คูม่ อื การปฏิบัติงาน การบริหารสญั ญาก่อสร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสร้าง 43
ขอ้ ๑๕ การควบคุมงานโดยผวู้ า่ จา้ ง
ผู้รับจ้างตกลงว่าคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ผู้ควบคุมงาน หรือบริษัทที่ปรึกษาที่ผู้ว่าจ้าง
แตง่ ตัง้ มีอานาจที่จะตรวจสอบและควบคุมงานเพื่อให้เป็นไปตามสญั ญาน้ีและมีอานาจทจ่ี ะสัง่ ให้แกไ้ ขเปลีย่ นแปลง
เพิ่มเติม หรือตัดทอนซึ่งงานตามสัญญานี้ หากผู้รับจ้างขัดขืนไม่ปฏิบัติตาม ผู้ว่าจ้าง คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
ผูค้ วบคมุ งาน หรอื บรษิ ัททีป่ รกึ ษา มอี านาจที่จะสงั่ ใหห้ ยุดการน้ันช่ัวคราวได้ความล่าช้าในกรณีเชน่ นี้ ผู้รับจ้างจะถือ
เป็นเหตุขอขยายระยะเวลาการปฏบิ ัติงานตามสัญญาหรอื เรียกร้องคา่ เสยี หายใดๆ ไม่ได้ทงั้ สน้ิ
ขอ้ ๑๖ งานพเิ ศษและการแกไ้ ขงาน
ผู้ว่าจ้างมีสิทธิที่จะสั่งเป็นหนังสือให้ผู้รับจ้างทางานพิเศษ ซึ่งไม่ได้แสดงไว้หรือรวมอยู่ใน
เอกสารสัญญาน้ี หากงานพิเศษนั้นๆ อยู่ในขอบข่ายท่ัวไปแห่งวัตถุประสงค์ของสัญญานี้ นอกจากนี้ผู้ว่าจ้าง
ยังมีสทิ ธสิ งั่ ให้เปลี่ยนแปลงหรือแกไ้ ขแบบรูปและขอ้ กาหนดต่างๆ ในเอกสารสญั ญานด้ี ว้ ย
อัตราค่าจ้างหรือราคาท่ีกาหนดไว้ในสัญญานี้ ให้กาหนดใช้สาหรับงานพิเศษหรืองาน
ท่ีเพ่ิมเติมข้ึน หรือตัดทอนลงท้ังปวงตามคาสั่งของผู้ว่าจ้าง หากในสัญญาไม่ได้กาหนดไว้ถึงอัตราค่าจ้าง หรือราคา
ใดๆ ที่จะนามาใช้สาหรับงานพิเศษหรืองานท่ีเพิ่มขึ้นหรือลดลงดังกล่าว ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างจะได้ตกลงกันที่จะ
กาหนดอัตราค่าจ้างหรือราคาท่ีเพิ่มข้ึนหรือลดลง รวมทั้งการขยายระยะเวลา (ถ้ามี) กันใหม่เพ่ือความเหมาะสม
ในกรณีท่ีตกลงกันไม่ได้ ผู้ว่าจ้างจะกาหนดอัตราจ้างหรือราคาตามแต่ผู้ว่าจ้างจะเห็นว่าเหมาะสมและถูกต้อง
ซึ่งผู้รบั จา้ งจะตอ้ งปฏบิ ัตงิ านตามคาส่งั ของผู้วา่ จ้างไปก่อนเพ่ือมิให้เกิดความเสียหายแก่งานท่ีจ้าง
ข้อ ๑๗ คา่ ปรบั
หากผู้รับจ้างไม่สามารถทางานให้แล้วเสร็จภายในเวลาท่ีกาหนดไว้ในสัญญาและผู้ว่าจ้าง
ยังมิได้บอกเลิกสัญญา ผู้รับจ้างจะต้องชาระค่าปรับให้แก่ผู้ว่าจ้างเป็นจานวนเงินวันละ …........……..….บาท
(……...................………...) และจะต้องชาระค่าใช้จ่ายในการควบคุมงาน (ถ้ามี)ในเม่ือผู้ว่าจ้างต้องจ้างผู้ควบคุมงาน
อีกต่อหน่ึงเป็นจานวนเงินวันละ…....….....บาท (…..................) นับถัดจากวันที่ครบกาหนดเวลาแล้วเสร็จของงาน
ตามสัญญาหรือวันที่ผู้ว่าจ้างได้ขยายเวลาทางานให้จนถึงวันท่ีทางานแล้วเสร็จจริง นอกจากน้ี ผู้รับจ้างยอมให้
ผู้ว่าจ้างเรียกค่าเสยี หายอันเกิดขึ้นจากการท่ีผู้รับจา้ งทางานล่าช้าเฉพาะส่วนท่เี กินกว่าจานวนค่าปรบั และค่าใช้จ่าย
ดังกล่าวไดอ้ ีกด้วย
ในระหว่างท่ีผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญานั้น หากผู้ว่าจ้างเห็นว่าผู้รับจ้างจะไม่สามารถปฏิบัติ
ตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ว่าจ้างจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิตามข้อ ๑๘ ก็ได้ และถ้าผู้ว่าจ้างได้แจ้ง
ข้อเรียกร้องไปยังผู้รับจ้างเมื่อครบกาหนดเวลาแล้วเสร็จของงานขอให้ชาระค่าปรับแล้ว ผู้ว่าจ้างมีสิทธิที่จะปรับ
ผูร้ ับจา้ งจนถึงวนั บอกเลิกสัญญาได้อีกดว้ ย
ขอ้ ๑๘ สิทธิของผู้วา่ จา้ งภายหลังบอกเลิกสัญญา
ในกรณีท่ีผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญา ผู้ว่าจ้างอาจทางานนั้นเองหรือว่าจ้างผู้อื่นให้ทางานน้ันต่อ
จนแล้วเสรจ็ ก็ได้ ผู้ว่าจ้างหรือผู้ทรี่ ับจา้ งทางานน้นั ต่อมีสิทธใิ ช้เครื่องใชใ้ นการก่อสรา้ ง ส่ิงท่ีสร้างข้ึนชั่วคราวสาหรบั
งานกอ่ สร้าง และวสั ดตุ า่ งๆ ซ่ึงเห็นวา่ จะตอ้ งสงวนเอาไวเ้ พือ่ การปฏบิ ัติงานตามสัญญาตามทีจ่ ะเห็นสมควร
ค่มู อื การปฏบิ ตั งิ าน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสร้าง 44
ในกรณีดังกล่าว ผู้ว่าจ้างมีสิทธิริบหรือบังคับจากหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาท้ังหมด
หรือบางส่วนตามแต่จะเห็นสมควร นอกจากน้ัน ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดชอบในค่าเสียหายซ่ึงเป็นจานวนเกินกว่า
หลักประกันการปฏิบัติตามสัญญา รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เพ่ิมข้ึนในการทางานนั้นต่อให้แล้วเสร็จตามสัญญา ตลอดจน
ค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานเพิ่ม (ถ้ามี) ซ่ึงผู้ว่าจ้างจะหักเอาจากเงินประกันผลงานหรือจานวนเงินใดๆ ที่จะจ่าย
ให้แกผ่ ้รู บั จา้ งก็ได้
ขอ้ ๑๙ การบังคบั ค่าปรบั ค่าเสยี หาย และค่าใช้จ่าย
ในกรณีทผี่ รู้ บั จ้างไมป่ ฏิบัติตามสัญญาข้อใดข้อหน่ึงด้วยเหตุใดๆ กต็ าม จนเป็นเหตุให้เกดิ ค่าปรับ
คา่ เสียหาย หรือคา่ ใช้จ่ายแกผ่ ู้วา่ จา้ ง ผรู้ บั จา้ งต้องชดใชค้ ่าปรบั ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายดังกลา่ วให้แก่ผวู้ ่าจ้างโดย
สิ้นเชิงภายในกาหนด.......................(........................) วัน นับถัดจากวันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากผู้ว่าจ้าง
หากผ้รู บั จ้างไมช่ ดใช้ให้ถูกต้องครบถว้ นภายในระยะเวลาดังกล่าวใหผ้ ู้ว่าจ้างมีสิทธิทจี่ ะหักเอาจากจานวนเงินค่าจ้าง
ทีต่ ้องชาระ หรือจากเงนิ ประกนั ผลงานของผรู้ บั จ้าง หรือบังคบั จากหลักประกันการปฏิบตั ติ ามสญั ญาได้ทันที
หากค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายท่ีบังคับจากเงินค่าจ้างที่ต้องชาระ เงินประกันผลงาน
หรือหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาแล้วยังไม่เพียงพอ ผู้รับจ้างยินยอมชาระส่วนที่เหลอื ที่ยังขาดอยู่จนครบถ้วน
ตามจานวนค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายนั้น ภายในกาหนด..................(............... .......) วันนับถัดจากวัน
ท่ีได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากผู้ว่าจ้างหากมีเงินค่าจ้างตามสัญญาที่หักไว้จ่ายเป็นค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่าย
แลว้ ยังเหลอื อยอู่ กี เทา่ ใด ผ้วู ่าจ้างจะคืนให้แก่ผ้รู บั จา้ งทง้ั หมด
ขอ้ ๒๑ การงดหรอื ลดคา่ ปรับ หรือการขยายเวลาปฏิบตั งิ านตามสัญญา
ในกรณีที่มีเหตุเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของฝ่ายผู้ว่าจ้าง หรือเหตุสุดวิสัย หรือเกิด
จากพฤติการณ์อันหน่ึงอันใดที่ผู้รับจา้ งไม่ต้องรบั ผิดตามกฎหมาย หรือเหตุอื่นตามที่กาหนดในกฎกระทรวง ซ่ึงออก
ตามความในกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ทาให้ผู้รับจ้างไม่สามารถทางาน
ให้แล้วเสร็จตามเง่ือนไขและกาหนดเวลาแห่งสัญญาน้ีได้ ผู้รับจ้างจะต้องแจ้งเหตุหรือพฤติการณ์ดังกล่าว
พร้อมหลักฐานเป็นหนังสือให้ผู้ว่าจ้างทราบ เพ่ือของดหรือลดค่าปรับ หรือขยายเวลาทางานออกไปภายใน
๑๕ (สบิ ห้า) วัน นับถดั จากวันที่เหตุนน้ั สิ้นสดุ ลง หรอื ตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวงดังกล่าว แลว้ แต่กรณี
ถ้าผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามความในวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้รับจ้างได้สละสิทธิเรียกร้อง
ในการท่ีจะของดหรือลดค่าปรับ หรือขยายเวลาทางานออกไปโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ท้ังส้ิน เว้นแต่กรณีเหตุเกิดจาก
ความผิดหรือความบกพรอ่ งของฝา่ ยผู้วา่ จา้ งซ่ึงมีหลกั ฐานชดั แจ้งหรือผวู้ ่าจ้างทราบดีอยูแ่ ลว้ ตง้ั แตต่ น้
การงดหรือลดค่าปรับ หรือขยายกาหนดเวลาทางานตามวรรคหน่ึง อยู่ในดุลพินิจของผู้ว่าจ้าง
ทีจ่ ะพิจารณาตามท่เี ห็นสมควร
ค่มู อื การปฏิบตั ิงาน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สร้าง 45
2) บทกาหนดโทษสาหรับผู้ปฏบิ ตั งิ านดา้ นการบริหารสญั ญาการกอ่ สรา้ ง
1) พระราชบญั ญตั ิการจดั ซอ้ื จัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครฐั พ.ศ. 2560
มาตรา ๑๒๐ ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่หรือเป็นผู้มีอานาจหน้าที่ในการดาเนินการเก่ียวกับการจัดซ้ือจัดจ้าง
หรือการบริหารพัสดุ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดซ้ือจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุตาม
พระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศท่ีออกตามความในพระราชบัญญัตินี้โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิด
ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีในการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุตาม
พระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศที่ออกตามความในพระราชบัญญัติน้ีโดยทุจริต ต้องระวาง
โทษจาคกุ ตงั้ แต่หนึ่งปถี ึงสบิ ปี หรือปรบั ต้ังแตส่ องหมน่ื บาทถึงสองแสนบาท หรือท้ังจาทงั้ ปรบั
ผู้ใดเป็นผู้ใช้หรือผู้สนับสนุนในการกระทาความผิดตามวรรคหน่ึง ผู้น้ันต้องระวางโทษตามท่ีกาหนดไว้
สาหรบั ความผิดตามวรรคหน่งึ
มาตรา ๑๒๑ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของคณะกรรมการวินิจฉัยตามมาตรา ๓๑ หรือคาสั่งของ
คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามมาตรา ๔๕ และคณะกรรมการวินิจฉัยหรือคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
แล้วแต่กรณี พิจารณาแล้วเห็นวา่ เปน็ การไม่ปฏิบตั ิตามคาสั่งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ผู้นั้นมีความผิดฐานขัดคาส่ัง
เจา้ พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาให้ดาเนินคดแี ก่ผู้น้ันตอ่ ไป
2) พระราชบัญญตั ริ ะเบียบขา้ ราชการพลเรือนในสถาบนั อดุ มศึกษา พ.ศ. 2547
มาตรา 37 ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาต้องรักษาวินัยและจรรยาบรรณตามที่บัญญัติไว้
ในหมวดนี้โดยเคร่งครัด
มาตรา ๓๙ ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์
สุจรติ เท่ยี งธรรม ขยันหมน่ั เพยี ร และดแู ลเอาใจใส่รักษาประโยชน์ของทางราชการ ห้ามมใิ ห้อาศัยหรือยอมให้ผู้อ่ืน
อาศยั อานาจหน้าทร่ี าชการของตนไม่วา่ จะโดยทางตรงหรอื ทางอ้อมหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผอู้ น่ื
การปฏิบัติหรือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพ่ือให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์
ทม่ี ิควรได้ เปน็ การทจุ ริตต่อหน้าทีร่ าชการ และเปน็ ความผดิ วนิ ัยอยา่ งร้ายแรง
ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบ แบบแผนของ
ทางราชการ มตคิ ณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของทางราชการ
การปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่อไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบ แบบแผนของ
ทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของทางราชการ หรือขาดการเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของ
ทางราชการ อนั เป็นเหตุใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกร่ าชการอย่างร้ายแรง เปน็ ความผดิ วินัยอยา่ งรา้ ยแรง
มาตรา ๔๐ ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาต้องไม่รายงานเท็จต่อผบู้ ังคับบัญชาการรายงาน
โดยปกปดิ ข้อความซ่งึ ควรตอ้ งแจ้ง ถือวา่ เปน็ การรายงานเทจ็ ด้วย
การรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัย
อย่างรา้ ยแรง
คู่มือการปฏบิ ตั ิงาน การบริหารสญั ญากอ่ สร้างในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สรา้ ง 46
มาตรา ๔๒ ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาต้องไม่กระทาการ หรือยอมให้ผู้อื่นกระทาการ
หาประโยชน์อันอาจทาให้เส่ือมเสียความเท่ียงธรรมหรือเส่ือมเสียเกียรติศักด์ิของตาแหน่งหน้าท่ีราชการของตน
การกระทาดังกล่าวใหถ้ อื วา่ เปน็ การกระทาผดิ วนิ ัย
มาตรา ๔๔ ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาต้องรักษาช่ือเสียงของตนและรักษาเกียรติศักด์ิ
ของตาแหน่งหน้าท่รี าชการของตนมิให้เส่ือมเสีย โดยไม่กระทาการใดๆ อันได้ชือ่ ว่าเปน็ ผ้ปู ระพฤตชิ ว่ั
การกระทาความผิดอาญาจนได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุก เว้นแต่เป็นโทษสาหรับ
ความผิดที่ได้กระทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือกระทาการอื่นใดอันได้ช่ือว่าเป็นผู้ประพฤติช่ัว
อย่างรา้ ยแรง เป็นความผิดวินยั อยา่ งร้ายแรง
3) ขอ้ บังคับมหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ วา่ ดว้ ยการบรหิ ารงานบุคคล พ.ศ. 2558
ข้อ 4 ในข้อบงั คับน้ี
“พนักงานมหาวทิ ยาลัย” หมายความว่า พนักงานมหาวิทยาลัยขอนแก่น ตามพระราชบัญญัติ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2558 ที่ได้รับค่าจ้างจากเงินงบประมาณแผ่นดิน ทั้งน้ีให้หมายความรวมถึงพนักงาน
มหาวิทยาลยั โดยใช้เงนิ รายได้ ขา้ ราชการและลูกจ้างประจาทเ่ี ปล่ียนสถานภาพ
“พนักงานหน่วยงานในกากับ” หมายความว่า พนักงานของหน่วยงานในกากับท่ีจ้างด้วยงบประมาณ
ของหน่วยงานในกากบั
“ข้าราชการ” หมายความวา่ ขา้ ราชการพลเรือนในสถาบนั อดุ มศกึ ษา
“ลูกจ้างประจา” หมายความว่า ลูกจ้างประจาตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วย
ลกู จา้ งประจาของส่วนราชการ พ.ศ. 2537 และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเตมิ
“พนกั งานราชการ” หมายความว่า พนักงานราชการตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี
ว่าดว้ ยพนกั งานราชการ พ.ศ. 2547 และท่แี ก้ไขเพม่ิ เติม”
“ลกู จ้างของส่วนราชการ” หมายความว่า ลูกจ้างประจาและลูกจ้างช่ัวคราวที่จ้างจากเงิน
งบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวธิ ีการงบประมาณ
“ลกู จ้างของมหาวิทยาลัย” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับการจ้างตามสัญญาจ้างให้ปฏิบัติงานท่ีมี
ลักษณะชว่ั คราว และมีกาหนดเวลาจ้างโดยได้รับค่าจา้ งจากเงินงบประมาณแผ่นดินหรือเงนิ รายได้
“ผู้ปฏบิ ตั ิงานในมหาวิทยาลยั ” หมายความว่า พนักงานมหาวิทยาลัย ข้าราชการ ลูกจ้างของ
สว่ นราชการ พนกั งานราชการ และลูกจา้ งของมหาวทิ ยาลัย
ขอ้ 32 วินัย จรรยาบรรณ การดาเนินการทางวินัยและจรรยาบรรณของผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ ก.บ.ม. กาหนด หรือตามที่กาหนดไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมาย หรือระเบียบท่ีเก่ียวข้อง
โดยอนุโลม แล้วแต่กรณี
คู่มือการปฏิบัติงาน การบริหารสญั ญาก่อสรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สร้าง 47
4) พระราชบัญญตั คิ วามรับผดิ ทางละเมิดของเจ้าหนา้ ที่ พ.ศ. 2539
มาตรา ๕ หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้เสียหาย ในผลแห่งละเมิดท่ีเจ้าหน้าที่ของตน
ได้กระทาในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีน้ีผู้เสียหายอาจฟ้องหน่วยงานของรัฐดงั กล่าวได้โดยตรง แต่จะฟ้องเจ้าหน้าที่
ไม่ได้ ถา้ การละเมดิ เกดิ จากเจ้าหน้าที่ซ่ึงไม่ได้สังกัดหนว่ ยงานของรัฐแห่งใดให้ถือวา่ กระทรวงการคลังเปน็ หน่วยงาน
ของรัฐทต่ี ้องรบั ผดิ ตามวรรคหน่งึ
มาตรา ๘ ในกรณที ่หี น่วยงานของรัฐต้องรบั ผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแกผ่ ู้เสียหาย เพอื่ การละเมิด
ของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของรัฐมีสิทธิเรียกใหเ้ จ้าหน้าท่ีผทู้ าละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดงั กล่าวแก่หนว่ ยงาน
ของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าท่ีได้กระทาการน้ันไปด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง สิทธิเรียกให้ชดใช้
ค่าสนิ ไหมทดแทนตามวรรคหน่ึงจะมีได้เพียงใดใหค้ านึงถงึ ระดบั ความร้ายแรงแห่งการกระทาและความเป็นธรรมใน
แต่ละกรณีเป็นเกณฑ์ โดยมิต้องให้ใช้เต็มจานวนของความเสียหายก็ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความ
บกพร่องของหน่วยงานของรัฐหรือระบบการดาเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความรับผิดดังกล่าวออกด้วย
ในกรณีท่ีการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นาหลักเรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้อง
รบั ผิดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนเฉพาะสว่ นของตนเท่านั้น
5) แนวทางการกาหนดสัดส่วนความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ตามหนังสือกระทรวงการคลัง
ที่ กค 0406.2/ว.66 ลงวันท่ี 25 กนั ยายน 2550
เน่ืองด้วยตามที่พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ี พ.ศ. 2539 มาตรา 8 กาหนดให้
หน่วยงานของรัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าท่ีผู้กระทาละเมิดเนื่องจากการปฏิบัติหน้าท่ีต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่
หน่วยงานของรัฐในกรณีเจ้าหน้าท่ีได้กระทาไปด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โดยสิทธิเรียก
ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีดังกล่าวจะมีได้เพียงใด ให้คานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทาและความ
เป็นธรรม หรือความผิด หรือความบกพร่อง หรือระบบดาเนินงานของหน่วยงานของรัฐในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์
และเพ่ือให้หน่วยงานของรัฐมีบรรทัดฐานในการกาหนดความรับผิดของเ จ้าหน้าท่ีผู้กระทาละเมิดให้เป็นไปใน
แนวทางเดยี วกัน และเพ่อื ให้เกดิ ความเป็นธรรมและเสมอภาคกับเจ้าหน้าท่ีของทุกหน่วยงาน จงึ ไดก้ าหนดแนวทาง
ในการเรียกค่าสินไหมทดแทนของเจา้ หน้าท่ีท่ีได้กระทาใหเ้ กิดความเสยี หายท่ีเกิดข้ึนอยู่เปน็ ประจา โดยได้แบ่งตาม
ลักษณะความเสียหายและกาหนดสัดส่วนความรับผิดของเจ้าหน้าที่ผู้ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกลุ่ม
หรือแต่ละราย เพ่ือให้หน่วยงานของรัฐใช้ประกอบเป็นแนวทางในการพิจารณาความรับผิดของเจ้าหน้าท่ี ซ่ึงมีการ
กาหนดอัตราส่วนความรับผิดในส่วนการตรวจการจ้าง/การตรวจรับไม่ถูกต้อง การไม่เรียกค่าปรับกรณีส่งมอบงาน
ลา่ ชา้ ไวด้ ว้ ย
คู่มือการปฏิบัตงิ าน การบริหารสญั ญาก่อสรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การก่อสรา้ ง 48
6) พระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ี
“เจ้าพนักงานของรัฐ” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง ตุลาการ
ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดารงตาแหนง่ ในองคก์ รอสิ ระ และคณะกรรมการ ป.ป.ช.
