101
นกึ ถงึ ท่านอธิการบดี
ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์
ศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์ เปน็ อธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
หลังเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นคนแรก เหตุการณ์คร้ังน้ัน เป็นโศก
นาฏกรรมที่เกิดข้ึนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บางคนเรียกว่า “วันธรรมศาสตร์
เสยี เมอื ง” เพราะนอกจากจะมผี บู้ าดเจบ็ และเสยี ชวี ติ แลว้ มหาวทิ ยาลยั กถ็ กู ปดิ ชวั่ คราว
นอกจากน้ันยงั เป็นเวลาที่ “วา่ ง” อธกิ ารบดดี ้วย เน่อื งจากทา่ นศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย
อง้ึ ภากรณ์ ไดล้ าออกจากต�ำ แหน่งและเดินทางไปล้ภี ัยต่างประเทศโดยมศี าสตราจารย์
นงเยาว์ ชยั เสรี เปน็ ผูร้ ักษาการในตำ�แหนง่ อยู่
การเป็นอธิการบดีคนแรกหลังเหตุการณ์ตุลาคมปี ๒๕๑๙ โดยได้รับการ
เสนอชื่อแต่งต้ัง มาจากรัฐบาลที่เข้ามาโดยคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ซึ่งยึด
อ�ำ นาจในตอนเย็นวันท่ี ๖ ตลุ าคม ท�ำ ให้ทา่ นอาจารย์ปรีดีตอ้ งท�ำ งานดแู ลมหาวิทยาลยั
ด้วยความลำ�บากย่ิง เพราะคนธรรมศาสตร์ ทั้งในมหาวิทยาลัยท่ีไม่พอใจรัฐบาล ไม่
พอใจคณะปฏริ ูปการปกครอง และไม่พอใจการใชก้ �ำ ลงั เข้าปราบปรามในมหาวทิ ยาลัย
ธรรมศาสตร์ ก็จะพากันไม่พอใจท่านอธิการบดีคนใหม่ไปด้วย แต่ท่านอาจารย์ปรีดี
กก็ ลา้ รบั ต�ำ แหนง่ อธกิ ารบด ี เพอ่ื ด�ำ เนนิ การใหม้ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตรส์ ามารถยนื ยง
อยตู่ อ่ ไปได้ ตอนนนั้ มเี สยี งลอื กนั วา่ จะมกี ารปดิ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตรเ์ ปน็ การถาวร
ดงั นนั้ การเปน็ อธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตรใ์ นตอนนนั้ จงึ เปน็ งานทยี่ ากมากและ
กท็ า้ ทายมาก ทา่ นเปน็ ศิษย์จึงพรอ้ มทจ่ี ะสนองคณุ มหาวทิ ยาลัย
ความจำ�ท่ีผมกับท่านอธิการบดีปรีดี มีอยู่ในตอนนั้น ก็อยู่ท่ีเร่ืองตำ�ราและ
หนงั สือเก่ยี วกบั คอมมิวนสิ ตบ์ า้ ง ลทั ธมิ ารก์ ซ์ และลัทธิเลนนิ บา้ ง หนังสอื เหลา่ นี้ ผมมี
อยูใ่ นครอบครอง เพราะผมเรียนเร่อื งโซเวียตวทิ ยาจากประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ เรียน
102 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวัฒนธรรม บิดาแหง่ นิตปิ รัชญาไทย”
รัสเซียศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา ที่จริงหนังสือเหล่าน้ีผมล้วน
แต่ซือ้ หามาจากประเทศตะวนั ตก คอื จากยโุ รปบา้ ง อเมรกิ าบ้าง เกือบท้ังสน้ิ ในวนั ท่ี
ทา่ นอธกิ ารบดใี หมป่ ระชมุ คณาจารยท์ ง้ั มหาวทิ ยาลยั ครงั้ แรก ผมไดเ้ ขา้ รว่ มประชมุ ดว้ ย
วันน้ันท่านได้พูดถึงเรื่องต่างๆ หลายเรื่องและมาลงตรงที่เกี่ยวกับผมโดยตรงก็คือ
ท่านได้บอกกับผมให้คนอื่นได้ยินด้วยว่า ตำ�ราและหนังสือเกี่ยวกับคอมมิวนิสต์ที่
อาจารยน์ รนติ มิ ีไวใ้ ชเ้ พ่อื การเรียนการสอนน้ัน ใหเ้ กบ็ รกั ษาไว้ได้ ทา่ นจะเป็นผูแ้ จ้งกบั
ทางผมู้ อี �ำ นาจของบา้ นเมอื ง ว่าเปน็ ตำ�ราท่ีใช้ในการศึกษาเล่าเรยี น ผมจำ�ไดแ้ ม่น และ
มคี วามประทบั ใจในความเปน็ ผนู้ �ำ ของทา่ นในฐานะอธกิ ารบดี ตอ้ งไมล่ มื วา่ ในเวลานน้ั
ทางการไดส้ ง่ เจา้ หนา้ ทไี่ ปตรวจคน้ และยดึ หนงั สอื ทเี่ กยี่ วกบั คอมมวิ นสิ ตไ์ ปเปน็ จ�ำ นวน
มาก หลายเลม่ เป็นหนงั สอื ทีม่ ีชื่อทที่ �ำ ใหเ้ ขา้ ใจผดิ เสยี ด้วย แต่ผมกไ็ มไ่ ด้อยู่ทำ�งานกับ
ทา่ นในตอนนนั้ ระหวา่ งทม่ี หาวทิ ยาลยั ปดิ ทา่ นไดใ้ หผ้ มลาเดนิ ทางไปตา่ งประเทศ โดย
มิได้ขัดข้อง การทำ�งานต่อมาของผมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ได้รับความกรุณา
จากทา่ นมาด้วยดี
การถงึ แกก่ รรมของทา่ นอดตี อธกิ ารบดี ปรดี ี เกษมทรพั ย์ นบั เปน็ การสญู เสยี
นักนิติศาสตร์ท่ีสำ�คัญคนหน่ึงของประเทศ ผมผู้เป็นคนธรรมศาสตร์คนหนึ่งขอคารวะ
และแสดงความเสยี ใจมายงั ครอบครวั ของทา่ นดว้ ยความเคารพ ผลบญุ ทท่ี า่ นอธกิ ารบดี
ปรีดี ได้ท�ำ สะสมมาเปน็ บุญท่จี ักส่งทา่ นส่สู คุ ติภพ
ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
103
อาลัยศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์
ผมเปน็ ศษิ ย์เก่าของคณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์
ขณะที่ผมกำ�ลังศึกษากฎหมายเพิ่มเติมท่ีมหาวิทยาลัยแห่งกรุงบอนน์
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีน้ัน วันหน่ึงท่านอาจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ซึ่งได้ไป
ศึกษาดูงานที่ประเทศน้ัน ได้ติดต่อขอพบผม และเราได้ไปรับประทานอาหารและ
ดม่ื ไวน์ดว้ ยกันทร่ี า้ นอาหารที่ “บาด โกเดสแบรก์ ”
ท่านอาจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ กล่าวกับผมว่า ขณะน้ีท่านโอนจาก
การเป็นผ้พู ิพากษามาเป็นอาจารย์ท่ีคณะนติ ศิ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์แลว้ นะ
ถ้าจบการศกึ ษาเมือ่ ไหร่อย่าลืมไปช่วยกันดว้ ย
ซ่ึงผมกไ็ ด้รบั ปากกับทา่ นอาจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ไปท้ังๆ ท่ีขณะน้นั
ผมเองยังไมแ่ นใ่ จเลยว่าผมจะจบการศึกษาหรอื เปลา่ และหากจบ จะจบเมอ่ื ไหร่
ครน้ั เดอื นตลุ าคม ๒๕๑๙ เกดิ เหตคุ วามไมส่ งบขน้ึ ผมคดิ ในใจวา่ ทา่ นอาจารย์
ดร.ปรดี ี เกษมทรัพย์ คงต้องโดนหางเลขแน่ เพราะเทา่ ทผ่ี มสัมผสั กับท่าน ผมรสู้ ึกวา่
ท่านเป็นเสรีนิยมไม่น้อย แต่ข้อมูลที่ผมได้รับในเวลาต่อมาปรากฏว่าท่านอาจารย์
ดร.ปรดี ี เกษมทรัพย์ ไดเ้ ป็นอธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์
ในท่ีสุดผมกส็ ำ�เร็จการศึกษากลบั มาเมอื่ ปลายเดือนมีนาคม ๒๕๒๐
และนา่ จะเปน็ วนั หนงึ่ ในสปั ดาหแ์ รกทผี่ มเดนิ ทางมาถงึ ประเทศไทยเรา ผมได้
ไปเยยี่ มคารวะท่านอาจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์ ทหี่ อ้ งท�ำ งานของท่านทต่ี ึกโดม
ในการไปเยย่ี มนผี้ มไดน้ �ำ วทิ ยานพิ นธข์ องผมซงึ่ เปน็ เรอ่ื งเกย่ี วกบั “กฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญา” ไปมอบให้ท่านด้วย
ผมบอกทา่ นอาจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์ วา่ ผมจบแล้วนะ จะให้ผมชว่ ย
อะไร ผมก็ยนิ ดเี สมอ
104 “ปรีดี เกษมทรัพย์ คนสามวัฒนธรรม บิดาแหง่ นติ ิปรัชญาไทย”
ทา่ นอาจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ไม่ไดเ้ ริม่ คุยกับผมเรอ่ื งทกุ ข์สขุ แตท่ ่าน
ถามผมเลยวา่ “อาจารยอ์ ยากจะสอนอะไร”
ท่านเรยี กผมวา่ “อาจารย”์ ดว้ ยนะ ท�ำ เอาผมเขินๆ พกิ ล
ผมเรียนท่านอาจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรพั ย์ ไปว่าถ้าเป็นวิชา “กฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา” ผมสอนได้ทนั ที แตถ่ ้าเปน็ วชิ าอน่ื ผมตอ้ งขอเวลาหนอ่ ย
ทผ่ี มกลา่ วเชน่ นน้ั เพราะผมไดเ้ รมิ่ เขยี นต�ำ รา “กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความ
อาญา” ต้ังแตผ่ มยังเรยี นกฎหมายอยทู่ ีก่ รงุ บอนน์
ต�ำ รา “กฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา” ของผมพิมพ์คร้ังแรกเมอื่ ปีการ
ศึกษา ๒๕๒๘
ซึ่งเป็นปีที่ผมได้รับเกียรติจากสำ�นักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตย
สภา ให้เปน็ อาจารยผ์ ูบ้ รรยายกฎหมายลกั ษณะดังกลา่ ว ต�ำ ราเล่มนี้ปัจจบุ ันพิมพเ์ ป็น
ครงั้ ที่ ๙ แลว้ เมอ่ื กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
ทา่ นบอกผมวา่ “งั้นสอนกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญาแล้วกัน”
ผมดีใจมากที่จะได้สอนวิชาน้ีเพราะกฎหมายลักษณะนี้ในบ้านเรา ในความ
เห็นของผมยังล้าหลังมาก เน่ืองจากเราสอนกันแต่ในทางปฏิบัติ เราจึงขาดความรู้ใน
หลกั กฎหมาย
การท่ีผมเริ่มเขียนตำ�รากฎหมายลักษณะน้ีตั้งแต่ขณะกำ�ลังเรียนอยู่ที่
มหาวทิ ยาลัยแหง่ กรุงบอนนน์ ้ัน กเ็ พราะผมตอ้ งการจะถา่ ยทอดหลักกฎหมายลักษณะ
น้ีหากมีโอกาส
แตผ่ มเขา้ ใจผดิ คดิ วา่ ผมจะไดส้ อนวชิ า “กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา”
ในชัน้ ปรญิ ญาตรี แต่คณะนติ ิศาสตร์ ก�ำ หนดใหผ้ มสอนวิชา “กฎหมายวธิ พี ิจารณา
ความอาญาเปรียบเทยี บ” ซ่งึ เป็นวชิ าในชน้ั ปริญญาโท
ผมได้เปน็ อัยการสูงสดุ เมอ่ื วนั ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๗
หลังจากทีผ่ มขึ้นดำ�รงต�ำ แหนง่ ดังกล่าวปรากฏว่ามีคดใี หญ่ๆ ทเี่ ก่ยี วข้องกับ
การเมืองและนกั การเมอื งเกิดขึน้ หลายคดี
105
ในคดีท่ีเก่ียวข้องกับการเมืองและนักการเมืองทุกคดีผมจะเข้าไปดูแลอย่าง
ใกล้ชดิ เพราะผมเหน็ วา่ หากผมปลอ่ ยใหผ้ ู้ใต้บังคบั บญั ชาดำ�เนนิ การไปตามปกตอิ าจ
จะเสยี หายตอ่ ส่วนรวมได้
คดีแรกที่ผมเขา้ ดแู ลและส่งั คดดี ้วยตนเอง คือ คดีเกีย่ วกับการซอ้ื เสยี งเลอื ก
ต้ังที่จังหวัดบรุ ีรมั ย์ คดีนไ้ี ด้ผลท�ำ ใหจ้ ำ�เลยถูกลงโทษ
คดที ีส่ องทผ่ี มเข้าไปดูแลและสงั่ คดีด้วยตนเอง คือ คดี สปก. ๔-๐๑
เม่อื ผมสง่ั ไมฟ่ ้องคดี สปก. ๔-๐๑ ทั้งๆ ทีผ่ มสง่ั คดีเรือ่ งนี้ไปตามเนื้อผ้าโดย
แท้ แตเ่ น่ืองจากผมเปน็ คนภาคใต้ ผมก็เลยถกู กลา่ วหาว่าเป็นประชาธปิ ตั ย์
เม่อื ผมบอกแกส่ ังคมไปว่า ผมจะเปน็ ประชาธิปัตยไ์ ดอ้ ยา่ งไร หัวหนา้ พรรค
ประชาธปิ ตั ย์ซึ่งเปน็ นายกรฐั มนตรใี นขณะน้ันยงั เคยไลผ่ มออกจากห้องนายกรฐั มนตรี
เลย แตข่ ้อเท็จจรงิ เพียงเท่าน้กี ็ไม่ไดช้ ่วยผมมากนกั ที่จะให้ผมหลุดพน้ จากข้อกล่าวหา
โดยสิน้ เชงิ
เกีย่ วกบั คดี สปก. ๔-๐๑ น้ัน หลังจากผมสงั่ ไม่ฟอ้ งและทางการเมอื งกำ�ลัง
มะรุมมะตมุ้ ผมอยู่น้ัน วันหนึง่ ทา่ นอาจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ได้ไปพบผม ณ หอ้ ง
ทำ�งานของผม หลังจากพูดคุยเรอื่ งธรุ ะกันแล้ว ทา่ นอาจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ก็ได้
ถามผมถึงเรือ่ งคดดี ังกล่าวนี้
เมื่อผมเล่าเรอ่ื งใหท้ า่ นฟัง ทา่ นถามผมว่า “จะใหช้ ว่ ยอะไรไหม ?”
