • ความสามารถในการระเหยปานกลาง (ระเหยได้ปานกลาง) กระจายกลิ่นจน หมด • โรสแมรี่ ลาเวนเดอร์ กระดังงา เจอรา เนียม พาร์มาโรซ่า โรสวู๊ด มาโจแรม Top Note • ความสามารถในการระเหยสูงสุด (ระเหยได้เร็วที่สุด) หอมก่อนหมดก่อน • ส้ม ทีทรี ยูคาลิปตัส เบอร์กาม็อท ตะไคร้หอม เปปเปอร์มินท์ ขิง เกรพฟรุ๊ต มะนาว


หลักการปรุงและการตั้งต้ารับน้้ามันหอมระเหย เลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม รู้จักและเลือกน ้ามันหอมระเหยถูกต้อง เลือกใช้น ้ามันตัวพาที่มีเหมาะสมและมี คุณภาพ ปริมาณของน ้ามันหอมระเหยที่ใช้ส้าหรับ รูปแบบต่างๆ เครื่องแก้ว ทนการกัดกร่อน • Top, Middle, Base • น ้ามันมีหลายเกรด (Pure oil, Organic oil, Oil, Processed oil) • ขึ นกับวัตถุประสงค์การใช้งาน แนวทางผสม หรือ Blending น้้ามัน หลักการผสมน ้ามันหอมระเหย โดยทั่วไป จะผสมด้วยกลิ่นเพียง 3 กลิ่น Base 1 ส่วน : Middle 2 ส่วน : Top 1 ส่วน ตัวอย่าง Cedar wood (Base) 1 : Lavender (Middle) 2 : Orange (Top) 1 1:2:1 การผสมแล้วให้เกิดฤทธิ์ที่ต้องการ (Enhancing ) การผสมตามหลักการรักษา (แบบกรีก หรือ โรมัน Classical blending technique) การผสมให้เกิดสมดุล (Balancing) การผสมโดยใช้ตัวปรับช่วย (Blend modifiers


ตัวอย่างสูตรน้้ามันหอมระเหยส้าหรับบรรเทาโรค/อาการ 109/22/2023 Add a footer บรรเทาอาการปวดศีรษะ • น้้ามันหอมระเหยส้าหรับเตาระเหย o โหระพา 1 หยด หรือสะระเหน่ 2 หยด o คาโมไมล์ โรมัน 1 หยด หรือลาเวนเดอร์ 3 หยด o มาร์จอแรม 3 หยด • นวดตัวผสมกับน้้ามันนวดในปริมาณ 50 มิลลิลิตร o คาโมไมล์ โรมัน 1 หยด o สะระเหน่/โรสวูด/ ลาเวนเดอร์ 4 หยด • น้้ามันหอมระเหยส้าหรับแช่ในอ่างอาบน้้า o กุหลาบ 4 หยด บรรเทาอาการนอนไม่หลับ • น้้ามันหอมระเหยส้าหรับเตาระเหย • มาร์โจแรม 3 หยด • เนโรลี่ 3 หยด • นวดตัวผสมกับน้้ามันนวดในปริมาณ 50 มิลลิลิตร • คาโมไมล์ 3 หยด • ลาเวนเดอร์/ มาร์จอแรม/ ส้ม 6 หยด • กระดังงา 3 หยด • น้้ามันหอมระเหยส้าหรับแช่ในอ่างอาบน้้า • คาโมไมล์ 2 หยด • ลาเวนเดอร์ 4 หยด • ซีดาร์วู๊ด 2 หยด


บรรเทาอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับเตาระเหย oกระดังงา 4 หยด oมาโจแรม 2 หยด oลาเวนเดอร์ 4 หยด • นวดตัวผสมกับน ้ามันนวดในปริมาณ 50 มิลลิลิตร oเนโรลี่ 12 หยด oลาเวนเดอร์ 8 หยด • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับแช่ในอ่างอาบน ้า oเลมอน 8 หยด oเจอราเนียม 2 หยด บรรเทาอาการจิตใจห่อเหี่ยว • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับเตาระเหย •เลมอน 1 หยด หรือไลม์ 2 หยด •เปปเปอร์มิ นท์ 1 หยด •โรสแมรี่ 2 หยด • นวดตัวผสมกับน ้ามันนวดในปริมาณ 50 มิลลิลิตร •เบอร์กาม็อท 4 หยด •กระดังงา 2 หยด • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับแช่ในอ่างอาบน ้า •เบอร์กาม็อท 4 หยด •ส้ม 2 หยด •กระดังงา 1 หยด บรรเทาอาการเมาค้าง • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับเตาระเหย •เฟนเนล 2 หยด •ลาเวนเดอร์ 1 หยด • น ้ามันจันทร์ 2 หยด •เลมอน 4 หยด • นวดตัวผสมกับน ้ามันนวดในปริมาณ 50 มิลลิลิตร •เฟนเนล 5 หยด หรือ ลาเวนเดอร์ 3 หยด • น ้ามันจันทร์ 5 หยด •เลมอน 10 หยด • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับแช่ในอ่างอาบน ้า •เฟนเนล1 หยด หรือ จูนิเปอร์ 2 หยด •โรสแมรี่ 1 หยด หรือ ส้ม 2 หยด •กระดังงา 1 หยด


บรรเทาปวดเมื่อยกล้ามเนื อ • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับเตาระเหย •ส้ม 5 หยด • นวดตัวผสมกับน ้ามันนวดในปริมาณ 50 มิลลิลิตร •ไทม์ 6 หยด •ลาเวนเดอร์ 12 หยด •โรสแมรี่ 7 หยด • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับแช่ในอ่างอาบน ้า •ไทม์ 1 หยด •จูนิเปอร์ 2 หยด •โรสแมรี่ 1 หยด บรรเทาอาการเครียด • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับเตาระเหย •กุหลาบ 1 หยด • นวดตัวผสมกับน ้ามันนวดในปริมาณ 50 มิลลิลิตร •โหระพา 5 หยด เนโรลี่ 15 หยด • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับแช่ในอ่างอาบน ้า •แครีชาจ 1 หยด /มาร์โจแรม 1 หยด •ลาเวนเดอร์ 1 หยด/ กระดังงา 1 หยด •เพททิเกรน 1 หยด บรรเทาความดันโลหิตสูง • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับเตาระเหย •ลาเวนเดอร์ 3 หยด •กระดังงา 3 หยด • นวดตัวผสมกับน ้ามันนวดในปริมาณ 50 มิลลิลิตร •ลาเวนเดอร์ 2 หยด •กระดังงา 2 หยด • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับแช่ในอ่างอาบน ้า •เลมอน 2 หยด •ลาเวนเดอร์ 2 หยด •กระดังงา 2 หยด


รักษาโรคหวัด • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับเตาระเหย •ไทม์ 1 หยด • นวดตัวผสมกับน ้ามันนวดในปริมาณ 50 มิลลิลิตร •เลมอน 3 หยด • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับแช่ในอ่างอาบน ้า •ยูคาลิปตัส 2 หยด รักษาโรคหลอดลมอักเสบ • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับเตาระเหย •ที ทรี 1 หยด •ลาเวนเดอร์ 1 หยด • นวดตัวผสมกับน ้ามันนวดในปริมาณ 50 มิลลิลิตร •ยูคาลิปตัส 6 หยด •โรสแมรี่ 9 หยด • น ้ามันหอมระเหยส้าหรับแช่ในอ่างอาบน ้า •ไทม์ 2 หยด •เลมอน 3 หยด •ที ทรี 2 หยด สรุป 1. น ้ามันหอมระเหยแบ่งตามความทนทานของกลิ่นเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ Top, Middle, Base Notes 2. หลักการผสมน ้ามันหอมระเหย มี 4 ประการ ได้แก่ เลือกอุปกรณ์ เลือกน ้ามันหอมระเหย เลือกตัวพา และก้าหนดปริมาณให้เหมาะสม 3. การตั งต้ารับการผสมน ้ามันหอมระเหยมีแนวทางการผสม มี 4 แบบ ได้แก่ มุ่งรักษาตามอาการ การ ปรับสมดุล การกระตุ้นร่างกาย การสนับสนุนหรือการเสริมการท้างานของร่างกาย 4. การผสมหรือ Blend ด้วยน ้ามัน 3 ระดับ ในสัดส่วน 1:2:1 5. ความเข้มข้นของน ้ามันที่ใช้ขึ นกับอวัยวะของร่างกาย รูปแบบการใช้งาน 6. สูตรต้ารับน ้ามันหอมระเหยเพื่อรักษาและบรรเทาอาการ สามารถเตรียมใช้ 3 แบบ ได้แก่ ส้าหรับเตา ระเหย ผสมน ้ามันนวดตัว และแช่อาบน ้า


น ้ำมันหอมระเหยตำมธำตุเจ้ำเรือน โดย อำจำรย์ ดร.รัตนำ ปำนเรียนแสน สำขำวิชำวิทยำศำสตร์สุขภำพและควำมงำม วิทยำลัยสหเวชศำสตร์มหำวิทยำลัยรำชภัฏสวนสุนันทำ E-mail address: [email protected] หัวข้อ •ควำมรู้เกี่ยวกับธำตุเจ้ำเรือน •น ้ำมันหอมระเหยและสูตรต้ำรับตำมธำตุเจ้ำเรือน •กำรนวดด้วยน ้ำมันหอมระเหยตำมธำตุเจ้ำเรือน •บทสรุป


ธำตุเจ้ำเรือนตำมทฤษฎีกำรแพทย์แผนไทย •ร่ำงกำยประกอบด้วยธำตุ 4 ได้แก่ ธาตุดิน (20 ประการ) ธาตุน ้า (12 ประการ) ธาตุลม (6 ประการ) ธาตุไฟ (4 ประการ) ซึ่งแต่ละคนจะมีธาตุเด่นประจ้าตัว เรียกว่า ธำตุเจ้ำเรือน •ธำตุเจ้ำเรือน หมายถึง องค์ประกอบของธาตุทั ง 4 รวมกันอย่างปกติ แต่จะมีธาตุใดธาตุหนึ่งที่มี มากกว่าหรือเด่นกว่า ซึ่งจะเป็นลักษณะหรือบุคลิกเฉพาะตนมาแต่ก้าเนิด หรือเรียกอย่างหนึ่งว่า ธาตุ ก้าเนิด แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. ธำตุเจ้ำเรือนก้ำเนิด สามารถเปลี่ยนแปลงได้ซึ่งเกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอกและพฤติกรรมการ เลี ยงดู หรือส่วนบุคคล 2. ธำตุเจ้ำเรือนปกติลักษณะ คือ ธาตุที่แสดงออกบุคลิกลักษณะของแต่ละบุคคลที่เปลี่ยนแปลงจาก อิทธิพลของตรีธาตุ ที่ท้าให้คนแตกต่างไป 7 ลักษณะ ได้แก่ รูปร่าง ผิวกาย เส้นผม นิสัย อารมณ์ พฤติกรรมและสุขภาพ 5 9/29/2023 Add a footer ที่มา: สุธาทิพย์ มหาเจริญสิริ และคณะ (2560)


