The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

X02-20-หนังสืออนุสรณ์ สุขาวดีพุทธเกษตร 2561-12-18 Print

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Vorawat Suthon, 2021-10-05 09:16:00

X02-20-หนังสืออนุสรณ์ สุขาวดีพุทธเกษตร 2561-12-18 Print

X02-20-หนังสืออนุสรณ์ สุขาวดีพุทธเกษตร 2561-12-18 Print

ห นั ง สื อ

อ มิ ต า พุ ท ธ สู ต ร ( 佛 說 阿 彌 陀 經 )
อ มิ ต า ยุ รฺ ธฺ ย า น สู ต ร ( 佛 說 觀 無 量 壽 佛 經 )

ม ห า สุ ข า ว ตี ว ยู ห สู ต ร

佛說大乘無量壽莊嚴清浄平等覺經

ป ร� ช ญ า ป า ร มิ ต า ห ฤ ทั ย สู ต ร

THE HEART OF PRAJNA PARAMITA SUTRA

般若波羅蜜多心經

สรางถวายโดย

คณุ พอ แตแต แซอ วง 黄俤俤 Huang Di Di + คุณแม ฉวิ เอย้ี ง แซเอียะ 葉秋燕 Ye Qiu Yan
คุณปู อวงเตก็ อี่ 黄德挹 Huang De Yi + คุณยา ผางอาโหมย 彭亜妹 Peng A Mei

คุณตา เอียะฮิ่งลื่อ 葉興吕 Ye Xing Lv + คุณยาย เต้ืองเจียหลาง 張芝蘭 Zhang Zhi Lan

พรอ มทั้งลูกหลานเหลน

คําอทุ ศิ สว นบญุ กศุ ล

ขอนอ มบญุ กศุ ลครงั้ น้ีถวายพระสยามเทวาธิราช
พระมหากษัตริยไ ทยทุกๆพระองค
ขอนอมถวายกุศลผลบญุ นี้

เปน พุทธบูชาแดพระพทุ ธเจาทุกๆพระองค
พรอมทัง้ พระปจ เจกพุทธเจาทุกๆพระองค
ถวายเปน ธรรมบชู า แดค าํ สอน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ
ถวายเปนสังฆบชู า แดพ ระอริยเจา ท้ังหลาย
พรอมท้งั บิดามารดา ครบู าอาจารย พรหมและเทวดา
เจา กรรมนายเวร สัมภเวสี ทัง้ หลายทั้งปวง
ขอทานทั้งหลายโปรดอนุโมทนาและอโหสกิ รรม
และขอใหขา พเจาทัง้ หลายไดเ ขาถงึ ซงึ่ พระนิพพานดว ยเทอญ



หนงั สืออนุสรณ
เน่อื งในงานทําบญุ อฐั � บรรพบรุ ษุ บพุ การ�

黄 Huang Family

[ รูปถา ย ปา ยฮวงซุย คุณพอ + คณุ แม ]
คุณพอ แตแต แซอวง 黄俤俤 Huang Di Di + คุณแม ฉวิ เอยี้ ง แซเอียะ 葉秋燕 Ye Qiu Yan

[ รูปถาย ปายฮวงซุย คุณปู + คุณยา ]
คณุ ปู อว งเตก็ อี่ 黄德挹 Huang De Yi + คณุ ยา ผางอาโหมย 彭亜妹 Peng A Mei

[ รูปถาย ปา ยฮวงซยุ คุณตา + คณุ ยาย ]
คณุ ตา เอียะฮิ่งลื่อ 葉興吕 Ye Xing Lv + คุณยาย เต้อื งเจียหลาง 張芝蘭 Zhang Zhi Lan

ประวัติโดยสังเขป ของ 黄 Huang Family

เสนทางชวี ติ 100 ป จากเมืองจีน มาสูเมอื งไทย

อุตสาหกรรมยานยนตที่ขยายตัวอยางรวดเร็วท่ัวโลกและเฟองฟูอยางมาก ตั้งแตคริสตทศวรรษ 1860
สง ผลใหค วามตอ งการใชย างพารา ซึง่ เปนสวนประกอบสําคัญในอุตสาหกรรมน้ีเพ่มิ ขึ้น โดยเฉพาะกลุมประเทศ
ผูผลิตรถยนตรายใหญของโลก เชน ประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี ซ่ึงมีอัตราการผลิต
และกําลังซ้อื ท่ีสูง ลวนมีความตอ งการยางพารา เพ่ือปอนอุตสาหกรรมยานยนตภายในประเทศจํานวนมาก อปุ
สงคของการใชยางพาราที่เพ่มิ จํานวนมากขึ้นตามลําดบั ทําใหอังกฤษเรมิ่ สนใจหาพน้ื ทปี่ ลูกยางพารา และเลือก
อาณานคิ มมลายาเปน แหลง ปลกู ยางพาราที่สําคญั ต้ังแตครสิ ตท ศวรรษ 1880 - 1910

กลุมประเทศผูผลิตรถยนตรายใหญของโลก ท้ังประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี รัสเซีย
และฝรั่งเศส มีความตองการใชยางพาราในปริมาณท่ีสงู และมียอดการนาํ เขายางพาราเพม่ิ ขึน้ อยางตอเน่ืองทุก
ป ดวยเหตุดังกลาวอังกฤษจึงตองการใหมลายาเปนแหลงปลูกยางพาราที่สําคัญ ทําใหมีการเผยแพรพันธุ
ยางพาราและสงเสริมการปลูกยางพาราในมลายาอยางจริงจัง การเกณฑแรงงานชาวอินเดียและชาวจีนเปน
นโยบายสําคัญของอังกฤษท่ีสงเสริมการทําสวนยางพาราในมลายา เนื่องจากแรงงานเหลาน้ีเปนกําลังสําคัญใน
การทําสวนยางพาราขนาดใหญของกลมุ นายทนุ องั กฤษและนายทุนจนี

ในคริสตศตวรรษท่ี 19 ชาวจีนเปนแรงงานที่ถูกเกณฑเขาไปทําเหมืองแรในมลายาจํานวนมาก ตอมาใน
คริสตทศวรรษ 1910 เมื่อความนิยมของการทําสวนยางพาราในมลายาแพรหลายมากขึ้น จึงมีการจางแรงงาน
ชาวจีนเขาไปทําสวนยางพาราขนาดใหญข องนายทุนจนี และนายทุนองั กฤษ ชาวจีนทต่ี องการเขา ไปเปนแรงงาน
ในมลายาจะตอ งตดิ ตอ ผา นนายหนาในประเทศจีน และมกี ารทําสัญญารวมถึงจายคาเดินทาง ตลอดจนคา ดํารง
ชีพระหวางการเดินทางเขาไปในมลายาใหแกสํานักงานนายหนา เม่ือแรงงานชาวจีนเดินทางไปถึงมลายา
สํานักงานนายหนาจะจัดหาท่ีพักใหอาศัยอยูในสํานกั งานที่พํานักช่ัวคราว จนกวาชาวจีนที่อพยพมาจะมีงานทาํ
และชําระหน้ีครบตามสัญญา อน่ึงแรงงานชาวจีนจะมีอสิ ระในการเลอื กทํางานกบั นายจางไดตามความสมคั รใจ
และไมมีขอผูกมัดเหมือนแรงงานชาวอินเดีย แรงงานชาวอินเดียและชาวจีนนับเปนแรงงานที่มีความสําคัญตอ
การทาํ สวนยางพาราในมลายาอยางมาก โดยเฉพาะในปลายคริสตทศวรรษ 1900 ความตอ งการแรงงานในการ
ทาํ สวนยางพารามจี าํ นวนมาก เพอ่ื รองรับการขยายพืน้ ทก่ี ารทําสวนยางพาราในมลายาที่เพมิ่ ข้ึน

เวลากวา 100 ป ที่ชาวจีนฮกจิวท่ีมีถ่ินฐานเดิม ณ ตําบลกูเท้ียน เมืองฮกจิว (ฝูโจว) มณฑลฮกเก้ียน (ฝู
เจ้ียน) เดินทางอพยพจากประเทศจีนมารับจางทําเกษตรกรรมใน เมืองซิเทียวัน (Sitiawan) รัฐเประ (Perak)
ประเทศมาเลเซีย ในประมาณ พ.ศ. 2444 จนเม่ือประมาณป พ.ศ. 2468 มีชาวจีนฮกจิวจากรัฐเประกลุมหน่ึง
นําโดย ล่ิงจื้อปอ ลาวฮวาลิ่ง พางมิงอู กงกวางจ๊ัว โดยสารรถไฟจากมาเลเซียมาลงท่ีสถานีรถไฟทุงสง คางที่ทุง
สง 1 คืน จากนนั้ ตอ รถไฟมาลงทีส่ ถานรี ถไฟคลองจัง และเดนิ เทามาตั้งชุมชนท่แี ปด คอื สะพานรถไฟจากทุง สง
ถึงนาบอนเปน สะพานท่ีแปด และตอ มาไดเ รยี กชอ่ื ตามหมบู านนาบอนวา “ตลาดนาบอน” เมือ่ ชาวจนี ฮกจวิ เขา
มาในเมืองไทย ปลูกยางพารากันเปนสวนใหญ จึงไดสถิติเปนเมืองปลูกยางพารามากที่สุดในเมืองไทย ต้ังแตป

พ.ศ. 2508-2516 คําวา “นาบอน” จึงเปนที่รูจักของคนท่ัวโลก ซ่ึงอาจนับไดวาเปนชาวจีนกลมุ ทายๆ ท่ีเขามา
ต้ังถนิ่ ฐานชุมชนในประเทศไทย จากเส่อื ผืนหมอนใบ มาสคู วามย่งิ ใหญในปจจบุ นั

คุณพออวงแตแตและคุณแมเอียะฉิวเอี้ยง ไดเดินทางมาจากเมืองจีน เพ่ือแสวงหาแหลงทํามาหากินที่
ดีกวาที่บานเกิด โดยเดินทางจากเมืองจีน ไปยังเมืองมลายา แลวเขามายังภาคใตของเมืองไทย ตามคนจีนรุน
กอ นๆ ท่ีไดเ ดินทางมาลวงหนา แลว คุณพอไดจ ากเมอื งจนี มาตอนอายปุ ระมาณ 16 ป สว นคณุ แมม าถึงเมอื งไทย
ตอนอายุ 3 ขวบเทา น้นั ท้งั สองทา นไดต้งั รกรากทําอาชีพปลูกยางพาราท่ี ต.นาบอน อ.ทงุ สง จ.นครศรีธรรมราช
กอนจะเกดิ สงครามโลกครง้ั ที่ 2

ครอบครัวคุณพอมีพี่นองเปนชายจํานวน 4 คน ทานเปนลูกคนเล็กสุด พี่ชายคนโตอยูและตายท่ีเมืองจีน
ไมมีลูกหลานสืบสกุล พ่ีชายคนที่ 2 อยูมาเลเซีย มีลูกชายสืบสกุลและกลับไปอยูเมืองจีน และพี่ชายคนท่ี 3 ได
ตามทานมาอยูเมืองไทย มีลูกชาย 2 คน ติดมาดวย สวนครอบครัวของคุณแมมีพ่ีนอง 4 คน คุณตาคุณยายท้ัง
สองคนพาทา นมาจากเมืองมลายาตั้งแตอ ายุ 3 ขวบ แลว มีลูกชายหญงิ ตอ จากคุณแมเ พ่ิมอีก 3 คน โดยมคี ณุ แม
เปน คนโต มีลูกชาย 1 คน และลูกสาว 3 คน และคณุ ตาคุณยายกไ็ ดเสยี ชวี ิต ฝง รางไวบนผืนแผน ดนิ ไทย

คุณพออว งแตแตและคณุ แมเ อียะฉวิ เอย้ี ง ไดกําเนดิ ลูกทงั้ หมด 9 คน เปนลกู ชาย 6 คน และลกู สาว 3 คน
ทานทั้งสองไดเลี้ยงดูลูกดวยอาชีพทําสวนยางพารา และใหการศึกษาลูกท้ังหมดอยางดี ตามความตองการของ
ลกู แตล ะคน ลกู ชายคนท่ี 2 ไดดาํ เนนิ รอยตามทา น ไปบุกเบิกการทําสวนยางพาราที่ ต.มาบอาํ มฤต อ.ปะทิว จ.
ชุมพร พรอมกับลูกสาวคนโตและครอบครัว ไดยายจาก ต.จันดี มาบุกเบิกทําสวนยางพาราท่ี ต.มาบอํามฤต
ดวย ปจจุบันชาวฮกจิวที่เดินทางจากโพนทะเล มาตั้งรกรากท่ีเมืองไทย พรอมท้ังลูกหลานที่เกิดในเมืองไทย
สามารถขยายพื้นท่ีทําสวนยางพารา จากนาบอน จันดี ทุงสง ไปยัง นาสาร ละแม บานสอง มาบอํามฤต หลัง
สวน ระยอง กระจายออกไปทั่วท้ังเมืองไทย สรางรายไดใหกับเมืองไทยอยางมหาศาล น่ีคือ 100 ปของบรรพ
ชน ทล่ี งทนุ ดว ยชวี ติ เดนิ ทางดวยความยากลําบาก เพือ่ ชีวติ ท่ีมน่ั คงและอยูดีกินดี สาํ หรบั ลูกหลานในอนาคต

บรรพชนท่ีอาศัยต้ังรกรากท่ี ณ หมูบานตระกูลอวง ตําบลกูเท้ียน เมืองฮกจิว (ฝูโจว) มณฑลฮกเกี้ยน (ฝู
เจี้ยน) เปนเวลามากกวา 400 ป ปจจุบันยังคงมีประชากรอาศัยอยู จํานวนมากกวา 1,000 คน ท้ังหมดใช
แซอ วง 黄 (สําเหนียงแตจ ว๋ิ อึ้ง หมายถงึ สีเหลือง หรอื ฮอ งแต) เหมอื นกันหมด เพราะสืบเช้ือสายตอเนื่องมา
ยาวนาน ที่บานยังมีเก็บปายซุมประตูพระราชทานจากฮองแต ขอความวา สามารถสืบทอดทายาทไดอยาง
ตอเนื่อง 5 ชั่วคน และในตอนนี้สามารถสืบเช้ือสายลงมาจนถึงปจจุบัน นับเปน 18 ถึง 20 ช่ัวคนแลว ประวัติ
บรรพชนแตล ะรุน มีการจดบนั ทึกรายช่ือแตล ะชว่ั คน (Family Tree) เก็บไวทห่ี อบรรพชนจนถึงปจ จบุ ันน้ี

ในชั่วชีวิตหน่ึง บรรพชนสามารถอาศัยกายเน้ือ เดินทางฝาฟนอุปสรรคตางๆนาๆ อาบเหง่ือตางนํ้า เอา
ชีวิตเขาแลก ขามน้ําขามทะเลขามภูเขา ไปเปนระยะทางเปนพันเปนหม่ืนล้ี เอาเลือดเนื้อกระดูกฝงไวบนพื้น
แผน ดินเมอื งไทยนบั ไมถ วน แตส งั สารวัฏฏทต่ี องเวียนวา ยตายเกดิ เดินทางดวยกายทิพย มรี ะยะทางนบั ภพชาติ
ไมถวน มีความรักผูกพันในสายเลือดสายวงศตระกูล มีบาปและบุญเปนเคร่ืองนําทางไปเทาน้ัน จนกวาจะมี
ปญญา มองเห็นหนทางสูค วามพน ทกุ ขอ ยางถาวร ...นามอ ออนที อ ฮุก... นะโม อะมติ าภะ พทุ ธายะ.

จบ ประวตั ิโดยสงั เขป ของ 黄 Huang Family



1 of 11

2 of 11

3 of 11

4 of 11

5 of 11

6 of 11

7 of 11

8 of 11

9 of 11

10 of 11

11 of 11

รายช�อ่ -ปย†ู ‹า-ตายาย-พ‹อแม-‹ ลูกหลาน-เหลน
黄 Huang Family

คณุ ปู อว งเต็กอี่ 黄德挹 Huang De Yi + คณุ ยา ผางอาโหมย 彭亜妹 Peng A Mei มลี กู 4 คน

คุณตา เอียะฮ่ิงลอ่ื 葉興吕 Ye Xing Lv + คุณยาย เตอื้ งเจียหลาง 張芝蘭 Zhang Zhi Lan มลี ูก 4 คน

คณุ พอ แตแต แซอวง 黄俤俤 Huang Di Di + คุณแม ฉิวเอีย้ ง แซเ อียะ 葉秋燕 Ye Qiu Yan มีลูก 9 คน

1.นางไถม วย แซอ ว ง + นายอินทรยี  ซ่ือธานุวงศ มลี ูก 6 คน
1.1.น.ส.ปยนันท ซ่อื ธานวุ งศ
1.2.น.ส.เกสนิ ี ซ่อื ธานุวงศ
1.3.น.ส.ญาณนี ซ่ือธานุวงศ + นายประพฤติ วองสมบูรณส ิน มีลกู 2 คน
1.3.1.น.ส.นฤภร วอ งสมบูรณส นิ
1.3.2.นายศุภกร วองสมบูรณสนิ
1.4.นายกนกศกั ด์ิ ซ่อื ธานุวงศ + น.ส.ออยใจ เลิศลํ้า มีลูก 1 คน
1.4.1.ด.ช.ทอปราน ซอ่ื ธานุวงศ
1.5.น.ส.กลั ยรัตน ซ่อื ธานุวงศ + นายชยตุ กังวานธรรม มีลูก 2 คน
1.5.1.ด.ช.ชยนิ กงั วานธรรม
1.5.2.ด.ญ.ชลิดา กงั วานธรรม
1.6.น.ส.ดลฤดี ซอื่ ธานุวงศ + นายกนกศกั ด์ิ จิตติเรืองวิชัย มีลกู 2 คน
1.6.1.ด.ญ.พชิ ชานันท จติ ติเรืองวิชัย
1.6.2.ด.ญ.นันทรตั น จิตตเิ รืองวิชยั

2.นายดิฐ หวังพฒั นาพาณิชย + นางณฐั ยิ า ชูชวย มีลูก 3 คน
2.1.น.ส.สายดนยี  หวงั พัฒนาพาณิชย (โบว)
2.2.น.ส.ปย าพร หวังพฒั นาพาณชิ ย (แอน)
2.3.น.ส.ภาสนิ ี หวงั พัฒนาพาณชิ ย (ออ น)

3.นายลงกรณ ปตภัทรวบิ ูลย + นางมกุ ดา แซผ า ง มีลกู 4 คน
3.1.นายอนันตฤทธิ์ เหลืองนิพัทธ (A 黄祖金)
3.2.น.ส.ธนันตณ ชั ปตภทั รวบิ ลู ย (B 黄素琳)

3.3.นายเทพฤทธ์ิ ชนื่ โชคสันต (M 黄祖贵) + น.ส.วรธกานต นิรนั ดรสุข (แซหล่ี) มลี กู 1 คน
3.3.1.ด.ช.ณฐั วรรธน ชน่ื โชคสันต (กา ว 黄荣步)

3.4.นายไกรฤทธ์ิ ปตภัทรวิบลู ย (K 黄祖利) + น.ส.ชญานี บอ จักรพนั ธ มีลูก 2 คน
3.4.1.ด.ช.ดนัยวัฒน ปต ภัทรวบิ ูลย (ไท 黄荣泰)
3.4.2.ด.ญ.ภญิ ญาพชั ญ ปตภัทรวิบลู ย (สุย 黄水水)

4.นายปราการ ช่นื โชคสันต + นางบุษบง เพชรพุม มลี ูก 2 คน
4.1.น.ส.อริสา ชืน่ โชคสันต + นายธนิศร รงั สริ ักษ (แซโซว)
4.2.นายอดิศร ชน่ื โชคสนั ต

5.นางวรากุล ชนื่ โชคสนั ต + นายธีรพล บุญกลู (แซเ ตอ้ื ง) มลี ูก 1 คน
5.1.นายพลวีรฺ บญุ กูล (กอลฺฟ)

6.นายวีระเทพ ชื่นโชคสนั ต + นางนวรตั น เกยี รตพิ ิมล (แซเ ลา ) มลี ูก 4 คน
6.1.น.ส.อญั ชลุ ี ชน่ื โชคสันต (ลีล่ ี)่
6.2.นายเมษา ชนื่ โชคสนั ต (หน่ึง) + นางนฤมล สุขใส
6.3.น.ส.สายพิณ ชืน่ โชคสนั ต (ปน )
6.4.น.ส.ผกาทพิ ย ช่ืนโชคสนั ต (แหวน)

