The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อภินิหารการประจักษ์

พระนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์

พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช รัชกาลที่ ๔ เมื่อครั้ง เสด็จออกทรงผนวช จนถึงเหตุการณ์สำคัญในวันสวรรคต

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยจัดพิมพ์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา
๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕

ดร.ศรัณย์ มะกรูดอินทร์ บรรณาธิการ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by panyabalo, 2022-08-23 10:10:01

อภินิหารการประจักษ์

อภินิหารการประจักษ์

พระนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์

พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช รัชกาลที่ ๔ เมื่อครั้ง เสด็จออกทรงผนวช จนถึงเหตุการณ์สำคัญในวันสวรรคต

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยจัดพิมพ์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา
๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕

ดร.ศรัณย์ มะกรูดอินทร์ บรรณาธิการ

Keywords: อภินิหารการประจักษ์,สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัว,รัชกาลที่ ๔

โพธฆิ ระ วดั ปทมุ วนาราม
93

94
94

ตอ่ ช้านานประมาณถึงห้าร้อยปีเศษ จ่งึ จะไดม้ สี ักครงั้ หน่งึ เป็นมหศั จรรย์
มะโรงสญู ศก เม่อื กลางเดือนหก ฝนตกกวา่ พัน ข้ึนค�่ำ เดือนสิบ๑๒๓ มณฑลพระจนั ทร์ บังดวง
พระสุริยัน มืดหมดสิ้นดวง เป็นสูรยส์ รรพคราส ประหลาดใหญห่ ลวง ฝูงชนทัง้ ปวง ไมเ่ คยเห็นฟั ง
นบั ถอยข้นึ ไป ไดม้ สี ูรยใ์ หญ่ ดงั นีอ้ ยคู่ รงั้ แตก่ อ่ นแผน่ ดิน อู่ทองสร้างวงั เม่ือกรุงเกา่ ตัง้ กอ่ นนัน้ ข้ึนไป
สักสีส่ ิบเศษ นกั ปราชญก์ ลา่ วไว้ สูรยเ์ ช่นนีไ้ ซร้ ช้านานจ่ึงมี ห้าร้อยปีเศษ ในเขตเทา่ นี้ จ่งึ มีสกั ที ยากที่
หมชู่ น จกั ไดป้ ระสบ พบเหน็ สกั หน นานหลายชวั่ คน จงึ มสี กั คราว ถงึ มขี น้ึ เลา่ ถา้ ชนโงเ่ ขลา ไมร่ เู้ ร่อื งราว
ทางฟ้ าอากาศ อุจฉจคราสคราว แผนที่ชี้กล่าว ตรงเย้ืองอย่างไร ในเมืองเดียวกัน ก็เห็นต่างได้
ตามห่างตามใกล้

๑๒๓ วนั ทีเ่ กดิ สรุ ิยปราคาหมดดวง ตรงกบั วันองั คารที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ นัน้ เป็นวันข้ึน ๑ ค�ำ่ เดือนสบิ

95

96
96

เห็นไมเ่ หมอื นกนั ตอ้ งไปเทีย่ วหา ประเทศบางอัน ถูกตรงคราสนนั้ จ่งึ เห็นหมดดวง เป็นสูรยอ์ ัศจรรย์
สาํ คญั ใหญห่ ลวง ฝงู ชนทงั้ ปวง ยากจกั เลา่ เรยี น ไมใ่ ช่การหยาบ ตอ้ งมากความเพยี ร ฉลาดคดิ ขดี เขยี น
คูณหารการท�ำ บังเวียนเขยี นวัด คดิ กะจดจำ� ตอ่ ปั ญญาลำ้� เลศิ ลน้ คณนา จ่งึ จกั รู้แจ้ง ในเร่อื งวชิ ชา
ทายเหมอื นดว้ ยตา เหน็ แทอ้ ยา่ งไร ปราชญพ์ วกหน่งึ มา๑๒๔ ดาดฟ้ าเรอื ไฟ ทายแพจ้ อมไทย หลายอยา่ ง
เทยี วนา เม่อื เช้าโมงเศษ ฝนตกลงมา เมฆคลมุ้ คลมุ้ หนา อาทติ ยม์ ดิ ดวง ไมเ่ หน็ เม่อื จบั บงั ลบั ใหญห่ ลวง
แบง่ แปดสองล่วง๑๒๕ จ่ึงสว่างออกมา สี่โมงเจ็ดบาท เห็นชัดเต็มตา จวนเที่ยงเวลา จบหมดสิ้นดวง
พอหมดมดื ประหลาด ผดิ มดื ทงั้ ปวง ทีใ่ นกลางดวง ด�ำ ทึบอยู่

๑๒๔จดหมายเหตเุ สดจ็ หวา้ กอ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ กลา่ ววา่ พวกนกั ปราชญฝ์ รงั่ เศสขอพระราชทานอนญุ าตเขา้ มาดสู รุ ยิ ปุ ราคา
โปรดพระราชทานตามประสงค์ พวกฝรัง่ เศสเทีย่ วคน้ หาทีจ่ ะดูเป็นหลายตำ�บลก็ไมไ่ ด้ ครัน้ สมุหพระกลาโหมกะการทีต่ ัง้ คา่ ยหลวง ณ
ตำ�บลหวา้ กอ ตรงเกาะจาน จึงมาขอตงั้ โรงทีจ่ ะดู ณ ทีแ่ ห่งนนั้ ดว้ ย
๑๒๕ ถ้าแบง่ ดวงพระอาทติ ยเ์ ป็น ๘ สว่ น จะจบั คราสไปแลว้ ๒ สว่ น

