๒. ด้านการเงิน ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ด้านเงินฝาก จ�ำนวน ๓๘,๐๒๒,๔๙ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ ๗.๒๘ ตามการเพิ่มขึ้นของเงินฝากธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. และธนาคารพาณิชย์ ส่วนหนึ่งจากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และที่ส�ำคัญเนื่องจากการเร่งระดมเงินฝาก เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ด้านสินเชื่อ จ�ำนวน ๒๖,๔๗๘.๓๖ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๑๔.๙๕ ตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. ธอส. และธนาคารพาณิชย์ ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ส่วนอัตรา ผลตอบแทนตั๋วเงินคลังและพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๖๙.๔๒ ทางด้านอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจ�ำ ๓ เดือน ของธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกัน ของปีที่แล้วร้อยละ ๖๙.๒๓ ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๑๐.๐๕ เงินฝาก จ�ำแนกเงินฝากแยกตามธนาคาร ดังนี้ - ธนาคารพาณิชย์ เงินฝากจ�ำนวน ๒๒,๙๕๖.๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือน เดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๕.๒๖ - ธ.ก.ส. เงินฝากจ�ำนวน ๖,๗๑๗.๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของ ปีที่แล้วร้อยละ ๑๑.๔๖ - ธนาคารออมสิน เงินฝากจ�ำนวน ๗,๕๒๙๐.๕๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือน เดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๑๓.๘๑ - ธอส. เงินฝากจ�ำนวน ๘๑๙.๙๔ ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ ๑๗.๒๓ สินเชื่อ จ�ำแนกสินเชื่อแยกตามธนาคาร ดังนี้ - ธนาคารพาณิชย์ เงินฝากจ�ำนวน ๑๓,๒๙๑.๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือน เดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๕.๓๔ - ธ.ก.ส. เงินฝากจ�ำนวน ๓,๔๕๐.๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของ ปีที่แล้วร้อยละ ๑๔.๐๓ - ธนาคารออมสิน สินเชื่อจ�ำนวน ๗๖,๓๓๑.๔๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือน เดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๔๖.๖๑ - ธอส. เงินฝากจ�ำนวน ๓,๔๐๕.๙๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของ ปีที่แล้วร้อยละ ๑๐.๘๑ 100 พื้นภูมิเพชรบุรี
๓. การคลัง จ�ำนวนเงินรับ - จ่าย ผ่านส�ำหรับงานคลังจังหวัดเพชรบุรี ประจ�ำปีงบประมาณ ๒๕๕๓ หน่วย : ล้านบาท ประเภท ปีงบประมาณ ๒๕๕๓ เงินรับ (งบประมาณที่ได้รับ) เงินจ่าย (ยอดเบิกจ่าย) งบกลาง เงินรายได้แผ่นดิน ๑,๘๔๒,๖๒๒.๐๐ ๑,๘๔๒,๖๒๒.๐๐ ๖๒,๓๗๘.๐๐ ๒๔๓,๖๒๒.๘๓ (ที่มา : ส�ำนักงานคลังจังหวัดเพชรบุรี) เงินรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากรในจังหวัดเพชรบุรี หน่วย : ล้านบาท ลำดับ ประเภท ปีงบประมาณ ๒๕๕๓ ๑ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ๔๓๒,๐๔๘,๐๗๒.๒๑ ๒ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ๒๗๑,๓๘๓,๔๖๐.๒๔ ๓ ภาษีการค้า ๔,๕๔๕.๔๕ ๔ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ๔๖๕,๐๐๑,๔๕๙.๑๑ ๕ ภาษีธุรกิจเฉพาะ ๗๔,๓๓๘,๙๕๐.๒๔ ๖ ภาษีเดินทาง - ๗ อากรแสตมป์ ๔๕,๑๔๐,๖๗๕.๖๖ ๘ รายได้อื่น ๆ ๑,๒๖๓,๕๖๓.๐๐ (ที่มา : ส�ำนักงานคลังจังหวัดเพชรบุรี) ภูมิประชา 101
จ�ำนวนรายได้จากการเก็บภาษีสรรพสามิต ปีงบประมาณ ๒๕๕๒ - ๒๕๕๓ หน่วย : บาท ประเภทภาษี ปีงบประมาณ ๒๕๕๒ ปีงบประมาณ ๒๕๕๓ (+) เพิ่ม (-) ลด ๑. สุรา (ค่าแสตมป์) ๒๔,๓๓๙,๙๑๕.๓๔ ๒๑,๙๒๐,๑๘๔ -๒,๔๑๙,๗๓๑.๓๔ (ค่าใบอนุญาต) ๗๙๘,๔๒๐.๐๐ ๘๔๖,๑๔๕.๐๐ +๔๗,๗๒๕.๐๐ ๒. ยาสูบ (ค่าใบอนุญาต) ๑๓๐,๒๒๐.๐๐ ๑๔๘,๑๑๐.๐๐ +๑๗,๘๙๐ ๓. ไพ่ (ค่าใบอนุญาต) ๖,๑๖๐.๐๐ ๖,๖๖๐.๐๐ +๕๐๐ ๔. เครื่องดื่ม ๑,๖๔๔,๓๘๙.๙๖ ๒,๑๐๔,๐๖๐.๓๑ +๔๕๙,๖๗๐.๓๕ ๕. เครื่องไฟฟ้า - - - ๖. รถยนต์ ๔๒,๑๘๓.๖๕ ๑๒,๗๕๘.๐๐ -๒๙,๔๒๔.๖๖ ๗. รถจักรยานยนต์ ๓๓๗,๒๕๘.๐๐ ๓๗๑,๐๗๙.๙๙ +๓๓,๘๒๑.๙๙ ๘. เรือ - - - ๙. ผลิตภัณฑ์เครื่องหอม และเครื่องสำอาง- - - ๑๐. แบตเตอรี่ - - - ๑๑. สนามกอล์ฟ ๑๑,๓๒๐,๒๕๑.๙๘ ๑๒,๐๗๓,๐๔๔.๙๘ +๗๕๒,๗๙๓.๐๐ ๑๒. น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ๘๗๖,๙๕๐.๐๐ ๘,๔๐๑,๑๙๗.๓๓ +๗,๕๒๔,๒๔๗.๓๓ ๑๓. อาบ อบ นวด ๕๔๘,๕๐๐.๕๖ ๑๖๖,๔๕๘.๒๔ -๓๘๒,๐๔๒.๓๒ ๑๔. เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ๑๔,๙๘๓.๐๙ ๗๒๒,๘๔๔.๐๔ +๗๐๗,๘๖๐.๙๕ รวม ๔๐,๐๕๙,๒๓๒.๕๘ ๒๕,๐๓๖,๔๒๓.๐๑ -๑๕,๐๒๒,๘๐๐.๕๗ (ที่มา : ส�ำนักงานสรรพสามิตพื้นที่เพชรบุรี) 102 พื้นภูมิเพชรบุรี
๔. สถานธนานุบาล จังหวัดเพชรบุรีมีสถานธนานุบาล ๔ แห่ง ในเขตอ�ำเภอเมือง อ�ำเภอชะอ�ำ และ อ�ำเภอท่ายาง มีผู้เข้ามาใช้บริการในปี ๒๕๕๑ จ�ำนวน ๕๐,๘๕๑ ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จ�ำนวน ๓,๕๑๘ ราย มูลค่าการจ�ำน�ำ ๖๑๑,๒๔๕,๑๕๐ บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๙๙,๑๔๓,๖๐๐ บาท ที่ตั้งสถานธนานุบาลในจังหวัดเพชรบุรี ๑. สถานธนานุบาล เทศบาลเมืองเพชรบุรี ๑ ตั้งอยู่เลขที่ ๓๓ ถนนด�ำเนินเกษม อ�ำเภอเมืองเพชรบุรี โทร. ๐ - ๓๒๔๒ - ๕๔๑๗ ๒. สถานธนานุบาล เทศบาลเมืองเพชรบุรี ๒ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๒๓/๑ ถนนสุรพันธ์ อ�ำเภอเมืองเพชรบุรี โทร. ๐ - ๓๒๔๒ - ๘๒๙๔ ๓. สถานธนานุบาล เทศบาลเมืองชะอ�ำ ถนนนิติธร อ�ำเภอชะอ�ำ โทร. ๐ - ๓๒๔๗ - ๑๒๐๐ ๔. สถานธนานุบาล เทศบาลต�ำบลท่ายาง อ�ำเภอท่ายาง โทร. ๐ - ๓๒๔๒ - ๘๒๙๔ สถิติการจ�ำน�ำและไถ่ถอน ปี ๒๕๕๓ ชื่อสถาน ธนานุบาล มูลค่าจำนำ (บาท) จำนวน ผู้จำนำ (ราย) มูลค่าการไถ่ถอน (บาท) จำนวน ผู้ไถ่ถอน (ราย) ดอกเบี้ย จากรับจำนำ (บาท) กำไรจาก การจำหน่าย ทรัพย์หลุด จำนำ (บาท) - เทศบาลเมืองเพชรบุรี ๑ ๒๘๑,๗๐๙,๖๕๐.๐๐ ๑๗,๐๔๖ ๒๗๔,๖๐๗,๐๕๐.๐๐ ๑๖,๖๕๕ ๘,๗๗๑,๘๙๓.๗๕ ๘๒๙,๔๐๘.๐๐ - เทศบาลเมืองเพชรบุรี ๒ ๑๓๓,๐๗๙,๙๕๐.๐๐ ๘,๗๔๒ ๑๒๔,๑๐๕,๒๕๐.๐๐ ๘,๓๕๐ ๓,๙๗๓,๐๔๓.๕๐ ๔๙๙,๔๑๙.๐๐ - เทศบาลเมืองชะอำ ๒๑๙,๐๕๘,๙๕๐.๐๐ ๑๗,๕๒๒ ๒๐๕,๑๕๗,๙๐๐.๐๐ ๑๖,๘๕๖ ๖,๐๕๗,๑๗๓.๖๕ ๙๙๖,๓๓๕.๐๐ - เทศบาลตำบลท่ายาง ๑๘๘,๖๑๔,๘๐๐.๐๐ ๑๓,๑๔๙ ๑๗๖,๒๓๓,๗๐๐.๐๐ ๑๒,๖๑๐ ๕,๓๐๕,๘๒๑.๐๐ ๕๖๔,๖๔๐.๐๐ รวม ๘๒๒,๔๖๓,๓๕๐.๐๐ ๕๖,๔๕๙ ๗๘๐,๑๐๓,๙๐๐.๐๐ ๕๔,๔๗๑ ๒๔,๑๐๗,๙๓๑.๙๐ ๒,๘๘๙,๘๐๒.๐๐ (ที่มา : สถานธนานุบาลทั้ง ๔ แห่ง) ภูมิประชา 103
๕. การพาณิชย์และการบริการ ๕.๑ การพาณิชย์ จังหวัดเพชรบุรีมีผู้ประกอบการมีจดทะเบียนนิติบุคคลประเภทต่าง ๆ ที่ยังคงด�ำเนินการ อยู่จนถึงสิ้นปี ๒๕๕๓ มีจ�ำนวน ๒๐๐ ราย ทุนจดทะเบียน ๗,๙๔๙.๙๗ ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจ ประเภทขายสินค้า ร้อยละ ๒๗.๕๙ (๕๕๒ ราย) รองลงมาการก่อสร้าง ร้อยละ ๒๒.๑๕ (๔๔๓ ราย) และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ ๒๑.๕๙ (๔๓๒ ราย) โดยในปี ๒๕๕๓ มีการจดทะเบียน นิติบุคคล รวมทั้งสิ้น ๑๔๙ ราย ลดลงกว่าปีก่อน ๓๒ ราย หรือลดลงร้อยละ ๑๗.๖๖ ทุนจดทะเบียน ๔๑๐.๑๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๑๓๐.๘๗ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๑.๙๑ ธุรกิจที่มี การจดทะเบียนจัดตั้งมากที่สุด ได้แก่ การขายสินค้า รองลงมาคือ การบริการชุมชนส่วนบุคคล และการก่อสร้าง ส�ำหรับนิติบุคคลจดทะเบียนเลิกประกอบการ จ�ำนวน ๗๔ ราย ทุนจดทะเบียน ๒๐๗.๗๔ บาท (ที่มา : ส�ำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดเพชรบุรี) ๕.๒ การบริการ โรงแรมที่พักในจังหวัดเพชรบุรี มีจ�ำนวน ๑๐๐ แห่ง มีมากที่สุดในอ�ำเภอชะอ�ำ ร้อยละ ๕๓ รองลงมา อ�ำเภอเมือง ร้อยละ ๑๙ และอ�ำเภอแก่งกระจาน ร้อยละ ๑๒ ร้านอาหารและภัตตาคารในจังหวัดเพชรบุรี มีทั้งหมด ๘๕ แห่ง มีมากที่สุดใน อ�ำเภอเมือง ร้อยละ ๕๗.