“เจ้าหน้าท่ีของรัฐ” หมายความว่า ข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นซึ่งมีตาแหน่ง หรือเงินเดือน
ประจา ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐหรือในรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถ่ินผู้ช่วยผู้บริหาร
ท้องถ่นิ และสมาชกิ สภาท้องถ่ินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าพนกั งานตามกฎหมายว่าดว้ ยลักษณะปกครอง
ท้องท่ี หรือเจ้าพนักงานอ่ืนตามที่กฎหมายบัญญัติ และให้หมายความรวมถึงกรรมการอนุกรรมการ ลูกจ้างของ
สว่ นราชการ หน่วยงานของรฐั หรอื รัฐวิสาหกจิ และบุคคลหรือคณะบุคคลบรรดาซึ่งมกี ฎหมายกาหนดให้ใช้อานาจ
หรือได้รับมอบให้ใช้อานาจทางปกครองท่ีจัดต้ังขึ้นในระบบราชการรัฐวิสาหกิจ หรือกิจการอ่ืนของรัฐด้วย
แต่ไม่รวมถึงผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดารงตาแหน่งในองค์กรอิสระ และ
คณะกรรมการ ป.ป.ช
“ทจุ ริตต่อหน้าท”ี่ หมายความว่า ปฏบิ ัติหรอื ละเวน้ การปฏบิ ัติอย่างใดในตาแหน่งหรือหนา้ ท่ี หรือปฏิบัติ
หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ท่ีอาจทาให้ผู้อ่ืนเช่ือว่ามีตาแหน่งหรือหน้าท่ีท้ังที่ตนมิได้มี ตาแหน่งหรือ
หน้าที่น้ัน หรือใช้อานาจในตาแหน่งหรือหน้าที่ ท้ังน้ี เพื่อแสวงหาประโยชน์ท่ีมิควรได้โดยชอบสาหรับตนเองหรือ
ผู้อื่น หรือกระทาการอันเป็นความผิดต่อตาแหน่งหน้าท่ีราชการหรือความผิดต่อตาแหน่งหน้าท่ีในการยุติธรรม
ตามประมวลกฎหมายอาญาหรอื ตามกฎหมายอนื่
หมวด ๖
การขัดกันระหว่างประโยชนส์ ว่ นบุคคลกับประโยชน์สว่ นรวม
มาตรา ๑๒๖ นอกจากเจ้าพนักงานของรัฐท่ีรัฐธรรมนูญกาหนดไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ห้ามมิให้
กรรมการ ผู้ดารงตาแหน่งในองค์กรอิสระ และเจ้าพนักงานของรัฐที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ประกาศกาหนด
ดาเนนิ กิจการดังต่อไปนี้
(๑) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาท่ีทากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าพนักงานของรัฐผู้นั้นปฏิบัติ
หน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งมีอานาจไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการกากับ ดูแลควบคุม ตรวจสอบ
หรือดาเนินคดี
(๒) เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ
ที่เจ้าพนักงานของรัฐผู้น้ันปฏิบัติหน้าที่ในฐานะท่ีเป็นเจ้าพนักงานของรัฐซ่ึงมีอานาจไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม
ในการกากับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดาเนินคดี เว้นแต่จะเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจากัดหรือบริษัทมหาชนจากัด
ไม่เกนิ จานวนท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. กาหนด
(๓) รับสัมปทานหรือคงถือไว้ซึ่งสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือ
ราชการส่วนท้องถ่ิน หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการ
ส่วนท้องถิ่น อันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน หรือเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
คู่มอื การปฏิบัตงิ าน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การกอ่ สร้าง 49
ที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว ในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งมีอานาจไม่ว่าโดยตรง
หรือโดยอ้อมในการกากับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดาเนินคดี เว้นแต่จะเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจากัดหรือ
บริษทั มหาชนจากัด ไม่เกนิ จานวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กาหนด
(๔) เขา้ ไปมสี ่วนได้เสยี ในฐานะเปน็ กรรมการ ทีป่ รกึ ษา ตวั แทน พนักงานหรือลกู จ้างในธุรกิจของเอกชน
ซ่ึงอยู่ภายใต้การกากับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบของหน่วยงานของรัฐที่เจ้าพนักงานของรัฐผู้น้ันสังกัดอยู่หรือ
ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ของธุรกิจของเอกชนนั้น อาจขัดหรือ
แย้งต่อประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ทางราชการ หรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าท่ีของ
เจ้าพนักงานของรฐั ผ้นู ัน้
ให้นาความในวรรคหนึ่ง มาใช้บังคับกับคู่สมรสของเจ้าพนักงานของรัฐตามวรรคหนึ่งด้วยโดยให้ถือว่า
การดาเนนิ กจิ การของคสู่ มรสเป็นการดาเนนิ กิจการของเจ้าพนักงานของรฐั เวน้ แตเ่ ป็นกรณที ่ีคสู่ มรสน้ันดาเนินการ
อยู่กอ่ นทเ่ี จา้ พนักงานของรัฐจะเข้าดารงตาแหน่ง
คู่สมรสตามวรรคสองให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสด้วย
ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์ทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. กาหนด
เจ้าพนักงานของรัฐท่ีมีลักษณะตาม (๒) หรือ (๓) ต้องดาเนินการไม่ให้มีลักษณะดังกล่าวภายใน
สามสบิ วนั นบั แต่วันทเ่ี ข้าดารงตาแหน่ง
มาตรา ๑๒๘ ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคานวณเป็นเงิน
ไดจ้ ากผู้ใด นอกเหนอื จากทรัพยส์ นิ หรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรอื ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอานาจ
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแตก่ ารรบั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชน์อืน่ ใดโดยธรรมจรรยาตามหลกั เกณฑแ์ ละจานวน
ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กาหนด
ความในวรรคหนง่ึ มิให้ใช้บังคับกับการรับทรัพย์สนิ หรอื ประโยชน์อื่นใดจากบุพการี ผสู้ บื สันดานหรอื ญาติ
ที่ใหต้ ามประเพณีหรอื ตามธรรมจรรยาตามฐานานรุ ปู
บทบัญญัติในวรรคหน่ึงให้ใช้บังคับกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดของผู้ซ่ึงพ้นจาก การเป็น
เจา้ พนกั งานของรฐั มาแล้วยังไม่ถึงสองปีดว้ ยโดยอนโุ ลม
มาตรา ๑๒๙ การกระทาอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติในหมวดนี้ให้ถือว่าเป็นการกระทาความผิด
ตอ่ ตาแหน่งหนา้ ทีร่ าชการหรือความผิดตอ่ ตาแหน่งหน้าที่ในการยตุ ิธรรม
หมวด 11
บทกาหนดโทษ
มาตรา ๑๖๘ เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๒๖ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปีหรือปรับ
ไม่เกินหกหมนื่ บาท หรอื ท้ังจาทัง้ ปรับ
กรณีความผิดตามมาตรา ๑๒๖ วรรคสอง ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเจ้าพนักงานของรัฐนั้นรู้เห็นยินยอมด้วย
เจ้าพนกั งานของรฐั นนั้ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหม่นื บาท หรือทง้ั จาทั้งปรับ
คมู่ อื การปฏบิ ตั งิ าน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สร้าง 50
มาตรา ๑๖๙ เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๒๘ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปีหรือปรับ
ไม่เกินหกหมน่ื บาท หรือท้ังจาท้ังปรบั
มาตรา ๑๗๐ เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๒๗ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับ
ไม่เกนิ หนง่ึ หมื่นบาท หรือทั้งจาท้งั ปรับ
มาตรา ๑๗๒ เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตาแหน่งหรือหน้าท่ี
หรือใช้อานาจในตาแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น
การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหม่ืนบาทถึงสองแสนบาท
หรือทงั้ จาท้ังปรับ
มาตรา ๑๗๓ เจ้าพนักงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าท่ีขององค์การระหว่าง
ประเทศ ผู้ใด เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สาหรับตนเองหรอื ผู้อื่นโดยมิชอบ เพ่ือกระทา
การหรือไม่กระทาการอย่างใดในตาแหน่ง ไมว่ ่าการนน้ั จะชอบหรือมชิ อบด้วยหน้าที่ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่ห้าปี
ถึงยสี่ ิบปี หรือจาคุกตลอดชีวิต และปรบั ตง้ั แตห่ นึ่งแสนบาทถึงสแ่ี สนบาท
มาตรา ๑๗๔ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เจ้าหน้าท่ีของรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ขององค์การ
ระหวา่ งประเทศ กระทาการหรอื ไม่กระทาการอย่างใดในตาแหนง่ โดยเห็นแกท่ รัพย์สินหรอื ประโยชนอ์ ืน่ ใดซึ่งตนได้
เรียก รบั หรือยอมจะรบั ไวก้ ่อนที่ตนไดร้ ับแต่งต้ังในตาแหน่งนั้น ต้องระวางโทษจาคุกต้ังแตห่ า้ ปีถึงยส่ี ิบปี หรอื จาคุก
ตลอดชวี ิต และปรับตั้งแต่หนงึ่ แสนบาทถงึ ส่ีแสนบาท
ค่มู ือการปฏบิ ัติงาน การบรหิ ารสญั ญาก่อสร้างในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สร้าง 51
บทที่ 4
เทคนิคและข้ันตอนการปฏิบัติงาน
เพ่ือให้ผู้ปฏิบัติงานท่ีเกี่ยวข้องมีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติงานในการบริหารสัญญาก่อสร้างในระหว่าง
การดาเนินการก่อสรา้ ง ไดอ้ ย่างถูกต้องเรียบร้อย ในส่วนเทคนิคและข้นั ตอนการปฏิบัติงานในบทนี้ จะแบง่ ออกเป็น
4 สว่ น ประกอบด้วย
สว่ นท่ี 1 ประเภทและการใชบ้ งั คับของกฎหมายเกย่ี วกบั สัญญาก่อสรา้ ง
เป็นองค์ความรู้ด้านข้อกฎหมายท่ีเกี่ยวกับบทบัญญัติท่ัวไปของสัญญาก่อสร้าง ตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ และสัญญาทางปกครอง ซึ่งผู้ปฏิบัติงานจาเป็นต้องศึกษาและทาความเข้าใจ เพื่อนาไปปรับใช้
เปน็ แนวทางในการปฏบิ ตั งิ านทีเ่ ก่ยี วกับการบริหารสญั ญากอ่ สร้างในระหว่างการดาเนนิ การก่อสร้าง
สว่ นที่ 2 ผมู้ อี านาจหนา้ ท่ีและผปู้ ฏบิ ตั ิงานเกี่ยวกบั การบริหารสญั ญากอ่ สร้างในระหวา่ งการก่อสรา้ ง
เป็นส่วนขององค์ความรู้ หลักเกณฑ์ องค์ประกอบ คุณสมบัติ อานาจหน้าท่ี และการปฏิบัติงาน
ของผู้ปฏิบัติงานท่ีเก่ียวข้องกับกระบวนการบริหารสัญญาก่อสร้างในระหว่างการดาเนินการก่อสร้าง อาทิเช่น
ผู้มีอานาจพิจารณาอนุมัติและลงนามในสัญญา คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ผู้ควบคุม และผู้ออกแบบ เป็นต้น
ซึง่ ผปู้ ฏิบัติงานจาเปน็ ต้องทราบและทาความเข้าใจ เพอื่ นาไปใชใ้ นการปฏิบตั ิงานใหถ้ ูกต้องเรียบร้อยต่อไป
ส่วนที่ 3 กระบวนการขน้ั ตอนและวิธปี ฏบิ ตั ิเกยี่ วกับการบริหารสัญญากอ่ สร้างในระหวา่ งการดาเนินการ
กอ่ สร้าง
เป็นส่วนกระบวนการข้ันตอนการปฏิบัติงานในการบริหารสัญญาก่อสร้างในระหว่างการดาเนินการ
ก่อสร้าง ซ่ึงเป็นเทคนิค กระบวนการ และข้ันตอนการปฏิบัติงาน นับแต่เมื่อได้มีการลงนามในสัญญาจ้าง
จนโครงการแล้วเสร็จ อาทิเช่น การเริ่มงาน การประชุมคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ การตรวจสอบงานก่อสร้าง
การรายงานการก่อสร้างและเหตุการณ์แวดล้อมประวัน การพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา การปรับ การงด
หรือลดคา่ ปรับ การขยายระยะเวลาการทางาน การตรวจรบั งาน และการบอกเลิกสัญญา เปน็ ต้น
ส่วนท่ี 4 บทกาหนดโทษและความรับผดิ ของผ้ปู ฏิบตั ิงานดา้ นการบริหารสญั ญากอ่ สรา้ ง
เป็นองค์ความรู้ ข้อกาหนด และหลักเกณฑ์เก่ียวกับบทกาหนดโทษและความรับผิดต่างๆ ตามกฎหมาย
ทเี่ กยี่ วเน่อื งกบั การปฏบิ ัตงิ านในการบริหารสัญญาก่อสรา้ ง
คมู่ อื การปฏิบตั ิงาน การบริหารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สร้าง 52
ส่วนที่ 1 ประเภทและการใช้บังคบั ของกฎหมายเกย่ี วกบั สัญญาจ้างกอ่ สรา้ ง
สัญญาจ้างก่อสร้างของหน่วยงานของรัฐ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สัญญาทางแพ่ง และ สัญญา
ทางปกครอง
1.1) สัญญาจา้ งกอ่ สรา้ งทางแพง่ และข้อกฎหมายเกี่ยวกบั สัญญาจา้ งก่อสร้าง
สัญญาจ้างก่อสร้างถือเป็นสัญญาจ้างทาของ ซ่ึงกฎหมายกาหนดไว้เป็นเอกเทศสัญญาประเภทหนึ่ง
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 7 โดยบทบญั ญตั ิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เร่ืองจ้างทาของนี้เป็นบทบัญญัติที่ใช้วางหลักเกณฑ์และใช้บังคับเป็นการท่ัวไปทั้งสั ญญาทางแพ่งและทางปกครอง
เว้นแต่จะมกี ฎหมายและขอ้ สัญญากาหนดไว้เฉพาะเป็นอย่างอน่ื ดังนน้ั ในการทาความเข้าใจและปฏบิ ตั ิงานเกี่ยวกับ
การบริหารสัญญาก่อสร้าง จึงจาเป็นต้องศกึ ษาและทาความเขา้ ใจบทบญั ญัตขิ องประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เรือ่ งการจ้างทาของนี้ เพอ่ื เปน็ พนื้ ฐานในการศกึ ษาและจะไดเ้ ข้าใจหลกั เกณฑเ์ ก่ยี วกบั สญั ญากอ่ สรา้ ง
สญั ญาจา้ งทาของคอื อะไร
สัญญาจ้างทาของ คือ สัญญาจ้างท่ีบุคคลหนึ่ง เรียกว่า “ผู้รับจ้าง” ตกลงรับทางานส่ิงใดหนึ่ง
จนสาเร็จ ใหแ้ ก่บุคคลอีกคนหน่ึง เรียกว่า “ผวู้ า่ จา้ ง” และผู้วา่ จ้างตกลงจะใหค้ ่าจา้ งสาหรบั ความสาเร็จของงาน
สญั ญาจ้างทาของมลี กั ษณะแตกตา่ งจากสญั ญาจ้างแรงงาน คอื
(1) สัญญาจ้างทาของ มุ่งประสงค์ถึงผลสาเร็จของงานที่ผู้รับจ้างทาให้แก่ผู้ว่าจ้าง แต่สัญญาจ้าง
แรงงานเป็นกรณีท่ลี ูกจ้างตกลงทางานตามคาสง่ั ของนายจา้ ง โดยไม่ได้ม่งุ ประสงค์ถงึ ผลสาเรจ็ ของงาน
(2) สัญญาจ้างทาของ ผู้ว่าจ้างตกลงให้สินจ้างแก่ผู้รับจ้างเพ่ือผลสาเรจ็ ของงานที่ทานั้น แต่สัญญา
จา้ งแรงงาน นายจ้างจะต้องใชส้ นิ จ้างตลอดเวลาที่ลกู จา้ งทางานให้
(3) อานาจบังคับบัญชา สัญญาจ้างทาของผู้ว่าจ้างไม่มีอานาจบังคับบัญชาควบคุมการทางาน
ผู้รับจ้างมีหน้าท่ีต้องทางานให้เสร็จตามท่ีตกลงกันเท่าน้ัน ส่วนสัญญาจ้างแรงงาน นายจ้างมีอานาจบังคับบัญชา
ลกู จา้ งใหท้ าการงานตามคาส่ังของตน
(4) สัญญาจ้างทาของ เครื่องมือท่ีใช้ในการทางาน ผู้รับจ้างจะเป็นผู้จัดหามาเอง ส่วนสัมภาระ
ถ้าผู้รับจ้างจัดหามาจะต้องจัดหาสัมภาระชนิดท่ีดี เว้นแต่จะตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น แต่สัญญาจ้างแรงงาน
เครอ่ื งมือ เครื่องใช้ สมั ภาระเปน็ ของนายจา้ ง
(5) สัญญาจ้างทาของ ผู้ว่าจ้างไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายท่ีผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดข้ึนแก่
บคุ คลภายนอกระหวา่ งการทางานท่ีวา่ จ้าง เว้นแต่ผวู้ ่าจ้างจะเปน็ ผู้ผดิ ในสว่ นการงานท่ีสัง่ ใหท้ า หรอื ในคาสัง่ ที่ตนได้
ให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง แต่ในสัญญาจ้างแรงงานน้ัน นายจ้างจะต้องร่วมรับผิ ดในผลแห่งละเมิด
ที่ลูกจา้ งไดท้ าในทางการท่จี า้ ง
ตวั อยา่ งคาพพิ ากษาท่ีเก่ยี วขอ้ ง
คาพิพากษาศาลฎีกา ท่ี 434/2504 สัญญาจ้างทาของ เป็นสัญญาท่ีไม่ต้องทาตามแบบหรือ
เปน็ หนังสือก็ใช้บงั คบั ได้
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 13825/2555 จาเลยจ้างโจทก์ขับรถขนส่งสินค้าโดยโจทก์ต้องมี
รถบรรทุกสินค้าของตัวเอง จาเลยจ่ายค่าจ้างให้เฉพาะวันท่ีปฏบิ ัตงิ านสง่ สนิ ค้าใหจ้ าเลยเท่านน้ั จึงบ่งบอกว่าจาเลย
มุ่งผลสาเร็จของงานให้มีการขนสินค้าไปให้ลูกค้าตามช่วงเวลาน้ันจนเสร็จสน้ิ ไปเป็นสาคัญ อีกท้ังโจทก์จะมาทางาน
วันใดก็ได้ตามความสมัครใจ ไม่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทางานให้โจทก์ต้องปฏิบัติตามคาส่ังของจาเลยหากฝ่าฝืน
จาเลยมีสทิ ธลิ งโทษทางวนิ ัยแก่โจทก์ แสดงวา่ จาเลยไมม่ อี านาจควบคุมบงั คับบัญชาโจทก์ สัญญาจา้ งระหวา่ งจาเลย
กบั โจทกจ์ ึงเป็นสัญญาจา้ งทาของ
คมู่ ือการปฏิบัติงาน การบริหารสญั ญาก่อสรา้ งในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสร้าง 53
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 7536/2555 โจทกไ์ ด้รับสมั ปทานทาไม้จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
แล้วโจทก์ได้ทาสัญญาจ้างจาเลยทาไม้โดยจาเลยผู้รับจ้างได้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการท่ีโจทก์ผู้ว่าจ้างขายไม้ที่
จาเลยทาได้น้ันให้จาเลยตามราคาที่ตกลงกัน ซึ่งถือเป็นสินจ้างเพื่อผลสาเร็จแห่งการทาไม้แก่จาเลย
สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจาเลยจึงเป็นสัญญาจ้างทาของ ไม่ใช่การขาย ให้เช่า มอบให้หรือโอนไปด้วยประการ
ใดๆ ซึ่งสิทธิอันได้มาตามสัมปทานให้แก่จาเลย ไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงไม่เป็น
โมฆะ
เครอื่ งมอื ในการทางาน
กาหนดให้เปน็ หน้าที่ของผู้รับจ้างเปน็ ผู้จัดหาเคร่ืองมือในการทางาน
สัมภาระในการทางาน
หน้าทใ่ี นการจดั หาสัมภาระ
1) กรณที ี่ “ผู้รับจา้ ง” จัดหา สมั ภาระตอ้ งจัดหาชนดิ ดี
2) กรณีที่ “ผู้ว่าจ้าง” จัดหา ต้องใช้อย่างระมัดระวังและประหยัดอย่าให้สิ้นเปลือง เมื่อทาการ
สาเร็จและเหลือ ให้คืนแก่ผู้ว่าจ้าง
ตัวอย่างคาพิพากษาที่เกย่ี วข้อง
คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 11044/2558 แม้คูค่ วามจะรบั กนั วา่ สญั ญาระหว่างบรษิ ทั ท. กบั จาเลย
เป็นการเช่าทรัพย์ตามข้อความท่ีระบุในสาเนาหนังสือขอเสนอราคาค่าเช่าและใบรับงานเช่า แต่ ข. คนขับ
รถเครนคันเกิดเหตุเป็นพนักงานบริษัทจาเลยเป็นผู้ควบคุมปั้นจั่นรถเครนในการยกเคร่ืองจักรขึ้นลงตามความ
ชานาญงานของตน สว่ น ก. พนกั งานบริษัท ท. เป็นเพียงผ้กู าหนดจดุ ท่ตี งั้ เครอ่ื งจกั ร ก. ไม่มอี านาจกาหนดวิธีการใช้
อุปกรณ์หรือป้ันจั่นของรถเครน ดังนี้ การงานที่ทาดังกล่าวมีลักษณะสาคั ญเป็นการงานท่ีจาเลยตกลง
รับทาให้บริษัท ท. ผู้ว่าจ้างจนสาเร็จและผู้ว่าจ้างตกลงให้สินจ้างเพ่ือผลสาเร็จแห่งการที่ทานั้น โดยจาเลย
เป็นผู้จัดหาเครื่องมือคือรถเครน สัญญาระหว่างบริษัท ท. กับจาเลยมีลักษณะเป็นสัญญาจ้างทาของตาม ป.พ.พ.
มาตรา 587 เพราะมุ่งเน้นเอาผลสาเร็จของการงานท่ีทาเป็นสาคัญ หาใช่เป็นสัญญาเช่าทรัพย์ ตาม ป.พ.พ.
มาตรา 537 จาเลยรวมทั้งพนักงานของจาเลยมิได้ใชค้ วามระมัดระวังในการตรวจสอบปัน้ จั่นรถเครนคันเกิดเหตุให้
อยู่ในสภาพเรียบร้อยก่อนนาไปใช้ทาการงานที่รับจ้าง เป็นเหตุให้เคร่ืองจักรรูดตกลงไปกระแทกพ้ืนได้รับ
ความเสียหาย เป็นผลท่ีสืบเนื่องมาจากความประมาทเลินเล่อของจาเลยและพนักงานขับรถบริษัทจาเลย
จาเลยต้องรบั ผดิ ชดใช้คา่ สนิ ไหมทดแทนแกบ่ ริษัท ฮ. ผูซ้ ื้อเครือ่ งจกั ร
หน้าทแี่ ละความรบั ผิดในความชารดุ บกพรอ่ งหรือความลา่ ชา้ เกิดจากสัมภาระของผู้ว่าจา้ ง
หากความชารุดบกพร่องหรอื ความล่าช้าของงาน เกิดข้ึนเพราะสัมภาระที่ผู้ว่าจ้างจัดหา หรือเพราะ
คาสั่งของผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิด เว้นแต่ผู้รับจ้างจะรู้อยู่แล้วว่า สัมภาระไม่เหมาะหรือคาสั่งไม่ถูกและ
ผ้รู บั จ้างมไิ ดบ้ อกกล่าว
ตัวอย่างคาพิพากษาท่เี กยี่ วขอ้ ง
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 484/2510โจทก์จ้างจาเลยให้เจาะน้าบาดาลให้โจทก์ 1 บ่อ ตามสัญญา
สัมภาระที่ต้องใช้ก็คือท่อกรองน้า ท่อน้า เครื่องปั๊มน้า ฯลฯ จึงถือได้ว่าการติดต้ังเครื่องป๊ัมน้าเป็นส่วนหนงึ่ ของการ
เจาะบ่อน้าบาดาล ปั๊มน้าฝ่ายผู้ว่าจ้างเป็นผู้จัดหา ส่ิงของเหล่านี้ฝ่ายใดจะเป็นผู้จัดหามาก็ตามต้องถือว่าเป็น
สัมภาระใช้ในการเจาะบ่อน้าบาดาลอยู่น่ันเอง หากการงานที่ทาเกิดการบกพร่องสูบน้าไม่ได้ปริมาณตามสัญญา
เป็นเพราะความบกพรอ่ งของป๊ัมน้าทโ่ี จทก์จัดหามา จาเลยจงึ ไมต่ อ้ งรับผดิ
คมู่ อื การปฏิบตั งิ าน การบริหารสญั ญากอ่ สร้างในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สร้าง 54
การตรวจงานของผวู้ า่ จา้ ง
ในระหว่างการทางานตามสญั ญา ผู้รับจ้างต้องยอมให้ผู้ว่าจ้างหรอื ตัวแทนของผู้ว่าจ้างเข้าตรวจงาน
ไดต้ ลอดเวลา
สทิ ธใิ นการบอกเลิกสัญญาขณะทางาน
เมื่อปรากฏเหตุ ว่า 1) ผู้รับจ้างไม่เร่ิมงานในเวลาอันควร หรือ 2) ทาการชักช้าฝ่าฝืนข้อกาหนด
สัญญา หรือ 3) ทาการชักช้าโดยปราศจากความผิดของผู้ว่าจ้างจนคาดหมายได้ว่าล่วงหน้าได้ว่าผู้รับจ้าง
จะไม่สามารถทางานให้เสร็จภายในกาหนดเวลาท่ีตกลงกันไว้ “ผู้ว่าจ้าง” เลิกสัญญาได้โดยไม่ต้องรอให้ถึง
กาหนดเวลาสง่ มอบ
ตัวอย่างคาพิพากษาท่เี กี่ยวขอ้ ง
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 11315/2554จาเลยได้ว่าจ้างโจทก์ให้ผลิตตุ๊กตาช้าง 2 รายการ
คือตุ๊กตาช้างสวมชุดเอ๊ียมและตุ๊กตาช้างบนฐานโยกเยก เม่ือโจทก์ผิดนัดโดยไม่สามารถส่งสินค้าตุ๊กตาช้าง
สวมชุดเอ๊ียมได้ทันภายในกาหนดจนจาเลยบอกเลิกสัญญาในส่วนตุ๊กตาช้างสวมชุดเอี๊ยมมาแล้ว จาเลยอาจ
คาดหมายล่วงหน้าได้ว่าโจทก์ไม่อาจดาเนินการผลิตสินค้าตุ๊กตาช้างบนฐานโยกเยกให้แก่จาเลยได้ทันกาหนดเวลา
ท่ีได้ตกลงกันไว้ จาเลยชอบที่จะเลิกสัญญาเสียได้ มิพักต้องรอคอยให้ถึงเวลากาหนดส่งมอบ ตาม ป.พ.พ.