97

98

กลาง ขา้ งรมิ ขอบนนั้ พลอยลายคลา้ ยกนั เช่นกระเทยี บวาง เหลอื งพ้ืนลายมว่ ง ทบึ ถ่วงอยกู่ ลาง แลว้ รมิ
รอบขา้ ง แปลบปลาบออกมา สคี ลา้ ยวงขอบ หมนุ หนั ปืนมา ขา้ งทศิ หนง่ึ นา เป็นตงิ่ ไมย่ าว ตงั้ อยใู่ กลข้ อบ
ดูคล้ายดวงดาว แล้วแสงวาบขาว วาบวับออกมา ประเดย๋ี วก็เห็น ขอบดวงสุริยา แลบเล่ือนออกมา
แสงวาบหายไป เม่ือมดื อยนู่ นั้ เขม็ วงไสก้ ัน ไมเ่ หน็ ทางไป ดาวเคราะห์ผดุ ข้นึ เทยี่ วเห็นขวกั ไขว่ ดวง
เลก็ อยใู่ กล้ สามใหญร่ ายกนั เลือกคนวา่ เหน็ สองดวงเทา่ นัน้ เป็นพวกตาสนั้ เหมือนชาวในกรุง เห็น
แตห่ น่งึ สอง ไมม่ องไมม่ ุง่ วา่ ลับเคร่ืองมงุ กงิ่ ไมป้ ิดบงั พูดไมแ่ ยบคาย ดไู มน่ า่ ฟั ง ค�ำ พูดนา่ ชงั เหมอื น
ของเคยมี จบโดยสงั เขป

99

100

คำ�แสดงเท่านี้ เล่ามากไมด่ ี จะเป็นปดไป เช่นพวกฝรัง่ พอมืดจุดไฟ ชักโคมข้ึนไป ครืดทั่วในเรือ
จะประสงคไ์ ปเลา่ วา่ มืดลน้ เหลือ ทใี่ นล�ำ เรือ ตอ้ งจดุ โคมไฟ จะไปเลา่ บอก แกค่ นทไี่ กล ไมใ่ ห้เถยี งได้
อ้างพยานทงั้ ลำ� ทจี่ ริงนนั้ มืด มวั คลมุ้ สีดำ� เหมอื นใกลพ้ ลบค�่ำ ฤาจวนอรณุ หนา้ คนจำ�ได้ ไมโ่ ดนกนั วนุ่
ทา่ นผมู้ บี ญุ ไมต่ อ้ งจดุ เทยี น ประทปี โคมไฟ แตท่ ใี่ กลไ้ กล เป็นไมเ่ หมอื นกนั ทโี่ นน่ ฝนตก โมงเช้าตน้ วนั
ในกรุงเทพนัน้ ตกบา่ ยสองโมง อีกคราวหน่ึงนัน้ เดือนเกา้ มีจันทร์ แต่กอ่ นมะโรง๑๒๖ มะแมฝนแล้ง
น้ำ�แห้งขอดโอ่ง แมค้ นโอ่โถง บน่ หาขา้ วกิน ปีเสดจ็ ประพาส ธรรมราชเขตถนิ่ กอ่ นจบั มืดสนิ้ ฝนตก
มากมาย ตอ่ จวนใกลห้ ลดุ

๑๒๖หมายถงึ กอ่ นปี พ.ศ. ๒๔๑๑ ปีมะแมทกี่ ลา่ วถงึ ตอ่ ไปนนั้ คอื ปี พ.ศ. ๒๔๐๒ ฝนแลง้ จนถงึ เดอื น ๑๐ จงึ มฝี นมาไดท้ าํ นา และใน
ปีนี้ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดเ้ สดจ็ ประพาสหวั เมอื งชายทะเลตะวนั ตกโดยทางชลมารค เสดจ็ ไปถงึ เมอื งนครศรธี รรมราช
และเสดจ็ ฯ ไปทรงนมสั การพระมหาธาตเุ จดียด์ ว้ ยในวนั เสาร์ ข้นึ ๑๕ ค�่ำ เดอื น ๙ ตรงกับวันที่ ๑๒ สิงหาคม เม่ือเสดจ็ พระราชดำ�เนนิ
กลบั มาประทับ ณ พลับพลาคา่ ยหลวงนนั้ เวลายาม ๑ กบั ๑๓ นาที มีจันทรปุ ราคา

101

102

หมนุ หนั ถอยคลาย ฝงู ชนทงั้ หลาย จ่งึ เหน็ พระจนั ทร์ ในกรงุ แจม่ แจง้ เหมอื นแลง้ กลางวนั แตแ่ รกจบั นนั้
เห็นจนหลุดไป สรรพคราสสองนี้ ควรจักจำ�ไว้ ประเทศห่างไกล ยากจักรู้กัน กล่าวเสร็จสิ้นเร่ือง
สรรพคราสสรู ยจ์ นั ทร์ สองค�่ำ ทรงธรรม์กลบั จากเกาะจาน สบิ ค�ำ่ ประชวร ไขป้ ่ ากลา้ หาญ ก�ำ หนดระยะกาล
เดอื นกบั หา้ วนั วนั เพญ็ เดอื นสบิ เอด็ พระบาทสมเดจ็ จอมเกลา้ ดลสวรรค์ครวุ ารยามเศษบาทหนง่ึ เพยี งนนั้
เกิดเหตุอัศจรรย์ หลายอย่างนานา เย็นพลบวันนั้น ประหัตใกล้จันทร์ วาบใหญ่หนักหนา๑๒๗
เหลอื กพวกวา่ เหน็ ดาวหางขน้ึ มา ชที้ ศิ เวลา เถยี งแยง่ กนั ไป วา่ หางกวา่ ศอก เหน็ เขา้ ตกใจ อยรู่ มิ ดาวใหญ่
ดวงหน่ึงเป็นสำ�คัญ เหลอื กพวกวา่ เหน็ ทีย่ อดสทุ ไธสวรรย๑์ ๒๘

๑๒๗ ฉบบั ตพี ิมพใ์ นวชริ ญาณ พ.ศ. ๒๔๐๐ ระบุวา่ “เยน็ พลบวันนนั้ ดาวพฤหัสบดใี กลจ้ ันทร์ ช่วงโชตินักหนา”
๑๒๘ คอื พระทีน่ งั่ สทุ ไธสวรรยป์ ราสาท

103

พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั
พระสยามเทวมหามกุฏวทิ ยมหาราช ทอดพระเนตรสรุ ยิ ุปราคาทตี่ �ำ บลหวา้ กอ
จังหวัดประจวบครี ีขนั ธ์ เม่ือวันที่ ๑๘ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๑๑

104

พระทนี่ ัง่ สุทไธสวรรยป์ ราสาท

พระทีน่ งั่ ทีต่ ัง้ อยบู่ นกำ�แพงพระบรมมหาราชวังดา้ นตะวนั ออก ระหวา่ งประตเู ทวา
พิทักษ์และประตูศักดิ์ไชยสิทธิ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลกมหาราชทรง
สร้างข้นึ เดมิ เรียกวา่ “พลบั พลาสูง” ตอ่ มาพระบาทสมเด็จพระนัง่ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว ทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ร้ือและสร้างใหมเ่ ป็นปราสาทมียอดเป็นทรงมณฑป ๕ ชัน้
พระราชทานนามว่า “สุทธาสวรรย”์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัวทรง
พระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้เปลีย่ นนามใหมเ่ ป็น “พระทีน่ งั่ สทุ ไธสวรรยป์ ราสาท”

