คมู อื ครู แผนการจดั การเรยี นรู
หนาทพี่ ลเมอื ง
วฒั นธรรม และการดำเนินชวี ิตในสังคม
ม. 4-6 เลม 1
ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 4–6
กลมุ สาระการเรยี นรสู งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551
• ออกแบบการเรยี นรูโดยใชมาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดชว งช้นั เปนเปาหมาย
• ออกแบบการจัดการเรียนรูโดยเนนนักเรียนเปน ศูนยกลาง
• ใชแนวคิด Backward Design ผสมผสานกบั แนวคดิ ทฤษฎีการเรียนรตู า ง ๆ
อยางหลากหลาย
• ออกแบบการเรยี นรูเพอ� พฒั นาสมรรถนะสำคัญของนกั เรยี นในการสอ� สาร การคิด
การแกป ญ หา การใชท ักษะชวี ติ และการใชเทคโนโลยี
• แบงแผนการจดั การเรยี นรเู ปน รายช่ัวโมง สะดวกในการใช
• มอี งคป ระกอบครบถวนตามแนวทางการจดั ทำแผนการจดั การเรียนรขู องสถานศึกษา
• นำไปพัฒนาเปนผลงานทางวชิ าการเพอ� เล�อนวิทยฐานะได
ผลติ และจดั จำหนา ยโดย บรษิ ทั สำนกั พิมพว ฒั นาพานชิ จำกัด
ว�ฒนาพานิช สำราญราษฎร
216–220 ถนนบำรุงเมือง แขวงสำราญราษฎร เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
โทร. 02 222 9394 • 02 222 5371–2 FAX 02 225 6556 • 02 225 6557
email: [email protected]
2
¤ู‹Á×ͤร ู แผนการจัดการเรยี นรู ้ กÅÁ‹Ø Ê ารÐก ารเรียนร ู้Êั§¤ÁÈÖกÉา ÈาÊนา แÅÐ Çั²น¸รรÁ
หนา ทพ่ี ลเมอื ง
วัฒนธรรม และการดำเนนิ ชวี ิตในสังคม ม. 4-6 เลม 1
ªé¹Ñ Á¸Ñ ÂÁÈ¡Ö ÉÒ»‚·Õè 4–6
µÒÁËÅ¡Ñ ÊµÙ Ã᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢¹éÑ ¾é¹× °Ò¹ ¾·Ø ¸ÈÑ¡ÃÒª 2551
B Ê§Ç¹Å¢Ô Ê·Ô ¸ìÔµÒÁ¡®ËÁÒÂ
ËŒÒÁÅÐàÁÔ´ ·Ó«éÓ ´Ñ´á»Å§ à¼Âá¾Ã‹
ÊÇ‹ ¹Ë¹èÖ§ÊÇ‹ ¹ã´ àǹŒ ᵨ‹ Ðä´ÃŒ ºÑ ͹ÞØ Òµ
ผ้เู ร ยี ºเ รยี §
´Ã.¾ÉÔ ³Ø ྪþѪáÅØ ÈÉ.º., ÈÈ.Á., ¡¨.´.
บÞØ รµั น ์ รอดµา ศÉ.บ.
พงÉศ์ ักดิ ì แ¤ลว้ เ¤รอื ศศ.บ. (เกียรµินิยม)
ºรร³า¸กÔ าร
สรØ ะ ดามาพงÉ์ กศ.บ., กศ.ม.
ISBN 978-974-18-5906-1
¾ÔÁ¾ท ่ี ºรÔÉทั âร§¾ÁÔ ¾Ç²ั นา¾านÔª จÓกัด นายเริงชยั จงพพิ ฒั นสØข กรรมการผ้จู ัดการ
ÊÍ่× การเรยี นรรู้ Ðดºั Á. µน้ –Á. »Åาย µาÁËÅกั ʵู รแกนกÅา§การÈกÖ Éา¢นéั ¾นé× °าน ¾ทØ ¸Èกั ราª 2551
• Ëนั§Ê×Íเรยี น (ȸ. ÍนØÞาµ) • แºº½ƒกทกั ÉÐ • ©ººั ÊÁºรู ³แ ºº • แผนÏ (CD)
รÐดัºÁั¸ยÁÈÖกÉาµ Íนµ ้น
หนังสอื เรียน • แบบ½¡ƒ ทกั Éะ • ©บบั สมบรู ³์แบบ • แผนÏ (CD) ¾รоทØ ¸ÈาÊนา Á. 1–3 .................. รศ. ดร.จรสั พย¤ั ¦ราชศักด ìิ และ¤³ะ
หนังสอื เรียน • แบบ½ƒ¡ทกั Éะ • ©บบั สมบูร³์แบบ • แผนÏ (CD) Ëน้าท¾่ี ÅเÁÍ× §Ï Á. 1–3................................. รศ.ธวชั ทนั โµภาส และ¤³ะ
หนังสอื เรียน • แบบ½¡ƒ ทกั Éะ • ©บับสมบูร³์แบบ • แผนÏ (CD) เÈรÉ°Èาʵร Á. 1–3................................... ดร.ขวัÞนภา สขØ ¤ร และ¤³ะ
หนงั สือเรยี น • แบบ½¡ƒ ทักÉะ • ©บบั สมบรู ³์แบบ • แผนÏ (CD) »รÐÇัµÈÔ าʵร Á. 1–3..............................รศ. ดร.ไพ±ูรย ์ มกี Øศล และ¤³ะ
หนังสอื เรียน • แบบ½¡ƒ ทกั Éะ • ©บบั สมบูร³์แบบ • แผนÏ (CD) ÀูÁÈÔ าʵร Á. 1–3........................................ผศ.สมมµ สมบรู ³์ และ¤³ะ
รÐดºั Á¸ั ยÁÈÖกÉา µÍน»Åาย
หนังสอื เรียน • แบบ½¡ƒ ทกั Éะ • ©บับสมบรู ³แ์ บบ • แผนÏ (CD) ¾รоทØ ¸ÈาÊนา 1 Á. 4–6............... รศ. ดร.จรสั พย¤ั ¦ราชศักด ิì และ¤³ะ
หนงั สือเรียน • แบบ½¡ƒ ทกั Éะ • ©บบั สมบูร³์แบบ • แผนÏ (CD) ¾รоØท¸ÈาÊนา 2 Á. 4–6............... รศ. ดร.จรัส พย¤ั ¦ราชศักด ิì และ¤³ะ
หนังสือเรียน • แบบ½¡ƒ ทกั Éะ • ©บบั สมบรู ³แ์ บบ • แผนÏ (CD) ¾รоทØ ¸ÈาÊนา 3 Á. 4–6............... รศ. ดร.จรสั พยั¤¦ราชศักด ิì และ¤³ะ
หนังสือเรยี น • แบบ½ƒ¡ทกั Éะ • ©บบั สมบรู ³แ์ บบ • แผนÏ (CD) Ëน้าท¾่ี ÅเÁÍ× §Ï Á. 4–6 เÅÁ‹ 1...................... รศ.ธวชั ทนั โµภาส และ¤³ะ
หนังสอื เรียน • แบบ½ƒ¡ทักÉะ • ©บบั สมบูร³แ์ บบ • แผนÏ (CD) Ëนา้ ท¾่ี ÅเÁ×Í§Ï Á. 4–6 เÅÁ‹ 2...................... รศ.ธวชั ทนั โµภาส และ¤³ะ
หนงั สือเรียน • แบบ½¡ƒ ทักÉะ • ©บับสมบรู ³แ์ บบ • แผนÏ (CD) เÈรÉ°Èาʵร Á. 4–6................................... ดร.ขวÞั นภา สขØ ¤ร และ¤³ะ
หนงั สือเรยี น • แบบ½¡ƒ ทกั Éะ • ©บบั สมบูร³แ์ บบ • แผนÏ (CD) »รÐǵั ÈÔ าʵร Á. 4–6 เÅ‹Á 1...................รศ. ดร.ไพ±ูรย์ มกี Øศล และ¤³ะ
หนงั สอื เรยี น • แบบ½ƒ¡ทกั Éะ • ©บับสมบูร³์แบบ • แผนÏ (CD) »รÐÇัµÈÔ าʵร Á. 4–6 เÅ‹Á 2...................รศ. ดร.ไพ±รู ย์ มกี ศØ ล และ¤³ะ
หนังสือเรยี น • แบบ½ƒ¡ทกั Éะ • ©บับสมบรู ³์แบบ • แผนÏ (CD) ÀูÁÈÔ าʵร Á. 4–6........................................ผศ.สมมµ สมบรู ³ ์ และ¤³ะ
3
คำนำ
¤ู่มอื ¤รู แผนการจัดการเรียนร ู้ Ëนา้ ท¾่ี ÅเÁÍ× § Dzั น¸รรÁ แÅСÒÃดÓเนÔนªีÇµÔ ã¹Êั§¤Á Á. 4–6
เÅÁ‹ 1 เลม่ นàี้ »¹š สอื่ การเรยี นรทู้ ¨ี่ ´Ñ ทÓขน้Ö เพอ่ื ãชเ้ ปน็ แนวทางãนการจดั การเรยี นรโู้ ดยยดÖ ËÅ¡Ñ ¡ÒÃÍÍกแºº
¡ÒÃจัดการเรียนรู้µÒÁแนǤÔด Backward Design ท่ีเน้นผู้เรียนเ»šนÈูนยกÅา§ (Child-centered)
µÒÁËÅÑ¡¡ÒÃเน้นผู้เรียนเ»šนÊÓ¤ัÞ ãห้นักเรียนมีส่วนร่วม㹡Ԩ¡ÃÃÁและกระบวนการเรียนรู้ สามาร¶
สร้างอง¤์¤วามรู้ได้ด้วยµ¹เอง ทั้งเป็นรายบؤ¤ลและ໚¹กลØ่ม บทบาทของ¤รูมีหน้าท่ีเอื้ออÓนวย¤วาม
สะดวกãห้นักเรียน»ÃÐʺผลสÓเรçจ โดยสร้างส¶านการ³์การเรียนรู้ทั้งã¹ห้องเรียนและนอกห้องเรียน
ทÓãห้นักเรียนสามาร¶เชื่อมโยง¤วามรู้ã¹กล่Øมสาระการเรียนรู้อื่น æ ได้ã¹àªÔ§บูร³าการด้วยวิธีการ
ท่ีหลากหลาย เน้นกระบวนการ¤ิดวิเ¤ราะห์ สังเ¤ราะห์ และÊÃØ»¤วามรู้ด้วยµ¹เอง ทÓãห้นักเรียนได้รับ
การพฒั นาทง้ั ดา้ น¤วามร ู้ ด้าน¤³Ø ธรรม จริยธรรม และ¤า่ นิยมทีด่ ี และด้านทักÉะ/กระบวนการ นÓไปสู่
การอยรู่ ว่ มกนั ã¹สงั ¤มอยา่ งสันµิสขØ
การ¨´Ñ ·Ó¤ู่มือ¤รู แผนการจัดการเรยี นรู้ หน้าที่พลเมอื ง วฒั นธรรม และการ´Óà¹¹Ô ชีวิµã¹สงั ¤ม
เล่มน้ีได้¨Ñ´ทÓµามหลักสµู รแกนกลางการศกÖ Éาขนั้ พนื้ °าน พØทธศกั ราช 2551 «Ö่ง¤รอบ¤ลØมสาระหน้าที่
พลเมือง วัฒนธรรม และการ´Óà¹Ô¹ชีวิµã¹สัง¤ม ภายãนเล่มได้นÓเสนอแผนการจัดการเรียนรู้໚¹
รายช่ัวโมงµามหน่วยการเรียนรู้ เพ่ือãห้¤รูนÓไปãช้ã¹การจัดการเรียนรู้ได้สะดวกยิ่งขÖ้น นอกจากน้ีแµ่ละ
หน่วยการเรียนรู้ยังมีการวัดและ»ÃÐàÁÔ¹ผลการเรียนรู้ท้ัง 3 ด้าน ได้แก่ ด้าน¤วามรู้ ด้าน¤Ø³ธรรม
จรยิ ธรรม และ¤่านยิ ม และดา้ นทกั Éะ/กระบวนการ ทÓãหท้ ราบผลการเรยี นร้แู µล่ ะหนว่ ยการเรียนรขู้ อง
นกั เรียนได้ทันที
¤ู่มือ ¤รู แผนการ จัดการ เรียนรู้ หน้า ที่ พลเมือง วัฒนธรรม และ การ ดÓเนิน ชีวิµ ãน สัง¤ม เล่ม น้ี
นÓเสนอ เนอ้ื หา แบ่งเ ปน็ 3 µอน ¤ือ
µÍนท ่ี 1 ¤Óª แีé จ§ก ารจ ดั แ ผนการจ ดั การเ รยี นร ู้ ประกอบดว้ ยแ นวท างการã ชแ ้ ผนการจ ดั การเ รยี นร ู้
สัÞลักɳล์ กั ɳะก จิ ก รรมการ เรียนร้ ู การอ อกแบบ การเ รยี นร µู้ ามแ นว¤ิด Backward Design เท¤น¤ิ
และ วธิ กี ารจ ดั การ เรียนรู้–การว ัด และ ประเมนิ ผล µารางว ิเ¤ราะหม์ าµร°าน การ เรยี นร้ ู และ µัวช ้ วี ัด ชว่ งช ้ัน
กับ สาระ การ เรียนรãู้ น หนว่ ยก าร เรียนรู ้ และ โ¤รงสร้าง การแ บ่งเวลาร าย ชัว่ โมงã นก ารจ ัดการเ รยี นรู้
µÍนท่ี 2 แผนการ จัดการ เรียนรู้ ราย ª่ัÇâÁ§ ได้ เสนอ แนะแนว ทางการ จัดการ เรียนรู้ แµ่ละ หน่วย
การเ รยี นรã ู้ น สือ่ ก ารเ รียนร ู้ สมบูร³์แบบ และห นังสอื เ รียน รายวิชา พ้ืน°าน แบ่งเ ป็นแ ผน ย่อยร าย ช่ัวโมง
«งÖ่ แ ผนการจ ดั การเ รยี นรแ ู้ µล่ ะแ ผน มอ ี ง¤ป์ ระกอบ¤ รบ¶ว้ นµ ามแ นวท างการจ ดั ทÓแ ผนการจ ดั การเ รยี นร ู้
ของส ¶านศÖกÉา
µÍนที่ 3 เÍกÊาร/¤ÇาÁรู้เÊรÔÁÊÓËรัº¤รู ประกอบด้วยแบบทดสอบµ่าง æ และ¤วามรู้àÊÃÔÁ
ÊÓËÃºÑ ¤รู «Ö่งบันทÖกŧã¹แผน่ «ดี ี (CD) เพื่ออÓนวย¤วามสะดวกãห้¤รูãช้ã¹การ¨Ñ´¡¨Ô กรรมการเรียนรู้
¤มู่ ือ¤ร ู แผนการจัดการเรยี นร ู้ Ëนา้ ท¾ี่ ÅเÁ×ͧ Çั²น¸รรÁ แÅСÒÃดÓเนนÔ ªÇี µÔ ã¹Êั§¤Á Á. 4–6
เÅ‹Á 1 เลม่ น้ีไดอ้ อกแบบการเรียนรดู้ ว้ ยเท¤น¤ิ และวธิ ีการสอนอยา่ งหลากหลาย หวังว่า¨Ð໹š ประโยชน์
µ่อการ¹Óä»ประยกØ µã์ ชã้ ¹การจัดการเรียนรãู้ หเ้ หมาะสมกับสภาพแวดล้อมของนกั เรยี นµอ่ ไป
¤³Ðผจู้ ัดทÓ
4
สารบญั
ตอนท่ี 1 คำชี้แจงการจัดแผนการจัดการเรียนรู ......................................................1
G แนวทางการãชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ ......................................................................... 2
G สัÞลกั ɳล์ ักɳะกิจกรรมการเรียนร.ู้ ....................................................................... 5
G การออกแบบการจัดการเรยี นรµู้ ามแนว¤ดิ Backward Design .................................... 6
G เท¤นิ¤และวธิ กี ารจดั การเรยี นรู–้ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นร ู้ ..............................17
G µารางวิเ¤ราะหม์ าµร°านการเรียนรู้และ µัวชว้ี ดั ช่วงชั้นกับสาระการเรยี นรู้
ãนหนว่ ยการเรียนรู้......................................................................................................19
G โ¤รงสรา้ งการแบง่ เวลารายชั่วโมงãนการจดั การเรยี นรู้ ................................................20
ตอนที่ 2 แผนการจัดการเรียนรู ............................................................................21
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 สังคม ................................................................................................... 22
ผังมโนทัศนเ์ ป้าหมายการเรยี นรแู้ ละขอบข่ายภาระงาน/ชนิ้ งาน............................................22