ธาตุเจ้าเรือนและจุดอ่อนสุขภาพ 7 9/29/2023 Add a footer ธาตุเจ้าเรือนและจุดอ่อนสุขภาพ


ธาตุเจ้าเรือนและจุดอ่อนสุขภาพ ธาตุเจ้าเรือนและจุดอ่อนสุขภาพ ควำมรู้เกี่ยวกับธำตุเจ้ำเรือนตำมทฤษฎีกำรแพทย์แผนอินเดีย


ธำตุเจ้ำเรือนตำมทฤษฎีกำรแพทย์แผนอินเดีย • อำยุรเวท (Ayuraveda) เป็นศาสตร์ของอินเดียว่าด้วยการรักษาทางการแพทย์และอภิปรัชญา ช่วยให้วิถีชีวิต สอดคล้อง กลมกลืน และเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ทั งเรื่องอาหาร การออกก้าลังกาย ตลอดจนการใช้ชีวิตต่าง ๆ • กำรปฏิบัติตัวตำมหลักอำยุรเวทจึงถือว่าเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายได้กลับมามีความสมดุลอีกครั ง และยังว่องไวต่อ ปฏิกิริยาต่าง ๆ ดุจดังครั งวัยเด็กหรือหนุ่มสาวด้วย • อายุรเวทระบุว่ามนุษย์เป็นเพียงหน่วยเล็ก ๆ ของจักรวาล และจักรวาลก็เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ อายุรเวทมอง สุขภาพและการเจ็บป่วยอย่างเป็นองค์รวม (ทั งร่างกายและจิตใจ) • อายุรเวทเป็นแม่บทแห่งศิลปะการรักษาทั งหมด กิจปฏิบัติของอายุรเวทได้ถูกออกแบบเพื่อส่งเสริมให้มนุษย์มี ความสุข สุขภาพดีและพัฒนาการเจริญเติบโตอย่างสร้างสรรค์ สามารถชะลอความเสื่อม ลดทอนโรคภัยจาก กระบวนการทางกายภาพ ตลอดจนก้าจัดอาการเจ็บไข้ลงได้อย่างเห็นผลชัดเจน เน้นศักยภาพเฉพาะบุคคลในการ บ้าบัดรักษาตนเอง ธำตุเจ้ำเรือนตำมทฤษฎีกำรแพทย์แผนอินเดีย • ธำตุดิน •เป็นของแข็ง หรือเป็นของที่ยังทรงรูปร่างได้ในยามที่อยู่ในอุณหภูมิปกติ เช่น กระดูก กล้ามเนื อ เล็ป ฟัน เส้นเอ็น เป็นต้น •คุณสมบัติ หนักแน่น มั่นคง สามารถคงรูปร่างได้ •หน้าที่ ถือเป็นโครงสร้างของสิ่งต่าง ๆ เช่น กระดูก กล้ามเนื อ ท้าให้ร่างกายคงรูปร่างได้ • ธำตุน ้ำ •เป็นของเหลว หรือของที่สามารถไหลเวียนไปมาได้ เช่น เลือด น ้าเหลือง น ้าหนอง น ้าลาย น ้ามูก น ้าตา เป็นต้น •คุณสมบัติ ชื่นฉ่้า เย็น มีการไหลเวียน เปลี่ยนรูปทรงไปตามสิ่งที่บรรจุนั น ๆ •หน้าที่ ให้ความชุ่มชื น เป็นตัวน้าให้สิ่งที่อยู่ในน ้าไหลไปด้วย เช่น เลือดที่น้าไปเลี ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และยังเป็น สารหล่อลื่นด้วย เช่น น ้าที่หล่อลื่นตามข้อต่อต่าง ๆ ธำตุเจ้ำเรือนตำมทฤษฎีกำรแพทย์แผนอินเดีย (ต่อ) • ธำตุลม •เป็นของที่ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง แต่สัมผัสได้ เช่น ลมหายใจ ก๊าซที่ปล่อยมาที่ทวารหนัก เป็นต้น •คุณสมบัติ เบา แห้ง เคลื่อนไหวตลอดเวลา •หน้าที่ ท้าให้มีการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ท้าให้กล้ามเนื อท้างานได้ดี • ธำตุไฟ •เป็นพลังงานความร้อน หรือพลังที่สามารถเปลี่ยนสภาพได้ เช่น ความร้อนที่ใช้ในการย่อยอาหาร และเผาผลาญ กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกาย เป็นต้น •คุณสมบัติ ร้อน อบอุ่น •หน้าที่ เป็นพลังงานในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ หรือระบบในร่างกาย เช่น ให้ความร้อน แสงสว่าง ท้าให้เกิด กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ช่วยย่อยอาหาร ท้าให้ร่างกายได้พลังงานความร้อนและรู้สึกอบอุ่น


ธำตุเจ้ำเรือนตำมทฤษฎีกำรแพทย์แผนอินเดีย (ต่อ) • อำกำศธำตุ •เป็นช่องว่าง ที่ธาตุอื่น ๆ ที่เหลือสามารถด้ารงอยู่ •คุณสมบัติ ไร้รูปร่าง •หน้าที่ เป็นที่ว่างให้สิ่งต่าง ๆ ด้ารงอยู่ได้ เช่น ช่องว่างระหว่างข้อต่อต่าง ๆ ช่องว่างระหว่างเซลล์ เพื่อให้เกิด ช่องว่างซึ่งจะท้าให้เกิดการเคลื่อนไหวได้ ➢ การท้างานของกายและจิตของมนุษย์จะถูก ควบคุมโดยพลังงานพื นฐาน 3 ส่วน เรียกว่า "ไตรโทษะ หรือ ตรีโทษ (Tri Dosha)“ ➢ ตรีโทษ ประกอบด้วย วาตะ (Vata) ปิตตะ (Pitta) และ กผะ (Kapha) ซึ่งเป็นต้นเหตุ ของการแปรปรวนของร่างกาย แต่ละคน แสดงออกลักษณะเด่นของแต่ละธาตุต่างกัน ➢ ธาตุ ทั งห้า ดิน น ้า ลม ไฟและอากาศธาตุ หล่อหลอมรวมเป็นร่างกาย ความสัมพันธ์ เชื่อมโยงกันด้วย • วาตะ ประกอบด้วย "ธาตุลม" และ "อากาศธาตุ" มีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย • วาตะ ควบคุมการหายใจ การกระพริบของเปลือกตา การเคลื่อนของกล้ามเนื อและเนื อเยื่อ การเต้นของหัวใจ รวมทั งการยืดและหดของกล้ามเนื อ การเคลื่อนไหวของไซโตพลาสซึม และ เซลล์ การส่งกระแสประสาทของเซลล์ประสาท • วาตะ ยังควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกสดชื่น ตกใจ ความกลัว ความกังวลห่วงใย ความเจ็บปวด อาการสั่นสะท้านและการเกร็งกระตุกของกล้ามเนื อ ล้าไส้ใหญ่ โพรงกระดูกเชิงกราน กระดูก ผิวหนัง หูและต้นขา เป็นต้าแหน่งของวาตะ ถ้าร่างกายพัฒนาวาตะมากเกินไป ส่วนเกินเหล่านี จะถูกสะสมอยู่ในต้าแหน่งที่กล่าวมานี วำตะ (Vata)


• ปิตตะ เป็นส่วนประกอบของ "ธาตุไฟ" มีหน้าที่เผาผลาญอาหารและให้ความอบอุ่นแก่ ร่างกาย รวมทั งช่วยในเรื่องการมองเห็น • ปิตตะ ควบคุมการย่อยอาหาร การดูดซึม การดูดซับธาตุสารอาหาร ขบวนการเผาผลาญ อาหารให้เกิดพลังงานอุณหภูมิของร่างกาย สีผิว ความสุกใสแวววาของดวงตา รวมทั ง ความฉลาด ความสามารถในการเรียนรู้ สรีระวิทยาส่วนกายภาพ • ปิตตะ ก่อให้เกิดความโกรธ ความเกลียดและความอิจฉาริษยา • ต้าแหน่งที่ตั งของปิตตะ ได้แก่ ล้าไส้เล็ก กระเพาะอาหาร ตับอ่อน มวลเลือด ไขมัน ดวงตาและผิวหนัง ปิตตะ (Pitta) • กผะ ประกอบด้วย "ธาตุดิน" และ "ธาตุน ้า" มีหน้าที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย เช่น กระดูก กล้ามเนื อ เส้นเอ็นและให้ความชุ่มชื น รวมทั งช่วยในการหล่อลื่นของส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ของเหลวที่อยู่ตามข้อต่อของกระดูกต่าง ๆ หรือตามเยื่อบุต่าง ๆ • กผะช่วยให้การประสานของธาตุสมบูรณ์ ท้าความชุ่มชื นให้กับผิวหนัง ช่วยสมานบาดแผล เติมพื นที่ ว่างของร่างกาย ให้ก้าลังทางชีววิทยาของร่างกายแข็งแกร่ง เกิดก้าลังและเสถียรภาพ รักษาพื นที่ ความทรงจ้า ให้พลังงานแก่หัวใจ ปอดและระบบภูมิคุ้มกันหลัก • พื นที่ของกผะ ได้แก่ ช่องอก (เต้านม) ล้าคอ ศีรษะ โพรงไซนัส จมูก ปาก กระเพาะอาหาร ข้อต่อ ต่าง ๆ สารน ้าที่หล่อเลี ยงนิวเคลียสของเซลล์ สารน ้าในโลหิตและน ้าเหลือง รวมทั งของเหลวต่างๆ ในร่างกายเช่น เยื่อเมือก • กผะ ตอบสนองต่ออารมณ์การยึดติด ความโลภ ความอิจฉาริษยา กผะยังครอบคลุมถึงความ อ่อนไหว ความเฉื่อยชา การให้อภัยและความรักด้วย กผะ (Kapha) ลักษณะปกติของบุคคลโดยพิจำรณำตำมธำตุ บุคลิกภาพ/ พฤติกรรม วาตะ (ลม) ปิตตะ (ไฟ) เสมหะ (น ้า) 1.การท างาน เร็ว ริเริ่ม กระตือรือร้นมี จินตนาการ ปานกลาง ช้า 2.การเรียนรู้สิ่งใหม่ เร็วมาก เร็ว ช้า 3.ความจ า จ าได้ระยะสั้น ปานกลาง นาน 4.การย่อยอาหาร ไม่แน่นอน ย่อยได้เร็ว ช้า 5.ปริมาณอาหาร ไม่แน่นอน กินจุ กินได้น้อย 6.รสชาติที่ชอบ หวาน เปรี้ยว เค็ม หวาน ขม ฝาดมัน เผ็ด ขม ฝาด มัน 7.อากาศที่ทนไม่ได้ หนาว ร้อน เย็นและชื้น 8.การนอนหลับ ไม่ดี หลับได้สนิท หลับได้สนิทมาก


