The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่๔ การเคลื่อนที่แนวโค้ง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ณิชาพัชร์ คูณทอง, 2023-09-01 00:14:54

หน่วยที่๔ การเคลื่อนที่แนวโค้ง

หน่วยที่๔ การเคลื่อนที่แนวโค้ง

แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) รายวิชาฟิสิกส์ 1 รหัสวิชา ว30201 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 บทที่ 4 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง โรงเรียนโนนกลางวิทยาคม อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย นางพัชรี คูณทอง ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูเชี่ยวชาญ


dau:rqlnr: a4, uuilntoFll1l.r 1:rrEauluunariuurn:r eiruaofrlnriraru'r: {rr,rioola:rtorfl !9 A- fr 0u doooe!.od / aded iufi d r6ou l\qualnil ?,l.Ft. krdbb A vaqv u d y ^ ( a) r3ot toourifr"trirrzuunr:qonr:r:uu: q! :'tu?flrfrland o :yYaitr ?motooo t-u:ioulfinrgrtlfr < da lnqstLL1T o tlflltF1fr19r bdbk) Guu r.iriru': u nr:I:s uE uuTuunar{er u rn:.1 .iy y v d o ; , Ft'11.11,T?'11,\LQl 1t',l.i1\1J: FttU1,10{ Ft't[14U{ F]5 ?yUf,rUy O:LlJU?trfll flAilA1:yn1: !!d!u9 uEauiir,rurnrafliuavLrnTula0 1:rriuuluunar.ieilurnl.r osr{nr::-l3rar:cirus-rur-floua:rflorfl !q kiYuolr.r:rrat#aoutu:ruitrfrlfrnri o :ri'aitr ?enoboo rYu!-ou!finrg1flfi d arnrEuufi o 9l flnr:finrcr ledbb riu siru'ru o.a vrirufrn r?arL;uu * rirTrrrio#rlnrf uo rirllrrionrnrEau dyJ"ad sirur u d vu? u n r : ri er uf rfi o n r : rir rfl un r : a o R a n ::l n r: rS uu nt :a oL : r uri':hl fi r{l u: y l l ruavl'l:vfrvrBnrn ufrnl:vfrr,rBzua*avl:vTurriaranrioffrEau drmrudrdlt6'rirrfrunr:d'nvir !r! udv^v4y&y tttlufl'lTQFlnl:[:uurFll].ltt1l? UJtud Backward Desiqn nrluanan:ttntnat.:fl1:6nurtlufruolu{u fiugru 1,l1,16fl-fl:rtl loddo (al-lrJYlr-Jq{ Tr.Ft.todbo) lnuq-ofrqn::rnr:uiuuflr:aou:!rru1.rfl 4! udv{ {n:nr:tBaufrullfirtrarvvrnruY a riu (5E) ufio'l{rl:vnolnr:d'nnon:u.rnrir;uuflr:aotr uilrsnr:rEuuifi " nr:finrgrtrrf,ltnai druru b uruu U urirunl:rEuuivr'r, nr:rn6oufirru?m:.: sirueu oro L[ruu ,<y.i!i UU?Un15t:UUlYl sn tL:.:tLayflflnlStnA8Uyl O1U?U 6'l ttzuU Ud vrilrsnr:rtuuifi d n1:rn6oufiuurTri.: qiruru d urlu l-0 fi {r rnr r drtririr ufl u n r : {n vir ru zu u n r : {n n r : r:' u u in ei r a r : y n r : ri u u ii r,r a r n r a n i UtU 6 v Y - d d,; . u d - a X :1U'ltrilfrnfr or I14d?1J'l ?molooo 1J1.J:.]0Ul.lflfllgr!?l d 0lu'11-l mo lLf"lltfllSqnnt:l:uu: tfisoei1] a ia , y d u A y 3 t! ull t: u rJ : 0 u tta ? : 1 I a y t0 u fi Ft { t0 n a 1 :vi rt1] u :.t r il 5 o ilu dda] s Q{ r: UL}.rr 11 0 tl.l:Ft1,1:rL a{fl0 (uxr,(tE nilrlo{) ^i FnLt1,11t{ n: ?ytuoluv FlStlJU?%rtu !4!u / nrrur#utor#rurir...


duuray n?1il tfi U?JO.:14?14U1 na 3Jd''lTYn15t:UU: 9g a{lJ0 s (rrrarrvinri?:T6u liuvo{) uVr dral v?yl.r'tnaLal:vfl r: t: uu:?11 ul fl laFl: "1 9! 4uvvq4 n?1lJ t?lu?J0.i14?14U1.:1U?t gltU1UAfl d9r:61A','rUfi nU',] U a{%0 ,Ud (r.rrr,rt5 otul,ro r) '! ard y1 14Ul.i I U1! mt Ll UA fl A n : fi fl r U fl nr9r 4uvt, Fr?1sJ uIu?o rra'tarir e.lr au3ur:rruiryt fl1t M uf;unr:ou:rG II L-_l e?:U:u!:{ q ruo{Qrn llda L_l tylrFr't:01.J I a{10 (u nrulror) r.{r yrir nl r u u:^y r :s r uirtr n r : 49ynfr.rMbh FI?13J ,44 a { r.r u T141 5dfl '1 Ufl nU',r U o ur-fr }.ilLriiuzu u n r : q-o n r : uE u u it6' 9! qi 4' [ilout]p' tuo'1a1n...... a! r]?'u.ltv1-JFr?50u I ..


คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ผู้สอนจัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางใน การจัดการเรียนการสอน รายวิชาฟิสิกส์ 1 รหัสวิชา ว30201 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการวัดผลและประเมินผลที่หลากหลายตามมาตรฐาน การเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมการ จัดการเรียนการสอนและกระบวนการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน อีกทั้งเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนรายชั่วโมง ดังนั้น แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายวิชาฟิสิกส์1 รหัสวิชา ว30201 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 1.5 หน่วยกิต เวลาเรียน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 60 ชั่วโมงต่อภาคเรียน จำนวน 4 หน่วยการเรียนรู้ ผู้จัดทำขอขอบพระคุณ รองศาสตราจารย์ ดร. มนตรี วงษ์สะพาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เสริฐ เขียนนอก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภควัฒน์ วงศ์วรรณวัฒนา นายคชกรณ์ บัวคำ และนางสุรภา ไกรเพชร ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์เป็นผู้เชี่ยวชาญในการตรวจคุณภาพผลงานทาง วิชาการและคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ รวมทั้งชี้แนะแนวทางข้อบกพร่องต่าง ๆ ในครั้งนี้ ผู้จัดทำหวังอย่างยิ่งว่าแผนการจัดการเรียนรู้นี้คงให้ประโยชน์สำหรับครูผู้สอน รายวิชาฟิสิกส์ และครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายวิชาอื่น ๆ รวมทั้งผู้ที่สนใจ พัชรี คูณทอง


คำรับรองของผู้บริหารสถานศึกษา ข้าพเจ้า ดร.พรพนธ์ แพทย์เพียร ผู้อำนวยการโรงเรียนโนนกลางวิทยาคม ขอรับรองว่าแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) รายวิชาฟิสิกส์ 1 รหัสวิชา ว30201 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ซึ่งเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนว Backward Design เป็นผลที่เกิดจากการศึกษา ค้นคว้าด้วยความวิริยะ อุตสาหะ มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน หาแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยนางพัชรี คูณทอง ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูเชี่ยวชาญ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โรงเรียนโนนกลางวิทยาคม อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี สำนัก การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นผู้จัดทำขึ้น เพื่อประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรายวิชาฟิสิกส์ 1 รหัสวิชา ว30201 ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) และได้นำมาใช้ในกระบวนการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนจริง (ดร.พรพนธ์ แพทย์เพียร) ผู้อำนวยการโรงเรียนโนนกลางวิทยาคม


จ สารบัญ เรื่อง หน้า บันทึกข้อความขออนุมัติใช้แผนการจัดการเรียนรู้................................................... ก คำนำ...................................................................................................................... ค คำรับรองของผู้บริหารสถานศึกษา.......................................................................... ง สารบัญ................................................................................................................... จ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาสาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551……………………………. 1 - วิทยาศาสตร์พื้นฐาน………………………………………………………………………………… 2 - วิทยาศาสตร์เพิ่มเติม………………………………………………………………………………... 2 วิทยาศาสตร์เพิ่มเติม………………………………………………………………………………………….. 3 เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม……………………………………………………………………… 4 สาระวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม………………………………………………………………………………….. 5 - สาระชีววิทยา…………………………………………………………………………………………. 5 - สาระเคมี............................................................................................................. 6 - สาระฟิสิกส์.......................................................................................................... 6 - สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ..................................................................... 7 คุณภาพผู้เรียน............................................................................................................... 7 สาระฟิสิกส์.................................................................................................................... 12 คำอธิบายรายวิชา.......................................................................................................... 22 ผลการเรียนรู้.................................................................................................................. 22 โครงสร้างรายวิชา.......................................................................................................... 24 โครงสร้างแผนการจัดการเรียนรู้.................................................................................... 31 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ (การเคลื่อนที่แนวโค้ง) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 24 การเคลื่อนที่แบบโพรเจคไทล์.……………………………. 41 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 25 การเคลื่อนที่แบบโพรเจคไทล์ (ต่อ)………………………. 64 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 26 การเคลื่อนที่แบบโพรเจคไทล์ (ต่อ)………………………. 88


ฉ สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 27 แรงสู่ศูนย์กลาง......................................………………. 113 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 28 การเคลื่อนที่แบบวงกลม........................………………. 136 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 29 การเคลื่อนที่แบบวงกลม (ต่อ)................………………. 161 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 30 การเคลื่อนที่ของรถยนต์บนถนนโค้ง......………………. 183 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 31 การเคลื่อนที่ของรถยนต์บนถนนโค้ง(ต่อ)................. 206 บรรณานุกรม.......................................................................................................... 231 ภาคผนวก............................................................................................................... 235 ภาคผนวก ก แบบทดสอบวัดผลสุมฤทธิ์ทางการเรียน.............................. 236 ประวัติย่อผู้จัดทำ.................................................................................................... 253


1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 บทนำ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นี้ ได้กำหนดสาระการ เรียนรู้ออกเป็น 4 สาระ ได้แก่ สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ สาระที่ 4 เทคโนโลยี มีสาระเพิ่มเติม 4 สาระ ได้แก่ สาระ ชีววิทยา สาระเคมี สาระฟิสิกส์ สาระโลก ดาราศาสตร์และอวกาศ ซึ่งองค์ประกอบของหลักสูตร ทั้งในด้านเนื้อหา การจัดการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผลการเรียนรู้นั้นมีความสำคัญ อย่างยิ่งในการวางรากฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของผู้เรียนในแต่ละระดับชั้น ให้มีความต่อเนื่อง เชื่อมโยงกันตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ได้กำหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง ที่ผู้เรียนจำเป็นต้องเรียนเป็นพื้นฐาน เพื่อให้สามารถนำความรู้นี้ไปใช้ในการดำรงชีวิตหรือศึกษาต่อในวิชาชีพที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ได้ โดยจัดเรียงลำดับความยากง่ายของเนื้อหาแต่ละสาระในแต่ละระดับชั้นให้มีการเชื่อมโยงความรู้กับ กระบวนการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาความคิด ทั้งความคิดเป็น เหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่สำคัญทั้งทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลหลากหลาย และประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สสวท.) ตระหนักถึงความสำคัญ ของการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่มุ่งหวังให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อผู้เรียนมากที่สุด จึงได้จัดทำตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ขึ้น เพื่อให้สถานศึกษา ครูผู้สอน ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ได้ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาหนังสือเรียน คู่มือครู สื่อประกอบการเรียน การสอน ตลอดจนการวัดและประเมินผล โดยตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่จัดทำขึ้นนี้ได้ปรับปรุง เพื่อให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกันภายในสาระ การเรียนรู้เดียวกันและระหว่างสาระการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตลอดจน การเชื่อมโยงเนื้อหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ด้วย นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงเพื่อให้มี


