100 ค่มู อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ หนาทีพ่ ลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1
44. วฒั นธรรมไทยไดร บั อทิ ธพิ ลม าจากขอ ใด 50. วฒั นธรรมไทยหลัง พ.ศ. 2475 เปลี่ยน-
ก วัฒนธรรมจีน แปลงไปอยา งไร
ข วัฒนธรรมอนิ เดยี
ค วัฒนธรรมต ะวนั ตก ก ไดร ับอิทธพิ ลจากกระแสโลกาภิวตั น
ง ถกู ทกุ ขอ ข มีการรับวัฒนธรรมตะวันตกมาอยาง
45. ขอ ใดเปน วฒั นธรรมท างภ าษาแ ละวรรณคดี
รวดเร็ว
ของไทย ค ไดรับผลกระทบจากเทคโนโลยีอยาง
ก อาหารไทย
ข พทุ ธศาสนา ใหญหลวง
ค กริ ิยาทา ทาง ง ไดรับผลกระทบอยางมากจากระบอบ
ง บานเรือนไทย
46. ขอใดเปนวฒั นธรรมทางวัตถุ ทุนนิยมเสรี
ก ตมยำกุง 51. วัฒนธรรมไทยในชวงหลังสงครามเย็นมี
ข กฎหมาย
ค คริสตศาสนา ลกั ษณะอยา งไร
ง ประเพณลี อยกระทง ก มวี ัฒนธรรมท่ีเรยี บงา ย
47. ส่งิ ใดเปนวัฒนธรรมท างจิตใจ ข ไดร บั ผ ลกระทบจากโลกาภวิ ตั นอ ยา งมาก
ก อาวธุ ค วัฒนธรรมสวนใหญเก่ียวขอ งก บั
ข เสื้อผา เกษตรกรรม
ค ศลี ธรรม ง วัฒนธรรมด้ังเดมิ เร่ิมเปลีย่ นเปน
ง ยารักษาโรค วฒั นธรรมเมอื ง
48. วฒั นธรรมไทยมคี วามสำคัญอยา งไร 52. การอนุรกั ษวัฒนธรรมไทยควรปฏิบัติ
ก ชว ยธำรงความเปนไทย อยา งไร
ข ชว ยใหชาติไทยม เี อกลกั ษณ ก ไมเผยแพรใหผ อู น่ื รู
ค สรางค วามเจรญิ แกชาตไิทย ข เกบ็ รกั ษาไวอยางมิดชิด
ง ถูกทุกขอ ค หา มปรบั ปรุงห รือเปล่ยี นแปลง
49. วัฒนธรรมไทยกอน พ.ศ. 2475 เปนไป ง ปลูกฝงใหค นรุนหลังเห็นความสำคัญ
ในลกั ษณะใด ของวฒั นธรรม
ก มีความเปนเมืองอยางมาก 53. ใครจำเปนตองไดรับการปลูกฝงจิตสำนึก
ข เปน แบบวถิ ชีวี ติ เกษตรกรรม
ค เกี่ยวพนั กับก ระแสโลกาภวิ ตั น ในก ารอนุรักษวัฒนธรรมไทย
ง เลียนแบบวัฒนธรรมตะวันตกอยาง ก เด็ก
ข นักเรียน
แพรหลาย ค นกั ก ารเมือง
ง คนในสงั คมทุก ๆ คน
54. วัฒนธรรมทางครอบครัวของไทยในขอใด
ที่ตา งจากวัฒนธรรมสากลม ากท่สี ุด
ก การเคารพพ อ แม
ข ความซ่อื สัตยสจุ ริต
ค การส อนใหพ ่งึ ตนเอง
ง การใหค วามสำคัญกบั การศ กึ ษา
ค่มู อื ครู แผนการจัดการเรียนรู้ หนาท่ีพลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1 101
55. การบริหารจัดการองคความรูดานศาสนา 60. หากเราไมย อมรับค วามแ ตกตา งท าง
ศิลปะ และวัฒนธรรมมีวิธกี ารอยา งไร วฒั นธรรมจะสง ผลอยา งไร
ก ทำใหเ กดิ การแตกแยก
ก ใชเทคโนโลยีท่ีทันสมัยในการอนุรักษ ข ทำใหวฒั นธรรมกา วหนา ขึน้
วัฒนธรรม ค ทำใหวฒั นธรรมเปน เอกลกั ษณ
ง ทำใหวัฒนธรรมท่ดี ขี องชาตสิ ูญหายไป
ข จัดกจิ กรรมเชดิ ชวูัฒนธรรมท ่ีเปน 61. พลเมืองด ีคอื อะไร
เอกลกั ษณของชาติ ก ผทู ี่มชี อื่ เสียง
ค สงเสริมใหค นในชุมชนมีสวนรวมและ ข ผทู ีม่ ีฐานะร่ำรวย
ค ผทู ี่มีคนยกยอ งน บั ถือ
รว มด ำเนนิ การด วยต นเอง ง ผทู ี่มคี วามรับผิดชอบต อ ส งั คมและ
ง สง เสรมิ ใหม กี ารนำห ลกั ธรรมท างศ าสนา ศลี ธรรม
62. ใครเปน พลเมอื งด ี
มาใชในก ารดำเนินชวี ติ ก ตุยเลี้ยงสรุ าเพอ่ื น
56. วัฒนธรรมญ่ีปุนในขอใดที่คลายคลึงกับ ข เอกเปนผ ูนำชุมชน
ค กงุ ไมเ คยทำผดิ กฎหมาย
วัฒนธรรมไทยมากท ่ีสดุ ง ปนบำเพ็ญตนเปนประโยชนตอสังคม
ก ตรงตอ เวลา
ข ระลกึ บ ญุ คณุ และชวยเหลือผทู ่ีเดือดรอนเสมอ
ค ทำงานเปนทมี 63. การปฏิบัติตนเปนพลเมืองดีมีความสำคัญ
ง แยกแยะเร่ืองงานก ับเร่ืองส ว นตัว
57. ขอ ใดเปน ลกั ษณะของวฒั นธรรมไทยท ต่ี า ง อยางไร
ก สงั คมเกดิ ส นั ตสิ ุข
จากวัฒนธรรมส ากล ข มีชอื่ เสียงในส ังคม
ก เชือ่ มน่ั ในต นเอง ค คนในสังคมนยิ มชมชอบ
ข เช่ือในพรหมลิขติ ง ไดรับคำส รรเสรญิ เยนิ ยอ
ค เชอ่ื ในหลกั เหตุผล 64. ใครไมป ฏิบัติต ามกฎหมาย
ง เชอ่ื ในความเทาเทยี มก นั ของม นษุ ย ก จมุ ไมไปวัดในวันพระ
58. วฒั นธรรมใดของไทยท ตี่ า งจากวฒั นธรรม ข เกงซอ้ื เหลาไปดื่มในวดั