ลักษณะปกติของบุคคลโดยพิจำรณำตำมธำตุ บุคลิกภาพ/ พฤติกรรม วาตะ (ลม) ปิตตะ (ไฟ) เสมหะ (น ้า) 9.การถ่ายอุจจาระ ไม่สม ่าเสมอ มากกว่า 1-2 ครั้ง/ วัน สม ่าเสมอ 10.ลักษณะอุจจาระ แห้งแข็ง ท้องผูก อ่อนเหลว เป็นมัน เป็นก้อนดี 11.เหงื่อ น้อย มาก มีกลิ่น ปานกลาง 12.ความต้องการทางเพศ น้อย ปานกลาง มาก 13.ภาวะอารมณ์ ขี้กลัว ไม่มั่นใจ วิตกกังวล จิตไม่มั่นคง จริงจัง อ่อนไหว อิจฉา เอาชนะ อารมณ์ได้ สงบ ตระหนี่ ยึดมั่น 14.การเผชิญปัญหา เสียการควบคุมอารมณ์ง่าย โกรธหรือหงุดหงิดง่าย แก้ปัญหาช้า แต่แน่นอน 15.การเคลื่อนไหว เร็ว แม่นย า ตรงป้า ช้า ลักษณะปกติของบุคคลโดยพิจำรณำตำมธำตุ บุคลิกภาพ/ พฤติกรรม วาตะ (ลม) ปิตตะ (ไฟ) เสมหะ (น ้า) 16.การพูด เร็ว พูดมาก ไม่ติดต่อ พูดได้เก่ง ใช้ค าคม พูดอ่อนหวาน ชัด ช้า เสียง กังวาน 17.ฐานะเศรษฐกิจ จนแต่ฟุ่มเฟือย ปานกลาง ฟุ่มเฟือยบ้าง เก็บเงิน 18.รูปร่าง บาง สูงมาก หรือเล็ก ปานกลาง ท้วมใหญ่ 19.น ้าหนัก น้อย ปานกลาง มาก 20.ลักษณะผิวหนัง แห้ง หยาบ ไม่เรียบ นุ่ม มันเล็กน้อย มัน นุ่ม เรียบ 21.สีผิว คล ้า ปานกลาง ขาวใส 22.ดวงตา พองและลึก ตาเล็ก แหลม ใหญ่ มีแววความสุข http://abhaiherb.com/quiz/


น ้ำมันหอมระเหยและสูตรต้ำรับตำมธำตุเจ้ำเรือน น ้ำมันหอมระเหยส้ำหรับธำตุดิน แก้แผลเปื่อย บวม แก้เจ็บคอ แก้อาการเคล็ดขัด ยอกฟกช ้าและขับเลือดเสีย ท้าให้กล้ามเนื อผ่อนคลายและ บรรเทาอาการปวดข้อ ปวด เมื่อยต่าง ๆ ลดการอักเสบและเป็นยาชา เฉพาะที่ Plai oil ช่วยระงับพิษและบรรเทาความ เจ็บปวดของกล้ามเนื อได้ดี ไม่ควรใช้ขณะตั งครรภ์ ช่วยลดความท้อแท้หดหู่ บรรเทาอาการนอนไม่หลับ แก้ปัญหาการหย่อนสมรรถภาพ ทางเพศ Jasmine oil ให้ความรู้สึกสุขสบาย ช่วยลด ความเครียด ผ่อนคลายจิตใจให้ สงบเสริมสร้างสมาธิ ช่วยท้าให้ นอนหลับ เป็นส่วนประกอบ ส้าคัญของต้าราอายุรเวท อินเดียโบราณ ในการ บ้าบัดรักษาต่าง ๆ บ้ารุงผิวเพื่อ เพิ่มความชุ่มชื นส้าหรับผิวแห้ง ลดการอักเสบป้องกันการติด เชื อ สมานผิวและรักษาผมเสีย ได้เช่นกัน Sandal Wood oil ฆ่าเชื อ สามารถรักษาสิว ผิวหนังอักเสบ ผดผื่นคันได้ ลดผิวที่หยาบกร้าน มีริ วรอยชุ่ม ชื นขึ น หมักผมเพื่อขจัดรังแค ปรับ สภาพผมแห้งให้ดีขึ น ท้าให้เส้น ผมเป็นเงางาม บรรเทาอาการเครียด ลดการ หดหู่ กระตุ้นระบบประสาท Patchouli oil กำรนวดด้วยน ้ำมันหอมระเหยตำมธำตุดิน • เพรำะมีผลต่อกำรคลำยตัวของกล้ำมเนื อได้ดีทีเดียว กำรคืนพลังให้ ร่ำงกำยได้อย่ำงรวดเร็ว • ช่วยลดกำรเกร็งของกล้ำมเนื อ ฟื้นฟูสภำพของระบบกล้ำมเนื อ ท้ำให้ รู้สึกสบำยคลำยเครียด • เพิ่มระบบกำรไหลเวียนโลหิตและระบบน ้ำเหลือง กระตุ้นระบบ ประสำท • เพิ่มประสิทธิภำพของระบบหำยใจ กำรนวดไทย • น ้ำหนักกำรนวดหนัก • ควรนวดให้เร็วเพื่อกระตุ้นร่ำงกำย วิธีกำรนวด


น ้ำมันหอมระเหยส้ำหรับธำตุน ้ำ ท้าให้บรรยากาศผ่อนคลาย ท้าให้นอน หลับได้ง่ายขึ น ลดความเครียด บรรเทาอาการแปรปรวนทางอารมณ์ของ ผู้หญิงก่อนมีประจ้าเดือน Ylang Ylang oil บรรเทาความเครียด อ่อนเพลียและ ซึมเศร้า เหมาะส้าหรับผู้เป็นไข้จะท้าให้ร่างกายสด ชื่นและฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ น บรรเทาอาการเมาค้างหรือวิงเวียนต่าง ๆ ช่วยขจัดเซลลูไลท์และกระตุ้นการท้างาน ของระบบน ้าเหลือง ระบบไหลเวียนโลหิต ขับไล่แมลงโดยธรรมชาติ Geranium Rose oil ช่วยรักษาสมดุลทางประสาท ท้าให้ผ่อน คลาย รักษาแผลไฟลวก บรรเทาปวด ปวดไมเกรน แก้โรคซึมเศร้า นอนไม่หลับ คลายเครียด รักษาสมดุลผิวให้ชุ่มชื น ลดการแห้งแตก ของผิว Lavender oil กำรนวดด้วยน ้ำมันหอมระเหยตำมธำตุน ้ำ • หลังจำกกำรนวดแล้วควรเน้นในเรื่องกำรอบไอน ้ำสมุนไพร เพรำะไอ น ้ำจำกสมุนไพรต่ำง ๆ จะซึมซำบเข้ำไปตำมผิวหนังจะช่วยไล่ควำม หนำวเย็นจำกภำยในได้ • ท้ำให้ระบบทำงเดินหำยใจคล่องตัวขึ น เสมหะขับออกได้ง่ำยขึ น • ลดกำรอักเสบและบวมที่เยื่อบุทำงเดินหำยใจตอนบน ลดกำรระคำย เคืองในล้ำคอ • ช่วยเพิ่มกำรไหลเวียนของโลหิต ท้ำให้มีกำรขยำยตัวของเส้นเลือด ฝอยส่งผลให้กำรไหลเวียนโลหิตดีขึ น สดชื่นจำกภำยในร่ำงกำย กำรนวดน ้ำมัน+อบไอน ้ำ • น ้ำหนักกำรนวด ปำนกลำง และนวดเอื่อย ๆ เหมือนน ้ำไหล วิธีกำรนวด น ้ำมันหอมระเหยส้ำหรับธำตุลม ช่วยให้อากาศสด ชื่น ดับกลิ่นอับในห้อง และไล่แมลงต่าง ๆ ได้ดี Lemongrass oil ป้องกันการติดเชื อ และการกระจายตัว ของเชื อโรค Bergamot oil กระตุ้นสภาพ ร่างกายและจิตใจ ให้แจ่มใสเบิกบาน Lime oil ช่วยให้รู้สึกคลาย เครียดและผ่อน คลาย เพิ่มความสดชื่น บรรเทาอาการปวด กล้ามเนื อ Orange oil กระตุ้นร่างกายและ เย็นสดชื่น ระงับอาการปวดหัว ช่วยคลายความ อ่อนล้า ป้องกันอาการ ไซนัส ไข้หวัด บรรเทาอาการคลื่น ใส้ วิงเวียน เสียด ท้อง Peppermint oil


