The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิทยานิพนธ์ หลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย เรื่อง กลวิธีการรำตรวจพลของอสุรผัดในการแสดงโขน ของนายขรรค์ชัย หอมจันทร์ 2566

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

กลวิธีการรำตรวจพลของอสุรผัดในการแสดงโขน ของนายขรรค์ชัย หอมจันทร์ 2566

วิทยานิพนธ์ หลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย เรื่อง กลวิธีการรำตรวจพลของอสุรผัดในการแสดงโขน ของนายขรรค์ชัย หอมจันทร์ 2566

กลวิธีการรำตรวจพลของอสุรผัดในการแสดงโขน PERFORMING TECHNIQUES IN TROOP VIEWING DANCE OF ASURAPHAT CHARACTER IN THE KHON ขรรค์ชัย หอมจันทร์ วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ศิลปมหาบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย บัณฑิตศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ. 2566 ลิขสิทธิ์ของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์


กลวิธีการรำตรวจพลของอสุรผัดในการแสดงโขน ขรรค์ชัย หอมจันทร์ วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ศิลปมหาบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย บัณฑิตศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ. 2566 ลิขสิทธิ์ของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์


PERFORMING TECHNIQUES IN TROOP VIEWING DANCE OF ASURAPHAT CHARACTER IN THE KHON KHANCHAI HOMJAN A THESIS SUBMITTED IN PARTIAL FULFILLMENT OF THE REQUIREMENTS FOR THE DEGREE OF MASTER OF FINE ARTS PROGRAM IN PERFORMING ARTS GRADUATE SCHOOL BUNDITPATANASILPA INSTITUTE OF FINE ARTS YEAR 2023 COPYRIGHT OF BUNDITPATANASILPA INSTITUTE OF FINE ARTS


(ค) ชื่อวิทยานิพนธ์ กลวิธีการรำตรวจพลของอสุรผัดในการแสดงโขน 62222308 นายขรรค์ชัย หอมจันทร์ ปริญญา ศิลปมหาบัณฑิต สาขาวิชา นาฏศิลป์ พ.ศ. 2566 อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรภัทร์ ทองนิ่ม อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม อาจารย์ ดร.นิวัฒน์ สุขประเสริฐ บทคัดย่อ วิทยานิพนธ์ เรื่อง กลวิธีการรำตรวจพลของอสุรผัดในการแสดงโขน มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประวัติความเป็นมาและบทบาทของอสุรผัดในการแสดงโขน 2) วิเคราะห์กลวิธีการรำ ตรวจพลเฉพาะตัวของอสุรผัดในการแสดงโขน โดยศึกษาจาก อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว (ศิลปินแห่งชาติ) ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทย (โขนลิง) สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ตามแนวทางของอาจารย์กรี วรศะริน (ศิลปินแห่งชาติ) มีวิธีการดำเนินการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาจากหนังสือ เอกสาร ตำราบทความ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การลงภาคสนามเพื่อฝึกปฏิบัติท่ารำ สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนาฏศิลป์ไทย และรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์ สรุปเป็นผลการวิจัย ผลการศึกษาพบว่า 1) วรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์มีตัวละครที่ปรากฏอยู่คือ อสุรผัด ซึ่งมี บทบาทและความสำคัญแตกต่างจากตัวละครอื่น โดยถือกำเนิดจาก หนุมาน (ลิง) ผู้เป็นพ่อ และ นางเบญกาย (นางยักษ์) ผู้ที่เป็นแม่ จึงทำให้อสุรผัดมีลักษณะพิเศษ เป็นตัวละครลูกผสมระหว่างยักษ์ กับลิง คือ มีลักษณะกายและผมเป็นยักษ์ ลักษณะใบหน้าเป็นลิง กายสีขาว สวมกรอบพักตร์ อสุรผัด มีบทบาทที่สำคัญ ได้แก่ บทบาททหารของพระพรตและพระสัตรุต บทบาทความเป็นลูก บทบาทหลานท้าวทศคีรีวงศ์2) กลวิธีการรำตรวจพลอสุรผัดในการแสดงโขนสามารถแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 เป็นการศึกษาท่ารำจากอาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจาก อาจารย์กรี วรศะริน โดยตรง และช่วงที่ 2 ท่ารำที่ได้ปรับปรุงเพื่อใช้ในการเรียนการสอนตามหลักสูตร นาฏศิลป์ชั้นกลาง พ.ศ. 2524 โดยกระบวนท่าของกราวยักษ์ฉากที่ 1 มาเป็นแนวทางในการออกแบบ ท่ารำตรวจพล ส่วนท่ารำตรวจพลอสุรผัดของอาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ช่วงแรกจะเป็นท่าลิงแต่มี ท่าทางเป็นยักษ์ อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ได้ปรับปรุงขึ้นใหม่ โดยการนำกระบวนท่ารำกราวยักษ์ ฉากที่ 1 เข้ามาใช้ในออกแบบท่ารำซึ่งมีจำนวนถึง 39 ท่า ลักษณะเฉพาะของตัวอสุรผัดที่ปรากฏใน การรำตรวจพลชุดนี้ คือ ท่าทางการเต้นโขนเป็นแบบยักษ์แต่การใช้มือยังคงเป็นของวงลิงซึ่งเป็น ลักษณะเฉพาะของตัวอสุรผัดซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างยักษ์และลิง คำสำคัญ: กลวิธีการรำ, รำตรวจพล, อสุรผัด, การแสดงโขน 331 หน้า


(ง) Thesis Title Performing Technigues in Troop Viewing Dance of Asuraphat Character in the khon 62222308 Mr. Khanchai Homjan Degree Master of Fine Arts Program in Performing Arts Year 2023 Advisor Asst. Prof. Dr. Theeraphut Tongnim Co-advisor Dr. Niwat Sukprasirt ABSTRACT This research included two objectives as follows: 1) to investigate the background of Asuraphat’s role inthe khonand 2) to analyse dance techniques used in performing Asuraphat’s role in the khon based on Khru Prasit Pinkaew (National Artist of Thailand) whose specialization was in the Thai performing art of khon ling (monkey role in the khon) following the dancing techniques of Khru Kree Worasirin(National Artist of Thailand. This qualitative research was conducted with relevant documents and research, interviews with Thai traditional dance experts and a field studywith participant observation to collect data for analysis and to determine the findings. The results showed that 1) Asuraphat, a half-monkey and giant, is a special character with mixed features of a monkey derived from Hanuman, his father and giant features derived from his mother, Benyakai. Asuraphat,therefore, had thebody and hair of a giant and the face of a monkey with white skin. The significant role of Asuraphat was due to his position inan army of Phra Phrot and Phra Satarut, and as a descendant of Thosakiriwongand 2) the performance of Asuraphat’s troop reviewing dance was divided into two parts: the first part as analyzed from the practice of Khru Prasit Pinkaew whose techniques were from Khru Kree Worasirin, whereas the second part was the adapted dance which was allocated into the Thai dance curriculum of the College of Dramatic Arts in 1981. It could be observed that in the first scene, the dance comprisesmonkey gestures with giant expressions with 39 movements.The prominent dance feature is the movement depicting giant movement with hand gestures of the monkey, considered specific to the role of Asuraphat. Keywords: performing techniques, troop reviewing dance, Asuraphat, the khon 331 pages


(จ) กิตติกรรมประกาศ วิทยานิพนธ์เรื่อง กลวิธีการรำตรวจพลของอสุรผัดในการแสดงโขน ฉบับนี้สำเร็จสมบูรณ์ ได้ด้วยความกรุณาและความช่วยเหลืออย่างดีจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรภัทร์ ทองนิ่ม อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก และดร.นิวัฒน์ สุขประเสริฐ อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม ที่สำคัญขอขอบพระคุณ รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ประธานกรรมการสอบ วิทยานิพนธ์ อาจารย์วิโรจน์ อยู่สวัสดิ์ ดร.สุรัตน์ จงดา และ ดร.ไพโรจน์ทองคำสุก กรรมการสอบ วิทยานิพนธ์ที่กรุณาให้คำแนะนำและตรวจสอบความถูกต้องด้านเนื้อหาสาระ นอกจากนั้น ทุกท่านได้แก้ไขข้อบกพร่องในการวิเคราะห์ข้อมูล ที่เป็นผลการวิจัยที่ลงเก็บข้อมูลภาคสนาม จึงทำให้ วิทยานิพนธ์เล่มนี้สำเร็จสมบูรณ์ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยทุกประการ ผู้วิจัยขอขอบพระคุณ ทุกท่านอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ กราบขอบพระคุณ อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ศิลปินแห่งชาติ ปี พุทธศักราช 2551 สาขาศิลปะการแสดง อาจารย์วิโรจน์ อยู่สวัสดิ์ อาจารย์กิตติพงษ์ ไตรพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญ การสอนนาฏศิลป์ไทย (โขนลิง) สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ผู้ช่วยศาสตราจารย์คำนึง สุขเกษม ผู้เชี่ยวชาญ การสอนนาฏศิลป์ไทย (โขนลิง) อาจารย์วุฒิชัย นราแก้ว วิทยาลัยนาฏศิลป ที่ให้ความเมตตาในการถ่ายทอดกระบวนท่ารำตรวจพลอสุรผัดตามแนวทางของ อาจารย์กรี วรศะริน ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์- โขน) ปีพุทธศักราช 2531 ทั้งกระบวนท่ารำ และกลวิธีในการแสดงแก่ผู้วิจัย ขอขอบพระคุณผู้บริหารและคณะอาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ ของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนข้อมูล ในการจัดทำวิทยานิพนธ์ ขรรค์ชัย หอมจันทร์


(ฉ) สารบัญ หน้า บทคัดย่อภาษาไทย..................................................................................................................... (ค) บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ............................................................................................................... (ง) กิตติกรรมประกาศ...................................................................................................................... (จ) สารบัญ....................................................................................................................................... (ฉ) สารบัญภาพ............................................................................................................................... (ฌ) สารบัญตาราง..............................................................................................................................(ฐ) บทที่ 1 บทนำ................................................................................................................................1 1. ความเป็นมาและความสำคัญของการวิจัย.......................................................................1 2. วัตถุประสงค์ของการวิจัย...............................................................................................4 3. ขอบเขตของการวิจัย......................................................................................................4 4. วิธีการดำเนินการวิจัย.....................................................................................................4 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ.............................................................................................6 6. นิยามศัพท์เฉพาะ...........................................................................................................6 บทที่ 2 การทบทวนวรรณกรรม....................................................................................................8 1. ประวัติและความเป็นมาในรามเกียรติ์.............................................................................9 1.1 อสุรผัดในวรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์.......................................................................9 1.2 ประวัติและบทบาทของอสุรผัดในรามเกียรติ์.........................................................12 1.2.1 บทบาทลูกที่กตัญญูต่อบิดา.....................................................................15 1.2.2 บทบาทหลานท้าวทศคีรีวงศ์....................................................................16 1.2.3 บทบาททหารพระพรตและพระสัตรุต......................................................17 2. วิวัฒนาการในการแสดงโขนของไทย............................................................................26 2.1 การแสดงโขนของวิทยาลัยนาฏศิลป.......................................................................29 2.2 การแสดงโขนกรมศิลปากร.....................................................................................30 2.3 การแสดงหุ่นไทย (หุ่นเล็ก).....................................................................................37 2.4 การละเล่นและการแสดงมหรสพอื่น ๆ ..................................................................38 3. การจัดกระบวนพยุหยาตราทัพตามตำราพิชัยสงคราม..................................................38


(ช) สารบัญ (ต่อ) หน้า 4. ความหมายของการรำกราวตรวจพล............................................................................46 4.1 ความหมายของคำว่าตรวจ.....................................................................................47 4.2 ความหมายของการรำกราวตรวจพลอสุรผัดของ อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว..........49 4.3 ประวัติและผลงาน อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว.........................................................52 5. กลวิธีการแสดง.............................................................................................................59 6.งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง........................................................................................................65 บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย...........................................................................................................67 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย...................................................................................................67 1. การวิจัยเอกสาร............................................................................................................68 2. การสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ......................................................................................69 3.การวิจัยภาคสนาม........................................................................................................71 4. การวิเคราะห์และการสังเคราะห์ข้อมูล.........................................................................72 5. การนำเสนอข้อมูล........................................................................................................72 6. รายงานผลการวิจัยต่อคณะกรรมการ...........................................................................73 7. การแก้ไขผลการวิจัยตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ.............................................73 8. การเขียนรายงานผลการวิจัยในรูปแบบบทความ ..........................................................73 บทที่ 4 องค์ประกอบการแสดงการรำตรวจพลอสุรผัด ..............................................................74 1. บทโขน.........................................................................................................................75 2. การฝึกหัดท่าเบื้องต้นและนาฏยศัพท์เฉพาะของการรำตรวจพลอสุรผัด........................76 3. การคัดเลือกผู้แสดง......................................................................................................94 4. อาวุธที่ใช้ในการรำตรวจพล..........................................................................................94 5. เครื่องแต่งกาย..............................................................................................................95 6. วงดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง....................................................................................99 7. เพลงที่ใช้ประกอบการแสดง......................................................................................102 8. ข้อกำหนดเบื้องต้นในการบันทึกโน้ต.........................................................................102 9. แผนผังเวที................................................................................................................116 10. กระบวนท่ารำตรวจพลอสุรผัด...................................................................................117


