The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1. โครงการพัฒนาเพื่อการเรียนรู้ของครู จำนวน 6 ชุด
2. โครงการครูนำผลการเรียนรู้สู่การพัฒนานักเรียน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phranattawut290328, 2022-10-15 07:58:03

โปรแกรมอบรมออนไลน์ด้วยตนเองเพื่อพัฒนาเพื่อการเรียนรู้ของครูสู่การเสริมสร้างพฤติกรรมส่งเสริมสังคมแก่นักเรียน

1. โครงการพัฒนาเพื่อการเรียนรู้ของครู จำนวน 6 ชุด
2. โครงการครูนำผลการเรียนรู้สู่การพัฒนานักเรียน

Keywords: พฤติกรรมส่งเสริมสังคม,Prosocial Behaviors

1

2

คำนำ

การวิจัยเร่ือง “พัฒนาเพ่ือการเรียนรู้ของครูสู่การเสริมสร้างพฤติกรรมส่งเสริมสังคมแก่
นักเรียน ” นี้เป็นการวิจัยในหลักสูตรศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน ใช้ระเบียบวิธีวิจัยและพัฒนา (Research and
Development: R&D) มจี ดุ มุ่งหมายเพอ่ื ให้ได้นวัตกรรมทางการศึกษาท่ีเป็นโปรแกรมอบรมออนไลน์
ดว้ ยตนเองท่ีประกอบดว้ ย 2 โครงการ คอื 1) โครงการพัฒนาเพื่อการเรียนรู้ของครู และ 2) โครงการ
ครูนาผลการเรียนสู่การพัฒนาผู้เรียน โครงการแรกมีคู่มือเพื่อการอบรมด้วยตนเอง (Self-Training)
ของครู โครงการที่สองมีคู่มือเชิงปฏิบัติการเพ่ือครูนาไปใช้เป็นแนวการพัฒนาผู้เรียน โดยคาดหวังว่า
นวัตกรรมทางการศึกษาน้ี เม่ือผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนาหลายขั้นตอน (Ri&Di) แล้วนาไป
ทดลองใชใ้ นพ้นื ที่ทเี่ ป็นตัวแทนของประชากร เมื่อผลการทดลองพบว่านวัตกรรมน้ันมีประสิทธิภาพ ก็
สามารถนาไปเผยแพร่ให้กับประชากรที่เป็นพ้ืนท่ีเป้าหมายได้ใช้ประโยชน์ในวงกว้างได้อย่างมี
ผลการวจิ ยั รองรับสาหรับการวิจัยนี้มีกรอบแนวคดิ เป็นการวจิ ยั ในสาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา ดงั นี้

1 ในเชงิ วชิ ำกำร มีหลายประการ แตข่ อนามากล่าวถึงท่ีสาคญั ดังนี้
1.1 การบริหารการศึกษาในศตวรรษใหม่นี้ อันเน่ืองจากการเปล่ียนแปลงในกระบวน

ทศั นท์ างการศกึ ษาท่ีแตกตา่ งจากศตวรรษท่ี 20 ทุกด้าน ทั้งด้านศาสตร์การสอน หลักสูตร ทักษะการ
เรียนรู้ ทักษะของครู ทักษะท่ีคาดหวังให้เกิดข้ึนกับผู้เรียน ลักษระของชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
บริบทของสถานศึกษา บริบทของห้องเรียน และสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ บทบาทหน้าที่และภาวะ
ผู้นาของผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา (Churches, 2008; Driscoll, 2022;
and Kashyap, n.d.)

1.2 งานวิจัยน้ีมุ่งพัฒนาคุณภาพการศึกษาในระดับสถานศึกษา ที่นักวิชาการให้
ความเห็นวา่ การบรหิ ารการศึกษาเกดิ ขึน้ ในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ส่วนกลางถึงระดับสถานศึกษา แต่การ
บริหารการศึกษาระดับสถานศึกษา (คือ โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หรือช่ือเรียกอื่นๆ) มี
ความสาคัญเพราะเป็นฐานปฏิบัติท่ีจะทาให้การระดมทรัพยากรบุคคลและทรัพยากรวัตถุ ให้เกิด
ประโยชน์ท่ีใช้งานได้จริง เป็นฐานปฏิบัติท่ีจะช่วยเสริมสร้างการสอนและการเรียนรู้ท่ีจะส่งผลให้
นักเรียนได้รับการศึกษาที่ถูกต้องจากครูท่ีถูกต้อง และเป็นฐานปฏิบัติท่ีจะสร้างอิทธิพลท่ีส่งผลต่อ
นักเรียนให้เติบโตไปสู่เป้าหมายท่ีกาหนดโดยมีครูเป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง (Kashyap, n.d.)
สอดคล้องกับแนวคิดการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School-Based Management: SBM) ซึ่ง
เป็นรปู แบบการกระจายอานาจให้โรงเรยี นทเ่ี ป็นหน่วยหลกั ในการจดั การศกึ ษา (Edge, 2000)

1.3 การวจิ ัยนใี้ ช้หลักการ “พัฒนาครู แล้วครูนาผลท่ีได้รับไปพัฒนาที่ส่งผลต่อผู้เรียน”
ถือเป็นหลักการท่ีเป็นจุดเน้นของการบริหารการศึกษา คือ การเสริมสร้างการสอนและการเรียนรู้

3

(The Focus of Educational Administration is the Enhancement of Teaching and
Learning) (Amadi, 2008) เปน็ กระบวนการช่วยให้นักเรียนได้รับการศึกษาที่ถูกต้องจากครูท่ีถูกต้อง
(Enables the Right Pupils to Receive the Right Education from the Right Teachers)
(Dhammei, 2022) เป็นการกระตุ้นการพัฒนาโปรแกรมท่ีเหมาะสมสาหรับการสอนและการเรียนรู้
(Bamte, n.d.) เป็นไปตามหน้าที่ของการบริหารการศึกษาตามทัศนะของ Amadi (2008) ที่กล่าวถึง
หน้าท่ีเก่ียวกับหลักสูตร/การสอน (The Curriculum/Instructional Functions) หน้าท่ีเก่ียวกับ
บุคลากร (The Staff Personnel Functions) และหน้าที่เก่ียวกับนักเรียน (The Student
Personnel Functions) และเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงค์ของการบริหารการศึกษา คือ เพ่ือให้การศึกษา
ท่เี หมาะสมแก่นักเรียน (To Provide Proper Education to Students) เพ่อื ให้แน่ใจว่ามีการพัฒนา
วชิ าชีพของครู (To Ensure Professional Development among Teachers) และเพ่ือความม่ันใจ
ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา (To Ensure Qualitative Improvement of Education)
(Kashyap, n.d.) อันเน่ืองจากหลักการ “พัฒนาครู แล้วครูนาผลที่ได้รับไปพัฒนาท่ีส่งผลต่อผู้เรียน”
เป็นหลักการส่งเสริมบทบาทการเป็นผู้นาทางการศึกษาให้กับครูตามทัศนะของ Speck (1999) และ
Seyfarth (1999) ส่งเสริมต่อการทาหน้าท่ีของผู้บริหารการศึกษาท่ีจะต้องสนับสนุนคณะครูด้วยการ
ฝึกอบรมและให้คาแนะนาตามทัศนะของ University of Bridgeport (2022) และ Target Jobs
(n.d.) และส่งเสริมต่อแนวคิดพัฒนาวิชาชีพของครูที่ให้คานึงถึงการส่งผลต่อการพัฒนาผู้เรียนซ่ึงเป็น
เป้าหมายสูงสุด (Ultimate Goal) ของการศึกษาตามทัศนะของ Gusky (2000) และ Hoy and
Miskel (2001)

2. ในเชิงวิชำชีพ การวิจัยนี้คานึงถึงมาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาและ
ผู้บริหารการศึกษาท่ีคุรุสภากาหนดตามมาตรฐานด้านความรู้ ในกรณีสามารถพัฒนาครูและบุคลากร
ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนาความรู้ความเข้าใจในหลักการและทฤษฎี
ไปประยุกต์ใช้ สามารถวิเคราะห์สังเคราะห์และสร้างองค์ความรู้ในการบริหารจัดการการศึกษา
สามารถนากระบวนการทางการวิจัย การวัดและประเมินผล ไปใช้ในการบริหารจัดการการศึกษาได้
สามารถสง่ เสริมสนับสนุนการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ การศึกษา และสามารถบริหารจัดการข้อมูล
ข่าวสารไปสู่ผู้เรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา และตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน ในกรณีปฏิบัติ
โดยคานงึ ถงึ ผลทีจ่ ะเกดิ ขนึ้ กับการพัฒนาของบุคลากร ผู้เรียน และชุมชน พัฒนาผู้ร่วมงานให้สามารถ
ปฏิบัตงิ านไดเ้ ตม็ ศกั ยภาพ พัฒนาและใช้นวัตกรรมการบริหารจนเกิดผลงานท่ีมีคุณภาพสูง และสร้าง
โอกาสการพัฒนาไดท้ กุ สถานการณ์ (The Teachers Council of Thailand, n.d.)

พระณฐั วุฒิ สุชาโต

สำรบัญ 4

1. โครงกำรพฒั นำเพื่อกำรเรียนรู้ของครู หนำ้
1.1 คมู่ อื ชุดที่ 1 ทัศนะเกยี่ วกับนิยามของพฤตกิ รรมสง่ เสรมิ สงั คม 6
1.2 คู่มอื ชดุ ท่ี 2 ทัศนะเก่ยี วกับความสาคัญของพฤตกิ รรมส่งเสริมสงั คม 16
1.3 คู่มอื ชุดท่ี 3 ทัศนะเกย่ี วกบั ลักษณะของพฤตกิ รรมสง่ เสริมสังคม 34
1.4 คู่มอื ชดุ ที่ 4 ทศั นะเกี่ยวกบั แนวการพฒั นาพฤตกิ รรมส่งเสรมิ สงั คม 50
1.5 คู่มือชุดที่ 5 ทัศนะเกย่ี วกับข้นั ตอนการพัฒนาพฤติกรรมสง่ เสริมสงั คม 63
1.6 ค่มู อื ชดุ ที่ 6 ทัศนะเก่ียวกบั การประเมินผลพฤติกรรมส่งเสริมสงั คม 104

2. โครงกำรครูนำผลกำรเรียนรสู้ ู่กำรพัฒนำนักเรยี น 117
2.1 คู่มอื เพ่ือการปฏบิ ัตกิ ารในการพัฒนาพฤติกรรมส่งเสริมสงั คมของ
นักเรยี น

5

6

7

วัตถปุ ระสงค์กำรเรยี นรู้

หลังจากการศึกษาคมู่ ือชดุ นี้แลว้ ท่านมีพัฒนาการด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) ซึ่ง
เป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาท่ีเก่ียวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปัญญาตาม The Revised
Taxonomy (2001) ของ Benjamin S. Bloom โดยจาแนกพฤติกรรมในขอบเขตน้ีออกเป็น 6 ระดับ
เรียงจากพฤติกรรมที่สลับซับซ้อนน้อยไปหามาก หรือจากทักษะการคิดขั้นต่ากว่าไปหาทักษะการคิด
ข้ันสูงกว่า ดังน้ี คือ ความจา (Remembering) ความเข้าใจ (Understanding) การประยุกต์ใช้
(Applying) การวิเคราะห์ (Analyzing) การประเมิน (Evaluating) และการสร้างสรรค์ (Creating)
ดังนี้

1) บอกคุณสมบัติ จบั คู่ เขียนลาดับ อธิบาย บรรยาย ขดี เสน้ ใต้ จาแนก หรอื ระบุ นยิ าม
ของ พฤติกรรมส่งเสรมิ สงั คมได้

2) แปลความหมาย อธบิ าย ขยายความ สรปุ ความ ยกตวั อย่าง บอกความแตกตา่ ง หรือ
เรียบเรยี ง นยิ ามของพฤติกรรมสง่ เสรมิ สงั คมได้

3) แกป้ ญั หา สาธติ ทานาย เชือ่ มโยง ความสัมพันธ์ เปล่ียนแปลง คานวณ หรือปรบั ปรงุ
นยิ ามของพฤติกรรมสง่ เสรมิ สงั คมได้

4) แยกแยะ จัดประเภท จาแนกใหเ้ ห็นความแตกตา่ ง หรอื บอกเหตุผล นยิ ามของ
พฤติกรรมสง่ เสรมิ สงั คมได้

5) วัดผล เปรยี บเทยี บ ตคี า่ ลงความเห็น วจิ ารณ์ นยิ ามของพฤติกรรมสง่ เสริมสงั คมได้
6) รวบรวม ออกแบบ จดั ระเบียบ สรา้ ง ประดษิ ฐ์ หรือวางหลักการ นิยามของ

พฤติกรรมส่งเสริมสงั คมได้

8

คำช้แี จง

1) โปรดศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับนิยามของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะท่ีนามา
กลา่ วถงึ แต่ละทัศนะ

2) หลังจากการศกึ ษาเน้อื หาแตล่ ะทศั นะ โปรดทบทวนความเข้าใจจากคาถามท้ายเนื้อหา
ของแตล่ ะทศั นะ

3) หากท่านต้องการศึกษารายละเอียดของนิยามจากแต่ละทัศนะที่เป็นต้นฉบับ
ภาษาอังกฤษ โปรด “คลกิ ” ดูไดจ้ ากเว็บไซต์นาเสนอไว้ท้ายเนอ้ื หาของแตล่ ะทัศนะ

Cherry (2020) เป็นนักเขียนและนักการศึกษาท่ีมีประสบการณ์กว่าทศวรรษในการ
ชว่ ยเหลอื นักเรียนให้เข้าใจจิตวิทยาพฤติกรรมทางสังคมได้กล่าวถึงนิยามของพฤติกรรมส่งเสริมสังคม
(Prosocial Behaviors) เป็นการมุ่งหวังท่ีจะช่วยเหลือผู้อื่น การกระทาเหล่าน้ีมีลักษณะเฉพาะโดย
คานึงถึงสิทธิ ความรู้สึก และสวัสดิภาพของผู้อ่ืน พฤติกรรมท่ีสามารถอธิบายได้ว่าเป็นการส่งเสริม
สังคม ได้แก่ ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและความห่วงใยผู้อ่ืน พฤติกรรมทางสังคมรวมถึงการกระทาท่ี
หลากหลาย เชน่ การชว่ ยเหลอื การแบ่งปัน การปลอบโยน และการใหค้ วามร่วมมอื

โปรดทบทวน - นิยามของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะของ Cherry มี
สาระสาคัญอะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...................................................................................................................... .........

หมำยเหตุ - ศกึ ษาจากตน้ ฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” ดูได้จากเว็บไซตข์ า้ งลา่ งนี ้

https://www.verywellmind.com/what-is-prosocial-behavior-2795479

9

Cummins (2020) เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านความรู้ความเข้าใจ ผู้เขียน และเป็นผู้ท่ีได้รับ
เลือกให้เป็น Fellow of the Association for Psychological Science ได้กล่าวถึงนิยามของ
พฤติกรรมสง่ เสรมิ สังคม (Prosocial Behaviors) คอื พฤติกรรมท่ีมีจุดมุ่งหมายเพื่อประโยชน์ต่อบุคคล
อื่นหรือหลายบุคคล ตัวอย่างได้แก่ งานอาสาสมัคร การบริจาคเงิน หรือการช่วยเพื่อนบ้านขนย้าย
เฟอร์นิเจอร์ท่ีหนัก พฤติกรรมชอบส่งเสริมสังคมประเภทหนึ่งท่ีเด่นชัดท่ีสุดคือการเห็นแก่ประโยชน์
ผู้อื่น ซึ่งคือการท่ีบุคคลหนึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือบุคคลอื่นโดยไม่คาดหวังหรือมีโอกาส
ไดร้ บั ผลประโยชนต์ อบแทน โดยมตี วั อย่างดงั นี้

Dr. Marsh ได้รับการช่วยเหลือจากคนขับนิรนามที่ทุ่มเทเวลาและพยายามเพ่ือช่วยเธอให้
ปลอดภัยบนทอ้ งถนน โดยไมข่ อค่าตอบแทนใด ๆ

เม่ือคุณมีส่วนร่วมในพฤติกรรมส่งเสริมสังคม เป้าหมายคือตอบสนองความต้องการของ
บุคคลอนื่ แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท:

- ความต้องการด้านเคร่ืองมือ (Instrumental Needs) ซึ่งบุคคลไม่สามารถทาได้ด้วย
ตนเอง

- ความปรารถนาที่ไม่ได้รับ (Unmet Desires) ซึ่งบุคคลไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากรที่
จาเปน็

- ความทกุ ขท์ างอารมณ์ (Emotional Distress) เชน่ ความเศรา้ โศกหรือความเหงา
เมือ่ คณุ ช่วยให้บุคคลหนึ่งบรรลุเป้าหมาย แบ่งปันทรัพยากรของคุณ หรือให้การปลอบโยน
แสดงว่าคณุ กาลังมสี ่วนร่วมในพฤตกิ รรมสง่ เสริมสงั คม

โปรดทบทวน - นิยามของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะของ Cummins มี
สาระสาคัญอะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
..................................................................................................................... .............

