The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษา D4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by NichananThongtavee2, 2021-05-29 07:33:53

หลักสูตรสถานศึกษา D4

หลักสูตรสถานศึกษา D4

195

4. ระบุและอ่านออกเสียง คา ประโยค ขอ้ ความไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การออกเสียงภาษาองั กฤษ
5. พดู เพอื่ ขอและใหข้ อ้ มูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เร่ือง ประเดน็

ข่าว เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
6. วิเคราะห์อภิปรายความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งวถิ ีชีวติ ความเช่ือ และวฒั นธรรม ของเจา้

ของภาษากบั ของไทย และนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล
7. คน้ ควา้ สืบคน้ บนั ทึกสรุป และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ขอ้ มูลท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการ เรียนรู้

อ่ืนจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ และนาเสนอดว้ ยการพดู และการเขียนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
8. เลือกใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางไดเ้ หมาะสมกบั ระดบั ของบุคคล โอกาส และสถานที่

ตามมารยาททางสงั คมและวฒั นธรรม ของเจา้ ของภาษา
รวมท้งั หมด 8 ผลกำรเรียนรู้

196

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ

รำยวชิ ำ ภำษำองั กฤษอ่ำน – เขยี น 3 รหัสวชิ ำ อ32203 ช้ันมธั ยมศึกษำปี ที่ 5
ภำคเรียนท่ี 1
เวลำ 40 ช่ัวโมง / ภำคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ

อ่านออกเสียงขอ้ ความถูกตอ้ งตามหลกั การอ่าน อ่านสารคดีเก่ียวกบั บุคลิกภาพ อาหาร วฒั นธรรม
และประเพณี บุคคลสาคญั

โดยใชท้ กั ษะ/กลยทุ ธก์ ารอ่านดงั น้ี การเดาความหมายของคาศพั ทจ์ ากบริบท การจบั ใจความ
สาคญั ระบุรายละเอียด วิเคราะห์ความ ตีความ เช่ือมโยงความรู้เดิมกบั ขอ้ เขียน ความสมั พนั ธ์เชิงลาดบั พดู ให้
ขอ้ มูล และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องท่ีอ่านอยา่ งมีเหตุผล อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ ประเพณีและ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย เขียนยอ่ หนา้ บรรยาย ลาดบั ข้นั ตอน ใชภ้ าษาองั กฤษ คน้ ควา้ บนั ทึก
ขอ้ มูลท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืนจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และนาเสนอดว้ ยการพดู

เพ่อื ใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจ นาไปใชป้ ระโยชน์และเป็นผทู้ ่ีใฝ่ เรียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพียง รักความ
เป็นไทย และมีจิตสาธารณะ

ผลกำรเรียนรู้ทค่ี ำดหวงั
1. อ่านออกเสียงบทอ่านไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การอ่านออกเสียงและเหมาะสมกบั เน้ือหาท่ีอ่าน
2. เขา้ ใจ ตีความหรือแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ส่ือท่ีเป็นความเรียงและไม่ใช่ความเรียง ในรูปแบบ ต่างๆ

ถ่ายโอนเป็นขอ้ ความท่ีใชถ้ อ้ ยคาของตนเอง
3. เขา้ ใจ ตีความ วเิ คราะห์และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ขอ้ ความ ขอ้ มูล ขา่ วสาร บทความ สาร คดี บนั เทิงคดี

จากส่ือสิ่งพมิ พ์ หรือส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์
4. ใชภ้ าษาเพอื่ แสดงความรู้สึกของตนเกี่ยวกบั เหตุการณ์ท้งั ในอดีต ปัจจุบนั และอนาคต พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผล

โดยใชป้ ระโยชนจ์ ากสื่อการเรียนทางภาษาและผลจากการฝึกทกั ษะต่างๆ รวมท้งั แสวงหาวธิ ีการ เรียน
ภาษาองั กฤษที่เหมาะสม
5. นาเสนอขอ้ มูล เร่ืองราว รายงานเก่ียวกบั ประสบการณ์และเหตุการณ์หรือเรื่องทวั่ ไป
6. นาเสนอความคิดรวบยอดเก่ียวกบั เหตุการณ์ต่างๆ กิจกรรม สินคา้ ในทอ้ งถ่ินของตน ดว้ ยวธิ ีการ ที่หลากหลาก
7. เขา้ ใจความแตกต่างระหวา่ งภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทยใน เรื่องคา วลี สานวน ประโยค และ ขอ้ ความท่ี
ซบั ซอ้ นยง่ิ ข้ึน และน าไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล

197

6. นาเสนอความคิดรวบยอดเก่ียวกบั เหตุการณ์ตา่ งๆ กิจกรรม สินคา้ ในทอ้ งถิ่นของตน ดว้ ยวธิ ีการ ท่ีหลากหลาก
7. เขา้ ใจความแตกต่างระหวา่ งภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทยใน เรื่องคา วลี สานวน ประโยค และ ขอ้ ความที่ซบั ซอ้ น

ยง่ิ ข้ึน และนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล
8. ใชภ้ าษาองั กฤษในการแสวงหาความรู้ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กลุ่ม สาระการเรียนรู้อ่ืน เพ่อื ขยายโลก ทศั นจ์ าก

แหล่งขอ้ มูลท่ีหลากหลายในรูปแบบต่างๆ
9. ใชภ้ าษาองั กฤษตามสถานการณ์ต่างๆ ในสถานศึกษาและ ชุมชนดว้ ยวธิ ีการและรูปแบบที่ หลากหลาย

และซบั ซอ้ น
รวมท้งั หมด 9 ผลกำรเรียนรู้

198

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน

กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ

รำยวชิ ำ ภำษำองั กฤษอ่ำน – เขยี น 4 รหัสวชิ ำ อ32204 ช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 5
ภำคเรียนท่ี 2
เวลำ 40 ชั่วโมง / ภำคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ

อ่านออกเสียงขอ้ ความ บทร้อยกรองถูกตอ้ งตามหลกั การอ่าน อ่านสารคดีเก่ียวกบั ภยั ธรรมชาติ
การประดิษฐ์ กฎหมาย อ่านบนั เทิงคดีที่เป็นบทร้อยกรอง นิทานพ้ืนบา้ น

โดยใชท้ กั ษะ/กลยทุ ธ์การอ่านดงั น้ี การเดาความหมายของคาศพั ทจ์ ากบริบท การจบั ใจความ สาคญั
ระบุรายละเอียด วเิ คราะห์ความ ตีความ เช่ือมโยงความรู้เดิมกบั ขอ้ เขียน เช่ือมโยงความสมั พนั ธเ์ ชิง เหตผุ ล
ความสมั พนั ธ์เชิงเปรียบเทียบ สร้างจินตภาพ ระบุองคป์ ระกอบของเร่ืองเล่า ตรวจสอบความเขา้ ใจ ของตนเอง
พดู ใหข้ อ้ มูล บรรยายความรู้สึก และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องท่ีอ่านอยา่ งมีเหตุผล พดู นาเสนอประเดน็
ต่าง ๆ ท่ีน่าสนใจ เขียนยอ่ หนา้ เล่าประสบการณ์ ใหเ้ หตุผล เปรียบเทียบความเหมือนและ ความแตกต่าง จาแนก
ขอ้ ดีและขอ้ เสีย เขียนจดหมายธุรกิจ เขียนบทกวีและเขียนเร่ืองเล่า ใชภ้ าษาองั กฤษ คน้ ควา้ บนั ทึกขอ้ มูลท่ี
เก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืนจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ และนาเสนอดว้ ยการพดู

เพื่อใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจ นาไปใชป้ ระโยชน์ และเป็นผทู้ ี่ใฝ่ เรียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพียง รักความ

เป็นไทย และมีจิตสาธารณะ

ผลกำรเรียนรู้
1. เขา้ ใจความแตกต่างระหวา่ งภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทยในเรื่องคา วลี สานวน ประโยคและ ขอ้ ความท่ี

ซบั ซอ้ นยงิ่ ข้ึนและนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล
2. ใชภ้ าษาองั กฤษเพอื่ การสื่อสารในการทางาน สมคั รงาน และประกอบอาชีพรวมท้งั ขอและให้ ขอ้ มูลเก่ียวกบั

อาชีพสถานการณ์จาลอง และ/หรือสถานการณ์จริง
3. เขา้ ใจ ตีความ วิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ขอ้ ความ ขอ้ มูล ข่าวสาร บทความ สารคดี บนั เทิงคดี

จากสื่อส่ิงพมิ พ์ หรือสื่ออิเลก็ ทรอนิกส์
4. ใชภ้ าษาแสดงความคิดเห็น แสดงความตอ้ งการ เสนอบริการแก่ผอู้ ื่น เจรจาต่อรอง และวางแผน ในการเรียน

โดยใชส้ ่ือเทคโนโลยที ่ีมีอยใู่ นแหล่งการเรียนรู้ท้งั ในและนอกสถานศึกษา
5. ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการแสวงหาความรู้ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน เพื่อขยายโลก ทศั นจ์ าก

แหล่งขอ้ มูลท่ีหลากหลายในรูปแบบต่างๆ

199

6. นาเสนอบทกวี หรือบทละคร โดยใชเ้ คา้ โครงตามแนวคดิ ของเจา้ ของภาษาดว้ ยความเพลิดเพลิน
7. เขา้ ใจ ตีความหรือแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั สื่อท่ีเป็นความเรียงและไม่ใช่ความเรียงในรูปแบบ ต่างๆ

ถ่ายโอนเป็นขอ้ ความท่ีใชถ้ อ้ ยคาของตนเอง
8. ใชภ้ าษาตา่ งประเทศเผยแพร่ประชาสมั พนั ธข์ อ้ มูล ข่าวสารของชุมชน ทอ้ งถิ่นและประเทศชาติใน

การสร้างความร่วมมือเชิงสร้างสรรคแ์ ละแขง่ ขนั ในสงั คมโลก
รวมท้งั หมด 8 ผลกำรเรียนรู้

200

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน

กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ

รำยวชิ ำ ภำษำจนี ระดบั กลำง 1 รหัสวชิ ำ จ32201 ช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 5
ภำคเรียนท่ี 1
เวลำ 40 ช่ัวโมง / ภำคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ

ศึกษาทกั ษะการอ่านออกเสียงตวั อกั ษร คาศพั ท์ กลุ่มคา ประโยค ตามหลกั การอ่านในระบบเสียง
ภาษาจีนกลาง ระบุภาพ หรือสญั ลกั ษณ์ ตรงตามความหมายของคา กลุ่มคาและประโยคจากการฟังหรือ การอ่าน
ตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา หรือตอบคาถามจากการดูภาพประกอบ พดู โตต้ อบ ดว้ ยประโยค
ส้นั ๆ เพ่ือส่ือสารระหวา่ งบุคคล พดู เพอ่ื ขอและใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เพ่ือน ครอบครัวและส่ิง ใกลต้ วั เขียนให้
ขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองแบบง่ายๆ บอกขอ้ มูล และความสาคญั ของเทศกาล วนั สาคญั งานฉลอง ชีวติ ความเป็นอยู่
ของจีน บอกความเหมือนหรือความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิด ต่างๆ การใชเ้ ครื่องหมายวรรค
ตอนและการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาจีนและภาษาไทย

โดยเลือกใชท้ กั ษะกระบวนการฟัง พดู อ่าน เขียน ทกั ษะการจา คิด วิเคราะห์และเขียน สื่อความ
กระบวนการทางานกลุ่ม/คู่ และสมรรถนะ 5 สมรรถนะ คือ ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถใน การ
คิด ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

เพอ่ื ใหน้ กั เรียนเป็นผมู้ ีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซ่ือสตั ยส์ ุจริต มีวินยั ใฝ่
เรียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มุ่งมนั่ ในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ อนุรักษพ์ ลงั งานและ
สิ่งแวดลอ้ ม สืบสานศิลปวฒั นธรรมทอ้ งถิ่น ชุมชนร่วมพฒั นา ยดึ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

ผลกำรเรียนรู้
1. อ่านออกเสียงตวั อกั ษร คาศพั ท์ กลุ่มคา ประโยค ตามหลกั การอ่านในระบบเสียงภาษาจีนกลาง
2. ระบุภาพ หรือสญั ลกั ษณ์ ตรงตามความหมายของคา กลุ่มคาและประโยคจากการฟังหรือการอ่าน
3. ตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา หรือตอบคาถามจากการดูภาพประกอบ
4. พดู โตต้ อบดว้ ยประโยคส้นั ๆ เพื่อส่ือสารระหวา่ งบุคคล
5. พดู เพือ่ ขอและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เพ่อื น ครอบครัวและส่ิงใกลต้ วั
6. เขียนใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองแบบง่ายๆ
7. บอกขอ้ มูล และความสาคญั ของเทศกาล วนั สาคญั งานฉลอง ชีวิตความเป็นอยขู่ องจีน
8. บอกความเหมือน หรือความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดต่างๆ การใชเ้ ครื่องหมาย วรรคตอน

และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาจีนและภาษาไทย
รวมท้งั หมด 8 ผลกำรเรียนรู้

201

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน

กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ

รำยวชิ ำ ภำษำจนี ระดบั กลำง 2 รหัสวชิ ำ จ32202 ช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 5
ภำคเรียนที่ 2
เวลำ 40 ชั่วโมง / ภำคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ

ศึกษาทกั ษะการระบุประโยคและขอ้ ความ หรือตอบคาถามใหส้ มั พนั ธ์กบั ส่ือที่ไม่ใช่ความเรียงท่ี อ่าน
ตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา หรือตอบคาถามจากการดูภาพประกอบ พดู หรือเขียน โตต้ อบในการ
ส่ือสารระหวา่ งบุคคล พดู หรือเขียนแสดงความตอ้ งการ ขอความช่วยเหลือ ตอบรับและ ปฏิเสธในชีวิตประจาวนั
พดู เพ่ือขอและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เพ่ือน ครอบครัวและสิ่งใกลต้ วั พดู หรือ เขียนแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั
กิจกรรม ประสบการณ์ หรือเรื่องใกลต้ วั บอกขอ้ มูล และความสาคญั ของ เทศกาล วนั สาคญั งานฉลอง ชีวิตความ
เป็นอยขู่ องจีน บอกความเหมือนหรือความแตกต่างระหวา่ งการ ออกเสียงประโยคชนิดต่างๆ การใชเ้ ครื่องหมาย
วรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของ ภาษาจีนและภาษาไทย

โดยเลือกใชท้ กั ษะกระบวนการฟัง พดู อ่าน เขียน ทกั ษะการจา คิด วเิ คราะห์และเขียน ส่ือความ
กระบวนการทางานกลุ่ม/คู่ และสมรรถนะ 5 สมรรถนะ คือ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถใน การ
คิด ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

เพือ่ ใหน้ กั เรียนเป็นผมู้ ีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซ่ือสัตยส์ ุจริต มีวนิ ยั ใฝ่ เรียนรู้
อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มุ่งมน่ั ในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ อนุรักษพ์ ลงั งานและ สิ่งแวดลอ้ ม สืบ
สานศิลปวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน ชุมชนร่วมพฒั นา ยดึ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ผลกำรเรียนรู้
1. ระบุภาพ หรือสญั ลกั ษณ์ ตรงตามความหมายของคา กลุ่มคา และประโยค จากการฟังหรือการ อ่าน
2. ตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา หรือตอบคาถามจากการดูภาพประกอบ
3. พดู หรือเขียนโตต้ อบในการสื่อสารระหวา่ งบุคคล
4. พดู หรือเขียนแสดงความตอ้ งการ ขอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธในชีวิตประจาวนั
5. พดู เพอ่ื ขอและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เพอื่ น ครอบครัวและสิ่งใกลต้ วั
6. พดู หรือเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั กิจกรรม ประสบการณ์หรือเร่ืองใกลต้ วั
7. บอกขอ้ มูล และความสาคญั ของเทศกาล วนั สาคญั งานฉลอง ชีวิตความเป็นอยขู่ องจีน
8. บอกความเหมือน หรือความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดต่างๆ การใชเ้ ครื่องหมาย วรรคตอน

และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาจีนและภาษาไทย
รวมท้งั หมด 8 ผลกำรเรียนรู้

202

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ

รำยวชิ ำ ภำษำจนี เพ่ือกำรส่ือสำร 3 รหัสวชิ ำ จ32203 ช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี 5
ภำคเรียนที่ 1
เวลำ 20 ชั่วโมง / ภำคเรียน จำนวน 0.5 หน่วยกติ

ปฏิบตั ิตามคาสง่ั คาขอร้อง และคาแนะนา คาช้ีแจงจากเรื่องท่ี อ่านหรือฟัง อ่านออกเสียงประโยค
ขอ้ ความประกาศขา่ วภาษาจีนบทกลอนนิทานภาษาจีน ถูกตอ้ งตามหลกั การอ่าน เลือกขอ้ ความสมั พนั ธ์กบั
ความหมายและสื่อจากเร่ืองที่ฟังหรืออา่ น สรุปใจความสาคญั ตอบคาถาม บอกรายระเอียดแสดงความ คิดเห็น
จากเร่ืองท่ีฟังหรืออ่านพดู เขียนตอบสนทนาสื่อสารแลกเปลี่ยนขอ้ มูลแสดงความรู้สึก ความตอ้ งการ ตอบรับ
ปฏิเสธใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เพอ่ื นครอบครัวเร่ืองใชถ้ อ้ ยคา ภาษาน้าเสียงกริยาท่าทางประกอบ คาพดู ตาม
แบบวฒั นธรรมเจา้ ชาวจีนเรียนรู้เทศการประเพณีวถิ ีชีวิตความเป็นอยเู่ ปรียบเทียบอธิบายความ แตกต่างระหวา่ ง
ภาษาไทยกบั ภาษาจีน วิถีชีวติ วฒั นธรรม คน้ ควา้ สืบรวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งการเรียนรู้ นอกหอ้ งเรียนใชภ้ าษา
ในการส่ือสารในสถานการณ์จริงหรือจาลองเผยแพร่ประชาสมั พนั ธข์ อ้ มูลขา่ วสาร ของโรงเรียนเป็นภาษาจีน

ใชก้ ระบวนการทางภาษา กระบวนการฟัง พดู อ่าน เขียน กระบวนการฝึกปฏิบตั ิจริง กระบวนการ
กลุ่มกระบวนการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง อภิปรายเพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจไปใชใ้ นการสื่อสารกบั บุคคลอ่ืน ตาม
แบบวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา นาศพั ทแ์ ละบทสนทนาที่ไดม้ าประยกุ ตใ์ ชป้ ระโยชน์ใน ชีวิตประจาวนั

เห็นคุณคา่ วชิ าภาษาจีน มีคุณธรรม จริยธรรมและคา่ นิยมที่เหมาะสม

ผลกำรเรียนรู้
ผลการเรียนรู้ท่ี 1 อ่านออกเสียงตวั อกั ษร คาศพั ท์ ประโยค ตามหลกั การอ่านในระบบเสียง ภาษาจีนกลาง
ผลการเรียนรู้ที่ 2 ตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา หรือตอบคาถามจากการดู ภาพประกอบ
ผลการเรียนรู้ท่ี 3 ปฏิบตั ิตามคาสงั่ คาแนะนา คาขอร้อง คาช้ีแจง และคาอธิบายที่ฟังและอ่าน
ผลการเรียนรู้ท่ี 4 พดู หรือเขียนโตต้ อบในการส่ือสารระหวา่ งบุคคล
ผลการเรียนรู้ที่ 5 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมของจีน ตามความสนใจ

รวมท้งั หมด 5 ผลกำรเรียนรู้

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน 203

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี 5
ภำคเรียนที่ 2
รำยวชิ ำ ภำษำจนี เพื่อกำรสื่อสำร 4 รหัสวชิ ำ จ32204

เวลำ 20 ชั่วโมง / ภำคเรียน จำนวน 0.5 หน่วยกติ

ปฏิบตั ิตามคาสง่ั คาขอร้อง และคาแนะนา คาช้ีแจงจากเร่ืองที่ อ่านหรือฟัง อ่านออกเสียงประโยค
ขอ้ ความประกาศข่าวภาษาจีนบทกลอนนิทานภาษาจีน ถูกตอ้ งตามหลกั การอ่าน เลือกขอ้ ความสมั พนั ธ์กบั
ความหมายและสื่อจากเรื่องที่ฟังหรืออ่าน สรุปใจความสาคญั ตอบคาถาม บอกรายระเอียดแสดงความ คิดเห็น
จากเร่ืองที่ฟังหรืออา่ นพดู เขียนตอบสนทนาสื่อสารแลกเปลี่ยนขอ้ มูลแสดงความรู้สึก ความตอ้ งการ ตอบรับ
ปฏิเสธใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เพอ่ื นครอบครัวเร่ืองใชถ้ อ้ ยคา ภาษาน้าเสียงกริยาท่าทางประกอบ คาพดู ตาม
แบบวฒั นธรรมเจา้ ชาวจีนเรียนรู้เทศการประเพณีวิถีชีวติ ความเป็นอยเู่ ปรียบเทียบอธิบายความ แตกต่างระหวา่ ง
ภาษาไทยกบั ภาษาจีน วิถีชีวิตวฒั นธรรม คนควา้ สืบรวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งการเรียนรู้ นอกหอ้ งเรียนใชภ้ าษา
ในการสื่อสารในสถานการณ์จริงหรือจาลองเผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์ขอ้ มูลข่าวสาร ของโรงเรียนเป็นภาษาจีน

โดยใชก้ ระบวนการทางภาษา กระบวนการฟัง พดู อ่าน เขียน กระบวนการฝึกปฏิบตั ิจริง
กระบวนการกลุ่มกระบวนการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง อภิปราย เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจไปใชใ้ นการส่ือสาร
กบั บุคคลอ่ืนตามแบบวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา นาศพั ทแ์ ละบทสนทนาท่ีไดม้ าประยกุ ตใ์ ชป้ ระโยชนใ์ น
ชีวติ ประจาวนั

เห็นคุณคา่ วชิ าภาษาจีน มีคุณธรรม จริยธรรมและคา่ นิยมท่ีเหมาะสม

ผลกำรเรียนรู้
ผลการเรียนรู้ที่ 1 อ่านออกเสียงตวั อกั ษร คาศพั ท์ ประโยค ตามหลกั การอ่านในระบบเสียง ภาษาจีนกลาง
ผลการเรียนรู้ที่ 2 ตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา หรือตอบคาถามจากการดู ภาพประกอบ
ผลการเรียนรู้ท่ี 3 ปฏิบตั ิตามคาสง่ั คาแนะนา คาขอร้อง คาช้ีแจง และคาอธิบายที่ฟังและอ่าน
ผลการเรียนรู้ท่ี 4 พดู หรือเขียนโตต้ อบในการส่ือสารระหวา่ งบุคคล
ผลการเรียนรู้ที่ 5 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมของจีน ตามความสนใจ

รวมท้งั หมด 5 ผลกำรเรียนรู้

204

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน

กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ

รำยวชิ ำ ภำษำองั กฤษ รหัสวชิ ำ อ33101 ช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 6
ภำคเรียนที่ 1
เวลำ 40 ชั่วโมง / ภำคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ

จบั ใจความสาคญั วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความและแสดงความคิดเห็นจากการฟังและอ่าน เรื่องท่ี
เป็นสารคดีและบนั เทิง พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลประกอบ พดู และเขียนเพื่อขอและใหข้ อ้ มูล บรรยาย อธิบาย
เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ือง ประเดน็ ข่าว เหตุการณ์ท่ีฟังและอ่านอยา่ ง เหมาะสม พดู และ
เขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเก่ียวกบั เรื่องต่าง ๆ กิจกรรม ประสบการณ์และขา่ ว
เหตุการณ์อยา่ งมีเหตุผล เลือกใชภ้ าษา น้าเสียงและกริยาท่าทางเหมาะสมกบั ระดบั ของบุคคล โอกาสและ
สถานท่ี ตามมารยาททางสงั คม

โดยใชก้ ระบวนการ การอ่าน เขียน วเิ คราะห์ แสดงความคิดเห็น นาเสนอขอ้ มูล ใชภ้ าษาเพือ่ การขอและ
ใหข้ อ้ มูล แลกเปลี่ยนความรู้ การปฏิบตั ิงานร่วมกบั ผอู้ ่ืน

เพอื่ ใหเ้ กิด ความรู้ความเขา้ ใจ นาไปใชป้ ระโยชน์ และเห็นคุณคา่ ของการเรียนรู้ภาษาองั กฤษ
ประยกุ ตใ์ ชเ้ พอื่ พฒั นาตนเอง ชุมชนและสงั คม การศึกษาต่อหรือการประกอบอาชีพไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

รหัสตวั ชี้วดั
ต.1.1 ม.4-6/3
ต.1.1 ม.4-6/4
ต.1.2 ม.4-6/4
ต.1.2 ม.4-6/5
ต.1.2 ม.4-6/6
ต.2.1 ม.4-6/1
ต.2.1 ม.4-6/2
ต.2.2 ม.4-6/2
ต.3.1 ม.4-6/1

รวม 10 ตัวชี้วดั

205

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ

รำยวชิ ำ ภำษำองั กฤษ รหัสวชิ ำ อ33102 ช้ันมัธยมศึกษำปี ที่ 6
ภำคเรียนที่ 2
เวลำ 40 ชั่วโมง / ภำคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ

จบั ใจความสาคญั วเิ คราะห์ความ สรุปความ ตีความและแสดงความคิดเห็นจากการฟังและอ่าน เรื่อง

ท่ีเป็นสารคดีและบนั เทิง พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลประกอบ พดู และเขียนเพื่อขอและใหข้ อ้ มูล บรรยาย อธิบาย
เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เร่ือง ประเดน็ ข่าว เหตุการณ์ท่ีฟังและอ่านอยา่ งเหมาะสม พดู และ
เขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเก่ียวกบั เร่ืองต่าง ๆ กิจกรรม ประสบการณ์และข่าว
เหตุการณ์อยา่ งมีเหตุผล เลือกใชภ้ าษา น้าเสียงและกริยาท่าทางเหมาะสมกบั ระดบั ของบุคคล โอกาสและ
สถานท่ี ตามมารยาททางสังคม

โดยใชก้ ระบวนการ การอ่าน เขียน วเิ คราะห์ แสดงความคิดเห็น นาเสนอขอ้ มูล ใชภ้ าษาเพื่อการ ขอ
และใหข้ อ้ มูล แลกเปล่ียนความรู้ การปฏิบตั ิงานร่วมกบั ผอู้ ื่น

เพือ่ ใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจ นาไปใชป้ ระโยชน์ และเห็นคุณคา่ ของการเรียนรู้ภาษาองั กฤษ
ประยกุ ตใ์ ชเ้ พอื่ พฒั นาตนเอง ชุมชนและสงั คม การศึกษาต่อหรือการประกอบอาชีพไดอ้ ยา่ งเหมาะสม มี
ทศั นคติเชิงบวกในการเรียนภาษาองั กฤษ มีความเขา้ ใจในเร่ืองความแตกต่างระหวา่ งวฒั นธรรม

รหัสตวั ชี้วดั ต.1.1 ม.4-6/2
ต.1.1 ม.4-6/1 ต.1.1 ม.4-6/4
ต.1.1 ม.4-6/3 ต.1.2 ม.4-6/5
ต.1.2 ม.4-6/4 ต.2.1 ม.4-6/1
ต.1.2 ม.4-6/6 ต.2.2 ม.4-6/2
ต.2.1 ม.4-6/2
ต.3.1 ม.4-6/1

รวม 11 ตวั ชี้วดั

206

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ

รำยวชิ ำ ภำษำองั กฤษฟัง - พดู 5 รหัสวชิ ำ อ33201 ช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 6
ภำคเรียนท่ี 1
เวลำ 40 ช่ัวโมง / ภำคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ

ศึกษาและฝึกทกั ษะฟัง-พดู เรียนรู้คาศพั ทส์ านวน โครงสร้างภาษา การออกเสียงคา ประโยค
การลงเสียงหนกั -เบา เสียงสูง-ต่า การพดู รวบคา การตีความจากสานวนภาษาและน้าเสียงของผพู้ ดู
วฒั นธรรมประเพณีและวิถีชีวิตของชาวต่างชาติรวมท้งั วธิ ีการฝึกทกั ษะ การฟังและพดู โดยกาหนดเน้ือหา
ในหวั ขอ้ คุณสมบตั ิของบุคคล การทางานและความรับผดิ ชอบในหนา้ ที่การใหข้ องขวญั ในโอกาสต่างๆ
การโฆษณาและการประชาสมั พนั ธ์ยานพาหนะและการขนส่ง การถามและการบอกทิศทางสถานที่ต้งั การ
เขา้ ค่ายและการเดินทางโดยสาย การบินต่างๆ และการใชภ้ าษาเพอ่ื การสื่อสารในชีวติ จริง

โดยฝึกทกั ษะการฟังจบั ใจความ การถ่ายโอนขอ้ มูลเป็นสื่อท่ีไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ การ
วเิ คราะห์ความ สรุปความ และตีความจากสานวนภาษาและน้าเสียงของผพู้ ดู การพดู แสดงความคิดเห็น
การพดู เพอื่ ขอและใหข้ อ้ มูล การพดู ขอร้อง ตอบรับ ปฏิเสธ แสดงความรู้สึกและใหเ้ หตุผล การคน้ ควา้
รวบรวม สรุป และนาเสนอขอ้ มูล การแสดงบทบาทสมมุติตาม สถานการณ์จาลองและสถานการณ์จริงท้งั
ในและนอก หอ้ งเรียน

เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนมีความมนั่ ใจในการใชภ้ าษาองั กฤษในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมตาม
กาลเทศะ บุคคล และมารยาททางสงั คม เห็นคุณคา่ และความสาคญั ของภาษาต่างประเทศในการใชเ้ ป็น
เครื่องมือในการคน้ ควา้ หาความรู้การทางาน และการพฒั นาบุคลิกภาพ มีเหตผุ ล มีวจิ ารณญาณ มี
ประสิทธิภาพในการสื่อความ และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

ผลกำรเรียนรู้
1. จบั ใจความสาคญั วเิ คราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการฟังบท

สนทนาและคาบรรยายไดถ้ ูกตอ้ ง
2. อธิบาย เขียนขอ้ ความและประโยคใหส้ มั พนั ธ์กบั ส่ือที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ท่ีฟังและ

อ่าน รวมท้งั ระบุและเขียนส่ือท่ีไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ใหส้ มั พนั ธ์กบั ประโยคและขอ้ ความที่ฟังหรือ
อ่านไดถ้ ูกตอ้ ง
3. ปฏิบตั ิตามคาแนะนาในคูม่ ือการใชง้ านต่างๆ คาช้ีแจง คาอธิบาย และคาบรรยายท่ีฟังและอ่าน
ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม
4. ระบุและอ่านออกเสียงคา ประโยค ขอ้ ความไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การออกเสียงภาษาองั กฤษ

