The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ วอลเลย์บอล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Aon Maya, 2024-01-14 21:57:00

แผนการจัดการเรียนรู้ วอลเลย์บอล

แผนการจัดการเรียนรู้ วอลเลย์บอล

1 การวิเคราะห์หลักสูตร หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลางพุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นแผน หรือแนวทาง หรือข้อกำหนดของการจัดการศึกษาของโรงเรียนบ้าน กลาง ที่จะใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด มุ่งพัฒนาผู้เรียน ให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ โดยมุ่งหวังให้มีความสมบูรณ์ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา อีกทั้งมีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับ การดำรงชีวิต และมีคุณภาพได้มาตรฐานสากลเพื่อการแข่งขันในยุคปัจจุบัน ดังนั้นหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลาง พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 จึง ประกอบด้วยสาระสำคัญของหลักสูตรแกนกลาง สาระความรู้ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนท้องถิ่น และสาระสำคัญที่ สถานศึกษาพัฒนาเพิ่มเติม โดยจัดเป็นสาระการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐานตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้รายวิชาเพิ่มเติม จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นรายปีในระดับประถมศึกษา และกำหนด คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษาตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของหลักสูตรแกนการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลาง พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีความสำคัญในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน การเรียนรู้ ตัวชี้วัด และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้เป็นแนวทางให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครู อาจารย์ ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ในการจัดมวลประสบการณ์ ให้แก่ผู้เรียนได้พัฒนาให้บรรลุถึงคุณภาพตามมาตรฐานในการพัฒนาเยาวชนของชาตินอกเหนือจาก การใช้เป็นแนวทาง หรือข้อกำหนดในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาให้บรรลุตามจุดหมายของ การจัดการศึกษาแล้ว หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลาง พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่พัฒนาขึ้นยังเป็นหลักสูตรที่มีจุดมุ่งหมายให้ครอบครัว ชุมชน องค์กรในท้องถิ่น ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมจัดการศึกษาของสถานศึกษา โดยมีแนวทางสำคัญที่สถานศึกษา กำหนดไว้ในหลักสูตรสถานศึกษาดังนี้ 1. หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลาง พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความสนุกสนาน และความเพลิดเพลินในการเรียนรู้ เปรียบเสมือนเป็นวิธีสร้างกำลังใจ และเร้าให้เกิดความก้าวหน้าแก่ผู้เรียนให้มากที่สุด มีความรู้สูงสุด ผู้เรียนทุก คนมีความเข้มแข็ง ความสนใจ มีประสบการณ์ และความมั่นใจ เรียนและทำงานอย่างเป็นอิสระและร่วมใจกัน มีทักษะในการอ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็น รู้ข้อมูลสารสนเทศ และเทคโนโลยีสื่อสาร ส่งเสริมจิตใจที่อยากรู้อยากเห็น และมีกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล 2. หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลาง พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ส่งเสริมการพัฒนาด้านจิตวิญญาณ จริยธรรม สังคม และวัฒนธรรม พัฒนา


2 หลักการในการจำแนกระหว่างถูกและผิด เข้าใจและศรัทธาในความเชื่อของตน ความเชื่อและวัฒนธรรมที่ แตกต่างกัน พัฒนาหลักคุณธรรมและความอิสระของผู้เรียน และช่วยให้เป็นพลเมืองที่มี ความรับผิดชอบ สามารถช่วยพัฒนาสังคมให้เป็นธรรมขึ้น มีความเสมอภาค พัฒนาความตระหนัก เข้าใจ และยอมรับสภาพแวดล้อมที่ตนดำรงชีวิตอยู่ ยึดมั่นในข้อตกลงร่วมกันต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในระดับ ส่วนตน ระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับโลก สร้างให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการเป็นผู้บริโภคที่ตัดสินใจ แบบมีข้อมูล เป็นอิสระ และมีความรับผิดชอบ หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลาง พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรที่สถานศึกษาได้พัฒนาขึ้นเพื่อพัฒนาผู้เรียนในระดับประถมศึกษา โดย ยึดองค์ประกอบหลักสำคัญ 3 ส่วนคือ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น และสาระสำคัญที่สถานศึกษาพัฒนาเพิ่มเติมเป็นกรอบ ในการจัดทำรายละเอียดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานที่กำหนดเหมาะสมกับสภาพชุมชนและ ท้องถิ่นและจุดเน้นของสถานศึกษา โดยหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลางพุทธศักราช 2561 ที่พัฒนาขึ้นมีลักษณะของหลักสูตร ดังนี้ 1. เป็นหลักสูตรเฉพาะของโรงเรียนบ้านกลาง สำหรับจัดการศึกษา ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดระดับการศึกษาเป็น 2 ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1- 3) 2. มีความเป็นเอกภาพ หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลางพุทธศักราช ๒๕๖๑ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรของสถานศึกษาสำหรับให้ครูผู้สอนนำไป จัดการเรียนรู้ได้อย่างหลากหลาย โดยกำหนดให้ 2.1 มีสาระการเรียนรู้ที่สถานศึกษาใช้เป็นหลักเพื่อสร้างพื้นฐานการคิด การเรียนรู้ และการ แก้ปัญหา ประกอบด้วย ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 2.2 มีสาระการเรียนรู้ที่เสริมสร้างความเป็นมนุษย์ ศักยภาพการคิดและการทำงาน ประกอบด้วย สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาอังกฤษ 2.3 มีสาระการเรียนรู้เพิ่มเติม โดยจัดทำเป็นรายวิชาเพิ่มเติมตามความเหมาะสมและ สอดคล้องกับโครงสร้างเวลาเรียน สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ความต้องการของผู้เรียน และบริบทของสถานศึกษา 2.4 มีกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และ สังคม เสริมสร้างการเรียนรู้นอกจากสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่ม และการพัฒนาตนตาม ศักยภาพ 2.5 มีการกำหนดมาตรฐานของสถานศึกษาที่สอดคล้องกับมาตรฐานระดับต่าง ๆ เพื่อเป็น เป้าหมายของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา จัดทำรายละเอียดสาระการเรียนรู้ และ จัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับสภาพในชุมชน สังคม และภูมิปัญญาท้องถิ่น 2.มีมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน หลักสูตรสถานศึกษา


3 โรงเรียนบ้านกลาง พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็น หลักสูตรที่มีมาตรฐานเป็นตัวกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เพื่อเป็นแนวทางในการ ประกันคุณภาพการศึกษา โดยมีการกำหนดมาตรฐานไว้ดังนี้ 3.1 มาตรฐานหลักสูตร เป็นมาตรฐานด้านผู้เรียนหรือผลผลิตของหลักสูตรสถานศึกษา อัน เกิดจากการได้รับการอบรมสั่งสอนตามโครงสร้างของหลักสูตรทั้งหมดใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบคุณภาพ โดยรวมของการจัดการศึกษาตามหลักสูตรในทุกระดับ และสถานศึกษาต้องใช้สำหรับการประเมินตนเองเพื่อ จัดทำรายงานประจำปีตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติการศึกษา นอกจากนี้ยังเป็นแนวทาง ในการกำหนดแนวปฏิบัติในการส่งเสริม กำกับ ติดตาม ดูแล และปรับปรุงคุณภาพ เพื่อให้ได้ตามมาตรฐานที่ กำหนด 3.2 มีตัวชี้วัดชั้นปีเป็นเป้าหมายระบุสิ่งที่นักเรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะของ ผู้เรียนในแต่ละระดับชั้นซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจง และมีความเป็นรูปธรรม นำไปใช้ ในการกำหนดเนื้อหา จัดทำหน่วยการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สำคัญสำหรับการวัดประเมินผล เพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรียน ตรวจสอบพัฒนาการผู้เรียน ความรู้ ทักษะ กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมอันพึงประสงค์ และเป็นหลักในการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์จากการศึกษาในระบบ นอก ระบบ และตามอัธยาศัย 3.3 มีความเป็นสากล ของหลักสูตรสถานศึกษา คือมุ่งให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถใน เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาษาอังกฤษ การจัดการสิ่งแวดล้อม ภูมิปัญญาท้องถิ่น มีคุณลักษณะที่จำเป็นในการ อยู่ในสังคมได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ การตรงต่อเวลา การเสียสละ การเอื้อเฟื้อ โดยอยู่บนพื้นฐาน ของความพอดีระหว่างการเป็นผู้นำ และผู้ตาม การทำงานเป็นทีม และการทำงานด้วยตนเอง การแข่งขัน การรู้จักพอ และการร่วมมือกันเพื่อสังคม วิทยาการสมัยใหม่ และภูมิปัญญาท้องถิ่น การรับ วัฒนธรรมต่างประเทศ และการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยการฝึกฝนทักษะเฉพาะทาง และการบูรณาการ ในลักษณะที่เป็นองค์รวม 4. มีความยืดหยุ่น หลากหลาย หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียน บ้านกลาง เป็นหลักสูตรที่สถานศึกษา จัดทำรายละเอียดต่าง ๆ ขึ้นเอง โดยยึดโครงสร้างหลักที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นขอบข่ายในการจัดทำ จึงทำให้หลักสูตรของสถานศึกษามี ความยืดหยุ่น หลากหลาย สอดคล้องกับสภาพปัญหา และความต้องการของท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมี ความเหมาะสมกับตัวผู้เรียน 5. การวัดและประเมินผลเน้นหลักการพื้นฐานสองประการคือการประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อ ตัดสินผลการเรียน โดยผู้เรียนต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผล การเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและ


4 สารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็น ประโยชน์ต่อการส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาและเรียนรู้อย่างเต็มตาม ศักยภาพ วิสัยทัศน์ หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลาง พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มี ความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่น ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้ง เจตคติ ที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็น สำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ หลักการ หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลาง พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีหลักการที่สำคัญ ดังนี้ 1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐาน การเรียนรู้เป็นเป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรม บนพื้นฐานของความเป็นไทยควบคู่กับความเป็นสากล 2. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาคและมี คุณภาพ 3.เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น 4.เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัด การเรียนรู้ 5. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 6.เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์ จุดหมาย หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลาง พุทธศักราช 2561ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพใน การศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกำหนดเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียน เมื่อจบการศึกษาตามหลักสูตร ดังนี้ 1. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง


5 2. มีความรู้ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และ มีทักษะชีวิต 3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกกำลังกาย 4. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและ การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 5. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทำประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลาง พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่ง จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลางพุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรม ในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและ ลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจน การเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์ และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้ มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบ ที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ใน การดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกัน ในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยง พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น


6 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยี ด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านกลาง พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นใน สังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์สุจริต 3. มีวินัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ


7 ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระที่ 3 การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล มาตรฐาน พ 3.1 เข้าใจ มีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกม และกีฬา ม. 3 1. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากล ได้อย่างละ ๑ ชนิดโดยใช้เทคนิค ที่เหมาะสมกับตนเองและทีม เทคนิคและวิธีการเล่น กีฬาไทยและกีฬา สากลที่เลือก เช่น กรีฑาประเภทลู่และลาน วอลเลย์บอล บาสเกตบอล ดาบสองมือ เทนนิส ตะกร้อข้ามตาข่าย ฟุตบอล 2. นำหลักการ ความรู้และทักษะ ใน การเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การ เล่นกม และการเล่นกีฬาไปใช้ สร้างเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ การนำหลักการ ความรู้ ทักษะในการ เคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกม การเล่น กีฬาไปใช้เป็นระบบสร้างเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่อง มาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ำใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแข่งขัน และชื่นชม ใน สุนทรียภาพของการกีฬา ม. 3 1.มีมารยาทในการเล่นและดูกีฬาด้วย ความมีน้ำใจนักกีฬา มารยาทในการเล่นและการดูกีฬาด้วยความมี น้ำใจนักกีฬา 2.ออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่าง สม่ำเสมอและนำแนวคิดหลักการจากการ เล่นไปพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนด้วย ความภาคภูมิใจ การออกำลังกายและการเล่นกีฬาประเภท บุคคล และประเภททีม การนำประสบการณ์ แนวคิดจากการ ออก กำลังกายและเล่นกีฬาไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนา คุณภาพชีวิต


8 3.ปฏิบัติตนตามกฎ กติกา และข้อตกลง ในการเล่นตามชนิดกีฬาที่เลือกและนำ แนวคิดที่ได้ไปพัฒนาคุณภาพชีวิต ของตน ในสังคม กฎ กติกาและข้อตกลงในการเล่นกีฬาที่เลือก เล่น การประยุกต์ประสบการณ์การปฏิบัติตามกฎ กติกา ข้อตกลงในการเล่นกีฬาไปใช้พัฒนาคุณภาพ ชีวิตของตนในสังคม 4.จำแนกกลวิธีการรุก การป้องกัน และ ใช้ในการเล่นกีฬาที่เลือกและตัดสินใจ เลือกวิธีที่เหมาะสมกับทีมไปใช้ได้ตาม สถานการณ์ของการเล่น วิธีการประยุกต์ใช้กลวิธีการรุกและการป้องกัน ในการเล่นกีฬาได้ตามสถานการณ์ของการเล่น คำอธิบายรายวิชา รหัสวิชา พ 23104 พลศึกษา พื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา และพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 20 ชั่วโมง จำนวน 0.5 หน่วยกิต ศึกษา วิเคราะห์ อธิบาย เปรียบเทียบ ปฏิบัติ ตนตามกฎ กติกา และข้อตกลงใน การเล่นตามชนิดกีฬาที่เลือกและนำแนวคิดที่ได้ไปพัฒนาคุณภาพชีวิต ของคนในสังคม กลวิธีการรุก การป้องกัน ในการเล่นกีฬา เลือกวิธีที่เหมาะสมกับทีมไปใช้ได้ตามสถานการณ์ของการเล่น พัฒนาสุขภาพของตนเองที่เกิด จากการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาเป็นประจำ โดยใช้ทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ การเรียนความรู้ความเข้าใจ ทักษะปฏิบัติ กระบวนการ สร้างความตระหนัก กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการกลุ่ม การอภิปรายและการมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มีความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นใน การทำงาน รักความเป็นไทย อยู่อย่างพอเพียง และมีจิตสาธารณะ รหัสตัวชี้วัด พ 3.1 ม.3/1 พ 3.2 ม.3/1 รวมทั้งหมด 2 ตัวชี้วัด


9 โครงสร้างรายวิชา รายวิชาพลศึกษา รหัสวิชา พ 23104 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 20 ชั่วโมง ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ เวลา น้ำหนัก คะแนน 1 ความรู้เกี่ยวกับกีฬา วอลเลย์บอล พ 3.1 ม3/1 * เทคนิคและวิธีการเล่น กีฬาไทยและ กีฬาสากลที่เลือก (บาสเกตบอล) * การนำหลักการเคลื่อนไหว กิจกรรม ทางกาย การเล่นเกม การเล่นกีฬาไปใช้ เป็นระบบสร้างเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่อง * การจัดกิจกรรมนันทนาการแก่ผู้เรียน 2 10 2 ทักษะการเล่นวอลเลย์บอล พ 3.2 ม3/1 * มารยาทในการเล่นและดูกีฬาด้วยความ มีน้ำใจ 16 80 3 การแข่งขันวอลเลย์บอลเป็น ชุดและการทดสอบหลังเรียน พ3.1 ม3/1 * กฎ กติกาและข้อตกลงในการเล่นกีฬา บาสเกตบอล 2 10 รวม 20 100


10 กำหนดการสอนวิชาสุขศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 รหัสวิชา พ23104 รายวิชาพลศึกษา กีฬาวอลเลย์บอล เวลาเรียน 20 ชั่วโมง คาบ เรียนที่ เนื้อหาการเรียนการสอน เวลา (ชม.) หมายเหตุ 1-2 ประวัติความเป็นมากีฬาวอลเลย์บอล 2 2-3 การบริหารร่างกายและการเสริมสร้างสมรรถภาพ 2 4-5 การสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล 2 6-7 การยืนเตรียมพร้อมและการเคลื่อนที่ 2 8-9 การเล่นลูกบอลด้วยมือล่างแบบที่ 1 (การอันเดอร์) 2 10-11 การเล่นลูกบอลด้วยมือล่างแบบที่ 2 (การอันเดอร์) 2 11-12 การเล่นลูกบอลด้วยมือล่างแบบที่ 3 ( โต้คู่ ) 2 13-14 การเล่นลูกบอลด้วยมือบน แบบที่1 2 15-16 การเล่นลูกบอลด้วยมือบน แบบที่ 2 2 17-18 การเล่นลูกบอลด้วยมือล่าง ข้ามตาข่าย (การเสิร์ฟ) 2 19-20 การแข่งขันวอลเลย์บอลเป็นชุด และการทดสอบหลังเรียน 2 รวม 20


11 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา พ 23104 วอลเลย์บอล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ความรู้เกี่ยวกับกีฬาวอลเลย์บอล ภาคเรียนที่ 1 / 2565 เรื่อง ประวัติความเป็นมากีฬาวอลเลย์บอล เวลา 2 ชั่วโมง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. มาตรฐาน พ 3.1 เข้าใจ มีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกม และกีฬา มาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ มี วินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ำใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแข่งขัน และชื่นชมใน สุนทรียภาพของการกีฬา ตัวชี้วัด พ 3.1 2/4 ร่วมกิจกรรมนันทนาการอย่างน้อย 1 กิจกรรม และนำความรู้และหลักการที่ได้ไป ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน สาระสำคัญ กีฬาวอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ดัดแปลงมาจากกีฬา 3 ชนิด คือ เทนนิส เบสบอล และแฮนด์บอล เข้า ด้วยกันทำให้ผู้เล่นต้องมีการเคลื่อนที่ที่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ของระบบประสาทและระบบกล้ามเนื้อ ทำให้ผู้เล่นมีสมรรถภาพทางกายที่ดีวอลเลย์บอลเป็นกีฬาประเภททีมที่ช่วยเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ และฝึกความเป็นผู้นำผู้ตามที่ดีสามารถเล่นด้วยความสุขสนุกสนานเกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคม จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถอธิบายประวัติความเป็นมาของกีฬาวอลเลย์บอลในประเทศไทยและต่างประเทศได้ 2. นักเรียนมีทักษะเบื้องต้นในการเล่นวอลเลย์บอล 3. นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการเล่นวอลเลย์บอล คุณลักษณะ ความมีวินัย สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต สาระการเรียนรู้ 1. ประวัติของกีฬาวอลเลย์บอลในประเทศไทย 2. ประวัติกีฬาวอลเลย์บอลในต่างประเทศ


12 กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ( 15 นาที ) - ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้และการวัดผล ประเมินผล ให้นักเรียนทราบ ครูแจกใบความรู้เรื่อง ประวัติความเป็นมากีฬาวอลเลย์บอล สนทนาและซักถามกับนักเรียน เกี่ยวกับประสบการณ์ด้านกีฬาฟุตบอลให้ นักเรียนแสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งให้เหตุผล - ครูอธิบายประวัติความเป็นมาของกีฬาวอลเลย์บอลให้นักเรียนฟัง พร้อมกับซักถาม ขั้นสอน ( 10 นาที ) - แบ่งนักเรียนออกเป็น 6 กลุ่มกลุ่มละเท่าๆกัน ให้แต่ละกลุ่มไปศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ของกีฬาวอลเลย์บอลภายในห้องสมุดแล้วเขียนสรุปลงในกระดาษโดยหาจากสื่อเช่น หนังสือประกอบการเรียน ใบความรู้ หรือทาง internet พร้อมตกแต่งให้สวยงาม - ให้แต่ล่ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลงาน - ให้นักเรียนดูสื่อการเล่นลูกวอลเลย์บอลทาง อินเตอร์เน็ต - ให้นักเรียนลงสนาม ทดลองสัมผัสลูกวอลเลย์บอล และฝึกการ under บอล ขั้นสรุป ( 5 นาที ) - ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย ซัก – ถาม แสดงความคิดเห็นและสรุปความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมากีฬาวอลเลย์บอล การวัดและการประเมินผล ด้านความรู้ - การตอบคำถาม - การซัก – ถาม ด้านทักษะ - ความคล่องแคล่ว ความกระตือรือร้นในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย - ทักษะความคล่องตัวในการ under ลูกบอล สื่อการสอน สื่อและอุปกรณ์ / แหล่งการเรียนรู้ 1. INTERNET 2. หนังสือประกอบการเรียนวิชาวอลเลย์บอล 3. ห้องสมุด