มาตรา 593 ศาลจึงชอบท่ีจะกาหนดค่าเสียหายจากค่าใช้จ่ายส่วนที่เพิ่มขึ้นในการที่จาเลยว่าจ้างบุคคลอื่น
ผลติ สินค้าได้
การแกไ้ ขความบกพรอ่ งในระหว่างการทางาน
หากอยู่ในวิสัยจะคาดหมายได้ล่วงหน้าได้แน่นอนว่า การที่ทาจะสาเร็จอย่างบกพร่อง หรือเป็นไป
ในทางฝา่ ฝืนสัญญาเพราะความผดิ ของผู้รับจ้าง ผู้ว่าจ้างจะบอกกวา่ ใหแ้ กไ้ ข หรือทาการให้เปน็ ไปตามสญั ญาภายใน
เวลาอันสมควรที่กาหนดในคาบอกกล่าว ถ้าคลาดเคลื่อนจากกาหนด ผู้ว่าจ้างให้บุคคลภายนอกซ่อมแซมหรือทา
ต่อไปได้ โดยผรู้ ับจา้ งเปน็ ผรู้ บั ผิดชอบคา่ เสยี หายและค่าใชจ้ า่ ย
ตัวอย่างคาพิพากษาทเี่ ก่ยี วข้อง
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6314/2550 เม่ือโจทก์ทางานงวดท่ีสองชารุดบกพร่องไม่ถูกต้อง
ตามสัญญาจ้าง และจาเลยได้ให้โจทก์แก้ไขให้เรียบร้อยก่อนแต่โจทก์เพิกเฉยไม่ยอมแก้ไข โจทก์จึงเป็นฝ่าย
ผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายจากจาเลย แต่อย่างไรก็ตาม สัญญาระหว่างโจทก์
กับจาเลย ถือว่าเป็นการเลิกกันโดยปริยาย สัญญาจ้างเหมาก่อสร้างระหว่างโจทก์กับจาเลยเป็นสัญญาจ้างทาของ
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 587 ขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อสัญญาระหว่างโจทก์กับจาเลยเลิกกันแล้ว
โจทก์และจาเลยตอ้ งให้อีกฝ่ายหนง่ึ กับคืนสฐู่ านะดังที่เป็นอยู่เดิมตาม ป.พ.พ. มาตรา 391 วรรคหน่ึง แต่เนื่องจาก
โจทก์ได้ทางานงวดท่ีสองให้จาเลยเสร็จแล้วจึงไม่อาจให้กลับคืนสู่ฐานะดังท่ีเป็นอยู่เดิมได้ กรณีต้องบังคับ
ตามมาตรา 391 วรรคสาม จาเลยตอ้ งใช้เงินคา่ ก่อสร้างในงวดทสี่ องให้แก่โจทก์แทน จาเลยไม่มสี ิทธิงดจ่ายค่าจ้าง
เสียทั้งหมด เมื่องานของโจทก์มีส่ิงบกพร่องและจาเลยได้บอกกล่าวให้โจทก์แก้ไขสิ่งบกพร่องให้เป็นไปตามสัญญา
แต่โจทก์ไม่ดาเนินการ จาเลยชอบที่จะว่าจ้างบุคคลภายนอกทาการแก้ไขสิ่งบกพร่องดังกล่าวได้ โดยโจทก์จะต้อง
ออกค่าใช้จ่ายทั้งส้ินตาม ป.พ.พ. มาตรา 594 และจาเลยมีสิทธิหักค่าใช้จ่ายเท่าที่เสียไปจากค่าจ้างของงานงวด
ทส่ี องเทา่ นัน้
คู่มือการปฏบิ ตั ิงาน การบรหิ ารสญั ญาก่อสร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสร้าง 55
เหตุที่โจทก์ทางานบกพร่องเนื่องจากจาเลยขอเปลี่ยนแบบ ขยายห้องนอนให้กว้างข้ึน ใช้วัสดุ
ผิดจากแบบแปลน ทาให้โครงเหล็กรับน้าหนักมากกว่าแบบทาให้โค้งงอ จาเลยต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในความ
บกพร่องดังกล่าวด้วย และเมื่อปรากฏว่าจาเลยยังไม่ได้ว่าจ้างบุคคลใดให้ทาการแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว
ศาลชน้ั ต้นจึงกาหนดคา่ ใช้จ่ายในการวา่ จ้างบคุ คลภายนอกแก้ไขขอ้ บกพร่องตามความเหมาะสมได้
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 5302/2538 กรณีเพ่ิงเริ่มงานตามสัญญา จาเลยก็ไม่ประสงค์ให้โจทก์
ทาการก่อสร้าง เหตุบอกเลิกสัญญา ก็อ้างเหตุโจทก์ท้ิงงานเท่าน้ัน ซ่ึงยังไม่พ้นกาหนดระยะเวลาก่อสร้างแล้วเสร็จ
และโจทก์เองมิได้ทอดทิ้งงาน ส่วนเร่ืองโจทก์ก่อสร้างผิดแบบผิดหลักวิชาการก็รับฟังไม่ได้ ดังนี้เม่ือสัญญาจ้าง
ยังไม่ถึงกาหนด และจาเลยผู้ว่าจ้างเห็นว่าหากให้โจทก์ทาการก่อสร้างต่อไปจะเกิดความเสียหายเพราะงาน
ล่าช้ามาก จาเลยจะเลิกสัญญาได้ก็ต้องบอกกล่าวกาหนดระยะเวลาให้โจทก์ปฏิบัติเสียก่อนตาม ป.พ.พ.
มาตรา 387 แตจ่ าเลยก็มไิ ดท้ าเช่นนั้น จงึ บอกเลกิ สญั ญาโดยเหตดุ งั กล่าวไม่ได้ การท่โี จทก์ขอทาการก่อสร้างต่อไป
และจาเลยไม่ยอม โดยว่าจ้างผู้อื่นก่อสร้างต่อไปและให้เลิกสัญญา จะถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ได้
แตเ่ ป็นเรอื่ งจาเลยใชส้ ทิ ธเิ ลิกสัญญาโดยไม่ชอบ และตอ้ งถอื วา่ จาเลยเป็นฝา่ ยผดิ สัญญาเอง
กรณีจ้างทาของเมื่อจาเลยผู้ว่าจ้างได้บอกเลิกสัญญาเอง โดยโจทก์ผู้รับจ้างไม่ได้ทาผิดสัญญา
จาเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่การเลิกสัญญาน้ันตาม
ป.พ.พ.มาตรา 605 ส่วนค่าเสียหายท่ีจาเลยต้องร้ือถอนซ่อมแซมและเสียค่าก่อสร้างบ้านจนแล้วเสร็จ เม่ือโจทก์
มไิ ด้เปน็ ฝา่ ยผดิ สญั ญา จาเลยจงึ ไม่มีสิทธเิ รยี กรอ้ งเอาจากโจทกไ์ ด้
สทิ ธขิ องผูว้ ่าจ้างกรณงี านไมแ่ ล้วเสร็จตามกาหนดเวลา
หากผู้รับจ้างไม่สามารถส่งมอบงานตามกาหนดเวลาตามสัญญา หรือกรณีไม่กาหนดเวลา เมื่อล่วง
พ้นระยะเวลาตามสมควรผู้ว่าจ้างสามารถ 1) ลดสินจ้าง (ค่าปรับ) และ 2) ถ้าสาระสาคัญของงานที่จ้างอยู่ที่เวลา
สามารถบอกเลกิ สัญญาได้
ตัวอย่างคาพิพากษาที่เก่ียวข้อง
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 1182/2545 สัญญาจ้างเหมาก่อสร้างท่ีระบุว่า ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิก
สัญญาจ้างเหมาก่อสร้างต่อผู้รับจ้างได้โดยการแจ้งบอกเลิกสัญญาล่วงหน้า 3 เดือน ไปยังผู้รับจ้างมีความหมายว่า
จาเลยจะบอกเลิกสัญญาเพ่ือให้กลับคืนสู่ฐานะเดิมโดยพลันไม่ได้ ต้องให้เวลาโจทก์เตรียมตัวไม่น้อยกว่า 3 เดือน
เพ่ือหยุดการก่อสร้าง หยุดการจัดหาสัมภาระในการก่อสร้าง เตรียมร้ือถอนโรงเรือนและวัสดุอุปกรณ์และเลิกจ้ าง
คนงานตลอดจนคานวณค่าจ้างและค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายใดๆ อันเกิดแต่การเลิกสัญญาน้ัน มิใช่ว่า
โจทก์จาเลยยงั คงตอ้ งปฏบิ ัติตามเง่ือนไขแห่งสญั ญากันโดยโจทก์ต้องก่อสร้างและจาเลยต้องชาระเงนิ ตามกาหนดกัน
อีกถึง 3 เดือน ทั้งๆ ที่สัญญาต้องเลิกกันอยู่แล้ว จึงต้องถือว่าสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างเลิกกันตั้งแต่วันท่ีแจ้ง
บอกเลิกสญั ญา
สัญญาจ้างเหมาก่อสร้างระหว่างโจทก์กับจาเลยเลิกกันแล้วโดยจาเลยเป็นผู้บอกเลิกสัญญาอาศัย
สิทธิในฐานะผู้ว่าจ้างและโจทก์มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญากรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 605 ท่ีจาเลยจะตอ้ งใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เพ่ือความเสยี หายอย่างใด ๆ อนั เกิดแต่การเลิกสัญญา
ค่มู อื การปฏิบัติงาน การบริหารสญั ญาก่อสรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การก่อสร้าง 56
น้ัน สาหรบั เงนิ คา่ เตรยี มการก่อสร้าง เม่ือสัญญาเลกิ กนั แลว้ ก็ไมต่ อ้ งเตรียมการก่อสร้างต่อไปอีก ส่วนเงนิ คา่ กอ่ สรา้ ง
ทาวน์เฮาส์ 3 หลังโจทก์ฟ้องขอบังคับให้จาเลยชาระเงินตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างโดยถือว่าสัญญายังไม่เลิกกัน
จึงไม่มีประเด็นเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายของโจทก์อันเกิดแต่การท่ีจาเลยบอกเลิกสัญญา
ตามมาตรา 605
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6598/2541 แม้การดาเนินการก่อสร้างของโจทก์ล่าช้า คนงานน้อย
เครอ่ื งมือไมท่ นั สมัย ไม่สามารถกอ่ สร้างให้แลว้ เสรจ็ ตามสญั ญา แต่สญั ญาวา่ จา้ งฉบับพิพาทระบุเพียงวา่ ผรู้ บั จา้ งจะ
ทาการก่อสร้างให้อยู่ภายในสัญญาจะเกินสัญญาไม่ได้เท่าน้ัน สัญญาว่าจ้างมิได้กาหนดระยะเวลาก่อสร้างไว้
ชัดแจ้ง ท้ังโจทก์ก็ประสงค์จะทางานต่อไปหากจาเลยเห็นว่าโจทก์ทางานล่าช้ามากจะเกิดความเสียหาย จาเลย
ทั้งสองจะเลิกสัญญาได้ก็ต้องบอกกล่าวกาหนดระยะเวลาพอสมควรให้โจทก์ปฏิบัติเสียก่อน ตาม ป.พ.พ.
มาตรา 387 แต่จาเลยมไิ ด้กระทา แต่จาเลยกลับใหโ้ จทก์หยุดดาเนินการก่อสร้างทนั ที และวา่ จ้างบุคคลอื่นทาการ
ก่อสร้างแทนโจทก์ ดังนี้ การที่จาเลยบอกเลิกสญั ญาต่อโจทก์ด้วยเหตุดังกล่าวย่อมเป็นการใชส้ ิทธิในการเลกิ สัญญา
โดยไม่ชอบ จาเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เพื่อความเสียหายใดๆอันเกิดจาก
การเลกิ สญั ญาตามมาตรา 605
กรณีทีผ่ ู้ว่าจา้ งยอมรับงานท่ีลา่ ชา้ โดยมไิ ด้โตแ้ ย้งหรอื แจ้งสงวนสิทธิไว้
หากผู้ว่าจ้างยอมรับมอบงานที่เนิ่นช้าโดยมิได้โต้แย้งหรือแจ้งสงวนสิทธิไว้ผู้รับจ้างก็ไม่ต้องรับผิด
ในความล่าช้า ดังน้ันกรณีท่ีผู้ว่าจ้างยังต้องการให้โอกาสผู้รับจ้างดาเนินการต่อภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาตามสัญญา
แล้ว แต่ยังต้องการจะใช้สิทธิเรียกร้องค่าปรับหรือข้อเรียกร้องอ่ืนท่ีมีตามสัญญา ผู้ว่าจ้างต้องแจ้งสงวนสิทธิ
ในค่าปรับหรือขอ้ เรียกร้องตามสัญญาไว้
ตัวอยา่ งคาพพิ ากษาท่ีเกยี่ วขอ้ ง
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 7809/2540 จาเลยทางานล่วงเลยเวลาที่กาหนดไว้ แต่โจทก์ยอมรับ
เอาผลงานและชาระเงินให้จาเลยโดยดี โดยงานที่จาเลยทาส่วนใหญ่สมบูรณ์ มีความชารุดบกพร่องเพียงเล็กน้อย
ดังน้ีถือไดว้ ่าจาเลยได้ทางานทจ่ี า้ งให้โจทก์เสร็จแล้ว
ตามสัญญาจา้ งเหมาฉบับพิพาทมีข้อความวา่ ผูร้ บั จ้างตอ้ งทางานรายน้ีใหแ้ ล้วเสร็จบริบูรณภ์ ายใน
กาหนด 180 วัน นับแต่วันที่ปรากฏในสัญญาน้ีเป็นต้นไป ถ้าหากไม่แล้วเสร็จภายในกาหนดนี้ผู้รับจ้างยินยอม
ให้ผู้ว่าจ้างปรับเป็นรายวันจนกว่าผู้รับจ้างจะทางานรายนี้แล้วเสร็จสมบูรณ์ แต่ถ้าผู้ว่าจ้างเห็นว่าผู้รับจ้างไม่มีทาง
ท่ีจะทางานจ้างรายนี้ให้แล้วเสร็จได้ เม่ือครบกาหนด 60 วันแล้ว ผู้รับจ้างยังทาไม่แล้วเสร็จ ผู้ว่าจ้างมีอานาจ
ท่ีจะเลิกสัญญานี้ได้ทันที และหากเกิดความเสียหายใดๆ ข้ึนอันเนื่องจากผู้รับจ้างเหมาผิดสัญญา ผู้ว่าจ้างมีสิทธิ
เรียกร้องค่าเสียหายได้ตามกฎหมายอีกส่วนหนึ่ง ดังนี้ เม่ือครบกาหนดแล้วโจทก์ไม่ได้บอกเลิกสัญญาแล้วใช้สิทธิ
เรียกเบ้ียปรับตามสัญญา แต่กลับยอมต่ออายุสัญญาให้จาเลยโดยยอมรับเอาผลงานของจาเลยและชาระค่าจ้าง
ให้จาเลยในวันซ่ึงเปน็ เวลาภายหลังที่ครบกาหนดอายุสัญญาที่โจทก์ต่อให้แล้ว แสดงว่าโจทก์ไม่ได้ถือเอาระยะเวลา
ตามสญั ญาเปน็ สาระสาคญั โจทกจ์ ึงไมม่ สี ิทธเิ รยี กเบ้ยี ปรบั จากจาเลย
ค่มู ือการปฏิบตั งิ าน การบริหารสญั ญาก่อสร้างในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สรา้ ง 57
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6697/2540 แม้โจทก์ผู้รับจ้างจะก่อสร้างอาคารให้จาเลยไม่แล้วเสร็จ
ภายในกาหนดเวลาท่ีได้กาหนดไวใ้ นสญั ญา แต่จาเลยก็ตกลงยินยอมให้โจทก์ทาการก่อสร้างต่อจนอาคารแลว้ เสรจ็
และจาเลยได้จดทะเบียนโอนขายอาคารน้ันให้บุคคลอ่ืนไปหลังจากนั้นจาเลยยังให้โจทก์ก่อสร้างเพ่ิมเติมอาคาร
อีกหลังหน่ึงด้วยและจาเลยก็ไม่ติดใจเร่ืองค่าปรับวันละ 1,000 บาท ตามสัญญา ดังน้ีเมื่อจาเลยไม่ได้เคร่งครัด
เรื่องกาหนดเวลาการก่อสร้างและไม่ได้ตดิ ใจในเร่ืองค่าปรับ ทั้งยังยอมรับผลงานของโจทก์หลงั จากพ้นกาหนดเวลา
ตามสญั ญาแลว้ อนั เป็นการยอมรับชาระหนี้โดยมิไดส้ งวนสิทธิที่จะเรียกเอาเบยี้ ปรับ จาเลยยอ่ มหมดสิทธิทจี่ ะเรียก
เอาเบยี้ ปรบั จากโจทกต์ าม ป.พ.พ. มาตรา 381 วรรคสาม
การรบั มอบงานทบี่ กพร่อง
หากผู้ว่าจ้างยอมรับมอบงานท้ังท่ีมีความชารุดบกพร่องโดยมิได้อิดเอ้ือน โดยการแสดงออก
ชัดแจ้งหรือโดยปริยายในการตรวจรับงานไว้แล้วกรณีดังกล่าวผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิด เว้นแต่ความชารุดบกพร่อง
ไมส่ ามารถพบไดใ้ นขณะรบั มอบหรอื ผู้รบั จ้างปดิ บังไว้
การยดึ หนว่ งคา่ จ้าง
หากผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่ากาหนดเวลาตามสัญญาหรือท่ีได้ตกลงกันไว้ หรือมีความชารุด
บอกพร่องในงานท่ีส่งมอบ ผู้ว่าจ้างสามารถยึดหน่วงยังไม่จ่ายค่าจ้างไว้ได้ เว้นแต่ผู้รับจ้างจะวางหลักประกัน
ไว้ตามสมควร
ตวั อย่างคาพิพากษาทเ่ี กีย่ วข้อง
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 5201/2549 โจทก์ส่งมอบงานติดตั้งหลังคาอาคารให้แก่จาเลยที่ 1
แล้ว หลงั จากนน้ั เม่อื ฝนตกหลังคารว่ั และเปิดออกเมื่อถูกลมตี อันเปน็ ความชารดุ บกพร่องซ่งึ ไม่พึงพบได้ในขณะเม่ือ
รับมอบ โจทก์จึงต้องรับผิดต่อจาเลยที่ 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 598 โดยจาเลยท่ี 1 มีสิทธิยึดหน่วงค่าจ้างไว้ได้
เพียงเพ่ือให้โจทก์แก้ไขซ่อมแซมการชารุดบกพร่องดังกล่าว เม่ือโจทก์ยังซ่อมแซมไม่แล้วเสร็จ จาเลยที่ 1 จึงชอบ
ท่จี ะยดึ หนว่ งสินจา้ งไว้ได้
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 7172/2547 ความชารุดบกพร่องตาม ป.พ.พ. มาตรา 601
หมายความถึงความชารุดบกพร่องซึ่งเกิดขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 598 , 599 และ 600 อันหมายถึง
ความชารุดบกพร่องในตัวทรพั ย์ที่ผู้รับจา้ งส่งมอบให้กับผู้วา่ จ้างครบถ้วนแลว้ มิใช่หมายถึงการไม่ปฏิบัติให้ครบถว้ น
ตามสัญญาที่จาเลยฎีกาว่า ว. ตัวแทนโจทก์รับมอบงานก่อสร้างบ้านจากจาเลยโดยมิได้อิดเอ้ือน จาเลยจึงไม่ต้อง
รับผิดต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 598 นั้น เห็นว่า กรณีนี้เป็นเร่ืองโจทก์ฟ้องอ้างว่าจาเลยผิดสัญญาเพราะ
ไม่ปฏิบัติงานให้เรียบร้อยตามสัญญา หาใช่ฟ้องให้จาเลยรับผิดในความชารุดบกพร่องของงานท่ีทา เม่ือข้อเท็จจริง
ปรากฏว่าจาเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาเพราะไม่ปฏิบัติงานให้เรียบร้อยตามสัญญาจริง โจทก์จึงมีสิทธิเรียกเงินคื นจาก
จาเลยตามสัดส่วนของงานทยี่ งั ไมไ่ ดท้ าใหเ้ รียบรอ้ ยตามสญั ญาได้
ค่มู ือการปฏบิ ตั งิ าน การบริหารสญั ญาก่อสร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสรา้ ง 58
ความรับผดิ ในความชารดุ บกพร่องของงานและอายุความฟ้องคดีในความชารุดบกพรอ่ ง
ถา้ ไม่ได้กาหนดไว้เป็นอยา่ งอ่นื ในสัญญา ผู้รบั จา้ งตอ้ งรบั ผิดในความชารดุ บกพร่อง ดงั นี้
(1) ภายในหน่ึงปนี ับแตว่ นั สง่ มอบ หรือ
(2) ภายในห้าปีนับแต่วันสาหรับกรณีเป็นสิ่งปลูกสร้างท่ีติดกับพื้นดิน นอกจากเรือนโรง
ทาด้วยไม้
แตร่ ะยะเวลาดงั กล่าวไมส่ ามารถใชบ้ งั คบั ได้ หากผู้รบั จ้างปดิ บงั ความชารุดบกพร่องไว้
เม่ือปรากฏความชารุดบกพร่องแล้ว จะต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันท่ีความชารุดบกพร่อง
ปรากฏ
การจ่ายคา่ จา้ ง
1) ค่าจา้ งจะต้องจา่ ยให้แก่ผ้รู บั จ้างเมอ่ื รบั มอบงาน
2) ถ้ามีกาหนดส่งและรับเป็นส่วนๆ และระบุค่าจ้างเป็นส่วนๆ จะต้องจ่ายค่าจ้างในแต่ละส่วน
ในเวลารบั มอบงานในส่วนน้นั
ตวั อยา่ งคาพิพากษาทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2553 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 602 บัญญัติว่าอันสินจ้างนั้นพึงใช้
ให้เม่ือรับมอบการที่ทา ดังน้ี เมื่อโจทก์ก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบงานเรียบร้อยแล้ว จาเลยท่ี 2 และท่ี 3 จึงมี
หน้าท่ีต้องชาระหนี้ค่าแรงและค่าวัสดุให้แก่โจทก์ในเวลาท่ีรับมอบงาน เมื่อจาเลยท่ี 2 และที่ 3 ไม่ชาระ โจทก์
ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมมีอานาจฟ้องจาเลยที่ 2 และท่ี 3 ซึ่งเป็นลูกหน้ีให้ชาระหน้ีได้ โดยมิต้องบอกกล่าวให้จาเลยที่ 2
และท่ี 3 ชาระหนีอ้ กี
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 1233/2552 สิทธิเรียกร้องตามสัญญาจ้างทาของระหว่างโจทก์กับ
จาเลยทั้งสามในคดีนี้มิได้มีกฎหมายใดๆ บัญญัติไว้ให้เจ้าหน้ีต้องทวงถามลูกหนี้เพ่ือให้ชาระหนี้เสียก่อน
แต่ประการใด จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์อันจะเป็นสิทธิเรียกร้องท่ีเจ้าหนี้ยังไม่อาจบังคับได้จนกว่าจะได้ทวงถาม
ให้ลูกหน้ีชาระเสียก่อน และเมื่อระยะเวลาที่ได้ทวงถามนั้นได้ส้ินสุดลงแล้วจึงได้เริ่มนับอายุความตั้งแต่ระยะเวลา
ท่ีได้สิ้นสุดไปแล้วนั้นเป็นต้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/13 โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาสินจ้างจากจาเลยทั้งสาม
ได้ต้ังแต่เม่ือจาเลยท้ังสามรับมอบการงานที่โจทก์ทาเสร็จส้ินเรียบร้อยแล้วเป็นต้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 602
วรรคหน่ึง ท้ังน้ีไม่ว่าจะเป็นการตกลงว่าจ้างกันด้วยวิธีการใดก็ตาม เพราะอายุความต้องเริ่มนับต้ังแต่ขณะที่โจทก์
อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/12 มิใช่ให้เริ่มนับต้ังแต่เมื่อพ้นกาหนดระยะเวลา
ที่โจทก์ให้เวลาจาเลยทั้งสามชาระหน้ีหลังจากท่ีจาเลยท้ังสามรับทราบการกาหนดราคาหรือประเมินค่าจ้างจาก
โจทก์ เพราะหากกรณีเป็นดังท่ีโจทก์ต่อสู้แล้วก็เท่ากับโจทก์สามารถกาหนดวันเริ่มต้นที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้
เปน็ ตน้ ไปหรืออกี นัยหนงึ่ คืออายคุ วามแหง่ สทิ ธเิ รยี กร้องไดด้ ว้ ยตนเองตามอาเภอใจน่นั เอง
คู่มือการปฏบิ ตั งิ าน การบรหิ ารสญั ญาก่อสรา้ งในระหวา่ งการดาเนนิ การกอ่ สร้าง 59
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5203/2546 วันท่ีโจทก์ส่งมอบงานถมดินและปรับพื้นที่ย่อม
ไม่เป็นการแน่นอนว่าจาเลยที่ 1 จะรับมอบงานหรือไม่ มิใช่ว่าเม่ือโจทก์ส่งมอบงานแล้วจาเลยท่ี 1 จะต้องชาระ
สินจ้างให้แก่โจทก์ทันที เพราะงานที่ส่งมอบอาจมีข้อบกพร่องอันจะต้องแก้ไขเสียก่อน โจทก์จึงอาจบังคับสิทธิ
เรียกร้องได้นับแต่วันที่จาเลยที่ 1 รับมอบงานเป็นต้นไป จาเลยท่ี 1 ลงชื่อในบันทึกท้ายหนังสือของคณะกรรมการ
ตรวจรับงาน เม่ือวันท่ี 3 พฤษภาคม 2539 แต่ก็ยังมีข้อเรียกร้องให้โจทก์ปรับถนนให้เรียบร้อยเสียก่อน แสดงว่า
การรบั มอบงานของจาเลยที่ 1 ไมเ่ ร็วไปกวา่ วนั ที่ 3 พฤษภาคม 2539 โจทกย์ น่ื ฟ้องเมื่อวนั ที่ 24 เมษายน 2541
จงึ ยงั ไมพ่ น้ กาหนด 2 ปี นับแตว่ นั ทโ่ี จทกอ์ าจบังคับสิทธเิ รยี กรอ้ งไดไ้ มข่ าดอายุความ
ความรับผดิ ในความวนิ าศ
(1) กรณีผู้รับจ้างจัดหาสัมภาระ และงานเสียหาย พังทลายหรือบุบสลายก่อนการส่งมอบงาน
หากหากความเสียหายดังกล่าวไม่ใช่ความผิดของผู้ว่าจ้าง ความเสียหายน้ันตกเป็นความผิดชอบของผู้รับจ้าง
ผวู้ ่าจ้างไมต่ ้องจา่ ยค่าจ้าง
(2) กรณีผู้ว่าจ้างจัดหาสัมภาระ และงานเสียหาย พังทลายหรือบุบสลายก่อนการส่งมอบ
หากไม่ใช่ความปิดของผู้รับจ้าง ความเสียหายนั้นตกเป็นความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้าง เว้นแต่หากเป็นเพราะการ
กระทาของผูว้ ่าจ้าง ผ้วู า่ จา้ งตอ้ งรบั ผดิ ชอบ
ความรับผิดในคา่ จา้ งของผ้วู า่ จา้ ง
ในระหว่างระยะเวลาทางานตามสัญญา ผ้วู ่าจ้างสามารถบอกเลิกสญั ญาได้ ก็ตอ่ เมอื่ เสียค่าสินไหม
ทดแทนเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแตก่ ารบอกเลกิ สัญญานัน้ แกผ่ ูร้ ับจ้างแล้ว
สาระสาคญั ของงานจา้ งอยทู่ ต่ี วั ผรู้ ับจ้าง
1) ถา้ สาระสาคัญของสัญญา อยู่ทีค่ วามรู้ความสามารถของผรู้ บั จ้างและผู้รบั จ้างตาย หรอื ตกเป็น
ผู้ไม่สามารถทางานท่ีรบั จา้ งตอ่ ไปไดโ้ ดยมใิ ชเ่ พราะความผิดของผ้วู า่ จ้าง สญั ญาเป็นอนั สน้ิ สดุ ลง
2) กรณีที่สัญญาสิ้นสุดลงโดยเหตุตาม 1) ถ้างานท่ีทาไปแล้วเป็นประโยชน์แก่ผู้ว่าจ้าง ผู้ว่าจ้าง
ต้องรับเอาและใหค้ า่ จา้ งตามสมควรแก่ส่วนน้นั ๆ
การจ้างช่วง
ผู้รับจ้างจะเอางานทั้งหมดหรือบางส่วน ไปให้ผู้รับจ้างช่วงทาอีกทอดหน่ึงก็ได้ เว้นแต่สาระสาคัญ
จะอยู่ที่ความรู้ความสามารถของตัวผู้รับจ้าง แต่ผู้รับจ้างยังต้องรับผิดในความประพฤติหรือความผิดอย่างใดๆ
ของผรู้ บั จา้ งช่วง
คู่มอื การปฏิบัตงิ าน การบริหารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การก่อสร้าง 60
1.2) สญั ญาทางปกครอง
ความหมายของสญั ญาทางปกครอง
ตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ได้ให้ความหมายของสัญญาทางปกครองเอาไว้ว่า “สัญญาทางปกครองให้หมายความรวมถึง สัญญาที่คู่สัญญา
อย่างน้อยฝา่ ยใดฝ่ายหน่ึงเปน็ หน่วยงานทางปกครองหรือเปน็ บุคคลซ่ึงกระทาการแทนรฐั และมีลกั ษณะเปน็ สัญญา
สัมปทาน สัญญาท่ีให้จัดทาบริการสาธารณะ หรือจัดให้มีส่ิงสาธารณูปโภค หรือแสวงหาประโยชน์จาก
ทรพั ยากรธรรมชาติ”
สญั ญาทางปกครองตามนิยามข้างตน้ จงึ มีองค์ประกอบ 2 ประการ คอื
องคป์ ระกอบแรก ต้องเปน็ สัญญาท่ีคูส่ ัญญาอย่างนอ้ ยฝ่ายหนึ่งเป็นหนว่ ยงานทางปกครอง หรือเป็น
บุคคลที่กระทาการแทนรฐั
องค์ประกอบที่สอง สญั ญาดังกลา่ วมลี ักษณะเปน็ สญั ญา ดงั ต่อไปนี้
(๑) สัญญาสมั ปทาน เชน่ สัมปทานการเดนิ รถประจาทาง เปน็ ต้น
(๒) สัญญาท่ีจัดให้ทาบริการสาธารณะ เช่น สัญญาให้เป็นผู้ดาเนินการจัดเก็บขยะมูลฝอย
เปน็ ตน้
(๓) สญั ญาทีจ่ ดั ให้มสี ง่ิ สาธารณูปโภค ซึง่ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภทใหญๆ่ ได้แก่
(๓.๑) ทรัพย์สินท่ีเป็นถาวรวัตถุ ซึ่งได้จัดให้มีขึ้นเพื่อให้ประชาชนโดยท่ัวไปสามารถเข้าไป
ใชป้ ระโยชน์ร่วมกันไดโ้ ดยตรง เช่น ถนน สะพาน สวนสาธารณะ ท่พี กั ผโู้ ดยสารรถประจาทาง เป็นต้น
(๓.๒) ทรัพย์สินที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐใช้เป็นเคร่ืองมือโดยตรง
ในการจัดทาบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนในส่ิงอุปโภคที่จาเป็นต่อการดารงชีวิต เช่น เสาไฟฟ้าและ
สายไฟฟ้า โรงเรยี น โรงพยาล เป็นตน้
(๔) สัญญาให้แสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น สัญญาให้เก็บมูลค้างคาว สัญญา
อนุญาตใหข้ ุดเจาะน้ามัน สมั ปทานใหแ้ ร่ เป็นตน้
สัญญาทางปกครองท้ัง ๔ ประเภทดังกล่าว เรียกว่า สัญญาทางปกครองตามกฎหมาย แต่โดยที่
มาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ ได้นิยามคาว่า สัญญาทางปกครอง ว่า ให้หมายความรวมถึง
จึงทาให้เห็นว่า สญั ญาทางปกครองมมี ากกวา่ ๔ ประเภท ซงึ่ อาจเรยี กไดว้ า่ เปน็ สัญญาทางปกครองโดยสภาพ
โดยคาวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ตามมติที่ประชุมครั้งท่ี ๖/๒๕๔๔ วันท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔
ได้มีมติอธิบายความหมายของสัญญาทางปกครอง ว่า “สัญญาใดจะเป็นสัญญาทาปกครองตามท่ีบัญญัติไว้ใน
มาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญตั จิ ัดตั้งศาลปกครองและวิธพี จิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ไดน้ ัน้
ประการแรก คู่สัญญาอย่างน้อยฝ่ายหนึ่งต้องเป็นหน่วยงานทางปกครอง หรือบุคคลซ่ึงได้รับ
มอบหมายใหก้ ระทาการแทนรัฐ
ประการท่สี อง สญั ญานน้ั มลี ักษณะเป็นสัญญาสัมปทาน สัญญาทใ่ี หจ้ ัดทาบริการสาธารณะ หรือจัด
ให้มีสิ่งสาธารณูปโภค หรือแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ หรือเป็นสัญญาที่หน่วยงานทางปกครอง
หรือบุคคลซ่ึงกระทาการแทนรัฐตกลงให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหน่ึงเข้าดาเนินการ หรือเข้าร่วมดาเนินการบริ การ
สาธารณะโดยตรง หรือเป็นสัญญาท่ีมีข้อกาหนดในสัญญาซ่ึงมีลักษณะพิเศษท่ีแสดงถึงเอกสิทธิ์ของรัฐ ทั้งนี้ เพ่ือให้
การใชอ้ านาจทางปกครองหรอื การดาเนนิ กจิ การทางปกครอง ซงึ่ กค็ ือการบรกิ ารสาธารณะบรรลุผล
คมู่ อื การปฏิบัตงิ าน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การกอ่ สร้าง 61
ดังน้ัน หากสัญญาใดเป็นสัญญาท่ีหน่วยงานทางปกครองหรือบุคคลซึ่งกระทา การแทนรัฐ
มุ่งผูกพันตนกับคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งด้วยใจสมัครบนพ้ืนฐานแห่งความเสมอภาค และมิได้มีลักษณะเช่นท่ีกล่าว
มาแล้วข้างต้น สญั ญาน้นั ยอ่ มเป็นสญั ญาทางแพ่ง”
ตัวอยา่ งสญั ญาทีเ่ ก่ยี วข้องกบั การกอ่ สร้าง
คาวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ที่ ๔๗/๒๕๔๗ สัญญารับจ้างเป็นท่ีปรึกษาออกแบบและควบคุมงาน
ก่อสร้างอาคารเรียนและอาคารประกอบ มีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเป็นส่วนราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จึงเป็น
หน่วยงานทางปกครองตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ เม่ือสัญญาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์
เพื่อให้เอกชนทาการตรวจและควบคุมงานก่อสร้างอาคารเรียนให้เป็นไปตามสัญญาก่อสร้างและถูกต้องตาม
หลักวิชา โดยผู้ควบคุมงานที่มีความรู้ความสามารถด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมแทนหน่วยงานทางปกครอง
เพ่ือให้ได้งานก่อสร้างท่ีบรรลุตามวัตถุประสงค์ในการบริการ ด้านการศึกษา ท้ังน้ีการศึกษาเป็นการบริการ
สาธารณะอย่างหน่ึงของรัฐ อาคารเรียนจึงเป็นเครื่องมือสาคัญในการดาเนินบริการสาธารณะ ในการส่ิงเสริมและ
ประสานงานเพ่ือการศึกษาของรัฐให้บรรลุผล สัญญารับจ้างเป็นท่ีปรึกษาออกแบบและควบคุมงานก่อสร้าง จึงเป็น
สัญญาทางปกครอง
สัญญาค้าประกันทางปกครองเป็นสัญญาทางปกครอง เมื่อสัญญาหลักเป็นสัญญาทางปกครอง
สัญญาคา้ ประกันสญั ญาทางปกครอง ซ่ึงเป็นสญั ญาอุปกรณ์ ก็เปน็ สัญญาทางปกครองด้วย
สัญญาโอนสิทธิเรียกร้องในหน้ีที่เกิดจากสัญญาทางปกครอง เม่ือสัญญาหลักเป็นสัญญา
ทางปกครอง สัญญาโอนสิทธเิ รียกร้องในหน้ีทเ่ี กดิ จากสญั ญาทางปกครอง กเ็ ป็นสญั ญาทางปกครองด้วย
คมู่ ือการปฏิบัตงิ าน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสร้าง 62
ส่วนที่ 2 ผูม้ ีอานาจหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานเก่ยี วกับการบริหารสญั ญากอ่ สร้างในระหวา่ งการก่อสรา้ ง
2.1 หน่วยงานของรฐั หวั หน้าหนว่ ยงานของรัฐ เจ้าหนา้ ที่และผ้มู หี น้าทีบ่ ริหารสญั ญา
1) กฎหมาย ระเบียบ หลกั เกณฑ์ และข้อกาหนดท่เี กยี่ วขอ้ ง
(1) พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 4 , 97
และ 100
(2) ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
ขอ้ 4 , 84 , 85 , 87 , 161 , 165 และบัญชีแนบท้ายระเบียบ
2) หน่วยงานของรัฐหวั หนา้ หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหนา้ ท่ี
(1) มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งมีฐานะเป็นมหาวิทยาลัยในกากับของรัฐ จึงถือเป็นหน่วยงาน
ของรัฐ ที่จะต้องปฏิบัติตาม มาตรา 4 ของพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. 2560
(2) อธกิ ารบดี เป็นหัวหนา้ หน่วยงานของรฐั ตามขอ้ 4 ของระเบียบกระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยการ
จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และมีอานาจหน้าท่ีในการดาเนินการด้านการพัสดุ
ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใต้ข้อกาหนดของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. 2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
ในฐานะทีเ่ ป็นหัวหนา้ หน่วยงานของรัฐ
(3) เจ้าหน้าท่ี หมายถึง ผู้มีหน้าท่ีเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุ หรือผู้ท่ีได้รับ
มอบหมายจากอธกิ ารบดีใหป้ ฏบิ ัตหิ นา้ ทีเ่ กย่ี วกบั การจัดซ้ือจดั จา้ งและการบริหารพสั ดขุ องมหาวิทยาลยั ขอนแกน่
3) อานาจในการสั่งซ้อื สั่งจา้ ง
อานาจในการอนมุ ตั ิส่ังซอ้ื สง่ั จ้าง แบง่ ตามวิธีการและจานวนวงเงนิ ในการจัดซื้อจัดจ้าง ดังนี้
(1) วธิ ีประกาศเชญิ ชวน (ระเบยี บฯ ข้อ 84 และขอ้ 87 ประกอบบัญชีแนบทา้ ยระเบียบ)
อธกิ ารบดี : ไมเ่ กิน 200,000,000 บาท
สภามหาวทิ ยาลยั : เกนิ 200,000,000 บาท
(2) วิธคี ัดเลือก (ระเบียบฯ ข้อ 85 และข้อ 87 ประกอบบัญชีแนบทา้ ยระเบยี บ)
อธกิ ารบดี : ไมเ่ กิน 100,000,000 บาท
สภามหาวทิ ยาลัย : เกิน 100,000,000 บาท
(3) วธิ เี ฉพาะเจาะจง (ขอ้ 85 และข้อ 87 ประกอบบญั ชแี นบท้ายระเบยี บ)
อธกิ ารบดี : ไม่เกิน 50,000,000 บาท
สภามหาวทิ ยาลยั : เกิน 50,000,000 บาท
โดยอานาจในการส่ังซ้ือสั่งจ้างน้ี หมายความรวมถึง อานาจในการอนุมัติให้แก้ไขเปลี่ยนแปลง
สัญญาจ้างด้วย กลา่ วคือ
1) กรณีท่ีมีการแก้ไขสัญญาและต้องเพิ่มวงเงิน เม่ือรวมวงเงินเดิมและที่เพ่ิมเติมแล้ว มีผลทาให้
อานาจพิจารณาอนุมัติเปล่ียนแปลงไป เป็นอานาจพิจารณาอนุมัติของผู้มีอานาจอนุมัติของวงเงินรวม
(พ.ร.บ.ฯ มาตรา 97)
2) กรณีที่มีการแก้ไขสัญญาและลดวงเงิน ให้อยู่ในอานาจพิจารณาอนุมัติของผู้มีอานาจอนุมัติ
ตามวงเงินเดิม (พ.ร.บ.ฯ มาตรา 97)
คู่มอื การปฏบิ ัตงิ าน การบริหารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การก่อสร้าง 63
4) อานาจในการลงนามในสญั ญา
การลงนามในสัญญาและการแก้ไขสัญญาเป็นอานาจของอธิการบดี (ระเบียบฯ ข้อ 161 และ
165)
5) ผ้มู หี นา้ ทใี่ นการบรหิ ารสัญญา
คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ เป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารสัญญา (พ.ร.บ.ฯ
มาตรา 100)
2.2 คณะกรรมการตรวจรบั พสั ดุ
1) กฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และขอ้ กาหนดทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง
(1) พระราชบญั ญัตวิ ธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 12 – 20
(2) พระราชบญั ญัติการจัดซ้อื จดั จ้างและการบรหิ ารพสั ดุภาครฐั พ.ศ. 2560 มาตรา 100
(3) ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
ขอ้ 25 , 26 , 27 และ 176
2) องคป์ ระกอบ คุณสมบตั ิ ขอ้ หา้ ม หนา้ ท่ี และการประชุม ของคณะกรรมการตรวจรบั พสั ดุ
2.1) องคป์ ระกอบของคณะกรรมการตรวจรบั พัสดุ (ระเบยี บฯ ข้อ 25 และ 26)
คณะกรรมการตรวจรบั พัสดุ จะต้องประกอบด้วย
(1) ประธานกรรมการ จานวน 1 คน
(2) กรรมการ จานวนอยา่ งน้อย 2 คน
2.2) คุณสมบัติ (ระเบียบฯ ขอ้ 26)
(1) เป็นข้าราชการ ลูกจ้างประจา พนักงานราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงาน
ของรัฐ หรอื พนักงานหน่วยงานของรฐั ทเ่ี รียกชือ่ ยา่ งอ่ืน
คณะกรรมการตรวจรับพัสดุต้องมีลักษณะหน้าท่ีความรับผิดชอบ และเป็นผู้มีความรู้
ความสามารถหรอื ความเช่ยี วชาญทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับงานกอ่ สรา้ งนนั้ ด้วย
(2) กรณีท่ีจาเป็นหรือเพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น สามารถแต่งตั้งบุคคลอื่น
ร่วมเป็นกรรมการตรวจรับพัสดุได้ แต่จานวนกรรมการที่เป็นบุคคลอ่ืนจะต้องไม่มากกว่าจานวนกรรมการท่ีเป็น
บุคลากรของมหาวิทยาลยั ขอนแกน่
“บคุ คลอื่น” หมายถึง บคุ คลภายนอก ที่ไมม่ คี ณุ สมบัตติ าม (1) และไมไ่ ด้เป็นบุคลากรของ
มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่
(3) จะตอ้ งมผี ูช้ านาญการหรือผูท้ รงคุณวุฒเิ ก่ียวกับการก่อสรา้ ง เป็นกรรมการดว้ ย
ค่มู ือการปฏบิ ัติงาน การบริหารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหวา่ งการดาเนนิ การกอ่ สร้าง 64
2.3) ขอ้ ห้ามในการแตง่ ตงั้ (ระเบยี บฯ ขอ้ 26)
(1) ข้อห้ามเม่อื เป็นคณะกรรมการอืน่ ในการจา้ งคร้ังเดยี วกัน
ในการจ้างคร้ังเดียวกัน ห้ามแต่งต้ังผู้ท่ีได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการดังต่อไปน้ี
เปน็ กรรมการตรวจรับพัสดุ คือ
(1.1) กรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาอิเลก็ ทรอนิกส์
(1.2) กรรมการพจิ ารณาผลการสอบราคา
(1.3) กรรมการซอื้ หรือจา้ งโดยวิธีคัดเลอื ก
(2) ขอ้ ห้ามในการเป็นผ้มู สี ว่ นไดเ้ สยี
คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ จะต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียกับผู้ย่ืนข้อเสนอ
หรือคู่สัญญา ในการซื้อหรือการจ้างครั้งนั้น(พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
มาตรา 12 – 15)
(2.1) การเปน็ ผู้มสี ว่ นไดเ้ สยี (ความไม่เปน็ กลาง) มดี งั นี้
1) เป็นคสู่ ญั ญาเอง
2) เป็นคหู่ มนั่ หรอื คสู่ มรสของค่สู ญั ญา
3) เป็นญาติของคู่สัญญา
ก. บุพการีคือ ผู้สืบสายโลหิตสายตรงข้ึนไปไม่ว่ากี่ช้ันนับต้ังแต่พ่อแม่
ป่ยู ่า ตายาย ทวดซึ่งการนบั ตามหลักบุพการีนไี้ ม่คานงึ ถงึ การสมรสวา่ จะชอบหรอื ไม่
ข. ผู้สืบสันดาน คือผู้สืบสายโลหิตสายตรงลงมาไม่ว่าจะก่ีชั้น นับแต่
ลูกหลาน เหลน ล่ือซ่ึงการนับตามหลักผู้สืบสันดานจะนับท้ังหมดไม่ว่าจะกาเนิดโดยการสมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย
หรือไม่
ค. ญาติพน่ี ้อง นบั ได้ภายในสามชั้น
พี่น้อง คือ ผู้เกิดในครอบครัวจากพ่อแม่เดียวกัน ไม่ว่าพ่อแม่จะสมรส
โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ง. ลูกพลี่ กู นอ้ งนบั ไดภ้ ายในสามช้ัน
คือ ลูกของผู้เป็นพี่หรือเป็นน้องของพ่อหรือแม่ ได้แก่ลูกของ ลุง ป้า
นา้ อา ซง่ึ นับตามข้อเท็จจริง
จ. ญาติเกย่ี วพนั ทางแต่งงานนบั ไดเ้ พยี งสองช้นั
4) เป็นหรือเคยเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้พิทักษ์ หรือตัวแทน
ของคู่สัญญา
5) เปน็ เจ้าหน้ี หรอื ลกู หน้ี หรือเปน็ นายจา้ งของคู่สัญญา
6) กรณีอ่ืนท่ีกาหนดในกฎกระทรวง
คู่มอื การปฏบิ ตั งิ าน การบรหิ ารสญั ญาก่อสรา้ งในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสร้าง 65
7) กรณีมีสภาพอันร้ายแรงอันอาจทาให้การพิจารณาทางปกครอง
ไมเ่ ปน็ กลาง
คือความไม่เป็นกลางตามความเป็นจริง ซึ่งมีสภาพร้ายแรงอันอาจทาให้
การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลาง เช่น เคยโกรธแค้นอาฆาตกันมาก่อน หรือเป็นผู้มีทัศนะคติที่เป็นปฏิปักษ์
อยา่ งแข็งกรา้ วกบั เรือ่ งท่จี ะตอ้ งพจิ ารณา หรอื การมีผลประโยชนข์ ดั กัน เปน็ ตน้
(2.2) แนวทางปฏิบัติกรณีที่คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ทราบว่าตนเอง
มีสว่ นไดเ้ สีย
เม่ือคณะกรรมการตรวจรับพัสดุคนใดทราบว่าตนเองเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
ใหล้ าออกจากการเปน็ คณะกรรมการ และใหร้ ายงานตอ่ อธิการบดที ราบเพื่อสง่ั การตามที่เห็นสมควรต่อไป
2.4) หน้าท่ขี องคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจา้ งก่อสร้าง (ระเบียบฯ ข้อ 176)
(๑) ตรวจสอบคุณวุฒิของผู้ควบคมุ งานก่อสร้างของผ้รู บั จา้ งให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย
การควบคมุ อาคาร
(๒) ตรวจสอบรายงานการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างและเหตุการณ์แวดล้อมท่ีผู้ควบคุมงาน
รายงานโดยตรวจสอบกับแบบรูปรายการละเอียดและข้อกาหนดในสัญญาหรือข้อตกลงทุกสัปดาห์รวมท้ังรับท ราบ
หรอื พิจารณาการสั่งหยุดงานหรือพักงานของผู้ควบคุมงานแลว้ รายงานอธิการบดีหรือผู้รับมอบอานาจเพื่อพิจารณา
ส่ังการตอ่ ไป
(๓) ให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุหรือกรรมการท่ีได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ
ตรวจรับพัสดุออกตรวจงานจ้าง ณ สถานท่ี ท่ีกาหนดไว้ในสัญญาหรือที่ตกลงให้ทางานจ้างนั้นๆ ตามเวลา
ที่เหมาะสมและเห็นสมควรและจัดทาบนั ทึกผลการออกตรวจงานจา้ งน้ันไว้เพ่ือเป็นหลกั ฐานดว้ ย
(๔) นอกจากการดาเนินการตาม (๑) และ (๒) ในกรณีมีข้อสงสัยหรือมีกรณีท่ีเห็นว่า
แบบรูปรายการละเอียดและข้อกาหนดในสญั ญา หรอื มขี อ้ ตกลงมีข้อความคลาดเคล่ือนเล็กน้อย หรอื ไมเ่ ป็นไปตาม
หลักวิชาการช่าง ให้มีอานาจสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพ่ิมเติมหรือตัดทอนงานจ้างได้ตามที่เห็นสมควรและตามหลัก
วิชาการช่างเพื่อใหเ้ ป็นไปตามแบบรปู รายการละเอียด
(๕) โดยปกติให้ตรวจผลงานที่ผู้รับจ้างส่งมอบภายใน ๓ วันทาการ นับแต่วันท่ีประธาน
กรรมการไดร้ ับทราบการสง่ มอบงานและใหท้ าการตรวจรับให้เสร็จส้นิ ไปโดยเร็วทส่ี ุด
(๖) เมื่อตรวจเห็นว่าเป็นการถูกต้องครบถ้วนเป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียด
และข้อกาหนดในสัญญาหรือข้อตกลงแล้วให้ถือว่าผู้รับจ้างส่งมอบงานครบถ้วนต้ังแต่วันท่ีผู้รับจ้างส่งงานจ้างน้ัน
และใหท้ าใบรับรองผลการปฏบิ ัตงิ านท้ังหมดหรือเฉพาะงวดแล้วแตก่ รณีโดยลงช่อื ไวเ้ ปน็ หลักฐานอยา่ งน้อย ๒ ฉบับ
มอบให้แกผ่ รู้ ับจา้ ง ๑ ฉบบั และผู้รบั ผิดชอบ ๑ ฉบับ เพ่อื ทาการเบกิ และรายงานต่อไป
ในกรณีท่ีคณะกรรมการตรวจรับพัสดุเห็นว่าผลงานท่ีส่งมอบทั้งหมดหรืองวดใดก็ตาม
ไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกาหนดในสัญญาหรือข้อตกลง ต้องรายงานต่ออธิการบดีผ่านหัวหน้า
งานพัสดุ กองคลงั เพือ่ ทราบหรอื ส่ังการแล้วแต่กรณี
คมู่ ือการปฏิบตั งิ าน การบรหิ ารสญั ญาก่อสรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สรา้ ง 66
(7) ในกรณีท่ีกรรมการตรวจรับพัสดุบางคนไม่ยอมรับงานโดยทาความเห็นแย้งไว้ให้เสนอ
อธกิ ารบดีเพ่ือพิจารณาส่ังการถา้ อธิการบดีส่งั การให้ตรวจรบั งานจา้ งนัน้ ไว้จงึ ดาเนินการตาม (๖)
2.5) การประชุมคณะกรรมการตรวจรบั พสั ดใุ นงานจา้ งก่อสร้าง (ระเบยี บฯ ข้อ 27)
1) องค์ประชมุ
(1) ตอ้ งมีกรรมการมาประชุมไมน่ ้อยกว่ากึ่งหนง่ึ ของจานวนกรรมการทั้งหมด
(2) ประธานจะต้องอยู่ด้วยทุกคร้ังท่ีมีการประชุม หากประธานไม่สามารถปฏิบัติ