2 ความทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลง และความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการต่าง ๆ และทัดเทียมกับ นานาชาติกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สรุปเป็นแผนภาพได้ ดังนี้ วิทยาศาสตร์พื้นฐาน แผนภาพที่1 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ที่มา : ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (หน้า 2) (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ วิทยาศาสตร์เพิ่มเติม สาระชีววิทยา สาระเคมี สาระฟิสิกส์ สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 – ว 3.2 สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 – ว 1.3 สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 – ว 4.2 สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 – ว 2.3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์


3 วิทยาศาสตร์เพิ่มเติม วิทยาศาสตร์เพิ่มเติมจัดทำขึ้นสำหรับผู้เรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียน วิทยาศาสตร์ที่จำเป็นต้องเรียนเนื้อหาในสาระชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ และโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญและเพียงพอสำหรับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ในด้านวิทยาศาสตร์เพื่อ ประกอบวิชาชีพในสาขาที่ใช้วิทยาศาสตร์เป็นฐาน เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ เทคนิคการแพทย์ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม ฯลฯ โดยมีผลการเรียนรู้ที่ครอบคลุม ด้านเนื้อหา ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑ รวมทั้งจิตวิทยาศาสตร์ ที่ผู้เรียนจำเป็นต้องมีวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมนี้ได้มีการปรับปรุงเพื่อให้มีเนื้อหา ที่ทัดเทียมกับนานาชาติ เน้นกระบวนการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา รวมทั้งเชื่อมโยงความรู้สู่การนำไปใช้ในชีวิตจริง สรุปได้ดังนี้ 1. ลดความซ้ำซ้อนของเนื้อหาระหว่างตัวชี้วัดในรายวิชาพื้นฐานและผลการเรียนรู้ รายวิชา เพิ่มเติม เพื่อให้ผู้เรียนได้มีเวลาสำหรับการเรียนรู้ และทำปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น 2. ลดความซ้ำซ้อนของเนื้อหาระหว่างสาระชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ และโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ โดยมีการพิจารณาเนื้อหาที่มีความซ้ำซ้อนกัน แล้วจัดให้เรียนที่สาระใดสาระหนึ่ง เช่น - เรื่องสารชีวโมเลกุล เดิมเรียนทั้งในสาระชีววิทยา และเคมี ได้พิจารณาแล้วจัดให้ เรียนในสาระชีววิทยา - เรื่องปิโตรเลียม เดิมเรียนทั้งในสาระเคมี และโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ได้พิจารณาแล้วจัดให้เรียนในสาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ - เรื่องกฎของบอยล์ กฎของชาร์ล ไอโซโทปกัมมันตรังสี ได้พิจารณาแล้วจัดให้เรียนใน สาระเคมี และเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ จัดให้เรียนในสาระฟิสิกส์ เนื่องจากเดิมเนื้อหาเหล่านี้ ทับซ้อน กันในสาระเคมีและฟิสิกส์ - เรื่องการทดลองของทอมสัน และการทดลองของมิลลิแกน เดิมเรียนทั้งในสาระเคมี และฟิสิกส์ ได้พิจารณาแล้วจัดให้เรียนในสาระเคมี 3. ลดความซ้ำซ้อนกันระหว่างระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เช่น - เรื่องระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในสาระชีววิทยา ได้ปรับให้สาระการเรียนรู้ เนื้อหา และกิจกรรม มีความแตกต่างกันตามความเหมาะสมของระดับผู้เรียน - เรื่องเทคโนโลยีอวกาศ การเกิดลม การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลก พายุ และมรสุม ได้มีการปรับให้สาระการเรียนรู้ เนื้อหา และกิจกรรมเรียนต่อเนื่องกันจากระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ไปสู่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อไม่ให้ซ้อนทับกัน


4 4. ลดทอนเนื้อหาที่ยาก เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มของผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย 5. มีการเพิ่มเนื้อหาด้านต่าง ๆ ที่มีความทันสมัย สอดคล้องต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบัน และอนาคตมากขึ้น เช่น เรื่องเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ที่มีต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในสาระชีววิทยา เรื่องทักษะและความปลอดภัยในปฏิบัติการเคมี นวัตกรรมและการแก้ปัญหาที่เน้นการบูรณาการ ในสาระเคมีเรื่องเทคโนโลยีด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม การสื่อสารด้วยสัญญาณดิจิทัลที่เหมาะสม กับสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลในปัจจุบัน รวมทั้งเนื้อหาเกี่ยวกับการค้นคว้าวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาค เพื่อความสอดคล้องกับความก้าวหน้าของวิชาฟิสิกส์ในปัจจุบัน วิทยาศาสตร์เพิ่มเติมนี้ถึงแม้ว่าสถานศึกษาสามารถจัดให้ผู้เรียนได้เรียนตามความ เหมาะสมและตามจุดเน้นของสถานศึกษา แต่ในแนวทางปฏิบัติสถานศึกษาควรจัดให้ผู้เรียน ได้เรียน ทุกสาระเพื่อให้มีความรู้เพียงพอในการนำไปใช้เพื่อการศึกษาต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหาของวิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ที่สถานศึกษามักมองข้ามความสำคัญของการเรียนสาระนี้ ซึ่งเป็นการ บูรณาการความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ทั้งฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา รวมทั้งศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อมาช่วยในการอธิบายและเข้าใจปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติ ทั้งการเปลี่ยนแปลงบนผิวโลก การเปลี่ยนแปลงภายในโลก และการเปลี่ยนแปลงทางลมฟ้าอากาศ ซึ่งกระบวนการเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดดังกล่าวล้วนส่งผลซึ่งกันและกัน รวมทั้งสิ่งมีชีวิตด้วยและที่สำคัญคือ ความรู้ในวิชานี้ สามารถ นำไปใช้ในการศึกษาต่อเพื่อประกอบอาชีพในหลาย ๆ ด้าน เช่น อาชีพที่เกี่ยวกับวัสดุศาสตร์ การ เดินเรือ การบิน การเกษตร การศึกษาประวัติศาสตร์ วิศวกร อุตสาหกรรมน้ำมัน เหมือง นักธรณีวิทยา นักอุตุนิยมวิทยา นักดาราศาสตร์ นักบินอวกาศ ดังนั้นพื้นฐานความรู้ทางวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ จะช่วยเปิดโอกาสทางด้านอาชีพที่หลากหลายให้กับผู้เรียน เพราะในอนาคตข้างหน้า นอกจากมนุษย์จะตองมีความเข้าใจเกี่ยวกับโลกที่ตัวเองอาศัยอยู่แล้ว ยังต้องพัฒนาตนเองเพื่อศึกษา ข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่นอกโลกเพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นกลับมาพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม วิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ผู้เรียนจะได้เรียนรู้สาระสำคัญ ดังนี้ ชีววิทยา เรียนรู้เกี่ยวกับ การศึกษาชีววิทยา สารที่เป็นองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต เซลล์ของสิ่งมีชีวิต พันธุกรรมและการถ่ายทอด วิวัฒนาการ ความหลากหลายทางชีวภาพ โครงสร้าง และการทำงานของส่วนต่าง ๆ ในพืชดอก ระบบและการทำงานในอวัยวะต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม


5 เคมี เรียนรู้เกี่ยวกับ ปริมาณสาร องค์ประกอบและสมบัติของสาร การเปลี่ยนแปลง ของสาร ทักษะและการแก้ปัญหาทางเคมี ฟิสิกส์ เรียนรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติและการค้นพบทางฟิสิกส์ แรงและการเคลื่อนที่ และพลังงาน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับ โลกและกระบวนการเปลี่ยนแปลง ทางธรณีวิทยา ข้อมูลทางธรณีวิทยาและการนำไปใช้ประโยชน์ การถ่ายโอนพลังงานความร้อนของโลก การเปลี่ยนแปลงลักษณะลมฟ้าอากาศกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ โลกในเอกภพ และดาราศาสตร์กับ มนุษย์ สาระวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม สาระชีววิทยา 1. เข้าใจธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต การศึกษาชีววิทยาและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ สารที่เป็น องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต กล้องจุลทรรศน์ โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ การลำเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดับเซลล์ 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิด เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี– ไวเบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ หลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดใหม่ของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต และอนุกรมวิธาน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืช การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 4. เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ รวมทั้งการหายใจและการแลกเปลี่ยนแก๊ส การลำเลียงสารและการหมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และการตอบสนอง การเคลื่อนที่ การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต ฮอร์โมนกับการรักษาดุลยภาพ และพฤติกรรมของสัตว์ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 5. เข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับระบบนิเวศ กระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนสาร ในระบบนิเวศ ความหลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนที่ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ ประชากรและรูปแบบการเพิ่มของประชากร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหา และผลกระทบที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ และแนวทางการแก้ไขปัญหา


6 สาระเคมี 1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมี และสมบัติของสาร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทั้งการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมีปริมาณสัมพันธ์ในปฏิกิริยาเคมีอัตราการ เกิดปฏิกิริยาเคมีสมดุลในปฏิกิริยาเคมีสมบัติและปฏิกิริยาของกรด – เบส ปฏิกิริยารีดอกซ์และเซลล์ เคมีไฟฟ้า รวมทั้งการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. เข้าใจหลักการทำปฏิบัติการเคมีการวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วย การคำนวณปริมาณของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทั้งการบูรณาการความรู้และทักษะใน การอธิบายปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวันและการแก้ปัญหาทางเคมี สาระฟิสิกส์ 1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรง และกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวัตถุ งานและกฎ การอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. เข้าใจการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกส์อย่างง่าย ธรรมชาติของคลื่น เสียงและการได้ยิน ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสงและการเห็น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแสง รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ 3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และกฎของโอห์ม วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้า การเปลี่ยน พลังงานทดแทน เป็นพลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็กที่กระทำกับประจุไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์ ไฟฟ้ากระแสสลับ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และการสื่อสาร รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 4. เข้าใจความสัมพันธ์ของความร้อนกับการเปลี่ยนอุณหภูมิและสถานะของสสาร สภาพ ยืดหยุ่นของวัสดุและมอดุลัสของยัง ความดันในของไหล แรงพยุง และหลักของอาร์คิมีดีส ความตึงผิว และแรงหนืดของของเหลว ของไหลอุดมคติและสมการแบร์นูลลีกฎของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส อุดมคติและพลังงานในระบบ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคลื่น และอนุภาค กัมมันตภาพรังสีแรงนิวเคลียร์ปฏิกิริยานิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์ ฟิสิกส์อนุภาค รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์


