สรุ า (Liquors) เคร่ืองดม่ื ท่ีมแี อลกอฮอลผ์ สมอยู่ และคงไมม่ ี 1
ใครคาดคดิ ว่ากอ่ นทม่ี ันจะมาเปน็ เครื่องด่มื เพื่อการสังสรรค์ มอม
เมา มนั เคยจดั เปน็ ยาอายุวัฒนะมากอ่ น ดื่มเพ่ือใหอ้ ายุยนื ยาว
ชว่ ยบารงุ รักษาสมดลุ ของร่างกาย มคี วามเชอื่ ว่า ใสสะอาด
บริสทุ ธด์ิ ุลนา้ เคยด่มื กนิ กันแทนน้าเปล่ามาในยคุ หน่งึ สุราแบ่ง
ตามกระบวนการผลติ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื
สุราที่ได้จากการหมักบ่ม (Fermented Spirit)
Degree < 18% อายสุ นั้ จะหมักบม่ มาจากวตั ถุดิบผสมกบั เชอื้ ยสี ต์ โดยไม่ไดก้ ลนั่ หรอื อาจจะรวมถึง
สรุ าแชท่ ี่ไดจ้ ากการผสมกบั สรุ ากล่ันแล้วด้วย เรยี กวา่ กระบวนการหมกั Fermentation ผลิตโดยใชว้ ิธี
ใส่ยีสตเ์ ขา้ ไปในวตั ถดุ บิ ทใ่ี ช้ผลิตจะทาให้เกิดปฏกิ ริ ยิ าเปลี่ยนน้าตาลให้กลายเปน็ แก๊ส CO2 และเกดิ
แอลกอฮอล์ ส่วนแกส๊ CO2 ท่ีเกดิ ขึ้นจะระเหยไปในอากาศ เช่น การผลติ ไวน์ แชมเปญ เบยี ร์ สาโท สาเก
อุ กระแช่ น้าตาลเมา เปน็ ต้น มดี ีกรีตา่ 4–17%
2
สุราที่ได้จากการต้มกลั่น (Distilled Spirit)
Degree > 18% อายุยาว ได้จากนาเอาสรุ าหมักมากลนั่ ตอ่ จนได้ดกี รที ่ีสูงขึ้น อาจจะหมายถึงสุรากลน่ั ท่ผี สมกบั
สรุ าแชแ่ ล้วด้วย หลังจากทท่ี าการหมักเสรจ็ แล้ว จะแยกแอลกอฮอล์ออกมา วิธีการกลนั่ จะได้กลน่ิ แอลกอฮอล์
แทๆ้ โดยการต้มกลน่ั ใชอ้ ุณหภูมิ 78.5 องศาเซสเซียส ตามกระบวนการทเี่ รียกวา่ Distillation คือแอลกอฮอล์
จะระเหยเปน็ แกส๊ ลอยขึ้นมา สว่ นน้าที่ผสมอยจู่ ะเดือดเปน็ ไอท่ีอณุ หภมู ิ 100 องศาเซสเซียส ผ่านหลอดควบแนน่
ด้วยความเยน็ ให้กลายเปน็ หยดน้าแอลกอฮอล์ และอาจจะมีการแตง่ สี กล่นิ รส เข้าไปดว้ ย เชน่ เหล้าหวาน สรุ า
กลน่ั พวกเหล้า บร่ันดี วิสก้ี ยนิ รมั วอดก้า เตกลี ่า เปน็ ตน้ มีดีกรีสูงกว่า 18% ขึ้นไป
3
ระบบหม้อต้มกล่ัน
มี 2 ลักษณะ คือ
1. Pot Still เปน็ หม้อตม้ กลนั่ สุราแบบทบั
ท่ีมีลกั ษณะคลา้ ยกาต้มนา้ โดยใส่ของเหลวตม้ กลั่นดว้ ยความ
ร้อน จนกลายเปน็ ไอนา้ ระเหยไปผา่ นน้าเยน็ เพื่อหลอ่ เยน็ ทาให้เกดิ
การควบแนน่ กลายเปน็ หยดน้า จะไดเ้ ปน็ แอลกอฮอล์ท่มี ีดกี รีสงู
ไมม่ าก ประมาณ 60-70% แตส่ ามารถต้มกลนั่ ได้ทลี ะรอบ
(Batch) เทา่ น้นั ไม่ต่อเนือ่ ง การตม้ กลน่ั ดว้ ยวธิ กี ารแบบน้ีจะได้
สรุ าท่ีมีคณุ ภาพดเี ย่ียม ทั้งกลิ่นและรส แถมยังมรี าคาสงู ดว้ ย
4
ระบบหม้อต้มกล่นั
2. Column Still เปน็ หมอ้ ตม้ กล่นั สุราแบบตอ่ เน่อื ง
บางทีก็เรยี กวา่ Partent Still ท่ีมีลักษณะเปน็ หอคอย เปน็
ลกั ษณะกลั่นซ้าต่อเน่ือง เรยี กวา่ Continuous Still คอื จะกลั่น
ถึง 4 ขั้นตอนไดแ้ ก่ Primary Distillation กล่ันใชค้ วามดนั ต่า
ทาใหข้ องเหลวกลายเปน็ ไอ เรียกว่า Maltose ในหม้อกลั่น ขน้ั
ต่อไป Second Distillation กลั่นใชค้ วามดันสูง แล้วค่อยๆ ลด
ให้ตา่ ลง โดยผา่ นนา้ และความร้อน จะทาให้ของมีความบริสุทธ์ิ
ขน้ึ เรยี กว่า Purifiation และข้ันสาม Third Distillation กล่นั
ซา้ ๆ ทาให้บรสิ ุทธย์ิ งิ่ ข้นึ เรยี กว่า Rectification สว่ นขัน้ สดุ ท้าย
Fourth Distillation ทาใหไ้ อน้าผ่านซมึ ซับกลนิ่ ทผ่ี สมเพ่ิมเขา้ ไป
https://youtu.be/CtJUKhAL4kk
5
Maturation
การบ่ม
ถังท่ีใชใ้ นการผลิตสรุ ามักเหลอื จากการทาไวน์ มีถังมากมาย
และไม่มีเหตผุ ลท่ีจะไม่ใชม้ ัน (เฉพาะในศตวรรษทผ่ี ่านมาเท่านนั้
ทว่ี ิสกีเ้ บอร์เบิร์นและขา้ วไรย์ทถ่ี กู กฎหมายบังคับให้ตอ้ งบม่ ใน
ถงั ไมโ้ อ๊คขาวอเมรกิ นั ) อันท่ีจริงผผู้ ลิตสุรากลนั่ ในยุคแรกๆ
สว่ นใหญ่ยินดีทจี่ ะใช้ถงั ทกุ ประเภทเลย
เคร่ืองดมื่ พวกสรุ ากลนั่ อย่าง Whisky (วิสกี)้ , Rum (รมั ), Tequila (เตกี
ล่า) และอนื่ ๆ นัน้ สังเกตุไดว้ า่ เรามักจะได้ยินคาเปรยี บเปรย ของรสชาติต่าง ๆ
เช่น กล่ินแบบวานิลลา, ฝาดเลก็ น้อย, กล่ินผลไม,้ มคี วามจดั จ้าน ซ่ึงอนั ทจ่ี ริงแล้ว
กล่ินและรสชาตเิ หล่านี้ เกดิ จากกระบวนการหมกั บ่มที่จะใชถ้ งั ไม้ประเภทต่าง ๆ ทาให้
มีลักษณะของกลิ่นและรสชาติต่างกนั ออกไป โดยการบม่ นีถ้ อื เป็นหวั ใจสาคัญ
เพราะ 60% ของรสชาติ ส่วนใหญ่มาจากการบม่ 6
Maturation การบ่ม
ไม้โอค๊ ทใี่ ช้ประกอบเปน็ ถงั บ่มจะมี 2 ชนิด ได้แก่...
1. American white Oak : จะเตบิ โตได้ดใี นภาค
ตะวนั ออกของอเมรกิ า และบางสว่ นในแคนาดา และ
เติบโตได้ดกี วา่ ไมโ้ อก๊ ทัว่ ไป นอกจากนยี้ งั ราคาถูกกวา่ ไม้
โอ๊กทว่ั ไปอกี ด้วย โดยมกั ใหก้ ล่ินละมนั ของวานิลลาและคา
ราเมล
2. European Oak : เตบิ โตไดท้ ่วั ทกุ พื้นที่ในยุโรปและ
ไกลไปถึงรสั เซียรวมไปถงึ ตรุ กี มักจะใหร้ สเผด็ ฝาด และมี
ความเข้มขน้ ของรสสัมผัสไม้สูง
ปจั จยั สาคัญในกรรมวธิ กี ารบม่ ดว้ ย
ถังไม้
1. ขนาด ถังบ่มขนาดเลก็ จะใหร้ สชาติและเอกลกั ษณ์กับตวั Spirits ไดม้ ากกวา่ เมอื่ เถียบกับถังขนาดที่ใหญ่
กว่า ในระยะเวลาและอณุ หภมู ิท่ีเท่ากัน เพราะความจขุ อง Spirits ท่ีนอ้ ย เปิดโอกาสใหข้ องเหลวได้สมั ผัสกบั
ตัวถังมากกว่า
2. ประเภทของไม้ ด้วยภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมที่ต่างกนั ทาใหไ้ ม้ของแต่ละพื้นท่ีมคี าแรคเตอร์ทไี่ มเ่ หมอื นกัน เมอื่ นามาประกอบ
เปน็ ถังบ่มแลว้ จะส่งมอบรสชาติให้กับ Spirits ท่แี ตกตา่ งกัน ไม้ทน่ี ิยมใช้มักเปน็ ไม้โอ๊ค ทีม่ ีรพู รนุ ในเนือ้ ไมส้ ูง โดยไมโ้ อค๊ ทใ่ี ช้ประกอบ
เปน็ ถงั บ่มจะมี 2 ชนดิ ได้แก่...
3. ระดบั การเผา การเผาไหม้ถัง ทาใหต้ วั ถังสง่ กล่นิ วานลิ ลาและคาราเมลออกมาไดอ้ ย่างชัดเจน แตก่ ข็ นึ้ อยูก่ ับชนดิ ของไม้ทีน่ ามา
ประกอบเปน็ ถงั , ระยะเวลา และสตู รของแต่ละแบรนดด์ ว้ ยว่าอยากได้ระดบั ความเข้มขน้ ของกลนิ่ และรสประมาณไหน
4. การนาถงั กลับมาใช้ใหม่ ารนาถังกลับมาบม่ ซ้าเรื่อย ๆ จะทาให้ กลิ่นและรสชาติของตวั ถงั นนั้ อ่อนลงเรอ่ื ย ๆ ซึง่ ท้ายสุดกล่ินของถงั อาจจะไมเ่ หลอื เลย อย่างทผ่ี ูผ้ ลติ
บางราย อาจใชถ้ งั ซา้ ไมเ่ กิน 2 คร้ังเท่าน้ัน หรืออาจใช้คร้งั เดียว แล้วปล่อยขายเพ่ือใหผ้ ู้ผลติ Spirits ชนดิ อน่ื นาไปใช้ ท้ังน้ีเพ่ือให้ยงั แสดงรสชาตแิ ละสมั ผัสไดอ้ ยู่ โดย
ปกติมกั จะใชใ้ นการบม่ ขา้ มประเภท อยา่ งถังบม่ Bourbon ท่ีนาไปบม่ Whisky หรือ Beer บางชนิด ซึง่ บนฉลากจะมกี ารระบไุ ว้ว่า Ex-Bourbon Cask นน่ั เอง
https://youtu.be/MHm57 TEEB9t0
รูปแบบการด่มื กนิ สรุ า ได้แก่
• Ready to Drink (RTD) สุราพรอ้ มด่มื ไม่ต้องมานั่งผสมปรุงแต่งให้ยุ่งยาก เช่น สปายไวน์
คลู เลอร์ บาร์คาดี้บรเี ซอร์ วอดก้าครยุ เซอร์ หรอื อาจจะรวมถึงพวก ไวน์ แชมเปญ สปารค์ กลงิ้ ไวน์
บรน่ั ดี คอนยัค เบียร์ ด้วย เพราะสามารถดื่มไดเ้ ลยเช่นกัน
• Prepared Beverage สุราทนี่ ิยมนามาผสมปรงุ แต่ง หรอื ผสมกอ่ นดื่ม เชน่ บร่ันดี วสิ กี้ ยนิ รมั
วอดกา้ เตกลี ่า ลเิ คียวร์ ผสมเปน็ ค็อกเทล
• Aperitif สรุ าทน่ี ิยมดืม่ กอ่ นอาหาร ช่วยเรยี กน้ายอ่ ย หรอื ดมื่ เพ่ือดบั กระหาย เชน่ พอรท์ แชร์รี่ เวอร์
มธู บติ เทอร์ อนซิ
• Digestif สุราทน่ี ยิ มดม่ื หลังอาหาร ชว่ ยยอ่ ยอาหาร มกั จะเปน็ สุราท่ีมรี สหวาน พวกเหลา้ หวาน หรือลิ
เคียวร์
• Spirits สุราท่นี ยิ มดืม่ ได้ทกุ เมือ่ ทุกเวลา ทุกโอกาส เพ่ือการสังสรรค์ เปน็ พวกสุรากล่ัน ทเ่ี รยี กกนั ว่า
เหล้าสปริ ิต เช่น บร่นั ดี วิสกี้ ยิน รัม วอดก้า เตกลี า่ กลุม่ เอล-เดอ-วิค
8
วิธีด่มื สุราให้ไดอ้ รรถรส ได้แก่
• Straight Up การดื่มแบบเพียว โดยรนิ เหล้าใสแ่ ก้ว Shot, Sherry, Wine, Brandy และ Liqueur นยิ มด่ืมเหล้าประเภท
Dessert Wine (Port, Sherry), Aperitif (Vermouth, Bitter, Anise), Liqueurs และ Spirits จะได้เหลา้ แท้ทไ่ี ม่มี
ส่วนผสมอ่ืนๆ มาเจอื ปน
• On The Rock การด่ืมแบบเพียวพร้อมกบั น้าแขง็ ก้อน โดยรนิ เหล้า 1-2 ออนซ์ พรอ้ มน้าแข็ง 1-2 ก้อน ใส่แก้ว Rock หรอื
แกว้ Old Fashion นยิ มดมื่ เหลา้ ประเภท Aperitif (Vermouth, Bitter, Anise), Liqueur และ Spirits แต่ถ้าเปน็ เหล้า
Vermouth, Campari, Gin, Rum, Vodka และ Dubonnet จะนิยมใส่มะนาวฝานลงไปในแกว้ ด้วย 1 ชน้ิ เพื่อชว่ ยเพ่ิม