207

5. พดู เพอื่ ขอและใหข้ อ้ มูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่อง ประเดน็ ข่าว
เหตุการณ์ท่ีฟังและอ่าน ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

6. วิเคราะห์อภิปรายความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งวถิ ีชีวิต ความเชื่อ และวฒั นธรรม ของเจา้ ของภาษา
กบั ของไทย และ นาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล

7. คน้ ควา้ สืบคน้ บนั ทึก สรุป และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ขอ้ มูลที่เก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการ เรียนรู้อ่ืนจาก
แหล่งการเรียนรู้ต่างๆ และนาเสนอดว้ ยการพดู และการเขียนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

8. เลือกใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางไดเ้ หมาะสมกบั ระดบั ของบุคคล โอกาส และสถานท่ี ตามมารยาททาง
สงั คมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

รวมท้งั หมด 8 ผลกำรเรียนรู้

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน 208

กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 6
ภำคเรียนที่ 2
รำยวชิ ำ ภำษำองั กฤษฟัง - พูด 6 รหัสวชิ ำ อ33202

เวลำ 40 ช่ัวโมง / ภำคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ

ศึกษาและเรียนรู้คาศพั ทส์ านวน โครงสร้างภาษา การออกเสียงคา ประโยค การลงเสียงหนัก-เบา
เสียงสูง-ต่า การพดู รวบคาการตีความจากสานวนภาษาและน้าเสียงของผพู้ ดู วฒั นธรรม ประเพณีและวิถี ชีวติ
ของชาวต่างชาติรวมท้งั วิธีการฝึกทกั ษะ การฟังและพดู โดยกาหนดเน้ือหาในหวั ขอ้ การใชเ้ ทคโนโลยี
สารสนเทศและการส่ือสารรายการบนั เทิงทางทีวีรูปแบบต่างๆรายการสมั ภาษณ์ดารา การทากิจกรรมผจญภยั
การบรรยายลกั ษณะสิ่งของเคร่ืองใชใ้ นบา้ น การใชภ้ าษาองั กฤษลกั ษณะต่างๆ รวมท้งั การฟังบรรยาย ทาง
วชิ าการ การบรรยายบอกความรู้สึกและอารมณ์ของบุคคล การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั การพฒั นา ทอ้ งถิ่น
และชุมชนของตน และการใชภ้ าษาเพอื่ การส่ือสารในชีวติ จริง

โดยฝึกทกั ษะการฟัง จบั ใจความ การถ่ายโอนขอ้ มูลเป็นสื่อท่ีไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ การ
วเิ คราะห์ความ สรุปความ และตีความจากสานวนภาษาและน้าเสียงของผพู้ ดู การพดู แสดงความคิดเห็น การพดู
เพ่อื ขอและใหข้ อ้ มูล การพดู ขอ้ ร้อง ตอบรับ ปฏิเสธ แสดงความรู้สึก และใหเ้ หตุผล การคน้ ควา้ รวบรวม สรุป
และนาเสนอขอ้ มูล การแสดงบทบาทสมมุติตามสถานการณ์จาลองและสถานการณ์จริงท้งั ในและนอก
หอ้ งเรียน

เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนมีความมน่ั ใจในการใชภ้ าษาองั กฤษในการส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมตาม
กาลเทศะ บุคคล และมารยาททางสงั คม เห็นคุณค่าและความสาคญั ของภาษาตา่ งประเทศในการใชเ้ ป็น
เครื่องมือในการคน้ ควา้ หาความรู้ การทางาน และ การพฒั นาบุคลิกภาพ
มีเหตุผล มีวจิ ารณญาณ มีประสิทธิภาพในการสื่อความ และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

ผลกำรเรียนรู้
1. จบั ใจความสาคญั วเิ คราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการฟังบท สนทนาและ

คาบรรยายไดถ้ ูกตอ้ ง
2. อธิบาย เขียนขอ้ ความและประโยคใหส้ มั พนั ธก์ บั ส่ือที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ท่ีฟังและอ่านรวมท้งั

ระบุและเขียนส่ือท่ีไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ใหส้ มั พนั ธ์กบั ประโยคและขอ้ ความท่ีฟังหรืออ่านได้
ถูกตอ้ ง
3. ปฏิบตั ิตามคาแนะนาในคูม่ ือการใชง้ านตา่ งๆ คาช้ีแจง คาอธิบาย และคาบรรยายท่ีฟังและอ่านไดอ้ ยา่ ง
ถูกตอ้ งเหมาะสม
4. ระบุและอ่านออกเสียงคา ประโยค ขอ้ ความไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การออกเสียงภาษาองั กฤษ

209

5. พดู เพอ่ื ขอและใหข้ อ้ มูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องประเดน็ ข่าว
เหตุการณ์ท่ีฟังและอ่านไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

6. วเิ คราะห์อภิปรายความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งวถิ ีชีวติ ความเชื่อ และวฒั นธรรมของเจา้ ของ
ภาษากบั ของไทย และนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล

7. คน้ ควา้ สืบคน้ บนั ทึก สรุป และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ขอ้ มูลที่เกี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้จาก
แหล่งการเรียนรู้ต่างๆ และนาเสนอดว้ ยการพดู และการเขียนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

8. เลือกใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางไดเ้ หมาะสมกบั ระดบั ของบุคคล โอกาส และสถานที่ตาม มารยาททาง
สังคมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

รวมท้งั หมด 8 ผลกำรเรียนรู้

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน 210

กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี 6
ภำคเรียนท่ี 1
รำยวชิ ำ ภำษำองั กฤษอ่ำน - เขยี น 5 รหัสวชิ ำ อ33203

เวลำ 40 ช่ัวโมง / ภำคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ

ฝึกอ่าน ตีความ ถอดความ และเขียนบทแปลจากภาษาองั กฤษเป็นภาษาไทย ในหวั ขอ้ ท่ีเกี่ยวกบั
ชีวติ ประจาวนั สิ่งใกลต้ วั ความรู้ทว่ั ไป บนั เทิงคดีและเน้ือหาสาระที่เก่ียวขอ้ งกบั สาระการเรียนรู้อ่ืน รวมท้งั
เผยแพร่งานแปลจากภาษาองั กฤษเป็นภาษาไทยไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมกบั ประเพณีวฒั นธรรม และ ความเชื่อของ
ทอ้ งถ่ินภูเกต็

โดยใชโ้ ครงสร้างภาษาท่ีถูกตอ้ งและเหมาะสมและสามารถวิเคราะห์ความถูกตอ้ งและความ เหมาะสมใน
บทแปลต่าง ๆ อยา่ งมีหลกั การ เพื่อถ่ายทอดความคิดจากภาษาหน่ึงเป็นอีกภาษาหน่ึงไดต้ รง กบั วฒั นธรรมในภาษา
ของบทแปล

เพ่อื ใหเ้ กิดความซาบซ้ึง เห็นประโยชนแ์ ละคุณคา่ ของตนเองและของผอู้ ื่น ตลอดจนพฒั นาการ แปลภาษา
เพื่อการศึกษาต่อในระดบั ท่ีสูงข้ึนและสู่การประกอบอาชีพในอนาคต

ผลกำรเรียนรู้
1. เขา้ ใจ ตีความและแปลความจากสื่อตน้ ฉบบั ภาษาองั กฤษเป็นภาษาไทยอยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม

คงความหมายเดิม และตรงกบั วฒั นธรรมในภาษาของบทแปล
2. วเิ คราะห์ความถูกตอ้ งและความเหมาะสมในบทแปลต่างๆอยา่ งมีหลกั การ
3. ถ่ายทอดความคิดจากภาษาหน่ึงเป็นอีกภาษาหน่ึงไดต้ รงกบั วฒั นธรรมในภาษาของบทแปล
4. แปลเร่ืองราวชีวิตประจาวนั สิ่งใกลต้ วั ความรู้ทวั่ ไป บนั เทิงคดีและเน้ือหาสาระที่เกี่ยวขอ้ งกบั

สาระการเรียนรู้อ่ืน
5. มีความซาบซ้ึง ภาคภูมิใจ เห็นประโยชน์และคุณค่าของตนเองและของผอู้ ื่น ตลอดจนพฒั นาการ

แปลภาษาเพือ่ การศึกษาต่อในระดบั ท่ีสูงข้ึนและสู่การประกอบอาชีพ
รวมท้งั หมด 5 ผลกำรเรียนรู้

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน 211

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี 6
ภำคเรียนท่ี 2
รำยวชิ ำ ภำษำองั กฤษอ่ำน - เขยี น 6 รหัสวชิ ำ อ33204

เวลำ 40 ชั่วโมง / ภำคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ

ฝึกตีความและแปลความจากสื่อตน้ ฉบบั ภาษาองั กฤษเป็นภาษาไทยและจากภาษาไทยเป็น ภาษาองั กฤษ
อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมคงความหมายเดิมตรงกบั วฒั นธรรมในภาษาของบทแปลเพือ่ ใหข้ อ้ มูล อธิบายเปรียบเทียบ
และแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกบั เร่ืองราวหรือประเดน็ ปัญหาต่างๆสร้างองคค์ วามรู้ โดยใชป้ ระโยชน์จากสื่อการ
เรียนทางภาษา

โดยใชก้ ระบวนการน าเสนองานแปลจากบทกวหี รือละครส้นั ภาษาองั กฤษเป็นภาษาไทยและ ภาษาไทย
เป็นภาษาองั กฤษโดยใชเ้ คา้ โครงตามแนวคิดของเจา้ ของภาษาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมและ สามารถเผยแพร่งาน
แปลจากภาษาไทยเป็นภาษาองั กฤษไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมกบั ประเพณีวฒั นธรรมและ ความเชื่อของทอ้ งถิ่นภูเกต็

เพือ่ ใหเ้ กิดความซาบซ้ึงภาคภูมิใจเห็นประโยชน์และคุณค่าของตนเองและของผอู้ ื่นตลอดจน พฒั นาการ
แปลภาษาเพอ่ื การศึกษาต่อในระดบั ท่ีสูงข้ึนและสู่การประกอบอาชีพ

ผลกำรเรียนรู้
1. เขา้ ใจตีความและแปลความจากสื่อตน้ ฉบบั ภาษาองั กฤษเป็นภาษาไทยและจากภาษาไทยเป็น ภาษาองั กฤษ

อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมคงความหมายเดิมและตรงกบั วฒั นธรรมในภาษาของบทแปล
2. ใหข้ อ้ มูลอธิบายเปรียบเทียบและแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกบั เรื่องราวหรือประเดน็ ปัญหาต่างๆ สร้างองคค์ วามรู้

โดยใชป้ ระโยชน์จากส่ือการเรียนทางภาษาและผลจากการฝึกทกั ษะ
3. นาเสนองานแปลจากบทกวหี รือละครส้นั ภาษาองั กฤษเป็นภาษาไทยและภาษาไทยเป็น ภาษาองั กฤษโดยใชเ้ คา้

โครงตามแนวคิดของเจา้ ของภาษาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม
4. เผยแพร่งานแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาองั กฤษไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมกบั ประเพณีวฒั นธรรมและ ความเชื่อของ

ทอ้ งถ่ินภูเกต็
5. มีความซาบซ้ึงภาคภูมิใจเห็นประโยชนแ์ ละคุณค่าของตนเองและของผอู้ ื่นตลอดจนพฒั นาการ แปลภาษาเพือ่

การศึกษาต่อในระดบั ท่ีสูงข้ึนและสู่การประกอบอาชีพ
รวมท้งั หมด 5 ผลกำรเรียนรู้

212

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ

รำยวชิ ำ ภำษำจนี ระดบั สูง 1 รหัสวชิ ำ จ33201 ช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 6

เวลำ 40 ชั่วโมง / ภำคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ ภำคเรียนที่ 1

ศึกษาทกั ษะการพดู ขอขอ้ มูลและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั สิ่งรอบตวั และบุคคลท่ีพบเห็นในชีวิตประจาวนั
อยา่ งง่ายได้ อ่านออกเสียงคา วลีขอ้ ความและบทความไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การออกเสียง อ่านและแปลความหมาย
จากประโยคส้นั ๆ ท่ีแสดงความรู้สึกในรูปแบบสทั อกั ษรภาษาจีนท่ีกาหนดใหไ้ ดเ้ ขียน ตวั สทั อกั ษรจีนเป็นคา
กลุ่มคา และประโยคอยา่ งง่ายๆ รวมท้งั เติมวรรณยกุ ตไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง ใชภ้ าษาและท่าทาง ในการส่ือสารไดอ้ ยา่ ง
เหมาะสมกบั ระดบั บุคคล สถานที่ โอกาสและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา เขา้ ใจความแตกต่างระหวา่ งภาษาจีน
กบั ภาษาไทยในเรื่องคา วลีสานวน ประโยค ขอ้ ความต่างๆ และนาไปใช้ ในสถานการณ์ต่างๆ อยา่ งถูกตอ้ ง
เหมาะสม สนใจและมีส่วนร่วมในกิจกรรมวนั สาคญั ต่างๆ ทางศาสนา ประเพณีและวฒั นธรรมของไทยและของ
เจา้ ของภาษา ใชภ้ าษาในการแสดงความเห็นเก่ียวกบั บทสนทนา นิทาน และเรื่องส้นั ตามความสนใจ พร้อมท้งั
เสนอความคิดรวบยอดท่ีมีต่อเหตุการณ์หรือเร่ืองราวอยา่ ง สร้างสรรค์

โดยเลือกใชท้ กั ษะกระบวนการฟัง พดู อ่าน เขียน ทกั ษะการจา คิด วเิ คราะห์และเขียน สื่อความ
กระบวนการทางานกลุ่ม/คู่ และสมรรถนะ 5 สมรรถนะ คือ ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถใน การคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

เพอ่ื ใหน้ กั เรียนเป็นผมู้ ีคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซื่อสัตยส์ ุจริต มีวนิ ยั ใฝ่
เรียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มุ่งมน่ั ในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ อนุรักษพ์ ลงั งานและ
สิ่งแวดลอ้ ม สืบสานศิลปวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน ชุมชนร่วมพฒั นา ยดึ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ผลกำรเรียนรู้
1. พดู ขอขอ้ มูลและใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั สิ่งรอบตวั และบุคคลที่พบเห็นในชีวติ ประจาวนั อยา่ งง่ายได้
2. อ่านออกเสียงคา วลีขอ้ ความ และบทความไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การออกเสียง
3. อ่านและแปลความหมายจากประโยคส้นั ๆ ที่แสดงความรู้สึกในรูปแบบสทั อกั ษรภาษาจีนที่ กาหนดใหไ้ ด้
4. เขียนตวั สทั อกั ษรจีนเป็นคา กลุ่มคา และประโยคอยา่ งง่ายๆ รวมท้งั เติมวรรณยกุ ตไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง
5. ใชภ้ าษาและท่าทางในการส่ือสารไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั ระดบั บุคคล สถานที่ โอกาสและวฒั นธรรม

ของเจา้ ของภาษา

213

6. เขา้ ใจความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาจีนกบั ภาษาไทยในเรื่องคา วลีสานวน ประโยค ขอ้ ความ ต่างๆ และ
นาไปใชใ้ นสถานการณ์ต่างๆอยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม

7. สนใจและมีส่วนร่วมในกิจกรรมวนั สาคญั ต่างๆทางศาสนา ประเพณีวฒั นธรรมของไทย และของ
เจา้ ของภาษา