ค นอ ยใสรองเทาแตะไปโรงเรยี น
สากลแ ละถ อื เปน อปุ สรรคของก ารป กครอง ง ออ ไมส วมห มวกนิรภัยขณะขบั รถยนต
ในระบอบป ระชาธิปไตย 65. ใครตองปฏิบัติตามระเบียบของกรุงเทพ-
ก ระบบไพร
ข ความมเีหตุผล มหานคร
ค ความเทาเทียมก นั ก คนท ที่ ำงานในก รุงเทพมหานคร
ง การประนปี ระนอม ข คนท ีม่ ีภูมลิ ำเนาอยใูนกรงุ เทพมหานคร
59. ขอ ใดไมใ ช วธิ กี ารเลอื กรบั วฒั นธรรมสากล ค คนทเ่ี รยี นห นงั สอื อยใู นกรงุ เทพมหานคร
อยางม วีจิ ารณญาณ ง ถูกทุกขอ
ก การเขา สูโลกแหงอนาคต
ข การทำใหเกดิ ค วามส มดลุ
ค การทำใหเกดิ ค วามแตกตา ง
ง การเรียนรดู ว ยต นเองตลอดเวลา
102 คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ หนาทพ่ี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1
66. ลูกจะแ สดงความก ตญั ตู อ พอ แมเ ม่อื ใด 71. เมอื่ เพอ่ื นมคี วามค ดิ เหน็ ตา งจากเรา เราควร
ก เมอ่ื ทานแกช รา ป ฏิบตั อิ ยา งไร
ข เมื่อทานเจบ็ ปว ย
ค เมอ่ื ทานเดือดรอน ก เดินหนี
ง ไดท ุกเวลาและท ุกโอกาส ข เหน็ ดวยกบั ค วามคิดเพือ่ นท นั ที
67. การเนรเทศผูท่ีมีสัญชาติไทยออกนอก ค บอกวา ความคดิ ของเราถ ูกตองท ี่สดุ
ง รับฟงความคิดเห็นของเพ่ือนแลวนำมา
ประเทศเปนการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ
ในข อใด คิดเปรียบเทียบกับความเห็นของเรา
ก เสรีภาพในเคหสถาน ดวยเหตุผล
ข เสรีภาพในการส ือ่ สาร 72. ขอใดไมใช วัตถุประสงคของการรับฟง
ค เสรภี าพในก ารเดนิ ทางและก ารเลอื กถ นิ่ ความค ิดเห็นของผอู น่ื
ท่ีอยู ก นำขอมลู มาตัดสินใจ
ง สิทธิในครอบครัว เกียรติยศ ช่ือเสียง ข สรางความเขา ใจท ่ีถ กู ตอง
ขอมูลสวนบุคคล และความเปนอยู ค สนองความตองการของตนเอง
สวนตวั ง ประสานความตอ งการของท งั้ 2 ฝาย
68. นายวรี ะสนทิ ก บั น ายอทุ ยั มาก วันหนง่ึ นาย 73. เม่ือไดขอสรุปจากการรับฟงความคิดเห็น
อุทัยไมอยูบาน นายวีระจึงปนรั้วเขาไปใน แลวควรนำไปท ำอะไร
บานของนายอุทัยเพื่อไปเอาหนังสือที่ตน ก นำไปใชป ระกอบการต ดั สินใจ
ลืมไว กรณีน้ีนายวีระจะกระทำไดหรือไม ข เกบ็ ไวในทม่ี ดิ ชิด ไมต อ งใสใจ
เพราะอะไร ค นำไปเผยแพรใหผ ทู ี่ไมเหน็ ดวยอาน
ก ได เพราะสนิทกับน ายอุทยั ง นำไปวิเคราะหวามีขอใดบางที่ตนไม
ข ได เพราะไมไดเขาไปขโมยส ิง่ ของใด ๆ เหน็ ดว ย
ค ไมได เพราะเปนการละเมิดเสรีภาพใน 74. ใครม ีค วามรับผิดชอบ
เคหสถานของน ายอทุ ัย ก ตอมน ำขยะในบา นไปท งิ้ ไวขา งถนน
ง ไมได เพราะหากนายอุทัยกลับมาเห็น ข เอปลอยน้ำเสียที่ยังไมไดบ ำบัดลงใน
อาจจะท ำใหท ะเลาะกนั ได แมน ำ้
69. การเกณฑแ รงงานสามารถท ำไดใ นกรณใี ด ค แววใชวัตถุดิบที่มีคุณภาพในการปรุง
ก เมื่อมีก ารเลือกตั้งใหม อาหารขายแกล ูกคา
ข เม่อื มภี ัยพบิ ตั สิ าธารณะ ง ปยุ ใสส ารบ อแรกซล งในผ ลไมด องท ต่ี น
ค เมอ่ื มวี นั สำคญั ทางศาสนา ทำขายเพอ่ื ใหก รอบและนา รบั ประทาน
ง สามารถท ำไดในทกุ ๆ กรณี 75. หากปจจุบันนักเรียนมีอายุ 17 ป จะมี
70. เมื่อท ำผดิ เราจะตองป ฏิบตั ิตนอยา งไร สวนรวมในการเลือกตั้งในทองถิ่นได
ก ใหผ อู น่ื แกไ ข อยา งไร
ข ยอมรับและห าทางแก ก ไปใชส ทิ ธิเลือกตงั้
ค โยนความผดิ ใหก ับผ อู ื่น ข รณรงคก ารเลือกตงั้
ง ปลอ ยไวเฉย ๆ ไมต องส นใจ ค ลงสมคั รรับเลือกต้ัง
ง สมัครเปน คณะกรรมการการเลอื กต้งั
คูม่ ือครู แผนการจัดการเรียนรู้ หนา ท่ีพลเมืองฯ ม. 4–6 เลม 1 103
76. การแกปญหาของประเทศในขั้นของการ 79. ขอใดเปนการมีสวนรวมทางการเมืองการ
กำหนดนโยบายและวางแผนเปนหนาที่ ปกครองท่ีไมถ ูกตอ ง
ของใคร
ก วารีขบั รถพ าพ อท ี่ตาบอดไปเลอื กตง้ั
ก รัฐบาล ข เดก็ นกั เรยี นรว มสงั เกตการณก ารเลอื กตง้ั
ข ขาราชการ ค ชาวบานไปใชส ิทธิเลือกต้งั ในเวลา
ค นกั การเมือง 08.00 น.
