The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

X02-20-หนังสืออนุสรณ์ สุขาวดีพุทธเกษตร 2561-12-18 Print

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Vorawat Suthon, 2021-10-05 09:16:00

X02-20-หนังสืออนุสรณ์ สุขาวดีพุทธเกษตร 2561-12-18 Print

X02-20-หนังสืออนุสรณ์ สุขาวดีพุทธเกษตร 2561-12-18 Print

ตายุสพุทธะ มีความสูงไมมีขอบเขตประมาณ หาใชกําลังแหงจิตของบุถุชนจะหย่ังได เพราะกําลังของปณิธาน
เม่ือกาลกอนของพระตถาคตองคนั้น ผูไดระลึกนึกถึงจึงจักสําเร็จไดอยางแนแท เพียงระลึกถึงพุทธปฏิมา จัก
บรรลุกศุ ลไมม ีประมาณ แลวจกั ประสาใดกบั การพิจารณากายลักษณะ ท่ีสมบูรณข องพระพุทธะเลา

*๒๑.มาตราวดั ของจีน เทากับ สิบฟตุ จีน

『阿彌陀佛,神通如意,於十方國,變現自在。或現大身,滿虛空中;或現小身,丈六八尺
;所現之形,皆真金色。圓光化佛,及寶蓮華,如上所說。』

พระอมิตายุสพุทธะ มีพระอิทธิพละด่ังพระทัยหมาย โลกธาตุในทศทิศทรงสามารถบันดาลดลไดอิสระ
บางปรากฏกายใหญโต เต็มเปยมในอากาศ บางปรากฏกายเล็ก เพียงหกต๊ึงแปดเฉียะ*๒๒ บรรดารูปลักษณท่ี
ปรากฏ ลวนเปนวรรณะสุวรรณบริสุทธิ์ ประภามณฑล พุทธนิรมิต และรัตนปทุมมาลย ลวนเปนด่ังที่กลาวแลว
เบื้องตน

*๒๒.คอื หนึ่งไมบ รรทดั หรอื หนงึ่ ฟตุ

『觀世音菩薩,及大勢至,於一切處身同。眾生但觀首相,知是觀世音,知是大勢至,此二
菩薩助阿彌陀佛普化一切。是為雜想,名第十三觀。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀
。』

พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตวและพระมหาสถามปราปต ในสถานทั้งปวงนั้นก็มีกายเสมือนกัน หมูสัตวเพียง
พจิ ารณาลักษณะศิรเศียร ก็จักทราบวาคือพระอวโลกิเตศวร ทราบวาคือพระมหาสถามปราปต โพธสิ ตั วท้ังสอง
นี้แบงเบาพระอมิตายุสพุทธเจา ในการส่ังสอนสรรพสัตว นี้ชื่อวาการพิจารณาประการที่สิบสาม ผูเจริญนิมิต
พจิ ารณาเชนน้ี ชือ่ วา พจิ ารณาไดถกู ตอง หากพจิ ารณาเปน อื่น ยอ มช่อื วา ไดพ จิ ารณาผดิ ”

佛告阿難,及韋提希:『凡生西方有九品人,上品上生者,若有眾生願生彼國者,發三種心
,即便往生。何等為三?一者至誠心,二者深心,三者迴向發願心;具三心者,必生彼國。』

มพี ทุ ธบรรหารกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “ผูไปอบุ ตั ยิ งั ประจิมทศิ มีบคุ คลเกาประเภท ผูอ บุ ัติท่ี
ชั้นสูงสุดน้ัน หากมีสรรพสัตวท่ีมีปณิธานไปเกิดยังโลกแหงนั้น เมื่อมีจิตสามประการจึงจักไปอุบัติได สาม
ประการเชนไรเลา หน่ึงมีจิตต้ังมั่นจริงใจ สองมีจิตศรัทธาลึกซึ้ง สามมีจิตปณิธานอุทิศไป เม่ือมีจิตสามประการ
สมบรู ณแลว ยอมไดไ ปอบุ ัตเิ ปนแนแ ท

『復有三種眾生,當得往生。何等為三?一者慈心不殺,具諸戒行;二者讀誦大乘,方等經
典;三者修行六念。迴向發願,生彼佛國;具此功德,一日乃至七日,即得往生。』

ยังมีสรรพสตั วส ามประเภท ทจ่ี ะไดไ ปกาํ เนดิ ยงั ท่ีนั้น สามประเภทเชนไรฤๅ หนง่ึ ผูม จี ติ เมตตาไมฆ าสตั ว มี
ศีลสมบรู ณไ มด า งพรอย สองผสู าธยายอา นทองไวปุลยธรรมมหายาน สามผปู ฏิบตั ิอนุสสตหิ ก*๒๓ แลว ต้งั จติ มุง
ไปเกดิ ท่ีพทุ ธโลกธาตุน้นั เมอื่ สมบูรณในกศุ ลเหลาน้ี ครบหนึง่ วันถึงเจด็ วัน ก็ยอ มไดอ บุ ตั ยิ ังทีน่ น้ั แนนอน

*๒๓.พุทธานุสติ ธรรมานุสติ สงั ฆานสุ ติ ศลี านุสติ ทานานุสติ เทวานุสติ

『生彼國時,此人精進勇猛故,阿彌陀如來,與觀世音,大勢至,無數化佛,百千比丘,聲
聞大眾,無量諸天,七寶宮殿,觀世音菩薩,執金剛臺,與大勢至菩薩,至行者前,阿彌陀佛放
大光明,照行者身,與菩薩授手迎接。觀世音,大勢至,與無數菩薩,讚歎行者,勸進其心。』

เม่ือไปกําเนิดที่โลกธาตุแหงนั้น ดวยเหตุที่ผูนี้มีความเพียรแกลวกลา พระอมิตายุสพุทธะ พระอวโลกิเต
ศวร พระมหาสถามปราปต พระพุทธนิรมิตจํานวนอสงไขย พระภิกษุสาวกหมูใหญจํานวนรอยพัน เทพยดา
จํานวนประมาณมไิ ด ปราสาทวิหารรตั นะเจ็ดประการ และพระอวโลกิเตศวรโพธิสตั วจ ะถือวชั รอาสน พรอมกับ

25

พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว มาปรากฏยังเบื้องหนาของพระโยคาวจร พระอมิตายุสพุทธะจะทรงเปลงมหา
รัศมีมายังกายของพระโยคาวจร และพระโพธิสัตวจะยื่นหัตถออกมารับ พระอวโลกิเตศวร พระมหาสถาม
ปราปต พรอ มดว ยพระโพธสิ ัตวจ ํานวนอสงไขย จะกลา วสดดุ ีพระโยคาวจรถึงจติ ทพี่ ากเพียรน้นั

『行者見已,歡喜踊躍,自見其身,乘金剛臺,隨從佛後,如彈指頃,往生彼國。』

เม่ือพระโยคาวจรไดประสบเชนน้ี จึงเกิดความโสมนัสเปนอุเพงคาปติ*๒๔ จักแลเห็นตนเองโดยสารวชิร
อาสน ลอยเคลื่อนตามพระพุทธเจาไป เวลาชั่วลดั น้วิ มือเดยี ว กไ็ ปอุบตั ยิ ังสขุ าวตี

*๒๔.ความอิ่มใจ, ความด่ืมดํ่าในใจ มี ๕ คือ ๑.ขุททกาปติ ปติเล็กนอย พอขนชัน นํ้าตาไหล ๒.ขณิกาปติ
ปตชิ ว่ั ขณะรสู ึกแปลบๆ ดุจฟาแลบ ๓.โอกกนั ติกาปติ ปตเิ ปนระลอก รสู ึกซูล งมาๆ ดจุ คลนื่ ซดั ฝง ๔.อพุ เพคาปติ
ปติโลดลอย ใหใจฟูตัวเบา หรืออุทานออกมา ๕.ผรณาปติ ปติซาบซาน เอิบอาบไปทั่วสรรพางค เปนของ
ประกอบกบั สมาธิ

『生彼國已,見佛色身,眾相具足;見諸菩薩,色相具足;光明寶林,演說妙法。聞已,即
悟無生法忍。經須臾間,歷事諸佛,遍十方界,於諸佛前,次第授記,還至本國,得無量百千陀
羅尼門。是名上品上生者。』

เมื่ออุบัติยังสุขาวตีแลว จักไดเห็นรูปกายของพระพุทธะ ที่มีมงคลลักษณะสมบูรณ พบพระโพธิสัตว
ท้ังหลาย ที่มีรูปลักษณสมบูรณ จักไดสดับพระธรรมเทศนาที่สวนรัตนประภาส เม่ือสดับแลว จักบรรลุ
อนุตปตติกธรรมกษานติ ผานไปขณะเดียว จักไดสนองกิจของพระพุทธเจาทั้งปวงทุกโลกธาตุในทศทิศ ที่เบ้ือง
หนาของพระพุทธเจาท้ังหลายน้ัน จักไดรับพยากรณตามลําดับ เม่ือกลับมาสูสุขาวตีโลกธาตุ จักไดบรรลุธารณี
ธรรมจาํ นวนรอ ยพนั ประการประมาณมไิ ด นช้ี อ่ื วาผไู ดเกดิ ยังช้นั สูงระดับสงู

『上品中生者,不必受持讀誦方等經典。善解義趣,於第一義,心不驚動,深信因果,不謗
大乘,以此功德,迴向願求生極樂國。』

ผูอุบัติในชั้นสูงระดับกลาง ไมเพียงแตจดจําสาธยายไวปุลยธรรม ยังสามารถกลาวแสดงจําแนกอรรถะใน
ปรมัตถอยางชํ่าชอง ดวงจิตมิตระหนกหวาดหว่ัน เช่ือม่ันในเหตุผลแหงกรรมย่ิงนัก มิใหรายโพธิสัตวธรรม แลว
อทุ ศิ กุศลนเ้ี พอ่ื มุง ไปอบุ ัติยงั สุขาวตี

『行此行者,命欲終時,阿彌陀佛,與觀世音,大勢至,無量大眾,眷屬圍遶,持紫金臺,
至行者前,讚言:「法子!汝行大乘,解第一義,是故我今來迎接汝!」與千化佛,一時授手。』

พระโยคาจวรท่ีประพฤติจริยาเชนนี้ เม่ือเพลาจักส้ินชีพ พระอมิตายุสพุทธะพรอมดวยพระอวโลกิเตศวร
พระมหาสถามปราปต มหาบริษัทจํานวนไมมีประมาณและบริวารตางแวดลอมอยู ตางถืออาสนะมวงทองมา
เบ้ืองหนาพระโยคาวจร แลวสรรเสริญวา “ดูกอนธรรมาบุตร เธอประพฤติโพธิสัตวจริยา รูจําแนกซ่ึงปรมัตถ
สัตย ดว ยเหตนุ ้เี ราจึงมารบั เธอ” พรอมดวยพระพทุ ธนริ มติ จํานวนหน่ึงพนั ตางทรงย่นื พระหตั ถม ารับพรอ มกัน

『行者自見坐紫金臺,合掌叉手,讚歎諸佛,如一念頃,即生彼國。七寶池中,此紫金臺,
成大蓮華,經宿則開。』

พระโยคาวจรจักแลเห็นตนเองนั่งอยูบนอาสนะมวงทอง พนมมือ สรรเสริญพระคุณแหงพระพุทธเจาท้ัง
ปวง ในเวลาขณะเดียว ก็ไปอุบัติยังสระโบกขรณีรัตนะเจ็ดประการในสุขาวตีโลกธาตุทันที อาสนะมวงทองน้ัน
จักแปรเปล่ียนเปนปท มชาติดอกมหึมา แลว คอยๆผลบิ านออก

『行者身作紫磨金色,足下亦有七寶蓮華,佛及菩薩,俱時放光,照行者身,目即開明,因
前宿習,普聞眾聲,純說甚深第一義諦。即下金臺,禮佛合掌,讚歎世尊。』

26

กายของพระโยคาวจรจักอรามเรืองรองมีวรรณะมวงทอง ใตบทบาทจะมีปทมชาติรัตนะเจ็ดประการ
รองรับอยู พระพุทธเจาและพระโพธิสัตว จะเปลงพระรัศมีพรอมกัน ไปยังพระโยคาวจรนั้นๆจึงเปดตาขึ้น ดวย
เหตุท่ีไดปฏิบัติมาแลวแตก าลกอ น เมื่อไดสดับเสยี งตางๆ ท่ีกลาวแสดงถึงปรมัตถสัตยอันคัมภีรภาพแลว จึงกาว
ลงจากสุวรรณอาสน แลวพนมกรถวายอภวิ าท และสรรเสรญิ ตอ พระพทุ ธองค

『經於七日,應時即於阿耨多羅三藐三菩提,得不退轉。應時即能飛至十方,歷事諸佛。於
諸佛所修諸三昧,經一小劫,得無生忍,現前授記。是名上品中生者。』

ผานไปเจ็ดวัน เพลาน้ันจักเปนผูไมเ สื่อมถอยจากพระอนุตรสัมโพธิญาณ คร้ังน้ันจักสามารถเหาะไปในทิศ
ทั้งสบิ เพอื่ สนองกจิ ของพระพุทธเจาทั้งปวง แลว บําเพ็ญสมาธิท้ังปวงตอ พระพทุ ธเจาท้ังหลาย ผานไปอกี ๑ จุล
กัลป*๒๕ จักไดบรรลุอนุตปตติกธรรมกษานติ และไดรับพุทธพยากรณในบัดน้ัน นี้ชื่อวาผูไดเกิดยังชั้นสูง
ระดับกลาง

*๒๕.จุลกัลป นับต้ังแตอายุมนุษยเหลือ ๑๐ ป โดยผานไปทุกๆ ๑๐๐ ป อายุจะเพ่ิมข้ึน ๑ ป เร่ือยไป
จนถึง ๘๔,๐๐๐ ป จากน้ันใหผานไปอีกทุกๆรอ ยป ใหลดอายุลง ๑ ป ไปจนอายุมนุษยเหลือ ๑๐ ปตามเดิม ถึง
เรียกวา “จุลกลั ป” , ๒๐ จุลกลั ป เปน ๑ มชั ฌมิ กัลป, ๔ มัชฌิมกลั ปเ ปน ๑ มหากลั ป

『上品下生者,亦信因果,不謗大乘,但發無上道心,以此功德,迴向願求生極樂國。彼行
者命欲終時,阿彌陀佛,及觀世音并大勢至、與諸菩薩,持金蓮華,化作五百佛,來迎此人。五
百化佛,一時授手,讚言:「法子!汝今清淨發無上道心,我來迎汝!」』

ผูเกิดช้ันสูงระดับลาง เปนผูเช่ือม่ันในเหตุผลของกรรม มิทําลายโพธิสัตวยาน ไดประกาศพระอนุตร
สัมโพธิจิต แลวอุทิศกุศลนี้เพื่อไปอุบัติยังสุขาวตีโลกธาตุ เมื่อพระโยคาวจรน้ันจวนสิ้นอายุขัย พระอมิตายุส
พุทธะ และพระอวโลกิเตศวร พระมหาสถามปราปต พรอมดวยพระโพธิสัตวท้ังหลาย จะถือปทมทองคํา แลว
นิรมิตพระพุทธเจาหารอยองค เพื่อมารับบุคคลนี้ อันพระพุทธนิรมิตท้ังหา รอยน้ี จะย่ืนพระกรออกมาพรอ มกนั
ตรสั สรรเสริญวา “ดกู อนธรรมาบุตร บดั นีเ้ ธอไดบงั เกิดพระอนุตรโพธจิ ติ โดยบรสิ ุทธิ์ พวกเรามารับเธอ”

『見此事時,即自見身坐金蓮華,坐已華合,隨世尊後,即得往生七寶池中,一日一夜,蓮
華乃開,七日之中,乃得見佛。雖見佛身,於眾相好,心不明了,於三七日後,乃了了見。聞眾
音聲,皆演妙法,遊歷十方,供養諸佛,於諸佛前,聞甚深法。經三小劫,得百法明門,住歡喜
地。是名上品下生者,是名上輩生想,名第十四觀。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀
。』

เมื่อไดประสบเหตุการณนี้ จักแลเห็นตนเองนั่งอยูในบัวทองคํา เม่ือน่ังลงแลวบัวน้ันจักหุบ แลวลอย
ตามหลงั พระพุทธเจาเหลานั้นไป จนไปอบุ ตั ทิ ส่ี ระโบกขรณีรัตนะเจ็ดประการ เปนเวลาหนึ่งทวิ าราตรี ปทุมชาติ
น้ันจักบานออก ภายในเจ็ดวันจักไดพบพระพุทธองค แมไดเห็นบรรดามงคลลักษณะแหงพระพุทธกายแลว ใน
จิตก็ยังมิรูแจง ผานไปอีกย่ีสิบเอ็ดวัน จึงรูแจงพระสัทธรรม แลวไดยินเสียงตางๆที่กลาวธรรมอันประเสริฐ
จากนั้นจึงเท่ียวไปในทศทิศ เพื่อสักการะพระพุทธเจาทั้งปวง ท่ีเบื้องหนาของพระพุทธะเหลานั้น จักไดสดับ
ธรรมท่ีลึกซึ้ง ผานไปอีกสามจุลกัลป จักไดสําเร็จศตวิทยธรรมทวาร แลวธํารงอยูในปฐมภูมิของพระโพธิสัตว*
๒๖ น้ชี อ่ื วา ผูไ ดเกิดในช้นั สูงระดับลาง ช่อื วาการพจิ ารณานมิ ิตถงึ การเกิดระดับสูง ชอ่ื วาการพิจารณาประการที่
สบิ ส่ี ผเู จริญนมิ ติ พจิ ารณาเชน น้ี ชอื่ วาพจิ ารณาไดถ กู ตอง หากพจิ ารณาเปน อื่น ยอ มชอื่ วาไดพจิ ารณาผิด

*๒๖.อา นทศภมู กิ สูตร เพม่ิ เตมิ ท่ี www.mahaparamita.com

27

佛告阿難,及韋提希:『中品上生者,若有眾生,受持五戒,持八戒齋,修行諸戒,不造五
逆,無眾過患,以此善根,迴向願求,生於西方極樂世界。』

ตรัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “ผูเกิดชั้นกลางระดับสูงนั้น หากมีสรรพสัตวที่สมาทานศีลหา
ศีลแปดอุโบสถ ประพฤติศีลท้ังปวง มิกระทําอนันตริยกรรมหา และความผิดทั้งปวง แลวอาศัยกุศลมูลนี้ อุทิศ
เพ่ือต้ังใจไปอบุ ตั ทิ สี่ ขุ าวตโี ลกธาตเุ บือ้ งประจิม

『行者臨命終時,阿彌陀佛,與諸比丘,眷屬圍遶,放金色光,至其人所,演說苦、空、無
常、無我,讚歎出家,得離眾苦。』

เมื่อชีพจะดับส้ิน พระอมิตายุสพุทธเจา พรอมดวยภิกษุทั้งหลายและบริษัทที่แวดลอมอยู จะเปลงรัศมีสี
ทองมายังบุคคลนั้น แลวแสดงธรรมที่วาดวยความเปนทุกข ความวาง ความไมเที่ยง ความไมมีตวั ตน สรรเสริญ
การออกบวช เพอ่ื ไกลจากทกุ ขทั้งปวง

『行者見已,心大歡喜,自見己身,坐蓮華臺,長跪合掌,為佛作禮,未舉頭頃,即得往生
極樂世界。』

พระโยคาวจรเม่ือไดเห็นแลว ดวงจิตจึงเกิดโสมนัสอยางใหญหลวง แลเห็นกายของตนนั่งบนปทมอาสน
คกุ เขา ยดื ตัวขึ้นและพนมกร ถวายอภิวาทพระพุทธองค ขณะยังมทิ ันยกศรี ษะขน้ึ ก็ไดไ ปอุบตั ิท่ีสขุ าวตีโลกธาตุ

『蓮華尋開,當華敷時,聞眾音聲讚歎四諦,應時即得阿羅漢道。三明六通,具八解脫。是
名中品上生者。』

ดอกบัวน้ันคอยๆบานออก เมื่อกาลที่ผลิบานน้ัน จักไดยินบรรดาเสียงท่ีสรรเสริญอริยสัจส่ีประการ เวลา
น้ันจักไดบรรลุอรหันตมรรค วิชชาสาม*๒๗ อภิญญาหก*๒๘ พรอมดวยวิโมกษแปด*๒๙ น้ีชื่อวาผูไดเกิดในช้ัน
กลางระดบั สูง

『中品中生者,若有眾生,若一日一夜,持八戒齊;若一日一夜,持沙彌戒;若一日一夜,
持具足戒;威儀無缺,以此功德,迴向願求生極樂國。』

ผูเกิดในช้ันกลางระดับกลางนนั้ หากมีสรรพสัตว ท่ีในหนึ่งทิวาหนึ่งราตรี ไดสมาทานศีลแปด ในหน่ึงทิวา
หน่ึงราตรีสมาทานศีลสามเณร ในหน่ึงทิวาหนึ่งราตรีสมาทานสมปูรณศีล มีความสังวรไมบกพรอง แลวอาศัย
กุศลน้อี ทุ ิศไป ดวยปณธิ านหมายไปอุบตั ทิ ่สี ขุ าวตี

*๒๗.วิชชา 3 (ความรูแจง, ความรูวิเศษ-the Threefold Knowledge) 1.ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
(ญาณเปนเหตุระลึกขันธที่อาศัยอยูในกอนได, ระลึกชาติได-reminiscence of past lives) 2.จุตูปปาตญาณ
(ญาณกําหนดรูจุติและอุบัติแหงสัตวทั้งหลาย อันเปนไปตามกรรม, เห็นการเวียนวายตายเกิดของสัตวท้ังหลาย
เรียกอีกอยางวา ทิพพจักขุญาณ-knowledge of the decease and rebirth of beings; clairvoyance) 3.
อาสวักขยญาณ (ญาณหยั่งรูในธรรมเปนที่ส้ินไปแหงอาสวะทั้งหลาย, ความรูท่ีทําใหสิ้นอาสวะ, ความตรัสรู-
knowledge of the destruction of mental)

*๒๘.ฤทธ์ิ ๖ ประการ มี ๑)อิทธิวธิ ี แสดงฤทธ์ไิ ด ๒)ทพิ ยจักษตุ าทิพย ๓)ทิพยโสต หูทพิ ย๔ )เจโตปรยิ ญาณ
ญาณท่กี าํ หนดรใู จผูอ ่นื ได ๕)บพุ เพนวิ าสานสุ สตญิ าณ การระลึกชาตไิ ด และ ๖)อาสวกั ขยญาณ ญาณท่ีทาํ ใหสิ้น
อาสวะ (ขอ ๖ น้มี เี ฉพาะพระอรยิ บุคคลในพระพทุ ธศาสนา) หาขอ แรกเปนโลกียอภิญญา ขอ ทายเปน โลกตุ ตระ

*๒๙.วิโมกข 8 (ความหลุดพน, ภาวะท่ีจิตปลอดพนจากสิ่งรบกวน และนอมด่ิงเขาไปในอารมณน้ันๆ
อยางปลอยตวั เตม็ ที่ ซึง่ เปนไปในขั้นตอนตางๆ-liberations; the eight stages of release)

28

1.ผูมีรูป มองเห็นรูปทั้งหลาย (ไดแก รูปฌาน 4 ของผูไดฌานโดยเจริญกสิณที่กําหนดวัตถุในกายของตน
เชน สีผม-Remaining in the fine-material sphere, one perceives corporeal forms)

2.ผูมีอรูปสัญญาภายใน มองเห็นรูปทั้งหลายภายนอก (ไดแก รูปฌาน 4 ของผูไดฌานโดยเจริญกสิณ
กําหนดอารมณภายนอก-Not perceiving internal corporeal forms, one perceives corporeal forms
externally)

3.ผนู อ มใจดิง่ ไปวา “งาม” (ไดแก ฌานของผเู จริญวรรณกสณิ กาํ หนดสีทีง่ าม หรอื เจรญิ อัปปมญั ญา-One
is intent on the thought, ‘It is beautiful’)

4.เพราะลวงเสียซ่ึงรูปสัญญาโดยประการท้ังปวง เพราะปฏิฆสัญญาดับไป เพราะไมใสใจนานัตตสัญญา
จึงเขาถงึ อากาสานญั จายตนะ โดยมนสกิ ารวา อากาศหาที่สดุ มไิ ด (One attains and abides in the Sphere
of Unbounded Space)

5.เพราะลวงเสียซง่ึ อากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเขาถึงวิญญาณัญจายตนะ โดยมนสิการวา
วิญญาณหาทส่ี ุดมไิ ด (One attains and abides in the Sphere of Unbounded Consciousness)

6.เพราะลวงเสียซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเขาถึงอากิญจัญญายตนะ โดยมนสิการวา
ไมมอี ะไรเลย (One attains and abides in the Sphere of Nothingness)

7.เพราะลวงเสียซ่ึงอากิญจัญญายตนะโดยประการท้ังปวง จึงเขาถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะอยู (One
attatins and abides in the Sphere of Neither-Perception-Nor-Nonperception)

8.เพราะลวงเสียซ่ึงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเขาถึงสัญญาเวทยิตนิโรธอยู (One
attains and abides in the cessation of Perception and Feeling)

『戒香熏修。如此行者,命欲終時,見阿彌陀佛,與諸眷屬,放金色光,持七寶蓮華,至行
者前,行者自聞空中有聲,讚言:「善男子!如汝善人,隨順三世諸佛教法,我來迎汝!」行者自
見,坐蓮華上。蓮華即合,生於西方極樂世界。』

ดวยความหอมของศีลาจารท่ีอบรมมา พระโยคาวจรนี้เม่ือจักสิ้นชีพ จักไดเห็นพระอมิตายุสพุทธเจา
พรอมดวยเหลาอริยบริษัทเปลงรัศมีสีทอง ท่ีตางก็ทรงถือเอาดอกบัวรัตนะเจ็ดประการมายังพระโยคาวจรน้ัน
พระโยคาวจรจักไดยินเสียงดังจากอากาศสรรเสริญวา “ดูกอนกุลบุตร เธอคือกุศลบุคคล ประพฤติตามศาสน
ธรรมของพระพทุ ธเจา ในกาลทัง้ สาม เรามารบั เธอ” พระโยคาวจรจักเห็นตนเอง นัง่ บนดอกบัว แลว บวั น้นั จึงหุบ
แลวไปอบุ ัตทิ ่ีสขุ าวตีโลกธาตทุ ิศประจมิ

『在寶池中,經於七日,蓮華乃敷。華既敷已,開目合掌,讚歎世尊,聞法歡喜,得須陀洹
,無半劫已,成阿羅漢。是名中品中生者。』

ภายในสระรัตนะ ผานไปเจ็ดวัน บัวนั้นจึงบานออก ทันทีที่บานออกแลว จักเปดตาขึ้นแลวพนมมือ
สรรเสริญพระผมู ีพระภาคเจา ไดฟ ง ธรรมแลวโสมนัสยินดจี นบรรลุโสดาปต ติผล ไมถึงครึง่ กัลปจักไดบ รรลุอรหัน
ตผล นีช้ ือ่ วา ผไู ดเกดิ ในชัน้ กลางระดบั กลาง

『中品下生者,若有善男子,善女人,孝養父母,行世仁義,此人命欲終時,遇善知識,為
其廣說阿彌陀佛,國土樂事,亦說法藏比丘,四十八大願。』

29

ผูไดเกิดในชั้นกลางระดับลาง หากมีกุลบุตรกุลธิดาผูกตัญูเล้ียงดูบิดามารดา ดําเนินอยูในโลกน้ีดวย
ความมีเมตตาคุณธรรม บุคคลนี้เม่ือชีพใกลดับ จะไดพบกัลยาณมิตร มาประกาศถึงเร่ืองราวของพระอมิตายุส
พุทธเจา ดนิ แดนอันเปน บรมสขุ แลกลา วถงึ มหาปณธิ านสสี่ ิบแปดประการของธรรมกรภิกษนุ นั้ แกเขา

『聞此事已,尋即命終。譬如壯士,屈伸臂頃,即生西方極樂世界。生經七日,遇觀世音,
及大勢至,聞法歡喜,得須陀洹,過一小劫,成阿羅漢。是名中品下生者。是名中輩生想,名第
十五觀。作是觀者,名為正觀;若他觀者,名為邪觀。』

เม่ือไดสดบั เรือ่ งราวนแ้ี ลว จงึ คอ ยๆดับชพี ลง อปุ มาขณะท่บี รุ ษุ ผมู กี ําลงั เหยยี ดแขนออกแลว ดึงกลับ จงึ ได
ไปอุบัติท่ีสุขาวตีโลกธาตุเบ้ืองประจิม ผานไปเจ็ดทิวา จึงไดพบพระอวโลกิเตศวรและพระมหาสถามปราปต ได
สดบั ธรรมแลว เกดิ โสมนัส แลวบรรลโุ สดาปต ติผล ผา นไปหน่งึ จุลกัลป จึงสําเรจ็ อรหนั ตผล น้ชี ื่อวา ผไู ดเ กดิ ในช้ัน
กลางระดับลาง ช่ือวาการพิจารณานิมิตถึงการเกิดระดับกลาง ชื่อวาการพิจารณาประการท่ีสิบหา ผูเจริญนิมิต
พิจารณาเชน นี้ ชอ่ื วา พิจารณาไดถูกตอง หากพจิ ารณาเปนอนื่ ยอ มช่ือวาไดพ ิจารณาผิด

佛告阿難及韋提希:『下品上生者,或有眾生作眾惡業,雖不誹謗方等經典,如此愚人,多
造惡法,無有慚愧,命欲終時,遇善知識,為說大乘十二部經首題名字,以聞如是諸經名故,除
卻千劫極重惡業。智者復教合掌叉手,稱南無阿彌陀佛,稱佛名故,除五十億劫生死之罪。』

รับสั่งกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “ผูเกิดในชั้นลางระดับสูง ยังมีหมูสัตวที่กระทํากรรมชั่วทั้ง
ปวง แมมิไดใหรายทําลายไวปุลยสูตร อันโมหบุรุษนี้ก็สรางอกุศลธรรมไวมาก ปราศจากหิริโอตตัปปะ เมื่อชีพ
ใกลดับสิ้น จักไดพบกัลยาณมิตรกลาวถึงหัวขอของพระพุทธพจนสิบสองหมวด เหตุท่ีไดสดับช่ือของพระธรรม
เหลาน้ี จึงกําจัดครุกรรมอกุศลจํานวนหน่ึงพันกัลปได ผูมีปญญาน้ันจะสอนใหพนมมือ แลวสรรเสริญวา นโม
อมิตายุสะ พุทธายะ เหตทุ ีส่ รรเสริญพระพุทธนาม จงึ ดับบาปของสงั สารวฏั ไปอีกหา สิบโกฏิกัลป

『爾時彼佛,即遣化佛,化觀世音,化大勢至,至行者前,讚言:「善哉善男子!以汝稱佛
名故,諸罪消滅,我來迎汝!」作是語已,行者即見化佛光明,遍滿其室,見已歡喜,即便命終
,乘寶蓮華,隨化佛後,生寶池中。經七七日,蓮華乃敷。』

เวลานั้นพระพุทธเจาองคนั้นจะบันดาลพระพุทธนิรมิต พระอวโลกิเตศวรนิรมิต พระมหาสถามปราปต
นิรมิต มายังพระโยคาวจรน้ันแลวสดุดีวา “สาธุกุลบุตร ดวยอาศัยการที่เธอสรรเสริญพระพุทธนามเปนเหตุ
บาปทั้งปวงจึงดับส้ิน เรามารับเธอ” เมื่อกลาวเชนนี้แลว พระโยคาวจรจะไดเห็นรัศมีสวางไสวของพระพุทธ
นิรมิต เรืองรองตลอดทั้งหองนั้น เมื่อยลแลวจึงโสมนัสยินดี แลวสิ้นชีพลง ไดโดยสารดอกบัวรัตนะเจ็ดประการ
ตามหลงั พระพทุ ธนริ มติ ไปอบุ ตั ิในสระโบกขรณรี ัตนะ ผานไปสส่ี บิ เกาทวิ า ปทมุ มาลยน ้นั จงึ บานออก

『當華敷時,大悲觀世音菩薩,及大勢至菩薩,放大光明,住其人前,為說甚深十二部經。
聞已信解,發無上道心,經十小劫,具百法明門,得入初地。是名下品上生者。得聞佛名法名及
聞僧名。聞三寶名即得往生。』

ยามท่ีดอกบัวผลิบาน พระมหากรุณาอวโลกิเตศวรโพธิสัตว และพระมหาสถามปราปตโพธิสัตว จักเปลง
มหารัศมีมายังเบ้ืองหนาผูนั้น แลวเทศนาพระพุทธพจนสิบสองหมวดอันลึกซึง้ เมื่อไดสดับแลวจึงศรัทธานอ มใจ
ตามไป จึงบังเกิดอนุตรจิต ผานไปสิบจุลกัลป จึงสมบูรณซึ่งศตวิทยธรรมทวาร เขาสูโพธิสัตวปฐมภูมิ นี้ชื่อวาผู
ไดเกิดในชั้นลางระดับสูง ผูไดสดับนามของพระพุทธ นามพระธรรม และนามของพระสงฆ ผูไดสดับนามของ
พระรตั นตรัยยอ มไดไ ปอุบตั ิ

佛告阿難,及韋提希:『下品中生者,或有眾生,毀犯五戒,八戒,及具足戒,如此愚人,
偷僧祗物,盜現前僧物,不淨說法,無有慚愧。以諸惡法,而自莊嚴。如此罪人,以惡業故,應
墮地獄,命欲終時,地獄眾火,一時俱至。』

30

มีพุทธดํารัสตอพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “ผูเกิดในช้ันลางระดับกลางนั้น คือหมูสัตวที่ละเมิดศีล
หา ศีลสิบ และสมปูรณศีล อันโมหบุรุษน้ี ยังไดลักขโมยของสงฆฯ กลาวธรรมดวยความไมบริสุทธิ์ ปราศจาก
ความเกรงกลัวและละอายตนเองนนั้ ยิ่ง ดวยธรรมชั่วรายเหลาน้ี อันคนบาปนี้ดว ยอาศัยอกุศลกรรมเปน เหตุ พึง
ตกสูนรกภูมิ เม่อื กาลจะสน้ิ ชพี บรรดาไฟนรกจะปรากฏข้ึน

『遇善知識,以大慈悲,即為讚說阿彌陀佛,十力威德,廣讚彼佛,光明神力,亦讚戒定慧
,解脫,解脫知見;此人聞已,除八十億劫生死之罪,地獄猛火化為涼風,吹諸天華,華上皆有
化佛菩薩,迎接此人。』

