The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือทักษะอยากรู้ - พระปลัดแสงสุรีย์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือทักษะอยากรู้ - พระปลัดแสงสุรีย์

คู่มือทักษะอยากรู้ - พระปลัดแสงสุรีย์

1

โปรแกรมอบรมออนไลนด์ ว้ ยตนเองเพือ่ พฒั นาศกั ยภาพของครสู ู่การเสริมสร้าง
ทักษะอยากรู้ของนักเรยี น

(Online Self-Training Program for Developing the Potential of Teachers
to Enhance Students' Curiosity Skills)

พระปลัดแสงสรุ ีย์ ญาณเมธี (คำใบ)
พ.ศ. 2566

2

คำนำ

การวิจัยเรื่อง “พัฒนาศักยภาพของครูสู่การเสริมสร้างทักษะอยากรู้ของนักเรียน” นี้เป็น
การวิจัยในหลักสูตรศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยมหามกุฏ
ราชวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน ใช้ระเบียบวิธีวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D)
มีจุดมุ่งหมา ยเ พื ่ อให ้ ได้ นวัต กรรมทางกา รศึกษาที่เ ป็น โ ปร แกรมอบร มออน ไลน์ ด้ว ยตน เ อง ที่
ประกอบด้วย 2 โครงการ คือ 1) โครงการพัฒนาเพ่ือการเรียนรู้ของครู และ 2) โครงการครูนำผลการ
เรียนสู่การพัฒนาผู้เรียน โครงการแรกมีคู่มือเพื่อการอบรมด้วยตนเอง (Self-Training) ของครู
โครงการท่สี องมคี มู่ ือเชงิ ปฏบิ ัติการเพอื่ ครูนำไปใชเ้ ป็นแนวการพัฒนาผู้เรียน โดยคาดหวงั วา่ นวตั กรรม
ทางการศึกษานี้ เมื่อผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนาหลายขั้นตอน (Ri&Di) แล้วนำไปทดลองใช้ใน
พื้นที่ที่เป็นตัวแทนของประชากร เมื่อผลการทดลองพบว่านวัตกรรมนั้นมีประสิทธิภาพ ก็สามารถ
นำไปเผยแพร่ให้กับประชากรที่เป็นพื้นที่เป้าหมายได้ใช้ประโยชน์ในวงกว้างได้อย่างมีผลการวิจัย
รองรับ ดงั น้นั การวิจัยนม้ี ีกรอบแนวคิดของการวจิ ยั ในสาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา ดงั นี้

ในเชงิ วิชาการ มีหลายประการ แต่ขอนำมากลา่ วถึงทส่ี ำคญั ดังน้ี
1. งานวิจัยนี้ให้ความสำคัญกับการศึกษาศตวรรษที่ 21 ซึ่งมีความสำคัญเพราะเป็นสิ่งท้า
ทายต่อการบริหารการศึกษาในศตวรรษใหม่นี้ อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในกระบวนทัศน์ทาง
การศึกษาที่แตกต่างจากศตวรรษที่ 20 ทุกด้าน ทั้งด้านศาสตร์การสอน หลักสูตร ทักษะการเรียนรู้
ทักษะของครู ทักษะที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ลักษณะของชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ บริบท
ของสถานศึกษา บริบทของห้องเรียน และสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ บทบาทหนา้ ที่และภาวะผู้นำของ
ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา (Churches, 2008; Driscoll, 2022; and
Kashyap, n.d.)
2. งานวิจัยนีม้ ุง่ พัฒนาคุณภาพการศึกษาในระดับสถานศึกษา ที่นักวิชาการใหค้ วามเห็นว่า
การบริหารการศึกษาเกิดขึ้นในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ส่วนกลางถึงระดับสถานศึกษา แต่การบริหาร
การศึกษาระดับสถานศึกษา (คือ โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หรือชื่อเรียกอื่นๆ) มีความสำคัญ
เพราะเป็นฐานปฏิบัติทจ่ี ะทำให้การระดมทรัพยากรบุคคลและทรัพยากรวตั ถุให้เกดิ ประโยชน์ท่ีใช้งาน
ได้จริง เปน็ ฐานปฏบิ ตั ทิ ี่จะชว่ ยเสริมสร้างการสอนและการเรยี นรู้ทจ่ี ะสง่ ผลให้นกั เรยี นไดร้ ับการศึกษา
ที่ถูกต้องจากครูที่ถูกต้อง และเป็นฐานปฏิบัติที่จะสร้างอิทธิพลที่ส่งผลต่อนักเรียนให้เติบโตไปสู่
เป้าหมายที่กำหนดโดยมีครูเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Kashyap, n.d.) สอดคล้องกับแนวคิดการ
บริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School-Based Management: SBM) ซึ่งเป็นรูปแบบการกระจาย
อำนาจให้โรงเรยี นทเี่ ป็นหน่วยหลกั ในการจัดการศึกษา (Edge, 2000)

3

3. การวิจัยนี้ใช้หลักการ “พัฒนาครู แล้วครูนำผลที่ได้รับไปพัฒนาที่ส่งผลต่อผู้เรียน” ถือ
เป็นหลักการที่เป็นจุดเน้นของการบริหารการศึกษา คือ การเสริมสร้างการสอนและการเรียนรู้ (The
Focus of Educational Administration is the Enhancement of Teaching and Learning)
(Amadi, 2008) เป็นกระบวนการช่วยให้นักเรียนได้รับการศึกษาทีถ่ ูกต้องจากครูที่ถูกต้อง (Enables
the Right Pupils to Receive the Right Education from the Right Teachers) (Dhammei,
2022) เปน็ การกระตนุ้ การพัฒนาโปรแกรมทีเ่ หมาะสมสำหรับการสอนและการเรยี นรู้ (Bamte, n.d.)
เป็นไปตามหน้าที่ของการบริหารการศึกษาตามทัศนะของ Amadi (2008) ที่กล่าวถึงหน้าที่เกี่ยวกับ
หลักสูตร/การสอน (The Curriculum/Instructional Functions) หน้าที่เกี่ยวกับบุคลากร (The
Staff Personnel Functions) และหน้าที่เกี่ยวกับนักเรียน (The Student Personnel Functions)
และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการบริหารการศึกษา คือ เพื่อให้การศึกษาที่เหมาะสมแก่นักเรียน
(To Provide Proper Education to Students) เพื่อให้แน่ใจว่ามีการพัฒนาวิชาชีพของครู (To
Ensure Professional Development among Teachers) และเพื่อความมั่นใจในการพั ฒนา
คุณภาพการศึกษา (To Ensure Qualitative Improvement of Education) (Kashyap, n.d.) อัน
เน่ืองจากหลกั การ “พฒั นาครู แล้วครนู ำผลท่ไี ด้รับไปพฒั นาท่ีสง่ ผลต่อผเู้ รียน” เปน็ หลักการส่งเสริม
บทบาทการเป็นผู้นำทางการศึกษาให้กับครูตามทัศนะของ Speck (1999) และ Seyfarth (1999)
ส่งเสริมต่อการทำหน้าที่ของผู้บริหารการศึกษาที่จะต้องสนับสนุนคณะครูด้วยการฝึกอบรมและให้
คำแนะนำตามทัศนะของ University of Bridgeport (2022) และ Target Jobs (n.d.) และส่งเสริม
ต่อแนวคิดพัฒนาวิชาชีพของครูที่ให้คำนึงถึงการส่งผลต่อการพัฒนาผู้เรียนซึ่งเป็นเป้ าหมายสูงสุด
(Ultimate Goal) ของการศึกษาตามทศั นะของ Gusky (2000) และ Hoy and Miskel (2001)

ในเชิงวิชาชีพ การวิจัยนี้คำนึงถึงมาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหาร
การศึกษาที่คุรุสภากำหนดตามมาตรฐานด้านความรู้ ในกรณีสามารถพัฒนาครูและบุคลากรให้
สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำความรู้ความเข้าใจในหลักการและทฤษฎีไป
ประยุกตใ์ ช้ สามารถวิเคราะหส์ ังเคราะห์และสร้างองคค์ วามรู้ในการบรหิ ารจัดการการศึกษา สามารถ
นำกระบวนการทางการวิจัย การวัดและประเมินผล ไปใช้ในการบริหารจัดการการศึกษาได้ สามารถ
สง่ เสริมสนบั สนนุ การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการศึกษา และสามารถบรหิ ารจัดการข้อมูลข่าวสาร
ไปสู่ผู้เรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา และตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน ในกรณีปฏิบัติโดย
คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับการพัฒนาของบุคลากร ผู้เรียน และชุมชน พัฒนาผู้ร่วมงานให้สามารถ
ปฏิบัติงานได้เต็มศักยภาพ พัฒนาและใช้นวัตกรรมการบริหารจนเกดิ ผลงานท่ีมีคุณภาพสูง และสร้าง
โอกาสการพฒั นาไดท้ ุกสถานการณ์ (The Teachers Council of Thailand, n.d.)

พระปลัดแสงสรุ ีย์ ญาณเมธี (คำใบ)

4

สารบัญ หนา้
6
1. โครงการพัฒนาเพอ่ื การเรียนรขู้ องครู 16
1.1 คมู่ อื ชุดท่ี 1 ทศั นะเก่ียวกบั นิยามความอยากรู้ของนักเรียน 30
1.2 คมู่ ือชุดที่ 2 ทัศนะเก่ยี วกับความสำคัญของความอยากรู้ของนักเรียน
1.3 คมู่ อื ชุดที่ 3 ทัศนะเก่ียวกบั ลกั ษณะทีแ่ สดงถึงทักษะอยากรู้ของ 43
นกั เรยี น
1.4 คมู่ ือชุดท่ี 4 ทัศนะเก่ียวกับอปุ สรรคและวธิ กี ารเอาชนะอปุ สรรคในการ 59
พัฒนาความอยากรู้ของนกั เรียน 90
1.5 คมู่ ือชุดท่ี 5 ทัศนะเกีย่ วกับแนวการพฒั นาความอยากร้ขู องนักเรยี น 101
1.6 คู่มือชุดท่ี 6 ทัศนะเกี่ยวกบั ข้ันตอนการพฒั นาความอยากรู้ของนกั เรียน
1.7 คู่มือชดุ ที่ 7 ทัศนะเก่ยี วกับการประเมนิ ผลความอยากร้ขู องนักเรียน 111

2. โครงการครูนำผลการเรยี นรสู้ กู่ ารพัฒนานกั เรยี น
2.1 คูม่ อื เพอ่ื การปฏิบตั กิ ารในการพัฒนาความอยากรขู้ องนักเรยี น

5

(ปกของคมู่ อื แต่ละชดุ )

ค่มู อื ประกอบโครงการพฒั นาเพือ่ การเรียนรู้ของครู

6

(ปกของคมู่ อื แต่ละชดุ )

ค่มู อื ประกอบโครงการพฒั นาเพือ่ การเรียนรู้ของครู

7

คู่มือชุดที่ 1

นยิ ามของความอยากรู้ (Curiosity)

หลงั จากการศกึ ษาคู่มือชุดน้ีแลว้ ทา่ นมพี ฒั นาการดา้ นพุทธิพสิ ยั (Cognitive Domain) ซึ่ง
เป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปัญญาตาม The Revised
Taxonomy (2001) ของ Benjamin S. Bloom โดยจาํ แนกพฤตกิ รรมในขอบเขตนี้ออกเปน็ 6 ระดับ
เรียงจากพฤติกรรมที่สลับซับซ้อนน้อยไปหามาก หรือจากทักษะการคิดขั้นต่ำกว่าไปหาทักษะการคิด
ขั้นสูงกว่า ดังนี้ คือ ความจำ (Remembering) ความเข้าใจ (Understanding) การประยุกต์ใช้
(Applying) การวิเคราะห์ (Analyzing) การประเมิน (Evaluating) และการสร้างสรรค์ (Creating)
ดังน้ี

1) บอกคุณสมบัติ จับคู่ เขียนลำดับ อธิบาย บรรยาย ขีดเส้นใต้ จำแนก หรือระบุ นิยาม
ความอยากรู้ของนกั เรยี นได้

2) แปลความหมาย อธิบาย ขยายความ สรุปความ ยกตัวอย่าง บอกความแตกต่าง หรือ
เรียบเรยี ง นยิ ามความอยากรขู้ องนกั เรียนได้

3) แก้ปัญหา สาธิต ทำนาย เชื่อมโยง ความสัมพันธ์ เปลี่ยนแปลง คำนวณ หรือปรับปรุง
นิยามความอยากรู้ของนักเรยี นได้

4) แยกแยะ จัดประเภท จำแนกให้เห็นความแตกต่าง หรือบอกเหตุผล นิยามความอยากรู้
ของนกั เรยี นได้

5) วัดผล เปรยี บเทียบ ตคี า่ ลงความเหน็ วจิ ารณ์ นิยามความอยากรขู้ องนกั เรยี นได้
6) รวบรวม ออกแบบ จัดระเบียบ สร้าง ประดิษฐ์ หรือวางหลักการนิยามความอยากรู้ของ

นกั เรียนได้

1. โปรดศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับนิยามความอยากรู้ของนักเรียน จากทัศนะที่นำมากล่าวถึงแต่
ละทัศนะ

2. หลังจากการศกึ ษาเนอ้ื หาโปรดทบทวนความเขา้ ใจจากคำถามทา้ ยเนื้อหาของแตล่ ะทศั นะ

8

3. ศึกษารายละเอียดของนิยามที่เป็นต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” เว็บไซต์ที่นำเสนอ
ไว้ท้ายเน้ือหาของแต่ละทศั นะ

นยิ ามของความอยากรู้ (Curiosity)

1 จากทัศนะของ Gavira

Gavira (2018) เปน็ วทิ ยากรและนักเขียน ได้กล่าวไวว้ ่า ความอยากรู้ (Curiosity) เป็นคำ
จำกัดความในพจนานุกรมหนึ่งว่า คือ "ความปรารถนาที่จะรู้หรือเรียนรู้" และอีกคำหนึ่งคือ "ความ
ปรารถนาทีจ่ ะหาข้อมลู " บางครง้ั ความปรารถนานี้ถูกมองว่าเป็นแงล่ บ เชน่ นา่ เบ่อื หน่าย อยากรู้มาก
เกินไป อยากรู้เรื่องที่เป็นส่วนตัวของใครบางคน และด้วยเหตุนี้ จึงมีคำพูดที่ว่า "ความอยากรู้ฆ่าแมว
(Curiosity killed the cat)" น้นั หมายความวา่ “ความอยากร้ทู ีม่ ากเกินไปอาจนำไปส่อู นั ตราย”

ดังนั้น หากต้องการให้เน้นความอยากรู้ที่เป็นบวก เช่น เพื่อต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม
เพื่อทำความเข้าใจมากขึ้น หรือเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก เพื่อที่จะขยายมุมมองของ
เรา สิ่งที่เราแต่ละคนอาจนิยามว่าเป็นความเป็นจริงของเราด้วย เช่น เด็กเกิดมาอยากรู้และเมื่อพวก
เขาเติบโตเป็นเด็กเล็กที่มีความสามารถในการพูด คำถามแรกที่พูดออกมาคือ “ทำไม?” สำหรับคนท่ี
มีลกู หากแน่ใจวา่ คนทเี่ คยมปี ระสบการณ์กม็ ักถกู ถามคำถามแบบน้ีครง้ั แล้วคร้ังเล่าอีกด้วย

โปรดทบทวนนิยามของความอยากรู้ (Curiosity) จากทัศนะของ Gavira มี
สาระสำคัญอะไร?

