Work Instruction 256 98 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล ดูแลทำ tepid sponge วัดอุณหภูมิภายหลังทำ tepid sponge แล้ว 30 นาที และให้ยาลดไข้ตามแผนการ รักษา เช่น paracetamol 3. การพยาบาลเพื่อประคับประคองและป้องกันภาวะพร่องออกซิเจน 3.1 การให้ออกซิเจน ในภาวะ mild hypoxia ให้ nasal cannula เพิ่ม flow ได้ไม่ เกิน 5 LPM ถ้าจะใช้ oxygen mask with reservoir bag ห้ามใช้ระบบที่ทำให้เกิดฝอยละออง(aerosol) เช่น venturi mask สามารถใช้เครื่องช่วยหายใจ HFNC ได้ (เนื่องจากเป็นห้อง Negative pressure) ซึ่งจะพิจารณา ใช้ในกรณีที่มีความเสี่ยงต่อภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ต้องดูแลติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด หากสภาวะ ของผู้ป่วยไม่ดีขึ้น ภายใน 1-2 ชั่วโมง ต้องพิจารณาใส่ท่อช่วยหายใจให้เร็วที่สุด 3.2 ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจน ได้แก่ ซึมลง กระสับกระส่าย หายใจลำบาก ซีดเขียวที่อวัยวะส่วนปลาย ถ้ามีอาการผิดปกติ ให้รีบรายงานแพทย์ 3.3 ตรวจวัดสัญญาณชีพและค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดทุก 1 ชั่วโมง จนกระทั่งค่าอยู่ในระดับปกติ จึงตรวจวัดทุก 4 ชั่วโมงหรือตามความเหมาะสม 3.4 ดูแลให้ยาขยายหลอดลม ทั้งชนิดรับประทานหรือพ่นตามแผนการรักษา 3.5 จัดท่านอนศีรษะสูง 30-45 องศา เพื่อช่วยให้หายใจสะดวกและแลกเปลี่ยนก๊าซได้ ดีขึ้น 3.6 ดูแลให้ผู้ป่วยนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยลดการใช้ออกซิเจน 3.7 ติดตามผลการวิเคราะห์ก๊าซและการตรวจทางรังสีวิทยา 2.4.3 การพยาบาลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ไตวายเฉียบพลัน (acute kidney injury: AKI) 1. ให้การพยาบาลแบบประคับประคอง เพื่อไม่ให้ไตเสียการทำงานมากขึ้น และป้องกัน ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ระหว่างที่ไตยังไม่มีการฟื้นตัว แนวทางการปฏิบัติการพยาบาล มีดังนี้ 1.1 สังเกตอาการทางร่างกาย เช่น ความตึงตัวของผิวหนัง ความชุ่มชื้นของเยื่อเมือก ต่างๆ เสียงการเต้นของหัวใจผิดปกติ เสียงหายใจผิดปกติ เพื่อประเมินภาวะไม่สมดุลของสารน้ำในร่างกาย 1.2 สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะน้ำเกิน ได้แก่ อาการบวม หายใจหอบ เหนื่อย นอนราบไม่ได้ และอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ถ้ามีอาการผิดปกติ ให้รายงานแพทย์
Work Instruction 256 99 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 1.3 วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินปริมาณเลือดที่มาเลี้ยงไต (renal blood flow) โดย mean arterial pressure ควรสูงกว่า 80 มิลลิเมตรปรอท จะไม่เกิดการขาดเลือดที่ไต (renal tubular ischemia) 1.4 บริหารยาด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีพิษต่อไต 1.5 ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำอย่างระมัดระวังเรื่องอัตราหยดของสารน้ำ โดยให้ผ่านเครื่องปรับหยดสารน้ำ (infusion pump) 1.6 ดูแลให้ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ ควรได้รับแคลอรี่ประมาณ 25-35 kcal/ กิโลกรัม/วัน ให้โปรตีนที่มีคุณภาพสูง วันละ 40 กรัม ในระยะที่มีการทำ dialysis ควรเพิ่มโปรตีนเป็น 1.0-1.2 กรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน 1.7 ชั่งน้ำหนักทุกวัน (ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในภาวะวิกฤติ อาจจะเป็นข้อจำกัดในการ เคลื่อนย้ายไปชั่งน้ำหนักที่หน่วยงานอื่น และห้องแยกโรคไม่มีเครื่องชั่งน้ำหนัก สำหรับผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียง) 1.8 จดบันทึกปริมาณน้ำเข้า-น้ำออกจากร่างกาย เพื่อประเมินความสมดุลของสาร น้ำในร่างกาย 1.9 ในช่วงที่มีภาวะน้ำเกิน ดูแลจำกัดน้ำดื่ม และควบคุมปริมาณโซเดี่ยมที่รับประทาน ตามแผนการรักษา 1.10 ดูแลควบคุมปริมาณโปแทสเซียมในอาหารตามแผนการรักษา ในระยะที่ปัสสาวะ ออกน้อย เพื่อป้องกันภาวะ hyperkalemia โดยดูแลให้รับประทานให้น้อยกว่าวันละ 2 กรัม 1.11 ดูแลควบคุมปริมาณฟอสฟอรัสในอาหารตามแผนการรักษา เพื่อป้องกันภาวะ hyperphosphatemia โดยให้น้อยกว่าวันละ 800 มิลลิกรัม 1.12 ดูแลให้ได้รับยาโซเดียมไบคาร์บอเนต เพื่อป้องกันการคั่งของกรดในเลือด (metabolic acidosis) ตามแผนการรักษา 1.13 ผู้ป่วยที่จำกัดน้ำ ริมฝีปากอาจแห้งได้ ให้ทาด้วยวาสลีนและดูแลความสะอาดช่อง ปาก หากผิวแห้งมาก งดใช้สบู่ ทาครีมและโลชั่น ภายหลังการเช็ดตัวหรืออาบน้ำ เพื่อลดอาการคัน ในรายที่คัน มาก ดูแลให้ยาต้านฮีสตามีนตามแผนการรักษา
Work Instruction 256 100 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 1.14 ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ BUN creatinine electrolyte albumin magnesium phosphate calcium ค่าความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะ ซึ่งสามารถ บอกความสมดุลของสารน้ำในร่างกายได้ 2. ในกรณีที่ต้องทำ CRRT ให้การพยาบาลโดยการเตรียมผู้ป่วยใส่สายสวน catheter และ ทำ CRRT ตามแผนการรักษา 2.5 ประเมินความพร้อมในการหย่าเครื่องช่วยหายใจ โดยปฏิบัติตามแนวทางการหย่าท่อช่วยหายใจ แนะนำการใช้ Ventilator support แทนการใช้ T-piece และ Try wean เป็น HFNC, Nasal cannula ตามลำดับ และดุลยพินิจของแพทย์ 2.6 ติดตามการเก็บสิ่งส่งตรวจต่าง ๆ ของผู้ป่วยโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 ตามแนวทางการเก็บสิ่งส่งตรวจ ผู้เก็บสิ่งส่งตรวจสวมชุด PPE นำสิ่งส่งตรวจใส่ถุงซิปล็อค ทำความสะอาดภายนอกด้วย 70% Alcohol spray เจ้าหน้าที่ที่นำส่งสิ่งส่งตรวจ สวม Surgical mask และถุงมือ Disposable ไปยังห้องปฏิบัติการ 2.6 การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เพื่อทำหัตถการพิเศษ อาทิเช่น CT Scan โดยการปฏิบัติตามแนวทางการ เตรียมคนไข้ COVID-19 สำหรับมาทำ CT ดังนี้ 1. ประสานห้อง CT รับทราบ แจ้งวันที่และเวลาที่ผู้ป่วยจะได้ทำ ห้อง CT ประสาน Capsule transfer มารับผู้ป่วยเอง 2. การเตรียมผู้ป่วยก่อนไปทำ CT แนะนำผู้ป่วยถอดเครื่องประดับ ฟันปลอม เสื้อชั้นใน ก่อนไปทำ ไม่ต้องเปิดเส้นเลือดดำ หากไปทำ CT chest HRCT หรือ CT non contrast กรณีเป็น CT chest with contrast และ CT ส่วนอื่นๆ ที่เป็น with contrast แนะนำผู้ป่วยงดน้ำงดอาหาร พยาบาลเปิดเส้นเบอร์ 20(สีชมพู) ที่ข้อพับแขนข้างซ้าย ต่อสาย Extension หมุนล็อคสายและข้อต่อให้แน่นๆ และพันด้วย Transpore เมื่อนำผู้ป่วยเข้า Capsule ก่อนมาทำ ให้เอาปลายสาย Extension ไว้ข้างนอก Capsule และกรณี ทำ CTA Chest (PE) ปฏิบัติคล้ายกับ CT chest with contrast แต่เปิดเส้นเบอร์ 18(สีเขียว) 3. ประเมินสัญญาณชีพผู้ป่วยก่อนไปทำ CT สอบถามประวัติการแพ้ยาและอาหารทะเล 4. หมอและพยาบาลมาพร้อมผู้ป่วยขณะไปทำ CT เจ้าหน้าที่สวมชุด PPE
Work Instruction 256 101 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 5. กรณีผู้ป่วย On ET -tube ประเมินอาการของผู้ป่วยก่อนไป เช่น ระดับความรู้สึกตัว การ หายใจ Secretion เป็นต้น ถ้าหอผู้ป่วยไม่มีเครื่องสำหรับ transfer ให้ต่อ Filter และสาย Corrugate แบบยาว กับ ET -tube บีบ Ambu ข้างนอก Capsule และเตรียมถัง O2 มาด้วย 6. เมื่อเปลมารับผู้ป่วยที่หอผู้ป่วยแล้ว ให้โทรแจ้งห้อง CT เพื่อเตรียมตัวรับผู้ป่วย เบอร์ 35926/098-8319958 และโทรแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกในการ เคลื่อนย้ายผู้ป่วย 2.7 กรณี Sudden Cardiac Arrest ยึดหลัก Standard TRC Guidelines โดยยึดหลักสำคัญในการช่วย ฟื้นคืนชีพ ดังนี้ 1. การ Chest compression แนะนำให้ผู้ป่วยใส่ Surgical mask ป้องกันการเกิดการ กระจายของฝอยละออง สารคัดหลั่งออกจากปาก คอ และจมูกของผู้ป่วย หรือใช้ Mechanical chest compression device ถ้ามีในหอผู้ป่วย 2. การช่วยหายใจ แนะนำให้ใส่ Endotracheal tube เมื่อ ventilator close circuit พร้อมเท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้ bag mask ventilation หากใช้ให้ต่อ Filter และสาย Corrugate กับ Ambu ต่อ กับ Face mask หลีกเลี่ยงการ Suction ในปาก 2.8 เครื่องใช้และอุปกรณ์สำหรับผู้ป่วยที่ใช้แล้ว ต้องผ่านกระบวนการทำลายเชื้อและทำให้ปราศจากเชื้อ อย่างเหมาะสม การจัดการขยะและผ้าเปื้อนในห้องผู้ป่วย ใช้ถุงขยะติดเชื้อซ้อนกันจำนวน 2 ใบ ผูกมัดปากถุง ขยะด้วยเชือกฟางทั้งชั้นในและชั้นนอก พ่นน้ำยา 70% alcohol spray รอบ ๆ ถุง ติดป้ายสัญลักษณ์ EID บน ถังขยะเคลื่อนย้ายนำไปทิ้งยังสถานที่ที่คณะกรรมการขยะของโรงพยาบาลและเวลาที่กำหนด ส่วนผ้าเปื้อนติด เชื้อ ให้ใส่ในถุงข้าวโพดก่อนบรรจุในถุงผ้าที่มีเครื่องหมายกาชาด ผูกมัดปากถุงให้แน่น และติดป้ายสัญลักษณ์ EID บนถุงผ้าเปื้อน การเคลื่อนย้ายขยะติดเชื้อและผ้าเปื้อนโดยใช้ลิฟต์สำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด 3. ระยะจำหน่าย กลับบ้าน ย้ายหอผู้ป่วยสามัญ ถึงแก่กรรม 1. เตรียมความพร้อมผู้ป่วยและญาติก่อนวางแผนจำหน่าย โดยดำเนินการตาม check list Discharge Plan ในผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทุกราย เพื่อให้ญาติเตรียมความพร้อมในการดูแลผู้ป่วย สถานที่ใน กรณีที่ต้องกักตัวต่อที่บ้าน และการเตรียม Home O2 ในผู้ป่วยบางราย
Work Instruction 256 102 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 2. ประสานกับทีมสหสาขาวิชาชีพในการวางแผนจำหน่ายผู้ป่วย 3. แนะนำให้ความรู้ผู้ป่วยและญาติก่อนกลับบ้าน ตามหลัก D-METHOD (ตามเอกสารแนบ) 4. แนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อกลับไปอยู่บ้านตามแนวทางเวช ปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ตามเอกสารแนบ) 5. กรณีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เสียชีวิต ดูแลจัดการศพติดเชื้อตามแนวทางการจัดการศพ ติดเชื้อหรือสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังนี้ 1. พยาบาลหัวหน้าเวร ประสานเจ้าหน้าที่ไปเอาถุงซิปในการบรรจุศพ ที่ตึก 8 ชั้น และน้ำ สติ้กเกอร์ชื่อผู้ป่วยไปติดในสมุดด้วย 2. ก่อนเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ให้หัวหน้าทีม ชี้แจงบทบาทหน้าที่ของแต่ละท่าน และแนวทาง การปฏิบัติงาน ทบทวนขั้นตอนการใส่และถอดชุด PPE 3. ตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ให้ครบถ้วนพร้อมใช้งาน 4. เจ้าหน้าที่สวมชุด PPE ในการจัดการศพติดเชื้อ 5. ถอดอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ทั้งหมดออกจากผู้ตาย ยกเว้น ท่อ สาย และ อุปกรณ์อื่น ๆ ที่สัมผัสกับทางเดินหายใจและปอดของผู้ตาย ใช้สำลีก้อนชุบ 0.5% Hypochlorite solution อุด ในรูจมูก ช่องปาก และปลายเปิดของท่อต่าง ๆ รวมทั้งผูกมัดสาย Nasogastric tube เพื่อป้องกันการไหลของ สารคัดหลั่งออกมาขณะทำการยกศพใส่ถุงศพ 6. ทำการบรรจุศพใส่ถุงศพตามขั้นตอนทั้งหมด 3 ชั้น โดย ใช้ 70% alcohol spray รอบ ๆ ถุง ก่อนบรรจุทุกชั้น 7. เมื่อนำศพใส่ถุงบรรจุศพแล้ว ให้ถอดชุด PPE ออก แล้วเก็บใส่ถุงขยะติดเชื้อแยกกัน ระหว่างอุปกรณ์ใช้แล้วทิ้งกับอุปกรณ์ที่จะนำไปฆ่าเชื้อแล้วเอากลับมาใช้ซ้ำ 8. แจ้งเจ้าหน้าที่ห้องดับจิตทราบและเตรียมชุด PPEขณะเคลื่อนย้ายศพไปยังห้องดับจิต
Work Instruction 256 103 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล การติดตามประเมินผล 1. นิเทศติดตามโดยพยาบาลผู้รับผิดชอบของหอผู้ป่วย/หน่วยงาน 2. นิเทศติดตามกำกับตัวชี้วัดโดยหัวหน้าหอ และรายงานหัวหน้างาน ทุก 1 เดือน เอกสารอ้างอิง กรมการแพทย์. (2566). แนวทางการจัดบริการเพื่อดูแลผู้ป่วย COVID-19 สำหรับสถานพยาบาล ฉบับ ปรับปรุง ครั้งที่ 3 วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566. สืบค้นวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2566, จากเว็บไซต์: https://covid19.dms.go.th/Content/Select_Landding_page?contentId=182 กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา. (2566). แนวทางการวางแผนการจำหน่ายสำหรับผู้ป่วย โควิด-19. คณะกรรมการกำกับดูแลรักษาโควิด-19. (2566). แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการ ติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 27 วันที่ 18 เมษายน 2566. https://covid19.dms.go.th/Content/Select_Landding_ page? contentId=181 แนวทางการจัดการศพติดเชื้อหรือสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ฉบับปรับปรุงใหม่ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564. กองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. เสาวภา ทองงาม, สุพิศตรา ภูมูล, และรณิษฐา รัตนะรัต. (2563). การพยาบาลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ใน หอผู้ป่วยแยกโรค โรงพยาบาลศิริราช. เวชบันทึกศิริราช, 13(3), 222-231. กรมการแพทย์. (2565). แนวทางเวชปฏิบิัติการวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรสโคโรน่า 2019 (COVID-19)ฉบับปรับปรุงวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 สําหรับ แพทย์และบุคลากรสาธารณสุข.