หากไดพบกัลยาณมิตรที่มีมหาเมตตากรุณา กลาวสรรเสริญกําลังของพระพุทธเจาสิบประการ*๓๐ พระ
คุณธรรมของพระอมิตายุสพุทธเจา และปาวประกาศสดุดีซ่ึงกําลังแหงพระรัศมีของพระพุทธเจาองคน้ัน และ
สดุดีในศีล สมาธิ ปญญา วิมุตติ ความรูของวิมุตติ เมื่อบุคคลน้ันไดสดับแลว บาปของสังสารวัฏจํานวนแปดสิบ
โกฏิกัลปจึงถูกกําจัดไป เปลวเพลิงนรกท่ีรอนแรงจักกลายเปนกระแสลมเย็น พัดพาเอาดอกไมทิพยทั้งปวง บน
ดอกไมเ หลาน้ัน ลวนแตม ีพระพุทธนิรมิตและพระโพธิสัตวนริ มิต มารบั บคุ คลนัน้

*๓๐.ทศพลญาณ (บาลเี รียก ตถาคตพลญาณ 10 คือ พระญาณอันเปนกําลงั ของพระตถาคต 10 ประการ
ท่ที าํ ใหพระองคสามารถบันลอื สีหนาท ประกาศพระศาสนาไดม ่ันคง-the Ten Powers of the Perfect One)

1.ฐานาฐานญาณ (ปรีชาหยั่งรูฐานะและอฐานะ คือ รูกฏธรรมชาติเกี่ยวกับขอบเขตและขีดขั้นของสิ่ง
ท้ังหลายวา อะไรเปนไปได อะไรเปนไปไมได และแคไหนเพียงไร โดยเฉพาะในแงความสัมพันธระหวางเหตุกับ
ผล และกฎเกณฑทางจริยธรรมเกี่ยวกับสมรรถวิสัยของบุคคล ซ่ึงจะไดรับผลกรรมที่ดีและชั่วตางๆ กัน-
knowledge of instance and no instance; knowledge of possibilities and impossibilities)

2.กรรมวิปากญาณ (ปรีชาหย่ังรูผลของกรรม คือ สามารถกําหนดแยกการใหผลอยางสลับซับซอน
ระหวางกรรมดีกับกรรมช่ัว ท่ีสัมพันธกับปจจัยแวดลอมตางๆ มองเห็นรายละเอียดและความสัมพันธภายใน
กระบวนการกอผลของกรรมอยางชัดเจน-knowledge of ripening of action; knowledge of the results
of karma)

3.สพั พตั ถคามินีปฏิปทาญาณ (ปรชี าหยงั่ รขู อปฏบิ ตั ิท่ีจะนําไปสคู ติทั้งปวง คอื สคุ ติ ทคุ ติ หรือพน จากคติ
หรือปรีชาหยั่งรูขอปฏิบัติที่จะนําไปสูอรรถประโยชนทั้งปวง กลาวคือ ทิฏฐธัมมิกัตถะ สัมปรายิกัตถะ หรือ
ปรมัตถะ คือรูวาเมื่อปรารถนาจะเขาถึงคติหรือประโยชนใด จะตองทําอะไรบาง มีรายละเอียดวิธีปฏิบัติ
อยางไร-knowledge of the way that leads anywhere; knowledge of the practice leading to all
destinies and all goals)

4.นานาธาตุญาณ (ปรีชาหยั่งรูสภาวะของโลกอันประกอบดวยธาตุตางๆ เปนเอนก คือ รูสภาวะของ
ธรรมชาติ ทั้งฝายอุปาทินนกสังขารและฝายอนุปาทินนกสังขาร เชน รูจักสวนประกอบตางๆ ของชีวิต สภาวะ
ของสวนประกอบเหลาน้ัน พรอมทั้งลักษณะและหนาท่ีของมันแตละอยาง อาทิการปฏิบัติหนาท่ีของขันธ
อายตนะ และธาตุตางๆ ในกระบวนการรับรู เปนตน และรูเหตุแหงความแตกตางกันของสิ่งทั้งหลายเหลาน้ัน-
knowledge of the world with its many and different elements)

31

5.นานาธมิ ตุ ตกิ ญาณ (ปรีชาหยง่ั รอู ธมิ ตุ ิ คอื รูอ ัธยาศยั ความโนม เอียง ความเช่ือถอื แนวความสนใจ เปน
ตน ของสัตวท้งั หลายทีเ่ ปนไปตา งๆ กัน-knowledge of the different dispositions of beings)

6.อนิ ทริยปโรปริยตั ตญาณ (ปรีชาหยง่ั รคู วามยิ่งและหยอนแหง อนิ ทรยี ข องสตั วท ง้ั หลาย คอื รูวาสตั วน น้ั ๆ
มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปญญา แคไหน เพียงใด มีกิเลสมาก กิเลสนอย มีอินทรียออน หรือแกกลา สอนงาย
หรือสอน ยาก มี ค วาม พรอม ที่จะ ตรัสรูหรือไ ม -knowledge of the state of faculties of beings;
knowledge of the inferiority and superiority of the controlling faculties of various beings;
knowledge as regards maturity of persons)

7.ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ (ปรีชาหยั่งรูความเศราหมอง ความผองแผว การออกแหงฌาน วิโมกข สมาธิ
และสมาบัติท้ังหลาย-knowledge of defilement, cleansing and emergence in the cases of the
meditations, liberations, concentrations and attainments)

8.ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ปรีชาหย่ังรูอันทําใหระลึกภพที่เคยอยูในหนหลังได-knowledge of the
remembrance of former existences)

9.จุตูปปาตญาณ (ปรีชาหยั่งรูจุติและอุบัติของสัตวท้ังหลายอันเปนไปตามกรรม-knowledge of the
decease and rebirth of beings)

10.อาสวักขยญาณ (ปรีชาหย่ังรูความส้ินไปแหงอาสวะทั้งหลาย-knowledge of the exhaustion of
mental intoxicants)

『如一念頃,即得往生七寶池中,蓮華之內,經於六劫,蓮華乃敷時。觀世音,大勢至,以
梵音聲,安慰彼人,為說大乘甚深經典。聞此法已,應時即發無上道心。是名下品中生者。』

ในขณะเดียว ก็จักไปอุบัติในสระโบกขรณีรัตนเจ็ดประการในดอกบัว ผานไปหกกัลป บัวน้ันจึงบานออก
พระอวโลกิเตศวร พระมหาสถามปราปต จักใชพรหมโฆษะ*๓๑ ปลอบประโลมบุคคลน้ัน แลว เทศนาพระธรรม
อันคัมภีรภาพของมหายาน เมื่อไดสดับเชนน้ีแลว เพลาน้ันจักบังเกิดอนุตรสัมโพธิจิต น้ีชื่อวาผูไดเกิดในชั้นลาง
ระดบั กลาง

*๓๑.หมายถงึ เสยี งท่ไี พเราะ ประดุจเสียงของพรหม

佛告阿難,及韋提希:『下品下生者,或有眾生,作不善業,五逆十惡,具諸不善,如此愚
人,以惡業故,應墮惡道,經歷多劫,受苦無窮。』

ตรัสกับพระอานนทและพระนางเวเทหิวา “ผูเกิดในชั้นลางระดับลาง คือหมูสัตวที่กระทําส่ิงไมดีงาม
อนันตริยกรรมหา อกุศลกรรมบถสิบ และอกุศลท้ังปวง โมหบุรุษน้ี ดวยอาศัยอกุศลกรรมเปนเหตุ ใหพึงตกสู
อบายมรรค ผา นไปหลายกัลปทีต่ องรับทกุ ขทรมานไมสน้ิ สุด

『如此愚人,臨命終時,遇善知識,種種安慰,為說妙法,教令念佛,彼人苦逼,不遑念佛
;善友告言:「汝若不能念彼佛者,應稱歸命無量壽佛,如是至心,令聲不絕,具足十念,稱南
無阿彌陀佛。」稱佛名故,所念念中,除八十億劫生死之罪。命終之時,見金蓮華,猶如日輪,
住其人前,如一念頃,即得往生極樂世界。』

โมหบุรุษน้ี เมื่อกาลจะสิ้นอายุขัย จะไดพบกัลยาณมิตรมาปลอบประโลมตางๆ แลวแสดงพระสัทธรรม
สอนผูน้ันใหระลึกถึงพระพุทธเจา บุคคลน้ันหากเจ็บปวดทรมาน มิอาจสงบใจระลึกถึงพระพุทธองคได
กัลยาณมิตรจักบอกวา “หากเธอมิอาจระลึกถึงพระพุทธเจาองคนั้น ก็พึงนอมพระอมิตายุสะพุทธเจาเปนท่ีพ่ึง

32

ดวยการเปลงวาจาสรรเสริญ พระอมิตายุสพุทธะอยางที่สุดแหงใจ ตอเน่ืองกันวา นโม อมิตายุสะ พุทธายะ ได
สิบวาระโดยสมบูรณเถิด”*๓๒ เหตุท่ีสรรเสริญพระพุทธนาม ทุกๆความระลึกหนึ่งๆ บาปจากสังสารวัฏจํานวน
แปดสิบโกฏิกัลปจักถูกกําจัดไป เม่ือคราจะส้ินชีพ จะไดเห็นสุวรรณปทมา อุปมาดวงสุริยันต มาอยูเบื้องหนาผู
นั้นในขณะเดียว จงึ ไดไปอุบัตยิ งั สขุ าวตโี ลกธาตุ

*๓๒.ตามอรรถกถา กลาววา การระลึก 10 คร้ัง คือ การระลึกถึงดวยการภาวนาพระพุทธนาม ชั่วระยะ
ลมหายใจคร้ังหนึ่ง ถือเปนหนึ่งคร้ัง ซ่ึงชวงลมหายใจของแตละบุคคลสั้นยาวไมเทากัน ก็ถือเปนหนึ่งชวงลม
หายใจได

『於蓮華中,滿十二大劫,蓮華方開,當花敷時,觀世音,大勢至,以大悲音聲,為其廣說
諸法實相,除滅罪法。聞已歡喜,應時即發菩提之心。是名下品下生者。是名下輩生想,名第十
六觀。』

อยูภายในดอกบัวนั้น เมื่อครบสิบสองมหากัลป บัวน้ันจึงบานออก เพลาน้ันพระอวโลกิเตศวร พระ
มหาสถามปราปต จักใชเสียงแหงมหากรุณา เทศนาสัจจะแหงธรรมทั้งปวง ธรรมอันดับบาปแหงจิตแกเขา เม่ือ
สดับแลวจึงเกิดโสมนัส เวลาน้ันจึงบังเกิดอนุตรสัมโพธิจิต นี้ชื่อวาผูไดเกิดในชั้นลางระดับลาง ชื่อวาการ
พิจารณานมิ ติ ถงึ การเกดิ ระดบั ลาง ช่ือวาการพิจารณาประการท่สี ิบหก

爾時世尊說是語時,韋提希與五百侍女,聞佛所說,應時即見極樂世界廣長之相,得見佛身
,及二菩薩,心生歡喜,歎未曾有,豁然大悟,逮無生忍。五百侍女,發阿耨多羅三藐三菩提心
,願生彼國。世尊悉記,皆當往生。生彼國已,獲得諸佛現前三昧。無量諸天,發無上道心。

เม่อื สมัยท่ีตรัสอยูน้ี พระนางเวเทหพิ รอ มดว ยนางในจาํ นวนหารอย เมือ่ ไดส ดับพระพทุ ธวจนะ ในเพลาน้ัน
จึงไดเห็นลักษณะท่ีกวางใหญไพศาลของสุขาวตีโลกธาตุ ไดแลเห็นวรกายของพระพุทธเจาองคน้ันและพระ
โพธสิ ัตวทง้ั สอง ดวงจติ จึงปตโิ สมนสั สดดุ ีวา มิเคยมมี ากอน รูแจง สภาวธรรม แลว บรรลุอนุตปตตกิ ธรรมกษานติ
นางในท้ังหารอยก็บังเกิดอนุตรสัมโพธิจิต ตั้งความปรารถนาไปอุบัติยังโลกธาตุแหงนั้น พระผูมีพระภาคศากย
มุนีทรงประทานพยากรณวาจะไดไ ปอุบัติท้ังส้ิน เมื่อไปอุบัติที่โลกธาตนุ ้ันแลว ยอมบรรลุสมาธิของพระพุทธเจา
ทง้ั ปวง อกี เหลาเทวบริษทั ที่ไมม ปี ระมาณก็บังเกิดอนุตรสัมโพธิจิต

爾時阿難即從座起前,白佛言:『世尊!當何名此經?此法之要,當云何受持?』佛告阿難
:『此經名觀極樂國土無量壽佛、觀世音菩薩、大勢至菩薩,亦名淨除業障、生諸佛前,汝當受
持,無令忘失。』

สมยั นนั้ พระอานนทลุกขึ้นจากอาสนะ ทูลพระบรมศาสดาวา “ขา แตพ ระผมู พี ระภาค ธรรมกถานจี้ ะมชี ื่อ
วากระไร อันสารัตถธรรมน้ีจักจดจําไววาเชนไรพระเจาขา” ตรัสวา “ธรรมน้ีช่ือวา การเพงพิจารณาสุขาวตี
โลกธาตุ พระอมิตายุสพุทธะพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว๑ และ การชําระวิบาก
กรรมเพ่ือไปอุบัติยงั เบือ้ งหนา พระพทุ ธเจาทงั้ ปวง๑ เธอพงึ จดจาํ ไวเ ชนน้ี อยา ไดลมื เลอื น

『行此三昧者,現身得見無量壽佛,及二大士。若善男子,及善女人,但聞佛名,二菩薩名
,除無量劫生死之罪,何況憶念?若念佛者,當知此人,即是人中芬陀利華。觀世音菩薩,大勢
至菩薩,為其勝友;當坐道場,生諸佛家。』

ผูประพฤติสมาธิน้ี ในสังขารปจจุบันจะไดพบพระอมิตายุสพุทธเจาและมหาบุรุษท้ังสอง หากกุลบุตรและ
กุลธิดา เพียงไดสดับนามของพระพุทธเจาและพระโพธิสัตวทั้งสอง จะกําจัดบาปจากสังสารวัฏจํานวนหลาย
กัลปไมมีประมาณ แลวจักประสาใดท่ีคอยตามระลึกอยูเลา หากผูเจริญพุทธานุสสตินั้น พึงทราบเถิดวาบุคคล

33

นั้นประดุจปุณฑริก*๓๓ ในหมูชน พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว พระมหาสถามปราปตโพธิสัตวจักเปนสหายท่ี
ประเสริฐของเขา จกั ไดนงั่ อยูในธรรมมณฑล แลวกําเนิดในเรือนของพระพทุ ธเจา ทัง้ ปวง”

*๓๓.คือ ดอกบวั ขาว

佛告阿難:『汝好持是語,持是語者,即是持無量壽佛名。』佛說此語時,尊者目連,尊者
阿難,及韋提希等,聞佛所說,皆大歡喜。

มพี ุทธดาํ รสั กบั พระอานนทว า “เธอจงธํารงวจนะน้ีใหดี ผูธาํ รงวจนะนี้ จงึ ชื่อวา ธาํ รงไวซ งึ่ นามของพระอมิ
ตายุสพุทธเจา” ขณะที่ตรัสพระวจนะเชนน้ี พระคุณเจาโมคคัลลานะ พระคุณเจาอานนท และพระนางเวเทหิ
บรรดาผูท ่ไี ดส ดบั พระพทุ ธวจนะ ตางพากนั บังเกิดความโสมนัสเปนยิ่งนกั

爾時世尊,足步虛空,還耆闍崛山。爾時阿難,廣為大眾,說如上事。無量人天、龍、夜叉
,聞佛所說,皆大歡喜,禮佛而退。

สมัยนั้น สมเด็จพระผูมีพระภาค ทรงพระดําเนินเบ้ืองนภากาศ เสด็จกลับยังคิชกูฏสิงขร เวลานั้นพระ
อานนท ไดปาวประกาศแกมหาชนตามเร่ืองราวขางตน บรรดามนุษย เทพ นาค ยักษไมมีประมาณ ท่ีไดสดับ
พระพุทโธวาทลวนปต ิโสมนัส ถวายอภวิ าทแลว กลับไป.

จบ อมิตายรุ ฺ ธฺยาน สูตร 佛說觀無量壽佛經。

佛說大乘無量壽莊嚴清浄平等覺經

ม ห า สุ ข า ว ตี ว ยู ห สู ต ร

พระวศิ วภทั ร เซย่ี เก๊ียก วดั เทพพทุ ธาราม
แปลจากจีนพากยสูไทยพากยพ.ศ. ๒๕๕๑
บทนํา
มหาสุขาวตีวยูหสตู ร หรืออมติ ายุสสูตร หรือมหาอมติ ายสุ ยตู รน้ี เปน หนง่ึ ในสูตรสาํ คญั ของนกิ ายมหายาน
สํานักสุขาวตี (淨土宗) และเปนหนึ่งใน ๕ คัมภีรหลักของสํานักนี้ ท่ีภายในกลาวถึงบุพชาติ ของพระอมิตาภ
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจา (อีกพระนามคือ อมิตายุสะ) เมื่อเสวยพระชาติเปนภิกษุช่ือธรรมกร แลวไดประกาศ
ปณธิ านทย่ี ิ่งใหญเ พ่อื โปรดสรรพสตั วไว ๔๘ ประการ
อนึ่ง พระสูตรน้ไี ดม ีการแปลสูภาษาจีนถึง ๑๒ สํานวนในหลายสมัย เมื่อมาถึงปจจบุ ัน คงเหลือไวเพียง ๕
สาํ นวน คือ
(๑).無量壽清浄平等覺經 แปลโดยพระโลกเกษมมหาเถระ (Lokaksema) เปนชาวแควนตุขาราหรืองว ย
สี (月氏) ในยคุ ฮน่ั (漢) ราว พ.ศ.๗๑๙-๗๓๒

(๒).無量壽經 แปลโดยพระสังฆวรมันมหาเถระ ในยุคเวย (魏) ป พ.ศ.๗๙๕

(๓).佛說諸佛阿彌陀三耶三佛薩樓佛檀過度人道經 แปลโดยอุบาสกจีเหลียน ในยุคอู (吳) ราวป
พ.ศ.๗๖๕-๘๒๓

(๔).佛說大乘無量壽莊嚴經 แปลโดยพระธรรมภัทรมหาเถระ ราชวงศซง (宋) ราวป พ.ศ.๙๖๓-
๑๐๒๒ และ

34

(๕).無量壽如來會 แปลโดย พระโพธิรจุ มิ หาเถระ ในสมัยราชวงศถัง (唐)ราวป พ.ศ.๑๑๖๑-๑๔๕๐ ซงึ่

อยใู นผูกท่ี ๑๗ ของคมั ภีรม หารตั นกฏู สตู ร (大寶積經)

สําหรับพระสูตรช่ือ 佛說大乘無量壽莊嚴清浄平等覺經 ฉบับน้ี อุบาสก 夏蓮居 (พ.ศ.๒๔๒๗–

๒๕๐๘) เปนบุคคลในราชวงศชิง (清)พรอมดวยนักปราชญอีก ๒ ทาน ไดชําระพระสูตรท้ัง ๕ ฉบับขางตนให
บริสุทธ์ิหมดจดและชัดเจนยิ่งข้ึน เหตุผลเพราะพระสูตรนี้ในฉบับอื่นๆ มีขอเหมือนและตางกันอยู อยางเชน
มหาปณธิ าน ๒ ขอทีว่ าดวยอบุ ัตแิ ตดอกบัวและโลกธาตุปราศจากอสิ ตรีน้นั จากฉบับของสมยั ฮ่ันและสมยั อูมีอยู
แตฉ บบั สมยั เวย กลับไมมี และฉบบั สมัยฮนั่ และสมัยอูแ ปลมหาปณิธานได ๒๔ ขอ สมยั เวย และสมยั ถังแปลมหา
ปณิธานได ๔๘ ขอ สมัยซงแปลได ๓๖ ขอ กลาวคือ สมัยเวยและสมัยถังไดแปลอธิบายมากกวาสมัยฮ่ันและ
สมยั อู จึงทาํ ใหเ ปนท่กี ังขาของนกั ศกึ ษาในยุคหลัง

นับแตสมัยฮั่นจนถึงสมัยซง พระสูตรนี้ไดมีการแปลจากภาษาสันสกฤตสูภาษาจีนถึง ๑๒ สํานวน การ
ชาํ ระใหมในสมัยชงิ ของอบุ าสก 夏蓮居 และคณะ จึงไดตัง้ ชอื่ พระสูตรนใี้ นภาคภาษาจนี ใหมวา 無量壽莊嚴清
浄平等覺 ซึ่งแตละคํามีความหมายดังน้ี 無量壽 หมายถึง จิตสังขารของตนเองและมหาปณิธานท่ีไมมี
ประมาณ 莊嚴 หมายถึง ปณิธานที่ยิ่งใหญ ทําใหจิตอลังการ 清浄 หมายถึง ปณิธานท่ีย่ิงใหญทําใหจิตบริสุทธ์ิ
平等 หมายถงึ ยงั ใหสรรพสิ่งเสมอภาค 覺 หมายถงึ ยงั ใหตนเองและผูอ่นื ไดร ูแจง

อาตมาภาพไดเลือกแปลสํานวนที่ปรากฏอยูน้ี เหตุผลเพราะสํานักมหายานในตางประเทศยุคปจจุบัน ได
ตีพิมพพระสูตรสํานวนน้ีออกเผยแผมาก เน่ืองจากมีอรรถะที่สมบูรณและครบถวนมากที่สุด แบงเปน ๔๘ ตอน
ตามจํานวนมหาปณธิ าน ๔๘ ประการของพระอมิตาภะพุทธเจา และเชิงอรรถท่ีอธิบายความที่ปรากฏในเลมได
นํามาจาก หนังสือ 大乘無量壽經簡註易解 ของพระธรรมาจารยจิ้งคง (浄空法師) และ 佛說大乘無量壽
莊嚴清淨平等覺經解 ของ 黃念祖老居士 พระสูตรนี้ไดเริ่มตนแปลเม่ือเดือนกันยายน ป ๒๕๕๐ ตอมาเม่ือ
วันท่ี ๒ มกราคม ๒๕๕๑ สมเด็จพระเจาพี่นางเธอ เจาฟากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร ทรง
ส้ินพระชนม ยังความโศกเศราอาลัยมาสูดวงใจของพสกนิกรทุกหมูเหลา เพราะตางประจักษซ้ึงในพระ
กรุณาธิคุณของพระองค อาตมาภาพก็เปนผูหน่ึงท่ีเคยไดรับพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหเขาเฝาฯ เพ่ือถวาย
หนังสือพระสูตรแปลโสตน้ี เม่ือวันท่ี ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ คร้ังเปนฆราวาส ไดสดับพระดํารัสอยางใกลชิด ยัง
ความปลาบปล้ืมในพระเมตตาอยางหาที่สุดมิได ท้ังพระองคยังทรงสนพระทัยและสงเสริมการพระศาสนาเปน
อยางยิ่ง จึงเปนเหตุใหเพียรแปลแลวเสร็จสมบูรณเม่ือวันท่ี ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๑ ดวยความสํานึกในพระ
กรุณาธิคุณ และขอต้ังจิตอุทิศถวายเปนพระกุศล เพ่ือดวงพระวิญญาณจะเสด็จสูสุขาวตีพุทธเกษตร ดํารงพระ
ฐานะเปน พระโพธิสัตวผูประเสริฐในโลกธาตแุ หงนนั้ กาวลว งทุกขภยั ของสังสารวฏั ตามนัยยะแหง พระสูตรน้ี

ท่ีจริงแลว เร่ืองราวของพระอมิตายุสพุทธเจาแหงสุขาวตีโลกธาตุ ไดแพรหลายและเปนที่รูจักนับถือไปทวั่
โลกมานานแลว แตท วาในประเทศไทยเราน้ี ถงึ แมจ ะมีชาวจีนหรอื ลัทธิแบบมหายานอยทู ว่ั ไป แตก ม็ ไิ ดร ูจ กั และ
เขาใจเรื่องราวของพระอมิตายุสพุทธเจาอยางแทจริง แมในปจจุบันจะมีงานเขียนเก่ียวกับดินแดนสุขาวตีของ
พระพทุ ธเจา พระองคนอี้ ยูมาก แตกเ็ ปน งานเขยี นเชิงวเิ คราะหแ ละวิจารณเ สยี สวนใหญ อาตมาหวงั วามหาสุขาว
ตวี ยหู สูตรฉบบั นี้ จะแกป มสงสยั เร่ืองสขุ าวตีพุทธเกษตร และยังประโยชนไพศาลแกพุทธบริษัททั้งหลาย เชือ่ ได

35

วาสาธชุ นทง้ั หลายผูไดอานศกึ ษาและนําไปปฏบิ ัติดว ยศรทั ธาแทจ ริงแลว จะไดรับประโยชนป ระมาณมไิ ดเ ลย
หากจักมีขอผิดพลาดใดที่เกิดจากการแปลน้ีแลวไซร ดวยเพราะอาตมาภาพเบาปญญาเอง กราบขอขมา

ตอพระรัตนตรัย ขออกุศลกรรมทั้งปวงจงมลายสิ้นดวยจติ บริสทุ ธ์ิ กุศลอันใดท่ีเกิดมีขน้ึ ขออุทิศแดส รรพสัตวทงั้
ปวงจนหมดส้ิน ขอใหหมสู ตั วและตนเอง ไดม แี สงสวา งคือปญ ญาและบารมไี มม ปี ระมาณ มีอายขุ ยั ไมมปี ระมาณ
คือการไมเกดิ อกี ไดอบุ ัติยงั สขุ าวตโี ลกธาตุแมนในปจจบุ นั ชาตแิ ละอนาคตชาตเิ ปน ที่แนนอนเถดิ .

後學釋聖傑

พระวิศวภทั ร เสย่ี เกี๊ยก

佛說大乘無量壽莊嚴清浄平等覺經

ม ห า สุ ข า ว ตี ว ยู ห สู ต ร

โอม นโม รตฺนตรฺ ยาย โอม นม: ศรีสรวฺ พุทฺธ โพธิสตฺตเวภฺย:

นโม ทศทคิ นนตฺ าปรฺยานตฺ โลกธาตุปรฺ ตษิ ฺฐิเตภยฺ :

สรฺว พุทธฺ โพธสิ ตตฺ ฺวารยฺ ศฺราวกปฺรตเฺ ยกพุทเฺ ธภฺโย อตีตานาคตปฺรตฺยุตฺปนฺ เนภยฺ :

นโม อมิตาภาย นโม อจนิ ฺตยคณุ านตฺ ราตฺมเน

法會聖眾第一 วรรค ๑ พระอริยบริษัท

德遵普賢第二 วรรค ๒ ผดู ําเนนิ ตามสมนั ตภัทรจริยา

大教緣起第三 วรรค ๓ เหตุปจ จยั แหงคาํ สอนทยี่ ่งิ ใหญ

法藏因地第四 วรรค ๔ เหตภุ ูมิของพระธรรมกรโพธสิ ัตว

至心精進第五 วรรค ๕ วริ ยิ ะอยา งทส่ี ดุ แหงใจ

發大誓願第六 วรรค ๖ ประกาศมหาปณธิ าน

必成正覺第七 วรรค ๗ จักสําเร็จพระสมั โพธเิ ปน แนนอน

積功累德第八 วรรค ๘ สง่ั สมบุญสมภาร

圓滿成就第九 วรรค ๙ สาํ เรจ็ โดยสมบรู ณ

皆願作佛第十 วรรค ๑๐ ลวนแตปรารถนาพทุ ธภมู ิ

國界嚴淨第十一 วรรค ๑๑ โลกธาตวุ ศิ ุทธอิ ลังการ

光明徧照第十二 วรรค ๑๒ พระรศั มแี ผไปในสกล

壽眾無量第十三 วรรค ๑๓ พระชนมายมุ ิอาจประมาณ

寶樹徧國第十四 วรรค ๑๔ รตั นพฤกษท ว่ั โลกธาตุ

菩提道場第十五 วรรค ๑๕ โพธิมณฑล

堂舍樓觀第十六 วรรค ๑๖ วิหารและหอทัศนา

泉池功德第十七 วรรค ๑๗ องคคณุ แหง นาํ้ พุและสระโบกขรณี

超世希有第十八 วรรค ๑๘ มคี วามยอดเย่ียมอันหาไดย ากยิง่ ในโลก

受用具足第十九 วรรค ๑๙ เครือ่ งใชบ รบิ ูรณ

36

德風華雨第二十 วรรค ๒๐ ลมกศุ ลและฝนมงคล
寶蓮佛光第二十一 วรรค ๒๑ บัวรตั นะและพทุ ธรังสี
決證極果第二十二 วรรค ๒๒ เทีย่ งแทใ นผลอันอดุ ม
十方佛讚第二十三 วรรค ๒๓ พระพุทธเจา ทั่วทศทิศทรงสดุดี
三輩往生第二十四 วรรค ๒๔ อุบตั สิ ามระดับชั้น
往生正因第二十五 วรรค ๒๕ เหตุแหง การถืออุบตั ิ
禮供聽法第二十六 วรรค ๒๖ ถวายสกั การะและสดับธรรม
歌嘆佛德第二十七 วรรค ๒๗ ลาํ นาํ สรรเสรญิ พระพทุ ธคุณ
大士神光第二十八 วรรค ๒๘ ประภาสแหง มหาบรุ ุษ
願力宏深第二十九 วรรค ๒๙ กําลงั แหงปณธิ านไพศาลแยบยล
菩薩修持第三十 วรรค ๓๐ โพธิสตั วผูบ ําเพญ็ แลธํารงไว
真實功德第三十一 วรรค ๓๑ บุญญาธิการอันจรงิ แท
壽樂無極第三十二 วรรค ๓๒ ชนมายุและโสมนัสเปน อนันต
勸諭策進第三十三 วรรค ๓๓ อปุ ายะใหพากเพียร
心得開明第三十四 วรรค ๓๔ จติ ลถุ ึงปญ ญารูแ จง
濁世惡苦第三十五 วรรค ๓๕ ทุกขม หนั ตของโลกแหง ความเสือ่ ม
重重誨勉第三十六 วรรค ๓๖ คําสอนและความเพียรอนั สําคญั
如貧得寶第三十七 วรรค ๓๗ ประหนึ่งยาจกพบแกว รตั นะ
禮佛現光第三十八 วรรค ๓๘ อภิวาทพระพุทธองคบังเกิดรัศมี
慈氏述見第三十九 วรรค ๓๙ พระเมตไตรยะพรรณนาสง่ิ ท่ีไดย ล
邊地疑城第四十 วรรค ๔๐ วจิ กิ ิจฉานคร แหงพวกเมลจั ฉะ
惑盡見佛第四十一 วรรค ๔๑ ส้นิ อาสวะจึงพบพระพุทธองค
菩薩往生第四十二 วรรค ๔๒ การไปอุบตั ขิ องพระโพธิสัตว
非是小乘第四十三 วรรค ๔๓ มิใชย านท่คี ับแคบ
受菩提記第四十四 วรรค ๔๔ ลทั ธยาเทสพทุ ธพยากรณ
獨留此經第四十五 วรรค ๔๕ มเี พยี งพระธรรมสตู รนเ้ี ทาน้ัน
勤修堅持第四十六 วรรค ๔๖ เพียรบําเพ็ญธํารงธรรม
福慧始聞第四十七 วรรค ๔๗ เพิ่งไดสดบั บุญและปญญา
聞經獲益第四十八 วรรค ๔๘ สดับธรรมเสวยประโยชน

法會聖眾第一
如是我聞。一時佛在王舍城耆闍崛山中,與大比丘眾萬二千人俱。一切大聖,神通已達。其
名曰:尊者憍陳如、尊者舍利弗、尊者大目犍連、尊者迦葉、尊者阿難等,而為上首。又有普賢
菩薩、文殊師利菩薩、彌勒菩薩,及賢劫中一切菩薩,皆來集會。

วรรค ๑ พระอริยบรษิ ทั

37

ขาพเจาไดสดับมาแลวด่ังน้ี สมัยหนึ่งสมเด็จพระผูมีพระภาค เม่ือคร้ังประทับยังนครราชคฤห บนคิชกูฏ
บรรพต ทามกลางภิกษุหมูใหญหน่ึงหม่ืนสองพันรูป อันลวนแตเปนพระมหาอริยเจา สมบูรณพรอมซ่ึงอภญิ ญา*
๑ มีนามวาพระโกณฑัญญะ พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ พระกัสสปะ พระอานนท เปนอาทิ ซ่ึงลวนแต
เปนผูน ําแหงหมูสงฆ

*๑ ฤทธ ๖ ประการ มี ๑)อิทธิวิธี แสดงฤทธ์ิได ๒)ทิพยจักษุ ตาทิพย  ๓)ทิพยโสต หูทิพย ๔)เจโตปริย
ญาณ ญาณที่กําหนดรูใจผูอ่ืนได ๕) บุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกชาติได และ ๖)อาสวักขยญาณ ญาณท่ี
ทําใหส้ินอาสวะ (ขอ ๖ น้ีมีเฉพาะพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา) หาขอแรกเปนโลกียอภิญญา ขอทาย
เปนโลกุตตระ

ทั้งยังมีพระสมันตภัทรโพธิสัตว พระมัญชุศรีโพธิสัตว พระเมตไตรยโพธิสัตว และพระโพธิสัตวท้ังปวงใน
ภทั รกลั ปแ หง นี้ ทมี่ าประชมุ รว มอยู* ๒

*๒ สําหรับพระสูตรบทนี้ ในฉบับแปลอ่ืนๆ มีจํานวนของพระโพธิสัตว และอริยเจาตางๆ ท่ีกลาวถึงไม
เทากนั

德遵普賢第二
又賢護等十六正士,所謂善思惟菩薩、慧辯才菩薩、觀無住菩薩、神通華菩薩、光英菩薩、
寶幢菩薩、智上菩薩、寂根菩薩、信慧菩薩、願慧菩薩、香象菩薩、寶英菩薩、中住菩薩、制行
菩薩、解脫菩薩,而為上首。咸共遵修普賢大士之德,具足無量行願,安住一切功德法中。遊步
十方,行權方便。入佛法藏,究竟彼岸。願於無量世界成等正覺。捨兜率,降王宮,棄位出家,
苦行學道,作斯示現,順世間故。以定慧力,降伏魔怨。得微妙法,成最正覺。天人歸仰,請轉
法輪。常以法音,覺諸世間。破煩惱城,壞諸欲塹。洗濯垢污,顯明清白。調眾生,宣妙理,貯
功德,示福田。以諸法藥,救療三苦。昇灌頂階,授菩提記。為教菩薩,作阿闍黎,常習相應無
邊諸行。成熟菩薩無邊善根,無量諸佛咸共護念,諸佛剎中皆能示現。譬善幻師,現眾異相,於
彼相中,實無可得。此諸菩薩,亦復如是。通諸法性,達眾生相。供養諸佛,開導群生。化現其
身,猶如電光。裂魔見網,解諸纏縛。遠超聲聞辟支佛地,入空、無相、無願法門。善立方便,
顯示三乘。於此中下,而現滅度。得無生無滅諸三摩地,及得一切陀羅尼門。隨時悟入華嚴三昧
,具足總持百千三昧。住深禪定,悉覩無量諸佛。於一念頃,徧遊一切佛土。得佛辯才,住普賢
行。善能分別眾生語言,開化顯示真實之際。超過世間諸所有法,心常諦住度世之道。於一切萬
物隨意自在,為諸庶類作不請之友。受持如來甚深法藏,護佛種性常使不絕。興大悲,愍有情,
演慈辯,授法眼,杜惡趣,開善門。於諸眾生,視若自己,拯濟負荷,皆度彼岸。悉獲諸佛無量
功德,智慧聖明,不可思議。如是等諸大菩薩,無量無邊,一時來集。又有比丘尼五百人,清信
士七千人,清信女五百人,欲界天,色界天,諸天梵眾,悉共大會。