(ซ) สารบัญ (ต่อ) หน้า บทที่ 5 วิเคราะห์และเปรียบเทียบกระบวนท่ารำตรวจพลอสุรผัด..........................................225 บทที่ 6 สรุป อภิปรายผลการวิจัยและข้อเสนอแนะ................................................................295 1. สรุปผลการวิจัย.........................................................................................................295 2. การอภิปรายผลการวิจัย............................................................................................297 3. ข้อเสนอแนะงานวิจัย.................................................................................................298 บรรณานุกรม............................................................................................................................300 บุคลานุกรม...............................................................................................................................303 ภาคผนวก.................................................................................................................................305 ภาคผนวก ก ประวัติและผลงานอาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว.............................................306 ภาคผนวก ข ภาพการดำเนินการงานวิจัย......................................................................312 ภาคผนวก ค หนังสือรับรองจริยธรรมและหนังสือตอบรับตีพิมพ์บทความ .....................331 ประวัติผู้วิจัย.............................................................................................................................332


(ฌ) สารบัญภาพ ภาพที่ หน้า 1 อสุรผัดภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังวัดพระศรีรัตนศาสดารามวรมหาวิหาร.........................10 2 แผนภูมิพรมพงศ์กรุงลงกา.................................................................................................11 3 อสุรผัดและนางเบญกาย....................................................................................................12 4 แผนภูมิพรมพงศ์กรุงลงกา.................................................................................................16 5 ศึกทศพิน ภาพเขียนจิตกรรมฝาผนังวัดพระศรีรัตนศาสดารามวรมหาวิหาร......................18 6 อสุรผัดนำขบวนทัพวานรเพื่อรบกับท้าวจักรวรรดิ.............................................................19 7 อสุรผัดนำทัพหน้า รบกับทัพของไพนาสุริยวงศ์.................................................................20 8 พระรามออกว่าราชการและอวยยศให้เหล่าทหารและอสุรผัด............................................24 9 พระรามสั่งหนุมานไปแจ้งข่าวแก่พระพรต พระสัตรุด........................................................25 10 พระพรต พระสัตรุดจัดขบวนทัพวานรเพื่อรบกับท้าวจักรวรรดิ.........................................26 11 บทโขนเรื่องรามเกียรติ์ ชุดศึกสุริยาภพ.............................................................................32 12 สูจิบัตร การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ชุดศึกสุริยาภพ ......................................................33 13 อาจารย์ ดร.ไพโรจน์ ทองคำสุก รับบทเป็นอสุรผัด.........................................................34 14 สูจิบัตรการแสดงโขน พ.ศ. 2546 ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ...........................35 15 สูจิบัตร การแสดงแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดขุนยักษ์ผู้ภักดี.........................................36 16 หุ่นหลวงอสุรผัด...............................................................................................................37 17 กระบวนพยุหยาตราทัพตามตำราพิชัยสงคราม แบบครุฑพยู่ห์.........................................39 18 กระบวนพยุหยาตราทัพตามตำราพิชัยสงคราม แบบมหิงส์พยู่ห์.......................................40 19 กระบวนพยุหยาตราทัพตามตำราพิชัยสงคราม แบบกรศพยู่ห์..........................................40 20 กระบวนพยุหยาตราทัพตามตำราพิชัยสงคราม แบบเพชรพยู่ห์........................................41 21 กระบวนพยุหยาตราทัพตามตำราพิชัยสงคราม แบบเสนพยู่ห์..........................................41 22 กระบวนพยุหยาตราทัพตามตำราพิชัยสงคราม แบบมังกรพยู่ห์........................................42 23 กระบวนพยุหยาตราทัพตามตำราพิชัยสงคราม แบบกากพยู่ห์..........................................43 24 กระบวนพยุหยาตราทัพตามตำราพิชัยสงคราม แบบกากขิงพยู่ห์......................................43 25 แสดงขั้นตอนการจัดกระบวนทัพตามตำราพิชัยสงคราม...................................................45 26 สมุดบันทึกท่ารำกราวตรวจพลอสุรผัดของ อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว...............................50


(ญ) สารบัญภาพ (ต่อ) ภาพที่ หน้า 27 อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว.................................................................................................52 28 โครงสร้างการถ่ายทอดท่าเต้นโดย อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว...........................................54 29 เวทีแบบดูด้านเดียว..........................................................................................................60 30 เวทีแบบดูสามด้าน...........................................................................................................60 31 เวทีแบบดูสี่ด้าน................................................................................................................61 32 เวทีแบบประเพณีนิยม......................................................................................................62 33 เวทีอะรีนา........................................................................................................................62 34 แบบ ก.............................................................................................................................63 35 แบบ ข.............................................................................................................................63 36 แอมฟิเทียเตอร์.................................................................................................................64 37 เวทีพรอสซีเนียม ..............................................................................................................64 38 สูจิบัตร การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ชุดศึกสุริยาภพ ......................................................76 39 ท่าตบเข่า.........................................................................................................................77 40 ท่าถองสะเอว...................................................................................................................78 41 ท่าเต้นเสา........................................................................................................................80 42 ท่าถีบเหลี่ยม....................................................................................................................81 43 ท่าฉีกขา...........................................................................................................................82 44 การหกคะเมน...................................................................................................................83 45 หกคะเมน ท่าพาสุริน .......................................................................................................85 46 หกคะเมน ท่าอันธพา.......................................................................................................86 47 หกคะเมน ท่าตีลังกาหกม้วน ............................................................................................87 48 ท่าหย่องหน้าอัดขวา.........................................................................................................88 49 ท่าหย่องน่าอัดซ้า.............................................................................................................89 50 ท่าลงวงหน้าอัด................................................................................................................90 51 ท่ากระทืบฟันคว่ำมือ........................................................................................................91 52 ท่าเหลี่ยมอัดทางด้านขวา หน้ามองซ้าย............................................................................92 53 ท่าเกาคางขวา..................................................................................................................93


(ฎ) สารบัญภาพ (ต่อ) ภาพที่ หน้า 54 กระบอง...........................................................................................................................94 55 ลักษณะหัวโขนอสุรผัด.....................................................................................................96 56 เครื่องแต่งกายอสุรผัด......................................................................................................98 57 วงปี่พาทย์เครื่องห้า.......................................................................................................100 58 วงปี่พาทย์เครื่องคู่ .........................................................................................................101 59 อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว..............................................................................................307 60 การสอบหัวข้อวิทยานิพนธ์............................................................................................313 61 การสอบหัวข้อวิทยานิพนธ์............................................................................................313 62 สัมภาษณ์ข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว.............................................314 63 การรับการถ่ายทอดกระบวนท่ารำกราวตรวจพลอสุรผัดจาก อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว 314 64 การรับการถ่ายทอดกระบวนท่ารำกราวตรวจพลอสุรผัดจาก อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว 315 65 การรับการถ่ายทอดกระบวนท่ารำกราวตรวจพลอสุรผัดจาก อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว 315 66 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์วิโรจน์ อยู่สวัสดิ์................................................................316 67 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์วิโรจน์ อยู่สวัสดิ์................................................................316 68 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์วิโรจน์ อยู่สวัสดิ์................................................................317 69 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์วิโรจน์ อยู่สวัสดิ์................................................................317 70 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์วิโรจน์ อยู่สวัสดิ์................................................................318 71 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์วิโรจน์ อยู่สวัสดิ์................................................................318 72 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์วิโรจน์ อยู่สวัสดิ์................................................................319 73 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์วิโรจน์ อยู่สวัสดิ์................................................................319 74 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ธีรภัทร์ทองนิ่ม..........................................320 75 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ธีรภัทร์ทองนิ่ม..........................................320 76 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ ดร.นิวัฒน์ สุขประเสริฐ...................................................................321 77 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์สมศักดิ์ทัดติ.....................................................................321 78 สัมภาษณ์ข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาสัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์ประเมษฐ์ บุณยะชัย...............322


(ฏ) สารบัญภาพ (ต่อ) ภาพที่ หน้า 79 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์กิตติพงษ์ ไตรพงษ์.............................................................322 80 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์ไชยยะ ทางมีศรี................................................................323 81 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์กิตติ จารุประยูร................................................................323 82 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์พรเสิศ พิพัฒน์รุ่งเรือง.......................................................324 83 สัมภาษณ์ข้อมูลกับ อาจารย์พรเทพ เลี้ยงสอน..............................................................324 84 บันทึกท่ารำ..................................................................................................................325 85 บันทึกท่ารำ..................................................................................................................325 86 บันทึกท่ารำ..................................................................................................................326 87 เครื่องแต่งกายของอสุรผัด...........................................................................................326 88 เครื่องแต่งกายของอสุรผัด...........................................................................................327 89 เครื่องแต่งกายของอสุรผัด...........................................................................................327 90 เครื่องแต่งกายของอสุรผัด...........................................................................................328 91 เครื่องแต่งกายของอสุรผัด...........................................................................................328 92 สอบป้องกันวิทยานิพนธ์................................................................................................329 93 สอบป้องกันวิทยานิพนธ์................................................................................................329 94 หนังสือรับรองจริยธรรม ......................................................................................331


(ฐ) สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 1 สัญลักษณ์ทิศทางในการเคลื่อนที่บนเวที........................................................................117 2 กระบวนท่ารำกราวยักษ์ (ตามหลักสูตร..........................................................................118 3 กระบวนท่ารำตรวจพลอสุรผัด ที่ได้ศึกษาท่ารำจาก อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว...............159 4 กระบวนท่ารำตรวจพลอสุรผัดในการเรียนการสอนของนาฏศิลป์ชั้นกลาง......................193 5 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................226 6 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................227 7 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................228 8 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................229 9 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................230 10 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................231 11 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................232 12 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................233 13 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................234 14 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................235


(ฑ) สารบัญตาราง (ต่อ) ตารางที่ หน้า 15 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................236 16 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................237 17 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................238 18 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................239 19 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................240 20 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................241 21 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................242 22 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................243 23 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................244 24 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................245 25 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................246 26 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................247 27 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัดอาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................248


(ฒ) สารบัญตาราง (ต่อ) ตารางที่ หน้า 28 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................249 29 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................250 30 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................251 31 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................252 32 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................253 33 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................254 34 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................255 35 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................256 36 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................257 37 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................258 38 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................259 39 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................260 40 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................261


(ณ) สารบัญตาราง (ต่อ) ตารางที่ หน้า 41 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................262 42 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................263 43 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................264 44 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................265 45 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................266 46 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................267 47 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................268 48 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................269 49 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................270 50 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................271 51 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................272 52 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................273 53 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................274


(ด) สารบัญตาราง (ต่อ) ตารางที่ หน้า 54 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................275 55 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................276 56 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................277 57 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................278 58 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................279 59 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................280 60 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................281 61 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................282 62 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................283 63 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................284 64 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................285 65 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................286 66 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................287


(ต) สารบัญตาราง (ต่อ) ตารางที่ หน้า 67 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................288 68 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................289 69 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................290 70 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................291 71 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................292 72 กราวตรวจพลยักษ์ รำตรวจพลอสุรผัด อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รำตรวจพลอสุรผัด (ตามหลักสูตร)...............................................................................................................293


(ซ)


