The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กมธ. ศาสนาฯ, 2023-07-06 04:26:11

สรุปผลงานคณะกรรมาธิการชุดที่ 25

article_20230502155415

๑๒๙ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๑) การออกหนังสือเดินทางประเภทบุคคลทั่วไป (เล่มสีน้ าตาล) ส าหรับ พระภิกษุเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๓๐ ซึ่งมหาเถรสมาคมได้วางระเบียบก าหนดวิธีปฏิบัติไว้แล้ว คือ ระเบียบมหาเถรสมาคม ก าหนดวิธีปฏิบัติในการไปต่างประเทศส าหรับพระภิกษุสามเณร พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งกรณีพระภิกษุ ประสงค์ขอออกหนังสือเดินทางประเภทบุคคลทั่วไปจะต้องได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศ ตามระเบียบมหาเถรสมาคมฯ เสียก่อน โดยในทางปฏิบัติที่ผ่านมา ส านักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติจะมีหนังสือไปยังกรมการกงสุลเพื่อน าส่งมติคณะกรรมการศูนย์ควบคุมการเดินทางไป ต่างประเทศส าหรับพระภิกษุสามเณร (ศ.ต.ภ.) เพื่อขอออกหนังสือเดินทางประเภทบุคคลทั่วไป อายุ ๕ ปี ถวายแด่พระภิกษุ และกรมการกงสุลได้ออกหนังสือเดินทางให้ตามที่ร้องขอ ๒) ส าหรับกรณีที่มีความประสงค์จะให้ออกหนังสือเดินทางประเภทบุคคลทั่วไป อายุ ๑๐ ปี ถวายแด่พระภิกษุ (กรณีเดินทางไปต่างประเทศเป็นการส่วนบุคคล) กรมการกงสุล มีความเห็นว่า สามารถด าเนินการได้ หากเป็นการก าหนดโดยมหาเถรสมาคมซึ่งมีอ านาจหน้าที่ ปกครองคณะสงฆ์ (การก ากับดูแลการเดินทางไปต่างประเทศของพระภิกษุ) ตามพระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๑๕ ตรี กอปรกับระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วย การออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๓๐ (๔) ๓) ส าหรับกรณีหนังสือเดินทางของพระภิกษุที่เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจ อยู่ในต่างประเทศหมดอายุลง สามารถขอท าหนังสือเดินทางเล่มใหม่ได้ ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ในต่างประเทศ โดยให้ด าเนินการเช่นเดียวกับการขอหนังสือเดินทางเล่มเดิม ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับอ านาจ หน้าที่และนโยบายของมหาเถรสมาคม จึงได้มีหนังสือน าเรียนผู้อ านวยการส านักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติเพื่อพิจารณาส่งข้อมูลดังกล่าว เสนอต่อมหาเถรสมาคมพิจารณาด าเนินการตามที่ เห็นสมควรต่อไป ๕.๓๖ การบูรณะโบราณสถานมัสยิดกลางจังหวัดยะลา คณะกรรมาธิการได้รับการชี้แจงข้อมูลจากส านักงานคณะกรรมการอิสลาม ประจ าจังหวัดยะลาว่า คณะกรรมการอิสลามประจ าจังหวัดยะลาได้มีการประชุมร่วมกับ ผู้ร้องเรียน และมีมติให้ผู้ร้องเรียนยืนยันกรณีหากมีการปรับปรุงซ่อมแซมโดมมัสยิดให้คง รูปแบบสถาปัตยกรรมเดิม และหากมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบสถาปัตยกรรมเดิม อิหม่าม จะต้องเริ่มต้นท าประชาพิจารณ์ใหม่ ทั้งนี้ ผู้ร้องเรียนยินดีพร้อมรับปฏิบัติและได้ถอนค าร้อง เรื่องดังกล่าวแล้ว


๑๓๐ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๓๗ การขอขยายเส้นทางเดินเท้าขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ต าบลสุเทพ อ าเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ คณะกรรมาธิการได้มีการพิจารณาติดตามความคืบหน้าการขอขยายเส้นทาง เดินเท้าขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้ตอบรับที่จะไปประสานงาน กับกรมทางหลวงเพื่อพิจารณางบประมาณเหลือจ่ายของปี พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อการส ารวจ ออกแบบ และให้ด าเนินการขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจ าปีพ.ศ. ๒๕๖๗ ตามแผนงานต่อไป ทั้งนี้ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อการรักษาความปลอดภัยในการป้องกันและลดอุบัติเหตุของประชาชน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว


๑๓๑ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๓๘ การช่วยเหลือเยียวยากลุ่มศิลปินและผู้ที่ท างานด้านศิลปะและวัฒนธรรม (Cultural Worker) คณะกรรมาธิการได้พิจารณาและมีหนังสือน าเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวง วัฒนธรรมเพื่อพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือเยียวยาและขอให้กระทรวงวัฒนธรรม เป็นเจ้าภาพหลักในการประสานงานการขอความอนุเคราะห์หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีสาระส าคัญ ดังนี้


๑๓๒ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๑) จัดท าระบบฐานข้อมูลรายชื่อศิลปิน และผู้ที่ท างานด้านศิลปะและวัฒนธรรม (Cultural Worker) เพื่อประโยชน์ในการให้ความช่วยเหลือและส่งเสริมสนับสนุน ๒) เสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ (ศบค.) พิจารณาผ่อนปรนมาตรการในการจัดกิจกรรม การแสดง การประกอบอาชีพ ด้านศิลปะ วัฒนธรรม ตามความเหมาะสมของสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยค านึงถึง ผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสาธารณสุขควบคู่กันไป เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน ตลอดจนพิจารณาจัดสรรวัคซีนให้แก่กลุ่มศิลปินที่ขึ้นทะเบียนตามข้อ ๑) ๓) พิจารณาสนับสนุนการจ้างงานและเงินทุนในการจัดกิจกรรม การแสดง การประกอบอาชีพด้านศิลปะ วัฒนธรรม ทั้งในรูปแบบปกติและออนไลน์โดยพิจารณาจาก กองทุนหมุนเวียนภายในกระทรวงวัฒนธรรม เช่น กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กองทุนส่งเสริม ศิลปะร่วมสมัย เป็นต้น หรือประสานงานขอความอนุเคราะห์จากกองทุนหรือหน่วยงานภายนอก ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เช่น กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัย และสร้างสรรค์องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ธนาคาร เป็นต้น ๔) เสนอให้รัฐบาลพิจารณาโครงการหรือมาตรการในการสนับสนุนการจ้างงาน การจัดกิจกรรม การแสดงผลงานด้านศิลปะและวัฒนธรรมของภาคเอกชน เช่น การลดหย่อนภาษี เป็นต้น ๕) พิจารณาจัดหาช่องทางในการน าเสนอผลงานด้านศิลปะและวัฒนธรรม โดยประสานงานขอความอนุเคราะห์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การกระจายเสียง และแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (Thai PBS) กรมประชาสัมพันธ์(สถานีวิทยุโทรทัศน์ แห่งประเทศไทย) สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา ๖) เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาให้ธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย เป็นต้น จัดท าโครงการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่ด าเนินกิจการ เกี่ยวกับการสร้างสรรค์ผลงานด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของรัฐบาล ๕.๓๙ การบริหารจัดการงบประมาณเพื่อสนับสนุนการด าเนินงานของสภาวัฒนธรรม แห่งประเทศไทย คณะกรรมาธิการได้รับการชี้แจงข้อมูลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรมว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้มีแนวทางการสนับสนุนงบประมาณให้สภาวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยการจัดท าค าของบประมาณให้กับองค์กรเครือข่ายสภาวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อให้ เป็นไปตามประกาศและหลักเกณฑ์ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม


๑๓๓ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๔๐ การให้ความช่วยเหลือวัดน้ าพุ ต าบลปากช่องอ าเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จากผลกระทบโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา – ชุมทาง ถนนจิระ และโครงการรถไฟความเร็วสูง คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ด าเนินการตามแผนงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการเจรจาปรองดองต่อไป และคณะกรรมาธิการ จะพิจารณาติดตามความคืบหน้าโดยมอบหมายให้นายศิรสิทธิ์ เลิศด้วยลาภ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา (ผู้ประสานงานเรื่องจากวัดน้ าพุ) น าประเด็นปัญหาดังกล่าวหารือในที่ประชุม สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อไป


๑๓๔ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๔๑ การประสานงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อพิจารณาแก้ไขปรับปรุงระบบ การจ่ายไฟฟ้าให้แก่วัดตะโก ต าบลดอนหญ้านาง อ าเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คณะกรรมาธิการได้มีหนังสือน าเรียนผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เพื่อพิจารณาแก้ไขปรับปรุงระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่วัดตะโกให้เป็นไป ตามความเหมาะสมแก่การใช้งานของวัด ๕.๔๒ แนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเจดีย์ทุ่งเศรษฐีอ าเภอชะอ า จังหวัดเพชรบุรี คณะกรรมาธิการได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ แหล่งโบราณสถานเจดีย์ทุ่งเศรษฐี อ าเภอชะอ า จังหวัดเพชรบุรี โดยได้รับทราบข้อมูลว่า กรมศิลปากรด าเนินการส ารวจพบว่า มีอาคารส านักสงฆ์ซึ่งยังคงมีความแข็งแรงและมีห้องน้ าพร้อมให้บริการจึงปรับปรุงอาคารเพื่อใช้ ส าหรับรองรับนักท่องเที่ยว ตามแผนการอนุรักษ์ที่จะจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อบอกเล่าเรื่องราว ของทุ่งเศรษฐี และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดเพชรบุรีนอกจากนี้ กรมศิลปากร


๑๓๕ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ได้ขุดแนวก าแพงเมืองบริเวณโรงเรียนเซนต์โยเซฟเพชรบุรีพบหลักฐานทางโบราณคดียืนยันได้ว่า เมืองเพชรบุรีเป็นเมืองใหญ่มีก าแพงล้อมรอบจริง โดยได้รับงบประมาณจ านวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) เพื่อขุดเปิดพื้นที่ ทั้งนี้ หากมีการพัฒนาต่อไปจะส่งเสริมให้จังหวัดเพชรบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เชื่อมกับเมืองมะริด ประเทศเมียนมาร์ และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งสามารถบอกเล่าเรื่องราวของละครชาตรีจากเพชรบุรีไปสู่นครศรีธรรมราชเชื่อมโยงไปจนถึง พระนครศรีอยุธยา และในขณะที่มีการขุดแนวก าแพงเมืองได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อช าระ ประวัติศาสตร์ และจัดท าพิพิธภัณฑ์เมืองเพชรบุรีไปพร้อมกันด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้มี ข้อเสนอแนะกรมศิลปากรควรจะพัฒนาแหล่งโบราณสถานทุ่งเศรษฐีและขุดค้นแนวก าแพงเมืองเก่า ไปในคราวเดียวกัน โดยขอรับการจัดสรรงบประมาณจากจังหวัดเพชรบุรี เพื่อพัฒนาเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวแห่งใหม่ต่อไป ซึ่งกรมศิลปากร โดยส านักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี ได้รายงานผลการส ารวจ แหล่งโบราณสถานทุ่งเศรษฐีโดยใช้เทคโนโลยีวิธีการไลดาร์ (LIDAR) ไม่พบแหล่งโบราณสถาน ขนาดใหญ่เท่ากับโบราณสถานทุ่งเศรษฐีเพิ่มเติม พบเพียงแนวคันดินและร่องรอยการตั้งถิ่นฐาน ทับซ้อนกันหลายยุคสมัย และถูกบุกรุกท าลายจนไม่เหลือสภาพที่จะขุดแต่งบูรณะได้และมี ข้อเสนอแนะแนวทางการด าเนินการ ดังนี้ ๑) หากจะพัฒนาแหล่งโบราณสถานทุ่งเศรษฐี และบริเวณโดยรอบของพื้นที่ อาคารส านักสงฆ์ (ร้าง) ให้เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ในยุคสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้องกับ โบราณสถานทุ่งเศรษฐี และแหล่งทวารวดีอื่น ๆ ในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งสามารถด าเนินการได้ แต่ต้องหาจุดท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากแหล่งเรียนรู้นี้ไปยังพื้นที่ใกล้เคียง ๒) ต้องให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น รวมถึงสถานศึกษาต่าง ๆ เห็นคุณค่า และความส าคัญของแหล่งโบราณสถานทุ่งเศรษฐี โดยจัดกิจกรรมประเพณีที่มีคุณค่าสามารถส่งเสริม แหล่งโบราณสถานทุ่งเศรษฐีให้เป็นพื้นที่จัดงานและเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ได้ ๕.๔๓ การบุกรุกพื้นที่อนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า อ าเภอเมืองก าแพงเพชร จังหวัดก าแพงเพชร คณะกรรมาธิการได้รับการชี้แจงข้อมูลจากกรมศิลปากรชี้แจงว่า กรมศิลปากร (โดยส านักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า ส านักงานชลประทานที่ ๔ ขออนุญาตปลูกสร้างอาคารในโครงการประตูระบายน้ าปลายคลองสวนหมากพร้อมอาคารประกอบ ซึ่งที่ประชุมคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าก าแพงเพชรได้พิจารณาและมีมติ ดังนี้ ๑) ไม่เห็นชอบโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ าวัดพระบรมธาตุและสถานี สูบน้ าด้วยไฟฟ้าวัดพระบรมธาตุ เนื่องจากการด าเนินงานขัดต่อเงื่อนไขในประกาศคณะอนุกรรมการ อนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าก าแพงเพชร ดังนั้น จึงให้ส านักงานชลประทานที่ ๔ ศึกษาข้อมูล เพิ่มเติมก่อนการด าเนินการต่อไป ๒) เห็นชอบโครงการปรับปรุงคลองพร้อมป้องกันตลิ่งคลองสวนหมาก บริเวณชุมชนนครชุมและวัดสว่างอารมณ์จังหวัดก าแพงเพชร


๑๓๖ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๔๔ การพิจารณาช าระประวัติศาสตร์เมืองถลาง (จังหวัดภูเก็ต) ด้วยหลักฐาน ข้อมูลปฐมภูมิ คณะกรรมาธิการได้รับการร้องขอให้พิจารณาช าระประวัติศาสตร์เมืองถลาง (จังหวัดภูเก็ต) ด้วยหลักฐานข้อมูลปฐมภูมิคณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่า หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ควรเป็นเจ้าภาพหลักในการพิจารณา จึงได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ จังหวัดภูเก็ต และได้มีการประชุมหารือร่วมกับจังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ส านักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช ส านักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต และมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เป็นต้น ต่อมาได้รับทราบข้อมูลว่า การพิจารณาช าระประวัติศาสตร์เมืองถลาง (จังหวัดภูเก็ต) ด้วยหลักฐาน ข้อมูลปฐมภูมิ อยู่ระหว่างการตั้งคณะท างานเพื่อศึกษาวิจัยข้อมูลประวัติศาสตร์เมืองถลาง โดยมีวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ตร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ส านักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช และนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเป็นคณะท างานดังกล่าว เพื่อด าเนินการรวบรวมข้อมูล ให้เป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ โดยมีกรอบระยะเวลาตามที่ก าหนด ๕.๔๕ การจัดสรรวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ถวายแด่พระภิกษุสามเณร และให้แก่สัปเหร่อหรือผู้ท าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการฌาปนกิจและ พิธีกรรมทางศาสนา คณะกรรมาธิการได้พิจารณาและมีหนังสือน าเรียนผู้อ านวยการศูนย์บริหาร สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (ศบค.) เพื่อพิจารณาจัดสรร การฉีดวัคซีนถวายแด่พระภิกษุสามเณร และให้แก่สัปเหร่อหรือผู้ท าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการฌาปนกิจ และพิธีกรรมทางศาสนาโดยเร่งด่วน