วรรค ๒ ผดู ําเนินตามสมนั ตภทั รจรยิ า
ยังมีมหาบุรุษสิบหกทาน คือมีพระภัทรปาลเปนตน*๓ ยังมีพระคุณมติโพธิสัตว พระปรติภานโพธิสัตว
พระอนิจทัศนาโพธิสัตว พระอิทธิศรีโพธิสัตว พระวีรประภาโพธิสัตว พระรัตนเกตุโพธิสัตว พระอุตรญาณ
โพธิสัตว พระศานติอินทรียโพธิสัตว พระศรัทธาปรัชญาโพธิสัตว พระปณิธิปรัชญาโพธิสัตว พระคันธหัสดินทร
โพธิสัตว พระรัตนวีรโพธิสัตว พระวิหารสถิตยโพธิสัตวพระวินัยจริยาโพธิสัตว พระวิโมกษโพธิสัตว ซึ่งลวนแต
เปนผูนํา ตางก็ประพฤติในคุณธรรมแหงพระสมันตภัทรโพธิสัตว สมบูรณพรอมซึ่งจริยาและปณิธานมิอาจ
ประมาณ ธํารงอยูในกุศลธรรมทั้งปวง ทองเท่ียวไปในทศทิศ แลดําเนินจริยาดว ยอุปายะท่ีชาญฉลาด เขาสูพระ
พุทธธรรมปฎก แลวลุถึงฝงกระโนนอันเปนท่ีสุด เปนผูมีปณิธานวาจักตรัสรูพระสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลกธาตุ
ท้ังปวงมิอาจประมาณ จักเสด็จลงจากดุสิตาเทวโลก แลวเขาสูราชมณเฑียร ละท้ิงราชบัลลังกแลวออก

38

อภิเนษกรมณ บาํ เพ็ญทุกรกริ ยิ าเพอ่ื ศกึ ษามรรคธรรม การกระทําท่ปี รากฏอยูเชน นี้ ก็เพราะอนโุ ลมตามโลกเปน
เหตุ ดว ยใชสมาธญิ าณพละจงึ สยบหมูมาร ไดบรรลพุ ระสัทธรรมอนั คัมภรี ภาพ แลวตรสั รพู ระอนตุ รสมั โพธิญาณ

อันหมูเทวดาแลมวลมนุษย ก็นอมเอาเปนท่ีพึ่งดวยความเคารพยําเกรง แลวทูลอาราธนาใหหมุนเคล่ือน
กงพระธรรมจักร ใชธรรมโฆษะยังโลกท้ังปวง ใหรูแจงทําลายกิเลสนครา และยังกําแพงแหงราคะใหพินาศส้ิน
ชําระมลทินอาสวะ ใหสําแดงเปนความพิสุทธ์ิพิมลใส บําราบอบรมสรรพสัตว กลาวแสดงซึ่งธรรมอรรถที่แยบ
คายอัศจรรย ส่ังสมสรรพกุศล เปนบุญเกษตรของโลก แลวใชธรรมโอสถทั้งปวงพยาบาลรักษาตรีทุกขโรคา*๔
แลวข้ึนสูลําดับแหงการอภิเษกเปนธรรมราชกุมาร นอมรับลัทธยาเทสพุทธพยากรณ เปนอนุศาสนโพธิสัตว คือ
เปนอาจริยะผูส่งั สอนธรรม บาํ เพญ็ อยูซ่งึ โยคะเปนนจิ มจี ริยาท้ังปวงไพศาลไรขอบเขต เปนพระโพธิสตั วผูไดรับ
การเพาะบมควรแกการงาน มีกุศลพีชมหาศาลอนันตะ บรรดาพระพุทธโลกนาถทั้งปวงลวนแตทรงปกปอง
ระลึกถึง ในบรรดาพุทธเกษตรทั้งปวงน้ันเลา ก็ลวนสามารถสําแดงอิทธิพละใหปรากฏ อุปมามายาจารยผู
ช่ําชองกลวิทยา สามารถยังลักษณาการตางๆใหเกิดมีข้ึน แลในสรรพลักษณเหลานั้น ที่จริงแลวก็มิอาจเขาถึง
(เพราะเปน มายา)

อันวาพระโพธิสัตวนี้ก็เปนฉะนี้ ท่ีแทงตลอดในสรรพธรรมภาวะ และรูแจงซึ่งสัตวลักษณะ ถวายสักการะ
พระพุทธเจาทั้งปวง เปนผูช้ีนําเวไนยสัตวโดยแสดงรูปกายตามนั้นๆ ครุวนาอสุนีบาตที่ตัดมารทิฏฐิชาละใหขาด
ส้ิน แลวหลุดพนจากสังโยชนรอยรัดทั้งปวง เปนผูหางไกลแลลวงพนจากภูมิแหงพระสาวกและพระปจเจกโพธิ
บรรลุศูนฺยตา อนิมิตฺต และอปฺรณิหิตวิโมกฺษมุข*๕ ต้ังอยูและชาญเชี่ยวในอุปายโกศล ดวยการสําแดงเปนตรี
ยาน ดว ยอาศยั มหายาน มชั ฌิมยาน จุลยานนี้*๖ โปรดสรรพสตั วจ นหมดสน้ิ ใหบ รรลุถึงสมาธิทั้งปวงแหงความ
ไมเกิดไมดับ พรอมบรรลุธารณีทั้งปวง และอนุโลมตามกาละเขา สูอวตงั สกสมาธิ*๗ สมบูรณและทรงไวซ่ึงสมาธิ
จํานวนรอยพัน ดํารงอยูในความประณีตแหงสมาธิฌาน ไดพบพระพทุ ธเจาจํานวนอมิตะพระองค ในขณะเดียว
ก็ทองเที่ยวไปในพุทธเกษตรทั้งปวงเปนผูบรรลุพุทธปฏิภาณ ต้ังมั่นในสมันตภัทรจริยา สามารถแยกแยะวัจนะ
ของหมูสัตวท้ังหลายไดเปนอยางดี แลวจึงประกาศซ่ึงตัตตวธรรม ท่ีลวงพนสรรพธรรมแหงจักรวาล มีจิตตั้งมั่น
ฉดุ ชวยโลกภมู ิ สรรพสิง่ ท้ังปวงนน้ั กก็ ระทาํ ไดอ ิสระด่ังมโนรถ เพ่ือมวลชนทง้ั ปวงแลว จงึ กระทาํ ซึ่งความเปนมิตร
ท่มี ิไดเ ช้ือเชญิ *๘ นอ มรบั ธํารงไวซ่ึงคมั ภรี ธรรมปฎ กอนั แยบคายของพระตถาคตเจา ปกปก รักษาพระพุทธโคตร
ใหมิขาดสูญ เจริญมหากรุณา เวทนาในสรรพชีวิต แลวกลาวแสดงปฏิภาณแหง เมตตา ธํารงไวซ่ึงธรรมจักษุ ปด
กั้นอบายภูมิ แลวเปดออกซึ่งกุศลทวาร แมนตนเองก็อนุเคราะห แบกรับสรรพสัตวท้ังหมดใหขามสูฝงกระโนน
ไดเสวยกุศลอเนกประการของพระตถาคตเจาท้ังปวง มีปญญาญาณปราดเปร่ืองเปนอจินไตย ด่ังพระมหา
โพธสิ ตั วเ หลาน้ี ทม่ี ีจาํ นวนอมิตะและอนันตะ ในขณะเดียวไดม าประชมุ กันอยู ยงั มีภกิ ษุณจี ํานวนหารอย มีบุรษุ
เจ็ดพัน สตรีหารอย ซึ่งลวนแตเปนผูมีศรัทธาอันบริสุทธิ์ เทพเจาในกามภพ เทพเจาในรูปภพ และคณะเทว
พรหมกล็ ว นมาประชมุ อยเู ปนมหาสมาคมใหญ

*๓.สัตบุรุษ ๑๖ องค มี ๑.พระภัทรปาละ ๒.พระรัตนการ ๓.พระสุสารถวาหะ ๔.พระนรทัตตะ ๕.พระ
คุหยคุปตะ ๖.พระวรุณทัตตะ ๗.พระอินทรทัตตะ ๘.พระอุตตรมติ ๙.พระวิเศษมติ ๑๐.พระวรรธมานมติ ๑๑.
พระอโมฆทรรศิน ๑๒.พระสุสัมปรัสถิตะ ๑๓.พระสุวิกรานตวิกรามิน ๑๔.พระอนุปมมติ ๑๕.พระสูรยครรภะ

39

๑๖.พระธารณธี ร

*๔.ตรที กุ ขโรคา คอื โรคแหง ความทุกข ๓ ชนดิ คอื โรคจากความโลภะ โทสะ และโมหะ

*๕.ตฺริณิ วิโมกฺษมขุ านิ หรือ วิโมกข ๓ คือ ความหลุดพน ประเภทของความหลุดพน จัดตามลักษณะการ
เห็นไตรลักษณ ขอท่ีใหถึงความหลุดพน มี ๑).ศูนฺยตา ความหลุดพนดวยการดับสูญอัตตา หลุดพนดวยความวา
หมดความยึดมั่น ไดแกความหลุดพนที่เกิดจากปญญาพิจารณาเห็นนามรูป โดยความเปนอนัตตา คือหลุดพน
ดวยเห็นอนตั ตาแลว ถอนความยึดมน่ั เสยี ได (อาศัยอนตั ตานุปส นา ถอนอตั ตาภินเิ วส) ๒).อนมิ ติ ตฺ ความหลดุ พน
ดวยการดับอนิจจัง โดยปราศจากนิมิตรเครื่องหมาย หลุดพนดวยไมถือนิมิต ไดแกความหลุดพนที่เกิดจาก
ปญญาพิจารณาเห็นนามรูป โดยความเปนอนิจจัง คือหลุดพนดวยเห็นอนิจจตาแลวถอนนิมิตเสียได (อาศัย
อนิจจานุปสนา ถอนวิปลลาสนิมิต) ๓).อปฺรณิหิต ความหลุดพนเพราะไมมีกิเลสเปนที่ตั้ง หลุดพนดวยไมทํา
ความปรารถนา ไดแกความหลุดพนท่ีเกิดจากปญญาพิจารณาเห็นนามรูป โดยความเปนทุกข คือหลุดพนดวย
เหน็ ทุกขตา แลว ถอนความปรารถนาเสียได (อาศัยทกุ ขานุปสนา ถอนตัณหาปณิธ)ิ

*6.คือยานท้ัง ๓ มี มหายาน คือพุทธยานหรือโพธิสัตวยาน มัชฌิมยานคือปจเจกพุทธยาน จุลยานคือ
สาวกยาน

*๗.อวตังสกสมาธิ คอื สมาธิตามนัยยะของคัมภีรอ วตังสกะ วาดวยการทศั นาโลกธาตแุ ละสรรพสิ่งทั้งปวง
วามีความเกี่ยวของกันเปนปจจยการ ประดุจขายของพระอินทรท่ีรอยเรียงดวยแกวอัญมณี ที่สาดแสงระยับ
กระทบกนั เร่อื ยไปไมสน้ิ สดุ

*๘.หมายถงึ พระโพธสิ ตั ว เปนผอู นโุ ลมคลอยตามสรรพสัตว แมวาสัตวนั้นๆจักมริ ูจกั และมิไดว อนขอ

大教緣起第三

爾時世尊威光赫奕,如融金聚,又如明鏡,影暢表裏,現大光明數千百變。尊者阿難即自思
惟,今日世尊色身諸根悅豫清淨,光顏巍巍,寶剎莊嚴,從昔以來所未曾見。喜得瞻仰,生希有
心。即從座起,偏袒右肩,長跪合掌,而白佛言:世尊今日入大寂定,住奇特法,住諸佛所住導
師之行,最勝之道。去來現在佛佛相念,為念過去未來諸佛耶?為念現在他方諸佛耶?何故威神
顯耀、光瑞殊妙乃爾,願為宣說。於是世尊,告阿難言:善哉善哉!汝為哀愍利樂諸眾生故,能
問如是微妙之義。汝今斯問,勝於供養一天下阿羅漢、辟支佛,佈施累劫諸天人民、蜎飛蠕動之
類,功德百千萬倍。何以故?當來諸天人民,一切含靈,皆因汝問而得度脫故。阿難,如來以無
盡大悲,矜哀三界,所以出興於世。光闡道教,欲拯羣萌,惠以真實之利,難值難見,如優曇花
,希有出現。汝今所問,多所饒益。阿難當知,如來正覺,其智難量,無有障礙。能於念頃,住
無量億劫。身及諸根,無有增減。所以者何?如來定慧,究暢無極。於一切法,而得最勝自在故
。阿難諦聽,善思念之,吾當為汝,分別解說。

วรรค ๓ เหตุปจ จยั แหง คาํ สอนท่ียง่ิ ใหญ

ในสมัยนั้นแลสมเด็จองคพระโลกนาถเจา ทรงเปลงพระรัศมีโอภาสเรืองรองใหปรากฏ ดุจประทับอยูใน
หมูสุวรรณชาติ ทั้งประดุจคันฉองใสที่สําแดงภาพใหปรากฏอยูภายใน เปลงมหารัศมีสวางไสวนับไดรอยพัน
ประการ พระคุณเจาอานนทไดมีมนสิการวา ในวาระน้ีพระโลกนาถเจาทรงมีพระกายินทรียบริสุทธ์ิงดงาม มี
พระพักตรผองใสย่ิงนัก เกษตรแหงน้ีก็อลังการดวยรัตนชาติ ซึ่งเปนส่ิงที่มิเคยไดประสบมาแตกาลกอน จึงเกิด
ปติปราโมทย เฝามองอยูดวยความเคารพยําเกรง บังเกิดจิตอันหาไดยาก แลวลุกขึ้นจากอาสนะ ลดผาเฉวียง
ทักขิณาอังสา คุกชานุถวายวันทนาแลวกราบทูลวา ขาแตพระโลกนาถเจา ในวารน้ีพระองคทรงเขามหานิโรธ

40

สมาบัติ แลวทรงธํารงในวิหารธรรมอันวิเศษ ธํารงในพระจริยาวัตรสมาจาร แหงความเปนพระผูชี้นําของ
พระพุทธเจาท้ังปวง เปนวิชยมรรคทีป่ ระเสริฐ เปน พทุ ธลักษณานสุ ติของบรรดาสมเดจ็ ประทปี แกว พระสัมพุทธ
องคในกาลอดีต อนาคต และปจจุบัน เพ่ือเปนเครื่องใหระลึกถึงพระพุทธเจา ในกาลอดีตและอนาคตน่ันหรือ
กระไร หรอื เพอ่ื เปนเครื่องระลกึ ถึงพระพทุ ธเจา ทง้ั ปวง ที่ยังประทับอยูแมน ปจจุบนั ทเ่ี บ้ืองทศิ าอืน่ ๆเลา ดว ยเหตุ
ไฉนหนอ จึงทรงแสดงพระพุทธานุภาพเปนรัศมีเรืองรองสวางไสว ฉายแสงอันวิจิตรงดงามเชนนี้ ขอพระองค
โปรดตรัสแสดงดวยเถดิ พระเจา ขา

ในเพลาน้นั สมเด็จพระโลกนาถเจา รับส่ังกับพระอานนทวา สาธๆุ ดวยเหตทุ เ่ี ธอเวทนาสงสาร และจกั ยัง
ประโยชนสุขแกสรรพสัตวท้ังปวง จึงสามารถเอยขอปุจฉาดวยอรรถะอันประเสริฐเชนน้ี การปุจฉาของเธอใน
ครั้งน้ี มีกศุ ลยอดเย่ยี มกวากศุ ลของการถวายสักการบชู าพระอรหนั ตผูข ณี าสวะ และพระปจ เจกพุทธะท้งั ปวงใน
พื้นปฐพีน้ี ท้ังยอดเย่ียมกวาการบริจาคทานแกเทวดา มนุษย สัตวนํ้า สัตวปก สัตวเล้ือยคลาน ที่อาศัยในกัลป
แหงความยากลําบากน้ีนับรอยพันหมื่นเทา ดวยเหตุใดน่ันฤๅ ก็บรรดาหมูเทวดา มนุษย และสัตวผูมีปราณ*๙
ทั้งปวงจักไดห ลุดพนจากสงั สารวฏั เหตุเพราะการปุจฉาของเธอ ดกู อนอานนท พระตถาคตมมี หากรุณาหาที่สุด
มไิ ด เวทนาสงสารสตั วในตรีภมู ิ จงึ อบุ ตั ขิ ้ึนในโลกเพือ่ ยงั มรรคธรรมคําสอนใหรุงเรือง ปรารถนาชวยเหลือเวไนย
ท้งั ปวง เพื่อมอบสขุ ประโยชนท่แี ทจรงิ ยากยงิ่ นกั จกั ไดประสบเจอ อุปมาดัง่ ดอกอุทุมพร*๑๐ ทีจ่ ักบงั เกิดมียาก
ยิ่งนัก ดั่งที่เธอไดปุจฉานี้ยอมจักยังประโยชนเปนอันมาก ดูกอนอานนท เธอพึงทราบเถิดวาพระตถาคตเจาผู
สมั มาสัมพทุ ธะ มปี ญ ญาอันหย่งั วัดไดยาก ปราศสิง่ ใดมากน้ั ขวาง สามารถยงั ใหในขณะเดียวไดดํารงอยใู นอนันต
โกฏิกลั ป* ๑๑ โดยมีกายและอินทรยี ทั้งปวงมิเพิ่มขึ้นแลลดลง ดวยเหตุไฉนฤๅ เพราะสมาธิญาณแหงพระตถาคต
น่ัน มิอาจกลาวแสดงใหหมดสิ้นแมนท่ีสุด ในสรรพธรรมน้ันเลาก็ไดบรรลุถึงความยอดเย่ียมและเปนอิสระแลว
ดกู อ นอานนท เธอพึงสดับแลกระทําโยนโิ สมนสกิ ารเถดิ ตถาคตจักแสดงอรรถาธบิ ายแกเ ธอ

*๙.หมายถึง สิง่ มีชวี ติ มีลมหายใจ
*๑๐.หรือตนมะเด่ือ เปนช่ือตนไมในนิยาย ซ่ึงกลาวกันวาออกผลโดยไมผลิดอก ตอ ๓,๐๐๐ ปจึงจะออก
ดอกคร้ังหนึ่ง มีปรากฏในนิพนธทางพระพุทธศาสนา หมายถึงสิ่งท่ีหายาก นานๆคร้ังจึงจะเกิดข้ึน และเปรียบ
ความหมายกับการปรากฏข้นึ ของพระพทุ ธเจา แตละพระองคว ายากย่งิ นกั
*๑๑.โกฏิ คือ จํานวนนับวา สิบลาน สวน กัลป มีความหมายหลายนัยยะ น้ันคือ ระยะเวลาอันยาวนาน
เหลือเกนิ , วันหนึง่ และคืนหน่ึง ของพรหม, ระยะเวลาทจี่ ักรวาลเกดิ ข้ึนและประลัยครัง้ หน่ึง, การนบั ของฮินดูวา
เทากับ ๔,๓๒๐ ลานป มีอุปมาวาเปรียบเสมือนมีภูเขาศิลาลวนกวาง ยาว สูงดานละ ๑ โยชน (ช่ือมาตราวัด
ระยะทาง เทา กบั ๔ คาวุต หรอื ๔๐๐ เสน) ทกุ ๑๐๐ ป มคี นนาํ ผาเนื้อละเอียดอยา งดี (บางแหงวา เทวดานําผา
ทพิ ย) มาลูบครงั้ หนง่ึ จนกวาภูเขานัน้ จะราบเรยี บเสมอแผน ดนิ

法藏因地第四
佛告阿難:過去無量不可思議無央數劫,有佛出世,名世間自在王如來、應供、等正覺、明
行足、善逝、世間解、無上士、調御丈夫、天人師、佛世尊。在世教授四十二劫,時為諸天及世
人民說經講道。有大國主名世饒王,聞佛說法,歡喜開解,尋發無上真正道意。棄國捐王,行作
沙門,號曰法藏。修菩薩道,高才勇哲,與世超異。信解明記,悉皆第一。又有殊勝行願,及念
慧力,增上其心,堅固不動。修行精進,無能踰者。往詣佛所,頂禮長跪,向佛合掌,即以伽他
讚佛,發廣大願,頌曰:

41

如來微妙色端嚴 一切世間無有等 光明無量照十方 日月火珠皆匿曜
世尊能演一音聲 有情各各隨類解 又能現一妙色身 普使眾生隨類見
願我得佛清淨聲 法音普及無邊界 宣揚戒定精進門 通達甚深微妙法

智慧廣大深如海 內心清淨絕塵勞 超過無邊惡趣門 速到菩提究竟岸

無明貪瞋皆永無 惑盡過亡三昧力 亦如過去無量佛 為彼羣生大導師
能救一切諸世間 生老病死眾苦惱 常行布施及戒忍 精進定慧六波羅
未度有情令得度 已度之者使成佛 假令供養恆沙聖 不如堅勇求正覺
願當安住三摩地 恆放光明照一切 感得廣大清淨居 殊勝莊嚴無等倫
輪迴諸趣眾生類 速生我剎受安樂 常運慈心拔有情 度盡無邊苦眾生
我行決定堅固力 唯佛聖智能證知 縱使身止諸苦中 如是願心永不退

วรรค ๔ เหตภุ ูมิของพระธรรมกรโพธิสัตว

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธองคมีพระบรรหารแกพระคุณเจาอานนทวา ในอดีตภาคลวงไปจํานวนอนันต

อสงไขยกัลปแสนยาวนานหาประมาณมิได มีพระพุทธเจาอุบัติขึ้นในโลก พระนามวา โลเกศวรราช เปนผูเสด็จ

มาแลวอยางนั้น ผูไกลจากกิเลสและควรบูชา ผูตรัสรูเองโดยชอบ ผูสมบูรณดวยวิชชาและจรณะ ผูเสด็จไปดี

แลว ผูรูแจงโลก ผูยอดเยี่ยมหาผูอื่นเสมอมิได ผูฝกบุรุษท่ีควรฝก ผูเปนครูของเทวดาและมนุษยทั้งหลาย ผูต่ืน

แลวและเปนที่พึ่งแหงโลก ประทับแลอยูในโลก เพ่ือประทานคําสอนเปนเวลาส่ีสิบสองกัลป ในครั้งน้ัน ขณะ

ประทานพระเทศนาแกบรรดาเทวนิกรและมนุษยนิกร ยังมีกษัตริยองคหนึ่ง นามวา โลเกศวร เมื่อไดสดับธรรม

ท่ีพระพุทธองคแสดงแลว จึงปติปราโมทยเกิดปญญารูแจง ดําริถึงการประกาศพระอนุตรสัมมาสัมโพธิจิต จึง

สละราชบัลลังก แลวครองเพศเปนสมณะฉายาวา ธรรมกร ไดบําเพ็ญโพธิสตั วมรรคอยู ประกอบดวยสติปญญา

ญาณอันเลิศ มิวาโลกียธรรมฤๅโลกุตรธรรมที่ตางกัน ก็รูแจงถองแทอยางดีเย่ียมท้ังสิ้น อีกยังมีปณิธิจริยาท่ี

ประเสริฐย่ิงนัก มีกําลังแหงปญญารุงเรืองอยูในจิต สถิรมั่นคงมิหวั่นไหว บําเพ็ญพรตจริยาอยูดวยความเพียร

เปนผูมิพายแพปราชัย ไดเขาไปสูสํานักแหงพระพุทธองค กระทําศิราภิวาท คุกเขา ถวายอัญชลีในดานท่ีพระ

พุทธองคป ระทับอยู แลวกลาวสรรเสรญิ พระพทุ ธคณุ และประกาศมหาปณิธานเปนโศลกวา...

“ลักษณะอันประเสรฐิ อลงั การแหงพระตถาคต ในสรรพจักรวาลมอิ าจเทียมเสมอ

พระรัศมจี าํ นวนอนนั ตะสอ งสวา งไปในทศทิศ ดวงสรุ ยิ นั จันทราแลดวงอัคคีตางถกู บดบัง

พระโลกนาถสามารถกลา วซึ่งสาํ เนียงเดียว แตส รรพชีวิตกเ็ ขา ใจตามประเภทของตน

อีกทรงสําแดงเพยี งวรกายท่ีงดงามกายเดียว ก็ยงั ใหสรรพสัตวไ ดยลตามจรติ ของตน

ขา พระองคข อถงึ ซึง่ พระพุทธโฆษะอนั บริสุทธ์ิ ขอใหมีธรรมสาํ เนยี งกองไปในอนนั ตโลก

กลาวแสดงศีล สมาธิและความเพยี ร แทงตลอดซงึ่ คมั ภีรธรรมอนั แยบคาย

มปี ญ ญาญาณไพศาลลมุ ลกึ ดุจมหาสมทุ ร ในหทัยกไ็ รละอองธุลบี ริสุทธส์ิ ้นิ เชิง

กาวพนอบายภมู ทิ ีไ่ รขอบเขต แลวบรรลฝุ ง พระโพธญิ าณอนั เปนทส่ี ดุ อยางรวดเร็ว

ปราศจากอวชิ ชา โลภะ โทสะ อยเู ปน นิตย ดว ยสมาธิพละยังใหก เิ ลสสน้ิ ความผดิ โทษสูญ

กด็ ุจพระพุทธเจาจํานวนอมิตะพระองคในครงั้ อดีต ทท่ี รงเปน คุรุผชู ีน้ าํ หมเู วไนย

สามารถชวยเหลือโลกทง้ั ปวง มชี าติ ชรา อาพาธ มรณะ และปวงทุกข

บําเพ็ญทาน และทรงศลี ขันติ วิรยิ ะ สมาธิ และญาณ รวมเปนหกบารมี

สตั วผยู ังมไิ ดช วยเหลอื ก็ไดรบั การชวยเหลือ ผไู ดชวยเหลอื แลว ก็ยงั ใหบรรลพุ ทุ ธญาณ

42

สมมตวิ าถวายสักการะพระอรยิ ะจํานวนเทา เม็ดทรายแหง คงคา
กม็ ยิ ่ิงใหญหาญเทาการปรารถนาพระโพธญิ าณ
ขอ (ขา พเจา) ไดดาํ รงอยูใ นสมาธิ
เพือ่ ฉายรัศมแี กส รรพสัตวเ ปน นิจกาล
เม่ือ (ขา พเจา) บรรลถุ งึ ความบริสุทธอ์ิ ันไพบูลยแ ลว
ขอจงอลังการแลยอดเยี่ยมไรสิ่งเทยี บเคยี ง
สรรพสัตวในภมู ิตางๆ แหงสงั สารจักร
จงไดมาอุบัติยงั โลกธาตุของขา พระองค เพื่อเสวยสุขโดยเร็ว
ไดบงั เกดิ เมตตาจิตจักอนุเคราะหส ่ําสัตวทั้งปวง
แลว โปรดสรรพสตั วผ มู ีทกุ ขอนั ไรข อบเขตใหหมดสิน้
ดวยกาํ ลงั แหง จริยาท่มี ั่นคงแขง็ แกรงของขาพระองค
มเี พียงปญญาแหง พระพุทธองคเ ทา นนั้ ท่ีสามารถเปน สักขี
แมส งั ขารนี้จะระงบั แลว ซ่งึ ทุกขท ้ังปวง
ก็ขอมปี ณธิ านจติ ท่ีมิเสื่อมถอยอยเู ปนนจิ เชน น้แี ล”

至心精進第五
法藏比丘說此偈已,而白佛言:我今為菩薩道,已發無上正覺之心,取願作佛,悉令如佛。
願佛為我廣宣經法,我當奉持,如法修行,拔諸勤苦生死根本,速成無上正等正覺。欲令我作佛
時,智慧光明,所居國土,教授名字,皆聞十方。諸天人民及蜎蠕類,來生我國,悉作菩薩。我
立是願,都勝無數諸佛國者,寧可得否?世間自在王佛,即為法藏而說經言:譬如大海一人斗量
,經歷劫數尚可窮底。人有至心求道,精進不止,會當尅果,何願不得。汝自思惟,修何方便,
而能成就佛剎莊嚴。如所修行,汝自當知。清淨佛國,汝應自攝。法藏白言:斯義宏深,非我境
界。惟願如來應正徧知,廣演諸佛無量妙剎。若我得聞如是等法,思惟修習,誓滿所願。世間自
在王佛知其高明,志願深廣,即為宣說二百一十億諸佛剎土功德嚴淨、廣大圓滿之相,應其心願
,悉現與之。說是法時,經千億歲。爾時法藏聞佛所說,皆悉覩見,起發無上殊勝之願。於彼天
人善惡,國土麤妙,思惟究竟。便一其心,選擇所欲,結得大願。精勤求索,恭慎保持。修習功
德,滿足五劫。於彼二十一俱胝佛土功德莊嚴之事,明了通達,如一佛剎。所攝佛國,超過於彼
。既攝受已,復詣世自在王如來所,稽首禮足,繞佛三匝,合掌而住,白言世尊:我已成就莊嚴
佛土,清淨之行。佛言:善哉!今正是時,汝應具說,令眾歡喜。亦令大眾,聞是法已,得大善
利。能於佛剎,修習攝受,滿足無量大願。

วรรค ๕ วริ ยิ ะอยา งท่สี ดุ แหง ใจ
ก็แลเมื่อ ธรรมกรภิกษุไดกลาวธรรมโศลกนี้แลว จึงกราบทูลพระผูมีพระภาคโลเกศวรราชวา ขาพระองค
เพ่ือโพธิสัตวมรรค บัดน้ีขอประกาศจิตแหงพระอนุตรสัมมาสัมโพธิ อาศัยปณิธานเพ่ือสําเร็จเปนพระพุทธะด่ัง
พระพุทธองคนี้ ขอพระผูมีพระภาคโปรดแสดงพระธรรมสูตร แกขาพระองคอยางไพบูลยเถิด เพื่อขาพระองค
จักนอ มรบั แลว แลบําเพญ็ จรยิ าตามพระธรรมเชน นี้ เพอ่ื ถอนออกซง่ึ สมุฏฐานแหง สงั สารทกุ ข แลว ไดสําเรจ็ พระ
อนุตรสัมมาสัมโพธอิ ยา งรวดเร็ว ก็เม่อื เพลาที่ขาพระองคก ระทําซึง่ ความเปนพุทธะแลว ขอใหแ สงสวางคือความ
รุงเรืองแหงปญญาญาณดินแดนโลกธาตุ และนามของขาพระองค จงสดับไปทั่วทศทิศ บรรดาเทวดาแลมนุษย
นิกรท้ังปวง และสัตวเล้ือยคลานเปนอาทิ ท่ีไดมาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค จักไดกระทําซึ่งความเปน
โพธิสัตวทั้งส้ิน ขาพระองคไดตั้งปณิธานเหลาน้ี ที่มีความวิเศษไปกวาพุทธเกษตรท้ังปวงจํานวนมิอาจประมาณ

43

จักสําเร็จไดหรือไมหนอพระเจาขา พระโลเกศวรราชอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา จึงตรัสธรรมวจนะแกธรรมกร
ภิกษุวา “อุปมาบุคคลท่ีหมายตวงวัดหวงมหาสาคร เมื่อผานเพลาไปนับกัลป ก็อาจถึงกนมหาสาครน้ันได อีก
บุคคลผูจติ ตัง้ มน่ั ปรารถนาในมรรค แลววริ ยิ ะอยอู ยา งมหิ ยดุ พัก ก็ยอ มบรรลซุ ง่ึ ผลอนั ประสงคไ ด แลวจกั ประสา
ใดกับปณิธานนี้ที่จักมิบรรลุเลา เธอน้ันจักระลึกไดเองวา จักบําเพ็ญอุปายะประการใดที่ยังใหสําเร็จในอลังการ
แหงพุทธเกษตร แลในการบําเพ็ญจริยาท้ังปวงเชนนี้ เธอยอมทราบเองวาพุทธเกษตรจักบริสุทธ์ิได เธอพึง
สําเหนยี กดว ยตนเองเถิด”

ธรรมกรภกิ ษทุ ลู วา “อรรถะน้ีคัมภรี ภาพยิ่งนกั หาใชวสิ ัยที่ขา พระองคจักพงึ ทราบไดเฉพาะตนไม ขอพระ
ตถาคตเจา ผเู ปนอรหนั ตสัมมาสัมพุทธะ ผเู ปน สัพพัญู โปรดแสดงซึ่งเกษตรอันวิเศษจํานวนไมมีประมาณของ
พระพุทธเจาท้ังปวงดวยเถิด ก็เม่ือขาพระองคไดสดับแลวซ่ึงธรรมเหลาน้ี จักไดจําทรงแลวประพฤติบําเพ็ญ ขอ
พระองคยังใหสมปรารถนาดวยเถิดพระเจาขา” พระโลเกศวรราชพุทธเจาทรงทราบวา ธรรมกรภิกษุผูน้ันมี
ปญญาแลอุปนิสัยสูงสง ต้ังมั่นในปณิธานท่ีคัมภีรภาพไพบูลย แลวจึงแสดงลักษณะแหงองคคุณ อลังการ วิศุทธิ
ไพบูลย*๑๒ และความสมบูรณของพุทธเกษตรอื่นๆ จํานวนสองรอยสิบโกฏใิ หปรากฏสมประสงค ก็แลเม่ือครา
ทแี่ สดงธรรมนอ้ี ยู เพลาไดล ว งไปหนงึ่ พนั กลั ป ครั้งนั้นเมอ่ื ธรรมกรภิกษไุ ดส ดับพระพทุ ธศาสนีย กไ็ ดทศั นา (พทุ ธ
เกษตรเหลานั้น) ไปดวย แลวบังเกิดอนุตรปณิธานท่ีประเสริฐย่ิง ในหมูเทวดา มนุษย ความดี ความช่ัว ความ
กระดาง ฤๅความประณีตของโลกธาตุเหลาน้ัน เม่ือตริตรองใครครวญอยางที่สุดแลว จึงเลือกองคคุณที่ตองการ
แลวประกาศเปนมหาปณิธาน กระทําความเพียรมุงม่ัน อยูสํารวมระวังแลธาํ รงไว ทั้งปฏิบัติบําเพญ็ ซึง่ กุศล เมื่อ
ครบหา กัลปจ ึงไดเ ห็นแจง ตลอด (สงเคราะหไว) ซึ่งความดงี ามและความอลงั การของพุทธเกษตรโลกธาตุจํานวน
ย่ีสิบเอ็ดโกฏิ ด่ังวาในพุทธเกษตรแหงเดียวไดรวบรวมไวซึ่งพุทธเกษตรทั้งปวง ทั้งวิเศษลวงไปกวาพุทธเกษตร
เหลานั้น ซ่ึงแมตนเองจักไดสงเคราะหไวแลว ก็ยังมาเฝามูลบาทแหง พระโลเกศวรราชตถาคต กระทําศิราภิวาท
เบอ้ื งพระพทุ ธยคุ ลบาท ประทักษณิ สามรอบ ประนมกรและยนื ขน้ึ ทูลวา “ขา แตพระโลกนาถเจา ขา พระองคไ ด
สําเรจ็ แลวซึง่ อลังการแหงพุทธเกษตร มกี ารดาํ เนนิ ไปท่บี รสิ ทุ ธแิ์ ลวพระเจาขา” พระสคุ ตตรสั วา “สาธๆุ ในกาล
บัดน้ีเธอพึงประกาศใหสมบูรณเถิด เพื่อยังสรรพสัตวใหสุขเกษมแลยังมหาชนผูใดสดับพระธรรมกถาน้ีแลว ได
บรรลุกุศลประโยชนที่ย่ิงใหญ สามารถปฏิบัติบําเพ็ญนอมรับในพุทธเกษตร แลวสมบูรณพรอมซ่ึงมหาปณิธาน
จํานวนประมาณมิไดเ ถิด”