ผมจ�ำ ไดแ้ มน่ ย�ำ ว่าผมตอบทา่ นอาจารยป์ รดี ี เกษมทรัพย์ ไปวา่
“Sympathy ไม่พอครับท่านอาจารย์ แตต่ อ้ ง Action ครบั ”
หลงั จากพูดคยุ กนั ตอ่ ไปอกี เล็กนอ้ ยทา่ นอาจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์ กล็ า
ผมกลบั ไป
วันรุ่งขึ้นปรากฏว่านอกจากอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์ หลายท่านได้ไปพบให้กำ�ลังใจผมท่ีสำ�นักงานอัยการสูงสุด และ
ยังมีอาจารย์ ดร.บวรศักด์ิ อุวรรณโณ คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย รวมอยู่ด้วยอีกผหู้ น่ึง
106 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวัฒนธรรม บดิ าแหง่ นติ ิปรัชญาไทย”
ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ ผมเช่ือม่ันว่าเกิดขึ้นจากท่านอาจารย์ ดร.ปรีดี
เกษมทรพั ย์ อย่างแน่นอน
หลังจากวันนั้นสถานการณ์สำ�หรับผมก็ดีขึ้นเป็นลำ�ดับ และผมก็อยู่รอด
ปลอดภยั จนกระทง่ั ผมเกษยี ณอายุราชการเม่อื สน้ิ เดอื นกนั ยายน ๒๕๔๐
อนง่ึ ผมเองไมม่ โี อกาสไดเ้ ปน็ ศษิ ยข์ องทา่ นศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์
แต่บุคคลในครอบครัวของผม ที่ได้ศึกษากฎหมายในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์ ต่างโชคดีได้มีโอกาสศึกษากฎหมายกับท่านศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี
เกษมทรัพย์ ทั้งโดยทางตรงและโดยทางอ้อม กล่าวคือ ได้ศึกษาตำ�รากฎหมายของ
ทา่ นศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรัพย์
ครอบครวั ของผมทไี่ ดม้ โี อกาสศกึ ษากฎหมายโดยตรงจากทา่ นศาสตราจารย์
ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือ นายวรสิงห์
ณ นคร บตุ รชายของผม ซึง่ จบการศกึ ษาเปน็ นติ ิศาสตรบณั ฑติ ในการศึกษาภาคปกติ
และนายอคั รา เที่ยงวิบูลย์วงศ์ บตุ รเขยของผมทจี่ บการศึกษาเป็นนติ ิศาสตรบัณฑติ ใน
ภาคบัณฑติ
คนสุดท้าย คือ นายอรรฆ ณ นคร หลานของผม (บตุ รของลูกสาวผม) ทไ่ี ด้
ศึกษากฎหมายจากตำ�ราของท่านศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ และหลาน
ของผมคนนี้เพิ่งสำ�เร็จการศึกษาเป็นนิติศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับสอง จาก
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์
กลา่ วโดยสรปุ คือ ทา่ นศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรพั ย์ เป็นผ้มู พี ระคุณ
ตอ่ ผม และต่อบุคคลในครอบครัวของผมดว้ ย
ในวาระที่ท่านศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ได้จากโลกน้ีไป ด้วย
คณุ ปู การทที่ า่ นศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์ ไดก้ ระท�ำ ไว้ ผมขอใหด้ วงวญิ ญาณ
ของท่านศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์ ได้ไปสูส่ ุขคตใิ นสมั ปรายภพด้วยเทอญ
ศาสตราจารย์พเิ ศษ ดร.คณติ ณ นคร
มกราคม ๒๕๖๒
107
ท่านศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรัพย์
ผู้มีคโุ ณปการต่อวงการนิตศิ าสตร์
ในช่วงเวลาท่ีท่านอาจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์เป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์
คนทีห่ ก เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๑๗ ถงึ พ.ศ. ๒๕๑๖ ต่อจากทา่ นศาสตราจารย์จติ ติ ติงศภทั ยิ ์
และเป็นอธิการบดีใน พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นเวลาท่ีผมได้ขอโอนจากตำ�แหน่งนิติกรด้าน
กฎหมายการคลัง กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง มาเป็นอาจารย์ประจำ�ในคณะ
นติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์
ท่านอาจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ทราบว่าผมเคยรับราชการที่กรมบัญชี
กลาง ก็ได้กล่าวถึงความต้องการที่จะเปิดให้มีการสอนวิชากฎหมายการคลังในคณะ
นติ ศิ าสตร์ทเี่ ป็นวชิ าท่ีทา่ นผปู้ ระศาสนก์ ารท่านปรีดี พนมยงค์ ได้น�ำ วิชานมี้ าสอนด้วย
ตวั ของทา่ นเองเปน็ ครงั้ แรกทโี่ รงเรยี นกฎหมายกระทรวงยตุ ธิ รรมเมอื่ พ.ศ. ๒๔๗๓ และ
ตอ่ มาไดจ้ ดั อยใู่ นหลกั สตู ร “ธรรมศาสตรบ์ ณั ฑติ ” ของมหาวทิ ยาลยั วชิ าธรรมศาสตร์
และการเมอื ง แตเ่ มอื่ มกี ารจดั ตง้ั คณะนติ ศิ าสตรไ์ ดย้ กเลกิ การสอนวชิ ากฎหมายการคลงั
นอ้ี อกไป ท่านอาจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรัพย์ เห็นความสำ�คญั ของวชิ านี้ เปน็ อย่างยิง่
ได้มอบหมายใหผ้ มไปปรกึ ษากับทา่ นอาจารย์ ดร.เฉลมิ ชยั วสีนนท์ นิตกิ รพิเศษกรม
บญั ชกี ลางในขณะนน้ั เพอื่ เขยี นเคา้ โครงการสอนวชิ านแี้ ละได้ เปดิ สอนในคณะนติ ศิ าสตร์
อีกคร้ัวหนึ่งในสมัยท่ีท่านอาจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ เป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์
ปัจจุบันเป็นวิชาบังคับในหลักสูตร์นิติศาสตร์และมีการสอนในอีกหลายมหาวิทยาลัย
และอีกประการหน่ึงท่านต้องการพัฒนาอาจารย์โดยการให้ทุนกับอาจารย์ในคณะเพื่อ
ไปศึกษาต่อ ที่ตา่ งประเทศโดยเน้นไปทป่ี ระเทศในภาคพ้นื ยโุ รปทา่ นอาจารย์ ดร.ปรีดี
จงึ ไดป้ รกึ ษาและเลา่ ใหท้ ราบวา่ คณะนติ ศิ าสตรม์ ที นุ อยจู่ �ำ นวนหนงึ่ โดยสมยั ทอี่ าจารย์
สัญญา ธรรมศักด์ิเปน็ นายกรฐั มนตรี มบี รษิ ัท สุวรรณมาศและบรษิ ัทโอเชียนนคิ ที่เข้า
มา ขอสัมปทานสำ�รวจเพ่ือผลิตนำ้�มัน ทางบริษัทมอบเงินจำ�นวนหน่ึงเพื่อใช้เป็นทุน
108 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวฒั นธรรม บิดาแห่งนิติปรชั ญาไทย”
พฒั นาอาจารยใ์ นการศึกษา โดยมีวงเงนิ ประมาณ ๑๐ ลา้ นบาท แตเ่ งิน ๑๐ ลา้ นบาท
ในสมยั นนั้ ถอื วา่ เปน็ จ�ำ นวนทม่ี าก แตค่ ณะนติ ศิ าสตรไ์ ดน้ �ำ เงนิ จ�ำ นวนนี้ ไปฝากธนาคาร
แหง่ ประเทศไทยจงึ ไมม่ ดี อกเบยี้ ทา่ นอาจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์ จงึ น�ำ เรอ่ื งมาปรกึ ษา
ผม เพราะทราบว่าเคยรบั ราชการท่กี รมบัญชกี ลาง ผมจึงขอดูวตั ถุประสงคข์ องการให้
ทุนจำ�นวนน้ี ปรากฏว่าเปน็ ทุนท่ใี หม้ าเพอื่ มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการพฒั นาคณะนติ ศิ าสตร์
จึงได้เรียนกับอาจารย์ไปว่าเงินจำ�นวนน้ีไม่ต้องส่งเข้าเป็นเงินคงคลังตามกฎหมายเงิน
คงคลังและกฎหมายวิธีการงบประมาณ คณะนิตศิ าสตร์โดยมหาวทิ ยาลยั อาจถอนมา
เพอ่ื ลงทนุ หาผลประโยชนไ์ ด้ แตเ่ พอ่ื ความมนั่ คงในเรอื่ งความเสยี่ ง เมอื่ น�ำ ไปลงทนุ แลว้
ต้องหาบริษัทคำ้�ประกันดว้ ย ชว่ งน้ันอัตราดอกเบี้ยสูงมาก กใ็ ห้นำ�เอาเฉพาะดอกเบ้ีย
ท่ีได้รับให้เป็นทุนแก่อาจารย์เพ่ือไปศึกษาต่อต่างประเทศ คณะนิติศาสตร์จึงได้วาง
หลักเกณฑ์และวิธีการใช้เงินทุนดังกล่าวน้ีและจัดให้มีการสอบแข่งขันเพ่ือรับทุน
ดงั กลา่ วนี้
อาจารยท์ ่ีได้ไปศกึ ษารุน่ แรกโดยทุนนี้ คืออาจารยส์ มยศ เชือ้ ไทย ไปศึกษา
ต่อทป่ี ระเทศเยอรมนั อาจารย์ดาราพร ถริ ะวฒั น์ ไปประเทศฝร่ังเศส สว่ นผมขอเลือก
ไปฝร่ังเศส หลังจากนนั้ กเ็ ป็นอาจารย์หสั วุฒิ วฑิ ติ วริ ิยกุล ไปศึกษาตอ่ ที่ กรงุ เวยี นนา
ประเทศออสเตรยี และใหอ้ ยใู่ นความดแู ลของ ก.พ. ในเวลานนั้ คณุ ธรี ยทุ ธ์ หลอ่ เลศิ รตั น์
ดำ�รงต�ำ แหนง่ ผูด้ ูแลนกั เรียน หรือทีป่ รกึ ษาฝ่ายการศกึ ษาประจ�ำ สถานเอกอคั รราชทตู
ณ กรุงปารสี กรุงเบริ ์น และกรงุ เวียนนา และประเทศเยอรมัน
ท่านอาจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ มีความเป็นห่วงใยในการส่งอาจารย์ไป
ศึกษาต่อที่ยุโรปมาก ปัญหาสำ�คัญคือการเรียนภาษาเยอรมันและฝรั่งเศส กล่าว
โดยเฉพาะสำ�หรับผมท่ีไม่เคยเรียนมาก่อนเลยและมีอายุมากแล้ว ท่านอาจารย์ปรีดี
เกษมทรัพย์ จึงให้ความอนุเคราะห์ทุกอาจารย์ที่ได้ทุนโดยให้ค่าใช้จ่ายท่ีสูงกว่าทุน
ของนักเรียน ก.พ. เพื่อจะได้ไปอยู่กับครอบครัวทานอาหารร่วมกัน มีโอกาสใช้ภาษา
นอกจากการเรยี นในสถาบนั สอนภาษาตามปกติ
แตป่ รากฏวา่ การไดอ้ ยกู่ บั ครอบครวั ตามนโยบายดงั กลา่ วนผ้ี มอยไู่ ดร้ ะยะหนงึ่
กต็ อ้ งยกเลิกไป เพราะมหี นงั สือจากผูด้ ูแลนักเรียนคอื คณุ ธรี ยุทธ์ หลอ่ เลิศรัตน์ แจง้ มา
109
ให้ทราบว่า ทางคณะนิติศาสตร์ได้ขอตัดค่าใช้จ่ายในส่วนท่ีเกินกว่า ก.พ. ให้ออกไป
โดยใหค้ า่ ใชจ้ า่ ยเทา่ กบั ท่ี ก.พ. โดยใหเ้ หตผุ ลวา่ จะไดน้ �ำ เงนิ จ�ำ นวนนสี้ มทบกบั ดอกเบย้ี
พอเพียงท่จี ะส่งอาจารยท์ ่ีอยู่ในขา่ ยไดร้ บั ทนุ เดียวกันน้ไี ปเรยี นต่อไดอ้ กี หนง่ึ ท่าน
ผมมาทราบภายหลงั ว่าเมอ่ื ท่านอาจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์ มาทราบเรอ่ื ง
น้ที า่ นมคี วามเหน็ ใจมาก แต่กเ็ ห็นด้วยในเหตุผลของคณะนติ ิศาสตร์ในกรณีน้ี
ความสูญเสียแห่งชีวิตของท่านศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ นั้น
ประจักษแ์ ลว้ แตค่ วามสูญสน้ิ นัน้ ไมป่ ระจกั ษ์ เพราะทา่ นอาจารยไ์ ดท้ งิ้ รอยแหง่ คณุ งาม
ความดที ท่ี า่ นไดบ้ �ำ เพญ็ ตลอดมาใหก้ บั วงการนติ ศิ าสตร์ ทงั้ ทเ่ี ปน็ สว่ นอตั ตสมบตั ิ ทง้ั ท่ี
เป็นปรหิตปฏบิ ัติ ยงั มีอยเู่ ป็นอาภรณ์
ชีวิตของท่านเป็นสุชีวิตแลว้
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ปรีชา สุวรรณทัต
110 “ปรีดี เกษมทรัพย์ คนสามวัฒนธรรม บิดาแห่งนิติปรัชญาไทย”
ท่านอาจารย์ปรดี ี ยังไมต่ าย
ยังยนื ยงคงอยูค่ ่กู ับมนุษยชาติ
ครบู าอาจารย์ (บางคน) แม้จะละสังขารไปแลว้ แต่ไม่เคยตายไปจากความ
คิดคำ�นึงของลูกศิษย์ท่ียังมีความจำ�ได้หมายรู้ (สัญญา) ความกตัญญูรู้คุณท่ีมีต่อการ
ประสทิ ธิป์ ระศาสน์วชิ า การอบรมสัง่ สอนในเรื่องการด�ำ รงตนและการใช้ชีวิต ตลอดจน
การตระหนักรู้ถึงความปรารถนาดีของอาจารย์ท่ีมีต่อลูกศิษย์เป็นสายใยผูกพันกันที่
ท�ำ ใหค้ วามรักและความเคารพทีม่ ตี อ่ ครอู าจารย์ไม่เสือ่ มคลาย เม่อื ใครค่ รวญถงึ ความ
รู้สึกเชิงบวกท้ังหลายเหล่านี้ทำ�ให้มีความสุขและเกิดพลังท่ีจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมี
ความหมาย
ก่อนหน้านี้ได้ทราบข่าวจากอาจารย์อานนท์ ศรีบุญโรจน์ คณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยทักษิณ และขณะนี้กำ�ลังเรียนต่อในระดับปริญญาเอกท่ีคณะนิติศาสตร์
ธรรมศาสตร์ วา่ ทา่ นอาจารยป์ รดี ี เกษมทรพั ย์ ไมส่ บายรกั ษาอยทู่ โ่ี รงพยาบาลรามาธบิ ดี
ดังนัน้ จึงได้ไปเยี่ยมท่าน ๒ ครัง้ เม่ือวนั ท่ี ๑๙ ธันวาคม และ วนั ที่ ๓๐ ธันวาคม ก่อน
หนา้ นน้ั เมอื่ วนั อาทติ ยท์ ่ี ๑๖ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ไดม้ ารว่ มในงานเสวนาเรอื่ ง “ศ.ดร.
