แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 9
รายวิชา ท23101 ช่อื วชิ า ภาษาไทย 5 กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
โรงเรยี นมธั ยมฐานบนิ กำแพงแสน ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
แผนการจดั การเรียนรเู้ ร่ือง การอ่านจบั ใจความสำคญั
จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต จำนวน 3 คาบ/ชวั่ โมง ตอ่ สปั ดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ชวั่ โมง
1.มาตรฐานการเรยี นรู้
มฐ.ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณค่า และ
นำมาประยุกต์ใช้ในชวี ติ จริง
2.ตวั ช้ีวัด / ผลการเรียนรู้
ม. 3/2 วิเคราะห์วถิ ีไทยและคณุ คา่ จากวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน
3.สาระสำคัญ
การวเิ คราะหว์ ถิ ีไทยและคุณค่าจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อ่านเปน็ การพจิ ารณาองค์ประกอบ
ทุกส่วน โดยวิธแี ยกแยะรายละเอียดต่าง ๆ ตั้งแตถ่ ้อยคำสำนวน เนอื้ เรอื่ ง และแนวคดิ ที่ปรากฏอย่ใู นวรรณคดี
และวรรณกรรมน้นั
4.จุดประสงคร์ ายวชิ า K)
อธิบายวถิ ีไทยและคณุ ค่าจากวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน
5.สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน P
วิเคราะหว์ ถิ ีไทยและคณุ คา่ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี ่าน
6.คุณลักษณะอันพึงประสงค์ A
เห็นคุณค่าและความสำคญั ของการวเิ คราะห์วิถไี ทยและคณุ ค่าจากวรรณคดแี ละวรรณกรรม
7.เนอื้ หาสาระ
การวเิ คราะห์วิถีไทยและคุณค่าจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อา่ น
8.กจิ กรรมการเรียนรู้
1. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ ำถามท้าทาย ดงั นี้
• ส่งิ ใดบา้ งทแ่ี สดงเอกลกั ษณ์ของความเปน็ ไทย
2. ครูนำนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับวิถีไทย ซักถามนักเรียนเกี่ยวกับวิถีไทยที่นักเรียนพบในบทละครพูด
เรื่อง เห็นแก่ลูก และให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพสังคม และวัฒนธรรมในเรื่องที่แตกต่างจาก
ปจั จบุ นั
3. ใหน้ ักเรยี นอา่ นบทละครพูดเรื่อง เหน็ แกล่ ูก แล้วแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 5 คน วเิ คราะหว์ ิถีไทยท่ีปรากฏใน
เนื้อเรื่อง โดยนำเสนอข้อมูลเป็นแผนภาพความคิด นำเสนอหน้าชัน้ เรียน ให้นักเรียนและครูรว่ มกันตรวจสอบ
ความถูกตอ้ ง
4. ให้นกั เรยี นทำใบงาน เร่ือง การวเิ คราะหค์ ุณคา่ ของบทละครพดู เร่ือง เห็นแกล่ ูก แลว้ รวบรวม
ผลงานส่งใหค้ รูตรวจ
5. ให้นักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ดงั นี้
• การวิเคราะห์วถิ ีไทยและคุณคา่ จากวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่านเปน็ การพิจารณา
องค์ประกอบทุกส่วน โดยวิธีแยกแยะรายละเอียดต่าง ๆ ตั้งแต่ถ้อยคำสำนวน เนื้อเรื่อง และแนวคิดที่ปรากฏ
อยูใ่ นวรรณคดีและวรรณกรรมนั้น
9.ส่ือและแหล่งเรียนรู้
1. ใบงาน
10.การวัดผลประเมนิ ผล ชิ้นงาน/ภาระ วธิ ีการประเมนิ เครือ่ งมอื ผู้ประเมนิ เกณฑป์ ระเมนิ
จุดประสงค์ งาน
1. สังเกต การประเมิน
1. นกั เรยี น 1. ใบงาน พฤติกรรมของ
สามารถอ่านจบั ใจความ นกั เรยี นในการ 1. แบบสังเกต ครู ผ่านเกณฑร์ ้อย
ไดถ้ ูกต้อง เขา้ รว่ มกิจกรรม
2. สังเกต พฤติกรรมการ ละ 80
พฤติกรรมของ
นกั เรียนในการ เข้ารว่ มกจิ กรรม
เขา้ ร่วมกจิ กรรม
กลุ่ม 2. แบบสงั เกต
3.ตรวจใบงาน
พฤติกรรมการ
เขา้ ร่วมกิจกรรม
กลมุ่
11.กิจกรรมเสนอแนะ/งานท่มี อบหมาย
11.1 กิจกรรมเสนอแนะ
ให้นกั เรียนไดว้ เิ คราะหว์ ิถีไทยจากเรื่องทอ่ี ่านเพื่อใหร้ ูจ้ กั วัฒนธรรมของตนเอง และได้ทำงานร่วมกนั
เป็นกลุ่ม
11.2 งานที่มอบหมาย
1. ใบงานเรื่อง การวเิ คราะห์คุณคา่ ของบทละครพูดเรื่อง เห็นแก่ลกู
ลงชอ่ื
(นางสาวชลธิชา ศริ ิอมรพันธุ์)
ตำแหน่ง ครู
บันทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ที่ 9
รายวิชา ท23101 ชื่อวิชา ภาษาไทย 5 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
โรงเรยี นมธั ยมฐานบินกำแพงแสน ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
แผนการจัดการเรียนรูเ้ ร่ือง การอ่านจับใจความสำคญั
จำจำนวน 1.5 หน่วยกติ จำนวน 3 คาบ/ชว่ั โมง ต่อสัปดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรยี น 60 คาบ/ช่วั โมง
1.ผลการการประเมินบรรยากาศในการจัดการเรียนรโู้ ดยภาพรวม
2. ปัญหาและอปุ สรรค
3.ข้อเสนอแนะและการแกไ้ ข
ลงชื่อ
(นางสาวชลธชิ า ศริ อิ มรพันธ์ุ)
ตำแหน่ง ครู
ชื่อ......................................................................................................ชนั้ .......................เลขที่..................
ใบงาน เรื่อง การวเิ คราะหค์ ุณค่าของบทละครพดู เรือ่ ง เห็นแก่ลูก
ใหน้ กั เรยี นเขียนอธิบายคุณค่าของบทละครพูดเรือ่ ง เห็นแกล่ ูก ในประเด็นท่ีกำหนดตอ่ ไปน้ี
1. คณุ คา่ ดา้ นเนื้อหา
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
2. คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
3. คณุ ค่าดา้ นสงั คมและวฒั นธรรม
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________________
เฉลย.....ใบงาน เรอื่ ง การวเิ คราะหค์ ุณค่าของบทละครพูดเรอื่ ง เห็นแก่ลกู
ใหน้ กั เรียนเขยี นอธิบายคุณค่าของบทละครพูดเร่อื ง เห็นแก่ลูก ในประเดน็ ท่ีกำหนดต่อไปน้ี
1. คุณค่าด้านเนื้อหา
ทงั้ พ่อท่ใี ห้กำเนิด และพ่อที่เลย้ี งดูมาจนเตบิ ใหญ่ นอกจากนนั้ จะสะท้อนใหเ้ ห็นผลของการทจุ ริตใน
หน้าที่ หรอื ประกอบอาชีพทีผ่ ิดกฎหมาย ท่ยี ่อมสง่ ผลเสียใหแ้ ก่ผู้ประพฤติมิชอบในที่สดุ
2. คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์
1. ภาษาเขา้ ใจง่าย ทำให้ผู้อ่านเขา้ ใจพฤติกรรมของตัวละครและเหตกุ ารณ์ได้ชัดเจน
2. มีคำอุทานในบทสนทนา ทำใหเ้ กดิ ความมชี ีวิตชวี า น่าติดตาม
3. มีการใช้ภาษาพูดในยุคสมัยน้นั ทำให้ไดร้ บั ความรู้เร่อื งการใช้คำศัพท์ในยุคสมัยน้ัน
4. มกี ารใชค้ ำทับศพั ทภ์ าษาอังกฤษ ทำใหเ้ ห็นอิทธิพลของภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
5. มกี ารใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอนตามรูปแบบของภาษาอังกฤษ แสดงให้เหน็ ถงึ การรับวฒั นธรรม
การเขียนบทละครพูดของตะวันตกมาใช้ในประเทศไทย
3. คุณค่าด้านสงั คมและวฒั นธรรม
1. สะท้อนใหเ้ หน็ วัฒนธรรมการแต่งงาน การรดน้ำอวยพร และการให้ของรับไหว้
2. ค่านยิ มท่ีให้ลูกสาวแต่งงานตัง้ แต่อายนุ ้อย ๆ จากเร่อื งแม่ลอออายุเพยี ง 17 ปี
3. ทำให้ทราบหน่วยเงนิ ทใ่ี ช้ในสมยั น้นั เชน่ ชง่ั
4. ทำให้ทราบวา่ สมยั นั้นมีการถา่ ยภาพแลว้ เชน่ ตอนที่พระยาภักดหี ยบิ รูปแม่ลออให้นายลำ้
5. สงั คมไทยยกย่องคนที่ทำมาหากนิ อย่างสจุ ริต และไมย่ อมรับผู้ทีไ่ ม่ซอื่ สตั ย์ ทำผิดกฎหมาย
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 10
รายวชิ า ท23101 ชื่อวชิ า ภาษาไทย 5 กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย
โรงเรยี นมัธยมฐานบินกำแพงแสน ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
แผนการจดั การเรยี นรู้เรื่อง การเขียนยอ่ ความ
จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ จำนวน 3 คาบ/ช่วั โมง ตอ่ สปั ดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ชว่ั โมง
1.มาตรฐานการเรยี นรู้
ม.ฐ.ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพ่ือนำไปใช้ตัดสนิ ใจแกป้ ัญหาในการดำเนนิ
ชวี ิต และมนี สิ ัยรกั การอ่าน
ม.ฐ.ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขยี นเขียนสือ่ สาร เขยี นเรียงความ และเขยี นเรื่องราวในรปู แบบตา่ ง ๆ
เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นควา้ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
2.ตวั ช้ีวดั / ผลการเรยี นรู้
ม. 3/4 อา่ นเรอ่ื งต่าง ๆ แลว้ เขยี นกรอบแนวคดิ ผงั ความคิด บันทึก ย่อความ และรายงาน
ม. 3/4 เขยี นย่อความ
ม. 3/10 มมี ารยาทในการเขียน
3.สาระสำคญั
การย่อความเป็นสง่ิ ท่ีจำเปน็ สำหรบั การศึกษาหาความรู้ เพราะการยอ่ ความเปน็ การช่วยสรุปใจความสำคัญ
ของส่ิงทไ่ี ด้ฟงั ได้อา่ น เพื่อให้จดจำสาระต่าง ๆ ได้แมน่ ยำ หรอื เพ่ือนำเรื่องท่ีบนั ทึกไวน้ ้ันไปใช้ในโอกาสตา่ ง ๆ
4.จุดประสงค์รายวิชา K)
อธิบายหลักการเขยี นยอ่ ความ
5.สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น P
เขียนย่อความตามรปู แบบ
6.คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ A
เห็นประโยชน์ของการเขยี นย่อความและมีมารยาทในการเขยี น
7.เนื้อหาสาระ
การเขยี นย่อความ
8.กจิ กรรมการเรียนรู้
1. ให้นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คำถามท้าทาย ดงั นี้
• ใจความ กับ พลความ มลี ักษณะแตกตา่ งกันอย่างไร
2. ให้นักเรียนและครูร่วมกันทบทวนความรู้เรื่อง การเขียนย่อความ แล้วครูซักถามความเข้าใจของ
นักเรยี นเปน็ รายบคุ คล
3. ใหน้ ักเรียนฝึกการเขยี นยอ่ ความ โดยเลอื กขา่ วทน่ี ักเรยี นสนใจคนละ 1 ขา่ ว แลว้ นำมาเขียนย่อความ
ตามรูปแบบ ครูเลือกนักเรียน 3-5 คน ออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน ให้นักเรียนและครูร่วมกัน
ตรวจสอบความถูกตอ้ ง
4. ให้นกั เรยี นอา่ นบทดอกสรอ้ ย เร่ือง ความอดทน