1 บทที่ 1 บทนำ 1. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา วรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์ เป็นวรรณกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากรามายณะ ประเทศอินเดีย ซึ่งแต่งโดย ฤาษีวาลมิกิคนไทยรู้วรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์ มาเป็นเวลาช้านานตั้งแต่สมัย กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีเมื่อครั้งสิ้นกรุงศรีอยุธยาข้าศึกก็ได้โจมตีและทำลายบ้านเมือง ทำให้เอกสาร ตำรา รวมทั้งวรรณกรรมสูญหายไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งวรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์ ก็ถูกเผาทำลายเช่นกัน ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นราชธานี เมื่อศึกสงครามสงบลง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงฟื้นฟูการประพันธ์ โดยทรงพระราชนิพนธ์ วรรณคดีไว้มากมาย หนึ่งในนั้นคือเรื่องรามเกียรติ์ซึ่งทรงยึดเค้าโครงเดิมจากรามายณะของอินเดีย เมื่อ พุทธศักราช 2380 มีความยาวถึง 117 เล่มสมุดไทย โดยเริ่มตั้งแต่ท้าวหิรันต์ยักษ์ม้วนแผ่นดิน จนจบในตอนพระรามกับนางสีดาครองกรุงศรีอยุธยานับเป็นรามเกียรติ์ที่มีเนื้อความจบโดยสมบูรณ์ (กุสุมา รักษมณีและคณะ, 2557, น. 1) โขน ศิลปะแห่งการร่ายรำและเล่นเป็นเรื่อง ส่วนศิลปะแห่งการรำสวย ๆ งาม ๆ จัดเป็น ระบำ หรือ ฟ้อนรำ (ธนิต อยู่โพธิ์, 2539, น. 6) โดยเฉพาะการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ เป็นการแสดงที่เกี่ยวกับสงครามและการรบเกือบทุกตอน นักแสดงจึงมีการคิดถึงศิลปะในการใช้อาวุธ และลีลาการต่อสู้ที่เรียกว่า ยกรบขึ้นลอยที่สวยงาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการแสดงโขน ในระยะหลังโขนได้มีการพัฒนาและปรับใช้ในการแสดง แต่ก็มีคำพูดที่บ่งบอกถึงศิลปะการแสดง มาตั้งแต่ดั้งเดิม คือการเล่นโขน ได้กล่าวกันว่าน่าจะมาจากการเล่นหนังใหญ่ เพราะมีบทพากย์ และเจรจาการเต้นโขนสันนิษฐานว่าได้วิธีเล่น บางอย่างมาจากชักนาคดึกดำบรรพ์ ได้ท่าต่อสู้ท่ารำ ท่าเต้นมาจากหนังใหญ่ กระบี่กระบอง ซึ่งผู้เล่นหนังใหญ่นำเอาบทพากย์และเจรจามาใช้อีกด้วย ซึ่งศิลปะแห่งการแสดงที่รวบรวมศิลปะหลายแขนง จึงได้เรียกว่า โขน และในการแสดงโขนนั้น ก็มีบทบาทและตัวละครที่มีความสนใจและน่าดูหลายตัวละคร เรื่องราววรรณกรรมในเรื่องรามเกียรติ์ จะมีตัวละครจำนวนมากมายที่พบและมีลักษณะที่แตกต่างกันทั้งชื่อ และลักษณะของตัวละคร


2 ทั้งถึงบทบาทของตัวละครนั้น แต่ในจำนวนตัวละครเหล่านั้นก็จะสามารถแบ่งกลุ่มตัวละคร ออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มตัวละครตัวพระ ได้แก่ พระราม กลุ่มตัวละครตัวนาง ได้แก่ นางสีดา กลุ่มตัวละครตัวยักษ์ได้แก่ ทศกัณฐ์ และกลุ่มตัวละครตัวลิง ได้แก่ หนุมาน นอกจากนี้ยังมีตัวละครที่แตกต่างจากที่กล่าวมา ซึ่งมีลักษณะเฉพาะโดยมากจะเป็นตัวละคร ประเภทสัตว์ต่าง ๆ เช่น นก ราชสีห์ ม้า ปลา ปู เป็นต้น ซึ่งในวรรณกรรมก็จะกล่าวถึงในลักษณะ ของตัวละครประกอบที่ลักษณะตัวที่ชัดเจนและมีบทเฉพาะ นอกจากนั้นตัวละครในรามเกียรติ์ ยังปรากฏพบตัวละครที่มีความพิเศษแตกต่างจะตัวละครอื่น ๆ โดยทั่วไป นั่นคือลักษณะตัวละคร ที่มีพ่อหรือแม่ต่างกันออกไป เช่น ทศกัณฐ์ (ยักษ์) กับช้างพัง (สัตว์) กำเนิดลูก ชื่อทศคีรีวันและ ทศคีรีธร มีรูปร่างหน้าตายักษ์ แต่มีลักษณะพิเศษคือมีจมูกเป็นงวงช้าง หนุมาน (ลิง) กับ นางสุพรรณมัจฉา (ตัวนาง) กำเนิดลูกชื่อมัจฉานุ มีลักษณะรูปร่างหน้าตาเป็นลิง แต่มีหางเป็นปลา นอกจากนี้ยังปรากฏพบสัตว์ในป่าหิมพานต์ จากคติความเชื่อแบบพุทธในไทยปรากฏอยู่ใน ไตรภูมิพระร่วง วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ในไตรภูมิว่าป่าหิมพานต์ ไม่ได้มีลักษณะเป็นป่า แต่เป็นภูเขาเรียกเขาพระหิมพานต์ ปรากฏมีสัตว์ประเภทต่าง ๆ ในภูเขา ทั้งหมดหลากหลายประเภท แต่ละประเภทจะมีกลุ่มที่ตั้ง ที่อาศัยแตกต่างกันออกไป และมีรูปลักษณ์ ที่ต่างกันออกไปตามความเชื่อ เช่น กินรี(อ่านว่า กิน-นะ-รี) (ตัวเมีย) และ กินนร หรือ กินรา (อ่านว่า กิน-นะ-รา) (ตัวผู้) เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่างเป็นนก มีปีกบินได้ ตามตำนานเล่าว่าอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ เชิงเขาไกรลาส นอกจากนี้ยังปรากฏลักษณะของตัวละคร ที่เป็นลูกผสม ปรากฏอยู่ในบทละครเรื่องพระอภัยมณีได้แก่ “สินสมุทร” ซึ่งกำเนิดมาจาก พระอภัยมณีผู้เป็นพ่อกับนางผีเสื้อสมุทรผู้เป็นแม่ มีลักษณะเป็นมนุษย์ แต่มีเขี้ยวและพละกำลัง เหมือนยักษ์“สุดสาคร” ซึ่งกำเนิดมาจาก พระอภัยมณีผู้เป็นพ่อกับนางเงือกผู้เป็นแม่ มีลักษณะ เป็นมนุษย์ สามารถว่ายน้ำดำน้ำได้เช่นเดียวกับปลา (เสฐียร โกเศศ, 2518, น. 7) จะเห็นได้ว่าตัวละครประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นลูกผสมที่เกิดจากการผสมทางสายพันธุ์ ของระหว่างตัวละครที่มีชาติกำเนิดที่แตกต่างกันออกไปเป็น 2 ประเภท เช่น พ่อเป็นยักษ์ แม่เป็นลิง จึงทำให้เกิดตัวละครนี้มีลักษณะพิเศษขึ้นมาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและไม่เหมือนใคร ลักษณะพิเศษดังกล่าวสามารถแสดงออกมาทางกายภาพในรูปร่างลักษณะที่จะเห็นได้ชัดเจน ยังมีเป็นตัวละครที่มีลักษณะเป็นลูกผสมเช่นนี้อีกหลาย ตัวในวรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งหนึ่งในตัวละครนั้นก็คือ “อสุรผัด”


3 ผู้วิจัยได้เข้าศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช เมื่อปี พุทธศักราช 2528 และได้รับ การฝึกหัดเป็นนาฏศิลป์ไทยโขนลิง ในการศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ผู้วิจัยได้ศึกษา ตามหลักสูตร ในขณะนั้นไม่เคยปรากฏท่าเต้นของตัวอสุรผัด จนมาถึงในการเรียนการสอนระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย ก็ยังไม่ปรากฏการเรียนการสอนกระบวนท่ารำของตัวอสุรผัด และ ในขณะเดียวกัน ผู้วิจัยได้รับโอกาสแสดงในในการแสดงโขน ซึ่งได้รับบทบาทการแสดงตัวละคร ประเภทโขนลิง ในบทบาทต่าง ๆ ได้แก่ หนุมาน องคต นิลนนท์ และชมพูพาน ก็ยังไม่เคยได้รับโอกาส ศึกษากระบวนท่าตัวอสุรผัด จนกระทั่งผู้วิจัยเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ได้เห็นการแสดงโขน ซึ่งมีตัวละครของตัวอสุรผัดปรากฏขึ้น จึงเกิดความสนใจในตัวอสุรผัดนี้เป็นอย่างมาก และได้ศึกษา ในตัวละครอสุรผัดเพิ่มเติมขึ้นอีกจึงได้พบว่า ตัวอสุรผัดไม่ได้ปรากฏแสดงในโขนเพียงอย่างเดียว แต่ยังปรากฏในการแสดงต่าง ๆ อีกด้วย ตัวละครอสุรผัดได้ปรากฏในการแสดงหุ่นของกรมพระราช วังบวรวิไชยชาญ (หุ่นวังหน้า) และการแสดงหนังใหญ่ นอกจากนี้ผู้วิจัยยังเป็นผู้สร้างหัวโขนสำหรับใช้ในการแสดงต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องศึกษา ลักษณะของหัวโขนแบบต่าง ๆ รวมถึงการใช้สี การเขียนลาย ตามที่ปรากฏในวรรณกรรม เรื่องรามเกียรติ์อย่างละเอียดจากที่ผู้วิจัยได้ศึกษาลักษณะหัวโขนลิงมาเป็นจำนวนมาก ผู้วิจัย มีความสนใจอยากศึกษาตัวละครชื่อว่า อสุรผัด เนื่องด้วยเป็นตัวละครที่มีความสนใจและเป็นตัวละคร ลูกผสมระหว่างยักษ์กับลิงและประกอบกับผู้วิจัยได้ศึกษานาฏศิลป์ไทย โขนตัวลิงตั้งแต่ระดับชั้นมัธยม ถึงระดับปริญญาตรี ทำให้ผู้วิจัยรักและผูกพันกับตัวละครลิงในเรื่องรามเกียรติ์เป็นอย่างมาก เข้าใจในบทบาทและวิธีการแสดงของตัวละครลิง จึงสนใจตัวละครลิงที่มีความแตกต่างและมีท่าทาง ที่แตกต่างตัวละครลิงอื่น ๆ ในรามเกียรติ์ จากความสนใจในตัวละครอสุรผัดที่มีความพิเศษ จึงทำให้ผู้วิจัยเกิดแรงบันดาลใจใน การศึกษาประวัติความเป็นมา บทบาทและหน้าที่ของตัวละครอสุรผัด ลักษณะและองค์ประกอบ การแสดง ท่ารำตรวจพลเฉพาะตัวอสุรผัด ซึ่งเป็นท่ารำเฉพาะแบบอย่างที่บรมครูได้ประดิษฐ์ไว้ เป็นการรวบรวมข้อมูลหลักฐานและสืบทอดองค์ความรู้รวมถึงกลวิธีการรำตรวจพลอสุรผัด เฉพาะตัว เพื่อรักษาและต่อยอดองค์ความรู้จากครู อาจารย์ ผู้ที่เชี่ยวทางด้านโขนลิงสืบต่อไปได้ และเป็นประโยชน์ต่อวงด้านการศึกษานาฏศิลป์โขนของไทยต่อไปเพื่อเป็นแนวทางในการเรียนการ สอนกับผู้ที่สนใจ


4 2. วัตถุประสงค์ของการวิจัย 2.1 เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาและบทบาทของอสุรผัดในการแสดงโขน 2.2 เพื่อวิเคราะห์กลวิธีการรำตรวจพลเฉพาะตัวของอสุรผัดในการแสดงโขน 3. ขอบเขตของการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ศึกษาประวัติความเป็นมาและบทบาท กลวิธีการรำตรวจพลเฉพาะตัว ของอสุรผัดในการแสดงโขน โดยศึกษาองค์ประกอบ รูปแบบ กระบวนท่าตรวจพลอสุรผัด โดยมีขอบเขตของการวิจัยคือ ศึกษารูปแบบการรำตรวจพลอสุรผัดตามแผนการเรียนการสอน ตามหลักสูตรนาฏดุริยางคศิลป์ระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562 ประเภทวิชา ศิลปกรรม ผ่านอาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง พุทธศักราช 2551 4. วิธีดำเนินการวิจัย 4.1 ศึกษาตำราเอกสาร งานวิจัยและบทความงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของอสุรผัด จากแหล่งข้อมูลต่อไปนี้ 4.1.1 หอสมุดแห่งชาติ 4.1.2 ศูนย์รักษ์ศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 4.1.3 สํานักวิทยาบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม 4.1.4 ห้องสมุดสาขาวิชานาฏศิลป์และศิลปการแสดง 4.1.5 สำนักงานวิทยาทรัพยากร (หอสมุดกลาง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4.2 จากการสัมภาษณ์เครื่องมือที่ใช้ในการสัมภาษณ์และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องการสัมภาษณ์ โดยแบ่งเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ 4.2.1 การสร้างเครื่องมือเพื่อใช้ในการสัมภาษณ์ลักษณะที่มีโครงสร้าง จากการสร้าง ข้อคำถามที่นำมาจากนิยามศัพท์ และข้อมูลจากเอกสาร 4.2.2 ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ในลักษณะที่ไม่มีโครงสร้างเพื่อใช้ในการสัมภาษณ์ เพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากผู้ให้สัมภาษณ์ ในลักษณะของการสัมภาษณ์ที่ไม่เป็นทางการ กลุ่มประชากรที่เป็นผู้ให้ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ทั้งแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง ได้แก่