…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมายเหตุ : ศึกษาจากตน้ ฉบับภาษาองั กฤษ โปรด “คลิก” ดไู ด้จากเวบ็ ไซต์ขา้ งลา่ งน้ี

https://www.linkedin.com/pulse/what-makes-curiosity-key-leadership-skill-sonia-gavira

9

นิยามของความอยากรู้ (Curiosity)

2 จากทศั นะของ Kamel

Kamel (2018) เป็นนักเขียนด้านจิตวิทยา ได้กล่าวว่า ความอยากรู้ (Curiosity) คือความ
ปรารถนาอยา่ งแรงกล้าทจ่ี ะร้หู รอื เรยี นรู้ มคี วามสนใจในบคุ คล สงิ่ ของ หรือประสบการณท์ ่ีนำไปสกู่ าร
สอบถาม และความอยากรู้ (Curiosity) สามารถแสดงออกในกิจกรรมการถามคำถาม แต่ก็อาจเป็น
จากคนท่คี นใดคนหนึ่งทเี่ ขา้ มาในชีวิตก็ได้

Todd Kashdan รองศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาที่ George Mason University และผู้
แต่งหนังสือชื่อ “อยากรู้? ซึ่งได้ค้นพบส่วนผสมที่ขาดหายไปสู่ชีวิตที่เติมเต็ม” (Curious? Discover
the Missing Ingredient to a Fulfilling Life) ได้ทำให้การอยากรู้เป็นอาชีพของเขาและเรียกความ
อยากรวู้ ่า “กลไกของการเติบโต” ซง่ึ เขาเชอ่ื ว่าการทจี่ ะคน้ หาเป้าหมายและความหมายในชีวิตได้ เรา
ต้องมีความอยากรู้ มีส่วนร่วมในการทดลอง และใช้ทุกสิ่งท่ีไดม้ าจากการลองผิดลองถูกในชีวิต เขาเช่ือ
ว่ามาจากความเปิดกว้างของเรา – ไม่ใช่ความปิดกั้น – ที่เราสามารถพัฒนาความลึกซึ้งและความ
สมบูรณใ์ นการดำรงอย่ขู องเรา

และสิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าความอยากรู้ (Curiosity) ไม่ได้หมายความว่าเรามีความรู้
เพียงเล็กน้อยในเรื่องนี้หรือจำเป็นต้องมีการไต่สวนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาความคิดเห็น ในทางกลับกัน
ความอยากรู้ (Curiosity) เป็นแนวคดิ ท่ีว่า คนเราเปิดกว้างสำหรับการเรียนรู้ความแตกต่างของส่ิงที่ไม่
รู้จัก และในการทำเชน่ น้นั พวกเขาหวงั ว่าจะขยายขอบเขตความเข้าใจใหก้ ว้างข้ึนและลึกซงึ้ ขึน้ ดว้ ย

โปรดทบทวนนิยามของความอยากรู้ (Curiosity) จากทัศนะของ Kamel มี
สาระสำคญั อะไร?

…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมายเหตุ : ศึกษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลกิ ” ดไู ด้จากเว็บไซตข์ า้ งล่างน้ี

https://gostrengths.com/what-is-curiosity/#comment-404145

10

3 นยิ ามของความอยากรู้ (Curiosity)
จากทศั นะของ Izmailova

Izmailova (2021) นักวิจัยด้านพฤติกรรมศาสตร์ ได้กล่าวว่า ความอยากรู้ทางปัญญา
(Intellectual Curiosity) เป็นแรงผลักดันให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ว่าโลกใบนี้ดำเนินไปอย่างไร คนที่มี
ความอยากรู้ทางปัญญา มีความสนใจอย่างแท้จริงและมีความรักในการเรียนรู้ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องใด
เป็นพิเศษ แต่จะเกี่ยวกับวิชาต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษา หรือประวัติศาสตร์ ซ่ึง
ความหมายของความอยากรูท้ างปัญญานั้นแตกต่างจากสิ่งที่เรากำหนดความอยากรู้โดยทั่วไป ความ
อยากรู้คอื อะไร? มันเป็นเพยี งแรงผลักดนั ในการเรยี นรู้บางส่ิง เช่น เพอ่ื นบา้ นของคุณไปพักผ่อนหรือ
เพื่อนของคุณจ่ายค่าชุดใหม่ของเธอเป็นจำนวนเท่าใด และความอยากรู้ทั่วไปไม่ได้ช่วยให้คุณได้รับ
ความรู้ใหม่เกี่ยวกับโลกเสมอไป คำพ้องความหมายเกี่ยวกับความอยากรู้ทางปัญญาที่ดีกว่าอาจเป็น
ความอยากรู้ทางญาณวิทยา ความรู้ความเข้าใจ หรือความอยากรู้ทางวิทยาศาสตร์ด้วย (Epistemic,
Cognitive, or Scientific curiosity)

โปรดทบทวนนิยามของความอยากรู้ (Curiosity) จากทัศนะของ Izmailova มี
สาระสำคญั อะไร?

…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมายเหตุ : ศกึ ษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลกิ ” ดูไดจ้ ากเว็บไซต์ข้างล่างน้ี

https://www.skillshare.com/blog/your-guide-to-intellectual-curiosity/

11

Wooll (2021) เปน็ นักวจิ ัย นกั เขียน และวทิ ยากร ได้กล่าววา่ ความอยากรู้ (Curiosity)
เปน็ ความอยากรู้ทางปัญญา เป็นความเตม็ ใจและความปรารถนาของบคุ คลทจี่ ะเรียนรสู้ ง่ิ ใหม่ ๆ และ
ขุดลกึ กว่าพนื้ ผิวเดิม ซึ่งความอยากรู้ทางปญั ญาทำให้การเรียนรูเ้ ปน็ กระบวนการทเี่ ป็นธรรมชาติมาก
ขึ้น แทนทจ่ี ะเปน็ แค่หนา้ ท่ีหรืองานบ้าน

ดังนั้น เมื่อมีความอยากรู้ (Curiosity) มนุษย์จะเต็มใจและสนใจที่จะได้รับความรู้มากขึ้น
สนใจถามคำถามมากขนึ้ และพยายามทำความเข้าใจวา่ เหตุใดจึงเปน็ เชน่ น้นั คนท่อี ยากรทู้ างปัญญาไม่
พอใจกับสภาพท่ีเป็นอยู่เพื่อตอบคำถามของตนแล้ว และจะมคี วามพยายามในการวเิ คราะห์ เจาะลึก
ในหัวข้อตา่ งๆ เพ่ือทำความเข้าใจในเหตุผลหรือเบื้องหลังในกระบวนการทั่วไปอย่างถ่องแท้

นอกจากน้ี ยงั ตอ้ งการเพิ่มพนู ความร้ใู นหัวข้อใหม่อยา่ งต่อเนื่อง และการมีความอยากรู้ทาง
ปัญญาจึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาจิตใจของผู้คนโดยเริ่มต้น นั่นเป็นเพราะวา่ หากตอ้ งการอยากร้ทู ่ี
จะเขา้ หาสถานการณ์เกา่ ดว้ ยวธิ ีใหม่ๆ อยูเ่ สมอดว้ ย

โปรดทบทวนนิยามของความอยากรู้ (Curiosity) จากทัศนะของ Wooll มี
สาระสำคัญอะไร?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หมายเหตุ : ศึกษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลกิ ” ดูไดจ้ ากเว็บไซตข์ ้างลา่ งน้ี

https://www.betterup.com/blog/intellectual-curiosity

12

Common Sense (n.d.) เว็บไซตก์ ารศึกษา ไดน้ ำเสนอเก่ียวกับความอยากรู้ (Curiosity)
ว่า เป็นการมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเรียนรู้หรือรู้อะไรบางอย่าง คนที่อยากรู้ (Curious
Person) มักจะไม่ "จำเป็น" ต้องมีข้อมูลที่พวกเขาสอบถาม พวกเขาแสวงหาคำตอบสำหรับคำถาม
เพื่อให้ได้ความรู้ ผู้ที่มีความอยากรู้ อาจแสวงหาความท้าทายและประสบการณ์ใหม่ๆ อย่าง
กระตอื รือรน้ เพ่ือขยายขอบเขต

ความอยากรู้ (Curiosity) เปน็ สว่ นประกอบสำคัญของการเรียนรู้ มันนำไปสคู่ วามรู้รวมถึง
ความสามารถในการเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลต่างๆ เช่น สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกขี้สงสัย การมีคำตอบที่
"ถูกตอ้ ง" ไม่สำคญั และสำคญั กว่านั้นคอื การสรา้ งสภาพแวดล้อมทส่ี ามารถตั้งคำถามและเรียนรไู้ ด้

โปรดทบทวนนิยามของความอยากรู้ (Curiosity) จากทัศนะของ Common
Sense มีสาระสำคัญอะไร?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หมายเหตุ : ศึกษาจากตน้ ฉบับภาษาองั กฤษ โปรด “คลิก” ดูไดจ้ ากเวบ็ ไซต์ข้างล่างนี้

https://www.commonsensemedia.org/character-strengths-and-life-skills/what-iscuriosity

Source - https://bit.ly/3nlb7op

13

Molinaro, McGee and Ikeda (n.d.) เป็นนักการศึกษาด้านปฐมวัยและประถมศึกษา
ได้กล่าวว่า ความอยากรู้ (Curiosity) หมายถึง ความสามารถหรือนิสัยที่ใช้ความรู้สึกสงสัยและความ
ปรารถนาที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม คนที่อยากรู้อยากลองสิ่งใหม่ การถามคำถาม การค้นหาคำตอบ การ
เพลิดเพลินกับข้อมูลใหม่ ๆ และการสรา้ งความสัมพันธท์ ัง้ หมดน้ี ตลอดถึงการทำความเขา้ ใจโลกด้วย
ความกระตือรือร้น ความอยากรู้เป็นใบเบิกทางที่จะมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ในชีวิตของเด็กๆ อย่าง
เต็มท่ี และฐานะผู้ปกครอง ทักษะนี้อาจจะง่ายที่สุดที่จะเข้าใจและมีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนที่สุดกับ
การเรียนรู้ของเด็กเล็ก คนเราทกุ คนล้วนตอ้ งการใหล้ ูกๆ สงสยั ค้นควา้ และขับเคลือ่ นการเรียนรู้ของ
ตนเอง และยิ่งไปกว่าน้ันก็ได้สัมผัสกับโลกอย่างเต็มที่ และครูส่วนใหญ่จะเห็นด้วยว่าเด็กที่อยากรู้
มักจะดูเอาใจใส่ มีส่วนร่วม และใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงเรียนได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้แต่งานวิจัยยัง
ชี้ให้เห็นว่าความอยากรู้เป็นตัวขับเคลื่อนให้มีประสทิ ธิภาพที่สูงขึ้นตลอดชีวิต ไม่น้อยไปกว่า IQ หรือ
คะแนนสอบเลย

โปรดทบทวน - นิยามของความอยากรู้ (Curiosity) จากทัศนะของ Molinaro,
McGee and Ikeda มสี าระสำคัญอะไร?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หมายเหตุ : ศกึ ษาจากต้นฉบับภาษาองั กฤษ โปรด “คลิก” ดูไดจ้ ากเว็บไซต์ข้างลา่ งน้ี

https://tinkergarten.com/skills/curiosity

Source - https://bit.ly/3nnOuzN

14

จากทัศนะของแหล่งอ้างอิงที่นำมากล่าวถึงข้างต้น สรุปได้ว่า ความอยากรู้ (Curiosity)
หมายถึง ความสามารถหรือนิสัยที่ใช้ความรู้สึกสงสัยและความปรารถนาที่จะรู้หรือเรียนรู้ และความ
ปรารถนาที่จะหาข้อมูล เป็นความต้องการอยากรู้ในสิ่งที่กำลังสงสัยและต้องการพยายามหาความรู้
เพิ่มเติม ความต้องการอยากรู้อยากลองในสิ่งใหม่ ๆ การตั้งคำถาม การค้นหาคำตอบ การเรียนรู้ใน
ข้อมูลหรือมีความกระตือรือร้นอยู่กับสิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบในสิ่งนั้น หลายคนคิดว่าความ
อยากรู้เป็นนิสัยโดยกำเนิด แต่ที่จริงแล้วเป็นทักษะที่สามารถพัฒนาให้เกิดขึ้นได้ เป็นทักษะความ
อยากรู้ (Curious Skills) ที่บุคคลแสดงออกถึงการที่จะใช้ความพยายามเพื่อหาคำตอบให้ได้ในส่งิ ต่าง
ๆ ที่เกิดจากความสงสัย การตั้งคำถาม และท้าทายความสามารถของตนในการค้นหาเป้าหมายให้
ชัดเจน คลายจากความสงสัยได้ โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความสามารถในการตั้งคำถาม
และส่งเสริมการเรยี นรูส้ ิง่ ใหม่ ตลอดถึงการไมป่ ิดก้ันความคิดเหน็ การสรา้ งเสรมิ ความสัมพนั ธ์ทีด่ ี การ
พินิจพิจารณา การเป็นนักสังเกตที่ดี การอยากรู้อยากลองเกิดความสงสัยและการชอบตั้งคำถามอยู่
เสมอ เพ่อื ชว่ ยสร้างแรงผลกั ดนั ใหเ้ กิดการเรียนรูแ้ ละพยายามทจ่ี ะให้ไดม้ าซึ่งคำตอบในเรื่องน้นั ๆ

จากนานาทัศนะเกี่ยวกับนิยามของความอยากรู้ (Curiosity) ดังกล่าวข้างต้น ท่านเห็นว่ามี
แนวคิด (Concelpts) ที่สำคัญอะไรบ้าง ท่ีทำให้เข้าใจในนิยามนั้นได้อย่างกระชับและชัดเจน โปรด
ระบแุ นวคดิ น้นั ในภาพทีแ่ สดงขา้ งลา่ ง

15

Common Sense. (n,d.). What is curiosity?. Retrieved July 31, 2021 from
https://www.commonsensemedia.org/character-strengths-and-life-skills/what-
iscuriosity

Gavira, S. (2018, August 24). What is curiosity and why should we develop it?.
Retrieved July 31, 2021 from https://www.linkedin.com/pulse/what-makes-
curiosity-key-leadership-skill-sonia-gavira

Izmailova, S. (2021, July 6). Your guide to intellectual curiosity. Retrieved July 31,
2021 from https://www.skillshare.com/blog/your-guide-to-intellectual-curiosity/

Kamel, W. (2018, November 28). What is curiosity?. July 31, 2021 from
https://gostrengths.com/what-is-curiosity/#comment-404145

Molinaro, C., McGee, B., & Ikeda, S. (n.d.). What does it mean to develop curiosity?.
Retrieved July 31, 2021 from https://tinkergarten.com/skills/curiosity

Wooll, M. (2021). Curious? Wanting to learn more is key to career success. Retrieved
July 31, 2021 from https://www.betterup.com/blog/intellectual-curiosity

16

17

หลังจากการศึกษาคู่มือชุดนี้แล้ว ท่านมีพัฒนาการด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) ซ่ึง
เป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปัญญาตาม The Revised
Taxonomy (2001) ของ Benjamin S. Bloom โดยจาํ แนกพฤตกิ รรมในขอบเขตนี้ออกเป็น 6 ระดับ
เรียงจากพฤติกรรมที่สลับซับซ้อนน้อยไปหามาก หรือจากทักษะการคิดขั้นต่ำกว่าไปหาทักษะการคิด
ขั้นสูงกว่า ดังนี้ คือ ความจำ (Remembering) ความเข้าใจ (Understanding) การประยุกต์ใช้
(Applying) การวิเคราะห์ (Analyzing) การประเมิน (Evaluating) และการสร้างสรรค์ (Creating)
ดังน้ี

1) บอกคุณสมบัติ จับคู่ เขียนลำดับ อธิบาย บรรยาย ขีดเส้นใต้ จำแนก หรือระบุ
ความสำคญั ของความอยากรขู้ องนักเรียนได้

2) แปลความหมาย อธิบาย ขยายความ สรุปความ ยกตัวอย่าง บอกความแตกต่าง หรือ
เรยี บเรียง ความสำคญั ของความอยากรขู้ องนักเรยี นได้

3) แก้ปัญหา สาธิต ทำนาย เชื่อมโยง ความสัมพันธ์ เปลี่ยนแปลง คำนวณ หรือปรับปรุง
ความสำคญั ของความอยากรขู้ องนักเรียนได้

4) แยกแยะ จัดประเภท จำแนกให้เห็นความแตกต่าง หรือบอกเหตุผล ความสำคัญของ
ความอยากรู้ของนักเรยี นได้

5) วดั ผล เปรียบเทยี บ ตีค่า ลงความเห็น วิจารณ์ ความสำคญั ของความอยากรู้ของนักเรียน
ได้

6) รวบรวม ออกแบบ จัดระเบียบ สร้าง ประดิษฐ์ หรือวางหลักการความสำคัญของความ
อยากรขู้ องนักเรยี นได้

18

1. โปรดศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับความสำคัญของความอยากรู้ของนักเรียนจากทัศนะที่นำมา
กล่าวถงึ แตล่ ะทัศนะ

2. หลังจากการศึกษาเนื้อหาโปรดทบทวนความเข้าใจจากคำถามท้ายเนื้อหาของแต่ละ
ทัศนะ

3. ศึกษารายละเอียดของความสำคัญของความอยากรู้ของนักเรียนที่เป็นต้นฉบับ
ภาษาอังกฤษ โปรด “คลกิ ” เว็บไซตท์ ีน่ ำเสนอไว้ทา้ ยเนือ้ หาของแต่ละทัศนะ