Work Instruction 256 104 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล เอกสารที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) 1. คู่มือในการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 2. แนวทางการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 3. แนวทางการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประกาศ ณ วันที่ … เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2566 ........................................................... (นางสาวเพ็ญศรี รักษ์วงค์) หัวหน้าพยาบาล
Work Instruction 256 105 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม เอกสารวิธีปฏิบัติงาน WORK INSTRUCTION โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เรื่อง : การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการ ล้างไตทางช่องท้อง CAPD. เอกสารหมายเลข : WI-NUR-D แก้ไขครั้งที่ : 2 วันที่มีผลบังคับใช้ :15 ธันวาคม 2566 จำนวนหน้า : 12 หน้า ผู้จัดทำ ผู้รับผิดชอบ ผู้ทบทวน ผู้อนุมัติ คณะกรรมการทบทวน WI กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล คณะกรรมการทบทวน WI กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล คณะกรรมการทบทวน WI กลุ่มภารกิจด้านการ พยาบาล ลงชื่อ ............................................... (............................) หัวหน้าพยาบาล วันที่ 15 ธันวาคม 2566 วันที่ 15 ธันวาคม 2566 วันที่ 15 ธันวาคม 2566 วันที่ 15 ธันวาคม 2566
Work Instruction 256 106 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล นโยบาย กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา มีนโยบายให้บริการพยาบาลตาม Service plan ในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้องที่มีคุณภาพ ถูกต้อง ตาม มาตรฐานวิชาชีพ ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสมและปลอดภัย วัตถุประสงค์ 1.เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้อง สำหรับ พยาบาลวิชาชีพ 2.เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแล ตามมาตรฐานวิชาชีพ ผู้ป่วยปลอดภัยไม่เกิด ภาวะแทรกซ้อน หรือ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ คำจำกัดความ โรคไตเรื้อรัง (Chronic kidney disease) เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของทุก ประเทศทั่วโลก เนื่องจากมีจำนวนผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โรคไตเรื้อรังเป็นภาวะไตสูญเสีย หน้าที่ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน หรือมากกว่า 3 เดือนทำให้เกิดความผิดปกติของโครงสร้างหรือการทำงาน ของไต เมื่อผู้ป่วยมีภาวะยูรีเมีย (Uremia) แพทย์จะพิจารณาให้ผู้ป่วยได้รับการบำบัดทดแทนไต เมื่อผู้ป่วยเข้าสู่ ภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (End – stage – renal disease : ESRD ) ผู้ป่วยจะได้รับการบำบัดทดแทนไต โดยวิธีใดวิธีหนึ่งคือ การปลูกถ่ายไต การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการล้างไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากนโยบาย “PD first policy” ของกระทรวงสาธารณสุข ที่กำหนดให้ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะ สุดท้ายที่ใช้สิทธิประกันสุขภาพทุกรายสามารถรับการบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีล้างไตทางช่องท้องเป็นวิธีแรกโดย ไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้ปัจจุบันผู้ป่วยที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง (Continuous ambulatory peritoneal dialysis :CAPD) เพิ่มมากขึ้น
Work Instruction 256 107 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล โรคไตเรื้อรัง ไต เป็นอวัยวะคู่ รูปร่างคล้ายเมล็ดถั่ว ไตทั้งสองวางตัวอยู่นอกเยื่อบุช่องท้องประกอบด้วยหน่วยไต (nephron) และกรวยไต (renal pelvis) ไตแต่ละข้างมีหน่วยไต 1 ถึง 1.5 ล้านหน่วย เนื้อไต แบ่งออกเป็น 2 ชั้น 1. ชั้นนอกเรียกว่า cortex 2.ชั้นใน เรียกว่า medulla เป็นรูปกรวยติดสีคล้ำ โรคไตเรื้อรังเป็นภาวะที่ไต ไม่สามารถทำหน้าที่ในการขจัดของเสียออกจากร่างกายและไม่สามารถทำหน้าที่ในการรักษาสมดุลของน้ำ อิเล็กโทรไลต์และ กรดด่างของร่างกายหรือภาวะที่ไตถูกทำลายเป็นเวลานานจนไม่สามารถกลับฟื้นคืนสภาพได้ โดยหน่วยไต (nephron) จะค่อยๆถูกทำลายจนกระทั่งหน่วยไตที่เหลือไม่สามารถทำงานชดเชยส่วนที่เสียไปได้ ทำให้มีการเสื่อมของโครงสร้างอวัยวะและหน้าที่ของไต สาเหตุของโรคไตวายเรื้อรัง โรคไตวายเรื้อรังมีสาเหตุที่เกิดจากความผิดปกติของส่วนประกอบของไต ส่วน คือโกลเมอรูล่า (glomerular) หลอดฝอยไต (renal tubular) หลอดเลือดฝอยต่างๆและเนื้อเยื่อที่แทรกรอบหลอดไต (Interstitial) ซึ่งอาจจะ มีสาเหตุจากโรคเบาหวาน (ร้อยละ 30) โรคความดันโลหิตสูง (ร้อยละ 25) การอักเสบที่โกลเมอรูลาเรื้อรัง (ร้อย ละ 21) โพลีซีสติกคิดนี่ (ร้อยละ 4) และสาเหตุจากโรคระบบทางเดินปัสสาวะและอื่นๆ (ร้อยละ 20) อาการและอาการแสดง 1. ระบบหัวใจและหลอดเลือด ภาวะยูริเมียมีผลต่อหัวใจและหลอดเลือด พบภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ ความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจวาย และภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ 2. ระบบหายใจ ภาวะยูริเมียมีผลต่อระบบหายใจ คือน้ำท่วมปอด ปอดอักเสบ มักพบร่วมกับภาวะหัวใจ วาย 3. ระบบประสาท ภาวะยูริเมียมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางผู้ป่วย ส่วนปลายและระบบประสาท อัตโนมัติเช่นไม่มีสมาธิในการทำงาน เฉื่อยช้าชาปลายมือปลายเท้า เป็นต้น
Work Instruction 256 108 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 4. ระบบทางเดินอาหารภาวะยูริเมียมีผลต่อระบบทางเดินอาหารทุกส่วนพบว่ามีแผลที่ปาก เหงือกอักเสบ มีแผลที่กระเพาะอาหาร เป็นต้น 5. ระบบเลือดและอวัยวะสร้างเลือดผลจากภาวะยูริเมียทำให้เกิดภาวะโลหิตจางและซีด ภาวะเลือดออก ง่ายและภูมิต้านทานต่ำ 6. ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ภาวะยูริเมียมีผลต่อกล้ามเนื้อ ข้อ กระดูก มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง 7. ผิวหนังภาวะยูริเมียมีผลผิวหนังแห้งและตกสะเก็ด 8. ความผิดปกติของสมดุลน้ำ เกลือแร่ และความเป็นด่าง ไตมีการขับน้ำได้น้อยลง อาจมีอาการบวม เหนื่อยหอบจากภาวะหัวใจวาย เป็นต้น โรคไตเรื้อรัง แบ่งระดับความรุนแรงเป็น 5 ระยะดังนี้ • ระยะที่ 1 เป็นระยะที่เนื้อไตเริ่มถูกทำลาย GFR ยังปกติมีค่าเกิน 90 ml/min/1.73m2 แต่พบโปรตีนใน ปัสสาวะเพิ่มขึ้นในระยะนี้ไตมี Renal reserve ลดลง • ระยะที่ 2 เป็นระยะที่เนื้อไตเริ่มถูกทำลายมากขึ้น GFRของไตลดลง มีค่า 60-89 ml/min/1.73m2 แต่ ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเรียกว่าโรคไตเรื้อรังการรักษาในระยะนี้เป็นการรักษาเพื่อชะลอการเสื่อมของไต • ระยะที่ 3 การทำงานของไตลดลงปานกลางGFR มีค่า 30-59ml/min/1.73m2 ค่าครีเอตินินในเลือด 1.2-2 mg/dlระยะที่สามเป็นต้นไปเรียกว่าภาวะโรคไตเรื้อรังระยะนี้เป็นการระวังรักภาวะแทรกซ้อน • ระยะที่ 4 การทำงานของไตลดลงมากเป็นระยะที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมากขึ้นเช่นซีด อ่อนเพลียเบื่อ อาหารความดันโลหิตสูง GFR มีค่า 15-29 ml/min/1.73m2 ค่าครีเอตินินในเลือด 3-5 mg/dl ใน ระยะนี้เริ่มการแนะนำเรื่องการบำบัดทดแทนไต
Work Instruction 256 109 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล • ระยะที่ 5 เข้าสู่ภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายร่างกายไม่อยู่ในภาวะสมดุลเกิดความผิดปกติในการขับ ของเสียการควบคุมกรดด่างเกลือแร่ตลอดจนฮอร์โมนต่างๆ ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนเบื่ออาหาร ซึมลงซีดเรียกว่าภาวะยูรีเมีย (Uremia) ไตมีการฝ่อและมีขนาดเล็กลง GFR มีค่าต่ำกว่า 15 ml/min/1.73m2 ค่าครีเอตินินในเลือดมากกว่า 5 mg/dl ในระยะนี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดย วิธีการบำบัดทดแทนไต แนวทางการรักษาภาวะไตวายเรื้อรัง 1. การรักษาเพื่อชะลอการเสื่อมของไต ได้แก่การควบคุมการบริโภคอาหารและน้ำ ( Non pharmacologic therapy) และ การบำบัดด้วยยา (Pharmacologic therapy) 2. การบำบัดทดแทนภาวะไตวายมี 3 วิธี ได้แก่ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) การล้างช่องท้องแบบต่อเนื่อง (Continuous ambulatory peritoneal dialysis) การผ่าตัดปลูกถ่ายไต (Renal transplantation) กลุ่มผู้ป่วยที่ใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้องที่มารับการรักษาในหอผู้ป่วยอายุรกรรม บุคลากรที่ใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล พยาบาลวิชาชีพที่ทำหน้าที่ให้การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้อง ในหอผู้ป่วยอายุรกรรม
Work Instruction 256 110 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้แนวทางปฏิบัติ 1. พยาบาลวิชาชีพมีความรู้ในการดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้อง ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และให้การพยาบาลผู้ป่วยได้ถูกต้องเหมาะสม 2. ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้อง สำหรับพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วย เกณฑ์การประเมิน 1. พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติตามแนวทางการพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการล้างไต ทางช่องท้อง มากกว่าร้อยละ 80 2. ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้อง ได้รับการดูแลตามมาตรฐาน มากกว่าร้อยละ 80 แนวทางการปฏิบัติการพยาบาล การประเมิน การเตรียมผู้ป่วยและกรอบครัวก่อนเข้ารับการรักษา ผู้ป่วยและครอบครัว ควรจะได้รับการประเมินและเตรียมความพร้อมทางร่างกาย จิตใจ เศรษฐกิจ สังคม และ ความรู้เกี่ยวกับโรดที่เป็นและความรู้เกี่ยวกับการทำ CAPD ประเมินเพื่อให้ทราบสภาพและกฎหมายได้ถึงปัญหา ที่อาจะเกิดเมื่อได้รับการรักษา การเตรียมความพร้อมจะช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถ ปรับตัวปรับใจ และพร้อมเผชิญปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อการรักษาในอนาคต 1. การประเมินและการเตรียมสภาพร่างกาย ผู้ป่วยอาจจะต้องได้รับการตรวจวินิฉัยเพิ่มเติมในกรณีที่ไม่ แน่ชัดหรือสงสัยว่าจะมีปัญหา และถ้ามีข้อห้ามบางประการที่แก้ไขได้ อาทิ ไส้เลื่อน ก็จะต้องทำการ รักษาก่อนที่จะรับการผ่าตัดใส่สายล้างช่องท้อง