8. ใชภ้ าษาในการแสดงความเห็นเกี่ยวกบั บทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั ตามความสนใจ พร้อม ท้งั เสนอ
ความคิดรวบยอดท่ีมีต่อเหตุการณ์หรือเร่ืองราวอยา่ งสร้างสรรค์

รวมท้งั หมด 8 ผลกำรเรียนรู้

214

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ

รำยวชิ ำ ภำษำจนี ระดบั สูง 2 รหัสวชิ ำ จ33202 ช้ันมัธยมศึกษำปี ที่ 6

เวลำ 40 ช่ัวโมง / ภำคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ ภำคเรียนท่ี 2

ฝึกทกั ษะการใชค้ าขอร้อง คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายตามสถานการณ์ ระบุประโยคและ
ขอ้ ความ หรือตอบคาถามใหส้ มั พนั ธ์กบั สื่อท่ีไม่ใช่ความเรียงท่ีอ่าน จบั ใจความสาคญั สรุปและตอบคาถาม ง่ายๆ
จากเร่ืองที่ฟังหรืออา่ นจากส่ือประเภทต่างๆ สนทนา แลกเปลี่ยนและเขียนโตต้ อบขอ้ มูลเพ่ือสื่อสาร อยา่ ง
ต่อเน่ืองเกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่างๆ ในชีวติ ประจาวนั พดู และเขียนเพอื่ ขอและให้ ขอ้ มูล
เก่ียวกบั ตนเอง เพ่ือน ครอบครัวและเรื่องใกลต้ วั บอกความเหมือนหรือความแตกต่างระหวา่ งการ ออกเสียง
ประโยคชนิดต่างๆ การใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอนและการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของ ภาษาจีนและ
ภาษาไทย คน้ ควา้ รวบรวมและสรุปขอ้ มูลหรือขอ้ เทจ็ จริงที่เก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้ อื่นจากแหล่งเรียนรู้
และนาเสนอดว้ ยการพดู หรือ การเขียน

โดยเลือกใชท้ กั ษะกระบวนการฟัง พดู อ่าน เขียน ทกั ษะการจา คิด วิเคราะห์และเขียน สื่อความ
กระบวนการทางานกลุ่ม/คู่ และสมรรถนะ 5 สมรรถนะ คือ ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถใน การ
คิด ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

เพือ่ ใหน้ กั เรียน เป็นผมู้ ีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซ่ือสัตยส์ ุจริต มีวินยั
ใฝ่ เรียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มุ่งมน่ั ในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ อนุรักษพ์ ลงั งานและ
สิ่งแวดลอ้ ม สืบสานศิลปวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน ชุมชนร่วมพฒั นา ยดึ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ผลกำรเรียนรู้
1. ใชค้ าขอร้อง คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายตามสถานการณ์
2. ระบุประโยคและขอ้ ความ หรือตอบคาถามใหส้ มั พนั ธก์ บั ส่ือที่ไม่ใช่ความเรียงท่ีอ่าน
3. จบั ใจความสาคญั สรุป และตอบคาถามง่ายๆ จากเรื่องที่ฟังหรืออา่ นจากส่ือประเภทต่างๆ
4. สนทนา แลกเปล่ียนและเขียนโตต้ อบขอ้ มูลเพอ่ื สื่อสารอยา่ งต่อเน่ืองเก่ียวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์

ต่างๆ ในชีวติ ประจาวนั
5. พดู และเขียนเพ่ือขอและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เพอื่ น ครอบครัวและเรื่องใกลต้ วั
6. บอกความเหมือนหรือความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดต่างๆ การใชเ้ ครื่องหมาย วรรคตอน

และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาจีนและภาษาไทย
7. คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูลหรือขอ้ เทจ็ จริงที่เก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่ง เรียนรู้

และนาเสนอดว้ ยการพดู หรือการเขียน
8. ใชภ้ าษาจีนในการสืบคน้ /คน้ ควา้ รวบรวม นาเสนอและสรุปความรู้หรือขอ้ มูลต่างๆ จากสื่อและ แหล่งการ

เรียนรู้ต่างๆ ในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ
รวมท้งั หมด 8 ผลกำรเรียนรู้

215

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ

รำยวชิ ำ ภำษำจนี เพ่ือกำรสื่อสำร 5 รหัสวชิ ำ จ33203 ช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 5
ภำคเรียนที่ 1
เวลำ 20 ชั่วโมง / ภำคเรียน จำนวน 0.5 หน่วยกติ

ปฏิบตั ิตามคาขอร้อง แนะนา และคาอธิบายที่ฟังหรืออ่าน อ่านออกสียงขอ้ ความ บทร้อยกรองสน่ั ๆ
ภาษาจีนถูกตอ้ งตามหลกั การอ่าน เขียนบรรยายความร้องสมั พนั ธก์ บั ประโยคและขอ้ ความท่ีฟังหรืออ่าน ใน
เรื่องเวลา สุขภาพ อาชีพ วงคาศพั ทภ์ าษาจีน ระบุหวั ขอ้ เร่ืองใจความสาคญั จากสื่อประเภทต่างๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุ
ผมสามารถเขียนสนทนาโตต้ อบขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง บุคคลใกลต้ วั สถานการณ์ ขา่ วเรื่อง ท่ีอยใู่ น
ชีวติ ประจาวนั พดู และเขียนแสดงความตอ้ งการเสนอใหค้ วามช่วยเหลือตอบรับหรือปฏิเสธบรรยาย ความรู้สึก
แสดงความคิดเห็นในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เลือกใชภ้ าษา น้าเสียง และกริยา ท่าทางเหมาะกบั บุ
คลและโอกาสตามมารยาทยงั คมและวฒั นธรรมเจา้ ของภาษา อธิบายความคิดความ เป็นอยขู่ นบธรรมเนียมและ
ประเพณีของจา้ ของภาษาเปรียบเทียบตามความเหมือนความแตกตา่ งระหวา่ ง การออกเสียงและลาดบั โครงสร้าง
ของภาษาไทยกบั ภาษาจีน เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนความ แตกต่างระหวา่ งชีวติ ความเป็นอยขู่ อง
วฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมจีนและนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม ใช้ ภาษาในการสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ
สืบคนขอ้ มูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ในการศึกษาตอ่ และประกอบอาชีพ

โดยใชก้ ระบวนการทางภาษา กระบวนการฟัง พดู อ่าน เขียน กระบวนการฝึกปฏิบตั ิจริง
กระบวนการกลุ่มกระบวนการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง อภิปรายเพอื่ ใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจไปใชใ้ นการส่ือสาร กบั
บุคคลอื่นตามแบบวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
นาศพั ทแ์ ละบทสนทนาที่ไดม้ าประยกุ ตใ์ ชป้ ระโยชนใ์ น ชีวิตประจาวนั

เห็นคุณคา่ วิชาภาษาจีน มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่เหมาะสม

ผลกำรเรียนรู้
ผลการเรียนรู้ท่ี 1 อ่านออกเสียงประโยคขอ้ ความ บทสนทนา นิทานง่ายๆ
ผลการเรียนรู้ที่ 2 ตอบคาถามง่ายๆ จากเร่ืองที่ฟังหรืออา่ นจากส่ือประเภทต่างๆ
ผลการเรียนรู้ท่ี 3 สนทนา แลกเปล่ียนและเขียนโตต้ อบ สถานการณ์ต่างๆ ในชีวติ ประจ าวนั
ผลการเรียนรู้ที่ 4 พดู และเขียนขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ ส่ิงแวดลอ้ มใกลต้ วั
ผลการเรียนรู้ที่ 5 เขา้ ร่วมหรือจดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมของจีนตามความสนใจ
ผลการเรียนรู้ที่ 6 ใชภ้ าษาจีนส่ือสารในสถานการณ์จริงหรือสถานการณ์จาลองที่เกิดข้ึนในหอ้ งเรียน

รวมท้งั หมด 6 ผลกำรเรียนรู้

216

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ

รำยวชิ ำ ภำษำจนี เพ่ือกำรส่ือสำร 6 รหัสวชิ ำ จ33204 ช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี 5
ภำคเรียนที่ 2
เวลำ 20 ชั่วโมง / ภำคเรียน จำนวน 0.5 หน่วยกติ

ปฏิบตั ิตามคาขอร้อง แนะนา และคาอธิบายที่ฟังหรืออ่าน อ่านออกสียงขอ้ ความ บทร้อยกรองสน่ั ๆ
ภาษาจีนถูกตอ้ งตามหลกั การอ่าน เขียนบรรยายความร้องสมั พนั ธ์กบั ประโยคและขอ้ ความท่ีฟังหรืออ่าน ใน
เร่ืองเวลา สุขภาพ อาชีพ วงคาศพั ทภ์ าษาจีน ระบุหวั ขอ้ เร่ืองใจความสาคญั จากสื่อประเภทต่างๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุ
ผมสามารถเขียนสนทนาโตต้ อบขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง บุคคลใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าวเร่ือง ที่อยใู่ น
ชีวติ ประจาวนั พดู และเขียนแสดงความตอ้ งการเสนอใหค้ วามช่วยเหลือตอบรับหรือปฏิเสธบรรยาย ความรู้สึก
แสดงความคิดเห็นในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เลือกใชภ้ าษา น้าเสียง และกริยา ท่าทางเหมาะกบั บุ
คลและโอกาสตามมารยาทยงั คมและวฒั นธรรมเจา้ ของภาษา อธิบายความคิดความ เป็นอยขู่ นบธรรมเนียมและ
ประเพณีของจา้ ของภาษาเปรียบเทียบตามความเหมือนความแตกตา่ งระหวา่ ง การออกเสียงและลาดบั โครงสร้าง
ของภาษาไทยกบั ภาษาจีน เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนความ แตกต่างระหวา่ งชีวติ ความเป็นอยขู่ อง
วฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมจีนและนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม ใชภ้ าษาในการส่ือสารในสถานการณ์ต่าง ๆ
สืบคนขอ้ มูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ในการศึกษาต่อและประกอบ อาชีพ

โดยใชก้ ระบวนการทางภาษา กระบวนการฟัง พดู อ่าน เขียน กระบวนการฝึกปฏิบตั ิจริง
กระบวนการกลุ่มกระบวนการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง อภิปรายเพื่อใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจไปใชใ้ นการส่ือสาร กบั
บุคคลอ่ืนตามแบบวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา นาศพั ทแ์ ละบทสนทนาที่ไดม้ าประยกุ ตใ์ ชป้ ระโยชน์ใน
ชีวิตประจาวนั

เห็นคุณค่าวชิ าภาษาจีน มีคุณธรรม จริยธรรมและคา่ นิยมที่เหมาะสม

ผลกำรเรียนรู้
ผลการเรียนรู้ท่ี 1 อ่านออกเสียงประโยคขอ้ ความ บทสนทนา นิทานง่ายๆ
ผลการเรียนรู้ที่ 2 ตอบคาถามง่ายๆ จากเรื่องท่ีฟังหรืออา่ นจากสื่อประเภทต่างๆ
ผลการเรียนรู้ที่ 3 สนทนา แลกเปลี่ยนและเขียนโตต้ อบ สถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจาวนั
ผลการเรียนรู้ที่ 4 พดู และเขียนขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ สิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั
ผลการเรียนรู้ท่ี 5 เขา้ ร่วมหรือจดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมของจีนตามความสนใจ
ผลการเรียนรู้ที่ 6 ใชภ้ าษาจีนสื่อสารในสถานการณ์จริงหรือสถานการณ์จาลองท่ีเกิดข้ึนใน หอ้ งเรียน

รวมท้งั หมด 6 ผลกำรเรียนรู้

217

กจิ กรรมพฒั นำผู้เรียน
ช้ันมธั ยมศึกษำตอนปลำย
ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พืน้ ฐำน

พทุ ธศักรำช 2551

218

กจิ กรรมพฒั นำผู้เรียน

1. ควำมสำคญั
พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 กาหนดแนวการจดั การศึกษา โดยยดึ หลกั วา่ ผเู้ รียนทกุ

คนมีความสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองได้ และถือวา่ ผเู้ รียนมีความสาคญั ท่ีสุดกระบวนการจดั การศึกษาตอ้ ง
ส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนสามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเตม็ ตามศกั ยภาพ โดยจดั เน้ือหาสาระ และกิจกรรมให้
สอดคลอ้ งกบั ความสนใจและความถนดั ของผเู้ รียน คานึงถึงความแตกต่างระหวา่ งบุคคลฝึก ทกั ษะกระบวนการคิด
การจดั การ การเผชิญสถานการณ์ และการประยกุ ตค์ วามรู้มาใชใ้ นการป้องกนั แกป้ ัญหาและเรียนรู้จาก
ประสบการณ์จริง ประกอบกบั มีการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็วของสงั คมและเทคโนโลยี ก่อใหเ้ กิดท้งั ผลดีและ
ผลเสียต่อการดาเนินชีวติ ในปัจจุบนั ของบุคคล ทาใหเ้ กิดความยงุ่ ยาก ซบั ซอ้ นมากยง่ิ ข้ึน จาเป็นตอ้ งปรับเปล่ียน
วถิ ีการดาเนินชีวติ ใหส้ ามารถดารงอยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมีคุณคา่ มี ศกั ด์ิศรี และมีความสุข

หลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน กาหนดใหม้ ีสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่ม และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนซ่ึง เป็น
กิจกรรมท่ีจดั ใหผ้ เู้ รียนไดพ้ ฒั นาความสามารถของตนเองตามศกั ยภาพ มุ่งเนน้ เพ่ิมเติมจากกิจกรรมที่ ไดจ้ ดั ให้
ผเู้ รียนตามกลุ่มสาระท่ี 8 กลุ่ม การเขา้ ร่วมและปฏิบตั ิกิจกรรมที่เหมาะสมร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งมีความสุข กบั กิจกรรม
ที่เลือกดว้ ยตนเอง ตามความถนดั และความสนใจอยา่ งแทจ้ ริง การพฒั นาท่ีสาคญั คือ การพฒั นาองคร์ วมของความ
เป็นมนุษยใ์ หค้ รบทุกดา้ น ท้งั ร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสงั คม ใหเ้ ป็นผมู้ ี ศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินยั
และมีคุณภาพ ปลูกฝังและสร้างจิตสานึกของการทาประโยชนเ์ พือ่ สังคม และประเทศชาติ

2. วสิ ัยทศั น์
วิสยั ทศั น์ของกลุ่มกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน เป็นกิจกรรมที่จดั อยา่ งเป็นกระบวนการ ดว้ ยรูปแบบ วิธีการ

ท่ีหลากหลาย ใหไ้ ดร้ ับประสบการณ์จากการปฏิบตั ิจริง มีความหมาย และมีคุณค่าในการพฒั นา ผเู้ รียนท้งั ดา้ น
ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์และสงั คม มุ่งเสริมเจตคติ คุณค่าชีวติ ปลูกฝังคุณธรรมและ ค่านิยมที่พ่งึ ประสงค์
ส่งเสริมใหร้ ู้เรียนรู้จกั และเขา้ ใจตนเอง สร้างจิตสานึกในธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ปรับตวั และปฏิบตั ิตนใหเ้ ป็น
ประโยชนต์ ่อสงั คม ประเทศชาติและดารงชิวีตไดอ้ ยา่ งมีความสุข

3. ธรรมชำตแิ ละลกั ษณะวชิ ำ
กลุ่มกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน เนน้ การจดั กิจกรรมในลกั ษณะของการบูรณาการองคค์ วามรู้ต่างๆ ที่

