กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน คำอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน กจิ กรรมแนะแนว
ชั้นมัธยมศึกษาปีที ๑ ภาคเรยี นที่ 2 เวลา ๒0 ชว่ั โมง/ภาคเรียน
ศึกษาเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหา การตัดสินใจ และแก้ไขปัญหาของตนเอง การใช้ภาษาไทยอย่าง
ถูกต้อง ชดั เจน การจำแนกอารมณ์ การแสดงพฤติกรรมท่ีเหมาะสม การใชส้ าธารณสมบัติ การอยู่ร่วมกันและ
ทำงานเป็นกลุ่ม โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลที่รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น รู้จักแสวงหา
และใช้ข้อมูลสารสนเทศ ให้สามารถวางแผนการเรียน อาชีพ การดำเนินชีวิตและสังคม สามารถพัฒนา
บุคลิกภาพและปรับตัวให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีเจตคติที่ดีต่ออาชีพสุจริต มีค่านิยมที่ดี มีวินัย
มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม มีจติ สำนึกรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ครอบครวั สงั คม และประเทศชาติ
ผลการเรยี นรู้
๑. สำรวจนสิ ัยการเรียนและผลการเรยี นภาคเรียนท่ี ๑
๒. สำรวจขอ้ ดีของตนเองและผอู้ ืน่
๓. สามารถสอื่ สารและใชภ้ าษาไทยไดอ้ ย่างถูกต้องชัดเจน
๔. สามารถจำแนกอารมณต์ ่างๆ ท่ีเกิดข้ึนกบั ตน
๕. สามารถแสดงพฤตกิ รรมทีเ่ หมาะสมได้
๖. ใช้สาธารณสมบัติอย่างถกู วธิ แี ละเกิดประโยชน์สงู สุด
๗. สามารถทำงานเป็นกลุ่มและอยรู่ ว่ มกับผู้อน่ื ได้อยา่ งมีความสขุ
รวมท้ังหมด ๗ ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๕๒
กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น คำอธิบายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กจิ กรรมแนะแนว
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๒0 ชว่ั โมง/ภาคเรยี น
ศึกษาเกี่ยวกับทักษะการตัดสินใจและการแก้ไขปัญหา การพัฒนาจุดเด่นและความสามารถพิเศษ
การปรับปรุงพัฒนาทางด้านการเรียนและบุคลกิ ภาพ การพัฒนาส่วนดีและแก้ไขข้อบกพร่องของตนเอง และช่ืน
ชมในความดีงามของผู้อื่น การแสวงหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ การเลือกสรรข้อมูลข่าว สารที่เป็นประโยชน์ต่อ
ตนเอง โดยมุง่ เนน้ การพฒั นาผเู้ รยี นใหเ้ ปน็ บคุ คลท่ีรักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่นื รจู้ ักแสวงหาและใช้ข้อมูล
สารสนเทศ ให้สามารถวางแผนการเรียน อาชีพ การดำเนินชีวิตและสังคม สามารถพัฒนาบุคลิกภาพและ
ปรบั ตวั ใหอ้ ยู่ในสังคมไดอ้ ย่างมีความสขุ มเี จตคติทด่ี ีตอ่ อาชพี สจุ ริต มคี ่านยิ มทดี่ ี มวี ินัย มคี ุณธรรมจริยธรรม มี
จิตสำนกึ รบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว สงั คม และประเทศชาติ
ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ
ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อสังคม
ใน การ ต่อตา้ นการทุจรติ
โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จำแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทำโครงงานกระบวน
การ เรียนรู้5 ขั้นตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มี
ความตระหนกั และเห็นความสำคัญของการต่อต้านและการป้องกันการทจุ ริต
ผลการเรยี นรู้
๑. มที ักษะการตดั สินใจและแกไ้ ขปัญหาของตนเองได้
๒. สามารถพัฒนาจดุ เดน่ และความสามารถของตนเอง
๓. สามารถพัฒนาและปรับปรุงตนเองดา้ นการเรยี นและบคุ ลิกภาพ
๔. สามารถพัฒนาส่วนดแี ละแกไ้ ขขอ้ บกพร่องของตนเอง
๕. แสดงความชืน่ ชมในความดีงามของผ้อู น่ื ได้
๖. แสวงหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆได้
๗. สามารถเลอื กสรรข้อมูล ขา่ วสาร ที่เปน็ ประโยชนต์ ่อตนเอง
๘. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชน์ส่วนรวม
๙. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจรติ
๑๐. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวมได้
๑๑. ปฏิบตั ิตนเปน็ ผูล้ ะอายและไม่ทนตอ่ การทุจรติ ทุกรูปแบบ
รวมทงั้ หมด ๑๑ ผลการเรยี นรู้
**หมายเหตุ บูรณการการปอ้ งกันการทุจริต
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๕๓
กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น คำอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน กิจกรรมแนะแนว
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี ๒ ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา ๒0 ช่ัวโมง/ภาคเรียน
ศึกษา เรียนรู้ เกี่ยวกับการร่วมตัดสินใจและแก้ไขปัญหาของครอบครัว ความแตกต่างระหว่างบุคคล
การใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องชัดเจน การใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาให้ตนเอง การสร้างสัมพันธภาพ ห น้าที่สำคัญ
และการทำงานเป็นทีม โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลที่รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น รู้จัก
แสวงหาและใช้ขอ้ มูลสารสนเทศ ให้สามารถวางแผนการเรียน อาชพี การดำเนนิ ชีวิตและสงั คม สามารถพัฒนา
บุคลิกภาพและปรับตัวให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีเจตคติที่ดีต่ออาชีพสุจริต มีค่านิยมที่ดี มีวินัย มี
คณุ ธรรมจรยิ ธรรม มีจติ สำนึกรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ
ผลการเรียนรู้
๑. มสี ่วนร่วมตดั สนิ ใจและแกไ้ ขปญั หาของครอบครัว
๒. เข้าใจและยอมรบั ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล
๓. สามารถใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องชดั เจน
๔. สามารถใชส้ ติปญั ญาแก้ไขปญั หาใหก้ ับตนเองได้
๕. สามารถสร้างสัมพนั ธภาพทีด่ ีตอ่ ผู้อนื่
๖. ระบุหนา้ ทที่ ่ีสำคัญของตนเองท่มี ตี ่อครอบครัว สงั คม และประเทศชาติได้
๗. สามารถทำงานเปน็ ทีมได้
รวมทั้งหมด ๗ ผลการเรียนรู้
หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดแม่แก้ดนอ้ ย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๕๔
กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น คำอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน กจิ กรรมแนะแนว
ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๒0 ชัว่ โมง/ภาคเรียน
ศึกษา เรียนรู้ เกี่ยวกับการคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น ความพึงพอใจในเอกลักษณ์ของตนเอง
การวางแผนเลือกทางศึกษาต่อ การรักนับถือตนเองและผู้อื่น การวิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอข้อมูล การเลือก
ข้อมูลข่าวสารท่ีเป็นประโยชนต์ ่อตนเองและสังคม การร่วมตัดสินใจและแก้ไขปัญหาของโรงเรียนและชุมชน โดย
มุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลที่รักและเห็นคุณค่า ในตนเองและผู้อื่น รู้จักแสวงหาและใช้ข้อมูล
สารสนเทศให้สามารถวางแผนการเรียน อาชีพ การดำเนินชีวิตและสังคม สามารถพัฒนาบุคลิกภาพและ
ปรบั ตัวให้อยู่ในจิตสำนกึ รบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ
ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ
ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อสังคม
ในการ ต่อต้านการทจุ ริต
โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จำแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทำโครงงานกระบวน
การ เรียนรู้5 ขั้นตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มี
ความตระหนกั และเหน็ ความสำคญั ของการต่อตา้ นและการป้องกันการทุจริต
ผลการเรยี นรู้
๑. การคดิ เป็น ทำเปน็ แกป้ ัญหาเปน็
๒. ความพึงพอใจในเอกลกั ษณ์ของตนเอง
๓. การวางแผนเลอื กแนวทางศึกษาตอ่
๔. การรัก นบั ถือตนเอง และผอู้ ่นื
๕. การวิเคราะหข์ อ้ มูล และนำเสนอขอ้ มูล
๖. การเลือกสรร ขอ้ มลู ข่าวสาร ที่เป็นประโยชนต์ ่อตนเองและสังคม
๗. การร่วมตัดสินใจและแก้ไขปัญหาของโรงเรียนและชมุ ชน
รวมทัง้ หมด ๗ ผลการเรียนรู้
หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๕๕
กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น คำอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน กจิ กรรมแนะแนว
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๒0 ชั่วโมง/ภาคเรียน
ศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างบุคคล การใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้องชัดเจน การใช้ปัญญา
ควบคุมอารมณ์ การจัดการกับความขัดแย้งของตนเองและผู้อื่น การทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม การทำงาน
ร่วมกันและการเป็นผู้นำ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลที่รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น รู้จัก
แสวงหาและใชข้ ้อมลู สารสนเทศ ให้สามารถวางแผนการเรียน อาชีพ การดำเนนิ ชวี ิตและสงั คม สามารถพัฒนา
บุคลิกภาพและปรับตัวให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีเจตคติที่ดีต่ออาชีพสุจริต มีค่านิยมที่ดี มีวินัย มี
คณุ ธรรมจรยิ ธรรม มจี ิตสำนกึ รบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ
ผลการเรยี นรู้
๑. เขา้ ใจและยอมรบั ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล
๒. สามารถใช้ภาษาไทยไดอ้ ย่างถูกตอ้ งชัดเจน
๓. สามารถควบคุมอารมณ์และแสดงออกทางอารมณ์ได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม
๔. สามารถจัดการกบั ความขัดแย้งของตนเองและผู้อ่ืน
๕. ปฏิบตั ิกิจกรรมท่เี ปน็ ประโยชนเ์ พือ่ สว่ นรวม
๖. ปฏบิ ตั ิงานรว่ มกับผอู้ น่ื ได้
๗. แสดงบทบาทความเปน็ ผ้นู ำ และผู้ตามท่ีดี
รวมทัง้ หมด ๗ ผลการเรียนรู้
หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดแม่แกด้ นอ้ ย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๕๖
กจิ กรรมลูกเสือ-เนตรนารี
หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๕๗
คำอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ลกู เสือสามัญ (ลูกเสอื โลก)
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (กจิ กรรมนักเรียน) เวลา ๑๓ ชวั่ โมง
ชั้นมัธยมศึกษาปที ี ๑ ภาคเรียนที่ ๑
ศึกษาจุดมุ่งหมาย และหลักการ กิจกรรมการเดินทางสำรวจ การบริการ ผจญภัย นักบุกเบิก
ธรรมชาติวิทยา กจิ กรรมเพื่อสาธารณประโยชน์
เสริมสร้างทักษะและความสามารถ ความถนัดและความสนใจ สามารถนำความรู้ ประสบการณ์
จริงไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจำวันและแกป้ ญั หาสังคม
ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ
ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อสังคม
ในการ ตอ่ ต้านการทจุ ริต
โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จำแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทำโครงงานกระบวนการ
เรียนรู้5 ขั้นตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มี
ความตระหนกั และเหน็ ความสำคัญของการต่อต้านและการป้องกนั การทจุ รติ
ผลการเรียนรู้
๑. บอกความหมายของการเดนิ ทางสำรวจได้
๒. บอกข้ันตอนของการเตรยี มการเดินทางสำรวจได้
๓. จดั เตรยี มอาหารในการเดนิ ทางสำรวจได้
๔. ทำรายงานการเดนิ ทางสำรวจได้
๕. อธบิ ายความหมายของการบริการชุมชนและความต้องการในการพฒั นาชมุ ชนได้
๖. บอกขน้ั ตอนการให้บริการในชุมชนตามกฎของลูกเสอื ได้
๗. บอกความหมายของการผจญภัย
๘. สามารถร่วมกนั คดิ แก้ปญั หา ตดั สนิ ใจ ใหส้ ามารถผา่ นเหตุการณ์ที่เผชญิ ไดด้ ว้ ยความสำเร็จและ
ปลอดภยั ดว้ ยกันทกุ คน
๙. สามารถร่วมกันคิดแก้ปัญหา ตดั สนิ ใจ ใหส้ ามารถทำกจิ กรรมบุกเบิกได้ดว้ ยความสำเรจ็ และปลอดภยั ด้วยกนั
ทกุ คน
๑๐. สามารถปฏบิ ัติกจิ กรรมเพ่อื สาธารณประโยชน์
๑๑. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกบั STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจรติ
๑๒. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั พลเมืองและมคี วามรับผิดชอบตอ่ สังคม
๑๓. ปฏิบตั ติ นเปน็ ผทู้ ี่ STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทจุ รติ
๑๔. ปฏบิ ัติตนตามหนา้ ที่พลเมอื งและมีความรบั ผิดชอบต่อสงั คม
๑๕. ตระหนกั และเห็นความสำคัญของการตอ่ ต้านและป้องกันการทจุ ริต
รวมท้ังหมด ๑๕ ผลการเรียนรู้
หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๕๘
คำอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน ลกู เสือสามัญ (ลูกเสอื โลก)
กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน (กจิ กรรมนักเรียน) เวลา ๑๒ ชั่วโมง
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที ๑ ภาคเรียนที่ ๒
ศกึ ษาจดุ มุง่ หมาย ประวัติและกจิ การขององค์การลูกเสือโลก ลูกเสือไทย บทบาทลูกเสือสามัญรุน่ ใหญ่
กฎของลูกเสือ และคำปฏิญาณ ระเบียบแถว การบรรจุเครื่องหลัง การกางและการเก็บเต็นท์ ก่อจุดไฟ
กลางแจง้ และการประกอบอาหารแบบชาวค่าย แผนที่ เขม็ ทิศ เง่อื นและวธิ ีการใช้เงอ่ื น การปฐมพยาบาล
ความปลอดภัยในการร่วมกิจกรรมของลูกเสือ กิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ เสริมสร้างทักษะและ
ความสามารถ ความถนัดและความสนใจ สามารถนำความรู้ ประสบการณ์จริงไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
และแกป้ ัญหาสังคม
ผลการเรียนรู้
๑. อธบิ ายความหมาย ขอบขา่ ยกิจการ วธิ กี าร ตลอดจนสาระสำคญั ของกิจการลูกเสือโลกได้
๒. อธบิ ายความหมาย ขอบขา่ ยกิจการ วิธีการ ตลอดจนสาระสำคญั ของกิจการลูกเสือแห่งชาตไิ ด้
๓. บอกโครงสรา้ งของการบริหารงานของลูกเสอื ในโรงเรียนได้
๔. บอกบทบาทลูกเสือสามญั รุน่ ใหญไ่ ด้
๕. มคี วามรู้ ความเข้าใจและสามารถปฏบิ ตั ิตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสอื ได้
๖. มีความรู้ ความเข้าใจระเบยี บแถวลกู เสอื และได้รบั การฝกึ
๗. บอกสว่ นประกอบทีส่ ำคัญของเต็นท์ และวิธกี ารกางเตน็ ท์ท่ถี ูกต้องได้
๘. ระบอุ ปุ กรณส์ ว่ นตวั ท่ีใชใ้ นการเดนิ ทางไกลและพกั แรมได้
๙. ระบอุ ปุ กรณส์ ว่ นรวมทใ่ี ช้ในการเดนิ ทางไกลและพักแรมได้
๑๐. บรรจสุ ่ิงของลงถงุ หรอื เครอ่ื งหลงั ได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม
๑๑. บอกและสาธติ วธิ ใี ช้แผนทแ่ี ละเข็มทิศได้
๑๒. บอกและสาธติ การผูกเง่ือนและวิธใี ช้ได้
๑๓. บอกและสาธิตการปฐมพยาบาลได้
๑๔. บอกหลกั การและการปฏิบัตติ นเพ่อื ความปลอดภยั ในการรว่ มกจิ กรรมลกู เสือได้
๑๕. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเพือ่ สาธารณประโยชน์ได้
รวมทง้ั หมด ๑๕ ผลการเรยี นรู้
หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั แม่แกด้ นอ้ ย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๕๙
คำอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน (กิจกรรมนักเรยี น) ลกู เสือสามญั (ลกู เสือช้ันพเิ ศษ)
ชน้ั มัธยมศึกษาปีที ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๑๓ ชัว่ โมง
ศึกษาและปฏิบัติตนเกี่ยวกับกฎระเบียบ และการปฏิบัติตัวในการเรียนวิชาลูกเสือเนตรนารี หน้าที่
พลเมือง สิ่งแวดล้อม การเดินทางสำรวจ การตั้งค่ายพักแรม การแสดงออกทางศิลปะและกิจกรรมที่สนใจเป็น
พเิ ศษ ศลิ ปะทางอักษรและศลิ ปะวิจารณ์ กฎของลูกเสือ และคำปฏญิ าณ
เพ่ือให้เกดิ ความรคู้ วามเข้าใจในการเป็นลกู เสอื สามัญรนุ่ ใหญ่ มคี วามรกั ความผกู พนั รว่ มมือกันอนุรักษ์
ส่ิงแวดลอ้ ม มคี วามรบั ผิดชอบ มจี ิตสาธารณะ
ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ
ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อสังคม
ในการ ต่อตา้ นการทุจริต
โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จำแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทำโครงงานกระบวน
การ เรียนรู้5 ขั้นตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มี
ความตระหนักและเห็นความสำคญั ของการต่อต้านและการป้องกนั การทุจริต
ผลการเรยี นรู้
๑. บอกกฎระเบียบในการปฏบิ ัติตวั ในการเรียนวิชาลูกเสอื – เนตรนารี
๒. อธิบายถงึ การเป็นพลเมอื งดีได้
๓. เลา่ ประวัตขิ องลกู เสือไทยได้
๔. อธบิ ายวธิ กี ารดำเนินการของขบวนการลูกเสอื ได้
๕. เขยี นรายงานการตรวจเยยี่ มหนว่ ยงานได้
๖. อธิบายความหมายและความสำคญั ของสิง่ แวดลอ้ มได้
๗. บอกวิธกี ารอนรุ ักษ์พืชและสตั วไ์ ด้
๘. บอกวธิ ีการอนุรักษ์ธรรมชาติได้
๙. อธบิ ายขนั้ ตอนการวางแผนการเดนิ ทางสำรวจได้
๑๐. อธิบายวิธกี ารเตรยี มการเดินทางสำรวจได้
๑๑. อธิบายหลกั ในการเดินทางสำรวจดว้ ยเทา้ ได้
๑๒. ทำแบบรายงานการเดินทางสำรวจได้
๑๓. อธบิ ายหลกั หลกั การเลอื กสถานทส่ี ำหรบั การตง้ั คา่ ยพักแรมได้
๑๔. กำหนดรายการอาหารได้
๑๕. เตรียมอุปกรณ์เครอ่ื งใช้ทีจ่ ำเป็นได้
๑๖. เขียนรายงานการตง้ั ค่ายพกั แรมได้
๑๗. อธิบายความหมายและความสำคญั ของของศิลปะได้
๑๘. บอกลักษณะของงานทศั นศลิ ป์และสร้างงานทัศนศลิ ปไ์ ด้
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวดั แม่แก้ดน้อย ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ๑๖๐
๑๙. อธบิ ายความหมายและความสำคัญของของศิลปะทางอกั ษรได้
๒๐. จำแนกประเภทของศิลปะได้อยา่ งถกู ต้อง
๒๑. ทำงานศลิ ปะได้
๒๒. สามารถปฏบิ ตั ิกิจกรรมเพ่อื สาธารณประโยชน์
๒๓. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับ STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทุจรติ
๒๔. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบตอ่ สงั คม
๒๕. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผูท้ ี่ STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจรติ
๒๖. ปฏบิ ัตติ นตามหน้าทพ่ี ลเมอื งและมีความรับผดิ ชอบต่อสังคม
๒๗. ตระหนักและเห็นความสำคัญของการต่อต้านและป้องกันการทุจริต
รวมท้ังหมด ๒๗ ผลการเรียนรู้
หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๖๑
คำอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน (กจิ กรรมนกั เรยี น) ลูกเสือสามัญ (ลูกเสือชั้นพเิ ศษ)
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี ๒ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๑๒ ชว่ั โมง
ศึกษาและปฏิบัติตนเกี่ยวกับกฎระเบียบ และการปฏิบัติตัวในการเรียนวิชาลูกเสือเนตรนารี หน้าท่ี
พลเมือง สิ่งแวดล้อม ศิลปะการแสดง สมรรถภาพทางกาย กีฬาไทยและกีฬาสากล ยาเสพติดให้โทษ กฎของ
ลกู เสือ และคำปฏิญาณ หลักสำคัญในพระพุทธศาสนา การบรกิ าร การปฐมพยาบาล
เพ่ือใหเ้ กิดความรู้ความเข้าใจในการเป็นลกู เสือสามัญรุ่นใหญ่ มคี วามรกั ความผูกพัน ร่วมมือกนั อนุรักษ์
สงิ่ แวดล้อม มีความรบั ผดิ ชอบ มจี ติ สาธารณะ
ผลการเรียนรู้
๑. อธบิ ายความหมายของศิลปะการแสดงได้
๒. บอกประเภทของศิลปะการแสดงได้
๓. ร้แู ละเขา้ ใจกิจกรรมทีต่ นเองสนใจ
๔. เป็นคนกล้าแสดงออกทางศิลปะการแสดง
๕. อธบิ ายความหมายและความสำคัญของสมรรถภาพทางกายได้
๖. บอกลกั ษณะของผู้ท่ีมสี มรรถภาพทางกายทด่ี ีได้
๗. บอกเกณฑม์ าตรฐานการทดสอบสมรรถภาพทางกายได้
๘. บอกลักษณะวิธีการเล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลได้
๙. อธิบายความหมายและประเภทของยาเสพติดได้
๑๐. บอกชนิดของยาเสพติด อาการเม่อื เสพและโทษของยาเสพติดชนดิ ต่างๆได้
๑๑. อธบิ ายและปฏบิ ตั ติ นตามกฎและคำปฏิญาณของลูกเสือได้
๑๒. อธบิ ายหลกั สำคัญในพระพุทธศาสนาได้
๑๓. อธิบายหลกั ของศลี ๕ และศลี ๘ ได้
๑๔. อาราธนาศีล ๕ ศลี ๘ อาราธนาธรรม และอาราธนาพระปรติ รได้
๑๕. อธบิ ายความหมายและความสำคญั ของการบริการชมุ ชนและพฒั นาชมุ ชนได้
๑๖. บอกหลักในการให้บริการได้
๑๗. ระบกุ ิจกรรมเกยี่ วกับการพัฒนาชมุ ชนได้
๑๘. อธิบายการบรกิ ารชมุ ชนตามกฎของลกู เสือได้
๑๙. บอกความหมายและความสำคัญของการปฐมพยาบาลได้
๒๐. อธบิ ายหลักการปฐมพยาบาลได้
