135 ภาพที่ 105 ท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่49 รูปแบบการแสดงและโครงสร้างท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี อธิบายกระบวนท่าฟ้อน ทิศ การแปรแถว ท่าฟ้อนที่22 ทุกคน ผู้หญิง : ท าท่าจับผ้าซิ่นยกขึ้นเล็กน้อยแล้วย่ า เท้าเปลี่ยนแถว เอียงศีรษะข้างขวา * ผู้ชาย : ท าท่าก ามือ หลวม ๆ ที่หน้าขา แล้ว ย่ าเท้าเปลี่ยนแถว *ผู้หญิง ยืนแถวเฉียงสลับฟันปลา *ผู้ชาย ยืนแถวเฉียงสลับฟันปลา ที่มา: ผู้วิจัย
136 ภาพที่ 106 ท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่50 รูปแบบการแสดงและโครงสร้างท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี อธิบายกระบวนท่าฟ้อน ทิศ การแปรแถว ท่าฟ้อนที่23 ทุกคน ผู้หญิง ท าท่าตากข้าวแตน ปาดหน้า ศีรษะ : ลักคอขวาเอียงซ้าย เปลี่ยนลักคอซ้ายเอียงขวา สลับกันตามจังหวะ มือขวา : มือขวาท าท่าตากข้าวแตน โดยเริ่มจากหงาย ท้องแขนปลายนิ้วมืออยู่ระดับศีรษะจากนั้น ลดมือขวาลงม้วนข้อมือปลายนิ้วชี้เข้าหาล าตัว อยู่ระดับสะโพก (ท าสลับกันตามจังหวะ) เท้า : ยืนเท้าชิด ผู้ชาย ท าท่าตากข้าวแตน ศีรษะ : ลักคอขวาเอียงซ้าย เปลี่ยนลักคอซ้ายเอียงขวา สลับกันตามจังหวะ มือขวา : มือขวาท าท่าตากข้าวแตน โดยเริ่มจากหงาย ท้องแขนปลายนิ้วมืออยู่ระดับศีรษะจากนั้นลด มือขวาลงม้วนข้อมือปลายนิ้วชี้เข้าหาล าตัวอยู่ ระดับสะโพก (ท าสลับกันตามจังหวะ) เท้า ก้าวข้างเท้าขวา ที่มา: ผู้วิจัย
137 ภาพที่ 107 ท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่51 รูปแบบการแสดงและโครงสร้างท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี อธิบายกระบวนท่าฟ้อน ทิศ การแปรแถว ท่าฟ้อนที่24 ทุกคน ผู้หญิงและผู้ชายท าท่าเดียวกัน ศีรษะ : เอียงขวาเปลี่ยนเอียงซ้าย สลับกันตาม จังหวะ มือ : มือขวาตั้งวงระดับปาก พร้อมตั้งมือสอด มือซ้ายผ ายมือระดับศีรษะ จ ากนั้น เปลี่ยนเป็นมือซ้ายตั้งวงระดับปากมือขวา ผายมือ สลับกันตามจังหวะใหญ่ เท้า : ย่ าเท้าซ้าย สลับกับเท้าขวา พร้อมกับ ค่อย ๆ หมุนตัวไปด้านซ้ายมือด้านละ 2 ครั้ง แล้วหมุนกลับมาที่เดิม ที่มา: ผู้วิจัย
138 ภาพที่ 108 ท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่52 รูปแบบการแสดงและโครงสร้างท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี อธิบายกระบวนท่าร า ทิศ การแปรแถว ท่าฟ้อนที่25 ทุกคน ผู้หญิงและผู้ชายท าท่าเหินเวหาพร้อมกัน ศีรษะ : เอียงซ้าย เปลี่ยนเอียงขวา มือ : มือขวาตั้งวงบน มือซ้ายแทงมือท่าแทงวิสัย แล้วท าซ้ าท่าเดิม แต่สลับมือกัน เท้า : ย่ าเท้าตามจังหวะเล็ก โดยหมุนตัวไป ด้านซ้ายหันมาหน้าตรงแล้วหมุนกลับ ด้านขวารอบตัวเองหันมาหน้าตรง ที่มา: ผู้วิจัย
139 ภาพที่ 109 ท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่53 รูปแบบการแสดงและโครงสร้างท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี อธิบายกระบวนท่าฟ้อน ทิศ การแปรแถว ท่าฟ้อนที่26 ทุกคน ผู้หญิงและผู้ชายท าท่ากาตากปีกพร้อม กัน ศีรษะ : เอียงซ้าย มือ: มือทั้งสองหยิบจีบหงายแล้วคลายจีบ ตั้งวงระดับไหล่ พร้อมกับเดาะแขน ตามจังหวะ เท้า : ย่ าเท้าซ้าย-ขวาตามจังหวะใหญ่ พร้อมหันซ้ายมือวนรอบตัวเอง ที่มา: ผู้วิจัย
140 ภาพที่ 110 ท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่54 รูปแบบการแสดงและโครงสร้างท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี อธิบายกระบวนท่าฟ้อน ทิศ การแปรแถว ท่าฟ้อนที่27 ทุกคน *ทุกคน ท าท่ าฟันไร่ฟันนาในทา งที่ ตัวเองจะไปแสดงท่าจบเพลง ที่มา: ผู้วิจัย
141 ภาพที่ 111 ท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่55 รูปแบบการแสดงและโครงสร้างท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี อธิบายกระบวนท่าฟ้อน ทิศ การแปรแถว ท่าฟ้อนที่28 ผู้ชายคนที่ 2 คู่กับผู้ชายคนที่ 3 ศีรษะ : หน้าตรงมองไปทางตรงข้าม มือขวา : วางแขนที่เข่าขวา ก ามือหลวม ๆ มือซ้าย : ท าท่าป้องหน้า เท้า : เท้าซ้ายราบกับพื้นนั่งทับส้นเท้าซ้าย เท้าขวาตั้งขึ้น ผู้ชายคนที่ 3 ศีรษะ : หน้าตรงมองไปทางตรงข้าม มือขวา : วางมือบนไหล่ซ้ายของผู้ชายคนที่ 3 เท้า : คุกเข่าขวาลงพื้น ดันตัวขึ้นตั้งเข่าซ้าย ที่มา: ผู้วิจัย
142 ภาพที่ 112 ท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่56 รูปแบบการแสดงและโครงสร้างท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี อธิบายกระบวนท่าฟ้อน ทิศ การแปรแถว ท่าฟ้อนที่ 29 ผู้หญิงคนที่ 4 คู่กับผู้ชายคนที่ 1 ศีรษะ : เอียงขวา มือขวา : คว่ ามือจับมือผู้ชาย มือซ้าย : เท้าสะเอว เท้า : เท้าซ้ายไขว้หน้าเท้าขวา ผู้ชายคนที่ 1 ศีรษะ : เอียงซ้าย มือขวา : จับที่หลังผู้หญิง มือซ้าย : หงายมือจับมือผู้หญิง เท้า : เท้าซ้ายก้าวข้าง ที่มา: ผู้วิจัย
143 ภาพที่ 113 ท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่57 รูปแบบการแสดงและโครงสร้างท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี อธิบายกระบวนท่าฟ้อน ทิศ การแปรแถว ท่าฟ้อนที่30 ผู้หญิงคนที่ 6 คู่กับผู้หญิงคนที่ 5 ศีรษะ : เอียงซ้ายมองผู้หญิงคนที่ 5 มือขวา : ตั้งมือไว้ที่ไหล่ซ้าย มือซ้าย : ปล่อยแขนเล็กน้อย เท้า เท้าซ้ายก้าวไขว้หน้าเท้าขวา ผู้หญิงคนที่ 5 ศีรษะ : เอียงขวา มือขวา : จับที่ไหล่ซ้ายของผู้หญิงคนที่ 6 มือซ้าย : จับผ้าซิ่นขึ้นเล็กน้อย เท้า : เท้าซ้ายก้าวไขว้หน้าเท้าขวา ที่มา: ผู้วิจัย
144 ภาพที่ 114 ท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่58 รูปแบบการแสดงและโครงสร้างท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี อธิบายกระบวนท่าร า ทิศ การแปรแถว ท่าฟ้อนที่31 ผู้หญิงคนที่ 1 คู่กับผู้หญิงคนที่ 3 ศีรษะ : มองผู้หญิงคนที่ 3 ลักษณะ เหมือนนั่งพูดคุยกัน มือขวา : ปล่อยมือตามสบาย มือซ้าย : เท้าคาง เท้า : นั่งยอง ๆ ผู้หญิงคนที่ 3 ศีรษะ : มองผู้หญิงคนที่ 1 ลักษณะ เหมือนนั่งพูดคุยกัน มือขวา : เท้าคาง มือซ้าย : วางที่เข่าทั้งสองข้าง เท้า : นั่งยอง ๆ ที่มา: ผู้วิจัย
145 ภาพที่ 115 ท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่59 รูปแบบการแสดงและโครงสร้างท่าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี อธิบายกระบวนท่าฟ้อน ทิศ การแปรแถว ท่าฟ้อนที่32 ผู้หญิงคนที่ 2 คู่กับผู้ชายคนที่ 4 ศีรษะ : เอียงขวามองหน้าผู้ชาย มือขวา : จับที่คาง มือซ้าย : เท้าสะเอว เท้า : นั่งที่หน้าขาของผู้ชาย ผู้ชายคนที่ 4 ศีรษะ : เอียงซ้ายมองผู้หญิง มือขวาจับที่สะเอวของผู้หญิง มือซ้าย : จับที่คางขอผู้หญิง เท้า : คุกเข่าเท้าซ้าย ดันตัวขึ้นตั้งเข่าขวา ที่มา: ผู้วิจัย
146 3.7 โครงสร้างลักษณะการแปรแถวท่าร าฟ้อนไทยวน ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี อดีตลักษณะการแปรแถวของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี เป็นรูปแบบการเคลื่อนขบวนตาม ธรรมชาติการเดินขบวนไปเป็นคู่ เรียงเดียวตามท้องถนนหรือบริเวณที่จัดกิจกรรม แต่ปัจจุบันรูปแบบ ของ กฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ มีพัฒนาการแปรแถว 4 รูปแบบ ดังนี้ 1 แถวขนานกับผู้ชม 2 แถวแบบกลุ่ม 3 แถวคู่ตารางที่ 4 แถวแบบสมดุลและไม่สมดุล สัญลักษณ์ หมายถึง ผู้แสดงชาย หมายถึง ผู้แสดงหญิง ตารางที่60 แถวขนานกับผู้ชม การแปรแถว ค าอธิบายลักษณะแถว การแปรแถวขนาน กับ ผู้ชมในลักษณะ การเรียง ขนานสองชั้น ที่มา: ผู้วิจัย