105

106

เหมือนดวงพระจันทร์ สามวงซ้อนเรียง เป็นเถาข้ึนไป เม่ือกาลจวนใกล้ ในวันใกล้เคียง มหาธนูข้ึน
ทศิ บรู พโ์ กง่ เฉลยี ง๑๒๙ อกุ กาบาตตกเคยี ง ประพาสพธิ ภณั ฑ๑์ ๓๐ เม่อื บา่ ยเยน็ แลว้ พระบาททรงธรรม๑์ ๓๑
ใหอ้ าลกั ษณน์ นั้ ๑๓๒ จดหมายเร่อื งเรยี ง๑๓๓ เป็นค�ำ มคธ บาทบทส�ำ เนยี ง ไพเราะเพราะเสยี ง อา่ นขน้ึ สลดใจ
กับเคร่ืองนมัสการ พนักงานนำ�ไป บูชาสงฆ์ไซร้๑๓๔ ที่ในปวารณา แสดงปฏิญาณ แต่ต้นเดิมมา
แลว้ ขอขมา ในทีส่ ุดกาล แลว้ ลาพระสงฆ์ ทีไ่ ดฟ้ ั งอ่าน ดว้ ยราชโองการ ดงั่ นีอ้ ่านแสดง๑๓๕

๏ ยคฺเฆ ภนฺเต สงฺโฆ ชานาตุ มยฺหํ ภิกฺขุกาเล
ปุนปฺปุนํ มยา เอสา วาจา ภาสิตา ยโตหํ มหา
ปวารณาย ชาโต มาตกุ จุ ฉฺ โิ ต นกิ ขฺ นโฺ ต กาลํ กรุ มุ าโน
สเจ มหาปวารณาทวิ เส พาฬหฺ คลิ าโน อโุ ปสถาคาเร
มหาปวารณา

๑๒๙ ฉบบั ตพี ิมพใ์ นวชริ ญาณ พ.ศ. ๒๔๐๐ ระบวุ า่ “ทิศบรู พโ์ กง่ เฉลยี ง อุกกาบาตตกเคยี ง ประพาสพิธภณั ฑ”์
๑๓๐พระทีน่ งั่ ประพาสพิพธิ ภัณฑ์ เป็นพระทนี่ งั่ ในหมูพ่ ระอภิเนาวนิเวศน์ ในพระบรมมหาราชวัง สร้างข้ึนสมัยรชั กาลที่ ๔ ใช้เป็นที่
จดั แสดงศลิ ปโบราณวตั ถแุ ละสรรพสงิ่ อนั เป็นเคร่อื งราชบรรณาการจากตา่ งประเทศ ครนั้ ถงึ สมยั รชั กาลที่ ๕ โปรดใหร้ ้อื ลงเสยี เพราะชาํ รดุ
แลว้ โปรดให้สร้างพระทีน่ ัง่ ศวิ าลัยมหาปราสาทแทน ณ ทีน่ ัน้ เม่อื พทุ ธศักราช ๒๔๒๑
๑๓๑ หมายถึง พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏ
วทิ ยมหาราช
๑๓๒ คือ พระศรีสุนทรโวหาร (ฟั ก) ซ่ึงต่อมาได้เล่ือนเป็น พระยาศรีสุนทรโวหาร เม่ือครัง้ บวชเป็นพระศิษยห์ ลวงเดิม และเป็น
พระราชาคณะที่ พระศรวี ิสทุ ธวิ งศ์
๑๓๓ เขยี นตามคำ�บอกเป็นพระราชนิพนธข์ อขมาพระสงฆ์
๑๓๔ทปี่ ระชมุ สงฆน์ นั้ มพี ระวรวงศเ์ ธอ กรมหม่นื บวรรงั ษสี รุ ยิ พนั ธุ์ เป็นประธานในพระวหิ ารหลวงวดั ราชประดษิ ฐสถติ มหาสมี าราม
พระอารามทพี่ ระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยูห่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้สร้างข้ึนเป็นวัดประจ�ำ รชั กาลของพระองค์
๑๓๕พระราชนพิ นธข์ มาสงฆ์ ของพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหามงกฎุ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระสยามเทว
มหามกุฏวิทยมหาราช

107

108
108

สนฺนปิ าตํ นิโต ตถารเู ปน พเลน สมนฺนาคโต ยถารูเปน
พเลน สงฺฆํ เตวาจิกํ ปวาเรตฺวา สงฺฆสฺส สมฺมุขา
กาลํ กเรยฺยํ ตํ สาธุ วตสฺส ตํ เม อนุรูปํ อสฺสาติ
เอวรูปี วาจา ปุนปฺปุนํ ภิกฺขุกาเล ภาสิตา อิทานมฺหิ
คหฏฺโฐ กฺยาหํ กาหามิ เตนาหํ อิเม สกฺกาเร วิหารํ
ปหิณามิ อิเมหิ สกฺกาเรหิ ปวารณากมฺมํ กโรนฺตํ
สงฺฆํ ธมฺมเมว ปเู ชมิ อตฺตานํ วิย กตฺวา อยํ มหาปวารณา
ครุวาริกา ยถา มม ชาตทิวโส อาพาโธ เม อภิวฑฺฒติ
เอวํ ภายามิ อชฺช กาลํ กาเรยฺยํ อาปุจฺฉามหํ ภนฺเต
สงฺฆํ จิรปรินิพฺพุตมฺปิ ตํ ภควนฺตํ อภิวาเทมิ อรหนฺตํ
สมฺมาสมฺพุทฺธํ ตสฺส ธมฺมํ นมสฺสามิ อริยญฺจ สงฺฆํ
นมามิ ยมหํ รตนตฺตยํ สรณํ คโตมหฺ ิ
อจฺจโย มํ ภนฺเต อจฺจคฺคมา ยถาพลํ ยถามุฬฺหํ
ยถาอกุสลํ โยหํ ภนฺเต อิมสฺมึ อตฺตภาเว ตถา ตถา
ปมตฺโต อกุสลานิ กมฺมานิ อกาสึ ตสฺส เม ภนฺเต
สงโฺ ฆ อจฺจยํ อจจฺ ยโต ปฏคิ คฺ ณหฺ าตุ อายตึ สํวราย ๚

