โรงเ ีรยนเทศบาลวัดกลาง สานักการ ึศกษา เทศบาลนครขอนแ ่กน ชีววทิ ยาเพิ่มเติม ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 6
แบบฝึกทกั ษะการเรียนรู้
อาณาจักรของสิ่งมชี ีวติ
นางนุชนี ทองดีนอก
ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชำนาญการพเิ ศษ
กรมส่งเสรมิ การปกครองทอ้ งถนิ่ กระทรวงมหาดไทย
ก
คำนำ
การจัดทำแบบฝึกทักษะการเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ วชิ าชวี วิทยาเพ่ิมเตมิ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6
เรื่องอาณาจักรของส่ิงมชี วี ิต ผูจ้ ัดทำไดส้ ร้างข้ึนจากประสบการณ์และความพยายาม ในกาจดั การเรียนการสอน ให้สอดคล้อง
กับความต้องการทางการเรียนรู้ของผู้เรียนและส่งเสริมการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) เพื่อให้นักเรียนเกิดการ
เรียนรู้อย่างแท้จริง มีความรู้ที่คงทน และเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสร้างสรรค์ ก่อเกิดประสบการณ์ในการสืบค้นข้อมูล
การแลกเปลีย่ นเรียนรู้ การสรุปและสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง การฝึกคิดฝึกทำ ย้ำเน้นผ่านการเรียนรูท้ ีห่ ลาหลาย ด้วยการ
คิดวิเคราะห์ การเรียนแบบกลุ่มร่วมมือ การทำแผนผังความคิด การนำเสนอความรู้ ภายใต้เงื่อนไขของการช่วยเหลือ ซึ่งกัน
และกัน มคี วามรบั ผดิ ชอบการเรยี นรู้ของตนเองและกลุ่ม ผู้จดั ทำจงึ ได้มุ่งมั่นศึกษาค้นควา้ ตำราหลายเล่มและได้นำบริบทของ
เอกสารประกอบการสอน และแบบฝึกเสริมทักษะ มาเป็นแนวทางในการจัดทำแบบฝึกทักษะการเรียนรู้เรื่องอาณาจักรของ
สง่ิ มชี ีวติ ซึง่ ไดแ้ บง่ สาระความรู้ออกเปน็ 5 บท ไดแ้ ก่ บทท่ี 1 เร่ืองอาณาจกั รมอเนอรา บทที่ 2 เรือ่ งอาณาจกั รโพรทิสตา บท
ที่ 3 เรื่องอาณาจักรฟังไจ บทที่ 4 เรื่องอาณาจักรพืช บทที่ 5 เรื่องอาณาจักรสัตว์ บทที่ 6 เรื่องอาณาจักรไวรา และ
โครงสร้างองค์ประกอบสำคัญของแบบฝึกทักษะการเรียนรู้ออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 ส่วนเสริมความรู้ความเข้าใจ
ประกอบด้วย เนื้อหาสาระสำคัญของเรื่อง บทนำ และเกร็ดความรู้ ส่วนที่ 2 ส่วนเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ ประกอบด้วย
ข้อความคำสนทนาและภาพประกอบ สว่ นที่ 3 ส่วนส่งเสริมทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ คดิ สังเคราะห์ ประกอบด้วย แบบทดสอบ
ก่อนเรียน แบบทดสอบหลังเรียน แบบฝึกหัดท้ายบท กิจกรรมลับสมอง กิจกรรมประลองปัญญา บันทึกองค์ความรู้ของกล่มุ
และแผนผังความคิด โดยแต่ละส่วนได้มีการจัดเรียงแบบผสมผสานตามรูปแบบของการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก นอกจากนี้
แบบฝึกทกั ษะไดผ้ า่ นการตรวจสอบความถกู ต้องและความสมบรู ณจ์ ากผู้เช่ียวชาญเป็นทเ่ี รียบร้อยแลว้
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แบบฝึกทักษะการเรียนรู้ กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ วิชาชีววิทยาเพิ่มเติม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรื่องอาณาจักรของสิ่งมีชวี ิต จะเป็นประโยชนต์ ่อครู นักเรียน รวมทั้งผู้ที่สนใจ ตลอดจนคงประโยชน์ท่ี
เป็นแบบอยา่ งในการพฒั นาการจดั การเรียนร้สู บื ไป
นางนชุ นี ทองดนี อก
ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพเิ ศษ
ข
คาแนะนาสาหรับครู
เพ่อื ให้การเรียนดว้ ยแบบฝึกทกั ษะการเรียนรูร้ ่วมกบั การเรียนรู้เชงิ รุก
ดำเนินไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและเกิดประสิทธิผล ครผู ู้สอนควรศกึ ษา
รายละเอยี ดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ดังน้ี
1. ครศู กึ ษาแผนการจดั การเรียนรู้แบบเชงิ รกุ ร่วมกบั แบบฝึกทักษะ
การเรยี นรู้ใหเ้ ข้าใจกอ่ นนำไปใช้
2. ครูอธิบาย ช้แี จง รายละเอยี ดเกี่ยวกับแบบฝึกทกั ษะการเรยี นรู้
และบอกจุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการเรยี นรแู้ บบเชงิ รุกใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ
3. ครูทดสอบความรู้นกั เรยี นก่อนเรยี นด้วยแบบกอ่ นเรยี น
จำนวน 40 ขอ้
4. ครูดำเนินการสอนตามแผนการจดั การเรียนร้เู ชงิ รกุ ทีก่ ำหนดไว้
ให้ครบทุกแผน
5. ครูใหค้ ำแนะนำ คำปรกึ ษากับนักเรยี นขณะเรียนรอู้ ย่างใกล้ชิด
และคอยใหก้ ำลงั ใจ เสรมิ แรงอย่างต่อเน่อื ง
6. เมือ่ นกั เรียนเรียนรู้จบแลว้ ใหน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน
จำนวน 40 ข้อ
ค
คาแนะนาสาหรับนกั เรยี น
แบบฝกึ ทักษะการเรียนร้เู ลม่ น้ี สร้างข้ึนเพ่ือให้ผู้เรียนเรียนรู้รว่ มกันเป็นกลุม่ และศึกษาด้วยตนเอง ซ่งึ
ผู้เรียนจะไดร้ บั ประโยชน์จากบทเรียน ดว้ ยการปฏิบัติตามตาคำแนะนำในการใชแ้ บบฝกึ ทักษะการ
เรยี นรู้ ดังน้ี
1. ก่อนเรียนร้ใู หน้ กั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อวดั ความรเู้ ดมิ โดยใชก้ ระดาษ
คำตอบทเ่ี ตรียมไว้
2. นกั เรียนศกึ ษาแบบฝกึ ทักษะการเรียนรู้ตามลำดับ ไมต่ อ้ งรบี ร้อน เมื่อเข้าใจแล้วใหท้ ำ
ทกุ กจิ กรรมและตอบคำถามทุกข้อของแตล่ ะกจิ กรรม พร้อมตรวจคำตอบจากกรอบเฉลยทคี่ รู
3. การเรียนรู้ดว้ ยแบบฝกึ ทักษะการเรียนรเู้ ลม่ น้ี นักเรยี นต้องใหค้ วามรว่ มมือทำกิจกรรม
มีความซ่ือสตั ย์ มีความอดทนในการปฏิบตั กิ จิ กรรม ร่วมสรา้ งความสามัคคีในกลุ่ม และปฏิบัตติ อ่
เพ่ือนแบบกัลยาณมติ ร พร้อมตระหนักว่าความสำเร็จของกล่มุ คือความสำเร็จของเพื่อนและเป็น
ความสำเร็จของเรา
4. ในขณะเรยี นรู้ เมื่อนักเรียนมปี ัญหาหรือข้อสงสัยใหป้ รกึ ษาครผู ู้สอนได้ตลอดเวลา
5. เม่ือเรยี นรู้ตามแผนการจัดการเรียนรูแ้ บบเชงิ รกุ รว่ มกบั แบบฝึกทกั ษะการเรียนรู้จนครบ
แล้วให้นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน โดยไมเ่ ปดิ กลบั ไปดูเน้อื หาในเล่มขณะทำแบบทดสอบ
6. การทำแบบทดสอบหลังเรียนจะถือเป็นคะแนนของนักเรยี นแต่ละคน และประเมนิ ผล
ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม
ง
สารบัญ
เรื่อง หนา้
• คำนำ…………………………………………………………………………………………………………………………….. ก
• คำแนะนำสำหรบั ครู………………………………………………………………………………………………………... ข
• คำแนะนำสำหรับนักเรียน………………………………………………………………………………………………… ค
• สารบัญ………………………………………………………………………………………………………………………….. ง
• คำชแ้ี จง…………………………………………………………………………………………………………..…………….. 1
• ผลการเรียนรู้…………………………………………………………………………………………………………..……… 3
• ผังมโนมตเิ รื่องอาณาจักรส่งิ มีชีวิต…………………………………………………………………………..………..... 4
• บทนำเน้ือหา………………………………………………………………………………………………………………...… 5
• บทที่ 1 เรื่องอาณาจักรมอเนอรา…………………………………………………………………………………...….. 7
• แบบฝกึ ทา้ ยบทท่ี 1…………………………………………………………………….…………………………………… 16
• บทท่ี 2 เรื่องอาณาจักรโพรทิสตา……………………………………………………………………..………………. 18
