The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ ศ ดร ปรีดี เกษมทรัพย์ เล่ม 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aram.du, 2021-10-27 09:06:52

ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ ศ ดร ปรีดี เกษมทรัพย์ เล่ม 1

ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ ศ ดร ปรีดี เกษมทรัพย์ เล่ม 1

ท่รี ะลกึ งานพระราชทานเพลงิ ศพ

ศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์

ม.ป.ช., ม.ว.ม.

ณ เมรหุ ลวงหน้าพลบั พลาอศิ รยิ าภรณ์
วัดเทพศริ นิ ทราวาส

วนั อาทิตยท์ ่ี ๓ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖๒



3

ศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์ ม.ป.ช., ม.ว.ม.

(พ.ศ. ๒๔๗๐ - ๒๕๖๒)

4 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแหง่ นิตปิ รชั ญาไทย”

5

6 “ปรดี ี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บิดาแห่งนติ ปิ รัชญาไทย”

ส�ำ นกึ ในพระมหากรุณาธิคณุ

สมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน
โกศแปดเหลย่ี ม ฉตั รเบญจาตง้ั ประดบั ป่ี กลองชนะประโคมเวลาพระราชทานน�้ำ หลวง
อาบศพ พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม กำ�หนด ๓ คืน และพระราชทานเพลิงศพ
ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ณ วัดเทพศิรินทราวาส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
กรุงเทพมหานคร ในวันอาทิตย์ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๗.๐๐ น. ซ่ึงนับเป็น
พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม เป็นเกียรติอันสูงสุดแก่ผู้วายชนม์และ
วงศ์ตระกลู อยา่ งหาทส่ี ุดมไิ ด้

หากความทราบโดยญาณวิถีถึงดวงวิญญาณของ ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี
เกษมทรัพย์ ได้ด้วยประการใดในสัมปรายภพ คงจะมีความปลาบปลื้มซาบซ้ึงเป็น
ล้นพ้นในพระมหากรุณาธิคุณท่ีได้รับพระราชทานเกียรติอันสูงยิ่งในวาระสุดท้าย
แห่งชีวติ

ขา้ พระพทุ ธเจา้ ผเู้ ปน็ ภรรยา บตุ ร สะใภแ้ ละหลานของ ศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี
เกษมทรพั ย์ ขอพระราชทานกราบถวายบงั คมแทบเบอื้ งพระยคุ ลบาท ดว้ ยความส�ำ นกึ
ในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาท่ีสุดมิได้ และจะเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม
เป็นสรรพสริ มิ งคลแก่ขา้ พระพทุ ธเจ้าและวงศต์ ระกลู ตลอดไป

ด้วยเกลา้ ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพทุ ธเจ้า

ครอบครัวเกษมทรพั ย์

7

8 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแหง่ นิตปิ รชั ญาไทย”

9

10 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บิดาแหง่ นิตปิ รชั ญาไทย”

11

12 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บิดาแหง่ นิตปิ รชั ญาไทย”

13

14 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บิดาแหง่ นิตปิ รชั ญาไทย”

15

16 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บิดาแหง่ นิตปิ รชั ญาไทย”

17

18 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บิดาแหง่ นิตปิ รชั ญาไทย”

19

20 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บิดาแหง่ นิตปิ รชั ญาไทย”

21

ครอบครวั เกษมทรพั ย์

22 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บิดาแหง่ นิตปิ รชั ญาไทย”

23

อาเตียชอบเล่าวา่ ...

“ฉนั ไปเมืองจนี ตงั้ แต่อายุ ๘ ขวบ”...

อาเตยี (ศ.ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย)์ เลา่ วา่ ทา่ นเกดิ มาในครอบครวั คหบดใี นตลาด
รอ้ ยเอด็ แม่ของท่าน (อาม่า) ชอ่ื บัวทอง เกษมทรัพย์ (ศาสตราวาหะ) เต่ยี ของทา่ น
(อากง) ชือ่ กิมฮง เกษมทรพั ย์ เปดิ ร้านขายของท่วั ไป เช่น เสื้อผ้า เคร่อื งสงั ฆภณั ฑ์
ตลอดจนไปถงึ ของดๆี ทห่ี าไปจากกรงุ เทพฯ ไปขายใหก้ บั ขา้ ราชการทง้ั ฝา่ ยทหารและ
พลเรือนในจังหวัด เชน่ ปากกา รองเท้า หมวก ยาสฟี ัน ฯลฯ ตามความตอ้ งการของ
ชุมชนเมอื งร้อยเอด็ ท่เี มื่อประมาณแปดสบิ ปที ีแ่ ลว้ โดยเมืองรอ้ ยเอด็ เปน็ ที่ตัง้ ของกรม
ทหารระดบั มณฑล มสี นามบิน ซง่ึ น่าจะถอื ว่าเปน็ ศูนย์กลางแห่งหน่ึงในภาคอีสาน

อาเตียเล่าว่า อากงเกิดที่เมืองไทยแต่คุณทวด (เหล่ากง) เดินทางมาจาก
เมืองจีนไมท่ ราบว่าอยา่ งไรจงึ ไปไกลจนถงึ รอ้ ยเอ็ดซึง่ อยูห่ ่างไกลกรงุ เทพฯ มาก (ต้อง
ข้ามดงพญาเย็น) ส่วนสายทางอามา่ ก็นา่ จะมีเชอ้ื จีนเพราะตระกูลตา่ งๆ ทเ่ี ปน็ ญาตกิ ัน
ทรี่ อ้ ยเอด็ กม็ แี ซก่ นั โดยญาตฝิ า่ ยอามา่ เลา่ วา่ รนุ่ ทวดของอามา่ ยา้ ยมาจากบางกอกนอ้ ย
โดยมญี าตริ นุ่ ทวดผู้หญงิ คนหนึง่ มชี ือ่ ว่า “แมเ่ ฒา่ สองเมอื ง” เพราะเป็นคนที่ยังอย่ใู น
ครรภ์เม่ือทั้งครอบครัวอพยพจากบางกอกน้อยข้ามดงพญาเย็นมาตั้งรกรากท่ีร้อยเอ็ด
และท่านก็เกิดทีร่ อ้ ยเอ็ดน้ีเอง

คุณทวด (เหล่ากง) มาจากเมืองจีนและกลับไปใช้ชีวิตบ้ันปลายท่ีเมืองจีน
แตค่ ุณยา่ ทวดซง่ึ เกดิ เมืองไทยกอ็ ย่ดู แู ลลูกหลานตอ่ ทเ่ี มอื งไทย มคี นเล่าวา่ คุณยา่ ทวด
ที่เป็นลูกครึ่งไทยโคราชกับจีนมักบ่นว่า “พวกเจ๊กน่ีใจดำ�จะไปก็ไปเลย” และยังพา
ลูกคนสุดท้อง (อากง) ไปอยู่เมืองจีนด้วย แต่อากงกลับเมืองไทยเมื่ออายุสิบสี่และ
เสยี ดวงตาไปหนึง่ ข้าง กลับมาท�ำ ค้าขายเปดิ รา้ นคา้ ที่มัน่ คงในตลาดร้อยเอ็ด

24 “ปรดี ี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแหง่ นิติปรชั ญาไทย”

อากงเป็นคนที่ใฝ่เร่ืองการให้บุตรหลานได้รับการศึกษาสูงตามแบบฉบับ
คนจีนสมัยเก่าท่ีอยากให้ลูกๆ เป็นจอหงวน ท่านมีความพิการคือตาบอดหน่ึงข้าง
จงึ หมดโอกาสทจี่ ะสอบเขา้ เปน็ จอหงวนในประเทศจนี จงึ สง่ ลกู ๆ ผชู้ ายไปรบั การศกึ ษา
ทป่ี ระเทศจีนถงึ สองคน คอื อาย่แี ปะ และ อาเตยี ซึง่ เปน็ คา่ นิยมของคนจนี ท่ตี อ้ งการ
ใหล้ กู หลานกลับไปรบั การศึกษาแบบจีน โดยปรกติชาวจนี ผ้ทู ่มี าเผชญิ โชคในต่างแดน
เมอื่ ตง้ั ตวั ไดก้ จ็ ะกลบั ไปสรา้ งบา้ นสรา้ งชอ่ งทเ่ี มอื งจนี รวมถงึ กลบั ไปใชช้ วี ติ บนั้ ปลายที่
นนั่ อาเตยี เลา่ วา่ ชาวจนี รวมทง้ั เหลา่ กงยงั คดิ วา่ บา้ นเกดิ ของทา่ นคอื เมอื งจนี จงึ ตอ้ งกลบั
ไปอยู่ทีน่ น่ั สว่ นเมอื งไทยเปน็ บ้านส�ำ หรบั ทำ�มาหากินเท่านั้น