7 สาระโลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 1. เข้าใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก ธรณีพิบัติภัยและผลต่อสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม การศึกษาลำดับชั้นหิน ทรัพยากรธรณีแผนที่และการนำไปใช้ประโยชน์ 2. เข้าใจสมดุลพลังงานของโลก การหมุนเวียนของอากาศบนโลก การหมุนเวียนของน้ำใน มหาสมุทร การเกิดเมฆ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกและผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการ พยากรณ์อากาศ 3. เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิดและวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์และระบบสุริยะ ความสัมพันธ์ของดาราศาสตร์กับมนุษย์จากการศึกษาตำแหน่งดาวบนทรง กลมฟ้าและปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ รวมทั้งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ คุณภาพผู้เรียน ผู้เรียนที่เรียนครบทุกผลการเรียนรู้ มีคุณภาพดังนี้ ❖ เข้าใจวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาคำตอบเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต สารที่เป็น องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตและปฏิกิริยาเคมีภายในเซลล์ การใช้กล้องจุลทรรศน์ โครงสร้างและหน้าที่ ของเซลล์ การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดับเซลล์ ❖ เข้าใจหลักการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต การถ่ายทอดยีนบน ออโตโซมและโครโมโซมเพศ โครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีของดีเอ็นเอ การจำลองดีเอ็นเอ กระบวนการสังเคราะห์โปรตีน การเกิดมิวเทชันในสิ่งมีชีวิต หลักการและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ทางดีเอ็นเอ หลักฐานและข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการ ของสิ่งมีชีวิต เงื่อนไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี– ไวน์เบิร์ก กระบวนการเกิดสปีชีส์ใหม่ของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต ลักษณะสำคัญของสิ่งมีชีวิต กลุ่มแบคทีเรีย โพรทิสต์ พืช ฟังไจ และสัตว์ การจำแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นหมวดหมู่และวิธีการเขียน ชื่อวิทยาศาสตร์ ❖ เข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบของพืชทั้งราก ลำต้น และใบ การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ การลำเลียงน้ำและธาตุอาหาร การลำเลียงอาหาร การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช กระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์และการปฏิสนธิของพืชดอก การเกิดผลและเมล็ด บทบาทของสาร ควบคุมการเจริญเติบโตของพืชและการประยุกต์ใช้ และการตอบสนองของพืช ❖ เข้าใจกลไกการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต โครงสร้าง หน้าที่ และกระบวนการต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ ได้แก่ การย่อยอาหาร การแลกเปลี่ยนแก๊ส การเคลื่อนที่ การกำจัดของเสียออก


8 จากร่างกายของสิ่งมีชีวิต ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของมนุษย์ การทำงานของ ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก ระบบสืบพันธุ์ การปฏิสนธิ การเจริญเติบโต ฮอร์โมน และพฤติกรรมของสัตว์ ❖ เข้าใจกระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนสารในระบบนิเวศ ความหลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การเปลี่ยนแปลง จำนวนประชากรมนุษย์ในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับโลก แนวทางการป้องกันและแก้ไข ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ❖ เข้าใจการศึกษาโครงสร้างอะตอมของนักวิทยาศาสตร์ การจัดเรียงอิเล็กตรอนใน อะตอม สมบัติบางประการของธาตุและการจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ พันธะเคมี สมบัติของสารที่มี ความสัมพันธ์กับพันธะเคมี กฎต่างๆ ของแก๊ส และสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของ สารประกอบอินทรีย์ และประเภทและสมบัติของพอลิเมอร์ ❖ เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี การคำนวณปริมาณสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับปฏิกิริยาเคมี อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีและปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมดุลใน ปฏิกิริยาเคมีและปัจจัยที่มีผลต่อสมดุลเคมี ทฤษฎีกรด-เบส สมบัติและปฏิกิริยาของกรด – เบส สารละลายบัฟเฟอร์ ปฏิกิริยารีดอกซ์ และเซลล์เคมีไฟฟ้า ❖ เข้าใจข้อปฏิบัติเบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำปฏิบัติการเคมี การเลือกใช้ อุปกรณ์หรือเครื่องมือในการทำปฏิบัติการ หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วยวัดด้วยการใช้แฟกเตอร์ เปลี่ยนหน่วย การคำนวณเกี่ยวกับมวลอะตอม มวลโมเลกุล และมวลสูตร ความสัมพันธ์ของโมล จำนวนอนุภาค มวล และปริมาตรของแก๊สที่ STP การคำนวณสูตรอย่างง่ายและสูตรโมเลกุลของ สาร ความเข้มข้นของสารละลาย การเตรียมสารละลาย และการบูรณาการความรู้และทักษะในการ อธิบายปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวันและการแก้ปัญหาทางเคมี ❖ เข้าใจธรรมชาติของฟิสิกส์ กระบวนการวัด ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณที่เกี่ยวข้อง กับการเคลื่อนที่ การเคลื่อนที่ในแนวตรง แรงลัพธ์ กฎการเคลื่อนที่ แรงเสียดทาน กฎความโน้มถ่วง สากล สนามโน้มถ่วง งาน กฎการอนุรักษ์พลังงานกล สมดุลกลของวัตถุ เครื่องกลอย่างง่ายโมเมนตัม และการดล กฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การชน และการเคลื่อนที่ในแนวโค้ง ❖ เข้าใจการเคลื่อนที่แบบคลื่น ปรากฏการณ์คลื่น การสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบน และการแทรกสอด หลักการของฮอยเกนส์ การเคลื่อนที่ของคลื่นเสียง ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้อง กับเสียง ความเข้มเสียงและระดับเสียง การได้ยิน ภาพที่เกิดจากกระจกเงาและเลนส์ ปรากฏการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับแสงและการมองเห็นแสงสี


9 ❖ เข้าใจสนามไฟฟ้า แรงไฟฟ้า กฎของคูลอมบ์ ศักย์ไฟฟ้า ตัวเก็บประจุ ตัวต้านทาน และกฎของโอห์มพลังงานไฟฟ้า การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้าน พลังงาน สนามแม่เหล็ก ความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กกับกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็ก ไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสสลับ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และประโยชน์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ❖ เข้าใจผลของความร้อนต่อสสาร สภาพยืดหยุ่น ความดันในของไหล แรงพยุง ของไหลอุดมคติ ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส แนวคิดควอนตัมของพลังงาน ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคลื่นและอนุภาค การสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี กัมมันตภาพ ปฏิกิริยานิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์ ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน แรงภายในนิวเคลียส และการค้นคว้าวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาค ❖ เข้าใจการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคลื่อนที่ ของแผ่นธรณีที่สัมพันธ์กับการเกิดลักษณะธรณีสัณฐานและธรณีโครงสร้างแบบต่าง ๆ หลักฐานทาง ธรณีวิทยาที่พบในปัจจุบันและการลำดับเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาในอดีต สาเหตุ กระบวนการเกิด แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ ผลกระทบ แนวทางการเฝ้าระวัง และการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย สมบัติและการจำแนกชนิดของแร่ กระบวนการเกิดและการจำแนกชนิดหิน กระบวนการเกิดและการ สำรวจแหล่งปิโตรเลียมและถ่านหิน การแปลความหมายจากแผนที่ภูมิประเทศและแผนที่ ธรณีวิทยา และการนำข้อมูลทางธรณีวิทยาไปใช้ประโยชน์ ❖ เข้าใจปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการรับและปลดปล่อยพลังงานจากดวงอาทิตย์ กระบวนการที่ทำให้เกิดสมดุลพลังงานของโลก ผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลิส แรงสู่ศูนย์กลางและแรงเสียดทานที่มีต่อการหมุนเวียนของอากาศการหมุนเวียน ของอากาศตามเขตละติจูด และผลที่มีต่อภูมิอากาศปัจจัยที่ทำให้เกิดการแบ่งชั้นน้ำและการหมุนเวียน ของน้ำในมหาสมุทร รูปแบบการหมุนเวียนของน้ำในมหาสมุทร และผลของการหมุนเวียนของน้ำใน มหาสมุทรที่มีต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ระหว่างเสถียรภาพ อากาศและการเกิดเมฆ การเกิดแนวปะทะอากาศแบบต่าง ๆ และลักษณะลมฟ้าอากาศที่เกี่ยวข้อง ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก รวมทั้งการแปลความหมายสัญลักษณ์ ลมฟ้าอากาศ และการพยากรณ์ลักษณะลมฟ้าอากาศเบื้องต้น จากแผนที่อากาศและข้อมูลสารสนเทศ ❖ เข้าใจการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาดอุณหภูมิของเอกภพ หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซีโครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซี ทางช้างเผือก กระบวนการเกิดดาวฤกษ์ และการสร้างพลังงานของดาวฤกษ์ ปัจจัยที่ส่งผลต่อ ความส่องสว่างของดาวฤกษ์ และความสัมพันธ์ระหว่างความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสีอุณหภูมิผิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์ วิธีการหาระยะทางของดาวฤกษ์ ด้วยหลักการแพรัลแลกซ์ วิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์


10 กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์ลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการ ดำรงชีวิตการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วยกฎเคพเลอร์ และกฎความโน้มถ่วงของนิวตัน โครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะและผลที่มีต่อโลก การระบุพิกัดของดาวในระบบ ขอบฟ้าและระบบศูนย์สูตร เส้นทางการขึ้นการตกของดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์ เวลา สุริยคติ และการ เปรียบเทียบเวลาของแต่ละเขตเวลาบนโลก การสำรวจอวกาศและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ ❖ ระบุปัญหา ตั้งคำถามที่จะสำรวจตรวจสอบ โดยมีการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง ตัวแปรต่าง ๆ สืบค้นข้อมูลจากหลายแหล่ง ตั้งสมมติฐานที่เป็นไปได้หลายแนวทาง ตัดสินใจเลือก ตรวจสอบสมมติฐานที่เป็นไปได้ ❖ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้และความเข้าใจทาง วิทยาศาสตร์ ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ความคิดระดับสูงที่สามารถสำรวจตรวจสอบหรือศึกษาค้นคว้าได้ อย่างครอบคลุมและเชื่อถือได้ สร้างสมมติฐานที่มีทฤษฎีรองรับหรือคาดการณ์สิ่งที่จะพบ เพื่อนำไปสู่ การสำรวจตรวจสอบ ออกแบบวิธีการสำรวจตรวจสอบตามสมมติฐานที่กำหนดไว้ได้อย่างเหมาะสม มีหลักฐานเชิงประจักษ์ เลือกวัสดุ อุปกรณ์ รวมทั้งวิธีการในการสำรวจตรวจสอบอย่างถูกต้อง ทั้งใน เชิงปริมาณและคุณภาพ และบันทึกผลการสำรวจตรวจสอบอย่างเป็นระบบ ❖ วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และประเมินความสอดคล้องของข้อสรุป เพื่อตรวจสอบกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ ให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงวิธีการสำรวจตรวจสอบ จัดกระทำ ข้อมูลและนำเสนอข้อมูลด้วยเทคนิควิธีที่เหมาะสม สื่อสารแนวคิด ความรู้ จากผลการสำรวจ ตรวจสอบโดยการพูด เขียน จัดแสดงหรือใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจ โดยมีหลักฐาน อ้างอิงหรือมีทฤษฎีรองรับ ❖ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น รับผิดชอบ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ในการสืบเสาะหา ความรู้โดยใช้เครื่องมือ และวิธีการที่ให้ได้ผลถูกต้องเชื่อถือได้ มีเหตุผลและยอมรับได้ว่าความรู้ทาง วิทยาศาสตร์อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ❖ แสดงถึงความพอใจและเห็นคุณค่าในการค้นพบความรู้ พบคำตอบ หรือแก้ปัญหาได้ ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์แสดงความคิดเห็นโดยมีข้อมูลอ้างอิงและเหตุผลประกอบเกี่ยวกับ ผลของการพัฒนาและการใช้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีอย่างมีคุณธรรมต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ❖ เข้าใจความสัมพันธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีประเภท ต่าง ๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้า ผลของ เทคโนโลยีต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม


11 ❖ ตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ ในชีวิตประจำวัน ใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวิต และการ ประกอบอาชีพ แสดงความชื่นชม ภูมิใจ ยกย่อง อ้างอิงผลงาน ชิ้นงานที่เป็นผลมาจากภูมิปัญญา ท้องถิ่นและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมทำโครงงาน หรือสร้างชิ้นงาน ตามความสนใจ ❖ แสดงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า เสนอตัวเองร่วมมือปฏิบัติกับชุมชนในการป้องกัน ดูแลทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น


12 สาระฟิสิกส์ 1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎ การเคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการ อนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไป ใช้ประโยชน์ ที่ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม ม.4 1. สืบค้น และอธิบายการค้นหาความรู้ ทางฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมทั้ง พัฒนาการของหลักการและแนวคิดทาง ฟิสิกส์ที่มีผลต่อการแสวงหาความรู้ใหม่ และการพัฒนาเทคโนโลยี ฟิสิกส์เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่ ศึกษาเกี่ยวกับสสาร พลังงาน อันตรกิริยา ระหว่างสสารกับ พลังงาน และแรงพื้นฐานใน ธรรมชาติ การค้นคว้าหาความรู้ทางฟิสิกส์ได้มา จากการสังเกต การทดลอง และเก็บรวบรวม ข้อมูลมาวิเคราะห์ หรือจากการสร้าง แบบจำลองทางความคิด เพื่อสรุปเป็นทฤษฎี หลักการหรือกฎ ความรู้เหล่านี้สามารถ นำไปใช้อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรือ ทำนายสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ หลักการ และแนวคิดทางฟิสิกส์เป็นพื้นฐาน ในการแสวงหาความรู้ใหม่เพิ่มเติม รวมถึงการ พัฒนาและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็มี ส่วนในการค้นหาความรู้ใหม่ทางวิทยาศาสตร์ ด้วย 2. วัด และรายงานผลการวัดปริมาณ ทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนำ ความคลาดเคลื่อนในการวัดมาพิจารณาใน การนำเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการ ทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์ และ แปลความหมายจากกราฟเส้นตรง ความรู้ทางฟิสิกส์ส่วนหนึ่งได้จากการ ทดลองซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการวัด ปริมาณทางฟิสิกส์ ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข และหน่วยวัด


13 ที่ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม ปริมาณทางฟิสิกส์สามารถวัดได้ด้วย เครื่องมือต่าง ๆ โดยตรงหรือทางอ้อม หน่วย ที่ใช้ในการวัด ปริมาณทางวิทยาศาสตร์คือ ระบบหน่วยระหว่างชาติ เรียกย่อว่า ระบบ เอสไอ ปริมาณทางฟิสิกส์ที่มีค่าน้อยกว่าหรือ มากกว่า 1 มาก ๆ นิยมเขียนในรูปของ สัญกรณ์วิทยาศาสตร์ หรือเขียนโดยใช้คำ นำหน้าหน่วยของระบบเอสไอ การเขียนโดย ใช้สัญกรณ์วิทยาศาสตร์เป็นการเขียน เพื่อ แสดงจำนวนเลขนัยสำคัญที่ถูกต้อง การทดลองทางฟิสิกส์เกี่ยวกับการวัด ปริมาณต่าง ๆ การบันทึกปริมาณที่ได้จากการ วัดด้วยจำนวนเลขนัยสำคัญที่เหมาะสม และ ค่าความคลาดเคลื่อนการวิเคราะห์และการ แปลความหมายจากกราฟ เช่น การหาความ ชันจากกราฟเส้นตรง จุดตัดแกน พื้นที่ใต้ กราฟ เป็นต้น การวัดปริมาณต่าง ๆ จะมีความ คลาดเคลื่อนเสมอขึ้นอยู่กับเครื่องมือ วิธีการ วัด และประสบการณ์ของผู้วัด ซึ่งค่าความ คลาดเคลื่อนสามารถแสดงในการรายงานผล ทั้งในรูปแบบตัวเลขและกราฟ การวัดควรเลือกใช้เครื่องมือวัดให้ เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการวัด เช่น การวัด ความยาวของวัตถุที่ต้องการความละเอียดสูง อาจใช้เวอร์เนียร์แคลลิเปิร์ส หรือไมโครมิเตอร์ ฟิสิกส์อาศัยคณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือ ในการศึกษา ค้นคว้า และการสื่อสาร


14 ที่ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม 3. ทดลอง และอธิบายความสัมพันธ์ ระหว่าง ตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่งของการเคลื่อนที่ของวัตถุใน แนวตรงที่มีความเร่ง คงตัวจากกราฟและ สมการ รวมทั้งทดลองหาค่า ความเร่งโน้ม ถ่วงของโลก และคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้อง ปริมาณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ ได้แก่ ตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง โดยความเร็ว และความเร่งมีทั้งค่าเฉลี่ยและ ค่าขณะหนึ่งซึ่งคิดในช่วงเวลาสั้น ๆ สำหรับ ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ แนวตรงด้วยความเร่งคงตัวมีความสัมพันธ์ ตามสมการ v = u + at t u v x + = 2 2 2 1 x = ut + at v = u + 2ax 2 2 การอธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุ สามารถเขียนอยู่ในรูปกราฟตำแหน่งกับเวลา กราฟความเร็วกับเวลา หรือกราฟความเร่งกับ เวลา ความชันของเส้นกราฟตำแหน่งกับเวลา เป็นความเร็ว ความชันของเส้นกราฟความเร็ว กับเวลาเป็นความเร่ง และพื้นที่ใต้เส้นกราฟ ความเร็วกับเวลา เป็นการกระจัด ในกรณีที่ ผู้สังเกตมีความเร็ว ความเร็วของวัตถุที่สังเกต ได้เป็นความเร็วที่เทียบกับผู้สังเกต การตกแบบเสรีเป็นตัวอย่างหนึ่งของ การเคลื่อนที่ ในหนึ่งมิติที่มีความเร่งเท่ากับ ความเร่งโน้มถ่วงของโลก 4. ทดลอง และอธิบายการหาแรงลัพธ์ ของแรงสองแรงที่ทำมุมต่อกัน แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์จึงมีทั้งขนาด และทิศทาง กรณีที่มีแรงหลาย ๆ แรงกระทำ ต่อวัตถุ สามารถหาแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุ โดยใช้วิธีเขียนเวกเตอร์ของแรง


15 ที่ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม แบบหางต่อหัว วิธีสร้างรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน ของแรงและวิธีคำนวณ 5. เขียนแผนภาพของแรงที่กระทำต่อ วัตถุอิสระ ทดลอง และอธิบายกฎการ เคลื่อนที่ของนิวตัน และการใช้กฎการ เคลื่อนที่ของนิวตันกับสภาพการเคลื่อนที่ ของวัตถุ รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้อง สมบัติของวัตถุที่ต้านการเปลี่ยนสภาพ การเคลื่อนที่ เรียกว่า ความเฉื่อย มวลเป็น ปริมาณที่บอกให้ทราบว่าวัตถุใดมีความเฉื่อย มากหรือน้อย การหาแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุ สามารถเขียนเป็น แผนภาพของแรงที่กระทำ ต่อวัตถุอิสระได้ กรณีที่ไม่มีแรงภายนอกมากระทำวัตถุ จะไม่เปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ซึ่งเป็นไปตาม กฎการเคลื่อนที่ข้อที่หนึ่งของนิวตัน กรณีที่มีแรงภายนอกมากระทำโดยแรง ลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะมี ความเร่ง โดยความเร่งมีทิศทางเดียวกับแรง ลัพธ์ ความสัมพันธ์ระหว่างแรงลัพธ์ มวลและ ความเร่ง เขียนแทนได้ด้วยสมการ = = n i i F ma 1 ตามกฎการเคลื่อนที่ข้อที่สองของนิวตัน เมื่อวัตถุสองก้อนออกแรงกระทำต่อกัน แรงระหว่างวัตถุทั้งสองจะมีขนาดเท่ากัน แต่มี ทิศทางตรงข้าม และกระทำต่อวัตถุคนละก้อน เรียกว่า แรงคู่ กิริยา-ปฏิกิริยา ซึ่งเป็นไปตาม กฎการเคลื่อนที่ข้อที่สามของนิวตัน และ เกิดขึ้นได้ทั้งกรณีที่วัตถุทั้งสองสัมผัสกัน หรือไม่สัมผัสกันก็ได้ 6. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและ ผลของสนามโน้มถ่วงที่ทำให้วัตถุมีน้ำหนัก รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แรงดึงดูดระหว่างมวลเป็นแรงที่มวล สองก้อนดึงดูด ซึ่งกันและกัน ด้วยแรงขนาด เท่ากันแต่ทิศทางตรงข้ามและเป็นไปตาม