Work Instruction 256 111 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 2. การประเมินและการเตรียมสภาพจิตใจ ผู้ป่วยและครอบครัวจะต้องได้รับการประเมินสภาพจิตใจ ว่า พร้อมที่จะรับสภาพและการะที่จะเกิดขึ้นจากการรักษาหรือไม่ โดยต้องได้รับข้อมูลก่อนถ่วงหน้าถึง สภาพและการะต่าง ๆผู้ป่วยและครอบครัวจะต้องได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการเผชิญและบรรเทา ความเครียด และควรได้รับการสร้างเสริมกำลังใจผู้ป่วยอาจจะไม่สามารถรับสภาพและภาระที่จะ เกิดขึ้นได้ อาทิ การที่ต้องมีสายล้างช่องท้องหรือถุงน้ำยาติดตัวอยู่ตลอดเวลา ความเจ็บปวดทรมานจาก ภาวะการติดเชื้อในช่องท้อง ภาระจากการที่ต้องเปลี่ยนถุงน้ำยาวันละ 4 วงจร เป็นต้น ในบางร่ายต้อง ได้รับการประเมินจากจิตแพทข์และหรือนักจิตวิทยาก่อนให้การรักษา อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้ป่วย และครอบครัวมารับการประเมินเพื่อเลือกวิธีการรักษา ควรได้รับคำแนะนำและได้รับการสร้างเสริม กำลังใจจากบุคลากรทางการแพทย์ 3. การประเมินและการเตรียมสภาพเศรษฐกิจและสังคม ผู้ป่วยและครอบครัวที่มีรายได้น้อยและ ไม่ สามารถรับภาระทางการเงินที่จะเกิดขึ้นได้อีก โคยเฉพาะเมื่อมีปัญหาที่ต้องใช้ง่ายเพิ่มขึ้นด้วยเหตุต่าง ๆ ผู้ป่วยและครอบครัวควรจะต้องได้รับคำแนะนำและเตรียมการแก้ไขไว้ล่างหน้าและที่สำคัญก็คือการ ปรับตัวให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ในสังคมอย่างเหมาะสม เช่น แหล่งช่วยเหลือต่าง ๆ สิทธิ์ประกัน สุขภาพถ้วนหน้า อาชีพการงานที่จะต้องปรับให้เหมาะสมกับการรักษาการใช้ชีวิตที่เหมาะสมกับสภาพ ความเจ็บป่วย เป็นต้น การดูแลหลังจากใส่สายท่อล้างไตในช่วงแรก (ระยะที่ 2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด) เพื่อป้องกันภาวะแทรกร้อน จากการติดเชื้อในระยะยาว การดูแลหลังการผ่าตัดใส่สายท่อถ้างใด จึงเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อป้องกันการเจริญเดิบ โตของแบคทีเรียบริเวณแผลผ่าตัดและแผลหน้าท้อง
Work Instruction 256 112 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล แนวทางการดูแล 1. ห้ามให้แผลเปียกน้ำ เนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อจุลชีพที่มากับน้ำ 2. ปิดแผลในลักษณะที่ป้องกันการเคลื่อนไหวของสายล้างช่องท้อง เปีดแผลครั้งแรก 1 สัปดาห์ ภายหลัง การใส่สายถ้างช่องท้อง ยกเว้นมีปัญหาที่บ่งบอกถึงการดิจเชื้อ เช่น ปวดแผก แผกซึม หากจำเป็นต้อง เปิดแผลให้ทำความสะอาดแผลที่โรงพยาบาก โดยบุคลากรที่ได้รับการอบรม 3. หลังใส่สายยางหน้าท้องประมาณ 7-10 วัน ควรมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อตัดไหม หากมีการอักเสบของ แผลอาจรอจนครบ 14 วัน หรือจนกว่าแผลหายดี 4. หลีกเลี่ยงการดึงหนีบสะเก็ดเลือด สะเก็ดน้ำเหลืองออกจากแผล กรณีที่มีสะเก็ดเลือดหรือน้ำเหลืองให้ ใช้ก๊อซชุบน้ำเกลือ วางแปะไว้ประมาณ 5-10 นาที ให้อ่อนตัวก่อนปล่อยให้หลุดเอง 5. หลีกเลี่ยงกิ่งกรรมที่ทำให้เกิดการเสียดสีดึงรั้งหรือบิดหมุนของสายยางหน้าท้อง เพราะจะทำให้เกิดการ อักเสบของบาดแผลและติดเชื้อได้ง่าย 6. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ส่งผลให้เกิดแรงดันในช่องท้องสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดการเลื่อนออกของสายยางหน้า ท้องได้ เช่น การอุ้มหรือยกของหนักเกิน 10 กิโลกรัม การออกแรงเบ่งในช่องท้อง รวมทั้งท้องผูก เป็น ต้น 7. หากมีสิ่งผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ ด้องรีบมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยด่วน เช่น แผลมี เลือดออก น้ำรั่วซึมจากแผล เจ็บที่แผลมากขึ้น สายยางหน้าท้องเลื่อนออกมา เป็นต้น การดูแลระยะใส่น้ำยาล้างไต เพื่อให้ท่อล้างไตและแผลหน้าท้องอยู่ในสภาพดี
Work Instruction 256 113 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล ขั้นตอนการเปลี่ยนน้ำยาระบบ ANDY-DISC วัตถุประสงค์ • เพื่อให้ผู้ป่วย CAPD ได้รับการเปลี่ยนน้ำาระบบ ANDY DISC ตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง • เพื่อลดภาวะการติดเชื้อภายในช่องท้อง • เพื่อเป็นแนวทางสำหรับพยาบาลวิชาชีพและบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วย CAPD 1. น้ำยาระบบ ANDY DISC ถุงใหม่ 2. แท่นยึด (organizer) 3. ฝาปิด (Disinfection cap) 4. ผ้าก๊อซหรือสำลีปลอดเชื้อ 5. 70% Alcohol 6. ผ้าปิดปาก-จมูก 7. สบู่เหลวหรือน้ำยาล้างมือ 8. ผ้าเช็ดมือสะอาค 9. พลาสเตอร์ 10. โต๊ะสำหรับวางอุปกรณ์ 11. เสาแขวนน้ำยา 12. ภาชนะรองรับถุงน้ำขา 13. กรรไกรปลายมน 14. เครื่องชั่งน้ำหนัก 3-5 กิโลกรัม
Work Instruction 256 114 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล ขั้นตอนการปฏิบัติ 1. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม 2. ปิดพัคลมและหน้าต่างบริเวณใกล้เคียง ถ้าเป็นเครื่องปรับอากาศให้ระวังฝุ่นจากเครื่อง 3. สวมผ้าปีดปากและจมูก 4. ล้างมือให้สะอาคตามขั้นตอนการล้างมือ 5. เตรียมโต๊ะที่เปลี่ยนน้ำยาให้สะอาด โดยใช้ 70% Alcohol ฉีดพ่นที่โต๊ะ 6. ใช้ผ้าก๊อซหรือ สำลี เช็ดโต๊ะไปทางเดียวกันให้ทั่ว และเช็ดขอบโต๊ะโดยเช็ดทุกครั้งที่ต้องเปลี่ยนถ่าย น้ำยา 7. ตรวจสอบสภาพลงน้ำถุง โดยวางถงน้ำยาบนโต๊ะ ดูวันหมดอายุ เปอร์เซ็นต์ ปริมาตร สภาพของสาย น้ำยา ทดสอบการรั่วซ้ำของน้ำยา 8. ฉีกถุงหุ้มน้ำขาภายนอกออก ยกฤงส่องดูว่าน้ำยามีสิ่งแขวนลอบหรือสิ่งผิดปกติหรือไม่ นำถุงน้ำยา ขึ้นแขวน ดูปริมาตรน้ำยาที่ตาชั่ง 9. ทำความสะอาดแท่นยึด (orgaทizcr) ด้วยสำลีขุบ 70% Alcohol แล้ววางบนโต๊ะที่ทำความสะอาดแล้ว 10. วางจานหมุน (Dise) ลงในร่องแท่นยืด (orgaizer) แขกสายของถุงน้ำขาใหม่ออก วางถุงน้ำยาเปล่าลง ในภาชนะรองรับ โดยให้ระดับต่ำกว่าช่องท้อง 11. นำข้อต่อ (Cathetcr Adaptor) ของสายส่งน้ำยา (Catheter extension) สอดเข้าไปพักไว้ในช่อง ด้านขวาของแท่นยืด (Organizer) ให้ลึกที่สุด 12. ทำความสะอาดมือตามขั้นตอน หรือเช็ดมือด้วย Acohal เมื่อล้างเสร็จแล้วห้ามไปจับสิ่งอื่น เช่น ผม เสื้อผ้า จับได้เฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้เปลี่ยนน้ำยาเท่านั้น 13. หมุนข้อต่อ (Catheter adapter) ออกจากฝาปิด (Disinfection cap) อันเก่าจากนั้นหมุนต่อเข้ากับ ปลายท่อของจานหมุนให้แน่น 14. ตำรวจดูว่าเข็มชี้ของจานหมุนว่าอยู่ในตำแหน่งหนึ่งจุด
Work Instruction 256 115 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 15. เปิดตัวหนึบ (clamp) สายส่งน้ำยา น้ำยาจากช่องท้องจะไหลออกสู่ถงรับน้ำยาเปล่า จนกระทั่งหมด ใช้ เวลาประมาณ 10-15 นาที 16. หมุนจานหมุนตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่งสองจุด เพื่อให้น้ำขาจากถุงใหม่ล้างข้อต่อสายน้ำยา ประมาณ 5 วินาที (นับ 1-5) 17. หมุนจานหมุนตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่งสามจุด เพื่อปล่อยน้ำขาไหลเข้าช่องท้องโดยสามารถ ควบคุมอัตราการไทลของน้ำชาให้ช้าหรือเร็ว โดยการหมุนเข็มไปยังตำแหน่งที่ต้องการ 18. เมื่อน้ำยาไหลเข้าช่องท้องจนหมดแล้ว หมุนเข็มของจานหมุนตามเข็มนาฬิกาไปจนถึงจุดสุดท้ายของ ตำแหน่งสี่จุดบันทึกเวลาน้ำยาเข้าใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที) 19. เปิดซองบรรจุฝาปิด (disinfection cap) หยิบออกจากซอง สอดเข้าไปในช่องที่อยู่ด้านซ้ายของแท่นยึด (organizer) ให้ลึกที่สุด 20. หมุนฝาครอบฝาปิด (disinfection cap) อันใหม่ออก 21. หมุนข้อต่อ (catheteradapter) ออกจากจานหมุน จะมองเห็นแกนพลาสติกสีน้ำเงินแน่นที่ปลายข้อต่อ (catheter adapter) 22. หมุนข้อต่อ (catheter adaptcr) เข้ากับฝาปิด (disinfecion cap) อันใหม่ 23. อาจจะหุ้มปลายฝาปิด (catheter adaptcr) ด้วยผ้าก๊อซปลอดเชื้อ หรือเก็บใส่ถุงเก็บให้เรียบร้อย 24. ชั่งน้ำหนักน้ำยาถุงที่ปล่อยออก และตรวจดูว่าน้ำยามีลักษณะผิดปกติหรือไม่ เช่น ดูความขุ่น เยื่อเมือก หรือเลือด 25. บันทึกสมุดน้ำยาและเวลาการปล่อยน้ำยาเข้า-ออก 26. เทน้ำยาที่ใช้แล้วใส่ชักโครก ถุงพลาสติก และขยะอื่นๆ ทิ้งในถังขยะ
Work Instruction 256 116 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล ขั้นตอนการเปลี่ยนน้ำยาระบบ Twin bag วัตถุประสงค์ • เพื่อให้ผู้ป่วย CAPD ใส่รับการเปลี่ยนน้ำยาตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง • เพื่อลดภาวการณ์ติดเช็อภายในช่องท้อง • เพื่อเป็นแนวทางสำหรับพยาบาลวิชาชีพและบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วย CAPD อุปกรณ์เครื่องมือและน้ำยา 1. น้ำยาระบบ tพin bag ถุงใหม่ 2. จุกปิดสีขาว (minicap) 3. ตัวเหน็บสีน้ำเงิน (Out port clamp) 2 อัน 4. ผ้าก็อชหรือสำลีปลอดเชื้อ 5. 70% Alcohol 6. ผ้าปิดปาก-จมูก 7. สบู่เหลวหรือน้ำยาล้างมือ 8. ผ้าเช็ดมือสะอาด 9. โต๊ะสำหรับวางอุปกรณ์ 10. เสาแขวนน้ำยา 11. ภาชนะรองรับถุงน้ำยา 12. เครื่องชั่งขนาค 3-5 กิโลกรัม 13. พลาสเตอร์ 14. กรรไกรปลายมน
