Cream Liqueur (ครมี ลิเคียวร)์ ใช้ครมี นมผสมวสิ ก้ี และโกโก้ ช็อคโกแลต เรียกวา่ วิสกคี้ รีม สโี กโก้ขาวครีม
นม กลน่ิ หอม รสหวานหอม มดี กี รี 15-20% มหี ลายยห่ี อ้ เชน่ ยห่ี อ้ Drambuie Cream, ย่หี อ้ Arran Gold
Cream สีทองครีมนม มีดกี รี 17.50%
Creme de Ananas (กรีม เดอ อะนาแนก๊ ) ผลิตจากรัมผสมกับสบั ปะรด และน้าตาลอ้อย (Sugarcane) รส
หอมหวานนา้ ตาลอ้อย หอมกล่ินผลไม้สบั ปะรด สีเหลอื ง
Creme de Bananes (กรมี เดอ บานันเนอะ) กล่นิ กล้วยหอม รสหวานหอม มสี ีเหลอื งสดใส มีดกี รี 24%
Creme de Cacao (กรีม เดอ คาคาว) ผลิตจากโกโก้ผสมวานลิ ลา มี 2 สี คอื สนี ้าตาลเขม้ Brown (Dark)
และสใี ส White (Clear) รสหอมหวาน กลน่ิ โกโก้ และวานลิ ลา มีดีกรี 24% นา้ หนกั เหลา้ สามารถเล่นระดบั เล
เยอร์ทาพวก Jelly Fish ได้ดีโดยเฉพาะสใี ส
Creme de Cassis (กรีม เดอ คลาสสคิ ) ผลิตจากรมั ผสมผลแบลค็ เคอเร้นท์ มีสแี ดงม่วงเข้ม รสหอมหวาน มี
ดีกรี 32-40%
Creme de Fraises (กรมี เดอ แฟรมซสิ ) กล่ันมาจากผลสตรอเบอร่ีผสมกบั ผลเบอรี่สีแดงอืน่ ๆ มสี ีแดงเขม้
สว่ นใหญ่มาจากฝร่ังเศส
Creme de Framboise (กรมี เดอ เฟรมบอยซ)์ กลั่นมาจากผลราสเบอร่ี มีสีแดงเขม้ สดใส รสหวานหอมกล่นิ
ราสเบอร่ี มีดีกรี 16-20% ใชเ้ หล้า Raspberry Liqueur แทนได้
Creme de Menthe (กรีม เดอ เมนท์เต)้ หรอื บางทีก็เรยี กว่า Peppermint มีสีเขียวสด รสหวานเย็นซา่
กลิน่ เปปเปอร์มินท์ คลา้ ยกลนิ่ ใบสะระแหน่ ผสมด้วยผลไม้ตากแห้ง (Raisins) มดี กี รี 29-30% มี 2 สี คือสีเขียว
Green และสีใส White (Clear) 51
Curacao (คูราโช่) คานีอ้ ่านออกเสยี งไดห้ ลากหลาย อา่ นแบบแคบริเบี้ยนวา่ คู-
รา-เซา หรืออา่ นแบบไทยๆ ออกเสียงกนั วา่ คู-รา-คาว แตถ่ ้าสาเนียงฝรง่ั เศส จะ
อา่ นวา่ ค-ู รา-โช่ กลัน่ มาจากน้ามนั ผิวสม้ ผิวมะนาว มดี ีกรี 24-40% มีรสหวาน
ออกเปร้ยี วซา่ นดิ ๆ หอมกลน่ิ ผวิ ส้ม มี 2 สี คอื สีสม้ เรยี กว่า Orange Curacao
มีดกี รี 29% ใช้ผสมทาสตู รคอ็ กเทล Mai-Tai และสีฟา้ เรยี กวา่ Blue Curacao
มดี กี รี 24% เดิมผลติ มาจากฝรั่งเศส ฮอลแลนด์ อเมริกา
ปจั จบุ นั ผลติ กนั หลายประเทศ หลากหลายยหี่ ้อ นอกจากนย้ี ังมีอกี สหี นึ่ง คือ สใี ส
เรียกกันวา่ Clear Curacao บางกเ็ รียก White Curacao หรอื ในปจั จุบนั
เรยี กวา่ Triple Sec มีดกี รี 39-40% น่ันเอง วา่ กนั ว่าทีต่ ั้งชอ่ื นี้ เหตเุ พราะ
สมัยกอ่ น นาเปลือกผวิ สม้ พื้นเมือง Laraha ท่ีปลกู จากเกาะคูราเซา ในทะเลแคบริ
เบ้ียน มาใชท้ าเหล้าชนดิ นี้ เลยเรยี กชอ่ื เหลา้ ตามชอื่ เกาะ ผลติ คร้ังแรกเมอ่ื ใดไม่แน่
ชดั แต่ในปี ค.ศ.1634 บริษัทดตั ช์อินดีส ได้เข้าครอบครองเกาะครู าเซา และโรง
กลนั่ ของ Bols ในอมั สเตอร์ดัมก็ถอื หนุ้ ของบริษทั นไี้ ว้ดว้ ย ซงึ่ บรษิ ทั ยนื ยนั วา่
Lucas Bols (ค.ศ.1652–1719) ไดพ้ ัฒนาผสมเหล้าคูราโช่ จากเปลือกผิวส้ม
Laraha แห้งแชใ่ นแอลกอฮอล์หลายวนั แล้วนาไปสกัดเปน็ นา้ มนั หอมระเหย เตมิ
เครื่องเทศ แล้วนาไปกล่นั ในหมอ้ ทองแดงอายุกว่า 120 ปี โดยเอาเปลอื กส้มแห้ง
ผสมเครอ่ื งเทศใส่ถุงแขวนไว้ในหมอ้ ทองแดงน้ี แล้วกลั่นได้แอลกอฮอล์บรสิ ทุ ธิ์
96% และโคเชอร์ (มาจากนา้ ตาลอ้อย) นานถึง 3 วนั หลังจากระบายความร้อน
อกี 1 วนั จะเตมิ น้าและกลัน่ ต่ออีก 3 วนั จนได้เหลา้ สใี สทห่ี อมกลิน่ ส้ม มีรสขม
นดิ ๆ แล้วใสส่ ีผสมอาหารแตง่ สีเพ่ิม เชา้ สีสม้ และสีฟา้ ชอบเรียกวา่ Crème de
Ciel ( "ครมี ของฟา้ ") ของ Bols เกดิ ข้ึนในปี ค.ศ.1912 52
Drambuie (ดรัมบรยุ )
กลน่ั มาจากสกอ็ ตแลนดว์ ิสก้ี ผสมกบั นา้ ผึ้ง ดอกฮเี ธอร์ และ
สมุนไพรอื่นๆ สสี ม้ ทองคล้ายสีพลอย รสหวานหอมกลน่ิ น้าผงึ้
และสมุนไพรต่างๆ มีดกี รี 40% ซ่งึ คาวา่ มาจากภาษาแกลลกิ โบ
ราณ (Gaelic) คาว่า 'an Dram Build Heach แปลว่า
เครื่องดมื่ ท่ีถกู ใจ (The Drink That Satisfies) รสหวานออก
เปร้ยี วนิดๆ ยกใหเ้ ปน็ ราชาแห่งวิสกี้ ลิเคยี วร์ (King of
Whisky Based Liqueurs) ผลิตกนั มานานกวา่ 250 ปี แล้ว
ต้งั แตย่ ุคของกษตั รยิ ์ชารล์ เอ็ดเวริ ์ด (Charles Edward) หรอื
มฉี ายาว่า สจวรต์ บอนน่ี ปรนิ ซ์ชาลี (Stuart Bonnie Prince
Charlie) แหง่ สกอ็ ตแลนด์ ท่ียกทัพไปรบกับกษตั รยิ ์องั กฤษ
เพื่อแยกตวั เปน็ อิสรภาพจากอังกฤษในยุคน้ัน แต่ทาไม่สาเรจ็
และเกือบจะส้ินชพี ด้วยซา้ ดที ว่ี า่ องคร์ ักษ์ชอ่ื รอ้ ยเอก จอห์น
แม็กคนิ นอน (John Mackinnon) ไดช้ ว่ ยชีวิตกษัตรยิ ์ของตน
ไว้ได้ กษัตริย์จงึ ตอบแทนดว้ ยการใหส้ ูตรลบั ในการผลิตเหล้า
หวาน ซึง่ ก็คือสูตรทใ่ี ช้ผลิตเหลา้ ดรมั บรยุ น้เี อง 53
Galliano (กัลลิอาโน่) หรอื Galliano Autentico
ผลติ ตัง้ แตป่ ี ค.ศ.1896 ในเมือง Livorno ของ
อิตาลี คิดคน้ โดยนาย Arturo Vaccari และตง้ั
ชือ่ เหล้าวา่ Galliano เพ่ือเปน็ การใหเ้ กียรติแก่
นาย Giuseppe Galliano ในปี ค.ศ.1989 บริษัท
Remy Cointreau เข้าซื้อสตู รการผลติ
Galliano และเปล่ยี นสตู รไป แล้วต่อมา Lucas
Bols เขา้ ซื้อ เปลย่ี นเปน็ แบรนด์ "Galliano
Vanilla" สตู รการผลติ เปล่ียนไปอกี คร้ัง ปรับให้
เปน็ 'สตู รด้ังเดมิ ' และเปลี่ยนฉลากใหม่ ภายใต้ชอ่ื
Galliano L'Autentico (Original) ออกแบบ
ขวดใหม้ ีความสงู 18 นวิ้ คลา้ ยกับเสาโรมนั
Galliano L'Autentico (กัลลอิ าโน เลอ อลั เทนทโิ ค) ผลติ เม่ือปี ค.ศ.1896 กลน่ั ถงึ 6 ครงั้ หอมกลิ่นวานิลลาชัดเจน มสี ีเหลือง
ทองสดใสเหมือนสเี ปลือกกลว้ ยหอมสกุ มดี ีกรี 30%
Galliano L'Aperitivo (กัลลิอาโน เลอ อะเพอริทิโว) รสขมคลา้ ย Amaro Bitter สีแดงเข้ม มดี ีกรี 24%
Galliano Amaretto (กัลลอิ าโน อะมาเรต็ โต)้ เหล้าอัลมอนดผ์ สมกบั เชอรี่ โกโก้ควั่ และวานลิ ลา มดี ีกรี 28%
Galliano Ristretto (กัลลิอาโน รสิ ทริโต)้ รสกาแฟเอสเปรสโซ่ ที่ผสมจากกาแฟ 2 สายพันธตุ์ วั มกี รี 30%
Galliano Black Sambuca (กัลลอิ าโน แบล็ค ซัมบูกา้ ) มดี กี รี 30% 54
Galliano White Sambuca (กัลลอิ าโน ไวท์ ซมั บกู า้ ) รสโปย๊ กก๊ั นมุ่ เบา สีใส มีดีกรี 30%
Grand Marnier or Grand Marnier Cordon Rouge กลน่ั มาจากคอนยัคผสมกบั ผิวสม้ สมนุ ไพรต่างๆ และ
(กรองต์ มานเิ ย่ หรือ แกรนด์ มาร์เนีย หรอื แกรนด์ มาเนียร์ นา้ เชื่อม คิดค้นโดย หลยุ ส์ อแล็กซองดร์ มารเ์ นียร์ ลาปอ
กอร์ดอน รูท) สตอลล์ (Louis Alexandre Marnier Lapostolle)
ตั้งแตป่ ี ค.ศ.1827 ท่ีเมอื ง Neauphle le Chateau ใกล้
นครปารีส ของฝรั่งเศส โดยใชส้ ม้ จากหมูเ่ กาะอนิ ดิส
ตะวันตก ในฝร่ังเศส เหลา้ หวานคอนยคั ชนดิ นี้ จะหอมกล่ิน
นา้ มนั จากผวิ สม้ ดว้ ย สีเหล้าเปน็ สเี หลืองทอง มีดกี รี 40%
นยิ มดื่มหลังทานอาหารเยน็ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล
คริสตม์ าส ปจั จุบนั เหลา้ แกรนด์ มารเ์ นียร์ จดั เปน็ เหล้า
หวานท่ีฝรั่งเศสสง่ ออกไปจาหนา่ ยทัว่ โลกมากทสี่ ดุ ดว้ ย มี
หลายรนุ่ เชน่
Grand Marnier Cordon Rouge เป็นสตู รต้นตารับ ปรับปรุงใหมใ่ นปี ค.ศ.1880 ใชค้ อนยัค 51% ผสมกับเหล้าหวานสม้ 49% รสชาติมีเอกลกั ษณ์โดดเด่น เม่อื
ด่มื จะไดค้ วามร้สู กึ ตามน้ี หวาน นุ่ม แรง สเี หลอื งทองอาพัน หอมกลน่ิ คอนยัคผสมวานิลลา เฮเซลนทั ทอฟฟ่ ี (Toffee) และกลิ่นผิวสม้ มีดกี รี 40%
Grand Marnier Cuvee Louis Alexandre ใชค้ อนยัค 82% ผสมกับเหล้าหวานส้ม 18% สอี าพันออกทองแดง มดี ีกรี 40%
Grand Marnier Cuvee Du Centenaire 100 (ปี ค.ศ.1827-1927) ใชค้ อนยัคเกรด X.O. 82% ผสมกับเหล้าหวานส้ม 18% สีอาพันออกทองแดง หอมกล่ิน
คอนยัคเกา่ เกบ็ ผสมพวกผวิ มะกรูด สม้ รสน่มุ เข้มขน้ ซบั ซอ้ น มีดกี รี 40%
Grand Marnier Cuvee Du Cent-Cinquantenaire 150 (150th Anniversary Bottle ปี ค.ศ.1827-1977) ใชค้ อนยัคเกา่ เกบ็ 91% ผสมเหล้าหวานสม้ 9%
มีดีกรี 40%
Grand Marnier Cuvee 1880 ใชค้ อนยคั เก่าเกบ็ 91% ผสมเหลา้ หวานส้ม 9% สที องแดงเขม้ มดี ีกรี 40%
Grand Marnier Cuvee Quintessence ใชค้ อนยัค Vintage 82% จากเขต Grande Champagne ผสมเหล้าหวานส้ม 18% สที องแดงเขม้ มีด55ีกรี 40%
Jack Daniel’s Honey Liqueur
Jack Daniel’s Honey Liqueur (แจ๊ค แดเนียล ฮันนี่ ลิ
เคยี วร)์ ใช้เทนเนสซ่ี วิสก้ี ผสมกับนา้ ผง้ึ และลกู จันทน์ มะนาว
กาแฟ Toffee และ Honeysuckle รสหวานนมุ่ ละมนุ กล่นิ หอม
สที องอาพัน มีดีกรี 35%
56
Jägermeister (เยเกอร์ไมสเทอร์)
หรือเรยี กวา่ Kräuterlikör เปน็ เหล้าสมนุ ไพร ทผี่ ลิตจากสมนุ ไพรเครื่องเทศ รากไมร้ าก
ยา ชะเอม จันทน์เทศ งาดา ขิง จนู ิเปอร์ โสม และผลไม้ตา่ งๆ ถึง 56 ชนิด นาไป
บดละเอยี ดแลว้ แช่ในนา้ และแอลกอฮอล์ นาน 2-3 วัน แล้วกรองกากออก นาไปหมกั บ่ม
เกบ็ ไวใ้ นถงั ไม้โอค๊ นาน 1 ปี จากน้ันนาไปกรองซ้าอกี คร้ัง เตมิ น้าตาล คาราเมล และ
แอลกอฮอลเ์ พิ่ม คดิ คน้ โดย นาย Curt Mast (ช่วงปี ค.ศ.1897-1970) ลูกชายของนาย
Wilhelm Mast ผู้ผลติ นา้ ส้มสายชู และขายไวนต์ ง้ั แตป่ ี ค.ศ.1878 ในเมอื ง
Wolfenbüttel ของเยอรมนี จดั เปน็ เหล้า German Liqueur และยังจดั เปน็ Herb
Liqueur สดี าชาเขม้ มดี ีกรี 35% ค่อนขา้ งแรง นยิ มดม่ื ผสมกับ Red Bull Extra เรียก
สตู รนีว้ า่ Jager Bomb หรอื จะนาไปแช่ใหเ้ ยน็ จัดทีอ่ ณุ หภูมิ -18 องศาเซสเซียล ผสมกับ
โซดา หรือโซดา ฟนิ ไปอีกแบบ ดม่ื เพื่อชว่ ยย่อยอาหารได้ดี เหมือนเปน็ ตัวช่วย Detox
ส่วนคาว่า “Jagermeister” ในภาษาเยอรมัน แปลว่า นกั ล่าตวั ฉกาจ (Hunt Master
หรือ Master Hunter หรอื Master of The Hunt เปน็ ชอ่ื ตาแหน่งเรยี กคนทท่ี าหน้าท่ี
คมุ กฎการลา่ สัตว์) ท่ีนาย Curtใช้ช่อื นม้ี าต้ังชือ่ เหลา้ ของเขา เหตุเพราะเขามคี วามคลง่ั ไคล้
ในกีฬาล่าสตั ว์ และโลโกห้ วั กวาง มาจากตานานของนาย Saint Hubertus ในยคุ กลาง ที่
เห็นนมิ ติ ถึง กวางเพศผ้ขู นาดใหญ่ ท่ีมาพร้อมกบั ไมก้ างเขนส่องแสงระหวา่ งเขาทั้งสอง
ของมนั ส่วนตวั ขวดมีสเี ขยี วเขม้ ปอ้ งแสงทาลายรสชาตเิ หล้า และออกแบบให้เปน็ ทรง
เหล่ียมหนาแข็งแรง โดยทดสอบปล่อยขวดทรงตา่ งๆ ลงจากท่ีสูง พบว่าขวดทรงนเ้ี ปน็
ใบเดยี วทตี่ กไมแ่ ตก 57
Kahlua (คาลวั ร์)