1 ความสำคัญของความอยากรู้
จากทศั นะของ Campbell

Campbell (2015) สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านการพัฒนามนุษย์และ
การศึกษาที่ UC Berkeley Graduate School of ทำงานเป็นผู้ร่วมวิจัยในทีมการศึกษาที่ Greater
Good Science Center ลักษณะมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจและส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรมและ
อารมณ์ทางสังคมของนักเรียน ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับความสำคัญและประโยชน์ที่น่าประหลาดใจ 6
ประการของความอยากรู้ (Six Surprising Benefits of Curiosity) ไว้ดงั น้ี

1. ความอยากรู้ช่วยให้เราอยู่รอด (Curiosity Helps us Survive) ความอยากที่จะ
สำรวจและแสวงหาสิ่งแปลกใหม่ช่วยให้เราตื่นตัวและได้รับความรู้เก่ี ยวกับสภาพแวดล้อมที่
เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งอาจเปน็ ต้นเหตุทีส่ มองของเราพฒั นาเพอื่ ปล่อยสารโดปามีน (Dopamine)
และสารเคมีทีท่ ำให้เรารูส้ ึกดีชนดิ อื่น เมือ่ เราคน้ พบสิ่งใหม่

2. คนที่อยากรู้อยากเห็นจะมีความสุขมากกว่า (Curious People are Happier) ความ
อยากรอู้ ยากเหน็ ทเ่ี กี่ยวข้องกับอารมณ์เชิงบวกในระดับท่ีสูงกว่า ระดับความวิตกกังวลทต่ี ่ำลง มีความ
พึงพอใจในชวี ติ ทม่ี ากข้นึ และความเปน็ อยู่ทางจิตใจที่ดีขึ้น แน่นอนว่าอยา่ งน้อยก็อาจจะมีคนบางส่วน
ท่ีมคี วามสขุ อยู่แล้วทม่ี ักจะอยากรูอ้ ยากเห็นมากขึ้น

3. ความอยากรู้อยากเห็นช่วยเพิ่มความสำเร็จ (Curiosity Boosts Achievement)
ความอยากรู้นำไปสู่ความเพลิดเพลินและการเข้าไปมีส่วนร่วมในการเรียน รู้และได้รับผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนที่สูงขึ้นตลอดจนการเรียนรู้ การมีความผูกพัน และประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

19

อาจดูเหมอื นเป็นเรื่องธรรมดา แตเ่ ม่ือคนเราอยากรู้และสนใจในส่ิงท่ีเรากำลังทำมากขน้ึ ก็จะง่ายขึ้นท่ี
จะมสี ว่ นรว่ ม ทุม่ เท และทำไดด้ ี

4. ความอยากรู้สามารถทำให้เราเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น (Curiosity Can Expand our
Empathy) เมื่อเราอยากรู้เกี่ยวกับผู้อื่นและพูดคุยกับผู้คนนอกแวดวงสังคมปกติทั่วไป ซึ่งจะสามารถ
เข้าใจผู้ที่มีชีวิต ประสบการณ์ และโลกทัศน์ที่แตกต่างได้ดีขึ้น การมีโอกาสได้พูดคุยกับคนแปลกหนา้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ค่อนข้างแตกต่างจากตัวเรา ก็ให้ลองมีสว่ นร่วมกับคนเหล่าน้ันในระดับส่วนตัว
(ด้วยความเคารพ) และแสดงให้เห็นว่า มีคนกำลงั สนใจในส่ิงท่เี ขากำลังพูดอยู่

5. ค ว า ม อ ย า ก ร ู ้ ช ่ ว ย ก ร ะ ช ั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ์ ( Curiosity Helps Strengthen
Relationships) การขอให้คนแปลกหน้าตั้งคำถามและตอบคำถามที่เป็นส่วนตัว ซึ่งเป็นกระบวนการ
ที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “การเปิดเผยตัวตนซึ่งกันและกัน” หากพบว่าผู้คนที่ได้รับการประเมินว่า
อบอุ่นและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น การแสดงความอยากรู้อยากเห็นอย่างแท้จริงในการแลกเปลี่ยน (ในขณะท่ี
ตัวแปรอื่นๆ เช่น ความวิตกกังวลทางสังคมของบุคคลและระดับอารมณ์เชิงบวกและเชิงลบของพวก
เขาไม่ส่งผลต่อความรู้สึกดึงดูดใจและความใกล้ชิดของคู่ของพวกเขา) น่ันหมายความว่าการแสดง
ความอยากรู้อยากเหน็ ตอ่ ใครบางคนเปน็ วิธีท่ีดใี นการสรา้ งความสนิทสนมกัน

6. ความอยากรู้ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านงานดูแลสุขภาพ (Curiosity Improves
Healthcare) เมื่อแพทย์มีความอยากรู้จริง ๆ เกี่ยวกับอาการของผู้ป่วย การที่แพทย์และผู้ป่วยจะมี
ความโกรธและความคับข้องใจน้อยลง และการตัดสินใจได้ดีขึน้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะเพิ่มประสิทธภิ าพ
ของการรักษาได้ดี

โปรดทบทวน - ความสำคัญของความอยากรู้ จากทัศนะของ Campbell มี
สาระสำคญั อะไร?

…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมายเหตุ : ศึกษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลกิ ” ดูไดจ้ ากเวบ็ ไซต์ข้างลา่ งน้ี

https://greatergood.berkeley.edu/article/item/six_surprising_benefits_of_curiosity

20

ความสำคัญของความอยากรู้

2 จากทัศนะของ Cmaconsult

Cmaconsult (2019) เว็ปไซต์ทางด้านการศึกษา ได้นำเสนอเกี่ยวกับประโยชน์
ความสำคญั ของความอยากรใู้ นทีท่ ำงาน (The Benefits of Curiosity in the Workplace) ว่า ความ
อยากรู้ (Curiosity) หรือแรงกระตุ้นในการค้นหาข้อมูล ประสบการณ์ใหม่ๆ และสำรวจความเป็นไป
ได้ใหม่ๆ มีความสำคัญต่อชีวิตของบุคคล งานวิจยั ล่าสุดท่ีกล่าวถงึ ใน Harvard Business Review ได้
เปิดเผยขอ้ มลู เชิงลกึ ทสี่ ำคัญ 3 ประการเก่ยี วกบั ความอยากรู้ในทท่ี ำงาน

ประการแรก ความอยากรมู้ คี วามสำคญั ต่อผลการดำเนินงานของบรษิ ทั มากกว่าท่ีเคยคิดไว้
มาก การปลูกฝงั ความอยากรชู้ ว่ ยให้พนักงานและผู้นำของพวกเขาปรบั ตัวเข้ากับสภาวะตลาดและแรง
กดดนั ความอยากร้ทู ำให้พวกเขามคี วามคดิ อย่างสร้างสรรค์และมีเหตผุ ลในการตดั สินใจ และคิดหาวิธี
แก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ ความอยากรู้ยังช่วยให้ผู้นำได้รับความเคารพจากพนักงานด้วยการสร้าง
ความสัมพนั ธ์ที่ไวว้ างใจและรว่ มมือกนั มากข้นึ

ประการท่ีสอง การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็ทำใหผ้ ู้นำสามารถกระตุ้นความอยากรู้จาก
พนักงานของตนได้

ประการที่สาม ผู้นำหลายคนปิดกั้นความอยากรู้เพราะกลัวว่าจะเพิ่มความเส่ียงและความ
ไร้ประสทิ ธิภาพ

จากทั้งสองส่วนน้ี ได้กล่าวถึงประโยชน์ต่างๆ ของความอยากรู้สำหรับองค์กร ผู้นำ และ
พนักงาน อันเปน็ วธิ ีท่ีผ้นู ำสามารถส่งเสริมความอยากรูใ้ นท่ีทำงานได้

ข้อดบี างประการของความอยากรู้
1. ความผิดพลาดในการตัดสินใจน้อยลง (Fewer Decision-making Errors) เมื่อมี
ความอยากรู้ บุคคลมกั จะตกเป็นเหย่ือความลำเอียงเพื่อยนื ยัน (ในความคิดของตน) น้อยลง กล่าวอีก
นัยหนึ่ง คนเราจะมองหาข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อของตนน้อยลง แต่จะหาข้อมูลที่พิสูจน์ว่ามีอะไร
ผดิ มากกว่า ด้วยความอยากรู้ของบุคคลจึงมโี อกาสน้อยท่ีจะตัดสินแบบหยาบ ๆ และเหมารวมได้
2. มีนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกมากขึ้นทั้งในงานท่ีมีความสร้างสรรคแ์ ละ
ไม่ต้องใช้ความสร้างสรรค์ (More Innovation and Positive Changes in Both Creative and
Noncreative Jobs) การส่งเสริมให้คนมีความอยากรู้มักจะทำให้ชีวิตการทำงานดีขึ้น ผู้ที่มีความ
อยากร้มู องสถานการณ์การทำงานท่ยี ากลำบากอยา่ งสร้างสรรค์กว่า ความอยากร้สู ัมพันธ์กับปฏิกิริยา

21

ป้องกนั ใหเ้ กิดความเครียดและปฏิกริ ยิ าตอบโต้ทีร่ นุ แรงต่อการยัว่ ยุนอ้ ยลง และยงั ทำงานได้ดีข้ึนเมื่อมี
ความอยากรู้

3. ลดความขัดแย้งในกลุ่ม (Reduced Group Conflict) ความอยากรู้กระตุ้นให้สมาชิก
ในกลุ่มเข้าใจมุมมองของผู้อื่น มักจะสนใจในความคิดของผู้อื่นมากกว่าที่จะสนใจแต่ตนเองซึ่งทำให้
กลุ่มทำงานร่วมกนั ไดด้ ขี ้นึ และบรรลผุ ลลพั ธ์ทีด่ ขี น้ึ ในทา้ ยทีส่ ดุ ส่วนความขัดแยง้ กล็ ดลงเชน่ กนั

4. การสื่อสารที่เปิดกว้างมากขึ้นและประสิทธิภาพของทีมที่ดีขึ้น (More Open
Communication and Better Team Performance) สมาชิกที่มีความอยากรู้ในระดับที่สูงจะ
แบ่งปนั ขอ้ มลู อยา่ งเปิดเผยและตั้งใจฟังมากข้ึน

โปรดทบทวน - ความสำคัญของความอยากรู้ จากทัศนะของ Cmaconsult มี
สาระสำคัญอะไร?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หมายเหตุ : ศกึ ษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลกิ ” ดไู ดจ้ ากเวบ็ ไซตข์ า้ งล่างน้ี

https://cmaconsult.com/the-benefits-of-curiosity-in-the-workplace/

Source - https://bit.ly/3zCSWjM

22

Ellora (2019) เป็นนักเขียนและออกแบบ ได้กล่าวว่า “หากไม่มีความสามารถพิเศษอะไร
แค่อยากรู้อย่างหลงใหลเท่านั้น” ทำไมความอยากรู้จึงสำคัญ? โดยมีความเชื่อว่าความอยากรู้เป็น
พาหนะท่คี นใจกว้างใช้ โดยจะพาพวกเขาไปยังสถานทีต่ า่ งๆ ทำใหไ้ ดส้ ำรวจและค้นพบความเป็นไปได้
ต่างๆ นี่คือสาเหตุบางประการที่ว่าทำไมความอยากรู้ (The importance of Curious Skills) หรือ
ทักษะความอยากรู้ (Curious Skills) จึงเปน็ ประโยชน์และมคี วามสำคญั จำเป็นต้องไดร้ ับการปลูกฝัง

1. ความอยากรู้ช่วยให้เราเป็นนักแก้ปัญหาที่ดีขึ้น (Curiosity Helps us Become
Better Problem Solvers) เมื่อมีความอยากรู้ มนุษย์เราจะมีไหวพริบมากขึ้น มักใช้คำถามเพื่อถาม
เพิ่มเติม เช่น เราจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น? มีวิธีใดบ้างที่สามารถใช้เพื่อแก้ปัญหานี้ได้ เป็นผลให้เกิด
ความคดิ ที่น่าสนใจและสร้างสรรค์ขึน้ โดยธรรมชาติ

2. ความอยากรู้ยังช่วยให้เราเอาชนะความกลัวได้อีกด้วย (Curiosity Can also Help
us Overcome our Fears) คนที่อยากรู้ไม่กลัวที่จะรู้สึกอึดอัดและเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก การลง
มือปฏบิ ัติ การเปิดใจกวา้ งมากข้นึ ที่จะออกจากพ้ืนท่ปี ลอดภยั เพือ่ เรียนรู้เพมิ่ เติมเกยี่ วกบั ส่ิงที่ต้องการ
หลงใหล

3. ความอยากรู้ช่วยให้เราพัฒนาความเข้าใจผู้อื่น (Curiosity Helps us Develop
Empathy) ในบางสถานการณ์แทนที่จะตัดสนิ ผู้อื่น เราสามารถถามคำถามและทำความเข้าใจว่าพวก
เขามาจากไหน เมื่อมีอยากรู้ ก็ควรเปิดกว้างมากขึ้นที่จะเปิดเผยตัวเองต่อแนวคิดและวัฒนธรรมที่
แตกต่างกนั ผลท่ไี ดค้ ือความซาบซ้งึ ต่อชวี ติ ของเราเพิม่ ขน้ึ

4. ค ว า ม อ ย า ก ร ู ้ ท ำ ใ ห ้ เ ร า ม ี ค ว า ม ร ู ้ ม า ก ข ึ ้ น (Curiosity makes us more
knowledgeable) ยง่ิ มีความรมู้ ากเท่าไร เราก็มีทรัพยากรในการช่วยเหลอื ผู้อ่ืนมากข้ึนเทา่ น้ัน อะไรท่ี
ทำใหค้ นฉลาดเหมอื น Einstein? นน่ั คอื ความอยากรู้อยา่ งหลงใหล

5. ความอยากรู้ยังนำไปสู่ความอ่อนน้อมถ่อมตน (Curiosity also leads to humility)
คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน และเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตคือ
การไดม้ ีส่วนรว่ มและสนทนากับผ้ทู ถี่ อ่ มตน ซง่ึ จะช่วยให้เห็นคณุ ค่าในมุมมองท่ีต่างออกไป

23

6. ความอยากรู้ทำให้เรามีความตระหนักในตนเองมากขึ้น (Curiosity Makes us More
Self-aware) ในด้านการพัฒนาส่วนบุคคล เช่น ความอยากรู้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเชื่อ
ค่านิยม และการรับรู้เก่ียวกับชีวิต ซง่ึ สามารถถามตวั เองได้ เชน่ “ความเช่อื นจ้ี ริงหรือไม่? มันเป็นการ
บังคับตัวเองหรือไม?่ ความเชอ่ื ใดท่สี ามารถใช้แทนที่ความเช่อื น้ีได้ เพอื่ ให้เป็นคนท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพมาก
ขึ้นและดีขึ้นได้” เมื่อความอยากรู้ เพื่อทดลองดูว่าสิ่งใดใช้ได้ผลและไม่ได้ผล เราต้องการหาวิธีพัฒนา
ทักษะและเป็นตวั ของตวั เองให้ดีขึ้น

โปรดทบทวน - ความสำคัญของความอยากรู้ จากทัศนะของ Ellora มี
สาระสำคญั อะไร?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หมายเหตุ : ศกึ ษาจากต้นฉบับภาษาองั กฤษ โปรด “คลิก” ดูไดจ้ ากเวบ็ ไซต์ข้างลา่ งน้ี

https://thriveglobal.com/stories/the-benefits-of-developing-curiosity/

Source -https://bit.ly/3ymiAJ5

24

Einstein (n.d.) เป็นนักเขียนและออกแบบ ได้กล่าวถึงเรื่อง ความอยากรู้ทางปัญญาเป็น
สิ่งสำคัญมาก หากเรามองเห็นได้ชัดเจนที่สุดในลักษณะที่ปรากฏของอัจฉริยภาพ ยักษ์ทางปัญญามัก
เป็นคนที่อยากรู้อยากเห็น ตัวอย่างเช่น Thomas Edison, Leonardo da Vinci, Albert Einstein,
Richard Feynman ล้วนเป็นตัวละครที่อยากรู้อยากเห็น Richard Feynman ความอยากรู้ไม่ได้มี
ความสำคัญเฉพาะกับผู้ที่มี IQ สูงเท่านั้น นักเรียนที่ประสบความสำเร็จ (และผู้ที่ประสบความสำเร็จ
หลังเลิกเรียน) มักจะแสดงความอยากรู้ทางปัญญาในระดับที่ดี แต่ทำไมความอยากรู้ (The
importance of Curious Skills) หรือ ทักษะความอยากรู้ (Curious Skills) จึงมีความสำคัญมากสี่
เหตผุ ล:

1. ทำให้สติปัญญาของคุณตื่นตัวแทนที่จะนิ่งเฉย (It Makes your Mind Active
Instead of Passive) คนท่ีมีอยากรู้มกั จะถามคำถามและคน้ หาคำตอบ มีสตปิ ัญญาท่ีกระตือรือร้นอยู่
เสมอ เน่อื งจากสติปัญญาเปรียบเสมือนกล้ามเนื้อท่ีจะแข็งแรงขน้ึ จากการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
การออกกำลังกาย สตปิ ญั ญาท่ีเกดิ จากความอยากรู้ทำให้มปี ัญญาที่แข็งแกร่งขน้ึ

2. ทำให้สติปัญญามีความช่างสังเกตแนวคิดใหม่ ๆ (It Makes your Mind Observant
of New Ideas) เมอื่ อยากรูเ้ กีย่ วกับบางส่งิ บางอย่าง สตปิ ัญญาของเรายอ่ มคาดหวงั และเฝ้ารอแนวคิด
ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น เมื่อความคิดเกี่ยวกับสิ่งนั้นเข้ามา ก็จะรับรู้ได้ หากปราศจากความ
อยากรู้ แนวคิดอาจอยู่ตรงหน้าก็คิดไม่ถึง เพราะสติปัญญาไม่พร้อมที่จะรับรู้ ลองคิดดู มีกี่แนวคิดดๆี
ทอี่ าจสูญหายไปเนือ่ งจากขาดความอยากรู้?

