*๖๕.ในพระสูตรกลาววา 違逆天地 คือผิดตอฟาดิน หรือละเมิดตอฟาดนิ ในอรรถาธิบายกลาววาคือ 上
不順心,下違閻羅王之意 แปลวา จิตมิโอนออนตามคุณธรรมดีงามเบ้ืองสูง (ฟา) เบ้ืองลางยอมละเมิดตอ
พญายม อาตมาจงึ ไดแ ปลโดยครอบคลมุ นัยยะนต้ี ามทป่ี รากฏ
心得開明第三十四
彌勒白言:佛語教戒,甚深甚善。皆蒙慈恩,解脫憂苦。佛為法王,尊超羣聖,光明徹照,
洞達無極,普為一切天人之師。今得值佛,復聞無量壽聲,靡不歡喜,心得開明。佛告彌勒:敬
於佛者,是為大善。實當念佛,截斷狐疑。拔諸愛欲,杜眾惡源。遊步三界,無所罣碍。開示正
道,度未度者。若曹當知十方人民,永劫以來,輾轉五道,憂苦不絕。生時苦痛,老亦苦痛,病
極苦痛,死極苦痛。惡臭不淨,無可樂者。宜自決斷,洗除心垢。言行忠信,表裏相應。人能自
度,轉相拯濟。至心求願,積累善本。雖一世精進勤苦,須臾間耳。後生無量壽國,快樂無極。
永拔生死之本,無復苦惱之患。壽千萬劫,自在隨意。宜各精進,求心所願。無得疑悔,自為過
咎,生彼邊地七寶城中,於五百歲受諸厄也。彌勒白言:受佛明誨,專精修學。如教奉行,不敢
有疑。
วรรค ๓๔ จติ ลุถึงปญ ญารูแจง
พระเมตไตรยโพธิสัตวทูลวา “พระพุทธองคตรัสสอนเร่ืองศีล อันย่ิงดวยความแยบคายและความดีงาม
ลวนเพราะพระเมตตาธิคุณ ยังใหหลุดพนจากความทุกขโทรมนัส พระพุทธองคทรงเปนราชาแหงธรรม
ประเสรฐิ กวาเวไนยชนและอรยิ ชน ทรงมพี ระรศั มรี งุ เรืองแจมใสฉายออกไปไมตดิ ขัดและไมม ีประมาณ ทรงเปน
ครูแหงเทวดาและมนุษยทั้งปวง มาบัดน้ีไดประสบพระพุทธสุคตเจา ไดสดับพระนามของพระอมิตายุสอรหันต
สัมมาสัมพุทธเจา ท่ีจักมิเกิดยินดีโสมนัสนั้นหาเปนมิได ในจิตไดเปดออกซ่ึงความรูแจง” ตรัสกับพระเมตไตรยะ
วา “ผูท่ีนอบนอมตอพระพุทธเจา จึงนับเปนมหากุศล เปนผูเจริญพุทธานุสติดวยความสัตยซ่ือ ปหานความ
เคลือบแคลงสงสัย ถอดถอนตัณหาราคะท้ังหลาย และงดเวนบอเกิดแหงบาปท้ังปวง ทองเท่ียวในไตรภูมิอยาง
ไรส่ิงกีดกั้น เปนผูประกาศสั่งสอนสัมมามรรคคือหนทางที่ถูกตรง อนุเคราะหแกผูยังมิไดอนุเคราะห เธอ
ทั้งหลายพึงทราบเถิดวา บรรดามนุษยในทศทิศน้ัน เมื่ออนาคตกัลปอันยืดยาว หมูสัตวในคติหาจักทุรนทุราย
ทุกขหมนเศราหมองมิสิ้นสุด เพลาถือกําเนิดจักทุกขทรมาน ยามชราก็ทุกขทรมาน ยามเจ็บปวยก็ทุกขทรมาน
อยางยิ่ง ยามมรณะก็ทุกขทรมานอยางยิ่ง จักสงกลิ่นรายกาจมินายินดี พึงเปนผูสลัดทิ้งเสียดวยตนของตนเอง
พึงชําระมลทินแปดเปอนแหงจิต มีวาจาการกระทําท่ีซ่ือตรงและมีสัจจะ ท้ังภายใน (คือใจ) และภายนอก (คือ
กาย) ประกอบกัน หากบุคคลสามารถอนุเคราะหตนเองแลว ก็จงอนุเคราะหผูอื่นเถิด พึงปรารถนาดวยจิตเปน
ที่สุด ส่ังสมบุญญาธิสมภาร ในชาติหนึ่งแมนจักพากเพียรยากลําบาก ก็ด่ังวาช่ัวขณะเดียว ภายหลังเม่ือไปอุบัติ
ยังอมติ ายุสโลกธาตแุ ลว ไซร ยอ มประกอบดว ยสุขารมณและโสมนสั พน ประมาณ จกั ถอนออกซง่ึ มูลเหตุของชาติ
และมรณะ มิตองเสวยความทุกขท รมานอีก ยอมมีชนมายุพันหมื่นกลั ปเปนประมาณ มีอิสระดั่งมโนจินต เชนนี้
แล เธอท้ังหลายพึงพากเพียร ตั้งความปรารถนาใหถึงซึ่งปณิธาน มิกังขาและกังวลในอกุศลผิดบาปของตนวา
จักมีกําลังวิบากยังใหไปกําเนิดในสถานทุรกันดาร*๖๖ รับทุกขทรมานนานัปการเปนเพลาหารอยป ฤๅจักไป
กําเนิดในสัปตรัตนมหาธานี*๖๗ แหงน้ันเลา” ทูลวา “ขาพระองคไดสดับพระพุทโธวาทอยางแจมแจงแลว จัก
วริ ิยะศกึ ษาปฏบิ ัติตามท่ีไดร ับสนองพระอนศุ าสนมามิกลา เคลือบแคลงเลย พระเจา ขา”
*๖๖.คือสถานที่หางไกลพระรัตนตรัยและเร่ืองราวของสุขาวตีโลกธาตุ หรือหมายถึงไปเกิดยังอบายภูมิ
ตางๆ
75
*๖๗.ในประโยคน้ีมีความหมายโดยนัยยะวา หากบุคคลผูประพฤติปวงกุศลกรรม ทั้งภายในและภายนอก
พรอมกับตั้งจิตปณิธานปรารถนาไปอุบัติยังสุขาวตีแลว พึงมิตองสงสัยและเปนกังวลวา ตนจะไดไปกําเนิดใน
อบายภูมิ เพราะอกุศลวิบากที่ตนเคยกระทํามา หรือจะไดไปกําเนิดในเมืองแหงรัตนะ ๗ ประการ คือสุขาวตี
พุทธเกษตร กลาวคือ จะไดไปกําเนิดยังสุขาวตีโลกธาตุเปนที่แนนอน ดวยอํานาจกุศลที่ตนกระทํา (อํานาจ
ภายในตน) และพระกรุณาพละแหงมหาปณิธานของพระอมิตายุสพทุ ธเจา (อํานาจภายนอก)
濁世惡苦第三十五
佛告彌勒:汝等能於此世,端心正意,不為眾惡,甚為大德。所以者何?十方世界,善多惡
少,易可開化。唯此五惡世間,最為劇苦。我今於此作佛,教化羣生,令捨五惡,去五痛,離五
燒,降化其意,令持五善,獲其福德。何等為五?其一者,世間諸眾生類,欲為眾惡。強者伏弱
,轉相尅賊,殘害殺傷,迭相吞噉,不知為善,後受殃罰。故有窮乞、孤獨、聾盲、瘖瘂、痴惡
、尪狂,皆因前世不信道德,不肯為善。其有尊貴、豪富、賢明、長者、智勇、才達,皆由宿世
慈孝,修善積德所致。世間有此目前現事,壽終之後,入其幽冥。轉生受身,改形易道。故有泥
犁、禽獸、蜎飛蠕動之屬。譬如世法牢獄,劇苦極刑,魂神命精,隨罪趣向。所受壽命,或長或
短,相從共生,更相報償。殃惡未盡,終不得離。輾轉其中,累劫難出。難得解脫,痛不可言。
天地之間,自然有是。雖不即時暴應,善惡會當歸之。其二者,世間人民不順法度。奢婬驕縱,
任心自恣。居上不明,在位不正。陷人冤枉,損害忠良。心口各異,機偽多端。尊卑中外,更相
欺誑。瞋恚愚痴,欲自厚己,欲貪多有。利害勝負,結忿成讐。破家亡身,不顧前後。富有慳惜
,不肯施與。愛保貪重,心勞身苦。如是至竟,無一隨者。善惡禍福,追命所生。或在樂處,或
入苦毒。又或見善憎謗,不思慕及。常懷盜心,悕望他利。用自供給,消散復取。神明尅識,終
入惡道。自有三途無量苦惱,輾轉其中,累劫難出,痛不可言。其三者,世間人民相因寄生,壽
命幾何。不良之人,身心不正。常懷邪惡,常念婬[女*失]。煩滿胸中,邪態外逸。費損家財,事
為非法。所當求者,而不肯為。又或交結聚會,興兵相伐。攻劫殺戮,強奪迫脅。歸給妻子,極
身作樂。眾共憎厭,患而苦之。如是之惡,著於人鬼。神明記識,自入三途。無量苦惱,輾轉其
中。累劫難出,痛不可言。其四者,世間人民不念修善。兩舌、惡口、妄言、綺語。憎嫉善人,
敗壞賢明。不孝父母,輕慢師長。朋友無信,難得誠實。尊貴自大,謂己有道。橫行威勢,侵易
于人。欲人畏敬,不自慚懼。難可降化,常懷驕慢。賴其前世,福德營護。今世為惡,福德盡滅
。壽命終盡,諸惡繞歸。又其名籍,記在神明。殃咎牽引,無從捨離。但得前行,入于火鑊。身
心摧碎,神形苦極。當斯之時,悔復何及。其五者,世間人民徙倚懈怠。不肯作善,治身修業。
父母教誨,違戾反逆。譬如怨家,不如無子。負恩違義,無有報償。放恣遊散,耽酒嗜美。魯扈
抵突,不識人情。無義無禮,不可諫曉。六親眷屬,資用有無,不能憂念。不惟父母之恩,不存
師友之義。意念身口,曾無一善。不信諸佛經法,不信生死善惡。欲害真人,鬬亂僧眾。愚痴蒙
昧,自為智慧。不知生所從來,死所趣向。不仁不順,希望長生。慈心教誨,而不肯信。苦口與
語,無益其人。心中閉塞,意不開解。大命將終,悔懼交至。不豫修善,臨時乃悔。悔之於後,
將何及乎!天地之間,五道分明。善惡報應,禍福相承。身自當之,無誰代者。善人行善,從樂
入樂,從明入明。惡人行惡,從苦入苦,從冥入冥。誰能知者,獨佛知耳。教語開示,信行者少
。生死不休,惡道不絕。如是世人,難可具盡。故有自然三途,無量苦惱,輾轉其中。世世累劫
,無有出期。難得解脫,痛不可言。如是五惡、五痛、五燒,譬如大火,焚燒人身。若能自於其
中一心制意,端身正念,言行相副,所作至誠,獨作諸善,不為眾惡。身獨度脫,獲其福德,可
得長壽泥洹之道。是為五大善也。
วรรค ๓๕ ทกุ ขม หันตของโลกแหง ความเส่ือม
ตรัสกับพระเมตไตรยะวา เธอท้ังหลายสามารถดํารงอยูในโลกแหงน้ี ดวยการตั้งใจไวถูกตรง มิกระทํา
ความชั่วทั้งปวง จึงเรียกวาเปนมหาสาธุคุณอยางยิ่ง ดวยเหตุไฉนนั้นฤๅ อันทศทิศโลกธาตุนั้น กุศล (โลกธาตุ) มี
อยูจํานวนมาก และอบาย (โลกธาตุ) มีอยูนอย (หมูสัตวในโลกเหลาน้ัน) ส่ังสอนอบรมไดงาย มีเพียงโลกธาตุ
แหงความเสื่อมทั้งหาประการ*๖๘ น้ีที่เปนทุกขย่ิงนัก บัดน้ีเราตถาคตไดกระทํา ซึ่งความเปนพระสัมมา
76
สัมพุทธะในโลกธาตุน้ี สั่งสอนอบรมเวไนยสัตวใหอุเบกขาความเส่ือมหา*๖๙ ใหไปจากความทรมานหา
ประการ*๗๐ ใหไกลจากการเผาผลาญหา ดวยสั่งสอนตามนัยยะเชนน้ี ยังใหตองสมาทานเบญจกุศล*๗๑ เพ่ือ
จกั ไดเสวยกศุ ลนัน้ เบญจกุศลท้ังหา นน้ั มีประการเชนไร
ประการท่ีหน่ึง สรรพสัตวจําพวกตางๆในโลกธาตุ กระทําความช่ัวคือราคะ ผูมีกําลังขมเหงผูออนแอ
กรรโชกแยง ชิง ลักขโมย ประทษุ ราย ฆา ฟน กนั มิหยุดหยอน แลว ชวงชิงทรัพยมาเปนของตน เปนผมู กิ ระทํากศุ ล
ความดี ภายหลังจึงไดรับวิบากภัย เหตุนี้จึงอดอยาก อนาถา บางหูหนวก ตาบอด บาใบ โงเขลา นาเกลียด สติ
ไมสมประดี มีเหตุแตอดีตชาติท่ีมิศรัทธามรรคธรรม กระทํากุศลความดี ยังมีผูสูงศักด รํ่ารวย เปนปราชญ อายุ
ยืน เฉลียวฉลาด และรอบรู เปนเพราะเม่ือบุพชาติเปนผูมีเมตตาและกตัญู บําเพ็ญกุศลและสั่งสมคุณธรรม
ความดีเอาไวในโลก จึงเห็นมีเร่ืองราวเหลานี้ปรากฏดั่งเบื้องตน เม่ือ (ผูกระทําช่ัว) สิ้นชีพแลวจึงสูนิรยภูมิ ถือ
กําเนิดใหมมีรูปรางวิปริตไป เหตุนี้แลจึงมีนรก เดรัจฉานจําพวกสัตวปก สัตวมีกระดอง สัตวเล้ือยคลาน อุปมา
โลกธรรมประดุจกรงขังทม่ี ากดวยทกุ ขเวทนา อาลยวญิ ญาณจิตยอ มนําไปอุบตั ติ ามกรรม กเ็ ม่อื เสวยอายขุ ัยแลว
บางมีอายุยืดยาว บางก็สั้น เม่ือมีเหตุเกิดข้ึนก็มีวิปากอยูเชนน้ี เม่ืออกุศลมิสิ้นจึงมิอาจพนไปได เวียนวายอยูใน
กัลปแหงความยากลําบากอันหลุดพนไดยาก เปนทุกขอยางยิ่งมิอาจพรรณนา ระหวางฟาและดิน (คือโลก
มนษุ ย) กม็ ปี กติอยูเชนนี้ แมจกั มสิ นองในทันที แตย อ มหวนไปสคู วามเปน กศุ ลและอกุศลท้งั ส้นิ
ประการท่ีสองนั้นคือ มนุษยในโลกมิอนุโลมตามธรรม มักมากในกาม ทะนงตน ถือดี เยอหยิ่ง ลําพอง
กระทาํ ตามใจ ผูเปน ใหญมิใสซ่ือ ตง้ั อยูบนความมถิ กู ตรง ใสราย ยงั โทษภยั แกค ุณธรรม ปากและใจตางกนั มุสา
ท้ังมากนอย ผูใหญและผูนอย (กิริยา )ภายในและภายนอก ก็เยอหย่ิงลําพองเกรียวกราดโงเขลา เพงประโยชน
ตน ละโมบเพราะการไดและเสียประโยชน การมีชัยและปราชัย เปนเหตุใหผูกโกรธเปนปฏิปกษตอกัน เมื่อ
พงษาสูญส้ินสังขารแตกดับแลว จักทอดอาลัยในส่ิงอดีตและอนาคตมิได ผูรํ่ารวยก็ตระหน่ีเสียดาย มิยอมให
ทาน ดวยรักชอบ (ในสมบัตินั้น) จึงถนอมรักษาและละโมบยิ่งข้ึน ยังจิตใหเหน่ือยลาและกายเปนทุกขอยูเชนนี้
ท่ีสุดยอมปราศจากส่ิงใดจักตามตนเองไปได มีแตกุศลบารมีและบาปอบายที่จักตามติดไปถือกําเนิด บางไดอยู
ในสุขสถาน บางเสวยความทุกขอันเผ็ดรอน บางเห็นวาความเกลียดชังและการติเตียนเปนสิ่งดี แฝงเรนดวยจิต
ละโมบส่งิ ของผอู ่ืนอยเู นืองนิตย มุงหวังประโยชนผ ูอ่นื เพื่อบํารงุ ตนเอง ยงั ผูอ ืน่ ใหพ ินาศแลวซํา้ เตมิ เม่อื เทพ (คือ