๖๕ (๔๙ ราย) รองลงมา อ�ำเภอบ้านแหลม ร้อยละ ๑๑.๗๖ (๑๐ ราย) อ�ำเภอเขาย้อย ร้อยละ ๙.๔๑ (๘ ราย) และอ�ำเภอชะอ�ำ ร้อยละ ๘.๒๔ (๗ ราย) ตามล�ำดับ ๖. การสหกรณ์ สหกรณ์การเกษตร ๒๔ แห่ง สมาชิก ๔๓,๒๒๖ คน ทุนด�ำเนินการ ๖๑๕,๗๙๖,๖๕๒.๐๕ บาท สหกรณ์นิคม ๒ แห่ง สมาชิก ๓,๕๙๓ คน ทุนด�ำเนินการ ๔๗,๑๑๒,๗๑๒.๒๐ บาท สหกรณ์ประมง ๒ แห่ง สมาชิก ๔๗๔ คน ทุนด�ำเนินการ ๑๕,๒๙๘,๖๘๗.๑๑ บาท รวมภาคเกษตร ๒๘ แห่ง สมาชิก ๔๗,๒๙๓ คน ทุนด�ำเนินการ ๖,๗๘๒,๐๘๐,๕๑๕.๓๗ บาท สหกรณ์ร้านค้า ๑ แห่ง สมาชิก ๒๑๖ คน ทุนด�ำเนินการ ๒,๐๔๕,๑๐๕.๕๔ บาท สหกรณ์บริการ ๔ แห่ง สมาชิก ๔๘๙ คน ทุนด�ำเนินการ ๔,๙๔๐,๒๖๘.๐๐ บาท สหกรณ์ออมทรัพย์ ๘ แห่ง สมาชิก ๑๔,๐๑๙ คน ทุนด�ำเนินการ ๒,๘๖๖,๐๕๒,๓๒๒.๖๒ บาท สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ๖๐ แห่ง สมาชิก ๑๘๕,๕๕๑ คน ทุนด�ำเนินการ ๔,๓๒๐,๐๐๒,๕๔๗.๒๕ บาท รวมนอกภาคเกษตร ๗๓ แห่ง สมาชิก ๒๐๐,๒๗๕ คน ทุนด�ำเนินการ ๗,๑๙๓,๐๔๐,๒๔๔.๐๙ บาท รวมทั้งสิ้น ๑๐๑ แห่ง สมาชิก ๒๔๗,๕๖๘ คน ทุนด�ำเนินการ ๑๓,๙๗๕,๑๒๐,๗๕๙.๔๖ บาท กลุ่มเกษตรกร ๕๙ แห่ง สมาชิก ๗,๖๑๖ คน ทุนด�ำเนินการ ๒๓,๒๑๑,๓๖๒.๓๑ บาท (ที่มา : ส�ำนักงานสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรีและชมรมเครดิตยูเนี่ยนเพชรบุรี) 104 พื้นภูมิเพชรบุรี
เพชรบุรีเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มีกระบวนการสหกรณ์เข้มแข็งที่สุด มีความเป็น เครือข่ายกันทั้งจังหวัด โดยเฉพาะสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเป็นสหกรณ์ประเภทเดียวที่มีมากที่สุด และมีสมาชิกมากที่สุด ตั้งกระจายอยู่ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ทุกท้องที่อ�ำเภอในจังหวัดเพชรบุรี ท�ำให้ ประชาชนเกือบ ๒๐๐,๐๐๐ คน มีเงินเก็บเงินออม และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต�่ำ สามารถน�ำไปใช้ประกอบอาชีพได้ โดยไม่ต้องพึ่งนายทุนท้องถิ่นเหมือนในอดีต เครือข่ายสหกรณ์ ในจังหวัดเพชรบุรีมีเครือข่ายสหกรณ์ในระดับจังหวัด โดยมีสหกรณ์ทุกประเภทประมาณ ๗๐ แห่ง ร่วมมือกันเป็นเครือข่าย มีการประชุมร่วมกันเดือนละ ๑ ครั้ง นาน ๑๐๕ ครั้ง เพื่อ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการบริหารจัดการร่วมกัน และมีการเชื่อมโยงธุรกิจร่วมกัน ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นสันนิบาตสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี กองทุนหมู่บ้าน ยอดเงินกองทุนหมู่บ้านจ�ำนวน ๑,๑๔๒.๕๐ ล้านบาท ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ โดยมี สินเชื่อกองทุนจ�ำนวน ๑,๙๗๐.๒๐ ล้านบาท และมีเงินกองทุนจ�ำนวน ๑,๑๔๔.๒๐ ล้านบาท ใน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ โดยมีสินเชื่อจ�ำนวน ๑,๙๗๓.๑๐ ล้านบาท โดยมียอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นจาก เดือนเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๑.๐๐ (ที่มา : ส�ำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเพชรบุรี) โครงการธนาคารเพื่อประชาชน ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ อนุมัติเงินกู้ มีการอนุมัติเงินกู้จ�ำนวน ๑๐.๗๙ ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปี ที่แล้วร้อยละ ๓๙.๑๐ เช่นเดียวกับจ�ำนวนรายในการอนุมัติเงินกู้ จ�ำนวน ๒๗๙ ราย ลดลงจาก เดือนเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๓๒.๔๐ เนื่องจากทางธนาคารต้องเร่งอนุมัติเงินกู้ส�ำหรับครู ก่อน ท�ำให้การอนุมัติเงินกู้ตามโครงการธนาคารเพื่อประชาชนลดลง รับช�ำระคืนเงินกู้ ได้รับช�ำระคืนเงินกู้จ�ำนวน ๑๘.๖๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของ ปีที่แล้วร้อยละ ๕๖.๑๙ เช่นเดียวกับจ�ำนวนรายในการรับช�ำระคืนเงินกู้ ๖,๗๑๑ ราย เพิ่มขึ้นจากเดือน เดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๓๔.๖๒ สินค้าหนึ่งต�ำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ สินค้าหนึ่งต�ำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของจังหวัดเพชรบุรี มียอดจ�ำหน่ายรวม ๑๔๘.๔๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๑๓.๗๔ ตามการเพิ่มขึ้นของยอดจ�ำหน่ายผลิตภัณฑ์ หมวดอาหาร และหมวดของใช้ของประดับตกแต่ง โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ ๒๔.๑๐ และ ๗๕.๓๒ ตามล�ำดับ เนื่องจากมีการส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น โดยการน�ำสินค้า ไปจัดแสดงและจ�ำหน่ายในจังหวัดต่าง ๆ ที่มีการจัดงาน OTOP ภูมิประชา 105
ซึ่งยอดจ�ำหน่ายสินค้า OTOP ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ แยกเป็นหมวดได้ ดังนี้ - หมวดอาหาร มียอดจ�ำหน่าย ๙๗.๑๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ ๒๔.๑๐ - หมวดเครื่องดื่ม มียอดจ�ำหน่าย ๕.๕๓ ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ ๔๒.๕๘ - หมวดผ้าและเครื่องแต่งกาย มียอดจ�ำหน่าย ๐.๔๖ ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกัน ของปีที่แล้วร้อยละ ๙๒.๗๗ - หมวดของใช้ของประดับตกแต่ง มียอดจ�ำหน่าย ๓๓.๑๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก เดือนเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๗๕.๓๒ - หมวดสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร มียอดจ�ำหน่าย ๑๒.๑๕ ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกัน ของปีที่แล้วร้อยละ ๒๙.๘๑ ๗. รายได้ รายได้ของประชากรเพชรบุรี/ครอบครัว/เดือนเท่ากับ ๑๗,๔๔๐ บาท อยู่ในล�ำดับที่ ๑๙ ใน ๒๒ จังหวัดภาคกลาง ซึ่งรายได้สูงสุดต่อครอบครัวต่อเดือนในภาคกลาง ได้แก่ จังหวัด พระนครศรีอยุธยาเท่ากับเดือนละ ๒๕,๘๒๐ บาท รองลงมา ได้แก่ จังหวัดอ่างทอง เท่ากับเดือนละ ๒๓,๔๙๕ บาท รายได้สูงสุดของประเทศคือ กรุงเทพมหานคร เท่ากับเดือนละ ๔๒,๓๔๖ บาท ประชากรเพชรบุรีมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี เท่ากับ ๑๒๖,๔๗๒ บาท อยู่ในล�ำดับที่ ๓ ในภาคตะวันตก (ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และสมุทรสงคราม) เป็นล�ำดับที่ ๑๖ ของประเทศ ขณะที่ประชากรของระยองมีรายได้สูงสุดเท่ากับปีละ ๙๒๑,๒๕๑ บาท รองลงมาคือ สมุทรสาคร เท่ากับ ๖๑๑,๖๐๐ บาท ที่เป็นเช่นนี้เพราะประชากรชาวระยอง คนส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม มีรายได้ค่อนข้างสูง ส่วนหนึ่งเป็นชาวสวน เป็นเจ้าของ ที่ดินเอง ส่วนจังหวัดสมุทรสาคร คนส่วนใหญ่ท�ำงานอยู่ภาคอุตสาหกรรมอาหารกระป๋อง จึงมี รายได้สูง 106 พื้นภูมิเพชรบุรี
ตารางเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด และผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวต่อปี ภาคตะวันตก ภาคตะวันตก มูลค่า ผลิตภัณฑ์ มวลรวมจังหวัด (ล้านบาท) ลำดับ จำนวน ประชากร ๒๕๕๑ (คน) ผลิตภัณฑ์ จังหวัด ต่อหัวต่อปี (บาท) ลำดับ ราชบุรี ๑๒๐,๒๐๐ ๑ ๘๓๕,๒๓๑ ๑๔๔,๐๖๒ ๑ กาญจนบุรี ๗๑,๙๖๙ ๒ ๘๓๓,๔๒๓ ๙๑,๖๖๘ ๔ สุพรรณบุรี ๖๔,๔๘๑ ๓ ๘๔๔,๕๙๐ ๗๒,๓๖๙ ๖ ประจวบคีรีขันธ์ ๖๔,๗๕๒ ๔ ๕๐๔,๐๖๓ ๑๓๔,๖๘๒ ๒ เพชรบุรี ๕๘,๐๘๖ ๕ ๔๖๑,๒๓๙ ๑๒๖,๔๗๒ ๓ สมุทรสงคราม ๑๗,๔๒๒ ๖ ๑๙๓,๖๔๗ ๘๒,๓๘๐ ๕ รายได้ : ค่าใช้จ่าย : หนี้สิน ประชากรเพชรบุรีมีรายได้เฉลี่ย/ครอบครัว/เดือน เท่ากับ ๑๗,๔๔๐ บาท แต่มีค่าใช้จ่าย ต่อครอบครัว/เดือน เท่ากับ ๑๔,๕๑๖ บาท และมีหนี้สินเฉลี่ย/ครอบครัว เท่ากับ ๗๐,๒๙๘ บาท ส�ำหรับครอบครัวที่มีอาชีพปฏิบัติงานวิชาชีพ นักวิชาการ นักบริหาร มีรายได้เฉลี่ย ต่อครอบครัว/เดือน เท่ากับ ๓๐,๒๐๙ บาท มีค่าใช้จ่าย/เดือนต่อครอบครัว ๒๓,๑๘๙ บาท และ มีหนี้สินเฉลี่ยครอบครัวละ ๒๐๙,๘๖๐ บาท (ที่มา : การส�ำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ปี ๒๕๕๒ สถิติจังหวัดเพชรบุรี) ที่เป็นเช่นนี้เพราะครอบครัวของคนกลุ่มนี้มีรายได้ค่อนข้างสูง มีศักยภาพในการช�ำระหนี้ จึงสามารถก่อหนี้ได้มาก ส�ำหรับหนี้สินเฉลี่ยแต่ละครอบครัว มีหนี้สินทั้งในระบบและหนี้นอกระบบในสัดส่วน ๙๓ : (๖๕,๓๓๖ : ๔,๙๖๓) วัตถุประสงค์ในการกู้ยืมเงิน ส่วนใหญ่น�ำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการอุปโภค บริโภคอื่น ๆ ใน ครอบครัว แสดงว่าประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ทางเลือกที่มีอยู่เพื่อให้ประชาชน มีหนี้สินลดน้อยลง และต้องน�ำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาสู่การปฏิบัติจริงให้มากที่สุด โดยการลดรายจ่าย สร้างรายได้ ขยัน ประหยัดอย่างสุด ๆ ข้อมูลเชิงประจักษ์ : หนี้สินที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการจัดงานพิธีที่ยิ่งใหญ่เกินฐานะของ ประชาชนเกือบทั้งจังหวัด เช่น การจัดงานบวช งานฌาปนกิจ ภูมิประชา 107