หนา้ ท่ไี ด้จะตอ้ งเสนอความเห็นเพอ่ื ให้อธกิ ารบดีแต่งต้งั ประธานกรรมการคนใหมเ่ ป็นประธานกรรมการแทน
2) การออกเสยี งและมติ
(1) ประธานกรรมการและกรรมการแตล่ ะคนมเี สียงหน่ึงในการลงมติ
(2) ใหถ้ อื เอามตเิ ปน็ เอกฉันท์
การออกเสียงมติของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุนั้นให้ถือเอามติเป็นเอกฉันท์
เท่าน้ัน ไมเ่ หมือนการออกเสียงและมตขิ องคณะกรรมการอน่ื ที่ให้ถอื เอาเสียงสว่ นใหญเ่ ปน็ มตขิ องคณะกรรมการ
มติเป็นเอกฉันท์ หมายถึง มติที่เป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการที่มาร่วมประชุม
ไมใ่ ช่มตทิ เี่ ป็นเอกฉันทข์ องคณะกรรมการตรวจรบั พสั ดุทุกคน
2.3 ผู้ควบคมุ งาน
1) ขอ้ กฎหมาย ระเบียบ หลกั เกณฑ์ และขอ้ กาหนดที่เกี่ยวข้อง
(1) พระราชบัญญัติการจดั ซือ้ จัดจา้ งและการบริหารพสั ดุภาครฐั พ.ศ. 2560 มาตรา 101
(2) ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
ขอ้ 177 และ 178
(3) กฎกระทรวงกาหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ออกแบบผู้ควบคุมงานผู้ดาเนินการ
ผ้คู รอบครองอาคารและเจ้าของอาคาร พ.ศ. ๒๕๖๑ ขอ้ ๔
2) คณุ สมบตั แิ ละหนา้ ทีข่ องผคู้ วบคุมงาน
2.1) งานก่อสรา้ งทีต่ อ้ งแต่งตัง้ ผคู้ วบคมุ งาน (พ.ร.บ.ฯ มาตรา 101)
งานจ้างก่อสร้างที่มีลักษณะดังต่อไปน้ี อธิการบดีจะเป็นผู้พิจารณาแต่งต้ังผู้ควบคุมงาน
เพ่ือรบั ผดิ ชอบควบคุมงานก่อสรา้ ง
(1) งานจ้างก่อสร้างท่ีมีข้ันตอนการทางานเป็นระยะอันจาเป็นต้องมีผู้ควบคุมงาน
อย่างใกลช้ ดิ หรอื
(2) มเี ง่อื นไขการจ่ายเงินเป็นงวดตามความก้าวหน้าของงาน
คมู่ ือการปฏิบัติงาน การบริหารสญั ญาก่อสรา้ งในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสร้าง 67
2.2) คณุ สมบตั ิ (ระเบยี บฯ ขอ้ 177)
(1) เป็นข้าราชการ ลูกจ้างประจา พนักงานราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย สังกัด
มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือหน่วยงานของรัฐอ่ืนตามท่ีได้รับความยินยอมจากหัวหน้าหน่วยงานของรัฐท่ีบุคคลน้ัน
สังกัด
(2) มีความรู้ความชานาญทางดา้ นชา่ งตามลักษณะงานก่อสรา้ ง
(3) มีคุณวุฒิตามท่ีผู้ออกแบบเสนอแนะ ซ่ึงโดยปกติต้องไม่ต่ากว่าระดับประกาศนียบัตร
วชิ าชพี
(4) กรณีลักษณะงานมีความจาเป็นต้องใช้ความรู้ความชานาญหลายด้านจะแต่งต้ัง
ผคู้ วบคุมงานเฉพาะดา้ นหรือกล่มุ บคุ คลก็ได้
2.3) หนา้ ท่ี
(๑) ตรวจและควบคมุ งาน ณ สถานที่ก่อสรา้ งทุกวัน ให้เปน็ ไปตามแบบรปู รายการละเอียด
และข้อกาหนดในสัญญาทุกประการ โดยสามารถสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมหรือตัดทอนงานจ้าง
ได้ตามท่ีเห็นสมควรและตามหลักวิชาช่าง เพ่ือให้เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกาหนดในสัญญา
ถ้าผู้รับจ้างขัดขืนไม่ปฏิบัติตามก็สั่งให้หยุดงานนั้นเฉพาะส่วนหน่ึงส่วนใดหรือท้ังหมดแล้วแต่กรณีไว้ก่อนจนกว่า
ผู้รับจา้ งจะปฏบิ ัตใิ หถ้ ูกตอ้ งตามคาสงั่ และให้รายงานคณะกรรมการตรวจรับพัสดทุ นั ที
(๒) ในกรณีท่ีปรากฏว่าแบบรูปรายการละเอียดหรือข้อกาหนดในสัญญามีข้อความขัดกัน
หรือเป็นท่ีคาดหมายได้ว่าถึงแม้ว่างานนั้นจะได้เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกาหนดในสัญญา
แต่เมื่อดาเนินการสาเร็จแล้วจะไม่ม่ันคงแข็งแรงหรือไม่เป็นไปตามหลักวิชาช่างท่ีดีหรือไม่ปลอดภัย สามารถส่ังให้
พกั งานนน้ั ไวก้ ่อนแลว้ รายงานคณะกรรมการตรวจรบั พสั ดโุ ดยเร็ว
(๓) จดบันทึกสภาพการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างและเหตุการณ์แวดล้อมเป็นรายวัน
พร้ อมทั้งผ ล กา ร ป ฏิ บั ติ งา น ห รื อกา ร หยุ ด งา นแล ะส า เห ตุ ท่ีมีกา ร หยุ ด งา น โ ดย ต้ อง ร ะบุ ร า ยล ะเ อี ย ด ข้ันตอน
การปฏิบัติงานและวัสดุที่ใช้ด้วยเพื่อรายงานให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุทราบทุกสัปดาห์โดยถือว่าเป็นเอกสาร
สาคัญของทางราชการเพ่อื ประกอบการตรวจสอบของผู้มีหนา้ ท่ี
(๔) ในวันกาหนดเริ่มงานตามสัญญาและในวันถึงกาหนดส่งมอบงานแต่ละงวด
ผู้ควบคุมงานต้องรายงานผลการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างว่าเป็นไปตามสัญญาหรือไม่ให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
ทราบภายใน ๓ วนั ทาการ นบั แต่วนั ถงึ กาหนดนน้ั ๆ
(5) อานวยการหรือควบคุมการก่อสร้างดัดแปลงร้ือถอนหรือเคลื่อนย้ายอาคารและ
การติดต้ังอุปกรณ์ต่างๆ ท่ีใช้ประกอบอาคารให้เป็นไปตามแบบแปลนและรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับ
อนุญาตตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการทีพ่ งึ กระทาตามวิชาชีพ
(6) อานวยการหรือควบคุมให้มีการป้องกันภยันตรายที่อาจเกิดต่อสุขภาพชีวิตร่างกาย
หรือทรัพย์สินในสถานท่ีก่อสร้างดัดแปลงรื้อถอนหรอื เคลื่อนย้ายอาคารและบริเวณข้างเคียงให้เป็นไปตามแผนงาน
ขัน้ ตอนและวิธกี ารที่ผ้ดู าเนินการกาหนดไว้
คมู่ ือการปฏิบตั ิงาน การบริหารสญั ญาก่อสร้างในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สรา้ ง 68
(หน้าท่ีตาม (1) – (4) เป็นหน้าท่ีระเบียบฯ ข้อ 178 และหน้าท่ีตาม(5) – (6) เป็นหน้าที่
ตามกฎกระทรวง ขอ้ 4)
2.3) ผอู้ อกแบบ
ในงานก่อสร้างนั้น นอกจากคณะกรรมการตรวจรับพสั ดุและผคู้ วบคุมงานแล้ว ผ้อู อกแบบกเ็ ป็นอีกหนง่ึ
องคป์ ระกอบทสี่ าคญั ซง่ึ มผี ลต่อการปฏบิ ตั ิงานและความสาเรจ็ ของการบรหิ ารสัญญาและโครงการก่อสรา้ งด้วย
1) กฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑท์ เ่ี กี่ยวข้อง
(1) กฎกระทรวงกาหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ออกแบบผู้ควบคุมงานผู้ดาเนินการ
ผู้ครอบครองอาคารและเจา้ ของอาคาร พ.ศ. ๒๕๖๑ ขอ้ 2 และข้อ 3
(2) ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
ข้อ 178
2) สรุปหลกั เกณฑ์ อานาจหน้าท่ี และของผอู้ อกแบบ
“ผู้ออกแบบ” คือ ผู้ออกแบบงานสถาปัตยกรรมหรือออกแบบและคานวณงานวิศวกรรม
โดยมหี น้าทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบ ดงั น้ี
(๑) ออกแบบและจัดทารายละเอียดในการออกแบบท่ีชัดเจนและสามารถนาไปใช้ในการ
ดาเนนิ การก่อสร้างดดั แปลงรอ้ื ถอนหรอื เคลือ่ นย้ายอาคารได้ตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีการท่ีพงึ กระทาตามวิชาชพี
(๒) ระบุค่าน้าหนักบรรทุกจรแต่ละพ้ืนท่ีของอาคารที่ใช้ในการคานวณโครงสร้างอาคารไว้ใน
แบบแปลนโครงสร้างพ้ืนช้ันต่างๆ ในกรณีท่ีเป็นการออกแบบอาคารสาธารณะที่มีพ้ืนที่ตั้งแต่หนึ่งพันตารางเมตร
ขึ้นไปอาคารสูงอาคารขนาดใหญ่อาคารขนาดใหญ่พิเศษและอาคารประเภทควบคุมการใช้ ซ่ึงได้คานวณออกแบบ
โครงสรา้ งอาคารโดยใช้น้าหนกั บรรทกุ จรสูงกวา่ อตั ราที่กฎหมายกาหนด
(๓) ระบุค่าที่ใช้ในการคานวณงานวิศวกรรมระบบความปลอดภัยอ่ืนๆ ที่มีเกณฑ์สูงกว่า
ทีก่ ฎหมายวา่ ดว้ ยการควบคุมอาคารกาหนดไวใ้ นแบบแปลนอาคาร
(๔) รับผดิ ชอบในส่วนที่เปน็ ผลต่อเน่ืองจากการออกแบบดดั แปลงหรือรอ้ื ถอนอาคาร
(๕) กาหนดมาตรการเพื่อป้องกันภยันตรายที่อาจเกิดต่อสุขภาพชีวิตร่างกายของบุคคล หรือ
ทรัพย์สนิ ที่อยูใ่ นสถานท่ีก่อสร้างและบริเวณข้างเคยี งใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร และกฎหมาย
อนื่ ทเี่ กี่ยวขอ้ ง
(6) เสนอแนะคุณวฒุ ขิ องผ้ทู จี่ ะทาหนา้ ที่ควบคุมงาน
(หน้าทีต่ าม (1) – (5) เป็นหน้าท่ีตามกฎกระทรวงฯ และหนา้ ที่ตาม (6) เป็นหน้าที่ตามระเบียบฯ
ข้อ 178)
คูม่ ือการปฏิบัตงิ าน การบรหิ ารสญั ญาก่อสร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การกอ่ สรา้ ง 69
สว่ นที่ 3 กระบวนการข้ันตอนและวิธีปฏิบัติเก่ียวกับการบริหารสัญญาก่อสร้างในระหว่างการ
ดาเนนิ การก่อสร้าง
3.1กาหนดวนั เริ่มงาน
1) ผูร้ บั จา้ ง
(1) เมื่อได้มีการลงนามในสัญญาแล้ว ผู้รับจ้างจะต้องแจ้งรายชื่อผู้ควบคุมงาน โดยผู้ควบคุมงานของ
ผูร้ บั จา้ งนนั้ จะตอ้ งมีคณุ สมบัตติ ามที่กาหนดไวใ้ นกฎหมายวา่ ดว้ ยการควบคุมอาคาร
(2) ตอ้ งมหี นังสอื หรอื เอกสารแจ้งการเขา้ ทางาน
(3) ตอ้ งทาการติดตั้งปา้ ยโครงการตามแบบมาตรฐานของมหาวิทยาลัยขอนแก่นไว้ ณ สถานที่กอ่ สร้าง
(4) ต้องขอตดิ ตั้งมิเตอรน์ า้ ประปาและมิเตอร์ไฟฟา้ (เว้นแตส่ ัญญาท่ีระบใุ ห้เหมาจา่ ย)
(5) ต้องส่งรายละเอียดวัสดุอุปกรณ์เพื่อขออนุมัติให้ใช้ ก่อนนาวัสดุน้ันๆไปใช้ในการก่อสร้าง และ
เมอื่ ได้รับอนุญาตหรืออนุมตั แิ ล้วจงึ จะสามารถนาไปกอ่ สร้างหรือตดิ ตั้งได้
(6) ในกรณที จี่ ะตอ้ งกอ่ สร้างหรือปฏบิ ัติงานนอกเวลาราชการและเวลากลางคืน ต้องขออนุญาตลว่ งหนา้
(7) ต้องดาเนินการก่อสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาชีพและปฏิบัติตามมาตรการ เพ่ือความ
ปลอดภยั ในระหวา่ งการก่อสรา้ งอย่างเคร่งครัด
(8) ต้องไม่ใช้พ้ืนท่ีในบริเวณท่ีก่อสร้าง หรือภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นท่ีพักคนงาน อนุญาตให้
เพียงลูกจ้างที่ทาหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยของสถานท่ีก่อสร้างและทรัพย์สินในบริเวณก่อสร้างเท่าน้ัน
โดยจะตอ้ งแจ้งรายชือ่ และรายละเอยี ดประจาตัวของผู้อยูร่ กั ษาความปลอดภยั ต่อมหาวิทยาลัยขอนแก่นด้วย
2) ผ้คู วบคุมงาน
เม่ือถึงกาหนดวันเริ่มงานตามสัญญา ผู้ควบคุมงานจะต้องรายงานผลการปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง
ให้คณะกรรมการตรวจรบั พสั ดุรบั ทราบ ภายในกาหนด 3 วนั ทาการ
3) คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
เพื่อให้การดาเนินการก่อสร้าง การบริหารโครงการก่อสร้าง และการบริหารสัญญา เป็นไปด้วย
ความเรียบร้อย เม่ือถึงกาหนดวันเริ่มงานตามสัญญาต้องกาหนดให้มีการประชุมวันเริ่มงาน (Kick Off Meeting)
เพอ่ื แนะนาและทาความเขา้ ใจรว่ มกันระหว่างผ้ปู ฏบิ ตั ิงานทีเ่ กี่ยวขอ้ งดังน้ี
(1) เพอื่ แนะนาบคุ ลากรของแตล่ ะฝ่าย ประกอบดว้ ย
- คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
- ผคู้ วบคุมงานของมหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่
- ผรู้ ับจ้างและผูค้ วบคุมงานของผ้รู ับจา้ ง
- บคุ ลากรอ่นื ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้อง (ถา้ ม)ี
คู่มอื การปฏิบัติงาน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การก่อสร้าง 70
(2) เพือ่ ตรวจสอบ ทาความเขา้ ใจ และช้แี จงหลักการทางานรว่ มกนั
(2.1) ตรวจสอบคุณวุฒิของผู้ควบคุมงานก่อสร้างของผู้รับจ้าง ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย
การควบคมุ อาคาร
(2.2) รับทราบและตรวจสอบ รายงานผลการปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง ณ วันเริ่มงานตามสัญญา
ที่ผคู้ วบคุมงานรายงานแล้วรายงานไปยงั อธิการบดตี ่อไป
(2.3) ตรวจสอบสภาพพื้นท่กี ารก่อสรา้ ง
(2.4) แนะนากระบวนการขั้นตอน การติดต่อประสานงาน และการใช้แบบฟอร์มต่างๆที่เกี่ยวข้อง
กับการกอ่ สร้างของมหาวิทยาลยั ขอนแก่น
(2.5) ตรวจสอบและชี้แจงรายละเอยี ดแบบรูปรายการสง่ิ ก่อสร้าง
(2.6) ตรวจสอบแผนการทางานของผูร้ บั จา้ ง
(2.7) แนะนาข้อห้าม และข้อควรปฏิบัติ ตลอดจนระยะเวลาที่อนุญาตให้ขนวัสดุอุปกรณ์เข้ามา
เพ่ือใช้ในการก่อสร้าง ซ่ึงโดยปกติจะไม่อนุญาตให้ขนวัสดุอุปกรณ์เข้ามาในพ้ืนท่ีมหาวิทยาลัยขอนแก่นในช่วงเวลา
เร่งด่วนที่มีการจราจรหนาแน่น
3.2 การตรวจและควบคุมงานประจาวัน
1) ผ้รู ับจ้าง
1.1) ผู้รับจ้างจะต้องจัดให้มีผู้ควบคุมงานท่ีมีคุณวุฒิตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ซ่ึงได้แจ้ง
รายชือ่ ไว้ต่อคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ อยูค่ วบคมุ งานตลอดระยะเวลาทม่ี กี ารปฏิบตั ิงาน
1.2) ผู้ควบคุมงานของผู้รับจ้างจะต้องควบคุมงานให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
พ.ศ. 2522 กลา่ วคือ
(๑) อานวยการหรือควบคุมการก่อสรา้ ง ดัดแปลง ร้อื ถอน หรอื เคลอื่ นย้ายอาคาร และการติดต้ัง
อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบอาคาร ให้เป็นไปตามแบบแปลนและรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต
ตามหลกั เกณฑ์และวธิ ีการที่พึงกระทาตามวชิ าชพี
(๒) อานวยการหรือควบคุมให้มีการป้องกันภยันตรายที่อาจเกิดต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย
หรือทรัพย์สิน ในสถานท่ีก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร และบริเวณข้างเคียงให้เป็นไปตาม
แผนงาน ข้ันตอน และวธิ กี ารท่ผี ู้ดาเนินการกาหนดไว้
2) ผู้ควบคุมงาน
2.1) ต้องทาการตรวจและควบคุมงาน ณ สถานท่ีก่อสร้างทุกวัน เพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปตาม
แบบรูปรายละเอียดและขอ้ กาหนดในสัญญา
2.2) ต้องจดบันทึกสภาพการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างและเหตุการณ์แวดล้อมเป็นรายวัน พร้อมทั้ง
ผลการปฏบิ ัติงาน หรอื การหยดุ งานและสาเหตทุ ่มี ีการหยุดงาน โดยตอ้ งระบรุ ายละเอียดข้ันตอนการปฏิบตั ิงานและ
วัสดทุ ี่ใช้ไวด้ ว้ ย โดยต้องจัดทาอย่างนอ้ ย 2 ฉบับ เพื่อประกอบการดาเนินการ ดงั นี้
คู่มือการปฏบิ ัติงาน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหวา่ งการดาเนนิ การกอ่ สรา้ ง 71
(1) รายงานต่อคณะกรรมการตรวจรับพัสดทุ กุ สปั ดาหแ์ ละ
(2) เก็บรักษาไวเ้ พอ่ื มอบใหแ้ กเ่ จา้ หน้าที่เม่ือเสรจ็ งานในแต่ละงวด
เอกสารบันทึกสภาพการปฏบิ ัติงานของผรู้ ับจ้างและเหตุการณ์แวดล้อมประจาวนั ถือเป็นเอกสาร
สาคัญ โดยเป็นการบันทึกสภาพการปฏิบัติงาน ผลการปฏิบัติงาน การหยุดงานและสาเหตุที่มีการหยุดงาน
รายละเอียดขั้นตอนและวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง สภาพปัญหาและอุปสรรค รวมตลอดท้ังเหตุการณ์แวดล้อมอ่ืนๆ
ซึ่งสามารถใช้ประกอบการพิจารณาในเรื่องต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องท้ังการพิจารณามาตรการเร่งรัดการก่อสร้าง
การพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดแบบรูปและสัญญาจ้าง การลด งดค่าปรับ และการขยายระยะเวลา
การทางาน เปน็ ตน้
3) คณะกรรมการตรวจรับพสั ดุ
เมื่อผู้ควบคุมงานได้จด บันทึกสภาพการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างและเหตุ การณ์แวดล้อม ในแต่ล ะวั น
และรวบรวมบันทึกดังกล่าวเป็นรายสัปดาห์แล้ว เป็นหน้าท่ีของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุท่ีจะต้องตรวจสอบ
รายงานการปฏิบตั งิ านของผรู้ บั จา้ งและเหตุการณแ์ วดลอ้ มที่ผคู้ วบคุมงานรายงาน โดย
3.1) ต้องตรวจสอบรายงานการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างและเหตุการณ์แวดล้อมที่ผู้ควบคุมงานรายงาน
โดยตรวจสอบกับแบบรูปรายละเอยี ดและขอ้ กาหนดในสัญญาจ้าง
3.2) รับทราบหรือพิจารณาการสั่งหยุดงานหรือพักงานของผู้ควบคุมงาน แล้วรายงานต่ออธิการบดี
เพื่อพจิ ารณาส่งั การ เมือ่ อธกิ ารบดีพิจารณาส่ังการเป็นประการใดใหป้ ฏบิ ัตติ ามคาสั่งดังกลา่ ว
3.3 กาหนดวนั ส่งมอบงานในแตล่ ะงวด
เน่ืองด้วยตามสัญญาจ้างจะมีการแบ่งงวดงานไว้ โดยมีกาหนดวันท่ีและระยะเวลาแล้วเสร็จของงาน
ในแต่ละงวดเพ่ือเป็นการตรวจสอบผลการดาเนินการและกากับติดตามความก้าวหน้าของงานก่อสร้างและการ
ปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง ซ่ึงจะใช้ประกอบการพิจารณาดาเนินการต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้อง เช่น การพิจารณากากับ
ให้เร่งรัดการก่อสร้าง พิจารณาศักยภาพการทางานว่าจะสามารถดาเนินการแล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กาหนด
ไวใ้ นสัญญาหรอื ไม่ เป็นตน้ โดยผู้เกี่ยวข้องจะตอ้ งดาเนินการ ดังนี้
1) ผู้ควบคมุ งาน
เม่ือถึงกาหนดส่งมอบงานในแต่ละงวดท่ีกาหนดไว้ในสัญญาจ้าง ผู้ควบคุมงานจะต้องรายงานผลการ
ปฏิบัติงานว่า ในแต่ละงวดงานน้ัน ผู้รับจ้างได้ดาเนินการแล้วเสร็จตามกาหนดเวลาหรือไม่ ต่อคณะกรรมการ
ตรวจรบั พัสดุ ภายใน 3 วันทาการ นบั แตว่ นั ถงึ กาหนดสง่ มอบงานในแตล่ ะงวด
2) กรรมการตรวจรบั พัสดุ
เม่ือผู้ควบคุมงานรายงานผลการปฏิบัติงานประจางวดแล้ว คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ จะต้อง
ดาเนินการ ดงั น้ี
ค่มู อื การปฏบิ ตั ิงาน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สร้างในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สรา้ ง 72
(1) ตรวจสอบและรบั ทราบรายงานผลการปฏิบตั ิงานประจางวดทผี่ ูค้ วบคุมงานรายงาน
(2) พิจารณาว่าผู้รับจ้างได้ดาเนินการในแต่ละงวดเป็นไปตามระยะเวลาส่งมอบงานท่ีกาหนดในแต่ละ
งวดหรือไม่
(3) กรณีท่ีผู้รับจ้างไม่สามารถดาเนินการและส่งมอบงานในแต่ละงวดให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กาหนด
ในสัญญา ใหค้ ณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ตรวจสอบสาเหตแุ ห่งความล่าช้าและพจิ ารณาแก้ไขปญั หาเพ่ือให้ผู้รับจ้าง
เร่งรัดงานให้เป็นไปตามกาหนดเวลาในแต่ละงวด โดยอาจกาหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
เพ่อื พิจารณาดาเนินการตอ่ ไป
3.4 การออกตรวจงาน ณ สถานท่ีกอ่ สร้าง ของคณะกรรมการตรวจรับพสั ดุ
นอกจากการรับทราบผลการดาเนินการก่อสร้างและเหตุการณ์แวดล้อมต่างๆ ที่ผู้ควบคุมงานรายงานแล้ว
คณะกรรมการตรวจรับพัสดุหรือกรรมการท่ีได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ สามารถออกตรวจ
งานกอ่ สรา้ ง ณ สถานทีก่ ่อสรา้ ง ตามเวลาท่ีเหมาะสมและเหน็ สมควรและจดบันทึกผลการตรวจสอบไว้เป็นหลักฐาน
ด้วย
ผู้รับจ้างจะต้องอานวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือในการเข้าตรวจงานของคณะกรรมการตรวจรับ
พสั ดุ ผู้ควบคุมงาน และบริษทั ทป่ี รึกษาควบคมุ งาน
3.5 การประชุมกรรมการตรวจรับพสั ดุ
เน่ืองด้วยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุเป็นผู้มีอานาจหน้าท่ีในการบริหารสัญญาดังนั้น การกากับติดตาม
ตรวจสอบ การมีหรือเสนอความเห็น และพิจารณาเรื่องใดๆ จะต้องอาศัยมติของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
ซ่ึงต้องมีการประชุมเพื่อพิจารณาเร่ืองต่างๆ และเพ่ือให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ
ในเตรียมการและการประชุมจะตอ้ งดาเนนิ การ ดงั น้ี
(1) จัดใหม้ ีกาหนดนัดหรือปฏิทนิ การประชุมคณะกรรมการตรวจรับพัสดุเพ่ือกากับ ติดตาม และตรวจสอบ
การดาเนินการก่อสรา้ ง ความกา้ วหนา้ และปญั หาอุปสรรคตา่ งๆ ในโครงการ
(2) ในการประชุมแตล่ ะคร้ัง จะต้องมีการจดบันทึกรายงานการประชุม ซ่ึงโดยปกติมอบหมายให้เปน็ หน้าท่ี
ของผคู้ วบคมุ งานหรือบคุ คลใดทีม่ คี วามเหมาะสมเป็นผู้จดบนั ทึกรายงานการประชุม
(3) หน่วยบริหารสัญญา กองอาคารและสถานท่ี ต้องจัดทาหนังสือเชิญประชุม พร้อมแนบ ระเบียบวาระ
การประชุม และรายงานการประชุมครั้งท่ีผ่านมาเพ่ือให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ได้พิจารณา ศึกษาแนวทาง
และรับทราบเรอ่ื งทจี่ ะมีการประชมุ
(4) ตอ้ งมีการสรุปมตทิ ป่ี ระชมุ ในแตล่ ะเรอื่ งใหท้ ี่ประชมุ ได้รับทราบร่วมกนั
(5) ต้องมีการบันทึกรายงานการประชุม โดยการบันทึกรายละเอียดสาระสาคัญท่ีได้มีการประชุมพิจารณา
พรอ้ มทัง้ แนบเอกสารประกอบรายงานการประชุมทช่ี ัดเจนและครบถ้วน
คมู่ อื การปฏิบัติงาน การบริหารสญั ญาก่อสร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การกอ่ สรา้ ง 73
(6) ต้องรายงานการขออนุมัติให้ใช้วัสดุในโครงการ และการขออนุมัติแบบขยายรายละเอียดงานก่อสร้าง
(Shop Drawing) เพื่อให้ท่ีประชุมรับทราบและพิจารณา
(7) กรณีโครงการท่ีมีการประชุมประจาโครงการ(Site Meeting)ให้นารายงานการประชุมหรือมติ
จากทป่ี ระชมุ ดงั กล่าว เขา้ สทู่ ่ีประชุมคณะกรรมการตรวจรบั พัสดุดว้ ย
3.6 การพิจารณาวนิ จิ ฉยั ส่งั การเพอื่ ใหก้ ารกอ่ สรา้ งเปน็ ไปตามแบบรปู รายละเอียด
1) กฎหมาย ระเบยี บ หลกั เกณฑ์ และข้อกาหนดทเ่ี กี่ยวขอ้ ง
(1) ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
ขอ้ 176 และ 178
(2) ข้อกาหนดของสัญญาตามแบบสัญญาจ้างก่อสร้าง แนบท้ายประกาศคณะกรรมการนโยบาย
การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เร่ือง แบบสัญญาเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างตามพระราชบัญญัติ
การจดั ซอื้ จดั จา้ งและการบริหารพัสดภุ าครัฐ พ.ศ. 2560 ขอ้ 14 และ 15
2) ผู้มีอานาจหนา้ ท่ีในการพจิ ารณาวินิจฉยั ส่ังการ
การดาเนินการก่อสร้างนั้น ผู้รับจ้างมีหน้าที่ที่จะต้องดาเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จเรียบร้อยตาม
แบบรูปรายละเอียดและข้อกาหนดของสัญญา โดยผู้ควบคุมงาน และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ก็จะต้อง
ตรวจสอบและควบคุมกากับการดาเนินการให้งานก่อสร้างแล้วเสร็จเรียบร้อยบริบูรณ์ตามแบบรูปรายละเอียดและ
ข้อกาหนดของสัญญา แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างการก่อสร้างอาจมีความจาเป็นจะต้องวินิจฉัยสั่งการเก่ียวกับ
การก่อสร้าง เพื่อให้งานก่อสร้างเป็นไปตามแบบรูปรายละเอียด เช่น กรณีในกรณีที่แบบรูปไม่ชัดเจนหรือไม่ได้ระบุ
รายละเอียดการก่อสร้างและการติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ไว้ เป็นต้น โดยผู้ควบคุมงานและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
มอี านาจพจิ ารณาวนิ ิจฉยั และส่งั การ ดังน้ี
(1) ผู้ควบคมุ งาน
(1.1) สั่งการให้เปล่ียนแปลงแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดทอนงานจ้างได้ตามท่ีเห็นสมควรและ
ตามหลกั วชิ าชา่ ง เพื่อให้เป็นไปตามแบบรูปรายละเอยี ดและข้อกาหนดของสัญญา
(1.2) หากผู้รับจ้างขัดขืนไม่ปฏิบัติตามก็ส่ังให้หยุดงานน้ันเฉพาะส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด
แล้วแต่กรณีไว้ก่อน จนกว่าผู้รับจ้างจะปฏิบัติให้ถูกต้องตามคาสั่ง และให้รายงานต่อคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
ทันที
(2) คณะกรรมการตรวจรบั พสั ดุ
กรณีมีข้อสงสัยหรือมีกรณีที่เห็นว่า แบบรูปรายละเอียดและข้อกาหนดในสัญญา
มีข้อคลาดเคลื่อนเล็กน้อย หรือไม่เป็นไปตามหลักวิชาการช่าง คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ มีอานาจส่ังให้
ดาเนินการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมหรือตัดทอนงานจ้างได้ตามที่เห็นสมควร และตามหลักวิชาการช่าง เพ่ือให้
เปน็ ไปตามแบบรปู รายการ
คมู่ อื การปฏิบตั งิ าน การบริหารสญั ญาก่อสร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การกอ่ สรา้ ง 74
(3) ผอู้ อกแบบ
มีหน้าที่ตรวจสอบแบบรูปรายละเอียดและสภาพพื้นท่ีก่อสร้างจริง เพ่ือวินิจฉัยและให้ความเห็น
ประกอบการพิจารณาให้ดาเนินการเปล่ียนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมหรือตัดทอนงานจ้างเพ่ือให้เป็นไปตามแบบรูป
และตามสัญญาของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
3) คาอธบิ ายและขอ้ สงั เกต
เมื่อพิจารณาจากอานาจหน้าท่ีของผู้ควบคุมงานคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ และผู้ออกแบบแล้ว
จะเห็นได้ว่าผู้ควบคุมงานและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ มีอานาจสั่งการเฉพาะในกรณีให้เปลี่ยนแปลงแก้ไข
เพ่ิมเติม หรือตัดทอนงานจ้างได้ตามท่ีเห็นสมควรและตามหลักวิชาช่าง เพ่ือให้เป็นไปตามแบบรูปรายละเอียดและ
ข้อกาหนดของสัญญา และการสั่งการดังกล่าวต้องเป็นเร่ืองที่มีความไม่ชัดเจนหรือคลาดเคล่ือนเล็กน้อยเท่านั้น
หากเป็นกรณีท่ีสั่งการให้เปล่ียนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมหรือตัดทอนงานจ้างท่ีทาให้แบบรูปรายละเอียดหรือข้อกาหนด
ของสัญญาเปล่ียนแปลงไป ผู้ควบคุมงานและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุไม่สามารถท่ีจะพิจารณาสั่งการได้
ซึง่ กรณีดังกล่าวจะต้องขออนุมัตแิ กไ้ ขเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายละเอยี ดและแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อกาหนดของสญั ญา
4) กระบวนการและขัน้ ตอนการปฏบิ ัติงาน
ในกรณีที่แบบรูปรายละเอียดมีความคลาดเคล่ือนเล็กน้อย ไม่ชัดเจน หรือไม่ได้ระบุรายละเอียดไว้
การพิจารณาอนุญาตให้ดาเนินการ ส่ังการให้มีการเปล่ียนแปลงแก้ไขเพ่ิมเติมหรือตัดทอนงานจ้าง ได้เฉพาะกรณี
เพ่อื ใหเ้ ปน็ ไปตามแบบรปู รายละเอียดและขอ้ กาหนดของสัญญา โดยจะตอ้ งดาเนนิ การ ดังนี้
4.1) กรณีที่รายละเอยี ดมีความคลาดเคลือ่ นเลก็ น้อยหรอื ไม่ได้กาหนดรายละเอยี ดไว้
(1) ผู้รับจ้างต้องจัดทาแบบขยายรายละเอียด (Shop Drawing) เพื่อเสนอผู้ออกแบบพิจารณา
โดยให้เสนอผ่านผู้ควบคุมงานเพ่ือตรวจสอบและให้ความเหน็ ในเบื้องตน้
(2) เม่ือผู้ออกแบบพิจารณาให้ความเห็นชอบและผู้ควบคุมงานพิจารณาแล้วเห็นว่า มีความ
เหมาะสมกับสภาพงานก่อสร้างหรือพ้ืนที่การก่อสร้าง จึงจะสามารถดาเนินการก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบขยาย
รายละเอียด (Shop Drawing) ได้ แลว้ ใหร้ ายงานคณะกรรมการตรวจรับพสั ดุเพื่อทราบหรอื พจิ ารณาต่อไป
4.2) กรณที แี่ บบรปู ท่กี าหนดมคี วามขัดแยง้ กนั
(1) ให้ผู้รับจ้างหรือผู้ควบคุมงานแล้วแต่กรณี ขอคาวินิจฉัยจากผู้ออกแบบ ผ่านผู้ควบคุมงาน
เพ่อื ตรวจสอบและให้ความเห็นในเบอื้ งตน้
(2) เม่ือผู้ออกแบบพิจารณาให้ความเห็นและผู้ควบคุมงานพิจารณาแล้ว เห็นว่ามีความ
เหมาะสมกับสภาพงานก่อสร้างหรือพ้ืนท่ีการก่อสร้างแล้ว ผู้รับจ้างจะต้องดาเนินการก่อสร้างตามคาวินิจฉัย
ของผูอ้ อกแบบแล้วรายงานกรณีดังกล่าวตอ่ คณะกรรมการตรวจรบั พสั ดุเพอ่ื ทราบและพิจารณาต่อไป
กรณีท่ีไม่สามารถติดต่อผู้ออกแบบหรือผู้ออกแบบไม่สามารถให้ความเห็นหรือคาวินิจฉัยตามข้อ 4.1)
และ 4.2) ไดใ้ หด้ าเนินการดงั น้ี
(1) ผคู้ ุมงานตอ้ งเป็นผู้เสนอความเห็นตอ่ คณะกรรมการตรวจรับพสั ดุเพอ่ื พิจารณาส่งั การ หรือ
คู่มอื การปฏิบัติงาน การบริหารสญั ญากอ่ สร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสรา้ ง 75
(2) คณะกรรมการตรวจรับพัสดุอาจพิจารณาเสนอความเห็นต่ออธิการบดี เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง
สถาปนิก วิศวกร หรอื วศิ วกรชานาญการ ใหเ้ ป็นผู้มีอานาจกระทาการพจิ าณาใหค้ วามเหน็ และคาวนิ ิจฉัยก็ได้
4.3) เมอื่ มีความเหน็ คาวินิจฉยั หรอื สง่ั การ ในข้อ 4.1) และ 4.2) แลว้
ถือว่าเป็นการสั่งให้ดาเนินการให้เป็นไปตามแบบรูปรายละเอียดและตามหลักวิชาการช่าง
ซ่ึงไม่ใช่การเปล่ียนแปลงแก้ไขรายละเอียดแบบรูปและข้อกาหนดของสัญญา จึงเป็นงานท่ีผู้รับจ้างจะต้อง
ดาเนินการตามคาสั่ง ความเห็น และคาวินิจฉัยดังกล่าวโดยผู้รับจ้างไม่สามารถเรียกค่าใช้จ่ายในการดาเนินการ
เพมิ่ เติมและไม่สามารถนามาเปน็ สาเหตุในการขอขยายระยะเวลาได้
ภาพท่ี 6 กระบวนการพจิ ารณาวนิ ิจฉยั สัง่ การเพอื่ ให้การก่อสร้างเปน็ ไปตามแบบรูปรายละเอียด
ผงั กระบวนการ ผรู้ บั ผดิ ชอบ รายละเอยี ด เอกสารที่เกีย่ วข้อง
จุดเร่มิ ต้น ผูร้ บั จา้ ง ตรวจพบวา่ 1. จัดทาแบบขยายรายละเอียด
คารอ้ งขอคาวินิจฉัย ผูค้ วบคมุ งาน 1. แบบรปู รายละเอยี ดไมช่ ดั เจน (Shop Drawing)
ผู้ออกแบบ หรือมคี วามคลาดเคล่อื น 2. จัดทาคาขอวินิจฉยั
คณะกรรมการ
ตรวจรบั พสั ดุ เล็กน้อย 3. แนบเอกสารหลักฐาน
(กุลวรรธ 2. แบบรูปรายละเอียดและ ข้อกาหนดสญั ญา แบบรปู และ
สรุ ิยะศรี)
ผู้รบั จ้าง ข้อกาหนดของสญั ญาอ่ืนๆ มี รายละเอยี ด ทีแ่ สดงใหเ้ ห็น
หนว่ ยบรหิ าร ความขัดแย้งกัน ความไมช่ ัดเจน คลาดเคล่ือน
สัญญาก่อสรา้ ง
หรอื ความขัดยงั กนั
1. ตรวจสอบรายละเอยี ด 1. แบบขยายรายละเอียด
ตรวจสอบรายละเอยี ด เบอื้ งตน้ (Shop Drawing)
2. เสนอความเห็น 2. แบบคาขอวนิ จิ ฉัย
ไม่อนุมัติ 3. เอกสารหลกั ฐานทเี่ กี่ยวข้อง
1. ตรวจสอบ 1. แบบขยายรายละเอียด
พจิ ารณา 2. พจิ ารณาอนุมัติ (Shop Drawing)
อนมุ ตั ิ
3. เสนอความเหน็ 2. แบบคาขอวนิ จิ ฉัย
ไมอ่ นุมัติ 3. เอกสารหลักฐานทเ่ี กย่ี วข้อง
1. ตรวจสอบและรับทราบผล 1. แบบขยายรายละเอยี ด
พิจารณาอนมุ ตั ิ การพิจารณาของผคู้ วบคมุ งาน (Shop Drawing)
อนมุ ัติ และผู้ออกแบบ 2. แบบคาขอวนิ จิ ฉยั
ดาเนินการ 2. สงั่ การ/อนุมตั ิใหด้ าเนนิ การ 3. เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
ตามคาส่งั /คาวินิจฉัย
ดาเนินการก่อสร้างตามคาสั่ง 1. แบบขยายรายละเอยี ด
หรอื คาวินิจฉยั (Shop Drawing)
2. แบบคาขอวินจิ ฉัย
3. เอกสารหลักฐานทเ่ี กี่ยวข้อง
จัดเกบ็ เอกสาร/แจ้งเวยี น 1. เก็บรวบรวมเอกสาร 1. แบบขยายรายละเอยี ด
2. แจ้งเวยี นผ้เู กย่ี วข้อง (Shop Drawing)
2. แบบคาขอวินิจฉัย
จุดส้ินสุด 3. เอกสารหลกั ฐานทีเ่ ก่ียวข้อง
คมู่ อื การปฏิบตั ิงาน การบริหารสญั ญากอ่ สร้างในระหว่างการดาเนนิ การก่อสรา้ ง 76
3.7 การตรวจรับงาน
1) กฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และขอ้ กาหนดที่เกย่ี วข้อง
(1) ระเบยี บกระทรวงการคลงั ว่าดว้ ยการจดั ซื้อจัดจา้ งและการบริหารพัสดภุ าครฐั พ.ศ. 2560 ขอ้ 176
(2) หนังสือสานักนายกรฐั มนตรี ที่ นร 1305/ว.5855 ลงวนั ที่ 11 กรกฎาคม 2544 เร่อื ง ระยะเวลา
ในการตรวจการจา้ งงานก่อสรา้ งและการตรวจรบั พสั ดุ
(3) ข้อกาหนดของสัญญาตามแบบสัญญาจ้างก่อสร้าง แนบท้ายประกาศคณะกรรมการนโยบาย
การจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เร่ือง แบบสัญญาเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างตามพระราชบัญญัติ
การจดั ซือ้ จดั จา้ งและการบรหิ ารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 13
2) กระบวนการข้ันตอนในการตรวจรับงาน
2.1 ผู้รับจ้าง จะต้องมีหนังสือส่งมอบงาน และให้ส่งหนังสือส่งมอบงานท่ีกองอาคารและสถานที่
โดยจะต้องมีเจา้ หนา้ ท่ผี ปู้ ฏิบตั ิงาน ลงเลขทแี่ ละวันทที่ ่รี บั เอกสารหลักฐานดงั กล่าวไวด้ ้วย
2.2 กองอาคารและสถานท่ี โดยหน่วยบริหารสัญญาก่อสร้าง จะต้องส่งเอกสารการส่งมอบงานให้แก่
ผู้ควบคมุ งานเพอ่ื ทาการตรวจสอบ
2.3 ผู้ควบคุมงาน จะต้องทาการตรวจสอบรายละเอียดการส่งมอบงานของผู้รับจ้าง ว่าแล้วเสร็จตามท่ี
กาหนดไว้ในแต่ละงวดหรอื ไม่ โดยมหี ลกั เกณฑ์ประกอบการพจิ ารณา ดงั น้ี
(1) ปรมิ าณงานถกู ต้อง ครบถ้วน และแลว้ เสร็จตามท่ีกาหนดไวใ้ นแต่ละงวดหรือไม่
(2) งานที่ดาเนินการเป็นไปตามมาตรฐานการก่อสร้างหรือการติดตั้งหรือไม่ ซ่ึงหากเป็นผลงาน
ทจ่ี ะต้องมผี ลการทดสอบ จะต้องมีผลการทดสอบดังกล่าวประกอบพจิ ารณาดว้ ย เช่น ผลการทดสอบความสมบูรณ์
และกาลังรับน้าหนักของเสาเข็ม ผลการทดสอบกาลังรับน้าหนักของคอนกรีต เป็นต้น โดยผลการทดสอบดังกล่าว
จะต้องถูกต้องและผ่านตามเกณฑท์ ่ีกาหนดไว้ในแบบรปู รายละเอียด
(3) กาหนดระยะเวลาตรวจสอบผลการปฏบิ ตั งิ าน
ผู้ควบคุมงานจะต้องทาการตรวจสอบผลการทางานของผู้รับจ้างให้แล้วเสร็จโดยเร็วท่ีสุด
โดยมกี าหนดระยะเวลาในการตรวจสอบของผูค้ วบคมุ งาน ดงั นี้
(3.1) กรณีเป็นสัญญาแบบราคาเหมารวมไม่ว่าจะมีมูลค่าของงานเท่าใดใช้ระยะเวลา 3 วัน
ทาการ
(3.2) กรณเี ป็นสญั ญาแบบราคาตอ่ หน่วยกาหนดเวลาดาเนนิ การ โดยแบ่งตามมูลคา่ งานดงั นี้
ตารางที่ 1 ระยะเวลาการตรวจสอบงานกรณสี ญั ญาแบบราคาต่อหน่วย
มูลค่างาน การตรวจสอบ ระยะเวลาดาเนินการ
มูลค่างานไมเ่ กิน 30 ล้านบาท รายงวด 4 วนั ทาการ
งวดสุดท้าย 8 วนั ทาการ
มลู ค่างานไมเ่ กิน 60 ลา้ นบาท รายงวด 8 วันทาการ
งวดสดุ ท้าย 12 วันทาการ
คู่มือการปฏิบตั งิ าน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสรา้ ง 77
มูลคา่ งาน การตรวจสอบ ระยะเวลาดาเนนิ การ
มูลคา่ งานไมเ่ กิน 100 ล้านบาท 12 วันทาการ
รายงวด
งวดสุดทา้ ย 16 วนั ทาการ
มูลค่างานเกนิ 100 ลา้ นบาทข้นึ ไป รายงวด 16 วันทาการ
งวดสดุ ทา้ ย 20 วนั ทาการ
(4) การรายงานผลการตรวจสอบ
เม่ือผู้ควบคุมงานได้ทาการตรวจสอบผลการทางานของผู้รับจ้างแล้ว ต้องรายงานผลการ
ตรวจสอบ ดงั น้ี
(4.1) กรณที ง่ี านแล้วเสรจ็ ถกู ตอ้ งเรยี บร้อย
ต้องบันทึกรายงานต่อประธานกรรมการตรวจรับพัสดุ ว่างานที่ผู้รับจ้างดาเนินการน้ัน
แลว้ เสร็จถูกตอ้ งเรยี บรอ้ ย ต้ังแต่วนั ใดโดยให้ระบวุ ันท่แี ลว้ เสรจ็ ให้ชัดเจน
(4.2) กรณีทงี่ านไมแ่ ลว้ เสร็จ
ต้องบันทึกรายงานต่อประธานกรรมการตรวจรับพัสดุ ว่างานท่ีผู้รับจ้างดาเนินการน้ัน
ยังไม่แล้วเสร็จรายการใดและอย่างไร และเพื่อให้รายละเอียดมีความชัดเจนควรแนบเอกสารหลกั ฐานอ่ืนๆ ท่ีแสดง
ให้เห็นว่ามีงานในส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จเรียบร้อย เช่น ภาพถ่าย เป็นต้น พร้อมลงวันที่ท่ีตรวจสอบและรายงาน
ไวด้ ว้ ย
2.4 คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
(1) กาหนดเวลานัดประชมุ เพื่อตรวจรบั งาน
เมื่อประธานกรรมการตรวจรับพัสดุ ได้รับรายงานการตรวจสอบผลงานของผู้รับจ้างจาก
ผู้ควบคุมงานแล้ว ต้องกาหนดวันนัดประชุมเพ่ือตรวจสอบผลงานและตรวจรับงานโดยปกติจะต้องดาเนินการ
ประชมุ เพอื่ ตรวจสอบและตรวจรับงานภายในกาหนด 3 วนั ทาการ นับแตป่ ระธานกรรมการไดร้ บั ทราบการส่งมอบ
กรณีประธานกรรมการไม่สามารถปฏบิ ัติหน้าที่ภายในกาหนดระยะเวลาดังกล่าวอาจดาเนินการ
ได้ใน 2 กรณี
1) เสนอความเหน็ ใหอ้ ธิการบดี แตง่ ต้ังประธานกรรมการคนใหมเ่ ปน็ ประธานแทน
2) กรณีที่เห็นว่าการเสนอแต่งต้ังประธานกรรมการคนใหม่เป็นประธานแทน จะใช้ระยะ
เวลานานกว่าการให้ประธานกรรมการคนเดิมดาเนินการ หรือมีเหตุอันควรรอประธานคนเดิมใหท้ าหน้าท่ี ควรใหร้ อ
ประธานกรรมการคนเดิมเป็นผู้ทาหน้าท่ี โดยจะต้องบันทึกเหตุผลความจาเป็นท่ีไม่สามารถกาหนดวันตรวจรับ
ไดท้ นั ภายในกาหนดเวลาดงั กล่าวไว้ด้วย
คูม่ ือการปฏิบตั งิ าน การบริหารสญั ญาก่อสรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สรา้ ง 78
(2) การตรวจรบั งาน
(2.1) ระยะเวลาในการตรวจสอบผลการทางานของผ้รู บั จ้าง
คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ มรี ะยะเวลาในการตรวจรบั งาน ดังนี้
1) รายงวด มรี ะยะเวลาดาเนินการ จานวน 3 วนั ทาการ
2) งวดสดุ ท้าย มรี ะยะเวลาดาเนินการ จานวน 5 วันทาการ
หากคณะกรรมการตรวจรับพัสดุไม่สามารถดาเนินการให้แลว้ เสร็จภายในกาหนดเวลาได้
ให้รายงานตอ่ อธิการบดีพรอ้ มดว้ ยเหตุผลความจาเปน็ และแจง้ ใหผ้ รู้ ับจา้ งทราบดว้ ย
(2.2) การพิจารณา
ในการตรวจสอบผลการทางานของผู้รับจ้าง คณะกรรมการตรวจรับพัสดุจะต้องพิจารณา
ตรวจสอบสภาพงานก่อสร้างจรงิ ประกอบรายงานผลการตรวจสอบของผู้ควบคุมงาน และอ่ืนๆ (ถ้ามี) โดยคานึงถึง
หลกั เกณฑ์ ดงั น้ี
1) ตรวจสอบงานท่ีผู้รับจ้างส่งมอบว่ามีรายการและปริมาณงานตรงตามงวดงาน
ทกี่ าหนดในสัญญา
2) ตรวจดูคุณภาพของงานที่ส่งมอบว่ามีความถูกต้องตามหลักวิชาและตามท่ีกาหนดใน
แบบรูปรายการรายละเอยี ด
3) หากมีการแก้ไขงาน ให้จัดทาบัญชีรายงานแก้ไขงานแล้วส่ังการให้ผู้รับเหมาแก้ไข
ขอ้ บกพรอ่ งใหเ้ รียบรอ้ ยโดยเรว็
4) ตรวจสอบเอกสารหลักฐานอื่นๆ ที่เก่ียวข้อง เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่างานท่ีผู้รับจ้าง
ส่งมอบเป็นไปตามทีก่ าหนดไวใ้ นสัญญา
5) กรณีเป็นงวดสุดท้าย ให้ตรวจสอบด้วยว่างานที่เสร็จเรียบร้อยแล้วอยู่ภายใน
กาหนดเวลาหรือไม่ หากงานแล้วเสร็จเกินกาหนดเวลาตามสัญญาจะต้องนาจานวนวันท่ีเกินกาหนดไปคานวณ
คา่ ปรับตามอัตราทก่ี าหนดไว้ในสญั ญา
(3) มตขิ องคณะกรรมการในการตรวจรับพสั ดุและผลของการตรวจรบั งาน
(3.1) มตขิ องคณะกรรมการตรวจรบั พสั ดุ
การตรวจรับมอบงาน จะต้องถือเอามติของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุท่ีเป็นเอกฉันท์
สาหรับกรณีท่ีกรรมการบางคนไม่ตรวจรับการตรวจรับงานโดยทาความเห็นแย้ง และจะถือว่ายังไม่ได้ตรวจรับงาน
ในงวดน้ันไว้ กรณีดังกล่าวจะต้องเสนอต่ออธกิ ารบดีเพอ่ื พจิ ารณาสัง่ การ
1) กรณีท่อี ธกิ ารบดสี ง่ั การใหต้ รวจรับงาน ให้ถอื วา่ ผู้รับจา้ งสง่ มอบงานถกู ต้องครบถ้วน
2) กรณีท่ีอธิการบดีสั่งการไม่ตรวจรับงาน ให้แจ้งผู้รับจ้างเพื่อดาเนินการแก้ไขและ
ส่งมอบงานใหม่
ค่มู อื การปฏบิ ตั ิงาน การบริหารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การก่อสร้าง 79
(3.2) ผลการตรวจรับงาน
1) กรณีที่กรรมการตรวจรับพัสดุ มีมติตรวจรับมอบงานไว้ ให้ถือว่าผู้รับจ้างส่งมอบงาน