ญาตขิ องอาเตยี หลายคนคา้ ขายอยใู่ นตลาดรอ้ ยเอด็ เพราะอากงมพี นี่ อ้ งสค่ี น
และท่านเป็นคนสุดท้อง มีพี่ชายอีกสามท่านต่างก็มีลูกหลานทำ�มาค้าขายท่ีร้อยเอ็ด
และมลี กู หลานมากมายทมี่ าเจรญิ รงุ่ เรอื งทก่ี รงุ เทพฯ หรอื ทเี่ มอื งอน่ื ๆ เปน็ นกั ธรุ กจิ เปน็
ผ้พู พิ ากษา แพทย์ ครู อาจารย์ นกั วชิ าการ วศิ วกร หรือมีชวี ิตในตา่ งประเทศ ท่รี งุ่ เรือง
ก็มี เช่น ท่ีไต้หวันที่อาย่ีแปะไปต้ังรกรากในช่วงที่มีการอพยพของพลพรรคกั๋วมินตั๋ง
ไปท่ีนั่น อาย่ีแปะได้เป็นถึงผู้ว่าราชการเมืองซินจุ มีลูกๆ หลายคนมีท่ีเป็นอาจารย์
มหาวิทยาลัยในไต้หวันและทำ�งานในบริษัทเอกชนท่ีไต้หวันก็มี และยังมีลูกชายสอง
ทา่ นทอ่ี ยเู่ มอื งไทย อาแปะสง่ มาอยเู่ พราะสถานการณท์ ไ่ี ตห้ วนั ชว่ งหา้ หกสบิ ปกี อ่ นนนั้
ไม่แนน่ อน ทา่ นท่มี าอยทู่ ีเ่ มอื งไทยท�ำ คา้ ขายทจ่ี งั หวัดร้อยเอ็ด คุณเดชา เกษมทรพั ย์
(เฮียซเี่ จง) ซึ่งลูกๆ กเ็ รียนเก่งมากจนไดเ้ รียนจบจากวิศวะจุฬาฯ สองคน และจบจาก
สถาปัตยจ์ ุฬาฯ คนหน่งึ อีกคนหน่ึง คอื คุณวรินทร์ เกษมทรัพย์ (เฮียซีต่ กั ) ทา่ นจบ
วิศวะจุฬาฯ และทำ�งานท่ีการไฟฟ้าแห่งประเทศไทยจนเกษียณอายุตำ�แหน่งหัวหน้า
กองทน่ี น่ั ตอนนอี้ าเฮยี ซตี่ กั อยกู่ รงุ เทพฯ ดจู ะมคี วามสขุ มากกบั ภรรยาและสนุ ขั ตวั โปรด
หลายตวั

ส่วนญาติท่ีตกค้างอยู่เมืองจีนก็มีลูกของเหล่าซาแปะ (พ่ีชายคนที่สามของ
อากง) คอื อาแปะบงุ่ เจยี้ งทกี่ ลบั มชี วี ติ ทยี่ ากล�ำ บากเมอ่ื เมอื งจนี มกี ารเปลย่ี นการปกครอง
มาเป็นคอมมิวนิสต์ลูกชายทั้งส่ีคนไม่ได้รับการศึกษาเท่าท่ีควรทุกคนต้องกลับไปเป็น
ชาวนาเพราะเราเป็นตระกลู คหบดีมฐี านะ และบา้ นทเ่ี หล่ากงกลับไปสร้างให้กบั พ่ีน้อง

25

เป็นบ้านหลังใหญ่ในเมืองจีนก็ถูกปล่อยให้ทรุดโทรมและต้องแบ่งปันให้ผู้อ่ืนเข้ามาอยู่
อาศัย อาเตียรู้สึกสะทอ้ นใจมากถึงความทกุ ขย์ ากส�ำ หรบั ญาติทตี่ กคา้ งในเมืองจีน ซงึ่
เขามคี ณุ ูปการในการดแู ลบา้ นของบรรพบรุ ุษ คร้ังสดุ ทา้ ยทไ่ี ปเย่ียมเมอื งจนี ทีห่ มูบ่ า้ น
แถะเทา้ อ�ำ เภอเยย่ี วเพ้ง จงั หวดั แตจ้ ิว๋ มณฑลกวางตงุ้ เมื่อสองปกี ่อนกย็ ังเจออาแปะ
บุ่งเจ้ียงอายเุ ทา่ กับอาเตียคยุ กันอย่างถกู คอ

อาเตียเล่าว่าตอนเป็นเด็กถูกส่งไปเรียนท่ีวัดตะแขก (วัดราชศิริในปัจจุบัน)
และต่อมาย้ายไปวัดสระทองในว่าท่านเจ้าอาวาสวัดตะแขกใจดีแต่ท่านเป็นเด็กด้ือและ
ซนท�ำ ใหต้ อ้ งถกู เขม้ งวดมากขน้ึ จนกระทง่ั อายแุ ปดขวบ อากงมาบอกวา่ จะพาไปเทย่ี ว
เมอื งจนี อาเตยี ดใี จมากจะไดไ้ ปเทย่ี วแมอ้ ามา่ จะไมอ่ ยากใหไ้ ป เพราะพชี่ ายคอื อายแ่ี ปะ
กไ็ ปเรียนท่เี มอื งจีนและเรยี นดจี นเรยี นต่อไปเรื่อยๆ ไม่ไดก้ ลบั มาเมืองไทย อาเตยี เลา่
ว่าอาม่าขู่ว่าท่ีเมืองจีนนั้นเข้าห้องน้ำ�แย่มาก ต้องจับดีๆ ถ้าจับไม่ดีอาจตกส้วมลงไป
เหม็นไปหมด เผ่ือจะทำ�ให้อาเตียไม่อยากไป แต่ด้วยความเป็นเด็กอายุเพ่ิม ๘ ขวบ
อยากจะไปเที่ยวจึงขอแม่ว่า “ต๋ีไปสามส่ีวันก็กลับไม่ต้องเป็นห่วง” ซ่ึงอาม่าก็ไม่ได้
ทดั ทานอะไรมากกวา่ น้ี อาเตยี ไปเมอื งจนี เทยี่ วนน้ั อยทู่ เ่ี มอื งจนี ทงั้ สนิ้ เปน็ เวลาสป่ี ไี มใ่ ช่
สามสี่วันดงั ท่พี ูด กลบั มาเมื่ออายุสิบสองแลว้ ท่านเลา่ วา่ “ไมเ่ ห็นหน้าแม่อกี เลย” ตรง
นี้คงเป็นจุดท่ีติดอยู่ในใจท่านตลอดมาจนปัจจุบัน เพราะเร่ืองที่อาเตียมักชอบเล่าอยู่
เสมอถ้าได้เริ่มพูดคุยกับใครๆ ก็ตามแม้แต่หลานๆ อายุไม่ถึงสิบขวบก็ได้ฟังเร่ืองน้ี
จนชนิ หู คอื “ฉันไปเมืองจีนตั้งแต่อายุ ๘ ขวบ” และถ้าการสนทนาราบร่ืนท่านกจ็ ะตอ่
ดว้ ยว่า “ไปบอกแมว่ ่าไปสามสี่วนั ก็กลบั แต่ไปซะสปี่ กี ลับมาไม่ได้เห็นหน้าแม่อกี เลย”
หลายคร้ังทเ่ี ลา่ เหน็ อาเตยี นิ่งๆ และมนี ำ้�ตาคลอเบา้ อยู่

อาเตยี เคยบอกวา่ สมยั กอ่ นคนนา่ จะเปน็ คนใจแขง็ มาก ท�ำ ใหก้ ลา้ สง่ ลกู ไปอยู่
ทไี่ กลๆ การตดิ ตอ่ กล็ �ำ บาก แตก่ ท็ �ำ ไปเพอื่ ความเจรญิ รงุ่ เรอื งของลกู ๆ แมว้ า่ จะตอ้ งหา่ ง
จากกนั เป็นปีๆ โดยไมไ่ ด้พบหรอื ได้ยนิ เสยี งกนั เลย อาเตียก็เหมอื นกนั คอื อากงพาไป
เมอื งจนี และกใ็ หอ้ ย่กู บั แมท่ ี่เมอื งจีน (อาม่าเมอื งจีน) เลยสีป่ ี แมจ้ ะมีความเปน็ อยูท่ ไ่ี ม่
ยากลำ�บากเกินไปนัก แต่ที่ว่าไม่ยากลำ�บากน้ันอาเตียเล่าว่าการได้กินอาหารท่ีผัดกับ
น�้ำ มนั นน้ั ถอื เปน็ ของพเิ ศษเพราะน�้ำ มนั ประกอบอาหารหายาก คอื อตั คดั ตามภาษาบา้ น

26 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวฒั นธรรม บิดาแห่งนติ ปิ รชั ญาไทย”