3. เปิดโลกและความเป็นไปได้ใหม่ (It Opens up New Worlds and Possibilities)
ด้วยความอยาก อาจจะสามารถทำให้เห็นโลกใหม่ ๆ และความเปน็ ไปไดท้ ่ปี กตแิ ล้วไม่เคยมองเห็น มัน
ถูกซ่อนอยู่หลังฉากของชีวิตปกติ และต้องใช้สติปัญญาที่มีความอยากรู้ในการมองลึกลงไปใต้พื้นผิว
และค้นพบโลกและความเป็นไปได้ใหมเ่ หลา่ นี้

4. นำความตื่นเต้นมาสู่ชีวิตของคุณ (It Brings Excitement into your Life) ชีวิตของ
คนที่อยากรู้อยู่ห่างไกลจากความน่าเบื่อ คนเหล่าจะไม่น่าเบื่อหรือทำอะไรเดิม ๆ เป็นกิจวัตร มีสิ่ง
ใหม่ๆ ที่ดึงดูดความสนใจของผู้อยากอยู่เสมอ เช่น การมี "ของเล่น" ใหม่ๆ ให้เล่นอยู่เสมอ แทนที่จะ
นง่ั เบ่ือ คนข้ีสงสัยกลับมชี วี ิตทีผ่ จญภัย

25

เคล็ดลบั ในการพัฒนาความอยากรู้ :
1. เปิดใจให้กว้าง (Keep an Open Mind) นี่เป็นสิ่งสำคัญหากมีความอยากรู้ เปิดใจ
เรียนรู้ ละท้ิงสงิ่ ทเี่ คยรมู้ า และเรียนรู้ใหม่ (Learn, Unlearn, and Relearn)
2. อย่ายึดถือสิ่งใดตามมูลค่าที่เห็น (Don’t Take Things at Face Value) หากเพียงแค่
ยอมรับโลกตามท่ีเปน็ อยู่โดยไมพ่ ยายามเรียนรู้ให้ลึกซึง้ อาจจะสูญเสยี “ความอยากรู้ท่ีศักดิส์ ิทธ์ิ” ไป
อยา่ งแนน่ อน อยา่ ยึดถอื ของตามมูลค่า พยายามขุดลึกลงไปใต้พืน้ ผวิ ของสงิ่ รอบตัว
3. ถามคำถามอย่างไม่ลดละ (Ask Questions Relentlessly) เป็นวิธีที่แน่นอนในการ
เจาะลึกลงไปภายใต้พ้ืนผิว คอื การถามคำถาม: น่ันคืออะไร? ทำไมมนั ทำเป็นอย่างนน้ั ? มนั ถูกสร้างข้ึน
เมื่อไหร่? ใครเป็นคนคิดค้นมัน? มันมาจากไหน? มันทำงานอย่างไร? อะไร ทำไม เมื่อไหร่ ใคร ที่ไหน
และอยา่ งไรคือเพ่ือนทดี่ ที ีส่ ุดของคนที่อยากรู้
4. อยา่ จำกัดว่าสิ่งใดน่าเบื่อ (Don’t Label Something as Boring) เม่อื ใดก็ตามท่ีไปยึด
ตดิ ว่าบางอย่างนา่ เบ่ือ นน่ั กเ็ ปน็ การปดิ ประตแู ห่งความเป็นไปได้อีกบานหน่ึง คนที่อยากร้ไู มเ่ รียกสิ่งใด
ว่าน่าเบื่อ แตจ่ ะกลับมองวา่ มันเป็นประตสู โู่ ลกใหม่ท่ีนา่ ต่ืนเตน้ เสมอ
5. มองว่าการเรียนรู้เป็นสิ่งที่สนุก (See Learning as Something Fun) หากมองว่าการ
เรียนรู้เป็นภาระ ไมม่ ที างที่จะอยากเจาะลึกลงไปในสงิ่ ใด นนั่ ก็จะทำให้มันดูเป็นภาระท่หี นักขึ้น แต่ถ้า
คดิ วา่ การเรยี นรู้เป็นสิ่งที่สนุก มนุษย์ทัง้ หลายจะต้องการเรียนรู้อย่างลึกซงึ่ โดยธรรมชาติ ดังน้ันให้มอง
ชวี ิตดว้ ยความสนกุ ต่ืนเตน้ และมคี วามสขุ กบั กระบวนการเรยี นรู้
6. มีความหลากหลายในการอ่านของคุณ (Have Diversity in your Reading) อย่าใช้
เวลามากเกินไปในโลกใบเดียว มองดูโลกอื่น และส่วนที่เกี่ยวกับความเป็นไปได้และความตื่นเต้นของ
โลกอื่น ๆ ที่อาจจุดประกายความสนใจได้ในการสำรวจต่อไป วิธีง่ายๆ วิธีหนึ่งในการทำเช่นนี้คือการ
อ่านงานเขียนและหัวข้อที่หลากหลาย ลองเลือกหนังสือหรือนิตยสารในหัวข้อใหม่และปล่อยให้มัน
หล่อเลยี้ งจติ ใจด้วยความตน่ื เตน้ ของโลกใหม่ดว้ ยตนเอง

โปรดทบทวน - ความสำคัญของความอยากรู้ จากทัศนะของ Einstein มี
สาระสำคัญอะไร?

…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หมายเหตุ : ศึกษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” ดูได้จากเวบ็ ไซต์ข้างล่างน้ี

https://andersonuniversity.edu/sites/default/files/student-success/importance-of-being-
curious.pdf

26

5 ความสำคัญของความอยากรู้
จากทัศนะของ Sasson

Sasson (n.d.) เป็นผู้เขียนและผู้สร้างเว็บไซต์ Success Consciousness ได้กล่าวถึง
เกย่ี วกับ 6 ประโยชน์ความสำคญั ทนี่ า่ อศั จรรยข์ องความอยากรู้ (6 Amazing of Curiosity) ดงั นี้

1. คนขี้สงสัยไม่เคยเบื่อ (A Curious Person Never Feels Bored) บางครั้งความรู้สึก
เบื่อและดูเหมือนไม่มอี ะไรน่าสนใจเลย สำหรับคนข้ีสงสัยจะไม่ค่อยเบื่อ เพราะมีอะไรใหม่ให้รู้ เรียนรู้
สำรวจ หรอื แกไ้ ขอยู่เสมอ ชวี ติ ของคนข้ีสงสยั นน้ั นา่ สนใจและนา่ ตื่นเตน้ อยเู่ สมอ

2. ความอยากรู้อยากเห็นในที่ทำงาน (Curiosity at Work) คนขี้สงสัย มักจะแสดงความ
สนใจในงานของตนเองมากข้นึ ด้วยความอยากรู้ มักจะถามคำถาม การเรยี นรู้ อา่ นและเพ่ิมพนู ความรู้
เกี่ยวกับงานอยู่เสมอ สิ่งนี้จะนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพและเชี่ยวชาญมากขึ้น และจะทำให้
ประสบความสำเร็จและได้รับการเลอื่ นตำแหน่ง

3. คนขี้สงสัยคือคนที่น่าสนใจและเป็นคนเปิดกว้าง (A curious person is an
interesting and an open-minded person) ความอยากรู้จะเปิดความคิดไปสู่ข้อเท็จจริงและ
ข้อมูลใหม่ ทำความเข้าใจผู้คน และเรียนรู้เก่ียวกับวัฒนธรรม แนวคิด และวิธีอื่นๆ ในการทำสิ่งต่างๆ
มันทำให้คนทอ่ี ยากรแู้ ละปรารถนาท่ีจะสำรวจแนวคิดใหม่ ๆ และวิธีการใหม่ ๆ ในการทำสิง่ ตา่ ง ๆ ผู้
ที่มคี วามคดิ อยากรู้จะมคี วามรแู้ ละขอ้ มลู มากขึน้ ชอบการคน้ หาคำตอบและวธิ แี กป้ ัญหา และนำความ
สนใจ ความกระตอื รือรน้ และความมีชวี ิตชวี ามาสกู่ ารสนทนา

4. ความอยากรู้นำความคิดสร้างสรรค์มาสู่ชีวิต (Curiosity brings Creativeness into
One’s Life) เมื่อความอยากรู้เกิดขึ้นในใจ มนุษย์มักจะมีความคิดสร้างสรรค์ เพราะสามารถเห็นสิ่ง
ต่าง ๆ ในมุมมองที่ต่างออกไปหรือกว้างขึ้น สิ่งนี้มีประโยชน์มากที่สุดสำหรับนักเขียน จิตรกร และ
ศิลปินทุกประเภท นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ในธุรกิจและในงานประเภทใด ๆ เนื่องจากจะแสวงหา
วิธีการทำสิง่ ต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์และใหม่ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ หรือทำสิ่งต่าง ๆ หรือการมองไป
รอบ ๆ ตวั เพอื่ ดูว่าคนอ่นื ทำอะไร ถามคำถาม แล้วทำสง่ิ ท่ีแตกต่างและดีกวา่ เดิม

5. ไดร้ ับความนยิ มและการดึงดูดเพ่ือน (Popularity and Gaining Friends) เม่ือมีอยาก
รู้ การแสดงความสนใจในผู้คน การถามคำถาม และการพดู คุยเกย่ี วกับตวั เอง แทนท่จี ะคุยวนไปวนมา
เกี่ยวกับตัวคุณเอง สิ่งนี้ทำให้ถูกมองว่าเป็นคนน่าคบ เป็นที่นิยม และเป็นมิตรมากขึ้น แต่อาจจะดู
แปลก แต่เมื่อมีถามคำถาม แสดงความสนใจในผู้อื่น และสนับสนุนให้พูดเกี่ยวกับตัวเอง ผู้คนมองว่า
เป็นคนทเ่ี ป็นมิตรทสี่ ุด

27

6. คนที่อยากรู้มีวิธีมองสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนใคร (Curious People Have a Unique
Way of Looking at Things) สติปัญญาที่มีความอยากรู้ชอบสอบถาม และต้องการรู้มากกว่า และ
เข้าใจสงิ่ ทผ่ี ู้คนคดิ และรู้ว่าทำไมถึงคดิ เช่นนน้ั คนทอี่ ยากรู้ย่อมต้องการรูว้ ่า "ทำไม" "อย่างไร" "ท่ีไหน"
และ "เม่ือใด" ในทกุ หัวข้อที่สงสัยและสำรวจ ซง่ึ ทำให้มมี มุ มองท่ีกวา้ งขึน้ เก่ียวกับชวี ิต เหตกุ ารณ์ และ
ข้อเท็จจริงง่ายๆ ความอยากรู้นี้เปิดมุมมองใหม่และวิธีการมองชีวิต ช่วยให้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ จาก
มุมมองอื่น และขยายความคิดและความรู้ จากเหตุผลที่กล่าวมาเหล่านี้ ไม่ใช่เหตุผลที่มีทั้งหมดท่ี
จำเป็นต้องพัฒนาความอยากรู้ แต่ส่ิงเหลา่ น้เี ป็นเพียงเหตุผลบางส่วนท่ีสำคัญเท่านั้น

โปรดทบทวน - ความสำคัญของความอยากรู้ จากทัศนะของ Sasson มี
สาระสำคญั อะไร?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หมายเหตุ : ศึกษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลกิ ” ดไู ดจ้ ากเว็บไซต์ข้างลา่ งนี้

https://www.successconsciousness.com/blog/tips-for-life/6-amazing-benefits-of-curiosity/

Source - https://bit.ly/3bD9srO

28

โปรดวจิ ารณ์ “ความสำคัญของความอยากร”ู้ (The Importance of

Curious) ขา้ งลา่ งน้ี ว่าทำให้เขา้ ใจความหมายท่ีครอบคลุมและ
ชัดเจนแล้วหรอื ไม่ ควรปรบั หรอื เพิม่ เติมอะไรอกี หรือไม่

จากทัศนะของแหล่งอ้างอิงที่นำมากล่าวถึงข้างต้น สรุปได้ว่า ความอยากรู้ (Curious) มี
ความสำคัญเพราะความอยากรู้มีประโยชน์ ดังนี้ เช่น 1) ช่วยให้บุคคลตกเป็นเหยื่อความลำเอียงเพื่อ
ยืนยัน (ในความคิดของตน) น้อยลง 2) ช่วยให้มีนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกมากขึ้น 3)
ช่วยเข้าใจมุมมองของผู้อื่น ทำให้ลดความขัดแย้งในกลุ่ม 4) มีการสื่อสารที่เปิดกว้างมากขึ้นและ
ประสิทธิภาพของทีมท่ีดขี ึน้ 5) ช่วยให้อยู่รอดจากความอยากสำรวจและแสวงหาสิง่ แปลกใหม่ช่วยให้
ตน่ื ตวั และได้รบั ความรูเ้ กีย่ วกบั สภาพแวดล้อมที่เปลีย่ นแปลงตลอดเวลา 6) ชว่ ยให้มีความสุขมากกว่า
มีความเป็นอยู่ทางจิตใจที่ดีขึ้น 7) ช่วยเพิ่มความสำเร็จ เพราะความอยากรู้และสนใจในสิ่งที่กำลังทำ
มากขึน้ กจ็ ะง่ายขนึ้ ท่ีจะมสี ว่ นร่วม ทมุ่ เท และทำได้ดี 8) ทำให้เข้าใจผทู้ ม่ี ชี วี ติ ประสบการณ์ และโลก
ทัศน์ที่แตกต่างจากเราได้ดีขึ้น 9) ช่วยกระชับความสัมพันธ์จากการเปิดเผยตัวตนซึ่งกันและกัน 10)
ชว่ ยปรบั ปรงุ ประสิทธภิ าพด้านงานดูแลสุขภาพ 11) ชว่ ยให้สติปญั ญาต่ืนตวั แทนทจ่ี ะน่ิงเฉย 12) ช่วย
ให้สติปัญญามีความช่างสังเกตแนวคิดใหม่ ๆ 13) ช่วยเปิดโลกและความเป็นไปได้ใหม่ 14) นำความ
ตน่ื เต้นมาสชู่ วี ติ มี "ของเล่น" ใหมๆ่ ให้เล่นอยเู่ สมอ แทนทจี่ ะนั่งเบ่ือ 15) ช่วยให้เป็นนักแก้ปัญหาท่ีดี
ข้นึ 16) ช่วยใหเ้ อาชนะความกลัว 17) ชว่ ยใหม้ คี วามรู้และมคี วามตระหนกั ในตนเองมากข้ึน

จากนานาทัศนะเกี่ยวกับความสำคัญของความอยากรู้ (The Importance of Curious)
ดงั กลา่ วข้างตน้ ท่านเหน็ ว่ามีแนวคิด (Concelpts) ท่สี ำคัญอะไรบ้าง ทที่ ำให้เข้าใจในความสำคัญของ
ความอยากรขู้ องนกั เรียนนั้นได้อย่างกระชับและชัดเจน โปรดระบแุ นวคิดนน้ั ในภาพทแี่ สดงขา้ งลา่ ง

29

Campbell, E.J. (2015, September 24). Six surprising benefits of curiosity. Retrieved
August 3, 2021 from
https://greatergood.berkeley.edu/article/item/six_surprising_benefits_of_curiosity