ปรีดี เกษมทรัพย์ ในมุมมองของศิษย์และญาติ” งานน้ีจัดข้ึนโดยมูลนิธิ ปรีดี
เกษมทรัพย์ ซ่ึงมีรองศาสตราจารย์สมยศ เชื้อไทย เป็นประธาน จัดขึ้นเป็นคร้ังท่ี ๒
เม่ือปี ๒๕๖๐ จดั ไปแลว้ ครงั้ หนึง่ ท�ำ หนงั สือออกมาเรียบร้อย
เช้าวันศุกร์ท่ี ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ได้รับโทรศัพท์จากคุณปัญญะ ลูกชาย
คนที่ ๒ ว่า ท่านออกเดินทางไกลตอนเวลา ๑๐.๔๐ น. อาจารยแ์ สวง บญุ เฉลิมวิภาส
ลกู ศิษยก์ ้นกฏุ อิ ีกคนหน่ึงอยู่คอยดแู ลจนทา่ นจากไปอย่างสงบ
เม่ือได้ทราบข่าวการจากไปของท่านรู้สึกใจหาย เพราะด้านหน่ึงก็ดีใจที่ได้
ไปเยยี่ มทา่ นทโ่ี รงพยาบาล ๒ ครง้ั เนื่องจากเดิมผู้เขียนมีแผนทจ่ี ะไปเย่ียมครอบครัวท่ี
111
เชียงรายในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่อีกใจหน่ึงเม่ือไปเยี่ยมท่านคร้ังสุดท้ายก็ยังคิดว่า
ท่านจะยงั ไม่ละสงั ขาร แต่ในท่ีสดุ ท่านกไ็ ด้จากไปโดยสงบในวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒
ช่างเป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะไม่ขัดแย้งกับเทศกาลส่งท้ายปีเก่า และเป็นเวลาอัน
สมควรหลังจากท่ีทุกคนกลับมาจากการฉลองเทศกาลแล้ว จะบอกว่าท่านเป็นนัก
ยทุ ธศาสตรห์ รอื นกั วางแผนที่เลอื กเวลาท่ีจะจากลาได้ก็ดูจะเลือ่ นลอยเกินไป
ได้ไปงานสวดของท่าน ๓ วัน แขกและลูกศิษย์ลูกหามากันแน่นศาลา
เหมือนกับงานเลี้ยงรุ่นของคณะ ได้พบลูกศิษย์หลายคนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี
วนั ศุกร์ท่ี ๑๑ มกราคม ๒๕๖๒ ซง่ึ เป็นวัดสวดอภิธรรมวันสุดทา้ ยได้อยูร่ ว่ มในพิธีบรรจุ
ร่างทา่ นไว้รอเวลาการพระราชทานเพลิง
ทุกคืนท่ีมีงานสวดนอกจากพิธีทางศาสนาแล้วมีการกล่าวคำ�ไว้อาลัยจาก
ผู้ใกล้ชิด และการกล่าวขอบคุณจากตัวแทนครอบครัวของท่าน งานของท่านจัดได้
เรยี บงา่ ย แตห่ นกั แนน่ เชงิ เนอ้ื หา งดงามประณตี เหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั บคุ ลกิ ภาพ
ของทา่ น
ผู้เขียนเริ่มทำ�งานที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในฐานะ
“อาจารยต์ ิว” ตามแผนการสร้างอาจารยป์ ระจำ�ของคณะนิตศิ าสตร์เม่ือเดือน มนี าคม
พ.ศ. ๒๕๑๖ ตอ่ มาเมอ่ื ทา่ นมาด�ำ รงต�ำ แหนง่ คณบดเี ตม็ เวลาคนแรกของคณะนติ ศิ าสตร์
เม่ือ พ.ศ. ๒๕๑๗ ผู้เขียนได้รับมอบหมายให้ทำ�หน้าทเี่ ป็นเลขานกุ ารของท่าน มีการ
จดั ตง้ั ส�ำ นกั งานเลขานกุ ารคณบดี (Office of the Dean) ตามแบบอยา่ งของมหาวทิ ยาลยั
ในตา่ งประเทศ แมจ้ ะเปน็ ระยะเวลาไมน่ านกอ่ นทผี่ เู้ ขยี นจะไปศกึ ษาตอ่ ทส่ี หรฐั อเมรกิ า
(ออกเดินทางมิถุนายน ๒๕๑๘) แต่ผู้เขียนได้เรียนรู้วิธีการทำ�งานจากท่านมากมาย
หลายเรื่องและเปน็ วธิ ีคดิ และวธิ ีการท�ำ งานของผเู้ ขียนจนกระท่งั ปจั จุบันน้ี
ผลงานท่ีโดดเด่นท่ีสุดของท่านในทัศนะของผู้เขียนในช่วงเวลาน้ันคือ การ
เปน็ นกั วชิ าการด้านนิตศิ าสตรซ์ งึ่ ใชว้ ิชาความรู้ ประสบการณ์ เครือขา่ ยในการทำ�งาน
และที่สำ�คัญอย่างยิ่งยวดคือความกล้าหาญทางจริยธรรมของวิชาชีพนิติศาสตร์ ท่าน
ใช้ปัจจัยเหล่านี้ในการเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคร้ังสำ�คัญโดยการผลักดัน
112 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวัฒนธรรม บดิ าแห่งนิติปรัชญาไทย”
ให้รัฐบาลเพิกถอนประทานบัตรในการขุดแร่ดีบุกของบริษัทเท็มโก้โดยท่านอ้างหลัก
Conflict of Interests (ซ่ึงเวลาน้ันยังใช้ทับศัพท์ ต่อมามีการแปลว่าผลประโยชน์
ทับซอ้ น) ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตวั และการใช้อ�ำ นาจในการใหค้ ณุ ให้โทษในเรื่องใด
เรื่องหนึ่ง (ดูรายละเอียดในคำ�อภิปรายของรองศาสตราจารย์ ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติใน
“๙๐ ปี ศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย”์ หนา้ ๔๔-๔๕, มลู นธิ ปิ รดี ี เกษมทรพั ย์
และค�ำ อภิปรายของมาลี พฤกษ์พงศาวลี ในการเสวนาเรอ่ื ง “ศ.ดร.ปรีดี เกษมทรพั ย์
ในมุมมองของศิษย์และญาติ” เม่ือวันท่ี ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๑ ท่ีมูลนิธิฯ น่าจะได้
ตีพิมพ์ต่อไป)
เม่ือกลับมาจากการศึกษาต่อแล้ว ได้มาทำ�งานใกล้ชิดกับท่านในฐานะ
อาจารย์ผู้ช่วยสอนวิชานิติปรัชญา และเป็นหัวหน้าภาควิชานิติศึกษาทางสังคม
ประวัติศาสตร์ และปรัชญา ผู้เขียนมีห้องทำ�งานติดกับท่านที่ชั้น ๓ ตึกเก่าของคณะ
นิติศาสตร์ มีความทรงจำ�หลายเรื่องท่ีเก่ียวกับท่าน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องวิธีคิด วิธีการ
ทำ�งาน และวิธีการให้เหตุผล ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างย่ิงต่อผู้เขียน และยืนอยู่บน
ผลประโยชนข์ องคณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ และสงั คมซง่ึ ผเู้ ขยี นหวงั วา่
จะไดม้ โี อกาสหยิบยกข้ึนมาเปน็ ตัวอย่างในโอกาสท่ีเหมาะสมต่อไป
ภารกิจร่วมกันของผู้ท่ีเคารพยกย่องท่านอาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์คือการ
ช่วยกันผลักดันให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมไทยให้ได้ ความเป็นธรรมไม่ใช่เป็น
เรื่องของอุดมคติท่ีเพ้อฝันเพ้อเจ้อ ท่ีมีอยู่แต่ในหอคอยงาช้างในมหาวิทยาลัยตาม
ค�ำ อธบิ ายของนกั กฎหมายส�ำ นกั นติ ศิ าสตรเ์ ซง็ ลศ้ี รที นนชยั ซง่ึ เปน็ ตวั การส�ำ คญั ทท่ี �ำ ให้
สังคมไทยเข้ารกเข้าพงเหมือนท่ีเป็นอยู่ ช่ือสำ�นักนิติศาสตร์น้ีผู้เขียนไม่ได้ต้ังเองแต่
ได้ยินมาจากคนหนึ่งท่ีไม่ใช่นักกฎหมายที่ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองใกล้ชิดเรียก
ช่อื น้ี
ทา่ นอาจารยป์ รดี จี ะพดู อยเู่ สมอวา่ เปน็ นกั กฎหมายตอ้ ง “เฉดิ ฉาย” ดว้ ยวชิ า
และความรอบรู้ ไมใ่ ชว่ า่ เปน็ นกั กฎหมายประเภททไี่ ปทไี่ หน “วงแตก” ทนี่ นั่ เพราะโลก
ทศั นท์ ค่ี บั แคบฟงั คนอน่ื พูดไม่รูเ้ ร่อื ง เอาแต่ยนื กรานความเห็นของตนเอง
113
ผู้เขียนม่ันใจว่าด้วยสายใยความผูกพันท่ีเรามีต่อท่านอาจารย์ปรีดี เกษม
ทรพั ย์ สังคมไทยยงั ไมส่ ิ้นหวัง
ด้วยความเคารพและความผูกพนั ตอ่ อาจารย์
ศาสตราจารย์มาลี พฤกษพ์ งศาวลี
อาจารยพ์ ิเศษคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ประธานคณะกรรมการวินิจฉยั การเลอื กปฏิบัติ
ท่ไี ม่เป็นธรรมระหวา่ งเพศ (คณะกรรมการ วลพ.)
ภายใตพ้ ระราชบญั ญตั คิ วามเทา่ เทียมระหวา่ งเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘
กรมกจิ การสตรแี ละสถาบนั ครอบครัว
กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมน่ั คงของมนษุ ย์
(วาระ ๓ ปี ตงั้ แตว่ ันท่ี ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๙ – ปัจจุบัน)
114 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแหง่ นิติปรชั ญาไทย”
เฝา้ ดจู นลมหายใจสดุ ทา้ ย อาจารย์ไดจ้ ากไปดว้ ยดี
ฝากส่งิ ดีๆ ไว้ในความทรงจ�ำ
ตอนบา่ ยของวนั พฤหสั บดที ี่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ผมไดร้ บั โทรศัพท์จาก
อาจารย์ นายแพทย์ ดร.วิชช์ เกษมทรัพย์ ว่า อาการของคุณพ่อคือ ศาสตราจารย์
ดร.ปรีดี เกษมทรพั ย์ เปล่ยี นแปลงมากในวันน้ี คือ ความดนั ลดลงเรือ่ ยๆ ผมได้รบี ไป
ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่า อาการท่ีบ่งบอกรวมทั้งสัญญาณชีพบางอย่าง เตือน
ให้รู้ว่าอาจารย์กำ�ลังจะจากเราไป การตัดสินใจว่า จะใช้เครื่องมือต่างๆ มาย้ือชีวิตต่อ
อกี ระยะหนึ่งหรอื ไม่ เปน็ เร่อื งใหญท่ ีค่ รอบครวั จะต้องตดั สินใจ ผมชืน่ ชมในความมีสติ
และเข้าใจส่ิงทีเ่ กิดขน้ึ ตามความเปน็ จรงิ ของลกู ๆ อาจารย์ทุกคน ที่เหน็ พอ้ งกันว่า อย่า
ย้ือต่อไปเลย เพราะการย้ือความตายออกไปอีกไม่กี่วันด้วยเคร่ืองมือต่างๆ จาก
เทคโนโลยสี มยั ใหม่ คือการเพ่มิ ความทุกขท์ รมานแก่ผปู้ ่วยและท�ำ ใหท้ า่ นจากไปอย่าง
ไม่สงบ เหมือนบางครอบครัวท่ีคิดว่า แม้เป็นวาระสุดท้ายของชีวิต ก็ต้องสู้ให้เต็มที่
เปน็ การแสดงความกตญั ญคู รงั้ สดุ ทา้ ย ซง่ึ เปน็ ความคดิ ทไ่ี มส่ อดคลอ้ งกบั ความเปน็ จรงิ
เม่ือลูกๆ ของอาจารย์ได้ตัดสินใจในหนทางข้างต้น โดยมีคุณแม่ซึ่งเป็น
เหมือนเสาหลักท่ีให้ยึดเหนี่ยวและให้คำ�ปรึกษาท่ีดี การดูแลอาจารย์ในระยะท้ายของ
ชีวติ จงึ เปน็ ไปตามวถิ ีธรรมชาติ ใช้ยาเทา่ ท่จี �ำ เปน็ หลีกเลีย่ งการใช้เครื่องมอื ตา่ งๆ ที่
จะเพ่มิ ความทุกข์ทรมานแก่ผู้ปว่ ย
วันศุกร์ท่ี ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ผมได้ไปท่ีโรงพยาบาลต้ังแต่เช้า พบ
สมาชกิ ในครอบครวั ของอาจารยอ์ ยกู่ นั ครบถว้ นในหอ้ งผปู้ ว่ ย ทกุ คนรว่ มกนั ดแู ลอาจารย์
อยา่ งใกลช้ ิด ซ่งึ บรรยากาศแบบนี้ จะไมส่ ามารถกระทำ�ได้ หากผปู้ ่วยอยู่ในห้องไอซียู
อาการของอาจารย์ค่อยๆ สงบลงเรื่อยๆ ไม่มีอาการบ่งบอกถึงความทุกข์ทรมานใดๆ
จนกระทง่ั เวลา ๑๐.๔๐ น. ลมหายใจไดห้ ยดุ ลงเหมอื นหลบั ไป ถา้ ไมไ่ ดส้ งั เกตใหใ้ กลช้ ดิ
115
แทบไม่รู้เลยว่าอาจารย์ได้จากไปแล้ว ผมเชื่อมั่นว่า จิตสุดท้ายที่ดีได้พาอาจารย์ไป
สูส่ คุ ติภพแล้ว
การจากไปของอาจารย์ แม้จะเป็นการสูญเสียท่ียิ่งใหญ่ แต่การจากไปของ
อาจารย์ ก็เป็นตวั อย่างให้เหน็ ว่า การตายดี (good death) เป็นอยา่ งไร อีกท้งั ไดเ้ หน็
การตดั สนิ ใจทถ่ี กู ตอ้ งของครอบครวั ซง่ึ มคี วามส�ำ คญั มาก ท�ำ ใหน้ กึ ถงึ ธรรมบรรยายของ
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ที่ท่านสอนว่า “ให้ดูความตายเป็นเร่ือง
ธรรมดาของชีวิต..... เมือ่ ธรรมดามาถึง จงร้ใู หท้ นั และท�ำ ใหถ้ กู ”
แม้ศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรัพย์ ได้จากไปแลว้ ตามกฎของธรรมชาติ
แต่ชีวติ และผลงานของอาจารยจ์ ะยังคงฝากไว้ในความทรงจำ�ตลอดไป
ศาสตราจารย์ แสวง บุญเฉลมิ วภิ าส
ผู้อ�ำ นวยการศูนยธ์ รรมศาสตร์ ธรรมรักษ์
(Thammasat Thammarak Hospice)
ท่ีปรึกษาศูนย์กฎหมายสขุ ภาพและจริยศาสตร์
คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
116 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวัฒนธรรม บดิ าแห่งนติ ิปรัชญาไทย”
คำ�ไว้อาลัย
คนเราโดยท่ัวไป นอกจากจะมีพ่อแม่ให้กำ�เนิด อุปการะเลี้ยงดูและให้การ
ศึกษาในวัยเยาว์แล้ว ยังมีครูบาอาจารย์รับช่วงภารกิจนี้สืบต่อมาเมื่ออยู่ในวัยศึกษา
เลา่ เรียน ซง่ึ โบราณถอื กันวา่ ท่านเหลา่ นั้นเปน็ พอ่ แม่คนท่สี องของเรา แต่ในวงวชิ าการ
นักวิชาการแต่ละคนยังมีผู้ให้กำ�เนิดทางวิชาการอีกท่านหนึ่ง ศาสตราจารย์ปรีดี