ผังการออกแบบการจดั การเรียนร ู้ หน่วยการ เรียน ร้ทู ี่ 1.....................................................23
แผนการจดั การเรียนรู้ที ่ 1 โ¤รงสร้างทางสัง¤ม .............................................................26
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 2 การจดั ระเบยี บทางสงั ¤ม......................................................29
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ ี 3 การขดั เกลาทางสัง¤ม...........................................................32
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 4 ลกั ɳะสัง¤มไทย...............................................................35
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 การเปล่ียนแปลงและการพฒั นาทางสังคม ................................. 38
ผังมโนทัศนเ์ ปา้ หมายการเรียนรแู้ ละขอบข่ายภาระงาน/ช้ินง าน............................................38
ผงั การออกแบบการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนร ู้ท ่ี 2.....................................................39
แผนการจัดการเรยี นรู้ท ่ี 5 การเปลี่ยนแปลงทางสงั ¤ม....................................................42
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 ป˜Þหาทางสัง¤ม..................................................................45
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี ่ 7 แนวทางการแกไ้ ขป˜Þหาและพัฒนาทางสงั ¤ม..........................48
5
ห นว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 วฒั นธรรม............................................................................................. 51
ผังมโนทัศน์เป้าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน/ชิ้นงาน............................................51
ผังการออกแบบการจดั การเรยี นรู้ หนว ยการเรยี นรูที่ 3.....................................................52
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 8 วฒั นธรรม..........................................................................55
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 9 วฒั นธรรมไทย....................................................................58
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 วัฒนธรรมไทยกบั วฒั นธรรมสากล.........................................61
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 พลเมอื งด.ี .......................................................................................... 65
ผงั มโนทศั น์เป้าหมายการเรียนรู้และขอบขา่ ยภาระงาน/ชิน้ งาน............................................65
ผังการออกแบบการจัดการเรียนรู้ หนวยการเรยี นรทู ่ี 4.....................................................66
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 11 การเป็นพลเมืองด.ี ...............................................................68
6
ตอนที่ 1
คำชีแ้ จงการจดั แผนการจัดการเรียนรู้
สาระที่ 2
หน้าท่พี ลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวติ ในสงั คม
กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
2 ค่มู ือครู แผนการจัดการเรยี นรู้ หนาที่พลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1
1. แนวทางการใช้แผนการจัดการเรียนรู้
ค มู ือครู แผนการจัดการเรียนรู หนา ท ี่พลเมอื ง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวติ ในสังคม ม.4–6
เลม 1เลม น ี้ จดั ท ำขนึ้ เพอ่ื เปน แนวทางใหค รใู ชป ระกอบการจดั การเรยี นรกู ลมุ สาระก ารเรยี นรสู งั คมศกึ ษา
ศาสนา และวฒั นธรรม ชนั้ ม ธั ยมศกึ ษาป ท ่ี 4–6ต ามห ลกั สตู รแกนกลางก ารศ กึ ษาขนั้ พ น้ื ฐาน พ ทุ ธศกั ราช
2551ซ่ึงการแบงหนวยการเรียนรูส ำหรับจัดทำแผนการจัดการเรียนรูรายชั่วโมง ในคูมือครู แผนการ
จดั การเรยี นรเู ลม น แ้ี บง เนอื้ หาเปน 4ห นว ย ส ามารถใชค วบคกู บั ส อื่ ก ารเรยี นรู ห นา ท พี่ ลเมอื ง วฒั นธรรม
และการดำเนินชีวิตในสังคม สมบูรณแบบ ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 4–6เลม 1และหนังสือเรียน รายวิชา
พ้ืนฐาน หนาท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 4–6เลม 1
ประกอบดวยห นว ยการเรียนรู ด ังน้ี
หนวยการเรียนรูท ่ี 1ส ังคม
หนวยการเรยี นรทู ่ี 2ก ารเปลยี่ นแปลงและการพ ฒั นาทางสงั คม
หนวยการเรียนรทู ่ี 3วฒั นธรรม
หนวยการเรียนรูท ี่ 4พ ลเมืองด ี
คูมือครู แผนการจัดการเรียนรูเลมนี้ไดน ำเสนอรายละเอียดไวค รบถวนตามแนวทางการจัดทำ
แผนการจดั การเรยี นรู น อกจากนย้ี งั ไดออกแบบก จิ ก รรมการเรยี นก ารสอนใหน กั เรยี นไดพ ฒั นาองคค วามรู
สมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงคไวอ ยางครบถวนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551ครูควรศึกษาคูมือครู แผนการจัดการเรียนรูน ้ีใหล ะเอียดเพื่อปรับใช
ใหส อดคลอ งกบั สภาพแวดลอ ม สถานการณ และสภาพของน กั เรียน
ในแตละหนวยการเรียนรูจะแบงแผนการจัดการเรียนรูอ อกเปนรายชั่วโมง ซ่ึงมีจำนวนมากนอย
ไมเทา ก ัน ข้ึนอยูก ับค วามย าวของเน้อื หาส าระ และในแตละหนวยก ารเรยี นรมู ีองคป ระกอบด งั นี้
1.ผ งั ม โนทศั นเ ปา หมายการเรยี นรแู ละขอบขา ยภ าระงาน แสดงขอบขา ยเนอ้ื ห าก ารจดั การเรยี นรู
ทค่ี รอบคลุมค วามรู ท กั ษะ/ก ระบวนการ ค ณุ ธรรม จริยธรรม ค านยิ ม และภ าระงาน/ชิน้ งาน
2.กรอบแนวคิดการออกแบบการจัดการเรียนรูตามแนวคิด BackwardDesign (Template
BackwardDesign)เปนกรอบแนวคิดในการจัดการเรียนรูของแตละหนวยการเรียนรู แบงเปน 3ขั้น
ไดแ ก
ขน้ั ที่ 1 ผ ลลัพธปลายทางท ่ีต องการใหเกดิ ขึน้ กับนักเรียน
ขั้นท ่ ี 2 ภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู ซึ่งเปนหลักฐานท่ีแสดงวานักเรียน
มีผลการเรยี นรตู ามท่ีกำหนดไวอยา งแทจรงิ
ขนั้ ท ี่ 3 แผนการจัดการเรียนรู จะระบุวาในแตละหนวยการเรียนรูแ บงเปนแผนการจัดการ
เรยี นรูก แ่ี ผน และแตละแผนใชเ วลาในการจดั กิจกรรมก ่ชีั่วโมง
3.แผนการจัดการเรียนรูรายช่ัวโมง เปนแผนการจัดการเรียนรูต ามกรอบแนวคิดการออกแบบ
การจัดการเรียนรตู ามแนวคิด B ackwardDesignป ระกอบดว ย
3.1 ชื่อแผนการจัดการเรียนรู ประกอบดวยลำดับที่ของแผน ช่ือแผน และเวลาเรียน เชน
แผนการจดั การเรียนรูท ่ี 1เรอื่ ง โครงสรา งท างสงั คม เวลา 2ช่ัวโมง
คมู่ ือครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1 3
3.2 สาระสำคัญ เปนความคิดรวบยอดของเน้ือหาท่ีนำมาจัดการเรียนรูในแตละแผนการ
จดั การเรียนรู
3.3 ตัวชี้วัดชวงชั้น เปนตัวช้ีวัดที่ใชต รวจสอบนักเรียนหลังจากเรียนจบเนื้อหาที่นำเสนอใน
แตล ะแผนการจดั การเรยี นรู ซงึ่ สอดคลองกบั มาตรฐานการเรยี นรูของห ลักสูตร
3.4 จดุ ประสงคก ารเรยี นรู เปน สว นท บ่ี อกจดุ ม งุ หมายท ตี่ อ งการใหเกดิ ขน้ึ แกน กั เรยี นภ ายหลงั
จากการเรียนจบในแตละแผน ทั้งในดานความรู (K)ดานคุณธรรม จริยธรรม และคานิยม (A)ดาน
ทักษะ/กระบวนการ (P)ซ่ึงสอดคลองสัมพันธกับตัวชี้วัดชวงช้ันและเน้ือหาในแผนการจัดการเรียนรู
นั้น ๆ
3.5 การวัดและประเมินผลการเรียนรู เปนการตรวจสอบผลการจัดการเรียนรูวาหลังจาก
จัดการเรียนรูในแตละแผนการจัดการเรียนรูแ ลว นักเรียนมีพัฒนาการ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ตามเปา หมายท คี่ าดหวงั ไวห รอื ไม และม สี งิ่ ท จี่ ะต อ งไดร บั ก ารพ ฒั นาป รบั ปรงุ สง เสรมิ ในดา นใดบ า ง ด งั น นั้
ในแตละแผนการจัดการเรียนรูจึงไดอ อกแบบวิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผลการเรียนรู
ดานตาง ๆของนักเรียนไวอยางหลากหลาย เชน การทำแบบทดสอบ การตอบคำถามส้ัน ๆการตรวจ
ผลงาน การสงั เกตพ ฤตกิ รรมท งั้ ท เี่ ปน รายบคุ คลและกลมุ โดยเนน การป ฏบิ ตั ใิ หสอดคลอ งและเหมาะสมกบั
ตวั ชว้ี ัดและมาตรฐานการเรยี นรู
วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผลการเรียนรูเหลาน้ีครูสามารถนำไปใชป ระเมิน
นกั เรยี นได ท ง้ั ในระหวา งก ารจดั การเรยี นรแู ละก ารท ำก จิ กรรมต า ง ๆ ต ลอดจนก ารนำค วามรไู ปใชในชวี ติ
ประจำวัน
3.6 สาระการเรียนรู เปนหัวขอยอยที่นำมาจัดการเรียนรูในแตละแผนการจัดการเรียนรู
ซึง่ ส อดคลองกับส าระการเรยี นรแูกนกลาง
3.7 แนวทางบูรณาการ เปนการเสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรูในเรื่องที่เรียนรู
ของแตล ะแผนใหเช่ือมโยงส มั พันธกับส าระก ารเรยี นรูอ่นื ๆ ไดแก ภ าษาไทย ค ณิตศาสตร วิทยาศาสตร
สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาตางประเทศ เพ่ือใหการเรียนรู
สอดคลองและครอบคลุมส ถานการณจรงิ
3.8 กระบวนการจดั การเรยี นรู เปน การเสนอแนวท างการจดั ก จิ ก รรมการเรยี นรเู นอื้ หาในแตล ะ
เรื่อง โดยใชแ นวคิดและทฤษฎีการเรียนรูต าง ๆตามความเหมาะสม ท้ังน้ีเพื่อใหค รูนำไปใชป ระโยชน
ในก ารวางแผนการจดั การเรยี นรไู ดอยา งม ปี ระสทิ ธภิ าพ ซงึ่ ก ระบวนการจดั การเรยี นรปู ระกอบดว ย 5ขน้ั
ไดแ ก
ขน้ั ที่ 1 นำเขา สูบ ทเรยี น
ขน้ั ท ่ ี 2 กิจก รรมการเรยี นรู
ข้ันท ี่ 3 ฝก ฝนผ ูเรียน
ขนั้ ที่ 4 นำไปใช
ข้ันท ี่ 5 สรุป
3.9 กิจกรรมเสนอแนะ เปนกิจกรรมเสนอแนะสำหรับใหน ักเรียนไดพ ัฒนาเพิ่มเติมในดาน
ตาง ๆนอกเหนือจากที่ไดจัดการเรียนรูม าแลวในชั่วโมงเรียน กิจกรรมเสนอแนะมี 2ลักษณะ คือ