กำรนวดด้วยน ้ำมันหอมระเหยตำมธำตุลม • ช่วยในเรื่องเกี่ยวกับระบบกำรไหลเวียนโลหิตและท้ำให้ร่ำงกำยผ่อน คลำย • กำรนวดแบบสัมผัสส่งผลให้ระบบน ้ำเหลืองและระบบกระแสโลหิตใน ร่ำงกำยหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ น เสริมสร้ำงระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยก้ำจัดของ เสียจำกกำรท้ำงำนของเซลล์ ช่วยขับปัสสำวะและอำจช่วยบรรเทำ ควำมเจ็บปวดบำงอย่ำงได้ • กำรนวดด้วยน ้ำมันหอมระเหย จะช่วยส่งผลให้กล้ำมเนื อมีก้ำลัง ข้อ ต่อและกระดูกมีควำมยืดหยุ่นได้ดีขึ น ช่วยกระตุ้นและปรับฮอร์โมนใน ร่ำงกำยเข้ำสู่สภำวะสมดุลได้ดียิ่งขึ น กำรนวดน ้ำมัน • น ้ำหนักกำรนวด ปำนกลำง • ควรนวดเร็วแบบต่อเนื่อง วิธีกำรนวด น ้ำมันหอมระเหยส้ำหรับธำตุไฟ ช่วยรักษาอาการปวดของ กล้ามเนื อ รักษาอาการระคายเคือง และผดผื่น กระตุ้นการสร้างเซลล์ ใหม่ ลดปัญหาผิวมัน ดูแลหนังศีรษะรักษา รังแคและช่วยให้เส้นผม เงางาม เสริมสร้างความจ้า สร้าง สมาธิ เพิ่มความสดชื่นมี พลัง Rosemary oil ช่วยรักษาอาการเครียด ไซนัส ปวดศีรษะและไม เกรน งับความรู้สึกเมื่อยล้า และผ่อนคลาย ความเครียด Chamomile Roman oil ลดอาการหายใจติดขัด อาการไอ หลอดลม อักเสบ ไข้หวัดและไซนัส บรรเทาอาการคัดจมูก หายใจไม่สะดวก ฆ่าเชื อโรค บรรเทาอาการปวดข้อต่อ รักษาแผลให้หายเร็วขึ น ควบคุมต่อมไขมัน สามารถก้าจัดไขมัน ส่วนเกินที่เป็นสาเหตุให้ ผิวมันหรือเกิดสิว Eucalyptus oil ฆ่าเชื อ รักษาแผลติดเชื อ รักาษาสิว ลดการเกิด รังแค ท้าความสะอาดผิว และช่วยกระตุ้นให้สดชื่น Tea Tree oil ลดความเครียด ฟื้นฟู จิตใจ ท้าให้สดชื่นมี ชีวิตชีวา ลดอาการปวดศีรษะ ลดอาการปวด ประจ้าเดือน ช่วยผ่อนคลายความ เหนื่อยเมื อยล้า ลดอาการระคายเคือง บวมคันหรือปวดแสบ ปวดร้อนอันเนื่องมาจาก แมลงสัตว์กัดต่อย Basil Sweet oil กำรนวดด้วยน ้ำมันหอมระเหยตำมธำตุไฟ • กำรนวดกดจุดสะท้อนฝ่ำเท้ำจะส่งผลต่อต่อมไร้ท่อในร่ำงกำย • ลดกำรก้ำเริบของธำตุไฟในฤดูร้อนร่ำงกำยของคนธำตุไฟจะก้ำเริบได้ ง่ำยที่สุด จึงควรหันมำใส่ใจกำรนวดเท้ำเพื่อปรับสมดุลธำตุ กำรนวดกดจุดสะท้อนฝ่ำเท้ำ • น ้ำหนักกำรนวด ต้องเบำ • ควรนวดอย่ำงช้ำๆ วิธีกำรนวด


น ้ำมันหอมระเหยต้ำรับปรุงตำมลักษณะ Tri dosha น ้ำมันหอมระเหยต้ำรับปรุงตำมลักษณะ Tri dosha ต ำรับที่ กลุ่มธำตุเจ้ำเรือน ส่วนผสมของกลิ่นอโรม่ำ ปริมำณที่ใช้(มิลลิลิตร) 1 วำตะ น ้ำมันเบอร์กำมอท 3 น ้ำมันลำเวนเดอร์ 3 น ้ ำมันขิง 1 2 ปิ ตตะ น ้ ำมันมะนำว 3 น ้ำมันเปปเปอร์มิ้นท์ 1 น ้ ำมันดอกกระดังงำ 3 3 คัฟฟะ น ้ ำมันส้ม 3 น ้ ำมันกะเพรำ 1 น ้ำมันจูนิเปอร์เบอรี่ 2 บทสรุป •แนวคิดและทฤษฎีการแพทย์แผนตะวันออกอยู่บนพื นฐานที่ว่า ร่างกายมนุษย์มีความแตกต่างกัน ตามลักษณะของธาตุเจ้าเรือน ส่งผลให้มีลักษณะที่แสดงออกทั งภายในและภายนอกแตกต่างกันไป รวมถึงควำมแข็งแรงของร่ำงกำย •จุดอ่อนและจุดแข็งของสุขภาพตามธาตุเจ้าเรือนตามแบบของแพทย์แผนไทยและอายุรเวทสามารถ น้ามาใช้เป็นแนวทางในการเลือกน ้ามันหอมระเหยและตั งต้ารับตามธาตุเจ้าเรือนเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ให้แข็งแรง สร้างสมดุลของร่างกาย อันเป็นเงื่อนไขส้าคัญของการมีอายุยืนยาว • นอกจากการนวดด้วยน ้ามันหอมระเหยตามธาตุเจ้าเรือนแล้ว จ้าเป็นต้องเลือกรูปแบบการใช้งานให้ เหมาะสม อาทิ การนวดไทย การนวดน ้ามัน การนวดเท้า หรือการนวดน ้ามันผสมการอบไอน ้า เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะของธาตุก้าเนิดแต่ละคน


การใช้ นํ ามันหอมระเหย ทางคลินิก แสงสิทธ ิ ์ กฤษฎ ี นํ ามันหอมระเหย นํ ามันหอมระเหย หมายถ ึ ง น ํ้ามันที่พืชผลิตข ึ้ นตาม ธรรมชาต ิ แลวเก ็ บไวตามสวนตางๆ เช  น กลีบดอก ใบ ผิวของผล เกสร เปลือกลําต  น หรือที่รากและเหงา เป็ นต  น ลักษณะทั่วไปเป็ นของเหลวใสไมมีสีหรือมี สีออนๆ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ระเหยได  งาย ที่อุณหภูมิปกต ิ เมื่อไดรับความรอนน ํ้ามัน ระเหยได  ดียิ่งข ึ้ น กลิ่นของน ํ้ามันหอมระเหยจะมีค ุ ณสมบ ั ต ิ ท ี่ แตกตางก ั นไป ข ึ้ นก ั บองคประกอบทางเคมี ของน ํ้ามันหอมระเหยที่มีอยูในพืชสมุนไพร แตละชนิ ด


คุณสมบัติของนํ ามันหอมระเหย ของพืชแต่ละวงศ์ พืชวงศ์กะเพรา (LAMIACEAE/ LABIATAE) เป็ นวงศที่มีน ํ้ าหอมมากที่สุด พืชวงศน ี้ ไดแก  กะเพรา โหระพา ลาเวนเดอร เปเปอรมินท  โรสแมรี่ ไธม พิมเสน เป็ นต  น น ํ้ามันที่ไดสวนใหญมักได  จาก ใบ มีค ุ ณสมบ ั ติในการระง ั บ เชื้อ ลดอาการเกร็งของกลามเนื้ อเรียบ พืชวงศนี้มีความปลอดภัยสูง ยกเวน น ํ้ า มันเสจ (sage oil) และน ํ้ามันฮิสสอพ (hyssop) เพราะมีสวนประกอบของ พวกคีโตน หากไดรับปริมาณมากเก ิ น ไปจะทําใหเป็ นพิษตอระบบประสาท พืชวงศ์อบเชย (LAURACEAE) ไดแก  อบเชย การบูร ใบเบย เป็ นต  น พืชในกลุมนี้มักมีกลิ่นแรง (strong odor) มีกลิ่นฉ ุ น (penetrating odor) ชวยทําใหเบ ิ กบาน (ulift) แตพืชในวงศ สวนใหญ  ทําใหเก ิ ดพิษสูง เช  น ใบเบยข ี้ เหล็ก หรือ sagsafias


พืชวงศ์ชมพู่ (MYRTACEAE) ไดแก  กานพลู ยูคาลิปตัส เสม็ดขาว ท ี ทรีน ํ้ามันเขียว เป็ นต  น สวนใหญได  จากใบซึ่ งมีค ุ ณสมบ ั ติในการระง ั บเชื้อ โดยเฉพาะระบบทางเด ิ นหายใจ ตาน ไวรัส (antivirus) ฝาดสมาน (antrigent) และบํารุงกําลัง (tonic) แต  มีขอควรระวังในการใช คือ อาจทําให เก ิ ดการระคายเคืองผิวหน ั ง พืชวงศ์มะลิ (OLEACEAE) ไดแก  มะลิซอน มะลิลา น ํ้ามันมะลิที่ใช ก ั นจะเป็ นสวนของ absolute หรือเป็ น สารสังเคราะห jasmones น ํ้ามันมะลิมี ค ุ ณสมบ ั ต ิชวยคลายกลามเนื้ อ วงศ์พริกไทย (PIPERACEAE) ไดแก  พริกไทยดํา มีค ุ ณสมบ ั ติระง ั บการ ปวด (analgesic) ข ั บเสมหะ (expectorant) บํารุงกําลังและกระตุน ประสาท (nerve-stimulant)


พืชวงศ์หญ้า (POACEAE/ GRAMINEAE) ไดแก  ตะไคร ตะไครหอม แฝกหอม เป็ นต  น น ํ้ามันหอมระเหยจากพืชวงศน ี้ มีค ุ ณสมบ ั ต ิ ตานการอักเสบ และบํารุง กําลัง มีรายงานวา แฝกหอมชวย กระตุนระบบประสาท และระบบ ภูมิคุมก ั น (immune system) พืชวงศ์กุหลาบ (ROSACEAE) พืชในวงศนี้ใหน ํ้ามันหอมระเหย คือ Rose otto โดยกลิ่นของน ํ้ามันกุหลาบ ที่ได  จากการกลั่นดวยไอน ํ้ าจะมีความ หอมหวานนอยกวาจากการสก ั ดดวย ตัวทําละลาย ซึ่ งน ํ้ามันหอมระเหยที่ได  จากการ กลั่นน ํามาใชประโยชน ทางการแพทยมากกวา พืชวงศ์ส้ม (RUTACEAE) น ํ้ามันหอมระเหยจากพืชวงศนี้มีที่มา จากหลายแหลง ไดแก  บริเวณเปลือกได  จากสม มะกรูด มะนาว สมโอ เป็ นต  น บริเวณใบดอกได  จาก bitter orang (Citus aurantium ver. amra)


พืชวงศ์ขิง (ZINGGIBERA CEAE) ไดแก  ข ิ ง ขา ขมิ้นชั น ขมิ้นขาว ไพล ไพลดํา ฯลฯ พืชวงศนี้มีลักษณะพิเศษ ตรงที่สวนของต  นจะมีกลิ่นของน ํ้ามัน หอมระเหย บางชนิ ดมีค ุ ณสมบ ั ต ิ ตาน อนุมูลอิสระ จากการวิจัยมีการน ํ า ตัวอยางพืชวงศน ี้ 5 ชนิ ด ไดแก  ขา ขมิ้น ชั น ขมิ้นขาว ไพล และไพลดํา มา ทดสอบพบวา พืชที่มีค ุ ณสมบ ั ติในการ ตานอนุมูลอิสระมากที่สุด ไดแก  ขมิ้น ชั น สุคนธบําบัด 1. สุคนธบําบ ั ดเพื่อการรักษาโรค (Therapeutic หรือ Clinical aromatherapy) 2. สุคนธบําบ ั ดเพื่อความงาม (Beauty and aesthetic aromatherapy) สุคนธบําบัด


