ห นั ง สื อ
อ มิ ต า พุ ท ธ สู ต ร ( 佛 說 阿 彌 陀 經 )
อ มิ ต า ยุ รฺ ธฺ ย า น สู ต ร ( 佛 說 觀 無 量 壽 佛 經 )
ม ห า สุ ข า ว ตี ว ยู ห สู ต ร
佛說大乘無量壽莊嚴清浄平等覺經
ป ร� ช ญ า ป า ร มิ ต า ห ฤ ทั ย สู ต ร
THE HEART OF PRAJNA PARAMITA SUTRA
般若波羅蜜多心經
สรางถวายโดย
คณุ พอ แตแต แซอ วง 黄俤俤 Huang Di Di + คุณแม ฉวิ เอย้ี ง แซเอียะ 葉秋燕 Ye Qiu Yan
คุณปู อวงเตก็ อี่ 黄德挹 Huang De Yi + คุณยา ผางอาโหมย 彭亜妹 Peng A Mei
คุณตา เอียะฮิ่งลื่อ 葉興吕 Ye Xing Lv + คุณยาย เต้ืองเจียหลาง 張芝蘭 Zhang Zhi Lan
พรอ มทั้งลูกหลานเหลน
คําอทุ ศิ สว นบญุ กศุ ล
ขอนอ มบญุ กศุ ลครงั้ น้ีถวายพระสยามเทวาธิราช
พระมหากษัตริยไ ทยทุกๆพระองค
ขอนอมถวายกุศลผลบญุ นี้
เปน พุทธบูชาแดพระพทุ ธเจาทุกๆพระองค
พรอมทัง้ พระปจ เจกพุทธเจาทุกๆพระองค
ถวายเปน ธรรมบชู า แดค าํ สอน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ
ถวายเปนสังฆบชู า แดพ ระอริยเจา ท้ังหลาย
พรอมท้งั บิดามารดา ครบู าอาจารย พรหมและเทวดา
เจา กรรมนายเวร สัมภเวสี ทัง้ หลายทั้งปวง
ขอทานทั้งหลายโปรดอนุโมทนาและอโหสกิ รรม
และขอใหขา พเจาทัง้ หลายไดเ ขาถงึ ซงึ่ พระนิพพานดว ยเทอญ
หนงั สืออนุสรณ
เน่อื งในงานทําบญุ อฐั � บรรพบรุ ษุ บพุ การ�
黄 Huang Family
[ รูปถา ย ปา ยฮวงซุย คุณพอ + คณุ แม ]
คุณพอ แตแต แซอวง 黄俤俤 Huang Di Di + คุณแม ฉวิ เอยี้ ง แซเอียะ 葉秋燕 Ye Qiu Yan
[ รูปถาย ปายฮวงซุย คุณปู + คุณยา ]
คณุ ปู อว งเตก็ อี่ 黄德挹 Huang De Yi + คณุ ยา ผางอาโหมย 彭亜妹 Peng A Mei
[ รูปถาย ปา ยฮวงซยุ คุณตา + คณุ ยาย ]
คณุ ตา เอียะฮิ่งลื่อ 葉興吕 Ye Xing Lv + คุณยาย เต้อื งเจียหลาง 張芝蘭 Zhang Zhi Lan
ประวัติโดยสังเขป ของ 黄 Huang Family
เสนทางชวี ติ 100 ป จากเมืองจีน มาสูเมอื งไทย
อุตสาหกรรมยานยนตที่ขยายตัวอยางรวดเร็วท่ัวโลกและเฟองฟูอยางมาก ตั้งแตคริสตทศวรรษ 1860
สง ผลใหค วามตอ งการใชย างพารา ซึง่ เปนสวนประกอบสําคัญในอุตสาหกรรมน้ีเพ่มิ ขึ้น โดยเฉพาะกลุมประเทศ
ผูผลิตรถยนตรายใหญของโลก เชน ประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี ซ่ึงมีอัตราการผลิต
และกําลังซ้อื ท่ีสูง ลวนมีความตอ งการยางพารา เพ่ือปอนอุตสาหกรรมยานยนตภายในประเทศจํานวนมาก อปุ
สงคของการใชยางพาราที่เพ่มิ จํานวนมากขึ้นตามลําดบั ทําใหอังกฤษเรมิ่ สนใจหาพน้ื ทปี่ ลูกยางพารา และเลือก
อาณานคิ มมลายาเปน แหลง ปลกู ยางพาราที่สําคญั ต้ังแตครสิ ตท ศวรรษ 1880 - 1910
กลุมประเทศผูผลิตรถยนตรายใหญของโลก ท้ังประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี รัสเซีย
และฝรั่งเศส มีความตองการใชยางพาราในปริมาณท่ีสงู และมียอดการนาํ เขายางพาราเพม่ิ ขึน้ อยางตอเน่ืองทุก
ป ดวยเหตุดังกลาวอังกฤษจึงตองการใหมลายาเปนแหลงปลูกยางพาราที่สําคัญ ทําใหมีการเผยแพรพันธุ
ยางพาราและสงเสริมการปลูกยางพาราในมลายาอยางจริงจัง การเกณฑแรงงานชาวอินเดียและชาวจีนเปน
นโยบายสําคัญของอังกฤษท่ีสงเสริมการทําสวนยางพาราในมลายา เนื่องจากแรงงานเหลาน้ีเปนกําลังสําคัญใน
การทําสวนยางพาราขนาดใหญของกลมุ นายทนุ องั กฤษและนายทุนจนี
ในคริสตศตวรรษท่ี 19 ชาวจีนเปนแรงงานที่ถูกเกณฑเขาไปทําเหมืองแรในมลายาจํานวนมาก ตอมาใน
คริสตทศวรรษ 1910 เมื่อความนิยมของการทําสวนยางพาราในมลายาแพรหลายมากขึ้น จึงมีการจางแรงงาน
ชาวจีนเขาไปทําสวนยางพาราขนาดใหญข องนายทุนจนี และนายทุนองั กฤษ ชาวจีนทต่ี องการเขา ไปเปนแรงงาน
ในมลายาจะตอ งตดิ ตอ ผา นนายหนาในประเทศจีน และมกี ารทําสัญญารวมถึงจายคาเดินทาง ตลอดจนคา ดํารง
ชีพระหวางการเดินทางเขาไปในมลายาใหแกสํานักงานนายหนา เม่ือแรงงานชาวจีนเดินทางไปถึงมลายา
สํานักงานนายหนาจะจัดหาท่ีพักใหอาศัยอยูในสํานกั งานที่พํานักช่ัวคราว จนกวาชาวจีนที่อพยพมาจะมีงานทาํ
และชําระหน้ีครบตามสัญญา อน่ึงแรงงานชาวจีนจะมีอสิ ระในการเลอื กทํางานกบั นายจางไดตามความสมคั รใจ
และไมมีขอผูกมัดเหมือนแรงงานชาวอินเดีย แรงงานชาวอินเดียและชาวจีนนับเปนแรงงานที่มีความสําคัญตอ
การทาํ สวนยางพาราในมลายาอยางมาก โดยเฉพาะในปลายคริสตทศวรรษ 1900 ความตอ งการแรงงานในการ
ทาํ สวนยางพารามจี าํ นวนมาก เพอ่ื รองรับการขยายพืน้ ทก่ี ารทําสวนยางพาราในมลายาที่เพมิ่ ข้ึน
เวลากวา 100 ป ที่ชาวจีนฮกจิวท่ีมีถ่ินฐานเดิม ณ ตําบลกูเท้ียน เมืองฮกจิว (ฝูโจว) มณฑลฮกเก้ียน (ฝู
เจ้ียน) เดินทางอพยพจากประเทศจีนมารับจางทําเกษตรกรรมใน เมืองซิเทียวัน (Sitiawan) รัฐเประ (Perak)
ประเทศมาเลเซีย ในประมาณ พ.ศ. 2444 จนเม่ือประมาณป พ.ศ. 2468 มีชาวจีนฮกจิวจากรัฐเประกลุมหน่ึง
นําโดย ล่ิงจื้อปอ ลาวฮวาลิ่ง พางมิงอู กงกวางจ๊ัว โดยสารรถไฟจากมาเลเซียมาลงท่ีสถานีรถไฟทุงสง คางที่ทุง
สง 1 คืน จากนนั้ ตอ รถไฟมาลงทีส่ ถานรี ถไฟคลองจัง และเดนิ เทามาตั้งชุมชนท่แี ปด คอื สะพานรถไฟจากทุง สง
ถึงนาบอนเปน สะพานท่ีแปด และตอ มาไดเ รยี กชอ่ื ตามหมบู านนาบอนวา “ตลาดนาบอน” เมือ่ ชาวจนี ฮกจวิ เขา
มาในเมืองไทย ปลูกยางพารากันเปนสวนใหญ จึงไดสถิติเปนเมืองปลูกยางพารามากที่สุดในเมืองไทย ต้ังแตป
พ.ศ. 2508-2516 คําวา “นาบอน” จึงเปนที่รูจักของคนท่ัวโลก ซ่ึงอาจนับไดวาเปนชาวจีนกลมุ ทายๆ ท่ีเขามา
ต้ังถนิ่ ฐานชุมชนในประเทศไทย จากเส่อื ผืนหมอนใบ มาสคู วามย่งิ ใหญในปจจบุ นั
คุณพออวงแตแตและคุณแมเอียะฉิวเอี้ยง ไดเดินทางมาจากเมืองจีน เพ่ือแสวงหาแหลงทํามาหากินที่
ดีกวาที่บานเกิด โดยเดินทางจากเมืองจีน ไปยังเมืองมลายา แลวเขามายังภาคใตของเมืองไทย ตามคนจีนรุน
กอ นๆ ท่ีไดเ ดินทางมาลวงหนา แลว คุณพอไดจ ากเมอื งจนี มาตอนอายปุ ระมาณ 16 ป สว นคณุ แมม าถึงเมอื งไทย
ตอนอายุ 3 ขวบเทา น้นั ท้งั สองทา นไดต้งั รกรากทําอาชีพปลูกยางพาราท่ี ต.นาบอน อ.ทงุ สง จ.นครศรีธรรมราช
กอนจะเกดิ สงครามโลกครง้ั ที่ 2
ครอบครัวคุณพอมีพี่นองเปนชายจํานวน 4 คน ทานเปนลูกคนเล็กสุด พี่ชายคนโตอยูและตายท่ีเมืองจีน
ไมมีลูกหลานสืบสกุล พ่ีชายคนที่ 2 อยูมาเลเซีย มีลูกชายสืบสกุลและกลับไปอยูเมืองจีน และพี่ชายคนท่ี 3 ได
ตามทานมาอยูเมืองไทย มีลูกชาย 2 คน ติดมาดวย สวนครอบครัวของคุณแมมีพ่ีนอง 4 คน คุณตาคุณยายท้ัง
สองคนพาทา นมาจากเมืองมลายาตั้งแตอ ายุ 3 ขวบ แลว มีลูกชายหญงิ ตอ จากคุณแมเ พ่ิมอีก 3 คน โดยมคี ณุ แม
เปน คนโต มีลูกชาย 1 คน และลูกสาว 3 คน และคณุ ตาคุณยายกไ็ ดเสยี ชวี ิต ฝง รางไวบนผืนแผน ดนิ ไทย
คุณพออว งแตแตและคณุ แมเ อียะฉวิ เอย้ี ง ไดกําเนดิ ลูกทงั้ หมด 9 คน เปนลกู ชาย 6 คน และลกู สาว 3 คน
ทานทั้งสองไดเลี้ยงดูลูกดวยอาชีพทําสวนยางพารา และใหการศึกษาลูกท้ังหมดอยางดี ตามความตองการของ
ลกู แตล ะคน ลกู ชายคนท่ี 2 ไดดาํ เนนิ รอยตามทา น ไปบุกเบิกการทําสวนยางพาราที่ ต.มาบอาํ มฤต อ.ปะทิว จ.
ชุมพร พรอมกับลูกสาวคนโตและครอบครัว ไดยายจาก ต.จันดี มาบุกเบิกทําสวนยางพาราท่ี ต.มาบอํามฤต
ดวย ปจจุบันชาวฮกจิวที่เดินทางจากโพนทะเล มาตั้งรกรากท่ีเมืองไทย พรอมท้ังลูกหลานที่เกิดในเมืองไทย
สามารถขยายพื้นท่ีทําสวนยางพารา จากนาบอน จันดี ทุงสง ไปยัง นาสาร ละแม บานสอง มาบอํามฤต หลัง
สวน ระยอง กระจายออกไปทั่วท้ังเมืองไทย สรางรายไดใหกับเมืองไทยอยางมหาศาล น่ีคือ 100 ปของบรรพ
ชน ทล่ี งทนุ ดว ยชวี ติ เดนิ ทางดวยความยากลําบาก เพือ่ ชีวติ ท่ีมน่ั คงและอยูดีกินดี สาํ หรบั ลูกหลานในอนาคต
บรรพชนท่ีอาศัยต้ังรกรากท่ี ณ หมูบานตระกูลอวง ตําบลกูเท้ียน เมืองฮกจิว (ฝูโจว) มณฑลฮกเกี้ยน (ฝู
เจี้ยน) เปนเวลามากกวา 400 ป ปจจุบันยังคงมีประชากรอาศัยอยู จํานวนมากกวา 1,000 คน ท้ังหมดใช
แซอ วง 黄 (สําเหนียงแตจ ว๋ิ อึ้ง หมายถงึ สีเหลือง หรอื ฮอ งแต) เหมอื นกันหมด เพราะสืบเช้ือสายตอเนื่องมา
ยาวนาน ที่บานยังมีเก็บปายซุมประตูพระราชทานจากฮองแต ขอความวา สามารถสืบทอดทายาทไดอยาง
ตอเนื่อง 5 ชั่วคน และในตอนนี้สามารถสืบเช้ือสายลงมาจนถึงปจจุบัน นับเปน 18 ถึง 20 ช่ัวคนแลว ประวัติ
บรรพชนแตล ะรุน มีการจดบนั ทึกรายช่ือแตล ะชว่ั คน (Family Tree) เก็บไวทห่ี อบรรพชนจนถึงปจ จบุ ันน้ี
ในชั่วชีวิตหน่ึง บรรพชนสามารถอาศัยกายเน้ือ เดินทางฝาฟนอุปสรรคตางๆนาๆ อาบเหง่ือตางนํ้า เอา
ชีวิตเขาแลก ขามน้ําขามทะเลขามภูเขา ไปเปนระยะทางเปนพันเปนหม่ืนล้ี เอาเลือดเนื้อกระดูกฝงไวบนพื้น
แผน ดินเมอื งไทยนบั ไมถ วน แตส งั สารวัฏฏทต่ี องเวียนวา ยตายเกดิ เดินทางดวยกายทิพย มรี ะยะทางนบั ภพชาติ
ไมถวน มีความรักผูกพันในสายเลือดสายวงศตระกูล มีบาปและบุญเปนเคร่ืองนําทางไปเทาน้ัน จนกวาจะมี
ปญญา มองเห็นหนทางสูค วามพน ทกุ ขอ ยางถาวร ...นามอ ออนที อ ฮุก... นะโม อะมติ าภะ พทุ ธายะ.