13 เครื่องมือการประเมินผล - แบบประเมินพฤติกรรม บันทึกผลหลังสอน ผลการสอน 1.นักเรียนสามารถอธิบายประวัติความเป็นมาของกีฬาวอลเลย์บอลในประเทศไทยและต่างประเทศได้ ร้อยละ …………… 2.นักเรียนมีทักษะเบื้องต้นในการเล่นวอลเลย์บอล ร้อยละ …………… 3.นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการเล่นวอลเลย์บอล ร้อยละ …………… ปัญหา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………….………………………………………………………………………….. ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชื่อ)………………………………ผู้สอน (นายสุปกฤษณ์ สีเหลือง) ครูผู้ช่วย


14 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้วมีความคิดเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ (ลงชื่อ).......................................................... (นายสุรบดินทร์ ใจเย็น) ครูพี่เลี้ยง ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้วมีความคิดเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ (ลงชื่อ).......................................................... (นางปรียา นามเหลา) หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ ความเห็นของผู้บริหาร ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้วมีความคิดเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ ดีมาก เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้ ดี ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป พอใช้ ควรปรับปรุง 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ (ลงชื่อ).......................................................... นำไปใช้ได้จริง (ออดศักดิ์ ซาเกิม) ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกลาง


15 แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง กีฬา( วอลเลย์บอล ) คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย X ทับตัวอักษรข้อที่ถูกที่สุด 1. กีฬาวอลเลย์บอลใช้ผู้เล่นฝ่ายละกี่คน ก. 4 คน ข. 6 คน ค. 5 คน ง. 7 คน 2 ผู้เล่นสำรองควรปฏิบัติตนอย่างไร ก. นั่งอยู่ที่ที่กำหนดให้ ข. ยืนบอกผู้เล่นข้างสนาม ค. เดินสำรวจรอบ ๆ สนาม ง. ตั้งวงกลมซ้อมด้านหลังสนาม 3. ผู้ที่เสิร์ฟลูก ควรยืนเสิร์ฟอยู่ตรงตำแหน่งใด ก. หลังเส้นรุก ข. หลังเส้นข้างขวา ค. หลังเส้นข้างซ้าย ง. หลังเส้นด้านหลัง 4. สิ่งใดที่จะทำให้ลูกเปลี่ยนทิศทางได้ ก. มือ ข. เข่าตึก ค. การย่อเข่า ง. การกระโดด 5. ลูกบอลที่ใช้เสิร์ฟลูกมือล่างจะอยู่ระดับใด ก. อก ข. เอว ค. เข่า ง. ที่ใดก็ได้ 6. ในการแข่งขันควรเสิร์ฟลูกให้ไปในตำแหน่งใด ก. จุดอ่อน ข. เส้นข้างขา ค. เส้นข้างซ้าย ง. เส้นข้างหลัง 7. การส่งลูกจะต้องกระทำภายในเวลาเท่าไร ก. 5 วินาที ข. 10 วินาที ค. 25 วินาที ง. 30 วินาที 8. ส่วนใดจะโดดลูกเมื่อเสิร์ฟลูกมือล่าง ก. สันมือ ข. หน้ามือ ค. หลังมือ ง. ด้านที่อยู่ทางนิ้วก้อย 9. นักเรียนควรจะปฏิบัติอย่างไร จึงจะสามารถรับลูกจากการส่งได้ทัน ก. เคลื่อนเข้าไปหาลูก ข. ย่อเข่าเตรียมสปริงตัว ค. หันตัวไปในทิศทางที่ลูกมา ง. พยายามใช้สายตามองลูกมาจากทิศใด 10. ถ้าคนถนัดมือขวาเท้าจะอยู่ในลักษณะใดในการเสิร์ฟลูกมือล่าง ก. เท้าซ้ายก้าวออกไปข้างหน้า ข. เท้าขวาก้าวออกไปข้างหน้า


16 ค.เท้าเสมอแยกห่างจากกัน ง. เท้าเสมอและชิดกัน 11. ก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้วก้าวเท้าหลังตามไปชิดเท้าหน้า จังหวะเดียวกัน เรียกว่าอะไร ก. การสืบก้าวเท้า ข. การก้าวสืบเท้า ค. การสืบเท้าตามจังหวะ ง. การเคลื่อนที่สืบตามจังหวะ 12 ข้อใดเป็นการบังคับลูกบอลให้ลอยอยู่ในอากาศ โดยใช้กำลังแขน ก. การตั้งลูก ข. การโต้ลูกมือล่าง ค. การเล่นลูกมือล่าง ง. การรับและส่งลูกมือล่าง 13. การประสานมือจะต้องวางมือในลักษณะใด ก. คว่ำมือซ้อนกัน ข. หงายมือซ้อนกัน ค. ตะแคงมือให้ฝ่ามือเข้าหาตัว ง. ตะแคงมือให้ฝ่ามือออกนอกตัว 14. การส่งลูกเริ่มเล่นเกม ไม่ควร ใช้ส่วนใดส่งลูกบอล ก. อุ้งมือ ข. ข้อมือ ค. สันมือ ง. กำหมัด 15. การรับส่งลูกไปมาหลาย ๆ ครั้ง เรียกว่าอะไร ก. การตีลูก ข. การโต้ลูก ค. การตั้งลูก ง. การตบลูก 16. ข้อใดเป็นการแตะชูลูกสองมือบนให้ลอยในอากาศระหว่างคนสองคน ก. การตั้งลูก ข. การเลี้ยงลูก ค. การรับส่งลูก ง. การเล่นลูกข้ามตาข่าย 17. ผู้เล่นกีฬาวอลเลย์บอลแดนหลังมีกี่คน ก. 2 คน ข. 3 คน ค. 6 คน ง. 11 คน 18. การโต้ลูกไม่ข้ามตาข่าย ผู้อื่นในทีมจะช่วยโต้ต่อไปได้คนละกี่ครั้ง ก. 1 ครั้ง ข. 2 ครั้ง ค. 3 ครั้ง ง. 1 หรือ 2 หรือ 3 ครั้ง 19. ฝ่ายส่งลูกบอลจะได้คะแนนเมื่อใด ก. ฝ่ายตรงข้ามโต้ไม่ได้ ข. ฝ่ายตรงข้ามรับลูกได้ ค. ฝ่ายตรงข้ามออกนอกเขต ง. ฝ่ายตรงข้ามเล่นผิดกติกา 20. การแข่งขันวอลเลย์บอล ฝ่ายชนะต้องได้กี่คะแนนก่อน ก. 10 คะแนน ข. 15 คะแนน ค. 20 คะแนน ง. 25 คะแนน


17 ประเด็นการ ประเมิน น้ำหนัก/ คะแนน ระดับคุณภาพ 4 3 2 1 ด้านความรู้ 30 มีการอธิบาย การ ซักถาม การตอบ คำถาม ได้ครบตาม หัวข้อที่กำหนด มีการอธิบาย การ ซักถาม การตอบ คำถาม ตาม หัวข้อที่กำหนด มีการอธิบาย การ ซักถาม การตอบ คำถาม ได้บางข้อ ไม่มีการซักถาม และ ตอบคำถามไม่ได้ ด้านเจตคติ 30 มีน้ำใจในการเล่นและ มีความสนุกสนาน มี การให้ความช่วยเหลือ กันและ มีน้ำใจในการเล่น และมีความ สนุกสนาน มีน้ำใจในการเล่น น้อย และมีความ สนุกสนาน ไม่มีน้ำใจในการเล่น ด้านทักษะ 40 มีความกระตือรือร้น ในการทำงานที่ได้รับ มอบหมาย และขยัน ฝึกซ้อม มีความ กระตือรือร้นใน การทำงานที่ได้รับ มอบหมาย บ้าง และขยันฝึกซ้อม ขาดความ กระตือรือร้นในการ ทำงานที่ได้รับ มอบหมาย และ ขยันฝึกซ้อม ขาดความ กระตือรือร้นในการ ทำงานที่ได้รับ มอบหมาย และขาด ความขยันฝึกซ้อม เกณฑ์การประเมิน ได้ระดับคุณภาพ 4 ผลการประเมิน ดีมาก ได้ระดับคุณภาพ 3 ผลการประเมิน ดี ได้ระดับคุณภาพ 2 ผลการประเมิน พอใช้ ได้ระดับคุณภาพ 1 ผลการประเมิน ปรับปรุง เกณฑ์การผ่าน ได้คะแนน 80-100 ได้ระดับคุณภาพ 4 (ผ่าน) ได้คะแนะ 70-79 ได้ระดับคุณภาพ 3 (ผ่าน) ได้คะแนน 50-69 ได้ระดับคุณภาพ 2 (ผ่าน) ได้คะแนน 0-49 ได้ระดับคุณภาพ 1 (ปรับปรุง)


18 แบบบันทึกคะแนนการประเมินแต่ละด้าน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา รายวิชาสุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แผนการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องประวัติวอลเล่ย์บอล ********************************** รายละเอียดเกณฑ์การให้คะแนน ตอบถูก ข้อละ 1 คะแนน ตอบผิด ข้อละ 0 คะแนน เกณฑ์การประเมิน ผ่านเกณฑ์การประเมินได้คะแนน 24 คะแนน ร้อยละ 80 ขึ้นไป เลขที่ ชื่อ – สกุล ด้านความรู้ ด้านเจตคติ ด้านทักษะ รวม 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15