Work Instruction 256 117 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล ขั้นตอนการปฏิบัติ 1. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม 2. ปิดพัดลมและหน้าต่างบริเวณใกล้เคียง ถ้าเป็นเครื่องปรับอากาศ ระวังฝุ่นจากเครื่อง 3. สวมผ้าปิดปากและจมูก 4. ล้างมือให้สะอาคตามวิธีการล้างมือ 5. เตรียมโต๊ะที่เปลี่ยนน้ำยาให้สะอาด โดยใช้ 70% A1coho! ฉีดพ่นที่โต๊ะ 6. ใช้ผ้าก๊อซหรือ ลำลีปลอดเชื้อเช็ด โต๊ะไปทางเดียวกันให้ทั่วและเช็ดขอบโต๊ะ โดยเช็คทุกครั้งที่ ต้องเปลี่ยนน้ำยา 7. ตรวจสอบสภาพถุงน้ำยา โดยวางถุงน้ำยาบนโต๊ะ ดูวันหมดอายุ เปอร์เซ็นต์ ปริมาตร สภาพ ของสายน้ำยา ทดสอบการรั่วซึมของถุงน้ำยา 8. ฉีกถุงหุ้มน้ำขาภายนอกออก ยกถุงดูว่าน้ำยามีสิ่งแขวนลอยหรือสิ่งผิดปกติหรือไม่ นำถุงน้ำยา ขึ้นแขวน ดูปริมาครน้ำยาที่ตาชั่ง 9. วางซอง Mini cap ใหม่บนโต๊ะที่ทำความสะอาดแล้ว 10. หากปลายสาย Mini transfer มีผ้าก๊อซหุ้มอยู่ให้แกะผ้าก็อช ออกแล้วปูผ้าสะอาครองสาย mini transfer ไว้ 11. ล้างมือให้สะอาคคามขั้นตอนหรือ เช็ดมือด้วย Alcohol ใช้มือช้างที่ถนัดจับปลายสายของถุง น้ำยาที่จะต่อเข้ากับผู้ป่วย และใช้มืออีกข้างหนึ่งแยกสายแถะถุงน้ำยาเปล่าออกจากถุงน้ำยา ตรวงสอบความสมบูรณ์ของสายและข้อต่อต่าง ๆ แล้วนำถุงเปล่าวางลงในภาชนะรองรับถุง น้ำยาที่เตรียมไว้โดยให้ต่ำกว่าระดับช่องท้อง 12. นำตัวหนีบสีน้ำเงิน (Out port clamp) 1 อัน มาหนีบสายน้ำยาเข้า 13. ใช้มือข้างที่ถนัดขับสาย mini tansier มืออีกข้างหนึ่งจับปลายสายของถุงน้ำยา แล้วดึงจุกยาง สีเขียว ปลายสายถุงน้ำยาออก และหมุน minica ของตาย transfer ออก
Work Instruction 256 118 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 14. ต่อปลายสายรูปตัว Y เข้ากับสาย ini transfer แล้วหมุนเกดียวให้สนิท โดยให้หมุนทางด้าน สายถุงน้ำยา 15. คลายเกลียวสาบ mini transfer เพื่อปล่อยน้ำยาออกจากช่องท้องลงถุงน้ำยาทิ้งจนหมด แล้ว หมุนเกลียวสาย mini transfer ปิด (พร้อมลงจดบันทึกเวลาน้ำขาออก ปกติใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที) 16. ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างหักเดือย (แท่งตีเขียว) ของถุงน้ำยาให้แยกออก 17. ปลด out port camp จากถงน้ำยาใหม่ ให้น้ำยาจากถุงใหม่ไหลลงถุงน้ำยาที่ปล่อยออก (Drainage bag) นับ 1 ถึง 5 (ประมาณ 5 วินาที) เรียกว่า Flush before fill แล้วนำ out port clamp มาหนีบสายน้ำยาออก 18. คลายเกลียวสาย mini transfer ให้น้ำยาไหลเข้าท้องจนหมด (พร้อมทั้งจดบันทึกเวลาน้ำยา เข้า ปกติใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ปีคเกถียวและนำ out port clamp หนีบสายน้ำขา ปล่อยเข้า 19. เปิดซอง minicap ใหม่ ในลักษณะที่หยิบใช้ได้สะควก 20. ล้างมือให้สะอาดตามขั้นตอนหรือใช้ Alcoho! handrub 21. ใช้มือข้างถนัดจับปลายสาย mini tanster บริเวณข้อต่อสีฟ้า และใช้มืออีกข้างหนึ่งหมุนบิด เกลียวสายทางด้านถุงน้ำขา และปลดสายของถุงน้ำยาออกระวังอย่าให้ส่วนปลายสาย mini transter ไปสัมผัสสิ่งใดๆ จากนั้นหมุนปิดส่วนปลายสาย min transfer ด้วย minicap อัน ใหม่ 22. ปิดสาย mini transfer โดยหมุนเกลียวให้สนิท 23. อาจจะใช้ gauze sterile หุ้ม mini cap ให้เรียบร้อยแล้วใช้พลาสเตอร์ติดปลายสาย mini transfer ไว้กับหน้าท้องผู้ป่วย
Work Instruction 256 119 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 24. ชั่งน้ำหนักน้ำยาถุงที่ปล่อยออก และตรวจดูน้ำยาว่ามีลักษณะผิดปกติหรือไม่ เช่น ดูความขุ่น เยื่อเมือก หรือเลือด 25. บันทึกสมดุลน้ำยาที่ปล่อยเข้า-ออก และสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น 26. ตัดถุงน้ำยา เททิ้งลงชักโครก ถุงพลาสติก และขยะอื่นๆทิ้งในถังขยะ การจดบันทึก วัตถุประสงค์ • เพื่อติดตามผลการรักษา ใช้ดูประกอบการรักษาของแพทย์ ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องบันทึกรายละเอียด ทั้งหมด และนำมาให้แพทย์ดูเมื่อถึงเวลานัด สิ่งที่ต้องบันทึกในแต่ละครั้ง แต่ละวัน มีดังต่อไปนี้ 1. ความเข้มข้นของน้ำยาที่ใช้ 2. เวลาที่เริ่มใส่น้ำยาเข้า และเวลาที่น้ำยาไหลเข้าหมด 3. เวลาที่เริ่มปล่อยน้ำยาออก และเวลาที่น้ำยาไหลออกหมด 4. ปริมาตรน้ำยา 5. สีของน้ำยา ความขุ่น ความใส ตะกอน เยื่อวุ้น เลือด รวมทั้งอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น เช่น อาการ เจ็บปวดบริเวณปากแผลหรือในท้อง อาการเจ็บปวดเกิดขึ้นขณะใส่น้ำยาเช้า หรือขณะปล่อยน้ำยาออก มีไข้ตัวร้อนหนาวสั่น ผื่นตามตัว อาการแน่นอึดอัดในท้องหรือในอกเวลานั่งหรือนอน และอื่น ๆ ที่คิดว่า ผิดปกติ แล้วรายงานให้แพทย์ผู้ดูแลทราบ 6. บันทึกน้ำหนักตัวประจำวัน ควรชั่งน้ำหนักหลังจากปล่อยน้ำ ออกจากช่องท้องหมดในเวลาเดียวกัน ทุกวัน 7. วัคอุณหภูมิร่างกาย (ความดันโลหิต) ควรจะวัดย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง หรือทุกครั้งที่รู้สึกตัวว่ามีไข้ ตัว ร้อน หรือเวลาที่ปวดท้อง หรือน้ำยาที่ออกจากช่องท้องขุ่น
Work Instruction 256 120 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 8. การรับประทานอาหาร เช่น อาการเมื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด แน่นอึดอัด 9. การขับถ่าย จำนวนปัสสาวะ 24 ชั่วโมง ภาวะท้องผูก ภาวะท้องเสีย Pre Operative Checklist • วางสายโดยศัลยแพทย์หรืออายุรแพทย์โรคไตที่มีความชำนาญ • อาบน้ำทำความสะอาดผิวหนังก่อนการผ่าตัด • หลีกเลี่ยงการใช้มีดโกน โกนขนที่หน้าท้องเพราะอาจเกิดรอยบาดที่ผิวหนังได้ แนะนำให้ใช้เครื่องโกน ไฟฟ้า • ระบุตำแหน่งของ Exit site ให้เหมาะสมก่อนการผ่าตัด • ให้ยาระบายเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะท้องผูกก่อนการผ่าตัด • ให้ถ่ายปัสสาวะก่อนส่งห้องผ่าตัด • แนะนำให้ใช้ Double cuff standard Tenckhoff catheter ในการวางสาย Peri Operative Checklist • ให้ตำแหน่งของ Exit site ห่างจากแนวของเข็มขัดและควรอยู่ในทิศทางเฉียงลง • ควรให้สายอยู่ในตำแหน่งที่ผู้ป่วยจับได้ง่ายและสะดวก • ทดสอบการไหลเข้า-ออกของน้ำยาก่อนเย็บปิดแผล • ต่อสาย Tenckhoff ด้วยอะแด็ปเตอร์ที่เหมาะสมก่อน • ต่อสาย Transfer set
Work Instruction 256 121 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับ การล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล Post Operative Checklist • ใช้เทคนิคปราศจากเชื้อดูแลแผลหลังการผ่าตัดวางสาย โดย PD nurse จนกระทั่งแผลหายดี • Break in 2 สัปดาห์ ก่อนเริ่มล้างไตทางช่องท้อง • ถ้าจำเป็นต้องทำการล้างไตทันทีให้ใช้น้ำยาปริมาณ น้อยๆให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านอน • เปลี่ยนแผลสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ในระยะ 2 สัปดาห์แรกหลังจากนั้นทุก 2-3 วันจนกว่าแผลจะหายดี การติดตามประเมินผล 1. นิเทศติดตามโดยพยาบาลผู้รับผิดชอบของหอผู้ป่วย/หน่วยงาน 2. นิเทศติดตามกำกับตัวชี้วัดโดยหัวหน้าหอ และรายงานหัวหน้างาน ทุก 1 เดือน เอกสารที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) 1. คู่มือในการรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้อง 2. แนวทางการรักษาไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้อง 3. แนวทางการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้อง ประกาศ ณ วันที่ … เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2566 ........................................................... (นางสาวเพ็ญศรี รักษ์วงค์) หัวหน้าพยาบาล
Work Instruction 256 122 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม เอกสารวิธีปฏิบัติงาน WORK INSTRUCTION โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เรื่อง : การพยาบาลผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต เอกสารหมายเลข : WI-NUR-D แก้ไขครั้งที่ : 2 วันที่มีผลบังคับใช้ :15 ธันวาคม 2566 จำนวนหน้า : 11 หน้า ผู้จัดทำ ผู้รับผิดชอบ ผู้ทบทวน ผู้อนุมัติ คณะกรรมการทบทวน WI กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล คณะกรรมการทบทวน WI กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล คณะกรรมการทบทวน WI กลุ่มภารกิจด้านการ พยาบาล ลงชื่อ ............................................... (............................) หัวหน้าพยาบาล วันที่ 15 ธันวาคม 2566 วันที่ 15 ธันวาคม 2566 วันที่ 15 ธันวาคม 2566 วันที่ 15 ธันวาคม 2566
Work Instruction 256 123 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล นโยบาย กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา มีนโยบายให้บริการพยาบาลตาม Service plan ในผู้ป่วยหลังผ่าตัดปลูกถ่ายไต มีคุณภาพ ถูกต้องตามมาตรฐานวิชาชีพ ผู้ป่วยได้รับการดูแล อย่างถูกต้องเหมาะสม และปลอดภัย วัตถุประสงค์ 1.เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยหลังผ่าตัดปลูกถ่ายไตตามมาตรฐาน 2.เพื่อเป็นแนวทางพยาบาลการดูแลหลังผ่าตัดปลกูถ่ายไตตามมาตรฐาน คำจำกัดความ โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย(end stage renal disease : ESRD) คือ โรคไตเรื้อรังถาวร ที่มี การ สูญเสียหน้าที่ไตไปไปมากกว่าร้อยละ 95 โดยมีอัตราการไหลของเลือดผ่านไต (GFR) < 15 มล/ นาที/1.73ม จึงเกิดการคั่งค้างของเสียเป็นจำนวนมาก ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา จะถึงแก่กรรมในระยะเวลาอันสั้น การรักษาสำหรับไตวายเรื้อรัง ระยะสุดท้ายจะเป็นการรักษาบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งจาก 3 วิธี ได้แก่ 1. การล้างเยื่อบุช่องท้องต่อเนื่อง (continuous ambulatory peritoneal dialysis) 2. การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Chronic hemodialysis) 3. รักษาด้วยการปลูกถ่ายไต (kidney transplantation) ซึ่งเป็นการรักษาที่ดีที่สุด ในประเทศ ไทยมีอัตราการผ่าตัดปลูกถ่ายไตปีละ 300 ราย ทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวและให้คุณภาพชีวิตที่ ดีกว่าการบำบัดทดแทนไตรูปแบบอื่น โดยมีอัตราการอยู่รอดของไตที่ปลูกถ่ายมากกว่าร้อยละ 95 ในช่วงปีแรก