รสชาตเิ หลา้ เวลาจะดมื่ มักจะปลอ่ ยให้นา้ แข็งละลายนดิ ๆ เพ่ือเจือจางเหลา้ แล้วใช้มอื จับแกว้ หมุนแกวง่ นดิ หน่อย จากน้ันตบ
แก้วกระแทกลงกับพ้ืนไมเ้ บาๆ เพ่ือกระตนุ้ กลิน่ เหล้าให้หอม แลว้ ยกดืม่ รวดเดยี วหมด จะได้อรรถรส ไดส้ ัมผสั ทง้ั กลิ่น และรส
ของเหลา้ นน้ั ๆ อย่างแท้จริง
• With Soft Drink การดม่ื แบบผสมกับ Soft Drink ตา่ งๆ โดยรนิ เหลา้ 1-2 ออนซ์ พร้อมน้าแข็งเต็มแก้วใสใ่ นแก้ว High
Ball ผสมกับ Soft Drink เทใสเ่ ต็มแก้ว คนให้เขา้ กนั นิยมด่มื เหลา้ ประเภท Aperitif, Liqueur และ Spirits แต่ถ้าเปน็ เหลา้
Vermouth, Campari, Gin, Rum, Vodka และ Dubonnet จะต้องใส่มะนาวฝานลงไป 1 ชิน้ ด้วย เพ่ือช่วยเพ่ิมรสชาติ คน
ไทยจะนยิ มดม่ื แบบวิธีกนั มาก เชน่ Whisky นยิ มผสมกบั โซดา โคก้ หรอื น้าเปลา่ , Gin นิยมผสมกับน้าโทนิค, Rum นยิ มผสม
กับโคก้ หรือนา้ ผลไม้ เปน็ ต้น
• Cocktail การดืม่ แบบผสมเปน็ คอ็ กเทล สามารถทาไดห้ ลากหลายวิธี ใส่ในแกว้ ได้หลายรูปทรง แล้วแต่สตู รค็อกเทล อาจจะ
ผสมกบั นม นา้ ผลไม้ นา้ เชือ่ ม หรอื โซดา และนยิ มตกแต่งปากแก้วเพ่ือความสวยงาม ชวนนา่ ดื่ม
• Frozen การด่มื แบบป่ นั พวกเหล้าป่ นั มกั จะนาเหลา้ Spirits ป่ นั ผสมกบั นา้ มะนาว และน้าเชื่อมผลไมร้ สต่างๆ ตามใ9จชอบ
รสชาตขิ องเหลา้ (Taste) #1 รสชาติของเหล้า (Taste) #2
ตามความหมาย ไดแ้ ก่ • Big Flavour รสชาติเฉพาะตวั
• Syrupy รสถกู แต่งด้วยรสน้าเช่อื ม
• Subtle รสเบาบาง ล่มุ ลึก • Sweet รสหวาน
• Light รสออ่ นนุ่ม • Sour รสเปรีย้ วอมหวาน
• Fresh รสสดชื่น หอม สะอาด • Bitter รสขม
• Burning รสเร้าร้อน จดั จา้ น • Aroma รสกลน่ิ หอม ชวนดม่ื
• Short Finish รสจะหายไปอย่างรวดเร็ว • Fruity รสเข้มขน้ ผลไม้
• Long Finish รสจะอยไู่ ดน้ าน เมอ่ื กลืนลงคอไปแลว้ • Firm รสหนกั แน่น
รสยงั คงติดอยูใ่ นลาคอ • Dry รสฝาดไมห่ วาน
• Balanced รสกลมกล่อม • Spice รสออกสมุนไพร
• Mellow รสนุ่มนวลกลมกล่อม • Nose รสกล่ินหอมติดจมกู
• Smooth รสนุ่มนวล หอมหวน • Oaky รสโอค๊ ท่ีฟุง้ ตดิ ในเหลา้
10
น้าเมา หรือนา้ อมฤต จากความเช่อื ดัง้ เดมิ “มนั เปน็ ด่งั เครอ่ื งดม่ื
ท่ีเปน็ ดง่ั ยา นา้ ทพิ ย์จากสรวงสวรรคท์ ่ีพระเจา้ ประทานมาให้”
เน่อื งดว้ ย ผทู้ ่ีคดิ คน้ เครือ่ งดืม่ แอลกอฮอลน์ ีก้ ลบั กลายเปน็ กลุ่ม
นกั บวชในยคุ กลาง ด้วยความเชอ่ื สว่ นหนง่ึ ในการประกอบ
พิธีกรรมทางศาสนา มันช่วยตอ่ หรือยดื อายไุ ด้เม่อื ไดส้ มั ผัส ลม้ิ
รส เปน็ ด่งั ยาอายุวฒั นะ ใชบ้ ชู าเหล่าเทพเจา้ ณ. นครคอรโ์ ดบา
เมอื งหลวงอาณาจักรอนั ดาลูเซีย ของชาวอาหรับ (ปจั จบุ นั คือ
ทางตอนใตข้ องสเปน) เปน็ จุดเรมิ่ ต้นของการพัฒนาและ
เผยแพร่เทคนิคในการผลิตเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ ใช้วิธีการที่
คล้ายกับการกล่ัน เร่ิมจากกระบวนการทาให้น้ารอ้ นกลายเปน็ ไอ
แลว้ ทาการควบแน่นจนเกดิ เปน็ หยดน้า เพื่อแยกสว่ นผสมท่ี
บริสุทธอ์ิ อกมา หลกั การนเ้ี ปน็ การกล่ันเบ้ืองตน้ ซง่ึ ตอ่ มาชว่ ง
ศตวรรษที่ 4 กอ่ นครสิ ต์กาลจากบันทึกของชาวเมโสโปเตเมีย
กล่าวว่าหลกั การนี้มไี วเ้ พื่อ ทาน้าหอม หรอื อริสโตเติล ชาวกรกี
เคยบนั ทกึ ไว้ เมอื่ น้านา้ ทะเลมาต้มกล่นั ไอน้าท่ีไดก้ ลับไมม่ รี สเค็ม
แตท่ นี่ ครคอร์โดบานี้ ชาวอาหรับโบราณ นามาใชใ้ นการกล่ันเหลา้
ไวน์ เกดิ จาก จาบีร์ อิบ เฮยยาน เปน็ บดิ าแหง่ วิชาเคมี ท่ีคดิ ค้น
เครือ่ งกลนั่ ออกมาได้ดี สมบรู ณ์แบบในขณะนน้ั เพื่อใหน้ กั เคมใี น
ยคุ ตอ่ ๆ มาใช้ในการกลน่ั ไวน์ และสารทดลองอืน่ ๆ หลังจากนนั้
ความร้เู หล่านี้กไ็ ดถ้ า่ ยทอดจากภาษาอาหรบั มาเปน็ ภาษาละติน 11
Alembic (อเล็มบกิ ) ภาชนะแก้วทใี่ ชก้ ล่นั ไวนข์ องชาวอาหรับ
โบราณ เปน็ คาท่มี าจากภาษาอาหรับว่า Al-Ambiq (อัล-เอมบิก)
และมาจากภาษากรีกว่า Ambix (อัมบิกซ์) เปน็ แก้วที่มรี ูปร่าง
พิเศษใช้ในการกล่ัน จุดสงั เกตของคา คล้ายๆ คาวา่ Alcohol
(แอลกอฮอล)์ โดยแผลงมาจากคาวา่ Al-Koh'l (อัล-คอลห์) เปน็
ช่อื แร่พลวงบริสทุ ธิ์ เปน็ ผงสดี า ใช้เปน็ เคร่ืองสาอางค์สาหรับทา
เปลือกตา แตพ่ วกนกั เคมีจะใช้คานสี้ ่ือความหมาย ถึง "ความ
บรสิ ทุ ธิ"์ เปน็ เครือ่ งด่ืมของเหลว ท่ผี า่ นขบวนการกลนั่ ที่ทาให้
บรสิ ทุ ธิ์ แต่ชาวองั กฤษจะเรยี กไวนท์ ่ผี า่ นการกลนั่ นี้ว่า "ไวน์
แอลกอฮอล"์ (Wine Alcohol) เลา่ สู้กนั ฟงั คา่ คนื อันเหนบ็
หนาวของฤดหู นาวในปี ค.ศ.1386 กษัตริย์ชาร์ลท่ี 2 ปกครอง
อาณาจักรนาแวร์ (ปจั จุบันอยใู่ นสเปน) เกิดลม้ ปว่ ยเปน็ อัมพาต
เหลา่ หมอหลวงได้นายาวเิ ศษมารักษาให้ “อควาวไี ต” ยาท่ีว่านี้
มันกค็ ือ "ไวน์กลั่น" นัน้ เอง กช็ ว่ ยบรรเทาอาการลงได้ หลงั จาก
นั้นเปลย่ี นวิธกี ารรักษาใหม่ ภายใตแ้ สงเทยี น พวกเขานาเอาผ้าชบุ
ยานี้ มาหอ่ รา่ งกษตั ริย์ หวังว่าการสมั ผัสกับของเหลววิเศษนี้จะ
ชว่ ยบรรเทาอาการอัมพาตได้ แตก่ ลบั เกิดความผิดพลาดอย่าง
รนุ แรง เม่อื คนรบั ใชถ้ ือเทียนเข้าไปใกลผ้ า้ เกิดการติดไฟลุกไหม้
ข้นึ 12
ทนั ใดน้ันร่างของกษตั รยิ ก์ โ็ ชติช่วงอยู่ในกองเพลิง วา่ กนั ว่า เปน็ คาพิพากษาจากพระเจา้ ทีล่ งโทษกษตั ริย์ชารล์ ที่ 2 ผูต้ ่าชา้ ที่สง่ั
ปราบปรามเหตุประทว้ งเมื่อช่วงตน้ รชั สมัยอยา่ งโหดเหย้ี ม และยงั สง่ั เพ่ิมอตั ราภาษขี ึ้นสูงลิว่ ก่อนท่ีจะลม้ ปว่ ยลง ชว่ งศตวรรษที่
12 มเิ ชล ซาร์เลอนัส นกั เล่นแรแ่ ปรธาตชุ าวอติ าลี ศกึ ษาคน้ ควา้ จากตาราอาหรบั เก่ยี วกบั การกล่ัน เค้าไดจ้ ดบนั ทกึ ไวว้ ่า "เม่ือนาไวน์
ทม่ี ฤี ทธแ์ิ รง 4ส่วนมาผสมกับเกลือ 3 ส่วน แลว้ นาไปกล่นั ในภาชนะปกติ จะได้ของเหลวที่จดุ ไฟตดิ ลุกไหม้" มักเรยี กของเหลวน้วี ่า
Aqua Ardens (อควาอารเ์ ดนส)์ หมายถงึ "นา้ ทล่ี ุกไหม้ตดิ ไฟ" ด้วยความรอ้ นแรงในรสไวน์ ทาให้ผทู้ ไ่ี ด้ลมิ้ รสดื่มกลนื ไวน์นี้ลงไป
ในคอ เกดิ อาการกระชมุ่ กระชวย มีความสุข ช่วยบาบดั รกั ษาโรคได้ ในตาราการแพทย์ภาษาละตนิ จดบนั ทกึ ไว้ในช่ือ Aqua Vitae
(อควาวีไต) หมายถึง "น้าเพ่ือชีวิต" แตช่ าวกอล จะเรียกอควาวไี ตว่า "Uisge Beathe" (อุสเก เบตา) เปน็ ทมี่ าของคาว่า
"Whisky" (วิสก)ี้ และพ้ืนทอี่ ื่นๆ ในยุโรป จะเรยี กอควาวไี ตน้ีว่า "Branntwein" (แบรนดไ์ วน์) ตามภาษา เยอรมัน สว่ นในองั กฤษ
จะเรยี กวา่ "Brandywine" (บรัน่ ดไี วน)์ หรือ "Brandy" (บร่นั ด)ี มฉี ายาวา่ "ไวนแ์ ผดเผา"
ชว่ งศตวรรษท่ี 13 ศาสตราจารย์อารน์ ัลด์ แหง่ วิลลาโนวา แห่งโรงเรียนการแพทยเ์ มือง
มองเปลิเยร์ ในฝรง่ั เศส ได้จดบันทกึ ไว้ว่า "นา้ เพ่ือชวี ิตท่แี ทจ้ ริงนั้น จะค่อยๆ รินไหลออกมา
ทลี ะหยดๆ หลังจากที่ได้กลั่นซ้าแลว้ ซ้าเหลา่ สามถึงสีค่ รั้ง จนได้แกน่ ไวนอ์ ันวิเศษ ที่เรียกวา่
อควาวีไต เปน็ ช่ือท่ีเหมาะสมกับน้าแหง่ ความเปน็ อมตะนี้ มนั ชว่ ยยดื อายุ ชว่ ยขจัดของเหลว
ทเ่ี ปน็ โทษ กระต้นุ หวั ใจ และรักษาความออ่ นเยาวไ์ วด้ ้วย" ชว่ งศตวรรษท่ี 15 อควาวีไต
"Aquavitae" เปลยี่ นฐานะจาก ยา เครอ่ื งดมื่ ทางการแพทยม์ าเปน็ เครื่องด่มื เพื่อการ
สงั สรรค์ มกี ารพิมพ์เผยแพร่ความรู้เก่ียวกับการทาเครอื่ งดมื่ แอลกอฮอล์เกดิ ขึ้นเม่ือปี
ค.ศ.1478 และแพร่หลายไปทว่ั ในชว่ งปี ค.ศ.1500 โดยกลา่ วถงึ กรรมวธิ ีการกล่ันเครอื่ งดม่ื
แอลกอฮอล์ และเทคนคิ ตา่ งๆ ซึ่ง Hieronymus แหง่ Brunswick ในเยอรมัน มชี ีวติ อยู่
ในช่วงปี ค.ศ.1450-1512 ได้รวบรวมความรู้เกย่ี วกับกรรมวธิ ีการกลน่ั และรูปแบบของ
เคร่อื งกลน่ั (Liber de arte distillandi. Das buch der rechten kunst 1z3u
distillieren) ตพี ิมพ์ไวใ้ น Strassburg เม่อื ปี ค.ศ. 1500
ฟอรต์ ฟิ ายดไ์ วน์ (Fortified Wine)
หรือไวน์ท่ีมีดีกรสี ูงกวา่ ปกติ จดั เปน็ เปน็ ก่งึ เหลา้ ก่ึงไวน์
คาวา่ Fortified Wine คนสเปนจะเรียกกันว่า Sherry (แชรร์ ่ี) สว่ นคนโปรตุเกส จะเรยี กกนั วา่ Vinho do Porto (วิโน โด
พอร์โต)้ หรอื Porto (พอร์โต)้ หรือ Porto Wine (พอรโ์ ต้ ไวน์) แตส่ ากลเรยี กกันว่า Port (พอรท์ ) ซงึ่ ฟอรต์ ิฟายดไ์ วน์
มกั จะมรี สเข้มข้น ออกหวานนดิ ๆ นิยมเติมเหลา้ อง่นุ กล่ันผสมลงไปด้วย มดี ีกรี 7% แตถ่ า้ ผสมเหลา้ บรนั่ ดเี ข้าไปด้วย จะมีดกี รี