เปน็ ภาษาอาหรบั โบราณ เปน็ คาแสลงของกาแฟ หมายถึง "House of the Acolhua
People" ทอ่ี าศยั ในเมอื ง Nahuatl ของเมก็ ซโิ ก ผลิตจากรมั ผสมเมล็ดกาแฟอาราบิกา้
100%, น้าเช่อื มข้าวโพด, สมนุ ไพร และวานลิ า หอมหวานกลิน่ กาแฟ สดี าเขม้ ขน้ มีความ
หนดื นดิ ๆ ผลิตตงั้ แต่ปี ค.ศ.1936 ทีเ่ มอื งเวรากรซู ในเม็กซโิ ก จัดเปน็ เหล้า Licor De
Cafe' เกดิ จากแนวคิดของนายบางโก้ และนายมอนทอลโวลาลา่ ท่ีทดลองแยกกาแฟอารา
บิกา้ รสเข้มข้นออกมา แลว้ ผสมกับวัตถดุ บิ ชน้ั ดีของชนบทในเมอื ง Veracruz ของ
เมก็ ซโิ ก สรรค์สร้างออกมาเปน็ เหล้าคาลัวรไ์ ดอ้ ย่างลงตวั และต่อมาในปี ค.ศ.1940 นาย
Jules Bermanนาคาลวั ร์เข้าไปขายในอเมริกา และ 4 ปตี ่อมาเปน็ ทน่ี ิยมขายดบิ ขายดีอย่าง
มาก จนเขาได้รับฉายานามวา่ Mr.Kahlua เดิม ปี ค.ศ.2002 มดี กี รี 26.5% พอปี
ค.ศ.2004 เปลี่ยนเปน็ ดกี รี 20% ส่วนใหญน่ ิยมดม่ื เพียว หรือผสมกับกาแฟ ทาเปน็
คอ็ กเทลสตู รกาแฟ โดยเฉพาะสูตร Irish Coffee และสตู ร B52 สูตรน้ีเกดิ ข้นึ ครง้ั แรก ปี
ค.ศ.1977 ในเมอื ง Calgary ของแคนาดา ตัง้ แตป่ ี ค.ศ. 1980 เหลา้ คาลัวรจ์ ัดเปน็ เหลา้
กาแฟอนั ดบั 1 ตลอดกาลของโลก ปจั จุบันมีอีกรส คือ Kahlua Mocha เหล้าที่คลา้ ย และ
ใกล้เคยี งกบั คาลวั รม์ ากสดุ คือ Copa De Oro ใช้แทนกนั ได้เลย
58
Limoncello (ลิมอนเซลโล่)
Limoncello (ลมิ อนเซลโล)่ กลั่นมาจากเลมอนออแกนกิ พันธ์ุ
Sfusato ปลูกท่ีบรเิ วณแถบชายฝ่ ังอามัลฟี (Amalfi Coast)
ทางตอนใตข้ องคาบสมทุ รซอร์เรนตเี น (Sorrentine) ในอิตาลี
แช่ผสมนา้ ตาล 30% แอลกอฮอล์ 25% และน้าเปลา่ ทีป่ ลกู ทาง
ตอนใต้ คดิ คน้ โดยครอบครัว Pallini ตงั้ แต่ปี ค.ศ.1875 รส
หวานอมฝาดเปรีย้ วนดิ ๆ หอมกล่นิ เลมอน สีเหลอื งนวลคล้ายสี
นา้ มะนาว มีดกี รี 25-30% นิยมด่มื หลงั อาหารเพ่ือชว่ ยยอ่ ย
อาหาร หรอื แช่เยน็ จดั เสริ ์ฟใส่แก้วช็อท หรอื ดม่ื แบบออน
เดอะรอ็ ค หรอื ผสมค็อกเทล หรอื ผสมทาอาหาร แตถ่ า้ เอาผิวสม้
มาทา จะเรยี กวา่ “Arancello”
59
Lochan Ora (โลซาน ออร่า)
Lochan Ora (โลซาน ออรา่ ) ใชช้ ีวาส รกี สั วสิ กี้ 100% ที่เก็บ
หมักบ่มไว้นานหลายปี ผสมกับนา้ ผึ้ง และสมนุ ไพร สเี หลืองทอง
อาพัน มดี กี รี 35% ผลิตโดยกล่มุ บรษิ ัทเพอร์นอด ริการ์ด
(Pernod Ricard) มีกลน่ิ หอมคล้ายกล่ินไอดนิ ใตพ้ ิภพ คาวา่
Lochan Ora เปน็ ภาษาแกลลกิ แปลวา่ ทะเลสาบสที อง
(Golden Loch) ผลิตในสกอ็ ตแลนด์ ทเ่ี มืองอเบอรด์ นี
(Aberdeen) นยิ มดืม่ เพียว หรอื ผสมคอ็ กเทลกไ็ ด้
60
Malibu (มาลิบ)ู
กล่นั มาจากรมั ของแคบรเิ บ้ียนผสมกบั มะพรา้ ว ซงึ่ ใช้
วตั ถดุ ิบในการผลติ คอ่ นข้างน้อยชนิด แตก่ ลับไดร้ ส
เหล้าท่เี ปน็ เลิศโดดเด่น หอมกล่ินมะพรา้ วออ่ น รสหวาน
นุ่มละมุน สใี ส มดี ีกรี 21% ผลติ ต้ังแตป่ ี ค.ศ.1893 ท่ี
เกาะครู าโช่ ของบาร์บาดอส จดั เปน็ เหล้า Caribbean
Spirit มีวางจาหน่ายไปท่ัวโลกกวา่ 80 ประเทศ นิยมใช้
ทาคอ็ กเทลสตู ร Pina Colada หรือจะผสมกบั นา้
สับปะรด หรือจะผสมกับน้าเสาวรสคูก่ บั น้าสับปะรดก็ได้
ปจั จบุ ันเหล้ามาลบิ ู ยังมีรสต่างๆ ด้วย เชน่ Malibu
Black, Malibu U, Malibu Cranberry Cherry,
Malibu Island Melon, Malibu Island Spiced,
Malibu Mango, Malibu Passion Fruit, Malibu
Pineapple, Malibu Red มีดกี รี 35%, Malibu
Sunshine, Malibu Tropical Banana, Malibu
Winter Edition
61
Midori (มโิ ดร)ิ
มีดกี รี 23% ผลิตจากเหลา้ สปริ ติ ผสมกับ Fresh Honeydew Melon เปน็ แตงเมลอนสดๆจาก 2
สายพันธุ์ ไดแ้ ก่ แตงเมลอนยูบาริ (Yubari) มเี นือ้ สีสม้ รสหวานฉา่ ของเมอื งยูบาริ ทีม่ ีดนิ อุดม
สมบูรณ์ไปด้วยเถ้าภเู ขาไฟบนเกาะทางตอนเหนือของญีป่ นุ่ ทาใหแ้ ตงเมลอนนมี้ ีคุณภาพดี คุณคา่
ทางโภชนาการสูง ก็จะนาเนอ้ื แตงเมลอนน้ี ไปแชแ่ ข็งทันทเี พื่อควบคมุ รสชาตคิ วามสดใหม่ไว้ และจะ
ผลิตมิโดริ กต็ อ่ เมื่อทางบริษัท Suntory สัง่ ให้ผลิตเทา่ น้ัน โดยจะนาเนื้อแตงเมลอนท่แี ช่แขง็ ไว้นี้ใส่
ถุงแลว้ วางทิ้งไวบ้ นพ้ืนโรงงานจนกวา่ จะละลายนา้ แข็งไดห้ มดเอง กอ่ นนาไปเขา้ สู่กระบวนการผลติ
จะใช้เหลา้ สปิริตท่มี ีคณุ ภาพสูงมาแช่ Infusion โดยไมม่ ีการหมัก เอมไซม์จะชว่ ยยอ่ ยสลายเนอ้ื
แตงเมลอนใหก้ ลายเป็นเสน้ ใยมากขึน้ จากน้ันจะเติมเหลา้ สปิริตทเ่ี ปน็ กลาง และนา้ ตาลลงไป ใน
กระบวนการกลัน่ จะควบคุมความดนั ทคี่ อ่ นขา้ งตา่ เพ่ือชว่ ยควบคมุ รสชาตขิ องแตงเมลอน Yubari
สีส้ม ให้ยังคงความสดไว้ ได้เหลา้ สีใส มีดีกรีแอลกอฮอล์ 59 % ABV แล้วนาไปผสมกับ แตงเม
ลอนมัสค์ (Musk) มเี น้อื สเี ขียว กล่ินหอมกรุน่ ของเมอื งชิซูโอกะ (Shizouka) และเมอื งไอจิ
(Aichi) เมอื งทางตอนใตข้ องโตเกยี ว ในญ่ปี นุ่ แล้วนาไปกลั่นจนได้เหลา้ สปิริตสใี ส ทม่ี ดี ีกรี
แอลกอฮอล์ 59 % ABV คงเดิม มรี สชาติเขม้ ขน้ ขนึ้ นาไปเก็บแช่เยน็ แลว้ ส่งขา้ มโลกไปท่ีเมก็ ซโิ ก
และฝรง่ั เศส จะผา่ นกระบวนการผลิตทเ่ี สร็จสมบูรณ์ ด้วยการผสมกบั น้าตาลอ้อย และเหล้าบรนั่ ดี
Louis Royer อายุ 2 ปี จากอง่นุ ท้องถนิ่ ในเมืองคอนยัค และองุ่น Airén ของสเปน กล่นั ควบคุม
จนไดด้ กี รีแอลกอฮอล์ 20-21% ABV ในข้ันตอนน้ี จะมีการปรุงแต่งสผี สมอาหารเข้าไปให้
กลายเป็นสีเขยี วสดใส เพ่ือความโดดเดน่ ให้มโิ ดริ
Midori ตามภาษาญี่ปนุ่ ที่แปลว่า “เขยี ว” ออกแบบขวดใหผ้ วิ ขรุขระสะท้อนสีเขียวคล้ายกับผวิ
แตงเมลอนมัสค์ มโิ ดรเิ ปดิ ตัวทีอ่ เมรกิ าเม่อื ปี ค.ศ.1978 ในงานปาร์ต้ีท่ีไนต์คลบั ชื่อดงั สตูดิโอ 54
ในนิวยอรก์
เวลาดม่ื ใหน้ าไปแช่เย็นก่อนจะยิง่ เพิ่มรสชาติทีอ่ รอ่ ยมากข้ึน ชอบผสมกับน้าสบั ปะรดใส่น้ามะ6น2 าวนิด
หนอ่ ยจะอรอ่ ยเลิศ หรือจะแช่เย็นๆ ดื่มเพียวๆ กไ็ ด้
Poire William (ปวั ร์ วลิ เลี่ยม)
Poire William (ปวั ร์ วิลเล่ยี ม) จดั เปน็ เหลา้ Pear Brandy ใช้
บรนั่ ดีขาวทก่ี ล่ันจากลกู แพร์ เปน็ Eau-de-vie-de-
poire ผลติ กันในฝรงั่ เศส เยอรมัน และสวิตเซอร์แลนด์ มี
เอกลกั ษณ์โดดเด่น กรรมวิธนี าขวดแกว้ ไปสวมใส่กับหน่อดอก
ลูกแพรย์ ึดขวดไวท้ ่ีตน้ แล้วเลยี้ งใหเ้ ตบิ โตเตม็ ทีใ่ นขวดจะมีการ
ป้ มั อากาศเขา้ ไปหลอ่ เลยี้ งด้วย เพ่ือให้ได้ลูกแพร์ทีม่ ีคุณภาพดี สี
เหลืองใสอ่อนๆ มีดกี รี 45% นิยมเสริ ฟ์ แบบแช่เยน็ ด่ืมหลัง
อาหารมอ้ื เยน็ บางรุ่นอาจจะไม่ใสล่ ูกแพรล์ งไป
63
Sambuca ของอิตาลี ยห่ี อ้ ดังระดับ World Class Sambuca (ซมั บลู ก้า)
ไดแ้ ก่
- ยหี่ อ้ Ramazzotti เปน็ ยห่ี ้อทด่ี ังมาก ขายดีทส่ี ุด มี เปน็ เหล้าหวานทม่ี คี วามหวานมาก (ปรมิ าตร 1 ลติ ร จะมีน้าตาลมากกวา่ 350 กรมั ) พอๆ กบั
ดกี รี 40% ความหวานของไวน์โซแตร์น (Sauternes Wine) ของฝรั่งเศส และไวนพ์ อร์ท (Port Wine)
- ยี่หอ้ Romana เป็นยห่ี ้อทีผ่ ลติ ในกรุงโรม มดี ีกรี ของโปรตเุ กส ทาใหจ้ ดุ ติดไฟได้ง่ายสดุ มดี ีกรี 35-42% เดมิ ที เหล้าซัมบลู กา้ ผลิตขึ้นมาเพื่อ
42% เปน็ “เหล้ายา” ใช้รกั ษาโรค กลนิ่ หอมเมล็ดผลไม้ โดยเฉพาะกลนิ่ รสของเมล็ด อนซิ (Anise)
- ยหี่ อ้ Vaccari คดิ คน้ โดยนาย Arturo Vaccari คอื โป๊ยกั้ก หรอื จนั ทนเ์ ทศ 8 กลีบ
(เค้าเปน็ ผู้คดิ คน้ เหล้า Galliano ด้วย) มดี กี รี 42% ตามตานานต้งั แตป่ ี ค.ศ.900 ชาวอาหรบั หรอื พวกมวั ร์ (Mour) ไดเ้ ริ่มผลิตเหลา้ กลน่ั Spirits
และตอ่ มาในช่วง ค.ศ.1000 ชาวมวั รไ์ ดย้ ้ายถิน่ ฐานไปต้งั หลักแหลง่ ในเกาะซซิ ลิ ี (Sicily) อยทู่ าง
ตอนใต้ของอติ าลี ได้ผลติ เหลา้ กล่นั กัน ในบางรายนาเหล้าไปกลน่ั ซา้ แลว้ ซ้าอกี แล้วแตง่ กล่นิ
และรสดว้ ยเมล็ดอนิซ และเครือ่ งเทศสมนุ ไพรตา่ งๆ พรอ้ มเตมิ ความหวานทาให้ดม่ื กนิ ได้ง่ายข้ึน
เรยี กว่า “เหลา้ ยาของมัวร”์ หรือ “Zammu” ต่อมาภายหลังชาวอิตาเลยี นในแควน้ อืน่ ๆ ได้ผลิต
เหลา้ นขี้ น้ึ มาบา้ ง ช่อื เรียกจาก Zammu กก็ ลายเปน็ เรยี กกันว่า "Sambuca"
นยิ มดื่มกันมากในอติ าลี
ปัจจบุ นั มี 2 สี คือสีขาวใส White Sambuca กลนิ่ รสชะเอม และเมลด็ ผักชี ผสมด้วยเหล้า
Anise, Liqueurs, Sloe-berry และนา้ เชื่อม กลน่ิ คลา้ ยลกู อมแฮ็ท หอมเยน็ ซ่า ผลิตทีอ่ ติ าลี
และอเมริกา และสดี า Black Sambuca รสและกลิ่นคล้ายกาแฟ หอมเย็นซา่ รสออกหวานนดิ ๆ
การดืม่ เหล้าซมั บูก้าน้นั ปกตจิ ะใชเ้ ตมิ ในกาแฟแทนน้าตาล จะเรยี กชื่อเมนนู ้ีว่า Caffe Corretto
หรอื ใสเ่ มล็ดกาแฟสดที่ควั่ แล้วลงไปในแกว้ ชอ็ ทเติมเหลา้ แลว้ จุดไฟ เผาสกั พัก จากนน้ั ดับไฟ
แลว้ ยกดื่มพรอ้ มเมลด็ กาแฟ จะไดก้ ลนิ่ หอมหวนน่าหลงไหล แต่บ้างก็ว่า คนอิตาลกี อ่ นด่ืมเหล้า
ตวั น้ดี ว้ ยวธิ ีการแบบนี้ ชว่ งทไ่ี ฟยังติดอยู่ เขาจะอธษิ ฐานเพ่ือเส่ยี งทายวา่ สิง่ ทีค่ ดิ หรือกาลังจะ
ทาจะสาเรจ็ มัย้ โดยกอ่ นท่จี ะยกดม่ื จะมานับดวู ่าเมลด็ หลังจากทด่ี ับไฟแล้ว ลอยข้นึ มาเปน็ เลขคู่
หรือเลขคี่ ถา้ นับไดเ้ ปน็ เลขค่ี จะสาริดผล
64
Sloe Gin (สโล ยนิ )
Sloe Gin (สโล ยิน) กลนั่ มาจาก Sloeberry ผสมดว้ ยยิน สี
ออกแดง รสหวาน หอมกลิน่ ยิน มีดีกรี 15-30% ของอังกฤษ
แต่ใน EU กาหนดใหด้ ีกรขี ้ันตา่ ใหอ้ ยู่ที่ 25% เปน็ เหลา้ ทนี่ ยิ มดม่ื
ก่อนออกล่าสัตว์ โดยเฉพาะสุนขั จิง้ จอก จนกลายเปน็ ประเพณี
ปฏิบัตขิ ององั กฤษ
65
Southern Comfort (เซาว์เทริ น์ คอมฟอร์ท)
ใช้เบอร์เบริ ์นวสิ กี้ ผสมกับลูกพีช, สม้ จีน (Tangerine), ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวซ่า, นา้ ผึง้ , วานลิ ลา,
อบเชย และสมนุ ไพร รสนุม่ นวล หวานบาดคอนดิ ๆ หอมกล่ินพีช และกลนิ่ สม้ สเี หลอื งชา มีดกี รี
40% ผลติ ท่ีอเมริกา คดิ คน้ โดย นาย M.W. Heron ต้ังแต่ปี ค.ศ.1860-1874 ทีบ่ ารเ์ หล้าของเคา้
เอง ช่ือ Hang Out บนถนน Le Rue Bourbon (Bourbon Street) เมืองนวิ ออร์ลีน รัฐหลุย
เซยี น่า ตอ่ มาไม่ก่ีปเี ขาก็นง่ั เรือกลไฟลอ่ งแม่นา้ มสิ ซซิ ิปป้ ขี ้นึ ไปทางเหนอื ไปถึงเมือง Memphis
รัฐเทนเนสซ่ี เขาได้เปดิ บาร์เรอื นไมส้ องช้นั อยรู่ มิ แมน่ ้า ณ ท่นี ี่ ด้วย และในปี ค.ศ.1889 เขาก็
ผลิตเหล้าออกวางจาหนา่ ย ในปี ค.ศ.1904 ออกแบบสัญลักษณ์ฉลากบนขวดเหลา้ ท่ีใช้มาถงึ
ปัจจุบันเป็นรปู เรือนไมส้ องช้ัน อยูร่ ิมแม่น้ามสิ ซซิ ิปป้ ี ในรฐั เทนเนสซี่ ในปี ค.ศ.1910 ท่ีรฐั มสิ ซรู ี่