6.นายวีระเทพ ชื่นโชคสันต + นางชนญั ชดิ า ยอดสมุทร มลี กู 3 คน
6.5.นายศิโรดม ช่นื โชคสันต (เซยี น)
6.6.นายเมธสั ช่นื โชคสนั ต (เซิน)
6.7.ด.ญ.พรหมพริ ิยา ช่นื โชคสนั ต (ซ)ี

7.นายศานต ช่ืนโชคสันต + นางสุภานันท วินัยจรูญ มีลกู 2 คน
7.1.น.ส.ภชู ญา ชน่ื โชคสนั ต (ปลา)
7.2.นายพรี วัส ชื่นโชคสันต (เบิรด)

8.นายวรวรรธน ช่ืนโชคสันต

9.นางนวลจันทร ช่นื โชคสนั ต + นายจรูญ ไพรัตน (แซภ ู) มีลูก 2 คน
9.1.น.ส.กลั ยารตั น ไพรัตน (ปอ)
9.2.นายธรี ภัทร ไพรัตน (บอล)

คณุ ป่ ู อ้วงเต็กอี คณุ ยา่ ผ่างอาโหมย่ คณุ ตา เอียะฮิงลอื คณุ ยาย เตอื งเจียหลาง
黄德挹 Huang De Yi 彭亜妹 Peng A Mei 葉興吕 Ye Xing Lv 張芝蘭 Zhang Zhi Lan

คุณพอ แตแต แซอ ว ง คณุ แม ฉิวเอย้ี ง แซเอยี ะ
黄俤俤 Huang Di Di 葉秋燕 Ye Qiu Yan

1.นางไถ่ม้วย 2.นายดฐิ 3.นายลงกรณ 4.นายปราการ 5.นางวรากุล 6.นายวีระเทพ 7.นายศานต 8.นายวรวรรธน 9.นางนวลจันทร
แซอ่ ้วง หวังพัฒนาพาณิชย ปตภัทรวิบลู ย ช่นื โชคสันต ชน่ื โชคสันต ช่ืนโชคสนั ต ชน่ื โชคสันต ชืน่ โชคสันต ช่นื โชคสันต

1.นายอนิ ทรีย 2.นางณฐั ิยา 3.นางมกุ ดา 4.นางบุษบง 5.นายธรี พล 6.นางนวรัตน 7.นางสุภานันท 9.นายจรูญ
ซื่อธานวุ งศ ชชู ่วย แซผ่ ่าง เพชรพุม บญุ กลู เกียรตพิ ิมล วินัยจรญู ไพรัตน

1.1.น.ส.ปยนันท 2.1.น.ส.สายดนีย 3.1.นายอนนั ตฤทธิ 4.1.น.ส.อรสิ า 5.1.นายพลวีรฺ 6.1.น.ส.อัญชุลี 7.1.น.ส.ภชู ญา 9.1.น.ส.กัลยารัตน
ซอ่ื ธานุวงศ หวังพัฒนาพาณชิ ย เหลอื งนพิ ทั ธ์ ชืน่ โชคสนั ต บญุ กูล ชน่ื โชคสนั ต ช่นื โชคสันต ไพรัตน

1.2.น.ส.เกสนิ ี 2.2.น.ส.ปย าพร 3.2.น.ส.ธนันตณัช 4.2.นายอดิศร 6.2.นายเมษา 7.2.นายพีรวัส 9.2.นายธีรภัทร
ซ่อื ธานวุ งศ หวังพฒั นาพาณชิ ย ปต ภทั รวิบูลย ชืน่ โชคสนั ต ชนื่ โชคสนั ต ช่ืนโชคสันต ไพรัตน

1.3.น.ส.ญาณนี 2.3.น.ส.ภาสินี 3.3.นายเทพฤทธิ์ 6.3.น.ส.สายพณิ
ซื่อธานุวงศ หวงั พัฒนาพาณิชย ช่นื โชคสันต ชน่ื โชคสนั ต

1.4.นายกนกศักดิ์ 3.4.นายไกรฤทธิ์ 6.4.น.ส.ผกาทิพย
ซือ่ ธานวุ งศ ปตภัทรวบิ ูลย ชน่ื โชคสันต

1.5.น.ส.กัลยรัตน รุ‹น 6.นางชนญั ชิดา
ซอื่ ธานุวงศ ป+†ู ย‹า ตา+ยาย ยอดสมุทร

1.6.น.ส.ดลฤดี พอ‹ +แม‹ 6.5.นายศโิ รดม
ซือ่ ธานุวงศ ลูกชายหญิง ช่ืนโชคสนั ต

Update @ 2561 B.E. 6.6.นายเมธัส 黄 Huang
ชนื่ โชคสันต Family Tree

6.7.ด.ญ.พรหมพิริยา
ช่ืนโชคสันต

Update @ 2561 B.E. 1.นางไถมวย
แซอ วง
黄 Huang Family Tree
1.นายอินทรีย
ซือ่ ธานุวงศ

1.3.น.ส.ญาณนี 1.3.นายประพฤติ 1.4.นายกนกศักดิ์ 1.4.น.ส.ออ ยใจ 1.5.น.ส.กลั ยรตั น 1.5.นายชยตุ 1.6.น.ส.ดลฤดี 1.6.นายกนกศักด์ิ
ซ่อื ธานุวงศ กังวานธรรม
ซอ่ื ธานุวงศ วอ งสมบูรณสิน ซอื่ ธานุวงศ เลศิ ลา้ํ ซื่อธานวุ งศ จติ ตเิ รืองวชิ ัย

1.3.1.น.ส.นฤภร 1.4.1.ด.ช.ทอปราน 1.5.1.ด.ช.ชยิน 1.6.1.ด.ญ.พิชชานันท
วอ งสมบรู ณสิน ซือธานวุ งศ์ กังวานธรรม จติ ติเรอื งวิชัย

1.3.2.นายศุภกร 1.5.2.ด.ญ.ชลดิ า 1.6.2.ด.ญ.นนั ทรัตน
วอ งสมบรู ณสนิ กังวานธรรม จติ ตเิ รืองวชิ ัย

3.นายลงกรณ์ 4.นายปราการ 6.นายวีระเทพ
ปีตภทั รวบิ ลู ย์ ชน่ื โชคสันต ชื่นโชคสนั ต

3.นางมกุ ดา 4.นางบษุ บง 6.นางนวรัตน
แซผ่ า่ ง เพชรพุม เกยี รตพิ มิ ล

3.3.นายเทพฤทธิ์ 3.3.น.ส.วรธกานต 3.4.นายไกรฤทธิ์ 3.4.น.ส.ชญานี 4.1.น.ส.อริสา 4.1.นายธนิศร 6.2.นายเมษา 6.2.นางนฤมล
ชื่นโชคสนั ต รังสริ ักษ ชื่นโชคสันต สุขใส
ช่นื โชคสันต นริ นั ดรสุข ปต ภัทรวบิ ูลย บอ จักรพนั ธ

3.3.1.ด.ช.ณัฐวรรธน 3.4.1.ด.ช.ดนัยวฒั น ร‹ุน
ชน่ื โชคสนั ต ปตภทั รวบิ ูลย พ‹อ + แม‹
ลกู ชายหญงิ + ภรรยาสามี
3.4.2.ด.ญ.ภิญญาพชั ญ หลาน - เหลน
ปต ภัทรวิบูลย



佛說阿彌陀經

Í ÁÔ µ Ò ¾Ø · ¸ ÊÙ µ Ã

พระกมุ ารชวี ะ แปลจากสันสกฤตพากยส ูจนี พากย
พระวศิ วภัทร เซ่ยี เกี๊ยก วัดเทพพุทธาราม แปลจากจีนพากยส ูไ ทยพากย

佛說觀無量壽佛經

Í ÁÔ µ Ò ÂØ ÃÚ ¸Ú Â Ò ¹ ÊÙ µ Ã

พระกาลยสมหาเถระ แปลจากสนั สกฤตพากยสจู ีนพากย
พระวศิ วภทั ร เซย่ี เก๊ยี ก วัดเทพพทุ ธาราม แปลจากจีนพากยสไู ทยพากย

佛說大乘無量壽莊嚴清浄平等覺經

Á Ë Ò ÊØ ¢ Ò Ç µÕ Ç ÂÙ Ë ÊÙ µ Ã

พระวิศวภัทร เซี่ยเกี๊ยก วัดเทพพทุ ธาราม แปลจากจีนพากยสไู ทยพากย

ป ร� ช ญ า ป า ร มิ ต า ห ฤ ทั ย สู ต ร

THE HEART OF PRAJNA PARAMITA SUTRA

般若波羅蜜多心經



佛說阿彌陀經

อ มิ ต า พุ ท ธ สู ต ร

姚秦龜茲三藏鳩摩羅什譯

พระกุมารชีวะ แปลจากสนั สกฤตพากยสูจีนพากย
พระวศิ วภัทร เซ่ยี เกย๊ี ก วัดเทพพุทธาราม แปลจากจีนพากยส ไู ทยพากย วันท่ี ๒๔ มิถนุ ายน ๒๕๕๒

如是我聞:一時,佛在舍衛國祇樹給孤獨園,與大比丘僧千二百五十人俱,皆是大阿羅漢,
眾所知識。長老舍利弗、摩訶目乾連、摩訶迦葉、摩訶迦栴延、摩訶拘絺羅、離婆多、周梨槃陀
迦、難陀、阿難陀、羅睺羅、憍梵波提、賓頭盧頗羅墮、迦留陀夷、摩訶劫賓那、薄俱羅、阿[少/
兔] 樓馱,如是等諸大弟子,并諸菩薩摩訶薩—文殊師利法王子、阿逸多菩薩、乾陀訶提菩薩、常
精進菩薩,與如是等諸大菩薩,及釋提桓因等無量諸天大眾俱。

ขาพเจาไดสดับมาดังน้ี สมัยหนึ่งพระผูมีพระภาค ประทับอยูในสวนเชตวัน ของทานอนาถปณฑกะ ใน
เมืองสาวัตถี พรอมดวยภิกษุสงฆหมูใหญหน่ึงพันสองรอยหาสิบรูป ซ่ึงลวนแตเปนพระอรหันตเถระ อันเปนท่ี
รูจักของหมูชน มี พระศาริบุตรเถระเจา พระมหาเมาทคัลยายนะ พระมหากาศยปะ พระมหากาตยายนะ พระ
มหาเกาษฐิละ พระเรวตะ พระศุทธิปนถกะ พระนันทะ พระอานันทะ พระราหุละ พระความปติ พระปณ
โฑลภรทั วาช พระกาโลทยนิ พระมหากปั ปณ ะ พระวกั กลุ ะ และพระอนิรุธะ กบั ท้งั พระมหาสาวกท้ังหลายเชนนี้

พรอมดวยพระโพธิสัตวหาสัตวทั้งหลาย มีพระมัญชุศรีธรรมราชกุมาร พระอชิตโพธิสัตว พระคันธหัสดี
โพธสิ ัตว พระนิตโยทยกุ ตโพธิสัตว กบั ทงั้ บรรดามหาโพธิสตั วทั้งปวง และทาวศักระจอมเทพกับเทวบริษัทอีกไม
มปี ระมาณ

爾時,佛告長老舍利弗:「從是西方過十萬億佛土,有世界名曰極樂。其土有佛,號阿彌陀
,今現在說法。舍利弗!彼土何故名為極樂?其國眾生無有眾苦,但受諸樂,故名極樂。又舍利
弗!極樂國土,七重欄楯、七重羅網、七重行樹,皆是四寶周匝圍繞,是故彼國名曰極樂。

ครั้งน้ัน พระสัมมาสัมพุทธเจาทรงรับส่ังกับพระศาริบุตรวา “นับจากโลกธาตุแหงน้ีไปเบ้ืองตะวันตกผาน
พุทธเกษตรอื่นๆไปแสนโกฏิ มีโลกธาตุชื่อวา สุขาวตี ในดินแดนแหงนั้นมีพระพุทธเจาพระนามวา อมิตาะ ยัง
ทรงแสดงพระธรรมเทศนาอยูแมนในบัดน้ี ดูกอนศาริบุตร เหตุใดเลาดินแดนแหงน้ันจึงไดชื่อวา สุขาวตี บรรดา
สรรพสัตวท ี่อยใู นแดนน้นั ไรซึง่ ทกุ ขท ง้ั ปวง จักเสวยกแ็ ตค วามสุขสถานเดียว เปนเหตุใหช ่ือวา สขุ าวตี ดูกอ นศาริ
บตุ ร สขุ าวตโี ลกธาตุลอมรอบดวยกําแพง ๗ ช้ัน ขายกระดงึ ๗ ช้นั รกุ ขชาติ ๗ แถว อันลว นแตแ วดลอ มไปดวย
รตั นะ ๔ ประการ เหตนุ ดี้ นิ แดนแหง นนั้ จงึ ไดชือ่ วา สุขาวต”ี

「又舍利弗!極樂國土有七寶池,八功德水充滿其中,池底純以金沙布地。四邊階道,金、
銀、琉璃、頗梨合成。上有樓閣,亦以金、銀、琉璃、頗梨、車磲、赤珠、馬瑙而嚴飾之。池中
蓮花,大如車輪,青色青光,黃色黃光,赤色赤光,白色白光,微妙香潔。舍利弗!極樂國土成
就如是功德莊嚴。

“ดกู อ นศารบิ ุตร สุขาวตีโลกธาตุมสี ระโบกขรณีรตั นะ ๗ แหง ภายในมีอษั ฏางคิกวารีอยูเตม็ เปยม กน สระ
ก็ปูลาดดว ยทรายทองทงั้ สน้ิ บนั ไดทั้ง ๔ ทศิ กป็ ระกอบไปดวยทอง เงนิ ไพฑูรย ผลกึ มีหอเรือนท่ปี ระดบั ตกแตง
ดวยทอง เงิน ไพฑูรย ผลึก บุษราคัม ทับทิม โมรา ปทุมชาติในสระน้ันก็ใหญโตดุจกงลอ ดอกสีเขียวก็มีรัศมีสี
เขียว ดอกสีเหลืองก็มีรัศมีสีเหลือง ดอกสีแดงก็มีรัศมีสีแดง ดอกสีขาวก็มีรัศมีสีขาว สงกล่ินหอมที่วิเศษย่ิงนัก
ศารบิ ตุ รเอย สุขาวตีโลกธาตุสําเร็จดวยความอลงั การเชนน”ี้

1

「又舍利弗!彼佛國土,常作天樂,黃金為地,晝夜六時天雨曼陀羅華。其國眾生,常以清
旦,各以衣裓盛眾妙華,供養他方十萬億佛;即以食時,還到本國,飯食經行。舍利弗!極樂國
土成就如是功德莊嚴。

“ดูกอนศาริบุตร พุทธเกษตรแหงน้ัน บังเกิดมีเสียงทิพยดนตรีอยูเปนนิจ พ้ืนปฐพีเปนทองคํา ตลอดทิวา
ราตรี ๖ เวลาจักมีดอกมณฑารพรวงจากฟากฟา ทุกวันสรรพสัตวในโลกแหงน้ันจะใชอาภรณกอบเอาทิพยมาลี
ตางๆ เพื่อนําไปสักการะพระพุทธเจาจํานวนแสนโกฏิในทิศท้ังปวง ใชเวลาเทาการทําภัตตากิจคราวหนึ่งก็กลับ
มาถึงโลกธาตเุ ดิม เพื่อบริโภคอาหารและจงกรม ศารบิ ตุ รเอย สุขาวตีโลกธาตุสาํ เรจ็ ดวยความอลังการเชน น้ี”

「復次舍利弗!彼國常有種種奇妙雜色之鳥—白鵠、孔雀、鸚鵡、舍利、迦陵頻伽、共命之
鳥。是諸眾鳥,晝夜六時出和雅音,其音演暢五根、五力、七菩提分、八聖道分如是等法。其土
眾生聞是音已,皆悉念佛、念法、念僧。舍利弗!汝勿謂:『此鳥實是罪報所生。』所以者何?彼
佛國土無三惡趣。舍利弗!其佛國土尚無三惡道之名,何況有實?是諸眾鳥皆是阿彌陀佛欲令法
音宣流變化所作。

“ดูกอนศาริบุตร ดินแดนแหงนั้นยังมีหมูสกุณาท่ีวิเศษพิสดาร หลากหลายวรรณะนานาชนิด มีนก
กระเรียน นกยูง นกแกว นกศารี นกการะเวก และนกทวิชีวะ*๑ ท่ีเปลงเสียงรองอันไพเราะตลอดทิวาราตรี ๖
เวลา อันเสียงนั้น ก็ปาวประกาศอินทรีย ๕ พละ ๕ โพชฌงค ๗ อริยมรรค ๘*๒ ดวยธรรมท้ังหลายเหลานี้ เม่ือ
สรรพสัตวในแดนนั้นไดสดับเสียงน้ีแลว ยอมจะเกิดพุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สังฆานุสสติ เธอมิพึงคิดวา นก
เหลา น้นั เกิดขึน้ เพราะกรรมวิบาก ดว ยเหตไุ ฉนนัน้ ฤๅ เพราะพทุ ธเกษตรแหงนปี้ ราศจากอบายภมู ิ ๓*๓ ศารบิ ุตร
เอย พุทธเกษตรแหงนั้นปราศจากแมนแตช ่ือของอบายภูมิ ๓ ขอน้ันเปนจริงกระน้ันหรือ? อันบรรดานกเหลาน้ี
พระอมิตาอรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจาทรงบันดาลข้ึน เพอื่ ใหเ สียงแหง ธรรมมีกลา วอยทู ่วั ไป

*๑.นกชนิดหนง่ึ ในสุขาวตพี ทุ ธเกษตร ท่ีมรี า งเดยี วแตส องหวั บางครั้งกเ็ รียก ชีวนิ ชวี ะ

*๒.อธบิ ายวา

พละ ๕ (ธรรมอันเปนกําลัง-power) ๑.สัทธา (ความเช่ือ-confidence) ๒.วิริยะ (ความเพียร-energy;
effort) ๓.สติ (ความระลึกได-mindfulness) ๔.สมาธิ (ความต้ังจิตม่ัน-concentration) ๕.ปญญา (ความรู
ทัว่ ชัด-wisdom; understanding) ธรรม ๕ อยางน้ี เรยี กอกี อยา งหน่งึ วา อินทรีย ๕ (ธรรมทเ่ี ปน ใหญใ นกิจของ
ตน-controlling faculty) ที่เรียกวา อินทรีย เพราะความหมายวา เปนใหญในการกระทําหนาที่แตละ
อยางๆของตน คือเปนเจาการ ในการครอบงําเสียซึ่งความไรศรัทธา ความเกียจคราน ความประมาท ความ
ฟุงซาน และความหลงตามลําดับ ท่ีเรียกวา พละ เพราะความหมายวา เปนพลังทําใหเกิดความมั่นคง ซึ่งความ
ไรศรัทธาเปนตน แตละอยาง จะเขาครอบงําไมได พละหมวดน้ีเปนหลักปฏิบัติทางจิตใจ ใหถึงความหลุดพน
โดยตรง

โพชฌงค ๗ (ธรรมที่เปนองคแหงการตรัสรู-enlightenment factors) ๑.สติ (ความระลึกได สํานึก
พรอมอยู ใจอยูกบั กิจ จิตอยูก บั เรือ่ ง-mindfulness) ๒.ธัมมวิจยะ (ความเฟนธรรม, ความสอดสองสบื คน ธรรม-
truthinvestigation) ๓.วริ ยิ ะ (ความเพยี ร-effort; energy) ๔.ปติ (ความอ่ิมใจ-zest) ๕.ปส สัทธิ (ความ
สงบกายสงบใจ-tranquillity; calmness) ๖.สมาธิ (ความมีใจตั้งมั่น จิตแนวในอารมณ-concentration)
๗.อุเบกขา (ความมีใจเปนกลางเพราะเห็นตามเปนจริง-equanimity) แตละขอเรียกเต็มมีสัมโพชฌงคตอทาย
เปน สติสมั โพชฌงค เปนตน

2

มรรคมีองค ๘ หรือ อัฏฐังคิกมรรค (เรียกเต็มวา อริยอัฏฐังคิกมรรค แปลวา ทางมีองค ๘ ประการ อัน
ประเสริฐ-the noble Eightfold Path); องค ๘ ของมรรค) มัคคังคะ-factors or constituents of the
Path มีดงั นี้ ๑.สมั มาทฏิ ฐิ (เหน็ ชอบ ไดแ ก ความรอู ริยสจั ๔ หรอื เห็นไตรลักษณ หรอื รูอกุศลและอกุศลมูลกับ
กุศลและกศุ ลมลู หรือเห็นปฏิจจสมปุ บาท-Right View; Right Understanding) ๒.สมั มาสังกัปปะ (ดํารชิ อบ
ไดแก เนกขัมมสังกัป อพยาบาทสังกัป อวิหิงสาสังกัป-Right Thought) ดู) ๖๘ (กุศลวิตก ๓ ๓.สัมมาวาจา