เกษมทรัพย์ คือ “บิดาทางวิชาการ” ของผม ท่านไม่เพียงแต่ถ่ายทอดองค์ความรู้
ทางกฎหมายให้ผม แนะนำ�หนังสือให้อ่านเท่านั้น หากแต่ยังปลูกฝังจิตวิญญาณ
นักวิชาการใหด้ ว้ ย ทา่ นกล่าวยำ้�กบั ผมอยเู่ นอื งๆ ว่า กฎหมายก็มีไวยกรณเ์ ชน่ เดยี ว
กับภาษา คนเราอาจใช้ภาษาสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างดี โดยเฉพาะภาษาแม่ แต่ไม่
อาจพัฒนาถ้อยคำ�สำ�นวนให้สละสลวยงดงามได้โดยปราศจากความรู้และความเข้าใจ
ไวยกรณ์แห่งภาษานั้นๆ นักกฎหมายอาจอ่านและจดจำ�กฎหมายได้มากมาย แต่ไม่
อาจพัฒนาทักษะในการตีความกฎหมายและใช้บังคับกฎหมายได้อย่างสมเหตุสมผล
และยุติธรรมได้โดยปราศจากความรู้และความเข้าใจไวยากรณ์ของกฎหมาย โดยส่ิงที่
ท่านเรียกว่า “ไวยากรณ์ของกฎหมาย” (Grammar of Law) แท้ที่จริงแล้วก็คือ
ข้อความคิดและหลักการพ้ืนฐานของกฎหมายและนิติวิธีซ่ึงท่านทุ่มเทสอนศิษย์อย่าง
ไม่รู้จกั เหน็ดเหนอ่ื ย ในวชิ ากฎหมายแพ่ง : หลักทวั่ ไปกบั วิชานิติปรชั ญา ตลอดชวี ิต
ท่านนนั่ เอง
ขอให้บุญกุศลที่เกิดจากคุณูปการท่ีท่านอาจารย์มีต่อวงการนิติศาสตร์ไทย
จงนอ้ มนำ�ดวงวญิ ญาณไปส่สู ุขคตใิ นสัมปรายภพด้วยเทอญ
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.วรพจน์ วิศรตุ พิชญ์
ศาสตราจารย์ ในสาขากฎหมายมหาชน คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
รองประธานศาลปกครองสูงสุด
117
คำ�ไวอ้ าลยั
ก่อนอื่นผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซ้ึงต่อครอบครัวศาสตราจารย์
ดร.ปรดี ี เกษมทรัพยไ์ ว้ ณ ท่นี ้ใี นบรรดานักวชิ าการไทยในปัจจุบนั คงมไี ม่ก่คี นทรี่ ้จู ัก
ศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์ ตั้งแตส่ มัยทที่ า่ นยังเรยี นหนังสืออยู่ สว่ นใหญจ่ ะ
มาพบท่านภายหลังท่ีท่านกลับมาเมืองไทยและมาเป็นอาจารย์ประจำ�เพ่ืออุทิศชีวิต
ใหแ้ กว่ ชิ าการอย่างเต็มท่ีท่คี ณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตรแ์ ลว้
ผมพบอาจารยป์ รดี ี เกษมทรพั ย์ สมยั ทท่ี า่ นก�ำ ลงั ท�ำ วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาเอก
ทางกฎหมายที่มหาวิทยาลัยบอนน์ ซึ่งก็เป็นมหาวิทยาลัยเดียวกันกับมหาวิทยาลัยที่
คุณพ่อผมเรียนมาก่อน คุณพ่อผมจึงได้ปูทางให้ผมเรียนกฎหมายที่เยอรมันต้ังแต่ผม
ยังอยู่โรงเรียน และโดยท่ีผมสำ�เร็จจากทั้งโรงเรียนเยอรมันและโรงเรียนอเมริกันอีก
ต่างหาก การสนทนากับท่านอาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์เก่ียวกับประวัติศาสตร์สากล
ปรัชญาขัน้ พื้นฐาน ภาษาและวฒั นธรรมของประเทศตา่ งๆ จงึ เปน็ ไปอยา่ งราบรืน่ แต่
ผมจะไมม่ วี นั ลืมวันทท่ี า่ นหยิบหนังสือของ Immanuel Kant มาอ่านใหผ้ มฟงั เรานง่ั
ถกกนั เป็นเวลาหลายชวั่ โมง จนถงึ บัดน้ี ผมยอมรบั ว่ายังไม่คอ่ ยจะเขา้ ใจความคดิ ของ
นักปราชญ์ผู้นี้อย่างลึกซึงเท่าใดนัก ท่านจะกล่าวอยู่เสมอว่าการเข้าใจความคิดและ
กฎหมายของเยอรมันหรือของประเทศอ่ืนใดก็ตามอย่างลึกซึ้งเราจะต้องเข้าใจภาษา
และวฒั นธรรมของเขาเปน็ อยา่ งดเี สียกอ่ น แลว้ ถงึ กบั มาปรับความรู้ใหเ้ ข้ากบั สังคมเรา
ตามความเหมาะสมได้ ซงึ่ เรอื่ งนีท้ ่านอาจารย์ ปรีดี เกษมทรพั ย์ สามารถทำ�ได้ดีมาก
โดยเฉพาะอย่างย่งิ ถ้าเปน็ เรอื่ งของการปฏริ ูปการศึกษาวิชากฎหมายในประเทศไทย
เยอรมนีในสมัยที่ผมรู้จักกับอาจารย์ ปรีดี เกษมทรัพย์ ยังถูกแบ่งออกเป็น
สองประเทศในยุคสงครามเย็น ส่วนท่ีเราอยู่กันนั้นเรียกกันอย่างง่ายๆ ว่าเยอรมัน
ตะวันตกซึ่งเป็นรัฐด่านหน้าในการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ เยอรมันตะวันตกตอนน้ัน
118 “ปรีดี เกษมทรัพย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแหง่ นติ ิปรัชญาไทย”
กำ�ลังต่อสู้กับการแผ่ขยายอำ�นาจคอมมิวนิสต์ แต่เขาใช้วิธีต่อต้านโดยให้ความรู้แก่
ประชาชนเป็นหลกั การเอาเรื่องโฆษณาชวนเชอื่ มายดั เยยี ดให้แก่ประชาชนก็อาจจะมี
บ้าง แต่ก็ไม่มากนักเม่ือเทียบกับประเทศไทย เพราะเขาถือว่าประชาชนของเขา
สามารถใช้สติปัญญาได้ ท่านอาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์ทราบว่าผมเคยอ่าน Karl
Marx มาก่อนเช่นเดียวกันกับเด็กนักเรียนมัธยมเยอรมันทุกคน จึงได้ให้ผมอ่านเร่ือง
The Open Society and Its Enemies โดย Karl Popper เพ่ือท่ีจะให้ผมเข้าใจ
ความคิดท่ีหลากหลายและตรงกันข้าม “อ่าน Marx อย่างเดียวไม่พอจะต้องอ่าน
Friedrich Hegel ซึง่ เป็นอาจารย์ของ Marx อกี ทหี นงึ่ ” อาจารยป์ รีดกี ลา่ วย�ำ้ เพอ่ื ให้
ผมจะได้เขา้ ใจวธิ คี ดิ แค่นน้ั ยังไมพ่ อ ทา่ นยังให้ผมกลบั ไปอา่ นปรชั ญากรกี อกี ดว้ ยเพ่ือ
ผมจะไดท้ ราบตน้ ตอ่ ของความคดิ ตอนนนั้ ผมเพงิ่ จะสำ�เรจ็ จากคอรส์ เตรยี มมหาวทิ ยาลยั
และกำ�ลังเรียนกฎหมายตามหลักสูตรของคนเยอรมัน แต่ไม่ได้ทำ� Staatsexamen
เพราะไม่ไดม้ งุ่ ทีจ่ ะประกอบวชิ าชีพในเยอรมัน
การสนทนาระหว่างผมกับท่านอาจารย์ปรีดีได้ดำ�เนินไปในลักษณะคุยกัน
อย่างฉันท์มิตรเป็นเวลาหลายปี โดยผมจะเป็นฝ่ายฟังเสียส่วนใหญ่ หลายเร่ืองก็จะ
เป็นเร่ืองของกฎหมายไทย ทำ�ให้ผมได้เข้าใจกฎหมายไทยในระดับหน่ึงโดยมีครูสอน
พิเศษเกือบทุกวัน
บางคร้ังท่านอาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์กับผมจะมาน่ังอ่านหนังสือด้วยกัน
โดยเฉพาะในชว่ งทที่ ่านพอมีเวลาว่างระหวา่ งชั่วโมงสอนสมยั ทีท่ ่านเปน็ คณบดี ความ
สุขของท่านคือการได้อ่านหนังสือดีๆ แต่ก็มีเหมือนกันท่ีท่านยืมหนังสือจากห้องสมุด
ส่วนตัวของท่านอาจารย์ หยุด แสงอุทัย มาอ่าน ส่วนใหญ่ท่านจะแนะนำ�ให้ผมอ่าน
มากกว่า ไมว่ ่าจะเรื่องวรรณกรรมของ Pearl S. Buck เรอ่ื ง The Good Earth หรอื
Red Star over China โดย Edgar Snow เป็นตน้ เมอื่ พดู ถึงเร่ืองจนี นั้น ทา่ นเคย
กลา่ วอย่างหนักแนน่ อยู่เสมอว่า การที่ไตห้ วนั และญปี่ ่นุ สามารถสร้างประเทศภายหลัง
สงครามได้นั้นเพราะเหตุว่าประเทศเหล่าน้ันได้แปลตำ�ราหลักๆ ของฝร่ังตั้งหลัง
สงครามโลกสน้ิ สดุ ลงใหมๆ่ ซง่ึ เปน็ เรอ่ื งทต่ี า่ งกบั กรณขี องไทยเพราะแมแ้ ตต่ �ำ ราพน้ื ฐาน
เรายงั ไมค่ อ่ ยจะมกี นั ขอกลา่ วเสรมิ ดว้ ยวา่ จนกระทงั่ ทกุ วนั นปี้ ระเทศไทยยงั ไมม่ หี นงั สอื
119
วิจารณ์ตัวบทกฎหมายในความหมายของฝรั่ง ในขณะที่ชาวยุโรป ไม่ว่าจะเป็น
ชาวเยอรมัน อติ าลี หรือฝร่งั เศสเปน็ ตน้ ได้เรมิ่ ท�ำ ต�ำ ราวจิ ารณต์ ัวบทกฎหมายต้งั แตใ่ น
ยุคกลางเป็นต้นมา หรือกล่าวอีกนัย ตอนน้ันเรายังไม่ได้ย้ายเมืองหลวงไปอยุธยา
ด้วยซ�ำ้ ไป
ในระหว่างท่ีผมยังเรียนกฎหมายที่เยอรมัน ท่านอาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์
ได้กรุณาเขียนจดหมายมาถึงผมเป็นครั้งคราว แนะการศึกษาและลู่ทางในการขอทำ�
วทิ ยานพิ นธ์ และในท่ีสุดท่านก็เชิญให้ผมมาร่วมสอนและช่วยปรับปรงุ คณะนิติศาสตร์
คร้ังเมื่อท่านดำ�รงตำ�แหน่งเป็นคณบดี ตอนน้ันทีมงานของท่านมีอยู่ด้วยกันสามคนท่ี
เปน็ หลกั คือท่านเอง อาจารย์รองพล เจริญพันธุ์ และผม อาจารย์รองพล เพงิ่ ส�ำ เร็จ
PhD ทางกฎหมายจากออสเตรเลยี เขยี นวิทยานิพนธม์ หมึ าหลายร้อยหนา้ หลายตอน
เปน็ เรอื่ งเกย่ี วกบั ววิ ฒั นาการของกฎหมายเยอรมนั ผมไดอ้ า่ นบางสว่ นดว้ ยความประทบั
ใจเพราะอาจารย์รองพลจะทราบเร่ืองความเป็นมาของกฎหมายเยอรมันดีกว่าผมมาก
อาจารย์รองพลจึงเป็นอาจารย์ท่ีท่านอาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์ ต้องการสำ�หรับการ
พัฒนาคณะนิติศาสตร์ ส่วนเร่ืองศิลปะในการถ่ายทอดวิชาการให้แก่นักศึกษา ผมขอ
ยกนิ้วให้ท่านอาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์ ผมฟังท่านพูดเรื่องนิติปรัชญาเป็นร้อยครั้งก็
ยังไมเ่ คยรสู้ ึกเบ่ือเลย
ทา่ นอาจารย์ปรีดี เกษมทรพั ย์ ตอ้ งการให้คณะนติ ศิ าสตร์ ของธรรมศาสตร์
เปน็ เลิศในทางวิชาการ จงึ ได้วางหลกั สูตรใหม่สำ�หรับระดบั ปริญญาโท ทา่ นจะบน่ กับ
ผมเป็นประจำ�ว่าคนไทยไม่ค่อยอ่านหนังสือกัน วารสารดีๆ อย่าง Harvard Law
Review ทศ่ี าลไมม่ ีใครอา่ นกันซกั คนหนึง่ เรือ่ งนเี้ ราจะต่างกับฝรง่ั กันมากซ่ึงเมอื่ เขามี
โอกาสได้เขา้ ฟังสัมมนาท่มี ี professor ดงั ๆ มาพูด เขาก็จะแย่งกันเขา้ ฟังด้วยซ�้ำ ไป
ปริญญาโทหลักสูตรใหม่ที่ท่านอาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์ ได้กำ�หนดขึ้นมา
นั้น เต็มไปด้วยวิชาพื้นฐานท่ีนักศึกษาจะต้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ภาษา
ฝร่ังเศส ปรัชญา ประวัตศิ าสตร์ โดยวชิ าเหลา่ นนั้ นกั ศึกษาปรญิ ญาโทหลกั สูตรใหมจ่ ะ
ตอ้ งสอบผ่านก่อนถึงจะมีสิทธเิ รยี นวิชาทางกฎหมายได้ อาจารยร์ องพล สอนกฎหมาย
แพ่ง ผมสอนกฎหมายระหว่างประเทศ และช่วยท่านอาจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม สอน
120 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บิดาแห่งนิตปิ รชั ญาไทย”
รฐั ธรรมนญู สว่ นทา่ นสอนนติ ปิ รชั ญาและวชิ าอนื่ ๆ อกี มากมาย ผลปรากฏวา่ ผทู้ ส่ี �ำ เรจ็
ปริญญาโทตามหลักสูตรดังกล่าวนี้มีไม่มากเพราะนอกจากยากแล้วยังจะต้องใช้เวลา
นานมากอีกด้วย แต่ผู้ท่ีสำ�เร็จก็จะมีความรู้ดีมาก สามารถต่อต่างประเทศได้โดยตรง
อย่างไมม่ ีปัญหา
มาถงึ ตรงนผี้ อู้ า่ นอาจสงสยั วา่ เหตใุ ดผมจงึ ใชช้ อื่ เตม็ เมอ่ื กลา่ วถงึ ทา่ นอาจารย์
ปรีดี เกษมทรัพย์ นั่นก็เป็นเพราะนอกจากจะเป็นหลานปู่ของท่านอาจารย์ปรีดี
พนมยงค์ แล้ว ผมยังมีฐานะเป็นลูกศิษย์ของท่านผู้ประศาสน์การโดยปริยายด้วย
โดยเคยช่วยคุณปู่ปรีดีทำ�งานเป็นเวลาหลายปีในระหว่างที่ท่านอยู่ฝรั่งเศสและผมเป็น
นักศึกษากฎหมายท่ีเยอรมัน ผมจะไปเย่ียมคุณปู่ปรีดีเกือบทุกเดือน เพราะตอนเป็น
นักศึกษานั้น ผมเรียนไปด้วย ทำ�งานไปด้วย ก็เลยมีเงินพอสำ�หรับค่าเดินทางไป
ฝร่ังเศสช่วงสุดสัปดาห์ ภรรยาผมก็อยู่ฝรั่งเศส ท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ กับท่าน
อาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์ มอี ุดมการณท์ ่ไี มต่ า่ งกันในสาระสำ�คญั โดยอาจตา่ งกนั บ้าง
ในบางจุดหรือบางประเด็นซ่ึงเป็นเร่ืองปกติธรรมดา อย่างไรก็ดี โดยภาพรวมท่านทั้ง
สองมคี วามเช่ือม่ันในระบอบประชาธปิ ไตย และ rule of law เร่อื งนี้ไมม่ ใี ครสามารถ
ปฏิเสธได้อยา่ งแน่นอน
หลงั จากเกษียณอายรุ าชการ ผมได้พบเหน็ คณะนิตศิ าสตรท์ ่เี ปล่ียนแปลงไป
ทา่ นอาจารย์ปรดี ี เกษมทรัพย์ ไดว้ างรากฐานเก่ียวกับการสร้างอาจารย์ไว้เป็นอยา่ งดี
เสียดายท่ีท่านอาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์ ไม่ได้มีโอกาสเห็นสถาบัน CPG ท่ีลูกศิษย์