ง ทกุ ภาคส ว นในส ังคม ง นกั ก ารเมอื งจดั งานเลย้ี งใหแกห วั คะแนน
77. เราจะแ กไ ขปญ หาวกิ ฤตการณด า นท รพั ยากร
ในคนื กอ นวันเลอื กตง้ั
ธรรมชาตไิ ดอยา งไร 80. เม่ือมีเหตุการณภัยพิบัติตาง ๆ เกิดขึ้น
ก ไมใชท รพั ยากรท ใ่ี ชแ ลวหมดไป
ข ใชใหเกดิ ป ระสิทธภิ าพน อยที่สุด ในประเทศ ในฐานะที่เปนพลเมืองดีของ
ค หมุนเวยี นทรัพยากรม าใชอกี ครัง้ สังคมค วรป ฏิบัตติ นอยา งไร
ง ใชท รัพยากรใหห มดเปน ไปท ลี ะอยา ง ก ไมต องใสใจ
78. ใครม คี ุณธรรมในดา นการพฒั นาสังคม ข ติดตามขาวต ลอดเวลา
ก นดิ ตรงตอ เวลา ค ใหค วามชวยเหลือ เชน บริจาคส่ิงของ
ข ปอมเชอื่ ฟงพอแม เปน อาสาสมคั ร
ค พิมรกั ษาส าธารณประโยชน ง ไมค วรเขาไปยุง เพราะอาจจะกอความ
ง เอมไมย งุ เก่ียวกับอบายมขุ ท ้งั ปวง วนุ วายแกเจาหนาทีท่ ี่ปฏบิ ตั งิ านอยู
ตอนที่ 2 ตอบคำถาม
1. การจัดระเบียบส ังคมมคี วามส ำคญั อยา งไร
การจัดระเบียบสังคมเปนการทำใหสังคมเกิดความมีระเบียบเรียบรอย มีความมั่นคง และสมาชิกของ
สังคมสามารถใชชีวิตของตนอยูในสังคมไดอยางสงบสุข ดังน้ันการจัดระเบียบสังคมจึงมีความสำคัญตอ
ทกุ สังคม เพราะหากไมม ีการจดั ระเบียบส งั คม สงั คมกจ็ ะไมส ามารถด ำเนนิ อยหู รอื ค งสภาพอยไูด
2. การขัดเกลาทางสังคมคอื อะไร มคี วามส ำคัญอยา งไร
การขัดเกลาทางสังคม คือ กระบวนการท่ีคนเรียนรูและซึมซับบรรทัดฐานและคานิยมของสังคมจากการ
สั่งสอนหรือบอกกันโดยตรง และจากการสังเกตของตนเอง เพื่อปรับตัวใหสามารถอยูรวมกับผูอื่นในสังคม
ไดอยา งเหมาะสม เปน สมาชกิ ท่ีดขี องส ังคม รวมทั้งเพ่ือพ ัฒนาบ คุ ลกิ ภาพของตนเอง
การขดั เกลาทางสงั คมม คี วามสำคัญเนือ่ งจากเปนส ิ่งชว ยใหค นป รบั ตวั และป ฏบิ ตั ติ ามบ รรทดั ฐานทส่ี ังคม
กำหนดไว
104 คูม่ อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ หนา ทีพ่ ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1
3. ระบบเศรษฐกจิ ไทยห ลังจากการท ำสนธสิ ัญญาเบาวร งิ เปลีย่ นแปลงไปอยางไร
เปลยี่ นจากระบบเศรษฐกจิ แบบพ อยงั ชพี ไปเปนการผ ลติ เพอื่ ก ารตลาด มคี วามต อ งการเงนิ ทุนห มนุ เวยี น
มากขึ้น กระบวนการผ ลิตและการจำหนายจะม ีนายทุนและผูประกอบการทต่ี องการผลตอบแทน
4. ปญหาของผ พู ิการในสงั คมไทยม ลี ักษณะอยางไร
ผูพกิ ารขาดสาธารณปู โภคพนื้ ฐานท เี่ หมาะสม การใหค วามชวยเหลอื ของรัฐบาลยังไมเหมาะสม เพียงพอ
รวมทัง้ ก ารขาดโอกาสของผ ูพิการ ขาดความเสมอภาคในการป ระกอบอาชพี และความมน่ั คงท างเศรษฐกจิ
5. วฒั นธรรมมคี วามส ำคัญอยางไร
1) เปน เคร่อื งสรางระเบยี บแกส ังคม
2) ทำใหเ กดิ ความเปน เอกภาพ
3) เปนตัวกำหนดรูปแบบของส ถาบนั
4) เปนเคร่อื งชวยแกปญหาและสนองค วามต องการของม นุษย
5) ชว ยใหประเทศชาตเิจรญิ ก าวหนา
6) เปนเครือ่ งแสดงเอกลักษณของชาต ิ
6. วัฒนธรรมทางด า นค วามเช่อื และคา นยิ มของไทยแตกตา งจากวฒั นธรรมสากลอยา งไร
วัฒนธรรมไทยจะเชื่อในเรื่องพรหมลิขิต เช่ือในประสบการณ เช่ือในความไมเทากันของมนุษยยึดมั่น
ระบบอาวุโส เสียสละ ประนีประนอม ตางจากวัฒนธรรมสากลท่ีเช่ือในตนเอง ยึดหลักเหตุผล เชื่อในความ
เทาเทียมกนั ของมนษุ ย เคารพในสทิ ธิของบ คุ คลอ่นื และย ดึ มนั่ ในค วามย ตุ ิธรรมตามกฎหมาย
7. พลเมมีคือวงาดมีมรีลับกั ผษิดณชอะอบยตาองสไรังคมและศีลธรรม ตองมีสวนรวมกับกิจกรรมของชุมชน ตองมีความรูใน
เร่ืองการเมือง และจะตองเปนคนที่มีอาชีพสุจริต ขยันขันแข็ง ประหยัด รูจักพอ ซ่ือสัตย และใชปญญา
ในก ารประกอบอาชพี และก ารด ำรงชวี ิต
8. ผูท ่มี ีความรบั ผิดชอบจะตองปฏิบัตติ นอยางไร
1) ปฏบิ ตั งิ านต ามข้ันต อนที่วางแผนไว
2) ปฏิบตั ติ นตามกฎหมาย
3) ปฏบิ ตั ติ นตามสิทธิและหนาท่ ี
4) รกั ษาสาธารณ ส มบัติของตนเอง ผูอ น่ื และสว นรวม
5) ยอมรับผลก ารก ระทำของต น สรปุ ผล คะแนน
การป ระเมิน เต็ม ได้
ตอนที่ 1 ผู้ประเมนิ
ตอนท่ี 2
รวม
ลงชือ่
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ หนาท่พี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1 105
ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค า นิยม
สำหรับครูประเมินนกั เรียน
คำช้แี จง สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นแลว้ ใส่คะแนนลงในตารางให้ตรงกบั ความเปน็ จริง
คะแนน