เก้ือกลู ส่งเสริมการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระใหม้ ีความกวา้ งขวางลึกซ้ึงยงิ่ ข้ึน อีกท้งั ใหผ้ เู้ รียนไดค้ น้ พบและใช้

219

ศกั ยภาพท่มี ใี นตนอย่างเตม็ ท่ี เลอื ก ตดั สนิ ใจ ได้อยา่ งมีเหตผุ ลเหมาะสมกบั ตนเอง สามารถวางแผนชีวติ
และอาชีพ ได้อยา่ งมีคณุ ภาพ เน้นการเสริมสร้างทกั ษะชีวติ วฒุ ิภาวะทางอารมณ์ ศลี ธรรม และ จริยธรรม
กิจกรรม พฒั นาทกั ษะชีวติ กิจกรรมสร้างเสริมประสทิ ธิภาพทางการเรียน เป็นต้น

4. คุณภาพของผู้เรียน

• คณุ ภาพของผ้เู รียนเมื่อจบหลกั สตู ร กลมุ่ กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน มงุ่ พฒั นาผู้เรียนให้รู้จกั และเหน็
คณุ คา่ ในตนเองและผ้อู ่นื มวี ฒุ ิภาวะทางอาร์ม มีกระบวนการคิด มีทกั ษะในการด าเนินชีวติ อยา่ ง
เหมาะสม และมีความสขุ มีจิตสานกึ ในการรับผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว สงั คม และประเทศชาติ

• คณุ ภาพของผ้เู รียนเมอ่ื จบแตล่ ะช่วงชนั้

ชว่ งชนั้ ที่ 1 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1–3 รู้ความต้องการจดุ เดน่ จดุ ด้อยของตนเองตลอดจนตดั สินใจ
แก้ไขปัญหางา่ ยๆของตนเองได้ทางานร่วมกบั ผ้อู ื่นได้อย่างมีความสขุ แสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสม
กบั วยั สามารถค้นหาข้อมลู จากแหลง่ ใกล้ตวั และเลอื กใช้ ข้อมลู ให้เป็นประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั

ชว่ งชนั้ ท่ี 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4–6 รู้ความต้องการและความสนใจของตนเอง พฒั นาจดุ เดน่ และ
ปรับปรุงจดุ ด้อยรู้และเข้าใจปัญหาท่ีซบั ซ้อน มีการควบคมุ อารมณ์และมีการแสดงออกได้เหมาะสมกบั วยั
และสถานการณ์ทางานร่วมกบั ผ้อู น่ื ได้อย่างมีความสขุ ตดั สินในแก้ปัญหาตนเอง ครอบครัว โรงเรียน
สามารถค้นหาข้อมลู จากแหลง่ ตา่ งๆ ด้วยวีการท่ีหลากหลายและ เลอื กใช้ข้อมลู ให้เป็นประโยชน์ใน
ชีวิตประจาวนั

ช่วงชนั้ ท่ี 3 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1–3 รู้และเข้าใจความรู้สกึ ของตนเองแสวงหาแบบอยา่ งที่ดีและ
เหมาะสม รู้และเข้าใจสาเหตขุ องปัญหาและมี แนวทางในการแก้ปัญหา เข้าใจและยอมรับความแตกตา่ ง
ระหวา่ งบคุ คล มีความสามารถจดั การกบั อารมณ์และ แสดงออกได้อยา่ งเหมาะสม มีความสามารถในการ
ทางานในฐานะผ้นู าและผ้ตู ามท่ีดมี ีความสามารถในการตดั สนิ ใจแก้ปัญหาของตนเอง ครอบครัวโรงเรียน
และสงั คม สามารถค้นหา รวบรวม วเิ คราะห์ข้อมลู จากแหลง่ ตา่ งๆด้วยวิธีการที่หลากหลายทันสมยั และ
สามารถเลอื กใช้ข้อมลู สารสนเทศให้เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเองและสงั คม

ความหมาย

กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน เป็นกิจกรรมท่ีจดั อย่างเป็นกระบวนการด้านรูปแบบวธิ ีการท่ีหลากหลาย ในการ
พฒั นาผ้เู รียนด้านร่างกาย จิตใจ สตปิ ัญญา อารมณ์และสงั คม มงุ่ สง่ เสริมเจตคตคิ ณุ ค่าชีวติ ปลกู ฝัง
คณุ ธรรมและ คา่ นิยมที่พงึ ประสงค์สง่ เสริมให้ผ้เู รียนรู้จกั และเข้าใจตนเอง สร้างจิตสานกึ ในธรรมชาตแิ ละ
ส่งิ แวดล้อม ปรับตวั และปฏิบตั ติ นให้เป็นประโยชน์ตอ่ สงั คม ประเทศชาติและดารงชีวิตได้อย่างมีความสขุ

220

เป้าหมาย การจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนมงุ่ พฒั นาให้บคุ คลรู้จกั และเหน็ คณุ คา่ ในตนเองและผ้อู น่ื มี
วฒุ ิภาวะทาง อารมณ์มีกระบวนการคดิ มีทกั ษะในการดาเนินชีวติ อย่างเหมาะสม และมีความสขุ มี
จิตสานกึ ในการรับผิดชอบตอ่ ตนเองครอบครัวสงั คมและประเทศชาตโิ ดยกาหนดเปา้ หมายในการจดั
กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน ดงั นี ้

1. ผ้เู รียนได้รับประสบการณ์ทหี่ ลากหลายเกิดความรู้ความชานาญ ทงั้ วิชาการดูแลวิชาชีพ
อยา่ ง กว้างขวางมากยิ่งขนึ ้

2. ผ้เู รียนค้นพบความสนใจความถนดั และพฒั นาความสามารถพิเศษเฉพาะตวั มองเห็น
ช่องทางใน การสร้างงานอาชีพในอนาคตได้เหมาะสมกบั ตนเอง

3. ผ้เู รียนเหน็ คณุ คา่ ขององค์ความรู้ตา่ งๆสามารถนาความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการ
พฒั นา ตนเองและประกอบอาชีพ

4. ผ้เู รียนพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ เจตคตคิ า่ นิยมในการดารงชีวิตและสร้างศลี ธรรม จริยธรรม

5. ผ้เู รียนมีจิตส านกึ และทาประโยชน์เพอ่ื สงั คมและประเทศชาติ

หลักการจัด

กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนมีหลกั การจดั ดงั นี ้

1. มีการกาหนดวตั ถปุ ระสงค์และแนวปฏบิ ตั ิทีชดั เจนเป็นรูปแบบ

2. จดั ให้เหมาะสมกบั วยั วฒุ ิภาวะความสนใจความถนดั และความสามารถของผ้เู รียน

3. บรู ณาการวิชาการกบั ชีวิตจริง ให้เรียนได้ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของการเรียนรู้ตลอดชีวิต

4. ใช้กระบวนการกลมุ่ ในการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ฝึกให้คดิ วิเคราะห์สร้างสรรค์จิตนาการ
ท่ีเป็น ประโยชน์และสมั พนั ธ์กบั ชีวิตในแตล่ ะชว่ งวยั อยา่ งตอ่ เน่ือง

5. จานวนสมาชิกมีความเหมาะสมกบั ลกั ษณะของกิจกรรม

6. มีการกาหนดเวลาในการจดั กิจกรรมให้เหมาะสม สอดคล้องกบั วิสยั ทศั น์และเปา้ หมายของ
สถานศกึ ษา

7. ผ้เู รียนเป็นผ้ดู าเนินการ มีครูเป็นท่ปี รึกษาถือเป็นหน้าท่แี ละงานประจาโดยคานงึ ถงึ ความ
ปลอดภยั

221

8. ยดึ หลกั การมีสว่ นร่วม โดยเปิดโอกาสให้ครูพอ่ แมผ่ ้ปู กครอง ชมุ ชน องค์กรทงั้ ภาครัฐและเอกชน
มีสว่ นร่วมในการจกั กิจกรรม

9. มีการประเมินผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยวธิ ีการท่ีหลากหลายและสอดคล้องกบั กิจกรรมอย่าง
เป็นระบบและตอ่ เน่ือง โดยให้ถือวา่ เป็นเกณฑ์การประเมินผลการผ่านช่วงชนั้ เรียน

10. มีการประเมินผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยวิธีการท่ีหลากหลายและสอดคล้องกบั กิจกรรมอยา่ ง
เป็น ระบบและตอ่ เนื่อง โดยให้ถือวา่ เป็นเกณฑ์การประเมินผลการผา่ นช่วงชนั้ เรียน

แนวการจัด

สถานศกึ ษาต้องจดั ให้ผ้เู รียนทกุ คนเข้าร่วมกิจกรรม โดยคานงึ ถงึ แนวการจดั ดงั ต่อไปนี ้

1. การจดั กิจกรรมตา่ งๆ เพ่ือเกือ้ กลู สง่ เสริมการเรียนรู้ตามกลมุ่ สาระการเรียนรู้ เชน่ การบรู ณาการ
โครงการองค์ความรู้จากกลมุ่ สาระการเรียนรู้เป็นต้น

2. จดั กิจกรรมตามความสนใจความถนดั ตามธรรมชาติและความสามารถความต้องการของ
ผ้เู รียนและ ชมุ ชน เช่น ชมรมทางวชิ าการตา่ งๆ เป็นต้น

3. จดั กิจกรรมเพ่ือปลกู ฝังและสร้างจิตส านกึ ในการท าประโยชน์ตอ่ สงั คม เช่น กิจกรรม ลกู เสอื
เนตรนารี เป็นต้น

4. จดั กิจกรรมประเภทบริการตา่ งๆฝึกการทางานที่เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเองและสว่ นรวม

โครงสร้างกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนและเวลาเรียน

1. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมท่ีสง่ เสริมและพฒั นาให้ผ้เู รียนรู้จกั ตนเอง รู้รักษ์สง่ิ แวดล้อม
สามารถคดิ ตดั สนิ ใจแก้ปัญหา ก าหนดเปา้ หมาย วางแผนชีวติ ทงั้ ด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับ
ตน

ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนีย้ งั ช่วยให้ครูรู้จกั และเข้าใจผ้เู รียน ทงั้ ยงั เป็นกิจกรรมท่ชี ่วยเหลอื และให้
คาปรึกษาแก่ผ้ปู กครองในการมีสว่ นร่วมพฒั นาผ้เู รียน

2. กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมท่ีผ้เู รียนเป็นผ้ทู ป่ี ฏบิ ตั ิด้วยตนเอง ตงั้ แตศ่ กึ ษาวิเคราะห์
วางแผน ปฏบิ ตั ิตามแผน ประเมินและปรับปรุงการท างาน โดยเน้นการท างานร่วมกนั เป็นกลมุ่ เชน่
ลกู เสอื –เนตรนารีโครงงาน ฯลฯ

3. กิจกรรมสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมท่ีสง่ เสริมให้ผ้เู รียน บาเพญ็ ตนให้เป็นประโยชน์ตอ่
สงั คม ชมุ ชน และท้องถิ่น ตามความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร เพือ่ แสดงถงึ ความรับผิดชอบ ความดี
งาม ความเสยี สละ ตอ่ สงั คม ชมุ ชน มีจิตสาธารณะ

222

การจัดเวลาเรียน

ในการจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนตลอดปีการศกึ ษา ต้องมีเวลาเรียนประมาณ 20/ของ เวลา เรียนทงั้ หมด
บางกิจกรรมสามารถด าเนินการนอกเวลาเรียนกไ็ ด้ กาหนดเวลาเรียนกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนดงั นี ้

โครงสร้างเวลาการจัดกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนในแต่ระดบั ชัน้ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551

กิจกรรม มัธยมศกึ ษาตอนต้น มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
ม.1 ม.2 ม.3 ม.4 ม.5 ม.6
-กิจกรรมแนะแนว 40 40 40 40 40 40
-กิจกรรมนกั เรียน 64 65 65 60 60 60
-กิจกรรมเพ่ือสงั คมและ รวม 45 ชม. (15 ชม.ปี)
สาธารณะประโยชน์ 20 ชม./ปี

120/ปี 120/ปี 120/ปี 360/ปีการศกึ ษา

รวม การศกึ ษา การศกึ ษ การศกึ ษ
าา

การประเมินการจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื ้ ฐาน
พทุ ธศกั ราช

2551 เป็นการประเมนิ โดยผ้เู รียนต้องมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรม ปฏิบตั ิกิจกรรม และมีผลงาน/ชิน้ งาน/

คณุ ลกั ษณะผา่ นการประเมนิ ตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากาหนด

หลักการ

การประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื ้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
เป็นการประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมหรือผลงาน/ชิน้ งาน/คณุ ลกั ษณะของผ้เู รียน เป็นระยะอยา่ งตอ่ เน่ือง
มงุ่ เน้นให้ผ้เู รียนค้นหาศกั ยภาพของตน สะท้อนแนวคดิ จากการปฏิบตั กิ ิจกรรม การท างานกลมุ่ และ
การมีจิตสาธารณะ โดยให้ทกุ ฝ่ายท่ีเก่ียวข้องมีสว่ นร่วมในการประเมิน

223

แนวทางการประเมิน
สถานศกึ ษาควรกาหนดแนวทางทช่ี ดั เจนในการประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน 2 ประการ คอื การ

ประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนรายกิจกรรม และการประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนเพอ่ื การตดั สนิ
1. การประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนรายกิจกรรม การประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนราย

กิจกรรมมีแนวปฏบิ ตั ิ ดงั นี ้
1.1 ตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของผ้เู รียนให้เป็นไปตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษา

กาหนด
1.2 ประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม และผลงาน/ชิน้ งาน/

คณุ ลกั ษณะของผ้เู รียนตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากาหนดด้วยวธิ ีการท่ีหลากหลาย เน้นการมีสว่ นร่วม
ของ
ผ้เู กี่ยวข้องในการปฏิบตั ิ

1.3 ผ้เู รียนที่มเี วลาการเข้าร่วมกิจกรรม มีการปฏิบตั ิกิจกรรม และมีผลงาน/ชิน้ งาน/
คณุ ลกั ษณะตามเกณฑ์ทส่ี ถานศกึ ษากาหนด เป็นผ้ผู ่านการประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน รายกิจกรรม
และนาผลการประเมินไปบนั ทกึ ในระเบียนแสดงผลการเรียน

1.4 ผ้เู รียนที่มผี ลการประเมนิ ไมผ่ ่านในเกณฑ์เวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบตั ิ
กิจกรรม และผลงาน/ชิน้ งาน/คณุ ลกั ษณะตามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด ครูหรือผ้รู ับผิดชอบต้อง ดาเนินการ
ซอ่ มเสริมและประเมนิ จนผา่ น ทงั้ นีค้ วรดาเนินการให้เสร็จสิน้ ในปีการศกึ ษานนั้ ๆ ยกเว้น มีเหตสุ ดุ วิสยั
ให้อยใู่ นดลุ พนิ ิจของสถานศกึ ษา

2. การประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนเพอ่ื การตดั สนิ การประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนเพื่อตดั สนิ
เลอื่ นชนั้ และจบระดบั การศกึ ษา เป็นการประเมนิ การผ่านกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนเป็นรายปี/รายภาค เพอ่ื
สรุปผลการผา่ นในแตล่ ะ กิจกรรม สรุปผลรวมเพอื่ เลอ่ื นชนั้ และประมวลผลรวมในปีสดุ ท้ายเพ่ือการจบ
แตล่ ะระดบั การศกึ ษา โดยการดาเนินการดงั กลา่ วมีแนวปฏบิ ตั ิ ดงั นี ้