เพ่ิมขนึ้ เปน็ 20-25% แล้วค่อยเตมิ ความหวานเขา้ ไป กรรมวิธกี ารผลิต ทาได้โดยนาอง่นุ หรอื ผลไมท้ ่ีสกุ งอกเตม็ ทจี่ นใกล้จะเน่า
มาหมักบ่ม ในช่วงทหี่ มกั บ่มจะเกิดเชอื้ ราท่ีเรยี กวา่ Botrytis Cinerea (มีมากในเถาองนุ่ เปน็ เชอื้ ราสเี ทา แต่ในทวีปยโุ รปจะ
เรียกวา่ Noble Rot เปน็ เชอื้ ราเกรดสงู ที่ช่วยเรง่ ใหร้ สชาดของเหล้าดเิ ซิร์ทไวน์อรอ่ ยย่งิ ข้นึ ) มาหมักผสมกับสมุนไพร แลว้
นาไปต้มกลัน่ จนได้ดกี รที ่ีเพ่ิมมากข้ึน และสามารถเกบ็ ไว้ได้นานข้นึ ด้วย จากน้ันนาเหลา้ ท่ีกลนั่ ได้นีไ้ ปเก็บหมักบ่มต่อไวใ้ นถังไม้
โอ๊ค มีการแตง่ เตมิ รส เพ่ือเพ่ิมความหวาน และกลนิ่ ให้มากขึน้
แบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ ใหญๆ่ ไดเ้ แก่
Port (พอร์ท)
ชอ่ื เต็ม คือ “โอพอร์โต” (Oporto) เปน็ ชือ่ เมืองทา่ ของโปรตเุ กสทางตะวนั ตก ติดกับมหาสมทุ รแอตแลนตกิ มี
ดีกรสี งู 18-20% ผลติ มาจากองุน่ แดง Douro Valley ทางตอนเหนือของโปรตเุ กส
Sherry (แชร์ร)ี่
เปน็ เหล้าองนุ่ ทีม่ ดี กี รคี ่อนข้างสูง 20-22% และมีกลิน่ หอม จัดเปน็ Fino Sherry ส่วนคาว่า "Sherry" มีรากศพั ทม์ าจากคาวา่
"Jerez" (เซเรส) ตามภาษาสเปน สว่ นคาโบราณ คือ "Xe're's" (เฮเรซ) ตามภาษาฝรง่ั เศสผลิตจากองุ่นเขียวของเมอื งอนั ดาลู
เซีย (Andalusia) ทอี่ ย่ทู างตอนใต้ของสเปน จากแหลง่ ทีป่ ลูก 3 แหลง่ คือ Jerez de La Frontera ซงึ่ ประมาณ1470% จะ
เปน็ เหล้าอง่นุ ท่ผี ลติ จากแหลง่ นี้
Port (พอรท์ )
พอร์ทแบ่งตามการเก็บหมกั บม่ ได้ 2 กลมุ่
1. พอรท์ ท่ีเกบ็ หมกั บ่มในถงั มีกล่ินรสผลไม้ ราคาไม่แพงมาก ด่มื ไดเ้ ลย เชน่ Ruby Port (รูบี พอร์ท) จะใช้อง่นุ แดง หมัก
บม่ ในถงั อยา่ งน้อย 2 ปี สีแดงเข้ม กลิ่นหอมผลไม้ เก็บไวแ้ ลว้ แตไ่ มร่ ะบุปี ราคาถกู รสหวานปลายลนิ้ นดิ ๆ นิยมดื่มก่อนหรือ
หลังอาหาร Tawny Port (ทอวน์ ี พอร์ท) คลา้ ยกบั Ruby Portใชอ้ งุ่นแดงผสมกบั องุ่นขาว สีแดงอมน้าตาลเขม้ ถ้าเปน็
Old Tawny Port ชัน้ ดี (Age Tawny Port) จะหมกั บ่มไว้นานในถงั ไมโ้ อ๊ค 10-40 ปี เวลาซื้อตอ้ งดูทฉ่ี ลากขา้ งขวด จะ
เขียนวา่ “Tawny Port Aged 10 Years” หรือ “Tawny Port Aged 20 Years” รสออกดราย (Dry) หรอื ไมห่ วาน หรอื
อาจจะ Medium Dry หวานดิ ๆ แต่ท่เี หมอื นกนั คือรสชาติท่ีเขม้ ข้น ดีกรแี รง กล่นิ หอมเตะจมกู “ทอวน์ ี่ (Tawny)” แปลวา่
“อลหม่าน” จึงนิยมนาพอรท์ หลายชนิด หลายเกรดมาผสมกนั ทาใหไ้ ด้รสชาติตามที่ผผู้ ลิตต้องการ นิยมก่อนอาหารช่วยเรียก
น้าย่อย หรอื จะดืม่ แบบแช่เยน็ จัดๆ หรอื ด่มื แบบ “ออน เดอะ รอ็ ค” กไ็ ด้ Vintage Character Port (A Premium Ruby
Port) หรอื Reserve Port ผลิตจากเหล้าองุ่น Vintage Port ทเี่ ก็บเกยี่ วไดด้ ตี ามปตี า่ งๆ แลว้ บ่มในถงั ไม้ 4-5 ปี มกี าร
ปรงุ แต่งกล่นิ รสหวาน ดกี รแี รง และหอมตดิ จมกู
15
Port (พอร์ท)
2. พอรท์ ท่ีเก็บหมกั บ่มในขวด เช่น
"Vintage Port" (วนิ เทจ พอร์ท) จดั เปน็ King of Port wine ทามาจากองนุ่ พันธุ์ดีที่สุด ตามสภาพดิน ลม ฝน และ
แสงแดด ตามมาตรฐานทม่ี กี ารควบคุม “Vintage Port” ของรัฐบาล จะคัดสรรผลองนุ่ ทส่ี ุกเต็มที่ ในปที ป่ี ลูกองุ่นได้ผลผลิต
ดี และเก็บเกย่ี วในฤดูกาลเกบ็ เกยี่ วเฉพาะปนี ัน้ ๆ มาในคร้ังเดียวกนั และจะต้องมาจากไร่องุ่นแห่งใดแห่งหน่งึ เทา่ น้ัน เก็บหมกั บม่
ในขวดนานกว่า 2 ปี (หรอื จะตอ้ งบม่ ในถงั ไมอ้ ย่างนอ้ ย 22-32 เดอื น จากน้นั จงึ บ่มในขวดอีก 10 หรอื 20 ปี จงึ จะเปดิ ขวดด่มื
ได)้ ซง่ึ ในช่วงเวลา 10 ปี จะมเี พียงแค่ 3-4 คร้งั เทา่ น้ันทเี่ ก็บเกี่ยวผลผลติ อง่นุ ได้ดมี าก ถา้ ปไี หนดถี ึงจะระบุปที ่เี ก็บเก่ยี ว และ
พิมพ์คาว่า "Vintage" ตดิ ไว้เทา่ นนั้ ราคาแพงสุด แตถ่ ้าองนุ่ ท่ีเกบ็ เก่ียวปใี ดมคี ณุ ภาพไมด่ จี ะถกู นาไปผลิตเปน็ Ruby Port
หรอื Tawny Port แทน ปกตจิ ะบรรจใุ นขวดสีดาเขม้ และไม่มีการกรอง ทาให้มีกากตะกอนในขวด เวลาจะด่ืมจึงตอ้ งทาให้
ตกตะกอนก่อน โดยเทใสใ่ นขวด Decanter ทม่ี ีปากบาน คอขวดคอด เพื่อให้เหลา้ พอรท์ ตกตะกอน และได้สัมผสั กบั อากาศ
กอ่ น จะไดร้ สและกลน่ิ ทน่ี ่าดม่ื มากขึ้น เรยี กวิธกี ารน้ีว่า "Decanting"
• เหลา้ พอร์ทที่หมกั บม่ ในขวดแบบราคาไม่แพง จะเรยี กวา่ พอรท์ ทางเลอื กใหม่ “Vintage Port” ท่ีฉลากจะเขยี นวา่ "Late
Bottled Vintage Port or LBV Port" (แอลบวี ี พอร์ท) เปน็ เหล้าพอรท์ ทีบ่ รรจใุ ส่ขวดชา้ ตามกฎหมายควบคุมของ
โปรตเุ กส จะใชอ้ งุ่นที่เกบ็ เกย่ี วได้แต่ละปี ในปเี ดยี วกนั เทา่ นน้ั แลว้ หมกั บม่ ไว้ 4-6 ปี เปน็ อย่างต่าก่อน แล้วคอ่ ยบรรจใุ ส่ขวด
เกบ็ ไวอ้ ีก 1 ปี ในขณะที่ เหลา้ พอร์ทอื่นๆ จะบรรจุใสข่ วดหลังจากหมักบม่ ไว้ 2-3 ปี ซึ่ง LBV Port มีหลักการตามน้ี “LBV
Portราคาถกู กว่า Vintage Port ครง่ึ หนึ่ง คณุ ภาพแลว้ แตผ่ ้ผู ลติ ถ้ามกี ารกรองมาแล้ว จะดื่มได้เลย แต่ถา้ ยังไมไ่ ด้กรอง
จะตอ้ งทา Decanting ก่อนด่ืม” 16
พอรท์ ชนดิ อ่ืนๆ ได้แก่
• White Port เกบ็ หมกั บม่ ไว้ในถงั ไมน้ าน 7 ปี ก่อนบรรจลุ งขวด ผลติ ค่อนขา้ งนอ้ ย ราคาค่อนขา้ งถกู
• Crusted Port ทามาจากส่วนผสมขององ่นุ ท่แี ก่กวา่ อายเุ ฉลยี่ ตามอายทุ ีร่ ะบไุ ว้ มสี นี า้ ตาลอ่อน ไมม่ กี ารกรอง ทาให้เกดิ
ตะกอนที่มองเห็นได้ เวลาดื่มควรแยกพักตะกอนไวน์ออกกอ่ นเสริ ฟ์
• Wood Port เกบ็ ไว้หลายปใี นถงั ไม้ ก่อนบรรจลุ งขวด
• Aged Tawny Port จะเลือก Tawny Port ท่ีรสโดนใจผดู้ ื่มมาหมักบม่ ในถังไม้โอค๊ 6 ปขี ึน้ ไป ฉลากจึงระบปุ ที ่บี ่ม เชน่
10 ปี 20 ปี 30 ปี หรือ 40 ปี จัดเปน็ พอรท์ คุณภาพดี ราคาแพง
• Colheita Port คาวา่ “Colheita” แปลว่า Harvest หรอื เกบ็ เกย่ี ว ใช้Tawny Port ปที ีด่ มี าผลติ เปน็ Colheita Port
(แตย่ ังไมด่ ีพอจะทาเปน็ Vintage Port) แล้วเกบ็ บม่ ในถงั โอ๊ค 7 ปขี น้ึ ไป เวลาบรรจุขวดต้องระบุปี แต่กต็ ้องระบุวา่ เปน็
Tawny เชน่ ยหี่ อ้ Offley Port รนุ่ Very Old Tawny 1985 คือ Colheita Port
• Single Quinta Vintage เปน็ Vintage Port ท่ผี ลิตมาจาก Chateau หรือ Quinta ท่ีดเี ยยี่ ม และเก็บเกี่ยวในปที ดี่ ี
ท่สี ุด ราคาจึงแพงมากไปดว้ ย
• Garrafeira Port แปลวา่ Private Cellar Port บรรจุขวดไว้ 5-10 ปี จนเกดิ ตะกอนในขวด แล้วจงึ นาออกมาขาย
เหมาะสาหรับคนดื่มทช่ี ื่นชอบ “ตะกอนพอร์ท”
• Moscatel Port เปน็ พอรท์ ขาวทใี่ ชอ้ งนุ่ Moscatel เทา่ นั้น
17
Sherry (แชร์ร)ี่
เปน็ เหล้าอง่นุ ทม่ี ีดกี รีคอ่ นข้างสูง 20-22% และมีกลน่ิ หอม จดั เปน็ Fino Sherry สว่ นคาว่า "Sherry" มีรากศัพทม์ าจากคาว่า
"Jerez" (เซเรส) ตามภาษาสเปน สว่ นคาโบราณ คอื "Xe're's" (เฮเรซ) ตามภาษาฝรั่งเศสผลิตจากองุน่ เขยี วของเมืองอนั ดาลู
เซีย (Andalusia) ที่อย่ทู างตอนใต้ของสเปน จากแหลง่ ท่ปี ลกู 3 แหล่ง คือ Jerez de La Frontera ซึ่งประมาณ 70% จะเปน็
เหล้าองนุ่ ท่ีผลติ จากแหลง่ น้ี, El Puerto de Santa Maria และ Scanlu'ca de Barrame da วิธีการผลิตจะใช้องุน่ ท่ไี ม่มคี อ่ ยดี
ที่เหลือหลังจากการผลติ ไวน์ แลว้ นาไปกลัน่ ออกมาจะได้เหล้าบร่ันดี จากนน้ั นาไปผสมกับไวนข์ าวท่หี มักเสร็จแล้ว (จากอง่นุ ปาโลมี
โน ฟโี น มีดีกรี 11-12%) จะไดเ้ หลา้ แชรร์ ี่ ชนิด Dry ออกมา ทีม่ ีดกี รี 20-22% และนยิ มเก็บหมักบม่ ไว้นาน 10-15 ปี จนไดร้ สกลม
กล่อม กลิน่ หอมละเมยี ดละไม นา่ ดื่ม (ในช่วงทห่ี มักบ่มในถัง ท่ีผิวหนา้ บนนา้ เหล้าแชรร์ ่ี จะเกดิ ฟองเคลือบอยูบ่ นผิวหนา้ นา้ เหลา้
แชร์รี่ในถงั จะเรยี กว่า "Flor" เปน็ การขยายตวั ของเชอื้ ยสี ต์ท่ผี ิวหน้าบนน้าเหล้าแชร์รี่ เหมอื นเปน็ เกราะกันไม่ให้ เหลา้ แชรร์ ีส่ ัมผัส
กับอากาศ) นยิ มด่มื แบบแชเ่ ย็นกอ่ นเพื่อเรียกน้ายอ่ ย หรอื หลังอาหารก็ได้ จดั เปน็ เหล้า Mediterranean Wine มรี สฝาด สี
เหลอื งอ่อนใส
มีระดบั ความหวานท่ตี ่างกนั มกี ารระบไุ ว้ท่ฉี ลาก ดงั นี้
• Fino (ฟโี น) ไมห่ วาน รสอ่อน เบา มสี ีขาวซดี ดมื่ แบบแช่เย็น เมอ่ื เปดิ แล้วตอ้ งเก็บไวใ้ นตูเ้ ย็น ควรดื่มใหห้ มดภายใน 6 เดอื น
