คมู่ อื ชนดิ สตั วน์ ํา้ ชายฝ่ัง
จากเครือ่ งมือประมงอวนลอยพน้ื บ้าน จังหวดั นครศรีธรรมราช
A field guide to coastal aquatic species caught by local gillnet fishing gears
in Nakhon Si Thammarat province
คู่มือชนิดสัตว์นาํ้ ชายฝ่ัง
จากเครอ่ื งมือประมงอวนลอยพืน้ บา้ น จังหวัดนครศรธี รรมราช
ISBN 978-974-7557-79-4
ผ้เู รียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อมรศกั ด์ิ สวัสดี
พมิ พ์ครงั้ ท่ี 1 พ.ศ. 2563 จำ�นวน 181 เล่ม
จัดทำ�โดย มหาวทิ ยาลัยวลัยลกั ษณ์
ศลิ ปกรรมและรปู เลม่ นายศักด์ิดา ใบมิเดน็
ภาพประกอบเนอื้ หา นายอาวธุ แกน่ เพชร
พมิ พ์ท่ี พิกเซล ดีไซน์ แอนด์ พร้ินท์
92 ถ.สามมิตร ตำ�บลหาดใหญ่ อ�ำ เภอหาดใหญ่
จังหวดั สงขลา 90110
โทรศพั ท์ 074-223595, 081-5414768
โทรสาร 074-891057
E-mail : [email protected]
คำ�นำ�
การบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อความยั่งยืนนับเป็นประเด็นที่ได้รับความ
สนใจอยา่ งกวา้ งขวาง ไมใ่ ชแ่ คม่ มุ มองความส�ำ คญั ของทรพั ยากรประมงซง่ึ เปน็ แหลง่ โปรตนี ทส่ี �ำ คญั
ของประเทศ แตย่ งั คงหมายรวมถงึ เปา้ หมายการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรประมงเพอ่ื ความยง่ั ยนื และ
รักษาไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง เมื่อพิจารณาแผน
พฒั นาเศรษฐกจิ แหง่ ชาตฉิ บบั ท่ี 12 รวมถงึ เปา้ หมายของ UN Sustainable Development Goals
(SDGs) การบรหิ ารจดั การทรพั ยากรทะเลและชายฝง่ั เพอ่ื ความมน่ั คงทางอาหาร ขจดั ความหวิ โหย
รกั ษาไวซ้ ง่ึ จ�ำ นวนและความหลากชนดิ ของสง่ิ มชี วี ติ ใตท้ อ้ งทะเล เปน็ ประเดน็ ยทุ ธศาสตรข์ องประเทศ
ทส่ี อดคลอ้ งกบั ทศิ ทางการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรเพอ่ื ความยง่ั ยนื ของนานาชาติ แนวทางการจดั การ
ทรัพยากรประมงชายฝั่งในปัจจุบันมีแนวโน้มเปลี่ยนแนวคิดจากการบริหารแบบ จากบนลงล่าง
ซึ่งรัฐเป็นผู้นำ�สร้างการเปลี่ยนแปลง เป็นการบริหารจัดการแบบจากล่างขึ้นบน การบริหารจัดการ
แบบมสี ว่ นรว่ มระหวา่ งรฐั กบั ชมุ ชน และบรหิ ารจดั การทรพั ยากรสตั วน์ า้ํ ชายฝง่ั โดยชมุ ชน ซง่ึ หมายถงึ
ชุมชนเป็นผู้นำ�จัดการทรัพยากรที่ตนเองใช้ประโยชน์และพึ่งพิง ซึ่งแนวทางการจัดการทรัพยากร
ประมงโดยชุมชนได้รับการตอบรบั อยา่ งดเี นอ่ื งจากชาวประมงมีความใกล้ชดิ กับทรพั ยากรมากทสี่ ดุ
จึงมีบทบาทสำ�คัญในการใช้ประโยชน์และจัดการฟื้นฟูทรัพยากรประมงหน้าบ้าน ด้วยเหตุนี้การ
ถา่ ยทอดองคค์ วามรทู้ างวชิ าการจากการส�ำ รวจและวจิ ยั จงึ เปน็ สง่ิ ส�ำ คญั พน้ื ฐานท�ำ ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้
และเขา้ ใจระบบนเิ วศชายฝง่ั หนา้ บา้ น ทราบถงึ ชนดิ สตั วน์ า้ํ ทจ่ี บั ไดโ้ ดยเครอ่ื งมอื ประมงทใ่ี ชใ้ นชมุ ชน
รวมถึงเป็นคู่มือสร้างความเข้าใจชนิดสัตว์นํ้าและระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องกับสัตว์นํ้าที่พบในพื้นที่
ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำ�คัญประกอบการวางแผนการบริหารจัดการประมงโดยชุมชน ดังนั้น
องคค์ วามรเู้ รอ่ื งชนดิ สตั วน์ า้ํ ลกั ษณะและการจ�ำ แนก นเิ วศวทิ ยาเบอ้ื งตน้ ตลอดจนชวี วทิ ยาประมง
ของสัตว์นํ้า จึงควรมีการรวบรวมและเผยแพร่เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจของชุมชน และ
หน่วยงานที่มีบทบาทในการบริหารจัดการ ชุมชนสามารถนำ�ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงกับ
องค์ความรู้ในเชิงปราชญ์ชาวบ้านซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่เกิดจากการลงมือปฎิบัติจริง สั่งสม สืบทอด
จากรนุ่ สรู่ นุ่ การบรู ณาการระหวา่ งองคค์ วามรทู้ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละจากปราชญช์ าวบา้ น จะสง่ ผลให้
การจดั การทรพั ยากรประมงชายฝง่ั แบบมสี ว่ นรว่ ม หรอื การจดั การทรพั ยากรประมงชายฝง่ั โดยชมุ ชน
จะมโี อกาสประสบความส�ำ เรจ็ และสามารถใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรประมงชายฝ่งั ไดอ้ ย่างย่งั ยนื
จังหวัดนครศรีธรรมราช มีอาณาเขตติดต่อกับชายฝั่งทะเลฝั่งอ่าวไทย โดยมีความยาวชายฝั่ง
244 กโิ ลเมตร นบั เปน็ จงั หวดั ทม่ี ชี ายฝง่ั ยาวเปน็ อนั ดบั 2 ของประเทศ รองจากจงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์
แนวชายฝั่งจังหวัดนครศรีธรรมราช ครอบคลุมพื้นที่ 6 อำ�เภอ ได้แก่ ขนอม สิชล ท่าศาลา เมือง
นครศรธี รรมราช ปากพนงั และหวั ไทร ชายฝง่ั นครศรธี รรมราชมคี วามหลากหลายของระบบนเิ วศ
4
โดยประกอบด้วยชายฝั่งที่มีลักษณะเป็นหาดทราย หาดทรายปนโคลน หาดโคลน และปากแม่นํ้า
ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ชายฝั่งนครศรีธรรมราช ประกอบอาชีพประมงจับสัตว์นํ้าเป็นอาชีพหลัก
เครอ่ื งมอื ประมงทใ่ี ชจ้ บั สตั วน์ า้ํ มหี ลากหลายชนดิ ขน้ึ อยกู่ บั พน้ื ทท่ี �ำ การประมงและสตั วน์ า้ํ เปา้ หมาย
โดยพบวา่ เครอ่ื งมอื ประมงทพ่ี บมากทส่ี ดุ เปน็ กลมุ่ อวนลอยพน้ื บา้ น ไดแ้ ก่ อวนลอยปลา อวนลอยกงุ้
และอวนลอยปมู า้ ซง่ึ พบไดโ้ ดยทว่ั ไปในพน้ื ทช่ี ายฝง่ั นครศรธี รรมราช สตั วน์ า้ํ ทจ่ี บั ไดจ้ ากการประมง
มจี �ำ นวนและความหลากชนดิ สงู มที ง้ั สตั วน์ า้ํ กลมุ่ เปา้ หมายซง่ึ บรโิ ภคได้ และสตั วน์ า้ํ กลมุ่ พลอยจบั ได้
ซ่งึ เป็นชนดิ ท่ไี มส่ ามารถบรโิ ภคได้แตม่ ีคุณค่าและบทบาทส�ำ คัญทางระบบนิเวศ ดงั นัน้ การรวบรวม
ข้อมูลชนิดสัตว์นํ้าชายฝั่งที่จับได้โดยประมงอวนลอยพื้นบ้าน เพื่อสร้างการรับรู้ และการเข้าใจ
เกี่ยวกับชนิดสัตว์นํ้าของชุมชน และสร้างฐานความรู้เกี่ยวกับทรัพยากรประมงในพื้นที่ให้กับชุมชน
หรือผสู้ นใจจึงมคี วามสำ�คญั ในการสร้างความตระหนกั รับรู้ และสามารถเข้าถงึ ข้อมูลทางวิชาการ
เชน่ ขอ้ มลู ชนดิ สตั วน์ า้ํ ลกั ษณะและการจ�ำ แนกชนดิ สตั วน์ า้ํ ขอ้ มลู เชงิ ระบบนเิ วศ ขอ้ มลู ทางชวี วทิ ยา
ประมงจากการรวบรวมข้อมูลที่มีการศึกษาในอดีต จะทำ�ให้ชาวประมง นักวิชาการ และผู้ที่มีส่วน
เกย่ี วขอ้ งในการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรประมงชายฝง่ั จงั หวดั นครศรธี รรมราชมคี วามเขา้ ใจพน้ื ฐาน
ทรพั ยากรประมงในพ้นื ที่ และสามารถวางแผนบรหิ ารจดั การได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