*๑๒.องคคุณ คือคุณสมบัติ, อลังการ คือความยิ่งใหญ, วิศุทธ คือความบริสุทธ์ิ, ไพบูลย คือความ
กวา งขวาง

發大誓願第六

法藏白言:唯願世尊,大慈聽察。我若證得無上菩提,成正覺已,所居佛剎,具足無量不可
思議功德莊嚴。無有地獄、餓鬼、禽獸、蜎飛蠕動之類。所有一切眾生,以及焰摩羅界,三惡道
中,來生我剎,受我法化,悉成阿耨多羅三藐三菩提,不復更墮惡趣。得是願,乃作佛,不得是
願,不取無上正覺。(一、國無惡道願;二、不墮惡趣願;)

วรรค ๖ ประกาศมหาปณธิ าน

ธรรมกรภิกษุ กราบทูลวา “ขอพระโลกนาถเจา โปรดพระเมตตาสดบั ดว ยเถดิ หากขา พระองคไ ดบรรลุถึง
พระอนุตรสัมมาสัมโพธิ ไดตรัสรูแลว ที่ในพุทธเกษตรแหงนั้น ยอมพรอมบริบูรณซึ่งกุศลอลังการเปนอจินไตย

44

หาประมาณมิได ปราศจากนรก เปรต ดิรัจฉาน สัตวปก สัตวเล้ือยคลาน บรรดาสัตวทั้งปวงท่ีในยมโลก และ
อบายภูมิสามเกิด ผูมาเกิดในเกษตรของขาพระองค จักไดรับธรรมานุศาสนจากขาพระองค แลวบรรลุพระ
อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ มิตองสูอบายภูมิอีกท้ังสิ้น ก็เมื่อบรรลุซึ่งปณิธานเชนน้ีแลวไซร จึงจักขอกระทําซึ่ง
ความเปนพุทธะ หากมิบรรลุถึงปณิธานน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ” (ปณิธานขอ-๑.ไรอบายภูมิ ๒.
ไมล วงสอู บายภมู ิ)

我作佛時,十方世界,所有眾生,令生我剎,皆具紫磨真金色身,三十二種大丈夫相。端正
淨潔,悉同一類。若形貌差別,有好醜者,不取正覺。(三、身悉金色願;四、三十二相願;五
、身無差別願;)

เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ สรรพสัตวบรรดามีในทศทิศโลกธาตุ ที่มาอุบัติยังเกษตร
ของขาพระองค จักมีรปู กายดัง่ สุวรรณชมพนู ุชบรสิ ุทธ์ิ ประกอบดวยทวตั ติงสมหาบุรษุ สามสิบสองประการ สงา
งามหมดจด เสมอเหมือนกันท้ังส้ิน หากจักมีรูปลักษณท่ีผิดแผกไป วามีศุภลักษณฤๅอัปลักษณแลวไซร จักมิขอ
ตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๓.รูปกายด่ังทองชมพูนุช ๔.มีมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการ ๕.รูป
กายมติ า งกนั )

我作佛時,所有眾生,生我國者,自知無量劫時宿命所作善惡。皆能洞視徹聽,知十方去來
現在之事。不得是願,不取正覺。(六、宿命通願;七、天眼通願;八、天耳通願;)

เม่ือเพลาที่ขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ หมูสัตวทั้งหลายที่มาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค
ตนเองจกั มีปพุ เพนิวาสานุสสตญิ าณ ปรชี าลว งรกู ศุ ลแลอกุศลทีก่ ระทําแลวในบุพชาติ จํานวนประมาณกัลปมิได
จักแลเห็นและยลยิน เหตุการณทั่วทศทศิ ในกาลอดีต อนาคต และปจจุบนั หากมบิ รรลุถึงปณิธานน้ี จกั มิขอตรัส
รูพระอนตุ รสมั โพธิญาณ (ปณิธานขอ-๖.มีฤทธห์ิ ยงั่ รเู หตกุ ารณใ นอดีต คือปพุ เพนวิ าสานุสสตญิ าณ ๗.มีฤทธิ์ทาง
ตา คอื ทพิ ยจกั ษุ ๘.มีฤทธท์ิ างหู คอื ทพิ ยโสต)

我作佛時,所有眾生,生我國者,皆得他心智通。若不悉知億那由他百千佛剎,眾生心念者
,不取正覺。(九、他心通願;)

เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ หมูสัตวท้ังหลายที่มาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค จัก
เปนผูบรรลุซึ่งเจโตปริยญาณท้ังสิ้น หากมิอาจลวงรูจิตอันระลึกของสัตวทั้งปวงในพุทธเกษตรอื่นๆ จํานวนรอย
พันโกฏินยุตะแลวไซร จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๙.มีฤทธ์ิรูกําหนดใจผูอื่น คือเจโตปริย
ญาณ)

我作佛時,所有眾生,生我國者,皆得神通自在,波羅密多。於一念頃,不能超過億那由他
百千佛剎,周徧巡歷供養諸佛者,不取正覺。(十、神足通願;十一、徧供諸佛願;)

เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ หมูสัตวท้ังหลายที่มาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค จัก
เปน ผบู รรลอุ ิทธพิ ละ และปารมิตาทัง้ ส้นิ ในขณะคราเดยี ว หากมิอาจทอ งเทีย่ วไปในพุทธเกษตรจํานวนเกินกวา
รอยพันโกฏินยุตะ เพื่อถวายสักการะพระอรหัตสัมมาสัมพุทธเจาท้ังปวงน้ันแลวไซร จักมิขอตรัสรูพระอนุตร
สัมโพธญิ าณ (ปณิธานขอ-๑๐.บรรลุอทิ ธิพละ ๑๑.ถวายสกั การะพทุ ธะทัง้ ปวง)

我作佛時,所有眾生,生我國者,遠離分別,諸根寂靜。若不決定成等正覺,證大涅槃者,
不取正覺。(十二、定成正覺願;)

เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ หมูสัตวทั้งหลายที่มาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค ยอม
ไกลจากความแบงแยก อินทรียทั้งปวงสงบรํางับ หากเปนผูมิเที่ยงแทตอพระสัมโพธิแลวจักไดบรรลุมหาปรินิร

45

วาณแลวไซร จกั มขิ อตรัสรพู ระอนุตรสัมโพธญิ าณ (ปณิธานขอ-๑๒.เที่ยงแทต อ การตรัสรู)

我作佛時,光明無量,普照十方,絕勝諸佛,勝于日月之明千萬億倍。若有眾生,見我光明
,照觸其身,莫不安樂,慈心作善,來生我國。若不爾者,不取正覺。(十三、光明無量願;十
四、觸光安樂願;)

เมือ่ เพลาท่ีขา พระองคเ ปนพระสัมมาสมั พุทธะ จกั มีรัศมจี ํานวนประมาณมไิ ด สวางไปในทศิ ทงั้ สิบ รงุ เรือง
กวา พระพุทธเจาทงั้ ปวง สวางกวา รังสีแหงสุริยนั แลจันทรานับพนั หม่ืนโกฏิเทา หากมสี รรพสตั วใดที่ไดพ บรัศมีน้ี
ของขาพระองค และไดสัมผัสยังกายแหงตนแลวไซร จักไดเกษมศานติอยู มีจิตเมตตากระทํากุศลความดี แลว
ไดมาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค หากมิเปนด่ังนี้ จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๑๓.มี
รศั มพี น ประมาณ ๑๔.เมอ่ื ตอ งรศั มีแลวยอมเปนสุข)

我作佛時,壽命無量,國中聲聞天人無數,壽命亦皆無量。假令三千大千世界眾生,悉成緣
覺,於百千劫,悉共計校,若能知其量數者,不取正覺。(十五、壽命無量願;十六、聲聞無數
願;)

เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ จักมีอายุขัยประมาณมิได บรรดาสาวก เทพมนุษยอันนับ
คํานวณมิไดทีใ่ นโลกธาตุของขาพระองค ก็จักมอี ายขุ ยั ประมาณมิไดเชน กัน สมมติวาหมูสตั วใ นตรสี หสั มหาสหัส
โลกธาตุ ลวนแตสําเร็จเปนพระปจเจกโพธิ ในรอยพันกัลปหาก (พระปจเจกโพธิเหลาน้ัน) จักนับคํานวณถึง
ปริมาณ (พระสาวกในสุขาวตี) ทั้งหมดไดถวนแลวไซร จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๑๕.
อายขุ ัยพนประมาณ ๑๖.มสี าวกจํานวนมิถวน)

我作佛時,十方世界,無量剎中,無數諸佛,若不共稱嘆我名,說我功德國土之善者,不取
正覺。(十七、諸佛稱嘆願;)

เม่ือเพลาที่ขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ บรรดาพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาทั้งหลาย จํานวน
ประมาณพระองคมิไดท่ีในอนนั ตเกษตร ในทศทิศโลกธาตุ หากมิทรงสดดุ ีซึ่งนามของขาพระองค มิตรสั ถงึ ความ
ดีงามแหงกุศลโลกธาตุของขาพระองคแลวไซร จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๑๗.ปวงพระ
พทุ ธะลว นสดุด)ี

我作佛時,十方眾生,聞我名號,至心信樂,所有善根,心心回向,願生我國,乃至十念,
若不生者,不取正覺。唯除五逆,誹謗正法。(十八、十念必生願;)

เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ สรรพสัตวในทศทิศ เม่ือไดสดับนามของขาพระองคแลว
จักเกิดศรัทธาโสมนัสเปนที่สุดแหงใจ กุศลมูลบรรดามีก็อุทิศเพ่ือขออุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค จนถึงการ
ระลึก (ภาวนาถึง) สิบวาระ หากมิไดมาอุบัติแลวไซร จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ เวนเสียแตผูกอ
อนันตริยกรรมหา ประการ*๑๓ และผูทาํ ลายพระธรรม (ปณธิ านขอ-๑๘.ระลึกสบิ วาระยอมไดอ บุ ตั แิ นน อน)

*๑๓.กรรมอันรายแรงที่สุดของพระพุทธศาสนา ๕ อยาง คือ ๑)ปตุฆาต ฆาพอ ๒)มาตุฆาต ฆาแม ๓)
อรหันตฆาต ฆาพระอรหันต ๔)สังฆเภท ทําลายสงฆใหแตกกัน ๕)โลหิตุปบาท การทํารายพระพุทธเจาจนหอ
พระโลหิตขึ้นไป และยังมีกรรมอีก ๕ ประการที่รายแรงเทียบเทาอนันตริยกรรม คือ ๑)ประทุษรายหญิงท่ีเปน
พระอรหันต ๒)ฆา พระโพธสิ ตั วท ่ดี ํารงอยูในนติ ยภมู ิ (คือผไู มเส่อื มถอยจากพระโพธิญาณ) ๓)ฆาพระเสขะบุคคล
(พระอรยิ ะบคุ คลอ่นื ๆ ทีย่ ังไมบ รรลุอรหนั ตผล) ๔)ลกั ของสงฆ ๕)ทําลายพระสถปู

我作佛時,十方眾生,聞我名號,發菩提心,修諸功德,奉行六波羅密,堅固不退。復以善
根迴向,願生我國,一心念我,晝夜不斷。臨壽終時,我與諸菩薩眾,迎現其前,經須臾間,即
生我剎,作阿惟越致菩薩。不得是願,不取正覺。(十九、聞名發心願;二十、臨終接引願;)

46

เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ สรรพสัตวในทศทิศ เม่ือไดสดับนามของขาพระองคแลว
จกั บังเกดิ โพธิจิต บาํ เพ็ญกศุ ลท้งั ปวง แลวประพฤติปารมติ าหกประการ เปนผตู ้ังมน่ั มิเส่ือมถอย จักอุทศิ กศุ ลมูล
เพ่ือขอมาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค และดวยการมีเอกจติ ระลึกถงึ ขาพระองคอยูตลอดทิวาราตรี เมื่อครา
ท่ีอายุขยั สน้ิ ลง ขา พระองคและโพธสิ ตั วท้ังปวง จะมาปรากฏยงั เบ้ืองหนา ผูน้ัน ในขณะเดยี วจกั ไปอุบัตยิ ังเกษตร
ของขาพระองคทันที แลวกระทําซึ่งความเปนโพธิสัตวผูไดอภิเษกเปนธรรมราชกุมาร*๑๔ หากมิบรรลุถึง
ปณิธานน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนตุ รสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๑๙.สดับนามแลวยอมเกิดจิตปณิธาน ๒๐.เสด็จมา
รับเมอื่ วายชนม)

*๑๔.คือ ผูเปนธรรมทายาท ผูจักไดอภิเษกเปนธรรมราชา คือพระพุทธเจาในอนาคต มีนัยยะคือพระ
โพธิสัตวผไู มเสอ่ื มถอยจากพระโพธญิ าณ

我作佛時,十方眾生,聞我名號,繫念我國,發菩提心,堅固不退。植眾德本,至心迴向,
欲生極樂,無不遂者。若有宿惡,聞我名字,即自悔過,為道作善,便持經戒,願生我剎,命終
不復更三惡道,即生我國。若不爾者,不取正覺。(二十一、悔過得生願;)

เมอื่ เพลาท่ขี า พระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ สรรพสัตวในทศทิศ เมื่อไดสดับนามของขา พระองคแ ลว มี
จิตพันผูกระลึกอยูซ่ึงโลกธาตุของขาพระองค บังเกิดโพธิจิตตั้งมั่นมิเสื่อมถอยพรอมกับสั่งสมกุศลมูลท้ังปวงไว
แลวอุทิศดวยความเปนที่สุดแหงใจ ปรารถนามาอุบัติยังสุขาวตีโลกธาตแุ ลว ไซร ยอมสมประสงค แมผูมีบาปมา
แตบุพชาติ เม่ือไดสดับนามของขาพระองคแลว จักสํานึกผิดไดเองแลวประกอบการกุศล จักย่ิงสมาทานพระ
สูตรและศีลาจาร เพ่ือปรารถนาอุบัติยังเกษตรของขาพระองค ก็แลเมื่อชีวาส้ินลงจักมิตองสูอบายภูมิสามอีก
แลวไปอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค หากมิเปนด่ังน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๒๑.
สํานึกบาปสูสขุ าวตี)

我作佛時,國無婦女。若有女人,聞我名字,得清淨信,發菩提心,厭患女身,願生我國。
命終即化男子,來我剎土。十方世界諸眾生類,生我國者,皆於七寶池蓮華中化生。若不爾者,
不取正覺。(二十二、國無女人願;二十三、厭女轉男願;二十四、蓮華化生願;)

เม่ือเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ ในโลกธาตุยอมปราศจากอิสตรี*๑๕ หากแมนมีสตรีใด ได
สดับนามของขาพระองค มีศรัทธาบริสุทธ์ิแลวบังเกิดโพธิจิต เบื่อหนายกายแหงสตรี ปรารถนาอุบัติที่โลกธาตุ
ของขาพระองค เม่ือคราชีพดับส้ินยอมปรากฏเปนบุรุษ แลวมายังดินแดนของขาพระองค อันบรรดาสรรพสัตว
ในทิศทั้งสิบ ท่ีมาถืออุบัติในโลกธาตุของขาพระองค ลวนแตกําเนิดโดยปทุมมาศในสัปตรัตนโบกขรณี*๑๖
ท้ังส้ิน หากมิเปนด่ังน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๒๒.ในโลกธาตุไรอิสตรี ๒๓.หนายราง
สตรไี ดก ลายบรุ ุษ ๒๔.อบุ ัตแิ ตด อกปทุมมาลย)

*๑๕.คาํ วา ในสขุ าวตีปราศจากอิสตรี หมายความวา ไรซ่ึงการแบง วา หญงิ หรอื ชาย ไรทวภิ าวะ มีความสม
ตาคอื เทาเทียมกนั

๑๖.หมายถึง สระบวั ที่ประดับดว ยอัญมณี ๗ ประการ คอื ทอง เงิน ไพฑูรย ผลึก บุษราคมั มรกต ทบั ทมิ

我作佛時,十方眾生,聞我名字,歡喜信樂,禮拜歸命。以清淨心,修菩薩行,諸天世人,
莫不致敬。若聞我名,壽終之後,生尊貴家,諸根無缺,常修殊勝梵行。若不爾者,不取正覺。
(二十五、天人禮敬願;二十六、聞名得福願;二十七、修殊勝行願;)

เม่ือเพลาทีข่ า พระองคเปนพระสมั มาสัมพุทธะ สรรพสตั วในทศทิศ เมอ่ื ไดสดับนามของขา พระองคแลว มี

47

ความศรทั ธาปต โิ สมนัสอยู ไดอภิวาทนอ มเปน ท่ีพึ่ง แลวใชวศิ ุทธิจติ นี้ บาํ เพญ็ โพธสิ ตั วจรยิ า*๑๗ จกั เปนทีเ่ คารพ
ของบรรดาเทวบริษัทแลมนุษยนิกรทั้งปวง หากไดสดับนามแหงขาพระองค ยังใหเม่ือคราที่อายุขัยสิ้นแลว จัก
ไปกําเนิดยังตระกูลสูง มีอินทรียทั้งปวงไมบกพรอง ไดประพฤติพรหมจริยาอยูเปนนิจ หากมิเปนด่ังน้ี จักมิขอ
ตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๒๕.เทพแลมนุษยคารวะ ๒๖.สดับพระนามบรรลุวาสนา ๒๗.ได
บาํ เพญ็ มรรคประเสริฐ)

*๑๗.ดว ยใชวิศทุ ธิจติ น้ี บําเพญ็ โพธิสัตวจริยา หมายถึงการนมัสการและยึดพระรตั นตรัยเปน สรณะดว ยจิต
บริสุทธิ์ ถือเปน การกระทาํ ของโพธสิ ัตว (โพธิสตั วจรยิ า) ประการหนึง่

我作佛時,國中無不善名。所有眾生,生我國者,皆同一心,住於定聚。永離熱惱,心得清
涼,所受快樂,猶如漏盡比丘。若起想念,貪計身者,不取正覺。(二十八、國無不善願;二十
九、住正定聚願;三十、樂如漏盡願;三十一、不貪計身願;)

เม่ือเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ ในโลกธาตุยอมปราศช่ือของอกุศล หมูสัตวท้ังปวงท่ีอุบัติ
ในโลกธาตุของขาพระองค จักมีเอกจิตเสมือนกัน คือตั้งอยูในสมาธิ หางไกลจากความทุกขรอน ในจิตชุมเย็น
แชมช่ืนเสวยสุขทั้งปวงอยู อุปมาภกิ ษุผมู ีอาสวะสิน้ แลว หากยงั มีสัญญาคอื การยดึ ม่นั หวงแหนอยใู นกายแลวไซร
จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๒๘.ในโลกธาตุไรสิ่งช่ัว ๒๙.ต้ังมั่นในสมาธิ ๓๐.มีสุขด่ังพระ
ขณี าสวะ ๓๑.มิหวงแหนในกายา)

我作佛時,生我國者,善根無量,皆得金剛那羅延身,堅固之力。身頂皆有光明照耀。成就
一切智慧,獲得無邊辯才。善談諸法秘要,說經行道,語如鐘聲。若不爾者,不取正覺。(三十
二、那羅延身願;三十三、光明慧辯願;三十四、善談法要願;)

เม่ือเพลาทขี่ าพระองคเ ปน พระสมั มาสมั พทุ ธะ สตั วผมู าอุบัติยงั โลกธาตขุ องขา พระองค จกั มีกุศลมูลมิอาจ
ประมาณ ลวนแตบรรลุวัชรนารายณกาย มีพละแข็งแกรง สวนยอดแหงกาย (ศีรษะ) จักมีรัศมีโอภาสสวางไสว
สําเร็จปญญาญาณทั้งปวง ประกอบดวยปฏิภาณที่ไรขอบเขต สามารถอภิปรายอรรถะแหงสรรพธรรมไดอยาง
ช่ําชอง ยามท่ีแสดงธรรมก็มีเสียงไพเราะปานระฆัง หากมิเปนด่ังน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ
(ปณิธานขอ -๓๒.มนี ารายณกาย ๓๓.มีรัศมีปญ ญาและปฏิภาณ ๓๔.แสดงอรรถธรรมไดช ํ่าชอง)

我作佛時,所有眾生,生我國者,究竟必至一生補處。除其本願為眾生故,被弘誓鎧,教化
一切有情,皆發信心,修菩提行,行普賢道。雖生他方世界,永離惡趣。或樂說法,或樂聽法,
或現神足,隨意修習,無不圓滿。若不爾者,不取正覺。(三十五、一生補處願;三十六、教化
隨意願;)

เม่ือเพลาที่ขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพทุ ธะ หมูสัตวท้ังหลายท่ีมาอุบัติยังโลกธาตขุ องขา พระองค ท่ีสุด
แลวจักลุถึงความเปนเอกชาติปฏิพันธ*๑๘ เวนแตผูมีมูลปณิธานเพ่ือสรรพสัตว เพราะมีปณิธานอุกฤษฏไพศาล
หมายจักสง่ั สอนเวไนยนิกรทง้ั ปวง ใหเ กิดจติ ศรทั ธาบําเพญ็ โพธจิ รยิ า และดาํ เนนิ ตามสมนั ตภัทรมรรค*๑๙ แมน
จักไปถืออบุ ตั ยิ ังโลกธาตุอืน่ ๆ กจ็ กั ไกลจากอบายภมู ิอยเู ปน นิจ บางเปน ผชู อบกลา วธรรม บา งเปน ผูชอบฟง ธรรม
บางเปนผูมีอภิญญา ตามแตที่ปฏิบัติบําเพ็ญมาอันลวนแตสมบูรณ หากมิเปนดั่งน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนุตร
สัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๓๕.ขอ งดวยการเกิดอกี ชาตเิ ดยี ว ๓๖.สงั่ สอนสตั วไดด ัง่ ใจ)

*๑๘.โพธิสัตวที่เกี่ยวเนื่องกับการเกิดอีกเพียงชาติเดียว ก็จักไดตรัสรูพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เปน
พระพทุ ธเจา

*๑๙.สมันตภัทรจริยา คือ จริยาวัตรของพระสมันตภัทรโพธิสัตว ในพระสูตรฝายมหายานกลาววา พระ

48

สมันตภัทรโพธิสัตวไดประกาศปณิธานท่ีจะชวยเหลือสรรพสัตวไวจํานวนมากมิอาจประมาณ แตมีมหาปณิธาน
๑๐ ขอท่ีโพธิสัตวท้ังหลายดําเนนิ ตามดังน้ี คือ ๑.จักอภิวาทนอบนอมพระพุทธเจาทั้งปวง (กุศลทางกาย) ๒.จัก
สรรเสริญพระตถาคตไปตลอดจนส้ินกัลปท้ังหลาย โดยใชวาจาและภาษาท่ีไพเราะงดงามท่ีสุด (กุศลทางวาจา)
๓.จักถวายสักการะพระพุทธเจาท้ังปวง ดวยของที่เปนทิพยและประณีตท่ีสุด มีปริมาณมากเทากับภูเขาสุเมรุ
(กุศลทางกาย) ๔.ขอสํานึกผิดในอดีตและขมากรรมนั้น โดยจักแกไขและไมยอนไปทําอีก (กุศลทางใจ) ๕.ขอ
อนุโมทนากับกุศลท่ียิ่งใหญของพระอริยเจา และแมแตกุศลเพียงเล็กนอยของสัตวท้ังปวง ดวยความไมริษยา
(กุศลทางใจ) ๖.ขออาราธนาพระพุทธเจาท้ังปวง ใหหมุนเคล่ือนพระสัทธรรมจักร (คือเมื่อตรัสรูโพธิญาณแลว
มหาบุรุษจักพิจารณาหมูสัตว แลวเห็นวาพระธรรมน้ันลึกซ้ึงมาก จึงทอพระทัยในการสอนสัตวโลก พระสมันต
ภัทรจึงอาราธนาใหโปรดสัตวยังประโยชนแกโลก) ๗.ขออาราธนาใหพระพุทธเจาทรงดํารงพระชนมอยูโลก ๘.
ขอศกึ ษาตามพระธรรมคําสอนของพระพุทธเจา ๙.ขออนโุ ลมตามความตองการของสรรพสตั ว ๑๐.ขออทุ ิศกุศล
ทง้ั ปวงแกสรรพสตั วแ ละโพธญิ าณจนหมดสิ้น

我作佛時,生我國者,所須飲食、衣服、種種供具,隨意即至,無不滿願。十方諸佛,應念
受其供養。若不爾者,不取正覺。(三十七、衣食自至願;三十八、應念受供願;)

เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ สัตวผูมาอุบัติยังโลกธาตุของขาพระองค จักไดบรรลุถึง
อาหารเครื่องด่ืม อาภรณแ ละสง่ิ ของนานปั การสมด่ังปรารถนา อนั พระอรหันตสัมมาสมั พุทธเจาในทิศทงั้ สิบ จัก
ทรงพิจารณาและรับเครื่องสักการะน้ัน หากมิเปนดั่งน้ี จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ-๓๗.
อาภรณเ คร่ืองบรโิ ภคเกิดข้ึนเอง ๓๘.ทรงพิจารณาและรับสักการะ)

我作佛時,國中萬物,嚴淨光麗,形色殊特,窮微極妙,無能稱量。其諸眾生,雖具天眼,
有能辨其形色、光相、名數,及總宣說者,不取正覺。(三十九、莊嚴無盡願;)

เม่ือเพลาที่ขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ สรรพสิ่งในโลกธาตุจักอลังการ บริสุทธิ์ ผองใส งดงาม มี
รูปลักษณวิจิตรบรรจง ประณีตพิสดารอยางที่สุด มิอาจพรรณนาใหส้ินได หมูสัตวเหลานั้น แมนจักสมบูรณซึ่ง
ทิพยจักษุก็ตาม หากจักกลาวแสดงถึงรูปลักษณ วรรณะ และช่ือสิ่งของเหลาน้ันไดถวนแลวไซร จักมิขอตรัสรู
พระอนุตรสมั โพธญิ าณ (ปณธิ านขอ -๓๙.อลังการมสิ ิ้นสดุ )

我作佛時,國中無量色樹,高或百千由旬。道場樹高,四百萬里。諸菩薩中,雖有善根劣者
,亦能了知。欲見諸佛淨國莊嚴,悉於寶樹間見,猶如明鏡,睹其面像。若不爾者,不取正覺。
(四十、無量色樹願;四十一、樹現佛剎願;)

เมื่อเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ วรรณรุกขชาติจํานวนมิอาจประมาณในโลกธาตุ จักมี
ความสูงใหญนับรอยพันโยชน ลานรุกขชาตินั้นเลาก็มีความสูงสี่รอยหมื่นล้ี ในหมูโพธิสัตวทั้งปวงแมนจักมี
อินทรยี แ กออ นตางกนั กส็ ามารถลวงรไู ด กลาวคือหากปรารถนาจกั ทศั นาวิศุทธิเกษตรอลังการของพระพุทธเจา
ท้ังปวง ก็จักเห็นไดท่ีหวางรัตนพฤกษ เสมือนหน่ึงคันฉองใสที่มีภาพปรากฏเบื้องหนา หากมิเปนดั่งนี้ จักมิขอ
ตรสั รพู ระอนตุ รสัมโพธิญาณ (ปณิธานขอ๔๐.วรรณรกุ ขชาตพิ น ประมาณ ๔๑.ปรากฏพทุ ธเกษตรทีพ่ ฤกษา)

我作佛時,所居佛剎,廣博嚴淨,光瑩如鏡,徹照十方無量無數不可思議諸佛世界。眾生覩
者,生希有心。若不爾者,不取正覺。(四十二、徹照十方願;)

เม่ือเพลาที่ขาพระองคเปนพระสมั มาสัมพทุ ธะ ในพุทธเกษตรแหงนั้นยอมมีความกวางใหญไ พศาล กับท้ัง
อลังการและบริสุทธิ์ สวางใสดุจแกวกระจก ทอแสงระยับไปในโลกธาตุของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาทั้งสิบ

49

ทิศ จํานวนอมิตะและอสงไขยเกินวิสัยจะคาดคดิ เอาได สรรพสัตวผูไดประสบแลว จักเกิดจิตอันหาไดยาก หาก

มเิ ปน ดั่งน้ี จกั มขิ อตรสั รูพระอนุตรสัมโพธญิ าณ (ปณิธานขอ-๔๒.ทอแสงประกายยังทศทิศ)

我作佛時,下從地際,上至虛空,宮殿樓觀,池流華樹,國土所有一切萬物,皆以無量寶香
合成。其香普熏十方世界。眾生聞者,皆修佛行。若不爾者,不取正覺。(四十三、寶香普熏願
;)

เม่ือเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ เบ้ืองลางนับแตปฐพีดลข้ึนมา เบื้องบนจนถึงอวกาศ

ปราสาท มณเฑยี รสถาน หอทศั นา สระโบกขรณี มาลีแลรตั นพฤกษ สรรพสง่ิ ทั้งปวงทใี่ นโลกธาตุ ลว นสาํ เร็จข้ึน

ดวยอัญมณีรัตนชาติ และเคร่ืองหอมจํานวนมหาศาลมิอาจประมาณ เคร่ืองหอมน้ันยังกรุนกล่ินสุรภีโชยไปใน

ทศทิศโลกธาตุ สรรพสัตวผูไดสูดดมแลวจักบําเพ็ญพุทธจริยาหากมิเปนด่ังนี้ จักมิขอตรัสรูพระอนุตรสัมโพธิ

ญาณ (ปณิธานขอ -๔๓.รตั นะและสุคนั ธากําจายไป)

我作佛時,十方佛剎諸菩薩眾,聞我名已,皆悉逮得清淨、解脫、普等三昧,諸深總持。住
三摩地,至於成佛。定中常供無量無邊一切諸佛,不失定意。若不爾者,不取正覺。(四十四、
普等三昧願;四十五、定中供佛願;)

เม่ือเพลาที่ขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ คณะโพธิสัตวทั้งหลายแหงพุทธเกษตรในทิศทั้งสิบ เม่ือได

สดับนามขาพระองคแ ลว จักบรรลุถงึ วศิ ุทธิ วิโมกษ สมนั ตนคุ ตสมาธิ และธารณที ่ีคมั ภีรภาพทั้งปวง จักตง้ั อยูใน

สมาบัติไปจนสําเร็จเปนพระสัมมาสัมพุทธเจา ในสมาธิภาวะนั้นจักไดถวายสักการะพระพุทธเจา จํานวน

ประมาณพระองคมิได หาขอบเขตสิ้นสุดมิได โดยจักมิกระทบตอสมาธิจิต หากมิเปนดั่งนี้ จักมิขอตรัสรูพระ

อนุตรสัมโพธิญาณ (ปณธิ านขอ-๔๔.สําเรจ็ สมาธิ ๔๕.ถวายพทุ ธบูชาในสมาธิ)

我作佛時,他方世界諸菩薩眾,聞我名者,證離生法,獲陀羅尼。清淨歡喜,得平等住。修
菩薩行,具足德本。應時不獲一二三忍,於諸佛法,不能現證不退轉者,不取正覺。(四十六、
獲陀羅尼願;四十七、聞名得忍願;四十八、現證不退願。)

เม่ือเพลาท่ีขาพระองคเปนพระสัมมาสัมพุทธะ หมูโพธิสัตวท้ังหลายในโลกธาตุอื่นๆ ที่ไดสดับนามของขา

พระองค จักบรรลุถงึ ธรรมทไี่ กลจากชาติ (การเกิด) ไดรับธารณีบริสุทธ์ิและปติเกษมอยลู ุถึงสมตาภาวะ บําเพ็ญ

โพธิสัตวจริยา สมบูรณซ่ึงกุศลพีชะ เม่ือกาลท่ีเหมาะควรหากมิไดบรรลุธรรมกษานติ*๒๐ ประการท่ี๑ ประการ

ท๒่ี ประการท๓ี่ และมิอาจบรรลถุ งึ ความไมเ ส่ือมถอยยอ นกลับในธรรมแหงพระพทุ ธเจาท้ังปวงแลวไซร จกั มขิ อ

ตรสั รูพ ระอนุตรสมั โพธญิ าณ (ปณิธานขอ -๔๖.ไดบรรลุธารณี ๔๗.สดับนามแลว บรรลุธรรมกษานติ ๔๘.บรรลุถึง

ความมิเส่อื มถอย)

*๒๐ ติสฺร: กฺษานฺติ ความอดทน ๓ คือ ๑)โฆษานุคต ธรฺม กฺษานฺติ ความอดทนตอเสียงดังตางๆ โดย

พิจารณาวาเปนของไมเที่ยงแทถาวร ๒)อนุโลมิกี ธรฺมกฺษานฺติ ความอดทนที่จะปฏิบัติอนุโลมตามธรรม ๓)

อนตุ ฺปตตฺ ิก ธรฺม กษฺ านฺติ ความอดทนปลงใจเชือ่ ในธรรมท่ไี มเกิดอกี ตอ ไป

必成正覺第七 斯願不滿足 誓不成等覺
佛告阿難:爾時法藏比丘說此願已,以偈頌曰: 令彼諸羣生 長夜無憂惱
我建超世志 必至無上道 我若成正覺 立名無量壽
復為大施主 普濟諸窮苦 如佛金色身 妙相悉圓滿
出生眾善根 成就菩提果 離欲深正念 淨慧修梵行
眾生聞此號 俱來我剎中 消除三垢冥 明濟眾厄難
亦以大悲心 利益諸羣品 開彼智慧眼 獲得光明身
願我智慧光 普照十方剎
悉捨三途苦 滅諸煩惱暗

50

閉塞諸惡道 通達善趣門 為眾開法藏 廣施功德寶

如佛無礙智 所行慈愍行 常作天人師 得為三界雄

說法獅子吼 廣度諸有情 圓滿昔所願 一切皆成佛

斯願若尅果 大千應感動 虛空諸天神 當雨珍妙華

佛告阿難:法藏比丘說此頌已,應時普地六種震動。天雨妙華,以散其上。自然音樂空中讚

言,決定必成無上正覺。

วรรค ๗ จักสาํ เร็จพระสัมโพธิเปนท่แี นน อน

พระผูมีพระภาครับส่ังกับพระอานนทวา ในสมัยน้ันเม่ือธรรมกรภิกษุ กลาวปณิธานนี้จบแลว จึงกลาว