19 ใบความรู้ที่ 1 เรื่องประวัติกีฬาวอลเลย์บอล ประวัติกีฬาวอลเลย์บอลนอกประเทศ กีฬาวอลเลย์บอลเริ่มขึ้นเมื่อปี 2558 โดยนายวิลเลียม จี มอร์แกน (William G. Morgan) ผู้อำนวยการ ฝ่ายพลศึกษาของสมาคมY.M.C.A.(Young Men's Christian Association) เมืองฮอลโยค (Holyoke) มล รัฐแมสซาซูเซตส์ (Massachusetts) ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้คิดเกมการเล่นขึ้น เนื่องจากในฤดูหนาวหิมะ ตกลงมา คนทั่วไปไม่สามารถเล่นกีฬากลางแจ้งได้ เขาได้พยายาม คิดและดัดแปลง กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อใช้เป็น กิจกรรมนันทนาการผ่อนคลายความตึงเครียดให้เหมาะสมกับฤดูกาล ขณะที่เขาดูการแข่งขันเทนนิส เขาได้เกิด แนวความคิดที่จะนำลักษณะและวิธีการ เล่นของกีฬาเทนนิสมาดัดแปลงใช้เล่น จึงใช้ตาข่ายเทนนิสซึ่งระหว่าง เสาโรงยิมเนเซียม สูงจากพื้นประมาณ 6 ฟุต 6 นิ้ว และใช้ยางในของลูกบาสเกตบอลสูบลมให้แน่น แล้วใช้มือ และแขนตีโต้ ข้ามตาข่ายกันไปมา แต่เนื่องจากยางใน ของลูกบาสเกตบอลเบาเกินไปทำให้ลูกบอลเคลื่อนที่ช้า และทิศทางที่เคลื่อนไปไม่แน่นอน จึงเปลี่ยนมาใช้ลูกบาสเกตบอล แต่ลูกบาสเกตบอลใหญ่ หนักและแข็งเกินไป ทำให้มือของผู้เล่นได้รับบาดเจ็บ ในที่สุดเขาจึงให้บริษัท A.G. Spalding and Brother Company ผลิตลูกบอล ที่หุ้มด้วยหนังและบุด้วย ยาง มีเส้นรอบวง 25-27 นิ้ว มีน้ำหนัก 9-12 ปอนด์ หลังจากทดลองเล่นแล้ว เขาจึงตั้ง ชื่อเกมการเล่นนี้ว่า "มินโตเนต" (Mintonette) ปี พ.ศ 2439 มีการประชุมสัมมนาผู้นำทางพลศึกษาที่วิทยาลัยสปริงฟิลด์ (Spring-field College) นาย วิลเลียม จี มอร์แกน ได้สาธิตวิธีการเล่นต่อหน้าที่ประชุมหลังจากที่ประชุมได้ชมการสาธิต ศาสตราจารย์ อัลเฟรด ที เฮลสเตด ( Alfred T. Helstead) ได้เสนอแนะให้มอร์แกนเปลี่ยนจากมินโตเนต (Mintonette) เป็น "วอลเลย์บอล" (Volleyball) โดยให้ความเห็นว่าเป็นวิธีการเล่นโต้ลูกบอลให้ลอยข้ามตาข่ายไปมาในอากาศ โดย ผู้เล่นพยายามไม่ให้ลูกบอล ตกพื้นต่อมากีฬาวอลเลย์บอลได้แพร่หลายและเป็นที่นิยมเล่นกันในหมู่ประชาชนชาว อเมริกันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเกมที่เล่นง่าย สามารถเล่นได้ตามชายทุ่ง ชายหาด และตามค่ายพักแรมทั่วไป ปีพ.ศ 2471 ดอกเตอร์ จอร์จ เจ ฟิเชอร์ ( Dr.George J.Fisher ) ได้ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงกติกา การเล่นวอลเลย์บอล เพื่อใช้ในการแข่งขัน กีฬาวอลเลย์บอล ในระดับชาติ ซึ่งบุคคลผู้นี้เป็นผู้มีบทบาทอย่างมาก ในการเผยแพร่ กีฬาวอลเลย์บอลจนได้รับสมญานามว่า บิดาแห่งกีฬาวอลเลย์บอล ประวัติกีฬาวอลเลย์บอลในประเทศ กีฬาวอลเลย์บอลได้แพร่เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อใด ไม่มีหลักฐานแน่ชัดแต่สันนิษฐานว่าชาวไทย บางกลุ่มได้เริ่มเล่นและแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลมาตั้งแต่หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ปี พ.ศ.2477 กรมพลศึกษาได้จัดให้มีการแข่งขันกีฬาประจำปี และบรรจุ กีฬาวอลเลย์บอลหญิงเข้าไว้ ในรายการแข่งขันเป็นครั้งแรก โดยใช้กติกาการเล่นระบบ 9 คน และตั้งแต่นั้นกีฬา วอลเลย์บอลก็พัฒนาขึ้นโดยตลอด


20 ปี พ.ศ 2500 ประเทศไทยได้จัดตั้งสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลขึ้น โดยมี พลเอกสุรจิตร จารุเศรณี เป็น นายกสมาคมคนแรก เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2500 และได้รับชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "สมาคมวอลเลย์บอล สมัครเล่นแห่งประเทศไทย" (Amature Volleyball Association of Thailand) ปัจจุบันกีฬาวอลเลย์บอลได้นิยมเล่นกันอย่าง แพร่หลายทั้งในโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย และตาม หน่วยงานต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการจัดการแข่งขัน มากมายหลายรายการ เป็นประจำทุกปี โดยการดำเนินงาน ของ สมาคมวอลเลย์บอล สมัครเล่นแห่งประเทศไทยและ หน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ให้การ สนับสนุนเป็นอย่างดี สนามแข่งขัน - จะต้องเป็นพื้นไม้หรือพื้นปูนที่มีลักษณะเรียบ ไม่มีสิ่งกีดขวาง - เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 9 เมตร ยาว 12 เมตร ความสูงจากพื้นประมาณ 7 เมตร มีบริเวณโดยรอบห่างจาก สนามประมาณ 3 เมตร - แต่หากเป็นสนามมาตรฐานในระดับนานาชาติ กำหนดให้รอบสนามห่างจากสนามประมาณ 5 เมตร ด้านหลังห่าง 8 เมตร และมีความสูง 12.5 เมตร - เส้นรอบสนาม (Boundary lines) ทุกเส้นจะต้องกว้าง 5 เซนติเมตร เป็นสีอ่อนตัดกับพื้นสนาม มองเห็นได้ชัดเจน - เส้นแบ่งเขตแดน (Center line) ที่อยู่ตรงกลางสนาม จะต้องอยู่ใต้ตาข่าย หรือตรงกับเสาตาข่ายพอดี ตาข่าย - จะต้องมีความสูงจากพื้น 2.43 เมตร กว้าง 1 เมตร ยาว 9.5 - 10 เมตร - ตารางในตาข่ายกว้าง 10 เซนติเมตร ผู้ติดไว้กับเสากลางสนาม - ตาข่ายสำหรับทีมหญิงสูง 2.24 เมตร ลูกวอลเลย์บอล - เป็นทรงกลมมีเส้นรอบวงประมาณ 65-67 เซนติเมตร น้ำหนัก 260-280 กรัม - ทำจากหนังสังเคราะห์ที่ยืดหยุ่นได้ - ซึ่งในการแข่งขันระดับโลกจะใช้ลูกบอล 3 ลูกต่อการแข่งขัน เพื่อความต่อเนื่อง หากบอลออก นอกสนาม ประโยชน์ของการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ทำให้ผู้เล่นเกิดประโยชน์ดังนี้ 1) วอลเลย์บอลเป็นกีฬาประเภททีม ช่วยสร้างให้เกิดความสามัคคีระหว่างหมู่คณะ และ รักใคร่ปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 2) วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่เล่นได้โดยไม่จำกัดเวลา ถ้าหากผู้เล่นรู้จักการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ซึ่ง อาจจะเล่นตอนเช้า สาย บ่าย เย็นหรือแม้แต่ในเวลากลางคืนก็ได้ถ้ามีแสงสว่างเพียงพอ และเล่นได้ทั้งในที่ร่ม หรือกลางแจ้ง


21 3) วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้เล่นอย่างหนึ่ง เพราะผู้เล่นจะต้องถูกฝึกให้มี ระเบียบ มีวินัย มีเหตุมีผล รู้จักการเป็นผู้นำผู้ตาม และมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็น การปลูกฝังนิสัยอันมีผลที่จะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันด้วย 4) วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่มีกฎกติกา ผู้เล่นต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎกติกาการเล่น ดังนั้นการเล่น วอลเลย์บอลย่อมช่วยสอนให้ผู้เล่นรู้จักความยุติธรรม มีความอดทน อดกลั้น รู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่น 5) วอลเลย์บอลเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ที่ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางด้านร่างกายให้มีความสมบูรณ์ แข็งแรง เมื่อร่างกายได้ออกกำลังกายแล้วยังช่วยให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายได้ทำงานประสานสัมพันธ์กัน เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อร่างกายแข็งแรงก็จะช่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายให้มีความ ต้านทานได้ดีด้วย 6) กีฬาวอลเลย์บอลเหมือนกับกีฬาประเภทอื่น ๆ ที่สร้างความมีน้ำใจนักกีฬา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การรู้จัก แพ้ ชนะและอภัย นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือในการเป็นสื่อกลางก่อให้เกิดความสนิทสนมคุ้นเคยและมีสัมพันธ์ ไมตรีอันดีต่อกัน มารยาทของผู้เล่นกีฬาวอลเลย์บอลที่ดี 1) แต่งกายด้วยชุดที่เหมาะสมกับการเล่นวอลเลย์บอล ในการแข่งขันนั้นผู้เล่นต้องแต่งกายตามกติกา แต่ในการ เล่นทั่วไปเพื่อความสนุกสนานหรือเพื่อออกกำลังกายควรจะแต่งกายให้เหมาะสม บางคนสวมรองเท้าแตะหรือ แต่งชุดไปเที่ยวลงเล่น เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บระหว่างการเล่นได้ 2) ไม่แสดงกิริยาเสียดสีล้อเลียน หรือกล่าวถ้อยคำที่ไม่สุภาพต่อผู้เล่นฝ่ายเดียวกันหรือฝ่ายตรงข้าม หรือผู้ชม 3) มีความสุภาพเรียบร้อย แสดงความเป็นมิตรและให้เกียรติแก่ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามก่อนและหลังการแข่งขันเสร็จ สิ้นลงควรจับมือผู้เล่นของทีมตรงข้ามไม่ว่าทีมจะแพ้หรือชนะก็ตาม 4) ไม่โต้เถียงหรือแสดงกิริยาอาการที่ไม่เหมาะสมแก่ผู้ตัดสินในการตัดสิน และปฏิบัติตามระเบียบกติกาการเล่น อย่างเคร่งครัด 5) มีใจคอหนักแน่น อดทน อดกลั้น และสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ถึงแม้ว่าผู้เล่นฝ่ายเดียวกัน ผิดพลาดก็ไม่ควรแสดงอาการไม่พอใจมารยาทของผู้ชมกีฬาวอลเลย์บอลที่ดี 6) แสดงความยินดีด้วยการปรบมือให้แก่ผู้เล่นที่เล่นดี และไม่กล่าวถ้อยคำหรือ แสดงกิริยาเยาะเย้ยถากถางผู้เล่นที่เล่นผิดพลาด 7) ไม่เชียร์ในสิ่งที่เป็นการเสียดสีในทางไม่ดีต่อทีมใดทีมหนึ่ง 8) ไม่กระทำตัวเป็นผู้ตัดสินเสียเอง เช่น การตะโกนด่าว่าผู้ตัดสิน เป็นต้น 9) ไม่กระทำสิ่งใด ๆ ที่ทำให้ผู้ตัดสินหรือเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ปฏิบัติงานไม่สะดวก ใบงานที่ 1.


