ความจรงิ แลว๎ สวํ นประกอบใดๆ ทไ่ี มํทางานกม็ ิไดห๎ มายความวําเกดิ ความบกพรํอง เพราะฉะนัน้ โดยความจริงแล๎ว
สํวนประกอบใดๆ ท่ีไมทํ างานก็มิได๎หมายความวําเกิดความบกพรํองช้ินที่สํวนประกอบนั้นๆ เสมอไป ข๎อขัดข๎อง
อาจจะอยูํท่สี ํวนซง่ึ ทาหนา๎ ที่ปอู นสัญญาณหรอื ในสายเคเบลิ้ ซง่ึ ตํอเช่อื มระหวาํ งสวํ นน้ันกับสวํ นอืน่ ก็ได๎ ด๎วยเหตุน้ีจึง
จาเปน็ ท่จี ะตอ๎ งวิเคราะหส์ ถานการณ์แตลํ ะคร้ังอยํางรอบคอบ เพือ่ ที่จะคน๎ หาข๎อขัดข๎องของสวํ นประกอบน้ันถ๎าไมํ
กระทาเชํนน้ีจะต๎องเสียเวลามากในการตรวจสํวนประกอบที่ทางานได๎ตามปกตไิ ปเสยี เปลําๆ
ค.การวิเคราะห์ข๎อขัดข๎องอยํางรอบคอบ ยังจะชํวยปูองกันการทาให๎เคร่ืองเสียโดยปรับจัดอยําง
ตามบญุ ตามกรรม ซึง่ นอกจากจะไมทํ าให๎เคร่ืองดีข้ึนแล๎ว ยังอาจจะทาให๎การซอํ มบารงุ เล็กๆ น๎อยๆ กลายเป็นการ
ซํอมคืนสภาพที่ใหญํหลวงไปได๎ เจ๎าหน๎าที่ซํอมบารุงจะต๎องปฏิบัติตามวิธีการค๎นหาข๎อขัดข๎องตามหนังสือคูํมือ
ประจาเคร่ืองโดยเฉพาะอยาํ งใกล๎ชิด
ง.จะตอ๎ งมีการวิเคราะห์สวํ นทบ่ี กพรอํ ง เพอื่ หาสวํ นที่ชารดุ โดยทันที หลังจากที่ได๎ทาการวิเคราะห์
ทั้งระบบแลว๎ อาจจะใช๎แผนภูมิหรอื แผนผงั วงจร สาหรบั คน๎ หาสํวนทขี่ ัดข๎องอยาํ งมเี หตผุ ล
---------------------------------------
บทที่ 9
ปจั จยั ควบคมุ ความเชอื่ ถอื ไดข้ องการสือ่ สารประเภทวทิ ยุ
9.1 การเลือกทต่ี ง้ั
9.1.1 ความต๎องการทางเทคนคิ
การสื่อสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ท่ี 196
ก. ท่ีตั้ง สถานีวิทยุจะต๎องต้ังอยูํในตาบลท่ีม่ันใจวําจะสามารถปฏิบัติการสื่อสารกับสถานีอื่นๆ
ทัง้ หมดทีต่ นจะปฏิบตั งิ านดว๎ ย เพอ่ื ให๎มปี ระสิทธิภาพในการสงํ และรับควรจะพจิ ารณาปจั จัยดงั ตอํ ไปนค้ี ือ
1) เนินและภูเขาระหวํางสถานีตามปกติจากดั ระยะในการทางานของวทิ ยใุ นภมู ปิ ระเทศท่ีเป็น
เนินหรือภูเขา ควรจะเลือกที่ตงั้ ให๎อยบํู นลาดเขาท่ีคํอนข๎างสูง (รูปที่ 9-1) ควรจะหลีกเลี่ยงที่ตั้งซ่ึงอยํูท่ีฐานของ
หนา๎ ผา หรอื ในโกรกเขาหรอื หบุ เขาลึก (รปู ท่ี 9-2) เม่อื ปฏิบัติงานด๎วยความถี่สูงมากกวํา 30 MHz ควรจะเลือก
ท่ตี ้ังซ่ึงใหก๎ ารสอื่ สารเปน็ เส๎นสายตาเม่ือกระทาได๎
2) พน้ื ดินแห๎งจะมคี วามตา๎ นทานสงู และจากดั รัศมีการทางานของคลนื่ วทิ ยุ ถา๎ หากเปน็ ไปได๎
ควรตง้ั สถานีอยํูใกลพ๎ ืน้ ดนิ ชื้นๆ ซึง่ มีความตา๎ นทานนอ๎ ยโดยเฉพาะอยํางย่ิงน้าเค็มจะเพิ่มระยะการทางานออกไป
ไดม๎ าก คือคล่นื วิทยอุ อกไปในนา้ เค็มไดด๎ ี
3) ตน๎ ไมท๎ ่มี ีพมํุ หนาทึบ จะดูดซึมคลื่นวทิ ยไุ ว๎ ต๎นไมใ๎ บจะใหผ๎ ลรา๎ ยแรงกวําต๎นสน สายอากาศ
นั้นควรจะใหพ๎ ๎นพํุมไมใ๎ บทห่ี นาๆ ทั้งหมด
ข. สิ่งกีดขวางซึ่งมนษุ ย์ทาข้ึน
1) ไมํควรเลือกที่ตั้งซ่ึงอยํูในอุโมงค์หรือใต๎ชํองทางผํานหรือใต๎สะพานเหล็ก การสํงและรับ
สญั ญาณภายใตส๎ ะพาน สิ่งเหลาํ น้เี กอื บจะกระทาไมไํ ด๎เพราะมีการดูดซมึ คล่ืนวทิ ยอุ ยาํ งมาก
2) อาคารซึง่ ตง้ั อยํูระหวาํ งสถานีวิทยุ โดยเฉพาะอยํางย่ิงท่มี โี ครงเป็นเหลก็ หรอื คอนกรีตเสรมิ
เหลก็ จะเปน็ ส่ิงกีดขวางการสํงคลืน่ วิทยุ
รปู ท่ี 9-1 ท่ีตั้งท่ีดีสาหรบั การสือ่ สารทางวทิ ยุ
(GOOD SITES FOR RADIO COMMUNICATION)
3) บรรดาสายทว่ี างบนเสาทุกชนดิ เชนํ สายโทรศัพท์ , โทรเลขและสายไฟฟูาแรงสูง ควรจะ
หลีกเล่ียงให๎พน๎ เมอ่ื ทาการเลอื กทต่ี ้ังสถานีวิทยุ เพราะสายเหลาํ นัน้ จะดูดซมึ กาลงั จากสายอากาศซง่ึ สงํ คลนื่ ท่ตี ั้งอยูํ
ข๎างเคียง นอกจากน้ันยงั ทาให๎มีการรบกวนและหึ่งข้นึ ในเครื่องรบั ได๎
4) ควรหลกี เลย่ี งตาบลทอี่ ยํูใกลถ๎ นน และทางหลวงซ่ึงมีการสญั จรมาก นอกจากเสยี งรบกวน
และความสับสนซึ่งเกิดจากรถถังและรถบรรทุกแล๎ว การจดุ หัวเทียนของยานพาหนะเหลํานี้อาจจะทาให๎เกิดการ
รบกวนทางไฟฟูาขนึ้ ได๎
การสื่อสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ท่ี 197
5) จะตอ๎ งไมํตัง้ เคร่อื งประจุหมอ๎ ไฟฟูาและเครอื่ งกาเนิดไฟฟาู ไวใ๎ กลส๎ ถานีวทิ ยุ
6) ไมํควรตัง้ สถานวี ิทยุให๎ใกล๎ชดิ กนั
7) ควรจะตั้งสถานวี ทิ ยใุ นพ้ืนทท่ี เ่ี งียบสงัด พนักงานวิทยุยํอมจะต๎องมีสมาธิอยํางมากในการ
รับสัญญาณทอี่ ํอน ฉะนนั้ ความสนใจของพนกั งานวิทยจุ ึงไมคํ วรจะถูกเสยี งทไี่ มํพึงประสงคห์ ันเหไป
รปู ที่ 9-2 ทตี่ ั้งท่เี ลวสาหรบั การตงั้ สถานีวิทยุ
(BAD SITE)
9.1.2 ความตอ๎ งการทางยทุ ธวิธี
ก. ความต๎องการของหนํวยบังคับบัญชา สถานีวิทยุตั้งหํางพอสมควรจากกองบังคับการหรือท่ี
บังคับการของหนํวยซึ่งสถานีวิทยุน้ันประจาอยํู เพราะวําการยิงระยะไกลของปืนใหญํข๎าศึก อาวุธนาวิถีหรือ
ระเบดิ จากอากาศซ่ึงเลง็ มาที่สถานีตามผลของการหาทิศของวทิ ยขุ องขา๎ ศกึ ยํอมจะไมํทาให๎ท่ีบริเวณบังคับการถูก
โจมตไี ปดว๎ ย
ข. การกาบังและการซอํ นพราง ท่ตี ้ังซึง่ ได๎เลอื กไว๎น้ันควรจะมีการกาบงั และซํอนพรางดีที่สุดเทําท่ี
จะทาได๎ ประกอบทัง้ ต๎องใหท๎ าการรับและสงํ สญั ญาณไดด๎ ดี ๎วย การกาบงั และซอํ นพรางท่ไี มสํ มบรู ณ์อาจทาใหเ๎ กดิ
ความเสยี หายตอํ การรับและสํงสญั ญาณได๎ ปริมาณความเสยี หายท่ีจะยอมให๎เกิดขึ้นได๎นั้นขึ้นอยํูกับรัศมีของการ
ทางานที่ตอ๎ งการกาลังของเครือ่ งสํง ความไวเครื่องรับประสิทธิภาพของระบบสาย อากาศและลักษณะของภูมิ
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หน๎าท่ี 198
ประเทศ เมอ่ื ใช๎เครือ่ งวิทยทุ าการสื่อสารในระยะใกล๎เทํารัศมีการทางานไกลสดุ ของเครื่องน้นั แล๎ว ก็อาจยอมเสีย
ประสทิ ธิภาพในการสื่อสารบ๎างเพ่อื ให๎การซํอนพรางเคร่อื งวิทยุจากการสังเกตการณ์ของขา๎ ศกึ ไดด๎ ขี น้ึ
ข้อพิจารณาในทางปฏิบัติ
(1) ชดุ หีบหอํ มสี ายตอํ ขนาดยาวเพียงพอท่ีจะอานวยให๎ปฏิบัติจากท่ีกาบังได๎ ในขณะท่ีวาง
เคร่ืองวทิ ยไุ ว๎ใตร๎ ะดับผิวพน้ื ของภูมิประเทศรอบๆ และใหส๎ ายอากาศอยใํู นทโ่ี ลงํ
(2) เครือ่ งวิทยุบางเครอ่ื งอาจจะควบคมุ ระยะไกลไดถ๎ งึ 100 ฟุตหรอื มากกวําน้ัน เร่ืองแบบ
นอี้ าจต้งั ไว๎ในทีค่ ํอนข๎างโลงํ แจ๎งได๎ สํวนพนักงานน้ันยังคงอยํูในทซี่ ํอนพราง
(3) สายอากาศของบรรดาเครอื่ งวิทยทุ ้งั หมดจะตอ๎ งยกให๎พ๎นจากผิวพ้ืนดิน เพ่ือให๎สามารถ
ส่อื สารได๎ตามปกติ
(4) สายอากาศของเครื่องวิทยุทางยุทธวิธีขนาดเล็กมักจะเป็นแบบแส๎ สายอากาศเหลํานี้
ยากที่จะมองเหน็ ได๎ในระยะไกล โดยเฉพาะอยาํ งยิง่ ถ๎าไมเํ ป็นเงาตัดกบั ทอ๎ งฟูา
(5) จะต๎องหลีกเลยี่ งเสน๎ เนินและสันเขาท่โี ลงํ แจ๎ง ตาบลทม่ี ุมลาดกาบังนอ๎ ยๆ ถดั หลงั เขาจะ
ใหก๎ ารซอํ นพรางทดี่ ีกวาํ และบางท่ีก็สามารถสํงคล่ืนวิทยุได๎ดขี นึ้
(6) ตาบลที่ต้ังถาวรและกึ่งถาวร ควรจะซํอนพรางให๎ดีเพื่อปูองกันการตรวจการณ์ทาง
อากาศและทางพืน้ ดิน อยํางไรก็ตามไมคํ วรใหส๎ ายอากาศแตะต๎นไม๎ พุํมไมห๎ รือส่งิ ท่ีใช๎พราง
การส่ือสารภายในท่ีตงั้ จะตอ๎ งให๎มกี ารตดิ ตอํ ระหวํางเครือ่ งวทิ ยแุ ละศูนย์ขาํ วอยํตู ลอดเวลา โดยการ
ใช๎พลนาสารภายในหรอื โทรศัพท์สนาม ควรให๎ผูบ๎ ังคับหนํวยและฝุายอานวยการเขา๎ ถงึ สถานีวิทยไุ ด๎สะดวกด๎วย
9.1.3 ข๎อพจิ ารณาสดุ ท๎าย
เกือบจะไมํอาจเลือกที่ตั้งเคร่ืองวิทยุให๎บรรลุความต๎องการทางเทคนิคและยุทธวิธีได๎ทุกประการ
เพราะฉะนน้ั จึงมกั จาเปน็ ตอ๎ งใช๎วิธีปรองดองจงึ จะเลอื กตาบลทม่ี ีท่ตี ้งั ที่ดที ่สี ดุ ได๎ ทางทดี่ ีควรจะเลือกทต่ี ้ังหลกั และ
ทีต่ ้งั สารองไวด๎ ๎วย ถา๎ หากไมํอาจวางการสอ่ื สารดว๎ ยวิทยไุ ว๎ ณ ที่ตัง้ หลักได๎ ก็อาจจะเลื่อนเคร่อื งวทิ ยอุ ีกเลก็ น๎อยไป
ยงั ที่ตง้ั สารอง
9.2 ปจั จยั ทีเ่ ชอ่ื ถอื ได้ทางดา้ นเคร่ืองสง่
9.2.1 ความถี่
การสอื่ สารทางวทิ ยุสนามสวํ นมากใชค๎ ลืน่ พื้นดนิ รศั มกี ารทางานของคลืน่ พื้นดนิ จะส้ันเข๎าเมื่อมีความถี่ที่
ใช๎งานของเครื่องสํงเพิ่มข้ึน ตั้งแตํแถบคลื่นความถ่ีปานกลาง(MF) สํวนที่ใช๎การได๎(300–3000KHz) จนถึงแถบ
คลน่ื ความถสี งู (HF)(3-30 MHz) เม่อื เครือ่ งสงํ ปฏบิ ัติงานเหนอื ความถ่ี 30 MHz ระยะทางจะจากัดลง โดยทั่วไป
แล๎วเกินกวําเส๎นสายตาเล็กน๎อย สาหรับวงจรท่ีใช๎การแพรํกระจายคล่ืนฟูา ความถี่โดยเฉพาะที่จะต๎องเลือกนั้น
ยํอมข้ึนอยูํกบั ลมฟาู อากาศ ฤดกู าลและหว๎ งเวลาของวัน
9.2.2 กาลงั
การสื่อสารประเภทวทิ ยุ หน๎าท่ี 199
รัศมีการทางานของสัญญาณที่สํงออกไปน้ันจะเป็นปฏิภาคกับกาลังซึ่งแผํออกรอบด๎านจากสายอากาศ
การเพ่ิมกาลังนั้นให๎ผลตํอการเพิ่มรัศมีการทางานออกไปบ๎าง และเม่ือกาลังลดลงรัศมีการทางานก็ลดลงด๎วย
ภายใต๎สภาพการปฏบิ ตั ิงานตามปกติเคร่ืองสํงควรจะปูอนกาลังเขา๎ สสํู ายอากาศพอทีจ่ ะทาใหก๎ ารสอื่ สารทเ่ี ชอ่ื ถือได๎
ให๎กับสถานีรับเทํานั้น การสํงสัญญาณที่มีกาลังมากเกินกวําต๎องการยํอมทาให๎เกิดการรักษาความปลอดภัย
ทางการส่อื สารเสียหายได๎ เพราะวําตาบลของเคร่ืองสํงน้ันอาจถูกข๎าศึกกาหนดได๎งํายย่ิงขึ้นโดยการหาทิศวิทยุ
นอกจากน้นั สญั ญาณอาจรบกวนสถานขี องฝุายเดียวกันซงึ่ ปฏิบัตงิ าน ณ ความถีเ่ ดียวกันดว๎ ย
9.2.3 สายอากาศ
เพอื่ ใหก๎ ารสงํ พลังงานไดส๎ งู สุด สายอากาศทใี่ ช๎แผคํ ลื่นจะต๎องมคี วามยาวท่ีเหมาะกับความถ่ีที่ใช๎งาน ภูมิ
ประเทศในท๎องถิ่นนั้นมีสํวนในการกาหนดแบบในการแผคํ ลืน่ อยูดํ ๎วย ซึ่งมีผลตํอทิศทางของสายอากาศตลอดจน
รศั มีการทางานของเครอ่ื งในทศิ ทางทีต่ ๎องการ ถา๎ หากเปน็ ไปได๎กค็ วรจะทดลองเปล่ียนทําทางสายอากาศไปหลาย
อยํางเพ่อื ให๎ไดท๎ ําทางทป่ี ฏบิ ัตทิ ดี่ ีท่ีสดุ ใหพ๎ ลงั มากทสี่ ดุ แผํไปในทิศทางทต่ี ๎องการ
9.2.4 ขีดความสามารถของพนักงาน
ความชานาญและขีดความสามารถทางเทคนิคของพนักงานประจาเครื่องสํงและเคร่ืองรับ มีบทบาท
สาคญั ที่จะทาใหไ๎ ด๎รศั มีการทางานของเครื่องสูงสุดที่จะเป็นไปได๎ โดยท่ัวไปแล๎วเครื่องสํงก็ดี การประกับกาลัง
ออกอากาศ(OUT PUT COUPLING) ก็คือและวงจรปูอนกาลังไปสายอากาศจะต๎องปรับต้ัง (TUNE) ให๎ถูกต๎อง
เพ่อื ที่จะไดก๎ าลงั ออกอากาศทีส่ งู สดุ นอกจากนน้ั ทงั้ สายอากาศสํงและสายอากาศรับ
จะตอ๎ งสรา๎ งใหเ๎ หมาะ โดยคานึงถึงลักษณะสมบัตทิ างไฟฟูาและสภาพภูมิประเทศในทอ๎ งถ่นิ
9.3 ปจั จัยต่างๆ ที่เกย่ี วกบั ความเช่อื ถือไดใ้ นเส้นทางสง่ คลืน่
9.3.1 ความนาและความสงู ของภมู ปิ ระเทศทอี่ ยูํระหวาํ งกลาง
ก.ความนา (CONDUCTIVITY) ชนดิ ของภมู ิประเทศท่ีอยํูระหวาํ งเคร่อื งวิทยุสนาม 2 เครอ่ื ง เป็นสง่ิ
กาหนดความนาของพน้ื ดินและเปน็ ผลตอํ คลืน่ พ้ืนดนิ ภูมิประเทศที่เป็นทุํงหญ๎าราบเรียบมีความนาสูง เพราะวํา
พ้ืนโลกไดด๎ ูดซมึ คลนื่ พน้ื ด้นิ แตํเพยี งเล็กน๎อย ผวิ พน้ื นา้ กว๎างใหญํก็มีความนาสูงด๎วยภูมิประเทศท่ีเป็นภูเขาพ้ืนท่ีท่ี
เป็นภูเขาขรุขระและผุพังมักจะมีความนาต่า ในพื้นที่เป็นแหลํงแรํอยํูมาก โกรกเขาลึก พื้นโลกอาจดูดซึมคลื่น
พนื้ ดนิ ไปเสยี หมด
ข.ความสูง ภูมิประเทศที่เป็นเครื่องกีดขวางขนาดใหญํระหวํางสถานีสํงและสถานีรับ จะทาให๎
ความเชอ่ื ถอื ไดใ๎ นการสํงวทิ ยลุ ดน๎อยลง
9.3.2 ระยะทางระหวาํ งสถานี
เครือ่ งสํงวทิ ยุกาลังตา่ ทีม่ รี ัศมีทางานจากดั จะต๎องปฏิบัตงิ านกบั เคร่ืองรับซง่ึ ตัง้ อยภํู ายในรัศมกี ารทางานน่ี
เครื่องกาลงั สูงๆ ซ่ึงใช๎คล่ืนพ้ืนดินและคลื่นฟาู แรงๆ อาจจะไปถงึ สถานีรับด๎วยคลื่นใดคลนื่ หนึ่งหรือทง้ั สองคล่ืนก็ได๎
ทัง้ น้ขี ้ึนอยกูํ บั ระยะทางระหวาํ งเครือ่ งสํงและเครอ่ื งรับ
9.3.3 ปัจจยั ระยะกระโดดข๎าม(SKIP ZONE)
การสื่อสารประเภทวทิ ยุ หน๎าท่ี 200
การแพรํกระจายคล่ืนฟูาถูกนามาใช๎ในการส่ือสาร จะต๎องพิจารณาถึงคุณลักษณะของการกระโดดข๎าม
ดว๎ ย ในบางขณะระหวํางกลางวันหรือกลางคนื ณ บางความถ่อี าจจะมีสถานีรับซึ่งต้ังอยูํในยํานกระโดดข๎าม(SKIP
ZONE) จึงไมํอาจรับสัญญาณจากเครอ่ื งสํงได๎
9.4 ปจั จัยทางความเชื่อถือได้ทเี่ ครอื่ งรับ
9.4.1 ความไวและความเลอื กเฟูนของเครอ่ื งรับ
ความไวเป็นเคร่ืองแสดงการสนองตอบของวงจรวิทยุที่มีตํอสัญญาณ ณ ความถ่ีซ่ึงถูกปรับต้ังไว๎วํามีมาก
น๎อยเพียงไร ความเลือกเฟูนเป็นเคร่ืองแสดงวําเคร่ืองรับสามารถแยกสัญญาณท่ีต๎องการออกจากสัญญาณของ
ความถ่ีอ่นื ๆ ไดม๎ ากนอ๎ ยเพยี งใด ถ๎าหากวําต๎องการความไวและความเลอื กเฟูนสูงสดุ แล๎วจะต๎องปรับแตํงเครอ่ื งรับ
ให๎เหมาะและใชง๎ านอยาํ งมปี ระสิทธภิ าพ ระดับการรบกวนทมี่ ีอยใูํ นวงจรเป็นปัจจยั ทจี่ ากดั ความไวของเครอ่ื งรบั
9.4.2 สายอากาศรับ
ในการสอื่ สารด๎วยวิทยสุ นาม แบบของการสร๎าง,ที่ตง้ั และลักษณะทางไฟฟูาไมํมีปัญหาตํอการปฏิบัติงาน
ของสายอากาศรับเหมือนอยาํ งเชนํ สายอากาศสงํ สายอากาศรับนน้ั จะต๎องมีความยาวเพยี งพอและจะต๎องประกบ
(COUPLING) เขา๎ กับวงจรทางเขา๎ (INPUT) ของเครอื่ งรับและในบางกรณกี ็ต๎องให๎มีขว้ั เหมือนกบั สายอากาศสงํ
9.4.3 การรบกวนจากแหลํงธรรมชาติ
ก.การรบกวนวทิ ยจุ ากแหลํงธรรมชาติ อาจแบงํ ได๎เป็น 4 ประเภท คอื
1) การรบกวนของบรรยากาศจากพายไุ ฟฟาู (IONO)
2) การรบกวนของรงั สีดวงอาทิตยแ์ ละคอสมิค อันเนื่องจากการระเบิดในดวงอาทิตย์และ
ดวงดาวอื่นๆ
3) การเกิดไฟฟาู สถติ ยจ์ ากอนภุ าคทมี่ ีประจุไฟฟาู ในบรรยากาศ อนุภาคเหลําน้ีอาจจะเป็น
ฝน,ลูกเห็บ,หิมะ,ทราย,ควันหรอื ฝนุ ละออง อนภุ าคท่แี หง๎ ทาให๎เกดิ ประจไุ ฟฟูาไดม๎ ากกวําอนุภาคท่เี ปยี กช้ืน
4)การจางหายเน่อื งจากการรบกวนในมัชฌิม ซ่งึ คลืน่ วิทยุได๎แพรํกระจายผาํ นไป
ข.การรบกวนดังกลําวไว๎ข๎างต๎นนั้น จะปรากฎอยํูในเครื่องอิเล็กทรอนิกส์เป็นเสียงรบกวน เสียง
รบกวนน้ีแสดงออกมาเป็นเสียงในหูฟังหรือลาโพง และแสดงออกเป็นสิ่งผิดปกติในด๎านทางออกของเคร่ือง
ปลายทางอ่นื ๆ มกี ารรบกวนแทบทกุ ความถ่ี แตอํ าจจะลดน๎อยลงได๎มากเมอื่ คาํ ของความถ่ีสูงข้นึ การรับความถีส่ ูง
มากกระทบกระเทือนจากการรบกวนเหลาํ น้ีแตํน๎อย
9.4.4 การรบกวนจากส่ิงทีม่ นษุ ยท์ าขน้ั
ก.การรบกวนจากสิ่งที่มนุษย์ทาขึ้นน้ัน เกิดจากเคร่ืองไฟฟูา เชํน ระบบจุดเทียนของเคร่ืองยนต์
แปรงถํานในเครื่องยนตไ์ ฟฟาู และเครื่องกาเนิดไฟฟูา ซ่ึงเกิดประกายข้ึนและเคร่ืองจักรอื่นๆ ถ๎าหากวําไมํมีการ
ควบคุมการรบกวนนีแ้ ล๎ว มนั กลบการสํงสัญญาณไปเสียหมด
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ที่ 201
ข.ถึงแมว๎ าํ การรบกวนจากสิ่งที่มนุษยท์ าขน้ึ อาจจะขจดั หรอื ทาให๎ลดน๎อยลงได๎มากทีส่ ุด ณ แหลงํ
กาเนดิ ของมันกต็ าม แตํกอ็ าจจะปรบั ปรงุ สภาพใหด๎ ีขึ้นได๎อกี บา๎ ง ณ เครอื่ งรบั การใชส๎ ายอากาศรับชนิดบํงทิศจะ
ชํวยขจัดการรบกวนได๎บ๎างถา๎ หากวําแหลํงรบกวนน้ันไมํอยูํในทิศทางเดียวกับสถานีสํง นอกจากน้ีสายที่ตํอออก
จากสายอากาศลงเครอ่ื งซึ่งไดอ๎ อกแบบสรา๎ งเปน็ พเิ ศษ อาจขจดั หรือลดการรบกวนซ่งึ มนษุ ยท์ าขึ้นเพราะตามปกติ
แล๎วสายตํอลงเคร่ืองเปน็ ตวั รบั การรบกวนไวด๎ ว๎ ย
9.4.5 การรบกวนกนั เอง(MULTUAL INTERFERENCE)
ก.เมอื่ ระบบการส่อื สารแหงํ หนึ่งรบกวนกับอกี แหงํ หนงึ่ หรอื เม่อื หนํวยใดหนวํ ยหนงึ่ ภายในระบบที่
กาหนดให๎ รบกวนกับหนวํ ยอน่ื ๆ ในระบบเดยี วกัน เราเรียกสภาพเชนํ นีว้ าํ การรบกวนกันเอง
ข.การรบกวนกนั เองอาจจะปรากฎเป็นหลาบแบบ เชนํ เสียงรบกวน เสียงแทรกตํางวงจร(CROSS