• แบบฝึกทา้ ยบทที่ 2……………………………………………………………………………………………………….... 33
• บทท่ี 3 เรื่องอาณาจักรฟงั ไจ…………………………………………….……………………………….……………… 35
• แบบฝึกท้ายบทที่ 3…………………………………………………………………………………..………….............. 44
• บทที่ 4 เรอื่ งอาณาจักรพชื ………………………………………………………………………………….……………. 46
• แบบฝกึ ทา้ ยบทที่ 4…………………………………………………………………………………………...………….... 60
• บทที่ 5 เรอ่ื งอาณาจักรสตั ว์….……………………………………………………………………………….……….... 62
• แบบฝึกทา้ ยบทที่ 5…………………………………………………………………………………………….…………… 80
• บทที่ 6 เรื่องอาณาจักรไวรา…………………….……………………………………………………….……………… 82
• แบบฝึกท้ายบทที่ 6…………………….…………………………………………………………………….…............. 94
• บรรณานุกรม……………………………………………………………………………………………...…………………. 96
• ภาคผนวก………………………………………………………………………………………………………………….......97
• แบบทดสอบก่อนเรยี นหลังเรียน………….…………………………………………………………………………… 98
• ประวตั ิผ้จู ดั ทำ………………………………………………………………………………………………………………..103
1
คาชแี งการ ชแบบฝกทักษะการเรยี นรู
แบบฝกึ ทักษะการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ วชิ าชีววทิ ยา
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรื่องอาณาจักรของสิ่งมีชีวิต ให้นักเรียนปฏิบัติตามขั้นตอน
ต่อไปน้ี
1. นักเรียนอา่ นคำช้ีแจงใหล้ ะเอียด
2. นักเรียนอา่ นผลการเรียนรูท้ ี่คาดหวัง และจดุ ประสงค์การเรียนร้ขู องเลม่ นใี้ หเ้ ขา้ ใจ
3. นกั เรยี นแตล่ ะคนลงมือทำแบบทดสอบก่อนเรยี น ซึ่งมจี ำนวน 40 ข้อ
4. นกั เรยี นแบง่ เป็นกลุ่ม โดยมสี มาชกิ กลุม่ ละ 4 - 5 คน สมาชกิ แต่ละคนมีหมายเลข
ประจำตวั และมหี นา้ ท่ปี ระจำหมายเลข ดังน้ี
สมาชกิ หมายเลข 1 เป็นหวั หน้ากลุ่มมีหน้าท่กี ำกบั ดูแลกิจกรรมการเรียนรูข้ องกลุ่ม
ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมาย และนำคะแนนการทดสอบของสมาชกิ ในกลุ่ม คะแนนทดสอบของกลมุ่ และ
บนั ทกึ การสรุปองค์ความร้ขู องกลุม่ นำสง่ ครูผ้สู อน
สมาชกิ หมายเลข 2 มีหน้าท่ีอา่ นคำส่งั คำช้ีแจง วัตถุประสงค์ ผลการเรยี นรู้ทีค่ าดหวงั
หรืออา่ นกจิ กรรม หรอื อ่านโจทยป์ ญั หา และคำถาม หรืออา่ นเนือ้ หา
สมาชกิ หมายเลข 3 มีหนา้ ที่จดบนั ทึกสรุปความร้ขู องกล่มุ หรอื รวบรวมขอ้ มูลความรู้
ของกล่มุ หรอื บันทึกสรุปองคค์ วามรู้ของกลมุ่ แล้วนำเสนอ นำมาอภปิ รายในกลมุ่ หรือในชั้นเรยี น
สมาชกิ หมายเลข 4 มีหนา้ ท่ีจดบันทึกคำตอบ คำถาม หรอื การคำนวณหาคำตอบ
ของกลุ่มแลว้ นำเสนอ นำอภปิ รายในกลมุ่ ตรวจสอบคำตอบของสมาชิกในกลุ่ม ตรวจสอบความถูกต้อง
ของบนั ทกึ องค์ความรขู้ องกลุม่ และบันทึกคะแนนของสมาชกิ
สมาชกิ หมายเลข 5 มหี นา้ ท่ีสงั เกตการณ์ทำหน้าท่แี ละการให้ความร่วมมือของสมาชิก
ในกลุม่ จดบนั ทึกพฤตกิ รรมขณะเรยี นร้ขู องสมาชิกในกลุ่มและประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมของกลมุ่ ลง
ในแบบบนั ทึกการสังเกตพฤติกรรมการเรียน พรอ้ มนำอภิปรายขอ้ ดขี องกลมุ่ ข้อเสนอแนะของกลุ่ม หรอื
ขอ้ ควรปรับปรงุ ของกลุ่มในการปฏบิ ัติกจิ กรรมให้กลุ่มทราบ หลังจากเฉลยคำตอบของแบบฝกึ ทกั ษะเสร็จ
แลว้ เพือ่ เปน็ แนวทางในการพัฒนาการเรียนร้ขู องกลุ่มครงั้ ตอ่ ไป
ถา้ สมาชกิ ในกลุม่ มี 4 คน ใหห้ นา้ ท่ีของสมาชกิ คนที่ 5 เปน็ ของสมาชกิ คนที่ 1
ทุกกิจกรรมการเรียนรใู้ ห้นักเรียนร่วมมอื ทำทุกกิจกรรมร่วมกันทุกคนและในขณะทำ
กจิ กรรมให้ตระหนักถงึ หน้าทค่ี วามรบั ผดิ ชอบของสมาชกิ กลมุ่ ไปดว้ ย
5. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมในเลม่ ไปทลี ะบทจนครบทกุ บท ตามแผนการจัดการ
เรียนรู้เม่อื ทำกิจกรรมครบถว้ นของแตล่ ะบทแลว้ ใหห้ ัวหนา้ กลมุ่ ตรวจทานการทำกิจกรรมของสมาชกิ
กลมุ่ ทกุ คร้งั และบันทกึ คะแนนการทดสอบของสมาชกิ ในกล่มุ ส่งครผู ้สู อน
2
5. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มปฏบิ ัติกิจกรรมในเล่มไปทลี ะบทจนครบทกุ บท ตามแผนการจัดการ
เรียนรู้เม่ือทำกจิ กรรมครบถว้ นของแตล่ ะบทแลว้ ให้หวั หน้ากลมุ่ ตรวจทานการทำกิจกรรมของสมาชกิ กลุ่มทุกคร้งั และ
บนั ทกึ คะแนนการทดสอบของสมาชิกในกลมุ่ ส่งครผู ้สู อน
6. สำหรบั กล่มุ ทไี่ มผ่ า่ นเกณฑ์การประเมิน 80 % ของแบบฝึกแตล่ ะบท ให้นักเรียนกลบั ไปศกึ ษ
เนอื้ หาอีกคร้งั โดยให้กลมุ่ ที่ได้คะแนนสงู สดุ ทำการชว่ ยเหลอื เชน่ ชว่ ยอธิบายข้อสงสยั อธบิ ายคำตอบแล้วทำแบบฝกึ หัด
อกี ครั้งหนงึ่ หรือให้กล่มุ ที่ไดร้ ับการชว่ ยเหลอื อธิบายคำตอบให้กลุม่ ที่ชว่ ยเหลือฟังอีกครั้ง โดยใหก้ ลุม่ ท่ีชว่ ยเหลือเป็นผู้
ประเมินกลุ่มที่ถูกช่วยเหลอื เมื่อผา่ น เกณฑ์ประเมินแลว้ ครจู ึงอนุญาตใหก้ ลุ่มน้นั ไปเรยี นรู้บทปฏบิ ัตกิ ารเรียนร้บู ทต่อไปได้
7. เมื่อเรียนรู้จนครบทุกบทแล้วใหน้ ักเรียนแต่ละคนทำแบบทดสอบหลังเรียนซึ่งมจี ำนวน 40ข้อ
8. นักเรยี นตรวจสอบผลคะแนนของตนเองวา่ มคี วามก้าวหนา้ ขึน้ หรือลดลง แลว้ หัวหน้า
กลมุ่ บนั ทึกคะแนนสมาชิกกลมุ่ ส่งครูผสู้ อน
ขอให้นักเรยี นทำ
กจิ กรรมต่าง
ดว้ ยความตัง้ ใจนะคะ
3
ลการเรยี นรทู ี่คาดหวัง
สืบคน้ ข้อมลู อภิปราย อธิบาย และนำเสนอเก่ยี วกับอาณาจักรของส่ิงมชี ีวติ อาณาจักร
มอเนอรา อาณาจกั รโพรทิสตา อาณาจักรฟงั ไจ อาณาจกั รพืช อาณาจักรสตั ว์และอาณาจักรไวรา
ดุ ประสงคการเรยี นรู
1. นกั เรยี นสืบคน้ ข้อมูล และอธบิ ายเกย่ี วกบั อาณาจักรของสง่ิ มชี วี ิต อาณาจักรมอเนอรา อาณาจักรโพรทิสตา อาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรพืช อาณาจกั รสตั ว์และอาณาจักรไวราได้ถูกต้อง
2. นักเรียนสรุปองค์ความรู้เก่ียวกบั อาณาจักรของสิ่งมชี วี ติ อาณาจักรมอเนอรา
อาณาจักรโพรทสิ ตา อาณาจักรฟงั ไจ อาณาจกั รพชื อาณาจกั รสัตวแ์ ละอาณาจกั รไวราไดถ้ กู ต้อง
3. นักเรียนบนั ทกึ องค์ความรู้ ทำแผนภาพความคิดเกีย่ วกับ อาณาจักรมอเนอรา
อาณาจักรโพรทิสตา อาณาจักรฟงั ไจ อาณาจกั รพืช อาณาจกั รสตั วแ์ ละอาณาจักรไวราไดถ้ ูกต้อง
4. นกั เรียนนำเสนอเกี่ยวกับอาณาจกั รมอเนอรา อาณาจกั รโพรทสิ ตา อาณาจกั รฟงั ไจ อาณาจักรพืช อาณาจักรสตั วแ์ ละอาณาจกั รไว
ราไดถ้ ูกต้อง
5. นกั เรียนทำแบบทดสอบไดถ้ กู ต้องและผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ 80 ขน้ึ ไป
6. นกั เรียนให้ความร่วมมือเรียนรู้ ช่วยเหลือกนั ซึง่ กนั และกนั และเรียนรอู้ ยา่ งมีความสขุ
ทำความเขา้ ใจ
กอ่ นเรียนนะคะ่
4
งั มโนมติ เร่ืองอาณา กั รของสงิ่ มชี วี ติ
อาณา ักรไวรา อาณา กั รมอเนอรา อาณา กั รโพรทิสตา
อาณา กั รสัตว์
อาณา กั รของ อาณา กั รฟัง
ส่งิ มีชวี ิต ไ
อาณา กั รพืช
5
บทนำเนือหา
อาณาจักรของส่ิงมีชวี ติ จำแนกได้ ดงั นี้
ชอื่ อาณา กั ร ไฟลัม/ ดวิ ชิ น่ั / กลุ่ม ตวั อยา่ ง
อาณา ักรมอเนอรา
อาณา ักรโพรทิสตา - แบคทเี รยี