นอกเมืองจีนซึ่งคงหาของต่างๆ ยากกว่าเมืองไทยคนจึงต้องอพยพมาหาที่หากินได้
ง่ายกว่า ท่านเล่าว่ามีความประทับใจกับอาย่ีแปะมากเพราะอาย่ีแปะเป็นนักเรียน
มหาวิทยาลยั กลับมาบา้ นแต่ละครั้งจะซื้อหนังสือมาฝาก และก็จะนงั่ คุยเร่ืองการบา้ น
การเมอื งกบั คณุ ครขู องอาเตยี จนดกึ ดนื่ ทกุ ครง้ั ทก่ี ลบั มาเยยี่ มบา้ น คงเปน็ ความประทบั
ใจที่ทำ�ให้อาเตียอยากศึกษาเล่าเรียนสูงๆ บ้าง อาเตียเล่าว่าอายี่แปะเป็นนักเรียน
ชั้นยอดในมหาวิทยาลัยซุนยัดเซ็นท่ีกวางเจาจบแล้วท่านจึงได้เข้าไปทำ�งานกับสำ�นัก
เลขานุการของท่านเจียงไคเช็คผู้นำ�จีนในขณะน้ันเป็นท่ีภาคภูมิใจของอากงเป็นอย่าง
มาก กลับจากเมืองจีนตอนอายุสิบสองอาเตียเล่าว่าพูดและเขียนภาษาไทยไม่ได้แล้ว
จนต้องใหอ้ าเจก๊ คอื นอ้ งชาย นายแพทยเ์ รอื งฤทธ์ เกษมทรพั ย์ เปน็ คนสอนภาษาไทย
ให้ ซงึ่ อาเจก๊ อายนุ อ้ ยกวา่ อาเตยี สามปี ทา่ นไดเ้ ขา้ เรยี นแพทยท์ คี่ ณะแพทยศาสตรจ์ ฬุ าฯ
จบแล้วไปรับราชการเป็นนายแพทย์ประจำ�สถานีอนามัยช้ันหน่ึง (โรงพยาบาลชุมชน
ในปจั จบุ นั ) ทอ่ี �ำ เภอในตา่ งจงั หวดั อยนู่ านจนไดร้ บั ต�ำ แหนง่ เปน็ นายแพทยส์ าธารณสขุ
จงั หวดั ลพบุรี และผ้ตู รวจราชการในกระทรวงสาธารณสุข ท่านสมรสกบั คุณหมอกลั ยา
เกษมทรพั ย์ มบี ตุ รธดิ าดว้ ยกนั สามทา่ น คอื นอ้ งแกว้ ซงึ่ เปน็ จกั ษแุ พทยท์ ว่ี ชริ พยาบาล
และนอ้ งใหมน่ กั บญั ชหี นมุ่ อนาคตไกล และนอ้ งปานวศิ วกรหนมุ่ เนอ้ื หอมจากลาดกระบงั

หลังจากกลับจากเมืองจีนอาเตียก็ยังถูกส่งไปอยู่ท่ีอุบลราชธานีอยู่กับ
อายี่หล่งน้ึงซ่ึงเป็นอาเต่ียของอาโกวมุ่ยเฮียงเพื่อเรียนหนังสือจีนได้อย่างต่อเน่ือง
ย้อนกลับไปคิดถึงหลักบางประการที่อากงส่งลูกๆ ไปอยู่กับคนรู้จักตามสถานท่ีต่างๆ
อาเตยี เลา่ วา่ อากงตอ้ งใหเ้ ราไปอยกู่ บั คนทอ่ี ากงไมเ่ คยมบี ญุ คณุ กบั เขา เพราะวา่ เขาจะ
ได้กล้าที่จะใช้งานและสอนลูกๆ ของท่าน และต้องเลือกให้ไปอยู่กับผู้ท่ีเจริญก้าวหน้า
เป็นหวั หนา้ คน จะได้เหน็ ตวั อย่างทีด่ ี อย่อู ุบลฯ สามส่ปี ีได้เรยี นกับครูทม่ี าจากเมอื งจนี
ทม่ี อี ดุ มการณส์ งั คมนยิ มท�ำ ใหอ้ าเตยี มหี วั คลอ้ ยตามไปดว้ ย และชว่ งนนั้ เปน็ ชว่ งทญ่ี ป่ี นุ่
บกุ ประเทศจนี ในชว่ งสงครามโลกครงั้ ทสี่ อง นกั เรยี นหลายคนเปน็ ลกู จนี รกั ชาตคิ ดิ ทจ่ี ะ
ไปช่วยจีนรบกับญ่ีปุ่นอาเตียก็คิดอย่างน้ี แต่ด้วยยังอายุน้อยจึงไม่ได้ไปจริงๆ การได้
ไปเรียนที่อุบลฯ ทำ�ให้ท่านได้เห็นแบบอย่างครูผู้มีอุดมการณ์ท่ีมีความต้ังใจปลูกฝัง
ให้ลูกศิษย์ได้ไปทำ�งานเพื่อสังคม และยังได้ฝึกฝนการพูดหน้าชั้นเพราะโรงเรียนจีน
มีชั่วโมงท่ีนักเรียนต้องออกไปพูดหน้าชั้น ท่านว่าทำ�ให้ท่านมีทักษะในการสอนดีตอน

27

ทีม่ าเป็นอาจารย์ อย่ทู ่อี ุบลฯ ได้สองสามปีก็ต้องกลบั รอ้ ยเอด็ เพราะโรงเรยี นจนี โดนปดิ
เลยตอ้ งเขา้ ไปเรียนหนงั สอื ไทยที่ร้อยเอด็ ตอ่

ท่านมาเรียนต่อท่ีร้อยเอ็ดจนกระท่ังจบ ม.๖ ในสมัยก่อนคงประมาณ ม.๔
สมยั น้ี แล้วก็เขา้ มาเรยี นต่อที่กรุงเทพฯ มาหาญาติบอกเขาวา่ ต้องการเรียนโรงเรียนที่
ภาษาอังกฤษดี ญาติเลยแนะน�ำ ว่าให้ไปสอบท่อี สั สัมชญั ทา่ นเลยได้ไปเรยี นตอ่ ม.๗-
ม.๘ ทโี่ รงเรยี นอสั สัมชัญ กรงุ เทพฯ ซง่ึ เป็นโรงเรียนเดียวกับที่ลูกๆ ทงั้ ๔ คนได้เรยี น
ทโ่ี รงเรยี นอสั สมั ชญั นม้ี คี รทู เี่ ปน็ ชาวตา่ งประเทศหลายทา่ นเปน็ นกั บวชในครสิ ตศ์ าสนา
ในข้นั ทเ่ี รียกวา่ บราเดอร์ (brother) ซึง่ ไม่ใช่บาทหลวง (father) แต่เป็นนกั บวชทีต่ อ้ ง
ถือพรหมจรรย์ ความสมถะเหมือนกัน มีท่านหน่ึงเป็นบราเดอร์จากประเทศสเปน
ท่านมีความสมถะมากใช้ของเก่าๆ ปากกาก็ด้ามเก่าจนนักเรียนช่วยกันเร่ียรายซื้อ
แท่งใหม่ให้ท่านเม่ือจบปีการศึกษา อาเตียเคยออกความเห็นกับท่านว่าพระผู้เป็นเจ้า
มจี รงิ ไดอ้ ยา่ งไร คดิ แบบวทิ ยาศาสตรอ์ ะไรทว่ี า่ จรงิ ตอ้ งพสิ จู นไ์ ดต้ ามแบบอยา่ งศษิ ยเ์ กา่
โรงเรียนจีนหัวเอียงซ้าย ท่านบราเดอร์ก็ตอบด้วยสไตล์ฝร่ังแบบตรงๆ ว่า “ฉันได้
ปรญิ ญาวทิ ยาศาสตรบ์ ณั ฑติ จากมหาวทิ ยาลยั มาดรดิ นะ เธอเปน็ ใครมาถามฉนั ใหพ้ สิ จู น์
แบบวิทยาศาสตร์” เป็นอันจบสำ�หรับคำ�ตอบของบราเดอร์นักวิทยาศาสตร์จากสเปน
ท�ำ เอาอาเตียอ้งึ ไม่ร้จู ะตอ่ ปากตอ่ คำ�อะไรตอ่

จบจากอสั สมั ชญั อาเตยี กไ็ ปตอ่ ทมี่ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตรท์ เี่ ปน็ ตลาดวชิ าไม่
ต้องสอบเข้า และก็มีแผนทีจ่ ะไปเรยี นต่อทีเ่ มืองจนี อกี ตอนแรกอาเตยี คดิ วา่ จะไปเรียน
ต่อด้านอักษรศาสตร์เพราะว่าชอบวิชานี้ แต่อากงไม่เห็นด้วยเพราะอยากให้เรียน
นิติศาสตร์มากกว่า ความชอบน้ีอาเตียเล่าว่าอากงอยากให้เป็นผู้พิพากษาด้วยเพราะ
เคารพในระบบศาลของไทยท่ีบอกว่ามีความยุติธรรมจากประสบการณ์ตรงของอากง
เอง เพราะในชว่ งสงครามโลกครง้ั ทสี่ องมขี อ้ ก�ำ หนดใหป้ ระชาชนอยแู่ ตใ่ นบา้ นเรอื นหา้ ม
ออกมาเมื่อมีสัญญาณเตือนภัย แต่ท่ีบ้านอากงนั้นพี่เขยของอาเตีย (อานึ้ง) พ่อของ
พภี่ มู จิ ติ (เจต๊ ยุ๋ ) พจี่ นั ทรเ์ พญ็ (เจต๊ วิ๋ ) พจ่ี ารวุ รรณ (เจต๊ มิ๋ ใหญ)่ เกษมทรพั ย์ และพเี่ กสร
(เจ๊ติ๋มน้อย) สิทธิภู่ประเสริฐ ท่านออกมากวาดลานหน้าบ้านเม่ือตอนมีสัญญาณพอดี
ยังไม่ทันได้เข้าบ้านก็มีตำ�รวจมาไล่เอามีดฟันอาน้ึงเข้าจนเลือดตกยางออก ทำ�ให้เกิด

28 “ปรดี ี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแห่งนิตปิ รชั ญาไทย”