จบ ประวตั ิโดยสงั เขป ของ 黄 Huang Family
1 of 11
2 of 11
3 of 11
4 of 11
5 of 11
6 of 11
7 of 11
8 of 11
9 of 11
10 of 11
11 of 11
รายช�อ่ -ปยู า-ตายาย-พอแม- ลูกหลาน-เหลน
黄 Huang Family
คณุ ปู อว งเต็กอี่ 黄德挹 Huang De Yi + คณุ ยา ผางอาโหมย 彭亜妹 Peng A Mei มลี กู 4 คน
คุณตา เอียะฮ่ิงลอ่ื 葉興吕 Ye Xing Lv + คุณยาย เตอื้ งเจียหลาง 張芝蘭 Zhang Zhi Lan มลี ูก 4 คน
คณุ พอ แตแต แซอวง 黄俤俤 Huang Di Di + คุณแม ฉิวเอีย้ ง แซเ อียะ 葉秋燕 Ye Qiu Yan มีลูก 9 คน
1.นางไถม วย แซอ ว ง + นายอินทรยี ซ่ือธานุวงศ มลี ูก 6 คน
1.1.น.ส.ปยนันท ซ่อื ธานวุ งศ
1.2.น.ส.เกสนิ ี ซ่อื ธานุวงศ
1.3.น.ส.ญาณนี ซ่ือธานุวงศ + นายประพฤติ วองสมบูรณส ิน มีลกู 2 คน
1.3.1.น.ส.นฤภร วอ งสมบูรณส นิ
1.3.2.นายศุภกร วองสมบูรณสนิ
1.4.นายกนกศกั ด์ิ ซ่อื ธานุวงศ + น.ส.ออยใจ เลิศลํ้า มีลูก 1 คน
1.4.1.ด.ช.ทอปราน ซอ่ื ธานุวงศ
1.5.น.ส.กลั ยรัตน ซ่อื ธานุวงศ + นายชยตุ กังวานธรรม มีลูก 2 คน
1.5.1.ด.ช.ชยนิ กงั วานธรรม
1.5.2.ด.ญ.ชลิดา กงั วานธรรม
1.6.น.ส.ดลฤดี ซอื่ ธานุวงศ + นายกนกศกั ด์ิ จิตติเรืองวิชัย มีลกู 2 คน
1.6.1.ด.ญ.พชิ ชานันท จติ ติเรืองวิชัย
1.6.2.ด.ญ.นันทรตั น จิตตเิ รืองวิชยั
2.นายดิฐ หวังพฒั นาพาณิชย + นางณฐั ยิ า ชูชวย มีลูก 3 คน
2.1.น.ส.สายดนยี หวงั พัฒนาพาณิชย (โบว)
2.2.น.ส.ปย าพร หวังพฒั นาพาณชิ ย (แอน)
2.3.น.ส.ภาสนิ ี หวงั พัฒนาพาณชิ ย (ออ น)
3.นายลงกรณ ปตภัทรวบิ ูลย + นางมกุ ดา แซผ า ง มีลกู 4 คน
3.1.นายอนันตฤทธิ์ เหลืองนิพัทธ (A 黄祖金)
3.2.น.ส.ธนันตณ ชั ปตภทั รวบิ ลู ย (B 黄素琳)
3.3.นายเทพฤทธ์ิ ชนื่ โชคสันต (M 黄祖贵) + น.ส.วรธกานต นิรนั ดรสุข (แซหล่ี) มลี กู 1 คน
3.3.1.ด.ช.ณฐั วรรธน ชน่ื โชคสันต (กา ว 黄荣步)
3.4.นายไกรฤทธ์ิ ปตภัทรวิบลู ย (K 黄祖利) + น.ส.ชญานี บอ จักรพนั ธ มีลูก 2 คน
3.4.1.ด.ช.ดนัยวัฒน ปต ภัทรวบิ ูลย (ไท 黄荣泰)
3.4.2.ด.ญ.ภญิ ญาพชั ญ ปตภัทรวิบลู ย (สุย 黄水水)
4.นายปราการ ช่นื โชคสันต + นางบุษบง เพชรพุม มลี ูก 2 คน
4.1.น.ส.อริสา ชืน่ โชคสันต + นายธนิศร รงั สริ ักษ (แซโซว)
4.2.นายอดิศร ชน่ื โชคสนั ต
5.นางวรากุล ชนื่ โชคสนั ต + นายธีรพล บุญกลู (แซเ ตอ้ื ง) มลี ูก 1 คน
5.1.นายพลวีรฺ บญุ กูล (กอลฺฟ)
6.นายวีระเทพ ชื่นโชคสนั ต + นางนวรตั น เกยี รตพิ ิมล (แซเ ลา ) มลี ูก 4 คน
6.1.น.ส.อญั ชลุ ี ชน่ื โชคสันต (ลีล่ ี)่
6.2.นายเมษา ชนื่ โชคสนั ต (หน่ึง) + นางนฤมล สุขใส
6.3.น.ส.สายพิณ ชืน่ โชคสนั ต (ปน )
6.4.น.ส.ผกาทพิ ย ช่ืนโชคสนั ต (แหวน)
6.นายวีระเทพ ชื่นโชคสันต + นางชนญั ชดิ า ยอดสมุทร มลี กู 3 คน
6.5.นายศิโรดม ช่นื โชคสันต (เซยี น)
6.6.นายเมธสั ช่นื โชคสนั ต (เซิน)
6.7.ด.ญ.พรหมพริ ิยา ช่นื โชคสนั ต (ซ)ี
7.นายศานต ช่ืนโชคสันต + นางสุภานันท วินัยจรูญ มีลกู 2 คน
7.1.น.ส.ภชู ญา ชน่ื โชคสนั ต (ปลา)
7.2.นายพรี วัส ชื่นโชคสันต (เบิรด)
8.นายวรวรรธน ช่ืนโชคสันต
9.นางนวลจันทร ช่นื โชคสนั ต + นายจรูญ ไพรัตน (แซภ ู) มีลูก 2 คน
9.1.น.ส.กลั ยารตั น ไพรัตน (ปอ)
9.2.นายธรี ภัทร ไพรัตน (บอล)
คณุ ป่ ู อ้วงเต็กอี คณุ ยา่ ผ่างอาโหมย่ คณุ ตา เอียะฮิงลอื คณุ ยาย เตอื งเจียหลาง
黄德挹 Huang De Yi 彭亜妹 Peng A Mei 葉興吕 Ye Xing Lv 張芝蘭 Zhang Zhi Lan
คุณพอ แตแต แซอ ว ง คณุ แม ฉิวเอย้ี ง แซเอยี ะ
黄俤俤 Huang Di Di 葉秋燕 Ye Qiu Yan
1.นางไถ่ม้วย 2.นายดฐิ 3.นายลงกรณ 4.นายปราการ 5.นางวรากุล 6.นายวีระเทพ 7.นายศานต 8.นายวรวรรธน 9.นางนวลจันทร
แซอ่ ้วง หวังพัฒนาพาณิชย ปตภัทรวิบลู ย ช่นื โชคสันต ชน่ื โชคสันต ช่ืนโชคสนั ต ชน่ื โชคสันต ชืน่ โชคสันต ช่นื โชคสันต
1.นายอนิ ทรีย 2.นางณฐั ิยา 3.นางมกุ ดา 4.นางบุษบง 5.นายธรี พล 6.นางนวรัตน 7.นางสุภานันท 9.นายจรูญ
ซื่อธานวุ งศ ชชู ่วย แซผ่ ่าง เพชรพุม บญุ กลู เกียรตพิ ิมล วินัยจรญู ไพรัตน
1.1.น.ส.ปยนันท 2.1.น.ส.สายดนีย 3.1.นายอนนั ตฤทธิ 4.1.น.ส.อรสิ า 5.1.นายพลวีรฺ 6.1.น.ส.อัญชุลี 7.1.น.ส.ภชู ญา 9.1.น.ส.กัลยารัตน
ซอ่ื ธานุวงศ หวังพัฒนาพาณชิ ย เหลอื งนพิ ทั ธ์ ชืน่ โชคสนั ต บญุ กูล ชน่ื โชคสนั ต ช่นื โชคสันต ไพรัตน
1.2.น.ส.เกสนิ ี 2.2.น.ส.ปย าพร 3.2.น.ส.ธนันตณัช 4.2.นายอดิศร 6.2.นายเมษา 7.2.นายพีรวัส 9.2.นายธีรภัทร
ซ่อื ธานวุ งศ หวังพฒั นาพาณชิ ย ปต ภทั รวิบูลย ชืน่ โชคสนั ต ชนื่ โชคสนั ต ช่ืนโชคสันต ไพรัตน
1.3.น.ส.ญาณนี 2.3.น.ส.ภาสินี 3.3.นายเทพฤทธิ์ 6.3.น.ส.สายพณิ
ซื่อธานุวงศ หวงั พัฒนาพาณิชย ช่นื โชคสันต ชน่ื โชคสนั ต
1.4.นายกนกศักดิ์ 3.4.นายไกรฤทธิ์ 6.4.น.ส.ผกาทิพย
ซือ่ ธานวุ งศ ปตภัทรวบิ ูลย ชน่ื โชคสันต
1.5.น.ส.กัลยรัตน รุน 6.นางชนญั ชิดา
ซอื่ ธานุวงศ ป+ู ยา ตา+ยาย ยอดสมุทร
1.6.น.ส.ดลฤดี พอ +แม 6.5.นายศโิ รดม
ซือ่ ธานุวงศ ลูกชายหญิง ช่ืนโชคสนั ต
Update @ 2561 B.E. 6.6.นายเมธัส 黄 Huang
ชนื่ โชคสันต Family Tree
6.7.ด.ญ.พรหมพิริยา
ช่ืนโชคสันต
Update @ 2561 B.E. 1.นางไถมวย
แซอ วง
黄 Huang Family Tree
1.นายอินทรีย
ซือ่ ธานุวงศ
1.3.น.ส.ญาณนี 1.3.นายประพฤติ 1.4.นายกนกศักดิ์ 1.4.น.ส.ออ ยใจ 1.5.น.ส.กลั ยรตั น 1.5.นายชยตุ 1.6.น.ส.ดลฤดี 1.6.นายกนกศักด์ิ
ซ่อื ธานุวงศ กังวานธรรม
ซอ่ื ธานุวงศ วอ งสมบูรณสิน ซอื่ ธานุวงศ เลศิ ลา้ํ ซื่อธานวุ งศ จติ ตเิ รืองวชิ ัย
1.3.1.น.ส.นฤภร 1.4.1.ด.ช.ทอปราน 1.5.1.ด.ช.ชยิน 1.6.1.ด.ญ.พิชชานันท
วอ งสมบรู ณสิน ซือธานวุ งศ์ กังวานธรรม จติ ติเรอื งวิชัย
1.3.2.นายศุภกร 1.5.2.ด.ญ.ชลดิ า 1.6.2.ด.ญ.นนั ทรัตน
วอ งสมบรู ณสนิ กังวานธรรม จติ ตเิ รืองวชิ ัย
3.นายลงกรณ์ 4.นายปราการ 6.นายวีระเทพ
ปีตภทั รวบิ ลู ย์ ชน่ื โชคสันต ชื่นโชคสนั ต
3.นางมกุ ดา 4.นางบษุ บง 6.นางนวรัตน
แซผ่ า่ ง เพชรพุม เกยี รตพิ มิ ล
3.3.นายเทพฤทธิ์ 3.3.น.ส.วรธกานต 3.4.นายไกรฤทธิ์ 3.4.น.ส.ชญานี 4.1.น.ส.อริสา 4.1.นายธนิศร 6.2.นายเมษา 6.2.นางนฤมล
ชื่นโชคสนั ต รังสริ ักษ ชื่นโชคสันต สุขใส
ช่นื โชคสันต นริ นั ดรสุข ปต ภัทรวบิ ูลย บอ จักรพนั ธ
3.3.1.ด.ช.ณัฐวรรธน 3.4.1.ด.ช.ดนัยวฒั น รุน
ชน่ื โชคสนั ต ปตภทั รวบิ ูลย พอ + แม
ลกู ชายหญงิ + ภรรยาสามี
3.4.2.ด.ญ.ภิญญาพชั ญ หลาน - เหลน
ปต ภัทรวิบูลย
佛說阿彌陀經
Í ÁÔ µ Ò ¾Ø · ¸ ÊÙ µ Ã
พระกมุ ารชวี ะ แปลจากสันสกฤตพากยส ูจนี พากย
พระวศิ วภัทร เซ่ยี เกี๊ยก วัดเทพพุทธาราม แปลจากจีนพากยส ูไ ทยพากย
佛說觀無量壽佛經
Í ÁÔ µ Ò ÂØ ÃÚ ¸Ú Â Ò ¹ ÊÙ µ Ã
พระกาลยสมหาเถระ แปลจากสนั สกฤตพากยสจู ีนพากย
พระวศิ วภทั ร เซย่ี เก๊ยี ก วัดเทพพทุ ธาราม แปลจากจีนพากยสไู ทยพากย
佛說大乘無量壽莊嚴清浄平等覺經
Á Ë Ò ÊØ ¢ Ò Ç µÕ Ç ÂÙ Ë ÊÙ µ Ã
พระวิศวภัทร เซี่ยเกี๊ยก วัดเทพพทุ ธาราม แปลจากจีนพากยสไู ทยพากย
ป ร� ช ญ า ป า ร มิ ต า ห ฤ ทั ย สู ต ร
THE HEART OF PRAJNA PARAMITA SUTRA
般若波羅蜜多心經
佛說阿彌陀經
อ มิ ต า พุ ท ธ สู ต ร
姚秦龜茲三藏鳩摩羅什譯
พระกุมารชีวะ แปลจากสนั สกฤตพากยสูจีนพากย
พระวศิ วภัทร เซ่ยี เกย๊ี ก วัดเทพพุทธาราม แปลจากจีนพากยส ไู ทยพากย วันท่ี ๒๔ มิถนุ ายน ๒๕๕๒
如是我聞:一時,佛在舍衛國祇樹給孤獨園,與大比丘僧千二百五十人俱,皆是大阿羅漢,
眾所知識。長老舍利弗、摩訶目乾連、摩訶迦葉、摩訶迦栴延、摩訶拘絺羅、離婆多、周梨槃陀
迦、難陀、阿難陀、羅睺羅、憍梵波提、賓頭盧頗羅墮、迦留陀夷、摩訶劫賓那、薄俱羅、阿[少/
兔] 樓馱,如是等諸大弟子,并諸菩薩摩訶薩—文殊師利法王子、阿逸多菩薩、乾陀訶提菩薩、常
精進菩薩,與如是等諸大菩薩,及釋提桓因等無量諸天大眾俱。
ขาพเจาไดสดับมาดังน้ี สมัยหนึ่งพระผูมีพระภาค ประทับอยูในสวนเชตวัน ของทานอนาถปณฑกะ ใน
เมืองสาวัตถี พรอมดวยภิกษุสงฆหมูใหญหน่ึงพันสองรอยหาสิบรูป ซ่ึงลวนแตเปนพระอรหันตเถระ อันเปนท่ี
รูจักของหมูชน มี พระศาริบุตรเถระเจา พระมหาเมาทคัลยายนะ พระมหากาศยปะ พระมหากาตยายนะ พระ
มหาเกาษฐิละ พระเรวตะ พระศุทธิปนถกะ พระนันทะ พระอานันทะ พระราหุละ พระความปติ พระปณ
โฑลภรทั วาช พระกาโลทยนิ พระมหากปั ปณ ะ พระวกั กลุ ะ และพระอนิรุธะ กบั ท้งั พระมหาสาวกท้ังหลายเชนนี้
พรอมดวยพระโพธิสัตวหาสัตวทั้งหลาย มีพระมัญชุศรีธรรมราชกุมาร พระอชิตโพธิสัตว พระคันธหัสดี
โพธสิ ัตว พระนิตโยทยกุ ตโพธิสัตว กบั ทงั้ บรรดามหาโพธิสตั วทั้งปวง และทาวศักระจอมเทพกับเทวบริษัทอีกไม
มปี ระมาณ
爾時,佛告長老舍利弗:「從是西方過十萬億佛土,有世界名曰極樂。其土有佛,號阿彌陀
,今現在說法。舍利弗!彼土何故名為極樂?其國眾生無有眾苦,但受諸樂,故名極樂。又舍利
弗!極樂國土,七重欄楯、七重羅網、七重行樹,皆是四寶周匝圍繞,是故彼國名曰極樂。
ครั้งน้ัน พระสัมมาสัมพุทธเจาทรงรับส่ังกับพระศาริบุตรวา “นับจากโลกธาตุแหงน้ีไปเบ้ืองตะวันตกผาน
พุทธเกษตรอื่นๆไปแสนโกฏิ มีโลกธาตุชื่อวา สุขาวตี ในดินแดนแหงนั้นมีพระพุทธเจาพระนามวา อมิตาะ ยัง
ทรงแสดงพระธรรมเทศนาอยูแมนในบัดน้ี ดูกอนศาริบุตร เหตุใดเลาดินแดนแหงน้ันจึงไดชื่อวา สุขาวตี บรรดา
สรรพสัตวท ี่อยใู นแดนน้นั ไรซึง่ ทกุ ขท ง้ั ปวง จักเสวยกแ็ ตค วามสุขสถานเดียว เปนเหตุใหช ่ือวา สขุ าวตี ดูกอ นศาริ
บตุ ร สขุ าวตโี ลกธาตุลอมรอบดวยกําแพง ๗ ช้ัน ขายกระดงึ ๗ ช้นั รกุ ขชาติ ๗ แถว อันลว นแตแ วดลอ มไปดวย
รตั นะ ๔ ประการ เหตนุ ดี้ นิ แดนแหง นนั้ จงึ ไดชือ่ วา สุขาวต”ี
「又舍利弗!極樂國土有七寶池,八功德水充滿其中,池底純以金沙布地。四邊階道,金、
銀、琉璃、頗梨合成。上有樓閣,亦以金、銀、琉璃、頗梨、車磲、赤珠、馬瑙而嚴飾之。池中
蓮花,大如車輪,青色青光,黃色黃光,赤色赤光,白色白光,微妙香潔。舍利弗!極樂國土成
就如是功德莊嚴。
“ดกู อ นศารบิ ุตร สุขาวตีโลกธาตุมสี ระโบกขรณีรตั นะ ๗ แหง ภายในมีอษั ฏางคิกวารีอยูเตม็ เปยม กน สระ
ก็ปูลาดดว ยทรายทองทงั้ สน้ิ บนั ไดทั้ง ๔ ทศิ กป็ ระกอบไปดวยทอง เงนิ ไพฑูรย ผลกึ มีหอเรือนท่ปี ระดบั ตกแตง
ดวยทอง เงิน ไพฑูรย ผลึก บุษราคัม ทับทิม โมรา ปทุมชาติในสระน้ันก็ใหญโตดุจกงลอ ดอกสีเขียวก็มีรัศมีสี
เขียว ดอกสีเหลืองก็มีรัศมีสีเหลือง ดอกสีแดงก็มีรัศมีสีแดง ดอกสีขาวก็มีรัศมีสีขาว สงกล่ินหอมที่วิเศษย่ิงนัก
ศารบิ ตุ รเอย สุขาวตีโลกธาตุสําเร็จดวยความอลงั การเชนน”ี้
1
「又舍利弗!彼佛國土,常作天樂,黃金為地,晝夜六時天雨曼陀羅華。其國眾生,常以清
旦,各以衣裓盛眾妙華,供養他方十萬億佛;即以食時,還到本國,飯食經行。舍利弗!極樂國
土成就如是功德莊嚴。
“ดูกอนศาริบุตร พุทธเกษตรแหงน้ัน บังเกิดมีเสียงทิพยดนตรีอยูเปนนิจ พ้ืนปฐพีเปนทองคํา ตลอดทิวา
ราตรี ๖ เวลาจักมีดอกมณฑารพรวงจากฟากฟา ทุกวันสรรพสัตวในโลกแหงน้ันจะใชอาภรณกอบเอาทิพยมาลี
ตางๆ เพื่อนําไปสักการะพระพุทธเจาจํานวนแสนโกฏิในทิศท้ังปวง ใชเวลาเทาการทําภัตตากิจคราวหนึ่งก็กลับ
มาถึงโลกธาตเุ ดิม เพื่อบริโภคอาหารและจงกรม ศารบิ ตุ รเอย สุขาวตีโลกธาตุสาํ เรจ็ ดวยความอลังการเชน น้ี”
「復次舍利弗!彼國常有種種奇妙雜色之鳥—白鵠、孔雀、鸚鵡、舍利、迦陵頻伽、共命之
鳥。是諸眾鳥,晝夜六時出和雅音,其音演暢五根、五力、七菩提分、八聖道分如是等法。其土
眾生聞是音已,皆悉念佛、念法、念僧。舍利弗!汝勿謂:『此鳥實是罪報所生。』所以者何?彼
佛國土無三惡趣。舍利弗!其佛國土尚無三惡道之名,何況有實?是諸眾鳥皆是阿彌陀佛欲令法
音宣流變化所作。
“ดูกอนศาริบุตร ดินแดนแหงนั้นยังมีหมูสกุณาท่ีวิเศษพิสดาร หลากหลายวรรณะนานาชนิด มีนก
กระเรียน นกยูง นกแกว นกศารี นกการะเวก และนกทวิชีวะ*๑ ท่ีเปลงเสียงรองอันไพเราะตลอดทิวาราตรี ๖
เวลา อันเสียงนั้น ก็ปาวประกาศอินทรีย ๕ พละ ๕ โพชฌงค ๗ อริยมรรค ๘*๒ ดวยธรรมท้ังหลายเหลานี้ เม่ือ
สรรพสัตวในแดนนั้นไดสดับเสียงน้ีแลว ยอมจะเกิดพุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สังฆานุสสติ เธอมิพึงคิดวา นก
เหลา น้นั เกิดขึน้ เพราะกรรมวิบาก ดว ยเหตไุ ฉนนัน้ ฤๅ เพราะพทุ ธเกษตรแหงนปี้ ราศจากอบายภมู ิ ๓*๓ ศารบิ ุตร
เอย พุทธเกษตรแหงนั้นปราศจากแมนแตช ่ือของอบายภูมิ ๓ ขอน้ันเปนจริงกระน้ันหรือ? อันบรรดานกเหลาน้ี
พระอมิตาอรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจาทรงบันดาลข้ึน เพอื่ ใหเ สียงแหง ธรรมมีกลา วอยทู ่วั ไป
*๑.นกชนิดหนง่ึ ในสุขาวตพี ทุ ธเกษตร ท่ีมรี า งเดยี วแตส องหวั บางครั้งกเ็ รียก ชีวนิ ชวี ะ
*๒.อธบิ ายวา
พละ ๕ (ธรรมอันเปนกําลัง-power) ๑.สัทธา (ความเช่ือ-confidence) ๒.วิริยะ (ความเพียร-energy;
effort) ๓.สติ (ความระลึกได-mindfulness) ๔.สมาธิ (ความต้ังจิตม่ัน-concentration) ๕.ปญญา (ความรู
ทัว่ ชัด-wisdom; understanding) ธรรม ๕ อยางน้ี เรยี กอกี อยา งหน่งึ วา อินทรีย ๕ (ธรรมทเ่ี ปน ใหญใ นกิจของ
ตน-controlling faculty) ที่เรียกวา อินทรีย เพราะความหมายวา เปนใหญในการกระทําหนาที่แตละ
อยางๆของตน คือเปนเจาการ ในการครอบงําเสียซึ่งความไรศรัทธา ความเกียจคราน ความประมาท ความ
ฟุงซาน และความหลงตามลําดับ ท่ีเรียกวา พละ เพราะความหมายวา เปนพลังทําใหเกิดความมั่นคง ซึ่งความ
ไรศรัทธาเปนตน แตละอยาง จะเขาครอบงําไมได พละหมวดน้ีเปนหลักปฏิบัติทางจิตใจ ใหถึงความหลุดพน
โดยตรง
โพชฌงค ๗ (ธรรมที่เปนองคแหงการตรัสรู-enlightenment factors) ๑.สติ (ความระลึกได สํานึก
พรอมอยู ใจอยูกบั กิจ จิตอยูก บั เรือ่ ง-mindfulness) ๒.ธัมมวิจยะ (ความเฟนธรรม, ความสอดสองสบื คน ธรรม-
truthinvestigation) ๓.วริ ยิ ะ (ความเพยี ร-effort; energy) ๔.ปติ (ความอ่ิมใจ-zest) ๕.ปส สัทธิ (ความ
สงบกายสงบใจ-tranquillity; calmness) ๖.สมาธิ (ความมีใจตั้งมั่น จิตแนวในอารมณ-concentration)
๗.อุเบกขา (ความมีใจเปนกลางเพราะเห็นตามเปนจริง-equanimity) แตละขอเรียกเต็มมีสัมโพชฌงคตอทาย
เปน สติสมั โพชฌงค เปนตน
2
มรรคมีองค ๘ หรือ อัฏฐังคิกมรรค (เรียกเต็มวา อริยอัฏฐังคิกมรรค แปลวา ทางมีองค ๘ ประการ อัน
ประเสริฐ-the noble Eightfold Path); องค ๘ ของมรรค) มัคคังคะ-factors or constituents of the
Path มีดงั นี้ ๑.สมั มาทฏิ ฐิ (เหน็ ชอบ ไดแ ก ความรอู ริยสจั ๔ หรอื เห็นไตรลักษณ หรอื รูอกุศลและอกุศลมูลกับ
กุศลและกศุ ลมลู หรือเห็นปฏิจจสมปุ บาท-Right View; Right Understanding) ๒.สมั มาสังกัปปะ (ดํารชิ อบ
ไดแก เนกขัมมสังกัป อพยาบาทสังกัป อวิหิงสาสังกัป-Right Thought) ดู) ๖๘ (กุศลวิตก ๓ ๓.สัมมาวาจา
(เจรจาชอบ ไดแก วจีสุจริต ๔-Right Speech) ๔.สัมมากัมมันตะ (กระทําชอบ ไดแก กายสุจริต ๓-Right
Action) ๕.สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ ไดแก เวนมิจฉาชีพ ประกอบสัมมาชีพ-Right Livelihood) ๖.