224

2.1 กาหนดให้มีผ้รู ับผิดชอบในการรวบรวมข้อมลู เก่ียวกบั การร่วมกิจกรรมพฒั นา ผ้เู รียน
ของผ้เู รียนทกุ คนตลอดระดบั การศกึ ษา

2.2 ผ้รู ับผิดชอบสรุปและตดั สนิ ผลการร่วมกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนของผ้เู รียน เป็น
รายบคุ คล ตามเกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษากาหนด เกณฑ์การจบแตล่ ะระดบั การศกึ ษาทีส่ ถานศกึ ษา
กาหนดนนั้ ผ้เู รียนจะต้องผ่านกิจกรรม 3 กิจกรรมสาคญั ดงั นี ้

2.2.1 กิจกรรมแนะแนว
2.2.2 กิจกรรมนกั เรียน ได้แก่ 1) กิจกรรมลกู เสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด ผ้บู าเพ็ญ
ประโยชน์ และ นกั ศกึ ษาวิชาทหาร โดยเลอื กเพียง 1 กิจกรรม 2) กิจกรรมชมุ นมุ ชมรม
2.2.3 กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์
2.3 ผ้รู ับผิดชอบเสนอผลการประเมินตอ่ คณะอนกุ รรมการกลมุ่ สาระการเรียนรู้และ
กิจกรรม
พฒั นาผ้เู รียนเพอ่ื ให้ความเห็นชอบ
2.4 ผ้รู ับผิดชอบเสนอผ้บู ริหารสถานศกึ ษาพิจารณาเพือ่ อนมุ ตั ผิ ลการประเมิน กิจกรรม
พฒั นา
ผ้เู รียนผา่ นเกณฑ์การจบแตล่ ะระดบั การศกึ ษา

เกณฑ์การตดั สิน
ผ้เู รียนจะต้องได้รับการประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนและผา่ นเกณฑ์ตามที่สถานศกึ ษา

กาหนด โดยกาหนดเกณฑ์ในการประเมินอยา่ งเหมาะสม ดงั นี ้
1. กาหนดคณุ ภาพหรือเกณฑ์ในการประเมินตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้

พืน้ ฐาน กาหนด ไว้ 2 ระดบั คือ “ผา่ น” และ “ไมผ่ ่าน”
2. กาหนดประเดน็ การประเมนิ ให้สอดคล้องตามวตั ถปุ ระสงค์ในแตล่ ะกิจกรรม และ

กาหนดเกณฑ์

225

2.1 เกณฑ์การตดั สนิ ผลการประเมนิ รายกิจกรรม ผ่าน หมายถงึ ผ้เู รียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบ
ตามเกณฑ์ ปฏิบตั กิ ิจกรรม และมีผลงาน/ชิน้ งาน/คณุ ลกั ษณะตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษา กาหนด

ผ่าน หมายถงึ ผ้เู รียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบตามเกณฑ์
ไมผ่ ่าน การปฏิบตั กิ ิจกรรม หรือมีผลงาน/ชิน้ งาน/คณุ ลกั ษณะ ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ท่ี
สถานศกึ ษากาหนด
2.2 เกณฑ์การตดั สนิ ผลการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนรายปี/รายภาค
ผ่าน หมายถงึ ผ้เู รียนมีผลการประเมินระดบั “ผา่ น” ในกิจกรรมสาคญั ทงั้ 3 ลกั ษณะ
คอื กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนกั เรียน และกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์
ไมผ่ า่ น หมายถงึ ผ้เู รียนมีผลการประเมินระดบั “ไมผ่ า่ น” ในกิจกรรมสาคญั กิจกรรม
ใดกิจกรรมหนง่ึ จาก 3 ลกั ษณะ คอื กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนกั เรียน กิจกรรมเพ่ือสงั คมและ
สาธารณประโยชน์
2.3 เกณฑ์การตดั สินผลการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนเพ่ือจบระดบั การศกึ ษา
ผ่าน หมายถงึ ผ้เู รียนมีผลการประเมินระดบั “ผา่ น” ทกุ ชนั้ ปีในระดบั การศกึ ษานนั้
ไม่ผ่าน หมายถงึ ผ้เู รียนมีผลการประเมินระดบั “ไมผ่ า่ น” บางชนั้ ปี ในระดบั
การศกึ ษานนั้
แนวทางแก้ไขกรณีนักเรียนไม่ผ่าน
กรณีท่ีผ้เู รียนไมผ่ า่ นกิจกรรมให้เป็นหน้าทข่ี องครูหรือผ้รู ับผิดชอบกิจกรรมนนั้ ๆ ที่
จะต้อง ซอ่ มเสริมโดยให้ผ้เู รียนดาเนินกิจกรรมจนครบตามเวลาทีข่ าดหรือปฏิบตั ิกิจกรรมให้บรรลุ
ตามวตั ถปุ ระสงค์ของกิจกรรมนนั้ แล้วจงึ ประเมินให้ผา่ นกิจกรรมเพ่ือบนั ทกึ ในระเบียนแสดงผล การ
เรียน ยกเว้นมเี หตสุ ดุ วสิ ยั ให้
รายงานผ้บู ริหารสถานศกึ ษาทราบเพื่อดาเนินการช่วยเหลือผ้เู รียน อยา่ งเหมาะสมเป็นรายกรณีไป

226

ข้อเสนอแนะ

การประเมินการเข้าร่วมกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนนนั้ จะต้องคานงึ ถงึ สิง่ ต่อไปนี ้
1. ผ้เู รียนมีเวลาการเข้าร่วมกิจกรรมของผ้เู รียนตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากาหนด โดย
สถานศกึ ษาควรกาหนดเวลาไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนแตล่ ะกิจกรรม สาหรับ กิจกรรมเพื่อ
สงั คมและสาธารณประโยชน์ ผ้เู รียนต้องปฏบิ ตั กิ ิจกรรมครบตามโครงสร้างเวลาเรียน
2. ผ้เู รียนมีผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม และมีผลงาน/ชิน้ งาน/คณุ ลกั ษณะตามเกณฑ์ท่ี
สถานศกึ ษา

กาหนด โดยอาจจดั ให้ผ้เู รียนแสดงผลงาน แฟม้ สะสมงาน หรือจดั นิทรรศการ
3. การจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน หากสถานศกึ ษามบี คุ ลากรไม่เพียงพอหรือไม่สามารถ

จดั

กิจกรรมได้อยา่ งหลากหลาย สถานศกึ ษาอาจจดั กิจกรรมในลกั ษณะบรู ณาการในกิจกรรม หรือ
โครงการ

ตา่ ง ๆ เช่น กิจกรรมโฮมรูม กิจกรรมวนั สาคญั กิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ เป็นต้น ซงึ่ สถานศกึ ษา
สามารถประเมนิ ผลการเข้าร่วมกิจกรรมดงั กลา่ ว และนามาเป็นสว่ นหนง่ึ ในการประเมินกิจกรรม
พฒั นา

4. การจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนควรมีองค์ประกอบในการดาเนินการ ดงั นี ้

4.1 มีครูทีป่ รึกษากิจกรรม และมีแผนการดาเนินกิจกรรม

4.2 มีหลกั ฐาน ชิน้ งาน หรือแฟม้ สะสมงาน

4.3 มีผ้รู ับรองผลการเข้าร่วมกิจกรรม

4.4 มีรายงานแสดงการเข้าร่วมกิจกรรม

บทบาทของบุคลากรท่เี ก่ยี วข้อง
การดาเนินการจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนให้มีประสิทธิภาพจาเป็นอยา่ งย่ิงท่ตี ้องกาหนด

บทบาทหน้าทข่ี องบคุ ลากรทเี่ ก่ียวข้อง ซง่ึ สถานศกึ ษาสามารถนาไปเป็นแนวทางในการปฏิบตั ิได้ตาม
ความเหมาะสม

227

บทบาทของผู้บริหารสถานศกึ ษา
1. กาหนดแผนการจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนไว้ในหลกั สตู รสถานศกึ ษา และโดยการมีส่วนร่วม

ของผ้เู ก่ียวข้องทกุ ฝ่าย
2. ผ้บู ริหารชีแ้ จง ทาความเข้าใจ และสร้างความตระหนกั ให้บคุ ลากรและผ้มู ีสว่ น เกี่ยวข้องทกุ

คนเห็นคณุ คา่ และร่วมมือในการจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน
3. พฒั นาและสง่ เสริมสนบั สนนุ ให้ครูมีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และ มีความ

ทนั สมยั ในการจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนทห่ี ลากหลายสอดคล้องกบั ความต้องการของ ผ้เู รียนและ
สถานการณ์ปัจจบุ นั อยา่ งตอ่ เน่ืองและมีประสิทธิภาพ

4. สร้างเครือขา่ ยและประสานความร่วมมือและความเข้าใจอนั ดีระหวา่ งสถานศกึ ษา กบั ผู้เรียน
ผ้ปู กครอง ชมุ ชน องค์กรภาครัฐและภาคเอกชนเพอ่ื สนบั สนนุ การจดั กิจกรรม

5. นิเทศ ตดิ ตาม ให้ค าปรึกษา ประเมนิ ผล และสร้างขวญั กาลงั ใจแกผ่ ้ปู ฏิบตั งิ าน ในการจดั
กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน

6. แลกเปล่ยี นเรียนรู้และเผยแพร่ผลงานท่ีประสบผลสาเร็จกบั หน่วยงานและบคุ ลากร ท่ี
เก่ียวข้อง

บทบาทของครูผู้รับผดิ ชอบกจิ กรรม
1. ศกึ ษาหลกั การ วตั ถปุ ระสงค์ ขอบขา่ ย แนวการจดั กิจกรรม การประเมินผลพฒั นา

ผ้เู รียน และจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนให้บรรลตุ ามเปา้ หมาย
2. ชีแ้ จงและทาความเข้าใจกบั ผ้เู รียนและผ้ปู กครองเก่ียวกบั การจดั กิจกรรมพฒั นา ผ้เู รียน
3. ร่วมกบั ผ้เู รียนออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกบั ความสามารถ ความถนดั ความสนใจ ของ

ผ้เู รียน และเป็นไปตามหลกั การ ปรัชญา และแนวการจดั กิจกรรมพฒั นานกั เรียน
4. สง่ เสริม กระต้นุ และอานวยความสะดวกให้ผ้เู รียนแสดงความคดิ เห็นอยา่ งอสิ ระ ในการ

จดั ทาแผนงาน โครงการร่วมปฏิบตั ิกิจกรรม และการประเมินผล

228

5. ให้คาปรึกษา ดแู ล ตดิ ตาม ประสานงาน และอานวยความสะดวกให้แก่ผ้เู รียน ในการร่วม
กิจกรรมให้เป็นไปตามแผน

6. ประเมนิ ผลการเข้าร่วมกิจกรรมของผ้เู รียน และซอ่ มเสริมกรณีท่ีผ้เู รียนไมผ่ ่านเกณฑ์พร้อม
จดั ทาเอกสารหลกั ฐานการประเมินผล

7. รายงานผลการด าเนินกิจกรรมให้ผ้เู ก่ียวข้องทราบ แล้วนาผลการจดั กิจกรรม มาพฒั นาและ
ปรับปรุงแก้ไข

8. แลกเปลี่ยนเรียนรู้และเผยแพร่ผลงานทป่ี ระสบผลสาเร็จกบั หน่วยงานและบคุ ลากรที่เกี่ยวข้อง

บทบาทของผู้เรียน
1. ศกึ ษาข้อมลู วเิ คราะห์ตนเอง และเข้าร่วมกิจกรรมตามความสนใจ ความถนดั และ

ความสามารถ หรือตามข้อเสนอแนะของสถานศกึ ษา
2. เข้ารับการปฐมนิเทศจากครูผ้รู ับผิดชอบกิจกรรม
3. ร่วมประชมุ เลอื กตงั้ คณะกรรมการฝ่ายตา่ ง ๆ ตามลกั ษณะของกิจกรรม
4. ร่วมประชมุ จดั ทาแผนงาน โครงการ ปฏทิ ินงาน และปฏบิ ตั ิกิจกรรม ด้วยความเอาใจใส่ อยา่ ง

สม่าเสมอ
5. ร่วมประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมและน าผลมาพฒั นาตนเอง และนาเสนอ ผลการปฏิบตั ิ

กิจกรรมตอ่ ครูผ้รู ับผิดชอบ
6. แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถอดประสบการณ์ ทบทวน และสะท้อนความรู้สกึ ภายหลงั การปฏิบตั ิ

กิจกรรม (After Action Review : AAR) รวมทงั้ สร้างเครือขา่ ยจิตอาสาและขยายผล ตอ่ ยอดสคู่ วาม
ยงั่ ยืน

229

บทบาทของคณะกรรมการสถานศกึ ษา
1. ให้ความเหน็ ชอบและมีสว่ นร่วมในการก าหนดวางแผนด าเนินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน ตาม

หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
2. สง่ เสริมสนบั สนนุ การด าเนินการจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนตามความเหมาะสม

บทบาทของผู้ปกครองและชุมชน
1. มีสว่ นร่วมในการวางแผนการจดั กิจกรรม และอาสาร่วมกิจกรรมตา่ ง ๆ ของ สถานศกึ ษา

และชมุ ชน
2. ยอมรับในศกั ยภาพของผ้เู รียน ให้โอกาสให้ผ้เู รียนได้สารวจตนเองเพือ่ ประกอบ กาตดั สินใจ

ในการเลอื กแผนการเรียน การศกึ ษาตอ่ และการประกอบอาชีพ
3. ดแู ล เอาใจใสผ่ ้เู รียน และให้ข้อมลู ทีเ่ ป็นประโยชน์ตอ่ การพฒั นา ปอ้ งกนั และ แก้ไขปัญหา

ของผ้เู รียน
4. เป็นทป่ี รึกษาหรือแนะแนวทางการดาเนินชีวติ ท่ดี งี ามให้แก่ผ้เู รียน
5. ร่วมมือกบั สถานศกึ ษาเพื่อตดิ ตามประเมินผลพฒั นาและการปฏิบตั กิ ิจกรรม ของผ้เู รียน

แนวการจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื ้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 เป็น
การจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนให้ครอบคลมุ 3 ลกั ษณะ คอื กิจกรรม แนะแนว กิจกรรมนกั เรียน และ
กิจกรรม เพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ โดยเสนอไว้เป็นระบบ เพือ่ ให้ผ้เู ก่ียวข้องเห็นภาพกิจกรรม
พฒั นาผ้เู รียนและสามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ได้ตามความเหมาะสม ดงั นี ้
ขอบขา่ ยกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
กิจกรรมแนะแนว - กิจกรรมลกู เสือ เนตรนารียวุ กาชาด ผ้บู าเพญ็ ประโยชน์และนกั ศกึ ษาวิชาทหาร
กิจกรรมเพ่ือสงั คม และสาธารณประโยชน์กิจกรรมนกั เรียน - ด้านการศกึ ษา - ด้านอาชีพ - ด้าน
สว่ นตวั และสงั คม - กิจกรรมชมุ นมุ ชมรม – กิจกรรมจิตอาสา

230

ขอบข่ายกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้
พนื้ ฐาน

พุทธศักราช 2551

เปา้ หมาย

กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนกั เรียน กิจกรรมเพ่ือสงั คม
ด้านการศกึ ษา กิจกรรมลกู เสือ เนตรนารี และสาธารณะประโยชน์

ด้านอาชีพ ยวุ กาชาด ผ้บู าเพ็ญ กิจกรรมจิตอาสา
ด้านสว่ นตวั และสงั คม ประโยชน์และนกั ศกึ ษา