ยมราช) พรากดวงวิญญาณแลวยอมสอู บายภูมิ ตนน้ันตองไปเกดิ ยังอบายภูมิสาม รับทุกขทรมานประมาณมไิ ด
ในกลั ปแหงความลาํ บากยากจักหลดุ พน มีทกุ ขมิอาจพรรณนา
ประการท่สี ามคอื มนษุ ยใ นโลกมีเหตอุ ันอัศจรรย คือการกําเนดิ ขนึ้ และมอี ายุขัย บคุ คลผปู ราศจากความดี
งาม มีกายแลจิตไมซ่ือตรง แฝงความช่ัวรายเปนนิจ จิตครุนคิดแตกามราคะ มีกิเลสเต็มอุรา มีกิริยาเลวทราม
ลักเอาสมบัติของตระกูลไปขายดวยผิดธรรม ส่ิงท่ีพึงหมายก็มิปรารถนา*๗๒ บางซองสุมรบฆาปลนสะดม ฉุด
คราขูเข็ญดวยกําลัง นําไปบํารุงภริยาและบุตรของตนใหเปนสุข บุคคล (ที่ถูกทําราย) น้ันยอมเกลียดแคนเปน
ทุกข ดวยความช่ัวเชนนี้ ยังใหวิญญาณของบุคคลผูดุจปศาจนั้น สูอบายภูมิทั้งสามรับทุกขเวทนาไมมีประมาณ
วา ยเวียนในนั้นยากจักหลุดพนจากกลั ปแหงความเหน่อื ยยากได มีทุกขท ี่พรรณนามไิ ด
ประการที่ส่ี หมูมนุษยในโลกมิปรารภการบําเพ็ญกุศล เปนผูกลาววาจาสอเสียดสองลิ้น กลาววาจาหยาบ
77
กลาวคําเท็จ กลาวเพอเจอ ริษยาคนดี ทําลายบัณฑิตใหยอยยับ อกตัญูบุพการี ดูแคลนครูอาจารย มิเช่ือถือ
สหาย จึงยากจักไดรับความจริงใจ เทิดทูนตนเองไวสูงสงเพื่อประโยชนของตน ใชอํานาจในทางผิดขมเหงผูอื่น
ปรารถนาใหผูอ่ืนนอบนอมยาํ เกรง แตตนเองน่ันเลากลับมริ ูละอายเกรงกลัว ยากที่จักอบรม มีมานะลําพองเรน
ในจิต เพราะอาศัยกุศลในชาติกอนๆ ปกปองอยู (จึงกระทําชั่วอยางปลอดภัย) ชาติปจจุบันเม่ือกระทําความช่วั
อีก บุญสมภารนั้นจึงส้ินไป เม่ืออายุขัยลวงแลว จึงถูกความชั่วท้ังปวงช่ือวาบาปรุมเรา ซ่ึงยมเทพจักบันทึกไว
ท้ังส้ิน มีความช่ัวน้ันเปนเครื่องชักนําไป อันมิไดมาจากแหงใดและมิไดไกลหาง*๗๓ กรรมในกาลกอนยังใหถูก
เพลิงเผาพลาญ มีกายใจแหลกเหลว มีทุกขเวทนาทรมานเปนท่ีสุด ในเพลานั้นหากจะสํานึกได ก็ไรประโยชน
เสยี แลว
ประการที่หา บรรดามนุษยในโลกเปนผูเกียจครานพลัดผอน มิยอมกระทําส่ิงกุศลเพื่อใชสังขารนี้บําเพ็ญ
กุศลธรรม เปนผูแข็งขืนด้ือดึงตอคําอบรมของบิดามารดา ประหนึ่งเปนศัตรูคูอาฆาต ฤๅเหมือนวาตนนั้นมิไดมี
บุตรอยู เปน ผูอกตญั ู ฮึกเหิมลําพอง มัวเมาสรุ า มักมากในการดม่ื กิน โงหลง กอวิวาท ไมรจู กั ความเปนมนุษย
ทค่ี วร ไรคณุ ธรรมและกิริยาดีงาม เปนผูอ ันนรชนมอิ าจทดั ทานหา มปรามไวไ ด ญาตทิ ั้งหกจําพวกนั้น*๗๔ แมจ กั
มีหรือไรซึ่งเครื่องยังชีพก็มิรูเอาเปนภาระ ไมระลึกแมพระคุณบิดามารดา มิสํานึกแมความดีของอาจารยและ
มิตรสหาย ความระลึกแหงจิตการกระทําแหงกายและวาจาน้ัน มิเคยมีแมความดีเพียงเล็กนอย มิเล่ือมใสพุทธ
ธรรมคําสอน มิเชื่อถือความดีและความช่ัวของสังสารวัฏ เปนผูใครทํารายคนดี ยุยงหมูสงฆ มีโมหะเปนปญญา
ของตน ไมรูวาชาติคือการเกิดน้ันมาจากที่ใด และมรณะคือความตายจะมุงไปแหงใด ไรความอารีและโอนออน
ปรารถนามอี ายุท่ียืนยาว แมจกั พราํ่ สอนดวยเมตตาจิต กม็ ินอมใจศรัทธา เพยี รตักเตือนดว ยความเหน่อื ยยาก ก็
ไรผล ดวงจิตอัดอั้น ดวงใจมิเปดออก เมื่อเพลาท่ีจวนส้ินอายุขัย จักละอายและตระหนกหวาดกลัว ในการท่ี
ตนเองมิรูจักบําเพ็ญกองกุศล เมื่อมรณภัยมาถึงจึงสํานึกได ก็เม่ือสํานึกไดภายหลังจะเปนประโยชนอันใดเลา
หวางนภาคือเบื้องบนและพสุธาคือเบื้องลาง แบงเปนปญจภูมิ*๗๕ โดยชัดเจน วิปากผลแหงความดีและความ
ช่ัว เคราะหภัยและวาสนาก็สําแดงใหปรากฏอยู อันตนพึงเปนผูไดรับเอง ผูอื่นใดมิอาจแทนได กุศลบุคคลยอม
กระทําความดี เปน ผูมาจากความเกษมโสมนสั แลว ไปสคู วามเกษมโสมนัส จากความสวา งไปสูความสวาง อบาย
บุคคลยอมกระทําความเส่ือมชั่วชา เปนผูมาจากความทุกขโทมนัสแลวไปสูความทุกขโทมนัส จากความมืดไปสู
ความมืด อันผูใดจกั ลว งรูมไิ ด เวนแตพ ระพทุ ธเจา ผูสัพพญั เู ทานนั้
อันอนุศาสนียท่ีกลาวแสดงนั้น ผูเลื่อมใสประพฤตินั้นมีนอย สังสารวัฏคือชาติและมรณะมิไดหยุดส้ิน
อบายภูมิก็มิไดสูญไป มนุษยในโลกยากจักถึงความดับ (จากความทุกขคือกิเลสเคร่ืองเศราหมอง) โดยสมบูรณ
เหตุฉะน้ี อบายภูมิสามจึงมีข้ึน ประกอบดวยทุกขเวทนาประมาณมิได แลวเสวยชาติภพในกัลปที่เหน่ือยยากน้ี
ไรกาลหลุดพน จักลุถึงวิมุตติไดยาก ทุกขทรมานมิอาจพรรณนา ดั่งความเส่ือมหา ความทรมานหา ความเผา
ผลาญหานี้ อปุ มาอคั คกี องใหญท ่เี ผาพลาญหมูสตั ว หากตนเองสามารถแนวแนบ าํ ราบจิตของตน (ในความเสื่อม
หา ความทรมานหา ความเผาผลาญหา) สํารวมกายมีความระลึกอันชอบท่ีตั้งไวถูกตรง มีวาจาและการกระทํา
สอดคลอ งประกอบกจิ ท้งั ปวงดวยความสัตยซ่อื กระทาํ แตความดงี ามทัง้ ปวง มิประพฤตอิ บายจริยา จกั หลดุ พน
ไดเฉพาะตนแลว เสวยกศุ ลน้นั จักบรรลุถึงความมอี ายขุ ัยยืนยาว คอื นิรวาณมรรค*๗๖ เชนนี้แลคอื มหากศุ ลใหญ
78
ท้ังหา ประการ
*๖๘.ดเู ชงิ อรรถท่ี ๔๓ เรื่องความเสอ่ื มทางพระพทุ ธศาสนา
*๖๙.คอื การละเมิด ศลี ๕ อนั เปน ทางไปสูอบาย คอื ความเส่ือม หรือความไมเจรญิ
*๗๐.หรือ 五燒 แปลวาการเผาผลาญทั้ง ๕ ความหมายคือ เปนวิบากของความเสื่อมท้ัง ๕ อรรถาธิบาย
วา เม่ือบุคคลละเมิดศีล ๕ เมื่อมีชีวิตยอมถูกกฎหมายลงโทษ เม่ือตายไปก็ยังตกสูอบายภูมิ อุปมาความทุกข
ทรมานท่รี ุมเราดจุ ไฟเผาพลาญ
*๗๑.ความดี ๕ ประการ หมายถึง ศีล ๕ มี ๑) เวนจากการฆาสัตว ๒)เวนจากการลักทรัพย ๓)เวนจาก
การประพฤตผิ ดิ ในกาม ๔)เวนจากการพดู เท็จ ๕)เวน จากการดื่มน้ําเมาส่งิ เสพติด
*๗๒.อรรถกถาส่ิงอันพึงปรารถนาตามนัยยะของพระสูตรวา คือมิรูจักสถานะของตนเอง มิกระทําสิ่ง
ถูกตอง มิใครจักหลุดพน มิรูจักใฝบุญกุศล สติปญญา และมิรูจักปรารถนาไปอุบัติยังสุขาวตี 不求自立,不務
正業,不求出離,不知求福、求慧、求生淨土。
*๗๓.หมายถึงกรรมชวั่ หรอื กรรมดีนัน้ มาจากตนเองมไิ ดม าจากทอี่ นื่ และติดตามตนเองอยูมิหายไปไหน
*๗๔.มีพอ แม พี่ นอง ภรรยา และบุตร
*๗๕.คติ ๕ มี อบายภูมิ ๓ คือ นรก เปรต เดรัจฉาน และสุคตภิ มู ิ คอื มนุษยภูมิ เทวภมู อิ ีก ๒ รวมเปน ๕
(สงเคราะหอสุรภมู ใิ นเทวภมู ิ) ดงั้ น้นั คติ ๕ กค็ อื ภูมิท้งั ๖
*๗๖.นิรวาณมรรค คือ ความดับ (จากกิเลส) เพราะความไมเกิด (ของกิเลส) อีก เชนนี้จึงเรียกวาความมี
อายุขยั ยืนยาว
重重誨勉第三十六
佛告彌勒:吾語汝等,如是五惡、五痛、五燒,輾轉相生。敢有犯此,當歷惡趣。或其今世
,先被病殃,死生不得,示眾見之。或於壽終,入三惡道。愁痛酷毒,自相燋然。共其怨家,更
相殺傷。從小微起,成大困劇。皆由貪著財色,不肯施惠。各欲自快,無復曲直。痴欲所迫,厚
己爭利。富貴榮華,當時快意。不能忍辱,不務修善。威勢無幾,隨以磨滅。天道施張,自然糺
舉,煢煢忪忪,當入其中。古今有是,痛哉可傷!汝等得佛經語,熟思惟之。各自端守,終身不
怠。尊聖敬善,仁慈博愛。當求度世,拔斷生死眾惡之本。當離三塗,憂怖苦痛之道。若曹作善
,云何第一?當自端心,當自端身。耳目口鼻,皆當自端。身心淨潔,與善相應。勿隨嗜欲,不
犯諸惡。言色當和,身行當專。動作瞻視,安定徐為。作事倉卒,敗悔在後。為之不諦,亡其功
夫。
วรรค ๓๖ คําสอนและความเพียรอันสาํ คญั
พระผูมีพระภาครับส่ังกับพระเมตไตรยะวา “ตถาคตกลาวกับพวกเธอเชนน้ีวา ความเส่ือมทั้งหา ความ
ทรมานทั้งหา ความเผาพลาญทั้งหาเหลาน้ี เกิดรวมเปนวัฏฏะอยู ผูกลาในโทษเชนนี้ ยอมมุงสูอบายภูมิ ในชาติ
ปจจบุ ันนัน้ จักมากดว ยโรคและเคราะหภ ยั ยงั ใหจ ะมรณะมไิ ดหรือจะทรงชีพอยกู ม็ ไิ ด จกั ปรากฏเปน ไปอยูเชนน้ี
ฤๅเมื่อส้ินอายุขัย จักเขา สอู บายภูมทิ ั้งสาม รบั ทุกขทรมานแสนสาหสั ดวยเปน ผูมีรางกายถกู เผาพลาญอยู ศัตรผู ู
พยาบาทจะพุงทําราย จากเล็กนอยจนเปนความทุกขทรมานท่ีสาหัสเผ็ดรอน ลวนมีเหตุแตความละโมบ ยึดม่ัน
ในรูปและสมบัติ มิยอมบริจาคทาน มีความเรงรีบเพ่ือประโยชนตน จนปราศจาก (หรือไมรับรู สิ่งท่ีเรียกวา)
ความคดโกงและซ่ือตรง เพราะมีโมหะและความอยากบีบบังคับ จึงแยงชิงเอามาเพ่ือประโยชนความเจริญและ
ความม่ังคั่งแหงตน เปนผูมีใจเร็วมิอาจอดทนอดกล้ันไวไ ด มิเพียรบําเพ็ญกุศล ยศศักด์ิอํานาจมิชานานจักมลาย
79
ไป ปกติแหงธรรม*๗๗ นั้นแผกวางครอบคลุม ทั้งดําเนินอยูเปนปกติ จักโดดเดี่ยวและหวั่นเกรงภัยเม่ือเขาไปสู
นับแตบุราณสมัยจนถึงปจจุบันก็มีก็เปนอยูเชนนี้ เปนทุกขทรมานอยางยิ่ง พวกเธอทั้งหลายเมื่อไดยลยินวจนะ
แหงพุทธสูตรแลว พึงตรึกตรองใครครวญ สําเหนียกและรักษาไวดวยความไมประมาท จนแมสังขารของตนจัก
แตกสลายไปเถิด พึงเปนผูนอบนอมตออริยบุคคล และเคารพในกุศลดีงาม เปนผูมีเมตตาอารี และมีความรัก
ยิ่งใหญอนุเคราะหแกโ ลก ถอดถอนออกซึ่งท่ีตั้งของบาปอบายแหงสังสารวัฏ ไกลจากอบายภูมิสาม และมรรคา
แหงความโศกเศรา ความหวาดกลัวและทุกขทรมาน หากเธอท้ังหลายจักกระทํากุศล แลวกุศลอันเลิศนั้นเปน
เชนไรเลา คือการต้งั จิตของตนไวตรง ตงั้ กายของตนไวต รง คือหู ตา ปาก จมกู นั้น ลว นพงึ ตัง้ ไว (สาํ รวม) ใหถ กู
ตรง*๗๘ มีกายแลจิตบริสุทธ์ิ ประกอบกุศลดีงาม มิคลอยตามความกระหายของตัณหา มิลวงในส่ิงชั่วทั้งปวง
พึงมีวาจากิริยาออนโยน*๗๙ การกระทําแหงกายก็มุงม่ัน กิริยาสงบน่ิงนุมนวล หากทํากิจท้ังปวงดวยความเรง
รบี แลว ไซร ยอ มเสียประโยชนใ นภายหลงั หากมพิ ิจารณาใหถว นถี่ จักยงั เวลาใหเสยี ซงึ่ ประโยชน
*๗๗.คือ ความเปนธรรมดาของสรรพส่งิ หรือคือกฎแหง กรรม