จากการสัมภาษณ์กลุ่มชาวประมงในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งทำ�หน้าที่บริหารจัดการทรัพยากรประมง พบว่าข้อมูลทางวิชาการที่จะสนับสนุนการจัดการ
ทรัพยากรสัตว์นํ้าของชุมชน ในส่วนของชนิดสัตว์นํ้าที่พบในพื้นที่ยังไม่มีการศึกษากันอย่างจริงจัง
ข้อมูลทางนิเวศวิทยา และชีววิทยาประมงของสัตว์นํ้าในพื้นที่ยังไม่มีการรวบรวมเป็นเอกสารเพื่อ
เปน็ ขอ้ มลู ทางวชิ าการเบอ้ื งตน้ ประกอบการ ตอ่ ยอดเพอ่ื วางแผนบรหิ ารจดั การ ดว้ ยเหตนุ ค้ี ณะวจิ ยั
มหาวทิ ยาลยั วลยั ลกั ษณ์ จงึ ด�ำ เนนิ โครงการส�ำ รวจชนดิ สตั วน์ า้ํ ชายฝง่ั ดว้ ยเครอ่ื งมอื ประมงอวนลอย
พื้นบ้านซึ่งเป็นเครื่องมือกลุ่มเด่นของพื้นที่ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลสัตว์นํ้าด้วยเครื่องมือประมง
อวนลอยปลาทู อวนลอยปมู า้ และอวนลอยกงุ้ ตลอดแนวชายฝง่ั จงั หวดั นครศรธี รรมราช ครอบคลมุ
ระยะเวลาเก็บรวบรวมข้อมูล 1 ปี คณะวิจัยและผู้จัดทำ�คู่มือ ขอขอบคุณ แหล่งทุน โครงการ
อนรุ กั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื อนั เนอ่ื งมาจากพระราชด�ำ ริ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี
มหาวทิ ยาลยั วลยั ลกั ษณ์ (อพ.สธ.-มวล.) ในการสนบั สนนุ งบประมาณในการด�ำ เนนิ โครงการส�ำ รวจ
ข้อมูล ผู้จัดทำ�หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือชนิดสัตว์นํ้าจากการทำ�ประมงอวนลอยชายฝั่ง ในบริเวณ
จังหวัดนครศรีธรรมราช จะเป็นฐานข้อมูลเบื้องต้นสำ�หรับชาวประมง นักวิชาการ เยาวชน และ
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสัตว์นํ้าและระบบนิเวศชายฝั่งในพื้นที่ เพื่อใช้เป็นประโยชน์
ประกอบการวางแผนบริหารจดั การทรพั ยากรประมงชายฝง่ั อยา่ งยงั่ ยนื ตอ่ ไป
5
สารบัญ
004 ค�ำ น�ำ
012 รปู แบบเรือประมงพืน้ บ้านในพื้นทีช่ ายฝง่ั จังหวัดนครศรีธรรมราช
022 เครอ่ื งมอื ประมงอวนลอยพ้ืนบา้ นในพืน้ ทจ่ี ังหวดั นครศรีธรรมราช
030 แนะนำ�การใช้คู่มือ
032 ชนดิ สัตวน์ ํา้ ชายฝัง่ จากเครื่องมืออวนลอยพืน้ บ้านในพ้นื ทีจ่ งั หวัดนครศรธี รรมราช
หอยสองฝา
Family Pectinidae
034 หอยเชลล์ (Amusium pleuronectes)
หอยฝาเดียว
Family Bursidae
036 หอยสังขก์ บ (Bufonaria rana)
Family Muricidae
038 หอยสงั ขห์ นามเลก็ (Murex trapa)
Family Melongenidae
040 หอยโมฬี (Brunneifusus ternatanus)
หมึก
Family Sepiidae
042 หมึกกระดองหางแหลม (Sepia aculeata)
044 หมกึ กระดองหางไหม้ (Sepiella inermis)
Family Octopodidae
046 หมึกสายลายหนิ ออ่ น (Amphioctopus aegina)
แมงดาทะเล
Family Limulidae
048 แมงดาทะเลหางกลม (Carcinoscorpius rotundicauda)
ก้งั ตั๊กแตน
Family Squillidae
050 ก้งั ต๊ักแตน (Erugosquilla woodmasoni)
052 กง้ั ตัก๊ แตนหางจดุ (Harpiosquilla raphidea)
054 กงั้ ตัก๊ แตนเขียว (Miyakella nepa)
056 กั้งตก๊ั แตนสันแดง (Oratosquillina interrupta)
กงุ้
Family Penaeidae
058 กงุ้ ตะกาด (Metapenaeus affinis)
060 กงุ้ หางแดง (Penaeus silasi)
6
ปู
Family Matutidae
062 ปหู นมุ านลาย (Matuta planipes)
Family Dorippidae
064 ปูเปเ้ ล็ก (Dorippoides facchino)
Family Portunidae
066 ปูกะตอย (Charybdis (Charybdis) affinis)
068 ปกู ะตอยเขียว (Charybdis (Charybdis) anisodon)
070 ปกู ะตอย (Charybdis (Charybdis) callianassa)
072 ปลู าย (Charybdis (Charybdis) feriata)
074 ปูตายาว (Podophthalmus vigil)
076 ปมู า้ (Portunus pelagicus)
078 ปูดาว (Portunus sanguinolentus)
080 ปทู ะเล (Scylla paramamosain)
082 ปมู า้ แบน (Xiphonectes hastatoides)
ปลา
Family Dasyatidae
084 ปลากระเบนหวั แหลม (Dasyatis zugei)
Family Muraenesocidae
086 ปลายอดจาก (Muraenesox cinereus)
Family Engraulidae
088 ปลาหางไก่จุดทอง (Coilia dussumieri)
090 ปลาแมว (Setipinna taty)
092 ปลาไส้ตัน (Stolephorus tri)
094 ปลาแมว (Thryssa hamiltonii)
096 ปลาแมวหัวแหลม (Thryssa kammalensis)
Family Pristigasteridae
098 ปลาอปี ุดตาโต (Ilisha melastoma)
100 ปลาอีปดุ หัวเลก็ (Opisthopterus tardoore)
Family Chirocentridae
102 ปลาดาบลาวสนั้ (Chirocentrus nudus)
Family Clupeidae
104 ปลาโคก (Anodontostoma chacunda)
106 ปลาตะลมุ พกุ จุด (Hilsa kelee)
7
108 ปลาโคกกระโดง (Nematalosa galatheae)
110 ปลาหลงั เขียว (Sardinella gibbosa)
Family Ariidae
112 ปลากดเหลือง (Arius venosus)
Family Plotosidae
114 ปลาดกุ ทะเล (Plotosus canius)
116 ปลาดอกสน (Plotosus lineatus)
Family Synodontidae
118 ปลาหนวดยุง่ (Harpadon nehereus)
120 ปลาปากคม (Saurida tumbil)
Family Mugilidae
122 ปลากระบอกด�ำ (Planiliza subviridis)
Family Belonidae
124 ปลากระทุงเหวหดู ำ� (Strongylura leiura)
Family Serranidae
126 ปลากะรงั ลายนํ้าตาล (Epinephelus sexfasciatus)
Family Priacanthidae
128 ปลาตาหวาน (Priacanthus tayenus)
Family Silaginidae
130 ปลาทราย (Sillago sihama)
Family Rachycentridae
132 ปลาชอ่ นทะเล (Rachycentron canadum)
Family Carangidae
134 ปลาโฉมงาม (Alectis indica)
136 ปลาสกี ุนเขยี ว (Alepes kleinii)
138 ปลาสกี ุนกระโดงดำ� (Alepes melanoptera)
140 ปลาตะโกรงขาว (Atropus atropos)
142 ปลาสีกนุ บ้ัง (Atule mate)
144 ปลาสีกุนเล็กครีบดำ� (Carangoides praeustus)
146 ปลาแขง้ ไก่ (Megalaspis cordyla)
148 ปลาสละ (Scomberoides commersonnianus)
150 ปลาสีเสียด (Scomberoides tol)
Family Leiognathidae
152 ปลาแป้นกระสวย (Eubleekeria splendens)
8
154 ปลาแปน้ เขย้ี ว (Gazza minuta)
156 ปลาแป้นยกั ษ์ (Leiognathus equulus)
Family Lutjanidae
158 ปลากะพงทอง (Lutjanus johnii)
160 ปลากะพงเหลือง (Lutjanus madras)
Family Gerreidae
162 ปลาดอกหมากกระโดง (Gerres filamentosus)
164 ปลาดอกหมากหลงั โค้ง (Gerres oyena)
Family Nemipteridae
166 ปลาทรายแดงญปี่ ุ่น (Nemipterus japonicus)
Family Polynemidae
168 ปลากุเราหนวดสเี่ ส้น (Eleutheronema tetradactylum)
Family Sciaenidae
170 ปลาจวดหนวด (Dendrophysa russelii)
172 ปลาจวดหนา้ มอม (Johnius dussumieri)
174 ปลาจวดคอ่ ม (Nibea soldado)
176 ปลาจวดสองซี่ (Otolithes ruber)
178 ปลาจวดหางกระรอก (Panna microdon)
180 ปลาจวดหางตดั (Pennahia anea)
Family Mullidae
182 ปลาแพะเหลือง (Upeneus sulphureus)
Family Drepanidae