TALK) การปฏกิ ิรยิ าระหวาํ งกนั ของฮาโมนิกส์ สภาพทีเ่ ปน็ ธรรมดาสะสมบางอยํางซง่ึ ทาใหเ๎ กดิ การรบกวนกนั เองมี
ดังตอํ ไปน้ี
1) สญั ญาณอันไมํพงึ ประสงค์ที่แปลกปลอมเข๎ามา
2) การตอบสนองของเคร่ืองรับตํอสญั ญาณท่ีแปลกปลอม
3) การเกิดประกายความถ่ีวิทยขุ น้ึ ในเครอ่ื งสงํ
4) การไมํไดส๎ ดั สวํ นของความหนวํ ง(IMPEDANCE) ในระบบสายอากาศ
5) การรบกวนของหว๎ งคล่ืนศักดิส์ ูง
6) การกาหนดความถีไ่ มเํ หมาะสม
ค.การรบกวนซ่ึงเกิดจากแหลงํ ที่อยไํู กลและทอ่ี ยํูในบรเิ วณน้ันหลายแหลํง ความสัมพันธ์เกี่ยวกับ
ความถี่วิทยุ ที่ตง้ั ทางภูมิศาสตร์ การปรับเคร่ืองผิดพลาด เทคนิคในการปฏิบัติงานไมํเหมาะสมและสภาพลมฟูา
อากาศ เหลาํ นเี้ ปน็ ปัจจยั สาคัญที่กํอใหเ๎ กดิ การรบกวนกนั เคร่อื งมอื และระบบซ่งึ เป็นเครื่องกาเนิดที่สาคัญในการ
รบกวนกนั เองไดแ๎ กํ เรดาหว์ ิทยุ วทิ ยชุ ํวยเดนิ เรือ(หรือเดนิ อากาศ) และโทรศัพท์
9.4.6 ขดี ความสามารถของพนักงานเครอื่ งรบั
เคร่ืองรับในการสื่อสารสํวนมากที่ปุมบังคับท่ีปรับได๎ ซ่ึงออกแบบสร๎างขึ้นเพื่อผลเสียของการจางหาย
เสยี งรบกวน และการรบกวน ความชานาญในการใช๎เครื่องบังคับเหลําน้ี เชํน เครอ่ื งจากัดเสียงรบกวนและเครื่อง
กรองคล่ืนแบบตํางๆ มักจะอานวยให๎การรับขําวกระทาได๎ดี มิฉะน้ันแล๎วไมํอาจทาการรับขําวได๎ในเมื่อมีเสียง
รบกวนและการรบกวนมาก ถา๎ หากการปรับเครื่องบังคับเหลําน้ีไมํถูกต๎องเนื่องจากความร๎ูเทําไมํถึงการณ์ หรือ
ขาดความระมัดระวังกอ็ าจทาใหก๎ ารปฏบิ ตั งิ านไมํไดผ๎ ล เพราะฉะนั้นความช่าชองและความชานาญงานทางเทคนิค
ของพนกั งานเครื่องรบั จงึ มสี วํ นสาคัญในการรับสัญญาณวทิ ยุด๎วย
การสื่อสารประเภทวทิ ยุ หน๎าท่ี 202
-------------------------------
บทท่ี 10
ระเบยี บปฏิบัติงานทางวิทยุ
( RADIO PROCDURE )
10.1 กล่าวนา
10.1.1 กลาํ วทวั่ ไป
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ท่ี 203
ก.ประสทิ ธิผลทางยทุ ธวธิ ขี องเคร่ืองสื่อสารใดๆ ก็ตามจะไมสํ าคญั มากไปกวาํ ความชา่ ชองของ
พนกั งาน ประสทิ ธภิ าพสงู ทสี่ ดุ ในขาํ ยหรือในหนวํ ยบงั คบั บญั ชาจะมขี ้ึนได๎ก็ตํอเมอื่ พนกั งานเครอ่ื งสอื่ สารไดใ๎ ช๎
ระเบียบปฏิบัตกิ ารท่ีเหมาะสมในการสงํ และการรับขําวจนเป็นนิสัย
ข.เรอ่ื งราวในบททเ่ี ก่ียวกับการปฏบิ ัติงานวทิ ยุโทรเลข (ประมวลเลขสญั ญาณสากล) วิทยโุ ทรศัพท์
(คาพูด) และวทิ ยุโทรพิมพ์
10.1.2 คาแนะนาในการปฏิบตั งิ าน
คาแนะนาเก่ียวกับการสื่อสารทางวิทยุนั้นมีอยํูในระเบียบปฏิบัติประจา (รปจ.) คาแนะนาปฏิบัติการ
สื่อสาร (นปส.) และคาแนะนาสอ่ื สารประจา (นสป.) นสป.น้ันได๎ใหแ๎ นวในการจัดสถานีในขําย การกาหนดนาม
เรียกขาน กาหนดสถานีบังคับขําย (สบข.) การกาหนดความถ่ีวิทยุและให๎ขําวสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนความถี่
สารองตลอดจนการรับรองฝุาย ระเบียบการรักษาความปลอดภัย ซ่ึงพนักงานวิทยุจะนาไปใช๎ในหนํวย บังคับ
บัญชานัน้ มอี ยํูใน นสป. , รปจ. นนั้ ใชบ๎ งั คบั การปฏบิ ตั ิงานตามปกติของหนํวย
10.1.3 ข๎อเตอื นใจในการปฏิบัตงิ านสาหรบั พนกั งาน
ก.ให๎ใชช๎ ุดมอื ถือ (HANDSET) หรือชุดสวมศรี ษะ (HEADSET) ท่ีสญั ญาณท่รี ับเขา๎ มาน้นั ออํ น
ข.ดแู ลใหแ๎ นํใจวําปากพดู หรอื ชดุ มอื ถืออยํูในสภาพท่ีดี ให๎พูดตรงเข๎าไปในปากพูด พูดช๎าๆ และ
ชัดเจน
ค.ถา๎ เครื่องวทิ ยุติดต้งั อยํูบนยานยนต์ ให๎ดูแลวาํ ศกั ย์ไฟฟาู ของหม๎อไฟฟูาสงู เพยี งพอให๎เดิน
เครือ่ งยนต์อยเูํ สมอเพ่อื ประจุหมอ๎ ไฟฟาู
ง.ถา๎ มีความจาเป็นกใ็ ห๎ยา๎ ยเครอื่ งวทิ ยหุ รอื ยานยนตเ์ พื่อให๎การรบั ดขี น้ึ
จ.เมอ่ื หัวหน๎าพนักงานวิทยุอนุมัติก็ให๎ใช๎วิทยุโทรเลขชนิดคลื่นเสมอ ดีกวําท่ีจะใช๎วิทยุโทรศัพท์
หรือวทิ ยโุ ทรพมิ พ์ เพอ่ื เพิ่มรศั มกี ารทางานของเครื่องออกไป
ฉ.ใหส๎ ังเกตไวว๎ ํา การทีก่ ารสอื่ สารขาดลอยหรอื การสื่อสารไมดํ ีนั้นอาจจะเกดิ จากสาเหตุดังตํอไปน้ี
(1) ระยะทางระหวาํ งเครื่องวิทยุหาํ งมากเกินไป
(2) การเลอื กทต่ี งั้ ขา๎ งใดขา๎ งหนง่ึ หรือท้ังสองขา๎ งของวงจรวิทยุไมดํ ี
(3) ภูมปิ ระเทศ ไดแ๎ กํ เนนิ หรือภเู ขา
(4) เสียงรบกวนและการรบกวน
(5) กาลังเคร่อื งสงํ ไมํพอ
(6) เครอื่ งเสยี ง
(7) การปรับเครื่องไมถํ กู ต๎อง
(8) สายอากาศไมดํ ี
(9) การกาหนดความถ่วี ทิ ยุไมเํ หมาะ
ช. พึงสงั เกตวาํ ยุทโธปกรณ์ทม่ี ีการบารงุ รกั ษาไมํดีและใชง๎ านไมํถกู ตอ๎ ง จะมผี ลในการขัดขวางการ
สือ่ สารเชนํ เดยี วกบั ระยะทไ่ี กลเกินสมควร หรอื ในภูมปิ ระเทศทีเ่ ปน็ ภเู ขา จงึ จาเป็นท่ีจะต๎องปฏิบัติวําด๎วยข๎อควร
ระวงั ดงั ตอํ ไปน้ตี ลอดเวลา
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หน๎าที่ 204
(1) ศกึ ษาและทาความเข๎าใจ คํูมือทางเทคนิคของเครื่องมือน้ันๆ โดยตรงซ่ึงจะให๎คาแนะนา
ในทางปฏิบัติ และระเบยี บการปฏบิ ัติในการบารงุ รักษาโดยสมบรู ณ์
(2) รกั ษาใหช๎ ุดวิทยสุ ะอาดและแห๎งอยเํู สมอ
(3) หยิบยกเครอ่ื งวิทยดุ ว๎ ยความระมัดระวัง
ซ.กาหนดระเบยี บในการตรวจและการบารุงรกั ษาไวเ๎ ปน็ ประจาดังตอํ ไปนี้
(1) รักษาตัวเสียบ (PLUG) และชํองเสียบ (JACK) ให๎สะอาดอยูํเสมอ
(2) รกั ษาฉนวนของสายอากาศใหแ๎ หง๎ สะอาดและไมมํ สี เี ปื้อนเปรอะ
(3) ดูแลให๎ขวั้ ตํอสายอากาศและเคร่ืองใหก๎ าลังไฟฟาู อยใํู นสภาพแนํน
(4) ตรวจสอบหมุดและปุมปรบั ตํางๆ ใหท๎ างานได๎คลอํ งและไมฝํ ดื
(5) ดูแลใหเ๎ คร่ืองยนตไ์ ฟฟูา และพดั ลมเดินเรยี บ
(6) ดูแลใหห๎ ม๎อไฟฟูาประเภทท่ี 1 อยใูํ นสภาพใชง๎ านได๎และถอดหม๎อไฟฟูาออกเมื่อเกบ็ เครอ่ื ง
เขา๎ คลงั หรือไมํใชง๎ าน
10.2 คาแนะนาปฏบิ ัตงิ านโดยทว่ั ไป
10.2.1 กลาํ วทว่ั ไป
กํอนทจี่ ะใช๎เครอ่ื งวิทยใุ ดๆ ให๎มีคํูมือประจาเครื่องและทาการศึกษาคาแนะนาอยํางรอบคอบถึง
เรอ่ื งการปฏิบัติงานโดยตลอด ระเบียบปฏิบัติในการเดินเคร่ืองข้ันต๎น ให๎ดูหัวข๎อบรรยายถึงสํวนประกอบตํางๆ
แผนผังหนา๎ ปทั ม์ แผนผังการตอํ เพอ่ื ให๎แนํใจวํา เคเบิล้ ตาํ งๆ ตํอเข๎ากับข๎อตํอของแผงหน๎าปัทม์ถูกต๎องและให๎ปุม
ปรบั ตํางๆ อยํูในตาแหนํงที่ถูกต๎องแม๎วําพนักงานที่มีความชานาญอยํางมากแล๎วก็ควรตรวจสอบระเบียบปฏิบัติ
ข้ันต๎นตามหลักฐานเหลํานี้บํอยๆ เพ่ือให๎มั่นใจวํามีความแนํนอนและเพ่ือปูองกันมิให๎เคร่ืองชารุดเสียหายให๎ดู
รายการตรวจสอบในการใช๎เครื่อง (และให๎ดูรายการตรวจสอบสมรรถนะของเครื่องถ๎ามี)เพ่ือดูวําเครื่องทางาน
ถกู ตอ๎ งหรือไมํและควรทาอยาํ งไร เพ่ือแกไ๎ ขสง่ิ ทเ่ี กิดข้ึนอยาํ งผดิ ปกตใิ นระหวํางการปฏิบัติในการเดนิ เครอ่ื งและการ
ใช๎งาน รายการตรวจสอบจะใหแ๎ นวทางในการปฏบิ ตั ิเกย่ี วกบั มาตรการในการแก๎ไขในเมื่อเครือ่ งไมํทางานตามปกติ
10.2.2 ขั้นตํางๆ ในการใชเ๎ ครอ่ื งของชดุ วทิ ยุ
ชุดวิทยุตํางๆ ที่แจกจํายไปให๎หนํวยยํอมมีแบบตํางๆ กันตามความต๎องการทางการส่ือสารของแตํละ
หนํวย ตัวอยาํ งเชํน บางชดุ อาจประกอบกันเข๎าโดยสมบูรณ์เป็นช้ินเดียวกันในเม่ือชุดอ่ืนๆ อาจประกอบข้ึนจาก
ชิ้นสํวนทแ่ี ยกจากกนั ซึง่ ตอ๎ งนามารวมกันให๎ถูกต๎อง เพ่อื ท่จี ะรวมเปน็ ชดุ วิทยุที่สมบูรณ์ ข้ันตอนตํางๆ ที่ต๎องการ
โดยทั่วไปในการใช๎วทิ ยุมดี งั นี้.-
ก. ตรวจชดุ วิทยเุ พอ่ื ความสมบูรณ์ ให๎แนใํ จวาํ สํวนประกอบและอุปกรณ์ตํางๆ ที่จาเป็นมีอยํูครบ
และพรอ๎ มทีจ่ ะใชไ๎ ด๎ ให๎ดคู ูมํ ือทางเทคนคิ ของเครื่องอุปกรณ์
ข. ตรวจสภาพของหมุด, หน๎าปัทม์, สวิทซ์, และปุมตํางๆ ดูวําหมุดหน๎าปัทม์สวิทซ์และปุมปรับ
หลอมคลอนหรอื เปลาํ ขนั เสียให๎แนํนในขณะใช๎เครื่อง ตอ๎ งให๎แนนํ มฉิ ะน้ันแล๎วสวํ นนนั้ ๆ จะไมํทางาน หรืออาจทา
การส่ือสารประเภทวิทยุ หนา๎ ที่ 205
ให๎เสยี หายไปในทางอนื่ ได๎ แกไ๎ ขเสียใหถ๎ กู ตอ๎ งเมือ่ ทาไดห๎ รือรายงานสภาพท่ีบกพรํอง ให๎แนํใจวําหมุดตํางๆ และ
สํวนตํางๆ ภายนอกตดิ อยกํู ับเคร่อื งเรยี บรอ๎ ย ใหร๎ ายงานทนั ทีเม่ือสํวนหนึ่งสํวนใดหายไป
ค. ตรวจสภาพของตัวเสียบ ชอํ งรบั และขอ๎ ตอํ ตาํ ง ๆ สะอาดอยใูํ นสภาพทด่ี ี ตลอดจนชํองรับตําง
ๆ ที่จะในการตํอต๎องสะอาดและอยูสํ ภาพทด่ี ี
ง. ตรวจแผนผงั การตํอในคมูํ ืออุปกรณ์เสียกํอนที่จะทาการตํอ แผนผังการตํอจะแสดงการตํอและ
จานวนของเคเบลิ้ ทีต่ อ๎ งการในการตํอสวํ นประกอบตาํ ง ๆ ของชุดวทิ ยเุ ขา๎ ดว๎ ยกันสาหรบั การปฏบิ ัติงานตํางแตํละ
แบบ ชดุ วิทยุอาจจะเสยี หายได๎ถ๎าตํอสายเคเบ้ลิ เข๎าชอํ งรบั ทผ่ี ดิ
1) ถา๎ ขอ๎ ตอํ ไมํเหมาะอาจจะทาให๎ขาหรอื ชอํ งของขอ๎ ตํอเสียหายได๎
2) ถา๎ ตํอสายเคเบล้ิ เข๎ากบั ชอํ งรบั ทเ่ี ข๎ากนั ได๎แตไํ มใํ ชชํ อํ งของมันก็อาจจะทาใหเ๎ ปน็ ผล
เสยี หายทางไฟฟาู อยํางรา๎ ยแรงตอํ เคร่อื งมอื นั้นหรือในบางกรณีอาจจะเป็นอนั ตรายตอํ พนักงานอกี ดว๎ ย
จ. ตรวจการต้งั หน๎าปัทม์ สวทิ ชแ์ ละปมุ ปรับตาํ ง ๆ ชุดวทิ ยุบางชนดิ อาจจะเสียหายอยํางร๎ายแรง
ได๎ ถ๎าสวทิ ช์หน๎าปัทม์และปมุ ตาํ ง ๆ มไิ ด๎ตง้ั ให๎ถูกต๎องตามความต๎องการในการตง้ั ข้นั ต๎น กํอนจํายกระแสไฟเข๎า
เครื่อง หรอื ทาการปรับตัง้ เบอื้ งต๎นกํอนท่จี ะเปดิ ไฟเขา๎ เครอื่ งให๎ตรวจคูํมือเคร่ืองอุปกรณ์เพ่ือให๎แนํใจวําได๎ปฏิบัติ
ตามระเบยี บปฏบิ ัติในการเดนิ เครอ่ื งขัน้ ตน๎ อยาํ งสมบูรณ์แลว๎
ฉ. ตรวจระเบียบปฏิบัติในการเดินเครื่องตามคํูมือเครื่องอุปกรณ์ คํูมือเคร่ืองอุปกรณ์จะให๎
รายละเอียดเก่ียวกบั ระเบียบปฏิบตั ใิ นการเดินเครื่องท่ถี ูกต๎องของชดุ วิทยุถ๎ามีลาดับโดยเฉพาะในการเดินเครื่องท่ี
จะกลาํ วไว๎ในคมํู อื นนั้ ก็ใหป๎ ฏบิ ัตติ ามลาดับอยํางถูกตอ๎ ง
ช. การจาํ ยกระแสไฟเข๎าเครื่อง หลังจากได๎ตํอสายตําง ๆ ถูกต๎องและตั้งสวิทช์หน๎าปัทม์กับปุม
ปรบั ตําง ๆ ถูกต๎องแลว๎ กอ็ าจจาํ ยกระแสไฟเขา๎ เครอ่ื งได๎โดยใหด๎ ูระเบียบปฏิบตั ิในการเดินเครื่องท่ีกลําวไว๎ในคํูมือ
เครอ่ื งอุปกรณ์
ซ. การอํุนเคร่ือง ชดุ วทิ ยุตาํ ง ๆ ทใี่ ชห๎ ลอดอิเลค็ ตรอนตอ๎ งการระยะเวลาในการอํนุ เครอ่ื ง เพือ่ ให๎
หลอดตําง ๆ ข้ึนถึงสภาพที่จะปฏิบัติงานอยํางมีประสิทธิผล ในบางกรณีอาจจะทาให๎เครื่องเสียหายโดยการ
พยายามที่จะใช๎เครอื่ งกํอนที่หลอดจะไดร๎ บั การอํุนเครื่องอยํางถูกต๎อง เคร่ืองสํวนมากมีการปูองกันการเสียหาย
ดังกลําวไว๎ แตกํ ็เปน็ การโงเํ ขลาทีจ่ ะเสี่ยงให๎เกิดความเสยี หายตอํ ชุดวิทยุโดยพยายามออกอากาศกํอนที่เคร่ืองจะ
พร๎อม
ฌ. สังเกตความผดิ ปกติในระหวาํ งอนํุ เคร่ือง ในระหวํางที่เปดิ สวทิ ซ์ไฟเขา๎ เครื่องจนกระทงั่
เครอื่ งอุนํ เรียบรอ๎ ยพร๎อมทจ่ี ะใช๎งาน ให๎สงั เกตเคร่ืองชีบ้ อก มาตรตาํ ง ๆ และไฟหนา๎ ปัทม์ ถา๎ สิ่ง
ใดสิ่งหน่งึ แสดงให๎เหน็ สภาพผิดปกติให๎ตรวจสอบทันที เครือ่ งวทิ ยุสํวนมากจะมเี ครอ่ื งตัดวงจรอยํูด๎วยเพ่ือปูองกัน
เครื่องไหมเ๎ นอื่ งจากการทางานเกินกาหนด (OVERLOAD) แตํอาจมีการทางานทผ่ี ดิ ปกตอิ ืน่ ๆ เกิดข้นึ ซง่ึ จะไมทํ า
ให๎เครื่องตดั วงจรทางานการทางานทผี่ ิดปกตเิ หลาํ น้ีสามารถทาใหเ๎ คร่อื งชารดุ ไดด๎ ๎วยเหมอื นกนั
ญ. ปรับต้งั เคร่อื งใหต๎ รงตามความถี่ (ชํอง) ที่ต๎องการ ปรับตั้งเครื่องสํงให๎ได๎ความถ่ีท่ีถูกต๎องของ
เครอ่ื ง (ความถ่ีตามชํองท่ีต๎องการ) ตามระเบียบปฏิบัติที่กลําวไว๎ในคํูมือประจาเคร่ืองใช๎วิธีการทา กาหนดคํูมือ
ประจาเครื่องเพอ่ื ตรวจสอบการปรับตงั้ ใหถ๎ กู ต๎อง
การสื่อสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ที่ 206
ฎ. ตรวจเพื่อให๎เครอื่ งทางานเป็นปกติ ในขณะท่ีเคร่ืองกาลังทางานอยํใู หต๎ รวจเคร่ืองชี้บอกเสมอ ๆ
เพ่ือให๎แนํใจวําเครื่องทางานถกู ต๎อง ถ๎ามีสงิ่ ผดิ ปกตเิ กดิ ขึ้นในขณะปฏบิ ัติงานให๎ทาการตรวจสอบทันทีถ๎าจาเป็นให๎
ปดิ สวทิ ซไ์ ฟเข๎าเคร่อื งและตรวจตามรายการตรวจสอบในการใช๎เคร่ืองและรายการตรวจสอบของเคร่ืองตามคูํมือ
ประจาเครือ่ ง ถ๎าได๎แก๎ไขตามรายการตรวจสอบในการใชเ๎ ครื่องและรายการตรวจสอบของเครอ่ื งกย็ ังแก๎ข๎อขัดข๎อง
ไมํสาเร็จให๎รายงานไปยงั ชํางซอํ มเครื่องสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ของหนํวยตอ๎ งให๎ตรวจสอบสภาพของเครื่องและการ
ปฏบิ ัตติ าํ งๆ ไดม๎ กี ารบันทึกไวใ๎ นแฟมู บนั ทกึ การซอํ มบารงุ อยํางถูกต๎อง
ฏ. ใช๎ระเบียบปฏิบัติท่ีถูกต๎องในการปิดเคร่ือง หลังจากการปฏิบัติงานได๎เสร็จส้ินสมบูรณ์แล๎ว
หรอื เครอ่ื งถูกปดิ โดยเหตทุ ท่ี างานไมํถูกตอ๎ ง ให๎แนใํ จวําปมุ ปรับสวิทซแ์ ละหน๎าปัทม์อยูํในตาแหนงํ ที่ถูกตอ๎ ง (เรื่อง
นี้อาจไมํจาเปน็ สาหรับบางเครอื่ ง) และดาเนนิ การปิดสวํ นตําง ๆ ของเครื่องตามลาดับท่ีบํงไว๎ในคํูมือประจาของ
เครอื่ งแบบงาํ ย ๆ อาจไมตํ อ๎ งการอะไรมากไปกวําการปิดสวทิ ซ์ไปท่ีตาแหนงํ ปดิ แตเํ ครอื่ งทส่ี ลับซบั ซ๎อนอาจต๎อง
ปฏบิ ัตติ ามระเบยี บการปิดเคร่อื งอยํางประณตี
10.3 ระเบียบปฏบิ ตั ิวิทยุโทรเลข
10.3.1 กลําวทัว่ ไป
วทิ ยุโทรเลขเป็นระบบโทรคมนาคมอยาํ งหนง่ึ ในการสํงขาํ วกรอง (หรือขาํ วสาร) โดยใช๎ประมวลเลข
สญั ญาณมอรส์ สากล วทิ ยุโทรเลขใหค๎ วามเชอื่ ถอื ได๎อยํางมากท่ีสดุ ในการสงํ ขาํ วทางวิทยทุ ง้ั ในระยะไกลและใน
สภาพท่ีผิดปกติ แตํตอ๎ งการพนกั งานทมี่ ีความชานาญสงู ใช๎ติตตอํ กบั หนํวยเคลื่อนท่ีและระหวํางหนํวยทีก่ าลัง
เคลอื่ นทีแ่ ละในยามฉกุ เฉินก็อาจใช๎แทนวิทยโุ ทรพิมพ์ไดด๎ ๎วย
ก. ประมวลคายอํ ทีใ่ ช๎ในวทิ ยุโทรเลข นอกจากระเบยี บปฏบิ ัติการสอ่ื สารตามธรรมดาแลว๎ วิทยุ
โทรเลขยงั ใช๎คายํอตามระเบยี บการ สญั ญาณปฏิบตั ิการ และคายอํ พิเศษอน่ื ๆ
ข. ข๎อดขี องวทิ ยุโทรเลข ถึงแมว๎ ําการสื่อสารด๎วยประมวลเลขสญั ญาณจะชา๎ กวาํ การสอื่ สารด๎วย
คาพูดหรอื โทรพิมพ์ก็ตาม แตํก็มีข๎อดีคือ จะอํานสัญญาณได๎ชัดเจนมากกวําในกรณีที่มีการรบกวนและกํอกวน
เกิดขึ้น สญั ญาณเปน็ ประมวลเลขได๎ยนิ ชดั กวาํ สัญญาณเป็นคาพูดหรือโทรพิมพ์ในเมื่อมีแรงเทํากัน ซ่ึงสัญญาณ
เป็นคาพูดหรือโทรพิมพ์อาจจะฟังได๎ชัด เคร่ืองสํงวิทยุเป็นคาพูดชนิด AM ท่ีมีสภาพบกพรํองไมํอาจใช๎สํงเป็น
คาพดู ได๎ แตํบางทก่ี ็อาจจะใชเ๎ ปน็ เครอ่ื งสงํ คล่ืนเสมอ (CW) ที่ไดผ๎ ล
10.3.2 ประมวลเลขสัญญาณมอร์สสากล
ในการผสมจดุ และขดี ให๎เปน็ แบบตํางๆ เพื่อใช๎แทนอักษรของพยญั ชนะตัวเลขจาก 0 ถึง 9 และสัญญาณ
ตามระเบยี บการ จดุ และขดี ของประมวลสัญญาณมอร์สทาได๎โดยใช๎เคาะของเครื่องสํงและทาให๎สํงสัญญาณสั้น
และยาวออกไป จังหวะขีดนานเปน็ 3 เทําจังหวะจุด การผสมจุดและขีดที่ใช๎เป็นตัวอักษรตัวหน่ึงน้ันจะต๎องเว๎น
ระยะจากกนั เป็นหวํ งเวลานานเทาํ กับหนงึ่ จดุ ตวั อกั ษรเว๎นระยะหํางจากกันเป็นเวลานานเทํากับ 3 จุด และแตํละ
คาเวน๎ ระยะเวลาเป็นเทํากบั 7 จดุ
10.3.3 คายอํ ตามระเบียบการ
การสื่อสารประเภทวิทยุ หน๎าท่ี 207
คายํอตามระเบยี บการใชใ๎ นวงจรวทิ ยุโทรพมิ พเ์ พอื่ สงํ ขาํ วสาร คาขอคาส่ังและคาแนะนาเป็นมาตรฐานท่ี
กระทัดรัด คายํอตามระเบียบการใช๎แทนคาเด่ียวหรอื วลี เพ่ือท่จี ะลดระยะเวลาในการสํงขาํ วใหน๎ อ๎ ยลง พนกั งาน
สํงวทิ ยุโทรเลขจะสงํ ตวั อักษรตําง ๆ ของคายํอตามระเบียบการไปใช๎ด๎วยกันโดยไมตํ อ๎ งมีการเวน๎ ระยะ คายํอตาม
ระเบยี บการและความหมายตําง ๆ ไดร๎ ะบุตามตารางดังตอํ ไปนี้
คาย่อตามระเบยี บการ ความหมาย
AA ทง้ั หมดหลังคาวาํ ……….