๒๑. ปฏบิ ตั วิ ธิ ีการปฐมพยาบาลผู้ป่วยประเภทต่างๆได้
รวมทั้งหมด ๒๑ ผลการเรียนรู้
หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวัดแม่แกด้ นอ้ ย ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๖๒
คำอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ลกู เสอื สามญั (ลูกเสอื หลวง)
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น (กิจกรรมนกั เรยี น) เวลา ๑๓ ช่ัวโมง
ชนั้ มัธยมศึกษาปีที ๓ ภาคเรยี นที่ ๑
ศึกษาบทบาท หน้าที่พลเมือง สิ่งแวดล้อม นักธรรมชาติวิทยา การเดินทางสำรวจ การจัดงานแสดง
ศิลปะในที่สาธารณะ สมรรถภาพทางกาย อุดมคติ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ การบริการ การฝึกเป็นผู้นำ
ระเบียบแถว การสวนสนาม
เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนาทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรม ให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ
ช่วยสร้างสรรค์สังคม ให้มคี วามเจริญก้าวหน้า ความสงบสขุ และความมนั่ คงของประเทศชาติ
ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ
ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อสังคม
ใน การ ตอ่ ต้านการทุจริต
โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จำแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทำโครงงานกระบวน
การ เรียนรู้5 ขั้นตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มี
ความตระหนักและเห็นความสำคญั ของการต่อตา้ นและการป้องกันการทุจริต
ผลการเรียนรู้
๑. อธบิ ายบทบาทหน้าทพ่ี ลเมืองได้
๒. อธบิ ายถงึ ความสำคญั ของส่งิ แวดล้อมท่ีมีต่อสิง่ มชี ีวิตได้
๓. บอกถึงความจำเปน็ ในการอนุรักษธ์ รรมชาติได้
๔. อธิบายหลักการเดนิ ทางสำรวจได้
๕. สามารถจดั งานแสดงศิลปะในที่สาธารณะได้
๖. ทดสอบสมรรถภาพทางกายได้
๗. มอี ดุ มคตทิ ดี่ ีในการปฏบิ ัติงาน
๘. ปฏบิ ัติกิจกรรมท่ีสนใจเปน็ พิเศษได้
๙. บอกความหมายของคำวา่ การบริการและการบริการของลกู เสือได้
๑๐. อธิบายความหมาย ความจำเปน็ ทต่ี ้องมีผนู้ ำ และบอกคุณสมบัติของผ้นู ำได้
๑๑. ปฏิบัติกิจกรรมระเบยี บแถวทา่ มอื ปลา่ วได้
๑๒. ปฏบิ ตั ิกิจกรรมสวนสนามได้
๑๓. มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต
๑๔. มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับพลเมืองและมีความรบั ผิดชอบต่อสงั คม
๑๕. ปฏบิ ัติตนเป็นผทู้ ี่ STRONG / จิตพอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต
๑๖. ปฏิบัตติ นตามหน้าที่พลเมอื งและมีความรับผิดชอบต่อสงั คม
๑๗. ตระหนกั และเหน็ ความสำคญั ของการต่อต้านและป้องกนั การทจุ รติ
รวมทั้งหมด ๑๗ ผลการเรียนรู้
หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดแม่แกด้ นอ้ ย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๖๓
คำอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ลูกเสอื สามญั (ลูกเสอื หลวง)
กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน (กจิ กรรมนักเรียน) เวลา ๑๒ ชั่วโมง
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที ๓ ภาคเรียนที่ ๒
ศึกษาบทบาท หน้าที่พลเมือง นักอุตุนิยมวิทยา นักบุกเบิก การฝึกเป็นผู้นำ พลาธิการ เรื่องที่สนใจ
การอนรุ ักษ์ธรรมชาติ และการจดั ค่ายพกั แรม
เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนาทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรม ให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ
ช่วยสร้างสรรค์สงั คม ใหม้ คี วามเจริญกา้ วหนา้ ความสงบสขุ และความมนั่ คงของประเทศชาติ
ผลการเรียนรู้
๑. อธิบายและปฏิบตั ติ นเป็นพลเมืองที่ดไี ด้
๒. อธบิ ายและบอกประโยชนข์ องการเปน็ นักอุตนุ ยิ มวทิ ยาได้
๓. อธบิ ายหลักการเป็นนักบุกเบิกได้
๔. บอกลกั ษณะของผนู้ ำและอธิบายถงึ ผนู้ ำทางลูกเสอื ได้
๕. บอกความหมายและบทบาทหน้าทข่ี องพลาธกิ ารได้
๖. ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามความสนใจและความถนัดได้
๗. อธบิ ายความสำคัญ และตระหนักถงึ ความจำเป็น ในการอนุรักษธ์ รรมชาติได้
๘. อธิบายหลักการเลือกสถานที่สำหรับการตง้ั คา่ ยพกั แรมได้
รวมท้ังหมด ๘ ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ น้อย ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๖๔
คำอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
ชั้นประถมศึกษาปีที 1 – มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ เวลา ๑๕ ชวั่ โมง/ปี
ฝึกปฏิบัติกิจกรรมด้วยความสมัครใจผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ฝึกการทำงานที่สอดคล้องกับชีวิต
จรงิ ตลอดจนสะท้อนความรู้ ทกั ษะ และประสบการณ์ สำรวจและใช้ขอ้ มูลประกอบการวางแผนอย่างเป็นระบบ
เน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ และใช้ความคิดสร้างสรรค์ การบริการด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและ
ส่วนรวม เสริมสร้างความมีน้ำใจ เอื้ออาทร ความเป็นพลเมืองดีและความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวและ
สังคม คดิ ออกแบบกิจกรรมบำเพญ็ ประโยชนใ์ นลักษณะอาสาสมคั ร จิตอาสา เพ่ือแสดงความรบั ผิดชอบต่อสังคม
ตามแนวทางวิถีชีวติ เศรษฐกิจพอเพยี ง
เพื่อให้ผู้เรียนบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและประเทศชาติ
สามารถออกแบบการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตามความถนัดและความสนใจ
ในลักษณะอาสาสมัคร พัฒนาศักยภาพตนเองในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่าง
มีประสิทธิภาพเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรม ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์
มจี ิตสาธารณะและใชเ้ วลาว่างให้เกิดประโยชน์ และสามารถประยุกตใ์ ช้ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้
ผลการเรยี นรู้
1. เพื่อให้ผูเ้ รยี นบำเพญ็ ตนใหเ้ ป็นประโยชน์ต่อครอบครวั โรงเรยี น ชมุ ชน สงั คมและประเทศชาติ
๒. เพื่อให้ผู้เรียนออกแบบการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์
ตามความถนดั และความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร
3. เพ่อื ใหผ้ ้เู รยี นสามารถพฒั นาศักยภาพในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่าง
มปี ระสทิ ธภิ าพ
4. เพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจการเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรมตาม
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
5. เพือ่ ให้ผูเ้ รียนสามารถประยกุ ต์ใชป้ รชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้
รวมทง้ั หมด 5 ผลการเรียนรู้
หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๖๕
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน คำอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี 1 – ๓ กจิ กรรมหลักสตู รต้านทุจริต
บูรณาการในรายวิชาแนะแนว และ ลูกเสอื -เนตรนารี
ศึกษาเกยี่ วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวม ความละอาย
และความไม่ทนต่อการทจุ ริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทจุ ริต รูห้ น้าที่ของพลเมืองและรบั ผดิ ชอบต่อ
สังคมในการต่อต้านการทุจรติ
โดยใช้กระบวนการคิด วเิ คราะห์ จำแนก แยกแยะ การฝึกปฏบิ ตั ิจรงิ การทำโครงงานกระบวนการเรยี นรู้
๕ ขนั้ ตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การสบื สอบ การแกป้ ัญหา ทักษะการอา่ นและการเขยี น เพื่อใหม้ ีความ
ตระหนักและเหน็ ความสำคญั ของการต่อตา้ นและการป้องกันการทุจริต
ผลการเรยี นรู้
๑. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน กบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๒. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
๓. มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการทุจริต
๔. มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกบั พลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสงั คม
๕. สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวมได้
๖. ปฏิบัติตนเป็นผลู้ ะอายและไม่ทนต่อการทจุ ริตทุกรปู แบบ
๗. ปฏิบัติตนเป็นผูท้ ่ี STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ตา้ นการทุจริต
๘. ปฏิบัตติ นตามหนา้ ทีพ่ ลเมืองและมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม
๙. ตระหนกั และเหน็ ความสำคญั ของการต่อต้านและป้องกันการทุจรติ
รวมท้ังหมด ๙ ผลการเรยี นรู้
หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนวดั แม่แกด้ นอ้ ย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๖๖
กจิ กรรมชมุ นมุ
หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๖๗
ชุมนมุ งานอาชพี สำหรับนกั เรียนทม่ี คี วามต้องการพิเศษ
กจิ กรรมการเรียนรู้
1. อาชพี พนักงานทำความสะอาด
2. อาชพี ทำพวงกุญแจ
ผลการเรยี นรู้
๑. รู้จักอุปกรณ์ท่ใี ช้ทำความสะอาดแตล่ ะชนดิ รวมถึงการบำรุงรกั ษาเม่ือใช้งานเสร็จแลว้
๒. สามารถเลือกใชอ้ ปุ กรณท์ ำความสะอาดทเ่ี หมาะสมกับประเภทของงานทำความสะอาด
๓. รู้จกั ขั้นตอนในการทำความสะอาด
๔. สามารถทำความสะอาดสถานท่ตี า่ ง ๆ ได้
๕. ร้จู ักวัสดุ –อปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการทำพวงกุญแจ
๖. สามารถบอกขนั้ ตอนในการทำพวงกุญแจอย่างง่าย ๆ ได้
๗. สามารถจดั ทำพวงกญุ แจได้
๘. นกั เรยี นมีทักษะดา้ นงานอาชีพสามารถนำไปประกอบอาชีพเปน็ การสร้างรายได้ให้แกต่ วั เอง
๙. ตระหนกั และเห็นคุณคา่ ของงานอาชีพ
รวมทั้งหมด ๙ ผลการเรียนรู้
หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดแมแ่ กด้ น้อย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๖๘