184 ปลาใบปอ (Drepane punctata)
Family Terapontidae
186 ปลาขา้ งลายแถบโค้ง (Terapon jarbua)
188 ปลาข้างลายเกลด็ ใหญ่ (Terapon theraps)
Family Gobiidae
190 ปลาบ่จู ุดเขยี วใหญ่ (Acentrogobius caninus)
Family Ephippidae
192 ปลาคลุด (Ephippus orbis)
Family Scatophagidae
194 ปลาตะกรบั (Scatophagus argus)
Family Siganidae
196 ปลาสลิดหนิ แขก (Siganus javus)
9
Family Trichiuridae
198 ปลาดาบเงิน (Trichiurus lepturus)
Family Scombridae
200 ปลาทู (Rastrelliger brachysoma)
202 ปลาอนิ ทรีบัง้ (Scomberomorus commerson)
204 ปลาอินทรจี ดุ (Scomberomorus guttatus)
Family Psettodidae
206 ปลาจักรผาน (Psettodes erumei)
Family Soleidae
208 ปลาลิน้ หมาลาย (Zebrias quagga)
Family Cynoglossidae
210 ปลายอดม่วงเกลด็ ใหญ่ (Cynoglossus arel)
Family Tetraodontidae
212 ปลาปักเปา้ หลงั เขียว (Lagocephalus lunaris)
214 บทสรุป
218 บรรณานกุ รม
237 ดชั นีชอื่ ไทย
239 ดัชนีชอ่ื สามญั
241 ดชั นชี ือ่ วิทยาศาสตร์
10
11
12
รูปแบบเรือประมงพนื้ บ้าน
ในพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดนครศรีธรรมราช
จากการสำ�รวจรูปแบบเรือประมงในพื้นที่
จงั หวดั นครศรธี รรมราช ครอบคลมุ พน้ื ท่ี 6 อ�ำ เภอ
ไดแ้ ก่ อ�ำ เภอขนอม สชิ ล ทา่ ศาลา เมอื งนครศรี
ธรรมราช ปากพนงั และอ�ำ เภอหวั ไทร พบวา่ รปู
แบบของเรอื ประมงชายฝง่ั มที ง้ั หมด 4 ประเภท
สามารถแบง่ ตามพฒั นาการและยคุ สมยั ซง่ึ ไดแ้ ก่
รปู แบบเรอื ประมงชายฝง่ั แบบเรอื มาด เรอื ทา้ ยตดั
เรอื หวั โทง และเรือไฟเบอร์
13
เรือมาด
เปน็ เรอื แบบดง้ั เดมิ ชาวประมงในบางพน้ื ท่ี
จังหวัดนครศรีธรรมราชเรียกเรือมาดว่า
เรอื หวั ตา่ํ ทา้ ยตา่ํ บางสถานทเ่ี รยี กวา่ เรอื ขดุ
โดยเรือชนิดนี้ประกอบจากการแกะหรือ
ขุดไม้ทั้งต้น ในส่วนของตัวเรือ และเติม
แคมเรือเป็นไมช้ ิน้ เพื่อเพ่ิมเตมิ ความสงู ให้
เหมาะสมกับคลื่นลม
14
ลกั ษณะเรือ
มรี ูปทรงเรียวยาว สามารถแลน่ ได้ดีในน้าํ ตน้ื หรือพ้นื ท่ี
ดนิ เลน ความลกึ เรอื ประมาณ 40-50 เซนตเิ มตร ความกวา้ ง
เรือประมาณ 100-200 เซนติเมตร ขนาดเรืออยู่ในช่วง
5-12 เมตร จงั หวดั นครศรธี รรมราชนบั เปน็ ตน้ แบบของเรอื
มาดในหลายพื้นท่ี วัสดุประกอบเรือส่วนมากนิยมใช้ไม้
ตะเคียนทอง หรือบางรายใช้ไม้ชนิดอื่นที่มีนํ้าหนักเบา เช่น
ไมข้ นนุ ไมเ้ ทยี ม เปน็ ตน้ ลกั ษณะเดน่ ของเรอื คอื สว่ นกระดกู งู
ในตำ�แหน่งตรงกลางลำ�เรือมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม เรือ
ประเภทนส้ี ว่ นมากไมน่ ยิ มมหี างเสอื บางล�ำ จะมไี มพ้ ายตรง
ต�ำ แหนง่ หวั เรอื และทา้ ยเรอื เพอ่ื ชว่ ยในการเคลอ่ื นทใ่ี นกรณี
ไม่ติดเครื่องยนต์ เรือมาดที่ใช้ในพื้นที่ในปัจจุบันมีระบบ
ไฟเลนส์ วิทยุสื่อสารติดกับเสากระโดงท้ายเรือ รวมทั้งมี
เครอ่ื งก�ำ หนดพกิ ดั ทางภมู ศิ าสตร์ (Geographic positioning
system: GPS) ตามยคุ สมยั เพอ่ื ความสะดวกในการใชง้ าน
พบเรือมาดได้ทุกอำ�เภอชายฝั่ง โดยพบมีการใช้มากอำ�เภอ
ปากพนงั และอ�ำ เภอหวั ไทร โดยสว่ นมากเรอื มาดทใ่ี ชใ้ นพน้ื ที่
ผลิตจากอำ�เภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดย
ส่วนมากนิยมทำ�ลวดลายของเรือเป็นสีพื้น เช่น สีไม้ สีฟ้า
สเี ขยี ว สสี ้ม เปน็ ตน้
เครอื่ งมอื ประมงที่ใช้บนเรือ
อวนปลาทู อวนสามชน้ั ลอยกงุ้
อวนลอยปูม้า อวนปลากระบอก
เป็นต้น โดยมีพื้นที่ทำ�การประมง
ตง้ั แตเ่ ขตทะเลชายฝง่ั ถงึ 12 ไมล์
ทะเล หรือมากกว่า 12 ไมล์ทะเล
ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือและเครื่อง
ยนต์ รวมทง้ั ขน้ึ อยกู่ บั ชนดิ เครอ่ื งมอื
ประมงและประเภทสตั วน์ า้ํ เปา้ หมาย
ท่ีจบั
15
เรอื ท้ายตดั
เปน็ เรอื ทด่ี ดั แปลงมาจากเรอื กอและ แต่
ส่วนท้ายของเรือจะเป็นลักษณะท้ายตัด
เป็นชื่อตามลักษณะของเรือ ซึ่งเป็นการ
ปรบั ตวั เพอ่ื ใหเ้ ขา้ กบั ยคุ สมยั แตย่ งั คงรปู แบบ
เรือ กอและ เดิมเอาไว้จนแทบแยกแยะ
กนั ไมอ่ อก นอกเสยี จากวา่ เรอื กอและ จะมี
ลักษณะส่วนหัวเรือกับหางเรือเหมือนกัน
ชาวประมงในพน้ื ทเ่ี รยี กเรอื ทา้ ยตดั อกี ชอ่ื วา่
เรือหัวสงิ ห์ ด้วยลกั ษณะท้ายเรอื ท่ีตดั ขวาง
จงึ ทำ�ใหเ้ รอื ประเภทนสี้ ามารถทนตอ่ สภาพ
คลน่ื ลมไดด้ ี และมคี วามเสถยี รของเรอื มาก
ทำ�ให้มีความปลอดภัยสูง โดยชาวประมง
สามารถวางเครื่องยนต์เรือไว้ในตำ�แหน่ง
กลางท้ายเรอื
16
ลักษณะเรอื เครือ่ งมอื ประมงท่ีใช้บนเรอื
เปน็ เรอื ทีป่ ระกอบดว้ ยไมม้ ลี กั ษณะทา้ ยเรอื ตดั ขวาง หวั เรอื อวนปลาทู อวนสามชน้ั ลอยกงุ้
มีลักษณะคล้ายสามเหลี่ยม ความลึกเรือประมาณ 40-70 อวนลอยปู เรือท้ายตัดที่มีขนาด
เซนติเมตร ความกว้างเรือประมาณ 100-350 เซนติเมตร 10 เมตรขน้ึ ไป สามารถใชท้ �ำ ประมง
ขนาดเรือ 5-12 เมตร ด้านบนของหัวเรือส่วนที่ชาวประมง อวนล้อมปลาทูได้ พื้นที่ทำ�การ
เรยี กวา่ บะงา มลี กั ษณะแบนเรยี วและมลี ายกนกใชส้ �ำ หรบั ประมง ขึ้นอยู่กับชนิดเครื่องมือ
ตกแต่งให้สวยงามสามารถถอดเข้าออกได้ ส่วนของ บะงา ตง้ั แตเ่ ขตทะเลชายฝง่ั ถงึ 12 ไมล์
ยงั สามารถใชป้ ระโยชนเ์ พอ่ื ยดึ เชอื กสายสมอและหวั เรอื ขณะ ทะเล หรือมากกว่า 12 ไมล์ทะเล
เรอื จอด ดา้ นขา้ งเรอื ทา้ ยตดั มแี นวเสน้ ขนานล�ำ เรอื ชาวประมง ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือและเครื่อง
ในพื้นที่เรียกว่า ลูกกล้วย อยู่ระหว่างกระดานแผ่นที่ 3-6 ยนต์ และสตั ว์นํ้าเปา้ หมาย
แนวเสน้ ดงั กลา่ วนใ้ี ชช้ ว่ ยรกั ษาความสมดลุ ของเรอื สว่ นมาก
นยิ มประกอบเรอื ทา้ ยตดั โดยใชไ้ มต้ ะเคยี นทอง หรอื บางราย
ใชไ้ มช้ นดิ อน่ื ทม่ี คี วามทนทานตอ่ นา้ํ เชน่ ไมย้ างนา ไมเ้ ทยี ม
เปน็ ตน้ สว่ นของหวั เรอื บางรายนยิ มท�ำ ดว้ ยไมข้ นนุ เนอ่ื งจาก
มนี า้ํ หนกั เบาท�ำ ใหห้ วั เรอื ลอยขณะขบั ข่ี สว่ นกระดกู งขู องเรอื
บางรายนิยมทำ�ด้วยไม้นาคบุตร หรือไม้ต้นหยี ทดแทนไม้
ตะเคยี นเพราะมคี วามแขง็ แรงทนทาน เรอื บางล�ำ มกี ระโจม
เป็นที่สำ�หรับยืนสำ�รวจฝูงสัตว์นํ้า เช่น ฝูงปลาทู มีระบบ
ไฟเลนส์ วิทยุสื่อสาร ตามยุคสมัย เรือชนิดนี้จะมีหางเสือ
ใช้สำ�หรับกำ�หนดทิศทาง ชาวประมงในพื้นที่กล่าวว่า เรือ
หางตดั เปน็ เรอื ทม่ี ตี น้ แบบมาจากจงั หวดั ปตั ตานี และนราธวิ าส
โดยส่วนมากเรือชนิดนี้นิยมใช้ลวดลายกนก หรือลายไทย
เพื่อความสวยงามของเรือ พบเรือหางตัดได้ในทุกอำ�เภอ