AA สถานที ่ไี มรํ จู๎ กั
AB ท้ังหมดกอํ นคาวํา
AR เลิก
AS คอยกอํ น
B ยงั มขี ําวจะสํงอกี
BT แยกภาค
C ผิด - ขอแก๎
คายอ่ ตามระเบียบการ ความหมาย
CFN การยืนยัน "ขอ๎ ความตอํ ไปนยี้ ืนยนั สวํ นหนง่ึ ของ
ข๎อความของขําว"
DE จาก
EEEEEEEE ยกเลกิ ขาํ วนี้
ไมตํ อ๎ งตอบ
F จาก
FM จงอํานทวน
G หมูํคา
GR(numeral) หมูคํ าไมนํ บั
GRNC สญั ญาณห๎ามใชฉ๎ ุกเฉนิ
HM (3 คร้ัง) เคร่อื งหมายแยกภาค
II จงสงซ้า
IMI ผู๎รบั ทราบ
INFO คาถาม
INT เตรียมปฏิบัติ
IX
หน๎าท่ี 208
การส่ือสารประเภทวิทยุ
IX (สญั ญาณยาว 5 วนิ าที) สัญญาณปฏิบัติ
J จงยนื ยัน
K เปลี่ยน
NR ขาํ วที่
Y ดํวนมาก
P ดํวน
R ปกต,ิ ทราบ
T สํงตํอ (ไปยัง)
TO ถงึ
WA คาหลงั คาวาํ
WB คากํอนคาวาํ
ยกเวน๎
XMT ดํวนทส่ี ุด
Z
ก. คายํอตามระเบยี บการวทิ ยโุ ทรเลข
ข. คายํอตามระเบยี บการวิทยโุ ทรพิมพ์
ค. ในเม่ือไมํมีสัญญาณ IX (ขีดยาว 5 วินาที) ในวงจรวิทยุโทรพิมพ์ ให๎ตีพิมพ์ EXECUTE เป็น
สัญญาณใหป๎ ฏิบัติแทน
10.3.4 สัญญาณปฏบิ ตั กิ าร
สัญญาณปฏิบัติการซ่ึงประกอบไปด๎วยสัญญาณ 3 ตัว อักษรท่ีขึ้นต๎นด๎วยอักษร Q หรืออักษร Z
พนักงานวทิ ยุโทรเลขเป็นผู๎ใช๎ (รวมท้ังพนักงานวิทยุโทรพิมพ์ด๎วย) เพ่ือให๎การสื่อสารเร็วข้ึน สัญญาณ Q หรือ
สัญญาณ Z แตํละอยํางจะสํงความหมายของคาตําง ๆ จานวนหนึ่งและแล๎วก็จะเป็นข๎อความที่สมบูรณ์ ดัง
ตวั อยําง เชํน ZFG หมายถงึ "ขาํ วนี้เปน็ คูฉํ บับท่ีแทจ๎ รงิ ของขําวที่ไดส๎ งํ ไปแลว๎ "
ก. บสพ. 131 กลาํ วถึงความหมายของสญั ญาณ Q และสญั ญาณ Z ตลอดจนคาแนะนาใน
การใช๎ด๎วย ถ๎าไมํอาจจะแจกจําย บสพ.31 ให๎แกํพนักงานทุกคนได๎ก็จะต๎องทาสัญญาณ Q และสัญญาณ Z
เฉพาะรายการท่ใี ชเ๎ สมอใหแ๎ กพํ นักงานแตํละคนไมจํ าเปน็ ที่พนักงานจะตอ๎ งจดจาสญั ญาณปฏบิ ตั งิ านเหลาํ นี้ทั้งหมด
ข. สญั ญาณปฏบิ ัตกิ ารให๎ถือวําเป็นข๎อความธรรมดา ซึ่งจะตอ๎ งเข๎าอักษรลับเม่ือใช๎เป็นสํวนหน่ึง
ของขาํ วอักษรลบั สัญญาณปฏบิ ตั กิ ารใชเ๎ ปน็ เครอ่ื งชวํ ยในการรกั ษาความปลอดภยั ในการส่ือสาร เพราะวําเปน็ คา
ยํอแตํมคี วามหมายเป็นที่รู๎จักกันทว่ั ไปหลายชาติ
การส่ือสารประเภทวิทยุ หนา๎ ท่ี 209
10.4 ระเบยี บปฏบิ ตั วิ ิทยุโทรศพั ท์
10.4.1 กลําวทั่วไป
วทิ ยโุ ทรพมิ พ์เป็นระบบโทรคมนาคมอยาํ งหน่ึงซ่ึงตามปกตใิ ช๎ทาการสือ่ สารทางยทุ ธวิธีในระยะทางใกล๎ ๆ
และใช๎ระหวาํ งหนวํ ยเคลอื่ นที่และหนวํ ยกลางอากาศเป็นสอื่ สารท่ีรวดเรว็ ระหวาํ งบคุ คลตอํ บคุ คล ในสถานการณ์ท่ี
มีการเคล่อื นท่บี อํ ย อยาํ งไรก็ตาม การสํงวิทยุน้ันขึ้นอยูํกับการดักรับของข๎าศึกซ่ึงจะทาให๎ขําวมีความปลอดภัย
น๎อยหรอื ไมมํ ีเลย เพราะฉะนัน้ กฎเบอื้ งต๎นทีส่ าคัญ ในการรักษาความปลอดภัยในการสํงขําว จะใช๎บังคับอยําง
กวดขนั ตํอวงจรวิทยุโทรศัพทท์ างทหารทง้ั หมด
ก. ประมวลคายํอที่ใชใ๎ นวิทยโุ ทรศัพท์ ถา๎ มกี ารใช๎คายอํ ตามระเบียบการและสญั ญาณปฏิบตั ิการ
ในวิทยุโทรศัพท์ แล๎ว วิทยุโทรศัพท์จะใช๎คาพูดตามระเบียบการและวลีตามระเบียบการ คายํอระเบียบการที่
ไดร๎ บั อนุมัติอยตํู อนท๎ายของตอนนี้
ข. การเรียกขาน เมื่อมีการสื่อสารในขํายวิทยุโทรศัพท์จะใช๎เรียกขานอยํางใดอยํางหน่ึง
ดงั ตํอไปนี้
1) การเรยี กขานเตม็ DANO จาก BUTTER DIESEL เปลย่ี น
2) การเรียกจานยํอจาก BUTTER DIESEL เปลีย่ น
3) การเรียกขานเป็นขําย BUTTER DIESEL จาก BUTTER DIESEL 6 เปลย่ี น
ค. กฎของการปฏิบัติ ในการใชว๎ ิทยโุ ทรศพั ทน์ ้นั พนกั งานจะตอ๎ ง
1) ฟงั กํอนสงํ เพ่ือทจ่ี ะหลีกเลยี่ งการรบกวนขําวอื่น ๆ
2) พดู เปน็ วลตี ามธรรมชาติ อยําพดู เป็นคา ๆ
3) พูดช๎า ๆ และชดั เจน
10.4.2 การออกเสียงตัวอักษรและตัวเลข
เพ่ือหลีกเล่ยี งความสับสนและความผิดพลาดในระหวํางการสํงเป็นคาพูด จึงได๎กาหนดระเบียบปฏิบัติ
พิเศษขึ้นสาหรับการออกเสยี งตวั อักษรและตัวเลข ระเบยี บปฏบิ ตั พิ ิเศษเหลํานคี้ อื การออกเสียงตัวเลขและตัวเลข
ตามเสียงของภาษา (PHONETIC ALPHABET AND PHONETIC NUMERAL)
ก. ตวั อักษรตามเสยี งของภาษาน้นั พนกั งานใช๎เพื่อสะกดคายาก ๆ เพ่ือปูองกันความเข๎าใจผิด
ของพนักงานฝุายรับ คาตําง ๆ ท่อี อกเสยี งตัวอักษร ตามเสียงของภาษาซึ่งเป็นคาตัวอักษร และไมํใชํประมวล
ลับจะออกเสยี งท่ีปรากฏในตารางของข๎อ ค. สํวนที่ขีดนั้นถ๎าแสดงให๎เห็นการออกเสียงเน๎นอาจจะเป็นหน่ึงหรือ
หลายพยางค์
ข. คาท่ีพูดแล๎วอาจจะเขา๎ ใจผดิ ได๎ให๎ออกเสยี งคานั้น สะกดตามเสียงของภาษาและแล๎วพูดคานน้ั
ซ้าอีกครงั้ หน่ึง เชํน PIDCOKE ข๎าพเจา๎ สะกด PAPA INDIA DELTA CHARLIE OSCAR KILO ECHO-PIDCOKE
ค. ตัวอักษรตามเสยี งของภาษาน้จี ะใช๎สาหรบั การสงํ ขําวอักษรลับได๎ด๎วย ตัวอยาํ ง เชํน กลุํมรหัส
CMVVX ใหพ๎ ดู วาํ CHARLIE MIKE VICTOR XRAY
การออกเสียงตวั อกั ษรตามเสยี งของภาษา
การสื่อสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ที่ 210
อกั ษร คา การออกเสยี ง อักษร คา การออกเสียง
A ALFA แอลฟุา N NOVEMBER โนเวมเบอร์
B BRAVO บราโว O OSCAR ออสการ์
C CHARLIE ชาลี P PAPA ปาปูา
D DELTA เดลตา Q QUEBEC ควีเบค
E ECHO เอก็ โค R ROMEO โรมโิ อ
F FOXTROT ฟอกซท์ รอท S SIERRA เซียราํ
G GOLF กอล์ฟ T TANGO แทงโก
H HOTIE โฮเตล็ U UNIFORM ยนู ฟิ อรม์
I INDIA อินเดีย V VICTOR วิคเตอร์
J JULIETT จูเลยี ต W WHISKEY วิสก้ี
K KILO กิโล X X-RAY เอก็ ซ-์ เรย์
L LIMA สิมา Y YANGKEE แยงกี้
M MIKE ไมค์ Z ZULU ซูลู
ง. ตัวเลข ออกเสยี งตามทีป่ รากฏตามตารางตํอไปน้ี
การออกเสยี งตัวเลขตามเสยี งของภาษา
ตวั เลข การออกเสยี ง ตวั เลข การออกเสยี ง
1 หน่ึง 6 หก
2 โท 7 เจ็ด
3 สาหาม 8 แปด
4 สี่ 9 เกา๎
5 ห๎า 0 ศูนย์
จ. จานวนเลขออกเสยี งเปน็ ตวั ๆ ไป แตํคาวํา “ร๎อย” หรอื “พนั ” ให๎ใชใ๎ นเมอื่ เลขจานวนนั้น
ลงด๎วยร๎อยและพัน
ตัวอยาํ งเชนํ 84 ออกเสยี งเป็น “แปด สี่” 2500 เปน็ “สอง หา๎ ร๎อย” และ 16,000 เปน็ “หนง่ึ หก พนั ”
ฉ. กลุํมวันเวลาให๎ออกเสียงเป็นตวั ๆ ไป ตามด๎วยเคร่ืองหมายแสดงเขตเวลา ตัวอยําง เชํน
291205Z ออกเสยี งเป็น “ โท เกา๎ หนงึ่ โท ศนู ย์ ห๎า ซลู ู”
ช. พกิ ัดแผนทแ่ี ละตัวเลขตอํ ท๎ายสญั ญาณเรียกขานใหอ๎ อกเสยี งเปน็ ตวั ไป
การส่ือสารประเภทวิทยุ หนา๎ ท่ี 211
10.4.3 คาพดู ตามระเบยี บการ
เพื่อที่จะให๎การสํงเป็นคาพูดส้ันและชัดเจนเทําที่จะกระทาได๎พนักงานวิทยุใช๎คาพูดตามระเบียบแทน
ประโยคยาว ๆ คาพดู ตามระเบยี บการและความหมายปรากฏอยูํในตารางดังตํอไปนี้
คาพูดตามระเบียบการ ความหมาย
ท้งั หมดหลังคาวาํ (All After) ขําวตอนนี้ข๎าพเจ๎าอา๎ งถึงคอื ขอ๎ ความท้งั หมดที่
ทัง้ หมดกอํ นคาวาํ (All Before) ตามหลงั คาวาํ …………
แยกภาค (Break) ขาํ วตอนท่ขี ๎าพเจา๎ อ๎างถงึ นี้ คือขอ๎ ความทง้ั หมดท่ี
กอํ นคาวํา…………..
ผดิ – ขอแก๎ (Correction) บัดน้ีข๎าพเจ๎าจะแยกข๎อความออกจากภาคอื่น ๆ ของขําว
หรือข๎าพเจ๎าได๎จบข๎อความของขําวแล๎วและตํอไปนี้เป็น
ลายเซ็น ฯลฯ (เม่ืออนุญาติให๎ชะงักขําวได๎ พนักงานรับ
อาจจะขัดจังหวะพนักงานสํง เพ่ือขอให๎ทาการสํงขําว
บางสวํ นซ้าอีก โดยใช๎คาพดู ตามระเบยี บการนเ้ี ปน็ สญั ญาณ
ขดั จังหวะ)
สงํ ผดิ ตํอไปนี้จะสํงคาทถี่ ูกต๎องตัวสดุ ท๎าย สงํ ผิด (หรือแสดง
ขําวที่ผิด) ข๎อความที่ถูกต๎อง คือ …… ข๎อความตํอไปน้ีคือ
ขอ๎ ความท่ีถกู ต๎องตามทท่ี ํานสอบถามมา
ยกเลกิ ขําวน้ี การสํงขําวนี้ผิด ขอยกเลิก คาพูดตามระเบียบการน้ีไมํให๎
(Disregard this transmission) ใช๎เพ่ือยกเลิกขําวใด ๆ ท่ีได๎สํงเสร็จสิ้นและผ๎ูสํงได๎รับการ
ตอบรับหรือการทราบแลว๎
ไมตํ อ๎ งตอบ สถานีถูกเรียกไมํต๎องตอบการเรียก ไมํต๎องตอบรับขําวนี้
(Dotno answer) หรือ ไมตํ อ๎ งสํงโตต๎ อบใด ๆ เก่ียวกับการสํงขําวนี้เม่ือได๎ใช๎
คาพูดตอบรับน้ีแล๎ว จะต๎องลงท๎ายการสํงขําวด๎วยคาพูด
ปฏบิ ัติ (Execute) ตามระเบยี บการวํา “เลกิ ”
เตรยี มปฏบิ ตั ิ ใหด๎ าเนนิ การตามขอ๎ ความของขาํ วหรือตามสัญญาณท่ีใช๎ใน
(Execute to follow) การนค้ี านีใ้ หใ๎ ช๎เฉพาะกับ “วิธีส่ังปฏิบัติพร๎อมกัน” เทํานั้น
การปฏิบตั ติ ามขําวหรือตามสัญญาณตํอไปน้ีให๎กระทาเม่ือ
ยกเวน๎ (Cxempt) ไดร๎ ับคาพดู ตามระเบยี บการวาํ “ปฏบิ ัติ” คาน้ีให๎ใช๎เฉพาะ
กับ “วธิ ีส่ังปฏบิ ตั พิ ร๎อมกนั ” เทาํ น้ัน
ตัวเลข (Figures) ช่ือผ๎รู ับซ่งึ ตอํ ทา๎ ยคาน้ี เป็นผ๎ไู ด๎รับการยกเว๎นจากการเรียก
ขาน
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ ตํอไปนเี้ ป็นเลข หรือจานวนเลข
หน๎าที่ 212
ดํวนที่สดุ (Flash) คือลาดบั ความเรํงดวํ น “ดวํ นทีส่ ุด”
จาก (Form) ช่ือจาํ หน๎าท่ตี อํ ท๎ายคานีจ้ ะแสดงวําเป็นผ๎รู ับขําวฉบบั น้ี
ดํวนมาก (Immediate) ความเรงํ ดํวน “ดวํ นมาก”
ผ๎รู บั ทราบ (Info) ชอื่ ผู๎รับทีต่ อํ ท๎ายคานี้ คอื ผ๎ูรับทราบ
คาพดู ตามระเบยี บการ ความหมาย
จะอาํ นทวน (I read back) ตํอไปน้ีเปน็ การอํานทวนขาํ วตามที่ทํานขอมา
จะสงํ ซา้ ( I say back) ข๎าพเจ๎ากาลงั สงํ ขาํ วซา้ หรอื เฉพาะตอนทที่ ํานบํงมา
สะกดตวั (I spell) ขา๎ พเจา๎ จะสะกดตวั ของคาตอํ ไปน้ีด๎วยชอื่ เรยี กตวั อกั ษร
ขอยนื ยัน (I verify) ขอ๎ ความตํอไปนีเ้ ปน็ รายการยืนยันตามคาขอของทํานซึ่งจะ
สํงใหใ๎ ช๎เฉพาะเม่อื ตอบคา “จงยืนยัน” เทําน้ัน
รบั ขําว ( Message follows) ตํอไปน้ีมีขําวท่ีจะต๎องจดบันทึกไว๎ให๎สํงคาตํอไปน้ีไปทันที
ภายหลงั การเรียกขานกนั ไดแ๎ ล๎ว
ขาํ วท่ี (Number) ลาดบั ทขี่ าํ วของสถานี
เลิก (Out) จบการสงํ ขําวของข๎าพเจา๎ ท่ีมีถึงทํานและไมตํ ๎องการคาตอบ
เปล่ยี น (Over) จบการสํงขําวของข๎าพเจ๎าที่มีถึงทํานและต๎องการให๎ทําน
โตต๎ อบ ขอใหส๎ งํ ตอํ ไปได๎
ดวํ น ( Friority) คือลาดบั ความเรงํ ดํวน “ดวํ น”
จงอาํ นทวน (Read back) จงทวนขําวฉบับน้ีทง้ั หมดที่ข๎าพเจ๎าสํงมาและตามท่ีทํานรับ
ไดจ๎ รงิ
สํงตํอ (Relay to) จงสงํ ขาํ วฉบบั นีไ้ ปยงั ผ๎ูรับทั้งหมดหรือไปยังผ๎ูที่มีช่ือจําหน๎า
ท้ังหมด ดงั ตอํ ไปนี้
ทราบ (Roger) ขา๎ พเจ๎าไดร๎ ับการสงํ ครัง้ หลังของทาํ นเป็นที่พอใจแลว๎
ปกติ (Routine) คือลาดบั ความเรงํ ดํวน "ปกต"ิ
จงสงํ ซ้า (Say again) จงทวนการสํงคร้ังหลังของทํานทั้งหมด ถ๎าตามด๎วยข๎อมูล
แสดงลักษณะทีบ่ ํงก็หมายความวํา "ใหท๎ วน …… (คือสํวนท่ี
รบั สญั ญาณ (Signals follow) บงํ ไว๎)"
หมูํคาตอบหลังคาน้ีมาจากสมุดสัญญาณ (คาพูดตาม
หา๎ มใช๎ (Silence) ระเบียบการนไ้ี มจํ าเป็นต๎องใชใ๎ นขํายนี้ใช๎รบั -สงํ สัญญาณกัน
เป็นสํวนใหญํ แตํมุํงหมายให๎ใช๎เพื่อจะสํงสัญญาณการ
การส่ือสารประเภทวิทยุ ยทุ ธวิธีผํานขาํ ยท่ีมใิ ช๎ทางยทุ ธวธิ ี)
ยุตกิ ารสํงทันที การห๎ามใช๎นี้คงจะอยูํจนกวําจะส่ังให๎ใช๎ได๎
อยํางเดมิ (เม่อื มีระบบการรบั รองฝุายใช๎บังคับอยูํ การสํง
หนา๎ ที่ 213
เรม่ิ ใช๎ (Silence lifted) ขําวเพ่อื ห๎ามใช๎นจี้ ะต๎องรับรองฝาุ ยดว๎ ย)
การสงํ เปน็ ไปตามปกติอยาํ งเดิม (การสั่งใหเ๎ รม่ิ ใช๎นี้กระทา
พดู ชา๎ ๆ (Speak slower) ได๎เฉพาะสถานที สี่ ั่งห๎ามใช๎หรอื โดยผม๎ู ีอานาจหนา๎ ทช่ี น้ั สงู
ถูกตอ๎ ง (That is correct) กวําเทํานน้ั เมอื่ มรี ะบบการรบั รองฝุายใช๎บงั คบั อยํู การสงํ
ขําวเพอ่ื เรม่ิ ใชน๎ ้ีจะต๎องรับรองฝุายด๎วย)
การสงํ ขําวของทํานใชค๎ วามเรว็ สูงเกนิ ไป จงลดความเร็วใน
การสํงขําวลง
ถูกต๎องแล๎วหรือขาํ วทส่ี งํ มานัน้ ถูกตอ๎ งแลว๎
คาพูดตามระเบียบการ ความหมาย
จาก (This is) การสํงนก้ี ระทาจากสถานีท่ีมีนามตํอท๎ายนี้
เวลา (Time) ตํอทา๎ ยคานีค้ ือเวลาหรือหมูวํ ันเวลาของขําวนนั้
ถึง (To) ผ๎ูรบั ท่ีมชี อ่ื ตอํ ท๎ายคาน้เี ป็นผ๎ูรับปฏิบตั ิตามขําวน้ัน
สถานที่ไมํรูจ๎ กั (Unknow Station) ขา๎ พเจา๎ ไมํทราบลกั ษณะเฉพาะของสถานที่
จงยืนยนั (Verify) ขอให๎ยืนยันขาํ วทงั้ ฉบบั (หรือบางตอนทบี่ งํ ไว๎) กับผู๎ให๎ขําว
และสงํ ข๎อความท่ีถูกต๎อง การให๎น้ีอยํูในดุลพินิจของ หรือ
คอยกํอน (Wait) โดยผู๎รบั ขําวอันเปน็ ปญั หาท่สี งํ มาถึงตนน้ัน
คอยนาน (Wait out) ข๎าพเจา๎ ต๎องหยดุ ชั่วขณะ
รับปฏิบัติตาม (Wilco) ขา๎ พเจ๎าต๎องหยดุ นาน
ข๎าพเจา๎ ได๎รบั ขาํ วของทาํ น เข๎าใจความแลว๎ และรับปฏิบัติได๎
คาหลังคาวาํ (Word after) ผรู๎ ับเป็นผ๎ูใช๎คาน้ีเทําน้ัน เนือ่ งมาจากความหมายของคาวํา
คากอํ นคาวาํ (Word before) "ทราบ" นนั้ รวมอยํูในคาวํา "รับปฏิบัติตาม" อยํูแล๎วจึงไมํ
ซา้ สองครง้ั (Word twice) ต๎องใชค๎ าพดู ตามระเบียบการท้งั สองคาน้ีไปพร๎อม ๆ กนั
ผดิ (Wrong) คาทีข่ า๎ พเจ๎าอา๎ งถึงในขาํ วนน้ั อยูํหลงั คาวาํ …..
คาท่ขี า๎ พเจ๎าอ๎างถึงในขาํ วนั้นอยกํู ํอนคาวํา …..
