ตายุสพุทธะ มีความสูงไมมีขอบเขตประมาณ หาใชกําลังแหงจิตของบุถุชนจะหย่ังได เพราะกําลังของปณิธาน
เม่ือกาลกอนของพระตถาคตองคนั้น ผูไดระลึกนึกถึงจึงจักสําเร็จไดอยางแนแท เพียงระลึกถึงพุทธปฏิมา จัก
บรรลุกศุ ลไมม ีประมาณ แลวจกั ประสาใดกบั การพิจารณากายลักษณะ ท่ีสมบูรณข องพระพุทธะเลา
*๒๑.มาตราวดั ของจีน เทากับ สิบฟตุ จีน
『阿彌陀佛,神通如意,於十方國,變現自在。或現大身,滿虛空中;或現小身,丈六八尺
;所現之形,皆真金色。圓光化佛,及寶蓮華,如上所說。』
พระอมิตายุสพุทธะ มีพระอิทธิพละด่ังพระทัยหมาย โลกธาตุในทศทิศทรงสามารถบันดาลดลไดอิสระ
บางปรากฏกายใหญโต เต็มเปยมในอากาศ บางปรากฏกายเล็ก เพียงหกต๊ึงแปดเฉียะ*๒๒ บรรดารูปลักษณท่ี
ปรากฏ ลวนเปนวรรณะสุวรรณบริสุทธิ์ ประภามณฑล พุทธนิรมิต และรัตนปทุมมาลย ลวนเปนด่ังที่กลาวแลว
เบื้องตน
*๒๒.คอื หนึ่งไมบ รรทดั หรอื หนงึ่ ฟตุ
『觀世音菩薩,及大勢至,於一切處身同。眾生但觀首相,知是觀世音,知是大勢至,此二
菩薩助阿彌陀佛普化一切。是為雜想,名第十三觀。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀
。』
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตวและพระมหาสถามปราปต ในสถานทั้งปวงนั้นก็มีกายเสมือนกัน หมูสัตวเพียง
พจิ ารณาลักษณะศิรเศียร ก็จักทราบวาคือพระอวโลกิเตศวร ทราบวาคือพระมหาสถามปราปต โพธสิ ตั วท้ังสอง
นี้แบงเบาพระอมิตายุสพุทธเจา ในการส่ังสอนสรรพสัตว นี้ชื่อวาการพิจารณาประการที่สิบสาม ผูเจริญนิมิต
พจิ ารณาเชนน้ี ชือ่ วา พจิ ารณาไดถกู ตอง หากพจิ ารณาเปน อื่น ยอ มช่อื วา ไดพ จิ ารณาผดิ ”
佛告阿難,及韋提希:『凡生西方有九品人,上品上生者,若有眾生願生彼國者,發三種心
,即便往生。何等為三?一者至誠心,二者深心,三者迴向發願心;具三心者,必生彼國。』
มพี ทุ ธบรรหารกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “ผูไปอบุ ตั ยิ งั ประจิมทศิ มีบคุ คลเกาประเภท ผูอ บุ ัติท่ี
ชั้นสูงสุดน้ัน หากมีสรรพสัตวท่ีมีปณิธานไปเกิดยังโลกแหงนั้น เมื่อมีจิตสามประการจึงจักไปอุบัติได สาม
ประการเชนไรเลา หน่ึงมีจิตต้ังมั่นจริงใจ สองมีจิตศรัทธาลึกซึ้ง สามมีจิตปณิธานอุทิศไป เม่ือมีจิตสามประการ
สมบรู ณแลว ยอมไดไ ปอบุ ัตเิ ปนแนแ ท
『復有三種眾生,當得往生。何等為三?一者慈心不殺,具諸戒行;二者讀誦大乘,方等經
典;三者修行六念。迴向發願,生彼佛國;具此功德,一日乃至七日,即得往生。』
ยังมีสรรพสตั วส ามประเภท ทจ่ี ะไดไ ปกาํ เนดิ ยงั ท่ีนั้น สามประเภทเชนไรฤๅ หนง่ึ ผูม จี ติ เมตตาไมฆ าสตั ว มี
ศีลสมบรู ณไ มด า งพรอย สองผสู าธยายอา นทองไวปุลยธรรมมหายาน สามผปู ฏิบตั ิอนุสสตหิ ก*๒๓ แลว ต้งั จติ มุง
ไปเกดิ ท่ีพทุ ธโลกธาตุน้นั เมอื่ สมบูรณในกศุ ลเหลาน้ี ครบหนึง่ วันถึงเจด็ วัน ก็ยอ มไดอ บุ ตั ยิ ังทีน่ น้ั แนนอน
*๒๓.พุทธานุสติ ธรรมานุสติ สงั ฆานสุ ติ ศลี านุสติ ทานานุสติ เทวานุสติ
『生彼國時,此人精進勇猛故,阿彌陀如來,與觀世音,大勢至,無數化佛,百千比丘,聲
聞大眾,無量諸天,七寶宮殿,觀世音菩薩,執金剛臺,與大勢至菩薩,至行者前,阿彌陀佛放
大光明,照行者身,與菩薩授手迎接。觀世音,大勢至,與無數菩薩,讚歎行者,勸進其心。』
เม่ือไปกําเนิดที่โลกธาตุแหงนั้น ดวยเหตุที่ผูนี้มีความเพียรแกลวกลา พระอมิตายุสพุทธะ พระอวโลกิเต
ศวร พระมหาสถามปราปต พระพุทธนิรมิตจํานวนอสงไขย พระภิกษุสาวกหมูใหญจํานวนรอยพัน เทพยดา
จํานวนประมาณมไิ ด ปราสาทวิหารรตั นะเจ็ดประการ และพระอวโลกิเตศวรโพธิสตั วจ ะถือวชั รอาสน พรอมกับ
25
พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว มาปรากฏยังเบื้องหนาของพระโยคาวจร พระอมิตายุสพุทธะจะทรงเปลงมหา
รัศมีมายังกายของพระโยคาวจร และพระโพธิสัตวจะยื่นหัตถออกมารับ พระอวโลกิเตศวร พระมหาสถาม
ปราปต พรอ มดว ยพระโพธสิ ัตวจ ํานวนอสงไขย จะกลา วสดดุ ีพระโยคาวจรถึงจติ ทพี่ ากเพียรน้นั
『行者見已,歡喜踊躍,自見其身,乘金剛臺,隨從佛後,如彈指頃,往生彼國。』
เม่ือพระโยคาวจรไดประสบเชนน้ี จึงเกิดความโสมนัสเปนอุเพงคาปติ*๒๔ จักแลเห็นตนเองโดยสารวชิร
อาสน ลอยเคลื่อนตามพระพุทธเจาไป เวลาชั่วลดั น้วิ มือเดยี ว กไ็ ปอุบตั ยิ ังสขุ าวตี
*๒๔.ความอิ่มใจ, ความด่ืมดํ่าในใจ มี ๕ คือ ๑.ขุททกาปติ ปติเล็กนอย พอขนชัน นํ้าตาไหล ๒.ขณิกาปติ
ปตชิ ว่ั ขณะรสู ึกแปลบๆ ดุจฟาแลบ ๓.โอกกนั ติกาปติ ปตเิ ปนระลอก รสู ึกซูล งมาๆ ดจุ คลนื่ ซดั ฝง ๔.อพุ เพคาปติ
ปติโลดลอย ใหใจฟูตัวเบา หรืออุทานออกมา ๕.ผรณาปติ ปติซาบซาน เอิบอาบไปทั่วสรรพางค เปนของ
ประกอบกบั สมาธิ
『生彼國已,見佛色身,眾相具足;見諸菩薩,色相具足;光明寶林,演說妙法。聞已,即
悟無生法忍。經須臾間,歷事諸佛,遍十方界,於諸佛前,次第授記,還至本國,得無量百千陀
羅尼門。是名上品上生者。』
เมื่ออุบัติยังสุขาวตีแลว จักไดเห็นรูปกายของพระพุทธะ ที่มีมงคลลักษณะสมบูรณ พบพระโพธิสัตว
ท้ังหลาย ที่มีรูปลักษณสมบูรณ จักไดสดับพระธรรมเทศนาที่สวนรัตนประภาส เม่ือสดับแลว จักบรรลุ
อนุตปตติกธรรมกษานติ ผานไปขณะเดียว จักไดสนองกิจของพระพุทธเจาทั้งปวงทุกโลกธาตุในทศทิศ ที่เบ้ือง
หนาของพระพุทธเจาท้ังหลายน้ัน จักไดรับพยากรณตามลําดับ เม่ือกลับมาสูสุขาวตีโลกธาตุ จักไดบรรลุธารณี
ธรรมจาํ นวนรอ ยพนั ประการประมาณมไิ ด นช้ี อ่ื วาผไู ดเกดิ ยังช้นั สูงระดับสงู
『上品中生者,不必受持讀誦方等經典。善解義趣,於第一義,心不驚動,深信因果,不謗
大乘,以此功德,迴向願求生極樂國。』
ผูอุบัติในชั้นสูงระดับกลาง ไมเพียงแตจดจําสาธยายไวปุลยธรรม ยังสามารถกลาวแสดงจําแนกอรรถะใน
ปรมัตถอยางชํ่าชอง ดวงจิตมิตระหนกหวาดหว่ัน เช่ือม่ันในเหตุผลแหงกรรมย่ิงนัก มิใหรายโพธิสัตวธรรม แลว
อทุ ศิ กุศลนเ้ี พอ่ื มุง ไปอบุ ัติยงั สุขาวตี
『行此行者,命欲終時,阿彌陀佛,與觀世音,大勢至,無量大眾,眷屬圍遶,持紫金臺,
至行者前,讚言:「法子!汝行大乘,解第一義,是故我今來迎接汝!」與千化佛,一時授手。』
พระโยคาจวรท่ีประพฤติจริยาเชนนี้ เม่ือเพลาจักส้ินชีพ พระอมิตายุสพุทธะพรอมดวยพระอวโลกิเตศวร
พระมหาสถามปราปต มหาบริษัทจํานวนไมมีประมาณและบริวารตางแวดลอมอยู ตางถืออาสนะมวงทองมา
เบ้ืองหนาพระโยคาวจร แลวสรรเสริญวา “ดูกอนธรรมาบุตร เธอประพฤติโพธิสัตวจริยา รูจําแนกซ่ึงปรมัตถ
สัตย ดว ยเหตนุ ้เี ราจึงมารบั เธอ” พรอมดวยพระพทุ ธนริ มติ จํานวนหน่ึงพนั ตางทรงย่นื พระหตั ถม ารับพรอ มกัน
『行者自見坐紫金臺,合掌叉手,讚歎諸佛,如一念頃,即生彼國。七寶池中,此紫金臺,
成大蓮華,經宿則開。』
พระโยคาวจรจักแลเห็นตนเองนั่งอยูบนอาสนะมวงทอง พนมมือ สรรเสริญพระคุณแหงพระพุทธเจาท้ัง
ปวง ในเวลาขณะเดียว ก็ไปอุบัติยังสระโบกขรณีรัตนะเจ็ดประการในสุขาวตีโลกธาตุทันที อาสนะมวงทองน้ัน
จักแปรเปล่ียนเปนปท มชาติดอกมหึมา แลว คอยๆผลบิ านออก
『行者身作紫磨金色,足下亦有七寶蓮華,佛及菩薩,俱時放光,照行者身,目即開明,因
前宿習,普聞眾聲,純說甚深第一義諦。即下金臺,禮佛合掌,讚歎世尊。』
26
กายของพระโยคาวจรจักอรามเรืองรองมีวรรณะมวงทอง ใตบทบาทจะมีปทมชาติรัตนะเจ็ดประการ
รองรับอยู พระพุทธเจาและพระโพธิสัตว จะเปลงพระรัศมีพรอมกัน ไปยังพระโยคาวจรนั้นๆจึงเปดตาขึ้น ดวย
เหตุท่ีไดปฏิบัติมาแลวแตก าลกอ น เมื่อไดสดับเสยี งตางๆ ท่ีกลาวแสดงถึงปรมัตถสัตยอันคัมภีรภาพแลว จึงกาว
ลงจากสุวรรณอาสน แลวพนมกรถวายอภวิ าท และสรรเสรญิ ตอ พระพทุ ธองค
『經於七日,應時即於阿耨多羅三藐三菩提,得不退轉。應時即能飛至十方,歷事諸佛。於
諸佛所修諸三昧,經一小劫,得無生忍,現前授記。是名上品中生者。』
ผานไปเจ็ดวัน เพลาน้ันจักเปนผูไมเ สื่อมถอยจากพระอนุตรสัมโพธิญาณ คร้ังน้ันจักสามารถเหาะไปในทิศ
ทั้งสบิ เพอื่ สนองกจิ ของพระพุทธเจาทั้งปวง แลว บําเพ็ญสมาธิท้ังปวงตอ พระพทุ ธเจาท้ังหลาย ผานไปอกี ๑ จุล
กัลป*๒๕ จักไดบรรลุอนุตปตติกธรรมกษานติ และไดรับพุทธพยากรณในบัดน้ัน นี้ชื่อวาผูไดเกิดยังชั้นสูง
ระดับกลาง
*๒๕.จุลกัลป นับต้ังแตอายุมนุษยเหลือ ๑๐ ป โดยผานไปทุกๆ ๑๐๐ ป อายุจะเพ่ิมข้ึน ๑ ป เร่ือยไป
จนถึง ๘๔,๐๐๐ ป จากน้ันใหผานไปอีกทุกๆรอ ยป ใหลดอายุลง ๑ ป ไปจนอายุมนุษยเหลือ ๑๐ ปตามเดิม ถึง
เรียกวา “จุลกลั ป” , ๒๐ จุลกลั ป เปน ๑ มชั ฌมิ กัลป, ๔ มัชฌิมกลั ปเ ปน ๑ มหากลั ป
『上品下生者,亦信因果,不謗大乘,但發無上道心,以此功德,迴向願求生極樂國。彼行
者命欲終時,阿彌陀佛,及觀世音并大勢至、與諸菩薩,持金蓮華,化作五百佛,來迎此人。五
百化佛,一時授手,讚言:「法子!汝今清淨發無上道心,我來迎汝!」』
ผูเกิดช้ันสูงระดับลาง เปนผูเช่ือม่ันในเหตุผลของกรรม มิทําลายโพธิสัตวยาน ไดประกาศพระอนุตร
สัมโพธิจิต แลวอุทิศกุศลนี้เพื่อไปอุบัติยังสุขาวตีโลกธาตุ เมื่อพระโยคาวจรน้ันจวนสิ้นอายุขัย พระอมิตายุส
พุทธะ และพระอวโลกิเตศวร พระมหาสถามปราปต พรอมดวยพระโพธิสัตวท้ังหลาย จะถือปทมทองคํา แลว
นิรมิตพระพุทธเจาหารอยองค เพื่อมารับบุคคลนี้ อันพระพุทธนิรมิตท้ังหา รอยน้ี จะย่ืนพระกรออกมาพรอ มกนั
ตรสั สรรเสริญวา “ดกู อนธรรมาบุตร บดั นีเ้ ธอไดบงั เกิดพระอนุตรโพธจิ ติ โดยบรสิ ุทธิ์ พวกเรามารับเธอ”
『見此事時,即自見身坐金蓮華,坐已華合,隨世尊後,即得往生七寶池中,一日一夜,蓮
華乃開,七日之中,乃得見佛。雖見佛身,於眾相好,心不明了,於三七日後,乃了了見。聞眾
音聲,皆演妙法,遊歷十方,供養諸佛,於諸佛前,聞甚深法。經三小劫,得百法明門,住歡喜
地。是名上品下生者,是名上輩生想,名第十四觀。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀
。』
เมื่อไดประสบเหตุการณนี้ จักแลเห็นตนเองนั่งอยูในบัวทองคํา เม่ือน่ังลงแลวบัวน้ันจักหุบ แลวลอย
ตามหลงั พระพุทธเจาเหลานั้นไป จนไปอบุ ตั ทิ ส่ี ระโบกขรณีรัตนะเจ็ดประการ เปนเวลาหนึ่งทวิ าราตรี ปทุมชาติ
น้ันจักบานออก ภายในเจ็ดวันจักไดพบพระพุทธองค แมไดเห็นบรรดามงคลลักษณะแหงพระพุทธกายแลว ใน
จิตก็ยังมิรูแจง ผานไปอีกย่ีสิบเอ็ดวัน จึงรูแจงพระสัทธรรม แลวไดยินเสียงตางๆที่กลาวธรรมอันประเสริฐ
จากนั้นจึงเท่ียวไปในทศทิศ เพื่อสักการะพระพุทธเจาทั้งปวง ท่ีเบื้องหนาของพระพุทธะเหลานั้น จักไดสดับ
ธรรมท่ีลึกซึ้ง ผานไปอีกสามจุลกัลป จักไดสําเร็จศตวิทยธรรมทวาร แลวธํารงอยูในปฐมภูมิของพระโพธิสัตว*
๒๖ น้ชี อ่ื วา ผูไ ดเกิดในช้นั สูงระดับลาง ช่อื วาการพจิ ารณานมิ ิตถงึ การเกิดระดับสูง ชอ่ื วาการพิจารณาประการที่
สบิ ส่ี ผเู จริญนมิ ติ พจิ ารณาเชน น้ี ชอื่ วาพจิ ารณาไดถ กู ตอง หากพจิ ารณาเปน อื่น ยอ มชอื่ วาไดพจิ ารณาผิด
*๒๖.อา นทศภมู กิ สูตร เพม่ิ เตมิ ท่ี www.mahaparamita.com
27
佛告阿難,及韋提希:『中品上生者,若有眾生,受持五戒,持八戒齋,修行諸戒,不造五
逆,無眾過患,以此善根,迴向願求,生於西方極樂世界。』
ตรัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “ผูเกิดชั้นกลางระดับสูงนั้น หากมีสรรพสัตวที่สมาทานศีลหา
ศีลแปดอุโบสถ ประพฤติศีลท้ังปวง มิกระทําอนันตริยกรรมหา และความผิดทั้งปวง แลวอาศัยกุศลมูลนี้ อุทิศ
เพ่ือต้ังใจไปอบุ ตั ทิ สี่ ขุ าวตโี ลกธาตเุ บือ้ งประจิม
『行者臨命終時,阿彌陀佛,與諸比丘,眷屬圍遶,放金色光,至其人所,演說苦、空、無
常、無我,讚歎出家,得離眾苦。』
เมื่อชีพจะดับส้ิน พระอมิตายุสพุทธเจา พรอมดวยภิกษุทั้งหลายและบริษัทที่แวดลอมอยู จะเปลงรัศมีสี
ทองมายังบุคคลนั้น แลวแสดงธรรมที่วาดวยความเปนทุกข ความวาง ความไมเที่ยง ความไมมีตวั ตน สรรเสริญ
การออกบวช เพอ่ื ไกลจากทกุ ขทั้งปวง
『行者見已,心大歡喜,自見己身,坐蓮華臺,長跪合掌,為佛作禮,未舉頭頃,即得往生
極樂世界。』
พระโยคาวจรเม่ือไดเห็นแลว ดวงจิตจึงเกิดโสมนัสอยางใหญหลวง แลเห็นกายของตนนั่งบนปทมอาสน
คกุ เขา ยดื ตัวขึ้นและพนมกร ถวายอภิวาทพระพุทธองค ขณะยังมทิ ันยกศรี ษะขน้ึ ก็ไดไ ปอุบตั ิท่ีสขุ าวตีโลกธาตุ
『蓮華尋開,當華敷時,聞眾音聲讚歎四諦,應時即得阿羅漢道。三明六通,具八解脫。是
名中品上生者。』
ดอกบัวน้ันคอยๆบานออก เมื่อกาลที่ผลิบานน้ัน จักไดยินบรรดาเสียงท่ีสรรเสริญอริยสัจส่ีประการ เวลา
น้ันจักไดบรรลุอรหันตมรรค วิชชาสาม*๒๗ อภิญญาหก*๒๘ พรอมดวยวิโมกษแปด*๒๙ น้ีชื่อวาผูไดเกิดในช้ัน
กลางระดบั สูง
『中品中生者,若有眾生,若一日一夜,持八戒齊;若一日一夜,持沙彌戒;若一日一夜,
持具足戒;威儀無缺,以此功德,迴向願求生極樂國。』
ผูเกิดในช้ันกลางระดับกลางนนั้ หากมีสรรพสัตว ท่ีในหนึ่งทิวาหนึ่งราตรี ไดสมาทานศีลแปด ในหน่ึงทิวา
หน่ึงราตรีสมาทานศีลสามเณร ในหน่ึงทิวาหนึ่งราตรีสมาทานสมปูรณศีล มีความสังวรไมบกพรอง แลวอาศัย
กุศลน้อี ทุ ิศไป ดวยปณธิ านหมายไปอุบตั ทิ ่สี ขุ าวตี
*๒๗.วิชชา 3 (ความรูแจง, ความรูวิเศษ-the Threefold Knowledge) 1.ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
(ญาณเปนเหตุระลึกขันธที่อาศัยอยูในกอนได, ระลึกชาติได-reminiscence of past lives) 2.จุตูปปาตญาณ
(ญาณกําหนดรูจุติและอุบัติแหงสัตวทั้งหลาย อันเปนไปตามกรรม, เห็นการเวียนวายตายเกิดของสัตวท้ังหลาย
เรียกอีกอยางวา ทิพพจักขุญาณ-knowledge of the decease and rebirth of beings; clairvoyance) 3.
อาสวักขยญาณ (ญาณหยั่งรูในธรรมเปนที่ส้ินไปแหงอาสวะทั้งหลาย, ความรูท่ีทําใหสิ้นอาสวะ, ความตรัสรู-
knowledge of the destruction of mental)
*๒๘.ฤทธ์ิ ๖ ประการ มี ๑)อิทธิวธิ ี แสดงฤทธ์ไิ ด ๒)ทพิ ยจักษตุ าทิพย ๓)ทิพยโสต หูทพิ ย๔ )เจโตปรยิ ญาณ
ญาณท่กี าํ หนดรใู จผูอ ่นื ได ๕)บพุ เพนวิ าสานสุ สตญิ าณ การระลึกชาตไิ ด และ ๖)อาสวกั ขยญาณ ญาณท่ีทาํ ใหสิ้น
อาสวะ (ขอ ๖ น้มี เี ฉพาะพระอรยิ บุคคลในพระพทุ ธศาสนา) หาขอ แรกเปนโลกียอภิญญา ขอ ทายเปน โลกตุ ตระ
*๒๙.วิโมกข 8 (ความหลุดพน, ภาวะท่ีจิตปลอดพนจากสิ่งรบกวน และนอมด่ิงเขาไปในอารมณน้ันๆ
อยางปลอยตวั เตม็ ที่ ซึง่ เปนไปในขั้นตอนตางๆ-liberations; the eight stages of release)
28
1.ผูมีรูป มองเห็นรูปทั้งหลาย (ไดแก รูปฌาน 4 ของผูไดฌานโดยเจริญกสิณที่กําหนดวัตถุในกายของตน
เชน สีผม-Remaining in the fine-material sphere, one perceives corporeal forms)
2.ผูมีอรูปสัญญาภายใน มองเห็นรูปทั้งหลายภายนอก (ไดแก รูปฌาน 4 ของผูไดฌานโดยเจริญกสิณ
กําหนดอารมณภายนอก-Not perceiving internal corporeal forms, one perceives corporeal forms
externally)
3.ผนู อ มใจดิง่ ไปวา “งาม” (ไดแก ฌานของผเู จริญวรรณกสณิ กาํ หนดสีทีง่ าม หรอื เจรญิ อัปปมญั ญา-One
is intent on the thought, ‘It is beautiful’)
4.เพราะลวงเสียซ่ึงรูปสัญญาโดยประการท้ังปวง เพราะปฏิฆสัญญาดับไป เพราะไมใสใจนานัตตสัญญา
จึงเขาถงึ อากาสานญั จายตนะ โดยมนสกิ ารวา อากาศหาที่สดุ มไิ ด (One attains and abides in the Sphere
of Unbounded Space)
5.เพราะลวงเสียซง่ึ อากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเขาถึงวิญญาณัญจายตนะ โดยมนสิการวา
วิญญาณหาทส่ี ุดมไิ ด (One attains and abides in the Sphere of Unbounded Consciousness)
6.เพราะลวงเสียซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเขาถึงอากิญจัญญายตนะ โดยมนสิการวา
ไมมอี ะไรเลย (One attains and abides in the Sphere of Nothingness)
7.เพราะลวงเสียซ่ึงอากิญจัญญายตนะโดยประการท้ังปวง จึงเขาถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะอยู (One
attatins and abides in the Sphere of Neither-Perception-Nor-Nonperception)
8.เพราะลวงเสียซ่ึงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเขาถึงสัญญาเวทยิตนิโรธอยู (One
attains and abides in the cessation of Perception and Feeling)
『戒香熏修。如此行者,命欲終時,見阿彌陀佛,與諸眷屬,放金色光,持七寶蓮華,至行
者前,行者自聞空中有聲,讚言:「善男子!如汝善人,隨順三世諸佛教法,我來迎汝!」行者自
見,坐蓮華上。蓮華即合,生於西方極樂世界。』
ดวยความหอมของศีลาจารท่ีอบรมมา พระโยคาวจรนี้เม่ือจักสิ้นชีพ จักไดเห็นพระอมิตายุสพุทธเจา
พรอมดวยเหลาอริยบริษัทเปลงรัศมีสีทอง ท่ีตางก็ทรงถือเอาดอกบัวรัตนะเจ็ดประการมายังพระโยคาวจรน้ัน
พระโยคาวจรจักไดยินเสียงดังจากอากาศสรรเสริญวา “ดูกอนกุลบุตร เธอคือกุศลบุคคล ประพฤติตามศาสน
ธรรมของพระพทุ ธเจา ในกาลทัง้ สาม เรามารบั เธอ” พระโยคาวจรจักเห็นตนเอง นัง่ บนดอกบัว แลว บวั น้นั จึงหุบ
แลวไปอบุ ัตทิ ่ีสขุ าวตีโลกธาตทุ ิศประจมิ
『在寶池中,經於七日,蓮華乃敷。華既敷已,開目合掌,讚歎世尊,聞法歡喜,得須陀洹
,無半劫已,成阿羅漢。是名中品中生者。』
ภายในสระรัตนะ ผานไปเจ็ดวัน บัวนั้นจึงบานออก ทันทีที่บานออกแลว จักเปดตาขึ้นแลวพนมมือ
สรรเสริญพระผมู ีพระภาคเจา ไดฟ ง ธรรมแลวโสมนัสยินดจี นบรรลุโสดาปต ติผล ไมถึงครึง่ กัลปจักไดบ รรลุอรหัน
ตผล นีช้ ือ่ วา ผไู ดเกดิ ในชัน้ กลางระดบั กลาง
『中品下生者,若有善男子,善女人,孝養父母,行世仁義,此人命欲終時,遇善知識,為
其廣說阿彌陀佛,國土樂事,亦說法藏比丘,四十八大願。』
29
ผูไดเกิดในชั้นกลางระดับลาง หากมีกุลบุตรกุลธิดาผูกตัญูเล้ียงดูบิดามารดา ดําเนินอยูในโลกน้ีดวย
ความมีเมตตาคุณธรรม บุคคลนี้เม่ือชีพใกลดับ จะไดพบกัลยาณมิตร มาประกาศถึงเร่ืองราวของพระอมิตายุส
พุทธเจา ดนิ แดนอันเปน บรมสขุ แลกลา วถงึ มหาปณธิ านสสี่ ิบแปดประการของธรรมกรภิกษนุ นั้ แกเขา
『聞此事已,尋即命終。譬如壯士,屈伸臂頃,即生西方極樂世界。生經七日,遇觀世音,
及大勢至,聞法歡喜,得須陀洹,過一小劫,成阿羅漢。是名中品下生者。是名中輩生想,名第
十五觀。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』
เม่ือไดสดบั เรือ่ งราวนแ้ี ลว จงึ คอ ยๆดับชพี ลง อปุ มาขณะท่บี รุ ษุ ผมู กี ําลงั เหยยี ดแขนออกแลว ดึงกลับ จงึ ได
ไปอุบัติท่ีสุขาวตีโลกธาตุเบ้ืองประจิม ผานไปเจ็ดทิวา จึงไดพบพระอวโลกิเตศวรและพระมหาสถามปราปต ได
สดบั ธรรมแลว เกดิ โสมนัส แลวบรรลโุ สดาปต ติผล ผา นไปหน่งึ จุลกัลป จึงสําเรจ็ อรหนั ตผล น้ชี ื่อวา ผไู ดเ กดิ ในช้ัน
กลางระดับลาง ช่ือวาการพิจารณานิมิตถึงการเกิดระดับกลาง ชื่อวาการพิจารณาประการท่ีสิบหา ผูเจริญนิมิต
พิจารณาเชน นี้ ชอ่ื วา พิจารณาไดถูกตอง หากพจิ ารณาเปนอนื่ ยอ มช่ือวาไดพ ิจารณาผิด
佛告阿難及韋提希:『下品上生者,或有眾生作眾惡業,雖不誹謗方等經典,如此愚人,多
造惡法,無有慚愧,命欲終時,遇善知識,為說大乘十二部經首題名字,以聞如是諸經名故,除
卻千劫極重惡業。智者復教合掌叉手,稱南無阿彌陀佛,稱佛名故,除五十億劫生死之罪。』
รับสั่งกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “ผูเกิดในชั้นลางระดับสูง ยังมีหมูสัตวที่กระทํากรรมชั่วทั้ง
ปวง แมมิไดใหรายทําลายไวปุลยสูตร อันโมหบุรุษนี้ก็สรางอกุศลธรรมไวมาก ปราศจากหิริโอตตัปปะ เมื่อชีพ
ใกลดับสิ้น จักไดพบกัลยาณมิตรกลาวถึงหัวขอของพระพุทธพจนสิบสองหมวด เหตุท่ีไดสดับช่ือของพระธรรม
เหลาน้ี จึงกําจัดครุกรรมอกุศลจํานวนหน่ึงพันกัลปได ผูมีปญญาน้ันจะสอนใหพนมมือ แลวสรรเสริญวา นโม
อมิตายุสะ พุทธายะ เหตทุ ีส่ รรเสริญพระพุทธนาม จงึ ดับบาปของสงั สารวฏั ไปอีกหา สิบโกฏิกัลป
『爾時彼佛,即遣化佛,化觀世音,化大勢至,至行者前,讚言:「善哉善男子!以汝稱佛
名故,諸罪消滅,我來迎汝!」作是語已,行者即見化佛光明,遍滿其室,見已歡喜,即便命終
,乘寶蓮華,隨化佛後,生寶池中。經七七日,蓮華乃敷。』
เวลานั้นพระพุทธเจาองคนั้นจะบันดาลพระพุทธนิรมิต พระอวโลกิเตศวรนิรมิต พระมหาสถามปราปต
นิรมิต มายังพระโยคาวจรน้ันแลวสดุดีวา “สาธุกุลบุตร ดวยอาศัยการที่เธอสรรเสริญพระพุทธนามเปนเหตุ
บาปทั้งปวงจึงดับส้ิน เรามารับเธอ” เมื่อกลาวเชนนี้แลว พระโยคาวจรจะไดเห็นรัศมีสวางไสวของพระพุทธ
นิรมิต เรืองรองตลอดทั้งหองนั้น เมื่อยลแลวจึงโสมนัสยินดี แลวสิ้นชีพลง ไดโดยสารดอกบัวรัตนะเจ็ดประการ
ตามหลงั พระพทุ ธนริ มติ ไปอบุ ตั ิในสระโบกขรณรี ัตนะ ผานไปสส่ี บิ เกาทวิ า ปทมุ มาลยน ้นั จงึ บานออก
『當華敷時,大悲觀世音菩薩,及大勢至菩薩,放大光明,住其人前,為說甚深十二部經。
聞已信解,發無上道心,經十小劫,具百法明門,得入初地。是名下品上生者。得聞佛名法名及
聞僧名。聞三寶名即得往生。』
ยามท่ีดอกบัวผลิบาน พระมหากรุณาอวโลกิเตศวรโพธิสัตว และพระมหาสถามปราปตโพธิสัตว จักเปลง
มหารัศมีมายังเบ้ืองหนาผูนั้น แลวเทศนาพระพุทธพจนสิบสองหมวดอันลึกซึง้ เมื่อไดสดับแลวจึงศรัทธานอ มใจ
ตามไป จึงบังเกิดอนุตรจิต ผานไปสิบจุลกัลป จึงสมบูรณซึ่งศตวิทยธรรมทวาร เขาสูโพธิสัตวปฐมภูมิ นี้ชื่อวาผู
ไดเกิดในชั้นลางระดับสูง ผูไดสดับนามของพระพุทธ นามพระธรรม และนามของพระสงฆ ผูไดสดับนามของ
พระรตั นตรัยยอ มไดไ ปอุบตั ิ
佛告阿難,及韋提希:『下品中生者,或有眾生,毀犯五戒,八戒,及具足戒,如此愚人,
偷僧祗物,盜現前僧物,不淨說法,無有慚愧。以諸惡法,而自莊嚴。如此罪人,以惡業故,應
墮地獄,命欲終時,地獄眾火,一時俱至。』
30
มีพุทธดํารัสตอพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “ผูเกิดในช้ันลางระดับกลางนั้น คือหมูสัตวที่ละเมิดศีล
หา ศีลสิบ และสมปูรณศีล อันโมหบุรุษน้ี ยังไดลักขโมยของสงฆฯ กลาวธรรมดวยความไมบริสุทธิ์ ปราศจาก
ความเกรงกลัวและละอายตนเองนนั้ ยิ่ง ดวยธรรมชั่วรายเหลาน้ี อันคนบาปนี้ดว ยอาศัยอกุศลกรรมเปน เหตุ พึง
ตกสูนรกภูมิ เม่อื กาลจะสน้ิ ชพี บรรดาไฟนรกจะปรากฏข้ึน
『遇善知識,以大慈悲,即為讚說阿彌陀佛,十力威德,廣讚彼佛,光明神力,亦讚戒定慧
,解脫,解脫知見;此人聞已,除八十億劫生死之罪,地獄猛火化為涼風,吹諸天華,華上皆有
化佛菩薩,迎接此人。』
หากไดพบกัลยาณมิตรที่มีมหาเมตตากรุณา กลาวสรรเสริญกําลังของพระพุทธเจาสิบประการ*๓๐ พระ
คุณธรรมของพระอมิตายุสพุทธเจา และปาวประกาศสดุดีซ่ึงกําลังแหงพระรัศมีของพระพุทธเจาองคน้ัน และ
สดุดีในศีล สมาธิ ปญญา วิมุตติ ความรูของวิมุตติ เมื่อบุคคลน้ันไดสดับแลว บาปของสังสารวัฏจํานวนแปดสิบ
โกฏิกัลปจึงถูกกําจัดไป เปลวเพลิงนรกท่ีรอนแรงจักกลายเปนกระแสลมเย็น พัดพาเอาดอกไมทิพยทั้งปวง บน
ดอกไมเ หลาน้ัน ลวนแตม ีพระพุทธนิรมิตและพระโพธิสัตวนริ มิต มารบั บคุ คลนัน้
*๓๐.ทศพลญาณ (บาลเี รียก ตถาคตพลญาณ 10 คือ พระญาณอันเปนกําลงั ของพระตถาคต 10 ประการ
ท่ที าํ ใหพระองคสามารถบันลอื สีหนาท ประกาศพระศาสนาไดม ่ันคง-the Ten Powers of the Perfect One)
1.ฐานาฐานญาณ (ปรีชาหยั่งรูฐานะและอฐานะ คือ รูกฏธรรมชาติเกี่ยวกับขอบเขตและขีดขั้นของสิ่ง
ท้ังหลายวา อะไรเปนไปได อะไรเปนไปไมได และแคไหนเพียงไร โดยเฉพาะในแงความสัมพันธระหวางเหตุกับ
ผล และกฎเกณฑทางจริยธรรมเกี่ยวกับสมรรถวิสัยของบุคคล ซ่ึงจะไดรับผลกรรมที่ดีและชั่วตางๆ กัน-
knowledge of instance and no instance; knowledge of possibilities and impossibilities)
2.กรรมวิปากญาณ (ปรีชาหย่ังรูผลของกรรม คือ สามารถกําหนดแยกการใหผลอยางสลับซับซอน
ระหวางกรรมดีกับกรรมช่ัว ท่ีสัมพันธกับปจจัยแวดลอมตางๆ มองเห็นรายละเอียดและความสัมพันธภายใน
กระบวนการกอผลของกรรมอยางชัดเจน-knowledge of ripening of action; knowledge of the results
of karma)
3.สพั พตั ถคามินีปฏิปทาญาณ (ปรชี าหยงั่ รขู อปฏบิ ตั ิท่ีจะนําไปสคู ติทั้งปวง คอื สคุ ติ ทคุ ติ หรือพน จากคติ
หรือปรีชาหยั่งรูขอปฏิบัติที่จะนําไปสูอรรถประโยชนทั้งปวง กลาวคือ ทิฏฐธัมมิกัตถะ สัมปรายิกัตถะ หรือ
ปรมัตถะ คือรูวาเมื่อปรารถนาจะเขาถึงคติหรือประโยชนใด จะตองทําอะไรบาง มีรายละเอียดวิธีปฏิบัติ
อยางไร-knowledge of the way that leads anywhere; knowledge of the practice leading to all
destinies and all goals)
4.นานาธาตุญาณ (ปรีชาหยั่งรูสภาวะของโลกอันประกอบดวยธาตุตางๆ เปนเอนก คือ รูสภาวะของ
ธรรมชาติ ทั้งฝายอุปาทินนกสังขารและฝายอนุปาทินนกสังขาร เชน รูจักสวนประกอบตางๆ ของชีวิต สภาวะ
ของสวนประกอบเหลาน้ัน พรอมทั้งลักษณะและหนาท่ีของมันแตละอยาง อาทิการปฏิบัติหนาท่ีของขันธ
อายตนะ และธาตุตางๆ ในกระบวนการรับรู เปนตน และรูเหตุแหงความแตกตางกันของสิ่งทั้งหลายเหลาน้ัน-
knowledge of the world with its many and different elements)
31
5.นานาธมิ ตุ ตกิ ญาณ (ปรีชาหยง่ั รอู ธมิ ตุ ิ คอื รูอ ัธยาศยั ความโนม เอียง ความเช่ือถอื แนวความสนใจ เปน