ชายฝ่งั และพบมากในอ�ำ เภอทา่ ศาลา และอ�ำ เภอสชิ ล
17
เรอื หัวโทง
เป็นเรือที่มีความโดดเด่นตรงตำ�แหน่ง
ส่วนหัวของเรือ ซึ่งมีลักษณะสูงงอนขึ้น
เรียกว่า หัวโทง นับเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น
ของชาวประมงในการชว่ ยทรงตวั ใหม้ คี วาม
เสถียรของเรือเมื่อเจอคลื่นลมที่รุนแรง
รปู รา่ งเรยี วยาวท�ำ ใหค้ ลอ่ งตวั และสามารถ
แล่นเรือได้เร็ว ชาวประมงในพื้นที่เรียก
อกี ชอ่ื ว่า เรือหวั ไก่
18
ลักษณะเรอื
เป็นเรือประกอบด้วยไม้หลายชิ้น ตำ�แหน่งโขนหัวเรือ
ด้านนอกมีลักษณะสูงยื่นออกไปด้านหน้าของเรือประมาณ
70-80 องศา ความลึกเรือประมาณ 40-70 เซนติเมตร
ความกวา้ งของเรอื โดยทว่ั ไปประมาณ 100-300 เซนตเิ มตร
ขนาดเรอื ประมาณ 5-12 เมตร สว่ นมากผลติ จากไมต้ ะเคยี น
ทอง หรือบางลำ�ใช้ไม้ชนิดอื่นที่มีความทนทานต่อนํ้า เช่น
ไม้ยางนา ไม้ต้นเทียม เป็นต้น นอกจากนี้บางส่วนประกอบ
ของเรือ เช่น ส่วนกระดูกงู ทำ�ด้วยไม้นาคบุตร หรือไม้หยี
และส่วนหัวของเรือ ทำ�ด้วยไม้ขนุน ซึ่งมีนํ้าหนักเบา ทำ�ให้
เรือลู่ลมวิ่งได้อย่างรวดเร็ว ด้านท้ายของเรือจะมี แพนท้าย
เพื่อช่วยในการควบคุมความเร็วเรือและเพิ่มความเสถียร
ของเรอื ขณะวง่ิ บางล�ำ มกี ระโจมส�ำ หรบั ใชย้ นื ส�ำ รวจฝงู สตั วน์ า้ํ
เช่น ฝูงปลาทู เรือจะมีหางเสือใช้สำ�หรับกำ�หนดทิศทาง
มเี สากระโดงส�ำ หรบั การตดิ เครอ่ื งมอื สอ่ื สาร มรี ะบบไฟไซเรน
วิทยุสื่อสาร และมีเครื่องกำ�หนดพิกัดจุดทางภูมิศาสตร์
ตามยคุ สมยั นยิ มท�ำ ลวดลายของเรอื ตามยคุ สมยั สสี นั สวยงาม
รวมทั้งนิยมตั้งชื่อเรือเป็นชื่อลูก รหัสวิทยุสื่อสาร หรือ
สิ่งมีชีวิตในทะเลที่ชื่นชอบ พบเรือหัวโทงได้ในทุกอำ�เภอ
ชายฝง่ั ในพน้ื ทจ่ี งั หวดั นครศรธี รรมราช โดยพบมากในอ�ำ เภอ
ท่าศาลา อ�ำ เภอหัวไทร และอำ�เภอสชิ ล
เครือ่ งมือประมงทใี่ ชบ้ นเรือ
อวนปลาทู อวนสามชน้ั ลอยกงุ้
อวนลอยปู และเรอื หวั โทงทม่ี ขี นาด
10 เมตรขน้ึ ไป สามารถใชท้ �ำ ประมง
อวนล้อมปลาทูได้ พื้นที่ทำ�การ
ประมงขน้ึ อยกู่ บั ชนดิ เครอ่ื งมอื และ
สัตว์นํ้าเป้าหมาย โดยสามารถใช้
เรือหัวโทงทำ�ประมงได้ตั้งแต่เขต
ทะเลชายฝง่ั ถงึ 12 ไมลท์ ะเล หรอื
มากกว่า 12 ไมล์ทะเลขึ้นอยู่กับ
ขนาดของเรอื และเครื่องยนต์
19
เรือไฟเบอร์
เปน็ เรอื สมยั ใหมใ่ นยคุ ทไ่ี มม้ รี าคาแพง ชาว
ประมงที่ประสงค์ทำ�ประมงใกล้ฝั่งด้วยเรือ
ขนาดเลก็ เครอ่ื งมอื ประมงจ�ำ นวนนอ้ ยและ
ไมต่ อ้ งการใชแ้ รงงานคนบนเรอื จ�ำ นวนมาก
ชาวประมงจงึ ใชเ้ รอื ไฟเบอรแ์ ทนเรอื ไม้ เพอ่ื
ประหยัดต้นทุนการทำ�ประมง ชาวประมง
ในพน้ื ทเ่ี รยี กเรอื ไฟเบอรด์ ว้ ยภาษาทอ้ งถน่ิ วา่
เรอื ลูกแลน
20
ลักษณะเรือ
เปน็ เรอื ทป่ี ระกอบดว้ ยไฟเบอรแ์ บบไมแ่ ยกชน้ิ โดยทว่ั ไป
รปู รา่ งจะมลี กั ษณะคลา้ ยเรอื ทา้ ยตดั แตม่ ขี นาดเลก็ กวา่ และ
นา้ํ หนกั เบากวา่ นอกจากนย้ี งั พบวา่ ชาวประมงบางสว่ นจะน�ำ
เรือไม้แบบหัวโทงหรือท้ายตัดที่เสื่อมสภาพมาเคลือบหุ้มเรือ
ด้วยไฟเบอร์เพื่อยึดเวลาการใช้งาน ความลึกเรือไฟเบอร์
ประมาณ 40-50 เซนตเิ มตร ความกวา้ งประมาณ 100-200
หนว่ ย ขนาดเรอื ประมาณ 5-8 เมตร เรอื ไฟเบอรท์ ใ่ี ชใ้ นพน้ื ที่
จงั หวดั นครศรธี รรมราชสว่ นใหญม่ ตี น้ แบบและผลติ ในพน้ื ท่ี
จังหวัดสงขลา เรือไฟเบอร์ขนาดเล็กจะไม่มีระบบไฟไซเรน
สว่ นมากไมน่ ยิ มใสห่ างเสอื เนอ่ื งจากการออกแบบเรอื ไฟเบอร์
ที่ไม่ได้สอดคล้องกับการติดตั้งระบบหางเสือ อย่างไรก็ตาม
พบวา่ ในบางลำ�น�ำ เรือไฟเบอร์ตอ่ เตมิ เพ่อื ประกอบการตดิ ตั้ง
หางเสอื ในการควบคุมทศิ ทางเรือ นยิ มทาสีเรอื เปน็ ลกั ษณะ
สพี น้ื และเขยี นชอ่ื เรอื ดา้ นขา้ งของเรอื บางครง้ั ตดิ สตก๊ิ เกอร์
ชื่อเรือข้างลำ�เรือตามความนิยมของชาวประมงแต่ละราย
พบเรือไฟเบอร์ในทุกอำ�เภอชายฝั่ง ในพื้นที่จังหวัดนครศรี
ธรรมราชและพบมากในอ�ำ เภอปากพนัง และอ�ำ เภอหัวไทร
เครื่องมอื ประมงท่ีใช้บนเรือ
อวนปลากระบอก อวนปูม้า
เบด็ และท�ำ ประมงอน่ื ๆ ตามแนว
ป่าชายเลน เป็นต้น พื้นที่ทำ�การ
ประมง ขน้ึ อยกู่ บั ขนาดของเรอื และ
ชนิดเครื่องมือประมง โดยชาว
ประมงใช้เรือไฟเบอร์ทำ�ประมงใน
เขตทะเลชายฝง่ั และหา่ งฝง่ั ออกไป
ประมาณ 6 ไมล์ทะเล
21
22
เครื่องมือประมงอวนลอยพน้ื บา้ น
ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
เครื่องมือประมงอวนลอย หรืออวนติดตา
(gillnets) เปน็ เคร่ืองมือประมงชนิดเดน่ ทีพ่ บได้
ทั่วไป ในเขตประมงพื้นบ้านตลอดแนวชายฝั่ง
จังหวัดนครศรีธรรมราช อวนลอยเปน็ เครื่องมอื
ทำ�การประมงที่มีลักษณะเป็นผืนอวนคล้ายสี่
เหลย่ี มผนื ผา้ วธิ กี ารใชเ้ ครอ่ื งมอื จะวางอวนขวาง
หรอื ปดิ ลอ้ มสตั วน์ า้ํ เพอ่ื ใหส้ ตั วน์ า้ํ วา่ ยชนแลว้ ตดิ
หรือพันตาอวน อวนลอยในพื้นที่จังหวัดนครศรี
ธรรมราชมีหลายประเภท โดยเฉพาะอวนลอย
ที่ใช้เพื่อจับสัตว์นํ้ากลุ่มเป้าหมายเป็นปลาชนิด
ตา่ ง ๆ เชน่ อวนลอยปลากระบอก ปลาทู ปลาซา
ปลาอนิ ทรยี ์ ปลากเุ รา ปลาจวด ปลากะพง ปลา
จะละเม็ด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอวนลอยที่มี
สัตว์นํ้ากลุ่มเป้าหมายเป็นสัตว์นํ้ากลุ่มอื่นๆ เช่น
อวนลอยหมึก อวนลอยปูม้า และอวนลอยกุ้ง
เปน็ ต้น จากการสำ�รวจข้อมลู การประมงชายฝ่งั
ในพน้ื ทจ่ี งั หวดั นครศรธี รรมราช พบวา่ เครอ่ื งมอื
ประมงอวนลอยปลาทู อวนลอยกงุ้ และอวนลอย
ปูม้า เป็นเครื่องประมงชนิดเด่นที่พบได้ทั่วไป
ทุกพื้นท่ีการประมงในจงั หวัดนครศรีธรรมราช
23
อวนลอยปลาทู
อวนลอยปลาทู (Indo-pacific mackerel
gill net) เปน็ อวนลอยทม่ี ที ง้ั แบบท�ำ ประมง
ผวิ นา้ํ และจมถงึ ทอ้ งทะเล อวนลอยปลาทู
เป็นเครื่องมือประมงที่นิยมใช้มาก ชาว
ประมงในจังหวัดนครศรีธรรมราชใช้เรือ
ประมงหางยาวพื้นบ้าน ความยาวเรือ
ประมาณ 5-12 เมตร ส่วนใหญ่ใช้เรือ
ขนาด 7.0 เมตร และใชเ้ ครอ่ื งยนตเ์ บนซนิ
ขนาด 5-20 แรงมา้ อวนลอยปลาทมู คี วาม
ยาวอวนตง้ั แต่ 500-4,000 เมตร ขน้ึ อยกู่ บั จ�ำ นวนผนื อวนซง่ึ น�ำ มาตอ่ กนั โดยอวนแตล่ ะผนื มคี วามยาว
80-140 เมตร นยิ มใช้ 40-60 ผนื และชาวประมงจะรวบเปน็ หอ่ หอ่ ละประมาณ 10 ผนื ขน้ึ อยกู่ บั
พื้นที่ บางพื้นที่ห่อละ 5 ผืน เพื่อประโยชน์ในการขนย้ายขึ้นลงเรือ เนื้ออวนเป็นอวนเอ็น ขนาด
ตาอวนที่ชาวประมงใช้มีหลายขนาด เช่น 40 42 43 45 50 และ 60 มิลลิเมตร โดยส่วนใหญ่
24
นยิ มใชข้ นาดตา 43 มลิ ลเิ มตร มคี วามลกึ 100 ตา ลกั ษณะ
การท�ำ ประมงของชาวประมงอวนลอยปลาทู เรม่ิ ออกจากบา้ น
เพื่อทำ�การประมงในช่วง 04.00 น. และเริ่มวางอวนปลาทู