นยิ มด่มื มากในสเปน ไดแ้ ก่ Gonzalez Byass Tio Pepe, Sandeman Don Fino
• Manzanilla (แมนซานลิ า่ ) หวานนอ้ ย สีเขม้ นิดๆ ไดแ้ ก่ Hidalgo Manzanilla La Gitana NV Sherry
• Amontillado (อมอนทิลาโด้) มีความหวานเล็กนอ้ ย มกี ลิ่นถวั่ นิยมด่ืมที่อณุ หภูมหิ ้อง 25 องศาเซลเซยี ส ได้แก่ Dry Sack
• Oloroso (โอโลโรโซ) หวาน รสเข้มขน้ หนัก มีสีเข้มคลา้ ตอนหมักในถงั จะวางถังซ้อนกันเปน็ ชน้ั ๆ และเจาะถังต่อทอ่ สายยาง
มายังถังล่างเปน็ ทอดๆ นิยมเติมเหล้า Sherry ใหม่ทุกปี จากถงั บน และสบู ออก 20-30% ทุกปี ทาใหไ้ ด้รสทเ่ี ข้มข้น และ
แอลกอฮอล์ท่ีสงู จะทาใหไ้ มเ่ กิด Flor ทาให้นา้ เหลา้ สมั ผัสกบั อากาศในถงั หมักได้ จงึ มสี ีท่เี ขม้ กวา่ Fino ดว้ ย ไดแ้ ก่ D18omdecq-
Rio Viejo Oloroso
Aperitif
อเพอริทีฟ (Aperitif) เหล้าทดี่ ม่ื เพ่ือเจริญอาหาร คล้ายกับคาว่า Appetite ท่ีมรี ากศพั ทม์ าจากภาษาละตนิ Apertitiuvum
แปลว่า ทาให้เจริญอาหาร ในภาษาฝรั่งเศสอา่ นออกเสยี งว่า Aperitif : a-pear-i-teef (เอ-เพลยี -ริ-ทีฟ) ในภาษาอิตาลีอา่ นออก
เสียงว่า
Aperitivo : a-pear-a-teevo (เอ-เพลีย-อะ-ทีโว) แปลว่า Opener (ผเู้ ปดิ ประเดมิ ) หรือ Aperio (เอ-เพอ-ร-ิ โอ)้ แปลวา่ To
Open (เพ่ือเปดิ ), To Lay Bare
อเพอรทิ ีฟ ถอื กาเนิดขน้ึ มาในทวปี ยุโรปตง้ั แต่ในศตวรรษท่ี 16 และเปน็ ท่รี ู้จกั ไปท่ัวโลกตง้ั แต่ปี ค.ศ.1900 แรกเริ่มจะนาเอาเหลา้
สปริ ิตมากลัน่ ผสมกบั สมุนไพร และเครอ่ื งเทศตา่ งๆ ทาเปน็ เหล้ายา ท่ีมรี สขมเข้มขน้ ต่อมาไดล้ ดความแรง และความเข้มข้นของ
เหลา้ ใหเ้ จือจางลง โดยเปล่ยี นจากเหล้าสปริ ติ มาใชเ้ หลา้ ไวน์แทน จงึ จดั เปน็ ไวนป์ ระเภท Fortified Wine (ฟอรต์ ิไฟน์ ไวน)์ เปน็
ไวนท์ ่มี ีดีกรสี งู เนื่องจากเปน็ ไวนท์ ีม่ ีการเพ่ิมดกี รีใหส้ ูงมากขึ้น และยงั เปน็ เหล้าท่ีนิยมดืม่ ก่อนทานอาหาร เพ่ือช่วยเรยี กน้าย่อย ทา
ให้เจรญิ อาหาร ชว่ ยบารุงรา่ งกาย มสี รรพคณุ คล้ายเหล้ายา สว่ นใหญ่มรี สขม และมกี ล่นิ หอมฉนุ ของสมนุ ไพรเครอ่ื งเทศต่างๆ
แต่จากประวัตดิ งั้ เดิม ในช่วงปี ค.ศ.1786 เม่อื นาย Antonio Benedetto Carpano ได้คิดคน้ เหล้าเวอรม์ ธู (Vermouth)
ขนึ้ มาได้
เหลา้ ในตระกลู น้จี ึงเริม่ เปน็ ทีน่ ิยมดื่มกนั มากในอติ าลี และแพรห่ ลายไปทั่วในยโุ รปชว่ งศตวรรษที่ 19 ด่ืมกันกอ่ นการทานอาหาร
ชว่ ยเรยี กนา้ ย่อยในอาหารม้อื ค่าเปน็ หลัก จากน้ันก็ขยายความ
19
เหล้ากลุ่มนีแ้ บง่ ออกเปน็ 3 ชนดิ คือ Vermouth, Bitter และ Anise Vermouth (เวอร์มธู ) หรือเหลา้ ยาดอง ทามาจากรากไม้
รากยา สมนุ ไพร เครื่องเทศ และดอกไม้ มกี ลน่ิ และรสชาติแตกตา่ งกันออกไป รสชาตขิ องเหลา้ เวอรม์ ูธจะคล้ายกบั เหล้ายาบารุง
เลือดของคนไทย คลา้ ยกับเหลา้ ยาดองประมาณนัน้ หรอื บางทเี ราอาจจะจัดอย่ใู นกล่มุ ไวน์เจริญอาหารก็ได้ เน่ืองจากเหล้าชนดิ นี้
มกั จะทามาจากองนุ่ ถงึ 75% คล้ายกับไวน์ และผา่ นการปรุงแตง่ รส กล่ินด้วยพืชสมุนไพร เครือ่ งเทศตา่ งๆ เราอาจจะเรยี กอีก
อยา่ งวา่ Aromatic Wine (อโรมาติก ไวน์) เปน็ ไวนท์ มี่ ีกล่ินหอมของสมุนไพร หรือเรยี กว่า Aperitif Wine (อเพอรทิ ีฟ ไวน์)
เปน็ ไวน์ท่ีนยิ มด่ืมก่อนทานอาหาร
ต้นกาเนดิ ของเหล้าเวอร์มูธ ผลติ คร้งั แรกทอ่ี ติ าลี ถกู คดิ ค้นโดยนาย Antonio Benedetto Carpano ตัง้ แตป่ ี ค.ศ.1786 ท่ี
เมอื งตูริน แควน้ ปเี อมอนเต ในอิตาลี ตามมาดว้ ยฝรัง่ เศส ตา่ งกนั ตรงท่ี ของฝรง่ั เศส จะเช่ียวชาญในการผลิตเหลา้ เวอรม์ ธู แบบ
รสฝาด (ดรายเวอรม์ ูธ) มสี ใี ส (Dry หรือ White Vermouth หรือเรียกตามอิตาลีวา่ Bianco Vermouth) สว่ นของอิตาลีจะ
เดน่ ในการผลติ เหล้าเวอรม์ ธู แบบรสหวาน มสี แี ดง เกิดจากสนี า้ ตาลของคาราเมล (Sweet หรือ Red Vermouth หรือเรียก
ตามอติ าลวี า่ Rosso Vermouth)
ในการผลิตเหล้าเวอร์มธู น้ัน มวี ธิ ีการผลิตท่คี อ่ นขา้ งยุ่งยาก โดยในยุคแรกๆ จะใช้ไวน์ขาวทใี่ กล้หมดอายมุ าผสมกับกับเหลา้ สปริ ติ
แล้วนาไปแช่กับสมนุ ไพร รากไมร้ ากยาต่างๆ เพื่อยบั ย้ัง หรอื หยดุ การเน่าเสียของไวน์ มกั เรียกวธิ ีการนวี้ ่า การอ๊อฟไวน์ (Off
Wine) แตใ่ นปจั จบุ ันจะเลอื กสรรไวนท์ ่ีมคี ณุ ภาพดๆี มาผสมกับเหลา้ สปริ ติ หรอื เหล้าบรน่ั ดที ี่ยงั ไมไ่ ด้หมกั บ่มในถังไมโ้ อ๊ก (White
Brandy) หรอื ใช้เหล้าอง่นุ ขาว ผลติ ออกมาไม่มีรสชาติ แลว้ มาปรุงแต่งรสอีกที ด้วยการแช่สมุนไพร รากไม้รากยา เตมิ ความ
หวาน และนาไปตม้ จนเกิดฟองเล็กน้อย แล้วอาจจะแต่งเติมกลนิ่ รส สมุนไพรต่างๆ เพิ่มเติม ไดแ้ ก่ กานพลู (Cloves), อบเชย,
ขิง, ยี่หรา่ , เปลอื กผลไม้รสเปร้ียว, เม็ดผักชี, Sage, ใบโหระพา (Basil), Thyme, ดอกคารโ์ มมายล,์ ควนี นิน, ผลจูนิเปอร์เบอรี่
และดอกฮ็อพ (Hops) หรอื อาจจะเตมิ Mugwort และ Wormwood พวกไม้หอม เพิ่มเข้าไป เพ่ือเพิ่มรสขมปนฝาดนิดหนอ่ ย
เวอร์มูธ มหี ลายตัวดว้ ยกนั ไดแ้ ก่ 20
Carpano Punt e Mes (คาปาโน เพิ รน์ อี เมส)
เกดิ ขึ้นครั้งแรกเมอ่ื 19 เมษายน ค.ศ.1870 ท่เี มืองตูริน ในอติ าลี
มลี กู ค้าประจาของรา้ นขายไวน์คาปาโนทเ่ี ปน็ นายหน้าขายหนุ้ เข้า
มาในบาร์ แลว้ พู ดคยุ กันเรอ่ื งราคาหุ้นท่ีเพ่ิมข้นึ ในวันน้ัน เขาก็สง่ั
Carpano Vermouth ตามปกติ แตเ่ ขาขอให้บารเ์ ทนเดอร์เพิ่ม
ความขมเข้าไปอีกคร่ึงหน่งึ โดยใช้สานวนทอ้ งถน่ิ สงั่ วา่ “Punt e
Mes” จึงเกดิ เปน็ ไอเดยี ของเหลา้ ชนิดน้ีขน้ึ มา จัดเปน็ เหล้า Red
Vermouth กลน่ั มาจากไวนข์ าว ผสมกบั เครอื่ งเทศ สมนุ ไพร
กว่า 40 ชนิด เช่น ไม้หอม รากไม้ เปลอื กสม้ วานิลลา ควนี นนิ
กานพลู อบเชย และนา้ เชอ่ื มคาราเมล รสขมปนหวาน กลนิ่
สมนุ ไพรคลา้ ยไวนพ์ อรท์ หอมคาราเมล สนี ้าตาลแดงเขม้ มีดกี รี
16% ชว่ ยเรียกน้ายอ่ ยก่อนอาหารมือ้ กลางวัน นิยมด่ืมเพียวแตง่
พร้อมเปลือกส้ม หรือดม่ื ผสมกับชอ็ กโกแลต
21
Cinzano (ซินซาโน่)
เปน็ ย่ีหอ้ เหลา้ เวอร์มูธท่เี ก่าแกข่ องอิตาลี ผลติ มาต้ังแต่ ปี
ค.ศ.1757 ผลติ โดย สองพี่น้อง Giovanni Giacomo และ
Carlo Stefano Cinzano ตัวแรกที่ออกมาคือ Cinzano
Rosso โดยใชส้ มุนไพรในท้องถ่นิ และตา่ งถิ่น และเคร่ืองเทศกว่า
35 ชนิด รวมทั้งพวก Marjoram, Thyme และ Achillea นิยม
ดมื่ กนั มาก จนเรยี กกันติดปากว่าVermouth of Turin
หมายถงึ เหล้าเวอร์มูธท่ผี ลติ ในเมอื งตูริน ของอิตาลี หลงั จากนน้ั
ก็มี Cinzano Bianco ใชส้ มนุ ไพรพวก Artemisia
(Wormwood), อบเชย, กานพลู (Cloves), ผลไมร้ สเปรี้ยว
และดอก Gentian และตามมาดว้ ย Cinzano Extra Dry ในปี
ค.ศ.1890 จาหน่ายหลายท่ีทง้ั ในอาร์เจนตินา บราซลิ อเมริกา
และที่อ่ืนๆ ซนิ ซาโน่ มีหลายชนดิ เชน่
• Cinzano Rosso สีแดงเขม้ กลิน่ สมุนไพร และกลิ่นส้ม ผลไม้รสเปรยี้ ว รสหวานอมขมนิดๆ ติดปลายลิ้น มดี ีกรี 16% นยิ มดืม่ ไดท้ งั้ แบบแช่
เย็นหรอื ดืม่ แบบ on the rock หรือ ผสมน้าแอปเป้ ิล
• Cinzano Bianco สใี ส (แต่ถ้าเกบ็ ไว้นานไป สอี าจจะเปล่ยี นเปน็ สีเหลอื งเข้มๆ) รสฝาดปนหวาน มีกลิน่ เฝ่ อื นๆ คล้ายผิวมะนาว และ
เคร่อื งเทศ มดี กี รี 15% นยิ มดื่มผสมกบั เครอ่ื งด่ืม Soft Drink เชน่ นา้ โทนคิ , โซดา หรอื ดื่มแบบ on the rock
• Cinzano Extra Dry สขี าวใสออกเหลอื งนดิ ๆ รสฝาด กลนิ่ หอมฉุน นา่ เย้ายวน มดี ีกรี 15% นยิ มใช้ทาค็อกเทล หรอื ดมื่ แบบแชเ่ ย็น
• Cinzano Rose สีแดง หอมกล่ินส้ม และสมนุ ไพรพวกอบเชย วานิลลา และกานพลู มีดกี รี 15% นยิ มดม่ื แบบแชเ่ ยน็ หรอื ผสมกบั เครอื่ งดืม่
Soft Drink หรอื ผสมทาค็อกเทล 22
• Cinzano Orancio Rose สเี หลอื งทองอาพัน หอมกล่นิ สม้ และสมุนไพร ดีกรี 14.4% มขี ายในอังกฤษ
Dobonnet (ดูบอนเน)่
สอี อกแดงเขม้ หอมฉนุ กลน่ิ สมุนไพร รสเขม้ ข้นออกหวานนิดๆ
กลมกล่อม ร้อนแรง ผลิตท่ฝี ร่ังเศส มดี กี รี 14.8% โดยใช้ไวน์มา
กล่นั ใหอ้ อกมาคล้ายบรัน่ ดี แล้วนาไปหมกั บม่ กับสมุนไพร พวก
ควีนนิน เรม่ิ ผลติ ออกมาขายต้งั แตป่ ี ค.ศ.1846 โดยนาย
Joseph Dubonnet นิยมดมื่ ผสมกับ Lemonade (สไปรท์