๑๓๗ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๔๖ แนวทางการตราอนุบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม คณะกรรมาธิการได้พิจารณาติดตามเรื่องดังกล่าว และมีหนังสือน าเรียน ผู้อ านวยการส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อพิจารณาตั้งคณะท างานด าเนินการรวบรวม ข้อมูลประกอบการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินส ารองรายจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น เพื่อเป็นค่าตอบแทนรายเดือนให้แก่เจ้าหน้าที่การศึกษาพระปริยัติธรรม (จศป.) โดยมีผู้แทนของคณะกรรมาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเป็นคณะท างาน ดังกล่าว เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งในขณะนี้ส านักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติได้จัดท าเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมให้เป็นมาตรฐานตามที่ส านักงบประมาณ ได้ก าหนด จ านวน ๑๑ ประเด็น เสร็จสิ้นแล้ว และอยู่ระหว่างรอน าเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ การศึกษาพระปริยัติธรรม (กศป.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบรับรองประเด็นต่าง ๆ และจะได้ น าเสนอส านักงบประมาณเพื่อพิจารณาด าเนินการเบิกจ่ายงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ส านักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติรับจะถวายรายงานให้ประธานคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม (กศป.) เพื่อรับทราบการติดตามความคืบหน้าของคณะกรรมาธิการ เพื่อขอให้พิจารณาก าหนด วันนัดประชุม (มีการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕) ๕.๔๗ การจัดท าหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวง (เพิ่มเติม) เพื่อก าหนดวิทยฐานะตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมาธิการได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะท างานเพื่อพิจารณา ศึกษาแนวทางจัดท าหลักสูตรเพิ่มเติมเพื่อก าหนดวิทยฐานะตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ส านักแม่กองบาลีสนามหลวง มหาวิทยาลัย


๑๓๘ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ มหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม เข้าร่วมเป็นคณะท างานดังกล่าว ๕.๔๘ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ จากพฤติกรรม การแต่งกายที่ไม่เหมาะสมของบุคคลในสังคมออนไลน์ คณะกรรมาธิการได้รับทราบข้อมูลจากผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม และส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งมีอ านาจหน้าที่ตามกฎหมายในการด าเนินการ กับผู้กระท าการที่ไม่เหมาะสม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังติดตาม Facebook Page อย่างต่อเนื่องเพื่อพิจารณาด าเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้ว เห็นว่า การกระท าที่ไม่เหมาะสมต่อพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ น ามาซึ่งการสร้างความไม่พอใจ ให้แก่พุทธศาสนิกชนที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ เป็นจ านวนมาก หากได้น ามา พิจารณาในข้อกฎหมายอาจเข้าข่ายเป็นการกระท าความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท า ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ (๑) “โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง น าเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่ การกระท าความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา และ (๒) น าเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษา ความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนก แก่ประชาชน” ดังนั้น จึงเห็นควรให้ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม พิจารณาด าเนินการบังคับใช้กฎหมายเพื่อด าเนินคดีกับผู้กระท าการ ที่ไม่เหมาะสม โดยน าพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ (๑) และ (๒) ประกอบการพิจารณาร่วมกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๐๖ และมาตรา ๒๐๘ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอุปถัมภ์คุ้มครองศาสนา และป้องปรามบุคคลมิให้ลอกเลียนแบบ หรือมีพฤติกรรมกระท าการดังกล่าวต่อไป ๕.๔๙ การด าเนินการตามกฎหมายกับขบวนการสร้างความแตกแยกระหว่าง พุทธศาสนิกชนและอิสลามิกชน (มุสลิม) คณะกรรมาธิการได้มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาข้อร้องเรียน ของประธานศูนย์พิทักษ์ธรรม เกี่ยวกับกรณีขอให้ด าเนินตามกฎหมายกับขบวนการสร้างความ แตกแยกระหว่างพุทธศาสนิกชนและอิสลามิกชน (มุสลิม) โดยส านักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้มี หนังสือแจ้งว่า นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้ส่งเรื่องไปยังส านักงานต ารวจแห่งชาติ และกอง อ านวยการรักษาความมั่นคงภายในราชการอาณาจักรเพื่อพิจารณาต่อไป


๑๓๙ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๕๐ การบูรณปฏิสังขรณ์โบราณวัตถุและโบราณสถานของวัดกันมาตุยาราม แขวงสัมพันธวงศ์เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร คณะกรรมาธิการได้เดินทางไปศึกษาดูงานและประชุมร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับทราบข้อมูลว่า วัดกันมาตุยารามมีอุโบสถและวิหารคดซึ่งได้ขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานแล้ว การบูรณปฏิสังขรณ์จะต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมศิลปากร ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการเห็นว่ารูปพระอสีติมหาเถระและภาพฝาผนังมีความช ารุดทรุดโทรม หากรอ การสนับสนุนจากงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๖๖ เกรงว่าอาจจะมีความล่าช้าและท าให้เกิดความเสียหาย มากขึ้น ดังนั้น จึงเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยให้วัดกันมาตุยารามตั้งกองทุนเพื่อจัดหา งบประมาณ เป็นเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) เพื่อการบูรณปฏิสังขรณ์ซ่อมแซม โดยเร่งด่วน ปัจจุบันได้รับการบูรณะบางส่วนแล้ว


๑๔๐ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๕๑ การบูรณะเมรุของวัดเขต ต าบลหนองบัวแดงอ าเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ คณะกรรมาธิการได้มีหนังสือน าเรียนผู้อ านวยการส านักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติเพื่อพิจารณาและได้รับการชี้แจงว่า วัดเขตยื่นแบบค าขอรับงบประมาณเงินอุดหนุน ต่อส านักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชัยภูมิแล้ว และส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้เสนอ รายละเอียดค าของบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้ส านักงบประมาณ พิจารณาเรียบร้อยแล้ว ๕.๕๒ การฟื้นฟูวันส าคัญและการแก้ไขปัญหาด้านพระพุทธศาสนา คณะกรรมาธิการได้มีหนังสือน าเรียนผู้อ านวยการส านักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติเพื่อพิจารณาและได้รับการชี้แจงว่า ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้น าเรื่องดังกล่าว หารือพระเถระผู้ใหญ่พิจารณาแล้วเห็นว่า กฎมหาเถรสมาคม มติมหาเถรสมาคม ได้ก าหนด วิธีปฏิบัติไว้แล้ว ดังนี้ ๑) วันอัฏฐมีบูชา และวันธรรมสวนะ (วันพระ) จะมีระเบียบชาวพุทธ ซึ่งพุทธศาสนิกชนจะปฏิบัติเป็นปกติอยู่แล้ว ๒) กรณีพระภิกษุใช้ค าพูดไม่เหมาะสมกับสมณสารูป ได้มีมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๔ มติที่ ๔๙๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ เรื่อง การนุ่งห่มจีวร และการใช้ถ้อยค าของพระภิกษุสามเณร ซึ่งก าหนดให้วัดมีการก าชับพระภิกษุสามเณรใช้วาจา ถ้อยค าให้ถูกต้องตามสมณสารูป ๓) กรณีบุคคลที่มีเพศไม่เป็นไปตามก าเนิดอย่างสมบูรณ์เข้าบวชในพระพุทธศาสนา ซึ่งขัดต่อพระวินัยนั้น ปัจจุบันการบรรพชาอุปสมบทเป็นอ านาจหน้าที่ของพระอุปัชฌาย์ ซึ่งได้มีกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๓๖) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ และที่แก้ไขเพิ่มเติมก าหนดวิธีปฏิบัติหน้าที่พระอุปัชฌาย์ใช้บังคับอยู่แล้ว ๕.๕๓ การบูรณะองค์หลวงพ่อโตและบริเวณพระวิหารคดของวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ต าบลรั้วใหญ่อ าเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี คณะกรรมาธิการได้มีหนังสือน าเรียนอธิบดีกรมศิลปากรเพื่อขอให้พิจารณา ด าเนินการตามอ านาจหน้าที่ ซึ่งกรมศิลปากร โดยส านักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี แจ้งว่า ได้ประสานงานกับวัดและมีความเห็นร่วมกันว่า การซ่อมแซมก าแพงแก้วและวิหารซึ่งเป็น โบราณสถานนั้น จะขอรับงบประมาณอุดหนุนจากกรมศิลปากร ส่วนการปูพื้นลานวิหารคด ซึ่งก่อสร้างเพิ่มเติมภายหลังจะต้องใช้งบประมาณของวัดเพื่อด าเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ กรมศิลปากรได้จัดท าค าขอรับการจัดสรรงบประมาณบูรณะวิหารหลวงพ่อโต และบูรณะก าแพงแก้วแล้ว แต่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ และยินดีพร้อมจะเร่งด าเนินการ จัดท าค าขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อด าเนินการบูรณะองค์หลวงพ่อโตที่มีรอยร้าวบริเวณ


๑๔๑ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ส่วนพระพาหา (แขน) ต่อไปด้วย ปัจจุบันได้เริ่มโครงการบูรณะองค์หลวงพ่อโตแล้ว ซึ่งเกิดจาก ความร่วมมือของวัด กรมศิลปากร และประชาชนในพื้นที่ ๕.๕๔ ขอความเป็นธรรมกรณีพระภิกษุถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่มบุคคลต่างศาสนา คณะกรรมาธิการมีหนังสือน าเรียนผู้อ านวยการโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก อ าเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เพื่อด าเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและได้รับ การชี้แจงว่า ได้มีการสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติต่อพระภิกษุในพื้นที่แล้ว ๕.๕๕ ปัญหาสถานะเครือข่ายยุวพัฒนาสังคม (Social Fix) คณะกรรมาธิการได้มีหนังสือน าเรียนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวง วัฒนธรรม เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับสถานะของเครือข่ายยุวพัฒนาสังคม (Social Fix) ว่าเป็นองค์กร เครือข่ายวัฒนธรรมหรือไม่ โดยได้รับการชี้แจงอ้างถึงข้อมูลอันประกอบด้วย ๑) พระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๕ ๒) กฎกระทรวงก าหนดที่มา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา จ านวน กรรมการและสมาชิกวาระการด ารงต าแหน่ง การพ้นจากต าแหน่ง การประชุม การบริหารจัดการ และการด าเนินงานของสภาวัฒนธรรม พ.ศ. ๒๕๕๕ ๓) ประกาศกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เรื่อง การจดแจ้ง และหนังสือรับรอง การจดแจ้งเป็นเครือข่ายวัฒนธรรม ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๕


๑๔๒ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ทั้งนี้ เพื่อรองรับสถานะของสภาวัฒนธรรมที่ตั้งตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรม แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้เป็นองค์กรภาคเอกชนที่ด าเนินงานวัฒนธรรมภายใต้การก ากับดูแล ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และสามารถด าเนินงานวัฒนธรรมในพื้นที่ได้แต่ไม่รองรับสถานะ ให้กับองค์กรเครือข่ายทางวัฒนธรรม ดังนั้น กรณีเครือข่ายยุวพัฒนาสังคม (Social Fix) ประสงค์จะมีสถานะเป็นนิติบุคคล จะต้องด าเนินการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทั้งนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้มีหนังสือแจ้งเครือข่ายยุวพัฒนาสังคม (Social Fix) เพื่อทราบแล้ว ๕.๕๖ การติดตามความคืบหน้าการส ารวจเส้นทางพระเจ้าชีวิต ของสถาบันคชบาล แห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์อ าเภอห้างฉัตร จังหวัดล าปาง คณะกรรมาธิการได้พิจารณาติดตามความคืบหน้าโครงการส ารวจเส้นทาง พระเจ้าชีวิต สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ อ าเภอห้างฉัตร จังหวัดล าปาง โดยอยู่ระหว่างขั้นตอน การส ารวจทางวิชาการ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ๕.๕๗ การแก้ไขกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาด้านพระพุทธศาสนา และปัญหา ด้านความประพฤติและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ของคณะกรรมาธิการ วุฒิสภา ปัญหาพระภิกษุประพฤติผิดพระวินัยร้ายแรง คืออาบัติปาราชิก กรณีการอวดอุตริ มนุสธรรมและการเสพเมถุนกับบุคคลไม่ว่าจะมีเพศสภาพใด ตลอดทั้งการประพฤติตนไม่เหมาะสม อื่น ๆ ตามที่ปรากฏในสื่อต่าง ๆ นั้น คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วมีความเห็นด้วยในหลักการ เกี่ยวกับการเสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาด้านพระพุทธศาสนา และปัญหาด้านความประพฤติ และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและ วัฒนธรรม วุฒิสภา โดยคณะกรรมาธิการมีประเด็นที่เห็นสมควรตั้งเป็นข้อสังเกตให้พิจารณา เพิ่มเติม ดังนี้


๑๔๓ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๑) ประเด็นเรื่องการอวดอุตริมนุสธรรม ซึ่งจะมีการเพิ่มเติมขึ้นใหม่ใน พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ โดยมีการเสนอเพิ่มเติมเป็น ดังนี้ “มาตรา ๔๔ จัตวา พระภิกษุใดกระท าการล่วงละเมิดทางพระธรรมวินัย โดยการอวดอุตริมนุสธรรม ซึ่งมีในตนหรือไม่มีในตนก็ดี ก่อให้เกิดความเสียหายแก่พระพุทธศาสนา ต้องระวางโทษจ าคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจ า ทั้งปรับ” ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ประเด็นเรื่องการอวดอุตริมนุสธรรม ในพระวินัยได้บัญญัติเพียงการอวดอุตริ มนุสธรรมที่ไม่มีในตน พระภิกษุผู้กระท าเช่นนั้นเป็นอาบัติปาราชิก ส่วนการอวดอุตริมนุสธรรม ที่มีในตน โดยการบอกแก่บุคคลอื่นที่ไม่ใช่พระภิกษุด้วยกัน (อนุปสัมปัน) ปรับเป็นอาบัติปาจิตตีย์ เท่านั้น ดังนั้น จึงควรพิจารณาทบทวนในประเด็นดังกล่าวให้สอดคล้องกับพระวินัย ๒) ประเด็นการกระท าผิดพระวินัยโดยการเสพเมถุน ซึ่งจะมีการเพิ่มเติมขึ้นใหม่ ในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ โดยมีการเสนอเพิ่มเติมเป็น ดังนี้ “มาตรา ๔๔ เบญจ พระภิกษุใดกระท าการล่วงละเมิดพระธรรมวินัย โดยการเสพเมถุนก่อให้เกิดความเสียหายแก่พระพุทธศาสนา ต้องระวางโทษจ าคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ บุคคลใดยินยอมร่วมเสพเมถุนกับพระภิกษุ ต้องระวางโทษตามวรรคหนึ่ง เช่นเดียวกัน” ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ การเสพเมถุนที่จะเป็นความผิดตามมาตรานี้จะต้องเป็นการเสพเมถุน กับบุคคลไม่ว่าจะเป็นเพศชาย เพศหญิง หรือมีเพศสภาพเช่นใดเท่านั้นใช่หรือไม่ แต่ในพระวินัย การเสพเมถุนที่เป็นอาบัติปาราชิกนั้นมีลักษณะการกระท าผิดที่หลากหลาย ทั้งการกระท ากับ ตนเอง ต่อบุคคลที่เป็นชาย หญิง แม้กระทั่งกับสัตว์หรือวัตถุสิ่งของก็เป็นอาบัติปาราชิก ดังนั้น จึงควรพิจารณาทบทวนในประเด็นดังกล่าวให้สอดคล้องกับพระวินัยหรือไม่ ปัญหาการล้อเลียนหรือดูหมิ่นศาสนา ตามมาตรา ๒๐๖ และการแต่งกาย เลียนแบบพระสงฆ์ นักพรต หรือนักบวช ตามมาตรา ๒๐๘ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ที่คณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา เสนอให้มี การแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะการกระท าความผิดให้มีความชัดเจนนั้น คณะกรรมาธิการได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นชอบด้วยในหลักการเกี่ยวกับการเสนอแก้ไขเพิ่มเต็มทั้งสองมาตรา และมีประเด็น ที่เห็นสมควรตั้งเป็นข้อสังเกตเพื่อพิจารณาเพิ่มเติม ดังนี้ ๑) มาตรา ๒๐๖ เป็นบทบัญญัติการกระท าผิดต่อวัตถุหรือสถานที่อันเป็น ที่เคารพในทางศาสนา โดยมีการเสนอเพิ่มเติมเป็น ดังนี้ “มาตรา ๒๐๖ ผู้ใดกระท าด้วยประการใด ๆ แก่วัตถุหรือสถานอันเป็น ที่เคารพในทางศาสนาของหมู่ชนใด อันเป็นการล้อเลียน ดูหมิ่น ท าให้เข้าใจผิดในสาระส าคัญ