ตน ของสัตวท้งั หลายทีเ่ ปนไปตา งๆ กัน-knowledge of the different dispositions of beings)
6.อนิ ทริยปโรปริยตั ตญาณ (ปรีชาหยง่ั รคู วามยิ่งและหยอนแหง อนิ ทรยี ข องสตั วท ง้ั หลาย คอื รูวาสตั วน น้ั ๆ
มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปญญา แคไหน เพียงใด มีกิเลสมาก กิเลสนอย มีอินทรียออน หรือแกกลา สอนงาย
หรือสอน ยาก มี ค วาม พรอม ที่จะ ตรัสรูหรือไ ม -knowledge of the state of faculties of beings;
knowledge of the inferiority and superiority of the controlling faculties of various beings;
knowledge as regards maturity of persons)
7.ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ (ปรีชาหยั่งรูความเศราหมอง ความผองแผว การออกแหงฌาน วิโมกข สมาธิ
และสมาบัติท้ังหลาย-knowledge of defilement, cleansing and emergence in the cases of the
meditations, liberations, concentrations and attainments)
8.ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ปรีชาหย่ังรูอันทําใหระลึกภพที่เคยอยูในหนหลังได-knowledge of the
remembrance of former existences)
9.จุตูปปาตญาณ (ปรีชาหยั่งรูจุติและอุบัติของสัตวท้ังหลายอันเปนไปตามกรรม-knowledge of the
decease and rebirth of beings)
10.อาสวักขยญาณ (ปรีชาหย่ังรูความส้ินไปแหงอาสวะทั้งหลาย-knowledge of the exhaustion of
mental intoxicants)
『如一念頃,即得往生七寶池中,蓮華之內,經於六劫,蓮華乃敷時。觀世音,大勢至,以
梵音聲,安慰彼人,為說大乘甚深經典。聞此法已,應時即發無上道心。是名下品中生者。』
ในขณะเดียว ก็จักไปอุบัติในสระโบกขรณีรัตนเจ็ดประการในดอกบัว ผานไปหกกัลป บัวน้ันจึงบานออก
พระอวโลกิเตศวร พระมหาสถามปราปต จักใชพรหมโฆษะ*๓๑ ปลอบประโลมบุคคลน้ัน แลว เทศนาพระธรรม
อันคัมภีรภาพของมหายาน เมื่อไดสดับเชนน้ีแลว เพลาน้ันจักบังเกิดอนุตรสัมโพธิจิต น้ีชื่อวาผูไดเกิดในชั้นลาง
ระดบั กลาง
*๓๑.หมายถงึ เสยี งท่ไี พเราะ ประดุจเสียงของพรหม
佛告阿難,及韋提希:『下品下生者,或有眾生,作不善業,五逆十惡,具諸不善,如此愚
人,以惡業故,應墮惡道,經歷多劫,受苦無窮。』
ตรัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “ผูเกิดในชั้นลางระดับลาง คือหมูสัตวที่กระทําส่ิงไมดีงาม
อนันตริยกรรมหา อกุศลกรรมบถสิบ และอกุศลท้ังปวง โมหบุรุษน้ี ดวยอาศัยอกุศลกรรมเปนเหตุ ใหพึงตกสู
อบายมรรค ผา นไปหลายกัลปทีต่ องรับทกุ ขทรมานไมสน้ิ สุด
『如此愚人,臨命終時,遇善知識,種種安慰,為說妙法,教令念佛,彼人苦逼,不遑念佛
;善友告言:「汝若不能念彼佛者,應稱歸命無量壽佛,如是至心,令聲不絕,具足十念,稱南
無阿彌陀佛。」稱佛名故,所念念中,除八十億劫生死之罪。命終之時,見金蓮華,猶如日輪,
住其人前,如一念頃,即得往生極樂世界。』
โมหบุรุษน้ี เมื่อกาลจะสิ้นอายุขัย จะไดพบกัลยาณมิตรมาปลอบประโลมตางๆ แลวแสดงพระสัทธรรม
สอนผูน้ันใหระลึกถึงพระพุทธเจา บุคคลน้ันหากเจ็บปวดทรมาน มิอาจสงบใจระลึกถึงพระพุทธองคได
กัลยาณมิตรจักบอกวา “หากเธอมิอาจระลึกถึงพระพุทธเจาองคนั้น ก็พึงนอมพระอมิตายุสะพุทธเจาเปนท่ีพ่ึง
32
ดวยการเปลงวาจาสรรเสริญ พระอมิตายุสพุทธะอยางที่สุดแหงใจ ตอเน่ืองกันวา นโม อมิตายุสะ พุทธายะ ได
สิบวาระโดยสมบูรณเถิด”*๓๒ เหตุท่ีสรรเสริญพระพุทธนาม ทุกๆความระลึกหนึ่งๆ บาปจากสังสารวัฏจํานวน
แปดสิบโกฏิกัลปจักถูกกําจัดไป เม่ือคราจะส้ินชีพ จะไดเห็นสุวรรณปทมา อุปมาดวงสุริยันต มาอยูเบื้องหนาผู
นั้นในขณะเดียว จงึ ไดไปอุบัตยิ งั สขุ าวตโี ลกธาตุ
*๓๒.ตามอรรถกถา กลาววา การระลึก 10 คร้ัง คือ การระลึกถึงดวยการภาวนาพระพุทธนาม ชั่วระยะ
ลมหายใจคร้ังหนึ่ง ถือเปนหนึ่งคร้ัง ซ่ึงชวงลมหายใจของแตละบุคคลสั้นยาวไมเทากัน ก็ถือเปนหนึ่งชวงลม
หายใจได
『於蓮華中,滿十二大劫,蓮華方開,當花敷時,觀世音,大勢至,以大悲音聲,為其廣說
諸法實相,除滅罪法。聞已歡喜,應時即發菩提之心。是名下品下生者。是名下輩生想,名第十
六觀。』
อยูภายในดอกบัวนั้น เมื่อครบสิบสองมหากัลป บัวน้ันจึงบานออก เพลาน้ันพระอวโลกิเตศวร พระ
มหาสถามปราปต จักใชเสียงแหงมหากรุณา เทศนาสัจจะแหงธรรมทั้งปวง ธรรมอันดับบาปแหงจิตแกเขา เม่ือ
สดับแลวจึงเกิดโสมนัส เวลาน้ันจึงบังเกิดอนุตรสัมโพธิจิต นี้ชื่อวาผูไดเกิดในชั้นลางระดับลาง ชื่อวาการ
พิจารณานมิ ติ ถงึ การเกดิ ระดบั ลาง ช่ือวาการพิจารณาประการท่สี ิบหก
爾時世尊說是語時,韋提希與五百侍女,聞佛所說,應時即見極樂世界廣長之相,得見佛身
,及二菩薩,心生歡喜,歎未曾有,豁然大悟,逮無生忍。五百侍女,發阿耨多羅三藐三菩提心
,願生彼國。世尊悉記,皆當往生。生彼國已,獲得諸佛現前三昧。無量諸天,發無上道心。
เม่อื สมัยท่ีตรัสอยูน้ี พระนางเวเทหพิ รอ มดว ยนางในจาํ นวนหารอย เมือ่ ไดส ดับพระพทุ ธวจนะ ในเพลาน้ัน
จึงไดเห็นลักษณะท่ีกวางใหญไพศาลของสุขาวตีโลกธาตุ ไดแลเห็นวรกายของพระพุทธเจาองคน้ันและพระ
โพธสิ ัตวทง้ั สอง ดวงจติ จึงปตโิ สมนสั สดดุ ีวา มิเคยมมี ากอน รูแจง สภาวธรรม แลว บรรลุอนุตปตตกิ ธรรมกษานติ
นางในท้ังหารอยก็บังเกิดอนุตรสัมโพธิจิต ตั้งความปรารถนาไปอุบัติยังโลกธาตุแหงนั้น พระผูมีพระภาคศากย
มุนีทรงประทานพยากรณวาจะไดไ ปอุบัติท้ังส้ิน เมื่อไปอุบัติที่โลกธาตนุ ้ันแลว ยอมบรรลุสมาธิของพระพุทธเจา
ทง้ั ปวง อกี เหลาเทวบริษทั ที่ไมม ปี ระมาณก็บังเกิดอนุตรสัมโพธิจิต
爾時阿難即從座起前,白佛言:『世尊!當何名此經?此法之要,當云何受持?』佛告阿難
:『此經名觀極樂國土無量壽佛、觀世音菩薩、大勢至菩薩,亦名淨除業障、生諸佛前,汝當受
持,無令忘失。』
สมยั นนั้ พระอานนทลุกขึ้นจากอาสนะ ทูลพระบรมศาสดาวา “ขา แตพ ระผมู พี ระภาค ธรรมกถานจี้ ะมชี ื่อ
วากระไร อันสารัตถธรรมน้ีจักจดจําไววาเชนไรพระเจาขา” ตรัสวา “ธรรมน้ีช่ือวา การเพงพิจารณาสุขาวตี
โลกธาตุ พระอมิตายุสพุทธะพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว๑ และ การชําระวิบาก
กรรมเพ่ือไปอุบัติยงั เบือ้ งหนา พระพทุ ธเจาทงั้ ปวง๑ เธอพงึ จดจาํ ไวเ ชนน้ี อยา ไดลมื เลอื น
『行此三昧者,現身得見無量壽佛,及二大士。若善男子,及善女人,但聞佛名,二菩薩名
,除無量劫生死之罪,何況憶念?若念佛者,當知此人,即是人中芬陀利華。觀世音菩薩,大勢
至菩薩,為其勝友;當坐道場,生諸佛家。』
ผูประพฤติสมาธิน้ี ในสังขารปจจุบันจะไดพบพระอมิตายุสพุทธเจาและมหาบุรุษท้ังสอง หากกุลบุตรและ
กุลธิดา เพียงไดสดับนามของพระพุทธเจาและพระโพธิสัตวทั้งสอง จะกําจัดบาปจากสังสารวัฏจํานวนหลาย
กัลปไมมีประมาณ แลวจักประสาใดท่ีคอยตามระลึกอยูเลา หากผูเจริญพุทธานุสสตินั้น พึงทราบเถิดวาบุคคล
33
นั้นประดุจปุณฑริก*๓๓ ในหมูชน พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว พระมหาสถามปราปตโพธิสัตวจักเปนสหายท่ี
ประเสริฐของเขา จกั ไดนงั่ อยูในธรรมมณฑล แลวกําเนิดในเรือนของพระพทุ ธเจา ทัง้ ปวง”
*๓๓.คือ ดอกบวั ขาว
佛告阿難:『汝好持是語,持是語者,即是持無量壽佛名。』佛說此語時,尊者目連,尊者
阿難,及韋提希等,聞佛所說,皆大歡喜。
มพี ุทธดาํ รสั กบั พระอานนทว า “เธอจงธํารงวจนะน้ีใหดี ผูธาํ รงวจนะนี้ จงึ ชื่อวา ธาํ รงไวซ งึ่ นามของพระอมิ
ตายุสพุทธเจา” ขณะที่ตรัสพระวจนะเชนน้ี พระคุณเจาโมคคัลลานะ พระคุณเจาอานนท และพระนางเวเทหิ
บรรดาผูท ่ไี ดส ดบั พระพทุ ธวจนะ ตางพากนั บังเกิดความโสมนัสเปนยิ่งนกั
爾時世尊,足步虛空,還耆闍崛山。爾時阿難,廣為大眾,說如上事。無量人天、龍、夜叉
,聞佛所說,皆大歡喜,禮佛而退。
สมัยนั้น สมเด็จพระผูมีพระภาค ทรงพระดําเนินเบ้ืองนภากาศ เสด็จกลับยังคิชกูฏสิงขร เวลานั้นพระ
อานนท ไดปาวประกาศแกมหาชนตามเร่ืองราวขางตน บรรดามนุษย เทพ นาค ยักษไมมีประมาณ ท่ีไดสดับ
พระพุทโธวาทลวนปต ิโสมนัส ถวายอภวิ าทแลว กลับไป.
จบ อมิตายรุ ฺ ธฺยาน สูตร 佛說觀無量壽佛經。
佛說大乘無量壽莊嚴清浄平等覺經
ม ห า สุ ข า ว ตี ว ยู ห สู ต ร
พระวศิ วภทั ร เซย่ี เก๊ียก วดั เทพพทุ ธาราม
แปลจากจีนพากยสูไทยพากยพ.ศ. ๒๕๕๑
บทนํา
มหาสุขาวตีวยูหสตู ร หรืออมติ ายุสสูตร หรือมหาอมติ ายสุ ยตู รน้ี เปน หนง่ึ ในสูตรสาํ คญั ของนกิ ายมหายาน
สํานักสุขาวตี (淨土宗) และเปนหนึ่งใน ๕ คัมภีรหลักของสํานักนี้ ท่ีภายในกลาวถึงบุพชาติ ของพระอมิตาภ
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจา (อีกพระนามคือ อมิตายุสะ) เมื่อเสวยพระชาติเปนภิกษุช่ือธรรมกร แลวไดประกาศ
ปณธิ านทย่ี ิ่งใหญเ พ่อื โปรดสรรพสตั วไว ๔๘ ประการ
อนึ่ง พระสูตรน้ไี ดม ีการแปลสูภาษาจีนถึง ๑๒ สํานวนในหลายสมัย เมื่อมาถึงปจจบุ ัน คงเหลือไวเพียง ๕
สาํ นวน คือ
(๑).無量壽清浄平等覺經 แปลโดยพระโลกเกษมมหาเถระ (Lokaksema) เปนชาวแควนตุขาราหรืองว ย
สี (月氏) ในยคุ ฮน่ั (漢) ราว พ.ศ.๗๑๙-๗๓๒
(๒).無量壽經 แปลโดยพระสังฆวรมันมหาเถระ ในยุคเวย (魏) ป พ.ศ.๗๙๕
(๓).佛說諸佛阿彌陀三耶三佛薩樓佛檀過度人道經 แปลโดยอุบาสกจีเหลียน ในยุคอู (吳) ราวป
พ.ศ.๗๖๕-๘๒๓
(๔).佛說大乘無量壽莊嚴經 แปลโดยพระธรรมภัทรมหาเถระ ราชวงศซง (宋) ราวป พ.ศ.๙๖๓-
๑๐๒๒ และ
34
(๕).無量壽如來會 แปลโดย พระโพธิรจุ มิ หาเถระ ในสมัยราชวงศถัง (唐)ราวป พ.ศ.๑๑๖๑-๑๔๕๐ ซงึ่
อยใู นผูกท่ี ๑๗ ของคมั ภีรม หารตั นกฏู สตู ร (大寶積經)
สําหรับพระสูตรช่ือ 佛說大乘無量壽莊嚴清浄平等覺經 ฉบับน้ี อุบาสก 夏蓮居 (พ.ศ.๒๔๒๗–
๒๕๐๘) เปนบุคคลในราชวงศชิง (清)พรอมดวยนักปราชญอีก ๒ ทาน ไดชําระพระสูตรท้ัง ๕ ฉบับขางตนให
บริสุทธ์ิหมดจดและชัดเจนยิ่งข้ึน เหตุผลเพราะพระสูตรนี้ในฉบับอื่นๆ มีขอเหมือนและตางกันอยู อยางเชน
มหาปณธิ าน ๒ ขอทีว่ าดวยอบุ ัตแิ ตดอกบัวและโลกธาตุปราศจากอสิ ตรีน้นั จากฉบับของสมยั ฮ่ันและสมยั อูมีอยู
แตฉ บบั สมยั เวย กลับไมมี และฉบบั สมัยฮนั่ และสมัยอูแ ปลมหาปณิธานได ๒๔ ขอ สมยั เวย และสมยั ถังแปลมหา
ปณิธานได ๔๘ ขอ สมัยซงแปลได ๓๖ ขอ กลาวคือ สมัยเวยและสมัยถังไดแปลอธิบายมากกวาสมัยฮ่ันและ
สมยั อู จึงทาํ ใหเ ปนท่กี ังขาของนกั ศกึ ษาในยุคหลัง
นับแตสมัยฮั่นจนถึงสมัยซง พระสูตรนี้ไดมีการแปลจากภาษาสันสกฤตสูภาษาจีนถึง ๑๒ สํานวน การ
ชาํ ระใหมในสมัยชงิ ของอบุ าสก 夏蓮居 และคณะ จึงไดตัง้ ชอื่ พระสูตรนใี้ นภาคภาษาจนี ใหมวา 無量壽莊嚴清
浄平等覺 ซึ่งแตละคํามีความหมายดังน้ี 無量壽 หมายถึง จิตสังขารของตนเองและมหาปณิธานท่ีไมมี
ประมาณ 莊嚴 หมายถึง ปณิธานที่ยิ่งใหญ ทําใหจิตอลังการ 清浄 หมายถึง ปณิธานท่ีย่ิงใหญทําใหจิตบริสุทธ์ิ
平等 หมายถงึ ยงั ใหสรรพสิ่งเสมอภาค 覺 หมายถงึ ยงั ใหตนเองและผูอ่นื ไดร ูแจง
อาตมาภาพไดเลือกแปลสํานวนที่ปรากฏอยูน้ี เหตุผลเพราะสํานักมหายานในตางประเทศยุคปจจุบัน ได
ตีพิมพพระสูตรสํานวนน้ีออกเผยแผมาก เน่ืองจากมีอรรถะที่สมบูรณและครบถวนมากที่สุด แบงเปน ๔๘ ตอน
ตามจํานวนมหาปณธิ าน ๔๘ ประการของพระอมิตาภะพุทธเจา และเชิงอรรถท่ีอธิบายความที่ปรากฏในเลมได
นํามาจาก หนังสือ 大乘無量壽經簡註易解 ของพระธรรมาจารยจิ้งคง (浄空法師) และ 佛說大乘無量壽
莊嚴清淨平等覺經解 ของ 黃念祖老居士 พระสูตรนี้ไดเริ่มตนแปลเม่ือเดือนกันยายน ป ๒๕๕๐ ตอมาเม่ือ
วันท่ี ๒ มกราคม ๒๕๕๑ สมเด็จพระเจาพี่นางเธอ เจาฟากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร ทรง
ส้ินพระชนม ยังความโศกเศราอาลัยมาสูดวงใจของพสกนิกรทุกหมูเหลา เพราะตางประจักษซ้ึงในพระ
กรุณาธิคุณของพระองค อาตมาภาพก็เปนผูหน่ึงท่ีเคยไดรับพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหเขาเฝาฯ เพ่ือถวาย
หนังสือพระสูตรแปลโสตน้ี เม่ือวันท่ี ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ คร้ังเปนฆราวาส ไดสดับพระดํารัสอยางใกลชิด ยัง
ความปลาบปล้ืมในพระเมตตาอยางหาที่สุดมิได ท้ังพระองคยังทรงสนพระทัยและสงเสริมการพระศาสนาเปน
อยางยิ่ง จึงเปนเหตุใหเพียรแปลแลวเสร็จสมบูรณเม่ือวันท่ี ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๑ ดวยความสํานึกในพระ
กรุณาธิคุณ และขอต้ังจิตอุทิศถวายเปนพระกุศล เพ่ือดวงพระวิญญาณจะเสด็จสูสุขาวตีพุทธเกษตร ดํารงพระ
ฐานะเปน พระโพธิสัตวผูประเสริฐในโลกธาตแุ หงนนั้ กาวลว งทุกขภยั ของสังสารวฏั ตามนัยยะแหง พระสูตรน้ี
ท่ีจริงแลว เร่ืองราวของพระอมิตายุสพุทธเจาแหงสุขาวตีโลกธาตุ ไดแพรหลายและเปนที่รูจักนับถือไปทวั่
โลกมานานแลว แตท วาในประเทศไทยเราน้ี ถงึ แมจ ะมีชาวจีนหรอื ลัทธิแบบมหายานอยทู ว่ั ไป แตก ม็ ไิ ดร ูจ กั และ
เขาใจเรื่องราวของพระอมิตายุสพุทธเจาอยางแทจริง แมในปจจุบันจะมีงานเขียนเก่ียวกับดินแดนสุขาวตีของ
พระพทุ ธเจา พระองคนอี้ ยูมาก แตกเ็ ปน งานเขยี นเชิงวเิ คราะหแ ละวิจารณเ สยี สวนใหญ อาตมาหวงั วามหาสุขาว
ตวี ยหู สูตรฉบบั นี้ จะแกป มสงสยั เร่ืองสขุ าวตีพุทธเกษตร และยังประโยชนไพศาลแกพุทธบริษัททั้งหลาย เชือ่ ได
35
วาสาธชุ นทง้ั หลายผูไดอานศกึ ษาและนําไปปฏบิ ัติดว ยศรทั ธาแทจ ริงแลว จะไดรับประโยชนป ระมาณมไิ ดเ ลย
หากจักมีขอผิดพลาดใดที่เกิดจากการแปลน้ีแลวไซร ดวยเพราะอาตมาภาพเบาปญญาเอง กราบขอขมา
ตอพระรัตนตรัย ขออกุศลกรรมทั้งปวงจงมลายสิ้นดวยจติ บริสทุ ธ์ิ กุศลอันใดท่ีเกิดมีขน้ึ ขออุทิศแดส รรพสัตวทงั้
ปวงจนหมดส้ิน ขอใหหมสู ตั วและตนเอง ไดม แี สงสวา งคือปญ ญาและบารมไี มม ปี ระมาณ มีอายขุ ยั ไมมปี ระมาณ
คือการไมเกดิ อกี ไดอบุ ัติยงั สขุ าวตโี ลกธาตุแมนในปจจบุ นั ชาตแิ ละอนาคตชาตเิ ปน ที่แนนอนเถดิ .
後學釋聖傑
พระวิศวภทั ร เสย่ี เกี๊ยก
佛說大乘無量壽莊嚴清浄平等覺經
ม ห า สุ ข า ว ตี ว ยู ห สู ต ร
โอม นโม รตฺนตรฺ ยาย โอม นม: ศรีสรวฺ พุทฺธ โพธิสตฺตเวภฺย:
นโม ทศทคิ นนตฺ าปรฺยานตฺ โลกธาตุปรฺ ตษิ ฺฐิเตภยฺ :
สรฺว พุทธฺ โพธสิ ตตฺ ฺวารยฺ ศฺราวกปฺรตเฺ ยกพุทเฺ ธภฺโย อตีตานาคตปฺรตฺยุตฺปนฺ เนภยฺ :
นโม อมิตาภาย นโม อจนิ ฺตยคณุ านตฺ ราตฺมเน
法會聖眾第一 วรรค ๑ พระอริยบริษัท
德遵普賢第二 วรรค ๒ ผดู ําเนนิ ตามสมนั ตภัทรจริยา
大教緣起第三 วรรค ๓ เหตุปจ จยั แหงคาํ สอนทยี่ ่งิ ใหญ
法藏因地第四 วรรค ๔ เหตภุ ูมิของพระธรรมกรโพธสิ ัตว
至心精進第五 วรรค ๕ วริ ยิ ะอยา งทส่ี ดุ แหงใจ
發大誓願第六 วรรค ๖ ประกาศมหาปณธิ าน
必成正覺第七 วรรค ๗ จักสําเร็จพระสมั โพธเิ ปน แนนอน
積功累德第八 วรรค ๘ สง่ั สมบุญสมภาร
圓滿成就第九 วรรค ๙ สาํ เรจ็ โดยสมบรู ณ
皆願作佛第十 วรรค ๑๐ ลวนแตปรารถนาพทุ ธภมู ิ
國界嚴淨第十一 วรรค ๑๑ โลกธาตวุ ศิ ุทธอิ ลังการ
光明徧照第十二 วรรค ๑๒ พระรศั มแี ผไปในสกล
壽眾無量第十三 วรรค ๑๓ พระชนมายมุ ิอาจประมาณ
寶樹徧國第十四 วรรค ๑๔ รตั นพฤกษท ว่ั โลกธาตุ
菩提道場第十五 วรรค ๑๕ โพธิมณฑล
堂舍樓觀第十六 วรรค ๑๖ วิหารและหอทัศนา
泉池功德第十七 วรรค ๑๗ องคคณุ แหง นาํ้ พุและสระโบกขรณี
超世希有第十八 วรรค ๑๘ มคี วามยอดเย่ียมอันหาไดย ากยิง่ ในโลก
受用具足第十九 วรรค ๑๙ เครือ่ งใชบ รบิ ูรณ
36
德風華雨第二十 วรรค ๒๐ ลมกศุ ลและฝนมงคล
寶蓮佛光第二十一 วรรค ๒๑ บัวรตั นะและพทุ ธรังสี
決證極果第二十二 วรรค ๒๒ เทีย่ งแทใ นผลอันอดุ ม
十方佛讚第二十三 วรรค ๒๓ พระพุทธเจา ทั่วทศทิศทรงสดุดี
三輩往生第二十四 วรรค ๒๔ อุบตั สิ ามระดับชั้น
往生正因第二十五 วรรค ๒๕ เหตุแหง การถืออุบตั ิ
禮供聽法第二十六 วรรค ๒๖ ถวายสกั การะและสดับธรรม
歌嘆佛德第二十七 วรรค ๒๗ ลาํ นาํ สรรเสรญิ พระพทุ ธคุณ
大士神光第二十八 วรรค ๒๘ ประภาสแหง มหาบรุ ุษ
願力宏深第二十九 วรรค ๒๙ กําลงั แหงปณธิ านไพศาลแยบยล
菩薩修持第三十 วรรค ๓๐ โพธิสตั วผูบ ําเพญ็ แลธํารงไว
真實功德第三十一 วรรค ๓๑ บุญญาธิการอันจรงิ แท
壽樂無極第三十二 วรรค ๓๒ ชนมายุและโสมนัสเปน อนันต
勸諭策進第三十三 วรรค ๓๓ อปุ ายะใหพากเพียร
心得開明第三十四 วรรค ๓๔ จติ ลถุ ึงปญ ญารูแ จง
濁世惡苦第三十五 วรรค ๓๕ ทุกขม หนั ตของโลกแหง ความเสือ่ ม
重重誨勉第三十六 วรรค ๓๖ คําสอนและความเพียรอนั สําคญั
如貧得寶第三十七 วรรค ๓๗ ประหนึ่งยาจกพบแกว รตั นะ
禮佛現光第三十八 วรรค ๓๘ อภิวาทพระพุทธองคบังเกิดรัศมี
慈氏述見第三十九 วรรค ๓๙ พระเมตไตรยะพรรณนาสง่ิ ท่ีไดย ล
邊地疑城第四十 วรรค ๔๐ วจิ กิ ิจฉานคร แหงพวกเมลจั ฉะ
惑盡見佛第四十一 วรรค ๔๑ ส้นิ อาสวะจึงพบพระพุทธองค
菩薩往生第四十二 วรรค ๔๒ การไปอุบตั ขิ องพระโพธิสัตว
非是小乘第四十三 วรรค ๔๓ มิใชย านท่คี ับแคบ
受菩提記第四十四 วรรค ๔๔ ลทั ธยาเทสพทุ ธพยากรณ
獨留此經第四十五 วรรค ๔๕ มเี พยี งพระธรรมสตู รนเ้ี ทาน้ัน
勤修堅持第四十六 วรรค ๔๖ เพียรบําเพ็ญธํารงธรรม
福慧始聞第四十七 วรรค ๔๗ เพิ่งไดสดบั บุญและปญญา
聞經獲益第四十八 วรรค ๔๘ สดับธรรมเสวยประโยชน
法會聖眾第一
如是我聞。一時佛在王舍城耆闍崛山中,與大比丘眾萬二千人俱。一切大聖,神通已達。其
名曰:尊者憍陳如、尊者舍利弗、尊者大目犍連、尊者迦葉、尊者阿難等,而為上首。又有普賢
菩薩、文殊師利菩薩、彌勒菩薩,及賢劫中一切菩薩,皆來集會。
วรรค ๑ พระอริยบรษิ ทั
37
ขาพเจาไดสดับมาแลวด่ังน้ี สมัยหนึ่งสมเด็จพระผูมีพระภาค เม่ือคร้ังประทับยังนครราชคฤห บนคิชกูฏ
บรรพต ทามกลางภิกษุหมูใหญหน่ึงหม่ืนสองพันรูป อันลวนแตเปนพระมหาอริยเจา สมบูรณพรอมซ่ึงอภญิ ญา*
๑ มีนามวาพระโกณฑัญญะ พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ พระกัสสปะ พระอานนท เปนอาทิ ซ่ึงลวนแต
เปนผูน ําแหงหมูสงฆ
*๑ ฤทธ ๖ ประการ มี ๑)อิทธิวิธี แสดงฤทธ์ิได ๒)ทิพยจักษุ ตาทิพย ๓)ทิพยโสต หูทิพย ๔)เจโตปริย
ญาณ ญาณที่กําหนดรูใจผูอ่ืนได ๕) บุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกชาติได และ ๖)อาสวักขยญาณ ญาณท่ี
ทําใหส้ินอาสวะ (ขอ ๖ น้ีมีเฉพาะพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา) หาขอแรกเปนโลกียอภิญญา ขอทาย
เปนโลกุตตระ
ทั้งยังมีพระสมันตภัทรโพธิสัตว พระมัญชุศรีโพธิสัตว พระเมตไตรยโพธิสัตว และพระโพธิสัตวท้ังปวงใน
ภทั รกลั ปแ หง นี้ ทมี่ าประชมุ รว มอยู* ๒
*๒ สําหรับพระสูตรบทนี้ ในฉบับแปลอ่ืนๆ มีจํานวนของพระโพธิสัตว และอริยเจาตางๆ ท่ีกลาวถึงไม
เทากนั
德遵普賢第二
又賢護等十六正士,所謂善思惟菩薩、慧辯才菩薩、觀無住菩薩、神通華菩薩、光英菩薩、
寶幢菩薩、智上菩薩、寂根菩薩、信慧菩薩、願慧菩薩、香象菩薩、寶英菩薩、中住菩薩、制行
菩薩、解脫菩薩,而為上首。咸共遵修普賢大士之德,具足無量行願,安住一切功德法中。遊步
十方,行權方便。入佛法藏,究竟彼岸。願於無量世界成等正覺。捨兜率,降王宮,棄位出家,
苦行學道,作斯示現,順世間故。以定慧力,降伏魔怨。得微妙法,成最正覺。天人歸仰,請轉
法輪。常以法音,覺諸世間。破煩惱城,壞諸欲塹。洗濯垢污,顯明清白。調眾生,宣妙理,貯
功德,示福田。以諸法藥,救療三苦。昇灌頂階,授菩提記。為教菩薩,作阿闍黎,常習相應無
邊諸行。成熟菩薩無邊善根,無量諸佛咸共護念,諸佛剎中皆能示現。譬善幻師,現眾異相,於
彼相中,實無可得。此諸菩薩,亦復如是。通諸法性,達眾生相。供養諸佛,開導群生。化現其
身,猶如電光。裂魔見網,解諸纏縛。遠超聲聞辟支佛地,入空、無相、無願法門。善立方便,
顯示三乘。於此中下,而現滅度。得無生無滅諸三摩地,及得一切陀羅尼門。隨時悟入華嚴三昧
,具足總持百千三昧。住深禪定,悉覩無量諸佛。於一念頃,徧遊一切佛土。得佛辯才,住普賢
行。善能分別眾生語言,開化顯示真實之際。超過世間諸所有法,心常諦住度世之道。於一切萬
物隨意自在,為諸庶類作不請之友。受持如來甚深法藏,護佛種性常使不絕。興大悲,愍有情,
演慈辯,授法眼,杜惡趣,開善門。於諸眾生,視若自己,拯濟負荷,皆度彼岸。悉獲諸佛無量
功德,智慧聖明,不可思議。如是等諸大菩薩,無量無邊,一時來集。又有比丘尼五百人,清信
士七千人,清信女五百人,欲界天,色界天,諸天梵眾,悉共大會。
วรรค ๒ ผดู ําเนินตามสมนั ตภทั รจรยิ า
ยังมีมหาบุรุษสิบหกทาน คือมีพระภัทรปาลเปนตน*๓ ยังมีพระคุณมติโพธิสัตว พระปรติภานโพธิสัตว
พระอนิจทัศนาโพธิสัตว พระอิทธิศรีโพธิสัตว พระวีรประภาโพธิสัตว พระรัตนเกตุโพธิสัตว พระอุตรญาณ
โพธิสัตว พระศานติอินทรียโพธิสัตว พระศรัทธาปรัชญาโพธิสัตว พระปณิธิปรัชญาโพธิสัตว พระคันธหัสดินทร
โพธิสัตว พระรัตนวีรโพธิสัตว พระวิหารสถิตยโพธิสัตวพระวินัยจริยาโพธิสัตว พระวิโมกษโพธิสัตว ซึ่งลวนแต
เปนผูนํา ตางก็ประพฤติในคุณธรรมแหงพระสมันตภัทรโพธิสัตว สมบูรณพรอมซึ่งจริยาและปณิธานมิอาจ
ประมาณ ธํารงอยูในกุศลธรรมทั้งปวง ทองเท่ียวไปในทศทิศ แลดําเนินจริยาดว ยอุปายะท่ีชาญฉลาด เขาสูพระ
พุทธธรรมปฎก แลวลุถึงฝงกระโนนอันเปนท่ีสุด เปนผูมีปณิธานวาจักตรัสรูพระสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลกธาตุ
ท้ังปวงมิอาจประมาณ จักเสด็จลงจากดุสิตาเทวโลก แลวเขาสูราชมณเฑียร ละท้ิงราชบัลลังกแลวออก
38
อภิเนษกรมณ บาํ เพ็ญทุกรกริ ยิ าเพอ่ื ศกึ ษามรรคธรรม การกระทําท่ปี รากฏอยูเชน นี้ ก็เพราะอนโุ ลมตามโลกเปน
เหตุ ดว ยใชสมาธญิ าณพละจงึ สยบหมูมาร ไดบรรลพุ ระสัทธรรมอนั คัมภรี ภาพ แลวตรสั รพู ระอนตุ รสมั โพธิญาณ
อันหมูเทวดาแลมวลมนุษย ก็นอมเอาเปนท่ีพึ่งดวยความเคารพยําเกรง แลวทูลอาราธนาใหหมุนเคล่ือน
กงพระธรรมจักร ใชธรรมโฆษะยังโลกท้ังปวง ใหรูแจงทําลายกิเลสนครา และยังกําแพงแหงราคะใหพินาศส้ิน
ชําระมลทินอาสวะ ใหสําแดงเปนความพิสุทธ์ิพิมลใส บําราบอบรมสรรพสัตว กลาวแสดงซึ่งธรรมอรรถที่แยบ
คายอัศจรรย ส่ังสมสรรพกุศล เปนบุญเกษตรของโลก แลวใชธรรมโอสถทั้งปวงพยาบาลรักษาตรีทุกขโรคา*๔
แลวข้ึนสูลําดับแหงการอภิเษกเปนธรรมราชกุมาร นอมรับลัทธยาเทสพุทธพยากรณ เปนอนุศาสนโพธิสัตว คือ
เปนอาจริยะผูส่งั สอนธรรม บาํ เพญ็ อยูซ่งึ โยคะเปนนจิ มจี ริยาท้ังปวงไพศาลไรขอบเขต เปนพระโพธิสตั วผูไดรับ
การเพาะบมควรแกการงาน มีกุศลพีชมหาศาลอนันตะ บรรดาพระพุทธโลกนาถทั้งปวงลวนแตทรงปกปอง
ระลึกถึง ในบรรดาพุทธเกษตรทั้งปวงน้ันเลา ก็ลวนสามารถสําแดงอิทธิพละใหปรากฏ อุปมามายาจารยผู
ช่ําชองกลวิทยา สามารถยังลักษณาการตางๆใหเกิดมีข้ึน แลในสรรพลักษณเหลานั้น ที่จริงแลวก็มิอาจเขาถึง
(เพราะเปน มายา)
อันวาพระโพธิสัตวนี้ก็เปนฉะนี้ ท่ีแทงตลอดในสรรพธรรมภาวะ และรูแจงซึ่งสัตวลักษณะ ถวายสักการะ
พระพุทธเจาทั้งปวง เปนผูช้ีนําเวไนยสัตวโดยแสดงรูปกายตามนั้นๆ ครุวนาอสุนีบาตที่ตัดมารทิฏฐิชาละใหขาด
ส้ิน แลวหลุดพนจากสังโยชนรอยรัดทั้งปวง เปนผูหางไกลแลลวงพนจากภูมิแหงพระสาวกและพระปจเจกโพธิ
บรรลุศูนฺยตา อนิมิตฺต และอปฺรณิหิตวิโมกฺษมุข*๕ ต้ังอยูและชาญเชี่ยวในอุปายโกศล ดวยการสําแดงเปนตรี
ยาน ดว ยอาศยั มหายาน มชั ฌิมยาน จุลยานนี้*๖ โปรดสรรพสตั วจ นหมดสน้ิ ใหบ รรลุถึงสมาธิทั้งปวงแหงความ
ไมเกิดไมดับ พรอมบรรลุธารณีทั้งปวง และอนุโลมตามกาละเขา สูอวตงั สกสมาธิ*๗ สมบูรณและทรงไวซ่ึงสมาธิ
จํานวนรอยพัน ดํารงอยูในความประณีตแหงสมาธิฌาน ไดพบพระพทุ ธเจาจํานวนอมิตะพระองค ในขณะเดียว
ก็ทองเที่ยวไปในพุทธเกษตรทั้งปวงเปนผูบรรลุพุทธปฏิภาณ ต้ังมั่นในสมันตภัทรจริยา สามารถแยกแยะวัจนะ
ของหมูสัตวท้ังหลายไดเปนอยางดี แลวจึงประกาศซ่ึงตัตตวธรรม ท่ีลวงพนสรรพธรรมแหงจักรวาล มีจิตตั้งมั่น
ฉดุ ชวยโลกภมู ิ สรรพสิง่ ท้ังปวงนน้ั กก็ ระทาํ ไดอ ิสระด่ังมโนรถ เพ่ือมวลชนทง้ั ปวงแลว จงึ กระทาํ ซึ่งความเปนมิตร
ท่มี ิไดเ ช้ือเชญิ *๘ นอ มรบั ธํารงไวซ่ึงคมั ภรี ธรรมปฎ กอนั แยบคายของพระตถาคตเจา ปกปก รักษาพระพุทธโคตร
ใหมิขาดสูญ เจริญมหากรุณา เวทนาในสรรพชีวิต แลวกลาวแสดงปฏิภาณแหง เมตตา ธํารงไวซ่ึงธรรมจักษุ ปด
กั้นอบายภูมิ แลวเปดออกซึ่งกุศลทวาร แมนตนเองก็อนุเคราะห แบกรับสรรพสัตวท้ังหมดใหขามสูฝงกระโนน
ไดเสวยกุศลอเนกประการของพระตถาคตเจาท้ังปวง มีปญญาญาณปราดเปร่ืองเปนอจินไตย ด่ังพระมหา
โพธสิ ตั วเ หลาน้ี ทม่ี ีจาํ นวนอมิตะและอนันตะ ในขณะเดียวไดม าประชมุ กันอยู ยงั มีภกิ ษุณจี ํานวนหารอย มีบุรษุ
เจ็ดพัน สตรีหารอย ซึ่งลวนแตเปนผูมีศรัทธาอันบริสุทธิ์ เทพเจาในกามภพ เทพเจาในรูปภพ และคณะเทว
พรหมกล็ ว นมาประชมุ อยเู ปนมหาสมาคมใหญ
*๓.สัตบุรุษ ๑๖ องค มี ๑.พระภัทรปาละ ๒.พระรัตนการ ๓.พระสุสารถวาหะ ๔.พระนรทัตตะ ๕.พระ
คุหยคุปตะ ๖.พระวรุณทัตตะ ๗.พระอินทรทัตตะ ๘.พระอุตตรมติ ๙.พระวิเศษมติ ๑๐.พระวรรธมานมติ ๑๑.