(เจรจาชอบ ไดแก วจีสุจริต ๔-Right Speech) ๔.สัมมากัมมันตะ (กระทําชอบ ไดแก กายสุจริต ๓-Right
Action) ๕.สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ ไดแก เวนมิจฉาชีพ ประกอบสัมมาชีพ-Right Livelihood) ๖.
สมั มาวายามะ (พยายามชอบ ไดแก ปธาน หรือ สัมมปั ปธาน ๔-Right Effort) ๗.สมั มาสติ (ระลึกชอบ ไดแก
สตปิ ฏ ฐาน ๔-Right Mindfulness) ๘.สัมมาสมาธิ (ตั้งจิตม่ันชอบ ไดแ ก ฌาน ๔-Right Concentration)

องค ๘ ของมรรค จัดเขาในธรรมขนั ธ ๓ ขอตน คือ ขอ ๓ -๔ -๕ เปน ศีล ขอ ๖ -๗-๘ เปน สมาธิ ขอ ๑-๒
เปนปญญา สิกขา ๓ อริยสัจ ๔ และหมวดธรรมท่ีอางถึงท้ังหมด มรรคมี องค ๘ น้ี ไดชื่อวา มัชฌิมาปฏิปทา
แปลวา ทางสายกลาง เพราะเปนขอปฏิบัติอันพอดี ที่จะนําไปสูจุดหมายแหงความหลุดพนเปนอิสระ ดับทุกข
ปลอดปญหา ไมตดิ ขอ งในทส่ี ดุ ท้งั สอง คือ กามสขุ ัลลกิ านุโยค และอัตตกิลมถานโุ ยค

*๓ คือ สถานท่ีหาความเจริญไมไ ด มี ๓ ภูมิ คือ นรก เปรต และเดรจั ฉาน

舍利弗!彼佛國土,微風吹動,諸寶行樹及寶羅網出微妙音,譬如百千種樂同時俱作,聞是
音者皆自然生念佛、念法、念僧之心。舍利弗!其佛國土成就如是功德莊嚴。

“ดกู อนศารบิ ตุ ร พทุ ธเกษตรแหง นนั้ เม่อื มกี ระแสลมโชยกระทบ บรรดาแนวรตั นพฤกษแ ละรตั นชาละ*๔
ท้ังปวงเพียงแผวเบา ก็บังเกิดเปนเสียงที่ไพเราะเสนาะโสต อุปมาเคร่ืองดนตรีจํานวนรอยพันชนิดไดบรรเลงข้ึน
พรอมกัน ผูไดยินเสยี งนี้ยอมมีจติ ปกตริ ะลึกถงึ พระพทุ ธเจา พระธรรมและพระสงฆ ศารบิ ุตรเอย สขุ าวตโี ลกธาตุ
สําเร็จดวยความอลงั การเชน น”้ี

*๔.หมายถึง ตาขาย

「舍利弗!於汝意云何?彼佛何故號阿彌陀?舍利弗!彼佛光明無量,照十方國無所障礙,
是故號為阿彌陀。又舍利弗!彼佛壽命及其人民,無量無邊阿僧祇劫,故名阿彌陀。舍利弗!阿
彌陀佛成佛已來,於今十劫。又舍利弗!彼佛有無量無邊聲聞弟子,皆阿羅漢,非是算數之所能
知;諸菩薩,亦復如是。舍利弗!彼佛國土,成就如是功德莊嚴。

“ดูกอนศาริบุตร เธอมีความเห็นอยางไร เหตุใดเลาพระพุทธเจาองคนั้น ถึงมีพระนามวา อมิตา ศาริบุตร
เอย อนั พระรศั มขี องพระพทุ ธเจา พระองคน ัน้ ไมมปี ระมาณ แผฉ ายไปยงั โลกธาตุทว่ั ทศทศิ โดยไรส ่งิ ขวางกน้ั เหตุ
นี้จึงมีพระนามวา อมิตาภะ อีกประการหน่ึง ศาริบุตร อันพระชนมของพระพุทธเจาพระองคนั้นและมนุษยใน
โลกแหงนั้น ก็ไมมีประมาณ ไมมีขอบเขตนับอสงไขยกัลป เหตุนี้จึงมีพระนามวา อมิตายุสะ ดูกอนศาริบุตร
พระอมิตาพุทธเจาไดตรัสรูพุทธญาณมาแลวถึงบัดนี้ไดสิบกัลป อีกประการหนึ่ง ศาริบุตรเอย พระพุทธเจา
พระองคน ้ันทรงมพี ระสาวกหาประมาณจํานวนไมไ ด หาขอบเขตไมไ ด ซง่ึ ลวนแตเ ปนพระอรหันต จะรูถงึ จาํ นวน
เหลาน้ันดวยการนับคํานวณมิไดเลย บรรดาพระโพธิสัตวท้ังหลายก็เชนเดียวกันนี้ ศาริบุตรเอย สุขาวตีโลกธาตุ
สาํ เรจ็ ดวยความอลังการเชนน”ี้

「又舍利弗!極樂國土眾生生者,皆是阿鞞跋致。其中多有一生補處,其數甚多,非是算數
所能知之,但可以無量無邊阿僧祇劫說。舍利弗!眾生聞者,應當發願,願生彼國。所以者何?

3

得與如是諸上善人俱會一處。

“ดูกอนศาริบุตร หมูสัตวที่ไปอุบัติในสุขาวตีโลกธาตุ ลวนแตเปนเอกชาติปฏิพันธุโพธิสัตว ในที่แหงนั้นมี
ผูเกี่ยวของกับการเกิดอีกคร้ังเดียวเปนอันมาก มีจํานวนมากมายย่ิงนัก จะรูถึงจํานวนเหลาน้ันดวยการนับ
คาํ นวนมิไดเลย ไดแ ตเพยี งกลาววา ประมาณไมไ ด หาขอบเขตไมได เปนอสงไขย ศารบิ ตุ ร หมูส ตั วท ่ไี ดส ดับแลว
พึงต้ังจิตปรารถนาไปอุบัติท่ีโลกธาตุแหงน้ัน ดวยเหตุไฉนนั้นฤๅ เหตุเพราะจะไดอยูรวมกับสัตบุรุษผูประเสริฐ
ทัง้ หลายเชนน้ี”

「舍利弗!不可以少善根福德因緣,得生彼國。舍利弗!若有善男子、善女人,聞說阿彌陀
佛,執持名號,若一日、若二日、若三日、若四日、若五日、若六日、若七日,一心不亂。其人
臨命終時,阿彌陀佛與諸聖眾現在其前。是人終時,心不顛倒,即得往生阿彌陀佛極樂國土。舍
利弗!我見是利,故說此言。若有眾生聞是說者,應當發願生彼國土。

“ดูกอนศาริบุตร มิใชเหตุปจจัยของกุศลมูลและบุญกุศลเพียงเล็กนอย ท่ีจะไดไปอุบัติยังโลกธาตุแหงน้ัน
ศาริบุตร หากมีกุลบุตรกุลธดิ าที่ไดยินการกลาวถึงพระอมิตาพุทธเจา ไดยึดม่ันในพระนาม แมน ๑ วัน ๒ วัน ๓
วัน ๔ วัน ๕ วัน ๖ วัน ๗ วัน ดวยจิตเปนหนึ่งไมซัดสาย บุคคลน้ันเม่ือเวลาท่ีอายุขัยส้ินลง พระอมิตาพุทธเจา
พรอ มดว ยหมูพระอริยบริษทั ทงั้ หลาย จกั มาปรากฏยังเบอ้ื งหนา ผูนั้น ผนู ัน้ เมือ่ สน้ิ ชพี ยอ มมจี ติ ไมว ิปสลาสสับสน
แลวจึงไดไปอุบัติในสุขาวตีโลกธาตุของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาอมิตา ศาริบุตรเอย ตถาคตเห็นประโยชน
เชน น้ี เปนเหตุใหกลา ววาจาเชนน้ี หากมีสรรพสตั วผ ไู ดสดับเชนน้แี ลว พึงมีความปรารถนาไปอุบัตทิ ่โี ลกธาตุแหง
นน้ั เถิด”

「舍利弗!如我今者,讚歎阿彌陀佛不可思議功德之利;東方亦有阿閦鞞佛、須彌相佛、大
須彌佛、須彌光佛、妙音佛,如是等恒河沙數諸佛,各於其國出廣長舌相,遍覆三千大千世界,
說誠實言:『汝等眾生,當信是稱讚不可思議功德一切諸佛所護念經。』

“ดูกอ นศาริบตุ ร เหมอื นกับตถาคตในบัดน้ี ทส่ี ดดุ ีสรรเสริญอยซู ึง่ กุศลอันเปนอจินไตยของพระอมิตาพุทธ
เจาอยู ในเบ้ืองทิศตะวันออกยังมีพระอักโษภยพุทธะ พระเมรุธวัชพุทธะ พระมหาเมรุธวัชพุทธะ พระเมรุ
ประภาสพุทธะ พระมัญชุธวัชพุทธะ กับพระพุทธเจา ทัง้ หลาย จํานวนเทา กับเมลด็ ทรายในคงคานที ทีต่ างก็ทรง
แสดงลักษณะแหงพระชิวหาที่ไพศาลและยืดยาว*๕ ปกคลุมไปท่ัวตรีสหัสมหาสหัสโลกธาตุ*๖ แลวทรงแสดง
สัจจวาจาวา เธอและหมูสัตวทั้งหลาย พึงเล่ือมใสในพระธรรมน้ี อันสรรเสริญอยูซึ่งกุศลท่ีเปนอจินไตย อัน
พระพทุ ธเจา ทง้ั ปวงจกั ตามระลกึ คมุ ครองอยู”

*๕.ทรงแลบพระชิวหา มีความหมายโดยนัยยะวา อันการแสดงธรรมจากพระพุทธโอษฐนั้น สามารถ
ครอบคลมุ และส่งั สอนสรรพสัตวไปท่วั ท้ังตรีสหัสมหาสหสั โลกธาตุ (จกั รวาลท้ังปวง)

๖ ใน จุลนิกสูตร พระพุทธองคทรงกลาวกับพระอานนทวา จากระยะใกลสุดท่ีดวงอาทิตยและดวงจันทร
จะหมุนเวียนตามจักรราศี และสองสวางดวยแสงเรืองโอภาส จนถงึ ชวงหน่ึงพันจักรวาล ยังมีดวงจันทรหน่ึงพนั
ดวง ดวงอาทิตยหน่ึงพันดวง หน่ึงพันพระสุเมรุมหาสิงขร หนึ่งพันชมพูทวีป หนึ่งพันอมรโคยานทวีป หน่ึงพัน
อุตรกุรุทวีป หนึ่งพันบุพพวิเทหทวีป สี่พันมหาสมุทร หนึ่งพันจาตุมหาราช หนึ่งพันดาวดึงสพิภพ หน่ึงพันยามา
สวรรค หนึ่งพันสวรรคช้ันดุสิต หนึ่งพันนิมมานนรดี หน่ึงพันปรนิมมิตวสวตี และหนึ่งพันหวงพิภพของของ
เหลานี้แหละ อานนท เรียกวาระบบสหัสสโลกธาตุในช้ันปฐม ระบบที่ใหญกวาท่ีกลาวมาน้ีหนึ่งพัน เรียกวา
สหัสสโลกธาตชุ น้ั มัธยม ระบบท่ใี หญกวานหี้ น่ึงพนั เทา เรียกวา ตรสี หสั สมหาโลกธาตุ

4

「舍利弗!南方世界有日月燈佛、名聞光佛、大焰肩佛、須彌燈佛、無量精進佛,如是等恒
河沙數諸佛,各於其國出廣長舌相,遍覆三千大千世界,說誠實言:『汝等眾生,當信是稱讚不
可思議功德一切諸佛所護念經。』

“ดูกอนศารบิ ุตร เหมอื นกบั ตถาคตในบดั นี้ ทีส่ ดดุ สี รรเสริญอยูซ่ึงกศุ ลอันเปนอจนิ ไตยของพระอมิตาพุทธ
เจาอยู ในเบ้ืองทิศใตยังมีพระจันทรสูรยประทีปพทุ ธะ พระยศประภาสพุทธะ พระมหารุจิสกันธพทุ ธะ พระเมรุ
ประทีปพุทธะ พระอนันตวีรยพุทธะ กับพระพุทธเจาท้ังหลายจํานวนเทากับเมล็ดทรายในคงคานที ท่ีตางก็ทรง
แสดงลักษณะแหงพระชิวหาที่ไพศาลและยืดยาว ปกคลุมไปท่ัวตรีสหัสมหาสหัสโลกธาตุ แลวทรงแสดงสัจจ
วาจาวา “เธอและหมูสัตวทั้งหลาย พึงเล่ือมใสในพระธรรมน้ี อันสรรเสริญอยูซ่ึงกุศลท่ีเปนอจินไตย อัน
พระพทุ ธเจา ท้ังปวงจกั ตามระลึกคุมครองอย”ู

「舍利弗!西方世界有無量壽佛、無量相佛、無量幢佛、大光佛、大明佛、寶相佛、淨光佛
,如是等恒河沙數諸佛,各於其國出廣長舌相,遍覆三千大千世界,說誠實言:『汝等眾生,當
信是稱讚不可思議功德一切諸佛所護念經。』

“ดกู อนศาริบุตร เหมือนกับตถาคตในบดั นี้ ท่ีสดุดีสรรเสรญิ อยซู ึง่ กศุ ลอันเปนอจินไตยของพระอมิตาพุทธ
เจาอยู ในเบือ้ งทิศตะวันตกยงั มีพระอมิตายสุ พุทธะ พระอมติ าสกันธพุทธะ พระอมติ ธวัชพทุ ธะ พระมหาประภา
พุทธะ พระมหารศั มีพทุ ธะ พระมหารัตนเกตุพุทธะ พระศุทธรศั มปิ ระภาพทุ ธะ กับพระพทุ ธเจา ทง้ั หลายจํานวน
เทากับเมล็ดทรายในคงคานที ที่ตางก็ทรงแสดงลักษณะแหงพระชิวหาที่ไพศาลและยืดยาว ปกคลุมไปทั่วตรีส
หัสมหาสหัสโลกธาตุ แลวทรงแสดงสัจจวาจาวา “เธอและหมูสัตวทั้งหลาย พึงเล่ือมใสในพระธรรมน้ี อัน
สรรเสริญอยูซงึ่ กุศลทีเ่ ปน อจินไตย อนั พระพุทธเจาทง้ั ปวงจักตามระลึกคมุ ครองอยู”

「舍利弗!北方世界有焰肩佛、最勝音佛、難沮佛、日生佛、網明佛,如是等恒河沙數諸佛
,各於其國出廣長舌相,遍覆三千大千世界,說誠實言:『汝等眾生,當信是稱讚不可思議功德
一切諸佛所護念經。』

“ดูกอนศารบิ ตุ ร เหมือนกบั ตถาคตในบัดน้ี ทสี่ ดดุ สี รรเสริญอยซู ่งึ กศุ ล อันเปน อจินไตยของพระอมติ าพทุ ธ
เจาอยู ในเบ้อื งทศิ เหนือยังมีพระมหารจิสกนั ธพุทธะ พระไวศวานรนิรโฆษพุทธะ พระทุนทภุ นิ ิรโฆษพุทธะ พระ
อาทิตยสมภพพุทธะ พระชโลนิประภาพุทธะ กับพระพุทธเจาทั้งหลายจํานวนเทากับเมล็ดทรายในคงคานที ท่ี
ตางก็แสดงลักษณะแหงพระชิวหาท่ีไพศาลและยืดยาว ปกคลุมไปทั่วตรีสหัสมหาสหัสโลกธาตุ แลวทรงแสดง
สัจจวาจาวา “เธอและหมูสัตวท้ังหลาย พึงเลื่อมใสในพระธรรมน้ี อันสรรเสริญอยูซึ่งกุศลที่เปนอจินไตย อัน
พระพุทธเจา ทั้งปวงจักตามระลกึ คมุ ครองอย”ู

「舍利弗!下方世界有師子佛、名聞佛、名光佛、達摩佛、法幢佛、持法佛,如是等恒河沙
數諸佛,各於其國出廣長舌相,遍覆三千大千世界,說誠實言:『汝等眾生,當信是稱讚不可思
議功德一切諸佛所護念經。』

“ดกู อนศาริบุตร เหมอื นกบั ตถาคตในบดั น้ี ทส่ี ดุดีสรรเสริญอยซู ง่ึ กศุ ลอันเปนอจินไตยของพระอมิตาพุทธ
เจาอยู ในเบื้องทิศเบ้ืองลางยังมีพระสิงหพุทธะ พระยศพุทธะ พระยศประภาสพุทธะ พระธรรมสมภพพุทธะ
พระธรรมธวัชพุทธะ พระธรรมธรพุทธะ กับพระพุทธเจาท้ังหลายจํานวนเทากับเมล็ดทรายในคงคานที ท่ีตางก็
แสดงลักษณะแหงพระชิวหาที่ไพศาลและยืดยาว ปกคลุมไปท่ัวตรีสหัสมหาสหัสโลกธาตุ แลวทรงแสดงสัจจ
วาจาวา “เธอและหมูสัตวท้ังหลาย พึงเล่ือมใสในพระธรรมนี้ อันสรรเสริญอยูซ่ึงกุศลท่ีเปนอจินไตย อัน
พระพุทธเจาทง้ั ปวงจักตามระลึกคมุ ครองอย”ู

「舍利弗!上方世界有梵音佛、宿王佛、香上佛、香光佛、大焰肩佛、雜色寶華嚴身佛、娑

5

羅樹王佛、寶華德佛、見一切義佛、如須彌山佛,如是等恒河沙數諸佛,各於其國出廣長舌相,
遍覆三千大千世界,說誠實言:『汝等眾生,當信是稱讚不可思議功德一切諸佛所護念經。』

“ดูกอ นศารบิ ตุ ร เหมอื นกบั ตถาคตในบัดน้ี ท่สี ดุดสี รรเสริญอยซู ึง่ กุศลอันเปนอจนิ ไตยของพระอมิตาพุทธ
เจาอยู ในเบื้องทิศเบื้องบนยังมีพระพรหมโฆษพุทธะ พระนักษัตรราชพุทธะ พระคันโธตตมพุทธะ พระคันธ
ประภาสพุทธะ พระมหารจิสกันธพุทธะ พระรัตนกุสุมสังปุษปตคาตรพุทธะ พระลาลินทรราชพุทธะ พระรัต
โนตปลศรีพุทธะ พระสรวารถทรศพุทธะ พระสุเมรุกัลปพุทธะ กับพระพุทธเจาทั้งหลายจํานวนเทากับเมล็ด
ทรายในคงคานที ท่ีตางก็แสดงลักษณะแหงพระชิวหาท่ีไพศาลและยืดยาว ปกคลุมไปทั่วตรีสหัสมหาสหัส
โลกธาตุ แลว ทรงแสดงสจั จวาจาวา “เธอและหมูส ัตวทง้ั หลาย พงึ เลอื่ มใสในพระธรรมนี้ อันสรรเสรญิ อยูซึ่งกุศล
ที่เปนอจนิ ไตย อนั พระพุทธเจา ท้งั ปวงจกั ตามระลึกคุม ครองอยู”

「舍利弗!於汝意云何?何故名為“一切諸佛所護念經”?舍利弗!若有善男子、善女人,
聞是經受持者,及聞諸佛名者;是諸善男子、善女人,皆為一切諸佛共所護念,皆得不退轉於阿
耨多羅三藐三菩提。是故舍利弗!汝等皆當信受我語及諸佛所說。

“ดูกอนศาริบุตร เธอมีความเห็นเปนไฉน เหตุใดเลาจึงไดชื่อวา พระพุทธเจาท้ังปวงจักตามระลึกคมุ ครอง
อยู ศาริบุตรเอย หากมีกุลบุตร กุลธิดาผูไดสดับธรรมกถาน้ีแลวจดจําไว และผูไดยินพระนามของพระพุทธเจา
ท้ังปวง อันกุลบุตรกุลธิดาทั้งหลายเหลาน้ี ลวนแตจักไดรับการคุมครองจากพระพุทธเจาทั้งปวง ลวนแตจักไม
เสื่อมถอยจากพระอนุตรสัมมาสัมโพธิ ดวยเหตุน้ีแหละ ศาริบุตร เธอทั้งหลายพึงเช่ือในวาจาของตถาคตและคํา
กลาวของพระพุทธเจา ทงั้ ปวงเถิด”