อดเอ๋ยอดทน ต้องไมบ่ ่นหลบเล่ยี งเกีย่ งงานหนัก
ความเหน็ดเหน่ือยจะหายไปเมื่อได้พัก แลว้ เราจะร้จู ักทำงานเป็น
หากเดก็ ไทยอดทนกนั ถ้วนหน้า ชาตไิ ทยจะพัฒนาทันตาเหน็
ความอดทนแกป้ ัญหาคราลำเคญ็ พ้นยากเข็ญเพราะทุกคนอดทนเอย
จงจติ นมิ มานนรเทพ
จากนั้นจับคู่ ยอ่ บทดอกสรอ้ ยเร่ือง ความอดทน และนำเสนอหนา้ ช้นั เรียน
5. ให้นักเรยี นทำใบงาน เร่อื ง การเขียนย่อความ แล้วรวบรวมผลงานส่งใหค้ รูตรวจ
6. ใหน้ กั เรยี นและครรู ่วมกันสรปุ ความรู้ ดังนี้
• การย่อความเปน็ สิง่ ที่จำเป็นสำหรับการศกึ ษาหาความรู้ เพราะการย่อความเปน็ การชว่ ยสรุป
ใจความสำคัญของสิ่งทีไ่ ดฟ้ ัง ได้อา่ น เพ่ือใหจ้ ดจำสาระต่าง ๆ ไดแ้ ม่นยำ หรือเพ่ือนำเร่ืองท่ีบนั ทกึ ไว้นัน้ ไปใช้ใน
โอกาสต่าง ๆ
9.ส่ือและแหล่งเรียนรู้
1. ขา่ ว
2. บทดอกสร้อย
3. ใบงาน
10.การวดั ผลประเมินผล
จุดประสงค์ ชิ้นงาน/ภาระ วิธกี ารประเมิน เคร่อื งมอื ผปู้ ระเมนิ เกณฑป์ ระเมิน
งาน 1. สงั เกต การประเมิน
พฤติกรรมของ
1. นักเรยี นสามารถเขียน 1. ใบงาน นักเรียนในการ 1. แบบสังเกต ครู ผา่ นเกณฑร์ ้อย
เขา้ รว่ มกจิ กรรม
ย่อความตามรูปแบบได้ 2. ตรวจใบงาน พฤติกรรมการ ละ 80
ถกู ต้อง เข้าร่วมกจิ กรรม
11.กิจกรรมเสนอแนะ/งานท่มี อบหมาย
11.1 กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นกั เรียนฝึกการเขยี นย่อความ โดยเลือกขา่ วทีน่ ักเรยี นสนใจคนละ 1 ข่าว แล้วนำมาเขียน
ย่อความ ทำให้นักเรียนมีอิสระในการเลือกทำงานตามความสนใจของตนเอง ส่งผลให้นักเรียนมีความสุขใน
การทำงาน
11.2 งานทีม่ อบหมาย
1. ใบงานเรื่อง การเขียนย่อความ
ลงช่อื
(นางสาวชลธชิ า ศริ อิ มรพันธุ์)
ตำแหนง่ ครู
บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ท่ี 10
รายวิชา ท23101 ชอ่ื วิชา ภาษาไทย 5 กล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย
โรงเรียนมธั ยมฐานบินกำแพงแสน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
แผนการจดั การเรียนร้เู ร่ือง การเขียนย่อความ
จำจำนวน 1.5 หนว่ ยกติ จำนวน 3 คาบ/ช่วั โมง ตอ่ สปั ดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ชวั่ โมง
1.ผลการการประเมินบรรยากาศในการจัดการเรียนรโู้ ดยภาพรวม
2. ปัญหาและอุปสรรค
3.ขอ้ เสนอแนะและการแก้ไข
ลงชื่อ
(นางสาวชลธิชา ศิรอิ มรพันธุ์)
ตำแหนง่ ครู
ช่อื ......................................................................................................ชน้ั .......................เลขท.ี่ .................
ใบงาน เรือ่ ง การเขียนย่อความ
ให้นักเรยี นอา่ นเรอื่ ง ปกั ก่ิง - นครแหง่ ความหลัง ของ สด กูรมะโรหติ โดยสืบคน้ จากอินเทอรเ์ นต็ แล้วเขยี น
ย่อความจากเรอื่ งให้ถกู ตอ้ งตามรปู แบบและวธิ ีการเขยี นยอ่ ความ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เฉลย...ใบงาน เรื่อง การเขียนยอ่ ความ
ให้นักเรยี นอ่านเรอื่ ง ปกั ก่ิง - นครแห่งความหลัง ของ สด กูรมะโรหติ โดยสืบคน้ จากอินเทอร์เน็ตแลว้ เขียน
ย่อความจากเร่ืองให้ถูกตอ้ งตามรปู แบบและวิธกี ารเขยี นยอ่ ความ
ยอ่ เรื่อง ปักกงิ่ -นครแห่งความหลงั ของ สด กรู มะโรหติ ความวา่
ความใกล้ชิดของระพินทร์และวารยา ได้เป็นตัวเดินเร่ืองไปสู่การเรียนรู้ภูมิหลังของกันและกัน
โดยเฉพาะโศกนาฏกรรมในชวี ติ ของครอบครวั ของวารยา ซ่ึงมีเชื้อสายในตระกูลโรมานอฟผู้เปน็ เจ้าปกครอง
รัสเซยี ในสมยั กอ่ นการปฏวิ ตั ิ วารยาต้องสญู เสียแมไ่ ปในการปฏวิ ัติ และเมือ่ อพยพมาอยู่ท่เี มืองฮารบ์ นิ ใน
แมนจูเรีย ก็ยังต้องสูญเสียพ่ีน้องไปอีก จนเหลือตัวเองอยู่และพ่อท่ีชราภาพ ความใกล้ชิดของคนทั้งคู่
ไดก้ ่อใหเ้ กดิ ความเห็นใจและแปรเป็นความรักความเข้าใจที่บริสุทธิใ์ จตอ่ กนั และนำไปสู่ความพยายามท่ีจะ
ชว่ ยเหลือแก้ปัญหาใหก้ นั และกนั โดยตัดเอาอารมณ์สว่ นตวั ออก พ่อของวารยายอมสละชีวติ ตวั เองเพื่อให้
วารยาหมดภาระทจ่ี ะต้องคอยดแู ลช่วยเหลือ และจะไดม้ ีทางออกท่ีดกี วา่ นี้ ซงึ่ เขาคดิ ว่าการทเี่ ธอจะไปบวชชี
เพอื่ อุทิศตวั ให้กับศาสนาโดยไมต่ อ้ งมหี ว่ งเปน็ หนทางท่ีดที สี่ ดุ ในความคิดของเขา วารยาตดั สินใจไปบวช
ตามความปรารถนาของพ่อท้ังที่มีใจรักระพินทร์ แต่ก็ไม่เรียกร้องท่ีจะทำตามหัวใจ ส่วนระพินทร์ก็ได้
กล่าวเท็จกบั วารยาวา่ ตนมีคู่หม้ันอยทู่ เี่ มืองไทย เพื่อให้วารยาได้บวชตามความต้องการ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11
รายวิชา ท23101 ช่อื วชิ า ภาษาไทย 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย
โรงเรียนมธั ยมฐานบนิ กำแพงแสน ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
แผนการจัดการเรียนรเู้ ร่ือง อิศรญาณภาษิต
จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต จำนวน 3 คาบ/ชว่ั โมง ต่อสัปดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ชัว่ โมง
1.มาตรฐานการเรียนรู้
ม.ฐ.ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคิดเพื่อนำไปใชต้ ดั สินใจแกป้ ัญหาในการดำเนนิ
ชีวติ และมีนิสัยรกั การอา่ น
2.ตวั ชี้วัด / ผลการเรียนรู้
ม. 3/2 ระบุความแตกตา่ งของคำท่ีมีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย
3.สาระสำคัญ
การศึกษาคำศพั ทแ์ ละสำนวนจะช่วยให้เข้าใจเร่ืองที่อ่านและพัฒนาทกั ษะในการอ่านได้
4.จุดประสงคร์ ายวิชา K
อธบิ ายความหมายของคำศัพท์และสำนวน
5.สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น P
วิเคราะหค์ วามหมายของคำจากบรบิ ท
6.คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ A
เห็นความสำคญั ของการเขา้ ใจความหมายของคำศัพท์เพอื่ จะนำไปใช้ในการอ่าน
7.เนื้อหาสาระ
คำศัพทจ์ ากอิศรญาณภาษติ
8.กจิ กรรมการเรยี นรู้
(ช่ัวโมงที่ 1)
1. ใหน้ กั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดงั นี้
- การอ่านคำประพนั ธ์โดยไมเ่ ข้าใจคำศพั ท์และสำนวนในคำประพันธ์จะกอ่ ใหเ้ กิดผลเสยี อยา่ งไร
2. ให้นักเรียนอา่ นสำนวนต่อไปนี้
- ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสาร
- น้ำพึง่ เรือเสือพง่ึ ป่า
- เดินตามหลังผูใ้ หญห่ มาไม่กัด
- ฟงั หูไว้หู
แลว้ ให้นักเรียนช่วยกนั บอกความหมายและยกตัวอยา่ งตามความเข้าใจ
3. ใหน้ ักเรยี นศึกษาบทนำเรอื่ ง อศิ รญาณภาษิต แล้วชว่ ยกันสรปุ สาระสำคัญ
4. ใหน้ กั เรียนศึกษาคำศัพท์จาก อิศรญาณภาษิต แลว้ แบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 3-4 คน ครูอา่ นความหมาย
ของคำศัพท์แล้วให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ แข่งขันตอบคำศัพท์ให้ถูกต้องตรงตามความหมาย กลมุ่ ทีต่ อบได้มากทีส่ ดุ
เป็นผ้ชู นะ
5. ให้นักเรียนทำใบกจิ กรรมเรอื่ ง ความหมายของคำ แล้วร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง
(ช่ัวโมงท่ี 2)
1. ใหน้ ักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ 6-7 คน ชว่ ยกันหาสำนวนท่ปี รากฏในอิศรญาณภาษิต อธบิ าย
ความหมายและยกคำประพนั ธม์ าอ้างอิงให้ถูกต้อง ส่งตัวแทนออกมานำเสนอหน้าชน้ั เรียน ใหน้ กั เรียน
และครรู ว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง
2. ให้นักเรยี นนำความรู้ท่ีไดจ้ ากการนำเสนอไปจัดปา้ ยนิเทศหัวข้อ “สำนวนไทยใหค้ ตสิ อนใจ
จากอิศรญาณภาษิต” เพื่อเผยแพร่ความรู้แกเ่ พอ่ื นนักเรยี นและบคุ คลทั่วไป
3 ใหน้ กั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปความรู้ ดังนี้
- การศึกษาคำศัพทแ์ ละสำนวนจะชว่ ยให้เข้าใจเรื่องท่ีอ่านและพัฒนาทักษะการอา่ นได้
9.สอ่ื และแหลง่ เรยี นรู้
1. หนังสอื วรรณคดีวจิ ักษ์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3
2. บทดอกสร้อย
3. ใบงาน
10.การวัดผลประเมินผล
จุดประสงค์ ชน้ิ งาน/ภาระ วิธีการประเมิน เครอ่ื งมือ ผปู้ ระเมนิ เกณฑ์ประเมนิ
งาน 1. สังเกต การประเมนิ
พฤติกรรมของ
1. นกั เรียนสามารถเขยี น 1. ใบงาน นกั เรียนในการ 1. แบบสงั เกต ครู ผา่ นเกณฑร์ ้อย
เข้ารว่ มกจิ กรรม
ยอ่ ความตามรปู แบบได้ 2. ตรวจใบงาน พฤติกรรมการ ละ 80
ถูกต้อง เขา้ ร่วมกจิ กรรม
11.กจิ กรรมเสนอแนะ/งานทีม่ อบหมาย
11.1 กจิ กรรมเสนอแนะ
ใหน้ กั เรยี นฝึกการเขียนย่อความ โดยเลอื กขา่ วท่ีนักเรยี นสนใจคนละ 1 ขา่ ว แล้วนำมาเขียน
ย่อความ ทำให้นักเรียนมีอิสระในการเลือกทำงานตามความสนใจของตนเอง ส่งผลให้นักเรียนมีความสุขใน
การทำงาน
11.2 งานที่มอบหมาย
1. ใบงานเรื่อง การเขยี นย่อความ
ลงช่อื
(นางสาวชลธิชา ศิรอิ มรพนั ธ์ุ)
ตำแหน่ง ครู
บันทึกหลังการจดั การเรียนรูท้ ่ี 11
รายวิชา ท23101 ช่ือวชิ า ภาษาไทย 5 กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
โรงเรยี นมัธยมฐานบินกำแพงแสน ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
แผนการจดั การเรยี นรเู้ ร่ือง อิศรญาณภาษติ
จำจำนวน 1.5 หน่วยกติ จำนวน 3 คาบ/ชว่ั โมง ตอ่ สปั ดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ชว่ั โมง
1.ผลการการประเมินบรรยากาศในการจัดการเรยี นรโู้ ดยภาพรวม
2. ปญั หาและอุปสรรค
3.ข้อเสนอแนะและการแก้ไข
ลงชือ่
(นางสาวชลธิชา ศริ อิ มรพันธุ์)
ตำแหน่ง ครู
ชือ่ ......................................................................................................ช้ัน.......................เลขท.ี่ .................