โศลกวา…”ขาพระองคไดต้ังความปรารถนาท่ีลวงโลกียะ อันยังใหสําเร็จถึงพระอนุตรมรรค หากปณิธานยังมิ

สมบูรณแลวไซร จักมิสําเร็จพระสัมโพธิญาณ จักขอเปนมหาทานบดี อนุเคราะหผูยากไรทั้งปวง จักยังใหเวไนย

นิกร ในราตรีท่ียาวนานมิตองทุกขโศก*๒๑ ยังกุศลมูลท้ังปวงใหเกิดมีขึ้น แลวสําเร็จซึ่งโพธิผล หากขาพระองค

ไดสําเร็จพระสัมโพธิ จักมีนามวา อมิตายุสะ หมูสัตวผูไดสดบั นามนี้ จักไดมายังเกษตรของขาพระองคทั้งส้ิน (มี

กาย) ดจุ สุวรรณกายของพระพทุ ธองค ทม่ี ีลกั ษณะวิเศษบรบิ รู ณ ประกอบดว ยจิตมหากรุณา ยังหติ ประโยชนแก

เวไนยชน ไกลจากราคะและแยบคายในสัมมาระลึก มีพระปญญาวิศุทธ์ิและประพฤติพรหมจรรย ขอปญญา

ญาณอันรุงเรืองของขาพระองค สวางไปในเกษตรท่ัวทศทิศ กําจัดความมืดของมลทินสาม*๒๒ ชวยใหพนจาก

ภยันตรายทั้งปวง ใหอุเบกขาในทุกขของอบายสาม*๒๓ แลวยังความมืดมนแหงสรรพกิเลสใหดับ เปดออกซ่ึง

ปญญาญาณจักษุ แลวเสวยกายอันรุงเรือง ปดกั้นมวลอกุศลมรรค แลวแทงตลอดซึ่งกุศลทวาร เพ่ือหมูสัตวจึง

เปดออกซ่ึงธรรมคลัง นํากุศลรัตนะบริจาคเปนทานใหญ ประดุจพระญาณอันไรเคร่ืองกีดกั้นของพระพุทธองค

ทดี่ าํ เนนิ ดวยเมตตาจรยิ า ทรงเปน ศาสดาของเทวดาแลมนษุ ย บรรลคุ วามเปน นรเศรษฐในตรภี พ แสดงธรรมดุจ

บันลือสิงหนาท แลวฉุดชวยเวไนยสัตวไดอยางไพบูลย (หากจัก) สมบูรณซึ่งปณิธานเมื่อกาลกอน สรรพสัตวทั้ง

ปวงจักไดสําเร็จพุทธ หากแมนปณิธานน้ีจักสัมฤทธิ์ผล ขอมหาสหัสโลกธาตุจงส่ันคลอน เทพเจาเบื้องอัมพร

สถาน จงโปรยทิพยมาลีมาดุจพรรษสายเถิด” พระผูมีพระภาคตรัสแกพระอานนทวา เมื่อธรรมกรภิกษุกลาว

โศลกนี้ส้ินลง ในเพลา น้ันพื้นมหาปฐพีดลก็สั่นไหวหกลักษณะ*๒๔ ทิพยมาลีโปรยลงมาดุจสายฝน เกลี่ยอยูท่ัว

(ธรรมสภา) แหงน้ัน แลวบังเกิดเสียงดนตรีสวรรคอุโฆษกองในอากาศ เปนเสียงสรรเสริญวา “ทานจักไดตรัสรู

พระอนุตรสมั มาสมั โพธิญาณเปน แนแ ทๆ ”

*๒๑.ประโยคน้ีเปรียบไดวา สังสารวัฏนี้คือยามคํ่าคืนท่ีมืดมิด จะมีก็แตแสงสวางแหงดวงจันทร คือพระ

พทุ ธธรรมท่ีสองแสงนําทาง

*๒๒.คือ อาสวะ ๓ มี ๑)กามาสวะ อาสวะเปนเหตุอยากได ๒)ภวาสวะ อาสวะเปนเหตุอยากเปน ๓)

อวิชชาสวะ อาสวะคือความเขลา หรอื อาจแปลวา เปน อกศุ ลมลู ๓ คอื ๑)โลภะ ๒)โทสะ ๓) โมหะ

*๒๓.คอื สถานที่หาความเจรญิ ไมไ ด มี ๑)นรก ๒)เปรต ๓) เดรัจฉาน

*๒๔.ษฑฺ ภูมิกมฺปการา: แผนดินไหว ๖ ลักษณะ มี ๑)ทิศตะวันออกจม ตะวันตกนูน ๒)ทิศตะวันตกจม

ตะวันออกนูน ๓)ทิศใตจม เหนือนูน ๔)ทิศเหนือจม ใตนูน ๕)รอบๆจม กลางนูน ๖)กลางจม รอบๆนูน โดยนัย

ยะ หมายถงึ มลู อวชิ ชา (ความไมร แู จง) ถกู แทนที่ดวยโพธ (ิความรแู จง) และทําอายตนะ ๖ ใหบ ริสุทธิ์

積功累德第八
阿難,法藏比丘於世自在王如來前,及諸天人大眾之中,發斯弘誓願已,住真實慧,勇猛精

51

進,一向專志莊嚴妙土。所修佛國,開廓廣大,超勝獨妙,建立常然,無衰無變。於無量劫,積
植德行。不起貪瞋痴欲諸想,不著色聲香味觸法。但樂憶念過去諸佛,所修善根。行寂靜行,遠
離虛妄。依真諦門,植眾德本。不計眾苦,少欲知足。專求白法,惠利羣生。志願無倦,忍力成
就。於諸有情,常懷慈忍。和顏愛語,勸諭策進。恭敬三寶,奉事師長。無有虛偽諂曲之心。莊
嚴眾行,軌範具足。觀法如化,三昧常寂。善護口業,不譏他過。善護身業,不失律儀。善護意
業,清淨無染。所有國城、聚落、眷屬、珍寶,都無所著。恆以布施、持戒、忍辱、精進、禪定
、智慧,六度之行,教化安立眾生,住於無上真正之道。由成如是諸善根故,所生之處,無量寶
藏,自然發應。或為長者居士、豪姓尊貴,或為剎利國王、轉輪聖帝,或為六欲天主,乃至梵王
。於諸佛所,尊重供養,未曾間斷。如是功德,說不能盡。身口常出無量妙香,猶如栴檀、優鉢
羅華,其香普熏無量世界。隨所生處,色相端嚴,三十二相、八十種好,悉皆具足。手中常出無
盡之寶,莊嚴之具,一切所須,最上之物,利樂有情。由是因緣,能令無量眾生,皆發阿耨多羅
三藐三菩提心。

วรรค ๘ ส่ังสมบุญสมภาร

ดูกอนอานนท เม่อื ธรรมกรภิกษไุ ดประกาศปณิธานนี้ ตอ พระพักตรแ หงพระโลเกศวรราชตถาคตเจา และ
ทามกลางมหาชน อนั มเี ทวบริษทั และมนุษยนกิ รท้ังปวงแลว จึงต้ังอยใู นสตั ยปญ ญาอนั จริงแท มีความแกลว กลา
พากเพียร มุงมั่นตอทิพยเกษตรท่ีอลังการ บําเพ็ญในพุทธเกษตรที่มีความกวางใหญไพศาล วิเศษยอดเยี่ยมกวา
(พุทธเกษตร) ทั้งปวง อันสถาปนาต้ังอยูแลวเปนนิตยะ ปราศจากความทุกขและมิแปรผัน เมื่อผานเพลาไปหา
ประมาณกัลปมิได (ธรรมกรภิกษุ) ไดสั่งสมกุศลมลู จริยาไว มิเกิดโลภะ โทสะ โมหะ ตัณหา แลสัญญาท้ังปวง มิ
ยดึ ม่นั ในรูป เสยี ง กลิ่น รส ผสั สะ และธรรมารมณ แตย ินดรี ะลกึ ถึงการบาํ เพญ็ กศุ ลมูลของพระอรหันตสมั มาสมั
พุทธเจาท้ังปวงเมื่อกาลอดีต ดําเนินในสมถจริยา ไกลจากสิ่งมายา อาศัยสัตยภาวะส่ังสมปวงกุศลมูล ไรเลหกล
ในส่ิงช่ัวรายทั้งปวง เปนผูมักนอยรูจักประมาณ ปรารถนาธรรมฝายขาว เปนผูเอื้อเฟอส่ําสัตวทั้งปวง มีปณิธาน
มงุ ม่ันมิหนายแหนง สาํ เรจ็ ซง่ึ กาํ ลังแหง ขนั ติ

สําหรับหมูสรรพชีวิตนั่นเลา (ธรรมกรภิกษุ) ก็มีเมตตาการุญและขนั ติเปนนิจ มีสีหนาออนโยนและเจรจา
ไพเราะ ขยันหมั่นเพียร นอบนอมตอพระรัตนตรัย เปนผูเอาภาระบํารุงอาจารย ปราศจากจิตตลบตะแลง
งดงามในจริยาวัตรทั้งปวง สมบูรณในระเบียบจรรยา กับท้ังเปนผูพิจารณาธรรมวาดุจมายา มีสมาธิสงบเปนนิจ
เปนผูรักษาการวจีกรรมเปนอยางดี คือมิเยยหยันความผิดผูอ่ืน เปนผูรักษากายกรรมเปนอยางดี คือมีอิริยาบถ
อนั ไมวิบตั *ิ ๒๕ เปนผูร กั ษามโนกรรมเปนอยา งดี คอื บรสิ ุทธิ์ไรอาสวะแปดเปอน อนั ธานีมหานคร ชุมชน ตระกลู
รัตนะมคี าก็มิหมายมั่นเอาไว เปน ผูประพฤตปิ ารมิตาหก มที าน ศีล ขันติ วริ ิยะ ฌาน ปญญา แลสั่งสอนใหสรรพ
สัตวตั้งอยูในอนุตรสัตยมรรค เหตุท่ีสําเร็จซึ่งกศุ ลมลู เชนนี้ ทุกสถานที่ (ธรรมกรภิกษุ) ถือกําเนิด จึงมีคลังรัตนะ
จํานวนประมาณมไิ ดอ ุบัตขิ นึ้ เอง บา งไปถือกาํ เนิดเปนคหบดฤี ๅบัณฑิตในตระกูลสูงและม่ังคงั่ บางถอื กาํ เนิดเปน
กษัตริย พระราชา พระเจาจักรพรรดิ บางไปกําเนิดเปนเทวาธิราชแหงปรนิมมิตสวัตตีเทวโลกจนถึงเปนพรหม
ราช ไดถวายสักการะอยางย่ิงยวดตอพระพุทธเจาท้ังปวงมิเคยขาดส้ิน ด่ังกุศลที่จักพรรณนาไดมิส้ินนี้ กายแล
วาจาจึงมีกลน่ิ หอมประหลาดจํานวนประมาณมไิ ดอยูเนอื งนิตย อปุ มาแกนจนั ทนและดอกอุบล อนั กลิ่นหอมนั้น
ก็โชยไปในโลกธาตุไมมีประมาณ ทุกสถานที่ถือกําเนิดยอมเปนผูมีรูปลักษณสงางาม มหาบุรุษลักษณะสามสิบ
สองประการ อนุพยัญชนะวเิ ศษแปดสบิ ประการก็ลว นแตสมบูรณ ในฝา หัตถน ัน้ เลาก็บังเกดิ รัตนะส่ิงมคี า จํานวน
ประมาณมิไดอยูเนืองนิตย บังเกิดเคร่ืองประดับอลังการแลเคร่ืองใชจําเปนท่ีดีเลิศทั้งปวง เพ่ือยังหิตประโยชน

52

แกสรรพชีวิต ดวยเหตุปจจัยเชนนี้ จึงสามารถยังใหสรรพสัตวไมมีประมาณ บังเกิดพระอนุตรสัมมาสัมโพธิจิต
อนั ประเสรฐิ ไดท้ังสน้ิ แล

*๒๕.คอื ไมผดิ ศีล

圓滿成就第九

佛告阿難:法藏比丘,修菩薩行,積功累德,無量無邊。於一切法,而得自在。非是語言分
別之所能知。所發誓願圓滿成就,如實安住,具足莊嚴、威德廣大、清淨佛土。阿難聞佛所說,
白世尊言:法藏菩薩成菩提者,為是過去佛耶?未來佛耶?為今現在他方世界耶?世尊告言:彼
佛如來,來無所來,去無所去,無生無滅,非過現未來。但以酬願度生,現在西方,去閻浮提百
千俱胝那由他佛剎,有世界名曰極樂。法藏成佛,號阿彌陀。成佛以來,於今十劫。今現在說法
。有無量無數菩薩聲聞之眾,恭敬圍繞。

วรรค ๙ สาํ เรจ็ โดยสมบรู ณ

รับส่ังกับพระอานนทวา “ธรรมกรภิกษุนี้ไดบําเพ็ญโพธิสัตวจริยา ส่ังสมกุศลสมภารจํานวนอเนกอนันต
จึงบรรลุอิสระในสรรพธรรมท้ังปวง อันหาใชรูแจงจากคํากลาวท่ีตางกันไม ปณิธานท้ังปวงที่ประกาศไวลวน
สําเร็จบริบูรณ ไดธํารงไวแลวอยางแทจริง*๒๖ มีความสมบูรณอลังการ มีเดชานุภาพไพศาล และมีพุทธเกษตร
ท่ีบริสุทธ์ิย่ิงนัก” เมื่อพระคุณเจาอานนทไดสดับเชนน้ี จึงทูลวา “ธรรมกรโพธิสัตวน้ีไดสําเร็จพระโพธิญาณเปน
พระพุทธเจาในอดีต ฤๅเปนพระพุทธเจาในอนาคต ฤๅเปนพระพุทธเจาในโลกธาตุอื่นในกาลปจจุบัน เลาหนอ
พระเจา ขา” ตรสั วา “อนั พระพทุ ธตถาคตเจา พระองคนัน้ มกี ารมาท่ีไรซ ่ึงการมา แลการไปก็ปราศจากซ่งึ การไป
มิเกิดแลมิดับ อันหาใชภาคเบ้ืองอดีตปจจุบันฤๅอนาคตไม แตมีปณิธานจักอนุเคราะหหมูสัตว ในกาลน้ีไปทาง
ประจมิ ทศิ ผา นชมพูทวปี แหง พุทธเกษตรอน่ื ๆ จาํ นวนรอ ยพันโกฏินยตุ ะ ยังมโี ลกธาตแุ หง หนึ่งชือ่ สุขาวตี ธรรม
กร (โพธิสัตว) ไดตรัสรูเปนพระอรหนั ตสัมมาสัมพุทธะ ผูตรัสรูชอบดวยพระองคเอง พระนามวา อมิตายุสะ นับ
แตที่ทรงปรมาภิเษกซึ่งพระอภิสัมโพธิจนถึงปจจุบัน เปนเพลาไดสิบกัลป ในกาลบัดน้ีก็ยังทรงแสดงพระธรรม
เทศนาอยู แวดลอมไปดวยคณะโพธิสัตวและพระสาวก จํานวนอมิตะคือประมาณมิได จํานวนอสงไขยคือนับ
ไมได

*๒๖.คอื การไดเขา ถึงและบรรลสุ จั ธรรมอยา งแทจรงิ

皆願作佛第十

佛說阿彌陀佛為菩薩求得是願時,阿闍王子,與五百大長者,聞之皆大歡喜,各持一金華蓋
,俱到佛前作禮。以華蓋上佛已,卻坐一面聽經,心中願言:令我等作佛時,皆如阿彌陀佛。佛
即知之,告諸比丘:是王子等,後當作佛。彼於前世住菩薩道,無數劫來,供養四百億佛。迦葉
佛時,彼等為我弟子,今供養我,復相值也。時諸比丘聞佛言者,莫不代之歡喜。

วรรค ๑๐ ลวนแตป รารถนาพุทธภูมิ

เมื่อสมัยท่ีตรัสถึงการบรรลุปณิธานของพระอมิตายุสพุทธเจา เม่ือคร้ังเสวยพระชาติเปนโพธิสัตวอยูนั้น
อชาตศตั รูราชกมุ ารพรอมมหาคฤหบดีจาํ นวนหารอ ย เมอื่ ไดสดับแลว จงึ เกดิ ปตโิ สมนสั ย่ิงนกั ตา งถอื เอาฉัตรบุป
ผาทองคํามาเฝาพระพุทธองค แลวกระทําอภิวาท เมื่อนําฉัตรบุปผาน้ันก้ันบนพระพุทธองคแลว จึงนั่งลงขาง
หนึ่งเพื่อสดับพระเทศนา ในดวงจิตมีปณิธานวา “ขอใหขาพเจาท้ังหลาย เมื่อไดกระทําซึ่งความเปนพระพุทธะ
จงประดุจพระอมิตายุสพุทธองคเทอญ” สมเด็จพระพุทธศากยมุนีทรงทราบดวยพระญาณแลว จึงรับสั่งกับหมู
ภิกษวุ า “อนั ราชบุตรน้เี ปน ตน ในอนาคตจักไดกระทําซง่ึ ความเปนพระพุทธะ ดวยในบุพชาตกิ อ นๆ เธอไดดํารง

53

อยูในโพธิสัตวมรรคเปนเวลาอสงไขยกัลปมาแลว ไดบูชาพระพุทธเจาจํานวนส่ีรอยโกฏิพระองค เมื่อพุทธสมัย
แหงพระผูมีพระภาคกัสสปะ เธอทั้งหลายไดเปนศิษยของเรา บัดนี้จึงไดมาสักการะเราอีกคร้ังหน่ึง เพลานั้น
บรรดาภกิ ษผุ ูไ ดส ดบั พระพุทธดํารัส จกั หาผมู ิเกดิ ปต โิ สมนสั เหน็ บม เี ลย”

國界嚴淨第十一
佛語阿難:彼極樂界,無量功德,具足莊嚴。永無眾苦、諸難、惡趣、魔惱之名。亦無四時
、寒暑、雨冥之異。復無大小江海、丘陵坑坎、荊棘沙礫,鐵圍、須彌、土石等山。唯以自然七
寶,黃金為地。寬廣平正,不可限極。微妙奇麗,清淨莊嚴,超踰十方一切世界。阿難聞已,白
世尊言:若彼國土無須彌山,其四天王天,及忉利天,依何而住?佛告阿難:夜摩、兜率,乃至
色無色界,一切諸天,依何而住?阿難白言:不可思議業力所致。佛語阿難:不思議業,汝可知
耶?汝身果報,不可思議;眾生業報,亦不可思議;眾生善根,不可思議;諸佛聖力,諸佛世界
,亦不可思議。其國眾生,功德善力,住行業地,及佛神力,故能爾耳。阿難白言:業因果報,
不可思議。我於此法,實無所惑。但為將來眾生破除疑網,故發斯問。

วรรค ๑๑ โลกธาตุวศิ ทุ ธิอลงั การ
ตรัสกับพระอานนทวา “อนั สขุ าวตีโลกธาตแุ หงน้นั ประกอบดว ยความดงี ามไมมีประมาณ สมบูรณพรอม
ซ่ึงความอลังการ อีกปราศจากนามของความทุกข ภยันตราย อบายภูมิ และมารเบียดเบียน ปราศจากฤดูกาล
ทง้ั ส่ี คอื ความตา งกนั ของอากาศที่หนาวรอน ฝนตกและแหงแลง อกี ปราศจากชลธารมหาสมุทรใหญเลก็ ไรเนิน
และหลมุ บอ ขวากหนามกรวดทราย ปราศจากภเู ขาเหลก็ ทว่ี นรอบจักรวาล*๒๗ สุเมรุบรรพต ปฐวบี รรพต ศิลา
บรรพต มีแตส ปั ตรัตนะโดยธรรมชาติ พืน้ พสุธาดลเปน ทองคํา ราบเรยี บเสมอกนั กวางใหญไ พศาลมิอาจจํากัดซ่ึง
ขอบเขต มคี วามพสิ ดารแลประณตี ยิง่ นกั กบั ทัง้ บรสิ ุทธ์ิและอลงั การกวาโลกธาตทุ งั้ ปวงในทศทิศ”
ก็เมื่อพระคุณเจาอานนทไดสดับแลว จึงทูลพระผูมีพระภาควา “หากโลกธาตุแหงนั้นไรซึ่งสุเมรุบรรพต
แลวโลกบาลเทวราชท้ังสแ่ี ละดาวดึงสเ ทวโลก จกั อาศยั สงิ่ ใดในการตั้งอยหู นอ”
รับสงั่ วา “ก็บรรดาเทพทั้งปวงในกามภพชั้นยามา ดสุ ิต ไปจนถงึ รปู ธาตุและอรปู ธาตนุ ั้นเลา ไดอ าศยั สงิ่ ใด
ในการต้ังอยูเ ลา” ทลู วา “เปน ไปตามกําลงั แหง กรรมอนั นึกคดิ มไิ ดพ ระเจาขา” รับสัง่ วา “กรรมอนั เปนอจินไตย
เธอลวงรูไดหรือไม วิบากผลแหงกายของเธอน้ันเปนอจินไตย กรรมวิบากของสรรพสัตวก็เปนอจินไตย กุศลมูล
ของสรรพสัตวเปนอจินไตย พระกําลังของพระพุทธเจาทั้งปวง พุทธโลกธาตุท้ังปวงก็เปนอจินไตย อันกําลังแหง
กุศลความดี การกระทําของหมูส ตั วใ นโลกธาตุแหงน้นั และพระกาํ ลังของพระอมิตายสุ อรหันตสมั มาสัมพุทธเจา
เปน เหตุใหสามารถแสดงไดเพียงสังเขปเทานนั้ ” ทลู วา “อันเหตุ ผล และวบิ ากของกรรมท่ีเปน อจนิ ไตย สาํ หรับ
ธรรมประการน้ีนั้น ขาพระองคปราศจากซึ่งความเคลือบแคลงสงสัย แตเพ่ือจักทําลายวิจิกิจฉา อันดุจรางแหท่ี
ปกคลมุ สรรพสัตวในอนาคต จงึ เปน เหตุใหทูลถามเชนนี้พระเจา ขา”
*๒๗.ศัพทเ ดมิ วา จกฺรวาฑ

光明徧照第十二
佛告阿難:阿彌陀佛威神光明,最尊第一。十方諸佛,所不能及。徧照東方恆沙佛剎,南西
北方,四維上下,亦復如是。若化頂上圓光,或一二三四由旬,或百千萬億由旬。諸佛光明,或
照一二佛剎,或照百千佛剎。惟阿彌陀佛,光明普照無量無邊無數佛剎。諸佛光明所照遠近,本
其前世求道,所願功德大小不同。至作佛時,各自得之。自在所作,不為預計。阿彌陀佛,光明
善好,勝於日月之明千億萬倍。光中極尊,佛中之王。是故無量壽佛,亦號無量光佛,亦號無邊
光佛、無礙光佛、無等光佛,亦號智慧光、常照光、清淨光、歡喜光、解脫光、安隱光、超日月
光、不思議光。如是光明,普照十方一切世界。其有眾生,遇斯光者,垢滅善生,身意柔軟。若
在三途極苦之處,見此光明,皆得休息,命終皆得解脫。若有眾生聞其光明威神功德,日夜稱說

54

,至心不斷,隨意所願,得生其國。

วรรค ๑๒ พระรัศมแี ผไ ปในสกล

รับสัง่ กับพระอานนทวา “รศั มีอันโชตนารงุ เรือง ของพระอรหันตสมั มาสมั พทุ ธอมิตายุสะนั้น เปนเอกยอด
ย่ิง พระพุทธเจาท้ังปวงในทิศทั้งสิบมิอาจเทียบได รัศมีนั้นแผท่ัวไปในพุทธเกษตร จํานวนเทาเม็ดทรายแหงคง
คานทีเบ้ืองบูรพา ทักษิณ ประจิม อุดรทั้งส่ีทิศ อีกทิศาเบื้องบน เบ้ืองลางก็เชนกันนี้ รัศมีรอบพระเศียร (แหง
พระพุทธเจาท้ังปวง) นั้น บางก็มีปริมณฑลหนึ่ง สอง สาม ส่ีโยชน บางก็รอย พัน หม่ืน โกฏิโยชน รัศมีแหง
พระพุทธเจาท้ังปวงนั้น รุงเรืองไปถึงพุทธเกษตรหนึ่งแหงบาง สองแหงบาง รอยพันพุทธเกษตรบาง แตมี
เพียงพระอมิตายุสพุทธเจา ท่ีมีรัศมีรุงเรืองไปถึงพุทธเกษตรจํานวนอมิตะ คือประมาณไมได อนันตะคือหา
ขอบเขตมิได และอสงไขยคือคํานวณไมได อันรัศมีแหงพระพุทธเจาท้ังปวงน้ัน จะรุงเรืองไปไกลหรือใกลนั้น
เนื่องดวยการบําเพ็ญมรรคในบุพชาติ กุศลแหงปณิธานก็มีความใหญเล็กตางกัน เม่ือสมัยท่ีกระทําซึ่งความเปน
พระพุทธะแลว จึงไดเสวยแตพ ระองคเอง อันเปนการกระทําที่อิสระจักใชอุบายใดเสกสรรมิได พระอมิตายุสอร
หันตสัมมาสัมพุทธเจาพระองคน ั้น มีรัศมีรุงเรืองงดงาม วิเศษกวารัศมีแหงดวงสุริยันแลจันทราพันโกฏิหมื่นเทา
เปนพระผูรุงเรืองท่ีสุดและเปนราชาแหงพุทธะ ดวยเหตุฉะนี้ จึงมีพระนามวา อมิตายุสพุทธะ บางมีพระนามวา
อมิตาภพุทธะ อัสมาปตประภา อนาวรณประภา อดุลยประภา บางก็มีพระนามวา ปรัชญาญาณประภา นิตย
ประภาส วิศุทธิประภา เกษมประภา วิมุตติประภา ผาสุกประภา ชยสุริยจันทรประภา อจินไตยประภา*๒๘
เปนตน อันรัศมีที่รุงเรืองนี้ไดฉายสองไปยังโลกธาตุทั้งปวงในทศทิศ บรรดาสรรพสัตวในโลกธาตนุ นั้ ที่ไดพบรัศมี
นี้แลว ยอมมีมลทินที่ดับไปความดีงามจักเกิดมีขึ้น กายและจิตจักศานติออนโยน หากอยูในอบายภูมิสามเสวย
ทกุ ขเวทนาอยางทส่ี ดุ เมอื่ ไดพบรศั มนี ี้ (ความทกุ ขท้ังปวง) จกั ยตุ ิ เมอ่ื ส้นิ ชีพไปจักลถุ ึงความหลุดพนท้ังสิ้น หาก
มีสรรพสตั วผ ยู ินกุศลวิเศษของรัศมีนีแ้ ลว ไดสรรเสรญิ อยทู กุ วนั คืน ดวยจติ ตั้งม่ันมขิ าดสิน้ ก็ยอ มไปอบุ ัตยิ ังพุทธ
เกษตรแหง น้ันไดสมใจปรารถนา”

*๒๘.อมิตายุสพทุ ธะ (無量壽佛), อมติ าภพุทธะ (無量光佛), อัสมาปตประภาพทุ ธะ (無邊光佛), อนาว
รณประภาพุทธะ (無礙光佛), อดุลยประภาพทุ ธะ (無等光佛), ปรัชญาญาณประภา (智慧光), นิตยประภาส
(常照光), วิศุทธิประภา (清淨光), เกษมประภา (歡喜光), วิมุตติประภา (解脫光), ผาสุกประภา (安隱光),
ชยสรุ ิยจันทรประภา (超日月光), อจนิ ไตยประภา (不思議光)

壽眾無量第十三

佛語阿難:無量壽佛,壽命長久,不可稱計。又有無數聲聞之眾,神智洞達,威力自在,能
於掌中持一切世界。我弟子中大目犍連,神通第一,三千大千世界所有一切星宿眾生,於一晝夜
,悉知其數。假使十方眾生,悉成緣覺,一一緣覺,壽萬億歲,神通皆如大目犍連。盡其壽命,
竭其智力,悉共推算,彼佛會中聲聞之數,千萬分中不及一分。譬如大海,深廣無邊,設取一毛
,析為百分,碎如微塵。以一毛塵,沾海一滴,此毛塵水,比海孰多?阿難,彼目犍連等所知數
者,如毛塵水,所未知者,如大海水。彼佛壽量,及諸菩薩、聲聞、天人壽量亦爾,非以算計譬
喻之所能知。

วรรค ๑๓ พระชนมายมุ อิ าจประมาณ

รับสั่งกับพระอานนทวา “พระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา มีพระชนมายุยาวนานยิ่งนัก มิอาจนับ
คํานวณได อีกทั้งมีบรรดาสาวกจํานวนอสงไขยที่ลวนแตบรรลุอภิญญา มีเดชานุภาพเปนอิสระ สามารถถือเอา

55

โลกธาตุทั้งปวงไวในฝามือ ในบรรดาสาวกของตถาคตมหาโมคคัลลานะมีอภิญญาฤทธิ์เปนเลิศ หมูนักษัตรแล
สรรพสัตวบรรดามีในตรีสหสั มหาสหัสโลกธาตุ*๒๙ น้ันจักตองใชเพลาหนึ่งทิวาแลราตรี จึงนับไดถวน สมมติวา
สรรพสัตวในทศทิศลวนสําเร็จเปนพระปจเจกโพธิ ในแตละพระปจเจกโพธิหน่ึงๆ ก็มีชนมายุหม่ืนโกฏิป ตางมี
อภิญญาฤทธิ์เสมือนมหาโมคคัลลานะทั้งส้ิน เม่ือจักนับคํานวณอยูจนส้ินชนมายุน้นั จนสุดกําลังแหงญาณหยั่งรู
นั้น ก็ยังนับมิถึงหนึ่งในพันหม่ืนสวนของจํานวนสาวกในพุทธสันนิบาตแหงน้ันเลย อุปมาหวงมหรรณพสาคร
ท่ีล้ําลึกและใหญกวางหาขอบเขตประมาณมิได หากจักนําเอาโลมาชาติหน่ึงแลวแยกเปนรอยสวน ใหแตกออก
ดุจอณูธุลี แลวใชอณูหน่ึงแหงโลมานั้น จุมนํ้ามหาสมุทรหยดหน่ึง อันวานํ้าท่ีอณูแหงโลมานั้น เทียบกับนํ้าใน
มหาสมุทรมากกวากันอยูฤๅ ดูกอ นอานนท จํานวนทีม่ หาโมคคัลลานะลวงรู อุปมานํ้าท่อี ณแู หงโลมา แลสวนที่มิ
อาจลวงรูได ก็ด่ังน้ําท่ีในมหาสาครสมุทรน่ันแล อันพระชนมายุกาลแหงพระอรหันตสัมมาสัมพุทธอมิตายุส
พระองคน้ัน และหมูโพธิสัตว สาวก เทพ มนุษย ก็มีอายุขัยประมาณเชนนี้ อันจักนับคํานวณมิได การจักรูไดก็
ดว ยการอปุ มาเทาน้ัน”

*๒๙.ใน จุลนิกสูตร พระพุทธองคทรงกลาวกับพระอานนทวา “จากระยะใกลสุดท่ีดวงอาทิตยและดวง
จันทรจะหมุนเวียนตามจักรราศี และสองสวางดวยแสงเรืองโอภาส จนถึงชวง หนึ่งพันจักรวาล ยังมีดวงจันทร
หนึ่งพันดวง ดวงอาทิตยหนึ่งพันดวง หนึ่งพันพระสุเมรุมหาสิงขร หน่ึงพันชมพูทวีป หนึ่งพันอมรโคยานทวีป
หน่ึงพันอุตรกุรุทวีป หน่ึงพันบุพพวิเทหทวีป ส่ีพันมหาสมุทร หนึ่งพันจาตุมหาราช หน่ึงพันดาวดึงสพิภพ หน่ึง
พันยามาสวรรค หนึ่งพันสวรรคช้นั ดสุ ิต หน่ึงพันนิมมานนรดี หนึ่งพันปรนิมมิตวสวตี และหน่ึงพันหวงพิภพของ
ของเหลาน้ีแหละ อานนท เรียกวาระบบสหัสสโลกธาตใุ นช้ันปฐม ระบบที่ใหญกวาท่ีกลาวมาน้หี น่ึงพัน เรียกวา
สหสั สโลกธาตุช้นั มัธยม ระบบทใ่ี หญกวาน้ีหนึง่ พนั เทา เรยี กวา ตรสี หสั สมหาโลกธาต”ุ

寶樹徧國第十四
彼如來國,多諸寶樹。或純金樹、純白銀樹、琉璃樹、水晶樹、琥珀樹、美玉樹、瑪瑙樹,
唯一寶成,不雜餘寶。或有二寶三寶,乃至七寶,轉共合成。根莖枝幹,此寶所成,華葉果實,
他寶化作。或有寶樹,黃金為根,白銀為身,琉璃為枝,水晶為梢,琥珀為葉,美玉為華,瑪瑙
為果。其餘諸樹,復有七寶,互為根幹枝葉華果,種種共成。各自異行,行行相值,莖莖相望,
枝葉相向,華實相當,榮色光曜,不可勝視。清風時發,出五音聲,微妙宮商,自然相和。是諸
寶樹,周徧其國。

วรรค ๑๔ รตั นพฤกษท ั่วโลกธาตุ

โลกธาตุแหง พระพทุ ธโลกนาถท่ีนน้ั มีรัตนพฤกษอ ยเู ปนอนั มาก บางเปนรุกขชาติทองคําบริสุทธิ์ บางเปน
รุกขชาติเงินบริสทุ ธ์ิ เปนไวฑูรย แกวผลึก อําพัน หยก โมรา ท่ีประกอบสําเรจ็ ข้ึนดว ยรัตนะประการเดียว มิเจือ
ปนดวยรัตนะอ่ืนก็มี บางก็มีรัตนะสองประการบาง สามประการบาง จนถึงเจ็ดประการ ผลัดเวียนกันสําเร็จขน้ึ
อันรากเงาแลกิ่งกานสาขา ก็ลวนสําเร็จดวยรัตนะเหลาน้ี ท้ังดอกใบแลผลาผล ก็สําเร็จดวยรัตนะประการอ่ืนๆ
รัตนพฤกษบางตนมีทองคําเปนราก มีเงินเปนลําตน มีไวฑูรยเปนก่ิงกาน มีแกวผลึกเปนยอด มีอําพันเปนใบ มี
หยกเปนดอก มีโมราเปนผล อันรุกขชาติอ่ืนๆทั้งปวงนั้น ก็ยังมีสัปตรัตนะประกอบกันเปนรากก่ิงกานใบดอก
และผล ข้ึนอยูกันเปนทิวแถวของตน แตละแถวเรียงเปนแนวยาว แตละกานใบโนมเขาหากัน ดอกและผลตาง
ผลิบาน มีวรรณะสดใสงดงาม มิเห็นส่ิงใดเจริญไปกวา เม่ือกระแสลมโชยมากระทบ จักเกิดเสียงหาประการ
ไพเราะจับใจ (ประดุจสังคีตแหง) ราชสํานักที่ประสานกันเปนธรรมชาติ บรรดารัตนพฤกษเหลาน้ีมีอยูท่ัวไปใน