สิ่งน่าเป็นห่วงมากที่สุด หนี้นอกระบบ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยแพงมาก ก�ำลังระบาดเข้าสู่ชุมชน ต่าง ๆ และมีสถาบันหนี้นอกระบบเกิดขึ้นมาก ชาวบ้านเห็นว่าสามารถได้เงินง่าย อันที่จริงหากชาวบ้านมีความรู้ความเข้าใจ มีเหตุผล และมีวินัยด้านการเงิน ปัจจุบันมี สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ซึ่งเป็นสถาบันการเงินและสวัสดิการชุมชนของผู้ด้อยโอกาส ตั้งกระจัดกระจาย ครอบคลุมเกือบทุกหมู่บ้าน ต�ำบล ประชาชนทุกคนสามารถใช้บริการฝากถอนกู้ยืมได้สะดวก และง่าย ไม่จ�ำเป็นต้องพึ่งเงินกู้นอกระบบแต่อย่างใด ๘. โครงสร้างประชากรและการจ้างงาน จังหวัดเพชรบุรีมีประชากร จ�ำนวน ๔๖๔,๐๐๓ คน เป็นชาย ๒๒๔,๘๖๐ คน หญิง ๒๓๙,๑๗๓ คน จ�ำนวนบ้าน ๑๖๗,๖๔๓ หลังคาเรือน จ�ำนวนประชากรจังหวัดเพชรบุรี ปี ๒๕๕๓ อำเภอ ชาย หญิง รวม อำเภอเมืองเพชรบุรี ๔๐,๒๔๘ ๔๔,๔๑๕ ๘๔,๖๖๓ อำเภอเขาย้อย ๑๐,๙๗๐ ๑๑,๕๖๑ ๒๒,๕๓๑ อำเภอหนองหญ้าปล้อง ๗,๖๔๘ ๗,๕๒๕ ๑๕,๑๗๓ อำเภอชะอำ ๑๐,๒๔๗ ๑๐,๕๘๗ ๒๐,๘๓๔ อำเภอท่ายาง ๒๓,๐๑๒ ๒๔,๑๙๑ ๔๗,๒๐๔ อำเภอบ้านลาด ๒๒,๗๒๑ ๒๔,๖๕๖ ๔๗,๓๗๗ อำเภอบ้านแหลม ๑๗,๒๖๐ ๑๘,๑๐๘ ๒๕,๓๖๘ อำเภอแก่งกระจาน ๑๕,๐๐๘ ๑๔,๒๔๒ ๒๙,๒๕๐ รวม ๒๒๔,๘๖๐ ๒๓๙,๑๗๓ ๔๖๔,๐๓๓ (ที่มา : ที่ท�ำการปกครองจังหวัดเพชรบุรี) 108 พื้นภูมิเพชรบุรี
สถานภาพแรงงาน จังหวัดเพชรบุรี ปี ๒๕๕๓ ๑. ประชากรรวม จ�ำนวน ๔๖๔,๐๓๓ คน (๑๐๐%) ๒. ผู้มีอายุต�่ำกว่า ๑๕ ปี จ�ำนวน ๘๕,๓๔๖ คน (๑๘.๓๙%) ๓. ผู้มีอายุ ๑๕ ปีขึ้นไป จ�ำนวน ๓๗๘,๖๘๗ คน (๘๑.๖๑%) ๓.๑ ผู้อยู่ในก�ำลังแรงงาน จ�ำนวน ๒๗๓,๒๓๒ คน (๕๘.๘๘%) - ผู้มีงานท�ำ จ�ำนวน ๒๖๙,๖๕๔ คน (๕๘.๑๑%) - ผู้ว่างงาน จ�ำนวน ๓,๕๗๘ คน (๐.๗๗%) - ก�ำลังแรงงานที่รอฤดูกาล จ�ำนวน ๐ คน (๐.๐๐%) ๓.๒ ผู้ที่ไม่อยู่ในก�ำลังแรงงาน จ�ำนวน ๑๐๕,๔๕๕ คน (๒๒.๗๓%) - ท�ำงานบ้าน จ�ำนวน ๒๙,๘๗๓ คน (๖.๔๔%) - เรียนหนังสือ จ�ำนวน ๒๖,๐๓๙ คน (๕.๖๑%) - อื่น ๆ จ�ำนวน ๔๙,๕๔๓ คน (๑๐.๖๘%) ภูมิประชา 109
ภาษาและวรรณกรรมเพชรบุรี ส่วนน�ำ ในส่วนนี้จะกล่าวประเด็นส�ำคัญ ๒ เรื่องคือ ภาษาถิ่นเพชรบุรี และวรรณกรรมเพชรบุรี ซึ่งในแต่ละเรื่องขอก�ำหนดขอบข่าย ดังนี้ ภาษาถิ่นเพชรบุรี ภาษาของชาวพื้นเมืองเพชรบุรีเป็นภาษาไทยภาคกลาง ส�ำเนียงเหน่อเฉพาะท้องถิ่น (มีใช้อยู่ใน จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ตั้งแต่ อ.หัวหิน - อ.ทับสะแก เพราะเคยอยู่ในเมืองเดียวกันมาก่อนแยกไปตั้งเป็น จังหวัดใหม่ ในสมัยรัชกาลที่ ๖) ส่วนถ้อยค�ำที่ใช้ส่วนใหญ่จะเหมือนกับภาษาไทย ภาคกลางทั่วไป ซึ่งจะไม่กล่าวถึง จะกล่าวเน้นเฉพาะที่ใช้ต่าง หรือแปลกออกไป ซึ่งอาจจ�ำแนกได้เป็น ๒ ประเด็นคือ แปลกทั้งเสียง และความหมาย กับที่เป็น เสียงเดียวกันแต่ความหมายต่างออกไป ซึ่งมีอยู่ไม่มากนัก วรรณกรรมเพชรบุรี คือ หนังสือที่ชาวเพชรบุรีแต่งและหนังสือที่แต่ง เกี่ยวกับเพชรบุรีซึ่งจ�ำแนกออกเป็น ๒ ประเภท คือ วรรณกรรมร้อยแก้ว และ วรรณกรรมร้อยกรอง เน้นเฉพาะที่เป็นวรรณกรรมเก่า (ราวสมัยรัชกาลที่ ๖ แห่งราชจักรีวงศ์ขึ้นไป) เพราะหากจะกล่าวถึงวรรณกรรมร่วมสมัยด้วย หนังสือ เล่มนี้จะใหญ่เกินไป ทั้งไม่อาจจะรวบรวมค้นคว้าได้หมดในระยะเวลาอันจ�ำกัด แต่วรรณกรรมร้อยแก้ว จะกล่าวถึงวรรณกรรมร่วมสมัยบ้างเฉพาะที่เด่น ๆ โดยแบ่งเป็น ๓ ส่วน ดังนี้ 110 พื้นภูมิเพชรบุรี
ส่วนที่ ๑ ภาษาถิ่นเพชรบุรี ภาษาถิ่นเพชรบุรี ในที่นี้มุ่งเฉพาะภาษาของคนพื้นเมืองไทยเจ้าของถิ่น ซึ่งใช้ส�ำเนียงเหน่อเพชรบุรี ยกเว้นไม่กล่าวถึงภาษาของชนกลุ่มน้อย เช่น โซ่ง (ไทยด�ำ, ไทยทรงด�ำ) และกะเหรี่ยง ฯลฯ ซึ่งควรจะกล่าวแยกต่างหากโดยเฉพาะ กล่าวโดยสรุปภาษาถิ่นเพชรบุรี หรือภาษาพื้นเมืองเพชรบุรีมีลักษณะเด่น ๆ ดังนี้ ๑. เสียงพยัญชนะ เหมือนเสียงพยัญชนะไทยภาคกลางทั่วไป เสียง ย และ ญ เหมือนกัน (ไม่ออกเสียง ญ ขึ้นจมูกหรือเป็นเสียงนาสิกเหมือนไทย พื้นเมืองภาคอื่น ๆ) คนชนบทไม่นิยมออกเสียง ร (คงออกเป็นเสียง ล) และ เสียงควบกล�้ำ เช่น กราบเรือ ออกเสียงว่า กาบเลือ, ขวางคลอง ออกเสียง เป็น ฝางคอง และ ขี่เกวียนดีกว่า เป็น ขี่เกียนดีก่า เป็นต้น ทั้งนี้ยกเว้นแต่ผู้มี การศึกษา หรือผู้สนใจเป็นพิเศษจึงจะออกเสียงได้ถูกต้อง แต่ในการสื่อสารด้วย การฟัง - พูด สามารถเข้าใจกันได้ด้วยบริบท ส่วนในภาษาอ่าน - เขียน ส่วนใหญ่ จะเขียนและพิมพ์ถูกต้องตามอักขรวิธี ไม่มีปัญหาด้านการสื่อสาร ๒. เสียงสระ คนพื้นเมืองเพชรบุรีออกเสียงสระไทยได้ครบทุกสระ ทั้งสระเดี่ยวและสระประสม และในวงศัพท์ที่ใช้ก็มีเสียงครบทุกสระในภาษาไทย ๓. เสียงวรรณยุกต์ วรรณยุกต์หรือระดับเสียงในภาษาไทยภาคกลาง หรือภาษาหนังสือมี ๕ ระดับ คือ สามัญ เอก โท ตรี และจัตวา แต่ภาษาถิ่น หรือภาษาพื้นเมืองเพชรบุรีมีวรรณยุกต์ถึง ๗ ระดับ หรือ ๗ เสียง ดังนี้ ๓.๑ เสียงสามัญ เสียงสามัญ เช่น ด�ำ ไป ตี นวล ยอม เพ็ญ เมือง ฯลฯ ออกเสียงเหมือนภาษาภาคกลางทั่วไป (แต่อาจจะเหน่อไปบ้างใน แต่ละท้องถิ่น) ๓.๒ เสียงสามัญเพี้ยน คือ เสียงสามัญบางค�ำมีระดับต�่ำ - สูง ต่างกันไป เช่น มันไปปลูกมัน ลุงนวลหน้านวลเลยวันนี้ ป้าเมืองเข้าเมืองไป ตั้งแต่บ่ายโมง ฯลฯ ค�ำที่คนทั่วไปออกเสียงเหมือนกันแต่คนเพชรบุรีจะออกเสียง ต่างกัน เช่น มัน ที่เป็นสรรพนาม กับ มัน ที่เป็นค�ำนามอยู่ในระดับสามัญ และสามัญเพี้ยน ตามล�ำดับ แต่จะต่างกันอย่างไรต้องฟังจากปากคนเพชรบุรีพูด (ซึ่งในแต่ละท้องถิ่นต่างกันไปได้อีก) ๓.๓ เสียงเอก เหมือนเสียงเอกในภาษาไทยภาคกลาง แต่ส�ำเนียง จะเหน่อไปเล็กน้อย ภูมิประชา 111
๓.๔ เสียงโท เหมือนเสียงโทในภาษาไทยภาคกลาง แต่ส�ำเนียง จะเหน่อไปเล็กน้อย ๓.๕ เสียงตรี เหมือนเสียงตรีในภาษาไทยภาคกลาง แต่ส�ำเนียงจะ เหน่อกว่า ๓.๖ เสียงตรีเพี้ยน เป็นเสียงตรีที่เน้นเสียงสูงไปทางจัตวา แต่ไม่ถึง จัตวา เช่น “พ่อเลี้ยงเราไปกินเลี้ยงบ้านเฮียเลี้ยง” ค�ำตัวหนา (เฮียเลี้ยง) เป็น เสียงตรีเพี้ยน อนึ่ง เสียงสามัญบางค�ำคนเพชรบุรีบางท้องที่ก็ออกเสียงเป็น เสียงตรีเพี้ยนด้วย ในหมู่บ้านที่ผู้เขียนอยู่ คนชื่อนวล คนชื่อเมือง และคนชื่อเรือน มีอยู่ชื่อละ ๒ คน ออกเสียงต่างกัน (แต่เมื่ออยู่โรงเรียนครูออกเสียงเหมือนกัน แต่เพื่อน ๆ เรียกต่างกัน) เด็กที่ไปโรงเรียนเดียวกันจาก ๒ หมู่บ้าน ออกเสียงค�ำว่า “โรงเรียน” ต่างกัน ครูที่อยู่โรงเรียนนี้จะบอกได้ทันทีเมื่อได้ยินนักเรียนออกเสียง ค�ำว่า “โรงเรียน” ว่านักเรียนคนนั้นมาจากหมู่บ้านใด ๓.๗ เสียงจัตวา เหมือนเสียงจัตวาในภาษาไทยภาคกลาง แต่ส�ำเนียง จะเหน่อหรือแปร่งไปบ้าง ๔. ข้อสังเกตเกี่ยวกับระดับเสียง ภาษาพื้นเมืองเพชรบุรีเมื่อเทียบกับ ภาษากลางหรือภาษาหนังสือ ระดับเสียงส่วนใหญ่เป็นไปดังกล่าวในข้อ ๓ แต่มี ค�ำบางค�ำมีระดับเสียง (วรรณยุกต์) แปลกออกไปเป็น ๓ แบบ ดังนี้ ๔.๑ ระดับเสียง (วรรณยุกต์) เดินหน้า ส่วนมากจะเป็นเสียงสามัญ เลื่อนเดินหน้าเป็นเสียงเอก เช่น วน เป็น หว่น เวียน เป็น เหวี่ยน เลือน เป็น เหลื่อน อวน เป็น อ่วน นวม เป็น หน่วม เฮ็ง เป็น เห่ง ซวย เป็น ส่วย ฮวย เป็น ห่วย กุดัง เป็น กุดั่ง มะเกลือ เป็น มะเกลื่อ ฯลฯ 112 พื้นภูมิเพชรบุรี