๑๔๔ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ หรือกระท าการอันไม่สมควรอย่างยิ่งต่อวัตถุหรือสถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนา หรือกระท า ด้วยประการใด ๆ อันเป็นการล้อเลียน ดูหมิ่น ท าให้เข้าใจผิดในสาระส าคัญ หรือเหยียดหยาม ศาสนานั้น ต้องระวางโทษจ าคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ” ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ค าว่า “...กระท าการอันไม่สมควรอย่างยิ่ง...” ที่มีการเพิ่มเติมนั้น เป็นถ้อยค าที่มีความหมายอย่างกว้างและไม่มีความชัดเจนของลักษณะแห่งการกระท าผิด อาจจะท าให้การบังคับใช้กฎหมายมีปัญหาทั้งในทางปฏิบัติและการตีความข้อกฎหมายได้ ดังนั้น จึงเห็นว่าควรมีการแก้ไขถ้อยค าให้มีความชัดเจนหรือตัดถ้อยค าดังกล่าวออกไป ๒) มาตรา ๒๐๘ เป็นบทบัญญัติห้ามบุคคลแต่งกายเลียนแบบพระภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช โดยมีการเสนอเพิ่มเติมวรรคสองเป็น ดังนี้ “มาตรา ๒๐๘ ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นพระภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ ถ้าการกระท าผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระท าเพื่อให้ได้รับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดต่อตนเองหรือผู้อื่น หรือกระท าการใดให้เกิดความเสื่อมเสียต่อศาสนา ผู้นั้น ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ” ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ (๑) สาระส าคัญขององค์ประกอบความผิดตามมาตรานี้คือ “เพื่อให้ บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นพระภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช” แต่ในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หรือค าพิพากษาของศาลจะพบว่า ผู้กระท าการเหล่านั้นได้แต่งกายเลียนแบบจริง บางกรณี อาจจะมีเจตนาลบหลู่ศาสนาจริง แต่การกระท านั้นไม่เป็นความผิดเพราะมีการโต้แย้งว่า ไม่มีใคร เชื่อว่าผู้กระท าการเหล่านั้นเป็นพระภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช ตามที่มีการแต่งกาย เลียนแบบจริง จึงเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง เพราะองค์ประกอบความผิดที่เป็นสาระส าคัญไม่ครบ ตามหลักกฎหมาย ดังนั้น จึงมีความเห็นให้พิจารณาทบทวนว่า โดยควรตัดค าว่า “เพื่อให้บุคคลอื่น เชื่อว่าตนเป็นพระสงฆ์ นักพรต หรือนักบวช” ออก หรือเห็นควรให้แก้ไขเพิ่มเติมเป็น ดังนี้ “มาตรา ๒๐๘ ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็น พระภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็น บุคคลเช่นว่านั้นและการกระท านั้นเป็นการล้อเลียน ดูหมิ่น ซึ่งท าให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง ของภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวชในศาสนานั้น ๆ ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ (๒) การเพิ่มเติมวรรคสองของมาตรา ๒๐๘ คณะกรรมาธิการมีความเห็นด้วย อย่างยิ่งว่า ควรจะเพิ่มโทษในส่วนการกระท าผิดที่หวังผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ค านึงถึงความเสียหายต่อศาสนา


๑๔๕ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ (๓) การบัญญัติความในมาตรา ๒๐๘ ว่า “การแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ นักพรต หรือนักบวช” เป็นการบัญญัติในภาพรวมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นศาสดาของศาสนาหรือสาวก ของแต่ละศาสนา คณะกรรมาธิการเห็นว่า ควรแยกการกระท าผิดออกเป็น ๒ ประเภท คือ (๑) การกระท าผิดต่อศาสดาของศาสนานั้น ๆ ซึ่งควรจะก าหนดโทษให้สูงกว่าการกระท าต่อสาวก และ (๒)การกระท าผิดต่อพระสงฆ์สาวก นักพรต หรือนักบวช เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ต่อมาคณะกรรมาธิการได้รับทราบข้อมูลจากส านักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งผลการด าเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยน ากราบเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว มีบัญชาส่งเรื่องให้ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และส านักงานต ารวจแห่งชาติพิจารณา ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๕.๕๘ การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อพัฒน์ วัดธารทหาร (วัดห้วยด้วน) ต าบลธารทหาร อ าเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ คณะกรรมาธิการได้พิจารณาและถวายข้อเสนอแนะแด่วัดธารทหาร (ห้วยด้วน) เกี่ยวกับการพิจารณาการอนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคล แบ่งเป็น ๓ แนวทาง ดังนี้ ๑) การจัดสร้างโดยวัด ๒) การจัดสร้างโดยภาคเอกชน ๓) การจัดสร้างโดยหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรการกุศล ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักการของมติมหาเถรสมาคมที่เกี่ยวข้อง กล่าวคือ ให้มี การด าเนินการโดยผ่านพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะต าบล เจ้าคณะอ าเภอ และเจ้าคณะจังหวัด เพื่อทราบการขออนุญาตพร้อมแนบรายละเอียดการด าเนินการด้วย ดังนั้น จึงเห็นควรยุติ การพิจารณาเรื่องดังกล่าว และได้มีหนังสือน าเรียนผู้อ านวยการส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อน าเสนอที่ประชุมมหาเถรสมาคมพิจารณาก าหนดแนวทางการอนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคล กับวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปกป้องคุ้มครองวัดและพระภิกษุต่อไป ๕.๕๙ การตรวจสอบความเหมาะสมในการใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อเป็น ค่าตอบแทนด้านศาสนา คณะกรรมาธิการได้มีหนังสือน าเรียนปลัดกระทรวงมหาดไทยเพื่อพิจารณา ตรวจสอบความเหมาะสมในการใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อเป็นค่าตอบแทนด้านศาสนา ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ชี้แจงว่า ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีเจตนารมณ์ส าคัญในการให้ผู้น า และองค์กรการบริหารในศาสนามีบทบาทหน้าที่ในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และการปฏิบัติศาสนา ของพี่น้องประชาชนไทยที่นับถือศาสนารวมทั้งท าหน้าที่ช่วยเหลือ สนับสนุน ส่งเสริมการปฏิบัติงาน ให้แก่หน่วยงานของทางราชการที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยจึงได้เสนอให้มีการก าหนด ค่าตอบแทนให้แก่ผู้น าศาสนาบางต าแหน่ง และได้มีการปรับเพิ่มค่าตอบแทนโดยพิจารณาปัจจัย ทางเศรษฐกิจ สังคม และสถานการณ์คลังของประเทศด้วย


๑๔๖ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๖๐ การประสานงานการบูรณะโบราณสถานวัดเขาดินใต้ ต าบลเขาดิน อ าเภอ เก้าเลี้ยวจังหวัดนครสวรรค์ คณะกรรมาธิการได้มีหนังสือน าเรียนอธิบดีกรมศิลปากร เพื่อพิจารณา ด าเนินการตามหน้าที่และอ านาจต่อไป ๕.๖๑ โครงการกิจกรรมการแสดง “โนราห์ใต้ ศาสตร์ศิลป์ ถิ่นมรดกโลก” คณะกรรมาธิการได้เดินทางไปร่วมโครงการกิจกรรมการแสดง “โนราห์ใต้ ศาสตร์ศิลป์ ถิ่นมรดกโลก” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันอาทิตย์ที่ ๑๗ - วันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ต าบลในเมืองอ าเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นการด าเนินการร่วมกันระหว่างคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง วัฒนธรรม (นายอิทธิพล คุณปลื้ม) เดินทางไปเป็นประธานเปิดงาน และมีรองศาสตราจารย์รงค์ บุญสวยขวัญ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ห้า กล่าวรายงาน และมีผู้แทนของคณะกรรมาธิการ และคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านศิลปะและวัฒนธรรม เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ โดยได้รับความร่วมมือด้วยดีจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่งผลต่อการสร้างความส าคัญ ของการเพิ่มคุณค่าและมูลค่าทางวัฒนธรรม (Soft Power)


๑๔๗ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๖๒ การจัดสร้างพุทธมณฑลจังหวัด คณะกรรมาธิการได้เดินทางไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการจัดสร้างพุทธมณฑล จังหวัด ในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เช่น พุทธมณฑลจังหวัดนครสวรรค์ พุทธมณฑลจังหวัดนครศรีธรรมราช พุทธมณฑลจังหวัดเชียงราย พุทธมณฑลจังหวัดเชียงใหม่ พุทธมณฑลจังหวัดอุทัยธานีพุทธมณฑล จังหวัดนครราชสีมา พุทธมณฑลจังหวัดขอนแก่น เป็นต้น และประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการจัดสร้างพุทธมณฑลจังหวัดทั่วประเทศ เนื่องจากการด าเนินงาน ที่ผ่านมาถึงแม้จะมีมติคณะรัฐมนตรีและมติมหาเถรสมาคม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้จัดตั้ง พุทธศาสนสถานที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับพุทธมณฑล (พุทธมณฑลจังหวัด) ในส่วนภูมิภาค ให้แพร่หลายเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาการจัดตั้งพุทธมณฑลประจ าจังหวัดต่าง ๆ ยังไม่ ประสบความส าเร็จเท่าที่ควร กอปรกับการเดินทางลงพื้นที่ศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการ ได้พบปัญหาการจัดตั้งพุทธมณฑลจังหวัดหลายประการ เช่น ไม่สามารถหาสถานที่ก่อสร้างได้ ขาดแคลนงบประมาณในการก่อสร้างและบ ารุงรักษา การก่อสร้างเสร็จแล้วแต่ไม่สามารถ ใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า ขาดเจ้าภาพหลักในการดูแลรักษา เป็นต้น


๑๔๘ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๖๓ การด าเนินงานเพื่อขอขึ้นทะเบียนให้พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช เป็นมรดกโลก คณะกรรมาธิการได้พิจารณาติดตามเรื่องดังกล่าว โดยมีการเดินทางไป ศึกษาดูงาน ณ พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ต าบลในเมือง อ าเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช และประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับทราบข้อมูลในขณะนี้คณะกรรมการฝ่ายวิชาการของจังหวัดนครศรีธรรมราชอยู่ระหว่าง การปรับปรุงแก้ไขเอกสารวิชาการ เพื่อประกอบการพิจารณายื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ต่อไป ๕.๖๔ การแก้ไขปัญหาโบราณสถานของวัดแสงสิริธรรม ต าบลท่าอิฐ อ าเภอ ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี คณะกรรมาธิการได้พิจารณาแล้วเห็นควรให้กรมศิลปากรประเมินราคาและ ออกแบบการบูรณะ เพื่อให้วัดจัดหางบประมาณด าเนินการอีกช่องทางหนึ่ง ๕.๖๕ การบูรณะศาลาการเปรียญของวัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร ต าบลท่าราบ อ าเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี คณะกรรมาธิการได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร และพบว่า วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติและ เป็นสถานที่ส าคัญของจังหวัดเพชรบุรี ในขณะนี้ศาลาการเปรียญทรงไทยมีสภาพช ารุดเสียหาย เป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงได้มีการหารือร่วมกันระหว่างคณะกรรมาธิการร่วมกับกรมศิลปากร


๑๔๙ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร เครือข่ายช่าง และประชาชนเมืองเพชรบุรี เพื่อพิจารณาแนวทาง การบูรณะ ได้ข้อสรุปปัญหาเกิดจากหลังคาปูนปั้นมีน้ าหนักมากจนท าให้เสาของศาลาไม่สามารถ รับน้ าหนักได้ ส่งผลให้เกิดความช ารุดเสียหาย จึงได้มีแนวทางการแก้ไขโดยลดทอนน้ าหนัก ของหลังคาปูนปั้นลง และบูรณะเสาของศาลาโดยการเก็บรักษาเปลือกของเสาเก่าไว้ เพื่อสวมทับ กับเสาไม้ต้นใหม่ และปรับปรุงฐานรากของศาลาเพื่อรองรับเสาและศาลาให้มีความแข็งแรงขึ้น ทั้งนี้ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ จ านวน ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สิบสองล้านบาทถ้วน) แบ่งเป็น เงินอุดหนุนจากกรมศิลปากร จ านวน ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท (เก้าล้านบาทถ้วน) คิดเป็นร้อยละ ๗๕ และเงินจากวัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร จ านวน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามล้านบาทถ้วน) คิดเป็นร้อยละ ๒๕ โดยกรมศิลปากรได้เตรียมด าเนินการขอรับเงินอุดหนุนจากงบประมาณ รายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ถือเป็นความร่วมมือที่ส าคัญของคณะกรรมาธิการ ส่วนราชการ และภาคประชาชน ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองศิลปวัฒนธรรมของชาติ ๕.๖๖ การบูรณะโบราณสถานและเสนาสนะวัดฉิมพลี ต าบลเกาะเกร็ด อ าเภอ ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี คณะกรรมาธิการได้พิจารณาและมีข้อเสนอแนะให้วัดฉิมพลีประชาชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการบูรณะ ซ่อมแซม ทั้งนี้ โดยให้กรมศิลปากรออกแบบและประเมินค่าใช้จ่ายเพื่อให้วัดจัดหางบประมาณ เพื่อสนับสนุนการด าเนินการต่อไป