*๗๘.คือการตามรูกายและจิต ตามสภาวะความเปนจริง มิปรุงแตงใหดีหรือเลว จึงเรียกวาตั้งใจไวถูกตรง
และเปน กลาง
*๗๙.มีวาจาออนโยน คือมีวาจานารัก คือหน่ึงในสังคหวัตถุ ๔ และการมีกิริยาออนโยน คือการมีเมตตา
ตอ ผอู ื่น
如貧得寶第三十七
汝等廣植德本,勿犯道禁。忍辱精進,慈心專一。齋戒清淨,一日一夜,勝在無量壽國為善
百歲。所以者何?彼佛國土,皆積德眾善,無毫髮之惡。於此修善,十日十夜,勝於他方諸佛國
中,為善千歲。所以者何?他方佛國,福德自然,無造惡之地。唯此世間,善少惡多,飲苦食毒
,未嘗寧息。吾哀汝等,苦心誨喻,授與經法。悉持思之,悉奉行之。尊卑、男女、眷屬、朋友
,轉相教語,自相約檢。和順義理,歡樂慈孝。所作如犯,則自悔過。去惡就善,朝聞夕改。奉
持經戒,如貧得寶。改往修來,洒心易行。自然感降,所願輒得。佛所行處,國邑丘聚,靡不蒙
化。天下和順,日月清明。風雨以時,災厲不起。國豐民安,兵戈無用。崇德興仁,務修禮讓。
國無盜賊,無有怨枉。強不凌弱,各得其所。我哀汝等,甚於父母念子。我於此世作佛,以善攻
惡,拔生死之苦。令獲五德,升無為之安。吾般泥洹,經道漸滅。人民諂偽,復為眾惡。五燒五
痛,久後轉劇。汝等轉相教誡,如佛經法,無得犯也。彌勒菩薩,合掌白言:世人惡苦,如是如
是。佛皆慈哀,悉度脫之。受佛重誨,不敢違失。
วรรค ๓๗ ประหน่งึ ยาจกพบแกวรตั นะ
เธอทั้งหลายพึงสั่งสมกุศลมูลใหไพศาล อยาไดละเมิดในศีลาจาร พึงมีขันติอดกล้ันและวิริยะพากเพียร มี
จิตเมตตาแลวตัง้ มั่นอยู อนั ผูสมาทานอุโบสถศีลโดยบริสุทธิ์แมนเพยี งทิวากับราตรหี น่งึ ยอ มประเสริฐไปกวาการ
บําเพ็ญกุศลในอมิตายุสโลกธาตุนบั รอ ยป* ๘๐ ดว ยเหตไุ ฉนนั้นฤๅ เพราะพุทธเกษตรโลกธาตุแหงนนั้ อดุ มไปดวย
กุศลและความดีงามทั้งปวง ปราศจากความชั่วแมนปลายโลมาชาติ หากบําเพ็ญกุศลใน (สหา) โลกธาตุแหงนี้
เปนเพลาสิบทิวาราตรี จึงประเสริฐไปกวาการบําเพ็ญในพุทธเกษตรอื่นๆนับพันป ดวยเหตุไฉนน้ันฤๅ เพราะท่ี
พุทธเกษตรอื่นนั้น มีปกติเปนอยูดวยความดีงาม ปราศจากสถานที่กระทําบาป จักมีแตโลกธาตุแหงนี้เทานั้น ท่ี
กุศลมีนอยแตอกุศลมีมาก (อุปมา) มีทุกขเปนเครื่องดื่ม มีพิษเปนอาหาร จักหยุดล้ิมรสเปนมิได ตถาคตเวทนา
พวกเธอ จงึ สอนสง่ั โดยอุปมาวิธีดว ยความยากลําบาก เพอ่ื ใหน อ มรับพระธรรม ระลกึ จําทรงและรับไปปฏิบัติได
80
ทั้งสิน้ มิวา ผมู ีศักดิส์ ูงฤๅผูต่าํ ตอ ย บุรษุ ฤๅสตรี เครือญาติ มิตรสหาย (ตถาคต) ก็กลา วคําสอนอยเู ชน น้ี ดวยความ
สงั วรระวงั ใหอ รรถะและความหมายสอดคลอ งกนั ยังให (ผูสดบั ) มีความปตโิ สมนัส ดว ยความเมตตาและความ
กตญั ู*๘๑ การใดท่ลี ะเมดิ พลาดผิดแลว ตนพึงสํานึกเสยี ใจ เมอื่ ละอบายเสยี แลวจึงคอื กุศล ยามรุงไดสดับยาม
ค่ํารีบแกไข นอมรับพระธรรมและศีลสมาทาน ปานประหน่ึงยาจกไดพบรัตนะ จงแกไขปรับปรุงอยูเนืองนิตย
เม่อื ชําระดวงจิตแลวจงึ ประพฤติจริยาโดยงาย มปี กติเปนผสู งบแลว จกั บรรลถุ งึ ปณิธานท่ีต้ังไวเปน นิจ สถานทั้ง
ปวงท่ีพระพุทธองคจาริกไป*๘๒ มิวาเปนราชธานี คามนิคมชนบทใดๆ พึงประกาศสั่งสอน (ธรรมน้ันๆ) ยังใต
หลาใหสันติรมเย็น สุริยันและจันทราใสสวาง กระแสลมและสายฝนตองตามกาล ภัยพิบัติรายแรงปราศไป
ประเทศรุงเรืองพสกนิกรเปนสุขโดยมิตองใชศัตราวุธ เทิดทูนคุณธรรมและเสริมสงเมตตา เพียรประพฤติความ
ออนนอมและถอมตน ราชธานีปราศจากโจรภัย ไรพยาบาทและอยุติธรรม มีความเขมแข็งแตมิขมเหงผูออน
กําลัง ซ่ึงจักสําเร็จไดดังน้ันทั้งสิ้น ตถาคตเวทนาพวกเธอย่ิงด่ังบิดามารดาระลึกถึงบุตร ตถาคตกระทําซึ่งความ
เปน พทุ ธะในโลกธาตนุ ้ี เพื่อความดีและแกไ ขความช่ัว ถอดถอนความทุกขข องสังสารวัฏ ใหไดร บั กศุ ลทงั้ หาแลว
ต้ังอยูในอสังขตะ*๘๓ พระนิรวาณของตถาคต และมรรคธรรมจักคอยๆดับสูญลง เวไนยนิกรจักเปนผูมีมายา
และสาเถยยะ*๘๔ จักทําความช่ัวท้ังปวง ความเผาพลาญหาและความทรมานหาในอนาคตจักสาหัสยิ่งขึ้น เธอ
ทัง้ หลายพงึ อบรมสงั่ สอนซ่งึ กันและกัน ตามนยั ยะของพุทธธรรมคมั ภรี อ ยาไดล วงละเมิดเถดิ
เมื่อน้ันพระเมตไตรยโพธิสัตว จึงประนมกรแลวทูลวา “ความทุกขอันรายกาจของมนุษยโลก เปนเชนนี้
แหละๆ พระพทุ ธองคท รงมีพระเมตตา จักอนุเคราะหหมสู ตั วใหหลดุ พน เม่อื รับพระพทุ ธานศุ าสนยี อนั ยิ่งนี้แลว
มกิ ลายงั ใหเ สียหายเลยพระเจา ขา ”*๘๕
*๘๐.ในคัมภีรมหารัตนกูฏ《大寶積經 文殊師利授記會》มัญชุศรีวยากรณวรรค กลาววา “หากมีหมู
สัตวที่บําเพ็ญพรหมจริยา ในสุขาวตีโลกธาตุจํานวนรอยพันโกฏิป ก็ยังมีกุศลมิเสมอผูท่ีอยูในสหาโลกธาตุ แลว
เกดิ จิตเมตตากรุณาตอ สรรพสัตวแ มนขณะเดียว แลวจักประสาใดกับการต้งั อยูในจิตที่บรสิ ทุ ธิต์ ลอดทวิ าราตรี”
พระคัมภีร《思益經》กลาววา “หากธาํ รงศีลบรสิ ทุ ธิใ์ นวศิ ทุ ธิภูมติ ลอดกลั ปห น่ึงน้นั การเจริญเมตตาในส
หาโลกธาตุแหงนี้ประเสริฐย่ิงกวา” และ “ตถาคตทัศนาอภิรติโลกธาตุ (ของพระอโษภยะตถาคต) กับสุขาวตี
โลกธาตุ ท่ีภายในปราศจากความทุกขใดๆ ท้ังไรชื่อของความทุกข หากมิอาจสําเร็จสมบูรณซ่ึงบารมีจึงถือวา
แปลก แตการสามารถอดทนตอส่ิงอันทนไดยากในโลกแหงความทุกขนี้ ท้ังสั่งสอนผูอ่ืนซ่ึงธรรมนี้ดวยแลวไซร
จงึ ถอื เปน กุศลทปี่ ระเสรฐิ ยงิ่ นัก”
พระคัมภีร《善生經》กลาววา “เม่ือสมัยที่พระเมตไตรยะพุทธะอุบัติขึ้นในโลกแลว หากมีผูธํารง
สิกขาบทอยูรอยป ก็มิเทา (การถือศีล) ในสมัยของเรา (พระศากยมุนีพุทธะ) ดวยเหตุไฉนฤๅ เพราะหมูสัตวใน
สมัยของเราสมบูรณดวยความเส่ือม ๕ ประการ (เชิงอรรถท่ี ๔๓) ดังน้ันแล กุลบุตร อุโบสถศีลนี้แหละคือ
อลงั การแหง อนตุ รสมั มาสมั โพธมิ รรค” และยังมขี อ ความในสตู รมหายานหลายสตู รท่กี ลา วทํานองน้ี
*๘๑.ความหมายในประโยคนี้คือ พระพุทธเจาท้ังปวงทรงมีพระเมตตายิ่งใหญ แลมองสรรพสัตวประดุจ
เชนบุตร ทง้ั ทรงมองหมูสัตวว าประดุจบิดามารดาดวย จงึ ทรงมปี ณธิ านจักชวยเหลือใหหมดส้นิ เชน น้ีจึงเรียกวา
มีความกตัญยู ิ่งใหญ
81
*๘๒.อรรถกถาวา มคี วามหมายคือ สถานทพี่ ระธรรมของพระพทุ ธองคแ ผไ ปถึงดวย
*๘๓.อสังขตะ คือ ความไมปรุงแตง ไมขึ้นกับเหตปุ จจัย ไมมีคูเปรียบ เปนทวิภาวะ ไมเกิดทวิบัญญัติ เชน
สขุ ทกุ ข ดชี ่ัว ขาวดาํ ถูกผดิ หญิงชาย ฯลฯ อีกความหมายหน่งึ คอื พระนพิ พาน
*๘๔.มายา คือความเปนคนเจาเลห สาเถยยะ คือความเปน คนโออวด
*๘๕.ความหมายคือ พระเมตไตรยพุทธเจา ในอนาคต กจ็ ักทรงแสดงซง่ึ เร่ืองราวของพระอมิตายุสพุทธเจา
และสขุ าวตีโลกธาตแุ กหมสู ตั วในพุทธสมัยของพระองคด วย
禮佛現光第三十八
佛告阿難:若曹欲見無量清淨平等覺,及諸菩薩、阿羅漢等所居國土,應起西向,當日沒處
,恭敬頂禮,稱念南無阿彌陀佛。阿難即從座起,面西合掌,頂禮白言:我今願見極樂世界阿彌
陀佛,供養奉事,種諸善根。頂禮之間,忽見阿彌陀佛,容顏廣大,色相端嚴。如黃金山,高出
一切諸世界上。又聞十方世界,諸佛如來,稱揚讚歎阿彌陀佛種種功德,無礙無斷。阿難白言:
彼佛淨剎得未曾有,我亦願樂生於彼土。世尊告言:其中生者,已曾親近無量諸佛,植眾德本。
汝欲生彼,應當一心歸依瞻仰。作是語時,阿彌陀佛即於掌中放無量光,普照一切諸佛世界。時
諸佛國,皆悉明現,如處一尋。以阿彌陀佛殊勝光明,極清淨故,於此世界所有黑山、雪山、金
剛、鐵圍大小諸山,江河叢林,天人宮殿,一切境界,無不照見。譬如日出,明照世間。乃至泥
犁、谿谷,幽冥之處,悉大開闢,皆同一色。猶如劫水彌滿世界,其中萬物,沉沒不現,滉瀁浩
汗,唯見大水。彼佛光明,亦復如是。聲聞、菩薩一切光明,悉皆隱蔽,唯見佛光,明耀顯赫。
此會四眾、天龍八部、人非人等,皆見極樂世界,種種莊嚴。阿彌陀佛,於彼高座,威德巍巍,
相好光明,聲聞、菩薩,圍繞恭敬。譬如須彌山王,出於海面。明現照耀,清淨平正。無有雜穢
,及異形類。唯是眾寶莊嚴,聖賢共住。阿難及諸菩薩眾等,皆大歡喜,踊躍作禮,以頭著地,
稱念南無阿彌陀三藐三佛陀。諸天人民,以至蜎飛蠕動,覩斯光者,所有疾苦,莫不休止,一切
憂惱,莫不解脫。悉皆慈心作善,歡喜快樂。鐘磬、琴瑟、箜篌樂器,不鼓自然皆作五音。諸佛
國中,諸天人民,各持花香,來於虛空,散作供養。爾時極樂世界,過於西方百千俱胝那由他國
,以佛威力,如對目前,如淨天眼,觀一尋地。彼見此土,亦復如是。悉覩娑婆世界,釋迦如來
,及比丘眾,圍繞說法。
วรรค ๓๘ อภิวาทพระพุทธองคบ ังเกิดรศั มี
พระผูมีพระภาครับส่ังตอพระอานนทวา “หากเธอทั้งหลาย ปรารถนาจักทัศนาพระอมิตายุสอรหันต
สัมมาสัมพุทธะ พรอมท้ังหมูโพธิสัตวและอรหันตท้ังปวงท่ีอยูในโลกธาตุแหงน้ัน พึงบายหนายังภาคประจิมทิศ
เมื่อยามอาทิตยจะอัสดงลับไป โดยกระทํานมัสการดวยเศียรเกลา แลวสรรเสริญวา นโม อมิตาภยะ พุทธายะ”
ครั้งน้ัน พระอานนทเถรเจาไดลุกจากอาสนะ บายหนาไปยังประจิมทิศ ยอกรข้ึนวันทนาและกระทํานมัสการ
ดวยเศียรเกลา พลางกลาววา “ขาพเจาปรารถนาจักทัศนาพระอมิตายุสพุทธะแหงสุขาวตีโลกธาตุ เพ่ือถวาย
สกั การะและส่ังสมกุศลมลู ” ในระหวา งทก่ี ระทําศริ าภวิ าทนั้นแล จึงไดย ลพระพักตรอันกวางใหญไ พศาล พระวร
ลักษณที่วิจิตราลังการของพระอมิตายุสพุทธะในทันที อันอุปมาดวยสุวรรณคิริมาศ มีความสูงออกไปกวา
โลกธาตทุ งั้ ปวง ทงั้ ยังไดสดับบรรดาพระพุทธตถาคตในทศิ ท้ังสบิ สดุดสี รรเสรญิ กุศลนานัปการแหงพระอมติ ายุส
พุทธะ อันไมติดขดั และตอ เนือ่ งกนั ไปไมขาดสาย พระอานนทท ลู วา “อันพุทธเกษตรทบี่ ริสทุ ธ์ิแหงนน้ั ยังมเิ คยมี
แตท่ีใดมากอน ขาพระองคก็ปรารถนายินดี จักไปอุบัติยังโลกธาตุแหงนั้น” พระโลกนาถตรัสวา “อันผูท่ีอุบัติใน
โลกธาตแุ หง น้ัน ลวนเคยอยใู กลช ดิ และปลูกฝงกุศลมูลในพระพุทธเจา จํานวนประมาณพระองคม ไิ ดม าแลว เม่ือ
เธอปรารถนาอุบัติยังโลกธาตุแหงนั้น พึงสํารวมจิตเปนหนึ่ง แลวนอมไปดวยศรัทธา”*๘๖ ก็แลเม่ือสมัยที่ตรัส
พระพุทธฎีกานี้อยู พระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ไดเปลงรัศมีประภาสจํานวนประมาณมิได ออกมาจาก
82
ฝาพระหัตถ ฉายตองยังพุทธเกษตรโลกธาตุทั้งปวง คร้ังนั้นบรรดาพุทธประเทศทั้งปวงก็สวางไสว ประดุจ
สถานท่ีแหงนี้ ท่ีมีรัศมีอันประเสริฐและบริสุทธิ์ยิ่งของพระอมิตายุสพุทธะสวางไสวอยู เปนเหตุใหกาฬบรรพต