กิจกรรมสำหรับผูท ่ีมีความสามารถพิเศษและตองการศึกษาคนควาในเนื้อหานั้น ๆใหล ึกซ้ึงกวางขวาง
ยงิ่ ขึ้น และก จิ กรรมสำหรบั ก ารเรยี นรใู หค รบต ามเปา หมาย ซง่ึ มลี ักษณะเปน การซอ มเสรมิ
4 คมู่ ือครู แผนการจัดการเรยี นรู้ หนาทพี่ ลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1
3.10 ส่ือ/แหลงการเรียนรู เปนรายช่ือสื่อการเรียนรูท ุกประเภทท่ีใชในการจัดการเรียนรู
ซึ่งมีท้ังส่ือธรรมชาติ ส่ือสิ่งพิมพ สื่อเทคโนโลยี และสื่อบุคคล เชน หนังสือ เอกสารความรู รูปภาพ
เครอื ขายอนิ เทอรเนต็ วีดทิ ัศน ป ราชญชาวบาน เปน ตน
3.11 บนั ทกึ ห ลงั การจดั การเรยี นรู เปน สว นท ใี่ หค รบู นั ทกึ ผ ลก ารจดั การเรยี นรวู า ป ระสบค วาม
สำเร็จหรือไม มีปญหาหรืออุปสรรคอะไรเกิดข้ึนบาง ไดแกไขปญหาและอุปสรรคนั้นอยางไร สิ่งที่ไมได
ปฏบิ ตั ติ ามแผนมอี ะไรบา ง และขอเสนอแนะส ำหรับการป รับปรุงแผนการจัดการเรียนรคู ร้งั ต อไป
นอกจากน้ียังอำนวยค วามส ะดวกใหค รู โดยจัดทำแบบทดสอบตาง ๆและความรูเสริมสำหรับค รู
บนั ทึกลงในแผนซีดี (CD )ป ระกอบดว ย
1. แบบทดสอบกอนเรียนและหลังเรียน เปนแบบทดสอบเพื่อใชวัดและประเมินผลนักเรียน
กอนการจัดการเรยี นรแู ละหลังการจดั การเรียนรู
2. แบบทดสอบปลายภาค เปนแบบทดสอบเพ่ือใชวัดและประเมินผลการเรียนรูป ลายป 3ดาน
ไดแก
2.1 ด านค วามรู ม แีบบทดสอบท ง้ั ท เ่ีปน แบบป รนยั และแบบอัตนยั
2.2 ด านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคานยิ ม เปนตารางการป ระเมิน
2.3 ดานท กั ษะ/ก ระบวนการ เปนตารางก ารประเมิน
3. ใบงาน แ บบบนั ทึก และแบบประเมินตาง ๆ
4. เอกสาร/ความรเู สริมสำหรบั ค รู เปน การนำเสนอความรูในเรอ่ื งต า ง ๆแกค รู เชน
4.1 มาตรฐานก ารเรยี นรู ตวั ชว้ีัดชวงช้นั และสาระการเรยี นรแู กนกลาง กลุม สาระการเรียนรู
สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
4.2 โครงงาน (P rojectWork)
4.3 แฟม ส ะสมผ ลงาน (Portfolio)
4.4 ผงั การออกแบบก ารจัดการเรยี นรตู ามแนวคิด Backw ardD esign
4.5 รูปแบบแผนการจัดการเรียนรูรายช่ัวโมงที่ออกแบบการจัดการเรียนรูต ามแนวคิด
Backw ardDesign
ครคู วรศ กึ ษาแผนการจดั การเรยี นรเู พอ่ื เตรยี มการสอนอยา งม ปี ระสทิ ธภิ าพ จดั ก จิ กรรมใหน กั เรยี น
ไดพ ฒั นาครบท กุ สมรรถนะส ำคญั ท ่ีก ำหนดไวในห ลกั สตู ร ก ลาวค อื ส มรรถนะในการสอื่ สาร ก ารคดิ การ
แกปญหา การใชท ักษะชีวิต และการใชเทคโนโลยี รวมถ ึงค ณุ ลกั ษณะอันพ งึ ประสงคต ามหลกั สูตร และ
กิจกรรมเสนอแนะเพื่อการเรียนรูเพิ่มเติมใหเต็มตามศักยภาพของนักเรียนแตละคน ซ่ึงไดก ำหนดไวใน
แผนการจัดการเรียนรนู ้ีแลว
นอกจากนคี้ รสู ามารถป รบั ปรงุ แผนการจดั การเรยี นรใู หสอดคลอ งกบั สภาพค วามพ รอ มของน กั เรยี น
และสถานการณเ ฉพาะหนา ได ซง่ึ จะใชเปน ผ ลงานเพอ่ื เลอ่ื นวทิ ยฐานะได แผนการจดั การเรยี นรนู ไ้ี ดอำนวย
ความส ะดวกใหค รู โดยไดพ มิ พโ ครงสรา งแผนการจดั การเรยี นรทู อ่ี อกแบบก ารจดั การเรยี นรตู ามแนวคดิ
BackwardD esignใหค รเูพิ่มเติมเฉพาะสวนทคี่ รูปรับปรงุ เองไวด วยแลว
คมู่ ือครู แผนการจัดการเรียนรู้ หนาท่พี ลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1 5
2. สญั ลกั ษณ์ลกั ษณะกิจกรรมการเรียนรู้
คมู ือครู แผนการจัดการเรียนรู ห นา ท พี่ ลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนนิ ชวี ติ ในสังคม ม .4–6
เลม 1เลม น ส้ี ามารถใชค กู บั สอ่ื ก ารเรยี นรู ห นา ท พ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรม และก ารด ำเนนิ ชวี ติ ในสงั คม สมบรู ณ
แบบ ม.4–6เลม 1และแบบฝกทักษะ หนาท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม
ม.4–6เลม 1 ซึ่งทุกเลมไดก ำหนดสัญลักษณกำกับกิจกรรมการเรียนรูไวท ุกกิจกรรมเพื่อชวยใหค รู
และนกั เรยี นทราบล กั ษณะของกจิ กรรมน นั้ ๆเพอื่ การจดั กิจกรรมใหบ รรลุเปาหมาย ส ญั ลักษณลักษณะ
กจิ กรรมการเรยี นรมู ดี ังนี้
โครงงาน เปนกิจกรรมท ่มี ุงพฒั นาการคิด การวางแผน และการแกป ญ หา
การพัฒนากระบวนการคิด เปนกิจกรรมใหน ักเรียนทำเพื่อพัฒนากระบวนการคิด
ด า นตาง ๆ
การป ระยกุ ตใ ชใ นชวี ติ ป ระจำวนั เปน ก จิ กรรมใหน กั เรยี นน ำค วามรแู ละท กั ษะไปป ระยกุ ต
ใชในชีวิตป ระจำวนั ใหเกดิ ประโยชนส งู สดุ
การทำประโยชนใหสังคม เปนกิจกรรมใหน ักเรียนปฏิบัติในการทำประโยชนเพื่อสังคม
เพอ่ื ก ารอยรู ว มก ันในส งั คมอยางม ีค วามสขุ
การปฏิบัติจริง/ฝกทักษะ เปนกิจกรรมใหน ักเรียนไดป ฏิบัติจริงหรือฝกปฏิบัติเพ่ือเกิด
ทักษะอันจะชวยใหการเรียนรูเปนไปตามเปาหมายอยางสมบูรณและเกิดความเขาใจ
ทคี่ งทน
การศึกษาคนควา/สืบคน เปนกิจกรรมใหน ักเรียนศึกษาคนควาหรือสืบคนขอมูลจาก
แหลง การเรยี นรตู า ง ๆ เพอ่ื สรา งองคความรูด ว ยต นเองจนเกิดเปนนสิ ยั
การสำรวจ เปน ก จิ กรรมใหน กั เรยี นสำรวจรวบรวมขอ มลู เพอื่ น ำมาศ กึ ษา วเิ คราะห ห าเหตุ
หาผล ฝ กความเปน ผ ูรอบคอบ
ทักษะก ารพ ูด เปน ก ิจกรรมใหน กั เรียนไดพ ฒั นาทักษะก ารพ ูดประเภทต า ง ๆ
ทักษะก ารเขียน เปน ก จิ กรรมใหน ักเรียนไดพ ฒั นาทกั ษะก ารเขียนประเภทต าง ๆ
กิจกรรมสำหรับกลุมพิเศษ เปนกิจกรรมสำหรับใหน ักเรียนใชพ ัฒนาการเรียนรูเพิ่มเติม
เพอ่ื การพ ฒั นาใหเตม็ ต ามศกั ยภาพ
กิจกรรมสำหรับซอมเสริม เปนกิจกรรมสำหรับใหน ักเรียนใชเรียนซอมเสริมเพ่ือใหเกิด
การเรยี นรตู ามตวั ชว้ีดั ชวงชน้ั
6 คมู่ อื ครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนาท่พี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1
3. การออกแบบการจัดการเรยี นรตู้ ามแนวคิด Backward Design
การจัดการเรียนรูห รือการสอนเปนงานท่ีครูทุกคนตองใชก ลวิธีตาง ๆมากมายเพ่ือใหน ักเรียน
สนใจที่จะเรียนรูแ ละเกิดผลตามที่ครูคาดหวัง การจัดการเรียนรูจัดเปนศาสตรท่ีตองใชค วามรูความ
สามารถต ลอดจนป ระสบการณอ ยา งม าก ค รบู างคนอาจจะล ะเลยเรอื่ งของก ารออกแบบก ารจดั การเรยี นรู
หรือการออกแบบการสอน ซ่ึงเปนงานท่ีครูจะตองทำกอนการเขียนแผนการจัดการเรียนรู การออกแบบ
การจดั การเรยี นรทู ำอยา งไร ท ำไมจงึ ต อ งออกแบบก ารจดั การเรยี นรู ค รทู กุ คนผ า นก ารศ กึ ษาและไดเรยี นรู
เก่ียวกับการออกแบบการจัดการเรียนรูม าแลว ในอดีตการออกแบบการจัดการเรียนรูจะเริ่มตนจากการ
กำหนดจุดประสงคการเรียนรู การวางแผนการจัดการเรียนรู การดำเนินการจัดการเรียนรู และการวัด
และป ระเมนิ ผ ลการเรยี นรู ป จ จบุ นั ก ารเรยี นรไู ดม กี ารเปลย่ี นแปลงไปตามส ภาพแวดลอ ม เศรษฐกจิ และ
สงั คม รวมท งั้ ก ารเปลยี่ นแปลงด า นวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยที เี่ ขา มาม บี ทบาทต อ ก ารเรยี นรขู องน กั เรยี น
ซ่ึงนักเรียนสามารถเรียนรูไดจากส่ือและแหลงการเรียนรูต าง ๆที่มีอยูรอบตัว ดังน้ันการออกแบบการ
จัดการเรียนรูจ ึงเปนกระบวนการสำคัญที่ครูจำเปนตองดำเนินการใหเหมาะสมกับศักยภาพของนักเรียน
แตละบุคคล
วิกกินสและแมกไท นักการศึกษาชาวอเมริกันไดเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบการจัดการ
เรยี นรู ซง่ึ เขาเรยี กวา B ackw ardD esignซงึ่ เปน การออกแบบก ารจดั การเรยี นรทู ค่ี รจู ะต อ งก ำหนดผ ลลพั ธ
ปลายทางที่ตองการใหเกิดขึ้นกับนักเรียนกอน โดยเขาทั้งสองใหชื่อวา ความเขาใจที่คงทน (Enduring
Understanding)เม่ือกำหนดความเขาใจท่ีคงทนไดแ ลว ครูจะตองบอกใหไดวาความเขาใจที่คงทน
ของนักเรียนน้ีเกิดจากอะไร นักเรียนจะตองมีหรือแสดงพฤติกรรมอะไรบาง ครูมีหรือใชวิธีการวัดอะไร
บางที่จะบอกวานักเรียนมีหรือแสดงพฤติกรรมเหลาน้ันแลว จากนั้นครูจึงนึกถึงวิธีการจัดการเรียนรู
ทีจ่ ะท ำใหน ักเรียนเกดิ ค วามเขาใจที่คงทนต อ ไป
แ นวคดิ Backw ardDesign
Backw ardDesignเปนการออกแบบก ารจัดการเรยี นรทู ีใ่ ชผ ลลัพธป ลายทางเปนหลกั ซ่ึงผ ลลพั ธ
ปลายทางนี้จะเกิดข้ึนกับนักเรียนก็ตอเมื่อจบหนวยการเรียนรู ทั้งนี้ครูจะตองออกแบบการจัดการเรียนรู
โดยใชก รอบค วามคดิ ท เี่ ปน เหตเุ ปน ผลม คี วามส มั พนั ธก นั จากน นั้ จงึ จะล งมอื เขยี นแผนการจดั การเรยี นรู
ขยายรายละเอยี ดเพิ่มเตมิ ใหม ีค ณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพตอไป
กรอบความคิดหลักของการออกแบบการจัดการเรียนรูโดย BackwardDesignมีขั้นตอนหลัก
ทส่ี ำคัญ 3ขั้นตอน คอื
ขนั้ ที่ 1ก ำหนดผ ลลพั ธปลายทางทตี่ อ งการใหเกดิ ขึน้ กับน ักเรียน
ข้ันท่ี 2กำหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรูซึ่งเปนหลักฐานที่แสดงวานักเรียนมีผล
การเรียนรูต ามทกี่ ำหนดไวอยา งแทจรงิ
ขัน้ ที่ 3วางแผนการจัดการเรียนรู
คูม่ ือครู แผนการจัดการเรยี นรู้ หนา ที่พลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1 7
ข้นั ท่ี 1ก ำหนดผลลพั ธป ลายทางท ่ตี อ งการใหเ กดิ ขน้ึ กบั น ักเรยี น
กอนที่จะกำหนดผลลัพธปลายทางที่ตองการใหเกิดขึ้นกับนักเรียนน้ัน ครูควรตอบคำถามสำคัญ
ตอไปน้ี
1. นักเรยี นควรจะมคี วามรู ค วามเขาใจ และสามารถทำส่ิงใดไดบ าง
2. เนอ้ื หาส าระใดบ า งท มี่ คี วามส ำคญั ตอ ก ารส รา งค วามเขา ใจของน กั เรยี น และค วามเขา ใจท คี่ งทน
(EnduringUnderstanding)ท่คี รูตอ งการจดั การเรยี นรูใหแกน ักเรยี นม อีะไรบา ง
เมอื่ จะต อบค ำถามส ำคญั ดังกลาวขา งตน ใหค รนู ึกถงึ เปา หมายของก ารศกึ ษา ม าตรฐานการเรยี นรู
ดานเนื้อหาระดับชาตทิ ่ีปรากฏอยูในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551รวมท้ัง
มาตรฐานการเรยี นรรู ะดบั เขตพ น้ื ท ก่ี ารศ กึ ษาห รอื ท อ งถนิ่ การท บท วนความค าดหวงั ของห ลกั สตู รแกนกลาง
การศึกษาข้ันพื้นฐาน เน่ืองจากมาตรฐานแตละระดับจะมีความสัมพันธกับเนื้อหาสาระตาง ๆซึ่งมีความ