Work Instruction 256 124 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล การผ่าตัดปลกูถ่ายไต (kidney transplantation) การผ่าตัดปลูกถ่ายไต หมายถึง การผ่าตัดนำเอาไตดีๆที่ปกติหนึ่งขางมาผ่าตัดใส่ให้กับผู้ป่วยโรคไตวาย เรื้อรังระยะสุดท้ายโดยที่ไม่จำเป็นตองผ่าตัดนำไตเก่าของผู้ป่วยออก ผู้บริจาคไต (donor) ผู้บริจาคไตสำหรับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตมี 2 ลักษณะคือ ผู้บริจาคไตที่มีชีวิต (living donor)และผู้บริจาคที่เสียชีวิต (cadaveric donor) 1. ผู้บริจาคไตที่มีชีวิต (living donor) หมายถึง ผู้บริจาคที่มีชีวิต สามารถบริจาคไตได้1ข้าง แบ่งเป็น • ผู้บริจาคไตที่มีชีวิต มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับผู้รับบริจาค(living related donor) • ผู้บริจาคไตที่มีชีวิต มีความสัมพันธ์เป็นสามีหรือภรรยากับผู้รับบริจาค(spouse donor) • ผู้บริจาคไตที่มีชีวิตที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับผู้รับบริจาค(living related donor) 2. ผู้บริจาคไตที่เสียชีวิตแล้ว หมายถึง ผู้บริจาคที่เสียชีวิตแล้ว แล้วญาติที่ใกล้ชิดที่สุดแสดงเจตจำนงที่จะ บริจาคอวยัวะหรือไตของผู้ที่เสียชีวิตนั้นๆ ผู้รับไต (recipient) หมายถึง ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดทา้ย ที่ต้องรักษาด้วยการบำบัดทดแทนไต คือ การล้างไต หรือการฟอกเลือด จนกว่าจะได้ไตใหม่จากการปลูกถ่ายไต ความรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดปลกูถ่ายไต การผ่าตัดปลูกถ่ายไต คือ การผ่าตัดไตของผู้บริจาคที่มีชีวิต หรือของผู้บริจาค ที่สมองตายแต่ไตยัง ทำงานเป็นปกติอยู่มาใหแ้ก่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดทา้ยโดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดนำไตเก่าของผู้ป่วยออกเพื่อ ทำหน้าที่ขับของเสียทดแทนไตเดิม ดังนั้น หลังการผ่าตัดปลกูถ่ายไตผู้ป่วยจะมีไตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกหนึ่งอัน
Work Instruction 256 125 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดปลูกถ่ายไต การผ่าตัดปลูกถ่ายไตถือว่าเป็นการรักษาโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่หายขาด แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วย อาจเกิด ภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนี้ 1. ภาวะปฏิเสธไตหรือการสลัดไต สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานยากดภูมิคุ้มกันหลังปลูกถ่ายไต ไม่ สม่ำเสมอซึ่งจะทำให้ไตทำงานได้ลดลง อาจนำไปสู่โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายได้ทำให้ผู้ป่วยต้อง กลับมาล้าง ไตหรือรอผ่าตัดปลูกถ่ายไตอีกครั้ง 2. การติดเชื้อ ผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไตจะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ เนื่องจากต้องรับประทานยากด ภูมิคุ้มกัน 3. อาการไม่พึงประสงค์จากยา ผู้ป่วยบางรายอาจมีผลข้างเคียงของยากดภูมิคุ้มกันอื่นๆ เช่น หน้าบวม น้ำหนักเพิ่มขึ้น เกิดสิว ขนขึ้นตามใบหน้า ต้อกระจก เบาหวาน กระเพาะอาหารอักเสบ ความดันโลหิต สูง และกระดูกพรุน 4. ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ผู้ป่วยที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกันติดต่อกันระยะยาวจะมีความเสี่ยงต่อ การเกิด โรคมะเร็งเพิ่มขึ้นกว่าคนปกติได้ กลุ่มผู้ป่วยที่ใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล ผู้ป่วยหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต (kidney transplantation)ที่มารับการรักษาในหอผู้ป่วยอายุรกรรม บุคลากรที่ใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล พยาบาลวิชาชีพที่ทำหน้าที่ให้การพยาบาลผู้ป่วย หลังการผ่าตัดปลกูถ่ายไตในหอผู้ป่วยอายุรกรรม ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้แนวทางปฏิบัติ 1. พยาบาลวิชาชีพมีความรู้ในการดูแลผู้ป่วยหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และให้ การพยาบาลผู้ป่วยได้ถูกต้องเหมาะสม 2. ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต สำหรับพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วย
Work Instruction 256 126 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล เกณฑ์การประเมิน 1. พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติตามแนวทางการพยาบาลผู้ป่วยหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต มากกว่า ร้อยละ 80 2. ผู้ป่วยหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ได้รับการดูแลตามมาตรฐานมากกว่าร้อยละ 80 แนวทางการปฏิบัติการพยาบาล มีการใช้กระบวนการพยาบาล 5 ขั้นตอน ประกอบด้วย การประเมิน การวินิจฉัยทางการ พยาบาล การ วางแผน การปฏิบัติการพยาบาลและการประเมินผลในการให้การพยาบาลที่ครอบคลุมองค์รวมทั้ง 4 ด้าน ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม จิตวิญญาณ โดยบูรณาการกับข้อมูลสนับสนุนและข้อมูลประเมินภาวะและ/หรือ แบบแผนสุขภาพ เพื่อกำหนดข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลและการนำแนวคิด D-METHOD ในการวางแผน จำหน่าย การให้คำแนะนำเพื่อนำความรู้ ไปดูแลตนเอง
Work Instruction 256 127 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล การพยาบาลผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดไต จะครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการรับผู้ป่วยจากหอ ผู้ป่วยมายังห้อง ผ่าตัดได้รับการพยาบาลขณะอยู่ที่ห้องผ่าตัดทั้ง 3 ระยะ จนกระทั่งผู้ป่วยปลอดภัย สามารถกลับไปรับการดูแล ต่อเนื่องที่หอผู้ป่วยเปลี่ยนอวัยวะได้กระบวนการพยาบาลสำหรับการดูแลผู้ป่วยที่รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตมี ดังต่อไปนี้ การรับ-ส่งผู้ป่วยจากหอผู้ป่วยมาห้องผ่าตัด ในการรับ-ส่ง ผู้ป่วยจากหอผู้ป่วยมายังห้องผ่าตัด พยาบาลห้องผ่าตัดทำหน้าที่ประสานงานกับพยาบาลที่ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนรับ-ส่งผู้ป่วย ของหน่วยพักรอดู อาการก่อนและหลังผ่าตัด เพื่อให้การรับผู้ป่วยเป็นไปอย่างถูกต้อง ถูกคน ถูกสถานที่ การพยาบาลขณะอยู่ในห้องผ่าตัด ในการพยาบาลผู้ป่วยที่มารับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต พยาบาลที่ปฏิบัติงานใน ห้องผ่าตัดต้องมีความรู้เกี่ยวกบัการผ่าตัดนั้น การป้องกันภาวะแทรกซอ้นที่อาจเกิดขึ้นได้จากการผ่าตัด เพื่อให้ ผู้ป่วยปลอดภยัจากภาวะแทรกซ้อนนั้นๆ ตลอดเวลาที่ผู้ป่วยอยู่ในความดูแล ทั้งในระยะผ่าตัด และหลังผ่าตัด จนกระทั่งผู้ป่วยสามารถกลับไปพักฟื้นต่อที่หอผู้ป่วยอย่างปลอดภัย การพยาบาลผู้ป่วยที่มารับการผ่าตัดเป็นการพยาบาลอย่างต่อเนื่อง แบ่งออกเป็น 3 ระยะ • การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อนผ่าตัด (perioperative nursing) เริ่มตั้งแต่ผู้ป่วยมาถึงห้องพักรอดู อาการก่อนผ่าตัด จนกระทั่งผู้ป่วยย้ายเข้าไปในห้องผ่าตัด โดยทั่วไปจะรับผู้ป่วยมาพักรอ ที่ห้องพักรอ ดูอาการก่อนผ่าตัดประมาณ 30 นาที เพื่อประเมินและเตรียมความพร้อมของผู้ป่วยก่อนเข้ารับการ ผ่าตัดปลูกถ่ายไต เนื่องจากการผ่าตัดปลูกถ่ายไตเป็นการผ่าตัดใหญ่ (major surgery) และผู้ป่วยโรคไต วายเรื้อรังส่วนมาก มีโรคร่วมด้วยกันหลายโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ เป็นต้น ผู้ป่วยจะได้รับการฟอกเลือดก่อนเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต เพื่อกำจัดของเสียออกจาก ร่างกาย และรักษาสมดุลของน้ำ และ electrolyte ทีมผ่าตัดจึงต้องมีการประเมิน และเตรียมความ พร้อมของผู้ป่วยในระยะก่อนผ่าตัด เพื่อให้ผู้ป่วยมีความพร้อมที่จะเข้ารับการผ่าตัดทั้งด้านร่างกายและ จิตใจ มีความสุขสบาย ผ่อนคลาย มีความปลอดภัยในระหว่างรอผ่าตัด
Work Instruction 256 128 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล • การพยาบาลผู้ป่วยในระยะผ่าตัด (intraoperative nursing) เริ่มตั้งแต่รับผู้ป่วยจากห้องพักรอดู อาการก่อนผ่าตัด ไปเข้ารับการผ่าตัดในห้องผ่าตัดจนเสร็จผ่าตัด และย้ายออกจากห้องผ่าตัดไปห้องพัก รอดูอาการหลังผ่าตัดเพื่อให้การดูแลหลังผ่าตัดต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดที่ ถูกต้องปลอดภัย จากการผ่าตัด จากภาวะติดเชื้อ ตลอดจนไม่ได้รับอันตรายจากการจัดท่าในการผ่าตัด และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ในขณะผ่าตัด • การพยาบาลผู้ป่วยในระยะหลังผ่าตัดทันที (postoperative nursing)การพยาบาลผู้ป่วยในระยะหลัง ผ่าตัด เริ่มตั้งแต่ผู้ป่วยเสร็จการผ่าตัด ซึ่งจะได้รับการดูแลจากทีมศัลยแพทย์ วิสัญญี และพยาบาลห้อง ผ่าตัด ตั้งแต่อย่ใูนห้องผ่าตัด จนกระทั้งผู้ป่วยตื่นจากดมสลบและสามารถที่จะถอดท่อช่วยหายใจได้ หลังจากนั้นจะย้ายผู้ป่วยออกจากห้องผ่าตัดไปดูแลต่อที่ห้องพักรอดูอาการหลังผ่าตัด พยาบาลห้อง ผ่าตัดจะให้การพยาบาลผู้ป่วยระยะหลังผ่าตัด การพยาบาลผู้ป่วยหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต เมื่อพ้นระยะวิกฤตแล้วนั้นมีความจำเป็นอย่างมาก โดย กิจกรรมที่ผู้ป่วยปฏิบัติอย่างเคร่งคัดเพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน ดังนั้นการพยาบาลผู้ป่วยหลังการปลูก ถ่ายไตนั้น จำเป็นที่จะต้องให้ข้อมูลในการวางแผนจำหน่ายอย่างครอบคลุม ดังนี้