พระอโมฆทรรศิน ๑๒.พระสุสัมปรัสถิตะ ๑๓.พระสุวิกรานตวิกรามิน ๑๔.พระอนุปมมติ ๑๕.พระสูรยครรภะ
39
๑๖.พระธารณธี ร
*๔.ตรที กุ ขโรคา คอื โรคแหง ความทุกข ๓ ชนดิ คอื โรคจากความโลภะ โทสะ และโมหะ
*๕.ตฺริณิ วิโมกฺษมขุ านิ หรือ วิโมกข ๓ คือ ความหลุดพน ประเภทของความหลุดพน จัดตามลักษณะการ
เห็นไตรลักษณ ขอท่ีใหถึงความหลุดพน มี ๑).ศูนฺยตา ความหลุดพนดวยการดับสูญอัตตา หลุดพนดวยความวา
หมดความยึดมั่น ไดแกความหลุดพนที่เกิดจากปญญาพิจารณาเห็นนามรูป โดยความเปนอนัตตา คือหลุดพน
ดวยเห็นอนตั ตาแลว ถอนความยึดมน่ั เสยี ได (อาศัยอนตั ตานุปส นา ถอนอตั ตาภินเิ วส) ๒).อนมิ ติ ตฺ ความหลดุ พน
ดวยการดับอนิจจัง โดยปราศจากนิมิตรเครื่องหมาย หลุดพนดวยไมถือนิมิต ไดแกความหลุดพนที่เกิดจาก
ปญญาพิจารณาเห็นนามรูป โดยความเปนอนิจจัง คือหลุดพนดวยเห็นอนิจจตาแลวถอนนิมิตเสียได (อาศัย
อนิจจานุปสนา ถอนวิปลลาสนิมิต) ๓).อปฺรณิหิต ความหลุดพนเพราะไมมีกิเลสเปนที่ตั้ง หลุดพนดวยไมทํา
ความปรารถนา ไดแกความหลุดพนท่ีเกิดจากปญญาพิจารณาเห็นนามรูป โดยความเปนทุกข คือหลุดพนดวย
เหน็ ทุกขตา แลว ถอนความปรารถนาเสียได (อาศัยทกุ ขานุปสนา ถอนตัณหาปณิธ)ิ
*6.คือยานท้ัง ๓ มี มหายาน คือพุทธยานหรือโพธิสัตวยาน มัชฌิมยานคือปจเจกพุทธยาน จุลยานคือ
สาวกยาน
*๗.อวตังสกสมาธิ คอื สมาธิตามนัยยะของคัมภีรอ วตังสกะ วาดวยการทศั นาโลกธาตแุ ละสรรพสิ่งทั้งปวง
วามีความเกี่ยวของกันเปนปจจยการ ประดุจขายของพระอินทรท่ีรอยเรียงดวยแกวอัญมณี ที่สาดแสงระยับ
กระทบกนั เร่อื ยไปไมสน้ิ สดุ
*๘.หมายถงึ พระโพธสิ ตั ว เปนผอู นโุ ลมคลอยตามสรรพสัตว แมวาสัตวนั้นๆจักมริ ูจกั และมิไดว อนขอ
大教緣起第三
爾時世尊威光赫奕,如融金聚,又如明鏡,影暢表裏,現大光明數千百變。尊者阿難即自思
惟,今日世尊色身諸根悅豫清淨,光顏巍巍,寶剎莊嚴,從昔以來所未曾見。喜得瞻仰,生希有
心。即從座起,偏袒右肩,長跪合掌,而白佛言:世尊今日入大寂定,住奇特法,住諸佛所住導
師之行,最勝之道。去來現在佛佛相念,為念過去未來諸佛耶?為念現在他方諸佛耶?何故威神
顯耀、光瑞殊妙乃爾,願為宣說。於是世尊,告阿難言:善哉善哉!汝為哀愍利樂諸眾生故,能
問如是微妙之義。汝今斯問,勝於供養一天下阿羅漢、辟支佛,佈施累劫諸天人民、蜎飛蠕動之
類,功德百千萬倍。何以故?當來諸天人民,一切含靈,皆因汝問而得度脫故。阿難,如來以無
盡大悲,矜哀三界,所以出興於世。光闡道教,欲拯羣萌,惠以真實之利,難值難見,如優曇花
,希有出現。汝今所問,多所饒益。阿難當知,如來正覺,其智難量,無有障礙。能於念頃,住
無量億劫。身及諸根,無有增減。所以者何?如來定慧,究暢無極。於一切法,而得最勝自在故
。阿難諦聽,善思念之,吾當為汝,分別解說。
วรรค ๓ เหตุปจ จยั แหง คาํ สอนท่ียง่ิ ใหญ
ในสมัยนั้นแลสมเด็จองคพระโลกนาถเจา ทรงเปลงพระรัศมีโอภาสเรืองรองใหปรากฏ ดุจประทับอยูใน
หมูสุวรรณชาติ ทั้งประดุจคันฉองใสที่สําแดงภาพใหปรากฏอยูภายใน เปลงมหารัศมีสวางไสวนับไดรอยพัน
ประการ พระคุณเจาอานนทไดมีมนสิการวา ในวาระน้ีพระโลกนาถเจาทรงมีพระกายินทรียบริสุทธ์ิงดงาม มี
พระพักตรผองใสย่ิงนัก เกษตรแหงน้ีก็อลังการดวยรัตนชาติ ซึ่งเปนส่ิงที่มิเคยไดประสบมาแตกาลกอน จึงเกิด
ปติปราโมทย เฝามองอยูดวยความเคารพยําเกรง บังเกิดจิตอันหาไดยาก แลวลุกขึ้นจากอาสนะ ลดผาเฉวียง
ทักขิณาอังสา คุกชานุถวายวันทนาแลวกราบทูลวา ขาแตพระโลกนาถเจา ในวารน้ีพระองคทรงเขามหานิโรธ
40
สมาบัติ แลวทรงธํารงในวิหารธรรมอันวิเศษ ธํารงในพระจริยาวัตรสมาจาร แหงความเปนพระผูชี้นําของ
พระพุทธเจาท้ังปวง เปนวิชยมรรคทีป่ ระเสริฐ เปน พทุ ธลักษณานสุ ติของบรรดาสมเดจ็ ประทปี แกว พระสัมพุทธ
องคในกาลอดีต อนาคต และปจจุบัน เพ่ือเปนเครื่องใหระลึกถึงพระพุทธเจา ในกาลอดีตและอนาคตน่ันหรือ
กระไร หรอื เพอ่ื เปนเครื่องระลกึ ถึงพระพทุ ธเจา ทง้ั ปวง ที่ยังประทับอยูแมน ปจจุบนั ทเ่ี บ้ืองทศิ าอืน่ ๆเลา ดว ยเหตุ
ไฉนหนอ จึงทรงแสดงพระพุทธานุภาพเปนรัศมีเรืองรองสวางไสว ฉายแสงอันวิจิตรงดงามเชนนี้ ขอพระองค
โปรดตรัสแสดงดวยเถดิ พระเจา ขา
ในเพลาน้นั สมเด็จพระโลกนาถเจา รับส่ังกับพระอานนทวา สาธๆุ ดวยเหตทุ เ่ี ธอเวทนาสงสาร และจกั ยัง
ประโยชนสุขแกสรรพสัตวท้ังปวง จึงสามารถเอยขอปุจฉาดวยอรรถะอันประเสริฐเชนน้ี การปุจฉาของเธอใน
ครั้งน้ี มีกศุ ลยอดเย่ยี มกวากศุ ลของการถวายสักการบชู าพระอรหนั ตผูข ณี าสวะ และพระปจ เจกพุทธะท้งั ปวงใน
พื้นปฐพีน้ี ท้ังยอดเย่ียมกวาการบริจาคทานแกเทวดา มนุษย สัตวนํ้า สัตวปก สัตวเล้ือยคลาน ที่อาศัยในกัลป
แหงความยากลําบากน้ีนับรอยพันหมื่นเทา ดวยเหตุใดน่ันฤๅ ก็บรรดาหมูเทวดา มนุษย และสัตวผูมีปราณ*๙
ทั้งปวงจักไดห ลุดพนจากสงั สารวฏั เหตุเพราะการปุจฉาของเธอ ดกู อนอานนท พระตถาคตมมี หากรุณาหาที่สุด
มไิ ด เวทนาสงสารสตั วในตรีภมู ิ จงึ อบุ ตั ขิ ้ึนในโลกเพือ่ ยงั มรรคธรรมคําสอนใหรุงเรือง ปรารถนาชวยเหลือเวไนย
ท้งั ปวง เพื่อมอบสขุ ประโยชนท่แี ทจรงิ ยากยงิ่ นกั จกั ไดประสบเจอ อุปมาดัง่ ดอกอุทุมพร*๑๐ ทีจ่ ักบงั เกิดมียาก
ยิ่งนัก ดั่งที่เธอไดปุจฉานี้ยอมจักยังประโยชนเปนอันมาก ดูกอนอานนท เธอพึงทราบเถิดวาพระตถาคตเจาผู
สมั มาสัมพทุ ธะ มปี ญ ญาอันหย่งั วัดไดยาก ปราศสิง่ ใดมากน้ั ขวาง สามารถยงั ใหในขณะเดียวไดดํารงอยใู นอนันต
โกฏิกลั ป* ๑๑ โดยมีกายและอินทรยี ทั้งปวงมิเพิ่มขึ้นแลลดลง ดวยเหตุไฉนฤๅ เพราะสมาธิญาณแหงพระตถาคต
น่ัน มิอาจกลาวแสดงใหหมดสิ้นแมนท่ีสุด ในสรรพธรรมน้ันเลาก็ไดบรรลุถึงความยอดเย่ียมและเปนอิสระแลว
ดกู อ นอานนท เธอพึงสดับแลกระทําโยนโิ สมนสกิ ารเถดิ ตถาคตจักแสดงอรรถาธบิ ายแกเ ธอ
*๙.หมายถึง สิง่ มีชวี ติ มีลมหายใจ
*๑๐.หรือตนมะเด่ือ เปนช่ือตนไมในนิยาย ซ่ึงกลาวกันวาออกผลโดยไมผลิดอก ตอ ๓,๐๐๐ ปจึงจะออก
ดอกคร้ังหนึ่ง มีปรากฏในนิพนธทางพระพุทธศาสนา หมายถึงสิ่งท่ีหายาก นานๆคร้ังจึงจะเกิดข้ึน และเปรียบ
ความหมายกับการปรากฏข้นึ ของพระพทุ ธเจา แตละพระองคว ายากย่งิ นกั
*๑๑.โกฏิ คือ จํานวนนับวา สิบลาน สวน กัลป มีความหมายหลายนัยยะ น้ันคือ ระยะเวลาอันยาวนาน
เหลือเกนิ , วันหนึง่ และคืนหน่ึง ของพรหม, ระยะเวลาทจี่ ักรวาลเกดิ ข้ึนและประลัยครัง้ หน่ึง, การนบั ของฮินดูวา
เทากับ ๔,๓๒๐ ลานป มีอุปมาวาเปรียบเสมือนมีภูเขาศิลาลวนกวาง ยาว สูงดานละ ๑ โยชน (ช่ือมาตราวัด
ระยะทาง เทา กบั ๔ คาวุต หรอื ๔๐๐ เสน) ทกุ ๑๐๐ ป มคี นนาํ ผาเนื้อละเอียดอยา งดี (บางแหงวา เทวดานําผา
ทพิ ย) มาลูบครงั้ หนง่ึ จนกวาภูเขานัน้ จะราบเรยี บเสมอแผน ดนิ
法藏因地第四
佛告阿難:過去無量不可思議無央數劫,有佛出世,名世間自在王如來、應供、等正覺、明
行足、善逝、世間解、無上士、調御丈夫、天人師、佛世尊。在世教授四十二劫,時為諸天及世
人民說經講道。有大國主名世饒王,聞佛說法,歡喜開解,尋發無上真正道意。棄國捐王,行作
沙門,號曰法藏。修菩薩道,高才勇哲,與世超異。信解明記,悉皆第一。又有殊勝行願,及念
慧力,增上其心,堅固不動。修行精進,無能踰者。往詣佛所,頂禮長跪,向佛合掌,即以伽他
讚佛,發廣大願,頌曰:
41
如來微妙色端嚴 一切世間無有等 光明無量照十方 日月火珠皆匿曜
世尊能演一音聲 有情各各隨類解 又能現一妙色身 普使眾生隨類見
願我得佛清淨聲 法音普及無邊界 宣揚戒定精進門 通達甚深微妙法
智慧廣大深如海 內心清淨絕塵勞 超過無邊惡趣門 速到菩提究竟岸
無明貪瞋皆永無 惑盡過亡三昧力 亦如過去無量佛 為彼羣生大導師
能救一切諸世間 生老病死眾苦惱 常行布施及戒忍 精進定慧六波羅
未度有情令得度 已度之者使成佛 假令供養恆沙聖 不如堅勇求正覺
願當安住三摩地 恆放光明照一切 感得廣大清淨居 殊勝莊嚴無等倫
輪迴諸趣眾生類 速生我剎受安樂 常運慈心拔有情 度盡無邊苦眾生
我行決定堅固力 唯佛聖智能證知 縱使身止諸苦中 如是願心永不退
วรรค ๔ เหตภุ ูมิของพระธรรมกรโพธิสัตว
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธองคมีพระบรรหารแกพระคุณเจาอานนทวา ในอดีตภาคลวงไปจํานวนอนันต
อสงไขยกัลปแสนยาวนานหาประมาณมิได มีพระพุทธเจาอุบัติขึ้นในโลก พระนามวา โลเกศวรราช เปนผูเสด็จ
มาแลวอยางนั้น ผูไกลจากกิเลสและควรบูชา ผูตรัสรูเองโดยชอบ ผูสมบูรณดวยวิชชาและจรณะ ผูเสด็จไปดี
แลว ผูรูแจงโลก ผูยอดเยี่ยมหาผูอื่นเสมอมิได ผูฝกบุรุษท่ีควรฝก ผูเปนครูของเทวดาและมนุษยทั้งหลาย ผูต่ืน
แลวและเปนที่พึ่งแหงโลก ประทับแลอยูในโลก เพ่ือประทานคําสอนเปนเวลาส่ีสิบสองกัลป ในครั้งน้ัน ขณะ
ประทานพระเทศนาแกบรรดาเทวนิกรและมนุษยนิกร ยังมีกษัตริยองคหนึ่ง นามวา โลเกศวร เมื่อไดสดับธรรม
ท่ีพระพุทธองคแสดงแลว จึงปติปราโมทยเกิดปญญารูแจง ดําริถึงการประกาศพระอนุตรสัมมาสัมโพธิจิต จึง
สละราชบัลลังก แลวครองเพศเปนสมณะฉายาวา ธรรมกร ไดบําเพ็ญโพธิสตั วมรรคอยู ประกอบดวยสติปญญา
ญาณอันเลิศ มิวาโลกียธรรมฤๅโลกุตรธรรมที่ตางกัน ก็รูแจงถองแทอยางดีเย่ียมท้ังสิ้น อีกยังมีปณิธิจริยาท่ี
ประเสริฐย่ิงนัก มีกําลังแหงปญญารุงเรืองอยูในจิต สถิรมั่นคงมิหวั่นไหว บําเพ็ญพรตจริยาอยูดวยความเพียร
เปนผูมิพายแพปราชัย ไดเขาไปสูสํานักแหงพระพุทธองค กระทําศิราภิวาท คุกเขา ถวายอัญชลีในดานท่ีพระ
พุทธองคป ระทับอยู แลวกลาวสรรเสรญิ พระพทุ ธคณุ และประกาศมหาปณิธานเปนโศลกวา...
“ลักษณะอันประเสรฐิ อลงั การแหงพระตถาคต ในสรรพจักรวาลมอิ าจเทียมเสมอ
พระรัศมจี าํ นวนอนนั ตะสอ งสวา งไปในทศทิศ ดวงสรุ ยิ นั จันทราแลดวงอัคคีตางถกู บดบัง
พระโลกนาถสามารถกลา วซึ่งสาํ เนียงเดียว แตส รรพชีวิตกเ็ ขา ใจตามประเภทของตน
อีกทรงสําแดงเพยี งวรกายท่ีงดงามกายเดียว ก็ยงั ใหสรรพสัตวไ ดยลตามจรติ ของตน
ขา พระองคข อถงึ ซึง่ พระพุทธโฆษะอนั บริสุทธ์ิ ขอใหมีธรรมสาํ เนยี งกองไปในอนนั ตโลก
กลาวแสดงศีล สมาธิและความเพยี ร แทงตลอดซงึ่ คมั ภีรธรรมอนั แยบคาย
มปี ญ ญาญาณไพศาลลมุ ลกึ ดุจมหาสมทุ ร ในหทัยกไ็ รละอองธุลบี ริสุทธส์ิ ้นิ เชิง
กาวพนอบายภมู ทิ ีไ่ รขอบเขต แลวบรรลฝุ ง พระโพธญิ าณอนั เปนทส่ี ดุ อยางรวดเร็ว
ปราศจากอวชิ ชา โลภะ โทสะ อยเู ปน นิตย ดว ยสมาธิพละยังใหก เิ ลสสน้ิ ความผดิ โทษสูญ
กด็ ุจพระพุทธเจาจํานวนอมิตะพระองคในครงั้ อดีต ทท่ี รงเปน คุรุผชู ีน้ าํ หมเู วไนย
สามารถชวยเหลือโลกทง้ั ปวง มชี าติ ชรา อาพาธ มรณะ และปวงทุกข
บําเพ็ญทาน และทรงศลี ขันติ วิรยิ ะ สมาธิ และญาณ รวมเปนหกบารมี
สตั วผยู ังมไิ ดช วยเหลอื ก็ไดรบั การชวยเหลือ ผไู ดชวยเหลอื แลว ก็ยงั ใหบรรลพุ ทุ ธญาณ
42
สมมตวิ าถวายสักการะพระอรยิ ะจํานวนเทา เม็ดทรายแหง คงคา
กม็ ยิ ่ิงใหญหาญเทาการปรารถนาพระโพธญิ าณ
ขอ (ขา พเจา) ไดดาํ รงอยูใ นสมาธิ
เพือ่ ฉายรัศมแี กส รรพสัตวเ ปน นิจกาล
เม่ือ (ขา พเจา) บรรลถุ งึ ความบริสุทธอ์ิ ันไพบูลยแ ลว
ขอจงอลังการแลยอดเยี่ยมไรสิ่งเทยี บเคยี ง
สรรพสัตวในภมู ิตางๆ แหงสงั สารจักร
จงไดมาอุบัติยงั โลกธาตุของขา พระองค เพื่อเสวยสุขโดยเร็ว
ไดบงั เกดิ เมตตาจิตจักอนุเคราะหส ่ําสัตวทั้งปวง
แลว โปรดสรรพสตั วผ มู ีทกุ ขอนั ไรข อบเขตใหหมดสิน้
ดวยกาํ ลงั แหง จริยาท่มี ั่นคงแขง็ แกรงของขาพระองค
มเี พียงปญญาแหง พระพุทธองคเ ทา นนั้ ท่ีสามารถเปน สักขี
แมส งั ขารนี้จะระงบั แลว ซ่งึ ทุกขท ้ังปวง
ก็ขอมปี ณธิ านจติ ท่ีมิเสื่อมถอยอยเู ปนนจิ เชน น้แี ล”
至心精進第五
法藏比丘說此偈已,而白佛言:我今為菩薩道,已發無上正覺之心,取願作佛,悉令如佛。
願佛為我廣宣經法,我當奉持,如法修行,拔諸勤苦生死根本,速成無上正等正覺。欲令我作佛
時,智慧光明,所居國土,教授名字,皆聞十方。諸天人民及蜎蠕類,來生我國,悉作菩薩。我
立是願,都勝無數諸佛國者,寧可得否?世間自在王佛,即為法藏而說經言:譬如大海一人斗量
,經歷劫數尚可窮底。人有至心求道,精進不止,會當尅果,何願不得。汝自思惟,修何方便,
而能成就佛剎莊嚴。如所修行,汝自當知。清淨佛國,汝應自攝。法藏白言:斯義宏深,非我境
界。惟願如來應正徧知,廣演諸佛無量妙剎。若我得聞如是等法,思惟修習,誓滿所願。世間自
在王佛知其高明,志願深廣,即為宣說二百一十億諸佛剎土功德嚴淨、廣大圓滿之相,應其心願
,悉現與之。說是法時,經千億歲。爾時法藏聞佛所說,皆悉覩見,起發無上殊勝之願。於彼天
人善惡,國土麤妙,思惟究竟。便一其心,選擇所欲,結得大願。精勤求索,恭慎保持。修習功
德,滿足五劫。於彼二十一俱胝佛土功德莊嚴之事,明了通達,如一佛剎。所攝佛國,超過於彼
。既攝受已,復詣世自在王如來所,稽首禮足,繞佛三匝,合掌而住,白言世尊:我已成就莊嚴
佛土,清淨之行。佛言:善哉!今正是時,汝應具說,令眾歡喜。亦令大眾,聞是法已,得大善
利。能於佛剎,修習攝受,滿足無量大願。
วรรค ๕ วริ ยิ ะอยา งท่สี ดุ แหง ใจ
ก็แลเมื่อ ธรรมกรภิกษุไดกลาวธรรมโศลกนี้แลว จึงกราบทูลพระผูมีพระภาคโลเกศวรราชวา ขาพระองค
เพ่ือโพธิสัตวมรรค บัดน้ีขอประกาศจิตแหงพระอนุตรสัมมาสัมโพธิ อาศัยปณิธานเพ่ือสําเร็จเปนพระพุทธะด่ัง
พระพุทธองคนี้ ขอพระผูมีพระภาคโปรดแสดงพระธรรมสูตร แกขาพระองคอยางไพบูลยเถิด เพื่อขาพระองค
จักนอ มรบั แลว แลบําเพญ็ จรยิ าตามพระธรรมเชน นี้ เพอ่ื ถอนออกซง่ึ สมุฏฐานแหง สงั สารทกุ ข แลว ไดสําเรจ็ พระ
อนุตรสัมมาสัมโพธอิ ยา งรวดเร็ว ก็เม่อื เพลาที่ขาพระองคก ระทําซึง่ ความเปนพุทธะแลว ขอใหแ สงสวางคือความ
รุงเรืองแหงปญญาญาณดินแดนโลกธาตุ และนามของขาพระองค จงสดับไปทั่วทศทิศ บรรดาเทวดาแลมนุษย
นิกรท้ังปวง และสัตวเล้ือยคลานเปนอาทิ ท่ีไดมาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค จักไดกระทําซึ่งความเปน
โพธิสัตวทั้งส้ิน ขาพระองคไดตั้งปณิธานเหลาน้ี ที่มีความวิเศษไปกวาพุทธเกษตรท้ังปวงจํานวนมิอาจประมาณ
43
จักสําเร็จไดหรือไมหนอพระเจาขา พระโลเกศวรราชอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา จึงตรัสธรรมวจนะแกธรรมกร
ภิกษุวา “อุปมาบุคคลท่ีหมายตวงวัดหวงมหาสาคร เมื่อผานเพลาไปนับกัลป ก็อาจถึงกนมหาสาครน้ันได อีก
บุคคลผูจติ ตัง้ มน่ั ปรารถนาในมรรค แลววริ ยิ ะอยอู ยา งมหิ ยดุ พัก ก็ยอ มบรรลซุ ง่ึ ผลอนั ประสงคไ ด แลวจกั ประสา
ใดกับปณิธานนี้ที่จักมิบรรลุเลา เธอน้ันจักระลึกไดเองวา จักบําเพ็ญอุปายะประการใดที่ยังใหสําเร็จในอลังการ
แหงพุทธเกษตร แลในการบําเพ็ญจริยาท้ังปวงเชนนี้ เธอยอมทราบเองวาพุทธเกษตรจักบริสุทธ์ิได เธอพึง
สําเหนยี กดว ยตนเองเถิด”
ธรรมกรภกิ ษทุ ลู วา “อรรถะน้ีคัมภรี ภาพยิ่งนกั หาใชวสิ ัยที่ขา พระองคจักพงึ ทราบไดเฉพาะตนไม ขอพระ
ตถาคตเจา ผเู ปนอรหนั ตสัมมาสัมพุทธะ ผเู ปน สัพพัญู โปรดแสดงซึ่งเกษตรอันวิเศษจํานวนไมมีประมาณของ
พระพุทธเจาท้ังปวงดวยเถิด ก็เม่ือขาพระองคไดสดับแลวซ่ึงธรรมเหลาน้ี จักไดจําทรงแลวประพฤติบําเพ็ญ ขอ
พระองคยังใหสมปรารถนาดวยเถิดพระเจาขา” พระโลเกศวรราชพุทธเจาทรงทราบวา ธรรมกรภิกษุผูน้ันมี
ปญญาแลอุปนิสัยสูงสง ต้ังมั่นในปณิธานท่ีคัมภีรภาพไพบูลย แลวจึงแสดงลักษณะแหงองคคุณ อลังการ วิศุทธิ
ไพบูลย*๑๒ และความสมบูรณของพุทธเกษตรอื่นๆ จํานวนสองรอยสิบโกฏใิ หปรากฏสมประสงค ก็แลเม่ือครา
ทแี่ สดงธรรมนอ้ี ยู เพลาไดล ว งไปหนงึ่ พนั กลั ป ครั้งนั้นเมอ่ื ธรรมกรภิกษไุ ดส ดับพระพทุ ธศาสนีย กไ็ ดทศั นา (พทุ ธ
เกษตรเหลานั้น) ไปดวย แลวบังเกิดอนุตรปณิธานท่ีประเสริฐย่ิง ในหมูเทวดา มนุษย ความดี ความช่ัว ความ
กระดาง ฤๅความประณีตของโลกธาตุเหลาน้ัน เม่ือตริตรองใครครวญอยางที่สุดแลว จึงเลือกองคคุณที่ตองการ
แลวประกาศเปนมหาปณิธาน กระทําความเพียรมุงม่ัน อยูสํารวมระวังแลธาํ รงไว ทั้งปฏิบัติบําเพญ็ ซึง่ กุศล เมื่อ
ครบหา กัลปจ ึงไดเ ห็นแจง ตลอด (สงเคราะหไว) ซึ่งความดงี ามและความอลงั การของพุทธเกษตรโลกธาตุจํานวน
ย่ีสิบเอ็ดโกฏิ ด่ังวาในพุทธเกษตรแหงเดียวไดรวบรวมไวซึ่งพุทธเกษตรทั้งปวง ทั้งวิเศษลวงไปกวาพุทธเกษตร
เหลานั้น ซ่ึงแมตนเองจักไดสงเคราะหไวแลว ก็ยังมาเฝามูลบาทแหง พระโลเกศวรราชตถาคต กระทําศิราภิวาท
เบอ้ื งพระพทุ ธยคุ ลบาท ประทักษณิ สามรอบ ประนมกรและยนื ขน้ึ ทูลวา “ขา แตพระโลกนาถเจา ขา พระองคไ ด
สําเรจ็ แลวซึง่ อลังการแหงพุทธเกษตร มกี ารดาํ เนนิ ไปท่บี รสิ ทุ ธแิ์ ลวพระเจาขา” พระสคุ ตตรสั วา “สาธๆุ ในกาล
บัดน้ีเธอพึงประกาศใหสมบูรณเถิด เพื่อยังสรรพสัตวใหสุขเกษมแลยังมหาชนผูใดสดับพระธรรมกถาน้ีแลว ได
บรรลุกุศลประโยชนที่ย่ิงใหญ สามารถปฏิบัติบําเพ็ญนอมรับในพุทธเกษตร แลวสมบูรณพรอมซ่ึงมหาปณิธาน
จํานวนประมาณมิไดเ ถิด”
*๑๒.องคคุณ คือคุณสมบัติ, อลังการ คือความยิ่งใหญ, วิศุทธ คือความบริสุทธ์ิ, ไพบูลย คือความ
กวา งขวาง
發大誓願第六
法藏白言:唯願世尊,大慈聽察。我若證得無上菩提,成正覺已,所居佛剎,具足無量不可
思議功德莊嚴。無有地獄、餓鬼、禽獸、蜎飛蠕動之類。所有一切眾生,以及焰摩羅界,三惡道
中,來生我剎,受我法化,悉成阿耨多羅三藐三菩提,不復更墮惡趣。得是願,乃作佛,不得是
願,不取無上正覺。(一、國無惡道願;二、不墮惡趣願;)
วรรค ๖ ประกาศมหาปณธิ าน
ธรรมกรภิกษุ กราบทูลวา “ขอพระโลกนาถเจา โปรดพระเมตตาสดบั ดว ยเถดิ หากขา พระองคไ ดบรรลุถึง
พระอนุตรสัมมาสัมโพธิ ไดตรัสรูแลว ที่ในพุทธเกษตรแหงนั้น ยอมพรอมบริบูรณซึ่งกุศลอลังการเปนอจินไตย
44
หาประมาณมิได ปราศจากนรก เปรต ดิรัจฉาน สัตวปก สัตวเล้ือยคลาน บรรดาสัตวทั้งปวงท่ีในยมโลก และ
อบายภูมิสามเกิด ผูมาเกิดในเกษตรของขาพระองค จักไดรับธรรมานุศาสนจากขาพระองค แลวบรรลุพระ
อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ มิตองสูอบายภูมิอีกท้ังสิ้น ก็เมื่อบรรลุซึ่งปณิธานเชนน้ีแลวไซร จึงจักขอกระทําซึ่ง
ความเปนพุทธะ หากมิบรรลุถึงปณิธานน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ” (ปณิธานขอ-๑.ไรอบายภูมิ ๒.