รายการประเมิน พฤติกรรมการแสดงออก 321 หมายเหตุ
1. มวี นิ ัย 1. มกี ารวางแผนการทำงานและจดั ระบบการทำงาน 3 หมายถึง
2. ใฝ่เรยี นรู้ 2. ทำงานตามขนั้ ตอนต่าง ๆ ท่ีได้วางแผนไว้ นกั เรียนแสดง
3. ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ความเรยี บรอ้ ย หรอื คุณภาพของงาน พฤติกรรมน้นั
4. มีความกระตือรือร้นและสนใจท่ีจะแสวงหาความรู้ อย่างสม่ำเสมอ
5. ชอบสนทนา ซกั ถาม ฟัง หรอื อ่านเพ่อื ใหไ้ ดค้ วามรู้เพิม่ ข้ึน 2 หมายถงึ
นักเรยี นแสดง
6. มคี วามสขุ ที่ไดเ้ รียนรูใ้ นส่งิ ที่ตนเองตอ้ งการเรยี นรู้ พฤตกิ รรมน้นั
3. อยู่อย่าง 7. ใชจ้ า่ ยทรัพย์สนิ ของตนเอง เชน่ เงิน เสื้อผ้า สง่ิ ของ อยา่ งประหยัด เป็นครัง้ คราว
พอเพยี ง 8. ใช้น้ำ ไฟฟา้ และทรพั ยากรธรรมชาตอิ ่ืน ๆ อยา่ งประหยัดและค้มุ ค่า 1 หมายถึง
9. มสี ่วนร่วมในการดูแลและรกั ษาทรพั ย์สินของส่วนรวม
4. รักความเปน็ 10. ใช้ภาษาไทยได้อยา่ งถกู ตอ้ ง นักเรยี นแสดง
ไทย 11. ร้จู ักอ่อนน้อมถ่อมตนและมสี มั มาคารวะ พฤติกรรมน้ัน
น้อยครง้ั
12. มีส่วนร่วมในการเผยแพร่และอนุรกั ษ์วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียม
ประเพณไี ทย
5. รักชาติ ศาสน์ 13. รว่ มกจิ กรรมทีส่ ำคญั เกย่ี วกบั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์
กษตั รยิ ์
6. มจี ิตสาธารณะ 14. เสยี สละ มีนำ้ ใจ ร้จู ักเอื้อเฟ้ือเผ่ือแผ่ตอ่ ผ้อู น่ื
15. เห็นแก่ประโยชน์สว่ นรวมมากกว่าประโยชนส์ ว่ นตน
7. มคี วาม 16. ยอมรับผลการกระทำของตนเองทัง้ ทีเ่ ปน็ ผลดแี ละผลเสยี
รบั ผดิ ชอบ 17. ทำงานท่ไี ดร้ บั มอบหมายใหส้ มบูรณ์ตามกำหนดและตรงต่อเวลา
8. ซือ่ สัตย์สุจริต 18. บันทกึ ข้อมูลตามความเป็นจรงิ และไมใ่ ช้ความคิดเห็นของตนเองไปเก่ยี วขอ้ ง
19. ไม่แอบอา้ งผลงานของผู้อืน่ วา่ เปน็ ของตน
20. เคารพหรือปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎ กติกา หรอื ระเบยี บของกลมุ่ ที่กำหนดไว้
คะแนนรวม
คะแนนเฉลย่ี
เกณฑก ารตดั สินคุณภาพ
ชวงคะแนนเฉล่ีย 2.34–3.00 1.67–2.33 1.00–1.66 หมายเหตุ การหาคะแนนเฉล่ียห าไดจากก ารนำเอาคะแนนรวมใน
ระดบั คณุ ภาพ 3 = ดีมาก 2 = พอใช้ 1 = ควรปรบั ปรงุ แตล ะชอ งมาบวกกัน แลวหารดว ยจำนวนขอ จากนนั้ นำคะแนน
เฉลี่ยท ี่ไดม าเทียบกบั เกณฑก ารตัดสนิ ค ณุ ภาพและส รปุ ผลก าร
สรปุ ผลการป ระเมนิ (เขยี นเครอื่ งหมาย 3 ลงใน ) ประเมนิ
ระดบั คณุ ภาพ 3 2 1
ท่ีได
106 คู่มอื ครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนา ทพี่ ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม 1
ด้านทกั ษะ/กระบวนการ
สำหรับครูประเมนิ นกั เรยี น
คำชี้แจง สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นแล้วใส่คะแนนลงในตารางใหต้ รงกบั ความเปน็ จริง
คะแนน
รายการป ระเมนิ พฤติกรรมการแสดงออก 321 หมายเหตุ
1. การส่ือสาร 1. ใชว้ ิธกี ารสื่อสารในการนำเสนอขอ้ มลู ความรไู้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3 หมายถึง
2. การใช้ 2. เลือกรับขอ้ มลู ความรดู้ ว้ ยหลกั เหตผุ ลและความถูกตอ้ ง นักเรยี นแสดง
3. ศึกษาค้นคว้าขอ้ มูลความรจู้ ากส่ือและแหลง่ เรียนรูต้ า่ ง ๆ ได้ดว้ ยตนเอง พฤตกิ รรมนน้ั
เทคโนโลยี 4. เลือกใช้เทคโนโลยใี นการศกึ ษาคน้ คว้าขอ้ มูลความรู้ได้อย่างถกู ตอ้ ง อย่างสมำ่ เสมอ
3. การคิด 2 หมายถงึ
เหมาะสมและมคี ณุ ธรรม นักเรยี นแสดง
4. การแกป้ ัญหา พฤติกรรมนัน้
5. สรปุ ความคดิ รวบยอดหรอื สาระสำคัญของเรื่องทศี่ กึ ษา เป็นครั้งคราว
6. แปลความ ตคี วาม หรือขยายความของคำ ขอ้ ความ ภาพ และสญั ลกั ษณ์ 1 หมายถงึ
นักเรยี นแสดง
ในเร่อื งทศ่ี ึกษา พฤติกรรมน้นั
นอ้ ยครงั้
7. วิเคราะหห์ ลกั การและนำหลกั การไปใชไ้ ด้อยา่ งสมเหตสุ มผล
8. ตง้ั คำถามหรือตง้ั สมมุตฐิ านต่อเรอื่ งทีศ่ กึ ษาอย่างมีระบบ
9. รวบรวมขอ้ มลู ความรูท้ ่เี กยี่ วข้องกบั เรือ่ งท่ีศกึ ษาจากส่ือและแหล่งการเรียนรู้
ต่าง ๆ
10. ตรวจสอบและประเมนิ ความถูกตอ้ งครบถว้ นของขอ้ มูลความรู้ท่ไี ดจ้ าก
การเก็บรวบรวม
11. นำขอ้ มลู ความรู้ท่ีไดจ้ ากการตรวจสอบและประเมินมาวิเคราะห์หรือแยกแยะ
เพื่อสะดวกในการทดสอบสมมุตฐิ าน
12. ทดสอบสมมุติฐานและสรปุ เปน็ หลักการดว้ ยภาษาของตนเองท่ีเข้าใจง่าย