อาณา กั รฟงั ไ 1. ไดโพลโมนาดิดา เกียร์เดีย
อาณา ักรพืช
และพาราบาซาลา ไตรโคโมแนส ไตรโคนิมฟา
2. ยกู ลโี นซวั ยูกลนี า
3. แอลวโี อลาตา ไดโนแฟลเจลเลต
พลาสโมเดยี ม
พารามีเซียม วอร์ตเิ ซลลา
4. สตาร์มโี นไพลส์ สาหรา่ ยสีน้ำตาล ไดอะตอม คลอเรลลา
5. สาหร่ายสีเขียว สไปโรไจรา
6. สาหร่ายสีแดง พอร์ไฟรา กราซลิ าเรยี
7. ไมซโี ทซัว ราเมอื ก
8. ไรโซโพดา อะมีบา เอนทามีบา
- รา เหด็ และยีสต์
1. ดิวิชนั่ ไบรโอไฟตา มอส ฮอร์นเวริ ์ด ลเิ วอร์เวิรต์
2. ดวิ ิชั่น ฟิโลไฟตา หวายทะนอย
3. ดวิ ชิ ั่น ไลโคไฟตา ช้องนางคล่ี ตนี ตุ๊กแก หางสงิ ห์
กระเทียมนำ้ สามร้อยยอด
4. ดิวิชนั่ สฟีโนไฟตา หญา้ ถอดปล้อง
5. ดวิ ชิ น่ั เทอโรไฟตา เฟิรน์
6. ดิวิชั่น โคนเิ ฟอโรไฟตา สน
7. ดวิ ิชัน่ ไซแคโดไฟตา ปรง เรนยี ะนคระูไป...พรอมกนั
8. ดวิ ิชั่น กิงโกไฟตา แปะกว๊ ย
9. ดวิ ชิ น่ั แอนโทไฟตา พืชมีดอก
6
ชื่ออาณา กั ร ไฟลัม/ ดวิ ชิ น่ั / กลมุ่ ตัวอยา่ ง
1. ไฟลมั พอริเฟอรา ฟองน้ำ
2. ไฟลมั ซเี ลนเทอราตา แมงกะพรุน ดอกไม้ทะเล ปะการงั กลั ปงั หา
ไฮดรา
3. ไฟลัมแพลทเิ ฮลมนิ ทสี พยาธติ ัวตืด พยาธใิ บไม้ พลานาเรีย
4. ไฟลมั เนมาโทดา พยาธิไสเ้ ดือน ไส้เดือนฝอย และหนอนใน
น้ำสม้ สายชู
อาณา กั รสตั ว์ 5. ไฟลัมแอนเนลดิ า ไส้เดอื นดิน แมเ่ พรยี ง ทากดูดเลอื ด
ปลงิ นำ้ จดื
6. ไฟลมั มอลลัสกา หมกึ หอย หอยทาก ทากทะเล ลน่ิ ทะเล
7. ไฟลมั อารโ์ ทรโพดา แมลง กุ้ง กั้ง ปู ไรน้ำ แมงดานา แมงดาทะเล
เห็บ ไร ตะขาบ กิง้ กือ
8. ไฟลมั เอไคโนเดอร์มาตา ดาวทะเล เม่นทะเล อแี ปะทะเล ดาวเปราะ
ปลิงทะเล เพรียงหัวหอม
9. ไฟลัมคอรด์ าตา สัตวเ์ ลี้ยงลกู ดว้ ยนม สตั วค์ รึ่งบกคร่ึงนำ้ สัตวป์ ีก
สตั ว์เล้ือยคลาน แอมฟิออกซัส ปลา
อาณา กั รไวรา -
ไวรัส ไวรอยด์
พร้อมเข้าส่กู าร
เรยี นรู้แลว้ นะคะ
การเร่มิ ต้นท่ดี ี
ทำใหส้ ำเร็จไปแล้ว
คร่งึ หนึง่
บทที่ 1 7
อาณา กั รมอเนอรา (Kingdom Monera)
สงิ่ มีชวี ติ ได้ปรากฎขึ้นบนโลกน้ีมานานแล้ว ดงั จะเห็นไดจ้ ากซากดึกดำบรรพ (fossil) ทเ่ี กา่ แกท่ ่ีสุดท่ี
เรียกว่า สโตรมาโทไลท์ (stromatolite) ที่พบซากของไซยาโนแบคทเี รีย (cyanobacteria) หรือสาหรา่ ย
สีเขียวแกมนำเงนิ (blue green algae) โดยในยุคเรม่ิ แรกที่พบเปน็ สงิ่ มชี วี ิตท่ีมีลักษณะเซลล์เดียว และ
เปน็ เส้นสายแบบงา่ ย และเป็นเซลลท์ ี่ไม่มเี ย่ือหุ้มนิวเคลยี ส หรือเรียกว่า โพรแคริโอต (prokaryote) ซง่ึ
เป็นสง่ิ มชี วี ติ ในอาณาจักรมอเนอราหรือทีร่ จู้ กั กนั ทว่ั ไปคือ แบคทีเรีย (bacteria) เป็นกลุ่มสงิ่ มชี วี ติ กล่มุ
แรก ทีม่ ีววิ ัฒนาการจนสามารเจรญิ เติบโตได้ในทกุ สภาพสิ่งแวดลอ้ ม
ภาพที่ 1-1 ฟอสซิลสโตรมาโทไลท์
โครงสรา้ งของแบคทีเรีย (bacteria)
แบคทีเรีย (bacteria)
- cytoplasmic membrane มีเย่อื หมุ้ เซลล์ 2 ช้นั
- Ribosomes ขนาดเล็ก (70s) กระจายทว่ั ไปอิสระในเซลล์
- Nucleoid ไม่มีเย่ือหุ้ม โครโมโซมเปน็ วง (Circular DNA)
- Cell wall เปน็ สารเพปทิไดโคเจน ไมม่ ีเซลลูโลส
- Capsules ป้องกันเซลล์
- Pili ทำหน้าท่ยี ดึ เกาะพ้นื ผิว
- Flagella ช่วยในการเคล่อื นท่ี
ภาพที่ 1-2 โครงสรา้ งของแบคทีเรีย
8
รปู ร่างของแบคทีเรีย
แบคทเี รียทพี่ บโดยทัว่ ไปมรี ูปร่าง 3 แบบ คือ รูปทรงกลมหรือคอคคัส (coccus) รปู แทง่ หรอื
บาซิลลสั (bacillus) และรปู เกลียวหรอื สไปริลลมั (spirillum) โดยเซลล์อาจพบอยู่เปน็ เซลลเ์ ดย่ี ว
หรอื เกาะอยู่รวมกนั เป็นกลุ่ม หรือคล้ายเปน็ เสน้ สาย
ภาพท1ี่ -3 รูปร่างของแบคทีเรยี
ความหลากหลายของ
แบคทเี รีย
ซับคงิ ดอมยแู บคทเี รยี
ยูแบคทีเรีย เป็นแบคทีเรียแกรมลบ สามารถพบได้ท่วั ไปแม้กระท่ังในแหลง่ นำ้ พุร้อน มีบทบาท
สำคญั ต่อระบบนิเวศ ได้แก่
1. กลุม่ โพรทโี อแบคทเี รีย (Proteobacteria) พบมากทสี่ ดุ บางกลุ่มสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
บางกล่มุ ดำรงชวี ติ โดยใชไ้ ฮโดรเจนซัลไฟต์ (H2S) และให้ซัลเฟอร์ในกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง
เชน่ เพอเพิลซัลเฟอร์แบคทเี รีย (purple sulfur bacteria) บางกลุม่ ชว่ ยตรงึ แก๊สไนโตรเจนในอากาศ
ใหก้ บั พืช เช่น ไรโซเบยี ม (Rhizobium sp.) ท่ีปมรากถั่ว
ก ข
ภาพท่ี1-4 เพอเพิลซลั เฟอร์แบคทเี รยี (ก) ไรโซเบียม (ข)
9
2. กลมุ่ คลาไมเดีย (Chlamydias) เปน็ ปรสติ ในสตั ว์ ทำใหเ้ กดิ โรคติดต่อทางเพศสมั พันธ์
เช่น โรคโกโนเรีย หรือหนองใน
ภาพท1ี่ -5 คลาไมเดยี ที่ทำใหเ้ กิดโรคโกโนเรยี
3. กลุ่มสไปโรคีท (Spirochetes) มีรปู ร่างทรงเกลียว มีการดำรงชวี ิตทั้งแบบปรสิตและแบบ
อสิ ระ และบางชนิดเปน็ สาเหตขุ องโรคซิฟิลิส โรคฉห่ี นู
ภาพที่ 1-6 สไปโรคที โรคซฟิ ิลิส (ข) โรคฉี่หนู (ค)
4. แบคทีเรยี แกรมบวก พบทว่ั ไปในดนิ อากาศ บางชนดิ ผลติ กรดแลกติกได้ เชน่
Lactobacillus sp. ใชผ้ ลิตเนย ผกั ดอง โยเกิร์ต บางชนิดทำยาปฏิชวี นะ เช่น Streptomyces sp.
บางชนิดสรา้ งเอนโดสปอร์ ทำให้ทนตอ่ สภาพท่ีไมเ่ หมาะสมได้ เช่น Bacillus sp. ทำใหเ้ กิดโรค
แอนแทรกซ์ บางชนิด ไม่มผี นงั เซลล์ มีเพยี งเยื่อห้มุ เซลล์ท่ีประกอบด้วยชั้นไขมนั ได้แก่
ไมโครพลาสมา (mycoplasma) เป็นสาเหตุของโรคปอดบวมในคนและวัว
ก Lactobacillus sp.
ค ข เอนโดสปอร์
ภาพที่ 1-7 Lactobacillus sp. (ก) เอนโดสปอร์ (ข) ไมโครพลาสมา (ค)
10
5. ไซยาโนแบคทีเรีย (Cyanobacteria) เป็นแบคทีเรยี ที่สามารถสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้เนอ่ื งจาก
มีคลอโรฟลิ ลเ์ อ แคโรทีนอยด์และไฟโคบิลิน พบในแหล่งน้ำจืด น้ำเคม็ น้ำพรุ ้อน ใต้นำ้ แข็งของมหาสมทุ ร
ชว่ ยเพิม่ ออกซิเจนในบรรยากาศ บางชนิดตรึงไนโตรเจนในอากาศ เช่น แอนาบนี า (Anabaena sp.)
นอสตอก (Nostoc sp.) อย่ใู นแหนแดง ออสซิลลาทอเรีย (Oscillatoria sp.) ดำรงชวี ิตอสิ ระ บางชนิด
มีโปรตีนสงู เช่น สไปรูลนิ า (Spirulina sp.) หรือสาหร่ายเกลียวทอง ใช้ทำอาหารเสรมิ
ภาพท่ี 1-8 ไซยาโนแบคทีเรยี
แบคทเี รยี แกรมบวกและ
แกรมลบต่างกันอยา่ งไร.?
รู้หรอื หรอื ไม่..? การยอ้ มสแี บบแกรม (gram stain)
หลังการย้อม แบคทีเรียแกรมบวก (gram positive bacteria) จะย้อมติดสีม่วงน้ำเงินของ
สีย้อมคริสตัลไวโอเลต (crystal violet) ส่วนแบคทีเรียแกรมลบ (negative bacteria)
จะติดสแี ดงของสยี ้อม ซาฟรานิน (safranin)
ภาพท่ี 1-9 แบคทเี รียแกรมบวกและแบคทีเรยี แกรมลบ
11
Guiz Yourself
คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นทำเคร่อื งหมาย บอกลกั ษณะสำคญั ของสิ่งมชี ีวิตในอาณาจกั รมอเนอรา
โครงสรา้ ง / องคป์ ระกอบ มี ไม่มี
1. Prokaryotic cell
2. เย่อื หุ้มนวิ เคลียส
3. ออร์แกเนลล์ ท่มี เี ย่อื หุ้ม
4. ไรโบโซม (RNA)
5. มี 1 เซลล์
6. มากกว่ามี 1 เซลล์
7. ผนังเซลล์
8. เซลลโู ลส Cellulose
9. เพปทไิ ดโคเจน Peptidoglycan
10. คลอโรพลาสต์
เมอื่ เขา้ ใจดแี ลว้
มาฝึกทกั ษะกนั เลย...