การส่ือสารประเภทวิทยุ ในเมือ่ การส่อื สารกระทาไดย๎ ากก็ใหส๎ ํงแตลํ ะวลี (หรือแตํละ
หมูํคาประมวล) ซา้ สองครงั้ คาพูดตามระเบียบการน้ีอาจ
ใชอ๎ ยํางคาสง่ั อยาํ งคาขอหรืออยํางการแจ๎งให๎ทราบก็ได๎
การสํงคร้ังหลังของทํานไมํถูกต๎อง ข๎อความท่ีถูกต๎องคือ
หน๎าท่ี 214
……
10.5 ระเบียบปฏบิ ตั ขิ องวทิ ยโุ ทรพิมพ์
10.5.1 กลาํ วท่วั ไป
วิทยุโทรพมิ พเ์ ปน็ สวํ นหน่ึงของโทรคมนาคมเพอื่ ใช๎สํงขาํ วกรอง (หรือขําวสาร) โดยการกระทาโดยตรงตอํ
แปนู ตัวอักษร หรอื แถบปรุไปทางวงจรวิทยุ (AM) ขําวกรอง(หรือขําวสาร) อันเดียวกันนี้อาจจะได๎รับตามแบบ
แผํนสาเนา (Page Copy) เปน็ แถบปรหุ รือท้ังสองอยาํ ง
ก. ประโยชนข์ องการปฏิบัตกิ ารวทิ ยโุ ทรพมิ พส์ นามนน้ั คือ เม่ือได๎ใช๎ชุดวิทยุโทรพิมพ์เคลื่อนที่แล๎ว
กจ็ ะมีลักษณะการทางานของระบบโทรคมนาคมได๎สามแบบคือ วิทยุโทรเลข วิทยุโทรพิมพ์และวิทยุโทรศัพท์
การสํงขาํ วอาจไปได๎ไกลในระยะตําง ๆ จนถึงหลายพันไมล์
ข. พนักงานวทิ ยโุ ทรพิมพจ์ ะต๎องรับการฝึกมาเป็นอยํางดี ให๎สามารถปฏิบัติการตามวิธีทั้งสาม
พนกั งานเหลาํ นีจ้ ะต๎องรกั ษาความชานาญในการปฏบิ ัติทางวิทยโุ ทรเลข และจะต๎องใช๎ลักษณะในการปฏิบัติงาน
แบบนี้ เพื่อสํงขาํ วในคณุ ภาพของวงจรลดต่ากวํา คุณภาพทีต่ อ๎ งการสาหรับการส่อื สารทางวิทยโุ ทรพมิ พ์
ค. แบบกระดาษเขียนขาํ วและระเบียบปฏบิ ตั ติ อํ ขาํ ว ซงึ่ จะต๎องสงํ โดยโทรพิมพ์น้ันคงเหมือนกับท่ี
ใช๎ในการปฏิบัตทิ างโทรพิมพ์ธรรมดา
10.5.2 การทางานของเคร่อื ง
ก. ยกแครํ (Shift) พนักงานจะต๎องกดแปูน "LTRS" เม่ือจะลดแครํจากลงบนมาลํางและกดแปูน
"FIGS"เมอ่ื จะยกแคํจากลํางขน้ึ บน
ข. กลับแครํ (Corriage Return) ต๎องกดแปูน "CR" เพ่ือกลับแครํให๎เล่ือนมาอยูํทางริมซ๎ายของ
กระดาษให๎กดแปูน "กลับแครํ" นี้ 2 ครัง้ เพอื่ ใหแ๎ นํใจวํา แครไํ ด๎กลับมาถกู ต๎องแลว๎
ค. เลอื่ นบรรทดั (Line Feed) ต๎องกดแปนู "LF" เพ่ือเลอื่ นกระดาษขน้ึ ไปขา๎ งบนท้งั ใชส๎ าหรับเครอ่ื ง
โทรพมิ พ์ทพี่ มิ พเ์ ปน็ หนา๎ กระดาษ
ง. เวน๎ ระยะ (Space) ใช๎แปนู ทาหนา๎ ทเี่ ว๎นระยะนเ้ี พ่ือเลอ่ื นแครํพิมพ์ไปทางข๎างเมือ่ ไมํพมิ พ์
ตัวอกั ษรลงบนหนา๎ กระดาษของเครอื่ งโทรพมิ พ์
จ. สญั ญาณกระด่งิ (Bell Signal) ใช๎สญั ญาณกระด่ิงนี้เตอื นให๎พนกั งานรับมีความสนใจเมื่อจาเป็น
โดยจะสงํ เป็นชดุ ตวั อกั ษร 10 ตวั คอื อกั ษรบนของ "J" และ "S" ดงั น้ี " FIGS JJJJJSSSSS LTRS"
ฉ. แสงเตือน (Warning Light) ในเคร่ืองโทรพิมพ์ชนิดเป็นหน๎ากระดาษแถบจะมีแสงเตือนเพ่ือ
แสดงวําใกล๎จะสุดบรรทดั พิมพแ์ ลว๎
ช. กระดิ่งสดุ บรรทดั (Margin Bell) ในเคร่ืองโทรพมิ พ์ชนดิ เป็นหน๎ากระดาษ ซ่ึงมีเป็นตัวอักษรท่ี
สามารถพิมพ์เขา๎ บรรทัดของเครื่องน้ัน ๆ โดย จะมีกระดงิ่ สัญญาณสดุ บรรทัด เพ่ือแสดงวาํ ใกล๎จะสุดบรรทัดเข๎า
บรรทดั แลว๎
ซ. ลักษณะการทางานของเครอ่ื งโดยเฉพาะ
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หน๎าที่ 215
การทางานของเครือ่ งโทรพมิ พ์น้นั จาเปน็ จะต๎องใหส๎ ะดวกแกกํ ารปฏิบัติตํอขําว และในการจัด
รูปหนา๎ กระดาษของเคร่อื งโทรพิมพ์ฝาุ ยรับดงั
1) การสงํ ทุกครัง้ นาดว๎ ยการกดแปนู เวน๎ ระยะ 5 คร้ัง กลับแครํ 2 คร้ัง และเลื่อนบรรทัด 1
คร้ัง ภายหลงั ทไี่ ดท๎ าการเรียกขานในข้นั ตน๎ แล๎วและได๎รับคาตอบพนักงานสงํ จะกลบั แครสํ องคร้งั และเลือ่ นบรรทดั
8 ครงั้ กํอนท่ีจะสํงขาํ ว
2) เมอ่ื สุดบรรทดั ใหก๎ ดแปูนกลับแครํ 2 ครง้ั และเล่อื นบรรทดั 1 ครัง้
3) การเว๎นระหวํางหนา๎ สาหรบั ขาํ วยาว ๆ ใหก๎ ลับแครํ 2 ครัง้ และเลอ่ื นบรรทดั 8 ครัง้
4) เม่ือจบขาํ วฉบับหนงึ่ แล๎ว ใหก๎ ดแปูนกลับแครํ 2 คร้ังเลื่อนบรรทัด 8 ครั้ง กดแปูนอักษร
N 4 ครั้ง และกดแปนู "LTRS" หรือลําง อีก 12 ครั้ง หรอื อาจเปล่ยี นเปน็ กดแปูนกลับแครํ 2 ครั้ง และเลื่อน
บรรทดั 12 ครง้ั ก็ได๎ ถ๎าหากมคี าแนะนาของเหลําทพั อนุญาตไว๎เป็นสํวนหนึง่ ตาํ งหาก
5) แตํละบรรทัดต๎องมีอักษรไมํเกิน 69 ตัว รวมท้ังการเว๎นระยะด๎วย ทั้งนี้เว๎นแตํจะมี
คาแนะนาของเหลําทัพอนญุ าตไว๎เปน็ หนึง่ ตํางหากความมงํุ หมายพเิ ศษ
10.5.3 เครอื่ งหมายวรรคตอน
ก. ไมํต๎องใช๎เครื่องหมายวรรคตอน เว๎นแตํจะมีความจาเป็นตํอใจความของขําว เมื่อมีคาม
จาเป็นจะตอ๎ งใชเ๎ ครื่องหมายวรรคแทน ก็อนมุ ัตใิ ห๎คายํอและสญั ลกั ษณ์ ดังตอํ ไปนี้
เคร่ืองหมาย คาย่อ สัญลกั ษณ์
1. ปรศั นี ปน. ?
Qeustion mark QUES
2. ยตั ติภงั ค์ -
Hypnen
3. ทวอิ ฒั ภาค ทภ. :
COLON CLN
4. นขลขิ ติ นข. ( )
การสื่อสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ท่ี 216
PARENTHESSES PAREN .
5. มหพั ภาค มภ. ,
PERIOD/FULL-STOP PD. /
6.จุลภาค จภ.
COMMA CMM ""
7. ขดี เศษสํวน
SLANT/OBLIQUE STROKE ยน.
8. ยอํ หนา๎ PARA
PARAGRAPH อป.
9. อัญญประกาศ QUOTE - UNQUTE
QUOTATION MARK
ข. อาจใชอ๎ กั ษร "X" แทนเครื่องหมายวรรคตอนก็ได๎ ถา๎ ไมํถือวําเคร่อื งหมายวรรคตอนท่ีแท๎จริง
เป็นสิ่งสาคัญ แตกํ ม็ ีความจาเป็นอยํูบ๎างท่ีจะตอ๎ งแยกวรรคตอนในขอ๎ ความของขําว เพ่อื ความชดั เจน และการใช๎
อกั ษร "X" นจ้ี ะไมทํ าให๎เกิดความหมายเป็นสองนยั เพื่อความมงํุ นีจ้ ะต๎องไมํเป็นชอื่ เรียกตวั อักษร "X" ลงไป
ค. ถ๎าเขยี นขาํ วดว๎ ยลายมือ ขอแนะนาใหว๎ งเคร่ืองมหัพภาคและจลุ ภาคไว๎ เพอ่ื ให๎เดนํ ชัดย่ิงขนึ้
10.6 นามเรียกขานทางยุทธวธิ ี
10.6.1 ความมงุํ หมายของการเรียกขาน
นามเรยี กขานน้นั ใชเ๎ พอ่ื การจดั ตั้งและดารงไวซ๎ ึ่งการสอ่ื สารเปน็ ประการสาคญั นามเรยี กขานประกอบขนึ้
ด๎วยการผสมตัวอกั ษร หรอื ถอ๎ ยคาซ่งึ อาํ นออกเสยี งได๎ในลกั ษณะใดกต็ ามซง่ึ แสดงใหท๎ ราบถึงเครอื่ งมอื สอื่ สารอยําง
ใดอยาํ งหนึ่ง หนํวยบัญชาการ ผูม๎ อี านาจทีห่ นวํ ยราชการทหาร การเปลี่ยนนามเรียกขานเป็นคร้ังคราวยํอมจะ
กอํ ใหเ๎ กดิ ความปลอดภยั ในการสื่อสารได๎ชั่วระยะเวลาส้นั ๆ ท้ังนี้ขึ้นอยูกํ บั ปริมาณการในการใช๎คณุ ภาพ ในการ
วเิ คราะห์ขําวของฝุายข๎าศึก นามเรียกขานเป็นคาพูดซึ่งประกอบด๎วยคาซ่ึงอํานออกเสียงได๎ เชํน ภูเรือ หรือ
เสอื ดา นัน้ อนุมัตใิ หพ๎ นกั งานวิทยุโทรศัพทใ์ ช๎ได๎
10.6.2 การใช๎นามเรยี กขาน
มีอยํูเสมอท่ีกองบัญชาได๎รับนามเรียกขานเพียงนามเดียวสาหรับใช๎ในขํายตําง ๆ ซึ่งกองบัญชาการนั้น
จะต๎องปฏบิ ัตนิ ามเรยี กขานเพียงนามเดียว จะต๎องใช๎ปฏิบัติท้ังในขํายวิทยุโทรศัพท์ นามเรียกขานที่กาหนดให๎
เชนํ สิงห์ดง ก็ใชไ๎ ด๎กบั วทิ ยโุ ทรศัพท์ ในบางสถานการณ์ท่ีต๎องการใช๎มีความปลอดภัยเพ่ิมข้ึนก็มีความต๎องการ
มากยง่ิ ข้นึ ในการใชน๎ ามเรยี กขานท่แี ตกตาํ งออกไปแตลํ ะขํายซง่ึ สถานนี ัน้ ๆ ปฏิบัตงิ าน
10.6.3 นามเรยี กขานของขํายและการเรยี กรวม
การสื่อสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ที่ 217
เมื่อต๎องการเรียกขานสถานีในขํายวิทยุก็ใช๎นามเรียกขานของขําย การใช๎นามเรียกขานน้ี เพ่ือ ให๎การ
ปฏิบัติงานของขํายและ สบข. มักจะเป็นผ๎ใู ชเ๎ พ่ือควบคมุ การปฏบิ ัตงิ านของขําย การเรียกรํวมก็ทานอง
เดียวกับการเรยี กขาํ ย แตํเป็นการใช๎สาหรับเรียกรวมสองสถานีหรือมากกวําน้ันไมํใช๎สถานีท้ังหมดในขําย การ
เรยี กรวมมปี ระโยชนเ์ มือ่ ตอ๎ งการเรียกหลายสถานบี ํอย ๆ ในเรื่องซงึ่ ไมเํ ก่ียวขอ๎ งกบั สถานอี ่นื ๆ ในขาํ ย
10.6.4 นามเรียกขานสารอง
นามเรยี กขานทัง้ หมดจะต๎องเปลีย่ นเปน็ ครง้ั คราวตามคาแนะนาทไี่ ด๎เตรยี มไว๎ลํวงหน๎า ระยะเวลาในการ
ใช๎นามเรยี กขานนนั้ ขึน้ อยูํกับระดบั ชั้นของการรกั ษาความปลอดภยั ท่ีต๎องการคาแนะนาเหลํานี้ พร๎อมด๎วยตาราง
บัญชนี ามเรียกขานและนามเรียกขานสารองพมิ พ์ไว๎ใน นปส.ของหนวํ ย การเปลี่ยนเรียกขาน ทาให๎ต๎องเปลี่ยน
ความถ่ีในการปฏบิ ตั ิงานด๎วย ซ่ึงเปน็ การเพิม่ เตมิ มาตรการตํอต๎านการดกั ขาํ ว และการวเิ คราะห์ขาํ วของข๎าศกึ
10.6.5 การกาหนดเรยี กนามเรยี กขาน
การกาหนดเรียกนาม จะต๎องระมัดระวังในการกาหนดเรียกขานให๎แกํสถานีแตํละแหํงในขํายวิทยุอัน
เดียวกัน การกาหนดนามเรียกขานท่ีไมํเหมาะ อาจจะยังผลให๎เกิดการสับสนและการปฏิบัติงานของขํายไมํมี
ประสิทธิภาพ ตวั อกั ษร ในที่นใี้ หห๎ มายถึงตวั หนังสือและตวั เลข
ตวั อยํางเชํน นามเรียกขานทีค่ ล๎ายคลึงกันได๎แกํ 6P7, 6P6X,A67P มีความยากท่ีจะกาหนดออกได๎ ใน
ระหวาํ งห๎วงเวลาที่การรับไมํดี พนักงานวทิ ยทุ ่สี าคญั ผดิ เมื่อไดย๎ นิ เฉพาะสวํ นใดสวํ นหนง่ึ ของการ
เรยี กขาน ก็อาจจะถือเอาวําเป็นการเรียกตนและจะเพมิ่ ความสับสนขน้ึ อกี ด๎วย การตอบการเรยี กขานแทน
สถานท่ถี กู เรยี ก เพื่อหลกี เลีย่ งเรอ่ื งน้ี จึงควรกาหนดนามเรยี กขาน (ภายในขําย) ให๎มตี ัวอกั ษรหรือตัวเลขซา้ กัน
น๎อยทส่ี ุด
10.7 การรบั รองฝา่ ย
การรับรองผํายเปน็ มาตรการของการรักษาความปลอดภัยอยํางหน่ึงซึ่งได๎สร๎างข้ึนเพื่อปูองกันระบบการ
สื่อสารให๎พน๎ จากการสํงขําวลวง มีหลายโอกาสที่จะต๎องใช๎การรับรองฝุาย ท้ังน้ันอยํูกับความจาเป็นหรือความ
ต๎องการของแตลํ ะหนวํ ยบญั ชาการ นโยบายของผ๎ูบังคับบัญชาไดพ๎ มิ พป์ ระกาศไว๎ใน นสป. สวํ นตารางการรับรอง
ฝาุ ยนน้ั มปี รากฏอยูํใน นปส.
10.8 ขา่ ยวทิ ยุ
10.8.1 กลําวท่วั ไป
สถานีวทิ ยสุ นามตามปกติ จะจดั รํวมเข๎าเปน็ ขําย ๆ ตามความต๎องการของสถานการณ์ ทางยุทธวิธีแตํ
ละขาํ ยจะได๎รบั การกาหนดใหใ๎ ชค๎ วามถี่ ในการปฏิบัติงานหน่ึงความถ่ีหรอื มากกวํา
ก. เพือ่ ที่จะให๎มีการควบคมุ ขาํ ยวิทยุ สถานีวทิ ยตุ ามปกติใชส๎ ถานีที่ประจากับกองบัญชาการสูงสุด
ของขํายนั้น โดยกาหนดใหเ๎ ป็นสถานีบังคับขําย (สบข.) อานาจของสบข. น้ันมีเพียงแตํการปฏิบัติงานของขําย
และวนิ ัยในระหวํางที่ทาการออกอากาศและระหวํางระยะเวลาทห่ี ๎ามสํงเทํานน้ั
ข. เนือ่ งจาก สบข. มีความรบั ผิดชอบในการดารงรักษาวนิ ัยสอ่ื สารภายในขําวพนักงานวิทยุ สบข.
จงึ มอี านาจในการควบคมุ ทางปฏบิ ตั อิ ันจาเปน็ เพ่อื ใหแ๎ นํใจวําได๎ใชว๎ งจรท่ีกาหนดขน้ึ ในขาํ ยให๎ได๎ประสิทธิภาพมาก
การสื่อสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ท่ี 218
ที่สุด อยํางไรก็ตามไมํมีอานาจทางธุรการภายใน การปฏิบัติการทางยุทธวิธีหรือการเคล่ือนย๎ายของสถานี
ตัวอยํางเชํน สถานี สบข. ของกรมทหารราบไมํอาจจะกาหนดที่ตั้งสถานีของกองพันในขํายได๎ทั้ง พนักงาน สบข.
ก็ไมํอาจกาหนดเวลาในการสบั เปลย่ี นพนกั งานวทิ ยุของสถานไี ด๎ แตํละหนวํ ยทีเ่ ก่ียวขอ๎ งจะเป็นผ๎คู วบคุมส่ิงทีก่ ลาํ ว
มาแล๎ว ตลอดจนพนั ธกิจทางธุรการในทานองเดียวกนั รูปท่ี 10-1 และ รปู ที่ 10-2 แสดงถึงการจดั ขํายวิทยุแบบ
หนึ่ง
รูปที่ 10-1 แบบของขาํ ยวทิ ยุบังคบั บญั ชากองรอ๎ ย
การส่ือสารประเภทวิทยุ หน๎าท่ี 219
รูปที่ 10-2 แบบของขาํ ยวทิ ยุบงั คับบญั ชากองพัน
10.8.2 การควบคมุ ขาํ ย
สบข. มีอานาจเดด็ ขาดภายในขอบเขตของการควบคุมทางเทคนิค สบข. เป็นผู๎เปิดและปิดขําย ควบคุม
การสํงและการจัดการไมํให๎ขําวค่ังค๎างภายในขําย แก๎ไขข๎อผิดพลาดของระเบียบปฏิบัติ หรืออนุญาตหรือไมํ
อนุญาตให๎สถานีตาํ ง ๆ เข๎าหรือออกจากขําย และดารงรักษาวินยั ของขํายของเขตในการควบคุมของสบข. ยํอม
แตกตํางไปตามสภาพของการปฏิบัติกลําวคือ ในขํายซึ่งพนักงานวิทยุที่ชานาญสามารถจะสํงขําวไปได๎อยําง
เรียบร๎อยก็มีการควบคมุ แตเํ พยี งเล็กนอ๎ ยเทํานั้น ถ๎าปรมิ าณของขําวมีมากและพนักงานมีความชานาญนอ๎ ย สบข.
กอ็ าจมคี วามจาเป็นท่จี ะต๎องควบคมุ อยํางแนํนแฟนู เพ่ือให๎ขาํ ยมีระเบียบและการรับสงํ ขําวเปน็ ไปอยาํ งเรยี บรอ๎ ย
10.8.3 แบบของขํายวทิ ยุ
ก. ในขาํ ยอสิ ระ การแลกเปล่ยี นขําว กระทาได๎โดยมติ อ๎ งไดร๎ ับอนมุ ัตลิ ํวงหนา๎ จาก สบข.
ข. ในขํายบังคับ สถานีจะต๎องได๎รับอนุมัติจาก สบข. เสียกํอนที่จะทาการสํงขําว เมื่อสถานีมี
มากกวาํ หน่งึ สถานมี ขี ําวที่จะสํงในขาํ ยบงั คบั สบข.เปน็ ผ๎ตู กลงใจวาํ สถานีไหนจะสงํ ซงึ่ เปน็ ไปตามความเรงํ ดวํ น
10.8.4 พนั ธกจิ ของ สบข.
การส่ือสารประเภทวิทยุ หนา๎ ที่ 220
ก. การเปิดขาํ ย การเปิดขํายวทิ ยุแหงํ หนึง่ สบข. จะต๎องตงั้ ความถี่ของเคร่ืองสํงให๎ตรงกับความถี่
ของขาํ ยตามท่กี าหนดขนึ้ สบข. จะใชน๎ ามเรยี กสถานตี ําง ๆ ทก่ี าหนดใหอ๎ ยํใู นขํายและพิสูจน์ทราบวําเป็น สบข.
ภายหลังทีส่ ถานถี ูกเรียกไดต๎ อบตามลาดบั ตวั อักษรแลว๎ สบข. จะแจ๎งใหท๎ ราบวาํ ได๎ยินการสงํ ของสถานีเหลํานัน้ ๆ
แลว๎ ตอํ จากนัน้ สบข. กจ็ ะไดถ๎ งึ สถาพของขาํ ย (ขํายอิสระ, ขํายบงั คบั , การห๎ามสงํ ฯลฯ)
ข. การปิดขําย ให๎ สบข. แจง๎ ลูกขาํ ยให๎ทราบวําขํายนน้ั ปิดแลว๎ และกาหนดเปดิ ก็จะแจ๎งให๎สถานี
ตาํ ง ๆ ในขาํ ยให๎ทราบวาํ ขาํ ยจะเปดิ ใหมํในเวลาอะไรและด๎วยความถเ่ี ทําใด ขําวสารดังกลําวน้ีอาจจะจัดขึ้นโดย
การประมวลลับขอ๎ ความนดั หมาย (Prearanged Message Code) หรือโดยอ๎างถงึ นปส. ทีม่ ีขําวเชํนนนั้ อยูํ
ค. การอนุญาตใหส๎ ถานเี ข๎าขําย เมอื่ สถานหี นึ่งมีความปรารถนาจะเขา๎ รวํ มในขํายที่มีแล๎วขํายหนึ่ง
ก็ต๎องขออนุญาตจาก สบข. กํอนอ่ืนสถานีนั้นจะต๎องสํงนามเรียกขานของสถานี สบข. และตํอจากน้ันก็สํงนาม
เรียกขานของตนหลังจากที่ สบข. ได๎ตอบรับการเรียกแล๎ว สถานีที่ขอเข๎าขํายก็จะแจ๎งเหตุผลในการท่ีจะขอ
อนุญาติเข๎าขําย สบข. จะถามการรับรองฝุายของสถานีนั้นด๎วย สํวนทดสอบของระบบการรับรองฝุาย เพ่ือ
ยืนยนั การพิสูจนท์ ราบของสถานีน้ัน ภายหลงั ทีไ่ ดแ๎ จง๎ การพิสจู น์ทราบของสถานีของสบข. จะยอมหรือปฏิเสธคา
ขอนัน้ ก็ได๎ การตกลงใจเชํนน้คี งกระทาภายหลงั สบข. พิจารณาเห็นวําเหตุผลของสถานีท่ีขอเข๎าขํายนั้นมีความ
เปน็ จริง
ง. การให๎สถานอี อกจากขําย เมื่อสถานีต๎องการจะออกจากขํายก็จะเรียก สบข. และขออนุญาต
ออกจากขําย สบข. จะยอมอนญุ าตให๎ถ๎าเหตผุ ลในการขอนน้ั เปน็ จริง
จ. การเฝูาฟังขําย (TO MONITOR THE NET) สบข. จะเปิดเคร่ืองเฝูารับฟูงขํายอยํูตลอดเวลา
ถ๎าสถานีใดฝาุ ฝนื ระเบียบการปฏบิ ตั กิ ารของขําย สบข. กจ็ ะแกไ๎ ขการกระทาทผี่ ิด ๆ นั้น นอกจากนั้น สบข. ก็ยัง
จะคอยดูการไหลของขาํ วในขํายอยํูเสมอ ๆ และเตรียมการปฏิบัติอันจาเป็นเพ่ือเรํงรัดการรับ - สํงขําวในเม่ือมี
เร่อื งขดั แยง๎ หรือการรบั กวนระหวาํ งสถานตี าํ ง ๆ
ฉ. การควบคุมและการกาหนดเวลาสํงขําว เมื่อมีขําวภายในขํายจานวนมาก สบข. อาจจะต๎อง
ควบคมุ สํงขําวโดยใกลช๎ ดิ และควบคุมทางวนิ ยั เพอ่ื ปูองกันมิให๎มีการสํงขําวประเภทปกติและกากับขํายให๎อยูํ ใน
ลกั ษณะท่ีจะสํงขาํ วสาคญั ทีส่ ดุ ตามลาดับความเรงํ ดํวนได๎
ช. การสัง่ หรอื การยกเลกิ การหา๎ มสงํ เมือ่ สบข. ไดร๎ ับอนุมตั จิ ากหนํวยเหนือก็จะสงั่ หรือยกเลกิ การหา๎ มสํง
ตามความต๎องการของสถานการณท์ างยทุ ธวธิ ี สบข. จะสงั่ ห๎ามสงํ โดยการเรยี กสถานีทั้งหมดในขํายและแจ๎งให๎
ทราบวําได๎ส่งั ใหห๎ ๎ามสํงแลว๎ ตอํ จากน้นั เป็นความรับผดิ ชอบของ สบข. ท่จี ะต๎องดูแลมิให๎มีการสํงขํายตนจนกวํา
จะไดส๎ ่งั เลกิ การห๎ามสงํ การยกเลกิ การห๎ามสงํ สบข. จะเรียกสถานีหนงึ่ หรอื หลายสถานที ่ีได๎รับอนุญาตใหส๎ ํงและ
แจ๎งสภาพการยกเลกิ การห๎ามสํง
ซ. การบงั คบั ขําย เม่ือมีขาํ วจานวนมากหรือเม่ือพนักงานขาดประสบการณ์ในการปฏิบัติตํอขําวในขําย
สบข. อาจจะสั่งให๎เป็นขํายบังคับได๎ ในกรณีเชํนนี้จะไมํยอมให๎สถานี ใดสํงขําวโดยไมํเรียก สบข. และขอ
อนญุ าตทาการสํงขาํ วเสียกํอน สบข.อาจต๎องการให๎สถานีน้ันแจ๎งลักษณะและประเภทของขําวตลอดจนที่หมาย
ปลายทางของขําวนัน้ กอํ นที่จะอนุญาตใหท๎ าการสงํ ภายใตส๎ ภาพของขํายบังคับ สบข. กจ็ ะวางระเบยี บปฏิบัตขิ อง
ขํายขึ้น เพือ่ ให๎สถานีทั้งหมดในขํายปฏิบตั ิตาม
10.8.5 การปรบั ตั้งความถขี่ องขาํ ย (การเข๎าขําย)
การส่ือสารประเภทวิทยุ หน๎าท่ี 221
ในการส่อื สารจากสถานีวทิ ยุหนึง่ ไปยังอีกสถานีหน่ึงนั้นจะต๎องปรับต้ังเคร่ืองรับวิทยุให๎ตรงกับความถ่ีซึ่ง
เครือ่ งสํงวทิ ยปุ ลายทางกาลงั สงํ อยูํ สาหรับอปุ กรณ์วิทยบุ างแบบน้ันตามปกติเจ๎าหนา๎ ท่ซี ํอมบารุงจะตงั้ ความถ่ีและ
ชอํ งทางการสื่อสารไวล๎ วํ งหน๎า แตชํ ุดวทิ ยุบางแบบกอ็ าจมีความตอ๎ งการให๎พนกั งานต้งั ลํวงหน๎าหรอื ปรับตั้งให๎ตรง
กับความถีท่ ี่กาหนดให๎เปน็ การสาคัญอยํางย่ิงที่จะต๎องปรับต้ังเครอ่ื งวิทยุให๎ความถ่ีตรง สบข. จะใช๎มาตรฐานเชํน
มาตรวดั ความถีห่ รือเครอ่ื งบงั คับการแกวํงทีค่ วบคมุ ด๎วยผลกึ แรํ เพอ่ื ให๎แนใํ จวําความถี่ของขาํ ยถูกตอ๎ งจริง ๆ เม่ือ
เป็นสถานีลูกขํายหรือสถานีรองขํายให๎ปรับตั้งเคร่ืองรับให๎ตรงกับความถี่ของ สบข. และแล๎วใช๎เครื่องรับ
มาตรฐานในการปรับตั้งเคร่ืองสํง สบข. รับผิดชอบให๎เคร่ืองสํงของตนมีการปรับต้ังให๎ตรงกับความถ่ีที่กาหนด
แม๎วําความถ่ีของ สบข. จะเคล่ือนไปก็ตามสถานีรองก็จะต๎องปรับตั้งให๎ตรงกับความถ่ีของ สบข. ในกรณีเชํนน้ี
สถานีรองจะตอ๎ งแจง๎ ให๎ สบข. ทราบดว๎ ย
10.9 รปจ. ของสถานี
10.9.1 กลาํ วทว่ั ไป
สถานีวิทยุจะต๎องวางระเบียบปฏิบัติในการปฏิบัติตํอขําวและทาบันทึกของสถานี ระเบียบปฏิบัติของ
สถานีเหลําน้ที าขึน้ เพอ่ื ให๎บรรลุความต๎องการของหนวํ ยหรือสวํ นราชการทสี่ ถานนี นั้ ประจาอยํู
10.9.2 การเตรยี มขาํ ว
ก. ขาํ วทุกฉบบั จะตอ๎ งเขียนข้ึนกํอนทาการสํงเพื่อท่ีจะให๎ใช๎เวลาของวงจรให๎เกิดประสิทธิภาพสูง
และเพ่ือท่จี ะให๎ได๎มีการสาเนาขําวไวท๎ ุกฉับ ขาํ วราชการทหารจะตอ๎ งเขยี นใหก๎ ระทดั รดั และชัดเจนเทําทจ่ี ะทาได๎
ข. ควรใช๎กระดาษเขียนขําว ถ๎ามีกระดาษเขียนขําวจะจํายเป็นเลํมให๎หนํวยสนามใช๎ในการ
ปฏบิ ัติการทางยุทธวิธี สมุดเขียนขาํ ว ทบ.463-007 เรยี กวํา แบบ สส.6
ค. ขอ๎ ความในการเขียนขาํ วมอี ยูวํ ําใน บสร.1 และ รส.24-17 เร่ืองความเรงํ ดวํ นของขาํ วบรรจุ
อยูํใน บสพ.121 (บสร.14)
10.9.3 หน๎าท่ีของพนักงาน
ก. พนกั งานวทิ ยจุ ะต๎องใช๎ระเบยี บปฏบิ ัติของวทิ ยุตามท่ีกาหนดขั้นนั้นอยูํเสมอ การเปลี่ยนแปลง
ระเบยี บปฏิบัติทม่ี ไิ ด๎รับอนุญาตจะกํอให๎เกิดความสับสนลดความเร็วและความเชื่อถือได๎และลดความปลอดภัยใน
การสือ่ สารรองอยํางไมตํ อ๎ งสงสยั
ข. กํอนทจ่ี ะเปลี่ยนเวรพนักงานวิทยุจะต๎องมอบหมายคาสั่งพิเศษและขําวสารที่เก่ียวกับสถานีให๎
เวรตํอไป ขาํ วสารน้ีหมายถึงเรื่องราวท่จี าเปน็ หรือเป็นประโยชนท์ เ่ี กีย่ วขอ๎ งกบั ขาํ วที่กาลงั รอสงํ ความเปลย่ี นในการ
จัดขําว สมรรถนะของชดุ วทิ ยใุ นระหวาํ งชํวงเวลาที่แลว๎ มาอยํูและข๎อมูลอืน่ ๆ ท่เี กยี่ วข๎อง
ค. กํอนท่ีจะรับเวร เวรคนใหมํควรจะต๎องตรวจเครื่องสํงและเครื่องรับเพื่อให๎แนํใจวํา มี
ประสทิ ธภิ าพการทางานและไดป๎ รับตงั้ ไว๎ถูกตอ๎ งกับความถท่ี ก่ี าหนดแลว๎
ง. พนกั งานวทิ ยุจะปรบั ปรงุ การส่อื สารทางวิทยไุ ด๎ โดยการปฏิบตั ติ ามกฎทว่ั ไปดงั ตํอไปน้ี
1)ฟังกอํ นสํงเพอ่ื หลีกเลีย่ งการรบกวนกับการสงํ ของสถานอี นื่ ๆ
2)ทาการสงํ ใหส๎ นั้ ที่สุดเทําที่จะทาได๎เพอ่ื ท่จี ะใหข๎ าํ ยวําง
3)สํงนามเรยี กขานชัดเจนและถกู ตอ๎ ง
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ท่ี 222
4)สํงด๎วยความเร็วท่ีพนักงานซึง่ มคี วามสามารถต่าสุดจะรบั ได๎
5)ทาการเฝูาเตรยี มพร๎อม การเรยี กขานของขาํ ยและสถานี และตอบการสงํ ทั้งหมดท่ีต๎องการ
6)ให๎มกี ารตอบโตท๎ ันที
7)ปฏิบตั กิ ารด๎วยกาลังทตี่ า่ สุด โดยใหส๎ ามารถทาการส่อื สารกับสถานที ัง้ หมดในขํายได๎
8)ใหใ๎ ชร๎ ะเบียบปฏิบตั ทิ างวิทยุทก่ี าหนดเทาํ นนั้ และให๎ปฏิบัติตามขอ๎ บงั คับในการรกั ษา
ความปลอดภยั ของการสงํ ขําว
10.9.4 บญั ชขี าํ วของพนกั งาน (OPERATORS NUMBER SHEET)
ก. บัญชีขําวของพนักงาน (แบบ ทบ.463-003,035,036,037 ตามรูปที่ 9-1, 9-2, 9-3 และ 9-4)
ซึ่งพนักงานวิทยุใช๎เพื่อทาบันทึกขําวเข๎าและขําวออกหมายเลขของบัญชีขําวเหลําน้ีอาจจะเข๎าเป็นลาดับท่ีของ
สถานีได๎อยาํ งเหมาะสม เลขลาดบั ที่ของสถานนี นั้ จะตอ๎ งไมํสงํ ไปพร๎อมกบั ขาํ วด๎วย แตใํ ช๎เพ่ือชํวยในการปฏิบตั ติ อํ
ขาํ ว การทาบนั ทึกและการตรวจสอบขาํ วภายในสถานี
บญั ชขี าํ วของพนักงาน ประกอบด๎วย
1) บนั ทึกการปฏบิ ัตงิ านของสถานวี ิทยุ (ทบ.463-003) 3) บันทกึ การเรยี กขานของสถานีวิทยุ (ทบ.463-036)
2) บันทึกการรบั สงํ ขาํ วของพนกั งานวิทยุ (ทบ.463-035) 4) บันทึกของพนักงานวทิ ยุ (ทบ.463-037)
ทบ.๔๖๓-๐๐๓
บันทกึ การปฏิบตั ิงานของสถานีวทิ ยุ
นามสถาน.ี ...........................................................................................................