109

110

อิทานิ มยา ปญฺจสุ สีเลสุ สํวราธิฏฺฐานํ กตํ
ตสฺส มยฺหํ เอวรูโป มนสิกาโร อนุฏฺฐหิยติ สิกฺขิยติ
ปญฺจสุ ขนฺเธสุ ฉสุ วิญญาเณสุ ฉสุ สมฺผสฺเสสุ
ฉสุ ฉทฺวาริกาสุ เวทนาสุ นตฺเถตึ โลกสมึ ยํ อุปาทิ
ยมานํ อนวชฺชํ อสฺส ยํ วา ปุริโส อุปาทิยนฺโต นวชฺชา
อสฺส อนุปาทานํ สิกฺขามิ สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา
สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ยถาปจฺจยํ ปวตฺตนฺติ เนตํ มม
เนโสหมสมฺ ิ น เมโส อตตฺ าติ ๚
ยํ ยํ มรณํ สตฺตานํ ตํ อนจฺฉริยํ ยโต เอตํ สพฺเพสํ
มคฺโค อปฺปมตฺตา โหนฺตุ ภนฺเต อาปุจฺฉามิ วนฺทามิ ยํ
เม อปรทธฺ ํ สพพฺ ํ เม สงฺโฆ ขมตุ
อาตรุ สฺมปึ ิ เม กาเย จติ ตฺ ํ น เหสฺสตาตุรํ
เอวํ สกิ ขฺ ามิ พทุ ฺธสสฺ สาสนานคุ ตึ กรํ ๚
๏ ทุม่ เศษวันนนั้ ทอ้ งฟ้ าเป็นควัน หมอกกลุม้ โตใหญ่ ใช่หนา้ น้�ำ คา้ ง หมอกลงเหลอื ใจ บรุ าณ
วา่ ไว้ ธุมเกตุเกิดมี แลดทู อ้ งฟ้ า เตยี้ ต่�ำ เตม็ ที

111

112
112

ดวงพระจนั ทร์นี้ แดงคล�ำ้ หมองไป ครนั้ ถงึ เวลา พระสงฆป์ วารณา เสดจ็ สวรรคาลยั สมกบั เหตเุ ดมิ ทไ่ี ด้
ตรสั ไว้ วนั เพญ็ นไี้ ซร้ ก็เหมอื นวันเดิม เป็นอศั จรรยใ์ หญ่ ควรทำ�ในใจ ไวเ้ ชิดชูเฉลมิ พระเกยี รตติ อ่ ไป
มาเป็นข้ึนได้ เหมอื นพระวาจาเดิม๑๓๖ ถกู เพญ็ เดือนวนั ไมต่ อ้ งเพมิ่ เตมิ ควรสรรเสริญเสริม เกยี รตคิ ณุ
ความดี คำ่�หน่ึงขา้ งเช้า๑๓๗ ภูมเทพยเจ้า ที่ปฐมเจดีย์ เขา้ สิงหญิงมอญ มาแสดงด้วยดี พระสุธรรม
ไมตรี๑๓๘ ถามวา่ อยา่ งไร วา่ เราจะมา บอกให้ร้ไู ว้ ตวั เรานไี้ ซร้ อยูม่ าช้านาน ทีพ่ ระปรางคเ์ จดยี ์ เป็นที่
นมัสการ วิตกรำ�คาญ ถึงพระราชา เราเขา้ ไปเยีย่ ม พอถึงเวลา ฝูงเทพคณา ลงมารบั ไป เวลายามเศษ
แห่ห้อมลอ้ มไสว สมเด็จจอมไท ข้นึ ทรงวอทอง วอเงนิ อกี

๑๓๖ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช
เคยรบั สงั่ ไวแ้ ตค่ รงั้ ทรงผนวชวา่ ปรารถนาจะสวรรคตในวนั คลา้ ยวนั พระราชสมภพ “ดว้ ยฉนั ออกอทุ านวาจาไว้ เม่อื บวชอยนู่ นั้ วา่ วนั ไรเป็น
วนั เกดิ อยากจะตายในวนั นนั้ วนั ฉนั เกดิ เป็นวนั เพญ็ เดอื นสบิ เอด็ วนั มหาปวารณา....” บดั น้ี ถงึ วนั สวรรคต เป็นวนั พฤหสั บดี ข้นึ สบิ ห้าค�ำ่
เดอื นสิบเอ็ด ตรงตามพระราชปรารภจรงิ ๆ
๑๓๗ วันศุกร์ เดอื น ๑๑ แรม ๑ ค่ำ� ตรงกับวันที่ ๒ ตลุ าคม พุทธศกั ราช ๒๔๑๑
๑๓๘ พระสุธรรมไมตรี (ห่วง) ผรู้ กั ษาการทีพ่ ระปฐมเจดยี ์ ภายหลังไดเ้ ล่อื นบรรดาศกั ดิเ์ ป็น พระยาสุธรรมไมตรี

113

114

อัน มารับท่านนั้น ด้วยวอทั้งสอง พาไปส่งข้ึน บนปราสาททอง มียอดสิบสอง กว้างใหญ่ไพบูลย์
แลว้ พาลอยไป ยิง่ แลยิง่ ไกล ลิบลบิ ลับสูญ เรากลบั ออกมา บอกให้รู้มูล เหตุทา่ นสมบรู ณ์ สุคติทางไป
เหตนุ อี้ ศั จรรย์ ส�ำ คญั โตใหญ่ เพราะขา่ วนำ�ไป ถงึ ในสิบโมง เรว็ เกนิ คนนกั เหน็ จกั ไมโ่ กง เวลาทมุ่ โมง
กถ็ กู ตอ้ งกนั เสยี ดายทา่ นรบี เสดจ็ เรว็ ไปสวรรค์ พระคณุ มหนั ต์ แกห่ มรู่ าษฎร ใหส้ ตั วเ์ ยน็ สวา่ ง ทวั่ ทกุ นคร
เปรยี บเหมอื นจันทร ในวันบรุ ณมี ทนี่ จี้ ักมดื ไมเ่ หน็ รัศมี แสงสวา่ งเช่นนี้ มาลับสูญไป ทา่ นมพี ระคณุ
แกส่ ัตวม์ ากใหญ่ ไมเ่ ลือกวา่ ใคร ถ้วนทัว่ ทุกคน พระชนมท์ า่ นนัน้ สองหม่นื สามพนั สามร้อยเศษพน้