56

โลกธาตแุ หง นั้น

菩提道場第十五
又其道場,有菩提樹,高四百萬里,其本周圍五千由旬,枝葉四布二十萬里。一切眾寶自然
合成。華果敷榮,光暉徧照。復有紅綠青白諸摩尼寶,眾寶之王,以為瓔珞。雲聚寶鏁,飾諸寶
柱。金珠鈴鐸,周匝條間。珍妙寶網,羅覆其上。百千萬色,互相映飾。無量光炎,照耀無極。
一切莊嚴,隨應而現。微風徐動,吹諸枝葉,演出無量妙法音聲。其聲流布,徧諸佛國。清暢哀
亮,微妙和雅,十方世界音聲之中,最為第一。若有眾生,覩菩提樹、聞聲、齅香、嘗其果味、
觸其光影、念樹功德,皆得六根清徹,無諸惱患,住不退轉,至成佛道。復由見彼樹故,獲三種
忍,一音響忍,二柔順忍,三者無生法忍。佛告阿難:如是佛剎,華果樹木,與諸眾生而作佛事
。此皆無量壽佛,威神力故,本願力故,滿足願故,明了、堅固、究竟願故。

วรรค ๑๕ โพธมิ ณฑล

อีกในมณฑลบริเวณนั้น ยังมีโพธิพฤกษสูงสี่รอยหม่ืนล้ี โคนตนมีปริมณฑลโดยรอบหาพนั โยชน กิ่งและใบ
แผออกไปสี่แขนงกวางยี่สิบหม่ืนล้ี มีธรรมชาติสําเร็จดวยมณีรัตนะนานัปการ ดอกผลก็ผลิบานสะพรั่ง สองแสง
สดใสเรืองรองทั่วบริเวณ ยังมีรัตนมณีวรรณะตางๆ คือแดง ฟา เขียว ขาว เปนราชาแหงรัตนะท้ังปวง มารอย
เรียงเปนสรอยเกยูระ บรรดาแกวอัญมณีมาประชุมกนั ประดับตบแตงหมเู สารัตนะ กังสดาลแลกระด่ิงทองคาํ มี
แขวนระยา อยรู ะหวางเสาโดยรอบ รตั นชาละท่ถี กั ทอเปนขายแหที่วิจิตรก็บรรจงคลมุ อยูบนนั้น วรรณะสีสันนับ
รอยพันหมื่นประการ ตางเปลงประกายรายระยับ มีดวงไฟหาประมาณจํานวนมิได เปลงแสงสวางไสวไปไม
สน้ิ สดุ ความวิจติ ราลังการเหลา นี้ ปรากฏมขี นึ้ อยา งเหมาะสม เพยี งกระแสลมโชยมากระทบกง่ิ กานและใบเบาๆ
ก็บังเกิดเปนเสียงพระสัทธรรมประมาณจํานวนมิได เสียงแหงพระธรรมนั้น ดังกองไปในพุทธเกษตรทั้งปวง ใน
บรรดาเสียงทกี่ ังวานใสและไพเราะจับใจตางๆ ของโลกธาตทุ ั่วทศทิศนนั้ เสียงที่ (สุขาวตี) นน้ั เปนเลิศที่สดุ หาก
มีสรรพสัตวผูไดยลโพธิพฤกษ ไดยินเสียง ไดสูดกลิ่น ไดล้ิมรสผลไมนั้น ไดสัมผัสรัศมีน้ัน ฤๅไดระลึกถึงคุณแหง
โพธิพฤกษแลว ก็จักบรรลุถึงความวิศุทธิแหงสฬายตนะ ปราศจากเคร่ืองหมองเศราท้ังปวง ต้ังอยูในความไม
เส่ือมถอยจนไดบรรลุพระพุทธมรรคในท่ีสุด แลดวยเหตุท่ีไดทัศนาโพธิพฤกษนั้น ยังใหบรรลุความอดทนสาม
ประการ*๓๐ ตรสั กับพระอานนทวา พทุ ธเกษตร บุปผา ผลาผล รุกขชาติ ท่ีกระทําพทุ ธกจิ ตอสรรพสตั วท้ังปวง
นี้ ลวนมีเหตุเกิดโดยอานุภาพแหงพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา เหตุแหงมูลปณิธานพละ เหตุแหง
ปณิธานท่ีสมบรู ณ เหตแุ หงการตรสั รู การม่งั คงและการเปนทส่ี ดุ ของปณธิ าน

*๓๐.ติสฺร: กฺษานฺติ ความอดทน ๓ คือ ๑)โฆษานุคต ธรฺม กฺษานฺติ ความอดทนตอเสียงดังตางๆ โดย
พิจารณาวาเปนของไมเท่ียงแทถาวร ๒)อนุโลมิกี ธรฺมกฺษานฺติ ความอดทนท่ีจะปฏิบัติอนุโลมตามธรรม ๓)
อนตุ ปฺ ตตฺ ิก ธรมฺ กฺษานฺติ ความอดทนปลงใจเช่อื ในธรรมท่ไี มเกิดอกี ตอไป

堂舍樓觀第十六
又無量壽佛講堂精舍,樓觀欄楯,亦皆七寶自然化成。復有白珠摩尼以為交絡,明妙無比。
諸菩薩眾,所居宮殿,亦復如是。中有在地講經、誦經者,有在地受經、聽經者,有在地經行者
,思道及坐禪者,有在虛空講誦受聽者,經行、思道及坐禪者。或得須陀洹,或得斯陀含,或得
阿那含、阿羅漢。未得阿惟越致者,則得阿惟越致。各自念道、說道、行道,莫不歡喜。

วรรค ๑๖ วิหารและหอทศั นา

อันหอแสดงธรรม วิหาร หอทัศนา และระเบียง ท่ีรายรอบของพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา ก็มี
ธรรมชาติสําเร็จดวยสัปตรัตนะเชนกัน ยังมีมณีมุกดาขาวใสถักทอรอยเรียงอยางวิจิตรสุกปล่ังหาส่ิงเปรียบมิได

57

บรรดาปราสาทแลวิหารท่ีโพธิสัตวท้ังหลายอาศัยอยูก็ดุจกันฉะนี้ ในนั้นบางกําลังสากัจฉาธรรม บางสาธยาย
ธรรม บางกําลังนอมรับธรรม บางก็ฟงธรรม บางกําลังประพฤติธรรม บางพิจารณามรรคธรรมและเจริญฌาน
บางก็สนทนา สาธยาย นอมรับ แลสดับธรรมอยูกลางนภากาศก็มี บางก็พิจารณามรรคธรรมและเจริญฌาน
บางไดบรรลุโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และอรหันต ผูยังมิบรรลุถึงการอภิเษกเปนธรรมราชกุมาร ก็ไดลุถึง
การอภเิ ษก ซึ่งจกั พิจารณามรรค กลาวมรรค เจริญมรรคดวยตนเอง ไมม ีผใู ดเลยท่ีจักมเิ กดิ ปต โิ สมนสั

泉池功德第十七

又其講堂左右,泉池交流。縱廣深淺,皆各一等。或十由旬,二十由旬,乃至百千由旬。湛
然香潔,具八功德。岸邊無數栴檀香樹,吉祥果樹,華果恆芳,光明照耀。修條密葉,交覆於池
。出種種香,世無能喻。隨風散馥,沿水流芬。又復池飾七寶,地布金沙。優鉢羅華、鉢曇摩華
、拘牟頭華、芬陀利華,雜色光茂,彌覆水上。若彼眾生,過浴此水,欲至足者,欲至膝者,欲
至腰腋,欲至頸者,或欲灌身,或欲冷者、溫者、急流者、緩流者,其水一一隨眾生意,開神悅
體,淨若無形。寶沙映澈,無深不照。微瀾徐迴,轉相灌注。波揚無量微妙音聲,或聞佛法僧聲
、波羅密聲、止息寂靜聲、無生無滅聲、十力無畏聲,或聞無性無作無我聲、大慈大悲喜捨聲、
甘露灌頂受位聲。得聞如是種種聲已,其心清淨,無諸分別,正直平等,成熟善根。隨其所聞,
與法相應。其願聞者,輒獨聞之,所不欲聞,了無所聞。永不退於阿耨多羅三藐三菩提心。十方
世界諸往生者,皆於七寶池蓮華中,自然化生。悉受清虛之身,無極之體。不聞三途惡惱苦難之
名,尚無假設,何況實苦。但有自然快樂之音。是故彼國,名為極樂。

วรรค ๑๗ องคคณุ แหง นาํ้ พุและสระโบกขรณี

ในเบื้องซายขวาของหอแสดงธรรมน้ัน ยังมีนํ้าพุและสระโบกขรณีไหลสลับกันไปมา ทอดยาวและ
กวา งขวาง มที ง้ั ลึกและตนื้ ลดหล่ันกันไป บางไหลไปสิบโยชน ยส่ี บิ โยชน จนถงึ รอยพันโยชนก ็มี ชลธารน้นั นิ่งใส
มกี ล่นิ หอมและสะอาดยิ่งนัก สมบูรณดว ยองคคุณแปดประการ*๓๑ บนฝง ยังมีตน แกน จนั ทนข ึ้นอยเู รียงรายนับ
จํานวนมิได รวมทั้งตนไมและผลไมมงคล ท่ีมีดอกและผลสงกล่ินหอมหวนอยูนิตยกาล เปลงแสงเรืองรองสวาง
ไสว สาขากานใบของรุกขชาตกิ ็ปกคล้ึมอยูที่สระแหง น้ัน สงกล่ินสุคันธาหอมอบอวลนานัปการ จักหาคําเปรียบ
ของโลกมิได ความหอมนั้นโชยไปตามกระแสลม และลองลอยไปตามสายนํ้า อีกสระโบกขรณีก็ประดับประดา
ดวยรัตนะเจ็ดประการ มีพสุธาอันเกล่ียดวยทรายทองคํา อุบล ปทุม โกมุท ปุณฑรีก*๓๒ หลากวรรณะสดใส ก็
ปกคลุมอยูเต็มผืนน้าํ หากหมูส ตั วเ หลา นน้ั ที่ลงสรงชําระซง่ึ น้าํ น้ี หากตองการสรงถึงบาทา สรงถงึ เขา สรงถงึ เอว
สรงถึงคอ สรงรดตลอดสรรพางค ฤๅหากตองการใหเย็น ใหรอน ใหไหลเชี่ยว ใหไหลเอื่อย อันกระแสน้ําหนึ่งๆ
นั้นยอมเปนไปตามจิตปรารถนาของหมูสัตว ยังกายินทรียใหเบิกบานกระชุมกระชวย ชําระไดแมสิ่งที่ไร
รูปลักษณ*๓๓ ทรายรัตนะก็ทอแสงสุกปลั่ง สองประกายแมท่ีลึกรายระยับ ไปมาตามสายนํ้ากระเพื่อม กระแส
คลืน่ ยงั เกิดเปน เสียงอันไพเราะ เสนาะโสตหาประมาณจํานวนมิได บางจกั สดบั เปน เสียงพระพุทธเจา พระธรรม
เจา พระสงฆเจา เสยี งปารมติ า เสยี งความสงบราํ งับ เสียงการมิเกดิ แลมดิ ับ เสยี งทศพละและเวสารัชชะ ฤๅสดับ
เปนเสียงอันไรภ าวะ ไรการกระทํา ไรตัวตน เสียงแหงมหาเมตตามหากรุณามุฑิตาอุเบกขา และเสียงแหงอมฤต
วารีท่ีอภิเษกสถาปนา เมื่อไดยินนานาสําเนียงนี้แลว ในจิตยอมวิศุทธ์ิ ไรการแบงแยกท้ังปวง ซ่ือตรงและสมตา
เพาะบมใหสําเร็จในกุศลมูลตามเสียงท่ีไดสดับท้ังปวงนั้น อันลวนเปนโยคะแหงธรรม หากผูปรารถนาจักไดยิน
ยอมไดยินเฉพาะตน หากมิตองการสดับจักมิไดสดับ จักเปนผูมิเสื่อมถอยในอนุตรสัมมาสัมโพธิจิตอยูเปนนิตย
บรรดาผูมาถืออุบัติจากทศทิศ ลวนเกิดแบบโอปปาติกะทามกลางดอกบัว ในสระโบกขรณีรัตนะเจ็ดประการ

58

ทั้งสิ้น ลวนมีกายที่เบาใส มีสังขารเปนที่สุด ไมไดยินแมช่ือเสียงของความชั่วราย ความทุกขและอันตรายของ
อบายภูมิทงั้ สามเลย อันหาไดมุสาไม แลว จักประสาใดกับความทกุ ขนัน้ อีกเลา จักมกี ็แตเ สยี งของธรรมชาติแหง
ความสขุ โสมนสั เหตปุ ระการนีแ้ ลโลกธาตแุ หงนนั้ จึงไดส มญาวา สุขาวตี

*๓๑.คือ อัษฎางคกิ วารี
*๓๒.อบุ ลคอื บัวขาบ ปทมุ คอื บัวแดง โกมุทคือบัวเหลอื ง ปุณฑรกี คอื บวั ขาว
*๓๓.หมายถึงนามธรรม หรือจิตวญิ ญาณ

超世希有第十八
彼極樂國,所有眾生,容色微妙,超世稀有。咸同一類,無差別相。但因順餘方俗,故有天
人之名。佛告阿難:譬如世間貧苦乞人,在帝王邊,面貌形狀,甯可類乎?帝王若比轉輪聖王,
則為鄙陋,猶彼乞人,在帝王邊也。轉輪聖王,威相第一,比之忉利天王,又復醜劣。假令帝釋
,比第六天,雖百千倍不相類也。第六天王,若比極樂國中,菩薩聲聞,光顏容色,雖萬億倍,
不相及逮。所處宮殿,衣服飲食,猶如他化自在天王。至於威德、階位、神通變化,一切天人,
不可為比,百千萬億,不可計倍。阿難應知,無量壽佛極樂國土,如是功德莊嚴,不可思議。

วรรค ๑๘ มีความยอดเยย่ี มอันหาไดยากยง่ิ ในโลก
อนั สรรพสตั วทีใ่ นสขุ าวตโี ลกธาตุแหง น้ัน เปน ผมู โี ฉมพักตรงดงามยิ่งนัก งามกวา (สตั วใ น) โลกท้ังปวง อัน
หาไดยากย่ิง (หมูสัตวในสุขาวตี) ท้ังหมดลวน (งดงาม) เสมอกัน จักมีรูปลักษณผิดแผกจากกันก็หาไม แตเหตุที่
อนุโลมตามเชื้อชาติอื่นๆ จึงไดชื่อวาเทพและมนุษย ตรัสกับพระอานนทวา “อุปมาบุคคลผูทุคตะเข็ญใจในโลก
เม่ืออยูเคียงขางพระราชา จักมีลักษณะท่ีงดงามไปกวาไดอยางไร อันพระราชาเม่ือเปรียบกับพระเจาจักรพรรดิ
ยอมอัปลักษณไปฉนั ใด ก็อุปมาทุคตบุคคลผูอ ยูขางพระราชาฉนั นั้น พระเจาจักรพรรดิผูมอี ิริยาลักษณะเปน เลศิ
เมื่อเทียบกับดาวดึงสเทวราชแลวไซร ก็ยอมอัปลักษณไปฉันนั้น สมมติวาทาวศักรเทวราชแมจักเทียบดวยรอย
พันเทากับทาวเทวาธิราชแหงปรนิมมิตสวัสตีภูมิ ก็จักมีลักษณะที่เสมอกันมิไดฉันน้ัน อันปรนิมมิตสวัสตีเทวาธิ
ราชนั้น หากจักเปรียบกับดวงพักตรลักษณะของโพธิสัตวและสาวกท่ีในสุขาวตีโลกธาตุแลวไซร แมนจักดวย
จํานวนหมื่นโกฏิเทากม็ ิอาจเทียบเสมอ บรรดามณเฑียร ปราสาท อาภรณ และโภชนาหารเครื่องดม่ื ก็ดุจดั่งปร
นิมมิตสวัสตีเทวาธิราชน้ันแล ไดบรรลุถึงเตชานุภาพ ฐานานุศักด์ิ และอิทธิอภิญญา ท่ีบรรดาเทพและมนุษยทงั้
ปวงมิอาจเทียบได แมนจักดวยรอยพันหม่ืนโกฏิเทา ดวยหาประมาณเทามิไดก็ตาม อานนทพึงทราบเถิดวา สุ
ขาวตีโลกธาตแุ หงพระอมติ ายุสอรหนั ตสัมมาสัมพุทธเจา อลังการดว ยคุณวเิ ศษเปน อจนิ ไตยเชนนี้แล”

受用具足第十九
復次極樂世界所有眾生,或已生,或現生,或當生,皆得如是諸妙色身。形貌端嚴,福德無
量。智慧明了,神通自在。受用種種,一切豐足。宮殿、服飾、香花、幡蓋,莊嚴之具,隨意所
須,悉皆如念。若欲食時,七寶缽器,自然在前,百味飲食,自然盈滿。雖有此食,實無食者。
但見色聞香,以意為食。色力增長,而無便穢。身心柔軟,無所味著。事已化去,時至復現。復
有眾寶妙衣、冠帶、瓔珞,無量光明,百千妙色,悉皆具足,自然在身。所居舍宅,稱其形色。
寶網彌覆,懸諸寶鈴。奇妙珍異,周徧校飾。光色晃曜,盡極嚴麗。樓觀欄楯,堂宇房閣,廣狹
方圓,或大或小,或在虛空,或在平地。清淨安隱,微妙快樂。應念現前,無不具足。

วรรค ๑๙ เครื่องใชบริบูรณ
ก็หมูสัตวในสุขาวตีโลกธาตุ ท่ีไดอุบัติขึ้นแลว ที่กําลังจะอุบัติ และท่ีจักอุบัติในอนาคต ลวนจักบรรลุรูป
กายที่ประเสริฐตางๆเชนน้ี มีใบหนาลักษณะสงางาม สมบูรณดวยบุญญาธิการ มีปญญาญาณรูแจง และมีอิทธิ
พละย่ิงใหญมหาศาล บรรดาเครื่องใชนานา ก็เพียบพรอมบริบูรณปราสาทวิหาร อาภรณเครื่องประดับ สุคันธ

59

มาลี ธวัชธงฉัตร และสิ่งของอลังการทั้งปวง ที่จิตไดตั้งความปรารถนา ยอมสําเร็จตามความระลึกท้ังส้ิน หาก
เมื่อครากระทําภัตกิจ ภาชนะคือบาตรรัตนะเจ็ดประการ จักปรากฏเองยังเบ้ืองหนา เครื่องขบฉันเครื่องด่ืม
หลากรสชาด ยอมเตม็ เปย มอยูในนัน้ แมนจักมเี ครอื่ งขบฉันเชนนก้ี ็ตามที แตห าไดม ีอยูจริงไม เพราะวา การเห็น
รูปและการสดู กลิ่นเปน อาหารแหง จิต ยงั รูป (สงั ขาร) ใหเกดิ กาํ ลงั จงึ มติ องขับถายของเสยี กายและจิตเบาสบาย
มิหลงติดรสชาด เมอ่ื จบกิจแลวจึงหายไป เมอื่ ถงึ เพลา (ภัตกิจ) จึงเกดิ มีขนึ้ อกี ยงั มบี รรดารัตนมณี ทิพยอาภรณ
มาลา เกยูระ ที่เปลงแสงเรืองรองจํานวนประมาณมิได มีวรรณะประเสริฐจํานวนรอยพัน เกิดข้ึนแกกายน้ันเอง
อยางสมบูรณ ลักษณะแหงที่พักอาศัยนั้นเลา ก็ปกคลุมดวยรัตนชาละ มีกระด่ิงอัญมณีท่ีประณีตพิสดารหอย
ระยาอยูทัว่ ไป มีรศั มีและวรรณะเรืองรองวจิ ิตรเปน ท่สี ุด หอทัศนาและระเบียงรายรอบ อาคารหองหอมีทง้ั กวาง
ใหญและคับแคบแตสมดุล บางก็ใหญ บางเล็ก บางอยูบนอากาศ บางอยูบนพ้ืนพสุธา มีความบริสุทธ์ิแลผาสุก
เปน สขุ ที่ประณตี ยง่ิ นัก เมอ่ื คราที่ระลึกยอ มปรากฏมขี นึ้ โดยสมบูรณ

德風華雨第二十

其佛國土,每於食時,自然德風徐起,吹諸羅網,及眾寶樹,出微妙音,演說苦、空、無常
、無我諸波羅密,流布萬種溫雅德香。其有聞者,塵勞垢習,自然不起。風觸其身,安和調適,
猶如比丘得滅盡定。復吹七寶林樹,飄華成聚。種種色光,徧滿佛土。隨色次第,而不雜亂。柔
軟光潔,如兜羅綿。足履其上,沒深四指。隨足舉已,還復如初。過食時後,其華自沒。大地清
淨,更雨新華。隨其時節,還復周徧。與前無異,如是六反。

วรรค ๒๐ ลมกุศลและฝนมงคล

ในพุทธเกษตรแหงน้ัน ในทุกคราวแหงภัตกิจ ยอมมีลมกุศลเกิดข้ึนโชยกระทบขายกระดึงและปวงรัตนพ
ฤกษ บังเกิดเปนสัทเสียงท่ีไพเราะเสนาะโสต ประกาศธรรมคือทุกขตา ศูนยตา อนิจจตา อนัตตา และปารมิตา
ท้ังปวง แผกําจายไปนับหม่ืนประการ พรอมกับความหอมอบอวล ผูไดสดับแลวยอมมีกิเลสธุลีอันมิกําเริบอีก
เมื่อกระแสลมกระทบกายยังใหเปนสุขรํางับ อุปมาภิกษุผูเจริญในนิโรธสมาบัติ เมื่อลมโชยสัมผัสดอกผล
ของสัปตรตั นพฤกษ ก็บังเกดิ แสงสนี านัปการท่วั พุทธเกษตร มีสีสนั วรรณะมปิ ะปนกัน มีความละเมียดละไมและ
สวางใสดุจใยตูละ*๓๔ เมื่อเหยียบแลวใหจมไปส่ีองคุลี เมื่อยางเทาข้ึนก็กลับเต็มด่ังเดิม ลวงคราวภัตกิจแลว บปุ
ผาน้ันก็จมหายไปเอง เม่ือมหาพสุธาดลสะอาดแลว บุปผาใหมจึงโปรยปรายมาอีก หมุนเวียนเปนเพลา ด่ังครา
แรกมิตางกัน (วันละ) หกครง้ั เชน นี้แล

*๓๔.兜羅 คือ นนุ

寶蓮佛光第二十一

又眾寶蓮華周滿世界。一一寶華百千億葉。其華光明,無量種色,青色青光、白色白光,玄
黃朱紫,光色亦然。復有無量妙寶百千摩尼,映飾珍奇,明曜日月。彼蓮華量,或半由旬,或一
二三四,乃至百千由旬。一一華中,出三十六百千億光。一一光中,出三十六百千億佛,身色紫
金,相好殊特。一一諸佛,又放百千光明,普為十方說微妙法。如是諸佛,各各安立無量眾生於
佛正道。

วรรค ๒๑ บวั รตั นะและพุทธรงั สี

อีกบรรดารตั นปทมุ มาลยก ม็ ีอยูทั่วไปในโลกธาตุ รัตนมาลหี นง่ึ ๆนัน้ มกี ลบี อยูรอยพนั โกฏิ รัศมขี องมาลีนั้น
มีวรรณะหาประมาณจํานวนมิได ดอกสีเขียวก็มีรัศมีสีเขียว ดอกสีขาวก็มีรัศมีสีขาว สีเหลืองเขม แดง มวง ก็มี
รัศมีอยูเชนนั้น ยังประกอบดวยรัตนมณีอันเปนทิพย จํานวนรอยพันหาประมาณมิได สุกใสเรืองรองประดับ

60

วิจิตรพิสดาร สวางไสวดุจดวงอาทิตยและดวงจันทร อันประมาณแหงปทุมมาลยน้ันแล บางก็ครึ่งโยชน บางก็
หนึ่ง สอง สาม สี่ ไปจนถึงรอยพันโยชน แตละดอกหนึ่งๆยังมีรัศมีสวางออกมาจํานวนสามสิบหกรอยพันโกฏิ
ประการ แตล ะรศั มีหนงึ่ ๆบงั เกิดเปนพระพุทธนิรมติ จํานวนสามสบิ หกรอยพันโกฏิองค พระรูปมีวรรณะด่ังทอง
ชมพนู ุช มีพุทธลักษณะวเิ ศษงดงาม แตล ะพระพทุ ธนริ มิตหนง่ึ ๆ ยังประภาสรศั มีออกมาอีกรอ ยพนั ประการ เพ่อื
ตรัสแสดงพระธรรมเทศนาไปท่ัวทศทิศ พระพุทธนิรมิตเหลานี้ ลวนจักสถิตในหมูสัตวจํานวนประมาณมิได
จนกระทัง่ ไดบ รรลุพระพทุ ธสัมมามรรค

決證極果第二十二
復次阿難,彼佛國土,無有昏闇、火光、日月、星曜、晝夜之象,亦無歲月劫數之名,復無
住著家室。於一切處,既無標式名號,亦無取舍分別,唯受清淨最上快樂。若有善男子、善女人
,若已生,若當生,皆悉住於正定之聚,決定證於阿耨多羅三藐三菩提。何以故?若邪定聚,及
不定聚,不能了知建立彼因故。

วรรค ๒๒ เท่ยี งแทใ นผลอันอุดม
ดูกอนอานนท พุทธเกษตรโลกธาตุท่ีนั้น ปราศจากความมืดมิด แสงไฟ แสงอาทิตย แสงจันทร แสงดาว
และลกั ษณะของกลางวันและกลางคืน ทั้งปราศจากช่อื ของการคํานวณนับวาป เดอื น กัลป ท้งั ไมมีการอาศัยอยู
เฉพาะเคหะ เพราะสถานท่ีทั้งปวงนั้นไรการกําหนดชอื่ สถานที่ แลไรก ารยดึ มั่นในทอี่ ยูอาศัยวามีความตางกัน มี
เพียงการเสวย ซงึ่ สุขโสมนัสทบ่ี ริสทุ ธิ์และเปน เลิศเทานน้ั หากมกี ุลบุตรกุลธดิ าใดๆ ทไี่ ดอุบัตแิ ลวและกําลังอุบัติ
จักไดดํารงอยูในความต้ังมั่นที่ถูกตรงเชนน้ี เปนผูเท่ียงแทตอการตรัสรูพระอนุตรสัมมาสัมโพธิ เพราะเหตุไฉน
นั้นฤๅ หากประกอบดวยความตั้งม่ันมิชอบและมิตั้งมั่นแลวไซร ก็ยอมมิอาจรูแจงเขาใจซึ่งการยังเหตุ (แหงการ
ตรสั รู) นน้ั ใหเ กดิ ขึน้ *๓๕
*๓๕.การรูแจงเขาใจซึ่งการยังเหตุ คือการมีศรัทธา ปณิธาน และจริยา เปนเหตุไปเกิดยังสุขาวตีพุทธ
เกษตร จึงมีผลใหบ รรลุโพธิญาณ กลา วคอื อุบัติทสี่ ขุ าวตีเปนเหตุ บรรลุโพธญิ าณเปนผล

十方佛讚第二十三
復次阿難,東方恆河沙數世界,一一界中如恆沙佛,各出廣長舌相,放無量光,說誠實言,
稱讚無量壽佛不可思議功德。南西北方恆沙世界,諸佛稱讚亦復如是。四維上下恆沙世界,諸佛
稱讚亦復如是。何以故?欲令他方所有眾生,聞彼佛名,發清淨心,憶念受持,歸依供養。乃至
能發一念淨信,所有善根,至心迴向,願生彼國。隨願皆生,得不退轉,乃至無上正等菩提。

วรรค ๒๓ พระพุทธเจา ทั่วทศทศิ ทรงสดดุ ี
ดูกอนอานนท โลกธาตุภาคเบ้ืองบูรพาทิศ อันคณนานับไดด่ังเม็ดทรายแหงคงคานที ภายในโลกธาตุ
หนึ่งๆนั้น ยังมีพระพุทธเจาจํานวนเทาทรายแหงคงคา ท่ีตางแสดงลักษณะแหงพระชิวหาที่ไพศาลและยืดยาว*
๓๖ เปลงรัศมีสวางไปหาประมาณมิได ตางรับสั่งดวยสัตยวาจา สรรเสริญสดุดีกุศลอันเปนอจินไตยของพระอมิ
ตายุสอรหันตสมั มาสัมพุทธเจา อันพระพุทธเจาในโลกธาตุ จํานวนเทา ทรายแหงคงคาเบอื้ งทักษิณ ประจมิ อดุ ร
ก็กลาวสดุดีอยูเชนกัน พระพุทธเจาในโลกธาตุจํานวนเทาทรายแหงคงคาในทิศาท้ังส่ี ทิศเบ้ืองบน และทิศเบ้ือง
ลาง กก็ ลา วสดุดีอยเู ชน กนั ดว ยเหตไุ ฉนน่นั ฤๅ เพราะมีพระประสงคยังใหสรรพสตั วใ นทศิ าอื่นๆ ไดส ดับนามของ
พระ (อมิตายุส) พุทธเจาพระองคนั้น แลวเกิดวิศุทธิจิตระลึกถงึ จดจํา ยึดเปนสรณะ และถวายสักการบูชา จน
สามารถบังเกิดจิตศรัทธาบริสุทธิ์ต้ังมั่น อุทิศกุศลมูลท้ังมวลดวยท่ีสุดแหงใจ และต้ังปณิธานไปอุบัติยังโลกธาตุ
แหง น้นั เพราะเมือ่ ไดอ บุ ตั ติ ามปณธิ านนัน้ แลว ยอ มบรรลถุ งึ ความมเิ สอื่ มถอย จนถึงพระอนตุ รสมั มาสมั โพธิ

61

*๓๖.เปนสํานวนหมายถงึ การแสดงธรรมของพระพุทธเจา ทก่ี วางขวาง และไปไกลหาประมาณมไิ ด

三輩往生第二十四

佛告阿難,十方世界諸天人民,其有至心願生彼國,凡有三輩。其上輩者,捨家棄欲而作沙
門。發菩提心。一向專念阿彌陀佛。修諸功德,願生彼國。此等眾生,臨壽終時,阿彌陀佛,與
諸聖眾,現在其前。經須臾間,即隨彼佛往生其國。便於七寶華中自然化生,智慧勇猛,神通自
在。是故阿難,其有眾生欲於今世見阿彌陀佛者,應發無上菩提之心。復當專念極樂國土。積集
善根,應持迴向。由此見佛,生彼國中,得不退轉,乃至無上菩提。其中輩者,雖不能行作沙門
,大修功德,當發無上菩提之心。一向專念阿彌陀佛。隨己修行,諸善功德,奉持齋戒,起立塔
像,飯食沙門,懸繒然燈,散華燒香,以此迴向,願生彼國。其人臨終,阿彌陀佛化現其身,光
明相好,具如真佛,與諸大眾前後圍繞,現其人前,攝受導引。即隨化佛往生其國,住不退轉,
無上菩提。功德智慧次如上輩者也。其下輩者,假使不能作諸功德,當發無上菩提之心,一向專
念阿彌陀佛。歡喜信樂,不生疑惑。以至誠心,願生其國。此人臨終,夢見彼佛,亦得往生。功
德智慧次如中輩者也。若有眾生住大乘者,以清淨心,向無量壽。乃至十念,願生其國。聞甚深
法,即生信解。乃至獲得一念淨心,發一念心念於彼佛。此人臨命終時,如在夢中,見阿彌陀佛
,定生彼國,得不退轉無上菩提。

วรรค ๒๔ อบุ ตั ิสามระดบั ช้ัน

พระผูมีพระภาครับสั่งกับพระอานนทวา “หมูเทพและมนุษยทั้งปวงในทศทิศโลกธาตุ ผูมีจิตแนวแนตั้ง
ปณธิ านไปอุบตั ทิ โี่ ลกธาตุแหงนั้นจักมีสามระดบั ชัน้

ระดับสูงน้ันคือ ผูสละเรือนละวางกามคุณแลวออกบวชเปนสมณะ บังเกิดโพธิจิต ระลึกถึงพระอมิตายุ
สอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาดวยความตั้งมั่น บําเพ็ญกุศลทั้งปวง เพ่ือขอไปอุบัติยังโลกธาตุแหงนั้น หมูสัตว
ประเภทนี้ เม่อื คราทอ่ี ายุขยั อวสานลง พระอมติ ายสุ พทุ ธเจาพรอ มดวยอรยิ บริษทั จกั มาปรากฏยงั เบอื้ งหนาผูน้ัน
ช่ัวขณะเดียวจักติดตามพระอมิตายุสพุทธเจา ไปอุบัติยังโลกธาตุแหงน้ันทันที โดยกําเนิดแบบอุปปาติกวิธีใน
ปทุมชาติรัตนะเจ็ดประการ เปนผูมีปญญาญาณแกลวกลา มีอิทธิพละเปนอิสระ ดวยเหตุน้ีแหละอานนท
บรรดาสรรพสตั วผูปรารถนาจักประสบพระอมติ ายุสพุทธเจาในปจ จุบนั ชาติ พึงเกิดอนุตรสมั โพธิจิต ตั้งจติ ระลึก
ถึงสุขาวตโี ลกธาตุ สัง่ สมกุศลมูลแลว อุทศิ ไป ดว ยเหตุน้จี ักยังใหพ บพระพุทธองค ไดอบุ ัติที่โลกธาตุแหง นนั้ บรรลุ
ถึงความมเิ สือ่ มถอย จนถงึ พระอนุตรสมั โพธิ

ระดับกลางนั้นคือ ผูแมนมิสามารถประพฤติเยี่ยงสมณะ แตบําเพ็ญกุศลมหาศาลและบังเกิดจิตแหงพระ
อนุตรสัมโพธิ ระลึกถึงพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาดวยความตั้งม่ัน บําเพ็ญกุศลความดีท้ังปวงตาม
กําลังแหงตน สมาทานอุโบสถศีล สรางพระสถูปและพระปฏิมา ถวายภัตแดสมณะ ประดับธงทิวและดวง
ประทีป เกล่ียมาลีและร่ําสุคนธา แลวอุทิศกุศลน้ีเพื่อขอไปอุบัติยังโลกธาตุแหงนั้น อันบุคคลนี้เมื่อกาลมรณะ
มาถึง พระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา จักปรากฏพระวรกายที่รุงเรืองดวยรัศมี และมงคลลักษณะ
สมบูรณประดุจพระพุทธองคจริง เสด็จพรอมดวยมหาบริษัทหมูใหญแวดลอมตลอดทั้งเบื้องหนาแลเบ้ืองหลัง
จกั ปรากฏใหเหน็ อยเู ฉพาะบุคคลนนั้ เพอ่ื มาอนเุ คราะหและนาํ พาไปอุบัติ ในครานัน้ จกั ไดต ามพระพุทธนิรมิตไป
อุบัติที่โลกธาตุแหงนั้นทันที จักมิเส่ือมถอยในพระอนุตรสัมโพธิ มีบุญญาธิการและปญญาญาณประดจุ ผูอุบัติใน
ระดบั สูง