5 1) ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านโขนลิง 1.1) อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ - โขน) ปีพุทธศักราช 2551 วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์กระทรวงวัฒนธรรม 1.2)ดร.ไพโรจน์ทองคำสุก (ราชบัณฑิต) สาขานาฏกรรมไทย ราชบัณฑิตยสภา 2) นักวิชาการด้านนาฏศิลป์ไทย 2.1) ดร.สุรัตน์ จงดา ผู้ช่วยอธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 2.2) อาจารย์วิโรจน์ อยู่สวัสดิ์ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย (โขนลิง ) สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม 2.3) อาจารย์กิตติพงษ์ไตรพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย (โขนลิง) สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม 3) ศิลปิน นักแสดงนาฏศิลป์ไทยโขนลิง ผู้รับบทอสุรผัด 3.1) อาจารย์เอกภชิต วงศ์สิปปกร นาฏศิลปินโขนลิง สำนักการสังคีต กรมศิลปากร 3.2)อาจารย์กิตติ จารุประยูร นาฏศิลปินโขนลิงสำนักการสังคีต กรมศิลปากร 3.3) อาจารย์พรเลิศ พิพัฒน์รุ่งเรือง นาฏศิลปินโขนลิง สำนักการสังคีต กรมศิลปากร 4) นักวิชาการด้านวรรณกรรม 4.1) รองศาสตราจารย์ ดร.เสาวณิต วิงวอน อาจารย์ประจำ ภาควิชาวรรณคดี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 4.2) อาจารย์ประเมษฐ์ บุณยะชัย ศิลปินแห่งชาติปี พุทธศักราช 2563 สาขาศิลปะการแสดง นาฏศิลป์ไทย–โขน 5) นักวิชาการด้านดนตรี 5.1) อาจารย์ไชยยะ ทางมีศรีผู้เชี่ยวชาญด้านดุริยางค์ไทยสำนักการสังคีต กรมศิลปากร 5.2) ว่าที่เรือตรีภิรมย์ ใจชื้น อาจารย์ประจำสาขาวิชาดนตรีไทย มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม


6 4.3 ภาคสนาม ผู้วิจัยเก็บข้อมูลจากการลงภาคสนาม เพื่อฝึกปฏิบัติกระบวนท่ารำตรวจพลอสุรผัด ตามหลักสูตรนาฏดุริยางคศิลป์ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ปีพุทธศักราช 2562 ประเภท วิชาศิลปกรรม จาก อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ - โขน) ปีพุทธศักราช 2551 วิทยาลัยนาฏศิลป์สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์กระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้ถ่ายทอด ท่ารำ และ ฝึกปฏิบัติกระบวนท่ารำตรวจพลอสุรผัด ในการแสดงของสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ผ่าน อาจารย์วิโรจน์อยู่สวัสดิ์ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย (โขนลิง) สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม อีกทั้งผู้วิจัยยังได้รับข้อมูลเพิ่มเติมที่ได้เนื้อหามาจากหนังสือบันทึกท่ารำตรวจพล อสุรผัด จาก อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ – โขน) ปีพุทธศักราช 2551 และได้สัมภาษณ์อาจารย์กิตติพงษ์ ไตรพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย (โขนลิง) สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อวิเคราะห์กระบวนท่ารำตรวจพลอสุรผัด 4.4 การวิเคราะห์ข้อมูล จากเอกสาร การสัมภาษณ์ และการฝึกปฏิบัติเพื่อการนำเสนอข้อมูล ในบทบาทและกลวิธีการรำกราวตรวจพลอสุรผัด 4.5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 5.1 ทราบประวัติความเป็นมาและบทบาทของอสุรผัดในการแสดงโขน 5.2 ได้องค์ความรู้ กลวิธีการฝึกหัดท่ารำตรวจพลเฉพาะตัวของอสุรผัด จากผู้เชี่ยวชาญ นาฏศิลป์โขนลิง และจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาและแนวทาง ในการฝึกหัดตัวอสุรผัดแก่ผู้สืบทอดต่อไป 5.3 นำความรู้ที่ได้จากการศึกษากระบวนท่ารำตรวจพลอสุรผัด เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ กับตัวละครอื่น ๆ ตามความเหมาะสม 6. นิยามศัพท์เฉพาะ กลวิธี หมายถึง ความสามารถเฉพาะตัวของผู้แสดงที่ได้รับการถ่ายทอดจากครูผู้เชี่ยวชาญ นาฏศิลป์โขนลิง เป็นการแสดงถึงทักษะความสามารถเฉพาะ ในท่วงท่า ลีลา อารมณ์ ของตัวอสุรผัด


7 ตรวจพล หมายถึง การรำของอสุรผัดที่ใช้ในการจัดทัพเพื่อทำศึกสงคราม โดยมีลักษณะ ท่าทางการรำเฉพาะ แสดงถึงความกล้าหาญ ความเป็นผู้นำทัพของอสุรผัดก่อนออกรบ และเพื่อเป็น การรำอวดฝีมือของผู้แสดงที่ต้องใช้ทักษะ ความสามารถทางด้านนาฏศิลป์โขนลิง บทบาท หมายถึง หน้าที่และการกระทำในแต่ละโอกาสที่ได้รับการมอบหมาย ทั้งในด้าน การแสดงออกทางกาย และอารมณ์ของตัวอสุรผัดจากการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์


8 บทที่ 2 การทบทวนวรรณกรรม การศึกษาวิจัยเรื่อง กลวิธีการรำตรวจพลของอสุรผัดในการแสดงโขน ผู้วิจัยได้ดำเนิน การศึกษา ค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งสารสนเทศต่าง ๆ ในประเด็นที่เกี่ยวกับงานวิจัยครั้งนี้ อีกทั้ง ได้ทบวรรณกรรมและนำเสนอข้อมูลตามประเด็นดังนี้ 1. ประวัติความเป็นมาในรามเกียรติ์ 1.1 อสุรผัดในวรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์ 1.2 ประวัติและบทบาทของอสุรผัดในรามเกียรติ์ 1.2.1 บทบาทลูกที่กตัญญูต่อบิดา 1.2.2 บทบาทหลานท้าวทศคีรีวงศ์ 1.2.3 บทบาททหารพระพรตและพระสัตรุต 2. วิวัฒนาการการแสดงโขนและมหรสพในการแสดงอื่น 2.1 การแสดงโขนของวิทยาลัยนาฏศิลป์ 2.2 การแสดงโขนกรมศิลปากร 2.3 การแสดงหุ่นไทย (หุ่นเล็ก) 2.4 การละเล่นและการแสดงมหรสพอื่น ๆ 3. การจัดกระบวนพยุหยาตราทัพตามตำราพิชัยสงคราม 4. ความหมายของการรำกราวตรวจพล 4.1 ความหมายของคำว่าตรวจพล 4.2ความหมายของการรำตรวจพลอสุรผัดของอาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว 4.3 ประวัติและผลงานอาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว 5. กลวิธีการแสดง 6. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง


9 1. ประวัติความเป็นมาในรามเกียรติ์ วรรณกรรม เรื่องรามายณะ ไม่ได้กำหนดอยู่ในประเทศไทยมาแต่ดั้งเดิม แต่เป็นเรื่องราว ที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอินเดีย เป็นเรื่องราวที่ได้เล่าสู่กันฟังต่อ ๆ กันมาเป็นเวลาช้านาน ต่อมาในปีประมาณต้นพุทธกาล ได้มีบุคคลได้แต่งกาพย์ขึ้น คือ วาลมีกิ เป็นผู้กวีนามหนึ่ง ได้แต่งเป็นเรื่องราวที่ปรากฏนามว่า รามายณะ เป็นกวีนิพนธ์ที่ได้รับการยกย่อง เป็นมหากาพย์ ที่สำคัญและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มชนที่นับถือ ศาสนาฮินดู ในเวลาต่อมา ได้เข้าสู่ประเทศไทยและมีการปรับเปลี่ยนและได้แพร่หลายเป็นจำนวนมาก โดยจะมีเนื้อหาที่แตกต่าง กันออกไปซึ่งในประเทศไทยได้เปลี่ยนให้เรียกว่ารามเกียรติ์จึงเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยในประเทศไทย และเป็นเรื่องที่นิยมแสดงเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศของพระรามที่ย้อนหลังไปได้จนถึงสมัยสุโขทัย เช่น พระนามของพ่อขุนรามคำแหง ชื่อถ้ำพระรามในหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงหลักที่ 1 และ กล่าวถึงพระนารายณ์ ในศิลาจารึกหลักศรีชุมหลักที่ 2 จึงเห็นได้ว่าเรื่องพระรามมีอยู่มาตั้งแต่สมัย สุโขทัยรามายณะที่วาลมีกิที่แต่งนั้นมีอยู่ 2 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่แต่งไว้สำหรับเทวดา เรียกว่า อัทภุตรามายณะ มีจำนวนพันล้านโศลก ทำให้เกิดร้อยกรองประเภทโศลก รามายณะของวาลมีกิฉบับ สันสกฤตเป็นกาพย์ยิ่งใหญ่เทียบ มหาภาระตะ จึงยกย่องหนังสือทั้งสองเล่มนี้เป็นมหากาพย์รามายณะ ของวาลมีกิแบ่งเป็นภาคเรียกว่า กัณฑ์มี 7 กัณฑ์(สุรเดช เนียมคำ, 2558, น. 10) 1.1 อสุรผัดในวรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์ ประวัติอสุรผัดในรามเกียรติ์ จะมีเนื้อเรื่องย่อได้กล่าวถึงตัวละครอสุรผัด เริ่มตั้งแต่ทศกัณฐ์ ได้สิ้นลงและพิเภกได้ขึ้นครองเมืองลงกาต่อจากทศกัณฐ์ ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องในช่วงที่ปรากฏตัวละคร อสุรผัดนี้จะเป็นตัวละครในรุ่นลูกของตัวละครที่สำคัญ ๆ ได้แก่ หนุมาน โดยอสุรผัดได้ถือกำเนิดจาก ตัวละครที่มีความแตกต่างจากเผ่าพันธุ์กัน คือ หนุมาน (ลิง) ผู้เป็นพ่อ และนางเบญกาย (นางยักษ์) ผู้เป็นแม่ จึงทำให้ตัวอสุรผัดจึงมีลักษณะพิเศษ ทั้งรูปร่าง และลักษณะเฉพาะตัวของอสุรผัด ซึ่งแตกต่างจากตัวละครอื่น ๆ ในเรื่องรามเกียรติ์และที่สำคัญตัวอสุรผัดได้เกิดในเมืองลงกา และยังมีเพื่อนเล่นคือไพนาสุริยวงศ์ตั้งแต่เล็กจนโต และได้อาศัยอยู่แต่ในเมืองยักษ์ตั้งแต่เกิดมา ดังบทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก กล่าวถึง การกำเนิดของอสุรผัด ความว่า


10 เมื่อนั้น ฝ่ายนางเบญกายโฉมศรี แต่ได้ร่วมรสฤดี ด้วยกระบี่หนุมานก็ทรงครรภ์ ครั้นได้ศุภฤกษ์ยามชัย เวลาใกล้รุ่งไก่ขัน ก็คลอดลูกรักร่วมชีวัน เป็นชายผิวพรรณโสภา เลื่อมเหลืองเรืองเรื่ออรชร กายกรเป็นเพศยักษา พักตร์เป็นวานรเหมือนบิดา กัลยาชื่นชมยินดี (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, 2514, น. 712) ภาพที่1 ภาพอสุรผัด ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังวัดพระศรีรัตนศาสดารามวรมหาวิหาร ที่มา: ผู้วิจัย


11 ในรามเกียรติ์จะมีตัวละครอยู่มากมายและจะสามารถแบ่งแยกออกเป็นหลากหลายประเภท เพื่อให้ความเข้าใจและทราบถึงที่มาของตัวละครนั้น ๆ รวมถึงเชื้อสาย ชาติกำเนิดของตัวละครและ ลำดับชั้นต่าง ๆ โดยมีการจัดเรียงลำดับตามยศถาบรรดาศักดิ์และตามลำดับของเชื้อสายของตัวละคร มีดังนี้ ภาพที่ 2 แผนภูมิพรมพงศ์กรุงลงกา ที่มา: ผู้วิจัย


12 ภาพที่3 อสุรผัดและนางเบญกาย ที่มา: ไพโรจน์ ทองคำสุก ผู้วิจัยสรุปได้ว่า เรื่องรามายณะ ไม่ได้ก่อกำเนิดจากประเทศไทยมาแต่ดั้งเดิม แต่จะเป็น เรื่องราวที่ได้เล่าต่อ ๆ กันมาเป็นเวลานาน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากประเทศอินเดีย ต่อมาได้มีผู้แต่งกาพย์ คือวาลมีกิ เป็นผู้กวีนามหนึ่ง แต่งเป็นเรื่องราวที่ปรากฏนามว่า รามายณะ ได้รับการยกย่องใน เรื่อง กวีนิพนธ์เป็นผู้ที่มีความสำคัญและเป็นผู้ที่มีคนเชื่อถือกลุ่มชนที่นับถือ ศาสนาฮินดู ในเวลาต่อมา เรื่องราวต่าง ๆ ได้มีความนิยมและได้สู่ประเทศไทยจึงมีการนำเรื่องราวมาปรับเปลี่ยน แต่ยังคง เค้าโครงเดิมอยู่จึงมีผู้ที่สนใจเป็นจำนวนมาก จะมีเนื้อหาที่น่าสนใจแฝงความคิดไว้ในเรื่องราว ในประเทศไทยจึงได้เปลี่ยนชื่อให้เรียกว่ารามเกียรติ์จึงเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยในประเทศไทยเรื่อยมา 1.2 ประวัติและบทบาทของอสุรผัดในรามเกียรติ์ บทบาทของอสุรผัดในการแสดง ในเรื่องรามเกียรติ์ จะได้พบได้ว่า ตัวอสุรผัดมีความสำคัญ ในเรื่องรามเกียรติ์ หลังจากที่ทศกัณฐ์ได้สิ้นลง เนื้อเรื่องของรามเกียรติ์ ในช่วงหลังก็จะเป็น การกล่าวถึงรุ่นลูกของตัวละครที่สำคัญ ๆ ได้แก่ ลูกของพระราม ลูกของหนุมาน ที่ยังทำศึกสงคราม เพื่อปราบปรามยักษ์อยู่ และนอกจากนี้บทบาทและความสำคัญของตัวละครอสุรผัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจ และน่าศึกษาเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของบทบาทในการแสดง เพราะเป็นตัวละครที่มีการดำเนินเรื่อง และมีความสัมพันธ์กับตัวละครที่สำคัญในเรื่อง เช่น พระราม หนุมาน พญายักษ์ต่าง ๆ และยังมี