หรอื เซเวน่ -อัพ) หรือ Lemon Bitter หรือผสมทาค็อกเทล บาง
ทกี เ็ รยี กกันว่า Fortified Wine มอี ยูด่ ว้ ยกัน 2 ชนดิ คอื
Rouge และ Blanc Rouge รสไม่หวาน ด่ืมแล้วชว่ ยเจริญ
อาหาร บารงุ เลอื ดลม เหมาะกบั ผู้หญงิ ชว่ งท่ีมปี ระจาเดอื น
23
Martini (มาร์ติน)่ี
เปน็ ยีห่ ้อเหล้าเวอรม์ ธู กล่นั จากสมนุ ไพร ไมห้ อม (Wormwood) รากยารากไม้ รสขมนดิ ๆ หอม 24
กลิ่นสมุนไพร มีดีกรี 15-18% สว่ นใหญ่ผลิตทอ่ี ิตาลี เมือ่ นาย Antonio Benedetto Carpano,
นาย Luigi Rossi (ไวน์เมคเกอร์) และนาย Teofilo Sola ได้รวมกันเปดิ บริษทั The Distilleria
Nazionale di Spirito di Vino ภายหลงั เปลีย่ นชอื่ มาเรื่อย จนเปน็ Martini, Sola & Cia. และ
Martini & Rossi ต้ังแตป่ ี ค.ศ.1879 จนถงึ ปจั จบุ นั ตอ้ งถือวา่ ย่หี อ้ มาร์ตนิ เี่ ปน็ เหลา้ เวอร์มูธที่มี
ชอื่ เสยี งอนั ดบั หนึ่งของอติ าลี และของโลกกว็ ่าได้ Martini ซึ่งมอี ยู่หลายรุน่ ดว้ ยกัน
• Martini Rosso ออกปี ค.ศ. 1863 สีแดงเข้มกลิ่นสมุนไพร
รสหวานนิดๆ อาจจะเรยี กต่างกันไป เช่น Sweet Vermouth มี
ดีกรี 15% คนอติ าลีนยิ มดืม่ พรอ้ มกบั น้าแข็ง หรือผสมกบั น้า
แอปเป้ ลิ จะช่วยให้กระเพาะอาหารทางานได้เปน็ ปกติ
• Martini Bianco ออกปี ค.ศ.1910 สีใสปนเหลอื ง รสฝาดปน
หวานนิดๆ นุ่มกว่า Extra Dry และหอมกลน่ิ เครอื่ งเทศ และ
กล่นิ วานลิ ลาหอมตดิ จมกู มีดีกรี 15% คาว่า Bianco ภาษา
อิตาลี แปลวา่ ขาวใส
• Martini Extra Dry - New Year's Day ออกปี ค.ศ.1900
สีใสอมเหลืองนดิ ๆ รสฝาดมากกวา่ หวาน กลิ่นหอม นยิ มใชท้ า
คอ็ กเทล และยงั มี Martini Dry ดว้ ย สีใส มีดีกรี15-18%
• Martini D’Oro ออกปี ค.ศ.1998 สเี หลอื งทอง ผสมดว้ ยสมนุ ไพร และเบอรเ์ บิร์นวิสกี้ รสนมุ่ ละมนุ หอมกล่นิ ผลไม้ วานิลลา
ลูกจันทน์ เม็ดผกั ชี หญ้าฝร่นั (Saffron) และนา้ ผ้งึ ผลิตและออกจาหนา่ ยคร้ังแรก ในเดนมาร์ก เยอรมัน และสวิสเซอรแ์ ลนด์
ในบา้ นเรายังไม่มขี าย
• Martini Rosato หรือ Martini Rose ออกมาปี ค.ศ.2007 สีแดงอมชมพู ทาจากองนุ่ แดงผสมองุ่นขาว รสออกหวานนดิ ๆ
มีดกี รี 15% ดม่ื ง่ายเปน็ ทช่ี ่ืนชอบของนักด่มื นยิ มดมื่ ผสมโซดา หรอื ผสมทาค็อกเทล เหลา้ ตวั นใ้ี นไทยหายาก ยงั ไม่ไดน้ าเข้า
• Martini Fiero ออกปี ค.ศ.2008 ในบ้านเรายงั ไมม่ ีขาย เปน็ ตวั ใหม่ล่าสดุ สแี ดงออกสม้ รสฝาดนดิ ๆปนหวาน หอมกล่นิ ผล
สม้ หลากหลายสายพันธุ์จากแถบทะเลเมดิเตอร์เรเน่ียน ทผ่ี สมผสานระหวา่ งไวน์ช้นั ดี กับผลไมร้ สเปรยี้ ว (ส้ม)
มีดีกรี 14.4-14.9% 25
Pimm’s No.1 Cup (พิ มส์ นัมเบอร์ วัน คฟั ) • Pimm's No. 1 Cup กลัน่ มาจากยนิ ผลติ เมอ่ื ปี ค.ศ.1823
• Pimm's No. 2 Cup กล่ันมาจากวสิ กี้ ผลิตเม่ือปี ค.ศ.1851
ปจั จุบนั เลกิ ผลิตไปแลว้
• Pimm's No. 3 Cup กลน่ั มากจากบรัน่ ดี ซึง่ บางทกี ็
เรยี กว่า Pimm's Winter Cup
• Pimm's No. 4 Cup กลั่นมาจากรัม ผลิตช่วงหลงั
สงครามโลกครัง้ ท่ี 2 ปจั จุบันเลิกผลติ ไปแล้ว
• Pimm's No. 5 Cup กลัน่ มาจากเบอรเ์ บิรน์ วสิ ก้ีทีท่ ามาจาก
ขา้ วไรน์ (Rye) ผลติ เมื่อปี ค.ศ.1960 ปจั จบุ ันเลิกผลิตไปแลว้
• Pimm's No. 6 Cup กลนั่ มาจากวอดก้า ผลติ เม่ือปี
ค.ศ.1960 ปจั จบุ ันยงั มผี ลติ อยบู่ า้ ง แตห่ ายากเพราะลดการ
ผลิตลงเหลอื น้อยมาก
กลั่นมาจากยนิ ผสมกับเครื่องเทศ สมนุ ไพร และผลไม้ รสออกหวานนิดๆ หอมกลน่ิ สมนุ ไพร และผลไม้ สชี าแก่ มดี กี รี 25%
จดุ เรม่ิ ต้นของเหลา้ พิมส์ เกดิ ข้ึนมาตั้งแตป่ ี ค.ศ.1820 คดิ ค้นโดยนาย James Pimm's ลกู ชาวนาจากเมอื ง Kent ทีอ่ ยทู่ างตอน
ใตข้ องอังกฤษ เขาแยกตัวออกมาทาธรุ กจิ เปดิ ร้านช่อื Oyster Bar หลงั จากนนั้ เขาได้ค้นคดิ สูตรเหลา้ ขน้ึ โดยนาแตงกวา และ
สมุนไพรตา่ งๆ มาแชแ่ ละหมักในเหลา้ ยนิ (Gin) ผสมกับน้าโทนิค เปน็ ที่นยิ มชมชอบสาหรับลกู ค้าที่ไดล้ ้มิ รส นยิ มดืม่ กันมากใน
องั กฤษ หลังจากนน้ั เขากผ็ ลติ ออกมาจาหน่ายอย่างเปน็ ทางการ ในปี ค.ศ.1823 ใชช้ ือ่ ว่า "Pimm's No. 1 Cup" ต่อจากน้นั กม็ ีการ
พัฒนาสตู รการผลิตออกมาตามลาดับโดยใช้เหล้าสปริ ิตตวั อ่นื มาผลติ เพิ่ม นยิ มดื่มกนั แพร่หลาย มักดืม่ ผสมกบั เลมอนเ2น6 ด สไปรท์
หรือ เซเว่น-อพั หรอื ผสมทาคอ็ กเทลก็ได้ นอกจากน้ยี งั มี Pimm’s No. อน่ื ๆ อีก สรปุ ได้ดังนี้
Bitters (บติ เทอร์)
หรือเหล้ายาสมนุ ไพร รสขม บางชนิดก็มรี สขมอมหวานด้วย นา้
เหลา้ ส่วนใหญจ่ ะสีออกดาเขม้ กลน่ิ หอมฉุน ไดม้ าจากการแช่
สมนุ ไพร เคร่ืองเทศมากมายกวา่ ร้อยชนิด และผลไม้รสเปร้ียว
จึงมีสรรพคุณคล้ายเหลา้ ยา มากกว่าเหลา้ ชนดิ อ่นื นิยมดม่ื ได้ท้ัง
กอ่ น และหลงั ทานอาหาร แต่ปจั จบุ นั นิยมด่ืมหลงั ทานอาหารกัน
มากขน้ี เพราะช่วยย่อยอาหารไดด้ มี ากทเี ดยี ว ชาวยุโรปนิยมดืม่
เพื่อลดอาการของโรคกระเพาะ สว่ นใหญ่จะมดี กี รี 35-45% บติ
เทอร์ มีหลายตัวดว้ ยกัน ไดแ้ ก่
Abbotts Aged Bitter (แอบบอส เอด บติ เทอร์) กลน่ั มาจาก
ไวน์ผสมกบั ผวิ สม้ รสขม กลนิ่ อบเชย วานลิ ลา เครือ่ งเทศ
สมุนไพร ปนกลนิ่ ถงั ไม้โอค๊ สสี ม้ เข้มอาพัน รสขม กลิ่นหอม
สมุนไพร มดี ีกรี 50% ผลิตต้งั แตป่ ี ค.ศ.1865 ทเ่ี มอื งบอลติมอร์
รฐั เมอรร์ ี่แลนด์ ของอเมริกา
27
Amaro Bitter (อมาโร่ บติ เทอร์) เหล้าของอิตาลี ในเมืองมิ
ลาน เรียกวา่ Italian Bitter คิดค้นโดยนักบวช เพ่ือทาเปน็ ยา
ตง้ั แต่ศตวรรษที่ 18 รสขมปนหวาน เผ็ดรอ้ นเครอ่ื งเทศ สี
นา้ ตาลเขม้ กลั่นมาจากเหล้าไวนผ์ สมสมุนไพร พืชตา่ งๆ กระวาน
ดอกเอลเดอร์เบอร่ี เปลอื กไม้ และรากยา มีดีกรี 30-40%
สรรพคณุ ดมื่ เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร มีหลายยี่หอ้ เช่น ยี่หอ้
Ramazotti ของอติ าลี ปี ค.ศ.1815 ผสมจากสมุนไพรกวา่ 33
ชนิด มดี ีกรี 30%, ย่หี อ้ Montenegro มีดีกรี 23% ของอิตาลี
, ยห่ี ้อ Averna ผลิตตามแบบฉบบั ดัง้ เดมิ ตั้งแต่ ค.ศ.1868
ผสมจากสมุนไพรต่างๆ กว่า 40 ชนดิ ผวิ มะนาว สม้ ทับทิม สี
นา้ ตาลเข้ม มดี ีกรี 23% ของอิตาลี
28
Angostura Bitters (แองกอสตูร่า บิต
เทอร)์ เปน็ เหลา้ ยา Aromatic Bitters กลนั่
จากสมนุ ไพร เครื่องเทศตา่ งๆ กว่า 100 ชนิด
เชน่ เปลอื กส้ม, รากไม้หอม Angelica,
กระวาน (Cardamom), อบเชย, กานพลู,
Galangan, Gentian Roots, ควีนนิน มดี กี รี
44.70% จากไตนแิ ดด แอนด์ โทบาโก้
(Trinidad and Tobago) โดย House of
Angostura คดิ คน้ โดย นายแพทย์โยฮนั ซี
เกิรต์ (Dr.Johann Siegert) ศัลยแพทย์ ชาว
เยอรมนั ที่เมืองทา่ แองกอสตูร่า ในเวนเนซูเอลา่
ถกู คดิ คน้ มาเพ่ือใช้เปน็ ยารกั ษาโรคไขม้ าลาเลยี (Stomach Maladies) โดยนาสมนุ ไพรกว่า 100 ชนดิ มาผสม และใช้ชื่อวา่
เหล้ายาขม ย่ีห้อ Dr. J.G.B. Seigert’s (Dr. Johann Gottlieb Benjamin Siegert) แตผ่ คู้ นมกั จะนยิ มเรียกตดิ ปากกันวา่
Angostura Bitters ตามสถานทที่ ผี่ ลติ หลงั จากนั้นจึงใช้ช่อื น้ีเร่อื ยมา กล่นิ หอมสมุนไพร รสขมเข้มขน้ ของเหลา้ แองกอสตู
ร่า คล้ายกบั กฤษณากล่ัน เวลาใชผ้ สมค็อกเทลใช้เปน็ หยดเท่านน้ั และแองกอสตรู ่ายังเปน็ เหล้าสูตรเดียวกว็ ่าได้ทีไ่ ม่มใี คร
สามารถลอกเลียนแบบได้ เน่ืองจากสูตรผสมเหลา้ ตัวนี้ถกู เกบ็ ไว้เปน็ ความลบั อย่างดีเย่ยี ม
ปจั จบุ นั ยังมี Angostura Orange Bitters มีรสขม กล่นิ ส้ม สสี ม้ เข้มออกดา มดี ีกรี 28% เปดิ ตัวปี ค.ศ.2007
และ Angostura Cacoa Bitters รสขม กลนิ่ โกโก้ จากโกโก้ลกู ผสม Trinitario ของไตนแิ ดด สีเขม้ มีดีกรี 48%29 เปดิ ตัว
ปี ค.ศ.2020
Aperol (อเพี ยโร)
กลั่นมาจากเหล้าอง่นุ ตามแบบการทาเหลา้ ยาสตู รลบั โบราณ ท่ีผสมกับสมุนไพรที่คัดสรรมาจาก
ธรรมชาติ เชน่ ผวิ สม้ ขม, รากไม,้ ควนี นินชนิด Cinchona, ดอก Gentian และพืชทีค่ ล้าย
น้าเตา้ (Rhubarb) ผลิตคร้งั แรกในชว่ งปี ค.ศ.1891-1919 ท่เี มอื ง Padova ในอิตาลี คิดคน้
โดยสองพี่นอ้ งตระกูล Barbieri คอื Luigi และ Silvio รสขมปนหวาน สสี ม้ อมแดงคล้ายสี
ของเหล้าคัมพาร่ี บิตเทอร์ แตอ่ เพียรโรม่ ีสอี อ่ นกวา่ ขมนอ้ ยกวา่ นุม่ กวา่ มีความหวานใกล้เคียง
กัน อเพียรโร่ จะมีดกี รี 15%