เหลา้ ชนดิ น้ีกเ็ ปน็ ที่รู้จกั และนยิ มดืม่ กันมากไปทวั่ อเมริกา เขาถึงแก่กรรมในปี ค.ศ.1920 และในปี
ค.ศ.1943 นาย Francis Fowlor ไดซ้ ้ือลิขสทิ ธิ์ และสูตรต้นตารบั การผลติ เหลา้ ของคนในตระกลู
เฮรัน ผลิตขายไดอ้ ยู่ 45 ปี เหล้าชนดิ นีก้ ็มีชอ่ื เสยี งดังกอ้ งโลก ตอ่ มาในปี ค.ศ.1979 กเ็ ปลยี่ นมอื
ผูผ้ ลติ อกี คร้ัง ลขิ สทิ ธกิ์ ารผลิตกต็ กไปอยู่กบั บริษัท Brown-Forman Corporation ในรฐั
เคนตคั๊ ก้ี ทีผ่ ลติ เหล้าแจค็ แดนเนียส (Jack Daniel’s) ของนาย Brown Forman นกั ผลิตเหล้า
มอื อาชีพ ทาให้เหลา้ ชนดิ นจี้ ดั เป็นเหลา้ Bourbon Liqueur ที่มรี สยอดเยย่ี ม จนได้ฉายาว่า The
Grand Old Drink of The South (ยอดสุราสดุ เก๋า รสยอดเยยี่ มแหง่ แดนใต้) จนติดอนั ดับใน
ทาเนียบ Classic Spirits of The World ท่ีจดั อนั ดับโดย Mr.Gordon Brown (นกั ชมิ เหล้า
และนักเขียนหนังสอื คอ็ กเทลชือ่ ดงั กอ้ งโลก) ผลติ ในอเมรกิ า เปน็ เหล้าหวานท่ีมยี อดขายดมี าก ใน
แต่ละปขี ายได้มากกว่า 2 ล้านหีบ และยงั ขายดเี ปน็ อันดับสี่ของโลก
66
Tia Maria (เทยี มาเรีย)
Tia Maria (เทีย มาเรยี ) จัดเปน็ เหลา้ Spirit Liqueur กล่นั มา
จากรมั สีดาของจาไมก้า ทีม่ อี ายเุ กบ็ หมกั บม่ ไว้นานอย่างนอ้ ย 5
ปี ผสมกบั เมลด็ กาแฟพันธุ์บูลเมานเ์ ทน และเครอื่ งเทศ รสหวาน
ปนขมเล็กน้อย หอมกลิน่ กาแฟ สีน้าตาลเข้มออกดา มดี ีกรี
31.50% ต้งั แตป่ ี ค.ศ.1600 คลา้ ยกับเหล้า Kahlua แต่มรี าคา
แพงกว่า และรสชาติก็นุ่มนวล กลิน่ หอมกวา่ หวานนอ้ ยกว่า
67
Tiffin (ทินฟลิ ) https://youtu.be/vAPwd6WaStE
Tiffin (ทนิ ฟลิ ) จัดเปน็ เหล้า
German Liqueur กลัน่ มาจาก
ใบชาดารจ์ ิงริง่ รสหวานขม หอม
กลน่ิ ใบชา มีดกี รี 24% ผลิต
ตงั้ แต่ปี ค.ศ.1835 โดย Anton
Riemerschmid Ltd. มิวนคิ ใน
เยอรมนั
Wild Turkey Liqueur (วลิ ตก๊ั ก้ี ลิเคียวร์)
Wild Turkey Liqueur (วลิ ต๊ักก้ี ลิเคียวร)์ กลนั่ มาจาก
เบอรเ์ บิรน์ วิสกี้ผสมกับวานลิ ลา ถ่ัวอัลมอนด์ และน้าผึ้ง รสหวาน
หอมกลน่ิ นา้ ผ้งึ สีนา้ ผง้ึ มดี กี รี 30% ผลติ ในอเมรกิ า และมอี ีกรนุ่
คอื Wild Turkey American Honey Liqueur ผลติ จาก
นา้ ผง้ึ แทผ้ สมเหล้าเบอร์เบิรน์ วสิ กี้ คาราเมล และส้ม สีนา้ ผงึ้ อ่อน
รสหวานนุ่มละมุน ผลิตปี ค.ศ.1990 มดี กี รี 35.5% นิยมแชใ่ หเ้ ย็น
กอ่ นดมื่ หรือจะดื่มแบบ ออนเดอะรอ็ ค 68
เหลา้ Spirits (สปริ ิต)
ด่มื ได้ทุกเม่ือทุกโอกาส ตามแตต่ ้องการ เกดิ จากการนาวัตถุดิบไปหมัก แลว้ กลั่นออกมา เรียกวา่ Distilled Beverages
หรือ Spirits ทีม่ ีแอลกอฮอลผ์ สมอยู่ในตวั ไดจ้ ากการกลัน่ ออกมาจากพืช หรือผลไม้ โดยเฉพาะพวกเมลด็ ขา้ ว มดี ีกรี
35% ขึน้ ไป
การกลั่นสุรา มีวิวัฒนาการพัฒนาเร่ือยมา จากหลกั ฐานทค่ี ้นพบ ในยุคสมยั บาบิโรเนยี แถบอาณาจักรเปอรเ์ ซยี มกี ารต้ม
เครื่องดื่มกัน โดยใช้หมอ้ ต้มทเี่ รยี กวา่ "Alembic" ทาเคร่อื งด่มื ที่เรยี กว่า "เบียร์" ในปจั จุบัน ภายหลงั เบียร์เขา้ ไป
เผยแพร่ในอียิปต์ เริ่มมกี ารต้มเบียร์กันมากขน้ึ เพื่อฆ่าเชอื้ ปรับใหด้ ีกรีสงู ขึน้ บ้าง เกบ็ ไดน้ านขึ้น โดยหมกั ใส่ไวใ้ นไหดิน ใช้
ผา้ คลมุ เวลาจะด่ืม จะใชห้ ลอดที่มาจากต้นกก เจาะแล้วดูดกินจากไหได้เลย จนกระท่งั จักรวรรดิโรมันเข้าครอบครอง
อยี ปิ ต์ นาเบยี ร์กลับไปเผยแพร่ในแถบยโุ รป (โรมนั ) แตด่ ว้ ยวา่ ในยโุ รป ไม่นยิ มปลกู ขา้ วกัน ซงึ่ เปน็ วตั ถดุ ิบหลักทใ่ี ชใ้ นการ
ผลติ เบยี ร์ จงึ มีกลุม่ นักบวช ทดลองทาเครอ่ื งด่ืมเลยี นแบบเบียรบ์ ้าง โดยเปลีย่ นจากขา้ วมาเปน็ "อง่นุ " ไดเ้ ครอ่ื งด่ืม
แอลกอฮอลต์ วั ใหมท่ เี่ รยี กว่า "ไวน"์ นนั่ เอง หลังจากนัน้ เรม่ิ มีการเผยแพรว่ ิธกี ารทาเหล้าไวน์ไปทว่ั ไมว่ า่ จะเปน็ ทฝี่ รั่งเศส
สเปน อังกฤษ โปรตุเกส ร่วมถงึ เยอรมนั ด้วย จากจุดนเี้ องที่เยอรมนั มีการคิดคน้ เครอ่ื งตม้ กล่นั ไดส้ าเร็จสมบรู ณ์แบบ
เปน็ ชาติแรกในแถบนี้ โดยพัฒนามาจากหม้อต้มเหลา้ ขององั กฤษ ซ่ึงนกั บวชชาวสก็อต ทดลองนามากล่ันดู เกดิ เปน็ สรุ า
กลั่นข้ึนมา จะพู ดเปน็ นยั กค็ อื ถา้ นาเบยี ร์หมักมากลัน่ จะไดเ้ ปน็ Whisky หรือถ้านาไวนห์ มกั มากลนั่ จะได้เปน็ Brandy
ตอ่ มาภายหลงั มกี ารทดลองเปล่ยี นวตั ถดุ บิ ทใี่ ชใ้ นการหมกั เปน็ พวกพืชหรอื ผลไมอ้ น่ื ๆ จึงได้ สรุ ากล่ันหรอื เหลา้ กลน่ั ท่ี
แตกไลน์เพิ่มมากข้นึ เชน่ วอดก้า จนิ เตกลี ่า รัม มดี กี รีสูง ตั้งแต่ 35-96% ชนิดของเหลา้ สปริ ิต ได้แก่
69
Aguardiente (อะกวาร์เดนเต้)
Aguardiente (อะกวาร์เดนเต)้ มีความหมายวา่ "Firewater"
น้าไฟลกุ หรอื นา้ ติดไฟ ผลิตจากอ้อย หรือองนุ่ หรือมันฝรง่ั
หรอื ขา้ วฟา่ ง หรือผลไมอ้ น่ื ผสมเครื่องเทศ พวกชะเอมเทศ มี
กล่นิ หอมฉนุ สีใส รสแรง มดี กี รี 29-60% นิยมดม่ื กันมากใน
สเปน รสชาติอาจจะคล้ายกับรัม วอดก้า สาเก ปโิ ก้ แตใ่ น
โปรตุเกสจะเรยี กเหลา้ นว้ี ่า Aguardente (อะกาวรเ์ ดนเต)้ กล่ัน
มาจากอง่นุ
70
Akvavit or Aquavit (อะกวาวทิ ) หมายถงึ สายน้าแหง่ ชีวิต
(Water of Life) เป็นเหล้าท่กี ลนั่ มาจากขา้ วสาลี (Wheat) หรอื
เมล็ดขา้ วนามาตม้ แล้วบดให้ละเอียด ผสมมนั ฝรง่ั ถงึ 96% และ
เครอื่ งเทศสมุนไพรต่างๆ สใี ส ออกโทนเหลอื งซดี ๆ คล้ายสฟี างเส้น
มีกลิน่ หอมของเมล็ดย่ีหร่า กานพลู อบเชย ผักชี พืชทเ่ี ป็นยา
เรียกว่า Dill ผงย่ีหรา่ (Cumin) ผิวเลมอน โป๊ยกก๊ั รสรนุ แรงบาด
คอ มดี กี รี 40–45% แตถ่ ้าเป็นของเดนมาร์ก จะมดี ีกรี 40-42%
หรอื ของเยอรมัน จะมดี กี รี 38-40% นิยมด่มื เพียวๆ กันมากใน
ประเทศแถบสแกนดเิ นเวยี เชน่ สวีเดน, เดนมารก์ , นอร์เวย,์
ฟนิ แลนด์ และไอซแ์ ลนด์ เวลาด่ืมจะนาไปแชเ่ ย็นไวก้ ่อนในถงั ใส่
น้าแข็ง เพื่อต้อนรบั แขกผู้มาเยอื นในฤดูหนาว ช่วยแกค้ วามหนาว
เย็น ทาใหร้ า่ งกายอบอนุ่
ช่วงศตวรรษที่ 13 จะหมายถงึ “เหล้าบรนั่ ด”ี ท่วั ไปเขียนวา่ "Aquavit" แตถ่ า้ ในสวีเดน และเดนมาร์ก จะเขยี นว่า "Akvavit" สว่ นในนอร์เวย์ จะเขยี นวา่ "Akevitt"
และยงั มอี ีกหลายคาทเี่ ขียนแตกตา่ งกนั เช่น "Aquavite" หรอื "Akvavit" ซึง่ ส่วนใหญ่มรี ากศพั ท์มาจากภาษาลาตนิ คือ "Aqua Vitae" (อ่านว่า อะกาวติ ) ที่มี
ความหมาย ในภาษาองั กฤษว่า "Water of Life" ซ่งึ แปลวา่ ”น้าอมฤตแห่งชวี ติ ” ในภาษาสเปนใช้คาว่า “Agua” แต่ภาษาโปรตเุ กสใช้คาวา่ “Aqua” เหมือนภาษา
ลาตินโบราณ ในภาษาอติ าเลยี นใช้คาวา่ “Acqua” ในบราซลิ ปจั จุบันกใ็ ช้คา Aqua ที่หมายถึง Water ชาวสแกนดเิ นเวียบางก็เรียกวา่ เชอแน็ปส์ (Schnapps)
แปลวา่ ใส ถา้ เจอคาว่า Schnapps หรือ Snaps กค็ อื ตวั เดียวกัน
ในปี ค.ศ.1500 ทน่ี อรเ์ วย์ นิยมดื่มเหล้านก้ี ันมาก จนเรมิ่ เป็นท่ีแพรห่ ลาย และเรียกเหลา้ ชนิดนว้ี ่า "Akevitt" จนอาจจะกล่าวได้วา่ ทีน่ อรเ์ วย์นเ้ี อง
นิยมด่มื กนั แบบแช่เยน็ โดยไมผ่ สมอะไรเลย ในแกว้ ใบเล็กทแ่ี ช่เยน็ ไวจ้ นเยน็ จัดดว้ ยเหมือนกัน แล้วยกดื่มรวดเดยี วจนหมด คลา้ ยกบั การด่ืมกนิ วอดกา้ ท่ีแชเ่ ยน็ จดั
จนกลายเปน็ ประเพณกี ารดื่มท่ีสบื ทอดตอ่ ๆ กนั มา โดยเฉพาะในชว่ งวันคริสต์มาส มกั ดม่ื คกู่ ับเบยี ร์ จะชว่ ยใหก้ ระเพาะอาหารขยายตวั ดใี นระหวา่ งทานอาหาร แตใ่ น
บา้ นเรานิยมดมื่ เหลา้ ชนิดนี้ กันน้อยมาก จัดไวใ้ นกลุม่ Eau-de-vie ในปัจจบุ ันเหลา้ Aquavit จดั อยู่ในตระกลู เหล้าหวาน เปน็ ประเภท Herb Liqueur ถ้าฉลากข้าง
ขวดพิมพ์คาว่า “Taffel Akavit” จัดเป็นอะกวาวิทระดบั พรีเมย่ี ม จะมกี ลิน่ หอมยห่ี ร่าเปน็ พิเศษกว่ากล่ินสมนุ ไพรชนิดอื่นๆ เช่น ยห่ี ้อ “AALBORG” ของเดนมาร์ก มี
ดีกรี 45% แตถ่ ้าของสวเี ดนย่หี ้อ O.P. Anderson Aquavit ทฉี่ ลากขา้ งขวดจะใช้คาว่า “Odadra Taffel Aquavit” แทน มคี วามหมายเดียวกัน ค71ือหอมย่ีหร่า
Brandy (บรั่นดี)
เป็นเหล้าอง่นุ รสนมุ่ กลมกลอ่ ม หอมหวน ชวนดม่ื มดี ีกรี 35-50% เดมิ ทคี าว่า
Brandy มาจากคาว่า "Branderwijn" ในภาษชาวดัชช์ หมายถงึ ไวน์ท่ีถกู เผาจน
รอ้ น (Burnt Wine) ในองั กฤษจะเรียกกนั ว่า "Brandywine" ตอ่ มาภายหลังเรยี ก
สัน้ ๆ วา่ "Brandy" กรรมวธิ ีการผลติ นาองนุ่ มาหมกั บม่ แลว้ นามาต้มกลน่ั จนได้
บรนั่ ดอี อกมา ต่อจากน้ันจะนาไปหมกั บม่ ตอ่ ในถงั ไม้โอค๊ จนได้บรนั่ ดเี ลิศรส บรนั่ ดี
ยงั มีอกี สองประเภท คือ
Cognac (คอนยคั )
เปน็ บร่ันดที ีผ่ ลิตขนึ้ ในแคว้นคอนยคั ของฝรั่งเศส เท่านัน้ และ Armagnac (อาร์
มายัค) เป็นบรั่นดที ผ่ี ลติ ขนึ้ ในแควน้ อาร์มายคั ของฝรัง่ เศส เทา่ นัน้ ซ่งึ ทั้ง คอนยคั
และอาร์มายัค ก็ถือว่าเปน็ บรนั่ ดเี ช่นกนั เพียงแต่จดั เปน็ บรน่ั ดีเกรดพรเี ม่ียม
Cognac (คอนยัค) ถือว่าเป็น “King of Brandy” ราชาแห่งบรั่นดี ส่วนใหญจ่ ะ
ผลติ จากเมอื งคอนยคั ในฝรัง่ เศส เท่านัน้ เป็นเหลา้ ท่ีผลติ จากองุน่ พันธแุ์ ซง เอมลี ี
ยง (Saint-Émilion) ที่ปลกู ในอาณาเขต Charente เทา่ น้ัน กรรมวิธีในการผลติ จะ
กลั่นออกมาเป็นสขี าว หมกั บ่มในถังไม้โอค๊ เกา่ และใหม่ โดยเปล่ยี นถา่ ยจากถังไม้
โอ๊คใหมส่ ่ถู ังไมโ้ อ๊คเกา่ และเกบ็ ไวใ้ นห้องใต้ดนิ อยา่ งนอ้ ย 5 – 10 ปี ผ่านการกลนั่
ถึง 2 ครงั้ หมกั บม่ ต่อจนไดก้ ลิ่นและรส ตามระยะเวลาท่ีต้องการ และยงั ขึ้นอยู่กับ
ชนิดของไมท้ น่ี ามาใช้ทาถังด้วย และจะมใี บรับรอง “I Accguit Jaune Dor” ติด
ตราท่ขี วด รสชาดหอมนมุ่ คอ ซ่ึงพื้นทที่ ีป่ ลกู องนุ่ ในแคว้นนจี้ ะมอี ยู่ 7 แหง่ ดว้ ยกัน
คือ Grande Champagne, Petite Champagne, Borderies, Fins Bois,
Bons Bois และ Bois Ordinaries แตค่ อนยัคที่มีคณุ ภาพดเี ยย่ี ม จะมาจากองุ่น
ที่ปลกู ใน 2 พื้นที่ คอื Grande Champagne และ Petite Champagne เช่น
ยห่ี อ้ Martell, Courvoisier, Hennessy, Remy Martin, Camus, Otard,
72
Napoleon, Salignac, Bisquit
Armagnac (อามาร์ยัค)
ถอื ว่าเปน็ “Queen of Brandy” ราชนีแหง่ บร่ันดี เป็นเหล้าทกี่ ลน่ั จากอง่นุ ทีป่ ลกู ในอาณาเขต Cascony เมือง Armagnac ซ่ึงพื้นทที่ ปี่ ลกู องุ่นในแคว้นน้ีจะมอี ยู่
3 แห่ง คอื Haut Armagnac Tènarèze, Bas Armagnac และ Saint-Émilion จะปลูกองนุ่ พันธุ์ Folle Blanche และ Baco 22A มีกรรมวธิ ใี นการผลติ จะ