13 กระบวนท่ารำที่เป็นลักษณะเฉพาะ คือ กระบวนท่ารำกราวอสุรผัด ซึ่งเป็นท่ารำเฉพาะของตัวละครนี้ ซึ่งมีจุดเด่นคือการนำเอาท่ารำกราวยักษ์และกราวลิงมาใช้ในการแสดงเฉพาะของตัวละครอสุรผัด กิตติ จาตุประยูร (2556, 5 กันยายน, สัมภาษณ์) ได้ให้ความหมาย ของลักษณะตัวละคร อสุรผัด แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ 1. ในลักษณะที่เป็นยักษ์จะต้องมีลักษณะที่มีความภูมิของยักษ์ มีความเก่งกาจ เพราะอยู่ในเมืองยักษ์เพื่อจะให้มีคนเกรงขาม 2. สถานะที่อยู่กับพ่อซึ่งพ่อเป็นลิง ความรู้สึกและกิริยาของตัวอสุรผัดในความเป็นลิงต้องกลับมา พรเสิศ พิพัฒน์รุ่งเรือง (2556, 5 กันยายน, สัมภาษณ์) ได้ให้ความหมายของลักษณะตัวละคร อสุรผัดว่า ตัวเป็นลิงหัวเป็นยักษ์ ตัวอสุรผัดในการแสดงบทบาทของตัวอสุรผัดต้องมีจิตวิญญาณของ ตัวละครนั้น ๆ เพื่อจะได้ถ่ายทอดอารมณ์ในการแสดงของตัวละครนั้นผ่านผู้ชมได้อย่างเข้าใจ โครงประจำภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดพระศรีรัตนศาสดารามวรมหาวิหาร ได้กล่าวถึง อสุรผัด ไว้เป็นพญาวานรบุตรของหนุมานกับนางเบญกาย ตัวและผมเป็นยักษ์ หน้าเป็นลิง ความว่า วายุบุตรปิยะหน้า กบินทร์หมาย เหมือนนอ กายเกศเพศเบญกาย มาตุนั้น สมเญศอสุรผัดผาย เกียรติเกริก ไกรแฮ อุปราชอัยกากั้น ศึกกั้งลงกา (กระทรวงศึกษาธิการ, 2542, น. 43) อสุรผัด มีลักษณะ กายสีขาว หน้าเป็นลิงปากอ้า แต่ศีรษะและตัวเป็นยักษ์ อสุรผัดเป็นลูก ของหนุมานกับนางเบญกาย มีศักดิ์เป็นหลานของท้าวทศคีรีวงศ์ (พิเภก) เมื่อยังเล็ก อสุรผัด เป็นเพื่อนเล่นกับไพนาสุริยวงศ์ (โอรสทศกัณฐ์ซึ่งติดท้องนางมณโฑ แต่ท้าวทศคีรีวงศ์คิดว่า ไพนาสุริยวงศ์เป็นบุตรของตน) จนเมื่อไพนาสุริยวงศ์โตขึ้น พี่เลี้ยงของไพนาสุริยวงศ์ได้บอกความจริง ว่า ตนไม่ใช่บุตรของท้าวทศคีรีวงศ์ แต่เป็นบุตรของทศกัณฐ์ที่ถูกสังหาร ไพนาสุริยวงศ์เมื่อรู้ความจริง จึงโกรธแค้นแทนทศกัณฐ์ผู้เป็นบิดาที่สิ้นไป จึงไปขอความช่วยเหลือจากท้าวจักรวรรดิผู้เป็นสหายของ บิดาตน และได้ยกกองทัพมายึดกรุงลงกา และจับท้าวทศคีรีวงศ์ขังไว้ อสุรผัดผู้เป็นหลาน ท้าวทศคีรีวงศ์รู้สึกโกรธแค้น เมื่อพระอัยกาโดนจับขัง ด้วยความรักพระอัยกา และความชาญฉลาด จึงยอมแก่ท้าวจักรวรรดิแล้วหนีไปแจ้งข่าวบิดาคือหนุมาน ดังคำกลอนว่า


14 เมื่อนั้น ฝ่ายอสุรผัดยักษา แต่กันแสงถึงองค์พระอัยกา ดั่งว่าจะสิ้นชีวัน จึ่งคิดว่าไพนาสุริย์วงศ์ ได้ครองลงกาเขตขัณฑ์ กับกูก็เล่นมาด้วยกัน ตั้งแต่ชันษาจำเริญวัย จะขึ้นไปขอโทษพระอัยกา ให้พ้นพันธนาในตรุใหญ่ คิดแล้วลงจากปราสาทชัย ตรงไปพระโรงรูจีฯ (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, 2515, น. 7) อสุรผัดถือว่าเป็นตัวละครที่มีลักษณะพิเศษมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ เป็นลูกผสมระหว่างยักษ์และลิง ดังนั้นหัวโขนจึงถูกสร้างในลักษณะผสมกันระหว่างลักษณะ หัวโขนยักษ์และลักษณะหัวโขนลิง โดยมีลักษณะดังนี้ ใบหน้าของหัวโขนอสุรผัด จะมีใบหน้าหัวโขนเป็นลิงปากอ้า เช่นเดียวกับหัวโขนหนุมาน ซึ่งมีความสัมพันธ์คือเป็นให้กำเนิดหรือเป็นพ่อ และบริเวณศีรษะจะมีประกอบด้วย กรอบพักตร์และ มีขมวดผม เช่นเดียวกับศีรษะยักษ์โล้น เช่นลักษณะศีรษะของกุมภกรรณ เนื้อเรื่องได้กล่าวถึงอสุรผัด หลังจากที่ทศกัณฐ์สิ้นลง ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องที่ปรากฏตัวละครอสุรผัด จะเป็นตัวละครในรุ่นลูกของตัวละครที่สำคัญ คือ หนุมาน โดยอสุรผัดถือกำเนิดจาก ตัวละคร ที่ต่างเผ่าพันธุ์กัน ได้แก่ หนุมาน (ลิง) ผู้เป็นพ่อและนางเบญกาย (นางยักษ์) ผู้เป็นแม่ ทำให้อสุรผัด จึงมีลักษณะพิเศษ ทั้งรูปร่าง ลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากตัวละครอื่น ๆ คือ มีใบหน้าเหมือนลิง เช่นเดียวกับหนุมานที่ถือว่าเป็นพ่อ แต่มีศีรษะ และลำตัวเป็นยักษ์ ซึ่งในโครงภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่พระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กล่าวถึง อสุรผัด ไว้ว่า (นาคะประทีป, 2551, น. 172) ดังบทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก กล่าวถึง การกำเนิดของอสุรผัด ความว่า เมื่อนั้น ฝ่ายนางเบญกายโฉมศรี แต่ได้ร่วมรสฤดี ด้วยกระบี่หนุมานก็ทรงครรภ์ ครั้นได้ศุภฤกษ์ยามชัย เวลาใกล้รุ่งไก่ขัน ก็คลอดลูกรักร่วมชีวัน เป็นชายผิวพรรณโสภา เลื่อมเหลืองเรืองเรื่ออรชร กายกรเป็นเพศยักษา พักตร์เป็นวานรเหมือนบิดา กัลยาชื่นชมยินดีฯ (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, 2514, น. 712 - 713)


15 1.2.1 บทบาทลูกที่กตัญญูต่อบิดา ในเรื่องความกตัญญูและความรักของตัวอสุรผัด ผู้ที่เป็นลูกกับบิดาคือหนุมาน ถึงแม้นบิดาไม่เคยเลี้ยงดูและไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน แต่อสุรผัดก็ยังคงมีความมานะ และมีความพยายามที่จะออกติดตามหาบิดาให้พบ จากคำบอกเล่าถึงลักษณะอากัปกิริยาของบิดาจาก มารดา มารดาผู้ที่ให้กำเนิดอสุรผัดคือ นางเบญกาย ซึ่งเป็นตอนที่ ท้าวจักรวรรดิ์ได้ยึดเมืองลงกา และจับท้าวทศคีรีวงศ์ไปจองจำ อสุรผัดจึงขอลามารดาเพื่อออกติดตามหาบิดาเพื่อให้มาช่วย ท้าวทศคีรีวงศ์และมารดาให้พ้นภัย ก่อนที่อสุรผัดจะออกติดตามหาบิดานางเบญกายได้เล่าถึงลักษณะ ของหนุมานผู้เป็นพ่อแก่อสุรผัดได้ฟัง เมื่อนั้น นวลนางเบญกายดวงสมร สวมสอดกอดลูกด้วยอาวรณ์ บังอรพลางแจ้งกิจจา อันพ่อเจ้าผู้ปรีชาชาญ เป็นหลานพระยาไวยวงศา ผ่านกรุงขีดขินนครา พงศ์พระสุริยาเลิศไกร โอรสพระพายฤทธิรอน นามกรหนุมานทหารใหญ่ ผิวผ่องขนเพชรอำไพ เขี้ยวแก้วมาลัยกุณฑล หาวเป็นเดือนดาวออกจากโอษฐ์ ช่วงโชติจำรัสโพยมหน ลาพระจักรกฤษณ์ฤทธิรณ ไปสร้างพรตบวชตนเป็นโยคี อยู่ยังเขาแก้วมณฑป เจ้าไปก็จะพบฤาษี บอกแล้วอวยพรสวัสดี อย่ามีอันตรายภัยพาล ฯ (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, 2515, น. 13)


16 ภาพที่ 4 แผนภูมิพรมพงศ์กรุงลงกา ที่มา: ผู้วิจัย 1.2.2 บทบาทหลานท้าวทศคีรีวงศ์ ด้วยอสุรผัดเป็นลูกของนางเบญกายและมีพระอัยกา คือท้าวทศคีรีวงศ์ เมื่ออสุรผัดถือกำเนิดขึ้นมา ผู้เป็นพระอัยกาได้เห็นหลานก็เกิดความรักและเอ็นดูยิ่งนัก จึงได้ตั้งชื่อให้ ว่า อสุรผัด พร้อมกับหาพี่เลี้ยงให้เพียบพร้อม เมื่ออสุรผัดโตขึ้นก็ได้ฝึกวิชาความรู้ต่าง ๆ อีกทั้งยัง ความรักต่อพระอัยกา ด้วยมักไปเข้าเฝ้าเป็นประจำ ท้าวทศคีรีวงศ์ยิ่งรักใคร่เอ็นดูหลานมากขึ้น ถึงกับยกเสนาให้เป็นบริวารจำนวนห้าร้อย เมื่อนั้น ท้าวทศคิริวงศ์ยักษี เห็นโอรสราชบุตรี ท่วงทีลักขณาวิลาวัลย์ มีความแสนโสมนัสนัก ยกขึ้นใส่ตักแล้วรับขวัญ ให้ชื่ออสุรผัดกุมภัณฑ์ แล้วเลือกสรรนางนมพยาบาล ทั้งพี่เลี้ยงข้างหน้าข้างใน จัดให้เสร็จสิ้นตามที่ฐาน ไม่มีอันตรายภัยพาล เป็นสุขสำราญทุกเวลา ฯ เมื่อนั้น ไพนาสุริย์วงศ์ยักษา ทั้งอสุรผัดกุมารา ค่อยวัฒนาเจริญวัย ทั้งสองเคยไปเที่ยวเล่น เช้าเย็นไม่คลาดกันได้