12
ลับสมอง (Brainstorm)
คำชแี ง ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันจดั ลำดบั ข้อความตอ่ ไปน้ีใหส้ มั พันธก์ ัน
สงั เคราะห์ดว้ ยแสง ทำให้เกิดโรค ประโยชน์
สเตปโตมยั ซนิ ฉ่ีหนู หนองใน
สไปรูลนิ า ไรโซเบยี ม แอนาบนี า
แลคโตบาซิลลัส สไปโรคตี โพรทีโอแบคทเี รีย
คลาไมเดยี นอสตอก ไมโครพลาสมา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
13
ประลองปญั ญา (Intelligence)
คำชแี ง ใหน้ กั เรยี นในกลุ่มจับคู่กันแลว้ เปลีย่ นกันถามและตอบโดยใช้ตัวเลือกต่อไปน้ี
คาตอบ
1. Treponema sp. 2. Rhizobium sp. 3. Chlamydia
4. Vibrio cholera sp.
7. Leptospira sp. 5. Anabena sp. 6. Spirulina sp.
10. Staphylococcus sp.
12. Escherichia coli 8. Bacillus anthacis 9. Lactobacillus sp.
11. Streptomyces sp.
13. Mycoplasma pneumonia
คาถาม
1) แบคทีเรยี ที่ชว่ ยตรึงไนโตรเจนในอากาศมาสรา้ งเปน็ สว่ นประกอบไนเตรต………………………
2) แบคทีเรียทเ่ี ปน็ สาเหตกุ ่อใหเ้ กดิ โรคอหวิ าตกโรค…………………………………………………………..
3) กลุ่มแบคทเี รียท่เี ปน็ สาเหตุของโรคหนองในเทียม………………………………………………………...
4) เป็นสาเหตุของโรคซีฟิลิส……………………………………………………………………………………………
5) เปน็ สาเหตุของโรคฉหี่ นู………………………………………………………………………………………………
6) เปน็ สาเหตขุ องโรคแอนแทรกซ์……………………………………………………………………………………
7) เป็นสาเหตขุ องโรคปอดบวม …………………………………………………………
8) เป็นสาเหตุทำใหเ้ กดิ สิว…………………………………………………………….
9) เป็นสาเหตทุ ำใหเ้ กดิ ท้องร่วง พบในอจุ าระหรอื ในน้ำทิง้ …………………..
10) นยิ มนำมาเป็นอาหารเพราะมโี ปรตนี สูง………………………………………….
11) นยิ มนำมาผลิตนมเปรี้ยว ……………………………………………………
12) สาหร่ายสีเขยี วแกมน้ำเงินสามารถสงั เคราะห์แสงได้………
13) ใช้ผลิตยาปฏิชวี นะ……………………………………………………
14
บันทกองคความรู
นกั เรยี นร่วมกันสรปุ องคค์ วามร้เู ร่อื งอาณาจักรมอเนอรา ลงในบันทกึ องค์ความรู้ต่อไปนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………..…..…..
…………………………………………………………………………………………………………………………………..………
………………………………………………………………………………………………………………………………..….……..
…………………………………………………………………………………………………………………………………….…….
………………………………………………………………………………………………………………………………….……….
…………………………………………………………………………………………………………………………………….…….
…………………………………………………………………………………………………………………………………….…….
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
…………………………………………………………………………………………………...............................................
……………………………………………………………………………………………………………..……………..…………….
………………………………………………………………………………………………………………………….………..………
……………………………………………………………………………………………………………………….……………….…
………………………………………………………………………………………………………..…………………….………..…
……………………………………………………………………………………………………………………………….……….…
……………………………………………………………………………………………………………………………………….….
………………………………………………………………………………………………………………………………….….……
…………………………………………………………………………………………………………………………….………….…
…………………………………………………………………………………………………………………….……………….……
……………………………………………………………………………………………………………….……………………….…
…………………………………………………………………………………………………………….………………………….…
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
……………………………………………………………………………………………………………………………..………..….
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
15
แ น าพความคิด
คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นร่วมกันเขยี นแผนผังความคิด เกย่ี วกับอาณาจักรมอเนอรา ลงในกรอบความรูต้ ่อไปน้ี
16
แบบฝึกท้ายบทท่ี 1
คำชแี ง ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เลือกคำตอบท่ีถกู ต้องท่สี ุดเพยี งคำตอบเดียว
1. จากการศึกษาพบว่าแบคทเี รียย้อมสแี กรมของผนงั เซลลเ์ ป็นสีม่วง แสดงวา่ เป็นแบคทีเรยี ชนิดใด
ก. แกรมบวก ข. แกรมลบ ค. โพรคารโิ อต ง. ยคู าริโอต
2. แบคทเี รียกับไซยาโนแบคทีเรีย เหมอื นกันในข้อใด
1) ผนงั เซลลเ์ ปน็ เซลล์ลโู ลส 2) มไี รโบโซม 3) มเี ยอื่ ห้มุ นวิ เคลยี ส 4) ไม่มี นิวเคลียส
ก. ขอ้ 1 , 2 ข. ข้อ 2 , 4 ค. ข้อ 1 , 2 , 3 ง. ข้อ 1 , 3 , 4
3. ข้อใดเป็นลักษณะของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงนิ ท่ีตา่ งจากสาหร่าย (algae) ท่วั ไป
ก. สังเคราะห์ด้วยแสงได้ ข. มีสารคลอโรฟิลล์ ค. ยคู ารโิ อต ง. โพรคาริโอต
4. นำแบคทเี รียชนดิ หนึ่งไปย้อมสแี กรมพบว่ายอ้ มติดสี ซลั ฟรานนิ โอ สนั นิษฐานว่า เป็นแบคทีเรียชนดิ ใด
ก. แกรมบวก ข. แกรมลบ ค. ยแู บคทีเรยี ง. อารค์ แี บคทีเรีย
5. จากภาพ น่าจะเป็นแบคทีเรยี ชนิดใดตอ่ ไปนี้
ก. คอคคสั ข. บาซลิ ลัส ค. สไปโรคีท ง. แลกโตบาซิลลัส
6. Streptomyces sp. เกีย่ วข้องกับข้อใดต่อไปนี้
ก. นมเปรี้ยว ข. โรคฉีห่ นู ค. วัณโรค ง. ยาปฎิชวี นะ
7. ข้อใดเปน็ แบคทเี รียกลมุ่ ท่ชี ว่ ยตรึงแกส๊ ไนโตรเจนในอากาศ ใหก้ ับพชื
ก. ไรโซเบยี ม ข. เพอเพลิ ซัลเฟอรแ์ บคทีเรยี ค. แอนาบนี า ง. ถกู ท้ัง ก และ ค
8. แหนแดงในนาขา้ ว จะไม่พบสาหร่ายสีเขยี วแกมนำ้ เงินกลุ่มใด
ก. แอนาบนี า ข. ออสซลิ ลาทอเรีย ค. นอสตอก ง. ถูกทง้ั ก และ ข
9. เม่อื สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม แบคทเี รียจะปรบั ให้ตัวเองรอดไดด้ ้วยวธิ ีใด
ก. ตรงึ แกส๊ ไนโตรเจนในอากาศ ข. สังเคราะหด์ ้วยแสง
ค. สรา้ งเอนโดสปอร์ ง. สรา้ งไมโคพลาสมา
10. ในทะเล Dead Sea เราจะพบแบคทีเรียกลุ่มใดทสี่ ามารถดำรงชวี ติ อย่ไู ด้
ก. อาร์คแี บคทีเรยี ข. แกรมบวก ค. คลาไมเดีย ง. โพรทโี อแบคทีเรีย
ตรวจคำตอบด้วยนะคะ
17
แหลง่ ท่มี า
http://www. Science photo.com/media/78462/enlarge
http://www.archive.microbelibrary.org/ASMOnly/Details.asp?.
http://www.cfb.unh.edu/phycokey/phycokey.htm
http://www.cfb.unh.edu/phycokey/phycokey.htm
http://www.crikey-adventure-tours.com/stromatolites.html
http://www.data-of microbiology.blogspot.com/2011/09/chloroflexi.html.
http://www.jgi.doe.gov/sequencing/why/purple-sulfur-bacteria.html http://www.
sciencepho to.com/media/13076/enlarge
http://www.oerafrica.org/FTPFolder/health/cases in microbiology/content/pneumo.html.
http://www.s99.middlebury.edu/ BI330A/projects/howard/mpneumoniae.html
http://www.sciencephoto.com/media/115255/enlarge.
http://www.search.com/reference/ Gram-negative
http://www.solstation.com/life/ear-life.htm.
http://www.algaebase.org/search/species/detail/?species_id=30191&s k=0&from.
http://www.student.nu.ac.th/u46410320/Procaryotic%20cell.html
http://www.swarthmore.edu/savageaward 11.xml.
http://www.textbookofbacteriology.net/themicrobialworld/pathogenesis.html
เรยี นรู้ส่ิงทีผ่ ิดพลาดนำไปแก้ไข
ในการเรียนคร้ังต่อไป นะคะ
18
บทท่ี 2
อาณา กั รโปรตสิ ตา (Kingdom Protista)
ลกั ษณะสำคญั ของส่งิ มีชวี ิต น
อาณา กั รโพรทิสตา
1. ร่างกายประกอบด้วยโครงสรา้ งงา่ ย ไม่ซับซอ้ น ส่วนมากประกอบด้วยเซลลเ์ ดียว
(unicellular) บางชนิดมีหลายเซลลร์ วมกันเป็นกลมุ่ เรียกว่า โคโลนี (colony) หรือเปน็ สายยาว
(filament) แตย่ งั ไม่ทำหนา้ ท่ี รวมกนั เปน็ เนื้อเยื่อ (tissue) หรืออวยั วะ (organ) แตล่ ะเซลล์สามารถ
ทำหนา้ ท่ีของความเป็นส่ิงมชี ีวติ ได้ ครบถ้วนอย่าง อสิ ระ
2. ไมม่ รี ะยะตัวออ่ น (Embryo) ซง่ึ ตา่ งจากพชื และสัตว์ ทม่ี รี ะยะตวั อ่อนก่อนทจ่ี ะเจริญเตบิ โต
เป็นตวั เตม็ วัย
3. การดำรงชพี มีท้งั ชนดิ ท่ีเป็นผูผ้ ลติ (Autotroph) เพราะมีคลอโรฟลิ ล์ เปน็ ผู้บรโิ ภค
(Consumer) และเปน็ ผู้ย่อยสลายอนิ ทรียสาร (Decomposer)
4. โครงสร้างของเซลลเ์ ป็นแบบยคู าริโอตกิ (Eucaryotic) มเี ย่ือหมุ้ นวิ เคลียส
5. การเคลือ่ นท่ี บางชนดิ เคลอ่ื นที่ไดโ้ ดยใช้ ซีเลีย (cilia) แฟลกเจลลัม (flagellum) หรอื
ซโู ดโปเดียม (Pseudopodium) บางชนดิ เคลื่อนที่ไม่ได้
6. การสบื พนั ธ์ุ ทั้งแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction) และแบบอาศัยเพศ
(Sexual reproduction) แบบอาศัยเพศมีทั้งชนิดคอน เู กชัน (Conjugation) ซ่งึ เกิดจากเซลล์สบื พันธุ์
ท่ีมรี ูปรา่ งและขนาดเหมือนกัน มารวมกัน พบใน พารามเี ซียม ราดำ บางชนิดปฏิสนธิ (fertilization)
ซ่งึ เกดิ จากเซลลส์ ืบพันธ์ุ ท่มี ีรปู ร่างและขนาดต่างกันมารวมกัน ดงั เช่นท่ีพบในสาหร่าย
ภาพที่ 2-1 คอนจเู กชนั ของพารามีเซยี ม
19
ความหลากหลายของโพรทสิ ต์
เน่อื งจากโพรทิสต์มีความหลากหลายและค้นพบอยา่ งต่อเนื่อง จึงแบ่งกลุม่ สายววิ ฒั นาการ
ได้ 8 กลุม่ ดงั น้ี
1) กลุ่มไดโพลโมนาดิดา (Diplomonadida) และพาราบาซาลา (Parabasala)
2) กลุม่ ยกู ลีโนซวั (Euglenozoa) 3) กลมุ่ แอลวีโอลาตา (Alveolata) 4) กลมุ่ สตรามีโนไพลส์
(Stramenopiles) 5) กลุม่ สาหร่ายสีแดง (Red algae) 6) กล่มุ สาหร่ายสเี ขียว (Green algae)
7) กลมุ่ ไมซโี ทซวั (Mycetozoa) 8) กลมุ่ ไรโซไพดา (Rhizopoda)
1. ไดโพลโมนาดดิ า และ พาราบาซาลา เปน็ กลุ่มของโพรทิสตท์ ี่มแี ต่นวิ เคลียสและไรโบโซม
มกั อย่ใู นสภาวะที่ไมม่ ีออกซิเจน
- มนี วิ เคลียส 2 อนั ขนาดเทา่ กนั
- มีแฟลเจลลา (Flagella) หลายเส้น
ตวั อย่างเชน่ เกียร์เดีย (Giardia lambia) เปน็ ปรสติ ในลำไสเ้ ล็กของคน
ภาพที่ 2-2 โพรทสิ ตก์ ล่มุ Diplomonadida
* พาราบาซาลิด (Parabasalids) มีแฟลเจลลาเปน็ คู่ ผิวเยอ่ื หุ้มเซลล์เปน็ รอยหยักคล้ายคลื่น เชน่
- ไตรโคโมแนส (Trichomonas vaginalis) : เป็นปรสติ ท่ที ำให้เกดิ อาการติดเชอื้ ในช่องคลอด
- ไตรโคนมิ ฟา (Trichonympha sp.) : อาศัยอยู่ในลำไสป้ ลวกดำรงชีพแบบภาวะพง่ึ พากนั
โดยสร้างเอนไซมย์ ่อยเซลลโู ลสในไมใ้ หก้ ับปลวก
20
Flagella
ภาพที่ 2-3 โพรทสิ ต์กลุม่ Parabasala
2. ยูกลีโนซัว (Euglenozoa) เป็นโพรทิสต์เซลล์เดียวท่เี คลือ่ นที่โดยใชแ้ ฟลเจลลา เชน่ ยกู ลนี า
(Euglena sp.) และ ทรปิ พาโนโซมา(Trypanosoma sp.)