22 เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกีฬาวอลเลย์บอล คำชี้แจง จงเติมข้อความให้สมบูรณ์ 1. ผู้คิดค้นกีฬาวอลเลย์บอลคือใคร .............................................................................................. 2. กีฬาวอลเลย์บอลกำเนิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศใด .................................................................... 3. กีฬาวอลเลย์บอลเกิดขึ้นในครั้งแรกตั้งชื่อว่าอะไร.................................................................... 4. การเล่นวอลเลย์บอลครั้งแรกได้รวบรวมการเล่นของเกมกีฬาอะไรเข้าด้วยกัน.......................... 5. จุดมุ่งหมายที่สำคัญ ที่ มอร์แกน วางไว้คืออะไร......................................................................... 6. ลูกวอลเลย์บอลแต่เดิมที่ มอร์แกน คิดขึ้นใช้ลูกอะไร................................................................ 7. ผู้ที่ได้รับชื่อว่า เป็นบิดาแห่งวอลเลย์บอลคือใคร..................................................................... 8. ประเทศแรกที่เล่นกีฬาวอลเลย์บอลในทวีปเอเชียคือประเทศใด............................................. 9. กีฬาวอลเลย์บอลเข้ามาในประเทศไทยตอนเริ่มแรกนิยมเล่นข้างละกี่คน............................... 10. สมาคมวอลเลย์บอลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. ใด.........................................


23 แผนการจัดารเรียนรู้ที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา วิชา พ 23104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ทักษะการเล่นวอลเลย์บอล จำนวน 2 ชั่วโมง เรื่องที่ 1 การบริหารร่างกายและการเสริมสร้างสมรรถภาพ เวลา 2 ชั่วโมง มาตรฐาน พ 3.1 เข้าใจ มีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกม และกีฬา มาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ มี วินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ำใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแข่งขัน และชื่นชมใน สุนทรียภาพของการกีฬา ตัวชี้วัด พ 3.1 ม2/4 ร่วมกิจกรรมนันทนาการอย่างน้อย ๑ กิจกรรม และนำความรู้และหลักการที่ได้ไปปรับ ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นระบบ พ 3.2 ม2/3 มีวินัย ปฏิบัติตามกฎ กติกา สาระสำคัญ ผู้มีสมรรถภาพทางกายที่ดีมักเป็นผู้มีจิตใจร่าเริงแจ่มใสด้วยดังนั้นการบริหารร่างกายและการเสริมสร้าง สมรรถภาพทางกายจะทำให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการเล่นกีฬา และปฏิบัติหน้าที่การงานต่าง ๆ ได้เป็นอย่าง ดี ตลอดจนเมื่อร่างกายได้ออกกำลังกายแล้วยังช่วยให้ระบบต่าง ๆ มีการประสานสัมพันธ์เป็นอย่างดี ทำงาน อย่างมีประสิทธิภาพ นับว่าเป็นการลดภาวะการเจ็บป่วย ของประชากรได้เป็นอย่างดี จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนมีความรู้ มีความเข้าใจ ในเรื่องการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายเป็นอย่างดี 2. นักเรียนสามารถแสดงหรือสาธิตท่ากายบริหาร เพื่อการเสริมสร้าง สมรรถภาพทางกาย ได้ถูกต้อง 3. นักเรียนทัศนคติที่ดีต่อการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายได้ถูกต้อง สาระการเรียนรู้ 1. การเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย 2. ท่าการบริหารร่างกาย


24 กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ / ขั้นเตรียม ( 5 นาที ) 1. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้และการวัดผล ประเมินผล ให้นักเรียนทราบ ให้นักเรียนเข้าแถวตอน แบ่งเป็น 5 กลุ่มๆ ละเท่าๆกัน สำรวจ รายชื่อ ความสะอาด สุขภาพและเครื่องแต่งกายสุขภาพของนักเรียนทุก คนในกลุ่มเพื่อเตรียมความพร้อม และความปลอดภัย 2. ครูแจกใบความรู้เรื่องการบริหารร่างกายและการเสริมสร้างสมรรถภาพ สนทนาและซักถามกับ นักเรียน ขั้นสอน ( 15 นาที ) 1. ครูอธิบายพร้อมกับสาธิตและเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการสาธิตขั้นตอนวิธีการ การบริหาร ร่างกายและการเสริมสร้างสมรรถภาพโดยการการบริหารร่างกายตามท่าต่างๆดังต่อไปนี้ - ท่าวิ่งเหยาะ ๆรอบสนาม(เสริมความแข็งแรงและ ความอดทนทั่วไป) - ก้ม - เงยศีรษะ(บริหารคอ) - ท่าหมุนแขนไปด้านหน้า และหลังเป็นวงกลม (บริหารข้อต่อหัวไหล่) - ท่าดึงเข่าทีละข้างเข้าชิดอก (บริหารข้อเข่า และขา) - ท่าก้มตัวแตะพื้นขาเหยียดตึง(ความอ่อนตัว) - ท่ามือประสานท้ายทอยบิดตัว สลับซ้าย ขวา (บริหารเอว และลำตัว) - ท่ามือประสานท้ายทอยบิดตัว สลับซ้าย ขวา (บริหารเอว และลำตัว) - ท่านั่งขาเหยียดตรงแยกขาทั้ง 2 ออกก้มตัวและบิดลำตัวใช้ปลายนิ้วมือขวาแตะปลายเท้าซ้ายทำสลับ ซ้าย และขวา - ท่าบิดขาไขว้ข้ามมาแตะปลายนิ้วมือ (บริหารข้อสะโพกและโคนขา) - ท่านั่งเหยียดปลายเท้า ก้มลำตัวไปข้างหน้าใช้มือจับข้อเท้า (ความอ่อนตัว) - ท่ายืนหันหน้าหากัน ใช้มือจับไหลซึ่งกันและกัน กดลำตัวของเพื่อนให้ลงต่ำ (บริหารลำตัว) - แขนเหยียดตึงเหนือศีรษะพร้อมกับเอียงลำตัวด้านข้างซ้ายและขวา ขั้นฝึก ( 15 นาที ) 1. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม แยกฝึกปฏิบัติทักษะการ บริหารร่างกาย 2. ให้สมาชิกภายในกลุ่มปฏิบัตินำเพื่อนในกลุ่มคนละ 2 ท่า โดยครูผู้สอนคอยให้การดูแล ช่วยเหลือ แนะนำ อธิบาย พร้อมสาธิตร่วมกับนักเรียน เพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจดียิ่งขึ้น และสามารถนำไป ปฏิบัติ ได้อย่างถูกต้อง ขั้นใช้ ( 15 นาที ) 1. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มปรึกษากันในกลุ่ม


25 2. ให้ตัวแทนกลุ่มออกมานำสาธิตปฏิบัติการอบอุ่นร่างกายโดยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ กลุ่มละ 3 ท่า พร้อมกับอธิบายขณะทำการสาธิต 3. ขณะที่นักเรียนทำการแข่งขันครูต้องคอยให้การดูแลช่วยเหลือแนะนำ และปรับปรุงแก้ไข ให้ ถูกต้อง ขั้นสรุป (5 นาที) 1. นักเรียนและครูผู้สอนร่วมกันอภิปราย ซัก – ถาม แสดงความคิดเห็นและสรุปความรู้ ความ เข้าใจเกี่ยวกับ การบริหารร่างกายและการเสริมสร้างสมรรถภาพ 2. ครูสำรวจความเรียบร้อยของนักเรียน ให้นักเรียนทำความสะอาดร่างกายเพื่อพร้อมที่จะไป เรียนในวิชาต่อไป การวัดและการประเมินผล ด้านความรู้ - การตอบคำถาม - ซัก - ถาม ด้านทักษะ - การปฏิบัติกิจกรรมการบริหารร่างกาย เกณฑ์การวัด การบริหารร่างกาย รายการ 5 คะแนน 4 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน การสาธิต ท่าการการบริหารร่างกาย การอธิบายขณะสาธิต ความเป็นผู้นำ รวมคะแนน เกณฑ์การประเมิน คะแนนรวม ระดับคุณภาพ ผลการประเมิน 0 - 2 ปรับปรุง ไม่ผ่าน 4 – 10 พอใช้ ควรปรับปรุง 10 – 15 ดี ผ่าน