115

116

ข้ึนไปห้าสิบเกา้ ๑๓๙ ถูกคราวสูรยค์ น เกดิ ไขเ้ ผาลน เสด็จสวรรคาลยั ๑๔๐ ราชการของทา่ น นับไดห้ กพัน
สามร้อยเป็นไป กับเศษห้าสิบ๑๔๑ ครบถ้วนลงใน วันปวารณาใหญ่ เดือนสิบเอ็ดวันเพ็ญ ในศักราช
๑๒๓๐ ปีมะโรงสมั ฤทธศิ ก ๚ะ๛

๏ สมเดจ็ ไททา่ นทา้ ว เมอื งสวรรค์

มากยิง่ ความอัศจรรย์ กอ่ ให้

ผิดแปลกประหลาดสรรพ ์ นรชาติ
บุญทา่ นหากท�ำ ไว ้
กอ่ ให้เกดิ เป็น ฯ

๏ วันประสูติแรกตงั้ ชันษา

อาทิตยด์ ุลยส์ ามนา แมน่ แท้

จนั ทร์อัสสยุชชา๑๔๒ เคยี งเสพย์
วันทา่ นสมภพแล ้
เคล่อื นพน้ จากครรภ์ ฯ

๏ พระบาทจอมภพเจ้า คนสวรรค์
สิบหกองศากนั ย ์
เทีย่ งแท้

๑๓๙ พระชนมายุ ๒๓,๓๕๙ วนั
๑๔๐ เม่อื วนั พฤหัสบดีที่ ๑ ตลุ าคม พุทธศักราช ๒๔๑๑ เวลายามหน่ึง (๒๑.๐๐ น.) ณ พระทีน่ ัง่ ภาณมุ าศจํารญู
๑๔๑ สิริเวลาครองราชย์ ๖,๓๕๐ วนั
๑๔๒ อสั สยุชมาส หมายถึง เดือน ๑๑

117

118

วนั เพ็ญอุดรภัทรจันทร์ เคยี งเสพย์
ยามหน่งึ กับบาทแล ้
ทา่ นลว่ งลบั ไกล ฯ

๏ เพญ็ เดือนสบิ เอด็ น ี้ ควรทำ�

ชาวนครสังเกตจำ� ทวั่ หนา้

วันไทธเิ บศร์ทำ� ความละ
ราชประวัตตสิ์ บิ ห้า ค่�ำ ข้นึ วนั ครู ฯ

๏ ไททา่ นสถิตยด์ า้ ว แดนใด
จงทราบความเป็นไป แห่งขา้
บุญเราสงั่ สมใน เขตยงิ่ ยอดแฮ

อุทศิ ถงึ พานฟ้ า เพ่อื ไดส้ ขุ เกษม ฯ
๏ ความสุขกอ่ ทกุ ขใ์ ห้
เหลือกาล

ยามวโิ ยคสังขาร เกือบใกล้

อายุไมท่ นนาน พลันดบั เรว็ นา
ประทปี กลางลมไซร้
ห่อนตัง้ ยนื นาน ฯ

๏ ชนไมป่ ระมาทแท ้ ความดี

ยังหนมุ่ โรคห่อนทว ี ห่างมว้ ย

119

120
120

กายแตกจักพึงมี เป็นแนจ่ รงิ นา

เตรยี มคิดถึงตวั ดว้ ย เกดิ แลว้ พลนั ตาย ฯ
๏ สงั ขารไมเ่ ทยี่ งแท ้
คงทน

หน่งึ ยอ่ มนำ�ทุกขด์ ล สง่ ให้

เป็นของใช่ตวั ตน ชนห่อนหวงนา
เหน็ แนค่ วามจริงไซร้
๏ ปั ญญาความรอบร้ ู นีแ่ ทค้ วามดี ฯ

ของจริง

เผาเคร่อื งอันหมองยงิ่ หมดนอ้ ย

อนิ ทรยี ห์ กทกุ สิง่ จงปิดระวงั นา

สรรพเคร่อื งหมองดว้ ย ซดั ทงิ้ สละเสยี ฯ

๏ ยกธรรมสอี่ ยา่ งแลว้ อันใด

จักเพิม่ ความผอ่ งใส ภพหนา้

แตส่ ตั วท์ หี่ มุนไป ยงั ชาติ

ก�ำ จดั ทกุ ขภ์ ัยกลา้ เคร่อื งร้อนผอ่ นหาย ฯ

๏ เบญจขันธก์ อ่ ทุกขพ์ ร้อม ไหลมา

ทุกขเ์ กดิ เพราะตัณหา ยึดมนั่

121

122

ทกุ ขด์ ับเพราะปฏิปทา เป็นทา่ มกลางแฮ

มรรคแปดประการนนั้ แจกแจ้งทางกลาง ฯ

๏ การบุญทำ�บัดนี ้ เทา่ ใด

อทุ ิศแดจ่ อมไท เทพทา้ ว

เป็นผูป้ ระเสรฐิ ใหญ ่ ในพวกเรานา
จงเสรจ็ ประสงคก์ า้ ว ขา้ มข้นึ เมืองสวรรค์ ฯ

๏ เอวังดงั ทีไ่ ด ้ แสดงเขียน

จบเสรจ็ ความหวงั เพียร เทา่ นี้

เกือบกัณฑช์ ัว่ ไฟเทียน พึงดบั

แทนเทศนพ์ รรณนาช ี้ เพ่ือให้ช่ืนชม ฯ

๏ ตอ่ ไปเราจกั ได ้ พรรณนา

ถึงอักษรเสาศิลา จดไว้

เป็นของเกา่ นานมา หลายชัว่ คนแฮ
สาธกเร่ืองความให้
ทราบแจ้งปั จจุบัน ๚

๏ เร่ืองความในเสาศิลาจารึกนั้นเป็นอักษรเขมรนั้น คัดเป็นภาษาไทยได้ความดังนี้ ว่า
เม่ือมหา