ของทา่ นไดม้ สี ว่ นรว่ มในการก่อต้งั และพฒั นา ทา่ นอาจารย์ปรีดี เกษมทรพั ย์ คงภมู ใิ จ
อยา่ งยงิ่ หากทราบวา่ บัดนสี้ ถาบันดังกลา่ วไดก้ ลายเปน็ think tank ท่ดี ีท่ีสุดในภูมิภาค
นกี้ ว็ า่ ได้
ขอให้ดวงจิตวิญญาณของท่านปรีดี เกษมทรัพย์ ไปสู่สุขคติในสัมปรายภพ
เทอญ
วรวิทย์ กนษิ ฐะเสน และครอบครัว
121
ส�ำ นักคือสำ�นกึ
ศิษย์ของอาจารยป์ รีดี เกษมทรัพย์ กล่าวเสมอว่า ทา่ นสอนให้เปน็ มากกว่า
“นักกฎหมาย” แต่ให้เป็นผู้ใส่ใจและรอบรู้ในศาสตร์ต่างๆ และใช้ความสนใจและ
ความรอบรนู้ นั้ มาสรา้ งวชิ ากฎหมายทไ่ี มถ่ กู จ�ำ กดั ดว้ ยการเกาะตามตวั บท นกั กฎหมาย
ไทยมักจะถูกคนนอกกล่าวหาอยู่บ่อยครั้งว่า ขาดความเข้าใจในวิถีท่ีแท้จริงของสังคม
และขาดมนษุ ยธรรมนยิ ม และยง่ิ ไปกวา่ นน้ั ไมใ่ สใ่ จทจี่ ะคดิ เปน็ ปรชั ญา ถา้ จะกลา่ วตาม
หลักของปราชญ์ชาวฝร่ังเศส มองเตสกิเยอ ก็คงจะเป็นว่า ไปไม่ถึง “วิญญาณของ
กฎหมาย” อาจารยป์ รดี ี และศษิ ยข์ องทา่ นพยายามพฒั นาวชิ ากฎหมายใหพ้ น้ ขอ้ จ�ำ กดั
ดงั กลา่ ว การสรา้ งส�ำ นกึ มใิ ช่เปน็ การรวมตัวกนั เปน็ กลมุ่ ทางวิชาการที่ประทบั แบรนดงิ
ให้แกต่ นเองและไมย่ อมฟังใคร แต่เปน็ การสร้างสำ�นกึ ร่วมกันในเชิงลกึ ว่า วชิ าของตน
เปน็ อย่างไรและจะด�ำ เนนิ ไปบนรากฐานแหง่ ความตนื่ รู้ทางปญั ญาไดอ้ ย่างไร
ถ้าถามคนท่ีไม่ได้เรียนกฎหมายอย่างผมว่า ผมรู้จักอาจารย์ปรีดีในแง่ไหน
ผมก็คงจะต้องตอบจากประสบการณ์ส่วนตน ผมเรียนหนังสือที่เยอรมนีในเวลาที่ใกล้
เคียงกับท่าน แม้ว่าจะอ่อนวัยกว่าท่านร่วมทศวรรษ เพราะท่านไปศึกษาที่สหรัฐฯ
ก่อนทจ่ี ะตดั สินใจไปฝากตัวเป็นศิษย์เยอรมนั ลูกศษิ ย์ของทา่ นหลายคนบอกกับผมวา่
ท่านแนะนำ�ให้พวกเขาอ่านหนังสือที่ผมเขียนตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี เพราะจะได้
เขา้ ใจวา่ ความรใู้ นสาขาอน่ื เออื้ ประโยชนต์ อ่ การเรยี นกฎหมายอยา่ งไร ผมคงตอบแทน
พวกเขาไม่ได้ว่าเขาเช่ือมโยงวิชาการด้านมนุษยศาสตร์และศิลปะที่ผมสนใจน้ันเข้ากับ
วิชากฎหมายอย่างไร
สำ�หรับความสัมพันธ์ส่วนตัวกับอาจารย์ปรีดีนั้น ผมคงต้องกล่าวว่าท่านให้
ความเมตตาต่อผมมาก ครั้งหน่ึงผมบรรยายพิเศษที่มหาวิทยาลัยศิลปากร นครปฐม
122 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแหง่ นิติปรัชญาไทย”
ทา่ นลงแรงขึน้ รถจากกรุงเทพฯ ไปฟังผมถงึ ท่ีนัน่ โดยท่ีผมไม่ไดเ้ ชิญท่าน จะไมใ่ ห้ผม
ภมู ิใจไดอ้ ยา่ งไรว่า “เจา้ ส�ำ นกึ ” จากทา่ พระจันทร์เดนิ ทางมามหาวิทยาลัยใกลเ้ ล้าหมู
ท่ีหลังพระเจดีย์เพื่อเรียนรู้จากเรา ในทางท่ีกลับกัน เม่ือผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือ
ดา้ นนติ ปิ รชั ญาทท่ี า่ นมอบใหผ้ ม ผมกส็ �ำ นกึ ขน้ึ มาไดว้ า่ วชิ าการทแี่ ทจ้ รงิ ไมม่ พี รมแดน
เราเรียนรู้จากกันได้ตลอดเวลา การปลุกสำ�นึกอาจเป็นกิจที่สำ�คัญไม่น้อยกว่าการ
ถา่ ยทอดเน้ือหาเสยี ด้วยซำ้�
ผมคบหาสมาคมกับศิษย์ของอาจารย์ปรีดีหลายคน ผมช่ืนชมความเป็นคน
ช่างคิดของพวกเขา แม้จะมีแกนกลางทางความคิด แต่ครูผู้ประเสริฐก็ส่งเสริมให้เขา
เปน็ ตวั ของตัวเอง บางครงั้ เขาปะทะกันเองในทางความคิด ในท่สี าธารณะเสยี ดว้ ยซ้ำ�
แต่ “ศษิ ยป์ รีด”ี คือผ้ทู ี่มีวฒั นธรรมแหง่ การวจิ ารณ์ พูดแบบคนโบราณกค็ งจะเปน็ ว่า
ครูเขาสอนมาดี
ผมไมเ่ คยลืมอาจารย์ปรดี ี และก็จะไม่มวี ันลืมท่าน
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เจตนา นาควชั ระ
123
124 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวัฒนธรรม บิดาแห่งนติ ปิ รชั ญาไทย”
จติ วญิ ญาณทางนติ ิศาสตรข์ อง
ศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์
จะไม่มวี ันตาย
การจากไปของทา่ นศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์ นกั กฎหมายทย่ี งิ่ ใหญ่
ของวงการนิติศาสตร์ไทย ไม่เพียงสร้างความอาลัยกับคนในครอบครัวและญาติมิตร
เท่าน้ัน แต่ยังรวมไปถึงลูกศิษย์และคนในแวดวงกฎหมายโดยทั่วไปที่ได้สัมผัส
คุณูปการในทางกฎหมายของท่านด้วย เพราะเหตุท่ีท่านเป็นอาจารย์กฎหมายคน
ส�ำ คญั ผูบ้ กุ เบกิ และสร้างมิตใิ หม่ของการศึกษากฎหมายในประเทศไทย
การชีใ้ ห้เหน็ ว่ากฎหมายน้นั มชี ีวิต กฎหมายไมใ่ ชเ่ พียงหลกั เกณฑต์ ัวอกั ษร
ทใ่ี ครจะไปแปลความกนั ตามหลกั ภาษาหรอื วา่ ตามผมู้ อี �ำ นาจกนั แบบงา่ ยๆ หากแตต่ วั
บทกฎหมายล้วนซ่อนหลักเหตุผล หรือนิติวิธี (juristic method) เคล็ดวิชาท่ีท่าน
อาจารย์ได้ให้ไว้เป็นการยกระดับวิชานิติศาสตร์ของไทยให้เป็นศาสตร์ชั้นสูง เสมือน
การประดบั แหวนด้วยอญั มณีท่ีมคี ่า ท�ำ ให้พวกเราไม่ใช่ “นักนติ ิอักษรศาสตร”์ หรอื
“คนเกง่ ทอ่ งจำ�ค�ำ พิพากษาฎกี า” หากแต่เปน็ นกั กฎหมายผูท้ รงภมู ปิ ัญญา และเปน็
“ผธู้ ำ�รงไว้ซึง่ ความยุติธรรม” ท่ีสงั คมจะขาดเสียมไิ ด้
ศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์ เป็นแบบอย่างของ “ครกู ฎหมาย” เปน็
นักวิชาการที่มีความรักให้กับการศึกษาค้นคว้า และเป็นอาจารย์ท่ีซื่อสัตย์กับวิชาการ
ท่านอาจารย์มักบอกให้พวกเราเป็นนักศึกษากฎหมายที่ไม่หยุดอยู่กับที่ หากแต่จะ
ต้องขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอเพ่ือให้สามารถใช้สติปัญญาแสวงหาความ
ยตุ ธิ รรมใหแ้ กส่ งั คมได้ ทา่ นย�ำ้ ไมใ่ หน้ กั กฎหมายละเลยความส�ำ คญั ของตวั บทกฎหมาย
ตอ้ งสนใจอ่านคำ�พิพากษาฎกี า และฉลาดในการเลือกสรรเอกสารวชิ าการท่ีควรคา่ แก่
การศกึ ษา เพื่อไม่ใหห้ ลงอยูใ่ นวงั วนของความไม่รทู้ ่ีปะปนอยทู่ ่วั ไปในโลกของวิชาการ
อีกดว้ ย ทา่ นอาจารยจ์ ึงใชค้ �ำ ว่านกั กฎหมายตอ้ งรู้จัก “ขยายพรมแดนของความร”ู้
125
ออกไปเรือ่ ยๆ ตอ้ งเปน็ นกั กฎหมายทกี่ ระชมุ่ กระชวย เปน็ หนุ่มเป็นสาวอยู่เสมอ ไมว่ า่
จะอยู่ในช่วงวัยหรือสถานะทางการงานอย่างใด หากสังขารยังสู้ไหวจะต้องไม่หยุด
ความกระหายใครร่ ู้ในกฎหมาย ดงั ทีม่ ีการกลา่ วกนั ว่า “นักกฎหมายจะต้องแตง่ งาน
กบั วชิ าการโดยไมย่ อมหยา่ ”
ในฐานะท่ีเป็นศิษย์เก่าของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มี
โอกาสได้รับการอบรมสงั่ สอนจากท่านศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ผมเชื่อวา่
คนทเ่ี ปน็ ลกู ศษิ ยข์ องทา่ นอาจารยไ์ ดส้ มั ผสั ทง้ั ความแหลมคมลกึ ซงึ้ ของวชิ าความรทู้ าง
นิติศาสตร์และแบบอย่างของการเป็นนักวิชาการและครูกฎหมายที่เข้มแข็งมั่นคงใน
คุณธรรมแห่งความบริสุทธิ์ยุติธรรม และด้วยความระลึกในพระคุณของท่านอาจารย์
ผมขอใช้โอกาสนี้เป็นตัวแทนของลูกศิษย์ แสดงความคารวะและเทิดพระคุณของท่าน
ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ท่ีได้ทุ่มเทกายใจสรรคส์ รา้ งวชิ าความรแู้ ละพฒั นา
วงการกฎหมายไทยให้เจรญิ ทัดเทยี มนานาอารยประเทศ
วันน้ีท่านศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ได้จากพวกเราไปอย่างไม่มี
วันกลับแล้ว แต่การจากไปของท่านอาจารย์เป็นเพียงการละซึ่งสังขาร ในขณะท่ีจิต
วิญญาณทางนิติศาสตร์ของท่านอาจารย์ยังคงอยู่ จึงเป็นภาระหน้าท่ีของพวกเราท่ีจะ
สบื ทอดจติ วญิ ญานนใ้ี หค้ งอยใู่ นวงการนติ ศิ าสตรต์ อ่ ไป และหากดวงวญิ ญาณของทา่ น
อาจารยส์ ามารถทราบด้วยญาณวิถใี ดก็ตาม ขอไดโ้ ปรดรบั รวู้ ่าพวกเราศิษยน์ ิตศิ าสตร์
ธรรมศาสตร์ ขอยนื ยนั ทจี่ ะสบื ทอดปณธิ านของทา่ นอาจารยใ์ นการพฒั นาวชิ านติ ศิ าสตร์
ทที่ ่านอาจารย์ได้วางรากฐานไว้ให้ก่อดอกออกผลแผไ่ พศาลกวา้ งไกลมากย่ิงขน้ึ สบื ไป
ด้วยอานิสงส์ของคุณพระรัตนตรัย ตลอดจนคุณความดีและบุญกุศลที่ท่าน
อาจารยไ์ ดบ้ �ำ เพญ็ มาตลอดชวี ติ ขอจงเปน็ แรงหนนุ น�ำ ดวงวญิ ญาณของทา่ นศาสตราจารย์
ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ อันเป็นที่รักย่ิงของพวกเรา ไปสู่ความสุขสงบในสัมปรายภพ
ด้วยเทอญ
ศาสตราจารย์ ดร.อดุ ม รัฐอมฤต
คณบดีคณะนิติศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
126 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวัฒนธรรม บดิ าแห่งนิตปิ รชั ญาไทย”
ระลกึ ถึงศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์
ทเี่ คารพรกั
เมื่อกล่าวถึงศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ดิฉันระลึกถึงบทเรียน
ทสี่ �ำ คัญ ๓ เรอื่ งท่ีทา่ นให้ไว้
เร่ืองแรก คือ การให้ความสำ�คัญต่อการศึกษากฎหมายตามแบบภาคพ้ืน
ยุโรป ซึ่งเน้นเน้ือหาวิชาท่ีศึกษาถึงหลักกฎหมายท่ัวไป ประวัติศาสตร์กฎหมายและ
ปรชั ญาของกฎหมายในหลกั สตู รทงั้ ระดบั ปรญิ ญาตรี และปรญิ ญาโทของคณะนติ ศิ าสตร์
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ โดยทา่ นไดว้ างแนวทางใหอ้ าจารยใ์ นคณะนติ ศิ าสตรไ์ ปศกึ ษา
กฎหมายในประเทศต่างๆ ของภาคพน้ื ยุโรป ซึง่ ตัวดิฉนั เองก็เปน็ ผลผลติ หนึ่งทไี่ ด้รับ
แรงบันดาลใจจากท่าน จึงได้ไปศึกษากฎหมายเอกชนที่ประเทศฝร่ังเศส และได้ทำ�
วิทยานิพนธ์ที่เก่ียวกับหลักกฎหมายพ้ืนฐานในเรื่องการตีความสัญญา ซึ่งดิฉันได้นำ�
ความร้ไู ปสอนและเผยแผ่ในงานวชิ าการภายหลังสำ�เร็จการศกึ ษา
เรอ่ื งที่ ๒ คอื การใหค้ วามส�ำ คญั ในการบรหิ ารงานศกึ ษารว่ มกบั มหาวทิ ยาลยั
ชน้ั นำ�ในต่างประเทศ โดยการท�ำ โครงการความรว่ มมือทางนิตศิ าสตร์กบั มหาวทิ ยาลัย
ต่างประเทศ การเชิญอาจารย์ชาวต่างประเทศมาบรรยายพิเศษในช้ันปริญญาโท
ดฉิ นั ไดม้ ปี ระสบการณเ์ รยี นรจู้ ากทา่ นตามแนวทางนด้ี ว้ ย เมอ่ื ตอนเชญิ อาจารยท์ ปี่ รกึ ษา
ของตนเอง (Prof. Michel Borysewicz) ซ่งึ มตี �ำ แหน่งเปน็ ผู้อ�ำ นวยการการศึกษา
กฎหมายสาขากฎหมายเอกชนของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย Aix -Marseille
ประเทศฝรั่งเศส ให้มาบรรยายพิเศษ ท้ังนี้ดิฉันต้องรับผิดชอบท้ังเร่ืองการติดต่อ
ประสานงาน การก�ำ หนดและจดั เตรยี มงบประมาณการเดนิ ทาง คา่ ทพ่ี กั และคา่ สมนาคณุ
ตลอดจนการดแู ลรับรองอาจารยท์ ่ีปรกึ ษาในการบรรยาย การพาไปทศั นศกึ ษา เท่ียว
ชมสถานทส่ี �ำ คญั ในกรงุ เทพ และตา่ งจงั หวดั โดยทกุ ขนั้ ตอนการท�ำ งานครง้ั นน้ั ดฉิ นั ได้
127
ดำ�เนินการไปโดยมีท่านคอยให้คำ�แนะนำ� ทำ�ให้อาจารย์ที่ปรึกษาของดิฉันมีความ
ประทับใจท่ีได้รับการต้อนรับอย่างดีและอบอุ่นใจท่ีได้มาประเทศไทย และอาจารย์ท่ี
ปรกึ ษาของดฉิ ันไดก้ ลา่ วชื่นชมความปรีชาสามารถและความร้ขู องทา่ นอย่างมาก
เรื่องท่ี ๓ คือ การให้ความสำ�คัญต่อครอบครัว ในฐานะท่ีดิฉันเป็นหลาน