17 ตีคลีมี่ฉาววุ่นไป ที่ในสนามหน้าพระลาน แล้วศึกษาวิชาธนูศร หัดขี่อัสดรคชสาร ขึ้นเฝ้าเบื้องบาทพระยามาร เป็นนิจการทุกเวลา ฯ เมื่อนั้น ท้าวทศคิริวงศ์ยักษา เห็นโอรสราชนัดดา พระยามารแสนโสมนัสนัก จึงอุ้มไพนาสุริย์วงศ์ ทั้งองค์อสุรผัดขึ้นใส่ตัก ประคองลูบจูบเกศจูบพักตร์ รักคือดวงตาดวงใจ แล้วจัดเอาบุตรเสนี อายุสิบปีไม่มีใหญ่ พันหนึ่งพึงพิศอำไพ ให้องค์ละห้าร้อยเสมอกัน ฯ (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, 2515, น. 713 - 714) 1.2.3 บทบาททหารพระพรตและพระสัตรุต อสุรผัดเป็นทหารเอกของพระพรตและพระสัตรุต เป็นผู้ที่มีฤทธิ์เดช และ มีความสามารถในการรบที่ไม่ได้แพ้ใคร เป็นทหารผู้มีความเก่งกาจมีความจงรักภักดีต่อนายของตนเอง ยังได้รับความไว้วางใจจากพระพรตและพระสัตรุตให้คุมกองทัพ เป็นทัพหน้าคู่กับนิลพัท ในการออกศึกสงครามของพระพรต และพระสัตรุตเมื่อครั้งศึกทศพิน เมื่อนั้น พระพรตสุริย์วงศ์นาถา เสด็จออกสุวรรณพลับพลา งามสง่าดั่งองค์อมรินทร์ พร้อมด้วยท้าวพระยาวานร ชมพูพระนครขีดขิน หมอบเผ่าเกลื่อนกลาดดาษดิน พอได้ยินสำเนียงเกรียงไกร ก็รู้ว่าทศพินอสุรา ยกพลโยธาทัพใหญ่ จะมารณรงค์ชิงชัย ภูวไนยชื่นชมด้วยสมคิด ฯ จึ่งมีมธุรสพจนารถ บัญชาประกาศประกาศิต สั่งแก่โอสรพระอาทิตย์ ท่านผู้มีฤทธิ์ชัยชาญ จงเตรียมโยธาพลากร ให้พร้อมวานรทวยหาญ เราจะยกออกไปรอนราญ ผลาญอ้ายทศพินอสุรี ฯ บัดนั้น พระยาไวยวงศากระบี่ศรี รับสั่งพระองค์ทรงฤทธี ถวายอัญชุลีแล้วออกมา ฯ (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, 2515, น. 63 - 64)


18 ภาพที่ 5 ศึกทศพิน ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังวัดพระศรีรัตนศาสดารามวรมหาวิหาร ที่มา: นิดดา หงส์วิวัฒน์(2545, น. 69) อสุรผัดได้ร่วมไปกันกองทัพของพระพรต และพระสัตรุด เป็นหนึ่งในทหารของกองทัพ ครั้นถึงกรุงลงกา พระพรตก็ให้หยุดโยธาและตั้งที่ประทับแล้วมอบให้ชมพูพานเป็นราชทูตแจ้ง ข่าวแก่ทศพินสุริยวงศ์ครั้นทศพินไม่ยอมและกล่าววาจาหยาบช้า ชมพูพานโกรธเลยเข้าต่อสู้กับทศพิน แต่ไว้ชีวิตด้วยกลัวอาญา จึงกลับมาแจ้งข่าวพระพรต ฝ่ายทศพินบาดเจ็บหนีกลับมายัง กรุงลงกาให้เจ็บแค้นใจในกองทัพวานรของพระพรตในครั้งที่ทศพินยกกองทัพออกมาสู้กับพระพรต ความเก่งกล้าของอสุรผัด ทำให้พระพรตไว้วางใจให้เป็นทหารเอกคุมทัพหน้า ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ การจัดกองทัพดังบทพระราชนิพนธ์ ความว่า ให้อสุรผัดกุมาร คุมพลทหารเป็นทัพหน้า อันนิลพัทผู้ศักดา เป็นกองขันบัญชาวานร ศรีชมพูพานชาญชาย เป็นเกียกกายนายพลประจญก่อน กองหลวงน้องนารายณ์ฤทธิรอน เป็นจอมนิกรโยธี ถัดมาตั้งให้ทวิพัท เป็นกองยกกระบัตรกระบี่ศรี ถัดนั้นวิสันตราวี กองหนุนโยธีทะลวงฟัน กองหลังรั้งท้ายพลากร ตั้งซึ่งวานรนิลขัน ปีกซ้ายปีกขวาครบกัน จัดสรรเสร็จสรรพเสนา เสือป่าแมวมองกองนอก สามหอกเจ็ดหอกแกล้วกล้า กวัดแกว่งอาวุธเป็นโกลา เริงร่าเพียบพื้นปถพีฯ (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, 2515, น. 64 - 65)


19 ภาพที่ 6 อสุรผัดนำขบวนทัพวานรเพื่อรบกับท้าวจักรวรรดิ ที่มา: ผู้วิจัย อสุรผัดเมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่เป็นทัพหน้า ก็แสดงความกล้าหาญ ความสามารถ ให้กับพระพรตได้เห็น จนเป็นที่ไว้วางใจให้นำทัพออกรบ ดังบทพระราชนิพนธ์ ความว่า แล้วตรัสสั่งลูกวายุบุตร ท่านผู้ฤทธิรุทรเรืองศรี จงเร่งกองหน้าเข้าราวี ตีทัพอสุรีให้แหลกลาญ ฯ บัดนั้น อสุรผัดฤทธิไกรใจหาญ ก้มเกล้ารับรสพจมาน น้องพระอวตารผู้ศักดา ดีใจดั่งได้มณีรัตน์ ขององค์จักรพรรดินาถา แล้วนำพหลโยธา ตรงมาหน้าทัพกุมภัณฑ์ฯ (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, 2515, น. 66) อสุรผัดเป็นนายทหารที่เก่งกล้า สามารถต่อสู้และรบกับทศพินได้อย่างกล้าหาญ เป็นทหาร ที่ไหวพริบและปฏิภาณ ดังบทพระราชนิพนธ์ ความว่า บัดนั้น อสุรผัดฤทธิแรงแข็งขัน รบรุกคลุกคลีตีประจัญ ยืนยันโถมทะยานเข้าราญรอน ฯ เท้าซ้ายนั้นเหยียบเข่าขวา มือคว้าชิงได้คันศร ตีต้องลูกท้าวยี่สิบกร ล้มกับดินดอนด้วยฤทธีฯ (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, 2515, น. 70)


20 ภาพที่ 7 อสุรผัดนำทัพหน้า รบกับทัพของไพนาสุริยวงศ์ ที่มา: ผู้วิจัย อสรุผัดทหารเอก ทัพหน้าของกองทัพพระพรต มีความเก่งกล้าไม่แพ้หนุมานผู้เป็นพ่อ จากบทพระราชนิพนธ์ที่กล่าวมา จะเห็นได้อสุรผัดแม้นเกิดและโตในเมืองยักษ์แต่ก็สามารถออกศึก ร่วมกับกองทัพพญาวานรและสามารถสร้างผลงานในการสู้รบกับทัพทศพิน จนสามารถกู้กรุงลงกา และช่วยเหลือพระอัยกาออกมาได้ ครั้นศึกท้าวบรรลัยจักร ท้าวจักรวรรดิอสุรผัดก็ยังทำหน้าที่ นายทหารของกองทัพพระพรตได้อย่างเต็มกำลัง หลังจากเสร็จศึกปราบเหล่ายักษ์ เมื่อกลับมากรุงอโยธยา พระรามก็ได้ปูนบำเหน็จให้กับ เหล่าทหารกล้าที่ร่วมรบและแสดงมีความสำคัญในการปรามยักษ์เมืองต่าง ๆ โดยอสุรผัดได้ รับการอวยยศเป็น พระยามารนุราชอุปราชเมืองลงกา ดังบทพระราชนิพนธ์ ความว่า บัดนั้น เสนาบดีน้อยใหญ่ ปุโรหิตพฤฒาปัญญาไว บังคมไหว้เบื้องบาทพระลักษณ์ แล้วปรึกษาโดยข้อจดหมาย ครั้งนารายณ์ประทานซึ่งนาศักดิ์ เมื่อเสร็จศึกลงกาขุนยักษ์ เอาเป็นหลักเทียบเปรียบกัน ว่าอันพระพรตอนุชา เป็นจอมโยธาทัพขัน


21 ต่างองค์พระผู้ทรงสุบรรณ ไม่ปรายกุมภัณฑ์พวกภัย แก้ท้าวทศคีรีวงศ์ คืนเอาลงกาไว้ได้ แล้วไปรณรงค์ชิงชัย ถึงกรุงไกรมลิวันกันดาร ต้องศรอสุราสาหัส ฆ่าจักรวรรดิม้วยสังขาร ทั้งสุริยาภพขุนมาร บรรลัยจักรวายปราณด้วยฤทธี ได้กรุงมลิวันโอฬาร์ มาขึ้นอยุธยาบุรีศรี เป็นเกียรติเฉลิมบาทพระจักรี ความชอบนั้นมีพ้นนัก ฝ่ายพระสัตรุดสุริย์วงศ์ ก็ได้รณรงค์หาญหัก ต้องหอกสุริยาภพขุนยักษ์ ทั้งศรบรรลัยจักรรัดไป สองครั้งปิ้มเสียชีวิต จะคิดย่อท้อก็หาไม่ แล้วฆ่านนยุพักตร์บรรลัย ความชอบภูวไนยเสมอกัน สองพระองค์ควรเป็นอุปราช เหมือนพระลักษณ์นุชนาถรังสรรค์ ให้มงกุฎเพชรสังวาลวรรณ เครื่องกษัตริย์บรรจงอลงการ์ อันน้องพระยาพาลี กระบี่ทำชอบมาหนักหนา ทั้งรับพระสัตรุดเมฆา เมื่อต้องศรศักดาเหราพต ควรให้เครื่องทรงอลงการ มงกุฎสังวาลมรกต ธำมรงค์ค่าเมืองเรืองยศ เครื่องสูงกลิ้งกลดจามร ผ่ายว่าท้าวทศคีรีวงศ์ ก็ซื่อตรงต่อบาทพระทรงศร เป็นโหราตาศึกแน่นอน บอกการราญรอนกุมภัณฑ์ ควรให้มงกุฎเนาวรัตน์ คู่ทรงจักรพรรดิรังสรรค์ ให้ทั้งภูษาสังวาลวรรณ ประดับแก้วกุดั่นรูจี อันพระยาอนุชิตจักรีวงศ์ อาจองสังหารยักษี ใช้ไหนก็ไม่เสียที ครั้งนี้ก็อาสาไป ทำลายด่านกรุงมลิวัน ทั้งน้ำกรดเพลิงกัลป์เสียได้ แล้วแปลงเป็นอินทรีเข้าชิงชัย แก้น้องภูวไนยคืนมา ทำการสงครามจนสำเร็จ บำเหน็จนั้นมากหนักหนา ซึ่งกรุงมลิวันพารา ใหญ่หลวงมหึมายิ่งนัก ควรพระยาอนุชิตจักรีวงศ์ ไปดำรงเสมาอาณาจักร


22 เป็นเจ้าแก่หมู่อสุรียักษ์ เรืองฤทธิ์สิทธิศักดิ์ชัยชาญ ให้ทั้งมงกุฎเนาวรัตน์ กรรเจียกจอนจำรัสมุกดาหาร เครื่องต้นเครื่องทรงอลงการ ฝูงสนมบริวารกัลยา ผ่ายพระยาอินทรนุภาพฤทธี ความชอบก็มีหนักหนา ล้างพิธีบรรลัยจักรอสุรา ฆ่าเพตราม้วยบรรลัย ครั้งศรเหราฤทธิรณ ก็ผลาญพลราหูไม่นับได้ แก้องค์พระสัตรุดไว้ ควรให้สร้อยสนสังวาลวรรณ ทั้งมงกุฎกุณฑลดอกไม้ทัด สำหรับกษัตริย์รังสรรค์ กับเครื่องอุปโภคทั้งนั้น สารพันตามมีบำเหน็จกร อันนิลพัทฤทธิรณ คุมพลชมพูชาญสมร ได้ทอดตนเป็นถนนในสาคร ให้ข้ามนิกรโยธี แล้วไปเก็บซึ่งโอสถ มาบดแก้พระสัตรุดเรืองศรี ทั้งผลาญมารกระบิลอสุรี สุดสิ้นชีวีแหลกลาญ เมื่อเหรารัดพาพระองค์ไป ก็ติดตามชิงชัยหักหาญ ทั้งไปล้างพิธีถึงบาดาล แล้วฆ่าไวยตาลมรณา ความชอบได้ทำเป็นสาหัส ชื่อพระยาอภัยพัทธ์พงศา เย็นฝ่ายหน้าชมพูนครา ให้มหามงกุฎทับทิมพราย สร้อยสนตาบทิศทับทรวง สังวาลแก้วรุ้งร่วงสามสาย พานพระศรีเต้าน้ำจำหลักลาย ธำมรงค์เพชรพรายเรือนสุบรรณ อันนิลนนท์ชมพูพาน สองทหารฤทธิแรงแข็งขัน ได้สื่อเมืองลงกามลิวัน แล้วหักโหมโรมรันหมู่ยักษ์ ใช้ไหนใช้ได้ทั้งสองตน ดั่งหนึ่งขุนพลพระยาจักร ให้ภิญโญยศพระหริรักษ์ ความชอบมากนักพนทวี ควรให้มงกุฎสุรกานต์ สังวาลเนาวรัตน์จำรัสศรี ภูษาผ้าต้นอย่างดี ทั้งสองกระบี่เสมอกัน อันว่ากุมารอสุรผัด ไม่เกรงท้าวจักรวรรดิโมหันธ์ ซื่อตรงจงรักพระทรงธรรม์ ได้เอาเหตุนั้นมาแจ้งการ แล้วนำทัพไปลงกา อาสาต่อตีหักหาญ จับอ้ายทศพินขุนมาร ชาญศึกองอาจว่องไว