หิมาลัยบรรพต วัชรบรรพต และภูเขาเหล็กใหญนอยทั้งปวงท่ีวนรอบจักรวาล สายน้ํากระแสสินธุ วนาสณฑปา
ชัฏ ปราสาทแหงทพิยชน รวมทั้งดินแดนสถานทั้งปวง ไมมีแหงใดเลยท่ีจะแผฉายไปมิถึง ครุวนาอาทิตย
อรุโณทยั ฉายแสงสวางไสวรุงเรืองไปจนถงึ นิรยสถาน ลําธารถ้ําและยมโลก ตางถูกเปดออก (ดวยความสวา ง) ให
เปนวรรณะเดียวกัน อุปมาอุทกกัลปที่มีน้ําเต็มเปยมอยูในโลกธาตุ บรรดาสรรพสิ่งในน้ันลวนจมหายมิปรากฏ
เปนหวงมหรรณพท่ีคัมภีรภาพและไพศาล จักยลเห็นแตเพียงชลชาติเทาน้ัน อันรัศมีประภาสแหงพระพุทธเจา
พระองคน้ัน ก็เปนดุจฉะน้ี รัศมีท้ังหลายของพระสาวก พระโพธิสัตวลวนถูกบดบังไวจนส้ิน จักยลเห็นแตพระ
พทุ ธรศั มีเทานั้น อนั สวางไสวรุงเรืองโอภาสเปนที่สุด บริษัทส่ีในสมาคมแหงนี้ รวมถงึ หมเู ทพ นาค คติแปด*๘๗
มนุษยและอมนุษยท้ังปวง ตางไดทอดทัศนาสุขาวตีโลกธาตุ อันประกอบไปดวยอลังการนานาประการ แลเห็น
พระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ประทับบนบัลลังกอาสนที่ใหญโต มีพระเดชานุภาพและพระคุณธรรม
ย่ิงใหญโอฬาร พระวรลักษณอุดมดวยความประเสริฐรุงเรือง หมูพระสาวก พระโพธิสัตว อยูลอมรอบท้ังหนา
หลังดวยความเคารพ อุปมาสุเมรุราชคิรี ท่ีผุดขึ้นแตผืนมหาสาคร ปรากฏเปนแสงสวางฉายฉานไปท่ัว อันมี
ความวศิ ทุ ธแ ละเสมอกัน ไรสง่ิ แปลกปลอมเจอื ปนและไรรูปลักษณท่ีผิดแผกออกไป จกั มีก็แตมวลหมรู ัตนชาติท่ี
ไพจิตราลังการ ที่บรรดาอริยชนประทับอยูเทานั้น พระอานนทเถระเจาพรอมดวยพระโพธิสัตวทั้งปวง ตางเกดิ
มหาโสมนัสเปนอุเพงคาปติ*๘๘ แลวนอมกายลงถวายอภิวาท โดยนําศิรเศียรจรดผืนแผนดิน แลวพากัน
สรรเสริญวา “นโม อมิตาภยะ สัมมาสัมพุทธายะ”*๘๙ บรรดาเทพนิกรไปจนถึงสัตวเดรัจฉานท่ีมีกระดอง สัตว
ปก สตั วเลือ้ ยคลานทีไ่ ดย ลรศั มนี แี้ ลว บรรดาโรคาทกุ ขจักมิระงับส้นิ ไปก็หามิได สงิ่ หมองเศรา ทง้ั ปวงนั้นไซร จัก
มไิ ดห ลดุ พน ก็เหน็ บมี ผูไ ดท ศั นาท้งั ส้ินลวนเกิดเมตตาจติ กระทํากุศล โสมนสั ยินดี เสียงแหง ระฆังกงั สดาล วีณา
เคร่ืองสายและเครื่องสังคีตดุริยางคท้ังปวง มิไดดีดสีตามประเภทของตนโดยปกติ แตบรรเลงเปนสําเนียงหา
ประการ ภายในพุทธประเทศโลกธาตุท้ังปวง อันมีหมูเทพนิกรก็ถือเอาบุปผาและสุคันธชาติ ดําเนินมาแตนภา
กาศแลวเกลี่ยลงถวายสักการะ ในสมัยคร้ังนั้น สุขาวตีโลกธาตุ อันนับแต (สหา) โลกธาตุแหงน้ีไปภาคเบื้อง
ประจมิ ทศิ ผา นโลกธาตุตา งๆไปรอ ยพนั โกฏินยุตะ*๙๐ แตด ว ยอาศัยพระพุทธานภุ าพยงั ใหเสมอื นหน่งึ ปรากฏยัง
เบ้ืองหนา ประดุจบุคคลผูมีทิพยจักษุบริสุทธิ์ เพงหาดินแดนแหงหนึ่ง แลสุขาวตีชนแหงนั้น ก็ไดทัศนาดินแดน
แหงน้ี ลว นไดยลเหน็ สหาโลกธาตุ พระศากยมุนตี ถาคต และหมูภิกษทุ ล่ี อมรอบอยู เพือ่ สดับการแสดงพระธรรม
เทศนา
*๘๖.ประโยคนีม้ ีความหมายวา ผูป รารถนาไดพ บพระอมติ ายสุ พุทธะ และไปอบุ ตั ทิ ี่สขุ าวตโี ลกธาตุ ตองมี
จิตแนวแน และมศี รัทธาเปนพื้นฐานทท่ีสาํ คัญย่งิ
*๘๗.อัษฐคติ หรือ คติ ๘ หรือ คณะ ๘ มี ๑.เทพ ๒.นาค ๓.ยักษ ๔.คนธรรพ ๕.อสูร ๖.ครุฑ ๗.กินนร
๘.มโหราคะ
*๘๘.ความอม่ิ ใจ,ความดมื่ ด่ําในใจ มี ๕ คือ ๑.ขุททกาปต ิ ปต ิเลก็ นอยพอขนชันน้าํ ตาไหล ๒.ขณิกาปติ ปติ
ช่ัวขณะรูสึกแปลบๆ ดุจฟาแลบ ๓. โอกกันติกาปติ ปติเปนระลอกรูสึกซูลงมาๆ ดุจคล่ืนซัดฝง ๔.อุพเพคาปติ
83
ปติโลดลอย ใหใจฟูตัวเบา หรืออุทานออกมา ๕.ผรณาปติ ปติซาบซาน เอิบอาบไปทั่วสรรพางค เปนของ
ประกอบกบั สมาธิ
*๘๙.แปลวา ขอนอบนอมแดพ ระอมิตาภะ ผตู รัสรเู องโดยชอบ
*๙๐.นยุตะ คือ สังขยาจํานวน ๑ หมื่น บางก็วา นยุตะ,นิยุตะ,นหุตะ (บาลี) คือสังขยาจํานวนหน่ึงแสน
หรือหน่ึงโกฏิ เปนหลักนับคือ หน่ึงรอยโกฏิเปนหน่ึงอยุตะ,รอยอยุตะเปนหน่ึงนิยุตะ สวนนยุตะเทากับเลขหน่ึง
ตอทายดวยศูนยยี่สิบสองตัว พจนานุกรมบาลีอังกฤษ ของสมาคมบาลีปกรณกลาววา นหุตะ หมายถึงสังขยา
จํานวนมาก,หน่ึงหม่ืน แตพจนานุกรมสันสกฤต-อังกฤษ ของเซอรมอเนียวิลเล่ียมและปราชญคนอื่นๆ วาไดแก
หนึ่งโกฏิ
慈氏述見第三十九
爾時佛告阿難,及慈氏菩薩:汝見極樂世界,宮殿樓閣,泉池林樹,具足微妙清淨莊嚴不?
汝見欲界諸天,上至色究竟天,雨諸香華,徧佛剎不?阿難對曰:唯然已見。汝聞阿彌陀佛大音
宣佈一切世界,化眾生不?阿難對曰:唯然已聞。佛言:汝見彼國淨行之眾,遊處虛空,宮殿隨
身,無所障礙,遍至十方供養諸佛不?及見彼等念佛相續不?復有眾鳥住虛空界,出種種音,皆
是化作,汝悉見不?慈氏白言:如佛所說,一一皆見。佛告彌勒:彼國人民有胎生者,汝復見不
?彌勒白言:世尊,我見極樂世界人住胎者,如夜摩天,處於宮殿。又見眾生,於蓮華內結跏趺
坐,自然化生。何因緣故,彼國人民,有胎生者,有化生者?
วรรค ๓๙ พระเมตไตรยะพรรณนาสิ่งที่ไดย ล
ในกาลคร้ังนั้น พระผูมีพระภาครับสั่งกับพระอานนท และพระเมตไตรยโพธิสัตววา “พวกเธอไดทัศนา
ปราสาททิพยมณเฑียร หอทัศนาและวิหาร สระโบกขรณีแลพฤกษชาติพนาวัน ท่ีบริบูรณประณีต วิศุทธิและ
อลังการแหงสุขาวตโี ลกธาตุหรือไม เธอไดทัศนาหมเู ทพในกามวจรธาตุ ตลอดขึ้นไปจนถึงรูปวจรทิพยภูมิ วาจัก
เกลี่ยสุคันธชาตมิ าลีวัลย ถวนทั่วพุทธเกษตรแหง น้ันหรือไม พระอานนททูลวา “ไดแลเห็นอยูพระเจาขา” “เธอ
ไดสดับยลยินพระสุรเสียง แหงพระอมิตายุสพุทธะ อันกองไปในโลกธาตุท้ังปวง เพ่ือสั่งสอนสรรพสัตวหรือไม”
พระอานนททูลวา “ไดยินอยูพระเจาขา” ตรัสวา “เธอไดเห็นบรรดาอริยชน ผูมีปฏิปทาบริสุทธิ์ในโลกธาตุแหง
นน้ั ทองเที่ยวไปในอากาศ โดยมปี ราสาททิพยมณเฑยี รลอยตามกายนั้นไป โดยปราศจากส่งิ กีดกั้น ตลอดทศทิศ
เพ่ือสักการะพระพุทธเจาทั้งปวงหรือไม และไดแลเห็นอริยชนที่นั้น เจริญพุทธานุสสติอยางสืบเนื่องอยูโดย
ตลอดหรือไม อีกยังมีหมูสกุณาตางๆที่ในอากาศธาตุ สงเสียงรองนานาประการอันลวนแตเปนอนุศาสนียกถา
เธอไดเห็นอยูหรอื ไม” พระเมตไตรยะทูลวา “เปนด่ังพระสุคตเจาตรัสแลว แตละส่ิงนั้นลวนไดเหน็ แลว พระเจา
ขา” รับสั่งกับพระเมตไตรยะวา “แลวเวไนยนิกรในโลกธาตุแหงนั้น ที่ถือกําเนิดโดยครรภ เธอไดเห็นหรือไม”
พระเมตไตรยะทูลวา “ขาแตพระโลกนาถ ขาพระองคเห็นมนุษยในสุขาวตีโลกธาตุยืนใหกําเนิด*๙๑ ดุจมหา
มายาเทวบุตรที่ประทับในทิพยปราสาท ท้ังยังเห็นมีเวไนยนิกร (บางเหลา) นั่งคูสมาธิบัลลังกอยูในดอกบัว ถือ
กําเนิดโดยอุปปาติกวิธี ดวยเหตุปจจัยเชนไรเลาหนอ ท่ีเวไนยนิกรในโลกธาตุแหงนั้น บางก็ถือกําเนิดโดยครรภ
บา งก็ถือกาํ เนิดโดยอปุ ปาตกิ ะ พระเจา ขา”
*๙๑. อรรถกถา กลาววา ผูไปกําเนิดท่ีสุขาวตีโลกธาตุลวนเกิดโดยอุปปาติกวิธี คือเกิดแบบผุดข้ึนและ
เตบิ โตเปน วญิ ชู นทนั ที การกลา ววายังมกี ารเกดิ แบบมหามายาเทวบตุ ร (คอื พระนางสริ ิมหามายา พทุ ธมารดา
เม่ือทาํ กาละแลว ไดไ ปเกดิ ยงั ทิพยภมู ิ จงึ เปลีย่ นสังขารเปนเทวบุตร) เปน การอุปมาวาบุคคลทไี่ ปกาํ เนดิ ยงั สุขาว
84
ตี บางเปนผูยังมีกิเลส และมีกรรมติดตามไปกําเนิดท่ีสุขาวตีดวย จึงตองบําเพ็ญตนในทิพยปทุมเปนเวลานาน
แทนการใชกรรมอยางทรมาน จึงอุปมาการบําเพ็ญตนในดอกบัว ด่ังการเกิดโดยครรภ เพราะสัตวท่ีเกิดโดย
ครรภนั้น ตองอยูในที่มืดและแคบเปนตน แตก็ยังเปนการเกิดแบบพิเศษกวามนุษยทั่วไป คือการเกิดจากสีขาง
ของมารดา ไมเปอนนํ้าสุกกะของบิดาและน้ําเมือกนํ้าคร้ําของมารดาเปนตน ตอเมื่อตนไดมีกิเลสเบาบางเปน
พระอริยบุคคลแลว นํากรรมไปเกิดนอยหรือไมมีเลย จึงไดกําเนิดในทิพยปทุมมาลย พระอมิตาภพุทธะจะทรง
แผพุทธรศั มี ยงั บัวน้ันใหบานออกในทนั ที แลวไดส ดบั พระเทศนา จนตนเองไดบ รรลถุ ึงวมิ ตุ ติธรรม
邊地疑城第四十
佛告慈氏:若有眾生,以疑惑心修諸功德,願生彼國。不了佛智、不思議智、不可稱智、大
乘廣智、無等無倫最上勝智,於此諸智,疑惑不信。猶信罪福,修習善本,願生其國。復有眾生
,積集善根,希求佛智、普遍智、無等智、威德廣大不思議智。於自善根,不能生信。故於往生
清淨佛國,意志猶豫,無所專據。然猶續念不絕。結其善願為本,續得往生。是諸人等,以此因
緣,雖生彼國,不能前至無量壽所。道止佛國界邊,七寶城中。佛不使爾,身行所作,心自趣向
。亦有寶池蓮華,自然受身。飲食快樂,如忉利天。於其城中,不能得出。所居舍宅在地,不能
隨意高大。於五百歲,常不見佛,不聞經法,不見菩薩聲聞聖眾。其人智慧不明,知經復少。心
不開解,意不歡樂。是故於彼謂之胎生。若有眾生,明信佛智,乃至勝智,斷除疑惑,信己善根
,作諸功德,至心迴向。皆於七寶華中,自然化生,跏趺而坐。須臾之頃,身相光明,智慧功德
,如諸菩薩,具足成就。彌勒當知,彼化生者,智慧勝故。其胎生者,五百歲中,不見三寶,不
知菩薩法式,不得修習功德,無因奉事無量壽佛。當知此人,宿世之時,無有智慧,疑惑所致。
วรรค ๔๐ วิจกิ ิจฉานคร แหงพวกเมลัจฉะ*๙๒
พระผูมีพระภาครับสั่งวา “หากมีสรรพสัตวเกิดจิตวิจิกิจฉา สงสัยเคลือบแคลงอยู แลวบําเพ็ญสรรพกุศล
เพื่อตั้งใจไปกําเนิดยังโลกธาตุแหงน้ัน โดยเปนผูมิเขาใจปญญาของพระพุทธะ มิเขาใจปญญาที่หย่ังวัดคาดเดา
มิได มิเขาใจปญญาท่ีมิอาจสรรเสริญใหสมบูรณครบถวนไดโดยงาย มิเขาใจปญญาของมหาพุทธยานท่ี
กวา งขวาง และยังมิเขา ใจวิชยปญญาท่หี าปญ ญาอ่ืนมาเคียงเสมอ และหาคาํ กลาวที่เหมาะสมมิได ท้งั ยังเคลือบ
แคลงมเิ ช่อื ถอื ในปญ ญาเหลานี้ ดจุ การเช่อื ถือบาปและบุญ แลว จึงบาํ เพ็ญกศุ ลมูลตั้งใจไปอุบัติที่โลกธาตุแหงน้ัน
อีกยังมีสรรพสัตวที่ส่ังสมกุศลมูล เพื่อปรารถนาพุทธปญญาท่ีรูแจง ปรารถนาสมันตปญญาท่ีรูรอบ ปรารถนาอ
สมปญญาที่มิอาจเทียมเสมอ และปรารถนามหาอจินไตยปญญา ท่ีย่ิงดวยเดชและคุณอันคิดหยั่งเอามิได แต
กุศลมูลของตนน้ัน มิสามารถยังศรัทธาใหเกิดมีข้ึน เหตุน้ี เมื่อไปอุบัติยังวิศุทธิพุทธเกษตรแลว ดวงจิตปานวา