ใบกจิ กรรม เร่ือง ความหมายของคา
1. ให้นกั เรียนค้นหาคาศัพท์จากอศิ รญาณภาษิตที่มีความหมายตรงกบั ภาพทกี่ าหนด พร้อมท้งั
อธิบายความหมายของคาศัพท์ดังกล่าว
1.1 คำศพั ท_์ _________________________________
ควำมหมำย_______________________________
________________________________________
________________________________________
1.2 คำศพั ท_์ ________________________________
ควำมหมำย_______________________________
________________________________________
________________________________________
1.3 คำศพั ท_์ _________________________________
ควำมหมำย_______________________________
________________________________________
________________________________________
1.4 คำศพั ท_์ _________________________________
ควำมหมำย_______________________________
________________________________________
________________________________________
1.5 คำศพั ท_์ _________________________________
ควำมหมำย_______________________________
________________________________________
________________________________________
2. ให้นกั เรียนบอกความหมายของคาท่ขี ดี เส้นใต้โดยพจิ ารณาจากข้อความแวดล้อม
2.1 ตอ้ งหำมำ้ มโนมยั ใหญย่ ำวรี สำหรับขเี่ ป็นมำ้ อำชำไนย
มำ้ มโนมยั หมำยควำมวำ่ _______________________________________________
2.2 ใครเลยห่อนจะวำ่ ตวั เป็นววั มอ
ห่อน หมำยควำมวำ่ _______________________________________________
2.3 คนโหยกเหยกรักษำยำกลำบำกหมอ
โหยกเหยก หมำยควำมวำ่ ______________________________________________
2.4 นกั เลงเก่ำเขำไม่หำญรำญนกั เลง
รำญ หมำยควำมวำ่ ______________________________________________
2.5 ถึงรู้จริงน่ิงไวอ้ ยำ่ ไขรู้
ไข หมำยควำมวำ่ ______________________________________________
2.6 พดู พลอ่ ยพลอ่ ยไมด่ ีปำกข้รี ิ้ว
ปำกข้ีริ้ว หมำยควำมวำ่ ______________________________________________
2.7 แรงหรือหิวชง่ั ใจดูจะสูช้ ำ้ ง
แรง หมำยควำมวำ่ ______________________________________________
หิว หมำยควำมวำ่ ______________________________________________
***********************************************************
เฉลย....ใบกจิ กรรม เร่ือง ความหมายของคา
1 1.1 มา้ อาชาไนย ความหมาย ม้าที่ฝกึ หดั มาดแี ลว้
1.2 ประนมกร ความหมาย พนมมือ
1.3 ข่ือคา ความหมาย เครอ่ื งจองจำนักโทษสมยั โบราณ ทำดว้ ยไม้
2 2.1 ม้าท่ใี ชข้ ่รี วดเรว็ ไดด้ ังใจ
2.2 เคย
2.3 ไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่แน่นอน
2.4 รบ
2.5 เฉลย
2.6 ปากไมด่ ี
2.7 มกี ำลัง, ไรเ้ ร่ียวแรง
.....
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 12
รายวิชา ท23101 ช่ือวชิ า ภาษาไทย 5 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
โรงเรียนมธั ยมฐานบนิ กำแพงแสน ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
แผนการจดั การเรยี นรเู้ รื่อง อิศรญาณภาษติ
จำนวน 1.5 หน่วยกิต จำนวน 3 คาบ/ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ช่วั โมง
1.มาตรฐานการเรยี นรู้
ม.ฐ.ท 1.1 ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคดิ เพ่ือนำไปใชต้ ดั สนิ ใจแก้ปัญหาในการดำเนนิ
ชวี ติ และมีนิสัยรักการอา่ น
2.ตัวชี้วัด / ผลการเรียนรู้
ม. 3/1 อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้องและเหมาะสมกับเร่ืองที่อ่าน
ม. 3/10 มีมารยาทในการอา่ น
3.สาระสำคัญ
การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ผู้อ่านต้องเข้าใจลักษณะคำประพันธ์ของบทร้อยกรองนั้น ๆ เข้าใจ
คำศัพทแ์ ละเนือ้ หา จึงจะสามารถอ่านออกเสยี งได้ถกู ต้องและแสดงอารมณอ์ ย่างเหมาะสม
4.จดุ ประสงค์รายวชิ า K
อธบิ ายเกีย่ วกบั การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง
5.สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น P
อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรองได้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์
6.คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ A
เหน็ คณุ ค่าและความสำคญั ของการอา่ นออกเสียงบทร้อยกรอง
7.เนื้อหาสาระ
การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง
8.กิจกรรมการเรียนรู้
1. ให้นักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ ำถามท้าทาย ดงั น้ี
- คำประพันธช์ นดิ ใดอา่ นออกเสียงบทร้อยกรองได้ยากที่สุด และจะมวี ธิ กี ารอย่างไร ทจ่ี ะทำให้อ่าน
คำประพันธ์ประเภทนั้นให้ประสบความสำเร็จ
2. ครซู กั ถามนกั เรยี นว่า อิศรญาณภาษติ แต่งด้วยคำประพนั ธป์ ระเภทใด มีลักษณะเหมอื นหรอื แตกต่าง
จากกลอนสภุ าพอยา่ งไร และนกั เรยี นทราบหรอื ไม่ว่ามีวิธีการอ่านออกเสยี งอย่างไร
3. ใหน้ ักเรียนศึกษาหาความร้เู รื่อง การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ และอ่านออกเสียง
อิศรญาณภาษติ เป็นตวั อยา่ งเพ่อื ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจได้อยา่ งชัดเจน
4. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ครูกำหนดคำประพันธ์ให้กลุ่มละเท่า ๆ กัน แล้วให้แต่ละกลุ่ม
แบ่งจังหวะการอ่านอิศรญาณภาษิต โดยใช้เครื่องหมาย / และสรุปความคิดของอิศรญาณภาษิตบทที่ครู
กำหนดให้ นำเสนอหน้าชั้นเรียนโดยให้อ่านออกเสียงเป็นทำนองเสนาะด้วย ให้นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบ
ความถูกต้อง
5. ให้นกั เรียนจับคู่กับเพื่อนผลัดกนั อ่านอิศรญาณภาษิต ฝึกการออกเสียงท่ีถูกต้อง การเวน้ จงั หวะวรรคตอน
และฝกึ สอดแทรกอารมณต์ ามเนื้อเรื่อง ขณะทอี่ า่ นให้เพือ่ นประเมนิ การอ่าน พร้อมท้งั เสนอแนะ
6. ให้นกั เรียนและครูร่วมกนั สรปุ ความรู้ ดังน้ี
- การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ผู้อ่านต้องเข้าใจลักษณะคำประพันธ์ของบทร้อยกรองนั้น ๆ
เขา้ ใจคำศพั ท์และเนือ้ หา จงึ จะสามารถอา่ นออกเสียงได้ถกู ต้องและแสดงอารมณอ์ ยา่ งเหมาะสม
9.สือ่ และแหล่งเรยี นรู้
1. หนงั สือวรรณคดีวจิ กั ษ์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3
10.การวดั ผลประเมินผล
จดุ ประสงค์ ชิ้นงาน/ภาระ วิธีการประเมนิ เคร่ืองมอื ผูป้ ระเมิน เกณฑป์ ระเมนิ
งาน การประเมนิ
1. นกั เรียนสามารถอ่าน - 1. สังเกต 1. แบบสงั เกต ครู ผา่ นเกณฑ์รอ้ ย
ออกเสยี งบทร้อยกรองได้ พฤติกรรมของ พฤตกิ รรมการ ละ 80
ถกู ต้องตามหลกั เกณฑ์ได้ นกั เรยี นในการเข้า เขา้ ร่วมกิจกรรม
ร่วมกจิ กรรม 2. แบบสังเกต
2. สงั เกต พฤติกรรมการ
พฤตกิ รรมของ เขา้ ร่วมกิจกรรม
นกั เรยี นในการเขา้ กลุม่
รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
11.กิจกรรมเสนอแนะ/งานท่ีมอบหมาย
11.1 กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนทำแบบบันทึกการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองของตนเอง โดยแบ่งการฝึกอ่าน
ออกเป็น 10 ครั้ง แต่ละครั้งที่อ่านมีการเตรียมตัวฝึกฝนก่อนอ่านทุกครั้ง หลังจากนั้นให้เพื่อนช่วยประเมินผล
การอ่าน และให้นักเรียนนำผลการประเมินของเพื่อนมาบันทึกเป็นแบบบันทึกการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง
ของตนเอง
11.2 งานที่มอบหมาย
ลงชื่อ
(นางสาวชลธชิ า ศริ ิอมรพันธุ์)
ตำแหนง่ ครู
บันทึกหลังการจดั การเรียนรูท้ ่ี 12
รายวิชา ท23101 ช่ือวชิ า ภาษาไทย 5 กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
โรงเรยี นมัธยมฐานบินกำแพงแสน ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
แผนการจดั การเรยี นรเู้ ร่ือง อิศรญาณภาษติ
จำจำนวน 1.5 หน่วยกติ จำนวน 3 คาบ/ชว่ั โมง ตอ่ สปั ดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ชว่ั โมง
1.ผลการการประเมินบรรยากาศในการจัดการเรยี นรโู้ ดยภาพรวม
2. ปญั หาและอุปสรรค
3.ข้อเสนอแนะและการแก้ไข
ลงชือ่
(นางสาวชลธิชา ศริ อิ มรพันธุ์)
ตำแหน่ง ครู
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 13
รายวิชา ท23101 ช่ือวชิ า ภาษาไทย 5 กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
โรงเรียนมธั ยมฐานบนิ กำแพงแสน ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
แผนการจดั การเรียนรเู้ รื่อง อิศรญาณภาษิต
จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ จำนวน 3 คาบ/ชว่ั โมง ตอ่ สัปดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ช่ัวโมง
1.มาตรฐานการเรียนรู้
ม.ฐ.ท 5.1 เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคุณคา่ และ
นำมาประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริง
2.ตวั ชี้วัด / ผลการเรยี นรู้
ม. 3/4 ท่องจำและบอกคุณค่าบทอาขยานตามทกี่ ำหนด และบทร้อยกรองทม่ี ีคณุ ค่าตามความสนใจ
และนำไปใชอ้ า้ งองิ
3.สาระสำคญั
อศิ รญาณภาษติ มีคณุ ค่าและคตสิ อนใจท่สี ามารถนำไปใชไ้ ด้จรงิ จึงควรค่าแก่การท่องจำ
4.จุดประสงค์รายวิชา K
อธบิ ายคุณค่าของบทร้อยกรองท่ีนำมาท่องจำ
5.สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น P
1) ทอ่ งบทร้อยกรองเป็นทำนองที่ถูกต้อง
2) เขียนเรียงความโดยเลือกบทรอ้ ยกรองมาใช้อ้างอิง
6.คุณลักษณะอันพึงประสงค์ A
เห็นคณุ ค่าของบทร้อยกรองท่ีนำมาท่องจำ
7.เนือ้ หาสาระ
การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง
8.กิจกรรมการเรยี นรู้
1. ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ ำถามท้าทาย ดังน้ี
- การทอ่ งจำบทอาขยานมีประโยชนต์ ่อนกั เรียนอย่างไร
2.. ให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างบทร้อยกรองที่นักเรียนประทับใจและสามารถท่องจำได้จนติดปาก
ใหน้ กั เรยี นบอกคุณคา่ และเหตผุ ลที่ประทบั ใจบทร้อยกรองน้นั ๆ
3. ให้นักเรียนท่องจำบทร้อยกรองจากอิศรญาณภาษิต หรือวรรณคดีคำสอนอื่น ๆ ที่นักเรียนสนใจ
เช่น สุภาษิตพระร่วง สุภาษิตสอนหญิง โคลงโลกนิติ โคลงสุภาษิตพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 5 กาพย์ห่อโคลง
ของพระยาอุปกิตศิลปสาร โดยเลือกบทร้อยกรองที่มีเนื้อความต่อเนื่องมาท่องจำ แล้วจับคู่กับเพื่อน ผลัดกัน
ทอ่ งบทร้อยกรองและประเมนิ การทอ่ ง พร้อมทัง้ เสนอแนะ
4. ใหน้ กั เรียนอธบิ ายคุณค่าของบทร้อยกรองที่นำมาท่องจำ โดยวเิ คราะหด์ ้านแนวคดิ และวรรณศิลป์
ครูเรียกนักเรยี น 3-5 คน ใหอ้ อกมาทอ่ งบทร้อยกรองหน้าชั้นเรยี นและอธบิ ายคุณค่า ใหน้ ักเรียนและครรู ่วมกนั
ตรวจสอบความถูกต้อง
5. ให้นักเรียนเขียนเรียงความในหัวข้อ “การเรียนรู้เพื่ออยู่ในสังคม” หรือ “การใช้ชีวิตในวัยเรียน”
ความยาว 1 หน้า โดยเลือกนำบทร้อยกรองที่ท่องจำ 1-2 บท มาใช้อ้างอิงประกอบ
การเขียนเรยี งความ แลว้ รวบรวมผลงานส่งใหค้ รตู รวจ
6. ใหน้ กั เรียนและครูรว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั นี้
- อิศรญาณภาษิตมคี ณุ ค่าและคตสิ อนใจท่ีสามารถนำไปใชไ้ ด้จริง จึงควรแก่การทอ่ งจำ
9.ส่ือและแหล่งเรยี นรู้
1. หนังสอื วรรณคดวี ิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3
10.การวดั ผลประเมินผล
จุดประสงค์ ช้ินงาน/ภาระ วิธกี ารประเมิน เครื่องมือ ผู้ประเมิน เกณฑ์ประเมนิ
งาน การประเมนิ
1. นกั เรยี นสามารถทอ่ ง 1. สงั เกต 1. แบบสังเกต ครู ผ่านเกณฑ์รอ้ ย
บทรอ้ ยกรองเปน็ ทำนองท่ี 1.ช้นิ งานเรือ่ ง การ พฤตกิ รรมของ พฤติกรรมการ ละ 80
ถูกต้องได้ เขียนเรียงความ นกั เรียนในการเข้า เข้าร่วมกิจกรรม
2. นักเรียนสามารถ เขียน 2. การทอ่ งจำบท รว่ มกิจกรรม 2. แบบสังเกต
เรยี งความโดยเลอื กบท อาขยานและบท 2. สงั เกต พฤตกิ รรมการ
ร้อยกรองมาใชอ้ ้างอิงได้ ร้อยกรองท่มี คี ณุ ค่า พฤตกิ รรมของ เขา้ รว่ มกจิ กรรม
นกั เรยี นในการเข้า กล่มุ
รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
3. ตรวจจาก
ชิ้นงาน
11.กิจกรรมเสนอแนะ/งานทมี่ อบหมาย
11.1 กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นกั เรียนค้นควา้ บทรอ้ ยกรองท่ปี ระทบั ใจจากส่ือการเรยี นรตู้ า่ ง ๆ จำนวน 5 บท แลว้ ผลดั
กนั ท่องจำใหเ้ พ่อื นฟัง
11.2 งานทม่ี อบหมาย
1) ชิน้ งานเรอ่ื ง การเขยี นเรยี งความ 2) การท่องจำบทอาขยานและบทร้อยกรองท่ีมีคณุ ค่
ลงชือ่
(นางสาวชลธิชา ศิรอิ มรพนั ธุ์)
ตำแหนง่ ครู
บันทึกหลังการจดั การเรียนรูท้ ่ี 13
รายวิชา ท23101 ช่ือวชิ า ภาษาไทย 5 กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
โรงเรยี นมัธยมฐานบินกำแพงแสน ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
แผนการจดั การเรยี นรเู้ ร่ือง อิศรญาณภาษติ
จำจำนวน 1.5 หน่วยกติ จำนวน 3 คาบ/ชว่ั โมง ตอ่ สปั ดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ชว่ั โมง
1.ผลการการประเมินบรรยากาศในการจัดการเรยี นรโู้ ดยภาพรวม
2. ปญั หาและอุปสรรค
3.ข้อเสนอแนะและการแก้ไข
ลงชือ่
(นางสาวชลธิชา ศริ อิ มรพันธุ์)
ตำแหน่ง ครู
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 14
รายวิชา ท23101 ช่ือวิชา ภาษาไทย 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
โรงเรียนมธั ยมฐานบินกำแพงแสน ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
แผนการจดั การเรียนร้เู ร่ือง อิศรญาณภาษิต
จำนวน 1.5 หน่วยกิต จำนวน 3 คาบ/ชั่วโมง ต่อสปั ดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ชวั่ โมง
1.มาตรฐานการเรยี นรู้
ม.ฐ.ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคดิ เพื่อนำไปใชต้ ัดสนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดำเนิน
ชวี ิต และมีนิสัยรกั การอ่าน
2.ตัวช้ีวัด / ผลการเรยี นรู้
ม. 3/5 วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ เรื่องท่อี ่านโดยใชก้ ลวธิ ีการเปรียบเทยี บ เพ่ือใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจได้
ดขี ึน้
ม.3/6 ประเมนิ ความถูกต้องของข้อมูลที่ใชส้ นบั สนุนในเรอื่ งที่อา่ น
ม. 3/7 วิจารณ์ความสมเหตุสมผล การลำดบั ความ และความเปน็ ไปได้ของเร่ือง
ม. 3/8 วิเคราะห์เพ่ือแสดงความคิดเหน็ โต้แย้งเก่ียวกับเร่ืองทอี่ ่าน
ม. 3/9 ตีความและประเมินคุณค่าแนวคดิ ที่ไดจ้ ากงานเขยี นอยา่ งหลากหลาย เพือ่ นำไปใช้แกป้ ญั หา
ในชวี ติ
3.สาระสำคญั
การอา่ นตีความทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเร่อื งทีอ่ ่านได้อย่างลกึ ซ้งึ และเข้าใจแนวคิดของเรอ่ื งได้
4.จดุ ประสงค์รายวิชา K
บอกแนวคิดที่ไดจ้ ากการตคี วามเร่ืองที่อา่ น
5.สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน P
ตคี วามเรื่องทอี่ ่าน
6.คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ A
เหน็ คณุ คา่ ของแนวคดิ ที่ได้จากเร่อื งที่อ่านเพื่อนำไปใช้แกป้ ัญหาในชวี ติ
7.เนอื้ หาสาระ
การตีความอศิ รญาณภาษติ
8.กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. ให้นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คำถามทา้ ทาย ดังนี้
- การตีความก่อให้เกิดประโยชน์ในดา้ นปัญญาและดา้ นอารมณ์อยา่ งไร
2. ใหน้ กั เรียนอา่ นคำประพันธ์ 2 บท ที่ครเู ตรยี มไว้
คำประพันธ์บทที่ 1 อยา่ ให้ขาดส่งิ ของตอ้ งประสงค์
อย่าจา่ ยลงใหม้ ากจะยากนาน
มีสลงึ พงึ ประจบให้ครบบาท
จงมักนอ้ ยกินน้อยคอ่ ยบรรจง (สภุ าษติ สอนหญิง : สนุ ทรภู่)
คำประพนั ธ์บทท่ี 2
ลอบลงชุบองค์ในบอ่ ทอง ผิวเน้อื นวลละอองผ่องศรี
เปน็ ทองคำธรรมชาติชาตรี สมถวลิ ยินดดี งั ใจคดิ
(สงั ขท์ อง : รชั กาลที่ 2)
3. ใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั อธิบายว่า คำประพันธแ์ ต่ละบทมคี วามหมายอยา่ งไร มีคำหรอื ข้อความใด
ที่ไมส่ ามารถแปลตรง ๆ ได้ แตต่ อ้ งอาศยั การตีความ
4. ให้นกั เรียนอาสาสมัคร 2 คน สรุปการตีความจากแถบขอ้ ความทงั้ สอง
5. ให้นักเรียนทำใบกิจกรรมเรื่อง การอ่านตีความความอิศรญาณภาษิต แล้วร่วมกันตรวจสอบ
ความถกู ต้อง
6. ใหน้ ักเรียนแบง่ กลุ่มเป็น 5 กลุ่ม ชว่ ยกนั วจิ ารณค์ วามสมเหตุสมผลและความเป็นไปได้ของ
อศิ รญาณภาษิต จากใบกิจกรรมกล่มุ ละ 1 ขอ้ แล้วนำเสนอหน้าชั้นเรยี น โดยให้แสดงความคดิ เหน็ โต้แย้ง
บททวี่ ิจารณ์อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์
7. ใหน้ กั เรยี นและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ ดงั นี้
- การอ่านตคี วามทำให้ผู้อ่านสามารถเขา้ ใจเรอื่ งทีอ่ า่ นได้อย่างลึกซง้ึ และเขา้ ใจแนวคดิ ของเร่ืองได้
9.สือ่ และแหล่งเรยี นรู้
1. หนังสอื วรรณคดีวิจักษ์ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 2. แถบข้อความ 3.ใบกิจกรรม
10.การวดั ผลประเมินผล
จุดประสงค์ ชิ้นงาน/ภาระงาน วิธกี ารประเมิน เครอ่ื งมอื ผ้ปู ระเมิน เกณฑป์ ระเมิน