Work Instruction 256 129 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล แนวทางการดูแลตนเองของผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต การดูแลแผลผ่าตัด 1. ตรวจดูบริเวณแผลผ่าตัดทุกวัน เพื่อประเมินภาวะติดเชื้อ เช่น มีอาการบวม แดง ร้อน ตึง มี ของเหลวซึม 2. อย่าดึงแผ่นปิดที่ยึดแผลผ่าตัดออก แผ่นปิดยึดแผลจะหลุดออกเองตามเวลาและไม่ต้องปิดยึดใหม่ เมื่อหลุดออก ชนิดของยาที่ผู้ป่วยได้รับและผลข้างเคียงของยา 1. Cyclosporine ขนขึ้นตามหน้าและตัว เหงือกหนาขึ้น พิษต่อไต ไขมันในเลือดสูง กรดยูริคสูง ความดันโลหิตสูง 2. Prograf พิษต่อไต เบาหวาน มือสั่น ผมร่วง 3. Prednisolone สิว หน้ากางขึ้น น้ำหนักขึ้น แผลในกระเพาะ เบาหวานลงไต โรคตับอักเสบเรื้อรัง 4. ยากดภูมิคุ้มกัน สามารถถูกรบกวนทำให้ระดับยาเปลี่ยนไป เมื่อใช้ร่วมกับยาอื่นหลายชนิด ทำให้ระดับ ยาอาจจะสูงหรือต่ำเกินไป ดังนั้นผู้ป่วยต้องไม่ซื้อยารับประทานเองควรปรึกษาแพทย์โรคไตหรือเภสัชฯ ทุกครั้งก่อนใช้ยาอื่นๆ 5. การเก็บยา ให้วางยาในตำแหน่งที่เห็นชัดเจน หรือใช้กล่องยา หรือใช้การเตือนทางโทรศัพท์หรือการ เก็บบันทึกการกินยา เพื่อป้องกันการลืมรับประทานยา กิจกรรมและการออกกำลังกาย 1) ไม่ควรยกลาก ดึง สิ่งของที่มีน้ำหนักมาก 2) ปรับเพิ่มการทำกิจกรรมต่างๆ ทีละน้อยในระยะ 3 เดือนหลังผ่าตัดจนกระทั่งเข้าสู่กิจกรรมปกติก่อนการ ผ่าตัด ปลูกถ่ายไต a) 1-2 วันหลังผ่าตัด ยืนและเดินรอบเตียงออกกำลังกายได้หรือเดินขึ้น-ลงบันไดได้ถ้าแพทย์อนุญาต b) 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด เดินและเคลื่อนไหวช่วยตัวเอง หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก c) 2-3 สัปดาห์หลังผ่าตัด เดินรอบๆในบริเวณบ้าน ครั้งละ 10-15 นาที วันละ 2-3 เที่ยว
Work Instruction 256 130 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล d) 4 สัปดาห์แรกห้ามขับรถ e) 4-6 สัปดาห์หลังผ่าตัด เดินเร็วๆ จนเหงื่อออกครั้งละ15-30 นาที วันละ 1-2 ครั้ง f) 6 สัปดาห์แรกหลีกเลี่ยงการยกของหนัก 2-7 กิโลกรัม เช่น การอุ้มเด็ก ยกตะกร้า ตัดหญ้า เป็นต้น g) หลัง 8 สัปดาห์หลังผ่าตัด ออกกำลังตามปกติ 3) สามารถขับรถและคาดเข็มขัดนิรภัยได้ เมื่อไม่มีอาการปวดแผลผ่าตัด 4) ควรเริ่มออกกำลังกายภายหลังผ่าตัดไปแล้ว 6 สัปดาห์ โดยเริ่มจากการออกกำลังกายเบาๆ ก่อน 5) หลีกเลี่ยงกีฬาที่ต้องปะทะหรือกีฬาที่อยู่ร่วมกับกลุ่มคนจำนวนมาก 6) หลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณแผลผ่าตัด 7) หลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น หวัด การอยู่ในกลุ่มคนจำนวนมาก และการอยู่กับบุคคลที่มี อาการ ไอ เป็นหวัด หรือมีภาวะติดเชื้อ ถ้าจำเป็นควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ การติดตามประเมินผล 1. นิเทศติดตามโดยพยาบาลผู้รับผิดชอบของหอผู้ป่วย/หน่วยงาน 2. นิเทศติดตามกำกับตัวชี้วัดโดยหัวหน้าหอ และรายงานหัวหน้างาน ทุก 1 เดือน เอกสารอ้างอิง 1. กวิศา บูรณนิธิ. คู่มือปฏิบัติงาน การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตดัปลูกถ่ายไตในผู้บริจาคที่มชีวิต และการดูแลตนเอง หลงัการผ่าตัดปลูกถ่ายไต.กรุงเทพฯ:งานการพยาบาลผ่าตัด ภาควิชาพยาบาลศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล; 2549. 2. ธัญญารัตน์ ธีรพรเลิศ, บรรณาธิการ. ความรู้เรื่องโรคไตสำหรับประชาชน.กรุงเทพฯ : บริษัทเฮลธ์ เวิร์ค จำกัด; 2556.
Work Instruction 256 131 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล เอกสารที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) 1. คู่มือในการรักษาผู้ป่วยหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต 2. แนวทางการรักษาหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต 3. แนวทางการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ประกาศ ณ วันที่ … เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2566 ........................................................... (นางสาวเพ็ญศรี รักษ์วงค์) หัวหน้าพยาบาล
Work Instruction 256 132 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม เอกสารวิธีปฏิบัติงาน WORK INSTRUCTION โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เรื่อง : การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด เอกสารหมายเลข : WI-NUR-D แก้ไขครั้งที่ : 2 วันที่มีผลบังคับใช้ :15 ธันวาคม 2566 จำนวนหน้า : 10 หน้า ผู้จัดทำ ผู้รับผิดชอบ ผู้ทบทวน ผู้อนุมัติ คณะกรรมการทบทวน WI กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล คณะกรรมการทบทวน WI กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล คณะกรรมการทบทวน WI กลุ่มภารกิจด้านการ พยาบาล ลงชื่อ ............................................... (............................) หัวหน้าพยาบาล วันที่ 15 ธันวาคม 2566 วันที่ 15 ธันวาคม 2566 วันที่ 15 ธันวาคม 2566 วันที่ 15 ธันวาคม 2566
Work Instruction 256 133 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล นโยบาย กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา มีนโยบายให้บริการพยาบาลตาม Service plan ในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดมีคุณภาพ ถูกต้องตามมาตรฐานวิชาชีพ ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่าง ถูกต้องเหมาะสม และปลอดภัย วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดตามมาตรฐาน 2. เพื่อเป็นแนวทางพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดตามมาตรฐาน คำจำกัดความ ยาเคมีบําบัดมีบทบาทสําคัญในการรักษาโรคมะเร็ง มีฤทธิ์ในการยับยั้งการสร้างโปรตีน และการแบ่งตัว ในวงจรชีวิตของเซลล์มะเร็ง วิธีการให้ยามีหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เป็นการให้ทางหลอดเลือดดํา โดยมีการ คํานวณปริมาณยาจากพื้นที่ผิวของร่างกาย ผลข้างเคียงของยาจะแตกต่างกันไปตามสูตรของยา ขนาดของยาที่ ได้รับ วิธีการบริหารยา และสภาวะของผู้ป่วยก่อนที่จะได้รับยาเคมีบําบัด นอกจากนี้ยังมีผลต่อเซลล์ปกติที่ แบ่งตัวเร็วในร่างกายด้วย อย่างไรก็ตามอาการข้างเคียงเหล่านี้สามารถป้องกันหรือบรรเทาอาการได้ พยาบาลจึง มีบทบาทสําคัญในการดูแลผู้ป่วยให้มีความปลอดภัย ตั้งแต่ระยะก่อนให้ยา การบริหารยา การจัดการเมื่อเกิด ภาวะฉุกเฉิน การดูแลบรรเทาอาการข้างเคียงที่เกิดภายหลังการรับยา และการให้คําแนะนําเพื่อให้ผู้ป่วยและ ครอบครัวสามารถดูแลตนเองในระหว่างการรักษาได้อย่างถูกต้อง สูตรยาเคมีบําบัดที่นํามาใช้ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งนั้นอาจจะประกอบไปด้วยยาชนิดเดียวหรือหลาย ชนิด การใช้ยาหลายชนิดร่วมกันก็จะมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ยาเพียงชนิดเดียว การเลือกใช้ยาเคมีบําบัดที่ ถูกต้องทั้งชนิด ปริมาณและระยะเวลาการให้ยา มีความสําคัญต่อประสิทธิผลของการรักษาโรคมะเร็งเป็นอย่าง มาก เนื่องจากยาเคมีบําบัดจัดเป็นยาอันตราย การได้รับยาในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดอาการ ข้างเคียงที่รุนแรง แต่หากได้รับยาในปริมาณที่น้อยเกินไปก็อาจไม่สามารถทําลายเซลล์มะเร็งได้ ในการเลือกสูตร ยาเคมีบําบัด แพทย์จะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ชนิดของมะเร็ง ระยะของมะเร็ง อายุ ภาวะสุขภาพของ ผู้ป่วย โรคประจําตัว ประวัติการรักษามะเร็งในอดีต ผลข้างเคียงการออกฤทธิ์เสริมหรือต้านฤทธิ์ระหว่าง
Work Instruction 256 134 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล ยาเคมีบําบัดเมื่อใช้หลายชนิดร่วมกันเมื่อเกิดอาการแทรกซ้อนหากผู้ป่วยไม่ได้รับการประเมินและ จัดการที่ถูกต้องเหมาะสมรวดเร็วอาจส่งผลให้เกิดความรุนแรงและอันตรายได้ พยาบาลที่ดูแลควรประเมินปัจจัย เสี่ยงก่อนการบริหารยาและควรเฝ้าติดตามอาการหลังให้ยาเพื่อลดอาการแพ้อย่างรุนแรงที่อาจช่วยชีวิตผู้ป่วยไม่ ทันเวลาหากมีการเฝ้าระวังขณะที่ผู้ป่วยได้รับยาเคมีบําบัดอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอและแก้ไขอย่างรวดเร็ว เหมาะสมเมื่อเกิด HSRs จะช่วยลดผลกระทบการเกิด HSRsชนิดรุนแรงได้ ดังนั้นผู้ป่วยมะเร็งที่เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบําบัด จะต้องได้รับการดูแลวิธีในการบริหารยาเคมีแต่ละ ชนิดอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น หรือลดผลข้างเคียงให้เหลือน้อยที่สุด และเป็นผลดีต่อ การรักษาต่อไป กลุ่มผู้ป่วยที่ใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล ผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ที่มารับการรักษาในหอผู้ป่วย บุคลากรที่ใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล พยาบาลวิชาชีพที่ทำหน้าที่ให้การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดในหอผู้ป่วยอายุรกรรม ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้แนวทางปฏิบัติ 1.พยาบาลวิชาชีพมีความรู้ในการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดป้องกันภาวะแทรกซ้อน และให้การพยาบาล ผู้ป่วยได้ถูกต้องเหมาะสม 2.ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด สำหรับพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานใน หอผู้ป่วย เกณฑ์การประเมิน 1.พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติตามแนวทางการพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดมากกว่าร้อยละ 80 2.ผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดได้รับการดูแลตามมาตรฐานมากกว่าร้อยละ 80
Work Instruction 256 135 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล แนวทางการปฏิบัติการพยาบาล สําหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการบําบัดรักษาด้วยยาเคมีบําบัด โดยให้การพยาบาลก่อน ระหว่างและหลังให้ยาเคมี บําบัด ดังนี้ 1. เตรียมความพร้อมของผู้ป่วยและญาติก่อนได้รับยาเคมีบําบัด 1.1. ประเมินความพร้อมด้านจิตใจเกี่ยวกับการรับรู้การเจ็บป่วยแผนการรักษาเป้าหมาย เพื่อให้ผู้ป่วย ยอมรับการเจ็บป่วย และแผนการรักษาด้วยยาเคมีบําบัด ผลข้างเคียง การบรรเทาอาการข้างเคียง รวมทั้งเจตคติและความคาดหวังต่อโรค การเจ็บป่วยและการรักษาพยาบาล 1.2. ประเมินความพร้อมด้านร่างกายของผู้ป่วยเกี่ยวกับ - ความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจําวัน - การทําหน้าที่ของอวัยวะจากผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ (CBC, LFT, Cr,BUN, EKG, CXR) 1.3. ประเมินการปรับตัวทางสังคม โดยการประเมินสถานภาพ และ บทบาท หน้าที่ความรับผิดชอบของ ผู้ป่วยทั้งในครอบครัว หน้าที่การงานทางสังคม 1.4. กําหนดเป้าหมาย วางแผน และปฏิบัติการพยาบาล ประเมินผลเกี่ยวกับ - การรับรู้ ยอมรับการรักษาด้วยยาเคมีบําบัด และการเผชิญ ผลข้างเคียงอย่างมั่นใจ - การเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงพร้อมรับยาเคมีบําบัด - การวางแผนการปรับตัวในการดําเนินชีวิตประจําวัน และการประกอบอาชีพในระหว่างที่ได้รับยา เคมีบําบัด - การวางแผนการดูแลสุขภาพตนเองในระหว่างการได้รับยาเคมีบําบัด