Cmaconsult. (2019, January 7). The benefits of curiosity in the workplace. Retrieved
August 3, 2021 from https://cmaconsult.com/the-benefits-of-curiosity-in-the-
workplace/

Einstein, A. (n.d.). The importance of being…curious the important thing is not to stop
questioning… never lose a holy curiosity. Retrieved August 3, 2021 from
https://andersonuniversity.edu/sites/default/files/student-success/importance-
of-being-curious.pdf

Ellora, M. (2019, February 22). The benefits of being curious. Retrieved August 3, 2021
from https://thriveglobal.com/stories/the-benefits-of-developing-curiosity/

Sasson, R. (n.d.). 6 Amazing benefits of curiosity. Retrieved August 3, 2021 from
https://www.successconsciousness.com/blog/tips-for-life/6-amazing-benefits-of-
curiosity/

30

31

หลังจากการศึกษาคู่มือชุดนี้แล้ว ท่านมีพัฒนาการด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) ซึ่ง
เป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปัญญาตาม The Revised
Taxonomy (2001) ของ Benjamin S. Bloom โดยจาํ แนกพฤติกรรมในขอบเขตนี้ออกเปน็ 6 ระดับ
เรียงจากพฤติกรรมที่สลับซับซ้อนน้อยไปหามาก หรือจากทักษะการคิดขั้นต่ำกว่าไปหาทักษะการคิด
ขั้นสูงกว่า ดังนี้ คือ ความจำ (Remembering) ความเข้าใจ (Understanding) การประยุกต์ใช้
(Applying) การวิเคราะห์ (Analyzing) การประเมิน (Evaluating) และการสร้างสรรค์ (Creating)
ดังน้ี

1) บอกคุณสมบัติ จับคู่ เขียนลำดับ อธิบาย บรรยาย ขีดเส้นใต้ จำแนก หรือระบุ ลักษณะ
หรอื คุณลักษณะท่แี สดงถงึ ทักษะอยากรู้ของนักเรียนได้

2) แปลความหมาย อธิบาย ขยายความ สรุปความ ยกตัวอย่าง บอกความแตกต่าง หรือ
เรยี บเรยี ง ลกั ษณะหรอื คณุ ลกั ษณะท่แี สดงถงึ ทักษะอยากรู้ของนักเรยี นได้

3) แก้ปัญหา สาธิต ทำนาย เชื่อมโยง ความสัมพันธ์ เปลี่ยนแปลง คำนวณ หรือปรับปรุง
ลักษณะหรือคุณลกั ษณะทีแ่ สดงถงึ ทักษะอยากรู้ของนักเรยี นได้

4) แยกแยะ จัดประเภท จำแนกให้เห็นความแตกต่าง หรือบอกเหตุผล ลักษณะหรือ
คณุ ลักษณะทแ่ี สดงถงึ ทกั ษะอยากรู้ของนักเรียนได้

5) วดั ผล เปรยี บเทยี บ ตีค่า ลงความเหน็ วิจารณ์ ลักษณะหรือคณุ ลักษณะที่แสดงถึงทักษะ
อยากรขู้ องนักเรียนได้

6) รวบรวม ออกแบบ จดั ระเบียบ สรา้ ง ประดิษฐ์ หรือวางหลกั การที่แสดงถึงทักษะอยากรู้
ของนกั เรยี นได้

1) โปรดศึกษาเน้ือหาเก่ียวกบั ลักษณะหรือคุณลักษณะของบคุ คลท่มี ีความอยากรู้ของ
นักเรียนจากทศั นะท่นี ำมากล่าวถึงแต่ละทศั นะ

32

2) หลังจากการศึกษาเนื้อหาโปรดทบทวนความเขา้ ใจจากคำถามท้ายเนื้อหาของแตล่ ะทัศนะ
3) ศึกษารายละเอียดของลักษณะหรือคุณลักษณะของบุคคลที่มีความอยากรู้ของนักเรียนท่ี

เป็นต้นฉบบั ภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” เวบ็ ไซตท์ นี่ ำเสนอไว้ท้ายเน้ือหาของแตล่ ะทศั นะ

Vozza (2015) เป็นนักเขียนและบรรณาธิการธุรกิจอิสระ - Freelance เทนเนสซี ธุรกิจ
และการเงินอสังหาริมทรัพย์ ได้กล่าวถึง 8 นิสัยของผู้ที่มีความอยากรู้ (Eight Habits of People
who’ve Retained their Sense of Curiosity) ดงั น้ี

1. รับฟังโดยไม่รีบตัดสิน (Listen Without Judgment) การตั้งสมมติฐานเมื่อฟังข้อมูล
จากผู้อื่น ไม่มีวาระซ่อนเร้นใด ๆ พยายามเข้าใจมุมมองของผู้อื่น และยินดีที่จะอยู่ในความกำกวมไป
ก่อน เปิดกว้าง และอยากรู้โดยไม่ตัดสินผลลพั ธ์ก่อน คนที่อยากรู้จะไม่โทษ ไม่อับอาย และสนับสนนุ
การทำงานร่วมกัน มุ่งเน้นการสำรวจทางเลือกต่าง ๆ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นทางออกที่
สนับสนนุ การทำงานรว่ มกนั และนำไปสูน่ วัตกรรมใหม่

2. ถามคำถามมากมาย (Ask Lots of Questions) คนที่อยากรู้มักถามคำถามที่เริ่มต้น
ด้วย "อย่างไร" "อะไร" "เมื่อไหร่" "ที่ไหน" และ "ทำไม" และจะหลีกเลี่ยงคำถามที่ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่
ซง่ึ การทำเชน่ นี้เป็นเปดิ กวา้ งให้กบั ผู้ถกู ถาม และสำหรบั ผทู้ ี่ถามดว้ ย

3. แสวงหาความประหลาดใจ (Seek Surprise) มีหลายคนทั้งรักทั้งเกลียดความ
ประหลาดใจ คนที่อยากรู้ยินดีรับความประหลาดใจในชีวิต อยากลองอาหารใหม่ ๆ พูดคุยกับคน
แปลกหน้า หรือถามคำถามท่ีไมเ่ คยถามมากอ่ น ซง่ึ การเปดิ รบั ส่งิ ทีน่ า่ ประหลาดใจเป็นเพียงการถามว่า
อยากจะรสู้ ึกมีชีวติ ชีวาแคไ่ หน

4. ให้เวลากับสิ่งที่ทำอยู่อย่างเต็มที่ (Fully Present) คนที่อยากรู้จะปิดโทรศัพท์และจด
จ่อกับการสนทนา หรือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเต็มที่ เช่น การทำอาหารเย็น การพูดคุยกับคนใน
ครอบครวั แตห่ ากทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ไม่ได้มพี น้ื ทีใ่ ห้เกิดความอยากรู้

5. เต็มใจที่จะผิดพลาด (Willing to Be Wrong) มีความสามารถในการระงับความรู้สึกที่
จะเป็นผ้ถู กู เสมอ เพอ่ื ทจ่ี ะเปิดใจรบั ข้อมลู เชิงลึกและความคดิ เห็นของผู้อ่ืนเปน็ ลักษณะของคนอยากรู้
มักจะต้องปลูกฝังความอยากรู้โดยตั้งใจ ซึ่งมาจากการหยุดโดยเจตนา เช่น “วัฒนธรรมแห่งความ
อยากรู้ในบริษทั มีประโยชนม์ ากมาย โดยเฉพาะในหมผู่ นู้ ำ” ดงั นน้ั ทมี ที่อยากร้มู กั จะมองหาตัวเลือกที่

33

หลากหลายกว่าสำหรับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ มุมมองทางการตลาด และแนวทางแก้ไขปัญหา ทีมที่ตั้ง
ตนอยเู่ ฉพาะในความถกู ต้องจะทำในสง่ิ ที่ตรงกันขา้ ม

6. ให้เวลากับความอยากรู้ (Make Time for Curiosity) การใช้เวลาหนึ่งวนั ต่อเดือนเพ่อื
นึกถึงสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อตั้งคำถามกับสมมติฐานและความสงสัยว่า
กำลงั ทำสิ่งทไี่ ม่ควรทำอกี ต่อไปหรือไม่ หรอื จะต้องปลูกฝงั ความอยากรโู้ ดยตั้งใจจรงิ

7. อยา่ กลวั ทจี่ ะพูดว่า "ฉนั ไมร่ ู้" (Aren’t Afraid to Say, “I Don’t Know.”) คนที่อยาก
รู้มักจะแสวงหาความรู้ใหม่โดยมีส่วนรว่ มในการสนทนา การถูกถามคำถาม จะต้องไมก่ ลัวที่จะยอมรับ
เมื่อไม่มีคำตอบ ดังที่ LeeAnn Renninger ผู้เขียนร่วมเรื่อง Surprise: Embrace the
Unpredictable and Engineer the Unexpected ไดก้ ล่าวว่า การเรยี นรมู้ ีความสำคัญมากกว่าการ
ดูฉลาด

8. ไม่ปล่อยให้อดีตทำร้ายอนาคตของพวกเขา (Don’t Let Past Hurts Affect Their
Future) David Klow ผู้ก่อต้ัง Skylight Counseling Center ใน Chicago ไดก้ ลา่ วว่า ความคิดของ
คนเรามสี องส่วน ส่วนหน่งึ มีประสบการณใ์ หมแ่ ละอีกสว่ นหน่ึงทเ่ี ขา้ ใจประสบการณ์เหลา่ นั้น สว่ นหนึ่ง
ไม่สามารถทำงานโดยไม่มีอีกส่วนได้ “ปัญหาสำหรับผู้ใหญ่หลายคน คือหยุดสงสัยเกี่ยวกับ
ประสบการณ์ใหม่ ๆ และมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจสิ่งที่เราได้ผ่านมาแล้วแทน” นี่เป็นเร่ืองจริง
โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ถ้าไดร้ ับบาดเจบ็ ในอดตี อย่างไรก็ตาม คนท่อี ยากรู้จะพัฒนาฐานท่แี ข็งแกร่งและมี
แนวโนม้ ทจี่ ะเส่ียงมากขึ้นกว่าเดิม

โปรดทบทวน - ลักษณะหรือคุณลักษณะของบุคคลที่มีความอยากรู้ จากทัศนะ
ของ Vozza มสี าระสำคญั อะไร?

…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หมายเหตุ : ศึกษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” ดไู ดจ้ ากเวบ็ ไซต์ข้างล่างนี้

https://www.fastcompany.com/3045148/8-habits-of-curious-people

34

Natural Training (2019) เว็ปไซต์ทางด้านการศึกษา ได้นำเสนอไว้ถึง 10 นิสัยที่ดีของ
คนที่อยากรู้ที่สามารถปรับตัวและอยู่ตามธรรมชาติได้เอง (10 Great Habits of Curious People
You Can Adapt and Adopt Naturally for Yourself) ดงั น้ี

1. รับฟังโดยไม่รีบตัดสิน (Listen without Judgement) ไม่ประมาณการและ
ตั้งสมมติฐาน เพราะคนที่อยากรู้มุ่งเน้นไปที่การสำรวจทางเลือกต่าง ๆ มากกว่าที่จะกล่าวโทษให้อับ
อายหรอื ดว่ นสรุปผล

2. ถามคำถามอย่างไม่ลดละ (Ask Questions Relentlessly) ความอยากรู้ทำให้ตั้ง
คำถามวา่ “อะไร ทำไม ใคร เมื่อไร ท่ีไหน และทำอยา่ งไร” จึงจะไดค้ วามลบั ทล่ี ึกซง้ึ ยง่ิ ข้ึน คนข้ีสงสัย
ไมก่ ลัวคำถาม

3. ไม่เคยเบื่อ (Never Get Bored) เมื่อมีความอยากรู้โดยธรรมชาติ มนุษย์จะมองหาสิ่ง
ใหมอ่ ยูเ่ สมอ และทีอ่ ยากรสู้ ามารถค้นหาสิง่ ท่ีนา่ สนใจดว้ ยการสำรวจไดเ้ สมอ

4. เต็มใจที่จะผิด (Willing to be Wrong) การได้ปลูกฝังความรู้สึกเปิดกว้างต่อความ
เข้าใจและความคิดเหน็ ของผู้อืน่ มากกวา่ ท่ีจะถกู ต้อง การอยูเ่ พอ่ื แกป้ ญั หาแทนทท่ี ั้งหลาย

5. เอาใจใส่อย่างเป็นธรรมชาติ (Naturally Empathetic) ความเอาใจใส่ช่วยให้สามารถ
เชื่อมต่อกับลูกค้าและผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าได้โดยธรรมชาติและน่าเชื่อถือ โดยการเอาใจใส่ช่วย
เปิดประตสู คู่ วามสัมพันธใ์ หม่ไดด้ ว้ ย

6. อยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า (Stay in the Moment) คนอยากรู้ไม่ทำงานหลายหนา้ มักจด
จอ่ อยู่กับปจั จบุ นั อย่างเตม็ ท่ี ซง่ึ จะทำให้สามารถรับรู้ทกุ ส่ิงท่ีเกดิ ขึ้นอย่างเตม็ ที่ด้วยเช่นกัน

7. อย่ากลัวที่จะพูดว่า "ฉันไม่รู้" (Aren’t Afraid to Say “I Don’t Know) การเรียนรู้
บางส่งิ สำคญั กว่าการดฉู ลาดสำหรบั คนที่อยากรู้ มักจะแสวงหาความรู้โดยมีส่วนร่วมในการสนทนา

8. ให้เวลากบั ความอยากรู้ (Make Time for Curiosity) คนทอ่ี ยากรมู้ กั จะหาเวลาเพื่อใช้
ไปกับความอยากรู้โดยเจตนา ด้วยการใช้เวลาหนึ่งวันต่อเดือนเพื่อคิดล่วงไปข้างหน้า 3 ปี พร้อมต้ัง
คำถามกับเปา้ หมายและสมมตฐิ านวา่ กำลงั ทำในส่งิ ที่ไมค่ วรทำหรือไม่?

9. มีแรงจูงใจในตนเอง (Are Self-Motivated) เม่ือสนใจสิง่ ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ต้องแน่ใจว่า
ได้ใช้เวลาและความพยายามในการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้น และทำสิ่งนี้เพราะความต้องการ ไม่ใช่
เพราะมคี นบอกใหท้ ำ

35

10. รักการเรียนรู้ (Love to Learn) คนที่อยากรู้โดยธรรมชาติเป็นผู้เรียนตัวยง อ่าน
หนงั สอื บลอ็ ก หนังสอื ปกขาว และอะไรก็ตามทตี่ ้องการอยากทำได้ การเขา้ ร่วมช้นั เรยี นและหลักสูตร
การสอน โดยไม่เคยหยุดในการเรียนรู้

โปรดทบทวน - ลักษณะหรือคุณลักษณะของบุคคลที่มีความอยากรู้ จากทัศนะ
ของ Natural Training มีสาระสำคัญอะไร?