สถานี เปดิ สถานี ปิดสถานี
หมวูํ นั เวลา หมูํวนั เวลา
ตารางเวลาปฏิบัติงานของสถานวี ิทยุ
หมวูํ ันเวลา นามพลวทิ ยุ หมํวู นั เวลา นามพลวิทยุ
แตํ ถงึ แตํ ถงึ
การส่ือสารประเภทวิทยุ หน๎าที่ 223
………………………………..
หัวหนา๎ พลวทิ ยุ
รูปที่ 10-3 บนั ทึกการปฏบิ ตั ิงานของสถานวี ิทยุ (ทบ.463-003)
คาแนะนาการใช้ บันทึกการปฏิบัตงิ านของสถานีวิทยุ
1. บันทึกการปฏิบตั งิ านของสถานีวทิ ยุน้ี เปน็ ตารางปฏิบตั ขิ องสถานวี ิทยุ (ตารางการจดั เวร) โดยมี
หัวหนา๎ พลวิทยเุ ป็นผบู๎ นั ทึก
2. เขียนนามสถานที ต่ี นกาลังปฏิบตั ิงานอยูํ ลงในชํอง “นามสถานี”
3. เขียนท่ตี ัง้ ของสถานที กี่ าลงั ปฏบิ ัตงิ านอยํู ลงในชํอง “ท่ตี ั้งสถาน”ี
4. เขยี นหมูวํ นั เวลาเปิดสถานี ลงในชอํ ง “เปิดสถานี หมูํ วนั เวลา”
5. เขยี นหมํูวัน เวลาปิดสถานี ลงในชอํ ง “ปิดสถานี หมํวู ัน เวลา”
6. เขียนเวลาปฏิบตั งิ านของพลวทิ ยุแตํละคนทจี่ ัดเข๎าปฏบิ ตั งิ าน ต้ังแตํเม่อื ใดถึงเม่ือใด โดยตอํ เนอื่ งกนั
ลงในชํอง หมํูวนั เวลา ตง้ั แต.ํ ..........ถงึ .............
7. เขียนนามพลวทิ ยทุ จ่ี ัดไว๎ ลงในชอํ ง “นามพลวิทย”ุ
8. ลงช่อื หัวหน๎าพลวทิ ยุ ลงในชํอง “หวั หนา๎ พลวิทย”ุ
ทบ.๔๖๓-๐๓๕ แผํนที่.............หนา๎ ...............
บันทึกการรับสง่ ขา่ วของพนกั งานวทิ ยุ
นามสถาน.ี ...................................นามหนวํ ย......................................................เดอื น........................ป.ี ................
นามสถานี นามขาํ ย นามสถานี นามขาํ ย
สํง รับ สงํ รับ
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หน๎าที่ 224
นามสถานี นามขาํ ย นามสถานี นามขาํ ย
สํง รบั สงํ รับ
รปู ท่ี 10-4 บนั ทึกการรบั ส่งข่าวของพนักงานวิทยุ (ทบ.463-035)
คาแนะนาการใช้ บันทึกการรับ-สง่ ข่าวของพนกั งานวิทยุ
1. บนั ทกึ การรบั -สํงขําวของพนักงานวทิ ยนุ ้ี ใช๎บันทกึ หมํูวัน เวลารบั -สํงเสรจ็ ของสถานีวิทยุ
โดยพนักงานวทิ ยุเป็นผ๎ูบนั ทกึ
2. เขยี นหมายเลข แผํนท่ี และหน๎า ลงในชอํ ง “แผนํ ท่ี.........หน๎า.........”
3. เขียนนามสถานขี องตน ลงในชอํ ง “นามสถานี”
4. เขียนนามหนํวยที่ประจาอยูํ ลงในชอํ ง “นามหนํวย”
5. เขียน วนั เดอื น ปี ท่บี นั ทึก
6. เขียนนามสถานที ีต่ ิดตอํ ดว๎ ย ลงในชอํ ง นามสถานี และนามขํายที่ประจาอยูํ
7. เขยี น หมูํวัน เวลา ท่ีสงํ เสร็จ พรอ๎ มทั้งเซ็นชื่อผส๎ู ํงลงในชอํ งสงํ
8. เขียน หมํูวนั เวลา ทีร่ ับเสรจ็ พร๎อมทง้ั เซ็นชอื่ ผรู๎ บั ลงในชํองรบั
การส่ือสารประเภทวิทยุ หนา๎ ท่ี 225
ทบ.๔๖๓-๐๓๖ แผนํ ท่ี.....….......หน๎า...............
บันทึกการเรยี กขานของสถานวี ทิ ยุ
หนํวย......................................................................วนั ที่................เดือน..........................พ.ศ.......................….
สถานี..............................................................................ความถี่....................................................................….
เวลา สถานี ข๎อความ
เรียก ขาน
รปู ที่ 10-5 บันทกึ การเรยี กขานของสถานวี ิทยุ (ทบ.463-036)
คาแนะนาการใช้ บันทกึ การเรียกขานของสถานวี ทิ ยุ
1. บันทกึ การเรียกขานของสถานีวทิ ยนุ ี้ ใช๎บนั ทึกเฉพาะการเรียกขานของสถานวี ิทยุ เพอ่ื เปน็ หลกั ฐาน
ยนื ยนั วําพนกั งานไดพ๎ ดู คยุ อะไรออกไปบา๎ ง ในขณะทท่ี าการติดตํอ แตมํ ใิ ชํเป็นการบันทึกการรบั -สงํ
บนั ทึกการเรียกขานของสถานีวิทยุน้ี พนักงานวิทยุของแตลํ ะสถานเี ปน็ ผบ๎ู ันทกึ
2. เขียนนามหนํวยทสี่ ถานวี ิทยไุ ปประจาอยูํ ลงในชอํ งของ “นามหนํวย”
3. เขยี นนามสถานีของตนลงในชอํ ง “สถานี”
4. เขยี นวนั ท่ี เดือน ปี ทบ่ี นั ทกึ ลงในชํอง “วนั .....เดอื น.....พ.ศ.........”
5. เขยี นความถที่ ีใ่ ชง๎ านอยํู ลงในชํอง “ความถ่ี”
6. เขียนเวลาที่กาลังบนั ทึก ลงในชอํ ง “เวลา”
7. เขยี นนามสถานีท่กี าลังเรียก ลงในชอํ ง “สถานเี รยี ก”
การสื่อสารประเภทวิทยุ หนา๎ ที่ 226
8. เขยี นนามสถานีที่กาลงั ขาน ลงในชํอง “สถานีขาน”
9. บันทกึ ข๎อความของสถานเี รยี ก ยกเว๎นการสงํ ขําว ลงในชอํ ง “ขอ๎ ความ”
10. บันทกึ ข๎อความของสถานี ยกเว๎นการรบั ขาํ ว ลงในชอํ ง “ขอ๎ ความ”
ทบ.๔๖๓-๐๓๗ แผนํ ที่........…....หนา๎ .........…..
บนั ทึกของพนกั งานวิทยุ
นามสถาน.ี ................................นามหนวํ ย..................................................เดือน...................ป.ี ................
วัน/เวลา ลงชอ่ื หมายเหตุ
พนักงานวทิ ยุ
รูปที่ 10-6 บนั ทกึ ของพนักงานวทิ ยุ (ทบ.463-037)
คาแนะนาการใช้ บนั ทึกของพนกั งานวิทยุ
1. บนั ทกึ ของพนกั งานวทิ ยุ คือ ประวตั ิสถานีนั่นเอง (ปมู สถานี) โดยมพี นักงานวิทยเุ ป็นผจ๎ู ดบนั ทกึ
ความเปน็ ไปภายในสถานีโดยละเอียด
2. เขยี นหมายเลขแผนํ ท่ี หน๎า ลงในชํอง “แผํนท.่ี ......หน๎า......”
3. เขยี นนามสถานขี องตน ลงในชํอง “นามสถานี”
4. เขียนนามหนํวยของตน ลงในชอํ ง “นามหนวํ ย”
5. เขียนวัน เวลาท่บี นั ทึก ลงในชอํ ง “วัน/เวลา (หมํวู ันเวลา)”
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ที่ 227
6. เขยี นเดอื น และปที ี่บันทกึ ลงในชอํ ง “เดือน.....ป.ี ......”
7. เขียนชือ่ พนักงานวทิ ยุทจ่ี ดบนั ทกึ ลงในชอํ ง “ลงช่อื พนกั งานวทิ ยุ”
8. เขยี นสภาพความเป็นไปของสถานี เป็นตน๎ วาํ เวลาเปดิ -ปิด เวลาในการรบั -สงํ ขาํ ว ความถ่ี และ
การตรวจสอบความถี่ การเปลีย่ นความถี่ การลําช๎า การรบกวน การกํอกวน สภาพความขัดข๎องทเ่ี ป็น
ข๎อขัดขอ๎ งของประสทิ ธภิ าพของวงจร ฯลฯ ลงในชอํ ง “หมายเหต”ุ
ข. สถานวี ิทยแุ ตลํ ะแหํงควรจะทาเลขลาดับทขี่ องสถานีเป็นชุดตํางหากเพื่อใช๎กับทุกสถานีที่ตนทา
การสอ่ื สารด๎วย เลขลาดับท่ีชุดใหมํควรจะเริ่มทันทีในเวลา 0001 ตามเวลาท๎องถ่ินหรือเวลากรีนิช ตามคาสั่ง
ผบ๎ู งั คบั บญั ชา เมื่อมกี ารเปลีย่ นแปลงนามเรียกขานกใ็ หเ๎ ริม่ ต๎นเลขลาดับท่ชี ดุ ใหมํ
10.9.5 ประวตั สิ ถานี (STATION LOG)
ก. ประวัตสิ ถานีซึ่งพนักงานวทิ ยุของทกุ แหํงจะต๎องเป็นผ๎ทู านั้นมีปรากฎอยบํู นดา๎ นหลังของบัญชี
ขาํ วของพนกั งาน ประวตั สิ ถานนี ้คี วรจะมบี นั ทึกสภาพการปฏิบัติงานในระหวํางห๎วงเวลาการปฏิบัติงาน เร่ืองที่
จะตอ๎ งลงในประวตั ิสถานมี ีดงั ตํอไปน้ี
1) เวลาเปิดและปดิ สถานีหรือวงจร
2) สาเหตขุ องความลาํ ชา๎ ในวงจร
3) การปรบั และการเปลย่ี นแปลงความถ่ี
4) เหตุการณท์ ี่ผิดปกติ เชนํ เก่ียวกับระเบยี บปฏบิ ตั ิและการฝาุ ฝนื การรกั ษาความปลอดภัย
5) การรบกวนตามธรรมชาติหรือการกอํ กวน
6) สมรรถนะของเครอื่ งโดยยํอ
ข. เมื่อทาการเปดิ วงจรหรือเร่ิมต๎นวันใหมํ พนักงานจะเขียนหรือพิมพ์ ยศ ชื่อ เต็มของตนบน
บรรทัดแรกของชอํ งนามพนกั งานของประวตั ิสถานี เมื่อมกี ารผลัดเปลยี่ นพนักงานหรอื ปดิ วงจร พนักงานจะลงชอ่ื
ทนั ทีหลังจากไดล๎ งบันทกึ คร้งั สุดทา๎ ยในสถานีแลว๎ พนักงานทม่ี ีผลัดเปล่ียนกจ็ ะเขยี นหรอื พมิ พ์ ยศ ชือ่ เตม็ ของตน
ลงบนบรรทัดถดั ไป
ค. การลงประวตั ิสถานีนั้นจะตอ๎ งไมมํ ีการลบการเปลี่ยนแปลงตาํ ง ๆ นัน้ ใหก๎ ระทาได๎โดยการขีด
ฆําดว๎ ยเสน๎ เดยี่ วทบั ลงบนั ทกึ อนั เดิมและเพมิ่ ข๎อความท่เี ปลย่ี นแปลงแทรกลงไป พนกั งานท่ีเปน็ ผร๎ู เิ ร่ิมแก๎ไขนน้ั ต๎อง
กระทาด๎วยตนเอง
ง. การทาประวตั สิ ถานีจะตอ๎ งไมใํ หก๎ ระทบกระเทอื นตํอการรบั - สงํ ขาํ ว
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ท่ี 228
10.10 การรกั ษาความปลอดภัยในการสอ่ื สาร
10.10.1 กลาํ วท่ัวไป
ก. การรักษาความปลอดภัยในการส่ือสารรวมถึงมาตรการทั้งปวงท่ีกระทาเพ่ือปัดปูองข๎าศึกหรือ
บคุ คลทีไ่ มํไดร๎ บั อนุมัติอ่นื ๆ มิใหไ๎ ดร๎ ับขําวสารจากการสอื่ สารของเรา
ข. คาแนะนาตําง ๆ ทใ่ี ชบ๎ ังคับการรกั ษาความปลอดภัยในการสอ่ื สาร มิได๎เป็นเครื่องประกันการ
รกั ษาความปลอดภยั ในการส่อื สารไดด๎ ๎วยตวั เอง หรอื บรรลผุ ลตามสถานการณ์ที่อาจเป็นไปได๎ทกุ คร้ังไป เนอื่ งจาก
ความต๎องการในทางยุทธการนั้นอาจจากัดในมาตรการรักษาความปลอดภัย อยํางไรก็ตามคาแนะนาเหลํานั้นก็
อาจจะให๎ความปลอดภยั ทส่ี มควร
10.10.2 ความรบั ผดิ ชอบ
ก. การรักษาความปลอดภัยในการสื่อสารเป็นการรับผิดชอบทางการบังคับบัญชา ฉะนั้น
ผบู๎ งั คับบัญชาทกุ คนจะต๎องกาหนดและกากบั ดูแลแผนการรักษาความปลอดภยั ในการสอื่ สารในหนํวยของตนอยาํ ง
จริงจัง แผนการน้ีตามปกติแล๎วขึ้นอยํูกับนโยบายของผู๎บังคับบัญชา คาสั่งนโยบายของหนํวยเหนือ ความ
ต๎องการทางการส่อื สารของหนํวยและสถานการณ์ทางยทุ ธวธิ ี
ข. นอกจากนั้นเจ๎าหน๎าท่ีทหารทุกคนจะต๎องรับผิดชอบอยํางจริงจังตํอการรักษาความปลอดภัย
ทางการสอ่ื สารดว๎ ย ท้งั นร้ี วมถึงการใชม๎ าตรการทัง้ ปวงทีต่ อ๎ งการ เพ่ือการรักษาความปลอดภัยในการสื่อสารให๎
เปน็ ผลสาเรจ็
10.10.3 การรักษาความปลอดภัยทางวตั ถุ
ก. กลาํ วทัว่ ไป การรักษาความปลอดภยั ทางวัตถุเปน็ การพิทักษเ์ ครื่องมือและวัสดุทางการส่ือสาร
ใหพ๎ น๎ จากผ๎ูไมํได๎รบั อนมุ ตั จิ ะต๎องมกี ารรกั ษาความปลอดภัยทางวตั ถุให๎แกํสถานวี ทิ ยุทุกสถานีเพ่ือให๎พนักงานวิทยุ
ใช๎และปฏิบัติตอํ ขําวตลอดจนวัสดโุ ดยไมตํ ๎องกลวั วําจะเป็นการเปดิ เผยตํอบุคคลผ๎ไู มไํ ดร๎ บั อนมุ ัติ
ข. ความต๎องการตําง ๆเก่ียวกับที่ตั้ง ที่ต้ังของสถานีวิทยุควรจะมีความปลอดภัยทางวัตถุอยําง
เตม็ ท่ี ดังตํอไปน้ี
1) การเลอื กท่ีต้งั สถานวี ิทยนุ ้นั ควรจะให๎หนํวยบังคับบัญชาเข๎าไปใช๎ได๎สะดวก
2) การสร๎างสถานีวทิ ยุ การสร๎างสถานีวิทยุควรจะให๎ความปลอดภัยทางวัตถุอยํางสูง โดย
ใหส๎ นิ้ เปลืองกาลงั พล เวลาและวัสดแุ ตํน๎อยทส่ี ุด การสรา๎ งส่ิงพิเศษ เชนํ บริเวณทีม่ ีรว้ั ล๎อมรอบ เครื่องกีดขวาง
และดงระเบิดกอ็ าจจะนามาใชไ๎ ดเ๎ พอื่ เพมิ่ ความปลอดภยั ทางวัตถุขึน้ อกี
3) การพิทักษ์รักษา สถานีวิทยุควรจะมียามถืออาวุธและมีอาวุธตําง ๆ เพ่ือให๎สามารถ
ต๎านทานได๎อยํางสูงสุดตํอการบุกรุกด๎วยกาลังของบุคคลผ๎ูไมํได๎รับอนุมัติสถานีวิทยุควรจะมีวัสดุในการทาลาย
ฉกุ เฉินด๎วย เชํน เชื้อเพลิงและนา้ มนั ก๏าด ความต๎องการทางวัสดุเหลํานี้จะมีมากที่สุดในเขตหน๎าหรือในบริเวณที่
ใกล๎จะปะทะกับข๎าศกึ
4) การโจมตีทางอากาศ คชร. หรือ อาวุธนิวเคลียร์ จะต๎องจัดการปูองกันสถานีวิทยุท้ัง
เจ๎าหน๎าท่แี ละเครอ่ื งมือให๎พน๎ จากโจมตที างอากาศ คชร. หรอื อาวธุ นิวเคลียร์
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หน๎าที่ 229
ค. วสั ดทุ ีก่ าหนดข้นั ความลับ มาตรการรักษาความปลอดภยั ตอํ ไปนค้ี วรจะใช๎บังคับเพื่อให๎มีความ
ปลอดภัยทางวตั ถอุ ยํางเพียงพอตํอวสั ดุทกี่ าหนดขั้นความลับคอื
1) อนุญาตให๎เข๎าถึงวัสดุที่กาหนดข้ันความลับได๎เฉพาะบุคคลซ่ึงได๎ผํานการพิสูจน์ความ
ไวว๎ างใจในการรกั ษาความปลอดภัยทเ่ี หมาะสมและต๎องการความรู๎เก่ียวกบั วสั ดนุ ัน้ ไปใช๎ในหนา๎ ท่ีราชการเทาํ นั้น
2) จะตอ๎ งขึ้นบญั ชวี สั ดทุ ่กี าหนดขั้นความลับอยํางเขม๎ งวดตามขอ๎ บงั คบั
3) ใหร๎ ายงานการรั่วไหลทอ่ี าจจะเป็นไปไดข๎ องวัสดทุ ่ีกาหนดขั้นความลบั
4) ใหท๎ าการเก็บรกั ษาวัสดทุ ีก่ าหนดขัน้ ความลบั อยาํ งถกู ต๎องเมื่อยงั ไมํใชํ
5) การรับชวํ งวสั ดุทกี่ าหนดขน้ั ความลับต๎องกระทาตามขอ๎ บงั คับ
6) วางแผนการทาลายเครือ่ งมอื และวสั ดุท่กี าหนดข้นั ความลับ
10.10.4 การรกั ษาความปลอดภัยทางการสํงขําว
ก. กลําวทัว่ ไป การรกั ษาความปลอดภัยทางการสงํ ขาํ วหมายถึงมาตรการในรักษาความปลอดภัย
ท้งั ปวงทีใ่ ช๎เพ่อื ปูองกันการสงํ ขําวใหพ๎ น๎ จากการดกั รับ การวเิ คราะหข์ าํ ว การหาทิศ และการลวงเน่อื งจากมัชฌิม
การสํงขําวทกุ ๆ อยํางยอํ มอาจจะถกู ดกั รับไดจ๎ งึ จะตอ๎ งใช๎มาตรการปูองกันเพื่อใหข๎ า๎ ศกึ ได๎ขาํ วสารไปแตนํ ๎อยท่ีสุด
การรักษาความปลอดภัยของมัชฺฌมิ การสงํ ขําวอยํางหนึ่งเมอื่ เปรียบเทียบกับอีกอยํางหน่ึงยํอมแตกตํางกันไปตาม
ส่ิงแวดล๎อม การรกั ษาความปลอดภัยทางการสงํ ขําวอาจได๎รับการปรบั ปรงุ ใหด๎ ียง่ิ ขึน้ โดยการใช๎มาตรการในการ
รักษาความปลอดภัย ดงั ตอํ ไปน้ี
1) สงํ ขาํ วให๎สั้นท่สี ดุ เทําท่ีจะทาได๎
2) ให๎ปฏบิ ัติตามระเบยี บการสํงขาํ วตามทไ่ี ด๎รับอนุมัติแล๎ว การเปลีย่ นระเบยี บการคงกระทา
ได๎เฉพาะเม่อื ได๎รับคาสั่งจากผู๎มีอานาจที่เหมาะสม
3) ฝกึ พนกั งานให๎ปฏิบตั ติ ามวินยั ของวงจร
4) จดั การปอู งกนั การดักฟงั และการหาทศิ
5) จัดการปูองกันการวเิ คราะห์ขําว
ข. รายการตรวจสอบการรกั ษาความปลอดภยั ทางการสงํ ขาํ วทางวทิ ยุ รายการตรวจสอบการรักษา
ความปลอดภัยทางการสํงขาํ วสาหรบั พนักงานวทิ ยนุ ั้นควรจะมีหัวข๎อดังตอํ ไปน้ี
1) มกี ารฝุาฝืนการเงยี บฟังหรอื ไมํ
2) มีการสนทนาระหวํางพนกั งานโดยไมํใชํราชการหรือไมํ
3) มกี ารสํงขาํ วในขาํ ยบงั คับโดยไมไํ ดร๎ บั อนุญาตหรือไมํ
4) ไดส๎ ํงนามยํอพนกั งาน (Personal sign) ดว๎ ยหรอื ไมํ
5) นามเรยี กขานท่กี าหนดประเภทข้นั ความลบั ได๎รว่ั ไหลไปกับชื่อที่กาหนดเป็นภาษาธรรมดา
ดว๎ ยหรอื ไมํ