10

หมำยเหตุ - ศกึ ษาจากตน้ ฉบับภาษาองั กฤษ โปรด “คลกิ ” ดูได้จากเวบ็ ไซตข์ า้ งล่างนี ้

https://positivepsychology.com/prosocial-behavior/

Thomas (2020) เป็นนักเขียนคอนเทนต์ฝึกหัดแบบเต็มเวลาให้กับสื่อส่ิงพิมพ์ออนไลน์
ต้ังแต่ปี 2006 ได้กล่าวถึงนิยามของพฤติกรรมส่งเสริมสังคม (Prosocial Behaviors) ว่าเป็นการเห็น
แก่ประโยชน์ของผู้อ่ืนเป็นท่ีตั้ง (Altruism) อย่างไรก็ตามนักจิตวิทยาหลายคนต้ังคาถามว่าความเห็น
แก่ประโยชน์ของผู้อื่นท่ีแท้จริงมีอยู่จริงหรือไม่ อาจเป็นไปได้ว่ามีเหตุผลอ่ืนๆ ท่ีผู้คนช่วยเหลือกันใน
ลักษณะที่ดูเหมือนไม่เหน็ แก่ตัว พฤติกรรมทางสังคมอาจย้อนกลบั ไปสู่อดีตวิวัฒนาการของเราเมื่อการ
ตอบแทนซ่ึงกนั และกันและการคัดเลือกโดยญาติ (Kin Selection) (ช่วยเล้ียงดูลูกของญาติพี่น้องเพื่อ
ประโยชน์ของกลุ่ม) เป็นสิ่งจาเป็นสาหรับการอยู่รอด กล่าวอีกนัยหน่ึงเมื่อคุณประพฤติตนในลักษณะ
ส่งเสริมสงั คม คณุ อาจจะทาในสง่ิ ที่มนษุ ย์ไดเ้ รียนรทู้ จ่ี ะทาเพ่ือความอยู่รอดมาตลอดหลายพนั ปี

โปรดทบทวน - นิยามของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะของ Thomas มี
สาระสาคัญอะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
.......................................................................................................... ........................

หมำยเหตุ - ศกึ ษาจากตน้ ฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” ดูได้จากเวบ็ ไซตข์ า้ งล่างนี้

https://www.betterhelp.com/advice/behavior/what-is-prosocial-behaviorpsychology-definition-and-
examples/

11

Lynch (2021) เป็นนักเขียน นักเคลื่อนไหว และอดีตคณบดีโรงเรียนการสอนจิตวิทยา
และสหวิทยาการ ที่ Virginia Union University ได้กล่าวถึงนิยามของพฤติกรรมส่งเสริมสังคม
(Prosocial Behaviors) เป็นพฤติกรรมที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น กล่าวอีกนัยหน่ึง
พฤติกรรมน้ันเกดิ จากความกังวลในสวัสดิการและความสุขของผู้อื่น ตัวอย่างเช่น หากคุณรู้สึกเห็นอก
เห็นใจผู้อ่ืน แสดงว่าคุณกาลังส่งเสริมสังคม พฤติกรรมเหล่าน้ีรวมถึงการกระทาท่ีหลากหลาย รวมถึง
การปลอบโยน ชว่ ยเหลอื และแบง่ ปนั

โปรดทบทวน - นิยามของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะของ Lynch มี
สาระสาคัญอะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
.......................................................................................................... .....................
หมำยเหตุ - ศกึ ษาจากตน้ ฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” ดไู ดจ้ ากเว็บไซตข์ ้างล่างนี้

https://www.theedadvocate.org/the-basics-of-prosocial-behavior/

Brown (n.d.) เป็นนักจิตวิทยาและครูมืออาชีพที่มีใบอนุญาต และนักเขียนอิสระด้าน
วิชาการและนักสร้างสรรค์ ได้กล่าวถึงนิยามของพฤติกรรมส่งเสริมสังคม (Prosocial Behaviors)
หมายถึงการกระทาใดๆ ทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อบคุ คลอนื่ การกระทาโดยสมัครใจเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ
ช่วยเหลือผ้อู ่ืนเป็นกิจกรรมทางสังคมท่ีสาคัญ สิ่งเหล่าน้ีจาเป็นต่อการหล่อเล้ียงความสัมพันธ์เชิงบวก

12

และการปรับตัวทางสังคม นอกจากน้ีความประพฤติเพื่อส่งเสริมสังคมยังหมายถึงพฤติกรรมท่ีเห็นอก
เห็นใจหรือสงสาร เพื่อให้ส่ิงนี้เกิดพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจะต้องมีผู้ให้ประโยชน์และผู้รับอย่างน้อย
หนึ่งราย ยกตัวอย่างเช่น เราบริจาคเงินเพ่ือองค์กรการกุศลของเรา และเรามักจะช่วยเหลือเพื่อน
ครอบครัว และแม้แตค่ นแปลกหน้า

เมื่อกล่าวเก่ียวกับรากเหง้าของมัน ผู้เชี่ยวชาญเช่ือว่าพฤติกรรมส่งเสริมสังคมเป็นหน้าท่ี
ทางชีววิทยาท่ีกาหนดไว้ล่วงหน้าของมนุษยชาติ เนื่องจากการช่วยเหลือและแบ่งปันเป็นแนวทาง
ปฏิบัติท่ีจาเป็นต่อการอยู่รอด ส่ิงท่ีน่าสนใจคือพฤติกรรมประเภทน้ียังพบเห็นได้ในแมลงและสัตว์อีก
ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ลิงดูแลลิงอื่นๆ และมดบางสายพันธ์ุกับตัวที่ป่วยท่ีลดปฏิสัมพันธ์กับตัวอ่อนของ
อาณาจกั รมดเพอื่ ปกป้องตวั ทอี่ ่อนแอ อีกทั้งมดงานที่ไม่ตดิ เชื้อยงั ดแู ลมดทต่ี ดิ เชื้อโดยการกาจัดสปอร์

นอกจากน้ีพฤติกรรมส่งเสริมสังคมอาจเรียนรู้ได้จากการเลียนแบบผู้อื่น จากการศึกษา
พบว่าการเปิดรับสื่อท่ีแสดงภาพความร่วมมือและความช่วยเหลือส่งผลให้เกิดพฤติกรรมดังกล่าวใน
เด็กได้อีก ส่ิงน้ีได้รับการสนับสนุนโดยทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของ Albert Bandura ซ่ึงมองว่า
พฤตกิ รรมของมนุษย์ไดร้ ับอทิ ธิพลอยา่ งมากจากการสังเกต การเลยี นแบบ และการสรา้ งแบบจาลอง
มีการสนับสนุนให้มีพฤติกรรมส่งเสริมสังคมเนื่องจากช่วยเพ่ิมระบบภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมการหล่ังของ
ฮอร์โมนจากตอ่ มใตส้ มองสว่ นหลังเรียกวา่ Oxytocin (ฮอร์โมนท่ีส่งเสริมพันธะทางสังคม) และช่วยใน
กระบวนการเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้า นอกจากนี้ยังสามารถสร้างเสริมความเป็นอยู่ท่ีดีโดยท่ัวไปได้
เน่ืองจากลดการสร้างภัยคุกคามและส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ทางสังคมท่ีสนับสนุนซึ่งกันและกันและ
ปลอดภยั นอกจากนยี้ งั ส่งเสรมิ ความสามัคคี ความรว่ มมอื และความเป็นอันหนงึ่ อันเดยี วกนั ในสังคม

โปรดทบทวน - นิยามของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะของ Brown มี
สาระสาคญั อะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
.......................................................................................................... ........................

หมำยเหตุ - ศึกษาจากตน้ ฉบับภาษาองั กฤษ โปรด “คลิก” ดูได้จากเวบ็ ไซตข์ า้ งลา่ งนี้

http://www.differencebetween.net/science/difference-between-prosocial behavior-and-antisocial-
behavior/

13

จากทัศนะของแหล่งอ้างอิงต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น สรุปได้ว่า พฤติกรรมส่งเสริมสังคม
(Prosocial Behavior) หมายถึง การกระทาโดยสมัครใจที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือหรือเป็น
ประโยชน์ต่อบุคคลอื่นหรือกลุ่มบุคคลอ่ืน โดยการกระทานั้นเกิดจากความกังวลในสวัสดิการและ
ความสขุ ของผู้อ่ืน เช่น การรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อ่ืน การปลอบโยน และช่วยเหลือและแบ่งปัน เป็นต้น
เป็นการกระทาท่ีคานึงถึงความต้องการของตนอย่างบริสุทธิ์ใจ ได้แก่ งานอาสาสมัคร การบริจาคเงิน
หรือการช่วยเพื่อนบ้านขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ที่หนัก เป็นต้น ซ่ึงการช่วยให้บุคคลหนึ่งบรรลุเป้าหมาย
การแบ่งปันทรัพยากร หรือให้การปลอบโยน ถือเป็นกระทาที่เห็นแก่ประโยชน์ผู้อื่นหรือช่วยเหลือ
บุคคลอ่ืนโดยไม่คาดหวังหรือมีโอกาสได้รับผลประโยชน์ตอบแทนถือเป็นพฤติกรรมส่งเสริมสังคม
ดังน้ัน พฤติกรรมส่งเสริมสังคม (Prosocial Behavior) จึงเป็นการกระทาท่ีเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
ตรงกันข้ามกับพฤติกรรมต่อต้านสังคม (Antisocial Behavior) ซ่ึงเป็นการกระทาท่ีส่งผลเสียต่อผู้อื่น
เช่น การขม่ ขู่ การลว่ งละเมิดทางวาจา ความรนุ แรง และมีพฤตกิ รรมทไ่ี มเ่ ป็นมิตร เป็นตน้

Source - https://bit.ly/3HR5F69

14

จากนานาทัศนะเก่ียวกับนิยามของพฤติกรรมส่งเสริมสังคม (Prosocial Behaviors)
ดังกล่าวข้างต้น ท่านเห็นว่ามีองค์ประกอบ (Elements) หรือตัวบ่งชี้ (Indicators) ท่ีสาคัญอะไรบ้าง
ที่ทาให้เข้าใจในนิยามนั้นได้อย่างกระชับและชัดเจน โปรดระบุแนวคิดหรือองค์ประกอบนั้นในภาพท่ี
แสดงขา้ งลา่ ง

15

Brown. (n.d.). The basics of prosocial behavior. Retrieved July 28, 2021, from
http://www.differencebetween.net/science/difference-between-prosocial
behavior-and-antisocial-behavior/

Cherry, K. (2020, October 13). The basics of prosocial behavior. Retrieved August 10,
2021 from https://www.verywellmind.com/what-is-prosocial-behavior-2795479

Cummins, D. (2020, October 19). Prosocial behavior: 4 thought-provoking research
findings. Retrieved August 27, 2021 from
https://positivepsychology.com/prosocial-behavior/

Lynch, M. (2021). The basics of prosocial behavior. Retrieved August 27, 2021 from
https://www.theedadvocate.org/the-basics-of-prosocial-behavior/

Thomas, J. (2020). What is prosocial behavior? psychology, definition, and examples.
Retrieved August 27, 2021 from
https://www.betterhelp.com/advice/behavior/what-is-prosocial-
behaviorpsychology-definition-and-examples/

16

17

วตั ถปุ ระสงค์กำรเรียนรู้

หลงั จากการศึกษาค่มู ือชดุ นแ้ี ลว้ ท่านมีพัฒนาการด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) ซ่ึง
เป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาท่ีเกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปัญญาตาม The Revised
Taxonomy (2001) ของ Benjamin S. Bloom โดยจาแนกพฤตกิ รรมในขอบเขตน้ีออกเป็น 6 ระดับ
เรียงจากพฤติกรรมท่ีสลับซับซ้อนน้อยไปหามาก หรือจากทักษะการคิดข้ันต่ากว่าไปหาทักษะการคิด
ข้ันสูงกว่า ดังน้ี คือ ความจา (Remembering) ความเข้าใจ (Understanding) การประยุกต์ใช้
(Applying) การวิเคราะห์ (Analyzing) การประเมิน (Evaluating) และการสร้างสรรค์ (Creating)
ดงั นี้

1. บอกคุณสมบตั ิ จบั คู่ เขียนลาดบั อธบิ าย บรรยาย ขดี เสน้ ใต้ จาแนก หรือระบุ
ความสาคญั ของ พฤติกรรมสง่ เสรมิ สังคมได้

2. แปลความหมาย อธิบาย ขยายความ สรปุ ความ ยกตัวอย่าง บอกความแตกตา่ ง หรอื
เรียบเรียง ความสาคัญของพฤตกิ รรมส่งเสรมิ สังคมได้

3. แกป้ ญั หา สาธติ ทานาย เชื่อมโยง ความสมั พนั ธ์ เปลย่ี นแปลง คานวณ หรือปรบั ปรงุ
ความสาคัญของพฤติกรรมสง่ เสรมิ สังคมได้

4. แยกแยะ จดั ประเภท จาแนกใหเ้ ห็นความแตกต่าง หรอื บอกเหตผุ ล ความสาคญั ของ
พฤติกรรมส่งเสรมิ สังคมได้

5. วดั ผล เปรยี บเทยี บ ตีคา่ ลงความเหน็ วิจารณ์ ความสาคญั ของพฤติกรรมส่งเสรมิ
สังคมได้

6. รวบรวม ออกแบบ จดั ระเบยี บ สร้าง ประดษิ ฐ์ หรอื วางหลักการ ความสาคญั ของ
พฤติกรรมส่งเสริมสงั คมได้

คำชแี้ จง
1) โปรดศึกษาเนื้อหาเก่ียวกับความสาคัญของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะที่นามา
กล่าวถึงแต่ละทศั นะ

18

2) หลงั จากการศกึ ษาเน้อื หาแตล่ ะทศั นะ โปรดทบทวนความเข้าใจจากคาถามท้ายเนื้อหา
ของแต่ละทศั นะ

3) หากท่านต้องการศึกษารายละเอียดของความสาคัญจากแต่ละทัศนะที่เป็นต้นฉบับ
ภาษาองั กฤษ โปรด “คลกิ ” ดูไดจ้ ากเว็บไซตน์ าเสนอไว้ทา้ ยเนื้อหาของแตล่ ะทัศนะ