เสวยสุขารมณแตก็หามูลเหตุมิได ท้ังยังประหนึ่งวาเจริญพุทธานุสสติอยูตลอด เพราะตนไดปลูกฝงปณิธานที่ดี
งามไวเปนมูลฐาน เพ่ืออุบัติ (ยังสุขาวตี) บุคคลเหลานี้ เพราะอาศัยเหตุปจจัยประการนี้ ที่แมนจักไดอุบัติยัง
โลกธาตุแหงน้นั แลว แตม อิ าจเฝา พระอมิตายสุ พทุ ธะยงั ที่ประทบั จักยบั ย้ังอยทู ีข่ อบพทุ ธเกษตรที่แลวดว ยรัตนะ
เจ็ดประการ*๙๓ ซ่ึงพระพุทธะนั้นเลาก็มิไดเปนผูกําหนดปรุงแตงกายและจิตท่ีเปนไปเอง*๙๔ อันการมีปกติท่ี
ถือกําเนิดยังปทุมมาลยในรัตนโบกขรณี โภชนาหารเคร่ืองด่ืมและสุขเวทนาที่ประณีตเพียงดุสิตาเทวโลก ก็มีอยู
ในโลกธาตุแหง นน้ั แตม สิ ามารถออกมาได* ๙๕ เคหาสถานท้ังปวงทต่ี ้ังอยูบนผนื พสุธา ก็มิอาจขยายใหญโตตาม
มโนรถ เปนเพลาหารอยปที่มิไดพบพระพุทธะ มิไดส ดับธรรม มิไดพบโพธิสัตว สาวก อริยชน ยังเปนผูมีปญญา
ญาณมิแจมแจง เขาใจพระธรรมนอยนิด ดวงใจยังมิเปดออก ดวงจิตมิเกษมยินดี ดวยเหตุนี้จึงกําเนิดโดยครรภ
แตห ากมีสรรพสตั วผเู ลื่อมใส แจมแจง ในพทุ ธปญ ญาจนถึงวิชยปญ ญา ปหานวจิ กิ ิจฉากิเลสจนสนิ้ ศรัทธาในกุศล
85
มูลของตนกระทํากุศลท้ังปวง มีจิตตั้งมั่นอันอุทิศไปแลวไซร ยอมจักอุบัติโดยอุปปาติกวิธี น่ังคูสมาธิบังลังกอยู
ในสัปตรัตนปทุมชาติทง้ั ส้ิน ในขณะเดียวรปู กายนน้ั จะรงุ เรืองสวางไสว พรอมดวยปญ ญาญาณและบุญญาธิการ
สําเร็จสมบูรณด่ังโพธิสัตวทั้งปวง เมตไตรยะเธอพึงทราบเถิดวา ผูอุปปาติกะอุบัติขึ้นเองนั้น เพราะเหตุที่มี
ปญญาญาณประเสริฐยอดเย่ียม สวนผูอุบัติขึ้นโดยครรภนั้น ในเพลาหารอยปยอมมิไดพานพบพระรัตนตรัย มิ
รูจักโพธิสัตวธรรม มิอาจประพฤตอิ บรมในกศุ ล ไรเหตุท่ีจักไดสนองกจิ ของพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธะ
พงึ ทราบเถิดวาผูนั้น เมอ่ื บุพชาติกาลกอ นเปน ผูไรป ญญาญาณ มีวจิ กิ จิ ฉากิเลสเปน เคร่ืองยงั ใหเปนไป
*๙๒.เมลจฺฉ คนปา คนเถ่ือน คนอยูตามชายแดน ผูนับถือลัทธิอื่นนอกพุทธศาสนา หรือหมายถึงปจจันต
ประเทศ (หนึ่งใน อขณะ ๘ คือ ดนิ แดนท่ีผูไปเกิดยากท่ีจะไดพบพระพุทธเจา หรือไดฟงธรรมของพระองค มี
๑.สัตวนรก ๒.สัตวดิรัจฉาน ๓.เปรต ๔.เทวดาที่มีอายุยืน ๕.คนท่ีเกิดในปจจันตประเทศ ๖.คนพิการ ๗.พวก
มิจฉาทฏิ ฐิ ๘.สมัยวา งจากพระพทุ ธเจา )
*๙๓.อรรถกถาวา ผูมีภาวนาพุทธนามเปนเหตุปจจัยใหไปกําเนิดที่สุขาวตี ยอมไปถึงเพียงขอบของพุทธ
เกษตรทที่มีวิหารปราสาทประกอบดวยรัตนะ ๗ ประการ ฯลฯ และเสวยสุขดั่งเชนเทวภูมิช้ันดุสิตา เปนผูมิ
เส่ือมถอยในมรรคผลที่มีอยู แตดวยเหตุของความเคลือบแคลง (วิจิกิจฉากิเลส) จึงยังใหระงับยุติอยูท่ีขอบพุทธ
เกษตรเทานั้น มิสามารถออกจากรัตนนครน้ันได (คือการออกไปโปรดสัตวยังโลกธาตุอ่ืนๆท่ีมีความทุกข) เปน
เวลา ๕๐๐ ปท่ีมิไดสัมผัสพระรตั นตรัย ซึ่งท้ังหมดนี้ลวนเพราะจิตปรุงแตง ขึ้น และมีกําลังของกรรมแหงตนเปน
เครื่องนาํ พา
*๙๔.กลาวคือ การยับย้ังอยูที่เพียงขอบพุทธเกษตร หรือออกไปยังโลกอ่ืนๆ มิใชเปนเพราะพระพุทธ
บันดาล แตเ ปน เพราะวิบากและบารมีของผูน้นั เอง ทที่ าํ ใหเ ปน ไป
*๙๕.ผดู ํารงสถานะเปนมนุษยในสขุ าวตีโลกธาตุ จกั อาศัยอยูบนพื้นดนิ เทานัน้ มสิ ามารถเหาะข้ึนสูอากาศ
ไมสามารถเดินทางดวยฤทธิ์ ออกไปยังโลกธาตุอ่ืนๆ เพื่อบําเพ็ญบารมี แตถึงกระน้ันก็ยังเปนผูมิเส่ือมถอย
ยอนกลับสูเบอ้ื งต่ําอีก และมีธรรมชาติท่ีอุบตั โิ ดยดอกบัวเชนกัน เชน เดียวกับมนุษยโ ลกแหงนี้ท่ีมธี รรมชาติอุบัติ
โดยครรภ
惑盡見佛第四十一
譬如轉輪聖王,有七寶獄,王子得罪,禁閉其中。層樓綺殿,寶帳金床。欄窗榻座,妙飾奇
珍。飲食衣服,如轉輪王。而以金鏁繫其兩足。諸小王子,甯樂此不?慈氏白言:不也世尊。彼
幽縶時,心不自在,但以種種方便,欲求出離。求諸近臣,終不從心。輪王歡喜,方得解脫。佛
告彌勒:此諸眾生,亦復如是。若有墮於疑悔,希求佛智,至廣大智。於自善根,不能生信。由
聞佛名起信心故,雖生彼國,於蓮華中不得出現。彼處華胎,猶如園苑宮殿之想。何以故?彼中
清淨,無諸穢惡。然於五百歲中,不見三寶,不得供養奉事諸佛,遠離一切殊勝善根。以此為苦
,不生欣樂。若此眾生識其罪本,深自悔責,求離彼處。往昔世中,過失盡已,然後乃出。即得
往詣無量壽所,聽聞經法。久久亦當開解歡喜,亦得徧供無數無量諸佛,修諸功德。汝阿逸多,
當知疑惑於諸菩薩為大損害,為失大利,是故應當明信諸佛無上智慧。慈氏白言:云何此界一類
眾生,雖亦修善,而不求生?佛告慈氏:此等眾生,智慧微淺。分別西方,不及天界,是以非樂
,不求生彼。慈氏白言:此等眾生,虛妄分別。不求佛剎,何免輪迴。佛言:彼等所種善根,不
能離相,不求佛慧,深著世樂,人間福報。雖復修福,求人天果,得報之時,一切豐足,而未能
出三界獄中。假使父母、妻子、男女眷屬,欲相救免,邪見業王,未能捨離,常處輪迴,而不自
在。汝見愚痴之人,不種善根,但以世智聰辯,增益邪心。云何出離生死大難。復有眾生,雖種
善根,作大福田。取相分別,情執深重。求出輪迴,終不能得。若以無相智慧,植眾德本。身心
86
清淨,遠離分別。求生淨剎,趣佛菩提。當生佛剎,永得解脫。
วรรค ๔๑ สิน้ อาสวะจงึ พบพระพุทธองค
อุปมาพระเจาจักรพรรดิราช มีพันธนาคารประกอบดวยรัตนะเจ็ดประการ ราชบุตรเมื่อลุแกโทษ จึงถูก
จองจําในน้ัน ที่ซ่ึงประกอบดวยปราสาทอันงดงามตระการตา มีรัตนวิสูตร แทนบรรทมทองคํา ชองบัญชรและ
พระอาสนท ีป่ ระดบั ตบแตง วิจิตรพสิ ดาร เครื่องราชูปโภค กระยาหาร ภษู าทรง ก็ประหนึง่ พระเจา จักรพรรดิ ทั้ง
ยงั มีตรวนทองคําลา มไวท่ีเทา ทง้ั สอง บรรดายวุ ราชกุมารทั้งหลายจักเปนสขุ อยูห รือไม
พระเมตไตรยะทูลวา “หามิไดพ ระโลกนาถเจา ก็เมือ่ เพลาทถ่ี ูกจองจํานน้ั ดวงจิตมเิ ปน อสิ ระ จงึ ใชอ ปุ ายะ
นานาประการ เพื่อใหหลดุ ออกไป ไดขอใหบ รรดาอาํ มาตยค นสนทิ ชว ยเหลอื แตท ส่ี ุดยอมมิสมดั่งใจ ตอเมอ่ื พระ
เจาจักรพรรดิทรงพอพระทัยแลว จึงจักหลุดพนได” มีพุทธดํารัสกับพระเมตไตรยะวา “บรรดาสรรพสัตวก็เปน
เชนน้ี หากตกสูหวงวิจิกิจฉา ความเคลือบแคลง และกุกกุจจะ ความเศราใจ แลวปรารถนาพุทธปญญาจนถึง
มหาอจินไตยปญญา แตกุศลมูลของตนมิอาจยังใหเกิดศรัทธา เหตุเพราะไดสดับพระพุทธนามแลว จึงเกิดจิต
ศรัทธา แมนจักไปอุบัติยังโลกธาตุแหงน้ัน แตมิสามารถออกจากปทุมชาติน้ันได อันปทุมครรภนั้น มีสัญญา
ลักษณะอยูเชนหนึ่งคือ มีอุทยานปราสาทมณเฑียรปรากฏอยูภายใน เหตุไฉนนั้นฤๅ เพราะในที่น้ันบริสุทธ์ิ
สะอาด ปราศจากความชว่ั สกปรกทั้งปวง ยงั ใหหารอ ยปมิไดพบพระรตั นตรยั *๙๖ มอิ าจถวายสักการะ สนองกิจ
ของพระพทุ ธเจาทงั้ ปวง ยงั หา งไกลจากกุศลมูลท่ปี ระเสริฐทั้งปวง เชน นจี้ งึ เรียกวาเปนทุกข มินายินด*ี ๙๗ หาก
หมูสัตวเหลานี้ไดระลึกในมูลบาป*๙๘ แลวสํานึกเสียใจอยางสุดซึ้งแลวไซร จึงเกิดความปรารถนาจักออกจาก
สถานแหงน้ัน เมื่อบาปโทษในบุพชาติสิ้นแลว ภายหลังจึงออกมาได แลวไปเฝาพระอมิตายุสอรหันตสัมมา
สัมพุทธะยังที่ประทับ เพ่ือสดับพระธรรมเทศนา ผานไปหลายเพลาจึงจักรูแจงและเปนสุข (เพราะหมดกิเลส)
สามารถถวายสักการะพระพทุ ธเจาจํานวนอสงไขยและอมิตะพระองค*๙๙ เพื่อบําเพญ็ กุศลทั้งปวง”
อชิตะ*๑๐๐ เธอพึงทราบเถิดวา วิจิกิจฉากิเลส คือเภทภัยอันใหญหลวงของบรรดาโพธิสัตว ยังใหวิบัติใน
มหาหิตประโยชน ดวยเหตุน้ี พึงแจงในศรัทธาที่มีตออนุตรปญ ญาญาณของพระพทุ ธเจาท้ังปวง พระเมตไตรยะ
ทูลวา “แลวเวไนยสัตวใน (สหา )โลกธาตุแหงนี้ประเภทใดเลาหนอ ที่แมนจักบําเพ็ญกุศล แตมิไดไปอุบัติ (ที่
สุขาวตีโลกธาตุ)” ตรัสวา “หมูสัตวท่ีมีปญญาญาณตื้นเขิน แยกแยะประจิมทิศวามิเสมือนทิพยโลก หาใชสุขา
รมณียสถานไม จึงมิปรารถนาไปอุบัติยังที่น้ัน” ทูลวา “หมูสัตวประเภทน้ี ไดแยกแยะดวยความไมจริง เม่ือมิ
ปรารถนาพุทธเกษตรแลว จักเวน เสียจากสังสารวฏั ไดกระไร” ตรัสวา “หมูสตั วเ หลา น้ีไดป ลูกฝงกศุ ลมลู ไว แตม ิ
อาจอุเบกขาในบุญนั้น*๑๐๑ ไมปรารถนาพุทธปญญา หลงจมอยูในโลกียสุขและบุญวาสนาของโลก แมนจัก
บําเพ็ญกุศล ก็เปนไปเพ่ือปรารถนาลาภผลของมนุษยและเทวดา เม่ือวิปากผลสนองคือมีทุกส่ิงพรอมมูล แต
กระนั้น ก็ยังหลุดพนจากเครื่องจองจําของตรีภูมิมิได แมวาบิดามารดา ภริยาแลบุตร เครือญาติหญิงชาย ตาง
ปรารถนาจักอนุเคราะหกันใหพนราชาแหงกรรม คือมิจฉาทัศนะ*๑๐๒ เม่ือสละท้ิง (ซึ่งความเห็นผิด) มิได จึง
ตองวายเวียนในสังสารวัฏอยูเปนนิจ เปนผูไรอิสรภาพ เธอพึงพิจารณาโมหบุรุษน้ี ผูมิปลูกฝงกุศลมูล*๑๐๓ ท่ี
ฉลาดหลักแหลมในปญญาอยางโลก แตจิตใจชั่วรายเปนทวีคูณ เชนนี้แลวจักพนภัยพิบัติ ท่ีรายแรงของ
สังสารวัฏไดอยางไร ยังมีหมูสัตวที่แมนไดปลูกฝงกุศลมูล และกระทํามหาบุญเกษตรเอาไว แตกลับติดยึด
แบง แยก*๑๐๔ มีความยดึ ม่ันหนกั หนา เมื่อปรารถนาพนจากสังสารวัฏ แตท ีส่ ุดมิอาจบรรลุถึง หากอาศัยอนิมิต
87
ปญญา*๑๐๕ ในการปลูกฝงกุศลมูลทั้งปวง มีกายและจิตบริสุทธิ์ ไกลจากความแบงแยก แลวปรารถนาไปอบุ ตั ิ
ทีว่ ิศทุ ธิเกษตร ยินดชี นื่ ชมในพระพทุ ธโพธิ กย็ อ มไดอ บุ ตั ิยงั พทุ ธเกษตร และบรรลถุ งึ พระวิมตุ ติเปนนิจกาล”
*๙๖.กลาวคือ พระรัตนตรัยจักเกิดมีขึ้นเนื่องจาก หมูสัตวมีอินทรียที่พอจักเขาใจธรรมได เชน พุทธสมัย
ของพระศากยมุนีพุทธเจา มนุษยมีอายุโดยประมาณ ๑๐๐ ป เม่ือพระองคเทศนาเรื่องทุกขของชาติและมรณะ
หมูสัตวจึงมองเห็นสภาวธรรมน้ันโดยงาย แตหมูสัตวในสุขาวตีที่เกิดโดยครรภ เปนผูพกพาวิบากกรรมจาก
โลกธาตุอ่ืนๆ แลวไปเกิดยังสุขาวตี ยังมีปญญานอย มิอาจเห็นสภาวธรรมได เปนเวลา ๕๐๐ ป จึงไดแตสํานึก