123

124
124

ศกั ราช ๑๒๖๙ ศกกนุ ๑๔๓ พระบาทกมรเดงอตั ศรธี รรมราช๑๔๔เป็นพระอปุ ราชอยู่ ณ เมอื งศรีสัชนาลยั
เป็นโอรสพระบาทกมรเดงอตั ฤๅไทย๑๔๕ ไชยเชฐเมืองสโุ ขทยั
ครนั้ ทราบวา่ พระบดิ าทรงพระประชวรหนกั กย็ กพยหุ แสนยากรกระบวนทพั มาแตว่ นั ข้นึ ห้าค�ำ่
ลุวันเขา้ พรรษา๑๔๖ ราตรีกาล เสด็จนำ�เสนาพลเฉพาะทิศทุกทวาร ทราบความปราบศัตรูประหารสิน้
ทุกองค์ แต่นั้นจ่ึงเสด็จลีลาเขา้ เสวยเผด็จราช ด้วยเห็นว่าเมืองสุโขทัยนี้ เกิดวิบัติอุบาทว์อัศจรรย์
คดิ จะฉลองพระชนกพระองคค์ นื รกั ษาพระวงศส์ บื กษตั รยิ ต์ อ่ ไป พระมาเถลงิ ให้เป็นไทยศรสี ตุ อตั เลไท
อภเิ ษกถวายพระนามวา่ พระบาทกมรเดงอัตศรีสรุ ิยพงษรามมหาธรรมราชาธิราช๑๔๗ เสวยราชสมบัติ
สบื กันมาแต่ ๑๒๗๖ ศกมะเมีย๑๔๘ มพี ระทัยเยือกเยน็ อารแี กส่ ตั ว์

๑๔๓ ตรงกบั พุทธศักราช ๑๘๙๐
๑๔๔ พระบาทกมรเดงอตั ศรธี รรมราช หมายถงึ พญาฦๅไทย (พระยาลอื ไทย หรอื ลไิ ทย หรอื พระมหาธรรมราชาที่ ๑) ในจารกึ
วดั ป่ามะมว่ ง ภาษาเขมร ออกพระนามวา่ พรฺ ะบาทกมรฺ เดงอญฤไทย ในจารกึ วดั ป่ามะมว่ งภาษาไทย และจารกึ นครชมุ ใช้วา่ พรญาฦๅไทย
๑๔๕ พระบาทกมรเดงอัตฤาไทย หมายถงึ พญาเลอไทย พระชนกพญาฦๅไทย ในฉบบั เดิมมีออกพระนามวา่ พระบาทกมรเตงอตั
เลไทย ผเู้ ป็นพระชนก ไวอ้ ีกแห่งหน่งึ ดว้ ย ในจารึกนครชมุ ใช้วา่ พรญาเลอิ ไทย
๑๔๖ ความในจารึกวา่ ปญจฺ มี เกด เชษฐ ศกุ รฺ พาน ตรงกบั วันศุกร์ ข้ึน ๕ ค่ำ� เดือน ๗
๑๔๗ พระนามในจารกึ วา่ พรฺ ะบาทกมฺ รเดงอญฺศรีศรฺ ยฺ ฺยพงศฺ รามมหาธรฺมมฺ ราชาธิราช
๑๔๘ พทุ ธศักราช ๑๘๙๗

125

126

ใครจะเอาทรัพยส์ ิ่งของมาถวายก็ไมอ่ ยากรับ บังคับให้ทำ�บุญให้ทรัพยน์ ัน้ เก้ือหนุนดำ�รงอยูใ่ นสงฆ์
บรรดาสปั ปรุ ษุ พากนั เอาพสั ดสุ งิ่ ของมา ปรารถนาจะศกึ ษาเลา่ เรยี นวปิ ั สสนา ทา่ นกส็ งั่ สอนให้เลา่ เรยี น
ศึกษาขมีขมนั ทา่ นนนั้ มไิ ดป้ รารถนาซ่งึ อามสิ คิดแตจ่ ะเป็นองคพ์ ระพทุ ธนําสตั วท์ ีต่ อ้ งเกดิ ให้ขา้ มหยา่
สังสารทุกขน์ ีอ้ ยา่ งเดียว สัตวบ์ างพวกมีความผิดต้องติดจองจำ� เขานำ�มาถวาย ก็ทรงพระกรุณาช่วย
ไถ่โทษโปรดให้พน้ ทกุ ข์
ขณะนั้น คนทั้งหลายทุกด้าวแดนก็มีจิตช่ืนชมชักชวนกันมาแต่ทิศทั้งสี่เมืองสุโขทัย เสด็จ
เถลิงสมบัติรักษาราษฎรดว้ ยพระกรุณาปราณีดังนัน้ กิตติศัพทอ์ ันนีก้ ็เลา่ ลือระบือไปในนานาประเทศ
เหตดุ งั นัน้ พระนาม พระบาทกมรเดงอัตศรสี รุ ยิ พงษรามมหาธรรมราชาธิราช ไดย้ นิ ไปถึงไหนแลว้

127

128
128

กค็ รนั่ ครา้ มขามพระเดชไมม่ ใี ครเสมอในเวลานนั้ มพี ระเกยี รตยิ ศเป็นทีส่ รรเสรญิ ทกุ ดา้ วแดน ประเทศ
ต่าง ๆ ครัง้ นัน้ ให้สร้างราชคฤหเหม ปราสาทราชมณเฑียร ขจิตด้วยสรรพรัตนาเนกโสภาคยพ์ ิจิตร
บพิตรจ่ึงเอาบาตรประเคนพระสงฆ์ อภิเษกสมณพราหมณ์ ตปศิยติ๑๔๙ สงฆท์ ัง้ หลาย เผดียงให้เล่า
เรียนศกึ ษาซ่งึ ศิลปศาสตร์วชิ าทีเ่ สด็จไทย๑๕๐ทราบ คือวันอัฏฐมีบุรณมีอามาวสี

๑๔๙ คําจารึกใช้ ตปสวฺ ิ ยติ
คำ�วา่ “ตปสฺว”ิ แปลวา่ ดาบส และ “ยต”ิ แปลวา่ นกั พรต
๑๕๐ พญาฦๅไทย