Bergin and Prewett (2020) Christi Bergin เป็นรองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมท่ี
University of Missouri College of Education และ Sara Prewett เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้าน
จิตวทิ ยาการศกึ ษา โรงเรียน และการให้คาปรึกษาท่ี University of Missouri ได้กล่าวถึงความสาคัญ
ของพฤติกรรมส่งเสรมิ สงั คม (Prosocial Behaviors) ว่า การศึกษาการส่งเสริมสังคมเป็นการเรียนรู้ทาง
สังคมและอารมณ์ (Social-emotional Learning : SEL) ประเภทหนึ่งท่ีเน้นการส่งเสริมพฤติกรรมท่ี
เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่ืนหรือสร้างความกลมกลืนกับผู้อื่น พฤติกรรมทางสังคม ได้แก่ การปลอบโยน
เพื่อน การชมเชยเพ่ือนร่วมชั้น การช่วยสอนการบ้านผู้อื่น การทาให้แน่ใจว่าทุกคนมีส่วนร่วม ยุติ
ความขัดแยง้ และแบ่งปัน ตรงกันขา้ มกบั พฤติกรรม "ตอ่ ตา้ นสงั คม (Antisocial)" เช่น การกลั่นแกล้ง
การดหู ม่นิ หรอื การโกง

การศึกษาการส่งเสริมสังคมแตกต่างจากโปรแกรม SEL ท่ีเน้นการลดพฤติกรรมไม่
เหมาะสม แม้ว่าโรงเรียนของคุณจะใช้โปรแกรมท่ีลดพฤติกรรมต่อต้านสังคมได้สาเร็จ แต่ก็ไม่ได้
หมายความว่าพฤติกรรมท่ีส่งเสริมสังคมจะเพิ่มขึ้นเสมอไป อย่างไรก็ตามในทางตรงกันข้ามคือหาก
คุณสนับสนุนให้มีพฤติกรรมส่งเสริมสังคม คุณสามารถลดพฤติกรรมต่อต้านสังคมและเพ่ิมผลสัมฤทธิ์
ทางการเรยี นได้

การศึกษาวิจัยต้งั แตก่ อ่ นวัยเรยี นถงึ มัธยมปลายระบุวา่ ย่งิ นักเรียนส่งเสริมสังคมมากเท่าไหร่
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก็จะย่ิงสูงขึ้นเท่าน้ัน คุณอาจถือว่าน่ีเป็นเพียงความสัมพันธ์—ที่
นกั เรียนทม่ี คี วามร่วมมอื “ทา” ได้ดีในโรงเรียน อย่างไรก็ตามจากการศึกษาพบว่าพฤติกรรมส่งเสริม
สงั คมอาจนาไปสู่ความสาเร็จทสี่ ูงขึ้นได้ เมือ่ ครชู ว่ ยนักเรียนพัฒนาทักษะทางสังคม เกรดของนักเรียน
และคะแนนสอบจะเพมิ่ ขึ้นแม้วา่ จะไม่มีประเดน็ ทางวิชาการเข้ามาเกย่ี วขอ้ ง

19

การวิจัยยังแนะนาด้วยว่าหากคุณจัดนักเรียนในห้องเรียนที่มีเพ่ือนร่วมชั้นท่ีมีพฤติกรรม
ส่งเสริมสังคม นักเรียนคนน้ันมักจะได้เกรดและคะแนนสอบสูงกว่าที่อยู่ในห้องเรียนท่ีส่งเสริมสังคม
น้อยกว่า นอกจากน้ีนักเรียนที่มีปฏิสัมพันธ์กับเพ่ือนร่วมช้ันที่มีพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจะช่วยเหลือ
และใหค้ วามรว่ มมือมากขนึ้ เมอ่ื เวลาผ่านไป ความใจดเี ป็นดั่งโรคตดิ ต่อ

อกี แง่มมุ ท่นี า่ ตื่นเตน้ ของการศึกษาการส่งเสริมสงั คมคอื อาจช่วยลดชอ่ งว่างทางความสาเร็จ
ในการเรียนรู้และวินัยท่ีมักเกี่ยวข้องกับนักเรียนที่มีรายได้น้อยและชนกลุ่มน้อย การศึกษาการ
ส่งเสริมสังคมไม่ได้มาแทนท่ีการแก้ไขความอยุติธรรมทางสังคมที่นาไปสู่ช่องว่างดังกล่าว แต่สามารถ
ให้พน้ื ท่ีปลอดภยั ในการเรยี นรแู้ กน่ ักเรยี นท่มี คี วามเสีย่ งดังกลา่ ว

1. เพมิ่ พลังบวก (Enhanced Positivity)
เป็นเรื่องง่ายท่ีจะจินตนาการว่าพฤติกรรมทางสังคม เช่น การช่วยเหลือนักเรียนคนอ่ืนใน
ชั้นเรียนสามารถส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างไร แต่น้าใจที่ไม่ใช่ทางวิชาการ เช่น การทาความสะอาด
โต๊ะอาหาร หิว้ ของใหค้ รู พานกั เรียนใหมไ่ ปที่โรงยมิ จะส่งเสริมการเรยี นรู้ได้อย่างไร การวิจัยกล่าวว่า
สิง่ น้ีทาไดโ้ ดยการสรา้ งอารมณ์เชิงบวก ความเช่ือมโยงทางสงั คม (ความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน
และนกั เรยี นกบั นกั เรียน) และการมีส่วนรว่ มในการเรียนรู้
มำตรวจสอบแตล่ ะปัจจยั กัน (Let’s Examine each Factor) :
อำรมณ์เชิงบวก (Positive Emotions) เมื่อนักเรียนมีพฤติกรรมส่งเสริมสังคมต่อกัน
และกัน พวกเขาจะมีอารมณ์เชิงบวก เป็นผลให้นักเรียนที่ชอบส่งเสริมสังคมมักจะมีความสุขและร่า
เริงซึ่งช่วยผู้อ่ืนให้คิดบวกมากขึ้น อารมณ์เชิงบวกกระตุ้นให้นักเรียนเรียนรู้ เปิดใจรับข้อมูลใหม่ และ
เข้าร่วมในกิจกรรม เม่ือนักเรียนประสบกับอารมณ์เชิงบวกในห้องเรียน พวกเขาจะมีค วามคิด
สรา้ งสรรค์มากขน้ึ ขยนั ทางานเพม่ิ ขน้ึ และยนื หยัดผา่ นความทา้ ทาย
กำรยอมรับของสังคม (Social Acceptance) เม่ือคุณรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุน เป็นที่
ชอบ และยอมรบั จากเพอื่ นร่วมงาน คณุ จะมีส่วนร่วมในงานไดง้ ่ายข้นึ เช่นเดียวกับนักเรียน การวิจัย
พบวา่ นกั เรียนท่ีมพี ฤติกรรมสง่ เสรมิ สงั คมมกั เป็นท่ีช่ืนชอบของเพ่ือนร่วมช้ันและมีมิตรภาพที่ดีมากข้ึน
ซึ่งนาไปสู่เกรดและคะแนนสอบท่ีสูงข้ึน นักเรียนท่ีชอบส่งเสริมสังคมยังมีความสัมพันธ์ท่ีดีกับครูอีก
ด้วย ซ่ึงสามารถคาดหวังถงึ ผลการเรยี น คะแนนสอบ แรงจงู ใจ และอารมณ์ทดี่ ขี ้ึน
กำรมีส่วนร่วมในกำรเรียนรู้ (Engagement in Learning) เมือ่ นกั เรยี นรู้สึกว่าได้รับการ
ดูแลในห้องเรียน พวกเขามักจะแสดงความสนใจในการบ้าน ทางานอย่างอิสระ ฟัง ใส่ใจ ทางาน
ปฏิบัติตามกฎของชั้นเรียน ให้ความร่วมมือ รับความเส่ียงในการเรียนรู้ ขนันทางาน และมีส่วนร่วม
อยา่ งแข็งขนั ในกิจกรรมการเรียนรู้ - ทง้ั หมดน้ีสนับสนนุ การเรยี นรู้

20

2. ชมเชยนักเรียนเมื่อประพฤติตนเกื้อกูล (Praise Students when They Behave
Prosocially) หลังจากท่ี Sofia ช่วยนักเรียนใหม่หาทางไปโรงยิม ครูบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงท่ี "น่ารัก
และช่วยเหลือดี" Sofia ย้ิมแย้มแจ่มใสตอบว่า “ฉันชอบช่วยเหลือ” การสรรเสริญช่วยเพ่ิม
พฤติกรรมการเกอ้ื กูลในทกุ กล่มุ อายุ ในการศกึ ษาปี 2016 จานวนคากล่าวชมเชยท่ีนักเรียนได้รับจาก
ครูในช่วง 5 นาทีเม่ือต้นปีการศึกษา เป็นการทานายว่าพฤติกรรมที่ส่งเสริมสังคมของนักเรียนจะ
เพมิ่ ขึ้นหลายเดือนตอ่ มา

3. ใช้วินัยอุปนัยเพ่ือแก้ไขพฤติกรรมท่ีไม่เหมำะสม (Use Inductive Discipline to
Correct Misbehavior) วินัยอุปนัยมุ่งเน้นไปที่การให้เหตุผลแก่นักเรียนในการเปล่ียนพฤติกรรม
แทนที่จะเน้นที่มาตรการลงโทษ การชักนาให้ "เน้นใส่ใจผู้ถูกกระทา" จะมีพลังเป็นพิเศษ เม่ือครู
ช้ีให้เห็นว่าพฤติกรรมไม่เหมาะสมส่งผลต่อผู้อ่ืนอย่างไร แนวทางนี้สอนให้นักเรียนเอาใจใส่ความ
เปน็ อยู่ที่ดขี องผู้อื่น ทาให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ นอกจากนี้ยังช่วยให้นักเรียนเข้าถึงค่านิยมของคุณ
ฝึกการควบคุมตนเอง และช้ีนาพฤติกรรมในอนาคต ในขณะท่ีแสดงความเคารพ ในทางตรงกันข้าม
ระเบยี บวนิ ยั ทีเ่ น้นการลงโทษ (เช่น หยดุ การกระทาน้ัน มิฉะนั้นคุณจะต้องไปพบครูท่ีสานักงาน) บ่อน
ทาลายพฤติกรรมการส่งเสริมทางสงั คมและเพม่ิ พฤตกิ รรมตอ่ ต้านสงั คมเมือ่ เวลาผ่านไป

4. สร้ำงควำมสมั พนั ธท์ ดี่ รี ะหวำ่ งครูกับนักเรียน (Form Positive Teacher-Student
Relationships) ครูสามารถพฒั นาความสัมพันธเ์ ชิงบวกไดแ้ ม้จะตอ้ งเผชิญพฤตกิ รรมต่างๆ ที่ท้าทาย
ด้วยการประพฤติตนให้สง่ เสรมิ สังคมต่อนักเรียน ครูที่มีพฤติกรรมส่งเสริมเป็นคนอ่อนโยน รับรู้ความ
สนใจและความต้องการของนักเรียน มีปฏิสัมพันธ์ที่อบอุ่น และเคารพส่ิงท่ีนักเรียนให้ความสาคัญ
ความสมั พนั ธเ์ ชิงบวกระหว่างครูกบั นกั เรยี นมีพลังพเิ ศษแตพ่ บได้น้อยกวา่ ในหม่นู ักเรียนทีม่ ีความเส่ียง

โปรดทบทวน - ความสาคัญของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะของ Bergin
and Prewett มีสาระสาคญั อะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมำยเหตุ - ศึกษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” ดูได้จากเวบ็ ไซต์ขา้ งล่างนี้

https://www.naesp.org/resource/the-pros-of-prosocial/

21

Cherry (2021) เป็นนักเขียน ท่ีปรึกษาด้านการศึกษา และวิทยากรที่เน้นการช่วยให้
นักเรียนเรียนรู้เก่ียวกับจิตวิทยา ได้กล่าวถึงความสาคัญของพฤติกรรมส่งเสริมสังคม (Prosocial
Behaviors) วา่ นอกจากทเี่ หน็ ไดช้ ัดว่าการกระทาเพื่อส่งเสริมสังคมเป็นการทาเพื่อผู้รับแล้ว พฤติกรรม
เหลา่ น้ยี งั มชี ว่ งของผลประโยชนส์ าหรบั "ผู้ชว่ ยเหลือ" ดว้ ย ซึง่ ไดแ้ ก่

- ผลกระทบท่ีกระตุ้นอำรมณ์ (Mood-boosting Effects) : การวิจัยยังแสดงให้เห็น
ว่าผู้ที่มีพฤติกรรมส่งเสริมสังคมมีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์ดีขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นคนท่ี
ชว่ ยเหลือผอู้ น่ื มกั จะประสบกับอารมณด์ ้านลบไม่บ่อยนกั

- ผลประโยชน์ในกำรสนับสนุนทำงสังคม (Social Support Benefits) : การ
สนับสนุนทางสังคมเป็นส่ิงสาคัญสาหรับช่วยให้ผ่านช่วงเวลาท่ียากลาบาก การวิจัย
พบว่าการสนับสนุนทางสังคมสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพในหลาย ๆ
ด้าน รวมถึงการลดความเสี่ยงของความเหงา การดมื่ แอลกอฮอล์ และภาวะซมึ เศรา้

- ผลกระทบในกำรลดควำมเครียด (Stress-Reducing Effects) : การวิจัยยังพบว่า

การมีส่วนร่วมในพฤติกรรมชอบเข้าสังคมช่วยลดผลกระทบทางอารมณ์ด้านลบของ
ความเครียดได้ การช่วยเหลือผู้อื่นอาจเป็นวิธีที่ดีในการลดผลกระทบจากความเครียด
ในชีวติ ของคุณ

โปรดทบทวน - ความสาคัญของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะของ Cherry
มีสาระสาคัญอะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมำยเหตุ - ศกึ ษาจากตน้ ฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลกิ ” ดไู ดจ้ ากเว็บไซต์ข้างล่างน้ี

https://www.verywellmind.com/what-is-prosocial-behavior-2795479

22

Miles et al. (2021) Miles เป็นนักวิชาการและคณะผู้วิจัย และคระของเขาได้กล่าวถึง
การใชพ้ ฤติกรรมสนับสนุนทางสังคมเพ่ือปกป้องสุขภาพจิตและส่งเสริมความผาสุกทางอารมณ์ในช่วง
การระบาดของ COVID-19 : ระเบียบการรายงานที่ได้ลงทะเบียนแล้วสาหรับการทดลองแบบสุ่ม
(Using Prosocial Behavior to Safeguard Mental Health and Foster Emotional Well-
being during the COVID-19 Pandemic : a Registered Report Protocol for a Randomized
Trial) การทาดีให้ความรู้สึกดี ในช่วงหลายทศวรรษท่ีผ่านมา คติสอนใจง่ายๆ นี้อยู่ภายใต้การ
ตรวจสอบข้อเทจ็ จรงิ ทางวิทยาศาสตร์และได้รวบรวมหลกั ฐานจานวนมากที่ยืนยันถึงความถูกต้องของ
หลักการดังกล่าว การวิเคราะห์อภิมาน (Meta-analysis) สองรายการล่าสุดพบว่ากิจกรรมส่งเสริม
สังคมส่งผลในเชงิ บวกเพียงเล็กนอ้ ยต่อ “ความผาสุกทางอารมณ์” ซึ่งเปน็ คาศัพท์ท่ีเข้าถึงได้ท้ังหมดซึ่ง
รวมถึงความสุข ความสุขระยะยาว (Eudaimonic Well-being) ผลกระทบเชิงบวก ความเจริญทาง
จติ ใจ และการปราศจากอารมณด์ ้านลบ มีการสงั เกตผลกระทบทางสงั คมในเด็ก ผู้ใหญ่ และในกลุ่ม
ตัวอย่างท่ัวโลก Aknin et al. พิจารณาว่า "การให้อันอบอุ่น" อาจเป็นองค์ประกอบสากลของ
จติ วิทยามนุษย์