ไมล วงสอู บายภมู ิ)
我作佛時,十方世界,所有眾生,令生我剎,皆具紫磨真金色身,三十二種大丈夫相。端正
淨潔,悉同一類。若形貌差別,有好醜者,不取正覺。(三、身悉金色願;四、三十二相願;五
、身無差別願;)
เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ สรรพสัตวบรรดามีในทศทิศโลกธาตุ ที่มาอุบัติยังเกษตร
ของขาพระองค จักมีรปู กายดัง่ สุวรรณชมพนู ุชบรสิ ุทธ์ิ ประกอบดวยทวตั ติงสมหาบุรษุ สามสิบสองประการ สงา
งามหมดจด เสมอเหมือนกันท้ังส้ิน หากจักมีรูปลักษณท่ีผิดแผกไป วามีศุภลักษณฤๅอัปลักษณแลวไซร จักมิขอ
ตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๓.รูปกายด่ังทองชมพูนุช ๔.มีมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการ ๕.รูป
กายมติ า งกนั )
我作佛時,所有眾生,生我國者,自知無量劫時宿命所作善惡。皆能洞視徹聽,知十方去來
現在之事。不得是願,不取正覺。(六、宿命通願;七、天眼通願;八、天耳通願;)
เม่ือเพลาที่ขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ หมูสัตวทั้งหลายที่มาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค
ตนเองจกั มีปพุ เพนิวาสานุสสตญิ าณ ปรชี าลว งรกู ศุ ลแลอกุศลทีก่ ระทําแลวในบุพชาติ จํานวนประมาณกัลปมิได
จักแลเห็นและยลยิน เหตุการณทั่วทศทศิ ในกาลอดีต อนาคต และปจจุบนั หากมบิ รรลุถึงปณิธานน้ี จกั มิขอตรัส
รูพระอนตุ รสมั โพธิญาณ (ปณิธานขอ-๖.มีฤทธห์ิ ยงั่ รเู หตกุ ารณใ นอดีต คือปพุ เพนวิ าสานุสสตญิ าณ ๗.มีฤทธิ์ทาง
ตา คอื ทพิ ยจกั ษุ ๘.มีฤทธท์ิ างหู คอื ทพิ ยโสต)
我作佛時,所有眾生,生我國者,皆得他心智通。若不悉知億那由他百千佛剎,眾生心念者
,不取正覺。(九、他心通願;)
เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ หมูสัตวท้ังหลายที่มาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค จัก
เปนผูบรรลุซึ่งเจโตปริยญาณท้ังสิ้น หากมิอาจลวงรูจิตอันระลึกของสัตวทั้งปวงในพุทธเกษตรอื่นๆ จํานวนรอย
พันโกฏินยุตะแลวไซร จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๙.มีฤทธ์ิรูกําหนดใจผูอื่น คือเจโตปริย
ญาณ)
我作佛時,所有眾生,生我國者,皆得神通自在,波羅密多。於一念頃,不能超過億那由他
百千佛剎,周徧巡歷供養諸佛者,不取正覺。(十、神足通願;十一、徧供諸佛願;)
เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ หมูสัตวท้ังหลายที่มาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค จัก
เปน ผบู รรลอุ ิทธพิ ละ และปารมิตาทัง้ ส้นิ ในขณะคราเดยี ว หากมิอาจทอ งเทีย่ วไปในพุทธเกษตรจํานวนเกินกวา
รอยพันโกฏินยุตะ เพื่อถวายสักการะพระอรหัตสัมมาสัมพุทธเจาท้ังปวงน้ันแลวไซร จักมิขอตรัสรูพระอนุตร
สัมโพธญิ าณ (ปณิธานขอ-๑๐.บรรลุอทิ ธิพละ ๑๑.ถวายสกั การะพทุ ธะทัง้ ปวง)
我作佛時,所有眾生,生我國者,遠離分別,諸根寂靜。若不決定成等正覺,證大涅槃者,
不取正覺。(十二、定成正覺願;)
เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ หมูสัตวทั้งหลายที่มาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค ยอม
ไกลจากความแบงแยก อินทรียทั้งปวงสงบรํางับ หากเปนผูมิเที่ยงแทตอพระสัมโพธิแลวจักไดบรรลุมหาปรินิร
45
วาณแลวไซร จกั มขิ อตรัสรพู ระอนุตรสัมโพธญิ าณ (ปณิธานขอ-๑๒.เที่ยงแทต อ การตรัสรู)
我作佛時,光明無量,普照十方,絕勝諸佛,勝于日月之明千萬億倍。若有眾生,見我光明
,照觸其身,莫不安樂,慈心作善,來生我國。若不爾者,不取正覺。(十三、光明無量願;十
四、觸光安樂願;)
เมือ่ เพลาท่ีขา พระองคเ ปนพระสัมมาสมั พุทธะ จกั มีรัศมจี ํานวนประมาณมไิ ด สวางไปในทศิ ทงั้ สิบ รงุ เรือง
กวา พระพุทธเจาทงั้ ปวง สวางกวา รังสีแหงสุริยนั แลจันทรานับพนั หม่ืนโกฏิเทา หากมสี รรพสตั วใดที่ไดพ บรัศมีน้ี
ของขาพระองค และไดสัมผัสยังกายแหงตนแลวไซร จักไดเกษมศานติอยู มีจิตเมตตากระทํากุศลความดี แลว
ไดมาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค หากมิเปนด่ังนี้ จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๑๓.มี
รศั มพี น ประมาณ ๑๔.เมอ่ื ตอ งรศั มีแลวยอมเปนสุข)
我作佛時,壽命無量,國中聲聞天人無數,壽命亦皆無量。假令三千大千世界眾生,悉成緣
覺,於百千劫,悉共計校,若能知其量數者,不取正覺。(十五、壽命無量願;十六、聲聞無數
願;)
เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ จักมีอายุขัยประมาณมิได บรรดาสาวก เทพมนุษยอันนับ
คํานวณมิไดทีใ่ นโลกธาตุของขาพระองค ก็จักมอี ายขุ ยั ประมาณมิไดเชน กัน สมมติวาหมูสตั วใ นตรสี หสั มหาสหัส
โลกธาตุ ลวนแตสําเร็จเปนพระปจเจกโพธิ ในรอยพันกัลปหาก (พระปจเจกโพธิเหลาน้ัน) จักนับคํานวณถึง
ปริมาณ (พระสาวกในสุขาวตี) ทั้งหมดไดถวนแลวไซร จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๑๕.
อายขุ ัยพนประมาณ ๑๖.มสี าวกจํานวนมิถวน)
我作佛時,十方世界,無量剎中,無數諸佛,若不共稱嘆我名,說我功德國土之善者,不取
正覺。(十七、諸佛稱嘆願;)
เม่ือเพลาที่ขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ บรรดาพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาทั้งหลาย จํานวน
ประมาณพระองคมิไดท่ีในอนนั ตเกษตร ในทศทิศโลกธาตุ หากมิทรงสดดุ ีซึ่งนามของขาพระองค มิตรสั ถงึ ความ
ดีงามแหงกุศลโลกธาตุของขาพระองคแลวไซร จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๑๗.ปวงพระ
พทุ ธะลว นสดุด)ี
我作佛時,十方眾生,聞我名號,至心信樂,所有善根,心心回向,願生我國,乃至十念,
若不生者,不取正覺。唯除五逆,誹謗正法。(十八、十念必生願;)
เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ สรรพสัตวในทศทิศ เม่ือไดสดับนามของขาพระองคแลว
จักเกิดศรัทธาโสมนัสเปนที่สุดแหงใจ กุศลมูลบรรดามีก็อุทิศเพ่ือขออุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค จนถึงการ
ระลึก (ภาวนาถึง) สิบวาระ หากมิไดมาอุบัติแลวไซร จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ เวนเสียแตผูกอ
อนันตริยกรรมหา ประการ*๑๓ และผูทาํ ลายพระธรรม (ปณธิ านขอ-๑๘.ระลึกสบิ วาระยอมไดอ บุ ตั แิ นน อน)
*๑๓.กรรมอันรายแรงที่สุดของพระพุทธศาสนา ๕ อยาง คือ ๑)ปตุฆาต ฆาพอ ๒)มาตุฆาต ฆาแม ๓)
อรหันตฆาต ฆาพระอรหันต ๔)สังฆเภท ทําลายสงฆใหแตกกัน ๕)โลหิตุปบาท การทํารายพระพุทธเจาจนหอ
พระโลหิตขึ้นไป และยังมีกรรมอีก ๕ ประการที่รายแรงเทียบเทาอนันตริยกรรม คือ ๑)ประทุษรายหญิงท่ีเปน
พระอรหันต ๒)ฆา พระโพธสิ ตั วท ่ดี ํารงอยูในนติ ยภมู ิ (คือผไู มเส่อื มถอยจากพระโพธิญาณ) ๓)ฆาพระเสขะบุคคล
(พระอรยิ ะบคุ คลอ่นื ๆ ทีย่ ังไมบ รรลุอรหนั ตผล) ๔)ลกั ของสงฆ ๕)ทําลายพระสถปู
我作佛時,十方眾生,聞我名號,發菩提心,修諸功德,奉行六波羅密,堅固不退。復以善
根迴向,願生我國,一心念我,晝夜不斷。臨壽終時,我與諸菩薩眾,迎現其前,經須臾間,即
生我剎,作阿惟越致菩薩。不得是願,不取正覺。(十九、聞名發心願;二十、臨終接引願;)
46
เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ สรรพสัตวในทศทิศ เม่ือไดสดับนามของขาพระองคแลว
จกั บังเกดิ โพธิจิต บาํ เพ็ญกศุ ลท้งั ปวง แลวประพฤติปารมติ าหกประการ เปนผตู ้ังมน่ั มิเส่ือมถอย จักอุทศิ กศุ ลมูล
เพ่ือขอมาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค และดวยการมีเอกจติ ระลึกถงึ ขาพระองคอยูตลอดทิวาราตรี เมื่อครา
ท่ีอายุขยั สน้ิ ลง ขา พระองคและโพธสิ ตั วท้ังปวง จะมาปรากฏยงั เบ้ืองหนา ผูน้ัน ในขณะเดยี วจกั ไปอุบัตยิ ังเกษตร
ของขาพระองคทันที แลวกระทําซึ่งความเปนโพธิสัตวผูไดอภิเษกเปนธรรมราชกุมาร*๑๔ หากมิบรรลุถึง
ปณิธานน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนตุ รสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๑๙.สดับนามแลวยอมเกิดจิตปณิธาน ๒๐.เสด็จมา
รับเมอื่ วายชนม)
*๑๔.คือ ผูเปนธรรมทายาท ผูจักไดอภิเษกเปนธรรมราชา คือพระพุทธเจาในอนาคต มีนัยยะคือพระ
โพธิสัตวผไู มเสอ่ื มถอยจากพระโพธญิ าณ
我作佛時,十方眾生,聞我名號,繫念我國,發菩提心,堅固不退。植眾德本,至心迴向,
欲生極樂,無不遂者。若有宿惡,聞我名字,即自悔過,為道作善,便持經戒,願生我剎,命終
不復更三惡道,即生我國。若不爾者,不取正覺。(二十一、悔過得生願;)
เมอื่ เพลาท่ขี า พระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ สรรพสัตวในทศทิศ เมื่อไดสดับนามของขา พระองคแ ลว มี
จิตพันผูกระลึกอยูซ่ึงโลกธาตุของขาพระองค บังเกิดโพธิจิตตั้งมั่นมิเสื่อมถอยพรอมกับสั่งสมกุศลมูลท้ังปวงไว
แลวอุทิศดวยความเปนที่สุดแหงใจ ปรารถนามาอุบัติยังสุขาวตีโลกธาตแุ ลว ไซร ยอมสมประสงค แมผูมีบาปมา
แตบุพชาติ เม่ือไดสดับนามของขาพระองคแลว จักสํานึกผิดไดเองแลวประกอบการกุศล จักย่ิงสมาทานพระ
สูตรและศีลาจาร เพ่ือปรารถนาอุบัติยังเกษตรของขาพระองค ก็แลเมื่อชีวาส้ินลงจักมิตองสูอบายภูมิสามอีก
แลวไปอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค หากมิเปนด่ังน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๒๑.
สํานึกบาปสูสขุ าวตี)
我作佛時,國無婦女。若有女人,聞我名字,得清淨信,發菩提心,厭患女身,願生我國。
命終即化男子,來我剎土。十方世界諸眾生類,生我國者,皆於七寶池蓮華中化生。若不爾者,
不取正覺。(二十二、國無女人願;二十三、厭女轉男願;二十四、蓮華化生願;)
เม่ือเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ ในโลกธาตุยอมปราศจากอิสตรี*๑๕ หากแมนมีสตรีใด ได
สดับนามของขาพระองค มีศรัทธาบริสุทธ์ิแลวบังเกิดโพธิจิต เบื่อหนายกายแหงสตรี ปรารถนาอุบัติที่โลกธาตุ
ของขาพระองค เม่ือคราชีพดับส้ินยอมปรากฏเปนบุรุษ แลวมายังดินแดนของขาพระองค อันบรรดาสรรพสัตว
ในทิศทั้งสิบ ท่ีมาถืออุบัติในโลกธาตุของขาพระองค ลวนแตกําเนิดโดยปทุมมาศในสัปตรัตนโบกขรณี*๑๖
ท้ังส้ิน หากมิเปนด่ังน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๒๒.ในโลกธาตุไรอิสตรี ๒๓.หนายราง
สตรไี ดก ลายบรุ ุษ ๒๔.อบุ ัตแิ ตด อกปทุมมาลย)
*๑๕.คาํ วา ในสขุ าวตีปราศจากอิสตรี หมายความวา ไรซ่ึงการแบง วา หญงิ หรอื ชาย ไรทวภิ าวะ มีความสม
ตาคอื เทาเทียมกนั
๑๖.หมายถึง สระบวั ที่ประดับดว ยอัญมณี ๗ ประการ คอื ทอง เงิน ไพฑูรย ผลึก บุษราคมั มรกต ทบั ทมิ
我作佛時,十方眾生,聞我名字,歡喜信樂,禮拜歸命。以清淨心,修菩薩行,諸天世人,
莫不致敬。若聞我名,壽終之後,生尊貴家,諸根無缺,常修殊勝梵行。若不爾者,不取正覺。
(二十五、天人禮敬願;二十六、聞名得福願;二十七、修殊勝行願;)
เม่ือเพลาทีข่ า พระองคเปนพระสมั มาสัมพุทธะ สรรพสตั วในทศทิศ เมอ่ื ไดสดับนามของขา พระองคแลว มี
47
ความศรทั ธาปต โิ สมนัสอยู ไดอภิวาทนอ มเปน ท่ีพึ่ง แลวใชวศิ ุทธิจติ นี้ บาํ เพญ็ โพธสิ ตั วจรยิ า*๑๗ จกั เปนทีเ่ คารพ
ของบรรดาเทวบริษัทแลมนุษยนิกรทั้งปวง หากไดสดับนามแหงขาพระองค ยังใหเม่ือคราที่อายุขัยสิ้นแลว จัก
ไปกําเนิดยังตระกูลสูง มีอินทรียทั้งปวงไมบกพรอง ไดประพฤติพรหมจริยาอยูเปนนิจ หากมิเปนด่ังน้ี จักมิขอ
ตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๒๕.เทพแลมนุษยคารวะ ๒๖.สดับพระนามบรรลุวาสนา ๒๗.ได
บาํ เพญ็ มรรคประเสริฐ)
*๑๗.ดว ยใชวิศทุ ธิจติ น้ี บําเพญ็ โพธิสัตวจริยา หมายถึงการนมัสการและยึดพระรตั นตรัยเปน สรณะดว ยจิต
บริสุทธิ์ ถือเปน การกระทาํ ของโพธสิ ัตว (โพธิสตั วจรยิ า) ประการหนึง่
我作佛時,國中無不善名。所有眾生,生我國者,皆同一心,住於定聚。永離熱惱,心得清
涼,所受快樂,猶如漏盡比丘。若起想念,貪計身者,不取正覺。(二十八、國無不善願;二十
九、住正定聚願;三十、樂如漏盡願;三十一、不貪計身願;)
เม่ือเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ ในโลกธาตุยอมปราศช่ือของอกุศล หมูสัตวท้ังปวงท่ีอุบัติ
ในโลกธาตุของขาพระองค จักมีเอกจิตเสมือนกัน คือตั้งอยูในสมาธิ หางไกลจากความทุกขรอน ในจิตชุมเย็น
แชมช่ืนเสวยสุขทั้งปวงอยู อุปมาภกิ ษุผมู ีอาสวะสิน้ แลว หากยงั มีสัญญาคอื การยดึ ม่นั หวงแหนอยใู นกายแลวไซร
จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๒๘.ในโลกธาตุไรสิ่งช่ัว ๒๙.ต้ังมั่นในสมาธิ ๓๐.มีสุขด่ังพระ
ขณี าสวะ ๓๑.มิหวงแหนในกายา)
我作佛時,生我國者,善根無量,皆得金剛那羅延身,堅固之力。身頂皆有光明照耀。成就
一切智慧,獲得無邊辯才。善談諸法秘要,說經行道,語如鐘聲。若不爾者,不取正覺。(三十
二、那羅延身願;三十三、光明慧辯願;三十四、善談法要願;)
เม่ือเพลาทขี่ าพระองคเ ปน พระสมั มาสมั พทุ ธะ สตั วผมู าอุบัติยงั โลกธาตขุ องขา พระองค จกั มีกุศลมูลมิอาจ
ประมาณ ลวนแตบรรลุวัชรนารายณกาย มีพละแข็งแกรง สวนยอดแหงกาย (ศีรษะ) จักมีรัศมีโอภาสสวางไสว
สําเร็จปญญาญาณทั้งปวง ประกอบดวยปฏิภาณที่ไรขอบเขต สามารถอภิปรายอรรถะแหงสรรพธรรมไดอยาง
ช่ําชอง ยามท่ีแสดงธรรมก็มีเสียงไพเราะปานระฆัง หากมิเปนด่ังน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ
(ปณิธานขอ -๓๒.มนี ารายณกาย ๓๓.มีรัศมีปญ ญาและปฏิภาณ ๓๔.แสดงอรรถธรรมไดช ํ่าชอง)
我作佛時,所有眾生,生我國者,究竟必至一生補處。除其本願為眾生故,被弘誓鎧,教化
一切有情,皆發信心,修菩提行,行普賢道。雖生他方世界,永離惡趣。或樂說法,或樂聽法,
或現神足,隨意修習,無不圓滿。若不爾者,不取正覺。(三十五、一生補處願;三十六、教化
隨意願;)
เม่ือเพลาที่ขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพทุ ธะ หมูสัตวท้ังหลายท่ีมาอุบัติยังโลกธาตขุ องขา พระองค ท่ีสุด
แลวจักลุถึงความเปนเอกชาติปฏิพันธ*๑๘ เวนแตผูมีมูลปณิธานเพ่ือสรรพสัตว เพราะมีปณิธานอุกฤษฏไพศาล
หมายจักสง่ั สอนเวไนยนิกรทง้ั ปวง ใหเ กิดจติ ศรทั ธาบําเพญ็ โพธจิ รยิ า และดาํ เนนิ ตามสมนั ตภัทรมรรค*๑๙ แมน
จักไปถืออบุ ตั ยิ ังโลกธาตุอืน่ ๆ กจ็ กั ไกลจากอบายภมู ิอยเู ปน นิจ บางเปน ผชู อบกลา วธรรม บา งเปน ผูชอบฟง ธรรม
บางเปนผูมีอภิญญา ตามแตที่ปฏิบัติบําเพ็ญมาอันลวนแตสมบูรณ หากมิเปนดั่งน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนุตร
สัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๓๕.ขอ งดวยการเกิดอกี ชาตเิ ดยี ว ๓๖.สงั่ สอนสตั วไดด ัง่ ใจ)
*๑๘.โพธิสัตวที่เกี่ยวเนื่องกับการเกิดอีกเพียงชาติเดียว ก็จักไดตรัสรูพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เปน
พระพทุ ธเจา
*๑๙.สมันตภัทรจริยา คือ จริยาวัตรของพระสมันตภัทรโพธิสัตว ในพระสูตรฝายมหายานกลาววา พระ
48
สมันตภัทรโพธิสัตวไดประกาศปณิธานท่ีจะชวยเหลือสรรพสัตวไวจํานวนมากมิอาจประมาณ แตมีมหาปณิธาน
๑๐ ขอท่ีโพธิสัตวท้ังหลายดําเนนิ ตามดังน้ี คือ ๑.จักอภิวาทนอบนอมพระพุทธเจาทั้งปวง (กุศลทางกาย) ๒.จัก
สรรเสริญพระตถาคตไปตลอดจนส้ินกัลปท้ังหลาย โดยใชวาจาและภาษาท่ีไพเราะงดงามท่ีสุด (กุศลทางวาจา)
๓.จักถวายสักการะพระพุทธเจาท้ังปวง ดวยของที่เปนทิพยและประณีตท่ีสุด มีปริมาณมากเทากับภูเขาสุเมรุ
(กุศลทางกาย) ๔.ขอสํานึกผิดในอดีตและขมากรรมนั้น โดยจักแกไขและไมยอนไปทําอีก (กุศลทางใจ) ๕.ขอ
อนุโมทนากับกุศลท่ียิ่งใหญของพระอริยเจา และแมแตกุศลเพียงเล็กนอยของสัตวท้ังปวง ดวยความไมริษยา
(กุศลทางใจ) ๖.ขออาราธนาพระพุทธเจาท้ังปวง ใหหมุนเคล่ือนพระสัทธรรมจักร (คือเมื่อตรัสรูโพธิญาณแลว
มหาบุรุษจักพิจารณาหมูสัตว แลวเห็นวาพระธรรมน้ันลึกซ้ึงมาก จึงทอพระทัยในการสอนสัตวโลก พระสมันต
ภัทรจึงอาราธนาใหโปรดสัตวยังประโยชนแกโลก) ๗.ขออาราธนาใหพระพุทธเจาทรงดํารงพระชนมอยูโลก ๘.
ขอศกึ ษาตามพระธรรมคําสอนของพระพุทธเจา ๙.ขออนโุ ลมตามความตองการของสรรพสตั ว ๑๐.ขออทุ ิศกุศล
ทง้ั ปวงแกสรรพสตั วแ ละโพธญิ าณจนหมดสิ้น
我作佛時,生我國者,所須飲食、衣服、種種供具,隨意即至,無不滿願。十方諸佛,應念
受其供養。若不爾者,不取正覺。(三十七、衣食自至願;三十八、應念受供願;)
เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ สัตวผูมาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค จักไดบรรลุถึง
อาหารเครื่องด่ืม อาภรณแ ละสง่ิ ของนานปั การสมด่ังปรารถนา อนั พระอรหันตสัมมาสมั พุทธเจาในทิศทงั้ สิบ จัก
ทรงพิจารณาและรับเครื่องสักการะน้ัน หากมิเปนดั่งน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๓๗.