คดีความกัน อากงท่านไม่ยอมท่านจะฟ้องตำ�รวจให้ได้เพราะว่าทำ�เกินกว่าเหตุ แม้
ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมัยนั้นจะทัดทานว่าเถ้าแก่เป็นความกับข้าราชการน้ันไม่ดี
มีแต่เสียเปรียบ แต่ท่านก็ไม่ยอม (เป็นคนแข็งมาก) ท่านก็ฟ้องและชนะความทำ�ให้
นบั ถือระบบศาลสถติ ยตุ ิธรรมของไทยมากวา่ ให้ความเป็นธรรมกบั ประชาชนได้

อาเตียจงึ ไดไ้ ปสมคั รเรยี นนติ ศิ าสตร์ทมี่ หาวทิ ยาลยั เอ้หมงึ (Amoy) ซึ่งเปน็
เมืองท่าของจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ตรงข้ามกับเกาะไต้หวันพอดี ที่น่ีเป็นมหาวิทยาลัยท่ีดี
มีช่ือเสียง ท่านมีเพื่อนๆ คนจีนซึ่งทำ�ให้ท่ึงถึงความขยันว่าเขาเรียนหนังสืออย่างเอา
จรงิ เอาจงั อยา่ งย่ิง เช่น เรยี นต�ำ ราภาษาองั กฤษกส็ ามารถท่องขึน้ ใจแลว้ ทอ่ งออกมาให้
ฟังได้ ท่านเรียนอยู่ท่ีน่ีหน่ึงปีก็ต้องกลับเมืองไทย เพราะเกิดความเปลี่ยนแปลงของ
บา้ นเมอื งอกี คอื จนี คอมมวิ นสิ ตร์ บชนะจนี กวั๋ มนิ ตงั๋ ท�ำ ใหจ้ นี คณะชาตขิ องพรรคกวั๋ มนิ ตงั๋
นำ�โดยจอมพลเจียงไคเช็คต้องอพยพผู้คนกว่า ๒ ล้านคนข้ามไปอยู่ที่เกาะไต้หวัน
และได้สร้างให้เกาะแห่งน้ีเป็นประเทศท่ีพัฒนาแล้วภายในระยะเวลาสามสี่สิบปี จาก
เกาะทยี่ ากจนมีภัยธรรมชาติมากมายซึ่งนายพลเจียงไคเช็ค ได้ยึดหลกั การพฒั นาตาม
ของ ดร.ซนุ ยดั เซน็ บดิ าของประเทศสาธารณรฐั ประชาชนจนี อยา่ งเตม็ ที่ ทำ�ใหเ้ กดิ การ
ปฏิรูปท่ีดินอย่างเป็นธรรม การส่งเสริมอุตสาหกรรมและการค้าเสรี โดยในหนังสือที่
อาเตยี แปลไวเ้ มือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ชื่อวา่ ลทั ธไิ ตรประชาและรัฐธรรมนญู ๕ อ�ำ นาจของ
ดร.ซนุ ยัดเซ็น ไดอ้ า้ งไวด้ ังน้ี

ลัทธิไตรประชาของท่าน ดร.ซุนยัดเซ็น เป็นลัทธิเดินสายกลาง เทิดทูนเสรี
ประชาธปิ ไตยแบบตะวนั ตก ยกยอ่ งชาตแิ ละวฒั นธรรมของชาติ ในขณะเดยี วกนั กย็ นื ยนั
หลกั ความเปน็ ธรรมในสงั คมโดยไมท่ �ำ ลายระบบทรพั ยส์ นิ เอกชนและครอบครวั หลงั จาก
ที่โลกได้มีโอกาสเห็นประจักษ์ถึงความล้มเหลวทางเศรษฐกิจการเมืองในประเทศจีน
บนผนื แผ่นดินใหญ่และประเทศโซเวยี ตในยุโรป โดยเฉพาะคนไทยไดเ้ ห็นความทารณุ
โหดร้ายของระบบพอลพตในเขมรแล้ว เราจะไม่หันมาอ่านทบทวนลัทธิเดินสายกลาง
ของทา่ น ดร.ซนุ ยดั เซน็ ดบู า้ งหรอื ซง่ึ จะชว่ ยใหเ้ กดิ ความคดิ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ปญั หา
ของบ้านเมืองดยี ิ่งข้นึ

29

อาเตียเล่าว่าตอนแรกเราไม่กลัวจะอยู่ท่ีเมืองจีนต่อแต่มีเพื่อนนักเรียนท่ีเขา
เคยไปเรียนเมืองนอกมาเขามาจับมือแล้วพาไปคุยท่ีสนามฟุตบอลบอกว่าอนาคตคุณ
ยงั มอี กี ยาวใหต้ ดั สนิ ใจไปจากประเทศจนี เถอะ ประเทศจนี ภายใตค้ อมมวิ นสิ ตค์ งยงั ตอ้ ง
ล�ำ บากไปอกี นาน โลกใบน้ยี งั มีอะไรใหเ้ รยี นรู้อีกมากถา้ ไปได้ก็ตอ้ งไป ตวั เขาเองไม่มี
connection อะไรเลย ออกนอกประเทศจนี ไดล้ �ำ บาก อาเตยี โชคดีแล้วให้รบี ไป อาเตีย
จึงตัดสินใจออกจากประเทศจีนกลับเมืองไทยตามคำ�แนะนำ�ของเพ่ือนรวมถึงตาม
ความตอ้ งการของอากงและอายแ่ี ปะทไ่ี ด้เดินทางอพยพไปไต้หวันแล้ว

กลับมาเมืองไทยท่านก็เข้ามาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จนจบ
ปริญญานิติศาสตร์บัณฑิตรุ่นแรกได้เกียรตินิยม แล้วไปเปิดสำ�นักงานทนายความเอง
ท่ีแถวส่ีพระยาร่วมกับคุณภักดี ยงวาณิช อยู่หลายปีจึงสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาได้
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ อาเตียเล่าว่าจ�ำ ได้ว่าตอนสอบมีวชิ าหนงึ่ ท่องหนังสอื ไปอย่างดตี รง
กับทอ่ี าจารย์ถามใหต้ อบปากเปลา่ พอดี จึงได้คะแนนเตม็ ๑๐๐ เปน็ ทเี่ ลื่องลอื กันว่ามี
คนสอบได้คะแนนเต็ม ตอนเข้าอบรมผู้ช่วยผู้พิพากษา อาเตียคงเป็นคนหนุ่มไฟแรง
ชอบแสดงความคิดเห็นท่านภูมิใจมากว่าปลัดกระทรวงยุติธรรมสมัยน้ันคือ ศ.สัญญา
ธรรมศักด์ิ เชิญร่วมรับประทานอาหารเย็นกับเพ่ือนผู้พิพากษาไม่กี่คนที่หน่วยก้านดี
ซง่ึ ทกุ ทา่ นตอ่ มากเ็ จรญิ กา้ วหนา้ ไปเปน็ ถงึ นายกรฐั มนตรกี ม็ คี อื ศ.ธานนิ ทร์ กรยั วเิ ชยี ร
อาเตียเล่าว่าครั้งหนึ่งท่านอาจารย์สัญญา ธรรมศักด์ินิมนต์ท่านพุทธทาส มาเทศน์ให้
ผู้ช่วยผู้พิพากษาฟัง อาเตียก็ไปตั้งคำ�ถามว่า นิพพานนั้นเป็นอัตตาหรือไม่ จนท่าน
อาจารย์สัญญาทา่ นตอ้ งมาถามวา่ ปรีดี อ่านหนงั สืออะไรนะถึงตง้ั คำ�ถามได้ดี อาเตียก็
เลยตอบแบบไม่ค่อยถ่อมตนไปว่าอ่านเล่มโน้นเล่มน้ีตามแบบคนที่น่าจะเป็นอาจารย์
มากกวา่ ผพู้ ิพากษา

ทา่ นรบั ราชการเปน็ ผพู้ พิ ากษาอยสู่ องสามปกี ส็ อบไดท้ นุ Fulbright ไปเรยี น
ต่อท่ีสหรัฐอเมริกา ทางมูลนิธิ Fulbright จัดให้ท่านไปเรียนที่มหาวิทยาลัย Tulane
เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียน่า ซ่ึงท่านสอบถามได้ความว่าจัดให้ตามความต้องการ
ของอาเตียเองที่ท่านต้องการไปเรียนกฎหมายที่มีตัวบทเหมือนประเทศไทยซึ่งใน
สหรัฐอเมริกามีอยู่เพียงรัฐเดียวท่ีใช้ตัวบทแบบเมืองไทยและภาคพ้ืนยุโรป คือท่ีรัฐ

30 “ปรดี ี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแห่งนติ ิปรัชญาไทย”