ประโยชน์ทางอารมณ์ของการให้แนะนาว่าการกระทาเพื่อส่งเสริมสังคมสามารถนามาใช้
ในการแทรกแซงเพื่อพัฒนาสุขภาพจิตได้ อย่างไรก็ตามประโยชน์เชิงปฏิบัติของพฤติกรรมส่งเสริม
สังคมนั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิผลของมันเม่ือเทียบกับกิจกรรมอ่ืนๆ ที่เป็นไปได้ เราแนะนาว่าผู้ท่ีทุกข์
ทรมานจากอารมณ์เชิงบวกในระดับต่าและ หรืออารมณ์เชิงลบในระดับสูง มักจะไม่ทาอะไรเลย นั่น
คือพวกเขายังคงดาเนินกิจกรรมประจาวันตามปกติที่มีความเป็นกลางทางอารมณ์ แต่ละเลยท่ีจะมี
ส่วนร่วมในกิจกรรมที่สร้างขึ้นเพ่ือตั้งใจจะปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีทางอารมณ์ของพวกเขา อีกทาง
หน่ึงคอื พวกเขาพยายามทจี่ ะปรับอารมณข์ องตนเองโดยมสี ่วนร่วมในกิจกรรมท่ีสนุกสนานส่วนตัวซ่ึงมี
จุดมุง่ หมายเพื่อตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ของตนเอง เราจึงแนะนาว่าประโยชน์เชิงปฏิบัติ
ของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมน้ันเช่ือมโยงโดยตรงกับความสามารถในการเพ่ิมความเป็นอ ยู่ท่ีดีทาง
อารมณ์และบรรเทาความทกุ ข์ทางจิตใจเมือ่ เทยี บกบั จุดเปรียบเทยี บเหล่านี้

งานวิจัยส่วนใหญ่เก่ียวกับพฤติกรรมและอารมณ์ส่งเสริมสังคมได้ตรวจสอบความสุขหรือ
ดัชนีของผลกระทบเชิงบวก (เช่น ตารางผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ) มีการศึกษาจานวนน้อยท่ี

23

ตรวจสอบผลกระทบของการกระทาด้วยความเมตตาต่อความผาสุกทางอารมณ์และตัวบ่งชี้สุขภาพ
ทางจติ รปู แบบอ่นื ๆ หรอื ตวั ช้วี ดั สุขภาพจิตทเ่ี ฉพาะเจาะจง การศกึ ษาของเราจาลองงานท่ีผ่านมาโดย
ตรวจสอบผลกระทบดา้ นส่งเสรมิ สงั คมท่ีมตี ่อความสขุ แลว้ ขยายออกไปโดยมีส่วนร่วมในงานวิจัยกลุ่ม
เลก็ ๆ ทีป่ ระเมินผลกระทบทางสังคมต่อผลลัพธ์เพิ่มเติมสามประการ ได้แก่ ความรู้สึกของความหมาย
ในชวี ติ ความวิตกกังวล และภาวะซมึ เศร้า

1. ควำมสขุ (Happiness)
การศึกษาจนถึงปัจจุบันบ่งช้ีว่าพฤติกรรมส่งเสริมสังคมทาให้เกิดความผาสุกทางอารมณ์
มากขึ้นเม่ือเทียบกับสภาวะการควบคุมที่เป็นกลางหรือไม่มีการควบคุมเลย อาจเป็นเพราะการ
กระทาเพื่อส่งเสริมสังคมสนองความต้องการทางจิตวิทยาข้ันพื้นฐานสาหรับความเป็นอิสระ
ความสามารถ และความเก่ียวข้อง หรืออาจเป็นความจาเป็นด้านศีลธรรม การกระทาด้วยความ
เมตตาอาจกระตุ้นให้เกิดความคิดเชิงบวกและพฤติกรรมเชิงบวกเพิ่มเติมท่ีส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี
แมว้ ่ากลไกทอี่ ยเู่ บ้อื งหลงั ผลกระทบทางสงั คมตอ่ ความสขุ จะยังคงถูกสรา้ งข้ึน แต่ความสัมพันธ์พ้ืนฐาน
ก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่ง เราจึงตั้งสมมติฐานว่าการกระทาเพ่ือส่งเสริมสังคมจะเพิ่มความสุขเมื่อเทียบ
กับการกระทาทเ่ี ปน็ กลางทางอารมณ์
พฤติกรรมส่งเสริมสังคมอาจมีประโยชน์มากกว่าการกระทาเพื่อความพึงพอใจส่วนตัวโดย
ม่งุ แตต่ นเอง ความคิดโดยทั่วไปชี้ว่าความพอใจในตนเองควรสร้างอารมณ์เชงิ บวก และการวิจัยท่ีมีอยู่
ก็แสดงให้เห็นแล้ว อย่างไรก็ตามการศึกษาการกระทาเพ่ือส่งเสริมสังคมระบุว่าพฤติกรรมชอบ
ส่งเสริมสังคมก่อให้เกิดอารมณ์เชิงบวกมากกว่าการกระทาที่เน้นให้ประโยชน์ตนเอง ยกตัวอย่างเช่น
คนท่ใี หค้ นอนื่ แทนทีจ่ ะใหต้ ัวเองมรี ายงานว่ามีความสุขในอัตราท่ีสูงข้ึน โดยไม่คานึงถึงจานวนเงินหรือ
ขนาดของของขวัญท่เี กยี่ วขอ้ ง และโดยไมค่ านึงถงึ แหลง่ ที่มาของเงนิ ทนุ ในทานองเดียวกัน ผู้ที่แสดง
ความเมตตาต่อผูอ้ ่ืนมีความผาสุกทางอารมณม์ ากกวา่ ผู้ท่ีทาเพ่ือตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์
ทางอารมณ์ท่ีมากขึ้นของการซ้ือเพ่ือสังคมอาจสะท้อนถึงความจริงที่ว่าเงินที่ใช้ ไปกับประสบการณ์
มกั จะสรา้ งความสุขทย่ี ิง่ ใหญก่ ว่าและยาวนานกว่าการซื้อวัตถุ ผลกระทบจากการใช้จ่ายเพ่ือส่งเสริม
สังคมอาจเกิดขึ้นได้เน่ืองจากก่อให้เกิดประสบการณ์เชิงบวกมากกว่าการได้มาซ่ึงสินค้าท่ีเป็นวัตถุ
ความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งคือบุคคลท่ีสนุกสนานในการทาเพื่อส่วนตัวอาจมองว่าตนเองเป็นคน
เอาแตใ่ จตวั เอง นาไปสู่อารมณ์ที่หลากหลาย—ความเพลิดเพลินจากการพอใจในตนเอง แต่ยังรวมถึง
อารมณ์เชิงลบเช่น ความรู้สึกผิดจากความรู้สึกเห็นแก่ตัว เราแนะนาว่าการกระทาเพ่ือส่งเสริมสังคม
จะเพ่ิมความสุขเม่ือเทียบกับการกระทาที่เน้นตนเองเพื่อสนองความต้องการทางอารมณ์ส่วนบุคคล
โดยไม่คานงึ ถึงกลไกท่อี ยเู่ บื้องหลงั
2. ควำมรสู้ กึ ในควำมหมำย (Sense of Meaning)

24

มนษุ ยม์ คี วามปรารถนาทจี่ ะรบั รแู้ ละรักษาความหมายในชีวิต ความหมายในชีวิตสามารถ
แบ่งออกเป็น (อย่างน้อย) ได้ 3 ด้าน: ความสอดคล้อง (เข้าใจชีวิต) วัตถุประสงค์ (ทิศทางและ
เป้าหมายในชีวิต) และความสาคัญ (ชีวิตมีค่าและคุ้มค่า) แม้ว่าจะมีเหตุผลท่ีสันนิษฐานได้ว่าการ
กระทาเพอ่ื ส่งเสริมสงั คมอาจมีอิทธิพลตอ่ แง่มุมเหลา่ น้ี แต่เราเน้นไปที่แง่มุมของความสาคัญเพราะเรา
คาดวา่ การประเมินค่าชีวติ ของคนจะตอบสนองต่อสถานการณ์ในชีวิตทีเ่ ปล่ียนแปลงไปได้ดี เช่น ที่เกิด
จากการระบาดใหญข่ องโควดิ -19 มากกวา่ ความเช่อื ท่ีช่วยให้บคุ คลเขา้ ใจชวี ิต หรือเป้าหมายระยะยาว
ท่ีพวกเขาถือ นอกจากนี้ยังมีการวิจัยที่ค้นคว้าเกี่ยวกับความสาคัญน้อยมาก ทาให้ยิ่งจาเป็นต้องทา
ความเข้าใจอย่างถ่ีถ้วนมากขึ้น

ตามที่ Baumeister ได้กล่าวว่า ผู้คนพบความหมายเม่ือพวกเขาเช่ือว่าการกระทาของ
พวกเขา "ถูก ดี และสมเหตุสมผล" ความหมายอาจเกิดขึ้นจากความรู้สึกเป็นเจ้าของที่มาพร้อมกับ
ความสัมพนั ธท์ างสงั คมเชงิ บวก การกระทาเพือ่ สงั คมอาจกอ่ ใหเ้ กิดความรู้สึกมีความหมายผ่านกลไก
ใดกลไกหน่ึง : การกระทาดังกล่าวถือว่า "ถูกต้องและดี" อย่างกว้างขวาง และสามารถเร่ิมต้น
ปฏิสมั พันธ์เชงิ บวกท่ีนาไปสู่ความสมั พนั ธ์ทางสังคมทย่ี งั่ ยนื

หลกั ฐานเชิงประจักษท์ เ่ี ช่อื มโยงการกระทาเพอื่ ส่งเสริมสังคมกับความหมายในชีวิตมีจากัด
แต่สอดคล้องกับคากล่าวอ้างเหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาเม่ือเร็ว ๆ นี้โดย Van Tongeren,
Green, Davis, Hook and Hulsey [55] พบวา่ การมีส่วนร่วมในพฤติกรรมส่งเสริมสังคมท่ีมีแรงจูงใจ
ให้เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อ่ืนมีความเกี่ยวข้องกับความหมายที่มากข้ึนในชีวิต การศึกษาเหล่านี้ใช้
ตัวอย่างนักศึกษาระดับปริญญาตรี แต่ผลคล้ายคลึงกับการศึกษาไม่ก่ีช้ินที่ศึกษากลุ่มตัวอย่างที่เป็น
ผใู้ หญ่ แม้ว่าการค้นคว้าการศึกษาเหล่าน้ีอย่างใกล้ชิดจะเผยให้เห็นว่าการศึกษาส่วนใหญ่ตรวจสอบ
จุดประสงค์ในชีวิตมากกว่าความสาคัญ แต่ความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างสองแง่มุมนี้ช้ีให้ เห็นว่า
ความสาคัญจะตอบสนองต่อการกระทาเพื่อสังคมในลักษณะเดียวกัน ดังนั้นเราจึงต้ังสมมติฐานว่า
การกระทาเพ่ือส่งเสริมสังคมจะเพ่ิมความรู้สึกว่าชีวิตของคนเรามีค่าเม่ือเทียบกับการกระทาที่มีความ
เป็นกลางทางอารมณ์

การกระทาท่ีมุ่งเน้นตนเองไม่น่าจะให้ประโยชน์ในแบบเดียวกัน แม้ว่าพฤติกรรมเหล่าน้ี
จะสร้างอารมณ์เชิงบวกได้ แต่เราคาดว่าโดยท่ัวไปแล้วพฤติกรรมเหล่าน้ีจะไม่ถูกมองว่า “ถูกต้องและ
ดี” บ่อยครั้งท่ีพวกเขาจะถูกมองว่าเป็นกลางทางศีลธรรมหรือแม้แต่คาดว่าจนถูกมองว่าเห็นแก่ตัว
ในทางศีลธรรม พฤติกรรมท่ีเน้นตนเองเป็นหลักไม่น่าจะนาไปสู่ความเช่ือมโยงระหว่างบุคคลที่
ส่งเสริมความรู้สึกถึงความหมายในชีวิต และไม่ทาให้เกิดความรู้สึกผูกพันกับบางส่ิงท่ียิ่งใหญ่กว่า
ตนเองซ่ึงดูเหมือนต้องการการดูแลข้อกังวลนอกเหนือจากตนเอง ดังน้ันเราจึงต้ังสมมติฐานว่าการ
กระทาเพื่อสังคมจะเพิ่มความรู้สึกว่าชีวิตของคนเรามีค่าเมื่อเทียบกับการกระทาท่ีเน้นตนเองเพื่อ
สนองความต้องการทางอารมณส์ ว่ นบคุ คล

25

3. อำกำรซึมเศรำ้ (Depression)
มีเหตุผลหลายประการท่ีคาดว่าพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจะลดอาการซึมเศร้าได้ Raposa
and colleagues ให้เหตุผลว่าการมีส่วนร่วมในพฤติกรรมส่งเสริมสังคมสามารถชดเชยผลกระทบ
ของความเครียดในชีวิตประจาวันที่มีต่อผลกระทบด้านลบ ซ่ึงเป็นลักษณะเด่นของภาวะซึมเศร้า
บุคคลท่ีซึมเศร้ามักมีมุมมองเชิงลบเก่ียวกับตนเอง เช่น ความเช่ือที่ว่าพวกเขาไม่มีค่าหรือไม่มี
ประสิทธิภาพ การกระทาเพื่อส่งเสริมสังคมสามารถบรรเทาการตัดสินดังกล่าวได้โดยการเบ่ียงเบน
ความสนใจจากตนเองและมุ่งไปยังความต้องการของผู้อื่น การกระทาเพ่ือความพึงพอใจส่วนตัวไม่
น่าจะมีผลเช่นน้ีเพราะเป็นการมุ่งความสนใจไปที่ตนเองโดยตรง นอกจากน้ีการวิจัยยังช้ีให้เห็นว่า
อาการซึมเศร้ารวมไปถึงความไวต่อความสัมพันธ์ระหว่ างบุคคลและความกลัวว่าจะไม่ได้รับการ
ยอมรับทางสังคมท่ีเพ่ิมข้ึน ซึ่งท้ังสองอย่างน้ีอาจทาให้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืนด้วยความยากลาบาก
การแสดงความกรุณาต่อผู้อ่ืนอาจลดความกังวลเช่นน้ันลง แท้จริงแล้ว หลักฐานบางอย่างช้ีให้เห็นว่า
พฤติกรรมสง่ เสรมิ สงั คมทาให้เกิดการรวมตัวทางสังคมและความผูกพันกับผู้อ่ืน ซ่ึงอาจส่งผลโดยตรง
ต่อการสนับสนนุ ซง่ึ กนั และกนั ซ่ึงสามารถบรรเทาความกลวั และลดภาวะซมึ เศร้าได้ การกระทาท่ีเน้น
ผลประโยชน์แกต้ นเองอาจไม่ให้ประโยชน์ด้านน้ีเพราะมักเกิดข้ึนโดยลาพังและไม่น่าจะกระตุ้นให้เกิด
พฤติกรรมตอบสนองเชงิ บวกจากผูอ้ ่นื
การศึกษาจานวนหนึง่ ให้หลักฐานเบื้องต้นว่าการกระทาเพื่อสังคมช่วยลดอาการซึมเศร้าได้
การศึกษาสองช้ินระบุว่าบุคคลท่ีทาความดีเป็นประจาจะรู้สึกดีขึ้นในวันที่พวกเขาช่วยเหลือคนแปลก
หรอื เพอื่ น การศึกษาข้ามชาติขนาดใหญ่เพิ่มเติมพบว่าผู้ที่เป็นอาสาสมัครรายงานว่ามีภาวะซึมเศร้า
ต่ากว่าผู้ที่ไม่ได้รับ ในการศึกษาทดลองสองคร้ัง การมีส่วนร่วมในการแสดงความเมตตาหรือ
ความเห็นอกเห็นใจลดภาวะซึมเศร้าเมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่ในสภาวะควบคุมท่ีเป็นกลางทางอารมณ์
ผลประโยชน์เหล่านี้คงอยู่ตั้งแต่หน่ึงเดือนถึงหกเดือนหลังจากส้ินสุดการแทรกแซงโดยพฤติกรรม
ดังกล่าว จากหลักฐานท่ีมีอยู่และข้อพิจารณาตามทฤษฎีท่ีเสนอข้างต้น เราตั้งสมมติฐานว่าการ
กระทาเพ่ือส่งเสริมสังคมจะลดความซึมเศรา้ เม่ือเทียบกับการกระทาท่ีเป็นกลางทางอารมณ์ และการ
กระทาท่เี น้นเพอ่ื สนองความตอ้ งการทางอารมณ์ส่วนบุคคล
4. ควำมวิตกกงั วล (Anxiety)
การกระทาเพ่ือสังคมอาจช่วยลดความวิตกกังวลได้ Taylor, Lyubomirsky and Stein
ตั้งข้อสังเกตว่าอารมณ์เชิงบวกสามารถลดผลกระทบทางสรีรวิทยาและจิตใจของอารมณ์เชิงลบ และ
ให้เหตุผลว่าอารมณ์เชิงบวกอาจเป็นวิธีการรักษาภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ จากการใชก้ ลมุ่ ตวั อย่างบคุ คลที่เป็นโรคซึมเศร้าหรือวิตกกังวล พวกเขาพบว่าผู้ท่ีมีส่วน
ร่วมในกิจกรรมเชิงบวก ซึ่งรวมถึงการกระทาเพ่ือส่งเสริมสังคม มีการปรับปรุงระดับความวิตกกังวล
และภาวะซึมเศร้าท่ีดีข้ึนอย่างมีนัยสาคัญเม่ือเทียบกับกลุ่มควบคุม และยังพบผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน

26

ในตัวอย่างอื่นๆ ของบุคคลที่มีความกังวล ในการศึกษาเหล่านี้ บุคคลท่ีแสดงกิริยาเมตตาเห็นการ
ปรับปรุงในความวิตกกังวลและการหลีกเล่ียงทางสังคมลดลง ซ่ึงเป็นพฤติกรรมที่เก่ียวข้องกับความ
วิตกกังวล ในทางตรงกนั ข้าม พฤติกรรมที่เน้นตนเองกลับมีความวิตกกังวลท่ีเพิ่มขึ้นเม่ือเวลาผ่านไป
อาจเป็นเพราะการกระทาที่เน้นตนเองสามารถกระตุ้นปฏิกิริยาทางอารมณ์เชิงลบ เช่น ความวิตก
กงั วล ความเศรา้ หรอื ความรู้สึกผิด หากบุคคลเชื่อว่าพวกเขาไม่ควรเพ่งความสนใจไปท่ีตนเองหรือใช้
ทรัพยากรอันมีค่าเพ่ือสนองความต้องการของตนเอง หลักฐานท่ีมีอยู่จึงชี้ให้เห็นว่าการกระทาเพ่ือ
สังคมสามารถลดความวิตกกังวลและอาจมีประสิทธิภาพในการทาเช่นนั้นมากกว่าการกระทาท่ีเน้น
ตนเอง ดังนั้นเราจึงต้ังสมมติฐานว่าการกระทาที่คล้ายคลึงกันดังกล่าวน้ันจะลดความวิตกกังวลเม่ือ
เทยี บกบั การกระทาท่ีเป็นกลางทางอารมณ์ และการกระทาที่เน้นตนเองเพื่อสนองความต้องการทาง
อารมณ์ส่วนบคุ คล

การอภิปรายข้างต้นชี้ให้เห็นว่ามีเหตุผลทั้งทางทฤษฎีและเชิงประจักษ์ท่ีเช่ือว่าพฤติกรรม
ส่งเสรมิ สงั คมจะชว่ ยเพ่มิ ความผาสุกทางอารมณ์และช่วยให้สุขภาพจิตดีข้ึน อย่างไรก็ตามในประเด็น
สาคัญหลายประการหลักฐานของผลกระทบของการส่งเสริมสังคมยังค่อนข้างเบาบาง ในบางกรณี
เปน็ ปัญหาของปริมาณ : มีการศึกษาค่อนข้างน้อยที่เชื่อมโยงพฤติกรรมส่งเสริมสังคมกับความรู้สึกถึง
ความหมาย ความซึมเศร้า และความวิตกกังวล เป็นต้น ดังน้ันจึงเป็นเร่ืองยากที่จะทราบว่าผลลัพธ์
เหล่านี้แข็งแกร่งเพียงใด นอกจากน้ีการศึกษาจานวนหนึ่งใช้นักศึกษาระดับปริญญาตรีหรือกลุ่ม
ตวั อย่างท่ีได้รับการคดั เลือกว่ามภี าวะซึมเศรา้ หรือความวติ กกังวล ดังนนั้ จึงไม่ชดั เจนว่าผลลัพธ์จะสรุป
ทั่วไปได้ดีเพียงใดในกลุ่มประชากรอื่นๆ แต่สถานการณ์แตกต่างออกไปหากพูดถึงงานวิจัยเก่ียวกับ
พฤติกรรมและความสุขส่งเสริมสังคม ซึ่งได้มีการตรวจสอบซ้าแล้วซ้าเล่าในหลากหลายกลุ่มตัวอย่าง
อย่างไรก็ตามประเด็นท่ีสองเท่าๆ กันกับการศึกษาผลลัพธ์ท้ังหมด รวมถึงความสุขด้วย การศึกษา
ผลกระทบการส่งเสริมสังคมมักอาศัยการทดลองในกลุ่มตัวอย่างท่ีมีขนาดค่อนข้างเล็ก (เช่น N ต่อ
เงื่อนไข < 100) และมีแนวโน้มว่าจะไม่มีประสิทธิภาพ การศึกษาท่ีไม่มีอานาจ (Underpowered
Studies) เพ่ิมโอกาสในการสังเกตเห็นขนาดผลกระทบท่ีสูงเกินจริง เน่ืองจากความไม่แน่นอนท่ี
เพ่ิมขึ้นในการประมาณการหมายความว่าเฉพาะผลกระทบขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะมีนัยสาคัญทางสถิติ
ดงั น้ัน แมว้ ่าหลกั ฐานท่ีมีอยจู่ ะชีว้ ่าพฤตกิ รรมสง่ เสรมิ สงั คมสง่ ผลกระทบในทางบวกต่อความผาสุกทาง
อารมณแ์ ละชว่ ยปรับปรุงสขุ ภาพจิต แต่มแี นวโน้มว่าขนาดของผลกระทบทรี่ ายงานจะใหญ่เกินไป อัน
ทจี่ ริง การจาลองแบบสูงของการวิจัยการใช้จ่ายเพื่อสังคมเม่ือเร็ว ๆ นี้พบว่าผลกระทบจากการศึกษา
3 เร่ืองมีต้ังแต่ไม่มีเลยไปจนถึงเล็กน้อย ในทานองเดียวกัน การวิเคราะห์อภิมานของการแทรกแซง
ทางจิตวทิ ยาเชิงบวกเมื่อเร็วๆ นพี้ บวา่ ขนาดของผลกระทบถูกประเมินค่าสูงไปอย่างมากเนื่องจากการ
พึ่งพาการศึกษาแบบ การทดลอง เล็กมากเกินไป ในทางกลับกัน ขนาดผลกระทบท่ีสูงเกินจริงมีผล
โดยตรงต่อประโยชน์ของการแทรกแซงด้วยความเมตตาเพ่ือพัฒนาสุขภาพจิต การศึกษาของเราจะ

27

แก้ไขช่องว่างของหลักฐานน้ีโดยการประเมินผลของการกระทาท่ีมีเมตตาต่อความสุข ความหมาย
ความซึมเศร้า และความวิตกกังวลในกลุ่มตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่พอที่จะตรวจพบผลกระทบเพียง
เล็กนอ้ ย

โปรดทบทวน - ความสาคัญของพฤติกรรมสง่ เสรมิ สังคมจากทศั นะของ Miles et
al มสี าระสาคญั อะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมำยเหตุ - ศกึ ษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” ดูได้จากเวบ็ ไซตข์ า้ งลา่ งน้ี

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7840018/

Samynathan (2021) กาลังศึกษาระดับปริญญาโทด้านการวิเคราะห์พฤติกรรมประยุกต์
รับปริญญาตรีและปริญญาโทด้านจิตวิทยาคลินิกจาก India ได้กล่าวถึงความสาคัญของพฤติกรรม
ส่งเสริมสังคม (Prosocial Behaviors) ว่างานวิจัยล่าสุดเก่ียวกับความเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นและ
ความเมตตาได้ยืนยันว่าการฝึกความเห็นอกเห็นใจ ความเห็นแก่ประโยชน์ ความไว้วางใจ และความ
ร่วมมือสามารถส่งเสริมความเป็นอยู่ท่ีดีโดยรวมในระดับบุคคลและระดับชุมชนในช่วงเวลาที่ท้าทาย
เหล่านี้ (โควิด-19) นี่คือประโยชน์ทางร่างกายและจิตใจบางประการของการฝึกแสดงความเมตตา
ตา่ งๆ

ประโยชนด์ ำ้ นสขุ ภำพจิต (Mental Health Benefits) :
1) ปลอ่ ยฮอรโ์ มนอำรมณด์ ี (Releases Feel-Good Hormones)
การฝึกแสดงความเมตตาต่างๆ มีผลกระทบต่อสุขภาพจิตโดยจะมีการกระตุ้นการผลิตสาร
สื่อประสาทในสมองที่ทาให้คุณรู้สึกดี! การวิจัยพบว่าความเมตตาช่วยกระตุ้นการผลิตเซโรโทนิน

28

(Serotonin) ส่งผลให้รู้สึกพึงพอใจ นอกจากน้ียังกระตุ้นศูนย์รางวัล (Reward Center)ในสมองของ
คณุ อีกท้งั สารเอน็ ดอรฟ์ นิ (Endorphins) ทเ่ี รียกกันว่ายาแกป้ วดในรา่ งกายสามารถหล่ังออกมาได้ ซ่ึง
จะทาให้คุณสงบลงและทาใหค้ ณุ รสู้ ึกมคี วามสุข

2) ลดควำมเครียด (Reduces Stress)
การวิจัยพบว่าความเมตตาสามารถลดการผลิตฮอร์โมนความเครียด “คอร์ติซอล
(Cortisol)” ได้ การศึกษาอื่นรายงานว่ามีรายงานว่าคอร์ติซอลลดลงประมาณร้อยละ 23 เม่ือเทียบ
กบั คนทว่ั ไป ส่งผลใหม้ ีชีวติ ที่สมดลุ และมสี ุขภาพดีขน้ึ
3) ให้ควำมรสู้ ึกเป็นเจำ้ ของ (Provide a Sense of Belongingness)
ความเมตตาสามารถเพิ่มความรู้สึกถึงการเช่ือมต่อกับผู้อื่น ความเมตตาทาให้เกิด
ความรสู้ กึ เปน็ เจา้ ของ นสี้ ามารถปรับปรงุ อารมณ์ทไ่ี ม่ดีและเพิม่ ความสมั พนั ธ์
การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการแสดงความเมตตาสามารถลดความวิตกกังวลทางสังคมได้
ผลการวิจัยพบว่าบุคคลที่วิตกกังวลทางสังคมมีอารมณ์เชิงบวกเพ่ิมข้ึน ความพึงพอใจที่ดีข้ึน และการ
หลีกเลย่ี งสงั คมมีการพฒั นาทส่ี าคญั
4) เพิม่ ควำมนับถือตนเอง (Boost Self-Esteem)
การแสดงความเมตตาต่างๆ ทาให้ผู้คนรู้สึกมีคุณค่า มองโลกในแง่ดี และสามารถสร้าง
ความภาคภูมิใจในตนเองได้ นอกจากนีย้ งั สามารถทาใหเ้ ข้าใจและเหน็ อกเหน็ ใจตนเองและผอู้ ่นื

ประโยชนต์ อ่ สุขภำพร่ำงกำย (Physical Health Benefits) :
1) ลดควำมดันโลหิต (Reduces Blood Pressure)
การแสดงความเมตตาต่างๆ สามารถสร้างความรู้สึกสบายใจได้ ส่งผลให้เกิดการผลิต
ฮอร์โมนทเ่ี รียกว่า Oxytocin หรอื ท่ีเรียกว่า "ฮอร์โมนป้องกันโรคหัวใจ" Oxytocin มีผลในการขยาย
หลอดเลือดเนอ่ื งจากการปลดปล่อย Nitric Oxide
การแสดงความเมตตาจะสรา้ งความอบอ่นุ ทางอารมณ์ ซง่ึ หล่ังฮอร์โมนท่ีเรียกว่า Oxytocin
ซ่ึงทาให้เกิดการปลดปล่อยสารเคมีที่เรียกว่า Nitric Oxide ซึ่งทาให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้
ระดับความดันโลหติ ลดลง
2) ช่วยเพ่ิมอำยุขัย (Improves Longevity)
การวิจยั ชใี้ หเ้ หน็ วา่ เมื่อการฝกึ แสดงความเมตตาแบบตา่ ง ๆ เริม่ ต้นขน้ึ ต้ังแตอ่ ายุยังน้อย จะ
สามารถทาให้เกิดความพึงพอใจในชีวิตและสุขภาพร่างกายได้ ชะลอการเสียชีวิตและปรับปรุง
คณุ ภาพชวี ติ โดยรวม

29

โปรดทบทวน - ความสาคัญของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะของ
Samynathan มีสาระสาคัญอะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมำยเหตุ - ศึกษาจากต้นฉบับภาษาองั กฤษ โปรด “คลิก” ดูไดจ้ ากเวบ็ ไซต์ข้างลา่ งนี้

https://blog.myshapa.com/how-being-kind-can-improve-your-health/

Parent Help Line. (n.d.) ไดก้ ลา่ วถึง Skilltime หนงั สือคู่มอื ทีอ่ า่ นงา่ ยเก่ียวกับการสอน
ทักษะเชิงสังคม (Skilltime an Easy-to-Read Booklet on Teaching Pro-Social Skills) ว่า ต้อง
มกี ารสอนเดก็ ทกั ษะการส่งเสรมิ สังคมเหมอื นทักษะอ่นื ๆ โรงเรยี นสอนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ
ภาษา – ทักษะทางสิชาการ อย่างไรก็ตาม เด็กควรเรียนรู้ทักษะการส่งเสริมสังคมในเชิงบวกในบ้าน
ใครกต็ ามท่ีดูแลหรือทางานกับเดก็ ควรสอนทักษะการส่งเสรมิ สงั คม

นักเรียนท่ีไม่อยากเก่ียวข้องกับเพ่ือนฝูงและปรับตัวเข้ากับกิจวัตรของโรงเรียนมีปัญหา
ส่งผลตอ่ ความสามารถในการคิดและเรียนรู้ ไม่สามารถบรรลุศักยภาพสูงสุดได้ จากการศึกษาพบว่า
เด็กท่ีมีทักษะการส่งเสริมสังคมไม่ดีจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาและมีความเส่ียงสูง ทักษะส่งเสริม
สังคมของเดก็ กอ่ นวยั เรียนสามารถคาดหวังความสาเร็จทางวิชาการในชัน้ ประถมศึกษาได้อย่างแท้จริง

ทักษะการเข้าสังคมช่วยให้เด็กๆ รับมือกับเหตุการณ์และปัญหาในแต่ละวัน เมื่อเด็ก
จัดการปัญหาอย่างไม่ถูกต้อง เขาอาจทาให้สถานการณ์แย่ลง - ท้ังสาหรับเขาและผู้อื่น หากผู้ใหญ่
จัดการกับปัญหาของเด็ก เขาจะเหมือนฉกฉวยโอกาสของเด็กท่ีจะรู้สึกดีกับทักษะการแก้ปัญหาของ
เขา

30

เด็กมีความต้องการข้ันพื้นฐานในการเช่ือมโยงกับผู้อื่น – พ่อแม่ เพื่อนฝูง และครู น่ีคือ
ความต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ทักษะการเข้าสังคมในเชิงบวกช่วยให้เด็กๆ ได้รู้จักและเป็นเพ่ือนที่ดี
ต่อกัน เพ่ือน ๆ ให้การสนับสนุนในช่วงเวลาท่ีเครียด เพ่ือนที่คอยช่วยเหลือช่วยให้เด็กมีความ
ยดื หย่นุ