ความผิดของตน โดยปฏิบตั ิสมาธิในดอกบัวของตนเปน เวลายาวนาน แทนการไปรับทุกขในอบายภมู ิตางๆ และ
อุปมาวาผูที่พกพากรรมไปเกิดเสมือน ราชบุตร ถูกคุมขังในปราสาทท่ีวิจิตรงดงาม อันหมายถึงสภาวจิตท่ียังไม
หลุดพน น่ันเอง
*๙๗.แมการไดไปเกิดในสุขาวตี แตขาดปญญาที่ผานการอบรมมาดีแลว ยังถือวาไกลจากกุศลท่ีประเสริฐ
อยู การมไิ ดพ บพระรตั นตรัย ฯลฯ จงึ ถือเปนทุกขแ ละไมน า ยินดี
*๙๘.ความหมายคือ ความสงสยั ,อวชิ ชา อันเปนฐานของอกุศลทงั้ ปวง
*๙๙.อสงไขย คือ นับไมไดถวน มีจํานวนมาก จนนับไมไดทั้งหมด และอมิตะ คือ ประมาณมิได เพราะมี
จาํ นวนมากเกนิ ประมาณ
*๑๐๐.อชิตะ คือ นามหนึ่งของพระศรอี าริยเมตไตรยมหาโพธิสัตว
*๑๐๑.ผูติดบญุ คอื ทําบุญกศุ ล เพื่อปรารถนาเปน เทพ พรหมเทา น้นั มใิ ชทําบญุ เพอ่ื ลดละกเิ ลส ความโลภ
เพ่ือใหกิเลสส้ินไป แตพอใจเพียงกามสุขท่ีประณีตกวาของมนุษย เปนผูไมมีปญญา เพราะบุญน้ันยังใหเกิดใน
สุคติภมู ิ (ยงั ตองมาเกดิ อกี เพราะยังมีตัณหาอวิชชา) แตปญ ญายังใหเ กดิ ในพทุ ธเกษตร จนถงึ พระนริ วาณในทสี่ ุด
*๑๐๒.หรือ มิจฉาทิฏฐิ คือความเห็นผิด จากความเปนจริง ที่กลาววาเปนราชาแหงกรรม เพราะมี
ความเห็นผดิ จึงยึดม่นั ถอื มนั่ ในตัวตน ยงั ใหเ กิดทกุ ขสืบเน่ืองไมส้นิ สดุ
*๑๐๓.การปลูกฝงกุศลมูล ในความหมายน้ีคือ เพ่ือลดละกิเลส แลวหวังใจสูความดับทุกข หรือ
ความหมายคือการเจริญพุทธานุสสติ ภาวนาพุทธนาม (เปนเหตุ) การไปเกิดท่ีสุขาวตีและตรัสรูโพธิญาณ (เปน
ผล) แตการปลูกฝงกุศลแบบชาวโลกที่เรียกวา โมหบุรุษ หรือ ผูโงเขลาน้ัน คือการทํากุศลเพ่ือหวังวาสนาแบบ
โลกๆ ยงั ใหเ วียนวายในสงั สารวัฏไมจบส้นิ
*๑๐๔.หมายถึงการแบงแยกเราเขา ฐานะ ปญญา ลัทธินิกาย เปนตน เปนเพราะขาดปญญาหย่ังเห็น
อนัตตาของสรรพสิ่ง และขาดเมตตากรุณา ไมเห็นวาสัตวทั้งหลาย ลวนมีทุกขจากการเกิดตาย เสมือนกับเรา
ท้งั ส้ิน
*๑๐๕.อนมิ ิตปญญา คือปญ ญาทีห่ านิมิตใดๆมิได ปญ ญาทไี่ มยดึ ในเครือ่ งหมายสัญลกั ษณใ ดๆ
菩薩往生第四十二
彌勒菩薩白佛言:今此娑婆世界,及諸佛剎,不退菩薩當生極樂國者,其數幾何?佛告彌勒
:於此世界,有七百二十億菩薩,已曾供養無數諸佛,植眾德本,當生彼國。諸小行菩薩,修習
功德,當往生者,不可稱計。不但我剎諸菩薩等,往生彼國,他方佛土,亦復如是。從遠照佛剎
,有十八俱胝那由他菩薩摩訶薩,生彼國土。東北方寶藏佛剎,有九十億不退菩薩,當生彼國。
從無量音佛剎、光明佛剎、龍天佛剎、勝力佛剎、師子佛剎、離塵佛剎、德首佛剎、仁王佛剎、
華幢佛剎,不退菩薩當往生者,或數十百億,或數百千億,乃至萬億。其第十二佛名無上華,彼
88
有無數諸菩薩眾,皆不退轉。智慧勇猛,已曾供養無量諸佛,具大精進,發趣一乘。於七日中,
即能攝取百千億劫,大士所修堅固之法。斯等菩薩,皆當往生。其第十三佛名曰無畏,彼有七百
九十億大菩薩眾,諸小菩薩及比丘等,不可稱計,皆當往生。十方世界諸佛名號,及菩薩眾當往
生者,但說其名,窮劫不盡。
วรรค ๔๒ การไปอุบตั ิของพระโพธิสตั ว
พระเมตไตรยโพธิสัตวทูลวา “ในสหาโลกธาตุและพุทธเกษตรท้ังปวงนัน้ จักมีโพธิสัตวผมู ิเส่ือมถอย ไดไป
อุบัติยังสุขาวตีโลกธาตุจาํ นวนเทาไรหนอ พระเจาขา” มีพุทธดํารัสตอพระเมตไตรยะวา “(สหา) โลกธาตุแหง นี้
มีโพธิสัตวจํานวนเจ็ดรอยย่ีสิบโกฏิ ที่เคยถวายสักการะพระพุทธเจาจํานวนอสงไขยพระองคมาแลว ไดส่ังสม
กุศลมูลท้ังปวงแลว และจักไดไปอุบัติยังโลกธาตุแหงนั้น เหลาโพธิสัตวท่ีดําเนินจุลจริยา*๑๐๖ อบรมกุศลอยูที่
จักไดไปอุบัติ ก็มีจํานวนอยูนับมิถวน มิเพียงแตเหลาโพธิสัตวในโลกธาตุของเรา ท่ีจักไปอุบัติยังสุขาวตีโลกธาตุ
เทานัน้ ทจ่ี ะไปอบุ ัติยงั พทุ ธเกษตรในทิศาอืน่ ๆ ก็(นับไมถ วน) เชนกัน จากเกษตรแหง พระฑฆี าประภาสพทุ ธะน้ัน
มีโพธิสัตวมหาสัตวจํานวนสิบแปดโกฏินยุตะ ท่ีจะไปอุบัติยัง (สุขาวตี) โลกธาตุแหงนั้น เกษตรแหงพระรัต
นครรภพุทธะเบื้องอีสาน มีโพธิสัตวผูมิเส่ือมถอยเกาสิบโกฏิ ที่จะไปอุบัติยังโลกธาตุน้ัน จากเกษตรแหงพระ
อนันตสวรพุทธะ เกษตรแหงพระรัศมีประภาสพุทธะ เกษตรแหงพระนาคเทวพุทธะ เกษตรแหงพระวิชยพล
พุทธะ เกษตรแหงพระสิงหพุทธะ เกษตรแหงพระนิรธุลีพุทธะ เกษตรแหงพระคุณกฏู พุทธะ เกษตรแหงพระมา
นุเษนทรพทุ ธะ เกษตรแหงพระปทุมธวัชพุทธะ กม็ ีโพธสิ ตั วผูมิเส่ือมถอยท่ีจะไปถืออุบัติ นับไดพนั โกฏบิ า ง แสน
โกฏิบาง จนถงึ หมื่นโกฏกิ ็มี”
“แมพระพุทธเจาองคที่สิบสองนามวา อนุตรศรี ก็มีหมูโพธิสัตวจํานวนอสงไขย ผูมิเส่ือมถอย*๑๐๗ มี
ปญญาญาณและอาจหาญแกลวกลา เคยถวายสักการะพระพุทธเจาจํานวนประมาณมิไดมาแลวท้ังสิ้น ลวน
สมบูรณในมหาวีริยะ มุงม่ันในเอกยาน สามารถผนวกธรรมที่บําเพ็ญไว จํานวนรอยพันโกฏิกัลปในเจ็ดวาร ซ่ึง
โพธิสัตวเหลาน้ีก็จักไปอุบัติทั้งสิ้น แมพระพุทธเจาองคที่สิบสามนามวา อภยันทะ ก็มีมหาโพธิสัตวจํานวนเจ็ด
รอยเกาสิบโกฏิ บรรดาจุลโพธิสัตวและภิกษุอันคํานวณซ่ึงประมาณมิไดที่จักไดไปอุบัติ อันพระนามของ
พระพทุ ธเจา ในทิศทั้งสิบและหมโู พธสิ ตั วท จี่ ักไปถอื อบุ ตั นิ นั้ แมนจกั กลาวเพียงช่อื จนสน้ิ กลั ปก ม็ ิหมดสิน้ ไดเลย
*๑๐๖.จุลจริยา คือการบําเพ็ญอยางคอยเปนคอยไป หรืออนิตยโพธิสัตว คือโพธิสัตวที่ยังไมเที่ยงแทตอ
พุทธภูมิ อาจเปลี่ยนไปสูสาวกภูมิ หรือปจเจกภูมิได และมหาจริยา คือบําเพ็ญบารมีอยางยิ่งยวด หรือนิตย
โพธิสัตว คือโพธิสตั วที่เปน ผเู ทย่ี งแท จะไดตรสั รูเปนพระพุทธเจาแนนอน
*๑๐๗.โพธิสัตวผูมิเสื่อมถอยท่ีจะไปอุบัติยังสุขาวตีนั้น อรรถาธิบายชื่อ ตาหลุน《大論》ถามวา โพธิ
สัตวธรรมวา ควรโปรดสรรพสัตว แตเหตุใดโพธิสัตวจึงประทับท่ีสุขาวตีจํานวนมาก ตอบวาโพธิสัตวมี ๒
ลักษณะ คือ ๑.ผูมีเมตตากรุณาตอสรรพสัตวมาก ๒.ผูประกอบดวยพุทธกุศลคุณมาก โพธิสัตวผูประกอบดวย
พุทธกุศลนี้ ยอมสถิตยังสุขาวตีโลกธาตุ แตโพธิสัตวท่ีมีเมตตากรุณามาก จักสถิตยังสถานที่ไรพุทธธรรม และ
คัมภีรหลุนจู《論註》วาโพธิสัตวผูบําเพ็ญบารมีตั้งแตปฐมภูมิที่ ๑ ถึงสัปตภูมิที่ ๗ จักนิรมาณกายจํานวน
มหาศาลไมมีประมาณ แลวไปยังโลกธาตุตางๆไมมีประมาณ เพื่อกระทําพุทธกิจ ทั้งหมดน้ีจําตองเขาสมาธิ จึง
จะกระทํากจิ นี้ได ดวยเหตทุ ี่ตองยังเจรญิ สมาธิในการทําพุทธกจิ อยู จึงไดช ่ือวา ยงั มิถงึ วิศุทธจิ ติ บรรดาโพธิสัตว
จึงปรารถนาไปอุบัติที่สขุ าวตี เพื่อพบพระอมิตาภะพุทธะ อนั คุรนุ าครชุน (โพธสิ ตั ว) และพระวสพุ นั ธุ (โพธสิ ัตว)
89
กต็ ้งั จติ ไปสุขาวตีดวย กลาวอีกวาโพธสิ ตั วท ด่ี าํ รงสัปตภูมทิ ี่ ๗ เปนตน ไปยอมบรรลุมหาปรนิ ริ วาณ กลา วคือเบอ้ื ง
สูงมิตองวอนขอใหพระพุทธเจาท้ังปวงชวยเหลืออีก เบ้ืองลางก็มิพบสรรพสัตวใดตองอนุเคราะห ยังใหอุเบกขา
ในพุทธมรรค ขณะน้ันหากมิไดพระพุทธเจาทั้งทศทิศประทานการคุมครอง จักบรรลุถึงนิพพานในทันที หาก
โพธิสัตวอาศัยท่ีสุขาวตี และไดพบพระอมิตาภพุทธะแลว ยอมจักไรซ่ึงความลําบากในการขามสภาวะนิพพาน
กอน บรรลพุ ุทธภูมิได
非是小乘第四十三
佛告慈氏:汝觀彼諸菩薩摩訶薩,善獲利益。若有善男子、善女人,得聞阿彌陀佛名號,能
生一念喜愛之心,歸依瞻禮,如說修行。當知此人為得大利。當獲如上所說功德。心無下劣,亦
不貢高。成就善根,悉皆增上。當知此人非是小乘,於我法中,得名第一弟子。是故告汝天人世
間阿修羅等,應當愛樂修習,生希有心。於此經中,生導師想。欲令無量眾生,速疾安住得不退
轉,及欲見彼廣大莊嚴、攝受殊勝佛剎,圓滿功德者,當起精進,聽此法門。為求法故,不生退
屈諂偽之心。設入大火,不應疑悔。何以故?彼無量億諸菩薩等,皆悉求此微妙法門,尊重聽聞
,不生違背。多有菩薩,欲聞此經而不能得,是故汝等應求此法。
วรรค ๔๓ มิใชยานทคี่ บั แคบ
รับสั่งกับพระเมตไตรยะวา “เธอพิจารณาโพธิสัตวมหาสัตวเหลานั้น ท่ีไดเสวยหิตประโยชนอันดีเลิศเถิด
หากมีกุลบุตรกุลธิดา ที่ไดสดับนามแหง พระอมิตายุสสัมมาสัมพุทธะ แลวสามารถเกิดจิตโสมนัสยินดีเพียง
ขณะหนงึ่ นอ มพระองคเ ปนสรณะและถวายอภวิ ันท ตามจรยิ าปฏิบตั ิที่กลาวแลวนั้น พึงทราบเถดิ บุคคลนี้ยอม
ลุแกประโยชนม หาศาล ไดร ับกศุ ลานิสงคด ั่งท่พี รรณนาแลว ในเบ้ืองตน ดวงจิตปราศจากความตาํ่ ตอ ยและความ
สูงสง มีกุศลมูลที่วัฒนายิ่งขึน้ พึงทราบไดวาบุคคลน้ีหาใชผูมอี ัธยาศัยในยานที่คับแคบ*๑๐๘ (ผูน้ี) ในธรรมของ
ตถาคตจักช่ือวาเอกอัครสาวก*๑๐๙ เพราะเหตุนี้ จึงกลาวแกเธอ เทวดา มนุษย และอสูรท้ังปวงวา พึงอบรม
และบําเพ็ญอยูดวยโสมนัสยินดี บังเกิดจิตอันหาไดยาก อาศัยธรรมกถาน้ีเปนอาจารยช้ีนํา หากปรารถนายัง
สรรพสัตวอันไมมีประมาณ ใหดํารงในสถานะท่ีมิเส่ือยถอยโดยเร็ว ปรารถนาไดยลอลังการย่ิงใหญของโลกธาตุ
แหงน้ัน และไดรับความวิเศษของพุทธเกษตร มีกุศลบารมีบริบูรณแลวไซร พึงมีวิริยะพากเพียร สดับธรรม
ทวาร*๑๑๐ นี้ เหตุที่ปรารถนาธรรมนี้ ยังใหมิเส่ือมถอยสูมายาจิตและสาเถยยจิต แมจักเขาสูมหาอัคคี ก็จักมิ
พึงสงสัยและเสียดาย ดวยเหตุไฉนน้ันฤๅ เพราะบรรดาโพธิสัตวท่ีประมาณจํานวนโกฏิมิไดเหลานั้น ก็ลวนแต
ปรารถนาคัมภีรธรรมน้ี มีความเคารพในการสดับธรรมและมิลวงละเมิด ยังมีโพธิสัตวจํานวนมากนักแล ที่
ปรารถนาจกั สดับธรรมกถาน้ี แตมไิ ดส ดบั เหตนุ ้เี ธอท้งั หลายพึงต้งั ความปรารถนาในธรรมน้ีเถิด
*๑๐๘.คัมภีรอมติ าภาธิบาย《彌陀要解》กลาววา ท่ีกลาววามิใชอัธยาศัยหีนยานิกชนนนั้ หมายถึงมหา
ปณธิ านสาคร แหง พระอมติ ายุสพทุ ธะน้นั เปนเอกยาน ดุจรถทีเ่ ทียมดวยโคอุสุภราช ไรซ ่งึ สาวกยาน ปจ เจกยาน