147 ตารางที่ 61 แถวขนานกับผู้ชม การแปรแถว ค าอธิบายลักษณะแถว การแปรแถวขนาน กับ ผู้ชมในลักษณะ การเรียง ขนานชั้น เดียว ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่62 แถวแบบกลุ่ม ภาพท่าร า ค าอธิบายท่าร า การแปรแถวขนาน กับผู้ชม ในลักษณะ การเรียงขนาน สองชั้นแปรแถวมาด้านขวา ของมุมแสดง ที่มา: ผู้วิจัย
148 ตารางที่63 แถวแบบกลุ่ม ภาพท่าร า ค าอธิบายท่าร า การแปรแถวแบบกลุ่ม โดย แยกกลุ่มผู้ แสดง หญิง -ชาย เป็น 2 กลุ่ม จัดกลุ่ม เยื้องทแยงมุมเวทีด้านหน้า และมุมเวที ด้านหลัง ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่64 แถวคู่ ภาพท่าร า ค าอธิบายท่าร า การแปรแถว เรียงเป็นคู่ชาย หญิง โดยจัดองค์ประกอบของผู้ แสดง สลับแถว จัดเป็นสองแถว สลับ แถวหน้า แถวหลัง ที่มา: ผู้วิจัย
149 ตารางที่65 แถวคู่ ภาพท่าร า ค าอธิบายท่าร า การแปรแถว เรียงเป็นคู่ชาย หญิง โดยจัดองค์ประกอบของ ผู้แสดง สลับแถว จัดเป็นสอง แถวสลับ แถวหน้า แถวหลัง ที่มา: ผู้วิจัย ตารางที่66 แถวแบบสมดุลและไม่สมดุล ภาพท่าร า ค าอธิบายท่าร า การแปรแถวแบบสมดุล โดย จัดองค์ประกอบผู้แสดง 2 ด้านเท่ากัน ด้านละ 4 คู่ 8 คน อาจ จัดแถวในแต่ละด้าน ต่างกัน แต่น้าหนัก สองด้าน มีความสมดุลกัน ที่มา: ผู้วิจัย การพัฒนาการแสดงชุดฟ้อนไทยวน พบว่า มีการน ากระบวนท่าฟ้อนแบบดั้งเดิมมาพัฒนา เป็นรูปแบบการสร้างสรรค์กระบวนท่าฟ้อน จากการแสดงของชุมชนวัดต้นตาล โดยมีรูปแบบท่าฟ้อน ที่เป็นลักษณะเฉพาะ ได้แก่ ท่าฟ้อนตากข้าวแตน ท่าฟ้อนเหินเวหา ท่าฟ้อนแม่กาตากปีก ท่าฟ้อนฟัน ไร่นา และกระบวนท่าฟ้อนมีที่มาจาก เอกลักษณ์ของการด าเนินวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ชุมชนวัดต้นตาล โดยการแสดงมีการพัฒนารูปแบบการน าเสนอที่เน้นการแปรแถวโดยมีลักษณะแถว ประกอบด้วย แถวขนานกับผู้ชม แถวแบบกลุ่ม แถวแบบคู่ แถวแบบสมดุลและไม่สมดุล
150 สรุป จากการศึกษาการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวน ชุมชนวัดต้นตาล ต าบลต้นตาล จังหวัด สระบุรี พบว่า รูปแบบการแสดงของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี มีเรื่องราวที่น่าสนใจ ที่สะท้อน เอกลักษณ์ ตามแนวทางของวิถีชีวิต ชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี กล่าวคือ การแสดงพื้นบ้านของชาว ไทยวนจังหวัดสระบุรี มีบทบาทส าคัญที่ได้รับการถ่ายทอดในรูปแบบกระบวนท่าร าตั้งแต่อดีตจนถึง ปัจจุบัน สามารถสะท้อนออกมาหลากหลายรูปแบบ ดังนี้ การแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรีพบว่า ที่มีการอนุรักษ์สืบสานมาจนปัจจุบันมี 2 รูปแบบดังนี้ 1) ฟ้อนกลองยาวของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี รูปแบบการแสดงฟ้อนกลองยาวของชาวไทยวน ได้รับรูปแบบการแสดงจากการร ากลองยาว ของภาคกลางที่นิยมแสดงในงานแห่ขบวน งานบุญ งานประเพณีแห่กฐินผ้าป่า งานแห่นาค แห่ในงาน รื่นเริงในท้องถิ่นพื้นบ้านเป็นประจ าทุกปี โดยมีองค์ประกอบการแสดง คือ ผู้แสดงเป็นผู้ที่แสดงตาม ความสมัครใจ สามารถแสดงได้ทั้งชายและหญิง อุปกรณ์ประกอบการแสดง คือ กลองยาว เป็นเครื่อง ดนตรีหลัก การแต่งกายใส่ผ้าซิ่น หรือผ้าถุง มีความยาวเกือบถึงตาตุ่ม ทอด้วยลวดลายหลายแบบ อย่างประณีตงดงาม โดยเฉพาะตีนซิ่น ส่วนเสื้อส่วมเสื้อผ้าทอพื้นบ้านคอกลม แขนกุด อาจห่มสไบทับ ทรงผมเกล้าสูง ซึ่งเป็นการแต่งกายที่นิยมใส่ ออกงานสังคมตามประเพณีท่าร าหลักของการแสดง ฟ้อนกลองยาวไทยวนสระบุรี เป็นลักษณะการเกี้ยวพาราสีที่คิดขึ้นตามลักษณะของบุคคลที่แสดง 2) ฟ้อนร าโทนของชาวไทยวน จังหวัดสระบุรี รูปแบบของการแสดงฟ้อนร าโทน เป็นลักษณะการแสดงที่สื่อถึงความสนุกสนาน เนื้อร้อง เชิงเกี้ยวพาราสีระหว่างหนุ่มสาว นิยมแสดงต้อนรับแขกที่มาเยือนถิ่นของชาวไทยวนชุมชนวัดต้นตาล ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี ลักษณะของการแสดงมีการพัฒนาตามยุคสมัยแต่ยังคงเอกลักษณ์ เฉพาะตัว องค์ประกอบการแสดง ประกอบด้วยเครื่องดนตรี แต่เดิมคือปี๊บ ต่อมาคือ โทน การแต่ง กาย แต่งตามลักษณะวิถีชีวิตท้องถิ่นพื้นบ้านชาวไทยวน คือการแต่งกายนุ่งซิ่นลายขวาง ชายบนล่าง อาจจะเป็นผ้าพื้นสีแดงด าหรือขาว ที่ทอเอง สวมเสื้อแขนกุด เสื้อคอกระเช้า ห่มสไบพาดทางซ้าย ทรงผมเกล้าสูงทัดดอกเอื้อง ท่าร าหลักของการแสดงมีดังนี้ (1) ท่าฟ้อนตากข้าวแตน (2) ท่าฟ้อนแม่กาตากปีก (3) ท่าฟ้อนเหินเวหา (4) ท่าฟ้อนฟันไร่นา การแสดงพื้นบ้านของศูนย์ศิลปะการแสดงโยนกอุทยานท่าน้ าศักดิ์สิทธิ์ต าบลต้นตาล อ าเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี รูปแบบการแสดงมีการพัฒนาตามแบบอย่างท่าฟ้อนของชาวไทยวน ทั้ง 4 ท่า คือ ท่าฟ้อน ตากข้าวแตน ท่าฟ้อนแม่กาตากปีก ท่าฟ้อนเหินเวหา ท่าฟ้อนฟันไร่นา โดยกฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ พัฒนา ท่าร าให้มีความงดงามตามแบบนาฏศิลป์ไทย แต่คงเอกลักษณ์ต้นแบบ และเพิ่มความงามในลีลาการ เคลื่อนไหวของร่างกายและมือในการปฏิบัติท่าร าเป็นหลัก มีการพัฒนาลักษณะของการแปรแถวที่ หลากหลาย ได้แก่ การแปรแถว 4 รูปแบบ ดังนี้
151 (1) แถวขนานกับผู้ชม (2 แถวแบบกลุ่ม (3 แถวคู่ตารางที่ (4 แถวแบบสมดุลและไม่สมดุล การพัฒนาการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวน จังหวัดสระบุรีการพัฒนาการแสดงพื้นบ้านของ ชาวไทยวน จังหวัดสระบุรี สรุปได้ดังนี้ 1) รูปแบบการแสดงยังคงเป็นการสื่อถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี แต่ มีการพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในชุมชน สร้างแหล่งเรียนรู้สร้างศิลปะการแสดงที่สะท้อนถึง เอกลักษณ์ของชาวไทยวน รูปแบบการแสดงและโครงสร้างท่าฟ้อน โดยมีลีลาในการแสดงชุดฟ้อนไทย วน ด้วยกระบวนท่าฟ้อน เลียนแบบมาจากท่าทางของธรรมชาติตามวิถีชีวิตจริงของชาวไทยวนจังหวัด สระบุรี มีลักษณะพิเศษของการผสมผสานลีลาท่าทาง 2) องค์ประกอบการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนชุมชนวัดต้นตาล ต าบลต้นตาล อ าเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี การเลือกนักแสดงมีกฎเกณฑ์และขั้นตอนการเลือกผู้แสดง การแต่งกายนุ่งผ้าถุง ห่มสไบ น ามาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง แต่เดิมคือปี๊บ ต่อมาคือ โทน องค์ประกอบการแสดง มีลีลาการเคลื่อนไหวร่างกายส่วนต่างๆทั้ง ศีรษะ ล าตัว มือ แขน เท้า อีกทั้ง การแสดงออกทางอารมณ์ด้วยสายตาดวงตา รวมถึงทิศทางการเคลื่อนไหวที่ช่วยเน้น ให้กระบวนท่าร า เกิดความสวยงามซึ่งในการแสดง 3) การจัดการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี ศิลปะการแสดงท้องถิ่นของจังหวัด สระบุรีมีทั้งแบบดั้งเดิมเเละเเบบมีผู้ประดิษฐ์สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ มีลีลาในการแสดงชุดฟ้อนไทยวน ด้วย กระบวนท่าฟ้อนเลียนแบบมาจากท่าทางของธรรมชาติตามวิถีชีวิตจริงของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี มีลักษณะพิเศษของการผสมผสานลีลาท่าทาง ท าให้เกิดความน่าสนใจ ทั้งนี้ขั้นตอนการด าเนินงาน และรูปแบบศิลปะการแสดงท้องถิ่นของจังหวัดสระบุรีที่พัฒนาขึ้นสามารถน าไปใช้และประยุกต์เพื่อ สร้างสรรค์และพัฒนาชุดการแสดงท้องถิ่นในจังหวัดสระบุรีและจังหวัดอื่นๆต่อไป 4) การสืบทอดลักษณะการแสดง โดยการแสดงเน้นการใช้มือ คล้ายกับการจีบ มือตั้งวง การ ยืดตัวยุบตัว ตามท านองจังหวะของเครื่องดนตรี โดยท่าทางต่างๆของกิริยามือเป็นการบ่งบอกถึง ลักษณะของเครื่องแต่งกายชนิดนั้นๆว่ามีลักษณะเช่นใด โดยเรียบเรียงท่าร าทุกท่าด้วยการเคลื่อนไหว ของร่างกายส่วนต่างๆ ตามความเหมาะสมเพื่อให้เกิดลีลาของท่าร าที่สวยงามกลมกลืนกัน 5) การพัฒนาการแสดง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยเครื่องเเต่งกายตามชาติพันธ์สิ่งเหล่านี้ล้วน เป็นกลวิธีการร าที่ท าให้การแสดงเกิดความสวยงามและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นด้วยภูมิปัญญา ท้องถิ่น จึงน ามาสร้างสรรค์งานทางด้าน รูปแบบการแสดง เพื่อที่จะถ่ายทอดงานศิลปะ ในรูปแบบของ กฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ 6) โครงสร้างลักษณะการแปรแถว ในลักษณะ รูปแบบการแปรแถวแบบขนาดเข้าหาผู้ชม รูปแบบการแปรแถวแบบคู่ การแปรแถวแบบกลุ่ม รูปแบบการแปรแถวแบบสมดุลและไม่สมดุล จนเกิดเป็นท่าทางเฉพาะและเอกลักษณ์เฉพาะของ ชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี
152 จากการศึกษาวิเคราะห์ การพัฒนาการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวน จังหวัดสระบุรี สรุปได้ ว่า การแสดงชุดนี้เป็นการแสดง เพื่อสื่อถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี โดย สะท้อนถึงเอกลักษณ์การแต่งกายของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี โดยการแสดงเน้นการใช้มือ คล้ายกับ การจีบ มือตั้งวง การยืดตัวยุบตัว ตามท านองจังหวะของเครื่องดนตรี โดยท่าทางต่างๆของกิริยามือ เป็นการบ่งบอกถึงลักษณะของเครื่องแต่งกายชนิดนั้นๆว่ามีลักษณะเช่นใด โดยเรียบเรียงท่าร าทุกท่า ด้วยการเคลื่อนไหวของร่างกายส่วนต่างๆ ตามความเหมาะสมเพื่อให้เกิดลีลาของท่าร าที่สวยงามกลม กลืนกัน ส าหรับกลวิธีในการแสดงชุดฟ้อนไทยวนจังหวัดสระบุรี ด้วยกระบวนท่าร า เลียนแบบมาจาก ท่าทางของธรรมชาติตามวิถีชีวิตจริงของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี ด้วยมีลักษณะพิเศษของการ ผสมผสานลีลาท่าทาง การแปรแถวรูปแบบการแปรแถว ในลักษณะ รูปแบบการแปรแถวแบบขนาด เข้าหาผู้ชม รูปแบบการแปรแถวแบบคู่ การแปรแถวแบบกลุ่ม รูปแบบการแปรแถวแบบสมดุลและไม่ สมดุล จนเกิดเป็นท่าทางเฉพาะและเอกลักษณ์เฉพาะของ ชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี ประกอบกับลีลา การเคลื่อนไหวร่างกายส่วนต่างๆทั้ง ศีรษะ ล าตัว มือ แขน เท้า อีกทั้งการแสดงออกทางอารมณ์ด้วย สายตาดวงตา รวมถึงทิศทางการเคลื่อนไหวที่ช่วยเน้น ให้กระบวนท่าร าเกิดความสวยงามซึ่งในการ แสดง จะเห็นถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยเครื่องเเต่งกายตามชาติพันธ์สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกลวิธีการร าที่ ท าให้การแสดงเกิดความสวยงามและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นด้วยภูมิปัญญา ท้องถิ่น จึงน ามาสร้างสรรค์ งานทางด้าน รูปแบบการแสดง เพื่อที่จะถ่ายทอดงานศิลปะ ในรูปแบบของ กฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ ทั้งนี้ผู้วิจัยจึงได้ศึกษารูปแบบการแสดงพื้นบ้านแบบดั้งเดิม รูปแบบการแสดงของศูนย์ ศิลปะการแสดงโยนกอุทยานท่าน้ าศักดิ์สิทธิ์การจัดการแสดงศูนย์ศิลปะการแสดงโยนกอุทยานท่าน้ า ศักดิ์สิทธิ์ การสืบทอดลักษณะการแสดงศูนย์ศิลปะการแสดงโยนกอุทยานท่าน้ าศักดิ์สิทธิ์ องค์ประกอบการแสดงศูนย์ศิลปะการแสดงโยนกอุทยานท่าน้ าศักดิ์สิทธิ์ และวิเคราะห์การพัฒนาการ แสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนชุมชนวัดต้นตาล ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยเรื่อง การพัฒนาการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษารูปแบบ องค์ประกอบ กระบวนท่าร า การแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี เพื่อวิเคราะห์การพัฒนาการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี เพื่อน ามาประกอบเกี่ยวกับ ข้อมูลการวิจัย โดยก าหนดบุคคลผู้ให้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ โดยเป็นผู้ที่ได้รับการสืบทอดกระบวนท่า ร า การบรรเลงเครื่องดนตรีพื้นบ้าน และเป็นผู้ดูแลบุคคลเชื้อสายไทยวน อ าเภอเสาไห้จังหวัดสระบุรี น าข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์และสังเกตแบบมีส่วนร่วมจากชาวไทยวนจังหวัดสระบุรีน ามาสรุป เกี่ยวกับ การแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรีการพัฒนาโครงสร้างกระบวนท่าร าของชาว ไทยวนจังหวัดสระบุรี โดยสรุปผลการวิจัยได้ดังนี้ 1. สรุปผลการวิจัย การวิจัยเรื่อง การพัฒนาการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี สรุปผลการวิจัยตาม วัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 1.1 รูปแบบ องค์ประกอบ กระบวนท่าร า การแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี รูปแบบองค์ประกอบกระบวนท่าร าการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี ประกอบด้วย 1) รูปแบบการแสดงฟ้อนกลองยาว เป็นการแสดงที่ได้มีการเรียนรู้รูปแบบแนวทาง การแสดงมาจากการร ากลองยาวของทางภาคกลาง นิยมแสดง ในงานแห่น าขบวน งานบุญ งานประเพณี แห่กฐินแห่ผ้าป่าแห่นาคแห่ในงานรื่นเริงในท้องถิ่น พื้นบ้านเป็นประจ าทุกปีการร ากลอง ยาวนั้นเป็นศิลปะพื้นบ้านของทางภาคกลาง ต่อมาชาวไทยวนสระบุรีได้น ามาแสดงในลักษณะของ ตนเอง แต่มีความแตกต่างกันที่รูปแบบของการแสดงทวงท่าและลีลา ลักษณะของการเกี่ยวพาลาสีกัน เป็นการผสมผสานตามลักษณะของบุคคล เมื่อชาวไทยวนสระบุรี ได้มีการเรียนรู้รูปแบบการแสดง ของการร ากลองยาวทางภาคกลางนั้น จึงเกิดการผสมผสานสอดคล้องกับวิถีชีวิตชาวไทยวนสระบุรี จึงได้น าท่าร าของชาวไทยวนเข้ามาผสมผสานจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน องค์ประกอบการแสดงฟ้อนกลองยาวของชาวไทยวนสระบุรี ผู้แสดงตามความสมัคร ใจและความสนุกสนาน สามารถแสดงทั้งหญิงและชาย ร่วมกันได้ นิยมแสดงในขบวนแห่ ประเพณี หรือกิจกรรมต่างๆของ ชาวไทยวนในจังหวัดสระบุรีอุปกรณ์การแสดง ใช้กลองยาวเป็นเครื่องดนตรี หลักในการควบคุมการแสดงกลองยาว เพื่อความสนุกสนานและ สนองต่อความเชื่อที่ว่าจะท าให้ได้บุญ โดยการแต่งกายจะนุ่งผ้าซิ่น หรือผ้าถุง มีความยาวเกือบถึงตาตุ่ม ซึ่งเป็นที่นิยมของทั้งหญิงสาว และ ผู้สูงวัย ลักษณะผ้าถุงจะถูกทอด้วยลวดลายหลายแบบ จะมีความประณีต งดงาม โดยเฉพาะตีนซิ่น
154 ส่วนเสื้อจะเป็นเสื้อคอกลม มีสีสัน ลวดลายสวยงามหรือบางคนมีห่มสไบทับและตามด้วยเกล้าผม การแต่งกายลักษณะนี้จะนิยมใส่ ออกงานสังคมตามประเพณี กระบวนท่าร าของการแสดงฟ้อนกลองยาวของชาวไทยวนสระบุรี การร าฟ้อนกลองยาวนั้น เป็นศิลปะพื้นบ้านของทางภาคกลาง ต่อมาชาวไทยวนสระบุรีได้น ามาแสดงในลักษณะของตนเอง แต่มีความแตกต่างกันที่รูปแบบของการแสดงทวงท่าและลีลา ลักษณะของการเกี่ยวพาลาสีกัน เป็นการผสมผสานตามลักษณะของบุคคล เมื่อชาวไทยวนสระบุรี ได้มีการเรียนรู้รูปแบบการแสดง ของการร ากลองยาวทางภาคกลางนั้น จึงเกิดการผสมผสานสอดคล้องกับวิถีชีวิตชาวไทยวนสระบุรี จึงได้น าท่าร าของชาวไทยวนเข้ามาผสมผสานจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน 2) รูปแบบการแสดงฟ้อนร าโทน โดยใช้ภาษาที่เรียบง่ายเนื้อร้องเป็นเชิงเย้าแหย่หยอก ล้อเชิงเกี่ยวพาราสีระหว่าง หนุ่มสาวท านองเพลงการร้องท่าร าและการเเต่งกายมีลักษณะเรียบง่ายมุ่ง ความสนุกสนานบันเทิงผ่อนคลายความทุกข์ ในช่วงบ้านเมืองศึกสงครามเท่านั้นต่อมาจอมพลปพิบูล สงครามซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในขณะนั้นเกรงว่าชาวต่างชาติที่ได้พบเห็นจะเข้าใจ ศิลปะการฟ้อนร าของไทยมิได้ มีความประณีตงดงามจึงให้พัฒนาการร าโทนขึ้นเป็นการร าอย่างมีแบบ แผนทั้งท่าร าค าร้องท านองเพลงตลอดจนการเเต่งกายซึ่งเรียกว่าร าวงมาตรฐานเพื่อให้มีความประณีต งดงามมากขึ้นและแสดงถึงความเป็นชาติ ที่มีวัฒนธรรมท้องถิ่น องค์ประกอบการแสดงฟ้อนร าโทน เครื่องดนตรี แต่เดิมไม่มีเครื่องดนตรีชาวไทยวน จึงใช้ความเคยชินตามแนวทางของการใช้ชีวิตโดยการดัดแปลงใช้การตีด้วยปิ๊บ ไม่มีบทร้อง ปัจจุบัน มีเนื้อร้องแต่ร้องเอง เครื่องดนตรีคือโทน การแต่งกาย แบบฉบับพื้นบ้านไทยวน สระบุรี ส่วนใหญ่จะ ใช้ผ้าทอที่ผลิตขึ้นเองด้วยกี่กระตุก และในปัจจุบันยังคงด ารงไว้ด้วยวัฒนธรรมการแต่งกายพื้นบ้าน แบบไทยวนที่มีมาแต่ดั้งเดิมโดยเฉพาะคนรุ่นเก่าผู้หญิงจะนุ่งสิ้นลายขวางตามแบบฉบับของสาวไทยวน ส่วนผู้ชายก็จะนุ่งกางเกงขาก๊วย และเสื้อผ้าทอลายยกมุก กระบวนท่าร าของการแสดงฟ้อนร าโทน ท่าร าฟ้อนร าโทนไทยวน โดยมีแม่ท่าดังนี้ 1) ท่าฟ้อนตากข้าวแตน 2) ท่าฟ้อนแม่กาตากปีก 3) ท่าฟ้อนเหินเวหา 4) ท่าฟ้อนฟันไร่นา โดยมีกระบวนท่าทางที่ใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายในท่าตั้งวง ท่าจีบ ท่าก้าวไขว้ ท่าขยับ เท้าลักษณะเด่นของการร า มีการเบี่ยงล าตัวเข้าหาคู่ร า การโยกล าตัว การร าถ่ายน้ าหนักไปด้านหน้า ไม่ยึดศูนย์กลาง การย่ าเท้าตามจังหวะ โดยเน้นที่การเคลื่อนไหวของมือในการปฏิบัติท่าร าเป็นหลัก ลักษณะการเคลื่อนวง มีทั้งแบบตามเข็มนาฬิกา ผู้แสดงมีอารมณ์สนุกสนานตลอดการแสดง 1.2 การพัฒนาการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวน จังหวัดสระบุรี 1) รูปแบบการแสดงและโครงสร้างท่าร าฟ้อนไทยวน จังหวัดสระบุรีของกฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ มีการพัฒนาลักษณะการเคลื่อนไหวท่าร า ทั้งการเคลื่อนไหวมือ เท้า และโครงสร้างลักษณะการแปร แถวท่าร าฟ้อนไทยวน จังหวัดสระบุรีอดีตลักษณะการแปรแถวของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี
155 เป็นรูปแบบการเคลื่อนขบวน ตามธรรมชาติการเดินขบวนไปเรื่อยๆตามท้องถนนหรือบริเวณที่จัด กิจกรรม แต่ปัจจุบันรูปแบบของ กฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ 2) องค์ประกอบการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวน จังหวัดสระบุรีจากการศึกษาพบว่า การแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวน ชุมชนวัดต้นตาล ต าบลต้นตาล จังหวัดสระบุรี การแสดงที่ใช้ ประกอบการแสดงมีความส าคัญอย่างยิ่ง เพื่อช่วยสืบสานศิลปะการแสดงให้คงอยู่ แต่การเลือก นักแสดงนั้นก็จะต้องมีกฎเกณฑ์และขั้นตอนการเลือกผู้ที่จะมาแสดง นักแสดงที่จะได้รับการถ่ายทอด การแสดงเพื่อน าไปเป็นแนวทางด้านการแสดงของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี และเป็นรูปแบบการ แสดงของชาวไทยวนต่อไป การคัดเลือกผู้แสดงในปัจจุบันการคัดเลือกผู้แสดงจากสนใจของบุคคลเป็นหลัก รูปแบบการ แสดงของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยแต่ยังคงเอกลักษณ์ การแต่งกาย วิถีชีวิต ประเพณีโดยน าเอกลักษณ์เหล่านี้มาปรับพัฒนาในการแสดง การแต่งกายที่ใช้ประกอบการแสดงของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรีจากการศึกษาครั้งนี้พบว่า การเเต่งกายมุ่งเเต่งกายตามลักษณะของพื้นบ้านของชาวไทยวน ที่มีเอกลักษณ์ลักษณะของการนุ่งผ้า การห่มสไบ น ามาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น ที่สามารถหยิบยกมาเป็นรูปแบบของการแสดง การเเต่งกาย ในปัจจุบันจะพบเห็นได้ยากและจะไม่นิยมแต่งงานชุดพื้นเมืองมากนัก โดยส่วนใหญ่แล้ว จะนิยมสวมเสื้อผ้าตามยุคสมัยนิยม วัฒนธรรมการแต่งกาย ส่วนใหญ่จะใช้ผ้าทอที่ผลิตขึ้นเองด้วย กี่กระตุก และในปัจจุบันยังคงด ารงไว้ด้วยวัฒนธรรมการแต่งกายพื้นบ้านแบบไทยวนที่มีมาแต่ดั้งเดิม รูปแบบการเเต่งกาย ที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของวิถีชีวิตชาวไทยวน จึงเป็น เอกลักษณ์เฉพาะที่น ามาเป็น ส่วนส าคัญในกระบวนท่ารูปแบบของการแสดงจนถึงปัจจุบัน การแต่ง กายในอดีต ผู้หญิงชาวไทยวน จะนุ่งผ้าซิ่นหรือผ้าถุง มีความยาวเกือบถึงตาตุ่ม ซึ่งเป็นที่นิยมของทั้ง หญิงสาวและผู้สูงวัย ลักษณะผ้าถุงจะถูกทอด้วยลวดลายหลายแบบ จะมีความประณีตงดงาม โดยเฉพาะตีนซิ่น ส่วนเสื้อจะเป็นเสื้อคอกลม มีสีสันลวดลายสวยงามหรือบางคนห่มสไบทับและตาม ด้วยเกล้าผม ส่วนผู้ชายก็จะนุ่งกางเกงขาก๊วย และเสื้อผ้าทอ ลายยกมุก ในปัจจุบัน การแต่งกาย ลักษณะดังกล่าว ยังมีให้เห็นทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยในวัยผู้ใหญ่จะนิยมแต่งกายออกงานในช่วง เทศกาลส าคัญ เช่น เทศกาลสงกรานต์งานประกวดธิดาเทพีต่าง ๆ งานแต่งงาน ประเพณีขึ้น เป็นต้น การแต่งกายดังกล่าวจึงเป็นแนวทางให้สร้างสรรค์ รูปแบบการเเต่งกายที่มีเอกลักษณ์ของชาวไทยวน สระบุรี โดยมีการเพิ่มเติมเครื่องประดับ เพื่อให้เกิดความสวยงามมากยิ่งขึ้น เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง ในอดีต คงเป็นเพียงการใช้ปี๊บเพื่อตีประกอบจังหวะ และ มีการใช้โทนในล าดับต่อมา แต่ในปัจจุบันมีเครื่องดนตรีประกอบด้วย สะล้อซอซึง เดิมพบในภาพวาด จิตรกรรมฝาผนังวัดสมุหประดิษฐารามในภาพมีการฟ้อนร าของหนุ่มสาว มีการแต่งกาย และมีอุปกรณ์ ที่ใช้ถือในขบวน ประเพณีท าบุญสลากภัตหรือที่ชาวล้านนาเรียกว่าการแห่ครัวทาน และในท้องถิ่นชาว ไทยวนสระบุรี ยังพบท่วงท่าการฟ้อนร าของกลุ่มชาวไทยวนในกระบวนท่าการฟ้อนกลองยาวและการ ร าโทน จากข้อมูลภาพและข้อมูลดังกล่าวจึงเป็นแนวทางในการพัฒนาสร้างสรรค์งาน โดยมีการตี กลองเพลหรือตีกลองเทิ่งหรือชาวล้านนาเรียกว่าตีกลองบูชา ท่วงท านองของบทเพลงการบรรเลง กลองจากท่วงท านองล่องน่านที่ยังคงเหลืออยู่ในท้องถิ่นชาวไทยวนสระบุรี (วัดห้วยบุญ) ภาพวาด จิตรกรรมฝาผนังวัดสมุหประดิษฐารามมีเรื่องราวของชาวไทยวนปรากฏอย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นถึง
156 ประพณี การแต่งกาย และอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในขบวน น ามาเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์การแสดง และได้มีการประดิษฐ์กลองเพลขึ้นมาใหม่ ในลักษณะจากภาพวัดสมุหประดิษฐารามจิตรกรรมฝาผนัง โดย กฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงที่ใช้ในการแสดงฟ้อนไทยวนจังหวัดสระบุรี คือ วงดนตรีทางภาคเหนือ วงกลองมองเซิง เครื่องดนตรีที่ใช้ได้แก่ ฉาบ กลองมองเซิง ฆ้อง และโหม่ง ซึ่งเพลงที่จัดแสดงคือ วงกลองล้านนา 3) การจัดการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวน จังหวัดสระบุรีจากการศึกษาพบว่า ศิลปะการแสดงท้องถิ่นของจังหวัดสระบุรีมีทั้งแบบดั้งเดิมเเละเเบบมีผู้ประดิษฐ์สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ทั้งการแสดงเป็นเรื่องราวและการฟ้อนร าในงานบุญประเพณีพิธีกรรม และใช้แสดงในโอกาสต่าง ๆ การพัฒนารูปแบบศิลปะการแสดงท้องถิ่นของจังหวัดสระบุรีมีขั้นตอนการด าเนินงานดังนี้ การ ก าหนดขอบเขตพื้นที่ การก าหนดแนวคิดของชุดการแสดง การก าหนดองค์ประกอบของการแสดง การออกแบบท่าร าและการแปรแถว และการทดลองปฏิบัติการแสดง การถ่ายทอดศิลปะการแสดง ท้องถิ่นของจังหวัดสระบุรีพบว่าแนวคิดของการแสดงเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นที่สัมพันธ์กับการ ท่องเที่ยวด้านรูปแบบการแสดงดนตรีและเพลงเข้ากับแนวคิดของชุดการแสดงเนื้อร้องสื่อความหมาย ชัดเจนลีลาของเพลงเหมาะกับท่าร า การแต่งกายออกแบบได้เหมาะสมการออกแบบท่าร าสื่อ ความหมายได้ดีมีการเชื่อมท่าร าได้กลมกลืนกัน ตลอดการแสดงและการแปรแถวของแต่ละชุดการ แสดงท าให้เกิดความน่าสนใจ ทั้งนี้ขั้นตอนการด าเนินงานและรูปแบบศิลปะการแสดงท้องถิ่นของ จังหวัดสระบุรีที่พัฒนาขึ้นสามารถน าไปใช้และประยุกต์เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาชุดการแสดงท้องถิ่น ในจังหวัดสระบุรีและจังหวัดอื่นๆ 4) การสืบทอดลักษณะการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรีจากการศึกษา พบว่า มีการสืบทอดลักษณะการแสดงมีการถ่ายทอดมาหลายชั่วอายุคน โดยมีผู้ได้รับการถ่ายทอด ต้นแบบการแสดงที่ยังคงมีชีวิตอยู่ คือ นางวงเดือน ยะกุล และสถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางในการ ถ่ายทอดการแสดงสู่เยาวชนในท้องถิ่นโดยใช้ชุนชมวัดต้นตาลเป็นสถานที่ฝึกซ้อมการแสดง โดยยึดวิถี ชีวิตวัฒนธรรมของตนเองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นน ามาสะท้อนในรูปแบบการแสดง นอกจากนี้มีการแต่งกายมีการปรับเปลี่ยนวัสดุให้มีความสมจริง และแสดงถึงความเป็นชน พื้นเมืองและความโบราณ โดยนิยมใช้ผ้าทอพื้นเมืองผ้ายกที่มีเส้นไหมดิ้นเงินดิ้นทองในกลุ่มที่มีเครื่อง แต่งกายแบบประเพณีและแบบประยุกต์ การตัดเย็บในโครงสร้างชุดการแสดงในกลุ่มเครื่องเเต่งกาย สร้างสรรค์มีการใช้วัสดุทดแทนการต่อลาย ต่อผ้าให้เหมือนเสื้อผ้าชนเผ่าและนิยมประดับตกแต่ง เครื่องเเต่งกายเพิ่มเติมด้วยการปักไหม จะเห็นได้ว่าการออกแบบเครื่องเเต่งกายเพื่องานนาฏศิลป์นั้น ต้องใช้การพิจารณาหลักการที่มีความสัมพันธ์กันอันได้แก่แนวความคิด ประเภทการแสดงรูปแบบการ แต่งกายและองค์ประกอบเครื่องเเต่งกายที่เป็นเงื่อนไขในการสร้างสรรค์การออกแบบผลงานด้าน นาฏศิลป์แต่ละชุดการแสดงซึ่งหลักการดังกล่าวจ าเป็นต้องอาศัยความรู้ ทางด้านนาฏศิลป์และนฤมิตร ศิลป์ถือได้ว่าเป็นวิธีการที่ต้องใช้การเรียนรู้แบบบูรณาการ การศึกษาดังวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบ องค์ประกอบ กระบวนท่าร า การแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวน จังหวัดสระบุรีเพื่อวิเคราะห์การ
157 พัฒนาการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวน จังหวัดสระบุรี ที่ต้องมีความเกี่ยวเนื่องกันเพื่อเป็นประโยชน์ ในการพัฒนาผลงานและสร้างเป็นเอกลักษณ์ทางวิชานาฏศิลป์ 5) การพัฒนาการแสดงฟ้อนไทยวน จังหวัดสระบุรีพบว่า มีแนวคิดการสร้างสรรค์งาน จากภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตการแต่งกายการประกอบพิธีในประเพณีส าคัญต่าง ๆ รูปแบบการสร้างสรรค์กระบวนท่าร าจากการแสดงของชุมชนวัดต้นตาลโดยมีรูปแบบท่าร าที่เป็น ลักษณะเฉพาะ เช่น ท่าฟ้อนตากข้าวแตน ท่าฟ้อนเหินเวหา ท่าฟ้อนแม่กาตากปีก ท่าฟ้อนฟันไร่นา และกระบวนท่าร ามีที่มาจากเอกลักษณ์ของการด าเนินวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนวัดต้นตาล น ากระบวนท่าร าแบบดั้งเดิมมาพัฒนา มีการพัฒนารูปแบบการน าเสนอโดยปรับรูปแบบของการแสดง เช่น การน าเสนอเรื่องราว โดยรูปแบบของการน าเสนอที่เน้นการแปรแถวโดยมีลักษณะแถวดังนี้ แถวขนานกับผู้ชม แถวแบบกลุ่ม แถวแบบคู่ แถวแบบสมดุลและไม่สมดุล บริเวณและสถานที่ของการ ฝึกซ้อมพัฒนาการแสดง สถานที่แห่งนี้เกิดจากความรักงานทางด้านศิลปะการแสดงของ กฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและดูแลสถานที่แห่งนี้ ศูนย์ศิลปะการแสดงโยนกอุทยานท่าน้ าศักดิ์สิทธิ์ เป็นศูนย์ ร่วมงานทางด้านศิลปะการแสดงและการสร้างสรรค์งานต่างๆ เช่น เป็นสถานที่ฝึกหัดศิลปะการต่อสู้ ฝึกหัดศิลปะการแสดงนาฏศิลป์ร่วมสมัย และสร้างสรรค์งานประดิษฐ์จากภูมิปัญญา ในการประดิษฐ์ เครื่องใช้ เป็นต้น โดยมีการพัฒนาฟื้นฟูวัฒนธรรมแห่งนี้ขึ้นเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ รวบรวม ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน และอนุรักษ์รูปแบบการแสดง รักษาเผยแพร่วัฒธรรมชาวไทยวนให้เป็นที่รู้จัก มากยิ่งขึ้น จึงเกิดจากแรงบันดาลใจของ กฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ ที่ต้องการจะอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยวนต่อไป ในท่วงท่าทั้ง 4 ท่านี้ ผู้เฒ่าผู้แก่ต่างเรียกขานตามความเห็นของตนเอง ซึ่งท้องถิ่นยวนอื่น ๆ อาจเรียกขานต่างกันออกไป และรูปแบบการแสดงมีการร าเป็นคู่ชายหญิง แต่อาจมีผู้หญิงและผู้ชายที่ ไม่ได้ร าในลักษณะที่เป็นคู่ แต่เป็นการร าร่วมกันกับผู้ที่ร ากันเป็นคู่ได้ โดยรูปแบบแถวจะร าเป็นคู่วนกัน เป็นวงกลม และหยุดอยู่กับที่เพื่ออวดฝีมือการร าของแต่ละคู่ โดยท่าร าทั้ง 4 ท่านี้สามารถร าได้ทุก รูปแบบแล้วแต่ผู้ร าจะออกแบบตามความคิดสร้างสรรค์ จากนั้นก็ร าเป็นคู่วนเป็นวงกลมต่อไปจนจบเพลง รูปแบบการแสดง ได้แบ่งช่วงการแสดงออกเป็น 3 ช่วง โดยมีนักแสดงทั้งหมด 10 คน ผู้ชาย 4 คน ผู้หญิง 6 คน ช่วงที่ 1 แสดงให้เห็นถึงการแต่งกายของชาย หญิง ในการเดินทางไปวัดหลังจากท าบุญเสร็จ จึงท าการร าโทน หรือ ฟ้อนไท-ยวน เพื่อความสนุกสนาน ช่วงที่ 2 แสดงให้เห็นถึงการเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหญิงและร าคู่กันเพื่ออวดฝีมือการร าของแต่ละคู่ ช่วงที่ 3 แสดงให้เห็นถึงแม่ท่าร าทั้ง 4 ท่า โดยเรียงจากท่าที่หนึ่งจนถึงท่าที่สี่ ประกอบด้วยท่าร าดังนี้ 1) ท่าฟ้อนตากข้าวแตน 2) ท่าฟ้อนแม่กาตากปีก 3) ท่าฟ้อนเหินเวหา 4) ท่าฟ้อนฟันไร่นา
158 6) โครงสร้างลักษณะการแปรแถวท่าร าฟ้อนไทยวน จังหวัดสระบุรีของ กฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ มีการพัฒนาลักษณะการเคลื่อนไหวท่าร า ทั้งการเคลื่อนไหวมือ เท้า และโครงสร้างลักษณะการแปร แถวท่าร าฟ้อนไทยวน จังหวัดสระบุรี อดีตลักษณะการแปรแถวของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี เป็นรูปแบบการเคลื่อนขบวน ตามธรรมชาติการเดินขบวนไปเรื่อยๆตามท้องถนนหรือบริเวณที่จัด กิจกรรมแต่ปัจจุบันรูปแบบของ กฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ โครงสร้างลักษณะการแปรแถวท่าร าฟ้อนไทยวน จังหวัดสระบุรีมีพัฒนาการแปรแถว4รูปแบบ 1) แถวขนานกับผู้ชม 2) แถวแบบกลุ่ม 3) แถวคู่ตารางที่ 4) แถวแบบสมดุลและไม่สมดุล 2. อภิปรายผล จากการวิเคราะห์ การพัฒนาการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวน จังหวัดสระบุรีผู้วิจัยสามารถ อภิปรายผลได้ดังนี้ 2.1 จากการศึกษารูปแบบองค์ประกอบกระบวนท่าร าการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวน จังหวัดสระบุรีพบว่า เป็นการแสดงที่ได้มีการเรียนรู้รูปแบบแนวทางการแสดงมาจากการร ากลอง ยาวของทางภาคกลาง นิยมแสดง ในงานแห่น าขบวน งานบุญ งานประเพณี แห่กฐินแห่ผ้าป่าแห่นาค แห่ในงานรื่นเริงในท้องถิ่น มีการผสมผสานสอดคล้องกับวิถีชีวิตชาวไทยวนสระบุรี จึงได้น าท่าร าของ ชาวไทยวนเข้ามาผสมผสานจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน สอดคล้องกับ จารุวรรณ ธรรมวัตร (2530) ศิลปะการแสดงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นศิลปะที่เกิดจากการเลียนแบบท่าทางการ ท ามาหากิน การท างานในชีวิตประจ าวัน การฟ้อนร ามีลักษณะเรียบง่าย กระฉับกระเฉง ไม่ค่อยมี ความอ่อนช้อย แต่มีท่าทางและลีลางดงาม การฟ้อนร าของชาวอีสานมีลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างกันไปตามสภาพท้องถิ่น และความเป็นอยู่ของกลู่มชน นอกจากนี้ สอดคล้องกับงานวิจัยของ มนต์เทียน สกุลนี (2553) ได้ท าการศึกษาวิจัย เรื่อง “รูปแบบการอนุรักษ์อัตลักษณ์ชุมชน ท้องถิ่นด้านศิลปะเพลงพื้นบ้าน ล าตัดขององค์การบริหารส่วน ต าบลหน้าไม้ อ าเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี” กล่าวว่า รูปแบบการอนุรักษ์อัตลักษณ์ชุมชน ท้องถิ่น ด้านศิลปะพื้นบ้านล าตัดนั้น ต้องเริ่มด้วยการสร้างจิตส านึกให้คนในชุมชนได้ตระหนักถึง คุณค่าของวัฒนธรรมชุมชน สอดคล้องกับงานวิจัยที่พบว่า ชุมชนชาวไทยวน จังหวัดสระบุรี มีแนวคิด ในการตระหนักถึงคุณค่าและวัฒนธรรมของชุมชนชาวไทยวน ในการอนุรักษณ์และพัฒนาเพื่อให้ ศิลปะคงอยู๋ได้ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชุมชน ในการที่จะช่วยกันเก็บรักษาและสืบสานศิลปะพื้นบ้าน ที่เป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่นให้คงอยู่กับชุมชน 2.2 การพัฒนาการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรีพบว่า การพัฒนาการแสดง ชุดฟ้อนไทยวนสระบุรีมีแนวคิดการสร้างสรรค์งานจากภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตการ แต่งกายการประกอบพิธีในประเพณีส าคัญต่างๆ รูปแบบการสร้างสรรค์กระบวนท่าร าจากการแสดง ของชุมชนวัดต้นตาลโดยมีรูปแบบท่าร าที่เป็นลักษณะเฉพาะ เช่น ท่าฟ้อนตากข้าวแตน ท่าฟ้อนเหินเวหา ท่าฟ้อนแม่กาตากปีก ท่าฟ้อนฟันไร่นา และกระบวนท่าร ามีที่มาจากเอกลักษณ์ของการด าเนินวิถีชีวิต
159 ความเป็นอยู่ของชุมชนวัดต้นตาล น ากระบวนท่าร าแบบดั้งเดิมมาพัฒนา มีการพัฒนารูปแบบการ น าเสนอโดยปรับรูปแบบของการแสดง สอดคล้องกับงานวิจัยของ ชมภูนาฏ ชมภูพนัธ (2554) ได้ท าการศึกษาวิจัยเรื่อง การแสดงพื้นบ้านอีสานจึงเป็นการแสดงที่สะท้อนวัฒนธรรมของกลุ่มชนใน ภาคอีสาน ทั้งอีสานเหนือและอีสานใต้ ผลการศึกษาพบว่า ท าให้มีความหลากหลายของการแสดง และมีสีสันเพิ่มขึ้น ชุมชนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นให้ข้อมูลให้แนวทางยังช่วยให้รูปแบบของ การแสดงที่ประดิษฐ์ขึ้นสอดคล้องและตรงกับความต้องการของคนในชุมชน สอดคล้องกับงานวิจัย ของ อธิป จันทร์สุริย์(2563) ได้ท าการศึกษาวิจัย เรื่อง การพัฒนาตัวบ่งชี้การจัดการมรดกภูมิปัญญา ทางวัฒนธรรมเป็นฐานสู่การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ จังหวัดชุมพรสอดคล้องกับงานวิจัยผลการศึกษา พบว่า คุณลักษณะด้านการจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเป็นฐานสู่การท่องเที่ยวเชิง สร้างสรรค์เป็นการส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน และกระบวนการที่มีส่วนร่วมของชุมชนในการ รักษาไว้ซึ่งภูมิปัญญาท้องถิ่น ภาครัฐและภาคชุมชน ต้องมีส่วนร่วมในการท างาน ในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้เป็นแนวทางในรูปธรรม และเป็นต้นแบบแนวทางการพัฒนา 3. ข้อเสนอแนะ 3.1 ข้อเสนอแนะ ในการน าไปใช้ 1) หน่วยงานราชการหรือสถาบันการศึกษาด้านนาฏศิลป์ไทย ที่มีความสนใจเพื่อศึกษา รูปแบบ องค์ประกอบกระบวนท่าร า การแสดงพื้นบ้านของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี สามารถน าไป เป็นแนวทางในการพัฒนาสร้างสรรค์งานการแสดง โดยต้องเป็นผู้มีความรู้ในศาสตร์นาฏศิลป์ดนตรี และท านองเพลงต่างๆเป็นอย่างดีมีความรู้ความสามารถในการออกแบบเครื่องแต่งกายรวมทั้ง อัตลักษณ์ที่ส าคัญทางชุมชนนั้นๆ 2) ผู้ที่มีความสนใจในการพัฒนาสร้างสรรค์รูปแบบการแสดงโดยลักษณะของการ แปรแถวต่าง ๆ หรือลักษณะของการเเต่งกายที่สะท้อนเอกลักษณ์วิถีชีวิตเฉพาะตน สามารถน าองค์ ความรู้ที่ได้จากผลการศึกษาครั้งนี้เป็นแนวทางในการพัฒนาสร้างสรรค์ รูปแบบการแสดงชุดใหม่ต่อไป 3.2 ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป การศึกษารูปแบบการแสดงพื้นบ้าน พบว่า มีการแสดงพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์ของชุมชนหรือ ชนเผ่าที่น่าสนใจในการบันทึก วิเคราะห์เป็นองค์ความรู้เชิงวิชาการอีกหลากหลาย อาทิไททรงด า ไทลื้อ เพื่อเป็นองค์ความรู้จากภูมิปัญญา ที่ควรศึกษาและบันทึกเป็นองค์ความรู้ในวงการศึกษาต่อไป
บรรณานุกรม กรวรรณ ชีวสันต์ และธิตินัดดา จินาจันทร์. (2546). ความสัมพันธ์ระหว่างล้านนา ล้านช้างการศึกษา เปรียบเทียบประเพณี 12 เดือน. เชียงใหม่: สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, กลุ่มงานแผนที่จังหวัด ส านักงานจังหวัดสระบุรี (2560).ข้อมูลในจังหวัดสระบุรี. [ออนไลน์] สืบค้นเมื่อวันที่ 1สิงหาคม 2560.จาก http://www.saraburi.go.th/web2/content/map จารุวรรณ ธรรมวัตร. (2530). คติชาวบ้าน. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยศรีนครรินทรวิโรฒ, มหาสารคาม. ไชรัตน์ เจริญสินโอฬาร. (2549). วาทกรรมการพัฒนา อ านาจ ความรู้ ความจริง เอกลักษณ์และ ความเป็นอื่น. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: วิภาษา. ชมภูนาฏ ชมภูพนัธ. (2554). การวิจัยและการพัฒนาศิลปะการแสดงท้องถิ่นของจังหวัดเลย, วารสาร การวิจัย และการพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฎเลย, 10(32), 83-90. ณรัฐ ประสุนิงค์. (2558). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสาร. [ออนไลน์].สืบค้นเมื่อ 1 ธันวาคม 2563, จาก http://naratcomputereducation.blogspot.com/. ดวงพร ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม. (2550). การด าเนินงานการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้าน ต้นตาล อ าเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี. ส านักงานวัฒนธรรมจังหวัดสระบุรี, จังหวัดสระบุรี. เตือนใจ ไชยศิลป์. (2535). ล้านนาในการรับรู้ของชนชั้นปกครองสยาม พ.ศ. 2325 - 2476. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, กรุงเทพมหานคร. ตวงพร มีทรัพย์. (2550). การแสดงนาฏยศิลป์ที่สื่อถึงวัฒนธรรมของชาวไทยวนจังหวัดสระบุรี. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร เนื้ออ่อน ขรัวทองเขียว. (2551). ร่องรอยชาวไทยวนในจิตรกรรมฝาผนัง วัดสมุหประดิษฐาราม จังหวัดสระบุรี. วารสารไทย, 29(105), มกราคม, 77-83. บรรจง โกศัลวัฒน์. (2551). ปฐมบทแห่ง ศิลปะการแสดง. [ออนไลน์] สืบค้นเมื่อ 1 ตุลาคม 2551 จาก <http://www.artgazine.com/shoutouts/viewtopic.php?t=2472> บุญดี บุญญากิจ. (2547). การจัดการความรู้จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ. ประเวช ต้นตราภิรมย์. (2552). “การเมือง” ของ “อดีต” วารสารเมืองโบราณ,15(3), 15 - 25. พิเนตร น้อยพุทธา. (2540). ชมรมไทยวน จังหวัดสระบุรี. กรุงเทพฯ: ร าไทยเพรสจ ากัด. พูนลาภ ทิพชาติโยธิน. (2553). Value-Added Activities เพิ่มลูกค้าด้วยกิจกรรมเพิ่มมูลค่า. วารสาร Productivity World มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 15(85), 87- 89. มณี พยอมยงค์. (2529). วัฒนธรรมล้านนาไทย. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช. มนต์เทียน สกุลนี. (2553). รูปแบบการอนุรักษ์อัตลักษณ์ชุมชนท้องถิ่นด้านศิลปะเพลงพื้นบ้านล า ตัด.ขององค์กรค์การบริหารส่วนต าบลหน้าไม้ อ าเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ขอนแก่น. มาณพ มานะแซม. (2550). พัฒนาการเครื่องแต่งกายชาวล้านนา ไทยวน. วารสารวิจิตรศิลป์, 1(1), 121 -135.
