The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มแผนการจัดการเรียนรู้ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Chalisa Nuangracha, 2024-01-11 08:38:02

เล่มแผนการจัดการเรียนรู้ 1

เล่มแผนการจัดการเรียนรู้ 1

ใบงานที่ 1.7 เรื่อง ไตรส ิ กขา ค าชี้แจง ให้นักเรียนวิเคราะห์และตอบค าถาม ที่มา https://clubsister.com/ ➢ ค าถาม 1. เป็นข้อมูลเกี่ยวกับอะไร (2 คะแนน) 2. มีการกระท าที่สอดคล้องกับไตรสิกขาอย่างไร (4 คะแนน) 3. ผลที่ได้รับจากการปฏิบัติ คืออะไร (2 คะแนน) 4. นักเรียนได้ข้อคิดส าคัญอย่างไรบ้าง (2 คะแนน) (พิจารณาตามค าตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) เฉลย


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง โอวาท 3 เวลา 2 ชั่วโมง วันที่............เดือน.........................พ.ศ...................... นางสาวชาลิสา เนื่องราชา ผู้สอน 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่าง สันติสุข ตัวชี้วัด ป.5/5 แสดงความเคารพพระรัตนตรัยและปฏิบัติตามไตรสิกขา และหลักธรรมโอวาท 3 ใน พระพุทธศาสนาหรือหลักธรรมของศาสนาที่ตนนับถือตามที่กำหนด ป.5/7 ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของศาสนาที่ตนนับถือ เพื่อการพัฒนาตนเองและสิ่งแวดล้อม 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมายความสำคัญ และหลักปฏิบัติของโอวาท 3 ได้ถูกต้อง (K) 2. สื่อสารและนำหลักธรรมเรื่องโอวาท 3 มาปฏิบัติและประยุกต์ให้ใช้ในชีวิตประวันได้ (P) 3. สนใจเกี่ยวกับหลักธรรมเรื่อง โอวาท 3 (A) 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. มีวินัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


5. สาระสำคัญ การปฏิบัติตนตามการเป็นศาสนิกชนที่ดี ควรรู้และเข้าใจการปฏิบัติตนตามหลักธรรมโอวาท 3 คือ การทำความดี การไม่ทำความชั่ว การทำจิตใจให้บริสุทธิ์ และการไม่เบียดเบียนผู้อื่น เพื่อให้การอยูร่วมกันอยู่ ในสังคมได้อย่างสงบสุข 6. สาระการเรียนรู้ 1. โอวาท 3 1) ไม่ทำชั่ว - เบญจศีล - อบายมุข 4 2) ทำความดี - เบญจธรรม - บุญกิริยาวัตถุ 3 - อคติ 4 - อิทธิบาท 4 - กตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธศาสนา - มงคล 38 ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน การงานไม่อากูล อดทน 3) ทำจิตให้ผ่องใสบริสุทธิ์ (บริหารจิตและเจริญปัญญา) 7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 2. ครูเปิดวิดีทัศน์ เรื่อง โอวาท 3 ให้นักเรียนดู 3. ครูตั้งคำถาม โอวาท 3 หมายถึงอะไร ( แนวคำตอบ โอวาท 3 หมายถึง คำแนะนำคำตักเตือนคำกล่าวสอนโอวาทของพระสัมมาสัม พุทธเจ้า) คำถาม โอวาท 3 มีหลักปฏิบัติกี่ประการ ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ( แนวคำตอบ 3 ประการคือ (1) ไม่ทำความชั่ว เช่น ไม่ลักขโมย ไม่ทะเลาะวิวาทกัน คนไม่ทำ ความชั่วจิตใจก็แจ่มใสมีความสุขกายสุขใจ (2) ทำความดี เช่น มีความเมตตาต่อผู้อื่น พูดจาไพเราะอ่อนหวาน ผู้ที่ทำดีย่อมได้รับผลตอบแทนดี(3) ทำจิตใจให้ผ่องใส กำจัดสิ่งที่ทำให้จิตใจเศร้าหมองออกไป เช่น ความโลภ ความโกรธ) ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูเปิด Power point เรื่องโอวาท 3 พร้อมอธิบาย จากนั้นครูพานักเรียนทำกิจกรรม บัตรภาพ โอวาท 3โดยใช้โปรแกรม Power point มีกระบวนการ ดังนี้ - ครูกำหนดภาพที่เกี่ยวกับ โอวาท 3 จำนวน 10 ภาพ - ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนเป็น 3 กลุ่ม โดยใช้วิธีการนับ 1 2 3 ตั้งแต่คนแรกจนถึงคน สุดท้าย คนที่นับเลข 1 อยู่กลุ่มที่ 1 คนที่นับเลข 2 อยู่กลุ่มที่ 2 และ คนที่นับเลข 3 อยู่กลุ่มที่ 3


- เริ่มเกมโดยครูเป็นคนเปิดภาพ และให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันตอบ จนถึงภาพ สุดท้าย กลุ่มที่ตอบถูกและตอบได้เร็วกว่ากลุ่มอื่น ได้รับ 2 คะแนน กลุ่มตอบถูกลำดับที่ 2 และ 3 ได้ 1 คะแนน ตอบไม่ถูกได้ 0 คะแนน - ครูรวมคะแนน และกล่าวชมเชยนักเรียนทุกคน เป็นการเสริมแรงทางบวก 2. ครูมอบหมายให้นักเรียนสรุปความรู้ที่ได้จากกิจกรรมโอวาท 3 ลงในสมุด ชั่วโมงที่ 2 3. ครูให้นักเรียนจับกลุ่มเดิม จากนั้นส่งตัวแทนกลุ่มออกมาจับสลากเลือกหัวข้อที่จะนำเสนอ ดังนี้ หัวข้อที่ 1 โอวาทข้อที่ 1 การไม่ทำความชั่วทั้งปวง หัวข้อที่ 2 โอวาทข้อที่ 2 การทำความดีให้ถึงพร้อม หัวข้อที่ 3 โอวาทข้อที่ 3 การทำจิตใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ 4. นักเรียนค้นคว้าหาข้อมูลจากหนังสือเรียน และแหล่งเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ต 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน ตามลำดับ หลังจากที่แต่ละกลุ่มนำเสนอ จบ ครูให้นักเรียนกลุ่มอื่นถามคำถามกลุ่มที่นำเสนอ 6. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำใบงานที่ 1.8 เรื่อง โอวาท 3 เป็นการบ้าน ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญ หลักปฏิบัติของ โอวาท 3 และแนวทางการประพฤติตนที่แสดงถึง การทำความดี และการทำจิตใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ 2. ครูมอบหมายให้นักเรียนอ่านเรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต เป็นการบ้าน เพื่อเตรียมความพร้อม ในการเรียนการสอนชั่วโมงถัดไป 8. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ สื่อ - หนังสือเรียน สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 - วิดีทัศน์ เรื่อง โอวาท 3 - บัตรภาพ แหล่งเรียนรู้ - ห้องเรียน - แหล่งเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ต 9. ชิ้นงาน/ภาระงาน ภาระงาน - ใบงานที่ 1.8 เรื่อง โอวาท 3


10. กระบวนการวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดผลและ ประเมินผล 1. บอกความหมาย ความสำคัญ และหลัก ปฏิบัติของโอวาท 3 ได้ ถูกต้อง (K) ใบงาน 1.8 เรื่อง โอวาท 3 ตรวจใบงาน 1.8 เรื่อง โอวาท 3 คะแนน 10 คะแนน ร้อยละ 70 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2. สื่อสารและนำ หลักธรรมเรื่องโอวาท 3 มาปฏิบัติและประยุกต์ให้ ใช้ในชีวิตประวันได้ (P) แบบสังเกตพฤติกรรม รายบุคคล ตรวจแบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ระดับคุณภาพ ดีผ่านเกณฑ์ 3. สนใจเกี่ยวกับ หลักธรรมเรื่อง โอวาท 3 (A) แบบสังเกตพฤติกรรม รายบุคคล ตรวจแบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ระดับคุณภาพ ดีผ่านเกณฑ์


ใบงานที่ 1.8 เรื่อง โอวาท 3 คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านกรณีศึกษา แล้วตอบคำถาม กรณีศึกษาที่ 1 ฝนมีความสุขที่ได้อธิบายการบ้านให้แก่เพื่อนๆ ในห้อง ฝนชอบช่วยเหลือเพื่อนทำกิจกรรมต่างๆ ใน ห้องเรียนและกิจกรรม ของโรงเรียน พูดจาเป็นที่น่าเชื่อถือของทุกคน กลับบ้านตรงเวลา ถึงแม้ว่าเพื่อนจะ ชวนไปเที่ยวที่ไหนก็รู้จักปฏิเสธ ฝนอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะการเงินปานกลาง แต่ฝนก็ไม่คิดฟุ้งเฟ้ออยากมี เหมือนคนอื่น และทำจิตใจให้สงบสุข ➢ คำถาม 1. ฝนปฏิบัติตนตามหลักธรรมในข้อใด จงยกตัวอย่าง 2. นักเรียนคิดว่า การกระทำของฝนจะเกิดผลดีต่อตนเองอย่างไร กรณีศึกษาที่ 2 โก้ เป็นเด็กที่เรียนอยู่ในระดับปานกลาง เขาพยามตั้งใจเรียนขยันเรียนมากขึ้นเพื่อให้ผลการเรียนดีขึ้น กว่าเดิม เขาชอบช่วยเหลือเพื่อนทำความสะอาดห้องเรียน และพูดจากับทุกคนด้วยคำพูดสุภาพอ่อนน้อม และพูดจริง โก้เป็นนักกรีฑาของโรงเรียนเขาฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอโก้ยังไม่มีคู่รักหรือแฟน ➢ คำถาม 1. โก้ปฏิบัติตนตามหลักธรรมในข้อใด จงยกตัวอย่าง 2. นักเรียนคิดว่า การกระทำของโก้จะเกิดผลดีต่อตนเองอย่างไร


ตอนที่ 1 คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านกรณีศึกษา แล้วตอบคำถาม กรณีศึกษาที่ 1 ฝนมีความสุขที่ได้อธิบายการบ้านให้แก่เพื่อนๆ ในห้อง ฝนชอบช่วยเหลือเพื่อนทำกิจกรรมต่างๆ ใน ห้องเรียนและกิจกรรมของโรงเรียน พูดจาเป็นที่น่าเชื่อถือของทุกคน กลับบ้านตรงเวลา ถึงแม้ว่าเพื่อนจะ ชวนไปเที่ยวที่ไหนก็รู้จักปฏิเสธ ฝนอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะการเงินปานกลาง แต่ฝนก็ไม่คิดฟุ้งเฟ้ออยากมี เหมือนคนอื่น และทำจิตใจให้สงบสุข ➢ คำถาม 1. ฝนปฏิบัติตนตามหลักธรรมในข้อใด จงยกตัวอย่าง ฝนปฏิบัติตนตามหลักธรรมบุญกิริยาวัตถุ 3 คือ การอธิบายการบ้านให้เพื่อนฟัง และช่วยทำกิจกรรมต่างๆ จัดเป็นทาน มัย การประพฤติดี พูดในสิ่งที่เป็นความจริง จัดเป็นสีลมัย และการทำจิตใจให้สงบไม่คิดฟุ้งเฟ้อ จัดเป็นภาวนามัย 2. นักเรียนคิดว่า การกระทำของฝนจะเกิดผลดีต่อตนเองอย่างไร (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) กรณีศึกษาที่ 2 โก้ เป็นเด็กที่เรียนอยู่ในระดับปานกลาง เขาพยามตั้งใจเรียนขยันเรียนมากขึ้นเพื่อให้ผลการเรียนดีขึ้น กว่าเดิม เขาชอบช่วยเหลือเพื่อนทำความสะอาดห้องเรียน และพูดจากับทุกคนด้วยคำพูดสุภาพอ่อนน้อม และพูดจริง โก้เป็นนักกรีฑาของโรงเรียนเขาฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอโก้ยังไม่มีคู่รักหรือแฟน ➢ คำถาม 1. โก้ปฏิบัติตนตามหลักธรรมในข้อใด จงยกตัวอย่าง โก้ปฏิบัติตนตามหลักเบญจศีล มีเมตตากรุณา คือ เขาชอบช่วยเหลือเพื่อนทำความสะอาดห้องเรียน มี สัมมาอาชีวะ คือ ตั้งใจเรียน มีคำสัตย์ คือพูดจริง มีสติสัมปชัญญะ คือ ฝึกซ้อมกรีฑาอย่างสม่ำเสมอไม่ประมาท 2. นักเรียนคิดว่า การกระทำของโก้จะเกิดผลดีต่อตนเองอย่างไร (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) เฉลย


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต เวลา 2 ชั่วโมง วันที่............เดือน.........................พ.ศ...................... นางสาวชาลิสา เนื่องราชา ผู้สอน 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่าง สันติสุข ตัวชี้วัด ป.5/5 แสดงความเคารพพระรัตนตรัยและปฏิบัติตามไตรสิกขา และหลักธรรมโอวาท 3 ใน พระพุทธศาสนาหรือหลักธรรมของศาสนาที่ตนนับถือตามที่กำหนด 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมายและข้อคิดจากพุทธศาสนสุภาษิตได้ (K) 2. สื่อสารและนำข้อคิดจากพุทธศาสนสุภาษิตไปปฏิบัติหรือประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่าง เหมาะสม (P) 3. เห็นคุณค่าของพุทธศาสนสุภาษิต (A) 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. มีวินัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