ประมาณชว่ ง 05.00 น. โดยวางอวนทง้ิ ไวเ้ ปน็ เวลาประมาณ
2 ชั่วโมง ก่อนจะเก็บอวน หากพบว่าปลาติดอวนเยอะ
ชาวประมงจะน�ำ อวนกลบั มาแกะปลาทบ่ี า้ น แตถ่ า้ ปลาตดิ อวน
จ�ำ นวนนอ้ ยชาวประมงจะปลดปลาบนเรอื แลว้ วางอวนซา้ํ อกี
1 รอบ โดยทง้ิ ไวอ้ กี ประมาณ 2 ชว่ั โมง กอ่ นจะเกบ็ อวนกลบั
ขึ้นฝั่ง โดยพบว่าแต่ละรอบการทำ�การประมงในแต่ละวัน
จะวางอวนไมเ่ กนิ 2 ครง้ั จากการสมั ภาษณภ์ มู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ
ทใ่ี ชเ้ พอ่ื ท�ำ การประมงปลาทู พบวา่ ในอดตี ชาวประมงวางอวน
โดยการสงั เกตจากดวงอาทติ ย์ โดยพบวา่ เมอ่ื ดวงอาทติ ยข์ น้ึ
จากขอบนํ้า ฝูงปลาทูก็จะลอยขึ้นมาเล่นนํ้า โดยเกล็ดปลา
จะสะท้อนแวววาวขึ้นมา เป็นเหตุผลหนึ่งซึ่งชาวประมง
ออกทำ�ประมงและวางอวนในช่วงเช้าตรู่เนื่องจากสามารถ
หาฝงู ปลาทไู ดง้ า่ ย ชาวประมงใหข้ อ้ สงั เกตวา่ พน้ื ทซ่ี ง่ึ สามารถ
พบปลาทูจำ�นวนมากจะมีลักษณะเป็นพื้นดินเลน สามารถ
จับปลาทูได้เยอะในช่วงนํ้าเกิด (Spring tide) ซึ่งเป็นช่วง
ข้างขึ้น 15 คํ่า และ แรม 5 คํ่า โดยพื้นที่พบปลาทูเยอะ
มกั มสี ขี องนา้ํ ทะเลเปน็ สขี าวขนุ่ ชาวประมงในพน้ื ทเ่ี รยี กวา่
“สีนํ้ามะพร้าว” นอกจากนี้ ก่อนออกจากบ้านชาวประมง
จะตรวจสอบสภาพอากาศ มลี มแตไ่ มจ่ ดั มาก มคี ลน่ื เลก็ นอ้ ย
และชาวประมงจะเลอื กวา่ พน้ื ทซ่ี ง่ึ มลี กั ษณะเปน็ คลน่ื เลก็ นอ้ ย
โดยวางอวนขวางกระแสนา้ํ พน้ื ทว่ี างอวนหา่ งจากฝง่ั ประมาณ
3-5 ไมล์ ชาวประมงสามารถท�ำ ประมงอวนลอยปลาทไู ดท้ ง้ั ปี
แต่บางรายจะปรับเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือประมงชนิดอื่น
ในบางฤดกู าล และสว่ นมากจะท�ำ ประมงปลาทใู นชว่ งเดอื น
มนี าคม ถงึ เดอื นพฤศจกิ ายน โดยหยดุ ท�ำ ในชว่ งมรสมุ ในชว่ ง
เดือนธันวาคม ผลจับส่วนมากที่จับได้จากเครื่องมือประมง
อวนลอยปลาทู เช่น ปลาทู ปลาลัง ปลาจวด ปลาโคก
ปลากุเรา และปลาอินทรีย์ เป็นต้น พบเครื่องมือประมง
อวนลอยปลาทูได้ในทุกพื้นที่ประมงและพบมากในพื้นที่
อ�ำ เภอทา่ ศาลา สชิ ล และหวั ไทร
25
อวนลอยกุ้ง
อวนลอยกุ้ง จัดเป็นอวนติดตาประเภท
อวนสามชั้น (Trammel net) ซึ่งจะใช้
เนอ้ื อวน 3 ผนื โดยอวนผนื นอก มลี กั ษณะ
เป็นไนล่อนขาวหรือชาวบ้านท้องถิ่นเรียก
อวนด้าย จ�ำ นวน 2 ผืน จะมีขนาดตาอวน
ขนาดใหญ่ (15 เซนตเิ มตร) ความลึก 10-
15 ตาอวน ขณะที่อวนผืนกลางชั้นใน
เปน็ แบบไนลอ่ นสขี าว ตาอวนมขี นาดเลก็ ลง
ประมาณ 4 เซนติเมตร ความลึก 50-70
ตาอวน เมอ่ื น�ำ มาประกอบเขา้ กบั เชอื กครา่ วบนและลา่ ง จะท�ำ ใหเ้ นอ้ื อวนชน้ั ในโปง่ พองเปน็ ถงุ เลก็ ๆ
ตามชอ่ งตาของอวนช้นั นอกท�ำ ใหส้ ตั วน์ ้ํากลุ่มเป้าหมายตดิ กบั ตาอวน ชาวประมงจะใช้ทุน่ พลาสติก
ขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 4 เซนตเิ มตร ท�ำ ใหอ้ วนลอยใกลผ้ วิ นา้ํ และมตี ะกว่ั นา้ํ หนกั ประมาณ
10 กรัม ผูกห่างกันประมาณ 20-40 เซนติเมตร บางพื้นที่ผูกตะกั่ว 5 ลูก เว้น 1 ลูก ขึ้นอยู่กับ
26
ระดับความแรงของกระแสนํ้า ชาวประมงมีอวนจำ�นวน
100-150 ผืน โดยที่ชาวประมงจะรวบอวนเป็นห่อเพื่อ
ประโยชนใ์ นการเคลอ่ื นยา้ ยบนเรอื หอ่ ละ 10-15 ผนื ความ
ยาวอวนแต่ละผืนประมาณ 25 เมตร การวางอวนลอยกุ้ง
จำ�เป็นต้องวางตอนมีกระแสนํ้าไหลเชี่ยว เพื่อให้กระแสนํ้า
พดั พาอวนไปปะทะกบั ตวั กงุ้ และจะไดผ้ ลจบั กงุ้ จ�ำ นวนมาก
ในวันที่มีคลื่นลม เรือประมงที่ใช้สำ�หรับการทำ�ประมง
อวนลอยกงุ้ มคี วามยาวประมาณ 7-12 เมตร ขนาดเครอ่ื งยนต์
ประมาณ 5-85 แรงม้า การทำ�ประมงจะขึ้นอยู่กับข้างขึ้น
ข้างแรมซึ่งมีผลต่อความเชี่ยวของกระแสนํ้า โดยในช่วง
13-15 คํ่า ชาวประมงจะออกจากบ้านเพื่อวางอวนในเวลา
ประมาณ 07:00 น. และเริ่มวางอวน 10:00 น. วางอวน
ทง้ิ ไว้ 1-2 ชว่ั โมง กอ่ นใชเ้ วลาเกบ็ กอู้ วน ประมาณ 2 ชว่ั โมง
ชาวประมงอาจจะวางอวนตอ่ อกี รอบเพอ่ื เพม่ิ ปรมิ าณผลจบั
กอ่ นกลบั ขน้ึ ฝง่ั ชว่ งบา่ ย เวลาประมาณ 15:00 น. ในขณะท่ี
ช่วง 1-7 คํ่า มักจะออกทำ�ประมงช่วงเช้าตรู่ ประมาณ
03:00 น. เพื่อจะวางอวนให้ทันช่วงเปลี่ยนของนํ้าขึ้นนํ้าลง
ชาวบ้านเรียกว่าช่วงหัวนํ้าเชี่ยว ส่วนมากจะวางอวนช่วง
เวลา 06:00-07:00 น. การวางอวนในช่วงเวลาดังกล่าว
สามารถวางอวนได้ 2 ช่วงที่นํ้าเชี่ยว คือช่วงนํ้าขึ้นสูงสุด
และนํ้ากำ�ลังลง อย่างไรก็ตามชาวประมงบางรายอาจจะ
วางอวนช่วงนํ้าเชี่ยวที่เป็นช่วงนํ้าลงอย่างเดียว เนื่องจาก
ประสบการณ์ของชาวประมงพบว่าช่วงนํ้าลงจากฝั่งไปยัง
ทะเล จะไดผ้ ลจบั กุ้งและสตั วน์ า้ํ ชนิดอ่นื มากกว่าชว่ งนาํ้ ขน้ึ
ช่วงที่นํ้านิ่งชาวประมงที่ใช้อวนลอยกุ้งอาจจะปรับเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือประมงชนิดอื่น เช่น อวน
ลอยปลาทู และอวนลอยปมู า้ ซง่ึ จะไดผ้ ลจบั สตั วน์ า้ํ ทค่ี มุ้ ทนุ กวา่ จากการสมั ภาษณพ์ บวา่ อวนลอยกงุ้
จะใช้มากในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่เดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
ของทุกปีจะใช้เครื่องมือประมงอวนปลาทู และอวนปูม้า พื้นที่ทำ�ประมงอวนลอยกุ้งมักเป็นพื้นที่
ดอนทรายขนาดใหญ่ ปกตชิ าวประมงจะวางอวนกงุ้ ในพน้ื ทช่ี ายฝง่ั ถงึ ระยะทางหา่ งจากฝง่ั ประมาณ
20 ไมลท์ ะเล และใชแ้ รงงานคนบนเรอื ประมาณ 2-4 คน แลว้ แตข่ นาดเรอื สตั วน์ า้ํ ชนดิ เดน่ ทจ่ี บั ได้
โดยเครอ่ื งมอื อวนลอยกงุ้ เชน่ กงุ้ แชบว๊ ย ปลาจวด กง้ั ปลาแปน้ และปลาทรายแดง เปน็ ตน้ เครอ่ื งมอื
ประมงอวนลอยกุ้ง สามารถพบได้ทุกอำ�เภอชายฝั่งนครศรีธรรมราช และพบมากในพื้นที่อำ�เภอ
ปากพนงั สชิ ล หัวไทร เป็นตน้
27
อวนลอยปมู ้า
อวนลอยปูม้า จัดเป็นอวนลอยหน้าดิน
(bottom gillnet) บางครง้ั ชาวประมงเรยี กวา่
อวนจมปมู า้ เปน็ เครอ่ื งมอื ประมงทพ่ี บเหน็ ได้
ทั่วไปตามแนวชายฝั่ง แต่พบจำ�นวนมาก
ในพื้นที่อำ�เภอท่าศาลา และหัวไทร ชาว
ประมงบางพื้นที่ใช้อวนลอยปูม้าทำ�ประมง
ทั้งปี ขณะที่ชาวประมงบางรายสลับกับ
การวางอวนลอยกงุ้ หรอื อวนปลาทู ตามชว่ ง
ฤดูกาล อวนปูม้ามีขนาดความยาวตั้งแต่
350 เมตร ถงึ 1,500 เมตร ขน้ึ อยกู่ บั จ�ำ นวนชดุ หรอื ชาวบา้ นเรยี กวา่ จ�ำ นวนหอ่ ของอวนทน่ี �ำ มาตอ่ กนั
โดยปกติอวน 1 ชุด หรือ 1 ห่อ จะมีความยาวประมาณ 180 เมตร เนื้ออวนเป็นแบบอวนเอ็น
ขนาดเบอร์ 0.2-0.3 ส่วนมากชาวประมงนิยมขนาดเบอร์ 0.25 ขนาดตาอวนมีขนาดตั้งแต่ 8.0-