และโพธิสัตวยาน เพราะยานท้ังสามยังเปนยานเล็ก ตอเม่ือไดรวมยานทั้งสามแลวจงึ เรียกวา เอกยาน มหายาน
หรอื พทุ ธยาน
*๑๐๙.ความหมายคอื พระวจนะนี้ บคุ คลในโลกลวนแตหยงั่ ใจเช่อื ไดย าก ผทู ่ีศรทั ธาจึงไดช่ือวา เปนสาวก
อันดับหน่ึง
*๑๑๐.ธรรมทวาร แปลวา ประตูแหงธรรม หรือประตูนําไปถึงธรรม บางคร้ังแปลวา ธรรมมุข ธรรมขันธ
ธรรมวถิ ี ก็ได ในกรณีนี้หมายถึงมหาสขุ าวตีสตู ร
90
受菩提記第四十四
若於來世,乃至正法滅時,當有眾生,植諸善本,已曾供養無量諸佛。由彼如來加威力故,
能得如是廣大法門。攝取受持,當獲廣大一切智智。於彼法中,廣大勝解,獲大歡喜。廣為他說
,常樂修行。諸善男子,及善女人,能於是法,若已求、現求、當求者,皆獲善利。汝等應當安
住無疑,種諸善本,應常修習,使無疑滯,不入一切種類珍寶成就牢獄。阿逸多,如是等類大威
德者,能生佛法廣大異門。由於此法不聽聞故,有一億菩薩,退轉阿耨多羅三藐三菩提。若有眾
生,於此經典,書寫、供養、受持、讀誦,於須臾頃為他演說,勸令聽聞,不生憂惱,乃至晝夜
思惟彼剎,及佛功德,於無上道,終不退轉。彼人臨終,假使三千大千世界滿中大火,亦能超過
,生彼國土。是人已曾值過去佛,受菩提記。一切如來,同所稱讚。是故應當專心信受、持誦、
說行。
วรรค ๔๔ ลัทธยาเทสพุทธพยากรณ
“หากอนาคตภาคเบื้องหนา จนถึงสมัยที่พระสัทธรรมเส่ือมสิ้น จักมีสรรพสัตวท่ีไดปลูกฝงกุศลมูลเอาไว
ไดถวายสักการะพระพุทธเจาประมาณพระองคมิไดมาแลว ดวยพุทธานุภาพของพระตถาคตเจาเหลาน้ัน เปน
เหตุใหไดรับไวปุลยธรรมทวารประการเชนน้ี*๑๑๑ จักไดธํารงและนอมปฏิบัติ ไดบรรลุสัพพัญุตปญญาอัน
ไพศาล เพราะอาศยั ในธรรมน้นั จึงนอ มใจไปตาม*๑๑๒ อยางยิ่ง ใหไดร บั สขุ โสมนสั มหาศาล จักประกาศแกคน
ท้ังปวง และดําเนินจริยาดวยความสุขอยูเปนนิจ กุลบุตรและกุลธิดาท้ังหลายท่ีปรารถนาแลว ท่ีปรารถนาอยู
และกําลังต้ังความปรารถนา ยอมไดรับประโยชนดีงามท้ังส้ิน เธอทั้งหลายพึงต้ังอยูดวยความมิสงสัยเคลือบ
แคลง ปลูกฝงกุศลมูลท้ังปวง แลอบรมปฏิบัติอยูเปนนิจศีล ยังความไมสงสัยเปนเคร่ืองชะลอใหมิหลงเขาสู
ทรพั ยส มบัตทิ ง้ั ปวงที่เปน คอกคมุ ขัง”
“ดูกอนอชติ ะ บรรดา (โพธสิ ัตว) ผยู ่งิ ดวยเดชและคุณเหลานี้ จกั เกดิ มีพทุ ธธรรมไวปลุ ยทวารประการอ่ืนๆ
เพราะมิไดสดับธรรมอันน้ี ยังใหมีโพธิสัตวจาํ นวนหนึ่งโกฏิ เสื่อมถอยจากพระอนุตรสัมมาสัมโพธิ หากมีหมูสัตว
ทจี่ ารึก ขดี เขยี น บูชา จดจาํ ธาํ รงรกั ษา และสาธยายซ่งึ พระธรรมสูตรน้ี แมก ารไดป ระกาศแกผ ูอนื่ ชว่ั ขณะเดียว
แลว ยงั ใหผ ทู ่ีไดส ดบั ฟง มคี วามโศกาดูรท่ีระงับและไมก ําเริบขึ้นอีก จนถงึ ยงั ใหผนู ั้นเฝาตามระลกึ แตพ ุทธเกษตร
แหงนน้ั และพระพุทธคุณตลอดราตรแี ลวไซร (บุคคลท่ปี ระกาศธรรม) จกั มเิ สื่อมถอยจากพระอนตุ รสัมมามรรค
แมท่ีสุดบุคคลน้ันเมื่อถึงกาละ สมมติวาในตรีสหัสมหาสหัสโลกานุโลก จะลุกไหมดวยมหาเพลิง ก็จักขามพนไป
ได แลวไปอุบัติยัง (สุขาวตี) โลกธาตุแหงนั้น บุคคลน้ีเปนผูเคยพบพระพุทธเจาในอดีต และไดรับลัทธยาเทส
พุทธพยากรณมาแลว พระตถาคตทั้งปวงจักรวมกันสรรเสริญสดุดี ดวยเหตุน้ีพึงตั้งใจ ศรัทธานอมรับ ธํารง
สาธยาย กลาวสงั่ สอนและประพฤติจรยิ าเถดิ ”
*๑๑๑.ความหมายคือ ธรรมทวารท่ีกลาวแสดง ขยายความอยางกวางขวาง อุปมาประตูแหงธรรมที่เปด
กวาง
*๑๑๒.อธิโมกษ แปลวา ความนอมใจไปตาม
獨留此經第四十五
吾今為諸眾生說此經法,令見無量壽佛,及其國土一切所有。所當為者,皆可求之。無得以
我滅度之後,復生疑惑。當來之世經道滅盡,我以慈悲哀愍,特留此經止住百歲。其有眾生,值
斯經者,隨意所願,皆可得度。如來興世,難值難見。諸佛經道,難得難聞。遇善知識,聞法能
行,此亦為難。若聞斯經,信樂受持,難中之難,無過此難。若有眾生得聞佛聲,慈心清淨,踊
躍歡喜,衣毛為起,或淚出者,皆由前世曾作佛道,故非凡人。若聞佛號,心中狐疑,於佛經語
,都無所信,皆從惡道中來。宿殃未盡,未當度脫。故心狐疑,不信向耳。
91
วรรค ๔๕ มีเพยี งพระธรรมสูตรนีเ้ ทา นัน้
ตถาคตแสดงธรรมกถาน้ี เพื่อยังใหสรรพสัตวท้ังหลาย ไดพบพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธะ และ
สรรพสิ่งบรรดามขี องโลกธาตแุ หงนั้น อันพึงปรารถนาไดท้ังสิ้น เมื่อตถาคตเขาสูอนุปาทิเสสนิพพาน*๑๑๓ แลว
ในภายหลัง จักเกิดส่ิงเศราหมอง คือความเคลือบแคลงข้ึนอีก ยังมรรคธรรมในโลกอนาคตใหสูญส้ิน ตถาคต
อาศัยเมตตากรุณาเปน วิหารธรรม ยังพระธรรมนี้คงอยสู ืบไปอีกหน่งึ รอยป*๑๑๔ สรรพสัตวเหลาน้ัน เมื่อไดพบ
พระธรรมน้ีแลว จักมีมโนปณิธานสมดั่งหมาย อันการไดพบพระตถาคตอุบัติข้ึนในโลกเปนการยาก การไดสดับ
พระพุทธธรรมคาํ สอนเปน การยาก การไดพ บกัลยาณมติ รเพอื่ ฟงธรรมปฏบิ ตั ิ ขอนก้ี ็เปนการยาก หากจกั ไดส ดับ
ยลยินซ่ึงพระธรรมนี้แลว เกิดศรัทธารับไปยึดถือปฏิบัติ ยอมถือเปนการยากกวาการยากลําบากทั้งปวง ไรสิ่งท่ี
ยากไปกวาการนี้ หากมีสรรพสัตวที่ไดสดับยินเสียงของพระพุทธะ แลวมีจิตเมตตาท่ีบริสุทธิ์ เกิดอุเพงคาปติ
โสมนัสยินดี จนเปลงอุทานบาง*๑๑๕ จนชลเนตรหลั่งไหลบาง ลวนเปนเพราะเมื่อบุพชาติกาลกอนเคยได
ดําเนินพุทธมรรคมาแลว ดวยเหตุนี้ (บุคคลน้ี) จึงหาใชบุถุชนสามัญไม หากไดยินพุทธนามแลวมีจิตภายในท่ี
กงั ขาเคลือบแคลงในธรรมโอวาทของพระพุทธเจา โดยมอิ าจนอ มใจศรัทธาโดยประการทั้งปวงแลว ไซร จึงเปนผู
ท่ีมาแตอบายมรรคทั้งส้ิน เปนผูมีบุพกรรมยังมิสิ้น มิอาจอนุเคราะหได เหตุน้ีจิตจึงเกิดวิมัติกังขา มิศรัทธา
และเงีย่ โสตสดบั ฟง
*๑๑๓.นิพพาน ๒ คือ สภาพที่ดับกิเลสและกองทุกขแลว,ภาวะทที่เปนสุขสูงสุด เพราะไรกิเลสไรทุกข
เปนอิสรภาพสมบูรณ มี ๒ ประเภท คือ ๑.สอุปาทิเสสนิพพาน คือดับกิเลสแลวแตยังมีเบญจขันธอยู (กิเลส
นิพพาน) เปนนิพพานของพระอรหันต ผูยังเสวยอารมณที่นาชอบใจ และไมนาชอบใจทางอินทรีย ๕ รับรูสุข
ทกุ ขอยู และ ๒.อนุปาทิเสสนิพพาน คือดบั กเิ ลสแลว และไมมีเบญจขันธเหลือ (ขนั ธปรินิพพาน) สิน้ อายุขัย เปน
นพิ พานของพระอรหันต ผรู ะงับการเสวยอารมณทั้งปวงแลว
*๑๑๔.ความหมายคือ เม่ือพระสัทธรรมส้ินแลว จักเหลือเพียงธรรมกถาน้ีท่ียังประโยชนในโลกตอไปอีก
๑๐๐ ป
勤修堅持第四十六
佛告彌勒:諸佛如來無上之法,十力無畏,無礙無著,甚深之法,及波羅密等菩薩之法,非
易可遇。能說法人,亦難開示。堅固深信,時亦難遭。我今如理宣說如是廣大微妙法門,一切諸
佛之所稱讚。付囑汝等,作大守護,為諸有情長夜利益,莫令眾生淪墮五趣,備受危苦。應勤修
行,隨順我教。當孝於佛,常念師恩。當令是法久住不滅。當堅持之,無得毀失。無得為妄,增
減經法。常念不絕,則得道捷。我法如是,作如是說。如來所行,亦應隨行。種修福善,求生淨
剎。
วรรค ๔๖ เพียรบําเพญ็ ธาํ รงธรรม
รับส่ังกับพระเมตไตรยะวา “สัมมาธรรมอันเปนอนุตตระของพระพุทธตถาคตทั้งปวง มีทศพละ*๑๑๖ เว
สารสั ชะ*๑๑๗ อันมขิ อ งขัดและมิถูกขอ งเกีย่ ว เปนสัทธรรมทคี่ ัมภีรภาพย่ิง พรอมดว ยปารมิตาธรรมท้ังปวงของ
โพธิสัตว อันการจักไดประสบน้ันมิงาย และบุคคลผูสามารถกลาวธรรม ก็จักประกาศธรรมไดโดยยาก ผูท่ีมี
ศรัทธาคงมั่น ก็หาไดยากย่ิงในสมัยนั้น ตถาคตจึงแสดงอรรถะแหงไวปุลยคัมภีรธรรมอยูเชนนี้ อันพระพุทธเจา
ทั้งปวงสรรเสริญสดุดีแลว (ตถาคต) ขอมอบใหเธอทั้งหลายดูแลรักษาเปนมหาธรรมปาละ เพ่ือยังประโยชนแก
สรรพสัตวในราตรีท่ียาวนาน*๑๑๘ ใหมิตองตกสูคติทั้งหา*๑๑๙ รับทุกขเวทนา พึงพากเพียรบําเพ็ญจริยา
92
อนุโลมตามอนุศาสนของตถาคต มีความกตัญูในพระพุทธเจา ระลึกพระคุณผูเปนอาจารยอยูนิจศีล จักยังให
พระธรรมกถาน้ี ธํารงอยูยาวนานมิสิ้นไป พึงรักษาไวคงมั่นอยาใหวิบัติเสียหาย ไมมุสาลวงหลอกและเพิ่มลด
พระสูตรธรรม พึงทําความระลึกถึงอยูเปนนิจมิใหเลือนหาย เชนนี้แลวยอมจักลุถึงมรรคธรรมได ธรรมของ
ตถาคตเปนอยูเชนน้ี จึงกลาวอยูเชนนี้ จึงกระทําอยูเชนน้ี พึงดําเนินจริยาตาม ปลูกฝงกุศลบําเพ็ญความดี เพื่อ
ปรารถนาอบุ ัติยงั วศิ ทุ ธเิ กษตรนัน้ เถดิ
*๑๑๕.ดเู ชงิ อรรถท่ี ๘๘ เร่ืองความอิม่ ใจ ๔
*๑๑๖.กําลังของพระพุทธเจา ๑๐ ประการ มี ๑.ฐานาฐานญาณพละ ปรีชากําหนดรูฐานะและมิใชฐานะ
๒.กรรมวิปากญาณพละ ปรีชากําหนดรูผลแหงกรรม ๓.นานาธิมุตติญารพละ ปรีชากําหนดรูอัธยาศัยตางๆของ
สัตวทั้งหลาย ๔)นานาธาตุญาณพละ ปรีชากําหนดรูธาตุตางๆ ๕.อินทริยปโรปริยัตตญาณพละ ปรีชากําหนดรู
ความหยอนและยิ่งแหงอินทรีย ๕ ของสรรพสัตว ๖.สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณพละ ปรีชากําหนดรูทางไปสู
ภมู ทิ ง้ั ปวงของสรรพสัตว ๗.ฌานาทิสังกเิ ลสาญาณพละ ปรชี ากําหนดรอู าการมีความเศราหมองแหง ธรรมมีฌาน
เปนตน ๘.ปุพเพนิวาสานุสสติญาณพละ ปรีชากําหนดรูระลึกชาติหนหลังได ๙.จุตูปปาตญาณพละ ปรีชา
กาํ หนดรูก ารจตุ ิและการเกดิ ของสรรพสัตว ๑๐.อาสวักขยญาณพละ ปรชี ากําหนดรใู นการทาํ อาสวะใหสนิ้ ไป
*๑๑๗.คือพระปรีชาญาณอันทําใหพระพุทธเจาทรงมีความแกลวกลาไมคร่ันคราม ดวยไมทรงเห็นวาจะมี
ใครทวงพระองคไดโดยชอบธรรมในฐานะท้ัง ๔ มี ๑.ประกาศความเปนพระสัมมาสัมพุทธะ ๒.ประกาศธรรมที่
ทาํ ใหส้ินอาสวะ ๓.ประกาศธรรมทเ่ี ปนอนั ตราย ๔.ประกาศธรรมทเ่ี ปนประโยชนในการหลดุ พนจากทุกข
*๑๑๘.ดูเชิงอรรถท่ี ๒๑
*๑๑๙.ดเู ชิงอรรถที่ ๕๘ เร่ืองคตทิ ัง้ ๕
福慧始聞第四十七
爾時世尊而說頌曰: 已曾供養諸如來 則能歡喜信此事
若不往昔修福慧 於此正法不能聞
惡驕懈怠及邪見 難信如來微妙法 譬如盲人恆處闇 不能開導於他路
唯曾於佛植眾善 救世之行方能修 聞已受持及書寫 讀誦讚演并供養
如是一心求淨方 決定往生極樂國 假使大火滿三千 乘佛威德悉能超
如來深廣智慧海 唯佛與佛乃能知 聲聞億劫思佛智 盡其神力莫能測
如來功德佛自知 唯有世尊能開示 人身難得佛難值 信慧聞法難中難
若諸有情當作佛 行超普賢登彼岸 是故博聞諸智士 應信我教如實言
受持廣度生死流 佛說此人真善友
如是妙法幸聽聞 應常念佛而生喜
วรรค ๔๗ เพง่ิ ไดส ดบั บญุ และปญญา
ในสมยั ครง้ั น้ัน พระโลกนาถเจา ตรสั เปนโศลกวา ...