เนอ่ื งจากทา่ นแตง่ งานกบั คณุ องั คนาซงึ่ เปน็ นา้ ของดฉิ นั ทา่ นเปน็ ญาตผิ ใู้ หญท่ คี่ รอบครวั
ของดิฉันให้ความเคารพนับถือ และท่านยังได้ให้เกียรติและยินดีเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง
ในงานสมรสของดฉิ นั กบั อาจารย์จตุรนต์ ถิระวฒั น์ ท่านไดส้ อนดิฉนั ว่า “ครอบครัวมี
ความส�ำ คัญตอ่ สังคม ครอบครัวดี แข็งแรง สังคมก็จะดแี ละแข็งแรงดว้ ย” “คนดีๆ มา
อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวดี ทำ�ให้ครอบครัวมีสมาชิกท่ีดี” เมื่อลูกของดิฉันเรียนจบ
กฎหมาย ทา่ นกช็ มเชยโดยกล่าวว่า
“ดีมาก สมกับเปน็ ตระกูลนักกฎหมายโดยแท”้
เร่ืองท่ีกล่าวมาข้างต้นถือเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่าซ่ึงจะอยู่ในความทรงจำ�
อนั มเิ สอ่ื มคลายของดฉิ นั และสามี ศาสตราจารย์ ดร.จตรุ นต์ รวมทงั้ ลกู ทงั้ สาม จฑุ ามาศ
- ฐิติพฒั น์ - วรนุช ด้วยความเคารพรักและสำ�นกึ ในพระคุณตลอดไป
ศาสตราจารย์ ดร.ดาราพร ถริ ะวัฒน์
128 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวัฒนธรรม บดิ าแหง่ นิตปิ รัชญาไทย”
ปรีดี เกษมทรัพย์ :
ครูผขู้ ดี เส้นใต้หา้ ร้อยเส้นใหศ้ ิษย์
ผมรจู้ ักอาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์ ครง้ั แรกราวปี พ.ศ. ๒๕๒๒ เมือ่ ผมเรียน
วชิ ากฎหมายแพง่ หลกั ทว่ั ไปในชน้ั ปที ี่ ๒ ของคณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
แม้ผมจะเข้าเรียนบ้างไม่เข้าเรียนบ้าง แต่ก็รู้ว่าอาจารย์คนน้ีเป็นอาจารย์ผู้ใหญ่ ดูจาก
อายุ ดูจากการแต่งตัวที่ใส่เส้ือนอกผูกเนคไทเข้าสอน เรียกว่าเนี๊ยบน่าเกรงขาม ยิ่ง
เนอ้ื หาของวชิ ากย็ งิ่ ไมต่ อ้ งพดู ถงึ เพราะพดู ถงึ หลกั กฎหมาย การใชก้ ารตคี วามกฎหมาย
ทงั้ ในประเทศ common law และ Civil law ไลต่ งั้ แตส่ มยั กรกี โรมนั องั กฤษ เยอรมนั
ฝรงั่ เศส ฯลฯ จนวชิ านไ้ี ดร้ บั การขนานนามจากพวกเราว่าวิชา “แพ่งท่วั โลก”
ผมเร่ิมตน้ กบั อาจารย์ปรีดีไมด่ นี กั เพราะคะแนนทไี่ ด้วิชานไ้ี มถ่ งึ ๖๐ จงึ ต้อง
ไปสอบซ่อมใหม่ แตเ่ นื้อหาวชิ าก็ดูกวา้ งขวางเสยี เหลือเกนิ จนไม่ร้จู ะดูให้ครบถว้ นได้
อย่างไร ผมจงึ เรยี นทางลดั ด้วยการชวน ผศ.ดร.เอกบุญ วงศ์สวสั ด์ิกลุ ซ่ึงเรยี นหนังสือ
และตกดว้ ยกนั ไปขอพบอาจารยป์ รดี ี เพอื่ ขอค�ำ แนะน�ำ ในการท�ำ ขอ้ สอบ อาจารยก์ ใ็ จดี
ให้เข้าพบและแนะนำ�เราบางเร่ือง ผลการสอบซ่อมวิชาน้ี ผมจึงสอบซ่อมผ่านด้วย
คะแนน ๘๙ เตม็ ๑๐๐
หลงั จากนัน้ ผมก็ไม่ไดเ้ จออาจารย์ปรดี ีอกี เลย จนเม่ือผมข้ึนปีท่ี ๔ และเข้า
เรยี นวิชานิตปิ รัชญาทอี่ าจารย์ปรีดสี อน ผมเขา้ เรียนนง่ั หน้าชั้นทุกช่ัวโมงและรู้สกึ สนกุ
กับวิชาน้ีมาก เพราะอาจารย์สอนสนกุ มีการเนน้ ย้ำ� ทวนไปมา อะไรทีอ่ าจารยค์ ิดวา่
สำ�คญั อาจารยก์ ็จะบอกวา่ ให้ “ขีดเสน้ ใต้หา้ ร้อยเส้น” เน้อื หาของวิชาน้กี เ็ ป็นเนอื้ หา
ทเี่ ปดิ สมองเราอยา่ งมากมาย เปน็ วชิ ากฎหมายทไ่ี มม่ ตี วั บท แตเ่ ปน็ วชิ ากฎหมายทสี่ อน
ให้เห็นถึงความคิดปรัชญาเบื้องหลังกฎหมาย เรารู้จักแนวคิด Natural law และ
Positivism กใ็ นวชิ านี้ อาจารยส์ อนใหเ้ ราเหน็ การแยกกนั ไมอ่ อกระหวา่ งความยตุ ธิ รรม
129
ความเป็นธรรมและกฎหมาย อาจารย์นำ�แนวคิดของนักปรัชญากฎหมายไม่ว่าจะ
เปน็ Socrates, Plato, Aristotle, Saint Thomas Aquinas, John Locke Thomas
Hobbes, John Austin, Roscoe Pound ฯลฯ มาสอนพวกเรา และประโยคที่ว่า
ขีดเส้นใต้ห้าร้อยเส้นนี้เองท่ีทำ�ให้พวกเราจำ�แนวคิดต่างๆ เหล่าน้ันได้ดี และฝังชิพ
เร่ืองความเป็นธรรมและความยุติธรรมในสมองพวกเรา ผมสนุกกับวิชานี้มากจนสอบ
ได้ ๙๔ คะแนน
เม่อื จบปรญิ ญาตรีเปน็ นติ ิศาสตรบัณฑิตแลว้ ผมสอบเขา้ เรียนปรญิ ญาโทได้
และเจออาจารย์ปรีดีอีกคร้ังในวิชานิติปรัชญาของชั้นปริญญาโท ส่ิงท่ีอาจารย์สอนแม้
อาจคล้ายคลึงกับท่ีสอนในช้ันปริญญาตรี แต่ก็มีความลุ่มลึกและหนักแน่นกว่าเดิม
ท�ำ ใหผ้ เู้ รยี นแตกฉานมากยงิ่ ขน้ึ ไปอกี ผมดม่ื ด่ำ�กบั วชิ าทอี่ าจารยย์ งั เนน้ เรอ่ื งการขดี เสน้
ใตห้ ้ารอ้ ยเส้นนม้ี าก แตก่ ็พบความประหลาดใจเมือ่ ผลของคะแนนประกาศมาว่าผมได้
A จาก ๑๐๐ คะแนนเตม็ อาจารยป์ รดี ีใหผ้ มถงึ ๑๐๕ คะแนน และด้วยเหตนุ ี้กระมงั ที่
รศ.ดร.กิตตศิ ักดิ์ ปรกติ อาจารยผ์ ูช้ ่วยของอาจารย์ปรดี คี นหนึ่งไดต้ ิดตอ่ ใหผ้ มชว่ ยเอา
คำ�ถอดเทปวิชานิติปรัชญาท่ีอาจารย์ปรีดีได้บรรยายไว้หลายคร้ังหลายคราวมาเกลา
ให้เป็นภาษาเขียน ตัดความซับซ้อนออกและตีพิมพ์เป็นหนังสือนิติปรัชญาเล่มแรก
ของอาจารย์ปรดี ี
ผมนกึ วา่ จะไดเ้ จออาจารยป์ รดี ีเท่านนั้ แตก่ ็หาเปน็ เช่นนน้ั ไม่ เม่อื ผมสอบได้
เป็นอาจารย์คณะนติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ คณะกม็ อบหมายใหผ้ มติววิชา
นิตปิ รัชญาท่ีอาจารย์ปรดี ีสอนอยู่ พดู อีกนยั หนงึ่ กค็ อื ให้ผมทำ�หน้าท่เี ปน็ อาจารยผ์ ้ชู ว่ ย
ให้อาจารย์ปรีดี หน้าท่ีหลักของผมก็คือ เม่ือถึงช่ัวโมงนิติปรัชญา ผมจะต้องไปรับ
อาจารยป์ รดี ที หี่ อ้ ง ถอื กระเปา๋ หนงั สดี �ำ หนกั อง้ึ ใหอ้ าจารย์ เดนิ ไปสง่ อาจารยท์ หี่ อ้ ง แลว้
ก็ไปนั่งทา้ ยห้องฟงั อาจารยบ์ รรยาย เพือ่ เอามาตวิ ให้นกั ศึกษาชน้ั นนั้
สมัยนั้นผมชอบอาจารย์แก้วสรร อติโพธิมาก สไตล์การสอนและสไตล์การ
แต่งตัวของอาจารย์แก้วสรรมีความเป็นเอกลักษณ์มาก เวลาสอนกฎหมายปกครอง
อาจารย์ก็มกั จะสอนพวกเราโดยยกตัวอย่างเรอื่ งเอาความรใู้ สไ่ ปในลิ้นชกั แลว้ ถึงเวลา
กเ็ อาออกมาใช้ อาจารย์แกว้ สรรจะแต่งตวั ตา่ งจากอาจารยป์ รีดีมาก คอื จะใสเ่ ส้ือแขน
130 “ปรีดี เกษมทรัพย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแหง่ นติ ปิ รัชญาไทย”
ยาว แตพ่ ับแขนขนึ้ แล้วกไ็ มใ่ สเ่ นคไท ตอนผมติดตามอาจารย์ปรดี ี ผมกน็ กึ ไมถ่ ึงว่า
วันหน่ึงอาจารย์ก็มาบอกผมว่า เป็นอาจารย์ต้องใส่เนคไทนะ ไม่งั้นจะแยกระหว่าง
นักศึกษากับอาจารย์ได้อย่างไร ความจริงสิ่งท่ีอาจารย์เตือนนั้นเป็นความจริงทีเดียว
เพราะตอนผมเป็นอาจารย์ใหม่ๆ อายุอานามผมก็แค่ ๒๓ เอง นักศึกษาปริญญาตรี
ภาคปรกติช้ันปที ี่ ๔ ทเี่ รียนนิตปิ รัชญาก็อายุห่างผมราวปกี วา่ ๆ เทา่ น้นั ไปนัง่ หลงั หอ้ ง
ก็มักมีนักศึกษามาทักเรียกว่าพี่ตลอด ไม่เคยมีใครเรียกว่าอาจารย์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
นักศึกษาปริญญาตรีภาคบัณฑิตที่ส่วนใหญ่อายุมากกว่าผม เพราะจบปริญญาตรีมา
แลว้ ทั้งนน้ั อายสุ ว่ นใหญ่กม็ ากกวา่ ๒๕ ปขี ึน้ ไป ตอนทอ่ี าจารย์เตอื นผม ผมกไ็ มค่ ิดวา่
จะดีกว่าเดมิ อะไรมาก แตก่ ็ท�ำ ตามอาจารยด์ ้วยการเอาเนคไทมาใส่ เมือ่ โตข้นึ ตอนผม
เปน็ ผู้ช่วยอธกิ ารบดขี อง ศ.พิเศษ นรนิติ เศรษฐบตุ ร อาจารยน์ รนิตกิ แ็ นะน�ำ ผมเรื่อง
การแต่งตัวไปงานกลางคืนว่าควรจะใส่เส้ือนอกกับกางเกงสีเดียวกันและควรใส่เสื้อผ้า
สีออกเข้มหรือดำ� ตอนที่อาจารย์นรนิติแนะนำ�เร่ืองน้ี ผมก็นึกถึงอาจารย์ปรีดีทุกทีว่า
อาจารย์หวงั ดกี ับเรามาก จะมีคนซกั ก่คี นทจ่ี ะกล้ามาแนะนำ�เราเร่อื งการแต่งตวั
อาจารยป์ รดี ียังใหห้ นังสอื The Concept of Law ซ่งึ H.L.A. Hart เขียน
ขึ้นแก่ผมเพ่ือให้ผมมีความลุ่มลึกในทางวิชาการมากขึ้น ซึ่งผมทราบในภายหลังว่า
ลกู ศษิ ยข์ องอาจารยห์ ลายคนกไ็ ดร้ บั หนงั สอื จากอาจารยซ์ ง่ึ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ การเอาใจใส่
ลูกศษิ ยล์ ูกหาทางวิชาการอย่างยิ่ง
ผมเดนิ ตามรอยเทา้ อาจารยป์ รดี ดี ว้ ยการเปน็ คณบดี มอี ยวู่ นั หนง่ึ อาจารยเ์ จอ
ผมทท่ี จี่ อดรถของคณะนิตศิ าสตร์ อาจารย์ปรีดีพดู กบั ผมวา่
“อาจารย์สมคิด อาจารย์ต้องช่วยดูประเทศลาว เขมร เวียดนาม ด้วยนะ
ประเทศเหล่านี้เป็นประเทศท่ีไทยเราส่งทหารไปรบในประเทศเค้า ให้สหรัฐอเมริกา
ใช้ฐานทัพในประเทศเราไปทิ้งระเบิดในประเทศเค้า เรามีหน้าที่ท่ีจะต้องชดใช้อดีตท่ี
เราท�ำ มา”
คำ�กล่าวดังกล่าวของอาจารย์ก้องอยู่ในสมองผมตลอดเวลาจนแม้ผมเป็น
อธกิ ารบดี ผมกพ็ ยายามใหท้ นุ นกั ศกึ ษาในประเทศเหลา่ นี้ เพอ่ื ท�ำ ในสงิ่ ทอ่ี าจารยแ์ นะน�ำ
ไวใ้ หเ้ กดิ ขนึ้ จรงิ โดยเฉพาะประเทศลาวที่ รศ. สมยศ เชอื้ ไทย ไดท้ มุ่ เทใหก้ บั การศกึ ษา
131
วชิ านติ ศิ าสตรท์ น่ี น่ั จนอาจกลา่ วไดว้ า่ ทน่ี น่ั เปน็ บา้ นทส่ี องของคณะนติ ศิ าสตรธ์ รรมศาสตร์
เลยทีเดียว
ผมเริ่มต้นรู้จักอาจารย์ปรีดีในฐานะลูกศิษย์ รู้จักอาจารย์ในฐานะผู้ช่วย
สอน รู้จักอาจารย์ในฐานะอาจารย์ผู้สอนด้วยกัน ตามรอยอาจารย์ทั้งในฐานะคณบดี
คณะนิติศาสตร์ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาจารย์มีความเป็น “ครู”
อย่างแท้จริง ทุ่มเทให้กับการสอน พูดซ้ำ�ไปซ้ำ�มาแต่เรื่องความเป็นธรรมและความ
ยุติธรรม ดูแลลูกศิษย์อย่างไม่เหน็ดเหน่ือย สร้างแนวคิดใหม่ๆ ให้กับวงการวิชาการ
นิติศาสตร์ไม่ว่าจะเป็น “ทฤษฎีกฎหมายสามช้นั ” “ทฤษฎกี ฎหมายธรรมชาติ” ดึง
พวกเราจากการคิดถึงตัวบทกฎหมายเพียงอย่างเดียว มาสู่ความเป็นธรรมและความ
ยตุ ิธรรมทเี่ ป็นหวั ใจของกฎหมาย เป็นกฎธรรมชาติที่ดำ�รงอยู่ช่วั กลั ปาวสาน อาจารย์
ยำ้�เตือนส่ิงสำ�คัญเหล่าน้ีด้วยการให้พวกเราขีดเส้นใต้ห้าร้อยเส้น ซึ่งแม้จะไม่มีใครขีด
ถงึ ๕๐๐ เสน้ ตามท่อี าจารย์แนะน�ำ ก็ตาม แต่ผมเชอื่ วา่ คำ�สอนเร่อื งเหลา่ นไ้ี ดฝ้ ังรากลึก
ในจติ ใจของพวกเราทกุ คนทเ่ี ปน็ ลกู ศษิ ยล์ กู หา เปน็ เพอ่ื นรว่ มงาน เปน็ กลั ยาณมติ รของ
อาจารย์ปรีดี เส้นแต่ละเสน้ ทข่ี ีดขนึ้ ท้งั หมดก็เหมือนกบั ฐานความคิดที่มน่ั คงทอี่ าจารย์
ไดข้ ีดให้พวกเราเดนิ ตาม ขีดให้สังคมไทยมุง่ ไปสูส่ งั คมท่ยี ุตธิ รรมและมีความเปน็ ธรรม
อย่างแทจ้ รงิ
ศาสตราจารย์ ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์
132 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวัฒนธรรม บดิ าแห่งนิติปรัชญาไทย”
คำ�ไว้อาลยั
ขอแสดงความอาลัยอย่างสุดซ้ึงต่อการจากไปของ “อาจารย์ปรีดี” ที่จาก
พวกเราไปเมือ่ เชา้ น้ี
ผมเพ่ิงได้เขียนถึงท่านอาจารย์ปรีดี เมื่อวันท่ีมูลนิธิฯได้จัดงานในโอกาส
ครบรอบวนั เกดิ ของทา่ น ผมขออนญุ าตน�ำ ขอ้ ความมาลงอกี ครง้ั หนง่ึ เพอื่ เปน็ การแสดง
ความอาลยั ต่อปูชนยี บุคคลผ้วู างรากฐานของระบบอาจารย์ประจ�ำ โดยท่านลาออกจาก
การเป็นผู้พิพากษาเพ่ือมาพัฒนาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ
วงวิชาการนิติศาสตร์ของประเทศไทยซึ่งผมได้รับแรงบันดาลใจจากท่านในการเลือก
เดินบน “เสน้ ทางสายอาจารย"์
ขอกราบลา “อาจารย์ปรดี ี” ดว้ ยความเคารพอยา่ งสูง
๔ มกราคม ๒๕๖๒
๒๒.๔๒ น.