「舍利弗!若有人已發願、今發願、當發願,欲生阿彌陀佛國者;是諸人等,皆得不退轉於
阿耨多羅三藐三菩提,於彼國土若已生、若今生、若當生。是故舍利弗!諸善男子、善女人若有
信者,應當發願生彼國土。

“ดูกอนศาริบุตร หากมีผูไดตั้งจิตปรารถนาแลว กําลังตั้งจิตปรารถนา เพื่อไปอุบัติในโลกธาตุของพระอมิ
ตาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา บุคคลเหลาน้ี ลวนไมเล่ือมถอยจากพระอนุตรสัมมาสัมโพธิ หากผูที่ไดอุบัติแลว
หากผูกําลังอุบัติ หากผูจะไดอุบัติในอนาคตท่ีโลกธาตุแหงน้ัน ดวยเหตุนี้แล ศาริบุตรเอย กุลบุตรกุลธิดาผูมี
ศรทั ธาทัง้ หลาย พึงต้งั ความปรารถนาไปอุบัติทโ่ี ลกธาตุแหง นั้นเถดิ ”

「舍利弗!如我今者,稱讚諸佛不可思議功德;彼諸佛等,亦稱說我不可思議功德,而作是
言:『釋迦牟尼佛能為甚難希有之事,能於娑婆國土五濁惡世——劫濁、見濁、煩惱濁、眾生濁
、命濁中,得阿耨多羅三藐三菩提,為諸眾生說是一切世間難信之法。』舍利弗!當知我於五濁
惡世,行此難事;得阿耨多羅三藐三菩提,為一切世間說此難信之法,是為甚難!」

“ดูกอนศาริบุตร เหมือนกับตถาคตในบัดน้ี ที่สดุดีสรรเสริญกุศลท่ีเปนอจินไตยของพระพุทธเจาท้ังปวง
พระพุทธเจาท้ังหลายเหลาน้ัน ก็ตรัสสรรเสริญตถาคตเชนนี้วา “พระศากยมุนีพุทธะสามารถกระทําส่ิงที่ทําได
ยากย่ิง สามารถตรัสรูพระอนตุ รสัมมาสมั โพธิทามกลางความเสอื่ มแหงกัลป ความเสือ่ มแหงทิฐิ ความเส่อื มแหง
กิเลส ความเส่ือมแหง สตั ว ความเสือ่ มแหงอายุ เพอื่ หมสู ตั วท ัง้ หลายแลวจงึ ทรงแสดงธรรม ทโี่ ลกทั้งปวงจะนอม
ใจเช่ือไดยาก” ดูกอนศาริบุตร เธอพึงทราบเถิดวาการตรัสรูพระอนุตรสัมมาสัมโพธิในโลกแหง ความเส่ือมท้ัง ๕
ประการของตถาคตน้นั เปน เรื่องยาก แตก ารแสดงธรรมทีโ่ ลกท้ังปวงจะนอมใจเช่ือเปน เร่อื งทย่ี ากยงิ่ กวา”

佛說此經已。舍利弗及諸比丘,一切世間天、人、阿修羅等,聞佛所說,歡喜信受,作禮而
去。

เม่ือพระบรมศาสดาเจาตรัสพระธรรมกถาน้ีจบลง พระศาริบุตรและภิกษุท้ังหลาย บรรดาเทพ มนุษย

6

อสูรท้ังปวง ที่ไดสดบั พระพุทโธวาท ตางก็โสมนสั ยนิ ดี กระทําศิราภวิ าทแลวกลบั ไป.
จบ อมิตาพทุ ธสูตร 佛說阿彌陀經。

拔一切業障根本得生淨土陀羅尼

อุ ป ติ วิ ศุ ท ธิ ภู มิ ธ า ร ณี

南無阿彌多婆夜 哆他伽哆夜 哆地夜他 阿彌唎都婆毘 阿彌唎哆 悉耽婆毘 阿彌唎哆 毘迦蘭哆
伽彌膩 伽伽那 抧多迦隸 莎婆訶。

นโม อมิตาภาย ตถาคตาย ตทฺยถา อมฺฤโตทฺภเว อมฺฤต-สิทธํภเว อมฺฤต-วิกฺรานฺเต อมฺฤต-วิกฺรานฺต คิมิเน คคน
กริ ตฺ -กเร สฺวาหา.

佛說觀無量壽佛經

อ มิ ต า ยุ รฺ ธฺ ย า น สู ต ร

劉宋西域三藏法師彊良耶舍 譯

พระกาลยสมหาเถระ แปลจากสนั สกฤตพากยสจู นี พากย เมื่อพทุ ธศักราช ๙๖๗
พระวศิ วภัทร เซี่ยเก๊ียก (沙門聖傑) แหงวดั เทพพุทธาราม แปลจากจีนพากยส ูไทยพากย
เมอ่ื วันท่ี ๖-๘ มีนาคม ๒๕๕๒
บทนาํ
สวรรคของทุกศาสนา ชื่อวาเปนสถานที่มีความสุข บุถุชนทั้งหลายปรารถนาจะไปเกิดที่นั้น ไมวาจะเปน
สวรรคต ามมตขิ องศาสนาใดๆ ไมเ วน แตที่ปรากฏในพระไตรปฎ กของเรา ที่ชาวสวรรคจ ะมแี ตค วามสุขที่ประณีต
แตไมพนจากวัฏสงสาร เพราะสุขน้ันเจือดวยราคะกิเลส แตความสุขแบบคติของสุขาวตี หรือพุทธเกษตรอ่ืนๆ
น้ัน มิไดสุขเพราะเจือดวยราคะกิเลส แตเปนสุขท่ีเบาบางจากกิเลสตางหาก เปนสุขเพราะคนอื่นสุข ไมใชสุข
เพราะตัวเอง เรียกวาเปนความสุขแบบโพธิสัตว หากเราจะเอาราคะกิเลสของตนเอง มาพิเคราะหธ รรมเก่ียวกับ
เร่ืองสุขาวตี ก็ยอมจะไมเขาถึงสุขาวตี เพราะที่น้ันเตม็ ไปดวยส่ิงย่ัวใจของบุถชุ น เชน พ้ืนดิน สิ่งกอสราง อิฐหิน
กรวดทราย ลวนเปนทองคําอัญมณี น่ีคือเราเอากิเลสของบุถุชนในโลกแหงนี้ มองอิฐหินกรวดทรายของสุขาวตี
แหงนั้น แลวต้ังใจไปเกิดเพราะมีแตสิ่งมีคาสวยงาม จึงเรียกวาไปเกิดท่ีสุขาวตีดวยแรงกิเลส ไปดวยความไมมี
ปญญา ดังน้ันผูจะไปถึงสขุ าวตี หรือเขาใจสุขาวตแี ละพุทธเกษตรอ่นื ๆ แมนจะยังกําจัดอาสวะในจิตไมสนิ้ จนถึง
ขั้นอรหันต ก็ยังนับวาเปนผูเบาบางจากกิเลสบางประการ อัตตา บัญญัติ เพราะเปนผูมคี วามเห็นวา ทองคําอัญ
มณใี นโลกน้ี หรือโลกไหนๆ ก็ไมใชส าระสําคัญอะไร ในสตู รวา ดวยเรือ่ งสขุ าวตี ก็กลาวไวว า ดินแดนอันสขุ ารมณ
นั้น เปนเพียงมายาภาพที่พระอมิตาภะ ทรงนิรมิตข้ึนเพื่อส่ังสอนธรรม แกสัตวที่มีจริตอัธยาศัยอยางหนึ่ง ขอนี้
จึงไมตางอะไรกับโลกแหงน้ี ที่ลวนเปนมายา ที่พระศากยมุนีพุทธเจาตรัสรูเพื่อสอนธรรมเชนกันทั้งหมดนี้เปน
เพราะพระกรุณา พระปญ ญา และพระอุปายะ ทีไ่ มม ปี ระมาณในการสอนสัตวของพระพุทธองค ดังนั้น ตามมติ
ของชนท้ังหลายท่ีวิพากษวิจารณน้ัน ลวนเกิดข้ึนจากความไมรู และคาดเดาเอามาจากเหตุผลที่ตนเองไดศึกษา
มา สวนน้ีคือปญหาสําคัญวา เราศึกษามาถูกหรือไม ครบถวนหรือไม และตนเองนั้นเขาใจถองแทหรือไม หาก
เราไดศึกษา พระธรรมหรืออรรถกถาของโบราณาจารยของมหายานที่กลาวถึงสุขาวตี ที่สุดแลวก็คือ ให
ยอนกลับเขามาในตน ใหไดฟงธรรมจากพระพุทธะในตนเอง เพราะทุกคนมีธาตุพุทธะ คือสามารถรูแจงได

7

เพียงแตเหตุปจจัยยังไมถึงพรอม ใหไดมีพุทธเกษตรของตนเอง คือใหพากเพียรบําเพ็ญจนตนเองไดบรรลุพุทธ
ภาวะ สามารถอนุเคราะหสัตวท้ังหลาย ที่มาเกิดในพุทธเกษตรของตนได ฯลฯ จนมีหลายประโยคของนิกายสุ
ขาวตีกลาววา 浄土世間 ความหมายคือ โลกแหงน้ีคือวิสุทธิภูมิพุทธเกษตร น่ีคือคํากลาวของผูที่พนสมมติ
บัญญัติ มมี ติเหน็ โลกธาตทุ ง้ั หลายวา ไมต า งกัน วา สุขาวตีและโลกแหง นก้ี ็ไมไ ดต า งกนั เพราะเปนไตรลกั ษณ เปน
มายา หากเราทานหมายมุงพิจารณาตนเอง ใหรูจักตนเองอยางแทจริงแลว จะอยูโลกไหนก็ไมตางกัน เพราะ
ทกุ ขข องโลกแหง น้ี และสุขของโลกแหงน้ัน ไมอาจทาํ ใหจ ติ ของตนเองหว่ันไหวไดเ ลย ตา งกันเพยี งอุปายะวธิ ีเทา
น้ันเอง ตราบใดท่ียังมิอาจสละบุคลาธิษฐานแลวเขาถึงปุคคลศูนยตา ละธรรมธิษฐานแลวรูแจงธรรมศูนยตา ก็
อยาไดวิจารณดว ยความแนน อนเลย

การเจริญสมาธิตามนัยยะท่ีปรากฏในพระสูตรน้ี ก็เปนอุปายะหนึ่งใหจิตสงบ เพ่ือกอเกิดปญญาเชนกัน
แตหากจะอาศัยอํานาจของพระอมิตายุสะพทุ ธะดวยแลว ก็อาจไดกุศลอันพิสดารท่ีพรรณนาไวในสูตรนี้ เวนแต
ผูไรศรัทธาและอัธยาศัยเชนนี้เทานั้น พระสูตรน้ียังเปนสูตรสําคัญหน่ึงในสามของนิกายมหายาน สํานักสุขาวตี
คอื ๑.มหาสุขาวตีวยูหสตู ร (大無量壽經) ๒.อมติ ายสุ ธยานสูตร (觀無量壽經) ๓.จลุ สุขาวตีสูตร (阿彌陀經)
เมื่อสมัยเด็กของอาตมาภาพ ก็ไดภาวนาพระนามของอมิตายุสะพุทธเจา พรอมกับโยมพอและเครือญาติ เพื่อ
อุทิศใหโยมปูท่ีกําลังจะสิ้นชีพ เวลานั้นบรรดาลูกหลานไดค ุกเขารอบๆเตียงของผูปวย แลวเอยพระนามวา “นํา
มอ ออ มี ทอ ฝอ” ไมขาดสาย จนโยมปูไดอ ุทานวา มีพระพทุ ธเจาทองคําลอยมาเต็มหอ ง แลว สิ้นใจไป โดยไมมี
ใครไดเคยศึกษาพระสูตรเลมน้มี ากอ น ปจ จุบันเมื่อไดศ กึ ษาพระสตู รน้แี ลว จึงรแู จง ถึงคําอทุ านน้ัน ใหส ํานกึ และ
เล่ือมใสในพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจาทั้งปวง ขอนอมถวายกุศลจากการแปลพระสูตรนี้แด
พระพุทธเจาและพระโพธิสตั วท ้ังปวง มพี ระอมิตายสุ ะพุทธเจา พระอวโลกเิ ตศวรพระมหาสถามปราปตโ พธิสัตว
และธรรมบาลท้งั หลายเปน ตน เพ่อื เปน โพธพิ ลวปจ จยั ของตน หากไดลว งเกินพระรตั นตรยั ในระหวา งการแปลน้ี
ดวยกรรมท้ังปวง ก็ขอใหพระรัตนตรัยโปรดงดโทษน้ันดวยเมตตากรุณา กุศลใดท่ีเกิดขึ้นแลวท้ังสิ้นขออุทิศแด
โยมบิดามารดา พระอุปชฌายาจารย โยมอุปฏฐากท่ีถวายปจจัยสี่ และอุทิศแดสรรพสัตวทุกภูมิ หากยังมิถึง
ท่สี ดุ แหงธรรมในปจจุบันชาติ ขอจงไดอ ุบตั ิยังสุขาวตพี ทุ ธเกษตร เจริญในโพธจิ ิต ไมเสื่อมถอยจากกุศลภมู ิตราบ
บรรลุพระโพธญิ าณทุกทา นเทอญ.

พระวิศวภทั ร เซี่ยเกี๊ยก ๘ มีนาคม ๒๕๕๒

佛說觀無量壽佛經

อ มิ ต า ยุ รฺ ธฺ ย า น สู ต ร

(พระสตู รวา ดวยการเพงพิจารณาพระอมิตายุสพทุ ธเจา)

劉宋西域三藏法師彊良耶舍 譯

พระกาลยสมหาเถระ แปลจากสนั สกฤตพากยส ูจีนพากย เมอื่ พทุ ธศักราช ๙๖๗
พระวิศวภทั ร เซีย่ เกีย๊ ก (沙門聖傑) แหง วดั เทพพทุ ธาราม แปลจากจีนพากยสไู ทยพากย
เม่ือวนั ที่ ๖-๘ มีนาคม ๒๕๕๒

如是我聞,一時,佛在王舍城耆闍崛山中,與大比丘眾,千二百五十人俱。菩薩三萬二千,
文殊師利法王子而為上首。

8

ด่ังท่ีขาพเจาไดสดับมา สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคประทับยังกรุงราชคฤหในคิชกูฏสิงขร พรอมดวยภิกษุ
หมูใหญหนึ่งพันสองรอยหาสิบรูป โพธิสัตวอีกสามหม่ืนสองพันองค โดยมีพระมัญชุศรีธรรมราชกุมารเปน
ประธาน

爾時王舍大城有一太子,名阿闍世,隨順調達惡友之教。收執父王頻婆娑羅,幽閉置於七重
室內,制諸群臣,一不得往。

ครั้งน้ัน ในมหานครราชคฤหมีราชกุมารองคหน่ึงนามวา อชาตศัตรู เพราะคลอยตามคําสอนของมิตรชั่ว
จึงจับพระเจาพิมพิสาร ผูเปนพระราชบิดา ไปคุมขังในหองขังท่ีมีกําแพงหนาเจ็ดช้ัน และมีพระบัญชาหามมิให
ขุนนางทัง้ ปวงเขาเฝา ฯ

國太夫人名韋提希,恭敬大王,澡浴清淨,以酥蜜和麨用塗其身,諸瓔珞中,盛葡萄漿,密
以上王。

พระมเหสีของพระราชานั้น มีนามวา “เวเทหิ”*๑ เปนผูเคารพรักในองคมหาราชยิ่งนัก ไดสรงชําระพระ
วรกายจนสะอาดหมดจด แลวนําเนย น้ําผ้ึง ผสมกับแปงขาวสาลีทาที่พระวรกาย ภายในสายสรอยเกยูระ*๒ ก็
บรรจุนา้ํ องนุ ไวจ นเต็ม เพื่อแอบนาํ ไปถวายพระราชา

*๑.บางครัง้ เรยี ก “นางศรีภทั รา”

*๒.瓔珞 เกยรู ะ คอื สรอยออน, สายสรอ ย, ทองตนแขน, กาํ ไล

爾時大王食麨飲漿,求水漱口,漱口畢已,合掌恭敬,向耆闍崛山遙禮世尊,而作是言:『
大目犍連是吾親友,願興慈悲,授我八戒』。時目犍連如鷹隼飛,疾至王所,日日如是,授王八
戒。世尊亦遣尊者,富樓那,為王說法。

สมยั น้ัน เมือ่ มหาราชไดเ สวยแปงขาวสาลแี ละนํ้าองนุ แลว จงึ ขอน้ําบว นพระโอษฐ เม่อื บวนพระโอษฐแลว
จึงประณตกรขนึ้ ดวยความเคารพ ไปทางดา นเขาคชิ กฏู เพอ่ื ถวายอภิวาทตอพระบรมศาสดา แลว ตรสั วา “พระ
มหาโมคคัลลานะเปนพระสหายสนิทของเรา ขอใหทานโปรดเมตตากรุณา มาใหศีลแปดแกเราดวยเถิด” เวลา
น้ัน พระโมคคัลลานะจึงบันดาลดวยอิทธิภิสังขาร เหาะมาปรากฏยังพระพักตรของมหาราช ดวยความเร็วปาน
นกเหย่ียว อยูเชนนี้ทุกวารวัน เพื่อมอบศีลแปดแกมหาราช พระผูมีพระภาคเจาก็ทรงพระกรุณา ใหพระปูรณะ
มาแสดงธรรมถวายมหาราชดว ย

如是時間,經三七日,王食麨蜜,得聞法故,顏色和悅。

กาลเวลาผานไปสามสัปดาห โดยท่ีมหาราชไดเสวยแปงและนํ้าผึ้ง และไดสดับพระธรรมเปนเหตุ ยังให
พระพกั ตรม ีความอ่ิมเอบิ ผองใส

時阿闍世問守門人:『父王今者猶存在耶?』時守門者白言:『大王!國太夫人身塗麨蜜,
瓔珞盛漿,持用上王;沙門目連及富樓那,從空而來,為王說法,不可禁制。』時阿闍世聞此語
已,怒其母曰:『我母是賊,與賊為伴;沙門惡人,幻惑咒術;令此惡王多日不死』!即執利劍,
欲害其母。

คร้ังน้ัน อชาตศัตรูราชกุมาร จึงตรัสถามนายทวารวา “บัดน้ีพระราชบิดา ยังมีพระชนมอยูหรือไม” นาย
ทวารทูลวา “ขาแตมหาราช พระมเหสีนําแปงขาวสาลีและน้ําผึ้ง ชโลมไวท่ีวรกายของพระนาง และบรรจุนํ้า
องุนไวในเกยูระมาถวายแดพระสวามี ยังมีสมณะคือ พระโมคคัลลานะและพระปูรณะ ที่ดําเนินมาจากอากาศ
เพ่ือแสดงธรรมแกพระองค อันขาพระบาทมิอาจควบคุมหามปรามไดพระเจาขา” เวลานั้น เมื่อพระเจาอชาต
ศัตรไู ดส ดบั แลว จึงโกรธเคอื งพระมารดาย่งิ นัก ตรัสวา “พระมารดาเปนกบฏ เปนพวกเดยี วกบั กบฏ สมณะชวั่ ก็

9

ใชมายาเวทยมนต ยังใหพระราชาช่ัวองคนั้น ยังมิตองตายไปเสียอีกหลายวัน” วาแลวจึงทรงถือพระแสงดาบ
หมายเขา ทาํ รา ยพระราชมารดา

時有一臣名曰月光,聰明多智,及與耆婆,為王作禮,白言:『大王!臣聞毗陀論經說,劫
初已來,有諸惡王,貪國位故,殺害其父一萬八千,未曾聞有無道害母。王今為此殺逆之事,污
剎利種,臣不忍聞,是旃陀羅。我等不宜復住於此。』

คร้งั นน้ั มมี หาอํามาตยผ ูหน่ึงช่ือ จันทรประภาส เฉลยี วฉลาดมากดวยปญญา พรอ มดว ยทานชวี กะ*๓ เขา
ถวายบังคมและทูลวา “ขาแตมหาราช ขาพระบาทไดยิน คัมภีรพระเวทศาสตร ไดกลาววา นับแตตนกัลปมานี้
มีพระราชาชั่วรายท่ีละโมบในอาณาจักรและราชบัลลังกเปนเหตุใหฆาบิดาของตน จํานวนถึงหนึ่งหม่ืนแปดพัน
พระองค แตย งั ไมเคยไดย ินวามกี ารฆา มารดาเลย มาบัดน้พี ระองคจ ะกระทํามาตุฆาตเชนนี้ อันเปนมลทนิ แกขัต
ตยิ ราชสกลุ ขา พระบาทท้ังหลายมอิ าจทนฟง อยูได เชน นน้ั แลว พระองคทรงคือจณั ฑาล*๔ ขา พระบาทท้งั หลาย
มิอาจอยูรวมกบั พระองคไ ด”