129

130

เพญ็ ดบั แลเดอื นอาสาฬห์ส�ำ หรบั เขา้ พรรษา อธกิ มาสอธกิ วารซ่ึงจะมมี าแลปีปรกติ ไมม่ นี กั ปราชญอ์ ่นื
จะมาปานเสมอดว้ ยพระองค์ แตน่ นั้ ใหอ้ าราธนาพระเจดยี แ์ ละมหาเจดยี ์ มาประดษิ ฐานเป็นพระมหาธาตุ
สร้างสงั ฆาวาสอารามวิหาร กุฏสิ ถานทอี่ ยูอ่ าศัยพระสงฆ์ และหลอ่ พระพุทธเทา่ พระองคด์ ว้ ยทองส�ำ รดิ
ดว้ ยหวงั พระทัยปรารถนาจะเป็นพระพทุ ธ

131

132
132

นำ�สัตว์ให้พน้ ทุกขถ์ ึงนฤพาน แล้วให้เป็นสิลิบนายช่าง๑๕๑ หล่อรูปพระนเรศ พระมเหศวรดาบส๑๕๒
พระศรอี ารยิ ์ รปู พระมเหศวร พระวษิ ณกุ รรม๑๕๓ ประดษิ ฐานในเทวาลยั มหาเกษตร ไวเ้ ป็นทนี่ พิ ทั ธบชู า
ณ ป่ ามะมว่ ง
พระบาทกมรเตงอัต ศรสี ุริพงษรามมหาธรรมราชาธริ าช ทรงเลา่ เรียนพระไตรปิฎก พระสตู ร
พระวนิ ยั พระอภธิ รรมโดยโลกาจารย์ ทรงทรมานสงั่ สอนยตพิ ราหมณต์ ปสวิ ๑๕๔ทรงบญั ญตั ศิ าสตราคม
ธรรมเนยี มดว้ ยทงั้ เนประ๑๕๕ ไชยาตสิ าตร๑๕๖ คือคติต�ำ ราทนิ ปาฏบิ ทมาศ ศวไรคราส๑๕๗ จันทรคราส
ยังเศษ๑๕๘ ทรงพระปรีชาโอฬารกิ ๑๕๙ วิผารคณุ ไมม่ ีใครจะยงิ่ กวา่ อาจเลอื กสรรพจิ ารณาให้ร้แู นถ่ นดั
ในอธิกมาศทินปาร๑๖๐นักษัตร สังเกตดูโดยกรรมประสิทธ๑ิ์ ๖๑ สมเด็จบพิตรอาจถอนจะลบ ยกเป็นปี
เดอื นตามศลิ ปคณนา

๑๕๑ ในคำ�แปลจารกึ พระนิพนธอ์ กี ฉบบั ใช้ นายศิลปินนายช่าง
๑๕๒ ค�ำ จารึกเป็น พระสุเมธดาบส
๑๕๓ นา่ จะหมายถึง พระวิษณุ หรอื พระนารายณ์
๑๕๔ ตปสฺวิ หมายถึง ดาบส
๑๕๕ คาํ จารึกใช้ ทํเนปรฺ หมายถงึ เป็นตน้
๑๕๖ คาํ จารึกใช้ โชฺยติสาสตฺ รฺ หมายถึง ดาราศาสตร์
๑๕๗ สุริยคราส
๑๕๘ คําจารึกใช้ อาจ ดยฺ (ง) นุเสส แปลวา่ อาจรู้ซ่งึ เศษ
๑๕๙ แปลวา่ ยิง่ ใหญ่
๑๖๐ คำ�จารกึ ใช้ ทนิ พาร แปลวา่ วันวาร
๑๖๑ คำ�จารึกใช้ นุ สเํ กษป คะุ โดย นุ กรมฺ ฺมศิ (ทฺธิ) แปลวา่ โดยสังเขปและโดยปฏิทนิ ส�ำ เรจ็ รูป

133

เทวรปู สำ�ริด ซ่งึ เคยประดิษฐานในเทวาลัยมหาเกษตรพิมาน
ปั จจบุ นั จดั แสดงอยูท่ พี่ ิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ พระนคร

134

เทวาลัยมหาเกษตรพมิ าน
เทวสถานในศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู ทกี่ อ่ สรา้ งตงั้ แตส่ มยั อาณาจกั รสโุ ขทยั ตงั้ อยใู่ นพ้นื ที่
เขตอรัญญิก นอกก�ำ แพงเมืองสโุ ขทยั ดา้ นทิศตะวนั ตก ตดิ กับวัดป่ ามะมว่ ง

135

136

อนุสิทธิศักดพิ์ ระคัมภรี ์ทุกมาตรา๑๖๒ มไิ ดเ้ คล่ือนคลาดเลย เสดจ็ เสวยราชพภิ พศรสี ัชนาลยั สุโขทัยได้
๒๒ ปี
ลุถึง ๑๒๘๓ ศกฉลู๑๖๓ สมเด็จบพิตรไชยราชบัณฑิตยไ์ ปอัญเชิญมหาสามีสังฆราชอันมีศีล
เรียนจบพระไตรปิฎกอันสถติ อยู่ ณ ลังกาทวีป มศี ีลาจารย์ ร้กู สิณครบโดยมาก๑๖๔ แตน่ ครจนั ทรมาลุ
มรรคคนั ธร๑๖๕ จ่งึ ใช้สิลบิ นายช่างให้ปลกู กฏุ วิ ิหาร ณ หวา่ งป่ ามะมว่ งอนั มใี นทศิ ประจมิ เมอื งสุโขทยั นี้
ปราบราบเททรายเสมอในทางไปทุกทิศ ราวกับพระวิษณุกรรมมานฤมิตก็ปานกัน เม่ือใดสมเด็จ
มหาเถระกับภิกษุสงฆท์ ัง้ ปวงมา พระบาทกมรเดงอัตให้จัดหมาก ขา้ วตอก ธูปเทียน บุษกลบงกช๑๖๖
แลธง ทำ�สักการบูชาตลอดมรรคา ใช้อำ�มาตยม์ นตรรี าชตระกลู ทัง้ หลายไปรับ ท�ำ สกั การบชู าแตเ่ มอื ง