สมั มาวายามะ (พยายามชอบ ไดแก ปธาน หรือ สัมมปั ปธาน ๔-Right Effort) ๗.สมั มาสติ (ระลึกชอบ ไดแก
สตปิ ฏ ฐาน ๔-Right Mindfulness) ๘.สัมมาสมาธิ (ตั้งจิตม่ันชอบ ไดแ ก ฌาน ๔-Right Concentration)
องค ๘ ของมรรค จัดเขาในธรรมขนั ธ ๓ ขอตน คือ ขอ ๓ -๔ -๕ เปน ศีล ขอ ๖ -๗-๘ เปน สมาธิ ขอ ๑-๒
เปนปญญา สิกขา ๓ อริยสัจ ๔ และหมวดธรรมท่ีอางถึงท้ังหมด มรรคมี องค ๘ น้ี ไดชื่อวา มัชฌิมาปฏิปทา
แปลวา ทางสายกลาง เพราะเปนขอปฏิบัติอันพอดี ที่จะนําไปสูจุดหมายแหงความหลุดพนเปนอิสระ ดับทุกข
ปลอดปญหา ไมตดิ ขอ งในทส่ี ดุ ท้งั สอง คือ กามสขุ ัลลกิ านุโยค และอัตตกิลมถานโุ ยค
*๓ คือ สถานท่ีหาความเจริญไมไ ด มี ๓ ภูมิ คือ นรก เปรต และเดรจั ฉาน
舍利弗!彼佛國土,微風吹動,諸寶行樹及寶羅網出微妙音,譬如百千種樂同時俱作,聞是
音者皆自然生念佛、念法、念僧之心。舍利弗!其佛國土成就如是功德莊嚴。
“ดกู อนศารบิ ตุ ร พทุ ธเกษตรแหง นนั้ เม่อื มกี ระแสลมโชยกระทบ บรรดาแนวรตั นพฤกษแ ละรตั นชาละ*๔
ท้ังปวงเพียงแผวเบา ก็บังเกิดเปนเสียงที่ไพเราะเสนาะโสต อุปมาเคร่ืองดนตรีจํานวนรอยพันชนิดไดบรรเลงข้ึน
พรอมกัน ผูไดยินเสยี งนี้ยอมมีจติ ปกตริ ะลึกถงึ พระพทุ ธเจา พระธรรมและพระสงฆ ศารบิ ุตรเอย สขุ าวตโี ลกธาตุ
สําเร็จดวยความอลงั การเชน น”้ี
*๔.หมายถึง ตาขาย
「舍利弗!於汝意云何?彼佛何故號阿彌陀?舍利弗!彼佛光明無量,照十方國無所障礙,
是故號為阿彌陀。又舍利弗!彼佛壽命及其人民,無量無邊阿僧祇劫,故名阿彌陀。舍利弗!阿
彌陀佛成佛已來,於今十劫。又舍利弗!彼佛有無量無邊聲聞弟子,皆阿羅漢,非是算數之所能
知;諸菩薩,亦復如是。舍利弗!彼佛國土,成就如是功德莊嚴。
“ดูกอนศาริบุตร เธอมีความเห็นอยางไร เหตุใดเลาพระพุทธเจาองคนั้น ถึงมีพระนามวา อมิตา ศาริบุตร
เอย อนั พระรศั มขี องพระพทุ ธเจา พระองคน ัน้ ไมมปี ระมาณ แผฉ ายไปยงั โลกธาตุทว่ั ทศทศิ โดยไรส ่งิ ขวางกน้ั เหตุ
นี้จึงมีพระนามวา อมิตาภะ อีกประการหน่ึง ศาริบุตร อันพระชนมของพระพุทธเจาพระองคนั้นและมนุษยใน
โลกแหงนั้น ก็ไมมีประมาณ ไมมีขอบเขตนับอสงไขยกัลป เหตุนี้จึงมีพระนามวา อมิตายุสะ ดูกอนศาริบุตร
พระอมิตาพุทธเจาไดตรัสรูพุทธญาณมาแลวถึงบัดนี้ไดสิบกัลป อีกประการหนึ่ง ศาริบุตรเอย พระพุทธเจา
พระองคน ้ันทรงมพี ระสาวกหาประมาณจํานวนไมไ ด หาขอบเขตไมไ ด ซง่ึ ลวนแตเ ปนพระอรหันต จะรูถงึ จาํ นวน
เหลาน้ันดวยการนับคํานวณมิไดเลย บรรดาพระโพธิสัตวท้ังหลายก็เชนเดียวกันนี้ ศาริบุตรเอย สุขาวตีโลกธาตุ
สาํ เรจ็ ดวยความอลังการเชนน”ี้
「又舍利弗!極樂國土眾生生者,皆是阿鞞跋致。其中多有一生補處,其數甚多,非是算數
所能知之,但可以無量無邊阿僧祇劫說。舍利弗!眾生聞者,應當發願,願生彼國。所以者何?
3
得與如是諸上善人俱會一處。
“ดูกอนศาริบุตร หมูสัตวที่ไปอุบัติในสุขาวตีโลกธาตุ ลวนแตเปนเอกชาติปฏิพันธุโพธิสัตว ในที่แหงนั้นมี
ผูเกี่ยวของกับการเกิดอีกคร้ังเดียวเปนอันมาก มีจํานวนมากมายย่ิงนัก จะรูถึงจํานวนเหลาน้ันดวยการนับ
คาํ นวนมิไดเลย ไดแ ตเพยี งกลาววา ประมาณไมไ ด หาขอบเขตไมได เปนอสงไขย ศารบิ ตุ ร หมูส ตั วท ่ไี ดส ดับแลว
พึงต้ังจิตปรารถนาไปอุบัติท่ีโลกธาตุแหงน้ัน ดวยเหตุไฉนนั้นฤๅ เหตุเพราะจะไดอยูรวมกับสัตบุรุษผูประเสริฐ
ทัง้ หลายเชนน้ี”
「舍利弗!不可以少善根福德因緣,得生彼國。舍利弗!若有善男子、善女人,聞說阿彌陀
佛,執持名號,若一日、若二日、若三日、若四日、若五日、若六日、若七日,一心不亂。其人
臨命終時,阿彌陀佛與諸聖眾現在其前。是人終時,心不顛倒,即得往生阿彌陀佛極樂國土。舍
利弗!我見是利,故說此言。若有眾生聞是說者,應當發願生彼國土。
“ดูกอนศาริบุตร มิใชเหตุปจจัยของกุศลมูลและบุญกุศลเพียงเล็กนอย ท่ีจะไดไปอุบัติยังโลกธาตุแหงน้ัน
ศาริบุตร หากมีกุลบุตรกุลธดิ าที่ไดยินการกลาวถึงพระอมิตาพุทธเจา ไดยึดม่ันในพระนาม แมน ๑ วัน ๒ วัน ๓
วัน ๔ วัน ๕ วัน ๖ วัน ๗ วัน ดวยจิตเปนหนึ่งไมซัดสาย บุคคลน้ันเม่ือเวลาท่ีอายุขัยส้ินลง พระอมิตาพุทธเจา
พรอ มดว ยหมูพระอริยบริษทั ทงั้ หลาย จกั มาปรากฏยังเบอ้ื งหนา ผูนั้น ผนู ัน้ เมือ่ สน้ิ ชพี ยอ มมจี ติ ไมว ิปสลาสสับสน
แลวจึงไดไปอุบัติในสุขาวตีโลกธาตุของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาอมิตา ศาริบุตรเอย ตถาคตเห็นประโยชน
เชน น้ี เปนเหตุใหกลา ววาจาเชนน้ี หากมีสรรพสตั วผ ไู ดสดับเชนน้แี ลว พึงมีความปรารถนาไปอุบัตทิ ่โี ลกธาตุแหง
นน้ั เถิด”
「舍利弗!如我今者,讚歎阿彌陀佛不可思議功德之利;東方亦有阿閦鞞佛、須彌相佛、大
須彌佛、須彌光佛、妙音佛,如是等恒河沙數諸佛,各於其國出廣長舌相,遍覆三千大千世界,
說誠實言:『汝等眾生,當信是稱讚不可思議功德一切諸佛所護念經。』
“ดูกอ นศาริบตุ ร เหมอื นกับตถาคตในบัดน้ี ทส่ี ดดุ ีสรรเสริญอยซู ึง่ กุศลอันเปนอจินไตยของพระอมิตาพุทธ
เจาอยู ในเบ้ืองทิศตะวันออกยังมีพระอักโษภยพุทธะ พระเมรุธวัชพุทธะ พระมหาเมรุธวัชพุทธะ พระเมรุ
ประภาสพุทธะ พระมัญชุธวัชพุทธะ กับพระพุทธเจา ทัง้ หลาย จํานวนเทา กับเมลด็ ทรายในคงคานที ทีต่ างก็ทรง
แสดงลักษณะแหงพระชิวหาที่ไพศาลและยืดยาว*๕ ปกคลุมไปท่ัวตรีสหัสมหาสหัสโลกธาตุ*๖ แลวทรงแสดง
สัจจวาจาวา เธอและหมูสัตวทั้งหลาย พึงเล่ือมใสในพระธรรมน้ี อันสรรเสริญอยูซึ่งกุศลท่ีเปนอจินไตย อัน
พระพทุ ธเจา ทง้ั ปวงจกั ตามระลกึ คมุ ครองอยู”
*๕.ทรงแลบพระชิวหา มีความหมายโดยนัยยะวา อันการแสดงธรรมจากพระพุทธโอษฐนั้น สามารถ
ครอบคลมุ และส่งั สอนสรรพสัตวไปท่วั ท้ังตรีสหัสมหาสหสั โลกธาตุ (จกั รวาลท้ังปวง)
๖ ใน จุลนิกสูตร พระพุทธองคทรงกลาวกับพระอานนทวา จากระยะใกลสุดท่ีดวงอาทิตยและดวงจันทร
จะหมุนเวียนตามจักรราศี และสองสวางดวยแสงเรืองโอภาส จนถงึ ชวงหน่ึงพันจักรวาล ยังมีดวงจันทรหน่ึงพนั
ดวง ดวงอาทิตยหน่ึงพันดวง หน่ึงพันพระสุเมรุมหาสิงขร หนึ่งพันชมพูทวีป หนึ่งพันอมรโคยานทวีป หน่ึงพัน
อุตรกุรุทวีป หนึ่งพันบุพพวิเทหทวีป สี่พันมหาสมุทร หนึ่งพันจาตุมหาราช หนึ่งพันดาวดึงสพิภพ หน่ึงพันยามา
สวรรค หนึ่งพันสวรรคช้ันดุสิต หนึ่งพันนิมมานนรดี หน่ึงพันปรนิมมิตวสวตี และหนึ่งพันหวงพิภพของของ
เหลานี้แหละ อานนท เรียกวาระบบสหัสสโลกธาตุในช้ันปฐม ระบบที่ใหญกวาท่ีกลาวมาน้ีหนึ่งพัน เรียกวา
สหัสสโลกธาตชุ น้ั มัธยม ระบบท่ใี หญกวานหี้ น่ึงพนั เทา เรียกวา ตรสี หสั สมหาโลกธาตุ
4
「舍利弗!南方世界有日月燈佛、名聞光佛、大焰肩佛、須彌燈佛、無量精進佛,如是等恒
河沙數諸佛,各於其國出廣長舌相,遍覆三千大千世界,說誠實言:『汝等眾生,當信是稱讚不
可思議功德一切諸佛所護念經。』
“ดูกอนศารบิ ุตร เหมอื นกบั ตถาคตในบดั นี้ ทีส่ ดดุ สี รรเสริญอยูซ่ึงกศุ ลอันเปนอจนิ ไตยของพระอมิตาพุทธ
เจาอยู ในเบ้ืองทิศใตยังมีพระจันทรสูรยประทีปพทุ ธะ พระยศประภาสพุทธะ พระมหารุจิสกันธพทุ ธะ พระเมรุ
ประทีปพุทธะ พระอนันตวีรยพุทธะ กับพระพุทธเจาท้ังหลายจํานวนเทากับเมล็ดทรายในคงคานที ท่ีตางก็ทรง
แสดงลักษณะแหงพระชิวหาที่ไพศาลและยืดยาว ปกคลุมไปท่ัวตรีสหัสมหาสหัสโลกธาตุ แลวทรงแสดงสัจจ
วาจาวา “เธอและหมูสัตวทั้งหลาย พึงเล่ือมใสในพระธรรมน้ี อันสรรเสริญอยูซ่ึงกุศลท่ีเปนอจินไตย อัน
พระพทุ ธเจา ท้ังปวงจกั ตามระลึกคุมครองอย”ู
「舍利弗!西方世界有無量壽佛、無量相佛、無量幢佛、大光佛、大明佛、寶相佛、淨光佛
,如是等恒河沙數諸佛,各於其國出廣長舌相,遍覆三千大千世界,說誠實言:『汝等眾生,當
信是稱讚不可思議功德一切諸佛所護念經。』
“ดกู อนศาริบุตร เหมือนกับตถาคตในบดั นี้ ท่ีสดุดีสรรเสรญิ อยซู ึง่ กศุ ลอันเปนอจินไตยของพระอมิตาพุทธ
เจาอยู ในเบือ้ งทิศตะวันตกยงั มีพระอมิตายสุ พุทธะ พระอมติ าสกันธพุทธะ พระอมติ ธวัชพทุ ธะ พระมหาประภา
พุทธะ พระมหารศั มีพทุ ธะ พระมหารัตนเกตุพุทธะ พระศุทธรศั มปิ ระภาพทุ ธะ กับพระพทุ ธเจา ทง้ั หลายจํานวน
เทากับเมล็ดทรายในคงคานที ที่ตางก็ทรงแสดงลักษณะแหงพระชิวหาที่ไพศาลและยืดยาว ปกคลุมไปทั่วตรีส
หัสมหาสหัสโลกธาตุ แลวทรงแสดงสัจจวาจาวา “เธอและหมูสัตวทั้งหลาย พึงเล่ือมใสในพระธรรมน้ี อัน
สรรเสริญอยูซงึ่ กุศลทีเ่ ปน อจินไตย อนั พระพุทธเจาทง้ั ปวงจักตามระลึกคมุ ครองอยู”
「舍利弗!北方世界有焰肩佛、最勝音佛、難沮佛、日生佛、網明佛,如是等恒河沙數諸佛
,各於其國出廣長舌相,遍覆三千大千世界,說誠實言:『汝等眾生,當信是稱讚不可思議功德
一切諸佛所護念經。』
“ดูกอนศารบิ ตุ ร เหมือนกบั ตถาคตในบัดน้ี ทสี่ ดดุ สี รรเสริญอยซู ่งึ กศุ ล อันเปน อจินไตยของพระอมติ าพทุ ธ
เจาอยู ในเบ้อื งทศิ เหนือยังมีพระมหารจิสกนั ธพุทธะ พระไวศวานรนิรโฆษพุทธะ พระทุนทภุ นิ ิรโฆษพุทธะ พระ
อาทิตยสมภพพุทธะ พระชโลนิประภาพุทธะ กับพระพุทธเจาทั้งหลายจํานวนเทากับเมล็ดทรายในคงคานที ท่ี
ตางก็แสดงลักษณะแหงพระชิวหาท่ีไพศาลและยืดยาว ปกคลุมไปทั่วตรีสหัสมหาสหัสโลกธาตุ แลวทรงแสดง
สัจจวาจาวา “เธอและหมูสัตวท้ังหลาย พึงเลื่อมใสในพระธรรมน้ี อันสรรเสริญอยูซึ่งกุศลที่เปนอจินไตย อัน
พระพุทธเจา ทั้งปวงจักตามระลกึ คมุ ครองอย”ู
「舍利弗!下方世界有師子佛、名聞佛、名光佛、達摩佛、法幢佛、持法佛,如是等恒河沙
數諸佛,各於其國出廣長舌相,遍覆三千大千世界,說誠實言:『汝等眾生,當信是稱讚不可思
議功德一切諸佛所護念經。』
“ดกู อนศาริบุตร เหมอื นกบั ตถาคตในบดั น้ี ทส่ี ดุดีสรรเสริญอยซู ง่ึ กศุ ลอันเปนอจินไตยของพระอมิตาพุทธ
เจาอยู ในเบื้องทิศเบ้ืองลางยังมีพระสิงหพุทธะ พระยศพุทธะ พระยศประภาสพุทธะ พระธรรมสมภพพุทธะ
พระธรรมธวัชพุทธะ พระธรรมธรพุทธะ กับพระพุทธเจาท้ังหลายจํานวนเทากับเมล็ดทรายในคงคานที ท่ีตางก็
แสดงลักษณะแหงพระชิวหาที่ไพศาลและยืดยาว ปกคลุมไปท่ัวตรีสหัสมหาสหัสโลกธาตุ แลวทรงแสดงสัจจ
วาจาวา “เธอและหมูสัตวท้ังหลาย พึงเล่ือมใสในพระธรรมนี้ อันสรรเสริญอยูซ่ึงกุศลท่ีเปนอจินไตย อัน
พระพุทธเจาทง้ั ปวงจักตามระลึกคมุ ครองอย”ู
「舍利弗!上方世界有梵音佛、宿王佛、香上佛、香光佛、大焰肩佛、雜色寶華嚴身佛、娑
5
羅樹王佛、寶華德佛、見一切義佛、如須彌山佛,如是等恒河沙數諸佛,各於其國出廣長舌相,
遍覆三千大千世界,說誠實言:『汝等眾生,當信是稱讚不可思議功德一切諸佛所護念經。』
“ดูกอ นศารบิ ตุ ร เหมอื นกบั ตถาคตในบัดน้ี ท่สี ดุดสี รรเสริญอยซู ึง่ กุศลอันเปนอจนิ ไตยของพระอมิตาพุทธ
เจาอยู ในเบื้องทิศเบื้องบนยังมีพระพรหมโฆษพุทธะ พระนักษัตรราชพุทธะ พระคันโธตตมพุทธะ พระคันธ
ประภาสพุทธะ พระมหารจิสกันธพุทธะ พระรัตนกุสุมสังปุษปตคาตรพุทธะ พระลาลินทรราชพุทธะ พระรัต
โนตปลศรีพุทธะ พระสรวารถทรศพุทธะ พระสุเมรุกัลปพุทธะ กับพระพุทธเจาทั้งหลายจํานวนเทากับเมล็ด
ทรายในคงคานที ท่ีตางก็แสดงลักษณะแหงพระชิวหาท่ีไพศาลและยืดยาว ปกคลุมไปทั่วตรีสหัสมหาสหัส
โลกธาตุ แลว ทรงแสดงสจั จวาจาวา “เธอและหมูส ัตวทง้ั หลาย พงึ เลอื่ มใสในพระธรรมนี้ อันสรรเสรญิ อยูซึ่งกุศล
ที่เปนอจนิ ไตย อนั พระพุทธเจา ท้งั ปวงจกั ตามระลึกคุม ครองอยู”
「舍利弗!於汝意云何?何故名為“一切諸佛所護念經”?舍利弗!若有善男子、善女人,
聞是經受持者,及聞諸佛名者;是諸善男子、善女人,皆為一切諸佛共所護念,皆得不退轉於阿
耨多羅三藐三菩提。是故舍利弗!汝等皆當信受我語及諸佛所說。
“ดูกอนศาริบุตร เธอมีความเห็นเปนไฉน เหตุใดเลาจึงไดชื่อวา พระพุทธเจาท้ังปวงจักตามระลึกคมุ ครอง
อยู ศาริบุตรเอย หากมีกุลบุตร กุลธิดาผูไดสดับธรรมกถาน้ีแลวจดจําไว และผูไดยินพระนามของพระพุทธเจา
ท้ังปวง อันกุลบุตรกุลธิดาทั้งหลายเหลาน้ี ลวนแตจักไดรับการคุมครองจากพระพุทธเจาทั้งปวง ลวนแตจักไม
เสื่อมถอยจากพระอนุตรสัมมาสัมโพธิ ดวยเหตุน้ีแหละ ศาริบุตร เธอทั้งหลายพึงเช่ือในวาจาของตถาคตและคํา
กลาวของพระพุทธเจา ทงั้ ปวงเถิด”
「舍利弗!若有人已發願、今發願、當發願,欲生阿彌陀佛國者;是諸人等,皆得不退轉於
阿耨多羅三藐三菩提,於彼國土若已生、若今生、若當生。是故舍利弗!諸善男子、善女人若有
信者,應當發願生彼國土。
“ดูกอนศาริบุตร หากมีผูไดตั้งจิตปรารถนาแลว กําลังตั้งจิตปรารถนา เพื่อไปอุบัติในโลกธาตุของพระอมิ
ตาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา บุคคลเหลาน้ี ลวนไมเล่ือมถอยจากพระอนุตรสัมมาสัมโพธิ หากผูที่ไดอุบัติแลว
หากผูกําลังอุบัติ หากผูจะไดอุบัติในอนาคตท่ีโลกธาตุแหงน้ัน ดวยเหตุนี้แล ศาริบุตรเอย กุลบุตรกุลธิดาผูมี
ศรทั ธาทัง้ หลาย พึงต้งั ความปรารถนาไปอุบัติทโ่ี ลกธาตุแหง นั้นเถดิ ”
「舍利弗!如我今者,稱讚諸佛不可思議功德;彼諸佛等,亦稱說我不可思議功德,而作是
言:『釋迦牟尼佛能為甚難希有之事,能於娑婆國土五濁惡世——劫濁、見濁、煩惱濁、眾生濁
、命濁中,得阿耨多羅三藐三菩提,為諸眾生說是一切世間難信之法。』舍利弗!當知我於五濁
惡世,行此難事;得阿耨多羅三藐三菩提,為一切世間說此難信之法,是為甚難!」
“ดูกอนศาริบุตร เหมือนกับตถาคตในบัดน้ี ที่สดุดีสรรเสริญกุศลท่ีเปนอจินไตยของพระพุทธเจาท้ังปวง
พระพุทธเจาท้ังหลายเหลาน้ัน ก็ตรัสสรรเสริญตถาคตเชนนี้วา “พระศากยมุนีพุทธะสามารถกระทําส่ิงที่ทําได
ยากย่ิง สามารถตรัสรูพระอนตุ รสัมมาสมั โพธิทามกลางความเสอื่ มแหงกัลป ความเสือ่ มแหงทิฐิ ความเส่อื มแหง
กิเลส ความเส่ือมแหง สตั ว ความเสือ่ มแหงอายุ เพอื่ หมสู ตั วท ัง้ หลายแลวจงึ ทรงแสดงธรรม ทโี่ ลกทั้งปวงจะนอม
ใจเช่ือไดยาก” ดูกอนศาริบุตร เธอพึงทราบเถิดวาการตรัสรูพระอนุตรสัมมาสัมโพธิในโลกแหง ความเส่ือมท้ัง ๕
ประการของตถาคตน้นั เปน เรื่องยาก แตก ารแสดงธรรมทีโ่ ลกท้ังปวงจะนอมใจเช่ือเปน เร่อื งทย่ี ากยงิ่ กวา”
佛說此經已。舍利弗及諸比丘,一切世間天、人、阿修羅等,聞佛所說,歡喜信受,作禮而
去。
เม่ือพระบรมศาสดาเจาตรัสพระธรรมกถาน้ีจบลง พระศาริบุตรและภิกษุท้ังหลาย บรรดาเทพ มนุษย
6
อสูรท้ังปวง ที่ไดสดบั พระพุทโธวาท ตางก็โสมนสั ยนิ ดี กระทําศิราภวิ าทแลวกลบั ไป.