การประเมิน
1. นกั เรียนสามารถตคี วาม 1.ใบกิจกรรมเร่อื ง 1. สังเกต 1. แบบสงั เกต ครู ผา่ นเกณฑ์ร้อย
พฤตกิ รรมของ พฤติกรรมการ ละ 80
เรอื่ งที่อา่ นได้ การอา่ นตีความ นักเรียนในการเข้า เข้าร่วมกจิ กรรม
รว่ มกิจกรรม 2. แบบสงั เกต
อิศรญาณภาษติ 2. สงั เกต พฤตกิ รรมการ
พฤตกิ รรมของ เขา้ ร่วมกจิ กรรม
นักเรยี นในการเขา้ กลุม่
รว่ มกจิ กรรมกลุม่
3. ตรวจจากใบ
กจิ กรรม
11.กิจกรรมเสนอแนะ/งานทีม่ อบหมาย
11.1 กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นกั เรยี นร่วมกนั จัดทำหนังสืออิศรญาณภาษติ ฉบับตคี วามของห้องเรยี น โดยสมาชิกทุกคน
ในหอ้ งร่วมกันรบั ผิดชอบ
11.2 งานที่มอบหมาย
ใบกจิ กรรมเร่ือง การอา่ นตีความอศิ รญาณภาษิต
ลงชอ่ื
(นางสาวชลธชิ า ศิริอมรพันธุ์)
ตำแหน่ง ครู
บันทึกหลังการจดั การเรียนรูท้ ่ี 14
รายวิชา ท23101 ช่ือวชิ า ภาษาไทย 5 กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
โรงเรยี นมัธยมฐานบินกำแพงแสน ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
แผนการจดั การเรยี นรเู้ ร่ือง อิศรญาณภาษติ
จำจำนวน 1.5 หน่วยกติ จำนวน 3 คาบ/ชว่ั โมง ตอ่ สปั ดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ชว่ั โมง
1.ผลการการประเมินบรรยากาศในการจัดการเรยี นรโู้ ดยภาพรวม
2. ปญั หาและอุปสรรค
3.ข้อเสนอแนะและการแก้ไข
ลงชือ่
(นางสาวชลธิชา ศริ อิ มรพันธุ์)
ตำแหน่ง ครู
ชือ่ ......................................................................................................ชนั้ .......................เลขท่ี..................
ใบกิจกรรมเรือ่ ง การอา่ นตีความอศิ รญาณภาษติ
ใหน้ กั เรียนอ่านอศิ รญาณภาษิตตอ่ ไปนี้ จากนน้ั ตคี วามวา่ ผู้เขียนต้องการสอ่ื ถึงเร่ืองใดและมีน้ำเสียงอย่างไร
1. สำหรับคนเจือจิตจริตเขลา ด้วยมัวเมาโมห์มากในซากผี
ตอ้ งหามา้ มโนมยั ใหญ่ยาวรี สำหรบั ข่เี ปน็ ม้าอาชาไนย
ผูเ้ ขียนต้องการสือ่ ถึง
ผู้เขียนต้องการสื่อถึงเรอื่ ง____________________________________________________________
______________________________________________________________________________
น้ำเสยี งของผู้เขียน_________________________________________________________________
2. ของสิ่งใดเจ้าว่างามต้องตามเจ้า ใครเลยเล่าจะไมง่ ามตามเสด็จ
จำไว้ทุกส่งิ จริงหรือเท็จ พรกิ ไทยเมด็ นิดเดียวเคี้ยวยงั ร้อน
ผู้เขียนตอ้ งการสอ่ื ถึงเรื่อง____________________________________________________________
______________________________________________________________________________
นำ้ เสียงของผู้เขียน_________________________________________________________________
3. หญงิ เรยี กแม่ชายเรียกพ่อยอไวใ้ ช้ มนั ชอบใจขา้ งปลอบไมช่ อบดุ
ทหี่ ่างปิดที่ชดิ ไชให้ทะลุ คนจกั ษเุ หลห่ ล่วิ ไพล่พลิว้ พลกิ
ผ้เู ขยี นต้องการสอ่ื ถึงเร่อื ง____________________________________________________________
______________________________________________________________________________
น้ำเสียงของผเู้ ขียน_________________________________________________________________
4. วาสนาไมค่ ูเ่ คยี งเถียงเขายาก ถึงมปี ากมเี สยี งเปลา่ เหมือนเต่าหอย
ผีเรือนตวั ไมด่ ผี ีอน่ื พลอย พดู พล่อยพล่อยไม่ดีปากขี้ริว้
ผ้เู ขียนตอ้ งการสอื่ ถึง
ผู้เขียนตอ้ งการส่ือถงึ เรอื่ ง____________________________________________________________
______________________________________________________________________________
นำ้ เสยี งของผเู้ ขยี น_________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
เฉลยใบกจิ กรรม นำ้ เสยี ง
ผู้เขยี นตอ้ งการส่ือถึงเรือ่ ง เสียดสี
1. คนที่หลงตวั ตนตอ้ งหาสิง่ มาช่วย ประชดประชัน
ยกระดับจติ ใจ แนะนำสั่งสอน
2. ผ้มู อี ำนาจวาสนากล่าวส่งิ ใดก็ไมผ่ ดิ นอ้ ยใจ
3. ทกุ คนชอบคำพูดทอ่ี ่อนหวาน
ให้ร้จู กั ใชค้ ำพดู เพื่อผูกใจคน
4. ผตู้ ้อยต่ำพดู อะไรก็ไม่มใี ครฟงั
จะพดู จาต้องระวัง
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 15
รายวชิ า ท23101 ชอื่ วชิ า ภาษาไทย 5 กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย
โรงเรยี นมธั ยมฐานบนิ กำแพงแสน ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
แผนการจดั การเรียนรูเ้ รื่อง เขียนแสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ย้งอย่างสรา้ งสรรค์
จำนวน 1.5 หน่วยกิต จำนวน 3 คาบ/ช่วั โมง ตอ่ สัปดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรยี น 60 คาบ/ชั่วโมง
1.มาตรฐานการเรียนรู้
ม.ฐ.ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราวในรปู แบบ
ตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
2.ตวั ชี้วดั / ผลการเรียนรู้
ม. 3/7 เขยี นวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือโตแ้ ย้งในเรอ่ื งต่าง ๆ
ม. 3/10 มีมารยาทในการเขยี น
3.สาระสำคัญ
การเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น และโต้แย้งในเรื่องที่อ่าน เป็นการอ่านให้เข้าใจ
อย่างแจ่มแจ้ง แล้วพิจารณาแยกแยะอย่างมีเหตุผล ฝึกให้ผู้เขียนใช้ความคิด ส่งเสริมให้เกิดความรอบรู้
และสามารถใชว้ จิ ารณญาณของตนให้เกิดประโยชน์ต่อการอ่านและการเขียน
4.จดุ ประสงค์รายวิชา K
บอกหลกั การเขยี นวิเคราะห์ วจิ ารณ์ แสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ย้ง
5.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน P
เขียนวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ แสดงความคดิ เห็น และโตแ้ ยง้ อย่างมีเหตุผล
6.คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ A
เห็นคุณคา่ ในการพัฒนาทักษะการเขียนของตนเอง และมมี ารยาทในการเขียน
7.เนือ้ หาสาระ
การเขยี นวิเคราะห์ วจิ ารณ์ แสดงความคิดเห็นหรือโต้แย้ง
8.กจิ กรรมการเรียนรู้
(ช่วั โมงที่ 1)
1. ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ ำถามทา้ ทาย ดงั นี้
- ควรเขยี นโตแ้ ย้งอย่างไรให้มมี ารยาท
2. ใหน้ กั เรยี นช่วยกันบอกหลักการโตแ้ ย้งจากเรอื่ งทอี่ า่ น เพ่อื เป็นการทบทวนความรู้
3. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ช่วยกันระดมความคิด และเลือกเขียนแสดงความคิดเห็น
สนบั สนนุ หรอื โต้แย้ง ในขอ้ ความทกี่ ำหนด ดังน้ี
- ทำดไี ด้ดมี ีทไี่ หน ทำช่วั ไดด้ มี ถี มไป
- ให้ทุกข์แกท่ า่ น ทกุ ข์นั้นถึงตวั
- มีน้ำใจคอยชว่ ยเหลือเขา เปรียบเสมอื นกับการหาเหามาใสต่ ัว
- คนท่กี ตญั ญรู ูค้ ุณคน แมเ้ จอปญั หาก็ไม่มวี ันอับจนหนทาง
(ช่ัวโมงท่ี 2)
1. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการเขียนแสดงความคิดเห็นและโต้แย้ง
หนา้ ชน้ั เรียน
2. ให้นักเรยี นชว่ ยกนั ใหค้ ะแนนวา่ กลุ่มใดเขียนแสดงความคดิ เหน็ และโต้แย้งได้ถกู ต้องและมีเหตุผลมาก
ทีส่ ุด
3. ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกันสรุปว่าเพราะเหตุใดผลงานของกลุ่มดังกล่าวจงึ ประสบความสำเร็จ
4. ใหน้ ักเรียนและครูร่วมกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้
- การเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น และโต้แย้งในเรื่องที่อ่าน เป็นการอ่านให้เข้าใจ
อย่างแจ่มแจ้ง แล้วพิจารณาแยกแยะอย่างมีเหตุผล ฝึกให้ผู้เขียนใช้ความคิด ส่งเสริมให้เกิดความรอบรู้
และสามารถใช้วิจารณญาณของตนใหเ้ กิดประโยชนต์ อ่ การอา่ นและการเขียน
9.สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้
10.การวดั ผลประเมินผล
จุดประสงค์ ชนิ้ งาน/ภาระงาน วิธีการประเมิน เครือ่ งมือ ผปู้ ระเมนิ เกณฑป์ ระเมนิ
การประเมิน
1. นกั เรยี นสามารถเขยี น - 1. สังเกต 1. แบบสงั เกต ครู ผ่านเกณฑ์ร้อย
วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดง พฤตกิ รรมของ พฤติกรรมการ ละ 80
ความคดิ เหน็ และโต้แยง้ นกั เรยี นในการเข้า เข้าร่วมกจิ กรรม
อย่างมีเหตผุ ลได้ รว่ มกิจกรรม 2. แบบสังเกต
2. สังเกต พฤตกิ รรมการ
พฤติกรรมของ เข้าร่วมกจิ กรรม
นักเรียนในการเขา้ กลมุ่
ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
11.กจิ กรรมเสนอแนะ/งานท่ีมอบหมาย