*๓.耆婆 ชีวก, ชวี คอื ชวี กโกมารภจั จ, ชวี ก ทีพ่ ระเจา พมิ พิสารทรงเลี้ยงอยางราชกุมาร, หมอทีม่ ชี อื่ เสียง
ในสมยั พุทธกาล

*๔.旃陀羅 คือลูกตางวรรณะ เชนบิดาเปนศูทร มารดาเปนพราหมณ มีลูกออกมาเรียก จัณฑาล ถือเปน
คนต่ําทราม ถูกเหยียดหยามทีส่ ุดในระบบวรรณะของศาสนาพราหมณ

時二大臣說此語竟,以手按劍,郤行而退。時阿闍世,驚怖惶懼,告耆婆言:『汝不為我耶
?』耆婆白言:『大王!慎莫害母!』

เมื่อขุนนางผูใหญท้ังสองไดทูลจบลง จึงกุมดาบไวในมือ แลวกาวถอยหลังไป พระเจาอชาตศัตรูจึงตก
พระทัยและเกรงกลัวย่ิงนัก ตรัสกับทานชีวกะวา “ทานไมอยูดวยเราแลวหรือ” ชีวกะทูลวา “ขาแตมหาราช
อยาทรงทาํ รายพระมารดา”

王聞此語,懺悔求救,即便捨劍,止不害母。勅語內官,閉置深宮,不令復出。

เมื่อพระองคไดยินเชนนี้ จึงสํานึกผิดเสียพระทัย ทรงวางพระแสงดาบ แลวมิทํารายพระมารดา จึงมีพระ
บัญชาใหวงั ฝา ยใน กกั ขงั พระนางไวอ ยางมดิ ชดิ มิใหเสด็จออกมาอกี

時韋提希,被幽閉已,愁憂憔悴,遙向耆闍崛山為佛作禮,而作是言:『如來世尊,在昔之
時,恒遣阿難來慰問我;我今愁憂,世尊威重,無由得見,願遣目連尊者阿難與我相見。』作是
語已,悲泣雨淚,遙向佛禮。

เมื่อพระนางเวเทหิ ทรงถูกกักขังแลวใหทุกขโศกตรมตรอมย่ิงนัก จึงผินพระพักตรยังคิชกูฏสิงขร ถวาย
อภิวาทตอพระผูมีพระภาค แลวตรัสวา “พระตถาคตเจาผูเปนที่พึ่งแหงโลก ในกาลกอนยังทรงมีรับส่ังให
พระคณุ เจาอานนทมาปลอบโยนและไตถ ามหมอมฉนั บัดนห้ี มอมฉันเปน ทกุ ขระทมยงิ่ นัก อนั พระจริยาวตั รของ
พระผูมีพระภาคก็มิอาจไดพบเห็นอีกแลว ขอพระพุทธองคโปรดใหพ ระโมคคลั ลานะและพระอานนทมาปรากฏ
ใหหมอมฉนั ไดเ ห็นดวยเถิด” เมื่อตรสั จบแลว จงึ กรรแสงครํา่ ครวญ นํา้ พระเนตรหลัง่ ไหลด่ังสายฝน แลว อภิวาท
ตอพระพุทธองค

未舉頭頃,爾時世尊在耆闍崛山,知韋提希心之所念,即勅大目犍連及以阿難從空而來。

ขณะที่ยังมิไดทรงยกพระเศียรขึ้นมา เมื่อนั้นพระผูมภี าคประทับอยูที่เขาคิชกูฎ ทรงทราบถึงความระลกึ
ของพระนางเวเทหิ จงึ มพี ุทธบญั ชาใหพระมหาโมคคัลลานะกบั พระอานนทมาแตอ ากาศ

10

佛從耆闍崛山沒,於王宮出。時韋提希禮已,舉頭見世尊釋迦牟尼佛,身紫金色,坐百寶蓮
華,目連侍左,阿難侍右,釋梵護世諸天,在虛空中,普雨天華,持用供養。

พระพุทธองคก็ทรงอันตรธานจากคิชกูฏสิงขรไปยังมหาราชวัง เม่ือพระนางเวเทหิถวายอภิวาทแลว ยก
พระเศียรขึ้นกไ็ ดพบพระโลกนาถศากยมนุ ีพุทธะ มพี ระวรกายวรรณะมว งทอง ประทบั นั่งบนปทมุ ชาติที่ประดับ
ดวยรตั นะรอยประการ พระโมคคลั ลานะอยเู บือ้ งซา ย พระอานนทอ ยูเ บือ้ งขวา ทา วศักกะ พรหม โลกปาล และ
เทวดาทั้งหลาย กป็ ระทับอยกู ลางนภากาศ โปรยปรายทิพยมาลีลงมาดัง่ สายฝนเพอื่ ถวายสกั การะ

時韋提希見佛世尊,自絕瓔珞,舉身投地,號泣向佛,白言:『世尊!我宿何罪,生此惡子
?世尊!復有何等因緣,與提婆達多共為眷屬?唯願世尊,為我廣說無憂惱處,我當往生,不樂
閻浮提濁惡世也。此濁惡處,地獄餓鬼畜生盈滿,多不善聚。願我未來不聞惡聲,不見惡人,今
向世尊,五體投地,求哀懺悔,唯願佛力教我,觀於清淨業處。』

เมอ่ื พระนางเวเทหิไดทอดพระเนตรเห็นพระพุทธองค จึงทรงเปลอ้ื งเกยูระออกจนส้ิน แลว นอมกายลงกับ
ผืนดิน กรรแสงพลางทูลพระพุทธองควา “ขาแตพระผูมีพระภาค เมื่ออดีตหมอมฉันมีกรรมอันใด จึงใหกําเนิด
บุตรท่ีชั่วรายเชนนี้ ขาแตพระผูมีพระภาค แลวยังมีเหตุปจจัยกระไรอีกหนอ จึงมีตระกูลรวมอยูดวยกับเทวทัต
ขอพระองคโปรดตรัสแสดงสถานท่ีอันปราศจากความทุกขโศก เพ่ือหมอมฉันจะไดไปเกิด หมอมฉันไมยินดีใน
โลกแหงความเสอื่ มของชมพูทวีปนี้แลว โลกแหงความเสอ่ื มน้ี เต็มไปดว ยนรก เปรต และเดรจั ฉาน สงิ่ ไมดงี ามมี
อยูเปนอันมาก ขอใหในกาลเบ้ืองหนาหมอมฉันมิตองไดยินเสียงแหงความช่ัวราย มิตองเห็นคนชั่วราย บัดน้ีจึง
ขอกระทําเบญจางคประดิษฐ เพื่อขมากรรมตอพระโลกนาถเจา ขอประทานพระพุทธานุภาพโปรดอนุเคราะห
สั่งสอนหมอมฉนั ใหไดพบเหน็ สถานท่มี ีการกระทําทบ่ี รสิ ทุ ธดิ์ ว ยเถิดพระเจา ขา ”

爾時,世尊放眉間光,其光金色,遍照十方無量世界,還住佛頂,化為金臺,如須彌山;十
方諸佛淨妙國土,皆於中現。或有國土,七寶合成;復有國土,純是蓮華;復有國土,如自在天
宮;復有國土,如頗梨鏡;十方國土,皆於中現。有如是等無量諸佛國土,嚴顯可觀,令韋提希
見。

สมัยนั้น สมเด็จพระผูมีพระภาค ทรงเปลงพระรัศมีจากหวางพระอุณาโลม อันมีประภาสสีทอง สวางฉาย
ไปยังโลกธาตจุ ํานวนไมมีประมาณในทิศท้งั สิบ แลว รศั มนี ้นั ไดยอ นกลับมาสูพระพุทธอุษณีย* ๕ แลว ปรากฏเปน
สุวรรณอาสน ใหญโตดุจสุเนรุบรรพต บรรดาโลกธาตุท่ีบริสุทธิ์ของพระพุทธเจาตางๆ ในทิศท้ังสิบก็ลวนมา
ปรากฏอยูภายใน บางโลกธาตุก็สําเร็จดวยรัตนะเจ็ดประการ บางโลกธาตุก็มีแตปทมชาติท้ังส้ิน บางโลกธาตุก็
ประดุจทิพยมณเทียรของทาวมเหศวร บางโลกธาตุก็ประดุจกระจกแกวผลึก ท่ีมีโลกธาตุในทศทิศปรากฏอยู
ภายใน อันพุทธประเทศทั้งปวงท่ีประมาณมิไดเหลานี้ ไดปรากฏสําแดงข้ึนเห็นชัดเจน ใหพระนางเวเทหิไดทอด
ทัศนา

*๕.หรือ อณุ หสิ ในบาลี หมายถงึ กรอบหนาพระพกั ตร, กอนพระมังสะหนา พระเศียร ซง่ึ เปน อาการหน่ึงใน
อาการ ๓๒ ของพระพุทธเจา โดยมากทําเปนเปลวเพลิง แสดงถึงพระปญญาอันรุงโรจน ประติมากรรมฝาย
มหายาน บางแหงทําเปนกอนพระมงั สะงอกขึ้นมาเหนอื พระนลาตขนึ้ ไปเลก็ นอย

時韋提希白佛言:『世尊!是諸佛土,雖復清淨,皆有光明;我今樂生極樂世界,阿彌陀佛
所,唯願世尊教我思惟,教我正受。』

11

พระนางเวเทหิทูลพระพุทธองควา “ขาแตพระผูมีพระภาค บรรดาโลกธาตุเหลาน้ี แมนจะมีความบรสิ ุทธ์ิ
ลวนแลวแตร งุ เรอื งดวยรศั มี หมอ มฉันกป็ รารถนาไปอุบัติท่สี ขุ าวตโี ลกธาตุ ของพระอมิตายุสพุทธเจา ขอพระผมู ี
พระภาคโปรดสอนการดาํ ริ (ถงึ สถานท่นี นั้ ) แกห มอ มฉนั ดว ยเถิดพระเจา ขา”

爾時,世尊即便微笑,有五色光,從佛口出,一一光照頻婆娑羅王頂。爾時,大王雖在幽閉
,心眼無障,遙見世尊,頭面作禮,自然增進成阿那含。

สมยั นน้ั พระผมู ีพระภาคทรงแยมสรวล แลว มีแสงประภาสหาสีเปลงออกจากพระโอษฐของพระพุทธองค
แตล ะแสงหน่งึ ๆ สองไปยงั พระเศียรของพระเจาพมิ พิสาร เวลานน้ั มหาราชแมนอยูในทค่ี ุมขัง แตใ นดวงตาแหง
จิตปราศจากส่ิงกีดกั้น ไดแลเห็นพระผูมีพระภาค แลวทรงกระทําศิราภิวาท ยังใหทรงเจริญในมรรคผลยิ่งขึ้น
จนบรรลุถงึ อนาคามผิ ล

爾時,世尊告韋提希:『汝今知不?阿彌陀佛,去此不遠,汝當繫念,諦觀彼國淨業成者。
我今為汝廣說眾譬,亦令未來世一切凡夫,欲修淨業者,得生西方極樂國土。』

สมัยนั้น พระผูมีพระภาคตรัสกับพระนางเวเทหิวา “เธอรูหรือไม พระอมิตายุสพุทธเจา ไปจากสถานที่
แหงน้ีมิไกล เธอพึงมีจิตระลึกถึงแลพิจารณาถึงบุคคล ผูสําเร็จแลวซ่ึงกรรมบริสุทธ์ิที่อยูในโลกธาตุแหงน้ัน
ตถาคตจะกลาวแกเธอดวยอุปมาวิธีตางๆ แลจักยังใหหมูสัตวผูเปนบุถุชนท้ังปวงในโลกอนาคต ที่ปรารถนา
บําเพญ็ กรรมอันบริสุทธิ์ ไดบรรลุถงึ สุขาวตีโลกธาตุเบื้องประจิมทศิ ”

『欲生彼國者,當修三福:一者、孝養父母,奉事師長,慈心不殺,修十善業;二者、受持
三歸,具足眾戒,不犯威儀;三者、發菩提心,深信因果,讀誦大乘,勸進行者。如此三事,名
為淨業。』

ผูปรารถนาอบุ ตั ทิ ่โี ลกธาตุแหงนัน้ พงึ บาํ เพญ็ กุศลสามประการ หนงึ่ กตญั เู ลีย้ งดบู ดิ ามารดา เอาภาระครู
อาจารย มีจิตเมตตาไมเขนฆา ประพฤติทศกุศล*๖ สองสมาทานธํารงไวซ่ึงไตรสรณคมณ สมบูรณในศีลท้ังปวง
มิละเมิดจริยาสมาจาร สามบังเกิดโพธิจิต ศรัทธาลึกซึ้งในเหตุและผล อานทองมหายานสูตร เปนผูวิริยะ
พากเพียร ท้งั สามประการน้ีแล ชอ่ื วา ผูมีกรรมบรสิ ทุ ธิ์

*๖.ความดี ๑๐ อยาง แบงเปน ความดีทางกาย ๓ มี ๑)เวนจากการฆาสัตว ๒)เวนจากการลักทรัพย ๓)
เวนจากการผิดในกาม ความดีทางวาจา ๔ มี ๑)เวนจากการพูดเท็จ ๒)เวนจากการพูดคําหยาบ ๓)เวนจากการ
พูดสอเสียด ๔)เวนจากการพูดเพอเจอโปรยเสียซ่ึงประโยชน และความดีทางใจ ๓ มี ๑)เวนจากการโลภของ
ผูอ่ืน ๒)เวนจากการพยาบาท ๓)เวนจากการเห็นผดิ

佛告韋提希:『汝今知不?此三種業,乃是過去、未來、現在、三世諸佛,淨業正因。』

มีพุทธดํารัสกับพระนางเวเทหิวา “เธอทราบหรือไม อันกรรมบริสุทธ์ิทั้งสามประเภทนี้ ปวงพระพุทธเจา
ในกาลท้งั สามคืออดตี อนาคต และปจ จุบนั กม็ กี รรมบริสุทธ์ิน้เี ปนเหตุ”

佛告阿難及韋提希:『諦聽!諦聽!善思念之:如來今者,為未來世一切眾生,為煩惱賊之
所害者,說清淨業,善哉韋提希,快問此事。』

พระพุทธองคต รัสกบั พระอานนทและพระนางเวเทหิวา “จงฟงเถิดๆ แลวไตตรองโดยดี เพ่ือสรรพสัตวใ น
อนาคต เพือ่ ผูถูกโจรคือกเิ ลสทาํ ราย ตถาคตจะกลา วการกระทําท่ีบริสุทธ์ิ ดีแลว เวเทหิทถ่ี ามเร่อื งราวน้โี ดยเร็ว”

『阿難!汝當受持,廣為多眾宣說佛語,如來今者,教韋提希,及未來世一切眾生,觀於西
方極樂世界,以佛力故,當得見彼清淨國土。如執明鏡,自見面像。見彼國土,極妙樂事,心歡
喜故,應時即得無生法忍。』

12

“ดูกอนอานนท เธอพึงจําไวแลวประกาศแสดงพุทธวจนะน้ีไปใหกวางขวาง บัดน้ีตถาคตจะสอนเวเทหิ
และสรรพสตั วทงั้ หลายในอนาคต ใหพจิ ารณาสุขาวตีโลกธาตุเบ้ืองประจมิ เหตุท่อี าศัยพุทธพละ จักยังใหไดเห็น
โลกธาตุอันบริสุทธ์แิ หงนัน้ อปุ มาบุคคลถอื คันฉอ งใส แลว แลเห็นหนาตารูปลกั ษณของตน การไดท ศั นาโลกธาตุ
แหง นนั้ เปน สขุ เกษมที่ประณตี ยง่ิ นกั ดวยเหตทุ ี่จติ โสมนัสเวลานั้นจงึ ไดบ รรลุ อนุตฺปตตฺ ิก ธรฺม กษานตฺ ิ*๗”

*๗.ติสรฺ : กษฺ านตฺ ิ ความอดทน ๓ คอื
๑)โฆษานคุ ต ธรมฺ กษฺ านฺติ ความอดทนตอเสยี งดงั ตางๆ โดยพิจารณาวา เปนของไมเ ทย่ี งแทถ าวร
๒)อนโุ ลมกิ ี ธรฺม กฺษานฺติ ความอดทนทีจ่ ะปฏิบัตอิ นโุ ลมตามธรรม
๓)อนุตฺปตฺตกิ ธรมฺ กฺษานตฺ ิ ความอดทนปลงใจเชอื่ ในธรรมทไ่ี มเกิดอกี ตอ ไป

佛告韋提希:『汝是凡夫,心想羸劣,未得天眼,不能遠觀,諸佛如來有異方便,令汝得見
。』

มีพุทธดํารัสกับพระนางเวเทหิวา “เธอยังเปนบุถุชน จิตยังออนแอต่ําตอยอยู ยังมิบรรลุทิพยจักษุ มิอาจ
แลเหน็ ไดไกล พระพุทธตถาคตทงั้ หลายมีอุปายวิธีตางกัน ยงั ใหเ ธอแลเหน็ ได”

時韋提希白佛言:『世尊!如我今者,以佛力故,見彼國土;若佛滅後,諸眾生等,濁惡不
善,五苦所逼,云何當見阿彌陀佛極樂世界?』

คร้ังน้ัน พระนางเวเทหิทูลพระศาสดาวา “ขาแตพระผูมีพระภาค ดุจหมอมฉันในบัดน้ี ดวยเหตุท่ีอาศัย
กําลังแหงพระพุทธเจา จึงไดแลเห็นโลกธาตุนั้น หากหลังจากพระพุทธปรินิพพานแลว หมูสัตวท้ังหลายจักแปด
เปอนชั่วราย มีทุกขหาประการบีบค้ัน*๘ แลวจักไดเห็นสุขาวตีโลกธาตุของพระอมิตายุสพุทธะ ไดอยางไรพระ
เจาขา ”

*๘.คือ เกิด แก เจ็บ ตาย และการพลดั พราก

佛告韋提希:『汝及眾生,應當專心繫念一處,想於西方。云何作想?凡作想者,一切眾生
,自非生盲,有目之徒,皆見日沒,當起想念。』

ตรัสกับพระนางเวเทหิวา “เธอและสรรพสัตว พึงต้ังใจมั่นและมีจิตระลึกถึงสถานเดียว แลวระลึกถึง
ประจมิ ทศิ การระลึกเปนเชนไรเลา ผูจ กั ทาํ การระลกึ และหมสู ตั วทง้ั หลาย หากตนเองมิไดเ กิดมาเนตรบอดแลว
ไซร เพียงมดี วงเนตรท่สี ามารถแลเห็นสรุ ียม าศอสั ดง แลวตงั้ ความระลกึ ยงั ท่นี นั้ เปน อารมณ

『正坐西向,諦觀於日欲沒之處,令心堅住,專想不移,見日欲沒,狀如懸鼓。』

นั่งลงบายหนายังประจิมทิศ แลวพิจารณาดวงอาทิตยท่ีกําลังลับของฟาไป ยังดวงจิตใหตั้งมั่นอยู มีนิมิต
ตัง้ อยูม ิคลาดคลา ทศั นาอาทิตยก ําลงั อัสดง มีลักษณะเหมอื นกลองทลี่ อยอยู

『既見日已,閉目開目,皆令明了。是為日想,名曰初觀。作是觀者,名為正觀;若他觀者
,名為邪觀。』

เม่ือแลเหน็ ดวงอาทิตยเ ชน นแี้ ลว แมป ด ตาเปดตา ก็ใหเห็นไดชดั เจน นีค้ อื การนาํ ดวงอาทติ ยเ ปนนิมิต ช่อื
วา การพิจารณาประการแรก ผูเจริญนิมิตพิจารณาเชนน้ี ชื่อวาพิจารณาไดถูกตอง หากพิจารณาเปนอ่ืน ยอม
ช่อื วา ไดพ ิจารณาผดิ