161 ยุรพร ศุทธรัตน์. (2552). องค์การเพื่อการเรียนรู้. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. วศิน อิงคพัฒนากุล. (2548). การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรม. นครปฐม: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร. วิถี พานิชพันธ์. (2548). วิถีล้านนา. เชียงใหม่: ซิลค์เวอร์ม. ระวิวรรณ โอฬารัตน์มณี. (2558). รูปแบบบ้านเรือนของกลุ่มชาติพันธุ์ในอุษาคเนย์. ศูนย์บริหาร งานวิจัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, จังหวัดเชียงใหม่ ศรัณย์ ทองปาน. (2552). วัดหนองโนเหนือและวัดหนองยาวสูง จิตกรรมฝาผนังยุคสยามใหม่ในชุมชน ยวนสระบุรี. วารสารเมืองโบราณ, 35(2), มกราคม, 1-4. ศูนย์มานุษยวิทยาศิรินธร (องค์การมหาชน). (2547).วาทกรรมอัตลักษณ์.กรุงเทพฯ: โอ เอสพริ้นติ้งเฮ้าส์ สงวน โชติสุขรัตน์. (2561). ประวัติศาสตร์ถิ่นเหนือกับเรื่องอื่นๆ. กรุงเทพฯ: ศรีปัญญา. สนั่น ธรรมธิ. (2550). นาฏดุริยการล้านนา. เชียงใหม่: สุเทพการพิมพ์. สุริชัย หวันแก้ว.(2545). การพัฒนาที่ยั่งยืนในกระแสโลกาภิวัตน์กับทิศทางประเทศไทย. กรุงเทพฯ: ศูนย์ศึกษาการพัฒนาสังคม คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สุเทพ สุนทรเภสัช. (2548). ชาติพันธุ์สัมพันธ์ : แนวคิดพื้นฐานทางมานุษยวิทยาในการศึกษาอัต ลักษณ์กลุ่มชาติพันธุ์ประชาชาติ และการจัดองค์กรความสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ. อธิป จันทร์สุริย์. (2563). การพัฒนาตัวบ่งชี้การจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเป็นฐานสู่การ ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ จังหวัดชุมพร. วารสารการเมือง การบริหารและกฎหมาย 12(1), 371-395. อภิญญา เฟื่องฟูสกุล. (2546). อัตลักษณ์(Identity) การทบทวนทฤษฎีและกรอบแนวคิด. กรุงเทพฯ: ส านักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ. อมรา พงศาพิชญ์. (2533). วัฒนธรรม ศาสนา และชาติพันธุ์วิเคราะห์สังคมไทยแนวมานุษยวิทยา. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. Barthes, R. (1 9 5 7 ) . Mythologies. by Editions du Seuil, Paris: Translation 1972 by Jonathan Cape Ltd. Hall, S. (1997) .Representation: Cultural Representations and signifying Practices. London : Sage.
บุคลานุกรม กฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ. ผู้รับการถ่ายทอดและผู้พัฒนาสร้างสรรค์การแสดงศูนย์ศิลปะการแสดงโยนก อุทยานท่าน ้าศักดิ์สิทธิ์ ต้าบลต้นตาล อ้าเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี. (ผู้ให้สัมภาษณ์) กนกวรรณ วะนุยารักษ์. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 12 กันยายน 2563, 21 ธันวาคม 2563, 20 มกราคม 2564. ณิชมน เอี่ยมอุบลวรรณ. ผู้ผลิต อุปกรณ์การแสดงพื นบ้านของศูนย์ศิลปะการแสดงโยนกอุทยานท่าน ้า ศักดิ์สิทธิ์ต้าบลต้นตาล อ้าเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี. (ผู้ให้สัมภาษณ์) กนกวรรณ วะนุยารักษ์. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 26 ตุลาคม 2563. ทัตชญา วริษชลาธาร. ผู้ดูแลอุปกรณ์การแสดงพื นบ้านของศูนย์ศิลปะการแสดงโยนกอุทยานท่าน ้า ศักดิ์สิทธิ์ ต้าบลต้นตาล อ้าเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี. (ผู้ให้สัมภาษณ์) กนกวรรณ วะนุยา รักษ์. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 26 ตุลาคม 2563. วงเดือน ยะกุล. ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่าร้า การบรรเลงเครื่องดนตรีพื นบ้าน และเป็นผู้ที่ดูแลบุคคล เชื่อสายไทยวน อ้าเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี (ผู้ให้สัมภาษณ์) กนกวรรณ วะนุยารักษ์. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 26 ตุลาคม 2563, 21 ธันวาคม 2563, 20 มกราคม 2564. สมจิตร ยะกุล. ต้าแหน่ง ประธานสภาวัฒนธรรม อ้าเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี (ผู้ให้สัมภาษณ์) กนกวรรณ วะนุยารักษ์. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 26ตุลาคม 2563. สงัด วรรณกุล. ผู้สืบทอดหอวัฒนธรรมพื นบ้านไทยวน ต้าบลดาวเรือง อ้าเภอเมือง จังหวัดสระบุรี จนถึงปัจจุบัน (ผู้ให้สัมภาษณ์) กนกวรรณ วะนุยารักษ์. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 15 กันยายน 2563, 21 ธันวาคม 2563 และ 20 มกราคม 2564. สุพัตรา ชูชม. ช่างศิลป์หัตถกรรมประเภทเครื่องทอผ้าซิ่นตีนจกหอวัฒนธรรมพื นบ้านไทยวนจังหวัด สระบุรี. (ผู้ให้สัมภาษณ์) กนกวรรณ วะนุยารักษ์. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 12 กันยายน 2563, 21 ธันวาคม 2563. เอวิน วรรณกุล. ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่าร้าของชาวไทยวน อ้าเภอเส าไห้ จังหวัดสระบุรี. (ผู้ให้สัมภาษณ์) กนกวรรณ วะนุยารักษ์. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 15 กันยายน 2563.
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก ค าถามในการสัมภาษณ์
164 ค าถามในการสัมภาษณ์ ผู้วิจัยได้ด ำเนินกำรเก็บข้อมูลภำคสนำมด้วยวิธีกำรสัมภำษณ์โดยใช้เครื่องมือที่ใช้ในกำรเก็บ รวบรวมข้อมูลในกำรวิจัยครั้งนี้ เป็นแบบสัมภำษณ์ แบบไม่มีโครงสร้ำง แบบปลำยเปิด โดยก ำหนดข้อ ค ำถำมที่ครอบคลุมเนื้อหำเพื่อน ำไปเก็บรวบรวมข้อมูลกับผู้ให้ข้อมูลดังนี้ 1. กำรแสดงพื้นบ้ำนของชำวไทยวนเป็นอย่ำงไร ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... 2. เครื่องดนตรีหรือเพลงเป็นอย่ำงไร ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... 3. เครื่องกำรแต่งกำยเป็นอย่ำงไร ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... ......................................................................................................................................................................
165 4. รูปแบบของกำรแสดงพื้นบ้ำนของชำวไทยวนเป็นอย่ำงไร ............................................................................................................................ .......................................... ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... 5. แนวคิดกำรออกแบบกระบวนท่ำร ำของชำวไทยวนเป็นอย่ำงไร ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................................................... ....... ............................................................................................................................ .......................................... ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... 6. แนวทำงกำรสร้ำงสรรค์กระบวนท่ำร ำเป็นอย่ำงไร ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... ........................................................................................................................................... ........................... ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... ........................................................................................................................................................ ..............