๑๕๐ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๖๗ การปฏิบัติหน้าที่ของพระอุปัชฌาย์ในการควบคุมดูแลสัทธิวิหาริก คณะกรรมาธิการได้พิจารณาและเห็นควรให้ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ด าเนินการจัดท าโครงการและของบประมาณเพื่อจัดสัมมนาอบรมพระอุปัชฌาย์เป็นประจ า ทุก ๓ ปี เพื่อทบทวนและก าชับการปฏิบัติหน้าที่ของพระอุปัชฌาย์อย่างเคร่งครัด ๕.๖๘ การให้ความช่วยเหลือกรณีการบุกรุกครอบครองที่สาธารณประโยชน์ และที่ธรณีสงฆ์ในพื้นที่ต าบลแม่โปร่ง อ าเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ คณะกรรมาธิการได้รับหนังสือเพื่อขอให้พิจารณาการให้ความช่วยเหลือ กรณีการบุกรุกครอบครองที่สาธารณประโยชน์ และที่ธรณีสงฆ์ในพื้นที่ต าบลแม่โปร่ง อ าเภอ ดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคณะกรรมการบ้านตลาดขี้เหล็กได้มีการส ารวจที่ดินแล้วพบว่า เอกชนเข้าไปปรับปรุง บุกรุกและล้อมรั้วเพื่อครอบครองที่ดินแล้ว ส่งผลให้ราษฎรในพื้นที่ ไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ทั้งนี้ นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล รองประธาน คณะกรรมาธิการ คนที่สาม ขอรับไปตรวจสอบและหาแนวทางแก้ไขปัญหาแล้ว


๑๕๑ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๖๙ การบูรณะผนังโบสถ์และพระพุทธรูปวัดไผ่ล้อม ต าบลท่าราบ อ าเภอเมือง เพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี คณะกรรมาธิการได้พิจารณาโดยได้รับทราบข้อมูลจากผู้แทนกรมศิลปากรว่า กรมศิลปากรได้จัดท าโครงการค้ ายันเสริมความมั่นคงอุโบสถวัดไผ่ล้อม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นเบื้องต้นแล้ว รวมทั้งจะได้มีการบูรณะในส่วนอื่น ๆ โดยขอใช้งบประมาณในปีถัดไป ทั้งนี้ โบราณสถานบางแห่งอาจจะไม่ได้รับการบูรณะเพราะจะท าให้โบราณสถานที่มีอยู่เสียหาย ตามไปด้วย ๕.๗๐ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสวดอภิธรรม ด้วยมีพุทธศาสนิกชนร้องขอให้คณะกรรมาธิการพิจารณาแนวทางเกี่ยวกับ การสวดอภิธรรมในปัจจุบันซึ่งส่วนใหญ่สวดเป็นภาษาบาลีโดยไม่มีค าแปลภาษาไทย ท าให้ พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมฟังไม่ทราบความหมาย คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วได้มี ข้อเสนอแนะว่า ควรมีการจัดพิมพ์ค าแปลบทสวดอภิธรรม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมฟังพระสวดอภิธรรม สามารถน ามาอ่านท าความเข้าใจได้ในขณะฟังพระสวดอภิธรรม ทั้งนี้ ค าแปลบทสวดอภิธรรม ควรเสนอต่อมหาเถรสมาคมเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนพิมพ์เผยแผ่ให้กับวัดทั่วประเทศ ต่อไป ๕.๗๑ ข้อเสนอการให้สวัสดิการแก่แม่ชี คณะกรรมาธิการได้รับหนังสือขอให้พิจารณากรณีการขอสวัสดิการให้แก่ นักบวช (แม่ชี) เช่น การได้รับการยกเว้นค่าโดยสารสาธารณะ การรักษาพยาบาล และวุฒิการศึกษา (บาลีศึกษา) ซึ่งจากการพิจารณาสถานภาพของแม่ชีตามกฎหมายไม่มีการรองรับ จึงไม่สามารถ ขอรับสวัสดิการต่าง ๆ จากรัฐได้ จึงเห็นควรได้มีการยกร่างกฎหมายว่าสถาบันแม่ชีไทย เพื่อรับรอง สถานภาพของแม่ชีไทย


๑๕๒ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๗๒ แนวทางการขอใช้พื้นที่หนองหาร (ดอนสาวเอ้) อ าเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร เพื่อสร้าง “อุทยานการเรียนรู้เชิงธรรมชาติ ถิ่นมั่นในพุทธธรรม มหามงคล มหาวชิราลงกรณ มหาวชิรเกล้า ๗๒ พรรษา” พระราชวชิรธรรมาจารย์ วิ. (สุธรรม สุธมฺโม) ประธานมูลนิธิชาตกาล ๑๕๐ ปี หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จังหวัดสกลนคร ได้มีหนังสือขอเชิญคณะกรรมาธิการเป็นที่ปรึกษาโครงการ “อุทยานการเรียนรู้เชิงธรรมชาติ ถิ่นมั่นในพุทธธรรม มหามงคลมหาวชิราลงกรณมหาวชิรเกล้า ๗๒ พรรษา” เพื่อให้ค าแนะน าและประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการด าเนินงาน โครงการดังกล่าว คณะกรรมาธิการได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ หนองหาร อ าเภอเมืองสกลนคร และได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีข้อเสนอแนะให้มูลนิธิ(ที่รับผิดชอบโครงการฯ) ด าเนินการขอใช้ที่ดินกับกรมประมงและกรมที่ดิน เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงด าเนินการก่อสร้าง โครงการตามแบบที่ก าหนดไว้ ๕.๗๓ การเผยแผ่พระพุทธศาสนากรณีศึกษาโครงการธรรมยาตรา คณะกรรมาธิการได้เดินทางไปศึกษาดูงานและเข้าร่วมพิธีโครงการธรรมยาตรา ณ วัดโบสถ์บน ต าบลบางคูเวียง อ าเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ซึ่งมีพระสงฆ์ จ านวน ๑,๑๓๙ รูป ออกเดินทางธุดงควัตรโดยพร้อมเพรียงกัน เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีการบวชซึ่งสามารถ น าไปใช้ประโยชน์ในการฝึกสมาธิ และสร้างความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา ดังนั้น จึงได้เชิญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม และได้รับทราบข้อมูลว่า มหาวิทยาลัยสงฆ์ โรงเรียน พระปริยัติธรรม และส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมการ


๑๕๓ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ เดินธุดงควัตรส าหรับพระภิกษุและสามเณรอยู่แล้ว ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการให้ข้อคิดเห็น ควรก าหนดให้มีการเดินธุดงควัตรไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอนส าหรับพระภิกษุและสามเณร ที่จะเข้ามาบวชใหม่จะต้องผ่านการอบรมหลักสูตรดังกล่าว โดยมีพระอุปัชฌาย์เป็นผู้รับผิดชอบ ในการควบคุมดูแล ซึ่งส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะได้น าข้อคิดเห็นของคณะกรรมาธิการ ไปพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีความชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ต่อไป ๕.๗๔ การจัดตั้งกระทรวงการศาสนา คณะกรรมาธิการได้พิจารณาการจัดตั้งกระทรวงการศาสนาเพื่อรองรับ ภารกิจการด าเนินงานด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาที่ทางราชการรับรอง ทั้งนี้ เห็นควรให้ตั้ง คณะท างานเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการจัดตั้งกระทรวงการศาสนา โดยเชิญหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นคณะท างาน ประกอบด้วย องค์กรมหาวิทยาลัยสงฆ์ คณะกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมการศาสนา กรมการปกครอง ส านักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ส านักงบประมาณ และกรมบัญชีกลาง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการตั้งกระทรวงการศาสนาต่อไป ๕.๗๕ แนวนโยบายการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับวัดหรือที่พักสงฆ์ จากการด าเนินงานปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ กรณีแนวเขตที่ดินของรัฐทับซ้อน กับแนวเขตที่ดินที่มีเอกสารสิทธิหรือมีการครอบครองและท าประโยชน์ คณะกรรมาธิการได้รับทราบข้อมูลจากผู้แทนส านักงานคณะกรรมการ นโยบายที่ดินแห่งชาติว่า ปัญหาที่ดินของประเทศเป็นเรื่องที่มีความส าคัญ รัฐบาลจึงได้มี พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ก าหนดให้มีคณะกรรมการ นโยบายที่ดินแห่งชาติ เรียกว่า “คทช.” เพื่อท าหน้าที่ก าหนดนโยบายและแผนการบริหาร จัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ และได้ตั้งคณะอนุกรรมการ จ านวน ๑๑ คณะ เพื่อท าหน้าที่ในด้านต่าง ๆ รวมทั้งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ “แนวทางการแก้ไขปัญหา ผลกระทบที่ดิน” ส าหรับใช้กับทุกกลุ่มจังหวัด เพื่อให้มีแนวทางปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ๕.๗๖ การบูรณะโบราณสถานของวัดไพชยนต์พลเสพย์ราชวรวิหารและวัดจวน ด ารงราชพลขันธ์ อ าเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ คณะกรรมาธิการได้เดินทางไปศึกษาดูงานเพื่อติดตามความคืบหน้าการบูรณะ โบราณสถาน ณ วัดไพชยนต์พลเสพย์ราชวรวิหาร ต าบลบางพึ่ง และวัดจวนด ารงราชพลขันธ์ ต าบลตลาด อ าเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และได้ประชุมร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับทราบข้อมูลว่ากรมศิลปากร ได้จัดสรรงบประมาณให้กับวัดดังกล่าวแล้วบางส่วน


๑๕๔ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ เพื่อน ามาด าเนินการบูรณะซ่อมแซม แต่มีปัญหาและข้อจ ากัดในการด าเนินงานด้านต่าง ๆ คณะกรรมาธิการได้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหา ดังนี้ ๑) รัฐบาลควรพิจารณาสนับสนุนงบประมาณให้แก่กรมศิลปากร เพื่อให้เพียงพอ ต่อศักยภาพการบูรณะโบราณสถาน ทั้งในด้านบุคลากรและงบประมาณ ๒) กรมศิลปากรควรถ่ายทอดองค์ความรู้สร้างความร่วมมือและเครือข่าย ด้านการบูรณะโบราณสถานทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่น เพื่อเพิ่มพูนบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถให้มากขึ้น ๓) กรมศิลปากรและวัดควรแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานในระดับท้องถิ่น ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนต าบล หรือ กองทุนสนับสนุนในระดับท้องถิ่นหรือภาคเอกชน เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพิ่มเติม ในการบูรณะโบราณสถานหรือส่งเสริมงานด้านศิลปวัฒนธรรม


๑๕๕ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕.๗๗ การขออนุญาตขยายแนวเขตไฟฟ้าในพื้นที่บ้านแม่กลองน้อย และแม่กลองใหญ่ ต าบลโมโกร อ าเภออุ้มผาง จังหวัดตาก คณะกรรมาธิการได้รับทราบข้อมูลว่า ชาวบ้านแม่กลองน้อย และแม่กลองใหญ่ มีความประสงค์ขออนุญาตขยายแนวเขตไฟฟ้าในพื้นที่บ้านแม่กลองน้อย และแม่กลองใหญ่ ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไม่อนุญาตให้ขยายแนวเขตไฟฟ้า แต่การไฟฟ้า ส่วนภูมิภาคยินดีพร้อมให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อด าเนินการขยายแนวเขตไฟฟ้าให้กับ หมู่บ้านดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้ศาสนสถานในหมู่บ้านจะได้รับประโยชน์ ในการนี้ คณะกรรมาธิการ ได้ส่งส าเนาเอกสารข้อร้องเรียนดังกล่าวให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณา ความเหมาะสมต่อไป


๑๕๖ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๖. การพิจารณาตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ พฤติกรรม หรือการกระท าใด ๆ ของหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือภาคเอกชน ที่อาจส่งผล กระทบต่อศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม คณะกรรมาธิการได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเดินทางไป ศึกษาดูงานเพื่อพิจารณาตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ พฤติกรรม หรือการกระท าใด ๆ ของหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือภาคเอกชน ที่อาจส่งผลกระทบ ต่อศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ดังนี้ ๖.๑ การตรวจสอบการติดตามแสวงหาสาธารณสมบัติที่สูญหาย (หมุดคณะราษฎร และอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ) คณะกรรมาธิการได้รับการชี้แจงข้อมูลจากกรมศิลปากรเกี่ยวกับการด าเนินการ ตรวจสอบข้อมูลและติดตามแสวงหาสาธารณสมบัติที่สูญหาย (หมุดคณะราษฎรและอนุสาวรีย์ พิทักษ์รัฐธรรมนูญ) ซึ่งปรากฏผลการพิจารณาโดยสรุป ดังนี้ ๑) กรณีหมุดคณะราษฎร กรมศิลปากรได้ชี้แจงต่อสังคมตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ว่าหมุดคณะราษฎรมิใช่โบราณวัตถุตามนัยของพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ ดังนั้น จึงไม่สามารถใช้อ านาจตามกฎหมายของ กรมศิลปากรในการทวงคืนหมุดดังกล่าวได้ ๒) กรณีอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ กรมศิลปากรได้ชี้แจงว่า อนุสาวรีย์ พิทักษ์รัฐธรรมนูญเป็นโบราณสถานตามความในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ ประเภทที่มิได้ขึ้นทะเบียน จึงได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายฉบับนี้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ขออนุญาตเคลื่อนย้าย อนุสาวรีย์ดังกล่าว จ านวน ๒ ครั้ง ดังนี้ (๑) ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๕ กรมทางหลวงได้ขอหารือการขอเคลื่อนย้าย อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ (อนุสาวรีย์หลักสี่) เพื่อก่อสร้างสะพานลอย ตามโครงการก่อสร้าง ทางหลวงหมายเลข ๓๐๔ ทั้งนี้ กรมศิลปากรได้มีหนังสือรับทราบการเคลื่อนย้ายดังกล่าว (๒) ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๙ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ขอประสานงานในการด าเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ โดยมอบหมายให้บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จ ากัด (มหาชน) ประสานงานกับกรมศิลปากร เพื่อขอความอนุเคราะห์ย้ายต าแหน่ง ที่ตั้งใหม่ของอนุสาวรีย์ เนื่องจากมีความทับซ้อนกับต าแหน่งของสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (N17) ทั้งนี้ กรมศิลปากรได้เห็นชอบในหลักการให้ย้ายอนุสาวรีย์ได้ต่อมาได้รับทราบข้อมูลจากสื่อมวลชน กรณีการสูญหายของอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญภายหลังจากการเคลื่อนย้าย ครั้งที่ ๒ จึงได้มี การตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบถามประชาชนในบริเวณพื้นที่ เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ ผลปรากฏว่าไม่พบอนุสาวรีย์และไม่ทราบว่าถูกเคลื่อนย้ายออกไปที่ใด จนกระทั่งกรมศิลปากร ได้รับหนังสือจากประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๓