นยิ มดืม่ ใส่แกว้ ไวนท์ รงสูง ดม่ื กอ่ นทานอาหาร ดับร้อนผ่อนคลาย หรือด่มื ผสมโซดา หรือผสมส
ไปร์ท จดั เปน็ Light Aperitif Bitter ที่นิยมดืม่ กนั มากในเมอื งแฟชน่ั ของโลกอย่างอิตาลี ถกู
คดิ ค้นโดยนายบาร์เบยี รี บราเธอร์ (Barbieri Brothers) ผลิตครัง้ แรก ในปี ค.ศ.1919 ณ เมือง
Padua หรือ Padova ท่เี ปน็ ส่วนหนึง่ ของกรุงเวนิส ในแควน้ เวเนโต (Veneto) ทางตอน
ตะวันออกเฉยี งเหนอื ของอิตาลี
หลังจากสงครามโลกครัง้ ที่ 2 "Aperol" เร่ิมเปน็ ทร่ี ู้จัก มีชอื่ เสยี งระดับโลก ในช่วงปี ค.ศ.1950 ใน
งาน Padua International Fair เปดิ ตวั สตู ร “Aperol Spritz” คอ็ กเทลสญั ชาตอิ ติ าเล่ยี น และ
ในปจั จุบนั ไม่ว่าจะเปน็ บารด์ ังในทวปี ยโุ รป หรอื อเมริกา หรอื เมืองชายทะเลท่วั โลก ตา่ งก็มคี ็อกเทล
สูตร APEROL SPRITZ น้ีเสมอ และในปี ค.ศ.2003 บรษิ ทั คัมพาร่ี ได้เข้ามาซ้ือสิทธ์ิ และพัฒนาตอ่
ยอด จนทาใหอ้ เพียรโร่ ได้รบั ความนิยมยาวนานถึง 100 ปี 30
Branca Menta (บรางก้า เมน้ ท์ตา้ )
Branca Menta (บรางก้า เม้นท์ตา้ ) ของฮอลแลนด์ กล่ันมา
จากใบสะระแหน่ รสขมปนหวาน เย็นซ่า มีดีกรี 38-40% ผลิตใน
อติ าลี ถอื เปน็ Amaro Bitter และมคี วามคล้ายกบั เหล้า Fernet
Branca เกิดจากแรงบันดาลใจของนักร้องโอเปรา่ ผู้หนง่ึ ชอื่
Maria Callas เมื่อปี ค.ศ.1960 เธอชอบดมื่ เหล้า Fernet
Branca ผสมกบั นา้ เชอื่ มมน้ิ ท์ ใสน่ ้าแขง็ บด จึงเปน็ ไอเดียทมี่ า
ของการผสมสูตรเหลา้ ตัวนไี้ ด้อยา่ งลงตัว
31
Campari Bitter (คัมพารี่ บิตเทอร์) กลน่ั จากการผสมบร่ันดี
กับสมนุ ไพร รากไม้ เปลอื กควีนนนิ ขิง ผวิ ส้ม กล่นิ ผวิ สม้ รส
ขมจัดจ้าน ฉุนหอมกล่นิ ส้ม สีสม้ ออกแดงทบั ทมิ แต่เดิมมกี าร
ยอ้ มสีดว้ ยสแี ดงสดซ่ึงไดม้ าจากแมลงโคกินนใี ห้เปน็ สีแดง มี
ดีกรี 25% ผลิตโดยนาย Caspare Davide Campari เปน็ พ่อ
ครัว และนักปรงุ เหลา้ (Drink maker) ท่บี ารแ์ ห่งหน่งึ ชื่อ Bass
Bar ในนครมลิ าน ของอิตาลี ต้ังแตป่ ี ค.ศ. 1860 ตอนนั้นเขามี
อายุแคเ่ พียง 14 ปี ไดค้ ้นคิดสูตรเหล้านขี้ นึ้ มาเพื่อใช้ปรงุ ใน
อาหารจานเดด็ ของเขา โดยการนาเอาสมุนไพรกว่า 60 ชนิด เช่น
ผิวส้ม มะกรูด Rhubarb โสม และสมนุ ไพรต่างๆ มาปรุงกบั
แอลกอฮอล์ คล้ายกับการนาไวนม์ ากล่ันในแบบทีเ่ รียกวา่
"Maceration" เปน็ เหล้าท่ดี ม่ื เพ่ือชว่ ยชูกาลงั ท่ผี สมผสานกนั
อยา่ งลงตวั ระหวา่ งความหอมหวานกบั ความขมจัดจ้านสไปซี่
นิดๆ ดีกรรี ้อนแรง และยังมคี วามเชือ่ ว่า สามารถช่วยใหร้ ะบบ
ย่อยอาหารทางานได้ดีขนึ้ อกี ด้วย
32
Fernet Branca (เฟอรเ์ น็ท บางกา้ )
Fernet Branca (เฟอร์เนท็ บางก้า) รสขม กลนิ่ หอมซา่ ข้นึ จมกู
สีเหลืองเข้ม เพราะแตง่ สดี ว้ ยคาราเมล กลน่ั จากสมนุ ไพรกวา่
27 ชนิด เช่น Myrrh, Rhubarb, คาโมมายด์, Cardamom,
Aloe, และ Saffron มีดกี รี 42% ครง้ั แรกผลติ ท่ีเมอื งมิลาน ใน
อิตาลี มกั เรยี กกนั ว่า "Amaro" มคี วามหมายวา่ รสขม ค้นคดิ
โดยนาง Maria Scala ในปี ค.ศ.1845 เพ่ือทาเปน็ ยา มี
สรรพคณุ ช่วยรักษาโรคอหวิ าตกโรค แก้อาการเสียดท้อง แก้
อาการเมาคา้ ง ท่ใี ชช้ ื่อเหลา้ วา่ "Branca" มันเปน็ ชือ่ นามสกุลเกา่
ของนาง Maria ก่อนทเี่ ธอจะแต่งงานไป นิยมดื่มก่อน หรือหลัง
ทานอาหารก็ได้ บางทีก็ด่มื ผสมกับกาแฟ หรอื ดื่มแบบ On The
Rock ก็ได้ สว่ นในอารเ์ จนตินา นยิ มดื่มกับโคก้ หรือที่
สาธารณรฐั เชค นยิ มดื่มผสมกับนา้ โทนิค แต่ในปจั จุบนั มีผลิตใน
อเมริกาด้วย
33
Anise (อนซิ ) หรอื เหล้าเครื่องเทศ “โปย๊ กั้ก” บางทีก็เรยี กวา่ Pastis (พาสติส) ใชว้ อดกา้
กลน่ั ผสมกับสมนุ ไพรต่างๆ มีดกี รี 40-45% นยิ มดม่ื กันมากในฝร่งั เศส โดยเฉพาะในหม่ชู าวประมง
และพวกเศรษฐใี นรเี วียรา จัดอยใู่ นกลุม่ Aperitif นยิ มด่ืมกอ่ นทานอาหาร สีออกเหลอื งใสหรอื ขาวใส
กลิน่ หอมฉุน รสเฝ่ อื น เยน็ ๆ ทามาจากเคร่อื งเทศ โปย๊ กั๊ก ยหี่ รา่ ชะเอม และสมุนไพรต่างๆ คล้ายกบั
เหล้ายา มผี ลเปน็ ยากลอ่ มประสาทอ่อนๆ นิยมดมื่ กันมากในยุโรป เชน่ อิตาลี ฝรั่งเศส และเยอรมนั และ
ยงั ช่วยยอ่ ยอาหารดว้ ย ถ้าดม่ื หลังทานอาหาร ทาใหล้ มหายใจหอมสดช่นื แตถ่ ้านาไปทาเปน็ เหลา้ หวาน
(Liqueur) จะเรียกกันวา่ Samuca ซง่ึ เหลา้ ชนิดนี้จะคลา้ ยกบั เหลา้ Absinthe แตด่ กี รนี อ้ ยกว่า เมือ่
เหลา้ สมั ผสั หรอื ผสมกับนา้ เปล่า หรือน้าแขง็ หรอื เหลา้ ชนิดอน่ื ท่มี สี ใี ส จะเปลีย่ นเปน็ สีขาวอมเหลอื งขุน่
คลา้ ยสขี องนา้ มะนาว มกั นยิ มดืม่ ผสมกับน้าเปล่า ในอัตราสว่ นเหล้า 1 ส่วน ตอ่ นา้ เปล่า 2 ส่วน และยัง
นิยมดืม่ เพ่ือแก้ท้องอืด ทอ้ งเฟอ้ อนิซ มีหลายตวั ด้วยกนั ได้แก่
Absinthe (แอปซินท์) หรืออ่านว่า แอบแซ็งธ์ มีรากศัพทม์ าจากภาษาละตนิ วา่ Absinthium ซงึ่ มา
จากภาษากรซี ว่า Apsinthion แปลวา่ “ไม่สามารถด่มื ได้” และยงั มฉี ายาวา่ "La Fée Verte" หรอื
นางฟา้ สเี ขียว กล่นั มาจากวอดก้า (ท่ที าจากเมล็ดขา้ ว หรือองุน่ ) ผสมกับสมุนไพร
34
กลน่ั จากไวน์ผสมไมจ้ ันทร์หอม และยี่หรา่ ขม (Absinth) รสแรง
ตดิ ขมนิดๆ เยน็ ซา่ สน์ ดิ ๆ กล่ินหอมคลา้ ยลูกอมแฮ็คส์ สเี หลือ
งอมชานดิ ๆ มดี ีกรีสูง 40% มีประวตั กิ ารผลิตท่ยี าวนาน
ผสมผสานระหวา่ ง Star Anise และพืชทม่ี ีกลิน่ หอมต่างๆ เข้า
ดว้ ยกัน ผลติ มาตงั้ แต่ปี ค.ศ.1789 โดยนายแพทย์ Pierre
Ordinaire
นิยมดม่ื ผสมกบั น้าเปล่านยิ มด่มื ผสมกบั นา้ เปล่า ในสัดสว่ น เหล้า
1 สว่ นต่อน้า 2 สว่ น เม่ือสมั ผสั กับนา้ สขี องเหล้าจากสเี หลืองชา
จะเปลย่ี นเปน็ สีเหลืองขนุ่ มกี ลิ่นหอมนา่ ดม่ื นี้ถอื เปน็ เคลด็ ลับ
เฉพาะของบรษิ ทั Pernod บางทีกด็ ืม่ ผสมกบั น้าผลไม้ หรือ
เคร่ืองด่มื Soft Drink หรอื ผสมทาคอ็ กเทล บางคนอาจจะนยิ ม
ดม่ื หลงั ทานอาหารก็ได้ ช่วยกลน่ิ อาหารพวกทกี่ ลิน่ เช่น อาหาร
ทะเล หรอื เน้อื แลมป์ ทาใหล้ มหายใจหอมสดช่นื
35
Ricard (ริการ์ด
คลา้ ยกับเพอร์นอต รสแรงเย็นซ่าสน์ ิดๆ กล่นิ หอมคลา้ ยลูกอม
แฮ็คส์ มดี กี รี 45% ผลิตครงั้ แรกเม่อื ปี ค.ศ.1932 โดยนาย Paul
Ricard ท่เี มอื ง Marseille ของฝร่งั เศส ผลิตตามหลงั ยห่ี ้อ
Pernod นยิ มดืม่ กนั มาก แตจ่ ะโฆษณาว่า ยห่ี ้อนีใ้ ช้ส่วนผสม
วตั ถดุ ิบที่พิถีพิถันมากกวา่ จนมีสโลแกนวา่ “Ricard, The Real
Pastis of Marseille” หลังจากนน้ั บริษัทพยายามขยายกจิ การ
โฆษณาผา่ นส่ือต่างๆ จนเร่ิมมีชือ่ เสียงมากยงิ่ ข้ึน กลั่นและหมกั
มาจาก Star Anise ทีไ่ ดม้ าจากทางตอนเหนือของเวียดนามที่มี
คณุ ภาพด,ี Licorice ที่ช่วยใหเ้ หลา้ มสี ีสวย กลิน่ หอม และ
Root Beer ชว่ ยใหก้ ลิ่นดขี ้นึ นยิ มดม่ื ผสมกบั น้าเปล่า ใน
สดั สว่ น เหลา้ 1 สว่ นตอ่ น้า 2 สว่ น เมือ่ สัมผสั กบั นา้ สขี องเหล้า
จากสเี หลอื งชาจะเปลี่ยนเปน็ สเี หลอื งข่นุ หรือเครื่องดื่ม Soft
Drink ปจั จบุ นั ไดร้ วมกบั เหล้ายหี่ ้อ Pernod เปน็ บรษิ ัทเดยี วกัน
แล้ว เรียกว่า PERNOD RICARD ขายแยกแบรนด์กนั และยงั
ผลติ จัดจาหน่วยเหลา้ อื่นด้วย เชน่ Chivas Regal, Martell,
John Jameson’s, Larios, Wild Turkey เปน็ ตน้
36
เหลา้ หวาน เปน็ เหลา้ ทใ่ี ช้ผสมในคอ็ กเทล เพ่ือช่วยเพ่ิมรสชาติและสสี ันให้กบั คอ็ กเทล เนอ่ื งจากเหล้าหวานมีมากมายหลายชนดิ
แลว้ แตว่ า่ จะใช้ผลไม้ สมนุ ไพร หรอื พืชอืน่ ใดมาเปน็ ส่วนผสมทใ่ี ช้ทาเหล้า รสชาติออกรสหวาน มีกลิน่ และรสตามวตั ถุดิบที่นามาใช้
ทาเหลา้ หวานนัน้ ๆ มดี กี รีตัง้ แต่ 15-60%
คาวา่ Liqueur และ Cordial มคี วามหมายคล้ายคลึงกัน ส่วนใหญ่คาวา่ Liqueur มักจะหมายถึงเหลา้ หวานของประเทศแถบยโุ รป
มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินวา่ "Liquefacere" อ่านว่า ลคิ วิ เฟคซิร่ี หมายถงึ to dissolve หรอื to melt (การหลอมละลาย
รวมตวั กนั ) หมายถงึ การนาเอาเหล้าสปริ ติ มาผสมรวมกับผลไม้ และน้าเช่ือมทาใหไ้ ดเ้ หล้าท่ีมรี สหวานนุ่มเข้ากบั ความแรงของเหลา้
สปริ ติ ได้เปน็ อย่างดี สว่ นคาวา่ "Cordial" หมายถงึ เหลา้ หวานของอเมริกา ซ่ึงมรี ากศพั ทม์ าจากภาษละตนิ วา่ "Cor" หรอื
"Cordis" หมายถึง Heart เพราะ Cordial เปน็ เหล้ายาทีผ่ ลติ ขนึ้ ดมื่ เพื่อกระตุน้ หัวใจ