5. สาระสำคัญ พุทธศาสนสุภาษิตเป็นข้อความสั้น ๆ ทางพระพุทธศาสนาที่ให้ข้อคิดหรือคติสอนใจ สามารถนำไป ปฏิบัติหรือประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ(วิริเยนะ ทุกขะมัจเจติ): คนจะล่วงทุกข์ได้ เพราะความเพียร และปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต (ปัญญา โลกัสมิ ปัชโชโต): ปัญญาคือแสงสว่างในโลก 6. สาระการเรียนรู้ 1. พุทธศาสนสุภาษิต 1) วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ : คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร 2) ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต : ปัญญา คือ แสงสว่างในโลก 7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูให้นักเรียนนั่งสมาธิ 3 นาที 2. ครูแจ้งตัวชี้วัดชั้นปีและจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 3. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยต่าง ๆ จากเรื่องที่ได้รับมอบหมายให้ไปอ่านมา โดยครูตอบข้อสงสัยและอธิบายเพิ่มเติม จากนั้นซักถามนักเรียนว่า การทำงานแต่ละอย่างจะสำเร็จได้ต้อง อาศัยอะไรบ้าง 4. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 3 คน ให้ตอบคำถาม แล้วสรุปให้นักเรียนฟังว่า ในการทำงานแต่ละ อย่างงานที่ทำจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความเพียร พร้อมกับกล่าวชมเชยนักเรียน จากนั้นเชื่อมโยงความรู้ไปสู่ เนื้อหาที่จะเรียน ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูเปิดวิดิทัศน์เรื่อง พุทธสุภาษิต ให้นักเรียนดู 2. ครูเขียนพุทธศาสนสุภาษิตบท วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ (วิริเยนะ ทุกขะมัจเจติ) : คนจะล่วง ทุกข์ได้เพราะความเพียร 3. ครูอ่านพุทธศาสนสุภาษิตให้นักเรียนฟัง แล้วให้นักเรียนอ่านตาม จากนั้นครูอธิบาย ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต พร้อมทั้งยกตัวอย่างพฤติกรรมของบุคคลที่สอดคล้องกับพุทธศาสนสุภาษิต บทดังกล่าวให้นักเรียนฟัง 4. ครูให้ความรู้แก่นักเรียนเกี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษิตบท วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ (วิริเยนะ ทุกขะมัจเจติ) : คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร พร้อมทั้งเปิด โอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยต่าง ๆ 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษิตบทดังกล่าว โดยให้นักเรียนบันทึก ข้อสรุปลงในสมุด


ชั่วโมงที่ 2 6. ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษิตที่ได้เรียนมาในครั้งที่แล้วให้กับนักเรียน จากนั้นเขียนพุทธศาสนสุภาษิตบท ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต (ปัญญา โลกัสมิ ปัชโชโต): ปัญญาคือแสงสว่างใน โลก 7. ครูอ่านพุทธศาสนสุภาษิตให้นักเรียนฟัง แล้วให้นักเรียนอ่านตาม จากนั้นครูอธิบาย ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต พร้อมทั้งยกตัวอย่างพฤติกรรมของบุคคลที่สอดคล้องกับพุทธศาสนสุภาษิต บทดังกล่าวให้นักเรียนฟัง 8. ครูให้ความรู้แก่นักเรียนเกี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษิตบท ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต (ปัญญา โลกัสมิปัชโชโต: ปัญญาคือแสงสว่างในโลก พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยต่าง ๆ 9. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำใบงานที่ 1.9 เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต ในขณะที่ทำใบงานครู สังเกตพฤติการทำงานของนักเรียน 10. ครูแนะนำให้นักเรียนนำความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษิตไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวัน รวมทั้งไปเผยแพร่ให้บุคคลอื่น เช่น คนในครอบครัว เพื่อนบ้าน คนในชุมชน ได้รู้และเข้าใจ ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยใบงานที่ 1.9 เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต พร้อมทั้งสรุปและ อธิบายเพิ่มเติมในหัวข้อที่นักเรียนสงสัย 2. ครูมอบหมายให้นักเรียนอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนา เรื่อง การปฏิบัติตนเพื่อพัฒนาตนเอง เป็นการบ้านเพื่อเตรียมจัดการเรียนรู้ในครั้งต่อไป 8. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ สื่อ - หนังสือเรียน สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 - วิดีทัศน์ เรื่อง พุทธสุภาษิต แหล่งเรียนรู้ - ห้องเรียน 9. ชิ้นงาน/ภาระงาน ชิ้นงาน - ใบงานที่ 1.9 เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต


10. กระบวนการวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล 1. บ อก ความ ห ม ายแล ะ ข้อคิดจากพุทธศาสนสุภาษิต ได้ (K) ใบงานที่ 1.9 เรื่อง พุทธศาสน สุภาษิต ตราจใบงานที่ 1.9 เรื่อง พุทธ ศาสนสุภาษิต คะแนน 10 คะแนน ร้อยละ 70 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2. สื่อสารและนำข้อคิดจาก พุทธศาสนสุภาษิตไปปฏิบัติ ห รื อ ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ ใ น ชี วิ ต ป ระ จ ำวั น ได้ อ ย่ า ง เหมาะสม (P) แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ตรวจแบบ สังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นคุณค่าของพุทธศาสน สุภาษิต (A) แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ตรวจแบบ สังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง แบบอย่างการทำความดี เวลา 2 ชั่วโมง วันที่............เดือน.........................พ.ศ...................... นางสาวชาลิสา เนื่องราชา ผู้สอน 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่าง สันติสุข ตัวชี้วัด ป.5/3 เห็นคุณค่าและประพฤติตนตามแบบอย่างการดำเนินชีวิตและข้อคิดจากประวัติสาวก ชาดก เรื่องเล่าและศาสนิกชนตัวอย่างตามที่กำหนด 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกประวัติของพระโสณ โกฬิวิสะ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และอาจารย์ เสถียร โพธินัน ทะได้ (K) 2. วิเคราะห์และนำเสนอ คุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นนแบบอย่างของพระโสณ โกฬิวิสะ สมเด็จ พระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และอาจารย์เสถียร โพธินันทะได้ (P) 3. กระตือรือร้นในการเรียนเรื่อง แบบอย่างการทำความดี (A) 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. มีวินัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


5. สาระสำคัญ พระโสณ โกฬิวิสะเป็นพุทธสาวกที่ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นผู้เลิศกว่าพระภิกษุ ทั้งหลายในด้านปรารภความเพียร ส่วนสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ทรงเป็นชาวพุทธตัวอย่างที่มีผลงาน เป็นที่ประจักษ์ ทำให้ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 9 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ และอาจารย์เสถียร โพธินันทะ เป็นชาวพุทธตัวอย่างที่ได้ศึกษาค้นคว้าความรู้ทาง พระพุทธศาสนาจนแตกฉาน การประพฤติตนตามแบบอย่างการดำเนินชีวิตของพุทธสาวกและชาวพุทธ ตัวอย่างเหล่านี้จะช่วยให้ประสบความสำเร็จและอยู่รวมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 6. สาระการเรียนรู้ 1. พุทธสาวก พุทธสาวิกา - พระโสณโกฬิวิสะ 2. ศาสนิกชนตัวอย่าง - สมเด็จพระสังฆราช (สา) - อาจารย์เสถียร โพธินันทะ 7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูให้นักเรียนนั่งสมาธิ 3 นาที 2. ครูแจ้งตัวชี้วัดชั้นปีและจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 3. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยต่าง ๆ จากเรื่องที่ได้รับมอบหมายให้ไปอ่านมา โดยครูตอบข้อสงสัยและอธิบายเพิ่มเติม ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูเปิด Power point เรื่องแบบอย่างการทำความดี พร้อมอธิบายให้นักเรียนฟัง 2. ครูตั้งคำถาม พระโสณโกฬิวิสะ ทำอย่างไรจึงสำเร็จพระอรหัน ( แนวคำตอบ มีความเพียร พยายาม และเดินทางสายกลาง ) คุณธรรมใดบ้างที่นักเรียนควรนำมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ( แนวคำตอบ ความพยายาม ความพอดี ความขยัน ) 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำใบงานที่ 1.10 เรื่อง แบบอย่างการทำความดี ในขณะที่ทำใบ งานครูสังเกตพฤติการทำงานของนักเรียน พร้อมให้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่นักเรียนเกิดความสงสัย 4. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยใบงาน ที่ 1.10 เรื่อง แบบอย่างการทำความดี ขณะที่เฉลยใบ งานครูให้นักเรียนแก้ไขข้อที่ผิด และเขียนเพิ่มเติมในข้อที่ยังไม่ครบถ้วน


ชั่วโมงที่ 2 5. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น 3 กลุ่ม โดยใช้เพลง ไปทะเล 6. ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมาจับสลากเลือกหัวข้อที่จะศึกษา หัวข้อที่ 1 พระโสณโกฬิวิสะ หัวข้อที่ 2 สมเด็จพระสังฆราช (สา) หัวข้อที่ 3 อาจารย์เสถียร โพธินันทะ 7. ครูมอบหมายให้นักเรียนศึกษาและวิเคราะห์ในหัวข้อที่กลุ่มตนเองได้รับมอบหมาย โดย ให้ค้นคว้าในหนังสือเรียน หรือสืบค้นทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งหัวข้อที่ต้องศึกษาประกอบด้วย 1) ประวัติหรือสาระสำคัญโดยย่อ 2) คุณธรรมที่ได้จากการศึกษา 3) ข้อคิดสำคัญจากการศึกษาที่สามารถนำไปประยุกต์ปฏิบัติ 8. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอในรูปแบบ ผังมโนทัศน์ ในขณะที่นักเรียนแต่ละกลุ่ม นำเสนอจบครูได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมในส่วนที่ยังไม่ครบถ้วน ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเรื่อง แบบอย่างการทำความดี พร้อมทั้งเปิดโอกาส ให้นักเรียนซักถามในประเด็นที่สงสัย 2. ครูแนะนำให้นักเรียนนำคุณธรรมในเรื่อง แบบอย่างการทำความดี ไปปรับใช้ในการ ดำเนินชีวิต เพื่อจะทำให้ประสบความสำเร็จในอนาคต 8. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ สื่อ - หนังสือเรียน สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 - Power point เรื่อง แบบอย่างการทำความดี แหล่งเรียนรู้ - ห้องเรียน - แหล่งเรียนรู้ที่งอินเทอร์เน็ต 9. ชิ้นงาน/ภาระงาน ชิ้นงาน - ใบงานที่1.10 เรื่องแบบอย่างการทำความดี - งานนำเสนอ ผังมโนทัศน์


10. กระบวนการวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล 1. บอกประวัติของพระโสณ โกฬิวิสะ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และอาจารย์ เสถียร โพธินันทะได้ (K) ใบงานที่1.10 เรื่องแบบอย่าง การทำความดี ตราจใบงานที่1.10 เรื่องแบบอย่างการทำ ความดี คะแนน 10 คะแนน ร้อยละ 70 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2. วิเคราะห์และนำเสนอ คุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นน แบบอย่างของพระโสณ โกฬิ วิสะ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และอาจารย์ เสถียร โพธินันทะได้ (P) แบบประเมินการ นำเสนองานกลุ่ม ตรวจแบบประเมิน การนำเสนองานกลุ่ม ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์ 3. กระตือรือร้นในการเรียน เรื่อง แบบอย่างการทำความ ดี (A) แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ตรวจแบบสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ชาดก เวลา 2 ชั่วโมง วันที่............เดือน.........................พ.ศ...................... นางสาวชาลิสา เนื่องราชา ผู้สอน 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่าง สันติสุข ตัวชี้วัด ป.5/3 เห็นคุณค่าและประพฤติตนตามแบบอย่างการดำเนินชีวิตและข้อคิดจากประวัติสาวก ชาดก เรื่องเล่าและศาสนิกชนตัวอย่างตามที่กำหนด 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับจูฬเสฏฐิชาดกและวัณณาโรหชาดกได้ (K) 2. วิเคราะห์ข้อคิดจากจูฬเสฏฐิชาดกและวัณณาโรหชาดกได้(P) 3. กระตือรือร้นในการเรียนเรื่อง ชาดก (A) 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. มีวินัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. สาระสำคัญ ชาดก คือ เรื่องราวในอดีตของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะมาประสติและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาติ สุดท้าย การศึกษาจูฬเสฏฐิชาดกและวัณณาโรหชาดก จะทำให้เราได้ข้อคิดเกี่ยวกับคนมีปัญญาสามารถสร้าง


ฐานะได้ด้วยทุนทรัพย์เพียงเล็กน้อย และคนมีความรู้ย่อมหนักแน่นอยู่ในความสามัคคีไม่แตกแยกเพราะคำยุยง ของคนอื่น ซึ่งข้อคิดเหล่านี้สามารถนำไปประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ 6. สาระการเรียนรู้ 1. ชาดก - จูฬเสฏฐิชาดก - วัณณาโรหชาดก 7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูนำนักเรียนทำกิจกรรมก่อนนำเข้าสู่บทเรียน โดยใช้เพลง ตบมือ ตบตัก ตบไหล่ 2. ครูแจ้งเรื่องที่จะเรียน และจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 3. ครูซักถามนักเรียนว่านักเรียนเคยอ่านชาดกเรื่องใดมาบ้าง หลังจากที่นักเรียนตอบคำถาม ครูได้เชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูเปิดวิดิทัศน์ จูฬเสฏฐิชาดก ให้นักเรียนดู หลังวิดิทัศน์จบครูได้เปิด Power Point เรื่อง ชาดก อธิบายเพิ่มเติม 2. ครูตั้งคำถาม ชายหนุ่มยากจนสร้างฐานะร่ำรวยได้โดยวิธีใด ( แนวคำตอบ ค้าขาย ) 3. ครูให้นักเรียนจับคู่ ตามความสมัครใจแล้วศึกษาในหนังสือเรียน จากนั้นครูให้นักเรียน แสดงความคิดเห็นร่วมกันกับคู่ของตนเองแล้วเขียนลงในสมุด โดยครูจะสุ่มถาม 5 คู่ ซึ่งมีคำถาม ดังนี้ คำถาม นักเรียนได้ข้อคิดอะไรบ้าง จากจูฬเสฏฐิชาดก ( แนวคำตอบ อยู่ในดุลพินิจของครูผู้สอน) คำถาม ถ้านักเรียนอยากเป็นเศรษฐีนักเรียนจะทำอย่างไร ( แนวคำตอบ อยู่ในดุลพินิจของครูผู้สอน ) 4. ครูสุ่มนักเรียนตอบคำถามทีละกลุ่ม พร้อมกล่าวชมเชยหลังนักเรียนตอบคำถามจบ 5. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำใบงานที่ 1.11 เรื่องชาดก ในหัวข้อที่ 1 จูฬเสฏฐิชาดก พร้อม สังเกตพฤติการทำงานของนักเรียน และให้ความรู้เพิ่มเติมในประเด็นที่นักเรียนสงสัย 4. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยใบงานที่ 1.11 เรื่องชาดก ในหัวข้อที่ 1 จูฬเสฏฐิชาดก ขณะที่ เฉลยใบงานครูให้นักเรียนแก้ไขข้อที่ผิด และเขียนเพิ่มเติมในข้อที่ยังไม่ครบถ้วน ชั่วโมงที่ 2 5. ครูนำนักเรียนทำกิจกรรม โดยใช้เพลง แก้ว กะลา ขัน โอ่ง 6. ครูสุ่มนักเรียนจำนวน 4 คน อ่านเนื้อหาวัณณาโรหชาดก ในหนังสือ 7. ครูตั้งคำถามให้นักเรียนช่วยกันตอบ คำถามข้อคิดของชาดกเรื่อง วัณณาโรหชาดก คืออะไร