๔.๒ ระดับเสียง (วรรณยุกต์) ถอยหลัง ส่วนมากจะเป็นเสียงโท ถอยหลังเป็นเสียงเอก เช่น เลื่อน เป็น เหลื่อน เปื้อน เป็น เปื่อน เอื้อน เป็น เอื่อน เสี้ยน เป็น เสี่ยน เลื่อม เป็น เหลื่อม เอื้อม เป็น เอื่อม อ้วน เป็น อ่วน ฯลฯ ให้สังเกตชื่อคนรุ่นเก่าว่าใช้ค�ำเหล่านี้ (ข้อ ๔.๑ - ๔.๒) เป็นชื่ออยู่ จ�ำนวนมาก เช่น หลวงพ่ออ่วน ครูเปื่อน อาจารย์เอื่อน ก�ำนันเสี่ยน พระครูเหลื่อม เป็นต้น ๔.๓ ระดับเสียง (วรรณยุกต์) ข้ามระดับ ค�ำบางค�ำใช้เสียงวรรณยุกต์ (ระดับเสียง) ข้ามระดับเมื่อเทียบกับระดับเสียงของค�ำในภาษากลาง หรือภาษา หนังสือ เช่น อวย เป็น อ๋วย (ถ้าเป็นข้อ ๔.๒ จะเป็นอ่วย) เถ้าแก่ เป็น เถ้าแก๋ เนียง เป็น เนี้ยง (เสียงตรีเพี้ยน) นวล เป็น น้วล (เสียงตรีเพี้ยน) เรียน เป็น เรี้ยน (เสียงตรีเพี้ยน) วอน เป็น ว้อน (เสียงตรีเพี้ยน) กู่ เป็น กู๋ (เสียงเอกเป็นจัตวา) ให้สังเกตว่าชื่อของคนจีนที่เป็นเสียงตรี (หรือตรีรูปโท) เช่น คุ้ย ง้วน ช้วน เชี้ยง ล้ง ล้วน ฯลฯ คนพื้นเมืองเพชรบุรีบางท้องถิ่นออกเสียงเป็น ตรีปกติ แต่คนพื้นเมืองเพชรบุรีบางกลุ่มออกเสียงเป็นเสียงตรีเพี้ยน ภูมิประชา 113
๕. ข้อสังเกตเกี่ยวกับการปฏิเสธ คนเพชรบุรีส่วนใหญ่ปฏิเสธโดยใช้ ค�ำว่า ไม่ ไว้ท้ายหลังค�ำกริยาหรือวิเศษณ์ ต่างจากคนทั่วไปที่ใช้ ไม่ น�ำหน้า โดยจะท�ำค�ำกริยาหรือวิเศษณ์ให้เป็นเสียงตรี และค�ำว่า ไม่ มักจะเหลือแค่หางเสียง เป็น มฺ เช่น กิน ปฏิเสธเป็น กิ๊นไม่ (กิ๊นมฺ) ได้ ปฏิเสธเป็น ได๊ไม่ (ได๊มฺ) รวย ปฏิเสธเป็น ร้วยไม่ (ร้วยมฺ) นั่ง ปฏิเสธเป็น นั้งไม่ (นั้งมฺ) เห็น ปฏิเสธเป็น เฮ้นไม่ (เฮ้นมฺ) เหมือน ปฏิเสธเป็น เมื้อนไม่ (เมื้อนมฺ) แล้ง ปฏิเสธเป็น แล้งไม่ (แล้งมฺ) ฯลฯ บางท่านอธิบายว่าคงจะพูดเต็มเป็น หา...ไม่ เช่น หากินไม่ แต่ตัด ค�ำว่า หา ออกเสียงเหลือแต่ ไม่ โดยคงไว้ท้ายค�ำที่ปฏิเสธ หรือถ้าค�ำกริยามีกรรม ก็น�ำค�ำว่า ไม่ ไว้ท้ายประโยค เช่น ผมได๊กินเหล้าไม่ เป็นต้น ๖. ข้อสังเกตเกี่ยวกับค�ำว่า “หรือ” ค�ำว่า “หรือ” ในภาษาหนังสือ (ที่อาจใช้เสียงสั้นเป็น “รึ”) ที่คนกรุงเทพฯ หรือภาคกลางใช้ในภาษาพูดว่า “เหรอ” คนเพชรบุรีใช้ต่าง ๆ กันไป เช่น หรี่ เหร่ เหรี่ย เหยี่ย เหร่อ เช่น ไม่กินกาแฟหรือ ? เป็น กิ๊นกาแฟไม่เหรี่ย ? ไปจับปลาหรือ ? เป็น ไปจับปลาหรี่ ? ไม่ไปหรือ ? เป็น ไป๊ไม่เหร่ ? ชอบเขานักหรือ ? เป็น ชอบเขานักเหยี่ย ? ได้ที่หนึ่งรึ, ได้ที่หนึ่งเรอะ? เป็น ได้ที่หนึ่งเหร่อ ? ๗. วงศัพท์ หรือภาษาเพชรบุรีโดยเฉพาะ ภาษาเพชรบุรีโดยทั่วไปก็คือ ภาษาไทยภาคกลาง แต่อาจเสียงเพี้ยนไปหรือเหน่อ และห้วนสั้นไปได้ใน บางค�ำ เช่น ขอยืม เป็น ขอยื้ม ขอยิ้ม พรุ่ง (นี้) เป็น พรุ่ง หรือพรุ้ง เมื่อวาน เป็น ว้าน วานซืน เป็น วันซื้น ฯลฯ แต่ก็มีค�ำบางค�ำที่เป็นค�ำเฉพาะ หรือ ค�ำภาษาเพชรบุรีเท่านั้น ค�ำประเภทนี้เท่าที่ส�ำรวจรวบรวมไว้มีประมาณ ๔๐๐ ค�ำ ที่ชาวจังหวัดอื่นอาจไม่เข้าใจความหมาย หรือใช้ในความหมายที่ต่างกัน ในที่นี้ จะขอยกตัวอย่าง ๑๐๘ ค�ำ ดังนี้ 114 พื้นภูมิเพชรบุรี
ตัวอย่างภาษาพื้นเมืองเพชรบุรี ที่ ค�ำ ความหมาย ตัวอย่างการใช้ หมายเหตุ ๑ กระจิว ต้นกระเจียว บ้านเขากระจิว อ.ท่ายาง ๒ กระข่น ขุ่น, เป็นตะกอน น�้ำในโอ่งนี้มีกระข่นมาก ๓ กระติว นกชนิดหนึ่งตัวขนาด นกปรอด ชอบอยู่ในรู ตามคันนา ไม่ท�ำรังอยู่ เด็ก ๆ เอาขนหางวัวท�ำบ่วงดักไว้ ปากรูนกกระติว ๔ กระทอก พูดจาโฮกฮาก, กินอย่าง ตะกรุมตะกราม พูดจาเหมือนหมากระทอกขี้ ๕ กระบอก เที่ยง ผู้ช่วย, ผู้ติดตาม ขอเป็นกระบอกเที่ยงไปด้วยนะ ๖ กรึก มาก อันหนทางไกลกรึกยังลึกซึ้ง ประเดี๋ยวถึงทุ่งแฝกละแวกดง (นิราศเขาลูกช้าง) นิ.เขาลูกช้าง แต่งโดยนายต่วน ชาวเพชรบุรี ในสมัย ร.๕ ๗ กล้วยทอด กล้วยชุบแป้งทอด, กล้วยแขก ขนมถ้วยกล้วยทอดยอดสินค้า ขนมครกหกฝาราคาอัฐ (นิราศเขาลูกช้าง) ๘ กระจ้อน ติดผล, ออกผลใหม่ ๆ ฟักทองกระจ้อนลูกแล้ว ๙ กระเจา ช่อ ออกดอกเป็นกระเจาเลย ๑๐ กระฉุด ใช้เท้าเตะสะดุด ไปเล่นหมานกระฉุดกันเถอะ ๑๑ กระเช่ย โขยก, กะเผลก เห็นเดินขากระเช่ยมา ๓ วันแล้ว ๑๒ กะป้อย กะลาเล็ก ๆ ใช้ตวงของ หรือเป็นภาชนะ หยิบกะป้อยมาให้แม่ที ๑๓ กะปาม เสียหลักหัวคะม�ำไป ข้างหน้า ชนล้มกะปามไปเลย ๑๔ กะพ�่ำ กินอย่างมูมมาม, งับ มันกินอย่างกะพ�่ำเลยแหละ ๑๕ กะยุก ขุด, คุ้ย, รื้อค้น ใช้ ขะยุก, กระยก ก็มี ฝังให้ลึก ๆ นะเดี๋ยวหมาไป กะยุกอีก ๑๖ กะเลิ้ง กระบอกไม้บรรจุน�้ำดื่ม, กระบอกตาลขนาดใหญ่ กระติกแกสู้กะเลิ้งฉันได้ไม่หรอก ภูมิประชา 115
ที่ ค�ำ ความหมาย ตัวอย่างการใช้ หมายเหตุ ๑๗ กะหลิ่น ใหญ่, สัตว์คล้ายกระรอก, กระแต กลไกของ เครื่องดักสัตว์ เช่น แร้ว ขัดกะหลิ่นให้แน่นระวังตัว กะหลิ่นจะมาชนคันแร้วนะ ๑๘ ก�ำหนดกดชา สั่ง, บังคับบัญชา ให้รู้ตัวทั่วไปทั้งไพร่นายต้องเตรียม กายตามก�ำหนดกดชา (นิราศเขาลูกช้าง) ๑๙ กันชา ชิงช้า ผูกกันชาให้เด็กเล่น ๒๐ ก�ำเนิดเกิดชา เกิด รับสังเวยแล้วก็ไปก�ำเนิดเกิดชา เสียเถอะ ค�ำบอกผี ๒๑ กุดั่ง กุดัง, โกดัง เก็บศพเข้ากุดั่งเลยไม่ต้องขุด หลุมฝัง ๒๒ กู๋ กู่ กู๋ให้เข้ารู้ตัวก่อน ๒๓ แก่ พ่อของแม่ (ตา), แก เขา ไปช่วยพ่อแม่แก่หน่อย, ประเดี๋ยวแก่ว่าเอา เป็นได้ทั้งบุรุษ ที่ ๒ และ ๓ ๒๔ แก๋ง ผอม เฮ้! แก๋งจริง กินข้าวให้มาก ๆ ซิ ๒๕ โกกเกก ขรุขระ บ้างก็ปราบปฐพีที่โกกเกก ล่วนพวกเลกคึกคักมากนักหนา (นิราศเขาลูกช้าง) ๒๖ ขอน้อย ง้อ ไม่ขอน้อยฉันก่อน ฉันหาพูดด้วยไม่ ๒๗ ขนวน ไม้กลมยาวที่ใช้คน เคี่ยวน�้ำตาลให้ข้นขึ้น เอาไม้ขนวนคนเข้าไว้ ๒๘ ขนมนมสาว ขนมเทียน ซื้อขนมนมสาว ๑๐ บาทดุ๊ ๒๙ ขนมปุ ขนมถ้วยฟู, ขนมตาล ท�ำขนมปุกินกันดีก่า ๓๐ ขนมร�ำ ขนมโก๋ ขอน�้ำหน่อย ขนมร�ำติดคอ ๓๑ ขอยิ้ม, ขอยื้ม ขอยืม ขอยิ้มก่อน ๒๐ บาทดุ๊ ๓๒ ขาเข้าวง ขาโก่ง ลุงแดงเดินขาเข้าวงแล้ว ๓๓ ขายถ่าน ตาย ตาลุงนั่นไปขายถ่านนานแล้ว ๓๔ ไขว่อีเกก ไขว่ห้าง นั่งไขว้อีเกกอยู่นั่นไง 116 พื้นภูมิเพชรบุรี
ที่ ค�ำ ความหมาย ตัวอย่างการใช้ หมายเหตุ ๓๕ เขล่อว, เขลิ่ว บ้า ๆ บอ ๆ, สติไม่ สมบูรณ์ แต่ไม่ถึงกับบ้า เด็กนั่นมันเขลิ่ว ๆ อยู่นะ ๓๖ ไข่ห่า อาการที่วัวร้องเสียง แหลมอย่างหวาดเสียว เพราะได้กลิ่นซากศพ เฮ้ย! หยุดเกียนก่อนงัวไขห่าแล้ว ๓๗ ขี้ฝน, ขี้ฟ้า, ขี้ลม เมฆ (ภาษาไทยแท้) ฝนน่ากลัวจะตก ขี้ฟ้าเต็มไปหมด ๓๘ ขี้ข้า มาก, เหลือเกิน นาตามีไถยากขี้ข้าเลย ๓๙ ขี้คลัก สกปรก อย่าลงไปในโคลนเลย ขี้คลักทั้งนั้น ๔๐ คลัก มอม, สกปรก แหม! ไปเล่นมาคลักเลย ๔๑ คุณ ตา, ยาย, ใช้น�ำหน้าชื่อพระ หรือญาติที่บวชสึกแล้ว คุณเอาส�ำรับไปวัด จะไปถวาย คุณพ่อเช้า เห็นว่าคุณพี่จะออก จากวัดวันนี้ด้วย ๔๒ คุณชั่ว ค่อยยังชั่ว คุณน้าคุณชั่วแล้ว ๔๓ คุด ถั่วลิสง ฉันท�ำไร่ถั่วคุดไว้ ๓ ไร่ ๔๔ งก ขี้โกรธ, โลภมาก ไปพูดดี ๆ นะเขาเป็นคนงกอยู่ ๔๕ งามกิน, งามใจ ใหญ่, วิเศษ, ถนัด ได้ปลาช่อนมาตัวงามกินเลย ๔๖ โง สะพายโดยใช้เครื่องหลัง โยงเชือกไปคล้องที่หน้าผาก เห็นกะเหรี่ยงโงพริกมาขาย ๔๗ จวน พบกันโดยบังเอิญ แหม! มาจวนกันเข้าได้ ๔๘ จั๋ง ปะทะ, ชน ดูนั่น! จั๋งกันเข้าแล้ว ๔๙ จิ๊ แม่ ไปกับจิ๊ซิดีได้กินขนมบ่อย ๕๐ จิ่งเดือน, จิ้งเดือน ไส้เดือน ขุดจิ่งเดือนไปท�ำเหยื่อตกปลา ๕๑ จิ่งทุย, อี้ทุย แมลงปอ ไปจับแมงจิ่งทุยมาเล่น จิ่งยม, แมง กะขุน,แมงลม ภูมิประชา 117