ขอ้ ความท่ีผมเขียนไวม้ ีดังนี้:
"อาจารยป์ รดี ีในมุมมองของลกู ศิษย์และญาติมิตร” ๛
วันน้ี (๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๑) ไปร่วมฟงั งานเสวนา “อาจารยป์ รดี ใี นมมุ มอง
ของลกู ศษิ ยแ์ ละญาตมิ ติ ร” จดั โดยมลู นธิ ปิ รดี ี เกษมทรพั ย์ ทา่ นผดู้ ำ�เนนิ การอภปิ ราย
ท่าน ดร.สุนทรียา เหมือนพะวงศ์ ได้ชวนให้พูดมุมมองในฐานะลูกศิษย์คนหนึ่ง ผม
ไมไ่ ดเ้ ตรยี มตวั มาพดู แตไ่ ดร้ ว่ มดว้ ยความเตม็ ใจและถือเปน็ เกยี รติยงิ่ ทีไ่ ด้รบั เชญิ โดย
ผมกล่าวในสาระสำ�คญั ดังน้ี
133
๏ ในฐานะนักศึกษา
ตอนปริญญาตรีผมได้เรียนกับท่านในวิชากฎหมายแพ่ง : หลักท่ัวไปในช้ัน
ปีท่ี ๒ และวชิ านติ ิปรัชญาในชน้ั ปที ่ี ๔ ตอนปรญิ ญาโทกไ็ ดเ้ รยี นวชิ านิตปิ รชั ญาเชน่ กนั
นอกจากน้ันท่านยังได้ร่วมเป็นกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโทที่มี
อ.จิตติ ติงศภัทิย์ เป็นประธานสอบ และ อ.เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์ เป็นกรรมการ
โดยมี อ.คณติ ณ นคร เป็นอาจารยท์ ปี่ รกึ ษาวิทยานพิ นธ์
ส่ิงทผ่ี มได้รับแรงบันดาลใจมากจากการเรยี นกับท่านคอื ประเดน็ เรอ่ื ง “นติ ิ
วิธ”ี - juristic method ในระบบกฎหมายซวี ิลลอว์ และคอมมอนลอว์ทแี่ ตกต่างกนั
ซงึ่ ทา่ นเนน้ เสมอวา่ การเรยี นกฎหมายนน้ั ไมใ่ ชก่ ารทอ่ งค�ำ พพิ ากษา แตต่ อ้ งเขา้ ใจเจตนา
รมย์ของกฎหมายจึงจะใช้กฎหมายได้อย่างถูกต้อง ดังน้ันเม่ือตอนผมดำ�รงตำ�แหน่ง
คณบดีผมได้นำ�คำ�กล่าวของท่านมาติดไว้ในห้องบรรยายที่คณะต้ังชื่อท่านเพื่อเป็น
เกยี รตแิ กค่ ณะ
๏ ในฐานะอาจารย์
เม่ือผมเข้ารับราชการในคณะนิติศาสตร์แล้ว ผมได้ทุนคณะเพ่ือศึกษาต่อ
ระดบั ปรญิ ญาโทไปดว้ ย ทา่ นเองมวี สิ ยั ทศั นท์ ไ่ี มม่ ผี ใู้ ดปฏเิ สธไดว้ า่ ทา่ นสง่ เสรมิ การสรา้ ง
ระบบอาจารย์ประจำ� อยากให้มีอาจารย์ที่สำ�เร็จการศึกษาจากหลายภูมิภาค ท่านเอง
เคยชวนให้ผมไปเรียนต่อที่ประเทศจีนเพราะผมเคยศึกษาภาษาจีนแมนดารินมาก่อน
เมอื่ เขา้ มารบั ราชการแลว้ จงึ ไดร้ บั ทราบถงึ ความเมตตาของทา่ นอกี หลายเรอื่ งเชน่ ตอน
ท่านด�ำ รงต�ำ แหนง่ อธกิ ารบดีหลังเหตุการณ์ ๖ ตลุ าคม ทา่ นต้องตระเวนไปประกันตัว
อาจารย์ และเจ้าหน้าท่ที ถี่ ูกจับในเหตกุ ารณด์ งั กลา่ ว
๏ ในฐานะคณบดี
เมอื่ ผมมาเปน็ ผบู้ รหิ ารสงู สดุ ของคณะนติ ศิ าสตร์ ผมไดน้ กึ ถงึ สงิ่ ทที่ า่ นเคยพดู
ไวม้ าด�ำ เนนิ การให้ส�ำ เรจ็ เช่น
- คณะควรให้ความสำ�คัญแก่การสร้างคนท่ีจะออกไปสอนกฎหมายเพ่ือเขา
134 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวฒั นธรรม บดิ าแหง่ นติ ิปรัชญาไทย”
เหล่านั้นจะไดส้ อนหลักกฎหมายท่ีถูกต้อง
- คณะควรให้ความช่วยเหลือสนับสนุนประเทศเพื่อนบ้านเพ่ือเสริมสร้าง
นกั กฎหมายทีด่ ี และเพอื่ สัมพันธไมตรที ีด่ ดี ้วย
นอกจากนั้นผมยังได้ริเริ่มจัดกิจกรรมทางวิชาการที่เรียกว่า TU Law
Conference เพื่อเป็นเกียรติแก่ครูบาอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่คู่กับกิจกรรมทางวิชาการ
ท่เี รียกวา่ “เชิดชู ครกู ฎหมาย” เพื่อรำ�ลึกถึงครบู าอาจารย์ท่ีถึงแก่กรรมไปแลว้
ผมดีใจท่ีลูกศิษย์ลูกหายังรักใคร่ให้เกียรติเคารพ อ.ปรีดี ของเราโดยจัด
กิจกรรมวิชาการอย่างตอ่ เน่อื งทุกปีในเดอื นพฤศจกิ ายนซ่ึงเป็นเดือนทีท่ ่านเกดิ
สงิ่ ทผ่ี มสงั เกตเหน็ คอื อ.ปรดี ี มคี รอบครวั ทอี่ บอนุ่ สมบรู ณด์ ว้ ยประการทงั้ ปวง
มภี รรยาคอื คณุ ปา้ องั คณา เปน็ คคู่ ดิ คอยดแู ลซงึ่ กนั และกนั มลี กู ๆ ทป่ี ระสบความส�ำ เรจ็
ทกุ ครง้ั ทคี่ ณะจดั งานเพอื่ เปน็ เกยี รตแิ กท่ า่ นผมจะเหน็ ความพรอ้ มเพรยี งของครอบครวั
ทั้งภรรยา และบตุ รมาร่วมงานเสมอ
ศาสตราจารย์ ดร.สรุ ศกั ดิ์ ลิขสทิ ธ์วิ ัฒนกุล
135
ศาสตราจารย์ ปรดี ี เกษมทรพั ย์ :
มหาบรุ ุษทางวชิ าการ
กระผมได้รับเกียรติเป็นอย่างสูงที่ให้เขียนบทรำ�ลึกไว้อาลัยแด่ท่านอาจารย์
ปรีดี เกษมทรัพย์ ครูคนแรกของกระผมที่ได้นำ�พาให้รู้จักโลกวิชาการตราบจนถึงทุก
วันนี้ กระผมรู้จักทา่ นอาจารย์อยู่ ๒ ช่วงใหญ่ๆ ด้วยกัน ช่วงแรก เป็นสมัยนักศกึ ษา
เรียนปริญญาตรตี ั้งแตว่ ิชาแพ่งหลกั ท่ัวไปในช้นั ปีที่ ๑ และวชิ านิติปรชั ญาในช้นั ปีท่ี ๓
ในชว่ งเรยี นปรญิ ญาตรี กระผมยงั ไมไ่ ดไ้ ตถ่ ามขอความรทู้ า่ นนอกหอ้ งเรยี น ตอ่ มาภาย
หลังได้ศึกษาต่อช้ันปริญญาโท สาขากฎหมายระหว่างประเทศ กระผมเรียนวิชา
นติ ปิ รัชญา ๑ และ ๒ ในชั้นปีแรก ในชว่ งเวลานีเ้ องท่กี ระผมได้มีโอกาสซักถามพูดคยุ
กับท่านอาจารย์หลังเลิกสอนเป็นประจำ� กระผมจำ�ประโยคแรกที่ท่านอาจารย์ทักทาย
ได้แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานหลายปี “คุณอ่านหนังสือประเภทน้ีด้วยหรือ”
กระผมมองไปทม่ี อื ตนเองเปน็ หนงั สอื มอื สองทเี่ พงิ่ ซอ้ื แถวทา่ พระจนั ทรเ์ ปน็ หนงั สอื เกย่ี ว
กับการเมืองจีน จากนั้นกระผมก็มักจะถือโอกาสก่อนหรือหลังเรียนวิชานิติปรัชญา
พูดคุยเรื่องวิชาการต่างๆ กับท่านอาจารย์อยู่เสมอๆ ทุกคร้ังที่ชวนท่านคุยท่านจะมี
ความสุขมาก หวั ข้อท่พี ดู คุยกับทา่ นกส็ ารพัดเรือ่ ง กระผมถามอะไรท่านก็ตอบค�ำ ถาม
หมด ไมเ่ คยดุวา่ วา่ ทำ�ไมถึงถามหรือสงสัย ถา้ ไมร่ ้หู รือไม่แน่ใจทา่ นกจ็ ะบอกตรงๆ
ช่วงที่สอง หลังจากที่กระผมสำ�เร็จการศึกษาปริญญาโทสาขากฎหมาย
ระหว่างประเทศ ท่านก็แนะนำ�ว่าควรศึกษากฎหมายแพ่ง ท่านยังยกตัวอย่างว่านัก
กฎหมายระหว่างประเทศต้องรู้กฎหมายแพ่งด้วย ว่าแล้วท่านก็หยิบหนังสือ Private
Law Sources and Analogies of International Law ของท่าน Sir Hersch
Lauterpacht ท่ีอยู่ในห้องทำ�งานของท่านให้ผมไปอ่าน ท่านกล่าวว่า กฎหมายแพ่ง
เป็นพ้นื ฐานสำ�คัญของกฎหมายทกุ สาขา ในปีต่อมากระผมจงึ สอบเขา้ มาเรยี นปริญญา
โทสาขากฎหมายแพง่ อีกคร้ัง แม้วา่ จะเทยี บโอนนติ ิปรชั ญาได้แตผ่ มก็เข้าไปนง่ั ฟังวิชา
136 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวฒั นธรรม บิดาแหง่ นติ ิปรัชญาไทย”
นิติปรัชญาอีกครั้ง อีกสองปีต่อมากระผมสอบเข้าเป็นอาจารย์ประจำ�ท่ีคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ กระผมรีบบอกอาจารย์วา่ สอบเปน็ อาจารย์ประจำ�ทีค่ ณะ
ได้แล้ว ท่านแสดงความดีใจมากและถามวา่ สอนวิชาอะไร กระผมบอกวา่ วิชากฎหมาย
ระหวา่ งประเทศแผนกคดบี คุ คลแทนอตั ราของทา่ นอาจารยภ์ ญิ โญ พนิ ยั นติ ศิ าสตร์ ทา่ น
บอกว่าวิชาน้ียาก ต้องรู้กฎหมายแพ่งเป็นอย่างดี อาจารย์หยุด แสงอุทัยก็จบสาขาน้ี
เชน่ กนั ว่าแลว้ ท่านก็หยบิ หนังสอื Private International Law ของท่านศาสตราจารย์
Martin Wolf ซงึ่ เป็นอาจารย์ทีป่ รึกษาท�ำ วทิ ยานิพนธ์ของอาจารย์หยุด แสงอทุ ัยมา
ใหก้ ระผมอ่าน การแนะนำ�และให้ยมื ต�ำ รบั ตำ�ราต่างๆ แสดงถึงความเมตตาและความ
ปรารถนาดขี องท่านอาจารยป์ รดี ีทม่ี ตี ่อกระผม กระผมซาบซึ้งจนถึงทกุ วันน้ี
หลังจากท่ีเป็นอาจารย์ได้สักพัก ท่านอาจารย์ได้ชวนไปเที่ยวเมืองหลวง
พระบาง ประเทศลาวซึง่ ไปกันหลายทา่ น ต่อมาท่านชวนไปเท่ียวเมอื งจีน ลอ่ งแม่น้ำ�
แยงซเี กยี ง ทา่ นบอกวา่ อกี ไมน่ าน รฐั บาลจนี จะสรา้ งเขอ่ื นซานเสยี ตา้ ปา้ ฉะนน้ั อาจไมม่ ี
โอกาสล่องแม่นำ้�แยงซีเกียงอีก ตลอดระยะเวลาท่ีอยู่บนเรือหลายวันท่านได้บรรยาย
ประวัตศิ าสตร์ความเปน็ มาและการเมืองของประเทศจนี อยา่ งสนุกสนาน นบั เปน็ ความ
ทรงจ�ำ ทด่ี อี ีกช่วงเวลาหนึง่ ทีก่ ระผมมีต่อทา่ น
ในช่วงกลางปี พ.ศ. ๒๕๕๔ กระผมได้ไปบ้านท่านเพ่ือนำ�การ์ดแต่งงานไป
เชิญท่านร่วมงาน เน่ืองจากช่วงที่กระผมทำ�งานน้ันท่านมักจะถามอยู่เนืองๆ ว่า เม่ือ
ไหรจ่ ะแตง่ งาน เมอื่ ไหรจ่ ะบวช ทา่ นบอกวา่ เปน็ ฆราวาสไมม่ คี รอบครวั จะล�ำ บาก จ�ำ ได้
ว่าตอนท่ีนำ�การ์ดไปให้ท่านๆ ก็ยังชวนคุยเรื่องประวัติศาสตร์ สัพเพเหระ แต่ตอน
บัน้ ปลายทา่ นบอกว่ากลบั มาอา่ นหนังสอื ประเภทโคลงกลอนมากขนึ้
เป็นท่ีรับรู้กันโดยท่ัวไปว่า มรดกทางความคิดสำ�คัญของท่านอาจารย์ปรีดี
เกษมทรัพย์ คือทฤษฎีกฎหมายสามชั้นทีอ่ ธิบายวา่ กฎหมายคอื อะไร ต้งั แต่ความเปน็
มาของกฎหมายในรูปของกฎหมายชาวบ้าน กฎหมายของนักกฎหมายและกฎหมาย
เทคนคิ นบั เปน็ ความพยายามและความมงุ่ มนั่ ของทา่ นทจ่ี ะยกระดบั การศกึ ษากฎหมาย
ของคณะนติ ศิ าสตร์ใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ แบบตะวันตก ซ่งึ บรรดาลกู ศิษยแ์ ละนักกฎหมาย
รนุ่ หลังสมควรต่อยอดมรดกความคดิ ของท่านใหส้ มบูรณ์กา้ วหนา้ ยิง่ ๆ ขน้ึ ไป
137
ทา่ นมกั จะเรยี กบคุ คลทท่ี �ำ คณุ งามความดี มคี ณุ ปู การแกว่ งการใดวงการหนง่ึ
วา่ “มหาบรุ ษุ ” ส�ำ หรบั กระผมและลกู ศษิ ยท์ น่ี บั ไมถ่ ว้ นของทา่ นแลว้ ทา่ นอาจารย์ ปรดี ี
เกษมทรพั ยส์ มควรอยา่ งยงิ่ ทไ่ี ดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ “มหาบรุ ษุ ทางวชิ าการ” ทา่ นหนง่ึ
ของวงการนติ ิศาสตรไ์ ทย
ท้ายท่ีสุดน้ี ขออำ�นาจคุณพระศรีรัตนตรัย คุณงามความดีและกุศลธรรมท้ัง
หลายท่ีท่านอาจารย์ได้กระทำ�มาจงโปรดดลบันดาลให้ดวงวิญญาณของท่านอาจารย์
ปรีดี เกษมทรพั ยไ์ ปส่สู ุคตใิ นสมั ปรายภพดว้ ยเทอญ
ศาสตราจารย์ ดร.ประสทิ ธิ์ ปิวาวัฒนพานชิ
138 “ปรีดี เกษมทรพั ย์ คนสามวัฒนธรรม บิดาแหง่ นิติปรัชญาไทย”
คำ�ไวอ้ าลยั
ก่อนอ่ืน ผมขอแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ ท่าน
ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ไว้ ณ ทน่ี ้ี
ดงั ทที่ ราบกนั ดวี า่ ในทางวชิ าการนนั้ ทา่ นศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์
เป็นผูร้ เิ ร่มิ บุกเบกิ และปรบั ปรุงหลักสูตรของคณะนติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์
โดยเฉพาะอย่างย่ิงการเสนอให้นำ�เน้ือหาวิชาการชั้นสูง ได้แก่ วิชานิติปรัชญา และ
วิชาท่ีมุ่งบ่มเพาะจิตวิญญาณแห่งการปฏิบัติงาน กล่าวคือ หลักวิชาชีพนักกฎหมาย
เขา้ มาเปน็ ส่วนหนงึ่ ของหลกั สูตรของคณะฯ ซึ่งก่อคณุ ูปการอย่างยง่ิ ยวดตอ่ วงวิชาการ
นิตศิ าสตร์ไทย กล่าวโดยยอ่ ในที่นี้ไดว้ ่า เป็นเนื้อหาวชิ าทมี่ งุ่ สรา้ งท้ัง “ปัญญาญาณ”
และ “จรรยาบรรณ” ของนักนิตศิ าสตรไ์ ทยไปพร้อมๆ กัน
สำ�หรับผม ท่านศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรัพย์ เป็น “ครูทางวชิ าการ”
ท่ีแสดงให้ผมเห็นประจักษ์และตระหนักใน “วิชาการชั้นสูง” (ภาษาฝร่ังเศสใช้คำ�ว่า
“Les Études approfondies” และยังนำ�มาใช้เป็นช่ือตัวปริญญาการศึกษาด้วย)
อย่างท่ีผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน และท่ีสำ�คัญ ผมมักจะบอกลูกศิษย์ของผมเสมอว่า
“วิชานิติปรัชญาเป็นวิชาที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของผมอย่างมหาศาล” พูดง่ายๆ ก็คือ
ชวี ติ ของผมเป็นอย่างทเี่ ปน็ อยทู่ ุกวนั น้กี ็ด้วยคณุ ูปการของวิชานีน้ ั่นเอง
ดงั นน้ั ผมจงึ ประสงคจ์ ะบนั ทกึ เรอ่ื งราวเลก็ ๆ นอ้ ยๆ ในความทรงจ�ำ ไว้ ณ ทน่ี ้ี
เพ่ือเป็นการระลึกถึง “ครูทางวิชาการ” ท่านน้ีด้วยนักศึกษาคณะนิติศาสตร์รุ่นผม
(รุ่นเข้าปี ๒๕๒๙) ในเวลาน้ัน จะต้องลงทะเบียนศึกษาวิชานิติปรัชญาในช้ันปีที่ ๓
ผมจำ�ได้ว่า หนังสือนิติปรัชญาของท่านศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ตีพิมพ์
(รวมเล่ม) ครงั้ ท่ี ๒ (ปี ๒๕๓๑) และเผยแพร่ในชว่ งก่อนทีจ่ ะเปิดภาคการศกึ ษา เมื่อผม
139
บังเอญิ ไปพบเขา้ ในศูนยห์ นังสอื จึงรบี ซือ้ ไวก้ ่อน เพราะเกรงวา่ อาจจะหมด หากจะรอ