อาภรณเ คร่ืองบรโิ ภคเกิดข้ึนเอง ๓๘.ทรงพิจารณาและรับสักการะ)
我作佛時,國中萬物,嚴淨光麗,形色殊特,窮微極妙,無能稱量。其諸眾生,雖具天眼,
有能辨其形色、光相、名數,及總宣說者,不取正覺。(三十九、莊嚴無盡願;)
เม่ือเพลาที่ขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ สรรพสิ่งในโลกธาตุจักอลังการ บริสุทธิ์ ผองใส งดงาม มี
รูปลักษณวิจิตรบรรจง ประณีตพิสดารอยางที่สุด มิอาจพรรณนาใหส้ินได หมูสัตวเหลานั้น แมนจักสมบูรณซึ่ง
ทิพยจักษุก็ตาม หากจักกลาวแสดงถึงรูปลักษณ วรรณะ และช่ือสิ่งของเหลาน้ันไดถวนแลวไซร จักมิขอตรัสรู
พระอนุตรสมั โพธญิ าณ (ปณธิ านขอ -๓๙.อลังการมสิ ิ้นสดุ )
我作佛時,國中無量色樹,高或百千由旬。道場樹高,四百萬里。諸菩薩中,雖有善根劣者
,亦能了知。欲見諸佛淨國莊嚴,悉於寶樹間見,猶如明鏡,睹其面像。若不爾者,不取正覺。
(四十、無量色樹願;四十一、樹現佛剎願;)
เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ วรรณรุกขชาติจํานวนมิอาจประมาณในโลกธาตุ จักมี
ความสูงใหญนับรอยพันโยชน ลานรุกขชาตินั้นเลาก็มีความสูงสี่รอยหมื่นล้ี ในหมูโพธิสัตวทั้งปวงแมนจักมี
อินทรยี แ กออ นตางกนั กส็ ามารถลวงรไู ด กลาวคือหากปรารถนาจกั ทศั นาวิศุทธิเกษตรอลังการของพระพุทธเจา
ท้ังปวง ก็จักเห็นไดท่ีหวางรัตนพฤกษ เสมือนหน่ึงคันฉองใสที่มีภาพปรากฏเบื้องหนา หากมิเปนดั่งนี้ จักมิขอ
ตรสั รพู ระอนตุ รสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ๔๐.วรรณรกุ ขชาตพิ น ประมาณ ๔๑.ปรากฏพทุ ธเกษตรทีพ่ ฤกษา)
我作佛時,所居佛剎,廣博嚴淨,光瑩如鏡,徹照十方無量無數不可思議諸佛世界。眾生覩
者,生希有心。若不爾者,不取正覺。(四十二、徹照十方願;)
เม่ือเพลาที่ขาพระองคเปนพระสมั มาสัมพทุ ธะ ในพุทธเกษตรแหงนั้นยอมมีความกวางใหญไ พศาล กับท้ัง
อลังการและบริสุทธิ์ สวางใสดุจแกวกระจก ทอแสงระยับไปในโลกธาตุของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาทั้งสิบ
49
ทิศ จํานวนอมิตะและอสงไขยเกินวิสัยจะคาดคดิ เอาได สรรพสัตวผูไดประสบแลว จักเกิดจิตอันหาไดยาก หาก
มเิ ปน ดั่งน้ี จกั มขิ อตรสั รูพระอนุตรสัมโพธญิ าณ (ปณิธานขอ-๔๒.ทอแสงประกายยังทศทิศ)
我作佛時,下從地際,上至虛空,宮殿樓觀,池流華樹,國土所有一切萬物,皆以無量寶香
合成。其香普熏十方世界。眾生聞者,皆修佛行。若不爾者,不取正覺。(四十三、寶香普熏願
;)
เม่ือเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ เบ้ืองลางนับแตปฐพีดลข้ึนมา เบื้องบนจนถึงอวกาศ
ปราสาท มณเฑยี รสถาน หอทศั นา สระโบกขรณี มาลีแลรตั นพฤกษ สรรพสง่ิ ทั้งปวงทใี่ นโลกธาตุ ลว นสาํ เร็จข้ึน
ดวยอัญมณีรัตนชาติ และเคร่ืองหอมจํานวนมหาศาลมิอาจประมาณ เคร่ืองหอมน้ันยังกรุนกล่ินสุรภีโชยไปใน
ทศทิศโลกธาตุ สรรพสัตวผูไดสูดดมแลวจักบําเพ็ญพุทธจริยาหากมิเปนด่ังนี้ จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิ
ญาณ (ปณิธานขอ -๔๓.รตั นะและสุคนั ธากําจายไป)
我作佛時,十方佛剎諸菩薩眾,聞我名已,皆悉逮得清淨、解脫、普等三昧,諸深總持。住
三摩地,至於成佛。定中常供無量無邊一切諸佛,不失定意。若不爾者,不取正覺。(四十四、
普等三昧願;四十五、定中供佛願;)
เม่ือเพลาที่ขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ คณะโพธิสัตวทั้งหลายแหงพุทธเกษตรในทิศทั้งสิบ เม่ือได
สดับนามขาพระองคแ ลว จักบรรลุถงึ วศิ ุทธิ วิโมกษ สมนั ตนคุ ตสมาธิ และธารณที ่ีคมั ภีรภาพทั้งปวง จักตง้ั อยูใน
สมาบัติไปจนสําเร็จเปนพระสัมมาสัมพุทธเจา ในสมาธิภาวะนั้นจักไดถวายสักการะพระพุทธเจา จํานวน
ประมาณพระองคมิได หาขอบเขตสิ้นสุดมิได โดยจักมิกระทบตอสมาธิจิต หากมิเปนดั่งนี้ จักมิขอตรัสรูพระ
อนุตรสัมโพธิญาณ (ปณธิ านขอ-๔๔.สําเรจ็ สมาธิ ๔๕.ถวายพทุ ธบูชาในสมาธิ)
我作佛時,他方世界諸菩薩眾,聞我名者,證離生法,獲陀羅尼。清淨歡喜,得平等住。修
菩薩行,具足德本。應時不獲一二三忍,於諸佛法,不能現證不退轉者,不取正覺。(四十六、
獲陀羅尼願;四十七、聞名得忍願;四十八、現證不退願。)
เม่ือเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ หมูโพธิสัตวท้ังหลายในโลกธาตุอื่นๆ ที่ไดสดับนามของขา
พระองค จักบรรลุถงึ ธรรมทไี่ กลจากชาติ (การเกิด) ไดรับธารณีบริสุทธ์ิและปติเกษมอยลู ุถึงสมตาภาวะ บําเพ็ญ
โพธิสัตวจริยา สมบูรณซ่ึงกุศลพีชะ เม่ือกาลท่ีเหมาะควรหากมิไดบรรลุธรรมกษานติ*๒๐ ประการท่ี๑ ประการ
ท๒่ี ประการท๓ี่ และมิอาจบรรลถุ งึ ความไมเ ส่ือมถอยยอ นกลับในธรรมแหงพระพทุ ธเจาท้ังปวงแลวไซร จกั มขิ อ
ตรสั รูพ ระอนุตรสมั โพธญิ าณ (ปณิธานขอ -๔๖.ไดบรรลุธารณี ๔๗.สดับนามแลว บรรลุธรรมกษานติ ๔๘.บรรลุถึง
ความมิเส่อื มถอย)
*๒๐ ติสฺร: กฺษานฺติ ความอดทน ๓ คือ ๑)โฆษานุคต ธรฺม กฺษานฺติ ความอดทนตอเสียงดังตางๆ โดย
พิจารณาวาเปนของไมเที่ยงแทถาวร ๒)อนุโลมิกี ธรฺมกฺษานฺติ ความอดทนที่จะปฏิบัติอนุโลมตามธรรม ๓)
อนตุ ฺปตตฺ ิก ธรฺม กษฺ านฺติ ความอดทนปลงใจเชือ่ ในธรรมท่ไี มเกิดอกี ตอ ไป
必成正覺第七 斯願不滿足 誓不成等覺
佛告阿難:爾時法藏比丘說此願已,以偈頌曰: 令彼諸羣生 長夜無憂惱
我建超世志 必至無上道 我若成正覺 立名無量壽
復為大施主 普濟諸窮苦 如佛金色身 妙相悉圓滿
出生眾善根 成就菩提果 離欲深正念 淨慧修梵行
眾生聞此號 俱來我剎中 消除三垢冥 明濟眾厄難
亦以大悲心 利益諸羣品 開彼智慧眼 獲得光明身
願我智慧光 普照十方剎
悉捨三途苦 滅諸煩惱暗
50
閉塞諸惡道 通達善趣門 為眾開法藏 廣施功德寶
如佛無礙智 所行慈愍行 常作天人師 得為三界雄
說法獅子吼 廣度諸有情 圓滿昔所願 一切皆成佛
斯願若尅果 大千應感動 虛空諸天神 當雨珍妙華
佛告阿難:法藏比丘說此頌已,應時普地六種震動。天雨妙華,以散其上。自然音樂空中讚
言,決定必成無上正覺。
วรรค ๗ จักสาํ เร็จพระสัมโพธิเปนท่แี นน อน
พระผูมีพระภาครับส่ังกับพระอานนทวา ในสมัยน้ันเม่ือธรรมกรภิกษุ กลาวปณิธานนี้จบแลว จึงกลาว
โศลกวา…”ขาพระองคไดต้ังความปรารถนาท่ีลวงโลกียะ อันยังใหสําเร็จถึงพระอนุตรมรรค หากปณิธานยังมิ
สมบูรณแลวไซร จักมิสําเร็จพระสัมโพธิญาณ จักขอเปนมหาทานบดี อนุเคราะหผูยากไรทั้งปวง จักยังใหเวไนย
นิกร ในราตรีท่ียาวนานมิตองทุกขโศก*๒๑ ยังกุศลมูลท้ังปวงใหเกิดมีขึ้น แลวสําเร็จซึ่งโพธิผล หากขาพระองค
ไดสําเร็จพระสัมโพธิ จักมีนามวา อมิตายุสะ หมูสัตวผูไดสดบั นามนี้ จักไดมายังเกษตรของขาพระองคทั้งส้ิน (มี
กาย) ดจุ สุวรรณกายของพระพทุ ธองค ทม่ี ีลกั ษณะวิเศษบรบิ รู ณ ประกอบดว ยจิตมหากรุณา ยังหติ ประโยชนแก
เวไนยชน ไกลจากราคะและแยบคายในสัมมาระลึก มีพระปญญาวิศุทธ์ิและประพฤติพรหมจรรย ขอปญญา
ญาณอันรุงเรืองของขาพระองค สวางไปในเกษตรท่ัวทศทิศ กําจัดความมืดของมลทินสาม*๒๒ ชวยใหพนจาก
ภยันตรายทั้งปวง ใหอุเบกขาในทุกขของอบายสาม*๒๓ แลวยังความมืดมนแหงสรรพกิเลสใหดับ เปดออกซ่ึง
ปญญาญาณจักษุ แลวเสวยกายอันรุงเรือง ปดกั้นมวลอกุศลมรรค แลวแทงตลอดซึ่งกุศลทวาร เพ่ือหมูสัตวจึง
เปดออกซ่ึงธรรมคลัง นํากุศลรัตนะบริจาคเปนทานใหญ ประดุจพระญาณอันไรเคร่ืองกีดกั้นของพระพุทธองค
ทดี่ าํ เนนิ ดวยเมตตาจรยิ า ทรงเปน ศาสดาของเทวดาแลมนษุ ย บรรลคุ วามเปน นรเศรษฐในตรภี พ แสดงธรรมดุจ
บันลือสิงหนาท แลวฉุดชวยเวไนยสัตวไดอยางไพบูลย (หากจัก) สมบูรณซึ่งปณิธานเมื่อกาลกอน สรรพสัตวทั้ง
ปวงจักไดสําเร็จพุทธ หากแมนปณิธานน้ีจักสัมฤทธิ์ผล ขอมหาสหัสโลกธาตุจงส่ันคลอน เทพเจาเบื้องอัมพร
สถาน จงโปรยทิพยมาลีมาดุจพรรษสายเถิด” พระผูมีพระภาคตรัสแกพระอานนทวา เมื่อธรรมกรภิกษุกลาว
โศลกนี้ส้ินลง ในเพลา น้ันพื้นมหาปฐพีดลก็สั่นไหวหกลักษณะ*๒๔ ทิพยมาลีโปรยลงมาดุจสายฝน เกลี่ยอยูท่ัว
(ธรรมสภา) แหงน้ัน แลวบังเกิดเสียงดนตรีสวรรคอุโฆษกองในอากาศ เปนเสียงสรรเสริญวา “ทานจักไดตรัสรู
พระอนุตรสมั มาสมั โพธิญาณเปน แนแ ทๆ ”
*๒๑.ประโยคน้ีเปรียบไดวา สังสารวัฏนี้คือยามคํ่าคืนท่ีมืดมิด จะมีก็แตแสงสวางแหงดวงจันทร คือพระ
พทุ ธธรรมท่ีสองแสงนําทาง
*๒๒.คือ อาสวะ ๓ มี ๑)กามาสวะ อาสวะเปนเหตุอยากได ๒)ภวาสวะ อาสวะเปนเหตุอยากเปน ๓)
อวิชชาสวะ อาสวะคือความเขลา หรอื อาจแปลวา เปน อกศุ ลมลู ๓ คอื ๑)โลภะ ๒)โทสะ ๓) โมหะ
*๒๓.คอื สถานที่หาความเจรญิ ไมไ ด มี ๑)นรก ๒)เปรต ๓) เดรัจฉาน
*๒๔.ษฑฺ ภูมิกมฺปการา: แผนดินไหว ๖ ลักษณะ มี ๑)ทิศตะวันออกจม ตะวันตกนูน ๒)ทิศตะวันตกจม
ตะวันออกนูน ๓)ทิศใตจม เหนือนูน ๔)ทิศเหนือจม ใตนูน ๕)รอบๆจม กลางนูน ๖)กลางจม รอบๆนูน โดยนัย
ยะ หมายถงึ มลู อวชิ ชา (ความไมร แู จง) ถกู แทนที่ดวยโพธ (ิความรแู จง) และทําอายตนะ ๖ ใหบ ริสุทธิ์
積功累德第八
阿難,法藏比丘於世自在王如來前,及諸天人大眾之中,發斯弘誓願已,住真實慧,勇猛精
51
進,一向專志莊嚴妙土。所修佛國,開廓廣大,超勝獨妙,建立常然,無衰無變。於無量劫,積
植德行。不起貪瞋痴欲諸想,不著色聲香味觸法。但樂憶念過去諸佛,所修善根。行寂靜行,遠
離虛妄。依真諦門,植眾德本。不計眾苦,少欲知足。專求白法,惠利羣生。志願無倦,忍力成
就。於諸有情,常懷慈忍。和顏愛語,勸諭策進。恭敬三寶,奉事師長。無有虛偽諂曲之心。莊
嚴眾行,軌範具足。觀法如化,三昧常寂。善護口業,不譏他過。善護身業,不失律儀。善護意
業,清淨無染。所有國城、聚落、眷屬、珍寶,都無所著。恆以布施、持戒、忍辱、精進、禪定
、智慧,六度之行,教化安立眾生,住於無上真正之道。由成如是諸善根故,所生之處,無量寶
藏,自然發應。或為長者居士、豪姓尊貴,或為剎利國王、轉輪聖帝,或為六欲天主,乃至梵王
。於諸佛所,尊重供養,未曾間斷。如是功德,說不能盡。身口常出無量妙香,猶如栴檀、優鉢
羅華,其香普熏無量世界。隨所生處,色相端嚴,三十二相、八十種好,悉皆具足。手中常出無
盡之寶,莊嚴之具,一切所須,最上之物,利樂有情。由是因緣,能令無量眾生,皆發阿耨多羅
三藐三菩提心。
วรรค ๘ ส่ังสมบุญสมภาร
ดูกอนอานนท เม่อื ธรรมกรภิกษไุ ดประกาศปณิธานนี้ ตอ พระพักตรแ หงพระโลเกศวรราชตถาคตเจา และ
ทามกลางมหาชน อนั มเี ทวบริษทั และมนุษยนกิ รท้ังปวงแลว จึงต้ังอยใู นสตั ยปญ ญาอนั จริงแท มีความแกลว กลา
พากเพียร มุงมั่นตอทิพยเกษตรท่ีอลังการ บําเพ็ญในพุทธเกษตรที่มีความกวางใหญไพศาล วิเศษยอดเยี่ยมกวา
(พุทธเกษตร) ทั้งปวง อันสถาปนาต้ังอยูแลวเปนนิตยะ ปราศจากความทุกขและมิแปรผัน เมื่อผานเพลาไปหา
ประมาณกัลปมิได (ธรรมกรภิกษุ) ไดสั่งสมกุศลมลู จริยาไว มิเกิดโลภะ โทสะ โมหะ ตัณหา แลสัญญาท้ังปวง มิ
ยดึ ม่นั ในรูป เสยี ง กลิ่น รส ผสั สะ และธรรมารมณ แตย ินดรี ะลกึ ถึงการบาํ เพญ็ กศุ ลมูลของพระอรหันตสมั มาสมั
พุทธเจาท้ังปวงเมื่อกาลอดีต ดําเนินในสมถจริยา ไกลจากสิ่งมายา อาศัยสัตยภาวะส่ังสมปวงกุศลมูล ไรเลหกล
ในส่ิงช่ัวรายทั้งปวง เปนผูมักนอยรูจักประมาณ ปรารถนาธรรมฝายขาว เปนผูเอื้อเฟอส่ําสัตวทั้งปวง มีปณิธาน
มงุ ม่ันมิหนายแหนง สาํ เรจ็ ซง่ึ กาํ ลังแหง ขนั ติ
สําหรับหมูสรรพชีวิตนั่นเลา (ธรรมกรภิกษุ) ก็มีเมตตาการุญและขนั ติเปนนิจ มีสีหนาออนโยนและเจรจา
ไพเราะ ขยันหมั่นเพียร นอบนอมตอพระรัตนตรัย เปนผูเอาภาระบํารุงอาจารย ปราศจากจิตตลบตะแลง
งดงามในจริยาวัตรทั้งปวง สมบูรณในระเบียบจรรยา กับท้ังเปนผูพิจารณาธรรมวาดุจมายา มีสมาธิสงบเปนนิจ
เปนผูรักษาการวจีกรรมเปนอยางดี คือมิเยยหยันความผิดผูอ่ืน เปนผูรักษากายกรรมเปนอยางดี คือมีอิริยาบถ
อนั ไมวิบตั *ิ ๒๕ เปนผูร กั ษามโนกรรมเปนอยา งดี คอื บรสิ ุทธิ์ไรอาสวะแปดเปอน อนั ธานีมหานคร ชุมชน ตระกลู
รัตนะมคี าก็มิหมายมั่นเอาไว เปน ผูประพฤตปิ ารมิตาหก มที าน ศีล ขันติ วริ ิยะ ฌาน ปญญา แลสั่งสอนใหสรรพ
สัตวตั้งอยูในอนุตรสัตยมรรค เหตุท่ีสําเร็จซึ่งกศุ ลมลู เชนนี้ ทุกสถานที่ (ธรรมกรภิกษุ) ถือกําเนิด จึงมีคลังรัตนะ
จํานวนประมาณมไิ ดอ ุบัตขิ นึ้ เอง บา งไปถือกาํ เนิดเปนคหบดฤี ๅบัณฑิตในตระกูลสูงและม่ังคงั่ บางถอื กาํ เนิดเปน
กษัตริย พระราชา พระเจาจักรพรรดิ บางไปกําเนิดเปนเทวาธิราชแหงปรนิมมิตสวัตตีเทวโลกจนถึงเปนพรหม
ราช ไดถวายสักการะอยางย่ิงยวดตอพระพุทธเจาท้ังปวงมิเคยขาดส้ิน ด่ังกุศลที่จักพรรณนาไดมิส้ินนี้ กายแล
วาจาจึงมีกลน่ิ หอมประหลาดจํานวนประมาณมไิ ดอยูเนอื งนิตย อปุ มาแกนจนั ทนและดอกอุบล อนั กลิ่นหอมนั้น
ก็โชยไปในโลกธาตุไมมีประมาณ ทุกสถานที่ถือกําเนิดยอมเปนผูมีรูปลักษณสงางาม มหาบุรุษลักษณะสามสิบ
สองประการ อนุพยัญชนะวเิ ศษแปดสบิ ประการก็ลว นแตสมบูรณ ในฝา หัตถน ัน้ เลาก็บังเกดิ รัตนะส่ิงมคี า จํานวน
ประมาณมิไดอยูเนืองนิตย บังเกิดเคร่ืองประดับอลังการแลเคร่ืองใชจําเปนท่ีดีเลิศทั้งปวง เพ่ือยังหิตประโยชน
52
แกสรรพชีวิต ดวยเหตุปจจัยเชนนี้ จึงสามารถยังใหสรรพสัตวไมมีประมาณ บังเกิดพระอนุตรสัมมาสัมโพธิจิต
อนั ประเสรฐิ ไดท้ังสน้ิ แล
*๒๕.คอื ไมผดิ ศีล
圓滿成就第九
佛告阿難:法藏比丘,修菩薩行,積功累德,無量無邊。於一切法,而得自在。非是語言分
別之所能知。所發誓願圓滿成就,如實安住,具足莊嚴、威德廣大、清淨佛土。阿難聞佛所說,
白世尊言:法藏菩薩成菩提者,為是過去佛耶?未來佛耶?為今現在他方世界耶?世尊告言:彼
佛如來,來無所來,去無所去,無生無滅,非過現未來。但以酬願度生,現在西方,去閻浮提百
千俱胝那由他佛剎,有世界名曰極樂。法藏成佛,號阿彌陀。成佛以來,於今十劫。今現在說法
。有無量無數菩薩聲聞之眾,恭敬圍繞。
วรรค ๙ สาํ เรจ็ โดยสมบรู ณ
รับส่ังกับพระอานนทวา “ธรรมกรภิกษุนี้ไดบําเพ็ญโพธิสัตวจริยา ส่ังสมกุศลสมภารจํานวนอเนกอนันต
จึงบรรลุอิสระในสรรพธรรมท้ังปวง อันหาใชรูแจงจากคํากลาวท่ีตางกันไม ปณิธานท้ังปวงที่ประกาศไวลวน
สําเร็จบริบูรณ ไดธํารงไวแลวอยางแทจริง*๒๖ มีความสมบูรณอลังการ มีเดชานุภาพไพศาล และมีพุทธเกษตร
ท่ีบริสุทธ์ิย่ิงนัก” เมื่อพระคุณเจาอานนทไดสดับเชนน้ี จึงทูลวา “ธรรมกรโพธิสัตวน้ีไดสําเร็จพระโพธิญาณเปน
พระพุทธเจาในอดีต ฤๅเปนพระพุทธเจาในอนาคต ฤๅเปนพระพุทธเจาในโลกธาตุอื่นในกาลปจจุบัน เลาหนอ
พระเจา ขา” ตรสั วา “อนั พระพทุ ธตถาคตเจา พระองคนัน้ มกี ารมาท่ีไรซ ่ึงการมา แลการไปก็ปราศจากซ่งึ การไป
มิเกิดแลมิดับ อันหาใชภาคเบ้ืองอดีตปจจุบันฤๅอนาคตไม แตมีปณิธานจักอนุเคราะหหมูสัตว ในกาลน้ีไปทาง
ประจมิ ทศิ ผา นชมพูทวปี แหง พุทธเกษตรอน่ื ๆ จาํ นวนรอ ยพันโกฏินยตุ ะ ยังมโี ลกธาตแุ หง หนึ่งชือ่ สุขาวตี ธรรม
กร (โพธิสัตว) ไดตรัสรูเปนพระอรหนั ตสัมมาสัมพุทธะ ผูตรัสรูชอบดวยพระองคเอง พระนามวา อมิตายุสะ นับ
แตที่ทรงปรมาภิเษกซึ่งพระอภิสัมโพธิจนถึงปจจุบัน เปนเพลาไดสิบกัลป ในกาลบัดน้ีก็ยังทรงแสดงพระธรรม
เทศนาอยู แวดลอมไปดวยคณะโพธิสัตวและพระสาวก จํานวนอมิตะคือประมาณมิได จํานวนอสงไขยคือนับ
ไมได
*๒๖.คอื การไดเขา ถึงและบรรลสุ จั ธรรมอยา งแทจรงิ
皆願作佛第十
佛說阿彌陀佛為菩薩求得是願時,阿闍王子,與五百大長者,聞之皆大歡喜,各持一金華蓋
,俱到佛前作禮。以華蓋上佛已,卻坐一面聽經,心中願言:令我等作佛時,皆如阿彌陀佛。佛
即知之,告諸比丘:是王子等,後當作佛。彼於前世住菩薩道,無數劫來,供養四百億佛。迦葉
佛時,彼等為我弟子,今供養我,復相值也。時諸比丘聞佛言者,莫不代之歡喜。
วรรค ๑๐ ลวนแตป รารถนาพุทธภูมิ
เมื่อสมัยท่ีตรัสถึงการบรรลุปณิธานของพระอมิตายุสพุทธเจา เม่ือคร้ังเสวยพระชาติเปนโพธิสัตวอยูนั้น
อชาตศตั รูราชกมุ ารพรอมมหาคฤหบดีจาํ นวนหารอ ย เมอื่ ไดสดับแลว จงึ เกดิ ปตโิ สมนสั ย่ิงนกั ตา งถอื เอาฉัตรบุป
ผาทองคํามาเฝาพระพุทธองค แลวกระทําอภิวาท เมื่อนําฉัตรบุปผาน้ันก้ันบนพระพุทธองคแลว จึงนั่งลงขาง
หนึ่งเพื่อสดับพระเทศนา ในดวงจิตมีปณิธานวา “ขอใหขาพเจาท้ังหลาย เมื่อไดกระทําซึ่งความเปนพระพุทธะ
จงประดุจพระอมิตายุสพุทธองคเทอญ” สมเด็จพระพุทธศากยมุนีทรงทราบดวยพระญาณแลว จึงรับสั่งกับหมู
ภิกษวุ า “อนั ราชบุตรน้เี ปน ตน ในอนาคตจักไดกระทําซง่ึ ความเปนพระพุทธะ ดวยในบุพชาตกิ อ นๆ เธอไดดํารง
53
อยูในโพธิสัตวมรรคเปนเวลาอสงไขยกัลปมาแลว ไดบูชาพระพุทธเจาจํานวนส่ีรอยโกฏิพระองค เมื่อพุทธสมัย
แหงพระผูมีพระภาคกัสสปะ เธอทั้งหลายไดเปนศิษยของเรา บัดนี้จึงไดมาสักการะเราอีกคร้ังหน่ึง เพลานั้น
บรรดาภกิ ษผุ ูไ ดส ดบั พระพุทธดํารัส จกั หาผมู ิเกดิ ปต โิ สมนสั เหน็ บม เี ลย”
國界嚴淨第十一
佛語阿難:彼極樂界,無量功德,具足莊嚴。永無眾苦、諸難、惡趣、魔惱之名。亦無四時
、寒暑、雨冥之異。復無大小江海、丘陵坑坎、荊棘沙礫,鐵圍、須彌、土石等山。唯以自然七
寶,黃金為地。寬廣平正,不可限極。微妙奇麗,清淨莊嚴,超踰十方一切世界。阿難聞已,白
世尊言:若彼國土無須彌山,其四天王天,及忉利天,依何而住?佛告阿難:夜摩、兜率,乃至
色無色界,一切諸天,依何而住?阿難白言:不可思議業力所致。佛語阿難:不思議業,汝可知
耶?汝身果報,不可思議;眾生業報,亦不可思議;眾生善根,不可思議;諸佛聖力,諸佛世界
,亦不可思議。其國眾生,功德善力,住行業地,及佛神力,故能爾耳。阿難白言:業因果報,
不可思議。我於此法,實無所惑。但為將來眾生破除疑網,故發斯問。
วรรค ๑๑ โลกธาตุวศิ ทุ ธิอลงั การ
ตรัสกับพระอานนทวา “อนั สขุ าวตีโลกธาตแุ หงน้นั ประกอบดว ยความดงี ามไมมีประมาณ สมบูรณพรอม
ซ่ึงความอลังการ อีกปราศจากนามของความทุกข ภยันตราย อบายภูมิ และมารเบียดเบียน ปราศจากฤดูกาล
ทง้ั ส่ี คอื ความตา งกนั ของอากาศที่หนาวรอน ฝนตกและแหงแลง อกี ปราศจากชลธารมหาสมุทรใหญเลก็ ไรเนิน
และหลมุ บอ ขวากหนามกรวดทราย ปราศจากภเู ขาเหลก็ ทว่ี นรอบจักรวาล*๒๗ สุเมรุบรรพต ปฐวบี รรพต ศิลา
บรรพต มีแตส ปั ตรัตนะโดยธรรมชาติ พืน้ พสุธาดลเปน ทองคํา ราบเรยี บเสมอกนั กวางใหญไ พศาลมิอาจจํากัดซ่ึง
ขอบเขต มคี วามพสิ ดารแลประณตี ยิง่ นกั กบั ทัง้ บรสิ ุทธ์ิและอลงั การกวาโลกธาตทุ งั้ ปวงในทศทิศ”
ก็เมื่อพระคุณเจาอานนทไดสดับแลว จึงทูลพระผูมีพระภาควา “หากโลกธาตุแหงนั้นไรซึ่งสุเมรุบรรพต
แลวโลกบาลเทวราชท้ังสแ่ี ละดาวดึงสเ ทวโลก จกั อาศยั สงิ่ ใดในการตั้งอยหู นอ”
รับสงั่ วา “ก็บรรดาเทพทั้งปวงในกามภพชั้นยามา ดสุ ิต ไปจนถงึ รปู ธาตุและอรปู ธาตนุ ั้นเลา ไดอ าศยั สงิ่ ใด
ในการต้ังอยูเ ลา” ทลู วา “เปน ไปตามกําลงั แหง กรรมอนั นึกคดิ มไิ ดพ ระเจาขา” รับสัง่ วา “กรรมอนั เปนอจินไตย
เธอลวงรูไดหรือไม วิบากผลแหงกายของเธอน้ันเปนอจินไตย กรรมวิบากของสรรพสัตวก็เปนอจินไตย กุศลมูล
ของสรรพสัตวเปนอจินไตย พระกําลังของพระพุทธเจาทั้งปวง พุทธโลกธาตุท้ังปวงก็เปนอจินไตย อันกําลังแหง
กุศลความดี การกระทําของหมูส ตั วใ นโลกธาตุแหงน้นั และพระกาํ ลังของพระอมิตายสุ อรหันตสมั มาสัมพุทธเจา
เปน เหตุใหสามารถแสดงไดเพียงสังเขปเทานนั้ ” ทลู วา “อันเหตุ ผล และวบิ ากของกรรมท่ีเปน อจนิ ไตย สาํ หรับ
ธรรมประการน้ีนั้น ขาพระองคปราศจากซึ่งความเคลือบแคลงสงสัย แตเพ่ือจักทําลายวิจิกิจฉา อันดุจรางแหท่ี
ปกคลมุ สรรพสัตวในอนาคต จงึ เปน เหตุใหทูลถามเชนนี้พระเจา ขา”
*๒๗.ศัพทเ ดมิ วา จกฺรวาฑ
光明徧照第十二
佛告阿難:阿彌陀佛威神光明,最尊第一。十方諸佛,所不能及。徧照東方恆沙佛剎,南西
北方,四維上下,亦復如是。若化頂上圓光,或一二三四由旬,或百千萬億由旬。諸佛光明,或
照一二佛剎,或照百千佛剎。惟阿彌陀佛,光明普照無量無邊無數佛剎。諸佛光明所照遠近,本
其前世求道,所願功德大小不同。至作佛時,各自得之。自在所作,不為預計。阿彌陀佛,光明
善好,勝於日月之明千億萬倍。光中極尊,佛中之王。是故無量壽佛,亦號無量光佛,亦號無邊
光佛、無礙光佛、無等光佛,亦號智慧光、常照光、清淨光、歡喜光、解脫光、安隱光、超日月
光、不思議光。如是光明,普照十方一切世界。其有眾生,遇斯光者,垢滅善生,身意柔軟。若
在三途極苦之處,見此光明,皆得休息,命終皆得解脫。若有眾生聞其光明威神功德,日夜稱說
54
,至心不斷,隨意所願,得生其國。
วรรค ๑๒ พระรัศมแี ผไ ปในสกล
รับสัง่ กับพระอานนทวา “รศั มีอันโชตนารงุ เรือง ของพระอรหันตสมั มาสมั พทุ ธอมิตายุสะนั้น เปนเอกยอด
ย่ิง พระพุทธเจาท้ังปวงในทิศทั้งสิบมิอาจเทียบได รัศมีนั้นแผท่ัวไปในพุทธเกษตร จํานวนเทาเม็ดทรายแหงคง
คานทีเบ้ืองบูรพา ทักษิณ ประจิม อุดรทั้งส่ีทิศ อีกทิศาเบื้องบน เบ้ืองลางก็เชนกันนี้ รัศมีรอบพระเศียร (แหง
พระพุทธเจาท้ังปวง) นั้น บางก็มีปริมณฑลหนึ่ง สอง สาม ส่ีโยชน บางก็รอย พัน หม่ืน โกฏิโยชน รัศมีแหง
พระพุทธเจาท้ังปวงนั้น รุงเรืองไปถึงพุทธเกษตรหนึ่งแหงบาง สองแหงบาง รอยพันพุทธเกษตรบาง แตมี
เพียงพระอมิตายุสพุทธเจา ท่ีมีรัศมีรุงเรืองไปถึงพุทธเกษตรจํานวนอมิตะ คือประมาณไมได อนันตะคือหา
ขอบเขตมิได และอสงไขยคือคํานวณไมได อันรัศมีแหงพระพุทธเจาท้ังปวงน้ัน จะรุงเรืองไปไกลหรือใกลนั้น
เนื่องดวยการบําเพ็ญมรรคในบุพชาติ กุศลแหงปณิธานก็มีความใหญเล็กตางกัน เม่ือสมัยท่ีกระทําซึ่งความเปน
พระพุทธะแลว จึงไดเสวยแตพ ระองคเอง อันเปนการกระทําที่อิสระจักใชอุบายใดเสกสรรมิได พระอมิตายุสอร
หันตสัมมาสัมพุทธเจาพระองคน ั้น มีรัศมีรุงเรืองงดงาม วิเศษกวารัศมีแหงดวงสุริยันแลจันทราพันโกฏิหมื่นเทา
เปนพระผูรุงเรืองท่ีสุดและเปนราชาแหงพุทธะ ดวยเหตุฉะนี้ จึงมีพระนามวา อมิตายุสพุทธะ บางมีพระนามวา
อมิตาภพุทธะ อัสมาปตประภา อนาวรณประภา อดุลยประภา บางก็มีพระนามวา ปรัชญาญาณประภา นิตย
ประภาส วิศุทธิประภา เกษมประภา วิมุตติประภา ผาสุกประภา ชยสุริยจันทรประภา อจินไตยประภา*๒๘
เปนตน อันรัศมีที่รุงเรืองนี้ไดฉายสองไปยังโลกธาตุทั้งปวงในทศทิศ บรรดาสรรพสัตวในโลกธาตนุ นั้ ที่ไดพบรัศมี
นี้แลว ยอมมีมลทินที่ดับไปความดีงามจักเกิดมีขึ้น กายและจิตจักศานติออนโยน หากอยูในอบายภูมิสามเสวย
ทกุ ขเวทนาอยางทส่ี ดุ เมอื่ ไดพบรศั มนี ี้ (ความทกุ ขท้ังปวง) จกั ยตุ ิ เมอ่ื ส้นิ ชีพไปจักลถุ ึงความหลุดพนท้ังสิ้น หาก
มีสรรพสตั วผ ยู ินกุศลวิเศษของรัศมีนีแ้ ลว ไดสรรเสรญิ อยทู กุ วนั คืน ดวยจติ ตั้งม่ันมขิ าดสิน้ ก็ยอ มไปอบุ ัตยิ ังพุทธ
เกษตรแหง น้ันไดสมใจปรารถนา”
*๒๘.อมิตายุสพทุ ธะ (無量壽佛), อมติ าภพุทธะ (無量光佛), อัสมาปตประภาพทุ ธะ (無邊光佛), อนาว
รณประภาพุทธะ (無礙光佛), อดุลยประภาพทุ ธะ (無等光佛), ปรัชญาญาณประภา (智慧光), นิตยประภาส
(常照光), วิศุทธิประภา (清淨光), เกษมประภา (歡喜光), วิมุตติประภา (解脫光), ผาสุกประภา (安隱光),
ชยสรุ ิยจันทรประภา (超日月光), อจนิ ไตยประภา (不思議光)
壽眾無量第十三
佛語阿難:無量壽佛,壽命長久,不可稱計。又有無數聲聞之眾,神智洞達,威力自在,能
於掌中持一切世界。我弟子中大目犍連,神通第一,三千大千世界所有一切星宿眾生,於一晝夜
,悉知其數。假使十方眾生,悉成緣覺,一一緣覺,壽萬億歲,神通皆如大目犍連。盡其壽命,
竭其智力,悉共推算,彼佛會中聲聞之數,千萬分中不及一分。譬如大海,深廣無邊,設取一毛
,析為百分,碎如微塵。以一毛塵,沾海一滴,此毛塵水,比海孰多?阿難,彼目犍連等所知數
者,如毛塵水,所未知者,如大海水。彼佛壽量,及諸菩薩、聲聞、天人壽量亦爾,非以算計譬
喻之所能知。
วรรค ๑๓ พระชนมายมุ อิ าจประมาณ