ที่ ค�ำ ความหมาย ตัวอย่างการใช้ หมายเหตุ ๕๒ จิงหัน, จิงหุน, จิงกะหัน, จิงกะหุน, ดินละหุน ปลวก ไปขุดจิงหุนใส่ตุ้มดักปลาดุก กันดีกว่า ๕๓ จิ่งแว็บ, จิ่งแหว็บ หิ่งห้อย ไปดูแมงจิ่งแหว็บที่บ้านใต้ ๕๔ เจ็ก เจ๊ก, จีน เชื่อขนมเจ็กกินได้เลย ๕๕ เจ้ เจ๊, พี่สาว ไปบ้านเจ้แดงซิ แกมีเงินให้ยืม ๕๖ ฉึ่ง ปะทะกัน ดูนั่น! ฉึ่งกันเข้าแล้ว ๕๗ เฉิก เถิก คนที่หัวเฉิกนั่นแหละ ๕๘ เฉิน ครั้ง, หน โดนเข้ากี่เฉินหละ? ๕๙ เฉียบ เส้นชัย จ�้ำ ๆ เข้า จะถึงเฉียบแล้ว ๖๐ ชม หัวเราะ, ขบขัน ได้ยินเสียงชมกันก๊าก ๆ อยู่ ๖๑ ชั้ว ไมโครโฟน, เสียงไล่ไก่ ฉันชอบพูดชั้วไม่ ๖๒ ช�่ำแช่ ช�ำซ่า, จืดชืด ไม่ได้ความ รสช�่ำแช่ขี้ข้า ๖๓ แช่แรด เถลไถล, ไปไหนนาน มันชอบไปนั่งแช่แรดอยู่ ๖๔ ซูด ดูดกินน�้ำและเนื้อตาล ว้า! นั่งซูดโตนดกันปากคลัก ๖๕ เซิบ ซึมซาบ, ซึมเข้าเนื้อ เดี๋ยวก่อนรอให้ยามันเซิบก่อน ๖๖ เซือย ซึมและเบื่อหน่าย ดูเขาชักจะเซือย ๆ อยู่นะ ๖๗ เฒ่าร้า เสือ, เสือแก่ (สาง) ไปหาเห็ดโคนระวังเฒ่าร้ามั่งเน้อ ๖๘ ด๊อก, ดอกมะเขือ ตุ้มหู แหม! ไปอยู่เมืองพักเดียว เดาะใส่ด๊อกเข้าให้แล้ว ๖๙ ด้อย ด้อม, ย่องสาว มัวแต่ไปด้อยไก่เถื่อนอยู่ ไปด้อยสาวกันดีก่ามั้ง ๗๐ ด�ำตะคือ ด�ำสนิท กลางคืนมองตัวเขาเห็นไม่นะ ด�ำตะคือเลย ๗๑ ดิก หลุกหลิก, มีจริตจะก้าน แม่นั่นเขาดิก ๆ อยู่ ๗๒ ดินละหุน มดละหุน, ปลวก, ปลวกด�ำ เฮ้ย! ดินละหุนขึ้นเรือนแล้ว 118 พื้นภูมิเพชรบุรี
ที่ ค�ำ ความหมาย ตัวอย่างการใช้ หมายเหตุ ๗๓ ดุ อาการที่น�้ำดันขึ้นจากใต้ดิน, คันนาที่มีรูทะลุ แล้วยังมีน�้ำดุออกมา (นิราศเขาลูกช้าง) ๗๔ ดุ๊, ดู๊ ซี, เถอะ, ใช้เป็นค�ำติชม ๑. แต่งตัวดุ๊ จะได้ไป ๒. ลูกกะแหมะใครน่ะตัวดู๊ บางท่านว่าที่ เมืองเพชรเป็น เมืองคนดุ คือ เมืองที่คนชอบ พูด “ดุ๊” ๗๕ เดิก ใหญ่, เดิม เก้งเดิก, ไก่แม่เดิก ๗๖ เดือย งูสองตัวชูคอขึ้นคลอเคลีย กันและผสมพันธุ์กัน หนีเร็ว! งูเดือยกันอยู่นั่น ๗๗ แดะ, แด๋ ดัน, ดัดจริต เกี๊ยวอะไรกับเขาไม่หรอก แดะไปกับเขาส่งไปงั้นเอง ๗๘ ตะเลง ทะลึ่ง, โลน, รั้น เด็กคนนั้นมันตะเลง ๆ อยู่ ๗๙ ตะหัววัน แต่หัววัน, ก่อนค�่ำ เขาไปตะหัววันเลย ๘๐ ตัวแหม็ด ตัวเมีย ออกลูก ๗ ตัว ตัวแหม็ดทั้งนั้น ๘๑ ตามเชิง ไปหาคู่ในฤดูติดสัด เคยเห็นแต่งัวตามเชิง นี่คนจะท�ำตามเชิงมั่งรึไง ๘๒ ตุ้ม เครื่องสานใช้ดักปลา ท�ำด้วยไม้ไผ่ พอลมว่าวมาก็ดักตุ้มกันได้แล้ว ๘๓ ตู่ง การเล่นไล่จับของเด็ก ๆ มาเล่นตู่งกันดีก่า ๘๔ ถาด เสียงบอกวัวให้เลี้ยวขวา เสียงร้องถาดวัวก็มาทางขวามือ (นิราศเขาลูกช้าง) ๘๕ ทอดสมอ วัวตัวผู้ที่ตอนไม่ลง อ้ายแดงหน้าโพนั่นวัวทอดสมอนะ ๘๖ ทิ้งถ่วง หิ่งห้อย ไปดูทิ้งถ่วงที่บ้านแสมชาย ๘๗ ทือ เสียงบอกวัวให้เลี้ยวซ้าย พอเจ้าของร้องทือมาทางซ้าย (นิราศเขาลูกช้าง) ๘๘ เทิก เนิน เดินขึ้นเทิกเหนื่อยหน่อยนะ ๘๙ ไท้ พูดเหน่อแต่พยายามดัด ให้เป็นส�ำเนียงภาคกลาง ไปอยู่กรุงเทพฯ กลับมาพูดไท้ไปเลย ๙๐ นั่น กิริยาต้องห้ามที่เป็นที่รู้กัน ของผู้พูด - ผู้ท�ำ อย่าให้เด็กเข้าไปนะ เขาก�ำลังนั่นกันอยู่ ภูมิประชา 119
ที่ ค�ำ ความหมาย ตัวอย่างการใช้ หมายเหตุ ๙๑ น่ากลัว คง แม่น่ากลัวจะมาทั้นไม่ ๙๒ นางนวล นกในวงศ์นกเอี้ยง มีสีนวล (เป็นนกป่า) นางนวลจับนางนวลนอน (อิเหนา) กวีที่ชม นกนางนวล ชนิด ที่ไม่ใช่นกทะเล ๙๓ น�้ำเต้า ฟักทอง แต่ฟักทองร้องเรียกว่าน�้ำเต้า (นิราศเมืองเพชร) ๙๔ โนเน, โนเน่โนชา เพลงพื้นเมืองชนิดหนึ่ง ปัจจุบันเล่นกันอยู่แถบ อ.ชะอ�ำ เออเหยลอยมา ฉันก็ลอยมานายาง ลุยเลนลุยหลุ่ม หวังมาชมน้องนาง ปรานีพี่บ้าง เถอะนะแม่นางน้องเอย ๙๕ บอม, บ็อม หลุม, แอ่ง ระวังรถจะตกบ็อมเน้อ ๙๖ เบา เยี่ยว, สติไม่ดี คนเบา ๆ สติไม่ดีอย่าไปถือสา ๙๗ ปลูกต้น มะพูด (ส�ำนวน) พูดมาก แม่นั่นปลูกต้นมะพูดทั้งวันแหละ ๙๘ ปะหวะ เลี้ยงวัวแบบมีลูกปันกัน ลูกวัวตัวแรกเป็นของผู้เลี้ยง ตัวต่อไปเป็นของเจ้าของ เราไม่มีเวลาก็ไปฝากเขาเลี้ยง ปะหวะดีก่า ๙๙ ปุ ฟู ขนมปุได้ที่แล้ว ๑๐๐ ไปแรง ไปท�ำงาน, ไปลงแขกท�ำนา โอ้คิดถึงพึ่งบุญท่านขุนแพ่ง ไปนาแรงรับแขกแรกวสันต์ (นิราศเมืองเพชร) ต้นฉบับ ตัวเขียนว่า “ไปนาแรง” แต่โรงพิมพ์ ไม่เข้าใจแก้ว่า “ไปหน้าแล้ง” ๑๐๑ ผกกะได ยกบันไดขึ้น ผกกะไดเสีย เดี๋ยวหมาจะขึ้นเรือน ๑๐๒ ผ�ำ อับ, ใกล้บูด ของที่ผ�ำแล้ว อย่าเอาไปกินเลย ๑๐๓ ผึด ป่อง, พอง นอนพุงผึดอยู่นั่น ๑๐๔ แผ่อีแหล็ด นอนแบอย่างหมดแรง ท�ำงานหน่อยเดียว แผ่อีแหล็ดไปแล้ว ๑๐๕ ฝิง ผิง มานั่งฝิงไฟกันดีก่า ๑๐๖ ฝี่ ซอกเล็ก ๆ ท�ำไมต้องเข้าไปอยู่ในฝี่ล่ะ 120 พื้นภูมิเพชรบุรี
ที่ ค�ำ ความหมาย ตัวอย่างการใช้ หมายเหตุ ๑๐๗ พรรค์ แบบ, พวก ช่างกะไรใจฉันเป็นพรรค์นี้ (นิราศเขาลูกช้าง) ๑๐๘ พรุ้ง พรุ่งนี้ ผมบอกว่าพรุ้งจะส่ง (การบ้าน) ก็ฟังไม่ ศัพทานุกรมภาษาพื้นเมืองเพชรบุรี ก กรม, กรมกรอม ก., ว. ตรม, ตรอม กล้วยทอด น. กล้วยน�้ำว้าชุบแป้งทอด, กล้วยแขก ก่วย ก. เบิกเงินล่วงหน้า เช่น มันก่วยไป ๕๐๐ บาท แต่ยังไม่มาท�ำงานเลย กระจิว น. กระเจียว (คนเพชรบุรีเห็นว่ากระเจียวใกล้เคียงกับค�ำหยาบ) กระช่น, ว. ขุ่น, เป็นตะกอน กระดวน ก. แยง, แทง, ทิ่ม, กระทุ้ง กระดอก ก. ช่วยท�ำงานโดยไม่ติดแรง หรือใช้แรงงานตอบ กระดักกระเดิด ก., ว. ไม่เรียบร้อย, ยุ่งยากใจ, รี ๆ รอ ๆ, ประดักประเดิด กระเดอะ ก. ผลักออกโดยแรงและเร็ว, กระเดิด กระดาษ น. ต้นเฟื่องฟ้า กระแดะ ก., ว. ดัดจริต, สะเออะ, เสือก กระติ๊ด ว. เล็ก, น้อย กระติว น. นกชนิดหนึ่งตัวขนาดนกกรอด ชอบอยู่ในรูตามคันนา หรือคันดิน ไม่ท�ำรังอยู่บนต้นไม้ กะติว ก็ใช้ กระเติก ก. ส่งเสียงบอกให้รู้ กระถบ, กระเถิบ ก. เขยิบ, ขยับไปจากที่ กระถัด ก. อาการของเด็กที่เคลื่อนที่ด้วยการถัด (พัฒนาการต่อจากการนั่ง) กระถุน น. ใต้ถุน กระเถ็ก ก. การกระโดดด้วยขาข้างเดียว กะเถ็ก ก็ใช้ ศัพทานุกรม ภาษาพื้นเมืองเพชรบุรี อักษรย่อที่ใช้ในศัพทานุกรม ก. = กริยา น. = นาม บ. = บุพบท ว. = วิเศษณ์ ส. = สรรพนาม สัน. = สันธาน อุ. = อุทาน นิ. = นิราศ ส�ำ. = ส�ำนวน ภูมิประชา 121
กระเถ็กกระถ้อย ก. เดินอย่างล�ำบาก กระทอก ก. พูดจากระโชกโฮกฮาก, กินอย่างตะกรุมตะกราม กระทาย ก. ร่อนเอาฝุ่นละอองออกจากข้าวเปลือก กระทกให้เสลดเคลื่อนที่ ในล�ำคอ เพื่อพูดให้เสียงชัดเจนขึ้น เรียกว่า กระทายคอ, กระทัยคอ ก็เรียก กระแทะ ก. ใช้ไหล่ชนเบา ๆ เชิงหยอกหรือท้าทาย เป็นค�ำเก่าปรากฏใช้ในวรรณคดี เช่น เป็นไรเป็นกันวันนี้แหละ แกล้งกระแทะเข้าไปเบียดพระโฉมศรี (ลักษณวงศ์) กระนน น. ภาชนะท�ำด้วยกะลาใช้ตวงข้าวสาร (ทะนนที่ไม่มีอัตราการตวงที่แน่นอน) กระบอกเที่ยง น. ผู้ช่วย, ผู้ติดตามมีที่มาจากการขึ้นตาลในตอนเย็นผู้ขึ้นจะใช้ กระบอกตาลขนาดใหญ่ขึ้นไปรอง (เพราะน�้ำตาลไหลทั้งคืน) พอตอนเช้าขึ้นไปเก็บจะใช้กระบอกตาลขนาดเล็กขึ้นไปรองเปลี่ยน จะมาเก็บอีกครั้งในตอนเที่ยงจึงเรียกว่า กระบอกเที่ยง (น�้ำตาล กระบอกเที่ยงจะมีรสดีกว่า) เป็นที่มาของความหมายที่สองเรียก ผู้ช่วย, ผู้ติดตามว่า กระบอกเที่ยง กระเบื้อง น. เรียกร�ำวงรอบหนึ่งว่า กระเบื้อง หนึ่ง กระป๋อง, กระป๋องแหม็ง, กระป๋องแหม่ง น. ถังน�้ำ กระโปรงตาล น. ส่วนยอดของตาลที่ออกเป็นปลี กระพรม ก. ประพรม, พรมด้วยน�้ำ กระพ่น น. ตะกอน เช่น น�้ำกินไม่ได้มีแต่กระพ่นทั้งนั้น กระพ่อง น. ภาชนะที่สานด้วยไม้ไผ่ส�ำหรับใส่หญ้าให้วัว - ควายกิน กระพ้อง ก็เรียก กระหยัก น., ก. รอยหยัก, ขยัก กระแอบ น. แอบ, ภาชนะสานด้วยใบตาลหรือใบมะพร้าว กระอืดกระเอ ว. มากมาย กระเอือก น., ว. คราบไขมันที่จับตามผิวหนังและเสื้อผ้า, สกปรก กระเอื้อย น. อีเห็นชนิดหนึ่ง กราก้น น. ตราก้น, ติดอยู่ที่ก้น มักใช้กับหม้อที่ก้นไหม้จนล้างออกยากว่า กราก้น กรามเตา น. รังผึ้งที่อยู่ในเตาอั้งโล่ กรุ่ม ก., ว. อาการฝนตกน้อยแต่ตกเป็นเวลานาน, อาการที่นก เช่น นกเขา ขันติดต่อกันทั้งวัน กะจ๊วย น. ค�ำเรียกอวัยวะเพศชาย กะเจี๊ยว, กะโจ๊ย, หรือกะเปี๊ยว ก็เรียก กะจ้อน ก. อาการของพืชที่ออกผลเล็ก ๆ เช่น น�้ำเต้านี่กะจ้อนลูกแล้ว กะจี๋, กุ๋ยจี๋ น. นกกางเขน กะเจา น. ช่อ เช่น ออกดอกเป็นกะเจา กะฉุด ก. ใช้เท้าเตะสะดุด กะเช่ย ก. อาการที่ขาเดินลงน�้ำหนักไม้เท่ากัน, เขยก, กะเผลก 122 พื้นภูมิเพชรบุรี