ลุยเซยี น่า ทา่ นเลยไดไ้ ปเรียนท่ีน่ัน ซ่งึ ท่านกม็ ีประสบการณ์ทป่ี ระทับใจกบั การเรียนใน
อเมรกิ าเปน็ อย่างดี เพราะท่านได้ Professor Michael Franklin ซึ่งเปน็ ปราชญ์ทาง
socialist ใหญ่ของอเมริกาเป็นทีป่ รกึ ษา ซงึ่ Prof. Franklin ก็ช่ืนชมอาเตียจนออก
ปากชมให้รุ่นน้องที่มาเรียนในปีต่อๆ ไปฟังว่ามีนักเรียนต่างชาติคนหนึ่ง (อาเตีย)
มีภูมิความรู้มากควรจะให้นักศึกษาไปพบปะสังสรรค์ด้วยเพ่ือแลกเปลี่ยนความรู้กัน
นอกจากนท้ี า่ นกย็ งั ไดพ้ บเพอื่ นนกั เรยี นชาวปานามาซง่ึ ถอื วา่ เปน็ คนทมี่ ภี มู คิ วามรเู้ รอื่ ง
เกี่ยวกับตะวันตกมาก เรียนปริญญาตรีมาจากมหาวิทยาลัย Harvard แล้วมาเรียน
กฎหมายต่อที่ Tulane เช่นกัน เพ่ือนคนนี้ช่ือ Carlos Mendoza เป็นหลานอดีต
ประธานาธิบดีปานามา ทัง้ สองเปน็ เพอ่ื นคูค่ ิดแลกเปลยี่ นความรู้เรอื่ งตะวันตก (ยุโรป
อเมริกา) กบั ตะวนั ออก (จนี ไทย) ให้กนั ท�ำ ให้อาเตยี ไดเ้ รยี นรูว้ ฒั นธรรมแบบวิธีคดิ
แบบตะวนั ตกได้ลกึ ซงึ้ ยงิ่ ขน้ึ เชน่ วันหนึ่งเหน็ เพือ่ นคนนี้ไปโบสถ์ ซ่ึงเขาไมค่ อ่ ยได้ไป
ก็แปลกใจจึงถามว่าทำ�ไมถึงไปโบสถ์วันนี้ เพื่อนปานามาคนนั้นจึงบอกว่าไปสวด
ออ้ นวอนพระผเู้ ปน็ เจา้ ใหป้ ระทานองคส์ นั ตะปาปาคนใหมท่ ด่ี ใี หเ้ รา ท�ำ ใหท้ า่ นแปลกใจ
วา่ องคส์ นั ตะปาปา มคี วามหมายหรอื อทิ ธพิ ลตอ่ โลกตะวนั ตกอยา่ งไร กไ็ ดร้ บั ค�ำ อธบิ าย
อย่างหมดจดว่า องค์สันตะปาปานั้นสำ�คัญมากต่อนโยบายท่ีมีผลต่อชาวคริสต์และ
พฤตกิ รรมของคณะสงฆค์ าทอลิก ถา้ ไดท้ า่ นทม่ี ีมมุ มอง liberal หน่อยกจ็ ะดมี าก โดย
เฉพาะภูมิภาคลาตินอเมริกาที่มีประชากรเกือบท้ังหมดนับถือศาสนาคริสต์ นิกาย
โรมนั คาทอลิก ในช่วงทศวรรษท่ี ๕๐ องค์สันตะปาปาองค์ใหม่ คือ โป๊ปจอหน์ ที่ ๒๓
ซึ่งเป็นผู้สร้างความเปล่ียนแปลงคร้ังใหญ่ให้แก่ศาสนาจักรคาทอลิก โดยมีการจัดการ
สังคยานาวาติกันครั้งที่ ๒ ข้ึนในสมัยของพระองค์ ทำ�ให้แนวคิดในของศาสนาจักร
คาทอลกิ เปดิ กว้างมากขน้ึ ในการที่จะสัมพนั ธ์กับศาสนาอ่ืน

นอกจากเรื่องดีๆ แล้วอาเตียก็พบกับประสบการณ์เจ็บไข้ได้ป่วยถึงกับเข้า
โรงพยาบาลท่อี เมริกาเชน่ กนั คอื เริ่มมีอาการใจส่ัน ผอมลง ไปหาเพ่อื นหมอสองสาม
คนก็วินิจฉัยกันไม่ชัด จนกระทั่งได้อาจารย์หมอสมพล บุณยคุปต์ ท่ีเป็นอายุรแพทย์
ท่ีนั้นวินิจฉัยว่าป่วยเป็นไทรอยด์เป็นพิษจนต้องเข้ารับการผ่าตัดก็ได้น้ำ�ใจจากเพื่อน
คนไทยทัง้ ท่ีเปน็ แพทยแ์ ละไมเ่ ปน็ แพทยม์ าชว่ ยกนั ดูแล มีเพอื่ นแพทยไ์ ทยคนหน่ึงคือ

31

คุณหมอทวีศักด์ิ ได้ไปสอบถามแพทย์ผู้จะทำ�การผ่าตัดว่าผ่าตัดมาก่ีรายแล้ว หมอ
บอกวา่ เกอื บรอ้ ยราย เพอ่ื นแพทยท์ า่ นนน้ั ยงั ถามตอ่ ไปวา่ มไี มร่ อดกร่ี ายกไ็ ดร้ บั ค�ำ ตอบ
วา่ นอ้ ยมากเปน็ อนั พอใจยอมใหผ้ า่ ตดั อาเตยี ไดผ้ ลการผา่ ตดั กเ็ ปน็ ไปดว้ ยดี อยอู่ เมรกิ า
ได้สองปี Prof. Franklin ก็แนะนำ�ว่าถ้าอยากรู้ตะวันตกจริงๆมาเรียนอเมริกาไม่พอ
ต้องไปยุโรปและทว่ี ชิ าการแข็งก็ตอ้ งเปน็ เยอรมนี อาเตยี จึงตดั สินใจไปเรยี นท่ีเยอรมนี
ที่มหาวิทยาลัยบอนน์ เพ่ือเรียนระดับปริญญาเอกกว่า ๘ ปีจึงสำ�เร็จ และท่านก็ได้
แต่งงานมีครอบครัวที่เมืองเยอรมันนี้เองแต่เจ้าสาว (ม่ามี้) กลับเป็นสาวไทย ที่บิน
ลัดฟา้ ไปแต่งงานด้วยเมอ่ื กวา่ ครึง่ ศตวรรษมาแล้ว ลกู ชายคนแรก บรรณ เกษมทรัพย์
ก็เกิดท่ีเยอรมนี สามสี่เดือนก่อนท่ีอาเตียจะสำ�เร็จดอกเตอร์ เลยได้ชื่อบอนเนอร์
เพราะเกดิ ที่เมืองบอนน์นนั้ เอง ตอนเรยี นทเ่ี ยอรมนีน้ันอาเตยี บอกว่าอย่อู ยา่ งไม่ขัดสน
นักเพราะได้ทุนสองแห่งคือของกระทรวงยุติธรรมและได้รับทุนฮุมโบลท์ด้วย อยู่ที่
เยอรมนีชอบดื่มไวน์และสูบบุหร่ีรวมถึงไปป์ด้วย คุณแม่ (ม่าม้ี) เล่าว่าสูบจัดทีเดียว
ลูกๆ เห็นรูปอาเตียตอนเรียนอยู่ท่ีเยอรมนีแล้วรู้สึกไม่คุ้นเพราะอาเตียดูผอมมาก เรา
เห็นอาเตียมีรูปร่างทว้ มตง้ั แต่จ�ำ ความได้ อาเตียบอกวา่ เพิง่ มาท้วมตอนกลับเมืองไทย
หลังจากเลิกบุหรี่เพราะไปพบเพ่ือนคนหนึ่งท่ีดูหน้าตาสดใสกว่าเดิมจึงถามว่าไปทำ�
อะไรมาได้ความว่าเลิกสูบบุหร่ีแล้วสุขภาพดีขึ้น อาเตียเลยตัดสินใจเลิกบุหร่ี ไม่กลับ
ไปสบู อีกเลย (คดิ วา่ ก็ใจแข็งอกี คน) ตัง้ แต่นน้ั มากม็ รี ูปร่างท้วมขนึ้ จนดูในบางชว่ งอว้ น
มากไปบา้ งแต่ดๆู ทา่ นก็มีหนุ่ คนมอี นั จะกนิ แบบจีน คือ ตงั้ แตม่ อี ายชุ อบกนิ ของหวาน
ขึ้น ของมันนี่ก็ชอบมาก ในขณะที่ม่าม้ีเล่าว่าสมัยหนุ่มๆ ไม่ชอบกินของหวานเลย
ย่ิงตอนเด็กๆ คงไม่ค่อยได้กินของมันด้วยเพราะอยู่เมืองจีน สูงอายุขึ้นเลยขอทานซะ
ใหส้ บายใจ ท�ำ ใหล้ กู ๆ ตอ้ งเลน่ บทนกั โภชนาการจ�ำ เป็นอยู่บอ่ ยๆ

กลบั มาเมอื งไทยปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ท่านก็มารับราชการต่อที่กระทรวงยตุ ธิ รรม
เปน็ ผพู้ พิ ากษา ไดไ้ ปประจ�ำ ศาลทน่ี ครราชสมี าประมาณปสี องปี แลว้ ยา้ ยไปเปน็ หวั หนา้
ศาลท่ีกาญจนบุรีไม่ก่ีเดือนก็มารับตำ�แหน่งหัวหน้ากองการคดีท่ีกระทรวงยุติธรรม
ช่วงนี้ก็ได้ไปสอนท่ีคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยจึงมีลูกศิษย์ลูกหา
พอสมควร จนเม่ือทา่ นอาจารยส์ ญั ญา ธรรมศกั ด์ิ เป็นคณบดี ประกอบกบั มคี ณาจารย์

32 “ปรีดี เกษมทรัพย์ คนสามวัฒนธรรม บดิ าแหง่ นติ ิปรชั ญาไทย”