การใช น ํ้ามันหอมระเหยเพื่อชวยรักษาหรือบําบ ั ดโรค เพื่อทําใหสุขภาพแข ็ ง แรง โดยเลือกใช น ํ้ามันหอมระเหยท ี่ ถ ู กตองถ ู กวิธ ี โดยตองอาศัยผูมีความรู ความชํานาญเรียกวา “Clinical aromatherapist” นอกจากน ี้ สุคนธบําบ ั ด เพื่อการรักษาโรค ยังสามารถแบ  งได  ด ั งน ี้ จ ิ ตบําบ ั ด (Psychoaromatherapy หรือ aromachology) เป็ นการใช น ํ้ามันหอมระเหยเพื่อความสมดุลของจ ิ ตใจ ทําใหรูสึกสงบ ชวยผอนคลายหรือ กระตุนการทํางานของสมอง ผอนคลายความเครียดและก ั งวล แกโรคซึมเศรา และอาการป วยทางจ ิ ตตาง ๆ ใหพลังรูสึก สดชื่ น กระปรี้กระเปรา สุขภาพองครวม (Holistic aromatherapy) เป็ นการใช น ํ้ามันหอมระเหย โดยผสมผสานในการบําบ ั ดโรคท ั้ งดานรางกาย อารมณ  และจ ิ ตใจ การแพทย (Medical aromatherapy) เป็ นการใช น ํ้ามันหอมระเหย เพื่อสง เสริมหรือรักษาความสมดุลทางเคมีและฟิ สิกสของเหลวในรางกายเพื่อบําบ ั ด อาการของโรค สุคนธบําบัดเพื อการรักษาโรค การน ํ าน ํ้ามันหอมระเหยมาใช ก ั บรางกาย ภายนอก เช  น ผิวหน ั ง เสนผม มักใช การนวดรวม ดวย ซึ่ งจะใหผลใน การผอนคลายและเสริมพลัง และน ํามาเป็ นสวนผสมในเครื่องสําอางเพื่อความ สวยงาม ตามค ุ ณสมบ ั ต ิ ของน ํ้ามันหอมระเหย ชนิ ดน ั้ น ๆ เช  น บํารุงผิว ชะลอความเหี่ยวยน เป็ นต  น สุคนธบําบัดเพื อความงาม ฤทธิทางช วภาพของนํ ามันหอมระเหย ี


น ํ้ามันหอมระเหย สามารถเขาสูรางกายโดยวิธ ี สุคนธบําบ ั ด มี 3 วิธ ี คือ ผานผิวหน ั ง ผานทางระบบทางเด ิ นหายใจ หรือการสูดดม ผานการรับประทาน หลังจากน ํ้ามันหอมระเหยเขาสูรางกายแลว ก ็ จะ ถ ู กด ู ดซึมเขาไป และมีผลตอระบบตาง ๆ ภายใน รางกาย ฤทธิทางช วภาพของนํ ามันหอมระเหย ี ฤทธิต่อระบบ ประสาท น ํ้ามันหอมระเหย มีผลตอระบบ ประสาทสวนกลาง และสวนนอก (peripheral nervous system) โดยสงผลกระตุนระบบประสาท ทําใหรูสึกต ื่ นตัว มีกําลังสดชื่ น นิยม น ํามาใช ในผูที่มีอาการซึมเศรา รูสึกหดหู ออนเพลีย น ํ้ามันหอม ระเหยที่ใชไดแก  น ํ้ามันมะลิน ํ้ามัน โรสแมรี่ น ํ้ามันมะนาว ฤทธิต้านจุลช พ ี (ANTIMICROBIAL EFFECTS) ก) ฤทธ ิ ์ ตานแบคทีเรีย น ํ้ามันหอม ระเหยประเภทน ี้ มีองคประกอบสําค ั ญ ประเภทสารประกอบฟีนอล สารประกอบแอลดีไฮด  สารประกอบ แอลกอฮอล สารปะกอบเอสเทอร และ สารประกอบคีโตนโดยสาร terpenoids จะยับยั้งการทํางานผน ั งเซลลของเชื้อ โดยยับยั้งการสงผานอิเล็กตรอนการ เคลื่อนยายโปรต ี น ตลอดจนปฏ ิ กิริยา ตาง ๆ ของเอนไซมทําใหเซลลตายได 


ฤทธิต้านจุลช พ ี (ANTIMICROBIAL EFFECTS) ข) ฤทธ ิ ์ ตานเชื้อรา มีองคประกอบ สําค ั ญของสารประกอบแอลดีไฮด  น ํ้ามันหอมระเหยชนิ ดน ี้ ไดแก  น ํ้ามัน เทียนสัตตบุษย น ํ้ามันเทียนขาวเปลือก น ํ้ามันท ี ทรีน ํ้ามันขาวเปลือก ฤทธิต้านจุลช พ ี (ANTIMICROBIAL EFFECTS) ค) ฤทธ ิ ์ ตานไวรัส องคประกอบสําค ั ญ ไดแก anethole, B-caryophylene,  carvone, cinnamic aldehyde, citrai เป็ นต  น น ํ้ามันหอมระเหยชนิ ดน ี้ ไดแก  น ํ้ามันอบเชยจ ี น น ํ้ามันอบเชยลังกา น ํ้ามันสะระแหน  ฯลฯ ฤทธิต่อระบบ ทางเดินอาหาร น ํ้ามันหอมระเหยที่ใชในระบบทาง เด ิ นอาหาร ไดมาจากพืชวงศ กะเพรา เช  น กะเพรา โหระพา สะระแหน  ไธมพิมเสน พืชวงศผักชี และพืชวงศสม


ฤทธิต่อระบบ ทางเดินหายใจ ชวยละลายเสมหะ ข ั บเสมหะ แกไอ บรรเทาอาการค ั ดจมูก ชวยลดการ ค ั ดหลั่ง กระตุนระบบทางเด ิ น หายใจ องคประกอบของน ํ้ามันหอม ระเหย ที่มีค ุ ณสมบ ั ติในการละลาย เสมหะ ไดแก  พวกคีโตน เช  น น ํ้ามัน ยูคาลิปตัส น ํ้ามันสน น ํ้ามันไธม น ํ้ามันสะระแหน  ฤทธิต่อระบบ กล้ามเนื อและ ข้อต่อ น ํ้ามันหอมระเหย จะทําหนาที่ใน การเพิ่มการไหลเวียนของเลือด บริเวณที่มีเลือดค ั่ งอยู ทําใหลด อาการบวม หรืออาการอักเสบได  โดยน ํ้ามันหอมระเหยที่มีค ุ ณสมบ ั ต ิ ตานการอักเสบ น ํ้ามันหอม ระเหยเหลาน ี้ ไดแก  น ํ้ามันคาโม ไมล น ํ้ามันสะระแหน  น ํ้ามันสน น ํ้ามันยูคาลิปตัส ฤทธิต่อระบบ การไหลเวียน เลือดหัวใจและ หลอดเลือด ชวยกระตุนการไหลเวียนเลือด สง ผลใหหัวใจและสมองทํางานได  ด ี น ํ้ามันหอมระเหย ที่ใช ไดแก  น ํ้ามันกุหลาบ น ํ้ามันกานพลูน ํ้ามัน โรสแมรี่ เป็ นต  น สวนน ํ้ามันที่ลด อาการปวดไมเกรน ทําใหหลอด เลือดขยาย บางชนิ ดยังสามารถลด ความด ั นเลือดในผูที่มีภาวะเครียด ได  คือ น ํ้ามันลาเวนเดอร น ํ้ามัน กระด ั งงา น ํ้ามันดอกสม เป็ นต  น


ฤทธิต่อระบบ ต่อมไร้ท่อและ ฮอร์โมน น ํ้ามันหอมระเหยบางชนิ ดมีหนาท ี่ คลายฮอรโมนภายในรางกาย ตัวอยางเช  น น ํ้ามันเทียนขาว เปลือก น ํ้ามันเสจ ชวยทําใหเซลล ผิวหน ั งมีความชุมชื่ น ซึ่ งทําหนาท ี่ คลายก ั บ ฮอรโมนเอสโตรเจน และน ํ้ามันกระด ั งงาชวยเพิ่มการ หลังน ํ้ามันที่ผิวหน ั ง ซึ่ งเป็ นสาเหต ุ ใหหนามันหรือเป็ นสิวทําหนาท ี่ คลายก ั บฮอรโมนแอนโดรเจน จาก หนาท ี่ ท ี่ คลายคลึงก ั นน ี้ ทําใหเรา สามารถน ํ า น ํ้ามันหอมระเหยมา ใชในการบําบ ั ดอาการผิดปกต ิ ที่เก ิ ด จากฮอรโมนเพศได  ฤทธิในการกระตุ้น ระบบภูมิคุ้มกัน ชวยใหมีประสิทธิภาพในการทํางาน ด ี ข ึ้ น ทําใหปริมาณเม็ดเลือดบาง ชนิ ด เช  น เซลลเม็ดเลือดแดง เซลล เม็ดเลือดขาว มีจํานวนเพิ่มข ึ้ นหลัง จากทําการบําบ ั ดโดยใช น ํ้ามันหอม ระเหย กลิ น


ความรูสึกของกลิ่นมาจากสารท ี่ ทําใหเก ิ ดกลิ่น ระเหยหรือแยกออกจากสารต ั้ งต  น มักอยูในรูป แบบของกาซปนอยูก ั บอากาศ เมื่อมนุษยหายใจ เขาไปจะกระตุนอวัยวะรับกลิ่นที่อยูบริเวณจมูก และสงสัญญาณในลักษณะกระแสไฟฟาไปยัง “โอลแฟคทอรีบัลล” ผาทางเสนประสาทรับรู กลิ่น ซึ่ งจะสงผลตอสัญญาณด ั งกลาวไปยัง ประสาทสวนกลาง ในสวนของระบบลิมบ ิ ก เพื่อ รับรูกลิ่นน ั้ น ทฤษฎีกลิ นและการรับรู้กลิ น ป จจัยที มีผลต่อการรับรู้กลิ น ความสามารถในการรับรูกลิ่น หรือระด ั บการรับรู กลิ่น คือ ความเขมข  นตํ่ าสุดที่มนุษยจะรับรูกลิ่นได  สารน ั้ นจะตองมีค ุ ณสมบ ั ติใหรับรูกลิ่นได  ความเขมข  นของกลิ่น หมายถ ึ ง ความรุนแรงของ กลิ่นตอระด ั บความรูสึกของมนุษย โดยเรียงลําด ั บ จาก ไมมีกลิ่นเลย ไปจนถ ึ งกลิ่นแรงมาก ลักษณะของกลิ่น หมายถ ึ ง ความรูสึกในการยอมรับ กลิ่นวาเป็ นกลิ่นท ี่ชอบหรือไมชอบน ั้ นข ึ้ นก ั บปัจจัยใน ทางสังคม สภาพแวดลอม และภูมิประเทศ ความคุนเคยก ั บกลิ่น เมื่อสัมผัสกลิ่นเป็ นเวลานาน อวัยวะรับกลิ่นมักมีสภาพลาหรือชิ นตอกลิ่น ทําให เราไมรับรูตอกลิ่นน ั้ น เช  น การใช น ํ้ าหอมกลิ่นเดิม เป็ นประจํา การทดสอบฤทธิของนํ ามันหอมระเหยต่อ ระบบประสาทอัตโนมัติและอารมณ์ความรู้สึก