11.5 เซนตเิ มตร โดยสว่ นมากนยิ มใชท้ ข่ี นาด 9 เซนตเิ มตร ความลกึ ของอวนประมาณ 20-30 ตาอวน
28
ส่วนใหญ่ความลึกประมาณ 25 ตาอวน ใช้ทุ่นเป็นแบบ
ทนุ่ พลาสตกิ ขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 4 เซนตเิ มตร
ทำ�ให้อวนลอยใกล้ผิวนํ้า และมีตะกั่วนํ้าหนักประมาณ
10 กรัม ผูกห่างกันประมาณ 30-40 เซนติเมตร เพื่อถ่วง
อวนให้ลอยถึงหน้าดิน เรือที่มีขนาดใหญ่มักมีก้อนหินหรือ
สมอนํ้าหนักประมาณ 5-10 กิโลกรัมถ่วงปลายสุดของ
ผืนอวน เพื่อให้อวนไม่เคลื่อนที่ห่างจากจุดวางอวนมาก
อย่างไรก็ตามชาวประมงชายฝั่งที่ใช้เรือขนาดเล็กไม่ค่อย
ถ่วงปลายอวนเนื่องจากอวนลอยไปไม่ไกล และพื้นที่ทำ�
ประมงนํ้าไม่ลึกมาก เรือที่ใช้ทำ�ประมงอวนลอยปูมีขนาด
ระหว่าง 5-12 เมตร ขนาดเครื่องยนต์เรือ 5-150 แรงม้า
จำ�นวนแรงงานในเรือประมาณ 1-4 คน ชาวประมงนิยม
ออกไปวางอวนตั้งแต่เวลา 18:00 น. และเก็บกู้อวนตอน
เช้าตรู่เวลาประมาณ 02:00 น. โดยกลับมาถึงฝั่งประมาณ
06:00 น. ทำ�ความสะอาดอวนเสร็จภาระกิจประมาณ
10:00 น. หลังจากนั้นพักผ่อนก่อนจะวางอวนรอบต่อไป
ผลจับสัตว์นํ้าชนิดเด่นที่ได้จากอวนลอยปูม้า เช่น ปูม้า
หอยสังข์หนาม กั้ง แมงดาทะเล หมึกกระดอง และปลา
หางควาย เปน็ ตน้ โดยชาวประมงชายฝง่ั ท�ำ ประมงอวนลอย
ปูม้าเฉลี่ย 20 วันต่อเดือน และประมาณ 10 เดือนต่อปี
โดยหยุดทำ�ประมงช่วงฤดูมรสุมซึ่งปกติอยู่ในช่วงเดือน
พฤศจกิ ายน ถึงเดือนธันวาคม ของทุกปี
29
แนะนำ�การใชค้ มู่ ือ
ช่อื วงศต์ ามลำ�ดับอนกุ รมวธิ าน 1 cm
Mugilidae
ชือ่ วิทยาศาสตร์
ชอ่ื ไทย ปลากระบอกด�ำPlaniliza subviridis (Valenciennes, 1836)
ช่ือไทยอน่ื ๆ ปลากระบอกเกลด็ หยาบ
Greenback mullet
ชื่อสามัญอังกฤษ
อวนลอยปลาทู
เครือ่ งมือประมงทีจ่ ับสตั ว์นา้ํ ได้ อวนลอยปูมา้
อวนลอยกงุ้
30
บรรยายลกั ษณะของส่งิ มชี วี ิต ลักษณะ
ล�ำ ตวั ยาวทรงกระบอก สว่ นทา้ ยของล�ำ ตวั แบนขา้ ง หวั กวา้ ง มคี วามกวา้ งเทา่ กบั ความลกึ
บรรยายขนาด
บรรยายขอ้ มลู ถิ่นที่อยอู่ าศยั จะงอยปากสน้ั และทู่ สว่ นทา้ ยของกระดกู ขากรรไกรบนงอโคง้ ลงและยาวเลยมมุ ปาก ปลายสดุ ของ
กระดูกขากรรไกรโผล่ที่บริเวณมุมปากเมื่อปากหุบ แนวกลางบนลิ้นเป็นสันยกสูง เยื่อไขมันหุ้มตา
บรรยายข้อมลู ชีววิทยา มีขนาดใหญ่ เกล็ดมีขอบด้านท้ายแบบหยักละเอียด เกล็ดแนวเส้นข้างตัวมีจำ�นวน 27-31 เกล็ด
การกนิ อาหาร การสบื พนั ธ์ุ และ เกลด็ บนหวั ปกคลมุ ถงึ รจู มกู ชอ่ งหนา้ ครบี หลงั มี 2 ตอน ตอนหนา้ มกี า้ นครบี แขง็ 4 กา้ น ตอนหลงั
ข้อมูลชีววิทยาประมงเบื้องต้น มีก้านครีบอ่อน 8-9 ก้าน ครีบก้นมีก้านครีบแข็ง 3 ก้าน ก้านครีบอ่อน 9 ก้าน ครีบหลังตอนหลัง
จากงานวิจยั ในอดีต และครีบกน้ มปี ลายแหลมแตไ่ ม่เปน็ รูปเคียว ครีบหางเปน็ แฉกต้ืน
บรรยายข้อมูลความถี่ หัวมีสีนํ้าตาล ลำ�ตัวตอนบนสีเขียวคลํ้า ด้านท้องสีขาว มีแถบสีคลํ้า 3-6 แถบตามแนว
ทพ่ี บสตั ว์น้าํ จากการประมงดว้ ย แถวของเกลด็ ครีบหลงั ออกสีเทา ครบี หางออกสีฟ้ามีขอบสคี ลาํ้
เครอ่ื งมอื อวนลอยปลาทู อวนลอย ขนาด
ปูม้า อวนลอยกุ้ง รวมทั้งราคา
สัตวน์ ํา้ ท่ที ่าข้นึ ปลาชุมชน พบทั่วไปมคี วามยาวตลอดตวั 25 เซนติเมตร
นิเวศวิทยา
อาศัยบริเวณชายฝั่งทะเล ป่าชายเลน บริเวณปากแม่นํ้า ในนากุ้ง รวมถึงลำ�คลองนํ้าจืด
ทต่ี ิดตอ่ กบั ทะเล
ชีววิทยาและการประมง
จดั เปน็ สตั วน์ า้ํ กลมุ่ กนิ ทง้ั พชื และสตั ว์ (omnivorous) อาหารหลกั กลมุ่ สาหรา่ ยขนาดเลก็
ไดอะตอม ไข่ปลา เควย และกุ้งขนาดเล็ก รวมทั้งตัวอ่อนสัตว์นํ้า รูปแบบการเติบโตเป็นแบบ
อัลโลเมตริก ความสัมพันธ์ระหว่างความยาวกับนํ้าหนักอยู่ในรูปแบบสมการ W=0.031L22.647 ค่า
พารามเิ ตอรก์ ารเตบิ โต (K) เท่ากบั 0.33 ตอ่ ปี มคี า่ ความยาวอนันต์ (Loo) เท่ากับ 30.2 เซนติเมตร
มอี ายสุ มมตขิ องสตั วน์ า้ํ ทค่ี วามยาวเทา่ กบั ศนู ย์ (t0) เทา่ กบั -0.31 (Pinandita et al., 2018) สามารถ
วางไขไ่ ดต้ ลอดปี มชี ว่ งวางไขม่ ากในเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ เดอื นเมษายนถงึ พฤษภาคม และเดอื นสงิ หาคม
ความยาวเรม่ิ สบื พนั ธข์ุ องปลาเพศเมยี (L5o) เทา่ กบั 16.31 เซนตเิ มตร (ธเนศ และ ธดิ ารตั น,์ 2551)
ความดกของไขเ่ ฉลย่ี ประมาณ 125,000-630,000 ฟอง (ชลี และคณะ, 2552) เปน็ สตั วก์ ลมุ่ เปา้ หมาย
ของเครอ่ื งมอื อวนลอยปลากระบอก อยา่ งไรกต็ ามสามารถตดิ เครอ่ื งมอื ประมงชายฝง่ั อน่ื ๆ ในลกั ษณะ
สัตวน์ ้ําพลอยจับได้
ความถีท่ พ่ี บ และมลู คา่ สัตวน์ า้ํ ที่ท่าข้นึ ปลาชุมชน
จากการสัมภาษณ์ชาวประมง พบว่าโอกาสที่จะพบปลากระบอกดำ�ติดเครื่องมือประมง
อวนลอยชายฝง่ั โดยเฉพาะอวนลอยปลาทู ประมาณ 2 ครง้ั ใน 10 ครง้ั ท�ำ การประมง โดยสามารถ
พบสตั วน์ า้ํ นไ้ี ดใ้ นผลจบั ตลอดทง้ั ปี แตจ่ ะพบไดม้ ากในชว่ งเดอื นธนั วาคม ราคากโิ ลกรมั ละ 120-180 บาท
31
32
ชนิดสตั วน์ ํ้าชายฝง่ั
จากเครื่องมืออวนลอยพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
จากการสำ�รวจชนิดสัตว์นํ้าที่พบจากการ
ประมงอวนลอยปลาทู อวนลอยปูม้า และอวน
ลอยกุ้ง ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่า
มีชนิดสัตว์นํ้าหลากหลายติดเครื่องมือประมง
ทั้งที่เป็นสัตว์นํ้ากลุ่มเป้าหมายและสัตว์นํ้า
พลอยจับได้ โดยหนังสือเล่มนี้นำ�เสนอสัตว์นํ้า
ชายฝั่งกว่า 90 ชนิด รวมทั้งนำ�เสนอข้อมูล
การจำ�แนกเบื้องต้น นิเวศวิทยา ชีววิทยาและ
การประมง รวมทง้ั ความถท่ี พ่ี บและราคาสตั วน์ า้ํ
ทท่ี า่ ขน้ึ ปลาชมุ ชนจากการสมั ภาษณช์ าวประมง
33
1 cm
Pectinidae
หอยเชลล์Amusium pleuronectes (Linnaeus, 1758)
หอยพัด
Asian moon scallop
34
ลกั ษณะ หอยสองฝา
เปลอื กบาง รปู รา่ งกลม แบนขา้ ง เปลอื กดา้ นขวานนู ออกและมขี นาดใหญก่ วา่ เปลอื กดา้ นซา้ ย
เลก็ นอ้ ย หมู ขี นาดเลก็ ยน่ื ออกมาดา้ นขา้ งสว่ นยอดของเปลอื กทง้ั สองดา้ น มรี ปู รา่ งและขนาดเกอื บเทา่ กนั
ผิวเปลือกด้านนอกค่อนข้างเรียบเป็นมันวาว มีสันทั้งในแนวที่ขนานไปกับขอบล่างของเปลือกและ
แนวจากสว่ นยอดของเปลอื กไปยงั ขอบเปลอื ก เปลอื กดา้ นในมสี นั จากสว่ นยอดของเปลอื กไปยงั ขอบ
เปลือกเด่นชัด เปลอื กด้านขวามสี ัน 22-34 สัน
เปลอื กดา้ นขวามสี ขี าวทง้ั ดา้ นในและดา้ นนอก สว่ นเปลอื กดา้ นซา้ ย ดา้ นนอกเปน็ สนี า้ํ ตาลออ่ น
ถงึ นา้ํ ตาลอมชมพู มจี ดุ ประสขี าวเลก็ ๆ บรเิ วณสว่ นยอดของเปลอื ก เปลอื กดา้ นในมสี ขี าว บรเิ วณขอบ
และตรงกลางเปลอื กมีสีออกชมพู
ขนาด