รุ่นหนุ่มหลายท่านมาเชิญให้ไปเป็นอาจารย์จึงตัดสินใจโอนย้ายมาเป็นอาจารย์ประจำ�
สอนทีค่ ณะนติ ศิ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ทา่ นวา่ พอเป็นผู้พพิ ากษาแล้วโอนมา
เป็นอาจารย์คนเขาก็หัวเราะกันทั้งศาลว่าลดชั้นมาเป็นอาจารย์ แต่เราเรียนมาจาก
เยอรมนั รสู้ กึ วา่ Professor นใ่ี หญท่ สี่ ดุ เลยไมร่ สู้ กึ อะไร แลว้ กไ็ ดร้ บั ต�ำ แหนง่ คณบดคี ณะ
นิติศาสตร์ในเวลาอีกไม่ก่ีปี และจากนั้นก็เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ใน
เวลาต่อมาในช่วงหลังเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นอยู่ปีกว่าก็กลับไปเป็นอาจารย์
อยา่ งเดมิ จนเกษยี ณอายเุ มอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ ผลงานท่ีลกู ๆ ไดย้ นิ ท่านเล่าเสมอกค็ ือ
ท่านมาเปิดสอนวิชานิติปรัชญาซ่ึงยังไม่เคยมีคณะนิติศาสตร์คณะไหนในประเทศไทย
เขาสอนกนั เปน็ การสอนเรอื่ งหลกั และวธิ คี ดิ ในการแปลและใชก้ ฎหมาย ไมใ่ ชเ่ อาแตว่ า่
ตามตัวบทกฎหมายแบบห้วนๆ อย่างเดียว เป็นวิชาที่ท่านภูมิใจมากที่ได้เพิ่มพูน
ภมู คิ วามรูท้ ี่ส�ำ คัญใหแ้ ก่ลกู ศษิ ยล์ ูกหาในวงการนติ ศิ าสตรไ์ ทย

ในชว่ งทส่ี อนหนงั สอื ทธ่ี รรมศาสตรอ์ าเตยี มกั ไมค่ อ่ ยมเี วลาใหก้ บั ครอบครวั และ
ลกู ๆ มากนกั ในหนงั สอื นติ ปิ รชั ญาทพี่ มิ พข์ นึ้ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ โดยมที า่ นศาสตราจารย์
กิตตศิ กั ดิ์ ปรกติ ช่วยอาเตยี เรียบเรยี งเปน็ ต�ำ รานน้ั อาเตยี ท่ีเขียนไว้ในค�ำ น�ำ ถึงเร่อื งนี้
ดงั น้ี

อนงึ่ ตลอดระยะเวลา ๒๐ ปมี าน้ี ขา้ พเจา้ ไดห้ มกมนุ่ อยกู่ บั การงานทางวชิ าการ
ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาตลอด โดยเฉพาะต้องรับผิดชอบ
งานสอนทง้ั ระดบั ปรญิ ญาตรแี ละระดบั ปรญิ ญาโท บงั เอญิ วชิ าระดบั ปรญิ ญาโท และวชิ า
ในระดับปริญญาตรีภาคบัณฑิตจะต้องสอนในเวลาหัวค่ำ� ทำ�ให้ข้าพเจ้าเกือบจะไม่มี
โอกาสร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับครอบครัวเลย นับว่าได้ห่างเหินจากครอบครัวติดต่อกัน
เปน็ เวลานานทีเดยี วตง้ั แตล่ กู ๆ ยงั เลก็ ๆ จนบัดน้เี ปน็ หน่มุ กันหมดแลว้ แตค่ ณุ องั คณา
เกษมทรพั ย์ ภรยิ าของขา้ พเจา้ กย็ อมรบั สภาวะเชน่ นดี้ ว้ ยน�ำ้ ใจแมศ่ รเี รอื นตามธรรมเนยี ม
ไทยโบราณ ทั้งๆ ที่เธอก็ได้รับการศึกษาแบบใหม่จากประเทศอังกฤษ เธอก็ไม่เคย
ปริปากบ่นหรือเรียกร้องส่ิงที่พึงเรียกร้องได้ตามสมัยนิยมนับว่าเป็นการให้กำ�ลังใจและ
เป็นแรงสนับสนุนท่ีสำ�คัญยิ่งในชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอจารึกความซาบซึ้งในนำ้�ใจ
ของเธอไว้ ณ ทน่ี ้ี

33

อาเตียมักเล่าว่า ฉันโชคดี มีพ่อแม่พ่ีน้องที่ดี มีภรรยาที่ดีและลูกท่ีน่าพอใจ
มีเจ้านาย เพ่ือนร่วมงาน และลูกศิษย์ลูกหาท่ีดีส่งเสริมให้การงานประสบผลสำ�เร็จ
และอาเตยี มพี สี่ าวสองคนทพ่ี กิ าร คนหนงึ่ ตาบอด คนหนง่ึ มคี วามบกพรอ่ งของประสาท
สั่งการ ทำ�ให้ต้องมีผู้ช่วยเหลืออยู่เสมอแต่อากงก็ได้เตรียมการสำ�หรับลูกสาวท้ังสอง
อยา่ งชาญฉลาดท�ำ ใหบ้ ตุ รที ง้ั สองเปน็ ผมู้ อี นั จะกนิ มญี าตแิ ละคนชว่ ยดแู ลใกลช้ ดิ ตลอด
ชีวิตของท่านท้ังสองเป็นเวลาตลอดกว่าสามสิบปีหลังจากที่อากงเสียชีวิตไป โดยท่ีให้
มีสิทธิเก็บกินในทรัพย์สินหลายชิ้นในชั่วชีวิตของแต่ละคน นับเป็นตัวอย่างของการ
ครอบครองทรพั ย์สินอย่างที่จะเรียกว่า welfare ในครอบครวั กไ็ ด้

หลังเกษียณอายุราชการท่านก็ไปร่วมกับเพ่ือนผู้พิพากษาคือ คุณชูเชิด
รักตะบตุ ร และอาจารย์เกษม ศิริสัมพนั ธ์ เปดิ สำ�นกั งาน “ปรีดี ชูเชิด เกษม” ขึน้ แถว
เทเวศร์ เปดิ อยสู่ บิ กวา่ ปกี ป็ ดิ และในชว่ งเมอ่ื อายกุ อ่ นเจด็ สบิ ปเี จา้ สวั ปรชี า พสิ ษิ ฐเกษม
ประธานมลู นธิ ไิ ทยจนี เพอื่ การศกึ ษาและวฒั นธรรมไดม้ าเชญิ ใหไ้ ปบกุ เบกิ เปดิ โรงเรยี น
สอนภาษาจีน อาเตียก็เลือกที่จะต้ังช่ือโรงเรียนน้ีเองว่า วิทยาสถานแห่งวัฒนธรรม
ตะวันออก (Oriental Culture Academy, OCA) ซ่ึงตอ้ งการสง่ เสริมการสอนภาษา
จนี และวฒั นธรรมตะวนั ออก ทง้ั จนี ไปถงึ อนิ เดยี ดๆู ไปอาเตยี จะทมุ่ เทกบั งานท่ี OCA
มากกวา่ การเปิดสำ�นกั งานทนายความมาก คดิ ว่าคงเปน็ เพราะเป็นคนชอบทางอกั ษร
ศาสตร์และชอบสอนหนังสือทำ�ให้ท่านมีใจเรื่องการเป็นครูใหญ่คุมการสอนภาษาและ
สง่ เสรมิ วฒั นธรรมมากกวา่ เปน็ ทนายความ บรหิ ารการศกึ ษา ๑๒ ปี สรา้ ง OCA เปน็ ตน้
แบบของโรงเรียนสอนภาษาจีนยุคใหม่ในเมืองไทยจน OCA มีนักเรียนกว่าส่ีพันคน
รวมถึงส่งเสริมวัฒนธรรมตะวันออก โดยจัดการประชุมให้การศึกษาแก่ประชาชนกว่า
ร้อยคร้ังถงึ ได้เกษียณอายุงานจรงิ ๆ เม่ืออายยุ ่างเขา้ แปดสิบปี

หลงั เกษยี ณจรงิ เมอื่ อายแุ ปดสบิ อาเตยี กอ็ ยกู่ บั บา้ นหลงั ใหมท่ ซ่ี อยพบิ ลู วฒั นา
รดน�ำ้ ตน้ ไมบ้ า้ ง เชด็ ลา้ งรวมถึงถสู งิ่ ของตา่ งๆ ในบา้ นบ้าง นัง่ คยุ กับลูกหลานบา้ ง ท�ำ
สิ่งท่ีท่านรักที่สุดคือ การอ่านหนังสือหรือมีท่านอาจารย์เช่น อาจารย์สมยศ เช้ือไทย
และอาจารยก์ ติ ตศิ กั ดิ์ ปรกติ เชญิ ไปประชมุ บา้ งเชญิ ไปดงู านตา่ งประเทศบา้ ง ถา้ ไดข้ นึ้
ไปร้อยเอ็ดทุกคร้ังก็จะไปพักที่บ้านเจ๊ต๋ิว (พี่จันทร์เพ็ญ เกษมทรัพย์) ท่านก็จะมี

34 “ปรีดี เกษมทรัพย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแหง่ นติ ิปรัชญาไทย”

ความสขุ มากเพราะมีหลานๆ มาคยุ ดว้ ยหลายคน ท้งั เฮยี น้อย เฮยี แดง เฮียขก เฮยี ต๋ี
และเจ๊ๆ อกี หลายทา่ นแวะเวียนมาเย่ยี มทกุ วัน ด้วยวัยย่างเข้าปที ่ี ๘๔ แม้ความจ�ำ ใน
ปัจจุบันขณะจะไม่ค่อยแม่นยำ�แต่ความทรงจำ�ในอดีตหลายเร่ืองของท่านยังแจ่มชัดอยู่
โดยเฉพาะเมอ่ื ไดพ้ ดู คยุ กบั ลกู หลานทมี่ าเยย่ี ม เรอ่ื งทท่ี า่ นมกั จะเลา่ ใหฟ้ งั อยเู่ สมอจะขนึ้
ตน้ ด้วย “ฉันไปเมืองจนี ต้ังแต่ ๘ ขวบ...”