26 สื่อและอุปกรณ์ / แหล่งการเรียนรู้ 1. ใบความรู้ที่ 1 เรื่องการเสริมสร้างสมรรถภาพ 2. ใบความรู้ที่2 เรื่องการท่าการบริหารร่างกาย 3. สนามโรงเรียนบ้านเวียงฝาง 4. นกหวีด เครื่องมือการประเมินผล - เกณฑ์การวัด การบริหารร่างกาย - แบบประเมินพฤติกรรม บันทึกผลหลังสอน ผลการสอน 1.นักเรียนมีความรู้มีความเข้าใจ ในเรื่องการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายเป็นอย่างดี ร้อยล่ะ…………. 2.นักเรียนสามารถแสดงหรือสาธิตท่ากายบริหารเพื่อการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายได้ถูกต้องอย่าง ร้อยล่ะ…………. 3.นักเรียนทัศนคติที่ดีต่อการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายได้ถูกต้อง ร้อยล่ะ…………. ปัญหา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชื่อ)………………………………ผู้สอน (นายสุปกฤษณ์ สีเหลือง) ครูผู้ช่วย


27 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้วมีความคิดเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ (ลงชื่อ).......................................................... (นายสุรบดินทร์ ใจเย็น) ครูพี่เลี้ยง ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้วมีความคิดเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ (ลงชื่อ).......................................................... (นางปรียา นามเหลา) หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ ความเห็นของผู้บริหาร ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้วมีความคิดเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ ดีมาก เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้ ดี ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป พอใช้ ควรปรับปรุง 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ (ลงชื่อ).......................................................... นำไปใช้ได้จริง (ออดศักดิ์ ซาเกิม) ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกลาง


28 ใบความรู้ที่ 1 เรื่องการสริมสร้างสมรรถภาพ การเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย สมรรถภาพทางกาย หมายถึง ความสามารถของร่างกายในการประกอบกิจกรรมหรือการทำงานอย่างใด อย่างหนึ่งอย่างมีประสิทธิภาพ การออกกำลังกาย และการบริหารร่างกายสามารถกระทำได้หลายวิธี เช่น การวิ่ง การเล่นกีฬา ฯลฯ การออกกำลังกาย และการบริหารร่างกายทำให้เกิดความแข็งแรง ความว่องไว ความอดทน ความเร็ว ฯลฯ ทั้งนี้ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายถูก กระตุ้นให้พัฒนาขึ้น สมรรถภาพต่าง ๆ มีดังต่อไปนี้ 1. ความแข็งแรง คือ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในการหดตัว การทำงานและสามารถเคลื่อนไหวได้ มากที่สุด เช่น ยุบข้อ , ลุกนั่ง, วิดพื้น , ยกดัมเบลล์ 2. ความเร็ว คือ ความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาน้อยถึงจุดหมายก่อน เช่น วิ่ง ซิกแซกหลบหลีกสิ่งกีดขวาง , คลานไปหน้า-หลังอย่างรวดเร็ว ก้าวไป10 ก้าวแล้วหมุนตัวกลับหลัง , วิ่งมาอย่าง รวดเร็ว และกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ในระยะทาง 50-100เมตร 3. กำลัง คือ ความสามารถในการทำงานของกล้ามเนื้อในการหดตัวอย่างฉับพลันเพื่อทำงานได้อย่าง รวดเร็ว เช่นยืนกระโดดไกล , ไต่เชือก , วิ่งกระโดดข้าม ขว้างลูกบอลให้ไกลที่สุด , กระโดดแตะที่สูง หรือผนัง ห้อง 4. ความอดทน คือ ความสามารถที่จะออกแรงติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน โดยร่างกายสามารถปฏิบัติ กิจกรรมการเคลื่อนไหว หรือใช้สมองและประสาท หรือปฏิบัติงานอื่นๆ ซ้ำในการเข้าร่วมกิจกรรมพลศึกษา หรือ เล่นกีฬาในอิริยาบถต่างๆ เช่นเดินทางไกล , วิ่งระยะทางอย่างน้อย 1,500 เมตร , กระโดดเชือกติดต่อกันอย่าง น้อย ๕นาที ,วิ่งอยู่กับที่ติดต่อกัน อย่างน้อย 5 นาที 5. ความอ่อนตัว คือ ความสามารถในการเคลื่อนไหวได้ง่ายและสะดวก โดยข้อต่อ ต่าง ๆ และกล้ามเนื้อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นยืนกระโดดหมุนตัวกลับลงสู่พื้นด้วย ปลายเท้าทั้งสอง , ยืนเขย่งด้วยปลายเท้า ยก แขนเสมอไหล่ , ยืนเท้าเดียวกางแขน ก้มตัวไปหน้ายกเท้าอีกข้างหนึ่งขึ้นไปด้านหลัง ขนานกับพื้น , เดินบนไม้ กระดานแผ่นเดียว วางหนังสือบนศีรษะไม่ให้หนังสือตก 6. ความคล่องตัว คือ ความสามารถในการเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยอาศัย ความ คล่องแคล่วว่องไว เช่นวิ่งกลับตัว , วิ่งกลับตัวตามกำหนดเวลา , กระโดดสูง ๕ ครั้ง ใบความรู้ที่ 2 เรื่องการท่าการบริหารร่างกาย ในการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา ถ้าจะให้ได้ผลดี ผู้เล่นจำเป็นจะต้องรู้จักการบริหารร่างกายก่อนและ หลังการออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬา เพื่อเป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อของร่างกายเตรียมพร้อมที่ จะออกกำลังกาย เพิ่มจากสภาวะปกติ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ อันอาจจะเกิดขึ้นในขณะที่กล้ามเนื้อ เอ็น และ ข้อต่อยึด หรือหดตัวอย่างรวดเร็วการบริหารร่างกายในแต่ละครั้ง ควรประกอบไปด้วยการบริหารส่วนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ - ร่างกายส่วนบน ได้แก่ คอ แขน ไหล่ และหลังส่วนบน - ร่างกายส่วนกลางหรือลำตัว ได้แก่ ท้อง หลังและสะโพก


29 - ร่างกายส่วนล่าง ได้แก่ ขา และเท้า แบบฝึกเรื่องท่าการบริหารร่างกาย - ท่าวิ่งเหยาะ ๆรอบสนาม(เสริมความแข็งแรงและ ความอดทนทั่วไป) - ก้ม - เงยศีรษะ(บริหารคอ) - ท่าหมุนแขนไปด้านหน้า และหลังเป็นวงกลม (บริหารข้อต่อหัวไหล่) - ท่าดึงเข่าทีละข้างเข้าชิดอก (บริหารข้อเข่า และขา) - ท่าก้มตัวแตะพื้นขาเหยียดตึง(ความอ่อนตัว) - ท่ามือประสานท้ายทอยบิดตัว สลับซ้าย ขวา (บริหารเอว และลำตัว) - ท่ามือประสานท้ายทอยบิดตัว สลับซ้าย ขวา (บริหารเอว และลำตัว) - ท่านั่งขาเหยียดตรงแยกขาทั้ง 2 ออกก้มตัวและบิดลำตัวใช้ปลายนิ้วมือขวาแตะปลายเท้าซ้ายทำสลับ ซ้าย และขวา - ท่าบิดขาไขว้ข้ามมาแตะปลายนิ้วมือ (บริหารข้อสะโพกและโคนขา) - ท่านั่งเหยียดปลายเท้า ก้มลำตัวไปข้างหน้าใช้มือจับข้อเท้า (ความอ่อนตัว) - ท่ายืนหันหน้าหากัน ใช้มือจับไหลซึ่งกันและกัน กดลำตัวของเพื่อนให้ลงต่ำ (บริหารลำตัว) - แขนเหยียดตึงเหนือศีรษะพร้อมกับเอียงลำตัวด้านข้างซ้ายและขวา แบบฝึกท่าการบริหารร่างกาย ท่าที่ ๑ วิ่งเหยาะ ๆ รอบสนาม (เสริมความแข็งแรงและความอดทนทั่วไป) ท่าที่ 2 กระโดดปรบมือเหนือศีรษะ (สร้างความแข็งแรง และความอดทนทั่วไป)


30 ท่าที่ 3 ก้ม – เงยศีรษะ (บริหารคอ) ท่าที่4 หมุนแขนไปด้านหน้า และหลังเป็นวงกลม (บริหารข้อต่อหัวไหล่) ท่าที่ 5 ดึงเข่าทีละข้างเข้าชิดอก (บริหารข้อเข่า และขา)


31 ท่าที่ 6 ก้มตัวแตะพื้นขาเหยียดตึง (ความอ่อนตัว) ท่าที่ 7 มือประสานท้ายทอยบิดตัว (บริหารเอว และลำตัว) ท่าที่ 8 นอนหงายยกศีรษะขึ้นมาดูปลายเท้า (บริหารคอ) ท่าที่ 9 วิดพื้น (สร้างความแข็งแรงให้ข้อมือ แขน และไหล่)


32 ท่าที่ 10 นอนคว่ำ ยกลำตัวท่อนบนและขาพ้นจากพื้น (บริหารหลัง) ท่าที่ 11 นั่งยองๆมือประสานท้ายทอยกระโดดสลับปลายเท้าซ้ายขวา ท่าที่12 นั่งขาเหยียดตรงแยกขาทั้ง 2 ออก ก้มตัวและบิดลำตัวใช้ปลายนิ้วมือ ขวาแตะปลายเท้าซ้าย ทำสลับซ้าย และขวา ท่าที่ 13 ลุกนั่ง เข่างอ 45 องศา (บริหารกล้ามเนื้อท้อง)


33 ท่าที่ 14 ลุกนั่งขาราบ ศอกแตะเข่า (บริหารกล้ามเนื้อท้อง) ท่าที่ 15 ยืนย่อบนปลายเท้า เหยียดแขนทั้งสองไปข้างหน้า (บริหารข้อเท้า และฝึกการทรงตัว) ท่าที่ 16 บิดขาไขว้ข้ามมาแตะปลายนิ้วมือ (บริหารข้อสะโพกและโคนขา) ท่าที่17 นอนตะแคงข้าง ยกขาขึ้นลงทีละข้าง (บริหารสะโพกและโคนขา)