กะเทิ้ง น. กลองยาว กะบาน น. กะบะกาบกล้วยใช้ใส่ของแก้บนผี กะป้อย น. กะลาเล็ก ๆ ใช้ตวงของ หรือเป็นภาชนะ กะปาม ก. เสียหลักหัวคะม�ำไปข้างหน้า กะปิ๊, กะเป๊ะ น. ค�ำเรียกอวัยวะเพศของเด็กหญิง (ด้วยความเอ็นดู) กะแป็ม ก. งอกออกมาเล็กน้อย, แพลม, โผล่ กะโป๋ น. ภาชนะสานเป็นรูปทรงกระบอก หรือสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ส�ำหรับใส่เหยื่อ ตกปลา เช่น เขียด โดยเย็บเป็นถุงผ้าที่ปากเป็นรูปทรงตามภาชนะสาน ใช้เหน็บชายพก กะพ่อง ก็เรียก กะโป้งโล้ง ว. โป้งโล้ง, หลวม, ไม่กะทัดรัด กะเผิก น. ไม้ไผ่ หรือกกที่สานเป็นแผ่น ใช้เป็นฉากกั้น กะแผละ ก. เดินเท้าพลิกปัดไปปัดมา กะพ้อ น. ภาชนะที่ท�ำด้วยไม้ไผ่คล้ายกระบอก แต่มีขนาดเล็กและสั้น กะพ�่ำ ก. กินอย่างมูมมาม, กระทอก, งับ กะมิบ ก. ฉกไว้ตอนเจ้าของเผลอ กะมุบ, กะมุ้ม หรือกะหมิบ ก็ว่า กะยก ก. ขุด, คุ้ย, รื้อค้น กะยุก หรือ ขะยุก ก็ใช้ กะแย่, กะแย้ น. แย้ กะริกกะรี้ ก. เข้าไปหาอย่างประจบ, ท�ำท่าประจบประแจง กะเรกะราด ว. ไม่ดี, ไม่ได้มาตรฐาน กะละพิก, กาละพิก น. ต้นกาลพฤกษ์, ต้นคูน กะเล่อกะเต่อ, กะเล่อกะเติก ก., ว. ซุ่มซ่าม, พรวดพราด กะเลิ้ง น. กระบอกบรรจุน�้ำดื่ม มักท�ำด้วยไม้ไผ่ขนาดใหญ่ ๒ ปล้อง, กระบอกน�้ำตาลขนาดใหญ่ กะสา ก. ได้กลิ่น กะหลิ่น น. กลไกของเครื่องดักสัตว์ เช่น แร้ว หรือด้วงใช้สอด หรือขัดประกอบกับ คันและบ่วง, สัตว์คล้ายกระรอก ขนสีน�้ำตาลมีลายสีขาวด�ำพาดตั้งแต่ จมูกจนถึงโคนหาง บางแห่งหมายถึง กระแต ก็มี กะหลุก, ตะหลุก น. หลุม, แอ่ง กะล่อมกะแล่ม ก. กล้อมแกล้ม กะแหล่ง น. ตัวตลกโลน หรือตัวร้ายในละคร หรือเพลงพื้นเมือง กะโหนด น. โตนด, ตาล กะหยบ ก. ขยับ กะหยาก น. ขยะ, ขยาก ก็เรียก กะหยากกากเชื้อ, กะหยากการเยื่อ น., ส�ำ. ของที่คนไม่ต้องการอีกแล้ว กะโฮก ก. เสียงกระโชก, โฮก, ขู่เข็ญ, ดุดัน กั๋ง ก., ว แข็ง, ตื่นตัว ใช้กับอวัยวะเพศชาย กันชา น. ชิงช้า ภูมิประชา 123
กาบปะทา, กาบเผิก น. กาบตาลยาวราว ๑ ศอก ใช้โกยมูลวัวควาย เป็นต้น กาบปะร้าย น. เยื่อใบเลี้ยงของตาล ก�ำลัง น. ขณะ เช่น ก�ำลังนี้ยังไม่ว่าง กุดั่ง น. กุดัง, ที่เก็บศพ กุบ, กรุบ น. ก�ำลังขบเผาะ, กรอบน่าเคี้ยว กุย, กรุย น. ใบไม้ หรือฟ่อนหญ้า เป็นต้น ที่เสียบกับไม่ปักไว้แสดงว่าหวง หรือจองของ หรือพืชผลบริเวณนั้น เรียกอาการเช่นนั้นว่า ปักกุย กู๋ ก. กู่ เกิน ว. รู้มาก, เอาเปรียบ, ผิดปกติ, บ๊อง เก ก. เกเร, โกง, พาล เก๊ะ น. ลิ้นชักเก็บเงิน แก่ น., ส. พ่อของแม่ (ตา) บางทีเรียก พ่อแก่, แก (สรรพนามบุรุษที่ ๒, ถ้าใช้แกบางแห่งเป็นสรรพนามบุรุษที่ ๓ ในความหมายว่า ท่าน) แก้ง ก., ว. เคล็ด, ยอก แก๋ง ว. ผอม แกงร้อน น. วุ้นเส้น แกว่ง ก. ไกว เช่น แกว่งน้อง หมายถึงไกวเปลน้อง เกียก น. หลุมที่เกิดจากรอยเกวียน เกียน น. เกวียน เกือก น. รองเท้า, เป็นค�ำด่า โกก น. เครื่องเคาะส่งสัญญาณมักท�ำด้วยไม้ เป็นเครื่องมือส�ำหรับหัวหน้า หมู่บ้านเคาะระดมชาวบ้านมาช่วยกันเมื่อมีอันตราย โกกเกก ว. ขรุขระ เช่น บ้างก็ปราบปัฐพีที่โกกเกก (นิ.เขาลูกช้าง) โกรกกราก น. เรียกปืนที่ป้อนกระสุนด้วยวิธีกระทอก กระโจมเข้ามือ เข้า - ออก (Pump action) ว่า ปืนโกรกกราก ส่วนมากเป็นปืนลูกซอง ชาวชนบทเรียกเช่นนั้น ตามเสียงดังเมื่อกระทอกลูกเข้า - ออก ข ขนมกล้วยต้ม น. ขนมข้าวต้มผัด ขนมกะโหนดสุก น. ขนมตาล, ขนมปุ ขนมเจ๊กเข็ด น. ขนมซ่อนลูก ขนมนมสาว น. ขนมเทียน ขนมปุ น. ขนมถ้วยฟู (บางแห่งหมายถึงขนมตาล) ขนมร�ำ น. ขนมโก๋ ขนวน น. ไม้กลมยาวส�ำหรับเคี่ยวน�้ำตาล เพื่อเคี่ยวให้ข้นขึ้น ฉนวน ก็เรียก ขม�้ำ ก. ขย�้ำ, กะพ�่ำ 124 พื้นภูมิเพชรบุรี
ขว้างข้าวเม่า น. เรียกการเล่นสนุกของหนุ่มสาวชาวนาในฤดูต�ำข้าวเม่า เมื่อได้ยิน สาว ๆ ต�ำข้าวเม่า หนุ่ม ๆ จะน�ำผ้าห่อมะพร้าวแล้วแอบคอยอยู่ เมื่อได้โอกาสก็จะขว้างห่อผ้าที่มีมะพร้าวเข้าไป สาว ๆ จะน�ำมะพร้าว ไปคลุกกับข้าวเม่า แล้วน�ำมาผูกแขวนไว้ให้ บางทีก็มีการแอบจับกัน ถ้าจับตัวหนุ่ม ๆ ได้ ก็จะปรับให้ช่วยต�ำข้าวเม่า หรือให้ร�ำรอบ ๆ ครก ขว้างค้อน น. ชื่องูชนิดหนึ่ง เล่ากันว่าสามารถลัดตัวพ้นจากพื้นไปได้ไกล ๆ ในทางสันนิษฐานเชื่อว่าเป็น งูกะปะ ที่แขวนตัวอยู่บนกิงไม้ และ โยนตัวไปกัด ขล็อกแขล็ก ว. หละหลวม, ไม่จริงจัง ขอน้อย ก. ง้อ ขอยิ้ม ก. ขอยืม ขอยื้ม ก็ใช้ ขาเข้าวง น. ขาโก่ง ขาตาล น. ก้านตาล, ทางตาล ก็เรียก ขาล้อ น. ล้อ, รถ - เกวียน ที่ประดิษฐ์เป็นของเล่นเด็ก ขาดเหลือเผื่อควาย ส�ำ. เตรียมไว้ยามขัดสน ขายถ่าน ก. ตาย ข้าวนก น. หญ้า หรือข้าวป่าชนิดหนึ่ง ขึ้นเองตามริมน�้ำ ขี้กะปิ น. คราบไคลที่แห้งติดเสื้อผ้า ขี้เกลือ ก็ว่า ขี้กะผีก ว. เล็กน้อย ขี้กา น. น�้ำคร�ำ ขี้ข้า ว. เหลือกิน, มาก เช่น งานนี้ยากขี้ข้า ขี้แก้ง ว. ผอมจนเหลือแต่ซี่โครง ขี้คลัก น., ว. สกปรก, สิ่งสกปรก ขี้ฝน, ขี้ฟ้า, ขี้ลม น. เมฆ ขี้สาก ว. ขี้เกียจ, ใช้อะไรไม่ได้อีก (จากการต�ำข้าวเปลือกในครก ซึ่งเศษ เช่น แกลบ ร�ำ ฯลฯ ยังใช้ได้ แต่ผงที่เกิดจากสากและครกเสียดสีกัน ใช้ท�ำอะไรไม่ได้) ขี้หัว น. รังแค ขี้มัก ก. มัก, ค่อนข้าง ขี้เหนียวหนี้ ว. เป็นหนี้แล้วไม่ใช้ หรือใช้ยาก เขาแบ้ น. เรียกเขาวัวที่งอกออกมาไม่ได้รูปทรง เขาหงิม น. เรียกเขาวัวที่งอหงิก หรืองอกลับเข้าขมับ เข้าเชิง น., ก. อาการที่เชือกผูกวัวเข้าอยู่ด้านใน ที่ขาหน้าของวัว ท�ำให้ขับไม่สะดวก ข้องเชิง ก็ว่า เข้าพรรษา ก. เรียกอาการของสัตว์บางชนิดที่อดอาหาร หรือไม่คึกคักในฤดูฝนว่า เข้าพรรษา เช่น แย้เข้าพรรษา (ไม่ออกจากรูมาหากิน) ไก่เข้าพรรษา (ไม่ขัน), โดยปริยายหมายถึงหูตึง เช่นว่า หูเข้าพรรษาเสียแล้ว เป็นต้น ภูมิประชา 125
เขิ่ง น. แมงกะแท้, แมลงชนิดหนึ่งมีสีด�ำ กลิ่นแรงมาก ชอบเล่นไฟ เขล่อว, เขลิ่ว ว. บ้า ๆ บอ ๆ , สติไม่สมบูนณ์, ไม่เต็มบาท แขก ก. ไปช่วยงาน หรือด�ำนา เกี่ยวข้าว อาจมีการใช้แรง หรือไปช่วยเปล่า ๆ แขกกระดอก ก. ไปช่วยงานเปล่า ๆ โดยไม่มีการใช้แรง หรือตอบแทน ไขห่า ก. เรียกอาการร้องอย่างหวาดเสียวของวัว เมื่อได้กลิ่นซากศพ ไขล น. เมือก ไขว่ขาน้อย, ไขว่อีเกก ก. ไขว่ห้าง ไขว่สาแหรก ก. เอาตอกมาขัดเป็นสาแหรก ไขว้สาแหรก ก็เรียก ค คณามือ, ครณามือ ก., ว. พอมือ, พอทนได้, สู้ได้ มักใช้ในเชิงปฏิเสธ เช่น ไม่คณามือ, หาครณามือกูไม่ คนดิบ น. คนที่ยังไม่ได้บวชพระ คนบอก น. พ่อเพลงเรือ (แบบเพชรบุรี) ที่คิดกลอนบอกให้ลูกเรือ หรือฝีพาย ร้องขณะเล่นเพลงเรือ คนปลายน�้ำ น. เรียกคนที่อยู่ตอนบนของน�้ำ เช่น คนบ้านแหลมเรียกคนบ้านลาด - ท่ายางว่า คนปลายน�้ำ คนลาวขี้ไต้คนไทยขี้โล้ ส�ำ. ไม่มีใครดีกว่ากัน คนไทยว่าคนลาวขี้ขอ คนลาวว่าคนไทยขี้เหนียว คลัก ว. สกปรก คลุ่มคล่าม ก., ว. กลุ้มใจ, กระวนกระวาย ควบ ก. กวด, ไล่ คอข้าว น. ข้าวที่เมล็ดลีบ คอเต้ น. คอเอียงไปข้างหนึ่ง คอเถ่อ ก. ยืดคอขึ้น คอม้า น. ชื่อแร้วชนิดหนึ่งใช้ดักติดคอนก, ทางตาลผ่าซีกที่หักพับลง (เป็นรูปคอม้า) เพื่อใช้มุงหลังคา เรียกว่า คอม้า คอยไปเถอะ ส�ำ. ไม่ตกลง (มักเป็นค�ำตอบของแม่ค้าที่ผู้ซื้อต่อราคามากเกินไป) คอสอง น. พ่อเพลงที่ร้องต่อจากคนที่ ๑, ผู้ที่คอยคล้อยตามอย่างประจบประแจง ส่วนของเรือที่ต่อตั้งแต่หัวเสาสุดขึ้นไปอีกจนถึงจันทัน คัง น. ปลากดชนิดหนึ่ง ตัวใหญ่กว่าปลากดพันธุ์อื่น คัดหัวฟ่อน ก. ใช้คันฉายแยกฟ่อนข้าวออกจากเมล็ดข้าว คันฉาย น. ไม้สงฟางท�ำด้วยไม้ไผ่ ขอฉาย ก็เรียก คันหลาว น. ไม้ที่ท�ำให้ปลายแหลมทั้ง ๒ ด้าน ส�ำหรับใช้เสียบเข้าไปในฟ่อนข้าว ส�ำหรับหาบ หรือคอน คุณ น. ตา, ยาย (เรียกว่า พ่อคุณ, แม่คุณ หรือ พ่อแก่, แม่แก่ ก็มี), ใช้น�ำหน้าพระภิกษุ เช่น คุณพ่อ, คุณพี่ คุณอา ฯลฯ (ใช้แทนศัพท์ หลวงพ่อ, หลวงพี่, หลวงอา ฯลฯ ของที่อื่น) ใช้น�ำหน้า เจ้าพ่อ, เจ้าแม่ที่เป็นเจ้าผีด้วย เช่น คุณพ่อหลักเมือง ฯลฯ 126 พื้นภูมิเพชรบุรี