ความดันเลือด (BLOOD PRESSURE) การวัดความด ั นเลือดเป็ นการวัดรอบหัวใจเต  น (Cardiac cycle) โดยมีคา 2 คา คือ diastolic blood pressure และ systolic blood pressure การวัดความด ั นเลือดที่ใช ก ั นในปัจจ ุ บ ั นเป็ นการ วัด ความด ั นเลือดทางออมโดยใชเครื่องมือท ี่ เรียกวา Sphygmomanometer ผลได  ด ั งน ี้ - ถาไดรับน ํ้ามันหอมระเหยที่มีฤทธิ ์สงบ ประสาทชวยใหนอนหลับและผอนคลายจะพบวา มีความด ั นเลือดลดลง - ถาไดรับน ํ้ามันหอมระเหยที่มีฤทธ ิ ์ กระตุน ประสาทจะพบวามีความด ั นเลือดเพิ่มข ึ้ น 1 อัตราการเต้นของหัวใจ (HEART RATE) การวัดการทํางานของหัวใจโดยใชวิธ ี ที่เรียกวา electrocardiogram (ECG) หรือภาพคลื่นไฟฟา หัวใจ - ถาไดรับน ํ้ามันหอมระเหยที่มีฤทธิ ์สงบ ประสาทชวยใหนอนหลับและผอนคลายจะพบวา อัตราการเต  นของหัวใจชาลง - ถาไดรับน ํ้ามันหอมระเหยที่มีฤทธ ิ ์ กระตุน ประสาทจะพบวาอัตราการเต  นของหัวใจเร็วข ึ้ น 1 อัตราการหายใจ (BREATHING RATE) การวัดการหายใจ โดยน ั บลมหายใจเขาและออก เป็ นต  น (อัตราการหายใจรายงานในหนวยของครั้ง ตอนาท ี) - ถาไดรับน ํ้ามันหอมระเหยที่มีฤทธิ ์สงบ ประสาทชวยใหนอนหลับและผอนคลายจะพบวา อัตราหายใจชาลง - ถาไดรับน ํ้ามันหอมระเหยที่มีฤทธ ิ ์ กระตุน ประสาท จะพบวาอัตราหายใจเร็วข ึ้ น 1


อุณหภูมิที ผิวหนัง (SKIN TEMPERATURE) การวัดอุณหภูมิที่ผิวหน ั งทําไดโดยใช thermister ซึ่ งเป็ นตัวรับรู (Sensor) ที่มีขนาดเหมาะสมก ั บ บริเวณท ี่ จะตรวจ - ถาไดรับน ํ้ามันหอมระเหยที่มีฤทธิ ์สงบ ประสาทชวยใหนอนหลับและผอนคลายจะพบวา อุณหภูมิที่ผิวหน ั งสูงข ึ้ น - ถาไดรับน ํ้ามันหอมระเหยที่มีฤทธ ิ ์ กระตุน ประสาทจะพบวาอุณหภูมิที่ผิวหน ั งตํ่ าลง 1 ฤทธิต่ออารมณ์และความรู้สึก ฤทธิต่ออารมณ์ และความรู้สึก เป็ นภาวะที่เก ิ ดการเปลี่ยนแปลงทาง พฤต ิ กรรม อารมณจ  ิ ตใจ ความจํา หรือ การแสดงออกตาง ๆ เมื่อไดรับสารที่มี กลิ่น หรือน ํ้ามันหอมระเหย ซึ่ งเก ิ ดจาก การกระตุน หรือยับยั้งในสวนของระบบ ประสาทที่เกี่ยวของก ั บการควบคุม พฤต ิ กรรมและอารมณจ  ิ ตใจ ความจํา การแสดงออกตาง ๆ เหลาน ั้ น โดย ทั่วไปพารามิเตอรทางจ ิ ตวิทยาที่ใชใน การศึกษาผลสารที่มีกลิ่น หรือน ํ้ามัน หอมระเหย ตอพฤต ิ กรรม


รูสึกด ี (Good) รูสึกไมด ี (Bad) รูสึกกระปรี้กระเปรา (Active) รูสึกเฉื่อยชางวงซึม (Drowsy) รูสึกสดชื่ น (Fresh) รูสึกผอนคลาย (Relax) รูสึกเครียด (Stress) รูสึกอึดอัด (Frustrate) รูสึกเคลิ้บเคลิ้มรัญจวนใจ (Romantic) รูสึกหง ุ ดหง ิ ด (Disgust) รูสึกจ ิ ตใจสงบน ิ่ ง (Calm) รูสึกรังเกียจขยะแขยง (Disgust) อารมณ์และความรู้สึก ฐาปนียหงสรัตนาวรก ิ จ and Gerhar Buchbauer (2550) ศึกษาผล ทางสรีรวิทยาและจ ิ ตวิทยาของน ํ้ามันสม (Sweet orange oil, Citus sinensis) ในอาสาสมัครสุขภาพแข ็ งแรง โดยใหน ํ้ามันหอมระเหยโดย การนวด มีอาสาสมัครรวมจํานวน 39 คน พารามิเตอรทางสรีรวิทยาท ี่ ตรวจวัดไดแก  ความด ั นโลหิต อัตราการหายใจ ชีพจรและอุณหภูมิท ี่ ผิวหน ั ง ทําการประเมินผลทางจ ิ ตวิทยาในแง  ของอารมณต  ื่ นตัวความ มีสมาธ ิ ความสงบ อารมณค  วามรูสึกผอนคลายและกําลังวังชา ผล การศึกษาพบวา การนวดดวยน ํ้ามันสมทําใหอัตราการหายใจและ ชีพจรลดลงซึ่ งบ  งชี้ ถ ึ งการตอบสนองตอระบบประสาทอัตโนมัติลดลง สวนการประเมินผลทางจ ิ ตวิทยาพบวาอาสาสมัครในกลุมที่ไดรับการ นวดดวยน ํ้ามันสมรูสึกมีอารมณด  ีมีกําลังวังชามากข ึ้ น งานวิจัย ทางคลินิก รัตนวรรณ ศรีนวล (2551) อิทธิพลรวมของน ํ้ามันหอมระเหยไทยตอ การนวดไทย พบวา แบบเชลยศักด ิ ์ โดยใชวิธ ี การจ ุ ดตะเกียงน ํ้ามัน ตะไครโหระพา กระด ั งงา และน ํ้าเปลา รวมก ั บการนวด แบบ Double Blind Study ในอาสาสมัครชาวไทยอายุระหวาง 25-55 ปีจํานวน 42 คน พบวา ความรูสึกหลังรับการนวดด ี กวากอนรับการนวดอยางมีนัย สําค ั ญ (p < 0.05) งานวิจัย ทางคลินิก