เป็นหอยขนาดกลาง ความสูงเปลือก 8 เซนติเมตร ขนาดใหญ่ที่สุด 10 เซนติเมตร
นเิ วศวิทยา
อาศยั อยใู่ นเขตตา่ํ กวา่ ระดบั นา้ํ ลงตา่ํ สดุ ทร่ี ะดบั ความลกึ 10-80 เมตร พน้ื มลี กั ษณะเปน็ ทราย
หรือโคลน เป็นหอยที่มีการดำ�รงชีวิตแตกต่างจากหอยสองฝากลุ่มอื่น ๆ คือสามารถว่ายนํ้าได้เพื่อ
เปลี่ยนที่อยู่อาศัย หรือเพื่อหลบหนีศัตรู หอยเชลล์ว่ายนํ้าโดยใช้กล้ามเนื้อยึดเปลือกขนาดใหญ่
ที่ท�ำ หนา้ ที่ในการเปิดและปิดเปลอื ก ซ่งึ กลา้ มเน้ือดงั กล่าวเปน็ ส่วนทค่ี นนิยมใชเ้ ป็นอาหาร
ชีววทิ ยาและการประมง
เป็นกลุ่มสัตว์นํ้าที่มีพฤติกรรมกรองกินแพลงก์ตอน มีรูปแบบการเติบโตแบบอัลโลเมตริก
คา่ พารามเิ ตอรก์ ารเตบิ โต (K) เทา่ กบั 1.3 ตอ่ ปี ความยาวอนนั ต์ (Loo) เทา่ กบั 11.4 เซนตเิ มตร และ
มขี นาดแรกสบื พนั ธเ์ุ ทา่ กบั 4.8 เซนตเิ มตร การสบื พนั ธแ์ุ ละวางไขใ่ นชว่ งเดอื นมกราคม มนี าคม และ
กันยายน (จินตนา, 2533) สอดคลอ้ งกบั การศึกษาในประเทศฟิลิปปนิ ส์ มีรายงานว่าความสัมพนั ธ์
ระหวา่ งความยาวกบั นา้ํ หนกั อยใู่ นรปู แบบสมการ W= 0.0562L33.110คา่ พารามเิ ตอรก์ ารเตบิ โต (K)
เท่ากับ 0.93 ต่อปี ความยาวอนันต์ (Loo) เทา่ กับ 12.20 เซนตเิ มตร การสืบพันธแ์ุ ละวางไข่ในชว่ ง
เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ กรกฎาคม และกนั ยายน โดยมขี นาดแรกสบื พนั ธเ์ุ ทา่ กบั 5.5 เซนตเิ มตร (Norte, 1988)
ความถ่ที พี่ บ และมลู ค่าสตั วน์ ้ําที่ทา่ ขึน้ ปลาชุมชน
จากการสัมภาษณ์ชาวประมง พบว่าโอกาสที่จะติดเครื่องมือประมงอวนลอยน้อยครั้ง
ประมาณ 2 ครั้งใน 10 ครั้งทำ�การประมง โดยสามารถพบสัตว์นํ้านี้ได้ในผลจับตลอดทั้งปี ราคา
กโิ ลกรัมละ 70-80 บาท
35
1 cm
Bursidae
Bufonaria rana (Linnaeus, 1758)
หอยสงั ข์กบ
Common frog shell
36
ลักษณะ หอยฝาเ ีดยว
เปลอื กรปู ไข่ เปลอื กวงสดุ ทา้ ยใหญ่ มสี นั และหนามตามแนววงและแนวความสงู รอ่ งของทอ่ นา้ํ
คอ่ นขา้ งยาว หนิ ปนู สะสมบรเิ วณขอบชอ่ งเปดิ เปลอื ก (Columellar callus) พฒั นาไมด่ ี ขอบดา้ นนอก
ของชอ่ งเปดิ เปลอื กหนาและมีตมุ่ ตามแนวขอบ
เปลือกสีขาวมีลวดลายเปน็ แถบสีนํา้ ตาล
ขนาด
พบทวั่ ไปมีความสงู เปลือก 7.5 เซนติเมตร ขนาดใหญ่สดุ มคี วามสูงเปลอื ก 9 เซนตเิ มตร
นิเวศวิทยา
อาศัยอยูใ่ นเขตตํ่ากว่าระดับนา้ํ ลงต่ําสดุ ที่มลี กั ษณะเป็นพื้นโคลนหรือทรายปนโคลน
ชีววิทยาและการประมง
สัตว์นํ้าพลอยจับได้ ชนิดหลักที่ติดอวนลอยชายฝั่งเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะอวนลอยปูม้า
บางครง้ั เจอเฉพาะเปลอื กซง่ึ ปเู สฉวนใชเ้ ปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั เมอ่ื ตดิ อวนจะแกะยาก หากตดิ อวนจ�ำ นวนเยอะ
ชาวประมงจะทุบเปลือกให้แตกเพ่ืองา่ ยตอ่ การท�ำ ความสะอาดอวนหลงั จากการทำ�ประมง ปัจจุบนั
มีการนำ�เปลือกหอยสังข์กบใช้ประโยชน์เพื่อเป็นที่อยู่สำ�หรับเลี้ยงปูเสฉวน ยังไม่พบการรายงาน
ชีววทิ ยาประมงของสตั ว์น้าํ ชายฝั่งชนดิ น้ี
ความถีท่ พ่ี บ และมูลค่าสัตว์น้ําที่ท่าข้ึนปลาชุมชน
จากการสัมภาษณ์ชาวประมง พบว่าโอกาสพบจากการประมงค่อนข้างน้อย ประมาณ
2 ครง้ั จากการท�ำ ประมง 10 ครง้ั แตส่ ามารถพบไดต้ ลอดปโี ดยเฉพาะชว่ งมรสมุ หรอื กระแสนา้ํ แรง
หอยสงั ขก์ บจดั เปน็ สตั วน์ า้ํ กลมุ่ ทไ่ี มม่ คี ณุ คา่ ทางเศรษฐกจิ ชาวประมงมกั ปลดทง้ิ และไมไ่ ดใ้ ชป้ ระโยชน์
37
1 cm
Muricidae
หอยสังข์หนามเลก็Murex trapa Roding, 1798
หอยก้างปลา
Rare-spined murex
38
ลกั ษณะ
เปลือกค่อนข้างบางแต่แข็งแรง รูปกระบวยตักนํ้า มีหนามยาวโค้งปกคลุม ปลายยอด
ทรงกรวย วงล�ำ ตวั มขี นาดใหญพ่ องออก ชอ่ งเปดิ เปลอื กรปู ไข่ รอ่ งของทอ่ นา้ํ ยาวตรง เปลอื กบรเิ วณ
ทอ่ นํ้ามีหนามส้นั เพยี ง 3-4 อัน
เปลอื กมีสคี รมี ถึงนํา้ ตาล
ขนาด
พบทว่ั ไปมคี วามสงู เปลอื ก 6-7 เซนตเิ มตร ขนาดใหญท่ ส่ี ดุ มคี วามสงู เปลอื ก 11.5 เซนตเิ มตร
นเิ วศวทิ ยา
อาศัยอยบู่ รเิ วณชายฝ่ังทะเลนํ้าตืน้ ต้ังแตร่ ะดับแนวน้ําลงต่ําสุด พ้ืนทะเลมีลกั ษณะเปน็
ทรายปนโคลน
ชีววทิ ยาและการประมง
หอยสังข์หนามเล็กกินหอยสองฝาหรือหอยฝาเดียวชนิดอื่นเป็นอาหาร จัดเป็นสัตว์นํ้า
พลอยจบั ไดท้ ถี่ ูกทิง้ ไป (Discard) ชนิดหลกั จากเคร่ืองมืออวนลอยชายฝ่งั และพบวา่ ในบางฤดูกาล
ผลจับจากอวนลอยชนิดต่าง ๆ จะติดหอยสังข์หนามเล็กจำ�นวนมาก โดยเฉพาะช่วงมรสุม หรือ
ช่วงที่มีคลื่นลมแรง ซึ่งพบว่าผลจับหอยสังข์หนามขนาดเล็กมีจำ�นวนกว่า ร้อยละ 30 ของผลจับ
ทงั้ หมด และเป็นสตั วน์ ํา้ ที่สรา้ งความเสียหายให้กบั อวนชาวประมง
ความถี่ท่พี บ และมูลค่าสัตว์น้าํ ทีท่ ่าขน้ึ ปลาชุมชน
จากการสัมภาษณ์ชาวประมง พบว่าติดเครื่องมือประมงทุกครั้งของการทำ�ประมง และ
พบได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคม ถึงเดือนกันยายน เป็นสัตว์นํ้าที่สร้างความเสียหาย
ใหก้ บั อวนชาวประมง และไม่มีมลู ค่าทางเศรษฐกิจ
39
1 cm
Melongenidae
Brunneifusus ternatanus (Gmelin, 1791)
หอยโมฬี
Ternate melongena
40
ลักษณะ
เปลือกใหญ่และแข็งแรง รูปทรงกระสวย ปลายยอดแหลม มีตุ่มนูนตามแนววงเปลือก
ช่องเปิดเปลือกรูปรี ขอบดา้ นนอกของช่องเปิดเปลือกหกั เปน็ มุม ร่องของท่อดดู นํา้ ยาว
เปลอื กมีสนี ํา้ ตาลอมแดง มีขนปกคลมุ
ขนาด
พบทว่ั ไปมคี วามสงู เปลอื ก 12 เซนตเิ มตร ขนาดใหญท่ ส่ี ดุ มคี วามสงู เปลอื ก 15 เซนตเิ มตร
นิเวศวิทยา
อาศยั อยู่บริเวณพืน้ ทะเลท่มี ลี กั ษณะออ่ นนุ่ม ระดับความลึก 10-50 เมตร
ชีววทิ ยาและการประมง
เปน็ สตั วน์ า้ํ กลมุ่ พลอยจบั ไดจ้ ากการประมงเชน่ เดยี วกบั กลมุ่ หอยสงั ขห์ นาม แตพ่ บจ�ำ นวน
นอ้ ยกวา่ จบั ไดโ้ ดยการประมงประเภทอวนลอยถงึ พน้ื ทอ้ งทะเลและเครอ่ื งมอื ประเภทลอบ เปลอื กมกั
เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มปูเสฉวนเนื่องจากมีขนาดเปลือกค่อนข้างใหญ่ และบางครั้งติดเครื่องมือ
ประมงอวนลอย หรือลอบมาในรูปแบบของปูเสฉวนทีอ่ าศยั อยู่ในเปลอื กของหอยโมฬี
ความถท่ี ีพ่ บ และมูลคา่ สตั ว์นาํ้ ทีท่ า่ ขึน้ ปลาชุมชน
จากการสัมภาษณ์ชาวประมง พบได้ค่อนข้างบ่อยประมาณ 5 ครั้ง จากการทำ�ประมง
10 ครง้ั และพบไดต้ ลอดทง้ั ปี โดยเฉพาะชว่ งเดอื นมนี าคม ถงึ เดอื นกนั ยายน เปน็ สตั วก์ ลมุ่ ไมม่ มี ลู คา่
ทางเศรษฐกจิ
41
1 cm
Sepiidae
หมกึ กระดองหางแหลมSepia aculeata Van Hasselt [in Ferussac & d’Orbigny], 1835
Needle cuttlefish
42
ลกั ษณะ หมึก