ภาคผนวก ข ประวัติผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนท่าฟ้อน
167 ประวัติผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนท่าฟ้อน ภาพที่ 116 นายกฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ ที่มา : ผู้วิจัย ประวัติกฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ ชื่อ /นามสกุล นายกฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ เกิดเมื่อ วันที่ 16 มกราคม ภูมิล าเนาเดิม บ้านเลขที่ 12 หมู่ 3 บ้านสันจ าปา ต าบลแม่พริก อ าเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ที่อยู่ปัจจุบัน หมู่6 บ้านท่าราบ ต าบลต้นตาล อ าเภอเสาไห้จังหวัดสระบุรี บิดาชื่อ นายสวัสดิ์ ชัยศิลบุญ มารดาชื่อ นางฟองจันทร์ ชัยศิลบุญ พี่น้อง มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน 1. นายสุรเดช ชัยศิลบุญ 2. นายเฉลิมพล ชัยศิลบุญ 3. นางจุฑารัตน์ ชัยศิลบุญ 4. นายกฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ
168 ประวัติด้านการศึกษา การศึกษาด้านสามัญ 1. ระดับชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนชุมชนบ้านสันจ าปา ต าบลแม่พริก อ าเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เมื่อปี พ.ศ. 2526 2. ระดับชั้นมัธยมศึกษา ที่โรงนวมินทราชูทิศพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2532 3. ระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามค าแหง เมื่อปีพ.ศ. 2537 ประวัติด้านการท างาน 1. รับต าแหน่งประธานชมรมวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นมหาวิทยาลัยรามค าแหง 2. ก ากับการแสดงขันโตกชาวเหนือ และพิธีบายศรีสู่ขวัญนายกรัฐมนตรี ฯพณฯ 3. ดูแลและพัฒนาโยนกอุทยานท่าน้ าศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดสระบุรี การรับสืบทอดท่าฟ้อน เริ่มเรียนการฟ้อนและดนตรีสะล้อซอซึง จาก ครูเชิงเรจ และครูกุศล สายค า เรียนการขับซอ พื้นเมืองล้านนาจากครูกุศล สายค า เมื่ออายุ 9 ปี ในปีต่อมาเรียนขลุ่ยกับครูพรทิพย์ จีรสุวรรณ อายุ 12 ปี ครูกฤษฏิ์ได้เรียนดนตรีปี่พาทย์ล้านนากับ ครูค า ก าลังประสิทธิ์ โดยเริ่มหัดเรียนระนาดเอก และเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ ในวงปี่พาทย์จนมีความช านาญเล่นเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ จนครบ เมื่อ อายุ 13 ปี เรียนการฟ้อนล้านนา ศิลปะการแสดงพื้นเมืองท้องถิ่นของจังหวัดเชียงราย อาทิ การฟ้อน เล็บ การฟ้อนดาบ การฟ้อนกระบี่กระบอง (ฟ้อนเจิงไม้ค้อน) จากแม่ครูสุกแก้ว ก าลังประสิทธิ์ แม่ครู บัวซอน ชัยศิลบุญ ด้วยเหตุที่ครูกฤษฏิ์เรียนศิลปะการแสดงนาฎศิลป์และดนตรีพื้นเมืองตั้งแต่อายุ 7 ปี จนกระทั่งปัจจุบันเป็นผลท าให้ครูกฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ กลายเป็นศิลปินเด็กตัวน้อย เป็นที่รู้จักของ ชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียง นอกจากนี้ครูกฤษฏิ์ยีงมีโอกาสร่วมแสดงกับคณะนักแสดงในหมู่บ้าน เป็นตัวแทนของหมู่บ้านไปท าการแสดงในที่ต่างๆ และยังเป็นตัวแทนสถานศึกษาในการประกวดศิลปะ ต่าง ๆ ได้รับรางวัลและค าชื่นชมมาโดยตลอด เมื่ออายุ 15 ปี เดินทางไปเรียนการฟ้อนนกกิ่งกะหร่า ฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิง แบบชาวไทใหญ่ จากพ่อครูปุ้น- พ่อครูรณ ช่างเหล็ก บ้านต่อแพ อ าเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนเต็ม จากนั้นกลับมาฝึกฝนตนเอง และออกแสดงตามงาน ต่าง ๆ ในเทศกาลงานบุญ ท าให้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน ๆ มากมาย จนเกิดความ ช านาญขึ้นเป็นล าดับ นอกจากที่ครูกฤษฏิ์จะเป็นผู้สนใจทางนาฎศิลป์และดนตรีแล้ว ระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนปลายมีความสนใจในทางวรรณกรรมล้านนา โดยมีพื้นฐานมาจากการที่คุณย่าเป็นผู้ เล่านิทานและมุขปาถะล้านนาต่าง ๆ ให้ฟังในวัยเด็ก จนกระทั่งหันมาสนใจศึกษาใฝ่หาความรู้จากการ อ่านวรรณกรรมล้านนา และการสั่งสอนจากครูวิลักษณ์ ศรีป่าซาง (กวีล้านนา) ครูของท่านในวัยเด็ก และเริ่มแต่งบทกวี อ่านบทกวีล้านนาโบราณ ที่เรียกว่า คร่าวช้อย (จ๊อย) หรือบทกะโลง (โคลง) ชนิดต่างๆ ด้วยความที่ท่านเป็นนักกิจกรรมของโรงเรียน จึงได้รับรางวัลนักเรียนดีเด่นในด้านต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือ รางวัลนักเรียนดีเด่นด้านดนตรีไทย
169 หลังจากจบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา กฤษฏิ์ได้ย้ายเข้ามาในกรุงเทพมหานคร เพื่อเข้า รับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ที่มหาวิทยาลัยรามค าแหง คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชา สื่อสารมวลชน ในปีพ.ศ. 2537 ขณะที่ก าลังศึกษาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยรามค าแหงนั้น ท่านได้อาศัย อยู่กับพี่สาวซึ่งเป็นผู้ฝากฝังให้ครูกฤษฏิ์ได้เป็นศิษย์ของครูธีระ ภู่มณี ศิลปินสังกัดกองการสังคีต กรมศิลปากร (ปัจจุบันท่านเสียชีวิตแล้ว) ในการเรียนซอสามสาย และได้พบการครูเล็ก ภัทราวดี มีชู ธน ในงานการท่องเที่ยวโลกที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ วันนั้นท่านได้แสดงการฟ้อนนกกิ่งกะหร่า ครู เล็กจึงได้ชักชวนให้มาแสดงที่ภัทราวดีเธียรเตอร์ ต่อมาในปีพ.ศ.2538 ได้ท าการแสดงการฟ้อนล้านนา ในงานเทศกาลลานสร้างสรรค์งานศิลป์ โดยได้รับค านิยมอย่างมากจากผู้ชม การที่ได้ท าการแสดงที่ภัท ราวดีเธียรเตอร์นั้น เป็นผลท าให้ครูกฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ ได้พบปะศิลปินและครูในสาขาศิลปะร่วมสมัยที่มี ชื่อเสียงหลายท่าน อาทิ เรียนการแสดงละครเวทีกับครูเล็กภัทราวดี เรียนศิลปะการแสดงบุตโตกับ คา สุระ คัง ศิลปินชาวณี่ปุ่น เรียนการขับร้องเพลงแบบสากล กับลีนา ยองเซ ชาวฝรั่งเศสผู้มีชื่อเสียงใน การขับร้องเพลงโอเปร่าระดับโลก ในวิชาเรียนมหาวิทยาลัยรามค าแหง มีโอกาสเป็นศิษย์ในรายวิชา โบราณคดี ได้พบกับอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ท่านได้ให้ความกรุณาสั่งสอน และแนะน าการออกแบบ เสื้อผ้าในการแสดง และยังได้ชักชวนครูกฤษฏิ์ ไปแสดงในงานส าคัญๆของชาติ และได้มีโอกาสฝึกฝน ฝีมือตลอดมา ตั้งแต่นั้นมาครูกฤษฏิ์ชัยศิลบุญ ได้ท าการแสดงพร้อมทั้งแลกเปลี่ยนวิชาความรู้ต่าง ๆ กับศิลปินและผู้รู้ทางศิลปะการแสดงเรื่อยมาจนได้พบกับท่านอาจารย์ศักดา สุขค า นักวิชาการ วัฒนธรรม ส านักงานคณะกรรมการ วัฒนธรรรมแห่งชาติ ได้ขอทุนให้กับครูกฤษฏิ์ จัดการแสดงศิลปะ ล้านนาครั้งแรกในกรุงเทพมหานคร นับเป็นงานชิ้นแรกที่ท าให้ครูกฤษฏิ์เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จัก อย่างกว้างขวางในวงการศิลปะการแสดงล้านนาร่วมสมัย
170 ประวัติผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนท่าฟ้อน ภาพที่ 117 นางวงเดือน ยะกุล ที่มา : ผู้วิจัย ประวัติวงเดือน ยะกุล ชื่อ /นามสกุล นางวงเดือน ยะกุล เกิดเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2480 ภูมิล าเนาเดิม จังหวัดสระบุรี ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 2 หมู่ที่ 4 บ้านต้นตาล ต าบลต้นตาล อ าเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ประวัติด้านการท างาน 1. ผู้ผลิตขนมกงบ้านต้นตาล ชาวต าบลต้นตาล เป็นชุมชนชาวไท-ยวน 2. ผู้ดูแลชุมชนวัดต้นตาลจังหวัดสระบุรี 3. ประธานโครงการศูนย์บูรณาการไทยสายใยชุมชนบ้านต้นตาล การรับสืบทอดท่าร า นางวงเดือนยะกุลได้รับการถ่ายทอดท่าร าจากรุ่นสู่รุ่นโดยเริ่มตั้งแต่ ยุครุ่นที่หนึ่งฟ้อนไทยวน สระบุรีได้ถ่ายทอดกระบวนท่าร าให้กับ นางพยุง ค าพีระพันธ์รุ่นที่สองของฟ้อนร าโทนไทยวนจังหวัด สระบุรีถ่ายทอดกระบวนท่าร าให้กับ นางอุไร หมวกลาว รุ่นที่สามฟ้อนร าโทนไทยวนจังหวัดสระบุรี ถ่ายทอดกระบวนท่าร าให้กับ นางพัก พุทธิ ยุครุ่นที่สี่ฟ้อนร าโทนไทยวนจังหวัดสระบุรีถ่ายทอด กระบวนท่าร าให้กับ นายกีบ จันทร์ทอง ยุครุ่นที่ห้านางวงศ์เดือน ยะกุล ผู้ได้รับการถ่ายทอดกระบวน ท่าร าแบบพื้นบ้านฟ้อนไทยวนจังหวัดสระบุรีจนถึงปัจจุบัน
ภาคผนวก ค ประมวลภาพการวิจัย
172 ภาพที่118 สัมภาษณ์ข้อมูลและแนวทางการแสดงของชุมชนต้นตาล จังหวัดสระบุรี ที่มา : ผู้วิจัย ภาพที่ 119 สัมภาษณ์ข้อมูลและแนวทางการแสดงของชุมชนต้นตาล จังหวัดสระบุรี ที่มา : ผู้วิจัย
173 ภาพที่ 120 สัมภาษณ์ข้อมูลและแนวทางการแสดงจากนายกฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ ที่มา : ผู้วิจัย ภาพที่ 121 สัมภาษณ์ข้อมูลและแนวทางการแสดงจาก นายกฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ ที่มา : ผู้วิจัย
174 ภาพที่ 122 การสอบเค้าโครงร่างวิทยานิพนธ์ ที่มา : ผู้วิจัย ภาพที่ 123 การสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ ที่มา : ผู้วิจัย
175 ประวัติผู้วิจัย ชื่อ-นามสกุล นางสาวกนกวรรณ วะนุยารักษ์ วัน เดือน ปีเกิด 13 สิงหาคม 2533 สถานที่เกิด 49 ถนนช้างเผือก ต าบลในเมือง อ าเออเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ที่อยู่ปัจจุบัน 109/19 ถนนพหลโยธิน ต าบลปากเพรียว อ าเออเมือง จังหวัดสระบุรี ต าแหน่ง ครูอัตราจ้าง นาฏศิลป์ สถานที่ท างาน โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม 532 ถนนพหลโยธิน ต าบลปากเพรียว อ าเออเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ประวัติการศึกษา พ.ศ.2545 ประถมศึกษาโรงเรียนอนุบาลสระบุรี พ.ศ.2548 มัธยมศึกษาต้อนต้น วิทยาลัยนาฏศิลป พ.ศ.2551 มัธยมศึกษาตอนปลาย วิทยาลัยนาฏศิลป พ.ศ.2556 ศึกษาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ไทยศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ.2565 ศิลปมหาบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์