วินัย สยอวรรณ (2554) ได  ทดสอบผลของน ํ้ามันหอมระเหยที่ใชมากในประเทศไทย ไดแก  น ํ้ามันลาเวนเดอรน ํ้ามันโรสแมรี่ น ํ้ามันมะลิและน ํ้ามันตะไครหอม ตอระบบประสาท ไดแก  ประสาทสวนกลาง ประสาทอัตโนมัติรวมท ั้ งการตอบสนองดานอารมณหลังจากการสูดดม อาสาสมัครไดรับน ํ้ามันหอมระเหยหน ึ่ งกลิ่น วัดคา ความด ั นโลหิต การเตนข  องหัวใจ อัตรา การหายใจ และอุณหภูมิที่ผิว สําหรับระบบประสาทสวนกลางมีการศึกษาการเปลี่ยนแปลง ของคลื่นสมอง โดยบนท ั กข ึ อมูลความถ ี่ คาฟูเรียรทรานสฟอรมอยางเร็ว และแผนภาพคลื่น สมอง นอกจากการตอบสนองทางอารมณได  ถก ู ประเมินโดย Visual analog scal เปรียบ เทียบการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาท และอารมณค  วามรูสึกระหวางน ํ้ามันหอมระเหย และน ํ้ามันอัลมอนด โดยใชสถต ิ ิ Paired t-test ผลการศึกษาพบวากลิ่นลาเวนเดอรและกลิ่น ตะไครหอมทําหระบบประสาทอัตโนมัติลดลง กลิ่นลาเวนเดอรทําใหคลื่นสมอง ธต ี า แอลฟ า เพิ่มข ึ้ น ในขณะท ี่ กลิ่นตะไครหอมทําให คลื่นสมองท ั้ งแอลฟ าและเบตาเพิ่มข ึ้ น ในทาง ตรงกนข ั ามกลิ่นโรสแมรี่และกลิ่นมะลิกระตุนการทํางานของระบบประสาทอัตโนมัติเพิ่มข ึ้ น กลิ่นโรสแมรี่ทําใหคลื่นสมองประเภทแอลฟ าลดลง แตเบตาเพิ่มข ึ้ น แต  กลิ่นมะลิทําใหสมอง ชนิ ดเบตาเพิ่มข ึ้ น ในสวนของอารมณค  วามรูสึก พบวา อาสาสมัครรูสึกวาตนเองมีความรูสึก ดีมากข ึ้ นหลังจากไดรับน ํ้ามันหอมระเหยทกชน ุ ิ ด นอกจากนี้อาสาสมัครยังรูสึกกระตือรือรน กระปรี้กระเปรา และผานคลายมากกวาเมื่อเปรียบเทียบกบก ั ารดมกลิ่นอัลมอนด  ผล การทดลองครั้งนี้สามารถใชเป็ นขอมูลสน ั บสนน ุ เชง ิวิทยาศาสตรสน ั บสนน ุ วาน ํ้ามันหอม ระเหย มีผลตอมนุษยท ั้ งในดานรางกายและความรูสึก งานวิจัย ทางคลินิก สุธ ั ญญา พรหมสมบูรณ  และสุชาดา กรเพชรปาณ ี (2553) การตอบ สนองตอสรีรวิทยาตอกลิ่น การศึกษาการตอบสนองทางสรีรวิทยาตอ กลิ่นมีความสําค ั ญตอกระบวนการบําบ ั ดดวยกลิ่น (สุคนธบําบ ั ด) เนื่ องจากกลิ่นมีผลออกฤทธ ิ ์ ตอระบบประสาทและผลดานจ ิ ตใจ โดย กลิ่นเป็ นสิ่งเราท ี่ กระตุนใหเก ิ ดอารมณค  วามรูสึกตาง ๆ ได  งาย อีกท ั้ ง กลิ่นแตละชนิ ดมีค ุ ณสมบ ั ติเฉพาะตัว และผลตอรางกายและจ ิ ตใจได  แตกตางก ั น การน ํ ากลิ่นมาใชประโยชนในทางการบําบ ั ดดวย ธรรมชาต ิ จ ึ งจําเป็ นตองเขาใจถ ึ งการตอบสนองทางสรีรวิทยาที่มีตอ กลิ่นในลักษณะตาง ๆ ด ั งน ั้ น บทความน ี้ จ ึ งรวบรวมความรูเรื่องผลงาน วิจัยที่เกี่ยวของก ั บกลิ่นของน ํ้ามันหอมระเหย ซึ่ งประกอบดวย พืชที่ให น ํ้ามันหอมระเหย การสก ั ดน ํ้ามันหอมระเหยจากพืช สรีรวิทยาของ ระบบประสาท และการตอบสนองทางสรีรวิทยาที่มีตอกลิ่น งานวิจัย ทางคลินิก สุธญญ ั า พรหมสมบูรณ (2560)  ประสิทธิภาพของน ํ้ามันหอมระเหยจากพืชสมุนไพร 5 ชนิ ด ตอการผอนคลายความเครียด ความเครียด ความวิตกกง ั วล มีผลเสียตอรางกายและ อารมณข  องมนุษยโดยจะแสดงทางอารมณ  เชน  วิตกกง ั วล หวาดกลัว หงด ุ หงด ิ เศราหมอง และทางกาย เชน  กลามเนื้ อตงต ึ ัว หัวใจเต  นแรง ปวดศีรษะ ออนเพลีย เกดก ิ ารหลั่งฮอรโมน ท ี่ กระตนกุ ารทํางานของรางกายและการเปลี่ยนแปลงดานความคด ิ เชน  เก ิ ดอาการหลงลืม คดชิ า สับสน ยํ้ าคด ิ ยํ้ าทํา งานวิจัยน ี้ จง ึศึกษาการน ํ าน ํ้ามันหอมระเหยจากพืชสมุนไพร 5 ชนิ ด คือ เหงาข ิ ง ขมิ้น ใบโหระพา ใบแมงลัก และผิวมะกรูด ที่สก ั ดโดยวิธก ี ลั่นดวยน ํ้ามันมา ใชในการทําสุคนธบําบด ั เพื่อผอนคลายความเครียด ใชแบบแผนการวิจัยแบบก ึ่ งทดลอง มีวัตถุประสงคเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของน ํ้ามันหอมระเหยที่มีผลตอการผอนคลาย ความเครียด วัดความผอนคลายหลังจากใหอาสาสมัครที่มีความเครียด 30 คน ดมกลิ่น น ํ้ามันหอมระเหย โดยใชก  ารวัด 3 วิธ ี คือ (1) การประเมินทางประสาทสัมผัสโดยวัดจาก คะแนนความรูสึกผอนคลาย ซึ่ งเป็ นดชนั ีชี้วัดทางจต ิ วิทยา (2) การตรวจวัดระด ั บคอรต ิซอล ในน ํ้ าลาย ซึ่ งเป็ นดชนั ีชี้วัดทางชีวภาพ เมื่อมีความเครียดรางกายจะหลั่งฮอรโมนนี้ออกมา มาก และ (3) การวิเคราะหสารลินาลูออล ซึ่ งเป็ นดชนั ีชี้วัดทางเคมีเนื่ องจากมี คณ ุ สมบต ั ชิ วยใหเกด ิ ความรูสึกผอนคลาย ผลการทดลองพบวา น ํ้ามันหอมระเหยท ั้ ง 5 ชนิ ดมีประสิทธิภาพในการทําใหผอนคลายได  โดยน ํ้ามันหอมระเหยที่สกดจ ั ากข ิ งทําใหผอย คลายได  ด ี ที่สุด มีคะแนนความผอนคลายเทากบ ั 6.93 จาก 7 คะแนน มีปริมาณคอรตซิ อลตํ่ า ที่สุดเทากบ ั 0.219 ng/ml และมีปริมาณ สารลินาลูออลสูงที่สุดเทาก ั บ 0.6766 % w/w โดยใหผลการวัดที่สอดคลองกนท ั ั้ ง 3 วิธ ี ผลการศึกษาน ี้ จง ึยืนยันไดวา น ํ้ามันหอมระเหย จาก ข ิ ง ขมิ้น โหระพา แมงลัก และมะกรด มีฤทธ ิ ์ ทําใหผอนคลายได  จริง งานวิจัย ทางคลินิก


สครับแห้งเกลือผสมสมุนไพร อ.ดร.รัตนา ปานเรียนแสน และอ.ดร.ณัษฐา กิจประเทือง สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม วิทยาลัยสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา การขัดผิวหรือ Scrub เป็นหนึ่งในวิธีปรนนิบัติผิวให้ขาวกระจ่างใส สามารถท าเองได้ ที่บ้านหรือท าเป็นอาชีพ ผลิตภัณฑ์ส าหรับสครับมีหลากหลาย แต่ที่นิยมโดยไปมักอยู่ รูปของเกลือขัดผิว ที่ใช้ส าหรับขัดผิวทั่วร่างกาย เพื่อขจัดคราบสกปรก อาจมีส่วนผสม ของเกลือธรรมชาติชนิดเดียวหรือหลายชนิด หรือมีส่วนผสมของสมุนไพร เช่น ผงขมิ้น ผงไพล หรือ ผงเมล็ดธัญพืช เช่น ผลเมล็ดถั่วเขียว ผลเมล็ดอัลมอนด์ และอาจมี ส่วนผสมอื่น เช่น น้ านม วิตามิน มีลักษณะเป็นผงแห้ง หรือเป็นผงแช่ในของเหลว หรือเป็นของเหลวข้น สครับแห้งเกลือผสมสมุนไพร ดอกเกลือ • ช่วยท าความสะอาดผิวและก าจัดแบคทีเรียในส่วนต่างๆ ท าให้ รู้สึกสบายผิว • มีแร่ธาตุโซเดียมและคลอไรด์เช่นเดียวกับเกลือธรรมดาทั่วไป แต่ มีความชื้นสูงกว่าเกลือธรรมดาประมาณ 5 เท่า จึงสามารถน าพา แร่ธาตุเข้าสู่เซลล์ของร่างกายได้อย่างรวดเร็ว • มีแร่ธาตุธรรมชาติหลายชนิดที่ส าคัญต่อร่างกาย เช่น ไอโดดีน โปแตสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส แมงกานีส ฟลูออไรด์ โบรไมด์ ซิงค์ สตรอนเที่ยม คอปเปอร์และไอออน และมีประจุ บวกและประจุลบของแร่ธาตุ คลอไรด์ซัลเฟต ไบคาร์บอเนต และ อื่นๆ อีกมากมาย


• กลาก เกลื้อน และโรคสะเก็ดเงิน ให้น้ำดอกเกลือผสมน ้ำแล้วน้ำมำอำบบริเวณที่เป็นโรค • ปวดข้อต่อ น้ำดอกเกลือละลำยกับน ้ำอุ่นแล้วใช้ผ้ำชุบน ้ำ จำกนั นให้ประคบตรงข้อต่อที่ปวด • กลิ่นเท้าเหม็น น้ำดอกเกลือผสมกับน ้ำอุ่นแล้วแช่เท้ำทิ งไว้ประมำณ 15 นำที ท้ำซ ้ำบ่อย ๆ • รักษาเชื้อราบนหนังศีรษะ น้ำดอกเกลือผสมกับน ้ำเล็กน้อยแล้วขัดหนังศีรษะให้ทั่ว เมื่อขัดแห้งแล้วให้ ล้ำงออกเพื่อขจัดเศษเกลือ • ผมร่วง น้ำดอกเกลือละลำยในน ้ำอุ่นแล้วจุ่มผมลงไปให้เปียกชุ่มจนถึงหนังศีรษะ นวดหนังศีรษะ ประมำณ 3 นำที จำกนั นหมักไว้ด้วยกำรโพกผ้ำขนหนูอีก 3 นำทีเช่นเดียวกัน เสร็จแล้วก็สระผมให้ สะอำดและควรท้ำต่อเนื่องสัปดำห์ละครั ง • โรคช่องปาก น้ำดอกเกลือผสมกับยำสีฟันหรือน้ำมำผสมกับน ้ำแล้วบ้วนปำกก็ได้ ดอกเกลือกับสุขภาพ • ลดรอยจุดด่างด า • ผลัดเซลล์ผิว ขจัดสิ่งตกค้าง • ล้างสารพิษ ดีท็อกซ์ผิว ดอกเกลือกับสุขภาพและความงาม ส่วนประกอบ/ ส่วนผสมส ำคัญ