( แนวคำตอบ การคบเพื่อน ต้องใช้ปัญญา ควรเชื่อใจเพื่อน และมีความจริงใจ ไว้วางใจกัน ไม่เชื่อสิ่งใดง่าย ๆ โดยขาดเหตุผล ต้องใช้ปัญญาพิจารณาให้รอบคอบ) 8. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำใบงานที่ 1.11 เรื่องชาดก ในหัวข้อที่ 2 วัณณาโรหชาดก พร้อม สังเกตพฤติการทำงานของนักเรียน และให้ความรู้เพิ่มเติมในประเด็นที่นักเรียนสงสัย 4. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยใบงานที่ 1.11 เรื่องชาดก ในหัวข้อที่ 2วัณณาโรหชาดก ขณะที่เฉลยใบงานครูให้นักเรียนแก้ไขข้อที่ผิด และเขียนเพิ่มเติมในข้อที่ยังไม่ครบถ้วน ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเรื่อง ชาดก พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามใน ประเด็นที่สงสัย 2. ครูแนะนำให้นักเรียนนำข้อคิดที่ได้ในเรื่อง ชาดก ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อจะทำ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต 8. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ สื่อ - หนังสือเรียน สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 - Power point เรื่อง ชาดก แหล่งเรียนรู้ - ห้องเรียน 9. ชิ้นงาน/ภาระงาน ชิ้นงาน - ใบงานที่ 1.11 เรื่อง ชาดก


10. กระบวนการวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดผลและ ประเมินผล 1. อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับ จูฬเสฏฐิชาดกและวัณณา โรหชาดกได้ (K) ใบงานที่ 1.11 เรื่อง ชาดก ตราจใบงานที่ 1.11 เรื่อง ชาดก คะแนน 10 คะแนน ร้อยละ 70 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2. วิเคราะห์ข้อคิดจากจูฬ เสฏฐิชาดกและวัณณาโรห ชาดกได้(P) แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ตรวจแบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์ 3. กระตือรือร้นในการเรียน เรื่อง ชาดก (A) แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ตรวจแบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ศาสนิกชนที่ดี เวลา 2 ชั่วโมง วันที่............เดือน.........................พ.ศ...................... นางสาวชาลิสา เนื่องราชา ผู้สอน 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ส 1.2 เข้าใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดีและธรรมรงรักษา พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ ตัวชี้วัด ป.5/1 จัดพิธีกรรมตามศาสนาที่ตนนับถืออย่างเรียบง่าย มีประโยชน์ และปฏิบัติตนถูกต้อง ป.5/2 ปฏิบัติตนในศาสนพิธี พิธีกรรม และวันสำคัญทางศาสนาตามที่กำหนด และอภิปราย ประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมพิธีกรรมได้(K) 2. ปฏิบัติตนในพิธีกรรมการทำบุญในงานมงคล และการถวายสังฆทานได้ถูกต้อง (P) 3. สนใจในการเรียนเรื่อง ศาสนิกชนที่ดี (A) 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. มีวินัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. สาระสำคัญ การจัดพิธีกรรมทางศาสนาอย่างเรียบง่าย ตามขั้นตอนอย่างเหมาะสม ย่อมทำให้ได้รับประโยชน์จาก การเข้าร่วมกิจกรรม


6. สาระการเรียนรู้ 1. การจัดพิธีกรรมที่เรียบง่าย ประหยัด มีประโยชน์ และถูกต้องตามหลักทางศาสนาที่ตนนับถือ 2. การมีส่วนร่วมในการจัดเตรียมสถานที่ประกอบศาสนพิธี พิธีกรรมทางศาสนา 3. พิธีถวายสังฆทาน เครื่องสังฆทาน 4. ระเบียบพิธีในการทำบุญงานมงคล 5. ประโยชน์ของการเข้าร่วมศาสนพิธี พิธีกรรมทางศาสนา หรือกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนา 7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูนำนักเรียนทำกิจกรรมก่อนนำเข้าสู่บทเรียน โดยใช้เพลง ดอกลั่นทม 2. ครูแจ้งเรื่องที่จะเรียน และจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 3. ครูซักถามนักเรียนว่านักเรียนเคยถวายสังฆทานหรือไม่ ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูได้เปิด Power Point เรื่อง ศาสนิกชนที่ดี และอธิบายให้นักเรียนฟัง 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 3 กลุ่ม ตามความสมัครใจ ให้แต่ละกลุ่มศึกษาความรู้เรื่อง พิธีกรรมสำคัญ ทางพระพุทธศาสนา จากหนังสือเรียน หรือแหล่งเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ต จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันเรียงลำดับ ขั้นตอนในการถวายสังฆทาน และการทำบุญงานมงคล ลงในสมุด 3. ครูให้นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถาม นักเรียนได้ข้อคิดสำคัญในการถวายสังฆทานอย่างไร ( แนวคำตอบ ถวายแก่พระสงฆ์โดยไม่เจาะจงภิกษุรูปใด รูปหนึ่ง เป็นต้น) 4. ครูให้นักเรียนฝึกปฏิบัติการถวายสังฆทานและการเข้าร่วมทำบุญงานมงคล จากนั้นนักเรียน แต่ละกลุ่มฝึกปฏิบัติการถวายสังฆทานและการเข้าร่วมทำบุญงานมงคล ตามขั้นตอนในหนังสือเรียนสังคมฯ ป. 5 ชั่วโมงที่ 2 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกปฏิบัติการถวายสังฆทานและการเข้าร่วมทำบุญงานมงคลด้วยตนเอง โดยไม่มีแบบ ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมีครูตรวจสอบความถูกต้องและให้คำแนะนำเพิ่มเติม 6. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถาม ถ้านักเรียนต้องการทำบุญในงานมงคล จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ( แนวคำตอบ เช่น กำหนดวันเวลาทำบุญ อาราธนาพระสงฆ์ เตรียมสิ่งของที่ใช้ ในพิธี เตรียมสถานที่ เตรียมเครื่องไทยธรรม เป็นต้น )


7. นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกปฏิบัติการถวายสังฆทานและการเข้าร่วมทำบุญงานมงคลให้เกิดความ ชำนาญ 8. ครูมอบหมายให้นักเรียนเขียนประโยชน์ที่ได้จากการเรียนเรื่อง ศาสนิกชนที่ดี สงในสมุด ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปขั้นตอนการถวายสังฆทานและการเข้าร่วมทำบุญงานมงคล และหลักการของการจัดทำพิธีกรรม และประโยชน์ของการเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา 2. ครูมอบหมายให้นักเรียนอ่านเนื้อหาเรื่อง มารยาทของศาสนิกชนที่ดี เป็นการบ้านเพื่อ เตรียมจัดการเรียนรู้ในครั้งต่อไป 8. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ สื่อ - หนังสือเรียน สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 - Power point เรื่อง ศาสนิกชนที่ดี แหล่งเรียนรู้ - ห้องเรียน - แหล่งเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ต 9. ชิ้นงาน/ภาระงาน ภาระงาน - เรียงลำดับขั้นตอนในการถวายสังฆทาน และการทำบุญงานมงคล - เขียนประโยชน์ที่ได้จากการเรียนเรื่อง ศาสนิกชนที่ดี สงในสมุด


10. กระบวนการวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดผลและ ประเมินผล 1. บอกประโยชน์ที่ได้รับ จากการเข้าร่วมพิธีกรรมได้ (K) เขียนประโยชน์ที่ ได้จากการเรียน เรื่อง ศาสนิกชน ที่ดี สงในสมุด ตราจสมุด คะแนน 10 คะแนน ร้อยละ 70 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2. ปฏิบัติตนในพิธีกรรมการ ทำบุญในงานมงคล และการ ถวายสังฆทานได้ถูกต้อง (P) แบบประเมิน การสาธิตการเข้า ร่วมพิธีกรรม สำคัญทาง พระพุทธศาสนา ตรวจแบบประเมินการ สาธิตการเข้าร่วม พิธีกรรมสำคัญทาง พระพุทธศาสนา ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์ 3. สนใจในการเรียนเรื่อง ศาสนิกชนที่ดี (A) แบบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ตรวจแบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง มารยาทของศาสนิกชนที่ดี เวลา 1 ชั่วโมง วันที่............เดือน.........................พ.ศ...................... นางสาวชาลิสา เนื่องราชา ผู้สอน 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ส 1.2 เข้าใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดีและธรรมรงรักษา พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ ตัวชี้วัด ป.5/3 มีมรรยาทของความเป็นศาสนิกชนที่ดีตามที่กำหนด 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายขั้นตอนปฏิบัติตนตามมรรยาทชาวพุทธในการกราบพระรัตนตรัย ไหว้ผู้มีพระคุณและผู้ อาวุโส ไหว้บุคคลทั่วไปที่เคารพนับถือ และกราบศพได้ถูกต้อง (K) 2. ปฏิบัติตนตามมรรยาทชาวพุทธในการกราบพระรัตนตรัย ไหว้ผู้มีพระคุณและผู้อาวุโส ไหว้บุคคล ทั่วไปที่เคารพนับถือ และกราบศพได้ถูกต้อง (P) 3. เห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนตามมรรยาทชาวพุทธ (A) 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. มีวินัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. สาระสำคัญ การจัดพิธีกรรมทางศาสนาอย่างเรียบง่าย ตามขั้นตอนอย่างเหมาะสม ย่อมทำให้ได้รับประโยชน์จาก การเข้าร่วมกิจกรรม


6. สาระการเรียนรู้ มรรยาทของศาสนิกชน - การกราบพระรัตนตรัย - การไหว้บิดา มารดา ครู อาจารย์ ผู้ที่เคารพนับถือ - การกราบศพ 7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูแจกเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง มารยาทของศาสนิกชนที่ดี จากนั้นครูแจ้ง จุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 2. ครูถามนักเรียนว่า จากที่ครูมอบหมายให้ไปอ่าน เรื่อง มารยาทของศาสนิกชนที่ดี นักเรียน มีข้อสงสัยอะไรบ้าง ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูให้นักเรียนดูวีดิทัศน์ เรื่อง มรรยาทของศาสนิกชนที่ดีแล้วสนทนาเกี่ยวกับเรื่องที่ดู 2. ครูให้นักเรียนที่สมัครใจ ออกมาสาธิตมรรยาท ดังนี้ 1) การกราบพระรัตนตรัย 2) การไหว้ผู้มีพระคุณและผู้อาวุโส 3) การไหว้บุคคลทั่วไปที่เคารพนับถือ 4) การกราบศพ 3. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 4 กลุ่ม ตามความสมัครใจ 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันลำดับขั้นตอนการไหว้แต่ละแบบ 5. ครูแจ้งให้นักเรียนทราบว่า ครูจะให้นักเรียนฝึกปฏิบัติการกราบ พระรัตนตรัย การไหว้ผู้มี พระคุณและผู้อาวุโส การไหว้บุคคลทั่วไปที่เคารพนับถือและการกราบศพ 6. ให้นักเรียนศึกษาขั้นตอนการปฏิบัติเพิ่มเติมจากเอกสารประกอบการสอน 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกปฏิบัติการกราบพระรัตนตรัย การไหว้ผู้มีพระคุณและผู้อาวุโส การไหว้บุคคลทั่วไปที่เคารพนับถือ และการกราบศพ ตามขั้นตอนที่ได้ศึกษาจากเอกสารประกอบการสอน 8. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถามกระตุ้นความคิด การไหว้พ่อแม่กับการไหว้คนทั่วไปต่างกัน อย่างไร ( แนวคำตอบ การไหว้พ่อแม่ ต้องประนมมือให้ปลายนิ้วชี้จรด ระหว่างคิ้ว ถ้า เป็นบุคคลทั่วไปปลายนิ้วชี้จะจรดที่ปลายคาง)


8. นักเรียนแต่ละคนฝึกปฏิบัติกราบพระรัตนตรัย การไหว้ผู้มีพระคุณ ผู้อาวุโส การไหว้บุคคล ทั่วไปที่เคารพนับถือ และการกราบศพ เป็นการฝึกที่ไม่มีแบบโดยผลัดกันฝึก ให้สมาชิก คนอื่นๆ ช่วยเสนอแนะ และตรวจสอบความถูกต้อง โดยครูแนะนำเพิ่มเติม 9. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถาม นักเรียนจะนำรูปแบบการฝึกมรรยาทไปพัฒนาในการปฏิบัติตนอย่างไร (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ใน ดุลยพินิจของครูผู้สอน) 10. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำใบงานที่ 1.12 เรื่อง มารยาทของศาสนิกชนที่ดี โดยมีครูเป็น ผู้ตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปขั้นตอนและวิธีการกราบพระรัตนตรัย การไหว้ผู้มีพระคุณและ ผู้อาวุโส การไหว้บุคคลทั่วไปที่เคารพนับถือ และการกราบศพ 2. ครูมอบหมายให้นักเรียนอ่านเนื้อหาเรื่อง การพัฒนาจิต เป็นการบ้านเพื่อเตรียมจัดการ เรียนรู้ในครั้งต่อไป 8. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ สื่อ - หนังสือเรียน สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 - เอกสารประกอบการสอน - วีดิทัศน์ เรื่อง มรรยาทของศาสนิกชนที่ดี แหล่งเรียนรู้ - ห้องเรียน 9. ชิ้นงาน/ภาระงาน ชิ้นงาน - ใบงานที่ 1.12 เรื่อง มารยาทของศาสนิกชนที่ดี


10. กระบวนการวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล 1. อธิบายขั้นตอนปฏิบัติ ตนตามมรรยาทชาวพุทธใน การกราบพระรัตนตรัย ไหว้ ผู้มีพระคุณและผู้อาวุโส ไหว้ บุคคลทั่วไปที่เคารพนับถือ และกราบศพได้ถูกต้อง (K) ใบงานที่ 1.12 เรื่อง มารยาท ของศาสนิกชนที่ ดี ตรวจใบงานที่ 1.12 เรื่อง มารยาท ของศาสนิกชนที่ดี คะแนน 10 คะแนน ร้อยละ 70 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2. ปฏิบัติตนตาม มรรยาทชาวพุทธในการ กราบพระรัตนตรัย ไหว้ผู้มี พระคุณและผู้อาวุโส ไหว้ บุคคลทั่วไปที่เคารพนับถือ และกราบศพได้ถูกต้อง (P) แบบประเมิน การสาธิต มารยาทชาว พุทธ ตรวจแบบประเมิน การสาธิตมารยาท ชาวพุทธ ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นคุณค่าของการ ปฏิบัติตนตามมรรยาทชาว พุทธ (A) แบบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ตรวจแบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนา เวลา 1 ชั่วโมง วันที่............เดือน.........................พ.ศ...................... นางสาวชาลิสา เนื่องราชา ผู้สอน 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่าง สันติสุข ตัวชี้วัด ป.5/6 เห็นคุณค่าและสวดมนต์ แผ่เมตตา มีสติที่เป็นพื้นฐานของสมาธิในพระพุทธศาสนา หรือการพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนาที่ตนนับถือตามที่กำหนด 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยและแผ่เมตตาได้ (K, P) 2. ฝึกสติในอิริยาบถต่างๆ ได้(P) 3. เห็นคุณค่าของการบูชาพระรัตนตรัยและแผ่เมตตา (A) 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. มีวินัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. สาระสำคัญ การสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย แผ่เมตตา และการฝึกจิตให้มีสติเป็นพื้นฐานของสมาธิ เป็นการพัฒนา จิตใจให้มีความสะอาดบริสุทธิ์