Work Instruction 256 136 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 2. การพยาบาลระหว่างให้เคมีบําบัด ร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ บริหารจัดการความปลอดภัย โดย 2.1. กําหนดระบบการตรวจสอบความถูกต้องก่อนบริหารยา - การสั่งการรักษา - การตรวจสอบชื่อ-สกุลและเลขประจําตัวผู้ป่วย - ขนาดยา (คํานวณจากสูตร)/ ชนิด - ขั้นตอนการบริหารยา (รับแผนการรักษา เตรียมยา การบริหารยา) และการตรวจสอบซ้ำ 2.2. กําหนดระบบการจัดการรักษาความปลอดภัยระหว่างการเตรียมยาเคมีบําบัด - ความปลอดภัยสําหรับผู้เตรียมยาทุกชนิด - ความปลอดภัยระหว่างการบริหารยา - การกําจัดวัสดุและสิ่งปนเปื้อนยาเคมีบําบัด 2.3. กําหนดแนวทางปฏิบัติในการบําบัดอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น ขณะผู้ป่วยได้รับยาเคมีบําบัด ที่ สําคัญคือ Hypersensitivity reaction (ปฏิกิริยาแพ้ที่เกิดขึ้นได้ทันทีหลังได้รับยา) 3. การพยาบาลหลังให้เคมีบําบัด 3.1. กําหนดแนวทางการดูแลช่วยเหลืออาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นภายหลัง ได้รับยาเคมีบําบัดและการ ช่วยเหลือการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง ภาพลักษณ์และภาวะแทรกซ้อน - Myelosuppression ( Neutropenia - Anemia / Fatigue - Nausea / Vomiting / Diarrhea - Anorexia / Constipation / Alopecia / Stomatitis 3.2. การฟื้นฟูสภาพและเตรียมจําหน่ายผู้ป่วย - กําหนดเป้าหมายระยะยาว (ภาพภาวะสุขภาพของผู้ป่วยเมื่อจําหน่าย) - วางแผนการดูแลรักษาต่อเนื่อง - ประเมินความต้องการของญาติผู้ดูแล
Work Instruction 256 137 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล - วางแผนการฟื้นฟูสภาพร่างกายต่อเนื่อง การรับประทานอาหาร การออกกําลัง - กาย การพักผ่อนนอนหลับ การขับถ่าย การผ่อนคลายความเครียด - วางแผนการจัดการอาการรบกวน และป้องกันภาวะแทรกซ้อน - วางแผนบําบัด ฟื้นฟูจิตใจ อารมณ์สังคม การบริหารยาเคมีชนิดรับประทาน การบริหารยาเคมีบําบัดทางPeripheral line and Port-A-cath แนวปฏิบัติการพยาบาลบริหารยาเคมีบําบัดชนิดรับประทาน 1. ประเมินความรู้ความเข้าใจผู้ป่วยและญาติเมื่อได้รับยาเคมีบําบัดชนิดรับประทาน 2. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาเคมีบําบัดชนิดรับประทานแก่ญาติและผู้ป่วย 3. ให้คําแนะนําเกี่ยวกับยาเคมีบําบัดชนิดรับประทานแก่ญาติและผู้ป่วย - รับประทานยาในเวลาเดิมทุกวัน - ล้างมือด้วยนําสะอาดและสบู่ก่อนและหลังสัมผัสยาทุกครั้ง - ขนาดและจํานวนเม็ดยาที่ผู้ป่วยแต่ละคนจะได้รับไม่เท่ากันแพทย์จะเป็นผู้คำนวณขนาดยาให้เหมาะสม ควรใช้ยาตามคําสั่งแพทย์หรือตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากอย่างเคร่งครัด ห้ามเพิ่ม ลดขนาดยา หรือหยุด รับประทานยาเอง โดยไม่ได้รับคําสั่งจากแพทย์ - ถ้าเป็นยาที่ต้องรับประทานเมื่อท้องว่างให้ รับประทานก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงหรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง หรือก่อนนอน - ถ้าเป็นยาที่ต้องรับประทานหลังอาหาร ให้รับประทานยาภายใน 30 นาทีหลังรับประทานอาหาร ยาบาง ชนิดไม่ควรรับประทานพร้อมผลไม้หรือน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ( มีกรดอะเซติก ) - ให้กลืนยาทั้งเม็ด ห้ามบด หัก หรือเคี้ยวยา
Work Instruction 256 138 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล - หากรับประทานยา ไม่เกิน 30 นาทีแล้วมีอาเจียน โดยพบว่ามียาปนออกมากับอาเจียน ให้รับประทานยา ซ้ำในขนาดเดิม แต่ถ้าอาเจียนหลังจากรับประทานยาไปแล้วมากกว่า 30 นาที และไม่พบว่ามีเม็ดยาปน ออกมากับอาเจียนด้วยห้ามรับประทานยาเพิ่มหรือซ้ำเอง - หากลืมรับประทานยาให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าลืมมากกว่า 6 ชั่วโมง ให้เว้นการรับประทานยามื้อ นั้น แล้วเริ่มรับประทานยามื้อต่อไปในเวลาเดิม 4. อาการผิดปกติที่ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบระหว่างได้รับยาเคมีชนิดรับประทาน - มีภาวะติดเชื้อ เช่น ไข้สูง หนาวสั่นเจ็บคอ เสมหะสีเขียว ปัสสาวะแสบขัดหรือมเลือดปน - มีภาวะเลือดออกง่าย เช่น มีจุดจ้ำเลือดตามตัว ปัสสาวะ อุจจาระปนเลือด และมีเลือดออกตามไรฟัน - อาการแพ้ยา เช่น หายใจไม่สะดวกแน่นหนาอก หัวใจเต้นเร็ว บวมตามร่างกายหรือมีผื่น แนวปฏิบัติการพยาบาลบริหารยาเคมีบําบัดทาง Peripheral line ประเมินและเปิดเส้นทาง Peripheral line 1. เลือกหลอดเลือดบริเวณแขน หลอดเลือดเรียบตรง ยืดหยุ่นดีหลีกเลี่ยง หลอดเลือดที่เปราะหรือแตกง่าย บริเวณที่ให้สารน้ำต้องไม่บวมแดง 2. ถ้ายาเคมีบําบัดเป็นยากลุ่ม vesicant (สารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ถ้าออกนอกหลอดเลือดดําทําให้ เกิดเนื้อตาย) ให้หลีกเลี่ยงหลอดเลือดดํา บริเวณข้อมือ หลังมือ ปุ่มกระดูก บริเวณที่มีเส้นเอ็นหรือ เส้นประสาท ควรเลือกบริหารยากลุ่ม vesicant ก่อน เพราะหลอดเลือด ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ดี 3. ห้ามบริหารยากลุ่ม vesicant เข้าชั้นใต้ผิวหนังเด็ดขาด 4. บริหารยาเคมีบําบัดทางหลอดเลือดดําด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ 5. ระมัดระวังการกระเด็น / หยดของยาเคมีบําบัดขณะเปลี่ยนยา เคมีบําบัด 6. ไม่บีบสาย Extension tube /set IVF เพื่อดูว่าเลือดไหลย้อนดี หรือไม่ ขณะให้ยาเคมีบําบัด
Work Instruction 256 139 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 7. กรณีที่ผู้ป่วยต้องการไปห้องน้ำควรปิดยาเคมีบําบัดและเปิด side line (on 0.9 NSS) แทนทุกครั้ง เมื่อ ผู้ป่วยกลับมาที่เตียง ต้องตรวจดูว่าเข็มยาอยู่ในหลอดเลือดจึงสามารถบริหารยาต่อได้เพื่อป้องกันการรั่ว ของยาออกนอกเลือด(Extravasation) 8. ต้องดูแลผู้ป่วยใกล้ชิดในขณะที่ผู้ป่วยได้รับยากลุ่ม vesicant หรือยาที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิด Hypersensitivity reaction (HSRs) 9. ระหว่างให้ยาเคมีบําบัดแต่ละชนิดให้ Flush NSS อย่างน้อย 20 ml ในผู้ใหญ่ ( Navelbine ใช้ NSS 200 ml ) 10. การขยายหลอดเลือดดําควรใช้วิธีการประคบร้อน เช่นกระเป๋าไฟฟ้า Hot pack 11. หลีกเลี่ยงการวัดความดันโลหิตในแขนข้างที่ให้ยาเคมีบําบัด และในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดต่อม น้ำเหลืองที่รักแร้หรือผู้ป่วยที่มีแขนบวม 12. ถ้ามีการให้ยามากกว่า 1 ชนิดให้ยาเคมีบําบัดที่เป็น cell phase –Non specific ก่อนยากลุ่ม cell cyclephasespecific หรือตามแผนการรักษาของแพทย์และถ้าเป็นยากลุ่ม Non-specific ด้วยกัน ให้ยา กลุ่ม Vesicant ก่อน 13. บริหารยาเคมีบําบัดตามหลักSAS : Saline : drug : Saline - S = Saline - A = Administration of drug - S = Saline 14. ยาเคมีบําบัดใช้ 5% D/W ในการเปิด IV line หรือFlush - Oxaliplatin , Eloxatin, Caelyx,Lipo-Doxorubicin - Carboplatin ควรใช้ 5/D/Wนอกนั้นใช้ 0.9 NSS
Work Instruction 256 140 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล ภาวะแทรกซ้อน - Phlebitis ให้หลีกเลี่ยงเปิดเส้นเลือดที่ขา (blood flow ช้า) หรือเปิดเส้นผ่านข้อต่อ สาเหตุอื่นๆ เช่น IV KCl, IV ATB (vancomycin, erythromycin), cytotoxic CMT, phenytoin, hyperosmolar solution (เช่น 50%glucose) - Infection พบประมาณ 0.5% ส่วนใหญ่เป็น selflimited cellulitis โดยปกติแนะนําให้เปลี่ยน ตําแหน่ง IV ทุก 72 ชั่วโมง ที่พบได้น้อยมาก คือ suppurative thrombophlebitis มักเป็นที่ขา อาจเกิดหลังเอา catheter ออก 2-10 วัน รักษาโดยทํา surgicalexcision - Bruising พบได้บ่อย การงอข้อศอกหลังเจาะเลือดไม่ช่วยป้องกัน bruise ที่ antecubital fossa แต่ ให้ทํา directpressure ทันทีหลัง decannulation จะป้องกันได้ - Extravasation จะเกิดปัญหาถ้าเป็น hypertonic substance, vasopressors หรือ CMT จะมี อาการปวดหรือ alarm จากเครื่อง infusion pump ถ้าเป็น vasopressor extravasation ให้ฉีด phentolamine 5 mg (dilute saline เท่าตัว) ฉีดด้วย 25- หรือ 27-gauge needle (ถ้าบริเวณกว้าง ใช้ 2 vial ฉีดห่างกัน 10 นาที) และฉีด 1 ml ผ่านทาง catheter ก่อนเอา catheter ออก - Thrombosis ให้ลองดูดดูก่อน ถ้าได้เลือดให้ดูดทิ้งแล้ว flush saline หลังจากนั้นสามารถ infusion ต่อได้ แต่ถ้าไม่ได้เลือด ให้ลอง flush saline 2-3 mL ถ้ามีแรงต้านให้หยุด flush แล้วเปลี่ยนตําแหน่ง IV ใหม่ - Air embolism ระวังไม่ให้มี air ใน IV tubing ถ้ามีให้เคาะพร้อมกับดึงสายให้ตึงให้ air ลอยขึ้น ด้านบน หรือดูดออกโดยตรงถ้าอยู่ที่ Y-connector - Nerve damage