23 ล้างพิธีไวยตาลบรรลัยจักร ทั้งสองขุนยักษ์เสียได้ ความชอบนั้นมีแต่ต้นไป ให้เป็นอุปราชลงกา ชื่อว่าพระยามารนุราช โดยชาติสุริย์วงศ์ยักษา ให้มหามงกุฎรจนา เครื่องทรงอลงการ์รูจี ฝ่ายสองโอรสอินทรชิต สุจริตต่อเบื้องบทศรี ลอบออกมาจากธานี ทูลแจ้งถ้วนถี่ทุกสิ่งไป อาสาจับอ้ายทศพิน ผู้เป็นไพรินนั้นได้ แล้วโดยเสด็จพระภูวไนย รณรงค์ชิงชัยจนเสร็จการ เชษฐาชื่อพระยาวันยุพักตร์ เป็นปิ่นปักกุรุราชราชฐาน ฝ่ายว่าอนุชาผู้ปรีชาญ ขุนมารมีชอบเสมอกัน ชื่อพระยากันนุชิตฤทธิรอน ผ่านนครจกรวาลเขตขัณฑ์ ประทานเครื่องกษัตริย์ครบครัน เปาวนาสูรนั้นให้กลับมา เป็นเสนาตาเมืองผู้ใหญ่ ในท้าวทศคีรีวงศ์ยักษา อันหมู่วานรโยธา ซึ่งได้เข่นฆ่าไพรี ควรให้เกี้ยวเพชรแลสิ่งของ เจียดทองครอบทองตามที่ ฝ่ายพลลงกาธานี ให้มีบำเหน็จทั่วกัน ฯ ฯ 78 คำ ฯ (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, 2515, น. 363 - 366)


24 ภาพที่ 8 พระรามออกว่าราชการและอวยยศให้เหล่าทหารและอสุรผัด ที่มา: ผู้วิจัย หนุมานได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากอสุรผัด หนุมานเกิดอารมณ์โกรธไพนาสุริยวงศ์มาก และสงสารท้าวทศคีรีวงศ์หนุมานจึงชวนอสุรผัดไปเฝ้าพระราม เพื่อแจ้งข่าวในเมืองลงกา เมื่อพระรามทราบถึงเรื่องรามต่าง ๆ ที่ท้าวจักรวรรดิได้ทำลงไปจึงสั่งให้ยกทัพมากรุงลงกา และจับพิเภกขังไว้ จึงมีดำรัสใช้ให้หนุมานไปแจ้งข่าว พระพรต พระสัตรุด ยังเมืองไกยเกษธานี ดังบทพระราชนิพนธ์ ความว่า เมื่อนั้น พระจักรีผู้ปรีชาหาญ ฟังลูกพระพายชัยชาญ ผ่านฟ้ายินดีเป็นพ้นไป จึ่งมีพระราชบัญชา สั่งมหาเสนาผู้ใหญ่ ตัวท่านผู้ปรีชาไว จงไปไกยเกษธานี หาองค์พระพรตพระสัตรุด นุชนาถของเราทั้งสองศรี กูจะให้ไปปราบไพรี ยังราชธานีลงกา ฯ (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, 2515, น. 24)


25 ภาพที่ 9 พระรามสั่งหนุมานไปแจ้งข่าวแก่พระพรต พระสัตรุด ที่มา: ผู้วิจัย หนุมานกราบทูลเรื่องราวต่าง ๆ กับพระพรต และพระสัตรุด โดยนำความจากพระราม ให้สองพระอนุชาไปปราบท้าวจักรวรรดิ ณ กรุงลงกา พระพรตและพระสัตรุดก็รับพระโองการนำ เหล่าทหารฝ่ายชมพูและขีดขิน เสด็จไปยังกรุงลงกา โดยมีเหล่าทหารวานรที่มีฝีมือเก่งกล้าในการรบ ดังบทพระราชนิพนธ์ ความว่า เกณฑ์หมู่กระบินทร์อรินทร์ราช ตั้งเป็นพยุหบาตรกระบวนใหญ่ อันลูกพระกาลชาญชัย ให้เป็นทัพหน้าโรมรัน ชั้นสองกระบี่สุรการ คุมพลทหารเป็นกองขัน ศรีชมพูพานชาญฉกรรจ์ เป็นเกียกกายประจัญปัจจามิตร ถัดมานั้นรถพระอนุชา เป็นจอมโยธาอาชญาสิทธิ์ ยกกระบัตรหลานอินทร์ผู้มีฤทธิ์ บัญชากิจรณรงค์ราวี กองหนุนสำหรับทะลวงฟัน มหัทวิกันกระบี่ศรี กองหลังรั้งท้ายโยธี วิสันตราวีวานร พร้อมทั้งปีกซ้ายปีกขวา กองเล่นเสือผ้าชาญสมร ล้วนถืออาวุธครบกร ซับซ้อนเยียดยัดอัดกัน ฯ (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, 2515, น. 33)


26 ภาพที่ 10 พระพรต พระสัตรุดจัดขบวนทัพวานรเพื่อรบกับท้าวจักรวรรดิ ที่มา: ผู้วิจัย สรุปได้ว่าเรื่องราวอสุรผัด เกิดขึ้นเมื่อหลังจากที่ทศกัณฐ์สิ้นลง อสุรผัดเป็นตัวละคร ในรุ่นลูก โดยอสุรผัดถือกำเนิดจาก ตัวละครที่ต่างเผ่าพันธุ์กัน ได้แก่ หนุมาน (ลิง) ผู้เป็นพ่อและนางเบญกาย (นางยักษ์) ผู้เป็นแม่ ทำให้อสุรผัดจึงมีลักษณะพิเศษ ทั้งรูปร่าง ลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากตัวละคร อื่น ๆ คือ มีใบหน้าเหมือนลิง เช่นเดียวกับหนุมานที่ถือว่าเป็นพ่อ แต่มีศีรษะ และลำตัวเป็นยักษ์ ในรามเกียรติ์ อสุรผัดได้มีบทบาทหน้าที่ ที่สำคัญ ได้แก่ บทบาทลูกที่กตัญญูต่อบิดา บทบาทหลานท้าวทศคีรีวงศ์ บทบาททหารพระพรตและพระสัตรุต แต่ละบทบาทของตัวอสุรผัด ก็มีความสำคัญตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น บทบาทลูกที่กตัญญูต่อบิดาจะแสดงออกโดย การตามหาผู้เป็นพ่อของตนถึงแม้นพ่อจะไม่เคยเลี้ยงดูมาและความรักและความกตัญญูของอสุรผัดก็ ต้องทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุด บทบาทหลานท้าวทศคีรีวงศ์อสุรผัดเป็นลูกของนางเบญกายและมี พระอัยกา คือ ท้าวทศคีรีวงศ์เป็นผู้ที่เลี้ยงดูตั้งแต่กำเนิด มอบความรักและเป็นผู้ฝึกวิชาความรู้ให้ อสุรผัด อสุรผัดจึงมีความกตัญญูต่อท้าวทศคีรีวงศ์เป็นอย่างมาก รักและเคารพเหมือนพ่อคนหนึ่ง และอีกหน้าหนึ่งคือบทบาททหารพระพรตและพระสัตรุตเป็นทหารเอกเป็นผู้ที่มีฤทธิ์เดช และมีความสามารถ ในการรบ เป็นทหาร ผู้มีความเก่งกาจมีความจงรักภักดีต่อนายของตนเองเป็น อย่างมาก เหมือนพ่อของตน คือ หนุมาน 2. วิวัฒนาการการแสดงโขนและมหรสพในการแสดงอื่น ๆ ธนิต อยู่โพธิ์ (2511, น. 34) ได้ให้ความหมายของคำว่า การแสดงโขนนั้นมีลักษณะคล้ายการ แสดงละครชนิดชนิดหนึ่งที่เล่นในประเทศอินเดียใต้ แถบฝั่งมลบาร์ ที่เรียกว่า กถักฬี ลักษณะของ การแสดงคือ เป็นการแสดงกลางแจ้ง นิยมแสดงเรื่องตำนานที่เกี่ยวกับพระเป็นเจ้าและเรื่องกาพย์ ต่าง ๆ เป็นต้น ในขณะที่แสดงจะมีคนร้องเพลงหรือคนพากย์ยืนอยู่ข้างหลังนักแสดง ผู้แสดงจะเต้นรำ


27 ท่าทางไปตามบท ด้วยการแสดงออกทางสีหน้าและการเคลื่อนไหวของนักแสดง ที่ประกอบเพลง ทำนองเพลง จากข้อความดังต่อไปนี้ได้มีผู้เชี่ยวชาญให้ความหมายของคำว่า โขน ไว้หลากหลาย ความหมาย โขน คือนาฏกรรมชั้นสูงอย่างหนึ่งของไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และได้วิวัฒนาการ มาจนถึงปัจจุบัน พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2554 ได้ให้ความหมายของคำว่า โขนไว้ดังนี้ การเล่นอย่างหนึ่งคล้ายละครแต่สวมหัวจำลองต่าง ๆ ที่เรียกว่าหัวโขน คำว่า โขน ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มีคำในภาษาเขมร ได้กล่าวว่า โขล เป็นการแสดงละครของผู้ชายที่ได้เกี่ยวข้อง กับเรื่องรามเกียรติ์ซึ่งจะมาพ้องกับคำภาษาไทย (ธีรภัทร์ ทองนิ่ม, 2555, น. 1) โขน มีลีลาการเต้นที่อาจจะบ่งบอกความหมายต่าง ๆ ผู้แสดงจะต้องเข้าใจในเรื่องการเต้น ของตัวแสดงโขน และต้องเข้าใจในเนื้อเรื่องอย่างแท้จริง (ธนพันธุ์ เมธาพิทักษ์, 2537, น. 104) โขน เป็นการละเล่นเพื่อประกอบพิธีพระราชพิธีของพระมหากษัตริย์ จึงเป็นการแสดง ของหลวงเท่านั้น เป็นการละเล่นกลางแจ้ง จะนิยมเล่นชักนาคดึกดำบรรพ์ เป็นเรื่องตำนาน การเล่นโขน มีเค้าโครงอยู่ในกฎมณเฑียร ตอนตำราพระราชพิธีอินทราภิเษก จะต้องใช้ตำรวจ มหาดเล็กและผู้คนเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ในการแสดงนี้จึงไม่เล่น การแสดงนี้บ่อยหนัก ทำให้ โขนเป็นการละเล่นของผู้ดี ผู้ที่มีบรรดาศักดิ์เล่นในพระราชพิธี ละครเป็นการเล่นของราษฎรที่รับจ้างเพื่อหาเลี้ยงชีพ และถือได้ว่า การเล่นชักนาคดึกดำบรรพ์เป็น การแสดงโขนโรงใหญ่ครั้งแรกก็เป็นได้และนอกจากนี้โขนนั้นเป็นการแสดงที่เกิดจากการผสมผสาน ของการละเล่นต่าง ๆ ได้แก่ การเล่นโขนน่าจะมาจากการเล่นหนัง ซึ่งอาจเป็นไปได้ เพราะมีบทพากย์ เจรจาเรื่องรามเกียรติ์สำหรับเล่นหนัง รวบถึงท่าเต้น ท่ารำต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกับผู้เชิดหนัง จะประกอบไปด้วย ท่าขึ้นลอย และท่ารบต่าง ๆ เสาวณิต วิงวอน กล่าวไว้ว่า การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการทำศึก การออกรบ การทำสงครามระหว่างกองทัพฝ่ายพระรามและกองทัพฝ่ายทศกัณฐ์มีการดำเนิน เรื่องกระบวนการจัดการแสดงต่าง ๆ ได้แก่ การจัดกระบวนการจัดทัพ การรำเพลงหน้าพาทย์ การรบ การขึ้นลอยกระบวนการรำตีบท เป็นต้น และองค์ประกอบการแสดงต่างๆ เช่น ชุด ฉาก และอุปกรณ์ อาวุธประกอบการแสดง ในการขึ้นลอยเป็นกระบวนการหนึ่งที่มีการทำอย่างต่อเนื่องและ เป็นเอกลักษณ์ในการจัดการแสดงโขน กระบวนขึ้นลอยจะต่อจากกระบวนการรบในการยกกองทัพ ระหว่างกองทัพฝ่ายพระรามและกองทัพฝ่ายทศกัณฐ์ ขณะที่ทำการรบกันนั้นจะปรากฏกระบวนการ ขึ้นลอยในลักษณะต่าง ๆ ของตัวละครในกระบวนการขึ้นลอยจะแสดงให้เห็นถึงความสวยงาม สง่างาม