• มีสาร Curcumin และมีน้ ามันหอมระเหย มีฤทธิ์ในการยังยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราหลายชนิด สามารถใช้ทาผิวเพื่อรักษาบรรเทาอาการผดผื่นคัน • ผงขมิ้นยังใช้ทาตัวเพื่อให้มีสีเหลืองทอง และช่วยบ ารุงผิวไป พร้อมกับฆ่าเชื้อที่ท าให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิด • คนในแถบตอนใต้ของเอเชีย และแถบตะวันออกไกลนิยมใช้ ขมิ้นทาผิวหน้าเพื่อให้นุ่มนวล ช่วยรักษาแผลที่เกิดจากสิว อักเสบ ไม่ให้เกิดเป็นแผลเป็น ท าให้ผิวหน้า นุ่ม และเนียน มากยิ่งขึ้น หรือใช้ในการอาบน้ าท าให้ผิวดูผ่องใสมากยิ่งขึ้น ขมิ้นชัน ไพล : มีสารส าคัญ เคอร์คิวมินคล้ายกับขมิ้น แต่ไพลจะไม่เหลืองเท่า ขมิ้น จะออกอมเขียวๆ มีกลิ่นเฉพาะ สรรพคุณของไพล คือ • ลดการอักเสบของผิว • ช่วยให้ผิวผุดผ่อง ลดจุดด่างด า และรอยสิวได้ • มีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย • ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และ เชื้อราได้บางชนิด • ช่วยเรื่อง ผด ผื่น คันได้ • ดูดหนองสิว • มีส่วนช่วยในกระบวนการเยี่ยวยาผิว ช่วยให้แผลเป็นหายไวขึ้น ไพล สารเคมี/ อื่นๆ ปริมาณ (กรัม) หน้าที่ A เกลือทะเลบดละเอียด 50.0 ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรก นมผง 3.0 บ ารุงผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ผงขมิ้นชัน 1.5 ลดผดผื่นคัน ผลัดเซลล์ผิวเก่า บ ารุงผิวให้นุ่มและขาวใส แป้งข้าวโพด 1.5 ช่วยดูดซับความชื้น ช่วยปรับผิวให้เนียนนุ่ม B น้ ามันแร่ 3.5 นุ่ม ลื่น ขณะขัดผิว วิตามิน E 0.5 ลดริ้วรอย ผิวอ่อนกว่าวัย น้ ามันหอมระเหย เล็กน้อย แต่งกลิ่น รวม 100 ส่วนประกอบ


วิธีท า เกลือทะเลบดละเอียด นมผง ผงขมิ้นชัน แป้งข้าวโพด 1. Phase A (ปั่นให้เข้ากันดี) 2. น า Phase B เติมลงใน Phase A Phase A น ้ามันแร่ วิตามิน E น ้ามันหอมระเหย ( ผสมให้เข้ากัน) จุดเด่น/ วิธีใช้ สูตรขมิ้นชันสูตรนี้จะช่วยลดผดผื่นคัน ผลัดเซลล์ผิวเก่า บ ารุงผิวให้นุ่มและขาวใส ขัดตัว ขณะที่ผิวเปียก แล้วล้างออก ใช้ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ การเก็บรักษา เก็บในภาชนะปิดมิดชิด และเก็บในอุณหภูมิปกติอายุการใช้งาน 2 ปี ข้อควรระวัง เนื่องจากไม่ได้มีการผสมสารกันเสีย ควรตักแบ่งใส่ภาชนะเพื่อใช้งานเพื่อป้องกันการ ปนเปื้อน ซึ่งมีผลท าให้อายุการใช้งานสั้น สเปรย์ดับกลิ่นอับผ้า


สเปรย์ดับกลิ่นอับเสื้อผ้า • ใช้กำจัดกลิ ่นเหม็นอับภำยในบ้ำนอำจมำจำกหลำยส่ วน เช ่น ถังขยะหรือ ท ่อน ้ำทิ ้ง เนื ้อผ้ำ โซฟำ ผ้ำม่ำน ซึ่งเป็ นวัสดุเหล่ำนี ้ที่มีคุณสมบัติดูดและ กกเก ั บกลิ ็ ่นต ่ำง ๆ เมื่อรวมกนแล้วก ั ่อให้เกิดกลิ่นเหม็น เวียนหัว ซึ่ง สำมำรถกำจัดได้ง ่ ำย • ปัจจ ุ บันเครื่องใช้ที่ดับกลิ่นมีหลายร ู ปแบบ ซึ่งแบบที่นิยมและใช้ง่ ำยและ ให้ผลเร็วมักอยูในรูปของสเปรย์ เป็ นของเหลวใส มีกลิ ่่นหอมอ ่อน เย็น เมื่อฉีดเสร็จใหม่ ๆ ส่วนประกอบ/ ส่วนผสมที่ส าคัญ โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือ เบกกิ้งโซดา • เบกก ิ ้ งโซดำ (Baking Soda) มีชื่อทำงเคมีคือ "โซเดียมไบคำร์บอเนต" (Sodium bicarbonate) • มีลักษณะเป็ นผลึกสีขำวที่ละลำยน ้ำได้ดี มีควำมเป็ นด่ ำง • เมื่อท ำปฏิกิริยำกบสั ่วนผสมที่เป็ นกรดในส่ วนผสม ของเหลวจะท ำให้เกิ ดก ๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์ (CO2 ) • ในส ู ตรนี้ท าหน้าที่ดับกลิ่น


•โซเดียมคาร์บอเนต (Sodium carbonate) มีสูตรโครงสร้ำงทำงเคมี คือ Na2CO3และมีชื่อเรียกอื่นวำ โซดำซักผ้ำ ่ (Washing Soda), โซดำแอช (Soda Ash), โซดำคำร์บอเนต เป็ นต้น โซเดียมไบคาร์บอเนตต่างจากโซเดียมคาร์บอเนต •โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) มีสูตรโครงสร้ำงทำงเคมี คือ NaHCO3 และมีชื่อเรียกอื่นวำ เบกก่ ิ้ งโซดำ (Baking Soda), โซเดียม ไฮโดรเจนไบคำร์บอเนต (Sodium hydrogen carbonate), โซเดียมแอซิด คำร์บอเนต, ไบคำร์บอเนตออฟโซดำ เป็ นต้น ข้อแตกต่ำง : โซเดียมคำร์บอเนตและโซเดียมไบคำร์บอเนตจะมีควำม เป็ นด่ำงสูง แต่โซเดียมไบคำร์บอเนตจะมีควำมเป็ นกรดมำกกว่ำ โซเดียมคำร์บอเนต ผงฟ ู ต่างจากเบกกิ้งโซดา •เบกกิ้งโซดาคือ โซเดียมไบคำร์บอเนต (Sodium bicarbonate) • ผงฟ ู คือ โซเดียมไบคำร์บอเนต (Sodium bicarbonate) + สำรที่มีฤทธิ์เป็ นกรด (เช ่ น Cream of tartar, Disodium pyrophosphate) + แป้งข้ำวโพด (Corn starch) •เบกก ิ ้ งโซดำ (Baking Soda) และผงฟู (Baking Powder) เป็ นสำรที่ช่วยท ำให้ขนมขึ้ น ฟูได้ แต่โดยมำกแล้วจะน ำมำใช้ในโอกำสที่แตกต่ ำงกน ั •ผงฟูสำมำรถน ำมำใช้แทนเบกกิ ้งโซดำได้ในบำงกรณี* แต ่ เบกก ิ ้งโซดำเพียงเดี่ยว ๆ จะไม่สำมำรถน ำมำใช้แทนผงฟูได้เลย เพรำะต้องเพิ่มสำรที่มีฤทธิ์เป็ นกรดและแป้ง ข้ำวโพดเข้ำไปด้วย ประโยชน์ของเบกกิ้งโซดาต่อส ุ ขภาพ 1. บรรเทำอำกำรเจ็บคอที่เกิดจำกกรดได้ ผสมเบกกิ้งโซดำครึ่ งช้อนชำลงในน ้ำเปล่ำ แล้วน ำมำใช้กลั้ วคอ ทุก ๆ 4 ชัวโมง่ 2. ใช้รักษำแผลในช่องปำก ให้ใช้เบกกิ้งโซดำครึ่ งช้อนชำผสมลงในน ้ำเปล่ำ แล้วน ำมำใช้กลั้ วคอทุก ๆ 4 ชัวโมง่ 3. ช่วยท ำให้เรอ ด้วยกำรใช้ผงฟูน ำมำผสมกบน ั้ำดื่ม จะช่วยท ำให้เรอและแกอำกำรท้องอืดท้องเฟ้อได้ ้ 4. โซเดียมไบคำร์บอเนตสำมำรถน ำมำรับประทำนเพื่อช่วยในกำรลดกรดในกระเพำะอำหำรได้ ช่วยแก ้ อำกำรท้องอืด ท้องเฟ้อ ภำวะอำหำรไม่ย่อย รักษำภำวะกรดจำกกระบวนกำรเผำผลำญของร่ำงกำย (Metabolic acidosis) ช่วยปรับปัสสำวะให้มีสภำวะเป็ นด่ำง (Urinary alkalinization) ใช้ควบคุมสภำวะ ควำมเป็ นกรดในเลือดของผู้ป่ วยโรคไต เป็ นต้น (อ่ำนเพิ่มเติมได้ที่บทควำม เบคกิ้ งโซดำ (Baking Soda) ประโยชน์ของเบกกิ้ งโซดำ 63 ข้อ ! (medthai.com)


น ้าส้มสายช ู • กรดน ้าส้ม หรือกรดแอซีติก(acetic acid) หรือมีชื่อตำมระบบวำ ่ กรดเอทาโนอิก • เป็ นสำรประกอบอินทรีย์ในสถำนะของเหลวไร้สี มีสูตรเคมีวำ ่ CH3COOH (บ้ำง เขียนเป็ น CH3CO2H หรือ C2H4O2 ) • น ้าส้มสายช ู มีกรดแอซีติก (acetic) ตั้งแต่ 4% ต่อปริมาตรขึ้นไป • กรดแอซีติกยังมีรสเปรี ้ ยวและกลิ่นฉุนเฉพำะตัว • กรดแอซีติกเข้มข้นมีฤทธิ์ กดกรั ่อนและสำมำรถระคำยเคืองผิวหนังได้ เกลือทะเล • เกลือสมุทรหรือเกลือทะเลที่ผลิตด้วยวิธีธรรมชำติ • มีคุณประโยชน์ต่อกำรดูแลรักษำผิว มีกำรน ำเอำ เกลือมำใช้ในอุตสำหกรรมควำมงำมกนอยัำง ่ แพร ่ หลำย • มีแร่ธำตุในปริมำณที่สูงด้วย โดยเฉพำะแมกนีเซียม คลอไรด์ค่อนข้ำงสูง • ดอกเกลือสำมำรถใช้ส ำหรับท ำผลิตภัณฑ์ดูแล ผิวพรรณด้วย ส่วนประกอบ สารเคมี/ อื่นๆ ปริมาณ (กรัม) หน้าที่ A น ้ำ (Deionized water) 75.0 ท ำละลำย น ้ำส้มสำยชู (Acetic acid) 7.0 กำจัดกลิ ่นไม่พึงประสงค์ เบกกิ้งโซดำ (Sodium bicarbonate) 3.0 กำจัดกลิ ่นไม่พึงประสงค์ เกลือทะเล (Sea Salt) 2.0 ฆ่ำเชื้อแบคทีเรีย B แอลกอฮอล์(Ethyl Alcohol) 10.0 ช่วยฆ่ำเชื้อและกำจัดกลิ ่นไม่พึงประสงค์ หัวน ้ำหอม (Fragrance) เล็กน้อย แต่งกลิ่น ปรับได้ตำมต้องกำร รวม 100


Click to View FlipBook Version