ทกุ คนต้องการทักษะสง่ เสรมิ สังคมที่ดี จากการวิจัยตามหลักฐาน ทักษะการส่งเสริมสังคม
เปน็ ประโยชนต์ ่อเด็กที่ :

- พัฒนำได้ตำมปกติ (Developing Normally) เด็กทุกคนต้องรับมือกับสถานการณ์
ใหมๆ่

- ข้ีอำยและก้ำวร้ำว (Shy and Aggressive) ในอดีตผู้เชี่ยวชาญจะบอกผู้ปกครอง
ของเด็กท่ีขี้อายหรือก้าวร้าวว่า “โตขึ้นแล้วก็หายเอง” ทว่าลักษณะเชิงลบของเด็ก
หลายคนกลับแยล่ งไม่ดีขน้ึ

- กำรเรียนรู้บกพร่อง (Learning Disabled) ป่วยทางจิต หรือความต้องการพิเศษ
ส่วนใหญ่แลว้ เด็กเหล่านข้ี าดทกั ษะทางสังคมที่จาเป็นในการโต้ตอบกับเพื่อน การขาด
ทักษะทางสังคมทีม่ กั ขดั ขวางการเรยี นรู้กับผู้อื่น

- กำรล้อเลียน คนพำล และผู้ยืนดู (Bullies, Targets and Bystanders) - การฝึก
ทักษะเพ่ือสังคมช่วยให้เด็กๆ ได้ใช้คาพูด ท่าทาง และความภาคภูมิใจในตนเองเพ่ือ
หยุดพฤติกรรมการรงั แก

เด็กท่ีถูกปฏิเสธเป็นเวลา 2-3 ปีเม่ือเข้าสู่ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 มีโอกาสร้อยละ 50 ท่ีจะ
แสดงพฤติกรรมต่อต้านสังคม ในทางตรงกันข้าม เด็กเพียงร้อยละ 9 ท่ีมีเพ่ือนมีพฤติกรรมต่อต้าน
สงั คม เดก็ ตอ้ งการมติ รภาพเพื่อพฒั นาสขุ ภาพจติ ที่ดี

โปรดทบทวน - ความสาคัญของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะของ Parent
Help Line มีสาระสาคญั อะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมำยเหตุ - ศกึ ษาจากตน้ ฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลกิ ” ดไู ด้จากเว็บไซต์ขา้ งล่างนี้

https://www.sps186.org/downloads/attachments/48899/Skill

31

จากทัศนะของแหล่งอ้างอิงต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น สรุปได้ว่า พฤติกรรมส่งเสริมสังคม
(Prosocial Behavior) มีความสาคญั ดังนี้

1) ช่วยสรา้ งพลังเชิงบวก
2) สร้างการยอมรับของสงั คม
3) สร้างความเช่ือมโยงทางสังคม
4) สรา้ งความสัมพันธร์ ะหวา่ งครกู ับนกั เรยี น และนกั เรยี นกบั นักเรียน
5) สง่ เสรมิ การมสี ่วนรว่ มในการเรยี นรู้
6) ช่วยให้เด็กได้รู้จักและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เพ่ือนให้การสนับสนุนในช่วงเวลาที่เครียด

เพ่ือนท่ีคอยช่วยเหลือช่วยให้เด็กมีความยืดหยุ่น และยังเกิดประโยชน์สาหรับ "ผู้ช่วย
เหลือ" คือครูมีสุขภาพดีในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงการลดความเส่ียงของความเหงา การ
ด่ืมแอลกอฮอล์ และภาวะซึมเศร้า
7) ครูฝึกแสดงความเมตตา
8) สามารถลดความวิตกกังวลทางสังคมได้ ทาให้ตนเองมีคุณค่า เพ่ิมความนับถือตนเอง
มองโลกในแง่ดี และสามารถสร้างความภาคภูมิใจในตนเองได้
9) การส่งเสริมสังคมเป็นประโยชน์ต่อเด็กที่พัฒนาได้ตามปกติเพ่ือรับมือกับสถานการณ์
ใหม่ๆ เด็กข้อี ายและก้าวรา้ ว เด็กที่มีการเรียนรู้บกพร่องป่วยทางจิตหรือความต้องการ
พเิ ศษ เดก็ ที่ไดร้ ับการล้อเลยี น เดก็ ท่ถี กู ปล่อยโดดเด่ียว

Source - https://bit.ly/3OXLIg3

32

จากนานาทัศนะเกี่ยวกับความสาคัญของพฤติกรรมส่งเสริมสังคม (Prosocial Behaviors)
ดังกล่าวข้างต้น ท่านเห็นว่ามีแนวคิด (Concepts) ที่สาคัญอะไรบ้าง ท่ีทาให้เข้าใจในความสาคัญน้ัน
ไดอ้ ย่างกระชบั และชัดเจน โปรดระบแุ นวคดิ นน้ั ในภาพที่แสดงขา้ งล่าง

33

Bergin, C. & Prewett, S. (2020). Focusing on positive behaviors benefits student well-
being and achievement. Retrieved August 10, 2021 from
https://www.naesp.org/resource/the-pros-of-prosocial/

Cherry, K. (2020, October 13). The basics of prosocial behavior. Retrieved August 10,
2021 from https://www.verywellmind.com/what-is-prosocial-behavior-2795479

Miles, A. et al (2021). Using prosocial behavior to safeguard mental health and foster
emotional well-being during the COVID-19 pandemic: A registered report
protocol for a randomized trial. Retrieved August 10, 2021 from
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7840018/

Parent Help Line. (n.d.). Skill time an easy-to-read booklet on teaching pro-social
skills. Retrieved August 10, 2021, from
https://www.sps186.org/downloads/attachments/48899/Skill

Samynathan, S. (2021, March 25). How being kind can improve your health. Retrieved
August 10, 2021, from https://blog.myshapa.com/how-being-kind-can-
improve-your-health/

34

35

วตั ถุประสงค์กำรเรียนรู้

หลงั จากการศึกษาคมู่ อื ชดุ นี้แลว้ ท่านมีพัฒนาการด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) ซ่ึง
เป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่เก่ียวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปัญญาตาม The Revised
Taxonomy (2001) ของ Benjamin S. Bloom โดยจาแนกพฤตกิ รรมในขอบเขตน้ีออกเป็น 6 ระดับ
เรียงจากพฤติกรรมท่ีสลับซับซ้อนน้อยไปหามาก หรือจากทักษะการคิดขั้นต่ากว่าไปหาทักษะการคิด
ข้ันสูงกว่า ดังน้ี คือ ความจา (Remembering) ความเข้าใจ (Understanding) การประยุกต์ใช้
(Applying) การวิเคราะห์ (Analyzing) การประเมิน (Evaluating) และการสร้างสรรค์ (Creating)
ดงั นี้

1. บอกคุณสมบตั ิ จับคู่ เขยี นลาดับ อธบิ าย บรรยาย ขีดเส้นใต้ จาแนก หรอื ระบุ
ลักษณะหรอื คณุ ลักษณะของ พฤติกรรมสง่ เสรมิ สงั คมได้

2. แปลความหมาย อธิบาย ขยายความ สรปุ ความ ยกตวั อย่าง บอกความแตกตา่ ง หรือ
เรยี บเรยี ง ลักษณะหรอื คณุ ลักษณะของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมได้

3. แก้ปัญหา สาธิต ทานาย เช่ือมโยง ความสมั พันธ์ เปลี่ยนแปลง คานวณ หรอื ปรบั ปรงุ
ลักษณะหรอื คณุ ลกั ษณะของพฤติกรรมส่งเสริมสงั คมได้

4. แยกแยะ จดั ประเภท จาแนกใหเ้ ห็นความแตกต่าง หรือบอกเหตุผล ลกั ษณะหรือ
คุณลกั ษณะของ พฤติกรรมส่งเสรมิ สงั คมได้

5. วัดผล เปรยี บเทียบ ตีค่า ลงความเห็น วิจารณ์ ลักษณะหรือคณุ ลักษณะของพฤตกิ รรม
ส่งเสริมสังคมได้

6. รวบรวม ออกแบบ จดั ระเบียบ สรา้ ง ประดิษฐ์ หรือวางหลักการ ลักษณะหรือ
คุณลกั ษณะของ พฤตกิ รรมส่งเสรมิ สังคมได้

คำช้ีแจง
1) โปรดศึกษาเน้ือหาเก่ียวกับลักษณะหรือคุณลักษณะของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจาก
ทัศนะที่นามากล่าวถึงแต่ละทศั นะ
2) หลังจากการศึกษาเนอ้ื หาแต่ละทัศนะ โปรดทบทวนความเข้าใจจากคาถามท้ายเน้ือหา
ของแตล่ ะทัศนะ

36

3) หากท่านต้องการศกึ ษารายละเอียดของลกั ษณะหรือคุณลกั ษณะจากแตล่ ะทัศนะที่
เปน็ ตน้ ฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” ดูไดจ้ ากเวบ็ ไซต์นาเสนอไว้ท้ายเน้ือหาของแต่
ละทัศนะ

Siu, Shek and Law (2012) ไดก้ ล่าวถงึ บรรทัดฐานการส่งเสรมิ สังคมในฐานะโครงสร้าง
การพัฒนาเยาวชนเชิงบวก: การทบทวนแนวความคิด (Prosocial Norms as a Positive Youth
Development Construct: A Conceptual Review) ว่าบรรทัดฐานทางสังคมคือกฎเกณฑ์และ
ความคาดหวังที่สังคมช้ีนาพฤติกรรมของสมาชิก บรรทัดฐานทางสังคมอาจมีอิทธิพลอย่างมากในการ
กาหนดพฤติกรรม เน่ืองจากผู้คนไม่เพียงแค่ทาเพ่ือผลประโยชน์ของตนเองเท่าน้ัน แต่ยังทาเพราะ
ปฏิบัติตามบรรทัดฐานทางสังคมด้วย โดยทั่วไปบรรทัดฐานทางสังคมสามารถแบ่งออกเป็นสอง
ประเภททั่วไป คือ กฎที่มีความสาคัญทางศีลธรรม (ประเพณี) และกฎสาหรับการปฏิสัมพันธ์เชิง
สาเหตุ (วถิ ีชาวบ้าน) ซ่งึ ชี้นาพฤติกรรมทางสงั คมของเรา บรรทดั ฐานส่งเสรมิ สังคมคอื บรรทัดฐานทาง
สังคมประเภทที่หนึ่ง ซึ่งเป็นที่ชัดเจน ดีต่อสุขภาพ มีจริยธรรม ความเช่ือ และพฤติกรรมท่ีส่งเสริม
พฤติกรรมส่งเสริมสังคมและลดอันตรายต่อสุขภาพให้เหลือน้อยท่ีสุด การส่งเสริมบรรทัดฐานการ
สง่ เสริมสงั คมเปน็ เปา้ หมายร่วมกันของโครงการพัฒนาเยาวชนในเชงิ บวก บรรทัดฐานส่งเสริมสังคมท่ี
โครงการพัฒนาเยาวชนมักมุ่งส่งเสริม ได้แก่ การตอบแทนซึ่งกันและกัน ความรับผิดชอบ การเป็น
อาสาสมัคร และการเห็นแก่ประโยชน์ผู้อื่น บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทบทวนธรรมชาติ ต้นกาเนิด
และทฤษฎขี องบรรทดั ฐานสง่ เสริมสังคมและวิธีการท่ีคนหนุ่มสาวเรียนรู้ ประเมิน และนาบรรทัดฐาน
ส่งเสริมสังคมมาใช้ จะมีการเสนอนัยยะของงานวิจัยในการพัฒนาเยาวชนเพ่ิมเติมจะถูกนาเสนอ
ต่อไป

บรรทดั ฐานทางสงั คมท่ีแพร่หลายจานวนมากได้มาในวัยเด็กผ่านการเรียนรู้ทางสังคมและ
การค้นพบตัวตนที่เป็นแบบอย่าง บรรทัดฐานเหล่านี้มักรวมถึง "กำรตอบแทนซ่ึงกันและกัน" ซ่ึง
แนะนาว่าบุคคลควรช่วยเหลอื ผทู้ ่ชี ่วยเหลอื พวกเขา และบรรทัดฐานของ "ควำมรับผิดชอบต่อสังคม"
ซง่ึ แนะนาว่าเราควรช่วยเหลอื ผู้ท่ีต้องการความช่วยเหลือหรือผู้ที่พ่ึงพาเรา โดยการมีความรับผิดชอบ

37

คือการท่ีบุคคลยอมรับความรบั ผดิ ชอบทางศีลธรรมและความรบั ผิดชอบตอ่ สังคม และมีความสามารถ
ในการตัดสินใจที่ส่งเสริมสังคมและการกระทาท่ีสอดคล้องกันที่เก่ียวข้องกับประเด็นความยุติธรรม
สิทธิ และสวัสดภิ าพของผู้อ่ืน

แนวคิดเรื่องกำรตอบแทนซึ่งกันและกันและควำมรับผิดชอบต่อสังคมสามารถขยาย
ขอบเขตไปถึงการถือสัญชาติและสัญญาทางสังคมในบางประเ ทศ—ผู้คนมีภาระหน้าที่ในการดูแล
ประชาชนของตนเอง อย่างไรก็ตามขอบเขตความรับผิดชอบต่อสังคมของคนๆ หน่ึงอาจกาหนดได้
ยากในบางครั้ง และเป็นการยากที่จะกาหนดว่าผู้คนควรรับผิดชอบต่อกลุ่มสังคมของตนเองมากน้อย
เพียงใด นอกจากนี้ยังมีบรรทัดฐาน "การไม่ช่วย" เนื่องจากเราอาจเรียนรู้ว่าควร "ไม่ยุ่งเรื่องของคน
อ่ืน" ในกลุม่ สงั คมบางกลมุ่ เช่น ในที่ทางาน

กำรเห็นแก่ผู้อ่ืน (Altruism) เป็นความห่วงใยที่ไม่เห็นแก่ตัวในสวัสดิการและสวัสดิภาพ
ของผู้อ่ืนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเราในทางใดทางหน่ึง บางคนนิยามว่าเป็นคาตรงข้ามของความเห็นแก่ตัว
และความเย่อหยิ่ง การเห็นแก่ผู้อ่ืนเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับหรือฝังอยู่ในหลักคาสอนทางจริยธรรม
ของหลายศาสนาและวัฒนธรรม ซ่ึงสนับสนุนให้ทุกคนมีพันธะทางศีลธรรมเพื่อประโยชน์ของผู้อ่ืน
อาสาสมัครมักถูกมองว่าเป็นการแสดงความเห็นแก่ผู้อื่น อาสาสมัครอุทิศเวลาเพื่อให้บริการแก่ผู้อ่ืน
โดยไม่ต้องจ่ายเงิน อาสาสมัครยังถือเป็นทรัพยากรทางศีลธรรมและสามารถมีส่วนสาคัญต่อทุนทาง
สงั คมในสงั คมพลเรอื น

การเรียนรู้ การประเมิน และการใช้บรรทัดฐานส่งเสริมสังคมไปใช้ในเด็กและคนหนุ่มสาว
มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการพัฒนาพฤติกรรมส่งเสริมสังคมของพวกเขา เช่น กำรให้ควำม
ร่วมมอื กำรแบง่ ปนั ช่วยเหลือ ปลอบโยน บริจำค อำสำสมัคร และรับผิดชอบ พฤติกรรมนี้มักจะ
มีความสาคัญอย่างยิ่งต่อการปลูกฝังความผูกพันและความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพในกลุ่มสังคม ในการ
ธารงไว้ซึ่งสังคมท่ีกลมกลืนกัน และอาจกลายเป็นทรัพยากรมนุษย์อย่างมหาศาล เช่น อาสาสมัคร
สาหรับจัดกจิ กรรมระดบั โลก (เช่น โอลมิ ปกิ ปกั กงิ่ )