ครบถว้ นตัง้ แต่วันที่ผู้รบั จา้ งไดส้ ง่ มอบงาน (วันทีก่ องอาคารและสถานทล่ี งรบั เอกสารการสง่ มอบงาน)
2) กรณีท่ีผู้ควบคุมงานรายงานว่าผลงานแล้วเสร็จในวันอื่นที่ไม่ตรงกับวันที่ผู้รับจ้าง
ส่งมอบงาน (กรณีท่ีเห็นว่างานแล้วเสร็จล่าช้ากว่าวันที่ผู้รับจ้างส่งเอกสารการส่งมอบงาน) จะถือเอาวันท่ี
ผคู้ วบคุมงานรายงานวา่ งานแลว้ เสรจ็ เป็นวันทง่ี านแล้วเสรจ็ ถกู ต้องครบถ้วน
3) กรณีที่ตรวจสอบแล้วเห็นว่างานไม่แล้วเสร็จ ผู้รับจ้างจะต้องดาเนินการก่อสร้าง
ให้แล้วเสรจ็ แล้วจงึ สง่ มอบงานและดาเนนิ กระบวนการตรวจสอบผลงานและการตรวจรับงานใหม่
2.5 กองอาคารและสถานที่
เมื่อคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ทาการตรวจรับมอบงานแล้ว กองอาคารและสถานท่ี
โดยหน่วยบริหารสัญญากอ่ สร้าง จะตอ้ งจดั ทาบนั ทกึ ขออนมุ ัติเบกิ จ่ายเงนิ ค่าจา้ งให้แก่ผูร้ บั จ้างต่อไป
ภาพที่ 7 ขน้ั ตอนการตรวจรับงาน
ผงั กระบวนการ ผรู้ ับผดิ ชอบ รายละเอยี ด เอกสารท่ีเกยี่ วขอ้ ง
จัดทาเอกสารและมหี นงั สือ 1. หนังสอื ส่งมอบงาน
จดุ เริ่มตน้ ผ้รู บั จ้าง สง่ มอบงาน 2. รายละเอียดงวดงานทีส่ ่ง
3. รายละเอยี ดปรมิ าณงาน/
สง่ มอบงาน 1.กองอาคาร 1.ลงรบั เอกสาร โดยระบวุ นั และ ความกา้ วหนา้ ของงาน
และสถานที่ เวลาทไ่ี ดร้ ับเอกสารให้ชัดเจน 4. ภาพถา่ ยความกา้ วหน้า
ลงรับเอกสาร 2.ส่งหนังสอื สง่ มอบงานไปยงั 5. เอกสารอนื่ ๆที่เกย่ี วขอ้ ง
2.หนว่ ยบริหาร ผู้ควบคมุ งานหรือหนว่ ยบรหิ าร 1. หนังสือส่งมอบงาน
ไม่แล้วเสร็จ สญั ญากอ่ สรา้ ง สัญญากอ่ สรา้ ง 2. สญั ญาจ้าง
ผูค้ วบคุมงาน ตรวจสอบรายละเอยี ดและแจ้ง
ตรวจสอบ ผคู้ วบคุมงาน 1. สัญญาจา้ ง
ผลการปฏบิ ัตงิ าน หน่วยบรหิ าร 1. ตรวจสอบข้อกาหนดงวดงาน 2. รายงานสภาพการปฏิบตั ิงาน
สญั ญาก่อสร้าง ในสัญญา และเหตกุ ารณแ์ วดล้อม
แล้วเสรจ็ 2. ตรวจสอบผลการการกอ่ สร้าง
เชิญประชมุ /ตรวจรับงาน 3. ดาเนนิ การใหแ้ ลว้ เสรจ็ 1 ใบตรวจรบั
จัดทาเอกสารประกอบการตรวจรบั งาน ภายใน 3 วนั ทาการ 2 บนั ทึกรายงานผลการตรวจรบั
1. จดั ทาเอกสารเชิญประชมุ
2. จัดทาเอกสารการตรวจรับ
งาน
คมู่ ือการปฏิบตั งิ าน การบริหารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สรา้ ง 80
ผงั กระบวนการ ผู้รับผดิ ชอบ รายละเอยี ด เอกสารทีเ่ กีย่ วข้อง
พิจารณาตรวจรับ คณะกรรมการ 1. ประชมุ ณ สถานทีก่ ่อสรา้ ง 1 ใบตรวจรบั
ตรวจรบั พสั ดุ ภายในกาหนด 3 วันทาการ 2 บนั ทึกรายงานผลการตรวจรับ
นับแตว่ ันท่ีรับทราบผลการ
(กลุ วรรธ ตรวจสอบของผูค้ วบคมุ งาน
สรุ ยิ ะศรี) 2. ตรวจสอบผลการปฏบิ ัติงาน
หน่วยบรหิ าร ทัง้ ส่วนปริมาณและคณุ ภาพของ
สัญญาก่อสรา้ ง
ไม่แลว้ เสรจ็ แลว้ เสรจ็ งาน ว่าเปน็ ไปตามงวดงานที่
หนว่ ยบริหาร
ไม่แลว้ เสร็จ สญั ญาก่อสร้าง กาหนดหรอื ไม่ หนังสือแจง้ ผลการตรวจรับ
แล้วเสร็จ
2.1 งวดสดุ ทา้ ย ภายใน 5 วัน
เก็บเอกสาร ทาการ
จดุ สน้ิ สดุ 2.2 งวดอ่นื ๆ ภายใน 3 วันทา
การ
3. พิจารณาตรวจรับงาน
แจง้ ผ้รู บั จ้าง
(ทาการกอ่ สรา้ งและสง่ งานใหม)่
1. จัดทาเอกสารเบิกจา่ ยคา่ จา้ ง 1. บนั ทึกการขออนมุ ัตเิ บกิ จา่ ย
2. สง่ เอกสารเพ่อื เบิกจ่ายคา่ จา้ ง 2. ใบตรวจรับ
3. แจง้ ผลการตรวจรับ 3.บนั ทกึ รายงานผลการตรวจรับ
4. แจ้งสงวนสทิ ธ์ิการปรบั (ถา้ ม)ี 4.หนงั สือสง่ มอบงานและ
เอกสารประกอบการสง่ มอบงาน
เกบ็ รวบรวมเอกสาร
หนว่ ยบรหิ าร
สัญญากอ่ สร้าง
3.8 การแกไ้ ขเปลี่ยนแปลงสญั ญา
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา คือ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมรายละเอียดข้อกาหนดหรือข้อตกลง
ทกี่ าหนดไวใ้ นสัญญาหรือรายละเอียดประกอบสัญญา เชน่ การแกไ้ ขเปลยี่ นแปลงแบบรปู รายละเอียด การเพ่ิมเติม
งานจ้าง การเพ่ิมหรือลดวงเงินค่าจ้าง การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดงวดงาน และการขยายระยะเวลา
ของสัญญา เปน็ ต้น
1) กฎหมาย ระเบียบ และข้อกาหนดที่เก่ียวข้อง
(1) พระราชบัญญัตกิ ารจัดซือ้ จัดจา้ งและการบรหิ ารพสั ดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 97
(2) ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
ข้อ 165
คู่มอื การปฏิบตั งิ าน การบรหิ ารสญั ญาก่อสร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การกอ่ สร้าง 81
(3) ข้อกาหนดของสัญญาตามแบบสัญญาจ้างก่อสร้าง แนบท้ายประกาศคณะกรรมการนโยบาย
การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เรื่อง แบบสัญญาเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างตามพระราชบัญญัติ
การจัดซือ้ จดั จา้ งและการบริหารพสั ดุภาครฐั พ.ศ. 2560 ข้อ 16 , 17 และ 21
(4) ระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2)
พ.ศ. 2539 ขอ้ 7
(5) ข้อกาหนดตามหนังสือสานักงบประมาณ ที่ นร 0704/ว 78 ลงวันท่ี 15 สิงหาคม 2554
เร่ือง ซ้อมความเข้าใจเก่ียวกับวิธีปฏิบัติในการเปล่ียนแปลงรายละเอียดรายการก่อหน้ีผูกพันข้ามปีงบประมาณ
โดยไมเ่ พม่ิ วงเงนิ ก่อหนีผ้ กู พนั
2) ขอบเขตของการแก้ไขเปลยี่ นแปลงรายละเอียดสัญญา
การแก้ไขเปลยี่ นแปลงรายละเอียดสญั ญาจะต้องกระทาภายใต้ขอบเขต ดังน้ี
(1) เป็นการแก้ไขตามมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. 2560 กล่าวคือ การแก้ไขสัญญาเพ่ือให้เป็นไปตามแบบท่ีคณะกรรมการนโยบายกาหนด หรือให้เป็นไปตาม
ความเหน็ ของสานกั งานอยั การสูงสุด
(2) จะต้องมคี วามจาเปน็ และการแกไ้ ขนน้ั ไม่ทาให้หนว่ ยงานของรฐั เสยี ประโยชน์
(3) เป็นการแกไ้ ขเพ่อื ประโยชน์แกห่ นว่ ยงานของรัฐหรือประโยชนส์ าธารณะ
(4) กรณอี ่นื ตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
นอกจากนี้กรณีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดแบบรูปรายการสิ่งก่อสร้างที่ได้ก่อหน้ีผูกพัน
ข้ามปีงบประมาณ จะต้องดาเนินภายใต้หลักเกณฑ์ของระเบียบการก่อหน้ีผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534
และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมด้วย (ตามหนังสือสานักงบประมาณ ท่ี นร 0704/ว 78 ลงวันท่ี 15 สิงหาคม 2554
เร่ือง ซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติในการเปล่ียนแปลงรายละเอียดรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
โดยไมเ่ พ่ิมวงเงินกอ่ หนผ้ี กู พัน) กล่าวคือ
(1) เปล่ียนแปลงรายละเอียดของรายการ โดยไม่เพิ่มวงเงินก่อหน้ีผูกพัน ต้องทาความตกลงกับ
สานกั งานงบประมาณ เวน้ แต่
(1.1) กรณีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการ โดยไม่เพิ่มวงเงินก่อหน้ีผูกพัน
ภายหลังจากทีล่ งนามในสญั ญาแล้ว สามารถกระทาไดโ้ ดยไมต่ อ้ งขอทาความตกลงในกรณีดังน้ี
(1.1.1) จาเป็นต้องดาเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายตามท่ีได้รบั จดั สรร
งบประมาณ
(1.1.2) ต้องเป็นกรณีที่ทาให้ประโยชน์ในการใช้งานเพิ่มขึ้น หรือไม่ทาให้ประโยชน์
การใช้งานลดลงในสาระสาคัญ
คมู่ ือการปฏิบัตงิ าน การบริหารสญั ญากอ่ สร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การกอ่ สร้าง 82
โดยต้องอยภู่ ายใตห้ ลักเกณฑ์
(ก) การแก้ไขข้อความท่ีพมิ พผ์ ิดพลาดคลาดเคล่ือน ตกหลน่ ใหถ้ ูกตอ้ งตรงตามข้อเท็จจริง
ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีหรือที่ได้รับความเห็นชอบจากสานักงบประมาณ แล้วแต่กรณี ท้ังนี้ จะต้องปรากฏ
หลกั ฐานว่าการแก้ไขดังกล่าวเกดิ จากการพมิ พผ์ ดิ พลาดคลาดเคล่ือน ตกหล่นอยา่ งชดั เจน
(ข) เปลี่ยนแปลงประเภทงบรายจ่ายเพ่ือให้ถูกต้องตามหลักการจาแนกประเภทรายจ่าย
ท่ีสานักงบประมาณกาหนด โดยไม่มีผลทาให้เปล่ียนแปลงวัตถุประสงค์ของรายการก่อหน้ีผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามที่ไดร้ บั อนุมตั ิไวเ้ ดมิ
(ค) การเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ (Specification) ที่ไม่มีผลกระทบต่อ
ประโยชน์การใชง้ าน (Capacity) ของรายการครุภัณฑ์ลดลง หรือไม่มีผลเป็นการเปลย่ี นแปลงประเภทหรือปริมาณ
ครภุ ัณฑท์ ี่ไดร้ ับอนมุ ัติให้กอ่ หนผี้ ูกพนั ข้ามปงี บประมาณจากท่ีคณะรฐั มนตรีอนุมัติ
(ง) การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดแบบรูปรายการสิ่งก่อสร้างเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพ
พื้นที่ท่ีจะดาเนินการก่อสร้าง หรือที่มีผลทาให้ประโยชน์การใช้งานเพิ่มข้ึน หรือไม่ทาให้ประโยชน์การใช้งานลดลง
ในสาระสาคัญ ทั้งน้ี ให้หัวหน้าส่วนราชการรับความเห็นจากผู้ควบคุมงานหรือคณะกรรมการตรวจการจ้าง
มาประกอบการพิจารณาดาเนินการด้วยโดยการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดแบบรูปรายการสิ่งก่อสร้างท่ีสามารถ
ดาเนนิ การไดจ้ ะตอ้ งมลี ักษณะ
(1) เป็นการเปล่ียนแปลงเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ที่จะดาเนินการก่อสร้าง
หรือการเปลี่ยนแปลงประเภท ชนิด ปริมาณ ของวัสดุก่อสร้างให้เหมาะสมยิ่งข้ึน โดยไม่มีลักษณะเป็นการเพิ่ม/ลด
จานวนหน่วยของสิง่ ก่อสร้าง และ
(2) มิได้มีผลกระทบทาให้เปลี่ยนแปลงสาระสาคัญของประโยชน์การใช้งาน
ส่ิงก่อสร้างให้ลดลง เช่น การเปลี่ยนแปลงงานก่อสร้างอาคาร เช่น ขนาดเสาเข็ม ความยาว ความกว้าง ความสูง
ของอาคารท่ไี มก่ ระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของสง่ิ ก่อสร้างและไม่ทาใหป้ ระโยชน์การใชง้ านลดลง
(1.2) การเปลี่ยนแปลงสถานท่ีดาเนินการรายการค่าที่ดินหรือค่าส่ิงก่อสร้าง ต้องขอทาความ
ตกลงกับสานักงบประมาณก่อน
(1.3) เมื่อได้ดาเนินการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
โดยไม่เพิ่มวงเงินก่อหน้ีผูกพันดังกล่าวข้างต้นแลว้ ให้รายงานสานักงบประมาณภายใน 15 วันทาการ นับจากวันท่ี
ได้ดาเนินการเปล่ียนแปลงรายละเอียดของรายการแล้ว พร้อมทั้งสาเนาแจ้งกรมบัญชีกลาง และสานักงาน
การตรวจเงินแผน่ ดนิ ทราบด้วย
(2) การขยายระยะเวลาก่อหน้ีผูกพันโดยไม่เพิ่มวงเงินก่อหน้ีผูกพัน ให้เสนอต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด
และรายงานสานกั งบประมาณทราบภายในสบิ ห้าวันนับแตว่ ันที่ได้รบั อนุมัติ
(3) การเปล่ียนแปลงรายการหรือการเพิ่มวงเงินก่อหน้ีผูกพันเกินกว่าวงเงินท่ีคณะรัฐมนตรีอนุมัติ
ให้เสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี โดยต้องจัดส่งผลการจัดซ้ือจัดจ้างหรือรายละเอียดอื่นใดท่ีเก่ียวข้อง
ให้สานกั งบประมาณพิจารณาเพื่อเสนอความเห็น ประกอบการพจิ ารณาของคณะรฐั มนตรดี ้วย
คู่มอื การปฏิบตั ิงาน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสรา้ ง 83
3) ข้อพจิ ารณาในการแก้ไขสัญญา
(1) ต้องปฏบิ ัตติ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยวิธกี ารงบประมาณตามทก่ี ล่าวมาแล้วข้างต้น
(2) ต้องคานึงถึงประโยชน์ของทางราชการเป็นสาคัญ และต้องควบคุมดูแลให้เป็นไปตามความจาเป็น
เหมาะสม อยา่ งโปร่งใส คุ้มคา่ และประหยดั
(3) งานทแ่ี ก้ไขเปล่ยี นแปลงนั้นจะตอ้ งอยภู่ ายใตข้ อบข่ายวตั ถุประสงคเ์ ดมิ ของสญั ญา
(4) ต้องเปรยี บเทยี บคณุ ภาพของพสั ดุ รายละเอียดของงาน และราคา ในส่วนทจี่ ะแกไ้ ขและของเดมิ
(5) หากมีการเพมิ่ หรือลดวงเงนิ จะตอ้ งตกลงไปพร้อมกัน
(6) กรณีการแก้ไขที่เกี่ยวกับความม่ันคงแข็งแรง หรืองานเทคนิคเฉพาะอย่าง ต้องได้รับการรับรอง
จากวิศวกร สถาปนิก วิศวกรผู้ชานาญการ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ ซ่ึงรับผิดชอบหรือสามารถรับรองคุณลักษณะเฉพาะ
แบบและรายการของงานก่อสร้าง หรอื งานเทคนคิ เฉพาะอย่าง แล้วแตก่ รณี
ตวั อย่างคาพพิ ากษาทเี่ กย่ี วขอ้ งกับการแกไ้ ขเพิ่มเตมิ สัญญา
คาพิพากษา (อุทธรณ์) ศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ. 16/2547 สรุปสาระสาคัญของ
คาพิพากษาไดด้ งั นี้
สัญญาจ้างทาของแมจ้ ะกระทาด้วยวาจามิได้มีหลักฐานเปน็ หนังสือหรือทาเป็นหนังสือ กส็ ามารถบังคับได้
โดยมผี ลผูกพนั ผูว้ า่ จา้ งและผรู้ ับจา้ งการสั่งให้ผู้รับจ้างทางานพิเศษซึ่งไม่ได้แสดงไวห้ รือรวมอยู่ในเอกสารสัญญาและ
งานพิเศษนั้นอยู่ในขอบข่ายท่ัวไปแห่งวัตถุประสงค์ของสัญญาเป็นส่วนหน่ึงของสัญญาแม้จะเป็นการตกลง
ด้วยวาจาก็ตามกรณีการพิจารณาว่าเป็นงานพิเศษตามสัญญาหรือไม่ จะต้องพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของงานนั้น
ว่ามีขึ้นเพ่ือเหตุใด อยู่ในขอบเขตแห่งวัตถุประสงค์ของสัญญาหรือไม่ มิใช่พิจารณาจากขนาดหรือมูลค่าของงาน
ส่วนข้ันตอนการจัดทาแผน การจัดทางบประมาณประจาปี ตลอดจนการจัดซ้ือจัดจ้างตามระเบียบพัสดุ
เป็นขั้นตอนการปฏิบัติงานภายในของหน่วยงาน จะนาเหตุผลดังกล่าวมาปฏิเสธความรับผิดชอบตามสัญญา
ต่อบุคคลภายนอก ซง่ึ เปน็ ค่สู ญั ญาหาได้ไม่
4) กระบวนการและขน้ั ตอนการปฏิบตั ิงานในการแก้ไขสญั ญากอ่ สรา้ ง
เม่ือพิจารณาจากขอบเขตของการแก้ไขสัญญาแล้ว จะเห็นได้ว่าไม่ได้กาหนดให้เป็นสิทธิหรือหน้าที่
ของคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงไว้โดยเฉพาะ ดังนั้น ทั้งฝ่ายมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะผู้ว่าจ้างและฝ่ายผู้รับจ้าง
ก็สามารถที่จะขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมรายละเอียดของสัญญาได้ โดยต้องปรากฏต้นเร่ืองในการขอแก้ไข
เปล่ยี นแปลง ดังนี้
1) คาร้องหรือตน้ เรอ่ื งในการขอแกไ้ ข
(1) กรณีผู้รับจ้างเป็นผู้ร้องขอแก้ไข จะต้องทาเป็นหนังสือถึงมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยระบุ
รายละเอยี ดการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาพรอ้ มเหตผุ ลความจาเป็นในการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลง
(2) กรณีที่ฝ่ายมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะผู้ว่าจ้างเป็นผู้ขอแก้ไข จะต้องปรากฏ
หรือมีรายละเอียดเหตุการณ์ คาร้อง หรือเอกสารหลักฐาน ที่ปรากฏเหตุผลความจาเป็นที่จะต้องแก้ไข
เพอื่ ประกอบการพิจารณาด้วย
คู่มอื การปฏบิ ัตงิ าน การบรหิ ารสญั ญาก่อสรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การก่อสร้าง 84
2) ประเภทและขนั้ ตอนการปฏิบตั ิ
มหาวิทยาลัยขอนแกน่ ไดว้ างแนวปฏิบัตสิ าหรับการแก้ไขสญั ญาไว้ 2 ประเภท คอื
(1) การแก้ไขสญั ญาที่ไม่ตอ้ งมีการแก้ไขแบบรปู รายละเอยี ด และ
(2) การแก้ไขสัญญาโดยมกี ารแกไ้ ขแบบรูปรายละเอียด
โดยมีรายละเอยี ดกระบวนการและข้นั ตอนการปฏิบัติงาน ดังน้ี
(1) การแกไ้ ขสญั ญาโดยไมม่ กี ารแกไ้ ขแบบรูปรายละเอียด
การแก้ไขสัญญากรณีนี้ เป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของสัญญาที่ไม่กระทบกับ
แบบรูปรายละเอียดและรายการวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้าง เช่น การแก้ไขเปล่ียนแปลงงวดงาน การขยาย
ระยะเวลาการทางานโดยไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายละเอียด เป็นต้น มีกระบวนการขั้นตอนในการ
ดาเนินการ ดังน้ี
(1.1) ต้องมีต้นเร่ืองประกอบการพิจารณา ซ่ึงอาจเป็นมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นผู้ขอแก้ไขเอง
โดยผู้ใช้งานอาคารสิ่งก่อสร้างผู้ควบคุมงาน คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ หรือผู้เก่ียวข้องอื่นๆหรือผู้รับจ้าง
เป็นผูแ้ กไ้ ขกไ็ ด้
(1.2) คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ เป็นผู้มีหน้าที่เสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณา
อนมุ ตั ิใหแ้ ก้ไขสญั ญา โดยทาเปน็ บันทกึ ซึ่งจะต้องมีองค์ประกอบ ดงั น้ี
(1) ข้อเท็จจริง เหตุผลและความจาเป็นของเรื่องหรือเหตุท่ีเกิด และความเห็นของ
ผู้ควบคุมงาน (ถา้ มี)
(2) รายการและรายละเอียดที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงพร้อมเหตุผลความจาเป็นในแต่ละ
รายการ
(3) ข้อกฎหมาย ระเบียบ และข้อสัญญาท่เี กี่ยวข้อง
(4) สรปุ ความเหน็ และขอ้ เสนอของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
ซ่งึ การแก้ไขสญั ญาจะต้องอย่ภู ายใต้ขอบเขต ดังนี้
(ก) การแก้ไขเปล่ียนแปลงจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัย
ประโยชนส์ าธารณะ หรอื จะตอ้ งไม่ทาใหม้ หาวิทยาลัยขอนแก่นเสียประโยชน์
(ข) ส่วนท่ีแก้ไขเปล่ียนแปลงจะต้องอยู่ภายใต้ขอบข่ายวัตถุประสงค์ของ
สญั ญาเดมิ
(5) อานาจในการพิจารณาอนุมตั ิ
(1.3) ให้เสนอความเห็นในการแก้ไขเปล่ยี นแปลงตอ่ อธิการบดี ผา่ นหวั หน้างานพัสดุ กองคลงั
(1.4) อธิการบดีหรือสภามหาวิทยาลัยพิจารณาอนุมัติ (อานาจในการพิจารณาอนุมัติอธิบาย
ไว้แลว้ ในสว่ นที่ 2)
(1.5) อธกิ ารบดลี งนามในสัญญาที่แกไ้ ขเปลย่ี นแปลง
คู่มือการปฏบิ ัติงาน การบริหารสญั ญาก่อสรา้ งในระหวา่ งการดาเนนิ การกอ่ สร้าง 85
ภาพท่ี 8 กระบวนการแกไ้ ขเปลี่ยนแปลงสญั ญาจา้ งโดยไมม่ ีการแก้ไขเปลีย่ นแปลงแบบรปู รายละเอียด
ผังกระบวนการ ผ้รู บั ผดิ ชอบ รายละเอียด เอกสารท่เี กีย่ วขอ้ ง
จุดสน้ิ สดุ 1. ผู้รบั จ้าง 1.จัดทาหนังสอื /เอกสาร 1. หนังสือขอแกไ้ ขสญั ญา
2. ผขู้ อแกไ้ ข หลกั ฐานขอแก้ไขเปลย่ี นแปลง 2. เอกสารหลักฐานทเี่ กย่ี วข้อง
คาร้องขอแก้ไขสญั ญา สัญญา
2.ระบรุ ายละเอียด เหตผุ ล และ
ความจาเป็นทีจ่ ะต้องแกไ้ ข
ตรวจสอบรายละเอยี ด ผู้ควบคมุ งาน 1. ตรวจสอบรายละเอียด 1. คาขอแก้ไข
เหตผุ ล ความจาเปน็ และความ 2. เอกสารหลักฐานท่เี ก่ียวข้อง
ไมเ่ ห็นชอบ 1. กรรมการ เหมาะสมในการแกไ้ ขสญั ญา
ตรวจรับพสั ดุ 2. เสนอความเหน็ เพอ่ื 1 บนั ทึกรายงานการขออนุมตั ิ
พิจารณา/ ประกอบการพจิ ารณาของ แกไ้ ขสัญญาเสนออธิการบดี
เสนอความเหน็ 2. กลุ วรรธ คณะกรรมการตรวจรับพสั ดุ ผ่านหัวหนา้ งานพัสดุ กองคลัง
สุริยะศรี 1. พจิ ารณารายการและ 2. เอกสารคาขอแกไ้ ข
เห็นชอบ ไมอ่ นมุ ตั ิ รายละเอียดรายการทีข่ อแกไ้ ข 3. เอกสารหลกั ฐานทเี่ ก่ยี วข้อง
2.หน่วยบริหาร 2. พจิ ารณาเหตผุ ลและความ
อนมุ ัติ สัญญาก่อสร้าง จาเปน็ 1 บนั ทึกรายงานการขออนุมตั ิ
3. ตรวจสอบข้อกฎหมายและ แก้ไขสญั ญา
อนุมัติ 1. ข้อกาหนดสญั ญาท่เี ก่ียวข้อง 2. เอกสารคาขอแกไ้ ข
ไมอ่ นมุ ัติ สภามหาวิทยาลัย/ 4. ลงมติและเสนอความเหน็ 3. เอกสารหลักฐานที่เกยี่ วข้อง