รับสั่งกับพระอานนทวา “พระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา มีพระชนมายุยาวนานยิ่งนัก มิอาจนับ
คํานวณได อีกทั้งมีบรรดาสาวกจํานวนอสงไขยที่ลวนแตบรรลุอภิญญา มีเดชานุภาพเปนอิสระ สามารถถือเอา
55
โลกธาตุทั้งปวงไวในฝามือ ในบรรดาสาวกของตถาคตมหาโมคคัลลานะมีอภิญญาฤทธิ์เปนเลิศ หมูนักษัตรแล
สรรพสัตวบรรดามีในตรีสหสั มหาสหัสโลกธาตุ*๒๙ น้ันจักตองใชเพลาหนึ่งทิวาแลราตรี จึงนับไดถวน สมมติวา
สรรพสัตวในทศทิศลวนสําเร็จเปนพระปจเจกโพธิ ในแตละพระปจเจกโพธิหน่ึงๆ ก็มีชนมายุหม่ืนโกฏิป ตางมี
อภิญญาฤทธิ์เสมือนมหาโมคคัลลานะทั้งส้ิน เม่ือจักนับคํานวณอยูจนส้ินชนมายุน้นั จนสุดกําลังแหงญาณหยั่งรู
นั้น ก็ยังนับมิถึงหนึ่งในพันหม่ืนสวนของจํานวนสาวกในพุทธสันนิบาตแหงน้ันเลย อุปมาหวงมหรรณพสาคร
ท่ีล้ําลึกและใหญกวางหาขอบเขตประมาณมิได หากจักนําเอาโลมาชาติหน่ึงแลวแยกเปนรอยสวน ใหแตกออก
ดุจอณูธุลี แลวใชอณูหน่ึงแหงโลมานั้น จุมนํ้ามหาสมุทรหยดหน่ึง อันวานํ้าท่ีอณูแหงโลมานั้น เทียบกับนํ้าใน
มหาสมุทรมากกวากันอยูฤๅ ดูกอ นอานนท จํานวนทีม่ หาโมคคัลลานะลวงรู อุปมานํ้าท่อี ณแู หงโลมา แลสวนที่มิ
อาจลวงรูได ก็ด่ังน้ําท่ีในมหาสาครสมุทรน่ันแล อันพระชนมายุกาลแหงพระอรหันตสัมมาสัมพุทธอมิตายุส
พระองคน้ัน และหมูโพธิสัตว สาวก เทพ มนุษย ก็มีอายุขัยประมาณเชนนี้ อันจักนับคํานวณมิได การจักรูไดก็
ดว ยการอปุ มาเทาน้ัน”
*๒๙.ใน จุลนิกสูตร พระพุทธองคทรงกลาวกับพระอานนทวา “จากระยะใกลสุดท่ีดวงอาทิตยและดวง
จันทรจะหมุนเวียนตามจักรราศี และสองสวางดวยแสงเรืองโอภาส จนถึงชวง หนึ่งพันจักรวาล ยังมีดวงจันทร
หนึ่งพันดวง ดวงอาทิตยหนึ่งพันดวง หนึ่งพันพระสุเมรุมหาสิงขร หน่ึงพันชมพูทวีป หนึ่งพันอมรโคยานทวีป
หน่ึงพันอุตรกุรุทวีป หน่ึงพันบุพพวิเทหทวีป ส่ีพันมหาสมุทร หนึ่งพันจาตุมหาราช หน่ึงพันดาวดึงสพิภพ หน่ึง
พันยามาสวรรค หนึ่งพันสวรรคช้นั ดสุ ิต หน่ึงพันนิมมานนรดี หนึ่งพันปรนิมมิตวสวตี และหน่ึงพันหวงพิภพของ
ของเหลาน้ีแหละ อานนท เรียกวาระบบสหัสสโลกธาตใุ นช้ันปฐม ระบบที่ใหญกวาท่ีกลาวมาน้หี น่ึงพัน เรียกวา
สหสั สโลกธาตุช้นั มัธยม ระบบทใ่ี หญกวาน้ีหนึง่ พนั เทา เรยี กวา ตรสี หสั สมหาโลกธาต”ุ
寶樹徧國第十四
彼如來國,多諸寶樹。或純金樹、純白銀樹、琉璃樹、水晶樹、琥珀樹、美玉樹、瑪瑙樹,
唯一寶成,不雜餘寶。或有二寶三寶,乃至七寶,轉共合成。根莖枝幹,此寶所成,華葉果實,
他寶化作。或有寶樹,黃金為根,白銀為身,琉璃為枝,水晶為梢,琥珀為葉,美玉為華,瑪瑙
為果。其餘諸樹,復有七寶,互為根幹枝葉華果,種種共成。各自異行,行行相值,莖莖相望,
枝葉相向,華實相當,榮色光曜,不可勝視。清風時發,出五音聲,微妙宮商,自然相和。是諸
寶樹,周徧其國。
วรรค ๑๔ รตั นพฤกษท ั่วโลกธาตุ
โลกธาตุแหง พระพทุ ธโลกนาถท่ีนน้ั มีรัตนพฤกษอ ยเู ปนอนั มาก บางเปนรุกขชาติทองคําบริสุทธิ์ บางเปน
รุกขชาติเงินบริสทุ ธ์ิ เปนไวฑูรย แกวผลึก อําพัน หยก โมรา ท่ีประกอบสําเรจ็ ข้ึนดว ยรัตนะประการเดียว มิเจือ
ปนดวยรัตนะอ่ืนก็มี บางก็มีรัตนะสองประการบาง สามประการบาง จนถึงเจ็ดประการ ผลัดเวียนกันสําเร็จขน้ึ
อันรากเงาแลกิ่งกานสาขา ก็ลวนสําเร็จดวยรัตนะเหลาน้ี ท้ังดอกใบแลผลาผล ก็สําเร็จดวยรัตนะประการอ่ืนๆ
รัตนพฤกษบางตนมีทองคําเปนราก มีเงินเปนลําตน มีไวฑูรยเปนก่ิงกาน มีแกวผลึกเปนยอด มีอําพันเปนใบ มี
หยกเปนดอก มีโมราเปนผล อันรุกขชาติอ่ืนๆทั้งปวงนั้น ก็ยังมีสัปตรัตนะประกอบกันเปนรากก่ิงกานใบดอก
และผล ข้ึนอยูกันเปนทิวแถวของตน แตละแถวเรียงเปนแนวยาว แตละกานใบโนมเขาหากัน ดอกและผลตาง
ผลิบาน มีวรรณะสดใสงดงาม มิเห็นส่ิงใดเจริญไปกวา เม่ือกระแสลมโชยมากระทบ จักเกิดเสียงหาประการ
ไพเราะจับใจ (ประดุจสังคีตแหง) ราชสํานักที่ประสานกันเปนธรรมชาติ บรรดารัตนพฤกษเหลาน้ีมีอยูท่ัวไปใน
56
โลกธาตแุ หง นั้น
菩提道場第十五
又其道場,有菩提樹,高四百萬里,其本周圍五千由旬,枝葉四布二十萬里。一切眾寶自然
合成。華果敷榮,光暉徧照。復有紅綠青白諸摩尼寶,眾寶之王,以為瓔珞。雲聚寶鏁,飾諸寶
柱。金珠鈴鐸,周匝條間。珍妙寶網,羅覆其上。百千萬色,互相映飾。無量光炎,照耀無極。
一切莊嚴,隨應而現。微風徐動,吹諸枝葉,演出無量妙法音聲。其聲流布,徧諸佛國。清暢哀
亮,微妙和雅,十方世界音聲之中,最為第一。若有眾生,覩菩提樹、聞聲、齅香、嘗其果味、
觸其光影、念樹功德,皆得六根清徹,無諸惱患,住不退轉,至成佛道。復由見彼樹故,獲三種
忍,一音響忍,二柔順忍,三者無生法忍。佛告阿難:如是佛剎,華果樹木,與諸眾生而作佛事
。此皆無量壽佛,威神力故,本願力故,滿足願故,明了、堅固、究竟願故。
วรรค ๑๕ โพธมิ ณฑล
อีกในมณฑลบริเวณนั้น ยังมีโพธิพฤกษสูงสี่รอยหม่ืนล้ี โคนตนมีปริมณฑลโดยรอบหาพนั โยชน กิ่งและใบ
แผออกไปสี่แขนงกวางยี่สิบหม่ืนล้ี มีธรรมชาติสําเร็จดวยมณีรัตนะนานัปการ ดอกผลก็ผลิบานสะพรั่ง สองแสง
สดใสเรืองรองทั่วบริเวณ ยังมีรัตนมณีวรรณะตางๆ คือแดง ฟา เขียว ขาว เปนราชาแหงรัตนะท้ังปวง มารอย
เรียงเปนสรอยเกยูระ บรรดาแกวอัญมณีมาประชุมกนั ประดับตบแตงหมเู สารัตนะ กังสดาลแลกระด่ิงทองคาํ มี
แขวนระยา อยรู ะหวางเสาโดยรอบ รตั นชาละท่ถี กั ทอเปนขายแหที่วิจิตรก็บรรจงคลมุ อยูบนนั้น วรรณะสีสันนับ
รอยพันหมื่นประการ ตางเปลงประกายรายระยับ มีดวงไฟหาประมาณจํานวนมิได เปลงแสงสวางไสวไปไม
สน้ิ สดุ ความวิจติ ราลังการเหลา นี้ ปรากฏมขี นึ้ อยา งเหมาะสม เพยี งกระแสลมโชยมากระทบกง่ิ กานและใบเบาๆ
ก็บังเกิดเปนเสียงพระสัทธรรมประมาณจํานวนมิได เสียงแหงพระธรรมนั้น ดังกองไปในพุทธเกษตรทั้งปวง ใน
บรรดาเสียงทกี่ ังวานใสและไพเราะจับใจตางๆ ของโลกธาตทุ ั่วทศทิศนนั้ เสียงที่ (สุขาวตี) นน้ั เปนเลิศที่สดุ หาก
มีสรรพสัตวผูไดยลโพธิพฤกษ ไดยินเสียง ไดสูดกลิ่น ไดล้ิมรสผลไมนั้น ไดสัมผัสรัศมีน้ัน ฤๅไดระลึกถึงคุณแหง
โพธิพฤกษแลว ก็จักบรรลุถึงความวิศุทธิแหงสฬายตนะ ปราศจากเคร่ืองหมองเศราท้ังปวง ต้ังอยูในความไม
เส่ือมถอยจนไดบรรลุพระพุทธมรรคในท่ีสุด แลดวยเหตุท่ีไดทัศนาโพธิพฤกษนั้น ยังใหบรรลุความอดทนสาม
ประการ*๓๐ ตรสั กับพระอานนทวา พทุ ธเกษตร บุปผา ผลาผล รุกขชาติ ท่ีกระทําพทุ ธกจิ ตอสรรพสตั วท้ังปวง
นี้ ลวนมีเหตุเกิดโดยอานุภาพแหงพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา เหตุแหงมูลปณิธานพละ เหตุแหง
ปณิธานท่ีสมบรู ณ เหตแุ หงการตรสั รู การม่งั คงและการเปนทส่ี ดุ ของปณธิ าน
*๓๐.ติสฺร: กฺษานฺติ ความอดทน ๓ คือ ๑)โฆษานุคต ธรฺม กฺษานฺติ ความอดทนตอเสียงดังตางๆ โดย
พิจารณาวาเปนของไมเท่ียงแทถาวร ๒)อนุโลมิกี ธรฺมกฺษานฺติ ความอดทนท่ีจะปฏิบัติอนุโลมตามธรรม ๓)
อนตุ ปฺ ตตฺ ิก ธรมฺ กฺษานฺติ ความอดทนปลงใจเช่อื ในธรรมท่ไี มเกิดอกี ตอไป
堂舍樓觀第十六
又無量壽佛講堂精舍,樓觀欄楯,亦皆七寶自然化成。復有白珠摩尼以為交絡,明妙無比。
諸菩薩眾,所居宮殿,亦復如是。中有在地講經、誦經者,有在地受經、聽經者,有在地經行者
,思道及坐禪者,有在虛空講誦受聽者,經行、思道及坐禪者。或得須陀洹,或得斯陀含,或得
阿那含、阿羅漢。未得阿惟越致者,則得阿惟越致。各自念道、說道、行道,莫不歡喜。
วรรค ๑๖ วิหารและหอทศั นา
อันหอแสดงธรรม วิหาร หอทัศนา และระเบียง ท่ีรายรอบของพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา ก็มี
ธรรมชาติสําเร็จดวยสัปตรัตนะเชนกัน ยังมีมณีมุกดาขาวใสถักทอรอยเรียงอยางวิจิตรสุกปล่ังหาส่ิงเปรียบมิได
57
บรรดาปราสาทแลวิหารท่ีโพธิสัตวท้ังหลายอาศัยอยูก็ดุจกันฉะนี้ ในนั้นบางกําลังสากัจฉาธรรม บางสาธยาย
ธรรม บางกําลังนอมรับธรรม บางก็ฟงธรรม บางกําลังประพฤติธรรม บางพิจารณามรรคธรรมและเจริญฌาน
บางก็สนทนา สาธยาย นอมรับ แลสดับธรรมอยูกลางนภากาศก็มี บางก็พิจารณามรรคธรรมและเจริญฌาน
บางไดบรรลุโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และอรหันต ผูยังมิบรรลุถึงการอภิเษกเปนธรรมราชกุมาร ก็ไดลุถึง
การอภเิ ษก ซึ่งจกั พิจารณามรรค กลาวมรรค เจริญมรรคดวยตนเอง ไมม ีผใู ดเลยท่ีจักมเิ กดิ ปต โิ สมนสั
泉池功德第十七
又其講堂左右,泉池交流。縱廣深淺,皆各一等。或十由旬,二十由旬,乃至百千由旬。湛
然香潔,具八功德。岸邊無數栴檀香樹,吉祥果樹,華果恆芳,光明照耀。修條密葉,交覆於池
。出種種香,世無能喻。隨風散馥,沿水流芬。又復池飾七寶,地布金沙。優鉢羅華、鉢曇摩華
、拘牟頭華、芬陀利華,雜色光茂,彌覆水上。若彼眾生,過浴此水,欲至足者,欲至膝者,欲
至腰腋,欲至頸者,或欲灌身,或欲冷者、溫者、急流者、緩流者,其水一一隨眾生意,開神悅
體,淨若無形。寶沙映澈,無深不照。微瀾徐迴,轉相灌注。波揚無量微妙音聲,或聞佛法僧聲
、波羅密聲、止息寂靜聲、無生無滅聲、十力無畏聲,或聞無性無作無我聲、大慈大悲喜捨聲、
甘露灌頂受位聲。得聞如是種種聲已,其心清淨,無諸分別,正直平等,成熟善根。隨其所聞,
與法相應。其願聞者,輒獨聞之,所不欲聞,了無所聞。永不退於阿耨多羅三藐三菩提心。十方
世界諸往生者,皆於七寶池蓮華中,自然化生。悉受清虛之身,無極之體。不聞三途惡惱苦難之
名,尚無假設,何況實苦。但有自然快樂之音。是故彼國,名為極樂。
วรรค ๑๗ องคคณุ แหง นาํ้ พุและสระโบกขรณี
ในเบื้องซายขวาของหอแสดงธรรมน้ัน ยังมีนํ้าพุและสระโบกขรณีไหลสลับกันไปมา ทอดยาวและ
กวา งขวาง มที ง้ั ลึกและตนื้ ลดหล่ันกันไป บางไหลไปสิบโยชน ยส่ี บิ โยชน จนถงึ รอยพันโยชนก ็มี ชลธารน้นั นิ่งใส
มกี ล่นิ หอมและสะอาดยิ่งนัก สมบูรณดว ยองคคุณแปดประการ*๓๑ บนฝง ยังมีตน แกน จนั ทนข ึ้นอยเู รียงรายนับ
จํานวนมิได รวมทั้งตนไมและผลไมมงคล ท่ีมีดอกและผลสงกล่ินหอมหวนอยูนิตยกาล เปลงแสงเรืองรองสวาง
ไสว สาขากานใบของรุกขชาตกิ ็ปกคล้ึมอยูที่สระแหง น้ัน สงกล่ินสุคันธาหอมอบอวลนานัปการ จักหาคําเปรียบ
ของโลกมิได ความหอมนั้นโชยไปตามกระแสลม และลองลอยไปตามสายนํ้า อีกสระโบกขรณีก็ประดับประดา
ดวยรัตนะเจ็ดประการ มีพสุธาอันเกล่ียดวยทรายทองคํา อุบล ปทุม โกมุท ปุณฑรีก*๓๒ หลากวรรณะสดใส ก็
ปกคลุมอยูเต็มผืนน้าํ หากหมูส ตั วเ หลา นน้ั ที่ลงสรงชําระซง่ึ น้าํ น้ี หากตองการสรงถึงบาทา สรงถงึ เขา สรงถงึ เอว
สรงถึงคอ สรงรดตลอดสรรพางค ฤๅหากตองการใหเย็น ใหรอน ใหไหลเชี่ยว ใหไหลเอื่อย อันกระแสน้ําหนึ่งๆ
นั้นยอมเปนไปตามจิตปรารถนาของหมูสัตว ยังกายินทรียใหเบิกบานกระชุมกระชวย ชําระไดแมสิ่งที่ไร
รูปลักษณ*๓๓ ทรายรัตนะก็ทอแสงสุกปลั่ง สองประกายแมท่ีลึกรายระยับ ไปมาตามสายนํ้ากระเพื่อม กระแส
คลืน่ ยงั เกิดเปน เสียงอันไพเราะ เสนาะโสตหาประมาณจํานวนมิได บางจกั สดบั เปน เสียงพระพุทธเจา พระธรรม
เจา พระสงฆเจา เสยี งปารมติ า เสยี งความสงบราํ งับ เสียงการมิเกดิ แลมดิ ับ เสยี งทศพละและเวสารัชชะ ฤๅสดับ
เปนเสียงอันไรภ าวะ ไรการกระทํา ไรตัวตน เสียงแหงมหาเมตตามหากรุณามุฑิตาอุเบกขา และเสียงแหงอมฤต
วารีท่ีอภิเษกสถาปนา เมื่อไดยินนานาสําเนียงนี้แลว ในจิตยอมวิศุทธ์ิ ไรการแบงแยกท้ังปวง ซ่ือตรงและสมตา
เพาะบมใหสําเร็จในกุศลมูลตามเสียงท่ีไดสดับท้ังปวงนั้น อันลวนเปนโยคะแหงธรรม หากผูปรารถนาจักไดยิน
ยอมไดยินเฉพาะตน หากมิตองการสดับจักมิไดสดับ จักเปนผูมิเสื่อมถอยในอนุตรสัมมาสัมโพธิจิตอยูเปนนิตย
บรรดาผูมาถืออุบัติจากทศทิศ ลวนเกิดแบบโอปปาติกะทามกลางดอกบัว ในสระโบกขรณีรัตนะเจ็ดประการ
58
ทั้งสิ้น ลวนมีกายที่เบาใส มีสังขารเปนที่สุด ไมไดยินแมช่ือเสียงของความชั่วราย ความทุกขและอันตรายของ
อบายภูมิทงั้ สามเลย อันหาไดมุสาไม แลว จักประสาใดกับความทกุ ขนัน้ อีกเลา จักมกี ็แตเ สยี งของธรรมชาติแหง
ความสขุ โสมนสั เหตปุ ระการนีแ้ ลโลกธาตแุ หงนนั้ จึงไดส มญาวา สุขาวตี
*๓๑.คือ อัษฎางคกิ วารี
*๓๒.อบุ ลคอื บัวขาบ ปทมุ คอื บัวแดง โกมุทคือบัวเหลอื ง ปุณฑรกี คอื บวั ขาว
*๓๓.หมายถึงนามธรรม หรือจิตวญิ ญาณ
超世希有第十八
彼極樂國,所有眾生,容色微妙,超世稀有。咸同一類,無差別相。但因順餘方俗,故有天
人之名。佛告阿難:譬如世間貧苦乞人,在帝王邊,面貌形狀,甯可類乎?帝王若比轉輪聖王,
則為鄙陋,猶彼乞人,在帝王邊也。轉輪聖王,威相第一,比之忉利天王,又復醜劣。假令帝釋
,比第六天,雖百千倍不相類也。第六天王,若比極樂國中,菩薩聲聞,光顏容色,雖萬億倍,
不相及逮。所處宮殿,衣服飲食,猶如他化自在天王。至於威德、階位、神通變化,一切天人,
不可為比,百千萬億,不可計倍。阿難應知,無量壽佛極樂國土,如是功德莊嚴,不可思議。
วรรค ๑๘ มีความยอดเยย่ี มอันหาไดยากยง่ิ ในโลก
อนั สรรพสตั วทีใ่ นสขุ าวตโี ลกธาตุแหง น้ัน เปน ผมู โี ฉมพักตรงดงามยิ่งนัก งามกวา (สตั วใ น) โลกท้ังปวง อัน
หาไดยากย่ิง (หมูสัตวในสุขาวตี) ท้ังหมดลวน (งดงาม) เสมอกัน จักมีรูปลักษณผิดแผกจากกันก็หาไม แตเหตุที่
อนุโลมตามเชื้อชาติอื่นๆ จึงไดชื่อวาเทพและมนุษย ตรัสกับพระอานนทวา “อุปมาบุคคลผูทุคตะเข็ญใจในโลก
เม่ืออยูเคียงขางพระราชา จักมีลักษณะท่ีงดงามไปกวาไดอยางไร อันพระราชาเม่ือเปรียบกับพระเจาจักรพรรดิ
ยอมอัปลักษณไปฉนั ใด ก็อุปมาทุคตบุคคลผูอ ยูขางพระราชาฉนั นั้น พระเจาจักรพรรดิผูมอี ิริยาลักษณะเปน เลศิ
เมื่อเทียบกับดาวดึงสเทวราชแลวไซร ก็ยอมอัปลักษณไปฉันนั้น สมมติวาทาวศักรเทวราชแมจักเทียบดวยรอย
พันเทากับทาวเทวาธิราชแหงปรนิมมิตสวัสตีภูมิ ก็จักมีลักษณะที่เสมอกันมิไดฉันน้ัน อันปรนิมมิตสวัสตีเทวาธิ
ราชนั้น หากจักเปรียบกับดวงพักตรลักษณะของโพธิสัตวและสาวกท่ีในสุขาวตีโลกธาตุแลวไซร แมนจักดวย
จํานวนหมื่นโกฏิเทากม็ ิอาจเทียบเสมอ บรรดามณเฑียร ปราสาท อาภรณ และโภชนาหารเครื่องดม่ื ก็ดุจดั่งปร
นิมมิตสวัสตีเทวาธิราชน้ันแล ไดบรรลุถึงเตชานุภาพ ฐานานุศักด์ิ และอิทธิอภิญญา ท่ีบรรดาเทพและมนุษยทงั้
ปวงมิอาจเทียบได แมนจักดวยรอยพันหม่ืนโกฏิเทา ดวยหาประมาณเทามิไดก็ตาม อานนทพึงทราบเถิดวา สุ
ขาวตีโลกธาตแุ หงพระอมติ ายุสอรหนั ตสัมมาสัมพุทธเจา อลังการดว ยคุณวเิ ศษเปน อจนิ ไตยเชนนี้แล”
受用具足第十九
復次極樂世界所有眾生,或已生,或現生,或當生,皆得如是諸妙色身。形貌端嚴,福德無
量。智慧明了,神通自在。受用種種,一切豐足。宮殿、服飾、香花、幡蓋,莊嚴之具,隨意所
須,悉皆如念。若欲食時,七寶缽器,自然在前,百味飲食,自然盈滿。雖有此食,實無食者。
但見色聞香,以意為食。色力增長,而無便穢。身心柔軟,無所味著。事已化去,時至復現。復
有眾寶妙衣、冠帶、瓔珞,無量光明,百千妙色,悉皆具足,自然在身。所居舍宅,稱其形色。
寶網彌覆,懸諸寶鈴。奇妙珍異,周徧校飾。光色晃曜,盡極嚴麗。樓觀欄楯,堂宇房閣,廣狹
方圓,或大或小,或在虛空,或在平地。清淨安隱,微妙快樂。應念現前,無不具足。
วรรค ๑๙ เครื่องใชบริบูรณ
ก็หมูสัตวในสุขาวตีโลกธาตุ ท่ีไดอุบัติขึ้นแลว ที่กําลังจะอุบัติ และท่ีจักอุบัติในอนาคต ลวนจักบรรลุรูป
กายที่ประเสริฐตางๆเชนน้ี มีใบหนาลักษณะสงางาม สมบูรณดวยบุญญาธิการ มีปญญาญาณรูแจง และมีอิทธิ
พละย่ิงใหญมหาศาล บรรดาเครื่องใชนานา ก็เพียบพรอมบริบูรณปราสาทวิหาร อาภรณเครื่องประดับ สุคันธ
59
มาลี ธวัชธงฉัตร และสิ่งของอลังการทั้งปวง ที่จิตไดตั้งความปรารถนา ยอมสําเร็จตามความระลึกท้ังส้ิน หาก
เมื่อครากระทําภัตกิจ ภาชนะคือบาตรรัตนะเจ็ดประการ จักปรากฏเองยังเบ้ืองหนา เครื่องขบฉันเครื่องด่ืม
หลากรสชาด ยอมเตม็ เปย มอยูในนัน้ แมนจักมเี ครอื่ งขบฉันเชนนก้ี ็ตามที แตห าไดม ีอยูจริงไม เพราะวา การเห็น
รูปและการสดู กลิ่นเปน อาหารแหง จิต ยงั รูป (สงั ขาร) ใหเกดิ กาํ ลงั จงึ มติ องขับถายของเสยี กายและจิตเบาสบาย
มิหลงติดรสชาด เมอ่ื จบกิจแลวจึงหายไป เมอื่ ถงึ เพลา (ภัตกิจ) จึงเกดิ มีขนึ้ อกี ยงั มบี รรดารัตนมณี ทิพยอาภรณ
มาลา เกยูระ ที่เปลงแสงเรืองรองจํานวนประมาณมิได มีวรรณะประเสริฐจํานวนรอยพัน เกิดข้ึนแกกายน้ันเอง
อยางสมบูรณ ลักษณะแหงที่พักอาศัยนั้นเลา ก็ปกคลุมดวยรัตนชาละ มีกระด่ิงอัญมณีท่ีประณีตพิสดารหอย
ระยาอยูทัว่ ไป มีรศั มีและวรรณะเรืองรองวจิ ิตรเปน ท่สี ุด หอทัศนาและระเบียงรายรอบ อาคารหองหอมีทง้ั กวาง
ใหญและคับแคบแตสมดุล บางก็ใหญ บางเล็ก บางอยูบนอากาศ บางอยูบนพ้ืนพสุธา มีความบริสุทธ์ิแลผาสุก
เปน สขุ ที่ประณตี ยง่ิ นัก เมอ่ื คราที่ระลึกยอ มปรากฏมขี นึ้ โดยสมบูรณ
德風華雨第二十
其佛國土,每於食時,自然德風徐起,吹諸羅網,及眾寶樹,出微妙音,演說苦、空、無常
、無我諸波羅密,流布萬種溫雅德香。其有聞者,塵勞垢習,自然不起。風觸其身,安和調適,
猶如比丘得滅盡定。復吹七寶林樹,飄華成聚。種種色光,徧滿佛土。隨色次第,而不雜亂。柔
軟光潔,如兜羅綿。足履其上,沒深四指。隨足舉已,還復如初。過食時後,其華自沒。大地清
淨,更雨新華。隨其時節,還復周徧。與前無異,如是六反。
วรรค ๒๐ ลมกุศลและฝนมงคล
ในพุทธเกษตรแหงน้ัน ในทุกคราวแหงภัตกิจ ยอมมีลมกุศลเกิดข้ึนโชยกระทบขายกระดึงและปวงรัตนพ
ฤกษ บังเกิดเปนสัทเสียงท่ีไพเราะเสนาะโสต ประกาศธรรมคือทุกขตา ศูนยตา อนิจจตา อนัตตา และปารมิตา
ท้ังปวง แผกําจายไปนับหม่ืนประการ พรอมกับความหอมอบอวล ผูไดสดับแลวยอมมีกิเลสธุลีอันมิกําเริบอีก
เมื่อกระแสลมกระทบกายยังใหเปนสุขรํางับ อุปมาภิกษุผูเจริญในนิโรธสมาบัติ เมื่อลมโชยสัมผัสดอกผล
ของสัปตรตั นพฤกษ ก็บังเกดิ แสงสนี านัปการท่วั พุทธเกษตร มีสีสนั วรรณะมปิ ะปนกัน มีความละเมียดละไมและ
สวางใสดุจใยตูละ*๓๔ เมื่อเหยียบแลวใหจมไปส่ีองคุลี เมื่อยางเทาข้ึนก็กลับเต็มด่ังเดิม ลวงคราวภัตกิจแลว บปุ
ผาน้ันก็จมหายไปเอง เม่ือมหาพสุธาดลสะอาดแลว บุปผาใหมจึงโปรยปรายมาอีก หมุนเวียนเปนเพลา ด่ังครา
แรกมิตางกัน (วันละ) หกครง้ั เชน นี้แล
*๓๔.兜羅 คือ นนุ
寶蓮佛光第二十一
又眾寶蓮華周滿世界。一一寶華百千億葉。其華光明,無量種色,青色青光、白色白光,玄
黃朱紫,光色亦然。復有無量妙寶百千摩尼,映飾珍奇,明曜日月。彼蓮華量,或半由旬,或一
二三四,乃至百千由旬。一一華中,出三十六百千億光。一一光中,出三十六百千億佛,身色紫
金,相好殊特。一一諸佛,又放百千光明,普為十方說微妙法。如是諸佛,各各安立無量眾生於
佛正道。
วรรค ๒๑ บวั รตั นะและพุทธรงั สี
อีกบรรดารตั นปทมุ มาลยก ม็ ีอยูทั่วไปในโลกธาตุ รัตนมาลหี นง่ึ ๆนัน้ มกี ลบี อยูรอยพนั โกฏิ รัศมขี องมาลีนั้น
มีวรรณะหาประมาณจํานวนมิได ดอกสีเขียวก็มีรัศมีสีเขียว ดอกสีขาวก็มีรัศมีสีขาว สีเหลืองเขม แดง มวง ก็มี
รัศมีอยูเชนนั้น ยังประกอบดวยรัตนมณีอันเปนทิพย จํานวนรอยพันหาประมาณมิได สุกใสเรืองรองประดับ
60
วิจิตรพิสดาร สวางไสวดุจดวงอาทิตยและดวงจันทร อันประมาณแหงปทุมมาลยน้ันแล บางก็ครึ่งโยชน บางก็
หนึ่ง สอง สาม สี่ ไปจนถึงรอยพันโยชน แตละดอกหนึ่งๆยังมีรัศมีสวางออกมาจํานวนสามสิบหกรอยพันโกฏิ
ประการ แตล ะรศั มีหนงึ่ ๆบงั เกิดเปนพระพุทธนิรมติ จํานวนสามสบิ หกรอยพันโกฏิองค พระรูปมีวรรณะด่ังทอง
ชมพนู ุช มีพุทธลักษณะวเิ ศษงดงาม แตล ะพระพทุ ธนริ มิตหนง่ึ ๆ ยังประภาสรศั มีออกมาอีกรอ ยพนั ประการ เพ่อื
ตรัสแสดงพระธรรมเทศนาไปท่ัวทศทิศ พระพุทธนิรมิตเหลานี้ ลวนจักสถิตในหมูสัตวจํานวนประมาณมิได
จนกระทัง่ ไดบ รรลุพระพทุ ธสัมมามรรค
決證極果第二十二
復次阿難,彼佛國土,無有昏闇、火光、日月、星曜、晝夜之象,亦無歲月劫數之名,復無
住著家室。於一切處,既無標式名號,亦無取舍分別,唯受清淨最上快樂。若有善男子、善女人
,若已生,若當生,皆悉住於正定之聚,決定證於阿耨多羅三藐三菩提。何以故?若邪定聚,及
不定聚,不能了知建立彼因故。
วรรค ๒๒ เท่ยี งแทใ นผลอันอุดม
ดูกอนอานนท พุทธเกษตรโลกธาตุท่ีนั้น ปราศจากความมืดมิด แสงไฟ แสงอาทิตย แสงจันทร แสงดาว
และลกั ษณะของกลางวันและกลางคืน ทั้งปราศจากช่อื ของการคํานวณนับวาป เดอื น กัลป ท้งั ไมมีการอาศัยอยู
เฉพาะเคหะ เพราะสถานท่ีทั้งปวงนั้นไรการกําหนดชอื่ สถานที่ แลไรก ารยดึ มั่นในทอี่ ยูอาศัยวามีความตางกัน มี
เพียงการเสวย ซงึ่ สุขโสมนัสทบ่ี ริสทุ ธิ์และเปน เลิศเทานน้ั หากมกี ุลบุตรกุลธดิ าใดๆ ทไี่ ดอุบัตแิ ลวและกําลังอุบัติ
จักไดดํารงอยูในความต้ังมั่นที่ถูกตรงเชนน้ี เปนผูเท่ียงแทตอการตรัสรูพระอนุตรสัมมาสัมโพธิ เพราะเหตุไฉน
นั้นฤๅ หากประกอบดวยความตั้งม่ันมิชอบและมิตั้งมั่นแลวไซร ก็ยอมมิอาจรูแจงเขาใจซึ่งการยังเหตุ (แหงการ
ตรสั รู) นน้ั ใหเ กดิ ขึน้ *๓๕
*๓๕.การรูแจงเขาใจซึ่งการยังเหตุ คือการมีศรัทธา ปณิธาน และจริยา เปนเหตุไปเกิดยังสุขาวตีพุทธ
เกษตร จึงมีผลใหบ รรลุโพธิญาณ กลา วคอื อุบัติทสี่ ขุ าวตีเปนเหตุ บรรลุโพธญิ าณเปนผล
十方佛讚第二十三
復次阿難,東方恆河沙數世界,一一界中如恆沙佛,各出廣長舌相,放無量光,說誠實言,
稱讚無量壽佛不可思議功德。南西北方恆沙世界,諸佛稱讚亦復如是。四維上下恆沙世界,諸佛
稱讚亦復如是。何以故?欲令他方所有眾生,聞彼佛名,發清淨心,憶念受持,歸依供養。乃至
能發一念淨信,所有善根,至心迴向,願生彼國。隨願皆生,得不退轉,乃至無上正等菩提。
วรรค ๒๓ พระพุทธเจา ทั่วทศทศิ ทรงสดดุ ี
ดูกอนอานนท โลกธาตุภาคเบ้ืองบูรพาทิศ อันคณนานับไดด่ังเม็ดทรายแหงคงคานที ภายในโลกธาตุ
หนึ่งๆนั้น ยังมีพระพุทธเจาจํานวนเทาทรายแหงคงคา ท่ีตางแสดงลักษณะแหงพระชิวหาที่ไพศาลและยืดยาว*
๓๖ เปลงรัศมีสวางไปหาประมาณมิได ตางรับสั่งดวยสัตยวาจา สรรเสริญสดุดีกุศลอันเปนอจินไตยของพระอมิ
ตายุสอรหันตสมั มาสัมพุทธเจา อันพระพุทธเจาในโลกธาตุ จํานวนเทา ทรายแหงคงคาเบอื้ งทักษิณ ประจมิ อดุ ร
ก็กลาวสดุดีอยูเชนกัน พระพุทธเจาในโลกธาตุจํานวนเทาทรายแหงคงคาในทิศาท้ังส่ี ทิศเบ้ืองบน และทิศเบ้ือง
ลาง กก็ ลา วสดุดีอยเู ชน กนั ดว ยเหตไุ ฉนน่นั ฤๅ เพราะมีพระประสงคยังใหสรรพสตั วใ นทศิ าอื่นๆ ไดส ดับนามของ
พระ (อมิตายุส) พุทธเจาพระองคนั้น แลวเกิดวิศุทธิจิตระลึกถงึ จดจํา ยึดเปนสรณะ และถวายสักการบูชา จน
สามารถบังเกิดจิตศรัทธาบริสุทธิ์ต้ังมั่น อุทิศกุศลมูลท้ังมวลดวยท่ีสุดแหงใจ และต้ังปณิธานไปอุบัติยังโลกธาตุ
แหง น้นั เพราะเมือ่ ไดอ บุ ตั ติ ามปณธิ านนัน้ แลว ยอ มบรรลถุ งึ ความมเิ สอื่ มถอย จนถึงพระอนตุ รสมั มาสมั โพธิ
61
*๓๖.เปนสํานวนหมายถงึ การแสดงธรรมของพระพุทธเจา ทก่ี วางขวาง และไปไกลหาประมาณมไิ ด
三輩往生第二十四
佛告阿難,十方世界諸天人民,其有至心願生彼國,凡有三輩。其上輩者,捨家棄欲而作沙
門。發菩提心。一向專念阿彌陀佛。修諸功德,願生彼國。此等眾生,臨壽終時,阿彌陀佛,與
諸聖眾,現在其前。經須臾間,即隨彼佛往生其國。便於七寶華中自然化生,智慧勇猛,神通自
在。是故阿難,其有眾生欲於今世見阿彌陀佛者,應發無上菩提之心。復當專念極樂國土。積集
善根,應持迴向。由此見佛,生彼國中,得不退轉,乃至無上菩提。其中輩者,雖不能行作沙門
,大修功德,當發無上菩提之心。一向專念阿彌陀佛。隨己修行,諸善功德,奉持齋戒,起立塔
像,飯食沙門,懸繒然燈,散華燒香,以此迴向,願生彼國。其人臨終,阿彌陀佛化現其身,光
明相好,具如真佛,與諸大眾前後圍繞,現其人前,攝受導引。即隨化佛往生其國,住不退轉,
無上菩提。功德智慧次如上輩者也。其下輩者,假使不能作諸功德,當發無上菩提之心,一向專