พฤติกรรมช่วยเหลือมีแนวโน้มท่ีจะดึงดูดความสนใจเชิงแนวคิดและเชิงประจักษ์มากที่สุด
ในบรรดาพฤติกรรมส่งเสริมสังคมท่ีหลากหลาย มีความสนใจเพ่ิมข้ึนในแนวความคิดและการศึกษา
ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการพัฒนาสังคมท่ัวโลก เนื่องจากพฤติกรรมเพ่ือสังคมของปัจเจกบุคคลมี
ส่วนสนับสนุนอยา่ งชัดเจนต่อการพัฒนาความเป็นปึกแผ่น เศรษฐกิจ และพลเมืองของสังคมสมัยใหม่
พฤติกรรมช่วยเหลือและอาสาสมัครไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่ืน แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้ช่วย
เองอกี ดว้ ย ผู้ชว่ ยเหลอื ประสบกับความพึงพอใจที่ตอ้ งการอย่างมากและมีอิทธิพลในเชิงบวกต่อความ
เปน็ อยทู่ ีด่ ีของผ้ทู ไ่ี ด้รบั การชว่ ยเหลือ ประสบการณ์การเป็นอาสาสมัครเป็นท่ีรู้จักกันอย่างแพร่หลาย
ว่ามคี ุณค่าต่อการพฒั นาเยาวชน

38

อาสาสมคั รสามารถเรียนรู้และสร้างแบบจาลองบรรทัดฐานส่งเสริมสังคม เข้าใจโลก ได้รับ
ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพและความเป็นผู้นา และเสริมสร้างความสามารถทางสังคมและ
ความสัมพันธ์ทางสังคม พฤติกรรมความรับผิดชอบเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อ่ืน
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง และคุณค่าในตนเองในเชิงบวกมากขึ้นในคนหนุ่มสาว นอกจากน้ี การนา
บรรทดั ฐานสง่ เสริมสังคมมาใชแ้ ละการพัฒนาพฤติกรรมสง่ เสรมิ สังคมถือว่าไม่สอดคล้องกับพฤติกรรม
ก้าวร้าวหรือต่อต้านสังคม ในโครงการพัฒนาเยาวชน มักส่งเสริมบรรทัดฐานส่งเสริมสังคมควบคู่ไป
กับแนวปฏิบัติด้านพฤติกรรมสาหรับคนหนุ่มสาวที่กระตุ้นให้พวกเขาละเว้นจากพฤติกรรมต่อต้าน
สงั คม เชน่ เสพยา การขโมยของในรา้ น หรือการล้อเลยี นที่โรงเรียน

โปรดทบทวน - ลักษณะหรือคุณลักษณะของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะ
ของ Siu, Shek and Law มีสาระสาคญั อะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมำยเหตุ - ศึกษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” ดูไดจ้ ากเว็บไซตข์ ้างล่างนี้

https://www.hindawi.com/journals/tswj/2012/832026/

Poepsel and Schroeder (2017) ได้กล่าวถึงลักษณะหรือคุณลักษณะของพฤติกรรม
ส่งเสรมิ สงั คม (Prosocial Behaviors) ไว้ 2 ประการ ดังนี้

1. ควำมเห็นอกเห็นใจแบบอ่ืนๆ (Other-Oriented Empathy) ผู้ท่ีอยู่ในมิติน้ีมี
ความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคม มีความเห็นอกเห็นใจและรู้สึกผูกพันทางอารมณ์กับคนท่ีต้องการความ
ช่วยเหลือ เข้าใจปญั หาท่ผี ูป้ รับปัญหากาลงั ประสบอยู่ และมสี านกึ ในหน้าท่ีทางศลี ธรรมที่จะชว่ ยเหลือ

39

มากข้นึ ปจั จัยนแี้ สดงใหเ้ หน็ ว่ามคี วามสมั พนั ธ์อย่างมากกบั ลักษณะของความสอดคล้องที่กล่าวไว้ก่อน
หน้านี้

2. ควำมช่วยเหลือ (Helpfulness) เป็นเชิงพฤติกรรมมากขึ้น ผู้ที่ช่วยเหลือเหล่านั้นเคย
ทาตัวให้เป็นประโยชน์ในอดีต และเนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาสามารถมีประสิทธิภาพด้วยความ
ชว่ ยเหลือท่ีพวกเขาให้ พวกเขาจงึ มแี นวโนม้ ท่ีจะสรา้ งประโยชน์ในอนาคต

โปรดทบทวน - ลักษณะหรือคุณลักษณะของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะ
ของ Poepsel and Schroeder มีสาระสาคญั อะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมำยเหตุ - ศึกษาจากต้นฉบับภาษาองั กฤษ โปรด “คลิก” ดไู ดจ้ ากเว็บไซต์ข้างลา่ งนี้

https://nobaproject.com/modules/helping-and-prosocial-behavior

Rodrigues, Ulrich, Mussel, Carlo and Hewig (2017) ได้กล่าวถึงลักษณะหรือ
คุณลกั ษณะของพฤติกรรมสง่ เสริมสังคม (Prosocial Behaviors) ไว้ 6 ประการ ดังน้ี

1. กำรเห็นแก่ประโยชน์ผู้อ่ืน (Altruism) ได้รับการถกเถียงกันมากในระเบียบและ
สาขาวิชาต่างๆ มีคาจากัดความที่แตกต่างกันมากมายของความเห็นแก่ประโยชน์ผู้อ่ืน ยกตัวอย่าง
เชน่ พฤตกิ รรมเห็นแกป่ ระโยชนผ์ ูอ้ ืน่ ถูกกาหนดให้เป็นการกระทาท่ีเสียประโยชน์ต่อบุคคลอื่น Carlo
and Randall (2002) ใช้คาจากัดความของ Eisenberg และเพื่อนร่วมงาน โดยมองว่าการเห็นแก่
ผอู้ ่ืนหรือพฤติกรรมเห็นแก่ผู้อ่ืนเป็น "การช่วยเหลือโดยสมัครใจซึ่งได้รับแรงจูงใจหลักจากความกังวล
ต่อความต้องการและสวัสดิการของผู้อื่น มักเกิดจากการตอบสนองด้วยความเห็นอกเห็นใจและ
บรรทัดฐาน/หลกั การภายในที่สอดคล้องกบั การช่วยเหลือคนอื่น"

40

นอกจากนี้ เนื่องจากผู้ช่วยมีความกังวลเกี่ยวกับความจาเป็นของผู้อื่นมากกว่า จึงมีการ
กล่าวถึงต้นทุนท่ีอาจเกิดข้ึนได้ในบางคร้ัง ก่อนหน้าน้ีบางคนต้ังสมมติฐานเก่ียวกับความสัมพันธ์ท่ี
ใกลช้ ดิ ของการเหน็ แกผ่ ้อู ่ืนและการเอาใจใส่ไมส่ ามารถแสดงใน PTM-R ได้ ดังนั้นจึงไม่คาดว่าการเอา
ใจใส่จะเก่ียวข้องโดยตรงกับการเห็นแก่ประโยชน์ผู้อ่ืน การศึกษาก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการเห็น
แกป่ ระโยชนผ์ ้อู ืน่ มีความสมั พนั ธเ์ ชิงลบกับการให้เหตุผลทางศีลธรรมท่ีเน้นการอนุมัติและเก่ียวข้องใน
ทางบวกกับการกาหนดความรับผิดชอบในการแสดงหน้าท่ีหรือภาระผูกพันต่อความต้องการและ
สวัสดภิ าพของผ้อู ่ืน ในช่วงวัยรุ่นตอนต้นมีความสัมพันธ์เชิงบวกที่คาดหวังเพิ่มเติมด้วยการให้เหตุผล
และความเห็นอกเห็นใจทางศีลธรรมที่เหมารวมและเป็นแบบแผนภายใน เช่นเดียวกับความสัมพันธ์
เชิงลบที่ไม่แน่นแฟ้นกับความปรารถนาทางสังคม ในวัยรุ่นตอนกลาง Carlo et al. (2003) พบ
ความสัมพันธ์เชิงบวกที่ไม่แน่นแฟ้นเพ่ิมเติมกับทักษะการใช้คาศัพท์และความสัมพันธ์เชิงลบกับความ
ทุกข์ส่วนตัว นอกจากนี้ Hardy (2006) ยังแสดงให้เห็นคุณค่าท่ีคาดเดาได้ของการใช้เหตุผลทาง
ศีลธรรมเพื่อสังคมเพ่ือการเห็นแก่ประโยชน์ผู้อื่น สุดท้าย Hardy and Carlo (2005) ก็พบ
ความสมั พันธท์ สี่ าคญั ระหว่างศาสนากบั ความเห็นแก่ประโยชนผ์ อู้ ่ืน

2. พฤติกรรมส่งเสริมสังคมที่เป็นไปตำมคำร้องขอ (Compliant Prosocial
Behavior) หมายถึง การช่วยเหลือผู้อ่ืนในการตอบสนองต่อการร้องขอด้วยวาจาหรืออวัจนภาษา
และคาดว่าจะเกิดข้ึนบ่อยกว่าการช่วยเหลือท่ีเกิดข้ึนเองในประชากรทั่วไป Carlo et al. (2546)
แสดงให้เห็นความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างแนวโน้มพฤติกรรมท่ีส่งเสริมสังคมและการใช้เหตุผลเชิง
ศีลธรรมเพ่ือส่งเสริมสังคมตามหลักศีลธรรม ซ่ึงการกระทาต่างๆ เกิดข้ึนเพียงเพราะความได้เปรียบ
ของผู้แสดงเท่าน้ัน ไม่ได้เกิดจากสาเหตุอ่ืน นอกจากน้ีการศึกษาอ่ืน ๆ ยังแสดงให้เห็นความสัมพันธ์
เชงิ บวกของแนวโนม้ พฤตกิ รรมสง่ เสรมิ สงั คมทสี่ อดคล้องกับความสามารถในการอนุมานสภาพภายใน
ของบุคคลอื่น (Empathy Accuracy) การกาหนดความรับผิดชอบ และความเห็นอกเห็นใจ
ความสามารถในการอนุมานสภาพภายในของบุคคลอื่นในกรณีนี้หมายถึงมองในมุมมองของบุคคลอ่ืน
สาหรับวัยรุ่นตอนต้น มีความสัมพันธ์เชิงบวกเพ่ิมเติมระหว่างรูปแบบของแนวโน้มพฤติกรรมส่งเสริม
สังคมน้ีและการให้เหตุผลทางศีลธรรมภายใน การรับเอามุมมองคนอื่น และความสัมพันธ์เชิงลบต่อ
การรุกราน ในทางตรงกันข้าม สาหรับวัยรุ่นตอนกลาง มีความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างแนวโน้ม
พฤติกรรมส่งเสริมสังคมที่สอดคล้องกับความต้องการและการให้เหตุผลทางศีลธรรมที่เน้นคาร้องขอ
นอกจากนี้ Hardy and Carlo (2005) แสดงความสัมพันธ์เชิงบวกกับศาสนา ในขณะที่ Hardy
(2006) แสดงความสัมพันธ์กับความเห็นอกเห็นใจและความปรารถนาทางสังคม (ซ่ึงลดลงในการ
วิเคราะห์ความถดถอยในภายหลัง) และแสดงความสัมพันธ์เชิงลบต่อการให้เหตุผลทางศีลธรรม
ส่งเสริมสังคม

41

3. พฤติกรรมส่งเสริมสังคมทำงอำรมณ์ (Emotional Prosocial Behavior) ได้รับการ
กาหนดว่าเป็นแนวคดิ การช่วยเหลอื ผ้อู ืน่ ภายใต้สถานการณ์ทก่ี ระตุ้นอารมณ์ แนวโน้มพฤติกรรมนี้คาด
ว่าจะเก่ียวข้องอย่างย่ิงกับการเอาใจใส่และการให้เหตุผลทางศีลธรรมในสังคม ในการศึกษาท่ี
ดาเนนิ การโดย Carlo et al. (พ.ศ. 2546) พบความสัมพันธ์เชิงบวกกับ ความสามารถในการอนุมาน
สภาพภายในของบุคคลอ่ืน (Empathy Accuracy) การระบุความรับผิดชอบ (Ascription of
responsibility) และการใช้เหตุผลการส่งเสริมสังคมภายใน (Internalized Prosocial Reasoning)
ตลอดจนความสัมพันธ์เชิงลบกับการให้เหตุผลเชิงศีลธรรมตามหลักคาสอน สาหรับผู้ใหญ่ตอนต้น มี
ความสัมพันธ์เชิงบวกเพิ่มเติมกับการรับมุมมอง และความเอ้ืออาทรและช่วยเหลือในวัยรุ่นช่วงกลาง
ความสมั พนั ธ์อื่นๆ ที่ Hardy คน้ พบ (2006) คือคุณคา่ ท่ีคาดเดาได้ของการเอาใจใส่และอัตลักษณ์ทาง
สังคมในฐานะตัวทานายเชิงบวกต่อแนวโน้มพฤติกรรมทางสังคมทางอารมณ์ อย่างไรก็ตาม Hardy
and Carlo (2005) ไม่ได้แสดงความสัมพันธ์ที่มีนัยสาคัญระหว่างแนวโน้มพฤติกรรมทางสังคมและ
ศาสนา

4. พฤติกรรมสง่ เสรมิ สงั คมต่อสำธำรณะ (Public Prosocial Behavior) ถูกมองว่าเป็น
การช่วยเหลือพฤติกรรมต่อหน้าผู้พลเห็น อย่างน้อยก็ได้รับการกระตุ้นส่วนหนึ่งจากความปรารถนาท่ี
จะได้รับความเห็นชอบและความเคารพจากผู้อื่น และเพ่ิมความภาคภูมิใจในตนเอง Carlo and
colleagues รายงานความสัมพันธ์เชิงบวกกับการให้เหตุผลทางศีลธรรมที่เน้นการอนุมัติ นอกจากน้ี
Hardy (2006) ระบุว่าการให้เหตุผลทางศีลธรรมส่งเสริมสังคมเป็นตัวทานายเชิงลบของแนวโน้ม
พฤตกิ รรมทางสงั คมในที่สาธารณะ

5. แนวโน้มพฤติกรรมส่งเสริมสังคมท่ีไม่ระบุนำม (Anonymous Prosocial
Behavior) ถูกกาหนดให้เป็นพฤติกรรมการช่วยเหลือโดยท่ีผู้ท่ีได้รับความช่วยเหลือไม่รู้ว่าใครเป็น
ผู้ให้ความช่วยเหลือ Carlo et al (2003) แสดงความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างการให้เหตุผลเชิง
ศีลธรรมส่งเสริมสังคมเชิงอุดมคติกับแนวโน้มพฤติกรรมส่งเสริมสังคมท่ีไม่เปิดเผยตัวสาหรับวัยรุ่น
ตอนกลาง เช่นเดียวกับความสัมพันธ์เชิงบวกกับความสามารถในการอนุมานสภาพภายในของบุคคล
อน่ื และการให้เหตผุ ลเชิงศีลธรรมเชงิ สังคมสาหรับวัยรุ่นตอนต้น นอกจากน้ี Hardy (2006) พบว่าอัต
ลักษณ์ทางสังคมสามารถทานายแนวโน้มพฤติกรรมส่งเสริมสังคมโกยไม่ระบุชื่อในเชิงบวกในการ
วิเคราะห์การถดถอย ในท่ีสุด Hardy and Carlo (2005) ได้แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่สาคัญ
ระหว่างแนวโนม้ พฤติกรรมสง่ เสรมิ สงั คมท่ไี มร่ ะบุนามกบั ความเช่ือทางศาสนา