ชมุ นุม เสน้ สายลายศิลป์
กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. เขา้ ใจงานศิลป์
2. สกีนเส้อื ชุมนุม
3. การเพน้ ทผ์ ้า
4. งานป้ันและหล่อแบบ
5. Origami
6. วสั ดสุ รา้ งสรรค์
ผลการเรยี นรู้
๑. นกั เขา้ ใจในวิธีการทำงานศลิ ปะในรูปแบบต่างๆ
๒. สามารถบอกถงึ วัสดุอปุ กรณท์ ี่ใชก้ บั งานศลิ ปะในแขนงต่างๆได้
๓. นกั เรียนไดฝ้ กึ ทกั ษะและกระบวนการทำงานอยา่ งถูกต้อง
๔. นักเรยี นได้แสดงถึงความคดิ สร้างสรรค์และจินตนาการของตวั เองผ่านชิ้นงาน
๕. ความภาคภมู ิใจในผลงานของตัวเอง
รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรียนรู้
หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวดั แม่แกด้ นอ้ ย ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๖๙
ชมุ นมุ English Lover
กิจกรรมการเรยี นรู้
1. การเล่นเกมภาษาองั กฤษต่างๆเชน่ Bingo, Riddles ,Crosswords, Jigsaw, Matching Game,
Word Ladder, Word Game, Magic Square, Hangman และ Alphabet Game เป็นต้น
2. การดหู นัง ฟงั เพลง นิทาน ภาษาอังกฤษ
3. การสนทนาภาษาองั กฤษท่ีใชใ้ นชีวิตประจำวันงา่ ยๆ
4. การสร้างชน้ิ งานท่ีเกดิ จากความคิดสรา้ งสรรค์ในการเรียนภาษาองั กฤษ
ผลการเรียนรู้
1. นกั เรียนสามารถใช้ทกั ษะฟัง พดู อา่ น เขียนได้
2. นกั เรยี นมีเจตคตทิ ีด่ ตี ่อการเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ
3. นักเรยี นเขา้ ใจความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมและนำไปใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
4. นักเรยี นนำความรทู้ ไ่ี ด้ไปใชใ้ นชวี ิตประจำวัน
5. นกั เรยี นได้ฝึกฝนทัง้ ทักษะการฟัง การพดู การอ่านและการเขยี นภาษาอังกฤษดว้ ยกิจกรรมที่
หลากหลาย
รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรยี นรู้
หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๗๐
ชมุ นุม เกมบนั ไดงสู ภู่ าษาไทย
กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. เกมบันไดงูสู่ภาษาไทย เรือ่ งคำพงั เพย
2. เกมบันไดงสู ู่ภาษาไทย เร่อื งสภุ าษิต
3. เกมบันไดงสู ู่ภาษาไทย เรอ่ื งสำนวนไทย
4. เกมบันไดงูสภู่ าษาไทย เรื่องคำคลอ้ งจอง
5. เกมบนั ไดงสู ภู่ าษาไทย เรื่องคำราชาศพั ท์
ผลการเรยี นรู้
1. อา่ นสำนวน สุภาษติ คำพังเพย คำคล้องจอง คำราชาศัพท์ ไดถ้ ูกต้อง
2. แปลความหมาย สำนวน สภุ าษติ คำพังเพย คำคล้องจอง ได้ถกู ต้อง
3. อธิบายความแตกต่าง แยกแยะ สำนวน สภุ าษติ คำพังเพย คำคลอ้ งจอง คำราชาศัพท์ ได้
4. บอกความหมายและใชค้ ำราชาศพั ท์ได้อย่างถูกต้อง
5. เข้าใจเรอื่ งราวความเป็นมาของ สำนวนไทยได้
6. ตระหนักและเห็นคุณคา่ ของภาษาไทย
7. มคี วามภมู ใิ จในภาษาไทย เอกลักษณข์ องชาติไทย
รวมทั้งหมด ๗ ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดน้อย ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ๑๗๑
ชมุ นุมคณิตคิดสนุกดว้ ยเกม
กจิ กรรมการเรียนรู้
1. ฝกึ ทักษะการคิดคำนวณ การแกป้ ัญหา การใช้เหตผุ ล โดยใช้เกม 24 เกม IQ 180
2. ฝึกความคดิ สรา้ งสรรค์ดว้ ยแทนแกรม
3. เกมบิงโกจำนวนเต็ม สมการ
ผลการเรยี นรู้
1. เพ่ือใหน้ กั เรียนมีทักษะการคิดคำนวณ การแก้ปญั หา และการใช้เหตุผลผ่านเกมต่างๆ
2. เพ่ือให้นักเรียนใชค้ วามรู้ทางคณิตศาสาตร์มาสรา้ งสรรคร์ ูปตอ่ จากแทนแกรมได้
3. เพอ่ื ใหน้ ักเรียนสามารถสร้างรรค์และประยกุ ต์ใช้ในการสรา้ งสรรค์ผลงานผา่ นสงิ่ ประดิษฐ์หรืองาน
ศลิ ปะได้
4. เพอ่ื ให้นกั เรียนเกดิ การเรียนรู้ และเกิดเจตคติที่ดตี ่อวชิ าคณติ ศาสตร์
รวมท้ังหมด ๔ ผลการเรียนรู้
หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวัดแม่แก้ดนอ้ ย ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๗๒
ชมุ นมุ คอมพวิ เตอร์
กจิ กรรมการเรยี นรู้
๑. ความหมายและประโยชน์ของอนิ เตอร์เน็ต
๒. การสบื คน้ ข้อมูล เชน่ เน้ือหา รปู ภาพ วิดีโอ
๓. Uploads/Downloads ข้อมูลของ server
๔. การประยุกต์ใชง้ านอนิ เตอรเ์ น็ต
ผลการเรียนรู้
1. อธบิ ายความหมายของอนิ เทอรเ์ นต็ ได้
2. บอกประโยชน์ของเครือขา่ ยอินเตอรเ์ นต็ ได้
3. มที กั ษะในการประยกุ ตใ์ ช้งานอนิ เตอรเ์ น็ตได้อย่างถูกต้อง
4. มเี จตคตทิ ดี่ ีในการสืบคน้ ข้อมูลและติดตอ่ ส่ือสารทางอนิ เทอร์เนต็
รวมท้ังหมด ๔ ผลการเรียนรู้
หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั แม่แกด้ นอ้ ย ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๗๓
ชมุ นมุ เคร่อื งดม่ื คูลคลู
กจิ กรรมการเรยี นรู้
๑. ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั เครือ่ งดม่ื
๒. การผสมเครื่องดืม่ ประเภทตา่ งๆ เช่น เมนโู ซดา น้ำสมุนไพร นำ้ ป่นั
๓. การคำนวณต้นทนุ และกำหนดราคาขาย
ผลการเรียนรู้
1. นกั เรียนบอกสว่ นประกอบสำคญั ในการผสมเคร่อื งดื่มได้
2. นักเรียนเตรยี มวัตถุดิบในการผสมเครื่องดื่มได้
3. นกั เรียนผสมเคร่อื งดม่ื ตามที่กำหนดได้
4. นกั เรยี นทำงานโดยคำนงึ ถึงความสะอาดและความปลอดภัยในการทำงาน
5. นักเรยี นสามารถนำความรสู้ ู่การประกอบอาชีพได้
รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรียนรู้
หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๗๔
ชมุ นมุ ดนตรพี าเพลนิ
กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. นักเรยี นสามารถเล่นเครอ่ื งดนตรีได้
2. ความมรี ะเบยี บ วินยั การอยู่รว่ มกนั เปน็ หมู่คณะ
3. การนำเสนอผลงานท้ังภายในโรงเรียนและชุมชน
ผลการเรยี นรู้
1. นักเรยี นไดใ้ ชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์
2. นักเรียนได้ร้จู กั การทำงานร่วมกนั
3. นักเรยี นไดแ้ สดงออกถึงความสามารถพิเศษ
4. นักเรียนมคี วามคดิ รเิ ร่ิมสร้างสรรค์ของนกั เรยี น
5. นกั เรียนไดผ้ อ่ นคลายอารมณ์และจิตใจ
6. นักเรียนได้ร่วมนําเสนอผลงาน
รวมทั้งหมด ๖ ผลการเรยี นรู้
หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดน้อย ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๗๕
ชมุ นมุ ปลกู ผกั ไฮโดรโปนกิ ส์
กิจกรรมการเรียนรู้
1. ความหมาย ความสำคญั ความเปน็ มาของการปลูกพชื แบบไฮโดรโปนกิ ส์
2. ระบบการปลูกพชื แบบไฮโดรโปนิกส์
3. ปัจจัยที่มผี ลต่อการเจริญเติบโตของพืชท่ีปลูกดว้ ยวิธไี ฮโดรโปนกิ ส์
4. ปฏิบตั กิ ารปลูกผกั ไฮโดรโปนิกสท์ ี่สนใจได้อยา่ งน้อย ๒ ชนิด
5. จัดทำโครงงานปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกสท์ ่ีสนใจ ๑ ชนดิ
ผลการเรยี นรู้
๑. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั ความหมาย ความสำคัญ ความเป็นมาของการปลูกพชื แบบไฮโดรโป
นกิ ส์
๒. มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั ระบบการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์
๓. มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั ปจั จัยทีม่ ีผลตอ่ การเจริญเตบิ โตของพชื ที่ปลูกด้วยวธิ ไี ฮโดรโปนกิ ส์
๔. มีความรู้ ความเข้าใจ และปฏบิ ตั ิการปลูกผกั ไฮโดรโปนิกส์ที่สนใจได้อย่างน้อย ๒ ชนดิ
๕. จัดทำโครงงานปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์ที่สนใจ ๑ ชนดิ
รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรยี นรู้
หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ๑๗๖
ชุมนมุ ภาษาจนี พาเพลิน
กิจกรรมการเรยี นรู้
1. ทบทวนฝึกฝนการออกเสียงพินอิน ประสมคำ สะกดคำ โดยกจิ กรรมเกมสต์ า่ งๆ
2. ฝึกฝนการพูดสนทนา ทักทาย ทำความรูจ้ กั อยา่ งง่ายโดยเรียนร้จู ากคลิป
3. เรยี นรเู้ รื่องวนั สำคญั ของจีน(วันไหว้พระจันทร์)จากคลปิ วดี ีโอและฝึกทำขนมไหว้พระจันทร์
4. เรียนรศู้ ิลปะการตดั กระดาษ และผลิตชิน้ งาน
5. เรียนร้คู ำศัพท์ HSK1 ฝึกแต่งประโยค และจดจำจำคำศัพท์โดยใชเ้ กมส์ ในการกระตุ้นการจำ
คำศัพท์
ผลการเรยี นรู้
1. นกั เรยี นสามารถอ่านออกเสยี งสัทอกั ษรภาษาจนี (พินอนิ )ได้ถกู ต้องตามหลักการออกเสยี ง
2. นกั เรยี นสามารถพูดสนทนาพูดสนทนา ทักทาย เก่ยี วกบั ในชวี ติ ประจำวนั อยา่ งง่ายได้
3. นกั เรียนมีความรเู้ ก่ยี วกบั ศิลปวฒั นธรรมประเพณีของเจ้าของภาษาและได้เรยี นรปู้ ฏบิ ัตดิ ้วย
ตนเอง
4. นักเรียนสามารถ พูด อา่ น เขียน คำศัพท์ พ้ืนฐานและสามารถนำมาพูดหรือแต่งประโยคได้
5. นักเรยี นมเี จตคติทดี่ ีต่อการเรียนการสอนวชิ าภาษาจนี
รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๗๗
ชมุ นุมวิทยาศาสตร์
กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. ครูและนักเรยี นแกนนำทางวิทยาศาสตร์ประชุมวางแผนการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตรใ์ น
โรงเรียน
2. ครูอบรมใหค้ วามรแู้ กน่ กั เรยี นแกนนำวทิ ยาศาสตร์ เชน่ ความรู้ทางดาราศาสตร์ สวน
พฤกษศาสตร์ ฯลฯเพอื่ จะเตรียมอบรมหรือจัดกจิ กรรมขยายความร้ใู หก้ ับนักเรียนในโรงเรียน
วดั แมแ่ กด้ น้อย
3. นกั เรยี นแกนนำวิทยาศาสตร์ดำเนินการขบั เคลอื่ นกิจกรรมทางวทิ ยาศาสตร์ในโรงเรยี น ดงั นี้
๓.๑ กิจกรรมดาราศาสตร์ จะดำเนินการจัดกิจกรรมใหค้ วามรแู้ ละสรา้ งส่ือทางด้าน
ดาราศาสตร์กบั นกั เรียน ชั้น ป.1-ม.3 ในคาบชุมนมุ ทุกวันพุธ
๓.๒ กิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ จะดำเนินการจัดทำปา้ ยพันธุ์ไม้ สำรวจพนั ธุไ์ ม้
และกจิ กรรมอ่นื ๆ ทางพฤกษศาสตร์
๓.๓ กจิ กรรม Globe จะดำเนินการขบั เคลอ่ื นการอนรุ ักษ์และพัฒนาปรบั ปรุง
สิ่งแวดล้อมในโรงเรยี นและชุมชน
๓.๔ กจิ กรรมผลิตสบสู่ มุนไพร จะดำเนินการผลิตสบู่สมนุ ไพรสำหรับงานอนามยั
โรงเรียน เพอื่ ใชส้ ำหรบั ล้างมอื ในจดุ ล้างมือของโรงเรียน และขยายความรู้
เกี่ยวกบั ผลติ ภณั ฑ์ให้กบั นักเรียนระดบั ชั้นอืน่ ๆ มีความรูแ้ ละเข้าใจข้นั ตอนการ
ผลิตสบู่ได้
๓.๕ กจิ กรรมการแขง่ ขันทางวิทยาศาสตร์
๔. ครแู ละนักเรยี นแกนนำวิทยาศาสตร์ประชุมสรปุ ผลการจัดทำกิจกรรม วิเคราะห์ปัญหา