ในปีท่ีท่านมีอายุครบ ๘๔ ปี ทางครอบครัวได้จัดงานเล้ียงครบ ๗ รอบให้
อาเตียที่ราชกรีฑาสโมสร โปโลคลับ งานนี้มีลูกศิษย์ลูกหา ญาติสนิทมิตรสหายของ
อาเตยี มารว่ มงานกันจ�ำ นวนมาก หลกั จากงาน ๗ รอบแล้วทางคณะลกู ศษิ ย์ท่ีใกล้ชิด
ประกอบด้วยอาจารย์สมยศ เช้ือไทย อาจารย์สหธน รัตนไพจิตร อาจารย์กิตติศักดิ์
ปรกติ ท่าน ดร.สุนทรยี า เหมอื นพะวงศ์ พส่ี ถาพร ลิ้มมณี พี่ธวชั ดำ�สอาด อาจารย์
กรซิ ภญู ยี ามา คณุ เกยี รตศิ กั ดิ์ มาเมน่ และลกู ๆ ไดช้ ว่ ยกนั จดั ตง้ั มลู นธิ ปิ รดี ี เกษมทรพั ย์
ขน้ึ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตอ่ มาได้รบั คุณพิชติ พิภพทรรศนยี ์ ไดเ้ ข้ามาเปน็ เจา้ หนา้ ทีม่ ูลนิธิ
โดยมลู นิธิปรีดี เกษมทรพั ยม์ ีวตั ถปุ ระสงค์ ดงั น้ี

๑. สง่ เสริมการศกึ ษาวชิ านิติศาสตร์ ปรชั ญา ประวัตศิ าสตร์ สงั คมวัฒนธรรม
และนโยบายสาธารณะ
๒. เพื่อดำ�เนินการหรือร่วมมือกับหน่วยงานหรือสถาบันวิชาการต่างๆ เพื่อ
พฒั นาความรูท้ างวิชาการใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อสงั คม
๓. จัดสรรทุนเพ่ือการศึกษาวิชานิติศาสตร์ปรัชญา ประวัติศาสตร์ สังคม
วฒั นธรรมและนโยบายสาธารณะ
๔. สง่ เสรมิ การเผยแพรค่ วามรทู้ างกฎหมายและใหค้ วามชว่ ยเหลอื ประชาชน
ทางกฎหมาย
๕. เพอื่ ด�ำ เนนิ การหรอื รว่ มมอื กบั องคก์ ารการกศุ ลอนื่ ๆ เพอื่ สาธารณประโยชน์

ซึ่งท่านอาจารย์ทุกท่านที่ร่วมกันจัดตั้งมูลนิธิฯ ต่างต้ังใจท่ีจะให้มูลนิธิฯ มี
กิจกรรมท่ีสร้างสรรค์เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยการจัดสัมนาวิชาการ การให้ทุน
นกั ศกึ ษาทเี่ รยี นดี จดั ใหค้ ณะนกั กฎหมายจากประเทศลาวมาศกึ ษาดงู านทธ่ี รรมศาสตร์
รวมถงึ ตอ้ งจดั งานทงั้ กอลฟ์ การกศุ ล และ วงิ่ การกศุ ลเพอ่ื หาทนุ จดั กจิ กรรมเพอ่ื บ�ำ เพญ็

35

ประโยชน์ต่อไป ทำ�ให้เห็นถึงความรัก ความผูกพันของลูกศิษย์ที่มีต่ออาจารย์ปรีดี
เกษมทรัพย์ ผูท้ ีแ่ มค้ วามรบั ร้ใู นชว่ งเกนิ ๗ รอบชีวติ จะไมส่ ู้จะแมน่ ยำ�แตก่ ็มคี วามสขุ
ทกุ ครงั้ ที่พบเหน็ ลกู ศิษย์

ชว่ งสดุ ทา้ ยของชวี ติ อาเตยี อาการสมองเสอ่ื มกเ็ พมิ่ มากขนึ้ จากพดู วนๆ เรอ่ื ง
ไปเมอื งจนี ตอน ๘ ขวบ ในช่วงสองสามปีทา้ ยของชวี ิต อาเตียก็เรม่ิ พูดน้อยลง จากพอ
อาบน�้ำ ไดก้ ต็ อ้ งมคี นชว่ ย จนถงึ ชว่ ยปอ้ นอาหาร ซง่ึ ดว้ ยปญั หาสขุ ภาพทค่ี อ่ ยๆ ถดถอย
จงึ ปว่ ยบ่อยขึ้นปอดบวมบ้าง หรือติดเช้อื ในทางเดนิ ปัสสาวะบา้ ง สุดทา้ ยกไ็ ม่สามารถ
ทำ�กิจวัตรประจำ�วันได้เอง ต้องมีผู้ช่วยเหลือติดตามตลอด จนช่วงท้ายๆ ต้องเข้ารับ
การรักษาในโรงพยาบาลเป็นส่วนใหญใ่ นปสี ุดท้ายของชวี ิต แตอ่ าเตยี กโ็ ชคดที ีม่ ีมา่ มท้ี ี่
ใสใ่ จดแู ล พรอ้ มทงั้ มผี ชู้ ว่ ยดแู ลสองคน คนขบั รถอกี คน และทตี่ อ้ งจารกึ ไวค้ อื ทา่ นวริ ตั น์
เกษมทรัพย์ ท่านผู้พิพากษาประจำ�ศาลอุทธรณ์ ท่ีต้องประสบอุบัติเหตุเพราะท่าน
เดินทางมาเยี่ยมอาเตียทุกวันหลังเลิกงานมากกว่าเราที่เป็นลูกๆ เสียอีกจนกระท่ัง
ทา่ นประสบอบุ ตั เิ หตรุ ถยนตช์ นกบั รถจกั รยานยนตข์ องทา่ นจนเกดิ การบาดเจบ็ ทศ่ี รี ษะ
ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดีถึง ๒ เดือนและยังต้องคงรับการฟื้นฟู
ต่อเน่อื งโดยภรรยา บตุ รชาย ๓ คนและญาตหิ ลงั กลับไปอยูท่ บี่ า้ นแล้ว ก็ตอ้ งชว่ ยกนั
ภาวนาใหท้ า่ นวริ ตั น์ (เฮยี ตนี๋ อ้ ย) ของพวกเรามสี ขุ ภาพดวี นั ดคี นื กลบั มาประกอบหนา้ ที่
การงานไดเ้ ปน็ ปรกตโิ ดยเรว็ ท�ำ ใหเ้ หน็ ความส�ำ คญั ของระบบในการดแู ลระยะกลางและ
ระยะยาวส�ำ หรบั ผทู้ ไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ รนุ แรงและส�ำ หรบั ผสู้ งู อายวุ า่ มคี วามส�ำ คญั มาก เพราะ
เปน็ กระบวนการทฟ่ี นื้ ฟใู หเ้ ขาเหลา่ นนั้ กลบั เขา้ มาเปน็ สว่ นหนงึ่ ของสงั คมอยา่ งมศี กั ดศิ์ รี
ภายใต้สังคมไทยกำ�ลังจะเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ เพราะมีระบบสาธารณสุข
ท่ีดี สามารถคุมกำ�เนิดหยุดการเกิด และมีระบบรักษาพยาบาลยืดการเสียชีวิตของ
ประชาชนได้

อย่างไรก็ตามภายใต้ระบบท่ียังไม่พัฒนาเต็มรูปแบบของสังคมสูงอายุไทย
ถ้าไม่มโี ชคหรือการเตรียมพรอ้ ม ทั้งทรัพย์ของครอบครัว มคี นจากประเทศเพ่อื นบ้าน
ทยี่ อมมาชว่ ยเหลอื ดแู ลอยา่ งเตม็ ใจ ระบบประกนั สขุ ภาพของราชการไทย โรงพยาบาล
ทั้งรัฐและเอกชนท่ีพร้อมให้เข้ารักษาด้วยราคาท่ีพอจ่ายได้ มีลูกๆ ที่พ่ึงตนเองได้และ

36 “ปรดี ี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแหง่ นติ ปิ รัชญาไทย”

มีศรีภรรยาที่ใส่ใจดูแลติดตามแล้ว ชีวิตของอาเตียผู้ท่ีไม่เคยคิดจะสะสมเงินทอง
คดิ ถงึ แต่วิชาการอาจจะไม่สงบสุขในชว่ งท้ายของชวี ิต และจากโลกนไี้ ปอย่างมีศกั ดศ์ิ รี
ด่ังชีวิตที่เร่ิมต้นท่ีร้อยเอ็ด ท่องไปในดินแดนหลากหลาย ทั้ง จีน สหรัฐอเมริกา
เยอรมนี อินเดีย ธรรมศาสตร์ OCA และจบลงอย่างสงบท่ีรามาธิบดี ของ
“ศ.ดร.ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแหง่ นิตปิ รชั ญาไทย”