และรสชาตขิ องเหล้าหวานให้น่าดม่ื มากยิง่ ขนึ้ และพัฒนาต่อมาจนกลายมาเปน็ ‘ลิเคียวร์’ หรือเหลา้ หวานนัน่ เอง
ในปี ค.ศ.1920 ในยุโรปนิยมด่ืมเหลา้ หวานกนั มากหลงั ทานอาหารมอ้ื คา่ เพราะช่วยยอ่ ยอาหารไดด้ ี และชว่ ยบารุงร่างกายดว้ ย ทาให้
คณุ ผูห้ ญงิ ในยคุ นน้ั นยิ มดืม่ เหล้าหวานกันมาก หลงั จากน้นั เหลา้ หวานก็เข้าไปเผยแพร่ และนิยมดื่มแบบผสมเปน็ คอ็ กเทลกนั มากใน
อเมรกิ า
การผลติ เหลา้ หวาน (ลเิ คยี วร์ : Liqueur) ส่วนใหญ่นิยมนาเอาแอลกอฮอล์ที่ตม้ กลั่นสาเร็จแลว้ มาปรุงแตง่ รสเพิ่มเติมอกี ที โดย
เตมิ ความหวานเข้าไป ผสมกบั สมนุ ไพร เครือ่ งเทศตา่ งๆ, ผลไม,้ เมลด็ ผลไม,้ ดอกไม,้ รากไม้รากยา พืชพันธต์ุ า่ งๆ เช่น เมลด็ ดอก
คาราเวย์ (Caraway Seed), นา้ มนั จากผวิ ส้ม (Oil of Orange), นา้ มันจากผวิ มะนาว (Oil of Lemon), เมล็ดผกั ชที มี่ กี ลน่ิ หอม
(Coriander) เพื่อแตง่ เตมิ รสชาติ กล่นิ และสี ให้ไดเ้ หล้าหวานทแ่ี ตกต่างหลากหลาย ส่วนใหญ่นยิ มเสริ ฟ์ หลังอาหาร ดื่มกินเพ่ือ
ชว่ ยย่อยอาหาร หรอื ใช้เปน็ สว่ นผสมทสี่ าคญั ในการผสมคอ็ กเทล ขน้ั ตอนการผลิตเหลา้ หวาน มีดงั น้ี
37
ขนั้ ตอนการผลิตเหลา้ หวาน มีดังนี้
1. ขน้ั ตอนของการสกดั สารให้กลิ่นและรส
การปรงุ แตง่ รสชาติเหล้าหวาน มักเตมิ นา้ เช่อื ม (Sugar Syrup) ประมาณ 2.5% vol. (โดยปรมิ าตร) และยังแตง่ กล่ิน สี
ด้วยกรรมวิธที ี่แบ่งออกเปน็ 3 วธิ ี คือ โดยการแช่ (Infusion) มักใชบ้ ร่ันดี ท่เี รียกว่า Neutral Spirit เปน็ เหลา้ กล่นั บริสทุ ธิ์
ท่มี ลี กั ษณะเปน็ กลาง เทใส่ลงในถัง แล้วใส่ พืชผลไม้สด หรอื แหง้ ลงไปแช่นานอย่างนอ้ ยประมาณ 1 ปี จากนัน้ จึงกรองเอา
น้าออก แล้วนาพืชผลไมด้ ังกล่าวนน้ั ไปกลั่นตอ่ ซ่ึงนา้ ท่ีได้จากการกลนั่ พืชผลไม้จะนากลับมาผสมกับนา้ ที่แยกเก็บไว้ เพื่อ
ปรุงแต่งรสด้วยน้าเชื่อมอกี คร้งั หน่ึง แล้วเกบ็ หมกั บ่มต่ออย่างน้อยอีก 6 เดือน จนถงึ 1 ปี และพืชผลไม้ ท่ีนิยมกันนามาแช่
เชน่ แอปรคิ อท เชอรี่ พีช แอปเป้ ลิ แครนเบอร่ี เปน็ ต้น โดยการต้ม (Percolation) คล้ายกบั วิธีการชงกาแฟ โดยการตม้
คอื นาเอาพืชผลไม้หอมท่ีต้องการ ผสมกับบรนั่ ดี หรือ Neutral Spirit แล้วต้มกล่นั เหลา้ ออกมาตามต้องการ จากนน้ั เตมิ
ความหวาน แล้วแตง่ สเี พ่ิมตามสีธรรมชาตขิ องพืชผลไมท้ ่ใี ช้ทา แล้วบรรจุขวดเลยกไ็ ด้ หรอื เกบ็ เก็บหมกั บม่ ในถังไม้โอค๊ ตอ่
กไ็ ด้ โดยการกลน่ั (Distillation) เหมอื นกับวิธีการทาเหลา้ ยิน (Gin) คอื นาเอาพืชผลไม้หอมที่ตอ้ งการ แช่ในเหล้าบรนั่ ดีทิ้ง
คา้ งคืนไว้ แลว้ จึงนาไปกลน่ั ตอ่ จนได้เหลา้ ทไี่ มม่ ีสี แต่มีกล่นิ หอมของพืชผลไมต้ ามที่ต้องการ จากนนั้ คอ่ ยนาไปเตมิ ความ
หวานเพ่ิม ไมน่ ้อยกวา่ 2.5% ตามปรมิ าตร เพื่อใหไ้ ดค้ วามหวานตามตอ้ งการ แล้วแต่งสีเพ่ิมตามสธี รรมชาตขิ องพืชผลไมท้ ี่
ใช้ อาจจะเก็บหมักบม่ ตอ่ ในถงั ไม้โอค๊ จนได้รสหวานกลมกล่อม นุม่ นวลขน้ึ
38
ขัน้ ตอนการผลิตเหล้าหวาน มีดังน้ี
2. ขนั้ ตอนของการกลั่น หลงั จากทีส่ กดั ได้สารให้กล่นิ และรสในเหลา้ แลว้ หลายวนั จะนาไปกลน่ั ใน
ระบบสญุ ญากาศ เพื่อเกบ็ กลิน่ จะได้เหลา้ กลัน่ ทีไ่ ม่มสี ี และมดี กี รีทคี่ อ่ นขา้ งสงู แล้วนาไปกล่ันซา้
เพ่ือขจัดสง่ิ เจอื ปนท่ีจะทาให้กลิ่นและรสเหล้าเปล่ยี นแปลง
3. ขั้นตอนของการผสม เปน็ การผสมผสานเพื่อใหไ้ ด้รสและกลนิ่ ตามที่ต้องการ
4. ขั้นตอนของการหมกั บม่ จะนาไปหมกั บ่มในถงั ไมโ้ อ๊ก เพ่ือใหไ้ ดเ้ หลา้ หวานทม่ี ีคณุ ภาพท่ีดีเยย่ี ม
5. ขน้ั ตอนของการกรอง นาไปกรองสิ่งตกค้างออกไป เชน่ เปลือก หรอื เศษของสมุนไพรต่างๆ
6. ขน้ั ตอนของการบรรจขุ วด อาจจะมีการเตมิ เหล้าเพิ่มลงไป เพื่อเพิ่มดกี รตี ามท่ีต้องการ และเพิ่ม
ความหวาน แตส่ ี แล้วนาไปกรองอกี ครัง้ เพื่อใหไ้ ดเ้ หลา้ หวานทมี่ ีสีสดใสสวยงาม ก่อนบรรจลุ งขวด
การแบง่ ประเภทเหลา้ หวานตามดีกรีแอลกอฮอล์ แบ่งได้ 3 ประเภท คือ Liqueur Extra-Fine มี
ดีกรี 35-45% Liqueur Fine มีดีกรี 25-35% Liqueur Courantre มดี กี รนี ้อยกว่า 25% มัก
เปน็ เหลา้ Creme de ....
39
ประเภทของเหล้าหวาน เหลา้ หวานสามารถแบง่ ออกได้เปน็ 7 กลุม่ คอื
1. Herbal and Spice or Bitter Liqueurs เปน็ เหล้าหวานทก่ี ลน่ั มาจากบร่ันดี หรือคอนยคั หรอื วสิ กีผ้ สมกับสมนุ ไพร
เครอ่ื งเทศ รากไม้รากยา ทาใหม้ ีรสออกหวานปนขมนิดๆ รสเขม้ ขน้ กล่ินหอมฉนุ เชน่ Benedictine D.O.M., Chartreuse,
Kummel, Jagermeister, Suze เปน็ ต้น
2. Fruit & Plant Liqueurs เปน็ เหลา้ หวานทีก่ ล่นั มาจากเหล้าสปริ ิตผสมกบั พืช และผลไม้ตา่ งๆ แต่งเตมิ เพิ่มรสเข้าไป เช่น
Cointreau, Mandarine Napoleon, Grand Marnier, Midori, Malibu เปน็ ตน้
3. Seed & Nut Liqueurs เปน็ เหลา้ หวานทกี่ ลน่ั มาจากเหลา้ สปริ ิตผสมกับถ่วั พันธ์ตุ ่างๆ เมล็ดเครอ่ื งเทศท่ีคลา้ ยย่หี ร่า
(Caraway Seed) รสออกหวาน หอมกล่นิ เครอื่ งเทศ กล่ินถัว่ กลิน่ โกโก้ เชน่ Sambuca, Amaretto, Frangelico เปน็ ตน้
4. Whisky (Whiskey) Liqueurs เปน็ เหลา้ หวานที่กลน่ั มาจากวิสกีผ้ สมกบั น้าผงึ้ พืชผักผลไม้ สมุนไพรต่างๆ กล่นิ หอมหวาน
รสนมุ่ แรง เช่น Drambuie, Glayva, Southern Comfort, Wild Turkey, Irish Mist เปน็ ตน้
5. Brandy Liqueurs เปน็ เหลา้ หวานทกี่ ลัน่ มาจากบรน่ั ดผี สมกับผลไมต้ า่ งๆ กลิ่นหอม รสหวาน เชน่ Apricot Brandy,
Cherry Brandy, Peach Brandy, Apple Brandy, Egg Brandy เปน็ ตน้
6. Emulsion Liqueurs หรอื Cream Liqueurs เปน็ เหล้าหวานท่กี ลนั่ มาจากวสิ ก้ผี สมกับครีมนม โกโก้ ช็อกโกแลต วานิลลา
กลนิ่ หอม รสน่มุ จะมีรสชาดทโี่ ดดเดน่ เฉพาะ เข้มข้น มกี ลน่ิ เปน็ เอกลกั ษณ์ เชน่ Bailey’s, Amarula, Advocat เปน็ ตน้
7. Crème Liqueurs เปน็ เหล้าหวานที่กลนั่ มาจากเหลา้ สปริ ิต โดยเฉพาะเหล้ารัมผสมกับพืช สมนุ ไพร ผลไม้ต่างๆ มีการแตง่ เตมิ
เพ่ิมรส สี กล่ินเข้าไป แยกเปน็ Crème Liqueurs รสชาดคอ่ นข้างหวานกวา่ เหลา้ พวก Schnapps และเหลา้ หวานตัวอ่นื สว่ นรส
และกลิน่ จะเปน็ ไปตามผลไม้ หรือพืชทใ่ี ช้ผลิต สขี องเหลา้ จะมีสีสันสวยงาม หลากสี เชน่ Crème de Cacao, Crème de
Banane, Crème de Café เปน็ ตน้
40
แยกเหลา้ หวานตามองคป์ ระกอบได้ดังนี้ Color (สสี ันของเหลา้ ) แบ่งแยกเหลา้ หวานตามสี ได้แก่
• Clear Color สีใส เช่น White Crème de Cacao, White Crème de Menthe, Triple Sec, Malibu, White
Sambuca, Cointreau, Kirschwasser, Goldwasser, Kummel, Maraschino, Lychee
• Black or Dark Color สีดา เช่น Kahlua, Black Sambuca, Tia Maria, Jagermeister, Unicum
• Brown or Dark Color สีน้าตาลโกโก้ เช่น Brown Crème de Cacao
• Blue Color สีฟา้ เช่น Blue Curacao, Hpnotiq
• Violet Color สีมว่ ง เชน่ Crème de Cassis, Parfait Amour, Creme de Mure
• Yellow Color สเี หลอื ง เชน่ Galliano, Crème de Banane, Yellow Chartreuse, Vanilla Liqueur
• Green Color สีเขยี ว เช่น Green Chartreuse, Green Crème de Menthe, Pisang Ambon, Midori, Melon,
Kiwi
• Amber Color สที องอาพัน เชน่ Drambuie, Grand Marnier, Benedictine D.O.M., Irish Mint, Glayva,
Frangelico, Van Der Hum, Amaretto
• Orange Color สสี ม้ เชน่ Licor 43, Orange Curacao, Mandarine Napoleon
• Red Color สีแดง เชน่ Cherry Heering, Cherry Brandy, Crème de Fraises, Crème de Framboise,
Strawberry
• Cream & Milk Color สีครมี นม เช่น Bailey’s, Amarula, Mozart, Advocat Aroma (กลนิ่ ของเหลา้ )
41
แบง่ แยกเหลา้ หวานตามกลิน่ ไดแ้ ก่
• Fruit Aroma กลิน่ ผลไม้ เช่น Cherry Brandy, Kiwi, Crème de Banane, Malibu,
Lychee, Chambord, Apple Sour, Strawberry, Mango, Blueberry, Water
Melon, Midori
• Zest or Peel Aroma กล่ินผิว เชน่ สม้ มะนาว มะกรดู เชน่ Triple Sec, Parfait
Amour, Curacao, Cointreau
• Nut Aroma กล่ินเมลด็ ถวั่ ตา่ งๆ เช่น Crème de Cacao, Amaretto, Frangelico,
Apricot Brandy
• Spice Aroma กล่นิ เครอ่ื งเทศ เชน่ Kummel, Jagermeister, Anisette