11.1 กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ อา่ นบทความประเภทแสดงความคิดเห็นแบบโต้แย้ง หลังจากนน้ั ให้วเิ คราะห์
ลกั ษณะของการเขียนดงั กลา่ ว แลว้ นำมาเขยี นสรุปในหวั ขอ้ เทคนิคการโต้แยง้ อยา่ งสร้างสรรค์
11.2 งานท่ีมอบหมา
ลงชอ่ื
(นางสาวชลธชิ า ศิรอิ มรพันธ์ุ)
ตำแหน่ง ครู
บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู้ท่ี 15
รายวิชา ท23101 ชื่อวชิ า ภาษาไทย 5 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
โรงเรยี นมธั ยมฐานบินกำแพงแสน ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
แผนการจัดการเรยี นรู้เรื่อง เขียนแสดงความคดิ เหน็ และโต้แย้งอยา่ งสรา้ งสรรค์
จำจำนวน 1.5 หนว่ ยกติ จำนวน 3 คาบ/ช่ัวโมง ตอ่ สัปดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรยี น 60 คาบ/ช่วั โมง
1.ผลการการประเมนิ บรรยากาศในการจัดการเรียนรโู้ ดยภาพรวม
2. ปญั หาและอุปสรรค
3.ขอ้ เสนอแนะและการแก้ไข
ลงชือ่
(นางสาวชลธชิ า ศิริอมรพนั ธ์ุ)
ตำแหน่ง ครู
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 16
รายวิชา ท23101 ชือ่ วชิ า ภาษาไทย 5 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
โรงเรียนมัธยมฐานบนิ กำแพงแสน ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
แผนการจดั การเรียนร้เู ร่ือง ระดับภาษา
จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ จำนวน 3 คาบ/ชั่วโมง ตอ่ สปั ดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ชัว่ โมง
1.มาตรฐานการเรียนรู้
ม.ฐ.ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของ
ภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ขิ องชาติ
2.ตวั ชี้วดั / ผลการเรียนรู้
ม. 3/3 วิเคราะห์ระดับภาษา
3.สาระสำคัญ
ความรู้เกี่ยวกับระดบั ภาษาช่วยให้สามารถพูดและเขียนภาษาไทยได้ถูกต้องเหมาะสมกับสัมพันธภาพ
ของบคุ คล โอกาสและกาลเทศะ ทำให้การสือ่ สารเกิดสัมฤทธิผล
4.จุดประสงค์รายวชิ า K
อธิบายลักษณะของระดับภาษา
5.สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น P
วิเคราะห์ระดับภาษา
6.คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ A
ตระหนกั ในคณุ ค่าของการใช้ภาษาใหถ้ ูกต้อง เหมาะสมกบั โอกาส กาลเทศะและบคุ คล
7.เนื้อหาสาระ
ระดบั ภาษา
8.กิจกรรมการเรยี นรู้
1. ใหน้ ักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครูใชค้ ำถามท้าทาย ดังนี้
• ภาษาระดับใดใชม้ ากทสี่ ุดในชีวิตประจำวนั เพราะเหตใุ ด
2. ให้นกั เรยี นรว่ มกนั ทบทวนความรู้เร่ือง ระดับภาษา โดยการพดู อภิปรายรว่ มกัน จากนนั้ ครูซักถาม
ความเข้าใจนักเรียนเป็นรายบุคคล
3. ใหน้ กั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน ช่วยกันเขียนประโยคหรอื ขอ้ ความที่ใช้ภาษาระดบั ต่าง ๆ
ดังนี้
3.1 ภาษาระดบั พิธีการ
3.2 ภาษาระดับทางการ
3.3 ภาษาระดับก่ึงทางการ
3.4 ภาษาระดบั สนทนา
3.5 ภาษาระดบั กันเอง
แลว้ สง่ ตวั แทนนำเสนอหนา้ ชั้นเรียน ให้นักเรียนและครูร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง
4. ให้นักเรียนทำใบงาน เร่อื ง ระดับภาษา แลว้ รวบรวมผลงานส่งให้ครตู รวจ
5. ใหน้ กั เรียนและครรู ่วมกันสรุปความรู้ ดงั นี้
• ความรู้เกี่ยวกับระดับภาษาช่วยให้สามารถพูดและเขียนภาษาไทยได้ถูกต้องเหมาะสมกับ
สมั พนั ธภาพของบคุ คล โอกาสและกาลเทศะ ทำให้การส่ือสารเกดิ สัมฤทธิผล
9.สื่อและแหลง่ เรยี นรู้
10.การวัดผลประเมินผล ชิน้ งาน/ภาระ วธิ ีการประเมนิ เครอ่ื งมอื ผ้ปู ระเมิน เกณฑป์ ระเมนิ
จุดประสงค์ งาน
1. สงั เกต การประเมิน
1. นักเรยี นสามารถ 1. ใบงานเรือ่ ง พฤติกรรมของ
วิเคราะห์ระดบั ภาษาได้ ระดบั ภาษา นกั เรียนในการ 1. แบบสังเกต ครู ผา่ นเกณฑร์ ้อย
เข้ารว่ มกิจกรรม
2. สังเกต พฤติกรรมการ ละ 80
พฤติกรรมของ
นกั เรียนในการ เขา้ รว่ มกิจกรรม
เข้าร่วมกิจกรรม
กลมุ่ 2. แบบสังเกต
3. ตรวจจากใบ
งาน พฤติกรรมการ
เขา้ รว่ มกิจกรรม
กลุ่ม
11.กิจกรรมเสนอแนะ/งานท่ีมอบหมาย
11.1 กจิ กรรมเสนอแนะ
-
11.2 งานที่มอบหมาย
ใบงานเร่อื ง ระดบั ภาษา
ลงชื่อ
(นางสาวชลธชิ า ศิริอมรพันธ์ุ)
ตำแหนง่ ครู
บันทึกหลังการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 16
รายวชิ า ท23101 ชื่อวิชา ภาษาไทย 5 กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
โรงเรียนมัธยมฐานบนิ กำแพงแสน ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
แผนการจัดการเรยี นรูเ้ ร่ือง ระดับภาษา
จำจำนวน 1.5 หน่วยกติ จำนวน 3 คาบ/ชัว่ โมง ตอ่ สปั ดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ช่วั โมง
1.ผลการการประเมินบรรยากาศในการจัดการเรยี นรโู้ ดยภาพรวม
2. ปญั หาและอปุ สรรค
3.ขอ้ เสนอแนะและการแก้ไข
ลงช่ือ
(นางสาวชลธชิ า ศิริอมรพันธ์ุ)
ตำแหน่ง ครู
ชือ่ ......................................................................................................ช้นั .......................เลขที่..................
ใบงาน เร่ือง ระดับภาษา
ให้นักเรยี นยกตัวอยา่ งข้อความท่มี ีการใชภ้ าษาในระดับต่าง ๆ
1. ภาษาระดบั พธิ ีการ
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
2. ภาษาระดบั ทางการ
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
3. ภาษาระดบั ก่งึ ทางการ
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
4. ภาษาระดับสนทนา
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
5. ภาษาระดบั กนั เอง
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
เฉลย...ใบงาน เรื่อง ระดับภาษา
ให้นกั เรยี นยกตวั อยา่ งข้อความทมี่ ีการใชภ้ าษาในระดับตา่ ง ๆ
1. ภาษาระดับพธิ ีการ
เม่ือคราวพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้เสด็จประทับเหนือพระท่ีน่ังอัฐทิศ แทนที่จะทรงรับ
น้ำอภิเษกจากราชบัณฑิตตามโบราณราชประเพณีที่มีมา กลับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหส้ มาชกิ รัฐสภา
ถวายน้ำอภิเษกจากแปดทิศ เป็นศุภนิมิตว่าได้เสด็จข้ึนครองราชย์โดยอเนกชนนิกรสโมสรสมมติ
และในทางกลับกนั จะทรงใช้อำนาจอธปิ ไตยทางรัฐสภาครองแผ่นดนิ โดยธรรม ดว้ ยความบรสิ ทุ ธิ์บริบรู ณ์
บริบรู ณเ์ พ่ือเก้ือกูลประโยชนส์ ขุ แหง่ มหาชน
ทม่ี า__ก__าญ__จ_น_า_ศ__ิร_ว_า_ท_ร_า_ช_ส_ด_ดุ_ี_ข_อ_ง_ว_ฒุ__สิ _ภ_า__จ_า_ก_ส_า_ร_ส_ถ__า_บ_ัน_ภ_า_ษ__า_ไท__ย__________________________
2. ภาษาระดับทางการ
การอนรุ ักษศ์ ิลปวัตถุน้นั พลเมืองทุกคนมหี น้าทีท่ ี่จะชว่ ยกัน เพราะถา้ วัตถุดังกลา่ วเสื่อมคุณภาพ
หรือสญู หายไป จะหามาทดแทนน้นั ตอ้ งใช้เวลานาน กว่ามนษุ ย์ชาติหนึง่ ๆ จะคิดคน้ แล้วแสดงออก
ทางศิลปะวาดภาพเปน็ จิตรกรรมกด็ ี ปน้ั สลักเปน็ ประติมากรรม หรอื เรยี บเรยี งถ้อยคำเปน็ วรรณกรรม
ขน้ึ ก็ดี ย่อมตอ้ งใช้เวลาหลายช่วั อายุคน มนุษย์ค่อย ๆ เปลี่ยนจากความป่าเถ่ือน หยาบกร้าว ขน้ึ มาเปน็
คนทป่ี ระณีต น่มุ นวล และสามารถประดษิ ฐส์ ิ่งทีง่ ดงามเปน็ เครื่องจรรโลงใจมนษุ ยด์ ้วยกนั พฒั นาการ
ของมนุษย์ดังกลา่ วนี้ บางหมู่กไ็ มส่ ามารถทำให้เกิดขน้ึ ได้ มนุษยห์ มูใ่ ด ชาติใดสามารถทำให้เกิดได้
จงึ ตอ้ งหวงแหนอยา่ งยิง่
ทม่ี า____ค_มู่ _อื_ค__ร_ภู _า_ษ_า_ไ_ท_ย__ช_ุด_ท__ัก_ษ_ส_มั _พ__นั _ธ_์ _เล_ม่__3____________________________________________
3. ภาษาระดับกง่ึ ทางการ
ถ้าเรากนิ อาหารทั้งวนั อนิ ซลู นิ ในเลือดกจ็ ะสูงอยตู่ ลอดเวลา ทำใหร้ า่ งกายไมม่ ีโอกาสที่จะมา
ซ่อมแซมส่วนทีส่ ึกหรอเลย บางคนกินเลยเถิดมาถึงมื้อกลางคืน ทำให้ตลอดคนื น้นั ร่างกายไมม่ โี อกาส
ซอ่ มแซมสว่ นทส่ี กึ หรอเลย ถา้ ท่านผอู้ ่านเปน็ คนช่างสงั เกต จะพบว่าถา้ กินอาหารเยน็ ปริมาณมาก หรือ
กนิ อาหารรอบดึกปรมิ าณมาก ท่านจะนอนกระสับกระส่ายตลอดท้ังคนื อาจจะฝนั ร้ายต่ืนเช้าขึน้ มาดว้ ย
ความอ่อนเพลีย ไมส่ ดชนื่ ถ้าทา่ นเปน็ คนกินอาหารพรำ่ เพรื่อหลายมอื้ เป็นประจำ ร่างกายของทา่ นจะ
ทรดุ โทรมรวดเรว็ เน่ืองจากไม่เปดิ โอกาสให้มเี วลาที่โกรทฮอร์โมน จะทำการซ่อมแซมส่วนท่ีสกึ หรอ
ของรา่ งกายเลย
ทมี่ า_____ข_จ_ัด_ค_ว_า_ม_อ__้ว_น_ด_้ว_ย_อ_า_ห__า_ร_ข_อ__ง_บ_ุญ__ช_ยั __อ_ิศ_ร_า_พ_ิส__ิษ_ฐ_์ _______________________________
4. ภาษาระดับสนทนา
“ซีไรต์” มันขึ้นอยู่ท่ีว่าเราไปยึดกับมันมากแค่ไหน เพราะว่าจริง ๆ แล้ว รางวัลคือสิ่งท่ีอยู่