16 ที่ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม กฎความโน้มถ่วงสากล เขียนแทนได้ด้วย สมการ 2 1 2 R m m FG = G รอบโลกมีสนามโน้มถ่วงทำให้เกิดแรง โน้มถ่วง ซึ่งเป็นแรงดึงดูดของโลกที่กระทำต่อ วัตถุ ทำให้วัตถุมีน้ำหนัก 7. วิเคราะห์ อธิบาย และคำนวณแรง เสียดทาน ระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่ หนึ่ง ๆ ในกรณีที่วัตถุหยุดนิ่งและวัตถุ เคลื่อนที่ รวมทั้งทดลองหาสัมประสิทธิ์ ความเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่ หนึ่ง ๆ และนำความรู้เรื่องแรงเสียด ทาน ไปใช้ในชีวิตประจำวัน แรงที่เกิดขึ้นที่ผิวสัมผัสระหว่างวัตถุ สองก้อนในทิศทางตรงข้ามกับทิศทางการ เคลื่อนที่ หรือแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่ของวัตถุ เรียกว่า แรงเสียดทาน แรงเสียดทานระหว่าง ผิวสัมผัสคู่ หนึ่ง ๆ ขึ้นกับสัมประสิทธิ์ความ เสียดทานและแรงปฏิกิริยาตั้งฉากระหว่าง ผิวสัมผัสคู่นั้น ๆ ขณะออกแรงพยายามแต่วัตถุยังคงอยู่ นิ่งแรงเสียดทานมีขนาดเท่ากับแรงพยายามที่ กระทำต่อวัตถุนั้น และแรงเสียดทานมีค่ามาก ที่สุดเมื่อวัตถุ เริ่มเคลื่อนที่ เรียกแรงเสียดทาน นี้ว่า แรงเสียดทานสถิต แรงเสียดทานที่ กระทำต่อวัตถุขณะกำลังเคลื่อนที่ เรียกว่าแรง เสียดทานจลน์ โดยแรงเสียดทานที่เกิด ระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ คำนวณได้ จากสมการ f s sN f k = k N การเพิ่มหรือลดแรงเสียดทานมีผลต่อ การเคลื่อนที่ของวัตถุ ซึ่งสามารถนำไปใช้ใน ชีวิตประจำวัน 8. อธิบายสมดุลกลของวัตถุ โมเมนต์ และผลรวมของโมเมนต์ที่มีต่อการหมุน แรงคู่ควบและผลของแรงคู่ควบที่มีต่อ สมดุลกลเป็นสภาพที่วัตถุรักษาสภาพ การเคลื่อนที่ ให้คงเดิมคือหยุดนิ่งหรือ


17 ที่ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สมดุลของวัตถุ เขียน แผนภาพของแรงที่ กระทำต่อวัตถุอิสระเมื่อวัตถุอยู่ในสมดุล กล และคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทดลองและอธิบายสมดุลของแรง สามแรง เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว คงตัวหรือหมุนด้วย ความเร็วเชิงมุมคงตัว วัตถุจะสมดุลต่อการเลื่อนที่คือหยุดนิ่ง หรือ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัวเมื่อแรงลัพธ์ ที่กระทำต่อวัตถุเป็นศูนย์ เขียนแทนได้ด้วย สมการ = = n i Fi 1 0 วัตถุจะสมดุลต่อการหมุนคือไม่หมุน หรือหมุนด้วยความเร็วเชิงมุมคงตัวเมื่อผลรวม ของโมเมนต์ที่กระทำต่อวัตถุเป็นศูนย์เขียน แทนได้ด้วยสมการ = = n i Mi 1 0 โดยโมเมนต์คำนวณได้จากสมการ M = Fl 9. สังเกต และอธิบายสภาพการ เคลื่อนที่ของวัตถุ เมื่อแรงที่กระทำต่อวัตถุ ผ่านศูนย์กลางมวลของวัตถุ และผลของ ศูนย์ถ่วงที่มีต่อเสถียรภาพของวัตถุ เมื่อมีแรงคู่หนึ่งกระทำต่อวัตถุ แรงลัพธ์ จะเท่ากับศูนย์ทำให้วัตถุสมดุลต่อการเลื่อนที่ แต่ไม่สมดุลต่อการหมุน การเขียนแผนภาพของแรงที่กระทำต่อ วัตถุอิสระ สามารถนำมาใช้ในการพิจารณา แรงลัพธ์และผลรวมของโมเมนต์ที่กระทำต่อ วัตถุเมื่อวัตถุอยู่ในสมดุลกล เมื่อออกแรงกระทำต่อวัตถุที่วางบน พื้นที่ไม่มีแรงเสียดทานในแนวระดับ ถ้าแนว แรงนั้นผ่านศูนย์กลางมวลของวัตถุ วัตถุจะ เคลื่อนที่แบบเลื่อนที่โดยไม่หมุน วัตถุที่อยู่ในสนามโน้มถ่วงสม่ำเสมอ ศูนย์กลางมวลและศูนย์ถ่วงอยู่ที่ตำแหน่ง เดียวกัน ศูนย์ถ่วงของวัตถุมีผลต่อเสถียรภาพ ของวัตถุ 10. วิเคราะห์ และคำนวณงานของแรง คงตัว จากสมการและพื้นที่ใต้กราฟ งานของแรงที่กระทำต่อวัตถุหาได้จาก ผลคูณของขนาดของแรงและขนาดของการ


18 ที่ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม ความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับตำแหน่ง รวมทั้ง อธิบายและคำนวณกำลังเฉลี่ย กระจัดกับโคไซน์ของมุมระหว่างแรงกับการ กระจัด ตามสมการ W = Fxcos หรือ หางานได้จากพื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงในแนว การเคลื่อนที่กับตำแหน่ง โดยแรงที่กระทำ อาจเป็นแรงคงตัว หรือไม่คงตัวก็ได้ งานที่ทำได้ในหนึ่งหน่วยเวลา เรียกว่า กำลังเฉลี่ย ดังสมการ t W Pav = 11. อธิบาย และคำนวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล ทดลองหา ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานจลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ โน้มถ่วง ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของ แรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออก และความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงาน ศักย์ยืดหยุ่น รวมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ ระหว่างงานของแรงลัพธ์และพลังงานจลน์ และคำนวณงานที่เกิดขึ้นจากแรงลัพธ์ พลังงานเป็นความสามารถในการ ทำงาน พลังงานจลน์เป็นพลังงานของวัตถุที่ กำลังเคลื่อนที่ คำนวณได้จากสมการ 2 2 1 E mv k = พลังงานศักย์เป็นพลังงานที่เกี่ยวข้อง กับตำแหน่งหรอรูปร่างของวัตถุ แบ่งออกเป็น พลังงานศักย์โน้มถ่วง คำนวณได้จากสมการ Ep = mgh และพลังงานศักย์ยืดหยุ่น คำนวณได้จาก สมการ 2 2 1 E kx s p = พลังงานกลเป็นผลรวมของพลังงาน จลน์ และพลังงานศักย์ตามสมการ E = Ek + Ep แรงที่ทำให้เกิดงานโดยงานของแรงนั้น ไม่ขึ้นกับเส้นทางการเคลื่อนที่ เช่น แรงโน้ม ถ่วงและแรงสปริง เรียกว่า แรงอนุรักษ์ งานและพลังงานมีความสัมพันธ์กัน โดยงานของแรงลัพธ์เท่ากับพลังงานจลน์ของ


19 ที่ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม วัตถุที่เปลี่ยนไป ตามทฤษฎีบทงาน-พลังงาน จลน์เขียนแทนได้ด้วยสมการ W = Ek 12. อธิบายกฎการอนุรักษ์พลังงานกล รวมทั้งวิเคราะห์ และคำนวณปริมาณ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ ในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้กฎการ อนุรักษ์พลังงานกล ถ้างานที่เกิดขึ้นกับวัตถุเป็นงาน เนื่องจากแรงอนุรักษ์เท่านั้น พลังงานกลของ วัตถุจะคงตัว ซึ่งเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์ พลังงานกล เขียนแทนได้ด้วยสมการ Ek + Ep = ค่าคงตัว โดยที่พลังงานศักย์อาจเปลี่ยนเป็น พลังงานจลน์ กฎการอนุรักษ์พลังงานกลใช้วิเคราะห์ การเคลื่อนที่ต่าง ๆ เช่น การเคลื่อนที่ของวัตถุ ที่ติดสปริงการเคลื่อนที่ภายใต้สนามโน้มถ่วง ของโลก 13. อธิบายการทำงาน ประสิทธิภาพ และการได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกล อย่างง่ายบางชนิด โดยใช้ความรู้เรื่องงาน และสมดุลกล รวมทั้งคำนวณประสิทธิภาพ และการได้เปรียบเชิงกล การทำงานของเครื่องกลอย่างง่าย ได้แก่ คาน รอก พื้นเอียง ลิ่ม สกรู และ ล้อ กับเพลา ใช้หลักของงาน และสมดุลกล ประกอบการพิจารณาประสิทธิภาพ และการ ได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกลอย่างง่าย ประสิทธิภาพคำนวณได้จากสมการ X100 W W Efficiency in out = % การได้เปรียบเชิงกลคำนวณได้จากสมการ out in in out S S F F M.A. = = 14. อธิบาย และคำนวณโมเมนตัมของ วัตถุ และการดลจากสมการและพื้นที่ใต้ กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงลัพธ์กับ เวลา รวมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง แรงดลกับโมเมนตัม วัตถุที่เคลื่อนที่จะมีโมเมนตัมซึ่งเป็น ปริมาณเวกเตอร์มีค่าเท่ากับผลคูณระหว่าง มวล และความเร็วของวัตถุ ดังสมการ p mv = เมื่อมีแรงลัพธ์กระทำต่อวัตถุจะทำให้ โมเมนตัมของวัตถุเปลี่ยนไป โดยแรงลัพธ์ เท่ากับอัตราการเปลี่ยนโมเมนตัมของวัตถุ


20 ที่ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม แรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุในเวลาสั้น ๆ เรียกว่า แรงดล โดยผลคูณของแรงดลกับเวลา เรียกว่า การดลตามสมการ I F t n i i = =1 ซึ่งการดลอาจหาได้จากพื้นที่ใต้กราฟระหว่าง แรงดลกับเวลา 15. ทดลอง อธิบาย และคำนวณ ปริมาณต่าง ๆที่เกี่ยวกับการชนของวัตถุใน หนึ่งมิติ ทั้งแบบยืดหยุ่น ไม่ยืดหยุ่น และ การดีดตัวแยกจากกันในหนึ่งมิติซึ่งเป็นไป ตามกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม ในการชนกันของวัตถุและการดีดตัว ออกจากกันของวัตถุในหนึ่งมิติ เมื่อไม่มีแรง ภายนอกมากระทำ โมเมนตัมของระบบมีค่า คงตัวซึ่งเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม เขียนแทนได้ด้วยสมการ pi p f = โดย i p เป็นโมเมนตัมของระบบก่อนชน และ pf เป็นโมเมนตัมของระบบหลังชน ในการชนกันของวัตถุ พลังงานจลน์ของ ระบบอาจคงตัวหรือไม่คงตัวก็ได้การชนที่ พลังงานจลน์ของระบบคงตัวเป็นการชนแบบ ยืดหยุ่น ส่วนการชนที่พลังงานจลน์ของระบบ ไม่คงตัวเป็นการชนแบบไม่ยืดหยุ่น 16. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณ ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ แบบโพรเจกไทล์ และทดลองการเคลื่อนที่ แบบโพรเจกไทล์ การเคลื่อนที่แนวโค้งพาราโบลาภายใต้ สนามโน้มถ่วง โดยไม่คิดแรงต้านของอากาศ เป็นการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ วัตถุมีการ เปลี่ยนตำแหน่งในแนวดิ่งและแนวระดับ พร้อมกัน และเป็นอิสระต่อกัน สำหรับการ เคลื่อนที่ในแนวดิ่งเป็นการเคลื่อนที่ที่มีแรง โน้มถ่วงกระทำ จึงมีความเร็วไม่คงตัว ปริมาณ ต่าง ๆ มีความสัมพันธ์ตามสมการ v u a t y = y + y t u v y y y + = 2 2 2 1 y u t a t = y + y