อยา่ งพิถพี ิถัน มีการคดั เลือกองนุ่ ท่ีใชผ้ ลติ หมักบม่ ในถังไม้โอค๊ ดา ท่ไี ดช้ อื่ วา่ Hart of Oak และกลนั่ 1 คร้งั มีสเี หลา้ ค่อนขา้ งดา กล่นิ หอมรสนมุ่ ไม่บาดคอ และ
ยงั มีการระบุปี Vintage ดว้ ย ยถหี่้้าอ้อายCุกhาaรtหeมaกัuบL่มaนbาaนte15, -L2a5Fปoี nจtะaเรnยี eก, วR่าeHinohrasrtd,’ACghaebหoรtอื , Vieille Réserveใน 1 ปี อามาร์ยุค จะผลิตออกมาน้อยกวา่
คอนยัค จงึ หาได้ยากกว่า เชน่ Cles De Ducs, Chateau De Malliac, Kressmann เหล้า
บรัน่ ดี สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 3 ประเภท
1. บรนั่ ดีพื้นเมือง (Domestic Brandy) ร้จู กั ในวงแคบ เชน่ Regency Brandy (บรน่ั ดีไทย), German Brandy
2. บร่นั ดมี าตรฐาน (Regular Brandy) สว่ นมากเป็นบรนั่ ดีท่นี าเขา้ มาจากต่างประเทศ พอมีชื่อเสียงอยบู่ ้าง เชน่ Napoleon หรืออยา่ งรเี จนซีบร่นั ดีไทยกเ็ รม่ิ มา
จดั ไว้ในกลุ่มนแี้ ลว้ เรมิ่ เปน็ ท่รี ู้กันมากขนึ้
3. บรั่นดเี กรดสงู (Premium Brandy) เป็นบรั่นดรี าคาแพงทเ่ี กบ็ บ่มไว้ในถงั ไม้โอค๊ เป็นเวลานาน พวกเหบรั่นดีเกรดสูง เชน่ Hennessy, Martell,
Courvoisier, Remy Martin, Camus มีการระบุคณุ ภาพเป็นอักษรยอ่ หรือชื่อพิเศษ เรียกวา่ คอนยัค (Cognac) หรอื อามาร์ยคั (Armagnac) นอกจากน้ียงั
มีพวก Fruit Brandy (เหลา้ บรน่ั ดีรสผลไม้) เป็นเหล้าบรั่นดที ท่ี ามาจากผลไมอ้ นื่ ๆ นอกจากองุ่น ซงึ่ จะให้ได้กลิ่น รส ทีแ่ ตกต่างกนั ออกไป แบง่ เปน็ 2 ชนดิ ไดแ้ ก่
White Fruit Brandy (บรนั่ ดีผลไมส้ ขี าว) กลนั่ มาจากผลไม้ โดยไม่ต้องหมกั บ่มในถงั ไม้โอ๊ค มกี ลิน่ หอม และรสของผลไม้ตามน้นั นิยมแชใ่ หเ้ ย็นกอ่ นดื่ม
โดยไม่ผสม หรอื นาไปผสมเปน็ ค็อกเทลก็ได้
Colour Fruit Brandy (บรั่นดผี ลไม้ท่มี สี ี) กลั่นมาจากผลไม้ แลว้ นาไปเกบ็ หมักบ่มต่อในถงั ไม้โอ๊ค ผลไมท้ นี่ ามากลัน่ หมักบม่ เช่น จากแอปเป้ ิล เรยี กวา่
Apple Brandy, Calvados หรอื Apple Jack, จากเชอรี่ เรยี กว่า Kirschwasser, Kirsch, จากลกู พลัม เรยี กว่า Slivovits, Prunelle, Quetsch, จาก
ลกู แพร์ เรียกว่า Poire William, จากราสเบอร่ี เรยี กว่า Flamboise นอกจากน้ียงั สามารถทาจากผลไม้อ่ืนๆ ได้อีก บางทีเรียกบร่ันดผี ลไม้ประเภทนวี้ า่
“Eau-de-Vie” อาจจะจดั เป็นเหล้าหวานก็ได้ เพราะมรี สหวานปนอย่ดู ้วยนิดๆ
73
การแบ่งเกรดบร่ันดไี ว้ 4 เกรด ไดแ้ ก่
แบบธรรมดา อายุน้อย ราคาถูกสุด หมกั บ่มน้อยกว่า 5 ปี นยิ มดืม่ ผสมมากกว่าด่ืมเพียวๆ
V.O. = Very Old หรอื V.O.P. = Very Old Pale คาว่า V.O.P. : ย่อมาจาก V = Very, O = Old และ P = Pale
V.S.O.P. = Very Superior Old Pale คาว่า V.S.O.P. : ยอ่ มาจาก V = Very, Vintage, S = Superior, Soft หรอื
Special, O = Old และ P = Period, Pale หรอื V.S. = Very Superior หมกั บม่ ในถังไม้โอ๊คนาน 5 ปขี นึ้ ไป กรรมวิธีการ
ผลิตจะผสมผสานละเอยี ดอ่อนมากกว่าแบบระดับสามดาว สีเข้มกว่า
X.O. หรอื Extra Old หรอื V.V.S.O.P. = Very very Superior Old Pale : หมกั บม่ ในถงั ไม้โอค๊ นานเกือบ 10 ปี เป็นบร่ันดี
เกา่ เก็บ สีเขม้ ข้น สีเหลอื งเข้ม กลน่ิ จูงใจ การดื่มตอ้ งใหค้ วามพิถีพิถนั มากข้ึน E = EXTRA of Especial : หมกั บ่มในถงั ไม้
โอค๊ นานกวา่ 10 ปีข้นึ ไป เปน็ บรน่ั ดีชนิดพิเศษ สเี ข้มเหลอื งอาพัน เก็บไวไ้ ด้นานกว่าปกติ จดั เปน็ บร่นั ดีช้ันสูง คณุ ภาพยอด
เย่ยี ม มรี สสขุ ุมนมุ่ นวล กลิ่นหอมอบอวลมากกว่า และราคาก็แพงตามไปดว้ ย การดืม่ กต็ อ้ งด่ืมอย่างพิถีพิถนั เป็นพิเศษ
ความหมายของตวั อักษรย่อ มีดงั นี้ คอนยัค
E = Especial หรอื Extra
F = Fine https://youtu.be/2rc8Pbu_Hd4
O = Old
P = Period หรือ Pale อมายัค
S = Superior sinv Soft หรือ Special
V = Very หรือ Vintage https://youtu.be/txphvQoLRF8
X = Extra
74
https://youtu.be/6ff7iigBEY8 Calvados (คาลวาโดซ์) Calva ในภาษาละตนิ แปลว่า โล่งแจ้ง และ Dorsa แปลว่า ปลายยอด กลั่น
จากบรนั่ ดีหมกั ผสมกับผลแอปเป้ ิล เก็บหมักบ่มในถงั ไม้โอค๊ มดี กี รี 40-42% สีชาทอง หอมหวาน นมุ่ ละมุน แต่ถา้
ชาวนาพื้นเมืองทาดม่ื กนั เอง ดีกรีอาจสงู ถึง 80% รสชาตขิ องคาลวาโดซ์ ท่มี ีวางขายในท้องตลาด
แบ่งออกเป็น 4 โทนรสชาติ คอื โทนรสออกหวาน, ออกรสหวานขม, ออกรสขมนา และโทนร้อนแรง
ในชว่ งปี ค.ศ.1789 เป็นยุคท่ชี าวนารว่ มในการปฏวิ ัตฝิ รง่ั เศสด้วย แถมยงั นยิ มด่ืมคาลวาโดซก์ ันมาก ในเวลาต่อมา
มีร้านขายคาลวาโดซโ์ ดยเฉพาะเกดิ ข้นึ เรียกรา้ นเหลา่ นวี้ ่า Calva-Caf กระจายไปท่วั
ในชว่ งกลางศตวรรษท่ี 19 ไร่องุ่นในฝร่งั เศส และยุโรปถูกเผาทาลายผลจากสงครามโลก จงึ กลายเปน็ ยุคทองของ
คาลวาโดช์ ทีไ่ ด้รับการคมุ้ ครองอย่างเปน็ ทางการในปี ค.ศ. 1942 เรมิ่ นยิ มในหมพู่ ่อคา้ และนักเดินทาง
จนศตวรรษท่ี 20 คาลวาโดซก์ ็กลายเป็นสนิ คา้ ทมี่ ีช่ือเสียงของแคว้นนอร์มังดี อย่ทู างตอนเหนือของฝร่ังเศส ตดิ
กับชอ่ งแคบองั กฤษ ซึ่งเป็นถ่นิ กาเนดิ ของคาลวาโดซ์ เรยี กว่า Eau-de-vie de cidre ผลิตท่สี เปน เรียกว่า Eau-
de-vie de Pomme, Apple Brandy หรอื Aquardiente di Sidre และผลติ ทอ่ี เมรกิ า เรียกว่า Applejack
(แอปเป้ ลิ แจค็ ) หรอื ทวั่ ไป ก็คอื Apple Brandy (แอปเป้ ิล บรั่นดี)
คาลวาโดซ์ ย่ิงเกบ็ ไวน้ านรสชาติจะยง่ิ กลมกล่อม กล่ินหอมมากข้ึน
นยิ มดมื่ หลงั อาหาร ฉลากบนขวดมกี ารระบุสัญลกั ษณจ์ านวนปีท่เี ก็บหมกั บ่มเหมือน คอนยคั และอามาร์ยัค เชน่
Calvados du Pays d’Auge และ Eau-de-vie de Cidre คาลวาโซ์ท่ีผา่ นขบวนการกลนั่ เป็นเจ้าแรกของแคว้น
นอรม์ งั ดี คอื Lord of Gouberville หลังจากนั้นก็มีอกี หลายตวั ที่ผา่ นขบวนการกลนั่ เปน็ แอปเป้ ลิ บรนั่ ดี ในเชงิ
อตุ สาหกรรมกนั มากขึ้น Eau-De-Vie (เออ-เดอ-ว)ี กลัน่ จากบร่นั ดผี สมผลไมต้ า่ งๆ เชน่ เชอร่ี, พลัม, แอปรคิ อต
และพีช รสออกหวานธรรมชาติเล็กนอ้ ย มกี ลิน่ หอมเข้มข้นรสบรสิ ุทธิ์ สใี สๆ รอ้ นแรง มีดกี รี 40% ในแคว้นอัลซาซ
ของฝรัง่ เศส สีใส ไม่มสี ีใดๆ เจอื ปนอยู่เลย เปน็ เหล้ามคี วามหมายตามช่ืออีกอยา่ งว่า "Water of Life" มี
ความหมายในภาษาลาตินวา่ "Aquavitae"
ในยุคแรกของการผลิตนน้ั เหล้าชนดิ นจ้ี ะมีรสที่ไมค่ อ่ ยน่มุ นวลเทา่ ไร รสชาติยงั บาดคออยู่มาก กลิ่นและรสของ
แอลกอฮอล์แรงแหลมโดดออกมา คนจงึ นยิ มเรยี กอกี ช่อื วา่ "Burning Water" เกดิ ตง้ั แตศ่ ตวรรษที่ 17 ณ หบุ เขา
Ville Valley ในแควน้ อลั ซาซ มีนักบวชชาวอัลเซเซยี นนาเชอร่ีมาหมกั บม่ แลว้ ตม้ เพื่อเป็นยาอายุวัฒนะเพื่อหวังว่า
จะใช้รักษาโรคอหวิ าตกโรคได้ หลงั จากน้นั กว่าร้อยปี มกี ารผลิตบร่ันดีผลไม้สใี ส เรยี กวา่ Eaux de Vie ออกมา
โดยไม่สามารถรกั ษาอหิวาตกโรคได้ แต่มันเป็นเครอื่ งด่มื นิยมดม่ื กันหลงั อาหารเยน็ ทด่ี ที ีส่ ดุ ของโลก7เ5ลยก็วา่ ได้
Grappa (เกร็ปปา้ )
Grappa (เกร็ปปา้ ) กล่นั มาจากกากอง่นุ ท่เี หลอื จากการทาไวน์
เช่น เปลอื ก, ลาตน้ , เมลด็ และกากองุ่น ผสมกบั สมนุ ไพร (Rue)
กาเนดิ จากเมือง Bassano del Grappa แคว้นเวเนโต
(Veneto) ทางตอนเหนือของอติ าลี จดั เปน็ บรัน่ ดี เรยี กว่า
White Brandy (บรน่ั ดีสีขาว) สใี ส รสรุนแรง กลนิ่ หอม มีดกี รี
40% ด่ืมหลังอาหารช่วยย่อยได้ดี และยังช่วยลดการอุดตนั ของ
เสน้ เลอื ดที่ไปเลยี้ งสมองดว้ ย บางทกี ็จัดไวใ้ นกลมุ่ Eau-de-vie
เกร็ปปา้ ผลติ ครั้งแรกในปี ค.ศ.1897 คิดคน้ โดยครอบครัว
Nonino ใช้กากองนุ่ มากลนั่ กบั สมนุ ไพรตา่ งๆ ปจั จุบนั บรรจใุ ส่
ขวดแก้วรปู ทรงพิเศษ สวยงาม เดิมก็ว่า กนั วา่ เปน็ เหล้าของชน
ช้นั ตา่ พวกทาส ทามาจากองุน่ เน่า หรือกากเปลือกทค่ี ดั ออกมา
จากองนุ่ ที่ใชท้ าไวน์ แล้วกล่นั โดยไมไ่ ดห้ มักบ่ม ในถังไม้ชนั้ ดี รส
เลยหยาบ ชนชน้ั สงู จะไมด่ มื่ กนิ กนั ในยคุ นนั้
76
Kirsch (เคยี ร์)
กล่ันจากลกู เชอรี่ โดยนาเนอื้ ของลูกเชอรม่ี าบดให้ละเอียด แลว้
ผสมกนั ท้งั เนอ้ื และนา้ แล้วนาไปหมกั บม่ แลว้ กลน่ั ต่อ สว่ นคาวา่
"Kirsch" นี้ มาจากภาษาเยอรมนั แปลวา่ ลกู เชอรี่ ผลิตต้ังแต่
ช่วงปี ค.ศ.1810-1820 ในเยอรมนั ฝรงั่ เศส และสวิตเซอร์แลนด์
รสเข้มจัดจา้ นหวานหอมเลก็ นอ้ ย มีสีใส แรงดว้ ย มีดกี รี 35-
40% บา้ งกจ็ ดั ไวใ้ นกลุ่ม Eau-de-vie ชาวยโุ รป นิยมดม่ื แบบ
คอ่ ยๆ จิบ หลงั จากทานอาหารมอื คา่
77
Kirshwasser (เคยี รว์ าสเซอร์)
ในภาษาเยอรมนั หมายถงึ Cherry Water ผลิตจากเชอรี่แดง
ผสมบรั่นดี กลนั่ 2 ครั้ง ผลติ ตง้ั แต่ปี ค.ศ.1819 สีใส รสหยาบ
แรง ไมห่ วาน มีดกี รี 45% ของเยอรมนั
78
Gin (ยนิ หรอื จนิ ) กล่ันจากข้าวบาร์เลยผ์ สมผลจูนิเปอร์ (Juniper Berry or Baie De
Genievre ท่ีเป็นไม้พุ่มทม่ี ีกล่นิ หอม และมีอยู่มากในทวีปยุโรป) และเครื่องเทศสมนุ ไพรตา่ งๆ นา้ มนั ที่
กลน่ั ไดจ้ ากผล Juniper Berry คิดค้นโดยเภสัชกรชาวดัชช์ (ฮอลันดา) ฮอลแลนด์ หรอื
เนเธอรแ์ ลนด์ ช่ือ ดอ็ กเตอรฟ์ รานซสิ เดอเลอบัวร์ ซิลวอิ สั (Dr.Franciscus de Le Boe Sylvius
ช่อื รองคอื Dr.Sylvius) และกลมุ่ นักวิจยั ในคณะแพทยข์ องมหาวทิ ยาลัยเลเดน (University of
Leyden) เมือ่ ปี ค.ศ.1650 ทไ่ี ดท้ าการทดลองกลั่นแอลกอฮอลช์ นดิ ใหม่ ที่มีราคาถกู และมี
ประสิทธภิ าพในการช่วยขบั ปัสสาวะ เพื่อให้การทางานของไตเปน็ ปกติ เพ่ือประโยชน์ทางการแพทย์
แต่ยังได้ผลไม่ดีเทา่ ทค่ี วร หลังจากนั้นกใ็ ชช้ ือ่ เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์ชนดิ นวี้ ่า “Genivre” (ในภาษา
ฝรงั่ เศส จะหมายถงึ ผลจนู ิเปอร์) และในปี ค.ศ.1675 สูตรยินกถ็ กู พัฒนาต่อไปอีก โดยนาย Lucus
Bols นกั ผลิตเหลา้ ตัวยงในสมยั นั้น จนถงึ มกี ารตง้ั โรงงานกลั่นเหล้าชนิดนข้ี ้ึนทีก่ รงุ ฮามสเตอรด์ ัม
และเรียกชือ่ ยินตัวแรกน้ีว่า “Bols Gin” หลงั จากนั้น ยินกเ็ ผยแพรไ่ ปยงั ฝรง่ั เศส แตต่ อ่ มาอังกฤษ
ขโมยสตู รไปผลติ เอง บา้ งก็ว่าขอซอ้ื สูตรผลติ มา ชว่ งแรกเรยี กชอ่ื ว่า “Durch Courage” และ
ต่อมาเรียกวา่ “Giniva” ตอ่ ภายหลังมาเรยี กเหลือแคว่ ่า “Gin”
กรรมวธิ ีการผลิตเหลา้ ยิน จะใช้วธิ กี ารกลั่น โดยหมกั พวกเมลด็ ขา้ วตา่ งๆ ที่เรียกวา่ “Cereal