๑๕๗ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ให้ด าเนินการติดตามแสวงหาโบราณสถานและโบราณวัตถุที่สูญหาย กรมศิลปากรจึงได้มี หนังสือสอบถามข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ส านักงานเขตหลักสี่และแขวงทางหลวง กรุงเทพ แต่ไม่มีหน่วยงานใดทราบข้อเท็จจริง ดังนั้น กรมศิลปากร โดยกองโบราณคดีได้เข้า แจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีต ารวจนครบาลบางเขน เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เพื่อให้สืบหา และด าเนินคดีกับผู้เคลื่อนย้ายอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญโดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากร ต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาติดตามแสวงหา สาธารณสมบัติที่สูญหายให้ผู้เสนอเรื่องทราบแล้ว ๖.๒ ผลกระทบจากการออกประกาศของกรมศิลปากร เพื่อแก้ไขเขตที่ดิน โบราณสถานในเขตที่ดินโบราณสถานภาพเขียนสีเขายะลา ต าบลลิดล – ต าบลยะลา อ าเภอ เมืองยะลา จังหวัดยะลา คณะกรรมาธิการได้รับข้อมูลเกี่ยวกับกรณีการประกาศแก้ไขเขตที่ดิน โบราณสถานภาพเขียนสีเขายะลา โดยกรมศิลปากรได้สรุปความเป็นมาตามล าดับเหตุการณ์ ที่น าไปสู่เหตุผลความจ าเป็นในการขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กองอ านวยการ รักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ศูนย์อ านวยการบริหารส่วนจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จังหวัดยะลา และส านักงานปลัดส านักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกรมศิลปากรได้พิจารณาเพื่อเหตุผลด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ จึงให้ ความร่วมมือเพื่อเป็นการผ่อนคลายสภาวะขาดแคลนหินอุตสาหกรรมเพื่อใช้ในการก่อสร้าง และลดการก่อความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มคนผู้ก่อความไม่สงบ ในพื้นที่ภาคใต้ โดยการแก้ไขเขตพื้นที่ดังกล่าวซึ่งได้มีการพิจารณาตามหลักวิชาการ ในการนี้ คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่กรมศิลปากรได้ออกประกาศเรื่องดังกล่าว ซึ่งได้มี การเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ท าให้สังคมไทยเกิดความ เคลือบแคลงใจในเหตุผลความจ าเป็นตามที่ได้มีการชี้แจงนั้น สมควรจะได้น ามาพิจารณา ตามภารกิจของกรมศิลปากรซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมดูแลรักษาโบราณสถาน ด าเนินงานอนุรักษ์ ภายใต้พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพ.ศ. ๒๕๐๔ เพื่อให้ได้ข้อสรุปแนวทางการด าเนินการมุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์การท านุบ ารุงศิลปวัฒนธรรม ดังนั้น คณะกรรมาธิการจึงขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อให้อธิบดีกรมศิลปากรพิจารณา ดังนี้ ๑) กรมศิลปากรควรพิจารณาเพิกถอนการออกประกาศกรมศิลปากร เรื่อง แก้ไขเขตที่ดินโบราณสถานภาพเขียนสีเขายะลา ต าบลลิดล – ต าบลยะลา อ าเภอเมือง ยะลา จังหวัดยะลา ๒) กรมศิลปากรควรพิจารณาด าเนินการตามมาตรา ๗ ของพระราชบัญญัติ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ เพื่อเปิดโอกาส ให้ผู้มีส่วนได้เสียได้ท าการร้องคัดค้านภายใน ๓๐ วัน


๑๕๘ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๖.๓ ปัญหาความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและการบิดเบือนพระธรรมค าสอน ในพระพุทธศาสนา คณะกรรมาธิการได้รับหนังสือเกี่ยวกับปัญหาความเข้าใจคลาดเคลื่อนและ การบิดเบือนพระธรรมค าสอนในพระพุทธศาสนา โดยผู้เสนอเรื่องอ้างว่า ปัจจุบันมีความ พยายามบิดเบือนพระธรรมค าสอนของพระพุทธเจ้า ท าให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่พระภิกษุ สามเณร และพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป จึงมีความประสงค์ขอให้มีการปรึกษาเพื่อทบทวน พระธรรมค าสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อันจะเป็นการปกป้องและคุ้มครองพระพุทธศาสนา อย่างแท้จริง ในการนี้ คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความเห็นเกี่ยวกับ แนวทางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามหลักธรรมค าสั่งสอนในพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องส าคัญ จ าเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ โดยอาศัยองค์กรสูงสุดในทางปกครองของคณะสงฆ์เป็นผู้พิจารณาวินิจฉัย อย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อก าหนดแนวทางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามหลักพระธรรมวินัย และไม่ให้กระทบต่อกระแสศรัทธาของบรรดาพุทธศาสนิกชนอย่างกว้างขวาง ซึ่งอยู่ในหน้าที่ และอ านาจของส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดังนั้น คณะกรรมาธิการจึงมีหนังสือน าเรียน ผู้อ านวยการส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อพิจารณาด าเนินการตามสมควรภายใต้ กรอบหน้าที่และอ านาจต่อไป ทั้งนี้ ผู้อ านวยการส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้มีหนังสือ น าเรียนประธานคณะกรรมาธิการ เพื่อขอชี้แจงเรื่องร้องเรียนกรณีความเข้าใจคลาดเคลื่อนและ บิดเบือนพระธรรมค าสอนในพระพุทธศาสนา โดยมีประเด็นการชี้แจงโดยสรุปเกี่ยวกับความเข้าใจ เกี่ยวกับปาฏิโมกข์ สิกขาบท และกรณีเกี่ยวกับภาษาบาลีซึ่งคณะกรรมาธิการได้มีหนังสือ แจ้งผู้เสนอเรื่องเพื่อทราบแล้ว ๖.๔ การรื้อถอนอาคารศูนย์การเรียนรู้การป่าไม้ (อาคารบอมเบย์ เบอร์มา) สวนรุกขชาติเชตวัน อ าเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ คณะกรรมาธิการได้มีการประชุมและมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรร่วมมือกันเร่งรัดด าเนินการบูรณปฏิสังขรณ์อาคารศูนย์การเรียนรู้การป่าไม้เพื่อให้ฟื้นฟู กลับมาสู่สภาพเดิมได้มากที่สุด และเพื่อเป็นการเรียกขวัญก าลังใจและความเชื่อมั่นของประชาชน ต่อการด าเนินงานของภาครัฐกลับคืนมา และในการด าเนินการด้านต่าง ๆ ควรมีการรับฟัง ความคิดเห็นของประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและการยอมรับ ของประชาชนในพื้นที่ ๖.๕ ข้อพิพาทกรณีกรมศิลปากรออกประกาศก าหนดเขตที่ดินโบราณสถาน เมืองพิมาย อ าเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา คณะกรรมาธิการได้มีการประชุมและเดินทางไปศึกษาดูงาน ณ อุทยาน ประวัติศาสตร์พิมาย อ าเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อศึกษาสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่


๑๕๙ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ โดยได้รับฟังข้อมูลและข้อคิดเห็นจากผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศิลปากร ส านักศิลปากร ที่ ๑๐ นครราชสีมา เทศบาลต าบลพิมาย ประชาชนในพื้นที่ และผู้ได้รับผลกระทบจากการขอ ขึ้นทะเบียนโบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย เพื่อพิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ร่วมกัน ซึ่งคณะกรรมาธิการได้มีข้อเสนอแนะและข้อสังเกต ดังนี้ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ๑) รัฐบาลควรมีนโยบายการให้ความช่วยเหลือด้วยการชดเชย เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตโบราณสถาน เช่น การแก้ไขพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ เป็นต้น รวมถึงการเพิ่ม ความรวดเร็วในการอนุญาตก่อสร้างออกแบบและซ่อมแซมอาคารตามพระราชบัญญัติการอ านวย ความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒) กระทรวงวัฒนธรรมควรประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีนโยบาย การแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตโบราณสถานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้มีหนังสือน าเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอให้ พิจารณาตอบรับแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และส่งหนังสือนั้นแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่ ได้รับทราบเพื่อเป็นหลักฐานต่อไป ๓) กระทรวงการคลังควรประสานงานกับสถาบันการเงินหรือธนาคาร เพื่อแก้ไขปัญหากรณีการปล่อยสินเชื่อให้แก่ประชาชนที่อยู่ในเขตโบราณสถานให้มีความรวดเร็ว และเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้มีหนังสือน าเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้พิจารณาประสานงานกับสถาบันการเงินหรือธนาคารต่อไป ๔) กรมศิลปากรควรให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ กรณีที่มีการประกาศก าหนดเขตโบราณสถานซึ่งมีอยู่เดิมและได้มีการประกาศเพิ่มเติมในภายหลัง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐในอนาคตต่อไป ข้อเสนอแนะต่อกรมศิลปากร ๑) กรมศิลปากรควรเร่งด าเนินการในการอนุญาตก่อสร้าง ออกแบบ ซ่อมแซม และต่อเติมที่อยู่อาศัย เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการอ านวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาต ทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒) กรมศิลปากรควรมีการสื่อสารให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบและ ท าความเข้าใจในข้อมูลต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ๓) กรมศิลปากรควรถอนแจ้งความหรือยุติการด าเนินคดีกับประชาชนทั้งหมด จ านวน ๖๕ ราย ทั้งนี้ เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่และไม่ควรมีการแจ้งความด าเนินคดี เพิ่มเติมอีก ๔) กรมศิลปากร เทศบาลต าบลพิมาย ประชาชนในพื้นที่และผู้มีส่วนได้เสีย ควรร่วมกันจัดท าแผนพัฒนาเมืองพิมายเพื่อประโยชน์ร่วมกันกับทุกฝ่าย


๑๖๐ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕) กรมศิลปากรควรเป็นหน่วยงานหลักในการเชิญผู้บริหารสถาบันการเงิน มาประชุมร่วมกับผู้ประกอบการและประชาชน เพื่อรับทราบแนวทางการปล่อยสินเชื่อของ ธนาคาร และการหาแนวทางแก้ไขปัญหาการประเมินราคาที่ดินลดลงจากการประกาศเขต โบราณสถานเพิ่มเติม ข้อเสนอแนะต่อจังหวัด/อ าเภอ ๑) คณะกรรมาธิการได้ท าหนังสือน าเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามความคืบหน้า รวมถึงการก าหนดกรอบเวลาในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการ ประกาศเขตโบราณสถานเมืองพิมายให้มีความชัดเจน ๒) คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกาศเขตโบราณสถาน เมืองพิมายควรจัดให้มีการประชุม รวมถึงท าการประชาพิจารณ์ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว แล้วรายงานให้คณะกรรมาธิการได้รับทราบเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ๓) คณะกรรมาธิการพร้อมจะเดินทางไปร่วมเป็นพยานในครั้งที่ท าการ ประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ๔) อ าเภอควรท าความเข้าใจกับหน่วยงานในพื้นที่ เช่น ส านักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา เทศบาลต าบลพิมาย เป็นต้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกาศ เขตโบราณสถานเมืองพิมายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ๕) จังหวัดและอ าเภอควรเป็นหน่วยงานหลักในการเชิญผู้บริหารสถาบันการเงิน มาประชุมร่วมกับผู้ประกอบการและประชาชน เพื่อรับทราบแนวทางการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร และหาแนวทางแก้ไขปัญหาการประเมินราคาที่ดินลดลงจากการประกาศเขตโบราณสถาน เพิ่มเติม ข้อเสนอแนะต่อเทศบาลต าบลพิมาย ๑) เทศบาลต าบลพิมายควรปรึกษาหรือประชุมร่วมกับกรมศิลปากร เพื่อหาแนวทางการขับเคลื่อนสนับสนุนให้เมืองพิมายขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ๒) เทศบาลต าบลพิมายควรสร้างความเข้าใจกับประชาชนเพื่อลดความขัดแย้ง ๓) เทศบาลต าบลพิมายควรปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการอ านวยความสะดวก ในการพิจารณาอนุญาตทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการด้วยความสะดวก รวดเร็ว ข้อเสนอแนะต่อเครือข่ายชุมชนเทศบาลต าบลพิมาย ๑) เครือข่ายชุมชนเทศบาลต าบลพิมายควรติดตามข่าวสารที่ถูกต้องเป็นทางการ จากหน่วยงานภาครัฐ ๒) เครือข่ายชุมชนเทศบาลต าบลพิมายควรปลดป้ายคัดค้านการประกาศ ก าหนดเขตโบราณสถานเมืองพิมายทั้งหมด เพื่อลดบรรยากาศความขัดแย้ง ๓) เครือข่ายชุมชนเทศบาลต าบลพิมายควรให้ความรู้กับเยาวชนเพื่อสร้าง กระบวนการรับรู้ท าให้เกิดความรักและหวงแหนพื้นที่ซึ่งมีความส าคัญต่อโบราณสถานเมืองพิมาย


๑๖๑ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ข้อสังเกต ๑) กระบวนการรับฟังความคิดเห็นหรือการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทควรหลีกเลี่ยง มิให้เกิดสถานการณ์ดังที่เคยกล่าวอ้างว่ามีการ “จัดตั้ง” ประชาชนเข้าร่วม ซึ่งท าให้เกิดการ ขาดความมั่นใจได้ ๒) การประกาศเขตโบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์พิมายควรด าเนินการ โดยค านึงถึงผลกระทบกับประชาชนไปพร้อมกับการอนุรักษ์โบราณสถานด้วย ๓) เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองนครราชสีมา ดังนั้น การจะพิจารณาด าเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งลงไปต้องท าด้วยความระมัดระวังมิเช่นนั้น อาจเป็นการก้าวล่วงได้ ๔) กรมศิลปากร เทศบาลต าบลพิมาย ประชาชนในพื้นที่ และผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งหมด ควรร่วมกันจัดท าแผนพัฒนาเมืองพิมายเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย โดยที่ในส่วนของ คณะกรรมาธิการจะด าเนินการประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขอให้พิจารณา ด าเนินการให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกาศเขตโบราณสถานเมืองพิมาย เร่งด าเนินการจัดท าการประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และหน่วยงาน ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง


๑๖๒ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๖.๖ ปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ของกรุงเทพมหานคร คณะกรรมาธิการได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทาง แก้ไขปัญหา โดยปัจจุบันหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ จากกรุงเทพมหานครตามเงื่อนไขในการด าเนินการ


๑๖๓ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๖.๗ การพิจารณาตรวจสอบกรณีหนังสือบุดสูญหาย คณะกรรมาธิการได้มีการประชุมและเดินทางไปศึกษาดูงาน ณ จังหวัด นครศรีธรรมราช โดยมีข้อเสนอแนะว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชควรก าหนด มาตรการป้องกันและการเก็บรักษาหนังสือบุดสมุดข่อยโบราณให้รัดกุมแน่นหนามากยิ่งขึ้น