และอุปสรรค เพือ่ ใชเ้ ปน็ แนวทางในการดำเนนิ กิจกรรมในภาคเรียนตอ่ ไปหรือปี
การศกึ ษาถัดไป
ผลการเรยี นรู้
1. เพ่อื ใหก้ ิจกรรมตา่ งๆ ทางวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนวัดแม่แก้ดนอ้ ย เชน่ ดาราศาสตร์ สวน
พฤกษศาสตร์ ฯลฯ สามารถขับเคล่อื นไปได้อยา่ งยัง่ ยืนภายใตพ้ ้นื ฐานบริบทของโรงเรียนและขดี
ความสามารถของนกั เรยี น
2. เพ่อื ให้นักเรียนแกนนำวิทยาศาสตร์มคี วามรู้เกีย่ วกับวิทยาศาสตร์ เช่น ดาราศาสตร์ สวน
พฤกษศาสตร์ ฯลฯ เพมิ่ ข้นึ มีทกั ษะการจัดกจิ กรรม การทำงานเป็นทมี รจู้ กั วางแผน และสามารถ
แกป้ ญั หาเฉพาะหนา้ ได้
3. เพื่อให้นักเรยี นในโรงเรียนวดั แมแ่ กด้ น้อยและโรงเรยี นเครือขา่ ยความร่วมมือ มีความรู้ความเขา้ ใจ
ทางด้านวทิ ยาศาสตร์-ดาราศาสตร์ พฤกษศาสตร์ ส่งิ แวดล้อม เกดิ ความต่ืนตวั มีส่วนรว่ มในการจดั
กิจกรรม และสามารถประดิษฐส์ ่ือ/อุปกรณท์ างดาราศาสตร์ได้
รวมทัง้ หมด 3 ผลการเรียนรู้
หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวดั แม่แก้ดน้อย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๗๘
ชมุ นมุ สบื สานงานศลิ ป์
กิจกรรมการเรยี นรู้
1. สบื สานการตกี ลองชัยมงคล
2. สบื สานการตีกลองสะบัดชัย
3. สืบสานงานฟอ้ นเมืองเหนอื
4. สบื สานงานศลิ ปก์ ารจัดแต่งจานอาหาร
5. สบื สานงานศิลป์การจดั แต่งขนม
ผลการเรยี นรู้
1. เพื่อให้ผู้เรยี นไดส้ บื สานการตีกลองชยั มงคล
2. เพื่อใหผ้ ้เู รยี นได้สบื สานการตีกลองสะบดั ชัย
3. สืบสานงานฟ้อนเมอื งเหนือ
4. เพื่อให้ผูเ้ รยี นได้สบื สานงานศิลป์การจดั แตง่ จานอาหารและนำไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้
5. เพอ่ื ให้ผูเ้ รียนได้สบื สานงานศิลปก์ ารจดั แตง่ ขนมและนำไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวัน
รวมทั้งหมด 5 ผลการเรยี นรู้
หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๗๙
สว่ นที่ ๕
เกณฑ์การจบการศกึ ษา
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวดั แม่แก้ดน้อย ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๘๐
ส่วนท่ี ๕
เกณฑ์การจบการศกึ ษา
หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดน้อย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา
ขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ปกี ารศกึ ษา 2565 กำหนดเกณฑส์ ำหรบั การจบการศึกษา ดงั น้ี
เกณฑ์การจบระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้
(1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติมไม่เกิน 81 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 66
หนว่ ยกติ และรายวิชาเพิ่มเติมไม่เกิน 15 หนว่ ยกิต
(2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 66
หน่วยกิต และรายวชิ าเพม่ิ เติมไมน่ ้อยกว่า 11 หน่วยกติ
(3) ผูเ้ รยี นมีผลการประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียนในระดบั ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
(4) ผเู้ รยี นมีผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ในระดับผ่านเกณฑก์ ารประเมิน
(5) ผู้เรียนเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนและมีผลการประเมนิ ผ่านเกณฑ์การประเมิน
การจัดการเรยี นรู้
การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มมี าตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคญั และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เป็น
เป้าหมายสำหรับพฒั นาเด็กและเยาวชน
ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้
จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝัง
เสริมสร้างคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ พฒั นาทักษะตา่ งๆ อันเปน็ สมรรถนะสำคัญใหผ้ ู้เรยี นบรรลุตามเป้าหมาย
๑. หลักการจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี
ความสำคัญที่สุด เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน
กระบวนการจัดการเรียนรูต้ ้องสง่ เสริมใหผ้ ู้เรียน สามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คำนึงถึงความ
แตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมองเนน้ ให้ความสำคัญทงั้ ความรู้ และคณุ ธรรม
หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๘๑
๒. กระบวนการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย เป็น
เครอื่ งมือทจ่ี ะนำพาตนเองไปสเู่ ปา้ หมายของหลักสตู ร กระบวนการเรยี นรู้ทีจ่ ำเป็นสำหรับผ้เู รียน อาทิ กระบวนการ
เรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญ
สถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทำจริง
กระบวนการจดั การ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรยี นรู้การเรียนรขู้ องตนเอง กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัย
กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ
สามารถช่วยใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ไดด้ ี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดงั นน้ั ผู้สอน จึงจำเป็นต้องศึกษาทำความ
เข้าใจในกระบวนการเรยี นรูต้ ่าง ๆ เพอ่ื ให้สามารถเลอื กใชใ้ นการจัดกระบวนการเรียนรไู้ ด้อย่างมีประสิทธิภาพ
๓. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้
ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสำคัญของ
ผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ
จัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อให้ผู้เรียนได้
พฒั นาเตม็ ตามศักยภาพและบรรลตุ ามเปา้ หมายท่ีกำหนด
๔. บทบาทของผสู้ อนและผู้เรยี น
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียนควรมีบทบาท
ดังนี้
๔.๑ บทบาทของผ้สู อน
๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้
ท่ที า้ ทายความสามารถของผู้เรยี น
๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ที่เป็น
ความคดิ รวบยอด หลักการ และความสมั พันธ์ รวมทั้งคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ
พัฒนาการทางสมอง เพือ่ นำผเู้ รยี นไปสูเ่ ป้าหมาย
๔) จัดบรรยากาศทีเ่ ออ้ื ต่อการเรียนรู้ และดูแลชว่ ยเหลือผู้เรยี นให้เกิดการเรียนรู้
๕) จัดเตรียมและเลอื กใชส้ ือ่ ให้เหมาะสมกับกจิ กรรม นำภูมิปญั ญาท้องถ่นิ เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม
มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจัดการเรียนการสอน
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวดั แม่แกด้ น้อย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๘๒
๖) ประเมินความก้าวหน้าของผเู้ รยี นดว้ ยวิธกี ารท่ีหลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาตขิ องวิชา
และระดบั พัฒนาการของผเู้ รียน
๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุงการจัดการ
เรยี นการสอนของตนเอง
๔.๒ บทบาทของผูเ้ รียน
๑) กำหนดเป้าหมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นรูข้ องตนเอง
๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตั้งคำถาม คิดหา
คำตอบหรือหาแนวทางแก้ปัญหาด้วยวธิ ีการต่างๆ
๓) ลงมือปฏบิ ัติจรงิ สรปุ ส่งิ ท่ีไดเ้ รยี นรู้ด้วยตนเอง และนำความรูไ้ ปประยกุ ต์ใชใ้ นสถานการณต์ า่ งๆ
๔) มีปฏิสัมพันธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมรว่ มกบั กลมุ่ และครู
๕) ประเมินและพัฒนากระบวนการเรยี นรขู้ องตนเองอย่างตอ่ เนอ่ื ง
ส่อื การเรียนรู้
ส่ือการเรยี นรู้เปน็ เครื่องมอื ส่งเสรมิ สนับสนนุ การจดั การกระบวนการเรยี นรู้ ใหผ้ ้เู รยี นเขา้ ถึงความรู้ ทกั ษะ
กระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มีหลากหลาย
ประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ที่มีในท้องถิ่น การเลือกใช้ส่ือ
ควรเลือกใหม้ ีความเหมาะสมกบั ระดบั พัฒนาการ และลีลาการเรยี นรทู้ ี่หลากหลายของผ้เู รียน
การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่างมี
คุณภาพจากสื่อต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมและสื่อสารให้
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง
สถานศึกษา เขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา หน่วยงานท่เี กยี่ วขอ้ งและผู้มีหนา้ ทจ่ี ดั การศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน ควรดำเนนิ การดงั น้ี
๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย
การเรยี นร้ทู ม่ี ีประสิทธิภาพท้งั ในสถานศึกษาและในชุมชน เพอ่ื การศึกษาค้นคว้าและการแลกเปล่ียนประสบการณ์
การเรียนรู้ ระหว่างสถานศึกษา ท้องถิน่ ชุมชน สงั คมโลก
๒. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผูเ้ รียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทั้งจัดหา
สงิ่ ท่มี อี ยใู่ นทอ้ งถน่ิ มาประยุกตใ์ ช้เปน็ สื่อการเรยี นรู้
๓. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับวิธีการ
เรยี นรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรยี นรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลของผเู้ รียน
๔. ประเมินคณุ ภาพของสอ่ื การเรียนรู้ทเ่ี ลือกใชอ้ ยา่ งเป็นระบบ
๕. ศกึ ษาคน้ คว้า วจิ ยั เพ่ือพฒั นาสอ่ื การเรียนรใู้ ห้สอดคล้องกบั กระบวนการเรียนรขู้ องผ้เู รยี น
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดน้อย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๘๓
๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อ
การเรยี นรูเ้ ป็นระยะๆ และสม่ำเสมอ
ในการจัดทำ การเลอื กใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา ควรคำนึงถึงหลักการ
สำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการ
เรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมยั ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อ
ศลี ธรรม มกี ารใชภ้ าษาทถ่ี กู ต้อง รปู แบบการนำเสนอทเ่ี ข้าใจงา่ ย และน่าสนใจ
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรูข้ องผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพืน้ ฐานสองประการ คือ การประเมินเพื่อ
พัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสำเร็จนั้น
ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะ
สำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุก
ระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและ
ประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่
แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการ
ส่งเสรมิ ให้ผเู้ รยี นเกดิ การพัฒนาและเรียนรู้อยา่ งเต็มตามศกั ยภาพ
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับ
เขตพืน้ ท่ีการศกึ ษา และระดบั ชาติ มรี ายละเอียด ดงั นี้
๑. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน
ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การ
ซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การ
ใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อนประเมินเพื่อน
ผู้ปกครองร่วมประเมนิ ในกรณีท่ไี ม่ผา่ นตวั ชว้ี ดั ใหม้ กี ารสอนซอ่ มเสรมิ
การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ อัน
เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับการพัฒนา
ปรบั ปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมลู ให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนของตนด้วย ทั้งน้ีโดย
สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ช้วี ัด
๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมนิ ที่สถานศกึ ษาดำเนนิ การเพ่ือตัดสนิ ผล การเรียนของ
ผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และ
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการ
เรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการเรียนของผู้เรียนใน
หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั แม่แกด้ นอ้ ย ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๘๔
สถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศเพื่อ
การปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการจัดทำแผนพัฒนา
คุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัด
การศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น
พื้นฐาน ผู้ปกครองและชุมชน
๓. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นที่การศึกษา
ตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมินคุณภาพ
ผลสมั ฤทธิข์ องผเู้ รยี นด้วยขอ้ สอบมาตรฐานทีจ่ ัดทำและดำเนนิ การโดยเขตพ้นื ที่การศกึ ษา หรอื ด้วยความร่วมมือกับ
หน่วยงานต้นสังกัด ในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูลจากการประเมิน
ระดับสถานศึกษาในเขตพ้ืนท่กี ารศึกษา
๔. การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียน ในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ และมัธยมศึกษาปีที่ 3 เข้ารับการประเมิน ผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการ
เทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา
ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนนุ การตดั สินใจในระดบั นโยบายของประเทศ
ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา
คุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข
ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่ างบุคคลที่จำแนกตาม
สภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มี
ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนต่ำ กล่มุ ผูเ้ รยี นทม่ี ีปญั หาดา้ นวินัยและพฤติกรรม กลมุ่ ผู้เรยี นท่ปี ฏเิ สธโรงเรียน กลุ่มผู้เรียน
ที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็น
หัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและ
ประสบความสำเร็จในการเรยี น
สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการ
เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็นข้อกำหนดของหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน เพ่ือให้บคุ ลากรทเี่ กยี่ วข้องทุกฝา่ ยถือปฏบิ ัตริ ่วมกนั
หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนวัดแมแ่ กด้ น้อย ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๘๕
เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียน
๑. การตดั สนิ การให้ระดบั และการรายงานผลการเรยี น
๑.๑ การตดั สนิ ผลการเรยี น
ในการตดั สนิ ผลการเรียนของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ การอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขียน คุณลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นนัน้ ผู้สอนต้องคำนงึ ถงึ การพัฒนาผู้เรียนแตล่ ะคนเป็นหลัก และต้องเกบ็
ขอ้ มูลของผู้เรียนทุกด้านอยา่ งสม่ำเสมอและต่อเนื่องในแต่ละภาคเรยี น รวมทั้งสอนซ่อมเสริมผูเ้ รียนให้พัฒนาจนเตม็
ตามศกั ยภาพ
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้
(๑) ผ้เู รยี นตอ้ งมีเวลาเรียนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทง้ั หมด
(๒) ผเู้ รียนต้องได้รับการประเมนิ ทุกตวั ชว้ี ดั และผ่านตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากำหนด
(๓) ผู้เรียนต้องไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรียนทกุ รายวิชา
(๔) ผเู้ รยี นต้องไดร้ ับการประเมิน และมีผลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด ใน
การอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น
การพจิ ารณาเลอ่ื นชั้น ถ้าผเู้ รียนมีขอ้ บกพร่องเพียงเลก็ น้อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่า
สามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสรมิ ได้ ให้อยู่ในดลุ พนิ จิ ของสถานศกึ ษาทีจ่ ะผอ่ นผนั ให้เลื่อนช้ันได้ แตห่ ากผู้เรยี นไม่
ผา่ นรายวิชาจำนวนมาก และมีแนวโนม้ ว่าจะเปน็ ปญั หาต่อการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึน้ สถานศกึ ษาอาจตั้ง
คณะกรรมการพิจารณาใหเ้ รียนซ้ำช้นั ได้ ทงั้ นใ้ี ห้คำนงึ ถึงวุฒภิ าวะและความรู้ความสามารถของผู้เรียนเป็นสำคัญ
๑.๒ การให้ระดับผลการเรียน
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ในการตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชา สถานศึกษาสามารถให้
ระดับผลการเรียนหรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบร้อยละ และ
ระบบที่ใช้คำสำคัญสะท้อนมาตรฐาน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับผล การ
ประเมนิ เปน็ ดเี ยี่ยม ดี และผ่าน
การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรม
และผลงานของผูเ้ รียน ตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากำหนด และใหผ้ ลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นผา่ น และไมผ่ า่ น
๑.๓ การรายงานผลการเรยี น
การรายงานผลการเรยี นเปน็ การส่ือสารใหผ้ ปู้ กครองและผ้เู รยี นทราบความก้าวหนา้ ในการเรียนรู้ของ
ผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผูป้ กครองทราบเป็นระยะๆ หรืออย่าง
นอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ ครัง้
การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเปน็ ระดับคณุ ภาพการปฏิบัติของผ้เู รยี นทส่ี ะทอ้ นมาตรฐาน
การเรยี นร้กู ลุม่ สาระการเรยี นรู้
หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั แม่แก้ดน้อย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๘๖
๒. เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา
หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน กำหนดเกณฑ์กลางสำหรบั การจบการศกึ ษา คอื
(1) ผเู้ รยี นเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานและเพิ่มเตมิ ไมเ่ กนิ 81 หน่วยกิต โดยเปน็ รายวชิ าพ้นื ฐาน 66
หน่วยกติ และรายวิชาเพิ่มเติมไม่เกิน 15 หนว่ ยกติ
(2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิต ตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 66
หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ไมน่ ้อยกว่า 11 หน่วยกิต
(3) ผู้เรยี นมีผลการประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี นในระดบั ผา่ นเกณฑ์การประเมิน
(4) ผเู้ รยี นมผี ลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ในระดบั ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน
(5) ผ้เู รียนเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี นและมีผลการประเมนิ ผ่านเกณฑ์การประเมิน
สำหรับการจบการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสำหรับผู้มี
ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัย ให้คณะกรรมการ
ของสถานศึกษา เขตพื้นที่การศกึ ษา และผู้ที่เกี่ยวขอ้ ง ดำเนินการวัดและประเมินผล การเรียนรู้ตามหลักเกณฑ์ใน
แนวปฏิบัติการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับกลุ่มเป้าหมาย
เฉพาะ
เอกสารหลักฐานการศึกษา
เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับ
พฒั นาการของผู้เรียนในดา้ นต่าง ๆ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดงั นี้
๑. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทกี่ ระทรวงศึกษาธกิ ารกำหนด
๑.๑ ระเบยี นแสดงผลการเรยี น เปน็ เอกสารแสดงผลการเรยี นและรับรองผลการเรียนของผูเ้ รียน
ตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ
สถานศึกษา และผลการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น สถานศึกษาจะตอ้ งบันทึกข้อมลู และออกเอกสารนี้ให้ผู้เรียน
เปน็ รายบุคคล เมอื่ ผเู้ รยี นจบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ และมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 )
๑.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายชื่อและ
ข้อมูลของผู้จบการศกึ ษาระดับประถมศึกษา (ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ และมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3)
๒. เอกสารหลักฐานการศกึ ษาทส่ี ถานศึกษากำหนด
เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับผู้เรียน
เช่น แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบนั ทึกผลการเรยี นประจำรายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน
และ เอกสารอ่ืนๆ ตามวตั ถุประสงค์ของการนำเอกสารไปใช้
หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวดั แม่แก้ดนอ้ ย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๘๗
การเทยี บโอนผลการเรยี น
สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศกึ ษา การเปลี่ยน
รูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจากต่างประเทศ
และขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้
อืน่ ๆ เชน่ สถานประกอบการ สถาบนั ศาสนา สถาบนั การฝึกอบรมอาชีพ การจดั การศกึ ษาโดยครอบครัว
การเทียบโอนผลการเรียนควรดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก ท่ี
สถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ทั้งนี้ ผู้เรียนที่ได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่องใน
สถานศึกษาที่รับเทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศึกษาที่รับผู้เรียนจากการเทียบโอนควรกำหนด
รายวิชา/จำนวนหนว่ ยกิตทจี่ ะรบั เทียบโอนตามความเหมาะสม
การพจิ ารณาการเทียบโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดังนี้
๑. พิจารณาจากหลกั ฐานการศกึ ษา และเอกสารอืน่ ๆ ทใี่ ห้ขอ้ มูลแสดงความรู้ ความสามารถของผเู้ รยี น
๒. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบดว้ ยวิธีการต่างๆ ทั้งภาคความรู้และ
ภาคปฏิบัติ
๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏบิ ตั ใิ นสภาพจรงิ
การเทยี บโอนผลการเรยี นใหเ้ ป็นไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏิบตั ิ ของกระทรวงศึกษาธิการ
การบรหิ ารจัดการหลักสตู ร
ในระบบการศึกษาที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนาหลักสูตรน้ัน
หน่วยงานตา่ งๆ ท่เี กีย่ วขอ้ งในแต่ละระดับ ต้ังแต่ระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน จนถึงระดับสถานศึกษา มีบทบาทหน้าท่ี
และความรับผิดชอบในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม การใช้และพัฒนาหลักสูตรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เพอ่ื ให้การดำเนนิ การจดั ทำหลักสูตรสถานศึกษาและการจดั การเรยี นการสอนของสถานศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด
อนั จะสง่ ผลให้การพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียนบรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนรูท้ ่กี ำหนดไว้ในระดับชาติ
ระดับท้องถิ่น ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอื่น ๆ เป็นหน่วยงานทีม่ ีบทบาทใน
การขับเคลื่อนคุณภาพการจัดการศึกษา เป็นตัวกลางที่จะเชื่อมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานที่
กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำหลักสูตรของ
สถานศกึ ษา ส่งเสริมการใช้และพฒั นาหลักสูตรในระดบั สถานศึกษา ใหป้ ระสบความสำเร็จ โดยมภี ารกจิ สำคญั คือ
กำหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในระดับท้องถิ่นโดยพิจารณาให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็น
ความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้ท้องถิ่น ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถิ่น รวมท้ัง
เพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสริม ติดตามผล
ประเมินผล วเิ คราะห์ และรายงานผลคุณภาพของผเู้ รียน
หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๘๘
สถานศึกษามีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้หลักสูตร
การเพม่ิ พูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวจิ ยั และพฒั นา การปรบั ปรุงและพฒั นาหลักสูตรจัดทำระเบียบการวัด
และประเมินผล ในการพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พ้นื ฐาน และรายละเอยี ดที่เขตพนื้ ที่การศึกษา หรอื หนว่ ยงาน สังกัดอน่ื ๆ ในระดับทอ้ งถิ่นไดจ้ ัดทำเพมิ่ เตมิ รวมทั้ง
สถานศกึ ษาสามารถเพมิ่ เตมิ ในส่วนทเ่ี กี่ยวกับสภาพปญั หาในชุมชนและสงั คม ภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่ิน และความตอ้ งการ
ของผเู้ รียน โดยทกุ ภาคสว่ นเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา
หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดแม่แก้ดนอ้ ย ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๘๙
ภาคผนวก
หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนวดั แม่แกด้ น้อย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๙๐
คำส่งั โรงเรียนวัดแม่แกด้ นอ้ ย
ท่ี 11/256๕
เรอื่ ง แต่งตง้ั คณะกรรมการจดั ทำหลักสูตรสถานศึกษา ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปีการศึกษา 2565
............................................................
ด้วยโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย อำเภอสันทราย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่
เขต 2 ไดจ้ ดั ทำหลกั สูตรสถานศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) เพื่อใหก้ ารบริหาร
หลักสตู รและงานวิชาการสถานศึกษาขน้ั พนื้ ฐานเปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพสอดคล้องกับพระราชบัญญัตกิ ารศึกษา
แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ หมวด ๔ มาตรา ๒๗ ที่กำหนดให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตร
เพื่อความเปน็ ไทย ความเปน็ พลเมืองท่ีดีของชาติการดำรงชวี ติ และการประกอบอาชีพ ตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ
ในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพของปัญหาในชุมชน และสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็น
สมาชกิ ที่ดีของครอบครัว ชุมชนสังคมและประเทศชาติและสอดคล้องกับระเบยี บกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยคณะ
กรรมการบริหาร
เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่ง
พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และท่แี ก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔5 กระทรวงศกึ ษาธิการ
และมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการพุทธศักราช 2546
แต่งตั้งครูและบุคลากรทางการศึกษาทำหน้าที่ปรับปรุงพัฒนาจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2564) โรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ น้อย ดังตอ่ ไปนี้
๑. คณะกรรมการอำนวยการ
1.1 นายณรงค์ ลุมมา ผ้อู ำนวยการโรงเรียน ประธานกรรมการ
1.2 นางสาวพิมพพ์ ร ยอดยิง่ ชนชพี รองผอู้ ำนวยการโรงเรียน รองประธานคณะกรรมการ
1.3 นายกิตตชิ ัย โสภณอัมพรนนท์ รองผอู้ ำนวยการโรงเรียน รองประธานคณะกรรมการ
1.4 นางจรรยา วงศ์คำ หวั หน้ากลุม่ งานงบประมาณ กรรมการ
1.5 นายวรศกั ด์ิ ตะยะพงค์ หวั หนา้ กลุ่มงานบรหิ ารท่ัวไป กรรมการ
1.6 นางยุวรี กุศล หัวหนา้ กล่มุ งานบุคคล กรรมการ
1.7 นางสาวศริ ิขวัญ ถาชืน่ หัวหนา้ กลมุ่ งานวิชาการ กรรมการ/เลขานุการ
มีหนา้ ท่ี จดั ประชุม ให้คำปรกึ ษา แนะนำ ช่วยเหลอื และสนับสนนุ งบประมาณสถานที่หรือทรัพยากร
อน่ื ๆกับกรรมการดำเนินงาน
หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดน้อย ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๙๑
๒. คณะกรรมการฝ่ายวางแผนการปรับปรุงและพัฒนาหลกั สูตร ประกอบด้วย
2.1 นางสาวพมิ พ์พร ยอดย่ิงชนชีพ รองผู้อำนวยการโรงเรยี น ประธานคณะกรรมการ
2.2 นางตรนี ชุ คุณยศย่งิ หวั หน้าการเรียนรปู้ ฐมวัย กรรมการ
2.3 นางสาวอัญชลี อนิ ทกาโมทย์ หวั หน้ากลมุ่ สาระภาษาไทย กรรมการ
2.4 นางสาวมยรุ ี ซาวจำปา หวั หน้ากลุ่มสาระคณิตศาสตร์ กรรมการ
2.5 ดร.รสริน พนั ธุ หัวหน้ากล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรรมการ
2.6 นายศราวธุ สระบดุ ดี หวั หนา้ กล่มุ สาระสังคมศึกษาฯ กรรมการ
2.7 นายเจษฎา เหลือบญุ นมุ่ ครูกลมุ่ สาระสุขศึกษาและพลศกึ ษา กรรมการ
2.8 นางสาวกิตตมิ าพร พัฒน์คลา้ ย หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะ กรรมการ
2.9 นายทวปี กนั ทวี หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนการงานอาชพี กรรมการ
2.10 นางสาวสมพิศ ศรชี มภู หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ กรรมการ
2.11 นางสาวศิรขิ วญั ถาชนื่ หวั หนา้ กลุ่มงานวิชาการ กรรมการ/เลขานุการ
มีหนา้ ท่ี
๑. วางแผนการดำเนินงานวชิ าการ กำหนดสาระรายละเอยี ดของหลักสูตรระดับสถานศึกษาและ
แนวทางการจัดสัดส่วนสาระการเรียนรู้ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของสถานศึกษา ให้สอดคล้องกับหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และสภาพเศรษฐกิจ สังคม ศลิ ปวฒั นธรรมภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ
๒. จัดทำคู่มือการบรหิ ารหลักสตู ร และงานวิชาการของสถานศกึ ษา นิเทศ กำกบั ติดตาม