แตกตางลดหล่ันกันไป ดวยเหตุนี้ข้ันท่ี 1ของ BackwardDesignครูจึงตองจดั ลำดับความสำคัญและ
เลือกผ ลลัพธป ลายทางของน ักเรียน ซงึ่ เปนผลการเรยี นรูท เี่ กิดจากค วามเขา ใจท คี่ งทนต อไป
ความเขา ใจท ี่คงทนของนกั เรยี น
ความเขาใจท่ีคงทนคืออะไร ความเขาใจที่คงทนเปนความรูท ี่ลึกซ้ึง ไดแ ก ความคิดรวบยอด
ความสมั พนั ธ และห ลกั การของเนอื้ หาและวชิ าท น่ี กั เรยี นเรยี นรู ห รอื ก ลา วอกี นยั หนงึ่ เปน ค วามรทู อ่ี งิ เนอ้ื หา
ความรูน ้ีเกิดจากการส ะสมขอ มูลต า ง ๆของน ักเรยี น และเปนองคความรูท ี่นักเรยี นส รา งข้นึ ดวยต นเอง
การเขียนความเขา ใจท ีค่ งทนในการออกแบบการจดั การเรียนรู
ถาความเขาใจที่คงทนหมายถึงสาระสำคัญของสิ่งที่จะเรียนรูแ ลว ครูควรจะรูวาสาระสำคัญ
หมายถึงอะไร คำวา สาระสำคัญ มาจากคำวา Conceptซ่ึงนักการศึกษาของไทยแปลเปนภาษาไทยวา
สาระสำคัญ ความคิดรวบยอด มโนทัศน มโนมติ และสังกัป แตก ารเขียนแผนการจัดการเรียนรูน ิยม
ใชค ำวา สาระสำคญั
สาระสำคญั เปน ขอ ความท แ่ี สดงแกน ห รอื เปา หมายเกย่ี วกบั เรอ่ื งใดเรอ่ื งห นง่ึ เพอ่ื ใหไดขอ สรปุ รวม
และขอแตกตางเก่ียวกับเร่ืองใดเรื่องหนึ่ง โดยอาจครอบคลุมขอเท็จจริง กฎ ทฤษฎี ประเด็น และการ
สรุปส าระสำคัญและขอความท มี่ ีล ักษณะรวบยอดอยา งอน่ื
ประเภทของสาระสำคัญ
1. ระดบั กวาง (B roadC oncept)
2. ระดับการน ำไปใช (O perativeConceptหรือ FunctionalC oncept)
ตัวอยา งส าระสำคญั ระดับก วาง
– อำนาจอธิปไตย ค ือ อำนาจสงู สดุ ในการปกครองประเทศ
ต วั อยางส าระสำคญั ระดับการนำไปใช
– อำนาจอธิปไตย คือ อำนาจสูงสุดท่ีใชในการปกครองประเทศ แบงเปน 3อำนาจ ไดแก
อำนาจน ติ ิบญั ญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ
8 ค่มู ือครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนา ทพี่ ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1
แนวท างการเขียนส าระสำคัญ
1. ใหเขียนสาระสำคัญของทุกเรื่อง โดยแยกเปนขอ ๆ(จำนวนขอของสาระสำคัญจะเทากับ
จำนวนเรอื่ ง)
2. การเขียนสาระสำคญั ท ด่ี คี วรเปนสาระสำคญั ระดับก ารนำไปใช
3. สาระสำคัญตองครอบคลุมประเด็นสำคัญครบถวน เพราะหากขาดสวนใดไปแลวจะทำให
นักเรยี นรับส าระสำคัญท ่ผี ิดไปทนั ที
4. การเขียนสาระสำคัญที่จะใหค รอบคลุมประเด็นสำคัญ วิธีการหน่ึง คือ การเขียนแผนผัง
สาระสำคัญ
ตัวอยา งการเขยี นแผนผังส าระสำคัญ โครงสรา้ ง
องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั
อำนาจหนา ที่
รูปแบบองค์กรปกครอง เทศบาล โครงสร้าง
ส่วนทอ้ งถ่นิ ของไทย องค์การบรหิ ารส่วนตำบล
อำนาจหนาท่ี
เมอื งพทั ยา โครงสรา้ ง
กรงุ เทพมหานคร อำนาจหนา ท่ี
โครงสรา้ ง
อำนาจหนา ท่ี
โครงสร้าง
อำนาจหนาที่
สาระสำคญั ของรปู แบบองคก รป กครองสว นท อ งถน่ิ ของไทย:องคก รป กครองสว นท อ งถน่ิ ของไทย
มี 5รูปแบบ คือ องคการบริหารสวนจังหวัด เทศบาล องคการบริหารสวนตำบล เมืองพัทยา และ
กรงุ เทพมหานคร แตล ะรปู แบบจะมโีครงสรางและอำนาจหนา ท่เี ปน ของต นเอง
5. การเขียนสาระสำคัญเก่ียวกับเรื่องใดควรเขียนลักษณะเดนที่มองเห็นไดห รือนึกไดอ อกมา
เปนขอ ๆแลว จำแนกล กั ษณะเหลาน้ันเปน ลักษณะจำเพาะและลักษณะประกอบ
6. การเขยี นขอ ความท เ่ี ปน สาระสำคญั ค วรใชภ าษาท ม่ี กี ารขดั เกลาอยา งด ี เลย่ี งค ำท มี่ คี วามหมาย
กำกวมหรอื ฟ ุมเฟอ ย
คมู่ อื ครู แผนการจัดการเรียนรู้ หนาทพี่ ลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1 9
ต ัวอยา งก ารเขียนสาระสำคญั เรอื่ ง แมลง
แ มลง ลักษณะจำเพาะ ลักษณะประกอบ
มีสี – 3
มี 6 ขา 3 –
มพี ิษ – 3
ร้องได้ –
มปี ีก 3 3
ลำตวั เป็นปล้อง –
มีหนวดคลำทาง 2 เสน้ 3 –
เปนอาหารได –
ไมม กี ระดกู สันหลัง 3 3
– –
3
สาระสำคัญของแมลง:แมลงเปนสัตวไมมีกระดูกสันหลัง ลำตัวเปน 3ปลอง มี 6ขา มีหนวด
คลำทาง 2เสน มปี ก 2ปก ต ัวม สี ีตางกัน บ างชนดิ รอ งได บางชนดิ มีพษิ และบางชนดิ เปนอาหารได
ขน้ั ท่ี 2 กำหนดภ าระงานแ ละการป ระเมนิ ผ ลการเรยี นรซู ง่ึ เปน ห ลกั ฐานท แ่ี สดงวา น กั เรยี นมผี ลการเรยี นรู
ตามทก่ี ำหนดไวอยา งแ ทจ ริง
เมอ่ื ค รกู ำหนดผ ลลพั ธป ลายทางท ต่ี อ งการใหเกดิ ขนึ้ กบั น กั เรยี นแลว ก อ นท จี่ ะด ำเนนิ การขนั้ ต อ ไป
ขอใหค รตู อบคำถามส ำคัญตอไปนี้
– นักเรียนมีพฤติกรรมหรือแสดงออกในลักษณะใด จึงทำใหค รูทราบวานักเรียนบรรลุผลลัพธ
ปลายทางต ามที่กำหนดไวแลว
– ครูมีหลักฐานหรือใชว ิธีการใดท่ีสามารถระบุไดว านักเรียนมีพฤติกรรมหรือแสดงออกตาม
ผลลัพธป ลายทางท ี่กำหนดไว
การออกแบบการจัดการเรียนรูต ามแนวคิด BackwardDesignเนนใหค รูรวบรวมหลักฐาน
การวัดและประเมินผลการเรียนรูท ี่จำเปนและมีหลักฐานเพียงพอที่จะกลาวไดวา การจัดการเรียนรูท ำให
นักเรียนเกิดผลสัมฤทธิ์แลว ไมใชเรียนแคใหจบตามหลักสูตรหรือเรียนตามชุดของกิจกรรมการเรียนรู
ท่ีครูกำหนดไวเทานั้น วิธีการของ BackwardDesignตองการกระตุนใหค รูคิดลวงหนาวา ครูควรจะ
กำหนดและรวบรวมห ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษอะไรบ า งก อ นท จ่ี ะออกแบบห นว ยก ารเรยี นรู โดยเฉพาะอยา งยง่ิ
หลักฐานดังกลาวควรจะเปนหลักฐานท่ีสามารถใชเปนขอมูลยอนกลับ ท่ีมีประโยชนสำหรับผูเรียนและ
ครูไดเปนอยางดี นอกจากน้ีครูควรใชวิธีการวัดและประเมินแบบตอเนื่องอยางไมเปนทางการและ
เปน ทางการ ต ลอดระยะเวลาท คี่ รจู ดั ก จิ ก รรมการเรยี นรใู หแกน กั เรยี น ซง่ึ สอดคลอ งกบั แนวคดิ ท ตี่ อ งการ
ใหค รทู ำการวัดและประเมินผ ลการเรียนรูระหวา งการจดั กจิ ก รรมการเรียนรูท เ่ี รียกวา ส อนไปวัดผลไป
10 คมู่ ือครู แผนการจัดการเรียนรู้ หนา ท่ีพลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1
จงึ ก ลา วไดวา ขนั้ น คี้ รคู วรน กึ ถ งึ พ ฤตกิ รรมห รอื ก ารแสดงออกของน กั เรยี น โดยพ จิ ารณาจากผ ลงาน
หรอื ชน้ิ งานท เ่ี ปน ห ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ ซงึ่ แสดงใหเหน็ วา น กั เรยี นเกดิ ผ ลลพั ธป ลายทางต ามเกณฑท ก่ี ำหนด
ไวแ ลว และเกณฑท่ีใชป ระเมินควรเปนเกณฑคุณภาพในรูปของมิติคุณภาพ (Rubrics)อยางไรก็ตาม
ครูอาจจะมีหลักฐานหรือใชวิธีการอ่ืน ๆเชน การทดสอบกอนและหลังเรียน การสัมภาษณ การศึกษา
คน ควา การฝ กปฏบิ ตั ขิณะเรียนรปู ระกอบดวยก ็ได
การกำหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรูซ่ึงเปนหลักฐานท่ีแสดงวานักเรียนมีผล
การเรยี นรูต ามผ ลลัพธป ลายทางท ี่กำหนดไวแ ลว
หลังจากท่ีครูไดก ำหนดผลลัพธปลายทางที่ตองการใหเกิดข้ึนกับนักเรียนแลว ครูควรกำหนด
ภาระงานและวธิ กี ารป ระเมนิ ผ ลการเรยี นรู ซง่ึ เปน ห ลกั ฐานท แ่ี สดงวา น กั เรยี นม ผี ลการเรยี นรตู ามผ ลลพั ธ
ปลายทางท ี่กำหนดไวแลว
ภาระงาน หมายถึง งานหรือกิจกรรมท่ีกำหนดใหน ักเรียนปฏิบัติ เพื่อใหบ รรลุตามจุดประสงค
การเรียนรู/ตัวช้ีวัดชวงชั้น/มาตรฐานการเรียนรูท ่ีกำหนดไว ลักษณะสำคัญของงานจะตองเปนงาน
ท่ีสอดคลองกับชีวิตจริงในชีวิตประจำวัน เปนเหตุการณจริงมากกวากิจกรรมท่ีจำลองข้ึนเพื่อใชในการ
ทดสอบ ซึ่งเรียกวา งานท่ีปฏิบัติเปนงานที่มีความหมายตอผูเรียน (MeaningfulTask)นอกจากนี้งาน
และกิจกรรมจะตองมีขอบเขตท่ีชัดเจน สอดคลองกับจุดประสงคการเรียนรู/ตัวช้ีวัดชวงชั้น/มาตรฐาน
การเรียนรทู ี่ต องการใหเกดิ ขนึ้ กบั น กั เรียน
ทั้งน้ีเม่ือไดภ าระงานครบถวนตามที่ตองการแลว ครูจะตองนึกถึงวิธีการและเครื่องมือที่จะใชวัด
และประเมินผลการเรียนรูของนักเรียนซึ่งมีอยูม ากมายหลายประเภท ครูจะตองเลือกใหเหมาะสมกับ
ภาระงานท นี่ ักเรียนปฏิบตั ิ
ตัวอยางภาระงานเร่ือง โครงสรางทางสังคม รวมท้ังการกำหนดวิธีการวัดและประเมินผล
การเรยี นรขูองนักเรียนด งั ต าราง
ตัวอยา่ ง ภาระงาน/ชิน้ งาน แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 เรื่อง โครงสรางท างสังคม
สาระท ่ี 2:หนาทพ่ี ลเมือง วฒั นธรรม และการด ำเนินชวี ติ ในสงั คม
มาตรฐาน ส 2.1: เขาใจและปฏบิ ัตติ นต ามหนาท ข่ี องก ารเปนพ ลเมอื งด ี มคี านยิ มทด่ี ีงามและธำรงรกั ษาป ระเพณีและวัฒนธรรมไทย ดำรงชีวิตอยูร วมกันใน
สังคมไทยและส งั คมโลกอยางส ันตสิ ุข
จดุ ประสงค สาระการเรียนรู ภาระงาน/ การวัดแ ละป ระเมนิ ผ ล กิจกรรม สือ่ การเรียนรู
การเรยี นรู ชิ้นงาน วิธกี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ การเรยี นรู 1. ภาพ
การอภิปราย
• วเิ คราะห • โครงสราง 1. อภปิ ราย 1. ตรวจแบบ 1. แบบบันทึก เกณฑค ุณภาพ ครอบครวั
ความสำคัญ ทางสังคม เกย่ี วกับ บนั ทกึ ผ ลก าร ผลก าร 4 ระดบั และก ลมุ
ของโครงสรา ง 1. ความหมาย โครงสราง อภิปราย อภปิ ราย เพ่อื น คู่มอื ครู แผนการจัดการเรยี นรู้ หนาท่ีพลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1 11
ทางสังคม การ ของโครง- สังคม 2. ตรวจใบงาน 2. ใบงานเร่อื ง เกณฑคณุ ภาพ 2. แบบบ นั ทกึ ผล
ขัดเกลา สรางทาง โครงสรา ง 4 ระดบั การอภิปราย
ทางสังคม สังคม ทางสังคม 3. ใบงานเร่ือง
และก าร 2. ลกั ษณะของ 3. สงั เกตก าร 3. แบบสงั เกต เกณฑคณุ ภาพ โครงสรา ง
เปล่ยี นแปลง โครงสราง ท ำงานกลุม การทำงาน 4 ระดับ ทางสังคม
ทางสังคม ทางสงั คม กลมุ
3. องคประ-
กอบของ
โครงสรา ง
ทางสังคม
12 คมู่ ือครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1
ความเขาใจท่คี งทนจะเกดิ ขนึ้ ได น กั เรียนจะตอ งม ีค วามสามารถ 6ป ระการ ไดแก
1. การอธบิ าย ชแ้ี จง เปน ความสามารถท นี่ กั เรยี นแสดงออกโดยก ารอธบิ ายห รอื ชแี้ จงในสงิ่ ท เ่ี รยี นรู
ไดอยางถูกตอง สอดคลอง มเี หตุมีผล และเปน ระบบ
2. การแ ปลความแ ละต คี วาม เปน ความสามารถท นี่ กั เรยี นแสดงออกโดยการแปลความและต คี วาม
ไดอยา งม คี วามหมาย ต รงประเด็น ก ระจางชัด และท ะลุป รุโปรง