จบ อมิตาพทุ ธสูตร 佛說阿彌陀經。
拔一切業障根本得生淨土陀羅尼
อุ ป ติ วิ ศุ ท ธิ ภู มิ ธ า ร ณี
南無阿彌多婆夜 哆他伽哆夜 哆地夜他 阿彌唎都婆毘 阿彌唎哆 悉耽婆毘 阿彌唎哆 毘迦蘭哆
伽彌膩 伽伽那 抧多迦隸 莎婆訶。
นโม อมิตาภาย ตถาคตาย ตทฺยถา อมฺฤโตทฺภเว อมฺฤต-สิทธํภเว อมฺฤต-วิกฺรานฺเต อมฺฤต-วิกฺรานฺต คิมิเน คคน
กริ ตฺ -กเร สฺวาหา.
佛說觀無量壽佛經
อ มิ ต า ยุ รฺ ธฺ ย า น สู ต ร
劉宋西域三藏法師彊良耶舍 譯
พระกาลยสมหาเถระ แปลจากสนั สกฤตพากยสจู นี พากย เมื่อพทุ ธศักราช ๙๖๗
พระวศิ วภัทร เซี่ยเก๊ียก (沙門聖傑) แหงวดั เทพพุทธาราม แปลจากจีนพากยส ูไทยพากย
เมอ่ื วันท่ี ๖-๘ มีนาคม ๒๕๕๒
บทนาํ
สวรรคของทุกศาสนา ชื่อวาเปนสถานที่มีความสุข บุถุชนทั้งหลายปรารถนาจะไปเกิดที่นั้น ไมวาจะเปน
สวรรคต ามมตขิ องศาสนาใดๆ ไมเ วน แตที่ปรากฏในพระไตรปฎ กของเรา ที่ชาวสวรรคจ ะมแี ตค วามสุขที่ประณีต
แตไมพนจากวัฏสงสาร เพราะสุขน้ันเจือดวยราคะกิเลส แตความสุขแบบคติของสุขาวตี หรือพุทธเกษตรอ่ืนๆ
น้ัน มิไดสุขเพราะเจือดวยราคะกิเลส แตเปนสุขท่ีเบาบางจากกิเลสตางหาก เปนสุขเพราะคนอื่นสุข ไมใชสุข
เพราะตัวเอง เรียกวาเปนความสุขแบบโพธิสัตว หากเราจะเอาราคะกิเลสของตนเอง มาพิเคราะหธ รรมเก่ียวกับ
เร่ืองสุขาวตี ก็ยอมจะไมเขาถึงสุขาวตี เพราะที่น้ันเตม็ ไปดวยส่ิงย่ัวใจของบุถชุ น เชน พ้ืนดิน สิ่งกอสราง อิฐหิน
กรวดทราย ลวนเปนทองคําอัญมณี น่ีคือเราเอากิเลสของบุถุชนในโลกแหงนี้ มองอิฐหินกรวดทรายของสุขาวตี
แหงนั้น แลวต้ังใจไปเกิดเพราะมีแตสิ่งมีคาสวยงาม จึงเรียกวาไปเกิดท่ีสุขาวตีดวยแรงกิเลส ไปดวยความไมมี
ปญญา ดังน้ันผูจะไปถึงสขุ าวตี หรือเขาใจสุขาวตแี ละพุทธเกษตรอ่นื ๆ แมนจะยังกําจัดอาสวะในจิตไมสนิ้ จนถึง
ขั้นอรหันต ก็ยังนับวาเปนผูเบาบางจากกิเลสบางประการ อัตตา บัญญัติ เพราะเปนผูมคี วามเห็นวา ทองคําอัญ
มณใี นโลกน้ี หรือโลกไหนๆ ก็ไมใชส าระสําคัญอะไร ในสตู รวา ดวยเรือ่ งสขุ าวตี ก็กลาวไวว า ดินแดนอันสขุ ารมณ
นั้น เปนเพียงมายาภาพที่พระอมิตาภะ ทรงนิรมิตข้ึนเพื่อส่ังสอนธรรม แกสัตวที่มีจริตอัธยาศัยอยางหนึ่ง ขอนี้
จึงไมตางอะไรกับโลกแหงน้ี ที่ลวนเปนมายา ที่พระศากยมุนีพุทธเจาตรัสรูเพื่อสอนธรรมเชนกันทั้งหมดนี้เปน
เพราะพระกรุณา พระปญ ญา และพระอุปายะ ทีไ่ มม ปี ระมาณในการสอนสัตวของพระพุทธองค ดังนั้น ตามมติ
ของชนท้ังหลายท่ีวิพากษวิจารณน้ัน ลวนเกิดข้ึนจากความไมรู และคาดเดาเอามาจากเหตุผลที่ตนเองไดศึกษา
มา สวนน้ีคือปญหาสําคัญวา เราศึกษามาถูกหรือไม ครบถวนหรือไม และตนเองนั้นเขาใจถองแทหรือไม หาก
เราไดศึกษา พระธรรมหรืออรรถกถาของโบราณาจารยของมหายานที่กลาวถึงสุขาวตี ที่สุดแลวก็คือ ให
ยอนกลับเขามาในตน ใหไดฟงธรรมจากพระพุทธะในตนเอง เพราะทุกคนมีธาตุพุทธะ คือสามารถรูแจงได
7
เพียงแตเหตุปจจัยยังไมถึงพรอม ใหไดมีพุทธเกษตรของตนเอง คือใหพากเพียรบําเพ็ญจนตนเองไดบรรลุพุทธ
ภาวะ สามารถอนุเคราะหสัตวท้ังหลาย ที่มาเกิดในพุทธเกษตรของตนได ฯลฯ จนมีหลายประโยคของนิกายสุ
ขาวตีกลาววา 浄土世間 ความหมายคือ โลกแหงน้ีคือวิสุทธิภูมิพุทธเกษตร น่ีคือคํากลาวของผูที่พนสมมติ
บัญญัติ มมี ติเหน็ โลกธาตทุ ง้ั หลายวา ไมต า งกัน วา สุขาวตีและโลกแหง นก้ี ็ไมไ ดต า งกนั เพราะเปนไตรลกั ษณ เปน
มายา หากเราทานหมายมุงพิจารณาตนเอง ใหรูจักตนเองอยางแทจริงแลว จะอยูโลกไหนก็ไมตางกัน เพราะ
ทกุ ขข องโลกแหง น้ี และสุขของโลกแหงน้ัน ไมอาจทาํ ใหจ ติ ของตนเองหว่ันไหวไดเ ลย ตา งกันเพยี งอุปายะวธิ ีเทา
น้ันเอง ตราบใดท่ียังมิอาจสละบุคลาธิษฐานแลวเขาถึงปุคคลศูนยตา ละธรรมธิษฐานแลวรูแจงธรรมศูนยตา ก็
อยาไดวิจารณดว ยความแนน อนเลย
การเจริญสมาธิตามนัยยะท่ีปรากฏในพระสูตรน้ี ก็เปนอุปายะหนึ่งใหจิตสงบ เพ่ือกอเกิดปญญาเชนกัน
แตหากจะอาศัยอํานาจของพระอมิตายุสะพทุ ธะดวยแลว ก็อาจไดกุศลอันพิสดารท่ีพรรณนาไวในสูตรนี้ เวนแต
ผูไรศรัทธาและอัธยาศัยเชนนี้เทานั้น พระสูตรน้ียังเปนสูตรสําคัญหน่ึงในสามของนิกายมหายาน สํานักสุขาวตี
คอื ๑.มหาสุขาวตีวยูหสตู ร (大無量壽經) ๒.อมติ ายสุ ธยานสูตร (觀無量壽經) ๓.จลุ สุขาวตีสูตร (阿彌陀經)
เมื่อสมัยเด็กของอาตมาภาพ ก็ไดภาวนาพระนามของอมิตายุสะพุทธเจา พรอมกับโยมพอและเครือญาติ เพื่อ
อุทิศใหโยมปูท่ีกําลังจะสิ้นชีพ เวลานั้นบรรดาลูกหลานไดค ุกเขารอบๆเตียงของผูปวย แลวเอยพระนามวา “นํา
มอ ออ มี ทอ ฝอ” ไมขาดสาย จนโยมปูไดอ ุทานวา มีพระพทุ ธเจาทองคําลอยมาเต็มหอ ง แลว สิ้นใจไป โดยไมมี
ใครไดเคยศึกษาพระสูตรเลมน้มี ากอ น ปจ จุบันเมื่อไดศ กึ ษาพระสตู รน้แี ลว จึงรแู จง ถึงคําอทุ านน้ัน ใหส ํานกึ และ
เล่ือมใสในพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจาทั้งปวง ขอนอมถวายกุศลจากการแปลพระสูตรนี้แด
พระพุทธเจาและพระโพธิสตั วท ้ังปวง มพี ระอมิตายสุ ะพุทธเจา พระอวโลกเิ ตศวรพระมหาสถามปราปตโ พธิสัตว
และธรรมบาลท้งั หลายเปน ตน เพ่อื เปน โพธพิ ลวปจ จยั ของตน หากไดลว งเกินพระรตั นตรยั ในระหวา งการแปลน้ี
ดวยกรรมท้ังปวง ก็ขอใหพระรัตนตรัยโปรดงดโทษน้ันดวยเมตตากรุณา กุศลใดท่ีเกิดขึ้นแลวท้ังสิ้นขออุทิศแด
โยมบิดามารดา พระอุปชฌายาจารย โยมอุปฏฐากท่ีถวายปจจัยสี่ และอุทิศแดสรรพสัตวทุกภูมิ หากยังมิถึง
ท่สี ดุ แหงธรรมในปจจุบันชาติ ขอจงไดอ ุบตั ิยังสุขาวตพี ทุ ธเกษตร เจริญในโพธจิ ิต ไมเสื่อมถอยจากกุศลภมู ิตราบ
บรรลุพระโพธญิ าณทุกทา นเทอญ.
พระวิศวภทั ร เซี่ยเกี๊ยก ๘ มีนาคม ๒๕๕๒
佛說觀無量壽佛經
อ มิ ต า ยุ รฺ ธฺ ย า น สู ต ร
(พระสตู รวา ดวยการเพงพิจารณาพระอมิตายุสพทุ ธเจา)
劉宋西域三藏法師彊良耶舍 譯
พระกาลยสมหาเถระ แปลจากสนั สกฤตพากยส ูจีนพากย เมอื่ พทุ ธศักราช ๙๖๗
พระวิศวภทั ร เซีย่ เกีย๊ ก (沙門聖傑) แหง วดั เทพพทุ ธาราม แปลจากจีนพากยสไู ทยพากย
เม่ือวนั ที่ ๖-๘ มีนาคม ๒๕๕๒
如是我聞,一時,佛在王舍城耆闍崛山中,與大比丘眾,千二百五十人俱。菩薩三萬二千,
文殊師利法王子而為上首。
8
ด่ังท่ีขาพเจาไดสดับมา สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคประทับยังกรุงราชคฤหในคิชกูฏสิงขร พรอมดวยภิกษุ
หมูใหญหนึ่งพันสองรอยหาสิบรูป โพธิสัตวอีกสามหม่ืนสองพันองค โดยมีพระมัญชุศรีธรรมราชกุมารเปน
ประธาน
爾時王舍大城有一太子,名阿闍世,隨順調達惡友之教。收執父王頻婆娑羅,幽閉置於七重
室內,制諸群臣,一不得往。
ครั้งน้ัน ในมหานครราชคฤหมีราชกุมารองคหน่ึงนามวา อชาตศัตรู เพราะคลอยตามคําสอนของมิตรชั่ว
จึงจับพระเจาพิมพิสาร ผูเปนพระราชบิดา ไปคุมขังในหองขังท่ีมีกําแพงหนาเจ็ดช้ัน และมีพระบัญชาหามมิให
ขุนนางทัง้ ปวงเขาเฝา ฯ
國太夫人名韋提希,恭敬大王,澡浴清淨,以酥蜜和麨用塗其身,諸瓔珞中,盛葡萄漿,密
以上王。
พระมเหสีของพระราชานั้น มีนามวา “เวเทหิ”*๑ เปนผูเคารพรักในองคมหาราชยิ่งนัก ไดสรงชําระพระ
วรกายจนสะอาดหมดจด แลวนําเนย น้ําผ้ึง ผสมกับแปงขาวสาลีทาที่พระวรกาย ภายในสายสรอยเกยูระ*๒ ก็
บรรจุนา้ํ องนุ ไวจ นเต็ม เพื่อแอบนาํ ไปถวายพระราชา
*๑.บางครัง้ เรยี ก “นางศรีภทั รา”
*๒.瓔珞 เกยรู ะ คอื สรอยออน, สายสรอ ย, ทองตนแขน, กาํ ไล
爾時大王食麨飲漿,求水漱口,漱口畢已,合掌恭敬,向耆闍崛山遙禮世尊,而作是言:『
大目犍連是吾親友,願興慈悲,授我八戒』。時目犍連如鷹隼飛,疾至王所,日日如是,授王八
戒。世尊亦遣尊者,富樓那,為王說法。
สมยั น้ัน เมือ่ มหาราชไดเ สวยแปงขาวสาลแี ละนํ้าองนุ แลว จงึ ขอน้ําบว นพระโอษฐ เม่อื บวนพระโอษฐแลว
จึงประณตกรขนึ้ ดวยความเคารพ ไปทางดา นเขาคชิ กฏู เพอ่ื ถวายอภิวาทตอพระบรมศาสดา แลว ตรสั วา “พระ
มหาโมคคัลลานะเปนพระสหายสนิทของเรา ขอใหทานโปรดเมตตากรุณา มาใหศีลแปดแกเราดวยเถิด” เวลา
น้ัน พระโมคคัลลานะจึงบันดาลดวยอิทธิภิสังขาร เหาะมาปรากฏยังพระพักตรของมหาราช ดวยความเร็วปาน
นกเหย่ียว อยูเชนนี้ทุกวารวัน เพื่อมอบศีลแปดแกมหาราช พระผูมีพระภาคเจาก็ทรงพระกรุณา ใหพระปูรณะ
มาแสดงธรรมถวายมหาราชดว ย
如是時間,經三七日,王食麨蜜,得聞法故,顏色和悅。
กาลเวลาผานไปสามสัปดาห โดยท่ีมหาราชไดเสวยแปงและนํ้าผึ้ง และไดสดับพระธรรมเปนเหตุ ยังให
พระพกั ตรม ีความอ่ิมเอบิ ผองใส
時阿闍世問守門人:『父王今者猶存在耶?』時守門者白言:『大王!國太夫人身塗麨蜜,
瓔珞盛漿,持用上王;沙門目連及富樓那,從空而來,為王說法,不可禁制。』時阿闍世聞此語
已,怒其母曰:『我母是賊,與賊為伴;沙門惡人,幻惑咒術;令此惡王多日不死』!即執利劍,
欲害其母。
คร้ังน้ัน อชาตศัตรูราชกุมาร จึงตรัสถามนายทวารวา “บัดน้ีพระราชบิดา ยังมีพระชนมอยูหรือไม” นาย
ทวารทูลวา “ขาแตมหาราช พระมเหสีนําแปงขาวสาลีและน้ําผึ้ง ชโลมไวท่ีวรกายของพระนาง และบรรจุนํ้า
องุนไวในเกยูระมาถวายแดพระสวามี ยังมีสมณะคือ พระโมคคัลลานะและพระปูรณะ ที่ดําเนินมาจากอากาศ
เพ่ือแสดงธรรมแกพระองค อันขาพระบาทมิอาจควบคุมหามปรามไดพระเจาขา” เวลานั้น เมื่อพระเจาอชาต
ศัตรไู ดส ดบั แลว จึงโกรธเคอื งพระมารดาย่งิ นัก ตรัสวา “พระมารดาเปนกบฏ เปนพวกเดยี วกบั กบฏ สมณะชวั่ ก็
9
ใชมายาเวทยมนต ยังใหพระราชาช่ัวองคนั้น ยังมิตองตายไปเสียอีกหลายวัน” วาแลวจึงทรงถือพระแสงดาบ
หมายเขา ทาํ รา ยพระราชมารดา
時有一臣名曰月光,聰明多智,及與耆婆,為王作禮,白言:『大王!臣聞毗陀論經說,劫
初已來,有諸惡王,貪國位故,殺害其父一萬八千,未曾聞有無道害母。王今為此殺逆之事,污
剎利種,臣不忍聞,是旃陀羅。我等不宜復住於此。』
คร้งั นน้ั มมี หาอํามาตยผ ูหน่ึงช่ือ จันทรประภาส เฉลยี วฉลาดมากดวยปญญา พรอ มดว ยทานชวี กะ*๓ เขา
ถวายบังคมและทูลวา “ขาแตมหาราช ขาพระบาทไดยิน คัมภีรพระเวทศาสตร ไดกลาววา นับแตตนกัลปมานี้
มีพระราชาชั่วรายท่ีละโมบในอาณาจักรและราชบัลลังกเปนเหตุใหฆาบิดาของตน จํานวนถึงหนึ่งหม่ืนแปดพัน
พระองค แตย งั ไมเคยไดย ินวามกี ารฆา มารดาเลย มาบัดน้พี ระองคจ ะกระทํามาตุฆาตเชนนี้ อันเปนมลทนิ แกขัต
ตยิ ราชสกลุ ขา พระบาทท้ังหลายมอิ าจทนฟง อยูได เชน นน้ั แลว พระองคทรงคือจณั ฑาล*๔ ขา พระบาทท้งั หลาย
มิอาจอยูรวมกบั พระองคไ ด”
*๓.耆婆 ชีวก, ชวี คอื ชวี กโกมารภจั จ, ชวี ก ทีพ่ ระเจา พมิ พิสารทรงเลี้ยงอยางราชกุมาร, หมอทีม่ ชี อื่ เสียง
ในสมยั พุทธกาล
*๔.旃陀羅 คือลูกตางวรรณะ เชนบิดาเปนศูทร มารดาเปนพราหมณ มีลูกออกมาเรียก จัณฑาล ถือเปน
คนต่ําทราม ถูกเหยียดหยามทีส่ ุดในระบบวรรณะของศาสนาพราหมณ
時二大臣說此語竟,以手按劍,郤行而退。時阿闍世,驚怖惶懼,告耆婆言:『汝不為我耶
?』耆婆白言:『大王!慎莫害母!』
เมื่อขุนนางผูใหญท้ังสองไดทูลจบลง จึงกุมดาบไวในมือ แลวกาวถอยหลังไป พระเจาอชาตศัตรูจึงตก
พระทัยและเกรงกลัวย่ิงนัก ตรัสกับทานชีวกะวา “ทานไมอยูดวยเราแลวหรือ” ชีวกะทูลวา “ขาแตมหาราช
อยาทรงทาํ รายพระมารดา”
王聞此語,懺悔求救,即便捨劍,止不害母。勅語內官,閉置深宮,不令復出。
เมื่อพระองคไดยินเชนนี้ จึงสํานึกผิดเสียพระทัย ทรงวางพระแสงดาบ แลวมิทํารายพระมารดา จึงมีพระ
บัญชาใหวงั ฝา ยใน กกั ขงั พระนางไวอ ยางมดิ ชดิ มิใหเสด็จออกมาอกี
時韋提希,被幽閉已,愁憂憔悴,遙向耆闍崛山為佛作禮,而作是言:『如來世尊,在昔之
時,恒遣阿難來慰問我;我今愁憂,世尊威重,無由得見,願遣目連尊者阿難與我相見。』作是
語已,悲泣雨淚,遙向佛禮。
เมื่อพระนางเวเทหิ ทรงถูกกักขังแลวใหทุกขโศกตรมตรอมย่ิงนัก จึงผินพระพักตรยังคิชกูฏสิงขร ถวาย
อภิวาทตอพระผูมีพระภาค แลวตรัสวา “พระตถาคตเจาผูเปนที่พึ่งแหงโลก ในกาลกอนยังทรงมีรับส่ังให
พระคณุ เจาอานนทมาปลอบโยนและไตถ ามหมอมฉนั บัดนห้ี มอมฉันเปน ทกุ ขระทมยงิ่ นัก อนั พระจริยาวตั รของ