6. พฤติกรรมส่งเสริมสังคมในสถำนกำรณ์คับขัน (Dire Prosocial Behavior)
หมายถงึ พฤติกรรมการช่วยเหลือที่เกิดข้ึนในสถานการณ์วิกฤตหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ซ่ึงไม่ได้นามา
ซ่ึงตัวช้ีนาทางอารมณ์เสมอไป แนวโน้มพฤติกรรมส่งเสริมสังคมในสถานการณ์คับขันทาให้เกิด
ความสัมพันธ์เชิงบวกกับความเห็นอกเหน็ ใจ การรับเอามมุ มองและความสามารถในการอนุมานสภาพ

42

ภายในของบคุ คลอ่ืน การศกึ ษานย้ี ังแสดงใหเ้ หน็ ความสมั พันธ์เชิงบวกกับการให้เหตุผลทางศีลธรรมที่
เน้นความจาเป็นและภายใน ตลอดจนการกาหนดความรับผิดชอบสาหรับวัยรุ่นตอนกลาง และ
ความสัมพันธ์เชิงลบกับการให้เหตุผลทางศีลธรรมตามหลักศีลธรรมสาหรับวัยรุ่นตอนต้น นอกจากนี้
Hardy and Carlo (2005) ไมพ่ บความสมั พนั ธ์ระหว่างศาสนากับแนวโน้มพฤติกรรมส่งเสริมสังคมใน
สถานการณ์คับขัน แต่ Hardy (2006) ระบุว่าความเห็นอกเห็นใจเป็นตัวทานายเชิงบวกท่ีมี
ความหมายของแนวโนม้ พฤติกรรมสงั คมในสถานการณค์ ับขัน

โปรดทบทวน - ลักษณะหรือคุณลักษณะของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะ
ของ Rodrigues, Ulrich, Mussel, Carlo and Hewig มสี าระสาคัญอะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมำยเหตุ - ศึกษาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” ดไู ด้จากเว็บไซต์ข้างล่างนี้

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5723663/#!po=0.427350

Cherry (2020) เป็นผู้เช่ียวชาญด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตสังคม, นักการศึกษา,
วิทยากรความเชี่ยวชาญจิตวิทยา จิตวิทยา เด็ก บุคลิกภาพ การ วิจัย ได้กล่าวถึงลักษณะหรือ
คณุ ลักษณะของพฤตกิ รรมส่งเสริมสงั คม (Prosocial Behaviors) ไว้ 4 ประการ ดงั น้ี

1. อิทธิพลเชิงวิวัฒนำกำร (Evolutionary Influences) : นักจิตวิทยาเชิงวิวัฒนาการ
มกั จะอธบิ ายพฤติกรรมท่ีส่งเสริมสังคมในแง่ของหลักการคัดเลือกโดยธรรมชาติ แม้ว่าจะทาให้ความ
ปลอดภัยของคุณตกอยู่ในอันตรายทาให้มีโอกาสน้อยท่ีคุณจะรอดเพื่อถ่ายทอดยีนของคุณเอง การ
เลือกโดยเครือญาติ (Kin Selection) ชี้ใหเ้ ห็นวา่ การช่วยเหลือสมาชิกในครอบครัวทางพันธุกรรมของ
คุณทาให้มีแนวโน้มมากขึ้นที่เครือญาติของคุณจะอยู่รอดและส่งต่อยีนไปยั งคนรุ่นต่อไปในอนาคต
นักวจิ ัยสามารถสร้างหลกั ฐานบางอยา่ งไดว้ ่าผู้คนมักจะชว่ ยเหลอื ผทู้ มี่ ีความสัมพนั ธใ์ กลช้ ิดกนั มากกวา่

43

2. ผลประโยชน์ส่วนตัว (Personal Benefits) : พฤติกรรมส่งเสริมสังคมมักถูกมองว่า
ถูกบังคับจากปัจจัยหลายประการ รวมทั้งเหตุผลที่เห็นแก่ตัว (ทาส่ิงต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์
ของตนเอง) ผลประโยชน์ส่วนต่าง (การทาส่ิงท่ีดีเพื่อใครบางคนในวันหนึ่งพวกเขาอาจตอบแทนสิ่งท่ี
คุณตอ้ งการ) เหตุผลทเ่ี หน็ แกผ่ ู้อน่ื มากข้ึน (ดาเนินการจากความเห็นอกเหน็ ใจบคุ คลอนื่ อย่างหมดจด)

3. พฤติกรรมตอบแทนซึ่งกันและกัน (Reciprocal Behavior) : บรรทัดฐานของการ
ตอบแทนซึ่งกันและกันแสดงให้เห็นว่าเมื่อผู้คนทาสิ่งที่เป็นประโยชน์สาหรับคนอ่ืนบุคคลนั้นรู้สึกถูก
บังคับให้ช่วยเหลือเป็นการตอบแทน นักจิตวิทยาเชิงวิวัฒนาการแนะนาว่าบรรทัดฐานน้ีพัฒนาข้ึน
เพราะคนเข้าใจว่าการช่วยเหลือผู้อ่ืนอาจนาไปสู่ความกรุณาซ่ึงกันและกันมีแนวโน้มท่ีจะอยู่รอดและ
สบื พันธุไ์ ด้

4. กำรขดั เกลำทำงสงั คม (Socialization) : ในหลายกรณี พฤติกรรมดังกล่าวได้รับการ
ส่งเสริมในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น เนื่องจากผู้ใหญ่สนับสนุนให้เด็กแบ่งปัน กระทาการด้วยความกรุณา
และช่วยเหลือผอู้ ื่น

โปรดทบทวน - ลักษณะหรือคุณลักษณะของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะ
ของ Cherry มสี าระสาคัญอะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมำยเหตุ - ศกึ ษาจากตน้ ฉบับภาษาองั กฤษ โปรด “คลกิ ” ดูไดจ้ ากเวบ็ ไซตข์ า้ งล่างนี้

https://www.verywellmind.com/what-is-prosocial-behavior-2795479

Cummins (n.d.) ได้กล่าวถึงลักษณะหรือคุณลักษณะของพฤติกรรมส่งเสริมสังคม
(Prosocial Behaviors) ซ่ึงจาแนกพฤติกรรมทางสงั คม 6 ประเภทต่อไปน:ี้

1. เห็นแก่ตัว (Altruistic) (ตัวอย่าง: ฉันรู้สึกว่าถ้าฉันช่วยใครซักคน พวกเขาควรจะช่วย
ฉันในอนาคต)

44

2. ไม่ระบุนำม (Anonymous) (ตัวอย่าง: ฉันมักจะช่วยเหลือผู้อ่ืนที่ขัดสนมากท่ีสุด เมื่อ
พวกเขาไม่รู้วา่ ใครชว่ ยพวกเขา)

3. สถำนกำรณ์คับขัน (Dire) (ตัวอย่าง: ฉันมักจะช่วยเหลือคนที่อยู่ในภาวะวิกฤตหรือ
จาเป็นจริงๆ)

4. อำรมณ์ (Emotional) (ตัวอย่าง: ฉันมักจะช่วยเหลือผู้อ่ืน โดยเฉพาะอย่างย่ิงเมื่อพวก
เขามีความทกุ ขท์ างอารมณ)์

5. ตำมรอ้ งขอ (Complaint) (ตัวอยา่ ง: เมือ่ มีคนขอใหฉ้ นั ชว่ ยพวกเขา ฉนั ไมร่ ีรอ)
6. สำธำรณะ (Public) (ตัวอยา่ ง: ฉันสามารถช่วยคนอน่ื ได้ดีทส่ี ดุ เมือ่ มีคนเหน็ )

โปรดทบทวน - ลักษณะหรือคุณลักษณะของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะ
ของ Cummins มสี าระสาคัญอะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................

หมำยเหตุ - ศกึ ษาจากต้นฉบบั ภาษาอังกฤษ โปรด “คลิก” ดูได้จากเวบ็ ไซต์ขา้ งลา่ งนี้

https://positivepsychology.com/prosocial-behavior/

Eisenberg (n.d.) ได้กล่าวถึงลักษณะหรือคุณลักษณะของพฤติกรรมส่งเสริมสังคม
(Prosocial Behaviors) ว่าเด็กและผู้ใหญ่ท่ีเป็นคนส่งเสริมสังคมมักเห็นอกเห็นใจผู้อ่ืน พวกเขายังมี
แนวโน้มทจ่ี ะเข้าใจความคิดและความรู้สึกของผู้อื่นและพยายามใช้มุมมองของผู้อ่ืน นอกจากนี้ ผู้ท่ีมี
แนวโนม้ ท่ีจะช่วยเหลือผู้อื่นมักมีค่านิยมด้านอ่ืน (เช่น เห็นคุณค่าของความเป็นอยู่ท่ีดีของผู้อื่น) เด็กท่ี
ชอบส่งเสริมสังคมมีแนวโน้มที่จะคิดบวกในการแสดงออกทางอารมณ์ มีความสามารถทางสังคม
ปรับตัวได้ดี มีการควบคุมท่ีดี และมีแนวคดิ ในตนเองเชงิ บวก ท้ังในวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ ผู้ที่ให้เหตุผล
เกี่ยวกับความขัดแย้งทางศีลธรรมในรูปแบบที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น (เช่น ใช้การให้เหตุผลเชิงนามธรรม

45
เชิงศีลธรรมมากขึ้น โดยใช้มมุ มองทีซ่ ับซ้อนกวา่ และเน้นที่ค่านิยมมากกว่า) ก็มีแนวโน้มที่จะช่วยเหลือ
ผู้อื่นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กก่อนวัยเรียนท่ีมีพฤติกรรมชอบส่งเสริมสังคมโดยธรรมชาติ
คอ่ นข้างสงู (เชน่ แบ่งปนั ของเลน่ ที่พวกเขาชอบ) มีพฤติกรรมชอบส่งเสริมสังคมมากข้ึนเมื่อเป็นวัยรุ่น
และมีแนวโนม้ ท่จี ะเห็นอกเหน็ ใจและชอบส่งเสริมสังคมเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้น จึงจะเห็นได้ว่ามีการ
ตอบสนองทางสังคมมีความต่อเน่ืองตั้งแต่อายุยงั น้อย

โปรดทบทวน - ลักษณะหรือคุณลักษณะของพฤติกรรมส่งเสริมสังคมจากทัศนะ
ของ Eisenberg มสี าระสาคญั อะไร ?
…………………………………………………………………………………………….......................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หมำยเหตุ - ศึกษาจากตน้ ฉบบั ภาษาองั กฤษ โปรด “คลิก” ดูได้จากเวบ็ ไซตข์ ้างลา่ งนี้

http://psychology.iresearchnet.com/social-psychology/prosocial-behavior/

Source - https://bit.ly/3R0VnVa

46

จากทัศนะของแหล่งอ้างอิงต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น สรุปได้ว่าพฤติกรรมส่งเสริมสังคม
(Prosocial Behaviors) สามารถระบลุ ักษณะหรือคณุ ลกั ษณะของบุคคลได้ ดังนี้

ลักษณะหรือคุณลักษณะของบุคคลท่มี ีพฤติกรรม Eisenberg
สง่ เสริมสงั คม Cherry
Siu Shek Law
Rodrigues Hewig
Poepsel Schroeder
Cummins

1. แบ่งปนั √√

2. เห็นอกเหน็ ใจผู้อืน่ √√ √√√

3. เป็นอาสาสมัคร √√

4. มคี วามรับผดิ ชอบ √ √√√

5. เหน็ แกป่ ระโยชนผ์ อู้ ื่น √√√√

6. ตอบแทนซ่งึ กนั และกนั √√

7. พยายามมองในมมุ มองของผู้อื่น √ √

8. ปรบั ปรุงภาพลักษณ์ของตนเอง √

9. เข้าใจความคดิ และความรู้สึกของผู้อ่นื √ √

10. เห็นคุณค่าของความเป็นอยูท่ ี่ดขี องผู้อ่ืน √

11. ความสามารถในการตัดสนิ ใจทีส่ ่งเสริมสงั คม √

12. ช่วยเหลือสมาชกิ ในครอบครวั ทางพนั ธุกรรม √

13. คดิ บวกในการแสดงออกทางอารมณม์ ีความ √

สามารถทางสังคม ปรับตวั ได้ดี มกี ารควบคุมที่

ดี

14. ใชก้ ารให้เหตผุ ลเชิงนามธรรมเชิงศีลธรรมมาก √ √

ขน้ึ

15. ใช้มุมมองท่ีซับซ้อนกวา่ และเนน้ ท่ีค่านิยม √

ลักษณะหรือคุณลักษณะของบคุ คลที่มีพฤติกรรม Eisenberg 47
ส่งเสรมิ สงั คม Cherry
Siu Shek Law√
มากกวา่ Rodrigues Hewig√
16. เขา้ ใจปญั หาทผ่ี ู้รับปัญหากาลังประสบอยู่ Poepsel Schroeder√
17. มสี านกึ ในหนา้ ท่ีทางศีลธรรมทจี่ ะช่วยเหลือ Cummins√

มากขึ้น √√
18. การเอาใจใสแ่ ละการให้เหตผุ ลทางศลี ธรรมใน √√
√√
สงั คม √√
19. มีความเห็นอกเห็นใจและรสู้ กึ ผูกพันทาง √√

อารมณ์กบั คนท่ตี ้องการความชว่ ยเหลอื
20. การให้ความรว่ มมือ การแบ่งปนั ช่วยเหลือ

ปลอบโยน บรจิ าค อาสาสมคั ร และรับผิดชอบ
21. ชว่ ยเหลือผูอ้ ่นื ทีข่ ัดสนมากท่ีสุดโดยไม่ระบนุ าม

(Anonymous)
22. ชว่ ยเหลอื คนท่ีอย่ใู นภาวะวิกฤตหรอื จาเป็น

(Dire)
23. ช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยง่ิ เม่ือพวกเขา

มีความทุกข์ทางอารมณ์ (Emotional)
24. ไม่รีรอเมอ่ื มีคนขอใหช้ ว่ ยพวกเขา

(Complaint)
25. สามารถช่วยคนอื่นไดด้ ีทสี่ ดุ เม่ือมีคนเหน็ ใน

สาธารณะ (Public)

48

จากนานาทัศนะเก่ียวกับลักษณะหรือคุณลักษณะของพฤติกรรมส่งเสริมสังคม (Prosocial
Behaviors) ดังกล่าวข้างต้น ท่านเห็นว่ามีแนวคิด (Concepts) ที่สาคัญอะไรบ้าง ท่ีทาให้เข้าใจใน
ลักษณะหรอื คุณลักษณะน้นั ได้อย่างกระชับและชดั เจน โปรดระบุแนวคดิ นนั้ ในภาพทีแ่ สดงขา้ งลา่ ง

49

Cherry, K. (2020, October 13). The basics of prosocial behavior. Retrieved August 10,
2021 from https://www.verywellmind.com/what-is-prosocial-behavior-2795479

Cummins, D. (n.d.). Prosocial behavior: 4 Thought-provoking research findings.
Retrieved September 1, 2021 from https://positivepsychology.com/prosocial-
behavior/

Eisenberg, N. (n.d.). Prosocial behavior. Retrieved August 10, 2021 from
http://psychology.iresearchnet.com/social-psychology/prosocial-behavior/

Poepsel., D. & Schroeder. D (2017). Helping and prosocial behavior. Retrieved
September 1, 2021 from https://nobaproject.com/modules/helping-and-
prosocial-behavior

Rodrigues, J., Ulrich, N., Mussel, P., Carlo, G. & Hewig, J. (2017, December 6).
Measuring prosocial tendencies in Germany: Sources of validity and reliability
of the revised prosocial tendency measure. Retrieved September 1, 2021
from https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5723663/#!po=0.427350

Siu, A., Shek, D. & Law, B. (2012, May 1). Prosocial norms as a positive youth
development construct: A conceptual review. Retrieved September 1, 2021
from https://www.hindawi.com/journals/tswj/2012/832026/

50


Click to View FlipBook Version