ให้คำปรึกษา เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร การจัดกระบวนการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลและการแนะแนวให้
สอดคล้องและเปน็ ไปตามหลกั สูตรการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน
๓. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร การจัดกระบวน การ
เรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผลและการแนะแนวให้เปน็ ไปตามจุดหมายและแนวทางการดำเนนิ การของหลักสูตร
๔. ประสานความรว่ มมือจากบคุ คล หนว่ ยงาน องค์กรต่าง ๆ และชมุ ชน เพอื่ ให้การใช้
หลกั สูตรเป็นไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพและมคี ณุ ภาพ
5. ประชาสัมพันธ์หลักสูตรและการใช้หลักสูตรแกน่ ักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและผู้เกี่ยวขอ้ งและ
นำข้อมูลป้อนกลับจากฝ่ายตา่ ง ๆ มาพจิ ารณาเพ่อื ปรับปรุงและพฒั นาหลักสูตรของสถานศึกษา
6. สง่ เสริมสนบั สนนุ การวิจัยเก่ยี วกบั การพฒั นาหลกั สูตร และกระบวนการเรยี นรู้
7. ตดิ ตามผลการเรียนของนักเรียนเปน็ รายบุคคล ระดับช้ัน และชว่ งช้ัน ระดบั วชิ า กลมุ่ วิชา
ในแต่ละปกี ารศึกษา เพอ่ื ปรบั ปรุงแกไ้ ข และพัฒนาการดำเนนิ งานด้านตา่ ง ๆ ของสถานศกึ ษา
8.นัดหมายจดั ประชมุ คณะทำงานเพื่อแบ่งหน้าทร่ี ับผดิ ชอบจัดทำข้อมลู เปน็ ไฟลใ์ ห้เรียบร้อยและ
นำส่งคณะกรรมการกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและการบริหารหลักสูตรระดับสถานศึกษาในรอบปีที่ผ่านมา
แล้ว ใช้ผลการประเมิน เพอ่ื วางแผนพฒั นาการปฏิบัติงานของครูและการบริหารหลกั สูตรปกี ารศกึ ษาต่อไป
หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดแมแ่ กด้ น้อย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๙๒
9. รายงานผลการปฏิบตั งิ านและผลการบริหารหลักสูตรของสถานศกึ ษา โดยเน้นผลการ
พัฒนาคุณภาพนักเรียนต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการบริหารหลักสูตรระดับเหนือ
สถานศึกษา สาธารณชน และผู้เกย่ี วข้อง
10. ให้ดำเนินการประชุมคณะกรรมการอย่างน้อยภาคเรียนละ ๒ ครั้งทั้งนี้ให้ผู้ได้รับการแต่งตั้ง
ปฏิบัติหน้าทีท่ ่ีไดร้ บั มอบหมายอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ และบรรลตุ ามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
3. คณะกรรมการทบทวนและปรบั ปรงุ หลักสูตรสถานศึกษา ประกอบด้วย
สาระคณติ ศาสตร์
นางสาวมยรุ ี ซาวจำปา หัวหน้ากลมุ่ สาระคณติ ศาสตร์
นางปวีณา พงศป์ ัญญาศุภโชติ กรรมการ
นางสาวศิรขิ วัญ ถาชน่ื กรรมการ/เลขาฯ
สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พันธุ หวั หน้ากลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
นางสาวรสรนิ ทาวี กรรมการ
นางกาญจนา หลา้ คำแกว้ กรรมการ/เลขาฯ
นางสาวมณฑริ า
สาระภาษาไทย อนิ ทกาโมทย์ หัวหนา้ กลมุ่ สาระภาษาไทย
นางสาวอัญชลี ไทยทอง กรรมการ
นางฐิตาภัทร์ ไครโ้ ท้ง กรรมการ
นางสาวจฑุ ามาศ สายนาค กรรมการ/เลขาฯ
นางสาวภตั ตนิ ันท์
สาระภาษาอังกฤษและสาระตา่ งประเทศ
นางสาวสมพิศ ศรีชมภู หวั หน้ากล่มุ สาระภาษาอังกฤษ
กรรมการ
นางสาวพชั รินทร์ ชวู ัฒนเกยี รติ กรรมการ/เลขาฯ
นายวชั ระ สายแกว้
สาระสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม
นายศราวุธ สระบดุ ดี หวั หนา้ กลมุ่ สาระสังคมศึกษา ศาสนา ฯ
กรรมการ/เลขาฯ
นางสาวปิยะรตั น์ โกมาศ
หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๙๓
สาระสุขศึกษา และพลศึกษา เหลอื บญุ นมุ่ หวั หน้ากลมุ่ สาระสขุ ศึกษาฯ
นายเจษฏา สวสั ด์ิ กรรมการ/เลขาฯ
นายสราวุฒิ
สาระการงานอาชีพ กันทวี หัวหน้ากลุม่ สาระการงานอาชีพ
นายทวปี ชยั มงคล กรรมการ/เลขาฯ
นายอาทิตย์
สาระศิลปะ
นางรงุ่ นภา เมืองอนิ ทร์ หวั หน้ากลุ่มสาระศิลปะ
นางกิตมิ าพร อภญิ ญาวิวัฒน์ กรรมการ
นายวรศกั ด์ิ ตะยะพงศ์ กรรมการ
นางสาวปรญี ารชั น์ แสนพิมพ์ กรรมการ/เลขาฯ
มีหนา้ ท่ี
1.ให้คำแนะนำปรึกษาการเขียนคำอธบิ ายรายวิชา การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรม
การเรียนรู้ การสรา้ งเครื่องมือวัดผลและประเมินผล
2. ตรวจสอบหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรทู้ ีไ่ ดร้ ับผดิ ชอบใหม้ คี วามถกู ต้องและครบถ้วนตามองค์ประกอบ
3. พิสูจน์อักษร จัดทำสำเนาและเข้าเล่มเอกสารหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย
พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564) ให้มี
จำนวนครบตามกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
4. คณะกรรมการจดั ทำหลักสูตรกลุม่ สาระ ประกอบด้วย
สาระคณิตศาสตร์
นางสาวมยุรี ซาวจำปา หวั หนา้ กลุ่มสาระคณิตศาสตร์
กรรมการ
นางณฎั ฐธ์ มล บญุ มา กรรมการ
กรรมการ
นางปวณี า พงศ์ปัญญาศภุ โชติ กรรมการ
กรรมการ/เลขาฯ
นางสาวธมลวรรณ แซงยะ
นายทศั พงษ์เดช ดวงพิมพ์
นางสาวศริ ิขวญั ถาชน่ื
หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั แม่แก้ดนอ้ ย ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๙๔
สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พนั ธุ หวั หนา้ กลมุ่ สาระวิทยาศาสตร์
นางสาวรสรนิ ทาวี กรรมการ
นางกาญจนา หล้าคำแก้ว กรรมการ
นางสาวมณฑริ า เดชาวฒุ ิ กรรมการ
นางสาวอารีรัตน์ เสอื กลับ กรรมการ/เลขาฯ
นางสาวปริยากร
สาระภาษาไทย กศุ ล หัวหนา้ กลมุ่ สาระภาษาไทย
นางยุวรี ทนนั ชยั กรรมการ
นางอนัญญา วงศ์คำ กรรมการ
นางจรรยา คำนวล กรรมการ
นางธญั พร ปันดาเจริญกลุ กรรมการ
นางพรกมล อินทกาโมทย์ กรรมการ
นางสาวอัญชลี ไทยทอง กรรมการ
นางฐิตาภทั ร์ ไครโ้ ทง้ กรรมการ
นางสาวจุฑามาศ สตุ นั กรรมการ
นางสาวชญานิษฐ์ ปนั โนจา กรรมการ/เลขาฯ
นางสาวพชั ราภรณ์
สาระภาษาอังกฤษและสาระตา่ งประเทศ ภาษาอังกฤษ
นางสาวสมพิศ ศรีชมภู หวั หนา้ กลุ่มสาระภาษาอังกฤษ
กรรมการ
นางสาวกญั ญาภทั ร ศุภสาร กรรมการ
กรรมการ/เลขาฯ
นายวัชระ สายแกว้
นางสาวลลิกา อนิ ถา
สาระภาษาอังกฤษและสาระต่างประเทศ ภาษาจนี หวั หน้ากล่มุ สาระภาษาจีน
นางสาวพชั รนิ ทร์ ชวู ัฒนเกยี รติ กรรมการ
นางสาวกมลวรรณ กา๋ อว่ น กรรมการ/เลขาฯ
นางสาวเชษฐส์ ดุ า โปธา
สาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
นายศราวุธ สระบดุ ดี หวั หนา้ กล่มุ สาระสังคมศกึ ษา ศาสนา ฯ
กรรมการ
นางสาวปิยะรตั น์ โกมาศ กรรมการ/เลขาฯ
นางสาวสทุ ธพิ ร ณ เชียงใหม่
หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ๑๙๕
สาระสุขศึกษา และพลศกึ ษา เหลือบุญนมุ่ หวั หน้ากลุ่มสาระสุขศึกษาฯ
นายเจษฏา สวสั ด์ิ กรรมการ/เลขาฯ
นายสราวธุ
สาระการงานอาชีพ กนั ทวี หัวหนา้ กลุ่มสาระการงานอาชีพ
นายทวปี ชัยมงคล กรรมการ/เลขาฯ
นายอาทติ ย์
สาระศลิ ปะ
นายชยั รตั น์ ศรช่วย หัวหน้ากล่มุ สาระศลิ ปะ
นายวรศักดิ์ ตะยะพงศ์ หัวหน้าฝ่ายงานดนตรี
นางร่งุ นภา เมืองอินทร์ หัวหน้าฝ่ายงานนาฏศลิ ป์
นางกติ มิ าพร อภญิ ญาววิ ฒั น์ กรรมการ
นางสาวปรญี ารชั น์ แสนพมิ พ์ กรรมการ
นางสมจติ สขุ ะปุณพนั ธ์ุ กรรมการ/เลขาฯ
มีหนา้ ท่ี
1. ตรวจสอบหลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรูท้ ีไ่ ดร้ บั ผดิ ชอบใหม้ คี วามถูกต้องและครบถ้วนตามองค์ประกอบ
2. จดั ทำรปู เลม่ เพื่อเสนอต่อผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา
ให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้ง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบและเอาใจใส่ เพื่อให้งานบรรลุตาม
วัตถุประสงค์ทต่ี ั้งไว้
ส่ัง ณ วันที่ 4 เดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕65
วันท่ี 4 เดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕65
(นายณรงค์ ลุมมา)
ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย
หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนวัดแม่แกด้ น้อย ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๙๖
ประกาศโรงเรยี นวดั แม่แก้ดน้อย
เรือ่ ง ให้ใช้หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ ตามหลกั สตู รแกนกลาง
การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕
*************************************
เพื่อให้การบริหารหลกั สูตรและงานวิชาการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้อง
กับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม หมวด ๔ มาตรา ๒๙ ที่
กำหนดใหส้ ถานศึกษาข้นั พื้นฐาน มีหนา้ ที่จดั ทำสาระของหลกั สูตรเพอื่ ความเปน็ ไทย ความเปน็ พลเมอื งทดี่ ีของชาติ
การดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ ในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพของปัญหาในชุมชนและ
สังคมและประเทศชาติ สอดคล้องกับพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ.๒๕๖๒ หมวด ๓ การบริหาร
พนื้ ทน่ี วตั กรรมการศึกษา มาตรา ๒0(๔) , มาตรา ๒๕
อาศัยตามพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ.๒๕๖๒ หมวด ๓ มาตรา ๒๕ , มาตรา ๒๖การ
บรหิ ารพืน้ ท่ีนวตั กรรมการศึกษา และระเบยี บกระทรวงศึกษาธิการ ว่าดว้ ยคณะกรรมการบริหารหลกั สูตร
และงานวิชาการสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พ.ศ.๒๕๔๔
ทั้งนี้ หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แม่แกด้ น้อย พุทธศักราช ๒๕๖๕ ไดร้ บั ความเห็นชอบ
จากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2565 จึงประกาศให้ใช้หลักสูตร
สถานศึกษาฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ตั้งแต่บดั น้ีเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันท่ี 18 เดอื น เมษายน พ.ศ. 2565
ลงช่ือ ลงช่อื
( นายเสถยี ร ธะนนั ต์ (นายณรงค์ ลมุ มา)
ประธานกรรมการสถา)นศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ น้อย
หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ๑๙๗