…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หมายเหตุ : ศึกษาจากต้นฉบับภาษาองั กฤษ โปรด “คลกิ ” ดูไดจ้ ากเว็บไซตข์ า้ งลา่ งนี้

https://www.naturaltraining.com/10-great-habits-of-curious-people/

Peters (2019) ได้กล่าวว่า ในทุกอุตสาหกรรมมีความต้องการที่จะมองหาคนท่ีมีความ
อยากรู้ เพอ่ื จา้ งหรอื จัดหาสนิ ค้าและใหบ้ ริการ ซงึ่ มลี ักษณะเด่นของคนท่อี ยากรู้ ดงั นี้

1. ความหลงใหลในการเรียนรู้ (Passion to Learn) ในอดีตคนเราอาจจบการศึกษาจาก
มหาวิทยาลัยแล้วได้งานทำ และทำอยู่แบบนั้นเป็นเวลาหลายสิบปี จากทัศนคตินี้ไม่เป็นที่ยอมรับใน
โลกของธุรกิจสมัยใหม่อีกต่อไป บริษัทต่างๆ ซึ่งกำลังมองหาคนที่มีความกระตือรือร้นที่ดูเหมือนจะ
ตรงกนั ขา้ ม ความหลงใหลในการทำงานที่ยอดเยีย่ มในหนา้ ที่ทที่ ำอยู่ และความปรารถนาอันแรงกล้าที่
จะก้าวไปส่คู วามท้าทายทย่ี งิ่ ใหญ่กวา่ เดมิ คนทอ่ี ยากรู้จะแสดงความหลงใหลในการเรยี นรโู้ ดยไม่กลัวที่
จะบอกว่าไม่รใู้ นเรอื่ งนั้น ซง่ึ ในอดตี ถอื วา่ อาจเป็นเหตุให้ถูกไล่ออกเพราะอา้ งวา่ ไม่รอู้ ะไร สำหรบั คนท่ี
อยากรูจ้ ะบอกวา่ ไม่รู้ แต่กพ็ ยายามมงุ่ ม่ันท่ีจะคน้ หาและรายงานสิ่งที่ค้นพบโดยเร็วทสี่ ุด

2. มองสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองท่ี แตกต่าง (Look at Things from A Different
Perspective) บ่อยครง้ั เมือ่ ถูกถามว่า “กำลังทำอะไรอย”ู่ คนท่ีอยากรจู้ ะบอกไปวา่ กำลงั พยายามท่ีจะ
มองปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกมาระยะหนึ่งจากมุมที่ต่างออกไป ซึ่งอาจจะมองดูเหมือนไม่สามารถพิสูจน์ได้
ว่ามีประโยชน์ ซึ่งอาจไม่สามารถเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ จากการทดลองทางความคิดนี้ได้ แต่ผู้บริหาร
สมัยใหม่จะพอใจในความพยายามที่สมาชกิ หรือพนักงานไดแ้ สดงออกมานัน้

36

3. ตระหนักรู้ (Awareness) ตลอดชีวิตคนที่อยากรู้มักจะมองหาบางสิ่งที่แตกต่างออกไป
ไมจ่ ำเปน็ ต้องเป็นส่งิ ใหมเ่ สมอไป ซง่ึ อาจเป็นวิธีท่แี ตกต่างในการมองจากเรื่องเดิม เชน่ ในแวดวงธุรกิจ
หรอื บรษิ ทั ท่ีสง่ เสริมการตระหนักรจู้ ะสง่ เสริมนวัตกรรมและมองหาส่งิ ที่แตกต่างออกไป

4. ความกตัญญูกตเวที (Gratitude) เป็นหนึ่งในคุณลกั ษณะทีเ่ ปน็ ที่ช่ืนชมน้อยที่สุดของผู้
ที่มีความอยากรู้และผู้มีความคิดสร้างสรรค์ คนเหล่านี้รู้สึกขอบคุณผู้สร้าง พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และ
สังคมท่ีไดร้ ับการเล้ยี งดูมา ความกตญั ญูท้ังหมดน้ีกอ่ ให้เกิดอารมณ์และจติ ใจทีท่ ำให้มีท่วี ่างสำหรับการ
สังเกตซึ่งเป็นสาเหตุของความอยากรู้ ไม่ใช่ความรสู้ ึกขอบคณุ ต่อมรดกหรือภมู ิหลงั ของตน

5. ความสมดุล (Balance) คนที่อยากรู้มีอิสระทางจิตใจในการมองสิ่งต่าง ๆ ในรูปแบบ
ใหม่ ซึ่งมาจากความพอใจภายในท่เี กิดข้ึนจากความสมดุลในทุกด้านของชวี ิต จำเปน็ ตอ้ งมคี วามสมดุล
ระหว่างการออกกำลังกายและการพักผ่อน หรือระหว่างการกินเพื่อความพึงพอใจกับการกินเพื่ออยู่
มากกว่าจะอยู่เพอ่ื กนิ ในทุก ๆ ดา้ น ความสมดลุ นำไปสสู่ ภาพจติ ใจท่ีเปดิ รบั ความคิดใหม่ๆ

6. ความอยากรู้ของ Einstein และ Disney Albert Einstein ความสงสัยเกี่ยวกับความ
ผิดปกติที่แสงมีความเร็วคงที่ ที่ทำให้สิ่งท่ีถูกเรียกว่า "การทดลองทางความคิด" เพราะเพียงต้องการ
คุย้ เขยี่ หาสาเหตขุ องความผดิ ปกตนิ ัน้ ผลที่ไดค้ ือทฤษฎีสมั พัทธภาพ และคณุ คา่ ของความอยากรู้ เรยี ก
สิ่งน้ีวา่ คณุ สมบัติ "ศักด์ิสิทธ"์ิ ของมนุษย์

ดังนั้น ความอยากรู้เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นผู้นำ ความคิดสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจ
นวัตกรรม และการประดิษฐ์ ซึ่งอาจเป็นคนที่อยากรู้ที่สุดในโลกและแสดงออกเพียงเล็กน้อย แต่คนที่
ประสบความสำเร็จมากท่สี ุดไม่เคยสูญเสีย คือ "ความอยากรู้อนั ศักด์ิสทิ ธ์ิ" ดง่ั คำพดู ของไอนส์ ไตน์

โปรดทบทวน - ลักษณะหรือคุณลักษณะของบุคคลที่มีความอยากรู้ จากทัศนะ
ของ Peters มีสาระสำคัญอะไร?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หมายเหตุ : ศึกษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลกิ ” ดไู ด้จากเวบ็ ไซต์ขา้ งล่างน้ี

https://www.swaggermagazine.com/culture/life-tips/what-are-the-strongest-characteristics-of-
curious-people/

37

Schoultz (2019) ได้ใหท้ ัศนะเก่ียวกบั การเปน็ คนสร้างสรรค์มคี วามอยากรู้ มี 16 ลกั ษณะ
ที่นา่ สนใจ (Being Creative Curious People Share 16 Interesting Traits) ไวด้ ังน้ี

1. มีความคดิ สร้างสรรค์อยู่เพ่ือแก้ปัญหา (Being Creative, Live to Solve Problems)
แนวโน้มของผู้ที่จะเป็นลูกค้าทุกคนต้องมีความต้องการ เมื่อเริ่มจากค้นคว้าข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือ
บริการ เพราะต้องการปรับปรุงบางอย่าง หากมีข้อสงสัย หรือชอบสิ่งนี้ และต้องการทราบเป้าหมาย
วิธีการการวางแผนจะทำให้สิ่งนนั้ สำเร็จไดด้ ว้ ยหลกั และวธิ ี

2. คิดบวกอยูเ่ สมอ (Stay Positive) เชอื่ หรือไม่ว่าคนอยากร้มู ักจะมองโลกในแง่ดีมากกว่า
คนท่ีไม่ค่อยอยากรู้ แม้ว่าคนอื่นจะถอยหลังด้วยการปฏิเสธ แต่คนกลุ่มน้ีก็ยังก้าวย่างอย่างก้าวไป
ข้างหน้าเสมอ โดยการตั้งเป้าที่จะค้นพบสิ่งที่ผิดพลาดหรือสิ่งที่สามารถปรับปรุงได้ จากนั้นจึง
ดำเนินการตอ่ ไป

3. คนอยากรู้แสวงหาความประหลาดใจ (Curious People Seek Surprise) มีหลายคน
ทั้งรักทั้งเกลียดความประหลาดใจ ดังที่ Tania Luna ผู้เขียนร่วมของ Surprise: Embrace the
Unpredictable และ Engineer the Unexpected ได้กล่าวว่า “เมื่อคนเรามีเรื่องประหลาดใจมาก
เกินไป มักจะพบกับความวิตกกงั วล แต่เมื่อมีไมพ่ อก็จะรู้สึกเบื่อและไม่เชื่อมโยง” หรือหากรูส้ ึกสบาย
ใจที่สุดเมื่อมีบางสิ่งที่แน่นอน และจะรู้สึกมีชีวิตชีวาที่สุดเมื่อมีความประหลาดใจนั้นเข้ามา” ถ้าหาก
รู้สกึ สบายใจทสี่ ดุ เมอ่ื มบี างสิ่งท่แี น่นอน และจะรู้สึกมีชวี ิตชีวาทีส่ ดุ เม่ือไมเ่ ปน็ เช่นน้ัน คนที่อยากรู้ยินดี
รบั ความประหลาดใจในชีวติ เช่น การลองอาหารใหม่ ๆ พดู คุยกับคนแปลกหน้า หรอื ถามคำถามท่ีไม่
เคยถามมาก่อน

4.ไมม่ อี ะไรทำใหพ้ วกเขาเบือ่ (Nothing Bores Them) คนท่อี ยากรมู้ กั จะคน้ คว้าสงิ่ ใหม่ๆ
อยูเ่ สมอ และเปน็ ผลให้สรา้ งความรู้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าสถานการณจ์ ะเป็นอย่างไร ก็สามารถค้นหาสิ่ง
ที่น่าสนใจได้จากการสำรวจด้วย ซึ่งคนที่อยากรู้มักจะมีกิจกรรมที่ต้องทำอยู่ตลอดเวลาและค้นพบ
ข้อเทจ็ จรงิ ท่นี ่าสนใจเก่ียวกับวงการของตน ในขณะทีค่ นอ่นื ๆ ผดั วันประกนั พรุ่งหรืออยู่กับเนื้อหาเก่า
ๆ ซง่ึ คนเหล่านอี้ ่านหนังสอื และเรยี นรู้ดว้ ยวธิ ีการใหมๆ่

5. อย่าหลกี เลี่ยงคำถาม (Don’t Avoid Questions) คนท่ีอยากรตู้ ่างนอ้ มรบั คำถาม และ
จะไม่กลัวที่จะถูกถามคำถาม และการขอคำติชมที่จะช่วยทำให้ได้รับการพัฒนาตนให้ดีขึ้น หาก
สามารถเรียนรู้จากสิ่งนั้นได้ แม้จะรู้สึกอึดอัดใจในตอนแรกจากการรับข้อมูลหลังจากมีการฝึกฝนมา

38

บ้าง ซึ่งคนเหล่านี้จะคุ้นเคยกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย และนี่เป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับทุกคนในทุก
ธุรกิจ เนือ่ งจากชว่ งเวลาท่ไี ม่คุ้นเคย คือกฎตายตวั ไม่ใช่ขอ้ ยกเวน้

6. เต็มใจท่จี ะผิด (Willing to be Wrong) Sue Heilbronner ผู้ร่วมก่อตงั้ และ CEO ของ
MergeLane ซึ่งเป็นโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ (Accelerator Program) ที่มุ่งเน้นสตาร์ทอัพที่
ดำเนินกิจการโดยผู้หญิง ได้กล่าวว่า ความสามารถในการระงับความรู้สึกที่จะเป็นผู้ถูกเสมอเพื่อที่จะ
เปิดใจรับข้อมูลเชิงลึกและความคิดเห็นของผู้อื่นเป็นลักษณะของคนอยากรู้ ซึ่งจะต้องปลูกฝังความ
อยากรโู้ ดยตั้งใจ ซง่ึ มาจากการหยดุ โดยเจตนา เชน่ “วัฒนธรรมแหง่ ความอยากรู้ในบริษัทมีประโยชน์
มากมาย โดยเฉพาะในหมู่ผู้นำ” ดังนั้น “ทีมที่อยากรู้มักจะมองหาตัวเลือกที่หลากหลายกว่าสำหรับ
นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ มุมมองทางการตลาด และแนวทางแก้ไขปัญหา ทีมที่ตั้งตนอยู่เฉพาะในความ
ถูกตอ้ งจะทำในสิ่งท่ตี รงกันขา้ ม”

7. รักในการสนทนาโต้ตอบ (Love to Dialog) การศึกษาได้พิสจู น์ครั้งแล้วครั้งเล่าวา่ การ
รักษาระดับความอยากรูเ้ กี่ยวกับมุมมองทีแ่ ตกต่างกันจะชว่ ยให้ผู้คนสร้างและรกั ษาความสัมพันธท์ าง
สังคมได้ง่ายขึ้น ดังที่ Ben Dean, Ph.D. ได้กล่าวไว้ว่า “คนที่อยากรู้มักจะเป็นผู้ฟังและนักสนทนาที่
สูงกว่าคนทั่วไป” ซึ่งการเป็นผู้ฟังและนักสนทนาที่ยอดเยี่ยมนั้นจะประสบความสำเร็จ คนที่อยากรู้
มุ่งเนน้ ไปที่บุคคลที่กำลงั ตดิ ตอ่ ด้วยและพดู คยุ เกีย่ วกับสิ่งท่ีกำลังสนใจ พยายามและแสวงหาสิ่งใหม่ๆ

8. ถามทุกอย่าง (Question Everything) การที่บริษัทองค์กรสร้างวัฒนธรรมที่ต้องตั้ง
คำถามเกย่ี วกบั ทุกแนวปฏบิ ตั ิ ซง่ึ เนน้ ยำ้ ถงึ ความสำคญั ของคำถามเพื่อให้บริษัท “คดิ คน้ ปรับตวั ให้เขา้
กับการเปลี่ยนแปลง และรักษาความได้เปรียบในตลาดที่มีการแข่งขันสูงและมีการเคลื่อนไหวอย่าง
รวดเร็ว” คนที่อยากรู้ไม่กลัวที่จะตั้งคำถามกับกลวิธีแบบเก่า และสิ่งนี้จะช่วยให้สามารถเพ่ิม
ประสทิ ธภิ าพแนวทางปฏบิ ตั ิ การสง่ สาร และธรรมเนยี มไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่อื ง

9. ไม่กลัวที่จะพูดว่า “ไม่รู้” (Aren’t Afraid to Say “I Don’t Know”). คนที่อยากรู้
มักจะแสวงหาความรู้ใหมโ่ ดยมีสว่ นรว่ มในการสนทนา เมื่อถกู ถามคำถาม กจ็ ะไม่กลวั ท่ีจะยอมรับเม่ือ
ไม่มีคำตอบ ดังที่ LeeAnn Renninger ผู้เขียนร่วมเรื่อง Surprise: Embrace the Unpredictable
and Engineer the Unexpected ไดก้ ลา่ วไว้ว่า “สงิ่ สำคัญคอื การเรียนรู้มากกว่าการมองฉลาด”

10. อุทิศเวลา (Put in the Time) คนอยากรู้ต้องการหาทางแก้ปัญหา เมื่อบางอย่าง
ดึงดูดความสนใจ มักจะใจจดใจจ่อ จนกว่าจะสามารถค้นพบเกี่ยวกับปัญหานั้นเพิ่มเติม หรือเข้าถึง
จุดสน้ิ สดุ ของปัญหา และถา้ หากหาทางแก้ปัญหาไม่ได้ ไมว่ ่าจะเปน็ เวลาหน่ึงหรือสองช่วั โมง หรือหลัง
17.00 น. คนทีอ่ ยากร้กู จ็ ะยงั คงค้นหาตอ่ อยู่อกี นาน

11. ได้รับแรงจูงใจอย่างง่ายดาย (Easily motivated) การสนใจในสิ่งใหม่ ๆ อย่าง
สม่ำเสมอ หมายความว่า การมีแรงจูงใจในตนเองที่จะทุ่มเทเวลาและความพยายามในการเรียนรู้ ซ่ึง
ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งให้ใครมาบอกวา่ ต้องทำอะไร แต่หากกำลงั จดจ่ออยกู่ ับการทำเพราะเพยี งต้องการ การมี

39

ความอยากรู้และมีแรงจูงใจในตนเอง ยังหมายความว่า หากจะไม่รู้สึกผิดหวังเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
แตก่ ลบั มีแรงจูงใจในการแกป้ ัญหามากขนึ้

12. รักการเรียนรู้ (Love to Learn) คนที่อยากรู้มักจะเป็นผู้เรียนตัวยง ในโลกของมือ
อาชีพ การเรียนรู้จากสิ่งที่ได้ผลและสิ่งที่ทำไม่ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญในการปรับปรุง
กระบวนการของงานต่อไป ไมว่ ่าจะเปน็ ช่ือบล็อกที่เลือก หัวเรือ่ งอเี มลทีใ่ ช้ หรือเวลาท่ีเผยแพร่ โพสต์
บนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ คนที่อยากรู้อย่อมต้องการทดลอง เรียนรู้ และเพิ่มประสิทธิภาพ การอยากรู้
จึงหมายถงึ การมีจติ ใจทีก่ ระตือรือร้น หากไม่พอใจจนกว่าจะเรยี นรู้ทกุ สิ่งทีท่ ำได้เกย่ี วกบั กระบวนการ
ทม่ี แี ละมีขอ้ มลู ท่ีจำเป็นเพ่อื เร่มิ เพ่ิมเปน็ สองเท่าในส่งิ ท่ใี ชไ้ ดผ้ ลและลมื ไปวา่ ใช้ไม่ได้