佛告阿難及韋提希。初觀成已。『次作水想,想見西方一切皆是大水。見水澄清,亦令明了
,無分散意。既見水已,當起水想,見水映徹,作琉璃想。此想成已,見琉璃地,內外映徹,下
有金剛,七寶金幢,擎琉璃地。其幢八方八楞具足,一一方面,百寶所成。一一寶珠,有千光明
。一一光明。八萬四千色,映琉璃地,如億千日,不可具見。琉璃地上,以黃金繩,雜廁間錯,
以七寶界,分齊分明。一一寶中,有五百色光,其光如華,又似星月,懸處虛空,成光明臺。』

13

ตรัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิ ถึงการเพงพิจารณาประการแรกแลว ตรัสวา “ยังมีการใชชลชาติ
เปนนิมิต กําหนดนิมิตวาแลเห็นสรรพส่ิงเบื้องประจิม เปนมหาสาครทั้งส้ิน ใหทัศนานํ้านิ่งและใส แลพึง
กําหนดใหชัดเจนแจมใส มีจิตไมแตกซาน เม่ือแลเห็นนํ้าแลว พึงกําหนดนํ้าเปนอารมณ เม่ือแลเห็นนํ้าแจมแจง
แลว จึงใชแกวไวฑูรยเปนนิมิต เมื่อสําเร็จนิมิตน้ีแลว จักทัศนาธรณีดลเปนไวฑูรยแจมใสท้ังภายในภายนอก
เบ้ืองลางมีเพชร มีรัตนเจ็ดประการ ธงทองคํา เมื่อครายกพ้ืนไวฑูรยขึ้น ธงนั้นมีอยูท้ังแปดดานแปดมุม แตละ
ดานก็สําเร็จดวยรัตนะรอยประการ รัตนะหน่ึงๆก็มีรัศมีพันประการ รัศมีหน่ึงๆก็มีแปดหมื่นสีพันสี อันไวฑูรย
ปฐพีนั้นสวางใสดุจดวงอาทิตยพนั โกฏิดวง มิอาจเห็นไดท้ังหมด บนพ้ืนไวฑูรยนั้น ก็มีเชือกทองคําผูกถกั สลับไป
มาระหวางกัน เปนดินแดนแหงรัตนะเจ็ดประการ มีความแจมใสและชัดเจน แตละรัตนชาติหนึ่งๆยังมีรัศมีหา
รอยประการ รัศมีน้ันประดุจดอกไม ฤๅด่ังดวงดาวหรือดวงจันทร ท่ีลอยอยูกลางอวกาศ ทอแสงเปนบัลลังก
ประภาส

『樓閣千萬,百寶合成,於臺兩邊,各有百億華幢,無量樂器,以為莊嚴。八種清風,從光
明出,鼓此樂器,演說苦、空、無常、無我之音。是為水想,名第二觀。』

หอและอาคารจํานวนพันหม่ืน ก็สําเร็จดวยรัตนะรอยประการประกอบกัน ท้ังสองฟากขางก็มีธงดอกไม
จาํ นวนรอยโกฏิ เครอ่ื งดนตรไี มมปี ระมาณกต็ กแตงอยางอลงั การ กระแสลมเย็นท้งั แปดชนิด เกดิ จากรัศมนี ี้ เม่อื
โชยสมั ผัสเคร่ืองดนตรีเหลาน้ีแลว จึงเกดิ เปน สําเนียงวาดวยความทกุ ข ความวางเปลา ความไมเท่ยี ง และความ
ไมม ีตวั ตน น่ีคอื การใชช ลชาตเิ ปนนมิ ติ ชื่อวา การพิจารณาประการท่ีสอง

『此想成時,一一觀之,極令了了。閉目開目,不令散失。唯除食時,恆憶此事。作是觀者
,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』

เมื่อสําเร็จนิมิตนี้ แตละการพิจารณาหน่ึงๆ พึงตองชัดเจนเปนที่สุด เมื่อปดตาหรือเปดตาก็มิสูญหายไป
เวนแตเวลาบรโิ ภคเทา นัน้ พงึ ระลึกอยูเชน น้ี ผูเ จริญนิมิตพจิ ารณาเชนน้ี ชือ่ วาพจิ ารณาไดถูกตอง หากพิจารณา
เปนอืน่ ยอ มชือ่ วาไดพ จิ ารณาผิด

佛告阿難及韋提希:『水想成已。名為粗見極樂國地。若得三昧,見彼國地,了了分明,不可
具說。是為地想,名第三觀。』

มพี ุทธดาํ รสั กบั พระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เมอ่ื พิจารณาน้ําเปน นิมิตสาํ เรจ็ แลว ชื่อวา ไดท ศั นาพื้น
ปฐพีของแดนสุขาวตีลางๆแลว หากบรรลุถึงสมาธิจักไดแลเห็นปฐพีของแดนนั้น ดวยความชัดเจนแจมใส อันมิ
อาจกลาวไดโ ดยสมบรู ณ นี่คือการใชแ ผน ดินเปนนมิ ติ ชื่อวา การพจิ ารณาประการท่สี าม

佛告阿難:『汝持佛語,為未來世一切大眾,欲脫苦者,說是觀地法。若觀是地者,除八十
億劫生死之罪。捨身他世,必生淨國,心得無疑。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。


พระพุทธศาสดาตรัสกับพระอานนทวา “เธอจงจดจําคําของตถาคต เพื่อมหาชนทั้งปวงในอนาคต ผู
ปรารถนาหลดุ พนจากความทุกข ดวยการกลาวสอนการใชแผนดินเปนนิมิตเถิด หากผไู ดน าํ แผน ดินมาเปนนิมิต
แลว ยอมกําจัดบาปจากวัฏสงสารจํานวนแปดสิบโกฏิกัลป เม่ือละสังขารจากโลกอ่ืนๆแลว ยอมไปอุบัติท่ีวิศุทธิ
ภูมเิ ปน ทีแ่ นน อน ดวงจติ ลุถงึ ความปราศจากสิ่งกดี กั้น ผเู จรญิ นิมิตพจิ ารณาเชน นี้ ชอื่ วาพจิ ารณาไดถกู ตอง หาก
พจิ ารณาเปน อ่นื ยอ มชอื่ วาไดพ ิจารณาผิด

佛告阿難,及韋提希:『地想成已,次觀寶樹。觀寶樹者,一一觀之,作七重行樹想。一一
樹高八千由旬。其諸寶樹,七寶華葉,無不具足。』

14

ตรัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เมื่อพิจารณาแผนดินเปนนิมิตสําเร็จแลว จึงพิจารณารัตนพ
ฤกษ แตละการพิจารณาหน่ึงๆ ใหเห็นมีรุกขชาติเจ็ดแถว แตละตนสูงแปดพันโยชน*๙ ตนไมอัญมณีเหลานั้นมี
ดอกใบเปนรตั นะเจด็ ประการ ลว นแตม ีความบริบรู ณ

*๙.หน่ึงโยชน คอื ชื่อมาตราวดั ระยะทาง เทากับ ๔ คาวตุ หรือ ๔๐๐ เสน

『一一華葉,作異寶色。琉璃色中,出金色光;頗梨色中,出紅色光;瑪瑙色中,出硨磲光
;硨磲色中,出綠真珠光;珊瑚琥珀一切眾寶以為映飾,妙真珠網彌覆樹上。一一樹上,有七重
網。一一網間,有五百億妙華宮殿,如梵王宮。』

ดอกใบหน่งึ ๆ กเ็ ปนรตั นะหลากวรรณะ สีของไวฑูรยแตเปลงแสงเปนสีทอง สขี องแกว ผลกึ เปลง แสงเปนสี
แดง สีของโมราเปลงแสงเปนสีของเปลือกหอย สีของเปลือกหอยเปลงแสงเปนมุกดาสีเขียว ปะการัง อําพัน
รัตนะทั้งปวงกป็ ระกายประดบั ประดา ตาขา ยแกว มุกดาทวี่ จิ ติ รกป็ กคลมุ อยูทว่ั ตน ไมนนั้ บนรกุ ขชาติหน่งึ ๆ มีตา
ขายเจ็ดช้ัน ระหวางตาขายหน่ึงๆ มีปราสาทมณเฑียรรังสรรคดวยบุปผชาติ อันวิจิตรบรรจงจํานวนหารอยโกฏิ
ดจุ พรหมราชมณเฑียร

『諸天童子,自然在中。一一童子五百億釋迦毗楞伽摩尼寶以為瓔珞。其摩尼光,照百由旬
,猶如和合百億日月不可具明。眾寶間錯,色中上者,此諸寶樹,行行相當,葉葉相次。於眾葉
間生諸妙華,華上自然有七寶果。一一樹葉,縱廣正等二十五由旬。其葉千色,有百種畫如天瓔
珞,有眾妙華,作閻浮檀金色。如旋火輪,宛轉葉間,踊生諸果,如帝釋瓶。』

บรรดาเทวกุมาร ก็มีอยูภายในโดยธรรมชาติ แตละกุมารหนึ่งๆ ก็มีศักราภิลัคนมณี*๑๐ เปนเกยูระ รัศมี
ของแกวมณีนั้นสวางไปรอยโยชน อุปมาเหมือนวาเอาสุริยันจันทรา จํานวนรอยโกฏิมารวมกัน ก็มิอาจบรรยาย
ไดแจมแจง ระหวา งรตั นะท้ังปวง ก็มวี รรณะตามขา งตน บรรดารตั นพฤกษเ หลา น้ี ก็โนม เอียงเขา หากัน แตล ะใบ
เรียงติดกัน ระหวา งใบไมเหลาน้นั ยังบงั เกิดดอกทวี่ ิจติ รสวยงามนานาชนิด บนดอกก็มีผลเปนรัตนะเจ็ดประการ
โดยธรรมชาติ ใบของแตละตนหน่ึงๆ ก็ราบเรียบและแผกวางยี่สิบหาโยชน ใบน้ันมีพันวรรณะ มีรอยชนิดท่ีมี
ภาพเหมือนทิพยเกยูระ มีดอกอันวิจิตรจํานวนมาก ที่ประดิษฐดวยสีของทองชมพูนุช อุปมากงลอไฟท่ีหมุนอยู
ระหวา งใบ แลวมผี ลตา งๆผดุ ขน้ึ ดุจคนโทของทา วศักกะ

*๑๐.แกวผลึกชนิดหนง่ึ บา งวา เปนรัตนะอยางหนง่ึ ที่ประดบั บนเศยี รของทาวสักกเทวราช

『有大光明,化成幢旛,無量寶蓋。是寶蓋中,映現三千大千世界,一切佛事。十方佛國,
亦於中現。見此樹已,亦當次第一一觀之,觀見樹莖、枝葉、華果,皆令分明。是為樹想,名第
四觀。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』

ท่ีมีรัศมีมหาศาล ปรากฏเปนธงทิว และรัตนฉัตรจํานวนไมมปี ระมาณ ภายในรัตนฉตั รน้ี ก็ปรากฏกิจแหง
พระพทุ ธเจา ทง้ั ปวง ในตรีสหสั มหาสหัสโลกธาตุอยางแจมชดั พทุ ธประเทศในทิศท้งั สิบ ก็ปรากฏอยูภายใน เม่อื
ไดท ศั นารกุ ขชาตินี้แลว จกั ตองพจิ ารณาแตละสิ่งโดยลําดับ พจิ ารณาลาํ ตน กานใบ ดอกผล ใหช ัดเจน นีค่ ือการ
ใชรุกขชาติเปนนิมิต ช่ือวา การพิจารณาประการท่ีสี่ ผูเจริญนิมิตพิจารณาเชนน้ี ช่ือวาพิจารณาไดถูกตอง หาก
พิจารณาเปนอื่น ยอมชื่อวาไดพ ิจารณาผิด

佛告阿難及韋提希:『樹想成已。次當想水,欲想水者,極樂國土,有八池水。』

มีพุทธดํารัสตอพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เมื่อพิจารณารุกขชาติเปนนิมิตสําเร็จแลว ประการ
ตอ ไปพงึ ใชน ้ําเปนนมิ ติ ผจู ักพจิ ารณานา้ํ นน้ั ในสุขาวตโี ลกธาตมุ นี ้ําแปดสระ

15

『一一池水,七寶所成。其寶柔軟,從如意珠王生,分為十四支,一一支作,七寶妙色,黃
金為渠,渠下皆以雜色金剛,以為底沙。一一水中,有六十億七寶蓮華,一一蓮華,團圓正等十
二由旬。其摩尼水流注華間,尋樹上下。』

น้ําแตละสระ สําเร็จดวยรัตนะเจ็ดประการ รัตนะเหลาน้ันก็ละเมียดละไม และกําเนิดจากจินดามณีอัน
เปนราชาแหงรัตนะ สายน้ําแบงไดสิบสี่สาย แตละสายหนึ่งๆเปนสีสันที่งดงามของรัตนะท้ังเจ็ด ลํานํ้าเปน
ทองคํา เบื้องลางลํานํ้าน้ันก็เต็มไปดวยเพชรหลากวรรณะ เปนทรายอันปูลาดอยูเบื้องลาง แตละกระแสน้ํา
หนึ่งๆ ยงั มีปทมชาตริ ตั นะเจด็ ประการจํานวนหกสบิ โกฏิ แตละปทมชาตหิ น่ึงๆนน้ั กลมมนแผไปย่สี บิ โยชน สาย
ธารแหง แกวมณนี นั้ ก็ ไหลผานระหวางบัวเหลา นนั้ และไหลขึน้ ลงหลอ เล้ยี งพฤกษา

『其聲微妙,演說苦、空、無常、無我諸波羅密;復有讚歉諸佛相好者。從如意珠王踊出金
色微妙光明,其光化為百寶色鳥,和鳴哀雅,常讚念佛、念法、念僧。是為八功德水想,名第五
觀。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』

สําเนียง (แหงกระแสน้ํา) น้ันก็ไพเราะเปนนักหนา ประกาศแสดงซ่ึงความเปนทุกข ความวางเปลา ความ
ไมเ ทย่ี ง ความไมมีตวั ตน และปารมติ าทัง้ ปวง คอื คุณชาตอิ ันสามารถพาใหถึงฝง พระนพิ พาน ยังมีการสรรเสริญ
มงคลลกั ษณะของพระพทุ ธเจาทัง้ ปวง แกวจินดามณอี ันเปน ราชาของหมรู ตั นะก็ผดุ ขึน้ เปนรัศมสี ที องคาํ สกุ ปล่ัง
สวยงาม อนั รศั มนี ัน้ ยังกอเกิดเปนสกุณีที่มีสีสันดุจรัตนะรอ ยประการ เมื่อขับขานประสานเสียงกันแลวก็ไพเราะ
นาฟง อันสดุดีพุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สังฆานุสสติ อยูเปนนิจ นี่คือการใชอัษฏางคิกวารีเปนนมิ ิต ชื่อวา การ
พิจารณาประการท่ีหา ผูเจริญนิมิตพิจารณาเชนน้ี ชื่อวาพิจารณาไดถูกตอง หากพิจารณาเปนอ่ืน ยอมชื่อวาได
พิจารณาผดิ

佛告阿難及韋提希:『眾寶國土,一一界上,有五百億寶樓。其樓閣中,有無量諸天,作天妓
樂。又有樂器,懸處虛空,如天寶幢,不鼓自鳴。此眾音中,皆說念佛、念法、念比丘僧。』

ตรัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “หมูรัตนโลกธาตุเบื้องบนแตละโลกธาตุหน่ึงๆ มีอาคารอยูหา
รอยโกฏิ ภายในอาคารเหลา น้ัน มีทิพยชนหาประมาณจํานวนมิไดท ่ีบรรเลงดนตรี แลยังมีเครื่องดนตรีที่ลอยละ
ลองในอากาศ ประดุจธงรัตนะอันเปนทิพย เภรีน้ันแมมิไดยํ่าก็อุโฆษไดเอง ทามกลางสําเนียงเหลานี้ ลวนแต
ปาวประกาศถงึ พุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สงั ฆานุสสติ

『此想成已,名為粗見極樂世界、寶樹、寶地、寶池。是為總觀想,名第六觀。』

เม่ือสําเร็จในนิมิตนี้แลว ชื่อวาไดแลเห็นสุขาวตีโลกธาตุ รัตนพฤกษ รัตนปฐพี รัตนโบกขรณีลางๆ น่ีคือ
การรวมนิมติ ชอ่ื วา การพิจารณาประการท่ีหก

『若見此者,除無量億劫極重惡業,命終之後,必生彼國。作是觀者,名為正觀;若他觀者
,名為邪觀。』

หากผูเ ห็นเชนนี้ จกั กาํ จัดอกศุ ลกรรมหนกั ทีส่ ดุ ของกลั ปห ลายโกฏปิ ระมาณมิได เม่ือสน้ิ ชพี แลว จักไปอบุ ตั ิ
ทโี่ ลกธาตนุ น้ั อยา งแนนอน ผูเจรญิ นิมติ พิจารณาเชน น้ี ช่อื วา พจิ ารณาไดถกู ตอ ง หากพจิ ารณาเปน อ่นื ยอมช่อื วา
ไดพ ิจารณาผิด

佛告阿難,及韋提希:『諦聽諦聽,善思念之,吾當為汝分別解說,除苦惱法;汝等憶持,
廣為大眾分別解說。』

พระพุทธศาสดาตรัสกับพระอานนทแ ละพระนางเวเทหิวา “จงฟงเถดิ ๆ แลว ไตต รองโดยดีเถิด ตถาคตจัก
แจกแจงวธิ ีกาํ จดั ทุกขภัยแกเธอ เธอท้งั หลายพึงจดจาํ แลว ประกาศแจกแจงแกมหาชนทั้งปวงเถดิ ”

16

說是語時,無量壽佛住立空中,觀世音、大勢至、是二大士,侍立左右。光明熾盛,不可具
見,百千閻浮檀金色,不得為比。

เพลาท่ีตรัสอยูนั้น พระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา ไดประทับยืนอยูในนภากาศ พระอวโลกิเตศวร
พระมหาสถามปราปต อันเปนมหาบุรุษทั้งสอง ก็ยืนอยูทั้งเบ้ืองซายขวา รุงเรืองดวยรัศมีประภาสจํานวน
มากมายมอิ าจยลไดหมดส้นิ อนั แสงสวี รรณะของทองชมพนู ชุ จาํ นวนรอ ยพันก็มิอาจเทียบ

時韋提希,見無量壽佛已,接足作禮,白佛言:『世尊!我今因佛力故,得見無量壽佛,及
二菩薩,未來眾生,當云何觀無量壽佛及二菩薩?』

เม่ือพระนางเวเทหิไดทัศนาพระอมิตายุสพุทธเจาแลว จึงอภิวาทเบื้องพระพุทธบาท แลวทูลวา “ขาแต
พระผูมีพระภาค ในบัดนี้เพราะหมอมฉันไดอาศัยพุทธานุภาพ จึงไดเห็นพระอมิตายุสพุทธองค และพระ
โพธิสัตวทั้งสอง แลวสรรพสัตวในอนาคต จักพิจารณาถึงพระอมิตายุสพุทธเจา และพระโพธิสัตวทั้งสอง ได
อยา งไรหนอพระเจาขา”

佛告韋提希:『欲觀彼佛者,當起想念,於七寶地上,作蓮華想。』

พระพุทธองครบั ส่ังกับพระนางเวเทหวิ า “เมื่อปรารถนาจักเพง พิจารณาพระพุทธเจา องคนน้ั พึงตงั้ นิมิตวา
เบอ้ื งบนของปฐพรี ัตนะเจด็ ประการ มปี ทมชาตนิ ิมติ

『令其蓮華,一一葉上,作百寶色。有八萬四千脈,猶如天畫。一一脈有八萬四千光,了了
分明,皆令得見。華葉小者,縱廣二百五十由旬。如是蓮華,具有八萬四千大葉;一一葉間,有
百億摩尼珠王以為映飾。一一摩尼珠,放千光明,其光如蓋,七寶合成,遍覆地上。』

ใหปทมชาติน้ัน บนกลีบหน่ึงๆ มีสีสันของรัตนชาติจํานวนหน่ึงรอยชนิด มีเสนสายแปดหมื่นสี่พัน อุปมา
ภาพวาดทิพย แตละเสนสายหนึ่งๆ มีรัศมีแปดหมื่นสี่พันที่ชัดเจนแจมใส อันสามารถยลไดท้ังสิ้น กลีบเล็กของ
ปทมชาติน้ัน แผกวางไดสองรอยหาสิบโยชน อันปทมชาติน้ี มีกลีบใหญรวมแลวแปดหมื่นสี่พัน ระหวางกลีบ
หน่ึงๆ มีราชาของรัตนะทั้งปวงคือแกวมณีมุกดา จํานวนรอยโกฏิประดับตกแตงอยู แตละมณีมุกดาหนึ่งๆ
ประภาสแสงไปพันประการ อันรศั มีนัน้ ก็ดุจรม ฉตั ร ท่ีสาํ เร็จแลวดวยรัตนะเจด็ ประการ ปกคลุมอยทู ั่วผืนธรณนิ