นอกเหนือจากงานเขียนโดยสนิ้ เชงิ นอกเหนอื ขน้ั ตอนการเขยี นของเรา ผมไม่เคยเอาเรอื่ งราวเหลา่ นี้
มาขอ้ งแวะกบั การเขียนของผม เพราะถา้ คิดเรื่องของรางวลั แล้วมันเหมือนกบั ไปดักทาง อย่างเชน่ ว่า
ต้องเป็นสูตรอย่างน้ันอย่างน้ี ความยาวเท่านั้นเท่านี้ การใช้ภาษาจะต้องเป็นลักษณะนั้นลักษณะนี้
เพอ่ื ท่วี ่าให้กรรมการชอบเร่ืองส้ันแผน่ ดินอืน่
ทม่ี า_____ส_า_ร_ส_ถ_า_บ_นั__ภ_า_ษ_า_ไ_ท_ย__โ_ด_ย__ก_น_ก_พ__ง_ศ_์ ส__งส__ม_พ_ัน_ธ_์ุ____________________________________
5. ภาษาระดบั กนั เอง
บคุ คลที่ 1 “วันนี้ลุ้นแทบตายโวย้ กว่าจะหลุดไปได”้
บุคคลท่ี 2 “เหมง็ มนั เข้าดว้ ยหรอื เปล่าล่ะ”
บคุ คลท่ี 3
“ถ้ามนั เข้าคงถูกน็อกต้งั แต่ยกแรกแล้ว เพราะไอ้บา้ น่มี นั พดู เขา้ หูคนท่ีไหน ที่จริง
มนั ตอ้ งเป็นคนเสนอ เผอญิ มนั ไม่ได้เข้า เจน๊ งเลยเสนอแทน ลุงศกั ดช์ิ ่วยแหยมต่อ
อว๊ั ช่วยขยบั นิดหน่งึ บอรด์ เขาเลยโอเคให้”
ทม่ี า___________ภ_า_ษ_า_เ_พ_่ือ_ก_า_ร_ส__ื่อ_ส_า_ร_ข__อ_ง_ส_ว__น_ติ __ย_ม_า_ภ_ัย____________________________________
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 17
รายวชิ า ท23101 ชอ่ื วชิ า ภาษาไทย 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย
โรงเรยี นมธั ยมฐานบนิ กำแพงแสน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
แผนการจัดการเรยี นรเู้ รื่อง คำทบั ศัพทแ์ ละศัพทบ์ ญั ญัติ
จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ จำนวน 3 คาบ/ชั่วโมง ตอ่ สัปดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรยี น 60 คาบ/ชว่ั โมง
1.มาตรฐานการเรยี นรู้
ม.ฐ.ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของ
ภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ
2.ตวั ชี้วดั / ผลการเรยี นรู้
ม. 3/4 ใชค้ ำทบั ศัพทแ์ ละศัพท์บญั ญตั ิ
3.สาระสำคัญ
เมื่อโลกเจริญก้าวหน้าขึ้น เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่แผ่ขยายเข้ามาอย่างรวดเร็ว มีสิ่งใหม่ ๆ
เกิดขึ้นมากมาย จึงต้องมีการสร้างคำทับศัพท์และบัญญัติศัพท์ขึ้นใช้ เพื่อให้กลุ่มบุคคล กลุ่มอาชีพและวงการ
ต่าง ๆ ใช้ส่ือความหมายได้เข้าใจตรงกัน ดังนั้น นกั เรยี นจึงควรศึกษาความหมายและหลักการใช้คำทับศัพท์และศัพท์
บัญญัติ เพือ่ ใหส้ ามารถใช้คำในการสอ่ื สารได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ
4.จดุ ประสงคร์ ายวิชา K
อธบิ ายความหมายของคำศัพท์บญั ญตั ิและหลกั การบัญญัติศพั ท์
5.สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน P
อา่ น เขยี น และใชค้ ำศัพท์บัญญัติ
6.คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ A
เห็นความสำคัญของการเขา้ ใจความหมายของคำศัพทเ์ พ่ือจะนำไปใช้ในการอา่ นและการเขียน
7.เนอ้ื หาสาระ
ศพั ท์บัญญัติ
8.กิจกรรมการเรยี นรู้
1. ให้นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คำถามท้าทาย ดงั น้ี
• คำทบั ศัพท์และคำศพั ท์บัญญัติมีความแตกตา่ งกนั อยา่ งไร
2.. ครแู สดงคำต่าง ๆ ดงั นี้
• รถจกั รยานยนต์ มอเตอร์ไซค์
• ธนาคาร แบงก์
• แบบข้อมูล แบบฟอร์ม
• สำนกั งาน ออฟฟิศ
ใหน้ ักเรยี นสังเกตคำแตล่ ะคแู่ ลว้ ซกั ถามว่าแตล่ ะคเู่ หมือนหรือแตกต่างกนั อยา่ งไร และจะใช้คำ
เหล่านอ้ี ยา่ งไรจงึ จะถูกต้อง
3. ให้นกั เรียนศกึ ษาความร้เู รื่อง คำทับศัพท์และศัพท์บญั ญัติ จากนั้นให้นกั เรยี นรว่ มกันสรุป
ความเขา้ ใจดว้ ยการตอบคำถาม ดงั นี้
• ศัพทบ์ ญั ญัติ คืออะไร (คำท่ีบัญญตั ขิ นึ้ ใหมใ่ นภาษาไทยโดยราชบัณฑติ ยสถานเปน็ ผรู้ ับรอง
เพอ่ื รองรับศัพท์ใหม่ ๆ ทีเ่ กิดขึ้นตามเทคโนโลยแี ละความกา้ วหนา้ ดา้ นต่าง ๆ ของโลก)
• หลักการบัญญัตศิ ัพท์มีกป่ี ระการ อะไรบ้าง (มี 2 ประการ ไดแ้ ก่ การคดิ คำใหม่ และการทบั
ศัพท์)
• การคิดคำใหม่มีวิธีการอยา่ งไร (คิดคำศัพทไ์ ทยให้ตรงกบั ความหมายเดมิ ของคำน้นั ๆ ใหม้ าก
ท่สี ุด และถ้าหาคำไทยไดไ้ มเ่ หมาะสม ให้สรา้ งคำใหม่โดยใช้คำภาษาบาลแี ละภาษาสันสกฤต ซง่ึ ต้องเปน็ คำ
ท่มี ีใช้มาก่อนและสามารถออกเสยี งได้งา่ ย)
• การใชก้ ารทับศัพท์จะใช้ในกรณีใด (ในกรณที ไี่ ม่สามารถหาคำทเ่ี หมาะสมไดท้ ั้งคำภาษาไทย
และ
คำภาษาบาลี-ภาษาสนั สกฤต)
4. ครนู ำบตั รคำศัพท์บัญญัตจิ ำนวน 20 คำมาให้นักเรยี นรว่ มกนั พิจารณาว่า คำแต่ละคำเปน็ คำศัพท์
บัญญตั ใิ นกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ใด
5. ให้นกั เรยี นแบง่ กล่มุ กลุม่ ละ 5 คน จบั ฉลากเพื่อศึกษาค้นคว้าคำศัพท์บญั ญตั จิ ากหนงั สือเรยี นทีค่ รู
กำหนด กลมุ่ ละ 1 เลม่ ดังนี้
• หนงั สือเรียนกล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
• หนังสอื เรยี นกลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์
• หนงั สือเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
• หนงั สือเรียนกลมุ่ สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศกึ ษา
• หนงั สือเรยี นกลุ่มสาระการเรียนรศู้ ิลปะ
จากนน้ั ให้นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ นำเสนอผลการคน้ คว้าหน้าชนั้ เรียน
6. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มค้นหาคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษที่ปรากฏในพระบรมราโชวาทและอธิบาย
ความหมายของคำดังกล่าว แล้วช่วยกันคิดว่าคำศัพท์ดังกล่าวสามารถหาศัพท์บัญญัติมาใช้แทนได้หรือไม่
อยา่ งไร สง่ ตัวแทนนำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น ใหน้ ักเรยี นและครูรว่ มกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
7. ให้นกั เรยี นทำใบงาน เร่ือง การใช้ศัพทบ์ ญั ญัติ แล้วแลกเปล่ียนผลงานกนั ตรวจกับเพอ่ื น
8. ให้นักเรียนและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ดังนี้
• เมื่อโลกเจริญก้าวหน้าขึ้น เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่แผ่ขยายเข้ามาอยา่ งรวดเร็ว มีสิ่งใหม่
ๆ เกิดขึ้นมากมาย จึงต้องมีการสร้างคำทับศัพท์และบัญญัติศัพท์ขึ้นใช้ เพื่อให้กลุ่มบุคคล กลุ่มอาชีพและวงการ
ตา่ ง ๆ ใชส้ ือ่ ความหมายได้เข้าใจตรงกัน ดังนนั้ นกั เรียนจึงควรศึกษาความหมายและหลักการใช้คำทับศัพท์และศัพท์
บัญญตั ิ เพ่ือให้สามารถใช้คำในการส่ือสารไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
9.ส่ือและแหล่งเรยี นรู้
1. บัตรคำ
2. หนงั สือเรยี นกล่มุ สาระการเรียนรูต้ ่าง ๆ
3. ใบงาน
10.การวดั ผลประเมนิ ผล ชิ้นงาน/ภาระ วธิ กี ารประเมิน เคร่อื งมอื ผปู้ ระเมิน เกณฑป์ ระเมนิ
จุดประสงค์ งาน
1. สังเกต การประเมิน
1. นกั เรยี นสามารถอา่ น 1. ใบงาน เรอ่ื ง พฤติกรรมของ
เขียน และใชค้ ำศัพท์ การใช้ศพั ท์ นกั เรยี นในการ 1. แบบสงั เกต ครู ผ่านเกณฑร์ ้อย
บญั ญัตไิ ด้ บัญญตั ิ เขา้ ร่วมกิจกรรม
2. สังเกต พฤติกรรมการ ละ 80
พฤติกรรมของ
นกั เรยี นในการ เข้าร่วมกิจกรรม
เข้าร่วมกิจกรรม
กลมุ่ 2. แบบสงั เกต
3. ตรวจจากใบ
งาน พฤติกรรมการ
เข้ารว่ มกจิ กรรม
กลมุ่
11.กิจกรรมเสนอแนะ/งานทีม่ อบหมาย
11.1 กจิ กรรมเสนอแนะ
ใหน้ กั เรยี นจบั คู่กับเพื่อนรวบรวมคำศัพท์บัญญัติจากแหลง่ การเรียนร้ตู ่าง ๆ มาจดั ทำเป็นบัตร
คำคู่ละ 10 คำ จากนัน้ ให้นกั เรียนแลกเปล่ียนกนั อา่ นและศึกษาความหมายของคำ
11.2 งานทีม่ อบหมาย
ใบงาน เรื่อง การใช้ศพั ทบ์ ัญญัติ
ลงชอื่
(นางสาวชลธชิ า ศริ ิอมรพนั ธ์ุ)
ตำแหน่ง ครู
บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้ท่ี 17
รายวชิ า ท23101 ชื่อวชิ า ภาษาไทย 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
โรงเรยี นมธั ยมฐานบนิ กำแพงแสน ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
แผนการจดั การเรยี นรู้เร่ือง คำทบั ศัพท์และศัพทบ์ ัญญัติ
จำนวน 1.5 หน่วยกติ จำนวน 3 คาบ/ชั่วโมง ต่อสปั ดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรียน 60 คาบ/ช่ัวโมง
1.ผลการการประเมนิ บรรยากาศในการจดั การเรยี นรโู้ ดยภาพรวม
2. ปญั หาและอปุ สรรค
3.ขอ้ เสนอแนะและการแก้ไข
ลงชื่อ
(นางสาวชลธชิ า ศิรอิ มรพันธุ์)
ตำแหน่ง ครู
ชื่อ......................................................................................................ชัน้ .......................เลขท.ี่ .................