คุณชั่ว ว. ค่อยยังชั่ว, ทุเลาขึ้น, มีฐานะดีขึ้น คุณน�้ำคุณนม ส�ำ. ค่าน�้ำนม คุด น. ถั่วลิสง คุมเหง ก. ข่มเหง เคง ก. นอน (มักใช้กับเด็ก ๆ) เค้ง, เคล้ง ก็ใช้ เค็ด น. เคด, ชื่อไม้หนามชนิดหนึ่ง ในเพชรบุรีมีชื่อ บ้านทุ่งเค็ด เป็นหลักฐาน แต่มักเขียนผิดเป็น ทุ่งเคล็ด เคียะ ก. ให้ออก, ไล่ออก ง งก ก. โกรธ เช่น เดี๋ยวเขางกเอาหรอก, มักได้ เช่น เขาเป็นคนงกอยู่นะ งัว น. วัว งั่ว น. งูทะเลชนิดหนึ่งไม่มีพิษ อ้ายงั่ว ก็เรียก ง�้ำ น. เผชิญหน้าไม่รู้ตัว เช่น ง�้ำช้างในป่าชัฏ เป็นต้น งามกิน, งามใจ ว. ใหญ่, วิเศษ, ถนัด ง้าว น. มีดรูปร่างโค้งงอ ส่วนโค้งอยู่ที่สัน ส่วนเว้าอยู่ที่คม ตัวมีดยาวประมาณ ๑ ศอก ด้ามอาจสั้น (ใช้แทนมีดโต้) หรือด้ามยาว (ใช้ถางป่า หรือ เป็นอาวุธ) อีง้าว, อีงอ, หรือ มีดขอ ก็เรียก งุน น. น�้ำตาลที่ตกผลึกเป็นก้อน งน หรือ ตงุ่น ก็เรียก เงี่ยน ก. อยากมาก ใช้กับสิ่งเสพติด หรือทางเพศ เช่น ตั้งโรงบ่อนโรงสุรา โรงอาเพี่ยน แม้นใครเงี่ยนแล้วคงหายน�้ำลายสอ (นิ.เขาลูกช้าง) เงื่อนกระตุก, เงื่อนกระทก น. เงื่อนที่ผูกแล้วแก้ง่ายเพียงกระตุกก็หลุด เงื่อนตาย น. เงื่อนที่แก้ยาก เงาะป่า น. กะทกรก แง น. พืชชนิดหนึ่งคล้ายงา แต่เม็ดกลม แง่ม ก. กัด, งับ โง น., ก. สะพายของโดยใช้เครื่องหลัง มีสายสะพายลอดไหล่มาคล้องกับ หน้าผาก, เรียกเครื่องหลังที่ใช้สะพายของชาวเขา ที่ท�ำเช่นนั้นว่า โง จ จวน ก. พบกันโดยบังเอิญ เช่น มาจวนกันได้ จักนกกะแร น. รักแร้ จั๋ง ก. ปะทะ, ชน เช่น จั๋งกันเข้าแล้ว จังเบอ ว. อย่างถนัด (มาจากจังเบ้อเร่อ) จังไร ว., ก. จัญไร ใช้เป็นค�ำด่า, ใช้อาคมรักษาอาการบางชนิด (อาจตัดมาจากเป่าปัดเสนียดจังไร) จับทหาร ก. ไล่ทหาร, เข้ารับการเกณฑ์ทหารโดยจับใบด�ำใบแดง จาวมะพร้าว น. ชื่อเห็ดชนิดหนึ่ง, ชื่ออึ่งชนิดหนึ่ง ภูมิประชา 127
จ�้ำบ๊ะ น. ระบ�ำเปลื้องผ้า, น�้ำแข็งไสที่ใส่ปาท่องโก๋หั่นเป็นชิ้น ๆ ราดด้วยน�้ำแดง ตบท้ายราดด้วยนมข้นหวาน จ�ำปี น. เรียกอวัยวะเพศชายของเด็ก ๆ ว่า จ�ำปี จิ ก. แตะเบา ๆ, สัมผัส แจะ ก็ใช้ จิ๊ น. แม่, บางแห่งเรียก แม่จิ๊ จิงกะหัน, จิงกะหุน, จิงหัน, จิงหุน, ดินละหุน, มดตะหุน น. หมายถึง ปลวก (บางแห่งเรียก ดินละหุน ว่าปลวกด�ำ ส่วนชื่ออื่น ๆ หมายถึง ปลวกแดง) จิ่ม ก., ว. โผล่, แพลมออกมาเล็กน้อย, ตุ่ยออกมา จิ้งหรีดโป่ง น. จิ้งหรีดขนาดใหญ่ตัวเขียว, น�้ำตาล เวลาจับตัวจะใช้เท้าดีด บางแห่ง เรียก จิ้งกุ่ง, จิ้งโกร่ง ก็มี จิงเหลน, จิ่งกะเหลน น. จิ้งเหลน จิ่งขาบ น. ตะขาบ จิงคก, จิ่งคก น. คางคก จิ่งเดือน, จิ้งเดือน น. ไส้เดือน, ติ่งเดือน หรือ จิ้งกะเดือน ก็เรียก จิ่งทุย น. แมลงปอ จี่ ก. ปิ้ง เช่น ลิ้นจี่ คือ ลิ้นสัตว์ย่าง ใช้เป็นลูกเล่นของค�ำพ้อง (ลิ้นจี่) ที่เป็นผลไม้ จิ่งปาด, จิงกะปาด น. ปาด จิ่งแว็บ น. หิ่งห้อย, ทิ้งถ่วง ก็เรียก เจ็ก น. คนเพชรบุรีบางท้องถิ่น เรียก เจ๊ก (จีน) ว่า เจ็ก เจ้ น. บางท้องถิ่นเรียก เจ๊ ว่า เจ้ (จ.) เจีย น. เรียกไม้ข่อยทุบให้ละเอียดใช้สีฟันว่า ไม้เจีย เจี๋ยน ก. เชือด, เฉือน แจ๋ ว. จัดจ้าน, เจ้ากี้เจ้าการ, ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แจ๋น ว. แจ๋, เสียงดังหนวกหู โจ่เจ่ ก., ว. โวยวาย โจ้ ก. ท�ำอะไรอย่างหนึ่งอย่างใดง่วนอยู่ เช่น กิน, เล่น โจ๊ะโจ น. เสียงร้องประกอบการเล่นลูกข่าง เมื่อคล้องลูกข่างไว้ได้ ฉ ฉมวย ว. แม่น, ขลัง, สมวย ก็ว่า ฉอกแฉก, ฉ็อกแฉ็ก ว. หลวม, ไม่แน่น, ไม่รัดกุม ฉิบ ว. หายไป, หมดไป เช่น เอาไปฉิบ ฉี่ ว. ใช้ประกอบค�ำว่าเงียบ เช่น เงียบฉี่ (เงียบสนิท) ฉึ่ง ก. ต่อสู้กัน, ปะทะกัน เช่น ฉึ่งกันเข้าแล้ว ฉุดฉิด ก., ว. โกรธง่าย, หงุดหงิด เฉิก ว. เถิก เฉิน ว. ครั้ง เช่น โดนเข้ากี่เฉินแล้วล่ะ 128 พื้นภูมิเพชรบุรี
เฉิ่ม ว. บ๊อง ๆ, สติไม่สมบูรณ์ แฉะแบะแฉะบูด, แฉะมะแหละ ว. เฉื่อยชา, เรื่อยเฉื่อย เฉียบ น. เส้นชัยในการแข่งเรือ หรือเกวียน ช ชนาง น. เครื่องมือจับสัตว์น�้ำและสัตว์ป่า, ภาชนะสานส�ำหรับรองข้าวเปลือก บนเกวียน ชม ก. หัวเราะ ข�ำ ชมรม, ชุมรุม น. แหล่งพัก, ปางของคนที่ท�ำงานในป่า ชอบ ว. มัก เช่น ฉันชอบปวดหัวตอนสาย ๆ ชั้ว น. ไมโครโฟน, เสียงไล่ไก่ ชาวตะวันตก น. ชาวอ�ำเภอบ้านลาด (เรียกเช่นนั้นเพราะอยู่ทางทิศตะวันตกของ อ�ำเภอเมือง) ช�่ำแช่ ว. ช�่ำช่า, จืดชืด ช�ำลา ว. ห่าม, ไม่สุกมาก เช่น มะม่วงช�ำลา, รวนเนื้อปลาพอช�ำลา, ท�ำลา ก็ใช้ ชิงเลง ส�ำ. หมายถึงชนชั้นปลายแถว อยากเป็นนักเลงแต่มือไม่ถึง หรือไม่ใช่ นักเลงแต่ชอบโอ้อวด เชือกหนังหัวเกวียน ส�ำ. เกียจคร้านไม่ท�ำงาน, กินแรงคนอื่น แช่แรด ว. เถลไถล, ไปไหนนาน ๆ (จากการผสมพันธุ์ของแรด ซึ่งมักท�ำใน น�้ำและแช่อยู่นาน ๆ) ใช้ชาติ ก. กลับชาติมาเกิดเป็นสัตว์ที่ตนเคยฆ่าเมื่อชาติก่อน ซ ซอ น. ต้นไผ่ ซ่อน น. เครื่องดักปลาสานด้วยไม้ไผ่เป็นรูปทรงกระบอก ส้อน ก็ใช้ ซ่อม, ส้อม น. เหล็กกลมยาวราว ๑ เมตร ที่ปลายเป็นเงี่ยง ๒ แฉก ใช้แทงลง ดินโคลนเพื่อให้ถูกตัวปลาไหล แล้วขุดดินโคลนจับตัวขึ้นมา ซ่า ก. จุ้นจ้าน, วุ่นวาย, แส่ ซี้ม่องเซ็ก ก. ตาย ซึก น., ก. ต้นจามจุรี, ต้นซิก, ขูดมะพร้าวด้วยเครื่องมือ หรือเครื่องจักร ซูด ก., น. ดูดน�้ำในเต้าตาลและเนื้อตาลอ่อนได้ขนาด (เสียงจะดังซูด ๆ ), เรียกตาลที่ได้ขนาดเช่นนั้นว่า ตาลซูด ซู่ม ก., ว. ซุกซน, วุ่นวาย เซ่อ, เซอะ, เซอะซะ ว. โง่, งง, เขลา เซ่อซ่า ก., ว. งุ่มง่าม, เงอะงะ, เร่อร่า เซิง น. ร้านที่ท�ำให้ไม้เลื้อยเกาะ เช่น เซิงพลู, เซิงมะระ เซิบ ก. ซึมซาบ, ซึมเข้าไปในเนื้อ ภูมิประชา 129
เซือย ว. ซึมและเบื่อหน่าย (ซึม + เนือย) แซ่ว ก., ว. ซม, เสียงดังเซ็งแซ่ ไซ่ฮู่, ไส้หู้ น. ช่างไม้ชาวจีน, ผู้ช�ำนาญการทางช่าง ฒ เฒ่าร้า น. เสือ (เป็นค�ำเรียกเลี่ยงตามธรรมเนียมชาวป่าที่ห้ามเอ่ยชื่อเสือ ในป่า) เสือแก่ ด ดอกไม้เจ้า น. ขุนเพ็ด, รูปร่างอวัยวะเพศชาย, ปลัดขิกอันใหญ่ในศาลเจ้า ด๊อก, ดอกมะเขือ น. ตุ้มหู, ดอกมะเขือ ก็เรียก ด้องแด้ง ว. ซ่องแซ่ง, ไม่แข็งแรง ด้อย ก. ด้อม, ย่องสาว ดะ ก. ขั้นตอนการไถนาก่อนไถแปร เรียกว่า ไถดะ, ลุยไม่เลือกหน้า เช่น ตีดะ ด�ำตะคือ ว. ด�ำจนมองไม่เห็น, ด�ำสนิท ด้านไม้, ดื้อไม้ ว. ไม่สะดุ้งสะเทือนต่อการถูกตี เพราะเคยถูกตีมามาก ดิก ด., ว. หริก, หลุกหลิก, ดัดจริต, มีจริตจะก้าน ดินละหุน น. มดตะหุน ปลวกด�ำ ดุ น., ก. รูทะลุจากคันนาแปลงหนึ่งไปยังนาอีกแปลงหนึ่ง (ท�ำให้น�้ำรั่วไปสู่ นาแปลงนั้น), อาการที่น�้ำดันมาจากใต้ดิน เช่น แล้วยังมีน�้ำพุดุ ออกมา (นิ.เขาลูกช้าง) หรือ เห็นน�้ำพุดุดั้นตรงบัลลังก์ (นิ.อิเหนา) ดุ๊, ดู๊ ว. ซิ, เถอะ เช่น กินดุ๊ = กินเถอะ, กินซิ ใช้ประกอบค�ำติ - ชม หรือ แสดงความแปลกใจ เช่น นั่น ! ลูกกะแหมะ... ตัวดุ๊ ดุ่น ๆ ว. ดุ่ย ๆ เดิก ว. เขื่อง, ใหญ่ เช่น เก้งเดิก, ตัวเดิม เช่น ไก่แม่เดิก (หมายถึงไก่แม่เดิม ที่เคยมีลูกมาครอกหนึ่งแล้ว) เดิ่ง น. คลื่นจากกระแสน�้ำ (คลื่นในทะเลมี ๒ ชนิด คือ คลื่นจากกระแสน�้ำ ซึ่งเกิดได้แม้ไม่มีลม, และคลื่นเกิดจากลม) เดี้ยง ว. ขาเสีย, ขาพิการ เดือย ก. เรียกอาการที่งู ๒ ตัว ชูล�ำตัวตั้งขึ้นคลอเคลียกันและผสมพันธุ์กันว่า งูเดือยกัน เดาะ ก. ท�ำ, สะเออะ ท�ำตามอย่างไม่เหมาะสม เช่น เห็นเขาพกมือถือ ก็เดาะพกกับเขามั่ง เป็นต้น แดะ, แด๋ ว. ดัดจริต แดงแจ๋, แดงเถือก, แดงแจ๊ด, แดงแปร๊ด, แดงร่า, แดงแฮด ว. บอกความเข้ม หรือความจัด ของสีแดง บางคนท�ำเสียง แดง ให้สั้น เป็น แด๊ง ก็มี แดดบด, แดดหุบ ว. แดดร่ม 130 พื้นภูมิเพชรบุรี