- ยูกลีนา มคี ลอโรฟิลล์ และแคโรทนี อยด์ สามารถสังเคราะห์ดว้ ยแสงได้
- เมื่อไมม่ แี สงดำรงชพี เป็นผบู้ ริโภค
- มอี ายสปอต (eye spot) ในการตอบสนองต่อแสง
- ทรปิ พาโนโซมา เป็นโพรทสิ ต์ท่ดี ำรงชวี ิตเป็นปรสติ ในเลอื ดของสตั ว์มีกระดูกสนั หลงั
ทำให้เกดิ โรคเหงาหลับ (sleeping sickness)
eye spot
ภาพท่ี 2-4 โพรทสิ ต์กลุ่มยูกลีโนซวั
21
3. กลุ่มแอลวโี อลาตา (Alveolata) เป็นโพรทิสตเ์ ซลล์เดียวท่ีมลี ักษณะร่วมกันคือ มชี ่องวา่ งเล็ก
ใตเ้ ยื่อหุ้มเซลล์ เรียกว่า แอลวีโอไล (alveoli) พบมากในทะเล บางพวกเรืองแสงได้ในทม่ี ดื
(Bioluminescence) ทเี่ ราเรียกว่า พรายนำ บางชนดิ พบทัง้ ในนำ้ จดื และน้ำกรอ่ ย ไดแ้ ก่
1. ไดโนแฟลเ ลเลต (Dinoflagellate) เปน็ โพรทิสตเ์ ซลลเ์ ดยี วท่ีมคี ลอโรฟิลล์ และแคโรทีนอยด์
มีบทบาทเปน็ ผ้ผู ลติ
- เคลื่อนท่ีโดยใช้แฟลเจลลา 2 เสน้ ในแนวขวางและแนวดงิ่
- มแี ผน่ เซลลูโลส (Cellulose) ประกอบกันคลา้ ยเกราะ มีลวดลายสวยงาม
- มีการสะสมสารพษิ ทำใหท้ ะเลมสี ีแดง เกิดปรากฏการณ์ขีปลาวาฬ (red tide) ซึง่ เป็น
อนั ตรายตอ่ สัตว์นำ้ เป็นจำนวนมาก
ภาพที่ 2-5 ไดโนแฟลเจลเลต
2. เอพิคอมเพลซา (Apicomplexa) เปน็ โพรทสิ ต์ท่ีไม่มีโครงสรา้ งในการเคล่ือนท่ี ยกเวน้ ในเซลล์
สบื พนั ธุ์เพศผู้ ดำรงชีวิตเปน็ ปรสติ ในสัตว์มโี ครงสรา้ งสำหรับแทงผ่านเซลล์โฮสต์
- ตัวอย่างในกลุ่มน้ี ได้แก่ พลาสโมเดียม (Plasmodium) ทำให้เกิดโรคมาลาเรยี ในคนและสัตว์
โดยมยี ุงก้นปลอ่ งเป็นพาหะ
- เช้อื Plasmodium ทกี่ อ่ โรคในคนมี 4 ชนดิ ได้แก่ 1) Plasmodium falciparum
2) Plasmodium vivax 3) Plasmodium malariae 4) Plasmodium ovale
- ในประเทศไทยเช้อื ที่พบส่วนใหญเ่ ปน็ ชนดิ P.falciparum และ P.vivax
ภาพท่ี 2-6 เชอื้ พลาสโมเดยี ม
22
- อาการของโรคมาลาเรียจะปรากฏหลงั จากเชื้อเจริญในเมด็ เลอื ดแดงและเซลล์เม็ดเลือดแดงแตก
ในรอบแรก และรอบต่อ ไป เนื่องจากเมื่อเซลลเ์ มด็ เลอื ดแดงติดเช้อื แตกจะปลอ่ ยตวั เชื้อมาลาเรีย
และสารต่าง ออกมารวมทั้งสารท่ีกระตุ้นร่างกายผ้ตู ิดเชอ้ื ใหเ้ กิดอาการไข้จับสน่ั ชว่ งระยะต้ังแต่
ยงุ กดั คนจนเกดิ อาการโรคเรียกวา่ ระยะฟกั ตัว
ภาพท่ี 2-7 วงชีวติ ของเช้ือพลาสโมเดยี ม
3. ซลิ ิเอต (Ciliates) เปน็ โพรทิสต์ทใี่ ช้ ซีเลีย (Cilia) ในการเคลอ่ื นท่ี
- อาศยั อยใู่ นสภาพแวดลอ้ มทม่ี ีน้ำหรอื ความช้ืนสงู
- ตัวอย่างเช่น พารามเี ซยี ม (Paramecium sp.) วอรต์ ิเซลลา (Vorticella sp.)
- มีการสบื พนั ธแ์ุ บบอาศัยเพศเรียกวา่ คอนจูเกช่ัน (Conjugation)
ภาพท่ี 2-8 วงชีวติ ของเชื้อพลาสโมเดียม
23
4. กลุ่มสตรามโี นไพลส์ (Stramenopiles) เป็นโพรตสิ ต์กลุ่ม แอลลี หรือสาหรา่ ย (algae) มี
กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง เซลลส์ บื พันธม์ุ แี ฟลเจลลา 2 เส้น คือเสน้ ทมี่ ขี นและเส้นท่ีไมม่ ีขน
ภาพท่ี 2-9 เซลลส์ บื พนั ธุ์ของสตรามโี นไพลส์
1. สาหร่ายสีนำตาล (Brown algae) มสี ารฟิวโคแซนทนิ (Fucoxanthin) มากกว่าคลอโรฟิลล์
และแคโรทีนอยด์ เปน็ สาหรา่ ยท่ีมขี นาดใหญ่ โครงสร้างซับซ้อนมากท่ีสุด ในนำ้ จืด
สาหรา่ ยสนี ้ำตาล มักเรียกชือ่ ทัว่ ไปวา่ sea weed
- รูปร่างเปน็ สายยาวแตกกิ่งกา้ น เชน่ Ectocarpus บางชนิดมีรปู รา่ งเป็นแผน่ แผ่แบนหรอื คล้าย
- รูปรา่ งเปน็ สายยาวแตกก่งิ กา้ น เชน่ Ectocarpus บางชนดิ มีรปู รา่ งเปน็ แผน่ แผ่แบนหรอื คลา้ ย
ใบไมโ้ บกไหวอยู่ในนำ้ เช่น Laminaria บางชนิดคล้ายตน้ ปาล์มขนาดเล็กเรยี กวา่ Sea palm
บางชนดิ คล้ายตน้ ไม้เล็ก เชน่ Sargassum หรอื สาหรา่ ยทุน่ หรอื รปู ร่างคลา้ ยพัด เช่น Padina
- สาหรา่ ยสีนำ้ ตาลมหี ลายเซลล์ พวกทีม่ ขี นาดใหญม่ ากเรยี กวา่ เคลป์ (Kelp) มโี ฮลด์ฟาสต์
(Haldfast) คอื สว่ นท่ีทำหนา้ ที่เปน็ ราก มีสไตป์ (Stipe) หรือคอลลอยด์ (Colloid) คือส่วนทอ่ี ยู่
ถัดจากรากข้ึนมาทำหน้าท่ีคล้ายลำตน้ และโครงสรา้ งคล้ายใบ เรียกว่า Blade หรือ Lamina
ตัวอยา่ งเชน่ - เป็นแหล่งอาหาร เปน็ ที่อยู่อาศัยและท่ีหลบภยั เช่น สาหร่ายเคลป์ (Kelp)
- มีธาตุไอโอดนี สงู เชน่ สาหร่ายทุ่น หรือซารก์ สั ซัม (sagassum sp.)
- ใช้ผลติ ปยุ๋ โพแทสเซียม เชน่ ลามินาเรีย (Laminaria sp.) พาดินา (Padina sp.)
ฟวิ กัส (Fucus sp.)