6) คายํอตามระเบยี บการหรือสัญญาณตามระเบียบการได๎ใช๎เกินทกี่ าหนดหรอื ไมํ
7) ได๎ใชภ๎ าษาธรรมดาแทนคายํอตามระเบียบการและสัญญาณปฏิบัติการที่ได๎รับอนุมัติแล๎ว
หรอื ไมํ
8) พนกั งานได๎ใช๎ระเบยี บปฏิบตั ิการที่ไมถํ กู ต๎องและไมไํ ด๎รับอนมุ ัติแล๎วหรอื ไมํ
การส่ือสารประเภทวิทยุ หนา๎ ท่ี 230
9) มกี ารสงํ อนั ไมํจาเป็นใด ๆ รวมท้งั การทดสอบท่มี ากเกินไปหรือไมํ
10) นามหนวํ ยหรอื บุคคลถูกเปดิ เผยในการสงํ ขาํ วหรือไมํ
11) มกี ารเรียกกันอยาํ งฟุมเฟือยหรือไมํ
12) พนักงานสํงทาการสงํ เร็วเกินไปสาหรบั พนกั งานรบั หรือไมํ
13) ใช๎กาลงั สงํ มากเกินไปหรอื ไมํ
14) ทาการปรับตั้งเครอื่ งสงํ ดว๎ ยสายอากาศจริงหรือไมํ
15) ใชเ๎ วลาในการปรบั ตง้ั เปลยี่ นความถ่ี หรอื การปรับเครอื่ งนานเกินไปหรือไมํ
16) ถา๎ หากคาตอบคาถามขา๎ งต๎นทงั้ หมดมีลักษณะปฏิเสธแล๎วกห็ มายความวาํ พนักงานวทิ ยไุ ด๎
ปฏบิ ตั ติ ามมาตรการรักษาความปลอดภัยในการสํงขําวแลว๎
10.11 การปฏบิ ตั ิการควบคุมระยะไกล
10.11.1 การใช๎งาน
ก. เคร่ืองมือควบคุมระยะไกลใช๎เพื่ออานวยให๎ตํอวงจรเครื่องสํงวิทยุในขณะเมื่อพนักงานอยูํหําง
จากตวั เครอ่ื งสงํ เปน็ ระยะพอสมควร ในพนื้ ทกี่ ารรบพนกั งานวทิ ยุอาจจะอยใํู นหลุมบุคคล หรอื อยํูในทอ่ี ืน่ ๆ ซ่ึง
ใหค๎ วามกาบงั จากการยงิ ของข๎าศึก สวํ นเครือ่ งวิทยุและสายอากาศนั้นอยํูในท่ีเปิดเผยกวําซึ่งเหมาะในการสํงขําว
ทางวทิ ยุ
ข. เครื่องมือควบคุมระยะไกลมีสองสํวน สํวนหนึ่งอยูํ ณ ที่ต้ังเครื่องวิทยุและอีกสํวนหน่ึงอยํูท่ี
ตาบลควบคุมระยะไกล (รูปท่ี 10-7)
การสื่อสารประเภทวิทยุ หนา๎ ท่ี 231
รปู ที่ 10-7 การปฎบิ ัติงานควบคมุ ระยะไกล
10.11.2 การสนธิวิทยุ - สาย
ระบบการสื่อสารของกองพล กองทัพน๎อย และกองทพั ตามปกตแิ ลว๎ จะมอี ปุ กรณ์วิทยุและโทรศัพท์สอง
อยําง เพ่ือท่ีจะให๎เหมาะในการส่ือสารกัน หนํวยเคล่ือนท่ี หนํวยสํงทางอากาศและหนํวยอยํูกับที่ อุปกรณ์
ดังกลาํ วน้ีจะเชอ่ื มโยงระหวํางเคร่ืองวทิ ยซุ ่งึ อยํทู ี่สถานีสนธิวิทยุ - สาย กับเคร่ืองสลับสายกันด๎วยสถานีสนธิวิทยุ
(FM / VOICE) สายการเช่ือมโยงระหวํางเครื่องวิทยุซึ่งอยํูที่สถานีสนธิวิทยุ - สายกับเครื่องสลับสายใช๎ผํานชุด
ควบคมุ วทิ ยุแบบ AN/GSA-7 ระยะทางระหวํางเครอ่ื งวทิ ยุและเครอ่ื งโทรศพั ท์จะขยายเพิม่ ข้ึนจาก 3.2 กม. เป็น
16 กม. นอกจากนั้นแล๎ว AN/GSA - 7 ยังใชเ๎ ป็นเครอื่ งเรียกได๎ทั้งสองทาง ดงั น้ันจงึ ไมจํ าเป็นต๎องมีวงจรเฝูาฟังที่
ปลายทง้ั สองข๎าง
ก. ระดับกองพล สถานีสนธิวิทยุ-สาย จะมีประจา ณ ศูนย์การสื่อสารแตํละแหํงเว๎นที่
กองบัญชาการกองพลสวํ นหลัง แตํละสถานีอาจใชเ๎ พือ่
1) ใชท๎ าการสือ่ สารฉุกเฉินระหวํางสถานีวิทยุ FM เคลื่อนที่กับสํวนตํางๆ ท่ีตํออยูํกับระบบ
โทรศพั ทพ์ ้นื ท่ขี องกองพลดว๎ ยโทรศพั ท์
2) ใชท๎ าการสื่อสารระหวํางสถานวี ทิ ยุ FM ทอ่ี ยูหํ าํ งไกลเกินกวําระยะทางท่ชี ุดวทิ ยุน้ัน ๆ จะ
ติดตํอกนั โดยตรงได๎
การสื่อสารประเภทวทิ ยุ หน๎าท่ี 232
3) เพ่อื ให๎ผู๎บญั ชาการกองพล ฝาุ ยอานวยการของกองพลและเจ๎าหนา๎ ท่ีทส่ี าคัญอ่ืน ๆ (รูปที่
10-8) ของกองพล เมอื่ ปฏิบตั ิงานจาก ทก. เคลื่อนท่ที าการตดิ ตํอกับสํวนตําง ๆ ของกองพลซึ่งตํออยํูกับระบบ
การสอ่ื สารพน้ื ท่ีของกองพล
รูปที่ 10-8 แบบการใช๎ระบบสนธวิ ทิ ยุ – สาย
4) เพื่อเป็นการจัดต้ังบริการโทรศัพท์ขั้นต๎นจากระบบการส่ือสารพ้ืนท่ีของกองพลไปยัง
หนํวยใช๎
5) ใช๎ทาการสื่อสารเป็นคาพูดระหวํางหนํวยรบเคลื่อนท่ีในพื้นท่ีสํวนหน๎าของกองพล
หนวํ ยสนบั สนนุ ทางการสํงกาลังบารุงของกองพลในพนื้ ทส่ี วํ นหลัง
6) ใชท๎ าการสื่อสารระหวํางเคร่อื งบินทหารบกทบี่ นิ ต่าซึ่งกาลังปฏิบัติงานอยหํู ํางไกลจากพื้นที่
กองพลกับทางว่งิ สารอง ของหนํวยควบคมุ การบินซงึ่ เชื่อมโยงอยํูกับระบบการสื่อสารพ้ืนที่ของกองพลในเม่ือไมํ
อาจจะทาการตดิ ตํอโดยตรงไดด๎ ๎วยวิทยุ FM
7) ใชท๎ าการสือ่ สารระหวาํ งผูค๎ วบคุมอากาศยานหน๎าและเคร่อื งมือสอื่ สารของนายทหารติดตอํ
อากาศเม่ือเครอื่ งสอ่ื สารเหลาํ นน้ั เชอื่ มโยงอยกํู ับระบบการสอื่ สารพนื้ ทข่ี องกองพล
8) เพอื่ ใหผ๎ ู๎บังคับบัญชาและฝาุ ยอานวยการทาการตดิ ตอํ กับหนวํ ยรองและหนวํ ยเหนือได๎ตาม
ต๎องการในระหวํางทีม่ กี ารเคลอ่ื นยา๎ ย ทก.
9) ใชเ๎ ชอ่ื มโยงระหวํางเคร่ืองสลับสายสองเคร่ืองและใช๎เช่ือมตํอทางสายทข่ี าดระหวํางหนํวย
10) ใชท๎ าการส่อื สารในระหวํางข๎ามลานา้
ข. ณ ระดับกองทัพน๎อย สถานีวิทยุเคลื่อนท่ีจัดให๎มีเครื่องมือสื่อสารสนธิวิทยุ-สายที่ศูนย์การ
ส่อื สารประจาทีบ่ ญั ชาการหลกั และสารองของกองทพั น๎อย วงจรทางสายจากแตํละสถานีตํอตรงกับชุมสายกลาง
โทรศัพท์ของศนู ย์การสญั ญาณพน้ื ทขี่ องกองทพั ซ่งึ สถานีนนั้ ๆ ตัง้ อยูํ
ค. ณ ระดบั กองทัพจะมอี ปุ กรณ์วทิ ยุ-สาย ณ ศูนย์การสื่อสารหน๎าของกองทัพแตํละแหํง สถานี
วทิ ยุ -สายของกองทัพจะใช๎งานในลักษณะคล๎ายคลงึ กับสถานสี นธวิ ทิ ยุ - สายของกองพล
การสื่อสารประเภทวิทยุ หนา๎ ท่ี 233
บทท่ี 11
การปฏิบัติงานทางวิทยภุ ายใตส้ ภาพผดิ ปกติ
11.1 กลา่ วทวั่ ไป
ก. สภาพภูมิประเทศท่ผี ิดปกตแิ ละลมฟูาอากาศทรี่ า๎ ยแรงมผี ลอันสาคญั ตอํ การสื่อสารทางวิทยุสง่ิ เหลาํ น้ี
เป็นเหตใุ หพ๎ นักงานวิทยจุ าต๎องหันเหไปจากเทคนิคของการทางานปกติ
ข. เจ๎าหน๎าท่แี ละเคร่อื งมอื
1) เจ๎าหน๎าทว่ี ิทยซุ งึ่ จะตอ๎ งใชเ๎ ครือ่ งวทิ ยุภายใตส๎ ภาพภูมปิ ระเทศผิดปกติและลมฟาู อากาศท่ี
รา๎ ยแรงนั้น ควรจะไดร๎ บั การฝกึ เป็นพิเศษเพอื่ เตรยี มตัวใหส๎ ามารถใชเ๎ ครอื่ งวทิ ยภุ ายใตส๎ ภาพนั้น ๆ ได๎
นอกจากน้นั เจ๎าหนา๎ ทเ่ี หลาํ นน้ั ควรจะไดร๎ บั การฝึกใหท๎ ราบถงึ วธิ ที ่จี ะชวํ ยตนเองไดภ๎ ายใต๎สภาพลมฟูาอากาศที่
รา๎ ยแรงอกี ดว๎ ย
2) เครอ่ื งวิทยทุ ีจ่ ะต๎องใช๎ในสภาพอันรา๎ ยแรงนน้ั อาจจะตอ๎ งดดั แปลงและบารงุ รกั ษาใหม๎ ากกวาํ
ปกติ ความต๎องการในการดดั แปลงและบารงุ รกั ษาดงั กลําวนี้มปี รากฏอยูใํ นคํมู อื ประจาเครื่องแลว๎
11.2 การส่ือสารทางวิทยใุ นป่าทึบ
11.2.1 กลาํ วทว่ั ไป
การสอื่ สารทางวิทยมุ คี วามจากัดอยาํ งมากด๎วยตน๎ ไมใ๎ นปุาทบึ
ก. รัศมกี ารทางานของเครอ่ื งวิทยยุ ุทธวธิ ีระยะใกลใ๎ นปาุ ทบึ นั้นยํอมเปล่ียนแปลงจากร๎อยละ 10 ถึง
รอ๎ ยละ 60 ของรัศมีการทางานในพ้ืนโลํงหรอื ทีเ่ ปน็ ปุาโปรงํ
ข. เนือ่ งจากการขนสงํ ไมสํ ะดวก ฉะนนั้ จึงมกั จะใช๎วิทยุกาลงั สงู ขนาดใหญํเฉพาะในเขตหลังเทํานั้น
หรอื ใช๎ ณ ทต่ี ้งั ซึ่งอยํูใกลช๎ ดิ ถนน ทางเกวยี น ทางเดนิ หรอื ทางนา้ ทง้ั นีข้ น้ึ อยูํกับความแนํนและความชนื้ ของปาุ ไม๎
ค. เครอ่ื งวิทยสุ นามในปาุ ทึบจะต๎องไดร๎ ับความระวงั รกั ษาเป็นอยํางมากเน่อื งจากความรอ๎ น
ความชนื้ เชือ้ รา หรอื ตัวแมลงทาใหเ๎ กดิ ชารุดเสยี หายได๎
11.2.2 การส่อื สารระยะไกล
การสอ่ื สารทางวทิ ยรุ ะยะไกลในปาุ ทบึ กระทาได๎เฉพาะ เมือ่ สายอากาศยกข้นึ เหนือปาุ ทบึ ที่อยํู
รอบ ๆ เม่ือตง้ั สายอากาศในลกั ษณะดงั กลาํ วแลว๎ การส่ือสารระยะไกลก็คงเหมอื นกนั กบั ทใ่ี ช๎ในการปฏบิ ัติทาง
ทหารอ่นื ๆ
11.2.3 การสอ่ื สารแบบเส๎นสายตา
เมื่อไมํอาจจะสงํ คลน่ื พน้ื ดนิ ความถ่ีสงู ในปุาทบึ ไดก๎ ใ็ หใ๎ ช๎การสือ่ สารแบบเสน๎ สายตา
การส่ือสารประเภทวิทยุ หน๎าที่ 234
11.2.4 การติดต้งั
ก. จะต๎องตัง้ สายอากาศวิทยใุ ห๎ถกู ต๎องเพอ่ื ใหม๎ ปี ระสทิ ธิภาพอยํางสงู สดุ อยํางไรกต็ าม
ข๎อพิจารณาทางทหารอาจต๎องการใหใ๎ ช๎ทีต่ ง้ั แหงํ อนื่ มากกวําที่ต้งั สายอากาศทีด่ ที สี่ ุดกฏเกณฑ์ดงั ตํอไปนี้ใช๎เปน็
แนวทางท่ีมีประโยชนเ์ มอื่ ตัง้ สายอากาศวทิ ยุ เพ่ือปรบั ปรงุ การสอื่ สารทางวทิ ยุในปาุ ให๎ดขี ึ้น
(1) ควรตั้งสายอากาศไว๎บนเนนิ เขาท่ีอยูํเหนอื ภูมปิ ระเทศและปุาทึบโดยรอบ
(2) สายอากาศควรตง้ั อยํใู นท่ีโลงํ แจ๎งชายปาุ ด๎านไกลจากคํูสถานี ทโ่ี ลํงแจง๎ นนั้ ควรจะหาํ ง
จากสายอากาศอยาํ งนอ๎ ยหนึง่ รอ๎ ยหลาในทิศทางทหี่ ันไปยงั คํสู ถานี
(3) สายอากาศบงํ ทศิ ควรจะหันไปในทางสงํ ทเี่ ป็นเสน๎ ตรงเมอ่ื มตี น๎ ไม๎ในปาุ ทบึ มาขวางหรอื
ภูมิประเทศขวางกน้ั เส๎นทางสงํ ทเี่ ป็นเสน๎ ตรงกใ็ หห๎ ันสายอากาศออกนอกทางเลก็ นอ๎ ย เมอ่ื หันไปแลว๎ ก็อยาํ ใหถ๎ กู
ขัดขวางอีก
(4) ควรตัง้ สายอากาศใหส๎ งู เทาํ ทจี่ ะทาไดใ๎ นเม่ือทตี่ ง้ั สายอากาศนั้นอยูขํ า๎ งหลงั ภมู ปิ ระเทศที่
กาบงั โดยตรง เม่อื กระทาไดใ๎ ห๎ตรงึ เครอ่ื งวิทยุไวก๎ ับยอดไมแ๎ ละทางานด๎วยการใชเ๎ ครอ่ื งควบคมุ ระยะไกล การรงั้
สายอากาศใหเ๎ อนมาข๎างหลงั เล็กน๎อยกจ็ ะชวํ ยใหห๎ ลกี เลีย่ งสง่ิ ขดั ขวางได๎บา๎ ง
(5) ไมํควรตง้ั สายอากาศในหบุ เขาแคบ ๆ หรอื ระหวาํ งสนั เขา หรือระหวํางชํองทางของปาุ สงู
ทึบ
(6) ควรจะวางสายเคเบลิ้ และหัวตํอสายอากาศใหห๎ ํางจากพนื้ ดนิ เพอ่ื ผลเสียจากความช้นื
เชอื้ รา และแมลงตาํ ง ๆ สายเคเบ้ิลไฟฟาู และสายโทรศพั ทท์ ้งั ปวงกค็ วรจะกระทาเชนํ เดยี วกันด๎วย
(7) ระบบสายอากาศทส่ี มบรู ณ์ เชนํ สายอากาศพื้นดนิ เทียมและสายอากาศขว้ั คํู(GROUND
PLANE AND DIPOLESANT) ยํอมจะใหผ๎ ลดมี ากกวําสายอากาศแบบแส๎ ซงึ่ มีความยาวไมเํ ต็มชํวงคลนื่
(8) พันธ์ไุ ม๎โดยเฉพาะเมอื่ เปียกชืน้ กจ็ ะมลี กั ษณะเหมือนสายอากาศท่มี ีขัว้ ในทางดิ่งและจะดดู
ซมึ สญั ญาณวิทยุทมี่ ขี ั้วในทางด่งิ ไดม๎ าก เพราะฉะนนั้ จงึ ควรเลอื กใช๎สายอากาศที่มขี วั้ ในทางระดบั ดกี วําทจี่ ะใช๎
สายอากาศทม่ี ขี ว้ั ในทางดง่ิ
ข. ท่ตี ้งั ควรจะแผว๎ ถางปุาใหห๎ าํ งจากท่ีตง้ั สายอากาศแตะกบั ใบไม๎กง่ิ ไม๎กจ็ ะทาใหส๎ ญั ญาณวทิ ยุ
ลงสพูํ ้นื ดนิ ได๎โดยเฉพาะอยาํ งย่งิ ในระหวํางฤดฝู น
ค. ที่พกั กาบงั เมอ่ื ไมมํ ตี ป๎ู ระทนุ เคลอ่ื นทก่ี ็ให๎ใช๎กระโจมหรอื เพิงเพอื่ เปน็ ทพี่ กั กาบงั ของสถานี
วทิ ยุ ควรจะยกพ้ืนข้ึนในทพ่ี กั กาบงั เหลาํ นีด้ ๎วย เพ่อื ยกเครอ่ื งวิทยใุ หพ๎ น๎ หํางจากพน้ื ดินท่ชี นื้ แฉะและพ๎นจาก
ความช้ืน เช้อื รา และแมลงตําง ๆ ดว๎ ย ที่พกั กาบงั เหลาํ นี้ควรสร๎างใหม๎ อี ากาศหมุนเวยี นรอบ ๆ เครื่องวิทยทุ ี่
ตง้ั อยํไู ด๎
11.2.5 การปฏบิ ัติงาน
ฝน ความรอ๎ น เช้ือราและแมลงในเขตรอ๎ นเหลาํ นจี้ ะกอํ ใหเ๎ กดิ ปัญหาใหมํ ๆ ในการทางานของ
เคร่อื งวทิ ยุได๎ เนื่องจากการทางานของเคร่อื งวิทยทุ ีใ่ หไ๎ ด๎ผลดใี นปาุ ทึบนัน้ ขึน้ อยํกู บั การฝึกการพนิ จิ พเิ คราะห์ และ
ความพากเพยี รของพนกั งานวิทยุเปน็ รายบุคคลอยมูํ าก
11.2.6 การบารงุ รักษา
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หน๎าที่ 235
เนื่องจากความชน้ื และเช้อื รา จงึ ทาใหก๎ ารซํอมบารุงเครอ่ื งวทิ ยุในอากาศเขตรอ๎ นมคี วาม
ยากลาบากมากกวําในสภาพอากาศของเขตอบอํนุ ความชื้นสัมพัทธส์ งู ๆ ทาใหเ๎ กิดการกลนั่ ตวั เปน็ หยดนา้ ที่บน
เครอ่ื งมือ เหตกุ ารณ์เชนํ น้ีจะเป็นจรงิ โดยเฉพาะอยํางยง่ิ เมือ่ อณุ หภมู ขิ องเครื่องวทิ ยุลดตา่ กวําอุณหภูมขิ อง
อากาศทอี่ ยํรู อบ ๆ เพ่ือลดสภาพเชนํ นี้ใหน๎ อ๎ ยทส่ี ุด จงึ ควรจะเปดิ เครอื่ งวิทยุไว๎ตลอดเวลาหรอื วางหลอดไฟฟาู
เปิดทงิ้ ไว๎ใกล๎ ๆ กับเครอ่ื งก็ได๎
11.3 การสอ่ื สารทางวิทยใุ นพื้นทเ่ี ป็นภเู ขา
11.3.1 ขีดจากัด
การตดิ ตัง้ การปฏบิ ัตงิ านและการซอํ มบารงุ เครอื่ งวทิ ยุในพนื้ ท่ีเป็นภูเขาน้ันมีความยากลาบาก
ฉากภูมิประเทศทกี่ าบงั และความเปลยี่ นแปลงอยาํ งรวดเร็วและรุนแรงของดินฟูาอากาศ ตลอดจนอณุ หภูมมิ กั จะ
รบกวนการสอื่ สารที่กระทาตอํ เน่อื งกนั มีปญั หาอกี ประการหนึ่งในการรกั ษาเครอื่ งวทิ ยแุ ละหมอ๎ ไฟฟูาแหง๎ ให๎
ทางาน และไมใํ หม๎ ไี อน้ามาเกาะเครอ่ื ง
11.3.2 การตดิ ต้งั
ก. ควรจะหันสายอากาศบงํ ทศิ ออกนอกทางเพียงเล็กนอ๎ ยเมอ่ื มภี เู ขาสงู ขวางทางสํงขําวทีเ่ ปน็
เส๎นตรงอยํู
ข. ควรจะใชห๎ ุบเขาหรอื ชํองวาํ งเปน็ ทางสํงขาํ วระหวํางภเู ขา
ค. เมอ่ื ตง้ั สถานีวทิ ยอุ ยตํู รงหลังภเู ขาสงู ซงึ่ ขวางกั้นอยูํก็ควรตง้ั สายอากาศไวบ๎ นทสี่ งู สุดเทาํ ทจี่ ะ
กระทาได๎
ง. ควรจะยกเคเบลิ้ สายอากาศใหส๎ ูงเหนือฟนื้ ดนิ เพอ่ื ให๎เป็นทแ่ี นใํ จวําจะไมํถกู หมิ ะกลบหรอื แขง็ ตวั
ติดกบั พน้ื ดนิ เร่อื งนก้ี ็ใหป๎ ฏบิ ตั ิตํอเคเบลิ้ โทรศพั ทแ์ ละเคเบิ้ลไฟฟาู รวมด๎วย
จ. จดุ ตํอสายอากาศและขอ๎ ตํอสายเคเบล้ิ ควรจะวางให๎พ๎นหมิ ะและนา้
ฉ. ในระหวํางฤดูหนาวจะตอ๎ งจดั ทอํ นเสาอากาศทเ่ี ป็นโลหะและเคเบล้ิ สายอากาศอยาํ งระมัดระวงั
เพราะวาํ มันจะเปราะในอุณหภูมิต่า ๆ
ช. เมือ่ พ้ืนดนิ เยน็ แข็งกค็ วรจะติดต้ังสายดินเทยี มใหแ๎ กสํ ายอากาศ
ซ. ควรจะต้ังสายอากาศบนยอดหรือทร่ี าบดา๎ นหน๎าของภเู ขาถา๎ เปน็ ไปได๎กค็ วรจะให๎มีความสงู มาก
พอที่จะให๎ทางสงํ เปน็ เสน๎ สายตา
ฌ. ระบบสายอากาศทสี่ มบรู ณ์ เชํน ระบบพ้ืนดนิ เทยี มหรือข้ัวคํู (GROUND PLANES or
DIPOLES) ยอํ มจะใหผ๎ ลมากกวาํ สายอากาศแบบแสซ๎ ง่ึ มคี วามยาวไมถํ งึ ชํวงคลืน่ โดยเฉพาะอยํางยง่ิ เมอ่ื ปฏบิ ัติการ
อยบูํ นพืน้ ดนิ ทมี่ หี มิ ะหรอื เยอื กแข็ง
ญ. การใช๎สถานวี ทิ ยุถาํ ยทอดบนพืน้ ทเี่ ป็นภเู ขายอํ มจะให๎การสอื่ สารไปไดไ๎ กลกวาํ รัศมกี ารทางาน
ของคล่นื พนื้ ดิน ถส.