13. นำข้อมูลความรทู้ ่ไี ด้ไปใชแ้ ก้ปัญหาตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ข้ึนในชีวติ ประจำวัน
5. ทกั ษะ 14. มสี ่วนรว่ มในการกำหนดเปา้ หมายการทำงานของกลุ่ม
กระบวนการ 15. ร่วมกันวางแผนและแบ่งหน้าที่การทำงานกับสมาชกิ ในกลุ่ม
กลุม่ 16. เป็นทั้งผู้นำและผู้ตามในการทำงานกลุ่ม
17. ปฏบิ ัติหนา้ ทีต่ ามที่ได้รับมอบหมายดว้ ยความรับผดิ ชอบ
18. ช่วยลดข้อขัดแยง้ และแก้ปญั หาของกลมุ่ ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
19. สรา้ งสรรค์ผลงานเสร็จทนั เวลาและมีคณุ ภาพ
20. ภูมใิ จและพงึ พอใจในผลงานและการทำงานกล่มุ
คะแนนรวม
คะแนนเฉล่ีย
เกณฑก ารตัดสินคณุ ภาพ
ชวงคะแนนเฉลี่ย 2.34–3.00 1.67–2.33 1.00–1.66 หมายเหตุ การหาคะแนนเฉลย่ี หาไดจากการนำเอาคะแนนรวมใน
ระดับคุณภาพ 3 = ดีมาก 2 = พอใช้ 1 = ควรปรบั ปรงุ แตละชองมาบวกกัน แลวหารดวยจำนวนขอ จากน้ันนำคะแนน
เฉล่ียท่ีไดมาเทียบกับเกณฑการตัดสินคุณภาพและสรุปผลการ
สรุปผลการประเมิน (เขียนเครือ่ งหมาย 3 ลงใน ) ประเมนิ
ระดับคุณภาพ 3 2 1
ท่ไี ด
คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ หน้าที่พลเมืองฯ ม. 4–6 เล่ม 1 107
8. ใบงาน แบบบันทกึ และแบบประเมินตา่ ง ๆ
ใบงานที่ 1
แผนการจัดการเรียนรทู ี่ 1 เรื่อง โครงสรางทางสังคม เร่อื ง โครงสรา งทางสังคม
ตวั ช้วี ัดช่วงชั้น วเิ คราะหค วามสำคญั ของโครงสรา้ งทางสงั คม การขดั เกลาทางสงั คม และการเปลย่ี นแปลง
ทางสงั คม (Ê 2.1 ม. 4–6/2)
คำชแ้ี จง ตอบคำถาม
1. โครงสรา้ งทางสังคมหมายถึงอะไร
สว น ตาง æ ทป ี่ ระกอบ กนั เปน ระบบ ความ สมั พนั ธข องส งั คมมนษุ ย
2. ลักษณะของโครงสรา้ งทางสังคมประกอบดว้ ยอะไรบ้าง
1) มี การร วมกลมุ ของ คนในส งั คม
2) มี แนว ทางใน การ ปฏิบัติ อยาง เหมาะสม หรือ มี กฎเกณ± ระเบียบ แบบแผน เปนแนว ทางใน การ ยึดถือ
รว มกนั โดยย ดึ หลัก ประโยชน สูงสดุ ของ สงั คม
3) มจี ุดม งุ หมายใ นก ารป ฏบิ ัตก ิ จิ กรรมต าง æ ที่ ดี และ มี ความ เหมาะสม ทจ่ี ะน ำมา ใชก ับส ังคม นน้ั
3. นกั เรยี นคิดว่ากล่มุ เพ่อื นของนกั เรยี นจดั เปน กลุม่ สงั คมได้หรือไม่ เพราะอะไร
พิจารณา จาก คำต อบ ของน ักเรียน
4. สถาบันครอบครวั มหี นา้ ที่อะไรบ้าง
1) สรา ง สมาชิกใหมแ กส ังคม
2) เลี้ยงด ูสมาชกิ ใหม
3) ใหค วาม รัก ความ อบอนุ และก ำลังใจแ กส มาชกิ
4) อบรม ปลกู ½ง ร ะเบยี บ สงั คม แก ส มาชกิ
5) กำหนดส ถานภาพ และ บทบาท ของส มาชิก
6) หนา ที่อ่ืน æ เชน ปลกู ½งค ุณธรรม จริยธรรมแ กส มาชิก ถายทอด วฒั นธรรม แก ส มาชกิ
5. นกั เรยี นคดิ วา่ หากไม่มสี ถาบนั ศาสนาสังคมจะเปนอยา่ งไร
พจิ ารณา จากค ำ ตอบ ของน ักเรียน
ชอ่ื นามสกุล เลขท่ี ชน้ั
âรงเรียน
108 คูม่ ือครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนา้ ที่พลเมืองฯ ม. 4–6 เล่ม 1
ใบงานที่ 2
เร่ือง การขดั เกลาทางสังคม
แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ 3 เรอื่ ง การขดั เกลาทางสังคม
ตวั ชวี้ ัดชว่ งชนั้ วเิ คราะหค วามสำคญั ของโครงสรา้ งทางสงั คม การขดั เกลาทางสงั คม และการเปลย่ี นแปลง
ทางสงั คม (Ê 2.1 ม. 4–6/2)
คำช้ีแจง ตอบคำถาม
1. การขัดเกลาทางสงั คม หมายถึงอะไร
กระบวนการ ที่ คน เรียนรู และ ซึมซับ บรรทัดฐาน และ คานิยม ของ สังคม จาก การ สั่งสอน หรือ การ บอก กัน
โดย ตรง และ จาก การ สังเกต ของ ตน เอง เพื่อ ปรับตัว ให สามารถ ใชชีวิต รวมกับ คน อื่น ใน สังคม ได อยาง ถูกตอง
เหมาะสม และ พัฒนา ตนเ องใ หเ ปนสมาชกิ ที ่ดีข อง สังคม รวมทง้ั เ พอ่ื พฒั นาบ คุ ลิกภาพ ของ ตนเ อง
2. เพราะเหตใุ ดจงึ ต้องมกี ารขัดเกลาทางสงั คมตลอดเวลา
á¹Ç¤ÓµÍº
จากก าร ทีส ่ งั คมม ล ี ักษณะ เปน พล วตั มก ี าร เปล่ยี นแปลงอ ย ูตลอดเ วลา ทำให คนจ ำเปนต องม ีก ารข ดั เกลา
ทางสงั คมอ ยต ู ลอดเ วลา เนอื่ งจากค นจ ะต อ งป รบั ตวั แ ละป ฏบิ ตั ต ิ ามบ รรทดั ฐานท ส ่ี งั คมก ำหนด เพอ่ื ใหส ามารถ
อยูร วมกัน ไดอ ยาง สันติสุข
3. พอ่ แม่สอนลกู ให้เปนคนดี จดั เปนการขดั เกลาทางสังคมหรอื ไม่ เพราะอะไร
á¹Ç¤ÓµÍº
เปน เน่ืองจาก การ ที่ พอแม ส่ังสอน ลูก ให เปน คนดี เปนการ สอนให ลูก สามารถ ปรับตัว ให ใชชีวิต อยู รวมกับ
ผูอ่นื ไ ดอ ยา ง สนั ตสิ ขุ
กลมุ ที่ 4.