13.เห็นอกเห็นใจอย่างเป็นธรรมชาติ (Naturally Emphatic) ดังที่ Greater Good
ชี้ให้เห็นว่า ความเห็นอกเห็นใจและความอยากรู้เชื่อมโยงกัน ยิ่งความเห็นอกเห็นใจกันมีมากเท่าไหร่
กย็ ง่ิ อยากร้มู ากขึน้ เท่าน้ัน ในสภาพแวดล้อมทางธรุ กจิ การเอาใจใสช่ ว่ ยให้สามารถเชื่อมโยงกับผู้ชมได้
อยา่ งแทจ้ ริง ซง่ึ บคุ คลท่ีมีความเห็นอกเห็นใจย่อมสามารถเข้าใจผู้อ่ืนและระบุปญั หาไดท้ นั ที

14. รักที่จะประสบความสำเร็จ (Love to Succeed) ในขณะที่คนส่วนใหญ่กลัวสิ่งที่อยู่
ข้างหน้า ดังที่ Ellen Langer นักจิตวิทยาของ Harvard ได้พบว่า คนที่อยากรู้ต่างรอคอยโอกาสที่จะ
ก้าวไปข้างหน้าอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อคนอื่น ๆ พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว คนที่อยากรู้ก็จะเดิน
ก้าวหน้าต่อไปอย่างกล้าหาญ และหากเป็นไปโดยไม่ได้บอกว่าทัศนคติเกี่ยวกับความสำเร็จเป็นส่ิง
สำคัญในโลกของมืออาชีพ โดยจะมตี วั แทนตลอดจนตวั ชี้วัดทีเ่ ปน็ รูปธรรมอนื่ ๆ ดว้ ย

15. รักการคิดอย่างสร้างสรรค์ (Love to Think Creatively) ความคิดสร้างสรรค์และ
ความอยากรมู้ ีการเชื่อมโยงในการศึกษาหลายเร่ือง ดังที่ The Huffington Post ไดต้ ้ังข้อสังเกตว่าคน
ทม่ี ีความคิดสร้างสรรคน์ ั้น คือ “อยากรอู้ ย่างไม่รจู้ ักพอ” แทนทจี่ ะเหม่อลอย ความอยากรู้ คนข้ีสงสัย
จะสังเกตและมองสิ่งต่าง ๆ ท่ีแตกต่างออกไป ซึ่งในทางธุรกิจ คือผู้ที่ทดลองเทคนิคใหม่ๆ และคิดหา
วธิ ตี ่างๆ เพื่อตอบสนองผชู้ มของตน ซึ่งมักจะไดร้ ับความสนใจจากผู้มโี อกาสเป็นลกู ค้าด้วย

16. อยู่กับสิ่งที่กำลังทำอยู่ (Stay in the Now) คนอยากรู้อยู่กับปัจจุบัน จากการศึกษา
พบว่า การคิดหลาย ๆ อย่างพร้อมกันอาจส่งผลเสียตอ่ การเรียนรู้ การทำงานหลายอย่างพร้อมกันจะ
ทำให้ไม่อยู่กับปัจจุบันได้อย่างเต็มที่และรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้า แต่ในทางกลับกัน เนื่องจากคนที่
อยากร้สู นใจในส่ิงที่กำลงั ทำอยู่ จึงพบวา่ มนั ง่ายกวา่ ทจี่ ะอย่กู ับตรงนน้ั และการตั้งสมาธิ

40

โปรดทบทวน - ลักษณะหรือคุณลักษณะของบุคคลที่มีความอยากรู้ จากทัศนะ
ของ Schoultz มีสาระสำคัญอะไร?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
หมายเหตุ : ศกึ ษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” ดไู ด้จากเว็บไซต์ข้างล่างนี้

https://mikeschoultz.medium.com/being-creative-curious-people-share-16-interesting-traits-
455ea1760c40

จากทศั นะของแหล่งอ้างอิงทีน่ ำมากล่าวถงึ ข้างต้น สรปุ ไดว้ า่ ลักษณะหรือคณุ ลกั ษณะที่แสดง
ถึงทักษะอยากรู้ ดงั นี้

คณุ ลักษณะทแ่ี สดงถึงทกั ษะอยากรู้ Vozza
Natural
STcrhaioniulntgz
Peters

1. ช่างสงั เกต ชอบสงั เกต 
2. ชอบเรียนรู้ คน้ ควา้ ส่งิ ใหม่ ๆ 
3. เปิดใจกว้าง มีนำ้ ใจ มีเหตุผล 
4. ปรบั ตวั เขา้ กับทกุ สถานการณ์ 
5. ทมุ่ เทกับสง่ิ ที่ทำอยูอ่ ยา่ งเตม็ ที่ 
6. ไม่ยอมแพ้กับส่ิงท่ีเคยผิดพลาด 
7. ชอบคาดการณไ์ ว้ล่วงหน้าเสมอ 
8. คดิ สรา้ งสรรค์ พฒั นาสิ่งใหมๆ่ 
9. คิดเชิงบวก มองโลกในแง่ดี
10. ยอมรับการตชิ ม หรอื ตำหนิ 
11. มคี วามเพียรพยามหาคำตอบ 



41

คณุ ลกั ษณะท่ีแสดงถึงทักษะอยากรู้ Vozza
Natural
12. อยากรู้อยากทดลอง STcrhaioniulntgz
13. เหน็ ปัญหาเป็นโอกาส Peters
14. ยอมรับได้ในทุกสถานการณ์
15. กระตือรือร้น ต่ืนตวั อยเู่ สมอ 
16. เห็นอกเห็นใจและเหน็ คณุ คา่
17. ไม่หยุดนิง่ หรือหยดุ พฒั นา 
18. รักการพัฒนาและความก้าวหน้า
19. รักษาความสมดุลและปรบั ตวั ได้ 
20. คดิ นอกกรอบไม่ยดึ ในรูปแบบ
21. สร้างสรรค์แก้ปญั หาไดด้ ี 
22. ตัง้ คำถาม แสวงหาแรงจงู ใจ
23. มีแรงจงู ใจและพัฒนาการเรยี นรอู้ ยเู่ สมอ 
24. ยอมรบั การผดิ พลาดและการเปลี่ยนแปลง
25. ชอบแลกเปล่ียนเรยี นรู้ สร้างความสมั พนั ธ์ 

กจิ กรรมชวนคดิ  





 









จากนานาทัศนะเกี่ยวกับลักษณะหรือคุณลักษณะที่แสดงถึงทักษะอยากรู้ ดังกล่าวข้างต้น
ท่านเห็นว่ามแี นวคิด (Concelpts) ท่สี ำคัญอะไรบ้าง ทที่ ำใหเ้ ขา้ ใจในลักษณะหรอื คุณลักษณะท่ีแสดง
ถงึ ทกั ษะอยากรขู้ องนกั เรยี นน้นั ไดอ้ ย่างกระชับและชัดเจน โปรดระบุแนวคิดน้นั ในภาพขา้ งล่าง

42

Naturaltraining (2019, August 01). 10 Great habits of curious people. Retrieved August
07, 2021 from https://www.naturaltraining.com/10-great-habits-of-curious-
people/

Peters, S. (2019, February 12). What are the strongest characteristics of curious
people?. Retrieved August 08, 2021
https://www.swaggermagazine.com/culture/life-tips/what-are-the-strongest-
characteristics-of-curious-people/

Schoultz, M. (2019, September 16). Being creative curious people share 16
interesting traits. Retrieved August 08, 2021 from
https://mikeschoultz.medium.com/being-creative-curious-people-share-16-
interesting-traits-455ea1760c40

Vozza, S. (2015, April 21). 8 Habits of curious people. Retrieved August 07, 2021 from
https://www.fastcompany.com/3045148/8-habits-of-curious-people

43

44

หลงั จากการศกึ ษาคู่มือชุดนีแ้ ล้ว ท่านมพี ฒั นาการด้านพุทธิพสิ ัย (Cognitive Domain) ซึ่ง
เป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปัญญาตาม The Revised
Taxonomy (2001) ของ Benjamin S. Bloom โดยจาํ แนกพฤตกิ รรมในขอบเขตนี้ออกเป็น 6 ระดับ
เรียงจากพฤติกรรมที่สลับซับซ้อนน้อยไปหามาก หรือจากทักษะการคิดขั้นต่ำกว่าไปหาทักษะการคิด
ขั้นสูงกว่า ดังนี้ คือ ความจำ (Remembering) ความเข้าใจ (Understanding) การประยุกต์ใช้
(Applying) การวิเคราะห์ (Analyzing) การประเมิน (Evaluating) และการสร้างสรรค์ (Creating)
ดงั น้ี

1) บอกคุณสมบัติ จับคู่ เขียนลำดับ อธิบาย บรรยาย ขีดเส้นใต้ จำแนก หรือระบุ อุปสรรค
และวธิ ีการเอาชนะอปุ สรรคในการพฒั นาทกั ษะอยากรู้ของนกั เรียนได้

2) แปลความหมาย อธิบาย ขยายความ สรุปความ ยกตัวอย่าง บอกความแตกต่าง หรือ
เรียบเรียง อุปสรรคและวิธีการเอาชนะอุปสรรคในการพัฒนาทักษะอยากรู้ของนักเรียน
ได้

3) แก้ปัญหา สาธิต ทำนาย เชื่อมโยง ความสัมพันธ์ เปลี่ยนแปลง คำนวณ หรือปรับปรุง
อุปสรรคและวธิ ีการเอาชนะอุปสรรคในการพัฒนาทกั ษะอยากรู้ของนักเรยี นได้

4) แยกแยะ จดั ประเภท จำแนกให้เหน็ ความแตกต่าง หรือบอกเหตุผล อุปสรรคและวิธีการ
เอาชนะอุปสรรคในการพฒั นาทกั ษะอยากรู้ของนักเรียนได้

5) วัดผล เปรียบเทียบ ตีค่า ลงความเห็น วิจารณ์ อุปสรรคและวิธีการเอาชนะอุปสรรคใน
การพฒั นาทกั ษะอยากรขู้ องนักเรียนได้

6) รวบรวม ออกแบบ จัดระเบียบ สร้าง ประดิษฐ์ หรือวางหลักการอุปสรรคและวิธีการ
เอาชนะอุปสรรคในการพฒั นาทกั ษะความอยากรู้ของนักเรียนได้

45

1. โปรดศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับอุปสรรคและการเอาชนะอุปสรรคในการพัฒนาจากทัศนะท่ี
นำมากล่าวถงึ แตล่ ะทศั นะ

2. หลังจากการศึกษาเนอื้ หาโปรดทบทวนความเขา้ ใจจากคำถามท้ายเน้ือหาของแต่ละทศั นะ
3. ศึกษารายละเอียดของอุปสรรคและการเอาชนะอุปสรรคในการพัฒนาที่เป็นต้นฉบับ

ภาษาองั กฤษ โปรด “คลิก” เว็บไซตท์ น่ี ำเสนอไว้ทา้ ยเน้ือหาของแตล่ ะทัศนะ

Trautner (2017) ผู้จัดการ ที่ Elk Rapids ในรัฐมิชิแกน, สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า เม่ือมี
ความอยากรู้ มนุษย์เราจะกระตือรือร้นที่จะสำรวจ ค้นหา และแก้ไขสิ่งต่างๆ ทารกเกิดมาพร้อมกับ
ความอยากรู้ นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่เราไม่ต้องสอนลูกของเรา เป็นความปรารถนาภายในของเด็กที่จะเรียนรู้
สงิ่ ที่กระตุ้นให้แสวงหาประสบการณใ์ หม่ๆ ซ่ึงนำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว เด็กทอี่ ยากรู้ไม่เพียงแต่
จะถามคำถาม แตย่ ังแสวงหาคำตอบอีกดว้ ย

ความอยากรู้การเตรยี มสมองใหพ้ รอ้ มต่อการเรียนรู้กบั การอ่านและเรียนรู้เกีย่ วกับเน้ือหาที่
สนใจ ความอยากรู้ยังช่วยให้เราเรียนรู้ข้อมูลที่เราไม่ถือว่าสำคัญหรอื น่าสนใจเลย เมื่ออยากรู้ สมอง
จะกลายเป็นเครื่องมือรวบรวมข้อมูลที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วซึ่งส่งเสริมการเรียนรู้ เคมีของสมอง
เปลี่ยนไปเมื่อเราเริ่มสงสัย ช่วยให้เราเรยี นรู้และเก็บขอ้ มูล ความอยากรู้จึงเป็นแรงกระตุน้ พื้นฐานใน
มนษุ ยแ์ ละการศกึ ษาควรอยบู่ นพ้นื ฐานของพฤติกรรมนี้

Michigan State University Extension ได้เสนอคำแนะนำสำหรับการหล่อเลี้ยงความ
อยากรู้ ดงั น้ี

1. สงสัยดัง ๆ (Wonder Aloud) เมื่อเราพูดออกมาดังๆ ว่า “ฉันสงสัยว่าทำไมทะเลสาบ
ถงึ กลายเปน็ น้ำแขง็ ” น่ันหมายถงึ การทเ่ี รากำลังจำลองความหมายของการอยากรู้

46

2. ส่งเสริมผลประโยชน์ตามธรรมชาติ (Encourage Natural Interests) หากมีความ
สนใจในการวาดภาพ จงให้โอกาสในการวาดภาพท่ีหลากหลาย หรือการให้ตอบคำถามอย่างเรียบง่าย
และชัดเจน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะอายุเท่าไหร่ จงให้ถามลูกก่อนว่าคิดอย่างไรก่อนจะตอบ
คำถามเหลา่ น้นั เสีย

3. ใช้คำถามปลายเปิด (Use Open-ended Questions) การใช้คำถามที่ข้นึ ตน้ ด้วยคำว่า
ใคร อะไร เม่อื ไหร่ ที่ไหน ทำไม และอยา่ งไรเพ่อื เป็นการกระตุ้นความอยากรู้

4. เปลี่ยนทิศทางเมื่อหมดกำลังใจ (Redirect versus Discourage) ให้โอกาสในการ
สำรวจความสนใจอย่างปลอดภยั หากเปน็ สิ่งที่ไม่ปลอดภัย เชน่ พืชทีป่ ลกู ในบ้านจงให้โอกาสลูกๆ ได้
เล่นดิน หรือหากชอบเทน้ำออกจากถ้วย ให้ย้ายไปที่พื้นกระเบื้องหรือให้เล่นสิ่งของที่คล้ายคลึงกัน
ภายนอกหรอื ในอ่างอาบน้ำเพื่อใหม้ ปี ระสบการณ์ที่คล้ายคลึงกนั

5. มีวัสดุปลายเปิดพร้อมใช้งาน (Have Open-ended Material Available) เม่ือ
ต้องการมอบสิ่งของให้เด็กๆ เล่น เช่น บล็อค น้ำ ทราย หม้อ และอุปกรณ์ศิลปะใดๆ ก็ตาม หากเปิด
โอกาสให้ไดใ้ ชค้ วามอยากรเู้ ก่ยี วกับวิธีเล่นกับส่งิ ของ ของเล่นทีซ่ ือ้ จากรา้ นค้าจำนวนมากสามารถใช้ได้
ในทางเดียวเท่านนั้ และไมท่ ้าทายให้เด็กคดิ หาวิธเี ลน่ ด้วยตวั เอง

โปรดทบทวน – อุปสรรคและการเอาชนะอุปสรรค จากทัศนะของ Trautner มี
สาระสำคัญอะไร?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หมายเหตุ : ศึกษาจากตน้ ฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” ดไู ด้จากเว็บไซต์ขา้ งล่างนี้

https://www.canr.msu.edu/news/developing_curiosity_in_the_young_childs_brain

Source -https://bit.ly/3vM2mbp

47

Gifford (2019) เป็นนักเขียนอาวุโสแห่งความสุข ได้กล่าวว่า หากเป็นคนรักที่จะเรียนรู้
ทักษะใหม่ อยากเรยี นรู้ทักษะใหม่แต่ต้องด้ินรนเพื่อหาเวลา แรงจูงใจ หรอื พลังท่ีมีอยู่ มีหลายสิ่งที่ทำ
ไดเ้ พอื่ ต่อสกู้ บั อปุ สรรคท่ีเป็นส่ิงฉดุ ร้ังเพ่ือให้สามารถเร่มิ เรยี นรทู้ ักษะใหม่ๆ ได้ 10 ขอ้ ดงั นี้

1. ระบุสิ่งที่รั้งคุณไว้ (Identify what’s Holding You Back) เมื่อนึกถึงการเรียนรู้ทักษะ
ใหม่ๆ จะรู้สึกอย่างไร? ตื่นเต้น กระตือรือร้น อยากรู้? หรือวิตกกังวลและเครียด? ในขณะที่หลาย
คนชอบทเี่ ลือกทจ่ี ะเรียนรู้ทกั ษะใหม่ ๆ หรือปรับปรงุ สิ่งทีม่ ปี ระสบการณอ์ ยแู่ ล้ว แตค่ วามคิดท่ีจะสละ
เวลาจากตารางงานที่ยุ่งอยู่แล้ว ใช้งบประมาณทีจ่ ำกัด หรือเสียสละเวลาหยุดทำงานอนั มคี ่า สามารถ
สรา้ งความหวาดหวั่นให้ได้