34 ท่าที่ 18 นอนหงายยกขาขึ้นลงทีละข้าง (บริหารโคนขา) ท่าที่ 19 นอนหงายราบกับพื้น แขนเหยียดเหนือศีรษะ ยกลำตัวและเท้าขึ้น เหวี่ยงแขน และเท้าแตะกัน (กล้ามเนื้อท้อง) ท่าที่20 คว่ำตัวมือเท้าพื้น แขนตึง ขาเหยียดตรง ดึงเท้าทั้งสอง เข้ามาชิดลำตัว แล้วเหยียดขาทั้งสองออกไปใหม่ ทำสลับกัน ท่าที่ 21 นั่งเหยียดปลายเท้า ก้มลำตัวไปข้างหน้าใช้มือจับข้อเท้า (ความอ่อนตัว)


35 ท่าที่ 22 ยืนหันหน้าหากัน ใช้มือจับไหล่ซึ่งกันและกัน กดลำตัวของเพื่อนให้ ลงต่ำ (บริหารลำตัว) ท่าที่ 23 จับคู่หันหลังชนกัน จับข้อมือเพื่อนให้นอนราบทับหลัง ก้มตัวให้มาก (ความอ่อนตัว) ท่าที่ 24 จับคู่เพื่อนยืนข้างเข้าหากัน ให้ยกแขนที่อยู่ด้านนอกขึ้นเหนือศีรษะ แขน ด้านในจับมือกันไว้ และออกแรงดึงจากแขนที่อยู่เหนือศีรษะ (บริหารไหล่)


36 ท่าที่ 25 จับคู่ยืนหันหน้าเข้าหากัน ต่างคนต่างยกเท้าซ้ายให้เพื่อนจับที่ข้อเท้าโดย ทั้งคู่สปริงด้วยปลายเท้าขวาพร้อม ๆ กัน (กำลังขา) ท่าที่ 26 บริหารข้อมือและข้อเท้า ท่าที่ 27 แขนเหยียดตึงเหนือศีรษะพร้อมกับเอียงลำตัวด้านข้างซ้ายและขวา


37 ท่าที่ 28 ยืนไขว้ขาก้มแตะ ท่าที่29 กระโดดตบใต้ขา สลับซ้ายขวา แบบประเมินพฤติกรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนบ้านกลาง ตารางการประเมินพฤติกรรม รายการ 5 คะแนน 4 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน ด้านความรู้ - การอธิบาย การซักถาม การตอบคำถาม ด้านเจตคติ - ความมีน้ำใจ ความสนุกสนาน ความช่วยเหลือ สามัคคี ด้านทักษะ - การปฏิบัติกิจกรรม การเคลื่อนไหว รวมคะแนน เกณฑ์การประเมิน คะแนนรวม ระดับคุณภาพ ผลการประเมิน 0 - 2 ปรับปรุง ไม่ผ่าน 4 – 10 พอใช้ ควรปรับปรุง 10 – 15 ดี ผ่าน ลงชื่อ ……………………………….. (…………………………………..) ผู้ประเมิ


38 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา วิชา พ 23104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ทักษะการเล่นวอลเลย์บอล จำนวน 2 ชั่วโมง เรื่องที่ 2 การสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล เวลา 2 ชั่วโมง มาตรฐาน พ 3.1 เข้าใจ มีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกม และกีฬา มาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ำใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแข่งขัน และชื่นชมใน สุนทรียภาพของการกีฬา ตัวชี้วัด พ3.1 ม2/3 ประสิทธิภาพของรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ส่งผลต่อการเล่นกีฬาและกิจกรรมใน ชีวิตประจำวัน ม2/4 ร่วมกิจกรรมนันทนาการอย่างน้อย 1 กิจกรรม และนำความรู้และหลักการที่ได้ไปปรับ ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นระบบ พ 3.2 ม2/3 มีวินัย ปฏิบัติตามกฎ กติกา สาระสำคัญ การสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล จะก่อให้เกิดการประสานสัมพันธ์ระหว่างประสาทตากับส่วน ต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้ทราบถึงลักษณะการยืดหยุ่น น้ำหนักของลูกบอลเพื่อเป็นพื้นฐานในการฝึกทักษะต่าง ๆ ให้ง่ายขึ้น ตลอดจนสามารถใช้มือและแขน บังคับลูกวอลเลย์บอลไปในทิศทางที่ต้องการและสามารถนำไปใช้ ในการออกกำลังกายในชีวิตประจำวันได้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถอธิบายวิธีการสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอลได้อย่างน้อย 5 ทักษะขึ้นไป 2. นักเรียนสามารถสาธิตการสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอลได้อย่างสัมพันธ์กัน และปลอดภัย 3.นักเรียนนักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล สาระการเรียนรู้ 1. การสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอลด้วยการโยน ขว้าง ทุ่ม กลิ้ง ตี และเลี้ยง 2. การสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอลด้วยการส่ง และการรับ


39 กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ / ขั้นเตรียม ( 5 นาที ) 1.ใครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้และการวัดผล ประเมินผล ให้นักเรียนทราบ 2. ให้นักเรียนเข้าแถวตอนแบ่งเป็น 5 กลุ่มๆ ละเท่าๆกัน สำรวจ รายชื่อ ความสะอาด สุขภาพและ เครื่องแต่งกายสุขภาพของนักเรียนทุกคนในกลุ่มเพื่อเตรียมความพร้อม และความปลอดภัย 3. ครูแจกใบความรู้เรื่องการสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล สนทนาและซักถามกับนักเรียน ขั้นสอน ( 10 นาที ) 1. ครูอธิบายพร้อมกับสาธิตและเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการสาธิต วิธีการสร้าง ความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล 2. ให้นักเรียนทำกายบริหารอบอุ่นร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมในการทำกิจกรรม ให้นักเรียนปฏิบัติกายบริหารดั้งนี้ - ยืดแขนไปด้านหน้าหักข้อมือขึ้นแล้วใช้มืออีกข้างดึงปลายนิ้วเข้าหาตัวทิ้งไว้ประมาณ 10 วินาทีทำสลับซ้ายขวา - ยกแขนขึ้นแล้วพับไปด้านหลังใช้มืออีกข้างจับตรงข้อศอกแล้วดึงทิ้งไว้ประมาณ 10 วินาที ทำสลับซ้ายขวา - หมุนแขนทั้งสองข้างไปข้าง 10 ครั้ง ไปข้างหลัง 10 ครั้ง - กางแขนออกแล้วบิดลำตัวไปทางซ้ายและขวาสลับกัน 10 ครั้ง - ยืนแยกเท้าก้มแตะสลับ 20 ครั้ง - ยืนตรงเท้าชิดกันเข่าตึงแล้วก้มลงเอาปลายนิ้วมือแตะปลายเท้าทิ้งไว้ประมาณ 10 วินาที - หมุนข้อมือและข้อเท้าพร้อมกัน 20 ครั้งสลับกัน ขั้นฝึก ( 20 นาที ) 1. ให้นักเรียนจับคู่ ลูกวอลเลย์บอลคู่ละ 1 ลูก 2. แยกฝึกปฏิบัติทักษะการสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล โดยครูผู้สอนคอยให้การดูแล ช่วยเหลือ แนะนำ อธิบาย พร้อมสาธิตร่วมกับนักเรียน เพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจดียิ่งขึ้น และสามารถนำไป ปฏิบัติ ได้อย่างถูกต้อง ขั้นตอนวิธีการฝึกสร้างความคุ้นเคยมีดังนี้ - เลี้ยงลูกบอลลงพื้นติดต่อกัน - กลิ้งบอลบนพื้นเป็นวงกลมรอบขาทั้งสองของตนเอง - ฝึกการรับ-ส่งลูกบอลเป็นวงกลมรอบเอวตนเอง - นั่งโยนและรับลูกบอลข้าม ศีรษะทางด้านข้างจากซ้ายไปขวาสลับกัน - การกลิ้งลูกบอลลอดใต้ขาเป็นเลขแปดรอบตนเอง


40 - ถือลูกบอลไว้ข้างหลังก้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับ เหวี่ยงแขนขึ้นให้ลูกบอลลอยพุ่งไปข้างหน้าแล้ววิ่ง ตามไปเก็บลูกบอล - ยืนใช้ข้อเท้าหนีบลูกบอลแล้วกระโดดไปข้างหน้า - ฝึกการรับ-ส่งลูกบอลเป็นวงกลมรอบเข่าตนเอง - หันหลัง รับ-ส่งบอลแบบลอดใต้ขา สลับส่งข้ามศีรษะตนเอง ให้คู่ - ทุ่มบอลกระดอนพื้น ๑ ครั้งให้คู่ทำสลับกันไปมา หันหลังส่งลูกบอลด้านข้างลำตัวให้คู่สลับซ้ายและขวา - รับส่งลูกบอลใต้ขาไปด้านหลังให้ผู้เล่นในกลุ่ม คนสุดท้ายวิ่งขึ้นมาหัวแถวเป็นการแข่งขันระหว่างกลุ่ม - ผู้เล่นยืนเป็นวงกลม คนที่ 1 ส่งลูกบอลด้านข้างลำตัวไปให้ผู้เล่นคนที่ 2 คนที่2 ส่ง ลูกบอลด้านข้าง ลำตัว ให้ผู้เล่นคนที่ 3 ทำเช่นนี้จนถึงผู้เล่นคนสุดท้าย การส่งให้ส่งแบบมือต่อมือ ห้ามโยนให้กัน ขั้นใช้ ( 15 นาที ) 1. ให้นักเรียนแต่ละคู่ออกมาปฏิบัติ สาธิตพร้อมกับอธิบายการสร้างความคุ้นเคยกับลูก วอลเลย์บอล คู่ละ 2 ท่า 2. ขณะที่นักเรียนปฏิบัติ สาธิตครูต้องคอยให้คำปรึกษาคำแนะนำ ขั้นสรุป ( 5 นาที) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปเกี่ยวกับการสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล และเปิด โอกาสให้นักเรียนได้ซักถาม 2. ครูกล่าวชมเชยนักเรียนทุกคนที่ตั้งใจเรียนและปฏิบัติโดยสอดแทรกในเรื่องของคุณธรรม ความมีระเบียบวินัย ความมีน้ำใจนักกีฬา 3. ครูมอบหมายแบ่งหน้าที่ให้นักเรียนเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อยและทำความสะอาดตรวจสอบเครื่อง แต่งกาย การวัดและการประเมินผล ด้านความรู้ - การตอบคำถาม ด้านทักษะ - การปฏิบัติทักษะการสร้างความคุ้นเคยกับลูกบอล 5 ทักษะ