6. สาระการเรียนรู้ สวดมนต์ไหว้พระ สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย และแผ่เมตตา - รู้ความหมายของสติสัมปชัญญะ สมาธิ และปัญญา - รู้วิธีปฏิบัติและประโยชน์ของการบริหารจิตและเจริญปัญญา - ฝึกการยืน การเดิน การนั่ง และการนอนอย่างมีสติ - ฝึกการกำหนดรู้ความรู้สึก เมื่อตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นลิ้มรส การสัมผัสสิ่งที่มา กระทบใจรับรู้ธรรมารมณ์ - ฝึกให้มีสมาธิในการฟัง การอ่าน การคิด การถาม และการเขียน 7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูให้นักเรียนนั่งสมาธิ 3 นาที 2. ครูแจ้งเรื่องที่จะเรียน และจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 3. ครูซักถามนักเรียนว่าเรื่องที่ครูมอบหมายให้นักเรียนไปอ่านมา นักเรียนมีข้อสงสัย อะไรบ้าง ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูได้เปิด Power Point เรื่อง การพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนา และอธิบายให้ นักเรียนฟัง 2. ครูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นตามประเด็นที่กำหนด - การสวดมนต์ไหว้พระมีผลดีอย่างไร - การแผ่เมตตามีจุดมุ่งหมายสำคัญอย่างไร 3. ครูให้นักเรียนสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยและแผ่เมตตา 4. ครูฝึกให้นักเรียนทำสมาธิด้วยการฝึก ยืน เดิน นั่ง นอน อย่างมีสติโดยครูปฏิบัติให้ดูเป็น ตัวอย่าง หรือให้ทำตามแบบอย่างการบริหารจิต 5. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า การฝึกกำหนดรู้ความรู้สึกของประสาทสัมผัสทั้ง 6 เป็นการ กำหนดรู้ความรู้สึกเมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รับรส กายได้รับสัมผัสสิ่งที่มากระทบ และใจ ได้ รับรู้อารมณ์ เป็นการฝึกสติเบื้องต้น 6. ครูนำนิทาน มาอ่านให้นักเรียนฟัง แล้วให้ทุกคนเขียนสรุปข้อความสำคัญลงในสมุด ส่ง ครูผู้สอนเพื่อตรวจสอบและชี้แนะให้นักเรียนเข้าใจว่า การฝึกสติให้รู้จักฟัง เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่ง โดยให้จิตจด จ่ออยู่กับสิ่งที่ฟัง จะทำให้การสรุปใจความ ได้ดีกว่าการขาดสติ 7. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำใบงานที่ 1.13 เรื่อง การพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนา


8. ครูและนักเรียนเฉลยใบงานร่วมกัน ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุป เรื่อง การพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนา พร้อมอธิบาย เพิ่มเติมในประเด็นที่นักเรียนสงสัย 2. ครูแนะนำให้นักเรียน นั่งสมาธิ สวดมนต์ไหว้ เจริญสติปัญญา เพื่อจะทำให้มีสติในการใช้ ชีวิตมากขึ้น 8. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ สื่อ - หนังสือเรียน สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 - Power point เรื่อง เรื่อง การพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนา แหล่งเรียนรู้ - ห้องเรียน 9. ชิ้นงาน/ภาระงาน ชิ้นงาน - ใบงานที่1.13 เรื่อง การพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนา 10. กระบวนการวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล 1. สวดมนต์บูชาพระ รัตนตรัยและแผ่เมตตาได้ (K, P) แบบประเมิน การปฏิบัติตนใน การบริหารจิต และเจริญปัญญา ตรวจแบบประเมิน การปฏิบัติตนในการ บริหารจิตและเจริญ ปัญญา ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์ 2. ฝึกสติในอิริยาบถต่างๆ ได้(P) แบบประเมิน การปฏิบัติตนใน การบริหารจิต และเจริญปัญญา ตรวจแบบประเมิน การปฏิบัติตนในการ บริหารจิตและเจริญ ปัญญา ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นคุณค่าของการบูชา พระรัตนตรัยและแผ่เมตตา (A) แบบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ตรวจแบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน้าที่พลเมือง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การละเมิดสิทธิเด็ก เวลา 1 ชั่วโมง วันที่............เดือน.........................พ.ศ...................... นางสาวชาลิสา เนื่องราชา ผู้สอน 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดีงาม และธำรงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทย และ สังคมโลกอย่างสันติสุข ตัวชี้วัด ป.5/2 เสนอวิธีการปกป้องคุ้มครองตนเองหรือผู้อื่นจากการละเมิดสิทธิเด็ก 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายถึงสิทธิเด็กได้ถูกต้อง (K) 2. วิเคราะห์ จําแนกสิทธิเด็กที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย (P) 3. เห็นคุณค่าและความสําคัญของการศึกษาเรื่องสิทธิเด็กเพื่อป้องกันตนเองและผู้อื่น (A) 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. สาระสำคัญ สิทธิเด็ก เป็นสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของเด็กที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายซึ่งบัญญัติใน รัฐธรรมนูญเพื่อเป็นการคุ้มครอง ป้องกัน และเสริมสิทธิเด็ก


6. สาระการเรียนรู้ - เหตุการณ์ที่ละเมิดสิทธิเด็กในสังคม 7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูให้นักเรียนดูวีดิทัศน์ เรื่องสิทธิเด็ก 2. ครูตั้งคำถาม สิทธิเด็กมีกี่ด้าน ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง จากนั้นครูเชื่อมโยงเข้าสู่ บทเรียน ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูได้เปิด power point เรื่อง สิทธิเด็ก พร้อมอธิบายให้นักเรียนฟัง 2. ครูให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิทธิเด็ก โดยใช้คําถาม ดังนี้ คำถาม นักเรียนได้รับสิทธิที่จะมีชีวิตอย่างไร ( แนวคำตอบ ได้รับการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย) คำถาม นักเรียนได้รับสิทธิที่จะได้รับการปกป้องอย่างไร (แนวคำตอบ ได้รับการดูแลปกป้องไม่ให้ได้รับอันตราย) 3. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิเด็กลงในสมุด โดยใช้ คําถาม ดังนี้ ทิฆัมพรอายุ 8 ปี เป็นเด็กกำพร้าเนื่องจากพ่อแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จึงต้องย้ายมาอยู่กับ ป้า ป้าให้ทิฆัมพรช่วยทํางานในร้านอาหาร ซึ่งเปิดขายในเวลากลางคืน และให้ทํางานบ้านในเวลากลางวัน ทิฆัมพรไม่ได้เรียนหนังสือและต้องทํางานหนักทุกวัน วันใดที่ไม่สบายและไม่สามารถช่วยงานในร้านได้ ป้าก็จะ ทุบตีและไม่ให้รับประทานอาหาร คำถาม ทิฆัมพรถูกละเมิดสิทธิเด็กในด้านใดบ้าง เพราะสาเหตุใด ( แนวคำตอบ สิทธิที่จะมีชีวิต สิทธิที่จะได้รับการปกป้อง สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา) คำถาม เพราะสาเหตุใด ( แนวคำตอบ เพราะไม่ได้รับประทานอาหารครบทุกมื้อ ถูกทําร้ายร่างกาย และ ไม่ได้เรียนหนังสือ )


ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสิทธิเด็กที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย โดยใช้แผนภาพ ความคิด ตัวอย่าง 8. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ สื่อ - หนังสือเรียน สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 - PowerPoint เรื่อง สิทธิเด็ก - ดูวีดิทัศน์ เรื่องสิทธิเด็ก สิทธิเด็ก สิทธิที่จะมีชีวิต สิทธิการไม่ถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต ได้รับการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย สิทธิการดำรงชีวิตด้านปัจจัย 4 อย่างเพียงพอ สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี รัฐส่งเสริมให้เด็กได้รับข้อมูล ที่เป็นประโยชน์ เด็กมีสิทธิในการได้รับการพัฒนา ร่างกายและจิตใจ สิทธิที่จะได้รับการปกป้อง การใช้เด็กทำสิ่งต่าง ๆ ต้องคำนึงถึง ประโยชน์ของเด็ก เด็กพิการจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เมื่อเด็กทำผิดจะได้รับการคุ้มครอง ที่เป็นธรรม สิทธิที่จะมีส่วนร่วม เด็กมีสิทธิพบปะแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกัน เด็กมีสิทธิเข้าร่วมกับชุมชนรักษา สิ่งแวดล้อม เด็กมีสิทธิในการอนุรักษ์ประเพณี และวัฒนธรรม


แหล่งเรียนรู้ - ห้องเรียน 9. ชิ้นงาน/ภาระงาน ชิ้นงาน - วิเคราะห์สถานการณ์เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิเด็ก 10. กระบวนการวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล 1. อธิบายถึงสิทธิเด็กได้ ถูกต้อง (K) แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ตรวจแบบสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์ 2. วิเคราะห์ จําแนกสิทธิเด็ก ที่ได้รับการคุ้มครองตาม กฎหมาย (P) โจทย์ สถานการณ์ เกี่ยวกับการ ละเมิดสิทธิเด็ก ตรวจคำตอบ คะแนน 5 คะแนน ทำถูกต้อง ร้อยละ 70 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นคุณค่าและ ความสําคัญของการศึกษา เรื่องสิทธิเด็กเพื่อป้องกัน ตนเองและผู้อื่น (A) แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ตรวจแบบสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน้าที่พลเมือง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง แนวทางการป้องกันการละเมิดสิทธิเด็ก เวลา 1 ชั่วโมง วันที่............เดือน.........................พ.ศ...................... นางสาวชาลิสา เนื่องราชา ผู้สอน 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดีงาม และธำรงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทย และ สังคมโลกอย่างสันติสุข ตัวชี้วัด ป.5/2 เสนอวิธีการปกป้องคุ้มครองตนเองหรือผู้อื่นจากการละเมิดสิทธิเด็ก 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายการปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็กในสังคมไทย (K) 2. เสนอแนวทางการปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็กในสังคมไทย (P) 3. เห็นความสําคัญของการศึกษาแนวทางการปกป้องคุ้มครองเด็กที่ถูกละเมิดสิทธิ (A) 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. สาระสำคัญ เด็กทุกคนมีสิทธิในการมีชีวิตรอด สิทธิที่จะได้รับการปกป้อง สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา สิทธิที่จะมีส่วน ร่วม ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงต้องมีส่วนร่วมในการปกป้องคุ้มครองเด็กจากการละเมิดสิทธิเด็ก 6. สาระการเรียนรู้ - แนวทางการปกป้องคุ้มครองตนเองและผู้อื่นจากการละเมิดสิทธิเด็ก


7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. นักเรียนทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับสิทธิเด็ก โดยใช้คําถาม ดังนี้ คำถาม สิทธิขั้นพื้นฐานที่เด็กทุกคนพึงได้รับตามกฎหมายมีอะไรบ้าง ( แนวคำตอบ สิทธิที่จะมีชีวิต สิทธิที่จะได้รับการปกป้อง สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา สิทธิที่จะ มีส่วนร่วม ) คำถาม ถ้านักเรียนถูกละเมิดสิทธิเด็ก นักเรียนจะปฏิบัติตนอย่างไร ( แนวคำตอบ แจ้งผู้ปกครอง ครู หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเมื่อถูกละเมิดสิทธิเด็ก ) ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูได้เปิด power point เรื่อง แนวทางการป้องกันการละเมิดสิทธิเด็ก พร้อมอธิบายให้ นักเรียนฟัง 2. ครูให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิทธิเด็ก โดยใช้คําถาม ดังนี้ คำถาม นักเรียนมีแนวทางป้องกันตนเองไม่ให้ถูกละเมิดสิทธิเด็กได้อย่างไร ( แนวคำตอบ ไม่พูดคุยกับคนแปลกหน้า แต่งกายมิดชิด ไม่ออกนอกสถานที่ในเวลา กลางคืน ) 3. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่ม และแบ่งหน้าที่ รับผิดชอบให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม เพื่อช่วยเหลือกันในการแก้ปัญหา จากนั้นให้หัวหน้ากลุ่มออกมาจับสลาก เลือกกรณีศึกษา 4. ครูแจกกรณีศึกษาเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิเด็กให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเพื่อเป็นข้อมูลในการทำ ใบงานที่ 2.1 เรื่อง การละเมิดสิทธิเด็กในสังคมไทย 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน หลังจากที่แต่ละกลุ่มนำเสนอจบ ครูได้ อธิบายและแนะนำเพิ่มเติมในส่วนที่ยังไม่ครบถ้วน ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับ แนวทางการป้องกันการละเมิดสิทธิเด็ก 8. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ สื่อ - หนังสือเรียน สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 - PowerPoint เรื่อง แนวทางการป้องกันการละเมิดสิทธิเด็ก แหล่งเรียนรู้ - ห้องเรียน


9. ชิ้นงาน/ภาระงาน ชิ้นงาน - ใบงานที่ 2.1 เรื่อง การละเมิดสิทธิเด็กในสังคมไทย 10. กระบวนการวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล 1. อธิบายการปกป้อง คุ้มครองสิทธิเด็กใน สังคมไทย (K) ใบงานที่ 2.1 เรื่อง การละเมิด สิทธิเด็กใน สังคมไทย ตรวจใบงานที่ 2.1 เรื่อง การละเมิด สิทธิเด็กใน สังคมไทย คะแนน 10 คะแนน ทำถูกต้อง ร้อยละ 70 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2. เสนอแนวทางการ ปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็ก ในสังคมไทย (P) แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ตรวจแบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นความสําคัญของ การศึกษาแนวทางการ ปกป้องคุ้มครองเด็กที่ถูก ละเมิดสิทธิ (A) แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ตรวจแบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ระดับคุณภาพ ดี ผ่านเกณฑ์


Click to View FlipBook Version