หากเมอื่ อดีตมิไดบ าํ เพญ็ กศุ ลและปญญา ในพระสทั ธรรมน้จี กั มอิ าจไดย ลยนิ
เพราะไดเคยสกั การะพระตถาคตท้ังปวงมาแลว จงึ สามารถศรัทธาและยนิ ดใี นเร่ืองราวอันนี้
ความชั่ว ถอื ตน เกลียดครา น และเหน็ ผิด การเปนผูศรทั ธาคัมภีรธรรมของตถาคตโดยยาก
อปุ มาบคุ คลมีเนตรบอดผูอยูใ นความมดื นจิ กาล มสิ ามารถดาํ เนินสมู รรคาอื่น
มเี พียงผูป ลูกฝง กุศลมลู ในพระพทุ ธะมาแลว จงึ สามารถบาํ เพ็ญจริยาทอี่ นุเคราะหโลก
เมอ่ื สดบั แลว นอมรบั ธาํ รง และขีดเขียน อานทอ ง สรรเสรญิ กลา วแสดงและบชู า
93
ดว ยเอกจติ ใจเดียวมงุ สูวิศทุ ธิภาคแลวไซร ยอ มไปถอื อบุ ตั ยิ ังสขุ าวตีโลกธาตเุ ปน ที่แนนอน
สมมตมิ หาเพลงิ ไดลกุ ทวมตรีสหัสะ ดวยอาศยั พทุ ธานภุ าพจงึ ขามพนไปได
ปญ ญาญาณทค่ี ัมภีรภาพดจุ มหรรณพของตถาคต มเี พียงพุทธะกบั พทุ ธะเทาน้นั จึงทราบดี
แมน สาวกจกั ครนุ คดิ พทุ ธปญญาอยูโ กฏกิ ลั ป จนสิ้นอิทธิพละแหงตนก็มิอาจหย่ังประมาณ
กศุ ลแหงตถาคตนนั้ เลา ผูเปน พทุ ธะยอมรู และมเี พียงพระโลกนาถ ทส่ี ามารถกลา วแสดง
สงั ขารมนษุ ยย ากไดร ับ พระพุทธะกย็ ากไดพบ การเกิดศรทั ธา ปญ ญา แลสดบั ธรรม คือยากวายากใด
หากหมูเวไนยจักกระทําซ่งึ ความเปนพุทธะ พงึ ดําเนนิ สมนั ตภัทรจรยิ าจักยงั ใหถ ึงฝง
เหตุนี้เหลา บัณฑิตผไู ดสดับแจม แจง แลว พึงศรัทธาในสจั จธรรมแหง ตถาคต
ดงั่ พระสทั ธรรมนท้ี ีย่ ากไดส ดบั พึงระลึกอยเู นอื งนติ ย และยงั ความยินดใี หเกดิ ข้ึนในตน
หากนอมรบั แลธํารง เพือ่ อนุเคราะหแ กส ังสารวัฏ ตถาคตกลา ววา บคุ คลนคี้ ือ กัลยาณมติ รทีแ่ ทจรงิ
聞經獲益第四十八
爾時世尊說此經法,天人世間有萬二千那由他億眾生,遠離塵垢,得法眼淨。二十億眾生,
得阿那含果。六千八百比丘,諸漏已盡,心得解脫。四十億菩薩,於無上菩提住不退轉,以弘誓
功德而自莊嚴。二十五億眾生,得不退忍。四萬億那由他百千眾生,於無上菩提未曾發意,今始
初發。種諸善根,願生極樂,見阿彌陀佛,皆當往生彼如來土,各於異方次第成佛,同名妙音如
來。復有十方佛剎,若現在生,及未來生,見阿彌陀佛者,各有八萬俱胝那由他人,得授記法忍
,成無上菩提。彼諸有情,皆是阿彌陀佛宿願因緣,俱得往生極樂世界。爾時三千大千世界六種
震動,并現種種希有神變,放大光明,普照十方。復有諸天,於虛空中,作妙音樂,出隨喜聲。
乃至色界諸天,悉皆得聞,歎未曾有。無量妙花紛紛而降。尊者阿難,彌勒菩薩,及諸菩薩、聲
聞、天龍八部,一切大眾,聞佛所說,皆大歡喜,信受奉行。
วรรค ๔๘ สดบั ธรรมเสวยประโยชน
ในกาลครั้งน้ัน สมเด็จพระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธะ ผูเปนนาถะแหงโลก เม่ือไดพระกรุณาแสดง ซ่ึง
ธรรมกถาน้ีแลว บรรดาเทวดา มนษุ ย มีจํานวนประมาณไดห นึ่งหม่ืนกับสองพันนยตุ ะโกฏิ จึงนิราศปราศไปจาก
เกลศธุลี บรรลุถึงธรรมจักษุบริสุทธ์ิ หมูสัตวจํานวนยี่สิบโกฏิไดบรรลุอนาคามิผล ภิกษุจํานวนหกพันแปดรอยมี
อาสวะที่สิ้นไป จิตลุแกวิมตุ ติ โพธิสัตวจํานวนสสี่ ิบโกฏิ ไดต้ังอยูในความมเิ สื่อมถอยจากพระอนตุ รสัมมาสัมโพธิ
แลวอาศัยกุศลแหงปณิธานยังตนใหอลังการ หมูสัตวจํานวนยี่สิบหาโกฏิบรรลุถึงความอดทนท่ีมิเสือมถอย หมู
สัตวจํานวนส่ีหมื่นโกฏินยุตะกับรอยพัน ไดบังเกิดพระอนุตรสัมมาสัมโพธิจิตอันมิเคยเกิดมีมากอน ซ่ึงเพ่ิงได
บังเกิดในกาลน้ีเปนปฐม ไดปลูกฝงกุศลมูลนานัปการ แลวตั้งจิตไปอุบัติยังสุขาวตีโลกธาตุ เพ่ือเฝามูลบาท
พระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ซึ่งจักไดไ ปอุบัติยังประเทศของพระตถาคตเจาพระองคน้นั แลจักไดสําเรจ็
พระพุทธมรรคยังทิศาตางๆกันโดยลําดับ ลวนจักมีพุทธสมญาวา สุโฆษตถาคต เสมือนกันยังมี (สัตวใน) พุทธ
เกษตรในทิศทั้งสิบ ที่บังเกิด (โพธิจิต) แลวในปจจุบันและที่ยังมิบังเกิด เม่ือไดทัศนาพระอมิตายุสพุทธเจาแลว
จําพวกละแปดหมืน่ โกฏนิ ยุตะ จึงไดรับพุทธพยากรณวา เปนผูไมเส่ือมถอยในความอดทนตอธรรม จักไดสําเร็จ
พระอนุตรสัมมาสัมโพธิ อันหมูสัตวเหลาน้ัน ก็ลวนเปนเหตุปจจัยของปณิธาน เมื่อกาลกอนของพระอมิตายุส
พทุ ธเจา ทจ่ี กั ไดไปอุบัติยังสุขาวตพี ุทธเกษตรทงั้ สน้ิ
ขณะนั้นแล ในตรีสหัสมหาสหัสโลกธาตุ จึงกัมปนาทสะทานสะเทือนหกลักษณะ พรอมท้ังเกิดปาฏิหาริย
อันเกิดมีไดยากยิ่งอีกนานัปการ มีประภาสรัศมีรุงเรืองสวางไสวไปยังทิศทั้งสิบ ยังมีเทวบริษัทในอากาศบรรเลง
94
เครื่องดนตรีเปนเสียงที่นาอภิรมย จนถึงทิพยชนในรูปธาตุก็ลวนไดยลยินโดยตลอดทั้งสิ้น แลวอุทานวา สิ่งน้ียัง
มเิ คยเกิดมีมากอนๆ มวลหมทู ิพยมาลีอันประณตี จํานวนไมม ีประมาณก็โปรยปรายลงจากนภากาศ
พระคณุ เจาอานนท พระเมตไตรยโพธสิ ตั ว และหมูพระโพธิสัตว พระสาวก เทพ นาค และสัตวใ นคตแิ ปด
อันเปนมหาชนาชนหมใู หญ เม่ือไดสดับฟงพระพุทธภาษิตแลว จึงพากันบังเกิดมหาโสมนัสช่ืนชม มีศรัทธานอม
รับไปปฏบิ ัตสิ บื ไป.
จบ พระมหาสุขาวตวี ยูหสูตร 佛說大乘無量壽莊嚴清浄平等覺經。
นาํ ม อ อ อ ี ท อ ฮุ ก
南无阿弥陀佛
¹ Ð â Á Í Ð ÁÔ µ Ò À Ð ¾Ø ·Ú ¸ Ò Â Ð
95
ป รั ช ญ า ป า ร มิ ต า ห ฤ ทั ย สู ต ร
THE HEART OF PRAJNA PARAMITA SUTRA
般若波羅蜜多心經
พระอารยาวโลกิเตศวรโพธิสัตว เม่ือทรงไดบําเพ็ญปญญาบารมี จนบรรลุถึงโลกุตรธรรมอันลึกซ้ึงแลว
พจิ ารณาเล็งเห็นวา ที่แทจรงิ แลวขนั ธ ๕ นัน้ เปนสญู จึงไดก าวลวงจากสรรพทุกขท ้งั ปวง
ดูกอนทานสารีบุตร รูปคือความสูญ ความสูญนั่นแหละคือรูป ความสูญไมอื่นไปจากรูป รูปไมอื่นไปจาก
ความสูญ รูปอันใดความสูญก็อันนั้น ความสูญอันใดรูปก็อันน้ัน อนึ่ง เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็เปนสูญ
อยา งเดียวกนั
ทา นสารีบตุ ร ก็สรรพธรรมท้งั ปวง มีความสญู เปนลักษณะ ไมเกิด ไมดบั ไมม วั หมอง ไมผ อ งแผว ไมหยอน
ไมเต็ม อยางน้ี เพราะฉะนัน้ แหละ ทานสารีบุตร ในความสูญจึงไมมีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไมมีตา
หู จมูก ลิน้ กาย ใจ ไมมรี ปู เสยี ง กลิน่ รส โผฏฐัพพะ ไมม ีจักษธุ าตุจนถงึ มโนธาตุ ในธรรมชาตนิ น้ั วิญญาณธาตุ
ไมมีวิชชา-ไมมีอวิชชา ไมมีความสิ้นไปแหงวิชชาและอวิชชา จนถึงไมมีความแก-ความตาย ไมมีความส้ินไปแหง
ความแกแ ละความตาย ไมม ีทกุ ข สมหุ ทยั นิโรธ มรรค ไมม ญี าณ ไมม ีการบรรลุ ไมมีการไมบรรลุ
พระโพธสิ ัตวผ วู างใจในปญ ญาบารมี จะมจี ิตทเ่ี ปนอิสระจากอุปสรรคสิ่งกีดก้ัน เพราะจิตของพระองคเปน
อิสระจากอุปสรรคส่ิงกีดกั้น พระองคจึงไมมีความกลัวใดๆ กาวลวงพนไปจากมายาหรือสิ่งลวงตา บรรลุถึงพระ
นพิ พานไดในท่ีสุด
อันพระสัมมาสัมพุทธเจาในตรีกาล (อดีต ปจจุบัน และอนาคต) ดวยเหตุที่ทรงอาศัยปญญาบารมี จึงได
ตรัสรูอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ดวยเหตุฉะนี้ จึงสมควรทราบวาปญญาบารมีน้ี คือมหาศักดามนตร (เปนมหา
มนตอันศักด์ิสิทธิ์) คือมหาวิทยามนตร (เปนมนตแหงความรูอันยิ่งใหญ) คืออนุตรมนตร (เปนมนตอันไมมีมนต
อื่นยิ่งกวา) คืออสมสมมนตร (เปนมนตอันไมมีมนตอื่นใดมาเทียบได) สามารถขจัดสรรพทุกขทั้งปวง น่ีเปน
สจั จะ เปนอสิ ระจากความเทจ็ ทงั้ มวล จงึ เปนเหตใุ หกลา วมนตรแหงปญ ญาบารมวี า
“คะเต คะเต ปารคะเต ปารสงั คะเต โพธิ สวาหา”*
*...ปกติน้ัน บทธารณี นั้นมักจะไมแปล แตหากแปลจะแปลวา “จงไป จงไป ไปถึงฝงโนน ไปใหพนโดย
สน้ิ เชงิ บรรลุถงึ ความรแู จง”...*
96