• Sweet Aroma กลิ่นหวานหอม เชน่ Bailey’s, Toffee, Amarula
• Spirit Aroma กล่นิ เหลา้ สปริ ิต แบ่งเปน็ กลมุ่ เหลา้ บร่ันดี Brandy Aromaเช่น Grand
Marnier, Benedictine D.O.M. และกลุ่มเหลา้ วิสก้ี Whisky Aroma เช่น Drambuie,
Southern Comfort
• Flowers Aroma กลิ่นดอกไม้ เช่น Crème de Violette, Galliano
• Coffee Aroma กล่ินกาแฟ เชน่ Tia Maria, Kahlua, Copa de Oro
42
Alchermes (อลั เชอรเ์ มซ)
Alchermes (อลั เชอร์เมซ) หรือ Liquore de’ Medici จัดเปน็
เหลา้ Italian Liqueur ทค่ี ลาสสคิ ตวั หน่ึง กลนั่ จากเหล้าสปริ ิต
ผสมอบเชย สม้ ผกั ชี กา้ นพลู ลูกจันทน์เทศ วานิลลา และ
นา้ เชอื่ ม กล่นิ หอม รสเผ็ดรอ้ นจัดจ้านเปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตัว สี
แดงทับทิม มดี ีกรี 21-32% ผลติ ในอติ าลี ตงั้ แต่ ปี ค.ศ.1400
โดยนกั บวช แหง่ Frati di Santa Maria Novella นิยมดมื่ ใน
เขตปกครองของ Medici ในอิตาลี นิยมใสใ่ นของหวาน เคก้
หรอื ไอศกรมี
43
Amaretto (อะมาเรต็ โต)้
ผลิตจากผลแอปรคิ อต อัลมอนด์ และวานลิ ลา และนา้ เช่ือม รส
หวาน กลิ่นอลั มอนดป์ นเชอร่ี ตน้ ตารบั ผลติ ครั้งแรกท่อี ติ าลี
เรียกวา่ Little Bitter ต้งั แต่ศตวรรษท่ี 16 คดิ ค้นโดยหญงิ
หม้ายผ้หู น่งึ ที่ทาเหลา้ ตวั น้ขี ึ้น เพ่ือมอบให้ศลิ ปนิ ที่เธอชนื่ ชอบ
ดม่ื เพื่อชว่ ยย่อยอาหาร เสิร์ฟหลงั อาหารเยน็ มสี นี ้าตาลออ่ นออก
แดงอาพัน มดี กี รี 24–29% ปจั จบุ นั มีผลติ ในหลายประเทศ แต่
ส่วนใหญก่ ็ยังผลติ ในอิตาลี และอเมริกา เชน่ ยีห่ ้อ Disaronno
มีดกี รี 28% คดิ คน้ โดยนาย Bernardino Luini ที่เมือง
Saronno แควน้ Lombardy ในอติ าลี ต้ังแตป่ ี ค.ศ.1525, ยี่ห้อ
Luxardo (Amaretto di Saschira) มีดีกรี 28% ผลติ ในปี
ค.ศ.1821 ของอติ าลี, ยีห่ ้อ Averna ผลติ จากแควน้ Sicilian,
ย่หี อ้ Casoni มดี ีกรี 28% ผลิตในปี ค.ศ.1814 ของอิตาล,ี ยีห่ ้อ
Smeets มดี ีกรี 24% ของเบลเย่ียม, ยหี่ อ้ Lazzaroni ผสม
รากไม้ ผลิตตงั้ แตป่ ี ค.ศ.1850 ที่เมอื งซารอนโน่ ในอติ าลี
44
Apricot Brandy (แอปริคอต บรั่นดี)
หรือ Abricotine (แอปริคอทีน) หรือ Apry จดั เปน็ เหลา้
Generic Liqueur ผลติ จากลูกแอปริคอต ผสมด้วยบรัน่ ดี สี
เหลืองชา กลิ่นหอม มดี กี รี 24–35% ผลติ ทฮี่ อลแ์ ลนด์ ฝรั่งเศส
อเมรกิ า แตถ่ า้ เปน็ แอปริคอตบรั่นดีของฮังการี รสหวาน สีใส ชื่อ
Barack (บาลกั ค)์ มีดีกรี 38-43%
45
Baileys Irish Cream (เบยล์ ่ยี ์ ไอรสิ ครีม)
เปน็ วสิ กี้ผสมครีมนมท่คี ัดเลอื กมาจากแม่ววั ทใ่ี หน้ ้านมคณุ ภาพเยี่ยม
จากโรงรดี นมกลานเบีย (Glanbia) ในเขตคาวาน เคานต์ ี (County
Cavan) ที่สง่ ครมี นมให้มากวา่ 30 ปี และผสมคาราเมล วานลิ ลา
เมล็ดโกโก้ มรี สหวานหอมกล่ินโกโก้ สีครีมโกโก้ มีดกี รี 17% ของ
ไอร์แลนด์ คิดค้นโดย Gilbeys of Ireland เปน็ แผนกหนึ่งของ
International Distillers & Vintners ตั้งแตป่ ี ค.ศ.1971 คดิ คน้
เสรจ็ ในปี ค.ศ.1974 กอ็ อกวางขายเลย
โดยไมม่ ีการทดลองทาการตลาดกอ่ น เดมิ ทผี ู้ผลิตตอ้ งการจะจดช่อื เหล้า เขียนวา่ “Bailey’s” แต่เจ้าหนา้ ที่ ที่รบั จดทะเบียน
ช่อื เหล้า กลับเขียนผดิ เลยกลายเปน็ เขียนแบบนีว้ า่ “Baileys” นิยมแชเ่ ยน็ ดมื่ ได้เลย รสอรอ่ ย หอม ไมน่ ยิ มนาไปผสมกบั
เคร่อื งด่ืมทีม่ แี ก๊ส และน้าผลไม้ เปน็ เหลา้ ท่มี วี นั หมดอายกุ ากบั ใช้เหล้าวิสกีผ้ สมเพ่ือชว่ ยยืดอายขุ องครีมนมไมใ่ ห้เสียได้งา่ ย
โดยไม่ใสส่ ารกันบูด ควรดื่มในชว่ งไมเ่ กิน 24 เดอื นหลงั จากผลิต ถ้าปล่อยไว้นานกวา่ น้ัน คณุ ภาพจะลดลงเรอ่ื ยๆ ถ้าเสยี จะ
เหม็นเน่า และจับตัวเปน็ กอ้ นๆ ควรเกบ็ ในอุณหภูมิ 0-25 องศาเซลเซยี ส ปจั จุบันมวี างขายทวั่ โลก กวา่ 130 ประเทศ มี
หลายกลิ่นรส ทั้ง Original, Mint chocolate, Chocolate Cherry, Orange Truffle, Caramel Salt, Espresso
Creme, Pumpkin Spice, Almond Milk, Cream Caramel, Coffee, Hazelnut, Biscotti, Chocolat Luxe46,
Vanilla-Cinnamon เปน็ ต้น
Benedictine D.O.M. (เบนเนดิกทีน ด.ี โอ.เอม็ )
Benedictine D.O.M. (เบนเนดกิ ทีน ดี.โอ.เอม็ ) กลั่นมาจาก
เคร่อื งเทศสมนุ ไพรตา่ งๆ ถงึ 27 ชนิด เช่น Commiphora Myrrh,
Balm, Hysoop, อบเชย, พืชทค่ี ล้ายกับว่านหางจระเข้ ต้นยาดา รส
ขม และแอปรคิ อต สีเหลอื งเข้มทอง รสหอมหวาน หอมกลน่ิ สมุนไพร
มดี ีกรี 40% ผลิตตง้ั แตป่ ี ค.ศ.1510 ท่ี เมอื ง Fecamp อยูใ่ กล้
ชายฝ่ ังในแควน้ นอร์มังดขี องฝรงั่ เศส โดยบาทหลวงชอื่ Dom
Bernardo Vincelli ในนกิ าย Benedictine จัดเปน็ เหล้าหวานท่ีมี
อายุเกา่ แก่ตวั หนงึ่ ของโลก เรียกไดว้ า่ เปน็ เหล้าหวานตัวแรกของโลก
ส่วนคาว่า "D.O.M." หมายถงึ Deo Optimo Maximo (to the
greatest and best God) แปลวา่ แด่พระผู้เปน็ เจา้ ผ้ปู ระเสรฐิ ที่
ย่ิงใหญ่ และยังมอี กี รนุ่ คือ Benedictine B&B (เบนเนดกิ ทนี บี
แอนด์บี) เปน็ รนุ่ ท่ผี สมพร้อมดมื่ ตามชื่อคอ็ กเทลสูตรหนง่ึ ท่เี คยนยิ ม
ด่ืมกนั มากในอเมริกา ชอื่ สูตร B&B โดย B ตวั แรกมาจาก
Benedictine D.O.M. และ B ตวั ทส่ี องมาก Brandy ทคี่ ดิ ค้นโดย
บาร์เทนเดอร์หนมุ่ แหง่ บารเ์ หลา้ Club Twenty One ทีร่ ัฐนวิ ยอร์ค
ในอเมรกิ า ต้ังแตป่ ี ค.ศ.1930 เปน็ เหลา้ หวานทใ่ี ช้เหล้าเบนเนดกิ ทีน
ผสมกับเหลา้ บรั่นดคี อนยคั และนา้ ผึง้ รสหวานหอม สีเหลา้ เปน็ สี
เหลืองสม้ ทอง มีดกี รี 40% และต่อมาในปี ค.ศ.1938 กไ็ ด47น้ ามาผลิต
เปน็ เหลา้ หวานผสมสาเร็จ รสหวานกลมกลอ่ มน่มุ ละมุน ของฝร่งั เศส
Chambord (แชมโบว)์
Chambord (แชมโบว)์ ผลติ จากคอนยคั ผสมกบั แบลค็ ราสเบอ
รี่ (เปน็ การผสมผสานระหว่างแบลค็ เบอร่ีกับราสเบอร่ีเข้าด้วยกนั )
เครอ่ื งเทศสมนุ ไพร และนา้ ผ้ึงจากตน้ ยางอคาเซีย (Acacia
Honey) รสหวานหอม นุม่ ละมนุ มสี แี ดงเข้มอมม่วง ทรงขวดมี
เอกลักษณเ์ ปน็ พิเศษ มดี ีกรี 16.50% ของฝรั่งเศส ตามรปู ขวด
ด้านซ้ายจะขวดรุ่นเก่า ดีไซน์สวยหรู ฝามงกฎุ ทอง และรปู ขวด
ด้านขวาจะเปน็ ขวดรุน่ ใหม่ ดีไซน์โมเดริ น์
48
Cherry Brandy (เชอรี่ บรัน่ ดี)
ผลติ จากบรั่นดี ผสมเชอร่ี จดั เปน็ เหลา้ หวานเบสบรน่ั ดี กล่นิ หอม
เชอร่ปี นกบั อลั มอนด์ คลา้ ยยาลดไข้เดก็ รสหวาน มสี ีแดงเข้ม มี
ดีกรี 24-30% ใช้แทนเหลา้ Cherry Heering เพ่ือผสมสูตร
ค็อกเทล Singapore Sling ได้ Cherry Heering (เชอรเี่ ฮีย
รงิ่ ) มสี แี ดงเขม้ รสหวาน หอมกล่ินเชอรี่ รสนมุ่ นวลมากกว่า
Cherry Brandy มาก เน่อื งจากใช้เชอร่ดี าผสมเครื่องเทศผลิต
อย่างพิถีพิถัน มดี ีกรี 24% ผลิตในเดนมารก์ ตั้งแตป่ ี ค.ศ.1818
คิดค้นโดยนาย Peter Frederik Suhm Heering ในช่วงปี
ค.ศ.1806-1815 เขาไดท้ างานเปน็ เด็กฝึกงานและเปน็ เสมียนใน
เวลาตอ่ มากับเภสชั กรในเมอื งโคเปนเฮเกน ในชว่ งเวลาน้ีเอง เขา
ได้รับสตู รผสมเหล้า Cherry Brandy จากภรรยาของเภสัชกร
คนนี้ จนกระทั้งในปี ค.ศ.1818 เขาได้เปดิ ร้านเลก็ ๆ ในเมอื งแห่งน้ี
ขายเหล้าทีเ่ รยี กว่า Cherry Cordial และลูกของเขามาทาธุรกิจ
เดนิ เรอื เพื่อสง่ เหลา้ นไ้ี ปขายทัง้ องั กฤษ ท่ัวยุโรป และประเทศใน
อาณานคิ ม รวมไปถงึ อเมริกาดว้ ย จนเหล้าน้ี เรยี กตดิ ปากกนั วา่
Peter Heering บางกเ็ รยี กกนั ว่าเหลา้ Cherry Heering
จนถึงปจั จบุ นั 49
Cointreau (ครองตโ์ ทร์ หรือคอนทรูต)์
ผลติ จากเปลอื กผิวสม้ ในแถบทะเลแคบรเิ บี้ยน (Bitter Orange
Peels) และ ส้มในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนยี น (Sweet
Mediterranean Orange) รสหวานเข้มขน้ ซา่ อมเปรย้ี วนดิ ๆ
หอมกลิน่ ผวิ ส้ม มีสีใส มดี กี รี 40% ผลติ ที่หมบู่ ้าน Loire ใน
ฝรัง่ เศส คิดค้นโดยนาย Edouard Cointreau และน้องชาย
Adolphe Cointreau ต้งั แต่ปี ค.ศ.1849 ผลติ ท่หี มู่บา้ น Loire
ในฝรั่งเศส มีรสชาตจิ ะคลา้ ยคลึงกับเหลา้ Triple Sec สามารถ
ใชเ้ หลา้ Triple Sec แทนได้ แตว่ ่าเหลา้ ครองตโ์ ทรจ์ ะผลิตอยา่ ง
พิถีพิถัน รสและกลิ่น นุม่ ละมุนกลมกล่อมมากกวา่ และยงั เปน็
เหล้าหวานท่นี ิยมมาใชผ้ สมค็อกเทลมากทสี่ ดุ ตวั หน่งึ ด้วย
50