21 ที่ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม v u a y y = y + 2 y 2 2 ส่วนการเคลื่อนที่ในแนวระดับไม่มีแรงกระทำ จึงมีความเร็วคงตัว ตำแหน่ง ความเร็ว และ เวลา มีความสัมพันธ์ตามสมการ x u t = x 17. ทดลอง และอธิบายความสัมพันธ์ ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการ เคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้นอัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุในการเคลื่อนที่แบบ วงกลมในระนาบระดับ รวมทั้งคำนวณ ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและประยุกต์ใช้ ความรู้การเคลื่อนที่แบบวงกลม ในการ อธิบายการโคจรของดาวเทียม วัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมหรือส่วนของ วงกลม เรียกว่า วัตถุนั้นมีการเคลื่อนที่แบบ วงกลม ซึ่งมีแรงลัพธ์ที่กระทำกับวัตถุในทิศ เข้าสู่ศูนย์กลาง เรียกว่า แรงสู่ศูนย์กลาง ทำให้เกิดความเร่งสู่ศูนย์กลางที่มีขนาด สัมพันธ์กับรัศมีของการ เคลื่อนที่และ อัตราเร็วเชิงเส้นของวัตถุ ซึ่งแรงสู่ศูนย์กลาง คำนวณได้จากสมการ r mv Fc 2 = นอกจากนี้การเคลื่อนที่แบบวงกลมยัง สามารถอธิบายได้ด้วยอัตราเร็วเชิงมุม ซึ่งมี ความสัมพันธ์กับอัตราเร็วเชิงเส้นตามสมการ v =r และแรงสู่ศูนย์กลางมีความสัมพันธ์ กับอัตราเร็วเชิงมุม ตามสมการ F m r c 2 = ดาวเทียมที่โคจรในแนววงกลมรอบโลก มีแรงดึงดูดที่โลกกระทำต่อดาวเทียมเป็นแรง สู่ศูนย์กลาง ดาวเทียมที่มีวงโคจรค้างฟ้าใน ระนาบของ เส้นศูนย์สูตรมีคาบการโคจร เท่ากับคาบการหมุนรอบตัวเองของโลก หรือมี อัตราเร็วเชิงมุมเท่ากับอัตราเร็วเชิงมุมของ ตำแหน่งบนพื้นโลก ดาวเทียมจึงอยู่ตรงกับ ตำแหน่งที่กำหนดไว้บนพื้นโลกตลอดเวลา ม.5 - - ม.6 - - ที่มา : ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (หน้า 190 – 197) (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ


22 คำอธิบายรายวิชา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาฟิสิกส์ 1 รหัสวิชา ว30201 สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1.5 หน่วยกิต เวลา 60 ชั่วโมง ศึกษาความรู้ทางฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา พัฒนาการของหลักการและแนวคิด ทางฟิสิกส์ การวัดปริมาณทางฟิสิกส์ความคลาดเคลื่อนในการวัด การแสดงผลการทดลองในรูป ของกราฟ ความหมายจากกราฟเส้นตรง ความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว ความเร่งของการเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ ค่าความเร่ง โน้มถ่วงของโลก แรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่ทำมุมต่อกัน กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วง สากล การใช้กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันกับสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงเสียดทานระหว่าง ผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ในกรณีที่วัตถุหยุดนิ่งและเคลื่อนที่ สัมประสิทธิ์ความเสียดทานระหว่าง ผิวสัมผัสคู่หนึ่ง ๆ และนำความรู้เรื่องแรงเสียดทานไปใช้ในชีวิตประจำวัน การเคลื่อนที่แบบ โพรเจกไทล์ และปริมาณต่าง ๆ ของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ ความสัมพันธ์ระหว่างแรง สู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น มวลของวัตถุในการเคลื่อนที่แบบวงกลมใน ระนาบระดับ การประยุกต์ใช้ความรู้การเคลื่อนที่แบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทียม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การอภิปราย การอธิบายและการสรุปผล เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคิด และการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. สืบค้นและอธิบายการค้นหาความรู้ทางฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมทั้งการพัฒนา ของหลักการและแนวคิดทางฟิสิกส์ที่มีต่อการแสวงหาความรู้ใหม่และการพัฒนา เทคโนโลยี 2. วัดและรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนำความ คลาดเคลื่อนในการวัดมาพิจารณาในการนำเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองในรูป ของกราฟ วิเคราะห์และแปลความหมายจากกราฟเส้นตรงได้


23 3. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง ของการเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้ง ทดลองหาค่าความโน้มถ่วงของโลก และคำนวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 4. ทดลองและอธิบายการหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่ทำมุมต่อกันได้ 5. เขียนแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุอิสระ ทดลองและอธิบายกฎการเคลื่อนที่ ของนิวตันและการใช้กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันกับสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ รวมทั้ง คำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 6. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของสนามโน้มถ่วงที่ทำให้วัตถุมีน้ำหนัก รวมทั้ง คำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 7. วิเคราะห์ อธิบาย และคำนวณแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ในกรณี ที่วัตถุหยุดนิ่งและวัตถุเคลื่อนที่ รวมทั้งทดลองหาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานระหว่าง ผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ และนำความรู้เรื่องแรงเสียดทานไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ 8. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบ โพรเจกไทล์ และการทดลองการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ได้ 9. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุในการเคลื่อนที่แบบวงกลม ในระนาบระดับ รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และประยุกต์ใช้ความรู้ การเคลื่อนที่แบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทียมได้


24 โครงสร้างรายวิชา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาฟิสิกส์ 1 รหัสวิชา ว30201 สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เวลา 60 ชั่วโมง ❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖ ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชม.) น้ำหนัก คะแนน 1 การศึกษาวิชา ฟิสิกส์ 1. สืบค้นและอธิบาย การค้นหาความรู้ทาง ฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมทั้งการพัฒนาของ หลักการและแนวคิดทาง ฟิสิกส์ที่มีต่อการแสวงหา ความรู้ใหม่และการพัฒนา เทคโนโลยี 2. วัดและรายงานผล การวัดปริมาณทางฟิสิกส์ ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนำ ความคลาดเคลื่อนในการ วัดมาพิจารณาในการ น ำ เ ส น อ ผ ล ร ว ม ทั้ ง แสดงผลการทดลองในรูป ของกราฟ วิเคราะห์และ แปลความหมายจากกราฟ เส้นตรงได้ ฟ ิ ส ิ ก ส ์ เ ป ็ น ว ิ ช า วิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่ ศ ึ ก ษ า เ ก ี ่ ย ว ก ั บ ส ส า ร พลังงาน อันตรกิริยาระหว่าง สสารกับพลังงาน และแรง พื้นฐานในธรรมชาติ การค้นคว้าหาความรู้ ทางฟิสิกส์ได้มาจากการ สังเกต การทดลอง และการ เ ก ็ บ ร ว บ ร ว ม ข ้ อ ม ู ล ม า วิเคราะห์หรือจากการสร้าง แบบจำลองทางความคิด เพื่อสรุปเป็นทฤษฎี หลักการ หรือกฎ ซึ่งสามารถนำไปใช้ อ ธ ิ บ า ย ป ร า ก ฏ ก า ร ณ์ ธรรมชาติหรือทำนายสิ่ง ทำนายสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นใน อนาคต โดยประวัติความ เป็นมาและพัฒนาการของ หลักการ และแนวคิดทาง ฟิสิกส์เป็นพื้นฐานในการ แสวงหาความรู้ใหม่เพิ่มเติม ร ว ม ถ ึ ง ก า ร พ ั ฒ น า และ ค ว า ม ก ้ า ว ห น ้ า ท า ง เทคโนโลยีก็มีส่วนในการ 9 25


25 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชม.) น้ำหนัก คะแนน ค้นหาคว ามรู้ใหม ่ ท า ง วิทยาศาสตร์ด้วย ความรู้ทางฟิสิกส์ส่วน หนึ่งได้จากการทดลอง ซึ่ง เกี่ยวข้องกับกระบวนการวัด ป ร ิ ม า ณ ท า ง ฟ ิ ส ิ ก ส์ ประกอบด้วยค่าที่เป็นตัวเลข และหน่วยวัด โดยสามารถ วัดได้ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ โดยตรง หรือทางอ้อม หน่วย ที่ใช้ในการวัดปริมาณทาง วิทยาศาสตร์ คือ หน่วยใน ระบบเอสไอ ปริมาณที่มีค่า น้อยหรือมากกว่าหนึ่งมาก ๆ นิยมเขียนในรูปของสัญกรณ์ วิทยาศาสตร์ การเขียนโดย ใช้สัญกรณ์วิทยาศาสตร์เป็น การเขียนเพื่อแสดงจำนวน เลขนัยสำคัญที่ถูกต้อง การทดลองทางฟิสิกส์ จะเกี่ยวกับการวัดปริมาณ ต่าง ๆ การวัดจะมีการ คลาดเคลื่อนเสมอ ซึ่งขึ้นอยู่ กับเครื่องมือ วิธีการวัด และ ประสบการณ์ของผู้วัดในการ บันทึกปริมาณที่ได้จากการ วัดด้วยจำนวนเลขนัยสำคัญ ที่เหมาะสมและค่าความ ค ล า ด เ ค ล ื ่ อ น เ พ ื ่ อ ก า ร นำเสนอผล การเขียนกราฟ


26 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชม.) น้ำหนัก คะแนน และลงข้อสรุป รวมทั้งมี ทักษะในการเขียนรายงาน การทดลอง โดยการวัดควร เลือกใช้เครื่องมือวัดให้ เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการวัด 2 การเคลื่อนที่ ในแนวตรง 3. ทดลองและอธิบาย ความสัมพันธ์ระหว่าง ตำแหน่ง การก ร ะ จั ด ความเร็ว และความเร่ง ของการเคลื่อนที่ของวัตถุ ในแนวตรงที่มีความเร่งคง ตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้งทดลองหาค่าความ โน้มถ่วงของโลก และ คำนวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 4. ทดลองและอธิบาย การหาแรงลัพธ์ของแรง สองแรงที่ทำมุมต่อกันได้ ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับ การเคลื่อนที่ของวัตถุ ได้แก่ ต ำ แ ห น ่ ง ก า ร ก ร ะ จั ด ความเร็วและความเร่ง โดย ความเร็วและความเร่งมีทั้ง ค่าเฉลี่ยและค่าขณะหนึ่งซึ่ง คิดในช่วงเวลาสั้นมาก ๆ เข้า ใกล้ศูนย์ การอธิบายการเคลื่อนที่ ของวัตถุสามารถเขียนอยู่ใน รูปกราฟตำแหน่งกับเวลา ความเร็วกับเวลา หรือ ความเร่งกับเวลา โดยความ ชันของเส้นกราฟตำแหน่ง กับเวลา โดยความชันของ เส้นกราฟตำแหน่งกับเวลา เป็นความเร็ว ความชันของ เส้นกราฟความเร็วกับเวลา เป็นความเร่ง และพื้นที่ใต้ เสนกราฟความเร็วกับเวลา เป็นการกระจัด ในกรณีที่ผู้ สังเกตมีความเร็ว ความเร็ว ของวัตถุที่สังเกตได้เป็น ความเร็วที่เทียบกับผู้สังเกต ส่วนการเคลื่อนที่ของวัตถุใน 15 25