ภาพท่ี 2-10 สาหร่ายสนี ำ้ ตาล
24
2. ไดอะตอม (Diatoms) เป็นสาหร่ายทีม่ สี ารสีชนิดเดยี วกบั ที่พบในสาหรา่ ยสนี ำ้ ตาลทำให้มสี เี หลอื ง
หรือสนี ำ้ ตาลแกมเหลอื งมีผนงั เซลล์ประกอบด้วย ซลิ กิ า (Silica) สว่ นมากมักสืบพันธแ์ุ บบไม่อาศัยเพศ
พบมากในแหลง่ นำ้ จดื และนำ้ เคม็ เปน็ แหลง่ อาหารทีส่ ำคัญของสงิ่ มีชวี ิตในระบบนเิ วศ
- ซากไดอะตอมที่ตายทบั ถมกันนาน เป็น diatomaceous earth เปน็ แหล่งรวมของแรธ่ าตแุ ละ
นำ้ มัน ซ่ึงนำมาทำประโยชนใ์ นการทำไส้กรองและยาขัดต่าง
ภาพที่ 2-11 ไดอะตอม
5. กล่มุ สาหรา่ ยสีแดง (Red algae)
- สาหร่ายสีแดง (red algae) มสี ารสไี ฟโคอีรีทิน (phycoerythrin) แคโรทีนและคลอโรฟลิ ล์
ตา่ งจากสาหร่ายกลมุ่ อ่นื คือ ไมม่ ีระยะที่มแี ฟลเจจลา ส่วนใหญ่พบทง้ั ในทะเลและ
แหล่งนำ้ จดื ไดแ้ ก่
- พอร์ไฟรา (Porphyra) เมื่อตากแหง้ แล้วใชใ้ สแ่ กงจืดท่ีเรียกกนั ว่า ฉี า่ ย
- กราซลิ าเรีย (Gracilaria) หรอื สาหร่ายผมนาง นำมาสกดั สารคารแ์ รกจแิ นน (carrageenan)
ใชใ้ นการทำวุ้น (agar) ซ่ึงมีความสำคัญในการทำอาหารเลีย้ งจุลินทรีย์ ทำเครอื่ งสำอาง
ทำยาขัดรองเท้า ครีมโกนหนวด เคลอื บเส้นใย ใช้ทำแคปซูลยา ทำยา และใชเ้ พาะเล้ียงเน้อื เย่ือ
ภาพท่ี 2-12 สาหร่ายสแี ดง
25
6. กล่มุ สาหร่ายสเี ขียว (green algae) ประกอบด้วย คลอโรฟลิ ลเ์ อ คลอโรฟิลลบ์ ี และแคโรทีน
พบอย่ใู นนำ้ จืด เป็นแหล่งอาหารทส่ี ำคัญของสัตวน์ ำ้ และชว่ ยเพ่ิมออกซเิ จนในน้ำ มีบางชนดิ เทา่ นั้น
ทีพ่ บในนำ้ เคม็ เชน่ อะเซตาบลู าเรีย มีมากเกิดปรากฎการณ์ เรียกวา่ วอเตอรบ์ ลมู
- กลุ่มคลอโรไฟต์ ไดแ้ ก่ คลอเรลลา (Chlorella) เปน็ สาหรา่ ยทมี่ ีโปรตนี สงู นิยมผลิตเป็น
อาหารเสริม สไปโรไจราหรือเทานำ (Spirogyra sp.) มักอยู่รวมกนั ในน้ำสะอาดและไหลช้า
หรือนำ้ นงิ่ มีคลอโรพลาสต์ เปน็ แผ่นแบนบดิ เกลยี วอยู่ในเซลล์ มีหลายเซลล์ต่อกนั เป็นสายยาว
นิยมนำมาทำเปน็ อาหาร
- กลมุ่ แคโรไฟต์ ได้แก่ สาหรา่ ยไฟ (Chara sp.) มีเซลลต์ ่อกันคล้ายลำต้นแตกกง่ิ ในพชื อวัยวะ
สรา้ งเซลล์สืบพนั ธุ์เพศเมียมลี กั ษณะคลา้ ยมงกุฎอยบู่ รเิ วณปลายก่งิ ส้นั ซง่ึ จะมีสแี ดงเม่ือเจริญเต็มท่ี
ภาพที่ 2-13 สาหร่ายสเี ขียว
7. กลมุ่ ไมซีโทซวั (Mycetozoa) เปน็ โพรตสิ ตก์ ลมุ่ ราเมือก (Slime mold) พบตามที่ช้ืนแฉะและ
ตามขอนไมห้ รือใบไม้ที่เน่าเปื่อย มี 2 กลมุ่ คือ
1. พลาสโมเดยี ม (Plasmodium slime mold) มหี ลายนวิ เคลยี ส เหน็ เป็นเมือกสีขาว แดง
เหลืองหรือสม้ มีการเคลอ่ื นที่และกินอาหารคล้ายอะมบี า (Amoeboid movement) พอถึง
ระยะท่ีมีการสบื พันธ์รุ าเมือกจะสร้างอับสปอรค์ ล้ายคลงึ กบั ฟังไจ
ภาพที่ 2-14 วฎั จกั รของราเมือก
26
2. เซลล์ลลู าร์ (cellular slime molds) มหี น่ึงนวิ เคลยี สและอยู่ไดอ้ สิ ระมบี ทบาทเป็น
ผ้ยู อ่ ยสารอนิ ทรียใ์ นระบบนิเวศ ไดแ้ ก่
- สเตโมนทิ สิ (Stemonitis sp.) ย่อยสลายขอนไม้และใบไม้
- ไฟซารัม (Physarum sp.) ทำใหเ้ กิดโรคยนื พืน้ ตาย เรียกว่า โรคไฟซารมั
- ราเมือกดำรงชวี ติ แบบภาวะมีการย่อยสลาย (saprophytism) แต่มีบางชนดิ เชน่
พลาสโมดโิ อฟอรา (plasmodiophora) ทำให้เกดิ โรครากโปง่ ในกะหลำ่ ปลแี ละผกั อื่น
ภาพที่ 2-15 ราเมือก
8. กลมุ่ ไรโซโพดา (Rhizopoda) เป็นโพรติสต์ท่เี คล่ือนที่และกินอาหารโดยใช้เท้าเทยี ม
(pseudopodium) อาศัยทัง้ ในดิน แหลง่ นำ้ จดื และนำ้ เค็ม ดำรงชีวติ อิสระ เชน่ อะมบี า (Amoeba)
- บางชนิดเป็นปรสติ เชน่ เอนทามีบา (Entmoeba histolytica) ทำใหเ้ กิดโรคบิดในคน
ผลแทรกซอ้ นก่อใหเ้ กดิ ฝีในตับ
- Entamoeba gingivalis อาศัยแบบพง่ึ พากบั คนในชอ่ งปากกนิ เศษอาหารเป็นเหตุใหม้ ีกลิ่นปาก
ภาพที่ 2-16 อะมีบา
27
ภาพท่ี 2-17 โพรทิสต์กลุ่มเอนทามบี า
สาหรา่ สี ขี ตา่ ง าก
สาหรา่ สี ขี แกม า งิ
อ า่ งไร าง?
รูห้ รือไม่..?
28
Guiz Yourself
คำชแี้ จง ให้นักเรียนทำเคร่ืองหมาย บอกลักษณะสำคญั ของสิง่ มชี วี ิตในอาณาจกั รโพรทสิ ตา
โครงสรา้ ง / องคป์ ระกอบ มี ไมม่ ี
1. Prokaryotic cell
2. เยื่อห้มุ นิวเคลยี ส
3. ออร์แกเนลล์ ที่มีเยือ่ หุ้ม
4. ไรโบโซม
5. มี 1 เซลล์
6. มมี ากกวา่ 1 เซลล์
7. ผนงั เซลล์
8. เซลลูโลส Cellulose
9. เพปทิไดโคเจน Peptidoglycan
10. คลอโรพลาสต์
ม่อ ขา แี ล
ไ ทาแ กก ตอ่ ล ค่
29
ลบั สมอง (Brainstorm)
คำชีแ ง ให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั จดั ลำดับข้อความต่อไปน้ีให้สัมพนั ธ์กนั
ไมซีโทซวั คลอเรลลา แฟลเจลลา
ไม่มแี ฟลเจลลา ราเมอื ก จฉี ่าย
สาหรา่ ยสแี ดง มีนิวเคลียส ไตรโคนมิ ฟา
ยูกลีโนซวั ยกู ลีนา ไดโนแฟลเจลเลต
สตรามโี รไพลส์ แอลวโี อลาตา สาหรา่ ยสีน้ำตาล
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
30
ประลองปัญญา (Intelligence)
คำชแี ง ให้นักเรยี นในกลุ่มจับคกู่ นั แลว้ เปล่ยี นกนั ถามและตอบโดยใช้ตวั เลือกต่อไปน้ี
คาตอบ
1. Giardia lamblia 2. Euglena sp. 3. trichonympha
4. Bacteria 5. trichomonas 6. Plasmodium
7. Dinoflagellate 8. Eukaryotic cell 9. Trypanosoma
10. chlorella 11. Fucus sp. 12. Diatoms
13. Gracilaria
คาถาม
1) รปู แบบเซลลข์ องโพรทิสตา……………………………………………………………………………………………
2) เปน็ โพรทสิ ตเ์ ซลล์เดียว………………………………………………………………………………………………..
3) เปน็ ปรสิตในลำไสค้ น…………………………………………………………………………………………………..
4) พบในลำไส้ปลวกช่วยย่อยเซลลโู ลส………………………………………………………………………………
5) ทำใหเ้ กดิ การติดเชอ้ื ในช่องคลอด…………………………………………………………………………………
6) มีอายสปอต (eye spot) ในการตอบสนองแสง……………………………………………………………..
7) เปน็ สาเหตุของโรคเหงาหลบั ……………………………………………………………………………………..
8) ทำใหเ้ กดิ ปรากฏการณ์ขีป้ ลาวาฬ (red tide)………………………………………………………………..
9) ทำให้เกดิ โรคมาลาเรียในคนและสัตว์…………………………………………………….
10) สาหรา่ ยสีเขียว มโี ปรตีนสงู …………………………………………………………...
11) ใช้ผลติ ป๋ยุ โพแทสเซยี ม ………………………………………………………………..
12) เป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุและนำ้ มนั ………………………………………………….
13) ใช้ในการทำว้นุ (agar)………………………………………………………………
31
บันทกองคค์ วามรู้
นักเรียนร่วมกันสรปุ องค์ความรเู้ ร่ืองอาณาจักรโพรทสิ ตา ลงในบนั ทกึ องค์ความรู้ต่อไปน้ี
…………………………………………………………………………………………………………………………………..…..…….
…………………………………………………………………………………………………………………………………..………….
………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………
…………………………………………………………………………………………………………………………………….………..
………………………………………………………………………………………………………………………………….…………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………….………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………….………..
………………………………………………………………………………………………………………………………..……………
…………………………………………………………………………………………………..................................................
……………………………………………………………………………………………………………..……………..……………….
………………………………………………………………………………………………………………………….………..………..
……………………………………………………………………………………………………………………….……………….……
………………………………………………………………………………………………………..…………………….………..…..
……………………………………………………………………………………………………………………………….……….……
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…….
………………………………………………………………………………………………………………………………….….………
…………………………………………………………………………………………………………………………….………….……
…………………………………………………………………………………………………………………….……………….………
……………………………………………………………………………………………………………….……………………….……
…………………………………………………………………………………………………………….………………………….…..
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…..
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…..
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…..
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…..