พระผูมีพระภาคก็มิอาจไดพบเห็นอีกแลว ขอพระพุทธองคโปรดใหพ ระโมคคลั ลานะและพระอานนทมาปรากฏ
ใหหมอมฉนั ไดเ ห็นดวยเถิด” เมื่อตรสั จบแลว จงึ กรรแสงครํา่ ครวญ นํา้ พระเนตรหลัง่ ไหลด่ังสายฝน แลว อภิวาท
ตอพระพุทธองค
未舉頭頃,爾時世尊在耆闍崛山,知韋提希心之所念,即勅大目犍連及以阿難從空而來。
ขณะที่ยังมิไดทรงยกพระเศียรขึ้นมา เมื่อนั้นพระผูมภี าคประทับอยูที่เขาคิชกูฎ ทรงทราบถึงความระลกึ
ของพระนางเวเทหิ จงึ มพี ุทธบญั ชาใหพระมหาโมคคัลลานะกบั พระอานนทมาแตอ ากาศ
10
佛從耆闍崛山沒,於王宮出。時韋提希禮已,舉頭見世尊釋迦牟尼佛,身紫金色,坐百寶蓮
華,目連侍左,阿難侍右,釋梵護世諸天,在虛空中,普雨天華,持用供養。
พระพุทธองคก็ทรงอันตรธานจากคิชกูฏสิงขรไปยังมหาราชวัง เม่ือพระนางเวเทหิถวายอภิวาทแลว ยก
พระเศียรขึ้นกไ็ ดพบพระโลกนาถศากยมนุ ีพุทธะ มพี ระวรกายวรรณะมว งทอง ประทบั นั่งบนปทมุ ชาติที่ประดับ
ดวยรตั นะรอยประการ พระโมคคลั ลานะอยเู บือ้ งซา ย พระอานนทอ ยูเ บือ้ งขวา ทา วศักกะ พรหม โลกปาล และ
เทวดาทั้งหลาย กป็ ระทับอยกู ลางนภากาศ โปรยปรายทิพยมาลีลงมาดัง่ สายฝนเพอื่ ถวายสกั การะ
時韋提希見佛世尊,自絕瓔珞,舉身投地,號泣向佛,白言:『世尊!我宿何罪,生此惡子
?世尊!復有何等因緣,與提婆達多共為眷屬?唯願世尊,為我廣說無憂惱處,我當往生,不樂
閻浮提濁惡世也。此濁惡處,地獄餓鬼畜生盈滿,多不善聚。願我未來不聞惡聲,不見惡人,今
向世尊,五體投地,求哀懺悔,唯願佛力教我,觀於清淨業處。』
เมอ่ื พระนางเวเทหิไดทอดพระเนตรเห็นพระพุทธองค จึงทรงเปลอ้ื งเกยูระออกจนส้ิน แลว นอมกายลงกับ
ผืนดิน กรรแสงพลางทูลพระพุทธองควา “ขาแตพระผูมีพระภาค เมื่ออดีตหมอมฉันมีกรรมอันใด จึงใหกําเนิด
บุตรท่ีชั่วรายเชนนี้ ขาแตพระผูมีพระภาค แลวยังมีเหตุปจจัยกระไรอีกหนอ จึงมีตระกูลรวมอยูดวยกับเทวทัต
ขอพระองคโปรดตรัสแสดงสถานท่ีอันปราศจากความทุกขโศก เพ่ือหมอมฉันจะไดไปเกิด หมอมฉันไมยินดีใน
โลกแหงความเสอื่ มของชมพูทวีปนี้แลว โลกแหงความเสอ่ื มน้ี เต็มไปดว ยนรก เปรต และเดรจั ฉาน สงิ่ ไมดงี ามมี
อยูเปนอันมาก ขอใหในกาลเบ้ืองหนาหมอมฉันมิตองไดยินเสียงแหงความช่ัวราย มิตองเห็นคนชั่วราย บัดน้ีจึง
ขอกระทําเบญจางคประดิษฐ เพื่อขมากรรมตอพระโลกนาถเจา ขอประทานพระพุทธานุภาพโปรดอนุเคราะห
สั่งสอนหมอมฉนั ใหไดพบเหน็ สถานท่มี ีการกระทําทบ่ี รสิ ทุ ธดิ์ ว ยเถิดพระเจา ขา ”
爾時,世尊放眉間光,其光金色,遍照十方無量世界,還住佛頂,化為金臺,如須彌山;十
方諸佛淨妙國土,皆於中現。或有國土,七寶合成;復有國土,純是蓮華;復有國土,如自在天
宮;復有國土,如頗梨鏡;十方國土,皆於中現。有如是等無量諸佛國土,嚴顯可觀,令韋提希
見。
สมัยนั้น สมเด็จพระผูมีพระภาค ทรงเปลงพระรัศมีจากหวางพระอุณาโลม อันมีประภาสสีทอง สวางฉาย
ไปยังโลกธาตจุ ํานวนไมมีประมาณในทิศท้งั สิบ แลว รศั มนี ้นั ไดยอ นกลับมาสูพระพุทธอุษณีย* ๕ แลว ปรากฏเปน
สุวรรณอาสน ใหญโตดุจสุเนรุบรรพต บรรดาโลกธาตุท่ีบริสุทธิ์ของพระพุทธเจาตางๆ ในทิศท้ังสิบก็ลวนมา
ปรากฏอยูภายใน บางโลกธาตุก็สําเร็จดวยรัตนะเจ็ดประการ บางโลกธาตุก็มีแตปทมชาติท้ังส้ิน บางโลกธาตุก็
ประดุจทิพยมณเทียรของทาวมเหศวร บางโลกธาตุก็ประดุจกระจกแกวผลึก ท่ีมีโลกธาตุในทศทิศปรากฏอยู
ภายใน อันพุทธประเทศทั้งปวงท่ีประมาณมิไดเหลานี้ ไดปรากฏสําแดงข้ึนเห็นชัดเจน ใหพระนางเวเทหิไดทอด
ทัศนา
*๕.หรือ อณุ หสิ ในบาลี หมายถงึ กรอบหนาพระพกั ตร, กอนพระมังสะหนา พระเศียร ซง่ึ เปน อาการหน่ึงใน
อาการ ๓๒ ของพระพุทธเจา โดยมากทําเปนเปลวเพลิง แสดงถึงพระปญญาอันรุงโรจน ประติมากรรมฝาย
มหายาน บางแหงทําเปนกอนพระมงั สะงอกขึ้นมาเหนอื พระนลาตขนึ้ ไปเลก็ นอย
時韋提希白佛言:『世尊!是諸佛土,雖復清淨,皆有光明;我今樂生極樂世界,阿彌陀佛
所,唯願世尊教我思惟,教我正受。』
11
พระนางเวเทหิทูลพระพุทธองควา “ขาแตพระผูมีพระภาค บรรดาโลกธาตุเหลาน้ี แมนจะมีความบรสิ ุทธ์ิ
ลวนแลวแตร งุ เรอื งดวยรศั มี หมอ มฉันกป็ รารถนาไปอุบัติท่สี ขุ าวตโี ลกธาตุ ของพระอมิตายุสพุทธเจา ขอพระผมู ี
พระภาคโปรดสอนการดาํ ริ (ถงึ สถานท่นี นั้ ) แกห มอ มฉนั ดว ยเถิดพระเจา ขา”
爾時,世尊即便微笑,有五色光,從佛口出,一一光照頻婆娑羅王頂。爾時,大王雖在幽閉
,心眼無障,遙見世尊,頭面作禮,自然增進成阿那含。
สมยั นน้ั พระผมู ีพระภาคทรงแยมสรวล แลว มีแสงประภาสหาสีเปลงออกจากพระโอษฐของพระพุทธองค
แตล ะแสงหน่งึ ๆ สองไปยงั พระเศียรของพระเจาพมิ พิสาร เวลานน้ั มหาราชแมนอยูในทค่ี ุมขัง แตใ นดวงตาแหง
จิตปราศจากส่ิงกีดกั้น ไดแลเห็นพระผูมีพระภาค แลวทรงกระทําศิราภิวาท ยังใหทรงเจริญในมรรคผลยิ่งขึ้น
จนบรรลุถงึ อนาคามผิ ล
爾時,世尊告韋提希:『汝今知不?阿彌陀佛,去此不遠,汝當繫念,諦觀彼國淨業成者。
我今為汝廣說眾譬,亦令未來世一切凡夫,欲修淨業者,得生西方極樂國土。』
สมัยนั้น พระผูมีพระภาคตรัสกับพระนางเวเทหิวา “เธอรูหรือไม พระอมิตายุสพุทธเจา ไปจากสถานที่
แหงน้ีมิไกล เธอพึงมีจิตระลึกถึงแลพิจารณาถึงบุคคล ผูสําเร็จแลวซ่ึงกรรมบริสุทธ์ิที่อยูในโลกธาตุแหงน้ัน
ตถาคตจะกลาวแกเธอดวยอุปมาวิธีตางๆ แลจักยังใหหมูสัตวผูเปนบุถุชนท้ังปวงในโลกอนาคต ที่ปรารถนา
บําเพญ็ กรรมอันบริสุทธิ์ ไดบรรลุถงึ สุขาวตีโลกธาตุเบื้องประจิมทศิ ”
『欲生彼國者,當修三福:一者、孝養父母,奉事師長,慈心不殺,修十善業;二者、受持
三歸,具足眾戒,不犯威儀;三者、發菩提心,深信因果,讀誦大乘,勸進行者。如此三事,名
為淨業。』
ผูปรารถนาอบุ ตั ทิ ่โี ลกธาตุแหงนัน้ พงึ บาํ เพญ็ กุศลสามประการ หนงึ่ กตญั เู ลีย้ งดบู ดิ ามารดา เอาภาระครู
อาจารย มีจิตเมตตาไมเขนฆา ประพฤติทศกุศล*๖ สองสมาทานธํารงไวซ่ึงไตรสรณคมณ สมบูรณในศีลท้ังปวง
มิละเมิดจริยาสมาจาร สามบังเกิดโพธิจิต ศรัทธาลึกซึ้งในเหตุและผล อานทองมหายานสูตร เปนผูวิริยะ
พากเพียร ท้งั สามประการน้ีแล ชอ่ื วา ผูมีกรรมบรสิ ทุ ธิ์
*๖.ความดี ๑๐ อยาง แบงเปน ความดีทางกาย ๓ มี ๑)เวนจากการฆาสัตว ๒)เวนจากการลักทรัพย ๓)
เวนจากการผิดในกาม ความดีทางวาจา ๔ มี ๑)เวนจากการพูดเท็จ ๒)เวนจากการพูดคําหยาบ ๓)เวนจากการ
พูดสอเสียด ๔)เวนจากการพูดเพอเจอโปรยเสียซ่ึงประโยชน และความดีทางใจ ๓ มี ๑)เวนจากการโลภของ
ผูอ่ืน ๒)เวนจากการพยาบาท ๓)เวนจากการเห็นผดิ
佛告韋提希:『汝今知不?此三種業,乃是過去、未來、現在、三世諸佛,淨業正因。』
มีพุทธดํารัสกับพระนางเวเทหิวา “เธอทราบหรือไม อันกรรมบริสุทธ์ิทั้งสามประเภทนี้ ปวงพระพุทธเจา
ในกาลท้งั สามคืออดตี อนาคต และปจ จุบนั กม็ กี รรมบริสุทธ์ิน้เี ปนเหตุ”
佛告阿難及韋提希:『諦聽!諦聽!善思念之:如來今者,為未來世一切眾生,為煩惱賊之
所害者,說清淨業,善哉韋提希,快問此事。』
พระพุทธองคต รัสกบั พระอานนทและพระนางเวเทหิวา “จงฟงเถิดๆ แลวไตตรองโดยดี เพ่ือสรรพสัตวใ น
อนาคต เพือ่ ผูถูกโจรคือกเิ ลสทาํ ราย ตถาคตจะกลา วการกระทําท่ีบริสุทธ์ิ ดีแลว เวเทหิทถ่ี ามเร่อื งราวน้โี ดยเร็ว”
『阿難!汝當受持,廣為多眾宣說佛語,如來今者,教韋提希,及未來世一切眾生,觀於西
方極樂世界,以佛力故,當得見彼清淨國土。如執明鏡,自見面像。見彼國土,極妙樂事,心歡
喜故,應時即得無生法忍。』
12
“ดูกอนอานนท เธอพึงจําไวแลวประกาศแสดงพุทธวจนะน้ีไปใหกวางขวาง บัดน้ีตถาคตจะสอนเวเทหิ
และสรรพสตั วทงั้ หลายในอนาคต ใหพจิ ารณาสุขาวตีโลกธาตุเบ้ืองประจมิ เหตุท่อี าศัยพุทธพละ จักยังใหไดเห็น
โลกธาตุอันบริสุทธ์แิ หงนัน้ อปุ มาบุคคลถอื คันฉอ งใส แลว แลเห็นหนาตารูปลกั ษณของตน การไดท ศั นาโลกธาตุ
แหง นนั้ เปน สขุ เกษมที่ประณตี ยง่ิ นกั ดวยเหตทุ ี่จติ โสมนัสเวลานั้นจงึ ไดบ รรลุ อนุตฺปตตฺ ิก ธรฺม กษานตฺ ิ*๗”
*๗.ติสรฺ : กษฺ านตฺ ิ ความอดทน ๓ คอื
๑)โฆษานคุ ต ธรมฺ กษฺ านฺติ ความอดทนตอเสยี งดงั ตางๆ โดยพิจารณาวา เปนของไมเ ทย่ี งแทถ าวร
๒)อนโุ ลมกิ ี ธรฺม กฺษานฺติ ความอดทนทีจ่ ะปฏิบัตอิ นโุ ลมตามธรรม
๓)อนุตฺปตฺตกิ ธรมฺ กฺษานตฺ ิ ความอดทนปลงใจเชอื่ ในธรรมทไ่ี มเกิดอกี ตอ ไป
佛告韋提希:『汝是凡夫,心想羸劣,未得天眼,不能遠觀,諸佛如來有異方便,令汝得見
。』
มีพุทธดํารัสกับพระนางเวเทหิวา “เธอยังเปนบุถุชน จิตยังออนแอต่ําตอยอยู ยังมิบรรลุทิพยจักษุ มิอาจ
แลเหน็ ไดไกล พระพุทธตถาคตทงั้ หลายมีอุปายวิธีตางกัน ยงั ใหเ ธอแลเหน็ ได”
時韋提希白佛言:『世尊!如我今者,以佛力故,見彼國土;若佛滅後,諸眾生等,濁惡不
善,五苦所逼,云何當見阿彌陀佛極樂世界?』
คร้ังน้ัน พระนางเวเทหิทูลพระศาสดาวา “ขาแตพระผูมีพระภาค ดุจหมอมฉันในบัดน้ี ดวยเหตุท่ีอาศัย
กําลังแหงพระพุทธเจา จึงไดแลเห็นโลกธาตุนั้น หากหลังจากพระพุทธปรินิพพานแลว หมูสัตวท้ังหลายจักแปด
เปอนชั่วราย มีทุกขหาประการบีบค้ัน*๘ แลวจักไดเห็นสุขาวตีโลกธาตุของพระอมิตายุสพุทธะ ไดอยางไรพระ
เจาขา ”
*๘.คือ เกิด แก เจ็บ ตาย และการพลดั พราก
佛告韋提希:『汝及眾生,應當專心繫念一處,想於西方。云何作想?凡作想者,一切眾生
,自非生盲,有目之徒,皆見日沒,當起想念。』
ตรัสกับพระนางเวเทหิวา “เธอและสรรพสัตว พึงต้ังใจมั่นและมีจิตระลึกถึงสถานเดียว แลวระลึกถึง
ประจมิ ทศิ การระลึกเปนเชนไรเลา ผูจ กั ทาํ การระลกึ และหมสู ตั วทง้ั หลาย หากตนเองมิไดเ กิดมาเนตรบอดแลว
ไซร เพียงมดี วงเนตรท่สี ามารถแลเห็นสรุ ียม าศอสั ดง แลวตงั้ ความระลกึ ยงั ท่นี นั้ เปน อารมณ
『正坐西向,諦觀於日欲沒之處,令心堅住,專想不移,見日欲沒,狀如懸鼓。』
นั่งลงบายหนายังประจิมทิศ แลวพิจารณาดวงอาทิตยท่ีกําลังลับของฟาไป ยังดวงจิตใหตั้งมั่นอยู มีนิมิต
ตัง้ อยูม ิคลาดคลา ทศั นาอาทิตยก ําลงั อัสดง มีลักษณะเหมอื นกลองทลี่ อยอยู
『既見日已,閉目開目,皆令明了。是為日想,名曰初觀。作是觀者,名為正觀;若他觀者
,名為邪觀。』
เม่ือแลเหน็ ดวงอาทิตยเ ชน นแี้ ลว แมป ด ตาเปดตา ก็ใหเห็นไดชดั เจน นีค้ อื การนาํ ดวงอาทติ ยเ ปนนิมิต ช่อื
วา การพิจารณาประการแรก ผูเจริญนิมิตพิจารณาเชนน้ี ชื่อวาพิจารณาไดถูกตอง หากพิจารณาเปนอ่ืน ยอม
ช่อื วา ไดพ ิจารณาผดิ
佛告阿難及韋提希。初觀成已。『次作水想,想見西方一切皆是大水。見水澄清,亦令明了
,無分散意。既見水已,當起水想,見水映徹,作琉璃想。此想成已,見琉璃地,內外映徹,下
有金剛,七寶金幢,擎琉璃地。其幢八方八楞具足,一一方面,百寶所成。一一寶珠,有千光明
。一一光明。八萬四千色,映琉璃地,如億千日,不可具見。琉璃地上,以黃金繩,雜廁間錯,
以七寶界,分齊分明。一一寶中,有五百色光,其光如華,又似星月,懸處虛空,成光明臺。』
13
ตรัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิ ถึงการเพงพิจารณาประการแรกแลว ตรัสวา “ยังมีการใชชลชาติ
เปนนิมิต กําหนดนิมิตวาแลเห็นสรรพส่ิงเบื้องประจิม เปนมหาสาครทั้งส้ิน ใหทัศนานํ้านิ่งและใส แลพึง
กําหนดใหชัดเจนแจมใส มีจิตไมแตกซาน เม่ือแลเห็นนํ้าแลว พึงกําหนดนํ้าเปนอารมณ เม่ือแลเห็นนํ้าแจมแจง
แลว จึงใชแกวไวฑูรยเปนนิมิต เมื่อสําเร็จนิมิตน้ีแลว จักทัศนาธรณีดลเปนไวฑูรยแจมใสท้ังภายในภายนอก
เบ้ืองลางมีเพชร มีรัตนเจ็ดประการ ธงทองคํา เมื่อครายกพ้ืนไวฑูรยขึ้น ธงนั้นมีอยูท้ังแปดดานแปดมุม แตละ
ดานก็สําเร็จดวยรัตนะรอยประการ รัตนะหน่ึงๆก็มีรัศมีพันประการ รัศมีหน่ึงๆก็มีแปดหมื่นสีพันสี อันไวฑูรย
ปฐพีนั้นสวางใสดุจดวงอาทิตยพนั โกฏิดวง มิอาจเห็นไดท้ังหมด บนพ้ืนไวฑูรยนั้น ก็มีเชือกทองคําผูกถกั สลับไป
มาระหวางกัน เปนดินแดนแหงรัตนะเจ็ดประการ มีความแจมใสและชัดเจน แตละรัตนชาติหนึ่งๆยังมีรัศมีหา
รอยประการ รัศมีน้ันประดุจดอกไม ฤๅด่ังดวงดาวหรือดวงจันทร ท่ีลอยอยูกลางอวกาศ ทอแสงเปนบัลลังก
ประภาส
『樓閣千萬,百寶合成,於臺兩邊,各有百億華幢,無量樂器,以為莊嚴。八種清風,從光
明出,鼓此樂器,演說苦、空、無常、無我之音。是為水想,名第二觀。』
หอและอาคารจํานวนพันหม่ืน ก็สําเร็จดวยรัตนะรอยประการประกอบกัน ท้ังสองฟากขางก็มีธงดอกไม
จาํ นวนรอยโกฏิ เครอ่ื งดนตรไี มมปี ระมาณกต็ กแตงอยางอลงั การ กระแสลมเย็นท้งั แปดชนิด เกดิ จากรัศมนี ี้ เม่อื