๑๖๒ ค�ำ จารกึ ใช้ โดย นุ ศทิ ฺธศิ กดฺ ิ พฺระกรมฺ ฺม สบ มาตรา แปลวา่ โดยประสิทธิภาพในพระกรณียกจิ ทุกมาตรา
๑๖๓ พุทธศักราช ๑๙๐๔
๑๖๔ ค�ำ จารึกใช้ มาน ศิลาจารฺยย รู กษณิ าศฺรพ โผง เพรง แปลวา่ มีศีลาจารยค์ ลา้ ยพระขณี าสพทงั้ หลายในใบราณ
๑๖๕ คำ�จารกึ ใช้ อวั ิ นคร พนนฺ โมก ลฺวะ ด มารคฺ คฺ านฺตร แปลวา่ จากนครพันมาถึงระหวา่ งทาง
๑๖๖ ค�ำ จารึกใช้ กลฺปพฺฤกษ

137

138
138

อย๑ู่ ๖๗ มาจนถงึ เมอื งเชยี งทองเมอื งจนั ทร์ เมอื งจาร๑๖๘ ตลอดถงึ เมอื งสโุ ขทยั คาวตุ หนง่ึ ๑๖๙ จง่ึ ใหก้ วาดพระ
ราชมรรคาตงั้ แตท่ วารทศิ บรู พ์ ไปจนทวารทศิ ประจมิ ตอ่ ป่ ามะมว่ ง ซ่งึ ปลกู กฏุ วิ หิ ารสถานทีเ่ กษมไวน้ นั้
ประดับพระราชมรรคานัน้ เกษมสำ�ราญประไพยุรศักด์ริ าวหากทางสวรรค์ จึงอาราธนาพระมหาสามี
สังฆราช เข้าพรรษาสิ้นไตรมาสเม่ือจุติพรรษา๑๗๐แล้ว ทำ�การฉลองพระสำ�ริดที่หล่อเท่าพระองค์
พระพทุ ธกมรเดงอตั ๑๗๑ประดษิ ฐานไวก้ ลางเมอื งสโุ ขทยั โดยบรุ พทศิ สถานพระมหาธาตนุ นั้ แลว้ ฟั งธรรม
ทกุ วนั แตค่ �ำ หนง่ึ ลบุ รุ ณมีคดิ ๑๗๒พระราชทรพั ยอ์ นั ดพี ระราชทานทองค�ำ ชงั่ สบิ เงนิ ชงั่ สบิ อฬุ ารภณั ฑต์ า่ งๆ
อยา่ งละสิบ สลาวิจรเกศหมากประจำ�กัณฑ์ ๔ บาท๑๗๓ เคร่ืองกระยาทงั้ หลายนานาเนก-

๑๖๗ คำ�จารกึ ใช้ สฺรกุ โฉด แปลวา่ เมืองฉอด
๑๖๘ คำ�จารึกใช้ สรฺ กุ บางจนฺร บางพาร แปลวา่ เมอื งบางจันทร์ บางพาร
๑๖๙ ซ้ือมาตราวัดระยะ ๑ คาวตุ เทา่ กบั ๑๐๐ เสน้ คาํ จารกึ ใช้ มวย รฺววฺ ด แปลวา่ อันหน่ึง
๑๗๐ ออกพรรษา
๑๗๑ คำ�จารกึ ใช้ พฺระพุทฺธ กมรฺ เดงอญฺ แปลวา่ พระพุทธเจ้า หรอื พระพทุ ธเป็นเจ้า
๑๗๒ คำ�จารกึ ใช้ คิ แปลวา่ คือ
๑๗๓ คำ�จารกึ ใช้ ขฺวท ลาร ๑๐ สลฺ า ลาร ๒ จพี รเกษฺ ๔ บาดพจะุ แปลวา่ เบีย้ ๑๐ ลา้ น หมาก ๒ ลา้ น จวี ร ๔ กระแส บาดพจะุ

139

140

ประการ
เม่ือออกพรรษาลุอัฏฐมี พุธวารบรุ ณพศฤกษ๑์ ๗๔ ณ คำ่�วนั นัน้ พระบาทกมรเดงอัตศรีสุริยพงษ์
รามมหาธรรมราชาธิราช ก็สมาทานศีลเป็นดาบสบวชเฉพาะเนตรพระสุจณปฏมิ า๑๗๕ อันประดิษฐาน
เป็นราชมณเฑียร ซ่งึ เสดจ็ บูชาทกุ วนั แลว้ จ่ึงอัญเชญิ พระมหาสามีสังฆราช เถรานเุ ถรภิกษสุ งฆท์ งั้ ปวง
ข้ึนบนเหมปราสาทมณเฑียร จ่งึ บวชเป็นสามเณร เม่ือจะขอศีลนัน้ พระบาทกมรเดงอัตเสด็จยืนข้นึ
ยกอญั ชลนี มสั การพระสจุ ณปฏมิ ากบั พระไตรปิฎก พระสามสี งั ฆราช ทรงอธษิ ฐานดงั นีว้ า่ ผลบญุ ทอี่ ตั ๑๗๖
บวชตอ่ ศาสนา พทุ ธกมรเดงอัต๑๗๗คราวนี้ อตั ไมป่ รารถนาจักรพรรดสิ มบัติ อินทสมบตั ิ พรหมสมบตั ิ
อัตตั้งปรารถนาขอข้ึนอัตองค์เป็นพระพุทธนำ�สัตว์ข้ามไตรภพนี้เถิด อธิษฐานดังนั้นแล้วจ่ึงรับ
สรณาคมน๑์ ๗๘ ขณะนนั้ แผน่ ดนิ ก็ไหวทกุ ทิศ ครนั้ บวช

๑๗๔ ค�ำ จารกึ ใช้ ปนุ รฺวฺวสฤู กษ์ หมายถงึ ปุนพั สฤุ กษ์ (ปุนรฺวสุ หรือ บรุ นรรพส)ุ คือ ช่อื ฤกษท์ ี่ ๗ ไดแ้ ก่ ดาวสำ�เภาทอง อีกนัยหน่ึง
ดาวตา เรอื ชัย หรอื ดาวหัวสำ�เภา
๑๗๕ คำ�จารึกใช้ พฺระสพุ รณฺ ปรฺ ติมา แปลวา่ พระพุทธรูปทอง
๑๗๖ อาตมา
๑๗๗ คาํ จารกึ ใช้ พฺระพุทธฺ กมฺ รเดง อญ ในทีน่ หี้ มายถึง พระพทุ ธเจ้า
๑๗๘ ไตรสรณาคมน์ หมายถงึ การถึงพระรัตนตรยั คอื พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ วา่ เป็นทพี่ ่ึงทีร่ ะลึก

141

142
142


Click to View FlipBook Version