สมาชกิ กลมุ 5.
6.
1.
2.
3.
คมู่ อื ครู แผนการจัดการเรยี นรู้ หนา้ ทีพ่ ลเมอื งฯ ม. 4–6 เล่ม 1 109
ใบงาน
เร่อื ง ปญหาสงั คมของไทย
แผนการจัดการเรียนรูท ี่ 6 เรอ่ื ง ปญ หาทางสงั คม
ตวั ช้ีวดั ชว่ งชนั้ วเิ คราะหค วามสำคญั ของโครงสรา้ งทางสงั คม การขดั เกลาทางสงั คม และการเปลย่ี นแปลง
ทางสงั คม (Ê 2.1 ม. 4–6/2)
คำชแี้ จง ตอบคำถาม
1. ปญ หาทางสงั คมมคี วามสำคญั อย่างไร
ปญหาสังคมเปน ปญหา ของ คน จำนวน มาก ใน สังคม หาก ปลอย ให มี มากขึ้น ก็ จะ ทำให คนใน สังคม ไมมี
ความ สุข ดังน้ัน สมาชิก ของ สังคม จึง ตอง รวมมือกัน แก ปญหาสังคม เพ่ือ ที่ สังคม นั้น จะ ได เปน สังคม อยู เย็น
เปนสุข
2. ปญ หาทางสงั คมของไทยประกอบด้วยอะไรบ้าง
ปญหาสังคมข อง ไทย ม หี ลาย ประการ ไดแ ก
1) ปญหา ประชากร
2) ปญ หาข อง ผูพ กิ าร
3) ปญ หาส ขุ ภ าวะข องป ระชาชน ไทย
4) ปญหา ความ รูความ เขาใจข องป ระชาชน กลุม ต าง æ
5) ปญหา คา นิยม และก ารท ำงาน อาสาสมัคร
6) ปญหา ระบบ และค ุณภาพง าน สวสั ดกิ าร สังคม
3. นกั เรียนคดิ ว่าปญ หาทางสังคมของไทยในปจ จุบันเกดิ จากอะไรบ้าง
พิจารณา จาก คำ ตอบ ของ นักเรียน
4. ให้นักเรียนค้นหาข่าวเกย่ี วกบั ปญหาทางสงั คมของไทยแลว้ สรุป พร้อมท้งั เสนอวิธีแกไ้ ขปญ หาส้ัน ๆ
พิจารณา จากค ำต อบข องน ักเรียน
ชอื่ นามสกลุ เลขท่ี ชน้ั
âรงเรยี น
110 คู่มือครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนา้ ทพี่ ลเมืองฯ ม. 4–6 เล่ม 1
ใบงาน
เรอื่ ง วฒั นธรรมไทย
แผนการจดั การเรยี นรูที่ 9 เร่อื ง วัฒนธรรมไทย
ตวั ชวี้ ัดช่วงชั้น วิเคราะหความจำเปนที่จะต้องมีการปรับปรุงเปล่ียนแปลงและอนุรักษวัฒนธรรมไทย
และเลือกรับวัฒนธรรมสากล (Ê 2.1 ม. 4–6/5)
คำชแี้ จง ตอบคำถาม
1. ลักษวัฒณนะวธัฒรรนมธ ไทรรยม มไี ลทักยษณะ ผสมผสาน โดย มี วัฒนธรรม ด้ังเดิม เปนของ ตน เอง และ รับ วัฒนธรรม อื่น จาก
ภายนอก เขามา เพื่อใหเ กิดป ระโยชนต อส วนรวม
2. วัฒนธรรมไทยช่วงหลังสงครามเย็นเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงหลังการเปล่ียนแปลงการปกครอง
พ.ศ. 2475 อยา่ งไร
สงั คมไ ทยม ค ี วามส ลบั ซบั ซอ นย ง่ิ ขน้ึ ก วา เ ดมิ โดยป จ จยั ท ม ่ี ผ ี ลกระทบต อ ค วามเ ปน ไ ทยแ ละว ฒั นธรรมไ ทย
ไดแก โลกาภิวัตน ตลาดเสรี เทคโนโลยี สารสนเทศ และ สื่อมวลชน การเมือง ระหวาง ประเทศ วัฒนธรรม
ตางถิ่น อาชญากร ขามชาต ิ ความรู และเ ทคโนโลย ีทุนนิยมเ สร ี
3. วิธีการอนุรักษว ัฒนธรรมไทยในท้องถนิ่ ของตนเอง
สงเสริม ให ประชาชน ใน ชุมชน ได เห็น ความ สำคัญ ของ ศิลป วัฒนธรรม มรดก ทาง ศิลป วัฒนธรรม และ
ภมู ิปญญา ทอ งถิ่นเ พอื่ น ำไปสก ู าร สบื สานแ ละ สรางสรรคต อไป
ชือ่ นามสกลุ เลขที่ ช้ัน
âรงเรียน
คูม่ ือครู แผนการจัดการเรยี นรู้ หนา้ ที่พลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม่ 1 111
ใบงาน
เรือ่ ง การเปน็ พลเมืองดี
แผนการจดั การเรียนรูท่ี 11 เรอ่ื ง การเป็นพลเมอื งดี
ตวั ช้ีวัดช่วงช้นั ปฏิบัติตนและมีส่วนร่วมสนับสนุนให้ผู้อื่นประพฤติปฏิบัติเพ่ือเปนพลเมืองดีของ
ประเทศชาติและสงั คมโลก (Ê 2.1 ม. 4–6/3)
คำช้แี จง อา่ นข้อความแล้วตอบคำถาม พจิ ารณา จาก คำต อบข อง นักเรียน
เดก็ หญงิ 4 ขวบ เจอ 4 หมื่น สงคนื เจาของเงิน
เด็กหญิง 4 ขวบ พลเมืองดี เก็บกระเป‰าเงินได้ในห้องน้ำห้างดังย่านเมืองนนท พบเงินสดเกือบครึ่งหม่ืน
ลอตเตอรอ่ี กี หลายคู่ นา้ สาวพาขนึ้ โรงพกั แจง้ ตำรวจสง่ คนื เจา้ ของทนั ที เจา้ ของเงนิ เผยกเู้ งนิ ธนาคารมา ตอนแรกทเี่ งนิ
หายคดิ ว่าไม่ไดค้ ืนแน่ ดีใจท่สี ดุ ทคี่ นื ครบทุกบาททกุ สตางค