หมกึ กระดองมหี นวด 10 เสน้ ซง่ึ เปน็ หนวดยาวจบั อาหาร 2 เสน้ สามารถหดเขา้ ไปอยใู่ น
กระเปาะได้ ครีบยาวตลอดความยาวลำ�ตัว ครีบตรงส่วนท้ายของลำ�ตัวไม่ติดกัน หนวดจับอาหาร
มกี า้ นยาวเรยี ว ปลายหนวดจบั อาหารบรเิ วณมอื จบั มปี มุ่ ดดู ขนาดเลก็ 10-12 แถวตามยาวในเพศผู้
และ 13-14 แถวในเพศเมีย หนวดคู่ที่ 4 ข้างซ้ายของเพศผู้เปลี่ยนเป็นหนวดผสมพันธุ์ กระดอง
มีรูปทรงรียาว ด้านบนมีลายเป็นรูปตัวยูกลับหัว และหนามท้ายกระดองยาวตรง
ด้านบนลำ�ตัวมีลายแต้มสขี าวจดุ ประ รวมท้งั มีจดุ สีด�ำ แทรกอยู่
ขนาด
เปน็ หมกึ กระดองขนาดกลาง มคี วามยาวล�ำ ตวั 10-12 เซนตเิ มตร ขนาดใหญส่ ดุ มคี วามยาว
ถึง 23 เซนตเิ มตร
นิเวศวทิ ยา
อาศัยอยตู่ ามหนา้ ดนิ ต้งั แตเ่ ขตชายฝง่ั ถงึ ระดับความลกึ 60 เมตร โดยพบชกุ ชมุ ในน้าํ ลกึ
20-40 เมตร
ชวี วทิ ยาและการประมง
เป็นสัตว์นํ้าที่มูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ชาวประมงมีความประสงค์
จะทำ�การประมง อาหารกลุ่มหลักได้แก่ เควย และกุ้ง มีรูปแบบการเติบโตเป็นแบบอัลโลเมตริก
โดยสมการความสัมพันธ์ระหว่างนํ้าหนักกับความยาวลำ�ตัว ดังสมการ W = 0.0006 ML 2.641
ขนาดแรกเริ่มสืบพันธุ์ของเพศผู้ เท่ากับ 7.19 เซนติเมตร ขณะที่เพศเมียเท่ากับ 9.44 เซนติเมตร
สามารถวางไขไ่ ดต้ ลอดปี แตช่ ว่ งทเ่ี ปน็ ฤดกู าลวางไขห่ ลกั อยรู่ ะหวา่ งเดอื นพฤศจกิ ายนถงึ กมุ ภาพนั ธ์
(บุญฤทธิ์ และคณะ, 2556) ซึ่งใกล้เคียงกับการรายงานฤดูกาลสืบพันธ์ุของหมึกชนิดนี้ในประเทศ
อนิ เดีย พบวา่ มีชว่ งสบื พนั ธ์หุ ลักในชว่ งตุลาคม ถึงมีนาคม (Chakraborty et al., 1997)
ความถี่ทพี่ บ และมลู คา่ สัตวน์ ํ้าท่ที ่าขนึ้ ปลาชุมชน
จากการสัมภาษณ์ชาวประมง พบว่าโอกาสที่จะจับได้ด้วยอวนลอยค่อนข้างน้อยมาก
ประมาณ 2 ครั้ง ใน 10 ครั้งของการทำ�ประมง จัดเป็นสัตว์นํ้าที่ชาวประมงประสงค์จะจับ
ความนา่ จะเปน็ ทพ่ี บเจอจากการประมงเทา่ กบั พบได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเดือนมกราคมถึง
เดอื นมนี าคม มลู คา่ ของหมกึ กระดองหางแหลมทท่ี ่าขึน้ ปลาชุมชนกิโลกรมั ละ 80-100 บาท
43
1 cm
Sepiidae
Sepiella inermis (Van Hasselt [in Ferussac & d’Orbigny], 1835)
หมึกกระดองหางไหม้
หมึกกระดองก้นไหม้, หมกึ กระเปา๋
Spineless cuttlefish
44
ลักษณะ
หมึกกระดองมีหนวด 10 เส้น ซึ่งเป็นหนวดยาวจับอาหาร 2 เส้น หดเข้าไปอยู่ใน
กระเปาะได้ ครีบยาวตลอดความยาวลำ�ตัว ครีบตรงส่วนท้ายของลำ�ตัวไม่ติดกัน ลำ�ตัวป้อม
ปลายหนวดจบั อาหารบรเิ วณมอื จบั มปี มุ่ ดดู 12-24 แถว หนวดคทู่ ่ี 4 ขา้ งซา้ ยของเพศผเู้ ปลย่ี นเปน็
หนวดผสมพนั ธ์ุ มปี มุ่ ดดู ทโ่ี คนหนวด 10 แถวทล่ี ดขนาดลง กระดองรปู ไข่ กวา้ ง ดา้ นลา่ งนนู ออกมาก
ดา้ นทา้ ยไมม่ หี นาม
ล�ำ ตวั มสี นี า้ํ ตาลด�ำ หรอื เทา ฐานครบี มแี ตม้ สขี าวประเรยี งตามแนวล�ำ ตวั ลกั ษณะการแตม้
สีขาวของเพศผใู้ หญ่กว่าเพศเมีย
ขนาด
หมึกกระดองขนาดกลาง มีความยาวลำ�ตัว 5-9 เซนติเมตร ขนาดใหญ่สุดมีความยาวถึง
12.5 เซนตเิ มตร เพศเมยี มีขนาดลำ�ตัวใหญก่ วา่ เพศผู้
นเิ วศวิทยา
อาศยั อยตู่ ามหนา้ ดนิ เปน็ หมกึ กระดองขนาดเลก็ พบแพรก่ ระจายทว่ั ไปตามปากแมน่ า้ํ หรอื
ใกลฝ้ ง่ั จนถงึ เขตนา้ํ ลกึ 40 เมตร โดยพบมากบรเิ วณหา่ งฝง่ั 3-7 ไมลท์ ะเล และนา้ํ ลกึ 10-15 เมตร
ชวี วทิ ยาและการประมง
เปน็ กลมุ่ สตั วน์ า้ํ เปา้ หมายทม่ี คี า่ ทางเศรษฐกจิ อาหารกลมุ่ หลกั ไดแ้ ก่ เควย กงุ้ และลกู ปลา
มีรูปแบบการเติบโตเป็นแบบอัลโลเมตริก ขนาดความยาวอนันต์ประมาณ 9 เซนติเมตร โดยมี
สัมประสิทธิ์การเติบโตเท่ากับ 3.7 เซนติเมตรต่อปี และมีการใช้ประโยชน์ทางการประมงเกินกำ�ลัง
การผลิตทดแทน (นิภา, 2551) ส่วนมากวางไข่ใกล้ชายฝั่งประมาณ 3 ไมล์ทะเล และเป็นบริเวณ
นํ้าลึก 10-15 เมตร มีฤดูกาลวางไข่หลักช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน โดยพบหมึกกระดอง
ขนาดเลก็ กวา่ 4 เซนตเิ มตร พบมากในชว่ งเดอื นมนี าคมถงึ เดอื นกรกฎาคม (สมนกึ และสมศร,ี 2536)
ความถท่ี ี่พบ และมูลคา่ สัตวน์ ้าํ ทท่ี ่าขน้ึ ปลาชมุ ชน
จากการสัมภาษณ์ชาวประมง พบว่าโอกาสเจอน้อยครั้ง ประมาณ 2 ครั้งใน 10 ครั้ง
ท�ำ การประมง พบไดต้ ลอดทง้ั ปี โดยเฉพาะชว่ งเดอื นธนั วาคมถงึ เดอื นเมษายน มลู คา่ ของหมกึ กระดอง
หางไหมท้ ่ีท่าขนึ้ ปลาชมุ ชนกโิ ลกรัมละ 60-80 บาท
45
1 cm
Octopodidae
หมกึ สายลายหนิ ออ่ นAmphioctopus aegina (Gray, 1849)
หมกึ สายด�ำ , หมกึ ยักษ,์ หมึกวุยวาย, หมกึ สายใหญ่
Marbled octopus
46
ลกั ษณะ
หมกึ สายมหี นวด 8 เสน้ ไมม่ ีครบี หนวดหนาและค่อนขา้ งส้ัน มคี วามยาวประมาณ 2-3
เทา่ ของล�ำ ตวั หมกึ เพศผมู้ หี นวดคทู่ ่ี 3 ทางดา้ นขวาเปน็ หนวดผสมพนั ธ์ุ และมปี มุ่ ดดู 2-3 อนั ขยายใหญ่
ลำ�ตัวมีสีนํ้าตาลครีม มีลายสีนํ้าตาลเข้มคล้ายลายหินอ่อน ตรงกลางมีเส้นสีครีมพาด
ตามยาว ระหวา่ งตามเี ส้นสีครีมรูปตวั วีพาดขวาง
ขนาด
เป็นหมึกสายขนาดกลาง ความยาวลำ�ตวั 4-10 เซนตเิ มตร
นเิ วศวิทยา
พบทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน อาศัยอยู่ตามหน้าดินที่เป็นโคลน ตั้งแต่เขตชายฝั่งถึง
ระดับความลกึ 40 เมตร
ชวี วทิ ยาและการประมง
เป็นกลุ่มสัตว์นํ้าเป้าหมายที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ผลจับหมึกสายลายหินอ่อนคิดเป็น
รอ้ ยละ 12 ของผลจบั กลมุ่ หมกึ ทง้ั หมดของประเทศไทย ชนดิ สตั วน์ า้ํ ทเ่ี ปน็ อาหารกลมุ่ หลกั ของหมกึ
ชนิดนี้ ได้แก่ เควย กุ้งวัยอ่อน ลูกปลา เป็นต้น สืบพันธุ์ตลอดทั้งปี แต่ช่วงฤดูกาลสืบพันธุ์สูงสุด
ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามันพบในช่วงเดือนมีนาคมซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างฤดูร้อนและฤดูฝน โดยมี
ความดกไขใ่ นชว่ ง 2,962-8,820 ฟอง (Boby et al., 2011) โดยประสทิ ธภิ าพการกนิ อาหารของหมกึ
ชนดิ นจ้ี ะสูงสดุ 2 เดือนกอ่ นฤดูการสืบพันธเุ์ พอื่ เกบ็ กกั พลงั งาน (Pichitra et al., 2011)
ความถ่ที พี่ บ และมูลค่าสตั ว์นํ้าทท่ี ่าขน้ึ ปลาชุมชน
จากการสัมภาษณ์ชาวประมง พบว่ามีโอกาสจับได้น้อย ประมาณ 2 ครั้ง ใน 10 ครั้ง
การทำ�ประมงพบได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม มลู คา่ ของหมกึ สาย
ลายหนิ อ่อนทที่ ่าขึน้ ปลาชมุ ชนกิโลกรมั ละ 100 บาท
47
1 cm
Limulidae
แมงดาทะเลหางกลมCarcinoscorpius rotundicauda (Latreille, 1802)
แมงดาถว้ ย
Mangrove horseshoe crab
48