ใบงาน เร่ือง การใชศ้ พั ทบ์ ัญญตั ิ
ใหน้ ักเรียนคน้ หาศพั ทบ์ ัญญัตภิ าษาไทยทใ่ี ชแ้ ทนคำศพั ท์ภาษาองั กฤษต่อไปนี้
คำศพั ทภ์ าษาองั กฤษ ศัพท์บัญญัติในภาษาไทย
bank .
science
university
telephone
television
cinema
newspaper
microphone
post office
hospital
เฉลย....ใบงาน เรอ่ื ง การใชศ้ ัพท์บัญญัติ
ใหน้ ักเรียนคน้ หาศพั ท์บญั ญัติภาษาไทยทใี่ ช้แทนคำศพั ท์ภาษาองั กฤษต่อไปน้ี
คำศพั ท์ภาษาองั กฤษ ศพั ทบ์ ญั ญัติในภาษาไทย
bank ธนาคาร
science วทิ ยาศาสตร์
university มหาวทิ ยาลยั
telephone โทรศัพท์
television โทรทศั น์
cinema ภาพยนตร์
newspaper หนงั สือพมิ พ์
microphone
post office เคร่อื งขยายเสยี ง
hospital ที่ทำการไปรษณยี ์
โรงพยาบาล
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 18
รายวิชา ท23101 ชอ่ื วชิ า ภาษาไทย 5 กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
โรงเรียน มัธยมฐานบินกำแพงแสน ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
แผนการจดั การเรยี นร้เู รื่อง การแต่งคำประพันธป์ ระเภทโคลงส่ีสุภาพ
จำนวน 1.5 หน่วยกิต จำนวน 3 คาบ/ชวั่ โมง ต่อสัปดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรยี น 60 คาบ/ช่ัวโมง
1.มาตรฐานการเรยี นรู้
ม.ฐ.ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคดิ เพ่ือนำไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ัญหาในการดำเนนิ
ชีวติ และมีนิสัยรักการอ่าน
2.ตวั ช้ีวดั / ผลการเรยี นรู้
ม. 3/3 ระบุใจความสำคัญและรายละเอียดของข้อมูลทสี่ นับสนนุ จากเร่อื งทอี่ า่ น
3.สาระสำคัญ
โคลงสี่สุภาพเป็นคำประพันธ์ที่นิยมแต่งกันแพร่หลาย มีการบังคับเอกโท การเรียนรู้วิธีการแต่ง
โคลงสี่สุภาพ นอกจากจะเป็นการเสริมทักษะด้านหลักภาษาและหลักการแต่งคำประพันธ์แล้ว ยังเป็น
การอนุรกั ษ์มรดกทางภาษาของไทยอีกด้วย
4.จุดประสงค์รายวิชา K
บอกฉนั ทลักษณโ์ คลงสส่ี ุภาพ
5.สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน P
ถอดความโคลงสสี่ ุภาพ
6.คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ A
เห็นความสำคญั ของบทร้อยกรองไทย
7.เน้ือหาสาระ
คำประพันธป์ ระเภทโคลงสี่สุภาพ
8.กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. ให้นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดงั นี้
- โคลงส่ีสุภาพมีฉนั ทลักษณแ์ ตกต่างไปจากรปู แบบคำประพนั ธใ์ นอศิ รญาณภาษติ อย่างไร
2. ให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างวรรณกรรมหรือวรรณคดีที่เป็นคำประพันธ์ประเภทโคลงสี่สุภาพท่ี
นักเรียนรู้จัก และร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับลักษณะการประพันธ์ดังกล่าวว่ามีกฎข้อบังคับในการแตง่
อย่างไร
3. ครูขออาสาสมัครนักเรียนที่สามารถเขียนแผนผังคำประพันธ์โคลงสี่สุภาพได้ออกมาเขียนบนกระดาน
นกั เรียนคนอื่น ๆ ช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง
4. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การแต่งคำประพันธ์ประเภทโคลงสี่สุภาพ ครูอธิบายเพิ่มเติมและแสดง
แผนผงั คำประพันธ์เพ่ือใหน้ ักเรียนตรวจสอบว่าแผนผังที่อาสาสมัครเขยี นถูกต้องหรือไม่ และยกตัวอย่างโคลงสี่สุภาพ
เพอื่ ให้นกั เรียนเขา้ ใจได้อยา่ งชัดเจน
5. ใหน้ ักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ทำใบกิจกรรมเร่ือง การถอดความโคลงสี่สภุ าพ แล้วส่งตัวแทน
นำเสนอหน้าชนั้ เรยี น ใหน้ ักเรียนและครรู ว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง
6. ใหน้ กั เรียนและครรู ่วมกนั สรุปความรู้ ดงั นี้
- โคลงสส่ี ภุ าพเปน็ คำประพันธ์ทนี่ ยิ มแต่งกันแพร่หลาย มีการบังคับเอกโท การเรยี นรู้วิธีการแตง่
โคลงส่ีสุภาพ นอกจากจะเป็นการเสริมทักษะด้านหลักภาษาและหลักการแต่งคำประพันธ์แล้ว ยังเป็น
การอนุรักษ์มรดกทางภาษาของไทยอีกด้วย
9.สอื่ และแหลง่ เรียนรู้
1. แผนผังคำประพันธ์
2. ใบกจิ กรรม
10.การวดั ผลประเมินผล
จดุ ประสงค์ ชิน้ งาน/ภาระงาน วิธกี ารประเมนิ เครื่องมอื ผู้ประเมนิ เกณฑ์ประเมนิ
การประเมนิ ผา่ นเกณฑ์รอ้ ย
ละ 80
1. นกั เรียนสามารถบอก 1. ใบกิจกรรมเรอื่ ง 1. สังเกต 1. แบบสังเกต ครู
ฉนั ทลกั ษณ์โคลงสสี่ ภุ าพ การถอดความโคลง พฤติกรรมของ พฤติกรรมการ
ได้ สีส่ ุภาพ นกั เรยี นในการเข้า เข้าร่วมกจิ กรรม
2. นักเรียนสามารถถอด รว่ มกจิ กรรม 2. แบบสังเกต
ความโคลงสส่ี ภุ าพได้ 2. สังเกต พฤตกิ รรมการ
พฤตกิ รรมของ เขา้ รว่ มกิจกรรม
นักเรยี นในการเข้า กลุ่ม
ร่วมกิจกรรมกลุม่
3. ตรวจจากใบ
กิจกรรม
11.กจิ กรรมเสนอแนะ/งานทม่ี อบหมาย
11.1 กจิ กรรมเสนอแนะ
11.2 งานที่มอบหมาย
ใบกจิ กรรมเร่ือง การถอดความโคลงสี่สุภาพ
ลงช่อื
(นางสาวชลธิชา ศริ อิ มรพันธุ์)
ตำแหนง่ ครู
บันทกึ หลังการจัดการเรียนรูท้ ี่ 18
รายวชิ า ท23101 ชือ่ วชิ า ภาษาไทย 5 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
โรงเรียนมัธยมฐานบนิ กำแพงแสน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
แผนการจดั การเรยี นรูเ้ ร่ือง การแต่งคำประพนั ธป์ ระเภทโคลงส่ีสภุ าพ
จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต จำนวน 3 คาบ/ชว่ั โมง ต่อสัปดาห์ รวมจำนวนตลอดภาคเรยี น 60 คาบ/ชวั่ โมง
1.ผลการการประเมินบรรยากาศในการจดั การเรยี นรโู้ ดยภาพรวม
2. ปัญหาและอปุ สรรค
3.ขอ้ เสนอแนะและการแก้ไข
ลงช่ือ
(นางสาวชลธิชา ศริ อิ มรพนั ธุ์)
ตำแหนง่ ครู
ชอื่ ......................................................................................................ช้นั .......................เลขท่.ี .................
ใบกิจกรรมเรอ่ื ง การถอดความโคลงสี่สภุ าพ
ใหน้ ักเรยี นถอดความของโคลงโลกนติ ิตอ่ ไปน้ี และเขียนอศิ รญาณภาษิตท่ีมีใจความสำคญั ตรงกับ
โคลงบทดังกลา่ ว
1. นาคีมีพษิ เพีย้ ง สุรโิ ย
เล้อื ยบท่ ำเดโช แชม่ ช้า
พษิ น้อยหยิ่งโยโส แมลงปอ่ ง
ชูแตห่ างเองอ้า อวดอา้ งฤทธี
ใจความสำคัญของโคลง______________________________________________________________
อศิ รญาณภาษติ ทม่ี ีใจความตรงกนั ______________________________________________________
_______________________________________________________________________________
2. ถึงจนทนสู้กัด กินเกลอื
อยา่ เทีย่ วแลเ่ นอ้ื เถือ พวกพ้อง
อดอยากเยี่ยงอยา่ งเสอื สงวนศักดิ์
โซก็เสาะใสท่ อ้ ง จับเนอื้ กินเอง
ใจความสำคญั ของโคลง______________________________________________________________
อศิ รญาณภาษติ ที่มใี จความตรงกนั ______________________________________________________
_______________________________________________________________________________ 3.
ออ่ นหวานมานมติ รลน้ เหลือหลาย
หยาบบ่มเี กลอกราย เกล่ือนใกล้
ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดบั นา
สรุ ยิ ส่องดาราไร้ เมื่อรอ้ นแรงแสง
ใจความสำคัญของโคลง______________________________________________________________
อศิ รญาณภาษติ ทีม่ ีใจความตรงกัน______________________________________________________
_______________________________________________________________________________
4. ขนุ เขาสงู รอ้ ยโยชน์ คณนา
ขนุ ปราบดว้ ยโยธา ราบได้
จักล้างพยศสา หัสยาก
ยศศกั ดใ์ิ ห้เทา่ ให้ พยศนนั้ ฤๅหาย
ใจความสำคญั ของ
โคลง______________________________________________________________
อศิ รญาณภาษติ ที่มีใจความตรงกนั ______________________________________________________
_______________________________________________________________________________