Grains” (เมลด็ ธัญญพืช) ไดแ้ ก่ เมล็ดขา้ วบาร์เลย์, เมลด็ ขา้ วโพด, เมลด็ ข้าวไรย์, เมล็ดขา้ วสาลี
และเมล็ดข้าวอ่ืนๆ จากนัน้ นามาตม้ กล่ันแล้วปรงุ แตง่ กล่นิ ดว้ ยการผสมนา้ มันทีส่ กัดมาจากผลจนู ิ
เปอร์ (Juniper Berries) มรี สเผ็ด กล่นิ หอมมาก รวมถึงกลิ่นของสมนุ ไพรตา่ งๆ จากนัน้ นาไปกล่นั
ซ้า จนได้ออกมาเป็นยนิ ทห่ี อมน่าดืม่
**ข้อกาหนดกฎเหล็กในการผลิต Gin ในปัจจุบนั ตอ้ งกล่นั อย่างนอ้ ย 3 ครงั้ หรอื มากกว่าก็ได้ และ
ตอ้ งมี Juniper Berries มากกว่า 50% ของสมนุ ไพรทั้งหมด**
คุณสมบตั ิของเหลา้ ยนิ เรียกวา่ เป็นเหล้ายา โดยกลั่นมาจากการหมักกากนา้ ตาลของเกรน, เมล็ด
ธญั ญพืช (พวกเมล็ดขา้ วโพด, เมลด็ ขา้ วบาร์เล่ย์, เมล็ดข้าวไรย์ และเมลด็ ข้าวอ่ืนๆ) หมกั ผสมกบั ผล
จูนเิ ปอร์ และเครือ่ งเทศสมนุ ไพรต่างๆ จากนั้นนาไปกล่ันซ้า ซ่งึ เคร่อื งเทศสมนุ ไพรต่ า่ งๆ ทีใ่ ช้ผลติ
ได้แก่ ผลจูนิเปอร์ (Juniper) ลกู สนสนี า้ เงิน รสเผด็ หอมหวาน เปน็ สว่ นผสมหลกั ที่ทาใหย้ ินมีกลน่ิ
หอม รากไม้ออร์รสิ (Orris Root) ตน้ ลานทม่ี ีรากหอม และเป็นยาแก้โรคสารพัดชนดิ 79
- ผิวส้ม (Orang Peel) ใหก้ ลิ่นหอม และรสซา่ ๆ - เปลอื กกระถนิ (Cassia Bark) ชว่ ยสมาน การเติมผลจนู ิเปอร์เพ่ื อให้ได้
- ผวิ มะนาวและเลมอน (Lime Peel & Lemon แผล หา้ มเลอื ด โกฐน้าเต้า (Rhubarb) เปน็ กลิน่ หอม ที่เรยี กวา่ เติม
Peel) ให้กลิ่นหอมระเหย เพิ่มความเปน็ ซตี ัส ยารกั ษาสารพัดโรค "Botanical" ลงไป ทาได้ 3 วธิ ี
- คาลัมบา (Calamba) รากไมข้ มชนดิ หน่ึง ทใี่ ช้ - เครอ่ื งเทศหวาย (Caramus) เปน็ ยา คือ
เป็นยารักษาโรค อายุวฒั นะ - เติม Botanical ผสมรวมกับ
- เม็ดยี่หรา่ (Caraway) เป็นยากระตนุ้ พลงั ชว่ ย - ถ่วั อลั มอนด์ (Almond) เมล็ดถ่วั กลิ่น แอลกอฮอลใ์ นข้นั ตอนสุดทา้ ย
ขบั เลือดขบั ลม โป๊ยกั๊ก หรือจันทน์เทศแปดกลีบ หอม ของกลัน่ จะได้ยินทม่ี ีคุณภาพดี
(Anise) ทาให้กลิ่นหอมยว่ั ยวนชวนใจ การผลิต - ชะเอมเทศ (Licorice) และราคาแพง
เหล้ายินจะมี - กระวาน (Cardamom) บารุงเลือด - ผสมสารสกดั หรือน้ามันของ
- เมลด็ ผักชี (Coriander Seed) Botanical พรอ้ มกับเหลา้ หลัง
- รากไม้หอมแองเจลกิ า (Angelica Root) การกลน่ั จะไดย้ ินทม่ี ีคุณภาพ
- อบเชย (Cinnamon) รองลงมา
- แช่ Botanical ลงไปในเหล้า
แล้วนาไปกลน่ั จะไดย้ ินทม่ี ี
คุณภาพตา่ ราคาถกู
80
การกลัน่ แบบตอ่ เนอ่ื งในหม้อกล่นั แบบ Continuous Still คอื จะกล่นั ถงึ 4 ขัน้ ตอน
ไดแ้ ก่
• Primary Distillation กลัน่ ใชค้ วามดันตา่ ทาให้ของเหลวกลายเป็นไอ เรียกวา่
Maltose ในหม้อกลั่น
• Second Distillation กล่นั ใชค้ วามดนั สูง แลว้ ค่อยๆ ลดให้ต่าลง โดยผ่านนา้ และ
ความรอ้ น จะทาใหข้ องมคี วามบริสทุ ธ์ิข้นึ เรยี กว่า Purifiation
• Third Distillation กลั่นซ้าๆ ทาให้บริสทุ ธิย์ งิ่ ข้นึ เรียกวา่ Rectification
• Fourth Distillation ทาให้ไอนา้ ผา่ นซึมซับกล่ินของสมนุ ไพร ในถังกลั่นแยกทองแดง
จะได้ของเหลวท่ีเรยี กว่า “Old Tom” คอื ไม่มรี สหวาน ปราศจากน้าตาล
การตม้ กล่ันเหลา้ ยินแบ่งออกเปน็ 2 แบบ คือ
♦ การกลนั่ แบบ Distilled Gin หรือการกลนั่ แบบองั กฤษ (English Dry Gin) หมัก
คลา้ ยกับการทาวสิ ก้ี โดยหมกั ผสมเมลด็ ขา้ วตา่ งๆ ในอัตราสว่ น เมล็ดข้าวโพด 75%,
เมล็ดข้าวบารเ์ ลย์ 15% และเมล็ดขา้ วอ่นื ๆ เช่น เมลด็ ข้าวไรย์, เมล็ดข้าวสาลี อกี 10%
จากน้ันนาไปตม้ กลนั่ ในระบบหม้อตม้ สญู ญากาศ (Column Still) จนไดแ้ อลกอฮอล์ที่
บริสุทธิก์ ว่า 90% (Pure Spirit) และจะนาไปกล่นั อกี คร้ัง เพื่อเติมแต่งกลิ่นของผลจนู ิ
เปอร์ และสมนุ ไพรต่างๆ จนได้ดกี รี 40-47% สีใสสะอาดบรสิ ทุ ธ์ิ
♦ การกล่ันแบบ Compounded Gin หรอื การกล่นั แบบอเมริกา (American Dry
Gin) เร่ิมตน้ หมัก และตม้ กล่ันเหมอื นปกติ เมื่อได้เหลา้ สีใส แล้วนาไปผา่ นความรอ้ น
กลายเปน็ ไอนา้ ซึมซบั ผา่ นตะกรา้ กรอง (Percolator Basket) ทีใ่ ส่หวั เชือ้ ของผลจูนิ
เปอร์ และสมนุ ไพรตา่ งๆ (Gin Head) ไว้ เหล้าจะดดู กล่ินเหล่าน้ีไว้ ทาใหม้ กี ล่นิ หอมขึ้น
จากน้ันนาไปผ่านการควบแน่น จะไดย้ นิ ทีม่ ีดกี รี 40% แตร่ สและกลิน่ จะมคี ุณภาพด้อย
กวา่ ยนิ ท่กี ลั่นแบบองั กฤษมาก ดงั นนั้ เวลาเลอื กซ้ือยนิ ควรจะสังเกตบนฉลากเหลา้ ด้วย
จะต้องมีคาว่า “Distilled” ตดิ อยู่ จะได้ยินทม่ี ีคณุ ภาพดีมากกว่า 81
Gin ในปจั จุบนั ประเภทของยนิ แบง่ ออกได้ เปน็
นยิ มนา Botanicals ท้องถ่ินที่เปน็ เอกลกั ษณ์มาเพ่ิมเตมิ เสรมิ ลงไปเพ่ือให้ - Dry Gin เหลา้ ยนิ ท่มี ีมากท่สี ุด สว่ นใหญบ่ นฉลากจะพิมพ์คาว่า “Dry Gin" หรือ
โดดเดน่ ดา้ นกลน่ิ และรสชาติ แตก่ ็ตอ้ งไม่ขาดหวั ใจสาคัญคือ Juniper "Very Dry Gin" หรือ "Extra Dry Gin" หรือ "London Dry Gin" เปน็ English
Gin มาจากอังกฤษ จะหมายถงึ ปราศจากรสหวาน ไม่มนี า้ ตาล รสออกฝาดนดิ ๆ ซึง่
Craft Gin (โรงกล่ันขนาดเลก็ และอาจใชเ้ ครอื่ งตม้ กลน่ั ในลกั ษณะพิเศษ ใช้ รสชาตยิ นิ แตล่ ะชนดิ ก็จะไม่แตกตา่ งกนั มากนัก มักจะนิยมกลั่น 3 ครง้ั และจะเขยี น
จนู เิ ปอร์ท้องถ่นิ Botanicals ทอ้ งถิ่น) บนฉลากวา่ "Distilled" กล่นั ครั้งแรกจะได้ดกี รีสูง 92-94% Proof แล้วกลั่นซา้
อกี ครงั้ ในหมอ้ ต้มกลัน่ แบบเกา่ Column Still โดยผสมน้ามันจากผลจนู ิเปอร,์ ราก
ใน พ.ศ. น้กี ระแส Craft งานฝมี ือท่มี ีลกั ษณะพิเศษเฉพาะเป็นเทรนด์ทั่วโลก ไมร้ ากยา และสมุนไพรต่างๆ เพิ่มเข้าไปเพ่ือแตง่ เติมกลน่ิ แลว้ กล่ันต่อจนเหลือดีกรี
ไมใ่ ช่แคใ่ นเรอ่ื งของเหลา้ จนิ เท่าน้ัน ยงั รวมไปถงึ ค็อกเทลทเ่ี ป็น Craft 40-47% และยังมี American Gin จากอเมรกิ า ผลติ แบบเดยี วกับองั กฤษ นิยม
Cocktail กเ็ ปน็ กระแสนยิ มอีกด้วย บาร์เทนเดอรท์ ้องถิน่ มักจะนาวตั ถดุ บิ ผลิต 2 แบบ คอื กลนั่ แบบ Distilled Gin (แบบอังกฤษ) ฉลากบนขวดใชค้ าว่า
ท้องถิ่น (Local Ingredient) มาทาสว่ นผสมในคอ็ กเทลเกิดเปน็ “Distilled” และกลน่ั ผสมแบบ Compounded Gin กล่นั โดยการผสมเหล้าสีใสท่ี
Signature Cocktail กลัน่ ออกมาได้กับหวั เชอื้ ของผลจนู ิเปอร์ และสมุนไพรตา่ งๆ วิธนี ้ีได้ ยนิ ทมี่ ีคุณภาพ
ดอ้ ยกวา่ ราคาถกู มีดกี รี 40% รสนมุ่ แรง
- Plymouth Gin เหลา้ ยนิ ที่ออกรสหวาน และกลิ่นเข้มกวา่ ยนิ แบบ Dry Gin Old
Tom Gin เหลา้ ยินทีม่ รี สหวานนดิ หน่อย Dutch Style เหล้ายนิ ทมี่ าจากฮอลแลนด์
ทม่ี รี สและกลน่ิ ของผลจูนิเปอร์ และกล่ินของเมลด็ ข้าวมอลตป์ นอย่ดู ้วย ออกหวาน
นดิ ๆ และมกั จะไม่เขยี นว่า Gin แต่จะใช้คาว่า "Genever" แทน บางทีก็เรยี กวา่
Schiedam หรือ Holland Gin ผลติ จากเมล็ดขา้ วบดหลายชนิด ทีน่ ามาหมกั และ
กลั่นในหม้อต้มแบบ Pot Still 2 ครั้ง โดยในการกลน่ั คร้งั ท่ี 2 จะผสมนา้ มันทส่ี กดั
มาไดจ้ ากผลจนู เิ ปอรล์ งไป เพ่ือลดดกี รใี ห้ไมส่ ูงมาก 35-40%
82
การเสิรฟ์
เหลา้ ยนิ นยิ มด่มื ได้ทงั้ แบบ ดื่มเพียว, ดม่ื แบบออน เดอะ ร็อค,
ด่ืมแบบผสมเครื่องดื่ม Soft Drink หรอื ด่ืมแบบค็อกเทล แตถ่ า้
จะดืม่ ให้ได้รสชาติแท้ๆ ของเหลา้ ตอ้ งดม่ื เพียวจะได้รส และกล่ิน
ทห่ี อมชวนนา่ ดมื่ มากกว่า
https://youtu.be/duzUYfgTICw 83
Rum (รัม)
กล่ันมาจากน้าอ้อย หรือกากน้าตาลออ้ ย และน้าเช่ือมของนา้ ผลไม้ หมกั ผสมกบั เช้ือยสี ตส์ ่าเหล้า ท่ีเรียกวา่ “Molasses” ผลติ กันมาก
ในแถบประเทศทะเลแคบริเบีย้ น (Caribbean) จากหมเู่ กาะครู าโซ่ ไปถึงปานามา คิวบา จาไมกา้ เปอโตริโก้ ไตนแิ ดต บารบ์ าโดส กาย
อานา และบยี อน (Beyond) แต่เดิมรัมถูกคดิ ค้นโดยพวกพ่อมดหมอผี ในเผา่ อนิ เดยี นแดง โดยผสมนา้ เช่อื มจากผลไม้ ทาเป็นเ หล้า
หมกั ท่ีต้มมาจากนา้ ศกั ด์ิสิทธ์ิบนยอดภเู ขาสงู ไวส้ าหรับดืม่ กินเลย้ี งฉลองกนั ในวนั ทีม่ พี ิธีการสาคญั คาวา่ "Rum" มาจากภาษาละตนิ
เรียกว่า "Sac-charum Officinarum" แตเ่ รยี กสัน้ ๆ ว่า "Rum"
ถ้าอ่านออกเสียงแบบอติ าลี อ่านวา่ Rum (รุมม)
ถ้าอา่ นออกเสียงแบบสเปน อ่านวา่ Ron (รอน) ถอื เป็นเหล้าสปริ ติ ตัวแรกของทวีปอเมรกิ าใต้ ในปี ค.ศ.1493 หลงั จากที่ คริสโตเฟอร์ โคลมั บสั
ถา้ อา่ นออกเสยี งแบบสวเี ดนและรสั เซยี อา่ นว่า Rom (โรม) ออกสารวจคน้ หาโลกใหม่ ไปทางฝ่ งั ตะวนั ตกของมหาสมทุ รแอตแลนติกครง้ั ที่ 2 เดนิ ทางไปยงั
ถ้าออกเสยี งแบบฝรงั่ เศส อา่ นวา่ Rhum (อาร-์ ฮมั ม) เหล้ารัม หมู่เกาะต่างๆ ในแถบทวปี อเมรกิ าใต้ เขาได้ค้นพบหมู่เกาะเวสต์ อนิ ดิส (West Indies) ท่ี
เมอื งอโซเรส (Azores) บนเกาะบารบ์ าโดส (Barbados) เขามโี อกาสล้ิมลองรสเหลา้ รมั จึงนา
ต้นออ้ ย มาทดลองปลกู ที่หมูเ่ กาะเวสต์ อนิ ดีส หรอื หมู่เกาะอนิ เดียตะวันตก ไดเ้ ปน็ ผลสาเรจ็
เพ่ือผลติ นา้ ตาลทราย แตผ่ ลพลอยได้ทไ่ี ด้จากการผลิตนา้ ตาล กค็ ือกากน้าตาลจากออ้ ย ที่เรา
เรียกกันว่า โมลาส (Molasses) นัน้ ได้ถูกนามาผลติ เปน็ เหลา้ รมั ในเวลาต่อมา เนอ่ื งจากมีผู้
สงั เกตเุ ห็นว่า กากน้าตาลเหลา่ นี้ เกิดการหมักบ่มขึ้นเองตามธรรมชาติ และพัฒนาวิธีการผลิต
จนได้ออกมาเป็นเหลา้ รัม เรียกกันว่า "Kill Devil" (ปศี าจสงั หาร) ที่มฤี ทธ์ริ อ้ นแรงราคาถูก
เพราะใช้เพียงแค่กากน้าตาลทเ่ี หลือจากการผลิตนา้ ตาลทราย แทบจะไม่มคี า่ ใชจ้ ่ายใดเพิ่มอีกเลย
และยังเรียกกันว่า "Rumbullion" (อฮมั บูลยิ ง) คาสแลงมาจากฝร่ังเศส (หมายถงึ อาการ
โวยวายเมาหวั ราน้า) หรอื "Rum" เหลา้ รัม นั่นเอง หลงั จากนัน้ รมั กเ็ ปน็ ทีร่ จู้ กั ในหมู่ชาวตะวนั ตก
(โลกเก่า) ตอ่ มาในปี ค.ศ.1635 เกดิ กลุ่มประเทศทเ่ี รยี กวา่ “โลกใหม่” (New World) ไดแ้ ก่
บราซลิ บาร์บาโดส ควิ บา จาไมก้า เปอโตริโก้ เปน็ ตน้ รมั กเ็ ร่ิมผลติ กนั อย่างจริงจงั ในกลมุ่
ประเทศเหล่านี้ มาตง้ั แตต่ น้ ศตวรรษที่ 17 ในช่วงเวลาปี ค.ศ.1701-1810 มกี ารใช้แรงงานทาส
ผวิ ดาชาวแอฟริกันอย่างโหดร้ายทารุณ เพื่อทางานในไร่อ้อยและโรงงานผลิตนา้ ตาล โดยมีผคู้ ุม
ถือแส้คอยสาเร็จโทษอยตู่ ลอดเวลา กากนา้ ตาลท่เี หลอื นี้ กถ็ กู นามาทาเป็นเหลา้ ร8มั 4ดมื่ กินในหมู่
ทาส จนกลายเป็นอตุ สาหกรรมการผลติ เหลา้ รมั
Rum (รัม)