3. การประยุกต ดดั แ ปลง และการนำไปใช เปน ความส ามารถท ่นี กั เรยี นแสดงออกโดยก ารนำส ิ่ง
ทไี่ ดเรยี นรไู ปสกู ารป ฏิบัติไดอยางมปี ระสทิ ธผิ ล ม ีประสทิ ธิภาพ และคลองแคลว
4. การม มี มุ มองท หี่ ลากหลาย เปน ความสามารถท นี่ กั เรยี นแสดงออกโดยก ารม มี มุ มองท นี่ า เชอ่ื ถอื
เปนไปได มคี วามล กึ ซง้ึ แจมชัด และแปลกใหม
5. การใหความสำคัญและใสใจในความรูสึกของผูอื่น เปนความสามารถที่นักเรียนแสดงออก
โดยการมีความละเอียดรอบคอบ เปดเผย รับฟงความคิดเห็นของผูอื่น ระมัดระวังท่ีจะไมใหเกิด
ความก ระทบก ระเทือนตอผอู ืน่
6. การรูจักตนเอง เปนความสามารถที่นักเรียนแสดงออกโดยการมีความตระหนักรู สามารถ
ประมวลผลขอมูลจากแหลงทห่ี ลากหลาย ป รับตวั ได รูจักใครค รวญ และมคี วามเฉลียวฉลาด
นอกจากนห้ี ลกั สตู รแกนกลางก ารศ กึ ษาขนั้ พ น้ื ฐาน พ ทุ ธศกั ราช 2551ไดก ำหนดส มรรถนะส ำคญั
ของนักเรยี นหลังจากสำเรจ็ การศ ึกษาตามห ลกั สูตรไว 5ประการ ดังน้ี
1.ค วามสามารถในก ารสอ่ื สาร เปน ความส ามารถในก ารรบั และสง สาร ม วี ฒั นธรรมในก ารใชภ าษา
ถายทอดความคิด ความรูความเขาใจ ความรูสึก และทัศนะของตนเอง เพ่ือแลกเปลี่ยนขอมูลขาวสาร
และประสบการณ อันจะเปนประโยชนตอการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาตอรองเพื่อขจัด
และล ดป ญหาค วามขัดแยงต าง ๆก ารเลอื กรบั ห รือไมร บั ขอมูลขาวสารด ว ยห ลกั เหตผุ ลและค วามถ ูกตอง
ตลอดจนการเลือกใชวิธกี ารส ื่อสารท มี่ ีประสทิ ธภิ าพ โดยค ำนึงถึงผ ลกระทบท ่ีมตี อต นเองและสงั คม
2.ความสามารถในการคิด เปนความสามารถในการคิดวิเคราะห การคิดสังเคราะห การคิด
อยางสรางสรรค ก ารค ดิ อยา งม วี ิจารณญาณ และการค ิดอยา งเปน ระบบ เพือ่ น ำไปสูก ารส รางองคความรู
หรือสารสนเทศเพื่อก ารตัดสนิ ใจเกี่ยวกบั ต นเองและส ังคมไดอยา งเหมาะสม
3. ความสามารถในก ารแ กป ญ หา เปน ความส ามารถในก ารแกป ญ หาและอปุ สรรคต า ง ๆ ท เ่ี ผชญิ
ไดอยา งถูกตอ งเหมาะสมบนพ ื้นฐานของห ลกั เหตุผล ค ณุ ธรรมและขอมูลสารสนเทศ เขา ใจความสัมพนั ธ
และก ารเปล่ียนแปลงของเหตุการณต าง ๆในสังคม แสวงห าความรู ป ระยุกตความรูม าใชในก ารปองก นั
และแกไขปญหา และมีการตัดสินใจท่ีมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบท่ีเกิดข้ึนตอตนเอง สังคม
และส ง่ิ แวดลอ ม
4. ความสามารถในก ารใชท กั ษะชวี ติ เปน ความส ามารถในก ารนำก ระบวนการต า ง ๆ ไปใชในก าร
ดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรูด วยตนเอง การเรียนรูอ ยางตอเนื่อง การทำงาน และการอยูรวมกัน
ในส ังคม ดวยการสรางเสริมความส ัมพนั ธอันด ีระหวางบคุ คล การจัดการปญ หาและค วามขดั แยง ต า ง ๆ
อยา งเหมาะสม ก ารป รบั ตวั ใหท นั ก บั ก ารเปลยี่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ ม และก ารรจู กั ห ลกี เลย่ี ง
พฤติกรรมท ไ่ี มพ ึงประสงคซึ่งจะสงผลกระทบตอ ต นเองและผูอ น่ื
คู่มือครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนาทีพ่ ลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1 13
5. ค วามสามารถในก ารใชเ ทคโนโลยี เปน ความส ามารถในก ารเลอื กและใชเทคโนโลยดี า นต า ง ๆ
มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคมในดานการเรียนรู การสื่อสาร
การท ำงาน การแกป ญหาอยา งส รางสรรค ถ กู ตอง เหมาะสม และม ีคณุ ธรรม
นอกจากสมรรถนะสำคัญของนักเรียนหลังจากสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรท่ีกลาวแลวขางตน
หลกั สตู รแกนกลางการศ กึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พ ุทธศักราช 2551ไดก ำหนดคุณลกั ษณะอนั พ งึ ประสงคเพือ่ ให
สามารถอยูรว มกบั ผ อู ่นื ในสังคมไดอยา งมคี วามสุขในฐานะเปน พลเมอื งไทยและพลโลก ดงั นี้
1. รักชาติ ศ าสน ก ษตั ริย
2. ซอื่ สัตยสุจริต
3. มีวินัย
4. ใฝเรยี นรู
5. อยูอยางพ อเพียง
6. มงุ มั่นในก ารทำงาน
7. รกั ความเปน ไทย
8. ม ีจติ ส าธารณะ
ดังนั้นการกำหนดภาระงานใหน ักเรียนปฏิบัติ รวมทั้งการเลือกวิธีการ เครื่องมือวัดและประเมิน
ผลการเรยี นรูน น้ั ค รคู วรค ำนึงถ ึงค วามส ามารถของน กั เรียน 6ประการตามแนวคิด B ackw ardDesign
สมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงคของนักเรียนหลังจากสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร
ที่ไดก ลาวไวข างตน เพื่อใหภ าระงาน วิธีการ และเครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรูค รอบคลุม
สงิ่ ท สี่ ะทอนผ ลลพั ธปลายทางท ต่ี องการใหเกิดขึ้นกบั น กั เรยี นอยางแทจ รงิ
นอกจากน้ีการออกแบบก ารจดั การเรยี นรตู ามแนวคดิ B ackw arddesignในข้ันท ี่ 2น ้ี ค รจู ะตอ ง
คำนึงถึงภาระงาน วิธีการ เคร่ืองมือวัดและประเมินผลการเรียนรูท ่ีมีความเที่ยงตรง ความเชื่อถือได
มีป ระสิทธภิ าพ ตรงกับส ภาพจรงิ มคี วามย ดื หยนุ และใหค วามสบายใจแกน กั เรียนเปน สำคัญ
ข้ันที่ 3วางแผนการจัดการเรยี นรู
เม่ือครูมีความรูค วามเขาใจท่ีชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดผลลัพธปลายทางที่ตองการใหเกิดขึ้นกับ
นักเรียน รวมท้ังกำหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรูซ่ึงเปนหลักฐานท่ีแสดงวานักเรียนเกิด
การเรียนรูต ามที่กำหนดไวอ ยางแทจริงแลว ขั้นตอไปครูควรนึกถึงกิจกรรมการเรียนรูต าง ๆที่จะจัด
ใหแ กน ักเรียน การที่ครูจะนึกถึงกิจกรรมตาง ๆท่ีจะจัดใหน ักเรียนไดน ั้น ครูควรตอบคำถามสำคัญ
ตอไปน้ี
– ถาครูตองการจะจัดการเรียนรูใหน ักเรียนเกิดความรูเกี่ยวกับขอเท็จจริง ความคิดรวบยอด
หลกั การ และท กั ษะก ระบวนการต า ง ๆ ท จี่ ำเปน สำหรบั น กั เรยี น ซงึ่ จะท ำใหน กั เรยี นเกดิ ผ ลลพั ธป ลายทาง
ตามที่ก ำหนดไว รวมท ั้งเกิดเปน ความเขาใจท ค่ี งทนตอไปนัน้ ครสู ามารถจะใชวธิ ีการงา ย ๆอะไรบา ง
– กจิ ก รรมการเรียนรทู จี่ ะชวยเปนสื่อนำใหน กั เรียนเกิดค วามรูและทกั ษะท่ีจำเปน ม อี ะไรบ าง
– ส่ือและแหลงการเรียนรูท ่ีเหมาะสมและดีท่ีสุด ซ่ึงจะทำใหน ักเรียนบรรลุตามมาตรฐานของ
หลกั สตู รม ีอะไรบาง
14 คูม่ ือครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนา ท่ีพลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1
– กิจกรรมการเรียนรูต าง ๆท่ีกำหนดไวค วรจัดกิจกรรมใดกอนและควรจัดกิจกรรมใด
ภายหลงั
– กิจกรรมตาง ๆออกแบบไวเพื่อตอบสนองความแตกตางระหวางบุคคลของนักเรียนหรือไม
เพราะเหตุใด
การจัดกิจกรรมการเรียนรูต าง ๆเพ่ือใหน ักเรียนเกิดผลลัพธปลายทางตามแนวคิด Backward
Designนั้น วิกกินสและแมกไทไดเสนอแนะใหค รูเขียนแผนการจัดการเรียนรูโดยใชแ นวคิดของ
WHE R E TO (ไปท ี่ไหน)ซึ่งมรีายละเอยี ดดังน้ี
W แทน กิจกรรมการเรียนรูท ่ีจัดใหน ้ันจะตองชวยใหน ักเรียนรูวาหนวยการเรียนรูน ี้จะดำเนินไป
ในท ศิ ทางใด (W here)และส ง่ิ ท ค่ี าดหวงั ค อื อะไร (W hat)ม อี ะไรบ า ง ชว ยใหค รทู ราบวา น กั เรยี นม คี วามรู
พื้นฐานและค วามส นใจอะไรบ า ง
H แทน กิจกรรมการเรียนรูค วรดึงดูดความสนใจนักเรียนทุกคน (Hook)ทำใหน ักเรียนเกิด
ความสนใจในสิ่งท จี่ ะเรยี นรู (Hold)และใชส ิง่ ที่นกั เรยี นสนใจเปนแนวทางในการจดั การเรยี นรู
E แทน กิจกรรมการเรียนรูค วรสงเสริมและจัดให (Equip)นักเรียนไดม ีประสบการณ
(Experience)ในแนวคิดหลัก/ความคิดรวบยอด และสำรวจ รวมทั้งวินิจฉัย (Explore)ในประเด็น
ตาง ๆ ทนี่ าสนใจ
R แทน กิจกรรมการเรียนรูค วรเปดโอกาสใหน ักเรียนไดค ิดทบทวน (Rethink)ปรับ (Revise)
ความเขา ใจในความรแู ละงานทป่ี ฏบิ ัติ
E แทน กิจกรรมการเรียนรูค วรเปดโอกาสใหน ักเรียนไดป ระเมิน (Evaluate)ผลงานและสิ่งท่ี
เก่ยี วของก บั การเรียนรู
T แทน กิจกรรมการเรียนรูค วรออกแบบ (Tailored)สำหรับนักเรียนเปนรายบุคคลเพื่อให
สอดคลองกบั ความต อ งการ ความส นใจ และความสามารถท่แี ตกตางกนั ของนักเรยี น
O แทน การจัดกิจกรรมการเรียนรูต าง ๆใหเปนระบบ (Organized)ตามลำดับการเรียนรู
ของนักเรียน และกระตุนใหน ักเรียนมีสวนรวมในการสรางองคความรูต ั้งแตเริ่มแรกและตลอดไป ท้ังน้ี
เพอ่ื การเรยี นรูท ่ีมปี ระสทิ ธิผล
อยางไรก็ตาม มีขอสังเกตวา การวางแผนการจัดการเรียนรูท ่ีมีการกำหนดวิธีการจัดการเรียนรู
การลำดับบทเรียน รวมท้ังสื่อและแหลงการเรียนรูท ่ีเฉพาะเจาะจงนั้นจะประสบผลสำเร็จไดก ็ตอเม่ือครู
ไดม กี ารก ำหนดผ ลลพั ธป ลายทาง ห ลกั ฐาน และวธิ กี ารวดั และป ระเมนิ ผลท แี่ สดงวา น กั เรยี นม ผี ลการเรยี น
รตู ามท กี่ ำหนดไวอยา งแทจ รงิ แลว ก ารจดั ก จิ ก รรมการเรยี นรเู ปน เพยี งสอ่ื ท จี่ ะน ำไปสเู ปา ห มายความสำเรจ็
ท่ีตองการเทานั้น ดวยเหตุน้ีถาครูมีเปาหมายที่ชัดเจนก็จะชวยทำใหการวางแผนการจัดการเรียนรูแ ละ
การจัดก ิจกรรมการเรยี นรสู ามารถท ำใหน ักเรยี นเกิดผ ลสมั ฤทธต์ิ ามท่ีกำหนดไวได
โดยสรุปจึงกลา วไดวา ข้นั น เี้ ปน การค น หาส ื่อก ารเรียนรู แหลงการเรียนรู และกิจก รรมการเรียนรู
ทีส่ อดคลอ งเหมาะสมกบั น ักเรยี น กิจกรรมท ่กี ำหนดข้ึนค วรเปนก ิจกรรมท จี่ ะส ง เสริมใหน กั เรยี นส ามารถ
สรางและสรปุ เปน ความคิดรวบยอดและหลักการทสี่ ำคญั ของส าระทเี่ รยี นรู ก อใหเกดิ ความเขา ใจท ี่คงทน
รวมทง้ั ค วามรสู กึ และคานิยมท ี่ดีไปพ รอม ๆ ก บั ท กั ษะค วามชำนาญ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ หนา ท่พี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1 15
Backw ardDesignTemplate
ผงั การออกแ บบการจัดการเรียนรู
ห นว ยก ารเรียนรูท ่ี
ขน้ั ท่ี 1 ผลลพั ธป ลายทางที่ตอ งการใหเ กิดขึ้นกับนักเรียน
ตัวชวี้ ดั ชว งชน้ั
ความเข้าใจที่คงทนของนกั เรียน คำถามสำคัญทีท่ ำให้เกดิ ความเข้าใจที่คงทน
นักเรียนจะเข้าใจว่า…
1. 1.