๑๖๔ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๖.๘ การพิจารณาตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของส านักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติ กรณีวัดบุปผารามวรวิหาร เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร คณะกรรมาธิการได้รับการร้องเรียนให้พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการปฏิบัติหน้าที่ของส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของส านักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติบางส่วนให้การสนับสนุนบุคคลเพื่อกระท าความผิดในการแอบอ้าง การเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเบียดบังทรัพย์สินของวัดบุปผารามวรวิหาร ในการนี้คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้ว จึงมีหนังสือน าเรียนผู้อ านวยการส านักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ต่อมาส านักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติได้มีหนังสือแจ้งว่า เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร – สมุทรปราการ (ธรรมยุต) ได้แจ้งผลการด าเนินการสรุปตามรายงานของเจ้าอาวาสวัดบุปผารามวรวิหารว่า การร้องเรียนเป็นความเท็จ มีเจตนาใส่ความไวยาวัจกรและวัด โดยมีสาเหตุส่วนตัวระหว่าง ไวยาวัจกรและผู้ร้อง ทั้งนี้ ได้มีหนังสือแจ้งผู้ร้องเรียนเพื่อทราบด้วยแล้ว ๖.๙ การพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการพิจารณาคัดเลือกบุคคล เพื่อเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลสนับสนุนการขับเคลื่อน “บวร” จังหวัดขอนแก่น คณะกรรมาธิการได้รับการร้องเรียนให้พิจารณาสืบสวนสอบสวนการปฏิบัติ หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ส านักงานวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น เกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกบุคคล ที่สนับสนุนการขับเคลื่อน “บวร” ของจังหวัดขอนแก่น ในการนี้ คณะกรรมาธิการได้มีหนังสือ น าเรียนปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวตามหน้าที่และ อ านาจ ต่อมากระทรวงวัฒนธรรมได้มีหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนดังกล่าว พบว่า กรณีมีมูลตามที่ถูกกล่าวหา จึงได้มีค าสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างไม่ร้ายแรง เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เพื่อพิจารณาสอบสวนเรื่องดังกล่าว และได้มีหนังสือว่ากล่าว ตักเตือนบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อทราบแล้ว ๖.๑๐ การพิจารณากรณีพระภิกษุถูกให้สละสมณเพศ ต่อมาภายหลังมีค าพิพากษา ว่าเป็นผู้ไม่ได้กระท าความผิดฐานทุจริต คณะกรรมาธิการได้รับหนังสือจากเปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อขอให้พิจารณาเชิญหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องและนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนาร่วมประชุมหารือแสดงความเห็นที่ถูกต้อง และเป็นธรรมตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมาย เพื่อเสนอต่อมหาเถรสมาคม คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับกรณีการก าหนดให้พระภิกษุสละสมณเพศตามพระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๐ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องดังกล่าวมีความละเอียดอ่อนซึ่งอาจกระทบกับศรัทธาของพุทธศาสนิกชนอย่างกว้างขวาง ซึ่งต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน คณะกรรมาธิการ


๑๖๕ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ จึงได้เชิญผู้แทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม เพื่อสอบถามข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ จากพระมหาเถระและผู้ทรงคุณวุฒิด้านพระพุทธศาสนา ประกอบกับมีการน าหลักพระวินัย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ กฎและมติมหาเถรสมาคม ตลอดจนระเบียบที่เกี่ยวข้อง มาประกอบการพิจารณาศึกษา คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามหลักพระวินัยการที่ พระภิกษุจะพ้นสภาพความเป็นพระหรือพ้นจากความเป็นสมณเพศนั้น สามารถพิจารณาได้เป็น ๒ กรณี ดังนี้ ๑) เป็นเรื่องที่พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิก ได้แก่ การเสพเมถุน การลักทรัพย์ การฆ่าคนตาย และการอวดอุตริมนุสธรรม เช่นนี้ ย่อมขาดจากความเป็นพระโดยพลันทันที แม้ไม่ได้เปล่งวาจา ๒) เป็นความสมัครใจของพระภิกษุเอง เมื่อเกิดความเบื่อหน่ายการครอง เพศบรรพชิตและการบ าเพ็ญสมณธรรม ด้วยการเปล่งวาจาลาสิกขาต่อหน้าพระภิกษุ หรือบุคคลอื่น ผู้รู้ความ ในการนี้ เปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ได้ส่งหนังสือเพิ่มเติม ข้อเท็จจริงในประเด็นขั้นตอนการปฏิบัติการรับพระภิกษุเพื่อกักขังในระหว่างการพิจารณาคดี ของศาล โดยหัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังประจ าศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ในขณะนั้น) ได้ขอให้พระภิกษุที่ถูกควบคุมตัวเปลี่ยนเครื่องแต่งกายจากจีวรเป็นชุดปฏิบัติธรรม สีขาว โดยไม่มีการกล่าวค าลาสิกขาหรือให้สละสมณเพศแต่อย่างใด และไม่มีพระภิกษุอื่นมาท า การลาสิกขาให้ ยังถือว่าเป็นพระภิกษุตามพระวินัยอยู่ ไม่ได้ขาดจากความเป็นพระแต่อย่างใด การเปลี่ยนชุดจากการห่มผ้ากาสาวพัตร์ (จีวร) มาเป็นชุดขาว (ชุดปฏิบัติธรรม) เป็นเพียง ความจ าเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์เท่านั้น คณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแล้วมีความเห็นตรงกับนักวิชาการด้าน พระพุทธศาสนาว่า กรณีที่พระภิกษุรูปใดตกเป็นผู้ต้องหาหรือจ าเลยในคดีอาญา และให้ด าเนินการ สละสมณเพศตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ๒๕๐๕ มาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๐ หากยังไม่ ปรากฏว่าได้ด าเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นเปล่งวาจาลาสิกขาตามหลักพระวินัย แม้จะไม่นุ่งห่มจีวร เฉกเช่นพระภิกษุทั่วไป ย่อมถือว่ายังเป็นพระภิกษุอยู่ จนกว่าจะได้เปล่งวาจาลาสิกขาการบังคับ หรือการดึงจีวรออกจากกายพระภิกษุโดยไม่ยินยอมนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยหลักพระวินัย เมื่อไม่ปรากฏว่าพระภิกษุที่ถูกกล่าวหาว่ากระท าผิดอาญาตามที่ปรากฏเป็นข่าวมีการเปล่งวาจา ลาสิกขาต่อหน้าพระภิกษุสงฆ์หรือบุคคลอื่นผู้รู้ความ ไม่มีการสละสมณเพศ ดังนั้น ถือได้ว่า พระภิกษุดังกล่าวยังคงเป็นพระภิกษุอยู่ตามพระวินัย อย่างไรก็ดี เพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว คณะกรรมาธิการจึงได้มี หนังสือน าเรียนผู้อ านวยการส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อให้น าความกราบถวาย ที่ประชุมกรรมการมหาเถรสมาคมในฐานะองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์พิจารณาวินิจฉัย ข้อเท็จจริงตามหลักพระวินัย เพื่อสร้างความชัดเจนและเป็นแนวปฏิบัติ ป้องกันไม่ให้เกิด ความสับสนในหมู่พระภิกษุและบรรดาพุทธศาสนิกชนต่อไป


๑๖๖ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๖.๑๑ การเข้าร่วมชุมนุมหรือกิจกรรมทางการเมืองของพระภิกษุและสามเณร คณะกรรมาธิการได้รับทราบผลการด าเนินการที่ผ่านมาของส านักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติเกี่ยวกับการด าเนินการกับพระภิกษุหรือสามเณรที่เข้าร่วมชุมนุม หรือร่วมท ากิจกรรมทางการเมือง โดยสาระส าคัญ คือ มหาเถรสมาคมได้มีค าสั่งห้ามพระภิกษุ สามเณรเข้าไปในที่ชุมนุม หรือในที่ชุมนุมทางการเมือง ไม่ว่ากรณีใด ๆ ห้ามพระภิกษุสามเณร ร่วมชุมนุมในการเรียกร้องสิทธิของบุคคลหรือคณะบุคคลใด ๆ ห้ามพระภิกษุสามเณรร่วมอภิปราย หรือบรรยายเรื่องเกี่ยวกับการเมืองซึ่งจัดตั้งขึ้นทั้งในวัดและนอกวัด โดยมีค าสั่งห้ามมาตั้งแต่ วันที่ ๒ มกราคม ๒๕๓๘ จนมาถึงปัจจุบัน มหาเถรสมาคมได้มีมติเห็นชอบตามค าสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ. ๒๕๓๘ โดยมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๕/๒๕๖๓ มติที่ ๖๑๔/๒๕๖๓ เรื่อง กรณีพระภิกษุเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง โดยมีมติ ดังนี้ ๑) ให้ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแจ้งเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ตามล าดับด าเนินการสอบสวนและพิจารณาโทษพระภิกษุสามเณรที่อยู่ในความรับผิดชอบ และฝ่าฝืนค าสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรยุ่งเกี่ยวกับการเมือง พ.ศ. ๒๕๓๘ ๒) มอบถวายสมเด็จพระพุฒาจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่ หนตะวันออก ประธานกรรมการฝ่ายปกครองของมหาเถรสมาคม วัดไตรมิตรวิทยาราม ประชุม คณะกรรมการพิจารณาฯ เพื่อหาแนวทางปฏิบัติและมาตรการป้องกันที่ชัดเจนกรณีพระภิกษุ สามเณรที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองในทุก ๆ กรณี ๓) ให้ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติร่วมตรวจสอบพระภิกษุสามเณร ที่ฝ่าฝืนค าสั่งมหาเถรสมาคมตามที่กล่าวมาในข้อ ๑ แล้วแจ้งเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์พิจารณา ด าเนินการตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ประกาศ ค าสั่ง มติ กฎ ระเบียบ มหาเถรสมาคม และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๔) ให้ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประสานหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบพระภิกษุสามเณรที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองทุกรูปแบบ หากพบว่ามีบุคคลแต่งกาย เลียนแบบพระสงฆ์ ให้ด าเนินการตามกฎหมายตามอ านาจหน้าที่ และหากพบว่าเป็นพระภิกษุ สามเณรที่บรรพชาอุปสมบทถูกต้อง ให้รายงานข้อมูลให้ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทราบ เพื่อด าเนินการประสานเจ้าคณะปกครองด าเนินการตามอ านาจหน้าที่ตามหลักพระธรรมวินัย ต่อไป และให้ด าเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม จากการด าเนินการตามค าสั่งและมติมหาเถรสมาคมพบว่า พระภิกษุสามเณร ที่ได้รับการว่ากล่าวตักเตือนจากเจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ส่วนใหญ่แล้วจะน้อมรับ ค าว่ากล่าวตักเตือนและปรับปรุงพฤติกรรมใหม่ แต่มีส่วนน้อยที่ไม่รับฟังค าว่ากล่าวตักเตือน จากเจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์และยังคงกระท าการฝ่าฝืนค าสั่งห้ามอย่างต่อเนื่อง ตามที่ปรากฏเป็นข่าว คือ สามเณรหนึ่งรูปมีภูมิล าเนาอยู่ที่จังหวัดพะเยา ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่ จังหวัดนครปฐม และพระภิกษุหนึ่งรูปมีภูมิล าเนาอยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งปัจจุบันส านักงาน


๑๖๗ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ พระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ประสานงานเจ้าคณะผู้ปกครองของพระภิกษุและสามเณรทั้งสองรูป ให้ด าเนินการลงโทษตามวินัยสงฆ์แล้ว ภายหลังการรับฟังข้อมูลจากผู้แทนส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้ว คณะกรรมาธิการได้มีข้อเสนอแนะว่า ควรมีการห้ามพระภิกษุสามเณรเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน กีฬาบางประเภท หรืองานรื่นเริงต่าง ๆ หรือการเรี่ยไรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย และด าเนินการ ทางวินัยและลงโทษพระภิกษุสามเณรที่ฝ่าฝืนค าสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณร ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง พ.ศ. ๒๕๓๘ โดยเคร่งครัดและเสมอภาคกันทุกกรณี ไม่เลือกปฏิบัติ และนอกจากการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ค าสั่งห้ามพระภิกษุสามเณรยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติควรชี้แจงหรือท าความเข้าใจให้พระภิกษุสามเณรและประชาชน โดยทั่วไปได้รับทราบและมีความเข้าใจถึงเหตุผลและที่มาของการออกค าสั่งห้ามพระภิกษุ สามเณรยุ่งเกี่ยวกับการเมือง โดยสามารถน าข้อความในหมายเหตุแนบท้ายค าสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ. ๒๕๓๘ มาชี้แจงหรืออธิบายได้ เนื่องจาก มหาเถรสมาคมได้มีการอธิบายไว้โดยละเอียดและสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ “เหตุผลในการประกาศใช้ค าสั่งมหาเถรสมาคมฉบับนี้ คือ โดยที่พระภิกษุ ได้นามว่า สมณะ แปลว่า ผู้สงบ ได้นามว่า บรรพชิต แปลว่า ผู้เว้นกิจกรรมอันเศร้าหมองมีโทษ สมควรเป็นผู้มีสังวรระวังการกระท าของตนให้เป็นไป แต่ในทางสงบปราศจากโทษทั้งแก่ตนทั้งแก่ หมู่คณะ ด้วยเหตุนี้ พระบรมศาสดาจึงทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามพระภิกษุสงฆ์มิให้ประพฤตินอกทาง ของสมณะบรรพชิต ทรงปรับโทษแก่ผู้ฝ่าฝืนละเมิดในการที่บ้านเมืองมีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร เข้าเป็นสมาชิกแห่งสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นธุรกิจฝ่ายการเมือง เป็นหน้าที่ของฆราวาสผู้มีสิทธิ ตามกฎหมายโดยเฉพาะ ไม่ใช่หน้าที่ของพระภิกษุสามเณรผู้อยู่นอกเหนือการเมือง ไม่มีสิทธิ ลงคะแนนเลือกตั้ง ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แม้ผู้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว หากบวชเป็นพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนาก็ขาดจากสมาชิกภาพแห่งสภาผู้แทนราษฎร ทันที ข้อนี้แสดงว่า ความเป็นพระภิกษุสามเณรไม่ควรแก่การเมืองโดยประการทั้งปวง การที่ พระภิกษุสามเณรเข้าไปเกี่ยวข้องช่วยสนับสนุนการเลือกตั้งบุคคลใด ๆ เพื่อเป็นสมาชิกแห่ง สภาผู้แทนราษฎรหรือสภาเทศบาล เป็นต้น ย่อมเป็นการประพฤติผิดวิสัยของสมณะบรรพชิต น าความเสื่อมเสียมาสู่ตนเองและหมู่คณะตลอดถึงพระศาสนา เป็นที่ติเตียนของสาธุชนทั้งใน และนอกพระศาสนาเพราะสมณะบรรพชิตสมควรวางตนเป็นกลาง ท าจิตให้กว้างขวาง ด้วยเมตตาทั่วไปแก่ชนทั้งปวงผู้ท านุบ ารุงพระศาสนาโดยไม่เลือกหน้า ในต าแหน่งที่มีผู้แข่งขัน ช่วงชิงกันมากคน พระภิกษุสามเณรเข้าช่วยให้ผู้ใดได้ ย่อมเป็นที่พอใจของผู้นั้น แต่ผู้ไม่ได้ อีกเป็นจ านวนมากกับพวกพ้องย่อมไม่พอใจ เสื่อมคลายความเคารพนับถือ ความเป็นอยู่ของ พระสงฆ์และความด ารงอยู่แห่งพระศาสนาขึ้นอยู่กับความเคารพนับถือของประชาชน พระภิกษุ สามเณรจึงควรท าตนให้เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไป ไม่ควรท าตนให้เป็นพวกเป็นฝ่าย ของผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งจะท าให้ชนทั้งหลายเห็นว่าไม่ตั้งอยู่ในธรรม เกิดความเบื่อหน่ายคลายความนับถือ และติเตียนต่าง ๆ ดังเคยมีตัวอย่างปรากฏมาแล้วมากราย