……………………………………………………………………………………………………………………………..………..……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
32
แ น าพความคิด
คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นร่วมกนั เขียนแผนผงั ความคดิ เกี่ยวกบั อาณาจกั รโพรทสิ ตา ลงในกรอบความร้ตู อ่ ไปนี้
33
แบบฝกึ ทา้ ยบทท่ี 2
คำชแี ง ใหน้ กั เรียนเลอื กคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพยี งคำตอบเดียว
1. ขอ้ ใดกลา่ วถูกต้องเกย่ี วกับสิง่ มีชวี ติ ในอาณาจักรโพรติสตา
1) เปน็ ยูคาริโอต 2) สว่ นมากเป็นเซลล์เดยี ว 3) ไม่มีระยะตวั อ่อน 4) มีเยื่อหุม้ นวิ เคลียส
ก. ข้อ 1 , 2 ข. ข้อ 1 ,2 , 4 ค. ข้อ 1 , 2 , 3 ง. ข้อ 2 , 3 , 4
2. ส่ิงมีชวี ติ กล่มุ ไหนจัดอยูใ่ นอาณาจักรโพรตสิ ตา
1) ยกู ลนี า 2) ไดอะตอม 3) เทานำ้ 4) แหนแดง
ก. ข้อ 1 , 2, 3 ข. ข้อ 1 ,2 , 4 ค. ขอ้ 1, 3 , 4 ง. ขอ้ 2 , 3 , 4
3. ไดอะตอม มลี ักษณะโครงสรา้ งท่ีเด่นชดั เป็นอย่างไร
ก. ไมม่ ีคลอโรฟลิ ล์ ข. มีซลิ ิกาหมุ้ ผนังเซลล์ ค. สืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศ ง. มีโปรตนี สงู
4. จากภาพเกี่ยวขอ้ งกับข้อใด
ก. โรคมาลาเรีย ข. โรคเหงาหลบั ค. red tide ง. วอเตอร์บลมู
5. เทานำ้ ท่ีนยิ มนำมาทำอาหาร เป็นสาหร่ายกลุม่ เดียวกับสาหรา่ ยใด
ก. เคลป์ ข. จีฉา่ ย ค. สาหร่ายไฟ ง. สาหร่ายทนุ่
6. ขอ้ ใดเปน็ โพรทิสตท์ ีใ่ ช้ ซีเลีย ในการเคลื่อนที่
1) พารามีซยี ม 2) วอร์ตเิ ซลลา 3) ยูกลนี า 4) อะมบี า
ก. ขอ้ 1 , 2 ข. ขอ้ 2 , 4 ค. ขอ้ 2, 3 ง. ขอ้ 3 , 4
7. สาหร่ายสีน้ำตาลมสี ารสที ี่ต่างจากสาหรา่ ยสเี ขยี วคืออะไร
ก. คลอโรฟลิ ล์ ข. ฟิวโคแทนซิน ค. แคโรทีน ง. ถูกทงั้ ก และ ค
8. สตรามีโนไพน์ หรอื สาหรา่ ย มีลักษณะของเซลล์สืบพันธุ์รว่ มกนั อย่างไร
ก. เปน็ แฟลเจลลาท่ีมีขน ข. เป็นแฟลเจลลาท่ไี ม่มีขน ค. มซี ลิ ิกา ง. ถกู ทงั้ ก และ ข
9. หลังการศกึ ษาพบโพรทสิ ตท์ เี่ คลือ่ นทด่ี ว้ ยแฟลเจลลาและมสี ารคลอโรฟลิ ล์ จึงนา่ จะเปน็ กล่มุ ใด
ก. อะมบี า ข. ราเมอื ก ค. ยกู ลีนา ง. พารามเี ซยี ม
10. สนุ สิ า ปว่ ยจากโปรตสิ ตท์ ีไ่ ม่มโี ครงสรา้ งในการเคล่ือนท่ี แต่มีโครงสร้างแทงผา่ นเซลลโ์ ฮสต์
ถา้ นกั เรยี นเปน็ หมอ น่าจะสนั นิษฐานว่าเขาป่วยเป็นโรคใดต่อไปนี้
ก. โรคเหงาหลบั ข. ไข้มาลาเรีย ค. ตดิ เชือ้ ในชอ่ งคลอด ง. บดิ ทอ้ งรว่ ง
34
แหลง่ ขอ้ มลู
https://sites.google.com/site/gfopjrtigdioitwoirnlkfgoi/xanacakr-sing-mi-chiwit/xanacakr.
https://www.google.com/search?q=&tbm=isch&tbs=rimg: po-rti-s-ta-kingdom-protista.
http://www.satriwit3.ac.th/files/111006099215982_11111818180307.pdf.
https://www.google.co.th/search?q=diplomonadida&rlz.
https://sites.google.com/site/xanacakrphorthista336/klumdivision-diplomonadida.
https://en.wikipedia.org/wiki/Diplomonad.
https://www.britannica.com/science/diplomonad.
https://supanya131.wordpress.com-kingdom-protista.
http://protistaland.blogspot.com/2009/07/kingdom-protista.html.
https://jackapan1996.wordpress.com/2013/02/27 B2-kingdom-protista.
http://119.46.166.126/self_all/selfaccess12/m6/684/test/answer_lesson1_2.html.
https://www.dek-d.com/quiz/supertest/29036.
http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_exam.php?mul_content_id=570.
การ รี รูไมม่ ี สิ สุ
35
บทที่ 3 อาณา กั รฟงั ไ (Kingdom Fungi)
สงิ่ มีชีวิตท่ีอยใู่ นอาณาจกั รฟังไจ ประกอบดว้ ย รา เหด็ และยีสต์ มกี ารสบื พันธุแ์ บบอาศัยเพศ
และไม่อาศัยเพศโดยการสรา้ งสปอร์ ฟังไจบางชนิดดำรงชวี ิตเปน็ ปรสติ จะมีเสน้ ใยพเิ ศษ เรียกว่า
ฮอสทอเรยี ม (Houstorium) แทงเขา้ ไปดูดอาหารจากเซลล์ของโฮสตโ์ ดยตรง
ลักษณะสำคัญของสง่ิ มีชีวติ นอาณา ักรฟงั ไ
1. เซลลเ์ ป็นแบบยคู าริโอตกิ (Eucaryotic cell) มีเยื่อหุ้มนิวเคลยี ส
2. ไมม่ คี ลอโรฟิลล์ ดำรงชีวติ เป็นผู้ย่อยสลายสารอินทรยี ท์ ี่เนา่ เป่ือย
3. ผนงั เซลล์เป็นสารไคติน (chitin) แตผ่ นังเซลลข์ องพชื คือเซลลูโลส (cellulose)
4. สว่ นมากมีหลายเซลล์ ยกเว้นยีสตม์ เี ซลล์เดยี ว และเป็นเส้นใยเลก็ เรียกว่าไฮฟา (Hypha)
รวมกลุ่ม เรยี กว่าไมซีเลียม (mycelium) และส่วนทีค่ ล้ายถว้ ยมเี สน้ ใยมาอดั กนั อยแู่ นน่ เปน็
โครงสร้างสำหรบั สรา้ งสปอร์ คอื ฟรุดติงบอดี (Fruiting body) ท่เี รียกกนั วา่ ดอกเห็ด ลักษณะของ
เส้นใยแบ่งออกเปน็ 2 ชนิด
4.1 เสน้ ใยมผี นงั กั้น (Septate hypha) เปน็ เส้นใยท่ีมีผนังกน้ั ทำให้มองดูเป็นหอ้ งที่มี
ไซโทพลาสซึมและนวิ เคลียส
4.2 เส้นใยท่ไี มม่ ผี นงั กั้น (Nonseptate hypha or coencytic hypha) เปน็ เสน้ ใยทีไ่ ม่มี
ผนังก้ันทำใหม้ องดูทะลตุ ลอดเสน้ ใย ประกอบดว้ ยไซโทพลาสซึมและนิวเคลยี สหลายนิวเคลียสกระจาย
อยู่ตลอดเสน้ ใย
ภาพท่ี 3-1 เส้นใยไฮฟาและฟรุดตริงบอดี
36
ความหลากหลายฟงั ไ
อาณาจักรฟงั ไจ แบง่ เป็น 4 ไฟลมั ดังน้ี
1. ไฟลัมดิวเทอโรไมโคตา (Phylum Deuteromycota)
ลกั ษณะ เป็นเสน้ ใยมผี นงั กนั้ สืบพันธ์ุไม่แบบอาศัยเพศเท่านัน้ โดยสร้างสปอร์ทเ่ี รียกว่า
โคนิเดีย (conidia) จงึ เรียกราในกลุ่มนีว้ ่า Fungi Imperfecti
ประโยชน์
1. Penicillium chrysogernum ใชผ้ ลติ ยาปฏชิ วี นะเพนซิ ลิ ลิน
2. Aspergillus wendtii ใช้ผลติ เต้าเจี้ยว
3. A. oryzae ใชผ้ ลติ เหลา้ สาเก
โทษ
1. ทำใหเ้ กิดโรคในพชื
2. สรา้ งสารพษิ ทำใหเ้ กดิ โรค
3. ทำให้เกดิ โรคในคน เช่น กลาก เกล้ือน โรคเทา้ เปื่อยหรอื ฮ่องกงฟตุ
ภาพที่ 3-2 ราเพนิซลิ ลนิ
2. ไฟลัมไซโกไมโคตา (Phylum Zygomycota) เปน็ ราท่ีมีวิวฒั นาการตำ่ สุด ได้แก่ ราดำ
(Rhizopus sp.) และ ราขนมปงั (Mucor sp.)
ลกั ษณะ เป็นเซลลเ์ ดี่ยวเจรญิ อยใู่ นน้ำ บนบก และซากพชื ซากสตั ว์ เส้นใยไมม่ ีเย่ือกน้ั
ต้องการความชื้น ดำรงชวี ติ แบบปรสติ (Parasite) และผ้ยู อ่ ยสลาย (saprophyte)
การสบื พนั ธ์ุ แบบไมอ่ าศัยเพศ สร้างสปอร์ เรียกว่า sporangiospore และ
แบบอาศยั เพศสรา้ งสปอร์ เรยี กว่า zygospore
37
ประโยชน์
1. Rhizopus oryzae ผลติ แอลกอฮอล์
2. R. nigricans ผลติ กรดฟูตรกิ (ผงฟ)ู
โทษ ทำใหเ้ กิดโรคในพชื และสัตว์
ภาพที่ 3-3 สปอร์ของราดำ
3. ไฟลมั แอสโคไมโคตา (Phylum Ascomycota) มจี ำนวนมากที่สดุ พบทว่ั ไป เปน็ เซลลเ์ ดี่ยว
เชน่ ยีสต์ และหลายเซลล์ เช่น โมเรล ทรฟั เฟลิ ราแดง
ลกั ษณะ กล่มุ หลายเซลล์ เปน็ พวกเสน้ ใยมเี ย่ือกัน้ และเปน็ ราคล้ายถ้วย (cup fungi)
การสืบพันธุ์ - แบบไมอ่ าศัยเพศ สร้างสปอร์เรยี กว่า conidia ทป่ี ลายไฮฟา สว่ นยีสต์จะ
แตกหนอ่
- แบบอาศยั เพศ สร้างสปอร์ ท่ีมีช่อื ว่า แอสโคสปอร์ (ascospore) อยู่ในถงุ
เรียกว่าแอสคัส (ascus)
ประโยชน์
1. Saccharomyces cerevisiae ใชผ้ ลติ แอลกอฮอล์ และมโี ปรตนี สงู
2. Monascus sp. ใชผ้ ลติ ข้าวแดงและเต้าหู้ยี้
โทษ เกิดโรคกับคนและสัตว์
ภาพที่ 3-4 การแตกหน่อของยีสต์
38
ภาพท่ี 3-5 แอสโคไมโคตา
เหตใุ ด……!