2. 2.
ความรูของนกั เรยี นท่นี ำไปสูความเขาใจท่ีคงทน ทกั ษะ/ความสามารถของนกั เรยี นท่นี ำไปสู่
นกั เรยี นจะรวู า… ความเขา้ ใจทค่ี งทน นกั เรยี นจะสามารถ...
1. 1.
2. 2.
3. 3.
ขัน้ ที่ 2 ภาระงานและการประเมินผลการเรียนร้ซู ึ่งเปน็ หลกั ฐานทแี่ สดงวา่ นกั เรยี นมผี ลการเรยี นรู้
ตามท่กี ำหนดไวอ้ ย่างแท้จรงิ
1. ภาระงานทน่ี ักเรียนตอ้ งปฏบิ ตั ิ
1.1
1.2
2. วิธกี ารและเครือ่ งมือประเมินผลการเรยี นรู้
2.1 วธิ กี ารประเมินผ ลการเรยี นรู 2.2 เคร่ืองมือประเมินผ ลการเรยี นรู
1)
2) 1)
2)
3. สิ่งทมี่ ุงป ระเมิน
3.1
3.2
3.3
ขั้นท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้
16 คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ หนา ท่ีพลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1
รปู แบบแผนการจดั การเรยี นรรู ายชว่ั โมงจากการออกแบบการจดั การเรยี นรตู ามแนวคดิ Backward
D esignเขียนโดยใชรูปแบบของแผนการจดั การเรยี นรแู บบเรยี งหัวขอ ซ่ึงมีรายละเอียดด งั น้ี
ชื่อแผน...(ระบุชอื่ และลำดับทีข่ องแผนการจดั การเรยี นรู)
ชอ่ื เรอ่ื ง...(ระบุชือ่ เรอ่ื งทจ่ี ะทำการจัดการเรยี นรู)
สาระท.่ี ..(ระบสุ าระท ใ่ี ชจดั การเรียนร)ู
เวลา...(ระบรุะยะเวลาท ่ใี ชในการจดั การเรียนรูต อ 1แผน)
หนวยการเรียนรูท.ี่ ..(ระบุช่ือและลำดับท ข่ี องหนว ยการเรียนร)ู
ชนั้ ...(ระบชุ ้ันท ่ีจดั การเรียนรู)
สาระสำคัญ...(เขียนค วามคิดรวบยอดหรอื ม โนทศั นของห ัวเรอ่ื งท ี่จะจัดการเรียนรู)
ตวั ช้วี ัดชวงช้นั ...(ระบตุ วั ชี้วดั ชว งชั้นท ่ใี ชเปนเปา หมายของแผนการจัดการเรียนร)ู
จดุ ประสงคก ารเรยี นร.ู ..ก ำหนดใหส อดคลอ งกบั ส มรรถนะส ำคญั และค ณุ ลกั ษณะอนั พ งึ ป ระสงค
ของนักเรียนหลังจากสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ซง่ึ ประกอบดว ยดา นความรู (Knowledge:K)ดา นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา นยิ ม (Affective:A)และ
ดานทกั ษะ/ก ระบวนการ (P erform ance:P)
การวัดและประเมินผลการเรียนรู...ระบุวิธีการและเคร่ืองวัดและประเมินผลที่สอดคลองกับ
จุดประสงคก ารเรยี นรทู ง้ั 3ดาน
สาระก ารเรียนรู...(ระบสุ าระและเนอื้ หาท่ใี ชจดั การเรยี นรู อาจเขยี นเฉพาะหวั เรอ่ื งก ไ็ ด)
แนวทางบรู ณาการ...(เสนอแนะและระบุก จิ กรรมของก ลุม ส าระอืน่ ท่บี รู ณาการรว มกัน)
กระบวนการจัดการเรียนรู...กำหนดใหส อดคลองกับธรรมชาติของกลุมสาระและการบูรณาการ
ขามสาระ
กิจกรรมเสนอแ นะ...(ระบรุ ายละเอียดของก ิจกรรมท ีน่ ักเรียนค วรป ฏบิ ัติเพ่ิมเติม)
สื่อ/แ หลงการเรียนร.ู ..(ระบสุ อื่ อปุ กรณ และแหลง การเรยี นรทู ใ่ี ชในการจดั การเรียนรู)
บันทึกหลังการจัดการเรียนรู...(ระบุรายละเอียดของผลการจัดการเรียนรูต ามแผนท่กี ำหนดไว
อาจน ำเสนอขอ เดนและขอดอ ยใหเปนขอมูลท ่สี ามารถใชเปน ส วนหน่งึ ของก ารทำวจิ ยั ในช้นั เรียนได)
ในสวนของการเขยี นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรูน ้ัน ใหค รูท่ีเขียนแผนการจดั การเรยี นรูน ำขน้ั ตอน
หลักของเทคนิค วิธีการของการจัดการเรียนรูท ี่เนนผูเรียนเปนศูนยกลาง เชน การเรียนแบบแกปญหา
การศึกษาเปนรายบุคคล การอภิปรายกลุมยอย/กลุมใหญ การฝกปฏิบัติการ การสืบคนขอมูล ฯลฯ
ม าเขียนในขน้ั สอน โดยใหค ำนงึ ถ ึงธรรมชาตขิ องกลมุ ส าระการเรยี นรู
การใชแนวคิดของการออกแบบการจัดการเรียนรูต ามแนวคิด BackwardDesignจะชวยใหค รู
มีความมั่นใจในการจดั การเรยี นรู และใชแผนการจดั การเรียนรูของ B ในการจัดการเรียนรูไดอยา ง
มปี ระสทิ ธภิ าพต อไป
30 คู่มอื ครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1
6. แนวทางบ ูรณาการ
ภาษาไทย ê ฟงั พูด อา่ น เขยี นเกยี่ วกบั ก ารจัดระเบยี บส งั คม
ศลิ ปะ ê ทำสมุดภาพข่าวเก่ียวกับนโยบายการจัดระเบียบสังคมของรัฐบาล
ชดุ ปัจจุบนั
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขนั้ ท ่ี 1 นำเข้าสู่บทเรียน
1. ครูแจง้ ตวั ชวี้ ดั ช่วงชัน้ และจุดประสงคก์ ารเรยี นรใู้ ห้นกั เรียนท ราบ
2. ครใู หน้ กั เรยี นด ภู าพขา่ วเกยี่ วกบั น กั เรยี นท มี่ พี ฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสมเขา้ รบั การอบรมในค า่ ยทหาร
ภาพขา่ วเกยี่ วกบั ก ารป ระกาศส งครามก บั ย าเสพตดิ แลว้ ซกั ถามน กั เรยี นวา่ เปน็ ขา่ วเกย่ี วกบั อะไร น กั เรยี น
ชว่ ยกันตอบ ครสู รปุ เพอ่ื เช่ือมโยงเขา้ สู่เน้อื หาท ี่จะเรยี น
ขนั้ ท ี่ 2 กิจก รรมการเรยี นรู้
3. ครูอธบิ ายเกยี่ วกับก ารจดั ระเบยี บส ังคม
4. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับการจัดระเบียบสังคมและใหตอบคำถามในประเด็นต่าง ๆ
เช่น
1) เหตุใดจึงตอ้ งมกี ารจัดระเบียบส ังคม
2) บรรทัดฐานเป็นองค์ประกอบสำคัญท่ีสุดในการจัดระเบียบสังคม นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่
เพราะเหตุใด
3) สังคมมวีธิ ีควบคุมส มาชิกให้ปฏิบัติตามบรรทัดฐานทางสังคมอย่างไร
4) ยกตัวอย่างจารีตและวิถีชาวบ้านของสังคมไทยที่ยังคงหลงเหลืออยูในปัจจุบันมาอย่างละ
3 ประการ
5) บทบาทท างสังคมม ีความส ัมพันธก์ ับส ถานภาพทางสงั คมอยา่ งไร
6) เหตใุ ดจงึ ตอ้ งม กี ารค วบคมุ ท างสงั คม
5. ครูสมุ่ นักเรยี น 4 คน ออกมาเขยี นค ำตอบค นละ 1 ขอ้ ความ บนกระดาน
6. ครูเฉลยคำตอบ จากนั้นให้นักเรียนศึกษาเร่ือง การจัดระเบียบสังคม จากสื่อการเรียนรู้ หรือ
จากแหลง่ ก ารเรียนรอู้ นื่ ๆ
7. ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ เปน็ 2 ฝา่ ย จดั โตว้ าทใี นหวั ขอ การป ดิ สถานบ รกิ ารม ผี ลดตี อ่ ก ารจดั ระเบยี บ
ทางสงั คมจริงห รือ
8. ครูดำเนินรายการโต้วาที และเร่ิมโต้วาที เมื่อจบแล้วครูชมเชยในการทำกิจกรรม เสร็จแล้ว
เปดิ โอกาสให้น ักเรียนซกั ถามขอ้ สงสยั
9. ในขณะป ฏบิ ตั กิ จิ กรรมของน กั เรยี น ใหค้ รสู งั เกตพ ฤตกิ รรมในการท ำงานและการน ำเสนอผ ลงาน
ของน ักเรยี นตามแบบป ระเมินพ ฤติกรรมในก ารท ำงานเป็นรายบคุ คลหรือเป็นกล่มุ
ขนั้ ท ่ี 3 ฝึกฝนผ ้เู รยี น
10. ครูให้น ักเรียนท ำส มุดภาพข่าวเกีย่ วกับน โยบายการจดั ระเบยี บส ังคมของรฐั บาลชุดปัจจุบนั
11. ครใู ห้นักเรียนท ำกิจกรรมท ีเ่ ก่ยี วกบั ก ารจัดระเบียบท างสงั คม แลว้ ช่วยกนั เฉลยคำตอบ
คู่มือครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนาท่พี ลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1 31
ขนั้ ท ี่ 4 นำไปใช้
12. ให้นักเรียนเขียนบทความเกี่ยวกับการจัดระเบียบทางสังคม แล้วนำผลงานของทุกคนมาจัด
ปา้ ยน เิ ทศ
ขน้ั ท ี่ 5 สรุป
13. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การจัดระเบียบทางสังคม โดยอาจให้นักเรียนสรุป
เปน็ แผนที่ความคิด
8. กิจกรรมเสนอแนะ
ครใูห้นกั เรยี นร่วมกนั ศ กึ ษาเร่อื งการจัดระเบยี บท างสังคม เพอ่ื น ำเสนอผ ลงานในช้นั เรียน
9. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรียน
2. ภาพข่าวเกี่ยวกับนักเรียนท่ีมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมท่ีเข้ารับการอบรมในค่ายทหาร ภาพข่าว
เก่ียวกบั การประกาศส งครามก บั ย าเสพตดิ
3. สือ่ ก ารเรยี นรู้ หน้าทพ่ี ลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนนิ ชีวิตในสังคม สมบรู ณแ์ บบ ม. 4–6
เล่ม 1 บรษิ ทั สำนกั พมิ พ์วัฒนาพ านิช จำกัด
4. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ ืน้ ฐาน หนา้ ท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนนิ ชีวติ ในสังคม ม. 4–6
เล่ม 1 บริษทั สำนกั พิมพ์วัฒนาพ านิช จำกดั
5. แบบฝ กึ ท กั ษะ รายวชิ าพ น้ื ฐาน หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรม และก ารด ำเนนิ ชวี ติ ในสงั คม ม. 4–6
เล่ม 1 บริษัท สำนักพิมพ์วฒั นาพ านิช จำกัด
10. บันทกึ ห ลังการจัดการเรยี นร ู้
1. ความสำเร็จในการจดั การเรยี นรู ลงชื่อ / ผูสอน
แนวทางการพัฒนา /
2. ปญหา/อุปสรรคในการจดั การเรยี นรู
แนวทางแกไข
3. ส่งิ ท ีไ่ มไ ดป ฏบิ ัตติ ามแผน
เหตผุ ล
4. การปรบั ป รุงแผนการจดั การเรยี นรู
32 คมู่ อื ครู แผนการจัดการเรียนรู้ หนา ที่พลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3
การขัดเกลาท างสังคม
สาระท่ ี 2 หนาที่พลเมอื งวฒั นธรรม
และการดำเนินชีวติ ในสงั คม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4–6 เลม 1
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 สังคม เวลา 1 ช่วั โมง
1. สาระสำคัญ
การขัดเกลาทางสังคมทำให้คนปรับตัวและปฏิบัติตามบรรทัดฐานที่สังคมกำหนด แบ่งเป็น 2 วิธี
คือ การขัดเกลาทางตรง และก ารขัดเกลาท างอ้อม
2. ตัวชีว้ ดั ช่วงชั้น
• วิเคราะห์ค วามสำคัญของโครงสร้างทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม และการเปล่ียนแปลง
ทางสังคม (ส 2.1 ม. 4–6/2)
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายความห มาย ความส ำคัญ และวธิ กี ารขัดเกลาทางสงั คมได้ (K)
2. เห็นค ณุ คา่ และความส มั พันธ์ของก ารขัดเกลาทางสังคม (A)
3. วเิ คราะห์และรว่ มกนั อภิปรายเกย่ี วกบั ค ุณคา่ และความสำคญั ของก ารขัดเกลาทางสังคม (P)
4. การวัดและป ระเมนิ ผลการเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ดานทักษะ/กระบวนการ (P)
1. ซักถามความรเู้ รือ่ ง และคานิยม (A) • ประเมนิ พฤติกรรมในการ
การขัดเกลาทางสงั คม • ประเมินพฤติกรรมในการ ทำงานเป็นรายบุคคลและ
2. ตรวจผลงาน/กจิ กรรม ทำงานเป็นรายบคุ คลในด้าน เป็นกล่มุ ในด้านการสอื่ สาร
ความมีวินยั ความใฝ่เรียนรู้ การคดิ การแก้ปญั หา ฯลฯ
เป็นรายบุคคลหรอื เป็นกลุ่ม ฯลฯ
5. สาระการเรียนรู้
• การขัดเกลาทางสงั คม
1. ความห มายและความสำคญั ของก ารขัดเกลาทางสงั คม
2. ประเภทของการขดั เกลาท างสังคม
3. วธิ กี ารขดั เกลาท างสังคม
คูม่ อื ครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนาทพ่ี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1 33
6. แนวทางบ รู ณาการ ê ฟงั พูด อ่าน เขียน เกี่ยวกบั การขัดเกลาทางสงั คม
ภาษาไทย
การงานอาชีพฯ ê สบื คน้ ข้อมูลเกยี่ วกบั ก ารขัดเกลาทางสังคม
7. กระบวนการจดั การเรียนรู้
ข้ันท ่ี 1 นำเข้าสู่บทเรียน
1. ครูแจง้ ตัวชวี้ ดั ชว่ งชัน้ และจดุ ประสงคก์ ารเรียนรใู้ ห้นกั เรยี นท ราบ
2. ครูซักถามนักเรียนว่าการอยู่ร่วมกันในสังคมจำเป็นต้องมีการปรับตัวเข้าหากันหรือไม่ เพราะ
เหตุใด โดยครูสุ่มเลือกนักเรียน 4–6 คน ออกมาตอบคำถาม และให้นักเรียนคนอ่ืน ๆ เสริมความรู้
เพม่ิ เติมจากทเ่ี พอ่ื นพ ูด จากนนั้ ครสู รุปเพอ่ื เชอื่ มโยงเขา้ สูเ่ น้อื หาท ีจ่ ะเรยี น
ขั้นท ่ี 2 กิจก รรมการเรียนรู้