เกบ็ เอกสาร อธกิ ารบดี 1. หัวหน้างานพสั ดุ กองคลัง เอกสารขอ้ ตกลงเพิม่ เติมสัญญา
ตรวจสอบและเสนอความเห็น และเอกสารหลักฐานประกอบ
2.หวั หนา้ งานพัสดุ ตอ่ อธิการบดี
กองคลัง 2. อธิการบด/ี สภามหาวทิ ยาลัย
พจิ ารณาอนมุ ัติ
ผรู้ ับจา้ ง 3. อธิการบดลี งนามในสญั ญา
(กรณไี มอ่ นุมัต)ิ ดาเนินการก่อสรา้ งตามแบบรูป
รายละเอียดเดมิ
หน่วยบรหิ าร 1. แจง้ ผู้เกีย่ วข้อง
สัญญาก่อสรา้ ง 2. เก็บรวบรวมเอกสาร
จดุ สนิ้ สดุ
คู่มอื การปฏิบตั งิ าน การบรหิ ารสญั ญาก่อสรา้ งในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสรา้ ง 86
(2) การแกไ้ ขสัญญาทีต่ ้องมีการแกไ้ ขเปล่ยี นแปลงรายละเอยี ดแบบรูป
การแก้ไขสัญญาในลักษณะน้ี จะมีขั้นตอนการดาเนินการ 2 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นตอนการ
ขออนุมัติแก้ไขแบบรูปรายละเอียด และ 2) ข้ันตอนการการขออนุมัติแก้ไขสัญญา โดยจะต้องดาเนินกระบวนการ
ขออนุมัติแก้ไขแบบรูปรายละเอียดก่อน เม่ือได้รับอนุมัติแล้วจึงจะดาเนินการข้ันตอนการขออนุมัติแก้ไขสัญญา
ตอ่ ไปโดยมรี ายละเอียด ดังนี้
(2.1) ขั้นตอนการแกไ้ ขแบบรูปรายละเอียด
คือข้ันตอนการพิจารณาและอนุมัติเกี่ยวกับรายละเอียดรายการและแบบรูปที่จะแก้ไข
เปลีย่ นแปลง โดยมีขั้นตอนการดาเนนิ การ ดงั น้ี
(1) ต้องมตี น้ เร่อื งประกอบการพจิ ารณา
(2) ผู้ออกแบบและหรือผู้ควบคุมงาน ต้องตรวจสอบและรับรองรายละเอียดแบบรูป
รายการท่แี ก้ไขเปล่ยี นแปลง พร้อมรับรองความม่นั คงแข็งแรง เทคนคิ ในการก่อสร้าง และความเหมาะสมของงานท่ี
จะแกไ้ ขเปล่ียนแปลง
(3) คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ เป็นผู้พิจารณาและมีหน้าที่เสนอความเห็นโดยทาเป็น
บันทึกเสนอขออนุมัติ ต่อรองอธิการบดีที่รับผิดชอบ (ฝ่ายโครงสร้างพ้ืนฐานและสิ่งแวดล้อม) ผ่านผู้อานวยการ
กองอาคารและสถานท่ี เพอื่ ประกอบการพจิ ารณาอนุมตั ิใหแ้ ก้ไขสญั ญา ซง่ึ จะต้องประกอบดว้ ยรายละเอยี ด ดงั นี้
(3.1) ข้อเท็จจริง เหตุผลความจาเป็น รายการและรายละเอียด พร้อมเปรียบเทียบ
คณุ สมบตั ิของแบบรปู และรายละเอียดทีจ่ ะแก้ไขเปล่ียนแปลง
(3.2) ความเหน็ ของคณะกรรมการตรวจรบั พสั ดุซง่ึ ต้องอยภู่ ายใตข้ อบเขต ดังน้ี
(ก) การแก้ไขเปลี่ยนแปลงจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัย
ประโยชนส์ าธารณะ หรอื จะตอ้ งไม่ทาให้มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่นเสียประโยชน์
(ข) ส่วนที่แก้ไขเปล่ียนแปลงจะต้องอยู่ภายใต้ขอบข่ายวัตถุประสงค์
ของสญั ญาเดิม
(ค) เน้ืองานและรายละเอียดแบบรูป ต้องมีความสอดคล้องสัมพันธ์
กับงานเดิม
(ง) การแก้ไขเปล่ียนแปลงรายะละเอียดแบบรูปรายการส่ิงก่อสร้าง สาหรับ
โครงการท่ีได้รับอนุมัติให้ก่อหน้ีผูกพันข้ามปีงบประมาณ จะต้องปฏิบัติตามแนวทางที่กาหนด ตามนัยหนังสือ
สานักงบประมาณ ที่ นร 0704/ว 78 ลงวันท่ี 15 สิงหาคม 2554 เร่ือง ซ้อมความเข้าใจเก่ียวกับวิธีปฏิบัติ
ในการเปล่ยี นแปลงรายละเอียดรายการก่อหนีผ้ ูกพันขา้ มปีงบประมาณโดยไม่เพิ่มวงเงินกอ่ หน้ีผูกพันซ่งึ ได้อธิบายไว้
ข้างตน้ แล้ว
คู่มอื การปฏิบตั ิงาน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สรา้ งในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสรา้ ง 87
(4) ผู้อานวยการกองอาคารและสถานที่ ให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของ
รองอธิการบดี (ฝ่ายโครงสร้างพืน้ ฐานและสิ่งแวดล้อม)
(5) รองอธิการบดี (ฝ่ายโครงสร้างพ้ืนฐานและส่ิงแวดล้อม) พิจารณาอนุมัติหลักการ
ให้แก้ไขแบบรูปรายละเอยี ด
(6) ดาเนนิ กระบวนการแก้ไขสญั ญาตอ่ ไป
(2.2) ข้ันตอนการขออนุมัติแกไ้ ขสญั ญา
(1) เม่ือรองอธิการบดี (ฝ่ายโครงสร้างพ้ืนฐานและสิ่งแวดล้อม) อนุมัติให้แก้ไข
เปลี่ยนแปลงแบบรูปรายละเอียดแลว้ หน่วยบริหารสัญญาก่อสร้าง กองอาคารและสถานท่ี จะต้องส่งหรือแจ้งเรื่อง
มายังคณะกรรมการตรวจรบั พสั ดุ
(2) ผู้รับจ้าง
(2.1) ทาการคิดคานวณประมาณราคามลู ค่างานในส่วนทีจ่ ะแกไ้ ขเปล่ียนแปลงหรือ
เพ่ิมเติม ว่ามีมูลค่าเพิ่มข้ึนหรือลดลงจานวนเท่าใด และหากมีจานวนเงินค่าจ้างท่ีเพ่ิมข้ึนจะเรียกร้องจานวนเงินท่ี
เพมิ่ ข้นึ หรอื ไม่ เปน็ จานวนเท่าใด
(2.2) การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดแบบรูปมีผลกระทบทาให้ระยะเวลา
การทางานเปล่ียนแปลงไปหรือไม่ หากมีและได้รับผลกระทบหรือมีเหตุท่ีจะต้องขยายระยะเวลาการทางานออกไป
ให้ระบุเหตุรวมท้ังรายละเอียดเหตุการณ์ จานวนวันที่ได้รับผลกระทบ และจานวนวันที่จะขอขยายระยะเวลา
การทางาน พร้อมเอกสารและหลกั ฐานอน่ื ๆ ประกอบ
(2.3) การแก้ไขเปล่ียนแปลงรายละเอียดงวดงาน มีเหตุผลหรือความจาเป็นจะต้อง
แก้ไขงวดงานหรือไม่อย่างไร หรือต้องมีการแก้ไขรายละเอียดงวดงานให้สอดคลอ้ งกับการเปลี่ยนแปลงรายละเอยี ด
ตามขอ้ (2.1) และ (2.2) หรือไม่อยา่ งไร
(3) ผอู้ อกแบบและผู้ควบคมุ งาน
(ก) คิดคานวณและประมาณการมูลค่างานในส่วนที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลง
หรอื เพ่ิมเติม เพ่ือให้คณะกรรมการตรวจรบั พัสดุ พิจารณาเปรยี บเทียบรายละเอยี ดรายการ คุณสมบัติ และราคา
(ข) ตรวจสอบความเหมาะสมของรายการ คุณสมบัติของพัสดุหรือแบบรูปราคา
และระยะเวลาทไ่ี ด้รับผลกระทบในเบ้อื งตน้ เพอ่ื ประกอบการพจิ ารณาของคณะกรรมการตรวจรบั พสั ดุ
คู่มอื การปฏิบตั งิ าน การบรหิ ารสญั ญาก่อสร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสร้าง 88
(4) คณะกรรมการตรวจรบั พสั ดุ
ทาหน้าท่ีในการพิจารณาตรวจสอบประมาณการราคา จานวนเงินค่าจ้างท่ีจะต้อง
เพ่ิมขึ้นหรือลดลง ระยะเวลาการทางานที่จะต้องขยายออกไปหรือระยะเวลาลดลง รายและเอียดงวดงานที่จะต้อง
แก้ไขเปล่ียนแปลง และอ่ืนๆ (ถ้ามี) พร้อมทาบันทึกเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาอนมุ ัติให้แก้ไขสญั ญา
ซึ่งจะตอ้ งประกอบด้วยรายละเอียด ดงั นี้
(4.1) รายละเอียดบันทึกการอนุมัติหลักการให้แก้ไขแบบรูปรายละเอียดที่
รองอธิการบดีที่ได้รับมอบหมาย (ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและส่ิงแวดล้อม) ได้อนุมัติหลักการไว้ในขั้นตอนการ
ขออนุมตั แิ ก้ไขแบบรูปแล้ว
(4.2) พิจารณาตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมของ (ก) ประมาณการราคา
(ข) ระยะเวลาท่ีได้รับผลกระทบ (ค) เปรียบเทียบรายการ ราคา และรายละเอียดงวดงานท่ีเปลี่ยนแปลงไป และ
(ง)อ่นื ๆ (ถ้ามี) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
(ก) การตรวจสอบประมาณการราคา
โดยการตรวจสอบความถูกต้องของรายการ ปริมาณงาน ประมาณการ
ราคา และเปรียบเทียบประมาณการราคาของผู้ออกแบบและผู้รบั จ้าง
(1) กรณีท่ีมีราคางานเพิ่มขึ้น คณะกรรมการตรวจรับพัสดุจะต้อง
พจิ ารณาตอ่ รองราคากบั ผูร้ ับจา้ ง
(1.1) ผู้รับจ้างไม่เรียกเงินค่าจ้างเพ่ิมให้สรุปความเห็นและ
นาเสนอขออนุมัตใิ ห้แกไ้ ขเปล่ยี นแปลงหรือเพ่ิมเติมรายละเอยี ดแบบรปู รายการสิ่งก่อสรา้ ง โดยไมเ่ พ่มิ วงเงินคา่ จ้าง
(1.2) ผู้รับจ้างเรียกเงินค่าจ้างเพ่ิม จะต้องพิจารณา ว่ามี
งบประมาณเพ่ิมเติมสาหรบั รายการท่แี ก้ไขเปลยี่ นแปลงหรือเพิม่ เติมดงั กล่าวหรอื ไม่ โดยดาเนินการตอ่ ไป ดงั นี้
- กรณีที่มีงบประมาณสาหรับจ่ายเป็นค่าจ้างเพิ่มเติมให้สรุป
ความเห็นและนาเสนอขออนุมัติแก้ไขเปล่ียนแปลงหรือเพิ่มเติมรายละเอียดแบบรูปรายการส่ิงก่อสร้างโดยเพิ่ม
วงเงนิ ค่าจ้าง ตามทไี่ ด้มีการตอ่ รองราคาไวแ้ ล้ว
- กรณีท่ีไม่มีงบประมาณเพิ่มเติมหรืองบประมาณที่เพิ่มเติม
ไม่เพียงพอ ให้พิจารณาปรับปรุงรายละเอียดแบบรูปรายการท่ีจะแก้ไขเปล่ียนแปลงหรือเพ่ิมเติมใหม่ ให้อยู่ภายใต้
วงเงินคา่ จ้างเดิม หรอื ใหอ้ ย่ภู ายในวงเงินท่ีมีงบประมาณเพิ่มเติม
(2) กรณีท่ีไม่มีราคางานเพ่ิม ให้สรุปความเห็นและนาเสนอขออนุมัติ
ให้แกไ้ ขเปลย่ี นแปลงหรือเพิม่ เติมรายละเอยี ดแบบรปู รายการส่งิ ก่อสรา้ ง โดยไมเ่ พ่มิ วงเงินคา่ จ้าง
คู่มือการปฏิบัติงาน การบริหารสญั ญาก่อสร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสรา้ ง 89
(3) กรณีท่ีมีราคางานลดลง คณะกรรมการตรวจรับพัสดุก็ยังจะต้อง
พิจารณาต่อรองราคากับผู้รับจ้างว่าจะลดราคาลงได้อีกหรือไม่หากผู้รับจ้างตกลงที่จะลดราคาลงอีกให้ถือเอาราคา
ที่ลดลงแล้ว หากผู้รับจ้างไม่ลดราคาลง ให้ถือเอาราคางานที่ได้พิจารณาความเหมาะสมของราคาไว้แล้วเป็น
ราคางานทลี่ ดลง
(ข) การตรวจสอบระยะเวลาการทางาน
ต้องทาการตรวจสอบปริมาณงาน ข้ันตอน เทคนิค และกระบวนการ
ทางาน ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาการทางานสาหรบั งานในส่วนที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเตมิ มากข้ึนหรือไม่ โดยใช้
หลักเกณฑ์การพิจารณาภายใต้ข้อกาหนดของสัญญาจ้าง และมาตรา 102 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้าง
และการบริหารพสั ดภุ าครฐั พ.ศ. 2560 ประกอบขอ้ 182 ของระเบยี บกระทรวงการคลังวา่ ดว้ ยการจัดซื้อจัดจ้าง
และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ซึ่งมีหลักเกณฑ์การพิจาราตามที่ได้อธิบายไว้ในหัวข้อการงด ลดค่าปรับ
และการขยายระยะเวลาการทางาน
(1) กรณีที่มีระยะเวลาในการทางานเพ่ิมข้ึน ให้สรุปความเห็นและ
เสนอขออนมุ ตั แิ ก้ไขสญั ญาโดยการเพ่ิมระยะเวลาการทางานออกไปตามเหตุการณ์ท่เี กิดขน้ึ จริงท่ไี ด้พจิ ารณาแลว้
(2) กรณีท่ีมีระยะเวลาการทางานลดลง ให้สรุปความเห็นและเสนอ
ขออนุมตั ิแกไ้ ขสัญญาโดยการเพมิ่ ระยะเวลาการทางานออกไปตามเหตุการณ์ทเ่ี กิดขน้ึ จริงที่ไดพ้ จิ ารณาแลว้
(3) กรณีที่การไม่มีผลกระทบต่อระยะเวลาการทางาน ให้สรุป
ความเห็นและเสนอขออนุมัติแกไ้ ขสัญญาโดยไมเ่ ปลย่ี นแปลงระยะเวลาการทางาน
(ค) การตรวจสอบรายละเอยี ดสัญญาท่ีจะแกไ้ ขในกรณอี ่นื ๆ
เช่น การปรับเปลี่ยนรายละเอียดงวดงานให้สอดคล้องกับจานวนเงิน
ค่าจ้างและระยะเวลาการทางานท่ีเปล่ียนแปลงไป เป็นต้น คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ จะต้องพิจารณาเหตุผล
ความจาเป็นและความเหมาะสมของรายละเอียดที่จะแก้ไข โดยการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดใดๆ จะต้อง
เป็นไปเพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นหรือประโยชน์สาธารณะ หรือไม่ทาให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เสยี ประโยชน์จากการแก้ไขเปล่ยี นแปลงดังกลา่ ว
(4.3) พจิ ารณาขอ้ กฎหมาย ระเบยี บ และข้อสญั ญาที่เกย่ี วขอ้ ง
(4.4) ความเหน็ และขอ้ เสนอของคณะกรรมการตรวจรบั พสั ดุ
(4.5) อานาจในการพจิ ารณาอนุมัติ
(5) คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ มีบันทึกเสนอความเห็น พร้อมเอกสารหลักฐาน
ประกอบท้ังหมด ตอ่ อธกิ ารบดี ผ่านหวั หนา้ งานพัสดุ กองคลัง
(6) อธิการบดีหรือสภามหาวิทยาลัยพิจารณาอนุมัติ(ตามอานาจพิจารณาอนมุ ัติ อธิบาย
ไวแ้ ล้วในส่วนท่ี 2)
(7) อธิการบดลี งนามในสัญญาทแ่ี ก้ไขเปล่ยี นแปลง
คมู่ ือการปฏิบตั งิ าน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สร้างในระหว่างการดาเนนิ การก่อสร้าง 90
ภาพที่ 9 กระบวนการแก้ไขสัญญาจา้ งโดยมีการแก้ไขเปลย่ี นแปลงแบบรปู รายละเอยี ด
ผังกระบวนการ ผู้รบั ผิดชอบ รายละเอียด เอกสารทีเ่ กี่ยวข้อง
จุดเรมิ่ ตน้ 1. ผู้รบั จ้าง 1.จดั ทาหนังสือ/เอกสาร 1. หนงั สอื ขอแกไ้ ขสญั ญา
2. ผขู้ อแกไ้ ข หลักฐานขอแก้ไขเปลยี่ นแปลง 2. เอกสารหลกั ฐานที่เก่ยี วข้อง
ย่นื เอกสาร/คาร้อง สญั ญา
ขอแกไ้ ขสญั ญา 2.ระบุรายละเอยี ด เหตุผล และ
ความจาเป็นทีจ่ ะตอ้ งแก้ไข
1. ตรวจสอบรายการ 1. แบบรูปรายละเอียด
รายละเอียด เหตผุ ล ความ 2. แบบแสดงการรับรองความ
พิจารณา ผ้คู วบคมุ งาน/ จาเปน็ และความเหมาะสมใน มน่ั คงแขง็ แรงของสง่ิ กอ่ สรา้ ง
รายละเอียด ผอู้ อกแบบ การแก้ไขสญั ญา ที่เปล่ียนแปลงไป
2. ตรวจสอบรับรองความมน่ั คง
ไมอ่ นมุ ตั ิ
แขง็ แรงของงานในส่วนท่แี ก้ไข
พจิ ารณา
รายละเอยี ด เปลยี่ นแปลง
อนมุ ัติ ไมอ่ นุมตั ิ 1. กรรมการ 1. พิจารณาคณุ สมบัต/ิ 1. หนงั สือขอแกไ้ ขสญั ญา
ตรวจรับพสั ดุ เปรยี บเทยี บรายการและ 2. เอกสารหลกั ฐานท่เี กย่ี วข้อง
พจิ ารณา รายละเอยี ดรายการที่ขอแกไ้ ข ในการขอแก้ไข
อนุมตั ิ
2. กุลวรรธ 2. พจิ ารณาเหตุผลและความ 3. แบบรูปรายละเอียดท่ี
ไมอ่ นมุ ตั ิ สุรยิ ะศรี จาเปน็ ผ้อู อกแบบลงนามรบั รอง
3. ตรวจสอบขอ้ กฎหมายและ 4. แบบแสดงการรบั รอง
อนมุ ตั ิ
3. หน่วยบรหิ าร ข้อกาหนดสัญญาท่เี กีย่ วขอ้ ง ความมน่ั คงแขง็ แรงของ
จดั ทาและตรวจสอบเอกสาร สญั ญาก่อสรา้ ง 4. ลงมตแิ ละจัดทาบันทึกเสนอ ส่งิ กอ่ สร้างท่ีเปล่ียนแปลงไป
ประกอบการแก้ไขสัญญา ความเห็น
1.รองอธิการบดี 1. ผู้อานวยการกองอาคารและ 1. อนมุ ัติใหแ้ กไ้ ขเปลยี่ นแปลง
ฝ่ายโครงสร้าง สถานท่ี พจิ ารณาเสนอความเห็น แบบรูปรายละเอยี ด
2. รองอธิการบดฝี ่ายโครงสรา้ ง 2. ลงนามรบั รองในแบบรูป
พ้ืนฐาน พน้ื ฐาน พจิ ารณาอนมุ ตั ิ และ ท่แี ก้ไขเปลย่ี นแปลง
2.ผู้อานวยการ ลงนามในแบบรูปทแ่ี กไ้ ข
กองอาคารและ (กรณีไมอ่ นมุ ตั ิ)
สถานที่ ผูร้ บั จา้ งกอ่ สร้างตามแบบรปู เดิม
1. จัดทาเอกสาร ประมาณราคา 1. หนงั สือขออนมุ ตั แิ กไ้ ข
รายการก่อสรา้ งทีเ่ ปล่ียนแปลง สัญญา/การเรยี กร้องค่าจ้าง/
2. จัดทาเอกสารรายละเอียด การขอขยายระยะเวลา
1.ผ้คู วบคมุ งาน ประกอบการพจิ ารณาระยะเวลา 2.เอกสารประมาณการราคา
2.ผู้ออกแบบ
3.ผรู้ ับจ้าง ท่เี ปลีย่ นแปลง รายการก่อสรา้ งท่ีแกไ้ ข
เปล่ียนแปลง
3. แผนการทางาน/เอกสาร
ทแ่ี สดงใหเ้ ห็นถงึ ผลกระทบ
เร่ืองระยะเวลาการทางาน
4. เอกสารอ่นื ๆท่ีเกยี่ วขอ้ ง
คูม่ อื การปฏบิ ตั งิ าน การบรหิ ารสญั ญากอ่ สร้างในระหวา่ งการดาเนนิ การก่อสร้าง 91
ผังกระบวนการ ผู้รับผดิ ชอบ รายละเอยี ด เอกสารทเ่ี กีย่ วข้อง
ไมอ่ นมุ ตั ิ 1. พิจารณาเปรยี บเทยี บราคา 1. ประมาณการราคาของ
พจิ ารณา/ 2. พิจารณาระยะเวลาท่ีได้รับ ผู้รับจา้ ง
เสนอความเห็น
ผลกระทบ 2. ประมาณการราคาของ
อนุมตั ิ
1.กรรมการ 3. พิจารณารายละเอยี ดงวดงาน ผอู้ อกแบบหรือผคู้ วบคุมงาน
ไมอ่ นมุ ตั ิ ตรวจรบั พสั ดุ ที่ได้รับผลกระทบ โดยในการ 3. แผนการทางาน/การไดร้ ับ
แก้ไขงวดงาน จานวนเงินตาม ผลกระทบประกอบการขยาย
พจิ ารณา
อนุมัติ 2. กลุ วรรธ งวดต้องไม่มากกว่าปริมาณงาน ระยะเวลาการทางานของ
สรุ ยิ ะศรี ที่ทาได้ ผอู้ อกแบบหรือผู้ควบคุมงาน
อนุมัติ ไม่อนมุ ัติ
และผรู้ ับจา้ ง
ลงนาม
3. หนว่ ยบรหิ าร 4. เอกสารแสดงรายละเอยี ด
ไมอ่ นมุ ัติ สญั ญาก่อสร้าง งวดงานท่เี ปล่ียนแปลง
เกบ็ รวบรวมเอกสาร 5. บนั ทึกการขออนุมัตแิ กไ้ ข
สัญญา พร้อมเอกสารที่ผา่ น
กระบวนการอนมุ ตั ิแก้ไขแบบรูป
รายละเอยี ดแลว้
1. หัวหนา้ งานพัสดุ กองคลงั 1 บันทึกรายงานการขออนมุ ตั ิ
ตรวจสอบและเสนอความเห็น แกไ้ ขสญั ญา
ตอ่ อธกิ ารบดี 2. เอกสารการอนุมตั แิ กไ้ ขแบบ
2. อธิการบด/ี สภามหาวทิ ยาลัย รปู รายละเอยี ด
พิจารณาอนมุ ัติ 3. รายละเอียดประมาณการ
1. 3. อธกิ ารบดลี งนามในสญั ญา
ราคาของผ้อู อกแบบและ
สภามหาวทิ ยาลัย/ ผรู้ ับจ้าง
อธกิ ารบดี
4. เอกสารแสดงรายละเอยี ด
2.หัวหน้างานพัสดุ แผนการทางาน/ระยะเวลา
กองคลัง ที่ไดร้ บั ผลกระทบ
5. เอกสารรายละเอยี ดงวดงาน
ทแ่ี กไ้ ขเปล่ยี นแปลง
6. เอกสารหลกั ฐานอื่นๆ
(กรณไี ม่อนุมัต)ิ
ผู้รับจ้างกอ่ สรา้ งตามแบบรูปเดมิ
1. แจ้งผู้เกย่ี วขอ้ ง เอกสารขอ้ ตกลงเพม่ิ เติมสญั ญา
2. เกบ็ รวบรวมเอกสาร และเอกสารหลักฐานประกอบ
หน่วยบรหิ าร
สัญญาก่อสร้าง
จุดสนิ้ สดุ
ค่มู ือการปฏิบัติงาน การบริหารสญั ญาก่อสรา้ งในระหว่างการดาเนนิ การกอ่ สรา้ ง 92
3.9 ค่าปรบั
1) ข้อกฎหมาย ระเบียบ และข้อกาหนดท่ีเกี่ยวข้อง
(1) ระเบียบกระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยการจัดซ้อื จดั จ้างและการบรหิ ารพัสดภุ าครฐั พ.ศ. 2560 ข้อ 162
และ 181
(2) ข้อกาหนดของสัญญาตามแบบสัญญาจ้างก่อสร้าง แนบท้ายประกาศคณะกรรมการนโยบาย
การจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เรื่อง แบบสัญญาเก่ียวกับการจัดซ้ือจัดจ้างตามพระราชบัญญัติ
การจัดซอ้ื จดั จา้ งและการบริหารพัสดภุ าครฐั พ.ศ. 2560 ข้อ 17 และ 19
2) กระบวนการและขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิงาน
เมื่อระยะเวลาการทางานตามสัญญาสิ้นสุดลงแล้ว และมหาวิทยาลัยขอนแก่นยังมิได้บอกเลิกสัญญา
ย่อมต้องมีค่าปรับเกิดขึ้น โดยค่าปรับน้ันจะคิดเป็นรายวันตามอัตราที่กาหนดในสัญญา และจะนับถัดจาก
วันที่ส้ินสุดสัญญา ไปจนถึงวันท่ีได้มีการตรวจรับงานว่างานแล้วเสร็จ ตัวอย่างเช่น สัญญาจ้างสิ้นสุดในวันท่ี
5 มกราคม 2561 และกาหนดอัตราค่าปรับในอัตราวันละ 1,000 บาท เม่ือผู้รับจ้างทางานแล้วเสร็จในวันท่ี
20 มกราคม 2561 จึงจะต้องปรับผู้รับจ้างจานวน 15 วัน คือต้ังแต่วันที่6 มกราคม 2561 ถึงวันท่ี
20 มกราคม 2561 ตามอัตราในอัตราวนั ละ 1,000 บาท รวมเป็นเงนิ จานวน 15,000 บาท
แนวทางปฏบิ ัติในการเรียกคา่ ปรบั
1) เม่ือครบกาหนดระยะเวลาการทางานตามสัญญา
หน่วยบริหารสัญญาก่อสร้าง กองอาคารและสถานท่ีจะต้องจัดทาหนังสือแจ้งเรียกค่าปรับไปยัง
ผูร้ บั จ้างภายใน 7 วนั นับถัดจากวันครบกาหนดสง่ มอบงานงวดสุดท้ายตามสญั ญา และ
2) เม่อื มกี ารสง่ มอบงานและตรวจรบั งานภายหลังจากสน้ิ สดุ สัญญา
หน่วยบริหารสัญญาก่อสร้าง กองอาคารและสถานที่ ก็จะต้องมีหนังสือแจ้งการเรียกค่าปรับ
โดยแจ้งจานวนเงนิ คา่ ปรบั ที่จะตอ้ งปรบั ไปยังผรู้ ับจา้ งดว้ ย
ข้อสังเกต ในการแจ้งค่าปรับและการสงวนสิทธิ์การเรียกค่าปรับ ตามข้อ 1) และ 2) จะต้องแจ้ง
ทางไปรษณีย์ตอบรับ ไปยังผู้รับจ้างตามที่อยู่ที่ที่กาหนดไว้ในสญั ญา และอาจส่งมอบให้แก่ตัวแทนหรือผู้ปฏิบัติงาน
ในโครงการของผรู้ ับจา้ งดว้ ยกไ็ ด้ โดยใหม้ หี ลักฐานการรับหนังสอื หรือเอกสารดงั กลา่ วไว้ด้วย
3) กรณที ่ีคา่ ปรบั จะเกนิ รอ้ ยละ 10 ของวงเงนิ คา่ จา้ ง
คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ จะต้องพิจารณาบอกเลิกสัญญา (อธิบายไว้ในหัวข้อท่ี 3.11
เรือ่ งการบอกเลิกสญั ญาและสิทธขิ องมหาวทิ ยาลยั ขอนแก่นภายหลังบอกเลกิ สญั ญา)