念阿彌陀佛。歡喜信樂,不生疑惑。以至誠心,願生其國。此人臨終,夢見彼佛,亦得往生。功
德智慧次如中輩者也。若有眾生住大乘者,以清淨心,向無量壽。乃至十念,願生其國。聞甚深
法,即生信解。乃至獲得一念淨心,發一念心念於彼佛。此人臨命終時,如在夢中,見阿彌陀佛
,定生彼國,得不退轉無上菩提。
วรรค ๒๔ อบุ ตั ิสามระดบั ช้ัน
พระผูมีพระภาครับสั่งกับพระอานนทวา “หมูเทพและมนุษยทั้งปวงในทศทิศโลกธาตุ ผูมีจิตแนวแนตั้ง
ปณธิ านไปอุบตั ทิ โี่ ลกธาตุแหงนั้นจักมีสามระดบั ชัน้
ระดับสูงน้ันคือ ผูสละเรือนละวางกามคุณแลวออกบวชเปนสมณะ บังเกิดโพธิจิต ระลึกถึงพระอมิตายุ
สอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาดวยความตั้งมั่น บําเพ็ญกุศลทั้งปวง เพ่ือขอไปอุบัติยังโลกธาตุแหงนั้น หมูสัตว
ประเภทนี้ เม่อื คราทอ่ี ายุขยั อวสานลง พระอมติ ายสุ พทุ ธเจาพรอ มดวยอรยิ บริษทั จกั มาปรากฏยงั เบอื้ งหนาผูน้ัน
ช่ัวขณะเดียวจักติดตามพระอมิตายุสพุทธเจา ไปอุบัติยังโลกธาตุแหงน้ันทันที โดยกําเนิดแบบอุปปาติกวิธีใน
ปทุมชาติรัตนะเจ็ดประการ เปนผูมีปญญาญาณแกลวกลา มีอิทธิพละเปนอิสระ ดวยเหตุน้ีแหละอานนท
บรรดาสรรพสตั วผูปรารถนาจักประสบพระอมติ ายุสพุทธเจาในปจ จุบนั ชาติ พึงเกิดอนุตรสมั โพธิจิต ตั้งจติ ระลึก
ถึงสุขาวตโี ลกธาตุ สัง่ สมกุศลมูลแลว อุทศิ ไป ดว ยเหตุน้จี ักยังใหพ บพระพุทธองค ไดอบุ ัติที่โลกธาตุแหง นนั้ บรรลุ
ถึงความมเิ สือ่ มถอย จนถงึ พระอนุตรสมั โพธิ
ระดับกลางนั้นคือ ผูแมนมิสามารถประพฤติเยี่ยงสมณะ แตบําเพ็ญกุศลมหาศาลและบังเกิดจิตแหงพระ
อนุตรสัมโพธิ ระลึกถึงพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาดวยความตั้งม่ัน บําเพ็ญกุศลความดีท้ังปวงตาม
กําลังแหงตน สมาทานอุโบสถศีล สรางพระสถูปและพระปฏิมา ถวายภัตแดสมณะ ประดับธงทิวและดวง
ประทีป เกล่ียมาลีและร่ําสุคนธา แลวอุทิศกุศลน้ีเพื่อขอไปอุบัติยังโลกธาตุแหงนั้น อันบุคคลนี้เมื่อกาลมรณะ
มาถึง พระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา จักปรากฏพระวรกายที่รุงเรืองดวยรัศมี และมงคลลักษณะ
สมบูรณประดุจพระพุทธองคจริง เสด็จพรอมดวยมหาบริษัทหมูใหญแวดลอมตลอดทั้งเบื้องหนาแลเบ้ืองหลัง
จกั ปรากฏใหเหน็ อยเู ฉพาะบุคคลนนั้ เพอ่ื มาอนเุ คราะหและนาํ พาไปอุบัติ ในครานัน้ จกั ไดต ามพระพุทธนิรมิตไป
อุบัติที่โลกธาตุแหงนั้นทันที จักมิเส่ือมถอยในพระอนุตรสัมโพธิ มีบุญญาธิการและปญญาญาณประดจุ ผูอุบัติใน
ระดบั สูง
สําหรับระดับลา งน้นั สมมติวา บคุ คลผมู อิ าจกระทาํ กศุ ลทั้งปวง พงึ บังเกิดจติ แหง พระอนุตรสัมโพธิ ระลึก
ถึงพระอมติ ายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาดว ยความตัง้ ม่ัน มีศรัทธายินดี มิสงสัยเคลือบแคลง แลวปณิธานขอไป
62
อุบัติที่โลกธาตุแหงน้ันดวยจิตสัตยซ่ือเปนที่สุด บุคคลนี้เมื่อชีพใกลดับสูญ จักฝนเห็นพระอมิตายุสพุทธเจา
พระองคนั้นและไปอบุ ัติทันที มีบุญญาธิการและปญญาญาณประดจุ ผอู ุบัตใิ นระดับกลาง หากหมูสัตวที่ดํารงใน
มหาพุทธยาน แลวใชจิตที่บริสุทธ์ิมุงตอพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา ตลอดจนการระลึกถึงสิบขณะ
เพื่อขอไปอุบัติที่โลกธาตุแหงนั้นแลวไซร เม่ือสดับคัมภีรธรรมอันแยบคายแลว*๓๗ จักบังเกิดศรัทธายิ่งยวด
จนถึงมีจิตบริสุทธ์ิต้ังม่ันเปนหน่ึงเดียว มีเอกจิตระลึกถึงแตพระอมิตายุสพุทธเจาพระองคน้ัน บุคคลผูจักทํา
กาลกิริยานี้ จักไดประสบพระอมิตายุสพุทธเจาดุจในความฝน แลวไปอุบัติท่ีโลกธาตุแหงน้ันไดอยางแมนม่ัน
เปนผบู รรลถุ ึงความมเิ สอ่ื มถอยจากพระอนุตรสัมโพธิ
*๓๗.หมายถึง พระธรรมทว่ี าดว ยสขุ าวตพี ุทธเกษตรและพระอมติ ายสุ พุทธเจา
往生正因第二十五
復次阿難,若有善男子、善女人,聞此經典,受持讀誦,書寫供養,晝夜相續,求生彼剎。
發菩提心。持諸禁戒,堅守不犯。饒益有情,所作善根悉施與之,令得安樂。憶念西方阿彌陀佛
,及彼國土。是人命終,如佛色相種種莊嚴,生寶剎中,速得聞法,永不退轉。復次阿難,若有
眾生欲生彼國,雖不能大精進禪定,盡持經戒,要當作善。所謂一不殺生,二不偷盜,三不淫欲
,四不妄言,五不綺語,六不惡口,七不兩舌,八不貪,九不瞋,十不癡。如是晝夜思惟極樂世
界阿彌陀佛,種種功德,種種莊嚴。志心歸依,頂禮供養。是人臨終,不驚不怖,心不顛倒,即
得往生彼佛國土。若多事物,不能離家,不暇大修齋戒,一心清淨。有空閑時,端正身心。絕欲
去憂,慈心精進。不當瞋怒嫉妒,不得貪餮慳惜。不得中悔,不得狐疑。要當孝順,至誠忠信。
當信佛經語深,當信作善得福。奉持如是等法,不得虧失。思惟熟計,欲得度脫。晝夜常念,願
欲往生阿彌陀佛清淨佛國。十日十夜,乃至一日一夜不斷絕者,壽終皆得往生其國,行菩薩道。
諸往生者,皆得阿惟越致,皆具金色三十二相,皆當作佛。欲於何方佛國作佛,從心所願,隨其
精進早晚,求道不休,會當得之,不失其所願也。阿難,以此義利故,無量無數不可思議無有等
等無邊世界,諸佛如來,皆共稱讚無量壽佛所有功德。
วรรค ๒๕ เหตแุ หงการถอื อุบตั ิ
ดูกอนอานนท หากมีกุลบุตรกุลธิดา ที่ไดสดับธรรมกถานี้แลว จดจํา อานทองสาธยาย ขีดเขียน
สักการะบูชา ทุกทิวาราตรีมิไดขาด เพื่อปรารถนาไปอุบัติท่ีเกษตรแหง นั้น ไดป ระกาศโพธิจิต สมาทานศีลาจาร
ทั้งปวง แลธํารงรักษาไวมิลวงละเมิด ไดยังหิตประโยชนแกสรรพชีวิต และนํากุศลมูลทั้งปวงบริจาคเปนทาน
ยังใหบ รรลุถึงความผาสุก จติ กต็ ามระลกึ ถึงพระอรหันตสัมมาสัมพุทธอมติ ายุสะ และประจิมทิศโลกธาตแุ หงน้ัน
บุคคลผูน ้เี มอ่ื สน้ิ อายุขัยแลว รูปลกั ษณะท้ังปวงจักอลังการดุจพระพุทธะ แลว ไปอุบัติในรตั นเกษตร ไดส ดับพระ
ธรรมในทันที เปน ผูม เิ สอ่ื มถอยนิตยกาล
ดูกอนอานนท หากมีสรรพสัตว ที่ปรารถนาไปอุบัติในโลกธาตุแหงนั้น แมนจักมิสามารถกระทําความ
เพียร สมาธิฌานอยางยิ่งยวด (มิอาจ) ธํารงพระธรรมและศีลาจารไดทั้งหมดแลวไซร พึงกระทําความดีงาม มี
หน่งึ ละการฆา การเบียดเบียน สองละอทนิ นาทาน เคารพกรรมสิทธ์ิในทรัพยสินผูอ่ืน สามละการประพฤติผิดใน
กาม ไมลวงละเมิดประเพณีทางเพศ ส่ีละการพูดเท็จ ไมยอมกลาวเท็จเพราะตนเองแลผูอ่ืน หรือเห็นแก
ผลประโยชนใดๆ หาละการพูดคําสอเสียด ชวยสมานคนที่แตกราวกัน สงเสริมคนที่สมัครสมานกัน ชอบกลาว
ถอยคําท่ีสรางสามัคคี หกละคําหยาบ พูดแตคําสุภาพออนหวาน เจ็ดละการพูดเพอเจอ พูดแตคําจริงมีเหตุผล
มีสารประโยชนถูกกาลเทศะ แปดไมเพงเล็งอยากไดของผูอื่น เกาไมมีจิตคิดราย คิดปรารถนาแตวา ขอใหสัตว
ทง้ั หลายไมมีเวร ไมเบยี ดเบยี น ไมม ีทกุ ข ครองตนอยเู ปนสุขเถิด สิบมคี วามเหน็ ชอบ เชนวา ทานมีผล การบูชา
63
มีผล ผลวิบากของกรรมดีกรรมชัว่ มี เปน ตน ดวยการระลึกนกึ ถงึ สขุ าวตโี ลกธาตแุ หง พระอมิตายุสสัมมาสัมพุทธ
เจา ถึงกุศลความดีนานาประการ ถึงความอลังการนานาประการ เชนนี้แลวมีจิตแนวแนนอมเปนสรณะ ถวาย
ความเคารพดวยเศียรเกลาและสักการบูชา บุคคลผูนี้เมื่อคราส้ินชีพ ยอมมิตระหนก มิหวาดกลัว ในหทัยมิ
วิปลาส แลวไปอุบัติยังพุทธเกษตรแหงน้ัน หากมีกิจการมาก ยังใหมิอาจไกลจากเรือน ปราศจากเวลาหยุดพัก
เพ่ือบําเพ็ญมหาอุโบสถศีล ใหจิตบริสุทธ์ิตั้งมั่นเปนหน่ึง หากวางจากการงานแลวไดสํารวมกายและจิต กําจัด
ความทะยานอยากและความหมองเศรา มีจิตเมตตาพากเพียร ไมอาฆาตพยาบาท อิจฉาริษยา ไมโลภโมโทสัน
ตระหน่ีถี่เหนียว มิค่ังแคนใจและหวาดระแวง พึงกตัญูรูสํานึกพระคุณ ซื่อสัตย มีคุณธรรม จริยธรรม ศรัทธา
ในความแยบคายของพระพุทธธรรม เช่ือโดยชอบวากระทําดียอมบรรลุกุศล เมื่อนอมรับธรรมเหลาน้ีอยางมิ
บกพรอง จึงไดตรึกคิดใครครวญแลว ปรารถนาจักหลุดพนทุกทิวาราตรี ระลึกปรารถนาไปอุบัติยังวิศุทธิ
ประเทศของพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาเปนเนืองนิตย ตลอดสิบทิวาราตรีจนถึงหนึ่งทิวาราตรี หาก
ระลึกถึงมิขาดหายแลวไซร เมื่อเพลาท่ีส้ินชีพแลวจักไดอุบัติยังโลกธาตุแหงนั้น เพื่อดําเนินโพธิสัตวมรรคทั้งส้ิน
บรรดาผูที่ไปอุบัติเหลานั้น ยอมไดอภิเษกเปนธรรมราชกุมาร มีวรรณะดุจทองคํา สมบูรณดวยมงคลลักษณะ
สามสิบสองประการ แลจะไดสําเร็จเปนพระพุทธสัพพัญูท้ังสิ้น หากปรารถนาตรัสรูยังโลกธาตุในทิศาใดๆ ก็
จักไดสมตามความปรารถนานั้น อันจักเร็วฤๅชา (ในการตรัสรู) ข้ึนอยูกับความวิริยะของผูน้ันเอง เมื่อปรารถนา
มรรคผลแลวมิไดห ยุดพัก มคี วามพากเพียรก็ยอ มบรรลุ มิเสื่อมจากปณิธานเหลานน้ั
ดกู อนอานนท เพราะคุณประโยชนไ พบลู ยเ ชน น้ี บรรดาพระอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจาท้งั ปวง ท่ีในโลกธาตุ
ตางๆ อันประมาณมิได นับมิได เปนอจินไตย หาส่ิงมาเสมอมิได และปราศจากขอบเขตจํากัด ก็ลวนสดุดี
สรรเสริญกศุ ลบารมีแหง พระอมิตายุสพทุ ธเจา
禮供聽法第二十六
復次阿難,十方世界諸菩薩眾,為欲瞻禮極樂世界無量壽佛,各以香華幢幡寶蓋,往詣佛所
。恭敬供養,聽受經法,宣布道化,稱讚佛土功德莊嚴。爾時世尊即說頌曰:
東方諸佛剎 數如恆河沙 恆沙菩薩眾 往禮無量壽
南西北四維 上下亦復然 咸以尊重心 奉諸珍妙供
暢發和雅音 歌嘆最勝尊 究達神通慧 遊入深法門
聞佛聖德名 安隱得大利 種種供養中 勤修無懈倦
觀彼殊勝剎 微妙難思議 功德普莊嚴 諸佛國難比
因發無上心 願速成菩提 應時無量尊 微笑現金容
光明從口出 徧照十方國 迴光還繞佛 三匝從頂入
菩薩見此光 即證不退位 時會一切眾 互慶生歡喜
佛語梵雷震 八音暢妙聲 十方來正士 吾悉知彼願
志求嚴淨土 受記當作佛 覺了一切法 猶如夢幻響
滿足諸妙願 必成如是剎 知土如影像 恆發弘誓心
究竟菩薩道 具諸功德本 修勝菩提行 受記當作佛
通達諸法性 一切空無我 專求淨佛土 必成如是剎
聞法樂受行 得至清淨處 必於無量尊 受記成等覺
無邊殊勝剎 其佛本願力 聞名欲往生 自致不退轉
菩薩興至願 願己國無異 普念度一切 各發菩提心
捨彼輪迴身 俱令登彼岸 奉事萬億佛 飛化徧諸剎
恭敬歡喜去 還到安養國。
วรรค ๒๖ ถวายสักการะและสดับธรรม
64
ดูกอนอานนท บรรดาโพธิสัตวในโลกธาตุท่ัวทศทิศ เม่ือปรารถนานมัสการพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัม
พุทธเจาแหงสุขาวตีโลกธาตุ ตางจักถือเอาสุคันธชาติ บุปผชาติ ธวัชและรัตนฉัตรมาเฝายังท่ีประทับ เพื่อถวาย
ความเคารพ สักการบูชา สดับพระธรรมเทศนา ประกาศสั่งสอนมรรคธรรมและสดุดีคุณาลังการแหงสุขาวตี
พุทธเกษตร ในสมยั นนั้ พระโลกนาถเจาศากยมุนีรบั สัง่ เปน โศลกวา…
บรรดาพุทธเกษตรท้ังปวงเบือ้ งทศิ บรู พา อนั คณนานบั ดวยเม็ดทรายแหงคงคานที
หมโู พธิสตั วจ าํ นวนเทา เม็ดทรายแหงคงคา กม็ านมสั การพระอมติ ายุสะพทุ ธองค
ในทิศาภาคทกั ษิณ ประจิม อดุ ร ท้งั จตรุ ทศิ ทิศเบื้องบนแลเบื้องลางเชน กันนี้
ตา งมจี ิตคารวะเล่อื มใส ถอื เอาเครอื่ งสกั การทีป่ ระณตี ท้งั ปวง
กลา วมธุรพจนอันไพเราะ ขบั ขานสดดุ พี ระพุทธองคผูประเสริฐสดุ
(โพธสิ ัตว) ผูถงึ ที่สดุ แหง อภิญญาญาณ ทอ งเทีย่ วไปในคัมภรี ธรรมทวาร
เมอ่ื สดบั คณุ แหงพระนาม ยอมผาสกุ แลว ลุถึงประโยชนไ พศาล
ไดถ วายสกั การะนานปั การ อยา งพากเพียรมิหนายแหนง
เมอื่ ทัศนาความวิเศษของเกษตร ท่ีประณีตพิสดารเปน อจินไตยแหง น้นั
มีองคคณุ ท่ีแลว ดว ยอลังการ บรรดาพทุ ธประเทศท้งั ปวงยากจักเสมอได
เหตุเพราะทรงประกาศอนตุ รจติ ปณิธานจกั สําเรจ็ พระโพธิโดยเรว็
ในเพลานนั้ พระอมิตายสุ ะ จงึ แยมสรวลและปรากฏสุวรรณพกั ตร
เกดิ รัศมโี อภาสจากพระโอษฐ สวางไปยังดินแดนทัง้ ทศทิศ
แลว ยอนมาประทักษิณพระพุทธะ สามรอบจงึ หวนเขา พระอษุ ณีย
โพธิสัตวเ มื่อไดย ลรัศมนี ี้ จกั บรรลุถงึ ฐานะของผูม ิเส่อื มถอย
ในสมัยนัน้ มหาชนในสันนิบาต ตางจกั โมทนายินดี
พระพุทธวจนะดั่งพรหมและอสนุ บี าตคํารณ สทั เสยี งมคี วามวเิ ศษแปดประการ*๓๘
อนั สัตบุรุษ (โพธสิ ตั ว) ทีม่ าแตท ศิ ทั้งสิบ ทรงรบั รซู ึ่งปณธิ าน (ของโพธสิ ตั ว) เหลานั้น
วา มุงชาํ ระวิศทุ ธิภูมิ (ปรารถนา) ไดรบั ลัทธยาเทศพุทธพยากรณ
รูแ จงสรรพธรรม วา อุปมาความฝน มายา แลเสยี งสะทอน
แลว สมบรู ณในปณิธานอันประเสริฐท้งั ปวง วาจกั สาํ เรจ็ ซ่งึ โลกธาตุดั่งนีเ้ ปนแนแ ท
(แม) รวู า โลกธาตุด่ังภาพนิมติ กย็ งั ประกาศปณิธานจติ (เพื่ออนุเคราะหส ัตว)อยูเปนนติ ย
เมื่อถึงที่สุดแหง โพธสิ ตั วมรรค จงึ พรอมในกุศลมลู ทงั้ ปวง
ไดบ าํ เพ็ญโพธิจริยาอันประเสริฐ*๓๙ แลวรับพยากรณวา จักสําเร็จพทุ ธญาณ
แทงตลอดซ่งึ สรรพธรรมภาวะ สรรพศนู ยตาและอนตั ตา
มงุ มน่ั ในพุทธโลกธาตทุ ี่บริสุทธ์ิ จักไดส ําเร็จซง่ึ โลกธาตุด่ัง (สขุ าวต)ี เปนแนแ ท
เม่ือสดบั ธรรมแลว เกิดโสมนสั รบั ปฏบิ ัติ ไดบรรลอุ ายตนะที่บริสทุ ธิ์
ตอพระอมิตายสุ ะพทุ ธเจา นน้ั ยอมไดร บั พยากรณวาจกั ไดส ําเร็จพุทธญาณเปน แนแท
65
วชิ ยพทุ ธเกษตรอนั ไรขอบเขตประมาณ*๔๐ กด็ วยกาํ ลังมลู ปณธิ านแหง พระพทุ ธเจา พระองคน น้ั
เมื่อไดส ดับพระนามแลวปรารถนาไปอบุ ตั ิ ตนเองยอมมเิ สอ่ื มถอย
โพธสิ ัตวเ มื่อเจริญปณิธาน แลเม่อื ปณิธานเสร็จสิ้นแลวโลกธาตุก็มิตา ง (จากสุขาวต)ี
เกดิ ระลึกจักโปรดสรรพสตั ว ให (สัตวท ้งั ปวง) ไดป ระกาศโพธิจติ
วางเฉยสังสารวัฏกาย แลวมงุ สฝู ง กระโนนทัง้ สนิ้
สนองกิจแหง พระพุทธองคจ าํ นวนรอยโกฏิ เหาะไปยังโลกธาตทุ ้งั ปวง*๔๑
ดว ยความเคารพและโสมนัส แลว จึงนวิ ตั ยิ งั สขุ าวตี
*๓๘.เสียงท่ีมีความวิเศษ ๘ ประการคือ ๑.พระสุรเสียงของพระพุทธองคยิ่งกวาเสียงในโลก มิวาจะเปน
โลกียะหรือโลกุตระก็ตาม ๒.มีพระสุรเสียงออนโยน แสดงถึงความเมตตากรุณาท่ีย่ิงใหญ ผูไดสดับแลวยอม
โสมนัส ๓.พระสรุ เสยี งสามารถบําราบจติ ของสรรพสัตว ยงั ใหมีกเิ ลสสงบลงและเกดิ ปญ ญาญาณ ๔.พระสุรเสียง
ที่แสดงธรรมไมมีความผิดพลาด ๕.พระสุรเสียงสมบรู ณดวยเวสารัชชะ ๔ ประการ ยังใหผูสดับเกิดความเคารพ
ยังใหมารหนหี าย ไมเ หมอื นเสียงสตรี ๖.พระสุรเสยี งยังใหผูส ดับเกิดความยําเกรง เกดิ สตปิ ญ ญา ๗.พระสรุ เสียง
ที่แสดงธรรมยังใหผูสดับเกิดความรูสึกซาบซึ้ง ๘.พระสุรเสียงท่ีแสดงธรรมแตละประโยคมีอรรถลึกซึ้งไมมี
ประมาณ
*๓๙.อรรถกถาวา โพธจิ รยิ าอันประเสริฐ คอื ทศจรยิ าปณธิ านของพระสมนั ตภทั รโพธสิ ัตว
*๔๐ หมายถงึ สขุ าวตโี ลกธาตุ
*๔๑ เพ่อื สักการะพระพทุ ธเจา ในโลกอนื่ ๆ, สดับธรรม, ชวยเหลอื สรรพสตั ว
歌嘆佛德第二十七
佛語阿難:彼國菩薩,承佛威神,於一食頃,復往十方無邊淨剎,供養諸佛。華香幢幡,供
養之具,應念即至,皆現手中。珍妙殊特,非世所有。以奉諸佛,及菩薩眾。其所散華,即於空
中,合為一華。華皆向下,端圓周匝,化成華蓋。百千光色,色色異香,香氣普薰。蓋之小者,
滿十由旬,如是轉倍,乃至徧覆三千大千世界。隨其前後,以次化沒。若不更以新華重散,前所
散華終不復落。於虛空中共奏天樂,以微妙音歌嘆佛德。經須臾間,還其本國,都悉集會七寶講
堂。無量壽佛,則為廣宣大教,演暢妙法。莫不歡喜,心解得道。即時香風吹七寶樹,出五音聲
。無量妙華,隨風四散。自然供養,如是不絕。一切諸天,皆齎百千華香,萬種伎樂,供養彼佛
,及諸菩薩聲聞之眾。前後往來,熙怡快樂。此皆無量壽佛本願加威,及曾供養如來,善根相續
,無缺減故,善修習故,善攝取故,善成就故。
วรรค ๒๗ ลํานาํ สรรเสรญิ พระพทุ ธคุณ
รับสั่งตอพระอานนทวา “อันโพธิสัตวท่ีในโลกธาตุแหงน้นั ดวยอาศัยพระพุทธานุภาพยังใหช ั่วเวลาภตั กจิ
คราวหน่ึง จักเที่ยวไปในวิศุทธิเกษตรอันไรขอบเขตทั่วทศทิศ เพื่อสักการะพระพุทธเจาท้ังหลาย บุปผาชาติ สุ
คันธชาติ ธวัชฉัตรธง และเครื่องสกั การะทง้ั ปวง เมื่อระลึกถงึ ก็ไดร บั โดยอุบตั ิมอี ยูในฝา มอื ท้ังส้นิ ลว นแตม ีความ
ประณีตวิจิตรพิสดารหามิไดในโลก ถวายตอปวงพระพุทธเจาและหมูโพธิสัตว จักโปรยบุปผาชาตินั้นทั่วไปใน
อากาศ แลวรวมเปนดอกเดียวหมุนเวยี นเปน วงกลม ประกอบเปนรม ฉัตรดอกไม มีวรรณะแสงสรี อ ยพันประการ
แตละวรรณะยังมกี ล่ินหอมที่ตางกัน กล่ินนั้นก็กําจายไปท่ัว ฉัตรอยางเล็กนั้นมีปริมณฑลโดยรอบสิบโยชน แลว
ทบทวีไปทลี ะเทา จนปกคลมุ ไปทั่วตรสี หสั มหาสหัสโลกธาตุ (บปุ ผา) ทัง้ เบอ้ื งหนา และเบื้องหลงั น้ันกเ็ กิดขึ้นใหม
และรวงหลนไป หากมิเกลี่ยบุปผาใหมอีก บุปผาที่เกลี่ยไวแตเดิมก็จักมิรวงโรย สังคีตดนตรีอันเปนทิพย จัก
66
ประโคมอยูกลางนภากาศ เกิดเปนเสียงท่ีไพเราะย่ิงนัก อันสดุดีพระคุณของพระพุทธเจา ผานไปชั่วขณะเดียวก็
จกั กลบั สู (สุขาวตี) โลกธาตุแหง เดมิ น้นั แลว มาประชมุ พรอ มกันยังหอแสดงธรรมรัตนะเจด็ ประการ พระอมติ ายุ
สอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาจักแสดงพระมหาธรรมเทศนาอยางไพบูลย ยังความปติโสมนัส ใหดวงจิตบรรลุแก
มรรคผล ในสมัยนั้นกระแสลมหอมจักโชยมากระทบสัปตรัตนพฤกษ บังเกิดเปนเสียงหาประการ ทิพยบุปผา
จํานวนอเนกอนันต จักลอยไปตามลมท้ังส่ีดาน เพ่ือถวายเปนเครื่องสักการะอยูเชนน้ีมิไดขาด บรรดาเทพยดา
ทั้งปวงน้ันก็ยกทูนบุปผาชาติ สุคันธชาติจํานวนรอยพัน และเครื่องสังคีตจํานวนหมื่นชนิด ถวายแดพระ (อมิตา
ยุส) พุทธเจาพระองคน้ัน หมูโพธิสัตวและสาวกท้ังปวง อันดําเนินมาแตเ บ้ืองหนาและเบ้ืองหลัง มีความนาดูชม
ย่ิงนัก ทั้งหมดนี้ลวนเพราะเหตุที่มิไดพรองนอยลง ดวยเหตุที่บําเพ็ญอบรมมาเปนอยางดี ดวยเหตุท่ีสงเคราะห
ธํารงไวเปนอยางดี และดวยเหตุที่ไดสําเร็จแลวเปนอยางดี ในกุศลมูลท่ีสงผลสืบเนื่องอยูมิขาดส้ินของปณิธาน
พละเมื่อกาลกอน และการไดเคยถวายสักการะพระตถาคตเจาทั้งปวง และของพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัม
พทุ ธเจา ”
大士神光第二十八
佛告阿難:彼佛國中諸菩薩眾,悉皆洞視徹聽八方上下、去來現在之事。諸天人民,以及蜎
飛蠕動之類,心意善惡,口所欲言,何時度脫,得道往生,皆豫知之。又彼佛剎諸聲聞眾,身光
一尋,菩薩光明,照百由旬。有二菩薩,最尊第一,威神光明,普照三千大千世界。阿難白佛:
彼二菩薩,其號云何?佛言:一名觀世音,一名大勢至。此二菩薩,於娑婆界,修菩薩行,往生
彼國。常在阿彌陀佛左右。欲至十方無量佛所,隨心則到。現居此界,作大利樂。世間善男子、
善女人,若有急難恐怖,但自歸命觀世音菩薩,無不得解脫者。
วรรค ๒๘ ประภาสแหง มหาบรุ ษุ
พระผมู ีพระภาคตรัสกบั พระอานนทวา “บรรดาโพธิสตั วทใี่ นพุทธเกษตรแหงนั้น ลว นจักไดแ ลเห็นและได
สดับ ซ่ึงเร่ืองราวจากทิศทั้งแปด ทิศเบื้องบนและเบื้องลาง อดีต อนาคต และปจจุบัน มโนระลึกอันเปนกุศล
อกุศล วาจาท่ีจักกลาวออกมา เพลาใดที่ควรโปรด เพื่อยังใหบรรลุมรรคผลแลวไปอุบัติ (ยังสุขาวตี) ของเหลา
เทพบรษิ ทั และมนษุ ยนกิ ร สัตวน้าํ สัตวป ก สตั วเ ลอ้ื ยคลาน กส็ ดบั รบั รโู ดยถองแททง้ั สิ้น อกี บรรดาสาวกในพุทธ
เกษตรแหงนัน้ มีรังสีแหงกายหน่งึ ชิ้ม*๔๒ โพธสิ ัตวม ีรศั มีแผไปรอ ยโยชน ยงั มีโพธสิ ตั วส ององคผูเปน เลิศ (ในหมู
โพธิสตั วท้ังปวง) มีประภาสรุง เรืองดวยเดช สองฉายไปยงั ตรีสหัสมหาสหสั โลกธาตุ” พระอานนทเถระเจาทูลวา
“อันโพธิสัตวท้ังสองน้ัน มีนามวากระไรพระเจาขา” รับส่ังวา “อวโลกิเตศวร๑ มหาสถามปราปต๑ โพธิสัตวทั้ง
สองน้ไี ดบ าํ เพญ็ โพธิสัตวจริยาในสหาโลกธาตุ แลวจงึ ไปอุบัตทิ ี่ (สุขาวตี) โลกธาตุแหงน้ัน ไดเฝา อยูเบือ้ งซายขวา
ของพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธะ เมื่อ (โพธิสัตวทั้งสองนี้) ปรารถนาจักไปสูสํานักแหงพระพุทธเจา
จํานวนประมาณพระองคมิได ก็ยอมไปถึงดั่งใจ ในบัดน้ีก็ยังไดกระทํามหาหิตประโยชนอยูในโลกธาตุแหงน้ี
กุลบุตรกุลธิดาในจักรวาล หากมีเภทภัยฤๅความหวาดหว่ันใด เพียงตนเองนอมพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตวเปนที่
พง่ึ ก็จักบรรลุถงึ การหลุดพนได”
*๔๒.ชิม้ คือ มาตราวัดของจีน ยาวแปดฟตุ จีน
願力宏深第二十九
復次阿難,彼佛剎中,所有現在、未來一切菩薩,皆當究竟一生補處。唯除大願,入生死界
,為度羣生,作師子吼。擐大甲胄,以宏誓功德而自莊嚴。雖生五濁惡世,示現同彼,直至成佛
,不受惡趣。生生之處,常識宿命。無量壽佛,意欲度脫十方世界諸眾生類,皆使往生其國,悉
67
令得泥洹道。作菩薩者,令悉作佛。既作佛已,轉相教授,轉相度脫,如是輾轉,不可復計。十
方世界,聲聞菩薩,諸眾生類,生彼佛國,得泥洹道,當作佛者,不可勝數。彼佛國中,常如一
法,不為增多。所以者何?猶如大海,為水中王,諸水流行,都入海中。是大海水,甯為增減。
八方上下,佛國無數。阿彌陀國,長久廣大,明好快樂,最為獨勝。本其為菩薩時,求道所願,
累德所致。無量壽佛,恩德布施八方上下,無窮無極,深大無量,不可勝言。
วรรค ๒๙ กาํ ลังแหงปณธิ านไพศาลแยบยล
ดูกอนอานนท ในพุทธเกษตรแหงน้ัน บรรดาโพธิสัตวทั้งปวงท่ีในกาลปจจุบันและอนาคต ที่สุดแลวลวน
เปนผูเก่ียวเน่ืองกับการเกิดเพียงชาติเดียวท้ังส้ิน เวนแตผูมีมหาปณิธานจักเขาสูสังสารโลก เพ่ืออนุเคราะห
เวไนยนกิ ร กระทําซ่ึงบนั ลือสิงหนาท ทรงเส้อื และหมวกเกราะ คอื มกี ศุ ลแหง ปณิธานยิ่งใหญเปนเครอ่ื งยงั ตนให
อลังการ แมนจักมาถืออุบัติยังโลกแหงความเสื่อมหาประการ*๔๓ ก็เสมือน (วาอยูในสุขาวตี) นั้น มุงมั่นจัก
สําเรจ็ พระบรมโพธิญาณ มิตองเสวยอบายภมู ิ ทกุ สถานท่ีถืออุบัตจิ กั เปน ผูมปี ุพเพนวิ าสานสุ สติญาณ ปรชี าลวงรู
กุศลแลอกุศลท่ีกระทํามาแลวในบุพชาติเปนนิจ พระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจามีพระทัยจักอนุเคราะห
สรรพสัตวในทศทิศโลกธาตุ ใหมาอุบัติยัง (สุขาวตี) โลกธาตุแหงน้ัน บรรลุถึงมหายานพุทธมรรค ดํารงตนเปน
โพธิสัตวแลวสําเร็จเปนพุทธะ เมื่อไดเปนพระพุทธะแลว จึงมีการอนุศาสนท่ีเปล่ียนไป มีการอนุเคราะหท่ี
เปลี่ยนไป ดั่งการแปรเปลี่ยนเชนน้ีท่ีเกิดข้ึนนับคํานวณครั้งมิได บรรดาสาวก โพธิสัตว และสรรพสัตวในทศทิศ
โลกธาตทุ ่ไี ปกําเนดิ ยังพุทธเกษตรแหง นน้ั ยอมบรรลถุ ึงมหายานพุทธมรรค ไดกระทําซง่ึ ความเปน พระชินพุทธะ
แลวจํานวนมิถวน ในพุทธเกษตรแหงน้ันยอมเปนนิจอยูดวยธรรมประการหนึ่ง มิเพิ่มมากไปกวาน้ี เชนดังฤๅ
อุปมามหาสาครอันเปนราชาแหงชลชาติ กระแสธาราทั้งปวงตางไหลสูหวงสาคร แตวารีแหงมหาสาครน้ันก็มิ
เพ่ิมข้ึนแลพรองลง พุทธเกษตรจํานวนอสงไขยท่ีในทิศทั้งแปด ตลอดจนเบื้องบนแลเบื้องลาง ดินแดนแหง
พระอมิตายุสพุทธเจามีความกวางใหญไพศาล รุงเรืองงดงามและสุขารมณ ประเสริฐยอดยิ่ง (กวาโลกธาตุท้ัง
ปวง) เมื่อสมัยท่ี (พระอมิตายุสพุทธะ) เสวยพระชาติเปนโพธิสัตวอยูน้ัน เพราะมีปณิธานปรารถนามรรคผลจึง
ไดสั่งสมบุญญาธิสมภารเอาไว พระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาจึงมีพระบารมีคุณแผอนุเคราะหไปในทิศ