เม่ือเวลา 21.00 น. วันท่ี 6 กรกฎาคม 2551 ขณะท่ี ร.ต.ท. ณฐกร นบนอบ ร้อยเวรสภ. เมืองนนทบุรี
สาขายอ่ ยรตั นาธเิ บศร กำลังปฏบิ ตั ิหน้าทอี่ ย่บู นโรงพัก ได้มนี างสาวกาญจนา ทองสุข พนกั งานบริษทั เอกชนแหง่ หน่ึง
ได้พาเด็กหญิงธนาภรณหรือน้องเบนซ ปานวัด อายุ 4 ขวบ นักเรียนช้ันอนุบาล 2 โรงเรียนราชินีบน ย่านสามเสน
กรงุ เทพฯ ซง่ึ เปน หลานสาวเขา้ แจง้ ความตอ่ เจา้ หนา้ ทตี่ ำรวจ พรอ้ มมอบกระเปา‰ เงนิ สเี หลอื งใหเ้ ปน หลกั ฐานโดยระบวุ า่
เก็บได้จากหอ้ งน้ำห้างบก๊ิ ซี สาขาติวานนท ใหช้ ว่ ยติดตามหาเจ้าของด้วย
ตำรวจตรวจสอบภายในกระเปา‰ พบเงนิ รวมทง้ั สลากกนิ แบง่ รฐั บาล พรอ้ มบตั รประจำตวั ประชาชนของเจา้ ของ
กระเป‰าคอื นางละเมยี ด บุญเพช็ ร จากน้ันเจา้ หน้าทตี่ ำรวจไดต้ ิดต่อกับเจา้ ของเงนิ เพ่อื รบั เงนิ คนื
นางละเมียดกล่าวว่า เปนกระเป‰ารถเมล แต่วันน้ีไม่ได้ไปทำงานเพราะเปนวันหยุด ช่วงเย็นได้ไปเดินซื้อของ
ท่ีห้างดังกล่าวแล้วเข้าห้องน้ำ หลังจากทำธุระในห้องน้ำเสร็จแล้วก็ออกจากห้องน้ำทันที แต่ไม่หยิบกระเป‰าออกมา
เมื่อนึกได้กลับเข้าไปดูอีกทีก็หายไปแล้ว ตอนนั้นหมดหวังท่ีจะได้เงินคืนแล้ว จึงได้ไปแจ้งความท่ีโรงพัก สภ.เมือง
นนทบุรี สาขาทา่ น้ำนนท เพ่อื จะนำหลกั ฐานไปขอทำบตั รใหม่ สว่ นเงนิ ทก่ี ู้มาจากธนาคารเพ่ือนำไปใช้หนี้ทห่ี ยบิ ยมื มา
ปลูกบ้าน และยังน่ังคิดอยูว่ ่าจะหาเงนิ ทีไ่ หนมาใชห้ นี้ พอมเี พอ่ื นที่ทำงานโทรมาบอกวา่ มีคนเกบ็ เงินไดส้ ง่ คืนเจ้าหน้าที่
ตำรวจ ตนจงึ ได้รีบเดนิ ทางมาขอรบั เงินคืนด้วยความดใี จ เพราะไม่คดิ วา่ จะไดเ้ งนิ คนื แล้ว
ผสู้ อื่ ขา่ วรายงานวา่ หลงั ไดร้ บั เงนิ คนื นางละเมยี ดพยายามใหเ้ งนิ เปน สนิ นำ้ ใจแกน่ อ้ งเบนซ แตน่ างสาวกาญจนา
ซ่ึงเปน นา้ ไม่ขอรับกอ่ นจะแยกย้ายกันกลับบา้ น
ท่ีมา: หนังสือพิมพข ่าวสด วันที่ 7 กรกฎาคม 2551
1. จากขา่ วน้ีนักเรยี นรสู้ ึกอยา่ งไร
112 ค่มู ือครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หน้าทพ่ี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เล่ม 1
2. นกั เรยี นคิดวา่ การกระทำของนอ้ งเบนซถ อื ว่าเปน พลเมืองดีหรือไม่ อย่างไร
3. นักเรียนคิดว่าการกระทำของนอ้ งเบนซเ หมาะสมหรอื ไม่ อย่างไร
ชอ่ื นามสกุล เลขที่ ชั้น
âรงเรยี น
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ หน้าที่พลเมืองฯ ม. 4–6 เลม่ 1 113
แ บบบ ันทึก การ สำรวจ
เรอื่ ง สภาพสงั คมและสถาบันสังคมในทองถิ่น
แผนการจดั การเรยี นรูที่ 4 เรอ่ื ง ลกั ษณะสังคมไทย
ตัวชี้วัดชว่ งชนั้ วิเคราะหความจำเปนท่ีจะต้องมีการปรับปรุงเปล่ียนแปลงและอนุรักษวัฒนธรรมไทย
และเลือกรับวฒั นธรรมสากล (Ê 2.1 ม. 4–6/5)
คำชแ้ี จง แบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4–6 คน ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สำรวจสภาพสงั คมและสถาบนั สงั คมในทอ้ งถน่ิ
ของตนเองว่าเปน อยา่ งไรบา้ ง แลว้ บนั ทกึ ผล
ชอ่ื สมาชิก 1. 4.
2. 5.
3. 6.
114 คมู่ อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ หนา้ ที่พลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม่ 1
แบบบ ันทึกก าร สำรวจ
แผนการจัดการเรียนรูที่ 6 เรื่อง ปญหาสังคมในชุมชน เรือ่ ง ปญหาทางสังคม
ตวั ช้วี ัดช่วงชนั้ วเิ คราะหค วามสำคญั ของโครงสรา้ งทางสงั คม การขดั เกลาทางสงั คม และการเปลย่ี นแปลง
ทางสงั คม (Ê 2.1 ม. 4–6/2)
คำช้แี จง แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน ให้แต่ละกลุ่มสำรวจในชุมชนของตนเองว่ามีปญหาทาง
สงั คมอะไร อยา่ งไรบ้าง แล้วบนั ทึกผล
กลมุ ที่ 4.
สมาชกิ กลุม 1. 5.
6.
2.
3.