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ท่ี 236
(1) เครือ่ งปลายทางวิทยถุ ํายทอดควรจะตั้งอยบํู นยอดสูงสดุ เพอื่ ใหส๎ งํ ขาํ วเป็นเสน๎ สายตาได๎
(2) ในการแกป๎ ญั หาการส่อื สารพเิ ศษน้นั อาจใชเ๎ ครอ่ื งบนิ เพอื่ ถาํ ยทอดขําวระหวํางสถานี
วทิ ยตุ ําง ๆ ซง่ึ ไมอํ าจสือ่ สารระหวาํ งกันและกันได๎
(3) สถานีวทิ ยถุ ํายทอดซึ่งตั้งอยํู ณ ตาบลสาคญั ๆ (ทางวิทยุ) จะทาใหส๎ ถานปี ลายทางมีการ
ส่อื สารทางวทิ ยรุ ะหวาํ งกันได๎ การกระทาเชํนนล้ี ดความยาวของชวํ งตอํ วิทยุแตํละแหํงและลดอตั ราสวํ น การ
รบกวน-ตํอ-สัญญาณ ลงดว๎ ย อยํางไรก็ตามการใช๎สถานีถํายทอดหลายสถานยี อํ มจะเพม่ิ จานวนเคร่อื งที่ต๎องใช๎
ช้ินเคร่อื งวิทยทุ เ่ี พม่ิ ขน้ึ นี้ยํอมจะทาใหเ๎ กิดความลาบากในการขนสํงและเกิดความต๎องการชํางเทคนคิ เจ๎าหน๎าท่ี
พิเศษข้นึ อกี มากเพอื่ ใช๎ในการตดิ ต้ัง ปฏิบตั ิงาน บารุงรักษาและซอํ มเครื่องวิทยุ
11.4 การแบ่งมอบและการกาหนดความถ่ีวทิ ยุ
11.4.1 การควบคุมความถีป่ ฏบิ ัตงิ านของวิทยุ
ก. การรบกวน
ถ๎าหากวําเครอื่ งวทิ ยุทง้ั หมดในกองพลพยายามปฏบิ ตั ิงานดว๎ ยความถ่ขี นาดเดียวกนั หรอื ด๎วย
ความถ่ีซึ่งเจ๎าหน๎าที่ปฏิบัติงานเลือกตามใจชอบแล๎ว ก็จะทาให๎การส่ือสารทางวิทยุนั้นถึงหากกระทาได๎ก็ไมํ
เหมาะอยํางยิง่ เม่ือมีเครอ่ื งสงํ วทิ ยสุ องหรือหลายเคร่ืองปฏิบัติงานอยํูในเวลาเดียวกันด๎วยความถ่ีชํองเดียวกัน
แลว๎ สถานรี ับกจ็ ะไดร๎ บั สัญญาณซ่ึงยุงเหยิงผิดเพ้ียนและอํานไมํได๎ความ การรบกวนแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได๎งําย
ระหวาํ งสถานใี นขาํ ยที่จะต๎องปฏบิ ตั งิ านดว๎ ยความถี่เดยี วกัน โดยปกติแลว๎ สบข. อาจจะลดการรบกวนลงให๎น๎อย
ที่สุดได๎โดยการการระเบียบการสํงในฝุายขึ้น เน่ืองจากคล่ืนวิทยุบางคล่ืนไปได๎รอบทิศไกลหลายไมล์ ฉะน้ันการ
รบกวนโดยไมเํ จตนาตํอขาํ ยอน่ื ๆ อาจเกดิ ขนึ้ ได๎งําย เวน๎ ไวแ๎ ตํ การสํงขําวของสถานีทง้ั หมดมีการควบคุมอยําง
เขม๎ งวด และได๎เลอื กความถ่ที ่ีใชง๎ านอยํางรอบคอบ
ข. การใช๎เครือ่ งความถี่
การจดั โดยอดุ มคติเพ่อื ให๎การสอ่ื สารทางวิทยปุ ราศจากการรบกวนนั้น คือ การกาหนด
ความถีท่ ี่ใชง๎ านขนาดตํางๆ กันให๎แกํขํายวิทยุแตํละขําย แตํทวําจานวนชํองความถี่ที่มีอยูํนั้นจากัด เพียงแตํสํวน
นอ๎ ยของเคร่ืองความถี่วิทยทุ ีเ่ หมาะแกํการสือ่ สารด๎วยวิทยทุ างยุทธวิธี สํวนที่ใช๎งานนั้นก็ยังจากัดอีกเพราะวําชํอง
ความถี่วทิ ยแุ ตลํ ะชอํ งกม็ ีแถบความถี่หลายๆ ความถแี่ ทนทจ่ี ะเปน็ ความถี่เดียว สัญญาณวิทยุโทรเลขหรือวิทยุโทร
พิมพ์ใช๎เคร่ืองความถ่ี 1 KHz. สํวนซึ่งวิทยุเป็นคาพูด AM น้ันใช๎ 10 KHz. ชํองวิทยุเป็นคาพูด FM ใช๎ 50 ถึง
100 KHz. และชอํ งวิทยโุ ทรทัศน์ต๎องการถึง 6,000 KHz. ในชํองวํางของเครื่องความถี่น้ันนอกจากจะมีสัญญาณ
วทิ ยุอยํูเตม็ แลว๎ แลว๎ ยังตอ๎ งแยกชอํ งวาํ งชอํ งความถว่ี ทิ ยุข๎างเคียงอีกด๎วย ท้ังนี้เพื่อลดการรบกวนระหวํางกันอัน
อาจเกดิ ขนึ้ ได๎ให๎นอ๎ ยทสี่ ุด
ค. สภาพทางยุทธวิธี
นอกจากข๎อพิจารณาในทางเทคนิคที่ใช๎ในการเลือกและควบคุมชํองความถี่อันจาเป็นแล๎ว
สภาพทางยุทธวิธียงั อาจต๎องการใหม๎ ีการควบคุมความถ่ีวิทยอุ กี ดว๎ ย ดว๎ ยเหตุนี้จึงต๎องกาหนดตารางความถ่ีท่ีใช๎
งานใหแ๎ กํแตํละสถานี ทั้งจะต๎องจัดใหม๎ คี วามถส่ี ารองข้นึ บํอยๆ เพอ่ื ใช๎ในเมอื่ ความถีเ่ ดิมปฏิบตั ิงานไมํได๎ เพราะมี
การส่ือสารประเภทวิทยุ หนา๎ ที่ 237
การรบกวนตามธรรมชาติหรือมีการกํอกวนจากข๎าศึก เน่ืองด๎วยเหตุผลทางการรักษาความปลอดภัย บางคร้ัง
จาเป็นตอ๎ งกาหนดความถีใ่ หมํขึ้นทกุ ๆ วัน
14.1.2 การกาหนดความถวี่ ทิ ยุ
ก. ระเบียบปฏบิ ัติทว่ั ไป
เพอ่ื ลดความสับสน อันเกิดจากการไมํเข๎มงวดกวดขันในการควบคุมความถี่ จึงให๎ผ๎ูบังคับ
ทหารส่ือสารของกองทัพควบคุมการกาหนดความถี่ทั้งสิ้นในยุทธบริเวณ ผู๎บังคับทหารสื่อสารของกองทัพจะ
กาหนดชํองความถ่โี ดยเฉพาะให๎แกขํ ํายวิทยแุ ตํละขํายภายใตก๎ ารควบคุมโดยตรงของตนตํอจากน้ันหนํวยรองหลัก
ของกองทัพแตํละหนํวยกจ็ ะไดร๎ บั การแบงํ มอบความถเ่ี ปน็ กลุมํ หรือเปน็ บัญชีรายการจากความถ่ีเหลํานี้เองหนํวย
รองก็อาจไปกาหนดความถ่ีโดยเฉพาะใหแ๎ กขํ าํ ยวทิ ยุ ซ่งึ อยํูในความควบคุมโดยตรงของตน กรรมวิธีการแบํงมอบ
บัญชีรายการความถี่จะคงดาเนนิ เรือ่ ยไป ผาํ นกองบญั ชาการกองทัพน๎อยจนถึงกองบัญชาการกองพล โดยทั่วไป
แลว๎ ผ๎บู งั คับทหารส่อื สารของกองพลจะกาหนดความถ่ีโดยเฉพาะใหแ๎ กหํ นํวยรองหลายหนํวยในกองพล อยํางไรก็
ตาม ผบ.ส.พล. อาจจะแบํงยํอยรายการชํองความถี่ FM ใหแ๎ กํกองพันทหารราบแตลํ ะกองพนั ซง่ึ ตํอจากนั้นกองพนั
ก็อาจกาหนดชํองความถี่จานวนหน่ึงสาหรับใช๎ภายใน แตํละกองร๎อยเน่ืองจากรัศมีการทา งานของเคร่ืองวิทยุ
รบ (COMBAT RADIO SET ) คํอนข๎างสั้นมาก ดงั นั้นอาจกาหนดความถี่ซา้ ๆ กันให๎แกํกองร๎อยตาํ งๆ ซง่ึ อยูํหําง
กนั เกนิ กวาํ 1 ไมล์ได๎ การกาหนดความถ่ีวทิ ยุน้นั มีปรากฏอยใูํ น นปส.ของกองบญั ชาการซงึ่ เปน็ ผก๎ู าหนดความถี่
ให๎
ข. ข๎อพิจารณาเบ้อื งตน๎
1) การกาหนดความถโี่ ดยอุดมคติ กค็ อื การกาหนดซ่ึงอานวยใหข๎ าํ ยวทิ ยุแตํละขาํ ยสามารถ
ปฏิบัติการด๎วยความถี่ซึ่งได๎รับมอบโดยไมํไปรบกวน หรือถูกรบกวนจากขํายวิทยุอีกขํายหนึ่ง เพ่ือให๎ได๎รับผล
ดังกลาํ วน้ี ในขนั้ แรกจะตอ๎ งกาหนดความถต่ี าํ งๆ กันใหแ๎ กํขาํ ยวทิ ยุท้งั สิน้ ซ่งึ ปฏบิ ตั กิ ารอยูํในรศั มีของการรบกวนซึ่ง
กันและกนั เรื่องนจ้ี ะสะดวกข้นึ โดยใชร๎ ะบบการแบํงรายการความถซี่ ง่ึ ได๎รับเลือกแล๎วให๎แกํกองบัญชาการซ่ึงจะ
เปน็ ผก๎ู าหนดความถ่ีซา้ กนั แตํน๎อยทสี่ ุด
2) ความถว่ี ทิ ยุซึ่งไดก๎ าหนดให๎แกํขาํ ยตาํ งๆ ในกองพลน้ันไดจ๎ ากบญั ชีความถซ่ี ง่ึ กองทัพให๎
มาบญั ชีเหลํานจี้ ะมคี วามถแี่ ละนามเรียกขานซง่ึ ไดร๎ ับอนมุ ตั ใิ ห๎กองพลเป็นผ๎ใู ช๎
3) จากบญั ชีความถ่ีซง่ึ ไดร๎ บั แบงํ มอบมานเี้ อง ความถแ่ี ละนามเรียกขานอันเหมาะสมจะถกู
กาหนดขึ้นให๎แกสํ ถานีวทิ ยแุ ละขาํ ยแตํละแหํงภายในกองพล การกาหนดเหลาํ น้ีมปี รากฏอยํใู น นปส.ของกองพล
4) เมอ่ื ทาการกาหนดความถใ่ี ห๎แกํขํายวทิ ยุโดยเฉพาะแหํงจะตอ๎ งพจิ ารณาถึงยํานความถ่ีซึ่งใช๎
รํวมกนั ไดก๎ ับเครื่องวทิ ยุตํางๆ ท่ีใช๎ในขาํ ยเดยี วกนั เพราะฉะน้นั จะตอ๎ งไมกํ าหนดความถนี่ อกจากความถท่ี ใ่ี ช๎รํวมกัน
ไดน๎ ี้ใหแ๎ กํขาํ ย ถึงแมว๎ ําความถนี่ น้ั มีอยูํในบญั ชที ไ่ี ด๎รับแบงํ มอบมากต็ าม
ค. การแยกแถบความถ่ี
การกาหนดความถี่ตาํ งๆ ให๎แกขํ ํายแตํละขาํ ยนัน้ มิไดเ๎ ปน็ เครื่องประกนั ได๎วาํ การปฏิบัติงานจะ
ปราศจากการรบกวนโดยส้ินเชิง สัญญาณวิทยนุ ้นั อาจจะมียํานความถี่นอ๎ ยกวาํ 1 KHz. หรืออาจจะมีมากต้ังหลาย
ร๎อยกิโลไซเกิ้ลบนหน๎าปัทม์เคร่ืองรับก็ได๎ เหตุน้ีเองจึงต๎องแยกความถี่วิทยุข๎างเคียงซึ่งกาหนดข้ึนนั้นให๎หํางกัน
เพียงพอ
การสื่อสารประเภทวิทยุ หน๎าท่ี 238
1) แบบของการปลอํ ยคลื่น (EMISSION) (คน คาพดู หรือ ว.โทร พ.)โดยท่ัวไปแลว๎ การแยก
แถบความถ่ีของโทรเลขและวิทยุโทรพิมพ์ก็เกอื บใกล๎เคียงกนั แตสํ าหรับการสอ่ื สารเป็นคาพูดแลว๎ ต๎องแยกกันให๎
หํางมากขึ้น
2) แบบของการปรุงคลื่น (AM หรือ FM) เครื่องวทิ ยุ FM ทางยทุ ธวิธตี อ๎ งการแถบความถี่ 5
KHz. สาหรบั แตลํ ะชํองสํวนเครอื่ งวทิ ยุ AM นนั้ ต๎องการแถบความถ่ี 10 KHz. สาหรบั แตํละชอํ ง การแยกชอํ ง
ความถท่ี ใ่ี กลเ๎ คยี งกันของวิทยุ FM จะต๎องใหม๎ ากกวําของวทิ ยุ AM ตามสวํ นสมั พนั ธ์
3) เสถยี รภาพของความถีแ่ ละความเท่ยี งตรงของเครอื่ งสงํ การปรับเทียบเครอื่ งสํงวทิ ยสุ นาม
สวํ นมากน้ันมกั จะไมเํ ที่ยงตรง นอกจากนน้ั ความถ่ีซงึ่ เกิดจากเครื่องแกวํงในตัวเครอื่ งสงํ ก็มกั จะเปล่ียนหรเื คลือ่ นไป
เพื่อลดความไมมํ ปี ระสทิ ธภิ าพอนั เกดิ จากการปฏิบตั งิ านดว๎ ยความถคี่ ลาดเคลอื่ นใหเ๎ หลือนอ๎ ยทีส่ ุด, สถานีวทิ ยุ
สนามสํวนมากจงึ ต๎องรกั ษาความถที่ ี่กาหนดให๎คลาดเคลื่อนได๎ไมเํ กิน 0.01 เปอรเ์ ซน็ ต์ ตัวอยาํ งเชนํ การกาหนด
ความถี่ 4 MHz. ทอ่ี นุญาตใหเ๎ คลอื่ นได๎ 0.01 เปอร์เซ็นตจ์ ะยอมใหค๎ วามถ่ขี องเครื่องสงํ เปลยี่ นไปได๎ สงู หรอื ตา่ กวาํ
ความถ่ที ี่กาหนดได๎เพียง 400 Hz. ปจั จัยอันนจี้ ะเป็นผลกระทบกระเทอื นตอํ การแยกชอํ งความถ่ีทป่ี ฏบิ ัตกิ าร
ใกลเ๎ คยี งอยาํ งไมํต๎องสงสัย
4) กาลงั ทางออกของเครื่องสงํ ระยะทางสํงและขีดความสามารถในการรบกวนของเครอ่ื งสงํ
มีสํวนสมั พนั ธ์โดยตรงกบั กาลังทางออกตามอัตราของมนั เคร่ืองสํงทม่ี ีกาลังสงู อาจจะกลบเครื่องรับวทิ ยุในบรเิ วณ
นัน้ ไดอ๎ ยํางสิ้นเชิง ถ๎าไมํจัดใหม๎ กี ารแยกความถที่ ่ีใชง๎ านให๎หาํ งกันอยํางเพยี งพอด๎วยเหตุน้ีการใช๎กาลงั ทางออกแตํ
นอ๎ ยที่สุดเพียงเทําทใ่ี หส๎ ามารถสอ่ื สารสารกนั ได๎ ซ่งึ มกั จะถือใหเ๎ ป็น รปจ.
5) การแยกขํายตํางๆ ใหห๎ ํางกนั สญั ญาณวิทยุเมื่อไดร๎ บั ทสี่ ถานไี กลๆ อาจจะคลุมหน๎าปทั ม์
เครอ่ื งรับเพยี งไมกํ ี่ KHz. แตเํ มอ่ื รับด๎วยเครอ่ื งรบั ซง่ึ อยใูํ กลๆ๎ สัญญาณอนั เดียวกนั น้นั ตามปกตแิ ลว๎ จะคลุมแถบ
ความถไี่ ดก๎ วา๎ งขวางมากกวาํ เน่ืองจากการรบกวนชํองความถ่ีข๎างเคยี งเกิดขึน้ เมื่อสถานีตํางๆ ตง้ั อยูํใกลก๎ ันมากจึง
ต๎องจดั แยกความถี่ที่ใชง๎ านซง่ึ กาหนดใหแ๎ กสํ ถานขี องขํายตํางๆ ซงึ่ ตง้ั อยํูในท่ีบญั ชาการเดยี วกนั ให๎อยหํู าํ งกนั มากๆ
ง. แนวทางปฏบิ ตั ิโดยทว่ั ไปสาหรับการกาหนดความถี่ในขัน้ ต๎น
1) ปจั จยั ตาํ งๆ ดงั ทไ่ี ด๎วางไว๎ในข๎อกํอนนั้นแสดงวําอาจจะเปลี่ยนแปลงการแยกความถี่ท่ีใช๎
ปฏบิ ตั งิ านใหห๎ ํางกนั ในลกั ษณะตาํ งๆ ได๎ เพื่อสงวนเครอ่ื งความถี่ท่ใี ช๎งานไว๎จงึ เปน็ สง่ิ สาคญั ท่ีจะต๎องให๎มีการแยก
ความถี่หาํ งกันแตนํ อ๎ ยทสี่ ดุ การกาหนดความถ่วี ิทยุที่ได๎ผลน้นั อาจจะทาไดโ๎ ดยการอา๎ งถึงแผนํ ภูมิการพยากรณค์ ลนื่
พืน้ ดนิ ระยะสั้นและคลื่นไฟฟาู ซ่งึ ไดพ๎ ิมพป์ ระกาศใช๎ทุก 3 เดือน
2) การกาหนดความถ่ีขัน้ ตน๎ อาจจะไมสํ ๎เู ปน็ ผล จงึ ตอ๎ งมีการปรบั ปรงุ เสียใหมํ ตัวอยํางเชํนอาจ
ตอ๎ งการให๎เปลี่ยนแผนขั้นต๎นเมอ่ื ความถี่ซึง่ ข๎าศึกใช๎ รัฐบาลฝาุ ยเดยี วกนั ใช๎หรอื องคแ์ ทนฝุายการพาณชิ ย์เป็นผใ๎ู ช๎ซ่ึง
กํอให๎เกดิ การรบกวนในระบบการสอื่ สารขนึ้ นอกจากนั้นแล๎วการรบกวนอาจจะเกิดขึ้นจากความถ่ีคลื่นทบทวี
(HARMONIC)ของเคร่ืองสํงดังกลําวแล๎วน้ันรวมท้ังเคร่ืองสํงของเราเองด๎วยคลื่นทบทวี (HARMONIC) นั้นคือ
ความถ่ซี ่ึงเป็นผลทวคี ูณของความถ่ีซึ่งไดก๎ าหนดขน้ึ หรอื ความถี่ซงึ่ มูลฐาน ตัวอยาํ งเชํน ความถ่ีซึ่งกาหนดข้ึนเป็น 4
MHz.อาจจะปลํอยสัญญาณ HARMONIC ออกรบกวนได๎ท่ี 8 MHz., 12 MHz., 16 MHz. ฯลฯ ผลทวีคูณของ
ความถี่มลู ฐานเหลาํ นเี้ รยี กวาํ คล่ืนทวี (HARMONIC) ท่ี 2,3 และ 4 ตามลาดับ
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หน๎าท่ี 239
3) มหี ลายโอกาสที่ไมํอาจจะจัดความถวี่ ทิ ยุให๎ขํายวิทยุทั้งหมดในกองพลใช๎ได๎โดยไมํเกิดการ
รบกวน ในกรณีเชนํ น้นั ก็จาเป็นต๎องระงับขาํ ยวทิ ยุบางสวํ น เพ่อื ให๎ขาํ ยและสถานีซึง่ มคี วามเรํงดํวนสูงที่สุดทางาน
ตํอไป
11.5 การก่อกวน
11.5.1 กลําวทัว่ ไป
ก. การรับสัญญาณวิทยุมักจะกระทาไมํได๎เนื่องจากเครื่องรับถูกรบกวนจากสัญญาณซึ่งไมํ
ตอ๎ งการ การรบกวนเชํนนน้ั อาจจะเกดิ ดว๎ ยการเจตนา (จากแหลํงซ่ึงไมใํ ชฝํ ุายเดียวกัน) หรือไมํเจตนา (จากแหลํง
ฝุายเดยี วกนั ) การรบกวนดว๎ ยเจตนานนั้ เรยี กวาํ การกํอกวน(JAMMING)
ข.การกํอกวนทางวิทยุ คอื การสํงคลนื่ วทิ ยุเพื่อขัดขวางการรับขําวสารซ่ึงใช๎เคร่ืองรับวิทยุรับปกติ
การกํอกวนใช๎เพ่อื การขัดขวางการสื่อสารทางวิทยุ จํโู จม ทาใหส๎ ับสนและทาใหพ๎ นกั งานวิทยหุ ลงผดิ
ค. บรรดาความถ่ีวทิ ยุท้ังหมดน้ัน อาจจะถูกกํอกวนไดง๎ าํ ยและขา๎ ศึกกวนการรบั วิทยเุ มอ่ื มปี ระโยชน์
เพอ่ื ให๎บรรลุผลเชํนนี้ ข๎าศึกก็จะเลือกความถี่ที่จะกํอกวนแล๎วปรับคลื่นเครื่องสํงให๎ตรงกับความถี่นั้น และสํง
สัญญาณแรงๆ ออกไปเพ่ือขัดขวางการบั สัญญาณที่ตอ๎ งการของฝุายเรา
11.5.2 แบบมูลฐานของการกอํ กวนทางวทิ ยุ
มแี บบมลู ฐาน 2 แบบของการกวนทางวทิ ยุ คือ การกอํ กวนเปน็ จุดและการกอํ กวนเปน็ ฉาก
ก.การกํอกวนเป็นจุด (SPORT JAMMING) คือการสํงสัญญาณแถบความถี่แคบเพ่ือรบกวนชํอง
หรอื ความถี่โดยเฉพาะแหํงหนง่ึ
ข.การกํอกวนเป็นฉาก (BARRAGE JAMMING) คือการสํงสัญญาณแถบความถ่ีกว๎างรบกวน
ชํองสื่อสารหลายๆ ชํองเทําที่กระทาได๎ การกํอกวนเป็นฉากอาจจะกระทาได๎โดยใช๎เคร่ืองสํงแถบความถ่ีแคบ
หลายๆ เครือ่ งพรอ๎ มๆ กัน ตํอความถีห่ รอื ชอํ งสื่อสารที่อยใํู กลเ๎ คียง
11.5.3 ความแตกตํางระหวาํ งสญั ญาณรบกวนตาํ ง ๆ
มแี หลํงสญั ญาณรบกวนอยํู 2 ชนิด คือ แหลํงจากภายนอก และ แหลํงภายในถ๎าหากการรบกวน
ซ่ึงไดย๎ ินจากเครื่องรบั อาจจะขจัดเสียได๎หรือลดลงไดด๎ ๎วยการตํอสายอากาศเคร่ืองรับลงดินหรือปลดออก ก็
อาจจะถือวําการรบกวนน้ันมาจากแหลํงภายนอกถ๎าการรบกวนนัน้ ยงั คงอยํู ไมเํ ปลยี่ นแปลงเมอ่ื
ปลดสายอากาศหรอื ตํอสายอากาศลงดินแลว๎ ก็ถือได๎วาํ การรบกวนน้นั เกดิ จากเครอ่ื งรบั และเป็นเครอ่ื งบงํ วาํ
เคร่ืองรับทางานไมปํ กติถ๎าหากการรบกวนเกดิ จากแหลงํ ภายนอกกจ็ ะตอ๎ งทาการตรวจตอํ ไปอกี เพอ่ื พจิ ารณาวาํ
เกดิ จากการกอํ กวนของขา๎ ศกึ หรือ เกดิ จากการรบกวนโดยบงั เอญิ
11.5.4 ความแตกตาํ งระหวาํ งการกอํ กวน และ การรบกวนโดยบงั เอญิ
ก. การรบกวนโดยไมเํ จตนาจากสถานีวิทยุ และ เรดาร์ของฝาุ ยเดยี วกันเรียกวํา การรบกวน
โดยบงั เอิญ การรบกวนน้ีอาจจะเกิดขนึ้ เมื่อ HAMONIC ของคลื่นวิทยทุ ส่ี ํงออกไปนั้นรบกวนกบั ความถี่อ่ืน
การสื่อสารประเภทวทิ ยุ หนา๎ ท่ี 240
ข. การกอํ กวนเป็นจดุ อาจจะแยกออกจากการรบกวนโดยบังเอิญได๎โดยการปรับคล่นื เครอ่ื งรบั
ให๎สงู กวําหรอื ตา่ กวาํ ความถ่ีทใี่ ช๎งานตามปกติ 2 - 3 KHz. ถา๎ ความเข๎มของสญั ญาณรบกวนลดลงทันที เมอ่ื ปรบั
คล่ืนรับออกไปจากความถ่ีท่ปี ฏบิ ตั ิงานอยํู กถ็ ือวาํ สญั ญาณรบกวนนนั้ เกิดจากการกอํ กวนเปน็ จุด
ค. เป็นการยากทจี่ ะแยกการกอํ กวนเป็นฉาก ออกจากการรบกวนโดยบงั เอญิ เนอ่ื งจากการรบกวน
ทง้ั สองแบบนี้ อาจจะขยายกลุํมยาํ นการจดั คลนื่ ของเครอื่ งรบั ทงั้ หมดหรอื เป็นสํวนมาก อยํางไรก็ดีการรบกวน
โดยบงั เอิญน้ัน จะออกจากแหลงํ ไปได๎ในระยะส้ันและการคน๎ หาตามบริเวณใกลเ๎ คียงกอ็ าจทราบวําเกดิ จากการ
รบกวนของพดั ลมไฟฟูา มดี โกนไฟฟาู หรอื เคร่ืองใชไ๎ ฟฟาู ในลักษณะเดยี วกัน การใชเ๎ ครือ่ งรับหิว้ ไดข๎ นาดเล็ก
ในบริเวณสถานกี อ็ าจชํวยในการพสิ จู นท์ ราบได๎ ถ๎าสญั ญาณทไี่ ด๎รับนัน้ แสดงใหเ๎ หน็ การเปลยี่ นแปลงความแรงของ
สญั ญาณ เม่ือนาเครอ่ื งรบั เข๎าไปบรเิ วณรอบ ๆ สถานี การรบกวนน้ันก็อาจจะเปน็ การรบกวนโดยบังเอิญของ
แหลงํ ในบรเิ วณนัน้ เอง โดยกลบั กันถ๎าความแรงของสญั ญาณเปลยี่ นแปลงแตนํ ๎อยหรอื ไมเํ ปล่ียนแปลงเลย ก็
จะบงํ วาํ สัญญาณรบกวนน้ันเปน็ การกอํ กวนของข๎าศกึ จะตอ๎ งรายงานการรบกวนโดยบงั เอิญทนั ทีและขจัดใหห๎ มด
ไป
ง. การรบกวนโดยบังเอญิ อาจจะเกดิ ขึ้นไดจ๎ ากการกน้ั เคร่อื งรับ(RECEIVERBLOCKING ) ความ
เพี้ยนจากการปรงุ ( MODULATION SPLATER ) ( คือการปรงุ คลนื่ เคร่อื งสงํ ปส.แรงไป ) การตดั ตํอ
สวิทช์ไฟฟูา ( CLICKS ) การปลอํ ยคลื่นแฝง( SPERIOUS RADIATION ) จากเคร่ืองสงํ ของฝาุ ยเดยี วกนั ซงึ่ อยํูใกล๎
ๆ พนักงานวทิ ยกุ ารรายงานการรบกวนแบบน้ีตํอหวั หนา๎ ของตนเพ่ือทาการแกไ๎ ขทนั ที
จ. ตอ๎ งรายงานสัญญาณรบกวนซงึ่ พสิ จู น์ทราบไมไํ ดต๎ อํ กองบงั คบั การชน้ั เหนอื ทันที ระเบียบ
ปฏบิ ัติการรายงานน้ี มกั จะชวํ ยให๎กองบญั ชาการตําง ๆ พจิ ารณาได๎วํามีการกอํ กวนจากฝุายข๎าศึกอยูํหรือไมํ
กองบญั ชาการตําง ๆ อาจจะพิจารณาเรอื่ งน้ีไดโ๎ ดยการเปรียบเทยี บรายงานซ่งึ สงํ มาจากหลาย ๆ หนํวย ท่เี ปน็
ผูใ๎ ชค๎ วามถตี่ าํ ง ๆ ที่อยูํในเครือความถ่ีสวํ นใดสวํ นหนงึ่ โดยเฉพาะ
11.5.5 การพสิ จู น์ทราบสญั ญาณกอํ กวน
การพิสูจน์ทราบลกั ษณะของสัญญาณการกํอกวนอยํางมรี ะบบ ประกอบกับระเบียบการตํอส๎ูการ
กํอกวนอยาํ งถูกตอ๎ ง ยอํ มจะสงวนเวลาไวไ๎ ด๎ อาจจะถือไดว๎ าํ ข๎าศกึ นัน้ จะพยายามกํอกวนให๎เป็นผลสมบูรณ์และใช๎
แบบสญั ญาณกอํ กวนใหมํ ๆ ทีส่ ับสนย่งิ ข้ึนพนกั งานวทิ ยุจะต๎องคาดคดิ ไว๎วําจะต๎องประสบกับการผสมของการปรุง
คล่ืนแบบเบ้ืองต๎นแบบใหมํท้ังหมด และการผสมสัญญาณสรรพเสียงแบบแปลก ๆ เชํน เสียงร๎องเพลง
เสยี งดนตรี และเสยี งหวั เราะ สญั ญาณเหลํานจ้ี ะใหผ๎ ลเป็นสัญญาณกํอกวนท่ีมีประสิทธิภาพประสิทธิผล และ
มักจะให๎ผลทางจติ วทิ ยาอยํางมากดว๎ ย
ก. เปน็ การยากทพี่ นักงานวิทยุจะกาหนดการกอํ กวน ออกจากการรบกวนแบบอื่น ๆ เพราะฉะนั้น
พนักงานวทิ ยุจึงควรจะทาความค๎นุ เคยกบั ลักษณะของเสยี งสญั ญาณ กอํ กวนตาํ ง ๆ ระหวํางการฝึกอยํู
ข. สญั ญาณกํอกวนแบํงประเภทออกไดเ๎ ปน็
- สัญญาณคลน่ื เสมอ ( CW.)