3. ครูอธิบายเก่ียวกับการขัดเกลาทางสังคม แล้วสุ่มเลือกนักเรียนออกมาแสดงความคิดเห็นว่า
ถา้ ไมม่ ีการขดั เกลาทางสังคมจะท ำใหส้ งั คมเป็นอยา่ งไร
4. ครสู รปุ คำต อบและอธิบายเพ่ิมเตมิ พร้อมทง้ั ชมเชยให้กำลงั ใจน กั เรียนท ต่ี อบคำถาม
5. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน ศึกษาข้อมูลเรื่อง การขัดเกลาทางสังคม โดยให้
แตล่ ะก ลุม่ ช่วยเหลือและใหค้ วามรู้กนั ในก ล่มุ แลว้ บนั ทกึ ขอ้ มูลล งในแบบบนั ทึกค วามรู้
6. ครูให้นักเรียนท ำใบงานเรือ่ ง การขัดเกลาท างสังคม
7. ในขณะป ฏบิ ตั กิ จิ กรรมของน กั เรยี น ใหค้ รสู งั เกตพ ฤตกิ รรมในการท ำงานและการน ำเสนอผ ลงาน
ของน กั เรียนตามแบบป ระเมินพ ฤตกิ รรมในก ารทำงานเปน็ รายบคุ คลหรือเป็นกล่มุ
ขน้ั ท ่ ี 3 ฝกึ ฝนผ ้เู รยี น
8. ครูใหน้ ักเรียนท ำกิจกรรมเกย่ี วกับก ารขัดเกลาท างสงั คม และชว่ ยกันเฉลยคำตอบ
ขั้นท ี่ 4 นำไปใช้
9. ครูใหน้ ักเรียนน ำค วามรเู้ รื่องก ารขัดเกลาทางสังคมไปป ระยกุ ตใ์ช้ในชีวติ ประจำวนั
ข้ันท ี่ 5 สรุป
10. ครูและนักเรยี นร่วมกันส รุปความรู้เร่อื ง การขดั เกลาทางสงั คม โดยใหน้ ักเรียนสรุปเปน็ แผนท่ี
ความคดิ
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
ครใู ห้นกั เรียนศ กึ ษาค น้ ควา้ เพิ่มเติมเรอื่ ง การขดั เกลาทางสงั คม แลว้ นำมาจัดท ำเป็นรายงาน
9. ส่อื /แหลง่ ก ารเรียนรู้
1. ใบงานเรอื่ ง การขัดเกลาท างสงั คม
2. แบบบนั ทึกค วามรู
3. สือ่ ก ารเรียนรู้ หน้าทพี่ ลเมอื ง วัฒนธรรม และก ารดำเนินชวี ิตในสงั คม สมบรู ณ์แบบ ม. 4–6
เลม่ 1 บริษัท สำนักพมิ พว์ัฒนาพ านิช จำกัด
34 ค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ หนา ท่ีพลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1
4. หนงั สอื เรียน รายวิชาพ ืน้ ฐาน หนา้ ท่ีพลเมอื ง วฒั นธรรม และการด ำเนินชีวิตในสงั คม ม. 4–6
เลม่ 1 บริษัท สำนักพิมพว์ฒั นาพ านิช จำกัด
5. แบบฝ กึ ท กั ษะ รายวชิ าพ น้ื ฐาน หนา้ ที่พ ลเมอื ง วฒั นธรรม และก ารด ำเนนิ ชวี ติ ในส งั คม ม. 4–6
เล่ม 1 บรษิ ัท สำนกั พิมพ์วฒั นาพ านิช จำกดั
10. บนั ทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้
1. ความสำเร็จในการจัดการเรยี นรู ลงชอ่ื / ผสู อน
แนวทางการพัฒนา /
2. ปญหา/อปุ สรรคในการจัดการเรียนรู
แนวทางแกไ ข
3. สิง่ ทไ่ี มไดป ฏบิ ัตติ ามแผน
เหตุผล
4. การปรับป รุงแผนการจดั การเรียนรู
คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ หนา ท่พี ลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1 35
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 4
ลักษณะสงั คมไทย
สาระที่ 2 หนาทพี่ ลเมอื งวัฒนธรรม
และการดำเนนิ ชีวติ ในสังคม ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4–6 เลม 1
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 สงั คม เวลา 1 ช่วั โมง
1. สาระสำคญั
สงั คมไทยเปน็ สงั คมท มี่ ชี วี ติ ค วามเปน็ อยรู่ ว่ มกนั ม าย าวนาน มวี ฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี มป ระเพณี
และภาษาเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ซึ่งประกอบด้วยการเคารพและเทิดทูนพระมหากษัตริย์ คนไทย
ส่วนใหญน่ บั ถอื พ ระพุทธศาสนา มขีนบธรรมเนยี มประเพณที ่ีเป็นวถิ ีชีวิตร่วมกนั ในสงั คม และสงั คมไทย
มีค่านิยมทางสังคมร่วมกัน เป็นสังคมเกษตรกรรม มีโครงสร้างแบบหลวม ๆ มีการแบ่งชนช้ันกัน
สถาบนั สงั คมของไทยที่ส ำคญั ประกอบดว้ ยสถาบันครอบครัว สถาบนั การศกึ ษา สถาบนั ศาสนา สถาบนั
เศรษฐกิจ และสถาบนั การเมอื งก ารปกครอง
2. ตัวช้ีวดั ชว่ งช้นั
• วิเคราะห์ค วามสำคัญของโครงสร้างทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม และการเปลี่ยนแปลง
ทางสงั คม (ส 2.1 ม. 4–6/2)
3. จดุ ประสงค์ก ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายลกั ษณะท่ัวไปของส งั คมไทยได้ (K)
2. เหน็ คณุ ค่าและความส ำคญั ของลักษณะท วั่ ไปของสังคมไทยและสถาบันสังคมของไทย (A)
3. อภิปรายเกี่ยวกบั ล กั ษณะท ัว่ ไปของสงั คมไทยและสถาบันสังคมของไทย (P)
4. การวัดและป ระเมินผ ลการเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ดา นท กั ษะ/กระบวนการ (P)
1. ทดสอบหลังเรียน และคานยิ ม (A) • ประเมนิ พฤตกิ รรมในการ
2. ซกั ถามความรเู้ ร่ือง
• ประเมินพฤติกรรมในการ ทำงานเปน็ รายบคุ คลและ
ลักษณะสงั คมไทย ทำงานเป็นรายบุคคลในดา้ น เป็นกลมุ่ ในด้านการสื่อสาร
3. ตรวจผลงาน/กจิ กรรม ความมีวนิ ยั ความใฝเ่ รยี นรู้ การคิด การแกป้ ญั หา ฯลฯ
ฯลฯ
เป็นรายบุคคลหรอื เปน็ กลมุ่
36 คมู่ ือครู แผนการจัดการเรียนรู้ หนา ที่พลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1
5. สาระการเรยี นรู้
• ลกั ษณะส งั คมไทย
1. ลกั ษณะท ั่วไปของส ังคมไทย
2. สถาบนั สงั คมของไทย
6. แนวทางบ ูรณาการ
ภาษาไทย ê ฟงั พดู อ่าน เขียน เก่ยี วกับล ักษณะสงั คมไทย
ศิลปะ ê จัดปา้ ยน ิเทศเกีย่ วกับล กั ษณะส ังคมไทยและสถาบนั สังคมของไทย
7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้
ขั้นท ่ี 1 นำเข้าสู่บทเรียน
1. ครูแจ้งตวั ชวี้ ดั ชว่ งชน้ั และจุดประสงคก์ ารเรียนรใู้ ห้นกั เรยี นท ราบ
2. ครูให้นักเรียนดูภาพการแต่งงานของคนไทย ภาพการประกอบอาชีพ แล้วร่วมกันแสดง
ความคดิ เหน็ ครูอธิบายส รปุ เพอื่ เช่อื มโยงเขา้ สู่เนอื้ หาท ่จี ะเรยี น
ขนั้ ท ี่ 2 กิจก รรมการเรียนรู้
3. ครสู นทนาก ับน ักเรียนเกีย่ วกบั ล ักษณะส งั คมไทย
4. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน ให้แต่ละกลุ่มสำรวจสภาพสังคมและสถาบันสังคม
ในท้องถิ่นของต นเองว่าเปน็ อยา่ งไรบ้าง แลว้ บ นั ทกึ ผล
5. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำผลการสำรวจมาร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นและวิเคราะห์
วา่ ป ัจจัยใดทท่ี ำใหส้ ังคมมีการเปลีย่ นแปลง
6. ครูสนทนาก บั น กั เรียนเกีย่ วกับล กั ษณะทั่วไปของส ังคมไทย
7. ครูให้นักเรียนแบ่งเป็น 2 กลุ่ม จัดอภิปรายโต้วาทีในญัตติ “ถ้าเป็นไปได้อยากอยู่ในสังคม
ชนบทม ากกว่าสังคมเมอื ง”
8. ครูบอกก ติกาของการแขง่ ขนั โต้วาที
9. ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาโต้วาที เม่ือจบแล้วรวบรวมคะแนนและให้รางวัลแก่ฝ่าย
ท ี่ชนะ แล้วค รอู ธิบายเพ่ิมเตมิ
10. ในขณะป ฏบิ ตั กิ จิ กรรมของน กั เรยี น ใหค้ รสู งั เกตพ ฤตกิ รรมในการท ำงานและการน ำเสนอผ ลงาน
ของนกั เรียนตามแบบป ระเมนิ พ ฤติกรรมในการท ำงานเป็นรายบุคคลหรอื เป็นกลุม่
ข้ันที่ 3 ฝกึ ฝนผ้เู รียน
11. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมเก่ียวกับลักษณะสังคมไทยและแบบทดสอบการวัดและประเมินผล
การเรียนรปู ระจำห น่วยก ารเรียนรู้ และชว่ ยกันเฉลยคำตอบ
ขั้นที่ 4 นำไปใช้
12. ครูให้นกั เรียนย กตัวอย่างสถาบนั สังคมของไทย
13. ครูให้นักเรียนจัดป้ายนิเทศเร่ือง ลักษณะสังคมไทยและสถาบันสังคมของไทย เพ่ือเผยแพร่
ความรู้
คมู่ อื ครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนา ทีพ่ ลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1 37
ข้นั ท ่ี 5 สรปุ
14. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันส รุปความรู้เรอื่ ง ลักษณะสังคมไทย โดยให้จดั ทำเปน็ รายงาน
15. ครูให้นกั เรยี นท ำแบบทดสอบห ลังเรียนและช่วยกนั เฉลยคำตอบ
8. กิจกรรมเสนอแนะ
ครใู ห้นกั เรยี นศ กึ ษาค น้ คว้าเพิ่มเติมเรือ่ ง ลักษณะส งั คมไทย แล้วนำมาจัดทำเป็นรายงาน
9. สือ่ /แหล่งก ารเรียนรู้
1. ภาพการแตง่ งานของค นไทย ภาพก ารป ระกอบอาชีพ
2. แบบทดสอบก ่อนเรียนและห ลังเรยี น
3. สื่อก ารเรยี นรู้ หน้าทพ่ี ลเมอื ง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม สมบรู ณแ์ บบ ม. 4–6
เลม่ 1 บริษัท สำนกั พิมพ์วฒั นาพ านชิ จำกัด
4. หนงั สือเรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน หนา้ ที่พลเมอื ง วฒั นธรรม และการด ำเนนิ ชวี ิตในส งั คม ม. 4–6
เล่ม 1 บรษิ ทั สำนกั พิมพ์วฒั นาพ านชิ จำกดั
5. แบบฝ กึ ท กั ษะ รายวชิ าพ น้ื ฐาน ห นา้ ทพี่ ลเมอื ง วฒั นธรรม และก ารด ำเนนิ ชวี ติ ในสงั คม ม. 4–6
เล่ม 1 บริษทั สำนกั พิมพว์ฒั นาพ านชิ จำกดั
10. บนั ทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้
1. ความ สำเรจ็ ในการจดั การเรียนรู ลงชื่อ / ผูส อน
แนวทางการพฒั นา /
2. ปญ หา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู
แนวทางแกไ ข
3. สิง่ ท ่ไี มไดปฏิบตั ติ ามแผน
เหตผุ ล
4. การปรับป รงุ แผนการจัดการเรยี นรู
2การเปล่ยี นแปลง
และพัฒนาทางสงั คม
เวลา 4 ชว่ั โมง
ผังมโนทัศนเปา หมายการเรยี นรแู ละขอบขา ยภาระงาน/ชนิ้ งาน
ความรู
1. การเปลี่ยนแปลงทางสงั คม
2. ปัญหาสังคม
3. แนวทางการแก้ไขปญั หาและพฒั นาสังคม
ภาระงาน/ชนิ้ งาน ¡ÒÃáทàÅ»าÐงžสÂÕè งั²Ñ¹คá¹ม»Òŧ คุณธรรม จรยิ ธรรม
และคา นิยม
1. ทÓแบบทดสอบ ทักษะ/กระบวนการ
2. การอÀÔปรายแสดง 1. มีวนิ ัย
1. การสèอ× สาร 2. ใ½เ† รียนรู
ความคดิ เห็น 2. การคิด 3. รบั ผดÔ ªอบ
3. บันทÖกผลการสÓรวจ 3. การแกไ ขปัญหา 4. รกั ความเปน็ ไทย
4. การแสดงละคร 4. การใช้กระบวนการกลมุ่ 5. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน
5. การใชเ้ ทคโนโลยี
คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ หน้าท่ีพลเมอื งฯ ม. 4–6 เล่ม 1 39
ผงั การออกแบบการจัดการเรียนรู้
หนว ยการเรยี นรทู้ ่ี 2
การเปลยี่ นแปลงและการพัฒนาทางสงั คม
ขั้นท่ี 1 ผลลพั ธปลายทางที่ตอ้ งการให้เกิดขึ้นกับนักเรยี น
ตวั ชว้ี ดั ช่วงช้ัน
• วเิ คราะหค์ วามสำคญั ของโครงสรา้ งทางสงั คม การขดั เกลาทางสงั คม และการเปลยี่ นแปลงทางสงั คม
(ส 2.1 ม. 4–6/2)
ความเข้าใจทค่ี งทนของนักเรียน คำ¶ามสำคัÞทท่ี ำใหเ้ กิดความเขา้ ใจท่คี งทน
นกั เรียนจะเข้าใจวา่ ... 1. การเปล่ียนแปลงทางสังคมมีผลต่อสถาบัน
1. การเปลยี่ นแปลงทางสงั คมเปน็ การปรบั เปลย่ี น สงั คมอย่างไร
ระเบียบองค์กรทางสังคม ท้ังด้านสถาบันหรือ 2. ปญั หาสงั คมเกดิ ขน้ึ ไดอ้ ย่างไร
แบบแผนของบทบาททางสังคม 3. การแกไ้ ขปญั หาสงั คมทำไดอ้ ย่างไร
2. ปัญหาสังคมมีผลกระทบต่อส่วนรวม ดังน้ัน
สมาชิกทุกคนจะต้องช่วยกันแก้ไขเพ่ือท่ีจะได้
อยู่รว่ มกนั ในสงั คมไดอ้ ยา่ งสงบสุข
3. แนวทางการแก้ไขปัญหาสังคมจะต้องทำใน
ทกุ ระดบั ทง้ั ระดบั บคุ คล สงั คม และประเทศชาติ
ส่วน แนว ทางการ พัฒนา สังคม ของ ไทย จะ
ดำเนินการ ตาม แผน พัฒนา เศรษฐกิจ และ
สังคมแห่งชาติ
ความรู้ของนักเรียนท่ีนำไปสู่ความเข้าใจท่ีคงทน ทักษะ/ความสามาร¶ของนักเรยี นทนี่ ำไปส่คู วาม
นกั เรียนจะรวู้ ่า... เข้าใจท่ีคงทน นักเรยี นจะสามาร¶...