โชยสมั ผัสเคร่ืองดนตรีเหลาน้ีแลว จึงเกดิ เปน สําเนียงวาดวยความทกุ ข ความวางเปลา ความไมเท่ยี ง และความ
ไมม ีตวั ตน น่ีคอื การใชช ลชาตเิ ปนนมิ ติ ชื่อวา การพิจารณาประการท่ีสอง
『此想成時,一一觀之,極令了了。閉目開目,不令散失。唯除食時,恆憶此事。作是觀者
,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』
เมื่อสําเร็จนิมิตนี้ แตละการพิจารณาหน่ึงๆ พึงตองชัดเจนเปนที่สุด เมื่อปดตาหรือเปดตาก็มิสูญหายไป
เวนแตเวลาบรโิ ภคเทา นัน้ พงึ ระลึกอยูเชน น้ี ผูเ จริญนิมิตพจิ ารณาเชนน้ี ชือ่ วาพจิ ารณาไดถูกตอง หากพิจารณา
เปนอืน่ ยอ มชือ่ วาไดพ จิ ารณาผิด
佛告阿難及韋提希:『水想成已。名為粗見極樂國地。若得三昧,見彼國地,了了分明,不可
具說。是為地想,名第三觀。』
มพี ุทธดาํ รสั กบั พระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เมอ่ื พิจารณาน้ําเปน นิมิตสาํ เรจ็ แลว ชื่อวา ไดท ศั นาพื้น
ปฐพีของแดนสุขาวตีลางๆแลว หากบรรลุถึงสมาธิจักไดแลเห็นปฐพีของแดนนั้น ดวยความชัดเจนแจมใส อันมิ
อาจกลาวไดโ ดยสมบรู ณ นี่คือการใชแ ผน ดินเปนนมิ ติ ชื่อวา การพจิ ารณาประการท่สี าม
佛告阿難:『汝持佛語,為未來世一切大眾,欲脫苦者,說是觀地法。若觀是地者,除八十
億劫生死之罪。捨身他世,必生淨國,心得無疑。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。
』
พระพุทธศาสดาตรัสกับพระอานนทวา “เธอจงจดจําคําของตถาคต เพื่อมหาชนทั้งปวงในอนาคต ผู
ปรารถนาหลดุ พนจากความทุกข ดวยการกลาวสอนการใชแผนดินเปนนิมิตเถิด หากผไู ดน าํ แผน ดินมาเปนนิมิต
แลว ยอมกําจัดบาปจากวัฏสงสารจํานวนแปดสิบโกฏิกัลป เม่ือละสังขารจากโลกอ่ืนๆแลว ยอมไปอุบัติท่ีวิศุทธิ
ภูมเิ ปน ทีแ่ นน อน ดวงจติ ลุถงึ ความปราศจากสิ่งกดี กั้น ผเู จรญิ นิมิตพจิ ารณาเชน นี้ ชอื่ วาพจิ ารณาไดถกู ตอง หาก
พจิ ารณาเปน อ่นื ยอ มชอื่ วาไดพ ิจารณาผิด
佛告阿難,及韋提希:『地想成已,次觀寶樹。觀寶樹者,一一觀之,作七重行樹想。一一
樹高八千由旬。其諸寶樹,七寶華葉,無不具足。』
14
ตรัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เมื่อพิจารณาแผนดินเปนนิมิตสําเร็จแลว จึงพิจารณารัตนพ
ฤกษ แตละการพิจารณาหน่ึงๆ ใหเห็นมีรุกขชาติเจ็ดแถว แตละตนสูงแปดพันโยชน*๙ ตนไมอัญมณีเหลานั้นมี
ดอกใบเปนรตั นะเจด็ ประการ ลว นแตม ีความบริบรู ณ
*๙.หน่ึงโยชน คอื ชื่อมาตราวดั ระยะทาง เทากับ ๔ คาวตุ หรือ ๔๐๐ เสน
『一一華葉,作異寶色。琉璃色中,出金色光;頗梨色中,出紅色光;瑪瑙色中,出硨磲光
;硨磲色中,出綠真珠光;珊瑚琥珀一切眾寶以為映飾,妙真珠網彌覆樹上。一一樹上,有七重
網。一一網間,有五百億妙華宮殿,如梵王宮。』
ดอกใบหน่งึ ๆ กเ็ ปนรตั นะหลากวรรณะ สีของไวฑูรยแตเปลงแสงเปนสีทอง สขี องแกว ผลกึ เปลง แสงเปนสี
แดง สีของโมราเปลงแสงเปนสีของเปลือกหอย สีของเปลือกหอยเปลงแสงเปนมุกดาสีเขียว ปะการัง อําพัน
รัตนะทั้งปวงกป็ ระกายประดบั ประดา ตาขา ยแกว มุกดาทวี่ จิ ติ รกป็ กคลมุ อยูทว่ั ตน ไมนนั้ บนรกุ ขชาติหน่งึ ๆ มีตา
ขายเจ็ดช้ัน ระหวางตาขายหน่ึงๆ มีปราสาทมณเฑียรรังสรรคดวยบุปผชาติ อันวิจิตรบรรจงจํานวนหารอยโกฏิ
ดจุ พรหมราชมณเฑียร
『諸天童子,自然在中。一一童子五百億釋迦毗楞伽摩尼寶以為瓔珞。其摩尼光,照百由旬
,猶如和合百億日月不可具明。眾寶間錯,色中上者,此諸寶樹,行行相當,葉葉相次。於眾葉
間生諸妙華,華上自然有七寶果。一一樹葉,縱廣正等二十五由旬。其葉千色,有百種畫如天瓔
珞,有眾妙華,作閻浮檀金色。如旋火輪,宛轉葉間,踊生諸果,如帝釋瓶。』
บรรดาเทวกุมาร ก็มีอยูภายในโดยธรรมชาติ แตละกุมารหนึ่งๆ ก็มีศักราภิลัคนมณี*๑๐ เปนเกยูระ รัศมี
ของแกวมณีนั้นสวางไปรอยโยชน อุปมาเหมือนวาเอาสุริยันจันทรา จํานวนรอยโกฏิมารวมกัน ก็มิอาจบรรยาย
ไดแจมแจง ระหวา งรตั นะท้ังปวง ก็มวี รรณะตามขา งตน บรรดารตั นพฤกษเ หลา น้ี ก็โนม เอียงเขา หากัน แตล ะใบ
เรียงติดกัน ระหวา งใบไมเหลาน้นั ยังบงั เกิดดอกทวี่ ิจติ รสวยงามนานาชนิด บนดอกก็มีผลเปนรัตนะเจ็ดประการ
โดยธรรมชาติ ใบของแตละตนหน่ึงๆ ก็ราบเรียบและแผกวางยี่สิบหาโยชน ใบน้ันมีพันวรรณะ มีรอยชนิดท่ีมี
ภาพเหมือนทิพยเกยูระ มีดอกอันวิจิตรจํานวนมาก ที่ประดิษฐดวยสีของทองชมพูนุช อุปมากงลอไฟท่ีหมุนอยู
ระหวา งใบ แลวมผี ลตา งๆผดุ ขน้ึ ดุจคนโทของทา วศักกะ
*๑๐.แกวผลึกชนิดหนง่ึ บา งวา เปนรัตนะอยางหนง่ึ ที่ประดบั บนเศยี รของทาวสักกเทวราช
『有大光明,化成幢旛,無量寶蓋。是寶蓋中,映現三千大千世界,一切佛事。十方佛國,
亦於中現。見此樹已,亦當次第一一觀之,觀見樹莖、枝葉、華果,皆令分明。是為樹想,名第
四觀。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』
ท่ีมีรัศมีมหาศาล ปรากฏเปนธงทิว และรัตนฉัตรจํานวนไมมปี ระมาณ ภายในรัตนฉตั รน้ี ก็ปรากฏกิจแหง
พระพทุ ธเจา ทง้ั ปวง ในตรีสหสั มหาสหัสโลกธาตุอยางแจมชดั พทุ ธประเทศในทิศท้งั สิบ ก็ปรากฏอยูภายใน เม่อื
ไดท ศั นารกุ ขชาตินี้แลว จกั ตองพจิ ารณาแตละสิ่งโดยลําดับ พจิ ารณาลาํ ตน กานใบ ดอกผล ใหช ัดเจน นีค่ ือการ
ใชรุกขชาติเปนนิมิต ช่ือวา การพิจารณาประการท่ีสี่ ผูเจริญนิมิตพิจารณาเชนน้ี ช่ือวาพิจารณาไดถูกตอง หาก
พิจารณาเปนอื่น ยอมชื่อวาไดพ ิจารณาผิด
佛告阿難及韋提希:『樹想成已。次當想水,欲想水者,極樂國土,有八池水。』
มีพุทธดํารัสตอพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เมื่อพิจารณารุกขชาติเปนนิมิตสําเร็จแลว ประการ
ตอ ไปพงึ ใชน ้ําเปนนมิ ติ ผจู ักพจิ ารณานา้ํ นน้ั ในสุขาวตโี ลกธาตมุ นี ้ําแปดสระ
15
『一一池水,七寶所成。其寶柔軟,從如意珠王生,分為十四支,一一支作,七寶妙色,黃
金為渠,渠下皆以雜色金剛,以為底沙。一一水中,有六十億七寶蓮華,一一蓮華,團圓正等十
二由旬。其摩尼水流注華間,尋樹上下。』
น้ําแตละสระ สําเร็จดวยรัตนะเจ็ดประการ รัตนะเหลาน้ันก็ละเมียดละไม และกําเนิดจากจินดามณีอัน
เปนราชาแหงรัตนะ สายน้ําแบงไดสิบสี่สาย แตละสายหนึ่งๆเปนสีสันที่งดงามของรัตนะท้ังเจ็ด ลํานํ้าเปน
ทองคํา เบื้องลางลํานํ้าน้ันก็เต็มไปดวยเพชรหลากวรรณะ เปนทรายอันปูลาดอยูเบื้องลาง แตละกระแสน้ํา
หนึ่งๆ ยงั มีปทมชาตริ ตั นะเจด็ ประการจํานวนหกสบิ โกฏิ แตละปทมชาตหิ น่ึงๆนน้ั กลมมนแผไปย่สี บิ โยชน สาย
ธารแหง แกวมณนี นั้ ก็ ไหลผานระหวางบัวเหลา นนั้ และไหลขึน้ ลงหลอ เล้ยี งพฤกษา
『其聲微妙,演說苦、空、無常、無我諸波羅密;復有讚歉諸佛相好者。從如意珠王踊出金
色微妙光明,其光化為百寶色鳥,和鳴哀雅,常讚念佛、念法、念僧。是為八功德水想,名第五
觀。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』
สําเนียง (แหงกระแสน้ํา) น้ันก็ไพเราะเปนนักหนา ประกาศแสดงซ่ึงความเปนทุกข ความวางเปลา ความ
ไมเ ทย่ี ง ความไมมีตวั ตน และปารมติ าทัง้ ปวง คอื คุณชาตอิ ันสามารถพาใหถึงฝง พระนพิ พาน ยังมีการสรรเสริญ
มงคลลกั ษณะของพระพทุ ธเจาทัง้ ปวง แกวจินดามณอี ันเปน ราชาของหมรู ตั นะก็ผดุ ขึน้ เปนรัศมสี ที องคาํ สกุ ปล่ัง
สวยงาม อนั รศั มนี ัน้ ยังกอเกิดเปนสกุณีที่มีสีสันดุจรัตนะรอ ยประการ เมื่อขับขานประสานเสียงกันแลวก็ไพเราะ
นาฟง อันสดุดีพุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สังฆานุสสติ อยูเปนนิจ นี่คือการใชอัษฏางคิกวารีเปนนมิ ิต ชื่อวา การ
พิจารณาประการท่ีหา ผูเจริญนิมิตพิจารณาเชนน้ี ชื่อวาพิจารณาไดถูกตอง หากพิจารณาเปนอ่ืน ยอมชื่อวาได
พิจารณาผดิ
佛告阿難及韋提希:『眾寶國土,一一界上,有五百億寶樓。其樓閣中,有無量諸天,作天妓
樂。又有樂器,懸處虛空,如天寶幢,不鼓自鳴。此眾音中,皆說念佛、念法、念比丘僧。』
ตรัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “หมูรัตนโลกธาตุเบื้องบนแตละโลกธาตุหน่ึงๆ มีอาคารอยูหา
รอยโกฏิ ภายในอาคารเหลา น้ัน มีทิพยชนหาประมาณจํานวนมิไดท ่ีบรรเลงดนตรี แลยังมีเครื่องดนตรีที่ลอยละ
ลองในอากาศ ประดุจธงรัตนะอันเปนทิพย เภรีน้ันแมมิไดยํ่าก็อุโฆษไดเอง ทามกลางสําเนียงเหลานี้ ลวนแต
ปาวประกาศถงึ พุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สงั ฆานุสสติ
『此想成已,名為粗見極樂世界、寶樹、寶地、寶池。是為總觀想,名第六觀。』
เม่ือสําเร็จในนิมิตนี้แลว ชื่อวาไดแลเห็นสุขาวตีโลกธาตุ รัตนพฤกษ รัตนปฐพี รัตนโบกขรณีลางๆ น่ีคือ
การรวมนิมติ ชอ่ื วา การพิจารณาประการท่ีหก
『若見此者,除無量億劫極重惡業,命終之後,必生彼國。作是觀者,名為正觀;若他觀者
,名為邪觀。』
หากผูเ ห็นเชนนี้ จกั กาํ จัดอกศุ ลกรรมหนกั ทีส่ ดุ ของกลั ปห ลายโกฏปิ ระมาณมิได เม่ือสน้ิ ชพี แลว จักไปอบุ ตั ิ
ทโี่ ลกธาตนุ น้ั อยา งแนนอน ผูเจรญิ นิมติ พิจารณาเชน น้ี ช่อื วา พจิ ารณาไดถกู ตอ ง หากพจิ ารณาเปน อ่นื ยอมช่อื วา
ไดพ ิจารณาผิด
佛告阿難,及韋提希:『諦聽諦聽,善思念之,吾當為汝分別解說,除苦惱法;汝等憶持,
廣為大眾分別解說。』
พระพุทธศาสดาตรัสกับพระอานนทแ ละพระนางเวเทหิวา “จงฟงเถดิ ๆ แลว ไตต รองโดยดีเถิด ตถาคตจัก
แจกแจงวธิ ีกาํ จดั ทุกขภัยแกเธอ เธอท้งั หลายพึงจดจาํ แลว ประกาศแจกแจงแกมหาชนทั้งปวงเถดิ ”
16
說是語時,無量壽佛住立空中,觀世音、大勢至、是二大士,侍立左右。光明熾盛,不可具
見,百千閻浮檀金色,不得為比。
เพลาท่ีตรัสอยูนั้น พระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา ไดประทับยืนอยูในนภากาศ พระอวโลกิเตศวร
พระมหาสถามปราปต อันเปนมหาบุรุษทั้งสอง ก็ยืนอยูทั้งเบ้ืองซายขวา รุงเรืองดวยรัศมีประภาสจํานวน
มากมายมอิ าจยลไดหมดส้นิ อนั แสงสวี รรณะของทองชมพนู ชุ จาํ นวนรอ ยพันก็มิอาจเทียบ
時韋提希,見無量壽佛已,接足作禮,白佛言:『世尊!我今因佛力故,得見無量壽佛,及
二菩薩,未來眾生,當云何觀無量壽佛及二菩薩?』
เม่ือพระนางเวเทหิไดทัศนาพระอมิตายุสพุทธเจาแลว จึงอภิวาทเบื้องพระพุทธบาท แลวทูลวา “ขาแต
พระผูมีพระภาค ในบัดนี้เพราะหมอมฉันไดอาศัยพุทธานุภาพ จึงไดเห็นพระอมิตายุสพุทธองค และพระ
โพธิสัตวทั้งสอง แลวสรรพสัตวในอนาคต จักพิจารณาถึงพระอมิตายุสพุทธเจา และพระโพธิสัตวทั้งสอง ได
อยา งไรหนอพระเจาขา”
佛告韋提希:『欲觀彼佛者,當起想念,於七寶地上,作蓮華想。』
พระพุทธองครบั ส่ังกับพระนางเวเทหวิ า “เมื่อปรารถนาจักเพง พิจารณาพระพุทธเจา องคนน้ั พึงตงั้ นิมิตวา
เบอ้ื งบนของปฐพรี ัตนะเจด็ ประการ มปี ทมชาตนิ ิมติ
『令其蓮華,一一葉上,作百寶色。有八萬四千脈,猶如天畫。一一脈有八萬四千光,了了
分明,皆令得見。華葉小者,縱廣二百五十由旬。如是蓮華,具有八萬四千大葉;一一葉間,有
百億摩尼珠王以為映飾。一一摩尼珠,放千光明,其光如蓋,七寶合成,遍覆地上。』
ใหปทมชาติน้ัน บนกลีบหน่ึงๆ มีสีสันของรัตนชาติจํานวนหน่ึงรอยชนิด มีเสนสายแปดหมื่นสี่พัน อุปมา
ภาพวาดทิพย แตละเสนสายหนึ่งๆ มีรัศมีแปดหมื่นสี่พันที่ชัดเจนแจมใส อันสามารถยลไดท้ังสิ้น กลีบเล็กของ
ปทมชาติน้ัน แผกวางไดสองรอยหาสิบโยชน อันปทมชาติน้ี มีกลีบใหญรวมแลวแปดหมื่นสี่พัน ระหวางกลีบ
หน่ึงๆ มีราชาของรัตนะทั้งปวงคือแกวมณีมุกดา จํานวนรอยโกฏิประดับตกแตงอยู แตละมณีมุกดาหนึ่งๆ
ประภาสแสงไปพันประการ อันรศั มีนัน้ ก็ดุจรม ฉตั ร ท่ีสาํ เร็จแลวดวยรัตนะเจด็ ประการ ปกคลุมอยทู ั่วผืนธรณนิ
『釋迦毗楞伽摩尼寶,以為其臺,此蓮華臺,八萬金剛甄叔迦寶,梵摩尼寶。妙真珠網,以
為校飾。』
ศักราภิลัคนมณีเปนแทน อันแทนของปทมชาตินัน้ มีเพชร กิมศุกะ*๑๑ จํานวนแปดหมน่ื พรหมมณี*๑๒
และมกุ ดาทีง่ ดงามถักทอกันเปนชาละ แขวนระยาอยู
*๑๑.甄叔迦 คือ กศึ กุ หมายถึง พลอยสีแดงหรือทบั ทมิ
*๑๒.梵摩尼 คือ พรฺ หมฺ -มณิ หมายถงึ ไขมกุ อันบรสิ ุทธ์ิ, แกว มณขี องพรหม, แกว มณีอันบรสิ ทุ ธิ์
『於其臺上,自然而有四柱寶幢,一一寶幢,如百千萬億須彌山,幢上寶幔,如夜摩天宮,
復有五百億微妙寶珠,以為映飾。一一寶珠,有八萬四千光,一一光作八萬四千異種金色。一一
金色,遍其寶土,處處變化,各作異相。或為金剛臺,或作真珠網,或作雜華雲,於十方面,隨
意變現,施作佛事。是為華座想,名第七觀。』
เบ้ืองบนของแทนนั้น มีธงรัตนะสี่ตน แตละธงรัตนะหนึ่งๆ ประดุจสุเนรุบรรพตรอยพันหม่ืนโกฏิ มาน
รัตนะบนธงน้ัน ดุจทิพยปราสาทบนยามาเทวโลก ยังมีรัตนมุกดาท่ีวิจิตรบรรจงจํานวนหารอยโกฏิประดับตบ