ดา้ นสว่ นตวั และสงั คม วชิ าทหาร

นสว่ นตวั และสงั คม

231

แนวการจดั กิจกรรมแนะแนว

1. หลักการ

การจดั กิจกรรมแนะแนวต้องสง่ เสริมและสนบั สนนุ เพื่อพฒั นาผ้เู รียนให้เกิดการเรียนรู้อนั จะ
นาไปสสู่ มรรถนะทสี่ าคญั 5 ประการ และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 8 ประการ โดยนาไปบรู ณาการ
ในการจดั กิจกรรมตามลกั ษณะของกิจกรรมแนะแนวท่ีระบไุ ว้ในหลกั สตู รแกนกลาง การศกึ ษาขนั้
พืน้ ฐานพทุ ธศกั ราช 2551 อีกทงั้ ยงั ต้องสง่ เสริมและพฒั นาผ้เู รียนให้มีทกั ษะชีวิต โดยมงุ่ จดั กิจกรรมให้
สอดคล้องกบั สภาพปัญหา ความต้องการ ความสนใจ ธรรมชาตขิ องผ้เู รียน และวสิ ยั ทศั น์ของ
สถานศกึ ษา ที่ตอบสนองจดุ มงุ่ หมายหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื ้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ให้
ครอบคลมุ ทงั้ ด้านการศกึ ษา ด้านอาชีพรวมทงั้ ด้านสว่ นตวั และสงั คม เน้นผ้เู รียนเป็นสาคญั โดยผ้เู รียน
มีอสิ ระในการคิดและตดั สนิ ใจด้วยตนเอง เรียนรู้ด้วยตนเอง ด้วยการปฏิบตั ิจนกระทง่ั เกิดทกั ษะชีวิต
ตลอดจนครูทกุ คนต้องมีสว่ นร่วมในการจดั กิจกรรมโดยมคี รูแนะแนวเป็นพ่ีเลยี ้ งและประสานงาน

สมรรถนะท่สี าคญั 5 ประการ ได้แก่

1. ความสามารถในการสื่อสาร

2. ความสามารถในการคดิ

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

4. ความสารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 8 ประการ

1. รักชาติศาสน์ กษัตริย์

2. ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต

3. มีวินยั

4. ใฝ่เรียนใฝ่รู้

5. อยอู่ ย่างพอเพยี ง

6. มงุ่ มนั่ ในการทางาน

7. รักความเป็นไทย 232

8. มีจิตสาธารณะ

2. วสิ ัยทศั น์

ตามแผนยทุ ธศาสตร์การแนะแนวระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื ้ ฐาน ในชว่ งแผนพฒั นาเศรษฐกิจและ
สงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 11 (พ.ศ. 2555 - 2559) การแนะแนวมงุ่ ให้ผ้เู รียนพฒั นาด้านการศกึ ษา อาชีพ
สว่ นตวั

และสงั คม เตม็ ตามศกั ยภาพ มีทกั ษะชีวติ มีความสขุ อยอู่ ย่างพอเพียง เป็นพลเมอื งและพลโลกที่ดีด้วย
การ

มีสว่ นร่วมของภาคเี ครือขา่ ย

งานแนะแนวโรงเรียนไชยาวิทยา มงุ่ จดั กิจกรรมเพ่ือปอ้ งกนั แก้ไข สง่ เสริมและพฒั นาผู้เรียนให้รู้จกั
และเข้าใจตนเองตามศกั ยภาพ รู้จกั สภาพแวดล้อม สามารถคิดตดั สินใจแก้ปัญหา รู้วิธีการแสวงหาและ
ใช้ข้อมลู สารสนเทศ วางแผนชีวิต ด้านการศกึ ษา อาชีพ รวมถงึ การปรับตวั อยใู่ นสงั คม ได้อยา่ งเหมาะสม

มีความสขุ โดยครู ผ้ปู กครอง และชมุ ชน มีสว่ นร่วมในกระบวนการแนะแนวอยา่ งกลั ยาณมติ ร

3. พนั ธกิจ

1. พฒั นาผ้เู รียนโดยใช้ โดยใช้กระบวนการแระแนวดแู ลช่วยเหลือนกั เรียนอยา่ งเป็นระบบ

2. ยกระดบั คณุ ภาพการแนะแนวในสถานศกึ ษาให้ได้มาตรฐาน

3. พฒั นาระบบการบริหารจดั การแนะแนวโดยการมสี ว่ นร่วมของภาคีเครือขา่ ย

4. วตั ถุประสงค์

1. เพื่อให้ผ้เู รียนรู้จกั เข้าใจ รัก และเหน็ คณุ คา่ ในตนเองและผ้อู ่ืน

2. เพ่ือให้ผ้เู รียนสามารถวางแผนการเรียน อาชีพ รวมทงั้ การดาเนินชีวติ และสงั คม

3. เพ่ือให้ผ้เู รียนสามารถปรับตวั ได้อยา่ งเหมาะสม และอยรู่ ่วมกบั ผ้อู ่ืนได้อย่างมีความสขุ

5. ขอบข่าย

การจดั กิจกรรมแนะแนว มีองค์ประกอบ 3 ด้าน ดงั นี ้

1. ด้านการศกึ ษา ให้ผ้เู รียนได้พฒั นาตนเองในด้านการเรียนอยา่ งเตม็ ตามศกั ยภาพ รู้จกั แสวงหา
และใช้ข้อมลู ประกอบการวางแผนการเรียนหรือการศกึ ษาตอ่ ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ มีนิสยั ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มี
วธิ ีการเรียนรู้ และสามารถวางแผนการเรียนหรือการศกึ ษาตอ่ ได้อย่างเหมาะสม

233

2. ด้านอาชีพ ให้ผ้เู รียนได้รู้จกั ตนเองในทกุ ด้าน รู้และเข้าใจโลกของงานอาชีพ อย่างหลากหลาย
มีเจตคติที่ดตี อ่ อาชีพสจุ ริต มีการเตรียมตวั สอู่ าชีพ สามารถวางแผนเพื่อประกอบ อาชีพตามท่ีตนเองมี
ความถนดั และสนใจ

3. ด้านสว่ นตวั และสงั คม ให้ผ้เู รียนรู้จกั และเข้าใจตนเอง รักและเหน็ คณุ คา่ ของตนเอง และผ้อู ื่น
รักษ์สง่ิ แวดล้อม มีวฒุ ิภาวะทางอารมณ์ มีเจตคตทิ ี่ดีตอ่ การมีชีวติ ทด่ี มี ีคณุ ภาพ มีทกั ษะชีวิต และ
สามารถปรับตวั ดารงชีวิตอยใู่ นสงั คมได้อยา่ งมีความสขุ
6. เป้าหมาย

1. ผ้เู รียนรู้จกั เข้าใจ รักและเห็นคณุ คา่ ในตนเองและผ้อู ่นื การเปลยี่ นของสงั คม มีภมู ิค้มุ กนั
สามารถวางแผนชีวติ ด้านการศกึ ษา ด้านอาชีพ และด้านสว่ นตวั และสงั คม สามารถปรับตวั และอยใู่ น
สงั คมอย่างมีความสขุ และพอเพียง

2. สถานศกึ ษามีครูแนะแนวที่มคี ณุ วฒุ ิทางการแนะแนวหรือจิตวทิ ยาทเ่ี กี่ยวข้องกบั การแนะแนว
หรือจิตวิทยาการแนะแนว

3. ผ้บู ริหารและบคุ ลากรท่ีเก่ียวข้องกบั ผ้เู รียนได้รับการสง่ เสริมและพฒั นาให้มีความรู้ ความเข้าใจ
และสามารถใช้กระบวนการแนะแนวได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ

4. สถานศกึ ษามกี ารพฒั นาหรือจดั ระบบแนะแนวอยา่ งมีประสทิ ธิภาพตามมาตรฐานการแนะแนว
5. มีภาคเี ครือขา่ ยมามีสว่ นร่วม
7. แนวการจดั กจิ กรรม
1. ศกึ ษาวเิ คราะห์สภาพปัญหา ความต้องการ ความสนใจ ธรรมชาตขิ องผ้เู รียน
2. วเิ คราะห์สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ วิสยั ทศั น์ของ สถานศกึ ษา และ
วิเคราะห์ข้อมลู ของผ้เู รียนเป็นรายบคุ คล

234

3. กาหนดสดั สว่ นของกิจกรรมแนะแนวให้ครอบคลมุ ด้านการศกึ ษา ด้านอาชีพ ด้านสว่ นตวั และ
สงั คม โดยยดึ สภาพปัญหา ความต้องการ ความสนใจ ตลอดจนธรรมชาติของ ผ้เู รียนและเปา้ หมายของ
สถานศกึ ษา โดยครูผ้ปู กครอง และผ้เู รียนมีสว่ นร่วม

4. กาหนดวตั ถปุ ระสงค์การจดั กิจกรรมแนะแนวของสถานศกึ ษา เป็นระดบั การศกึ ษา และชนั้ ปี
5. ออกแบบการจดั กิจกรรมแนะแนว ประกอบด้วย วตั ถปุ ระสงค์ การจดั กิจกรรม เวลาจดั กิจกรรม
หลกั ฐานการทากิจกรรม และการประเมินผล
6. จดั ทาแผนการจดั กิจกรรมแนะแนวรายชว่ั โมง ประกอบด้วย ชื่อกิจกรรม จดุ ประสงค์เวลา
เนือ้ หา/สาระ วธิ ีดาเนินกิจกรรม สื่อ/อปุ กรณ์ และการประเมนิ ผล
7. จดั กิจกรรมแนะแนวตามแผนการจดั กิจกรรมแนะแนวและประเมนิ ผลการจดั กิจกรรม
8. ประเมนิ เพื่อตดั สินผล และสรุปรายงาน

8. การประเมินกจิ กรรมแนะแนว
การประเมินกิจกรรมแนะแนว ครูผ้จู ดั กิจกรรมแนะแนว ผ้เู รียน และผ้ปู กครอง มีภารกิจ ที่

รับผิดชอบดงั นี ้
ครูผ้จู ดั กิจกรรมแนะแนว ผ้เู รียน และผ้ปู กครองมีสว่ นร่วมในการประเมนิ ผล เพื่อพฒั นาผ้เู รียน

โดยครูผ้จู ดั กิจกรรมมีภารกิจในการวางแผนการประเมิน ดาเนินการประเมิน นาผลการประเมินไปพฒั นา
ผ้เู รียนอยา่ งตอ่ เน่ือง และรายงานผลการดาเนินงานให้ผ้เู กี่ยวข้องทราบ

ผ้เู รียนอาจมีสว่ นร่วมในการวางแผนการประเมิน ประเมินตนเองและเพอ่ื น ผ้ปู กครอง มี
สว่ นร่วมในการเสนอความคิดเหน็ ในการประเมิน ประเมินผลการพฒั นาผ้เู รียน โดยประสานร่วมมือ กบั
ครูผ้จู ดั กิจกรรม ประเมนิ บนั ทกึ สรุปผลการพฒั นาและการปฏิบตั ิกิจกรรมของผ้เู รียน

การประเมินเพือ่ ตดั สนิ ผลการเรียน ครูผ้จู ดั กิจกรรมตรวจสอบเวลาการเข้าร่วม กิจกรรม
และประเมนิ ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมด้วยวิธีการที่หลากหลาย ตดั สนิ ผลการประเมนิ เป็น “ผ่าน” และ “ไม่
ผา่ น” ดงั นี ้

235

ผา่ น หมายถงึ ผ้เู รียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรม ปฏิบตั กิ ิจกรรม และมีผลงาน/ ชิน้ งาน/คณุ ลกั ษณะ
ตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากาหนด

ไม่ผา่ น หมายถงึ ผ้เู รียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไมค่ รบตามเกณฑ์ ไม่ผา่ น การปฏิบตั ิกิจกรรมหรือ
มีผลงาน/ชิน้ งาน/คณุ ลกั ษณะ ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษาก าหนด

9. การแก้ไขนักเรียนกรณีไม่ผ่านกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน

กรณีท่ีผ้เู รียนไมผ่ า่ นกิจกรรม ให้เป็นหน้าท่ขี องครูหรือผ้รู ับผิดชอบกิจกรรมนนั้ ๆ ทจ่ี ะต้องช่วย
เสริมโดยให้ผ้เู รียนดาเนินกิจกรรมจนครบตามเวลาทขี่ าดหรือปฏิบตั กิ ิจกรรมให้บรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์
ของกิจกรรมนนั้ แล้วจงึ ประเมนิ ให้ผ่านกิจกรรม เพือ่ บนั ทกึ ในระเบียนแสดงผลการเรียน ยกเว้นมีเหตุ
สดุ วิสยั ให้รายงานผ้บู ริหารสถานศกึ ษาทราบ เพือ่ ดาเนินการชว่ ยเหลอื ผ้เู รียนอยา่ งเหมาะเป็นรายกรณี
ไป

สัดส่วนของกิจกรรมแนะแนว

ระดับชัน้ / การศกึ ษา การงานและอาชีพ ชีวติ และสังคม
1 2 รวม 1 2 รวม 1 2 รวม รวมทงั้ สนิ้
ด้าน
ม.1 4 4 8 2 2 4 14 14 28 40
ม.2 5 2 7 5 5 10 10 13 23 40
ม.3 7 13 20 4 4 8 9 3 12 40
16 19 35 11 9 20 33 32 65
รวม 7 6 13 9 6 15 6 6 12 120
ม.4 4 4 8 2 2 4 14 14 28 40
ม.5 13 9 22 5 4 9 2 7 9 40
ม.6 24 18 42 16 15 31 22 25 47 40

รวม 120

236

รายวชิ า แนะแนว 1 คาอธิบายรายวชิ า ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 4
เวลา 20 ช่ัวโมง / ภาคเรียน กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ภาคเรียนท่ี 1

รหสั วิชา ก31901

ศกึ ษาเก่ียวกบั การยอมรับผลการกระทาของตนเอง การสารวจจดุ เดน่ และความสามารถ
พิเศษในตนเอง การสารวจความชอบ ความสนใจในด้านการเรียน อาชีพ และบคุ ลิกภาพ
การมองโลกในแงด่ ี การรู้จกั แหลง่ ข้อมลู ตา่ งๆ การเลือกรับข้อมลู ขา่ วสาร โดยมงุ่ เน้นการ
พฒั นาผ้เู รียนให้เป็นบคุ คลท่ีรักและเหน็ คณุ คา่ ในตนเองและผ้อู น่ื รู้จักแสวงหาและใช้ข้อมลู
สารสนเทศ ให้สามารถวางแผนการเรียน อาชีพ การดาเนินชีวิตและสงั คม สามารถพฒั นา
บคุ ลิกภาพและปรับตวั ให้อยใู่ นสงั คม ได้อยา่ งมีความสขุ มีเจตคตทิ ี่ดีต่ออาชีพสจุ ริต มี
คา่ นิยมท่ีดี มีวนิ ยั มีคณุ ธรรมจริยธรรม มีจิตสานกึ รับผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว สงั คมและ
ประเทศชาติ

ผลการเรียนรู้
1. สามารถยอมรับผลที่เกิดจากการกระทาของตนเองได้
2. สารวจจดุ เดน่ และความสามารถพิเศษในตนเองได้
3. สารวจความชอบ ความสนใจในด้านการเรียน อาชีพและบคุ ลกิ ภาพของตนเองได้
4. รู้จกั มองโลกในแงด่ ี
5. รู้จกั แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศตา่ งๆ ท่เี ป็นประโยชน์ตอ่ ชีวิตประจาวนั
6. สามารถเลอื กรับข้อมลู สารสนเทศท่มี ีผลกระทบตอ่ ชีวิตประจาวนั