๑๖๘ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ เพื่อสงวนและเชิดชูพระภิกษุสงฆ์ให้ตั้งอยู่ในฐานะอันน่าเคารพนับถือ ไม่เป็น ที่ดูหมิ่นติเตียนของมหาชน และป้องกันความเสื่อมเสียของคณะสงฆ์และพระศาสนาอันมีพระภิกษุสงฆ์ เป็นผู้ด ารงรักษาไว้เช่นเดียวกับบูรพาจารย์ได้เคยมีปฏิบัติมา จึงออกค าสั่งมหาเถรสมาคมไว้ เพื่อให้พระภิกษุสามเณรถือปฏิบัติต่อไป” คณะกรรมาธิการมีมติเห็นชอบให้ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจัดท า รายงานสรุปข้อมูลการด าเนินการกับพระภิกษุหรือสามเณรที่เข้าร่วมกิจกรรมหรือเข้าร่วมชุมนุม ทางการเมืองที่ผ่านมาให้ครบถ้วนทุกกรณี พร้อมรวบรวมมติ ค าสั่ง หรือประกาศของมหาเถรสมาคม ที่เกี่ยวข้องเพื่อน าเสนอให้คณะกรรมาธิการพิจารณา ซึ่งต่อมาส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รายงานสรุปข้อมูลการด าเนินการกับพระภิกษุหรือสามเณรที่เข้าร่วมกิจกรรมหรือเข้าร่วมชุมนุม ทางการเมืองที่ผ่านมาให้คณะกรรมาธิการทราบซึ่งมีทั้งหมด จ านวน ๓ รูป ๖.๑๒ การพิจารณาตรวจสอบกรณีส านักสงฆ์ดอยป่อง ต าบลหมอกจ าแป่ อ าเภอ เมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถูกผู้ไม่หวังดีบุกรุกเข้ามาใช้พื้นที่ คณะกรรมาธิการได้รับหนังสือเรื่องร้องเรียนให้พิจารณาตรวจสอบกรณี ส านักสงฆ์ดอยป่อง อ าเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถูกผู้ไม่หวังดีบุกรุกเข้ามาใช้พื้นที่ โดยให้ข้อมูลว่า ส านักสงฆ์ดอยป่อง ตั้งอยู่นอกเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ของพระสงฆ์และชาวบ้านในพื้นที่ โดยที่ในแต่ละปีจะมีพระธุดงค์และพระอาคันตุกะเดินทาง เข้ามาปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มบุคคลแต่งกายคล้ายทหารกลุ่มหนึ่งบุกรุกเข้ามาใช้พื้นที่ ภายในบริเวณส านักสงฆ์และสร้างสถานการณ์ต่าง ๆ อันเป็นการรบกวนต่อผู้ปฏิบัติธรรม โดยได้ มีการแจ้งความไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ปัญหาไม่เป็นที่ยุติเพราะผู้มีอิทธิพลคอยให้การสนับสนุน อยู่เบื้องหลัง ดังนั้น จึงขอให้พิจารณาผลักดันให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวย้ายออกไปจากพื้นที่ของ ส านักสงฆ์ดอยป่อง คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้ว จึงมีหนังสือน าเรียนผู้อ านวยการส านักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อทราบและพิจารณาต่อไป ๖.๑๓ การเก็บรื้อถอนผลงานศิลปะและคุกคามนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะกรรมาธิการได้รับการชี้แจงข้อมูลจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้แจ้ง ผลการพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยสรุปว่า เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลาประมาณ ๑๔.๐๐ นาฬิกา คณะวิจิตรศิลป์ได้เข้าเตรียมพื้นที่บริเวณหอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของคณะฯ เพื่อเตรียมการจัดแสดงนิทรรศการศิลปนิพนธ์ ของนักศึกษาสาขาวิชาต่าง ๆ ทั้งของคณะฯ และสถาบันการศึกษาอื่น ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่าง เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ และจากการเข้าไปด าเนินการในพื้นที่ ได้พบวัสดุอุปกรณ์ บริเวณลานด้านหลังอาคารหอศิลปวัฒนธรรม จากการสอบถามนักศึกษาซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น แจ้งว่าไม่ทราบว่าเป็นของผู้ใด และไม่มีผู้ใดรับเป็นเจ้าของ คณะฯ ได้ท าการตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์


๑๖๙ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ดังกล่าว พบวัสดุบางรายการที่หมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมาย (ธงชาติไทยที่ถูกดัดแปลงและ มีข้อความที่ไม่เหมาะสม) ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อนักศึกษาและคณาจารย์ของคณะฯ โดยรวม จึงได้เก็บรวบรวมวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมด เพื่อรอให้มารับคืนต่อไป ในการนี้ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่พิจารณาแล้วเห็นว่าผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์ได้ด าเนินการตามอ านาจหน้าที่และ ความรับผิดชอบในการก ากับ ดูแลสถานที่และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย อีกทั้งเป็นการปกป้อง ชื่อเสียงของนักศึกษา บุคลากร และมหาวิทยาลัยโดยรวม เป็นการกระท าโดยชอบแล้ว ๖.๑๔ ขอความเป็นธรรมกรณีที่พักสงฆ์ถ้ าสัจจะบารมี อ าเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ คณะกรรมาธิการได้รับหนังสือเรื่องร้องเรียนกรณีที่พักสงฆ์ถ้ าสัจจะบารมี โดยอ้างว่า เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัวได้มาขับไล่พระภิกษุที่อยู่จ าพรรษา ณ ที่พักสงฆ์ โดยอ้างค าพิพากษาของศาลซึ่งเป็นกรณีข้อพิพาทที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ในการนี้ คณะกรรมาธิการได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ วัดเกสรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) อ าเภอเมือง อุดรธานีจังหวัดอุดรธานี โดยมีการเชิญหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว และผู้แทนที่พักสงฆ์ ถ้ าสัจจะบารมีเข้าร่วมประชุม ซึ่งได้ข้อมูลโดยสรุปว่า เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ได้ด าเนินการตามหน้าที่และค าพิพากษาของศาล คณะกรรมาธิการจึงมีข้อเสนอแนะให้พระภิกษุ และประชาชนผู้มีจิตศรัทธาของที่พักสงฆ์ถ้ าสัจจะบารมีด าเนินการยื่นเรื่องต่อกรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อขออนุญาตใช้พื้นที่อีกครั้ง ๖.๑๕ ขอความเป็นธรรมกรณีกรมศิลปากรเพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนของผู้เข้าร่วม โครงการอบรมมัคคุเทศก์และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในพื้นที่มรดกโลก คณะกรรมาธิการได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ เพื่อความเป็นธรรมกรณีกรมศิลปากรเพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนของผู้เข้าร่วมโครงการอบรมมัคคุเทศก์ และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในพื้นที่มรดกโลก จ านวน ๒ โครงการ ซึ่งได้มีการร้องเรียน ไปที่ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม คณะกรรมาธิการ พิจารณาแล้วจึงมีหนังสือน าเรียนปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง และแจ้งผลให้คณะกรรมาธิการทราบ ต่อมากระทรวงวัฒนธรรม (โดยกรมศิลปากร) ได้มีหนังสือ แจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยมีการเชิญผู้ร้องเรียนเข้าหารือปรากฏผล ดังนี้ ๑) กรมศิลปากรจะจัดท าเกียรติบัตรและบัตรผู้ผ่านการอบรมใหม่ โดยใช้วัสดุ ที่มีคุณภาพดีขึ้น ๒) ผู้ร้องเรียนยินดีรับเกียรติบัตรและบัตรผู้ผ่านการอบรมที่ปรับปรุงใหม่ และจะยุติเรื่องโดยไม่ติดใจอีกต่อไป


๑๗๐ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๖.๑๖ การตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่เขตโบราณสถานเมืองสงขลา (เขาน้อยและเขาแดง) อ าเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา คณะกรรมาธิการได้รับการร้องเรียนให้พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี การบุกรุกพื้นที่เขตโบราณสถานเมืองสงขลาเก่า ต าบลหัวเขา อ าเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนและก าหนดขอบเขตพื้นที่โบราณสถานแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ แต่ยังคงมีการบุกรุกขุดท าลายพื้นที่ในเขตโบราณสถานอย่างต่อเนื่อง ในกรณีนี้ คณะกรรมาธิการ ได้รับการชี้แจงข้อมูลจากกรมศิลปากรว่า ส านักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลา ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า พบการบุกรุกเขตโบราณสถานในบริเวณโบราณสถานเขาน้อย และโบราณสถานหัวเขาแดง อ าเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ซึ่งกรมศิลปากรประกาศเป็นเขตโบราณสถานไว้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙ และ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามล าดับ โดยได้ด าเนินการตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกบุกรุก เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ และวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๕ มีรายละเอียดความเสียหาย ดังนี้ ๑) ภูเขาน้อย เป็นศาสนสถานศูนย์กลางชุมชนโบราณระยะแรกสุดที่ปรากฏ ในเขตจังหวัดสงขลา ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๔ หรืออายุประมาณ ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว จากการตรวจสอบเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ และวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๕ พบกระท่อม ๑ หลัง และพบการขุดท าลายภูเขาเพิ่มเติมในบริเวณด้านหลังป้อมหมายเลข ๙ โดยเป็นการ ปรับไถส่วนของภูเขาเป็นทางเดินรถกว้าง ๔ เมตร ยาว ๒๒๐ เมตร คู่ขนานไปกับทางเดินเท้า จากป้อมหมายเลข ๙ ไปยังโบราณสถานเขาน้อย อยู่ห่างจากฐานอาคารโบราณสถานบนภูเขาน้อย ประมาณ ๖๐ เมตร ความเสียหายกว่า ๗ ไร่ มีปริมาณดินที่สูญเสียไปกว่า ๑๕๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นมูลค่า ๒๕,๐๕๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบห้าล้านห้าหมื่นบาทถ้วน) การกระท าดังกล่าวเป็นการ ท าลายโบราณสถาน สิ่งแวดล้อม สภาพป่าและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธรณีวิทยาของภูเขาอันเป็น ที่ตั้งของโบราณสถาน ท าให้โบราณสถานบนภูเขาน้อยตกอยู่ในภาวะอันตรายร้ายแรง ๒) โบราณสถานหัวเขาแดง เป็นที่ตั้งเมืองสงขลายุคแรกตามเอกสารฮอลันดา เมื่อ พ.ศ. ๒๑๕๕ สมัยอยุธยา และเขาแดงยังเป็นป้อมปราการตามธรรมชาติที่แข็งแกร่งปกป้องเมือง ทั้งจากภัยธรรมชาติและข้าศึก จากการตรวจสอบเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ และวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๕ พบความเสียหายที่เกิดจากการลักลอบท าลายที่หัวเขาแดง มีการปรับไถเป็น ทางเดินรถขนาดกว้าง ๕ – ๖ เมตร ยาว ๑,๕๙๘ เมตร ระดับเฉลี่ยตามแนวสันเขา ๓ – ๖ เมตร มีเนื้อที่ความเสียหายประมาณ ๕ ไร่ ปริมาตรดินที่สูญเสียไปประมาณ ๒๔,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นมูลค่า ๔,๐๐๘,๐๐๐ บาท (สี่ล้านแปดพันบาทถ้วน) ทั้งนี้ กรมศิลปากรได้ด าเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีต ารวจภูธรสิงหนคร กรณีการบุกรุกและท าลายโบราณสถานเมืองสงขลา (เขาน้อยและเขาแดง) กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมาย นอกจากนี้ เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๕ กรมศิลปากรได้ด าเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน


๑๗๑ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ สถานีต ารวจภูธรสิงหนคร กรณีการลักลอบขุดเจาะฐานเจดีย์องค์ด าด้วย และกรมศิลปากรได้มี การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชาชนในกิจกรรม “Save เขาแดง” เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม กับประชาชน ๖.๑๗ การพิจารณาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของวัดหิรัญญาราม (วัดบางคลาน) ต าบลบางคลาน อ าเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ปัญหาความขัดแย้งของวัดหิรัญญาราม (วัดบางคลาน) เป็นปัญหาความขัดแย้ง ที่มีมานับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วมีความเห็นชอบด้วยกับข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะของพระธรรมภาณพิลาส เจ้าคณะภาค ๔ โดยมีแนวทางการแก้ไขปัญหา และข้อควรพิจารณาด าเนินการ ดังนี้ ๑) ควรจัดประเภทปัญหาความขัดแย้งโดยแบ่งเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ (๑) เรื่องการวัด เป็นปัญหาการปกครองภายในคณะสงฆ์ สมควรให้คณะสงฆ์เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหา (๒) เรื่องการบ้าน เป็นปัญหาความแตกแยกของประชาชนในพื้นที่ อาจขอความช่วยเหลือให้ฝ่าย บ้านเมือง/ราชการทั้งในระดับจังหวัดและท้องถิ่นเข้ามาจัดการแก้ไขปัญหา (๓) เรื่องกฎหมาย บ้านเมือง เป็นปัญหาเกี่ยวกับคดีความตามกฎหมายและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากได้มี การแก้ไขปัญหาภายในวัดแล้วปัญหาเรื่องอื่น ๆ จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ๒) ควรใช้พระธรรมวินัยเป็นหลักในการแก้ไขปัญหา ตามด้วยหลักรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์กล่าวคือ คดีความหรือข้อพิพาทเรื่องที่ศาลมีค าพิพากษาแล้ว หรืออยู่ในระหว่าง การด าเนินคดี (คดีอาญาแผ่นดินที่ไม่สามารถยอมความได้) ให้ด าเนินการตามกระบวนการ ยุติธรรม ส่วนคดีความหรือข้อพิพาทที่สามารถยอมความกันได้ ให้คู่พิพาทเจรจาหาข้อยุติร่วมกัน เพื่อไม่ให้เป็นคดีพิพาทต่อไป ๓) พระธรรมภาณพิลาส เจ้าคณะภาค ๔ ในฐานะพระผู้ปกครองจะได้มีการ เจรจาขอให้คู่พิพาทลดทิฐิมานะ ยอมเสียสละและให้อภัยซึ่งกันและกัน เพื่อให้แต่ละฝ่ายมีทางออก ที่เหมาะสมและยอมรับได้ ๔) ควรพิจารณาแต่งตั้งเจ้าอาวาสรูปใหม่ เพื่อให้สามารถท าหน้าที่เจ้าอาวาส ได้อย่างปราศจากข้อสงสัย โดยพิจารณาแต่งตั้งพระเถระซึ่งเป็นที่เคารพยอมรับของคณะสงฆ์ คู่พิพาท และพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ ทั้งนี้ โดยอาจจะพิจารณาจากพระเถระที่อยู่จ าพรรษา ณ วัดในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ แต่มีถิ่นก าเนิดในจังหวัดพิจิตร ๕) เจ้าอาวาสหรือพระสังฆาธิการ ควรใช้อ านาจเท่าที่จ าเป็นและท าหน้าที่ ให้สมบูรณ์โดยยึดหลักความถูกต้องเป็นส าคัญ ๖) ควรพิจารณาจัดประเภททรัพย์สินให้มีความชัดเจน ได้แก่ ทรัพย์สินที่มี พยานหลักฐานชัดเจนเป็นของส่วนตัวให้ตกเป็นของส่วนตัว ทรัพย์สินที่ไม่มีพยานหลักฐานชัดเจน ให้มีการสอบสวน และทรัพย์สินที่มีพยานหลักฐานชัดเจนเป็นของวัดให้ส่งมอบคืนแก่วัด