- สญั ญาณปรงุ คลนื่ ( VIOCE , PHONE )
11.5.6 สัญญาณกํอกวนแบบคล่นื เสมอ( CW.JAMMING SIGNALS )
การส่ือสารประเภทวทิ ยุ หน๎าที่ 241
ก. ชนดิ เคาะเปะปะ สญั ญาณนี้เปน็ คลนื่ พาหท์ ่ยี งั ไมํได๎ปรุงคลื่นท่ีเคาะออกไปอยํางเปะปะ สํวน
ใหญํแลว๎ ใชก๎ ํอกวนวทิ ยโุ ทรพิมพแ์ ละวทิ ยุโทรสาเนา แตอํ าจใชก๎ ํอกวนวิทยุโทรเลขกไ็ ด๎
ข. ชนิดเคาะเป็นระเบียบ สัญญาณคล๎ายกับสัญญาณของคลื่นเสมอ ที่กดคันเคาะ
เปะปะ อยํางไรก็ตามคลื่นเสมอที่กดคันเคาะอยํางมีระเบียบนี้ ตัวประมวลเลขสัญญาณจะถูกสํงออกไปด๎วย
อัตราเรว็ เทาํ กันหรอื เร็วกวาํ สัญญาณท่ถี ูกกํอกวนเลก็ น๎อย สญั ญาณนี้ใช๎กอํ กวนวงจรวทิ ยโุ ทรเลข
11.5.7 สัญญาณกอํ กวนประเภทปรงุ คล่ืน
ก. ชนดิ ประกายไฟฟูา ( CLICKS ) สัญญาณกํอกวนที่เกิดจากประกายไฟฟูาเป็นส่ิงที่งํายท่ีสุด มี
ประสิทธิภาพมากที่สุด และเป็นสัญญาณการกํอกวนที่ทาได๎งํายท่ีสุดด๎วยสาหรับตัวพนักงานวิทยุเอง
แลว๎ สญั ญาณกอํ กวนแบบนรี้ ู๎สึกวาํ จะเปน็ เสียงรบกวนทเ่ี กดิ ขึน้ โดยฉับพลนั ในห๎วงเวลาอันส้ัน และมีความแรง
มาก สัญญาณกํอกวนแบบนี้เกิดขึ้นซ้า ๆ กันอยํางรวดเร็วและดังมากกวําสัญญาณท่ีต๎องการรับฟัง เวลาท่ี
ต๎องการสาหรับเคร่ืองรับหูฟังและหูของมนุษย์ต๎องฟื้นตัวขึ้นหลังท่ีได๎รับสัญญาณกํอกวนแตํละคร้ัง จึงทาให๎
สัญญาณกํอกวนเหลําน้ีแม๎วําเกิดข้ึนในเวลาสั้น แตํก็เป็นผลกระทบกระเทือนตํอการสื่อสารทางวิทยุทุกชนิด
นอกจากน้ันสัญญาณของประกายไฟฟูา มีลักษณะเป็นแถบความถ่ีกว๎าง ซึ่งชํวยให๎เคร่ืองกํอกวนเคร่ืองหนึ่ง
สามารถครอบคลมุ ชํองการส่อื สารไว๎ได๎หลายชอํ ง
ข. ชนดิ กวาดตลอด เทคนคิ การกอํ กวนชนิดนี้ สัญญาณคลื่นพาห์ถูกกวาดไปหรือเคลื่อนเดินหน๎า
ถอยหลังตลอดยํานความถ่ีด๎วยอัตราเร็วสงู สญั ญาณกํอกวนชนดิ กวาดตลอดซ่งึ มปี ระสทิ ธิผลท่ัวยาํ นอันกวา๎ งขวาง
ของความถีจ่ ะทาให๎มเี สยี งเครอ่ื งยนตข์ องเครอื่ งบนิ ธรรมดา เม่อื ใช๎กับการกวาดด๎วยความเรว็ สงู แล๎วสัญญาณนน้ั จะ
เป็นผลกระทบกระเทือนตํอการสํงขําวด๎วยวิทยุโทรพิมพ์และวิทยโุ ทรเลขอัตโนมัติ
ค. ชนิดเสียงดนตรสี งู ต่า ( Stepped tone ) สัญญาณชนิดนีโ้ ดยทั่ว ๆ ไปเรยี กวาํ เสยี งป่ถี งุ ลม
( Bagpipes ) เพราะวําเสยี งของสญั ญาณประกอบด๎วยเสียงสูงต่าตําง ๆ ( ประมาณ 3 - 5 เสียง )
เสยี งเหลาํ นี้ถกู สํงออกไปเพอ่ื ทาใหเ๎ กิดเสียงสงู ๆตา่ ๆ เมือ่ สงํ ซ้าแล๎วซา้ อีกกจ็ ะเกิดผลเป็นเสยี งท่มี เี สยี งอยาํ งป่ี
สก๏อต เสียงสูงต่าเหลําน้ีมีผลกระทบกระเทือนทางใจตํอพนักงานวิทยุ สัญญาณกํอกวนแบบนี้
มกั จะใชต๎ ํอวงจรเปน็ คาพูดชํองสอื่ สารเด่ยี ว ซ่ึงอาจปรงุ คล่ืนทางชวํ งสูงหรือทางความถก่ี ็ได๎ ( AM.,FM.)
ง. ชนิดเสียงรบกวนเปะปะ ( Random keyed modulated ) สัญญาณชนิดน้ีทาให๎เกิดเสียง
รบกวนวทิ ยุชนิดสังเคราะห์ คือเสียงรบกวนนเี้ ปล่ียนทั้งชํวงเสียงและความถี่อยํางเปะปะเน่ืองจากมีความถ่ีซึ่ง
เกิดซ้า ๆ นั้นไมํเปน็ หว๎ งท่แี นนํ อน จงึ ไมอํ าจขจดั ให๎เหลอื แตํสญั ญาณทตี่ ๎องการได๎ เสียงรบกวนเปะปะถือวําเป็น
การกอํ กวนแบบปรงุ คล่นื ชนดิ หนึง่ ซึ่งดกี วําและมอี นั ตรายมากกวําแบบอ่ืน เพราะวําพนักงานวิทยุอาจจะเข๎าใจ
ผดิ วาํ เปน็ เสยี งรบกวนในเครือ่ งรบั หรอื ของบรรยากาศ ซ่งึ จะละเลยไมํปฏิบัติตํอต๎านการกํอกวน การกํอกวน
ด๎วยเสยี งรบกวนแบบนีม้ ปี ระสิทธผิ ลตํอการสอ่ื สารทกุ ชนิด
จ. ชนดิ ปรงุ คล่ืนเสมอเคาะเปะปะ ( RANDOM KEYS MODULATED )สัญญาณกํอกวนชนิดนี้ทา
ขึ้นได๎ด๎วยการเคาะสัญญาณคล่ืนเสมออยํางเปะปะและทาการปรุงคล่ืนสัญญาณท่ีเคาะน้ีด๎วยเสียงรบกวนชนิด
ประกายไฟฟูา การกํอกวนแบบนี้จะมีประสทิ ธผิ ลโดยเฉพาะตอํ ชํองการสื่อสารเป็นคาพดู
ฉ. ชนดิ หมนุ ( ROTARY ) สัญญาณกอํ กวนชนดิ หมนุ ทาข้ึนด๎วยการเปลย่ี นแปลงความถ่ีเสียงอยําง
ช๎า ๆ โดยมรี ะดบั เสียงต่า สญั ญาณน้มี ีเสียงคล๎ายเสียงคาราม ใชเ๎ พือ่ การกอํ กวนในวงจรที่ปรุงคลนื่ เปน็ คาพดู
การส่ือสารประเภทวิทยุ หนา๎ ที่ 242
ช. ชนิดนกนางนวล ( GULLS ) สญั ญาณกํอกวนชนิดนกนางนวล ทาให๎เกิดขึ้นได๎ด๎วยการเปล่ียน
ความถเ่ี สยี งให๎สงู ขน้ึ อยํางเร็วและให๎ต่าลงอยํางช๎า ๆ เสียงท่ีเกิดขึ้นก็มีลักษณะเหมือนเสียงร๎องของนกนางนวล
ทะเล สญั ญาณการกํอกวนชนดิ นที้ าใหเ๎ กดิ ความราคาญโดยเฉพาะวงจรการปรุงคลื่นเปน็ คาพดู
ซ. ชนิดเป็นห๎วง ๆ ( PULSE ) ชนิดการกํอกวนเป็นห๎วง ๆ คล๎ายเสียงสั่น( RUMBLE ) เป็นเสียง
เดยี วกบั เสียงเคร่อื งจักรทห่ี มนุ อยาํ งเรว็ สญั ญาณนีก้ ํอให๎เกิดความราคาญตํอวงจรปรุงคลืน่ เปน็ คาพดู
ฌ. ชนดิ เสยี งดนตรี ( TONE ) สัญญาณกอํ กวนชนิดเสียงดนตรีเป็นเสียงดนตรีท่ีไมํเปล่ียนแปลงมี
ความถี่เดยี ว ซงึ่ ใหผ๎ ลโดยจากัดตํอการสื่อสารประเภทวิทยุ โดยประการสาคัญแล๎วใช๎เพื่อการกํอกวนวงจรคล่ืน
เสมอกดคนั เคาะดว๎ ยมอื และวงจรปรงุ คลื่นเป็นคาพดู แตํกอ็ าจใช๎กํอกวนวงจรคลื่นพาห์ทีส่ งํ ทางวิทยุ
ญ. ชนิดเสยี งครวญคราง ( WOBBLER ) สัญญาณกํอกวนชนดิ เสยี งครวญครางเปน็ สญั ญาณความถ่ี
เดียวปรุงคล่ืนด๎วยเสียงดนตรตี า่ ๆ ทีเ่ ปลีย่ นแปลงช๎า ๆ ผลออกมาจะเปน็ เสียงหอน ท่กี ํอใหเ๎ กดิ ความราคาญตํอ
วงจรวทิ ยุชนดิ ปรงุ คลืน่ เป็นคาพดู
11.6 มาตรการปอ้ งกนั การกอ่ กวน
11.6.1 มาตรการท่ีควรระมดั ระวัง
ถา๎ หากพิจารณาวาํ มคี วามจาเป็นท่ีจะวางมาตรการการระมดั ระวังการกํอกวนข้ึนแล๎ว การปฏิบัติ
ข้ันต๎นอาจจะกระทาด๎วยการออกแบบสร๎างวงจรและขํายในการฝึกพนักงานวิทยุ และพิจารณาแหลํงของการ
กอํ กวน
ก. การออกแบบสร๎างวงจรและขําย ในการตอํ สกู๎ ารกอํ กวนน้นั มคี วามจาเปน็ ทจ่ี ะตอ๎ งปฏิบตั ิ ดงั น้ี
(1) จัดวงจรท่ีมสี ัญญาณรบั ได๎แรงกวําท่ีตอ๎ งการตามปกติ
(2) ลดความยาวของวงจรบางวงจรลง วงจรทม่ี ีความยาวมากเกินไปนั้นไมเํ ปน็ ท่เี ช่อื ถือได๎
(3) จัดเสน๎ ทางสารองหรอื ชอํ งการสือ่ สารสารองขึ้น
(4) จดั ขาํ ยเพอ่ื ใหส๎ ถานีดาวเทียมสามารถสอื่ สารซงึ่ กนั และกนั ได๎ และให๎สอื่ สารกบั สถานี
ควบคํไู ดด๎ ๎วย
(5) ดูแลให๎มน่ั ใจวาํ เคร่อื งวิทยทุ ง้ั หมดไดร๎ ับการรกั ษาให๎อยูํในสภาพที่ดแี ละไดร๎ บั การจดั ปรบั
ไวด๎ ดี ว๎ ย
(6) จัดให๎มีเคร่ืองสํงกาลังสูงเฝูาคอยไว๎ เพื่อให๎มีเคร่ืองขยายความถี่วิทยุเพื่อให๎มี
ความสามารถเหนือสัญญาณกอํ กวน
ข. การฝึก พนักงานวิทยุทั้งหมดควรจะได๎รับการฝึกให๎รับสัญญาณที่มีการกํอกวน และให๎
สามารถรู๎ลักษณะของการกํอกวนด๎วย นอกจากนั้นเพ่ือจะให๎เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติในการตํอสูํการ
กํอกวน พนกั งานควรจะไดร๎ บั การฝกึ ให๎ยึดถอื คูํมอื ของเครื่องวิทยทุ ีใ่ ชเ๎ ป็นหลกั ด๎วย
การสื่อสารประเภทวทิ ยุ หน๎าที่ 243
ค. การกาหนดแหลํงการกอํ กวน ถา๎ มหี นวํ ยหาทศิ วทิ ยอุ ยูกํ อ็ าจจะใชเ๎ พอ่ื กาหนดแหลํง
กํอกวน ฉะนัน้ อาจจะปฏบิ ัตกิ ารขจัดปัญหาการกอํ กวนได๎ ถา๎ หากวําการกอํ กวนเป็นชนดิ คลื่นฟาู กย็ ํอม
ต๎องการใชเ๎ ครื่องหาทิศวทิ ยุมมุ สงู
11.6.2 มาตรการการแกไ๎ ข
ก. การฝกึ ปฏบิ ตั ิ พนักงานวิทยุควรฝึกปฏิบัติการรับฟังทํามกลางการกํอกวนเจ๎าหน๎าที่ซ่ึงได๎รับ
การฝึกไวอ๎ ยํางดียอํ มจะอํานสญั ญาณที่ตอ๎ งการทาํ มกลางสญั ญาณกํอกวนได๎
ข. การหมายร๎ู การรูจ๎ ักการกํอกวนโดยเจตนาในทนั ทีนัน้ เป็นสง่ิ สาคญั มากการรายงานการกอํ กวน
ไปยงั หนวํ ยหาทิศวทิ ยโุ ดยไมํชกั ช๎า เพือ่ ให๎หาทต่ี ั้งของแหลํงกอํ กวนและประสานงานเพ่ือตํอสํแู หลงํ นน้ั อาจทาให๎
การกอํ กวนในอนาคตถอยลง
ค. การปรบั แตํงเครอ่ื งรับ( ALIGNMENT ) เครื่องวิทยุท่ีได๎รับการปรับแตํงโดยเหมาะสมแล๎วยํอม
สามารถแยกสัญญาณท่ีต๎องการออกจากสัญญาณกํอกวนได๎ เจ๎าหน๎าท่ีซํอมบารุงควรจะปฏิบัติตามคํูมือของ
เคร่ืองรบั วิทยุโดยเฉพาะทใ่ี ชอ๎ ยูํและปรบั แตํงเครอื่ งเสียใหมํเพอ่ื ให๎มกี ารเลือกเฟูนทดี่ ที ี่สดุ และให๎รบั แถบความถ่ีให๎
แคบทส่ี ุด
ง. การหันทศิ สายอากาศ การแยกสัญญาณทีต่ อ๎ งการออกจากสัญญาณกํอกวนนั้นอาจกระทาให๎
เป็นผลได๎ดว๎ ยการเปล่ียนท่ตี ้งั หรอื ทศิ ทางของสายอากาศ (ถ๎าสายอากาศนัน้ เคล่ือนทีไ่ ด๎ )
จ. การเพิ่มกาลงั กาลงั ของเคร่ืองสงํ ทมี่ มี ากข้ึนอาจจะเพ่มิ ความแรงของสญั ญาณทเ่ี ครือ่ งรับจนถึง
จุดของสัญญาณท่ีตอ๎ งการน้ันขมํ สัญญาณกอํ กวนได๎ ถา๎ วงจรท่ีถกู กอํ กวนนนั้ เป็นวงจร ปส. ( AM ) คาพูด การทา
ให๎เครื่องสํงมีการปรุงคล่ืนเกินขนาดอาจจะอํานสัญญาณกํอกวนแถบความถี่ท่ีแคบ ๆ ได๎ จึงทาให๎วงจรน้ัน
สามารถทางานได๎ผล ถ๎าพนักงานประจาเครื่องสํงคาพูดอยํางช๎า ๆ และชัดเจนด๎วยแล๎ว พนักงานรับก็จะ
สามารถรบั ขําวได๎
ฉ. การเปลี่ยนวิทยโุ ทรเลข ถา๎ มีพนักงานวิทยุโทรเลขอยูํด๎วยแลว๎ ก็อาจใช๎วิทยุโทรเลขแทนการสํง
เปน็ คาพดู หรือเปน็ วิทยโุ ทรพิมพ์ได๎ การสํงวิทยุโทรเลขด๎วยความเร็วต่าจะทาให๎สามารถอํานสัญญาณผํานการ
กอํ กวนได๎ดียิ่งขึน้
ช. การปรับปรงุ บริการ ในระบบหลายชํองการส่ือสารอาจจะต๎องการใช๎ชํองการสื่อสารตําง ๆ
และตอ๎ งเพม่ิ กาลงั ของคลื่นเสียงในแตํละชํองการสื่อสารข้ึนเล็กน๎อยถ๎าหากวําไมํมีชํองการส่ือสารเป็นท่ีพอใจ ก็
อาจจะตอ๎ งใชช๎ อํ งการสื่อสารให๎น๎อยลง ซง่ึ กจ็ ะทาใหก๎ าลังของคลนื่ เสยี งในแตชํ อํ งการสอื่ สารเพิ่มขึน้ กวาํ เดิม
ซ. การถํายทอด อาจจะถาํ ยทอดขาํ วทีถ่ กู รบกวนไปในชอํ งทางสารองได๎
ฌ. การเปล่ียนความถี่ การเปลีย่ นไปใชค๎ วามถ่อี ่นื ทาใหส๎ ามารถปฏบิ ตั ิงานได๎
11.7 การปฏิบตั ใิ นระหว่างถกู ก่อกวน
11.7.1 กลําวทัว่ ไป
การส่ือสารประเภทวิทยุ หนา๎ ที่ 244
เป็นการบงั คบั วาํ พนกั งานวทิ ยุตอ๎ งใชเ๎ ครื่องวิทยุของตนตํอไป ในระหวํางที่ข๎าศึกทาการกํอกวน
ถึงแมว๎ ําพนักงานวิทยจุ ะมิไดร๎ บั ผิดชอบมาตรการการตํอส๎ูการกํอกวนเสียทั้งหมดแตํผเ๎ู ดยี วก็ตาม แตํกย็ ังคงมีความ
รบั ผดิ ชอบโดยตรงตอํ การปฏบิ ตั งิ านใหต๎ ํอเนื่องอยตํู ลอดไป
ก. พนักงานวิทยุที่จะทางานให๎ได๎ผลทํามกลางการกํอกวนได๎น้ัน อยูํกับขีดความสามารถและ
ความชานาญของตน พนกั งานวทิ ยุทีม่ คี วามชานาญสามารถอํานสัญญาณทตี่ ๎องการทํามกลางการกอํ กวนทั้งหมด
ได๎ เว๎นแตํกรณที ่ีมคี วามรนุ แรงมากทีส่ ดุ การทีจ่ ะใหเ๎ กิดความชานาญไดน๎ ั้น พนกั งานวิทยุจะต๎องฝึกปฏิบัติการ
รบั สญั ญาณทาํ มกลางการกอํ กวนไดท๎ ุกแบบ
ข. การกํอกวนแบบตาํ ง ๆ ยอํ มต๎องการเทคนคิ ทางการตอํ สก๎ู ารกํอกวนแบบตําง ๆ ด๎วย ได๎มีการ
พัฒนาเทคนคิ ตําง ๆ ข้นึ เพอ่ื ตํอสก๎ู ับการกํอกวนแบบตําง ๆ เกือบทกุ แบบ
11.7.2 ระเบยี บปฏบิ ัตขิ องสถานี
ก. ท่ีตงั้ และการหนั ทศิ ทางของสายอากาศเป็นปจั จัยทส่ี าคัญในการลดผลจากการกํอกวน ตวั อยําง
เชนํ ในระบบ ถสม.( VHF ) และ ถสอ.( UHF ) นั้นควรจะตงั้ สายอากาศโดยให๎ เนนิ เขา อาคาร หรือส่ิงกีดขวางอื่น
ๆ อยรํู ะหวาํ งสายอากาศ และสถานีกํอกวน
ข. สวํ นมากแล๎วการใชส๎ ายอากาศบํงทิศ จะลดผลการกอํ กวนของขา๎ ศึกลงได๎
ค. สถานวี ิทยจุ ะตอ๎ งปฏบิ ัตกิ ารด๎วยประสิทธภิ าพสงู สุด เพอื่ ตอํ ส๎ูกบั การกอํ กวนของข๎าศึกให๎ได๎ผล
เครอ่ื งมือทีท่ างานผดิ ปกติจะตอ๎ งแก๎ไขทนั ที
ง. พนักงานวิทยุควรจะไดร๎ ับคาสั่งให๎ทาการสํงเฉพาะเม่ือมคี วามจาเป็นอันแท๎จรงิ
จ. ในระหวํางทีท่ าการปรบั คลืน่ เครือ่ งสงํ น้ันควรจะใชส๎ ายอากาศหํุน(Dummy antenna ) เพ่ือผล
โอกาสทีข่ ๎าศึกจะดักรบั การสํงขาํ วทางวิทยจุ ากฝาุ ยเรา
ฉ. ในขน้ั ตน๎ ควรจะใช๎เครอื่ งสงํ วิทยุดว๎ ยกาลงั ออกอากาศแตํน๎อยทสี่ ดุ เทําที่จาเป็นเทําที่จะทาการ
สือ่ สารกันได๎ ในภายหลังอาจจะจาเปน็ ตอ๎ งเพมิ่ กาลังเคร่อื งสํงเพ่อื ให๎ขํมสญั ญาณกํอกวนของขา๎ ศกึ กไ็ ด๎
ช. ควรจะฝึกพนักงานวิทยุให๎สํงตัวอักษรเป็นหมํูประมวลลับให๎แจํมแจ๎งชัดเจนทั้งน้ีจะชํวยให๎
พนักงานรับอํานสัญญาณทตี่ ๎องการในทํามกลางการกอํ กวนของขา๎ ศกึ ได๎
11.7.3 ความเรว็ ของการสํง
การลดความเร็วของการสํงเปน็ คาพูดและเป็นโทรเลขจะเป็นการชวํ ยเหลือพนกั งานรับในระหวาํ งที่
ถกู ข๎าศกึ กอํ กวน อยํางไรกต็ ามพนกั งานวิทยุไมํควรลดความเร็วลงโดยทันทที ันใด เพราะการลดความเร็วเชํนนั้น
อาจจะสงํ ใหข๎ ๎าศึกเหน็ วาํ การกอํ กวนไดผ๎ ลการลวงข๎าศกึ เก่ยี วกบั ประสิทธผิ ลของการกอํ กวนบางทกี ็
ทาใหข๎ า๎ ศึกทอ๎ ใจในการกอํ กวนตํอไปอีก
11.7.4 การคงใชเ๎ ครอื่ งปฏบิ ัติงานตํอไป
สถานวี ทิ ยุควรจะตอ๎ งปฏิบัตงิ านตํอไปอีกถึงแม๎วําจะถูกสัญญาณกํอกวน การปิดสถานีก็จะบํงให๎
ข๎าศึกทราบวําการกอํ กวนนั้นเปน็ ผลสาเร็จแลว๎ ถ๎าสถานถี ูกกํอกวนยังคงปฏบิ ัตงิ านตอํ ไป การตอํ สู๎การกอํ กวนก็
อาจจะกระทาไดใ๎ นขณะที่ข๎าศึกกาลังพะวงอยํูกับการกํอกวน ฉะน้ันสถานีอ่ืน ๆ ของฝุายเดียวกันซ่ึงปฏิบัติงาน
ดว๎ ยความถตี่ าํ งกันก็จะพ๎นจากการกอํ กวนของขา๎ ศึกได๎
การส่ือสารประเภทวิทยุ หนา๎ ที่ 245