นยิ มผสมดื่มกบั โคก้ หรือน้าพ้ันชผ์ ลไม้กไ็ ด้ หรอื จะผสมเป็นค็อกเทลมากมายหลายสตู รท่ใี ช้รมั เชน่ ในปี ค.ศ.1950 เกิดสูตรคอ็ กเทลชอ่ื โดง่ ดงั "Cuba
Libre" (รัมผสมกับโคก้ ) และสูตรคอ็ กเทลอ่นื ๆ ที่ใชร้ ัมผสม เช่น Mai-Tai, Daiquiri, Zombie, Blue Haweii เป็นต้น เหล้ารัมแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คอื
รมั ขาว (White Rum) บางครงั้ เรยี กวา่ Silver Rum หรือ Light Rum หรอื Rum เฉยๆ มสี ใี ส จดั เปน็ Light-Bodied รสเฝ่ อื นนดิ หนอ่ ย กลิน่ หอมนิดๆ
มดี ีกรี 35–40% บางชนดิ ไม่ต้องเกบ็ หมกั บม่ แตบ่ างชนิดตอ้ งเกบ็ หมกั บ่มในถงั สแตนเลส หรือถงั ไม้นาน 1 ปี
เหตทุ ่เี หลา้ รมั มรี สทแี่ ตกตา่ งกนั ขึน้ อย่กู ับคุณภาพของอ้อยทีป่ ลูก วา่ สภาพดินและสภาพภูมิอากาศท่ปี ลกู นัน้ เป็นเชน่ ไร และกรรมวิธใี นการผลิตทีแ่ ตกต่างกัน
จะมผี ลต่อคณุ ภาพของเหลา้ รมั
โดยสว่ นใหญ่กรรมวธิ ใี นการผลิตเหลา้ รมั จะแบ่งออกเปน็ 2 แบบใหญๆ่ คือ
1. การผลติ เหล้ารัมแบบจาไมกา้ (Jamaica) คอื จะใช้น้าอ้อย หรือกากนา้ ตาลอ้อย ผสมด้วยฟองน้าตาล และเชอื้ ยีสต์ส่าเหล้า แลว้ หมกั ให้เกิดแอลกอฮอล์อย่าง
ช้าๆ 10-12 วนั แล้วนาไปกลนั่ ซ้าแล้วซา้ อกี หลายๆ ครงั้ ในหม้อกลน่ั แบบ Pot Stills จะไดเ้ หล้ารัมมีรสนมุ่ นวล กลมกลอ่ ม ในบราซลิ เรยี กวา่ "Cachaca" (เหล้า
คาชาชา่ )
2. การผลิตเหล้ารัมแบบเดเมอราร่า (Demerara) คอื จะใช้กากน้าตาลที่ทาน้าตาลทรายมาละลายนา้ และกรดเกลอื หมักบ่มสา่ เหล้าดว้ ยแอมโมเนียมซัลเฟตใน
เวลา 35-45 ชวั่ โมง แล้วนาไปกลัน่ หลายๆครงั้ ในหม้อกล่ันแบบ Pot Stills และกลน่ั แบบตอ่ เนื่องจนได้ดกี รที ส่ี ูงข่ึน ในหมอ้ กลั่นแบบ Contineous Pantent
Stills
85
Rum (รัม) เหลา้ รมั แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คอื
1. รัมขาว (White Rum) บางครงั้ เรียกวา่ Silver Rum หรอื Light Rum
หรือ Rum เฉยๆ มีสีใส จัดเปน็ Light-Bodied รสเฝ่ ือนนดิ หนอ่ ย กลิน่
หอมนิดๆ มีดกี รี 35–40% บางชนดิ ไมต่ อ้ งเกบ็ หมักบ่ม แตบ่ างชนิดตอ้ ง
เกบ็ หมักบม่ ในถงั สแตนเลส หรือถงั ไมน้ าน 1 ปี เหมาะสาหรบั นาไปผสม
คอ็ กเทล
2. รมั ทอง (Gold Rum) บางคร้ังก็เรยี กวา่ Amber Rum มีสเี หลอื งทอง
อาพัน จัดเปน็ Medium-Bodied ไดจ้ ากการเก็บหมักบ่มในถังไม้นาน 3 ปี
จนดูดสที องจากเนอื้ ไม้ หรือผสมสี กลนิ่ รสชาติ ด้วยคาราเมล ทีไ่ ดจ้ าก
การเคย่ี วน้าตาล เพ่ิมเข้าไปใหเ้ ป็นสีเหลืองทอง จะไดเ้ หล้ารัมทมี่ กี ล่นิ สี รส
เขม้ ขน้ มากขน้ึ กวา่ เดมิ แตร่ มั ทอง ที่หมักบ่มจนได้สที อง โดยไม่ผ่านการ
เตมิ คาราเมล จะเรยี กเฉพาะเจาะจงว่า Aged Rum มีดกี รี 35–40%
3. รัมดา (Dark Rum) บางคร้งั เรยี กว่า Black Rum หรือ Red Label
Rum จดั เป็น Heavy-Bodied มสี นี ้าตาลเขม้ ออกดา ไดจ้ ากการเก็บหมัก
บ่มไวใ้ นถังไม้นานถึง 7 ปี จนเกดิ สที องดาเขม้ และผสมกบั คาราเมลทีเ่ คย่ี ว
จนเป็นสีดาเกอื บไหม้ (แต่ถ้าบางพื้นทใ่ี นแถบอเมริกาอาจจะต้องใชเ้ วลา
หมกั บม่ นานถงึ 10 ปี เพ่ือให้ไดร้ มั สดี า เน่อื งจากภูมิอากาศที่แตกต่างกัน)
จะได้กลิ่นหอม และรสแรงมากข้ึน ถา้ เกบ็ หมักบ่มอยา่ งดี จะมีรสคงทจี่ ะ
เขยี นทฉ่ี ลากวา่ "Anejo" (ในภาษาสเปน แปลวา่ Age อายกุ ารหมักบม่ ) มี
ดีกรี 35–40% และยงั มี รมั เครอ่ื งเทศ (Spiced Rum) เพิ่มรสชาติด้วย
การเติมเครือ่ งเทศสมนุ ไพร เชน่ อบเชย วานิลลา ส้ม กานพลู ลูกจันทน์
พริกไทยดา ลงไป เพ่ือกลิน่ ทีห่ อมสมนุ ไพร และใส่คาราเมลเพิ่ม เพื่อใหไ้ ดส้ ี
ทอง นิยมทากันในประเทศแถบเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ เช่น แมโ่ ขง ของ
ไทย รมั บราซิล (Cachaca) ผลติ จากนา้ อ้อย และผลติ ในบราซ86ลิ เทา่ นนั้
Rum (รมั ) ขัน้ ตอนการผลิตเหลา้ รมั มีดังนี้
ปลูกต้นออ้ ยใชร้ ะยะเวลานานประมาณ 12-18 เดอื น จนตน้ อ้อยโตเตม็ ที่
การหมัก (Fermentation) คอื นาเอานา้ อ้อย หรอื กากนา้ ตาลอ้อยมาหมกั ผสมกบั
เชือ้ ยสี ตส์ ่าเหลา้ "Molasses" ทไ่ี ด้จากการตกผลึกของกากนา้ ตาล ในถังไม้ หรือ
ถงั สแตนเลส เมื่อเชอ้ื ยสี ต์ตามธรรมชาติ (สา่ ออ้ ย) เร่ิมกระบวนการทาปฏิกริ ยิ า
เปลี่ยนน้าตาลในออ้ ยให้กลายเป็นแอลกอฮอลท์ ี่เรยี กวา่ เอธานอลแอลกอฮอล์ จะ
เตมิ น้าลงไป เพื่อลดปริมาณนา้ ตาลลงจาก 55% ใหเ้ หลือ 15%
หลังจากนั้นจะ เรยี กของเหลวที่ไดน้ วี้ ่า "Live Wash” และจะหมักบม่ ตอ่ ไปอีกจน
ครบ 30-48 ชว่ั โมง เกดิ การเปล่ยี นแปลงเปน็ แอลกอฮอล์ ก๊าซ
คารบ์ อนไดออกไซด์มากข้ึน สดุ ทา้ ยได้ของเหลวท่ีเรียกว่า "Dead Wash” และ
ยีสต์ทีใ่ ช้ยังเปน็ ตวั กาหนดรสชาติ และกลิ่นสุดทา้ ยของเหลา้ รมั ด้วย เรียกว่า" Joy
Spence" ถา้ ใชย้ ีสต์ท่ที างานได้เร็วกวา่ จะได้เหลา้ รมั ทีม่ รี สเบากลิ่นเบาบาง หรือถา้
ใชย้ ีสตท์ ที่ างานช้าลง จะทาใหเ้ กิดเอสเทอรม์ ากขน้ึ สะสมระหว่างการหมกั ทาให้ได้
เหล้ารัมทีม่ รี สชาตเิ ขม้ เต็มที่
การตม้ กลัน่ (Distillation) คอื นาของเหลวทีไ่ ด้จากการหมกั ท่ีเรยี กวา่ Dead
Wash มาต้มกล่ัน เพื่อแยกนา้ ออกใหเ้ หลอื แต่แอลกอฮอล์ (เหลา้ รมั ) โดยตม้ กลน่ั
ต่อเน่ืองใน Pot Still (หมอ้ ตม้ กล่นั ทท่ี าจากทองแดง แบบด้ังเดิม) จะได้ดีกรี 86-
97% และตม้ กล่ันตอ่ ใน Column Still (หม้อตม้ กลัน่ แบบสญู ญากาศ) จนเหลือ
ดกี รี 40-60%
การบ่ม (Maturation) จากนน้ั ก็นารมั ท่ไี ด้จากการตม้ กลัน่ ไปเก็บหมักบม่ ในถังไม้
หรอื ถงั ไม้โอค๊ ทลี่ นไฟออ่ นๆ ภายในถังกอ่ นนาไปหมกั บ่มตอ่ เพื่อกระตุน้ เนื้อไม้ให้
เกิดกลิ่นหอมยิ่งข้นึ หมักบม่ นาน 1 ปี ถึง 10 กว่าปี ตามแตว่ ่า ต้องการทาเปน็ รัม
ประเภทไหน และอาจจะมกี ารปรุงแต่งสี รส กล่นิ ดว้ ย ตามกรรมวธิ 8กี 7ารผลิตของ
แต่ละที่
Rum (รมั )
กลมุ่ ประเทศท่ีมชี อ่ื เสยี งในการผลติ เหลา้ รัม ส่วนใหญอ่ ย่ใู นแถบทะเลแครเิ บียน ไดแ้ ก่ เปอโตริโก้ ควิ บา เดเมอรารา่ บารบ์ าโดส ไตนิแดต
ไฮติ แซนโตโดมิงโก้ จาไมก้า กายอานา (ในเครือสหรัฐราชอาณาจกั รอังกฤษ) และกายอานา (ในเครอื ฝร่ังเศส) ซง่ึ เหล้ารัมที่มชี ่อื เสยี ง
ดงั ๆ ลว้ นหมกั และกลั่น ส่งออกมาจากภมู ิภาคแถบนี้ทั้งสิ้น
Puertorico Rum เหล้ารมั จากเปอโตรโิ ก้ มกี ลน่ิ หอม และรสอ่อนๆ มีหลายชนิดแตกตา่ งกันทงั้ สี กลน่ิ และรส จะกล่ันมาจากกากน้าตาล
อ้อย แล้วเกบ็ หมกั บ่มไว้ในถังไม้โอค๊
Cuban Rum เหล้ารัมจากคิวบา ใช้นา้ ตาลออ้ ยมาหมักผสมกับเชื้อยสี ต์สา่ เหลา้ แล้วกล่นั แบบ Continuous Still กรองดว้ ย Sand
Filtered เชน่ ย่หี อ้ Bacardi, Havana Club
Jamaica Rum เหล้ารัมจากจาไมก้า มีกล่นิ หอม รสเข้มขน้ และปรุงแต่งสเี หลา้ ด้วยคาราเมล รัมจาไมก้าจะหมักมาจากกากน้าตาลอ้อย ผสมกับยีสต์ตาม
ธรรมชาติ แล้วกลั่นใหม้ ดี ีกรีสงู 40-43% แลว้ เก็บหมกั บ่มไวใ้ นถงั ไม้โอ๊คนานประมาณ 5–7 ปี เช่น ยหี่ อ้ Captain Morgan
Demerara Rum เหล้ารมั จากเดเมอรารา่ สีเข้มข้น กล่ินหอมแต่นอ้ ยกวา่ รมั จากจาไมก้า
Barbados Rum เหลา้ รัมจากบาร์บาโดส ถอื เป็นรมั ตามแบบฉบบั ดง้ั เดิม ผลติ มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1676 เช่น ยห่ี อ้ Mount Gay
Australia Rum เหลา้ รัมจากออสเตรเลยี ผลิตต้ังแต่ศตวรรษที่ 19 ส่วนใหญ่สง่ ออกไปขายทีอ่ เมรกิ า มีทั้ง 3 สี คือ รมั สีขาว รมั สที อง และรมั สีดา
British Virgin Islands Rum เหลา้ รมั จากหมู่เกาะบรสิ ติส เวอรจ์ นิ (ในเครือสหรฐั ราชอาณาจักรองั กฤษ) จะใชร้ ัมจากบารบ์ าโดส รมั ไตนิแดต และรัมกายอา
นา มาผสมกนั มีรสชาติคลา้ ยเหล้าพ้ันช์ เช่น ยีห่ อ้ Pusser’s Rum
Martinique Rhum เหล้ารมั จากมาร์นไิ กว เป็นรมั ท่กี ลน่ั คล้ายกับการทาคอนยคั ของฝรง่ั เศส จะใชน้ า้ ออ้ ยผสมเชอื้ ยสี ตส์ า่ เหลา้ แล้วกล่นั แบบ Pot Still และ
เก็บหมกั บ่มไว้ในถังไม้โอ๊ค
Thai Rum เหลา้ รัมจากไทย หมักมาจากกากอ้อย 95% ผสมกบั ข้าว 5% หมกั บม่ ได้น้าเหลา้ สีทอง กลิ่นหอมระดบั หนงึ่ รสนมุ่ กึง่ แรง เชน่ ยหี่ ้อ แม่โขง แสง
โสม แสงโสมสิมลิ นั , มังกรทอง แสงทิพย์
นอกจากนี้ยังมปี ระเทศอ่นื ๆ อีกทผี่ ลติ เหล้ารมั ไดแ้ ก่ ไตนิแดต กายอานา ไฮติ ฝรง่ั เศส นกิ าลากัว กวั เตมาลา เวนเนซเู อล่า สาธารณรัฐโดมินิกัน เปน็ ตน้
88
Cachaça (คาชาช่า) อา่ นออกเสียงว่า (Kah-Shah-Sah) หรือ Caninha หรือ
Aguardente หรอื Pinga หรอื Marvada เรียกไดห้ ลากหลายแล้วแตใ่ นภูมิภาคไหนใน
บราซิล จัดเป็นรมั ประจาชาตขิ องบราซิล ทีก่ ลนั่ มาจากนา้ ตาลอ้อยคนั้ คณุ ภาพดีเยย่ี มไม่
ผสมส่วนผสมอนื่ ใด แม้ว่าจะมนี ้าตาลและคาราเมลก็ไดต้ ามที่กฎหมายระบไุ ว้ รสนุม่ ปน
หยาบนิดๆ กลิ่นหอม สใี ส มดี ีกรี 38-48% ผลิตมาตงั้ แต่ศตวรรษท่ี 14 ในยคุ แรกเป็น
เหล้าที่ นิยมด่มื กนั ในหมูช่ าวบราซิเลยี่ นทย่ี ากจน เกิดจากพวกทาสชาวแอฟริกา ท่ถี ูกกดข่ี
ทาเหลา้ จากออ้ ยที่เหลือ ไว้ด่ืมกินกันเพ่ือให้มแี รงกาลังในการใชแ้ รงงานได้
ในปี ค.ศ.1920 คาชาช่ากก็ ลายเป็นสญั ลักษณข์ องบราซลิ ไป มีรสนุ่ม กลิ่นหอม ตามสไตล์
สีสันของชาวบราซเิ ลย่ี น และในปีหน่งึ ๆ คาชาช่า ถกู ส่งออกไปขายกวา่ 2 พันลา้ นลิตร
ทีเดยี ว และมีมากกวา่ 5,000 ย่ีหอ้ ยห่ี ้อแรก คือ Ypióca เปิดตวั ปี ค.ศ.1846 หมักบ่ม
ในถงั ไมโ้ อ๊คนาน 2 ปี มีดกี รี 39%, ย่ีห้อ Cachaça Vale Verde Extra Premium
เป็นรนุ่ ทดี่ ที ่ีสุดของคาชาชา่
ในบราซิล ปี ค.ศ.2012 มดี กี รี 40% ในบราซิลเองจะนิยมดื่มคาชาชา่ แบบเพียวๆ ตาม
ภาษาท้องถ่ินเรยี กว่า “Pinga” (ปงิ ก้า) นิยมดม่ื ในงานพิธีทางศาสนาคริสต์ นิกาย
คาทอลิก และยังนยิ มดมื่ กอ่ นอาหารในมอ้ื อาหารกลางวันและะม้ือเย็น แถมยังใชผ้ สมสูตร
คอ็ กเทลชือ่ ดัง Caipirinha ด้วย มกี ารกาหนดกฎหมายไว้ในวธิ ีการทาสตู รค็อกเทล
Caipirinha จะต้องใชเ้ หล้าคาชาชา่ เปน็ ส่วนผสมหลัก ผสมกับมะนาวและน้าตาลทราย
เท่านน้ั หากใชผ้ ลไม้อนื่ ๆ มาผสมดว้ ย ถือว่าไมเ่ ปน็ ไปตามทีก่ ฎหมายกาหนด หรือไมถ่ ูก
กฎหมายน้ันเอง ถ้าเราเปลยี่ นคาชาชา่ ไปใช้รมั แทนจะเรยี กว่า Caipirissima หรือถ้าเรา
เปลีย่ นคาชาช่าไปใช้วอดก้าแทนจะเรยี กวา่ Caipiroska หรือถ้าเราเปล่ยี นคาชาชา่ ไปใช้
สาเกแทนจะเรยี กว่า Caipisake
คาชาช่า จะแบง่ ออกเป็น 4 ชนิด
89