แตงอยู แตละรัตนมุกดาหน่ึงๆ มีรัศมีแปดหมื่นสี่พัน แตละรัศมีหน่ึงๆ บังเกิดวรรณะดั่งทองประเภทตางๆ
จํานวนแปดหมื่นสี่พัน แตละสุวรรณประภาสหน่ึงๆ ก็ปกคลุมไปท่ัวรัตนปฐพีน้ัน มีความเปล่ียนแปลงอยูทุก
สถาน ดวยลักษณะท่ีแตกตางนานา บางเปนหอเพชร บางเปนมุกดาชาละ บางเปนเมฆบุปผาหลากวรรณะ ใน
17
ดานของทิศท้งั สิบกจ็ กั เปลีย่ นแปรไปตามใจ อนั เปนไปเพือ่ กระทาํ พทุ ธกจิ นีค่ ือการใชปทมอาสนเ ปนนิมติ ช่อื วา
การพิจารณาประการทเี่ จ็ด
佛告阿難:『如此妙華,是本法藏比丘願力所成。若欲念彼佛者,當先作此妙華座想。作此
想時,不得雜觀,皆應一一觀之,一一葉,一一珠,一一光,一一臺,一一幢,皆令分明。如於
鏡中,自見面像。此想成者,滅除五萬億劫生死之罪,必定當生極樂世界。作是觀者,名為正觀
;若他觀者,名為邪觀。』
พระผูมีพระภาครับส่ังกับพระอานนทวา “มาลีอันวิจิตรเหลานี้ สําเร็จดวยกําลังแหงมูลปณิธานแตครั้ง
กอนของธรรมกรภิกษุ*๑๓ หากปรารถนาจกั ระลกึ ถงึ พระพุทธเจาพระองคน ้ัน ประการแรกจงระลึกพิจารณาถึง
ปทมอาสนนิมิตน้ี เม่ือกระทํานิมิตนี้จงอยาพิจารณาเปนอ่ืน พึงพิจารณาแตละส่ิงหน่ึงๆ กลีบหน่ึงๆ มณีหนึ่งๆ
รัศมีหนึ่งๆ หอหน่ึงๆ ธงหน่ึงๆ ลวนตองชัดเจน ดุจไดพบรูปหนาลักษณะของตนในคันฉอง ผูสําเร็จซ่ึงการ
พิจารณาเชนนี้ บาปของสังสารวัฏจํานวนหาหมื่นโกฏิกัลปจักดับสิ้นไป จักไดอุบัติยังสุขาวตีพุทธเกษตรเปนท่ี
แนน อน ผูเ จริญนิมติ พจิ ารณาเชนนี้ ชอื่ วา พจิ ารณาไดถ ูกตอ ง หากพิจารณาเปนอ่นื ยอมชอื่ วาไดพ จิ ารณาผดิ ”
*๑๓.法藏比丘 ธรรมกรภิกษุ คือช่ือหนึ่งในอดีตชาติของพระอมิตายุสพุทธะ ท่ีเสวยพระชาติเปน
โพธิสัตว และไดต้ังปณิธานานที่ยิ่งใหญไว 48 ประการ มีรายละเอียดใน มหาสุขาวตีวยูหสูตร อาตมาภาพแปล
เปน ไทยแลวเมือ่ ป 2551
佛告阿難,及韋提希:『見此事已,次當想佛。所以者何?諸佛如來,是法界身,遍入一切
眾生心想中。』
มีพุทธบรรหารกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เมื่อไดยลเหตุการณน้ีแลว ลําดับตอไปพึงพจิ ารณา
พุทธะนิมิต ดวยประการเชนใดฤๅ บรรดาพระพุทธตถาคต มีกายคือธรรมธาตุ เขาสูกลางจิตของสรรพสัตวทั้ง
ปวง
『是故汝等,心想佛時,是心即是三十二相,八十隨形好,是心作佛,是心是佛。諸佛正遍
知海,從心想生,是故應當一心繫念,諦觀彼佛,多陀阿伽度,阿羅訶,三藐三佛陀。』
เหตนุ ้เี ธอทง้ั หลาย เมอื่ มีจติ ระลกึ พิจารณาถึงพระพทุ ธะ จติ คือมหาบรุ ุษลักษณะสามสบิ สอง อนพุ ยญั ชนะ
แปดสิบ กระทําจิตเปนพุทธะ จิตจึงคือพุทธะญาณสาคร คือความรูอันดุจหวงมหรรณพของพระพุทธะทั้งปวง
ลวนเกิดจากจิตเหตุนี้ จึงควรมีจิตตั้งม่ันเปนหนึ่ง แลวพิจารณาทรงไวซึ่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ
พระองคน นั้
『想彼佛者,先當想像,閉目開目,見一寶像,如閻浮檀金色,坐彼華上。見像坐已,心眼
得開,了了分明。見極樂國,七寶莊嚴,寶地寶池,寶樹行列,諸天寶幔,彌覆樹上,眾寶羅網
,滿虛空中。見如此事,極令明了,如觀掌中。』
ผูพิจารณาระลึกอยูซ่ึงพระพุทธะองคน้ัน ประการแรกจงนึกถึงพุทธลักษณะปดตาเปดตา ก็แลเห็นพุทธ
ลักษณ มีวรรณะดุจทองชมพูนุช ประทับน่ังบนปทมชาติอันนั้น เมื่อเห็นรูปน่ังแลว ดวงตาแหงจิตจึงเปดออก
เห็นชัดแจม แจง ไดแลเห็นสขุ าวตโี ลกธาตุ อลังการของรตั นะเจ็ดประการ รัตนปฐพี รัตนโบกขรณี รัตนพฤกษที่
เรียงราย รัตนวสิ ูตรอนั เปน ทิพยต างๆ ทป่ี กคลุมเตม็ อยบู นตนไมนั้น บรรดารตั นชาละ ก็มีอยมู ากมายบนอากาศ
จงทัศนาเหตุการณเ ชน น้ี ดวยความชัดเจนเปน ที่สดุ ดจุ การพจิ ารณาในฝามอื
『見此事已,復當更想一大蓮華,在佛左邊,如前蓮華,等無有異。復作一大蓮華,在佛右
邊。想一觀世音菩薩像,坐左華座,亦作金色,如前無異,想一大勢至菩薩像,坐右華座。』
18
แลเห็นเหตุการณน้ีแลว จงพิจารณาปทมชาติใหญดอกหนึ่ง ทางดานซายของพระพุทธะ ดุจปทมชาติ
ขางตน เสมือนมิตางกัน แลมีปทมชาติใหญอีกดอกหนึ่ง อยูดานขวาของพระพุทธะ นึกถึงรูปพระอวโลกิเตศวร
โพธิสัตวประทับนั่งอยูปทมอาสนเบื้องซาย มีวรรณะดั่งทองเหมือนขางตนไมตางกัน นึกถึงรูปพระมหาสถาม
ปราปตโ พธสิ ตั วป ระทับนัง่ อยปู ท มอาสนเบอ้ื งขวา
『此想成時,佛菩薩像,皆放妙光,其光金色,照諸寶樹。一一樹下,亦有三蓮華,諸蓮華
上,各有一佛二菩薩像,遍滿彼國。』
เม่ือพิจารณาเชนนี้สําเร็จแลว รูปแหงพระพุทธโพธิสัตว ตางเปลงรัศมีประภาส มีวรรณะสีทอง สองไปยัง
รตั นพฤกษท ั้งปวง ใตพฤกษาหนงึ่ ๆ ก็มปี ท มชาตสิ ามดอก บนปทมชาตทิ ้งั ปวงลวนแตมีรูปพระพทุ ธเจาหน่ึงองค
และโพธิสัตวสององคอ ยูท ัว่ ไปในโลกธาตนุ ั้น
『此想成時,行者當聞水流光明,及諸寶樹,鳧鴈鴛鴦,皆說妙法。出定入定,恒聞妙法,
行者所聞,出定之時,憶持不捨,令與修多羅合。若不合者,名為妄想;若與合者,名為麁想。
見極樂世界。是為像想,名第八觀。』
เมื่อพิจารณาเชนน้ีสําเร็จแลว พระโยคาวจรจักไดสดับยินเสียงของกระแสน้ําและรัตนพฤกษทั้งปวง
นกเปด นาํ้ หา นปา นกเปด นา้ํ คู ลว นประกาศพระสัทธรรม แมอ อกจากสมาธิหรือเขาสมาธิ กย็ ังไดสดับธรรมอัน
ประเสริฐ พระโยคาวจรไดสดับแลว เม่ือออกจากสมาธิก็ยอมจดจําไดมิเลือนหาย ถูกตองตามนัยยะแหงพระ
สูตร หากมิตองตามแลวไซร จึงชื่อวา ระลึกเท็จ หากตองกันแลว จึงชื่อวา ระลึกคราวๆ ในการแลเห็นสุขาวตี
โลกธาตุ นค่ี ือการใชลักษณะเปน นมิ ิต ช่อื วา การพิจารณาประการท่แี ปด
『作是觀者,除無量億劫生死之罪,於現身中,得念佛三昧。作是觀者名為正觀。若他觀者
名為邪觀。』
ผูพิจารณาเชนน้ี จักกําจัดบาปของสงั สารวฏั จํานวนอนนั ตโกฏกิ ัลป ในชาติปจจุบันจักบรรลถุ ึงพุทธานสุ ส
ติสมาธิ ผูเจรญิ นิมติ พจิ ารณาเชนน้ี ชอื่ วาพิจารณาไดถ ูกตอ ง หากพจิ ารณาเปนอนื่ ยอมชอ่ื วาไดพิจารณาผดิ ”
佛告阿難,及韋提希:『此想成已,次當更觀無量壽佛,身相光明。阿難!當知無量壽佛,
身如百千萬億夜摩天閻浮檀金色,佛身高六十萬億那由他恆河沙由旬,眉間白毫,右旋宛轉,如
五須彌山;佛眼如四大海水,青白分明。身諸毛孔,演出光明,如須彌山。彼佛圓光,如百億三
千大千世界,於圓光中,有百萬億那由他恒河沙化佛。一一化佛,亦有眾多無數化菩薩,以為侍
者。』
มีพุทธดํารัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เมื่อสําเร็จในนิมิตนี้แลว จงพิจารณาพระอมิตายุส
พุทธะ มีพระวรกายรุงเรือง ดูกอนอานนท พึงทราบเถิดพระอมิตายุสะพุทธเจา วรกายมีวรรณะดุจทองชมพูนุช
จํานวนรอยพันหม่ืนโกฏิบนยามาเทวโลก พุทธอินทรียน้ันสูงจํานวนโยชน เทากับเม็ดทรายในคงคานทีหกสิบ
หมื่นโกฏนิ ยุตะ*๑๔สายรวมกนั *๑๕ พระอุณาโลมสขี าวเวียนประทักษณิ า ดุจปญ จสเุ มรุสงิ ขร พระพุทธเนตรดุจ
กระแสอุทกในมหาสมุทรท้ังสี่ สีขาวครามแจมใส ขุมพระโลมชาติท่ัวพระสรรพางกาย ก็มีรัศมีประภาสออกมา
ดุจเขาสุเมรุ ประภามณฑลของพระพุทธเจาองคนัน้ ก็แผปกไปท่ัวตรีสหัสมหาสหัสโลกธาตจุ ํานวนรอยโกฏิ*๑๖
ในประภามณฑลน้ัน มีพระพุทธนิรมิตจํานวนเทาเม็ดทรายในคงคานทีรอยหม่ืนโกฏินยุตะสายรวมกัน แตละ
พุทธนริ มติ หนง่ึ ๆ ยงั มีหมูโพธสิ ตั วนิรมติ จํานวนอสงไขยเปน บริวาร
*๑๔.那由他 นยุตะ คือ สังขยาจํานวน ๑ หมื่น บางก็วา นยุตะ, นิยุตะ, นหุตะ (บาลี) คือสังขยาจํานวน
หนึ่งแสน หรือหนึ่งลาน เปนหลักนับ คือ หนึ่งรอยโกฏิเปนหน่ึงอยุตะ, รอยอยุตะเปนหนึ่งนิยุตะ สวนนยุตะ
19
เทากับเลข หน่ึงตอทายดวยศูนยยี่สิบสองตัว พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ของสมาคมบาลีปกรณกลาววา นหุตะ
หมายถึงสังขยาจํานวนมาก, หนึ่งหมื่น แตพจนานุกรมสันสกฤต-อังกฤษ ของเซอรมอเนียวิลเลี่ยมและปราชญ
คนอ่ืนๆ วา ไดแ ก หนง่ึ ลา น
*๑๕.เปนสํานวนอุปมาวา มีความสูงจนเกินคํานวณ ความหมายคือ เม็ดทรายในแมนํ้าคงคา หน่ึงเม็ด
เทากับความสูงหนึ่งโยชน เราตองนับเม็ดทรายในแมนํ้าคงคาหน่ึงสาย และคูณหกสิบหมื่นโกฏินยุตะ จึงจะ
ทราบสว นสงู ของพระอมติ ายุสะพุทธะได
*๑๖.ใน จุลนิกสูตร พระพุทธองคทรงกลาวกับพระอานนทวา จากระยะใกลสุดท่ีดวงอาทิตยและดวง
จันทรจะหมุนเวียนตามจักรราศี และสองสวางดวยแสงเรืองโอภาส จนถึงชวงหน่ึงพันจักรวาล ยังมีดวงจันทร
หน่ึงพันดวง ดวงอาทิตยหนึ่งพันดวง หนึ่งพันพระสุเมรุมหาสิงขร หนึ่งพันชมพูทวีป หน่ึงพันอมรโคยานทวีป
หนึ่งพันอุตรกุรุทวีป หน่ึงพันบุพพวิเทหทวีป ส่ีพันมหาสมุทร หนึ่งพันจาตุมหาราช หน่ึงพันดาวดึงสพิภพ หนึ่ง
พันยามาสวรรค หนึ่งพันสวรรคชั้นดุสิต หนึ่งพันนิมมานนรดี หน่ึงพันปรนิมมิตวสวตี และหนึ่งพันหวงพิภพของ
ของเหลาน้ีแหละ อานนท เรียกวาระบบสหัสสโลกธาตใุ นช้ันปฐม ระบบท่ีใหญกวาท่ีกลาวมานห้ี น่ึงพัน เรียกวา
สหสั สโลกธาตุชั้นมัธยม ระบบท่ีใหญกวา นห้ี น่งึ พันเทา เรียกวา ตรสี หสั สมหาโลกธาตุ
『無量壽佛,有八萬四千相;一一相中,各有八萬四千隨形好;一一好中,復八萬四千光明
;一一光明,遍照十方世界,念佛眾生,攝取不捨。』
พระอมิตายุสพุทธเจา มีลักษณะถึงแปดหมื่นส่ีพัน ลักษณะหนึ่งๆมีอนุพยัญชนะมงคลอีกแปดหมื่นสี่พัน
แตละมงคลลักษณะหน่ึงๆ ยังมีรัศมีแปดหมื่นส่ีพันประการ สองสวางฉายไปยังทศทิศโลกธาตุ เพื่อสงเคราะหมิ
ละทิง้ หมสู ตั วท ่รี ะลกึ ถงึ พระพุทธเจา
『其光相好,及與化佛,不可具說。但當憶想,令心眼見,見此事者,即見十方一切諸佛。
以見諸佛故,名念佛三昧。』
อันรัศมี ลักษณะมงคลและพุทธนิรมิตน้ัน มิอาจกลาวไดท้ังหมด แตจงจดจําระลึกไว ยังใหดวงตาแหงจิต
ไดยล ผูไดเห็นเหตุการณนี้ คือไดพบบรรดาพระพุทธะในทศทิศ ดวยเหตุท่ีไดพบพระพุทธะทั้งปวง จึงช่ือวา
พุทธานสุ สตสิ มาธิ
『作是觀者,名觀一切佛身;以觀佛身故,亦見佛心;諸佛心者,大慈悲是;以無緣慈攝諸
眾生。』
ผูพิจารณาเชนน้ี ช่ือวา พิจารณากายแหงพระพุทธเจาท้ังปวง ดวยเหตุที่พิจารณาพุทธกาย และเห็นพุทธ
จติ อนั พุทธจิตนน้ั เปนมหาเมตตากรุณา เมตตาสงเคราะหแมน สรรพสัตวท ีป่ ราศจากปจ จัยรวมกนั มา
『作此觀者,捨身他世,生諸佛前,得無生忍。是故智者,應當繫心,諦觀無量壽佛。』
ผพู จิ ารณาเชน นี้ท่ไี ดละสงั ขารจากโลกอืน่ ๆ ยอมไปอุบตั ิยังเบ้ืองหนา พระพทุ ธเจาทงั้ ปวง บรรลอุ นตุ ปตตกิ
ธรรมกษานติ ดวยเหตุน้ีผมู ีปญญาพึงมีจติ ระลกึ ตง้ั ม่ัน พจิ ารณาพระอมติ ายุสพุทธเจา ตามนเี้ ถิด
『觀無量壽佛者,從一相好入,但觀眉間白毫,極令明了。見眉間白毫相者,八萬四千相好
,自然當現。見無量壽佛者,即見十方無量諸佛。得見無量諸佛故,諸佛現前授記。』
ผูพิจารณาอยูซึ่งพระอมิตายุสพุทธเจา จากมงคลลักษณะหนึ่งเขาสูมงคลลักษณะหน่ึง พึงพิจารณาพระ
อณุ าโลมสีขาวใหเดน ชดั ถึงทส่ี ุด ผูเ หน็ พระอณุ าโลมแลว มงคลลกั ษณะทง้ั แปดหมืน่ ส่พี นั กจ็ กั ปรากฏขนึ้ เอง ผูได
20
พบพระอมิตายุสพุทธเจา ยอมไดประสบพระพุทธเจาจํานวนไมมีประมาณในทิศท้ังสิบ แลเหตุท่ีไดพบ
พระพุทธเจา จาํ นวนไมมีประมาณในทศิ ท้ังสิบ พระพทุ ธเจา ท้ังปวงจกั ทรงปรากฏขนึ้ เพ่อื ประทานพยากรณ
『是為遍觀一切色身想,名第九觀作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』
น่ีคือการพิจารณารูปกายโดยรวมเปนนิมิต ช่ือวา การพิจารณาประการท่ีเกา ผูเจริญนิมิตพิจารณาเชนน้ี
ชือ่ วา พิจารณาไดถ กู ตอง หากพิจารณาเปน อน่ื ยอมชอ่ื วา ไดพิจารณาผิด”
佛告阿難,及韋提希:『見無量壽佛,了了分明已,次亦應觀觀世音菩薩,此菩薩身長八十
億那由他由旬,身紫金色,頂有肉髻,項有圓光,面各百千由旬。其圓光中,有五百化佛,如釋
迦牟尼。一一化佛,有五百化菩薩,無量諸天,以為侍者。舉身光中,五道眾生,一切色相,皆
於中現。』
มีพุทธดํารัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เมื่อไดเห็นพระอมิตายุสพุทธะ ดวยความชัดเจนแลว
ก็พึงพิจารณาพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว อันโพธิสัตวองคน้ีมีกายสูงแปดสิบโกฏินยุตะโยชน มีกายวรรณะมวง
ทอง ศีรเศียรนั้นมีอุษณีย*๑๗ ตนศอมีประภามณฑลกวางออกไปดานละรอยพันโยชน ในประภามณฑลนั้นมี
พระพุทธนิรมิตหารอย ประดุจพระศากยมุนี ท่ีพุทธนิรมิตหน่ึงๆ มีโพธิสัตวนิรมิตหารอย และเทพยดาไมมี
ประมาณติดตาม รัศมที ่ีสวา งจากกายเปน รปู ลักษณข องสัตวในภูมทิ งั้ หา *๑๘ ซ่ึงลวนมีปรากฏอยูภายใน
*๑๗.หรอื อณุ หสิ ในบาลี หมายถึงกรอบหนา พระพักตร, กอนพระมงั สะหนา พระเศยี ร ซงึ่ เปนอาการหนึ่ง