『釋迦毗楞伽摩尼寶,以為其臺,此蓮華臺,八萬金剛甄叔迦寶,梵摩尼寶。妙真珠網,以
為校飾。』

ศักราภิลัคนมณีเปนแทน อันแทนของปทมชาตินัน้ มีเพชร กิมศุกะ*๑๑ จํานวนแปดหมน่ื พรหมมณี*๑๒
และมกุ ดาทีง่ ดงามถักทอกันเปนชาละ แขวนระยาอยู

*๑๑.甄叔迦 คือ กศึ กุ หมายถึง พลอยสีแดงหรือทบั ทมิ

*๑๒.梵摩尼 คือ พรฺ หมฺ -มณิ หมายถงึ ไขมกุ อันบรสิ ุทธ์ิ, แกว มณขี องพรหม, แกว มณีอันบรสิ ทุ ธิ์

『於其臺上,自然而有四柱寶幢,一一寶幢,如百千萬億須彌山,幢上寶幔,如夜摩天宮,
復有五百億微妙寶珠,以為映飾。一一寶珠,有八萬四千光,一一光作八萬四千異種金色。一一
金色,遍其寶土,處處變化,各作異相。或為金剛臺,或作真珠網,或作雜華雲,於十方面,隨
意變現,施作佛事。是為華座想,名第七觀。』

เบ้ืองบนของแทนนั้น มีธงรัตนะสี่ตน แตละธงรัตนะหนึ่งๆ ประดุจสุเนรุบรรพตรอยพันหม่ืนโกฏิ มาน
รัตนะบนธงน้ัน ดุจทิพยปราสาทบนยามาเทวโลก ยังมีรัตนมุกดาท่ีวิจิตรบรรจงจํานวนหารอยโกฏิประดับตบ
แตงอยู แตละรัตนมุกดาหน่ึงๆ มีรัศมีแปดหมื่นสี่พัน แตละรัศมีหน่ึงๆ บังเกิดวรรณะดั่งทองประเภทตางๆ
จํานวนแปดหมื่นสี่พัน แตละสุวรรณประภาสหน่ึงๆ ก็ปกคลุมไปท่ัวรัตนปฐพีน้ัน มีความเปล่ียนแปลงอยูทุก
สถาน ดวยลักษณะท่ีแตกตางนานา บางเปนหอเพชร บางเปนมุกดาชาละ บางเปนเมฆบุปผาหลากวรรณะ ใน

17

ดานของทิศท้งั สิบกจ็ กั เปลีย่ นแปรไปตามใจ อนั เปนไปเพือ่ กระทาํ พทุ ธกจิ นีค่ ือการใชปทมอาสนเ ปนนิมติ ช่อื วา
การพิจารณาประการทเี่ จ็ด

佛告阿難:『如此妙華,是本法藏比丘願力所成。若欲念彼佛者,當先作此妙華座想。作此
想時,不得雜觀,皆應一一觀之,一一葉,一一珠,一一光,一一臺,一一幢,皆令分明。如於
鏡中,自見面像。此想成者,滅除五萬億劫生死之罪,必定當生極樂世界。作是觀者,名為正觀
;若他觀者,名為邪觀。』

พระผูมีพระภาครับส่ังกับพระอานนทวา “มาลีอันวิจิตรเหลานี้ สําเร็จดวยกําลังแหงมูลปณิธานแตครั้ง
กอนของธรรมกรภิกษุ*๑๓ หากปรารถนาจกั ระลกึ ถงึ พระพุทธเจาพระองคน ้ัน ประการแรกจงระลึกพิจารณาถึง
ปทมอาสนนิมิตน้ี เม่ือกระทํานิมิตนี้จงอยาพิจารณาเปนอ่ืน พึงพิจารณาแตละส่ิงหน่ึงๆ กลีบหน่ึงๆ มณีหนึ่งๆ
รัศมีหนึ่งๆ หอหน่ึงๆ ธงหน่ึงๆ ลวนตองชัดเจน ดุจไดพบรูปหนาลักษณะของตนในคันฉอง ผูสําเร็จซ่ึงการ
พิจารณาเชนนี้ บาปของสังสารวัฏจํานวนหาหมื่นโกฏิกัลปจักดับสิ้นไป จักไดอุบัติยังสุขาวตีพุทธเกษตรเปนท่ี
แนน อน ผูเ จริญนิมติ พจิ ารณาเชนนี้ ชอื่ วา พจิ ารณาไดถ ูกตอ ง หากพิจารณาเปนอ่นื ยอมชอื่ วาไดพ จิ ารณาผดิ ”

*๑๓.法藏比丘 ธรรมกรภิกษุ คือช่ือหนึ่งในอดีตชาติของพระอมิตายุสพุทธะ ท่ีเสวยพระชาติเปน
โพธิสัตว และไดต้ังปณิธานานที่ยิ่งใหญไว 48 ประการ มีรายละเอียดใน มหาสุขาวตีวยูหสูตร อาตมาภาพแปล
เปน ไทยแลวเมือ่ ป 2551

佛告阿難,及韋提希:『見此事已,次當想佛。所以者何?諸佛如來,是法界身,遍入一切
眾生心想中。』

มีพุทธบรรหารกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เมื่อไดยลเหตุการณน้ีแลว ลําดับตอไปพึงพจิ ารณา
พุทธะนิมิต ดวยประการเชนใดฤๅ บรรดาพระพุทธตถาคต มีกายคือธรรมธาตุ เขาสูกลางจิตของสรรพสัตวทั้ง
ปวง

『是故汝等,心想佛時,是心即是三十二相,八十隨形好,是心作佛,是心是佛。諸佛正遍
知海,從心想生,是故應當一心繫念,諦觀彼佛,多陀阿伽度,阿羅訶,三藐三佛陀。』

เหตนุ ้เี ธอทง้ั หลาย เมอื่ มีจติ ระลกึ พิจารณาถึงพระพทุ ธะ จติ คือมหาบรุ ุษลักษณะสามสบิ สอง อนพุ ยญั ชนะ
แปดสิบ กระทําจิตเปนพุทธะ จิตจึงคือพุทธะญาณสาคร คือความรูอันดุจหวงมหรรณพของพระพุทธะทั้งปวง
ลวนเกิดจากจิตเหตุนี้ จึงควรมีจิตตั้งม่ันเปนหนึ่ง แลวพิจารณาทรงไวซึ่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ
พระองคน นั้

『想彼佛者,先當想像,閉目開目,見一寶像,如閻浮檀金色,坐彼華上。見像坐已,心眼
得開,了了分明。見極樂國,七寶莊嚴,寶地寶池,寶樹行列,諸天寶幔,彌覆樹上,眾寶羅網
,滿虛空中。見如此事,極令明了,如觀掌中。』

ผูพิจารณาระลึกอยูซ่ึงพระพุทธะองคน้ัน ประการแรกจงนึกถึงพุทธลักษณะปดตาเปดตา ก็แลเห็นพุทธ
ลักษณ มีวรรณะดุจทองชมพูนุช ประทับน่ังบนปทมชาติอันนั้น เมื่อเห็นรูปน่ังแลว ดวงตาแหงจิตจึงเปดออก
เห็นชัดแจม แจง ไดแลเห็นสขุ าวตโี ลกธาตุ อลังการของรตั นะเจ็ดประการ รัตนปฐพี รัตนโบกขรณี รัตนพฤกษที่
เรียงราย รัตนวสิ ูตรอนั เปน ทิพยต างๆ ทป่ี กคลุมเตม็ อยบู นตนไมนั้น บรรดารตั นชาละ ก็มีอยมู ากมายบนอากาศ
จงทัศนาเหตุการณเ ชน น้ี ดวยความชัดเจนเปน ที่สดุ ดจุ การพจิ ารณาในฝามอื

『見此事已,復當更想一大蓮華,在佛左邊,如前蓮華,等無有異。復作一大蓮華,在佛右
邊。想一觀世音菩薩像,坐左華座,亦作金色,如前無異,想一大勢至菩薩像,坐右華座。』

18

แลเห็นเหตุการณน้ีแลว จงพิจารณาปทมชาติใหญดอกหนึ่ง ทางดานซายของพระพุทธะ ดุจปทมชาติ
ขางตน เสมือนมิตางกัน แลมีปทมชาติใหญอีกดอกหนึ่ง อยูดานขวาของพระพุทธะ นึกถึงรูปพระอวโลกิเตศวร
โพธิสัตวประทับนั่งอยูปทมอาสนเบื้องซาย มีวรรณะดั่งทองเหมือนขางตนไมตางกัน นึกถึงรูปพระมหาสถาม
ปราปตโ พธสิ ตั วป ระทับนัง่ อยปู ท มอาสนเบอ้ื งขวา

『此想成時,佛菩薩像,皆放妙光,其光金色,照諸寶樹。一一樹下,亦有三蓮華,諸蓮華
上,各有一佛二菩薩像,遍滿彼國。』

เม่ือพิจารณาเชนนี้สําเร็จแลว รูปแหงพระพุทธโพธิสัตว ตางเปลงรัศมีประภาส มีวรรณะสีทอง สองไปยัง
รตั นพฤกษท ั้งปวง ใตพฤกษาหนงึ่ ๆ ก็มปี ท มชาตสิ ามดอก บนปทมชาตทิ ้งั ปวงลวนแตมีรูปพระพทุ ธเจาหน่ึงองค
และโพธิสัตวสององคอ ยูท ัว่ ไปในโลกธาตนุ ั้น

『此想成時,行者當聞水流光明,及諸寶樹,鳧鴈鴛鴦,皆說妙法。出定入定,恒聞妙法,
行者所聞,出定之時,憶持不捨,令與修多羅合。若不合者,名為妄想;若與合者,名為麁想。
見極樂世界。是為像想,名第八觀。』

เมื่อพิจารณาเชนน้ีสําเร็จแลว พระโยคาวจรจักไดสดับยินเสียงของกระแสน้ําและรัตนพฤกษทั้งปวง
นกเปด นาํ้ หา นปา นกเปด นา้ํ คู ลว นประกาศพระสัทธรรม แมอ อกจากสมาธิหรือเขาสมาธิ กย็ ังไดสดับธรรมอัน
ประเสริฐ พระโยคาวจรไดสดับแลว เม่ือออกจากสมาธิก็ยอมจดจําไดมิเลือนหาย ถูกตองตามนัยยะแหงพระ
สูตร หากมิตองตามแลวไซร จึงชื่อวา ระลึกเท็จ หากตองกันแลว จึงชื่อวา ระลึกคราวๆ ในการแลเห็นสุขาวตี
โลกธาตุ นค่ี ือการใชลักษณะเปน นมิ ิต ช่อื วา การพิจารณาประการท่แี ปด

『作是觀者,除無量億劫生死之罪,於現身中,得念佛三昧。作是觀者名為正觀。若他觀者
名為邪觀。』

ผูพิจารณาเชนน้ี จักกําจัดบาปของสงั สารวฏั จํานวนอนนั ตโกฏกิ ัลป ในชาติปจจุบันจักบรรลถุ ึงพุทธานสุ ส
ติสมาธิ ผูเจรญิ นิมติ พจิ ารณาเชนน้ี ชอื่ วาพิจารณาไดถ ูกตอ ง หากพจิ ารณาเปนอนื่ ยอมชอ่ื วาไดพิจารณาผดิ ”

佛告阿難,及韋提希:『此想成已,次當更觀無量壽佛,身相光明。阿難!當知無量壽佛,
身如百千萬億夜摩天閻浮檀金色,佛身高六十萬億那由他恆河沙由旬,眉間白毫,右旋宛轉,如
五須彌山;佛眼如四大海水,青白分明。身諸毛孔,演出光明,如須彌山。彼佛圓光,如百億三
千大千世界,於圓光中,有百萬億那由他恒河沙化佛。一一化佛,亦有眾多無數化菩薩,以為侍
者。』

มีพุทธดํารัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เมื่อสําเร็จในนิมิตนี้แลว จงพิจารณาพระอมิตายุส
พุทธะ มีพระวรกายรุงเรือง ดูกอนอานนท พึงทราบเถิดพระอมิตายุสะพุทธเจา วรกายมีวรรณะดุจทองชมพูนุช
จํานวนรอยพันหม่ืนโกฏิบนยามาเทวโลก พุทธอินทรียน้ันสูงจํานวนโยชน เทากับเม็ดทรายในคงคานทีหกสิบ
หมื่นโกฏนิ ยุตะ*๑๔สายรวมกนั *๑๕ พระอุณาโลมสขี าวเวียนประทักษณิ า ดุจปญ จสเุ มรุสงิ ขร พระพุทธเนตรดุจ
กระแสอุทกในมหาสมุทรท้ังสี่ สีขาวครามแจมใส ขุมพระโลมชาติท่ัวพระสรรพางกาย ก็มีรัศมีประภาสออกมา
ดุจเขาสุเมรุ ประภามณฑลของพระพุทธเจาองคนัน้ ก็แผปกไปท่ัวตรีสหัสมหาสหัสโลกธาตจุ ํานวนรอยโกฏิ*๑๖
ในประภามณฑลน้ัน มีพระพุทธนิรมิตจํานวนเทาเม็ดทรายในคงคานทีรอยหม่ืนโกฏินยุตะสายรวมกัน แตละ
พุทธนริ มติ หนง่ึ ๆ ยงั มีหมูโพธสิ ตั วนิรมติ จํานวนอสงไขยเปน บริวาร

*๑๔.那由他 นยุตะ คือ สังขยาจํานวน ๑ หมื่น บางก็วา นยุตะ, นิยุตะ, นหุตะ (บาลี) คือสังขยาจํานวน
หนึ่งแสน หรือหนึ่งลาน เปนหลักนับ คือ หนึ่งรอยโกฏิเปนหน่ึงอยุตะ, รอยอยุตะเปนหนึ่งนิยุตะ สวนนยุตะ

19

เทากับเลข หน่ึงตอทายดวยศูนยยี่สิบสองตัว พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ของสมาคมบาลีปกรณกลาววา นหุตะ
หมายถึงสังขยาจํานวนมาก, หนึ่งหมื่น แตพจนานุกรมสันสกฤต-อังกฤษ ของเซอรมอเนียวิลเลี่ยมและปราชญ
คนอ่ืนๆ วา ไดแ ก หนง่ึ ลา น

*๑๕.เปนสํานวนอุปมาวา มีความสูงจนเกินคํานวณ ความหมายคือ เม็ดทรายในแมนํ้าคงคา หน่ึงเม็ด
เทากับความสูงหนึ่งโยชน เราตองนับเม็ดทรายในแมนํ้าคงคาหน่ึงสาย และคูณหกสิบหมื่นโกฏินยุตะ จึงจะ
ทราบสว นสงู ของพระอมติ ายุสะพุทธะได

*๑๖.ใน จุลนิกสูตร พระพุทธองคทรงกลาวกับพระอานนทวา จากระยะใกลสุดท่ีดวงอาทิตยและดวง
จันทรจะหมุนเวียนตามจักรราศี และสองสวางดวยแสงเรืองโอภาส จนถึงชวงหน่ึงพันจักรวาล ยังมีดวงจันทร
หน่ึงพันดวง ดวงอาทิตยหนึ่งพันดวง หนึ่งพันพระสุเมรุมหาสิงขร หนึ่งพันชมพูทวีป หน่ึงพันอมรโคยานทวีป
หนึ่งพันอุตรกุรุทวีป หน่ึงพันบุพพวิเทหทวีป ส่ีพันมหาสมุทร หนึ่งพันจาตุมหาราช หน่ึงพันดาวดึงสพิภพ หนึ่ง
พันยามาสวรรค หนึ่งพันสวรรคชั้นดุสิต หนึ่งพันนิมมานนรดี หน่ึงพันปรนิมมิตวสวตี และหนึ่งพันหวงพิภพของ
ของเหลาน้ีแหละ อานนท เรียกวาระบบสหัสสโลกธาตใุ นช้ันปฐม ระบบท่ีใหญกวาท่ีกลาวมานห้ี น่ึงพัน เรียกวา
สหสั สโลกธาตุชั้นมัธยม ระบบท่ีใหญกวา นห้ี น่งึ พันเทา เรียกวา ตรสี หสั สมหาโลกธาตุ

『無量壽佛,有八萬四千相;一一相中,各有八萬四千隨形好;一一好中,復八萬四千光明
;一一光明,遍照十方世界,念佛眾生,攝取不捨。』

พระอมิตายุสพุทธเจา มีลักษณะถึงแปดหมื่นส่ีพัน ลักษณะหนึ่งๆมีอนุพยัญชนะมงคลอีกแปดหมื่นสี่พัน
แตละมงคลลักษณะหน่ึงๆ ยังมีรัศมีแปดหมื่นส่ีพันประการ สองสวางฉายไปยังทศทิศโลกธาตุ เพื่อสงเคราะหมิ
ละทิง้ หมสู ตั วท ่รี ะลกึ ถงึ พระพุทธเจา

『其光相好,及與化佛,不可具說。但當憶想,令心眼見,見此事者,即見十方一切諸佛。
以見諸佛故,名念佛三昧。』

อันรัศมี ลักษณะมงคลและพุทธนิรมิตน้ัน มิอาจกลาวไดท้ังหมด แตจงจดจําระลึกไว ยังใหดวงตาแหงจิต
ไดยล ผูไดเห็นเหตุการณนี้ คือไดพบบรรดาพระพุทธะในทศทิศ ดวยเหตุท่ีไดพบพระพุทธะทั้งปวง จึงช่ือวา
พุทธานสุ สตสิ มาธิ

『作是觀者,名觀一切佛身;以觀佛身故,亦見佛心;諸佛心者,大慈悲是;以無緣慈攝諸
眾生。』

ผูพิจารณาเชนน้ี ช่ือวา พิจารณากายแหงพระพุทธเจาท้ังปวง ดวยเหตุที่พิจารณาพุทธกาย และเห็นพุทธ
จติ อนั พุทธจิตนน้ั เปนมหาเมตตากรุณา เมตตาสงเคราะหแมน สรรพสัตวท ีป่ ราศจากปจ จัยรวมกนั มา

『作此觀者,捨身他世,生諸佛前,得無生忍。是故智者,應當繫心,諦觀無量壽佛。』

ผพู จิ ารณาเชน นี้ท่ไี ดละสงั ขารจากโลกอืน่ ๆ ยอมไปอุบตั ิยังเบ้ืองหนา พระพทุ ธเจาทงั้ ปวง บรรลอุ นตุ ปตตกิ
ธรรมกษานติ ดวยเหตุน้ีผมู ีปญญาพึงมีจติ ระลกึ ตง้ั ม่ัน พจิ ารณาพระอมติ ายุสพุทธเจา ตามนเี้ ถิด

『觀無量壽佛者,從一相好入,但觀眉間白毫,極令明了。見眉間白毫相者,八萬四千相好
,自然當現。見無量壽佛者,即見十方無量諸佛。得見無量諸佛故,諸佛現前授記。』

ผูพิจารณาอยูซึ่งพระอมิตายุสพุทธเจา จากมงคลลักษณะหนึ่งเขาสูมงคลลักษณะหน่ึง พึงพิจารณาพระ
อณุ าโลมสีขาวใหเดน ชดั ถึงทส่ี ุด ผูเ หน็ พระอณุ าโลมแลว มงคลลกั ษณะทง้ั แปดหมืน่ ส่พี นั กจ็ กั ปรากฏขนึ้ เอง ผูได

20

พบพระอมิตายุสพุทธเจา ยอมไดประสบพระพุทธเจาจํานวนไมมีประมาณในทิศท้ังสิบ แลเหตุท่ีไดพบ
พระพุทธเจา จาํ นวนไมมีประมาณในทศิ ท้ังสิบ พระพทุ ธเจา ท้ังปวงจกั ทรงปรากฏขนึ้ เพ่อื ประทานพยากรณ

『是為遍觀一切色身想,名第九觀作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』

น่ีคือการพิจารณารูปกายโดยรวมเปนนิมิต ช่ือวา การพิจารณาประการท่ีเกา ผูเจริญนิมิตพิจารณาเชนน้ี
ชือ่ วา พิจารณาไดถ กู ตอง หากพิจารณาเปน อน่ื ยอมชอ่ื วา ไดพิจารณาผิด”

佛告阿難,及韋提希:『見無量壽佛,了了分明已,次亦應觀觀世音菩薩,此菩薩身長八十
億那由他由旬,身紫金色,頂有肉髻,項有圓光,面各百千由旬。其圓光中,有五百化佛,如釋
迦牟尼。一一化佛,有五百化菩薩,無量諸天,以為侍者。舉身光中,五道眾生,一切色相,皆
於中現。』

มีพุทธดํารัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เมื่อไดเห็นพระอมิตายุสพุทธะ ดวยความชัดเจนแลว
ก็พึงพิจารณาพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว อันโพธิสัตวองคน้ีมีกายสูงแปดสิบโกฏินยุตะโยชน มีกายวรรณะมวง
ทอง ศีรเศียรนั้นมีอุษณีย*๑๗ ตนศอมีประภามณฑลกวางออกไปดานละรอยพันโยชน ในประภามณฑลนั้นมี
พระพุทธนิรมิตหารอย ประดุจพระศากยมุนี ท่ีพุทธนิรมิตหน่ึงๆ มีโพธิสัตวนิรมิตหารอย และเทพยดาไมมี
ประมาณติดตาม รัศมที ่ีสวา งจากกายเปน รปู ลักษณข องสัตวในภูมทิ งั้ หา *๑๘ ซ่ึงลวนมีปรากฏอยูภายใน

*๑๗.หรอื อณุ หสิ ในบาลี หมายถึงกรอบหนา พระพักตร, กอนพระมงั สะหนา พระเศยี ร ซงึ่ เปนอาการหนึ่ง
ในอาการ ๓๒ ของพระพุทธเจา โดยมากทําเปนเปลวเพลิง แสดงถึงพระปญญาอันรุงโรจน ประติมากรรมฝาย
มหายาน บางแหง ทําเปนกอ นพระมังสะงอกข้นึ มา เหนือพระนลาตขนึ้ ไปเล็กนอ ย

*๑๘.คติ ๕ มี อบายภูมิ ๓ คือ นรก เปรต เดรจั ฉาน และสคุ ติภูมิ คอื มนุษยภูมิ เทวภูมิอีก ๒ รวมเปน ๕
(สงเคราะหอสุรภูมิในเทวภมู ิ) ดั้งน้ัน คติ ๕ ก็คือ ภูมทิ ง้ั ๖

『頂上毗楞伽摩尼寶,以為天冠。其天冠中,有一立化佛,高二十五由旬。觀世音菩薩,面
如閻浮檀金色,眉間毫相,備七寶色,流出八萬四千種光明。一一光明,有無量無數百千化佛。
一一化佛,無數化菩薩以為侍者,變現自在,滿十方世界。』

บนศิรเศียรมีศักราภิลัคนมณี ประดับเปนทิพยศิราภรณ แลในศิราภรณน้ันมีพุทธนิรมิตหน่ึง สูงยี่สิบหา
โยชน พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว มีพักตรสีด่ังทองชมพูนุช มีอุณาโลมเปนมงคลลักษณะสีสรรดุจรัตนะเจ็ด
ประการ มีรัศมีแปดหมื่นส่ีพันไหลเขาออก แตละรัศมีหน่ึงๆ มีพระพุทธนิรมิตจํานวนรอยพัน นับไมไดถวนและ
ประมาณมิได แตละพุทธนิมิตหน่ึงๆ ยังมีโพธิสัตวนิรมิตจํานวนอสงไขยแวดลอมอยู บันดาลไดอยางอิสระ ทั่ว
โลกธาตุในทศทศิ

『臂如紅蓮華色,有八十億微妙光明,以為瓔珞。其瓔珞中,普現一切諸莊嚴事。手掌作五
百億雜蓮華色,手十指端,一一指端,有八萬四千畫,猶如印文。一一畫有八萬四千色,一一色
有八萬四千光,其光柔軟,普照一切。以此寶手,接引眾生。』

อุปมาสีแดงของปทุมมาลย มีรัศมีอันวิจิตรแปดสิบโกฏิประการท่ีใชเปนเกยูระ ในเกยูระนั้นก็ปรากฏ
กิจกรรมท่ีอลังการท้ังปวง หัตถมีวรรณะด่ังสีของดอกบัวหารอยโกฏิชนิด ท่ีปลายองคุลีทั้งสิบในหัตถ แตละ
ปลายนิ้วหน่ึงๆ มีลวดลายมงคลแปดหม่ืนสี่พัน ดุจตัวอักษรประทับอยู แตละลวดลายหนึ่งๆ มีแปดหม่ืนสี่พันสี
แตละสหี นึ่งๆ มรี ศั มีแปดหม่ืนส่ีพันประการ รศั มนี ั้นแลก็ละเมียดละไม สองสวา งไปตองสรรพสิง่ แลใชร ัตนหัตถ
น้นี าํ พาสตั วทง้ั ปวง

21

『舉足時,足下有千輻輪相,自然化成五百億光明臺;下足時有金剛摩尼華,布散一切,莫
不彌滿。其餘身相,眾好具足,與佛無異。唯頂上肉髻,及無見頂相,不及世尊。是為觀觀世音
菩薩真實色身相。名第十觀。』

ครายกเยื้องบาท บาทเบื้องลางมีลายกงจักรที่มีซี่หนึ่งพัน ยังปรากฏเปนรัศมีหารอยโกฏิเองโดยธรรมชาติ
เมื่อวางบาทลงก็มีดอกวัชรมณี (ดอกไมเพชร) โปรยปรายทั่วไป อันกายลักษณะอื่นๆ ก็สมบูรณดวยมงคล
ลักษณะท้ังปวง ดุจพระพุทธะไมตางกัน เพียงแตกอนมังสะบนเศียร และยอดสุดของเศียรที่มิเทียมเทาพระ
พุทธะ นี่คือการพิจารณารูปกายลักษณะที่แทจริงของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตวเปนนิมิต ชื่อวา การพิจารณา
ประการทส่ี บิ

佛告阿難:『若欲觀觀世音菩薩者,當作是觀。作是觀者,不遇諸禍,淨除業障,除無數劫
生死之罪。如此菩薩,但聞其名,獲無量福,何況諦觀?』

มีพุทธดํารัสตอพระอานนทวา “หากผูปรารถนาพิจารณาพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว พึงพิจารณาเชนน้ี ผู
พิจารณาเชน นย้ี อ มมปิ ระสบเภทภัยทั้งปวง กําจัดวิบากกรรมใหบรสิ ุทธ์ิ กาํ จัดบาปของสังสารวัฏจาํ นวนอสงไขย
โพธิสัตวอ งคน ีแ้ ลเพยี งไดยินพระนาม ก็ไดรับกุศลประมาณมไิ ด จกั ประสาใดกับการเพงพจิ ารณา

『若有欲觀觀世音菩薩者,當先觀頂上肉髻,次觀天冠,其餘眾相,亦次第觀之,悉令明了
,如觀掌中。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』

หากมีผูปรารถนาพิจารณาพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว พึงพิจารณากอนมังสะบนเศียรกอน แลวจึง
พิจารณาทิพยศิราภรณ (คือมาลาทิพยท่ีสวมศีรษะ) และลักษณะอื่นๆ ตามลําดับดวยความแจมชัด ประดุจการ
พิจารณาท่ีกลางฝามือ ผูเจริญนิมิตพิจารณาเชนนี้ ชื่อวาพิจารณาไดถูกตอง หากพิจารณาเปนอื่น ยอมช่ือวาได
พิจารณาผดิ ”

佛告阿難及韋提希:『次觀大勢至菩薩,此菩薩身量大小,亦如觀世音,圓光面各百二十五由
旬,照二百五十由旬。舉身光明,照十方國,作紫金色。有緣眾生,皆悉得見。但見此菩薩,一
毛孔光,即見十方無量諸佛,淨妙光明。是故號此菩薩名無邊光。』

ตรัสกับพระอานนท และพระนางเวเทหิวา “ตอไปคือการพิจารณา พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว
โพธิสัตวองคนี้มีประมาณแหงกายเล็กใหญ ดุจพระอวโลกิเตศวร ประภามณฑลแผออกไปดานละหน่ึงรอยยี่สิบ
หาโยชน สองสวางไปสองรอยหาสิบโยชน รัศมีประภาสแหงกายแผฉายไปยังโลกทั่วทศทิศ มีวรรณะมวงทอง
สรรพสัตวผูมีปจจัยสัมพันธลวนไดพบเจอ แมไดเห็นรัศมีจากขุมแหงโลมชาติหน่ึงของพระโพธิสัตวนี้ คือการได
ยลรัศมีอันบริสุทธ์ิของพระพุทธเจา จํานวนไมมีประมาณในทศทิศ เหตุนี้พระโพธิสัตวองคนี้จึงมีนามวา อนันต
ประภา

『以智慧光,普照一切,令離三塗,得無上力。是故號此菩薩,名大勢至。』

ดวยปญญาญาณท่ีรุงเรืองสองฉายยังสรรพสิ่ง ยังใหไกลหางจากอบายภูมิสาม ไดบรรลุอนุตรพละ เหตุน้ี
พระโพธสิ ัตวน้จี ึงมีนามวา มหาสถามปราปต

『此菩薩天冠,有五百寶華。一一寶華,有五百寶臺。一一臺中。十方諸佛淨妙國土,廣長
之相,皆於中現。頂上肉髻,如砵頭摩華。於肉髻上,有一寶瓶,盛諸光明,普現佛事。餘諸身
相,如觀世音,等無有異。』

อันทิพยศิราภรณแหงโพธิสัตวน้ี มีรัตนมาลีจํานวนหารอย รัตนมาลีหน่ึงๆมีรัตนบัลลังกหารอย แตละ
บัลลังกหน่ึงๆ มีวิสุทธ์ิเกษตรของพระพุทธเจาในทศทิศ แมมีขนาดกวางใหญไพศาล ก็ลวนปรากฏอยูภายใน

22

กอนมังสะเบ้ืองหนา มีลักษณะดุจดอกปทมะ*๑๙ บนกอนมังสะบนเศียร มีรัตนคนโทอันหนึ่ง รุงเรืองดวยรัศมี
ประภาสทั้งปวง อนั ปรากฏเปนพทุ ธกิจ แลว กายลกั ษณะอืน่ ๆนั้นเลา ก็ประดจุ พระอวโลกเิ ตศวรเสมอมิตา งกนั

๑๙ 砵頭摩華 คือ ดอกปท มา หรอื ดอกบัวแดง

『此菩薩行時,十方世界,一切震動,當地動處,有五百億寶華。一一寶華,莊嚴高顯,如
極樂世界。此菩薩坐時,七寶國土,一時動搖。』

เม่ือพระโพธิสัตวน้ีดําเนินไป โลกธาตุในทศทิศก็กําธรสั่นไหว ในสถานที่แผนดินสะทานสะเทือนน้ัน จัก
มีรัตนมาลีจํานวนหารอยโกฏิเกิดข้ึน รัตนมาลีหนึ่งๆนั้นอลังการสูงใหญ ดุจ (มาลี) ที่สุขาวตีโลกธาตุ เมื่อพระ
โพธิสตั วน ี้น่งั โลกธาตุท่ีเปน รตั นะเจ็ดประการ กจ็ ักส่นั สะเทอื นครัง้ หนึง่

『從下方金光佛剎,乃至上方光明王佛剎,於其中間,無量塵數分身無量壽佛,分身觀世音
,大勢至,皆悉雲集極樂國土,側塞空中,坐蓮華座,演說妙法,度苦眾生。』

จากโลกธาตุเบ้ืองลางของพระสุวรรณประภาสพุทธะ จนถึงโลกธาตุเบ้ืองบนของพระประภาสราชพุทธะ
ในระหวางน้ันนิรมาณกายของพระอมติ ายุสพทุ ธะ อันประมาณจํานวนมไิ ดเทาจํานวนปรมาณู นิรมาณกายของ
พระอวโลกิเตศวร พระมหาสถามปราปต ลวนประชุมอยูท่ีสุขาวตีโลกธาตุ แนนขนัดในอากาศ ประทับน่ังบน
ปท มอาสน แลวปาวประกาศแสดงธรรมอนั ประเสริฐ โปรดหมสู ตั วท ีเ่ ปน ทกุ ขท ั้งปวง

『作此觀者,名為觀見大勢至菩薩,是為觀大勢至色身相。觀此菩薩者,名第十一觀。』

ผูพิจารณาเชนนี้ ชื่อวา พิจารณามหาสถามปราปตโพธิสัตว คือการพิจารณารูปกายลักษณะของพระ
มหาสถามปราปตโพธสิ ตั วเ ปน นมิ ติ การพิจารณาโพธิสตั วน้ี ช่ือวา การพจิ ารณาประการท่ีสบิ เอ็ด

『除無數劫阿僧祗生死之罪,作是觀者,不處胞胎,常遊諸佛,淨妙國土。『此觀成時,名
為具足觀觀世音及大勢至。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』

สามารถกําจัดบาปจากสังสารวัฏจํานวนอสงไขยกัลป ผูพิจารณาเชนน้ี มิตองกําเนิดโดยครรภ จัก
ทองเท่ียวไปในวิศุทธิโลกของพระพุทธเจาทั้งปวง เมื่อพิจารณาสําเร็จเชนนี้ จึงชื่อวาสมบูรณซ่ึงการพิจารณา
พระอวโลกิเตศวรและพระมหาสถามปราปต ผเู จริญนมิ ิตพิจารณาเชน น้ี ชื่อวา พิจารณาไดถกู ตอ ง หากพจิ ารณา
เปนอ่นื ยอมชอ่ื วาไดพ ิจารณาผิด

佛告阿難及韋提希:『見此事時,當起想作心自見生於西方極樂世界,於蓮華中,結跏趺坐,
作蓮華合想,作蓮華開想。』

ตรัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เม่ือไดเห็นเหตุการณน้ี แลวจึงทํานิมิตในใจวากายของตนไป
อบุ ัตทิ ่ีสุขาวตโี ลกธาตเุ บือ้ งประจมิ ในปทมชาติ นัง่ คูสมาธิมดี อกบวั หุบและดอกบวั บานเปนลกั ษณะ

『蓮華開時,有五百色光,來照身想,眼目開想,見佛菩薩,滿虛空中。水鳥樹林,及與諸
佛所出音聲,皆演妙法,與十二部經合。若出定時,憶持不失,見此事已,名見無量壽佛極樂世
界。是為普觀想,名第十二觀。』

เมื่อคราท่ีดอกบัวผลิบาน จักมีรัศมีหารอยประการมาสัมผัสที่กาย เมื่อดวงตาเปดข้ึน จึงไดพบพระพุทธะ
โพธสิ ัตว เตม็ หว งนภากาศ กระแสนา้ํ สกณุ า รุกขชาติตางเปลงเสียงขึน้ พรอมกบั พระพุทธเจาทัง้ ปวง อนั ลวนคอื

การประกาศธรรมท่ีประเสริฐ เสมือนกับพระพุทธพจนสิบสองหมวด*๒๐ หากออกจากสมาธิ ก็ยังจดจําไวมิ
วิบัติ เมื่อไดเห็นเหตุการณน้ีแลว ช่ือวา การพิจารณาพระอมิตายุสพุทธะและสุขาวตีโลกธาตุ คือ การพิจารณา
โดยท่วั ไป ช่อื วา การพิจารณาประการทส่ี ิบสอง

*๒๐.十二部經 ทฺวาทศงคฺ ธรมฺ ปฺรวจนานิ พทุ ธพจน ๑๒ มี

23

๑.สูตร หรือสุตตะ คือระเบียบคําท่ีแสดงเน้ือความไดเ ร่ืองหน่ึงๆ ไดแก อุภโตวิภังคะ, นิทเทศ, ขันธก, ปริ
วาธ และสูตรทั้งหลายในสุตตนบิ าต เปนตนวา มงคลสูตร, รัตนสูตร, นาลกสูตร และพุทธพจนอื่นซึง่ เรียกชื่อวา
สูตร กน็ ับเปน สตู รหรือสตุ ตะเหมือนกัน

๒.เคยยะ คือระเบียบคําที่เปนจุณณียบท (รอยแกว) บาง คาถา (รอยกรอง) บาง ปนกันอยู ไดแก สคา
วรรค ในสังยุตตนิกายทั้งหมด ๓.คาถา คือระเบียบคําที่ทานประพันธผูเปนคาถาเชน ธรรมบท เถรคาถา เถรี
คาถา และคาถาลว นๆ ในสุตตนบิ าต ซึง่ ไมเรียกชอ่ื วา สตู ร (เม่อื คร้งั รจนาคมั ภีร สมันตปาสาทิกา)

๔.นิทาน คือระเบียบคําที่แสดงถึง มูลเหตุเกิดขึ้นของพระไตรปฎกบางสวนจําแนกไดคือ หน่ึงพระสูตรที่
เกิดขึ้นเพราะมีผูถามปญหา สองมูลเหตุที่พระพุทธองคทรงบัญญัติสิกขาบท สามเมื่อมีเหตุการณสําคัญเกิดข้ึน
จงึ ทรงแสดงธรรมปรารภถงึ เหตุน้ัน

๕.อิติวุตตกะ คือระเบียบคําที่อางวา พระพุทธเจาตรัสแลวอยางน้ี ไดแกสูตร รอยสิบสูตร ซ่ึงเปนไป
โดยนยั เปน ตนวา “วตุ ฺตํ เหตํ ภควตา...” ในอิติวุตตกะ

๖.ชาดก คือระเบียบคําที่พระพุทธเจาตรัสแสดงบูรพจารีต ไดแกชาดก หารอยหาสิบเร่ือง มี อปณณก
ชาดก เปนตน

๗.อัพภูตธรรม คือระเบียบคํากอปรดวยอัจฉริยภูตธรรม ไดแกสูตรท่ีประกอบไปดวยอัจฉริยภูตธรรม
ทงั้ หมด ซงึ่ เปน ไปโดยนัยเปนตน วา “จตตฺ าโรเม ภกิ ฺขเว อจฺฉริยา อพฺภุตธมมิ า อานนเฺ ท...”

๘.อวทาน คือระเบียบคําที่แสดงพระจริยาอันประเสริฐและ ที่กลาหาญเด็ดเดี่ยวของพระพุทธเจา คลาย
กับชาดก ผิดกันท่ชี าดกมุงแสดงประวัติของพระพทุ ธเจา เม่อื เสวยพระชาตเิ ปน พระโพธิสตั วในอดีต

๙.อุปเทศ คือระเบียบคาํ ทพี่ ระพุทธองคต รัส ในรูปของคําถามและคาํ ตอบ
๑๐.อุทาน คือระเบียบคําที่พระพุทธเจาทรงอาศัยโสมนัสญาณ เปนตน เปลงออกมาเปนคาถา โดยมาก
เปนจณุ ณยี บทกม็ บี า ง ไดแ กสตู ร แปดสิบสอง ในอทุ าน
๑๑.ไพบูลย ลักษณะหนึ่งของคัมภีรมหายาน รวบรวมสูตรที่แตงขยายความใหพิสดาร ตรงขามกับพุทธ
พจนท่ตี ดั ยอลง
๑๒.ไวยากรณ คือระเบียบคําที่เปนจุณณียบทลวน ไมมีคาถาปน และอภิธรรมปฎกท้ังสิ้น แมพระพุทธ
พจนอน่ื ทไี่ มสงเคราะหเขา ในองคท ่ี ๑๑ ทกี่ ลา วขางตนก็จัดวาเปน ไวยากรณดวย โดยรวมหมายถงึ พระไตรปฎก

『無量壽佛,化身無數,與觀世音,及大勢至,常來至此,行人之所。作是觀者,名為正觀
;若他觀者,名為邪觀。』

พระอมิตายุสพุทธเจา นิรมาณกายจํานวนอสงไขย พรอมกับพระอวโลกิเตศวรและพระมหาสถามปราปต
จักเสด็จมายังท่ีแหงน้ีของพระโยคาวจรอยูเปนนิจ ผูเจริญนิมิตพิจารณาเชนนี้ ชื่อวาพิจารณาไดถูกตอง หาก
พิจารณาเปน อืน่ ยอ มช่ือวา ไดพจิ ารณาผดิ ”

佛告阿難,及韋提希:『若欲至心,生西方者,先當觀於一丈六像,在池水上,如先所說,
無量壽佛,身量無邊,非是凡夫心力所及。然彼如來宿願力故,有憶想者,必得成就。但想佛像
,得無邊福,況復觀佛,具足身相?』

รับสั่งกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “หากมีจิตปรารถนาเปนที่สุดหมาย ไปอุบัติยังเบื้องประจิม
พึงพิจารณาวามีปฏิมาหกรูปสูงหนึ่งตึ๊ง*๒๑ สถิตบนนํ้าในสระโบกขรณี ตามที่กลาวขางตน วรกายของพระอมิ

24


Click to View FlipBook Version