1. คำสำคญั ไดแ้ ก่ นวตั กรรม สนธสิ ญั ญาเบาวร์ งิ 1. อธิบายความหมายและความสำคัญของการ
ทุนนิยม กระบวนทัศน์ เศรษฐกิจพอเพียง เปลี่ยนแปลงทางสงั คม
ธรรมาภบิ าล 2. วิเคราะหเ์ กยี่ วกบั ปัญหาทางสงั คม
2. การเปลยี่ นแปลงทางสงั คมเปน็ การปรบั เปลยี่ น 3. มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและการพัฒนา
ระเบยี บองค์กรทางสงั คม ทั้งดา้ นสถาบนั หรือ สงั คม
แบบแผนของบทบาททางสงั คม ซง่ึ การเปลย่ี น-
แปลงทางสังคมเกิดจากปัจจัยภายใน ปัจจัย
ภายนอก รปู แบบของการเปลยี่ นแปลงทางสงั คม
การเปลย่ี นแปลงทางสงั คมไทย
40 คูม่ อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ หนาที่พลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1
3. ปัญหาสังคมมีผลกระทบต่อส่วนรวม ดังนั้น
สมาชิกทุกคนจะต้องช่วยกันแก้ไขเพ่ือที่จะได้
อยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมไดอ้ ยา่ งสงบสขุ ปญั หาสงั คม
ที่สำคัญได้แก่ ปัญหาประชากรไทย ปัญหา
ผู้พิการในสังคมไทย ปัญหาสุขภาวะของ
ประชาชนไทย ปัญหาความรู้ความเข้าใจเร่ือง
สิทธิของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ปัญหาค่านิยม
และการทำงานอาสาสมัคร ปัญหาระบบและ
คุณภาพงานสวัสดิการสังคม
4. แนวทางการแก้ไขปัญหาสังคมจะต้องทำในทุก
ระดับทั้งระดับบุคคล สังคม และประเทศชาติ
สว่ นแนวท างการพ ฒั นาสงั คมของไทยจะดำเนนิ
การตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง
ชาติ ไดแ้ ก่ ความตอ งการพ ฒั นาสงั คม การพฒั นา
สงั คมของประเทศไทย
ขน้ั ที่ 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ซง่ึ เป็นหลักฐานทแี่ สดงว่านักเรยี นมีผลการเรียนรู้
ตามท่ีกำหนดไว้อยา่ งแทจ้ ริง
1. ภาระงานทนี่ กั เรียนตองป ฏิบัติ
1.1 เลน่ เกมต อบค ำถามเก่ยี วกับก ารเปลีย่ นแปลงท างสงั คม
1.2 สำรวจปญั หาสงั คมในชมุ ชน
1.3 แสดงละครเก่ยี วกับแนวทางในก ารแกไ้ ขป ญั หาและพัฒนาส งั คม
2. วธิ กี ารและเครอ่ื งมอื ประเมนิ ผลการเรยี นรู้
2.1 วธิ ีการประเมินผลการเรียนรู้ 2.2 เคร่อื งมอื ป ระเมินผลการเรียนรู
1) การทดสอบ 1) แบบทดสอบก อนเรียนและหลังเรยี น
2) การประเมินผลงาน/กิจกรรม 2) แบบป ระเมินผลงาน/กิจกรรม
เป็นรายบุคคลหรอื เป็นกลุม่ เป็นรายบคุ คลและเปน กลุม
3) การประเมินด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม 3) แบบประเมนิ ด า นคุณธรรม จริยธรรม
และคา่ นยิ ม และคานยิ ม
4) การประเมินด้านทักษะ/กระบวนการ 4) แบบประเมินดา นทกั ษะ/กระบวนการ
3. สง่ิ ทม่ี งุ่ ประเมนิ
3.1 ความเข้าใจ 6 ด้าน ไดแ้ ก่ การอธิบาย ชีแ้ จง การแปลความและตีความ การประยุกต์ ดัดแปลง
และนำไปใช้ การมมี มุ มองท่ีหลากหลาย การใหค้ วามสำคญั และใส่ใจในความรสู้ ึกของผู้อนื่
และการรู้จกั ตนเอง
คมู่ อื ครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1 41
3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ เชน่ การสอ่ื สาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใชเ ทคโนโลยี กระบวนการกลมุ่
3.3 คณุ ธรรม จริยธรรม และค่านยิ ม เช่น รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซอ่ื สัตยส์ ุจริต มวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู
อยอู่ ย่างพอเพียง มุ่งมนั่ ในการทำงาน รกั ค วามเปน็ ไทย มจี ติ สาธารณะ
ขนั้ ท ี่ 3 แผนการจัดการเรียนรู เวลา 1 ชัว่ โมง
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 5 การเปลี่ยนแปลงท างสังคม เวลา 2 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 6 ปัญหาท างสงั คม เวลา 1 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 7 แนวท างการแก้ไขปญั หาและพฒั นาท างสงั คม
42 คูม่ อื ครู แผนการจัดการเรียนรู้ หนา ทพี่ ลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 5
การเปล่ยี นแปลงทางสงั คม
สาระท ่ี 2 หนาทพ่ี ลเมืองวัฒนธรรม
และการดำเนินชวี ิตในสังคม ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 4–6 เลม 1
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 การเปลี่ยนแปลงและ
การพฒั นาทางสังคม เวลา 1 ชว่ั โมง
1. สาระสำคญั
การเปล่ียนแปลงทางสังคมเป็นกระบวนการเปล่ียนแปลงของระบบความสัมพันธ์ขององค์การ
ทางสังคม โดยให้ความสำคัญกับขนาดขององค์การทางสังคม ประเภทขององค์การทางสังคม ลักษณะ
ขององค์การทางสงั คม รวมท้งั สถานภาพและบทบาท
2. ตวั ชวี้ ดั ชว่ งชัน้
• วิเคราะห์ความสำคัญของโครงสร้างทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม และการเปลี่ยนแปลง
ทางสังคม (ส 2.1ม .4–6/2)
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายความห มายและค วามส ำคัญของการเปลยี่ นแปลงทางสงั คมได้ (K)
2. ตระหนักและเห็นค วามส ำคญั ของการเปล่ยี นแปลงทางสังคม (A)
3. วิเคราะหก์ ารเปลีย่ นแปลงท างสงั คมได้ (P)
4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ดา นท กั ษะ/กระบวนการ (P)
และคานยิ ม (A)
1. ทดสอบก ่อนเรยี น • ประเมินพฤติกรรมในการ • ประเมนิ พฤติกรรมในการ
2. ซักถามความร้เู รอื่ ง ทำงานเปน็ รายบคุ คลในด้าน ทำงานเป็นรายบคุ คลและ
การเปลยี่ นแปลงทางสงั คม ความมวี นิ ยั ความใฝ่เรียนรู้ เป็นกลุม่ ในดา้ นการส่อื สาร
3. ตรวจผ ลงาน/ก ิจกรรม ฯลฯ การคดิ การแกป้ ัญหา ฯลฯ
เป็นรายบคุ คลหรอื เปน็ กลมุ่
5 . สาระการเรียนรู้
• การเปลี่ยนแปลงทางสังคม
1. ความห มายของก ารเปล่ียนแปลงทางสงั คม
2. ปจั จัยทีท่ ำให้เกดิ ก ารเปลีย่ นแปลงทางสังคม
3. รูปแบบของก ารเปลีย่ นแปลงทางสังคม
คมู่ อื ครู แผนการจัดการเรียนรู้ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1 43
6. แนวทางบ รู ณาการ ê ฟงั พูด อา่ น เขียน เกี่ยวกับก ารเปล่ยี นแปลงท างสงั คม
ภาษาไทย
สขุ ศกึ ษาฯ ê เล่นเกมตอบค ำถามเกย่ี วกบั ก ารเปลยี่ นแปลงท างสังคม
7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้
ขั้นท ี่ 1 นำเขา้ สู่บทเรยี น
1. ค รูแจ้งตัวชว้ีัดช่วงชัน้ และจุดประสงค์การเรยี นรใู้ ห้นกั เรียนท ราบ
2. ค รูเกริ่นนำถึงเรื่องการเปล่ียนแปลงทางสังคม แล้วถามนักเรียนว่าสังคมในอดีตน้ันแตกต่าง
กับส ังคมป ัจจุบันอย่างไร เพ่อื ใหไ้ ด้ขอ้ สรุปท่ีจะเชอ่ื มโยงเข้าสเู น้ือหาท่ีจะเรยี น
ขัน้ ท ่ี 2 กจิ ก รรมการเรยี นรู้
3. ครสู นทนากับน ักเรยี นเกี่ยวกับก ารเปลี่ยนแปลงท างสงั คม
4. ค รูอธบิ ายเร่อื งการเปลย่ี นแปลงทางสังคม
5. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3–5คน เล่นเกมมุมสนทนา แล้วให้นักเรียนกลุ่มต่าง ๆ
ไปนง่ั ท ม่ี มุ ตา่ ง ๆ ของห อ้ งเรียน ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะก ลมุ่ ชว่ ยก นั คดิ คำตอบจากคำถามที่ก ำหนดให้ เช่น
1) การเปลี่ยนแปลงท างสังคมหมายความว่าอย่างไร
2) ปัจจัยใดบ า้ งท ท่ี ำใหเ้กิดการเปลี่ยนแปลงท างสงั คม
3) ก ารเกิดแผ่นดินไหวจดั เปน็ การเปลยี่ นแปลงท างสังคมได้หรอื ไม่ อย่างไร
4) อะไรท ที่ ำใหเ้ กิดก ารเปล่ยี นแปลงทางสังคมไทย
ครแู ละน ักเรยี นร่วมกับเฉลยคำต อบ
6. ในขณะปฏบิ ตั กิ จิ กรรมของนกั เรยี น ใหค รสู งั เกตพฤตกิ รรมในการท ำงานและการนำเสนอผ ลงาน
ของนักเรยี นตามแบบป ระเมินพ ฤตกิ รรมในการท ำงานเปนรายบ ุคคลหรอื เปนกลมุ
ข้ันท ่ี 3 ฝ กึ ฝนผเู้ รยี น
7. ครูให้น ักเรยี นท ำกจิ กรรมท ี่เกย่ี วกบั ก ารเปล่ยี นแปลงทางสงั คม และช่วยกนั เฉลยค ำตอบ
ขน้ั ที ่ 4 นำไปใช้
8. ค รูแนะนำให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมภายในท้องถ่ินของตน
นำมาเผยแพรค่ วามรู้
ขน้ั ท ี ่ 5 สรุป
9. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การเปล่ียนแปลงทางสังคม โดยให้นักเรียนสรุปเป็น
แผนทค่ี วามคิด
8. กิจกรรมเสนอแนะ
ครูใหน ักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเก่ียวกับเวลา การเปล่ียนแปลงทางสังคม แลวนำผลมาแลกเปล่ียน
เรยี นรกู ันในช้นั เรยี น
44 คูม่ อื ครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนาทพ่ี ลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1
9. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้
1. แบบทดสอบก ่อนเรียนและหลงั เรยี น
2. สื่อการเรยี นรู้ ห น้าท พ่ี ลเมือง วัฒนธรรม และการด ำเนนิ ชีวิตในส ังคม สมบูรณ์แบบ ม .4–6
เลม่ 1บรษิ ัท ส ำนกั พมิ พ์วัฒนาพ านชิ จำกัด
3.หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดำเนนิ ชวี ติ ในสงั คม ม.4–6
เลม่ 1บ ริษทั ส ำนกั พิมพว์ ฒั นาพ านชิ จำกัด
4. แบบฝ กึ ท กั ษะ รายวชิ าพน้ื ฐาน หนา้ ท พ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรม และก ารด ำเนนิ ชวี ติ ในสงั คม ม.4–6
เล่ม 1 บ ริษทั ส ำนักพมิ พว์ ฒั นาพ านิช จำกดั
10.บันทึกหลงั การจดั การเรยี นร ู้
1. ความสำเร็จในการจัดการเรียนรู ลงช่ือ / ผูสอน
แนวทางการพฒั นา /
2. ปญ หา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู
แนวทางแกไข
3. ส่ิงทไ่ี มไดปฏบิ ตั ติ ามแผน
เหตุผล
4. การปรับป รุงแผนการจดั การเรยี นรู