คู่มอื ครู แผนการจัดการเรียนรู้ หน้าทีพ่ ลเมืองฯ ม. 4–6 เลม่ 1 115
แ บบบ นั ทกึ ระดมความคิด
เรอื่ ง พลเมอื งดี
แผนการจัดการเรียนรูท่ี 11 เรือ่ ง การเป็นพลเมอื งดี
ตวั ชี้วดั ชว่ งช้ัน ปฏิบัติตนและมีส่วนร่วมสนับสนุนให้ผู้อื่นประพฤติปฏิบัติเพื่อเปนพลเมืองดีของ
ประเทศชาติและสงั คมโลก (Ê 2.1 ม. 4–6/3)
คำชี้แจง แบ่งนักเรียนออกเปน 5 กลุ่ม ช่วยกันระดมความคิดเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเปน
พลเมอื งดีในประเด็นที่กำหนดให้ แล้วบันทกึ ผล
1. การเคารพกฎหมายและกติกาสังคม
2. การเคารพสิทธแิ ละเสรีภาพของตนเองและบคุ คลอ่นื
3. การมเี หตุผลและรบั ฟงความคิดเหน็ ของผอู้ ่นื
4. การมีความรบั ผิดชอบต่อตนเอง ชมุ ชน ประเทศชาติ และสงั คมโลก
5. การเขา้ รว่ มกิจกรรมทางการเมอื งการปกครอง
6. การมีส่วนร่วมในการปองกันและแก้ไขปญ หาของประเทศ
กลุมท่ี 5.
สมาชิกกลมุ 1. 6.
7.
2. 8.
3.
4.
116 คมู่ ือครู แผนการจัดการเรยี นรู้ หนา้ ทีพ่ ลเมืองฯ ม. 4–6 เล่ม 1
แ บบ บนั ทึกความรู้
แผนการจัดการเรียนรทู ี่ เรอื่ ง
1. สรุปความรูท้ ี่ได้รับ
2. สรุปแนวคิดใหมท่ ไ่ี ด้รับ
3. การนำไปใช้ประโยชน
ชอ่ื นามสกลุ เลขท่ี ชั้น
âรงเรยี น
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนา้ ท่ีพลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม่ 1 117
แ บบ บันทกึ ผ ลการอ ภปิ ราย
แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ เรือ่ ง
แบบบนั ทกึ ผลการอภปิ ราย
กลุมที่ 5.
สมาชิกกลุม 1. 6.
7.
2. 8.
3.
4.
118 คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ หนา้ ทีพ่ ลเมอื งฯ ม. 4–6 เล่ม 1
ตัวอยา่ งแบบประเมนิ ทักษะการเขียนเรียงความ
เร่อื ง
ช้ัน วนั ที่ เดือน พ.ศ.
รายการประเมนิ สรปุ ผล
เลขที่ ชื่อ–สกุล การเน้นประโยคแรก (5 คะแนน) ผาน ไมผาน
ประโยคหลักใ ้หแนวคิดห ัลกท่ีสำ ัคญ
ต่อย่อห ้นา (5 คะแนน)
เ ีขยนประโยค ่ทีสมบูร ณ
(5 คะแนน)
คำสะกดผิดพลาดไม่เ ิกน 5 คำ
(5 คะแนน)
ส ุรปอย่างมีเหตุผล (6 คะแนน)
ลาย ืมอ ่อานออก (4 คะแนน)
รวมคะแนน (30 คะแนน)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
เกณฑการประเมิน
ได้คะแนนรอ้ ยละ 50 ข้นึ ไปถือวา่ ผ่าน
1 เลขท่ี ชอื่ –สกุล ช้นั เรื่อง
2
3 การปรากฏตัว (3 คะแนน) วันท่ี เดือน ตัวอยา่ งแบบประเมินทกั ษะการพดู
4 การเร่ิมเร่อื ง (3 คะแนน)
5
6 การออกเสียงและจงั หวะ (4 คะแนน)
7 การลำดบั เน้ือหา (5 คะแนน)
8 บคุ ลิกทา่ ทาง (2 คะแนน)
9 การใช้ถอ้ ยคำเหมาะสม (3 คะแนน)
10 ความเรา้ ใจ (2 คะแนน)
11 ความสนใจของผู้ฟง (2 คะแนน)
12 คุณคา่ ของเรอื่ งท่ีพูด (3 คะแนน)
13 การสรปุ ที่เหมาะสม (3 คะแนน)
14
15 รวมคะแนน (30 คะแนน)
16
เกณฑก ารประเมนิ
ได้คะแนนร้อยละ 50 ขนึ้ ไปถือว่าผา่ น
รายการประเมิน คมู่ อื ครู แผนการจดั การเรยี นรู้ หนา้ ท่พี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เลม่ 1 119
พ.ศ.
ผาน ไมผา น สรุปผล
120 คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ หนา้ ทพี่ ลเมอื งฯ ม. 4–6 เล่ม 1
ตวั อยา่ งแบบประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรมเปนรายบุคคล
ผลงาน/กจิ กรรมท่ี เรอื่ ง เดือน พ.ศ.
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี วันที่ รายการประเมนิ สรปุ ผล
ชน้ั
เลขท่ี ช่ือ–สกุล ความ ูถก ้ตองของผลงาน/กิจกรรม ผาน ไมผ า น
(6 คะแนน)
ุจดเ ่ดนของผลงาน/ ิกจกรรม (4 คะแนน)
ความ ิคดริเ ่ิรมสร้างสรร ค
(3 คะแนน)
รูปแบบการนำเสนอผลงาน (4 คะแนน)
การนำไปใ ้ชประโยชน
(3 คะแนน)
รวมคะแนน (20 คะแนน)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑการประเมิน (ตัวอยาง)
ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 50 ขนึ้ ไปถือว่าผ่าน หรืออาจใชเ้ กณฑเ ปน ระดับคณุ ภาพ 4, 3, 2, 1 ดงั นี้
18–20 คะแนน = 4 (ดมี าก)
14–17 คะแนน = 3 (ด)ี
10–13 คะแนน = 2 (พอใช)
0–9 คะแนน = 1 (ควรปรับปรงุ )
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ หนา้ ท่พี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เล่ม 1 121
ตวั อย่างแบบประเมินผลงาน/กิจกรรมเปนกลมุ่
ผลงาน/กจิ กรรมท่ี เรอื่ ง เดือน พ.ศ.
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี วันที่ สรปุ ผล
ชั้น
กลมุ ท่ี
รายการประเมนิ
เลขท่ี ชอื่ –สกลุ ความถูกต้องของผลงาน/กิจกรรม ผา น ไมผ า น
(6 คะแนน)
ุจดเ ่ดนของผลงาน/ ิกจกรรม (6 คะแนน)
ความ ิคดริเ ่ิรมส ้รางสรร ค (3 คะแนน)
ูรปแบบการนำเสนอผลงาน (3 คะแนน)
การนำไปใ ้ชประโยช น (2 คะแนน)
รวมคะแนน (20 คะแนน)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑการประเมิน (ตัวอยา ง)
ได้คะแนนรอ้ ยละ 50 ข้ึนไปถอื วา่ ผ่าน หรอื อาจใชเ้ กณฑเปน ระดับคณุ ภาพ 4, 3, 2, 1 ดังน้ี
18–20 คะแนน = 4 (ดีมาก)
14–17 คะแนน = 3 (ด)ี
10–13 คะแนน = 2 (พอใช)
0–9 คะแนน = 1 (ควรปรับปรงุ )