Work Instruction 256 141 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล แนวปฏิบัติการพยาบาลบริหารยาเคมีบําบัดทาง Port A Cath ชนิดของสายสวนหลอดเลือดดําส่วนกลาง 1. Totally implanted divested หรือ Ports ฝั่งอุปกรณ์ทั้งหมดเข้าไปในร่างกาย 2. Partially implanted devices: PIDs ฝั่งอุปกรณ์บางส่วนเข้าไปในร่างกาย 3. ตําแหน่งการใส่ Port A Cath สายจะสอดใส่เข้าหลอดเลือดดํา Cephalic vein , Jugular vein หรือ Subclavian vein จนถึง Superior vena cava 4. เข็มสําหรับแทง port 5. การทําหัตถการทาง Port A Cath - การ Flush Port A Cath - การบริหารยาเคมีบําบัด (INTRAVENOUS PUSH) เข้าทางPort A Cath - การเก็บเลือดเพื่อส่งตรวจ (BLOOD SAMPLING) 6.การบริหารยาเคมีบําบัดทาง Port A Cath โดยSASH method 6.1 Test Port A Cath ว่าใช้งานได้หรือไม่ 6.2 Saline : ก่อนบริหารยาให้ฉีด saline ก่อน 6.3 Administer the drug บริหารยาตาม order 6.4 Saline : flush ด้วย saline เพื่อป้องกันการเกิดตะกอนจากการทําปฏิกิริยากับ heparin 6.5 Heparin: heparin lock (100 unit/ ml) เพื่อป้องกันการแข็งตัวของเลือดซึ่งจะทําให้สายอุด ตัน 7.การพยาบาลผู้ป่วยที่ใส่ Port A Cath 7.1 ใช้หลัก Aseptic technique ทุกขั้นตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในขณะแทงเข็ม เพราะเป็นทาง ที่จะนําเชื้อโรคเข้าไปได้ 7.2 ใช้เข็มชนิดที่มีExtension set ต่อเข้ากับ Syringe และ Clamp เวลาเปลี่ยน Syringe หลายชนิด จะช่วยป้องกัน Air embolism ได้ดีขึ้น
Work Instruction 256 142 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 7.3 การเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่นการอุดตันจากลิ่มเลือดหรือตะกอนของยา หรือสารน้ำ ที่เข้ากันไม่ได้ - หมั่นตรวจดูบริเวณ Port A Cath และรอบๆ ว่ามี บวม แดง ปวด และการขยายของ หลอดเลือดฝอยรอบๆ Port A Cath หรือไม่ - ถ้ามีไข้ ให้รายงานแพทย์ เพราะอาจเกิดจากการติดเชื้อ หรือถูกต่อต้านจากเนื้อเยื่อใน ร่างกาย ซึ่งในกรณีนี้แพทย์จะให้ผ่าตัดเอา Port A Cath ออก - แขนบวม แดง อาจเกิดจากภาวะ Thrombosis 7.4 การเปลี่ยน IV set ต่างๆ - เปลี่ยนสาย I.V. ทุก 48-72 ชั่วโมง - เปลี่ยนสาย I.V. สําหรับ TPN ทุก 24ชั่วโมง - Blood set ควรเอาออกทันทีเมื่อให้เสร็จแล้ว - STERILE-CAP ควรเปลี่ยนทุก 48ชั่วโมง - เข็ม HUBER POINT ชนิด ที่ไม่มีExtension set ห้ามคาเข็มโดยให้หัวเข็ม เปิดโล่งสัมผัส อากาศ ส่วนเข็มชนิดที่มีExtension set ให้ปิด Clamp ไว้ เปลี่ยนแผล และเข็มทุก 7 วัน มักจะเปลี่ยนพร้อมๆ กัน เว้นเสียแต่ว่าบริเวณตำแหน่งPort A Cath หลวมหลุด ซึ่งอาจทําให้ เข็มเคลื่อนออกมาเกิดลิ้มเลือดบริเวณปลายเข็มได้ ให้เปลี่ยนได้ตามจําเป็น 7.5 ควรเปลี่ยนบริเวณที่แทงเข็มบน Port A Cath อย่าแทงซ้ำจุดเดียวกันบ่อยๆ 7.6 ควรใช้ Syringe ขนาด 10 CC ขึ้นไปเพื่อช่วยลดแรงดันต่อ CATHETER เพราะแรงดันที่สูง มากๆ อาจทําให้ CATHETER แตกได้ 7.7 ไม่ปล่อยให้ยา หรือสารน้ําหยุดนานเกินไป การ FLUSH ด้วย HEPARIN ตามอัตราส่วนและ จํานวนอย่างถูกวิธี
Work Instruction 256 143 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล 7.8 ใช้ INFUSION PUMP หากต้องการควบคุมอัตราการหยดของยา และสารน้ํา ทั้งนี้ความดัน ต้องไม่เกินกําหนดที่ Port A Cath และCATHETER รับได้ 7.9 ตรวจดู BLOOD RETURN ทุกครั้ง ก่อนให้ยาเคมีบําบัดชนิดที่มีฤทธิ์ทําลายเนื้อเยื่อ (VESICANTS) 7.10 ควรรู้ว่ายา หรือสารละลาย หรือสารน้ำใด ที่เข้ากันไม่ได้ (INCOMPATIBLE) เพราะปัญหา การอุดตันของ Port A Cath ที่มักจะแก้ไขไม่ได้ เกิดจากสาเหตุของตะกอนของสารเหล่านี้ 8.ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อพบว่ายา หรือสารน้ำไม่ไหล อัตราการไหลลดลง ฉีดยา หรือสารน้ำเข้าไม่ได้ ควรปฎิบัติดังนี้ - ถามผู้ป่วยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก่อนมีปัญหา เพื่อหาสาเหตุ - ตรวจสอบอุปกรณ์ในการให้ยา และสารน้ำทั้งหมดว่ามีจุดบกพร่องที่ใด เช่น สายหักงอ ขวดสาร น้ำไม่มีการระบายอากาศ หรือท่อระบายอากาศ อุดตัน - ตรวจดูบริเวณ Port A Cath และรอบๆ ว่ามี บวมแดง หรือมีอาการแน่นอึดอัดหน้าอก หรือไม่ - ตรวจดูตําแหน่งเข็ม ให้แน่ใจว่าปลายเข็มกระทบกับฐาน ของ Port A Cath ห้ามโยกเข็ม การ เคลื่อนของเข็มออกมา เป็นเหตุให้ปลายเข็มอยู่นอก SEPTUM เกิดการย้อนกลับของเลือดมาเข้า PORT และอาจทําให้เกิดการรั่วของยา และสารน้ำออกมาบริเวณ SUBCUTANEOUSTISSUE ได้ การติดตามประเมินผล 1. นิเทศติดตามโดยพยาบาลผู้รับผิดชอบของหอผู้ป่วย/หน่วยงาน 2. นิเทศติดตามกำกับตัวชี้วัดโดยหัวหน้าหอ และรายงานหัวหน้างาน ทุก 1 เดือน
Work Instruction 256 144 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล เอกสารอ้างอิง จารุณี จันท์จารุภรณ์. (ม.ป.ป.).การดูแลผู้ป่วยใส่พอร์ต. เอกสารประกอบการประชุมวิชาการเรื่องExcellence in nursing care for patient receiving chemotherapy: an essentialrole of the 21st century nurses. เจษฎา นพวิญญูวงศ์และ อรปภา ชัยเลิศวาณิช. (2550). การเตรียมยาและการให้ยาเคมีบําบัด. ในอรุณี เจตศรี สุภาพ, สุรพล เวียงนนท์ (บรรณาธิการ ). การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง. (น43-47). ขอนแก่น : โรงพิมพ์คลัง นานาวิทยา. ฐิติพร ปฐมจารุวัฒน์. (2560). การป้องกันและการจัดการกับการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อจากการรั่วของยาหรือสาร น้ำจากการบริหารยาทางหลอดเลือดดํา Prevention and Management ofExtravasation in Infusion Therapy.[ [ฉบับอิเล็กทรอนิกส์].] วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์,37 ( 2 ), 169-181. ชรัสนิกูล ยิ้มบุญณะ, อาภรณ์ กุสุมภ์,จารุณี จันท์จารุภรณ์, มณฑา แท่งทรัพย์เจริญ และ ศิริพรเลาหสุวรรณ พานิช. (2554). ผลของโครงการพัฒนาสมรรถนะการดูแลผู้ป่วยที่ใส่พอร์ตต่อระดับความรู้ทักษะ การ แทงพอร์ตและถอนเข็มออกจากพอร์ต. วารสารพยาบาลศิริราช, 4(2),59-70. โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี. (2558). เอกสาร WI-COP เคมี เรื่องเทคนิคการเลือกเส้นเลือดในการบริหารยา เคมีบําบัด. สมลักษณ์ บุญจันทร์. (2558). การบริหารยาเคมีบําบัดทาง Peripheral vein . ค้นเมื่อ 18 มกราคม2563, จาก www.nurse.kku.ac.th › index.php › download › category การบริหารยาเคมีบําบัดทาง Peripheral vein สัญญา ร้อยสมมุติ. (2556). สรีรวิทยาของหัวใจและการไหลเวียนเลือด เล่มที่ 3 การไหลเวียนเลือดส่วนกาย. ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
Work Instruction 256 145 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้ ..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล เอกสารที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) 1. คู่มือในการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด 2. แนวทางการรักษาในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด 3. แนวทางการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ประกาศ ณ วันที่ … เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2566 ........................................................... (นางสาวเพ็ญศรี รักษ์วงค์) หัวหน้าพยาบาล
Work Instruction 256 146 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม เอกสารวิธีปฏิบัติงาน WORK INSTRUCTION โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เรื่อง : การพยาบาลผู้ป่วยไข้เลือดออก เอกสารหมายเลข : WI-NUR-D แก้ไขครั้งที่ : 2 วันที่มีผลบังคับใช้ :15 ธันวาคม 2566 จำนวนหน้า : 6 หน้า ผู้จัดทำ ผู้รับผิดชอบ ผู้ทบทวน ผู้อนุมัติ คณะกรรมการทบทวน WI กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล คณะกรรมการทบทวน WI กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล คณะกรรมการทบทวน WI กลุ่มภารกิจด้านการ พยาบาล ลงชื่อ ............................................... (............................) หัวหน้าพยาบาล วันที่ 15 ธันวาคม 2566 วันที่ 15 ธันวาคม 2566 วันที่ 15 ธันวาคม 2566 วันที่ 15 ธันวาคม 2566
Work Instruction 256 147 7 กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ MED-D แก้ไขครั้งที่...... วันที่เริ่มใช้..................................... เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ผู้ทบทวน คณะกรรมการทบทวน WI ผู้จัดทำ กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ผู้อนุมัติหัวหน้าพยาบาล นโยบาย กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา มีนโยบายให้บริการพยาบาลตาม Service plan ในผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก มีคุณภาพ ถูกต้องตามมาตรฐานวิชาชีพ ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่าง ถูกต้องเหมาะสม และปลอดภัย วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ตามมาตรฐาน 2. เพื่อเป็นแนวทางพยาบาลการดูแลโรคไข้เลือดออก ตามมาตรฐาน คำจำกัดความ โรคไข้เลือดออก (ไข้ เดงกี(Dengue fever/DF) และไข้ เลือดออกเดงกี(Dengue hemorrhagic fever/DHF))เป็นโรคติดเชื้อเขตร้อน ซ่ึงมีเชื้ออไวรัสเดงกีเป็นตัวก่อโรค (ไวรัสกลุ่ม Flavivirus และFlaviviridae family) มีทั้หมด 4 สายพันธุ์หลักโดยมียุงลาย (Aedes aegypti , albopictus) เป็นพาหะของเชื้อระบาดในเขต ร้อนชื้น โดยระบาดมากตลอดช่วงฤดูฝน อาการหลักๆจะ มีไข้ ปวดศรีษะ ปวดเมื่อยตามตัวและมีผื่นตามมาได้ การรักษาเป็นการรักษาตามอาการร่วมกับการให้สารน้ำเพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำ โรคไข้เลือดออกเดงกีปัจจุบันยัง ไม่มีวัคซีนป้องกัน หรือยาที่ออกฤทธ์ิโดยตรงต่อเชื้อไวรัสเดงกี สำหรับประเทศไทยจดัอยู่ใน endemicity of DF/DHF Category A 2เป็นกลุ่มประเทศที่มีการระบาด ของไข้เลือดออกสูง กล่าวคือไข้เลือดออกเป็นปัญหาใหญ่ในวงการสาธารณสุข ทำให้เกิดการนอนโรงพยาบาล และตายในกลุ่มผู้ป่วยเด็กจำนวนมาก นอกจากนี้พบการระบาดทั้ง 4 สายพันธุ์ในพื้นที่เมืองและแพร่ระบาดไปสู่ พื้นที่ชนบทอีกด้วย อาการแสดง ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสเดงกีหรือไข้เลือดออก ส่วนใหญ่ (80%) จะไม่มีอาการ (asymptomatic) หรือมีเพียง ไข้เดงกีที่ไม่ซับซ้อน จะมีเพียง 5% เท่านั้น ที่จะมีอาการรุนแรง ส่วน Undifferentiated fever (UF) มักพบ