• Branca (Classica, Tradicional, Prata, Silver) สใี ส หรือสีเงนิ อายหุ มกั บ่ม
สน้ั ๆ ในภาชนะทไี่ ม่ใชไ่ ม้ ภาชนะแกว้ หรือถังเหลา้ กลา้ ไรส้ นิม หรอื ถงั ไมท้ ่ีไม่ปล่อยสี
•Amarela (Yellow, Ouro, Envelhecida) สเี หลือง หรอื สที อง อายุหมักบ่มใน
ถงั ไม้ทปี่ ล่อยสนี าน 2 เดือน ถงึ 1 ปี จนได้สีทอง ซง่ึ อาจจะสง่ ผลถงึ รสชาตทิ เี่ ขม้
ขึ้น แบง่ เปน็ 2 แบบ ถ้าระบวุ ่า "Stored" ไม่ไดก้ าหนดระยะเวลาหมกั บ่ม และอกี
แบบระบุวา่ "Aged" ระบุ ปี ใส่คาชาชา่ 50% ในถังไม้ เก็บหมักบ่มนาน 1 ปี
• Premium ทฉี่ ลากระบุวา่ "Premium" หมักบ่มในถังไมข้ นาดเล็ก นาน 1-3 ปี
กลิน่ หอมมากกวา่ สีเขม้ กวา่
• Extra Premium ฉลากระบุว่า "Extra Premium" หมกั บม่ ในถงั ไม้นานกว่า 3 ปี
กลิ่น
***คาชาช่าบางยห่ี ้ออาจจะไมใ่ ชค่ าชาชา่ แทเ้ สมอไป วธิ สี งั เกต ให้ดูท่ีปา้ ยฉลากบน
ขวด จะมคี าวา่ “Fora Da Lei” หมายถงึ ของนอกกฎหมาย มกั จะมีดกี รีน้อยกวา่
38% หรือมากกวา่ 48% หรอื อาจจะผสมมาจาก แผนท่กี ลน่ิ ของคาชาชา่ (Mapa
de Aromas da Cachaça) เขยี นโดย Felipe Jannuzzi เขาไดเ้ ดนิ ทางรวบรวม
ขอ้ มลู ตา่ งๆ และตะเวนชิมคาชาชา่ ไปทว่ั บราซลิ เพ่ือทาแผนที่กลิ่นของคาชาช่า
90
Rum (รัม)
การเสิรฟ์
เหล้ารมั สามารถดม่ื กนิ ไดท้ ง้ั แบบดมื่ เพียว, ดม่ื แบบออน เดอะ ร็อค, ดื่ม
แบบผสมเครอื่ งดืม่ Soft Drink หรือดืม่ แบบผสมคอ็ กเทลก็ได้ ส่วนใหญ่
นยิ มด่มื แบบผสมค็อกเทล เพราะไดร้ สชาดท่หี อมกลมกล่อมกวา่ แต่ถ้าจะ
ดมื่ แบบเพียวๆ กไ็ มว่ า่ กัน ควรจะเตมิ มะนาวสักหน่อยจะไดร้ สชาติท่ชี วนน่า
ดืม่ เพ่ิมข้ึนอกี และท่ีนิยมกนั มาก กค็ อื เหลา้ รัมผสมกบั โค้ก ทเี่ รยี กกนั ว่า
Rum Coke
https://youtu.be/EQhs7bEfNR4
91
Tequila (เตกีล่า หรอื ตากวิ ลา่ )
ทามาจากตน้ กระบองเพชร พันธ์ุอะกาเว่ (Agave) เปน็ พืชในตระกูล ป่าน รสเหลา้
รอ้ นแรง บาดคอ กล่ินหอมฉนุ นิยมดื่มกนิ พร้อมกับมะนาว และเกลือ เหลา้ เตกีล่ามี
อยู่ 2 สี คือ สีใส่ และสที อง มีดกี รี 38-40% จะใช้ชื่อเตกลี ่า "Tequila" ไดน้ ัน้
จะตอ้ งปลูกอะกาเวใ่ นเม็กซิโกเทา่ น้ัน โดยเฉพาะในรฐั Jalisco และรัฐอื่นๆ ได้แก่
Guanajuato, Michoacan, Nayarit และ Tamaulipas สว่ นเหลา้ ทีก่ ลั่นมาจาก
ต้นอะกาเวจ่ ากรัฐอนื่ นอกเหนือจากนใ้ี นเมก็ ซโิ ก จะใช้ชอ่ื เรยี กวา่ "Mazcal" (อ่านว่า
Mascal : มารค์ เซล) แทน ดังนั้นเหล้า Tequila อาจจะเรียกว่าเหลา้ Mazcal ก็ได้
แตเ่ หล้า Mazcal ทงั้ หมดจะไมส่ ามารถเรียกเป็นเหลา้ Tequila ได้ โดยขอ้ กาหนดนี้
มกี าหนดไวต้ ้งั แตป่ ี ค.ศ.1995 จัดเปน็ เหลา้ เตกีล่าเกรดพรเี มี่ยม ใชอ้ ะกาเว่ 100%
ในการผลติ Mezcal (มารค์ เซล) กลนั่ มาจากต้นอะกาเวท่ ป่ี ลกู ในรฐั El Moraleno,
Espadin de Oaxaca, Sigguin, Bermejo, Zopilote, Bacanora และทอี่ ืน่ ๆ
ในเม็กซิโก เอกลักษณ์ทีโ่ ดดเดน่ ของเหลา้ ชนดิ นค้ี ือ มสี เี หลือง ทองอาพัน ภายใน
ขวดจะใสห่ นอน (Agave Worm) ลงไปดว้ ย 1 ตัว หนอนตัวนส้ี ามารถกินได้
เหมือนหนอนรถดว่ นของบา้ นเรา สว่ นใหญ่จะมปี รมิ าณความเขม้ ขน้ ของ Agave
ถึง 100% และมีดกี รี 40% เชน่ ยี่ห้อ Lajita, Miguel de La, Monte Alban,
Gusano Rojo
เตกีล่าเปน็ เหล้าพื้ นเมืองของเม็กซิโก กลั่นมาจากตน้ กระบองเพชรพันธุ์ Agave Azul หรือที่คนไทยเราคนุ้ เคยและรจู้ กั ในชื่อว่า ต้น 92
ดอกโคม คลา้ ยกบั ตน้ ปา่ นศรนารายณ์ นนั่ เอง ต้งั แตท่ ีโ่ คลัมบัส นกั เดนิ เรือชาวสเปน คน้ พบทวปี อเมรกิ าใต้นน้ั กเ็ จอพืชชนดิ น้ีดว้ ย
แตเ่ รียกชอ่ื ว่าต้น Maguey ตอ่ มานักพฤษาศาสตรช์ าวสวเี ดน เปลีย่ นช่ือเรยี กใหม่วา่ ต้น Agave ปกตแิ ลว้ ตน้ อะกาเวน่ ้ีจะปลกู กันมาก
ในแถบพื้นทใี่ กล้ทะเลทรายในเมก็ ซโิ กเปน็ สว่ นใหญ่ ลักษณะของลาตน้ มีแกนกลางอวบใหญ่ เต็มไปดว้ ยแป้ง ใบสีเขียวเข้มอมมว่ งหนา
เรียวยาวปลายแหลม มหี นามเล็กอยูร่ อบๆใบ ใบเรียงตวั ขนึ้ มาเป็นกอ ลักษณะลาต้นจะคลา้ ยกบั สบั ปะรดแต่มีขนาดใหญก่ วา่ มาก หนัก
กว่า 80-120 กโิ ลกรัม เส้นผ่าศนู ยก์ ลาง 60-90 เซนติเมตร เปลือกหนา มหี ัวฝงั อย่ใู ตด้ นิ ส่วนภายในแกนหัวจะมีน้าหลอ่ เลย้ี งสนี า้ เงนิ
มีรสหวาน เรยี กวา่ น้าบลูอะกาเว่ (Blue Agave) ใช้เวลาปลูกนานถึง 8-12 ปี
กรรมวิธีการผลิตเหล้าเตกีล่า
ในยุคแรกทีช่ าวสเปนทดลองตม้ กลนั่ เหล้าปกั ก้ี ที่เมอื งเตกีลา่ (Tequila) ใน
เขตกัวดาลาฮารา่ (Guadalajara) รัฐจาลสิ โก้ (Jalisco) เมก็ ซโิ ก ในบรเิ วณ
พ้ืนทีแ่ ถบน้จี ะได้รับการขนานนามวา่ เป็นดินแดน Moutain of Fire ท่ีเป็นเขต
สงวนสาหรบั การปลูกต้น Agave ท่ดี ีทีส่ ุดของโลก เทยี บไดก้ บั บริเวณแถบ
เขตเมืองบอรโ์ ดซ์ ของฝร่งั เศส ทีม่ ีการปลกู องนุ่ พันธ์ดุ ีท่สี ดุ ของโลกเลยกว็ า่
ได้
วตั ถดุ ิบทใี่ ช้ผสมเหล้าเตกลี า่ มี 4 ชนดิ คือ
• น้าหวานจากต้นอะกาเว่ (Honey Water) จะเลือกตน้ อะกาเวท่ ี่กาลงั ออก
ดอกบาน ถือว่าโตเตม็ ทีแ่ ลว้ เพื่อค้นั เอาน้าหวานทอ่ี ย่ใู นแกนหวั เอาไปทาเหลา้
เตกีล่า นา้ หวานท่คี ัน้ ได้ ถอื ว่ามคี ุณภาพดกี ว่าช่วงทีย่ ังไม่ออกดอก
• นา้ หวานจากต้นเซ็นจูรพี ลานท์ (Century Plant) เป็นต้นไมท้ ี่ จะออกดอก
1 ครงั้ ใน100 ปี และตน้ ไมช้ นดิ นีย้ ังมีเฉพาะทเ่ี มก็ ซโิ กเท่านั้น น้าหวานท่ีจะค้ัน
ออกมาได้ กต็ ้องรอให้เจา้ ตน้ นอี้ อกดอกเสยี ก่อนจึงจะใชไ้ ด้
• ตน้ ยาดา (America alro) มอี ยใู่ นทะเลทรายในแถบทวีปอเมริกากลาง
• ดอกเมชคอล (Maguey) หรอื ตน้ ดอกโดมทม่ี สี ีน้าเงนิ (Blue Agave) เป็น
ดอกไมท้ ่มี ขี นาดใหญ่ท่ีสดุ ในโลก มแี กนไส้ดอกทีย่ าวประมาณ 20-30 ฟุต
93
กรรมวิธีการผลติ เหลา้ เตกีลา่ จะมีขนั้ ตอนดงั น้ี
การเพาะปลูก จะเร่ิมต้งั แตก่ ารปลูกตน้ กระบองเพชรพันธุ์อะกาเว้ (Agave) ในพ้ืนท่แี หง้ แลง้ ใกล้แถบทะเลทราย (มดี นิ สีแดงจากลาวา
ภเู ขาไฟเก่าแก่) เม่อื ตน้ อะกาเวโ่ ตเตม็ ท่จี นกระทั้งสกุ งอม จะต้องใชร้ ะยะเวลา 8-12 ปี โดยมี Jimador เปน็ ผู้ดูแล ทาหน้าท่ีขดุ และตดั ใบ
ของตน้ อะกาเว่ (Pencas) ออก ด้วยเครอื่ งมอื ท่เี รียกว่า “Coa” (เปน็ มีดเหล็กคลา้ ยจอบ) เม่ือตัดใบออกจนหมดเหลือไวแ้ ตแ่ กนหัว
ขนาดใหญ่เรียกว่า “Pinas” (คาว่า Pina ในภาษาสเปนจะหมายถงึ แกนหวั ทค่ี ลา้ ยกับสับปะรด) มีน้าหนกั 80-180 กโิ ลกรมั จากน้ันทง้ิ
ตากแดดไว้ 3-5 วนั แลว้ ผา่ หัว Pinas แบ่งคร่งึ เปน็ สองซีก นาไปอบดว้ ยความร้อนในเตาเผาหนิ เรยี กวา่ “Hornos” นาน 24-36
ชัว่ โมง ท่ีอุณหภมู ิ 80-90 องศาเซนเซยี ส สขี องหวั Pinas จะเปล่ียนสจี ากสเี หลืองอ่อนเปน็ สสี ้มนา้ ตาล ซงึ่ ในขั้นตอนน้ีเองจะช่วยเรง่
ให้เกิดปฏกิ ริ ิยาเปลี่ยนแปง้ ไปเปน็ นา้ ตาลไดเ้ ร็วขน้ึ จากนั้นนาไปใสใ่ นหลมุ ขนาดใหญ่ ใชล้ กู หนิ กลงิ้ เรียกวา่ "Tahona Stone" บดให้
แหลกละเอียด แลว้ จึงนาไปหมกั บ่มต่อ (แต่ในปัจจบุ นั จะใช้เตาเผาแบบไอน้าขนาดใหญแ่ ทนเนื่องจากประหยดั พลังงานมากกวา่ )
การหมักบม่ จะนาหัว Pinas มาหนั่ เปน็ ช้ินเลก็ ๆ แล้วบดละเอียดจะไดก้ ากใย และนา้ หวาน เรยี กว่า “Aguamiel” (Honey Water)
จากน้ันก็นาไปตม้ กรอง แลว้ ใส่ยีสตน์ าไปหมกั บม่ ในถงั หมัก ใชเ้ วลา 34-48 ชัว่ โมง อากาศในถงั หมกั จะชว่ ยทาใหเ้ กิดปฏิกิรยิ าเปลี่ยน
น้าตาลไปเป็นแอลกอฮอล์ จากนัน้ ก็หมักต่อไปอกี 12 วัน จะได้ปริมาณแอลกอฮอลใ์ นถงั หมกั เพ่ิมมากขึ้น รู้สึกไดว้ า่ ตัวถังหมักจะอนุ่ ขึน้
จะหมกั บ่มตอ่ ไปอกี 2-5 วนั แล้วนาไปกล่นั ต่อ แต่ถา้ เปน็ การหมักแบบวธิ ี Artesian Tequila จะบดหัว Pinas ดว้ ยลอ้ หนิ กลมท่ี
เรียกว่า “Tahona” เพื่อแยกกากใย และน้าหวานออกมา จากนนั้ จงึ นาไปหมกั บ่มในถงั ไม้เพ่ือชว่ ยเพิ่มรสและกล่ินให้มากขนึ้ (ปกตจิ ะใช้
หัวอะกาเว่หนกั 7 กโิ ลกรัม สามารถทาเตกีลา่ ได้ 1 ลติ ร)
การต้มกลน่ั เมอ่ื ไดน้ า้ เหล้าปกั กี (Pulque) จากการหมักบม่ จนได้ท่แี ล้ว จะนาไปต้มกลั่นตอ่ ในถงั ทองแดง หรอื ถงั สแตนเลส การกลน่ั
คร้งั แรกจะไดด้ กี รแี อลกอฮอลท์ ค่ี อ่ นข้างตา่ จากน้ันกก็ ลน่ั ตอ่ อีกคร้ังจนไดด้ กี รีแอลกอฮอลท์ ่ีสงู เพ่ิมขน้ึ 40% นา้ เหล้าสขี าวใส กลนิ่
หอม ปกตกิ ระบวนการกลน่ั เหล้าเตกีลา่ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื วธิ ีกลั่นแบบ Pot Stilled เปน็ การกล่นั แบบซ้าหลายๆ ครัง้ จะได้
เหล้าเตกีลา่ ทม่ี คี ณุ ภาพดเี ยี่ยม ราคาค่อนขา้ งจะแพง เพราะตอ้ งกล่ันซ้าแลว้ ซ้าอกี หลายครั้ง จนไดร้ สชาติท่หี อมอบอวล วธิ กี ล่ันแบบ
Continuous Stilled เปน็ การกล่นั แบบตอ่ เนื่อง ไดเ้ หล้าเตกลี ่าท่ีมคี ุณภาพลดต่าลง นอกจากนยี้ งั มกี ารนาเอาเหลา้ เตกลี ่าไปหมักบม่
ตอ่ ในถงั ไมโ้ อค๊ อกี 1 ปขี ้ึนไป ทาใหไ้ ด้รสชาติเหล้าเตกีล่าที่นมุ่ นวล กลมกลอ่ ม กวา่ เหล้าเตกีล่าท่ไี มไ่ ด้ผ่านการหมักบม่ ตอ่ จะเรียกว่า
“Young Tequila” แตบ่ างทกี ็มกี ารแต่ง รส สี กลน่ิ ด้วยคาราเมล หรือนา้ ตาลอ้อยกไ็ ด้ 94
กรรมวิธกี ารผลติ เหล้าเตกีล่า การเพาะปลกู
จะมขี น้ั ตอนดังนี้
การต้มกลน่ั
95
การหมักบม่
การกากับดแู ลควบคุมคุณภาพของเหล้าเตกลี า่
การผลติ เหล้าเตกีลา่ จะอยภู่ ายใต้การดูแลของผูเ้ ชย่ี วชาญด้านนีโ้ ดยเฉพาะ เพ่ือให้
ไดเ้ หล้าเตกีล่าท่มี ีสีใส รสชาดน่มุ บาดคอ กล่ินหอมหวนติดจมกู ยาวนาน ถอื เปน็
เอกลักษณท์ ่ีโดดเดน่ ของเหลา้ เตกีลา่ โดยหน่วยงานทก่ี ากบั ดูแลคอื NORMAS อยู่
ในความควบคมุ ของรฐั บาลเมก็ ซโิ ก และในปี ค.ศ.1978 มกี ารออกกฎหมาย
กาหนดให้การผลติ เหล้าเตกีลา่ จะต้องขออนญุ าตจากรัฐบาลเม็กซิโกกอ่ น เหลา้ ที่
ผา่ นการตรวจสอบได้มาตรฐานตามทีก่ าหนด ที่ฉลากบนขวดจะสามารถพิมพ์คาว่า
NOM **** ได้ (NOM CRT ตามดว้ ยตัวเลขจดทะเบยี น 4 หลัก และอักษรอ่นื ๆ)
ส่วนคาวา่ NOM ยอ่ มาจาก Norma Official Mexican ถอื เปน็ เคร่อื งหมาย
รบั รองคุณภาพของเตกีล่าดว้ ย โดยกาหนดไว้ว่า
♦ เหล้าทผ่ี ลิตจากตน้ อะกาเว่ จะสามารถตตี ราเป็นเหล้าเตกีล่าได้ จะต้องมปี ริมาณ
ความเขม้ ขน้ ของ Agave อย่างนอ้ ย 51% และจะบรรจุขวดทใ่ี ดก็ได้ นอกจากรฐั
Jalisco ในเม็กซโิ ก จะเรียกวา่ Mixto (มิซโต)
♦ เหล้าที่ผลติ จากต้นอะกาเว่ ที่มปี รมิ าณความเขม้ ขน้ ของ Agave ถงึ 100% จะ