สําหรับระดับลา งน้นั สมมติวา บคุ คลผมู อิ าจกระทาํ กศุ ลทั้งปวง พงึ บังเกิดจติ แหง พระอนุตรสัมโพธิ ระลึก
ถึงพระอมติ ายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาดว ยความตัง้ ม่ัน มีศรัทธายินดี มิสงสัยเคลือบแคลง แลวปณิธานขอไป

62

อุบัติที่โลกธาตุแหงน้ันดวยจิตสัตยซ่ือเปนที่สุด บุคคลนี้เมื่อชีพใกลดับสูญ จักฝนเห็นพระอมิตายุสพุทธเจา
พระองคนั้นและไปอบุ ัติทันที มีบุญญาธิการและปญญาญาณประดจุ ผอู ุบัตใิ นระดับกลาง หากหมูสัตวที่ดํารงใน
มหาพุทธยาน แลวใชจิตที่บริสุทธ์ิมุงตอพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา ตลอดจนการระลึกถึงสิบขณะ
เพื่อขอไปอุบัติที่โลกธาตุแหงนั้นแลวไซร เม่ือสดับคัมภีรธรรมอันแยบคายแลว*๓๗ จักบังเกิดศรัทธายิ่งยวด
จนถึงมีจิตบริสุทธ์ิต้ังม่ันเปนหน่ึงเดียว มีเอกจิตระลึกถึงแตพระอมิตายุสพุทธเจาพระองคน้ัน บุคคลผูจักทํา
กาลกิริยานี้ จักไดประสบพระอมิตายุสพุทธเจาดุจในความฝน แลวไปอุบัติท่ีโลกธาตุแหงน้ันไดอยางแมนม่ัน
เปนผบู รรลถุ ึงความมเิ สอ่ื มถอยจากพระอนุตรสัมโพธิ

*๓๗.หมายถึง พระธรรมทว่ี าดว ยสขุ าวตพี ุทธเกษตรและพระอมติ ายสุ พุทธเจา

往生正因第二十五

復次阿難,若有善男子、善女人,聞此經典,受持讀誦,書寫供養,晝夜相續,求生彼剎。
發菩提心。持諸禁戒,堅守不犯。饒益有情,所作善根悉施與之,令得安樂。憶念西方阿彌陀佛
,及彼國土。是人命終,如佛色相種種莊嚴,生寶剎中,速得聞法,永不退轉。復次阿難,若有
眾生欲生彼國,雖不能大精進禪定,盡持經戒,要當作善。所謂一不殺生,二不偷盜,三不淫欲
,四不妄言,五不綺語,六不惡口,七不兩舌,八不貪,九不瞋,十不癡。如是晝夜思惟極樂世
界阿彌陀佛,種種功德,種種莊嚴。志心歸依,頂禮供養。是人臨終,不驚不怖,心不顛倒,即
得往生彼佛國土。若多事物,不能離家,不暇大修齋戒,一心清淨。有空閑時,端正身心。絕欲
去憂,慈心精進。不當瞋怒嫉妒,不得貪餮慳惜。不得中悔,不得狐疑。要當孝順,至誠忠信。
當信佛經語深,當信作善得福。奉持如是等法,不得虧失。思惟熟計,欲得度脫。晝夜常念,願
欲往生阿彌陀佛清淨佛國。十日十夜,乃至一日一夜不斷絕者,壽終皆得往生其國,行菩薩道。
諸往生者,皆得阿惟越致,皆具金色三十二相,皆當作佛。欲於何方佛國作佛,從心所願,隨其
精進早晚,求道不休,會當得之,不失其所願也。阿難,以此義利故,無量無數不可思議無有等
等無邊世界,諸佛如來,皆共稱讚無量壽佛所有功德。

วรรค ๒๕ เหตแุ หงการถอื อุบตั ิ

ดูกอนอานนท หากมีกุลบุตรกุลธิดา ที่ไดสดับธรรมกถานี้แลว จดจํา อานทองสาธยาย ขีดเขียน
สักการะบูชา ทุกทิวาราตรีมิไดขาด เพื่อปรารถนาไปอุบัติท่ีเกษตรแหง นั้น ไดป ระกาศโพธิจิต สมาทานศีลาจาร
ทั้งปวง แลธํารงรักษาไวมิลวงละเมิด ไดยังหิตประโยชนแกสรรพชีวิต และนํากุศลมูลทั้งปวงบริจาคเปนทาน
ยังใหบ รรลุถึงความผาสุก จติ กต็ ามระลกึ ถึงพระอรหันตสัมมาสัมพุทธอมติ ายุสะ และประจิมทิศโลกธาตแุ หงน้ัน
บุคคลผูน ้เี มอ่ื สน้ิ อายุขัยแลว รูปลกั ษณะท้ังปวงจักอลังการดุจพระพุทธะ แลว ไปอุบัติในรตั นเกษตร ไดส ดับพระ
ธรรมในทันที เปน ผูม เิ สอ่ื มถอยนิตยกาล

ดูกอนอานนท หากมีสรรพสัตว ที่ปรารถนาไปอุบัติในโลกธาตุแหงนั้น แมนจักมิสามารถกระทําความ
เพียร สมาธิฌานอยางยิ่งยวด (มิอาจ) ธํารงพระธรรมและศีลาจารไดทั้งหมดแลวไซร พึงกระทําความดีงาม มี
หน่งึ ละการฆา การเบียดเบียน สองละอทนิ นาทาน เคารพกรรมสิทธ์ิในทรัพยสินผูอ่ืน สามละการประพฤติผิดใน
กาม ไมลวงละเมิดประเพณีทางเพศ ส่ีละการพูดเท็จ ไมยอมกลาวเท็จเพราะตนเองแลผูอ่ืน หรือเห็นแก
ผลประโยชนใดๆ หาละการพูดคําสอเสียด ชวยสมานคนที่แตกราวกัน สงเสริมคนที่สมัครสมานกัน ชอบกลาว
ถอยคําท่ีสรางสามัคคี หกละคําหยาบ พูดแตคําสุภาพออนหวาน เจ็ดละการพูดเพอเจอ พูดแตคําจริงมีเหตุผล
มีสารประโยชนถูกกาลเทศะ แปดไมเพงเล็งอยากไดของผูอื่น เกาไมมีจิตคิดราย คิดปรารถนาแตวา ขอใหสัตว
ทง้ั หลายไมมีเวร ไมเบยี ดเบยี น ไมม ีทกุ ข ครองตนอยเู ปนสุขเถิด สิบมคี วามเหน็ ชอบ เชนวา ทานมีผล การบูชา

63

มีผล ผลวิบากของกรรมดีกรรมชัว่ มี เปน ตน ดวยการระลึกนกึ ถงึ สขุ าวตโี ลกธาตแุ หง พระอมิตายุสสัมมาสัมพุทธ
เจา ถึงกุศลความดีนานาประการ ถึงความอลังการนานาประการ เชนนี้แลวมีจิตแนวแนนอมเปนสรณะ ถวาย
ความเคารพดวยเศียรเกลาและสักการบูชา บุคคลผูนี้เมื่อคราส้ินชีพ ยอมมิตระหนก มิหวาดกลัว ในหทัยมิ
วิปลาส แลวไปอุบัติยังพุทธเกษตรแหงน้ัน หากมีกิจการมาก ยังใหมิอาจไกลจากเรือน ปราศจากเวลาหยุดพัก
เพ่ือบําเพ็ญมหาอุโบสถศีล ใหจิตบริสุทธ์ิตั้งมั่นเปนหน่ึง หากวางจากการงานแลวไดสํารวมกายและจิต กําจัด
ความทะยานอยากและความหมองเศรา มีจิตเมตตาพากเพียร ไมอาฆาตพยาบาท อิจฉาริษยา ไมโลภโมโทสัน
ตระหน่ีถี่เหนียว มิค่ังแคนใจและหวาดระแวง พึงกตัญูรูสํานึกพระคุณ ซื่อสัตย มีคุณธรรม จริยธรรม ศรัทธา
ในความแยบคายของพระพุทธธรรม เช่ือโดยชอบวากระทําดียอมบรรลุกุศล เมื่อนอมรับธรรมเหลาน้ีอยางมิ
บกพรอง จึงไดตรึกคิดใครครวญแลว ปรารถนาจักหลุดพนทุกทิวาราตรี ระลึกปรารถนาไปอุบัติยังวิศุทธิ
ประเทศของพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาเปนเนืองนิตย ตลอดสิบทิวาราตรีจนถึงหนึ่งทิวาราตรี หาก
ระลึกถึงมิขาดหายแลวไซร เมื่อเพลาท่ีส้ินชีพแลวจักไดอุบัติยังโลกธาตุแหงนั้น เพื่อดําเนินโพธิสัตวมรรคทั้งส้ิน
บรรดาผูที่ไปอุบัติเหลานั้น ยอมไดอภิเษกเปนธรรมราชกุมาร มีวรรณะดุจทองคํา สมบูรณดวยมงคลลักษณะ
สามสิบสองประการ แลจะไดสําเร็จเปนพระพุทธสัพพัญูท้ังสิ้น หากปรารถนาตรัสรูยังโลกธาตุในทิศาใดๆ ก็
จักไดสมตามความปรารถนานั้น อันจักเร็วฤๅชา (ในการตรัสรู) ข้ึนอยูกับความวิริยะของผูน้ันเอง เมื่อปรารถนา
มรรคผลแลวมิไดห ยุดพัก มคี วามพากเพียรก็ยอ มบรรลุ มิเสื่อมจากปณิธานเหลานน้ั

ดกู อนอานนท เพราะคุณประโยชนไ พบลู ยเ ชน น้ี บรรดาพระอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจาท้งั ปวง ท่ีในโลกธาตุ
ตางๆ อันประมาณมิได นับมิได เปนอจินไตย หาส่ิงมาเสมอมิได และปราศจากขอบเขตจํากัด ก็ลวนสดุดี
สรรเสริญกศุ ลบารมีแหง พระอมิตายุสพทุ ธเจา

禮供聽法第二十六

復次阿難,十方世界諸菩薩眾,為欲瞻禮極樂世界無量壽佛,各以香華幢幡寶蓋,往詣佛所

。恭敬供養,聽受經法,宣布道化,稱讚佛土功德莊嚴。爾時世尊即說頌曰:

東方諸佛剎 數如恆河沙 恆沙菩薩眾 往禮無量壽

南西北四維 上下亦復然 咸以尊重心 奉諸珍妙供

暢發和雅音 歌嘆最勝尊 究達神通慧 遊入深法門

聞佛聖德名 安隱得大利 種種供養中 勤修無懈倦

觀彼殊勝剎 微妙難思議 功德普莊嚴 諸佛國難比

因發無上心 願速成菩提 應時無量尊 微笑現金容

光明從口出 徧照十方國 迴光還繞佛 三匝從頂入

菩薩見此光 即證不退位 時會一切眾 互慶生歡喜

佛語梵雷震 八音暢妙聲 十方來正士 吾悉知彼願

志求嚴淨土 受記當作佛 覺了一切法 猶如夢幻響

滿足諸妙願 必成如是剎 知土如影像 恆發弘誓心

究竟菩薩道 具諸功德本 修勝菩提行 受記當作佛

通達諸法性 一切空無我 專求淨佛土 必成如是剎

聞法樂受行 得至清淨處 必於無量尊 受記成等覺

無邊殊勝剎 其佛本願力 聞名欲往生 自致不退轉

菩薩興至願 願己國無異 普念度一切 各發菩提心

捨彼輪迴身 俱令登彼岸 奉事萬億佛 飛化徧諸剎

恭敬歡喜去 還到安養國。

วรรค ๒๖ ถวายสักการะและสดับธรรม

64

ดูกอนอานนท บรรดาโพธิสัตวในโลกธาตุท่ัวทศทิศ เม่ือปรารถนานมัสการพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัม

พุทธเจาแหงสุขาวตีโลกธาตุ ตางจักถือเอาสุคันธชาติ บุปผชาติ ธวัชและรัตนฉัตรมาเฝายังท่ีประทับ เพื่อถวาย

ความเคารพ สักการบูชา สดับพระธรรมเทศนา ประกาศสั่งสอนมรรคธรรมและสดุดีคุณาลังการแหงสุขาวตี

พุทธเกษตร ในสมยั นนั้ พระโลกนาถเจาศากยมุนีรบั สัง่ เปน โศลกวา…

บรรดาพุทธเกษตรท้ังปวงเบือ้ งทศิ บรู พา อนั คณนานบั ดวยเม็ดทรายแหงคงคานที

หมโู พธิสตั วจ าํ นวนเทา เม็ดทรายแหงคงคา กม็ านมสั การพระอมติ ายุสะพทุ ธองค

ในทิศาภาคทกั ษิณ ประจิม อดุ ร ท้งั จตรุ ทศิ ทิศเบื้องบนแลเบื้องลางเชน กันนี้

ตา งมจี ิตคารวะเล่อื มใส ถอื เอาเครอื่ งสกั การทีป่ ระณตี ท้งั ปวง

กลา วมธุรพจนอันไพเราะ ขบั ขานสดดุ พี ระพุทธองคผูประเสริฐสดุ

(โพธสิ ัตว) ผูถงึ ที่สดุ แหง อภิญญาญาณ ทอ งเทีย่ วไปในคัมภรี ธรรมทวาร

เมอ่ื สดบั คณุ แหงพระนาม ยอมผาสกุ แลว ลุถึงประโยชนไ พศาล

ไดถ วายสกั การะนานปั การ อยา งพากเพียรมิหนายแหนง

เมอื่ ทัศนาความวิเศษของเกษตร ท่ีประณีตพิสดารเปน อจินไตยแหง น้นั

มีองคคณุ ท่ีแลว ดว ยอลังการ บรรดาพทุ ธประเทศท้งั ปวงยากจักเสมอได

เหตุเพราะทรงประกาศอนตุ รจติ ปณิธานจกั สําเรจ็ พระโพธิโดยเรว็

ในเพลานนั้ พระอมิตายสุ ะ จงึ แยมสรวลและปรากฏสุวรรณพกั ตร

เกดิ รัศมโี อภาสจากพระโอษฐ สวางไปยังดินแดนทัง้ ทศทิศ

แลว ยอนมาประทักษิณพระพุทธะ สามรอบจงึ หวนเขา พระอษุ ณีย

โพธิสัตวเ มื่อไดย ลรัศมนี ี้ จกั บรรลุถงึ ฐานะของผูม ิเส่อื มถอย

ในสมัยนัน้ มหาชนในสันนิบาต ตางจกั โมทนายินดี

พระพุทธวจนะดั่งพรหมและอสนุ บี าตคํารณ สทั เสยี งมคี วามวเิ ศษแปดประการ*๓๘

อนั สัตบุรุษ (โพธสิ ตั ว) ทีม่ าแตท ศิ ทั้งสิบ ทรงรบั รซู ึ่งปณธิ าน (ของโพธสิ ตั ว) เหลานั้น

วา มุงชาํ ระวิศทุ ธิภูมิ (ปรารถนา) ไดรบั ลัทธยาเทศพุทธพยากรณ

รูแ จงสรรพธรรม วา อุปมาความฝน มายา แลเสยี งสะทอน

แลว สมบรู ณในปณิธานอันประเสริฐท้งั ปวง วาจกั สาํ เรจ็ ซ่งึ โลกธาตุดั่งนีเ้ ปนแนแ ท

(แม) รวู า โลกธาตุด่ังภาพนิมติ กย็ งั ประกาศปณิธานจติ (เพื่ออนุเคราะหส ัตว)อยูเปนนติ ย

เมื่อถึงที่สุดแหง โพธสิ ตั วมรรค จงึ พรอมในกุศลมลู ทงั้ ปวง

ไดบ าํ เพ็ญโพธิจริยาอันประเสริฐ*๓๙ แลวรับพยากรณวา จักสําเร็จพทุ ธญาณ

แทงตลอดซ่งึ สรรพธรรมภาวะ สรรพศนู ยตาและอนตั ตา

มงุ มน่ั ในพุทธโลกธาตทุ ี่บริสุทธ์ิ จักไดส ําเร็จซง่ึ โลกธาตุด่ัง (สขุ าวต)ี เปนแนแ ท

เม่ือสดบั ธรรมแลว เกิดโสมนสั รบั ปฏบิ ัติ ไดบรรลอุ ายตนะที่บริสทุ ธิ์

ตอพระอมิตายสุ ะพทุ ธเจา นน้ั ยอมไดร บั พยากรณวาจกั ไดส ําเร็จพุทธญาณเปน แนแท

65

วชิ ยพทุ ธเกษตรอนั ไรขอบเขตประมาณ*๔๐ กด็ วยกาํ ลังมลู ปณธิ านแหง พระพทุ ธเจา พระองคน น้ั

เมื่อไดส ดับพระนามแลวปรารถนาไปอบุ ตั ิ ตนเองยอมมเิ สอ่ื มถอย

โพธสิ ัตวเ มื่อเจริญปณิธาน แลเม่อื ปณิธานเสร็จสิ้นแลวโลกธาตุก็มิตา ง (จากสุขาวต)ี

เกดิ ระลึกจักโปรดสรรพสตั ว ให (สัตวท ้งั ปวง) ไดป ระกาศโพธิจติ

วางเฉยสังสารวัฏกาย แลวมงุ สฝู ง กระโนนทัง้ สนิ้

สนองกิจแหง พระพุทธองคจ าํ นวนรอยโกฏิ เหาะไปยังโลกธาตทุ ้งั ปวง*๔๑

ดว ยความเคารพและโสมนัส แลว จึงนวิ ตั ยิ งั สขุ าวตี

*๓๘.เสียงท่ีมีความวิเศษ ๘ ประการคือ ๑.พระสุรเสียงของพระพุทธองคยิ่งกวาเสียงในโลก มิวาจะเปน

โลกียะหรือโลกุตระก็ตาม ๒.มีพระสุรเสียงออนโยน แสดงถึงความเมตตากรุณาท่ีย่ิงใหญ ผูไดสดับแลวยอม

โสมนัส ๓.พระสรุ เสยี งสามารถบําราบจติ ของสรรพสัตว ยงั ใหมีกเิ ลสสงบลงและเกดิ ปญ ญาญาณ ๔.พระสุรเสียง

ที่แสดงธรรมไมมีความผิดพลาด ๕.พระสุรเสียงสมบรู ณดวยเวสารัชชะ ๔ ประการ ยังใหผูสดับเกิดความเคารพ

ยังใหมารหนหี าย ไมเ หมอื นเสียงสตรี ๖.พระสุรเสยี งยังใหผูส ดับเกิดความยําเกรง เกดิ สตปิ ญ ญา ๗.พระสรุ เสียง

ที่แสดงธรรมยังใหผูสดับเกิดความรูสึกซาบซึ้ง ๘.พระสุรเสียงท่ีแสดงธรรมแตละประโยคมีอรรถลึกซึ้งไมมี

ประมาณ

*๓๙.อรรถกถาวา โพธจิ รยิ าอันประเสริฐ คอื ทศจรยิ าปณธิ านของพระสมนั ตภทั รโพธสิ ัตว

*๔๐ หมายถงึ สขุ าวตโี ลกธาตุ

*๔๑ เพ่อื สักการะพระพทุ ธเจา ในโลกอนื่ ๆ, สดับธรรม, ชวยเหลอื สรรพสตั ว

歌嘆佛德第二十七
佛語阿難:彼國菩薩,承佛威神,於一食頃,復往十方無邊淨剎,供養諸佛。華香幢幡,供
養之具,應念即至,皆現手中。珍妙殊特,非世所有。以奉諸佛,及菩薩眾。其所散華,即於空
中,合為一華。華皆向下,端圓周匝,化成華蓋。百千光色,色色異香,香氣普薰。蓋之小者,
滿十由旬,如是轉倍,乃至徧覆三千大千世界。隨其前後,以次化沒。若不更以新華重散,前所
散華終不復落。於虛空中共奏天樂,以微妙音歌嘆佛德。經須臾間,還其本國,都悉集會七寶講
堂。無量壽佛,則為廣宣大教,演暢妙法。莫不歡喜,心解得道。即時香風吹七寶樹,出五音聲
。無量妙華,隨風四散。自然供養,如是不絕。一切諸天,皆齎百千華香,萬種伎樂,供養彼佛
,及諸菩薩聲聞之眾。前後往來,熙怡快樂。此皆無量壽佛本願加威,及曾供養如來,善根相續
,無缺減故,善修習故,善攝取故,善成就故。

วรรค ๒๗ ลํานาํ สรรเสรญิ พระพทุ ธคุณ

รับสั่งตอพระอานนทวา “อันโพธิสัตวท่ีในโลกธาตุแหงน้นั ดวยอาศัยพระพุทธานุภาพยังใหช ั่วเวลาภตั กจิ

คราวหน่ึง จักเที่ยวไปในวิศุทธิเกษตรอันไรขอบเขตทั่วทศทิศ เพื่อสักการะพระพุทธเจาท้ังหลาย บุปผาชาติ สุ

คันธชาติ ธวัชฉัตรธง และเครื่องสกั การะทง้ั ปวง เมื่อระลึกถงึ ก็ไดร บั โดยอุบตั ิมอี ยูในฝา มอื ท้ังส้นิ ลว นแตม ีความ

ประณีตวิจิตรพิสดารหามิไดในโลก ถวายตอปวงพระพุทธเจาและหมูโพธิสัตว จักโปรยบุปผาชาตินั้นทั่วไปใน

อากาศ แลวรวมเปนดอกเดียวหมุนเวยี นเปน วงกลม ประกอบเปนรม ฉัตรดอกไม มีวรรณะแสงสรี อ ยพันประการ

แตละวรรณะยังมกี ล่ินหอมที่ตางกัน กล่ินนั้นก็กําจายไปท่ัว ฉัตรอยางเล็กนั้นมีปริมณฑลโดยรอบสิบโยชน แลว

ทบทวีไปทลี ะเทา จนปกคลมุ ไปทั่วตรสี หสั มหาสหัสโลกธาตุ (บปุ ผา) ทัง้ เบอ้ื งหนา และเบื้องหลงั น้ันกเ็ กิดขึ้นใหม

และรวงหลนไป หากมิเกลี่ยบุปผาใหมอีก บุปผาที่เกลี่ยไวแตเดิมก็จักมิรวงโรย สังคีตดนตรีอันเปนทิพย จัก

66

ประโคมอยูกลางนภากาศ เกิดเปนเสียงท่ีไพเราะย่ิงนัก อันสดุดีพระคุณของพระพุทธเจา ผานไปชั่วขณะเดียวก็
จกั กลบั สู (สุขาวตี) โลกธาตุแหง เดมิ น้นั แลว มาประชมุ พรอ มกันยังหอแสดงธรรมรัตนะเจด็ ประการ พระอมติ ายุ
สอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาจักแสดงพระมหาธรรมเทศนาอยางไพบูลย ยังความปติโสมนัส ใหดวงจิตบรรลุแก
มรรคผล ในสมัยนั้นกระแสลมหอมจักโชยมากระทบสัปตรัตนพฤกษ บังเกิดเปนเสียงหาประการ ทิพยบุปผา
จํานวนอเนกอนันต จักลอยไปตามลมท้ังส่ีดาน เพ่ือถวายเปนเครื่องสักการะอยูเชนน้ีมิไดขาด บรรดาเทพยดา
ทั้งปวงน้ันก็ยกทูนบุปผาชาติ สุคันธชาติจํานวนรอยพัน และเครื่องสังคีตจํานวนหมื่นชนิด ถวายแดพระ (อมิตา
ยุส) พุทธเจาพระองคน้ัน หมูโพธิสัตวและสาวกท้ังปวง อันดําเนินมาแตเ บ้ืองหนาและเบ้ืองหลัง มีความนาดูชม
ย่ิงนัก ทั้งหมดนี้ลวนเพราะเหตุที่มิไดพรองนอยลง ดวยเหตุที่บําเพ็ญอบรมมาเปนอยางดี ดวยเหตุท่ีสงเคราะห
ธํารงไวเปนอยางดี และดวยเหตุที่ไดสําเร็จแลวเปนอยางดี ในกุศลมูลท่ีสงผลสืบเนื่องอยูมิขาดส้ินของปณิธาน
พละเมื่อกาลกอน และการไดเคยถวายสักการะพระตถาคตเจาทั้งปวง และของพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัม
พทุ ธเจา ”

大士神光第二十八

佛告阿難:彼佛國中諸菩薩眾,悉皆洞視徹聽八方上下、去來現在之事。諸天人民,以及蜎
飛蠕動之類,心意善惡,口所欲言,何時度脫,得道往生,皆豫知之。又彼佛剎諸聲聞眾,身光
一尋,菩薩光明,照百由旬。有二菩薩,最尊第一,威神光明,普照三千大千世界。阿難白佛:
彼二菩薩,其號云何?佛言:一名觀世音,一名大勢至。此二菩薩,於娑婆界,修菩薩行,往生
彼國。常在阿彌陀佛左右。欲至十方無量佛所,隨心則到。現居此界,作大利樂。世間善男子、
善女人,若有急難恐怖,但自歸命觀世音菩薩,無不得解脫者。

วรรค ๒๘ ประภาสแหง มหาบรุ ษุ

พระผมู ีพระภาคตรัสกบั พระอานนทวา “บรรดาโพธิสตั วทใี่ นพุทธเกษตรแหงนั้น ลว นจักไดแ ลเห็นและได
สดับ ซ่ึงเร่ืองราวจากทิศทั้งแปด ทิศเบื้องบนและเบื้องลาง อดีต อนาคต และปจจุบัน มโนระลึกอันเปนกุศล
อกุศล วาจาท่ีจักกลาวออกมา เพลาใดที่ควรโปรด เพื่อยังใหบรรลุมรรคผลแลวไปอุบัติ (ยังสุขาวตี) ของเหลา
เทพบรษิ ทั และมนษุ ยนกิ ร สัตวน้าํ สัตวป ก สตั วเ ลอ้ื ยคลาน กส็ ดบั รบั รโู ดยถองแททง้ั สิ้น อกี บรรดาสาวกในพุทธ
เกษตรแหงนัน้ มีรังสีแหงกายหน่งึ ชิ้ม*๔๒ โพธสิ ัตวม ีรศั มีแผไปรอ ยโยชน ยงั มีโพธสิ ตั วส ององคผูเปน เลิศ (ในหมู
โพธิสตั วท้ังปวง) มีประภาสรุง เรืองดวยเดช สองฉายไปยงั ตรีสหัสมหาสหสั โลกธาตุ” พระอานนทเถระเจาทูลวา
“อันโพธิสัตวท้ังสองน้ัน มีนามวากระไรพระเจาขา” รับส่ังวา “อวโลกิเตศวร๑ มหาสถามปราปต๑ โพธิสัตวทั้ง
สองน้ไี ดบ าํ เพญ็ โพธิสัตวจริยาในสหาโลกธาตุ แลวจงึ ไปอุบัตทิ ี่ (สุขาวตี) โลกธาตุแหงน้ัน ไดเฝา อยูเบือ้ งซายขวา
ของพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธะ เมื่อ (โพธิสัตวทั้งสองนี้) ปรารถนาจักไปสูสํานักแหงพระพุทธเจา
จํานวนประมาณพระองคมิได ก็ยอมไปถึงดั่งใจ ในบัดน้ีก็ยังไดกระทํามหาหิตประโยชนอยูในโลกธาตุแหงน้ี
กุลบุตรกุลธิดาในจักรวาล หากมีเภทภัยฤๅความหวาดหว่ันใด เพียงตนเองนอมพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตวเปนที่
พง่ึ ก็จักบรรลุถงึ การหลุดพนได”

*๔๒.ชิม้ คือ มาตราวัดของจีน ยาวแปดฟตุ จีน

願力宏深第二十九

復次阿難,彼佛剎中,所有現在、未來一切菩薩,皆當究竟一生補處。唯除大願,入生死界
,為度羣生,作師子吼。擐大甲胄,以宏誓功德而自莊嚴。雖生五濁惡世,示現同彼,直至成佛
,不受惡趣。生生之處,常識宿命。無量壽佛,意欲度脫十方世界諸眾生類,皆使往生其國,悉

67

令得泥洹道。作菩薩者,令悉作佛。既作佛已,轉相教授,轉相度脫,如是輾轉,不可復計。十
方世界,聲聞菩薩,諸眾生類,生彼佛國,得泥洹道,當作佛者,不可勝數。彼佛國中,常如一
法,不為增多。所以者何?猶如大海,為水中王,諸水流行,都入海中。是大海水,甯為增減。
八方上下,佛國無數。阿彌陀國,長久廣大,明好快樂,最為獨勝。本其為菩薩時,求道所願,
累德所致。無量壽佛,恩德布施八方上下,無窮無極,深大無量,不可勝言。

วรรค ๒๙ กาํ ลังแหงปณธิ านไพศาลแยบยล

ดูกอนอานนท ในพุทธเกษตรแหงน้ัน บรรดาโพธิสัตวทั้งปวงท่ีในกาลปจจุบันและอนาคต ที่สุดแลวลวน
เปนผูเก่ียวเน่ืองกับการเกิดเพียงชาติเดียวท้ังส้ิน เวนแตผูมีมหาปณิธานจักเขาสูสังสารโลก เพ่ืออนุเคราะห
เวไนยนกิ ร กระทําซ่ึงบนั ลือสิงหนาท ทรงเส้อื และหมวกเกราะ คอื มกี ศุ ลแหง ปณิธานยิ่งใหญเปนเครอ่ื งยงั ตนให
อลังการ แมนจักมาถืออุบัติยังโลกแหงความเสื่อมหาประการ*๔๓ ก็เสมือน (วาอยูในสุขาวตี) นั้น มุงมั่นจัก
สําเรจ็ พระบรมโพธิญาณ มิตองเสวยอบายภมู ิ ทกุ สถานท่ีถืออุบัตจิ กั เปน ผูมปี ุพเพนวิ าสานสุ สติญาณ ปรชี าลวงรู
กุศลแลอกุศลท่ีกระทํามาแลวในบุพชาติเปนนิจ พระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจามีพระทัยจักอนุเคราะห
สรรพสัตวในทศทิศโลกธาตุ ใหมาอุบัติยัง (สุขาวตี) โลกธาตุแหงน้ัน บรรลุถึงมหายานพุทธมรรค ดํารงตนเปน
โพธิสัตวแลวสําเร็จเปนพุทธะ เมื่อไดเปนพระพุทธะแลว จึงมีการอนุศาสนท่ีเปล่ียนไป มีการอนุเคราะหท่ี
เปลี่ยนไป ดั่งการแปรเปลี่ยนเชนน้ีท่ีเกิดข้ึนนับคํานวณครั้งมิได บรรดาสาวก โพธิสัตว และสรรพสัตวในทศทิศ
โลกธาตทุ ่ไี ปกําเนดิ ยังพุทธเกษตรแหง นน้ั ยอมบรรลถุ ึงมหายานพุทธมรรค ไดกระทําซง่ึ ความเปน พระชินพุทธะ
แลวจํานวนมิถวน ในพุทธเกษตรแหงน้ันยอมเปนนิจอยูดวยธรรมประการหนึ่ง มิเพิ่มมากไปกวาน้ี เชนดังฤๅ
อุปมามหาสาครอันเปนราชาแหงชลชาติ กระแสธาราทั้งปวงตางไหลสูหวงสาคร แตวารีแหงมหาสาครน้ันก็มิ
เพ่ิมข้ึนแลพรองลง พุทธเกษตรจํานวนอสงไขยท่ีในทิศทั้งแปด ตลอดจนเบื้องบนแลเบื้องลาง ดินแดนแหง
พระอมิตายุสพุทธเจามีความกวางใหญไพศาล รุงเรืองงดงามและสุขารมณ ประเสริฐยอดยิ่ง (กวาโลกธาตุท้ัง
ปวง) เมื่อสมัยท่ี (พระอมิตายุสพุทธะ) เสวยพระชาติเปนโพธิสัตวอยูน้ัน เพราะมีปณิธานปรารถนามรรคผลจึง
ไดสั่งสมบุญญาธิสมภารเอาไว พระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาจึงมีพระบารมีคุณแผอนุเคราะหไปในทิศ
ท้ังแปด ตลอดจนเบ้ืองบนแลเบ้ืองลาง ปราศจากขอบเขตส้ินสุด คัมภีรภาพไพศาลมิอาจประมาณ จะกลาวคํา
ใดใหป ระเสริฐยง่ิ กวา มไิ ดเ ลย

*๔๓.ความเสื่อมทางพระพุทธศาสนาแบงไว ๕ ประการ คอื

๑.ความเส่อื มแหงทิฐิ ดว ยหากพระสัทธรรมดับสูญแลว มิจฉาทฐิ ยิ อ มจกั รุงเรืองเขาแทนท่ี กุศลกรรมอันดี
งามยอมมอิ าจจะเจริญได

๒.ความเสอื่ มเพราะกเิ ลส สรรพสัตวถูกอวิชชาครอบงําใหไ รปญ ญาญาน ยึดม่ันเคลอื บยอ มในรปู รส กลิ่น
เสียง สัมผัส ตัณหา ราคะทั้งปวง ใหละโมบโลภมาก ทําการรบราฆาฟนเพื่อแยงชิงทรัพยสินตางๆ และลวงลอ
โปปดแกกนั

๓.ความเสื่อมของสัตว สรรพสัตวไมรูกตญั ตู อบุพการี มิละอายตอบาปและมิเกรงกลัวตอผลของบาป มิ
สรางกศุ ลความดี ฆาสตั วต ดั ชวี ติ อยางไรค วามปราณีและเปน ผไู มมศี ลี

๔.ความเสื่อมแหงอายุ ดวยเพราะมีอกุศลกรรมเพ่ิมพูน จึงบ่ันทอนอายุขัยของมนุษยโลกใหเหลือสั้นลง
และ

68

๕.ความเสื่อมแหงกัลป คือกัลปที่เราดํารงอยูนี้ยอมมีการเส่ือมสลายไปในอนาคต อาจเกิดจากอุทกภัย
อคั คีภัย โรคาภยั และวบิ ัตภิ ยั ท้ังปวงเปน ตน

菩薩修持第三十
復次阿難,彼佛剎中,一切菩薩,禪定智慧,神通威德,無不圓滿。諸佛密藏,究竟明了。
調伏諸根,身心柔軟。深入正慧,無復餘習。依佛所行,七覺聖道。修行五眼,照真達俗。肉眼
簡擇,天眼通達,法眼清淨,慧眼見真,佛眼具足,覺了法性。辯才總持,自在無礙。善解世間
無邊方便。所言誠諦,深入義味。度諸有情,演說正法。無相無為,無縛無脫。無諸分別,遠離
顛倒。於所受用,皆無攝取。徧遊佛剎,無愛無厭。亦無希求不希求想,亦無彼我違怨之想。何
以故?彼諸菩薩,於一切眾生,有大慈悲利益心故。捨離一切執著,成就無量功德。以無礙慧,
解法如如。善知集滅音聲方便。不欣世語,樂在正論。知一切法,悉皆空寂。生身煩惱,二餘俱
盡。於三界中,平等勤修。究竟一乘,至於彼岸。決斷疑網,證無所得。以方便智,增長了知。
從本以來,安住神通。得一乘道,不由他悟。