รวมทงั้ หมด 6 ผลการเรียนรู้

237

รายวชิ า แนะแนว 2 คาอธิบายรายวิชา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี 4
เวลา 20 ช่ัวโมง / ภาคเรียน กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ภาคเรียนท่ี 2
รหสั วชิ า ก31902

ศกึ ษาเกี่ยวกบั ปัญหาการพฒั นาตน การรู้จกั ตนเองและเพ่อื น ทกั ษะการสอ่ื สาร การสารวจ
และพฒั นาความฉลาดทางด้านอารมณ์ การท าประโยชน์เพอ่ื สงั คม และการอยรู่ ่วมกบั ผู้อน่ื โดย
มงุ่ เน้นการพฒั นาผ้เู รียนให้เป็นบคุ คลท่ีรักและเห็นคณุ คา่ ในตนเองและผ้อู ื่น รู้จกั แสวงหาและใช้
ข้อมลู สารสนเทศ ให้สามารถวางแผนการเรียน อาชีพ การดาเนินชีวิตและสงั คม สามารถพฒั นา
บคุ ลิกภาพและปรับตวั ให้อยใู่ นสงั คมได้อย่างมีความสขุ มีเจตคตทิ ี่ดตี อ่ อาชีพสจุ ริต มีคา่ นิยมที่ดี
มีวนิ ยั มีคณุ ธรรมจริยธรรม มีจิตสานกึ รับผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว สงั คม และประเทศชาติ

ผลการเรียนรู้
1. รู้และเข้าใจปัญหาที่มีผลกระทบตอ่ การพฒั นาตนเอง
2. สารวจตนเองเพ่ือการรู้จกั ตนเองและเข้าใจเพ่อื น
3. มีทกั ษะการส่ือสาร
4. สารวจและพฒั นาความฉลาดทางอารมณ์ของตนเอง
5. สามารถพฒั นาและทาประโยชน์เพื่อสงั คม
6. รู้จกั วธิ ีการแสดงออกและสามารถอยรู่ ่วมกบั ผ้อู ื่นได้อยา่ งมีความสขุ

รวมทงั้ หมด 6 ผลการเรียนรู้

238

รายวชิ า แนะแนว 3 คาอธิบายรายวิชา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 5
เวลา 20 ช่ัวโมง / ภาคเรียน กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ภาคเรียนท่ี 1

รหสั วชิ า ก32901

ศกึ ษาเกี่ยวกบั การยอมรับผลการกระทาของตนเอง การพฒั นาจดุ เดน่ และความสามารถพิเศษ
การปรับปรุงพฒั นาทางด้านการเรียนและบคุ ลิกภาพ การพฒั นาสว่ นดแี ละแก้ไขข้อบกพร่องใน
ตนเอง การชื่นชมยนิ ดีในความดีงามของผ้อู ่ืน การวิเคราะห์และสงั เคราะห์ข้อมลู โดยมงุ่ เน้นการ
พฒั นาผ้เู รียนให้เป็นบคุ คลทรี่ ักและเห็นคณุ คา่ ในตนเองและผ้อู ่นื รู้จกั แสวงหาและใช้ข้อมลู
สารสนเทศ ให้สามารถวางแผนการเรียน อาชีพ การดาเนินชีวิตและสงั คม สามารถพฒั นา
บคุ ลิกภาพและปรับตวั ให้อยใู่ นสงั คม ได้อยา่ งมีความสขุ มีเจตคติท่ดี ีตอ่ อาชีพสจุ ริต มีคา่ นิยมท่ีดี มี

วนิ ยั มีคณุ ธรรมจริยธรรม มีจิตส านกึ รับผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว สงั คม และประเทศชาติ

ผลการเรียนรู้
1. สามารถยอมรับผลที่เกิดจากการกระทาของตนเอง
2. สามารถพฒั นาจดุ เดน่ และความสามารถพิเศษของตนเอง
3. สามารถปรับปรุงและพฒั นาด้านการเรียนและบคุ ลิกภาพของตนเอง
4. สามารถพฒั นาสว่ นดีและแก้ไขข้อบกพร่องของตนเอง
5. แสดงความชื่นชม ยินดใี นความดีงามของผ้อู น่ื
6. วิเคราะห์และสงั เคราะห์ข้อมลู สารสนเทศที่มีผลตอ่ ชีวติ ประจาวนั

รวมทงั้ หมด 6 ผลการเรียนรู้

239

รายวชิ า แนะแนว 4 คาอธิบายรายวชิ า ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 5
เวลา 20 ช่ัวโมง / ภาคเรียน กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ภาคเรียนท่ี 2

รหสั วชิ า ก32902

ศกึ ษาเกี่ยวกบั การเลือกรับข้อมลู ขา่ วสาร ผลกระทบของการตดั สนิ ใจ การแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์ชีวิต ทกั ษะการส่ือสาร การเปลย่ี นวกิ ฤติให้เป็นโอกาส คนดีศรีสงั คม และการสร้าง
มนษุ ย์สมั พนั ธ์ โดยมีวตั ถปุ ระสงค์ให้นกั เรียนได้พฒั นาตนเองในด้านตา่ งๆ ยอมรับและช่ืนชมตนเอง
และผ้อู ่นื สามารถวเิ คราะห์ และสงั เคราะห์ข้อมลู ได้ มีทกั ษะในการสอ่ื สาร มีความสามารถในการ
เปล่ยี นวิกฤตใิ ห้เป็นโอกาส สามารถนาคณุ ธรรมความดีของคนดีไปปรับใช้กบั ชีวติ ของตนเอง และมี
มนษุ ย์สมั พนั ธ์ทด่ี กี บั บคุ คลทวั่ ไป โดยมงุ่ เน้นการพฒั นาผ้เู รียนให้เป็นบคุ คลท่ีรักและเห็นคณุ คา่ ใน
ตนเองและผ้อู ื่น รู้จกั แสวงหาและใช้ข้อมลู สารสนเทศให้สามารถวางแผนการเรียน อาชีพ การดาเนิน
ชีวิตและสงั คม สามารถพฒั นาบคุ ลิกภาพและปรับตวั ให้อยใู่ นสงั คม ได้อย่างมีความสขุ มีเจตคติทีด่ ี
ตอ่ อาชีพสจุ ริต มีคา่ นิยมที่ดี มีวินยั มีคณุ ธรรมจริยธรรม มีจิตสานกึ รับผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว
สงั คม และประเทศชาติ

ผลการเรียนรู้
1. สามารถเลอื กรับข้อมลู ขา่ วสารที่ดีและมีประโยชน์ตอ่ ชีวติ ประจ าวนั
2. สามารถยอมรับผลกระทบท่ีเกิดจากการตดั สนิ ใจของตนเอง
3. น าเสนอและแลกเปลย่ี นประสบการณ์ชีวิต
4. มีทกั ษะในการส่ือสาร
5. สามารถเปลยี่ นวกิ ฤติให้เป็นโอกาส
6. สามารถนาคณุ ธรรมความดขี องคนดีไปปรับใช้กบั ชีวิตของตนเอง
7. สามารถสร้างมนษุ ย์สมั พนั ธ์ทีด่ กี บั บคุ คลทว่ั ไป

รวมทงั้ หมด 7 ผลการเรียนรู้

240

รายวชิ า แนะแนว 5 คาอธิบายรายวชิ า ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 6
เวลา 20 ช่ัวโมง / ภาคเรียน กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ภาคเรียนท่ี 1

รหสั วิชา ก33901

ศกึ ษาเกี่ยวกบั การยอมรับผลการกระทาของตนเอง ความพงึ พอใจและความภาคภมู ิใจใน
เอกลกั ษณ์ของตนเอง การตดั สินใจเลอื กแนวทางการศกึ ษาตอ่ การยกยอ่ งความดีงามของตนเอง
และผ้อู ่นื การนาข้อมลู ทผ่ี ่านการวิเคราะห์ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ การเลอื กสรรข้อมลู ทกี่ อ่ ประโยชน์
ตอ่ ตนเองและสงั คม โดยมงุ่ เน้นการพฒั นาผ้เู รียนให้เป็นบคุ คลท่รี ักและเห็นคณุ คา่ ในตนเองและ
ผ้อู ่นื รู้จกั แสวงหาและใช้ข้อมลู สารสนเทศ ให้สามารถวางแผนการเรียน อาชีพ การดาเนินชีวติ และ
สงั คม สามารถพฒั นาบคุ ลิกภาพและปรับตวั ให้อยใู่ นสงั คม ได้อยา่ งมีความสขุ มีเจตคติที่ดีตอ่
อาชีพสจุ ริต มีคา่ นิยมท่ีดี มีวินยั มีคณุ ธรรมจริยธรรม มีจิตส านกึ รับผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว

สงั คม และประเทศชาติ

ผลการเรียนรู้
1. สามารถยอมรับผลทีเ่ กิดจากการกระทาของตนเอง
2. มีความพงึ พอใจและภาคภมู ิใจในเอกลกั ษณ์ของตนเอง
3. สามารถตดั สินใจเลือกแนวทางศกึ ษาตอ่ ตามความถนดั และความสนใจของตนเอง
4. สามารถแสดงความยกยอ่ งความดีงามของตนเองและผ้อู น่ื
5. นาเสนอและวิเคราะห์ข้อมลู เพื่อนาไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั
6. สามารถเลอื กสรรข้อมลู ที่เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเองและสงั คม

รวมทงั้ หมด 6 ผลการเรียนรู้

รายวชิ า แนะแนว 6 คาอธิบายรายวิชา 241
เวลา 20 ช่ัวโมง / ภาคเรียน กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 6
รหสั วิชา ก33901 ภาคเรียนท่ี 2

ศกึ ษาเก่ียวกบั การร่วมตดั สินใจแก้ปัญหาท่ีเกิดขนึ ้ กบั ชมุ ชนและสงั คม การยอมรับในศกั ดศิ์ รี
ของความเป็นมนษุ ย์ การคดิ ในทางที่ดี และมชี ีวิตอยอู่ ย่างสร้างสรรค์ วิธีเอาชนะอปุ สรรคและ
ความมงุ่ มน่ั ในการทางาน คา่ ของคนอยทู่ ี่ผลของการเสียสละและชว่ ยเหลอื ผ้อู ่ืน การท างานเป็น
กลมุ่ โดยมงุ่ เน้นการพฒั นาผ้เู รียนให้เป็นบคุ คลทีร่ ักและเหน็ คณุ คา่ ในตนเองและผ้อู ืน่ รู้จกั
แสวงหาและใช้ข้อมลู สารสนเทศ ให้สามารถวางแผนการเรียน อาชีพ การด าเนินชีวติ และสงั คม
สามารถพฒั นาบคุ ลกิ ภาพและปรับตวั ให้อยใู่ นสงั คมได้อยา่ งมีความสขุ มีเจตคติที่ดีตอ่ อาชีพ
สจุ ริต มีคา่ นิยมที่ดี มีวนิ ยั มีคณุ ธรรมจริยธรรม มีจิตส านกึ รับผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว สงั คม

และประเทศชาติ

ผลการเรียนรู้
1. สามารถร่วมตดั สินใจแก้ปัญหาท่ีเกิดขนึ ้ กบั ชมุ ชนและสงั คมได้
2. สามารถยอมรับในศกั ด์ิศรีความเป็นมนษุ ย์
3. มีความคดิ ในทางที่ดีและมีชีวิตอยอู่ ยา่ งสร้างสรรค์
4. มีวิธีเอาชนะอปุ สรรคและความมงุ่ มนั่ ในการทางาน
5. รู้จกั และเห็นคณุ คา่ ของผ้ทู เี่ สยี สละและชว่ ยเหลือผ้อู ื่น
6. สามารถทางานเป็นกลมุ่ ร่วมกบั ผ้อู ่นื

รวมทงั้ หมด 6 ผลการเรียนรู้

242

โครงสร้างการจดั กจิ กรรมแนะแนววสิ ุทธนิกุลจติ วิทยาลัย
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี 4 เวลา 20 ช่ัวโมง ภาคเรียนท่ี 1

หน่วย กจิ กรรม เวลา/ช่ัวโมง
การศกึ ษา 1. ปฐมนิเทศกิจกรรมแนะแนว 1
(7 ชว่ั โมง) 2. เรียนรู้หลกั สตู ร/โรงเรียนของเรา 2
3. เรียนดมี ีเปา้ หมาย 1
การงานและอาชีพ 4. เรียนรู้อาชีพ 1
(7 ชวั่ โมง) 5. เรียนรู้ เรื่อง Admissions 2

ชีวิตและสงั คม 6. ความต้องการทางอาชีพ 1
(6 ชว่ั โมง) 7. เอกลกั ษณ์ของฉนั 1
8. บคุ ลิกภาพของฉนั 2
9. ผ้ปู ระสบความสาเร็จ 2
10. กิจกรรมท่ีชอบทา 1
11. ระเบยี นสะสม 2
12. ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) 2
13. แบบอยา่ งของฉนั 1
14. บคุ คลที่ฉนั ประทบั ใจ 1
15. ประเมนิ ผลกิจกรรมแนะแนว 1

243

โครงสร้างการจดั กจิ กรรมแนะแนวโรงเรียนวสิ ุทธนิกุลจติ
วทิ ยาลัย

ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี 4 เวลา 20 ช่ัวโมง ภาคเรียนท่ี 2

หน่วย กิจกรรม เวลา/ช่ัวโมง
การศกึ ษา 1. การเรียนพฒั นาได้ 2
(6 ชว่ั โมง) 2. ลลี าการเรียนรู้ 1
3. ระบบ Admission 1
การงานและอาชีพ 4. ระบบรับตรง 1
(8 ชว่ั โมง) 5. แผนชีวิตพิชิต 1
Admissions
ชีวิตและสงั คม 1. ความสนใจในอาชีพ 2
(6 ชว่ั โมง) 2. คา่ นิยมในอาชีพ 1
3. ปริศนาอกั ษรไขว้อาชีพ 1
4. อาชีพกบั บคุ ลิกภาพ 1
5. วนั แหง่ อนาคต 1
6. แผนชีวติ สคู่ วามสาเร็จ 1
7. เพ่อื นคอื คนสาคญั 1
1. ความพอใจในตนเอง 2
2. ฉนั กบั ความเครียด 2
3. ความรักของพอ่ 1
4. แมค่ นสาคญั ของฉนั 1
5. ประเมินผลกิจกรรมแนะแนว 1

244

โครงสร้างการจัดกจิ กรรมแนะแนวโรงเรียนวสิ ุทธนิกุลจติ วิทยาลัย
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี 5 เวลา 20 ช่ัวโมง ภาคเรียนท่ี 1

หน่วย กจิ กรรม เวลา/ช่ัวโมง
การศกึ ษา 1. ปฐมนิเทศแนะแนว 1
2. พฒั นาสเู่ ปา้ หมาย 3
(4 ชวั่ โมง) 3. อาชีพในใฝ่ใชฉ่ นั .......หรือไม่ 2
การงานและอาชีพ
4. ความฉลาดทางอารมณ์ 2
(2 ชว่ั โมง) 5. ระเบยี นสะสม 2
ชีวิตและสงั คม 6. สถาบนั อดุ มศกึ ษา 3
7. เรียนรู้ก้าวสมู่ หาวิทยาลยั 2
(14 ชว่ั โมง) 8. ตวั ตนของฉนั 2
9. วฒั นธรรมไทยกบั วยั รุ่น 2
10. ประเมนิ ผลกิจกรรมแนะ 1
แนว


Click to View FlipBook Version