โมเรลและทรัฟเฟลิ
จึงมรี าคาแพง
รหู้ รือไม่...?
โมเรล (morel) และ ทรัฟเฟิล (truffle)
โมเรล (morel) เป็นเหด็ โคนท่ผี วิ หมวกเห็ดเป็นรพู รุน สรรพคุณต้านไวรัส
ทรฟั เฟลิ (truffle) เหด็ เผาะ (Astreus hygrometricus) อาศยั รวมอย่กู ับ
รากพชื จดั เป็นไมคอรไ์ รซา และสร้างดอกเห็ดอยู่ใต้ดนิ
ท้งั โมเรลและทรัฟเฟลิ นยิ มรับประทานในประเทศเขตหนาว ไมส่ ามารถ
เพาะพนั ธไ์ุ ด้
ภาพท่ี 3-6 เห็ดทรัฟเฟิล เห็ดโมเรล และเหด็ เผาะ
39
4. ไฟลัมเบสดิ โิ อไมโคตา (Phylum Basidiomycota) ฟังไจกลุ่มนี้เสน้ ใยมีเยื่อกน้ั อย่างสมบูรณ์
ได้แก่ ราสนมิ ราเขมา่ ดำ และเห็ด
ลกั ษณะ
1. เสน้ ใยมีผนังก้นั อยา่ งสมบูรณ์ และรวมตวั อดั แน่นเปน็ แท่งคล้ายลำต้น เชน่ ดอกเห็ด
2. การสบื พนั ธุ์
- แบบไม่อาศัยเพศ สร้างสปอร์เรียกว่า codiospore ใน conidia
- แบบอาศยั เพศ สรา้ งสปอร์บนอวัยวะคล้ายกระบองหรอื เบสิเดียม (basidium)
เรยี กวา่ เบสดิ โิ อสปอร์ (basidiospore)
ประโยชน์
ใชเ้ ป็นแหลง่ อาหาร
บางชนิดผลติ ทอกซอยด์ (toxoid) ใช้รกั ษาโรคความดันโลหิตสูง
โทษ
1. ทำให้เกดิ โรคในพืช เช่น ราสนิม ราเขม่า
2. เหด็ มสี ารพิษเข้าทำลายระบบประสาท ทางเดินอาหาร ตับ หวั ใจ
3. ราแอสเพอจิลลัส พบในเมล็ดถั่ว สรา้ งอะฟลาทอกซนิ (aflatoxin) สารก่อมะเร็ง
ภาพที่ 3-7 เบสิดโิ อไมโคตา
40
ไมคอรไ์ รซา
มีชวี ติ อย่างไร…?
รหู้ รือไม่...?
ไมคอร์ไรซา (mycorrhiza)
เปน็ การอยูร่ ว่ มกันแบบภาวะพง่ึ พากัน (mutualism) ระหว่างฟังไจ (fungi)
และรากพืช โดยท่ีพชื ได้รบั น้ำและธาตุอาหารจากฟังไจ ในขณะที่ฟังไจไดร้ บั สารอาหาร
ทีจ่ ำเป็น เชน่ นำ้ ตาล กรดอะมิโนและวิตามินจากพชื ผ่านทางระบบราก เส้นใยของฟัง
ไจหรอื ไฮฟา (hypha) ที่เจริญอยูภ่ ายนอกรากและภายในรากจะชว่ ยเพิม่ พ้ืนที่ผิวใน
การดดู ซึมธาตุอาหารใหแ้ กพ่ ชื จงึ ทำใหพ้ ืชท่ีมีฟงั ไจไมคอรไ์ รซาอาศัยอยูท่ รี่ ากมีอัตรา
การเจรญิ เติบโตสูง และชว่ ยยับยัง้ การเจรญิ เติบโตของราทเ่ี ป็นสาเหตขุ องโรคพืช
ภาพท่ี 3-8 ไมคอรไ์ รซา
41
Guiz Yourself
คำช้แี จง ให้นักเรียนทำเครอ่ื งหมาย บอกลกั ษณะสำคญั ของสิ่งมีชวี ติ ในอาณาจักรฟงั ไจ
โครงสรา้ ง / องคป์ ระกอบ มี ไม่มี
1. Prokaryotic cell
2. เย่อื หุ้มนิวเคลียส
3. ออรแ์ กเนลล์ ที่มเี ย่ือหุ้ม
4. ไรโบโซม
5. มี 1 เซลล์
6. มมี ากกวา่ 1 เซลล์
7. ผนังเซลล์
8. เซลลูโลส Cellulose
9. เพปทิไดโคเจน Peptidoglycan
10. คลอโรพลาสต์
ม่อ รี รู ขา ี
แล มาลองทาแ
กก ล ค
42
บนั ทกองค์ความรู้
นกั เรยี นร่วมกันสรปุ องค์ความรู้เร่ืองอาณาจกั รฟงั ไจ ลงในบันทึกองคค์ วามรตู้ อ่ ไปน้ี
…………………………………………………………………………………………………………………………………..………….
………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………
…………………………………………………………………………………………………………………………………….………..
………………………………………………………………………………………………………………………………….…………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………….………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………….………..
………………………………………………………………………………………………………………………………..……………
…………………………………………………………………………………………………..................................................
……………………………………………………………………………………………………………..……………..……………….
………………………………………………………………………………………………………………………….………..………..
……………………………………………………………………………………………………………………….……………….……
………………………………………………………………………………………………………..…………………….………..…..
……………………………………………………………………………………………………………………………….……….……
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…….
………………………………………………………………………………………………………………………………….….………
…………………………………………………………………………………………………………………………….………….……
…………………………………………………………………………………………………………………….……………….………
……………………………………………………………………………………………………………….……………………….……
…………………………………………………………………………………………………………….………………………….…..
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…..
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…..
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…..
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…..
……………………………………………………………………………………………………………………………..………..……
43
แ น าพความคดิ
คำช้แี จง ให้นักเรยี นรว่ มกนั เขยี นแผนผังความคิด เก่ียวกับอาณาจักรฟงั ไจ ลงในกรอบความรู้ตอ่ ไปนี้
1. ข้อใดกลา่ วถูกต้องเกย่ี วกบั สิ่งมีชวี ิตในอาณาจักรฟังไ
44
แบบฝกึ ทา้ ยบทท่ี 3
คำชีแ ง ใหน้ ักเรียนเลอื กคำตอบท่ีถูกต้องทีส่ ุดเพียงคำตอบเดยี ว
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
1. ข้อใดกลา่ วถูกต้องเก่ยี วกับส่ิงมชี ีวติ ในอาณาจักรฟังไจ
1) เส้นใยมเี ยื่อกัน้ 2) เสน้ ใยไมม่ ีเยื่อก้นั 3) สบื พนั ธแุ์ บบอาศัยเพศ 4) สบื พนั ธ์ุไม่แบบอาศยั เพศ
ก. ข้อ 1 , 2 ข. ข้อ 1 ,2 , 3 ค. ขอ้ 2 , 3 , 4 ง. ข้อ 1, 2 , 3 , 4
2. เป็นเส้นใยมผี นังก้ัน สบื พนั ธุ์ไมแ่ บบอาศยั เพศเท่าน้นั เป็นลกั ษณะของฟังไจชนิดใด
ก. โมเรล ข. ยีสต์ ค. ราเพนนิซิลนิ ง. เห็ด
3. Fungi Imperfecti มลี ักษณะท่แี ตกตา่ งจากฟงั ไจกล่มุ อ่ืนอย่างไร
ก. เป็นปรสิต ข. สืบพันธแ์ุ บบไม่อาศยั เพศเทา่ น้ัน
ค. เส้นใยไม่มีเยื่อกน้ั ง. สร้างอะฟลาทอกซิน
4. เส้นใยมีเยือ่ กนั้ สืบพนั ธท์ุ ้งั แบบอาศัยเพศและไม่อาศยั เพศ เป็นลักษณะของฟงั ไจชนิดใด
ก. โมเรล ทรัฟเฟิล ข. ยสี ต์ ราแดง ค. ราเพนนซิ ิลนิ ราดำ ง. เห็ดเผาะ ราขนมปัง
5. เบสเิ ดยี ม เปน็ โครงสรา้ งทเ่ี กี่ยวข้องกบั หนา้ ที่ใด
ก. สร้างสปอร์ ข. แทงเซลล์โฮสต์ ค. ดดู สารอาหาร ง. สรา้ งสารพิษ
6. สืบพนั ธุ์แบบอาศัยเพศโดยการสร้างสปอร์ เส้นใยไมม่ ีผนงั กั้น เป็นลักษณะของฟังไจชนดิ ใด
ก. ยีสต์ ราแดง ข. ราดำ ราขนมปัง ค. ราสนิม ราเขม่า ง. เห็ด เห็ดเผาะ
7. จากภาพ A เกย่ี วข้องกับหนา้ ทีใ่ ด
ก. ยอ่ ยสลายอาหาร ข. ดดู สารอาหาร ค. สร้างสปอร์ ง. สร้างสารพษิ
8. เหด็ ต่าง ท่ีเรานำมารับประทาน จัดอยใู่ นไฟลมั ใด
ก. Zygomycota ข. Ascomycota ค. Chytridiomycota ง. Basidiomycota
9. ฟงั ไจชนิดใดจดั เปน็ ไมคอร์ไรซา
ก. โมเรล ข. เหด็ เผาะ ค. เห็ดฟาง ง. เหด็ นางฟา้
10. เราจะพบลกั ษณะของเส้นใยที่มีผนังกั้นอย่างสมบูรณ์ และรวมตวั อัดแนน่ เปน็ แท่งคล้ายลำต้น ท่ี
ฟงั ไจชนดิ ใด
ก. เหด็ ข. ราแดง ค. ยสี ต์ ง. ราขนมปงั
45
แหลง่ ขอมลู
http://herbsbotany.blogspot.com/2014/12/blog-post_24.html.
http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/2010/fungi.
http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/3163/basidiomycota.
https://sites.google.com/site/gfopjrtigdioitwoirnlkfgoi/ kingdom-fungi.
https://sites.google.com/site/gfopjrtigdioitwoirnlkfgoi/xanacakr-sing-mi-chiwit
https://sites.google.com/site/khwamhlakhlaythangchiwphaphm6.
https://sites.google.com/site/learnkindom/xanacakr-khxng-sing-mi-chiwit/3-xanacakr-fang.
https://th.wikipedia.org/wiki/เห็ด รา.
https://www.google.co.th/search?q=mycelium.
https://www.google.com/search?ei=O6YbW5zXLpngrQHS3J3QCg&q=ฟังไจ
https://www.google.com/search?q=ไคทริด&source.
https://www.google.com/search?q=ภาพไมคอรไ์ รซา&source=lnms&tbm.
https://www.istockphoto.com/th/vector/different-types-of-mushrooms-on-a-white-
background-g
ฝึกฝน ทบทวนบ่อย
จะเก่งขน้ึ ค่ะ