๑๗๒ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๖.๑๘ การติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกลุ่มบุคคลกระท าการบุกรุกที่พักสงฆ์ ดงสว่างธรรม อ าเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร และการกระท าที่ผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสม กับพระภิกษุในท้องที่ต่าง ๆ คณะกรรมาธิการได้พิจารณาติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกลุ่มบุคคล กระท าการบุกรุกที่พักสงฆ์ดงสว่างธรรม และการกระท าที่ผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสมกับพระภิกษุ ในท้องที่ต่าง ๆ โดยมีผู้แทนส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและส านักงานต ารวจแห่งชาติ เข้าร่วมชี้แจงข้อมูล ซึ่งได้รับข้อมูลโดยสรุปว่า ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ด าเนินการ แจ้งความร้องทุกข์ไว้ต่อสถานีต ารวจภูธรในพื้นที่เหตุเกิด จ านวน ๙ แห่ง (จ านวน ๙ กรณี) โดยมีการกล่าวโทษกับกลุ่มบุคคลที่บุกรุกในลักษณะฐานความผิดที่คล้ายคลึงกัน และการด าเนินการ ในส่วนของสถานีต ารวจภูธรจังหวัดในพื้นที่แจ้งเหตุในขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อด าเนินคดี กับกลุ่มบุคคลที่ถูกกล่าวหา ซึ่งโดยส่วนใหญ่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา ๒ เดือน ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการเห็นว่า กรณีการบุกรุกของกลุ่มบุคคลที่กระท าการไม่เหมาะสมและส่งผลกระทบ ในทางเสียหายต่อพระพุทธศาสนา เป็นปัญหาที่ฝ่ายบริหารและประชาชนให้ความสนใจและ ต้องการให้มีแนวทางการแก้ไขปัญหาที่สามารถน าผู้ถูกกล่าวหามาด าเนินคดีที่เป็นรูปธรรม ชัดเจน เพื่อเป็นการป้องปรามเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวไม่ให้มีเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ดังนั้น จึงขอให้ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและสถานีต ารวจภูธรจังหวัดที่เกิดเหตุสมควรจะได้มี การประสานการด าเนินคดีกันอย่างจริงจังเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการ ได้มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี เรียนรัฐมนตรีประจ าส านักนายกรัฐมนตรี และเรียน ผู้บัญชาการต ารวจแห่งชาติ เพื่อรับทราบ ในการนี้ ส านักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือ แจ้งการด าเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยน ากราบเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว มีบัญชา ให้ส่งเรื่องให้ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและส านักงานต ารวจแห่งชาติพิจารณาในส่วน ที่เกี่ยวข้องต่อไป


๑๗๓ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๖.๑๙ การขอยกเลิกโครงการสะพานข้ามแม่น้ าเจ้าพระยา บริเวณถนนสนามบินน้ า จังหวัดนนทบุรี คณะกรรมาธิการได้รับการร้องเรียนขอให้พิจารณากรณีการขอยกเลิก โครงการสะพานข้ามแม่น้ าเจ้าพระยา บริเวณถนนสนามบินน้ า จังหวัดนนทบุรี และถอดถอน ออกจากแผนแม่บทการพัฒนาและบูรณาการโครงข่ายถนนสะพานข้ามแม่น้ าและการจราจร ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เนื่องจากส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของ ประชาชนในชุมชนสนามบินน้ าและวัดภายในชุมชน (วัดต าหนักใต้และวัดชมภูเวก) ซึ่งมีศิลปะ ภายในโบสถ์เก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย และโครงการดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขปัญหา การจราจรได้ และอาจจะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นด้วย เช่น ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม ฝ่ายผู้รับผิดชอบโครงการ (กรมทางหลวงชนบท) เห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการกระจาย ปริมาณจราจรจากสะพานพระนั่งเกล้าและสะพานพระราม ๔ รวมทั้งการอ านวยความสะดวก และพัฒนาพื้นที่ให้กับชุมชนบริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ าเจ้าพระยา เช่น ต าบลสนามบินน้ า ต าบลบางกระสอ ต าบลท่าอิฐ ต าบลไทรม้า ต าบลอ้อมเกร็ด เป็นต้น สามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว โดยการเชื่อมต่อระหว่างถนนติวานนท์ –ถนนราชพฤกษ์ เป็นการสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ จังหวัดนนทบุรีในการบรรเทาปัญหาจราจร ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการส ารวจออกแบบรายละเอียด รวมทั้งจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีพ.ศ. ๒๕๖๕ และเริ่มด าเนินการก่อสร้างต้นปี พ.ศ. ๒๕๗๐ ซึ่งจะแล้วเสร็จโดยใช้ระยะเวลาประมาณ ๓ ปี ทั้งนี้ การด าเนินการส่วนรวมที่ผ่านมาได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนไปแล้ว จ านวน ๕ ครั้ง และมีการประชุมกลุ่ม (Focus Group) จ านวน ๒ ครั้ง ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการ พิจารณาแล้วมีความเห็นว่ากรมทางหลวงชนบทควรไปจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ในชุมชนพื้นที่บริเวณวัดต าหนักใต้และวัดชมภูเวก โดยเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีเข้าร่วมประชุม เพื่อรับฟังความคิดเห็นด้วย ๖.๒๐ ข้อพิพาทเกี่ยวกับพื้นที่โบราณสถานปราสาทหลุ่งตะเคียน ต าบลหลุ่งตะเคียน อ าเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา กรณีนี้เป็นข้อพิพาทระหว่างประชาชนบางส่วนในพื้นที่ต าบลหลุ่งตะเคียน และที่พักสงฆ์โคกปราสาท เกี่ยวกับการอ้างกรรมสิทธิ์และการใช้ประโยชน์ในพื้นที่โบราณสถาน ปราสาทหลุ่งตะเคียน คณะกรรมาธิการได้เดินทางไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการอุปถัมภ์และคุ้มครอง ศาสนา ณ จังหวัดนครราชสีมาและได้เข้าร่วมประชุมรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย สรุปสาระส าคัญ ดังนี้ ๑) ที่พักสงฆ์โคกปราสาทอ้างสิทธิตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) ในการสร้างที่พักสงฆ์ในเขตโบราณสถาน โดยผู้แทนส านักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาจักราช ให้ข้อมูลว่า ผู้บริจาคที่ดินให้สร้างที่พักสงฆ์เป็นผู้ถือการครอบครองและใช้ประโยชน์ แต่ต้องรอ การพิจารณาของคณะกรรมการพิสูจน์สิทธิก่อน


๑๗๔ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๒) ประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถเข้าใช้ประโยชน์ในเขตโบราณสถาน ผู้แทน ส านักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาจักราชชี้แจงว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวไม่ได้เป็นที่สาธารณประโยชน์ หรือเป็นที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จึงสามารถออกโฉนดที่ดินได้ ๓) การขอคืนพื้นที่ในเขตโบราณสถานให้ประชาชนในพื้นที่ใช้จัดกิจกรรม ทางความเชื่อในวันเพ็ญเดือนหกของทุกปี ประธานที่พักสงฆ์อนุญาตให้ประชาชนในพื้นที่ขอใช้ สถานที่จัดงานกิจกรรมทางความเชื่อในวันเพ็ญเดือนหกของแต่ละปี แต่ต้องไม่จัดกิจกรรม หรือประพฤติตนที่ไม่เหมาะสม เช่น การดื่มสุรา เล่นการพนัน หรือส่งเสียงดังอันเกิดความร าคาญ แก่ผู้มาปฏิบัติธรรม เป็นต้น ดังนั้น หากชาวบ้านจะจัดกิจกรรมตามที่ขออนุญาตมานั้นให้แจ้ง ประธานที่พักสงฆ์ เจ้าคณะอ าเภอ เจ้าคณะจังหวัด และนายอ าเภอ จะได้ให้ความร่วมมือกัน อย่างดี ๔) มีการฟ้องร้องด าเนินคดีกับผู้น าท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ โดยคณะกรรมาธิการจะน าเรื่องดังกล่าวกลับมาพิจารณาศึกษาในคณะกรรมาธิการอีกครั้งหนึ่ง ๕) มีการก่อสร้างที่พักสงฆ์โคกปราสาทโดยไม่ขออนุญาตและแจ้งให้ พระสังฆาธิการทราบ ในส่วนของการแจ้งความด าเนินคดีกับผู้บุกรุก คณะกรรมาธิการจะน า กลับมาพิจารณาศึกษาร่วมกับกรมศิลปากรเพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป


๑๗๕ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๖.๒๑ การขอย้ายสายไฟฟ้าแรงสูงที่ตั้งอยู่ในบริเวณวัดหนองจอก ต าบลหนองจอก อ าเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี คณะกรรมาธิการได้รับเรื่องจากเจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี เกี่ยวกับการขอย้าย สายไฟฟ้าแรงสูงที่ตั้งอยู่ในบริเวณวัดหนองจอก เนื่องจากสายไฟฟ้าแรงสูงตั้งอยู่ค่อนข้างต่ า และอยู่ใกล้บริเวณอุโบสถ โดยที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจากการถูกสายไฟฟ้าแรงสูงดูดมาแล้ว คณะกรรมาธิการได้เดินทางไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ณ จังหวัดเพชรบุรี และได้มีการเชิญผู้แทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ าเภอท่ายาง เข้าร่วมประชุม และได้ชี้แจงว่า ได้มีแผนที่จะรื้อถอนเสาไฟฟ้าบริเวณที่มีสายไฟฟ้าพาดผ่านหน้าอุโบสถ โดยจะท า ให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน ๒๕๖๖ รวมทั้งจะแก้ไขปัญหาในเรื่องภูมิทัศน์และความปลอดภัย ในการท างานบริเวณดังกล่าวด้วย


๑๗๖ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๗. การพิจารณาติดตามการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ พฤติกรรม หรือการกระท าใด ๆ ของพระสังฆาธิการหรือพระภิกษุที่ไม่เหมาะสมหรือถูกต้องตามพระวินัยหรือกฎหมาย ที่อาจ ส่งผลกระทบต่อคณะสงฆ์หรือพระพุทธศาสนา ด้วยคณะกรรมาธิการได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ พฤติกรรม หรือ การกระท าใด ๆ ของพระสังฆาธิการหรือพระภิกษุที่ไม่เหมาะสมหรือถูกต้องตามพระวินัย หรือกฎหมาย ที่อาจส่งผลกระทบต่อคณะสงฆ์หรือพระพุทธศาสนา ในเรื่องนี้คณะกรรมาธิการ มีแนวทางการพิจารณาว่า การร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่หรือการใช้อ านาจของพระสังฆาธิการ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าอาวาส เจ้าคณะต าบล เจ้าคณะอ าเภอ หรือเจ้าคณะจังหวัด หรือการร้องเรียน เกี่ยวกับความประพฤติของพระภิกษุ เป็นเรื่องการปกครองคณะสงฆ์และเป็นอ านาจหน้าที่ของ พระสังฆาธิการผู้ปกครองโดยแท้ คณะกรรมาธิการไม่สมควรที่จะใช้อ านาจในทางนิติบัญญัติ ไปก้าวล่วง ดังนั้น จึงได้มีหนังสือนมัสการพระสังฆาธิการในเขตปกครองที่อยู่เหนือขึ้นไปของผู้ที่ ถูกร้องเรียน เพื่อรายงานข้อมูลและขอให้พระสังฆาธิการพิจารณาด าเนินการตามหน้าที่และอ านาจ ต่อไป ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ หรือมติ ค าสั่ง ประกาศ กฎของมหาเถรสมาคม ตลอดจนกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง


๑๗๗ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ การจัดสัมมนา ของคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ในช่วงเวลากว่า ๓ ปีเศษ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๕๖๖ (๑๑ กันยายน ๒๕๖๒ – ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๖) คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ได้มีการ จัดสัมมนา จ านวน ๔๕ เรื่อง รวมจ านวน ๖๕ ครั้ง โดยมีสาระส าคัญ ดังนี้ ๑. เรื่อง บทบาทของคณะกรรมาธิการกับการส่งเสริมศาสนาและการพัฒนา วัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างยั่งยืน จ านวน ๑ ครั้ง เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๒ ณ ส านักงาน เทศบาลต าบลหัวตะพาน อ าเภอหัวตะพาน จังหวัดอ านาจเจริญ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟัง ความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการศาสนา และด้านวัฒนธรรมของจังหวัด อ านาจเจริญ แลกเปลี่ยนเรียนรู้และข้อเสนอแนะจากพระสงฆ์ ข้าราชการส่วนท้องถิ่นและประชาชน ในท้องถิ่น รวมถึงรวบรวมและประมวลความเห็นเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. เรื่อง ปลุกพลังเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมเยาวชนไทยยุคใหม่ จ านวน ๑ ครั้ง เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๓ ณ วัดคามวาสี อ าเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เยาวชนเป็นผู้มีความรู้ ความเข้าใจต่อความคิด ทัศนคติ และมุมมองต่อคุณธรรมจริยธรรม ในโลกของการเปลี่ยนแปลงได้อย่างถูกต้อง มีความตระหนักถึงความส าคัญของคุณธรรมจริยธรรม ที่มีผลต่อการพัฒนาตนเองและสังคม และมีคุณธรรมประจ าใจ มีความรับผิดชอบไม่เอารัดเอาเปรียบ รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น และเป็นผู้มีความเสียสละต่อประโยชน์ส่วนรวม


๑๗๘ สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๓. เรื่อง คุณธรรมสร้างสันติสุขแก่ชุมชน จ านวน ๑ ครั้ง เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ณ โรงเรียนนิยมมิตรวิทยาคาร อ าเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกจิตส านึก กระตุ้นเตือนให้ศาสนิกชนได้ตระหนักและมีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมค าสอนของศาสนา ต่าง ๆเพื่อน้อมน าไปประพฤติปฏิบัติเป็นแนวทางในการด าเนินชีวิต และเป็นแนวทางในการสร้าง ความสันติสุขให้เกิดแก่สังคมไทย โดยมีคุณธรรมพื้นฐาน ๘ ประการ เป็นหลักในการพัฒนาวัฒนธรรม ด้านจิตใจ ๔. เรื่อง ศาสนากับศิลปะร่วมสมัย จ านวน ๑ ครั้ง เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ณ กระทรวงวัฒนธรรม (ศูนย์ประชุมกระทรวงวัฒนธรรม ชั้น ๘) เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องศาสนา งานศิลปะร่วมสมัย และบทบาท ของศาสนาในพื้นที่งานศิลปะให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งผู้ผลิตงานศิลปะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างบูรณาการ และส่งเสริมกระบวนการคิด วิเคราะห์ และแยกแยะผ่านประเด็นด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ๕. เรื่อง การส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ที่สอดคล้องกับแนวทางของวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) จ านวน ๑ ครั้ง เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ณ วิทยาลัยเทคนิคอ านาจเจริญ อ าเภอเมืองอ านาจเจริญ จังหวัดอ านาจเจริญ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการปฏิบัติตัวตามหลัก ศาสนาและศาสนพิธีส่งเสริมการเรียนรู้ศิลปะและวัฒนธรรมของชุมชนในท้องถิ่นชาวอีสาน ที่มีการพัฒนาต่อยอดและคงความเป็นเอกลักษณ์อย่างยั่งยืน ตลอดจนสร้างความรู้ความเข้าใจ ด้านการสาธารณสุขในการปรับตัวใช้ชีวิตใหม่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ เชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)


Click to View FlipBook Version