ในอาการ ๓๒ ของพระพุทธเจา โดยมากทําเปนเปลวเพลิง แสดงถึงพระปญญาอันรุงโรจน ประติมากรรมฝาย
มหายาน บางแหง ทําเปนกอ นพระมังสะงอกข้นึ มา เหนือพระนลาตขนึ้ ไปเล็กนอ ย
*๑๘.คติ ๕ มี อบายภูมิ ๓ คือ นรก เปรต เดรจั ฉาน และสคุ ติภูมิ คอื มนุษยภูมิ เทวภูมิอีก ๒ รวมเปน ๕
(สงเคราะหอสุรภูมิในเทวภมู ิ) ดั้งน้ัน คติ ๕ ก็คือ ภูมทิ ง้ั ๖
『頂上毗楞伽摩尼寶,以為天冠。其天冠中,有一立化佛,高二十五由旬。觀世音菩薩,面
如閻浮檀金色,眉間毫相,備七寶色,流出八萬四千種光明。一一光明,有無量無數百千化佛。
一一化佛,無數化菩薩以為侍者,變現自在,滿十方世界。』
บนศิรเศียรมีศักราภิลัคนมณี ประดับเปนทิพยศิราภรณ แลในศิราภรณน้ันมีพุทธนิรมิตหน่ึง สูงยี่สิบหา
โยชน พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว มีพักตรสีด่ังทองชมพูนุช มีอุณาโลมเปนมงคลลักษณะสีสรรดุจรัตนะเจ็ด
ประการ มีรัศมีแปดหมื่นส่ีพันไหลเขาออก แตละรัศมีหน่ึงๆ มีพระพุทธนิรมิตจํานวนรอยพัน นับไมไดถวนและ
ประมาณมิได แตละพุทธนิมิตหน่ึงๆ ยังมีโพธิสัตวนิรมิตจํานวนอสงไขยแวดลอมอยู บันดาลไดอยางอิสระ ทั่ว
โลกธาตุในทศทศิ
『臂如紅蓮華色,有八十億微妙光明,以為瓔珞。其瓔珞中,普現一切諸莊嚴事。手掌作五
百億雜蓮華色,手十指端,一一指端,有八萬四千畫,猶如印文。一一畫有八萬四千色,一一色
有八萬四千光,其光柔軟,普照一切。以此寶手,接引眾生。』
อุปมาสีแดงของปทุมมาลย มีรัศมีอันวิจิตรแปดสิบโกฏิประการท่ีใชเปนเกยูระ ในเกยูระนั้นก็ปรากฏ
กิจกรรมท่ีอลังการท้ังปวง หัตถมีวรรณะด่ังสีของดอกบัวหารอยโกฏิชนิด ท่ีปลายองคุลีทั้งสิบในหัตถ แตละ
ปลายนิ้วหน่ึงๆ มีลวดลายมงคลแปดหม่ืนสี่พัน ดุจตัวอักษรประทับอยู แตละลวดลายหนึ่งๆ มีแปดหม่ืนสี่พันสี
แตละสหี นึ่งๆ มรี ศั มีแปดหม่ืนส่ีพันประการ รศั มนี ั้นแลก็ละเมียดละไม สองสวา งไปตองสรรพสิง่ แลใชร ัตนหัตถ
น้นี าํ พาสตั วทง้ั ปวง
21
『舉足時,足下有千輻輪相,自然化成五百億光明臺;下足時有金剛摩尼華,布散一切,莫
不彌滿。其餘身相,眾好具足,與佛無異。唯頂上肉髻,及無見頂相,不及世尊。是為觀觀世音
菩薩真實色身相。名第十觀。』
ครายกเยื้องบาท บาทเบื้องลางมีลายกงจักรที่มีซี่หนึ่งพัน ยังปรากฏเปนรัศมีหารอยโกฏิเองโดยธรรมชาติ
เมื่อวางบาทลงก็มีดอกวัชรมณี (ดอกไมเพชร) โปรยปรายทั่วไป อันกายลักษณะอื่นๆ ก็สมบูรณดวยมงคล
ลักษณะท้ังปวง ดุจพระพุทธะไมตางกัน เพียงแตกอนมังสะบนเศียร และยอดสุดของเศียรที่มิเทียมเทาพระ
พุทธะ นี่คือการพิจารณารูปกายลักษณะที่แทจริงของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตวเปนนิมิต ชื่อวา การพิจารณา
ประการทส่ี บิ
佛告阿難:『若欲觀觀世音菩薩者,當作是觀。作是觀者,不遇諸禍,淨除業障,除無數劫
生死之罪。如此菩薩,但聞其名,獲無量福,何況諦觀?』
มีพุทธดํารัสตอพระอานนทวา “หากผูปรารถนาพิจารณาพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว พึงพิจารณาเชนน้ี ผู
พิจารณาเชน นย้ี อ มมปิ ระสบเภทภัยทั้งปวง กําจัดวิบากกรรมใหบรสิ ุทธ์ิ กาํ จัดบาปของสังสารวัฏจาํ นวนอสงไขย
โพธิสัตวอ งคน ีแ้ ลเพยี งไดยินพระนาม ก็ไดรับกุศลประมาณมไิ ด จกั ประสาใดกับการเพงพจิ ารณา
『若有欲觀觀世音菩薩者,當先觀頂上肉髻,次觀天冠,其餘眾相,亦次第觀之,悉令明了
,如觀掌中。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』
หากมีผูปรารถนาพิจารณาพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว พึงพิจารณากอนมังสะบนเศียรกอน แลวจึง
พิจารณาทิพยศิราภรณ (คือมาลาทิพยท่ีสวมศีรษะ) และลักษณะอื่นๆ ตามลําดับดวยความแจมชัด ประดุจการ
พิจารณาท่ีกลางฝามือ ผูเจริญนิมิตพิจารณาเชนนี้ ชื่อวาพิจารณาไดถูกตอง หากพิจารณาเปนอื่น ยอมช่ือวาได
พิจารณาผดิ ”
佛告阿難及韋提希:『次觀大勢至菩薩,此菩薩身量大小,亦如觀世音,圓光面各百二十五由
旬,照二百五十由旬。舉身光明,照十方國,作紫金色。有緣眾生,皆悉得見。但見此菩薩,一
毛孔光,即見十方無量諸佛,淨妙光明。是故號此菩薩名無邊光。』
ตรัสกับพระอานนท และพระนางเวเทหิวา “ตอไปคือการพิจารณา พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว
โพธิสัตวองคนี้มีประมาณแหงกายเล็กใหญ ดุจพระอวโลกิเตศวร ประภามณฑลแผออกไปดานละหน่ึงรอยยี่สิบ
หาโยชน สองสวางไปสองรอยหาสิบโยชน รัศมีประภาสแหงกายแผฉายไปยังโลกทั่วทศทิศ มีวรรณะมวงทอง
สรรพสัตวผูมีปจจัยสัมพันธลวนไดพบเจอ แมไดเห็นรัศมีจากขุมแหงโลมชาติหน่ึงของพระโพธิสัตวนี้ คือการได
ยลรัศมีอันบริสุทธ์ิของพระพุทธเจา จํานวนไมมีประมาณในทศทิศ เหตุนี้พระโพธิสัตวองคนี้จึงมีนามวา อนันต
ประภา
『以智慧光,普照一切,令離三塗,得無上力。是故號此菩薩,名大勢至。』
ดวยปญญาญาณท่ีรุงเรืองสองฉายยังสรรพสิ่ง ยังใหไกลหางจากอบายภูมิสาม ไดบรรลุอนุตรพละ เหตุน้ี
พระโพธสิ ัตวน้จี ึงมีนามวา มหาสถามปราปต
『此菩薩天冠,有五百寶華。一一寶華,有五百寶臺。一一臺中。十方諸佛淨妙國土,廣長
之相,皆於中現。頂上肉髻,如砵頭摩華。於肉髻上,有一寶瓶,盛諸光明,普現佛事。餘諸身
相,如觀世音,等無有異。』
อันทิพยศิราภรณแหงโพธิสัตวน้ี มีรัตนมาลีจํานวนหารอย รัตนมาลีหน่ึงๆมีรัตนบัลลังกหารอย แตละ
บัลลังกหน่ึงๆ มีวิสุทธ์ิเกษตรของพระพุทธเจาในทศทิศ แมมีขนาดกวางใหญไพศาล ก็ลวนปรากฏอยูภายใน
22
กอนมังสะเบ้ืองหนา มีลักษณะดุจดอกปทมะ*๑๙ บนกอนมังสะบนเศียร มีรัตนคนโทอันหนึ่ง รุงเรืองดวยรัศมี
ประภาสทั้งปวง อนั ปรากฏเปนพทุ ธกิจ แลว กายลกั ษณะอืน่ ๆนั้นเลา ก็ประดจุ พระอวโลกเิ ตศวรเสมอมิตา งกนั
๑๙ 砵頭摩華 คือ ดอกปท มา หรอื ดอกบัวแดง
『此菩薩行時,十方世界,一切震動,當地動處,有五百億寶華。一一寶華,莊嚴高顯,如
極樂世界。此菩薩坐時,七寶國土,一時動搖。』
เม่ือพระโพธิสัตวน้ีดําเนินไป โลกธาตุในทศทิศก็กําธรสั่นไหว ในสถานที่แผนดินสะทานสะเทือนน้ัน จัก
มีรัตนมาลีจํานวนหารอยโกฏิเกิดข้ึน รัตนมาลีหนึ่งๆนั้นอลังการสูงใหญ ดุจ (มาลี) ที่สุขาวตีโลกธาตุ เมื่อพระ
โพธิสตั วน ี้น่งั โลกธาตุท่ีเปน รตั นะเจ็ดประการ กจ็ ักส่นั สะเทอื นครัง้ หนึง่
『從下方金光佛剎,乃至上方光明王佛剎,於其中間,無量塵數分身無量壽佛,分身觀世音
,大勢至,皆悉雲集極樂國土,側塞空中,坐蓮華座,演說妙法,度苦眾生。』
จากโลกธาตุเบ้ืองลางของพระสุวรรณประภาสพุทธะ จนถึงโลกธาตุเบ้ืองบนของพระประภาสราชพุทธะ
ในระหวางน้ันนิรมาณกายของพระอมติ ายุสพทุ ธะ อันประมาณจํานวนมไิ ดเทาจํานวนปรมาณู นิรมาณกายของ
พระอวโลกิเตศวร พระมหาสถามปราปต ลวนประชุมอยูท่ีสุขาวตีโลกธาตุ แนนขนัดในอากาศ ประทับน่ังบน
ปท มอาสน แลวปาวประกาศแสดงธรรมอนั ประเสริฐ โปรดหมสู ตั วท ีเ่ ปน ทกุ ขท ั้งปวง
『作此觀者,名為觀見大勢至菩薩,是為觀大勢至色身相。觀此菩薩者,名第十一觀。』
ผูพิจารณาเชนนี้ ชื่อวา พิจารณามหาสถามปราปตโพธิสัตว คือการพิจารณารูปกายลักษณะของพระ
มหาสถามปราปตโพธสิ ตั วเ ปน นมิ ติ การพิจารณาโพธิสตั วน้ี ช่ือวา การพจิ ารณาประการท่ีสบิ เอ็ด
『除無數劫阿僧祗生死之罪,作是觀者,不處胞胎,常遊諸佛,淨妙國土。『此觀成時,名
為具足觀觀世音及大勢至。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』
สามารถกําจัดบาปจากสังสารวัฏจํานวนอสงไขยกัลป ผูพิจารณาเชนน้ี มิตองกําเนิดโดยครรภ จัก
ทองเท่ียวไปในวิศุทธิโลกของพระพุทธเจาทั้งปวง เมื่อพิจารณาสําเร็จเชนนี้ จึงชื่อวาสมบูรณซ่ึงการพิจารณา
พระอวโลกิเตศวรและพระมหาสถามปราปต ผเู จริญนมิ ิตพิจารณาเชน น้ี ชื่อวา พิจารณาไดถกู ตอ ง หากพจิ ารณา
เปนอ่นื ยอมชอ่ื วาไดพ ิจารณาผิด
佛告阿難及韋提希:『見此事時,當起想作心自見生於西方極樂世界,於蓮華中,結跏趺坐,
作蓮華合想,作蓮華開想。』
ตรัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “เม่ือไดเห็นเหตุการณน้ี แลวจึงทํานิมิตในใจวากายของตนไป
อบุ ัตทิ ่ีสุขาวตโี ลกธาตเุ บือ้ งประจมิ ในปทมชาติ นัง่ คูสมาธิมดี อกบวั หุบและดอกบวั บานเปนลกั ษณะ
『蓮華開時,有五百色光,來照身想,眼目開想,見佛菩薩,滿虛空中。水鳥樹林,及與諸
佛所出音聲,皆演妙法,與十二部經合。若出定時,憶持不失,見此事已,名見無量壽佛極樂世
界。是為普觀想,名第十二觀。』
เมื่อคราท่ีดอกบัวผลิบาน จักมีรัศมีหารอยประการมาสัมผัสที่กาย เมื่อดวงตาเปดข้ึน จึงไดพบพระพุทธะ
โพธสิ ัตว เตม็ หว งนภากาศ กระแสนา้ํ สกณุ า รุกขชาติตางเปลงเสียงขึน้ พรอมกบั พระพุทธเจาทัง้ ปวง อนั ลวนคอื
การประกาศธรรมท่ีประเสริฐ เสมือนกับพระพุทธพจนสิบสองหมวด*๒๐ หากออกจากสมาธิ ก็ยังจดจําไวมิ
วิบัติ เมื่อไดเห็นเหตุการณน้ีแลว ช่ือวา การพิจารณาพระอมิตายุสพุทธะและสุขาวตีโลกธาตุ คือ การพิจารณา
โดยท่วั ไป ช่อื วา การพิจารณาประการทส่ี ิบสอง
*๒๐.十二部經 ทฺวาทศงคฺ ธรมฺ ปฺรวจนานิ พทุ ธพจน ๑๒ มี
23
๑.สูตร หรือสุตตะ คือระเบียบคําท่ีแสดงเน้ือความไดเ ร่ืองหน่ึงๆ ไดแก อุภโตวิภังคะ, นิทเทศ, ขันธก, ปริ
วาธ และสูตรทั้งหลายในสุตตนบิ าต เปนตนวา มงคลสูตร, รัตนสูตร, นาลกสูตร และพุทธพจนอื่นซึง่ เรียกชื่อวา
สูตร กน็ ับเปน สตู รหรือสตุ ตะเหมือนกัน
๒.เคยยะ คือระเบียบคําที่เปนจุณณียบท (รอยแกว) บาง คาถา (รอยกรอง) บาง ปนกันอยู ไดแก สคา
วรรค ในสังยุตตนิกายทั้งหมด ๓.คาถา คือระเบียบคําที่ทานประพันธผูเปนคาถาเชน ธรรมบท เถรคาถา เถรี
คาถา และคาถาลว นๆ ในสุตตนบิ าต ซึง่ ไมเรียกชอ่ื วา สตู ร (เม่อื คร้งั รจนาคมั ภีร สมันตปาสาทิกา)
๔.นิทาน คือระเบียบคําที่แสดงถึง มูลเหตุเกิดขึ้นของพระไตรปฎกบางสวนจําแนกไดคือ หน่ึงพระสูตรที่
เกิดขึ้นเพราะมีผูถามปญหา สองมูลเหตุที่พระพุทธองคทรงบัญญัติสิกขาบท สามเมื่อมีเหตุการณสําคัญเกิดข้ึน
จงึ ทรงแสดงธรรมปรารภถงึ เหตุน้ัน
๕.อิติวุตตกะ คือระเบียบคําที่อางวา พระพุทธเจาตรัสแลวอยางน้ี ไดแกสูตร รอยสิบสูตร ซ่ึงเปนไป
โดยนยั เปน ตนวา “วตุ ฺตํ เหตํ ภควตา...” ในอิติวุตตกะ
๖.ชาดก คือระเบียบคําที่พระพุทธเจาตรัสแสดงบูรพจารีต ไดแกชาดก หารอยหาสิบเร่ือง มี อปณณก
ชาดก เปนตน
๗.อัพภูตธรรม คือระเบียบคํากอปรดวยอัจฉริยภูตธรรม ไดแกสูตรท่ีประกอบไปดวยอัจฉริยภูตธรรม
ทงั้ หมด ซงึ่ เปน ไปโดยนัยเปนตน วา “จตตฺ าโรเม ภกิ ฺขเว อจฺฉริยา อพฺภุตธมมิ า อานนเฺ ท...”
๘.อวทาน คือระเบียบคําที่แสดงพระจริยาอันประเสริฐและ ที่กลาหาญเด็ดเดี่ยวของพระพุทธเจา คลาย
กับชาดก ผิดกันท่ชี าดกมุงแสดงประวัติของพระพทุ ธเจา เม่อื เสวยพระชาตเิ ปน พระโพธิสตั วในอดีต
๙.อุปเทศ คือระเบียบคาํ ทพี่ ระพุทธองคต รัส ในรูปของคําถามและคาํ ตอบ
๑๐.อุทาน คือระเบียบคําที่พระพุทธเจาทรงอาศัยโสมนัสญาณ เปนตน เปลงออกมาเปนคาถา โดยมาก
เปนจณุ ณยี บทกม็ บี า ง ไดแ กสตู ร แปดสิบสอง ในอทุ าน
๑๑.ไพบูลย ลักษณะหนึ่งของคัมภีรมหายาน รวบรวมสูตรที่แตงขยายความใหพิสดาร ตรงขามกับพุทธ
พจนท่ตี ดั ยอลง
๑๒.ไวยากรณ คือระเบียบคําที่เปนจุณณียบทลวน ไมมีคาถาปน และอภิธรรมปฎกท้ังสิ้น แมพระพุทธ
พจนอน่ื ทไี่ มสงเคราะหเขา ในองคท ่ี ๑๑ ทกี่ ลา วขางตนก็จัดวาเปน ไวยากรณดวย โดยรวมหมายถงึ พระไตรปฎก
『無量壽佛,化身無數,與觀世音,及大勢至,常來至此,行人之所。作是觀者,名為正觀
;若他觀者,名為邪觀。』
พระอมิตายุสพุทธเจา นิรมาณกายจํานวนอสงไขย พรอมกับพระอวโลกิเตศวรและพระมหาสถามปราปต
จักเสด็จมายังท่ีแหงน้ีของพระโยคาวจรอยูเปนนิจ ผูเจริญนิมิตพิจารณาเชนนี้ ชื่อวาพิจารณาไดถูกตอง หาก
พิจารณาเปน อืน่ ยอ มช่ือวา ไดพจิ ารณาผดิ ”
佛告阿難,及韋提希:『若欲至心,生西方者,先當觀於一丈六像,在池水上,如先所說,
無量壽佛,身量無邊,非是凡夫心力所及。然彼如來宿願力故,有憶想者,必得成就。但想佛像
,得無邊福,況復觀佛,具足身相?』
รับสั่งกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “หากมีจิตปรารถนาเปนที่สุดหมาย ไปอุบัติยังเบื้องประจิม
พึงพิจารณาวามีปฏิมาหกรูปสูงหนึ่งตึ๊ง*๒๑ สถิตบนนํ้าในสระโบกขรณี ตามที่กลาวขางตน วรกายของพระอมิ
24