ให้เปิดภาคการศกึ ษา
เมื่อได้เข้าช้ันเรียนวิชาน้ีกับท่านผู้เขียน ผมเองก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่า
จะเรียนอะไรกันและเรียนไปทำ�ไม แต่ผมเข้าใจว่า ท่านคงมองเห็นปัญหาในเรื่องนี้
ล่วงหน้าแล้ว จึงได้อุทิศเนื้อหาส่วนหน่ึงในตอนท้ายของหนังสือเพ่ือแนะนำ�ตำ�ราและ
เอกสารที่ผู้เรียนพึงอ่านเตรียมตัวเข้าเรียนไว้ด้วย ซ่ึงผมก็ได้พยายามแสวงหาตำ�รา
และเอกสารเหล่านั้นมาอ่านเท่าท่ีจะกระทำ�ได้ และน่ีเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำ�ให้ผมมีโอกาส
สัมผัสกับเน้ือหา “วิชาปรัชญา” จากการอ่านตำ�ราเป็นคร้ังแรก ท่ีสำ�คัญที่สุดก็คือ
การอ่านตำ�ราปรัชญาท่ัวไปเพ่ือเตรียมตัวเรียนเช่นนี้ยังช่วยปูทางให้ผมเข้าใจเน้ือหา
และประเดน็ ตา่ งๆ ของ “นิติปรัชญา” ในเวลาตอ่ มาเป็นอยา่ งดี
เนอ้ื หาทท่ี า่ นสอนในชน้ั เรยี นกบั ในหนงั สอื ทที่ า่ นเขยี นกส็ อดคลอ้ งกนั เปน็ สว่ น
ใหญ่ แต่ทที่ �ำ ใหผ้ มต้องจดบันทกึ ในสมุดเล็คเชอร์ และ “ขีดเสน้ ใต้หา้ ร้อยเส้น” ตาม
ค�ำ แนะน�ำ ของทา่ นกค็ อื สง่ิ ทท่ี า่ นสอนวา่ “คนทม่ี พี นื้ ฐานทางวชิ าการทด่ี จี �ำ ตอ้ งมคี วาม
ร้ใู นศาสตร์ทั้ง ๓ สาขา ดงั ต่อไปน้คี ือ ภาษา ปรัชญาและประวตั ิศาสตร์”
ในขณะเรียนช้ันปริญญาตรี ผมรู้สึกแต่เพียงว่าเป็นเร่ืองน่าทึ่ง แต่ภายหลัง
เมื่อตนเองได้มีโอกาสไปศึกษาต่อในต่างประเทศแล้ว จึงตระหนักเป็นอย่างดีว่า สิ่งท่ี
ทา่ นกลา่ วไวเ้ ชน่ นน้ั ไมผ่ ดิ ไปจากความเปน็ จรงิ เลยแมแ้ ตน่ อ้ ย เพราะนค่ี อื หวั ใจทส่ี �ำ คญั
ของความคิดว่าด้วยมนุษยนิยม (Humanism) ที่สร้างสะพานแห่งกาลเวลาเชื่อมโลก
โบราณกบั โลกสมยั ใหม่ (กลา่ วคือ ยคุ ฟ้นื ฟูศิลปะวทิ ยาการ) น่ันเอง เนือ้ หาในหนงั สอื
อีกส่วนหน่ึงซ่ึงต่ืนตาต่ืนใจผมเป็นอย่างยิ่ง นับแต่ขณะได้เรียนวิชานี้ในช้ันปริญญาตรี
มาจนกระทง่ั ถงึ ทกุ วันนก้ี ค็ ือ เนื้อหาใน
บทที่ ๑ วา่ ดว้ ย “การจ�ำ แนกศาสตร”์ ซง่ึ เมอื่ พจิ ารณาอยา่ งผวิ เผนิ กด็ เู หมอื น
จะไม่เกยี่ วขอ้ งอะไรเลยกบั วชิ านติ ิปรัชญา แต่สำ�หรับผม ความเข้าใจในสว่ นน้ชี ่วยนำ�
เรากลับไปค้นร่องรอย “การเดินทางทางปัญญาของมนุษยชาติ” ตลอดระยะเวลา
เกอื บหา้ พนั ปีที่มนษุ ย์ส่งั สมอารยธรรมกนั มา ไมน่ อ้ ยไปกวา่ การทำ�ให้เราเข้าใจดว้ ยว่า
140 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวฒั นธรรม บิดาแหง่ นติ ปิ รชั ญาไทย”
วชิ านติ ศิ าสตร์ (และนติ ปิ รชั ญา) ทไ่ี ดร้ �ำ่ เรยี นจนรบั ปรญิ ญานติ ศิ าสตรบณั ฑติ กนั มานนั้
ต่างมีท่ีทางอย่างไรใน “ประวัติศาสตร์แห่งภูมิปัญญาความรู้และอารยธรรมของ
มนษุ ยชาตทิ งั้ มวล”
เม่ือสำ�เร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีแล้ว ผมได้เข้าศึกษาต่อในช้ันปริญญาโท
สาขากฎหมายเอกชน ในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่ีท่าน
ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ก็ยังคงเป็น ผู้มีบทบาทอย่างย่ิงในการวางและ
กำ�หนดทิศทางของหลักสูตรในเวลานั้นเช่นเดียวกัน กล่าวคือ วิชานิติปรัชญาก็เป็น
รายวิชาบังคับสำ�หรับการศึกษาในชั้นปริญญาโท (๒ ภาคการศึกษา) ไม่น้อยไปกว่า
การกำ�หนดให้นักศึกษาสาขากฎหมายเอกชนต้องเรียนวิชาระบบกฎหมาย ท้ังระบบ
ซีวิลลอว์และคอมมอนลอวด์ ้วย
ท่ีย่ิงไปกว่าน้ันก็คือ จากจุดยืนทางวิชาการของท่านศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี
เกษมทรัพย์ ที่ผมได้เล่าให้ฟังข้างต้น นักศึกษาช้ันปริญญาโทในรุ่นของผมทุกสาขา
จะต้องเรียน “รายวิชาพื้นฐานระดับปริญญาโท” ตามหลักสูตรเพ่ิมขึ้นอีก ๒ วิชา
(๒ ภาคการศึกษา) ไดแ้ ก่
๑) ประวัติปรัชญาตะวันตก และ ๒) ประวตั คิ วามคดิ และสถาบนั ซึง่ กว็ า่ ด้วย
ประวัติและพัฒนาการของอารยธรรมตะวันตกนั่นเอง วิชาหลังน้ี ผมพอจะเอาตัวรอด
ไปได้ เพราะคุ้นเคยกับเน้ือหาทำ�นองน้ีในขณะเรียนวิชาพ้ืนฐานของชั้นปริญญาตรี
ในชน้ั ปที ่ี ๑ มาบา้ งแลว้ (รนุ่ ของผมคือ วชิ า ม.ธ.๑๑๒ อารยธรรมตะวนั ตก) แต่ทนี่ า่
ประทับใจย่ิงกว่านั้นกค็ อื วชิ าประวัตปิ รัชญาตะวันตก ซึ่งผมยังไมเ่ คยเรยี นในชั้นเรยี น
มาก่อน เนื่องจากท่านเล่าให้ฟังในช้ันเรียนนิติปรัชญาในภายหลังว่า ท่านพยายาม
“คัดเลือกตัวผู้บรรยาย” วิชาน้ีอย่างย่ิงกล่าวคือ ในทัศนะของท่าน ไม่ใช่ว่าเฉพาะ
ผู้ที่ร่ำ�เรียนมาทางด้านปรัชญาเพียงด้านเดียวเท่านั้นที่ควรเป็นผู้บรรยายวิชาปรัชญา
แต่ผทู้ ่พี ึงสอนวชิ าปรชั ญาตะวนั ตกไดด้ ที ี่สดุ อย่างแทจ้ รงิ ก็คอื ผู้ที่ไดร้ ่ำ�เรยี นและอบรม
มาทางด้านเทววทิ ยา (Theology) ด้วย
141
นี่เองเป็นเหตุให้ท่านเลือกท่ีจะเรียนเชิญ “ศาสตราจารย์กีรติ บุญเจือ”
อาจารยส์ าขาปรชั ญา คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ซง่ึ ส�ำ เรจ็ การศกึ ษา
วิชาเทววิทยาจากโรม ประเทศอิตาลี ให้เป็นมาเป็นผู้บรรยายวิชาประวัติปรัชญา
ตะวนั ตกในระดบั ปริญญาโทของคณะนิตศิ าสตรเ์ ปน็ การเฉพาะ จงึ ท�ำ ให้ผมได้รูจ้ ักและ
ได้ “ครทู างปรัชญา” คนแรกของผมตามไปด้วย
ส่ิงที่ผมคงจะไม่มีวันลืมเลยก็คือ ในระหว่างศึกษาช้ันปริญญาโทนี่เอง ท่าน
ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรพั ย์ ไดก้ รณุ าประสานกับมลู นิธคิ ตี าอาศรม เพอื่ มอบ
เงนิ ทนุ จ�ำ นวนหนง่ึ ใหแ้ กผ่ มในการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ “ผชู้ ว่ ยคน้ ควา้ ขอ้ มลู ” ใหก้ บั ทา่ นใน
ฐานะผูบ้ รรยายรายวิชานิตปิ รชั ญาและระบบกฎหมายซวี ิลลอว์ดว้ ย
เม่อื ส�ำ เรจ็ การศึกษาชน้ั ปรญิ ญาโทแล้ว อีกไม่นานนกั ผมจงึ มโี อกาสไดเ้ ดนิ
ทางไปศกึ ษาตอ่ ระดบั ปรญิ ญาเอกในตา่ งประเทศ สง่ิ ทผี่ มคาดไมถ่ งึ กค็ อื ศาสตราจารย์
หลายทา่ นในสาขาวิชาท่ีผมเลอื กศึกษาต่างสอบถามผมตรงกนั วา่ ผมซ่งึ เปน็ นกั ศึกษา
ชาวไทย แต่ท�ำ ไมจึงไดศ้ ึกษาวิชาการในระดบั ปรญิ ญาโทตามแนวทางแบบยโุ รป และ
“ใคร” เป็นผู้วางและกำ�หนดหลักสูตรเช่นว่าน้ี พูดง่ายๆ ก็คือ เอกสารแสดงผลการ
ศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาโท (Transcript) ของผม คงปรากฏ “รายวชิ าในหลกั สตู รหลาย
วิชา” ที่น่าจะสร้างความเชื่อม่ันในการตอบรับผมเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาเอกได้
ไม่นอ้ ยเลยทเี ดียว
ท้ังหมดนี้ คงเป็นเพียงความทรงจำ�เพียงบางส่วนท่ีผมมีต่อครูทางวิชาการ
คนส�ำ คัญ ซึ่งยังไม่นบั โอกาสท่ีได้สนทนากนั ทา่ นอีกหลายวาระ และท่ีส�ำ คญั ไมน่ อ้ ยไป
กว่านั้นเลยก็คือ ผมมีโอกาสได้พบ ร่ำ�เรียน สนทนา และซึมซับวิธีคิดจากครูทาง
ปรัชญาทนี่ บั ตนเองว่าเปน็ “นักอตั ถภิ าวนยิ ม (The Existentialist)” ซ่งึ ล้วนเอื้อ
ให้ผมมคี วามสุขในการร�่ำ เรียนศึกษาเปน็ อยา่ งยง่ิ
ดร.ฐาปนนั ท์ นิพฏิ ฐกลุ
142 “ปรดี ี เกษมทรัพย์ คนสามวัฒนธรรม บดิ าแหง่ นิตปิ รชั ญาไทย”
ศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี เกษมทรพั ย์
บิดาแห่งนิตวิ ิธขี องกฎหมายไทย
ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ได้สานต่อภารกิจของศาสตราจารย์
สญั ญา ธรรมศักด์ิ และศาสตราจารยจ์ ิตติ ติงศภทั ยิ ์ ในการสรา้ งระบบอาจารยป์ ระจ�ำ
ทีเ่ ข้มแขง็ ใหก้ บั คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ทา่ นอาจารยป์ รดี ฯี เปน็ ครู
ทย่ี งิ่ ใหญเ่ ปน็ แรงบนั ดาลใจใหก้ บั ศษิ ยท์ งั้ หลาย โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การเปน็ ตน้ แบบทาง
วชิ าการให้กบั อาจารย์ประจำ�รุ่นแรกๆ ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์
ซ่ึงล้วนแล้วเพิ่งสำ�เร็จการศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรี ท่านส่งเสริมให้อาจารย์ประจำ�
เหล่านั้นเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่จำ�กัดความสนใจอยู่เฉพาะ
กฎหมายไทย แตร่ เู้ ทา่ ทนั พฒั นาการของกฎหมายตา่ งประเทศ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ระบบ
กฎหมายซีวิลลอว์ ท่านทำ�ให้กฎหมายเปรียบเทียบ (comparative law) ลงหลัก
ปักฐานในระบบการศึกษากฎหมายของไทย ผ่านการเรียนการสอนกฎหมายที่
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่านแนะให้ศิษย์รู้จักและศึกษาค้นคว้าตำ�ราช้ันครูของ
ตา่ งประเทศหลายเลม่ หน่งึ ในนัน้ คือ An Introduction to Comparative Law ของ
Professor Zweigert และ Professor Kotz กฎหมายเปรียบเทยี บกลายเปน็ เครื่องมือ
ที่ทำ�ให้ลูกศิษย์ของท่านใช้ในการแสวงหาและพัฒนาองค์ความรู้กฎหมายอย่างไม่มีที่
ส้นิ สดุ คณาจารย์รุน่ แรกๆ ของคณะนติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่ีท่านช่วย
ฟูมฟัก ไดร้ บั การสง่ เสรมิ ใหไ้ ปศึกษาตอ่ ต่างประเทศและเมอ่ื กลับมาไดก้ ลายเป็นก�ำ ลัง
ส�ำ คญั ในการสรา้ งคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใหก้ ลายเป็นสถาบนั ทาง
วิชาการกฎหมายที่เข้มแข็ง และมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบบกฎหมายไทยและ
ระบบการศึกษากฎหมายของไทยในเวลาตอ่ มา
นับตั้งแต่มีการปฏิรูปกฎหมายซึ่งเร่ิมต้นข้ึนในสมัยรัชกาลที่ ๕ และดำ�เนิน
ต่อเน่ืองมาในภายหลัง สังคมไทยเริ่มรู้จักกับกฎหมายตะวันตก แต่การเรียนการสอน
143
กฎหมายในยุคแรกเน้นความรู้ความเข้าใจใน “กฎเกณฑ์” (rules) และหลักการ
(concepts) มากกวา่ “วธิ กี ารในทางกฎหมาย” (juristic methods) ทา่ นอาจารย์
ปรีดีฯ เป็นผู้ท่ีทำ�ให้ระบบการศึกษากฎหมายของไทยมีความครบถ้วนสมบูรณ์ คือ
มีการศึกษาท้ัง “หลักการ” และ “วิธีการ” ในทางกฎหมาย ท่านเป็นผู้เร่ิมต้นวิชา
กฎหมายแพ่ง : หลักท่วั ไป วิชานิติปรชั ญา วชิ าสังคมวิทยากฎหมาย ซึ่งล้วนแลว้ แต่
เป็นวิชาท่เี ปน็ “เครือ่ งมือ” (methods) ในการท�ำ ความเข้าใจกฎเกณฑแ์ ละหลกั การ
ทางกฎหมาย ท่านอาจารยป์ รดี ฯี พรำ่�สอน “นิตวิ ิธ”ี และแสดงให้เห็นวา่ การปรบั ใช้
กฎหมายไม่ใช่การตีความตามอำ�เภอใจหรือตามตัวอักษร แต่เป็นการตีความโดยมี
“วธิ ีการ” (methodology) ทอี่ ธิบายได้ตามหลกั วิชาการและเป็นเหตเุ ป็นผล ท่านชี้
ให้เห็นถึงความส�ำ คญั ของ “ประวตั ิศาสตร์กฎหมาย” ในการใชแ้ ละตคี วามกฎหมาย
ผ่านแนวคิดทที่ ่านเรยี กชื่อว่า “ทฤษฎกี ฎหมายสามชัน้ ” โดยการตีความกฎหมายที่
ถกู ตอ้ งเหมาะสมนน้ั ผตู้ คี วามตอ้ งเขา้ ใจทมี่ าในทางประวตั ศิ าสตรข์ องหลกั กฎหมาย วา่
เป็น “กฎหมายชาวบ้าน” “กฎหมายของนักกฎหมาย” หรือ “กฎหมายเทคนคิ ”
ค�ำ สอนและแนวคดิ เหลา่ นล้ี ว้ นสอดคลอ้ งกบั วชิ านติ ศิ าสตรข์ องตะวนั ตกซงึ่ เปน็ ตน้ แบบ
ของวิชานติ ศิ าสตรข์ องไทย หากจะมนี กั กฎหมายไทยสักคนทส่ี มควรไดร้ บ้ การยกยอ่ ง
วา่ เปน็ “บิดาแหง่ นิติวธิ ีของกฎหมายไทย” บุคคลนัน้ จะต้องเป็น “ศาสตราจารย์
ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์” อย่างแน่แท้
ทา่ นอาจารยป์ รดี ฯี ไดจ้ ากไป โดยทง้ิ มรดกทยี่ งิ่ ใหญไ่ วใ้ หก้ บั วงการนติ ศิ าสตร์
ไทย งานท่ีท่านได้ริเร่ิมไว้แล้ว ได้รับการสานต่อและพัฒนาให้ดียิ่งข้ึนไปโดยลูกศิษย์
ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมของท่าน เขาเหล่านั้นไม่ได้มองกฎหมายเป็นเพียงแค่ตัว
หนังสือที่เขียนโดยอำ�นาจของรัฏฐาธิปัตย์ แต่มองหา “เหตุผล” และ “ความเป็น
ธรรม” ซึ่งเป็น “เจตนารมณ์” ของกฎหมายน้นั ผ่านทาง “เครื่องมือ” ทท่ี ่านไดท้ ้งิ
ไวใ้ ห้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มนุ ินทร์ พงศาปาน