41 เกณฑ์การวัด รายการ 5 คะแนน 4 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน การรับ-ส่งลูกบอลเป็นวงกลมรอบเอวตนเอง นั่งโยนและรับลูกบอลข้าม ศีรษะทางด้านข้างจาก ซ้ายไปขวาสลับกัน การกลิ้งลูกบอลลอดใต้ขาเป็นเลขแปดรอบตนเอง การรับ-ส่งลูกบอลเป็นวงกลมรอบเข่าตนเอง ยืนใช้ข้อเท้าหนีบลูกบอลแล้วกระโดดไปข้างหน้า คะแนนรวม ระดับคุณภาพ ผลการประเมิน 0 - 2 ปรับปรุง ไม่ผ่าน 4 – 10 พอใช้ ควรปรับปรุง 10 – 15 ดี ผ่าน 15 – 20 ดีมาก ผ่าน - การแนะนำผู้อื่นให้ปฏิบัติตามได้ สื่อและอุปกรณ์ / แหล่งการเรียนรู้ 1. ลูกวอลเลย์บอล จำนวน 15 ลูก 2. สนามกีฬาวอลเลย์บอล 3. ใบความรู้ที่ 1 เรื่องการสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล 4. หนังสือประกอบการเรียนวิชาวอลเลย์บอล 5. ห้องสมุดโรงเรียน 6. INTERNET 7. นกหวีด เครื่องมือการประเมินผล 1. เกณฑ์การวัดการสร้างความคุ้นเคย 2. แบบประเมินการสังเกต การปฏิบัติการสร้างความคุ้นเคย 3. แบบประเมินพฤติกรรม


42 บันทึกผลหลังสอน ผลการสอน 1. นักเรียนสามารถอธิบายวิธีการสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอลได้อย่างน้อย 5 ทักษะขึ้นไป ร้อยล่ะ………. 2. นักเรียนสามารถสาธิตการสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอลได้อย่างสัมพันธ์กัน และปลอดภัย ร้อยล่ะ………. 3. นักเรียนนักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล ร้อยล่ะ………. ปัญหา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชื่อ)………………………………ผู้สอน (นายสุปกฤษณ์ สีเหลือง) ครูผู้ช่วย


43 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้วมีความคิดเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ (ลงชื่อ).......................................................... (นายสุรบดินทร์ ใจเย็น) ครูพี่เลี้ยง ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้วมีความคิดเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ (ลงชื่อ).......................................................... (นางปรียา นามเหลา) หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ ความเห็นของผู้บริหาร ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้วมีความคิดเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ ดีมาก เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้ ดี ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป พอใช้ ควรปรับปรุง 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ (ลงชื่อ).......................................................... นำไปใช้ได้จริง (ออดศักดิ์ ซาเกิม) ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกลาง


44 ใบความรู้ที่ 1 เรื่องการสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล 1. เลี้ยงลูกบอลลงพื้นติดต่อกัน 2. กลิ้งบอลบนพื้นเป็นวงกลมรอบขาทั้งสองของตนเอง 3. ฝึกการรับ-ส่งลูกบอลเป็นวงกลมรอบเอวตนเอง 4. นั่งโยนและรับลูกบอลข้าม ศีรษะทางด้านข้างจากซ้ายไปขวาสลับกัน 5. การกลิ้งลูกบอลลอดใต้ขาเป็นเลขแปดรอบตนเอง 6. ถือลูกบอลไว้ข้างหลังก้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับ เหวี่ยงแขนขึ้นให้ลูกบอลลอยพุ่งไปข้างหน้าแล้ววิ่งตาม ไปเก็บลูกบอล 7. ยืนใช้ข้อเท้าหนีบลูกบอลแล้วกระโดดไปข้างหน้า 8. ฝึกการรับ-ส่งลูกบอลเป็นวงกลมรอบเข่าตนเอง 9. หันหลัง รับ-ส่งบอลแบบลอดใต้ขา สลับส่งข้ามศีรษะตนเอง ให้คู่ 10. ทุ่มบอลกระดอนพื้น ๑ ครั้งให้คู่ทำสลับกันไปมา 11. หันหลังส่งลูกบอลด้านข้างลำตัวให้คู่สลับซ้ายและขวา 12. รับส่งลูกบอลใต้ขาไปด้านหลังให้ผู้เล่นในกลุ่ม คนสุดท้ายวิ่งขึ้นมาหัวแถวเป็นการแข่งขันระหว่าง กลุ่ม 13. ผู้เล่นยืนเป็นวงกลม คนที่1 ส่งลูกบอลด้านข้างลำตัวไปให้ผู้เล่นคนที่ 2 คนที่ 2 ส่ง ลูกบอลด้านข้าง ลำตัว ให้ผู้เล่นคนที่ 3 ทำเช่นนี้จนถึงผู้เล่นคนสุดท้าย การส่งให้ส่งแบบมือต่อมือ ห้ามโยนให้ เรื่องท่าการสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล 1. เลี้ยงลูกบอลลงพื้นติดต่อกัน 2. กลิ้งบอลบนพื้นเป็นวงกลมรอบขาทั้ง สองของตนเอง


45 3. ฝึกการรับ-ส่งลูกบอลเป็นวงกลมรอบ เอวตนเอง 4. นั่งโยนและรับลูกบอลข้ามศีรษะทาง ด้านข้างจากซ้ายไปขวา สลับกัน 5. การกลิ้งลูกบอลลอดใต้ขาเป็นเลขแปด รอบตนเอง 6. ถือลูกบอลไว้ข้างหลัง ก้มตัวไปข้าง หน้าพร้อมกับเหวี่ยงแขนขึ้นให้ลูกบอล ลอยพุ่งไปข้างหน้า แล้ววิ่งตามไปเก็บ ลูกบอล


46 7. ยืน ใช้ข้อเท้าหนีบลูกบอลแล้วกระโดด ไปข้างหน้า 8. โยนลูกบอลขึ้นเหนือศีรษะ เตะเท้าข้าง หนึ่งไปข้างหน้าพร้อมกับตบมือ ระหว่างขาทั้งสอง แล้วรับลูกบอลไว้ 9. ยืน ใช้เข่าหนีบลูกบอลแล้วกระโดด ไปข้างหน้า


47 10 นั่งส่งลูกบอลให้กระดอนกับกำแพง เมื่อลูกบอลกระดอนกลับมาก็รับไว้ ทำติดต่อกันโดยไม่ให้ลูกตกพื้น 11. เดาะลูกบอลด้วยแขนเพียงข้างเดียว ติดต่อกันสลับซ้ายขวา 12. ฝึกการรับ-ส่งลูกบอลเป็นวงกลมรอบ เข่าตนเอง 13. นั่งโยน – รับลูกบอลขึ้นเหนือศีรษะ ตนเอง ทำติดต่อกัน


48 14. ผู้เล่นสองคนยืนห่างกันพอประมาณ หันหน้าเข้าหากันแต่ละคนถือลูกบอล ไว้ข้างหลัง ก้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับ เหวี่ยงแขนขึ้นให้ลูกบอลลอยพุ่งไปยัง คู่ของตนที่เตรียมคอยรับลูกบอลอยู่ 15. หันหลัง รับ-ส่งบอลแบบลอดใต้ขา สลับส่งข้ามศีรษะตนเอง ให้คู่ 16 ทุ่มบอลกระดอนพื้น ๑ ครั้งให้คู่ทำ สลับกันไปมา 17. หันหลังส่งลูกบอลด้านข้างลำตัวให้คู่ สลับซ้ายและขวา


49 18. หันหน้าเข้าหากันขาเหยียดตรง รับ-ส่งลูกบอลให้คู่สลับไปมา 19. ใช้ขาหนีบลูกบอลส่งให้คู่ 20. กลิ้งลูกบอลบนพื้นลอดใต้ขาไป ด้านหลังให้คู่ คู่ได้บอลแล้ววิ่งไปข้างหน้า และทำในลักษณะเดียวกัน


50 แบบฝึกปฏิบัติที่3.1 เรื่องเกมแข่งขันสร้างความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล 1) เกมส่งบอลลอดใต้ขาไปด้านหลัง คนที่ 1 หัวแถว ส่งลูกบอลใต้ขาไปด้านหลังให้ผู้เล่นคนที่ 2 คนที่ 2 ส่งลูกบอลใต้ขาไปด้านหลังให้ผู้เล่น คนที่ 3 ทำเช่นนี้จนถึงผู้เล่นคนสุดท้ายให้วิ่งขึ้นมาหัวแถว การส่งให้ส่งแบบมือต่อมือ และไม่ให้ลูกบอลถูกพื้น ดัง รูปที่ 1.1 – 1.3 รูปที่ 1.1 รูปที่1.2 รูปที่ 1.3 2) เกมส่งบอลลอดใต้ขาสลับเหนือศีรษะ คนที่ ๑ ส่งลูกบอลลอดใต้ขาไปด้านหลังให้คนที่ 2 คนที่ 2 รับลูกบอลแล้วส่งข้ามศีรษะ ตนเองไปด้านหลังให้คนต่อไป คนต่อไปก็ส่งลอดใต้ขาอีก สลับกันอย่างนี้จนครบทุกคน ดังรูปที่ 2.1 – 2.3 รูปที่ 2.1 รูปที่ 2.2 รูปที่ 2.3


Click to View FlipBook Version