ท้ังแปด ตลอดจนเบ้ืองบนแลเบ้ืองลาง ปราศจากขอบเขตส้ินสุด คัมภีรภาพไพศาลมิอาจประมาณ จะกลาวคํา
ใดใหป ระเสริฐยง่ิ กวา มไิ ดเ ลย
*๔๓.ความเสื่อมทางพระพุทธศาสนาแบงไว ๕ ประการ คอื
๑.ความเส่อื มแหงทิฐิ ดว ยหากพระสัทธรรมดับสูญแลว มิจฉาทฐิ ยิ อ มจกั รุงเรืองเขาแทนท่ี กุศลกรรมอันดี
งามยอมมอิ าจจะเจริญได
๒.ความเสอื่ มเพราะกเิ ลส สรรพสัตวถูกอวิชชาครอบงําใหไ รปญ ญาญาน ยึดม่ันเคลอื บยอ มในรปู รส กลิ่น
เสียง สัมผัส ตัณหา ราคะทั้งปวง ใหละโมบโลภมาก ทําการรบราฆาฟนเพื่อแยงชิงทรัพยสินตางๆ และลวงลอ
โปปดแกกนั
๓.ความเสื่อมของสัตว สรรพสัตวไมรูกตญั ตู อบุพการี มิละอายตอบาปและมิเกรงกลัวตอผลของบาป มิ
สรางกศุ ลความดี ฆาสตั วต ดั ชวี ติ อยางไรค วามปราณีและเปน ผไู มมศี ลี
๔.ความเสื่อมแหงอายุ ดวยเพราะมีอกุศลกรรมเพ่ิมพูน จึงบ่ันทอนอายุขัยของมนุษยโลกใหเหลือสั้นลง
และ
68
๕.ความเสื่อมแหงกัลป คือกัลปที่เราดํารงอยูนี้ยอมมีการเส่ือมสลายไปในอนาคต อาจเกิดจากอุทกภัย
อคั คีภัย โรคาภยั และวบิ ัตภิ ยั ท้ังปวงเปน ตน
菩薩修持第三十
復次阿難,彼佛剎中,一切菩薩,禪定智慧,神通威德,無不圓滿。諸佛密藏,究竟明了。
調伏諸根,身心柔軟。深入正慧,無復餘習。依佛所行,七覺聖道。修行五眼,照真達俗。肉眼
簡擇,天眼通達,法眼清淨,慧眼見真,佛眼具足,覺了法性。辯才總持,自在無礙。善解世間
無邊方便。所言誠諦,深入義味。度諸有情,演說正法。無相無為,無縛無脫。無諸分別,遠離
顛倒。於所受用,皆無攝取。徧遊佛剎,無愛無厭。亦無希求不希求想,亦無彼我違怨之想。何
以故?彼諸菩薩,於一切眾生,有大慈悲利益心故。捨離一切執著,成就無量功德。以無礙慧,
解法如如。善知集滅音聲方便。不欣世語,樂在正論。知一切法,悉皆空寂。生身煩惱,二餘俱
盡。於三界中,平等勤修。究竟一乘,至於彼岸。決斷疑網,證無所得。以方便智,增長了知。
從本以來,安住神通。得一乘道,不由他悟。
วรรค ๓๐ โพธสิ ัตวผบู ําเพญ็ แลธาํ รงไว
ดูกอนอานนท บรรดาโพธิสัตวทั้งปวงในพุทธเกษตรแหงนั้น มีสมาธิฌาน ปญญาญาณ อภิญญา เดชานุ
ภาพท่ีลวนแตบริบูรณ อันคุหยครรภของพระพุทธเจาท้ังปวงก็รูแจงเปนที่สุด เปนผูบําราบอินทรียท้ังปวง ยัง
กายและจิตใหออ นโยน (ควรแกการงาน) เขา ถงึ ความรทู ่ถี กู ตรงอยา งแยบคายมิประพฤติไปนอกจากนี้ นอมตาม
จริยาของพระพุทธเจา คือโพชฌงคเจ็ดและอริยมรรค ประพฤติปฺจ จกฺขูนิ*๔๔ เล็งเห็นสัตยธรรมแทงตลอด
โลกียะ คือมีมังสะจักษุเปนสิ่งสามัญ มีทิพจักษุแทงตลอด มีธรรมจักษุวิมลใส มีปญญาจักษุทัศนาเห็นความจริง
มพี ุทธจักษุที่สมบูรณรแู จงถอ งแทธรรมภาวะ เปนผมู ปี ฏิภาณไหวพริบ รวบรวมและทรงไว (ซง่ึ ธรรม) เปน อสิ ระ
ปราศจากเคร่ืองกีดก้ัน รูจําแนกอุปายะของจักรวาลจํานวนอนันตะอยางเชี่ยวชาญ มีวาจาท่ีซ่ือและสัตย ล้ําลึก
ดวยรสแหงอรรถะ เปนผูโปรดหมูเวไนยสัตวดวยการแสดงพระสัทธรรม ไรการกําหนดและไรการปรุงแตง*๔๕
ไรการผูกมัดและไรการหลุดพน ปราศจากการแบงแยกทั้งปวง ไกลหางวิปลาส สําหรับส่ิงของเคร่ืองใชน่ันเลาก็
มิไดยึดม่ันไว ทองเที่ยวไปในพุทธเกษตรอยางปราศจากความยินดีและเบื่อหนาย ไรลักษณะที่ปรารถนาและมิ
ปรารถนา ท้ังไรลักษณะแหงตัวเขาและตวั เรา ไกลจากอาฆาต ดวยเหตุไฉนนั่นฤๅ เพราะเหตุท่ีโพธิสัตวเหลานัน้
มจี ติ เมตตากรุณาใหญหลวงยง่ิ หมายยงั ประโยชนแกห มสู ตั ว เปน ผูอ ุเบกขาแลหา งจากความยึดม่ันถือมน่ั ทัง้ ปวง
สําเร็จในกุศลความดีจํานวนไมมีประมาณ ดว ยใชปญญาทไี่ รส่ิงกีดขวาง จาํ แนกตถตาธรรม ลวงรซู ่งึ อปุ ายะแหง
การประชุมกันเกิดขึ้นและการดับลงของสัทเสียงเปนอยางดี มิเริงรากับวาจาของโลก แตยินดีในคํากลาวที่ถูก
ตรง รูแจงสรรพธรรมวาลวนวางเปลา มีการเกิดและกิเลสความเศราหมองที่ดับส้ินแลวท้ังสองสว น ในตรีภูมนิ ีก้ ็
พากเพียรบําเพ็ญอยูดวยความสมภาพ มีเอกยานเปนท่ีสุดยังใหลุถึงฝงกระโนน ปหานวิจิกิจฉาชาละเปนสมุ
ทเฉทแลวบรรลุถึงสถานะท่ีมอิ าจเขาถงึ ดวยการใชอุปายปญญายังใหรูแจงไดทบเทาทวีคูณ จากมูลฐานแตเดมิ
มากต็ ้งั อยูใ นอภิญญา เปน ผูบ รรลุเอกยานมรรค*๔๖ มิไดจากการรูแจงของผอู นื่ (คือการรแู จงไดเฉพาะตน)
*๔๔.จักษุคอื นัยนตา ๕ มี ๑.มังษจักษุ คือตาเนอื้ (มนุษย) ๒.ทพิ จกั ษุ คอื ตาทพิ ย (เทวดา) ๓.ปญ ญาจักษุ
คอื ตาปญ ญา ๔.ธรรมจกั ษุ คอื ตาเห็นธรรม ๕.พทุ ธจกั ษุ คอื ตาพทุ ธะ
*๔๕.คอื อนมิ ิตและอสังขตะ
*๔๖.หนทางคือการเปน ยานหนึ่งเดียวกนั ไมแบง แยก ความหมายคือ สาวกยาน ปจ เจกยาน แลพทุ ธยาน
(โพธิสัตวยาน, มหายาน) ท่ีลวนแตคือ เอกยาน ที่แยกเปนสามยาน เพราะอนุโลมตามจรติของสรรพสัตวท่ีมี
69
ความตางกนั เทา นั้น
真實功德第三十一
其智宏深,譬如巨海;菩提高廣,喻若須彌;自身威光,超於日月;其心潔白,猶如雪山;
忍辱如地,一切平等;清淨如水,洗諸塵垢;熾盛如火,燒煩惱薪;不著如風,無諸障礙。法音
雷震,覺未覺故;雨甘露法,潤眾生故;曠若虛空,大慈等故;如淨蓮華,離染污故;如尼拘樹
,覆蔭大故;如金剛杵,破邪執故;如鐵圍山,眾魔外道不能動故。其心正直,善巧決定;論法
無厭,求法不倦;戒若琉璃,內外明潔;其所言說,令眾悅服。擊法鼓,建法幢,曜慧日,破痴
闇。淳淨溫和,寂定明察。為大導師,調伏自他。引導羣生,捨諸愛著。永離三垢,遊戲神通。
因緣願力,出生善根。摧伏一切魔軍,尊重奉事諸佛。為世明燈,最勝福田,殊勝吉祥,堪受供
養。赫奕歡喜,雄猛無畏。身色相好,功德辯才,具足莊嚴,無與等者。常為諸佛所共稱讚。究
竟菩薩諸波羅密,而常安住不生不滅諸三摩地。行徧道場,遠二乘境。阿難,我今略說彼極樂界
,所生菩薩,真實功德,悉皆如是。若廣說者,百千萬劫不能窮盡。
วรรค ๓๑ บญุ ญาธิการอันจริงแท
(โพธิสตั วใ นสุขาวตี) แหงน้ันประกอบดวยปญญาทีค่ ัมภีรภาพไพศาล อปุ มาหว งมหาสาคร มโี พธิพฤกษสูง
ใหญ ประดุจสุเมรุคิรีราช สรีรกายแหงตนก็มีรัศมีรุงเรืองกวาสุริยันแลจันทรา ในดวงจิตขาวสะอาดประหน่ึงหิ
มาลยคิรี มีขนั ติอดทนเพียงแผนผืนธรณนิ ท่ีเสมอภาคตอ สรรพส่งิ มีความวมิ ลใสปานชลชาตทิ ีช่ ําระส่ิงแปดเปอน
ท้ังปวง มีความรุงเรืองโชตนาประหน่ึงอัคคีเผาผลาญฝนกิเลส มิถูกผูกมัดด่ังวาโยที่ปราศบรรดาเคร่ืองกีดกั้น
(เปนผู) มีเสียงแหงธรรมอุโฆษปานอสุนีบาต เหตุเพราะยังผูมิรูแจงใหรูแจง (เปนผู) โปรยปรายฝนอมฤตธรรม
เหตุเพราะยังหมูสัตวใหฉํ่าเย็น มีความไพศาลดุจอากาศ เหตุเพราะมีมหาเมตตาอยูท่ัวพรอม ท้ังประหน่ึงดอก
ปทุมมาลยท ่ีบริสุทธิ์ เหตุเพราะไกลจากมลทนิ ดัง่ นิโครธพฤกษ๔๗ เหตเุ พราะแผสาขาปกคลุมทั่วไป ด่ังวชั รคฑา
เหตุ*๔๗ คือ ตนไทร เพราะทําลายความยึดมน่ั ท่ีผิด ด่ังภูเขาเหล็กที่วนรอบจักรวาล*๔๘ เหตุเพราะเหลาพาหิร
มาร จักยังใหส่ันคลอนมิได ในดวงหทัยซ่ือตรง มีอุปายะดีงามและแนวแน มิเบ่ือหนายพระธรรมคําสอน และ
ปรารถนาพระธรรมอยางมิเหน่ือยลา มีศีลาจารดุจไพฑูรย ท่ีสวางสุกใสทั้งภายในแลภายนอก บรรดาวจนะท่ี
กลาวน้ันก็ยังความอ่ิมเอมใจแกหมูชน เปนผูย่ําธรรมเภรี จัดต้ังธรรมธวัช มีปญญาประหนึ่งดวงอาทิตยฉายแสง
ไปทาํ ลายความมืดมนของโมหะ มคี วามสตั ยซ ่อื และอบอุน สงบแนวแนพิจารณาใครค รวญรแู จง เปนมหาอาจาริ
ยะบาํ ราบอยซู ึ่งตนเองและผอู ื่น ชักนําเวไนยชนใหละวางความยดึ มั่นในตัณหา ไกลหา งมลทินสามประการ*๔๙
ชํานิชํานาญอภิญญากรีฑา ประกอบดวยกําลังแหงเหตุปจจัยและปณิธาน กอกําเนิดเปนกุศลมูล หักหาญหมู
มารเสนา นอมรับเอาภาระแหงพระพุทธะท้ังปวงดวยเคารพ กระทําซ่ึงความเปนประทีปของโลก เปนกุศล
เกษตรที่ประเสริฐสุด มีความวิเศษและมงคลยิ่ง ควรแกการสักการบูชา เปนผูมีชื่อเสียงดีงามแผไปไกล และ
นาชื่นชมองอาจแกลวกลามิคร่ันคราม รูปกายประกอบดวยมงคลลักษณะ มีบุญญาธิการและปฏิภาณไหวพริบ
สมบูรณพรอมอลังการไรผูเทียบเสมอ เปนผูไดรับการสรรเสริญจากพระพุทธเจาท้ังปวงอยูเนืองนิตย เปนที่สุด
ในปารมิตาท้ังปวงของโพธิสัตว ทั้งดํารงอยูในสมาบัติทั้งปวง อันมิเกิดและมิดับ เที่ยวไปในมณฑลสถานท้ังปวง
ไกลจากทวยิ านวิสยั *๕๐
ดูกอนอานนท บัดน้ีตถาคตไดกลาวอยูซึ่งบุญญาธิการอันจริงแท ของโพธิสัตวผูไดอุบัติในสุขาวตีโลกธาตุ
แหงน้ัน ท่ีลวนแตเปนไปอยูเชนน้ี หากจักกลาววิภาษาใหกวางขวางออกไป ในเพลารอยพันหม่ืนกัลปก็มิอาจ
หมดสนิ้ เลย
70
*๔๘.ภเู ขาเหลก็ ทว่ี นรอบจักรวาล ศัพทเ ดมิ วา จกฺรวาฑ
*๔๙.มลทิน ๓ หรือ อาสวะ ๓ มี ๑)กามาสวะ อาสวะเปนเหตุอยากได ๒)ภวาสวะ อาสวะเปนเหตุอยาก
เปน ๓)อวชิ ชาสวะ อาสวะคอื อวชิ ชา (ความเขลา)
*๕๐.คือ ไกลจากความเปนยานสอง คือ ปจเจกยานและสาวกยาน เปนผูมุงตรงตอพุทธยาน, เอกยาน
หรอื เปนผจู ะไดต รัสรูเปนพระพุทธเจา
壽樂無極第三十二
佛告彌勒菩薩、諸天人等:無量壽國,聲聞菩薩,功德智慧,不可稱說。又其國土微妙安樂
,清淨若此。何不力為善,念道之自然。出入供養,觀經行道。喜樂久習,才猛智慧。心不中迴
,意無懈時。外若遲緩,內獨駛急。容容虛空,適得其中。中表相應,自然嚴整。檢斂端直,身
心潔淨。無有愛貪,志願安定。無增缺減,求道和正。不誤傾邪,隨經約令。不敢蹉跌,若於繩
墨。咸為道慕,曠無他念。無有憂思,自然無為。虛空無立,淡安無欲。作得善願,盡心求索。
含哀慈愍,禮義都合。苞羅表裏,過度解脫。自然保守,真真潔白。志願無上,淨定安樂。一旦
開達明徹,自然中自然相,自然之有根本,自然光色參迴,轉變最勝。鬱單成七寶,橫攬成萬物
。光精明俱出,善好殊無比。著於無上下,洞達無邊際。宜各勤精進,努力自求之。必得超絕去
,往生無量清淨阿彌陀佛國。橫截於五趣,惡道自閉塞。無極之勝道,易往而無人。其國不逆違
,自然所牽隨。捐志若虛空,勤行求道德。可得極長生,壽樂無有極。何為著世事,譊譊憂無常
。
วรรค ๓๒ ชนมายุและโสมนสั เปน อนนั ต
สมเด็จพระผมู ีพระภาครบั สง่ั กับพระเมตไตรยโพธสิ ตั ว เทพและมนษุ ยท งั้ หลายวา “บรรดาสาวก โพธสิ ัตว
ในโลกธาตุของพระอมติ ายสุ อรหันตสัมมาสัมพทุ ธเจาน้นั เปนผมู ีบญุ ญาธกิ ารแลปญญาญาณทม่ี ิอาจพรรณนาได
(หมดสิ้นและครบถวน) และสุขารมณอันประณีตวิเศษของโลกธาตุแหงนั้น ก็บริสุทธ์ิปานฉะน้ี จักมิเปนเพราะ
กาํ ลงั แหงความดีหรอื กระไร ที่ (สุขาวตีชนจัก) เกดิ ภาวนามรรคโดยตนเอง เขาออก (สุขาวตโี ลกธาตุ) เพอื่ ถวาย
สักการะ พิจารณาพระธรรมสูตรและดําเนินปฏิปทา ยินดีในการศึกษาท่ียาวนาน*๕๑ มีปฏิภาณและปญญา
ญาณล้ําเลิศ ในหทัยมิถดถอยลดละ ในดวงจิตมิเกียจครานหนายแหนง ภายนอกแมนแลจักเนิ่นชา แตภายในก็
เรงรีบอยูเฉพาะตน อันขอบเขตแหงอากาศ*๕๒ ก็เขาถึงอยูในนั้น สําแดงโยคะเปนความอลังการและปกติ
เรียบรอยโดยธรรมชาติ เปนผูสังวรระวังสุภาพเรียบรอย มีกายและใจใสซ่ือบริสุทธิ์ ปราศจากตัณหาราคะ มี
ปณธิ านมงุ มน่ั แนวแน ปรารถนามรรคดวยความถูกตรง มเิ พิ่มข้ึนและมพิ รอ งไป ไมวิปลาสเหน็ ผิด แตค ลอยตาม
อนุศาสนแหงธรรม มิถือสาความพลาดพลั้งแตแกไขปรับปรุง เลื่อมใสมรรคธรรมและมิระลึกเปนอ่ืน ปราศจาก
ความกังวล มีธรรมชาติมิปรุงแตงดุจอากาศที่มิไดตั้งอยู มีความเรียบงายไรความทะยานอยาก เมื่อกระทํากุศล
ปณิธานจนบรรลุถวนพรอมแลว จึงตั้งปณิธานอีกดวยจิตอันเปนท่ีสุด มีความเมตตาอารี คารวธรรมและ
คุณธรรม ครอบคลุมสรรพสงิ่ คอื โลกียะและโลกุตระ*๕๓ กา วลวง (สงั สารวัฏ) บรรลุถงึ วมิ ตุ ติ เปนผรู กั ษาตนเอง
(ใหพนจากอบาย) เปนผูสะอาดมิแปดเปอนโดยแทจริง มีปณิธานแนวแนเปนอนุตระ บริสุทธ์ิตั้งม่ันและเปนสุข
ในขณะเดียวจักรูแจงธรรมลักษณแหงธรรม*๕๔ โดยตนเอง อันมูลภาวะแหงธรรมลักษณะนั้นแล ก็มีปกติดวย
แสงและวรรณะ ทเี่ ขา ออกหมุนเปล่ียนอยดู วยความพิศดาร (ดุจ) อุตตรกรุ ทุ วป ท่ีสาํ เรจ็ ดวยรัตนะเจด็ ประการ*
๕๕ ที่จากความวางเปลาจึงสําเร็จเปนสรรพสิ่ง บังเกิดจากประภาสรัศมีที่บริสุทธิ์ สวยงามวิจิตรหาส่ิงเปรียบ
มิได*๕๖ ปราศจากความสูงตํ่า และแทงตลอดมอิ าจประมาณซึ่งขอบเขต*๕๗ บรรดาชนาชน (ในสุขาวตี) ลวน
71
วิริยะพากเพียรตามกําลังแหงตน กาวลวงตัดขาดไปแลว (จากวัฏสงสาร) ไดอุบัติในอนันตวิศุทธิอมิตายุพุทธ
ประเทศ อันวางจากคติทั้งหา*๕๘ อบายภูมิจึงถูกปดกั้นไปโดยปริยาย มรรคคือเสนทางท่ีประเสริฐนี้เปนอนัน
ตะ*๕๙ ดําเนินไดงายแตหามีผูใดไม*๖๐ (ผูอุบัติท่ี) ดินแดนแหงน้ันมิเปนผูสอนยากมิเปนผูแข็งขืน จึงอบรม
ประพฤติตามโดยธรรมชาติ ละทิ้งความปรารถนา (อยางโลกแลมีจิต) ดุจอากาศ (ท่ีวางเปลาและบริสุทธ์ิ) เพียร
ประพฤติจริยาปรารถนามรรคและคุณ (สรรพสัตวในโลก) จักมีอายุขัยท่ีจํากัด (แตสุขาวตีชน) มีอายุขัยและ
เกษมโสมนัสท่ีมิจํากัดมิประมาณ แลวจักประสาใดกับการอาลัยตอเรื่องราวของโลกที่วุนวายทุกขรอนไมจีรัง
เลา ”
*๕๑.หมายถึง มิเรงรีบบรรลุพุทธภูมเิ พือ่ ตรัสรแู ละปรินิพพาน พอใจการเปน พระโพธิสัตว เพอ่ื อนเุ คราะห
สรรพสตั วต อ ไป หรือเปน ผูอยตู ลอดเวลาจนถงึ พระโพธิญาณ
*๕๒.อากาศ อาจแปลวา อวกาศ หรือความวางเปลา หรือสภาวะอันไมมีที่สิ้นสุด บางคร้ังมีนัยยะถึงพระ
ธรรม พระนิพพาน พทุ ธวิสยั ก็ได
*๕๓.表 หรือ 事 คือส่ิงที่แสดงออกมาภายนอกมีอีกนัยยะคือ โลกียะ 裏 หรือ 理 คือส่ิงที่อยูภายในหรือ
แกน แท มนี ยั ยะคือ โลกตุ ระ
*๕๔.ธรรมลักษณ ในบริบทน้ีหมายถึง ลักษณะของธรรม หรือ เอกสัตยธรรมธาตุ (一真法界) ที่มีอยูใน
ตัวเองของทุกสรรพสิง่ เหน็ แจง ไดโดยปญญาท่เี หน็ ตามความเปน จรงิ มปิ รงุ แตง
*๕๕.ในอรรถาธิบาย กลาววา การอุปมาถึงอุตตรกุรุทวีป ท่ีต้ังอยูทางเหนือของภูเขาสุเมรุน้ัน หมายถึง
ความประเสริฐ วิเศษ ยอดเย่ียม มีกําเนิดท่ีดี เพราะชาวอุตตรกุรุทวีปนั้นมีอายุกําหนดอยูหน่ึงพันป และมี
ความสขุ สบาย มีอัญมณี แพรพรรณ อาหารอุดมสมบูรณก วาทวีปทั้งสามที่เหลอื คือ ชมพูทวีป อยทู างทศิ ใตของ
ภูเขาสุเมรุ ปูรววิเทหทวีป ต้ังอยูทางทิศตะวันออกของภูเขาสุเมรุ และอมรโคยานทวีปตั้งอยูทางทิศตะวันตก
ของภเู ขาสเุ มรุ
*๕๖.หมายถึงสุขาวดีพุทธเกษตร ท่ีเกิดข้ึนมาจากมหาปณิธานของพระอมติ ายุสพทุ ธเจา ประดุจสรรพสงิ่
ที่เกิดจากความวางเปลา แลวปรากฏเปนรัศมีโอภาสสวางไสวเปนอนันตะ (อมิตาภะ) และหมายถึงสุขาวตีมี
ปกตทิ บ่ี ริสุทธ์ิ งดงาม เหมือนอุตตรกุรทุ วปี ทมี่ คี วามพิสดาร ฯลฯ อยูเปน ปกติธรรมชาติ ไมไ ดป รุงแตงใหเกิดขึน้
ใหม
*๕๗.อรรถาธิบายวา หมายถึงการตรัสรูข องพระพุทธเจาทกุ พระองค ไรซ ึ่งความสูงกวาหรือตํ่ากวากนั ท้ัง
ยงั มพี ระปญญาแผไ ปตลอดไรขอบเขตประมาณ
*๕๘.คติ ๕ มี อบายภูมิ ๓ คอื นรก เปรต เดรัจฉาน และสคุ ตภิ ูมิ คอื มนุษยภูมิ เทวภมู อิ กี ๒ รวมเปน ๕
(สงเคราะหอสุรภูมิในเทวภูมิ) ดั้งนั้น คติ ๕ ก็คือ ภูมิท้ัง ๖ อันเทวภูมิและมนุษยภูมิในโลกอื่นๆนั้น ก็คือ
อบายภมู เิ มอื่ เทียบกับกศุ ลของสขุ าวตี เพราะความสขุ ในสุขาวตีนน้ั สขุ เพราะวิราคธรรม แตสขุ ของคตทิ ั้ง ๕ น้นั
เจอื ดวย ราคะ กาม และกเิ ลส
*๕๙.อรรถาธิบายวา หมายถงึ มีผบู รรลมุ รรคอนั ประเสรฐิ นี้เปนพระอริยะแลว จํานวนอนันตะ คือประมาณ
ไมไ ด
72
*๖๐.หมายความวา เพียงสรางเหตุคือภาวนาพุทธนามก็จักไดไปอุบัติ แตไมมีผูสรางเหตุจึงไมมีผูไปอุบัติ
และเพียงการภาวนาพุทธนามสิบครั้งก็ไดไปอุบัติ แตผูปฏิบัติมีนอ ยยิ่งนักจงึ กลาววา “ดําเนินไดงายแตห ามผี ูใ ด
ไม”
勸諭策進第三十三
世人共爭不急之務,於此劇惡極苦之中,勤身營務,以自給濟。尊卑、貧富、少長、男女,
累念積慮,為心走使。無田憂田,無宅憂宅,眷屬財物,有無同憂。有一少一,思欲齊等,適小
具有,又憂非常。水火盜賊,怨家債主,焚漂劫奪,消散磨滅。心慳意固,無能縱捨。命終棄捐
,莫誰隨者。貧富同然,憂苦萬端。世間人民,父子兄弟夫婦親屬,當相敬愛,無相憎嫉。有無
相通,無得貪惜。言色常和,莫相違戾。或時心諍,有所恚怒。後世轉劇,至成大怨。世間之事
,更相患害,雖不臨時,應急想破。人在愛欲之中,獨生獨死,獨去獨來,苦樂自當,無有代者
。善惡變化,追逐所生,道路不同,會見無期。何不於強健時,努力修善,欲何待乎?世人善惡
自不能見,吉凶禍福,競各作之。身愚神闇,轉受餘教。顛倒相續,無常根本。蒙冥抵突,不信
經法。心無遠慮,各欲快意。迷於瞋恚,貪於財色。終不休止,哀哉可傷!先人不善,不識道德
,無有語者,殊無怪也。死生之趣,善惡之道,都不之信,謂無有是。更相瞻視,且自見之。或
父哭子,或子哭父,兄弟夫婦,更相哭泣。一死一生,迭相顧戀。憂愛結縛,無有解時。思想恩
好,不離情欲。不能深思熟計,專精行道。年壽旋盡,無可奈何。惑道者眾,悟道者少。各懷殺
毒,惡氣冥冥。為妄興事,違逆天地。恣意罪極,頓奪其壽。下入惡道,無有出期。若曹當熟思
計,遠離眾惡。擇其善者,勤而行之。愛欲榮華,不可常保,皆當別離,無可樂者。當勤精進,
生安樂國。智慧明達,功德殊勝。勿得隨心所欲,虧負經戒,在人後也。
วรรค ๓๓ อุปายะใหพากเพียร
โลกียชนตางยื้อแยงชวงชิง มิขวนขวายในกิจอันพึงกระทํา ตนนั้นตกอยูในความชั่วรายและความทุกขที่
สาหัสย่ิงนัก ตรากตรํากายประกอบกิจการ เพ่ือสงเคราะหตนเอง มิวาจักสูงศักดิ์ฤๅต่ําตอย ยากจนฤๅร่ํารวย
เยาววัยฤๅชราภาพ เปนบุรษฤๅสตรี ลวนมีจิตครุนคิดแลนไปเปนกังวล*๖๑ ผูไรผืนเกษตรก็ทุกขรอนเพราะ
(ตองการ) ผืนเกษตร ผูไรเคหะก็ทุกขรอนเพราะ (ตองการ) เคหะ ญาติวงศาแลทรัพยสมบัติ แมนจะอยูมีหรือ
ปราศจาก ก็เปนทุกขรอนดุจกัน มีหน่ึงวายังนอยไปอีกหน่ึง*๖๒ คิดตองการอยากมีพรอม แมนนอยนิดฤๅมี
พรอม ก็ยอมเปนทุกขรอ นอยางยิ่ง มิวาจัก (ถูกทําลาย) โดยอุทก อัคคี โจร โดยศัตรูฤๅเจา หนี้ โดยถูกเผาพลาญ
ฤๅลอยควางกับสายนํ้า ฤๅแตกสลายเปนผุยผง ในจิตก็ยังมีความตระหน่ี ในใจยังติดยึดมิอาจละวาง เมื่อวายชีพ
แลวจึงตองสละทิ้งทุกสิ่ง มิอาจตามผูใดไปได แมนทุคตชนหรือผูร่ํารวยก็เสมือนกันนี้ คือมีทุกขทรมานอยูมิ
ส้ินสุด บรรดามนุษยโลก มีบิดา บุตร พ่ีชาย นองชาย สามี ภรรยา ญาติ และมิตร พึงเคารพรักใคร มิควร
รงั เกียจและรษิ ยาแกกัน แมจกั ม่ังมีฤๅยากไรก ็อยาละโมบและตระหนี่ พึงมวี าจาและการกระทําออ นโยนเปนนิจ
มิควรลวงเกินตอกัน บางคราจิตเคืองโกรธเพียงช่ัวแลน จักเปลี่ยนเปนความอาฆาตยิ่งใหญในอนาคต เรื่องราว
ของโลกจักยิง่ ทวีความรา ยกาจดดุ ัน แมย งั มถิ ึงกาลมรณะกจ็ ักหวาดระแวงภัย หมูมนุษยผ ูตกอยูในความทะยาน
อยากและความพอใจน้ัน ลวนเปนผูกําเนิดข้ึนโดยลําพังและจักลุแกความตายโดยลําพัง เปนผูมาโดยลําพังและ
จกั ไปเองโดยลาํ พงั ความทกุ ขแ ละความสุขจกั เปนผูร ับเองเฉพาะตน อนั ผอู นื่ นนั้ จกั รบั แทนกห็ ามไิ ด ความดีและ
ความช่ัวเปนเครื่องยังใหกําเนิดในหนทางที่ตางกัน*๖๓ มิอาจหวนมาพบเจอกันไดอีก แลวใยเม่ือคราท่ีรางกาย
ยังปกติอยู จึงมิหม่ันเพียรกอการกุศลอกี เลา ความดีและความช่ัวน้ันมนุษยมิสามารถรูเห็นดวยตนเอง ส่ิงมงคล
สิ่งอุบาทวเ คราะหก รรมและบญุ วาสนาน้ัน เปน เพราะการกระทําของแตละบคุ คล ความที่กายใจโงเ ขลามืดบอด
เพราะตนประพฤตพิ าหริ ศาสนค าํ สอนอ่นื ๆ จึงวปิ ลาสเห็นผิดเปนชอบอยมู สิ ้นิ มมี ูลฐานไมคงม่ัน เพราะ (ปญ ญา
73
ที่เปนสัมมาทิฐิ) ถูกปดกั้นและมีความมืดบอด มิอาจเสื่อมใสพระธรรมสูตร ดวงจิตก็มิใครครวญพจิ ารณา เปนผู
มีราคะและใจเร็ว ลุมหลงงมงาย ละโมบทรัพยและรูป (วัตถุ) ถึงท่ีสุดก็มิอาจระงับสละท้ิงได ถือเปนทุกขเวทนา
ย่ิงนัก บุคคลขางตนนั้นมิรูจักกุศล มิเขาใจมรรคธรรม อีกไรซ่ึงคําสอน จึงมิใชเร่ืองพิกลใดที่ยังยินดีเวียนวายใน
สังสารวัฏ กุศลธรรมและอบายธรรมนั้นไมเชื่อถือศรัทธา กลับตูวามิไดมีอยูจริง หากจักพิจารณากันและกันให
ย่ิงขึ้นแลว พึงพิจารณาท่ีตนเองกอนเถิด บางก็ผูเปนบิดาร่ําไหตอบุตร บางผูเปนบุตรรํ่าไหตอบิดา พ่ีชาย
นองชาย สามีภรรยา ตางรํ่าไหโศกาดูรตอกัน ในการเกิดครั้งเดียวและมรณะครั้งเดียวน้ัน ตางหวงหาอาลัยอยู
ซ่ึงกันและกัน*๖๔ มีเศราโศกอาลัยและตัณหาเปนเคร่ืองผูกมัด ไรกาลจะหลุดพน ความตรึกคิดจินตนาลวนมิ
หางจากราคะ มิอาจพิจารณาโดยแยบคายแลวมุงม่ันเพียรประพฤติธรรม เม่ืออายุขัยส้ินลงแลวจักกระทําส่ิงใด
ไดอีกเลา หมูชนผูอยูในภมู ิแหงความหลงนี้ ผูแจงแกมรรคธรรมมีนอย ตางมีการเขนฆาเปนพิษรายเรนอยูในจติ
ความชั่วยังปะทุอยู เปนผูที่มามืดและไปมืด สิ่งมุสาก็กําเริบอยู ผิดตอธรรมชาติแหงธรรม*๖๕ กระทําบาป
มหันตตามใจ ยังใหอายุขัยลดลงรวดเร็ว แลวตกสูอบายภูมิเบ้ืองตํ่า ไรกาลหลุดพนออกมา หมูเธอท้ังหลายพึง
ไตรตรองโดยแยบคาย ถงึ การยงั ตนใหหางอบายท้ังปวง แลวเลอื กที่จกั พากเพยี รกุศลจริยาเถิด ตัณหาราคะและ
ความรุงเรืองนั้น มิอาจรักษาไวไดนานอันจักตองละท้ิงไปท้ังส้ิน หาใชความสุขเลยไม พึงพากเพียรไปอุบัติยังสุ
ขาวตีโลกธาตุ เปนผูมีปญญาญาณแจมแจงแทงตลอด มีกุศลบารมียอดเยี่ยมนิรัติศัย มิคลอยตามราคจิต ไม
บกพรอ งในธรรมสูตรและศีลาจารเพอื่ มนุษยนกิ รในอนาคตเถิด
*๖๑.อรรถาธบิ ายวา 累念 คอื ครนุ คิดในสง่ิ ทีผ่ า นไปแลว 積慮 คอื วิตกในส่งิ ทยี่ งั มาไมถ ึง ทําใหจิตไมเ ปน
สขุ
*๖๒.มหี น่ึงกว็ ายงั นอยไปอกี หนงึ่ เปน สํานวนวา ไมรจู ักพอ
*๖๓.ความหมายคือ ความดียอมแปรเปนผล คือกุศลนําไปสุคติภูมิ สวนความช่ัวยอมแปรเปนผล คือ
อกุศลนําไปทุคติภูมิ และบุคคลบางจําพวกกําเนิดมาดวยกุศลวิบาก คือเกิดมาไมพิการ มีสติปญญา สุขภาพ
แข็งแรง มีทรัพยสมบัติ ฯลฯ เพราะผลแหงความดีที่ตนไดทําไว แตกลับทําอกุศลความชั่วนานัปการ ยังใหชาติ
อนาคตจักตองไดรับอกุศลวิบาก คือความเปนผูพิการ โงเขลา โรคมาก เปนผูแรงแคนยากจน ฯลฯ หรือไมได
เกิดเปนมนุษยอีก ตรงขามผูท่ีชาติปจจุบันเกิดมาดวยความยากลําบาก แตมุงม่ันทําความดี ก็จักเปลี่ยนแปลง
อนาคตใหประสบแตส่ิงดี อันเปนผลจากกุศลไดเ ชนกัน อันจักเปลี่ยนแปรไปไดนับหมื่นประการตามการกระทํา
เฉพาะตน
*๖๔.อรรถาธิบายวา มนุษยโลกผูไมมีปญญา ยังลุมหลงและละโมบในตัณหา มิรูวาสรรพสิ่งในโลกประดุจ
มายา ความฝน และดอกไมที่สมมุติข้ึนในอากาศ หลงไปยึดวาเปนส่ิงที่มีอยูจริง ท้ังยังไมรูวาสิ่งเหลาน้ันจัก
เปลย่ี นแปลง และแตกดับไปอยา งรวดเร็ว มิสามารถรักษาใหคงอยไู ดนานทั้งสิ้น ด่งั เมอ่ื เวลาเกดิ ญาติพ่ีนองก็ให
ความรัก เมื่อเวลาส้ินชีวิตก็ยิ่งเศราโศกเสียใจเปนทวีคูณ ในหวงสังสารวัฏแหงการเกิดดับน้ี ผูยังมีชีวิตอยูจัก
เจ็บปวดกับการจากไปของญาติมิตร ผูที่ส้ินชีพไปแลวก็ยอมอาลัยในสังขารของตน ซึ่งตางก็เปนทุกขรอนอาลัย
กันทั้งสองฝาย ดุจมีดที่กรีดยังดวงใจ เชนน้ีจึงกลาววา ในการเกิดครั้งเดียวและการมรณะครั้งเดียวน้ัน ตางก็
หวงหาอาลยั อยูซ งึ่ กนั และกนั
74