วรรค ๓๐ โพธสิ ัตวผบู ําเพญ็ แลธาํ รงไว
ดูกอนอานนท บรรดาโพธิสัตวทั้งปวงในพุทธเกษตรแหงนั้น มีสมาธิฌาน ปญญาญาณ อภิญญา เดชานุ
ภาพท่ีลวนแตบริบูรณ อันคุหยครรภของพระพุทธเจาท้ังปวงก็รูแจงเปนที่สุด เปนผูบําราบอินทรียท้ังปวง ยัง
กายและจิตใหออ นโยน (ควรแกการงาน) เขา ถงึ ความรทู ่ถี กู ตรงอยา งแยบคายมิประพฤติไปนอกจากนี้ นอมตาม
จริยาของพระพุทธเจา คือโพชฌงคเจ็ดและอริยมรรค ประพฤติปฺจ จกฺขูนิ*๔๔ เล็งเห็นสัตยธรรมแทงตลอด
โลกียะ คือมีมังสะจักษุเปนสิ่งสามัญ มีทิพจักษุแทงตลอด มีธรรมจักษุวิมลใส มีปญญาจักษุทัศนาเห็นความจริง
มพี ุทธจักษุที่สมบูรณรแู จงถอ งแทธรรมภาวะ เปนผมู ปี ฏิภาณไหวพริบ รวบรวมและทรงไว (ซง่ึ ธรรม) เปน อสิ ระ
ปราศจากเคร่ืองกีดก้ัน รูจําแนกอุปายะของจักรวาลจํานวนอนันตะอยางเชี่ยวชาญ มีวาจาท่ีซ่ือและสัตย ล้ําลึก
ดวยรสแหงอรรถะ เปนผูโปรดหมูเวไนยสัตวดวยการแสดงพระสัทธรรม ไรการกําหนดและไรการปรุงแตง*๔๕
ไรการผูกมัดและไรการหลุดพน ปราศจากการแบงแยกทั้งปวง ไกลหางวิปลาส สําหรับส่ิงของเคร่ืองใชน่ันเลาก็
มิไดยึดม่ันไว ทองเที่ยวไปในพุทธเกษตรอยางปราศจากความยินดีและเบื่อหนาย ไรลักษณะที่ปรารถนาและมิ
ปรารถนา ท้ังไรลักษณะแหงตัวเขาและตวั เรา ไกลจากอาฆาต ดวยเหตุไฉนนั่นฤๅ เพราะเหตุท่ีโพธิสัตวเหลานัน้
มจี ติ เมตตากรุณาใหญหลวงยง่ิ หมายยงั ประโยชนแกห มสู ตั ว เปน ผูอ ุเบกขาแลหา งจากความยึดม่ันถือมน่ั ทัง้ ปวง
สําเร็จในกุศลความดีจํานวนไมมีประมาณ ดว ยใชปญญาทไี่ รส่ิงกีดขวาง จาํ แนกตถตาธรรม ลวงรซู ่งึ อปุ ายะแหง
การประชุมกันเกิดขึ้นและการดับลงของสัทเสียงเปนอยางดี มิเริงรากับวาจาของโลก แตยินดีในคํากลาวที่ถูก
ตรง รูแจงสรรพธรรมวาลวนวางเปลา มีการเกิดและกิเลสความเศราหมองที่ดับส้ินแลวท้ังสองสว น ในตรีภูมนิ ีก้ ็
พากเพียรบําเพ็ญอยูดวยความสมภาพ มีเอกยานเปนท่ีสุดยังใหลุถึงฝงกระโนน ปหานวิจิกิจฉาชาละเปนสมุ
ทเฉทแลวบรรลุถึงสถานะท่ีมอิ าจเขาถงึ ดวยการใชอุปายปญญายังใหรูแจงไดทบเทาทวีคูณ จากมูลฐานแตเดมิ
มากต็ ้งั อยูใ นอภิญญา เปน ผูบ รรลุเอกยานมรรค*๔๖ มิไดจากการรูแจงของผอู นื่ (คือการรแู จงไดเฉพาะตน)

*๔๔.จักษุคอื นัยนตา ๕ มี ๑.มังษจักษุ คือตาเนอื้ (มนุษย) ๒.ทพิ จกั ษุ คอื ตาทพิ ย (เทวดา) ๓.ปญ ญาจักษุ
คอื ตาปญ ญา ๔.ธรรมจกั ษุ คอื ตาเห็นธรรม ๕.พทุ ธจกั ษุ คอื ตาพทุ ธะ

*๔๕.คอื อนมิ ิตและอสังขตะ

*๔๖.หนทางคือการเปน ยานหนึ่งเดียวกนั ไมแบง แยก ความหมายคือ สาวกยาน ปจ เจกยาน แลพทุ ธยาน
(โพธิสัตวยาน, มหายาน) ท่ีลวนแตคือ เอกยาน ที่แยกเปนสามยาน เพราะอนุโลมตามจรติของสรรพสัตวท่ีมี

69

ความตางกนั เทา นั้น

真實功德第三十一

其智宏深,譬如巨海;菩提高廣,喻若須彌;自身威光,超於日月;其心潔白,猶如雪山;
忍辱如地,一切平等;清淨如水,洗諸塵垢;熾盛如火,燒煩惱薪;不著如風,無諸障礙。法音
雷震,覺未覺故;雨甘露法,潤眾生故;曠若虛空,大慈等故;如淨蓮華,離染污故;如尼拘樹
,覆蔭大故;如金剛杵,破邪執故;如鐵圍山,眾魔外道不能動故。其心正直,善巧決定;論法
無厭,求法不倦;戒若琉璃,內外明潔;其所言說,令眾悅服。擊法鼓,建法幢,曜慧日,破痴
闇。淳淨溫和,寂定明察。為大導師,調伏自他。引導羣生,捨諸愛著。永離三垢,遊戲神通。
因緣願力,出生善根。摧伏一切魔軍,尊重奉事諸佛。為世明燈,最勝福田,殊勝吉祥,堪受供
養。赫奕歡喜,雄猛無畏。身色相好,功德辯才,具足莊嚴,無與等者。常為諸佛所共稱讚。究
竟菩薩諸波羅密,而常安住不生不滅諸三摩地。行徧道場,遠二乘境。阿難,我今略說彼極樂界
,所生菩薩,真實功德,悉皆如是。若廣說者,百千萬劫不能窮盡。

วรรค ๓๑ บญุ ญาธิการอันจริงแท

(โพธิสตั วใ นสุขาวตี) แหงน้ันประกอบดวยปญญาทีค่ ัมภีรภาพไพศาล อปุ มาหว งมหาสาคร มโี พธิพฤกษสูง
ใหญ ประดุจสุเมรุคิรีราช สรีรกายแหงตนก็มีรัศมีรุงเรืองกวาสุริยันแลจันทรา ในดวงจิตขาวสะอาดประหน่ึงหิ
มาลยคิรี มีขนั ติอดทนเพียงแผนผืนธรณนิ ท่ีเสมอภาคตอ สรรพส่งิ มีความวมิ ลใสปานชลชาตทิ ีช่ ําระส่ิงแปดเปอน
ท้ังปวง มีความรุงเรืองโชตนาประหน่ึงอัคคีเผาผลาญฝนกิเลส มิถูกผูกมัดด่ังวาโยที่ปราศบรรดาเคร่ืองกีดกั้น
(เปนผู) มีเสียงแหงธรรมอุโฆษปานอสุนีบาต เหตุเพราะยังผูมิรูแจงใหรูแจง (เปนผู) โปรยปรายฝนอมฤตธรรม
เหตุเพราะยังหมูสัตวใหฉํ่าเย็น มีความไพศาลดุจอากาศ เหตุเพราะมีมหาเมตตาอยูท่ัวพรอม ท้ังประหน่ึงดอก
ปทุมมาลยท ่ีบริสุทธิ์ เหตุเพราะไกลจากมลทนิ ดัง่ นิโครธพฤกษ๔๗ เหตเุ พราะแผสาขาปกคลุมทั่วไป ด่ังวชั รคฑา
เหตุ*๔๗ คือ ตนไทร เพราะทําลายความยึดมน่ั ท่ีผิด ด่ังภูเขาเหล็กที่วนรอบจักรวาล*๔๘ เหตุเพราะเหลาพาหิร
มาร จักยังใหส่ันคลอนมิได ในดวงหทัยซ่ือตรง มีอุปายะดีงามและแนวแน มิเบ่ือหนายพระธรรมคําสอน และ
ปรารถนาพระธรรมอยางมิเหน่ือยลา มีศีลาจารดุจไพฑูรย ท่ีสวางสุกใสทั้งภายในแลภายนอก บรรดาวจนะท่ี
กลาวน้ันก็ยังความอ่ิมเอมใจแกหมูชน เปนผูย่ําธรรมเภรี จัดต้ังธรรมธวัช มีปญญาประหนึ่งดวงอาทิตยฉายแสง
ไปทาํ ลายความมืดมนของโมหะ มคี วามสตั ยซ ่อื และอบอุน สงบแนวแนพิจารณาใครค รวญรแู จง เปนมหาอาจาริ
ยะบาํ ราบอยซู ึ่งตนเองและผอู ื่น ชักนําเวไนยชนใหละวางความยดึ มั่นในตัณหา ไกลหา งมลทินสามประการ*๔๙
ชํานิชํานาญอภิญญากรีฑา ประกอบดวยกําลังแหงเหตุปจจัยและปณิธาน กอกําเนิดเปนกุศลมูล หักหาญหมู
มารเสนา นอมรับเอาภาระแหงพระพุทธะท้ังปวงดวยเคารพ กระทําซ่ึงความเปนประทีปของโลก เปนกุศล
เกษตรที่ประเสริฐสุด มีความวิเศษและมงคลยิ่ง ควรแกการสักการบูชา เปนผูมีชื่อเสียงดีงามแผไปไกล และ
นาชื่นชมองอาจแกลวกลามิคร่ันคราม รูปกายประกอบดวยมงคลลักษณะ มีบุญญาธิการและปฏิภาณไหวพริบ
สมบูรณพรอมอลังการไรผูเทียบเสมอ เปนผูไดรับการสรรเสริญจากพระพุทธเจาท้ังปวงอยูเนืองนิตย เปนที่สุด
ในปารมิตาท้ังปวงของโพธิสัตว ทั้งดํารงอยูในสมาบัติทั้งปวง อันมิเกิดและมิดับ เที่ยวไปในมณฑลสถานท้ังปวง
ไกลจากทวยิ านวิสยั *๕๐

ดูกอนอานนท บัดน้ีตถาคตไดกลาวอยูซึ่งบุญญาธิการอันจริงแท ของโพธิสัตวผูไดอุบัติในสุขาวตีโลกธาตุ
แหงน้ัน ท่ีลวนแตเปนไปอยูเชนน้ี หากจักกลาววิภาษาใหกวางขวางออกไป ในเพลารอยพันหม่ืนกัลปก็มิอาจ
หมดสนิ้ เลย

70

*๔๘.ภเู ขาเหลก็ ทว่ี นรอบจักรวาล ศัพทเ ดมิ วา จกฺรวาฑ

*๔๙.มลทิน ๓ หรือ อาสวะ ๓ มี ๑)กามาสวะ อาสวะเปนเหตุอยากได ๒)ภวาสวะ อาสวะเปนเหตุอยาก
เปน ๓)อวชิ ชาสวะ อาสวะคอื อวชิ ชา (ความเขลา)

*๕๐.คือ ไกลจากความเปนยานสอง คือ ปจเจกยานและสาวกยาน เปนผูมุงตรงตอพุทธยาน, เอกยาน
หรอื เปนผจู ะไดต รัสรูเปนพระพุทธเจา

壽樂無極第三十二

佛告彌勒菩薩、諸天人等:無量壽國,聲聞菩薩,功德智慧,不可稱說。又其國土微妙安樂
,清淨若此。何不力為善,念道之自然。出入供養,觀經行道。喜樂久習,才猛智慧。心不中迴
,意無懈時。外若遲緩,內獨駛急。容容虛空,適得其中。中表相應,自然嚴整。檢斂端直,身
心潔淨。無有愛貪,志願安定。無增缺減,求道和正。不誤傾邪,隨經約令。不敢蹉跌,若於繩
墨。咸為道慕,曠無他念。無有憂思,自然無為。虛空無立,淡安無欲。作得善願,盡心求索。
含哀慈愍,禮義都合。苞羅表裏,過度解脫。自然保守,真真潔白。志願無上,淨定安樂。一旦
開達明徹,自然中自然相,自然之有根本,自然光色參迴,轉變最勝。鬱單成七寶,橫攬成萬物
。光精明俱出,善好殊無比。著於無上下,洞達無邊際。宜各勤精進,努力自求之。必得超絕去
,往生無量清淨阿彌陀佛國。橫截於五趣,惡道自閉塞。無極之勝道,易往而無人。其國不逆違
,自然所牽隨。捐志若虛空,勤行求道德。可得極長生,壽樂無有極。何為著世事,譊譊憂無常


วรรค ๓๒ ชนมายุและโสมนสั เปน อนนั ต

สมเด็จพระผมู ีพระภาครบั สง่ั กับพระเมตไตรยโพธสิ ตั ว เทพและมนษุ ยท งั้ หลายวา “บรรดาสาวก โพธสิ ัตว
ในโลกธาตุของพระอมติ ายสุ อรหันตสัมมาสัมพทุ ธเจาน้นั เปนผมู ีบญุ ญาธกิ ารแลปญญาญาณทม่ี ิอาจพรรณนาได
(หมดสิ้นและครบถวน) และสุขารมณอันประณีตวิเศษของโลกธาตุแหงนั้น ก็บริสุทธ์ิปานฉะน้ี จักมิเปนเพราะ
กาํ ลงั แหงความดีหรอื กระไร ที่ (สุขาวตีชนจัก) เกดิ ภาวนามรรคโดยตนเอง เขาออก (สุขาวตโี ลกธาตุ) เพอื่ ถวาย
สักการะ พิจารณาพระธรรมสูตรและดําเนินปฏิปทา ยินดีในการศึกษาท่ียาวนาน*๕๑ มีปฏิภาณและปญญา
ญาณล้ําเลิศ ในหทัยมิถดถอยลดละ ในดวงจิตมิเกียจครานหนายแหนง ภายนอกแมนแลจักเนิ่นชา แตภายในก็
เรงรีบอยูเฉพาะตน อันขอบเขตแหงอากาศ*๕๒ ก็เขาถึงอยูในนั้น สําแดงโยคะเปนความอลังการและปกติ
เรียบรอยโดยธรรมชาติ เปนผูสังวรระวังสุภาพเรียบรอย มีกายและใจใสซ่ือบริสุทธิ์ ปราศจากตัณหาราคะ มี
ปณธิ านมงุ มน่ั แนวแน ปรารถนามรรคดวยความถูกตรง มเิ พิ่มข้ึนและมพิ รอ งไป ไมวิปลาสเหน็ ผิด แตค ลอยตาม
อนุศาสนแหงธรรม มิถือสาความพลาดพลั้งแตแกไขปรับปรุง เลื่อมใสมรรคธรรมและมิระลึกเปนอ่ืน ปราศจาก
ความกังวล มีธรรมชาติมิปรุงแตงดุจอากาศที่มิไดตั้งอยู มีความเรียบงายไรความทะยานอยาก เมื่อกระทํากุศล
ปณิธานจนบรรลุถวนพรอมแลว จึงตั้งปณิธานอีกดวยจิตอันเปนท่ีสุด มีความเมตตาอารี คารวธรรมและ
คุณธรรม ครอบคลุมสรรพสงิ่ คอื โลกียะและโลกุตระ*๕๓ กา วลวง (สงั สารวัฏ) บรรลุถงึ วมิ ตุ ติ เปนผรู กั ษาตนเอง
(ใหพนจากอบาย) เปนผูสะอาดมิแปดเปอนโดยแทจริง มีปณิธานแนวแนเปนอนุตระ บริสุทธ์ิตั้งม่ันและเปนสุข
ในขณะเดียวจักรูแจงธรรมลักษณแหงธรรม*๕๔ โดยตนเอง อันมูลภาวะแหงธรรมลักษณะนั้นแล ก็มีปกติดวย
แสงและวรรณะ ทเี่ ขา ออกหมุนเปล่ียนอยดู วยความพิศดาร (ดุจ) อุตตรกรุ ทุ วป ท่ีสาํ เรจ็ ดวยรัตนะเจด็ ประการ*
๕๕ ที่จากความวางเปลาจึงสําเร็จเปนสรรพสิ่ง บังเกิดจากประภาสรัศมีที่บริสุทธิ์ สวยงามวิจิตรหาส่ิงเปรียบ
มิได*๕๖ ปราศจากความสูงตํ่า และแทงตลอดมอิ าจประมาณซึ่งขอบเขต*๕๗ บรรดาชนาชน (ในสุขาวตี) ลวน

71

วิริยะพากเพียรตามกําลังแหงตน กาวลวงตัดขาดไปแลว (จากวัฏสงสาร) ไดอุบัติในอนันตวิศุทธิอมิตายุพุทธ
ประเทศ อันวางจากคติทั้งหา*๕๘ อบายภูมิจึงถูกปดกั้นไปโดยปริยาย มรรคคือเสนทางท่ีประเสริฐนี้เปนอนัน
ตะ*๕๙ ดําเนินไดงายแตหามีผูใดไม*๖๐ (ผูอุบัติท่ี) ดินแดนแหงน้ันมิเปนผูสอนยากมิเปนผูแข็งขืน จึงอบรม
ประพฤติตามโดยธรรมชาติ ละทิ้งความปรารถนา (อยางโลกแลมีจิต) ดุจอากาศ (ท่ีวางเปลาและบริสุทธ์ิ) เพียร
ประพฤติจริยาปรารถนามรรคและคุณ (สรรพสัตวในโลก) จักมีอายุขัยท่ีจํากัด (แตสุขาวตีชน) มีอายุขัยและ
เกษมโสมนัสท่ีมิจํากัดมิประมาณ แลวจักประสาใดกับการอาลัยตอเรื่องราวของโลกที่วุนวายทุกขรอนไมจีรัง
เลา ”

*๕๑.หมายถึง มิเรงรีบบรรลุพุทธภูมเิ พือ่ ตรัสรแู ละปรินิพพาน พอใจการเปน พระโพธิสัตว เพอ่ื อนเุ คราะห
สรรพสตั วต อ ไป หรือเปน ผูอยตู ลอดเวลาจนถงึ พระโพธิญาณ

*๕๒.อากาศ อาจแปลวา อวกาศ หรือความวางเปลา หรือสภาวะอันไมมีที่สิ้นสุด บางคร้ังมีนัยยะถึงพระ
ธรรม พระนิพพาน พทุ ธวิสยั ก็ได

*๕๓.表 หรือ 事 คือส่ิงที่แสดงออกมาภายนอกมีอีกนัยยะคือ โลกียะ 裏 หรือ 理 คือส่ิงที่อยูภายในหรือ
แกน แท มนี ยั ยะคือ โลกตุ ระ

*๕๔.ธรรมลักษณ ในบริบทน้ีหมายถึง ลักษณะของธรรม หรือ เอกสัตยธรรมธาตุ (一真法界) ที่มีอยูใน
ตัวเองของทุกสรรพสิง่ เหน็ แจง ไดโดยปญญาท่เี หน็ ตามความเปน จรงิ มปิ รงุ แตง

*๕๕.ในอรรถาธิบาย กลาววา การอุปมาถึงอุตตรกุรุทวีป ท่ีต้ังอยูทางเหนือของภูเขาสุเมรุน้ัน หมายถึง
ความประเสริฐ วิเศษ ยอดเย่ียม มีกําเนิดท่ีดี เพราะชาวอุตตรกุรุทวีปนั้นมีอายุกําหนดอยูหน่ึงพันป และมี
ความสขุ สบาย มีอัญมณี แพรพรรณ อาหารอุดมสมบูรณก วาทวีปทั้งสามที่เหลอื คือ ชมพูทวีป อยทู างทศิ ใตของ
ภูเขาสุเมรุ ปูรววิเทหทวีป ต้ังอยูทางทิศตะวันออกของภูเขาสุเมรุ และอมรโคยานทวีปตั้งอยูทางทิศตะวันตก
ของภเู ขาสเุ มรุ

*๕๖.หมายถึงสุขาวดีพุทธเกษตร ท่ีเกิดข้ึนมาจากมหาปณิธานของพระอมติ ายุสพทุ ธเจา ประดุจสรรพสงิ่
ที่เกิดจากความวางเปลา แลวปรากฏเปนรัศมีโอภาสสวางไสวเปนอนันตะ (อมิตาภะ) และหมายถึงสุขาวตีมี
ปกตทิ บ่ี ริสุทธ์ิ งดงาม เหมือนอุตตรกุรทุ วปี ทมี่ คี วามพิสดาร ฯลฯ อยูเปน ปกติธรรมชาติ ไมไ ดป รุงแตงใหเกิดขึน้
ใหม

*๕๗.อรรถาธิบายวา หมายถึงการตรัสรูข องพระพุทธเจาทกุ พระองค ไรซ ึ่งความสูงกวาหรือตํ่ากวากนั ท้ัง
ยงั มพี ระปญญาแผไ ปตลอดไรขอบเขตประมาณ

*๕๘.คติ ๕ มี อบายภูมิ ๓ คอื นรก เปรต เดรัจฉาน และสคุ ตภิ ูมิ คอื มนุษยภูมิ เทวภมู อิ กี ๒ รวมเปน ๕
(สงเคราะหอสุรภูมิในเทวภูมิ) ดั้งนั้น คติ ๕ ก็คือ ภูมิท้ัง ๖ อันเทวภูมิและมนุษยภูมิในโลกอื่นๆนั้น ก็คือ
อบายภมู เิ มอื่ เทียบกับกศุ ลของสขุ าวตี เพราะความสขุ ในสุขาวตีนน้ั สขุ เพราะวิราคธรรม แตสขุ ของคตทิ ั้ง ๕ น้นั
เจอื ดวย ราคะ กาม และกเิ ลส

*๕๙.อรรถาธิบายวา หมายถงึ มีผบู รรลมุ รรคอนั ประเสรฐิ นี้เปนพระอริยะแลว จํานวนอนันตะ คือประมาณ
ไมไ ด

72

*๖๐.หมายความวา เพียงสรางเหตุคือภาวนาพุทธนามก็จักไดไปอุบัติ แตไมมีผูสรางเหตุจึงไมมีผูไปอุบัติ
และเพียงการภาวนาพุทธนามสิบครั้งก็ไดไปอุบัติ แตผูปฏิบัติมีนอ ยยิ่งนักจงึ กลาววา “ดําเนินไดงายแตห ามผี ูใ ด
ไม”

勸諭策進第三十三

世人共爭不急之務,於此劇惡極苦之中,勤身營務,以自給濟。尊卑、貧富、少長、男女,
累念積慮,為心走使。無田憂田,無宅憂宅,眷屬財物,有無同憂。有一少一,思欲齊等,適小
具有,又憂非常。水火盜賊,怨家債主,焚漂劫奪,消散磨滅。心慳意固,無能縱捨。命終棄捐
,莫誰隨者。貧富同然,憂苦萬端。世間人民,父子兄弟夫婦親屬,當相敬愛,無相憎嫉。有無
相通,無得貪惜。言色常和,莫相違戾。或時心諍,有所恚怒。後世轉劇,至成大怨。世間之事
,更相患害,雖不臨時,應急想破。人在愛欲之中,獨生獨死,獨去獨來,苦樂自當,無有代者
。善惡變化,追逐所生,道路不同,會見無期。何不於強健時,努力修善,欲何待乎?世人善惡
自不能見,吉凶禍福,競各作之。身愚神闇,轉受餘教。顛倒相續,無常根本。蒙冥抵突,不信
經法。心無遠慮,各欲快意。迷於瞋恚,貪於財色。終不休止,哀哉可傷!先人不善,不識道德
,無有語者,殊無怪也。死生之趣,善惡之道,都不之信,謂無有是。更相瞻視,且自見之。或
父哭子,或子哭父,兄弟夫婦,更相哭泣。一死一生,迭相顧戀。憂愛結縛,無有解時。思想恩
好,不離情欲。不能深思熟計,專精行道。年壽旋盡,無可奈何。惑道者眾,悟道者少。各懷殺
毒,惡氣冥冥。為妄興事,違逆天地。恣意罪極,頓奪其壽。下入惡道,無有出期。若曹當熟思
計,遠離眾惡。擇其善者,勤而行之。愛欲榮華,不可常保,皆當別離,無可樂者。當勤精進,
生安樂國。智慧明達,功德殊勝。勿得隨心所欲,虧負經戒,在人後也。

วรรค ๓๓ อุปายะใหพากเพียร

โลกียชนตางยื้อแยงชวงชิง มิขวนขวายในกิจอันพึงกระทํา ตนนั้นตกอยูในความชั่วรายและความทุกขที่
สาหัสย่ิงนัก ตรากตรํากายประกอบกิจการ เพ่ือสงเคราะหตนเอง มิวาจักสูงศักดิ์ฤๅต่ําตอย ยากจนฤๅร่ํารวย
เยาววัยฤๅชราภาพ เปนบุรษฤๅสตรี ลวนมีจิตครุนคิดแลนไปเปนกังวล*๖๑ ผูไรผืนเกษตรก็ทุกขรอนเพราะ
(ตองการ) ผืนเกษตร ผูไรเคหะก็ทุกขรอนเพราะ (ตองการ) เคหะ ญาติวงศาแลทรัพยสมบัติ แมนจะอยูมีหรือ
ปราศจาก ก็เปนทุกขรอนดุจกัน มีหน่ึงวายังนอยไปอีกหน่ึง*๖๒ คิดตองการอยากมีพรอม แมนนอยนิดฤๅมี
พรอม ก็ยอมเปนทุกขรอ นอยางยิ่ง มิวาจัก (ถูกทําลาย) โดยอุทก อัคคี โจร โดยศัตรูฤๅเจา หนี้ โดยถูกเผาพลาญ
ฤๅลอยควางกับสายนํ้า ฤๅแตกสลายเปนผุยผง ในจิตก็ยังมีความตระหน่ี ในใจยังติดยึดมิอาจละวาง เมื่อวายชีพ
แลวจึงตองสละทิ้งทุกสิ่ง มิอาจตามผูใดไปได แมนทุคตชนหรือผูร่ํารวยก็เสมือนกันนี้ คือมีทุกขทรมานอยูมิ
ส้ินสุด บรรดามนุษยโลก มีบิดา บุตร พ่ีชาย นองชาย สามี ภรรยา ญาติ และมิตร พึงเคารพรักใคร มิควร
รงั เกียจและรษิ ยาแกกัน แมจกั ม่ังมีฤๅยากไรก ็อยาละโมบและตระหนี่ พึงมวี าจาและการกระทําออ นโยนเปนนิจ
มิควรลวงเกินตอกัน บางคราจิตเคืองโกรธเพียงช่ัวแลน จักเปลี่ยนเปนความอาฆาตยิ่งใหญในอนาคต เรื่องราว
ของโลกจักยิง่ ทวีความรา ยกาจดดุ ัน แมย งั มถิ ึงกาลมรณะกจ็ ักหวาดระแวงภัย หมูมนุษยผ ูตกอยูในความทะยาน
อยากและความพอใจน้ัน ลวนเปนผูกําเนิดข้ึนโดยลําพังและจักลุแกความตายโดยลําพัง เปนผูมาโดยลําพังและ
จกั ไปเองโดยลาํ พงั ความทกุ ขแ ละความสุขจกั เปนผูร ับเองเฉพาะตน อนั ผอู นื่ นนั้ จกั รบั แทนกห็ ามไิ ด ความดีและ
ความช่ัวเปนเครื่องยังใหกําเนิดในหนทางที่ตางกัน*๖๓ มิอาจหวนมาพบเจอกันไดอีก แลวใยเม่ือคราท่ีรางกาย
ยังปกติอยู จึงมิหม่ันเพียรกอการกุศลอกี เลา ความดีและความช่ัวน้ันมนุษยมิสามารถรูเห็นดวยตนเอง ส่ิงมงคล
สิ่งอุบาทวเ คราะหก รรมและบญุ วาสนาน้ัน เปน เพราะการกระทําของแตละบคุ คล ความที่กายใจโงเ ขลามืดบอด
เพราะตนประพฤตพิ าหริ ศาสนค าํ สอนอ่นื ๆ จึงวปิ ลาสเห็นผิดเปนชอบอยมู สิ ้นิ มมี ูลฐานไมคงม่ัน เพราะ (ปญ ญา

73

ที่เปนสัมมาทิฐิ) ถูกปดกั้นและมีความมืดบอด มิอาจเสื่อมใสพระธรรมสูตร ดวงจิตก็มิใครครวญพจิ ารณา เปนผู
มีราคะและใจเร็ว ลุมหลงงมงาย ละโมบทรัพยและรูป (วัตถุ) ถึงท่ีสุดก็มิอาจระงับสละท้ิงได ถือเปนทุกขเวทนา
ย่ิงนัก บุคคลขางตนนั้นมิรูจักกุศล มิเขาใจมรรคธรรม อีกไรซ่ึงคําสอน จึงมิใชเร่ืองพิกลใดที่ยังยินดีเวียนวายใน
สังสารวัฏ กุศลธรรมและอบายธรรมนั้นไมเชื่อถือศรัทธา กลับตูวามิไดมีอยูจริง หากจักพิจารณากันและกันให
ย่ิงขึ้นแลว พึงพิจารณาท่ีตนเองกอนเถิด บางก็ผูเปนบิดาร่ําไหตอบุตร บางผูเปนบุตรรํ่าไหตอบิดา พ่ีชาย
นองชาย สามีภรรยา ตางรํ่าไหโศกาดูรตอกัน ในการเกิดครั้งเดียวและมรณะครั้งเดียวน้ัน ตางหวงหาอาลัยอยู
ซ่ึงกันและกัน*๖๔ มีเศราโศกอาลัยและตัณหาเปนเคร่ืองผูกมัด ไรกาลจะหลุดพน ความตรึกคิดจินตนาลวนมิ
หางจากราคะ มิอาจพิจารณาโดยแยบคายแลวมุงม่ันเพียรประพฤติธรรม เม่ืออายุขัยส้ินลงแลวจักกระทําส่ิงใด
ไดอีกเลา หมูชนผูอยูในภมู ิแหงความหลงนี้ ผูแจงแกมรรคธรรมมีนอย ตางมีการเขนฆาเปนพิษรายเรนอยูในจติ
ความชั่วยังปะทุอยู เปนผูที่มามืดและไปมืด สิ่งมุสาก็กําเริบอยู ผิดตอธรรมชาติแหงธรรม*๖๕ กระทําบาป
มหันตตามใจ ยังใหอายุขัยลดลงรวดเร็ว แลวตกสูอบายภูมิเบ้ืองตํ่า ไรกาลหลุดพนออกมา หมูเธอท้ังหลายพึง
ไตรตรองโดยแยบคาย ถงึ การยงั ตนใหหางอบายท้ังปวง แลวเลอื กที่จกั พากเพยี รกุศลจริยาเถิด ตัณหาราคะและ
ความรุงเรืองนั้น มิอาจรักษาไวไดนานอันจักตองละท้ิงไปท้ังส้ิน หาใชความสุขเลยไม พึงพากเพียรไปอุบัติยังสุ
ขาวตีโลกธาตุ เปนผูมีปญญาญาณแจมแจงแทงตลอด มีกุศลบารมียอดเยี่ยมนิรัติศัย มิคลอยตามราคจิต ไม
บกพรอ งในธรรมสูตรและศีลาจารเพอื่ มนุษยนกิ รในอนาคตเถิด

*๖๑.อรรถาธบิ ายวา 累念 คอื ครนุ คิดในสง่ิ ทีผ่ า นไปแลว 積慮 คอื วิตกในส่งิ ทยี่ งั มาไมถ ึง ทําใหจิตไมเ ปน
สขุ

*๖๒.มหี น่ึงกว็ ายงั นอยไปอกี หนงึ่ เปน สํานวนวา ไมรจู ักพอ

*๖๓.ความหมายคือ ความดียอมแปรเปนผล คือกุศลนําไปสุคติภูมิ สวนความช่ัวยอมแปรเปนผล คือ
อกุศลนําไปทุคติภูมิ และบุคคลบางจําพวกกําเนิดมาดวยกุศลวิบาก คือเกิดมาไมพิการ มีสติปญญา สุขภาพ
แข็งแรง มีทรัพยสมบัติ ฯลฯ เพราะผลแหงความดีที่ตนไดทําไว แตกลับทําอกุศลความชั่วนานัปการ ยังใหชาติ
อนาคตจักตองไดรับอกุศลวิบาก คือความเปนผูพิการ โงเขลา โรคมาก เปนผูแรงแคนยากจน ฯลฯ หรือไมได
เกิดเปนมนุษยอีก ตรงขามผูท่ีชาติปจจุบันเกิดมาดวยความยากลําบาก แตมุงม่ันทําความดี ก็จักเปลี่ยนแปลง
อนาคตใหประสบแตส่ิงดี อันเปนผลจากกุศลไดเ ชนกัน อันจักเปลี่ยนแปรไปไดนับหมื่นประการตามการกระทํา
เฉพาะตน

*๖๔.อรรถาธิบายวา มนุษยโลกผูไมมีปญญา ยังลุมหลงและละโมบในตัณหา มิรูวาสรรพสิ่งในโลกประดุจ
มายา ความฝน และดอกไมที่สมมุติข้ึนในอากาศ หลงไปยึดวาเปนส่ิงที่มีอยูจริง ท้ังยังไมรูวาสิ่งเหลาน้ันจัก
เปลย่ี นแปลง และแตกดับไปอยา งรวดเร็ว มิสามารถรักษาใหคงอยไู ดนานทั้งสิ้น ด่งั เมอ่ื เวลาเกดิ ญาติพ่ีนองก็ให
ความรัก เมื่อเวลาส้ินชีวิตก็ยิ่งเศราโศกเสียใจเปนทวีคูณ ในหวงสังสารวัฏแหงการเกิดดับน้ี ผูยังมีชีวิตอยูจัก
เจ็บปวดกับการจากไปของญาติมิตร ผูที่ส้ินชีพไปแลวก็ยอมอาลัยในสังขารของตน ซึ่งตางก็เปนทุกขรอนอาลัย
กันทั้งสองฝาย ดุจมีดที่กรีดยังดวงใจ เชนน้ีจึงกลาววา ในการเกิดครั้งเดียวและการมรณะครั้งเดียวน้ัน ตางก็
หวงหาอาลยั อยูซ งึ่ กนั และกนั

74


Click to View FlipBook Version