28 ในด้านนาฏศิลป์โขนละครที่รวบรวมองค์ประกอบในด้านหลาย ๆ อย่างไว้มากมายเป็นที่ชื่นชอบ สร้างความประทับใจให้กับผู้ชม (เสาวณิต วิงวอน, 2554, น. 122) ศิลปะการเต้นโขนก็ได้ท่ามาจากท่าทางของกระบี่กระบองด้วย ดัดแปลงมาจากการละเล่น อย่างหนึ่งในสมัยโบราณที่เรียกกันว่า สรรพยุทธ และ สรรพคิลา คือการละเล่นที่เกี่ยวข้องกับ การต่อสู่ด้วยอาวุธ โขนในประเทศไทยนั้นมีวิวัฒนาการผ่านกาลเวลา และเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนสู่ ปัจจุบัน มีแสดงโขนหรืออย่างที่ทุกคน เรียกว่า โขนกลางแปลง แต่เมื่อมีความนิยม จึงมีการดัดแปลง วิธีการเล่นและนำเสนอด้วยวิธีการต่าง ๆ เกิดขึ้น จึงเกิดคำเรียกเป็นประเภทของโขนออกไป 5 ประเภท ได้แก่ โขนกลางแปลง เป็นการแสดงที่แสดงในบริเวณกว้างหรือสนามกลางแจ้ง จะไม่มี โรงละคร มีแต่ทัศนียภาพที่อยู่รอบ ๆ เป็นฉาก มีการพากย์เจรจา มีวงดนตรีปี่พาทย์อย่างน้อย 2 วง โขนโรงนอกหรือโขนนั่งราว เป็นการเล่นบนโรง มีราวไม้ไผ่พาดตรงหน้าฉากเพื่อแทนเตียง ไม้ไผ่ที่พาด สำหรับให้นักแสดงนั่ง และมีการพากย์และเจรจาแต่ไม่มีบทร้อง วงดนตรีปี่พาทย์ 2 วง บรรเลงดนตรี ผลัดกัน โขนหน้าจอ คือการที่ใช้จอเป็นผ้าดิบสีขาว มีไว้ใช้สำหรับเล่นหนัง ต่อมามีการเจาะผ้าดิบ เพื่อออกเป็น 2 ข้าง เรียกว่า จอแขวะ โดยข้างซ้ายเป็นภาพกรุงลงกา ข้างขวาเขียนเป็นภาพฝ่าย พลับพลา เป็นการผสมผสานระหว่างการเชิดหนัง กับการปล่อยตัวโขนออกมาเล่นสลับกัน มีการพากย์ และเจรจาแต่ไม่มีบทร้อง ใช้วงดนตรีปี่พาทย์เพียงวงเดียวโขนโรงในลักษณะการแสดงเหมือนอย่าง ละครใน โดยการจัดแสดงบนโรง มีฉากประกอบด้านหลังมีการเปิดม่านการแสดง มีการพากย์และ เจรจา มีคนร้องต้นเสียงกับลูกคู่ ในวงดนตรีปี่พาทย์เครื่องห้า และโขนฉาก เป็นการแสดงบนโรงหรือ บนเวที มีการจัดฉากให้เปลี่ยนไปตามเนื้อเรื่องหรือบทที่แสดง แต่รูปแบบและวิธีการแสดง จะใช้ ลักษณะวิธีแสดงตามโขนโรงใน สรุปได้ว่า การแสดงโขนนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับการแสดงละครชนิดหนึ่ง ที่เล่น ในประเทศอินเดียใต้เป็นการเต้นรำ โดยสวมหัว สันนิฐานว่า ได้รูปแบบและลักษณะการแสดงมาจาก การละเล่น 3 ประเภท ได้แก่ การละเล่นชักนาคดึกดำบรรพ์เป็นเรื่องตำนานการเล่นโขนมีเค้าโครง อยู่ในกฎมณเฑียร ตอนตำราพระราชพิธีอินทราภิเษก การละเล่นหนัง และการละเล่นกระบี่กระบอง ดัดแปลงมาจากการละเล่นอย่างหนึ่งในสมัยโบราณที่เรียกกันว่า สรรพยุทธ และ สรรพคิลา เป็นการละเล่นที่ต่อสู่ด้วยใช้อาวุธ และต่อมามีการวิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบันที่เรียกกันว่า โขนกลางแปลง และได้แบ่งประเภท การแสดงโขนออกเป็น 5 ได้แก่ โขนกลางแปลง โขนโรงนอกหรือ โขนนั่งราว โขนหน้าจอ โขนโรงใน และโขนฉาก


29 2.1 การแสดงโขนของวิทยาลัยนาฏศิลป์ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2477 เป็นวันแรกในการเปิดการเรียนการสอนของกรมศิลปกร ที่ได้จัดตั้งเป็นโรงเรียนนาฏดุริยางคศาสตร์และเมื่อได้รับโอนกองมหรสพมาจากกระทรวงวัง กรมศิลปากรได้จัดตั้งกองดุริยางคศิลป์และกองโรงเรียนศิลปากร โดยได้ตั้งชื่อเรียกว่า โรงเรียนศิลปากรแผนกนาฏดุริยางค์และในปีพุทธศักราช 2485 กรมศิลปากรปรับปรุง กองดุริยางคศิลป์ เป็นกองการสังคีต ได้ทำการเปลี่ยนชื่อ มาเป็นชื่อที่เรียกว่า โรงเรียนสังคีตศิลป์ สังกัดกองการสังคีต และในตอนนั้นไม่มีการฝึกหัดโขนแต่อย่างใด และในปี พุทธศักราช 2488 ได้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนชื่อโรงเรียนนาฏศิลปะ (ธีรภัทร์ ทองนิ่ม, 2555, น. 34) และได้มีการฝึก และจัดการเรียนการสอนในวิชานาฏศิลป์โขนอย่างจริงจัง โดยการคัดเลือกเด็กนักเรียน ในช่วงอายุ 10 – 12 ปี โดยสำเร็จการศึกษาในชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แยกออกเป็น 4 ตัวละครได้แก่ (1) ตัวพระ ที่มีลักษณะดังกล่าว สามารถเรียนเป็นตัวพระได้ตามลักษณะดังต่อไปนี้คัดเลือกจากเด็กที่มีใบหน้า ที่สวยงาม จมูกโด่งเป็นสันคม และมีลำคอสูงโปร่ง มีมือเท้าเล็กลำตัวเรียวผู้หญิง (2) ตัวนาง จะใช้ผู้หญิงจริงในการแสดง จะเลือกเด็กที่มีลักษณะรูปร่างเช่นเดียวกับตัวพระ แต่ว่าเล็กกว่าและ บอบบางกว่าตัวพระ (3) ตัวยักษ์ จะคัดเลือกเด็กตามลักษณะดังต่อไปนี้คือ มีรูปร่างสูงใหญ่ ลำคอระหงส์ ใบหน้าไม่จำเป็นต้องสวยงามก็ได้ (4) ตัวลิง จะคัดเลือกตามลักษณะดังต่อไปนี้ คือ มีรูปร่างท้วมลำคอสั้น ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว นอกจากนี้ยังพบว่าในการแสดงโขนที่มีบทบาท ของพระ นาง ยักษ์ ลิง ตามเรื่องรามเกียรติ์โดยทั่วไปแล้ว และนอกจากนี้ยังมีตัวละครที่แตกต่าง จากที่กล่าวมาซึ่งจะมีลักษณะเฉพาะโดยมากจะเป็น ตัวละครประเภทสัตว์ต่าง ๆ เช่น นก ราชสีห์ ม้า ปลา ปู เป็นต้น ตัวละครในรามเกียรติ์ยังปรากฏพบตัวละครที่มีความพิเศษแตกต่างจะตัวละครอื่น ๆ โดยทั่วไป นั่นคือลักษณะตัวละครที่มีพ่อหรือแม่ต่างกันออกไป เช่น ทศกัณฐ์ (ยักษ์) กับช้างพัง (สัตว์) กำเนิดลูก ชื่อทศคีรีวันและทศคีรีธร มีรูปร่างหน้าตายักษ์ แต่มีลักษณะพิเศษคือมีจมูกเป็นงวงช้าง หนุมาน (ลิง) กับนางสุพรรณมัจฉา (ตัวนาง) กำเนิดลูกชื่อมัจฉานุ มีลักษณะรูปร่างหน้าตาเป็นลิง แต่มีหางเป็นปลา เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีความละครประเภทนี้มีลักษณะเป็นลูกผสม เกิดจาก การผสมระหว่างตัวละครที่แตกต่างกัน 2 ประเภท ทำให้ตัวละครมีลักษณะพิเศษซึ่งลักษณะพิเศษ ดังกล่าวมักแสดงออกทางกายภาพ รูปร่างลักษณะที่เห็นได้ชัด ยังมีตัวละครที่มีลักษณะเป็นลูกผสม เช่นนี้อีกหลายตัวในวรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์ซึ่งหนึ่งในตัวละครนั้นก็คือ “อสุรผัด” ซึ่ง มีบทบาทสำคัญในการแสดง โดยปรากฏในการจัดการแสดงในตอน อสุรผัดตามพ่อ อสุรผัดอาสา ออกศึกษา และศึกสุริยะภพ ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาประวัติและบทบาท และกระบวน


30 ท่ารำกราวตรวจพลของตัวละครอสุรผัด ซึ่งบทบาทของตัวละครอสุรผัดมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ในเรื่อง บทบาทความเป็นลูก บทบาทหลานท้าวทศคีรีวงศ์และบทบาททหารพระพรตและพระสัตรุต เพราะในระบบของการเรียนการสอนในนาฏศิลป์- โขน และในหลักสูตรนาฏศิลป์ชั้นกลาง พุทธศักราช 2524 ได้ปรากฏแต่การเรียนการสอนการรำกราวตรวจพลของตัวอสุรผัดไม่ได้อธิบาย หรือศึกษาในรูปแบบการแสดงเป็นชุดเป็นตอน นอกจากในหลักสูตรที่มีการเรียนการสอนโดยปกติ โดยเฉพาะรูปแบบการแสดงและกลวิธีกระบวนท่ารำของอาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ศิลปินแห่งชาติ ซึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดการแสดงชุดนี้จากอาจารย์กรี วรศะริน โดยตรง และเป็นผู้ควบคุม รวมถึงเป็นคณะกรรมการการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนนาฏศิลป์โขนลิง ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมีความสนใจและอยากจะศึกษาลักษณะของตัวอสุรผัด รวมถึงลักษณะการแสดง การถ่ายทอดอารมณ์ และลักษณะกระบวนท่ารำและกลวิธีการรำตรวจพลอสุรผัดของอาจารย์ ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ศิลปินแห่งชาติ ที่นอกเนื่องจากกระบวนท่ารำในหลักสูตรของวิทยาลัยนาฏศิลป 2.2 การแสดงโขนกรมศิลปากร หลังจากที่ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ผู้เป็นอธิบดีคนแรกของกรมศิลปากรแล้วนั้น ได้ก่อตั้ง และจัดสร้างโรงละครศิลปากรขึ้น ณ ด้านขวาของพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ทางศิลปากรก็ได้มีการจัดการแสดงโขน ละคร และนาฏศิลป์มาโดยตลอด จนมาถึงในยุค ของนายธนิต อยู่โพธิ์ หัวหน้า ได้มี“โครงการปรับปรุงการละครและสังคีต”และท่านได้เป็นอธิบดี กรมศิลปากรมรเวลานั้น ซึ่งท่านได้มีการปรับปรุงแก้ไขการแสดงโขน ละคร และการแสดงต่าง ๆ ขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก และได้จัดการแสดงที่โรงละครศิลปกรเรื่อยมา และมีการปรับปรุง ทางด้านการศึกษาการเรียนการสอนในด้านต่าง ๆ และมีการรวบรวมศิลปินที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ในด้านต่าง ๆ และผู้ที่มีความสามารถมาเป็นผู้สอนให้กับนักเรียนในโรงเรียนนาฏศิลป์และ ให้โอกาส ศิลปินนักเรียนได้ใช้ความสามารถของตนเองที่ตนเองถนัด มาใช้ในการแสดงในโรงละคร สำหรับ ในการปรับปรุงการแสดงโขนของ นายธนิต อยู่โพธิ์ และมีท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านละคร มาช่วยคิดประดิษฐ์ท่ารำ ระบำต่าง ๆ และทั้งยังมีนายมนตรีตราโมท ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ และเป็นผู้คิดเพลงประกอบระบำต่าง ๆ ซึ่ง (จักฤษณ์ ดวงพัตรา, 2554, น. 134 - 156 อ้างถึงใน ธีรภัทร์ ทองนิ่ม, 2556, น. 50) ได้สรุปลักษณะการปรับปรุงใหม่ ของบทโขน ที่อธิบดีธนิต อยู่โพธิ์ เป็นผู้ปรับปรุงไว้ว่า บทโขนกรมศิลปากรสมัยโรงละครศิลปากรนั้น เป็นบทโขน ที่มีการประกอบสร้างโดยเฉพาะขึ้นมา เพื่อที่จะใช้สำหรับการเล่นออกโรงเป็นโขนฉากต่าง ๆ


Click to View FlipBook Version