2. ให้ความสำคัญกับตัวเองก่อน (Put yourself First) การท่ีเราให้ความสำคัญกับตัวเอง
เป็นอันดับแรกบ่อยแค่ไหน? ครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน ความรับผิดชอบ – มีบางสิ่งอยู่ใน
รายการเสมอ ผลักดันความต้องการ ความจำเป็น และความปรารถนาของเราเองไปไว้ทีหลังสุด ถึง
เวลาแล้วที่เราจะเปลี่ยนแปลง การมีทางออกที่สร้างสรรค์ ช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อเห็นความก้าวหนา้
ชว่ ยให้สรา้ งความนบั ถอื ตนเองและทำงานไปสู่เป้าหมายท่ีใหญ่กว่า การพัฒนาส่วนบุคคลอาจเป็นส่วน
สำคญั ของการดูแลตนเอง

ความมั่นใจคือสภาวะของจิตใจ เมื่อเรารูส้ ึกมั่นใจ เราไม่เพียงแค่ยอมรับตัวเองเท่านั้น แต่
เชอื่ ในความสามารถด้วย หากไม่มีความมน่ั ใจ กอ็ าจเครียด วติ กกังวล รู้สกึ ไม่สมหวงั และไม่มคี วามสุข
อกี ทางเลอื กหนึง่ สามารถทำงานรว่ มกบั นักสะกดจิต (Hypnotherapist) เพื่อเพิ่มความมั่นใจในตนเอง
การเข้าถึงจิตใต้สำนึก การสะกดจิตสามารถใช้พลังของข้อเสนอแนะเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกใน
การเปล่ยี นแปลงในเชงิ บวก

3. คดิ ในระยะยาวไม่ต้องรีบแก้ไข (Think Long-term, not Quick-fix) เมอ่ื ตอ้ งเผชิญกับ
การเลือกผลประโยชน์ในระยะยาวหรือความพึงพอใจในทันที หลายคนจะเลือกวิธีที่สามารถแก้ไข
อยา่ งรวดเร็วโดยไมต่ ้องคิดเลย ลองคิดด:ู มดี ้านใดบ้างในชวี ิตท่ตี ้องรอ การจดั ส่งสินคา้ ภายในวันเดียว
การปัดเลื่อนเพื่อหาคู่ในแอพ และเวลาที่เสียไปกับการเลื่อนหน้าจอบนโซเชียลมีเดีย ทุกคนล้วน
เป็นอยู่ทน่ี ่แี ละตอนนี้ สำหรบั การใชเ้ วลาประมาณ 20 ชว่ั โมงในการเรยี นร้ทู ักษะใหม่ มนั ดูน่ากลัวแต่

48

จบั ต้องไมไ่ ด้ หากคดิ ดๆี นั่นคอื ประมาณ 45 นาทีในแตล่ ะวนั ในหนึง่ เดือน แม้จะฟงั ดูไมเ่ ยอะ แตใ่ คร
กต็ ามทต่ี ้องเดินทางไกล เด็กๆ หรอื คนทำงานเปน็ กะจะรู้ว่าการพยายามใช้เวลาเกอื บหนึง่ ชั่วโมงในแต่
ละวันเพ่ือสิ่งท่ไี ม่จำเป็นอาจเปน็ เรอื่ งยาก

การพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ การทำงานร่วมกับกลุ่มคนแปลกหน้าที่มีความสามารถ
ต่างกัน และการสำรวจความสนใจใหม่ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยฝึกฝนทักษะที่หวังว่าจะได้เรียนรู้เท่านั้น แต่
ยังช่วยให้ปรับปรุงในด้านอื่นๆ ด้วย ทักษะใหม่และประสบการณ์ชีวิตที่เพิ่มขึ้นสามารถช่วยเปิด
โอกาสในเส้นทางอาชีพปัจจุบนั ได้ ชว่ ยให้ค้นพบโอกาสสำหรับงานเสริม เพ่ิมความม่นั ใจโดยรวม และ
อน่ื ๆ ดว้ ย

4. เน้นให้ไม่เน้นรับ (Focus on Giving, Not Getting) หากการเรียนรู้ทักษะใหม่นั้นดู
ยากเย็นเกินไป การลองใช้วิธีการแบบวงเวียนมากขึ้นอาจเป็นประโยชน์ การเป็นอาสาสมัครไม่
เพียงแต่เป็นวิธีที่ดีในการตอบแทนชุมชน ท้องถิ่น ในขณะที่พบปะผู้คนใหม่ๆ แต่ยังช่วยให้ได้พัฒนา
ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ ปรับปรุงการทำงานเป็นทมี ช่วยให้ได้รบั ประสิทธภิ าพการทำงานและเคลด็
ลับใหม่ๆ ขององค์กร และในขณะเดยี วกันกเ็ ป็นประโยชน์ต่อสุขภาพจิตและความเปน็ อยู่ทีด่ ีดว้ ย

5. ขจัดความสมบูรณ์แบบ (Ditch the Perfectionist Mentality) จากการวิจัยพบว่า
ความต้องการความสมบูรณ์แบบของมนุษย์มีเพิ่มมากขึ้น และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ดี หลักฐานบ่งชี้ว่า
มาตรฐานที่สูงเกินไปไม่เพียงแต่นำพาไปสู่ความล้มเหลว เพราะการมีเป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้เท่าน้ัน
แตก่ ็อาจสรา้ งความวิตกกงั วลและทำลายความภาคภมู ใิ จในตวั ดว้ ย

ลองปรับเป้าหมายใหม่ แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทักษะใหส้ มบูรณ์แบบ ให้ลองมอง
ว่ามันเปน็ งานอดิเรกหรือเพ่ิมวงสังคม การปลอ่ ยวางความกดดันท่ีมาพร้อมกับการพัฒนาทักษะใหม่ๆ
และการทำงานเพื่อพัฒนาตนเอง จะสามารถเริ่มเพลิดเพลินกับประสบการณ์นั้นแทน โดยมุ่งเน้นท่ี
องค์ประกอบการผ่อนคลายและคลายความเครียด และจะเป็นประโยชน์มากดว้ ย

6. ค้นหาของฟรีและการแบ่งปันทักษะต่าง ๆ (Find Freebies and Skills Shares) เงิน
อาจเป็นอุปสรรคใหญ่ในการเพิ่มพูนความรู้ของมนุษย์ แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป ระหว่างวิธีการฟรีของ
YouTube แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Skillshare, Udemy และ Future Learn การเรียนรู้ทักษะ
ใหมไ่ มเ่ คยง่ายอยา่ งน้มี ากอ่ น สามารถเรยี กดูหลกั สูตรนับพนั ไดฟ้ รีหรือมคี ่าใชจ้ า่ ยรายเดอื นตำ่

หากไม่ชอบการเรยี นรู้แบบดจิ ิทัล ห้องสมดุ ท้องถิ่นและศูนยช์ ุมชนมักเสนอชั้นเรียนฟรีหรือ
ราคาถกู ในทกั ษะ งานฝีมอื และกจิ กรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งกับคณุ ภาพชีวิตที่หลากหลาย การพบปะสังสรรค์
กับเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานเพื่อจัดระเบียบโอกาสในการแบ่งปันทักษะยังเป็นวิธีท่ีดีในการค้นพบด้าน
ต่างๆ ที่อาจต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม ในขณะที่สร้างโอกาสในการเพิ่มการสื่อสารในที่ทำงานด้วยการ
เริ่มต้นด้วยตัวเลือกฟรีหรือจ่ายน้อย ไม่เพียงแต่ขจัดความกดดนั จากเส้นทางที่ต้องจ่ายเงนิ เท่านัน้ แต่
ยงั ช่วยใหร้ ูส้ ึกผอ่ นคลายและเปิดกว้างมากข้นึ ในขณะที่กำลังเรียนร้สู ่งิ ใหม่ๆ

49

7. อย่าใหค้ วามกลัวรง้ั คุณไว้ (Don’t Let Fear Hold You Back) การกลัวความลม้ เหลว
อาจลดความม่นั ใจตอ่ ความเป็นไปไดท้ ี่จะประสบความสำเร็จ จากการศกึ ษาหน่งึ พบว่ารอ้ ยละ 31 ของ
คนเราจัดอันดับความกลัวความล้มเหลวเป็นหนึ่งในความกลัวท่ียิ่งใหญ่ที่สุด ความกลัวความล้มเหลว
สามารถยับยง้ั เราไม่ให้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ และหยดุ เราไมใ่ ห้บรรลุเป้าหมายได้ หากกงั วลว่าความกลัวจะ
รั้งไว้ เทคนคิ ต่างๆ สามารถชว่ ยได้ การสะกดจติ บำบัดจากความวิตกกังวลสามารถช่วยให้ระบุสาเหตุ
ทแ่ี ทจ้ ริงวา่ ทำไมถึงรสู้ ึกแบบนี้ ช่วยให้เปลี่ยนความสมั พนั ธก์ บั ความกลัวได้

การบำบัดเสริมอาจเป็นอีกวิธีที่ดีในการช่วยต่อสู้กับพฤติกรรมบั่นทอนตนเอง การมีสติ
และการทำสมาธิสามารถช่วยให้เรยี นรู้ที่จะจดจ่อกับช่วงเวลานั้น โดยเชื่อมโยงจิตใจและร่างกายของ
เพือ่ ทำลายรูปแบบความคดิ เชิงลบและทำลายวงจรของความกลัวหรอื ความวติ กกังวล

8. ให้เวลาไม่ใช่แก้ตัว (Make Time, not Excuses) “คำว่าไม่มีเวลาเรียนรู้ทักษะใหม่”
เป็นสิ่งที่ทุกคนพูดหรือคิดในขณะที่เลื่อนดู Instagram เป็นครั้งที่ร้อย การไม่มีเวลาเป็นเหตุผลที่ใช้
เพอ่ื จะไม่ปฏบิ ัตติ ามและพัฒนาทักษะใหม่ๆ

การพัฒนาส่วนบุคคลสามารถช่วยเรียนรู้ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน จัดลำดับ
ความสำคัญ และรับแผนปฏิบัติการที่ยั่งยืน การทำงานกับไลฟ์โค้ชก็ช่วยสร้างแรงจูงใจได้เช่นกัน
แม้ว่าแรงจูงใจจะมาจากภายใน แต่การค้นหาแรงผลักดันเพื่อก้าวต่อไปอาจเป็นเรื่องยาก การทำงาน
ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ซึ่งมีมุมมองจากภายนอก จะค้นพบวิธีใหม่ๆ ในการกำหนด
เป้าหมาย ตระหนักถึงความสำเร็จ และระบุด้านอื่นๆ ที่สามารถปรับปรุงได้เพื่อหาเวลาทำการ
เปล่ยี นแปลงทส่ี ่งผลกระทบอยา่ งยั่งยนื

หากกำลังมองหาการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถทำได้ซึ่งสามารถส่งผลกระทบ
มหาศาล ใหล้ องใชว้ ธิ ีง่ายๆ เหลา่ นเี้ พอ่ื เพิ่มผลผลิตให้สูงสุดโดยจัดระเบียบพื้นท่ีทำงาน หรือหากกำลัง
ดนิ้ รนกับแรงจงู ใจ พ็อดคาสทท์ ง้ั 9 นี้สามารถชว่ ยสร้างแรงบันดาลใจและจงู ใจให้ได้

9. เพิ่มทักษะการบรรเทาความเครียดของคุณ (Upskill your Stress Relief) การเลือก
ทักษะใหม่ๆ อาจเป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดการความเครียดในตัวมันเอง การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่
จำเป็นตอ้ งเปน็ การเสริมสรา้ งอาชีพหรอื มองหาวธิ ีใหม่ๆ ในการทำตลาดความสามารถทม่ี เี สมอไป การ
พิจารณาพฒั นาทกั ษะทีส่ ามารถช่วยเพ่ิมความเป็นอยู่ที่ดไี ด้

การค้นพบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฝึกสติ การทำสมาธิ การหายใจ หรือแม้แต่โยคะล้วนเป็น
ทกั ษะท่เี ปน็ ประโยชน์และดตี ่อสุขภาพในการพัฒนา หลายๆ อยา่ งสามารถทำได้ท่ีบ้าน ผา่ นบทเรียน
ออนไลน์ โดยใช้หนังสือ หรือผา่ นการทำงานร่วมกับผ้เู ช่ียวชาญที่มีประสบการณ์ ดังเชน่ การทดลองใน
ช้นั เรยี นทำอาหารและเรียนรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกบั โภชนาการสามารถชว่ ยไดห้ ลายวิธี ต้ังแต่การค้นพบวิธี
จดั การงบประมาณให้ดีขึ้นและฝึกวางแผนมื้ออาหาร ไปจนถงึ การมงุ่ เน้นท่วี ิธกี ารสร้างเมนูโภชนาการ
มากขึน้ การรบั ประทานอาหารเพื่อสุขภาพสามารถส่งผลตอ่ ระดบั ความเครยี ดไดอ้ ย่างนา่ ประหลาดใจ

50

10. คุณไม่ได้ถกู จำกัดใหเ้ รียนรูท้ ักษะเดยี ว (You aren’t Locked in to Learning One
Skills) ความพากเพียรอาจเป็นกุญแจสำคัญ แต่การรู้จักความคิด ความสามารถ และความสนใจของ
ตัวเองอาจมีความสำคัญมากกว่า ใครบอกว่าทักษะแรกที่เราพยายามจะต้องเป็นทักษะที่ถนัดทักษะ
เดียวเท่านั้น การลองใช้ทักษะใหม่เป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งในตัวเอง หากกำลังใช้เวลาและความ
พยายามเพื่อก้าวไปข้างหนา้ เพื่อทำให้ตัวเองดีข้ึน เพื่อลองสิ่งใหม่ๆ ไม่ใช่เรื่องน่าอายท่ีจะยอมรับว่า
บางสง่ิ ไม่ไดผ้ ล ถ้าไม่สนกุ กับมัน หรือถ้าอยากจะลองอย่างอืน่

ดังเช่น หากมีความทะเยอทะยานในการเรียนรวู้ ธิ ีการวาดภาพมาตลอดชีวิต ควรยอมแพ้ใน
อุปสรรคแรก แต่บางทีภาพเขียนสีน้ำมันอาจไม่เหมาะกับคุณ แต่ยังมีสีน้ำ การสเก็ตช์ การแกะสลัก
การประดิษฐ์ ศิลปะดิจิทัลให้ได้เรียนรู้ การมีโอกาสและทางเลือกมากมายในโลก และจะรู้ได้อย่างไร
ว่าสิ่งใดเหมาะสม ถ้าไม่ลองประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ ถ้ารู้สึกว่าอาจจะกำลังดิ้นรนเกินไปในการ
เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ก็ไม่เป็นไร อาจเป็นเพียงสัญญาณว่าอาจไม่เหมาะกับคุณ ลองหายใจเข้าสั้น ๆ
แล้วกลับมาใหมใ่ นภายหลงั หากความคดิ ท่จี ะกลับไปทำใหร้ สู้ ึกท้อแทห้ รือสิน้ หวัง อาจถึงเวลาลองทำ
สง่ิ ใหม่ๆ

อย่าถูกขังอยู่ในเส้นทางทักษะเดียว การลองสิ่งใหม่ ๆ ต่อไปจนกว่าจะค้นพบสิ่งหนึ่งท่ี
สามารถรสู้ กึ หลงใหลได้ เมื่อพบจุดประกายความต่ืนเตน้ แล้ว การพัฒนาทกั ษะน้ันให้ดีขึ้นต่อไปก็เป็น
เรอื่ งงา่ ย ก่อนท่จี ะรตู้ วั จะตอ้ งคน้ หาทกั ษะใหมๆ่ ทร่ี สู้ กึ ไดร้ าวกับไดร้ บั แรงบนั ดาลใจให้ลองทำ

โปรดทบทวน - อุปสรรคและการเอาชนะอุปสรรค จากทัศนะของ Gifford มี
สาระสำคัญอะไร?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หมายเหตุ : ศึกษาจากตน้ ฉบับภาษาองั กฤษ โปรด “คลกิ ” ดไู ดจ้ ากเวบ็ ไซต์ขา้ งลา่ งนี้

https://happiful.com/10-ways-to-overcome-barriers-and-learn-new-skills/

Source -https://bit.ly/3p14c4I


Click to View FlipBook Version