27 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชม.) น้ำหนัก คะแนน แนวตรงกรณีที่มีความเร่ง คงที่ สามารถอธิบายได้ โดยใช้สมการจลศาสตร์ 4 สมการ การตกแบบเสรีเป็นตัว วอย่างหนึ่งของการเคลื่อนที่ ในหนึ่งมิติที่มีความเร่ง เท่ากับความเร่งโน้มถ่วงของ โลก 3 แรงและกฎการ เคลื่อนที่ 5. เขียนแผนภาพของ แรงที่กระทำต่อวัตถุอิสระ ทดลองและอธิบายกฎการ เคลื่อนที่ของนิวตันและ การใช้กฎการเคลื่อนที่ของ น ิ ว ต ั น ก ั บ ส ภ า พ ก า ร เคลื่อนที่ของวัตถุ รวมทั้ง คำนวณปริมาณต่างๆ ที่ เกี่ยวข้องได้ 6. อธิบายกฎความโน้ม ถ่วงสากลและผล ข อง สนามโน้มถ่วงที่ทำให้วัตถุ มีน้ำหนัก รวมทั้งคำนวณ ปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ 7. วิเคราะห์ อธิบาย และคำนวณแรงเสียดทาน ระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่ หนึ่ง ๆ ในกรณีที่วัตถุหยุด นิ่งและวัตถุเคลื่อนที่ ร ว ม ท ั ้ ง ท ด ล อ ง ห า แ ร ง เ ป ็ น ป ร ิ ม า ณ เวกเตอร์จึงมีทั้งขนาดและ ทิศทาง กรณีที่มีแรงหลาย ๆ แรงกระทำต่อวัตถุ สามารถ หาแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุ โดยใช้วิธีเขียนเวกเตอร์ ของแรงแบบหางต่อหัว วิธีสร้างรูปสี่เหลี่ยมด้าน ขนานของแรง และว ิธี คำนวณ ความเฉื่อยเป็นสมบัติ ของวัตถุที่ต้านการเปลี่ยน สภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยมีมวลเป็นปริมาณที่บอก ให้ทราบว่าวัตถุใดมีความ เฉื่อยมากหรือน้อย ก า ร ห า แ ร ง ล ั พ ธ ์ ที่ กระทำต่อวัตถุสามารถเขียน เป็นแผนภาพของแรงที่ กระทำต่อวัตถุอิสระได้ ใน กรณีที่ไม่มีแรงภายนอกมา 18 25


28 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชม.) น้ำหนัก คะแนน สัมประสิทธิ์ความเสียด ทานระหว่างผิวสัมผัสของ วัตถุคู่หนึ่ง ๆ และนำ ความรู้เรื่องแรงเสียดทาน ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ กระทำต่อวัตถุ หรือแรงที่ กระทำต่อวัตถุเป็นศูนย์ วัตถุ จะไม่เปลี่ยนสภาพการ เคลื่อนที่ซึ่งเป็นไปตามกฎ การเคลื่อนที่ข้อที่หนึ่งของ นิวตัน แต่ถ้ามีแรงภายนอก มากระทำต่อวัตถุ โดยแรง ลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุไม่เป็น ศูนย์ วัตถุจะมีความเร่ง โดยความเร่งมีทิ ศท าง เดียวกับแรงลัพธ์ ซึ่งเป็นไป ตามกฎการเคลื่อนที่ข้อที่ สองของนิวตัน เมื่อวัตถุสองก้อนออก แรงกระทำต่อกัน จะเกิดแรง กิริยาและแรงปฏิกิริยา โดยแรงทั้งสองจะมีขนาด เท่ากันแต่มีทิศทางตรงข้าม และกระทำต่อวัตถุคนละ ก้อน เรียกว่า แรงคู่กิริยา – ปฏิกิริยา ซึ่งเป็นไปตามกฎ การเคลื่อนที่ข้อที่สามของ นิวตัน และเกิดขึ้นได้ทั้งกรณี ที่วัตถุทั้งสองสัมผัสกัน หรือไม่สัมผัสกันก็ได้ วัตถุคู่หนึ่งจะมีแรง กระทำต่อกัน แรงนี้เป็นแรง ดึงดูดระหว่างมวลเป็นแรงที่ มวลสองก้อนดึงดูดซึ่งกัน และกันด้วยแรงขนาดเท่ากัน


29 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชม.) น้ำหนัก คะแนน ใ น แ น ว เ ดีย ว ก ั น แ ต ่ ทิ ศ ทางตรงข้าม และเป็นไปตาม กฎความโน้มถ่วงสากล แรงที่เกิดขึ้นที่ผิวสัมผัส ระหว่างวัตถุสองก้อนในทิศ ตรงข้ามกับทิศทางการ เคลื่อนที่ หรือแนวโน้มที่จะ เคลื่อนที่ของวัตถุ เรียกว่า แรงเสียดทาน ซึ่งแรงเสียด ทานระหว่างผิวสัมผัสคู่ ห น ึ ่ ง ๆ จ ะ ข ึ ้ น อ ย ู ่ กั บ สัมประสิทธิ์ความเสียดทาน และแรงปฏิกิริยาตั้งฉาก ระหว่างผิวสัมผัสคู่นั้น ๆ ขณะที่วัตถุยังอยู่นิ่ง แรง เสียดทานมีขนาดเพิ่มขึ้น ตามแรงที่กระทำต่อวัตถุนั้น และจะมีค่ามากที่สุดเมื่อ วัตถุเริ่มเคลื่อนที่ เรียกแรง เสียดทานที่กระทำต่อวัตถุ ขณะที่อยู่นิ่งว่า แรงเสียด ทานสถิต และเรียกแรงเสียด ทานที่กระทำต่อวัตถุขณะ กำลังเคลื่อนที่ว่า แรงเสียด ทานจลน์ 4 การเคลื่อนที่ แบบต่าง ๆ 8. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ แบบโพรเจกไทล์ และการ การเคลื่อนที่ของวัตถุที่มี เส้นทางเป็นโค้งพาราโบลา ภายใต้สนามโน้มถ่วง โดยไม่ คิดแรงต้านของอากาศเป็น ก า ร เ ค ล ื ่ อ น ท ี ่ แ บ บ 15 25


30 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชม.) น้ำหนัก คะแนน ทดลองการเคลื่อนที่แบบ โพรเจกไทล์ได้ 9. ทดลองและอธิบาย ความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ ศูนย์กลาง รัศมีของการ เคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวล ของวัตถุในการเคลื่อนที่ แบบวงกลมในระนาบ ระดับ รวมทั้งคำนวณ ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และประยุกต์ใช้ความรู้การ เคลื่อนที่แบบวงกลมใน การอธิบายการโคจรของ ดาวเทียมได้ โพรเจกไทล์ ซึ่งพิจารณาได้ ว่าวัตถุมีการเคลื่อนมีการ เปลี่ยนตำแหน่งในแนวดิ่ง และแนวระดับพร้อมกันและ เป็นอิสระต่อกัน ส่วนการ เคลื่อนที่ในแนวระดับไม่มี แรงกระทำจึงเป็ น ก า ร เคลื่อนที่ที่มีความเร็วคงตัว วัตถุที่เคลื่อนที่เป็น วงกลมหรือส่วนของวงกลม เรียกว่า เป็นการเคลื่อนที่ แบบวงกลม ซึ่งมีแรงลัพธ์ที่ กระทำกับวัตถุในทิศเข้าสู่ ศูนย์กลางที่มีขนาดสัมพันธ์ กับรัศมีของการเคลื่อนที่ และอัตราเร็วเชิงเส้นของ วัตถุ นอกจากนี้ การเคลื่อนที่ แบบวงกลมยังสามารถ อธิบายได้ด้วยอัตราเร็ว เชิงมุม ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ อัตราเร็วเชิงเส้น ละแรงสู่ ศูนย์กลางมีความสัมพันธ์กับ อ ั ต ร า เ ร ็ ว เ ช ิ ง ม ุ ม ก า ร เคลื่อนที่ในแนววงกลม ได้แก่ การเคลื่อนที่ของรถ บนถนนโค้ง และดาวเทียมที่ โคจรเป็นแนววงกลมรอบ โลก 60 100


31


31 โครงสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาฟิสิกส์ 1 รหัสวิชา ว30201 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 เวลา 60 ชั่วโมง ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา (ชม.) 1 การศึกษาวิชาฟิสิกส์ 1. ธรรมชาติของวิชาฟิสิกส์ 1. สืบค้นและอธิบายการ ค้นหาความรู้ทางฟิสิกส์ ประวัติ ความเป็นมา รวมทั้งการพัฒนา ของหลักการและแนวคิดทาง ฟิสิกส์ที่มีต่อการแสวงหาความรู้ ใหม่และการพัฒนาเทคโนโลยี 1 2. ธรรมชาติของวิชาฟิสิกส์ (ต่อ) 1. สืบค้นและอธิบายการ ค้นหาความรู้ทางฟิสิกส์ ประวัติ ความเป็นมา รวมทั้งการพัฒนา ของหลักการและแนวคิดทาง ฟิสิกส์ที่มีต่อการแสวงหาความรู้ ใหม่และการพัฒนาเทคโนโลยี 2 3. การวัดและปริมาณทาง ฟิสิกส์ 2. วัดและรายงานผลการ วัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้อง เ ห ม า ะ ส ม โ ด ย น ำ ค ว า ม คลาดเคลื่อนในการวัดมา พิจารณาในการนำเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองใน รูปของกราฟ วิเคราะห์และ แปลความหมายจากกราฟ เส้นตรงได้ 1 4. การวัดและปริมาณทาง ฟิสิกส์ 2. วัดและรายงานผลการ วัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้อง เ ห ม า ะ ส ม โ ด ย น ำ ค ว า ม 2


32 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา (ชม.) คลาดเคลื่อนในการวัดมา พิจารณาในการนำเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองใน รูปของกราฟ วิเคราะห์และ แปลความหมายจากกราฟ เส้นตรงได้ 5. เลขนัยสำคัญ 2. วัดและรายงานผลการ วัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้อง เ ห ม า ะ ส ม โ ด ย น ำ ค ว า ม คลาดเคลื่อนในการวัดมา พิจารณาในการนำเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองใน รูปของกราฟ วิเคราะห์และ แปลความหมายจากกราฟ เส้นตรงได้ 1 6. เลขนัยสำคัญ (ต่อ) 2. วัดและรายงานผลการ วัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้อง เ ห ม า ะ ส ม โ ด ย น ำ ค ว า ม คลาดเคลื่อนในการวัดมา พิจารณาในการนำเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองใน รูปของกราฟ วิเคราะห์และ แปลความหมายจากกราฟ เส้นตรงได้ 2 2 การเคลื่อนที่แนวตรง 7. ปริมาณที่เกิดจากการ เคลื่อนที่ของวัตถุ 3. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และ ความเร่งของการเคลื่อนที่ของ วัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคง 1