ตัง้ ชอ่ื ลกู ๆ ทัง้ สี่คนเอง

ท่านเป็นท้ังนักคิด นักปราชญ์และผู้ที่มีศิลปะในจิตใจ จะเห็นได้จากการต้ัง
ชือ่ ลกู ที่พ่อต้ังใหเ้ องทง้ั สน้ิ บังเอิญทท่ี ่านมีแตล่ กู ชายถึง ๔ คน จึงไดต้ งั้ ช่อื ต่อคลอ้ งจอง
กนั ทง้ั ชอ่ื และความหมายไว้ดงั นี้

ลูกชายคนโตช่อื “บรรณ” แปลว่า “หนังสอื ” ท่านเป็นคนชอบหนงั สอื เป็น
ชีวิตจติ ใจ และเกดิ เมืองบอนน์ เยอรมนั ชอื่ “บรรณ” จงึ พอ้ งเสียงกบั เมืองเกิด และให้
ชื่อเล่นว่า บอนเนอร์ ให้รำ�ลกึ ถึงเมืองเกดิ ด้วย

ลูกชายคนท่ีสองต้ังชื่อว่า “ปัญญ์” เป็นการลดรูปของคำ�ว่า “ปัญญา” คือ
ทา่ นอา่ นหนังสอื แล้วต้องมีปญั ญา ใหช้ ่ือเล่นว่า “ปญั ญะ”

ลูกชายคนทส่ี ามต้ังชอ่ื วา่ “วิชช”์ เปน็ การลดรปู ของคำ�วา่ “วชิ ชา” คือทา่ น
ว่าเมื่ออา่ นหนงั สอื มปี ัญญาแล้วกจ็ ะต้องมี “วิชา” ตามมาดว้ ย ชื่อ “วิชช์” เห็นว่าสนั้
แลว้ เลยไม่มีช่ือเรยี กเล่น

ลูกชายคนสุดท้องต้ังชื่อว่า “วัตร” เป็นชื่อที่พอถามคนว่าสะกดอย่างไรมัก
จะสะกดไมถ่ กู ทา่ นวา่ พอมชี ือ่ บรรณ-ปญั ญ-์ วิชช์ แล้วตอ้ งมี “วตั ร” เนอ่ื งจากคนเรา
เมอ่ื อ่านหนงั สือมีปญั ญา มีวิชา แล้วกต็ อ้ งมี “หน้าท”ี่ จึงต้ังชอ่ื ลกู คนสดุ ท้องว่า “วตั ร”

ช่ือของพวกเราเมื่อก่อนตอนเด็กก็จะรู้สึกกันว่าช่ือพวกเราส้ันมากแปลกไป
กวา่ คนอน่ื แตพ่ อเวลาผา่ นไปท�ำ ใหเ้ หน็ วา่ การทเ่ี รามชี อื่ สนั้ นนั้ เรยี กงา่ ยเปน็ ทจี่ �ำ ไดง้ า่ ย
ของคนทว่ั ไป ยง่ิ เอาเร่ืองราวของช่อื ที่คุณพ่อตงั้ ให้ไปเล่าแลว้ ยงั รู้สึกเท่ ทันสมยั และ
มคี วามหมายไมม่ ีใครเหมอื นอีกดว้ ย

37

ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ สมรสกับคุณอังคณา เกษมทรัพย์
(ไตรวทิ ยาคุณ) เมื่อ ๒๘ กนั ยายน ๒๕๐๙ มบี ตุ รด้วยกนั ๔ คน คนโตไดแ้ ก่ นายบรรณ
เกษมทรพั ย์ (บอนเนอร์) จบการศึกษาจากจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปรญิ ญาโท
จากมหาวิทยาลัยเทกซัส เมืองออสติน ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท SCG
International คนท่ีสองนายปัญญ์ เกษมทรัพย์ (ปัญญะ) จบการศึกษาจากคณะ
นติ ิศาสตรม์ หาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวทิ ยาลัย Southern Methodist ปัจจุบัน
เปน็ Partner และ กรรมการผจู้ ดั การของบรษิ ทั ทปี่ รกึ ษากฎหมาย KOMPASS LAW
คนท่สี ามได้แก่ ดร.นพ.วชิ ช์ เกษมทรัพย์ ปจั จบุ ันเปน็ รองผ้อู �ำ นวยการสถาบันพฒั นา
สุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล และอาจารย์ประจำ�ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี บุตรคนสุดท้องได้แก่นายวัตร เกษมทรัพย์
จบปริญญาตรีที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทจาก
มหาวิทยาลัยเทกซสั เมืองซานอันโตนิโอ ปัจจุบนั เปน็ Head of Corporates Cash
Management Sales ของธนาคาร Deutsche Bank

ปัจจุบันท่านมีหลาน ๙ คน เป็นชาย ๗ คน (ปรินซ์ มิน พอล ไทเกอร์
อลนั คริส และเตริ ด์ ) ผู้หญงิ ๒ คน (พายกับไหม)

38 “ปรดี ี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแหง่ นติ ิปรัชญาไทย”

คุณพอ่ คณุ แม่ กอ่ นแต่งงานในปี ค.ศ. ๑๙๖๔
ถ่ายท่กี รุงบอนน์ เยอรมนี

“...อนงึ่ ตลอดระยะเวลา ๒๐ ปีมาน้ี ข้าพเจา้ ได้หมกมนุ่ อยู่กับการงาน
ทางวิชาการของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาตลอด โดยเฉพาะ
ต้องรับผิดชอบงานสอนท้ังระดับปริญญาตรีและระดับปริญญาโท บังเอิญวิชา
ระดบั ปรญิ ญาโท และวชิ าในระดบั ปรญิ ญาตรภี าคบณั ฑติ จะตอ้ งสอนในเวลาหวั ค�ำ่
ทำ�ให้ข้าพเจ้าเกือบจะไม่มีโอกาสร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับครอบครัวเลย นับว่าได้
หา่ งเหินจากครอบครวั ติดต่อกนั เป็นเวลานานทีเดยี วตัง้ แตล่ ูกๆ ยังเลก็ ๆ จนบัดนี้
เป็นหนุ่มกันหมดแล้ว แต่คุณอังคณา เกษมทรัพย์ ภริยาของข้าพเจ้าก็ยอมรับ
สภาวะเช่นน้ีด้วยน้ำ�ใจแม่ศรีเรือนตามธรรมเนียมไทยโบราณ ทั้งๆ ที่เธอก็ได้รับ
การศึกษาแบบใหม่จากประเทศอังกฤษ เธอก็ไม่เคยปริปากบ่นหรือเรียกร้องสิ่ง
ท่ีพึงเรียกร้องได้ตามสมัยนิยมนับว่าเป็นการให้กำ�ลังใจและเป็นแรงสนับสนุนที่
ส�ำ คญั ยง่ิ ในชวี ติ ขา้ พเจา้ ขา้ พเจา้ ขอจารกึ ความซาบซง้ึ ในน�ำ้ ใจของเธอไว้ ณ ทน่ี .้ี ..”

ปรีดี เกษมทรพั ย์

คำ�น�ำ หนังสอื นติ ิปรัชญา (พิมพ์คร้งั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๖

39
๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๙ พธิ แี ตง่ งานทก่ี รุงบอนน์ เยอรมนี

บอนเนอร์ ๑ ขวบ บา้ นยศเส พ.ศ. ๒๕๑๑

40 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวัฒนธรรม บิดาแหง่ นิตปิ รัชญาไทย”
ลกู คนแรก “บอนเนอร”์ กรุงบอนน์ พ.ศ. ๒๕๑๐

41
กรุงบอนน์ พ.ศ. ๒๕๑๐

กรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๑๑-๒๕๑๖

42 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวัฒนธรรม บิดาแห่งนิติปรชั ญาไทย”
กรงุ เทพ บา้ นยศเส ๒๕๑๗

43

44 “ปรีดี เกษมทรัพย์ คนสามวัฒนธรรม บิดาแห่งนิติปรัชญาไทย”
ระหวา่ งเดินทางเยีย่ มอาจารย์ มธ. ทีเ่ รยี นอย่ตู า่ งประเทศ พ.ศ. ๒๕๒๕

ออสเตรีย - เยอรมนี พ.ศ. ๒๕๒๕

45
อียปิ ต์ พ.ศ. ๒๕๒๕

46 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแหง่ นิตปิ รชั ญาไทย”
อยี ิปต์ พ.ศ. ๒๕๒๘

47
ภาพถ่ายครอบครวั

48 “ปรดี ี เกษมทรพั ย์ คนสามวัฒนธรรม บิดาแหง่ นิตปิ รชั ญาไทย”
กรงุ บอนน์ - เยอรมนี พ.ศ. ๒๕๔๙

49
ฯพณฯ ธานนิ ทร์ กรยั วเิ ชยี ร และเพ่ือนนติ ศิ าสตร์ มธ. รนุ่ ๑ ท่ศี นู ย์ศิลปาชพี บางไทร

50 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแห่งนิตปิ รชั ญาไทย”
เยอรมนี พ.ศ. ๒๕๔๙


Click to View FlipBook Version