ตตี ราเป็นเหลา้ เตกีล่าได้ ถอื ว่าเปน็ สุดยอดเหลา้ เตกีล่า และจะต้องบรรจุขวดใน
เม็กซโิ กเทา่ น้นั จะเรียกวา่ Anejo (อะนีโฮ)
♦ เหล้าเตกีลา่ จะตอ้ งมีดกี รีอย่างน้อย 38%
♦ เหลา้ ท่ีผลติ จากตน้ อะกาเว่ จะใช้ชอื่ วา่ เหล้าเตกีลา่ ไดน้ นั้ จะต้องปลกู ในเมก็ ซิโก
เท่านนั้ ในรัฐ Jalisco, Guanajuato, Michoacan, Mayarit และ Tamaulipas
♦ ในกระบวนการกลั่น จะต้องกลน่ั อย่างน้อย 2 ครั้ง
♦ ฉลากบนขวดท่ีตตี ราว่า Hecho en Mexico หมายถงึ เหล้าเตกีล่าที่ผลิตใน
เมก็ ซิโก และจะตอ้ งกากบั ด้วยเครือ่ งหมาย NOM CRTตามดว้ ยเลขทะเบียน 4
หลัก และระบุอายกุ ารหมักบ่ม เช่น Blanco, Oro, Resposado และ An9e6jo
เหลา้ เตกีล่าจะแบ่งออกเปน็ 4 ชนิด ไดแ้ ก่
1. Blanco หรือ Plata (White or Silver) เหลา้ เตกีล่าทีม่ ีสใี ส รสฝาด
แรงบาดคอ มีอายกุ ารเก็บหมักบม่ ในถังสแตนเลส อยา่ งน้อย 60 วัน
แลว้ นาไปผสมนา้ ก่อนทาใหเ้ จอื จางเพ่ือให้ได้แอลกอฮอลต์ ามต้องการ
และพักไว้ 15-20 วัน ถึงจะบรรจใุ สข่ วดได้ จะมีทงั้ แบบ Anejo
(Agave 100%) และแบบ Mixto (Agave 51%)
2. Joven หรือ Abocado Young (Gold or Oro or Dorado)
เหลา้ เตกีล่าทมี่ ีสีทอง เกดิ จากการนาเอาเหล้าเตกีลา่ ชนิด Blanco มา
ปรุงแต่งสี และกลน่ิ เพ่ิมดว้ ยคาราเมล หรือนา้ ตาลออ้ ย ทาให้เป็นสเี หลือง
ทอง รสฝาดนอ้ ยลง ปกติแลว้ จะไม่มีอายุการเก็บหมักบม่ ตอ่ จะเป็นแบบ
Mixto (Agave 51%) บางทกี ็มีเกรดท่คี ล้ายกบั เหล้าเตกลี า่ ชนดิ Anejo
3. Reposado (Rested) เหลา้ เตกีล่าทีม่ ีสที อง รสนมุ่ สุขุมมากกว่าเหลา้
เตกีลา่ ชนดิ Blanco มีอายุการเก็บหมักบม่ ในถงั ไมโ้ อค๊ ขนาดใดกไ็ ด้
อย่างน้อย 2-11 เดือน จนได้เหลา้ เตกีล่าทมี่ สี ที องอ่อนๆ เรยี กว่า
"Reposado Tequila" จะมีทั้งแบบ
4. Anejo (Agave 100%) และแบบ Mixto (Agave 51%) Anejo
หรอื Especial (Aged) เหลา้ เตกีลา่ ที่มสี ีทองอาพัน รสอ่อนนมุ่ กลม
กล่อม ออกหวานนดิ ๆ (Mellow) มอี ายุการเก็บหมกั บ่มในถังไม้โอ๊ค
ขนาดเล็ก ไม่เกนิ 600 ลิตร (Oak Barrels เป็นถงั ไมโ้ อ๊คท่ผี ลติ จาก
ฝรั่งเศส และอเมรกิ า) อย่างน้อย 1 ปี คอื จะหมักบม่ เต็มท่ี จนเหลา้ ซึมซับ
สีจากเน้ือไมโ้ อค๊ ทาให้รสชาติน่มุ นวล ซงึ่ ไดม้ าจากการหมักบ่มท่ไี ด้ที่ และ
เป็นชนิดที่มีราคาแพงท่ีสุด จะมที ้งั แบบ Anejo (Agave 10970%) และ
แบบ Mixto (Agave 51%)
การดมื่ เหลา้ เตกลี า่ ทาได้หลายแบบ เช่น
ดื่มแบบเปน็ Shot เป็นการดื่มเพียวๆ ในแก้วช็อตขนาดเลก็
ด่ืมแบบเพี ยวเปน็ ชอ็ ต แลว้ ตามด้วยน้าสม้ คน้ั ทป่ี รุงดว้ ยเครื่องเทศ
ดื่มแบบชตู เตอร์ Shooters คอื เลียเกลือท่ีทาไว้ทีง่ ่ามมอื แลว้ ยกกระดกด่ืม
เตกีล่าตามดว้ ยบีบมะนาวใส่ปาก
ดม่ื แบบผสม Cocktail เชน่ Margarita, Tequila Sunrise
ดื่มแบบ (Slammers) บางทีเรียกวา่ เหลา้ ป๊อบ หรือ ปอ๊ บเปอร”์ (Pop or
Poper) โดยใส่เหล้าในแกว้ Shot แล้วเตมิ เกลอื บบี มะนาว และเซเวน่ -อัพ
หรือสไปรทต์ าม ในสัดส่วนท่นี อ้ ยกวา่ เหล้าเลก็ น้อย ใช้มอื ปิดปากแกว้ ด้วย แลว้
ยกตบกระแทกกบั พื้นเบาๆ ทาให้เกดิ ฟองฟูข่ ้นึ
ดื่มได้ทนั ที (แชเ่ ยน็ ทุกอยา่ งก่อนทาจะได้รสอรอ่ ยเลิศกว่า)
การเสิรฟ์ เหลา้ เตกีล่าเป็นเหลา้ ท่สี ามารถด่มื ได้ทกุ เมื่อตามต้องการ ไม่วา่ จะดืม่
แบบเพียว, ดืม่ แบบออน เดอะ รอ็ ค หรอื แบบผสมค็อกเทลก็ได้ แตถ่ ้าดืม่ ตาม
แบบต้นตารบั ของเมก็ ซกิ นั แล้ว จะนิยมดื่มเพ่ือความสนกุ สนาน เมามัน สรา้ ง
ความเร้าใจ และส่งิ แปลกใหม่ สว่ นวิธีการดม่ื แบบเพียวๆ นัน้ คอื จะด่ืมเหล้าเตกี
ล่าพรอ้ มกับเกลอื และมะนาว โดยทามะนาว และเกลือที่งา้ มมอื ระหว่างนว้ิ โป้งกับ
น้วิ ช้ี จากนน้ั กด็ ูดมอื ทีท่ าเกลือไว้ แล้วกระดกแกว้ เตกีลา่ รวดเดียวหมด ตาม
ด้วยการบีบมะนาวตาม หรอื อีกรปู แบบหน่งึ เปน็ วธิ ีการด่มื ทน่ี ิยมมากท่อี เมรกิ า
เมอื่ 50-60 ปกี ่อน โดยจะตอ้ งมีสาวสวยทแ่ี ต่งตัวเย้ายวน โป๊นดิ ๆ ใส่เพียงชุดบิกิ https://youtu.be/jMkiE8CKbxE
น่ี และท่สี าคัญหน้าอกต้องอวบอมึ๋ ย่ิงใหญย่ งิ่ ดี โดยเทเหล้าเตกีล่าใส่แกว้ ชอ็ ทใบ
เล็กนาไปวางไว้ตรงรอ่ งอก แล้วทาเกลอื ไวท้ ห่ี วั ไหล่ และมะนาวช้ินใส่ไว้ในปาก วธิ ี 98
ดมื่ ผดู้ ่มื จะกม้ ลงไปคาบแกว้ ทรี่ ่องอกด้วยปาก และกระดกซดด้วยปาก (โดยหา้ มใช้
มือจบั ) จากนนั้ เคว่ียงแก้วทงิ้ แลว้ ไปเลยี เกลือท่ีหวั ไหล่ ตามดว้ ยจบู ปาก เพื่อเอา
มะนาวในปาก กจ็ บวิธกี ารกินแบบทะล่ึงๆ เฮฮา แต่วิธีการแบบนี้ ในปจั จบุ นั ได้
เลอื นลางหายไปแล้ว ถา้ สนใจก็ลองไปดื่มดว้ ยวธิ แี บบน้ีดูไดค้ รบั นา่ ตน่ื เตน้ ดแี ท้
Vodka (วอดก้า) หรอื Wodka เปน็ ช่อื ของแม่นา้ สายหนงึ่ ในรัสเซยี ท่ีไหลผ่านไปทั่วแผ่นดินอนั กวา้ งใหญข่ องรสั เซยี ซ่งึ สองฟากฝ่ งั ของแมน่ า้ น้ี
ลว้ นเคยเป็นสมรภมู ิรบมาก่อนนบั คร้งั ไม่ถว้ น จึงใช้ชอ่ื น้ีแทนช่อื เหลา้ วา่ วอดกา้ จัดเปน็ เหล้าประจาชาตขิ องรัสเซยี
คาวา่ Vodka มาจากภาษารสั เซยี คาว่า "Zhiznennia Vodka" แปลวา่ "Water of Life" หรอื บางทกี ็แปลว่า
"Little Water" สายน้าแหง่ ชีวิตเป็นเครือ่ งดื่มเพื่อชวี ิต เหล้าวอดก้าหมกั และกลั่นมาจากขา้ วบารเ์ ลย์ หรือเมล็ดขา้ ว
ชนิดอน่ื ๆ ผสมกับมันฝรั่ง อาจจะถอื ได้วา่ วอดกา้ เป็น “วิสก้สี ีขาว” ก็ได้ เพราะทามาจากเมลด็ ขา้ วเชน่ กัน และยังใช้
กรรมวธิ กี ารกลน่ั ทคี่ ลา้ ยกันด้วย ตา่ งกันกแ็ ค่ข้ันตอนในการปรงุ แตง่ กอ่ นบรรจุขวดที่เนน้ ดกี รสี ูงๆ เท่านน้ั เอง
เหล้าวอดกา้ จะมรี สชาติรอ้ นแรง แต่ไม่บาดคอ ไมม่ สี ี ไมม่ ีกลนิ่ ไม่มรี ส เรียกวา่ "Neutral Spirit" เป็นเหลา้ ที่มคี วาม
เป็นกลางสงู เมือ่ ดื่มลมหายใจที่ออกมาจะไม่มีกล่ินเหม็นของแอลกอฮอล์เลย สว่ นใหญ่กล่ันอย่างน้อย 3 ครั้ง บาง
ชนิดกลน่ั ซ้าแล้วซ้าอกี จนบางทมี ีดกี รเี กิน 100% Proof ก็มี เชน่ ยหี่ อ้ Spirytus เหล้าวอดกา้ ของโปรแลนด์ ทม่ี ี
ดกี รีสูงถงึ 192% Proof (96% Vol.) จากนนั้ นาไปกรองเพื่อกาจดั กลิ่นออกไป และยงั กรองผา่ นถา่ น Charcoal
อกี เพ่ือดดู กล่ินและสี ทาให้ปราศจากส่ิงเจอื ปน
ตน้ กาเนดิ ของวอดกา้ ยงั คงเป็นเร่อื งทลี่ ึกลับ ซ่งึ มีหลายประเทศ รวมทั้งรัสเซยี โปรแลนด์ ยเู ครน ฟนิ แลนด์ ต่าง
กอ็ า้ งสิทธ์ิว่าเปน็ ของตน แต่จะวา่ ไปแลว้ ในรัสเซียและโปรแลนด์ จะมีประเพณกี ารดม่ื วอดก้ามายาวนาน มากท่สี ดุ ใน
ยโุ รปเหนือและตะวนั ออก ทเ่ี ป็นถิน่ ฐานเดิมของชนชาวสลาฟ (Slavic) ในชว่ งแรกของศตวรรษที่ 12 วอดกา้ ถกู
นามาใชเ้ ป็นยาชา และยาฆ่าเชอ้ื โดยกล่ันมาจากขา้ วไรย์
ต่อมาในศตวรรษท่ี 13 วอดกา้ กถ็ ูกผลิตข้ึนเพื่อการบริโภค เชอ่ื กนั ว่าเป็นเครือ่ งด่มื ที่มจี ติ วิญญาณในตวั ของมนั
เอง ใชใ้ นพิธีกรรมทางศาสนา และในยคุ ตอ่ ๆ มา เม่อื วอดกา้ เปน็ ทร่ี ู้จัก และนิยมด่ืมกนั มากขึ้น กไ็ ม่ไดผ้ ลติ มาจาก
ข้าวไรยอ์ ีกต่อไป แตเ่ ปล่ยี นมาใช้มนั ฝรัง่ แทนซงึ่ ง่ายกว่า แตเ่ นอื่ งจากวอดกา้ เริ่มสญู เสยี ความเป็นโฮมเมดจงึ ไม่ใช้
มันฝร่งั อีกต่อไป ทุกวันนีว้ อดกา้ สว่ นใหญม่ ีข้าวไรย์ขา้ วสาลีข้าวบาร์เลย์และสว่ นใหญม่ กั เปน็ ขา้ วโพดเป็นสว่ นผสม
ในการผลิต มีตานานเล่าไวว้ า่ ในปี ค.ศ.1430 นกั บวช Isidor จากอาราม Chudov ได้ คิดค้นวอดกา้ สูตรแรกของ
รัสเซยี เรียกวา่ “ bread wine” เนือ่ งจากกลน่ั มาจากข้าวสาลี กลายเป็นเครื่องดมื่ ที่ผูกขาดโดยซาร์ (Tsar) และ
โบยาร์ (Boyars) มีสิทธไิ์ ดเ้ ท่าน้ัน สว่ นในโปรแลนด์กม็ ปี ระเพณขี องตัวเองเชน่ กัน 99
Vodka (วอดก้า) หรือ Wodka ต้งั แต่ศตวรรษท่ี 8 แอลกอฮอลท์ ่ีแรงถกู ค้นพบ เม่ือไวนแ์ ข็งตัวในฤดหู นาว จึง
นาไวนน์ ้ันไปต้ม สิง่ ท่เี กดิ ขน้ึ กลับไดไ้ วนท์ มี่ คี วามรอ้ นแรงขน้ึ จนถึงศตวรรษท่ี 15
แตถ่ ้าเปน็ เหล้าวอดกา้ ทม่ี ีราคาถูก รสจะหยาบ บาดคอแบบไม่ปราณี ขมตดิ มีการผลติ ไวน์กล่นั ทีม่ ีแอลกอฮอล์สูง นักประวตั ิศาสตรช์ าวโปรแลนด์ กใ็ ช้
ปลายลน้ิ จะทาลายสขุ ภาพเกดิ อาการเมาค้าง คณุ ภาพไม่ได้เรือ่ ง แต่ตาม ขอ้ อ้างน้ีวา่ มนั คอื วอดกา้ เริ่มแรกของโปรแลนด์ ท่ีผลติ คร้งั แรกในปี ค.ศ.1405
ความเป็นจรงิ แล้ว เหลา้ วอดก้า เราจะเลอื กใช้ย่หี ้ออะไรกค็ ลา้ ยกนั หมด ไมว่ ่า อา้ งวา่ ทาวอดกา้ มาก่อนรสั เซีย จนถึงศตวรรษท่ี 16กษัตริย์ Obracht แห่งโปร
จะราคาถูก หรือแพง แลนด์ อนญุ าตใหข้ ายเครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอลไ์ ด้ ต่อมาในปี ค.ศ.1572 มกี ารจากดั
ดงั น้ันการเลอื กซือ้ เหลา้ วอดก้า จะไม่ไดข้ ้นึ อยู่กับราคาเสมอไป เพราะรสชาด
จะคลา้ ยกันหมด เพียงแตเ่ หลา้ วอดก้า ราคาแพงจะมีคุณภาพมากกว่า แต่ การผลิตด้วยการเรยี กเก็บภาษี 10%
รสชาดเหมอื นกนั คอื ไมม่ ีรส จะบาดคออยา่ งเดยี ว ส่วนกลิ่นจะตา่ งกันตรงท่ี
เหล้าวอดกา้ ราคาแพงจะไมม่ กี ลนิ่ ของแอลกอฮอล์เลย กินได้รนื่ กวา่ พอในศตวรรษท่ี 17 วอดกา้ กลายเป็นเครอ่ื งดม่ื ประจาชาติของโปรแลนด์ ดว้ ย
เทคนคิ การกลนั่ เฉพาะตัว ในชว่ งปี ค.ศ.1946 ชาวอเมรกิ นั นิยมดม่ื เหล้าวอดก้า
กนั มาก ส่วนยโุ รป คาว่า "It will leave you breathless" ทีช่ าวยโุ รปพู ดกัน
จนตดิ ปาก หมายถงึ เมอื่ ด่ืมเหลา้ วอดกา้ แล้วจะไมม่ ีกลนิ่ แอลกอฮอลต์ ดิ คา้ งตอน
หายใจออกมา ซ่งึ เหล้าวอดกา้ ได้รบั การพิสจู นแ์ ลว้ ว่า เมื่อด่ืมแลว้ จะไมม่ ีอาการ
เมาค้างในวันรงุ่ ขนึ้ หรอื เกดิ อาการนนี้ ้อยที่สดุ ในบรรดาเหลา้ ทง้ั หลาย ประเทศตน้
ตารับท่ีผลิตเหล้าวอดกา้ คอื รัสเซีย และโปรแลนด์ บางยีห่ ้อนยิ มแชห่ มกั ใน
สมนุ ไพรเครอ่ื งเทศด้วย
แตใ่ นปัจจบุ นั มีหลายประเทศท่ีผลิตวอดก้า เช่น ฟนิ แลนด์ อเมรกิ า อังกฤษ
ฝร่ังเศส ฮอลแลนด์ รวมถงึ ไทยด้วย แต่ถา้ เหล้าวอดกา้ มกี ารเติมเครือ่ งเทศ
ต่างๆ รากไม้ รากยาลงไป เพื่อเพ่ิมสี กลนิ่ และรส จะเรยี กว่า "Flavoured
Vodka" เช่น รสเลมอน รสแอปเป้ ิล รสแบลค็ เคอเรน้ ท์ รสราสเบอร่ี รสพีช เปน็
ต้น เหลา้ วอดกา้ เปน็ เหล้าท่มี หี ลายประเทศผลิต จึงมีหลายเกรดหลายระดบั ถา้
ราคาแพงหน่อย กรรมวธิ ีการผลิตจะพิถพี ิถันกวา่ กลน่ั ซ้าแล้วซ้าอกี เพ่ือไมใ่ ห้มี
กลนิ่ แอลกอฮอล์ คณุ ภาพของเหล้าวอดกา้ จะดีกว่า ด่ืมแลว้ ไม่ทาลายสขุ ภาพ รส
จะน่มุ บาดคอแบบมีระดับ 100