33 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา (ชม.) ตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้ง ทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วง ของโลก และคำนวณปริมาณ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 8. ปริมาณที่เกิดจากการ เคลื่อนที่ของวัตถุ 3. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และ ความเร่งของการเคลื่อนที่ของ วัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคง ตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้ง ทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วง ของโลก และคำนวณปริมาณ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 2 9. เ ค ร ื ่ อ ง เ ค า ะ สัญญาณเวลา 3. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และ ความเร่งของการเคลื่อนที่ของ วัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคง ตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้ง ทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วง ของโลก และคำนวณปริมาณ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 1 10. ความเร่ง 3. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และ ความเร่งของการเคลื่อนที่ของ วัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคง ตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้ง ทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วง 2


34 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา (ชม.) ของโลก และคำนวณปริมาณ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 11. ความเร่ง (ต่อ) 3. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และ ความเร่งของการเคลื่อนที่ของ วัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคง ตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้ง ทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วง ของโลก และคำนวณปริมาณ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 2 12. กราฟแสดง ความสัมพันธ์ระหว่าง ปริมาณต่างๆ ของการ เคลื่อนที่แนวตรง 3. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และ ความเร่งของการเคลื่อนที่ของ วัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคง ตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้ง ทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วง ของโลก และคำนวณปริมาณ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 2 13. กราฟแสดง ความสัมพันธ์ระหว่าง ปริมาณต่างๆ ของการ เคลื่อนที่แนวตรง (ต่อ) 3. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และ ความเร่งของการเคลื่อนที่ของ วัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคง ตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้ง ทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วง ของโลก และคำนวณปริมาณ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 1


35 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา (ชม.) 14. การเคลื่อนที่ของวัตถุ กรณีความเร่งคงตัว 3. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และ ความเร่งของการเคลื่อนที่ของ วัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคง ตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้ง ทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วง ของโลก และคำนวณปริมาณ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 2 15. วัตถุตกแบบอิสระด้วย ความเร่งคงตัว 3. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และ ความเร่งของการเคลื่อนที่ของ วัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคง ตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้ง ทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วง ของโลก และคำนวณปริมาณ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 1 16. ความเร็วสัมพัทธ์ 3. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และ ความเร่งของการเคลื่อนที่ของ วัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคง ตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้ง ทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วง ของโลก และคำนวณปริมาณ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 2


36 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา (ชม.) 3 แรงและกฎการ เคลื่อนที่ 17. แรงและแรงลัพธ์ 4. ทดลองและอธิบายการ หาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่ทำ มุมต่อกันได้ 1 18. กฎการเคลื่อนที่ข้อที่ หนึ่งของนิวตัน 5. เขียนแผนภาพของแรง ที่กระทำต่อวัตถุอิสระ ทดลอง และอธิบายกฎการเคลื่อนที่ ของนิวตันและการใช้กฎการ เคลื่อนที่ของนิวตันกับสภาพการ เคลื่อนที่ของวัตถุ รวมทั้ง คำนว ณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องได้ 2 19. กฎการเคลื่อนที่ข้อที่ สองของนิวตัน 5. เขียนแผนภาพของแรง ที่กระทำต่อวัตถุอิสระ ทดลอง และอธิบายกฎการเคลื่อนที่ ของนิวตันและการใช้กฎการ เคลื่อนที่ของนิวตันกับสภาพการ เคลื่อนที่ของวัตถุ รวมทั้ง คำนว ณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องได้ 3 20. กฎการเคลื่อนที่ข้อที่ สามของนิวตัน 5. เขียนแผนภาพของแรง ที่กระทำต่อวัตถุอิสระ ทดลอง และอธิบายกฎการเคลื่อนที่ ของนิวตันและการใช้กฎการ เคลื่อนที่ของนิวตันกับสภาพการ เคลื่อนที่ของวัตถุ รวมทั้ง คำนว ณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องได้ 3 21. กฎแรงดึงดูดระหว่าง มวลของนิวตัน 6. อธิบายกฎความโน้ม ถ่วงสากลและผลของสนามโน้ม 3


37 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา (ชม.) ถ่วงที่ทำให้วัตถุมีน้ำหนัก รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องได้ 22. แรงตั้งฉากและแรง เสียดทาน 7. วิเคราะห์ อธิบาย และ คำนวณแรงเสียดทานระหว่าง ผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ใน กรณีที่วัตถุหยุดนิ่งและวัตถุ เคลื่อนที่ รวมทั้งทดลองหา สัมประสิทธิ์ความเสียดทาน ระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่ หนึ่ง ๆ และนำความรู้เรื่องแรง เสียดทานไปใช้ในชีวิตประจำวัน ได้ 3 23. การประยุกต์ใช้กฎการ เคลื่อนที่ของนิวตัน 5. เขียนแผนภาพของแรง ที่กระทำต่อวัตถุอิสระ ทดลอง และอธิบายกฎการเคลื่อนที่ ของนิวตันและการใช้กฎการ เคลื่อนที่ของนิวตันกับสภาพการ เคลื่อนที่ของวัตถุ รวมทั้ง คำนว ณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องได้ 3 4 การเคลื่อนที่แ บบ ต่าง ๆ 24. การเคลื่อนที่แบบ โพรเจกไทล์ 8. อธิบาย วิเคราะห์ และ คำนว ณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบ โพรเจกไทล์ และทดลองการ เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ได้ 1 25. การเคลื่อนที่แบบ โพรเจกไทล์(ต่อ) 8. อธิบาย วิเคราะห์ และ คำนว ณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบ 2


38 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา (ชม.) โพรเจกไทล์ และทดลองการ เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ได้ 26. การเคลื่อนที่แบบ โพรเจกไทล์(ต่อ) 8. อธิบาย วิเคราะห์ และ คำนว ณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบ โพรเจกไทล์ และทดลองการ เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ได้ 3 27. แรงสู่ศูนย์กลาง 9. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ ศู น ย์ ก ล า ง รั ศ มี ข อ ง ก า ร เคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของ วัตถุในการเคลื่อนที่แบบ วงกลมในระนาบระดับรวมทั้ง คำนว ณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้อง และประยุกต์ใช้ ความรู้การเคลื่อนที่แบบ วงกลมในการอธิบายการโคจร ของดาวเทียมได้ 1 28. การเคลื่อนที่แบบ วงกลม 9. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ ศู น ย์ ก ล า ง รั ศ มี ข อ ง ก าร เคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของ วัตถุในการเคลื่อนที่แบบ วงกลมในระนาบระดับรวมทั้ง คำนว ณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้อง และประยุกต์ใช้ ความรู้การเคลื่อนที่แบบ 2


39 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา (ชม.) วงกลมในการอธิบายการโคจร ของดาวเทียมได้ 29. การเคลื่อนที่แบบ วงกลม (ต่อ) 9. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ ศู น ย์ ก ล า ง รั ศ มี ข อ ง ก า ร เคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของ วัตถุในการเคลื่อนที่แบบ วงกลมในระนาบระดับรวมทั้ง คำนว ณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้อง และประยุกต์ใช้ ความรู้การเคลื่อนที่แบบ วงกลมในการอธิบายการโคจร ของดาวเทียมได้ 2 30. การเคลื่อน ที่ข อ ง รถยนต์บนถนนโค้ง 9. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ ศู น ย์ ก ล า ง รั ศ มี ข อ ง ก า ร เคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของ วัตถุในการเคลื่อนที่แบบ วงกลมในระนาบระดับรวมทั้ง คำนว ณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้อง และประยุกต์ใช้ ความรู้การเคลื่อนที่แบบ วงกลมในการอธิบายการโคจร ของดาวเทียมได้ 2 31. การเคลื่อน ที่ข อ ง รถยนต์บนถนนโค้ง 9. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ ศู น ย์ ก ล า ง รั ศ มี ข อ ง ก า ร 2


40 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา (ชม.) เคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของ วัตถุในการเคลื่อนที่แบบ วงกลมในระนาบระดับรวมทั้ง คำนว ณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้อง และประยุกต์ใช้ ความรู้การเคลื่อนที่แบบ วงกลมในการอธิบายการโคจร ของดาวเทียมได้ รวมเวลาเรียนทั้งหมด 60


41 แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนว Backward Design จัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามแบบวัฏจักรการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) รายวิชาฟิสิกส์ 1 รหัสวิชา ว30201 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 บทที่ 4 : การเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 24 เรื่อง การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ เวลา 1 ชั่วโมง วันที่........... เดือน.................................... พ.ศ. .................. เวลา....................................น. สาระฟิสิกส์ 1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรง และกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกล ของวัตถุงานและกฎการอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 8. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ และทดลองการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ได้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมาย ลักษณะของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ได้ (K) 2. ทำการทดลองหาแนวทางการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ได้ (P) 3. เขียนกราฟระหว่างแนวทางการเคลื่อนที่ในแนวระดับและแนวดิ่งของการเคลื่อนที่แบบ โพรเจกไทล์ได้ (P) 4. มีทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น และมีเจตคติทางวิทยาศาสตร์ (A) สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม การเคลื่อนที่แนวโค้งพาราโบลาภายใต้สนามโน้มถ่วง โดยไม่คิดแรงต้านของอากาศเป็นการ เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ วัตถุมีการเปลี่ยนตำแหน่งในแนวดิ่งและแนวระดับพร้อมกัน และเป็นอิสระ ต่อกัน สำหรับการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งเป็นการเคลื่อนที่ที่มีแรงโน้มถ่วงกระทำจึงมีความเร็วไม่คงตัว ปริมาณต่าง ๆ มีความสัมพันธ์ตามสมการ vy = uy + ay t ∆y = ( uy+vy 2 ) t


42 ∆y = uy t + 1 2 ay t 2 vy 2 = uy 2 + 2ay∆y ส่วนการเคลื่อนที่ในแนวระดับไม่มีแรงกระทำจึงมีความเร็วคงตัว ตำแหน่ง ความเร็ว และเวลา มี ความสัมพันธ์ตามสมการ ∆x = ux t สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ เป็นการเคลื่อนที่เป็นแนววิถีโค้งภายใต้แรงเนื่องจากสนาม โน้มถ่วงของโลก ที่วัตถุเคลื่อนที่ในสองแนวพร้อม ๆ กัน คือการเคลื่อนที่ในแนวระดับและแนวดิ่ง แรงที่กระทำต่อวัตถุมีทิศทางคงตัวตลอดเวลา โดยทำมุมใด ๆ กับทิศของความเร็ว สาระการเรียนรู้ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด 1. ทักษะการสังเกต 2. ทักษะการคิดวิเคราะห์ 3. ทักษะการอภิปราย 4. ทักษะการลงข้อสรุป 5. ทักษะการจัดระบบความคิดเป็นแผนภาพ 6. ทักษะการสืบค้นโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1.1 สามารถเลือกใช้วิธีการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 2. ความสามารถในการคิด 2.1 สามารถคิดวิเคราะห์คิดสร้างสรรค์คิดอย่างเป็นระบบ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3.1 สามารถประยุกต์ความรู้เพื่อการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.1 สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง 4.2 สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสร้างสรรค์


Click to View FlipBook Version