ต ตราพระราหู ว. เรียกอาการที่หญิงนุ่งผ้าถุงแล้วนั่งไม่เรียบร้อยว่า ฉายตราพระราหู (มาจากตราพระราหูของนางละเวงในเรื่องพระอภัยมณี) ตอก น. มีดจักตอก มักท�ำด้ามยาว ถ้ามีจุดประสงค์ใช้เป็นอาวุธ เรียกว่า มีดตอกสงคราม ต้อย น. เอ็นขาหลังของสัตว์ เรียกว่า เอ็นต้อย ต่อยามทามไถ ส�ำ. ต่อล้อต่อเถียง ตะเกย น. หญ้าเจ้าชู้, หญ้าชนิดหนึ่งที่ดอกมักติดกับเสื้อผ้า หรือขนสัตว์ หญ้าตะเกย หรือ สังตะเกรย ก็เรียก ตะเกียง น. พ้อมสานด้วยไม้ไผ่ ส�ำหรับบรรจุข้าวเปลือกขนาดเล็กกว่ากะล่อม ตะปิ้ง น. อวัยวะปิด - เปิดหน้าท้องของปูตัวเมีย, ที่คาดปิดอวัยวะเพศ ของเด็กหญิง ตะเลง ก. ทะลึ่ง, โลน, รั้น ตะหัววัน ว. ตอนหัววัน, แต่หัววัน หมายถึงก่อนค�่ำ ตะเหงอะ ก. โผล่หัวขึ้นมา, ผงก, ตะแหงะ ก็ว่า ตะหลุก น. หลุม, แอ่ง ตะแหมะแขะ ว. เตี้ยมาก, ตะแมะแคะ ก็ว่า ตัวแหม็ด น. ตัวเมีย ตามเชิง ก., ว. อาการของวัว หรือสัตว์อื่นที่ติดพันกัน หรือที่หาคู่ในฤดูผสมพันธุ์ โดยปริยายเรียกคนที่ออกไปเที่ยวเตร่ติดพันเพศตรงกันข้าม โดยใช้ ค�ำนี้และมักพูดด้วยอารมณ์ ตาย ว. ใช้ประกอบกริยา หรือวิเศษณ์ว่า มาก หรือ จัด เช่น เก่งจะตายไป สวยตายล่ะ เป็นต้น ตัก ก. ขวิดช้อนขึ้น ใช้กับการขวิด - ชนกันของวัว - ควาย เช่น ช้อนตัก กลับกลอกว่องไว (รามเกียรติ์ ร.๑) ติ่งหนืด น. ลูกไม้หึ่ง ติ้ว น. ตอกที่หักทีละท่อนเพื่อบอกจ�ำนวน (เช่น จ�ำนวนข้าวที่ขนขึ้นยุ้งว่า มีกี่ถัง เป็นต้น) ตีนเหยียบเต่า ปากเห่ากระรอก ส�ำ.ท�ำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กัน ด้วยความโลภ ตีสี ก. ใส่ฟันเครื่องสีข้าวตามแบบเก่าด้วยการตอกตีลิ่มไม้ เช่นว่า ไปบอก ช่างมาตีสีให้หน่อย เป็นต้น ตุ้ม น. เครื่องมือดักปลาสานด้วยไม้ไผ่ คล้ายอีจู้ มีงาเป็นทางเข้าใช้ตั้งไว้ ในน�้ำหมักเหยื่อ เช่น ปลวกไว้ล่อปลาด้วย ตุ่ย, ตุ่ย ๆ ก. เริ่มเมา ตู่ง น. การเล่นไล่จับชนิดหนึ่ง เตย หรือ เต่ย ก็เรียก เต้ ว. เอียงไปข้างหนึ่ง เช่น ขาเต้, คอเต้ เป็นต้น ภูมิประชา 131
เตะนั่ง น. การเล่นชนิดหนึ่งของเด็ก มีกติกาว่า ห้ามเตะคนนั่ง หรือคนนั่งอยู่ ก็เตะคนอื่นไม่ได้ คนที่ยืนอยู่จึงมีสิทธิ์เตะ ถ้าสู้ไม่ได้ก็ให้นั่งลง เป็น การเล่นหมู่ ไม่มีข้าง หรือคู่ แตกพลายงา น. รอยแตกอยู่ในเนื้อ แตกลายงา ก็เรียก แตงเม น. ตังเม น�้ำตาลโตนดที่เคี่ยวจนเหนียวพอดี ส่วนใหญ่จะใช้ใบตาล ตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็ก ๆ ขอดตักขึ้นมากิน, น�้ำตาลเม ก็เรียก โตงเตงโตงเว้า ว. รู้มาก (จากค�ำร้องเล่นว่า โตงเตงโตงเว้า กินแต่ของเขา ของเราเก็บไว้) ถ ถมถาน, ถมถืด, ถมเถ ว. มากมาย ถอง ก. กิน ใช้กับเหล้า ถัด ก. พูดกับวัว - ควาย ขณะไถนา ให้ลากไถไปเรื่อย ๆ ใช้คู่กับ ถืด ถั่วคุด น. ถั่วลิสง ถาก ก. พูดว่าให้เจ็บใจ ถาด ก. ค�ำบอกวัวให้เลี้ยวขวา เช่น เสียงร้องถาดวัวก็มาทางขวามือ (นิ.เขาลูกช้าง) ถึงว่า น. ค�ำพูดแสดงการคล้อยตาม ถูกคอ ว. ชอบพอ, ชอบนิสัยกัน ถูกโรค ก., ว ชอบ, พอใจ, ยาที่กินแล้วได้ผลดี เถน, เถร น. ชายที่นุ่งขาวถือศีล ๘ แบบชี หรือชายถือศีล ๕ (หรืออาจจะไม่ถือศีล) ที่มักจะอยู่ตามวัดในสมัยเก่า เถร - ชี น. นิทานลามก (ทางเพศ) ของชาววัด หรือ ชาวบ้านเรียกว่า นิทาน ตาเถร - ยายชี แถกกระดี่ ก. ว่ายน�้ำโดยหงายท้องใช้เท้าถีบกระทุ่มไป โถะเถะ ก. อาการเดินของเด็กที่เพิ่งหัดเดิน โถกเถก น., ก. การเดินบนไม้ไผ่ ๒ อัน ที่ใช้มือจับส่วนบน และที่ส่วนเท้ามีที่เหยียบ ท ทโมน น., ว. วัวตัวผู้ที่ไม่ได้ตอน, พ่อวัว, ดื้อรั้น ทอดสมอ น. วัวตัวผู้ที่ตอนแบบทุบลูกอัณฑะแล้วตอนไม่ลง จัดเป็นวัวกึ่งทโมน ทางตาล น. ก้านใบตาล ท�ำ ก. ช�ำแหละ เช่น ท�ำวัว, ท�ำปลา. แสร้ง เช่น ท�ำสนใจ, ท�ำเป็นสาว ท�ำลา ว. ช�ำลา, ห่าม, ยังไม่สุกมาก ท�ำไปท�ำมา ว. ผลสุดท้าย, ในที่สุด, เช่น ท�ำไปท�ำมาก็ไม่ได้ดู เป็นต้น ท�ำหาง ก. แกล้งเกี่ยวข้าว (ที่ลงแขกเกี่ยวข้าวกันเป็นหน้ากระดาน) เว้นไว้ ด้านคนที่เกี่ยวขึ้นหน้า แล้วโทษว่าผู้นั้นเกี่ยวไม่หมด (มักเป็นเหตุ ให้ทะเลาะกัน) 132 พื้นภูมิเพชรบุรี
ทิ้งถ่วง น. หิ่งห้อย ที่บ้าน น. เมีย ทือ น. ค�ำบอกวัวให้เลี้ยวซ้าย เช่น พอเจ้าของร้องทือมาข้างซ้าย (นิ.เขาลูกช้าง) ทูด น. กบป่าชนิดหนึ่ง โตเต็มที่อาจจะหนักถึง ๑ กิโลกรัม เท น. สมุหนามบอกจ�ำนวนเหล้า ๓๒ ขวด เท่ากับ ๑ เท (๒๐ ลิตร) เท่งทึง ก. ตาย เท่อ ว. ทื่อ เทิก น. เนิน เที่ยว ก. ใช้ประกอบกิริยาอื่น ๆ ท�ำนองว่ากิริยานั้นบ่อย ๆ เช่น เที่ยวพูด เที่ยวบอก, เที่ยวแนะ ฯลฯ อาจเลื่อนไปจาก เทียว, เท่า ก็ใช้ แทงไร ก. ใช้ไม้สอยแต่งผม เช่น เพลงพื้นเมืองว่า “กูอุตสาห์แทงไรสิ้น ไม้ตั้งหอบ มีผู้ชายมาชอบเสียเมื่อไหร่” โทงเทง น. เสือปลาพันธุ์ใหญ่ ไท้ ก. คนที่พูดเหน่อพยายามดัดเป็นภาษาภาคกลาง เรียกว่า พูดไท้ (แถบกาญจนบุรีพูดว่า เยื้อง) ธ ธง น., ก. เบ็ดชนิดหนึ่งที่เกี่ยวเหยื่อแล้วปักไว้ รอให้ปลามากินเองเรียกว่า เบ็ดธง, อาการที่ปักเรียกว่า ธงเบ็ด ธงแดง น. ร้านเหล้า (สมัยก่อนปักธงแดงไว้เป็นสัญลักษณ์) ธาดา น. แมงดา (ชายที่อาศัยน�้ำพักน�้ำแรงหญิง) เป็นค�ำที่เลี่ยงพูด ธูปฤๅษี น. ต้นเฟื้อ, ต้นกกช้าง น นก ก. ข้าวป่าชนิดหนึ่งเรียกว่า ข้าวนก, ชื่อมันป่าชนิดหนึ่งเรียกว่า มันนก น้อง น. ค�ำบอกความแก่อ่อนของต้นไผ่ เช่น ไผ่ ๒ ปี เรียกว่า ไผ่น้องเดียว ไผ่ ๓ ปีเรียกว่า ไผ่ ๒ น้อง เป็นต้น น่อย ว. หน่อย นักเลง ก.,ว. ชอบ เช่น ไม่นักเลงทางนี้ นั่งเทียน ก. นั่งกรรมฐาน (ประเภทเตโชกสิณ... เพ่งไฟ), จุดเทียนนั่งเพื่อดูนิมิต นั่งเทียนแตก ก. นั่งเทียนแล้วเกิดตกใจจนเสียสติ, เทียนแตก ก็เรียก นั่งป้อง, นั่งปล้อง น. หญิงสาวสวยที่ให้นั่งหน้าเรือแข่ง หรือเรือที่เล่นเพลงพื้นเมือง นั่น ก. ค�ำที่ใช้แทนกิริยาที่ประสงค์ หรือรู้กันระหว่างคู่สนทนา เช่น พอโผล่ เข้าไปก็เห็นเขาก�ำลังนั่นกันอยู่ น่ากลัว ก. คง เช่น แม่น่ากลัว ไปวัดแล้ว เป็นต้น นางนวล น. นกชนิดหนึ่งในวงศ์นกเอี้ยง ตัวขนาดนกสาลิกา มีสีนวล เรียกว่า นกเอี้ยงนางนวล ภูมิประชา 133
นาย น. น�้ำค้าง อย่าตากแดดตากนายเลย, ไน ก็ว่า (ไน ภาษาไทยใหญ่ = น�้ำค้าง) น�้ำเคย น. น�้ำปลา (เดิมท�ำจากกุ้งเคย มักเรียกปน ๆ กันไป) น�้ำตาล น. ค�ำตัดจาก “น�้ำตาลเมา” เป็นที่รู้กันของคนที่ชอบกิน น�้ำตาลงน, น�้ำตาลงุน, น�้ำตาลตงุ่น น. หมายถึง น�้ำตาลที่ตกผลึกเป็นก้อน น�้ำตาลเม น. ตังเม น�้ำตาลเยี่ยววัว, น�้ำตาลเยี่ยวงัว น.น�้ำตาลโตนดที่เคี่ยวระยะแรก ๆ มีลักษณะ, สีและกลิ่นเหมือน เยี่ยววัว (น�้ำตาล ปุบปับ ก็เรียก) น�้ำตาลใส น. น�้ำตาลสด, น�้ำตาลที่รองจากต้นตาลใหม่ ๆ ยังไม่ถูกความร้อน (ทิ้งไว้นานจะบูด) ส่วนน�้ำตาลที่บอกว่า “น�้ำตาลสด” ที่วางขายทั่วไป เป็นน�้ำตาลที่ต้มสุกแล้ว น�้ำตาลหยัด น. น�้ำตาลที่ออกมาก เช่น ความเชื่อของชาวตาลว่า “คนกระโปกยาน ท�ำน�้ำตาลหยัด” เป็นต้น น�้ำตาลอุ่น น. น�้ำตาลที่ต้มสุกแล้ว ยังอุ่นอยู่บนเตา น�้ำเต้า น. ฟักทอง ดังที่ สุนทรภู่กล่าวไว้ใน นิราศเมืองเพชรว่า “แต่ฟักทอง ร้องเรียกว่าน�้ำเต้า” เป็นต้น น�้ำเต้ากระติก น. น�้ำเต้า, ฟักเขียว (พืชประเภทฟักแฟง) น�้ำฝนปนน�้ำคลอง ส�ำ. ไม่รู้ว่าลูกใคร ใช้กรณีหญิงมีสามี ๒ คน แล้วเกิดลูกระหว่างนั้น น�้ำมะเน็ด น. น�้ำอัดลมรุ่นเก่า (จาก Lemonade) เดิมคงหมายเฉพาะที่ท�ำมาจาก น�้ำมะนาว นี่น้า ว. ค�ำต่อท้ายข้อความท�ำนองดูถูก เช่น อ้ายแดงนี่น้า เป็นต้น นื้อ, เนอะ ว. ค�ำลงท้ายข้อความท�ำนองขอให้เห็นด้วย แน้ ว. เป็นค�ำ ดุ หรือ ห้าม เช่น พูดว่า แน้ ! พูดแล้วยังเถียงอีก โนเน, โนเน่โนชา น. เพลงพื้นเมืองคล้ายเพลงพวงมาลัย ต่างกันที่เพลงพวงมาลัยขึ้นต้นว่า “เอ้อระเหยลอยมา ฉันลอยมาจาก...” แต่เพลงโนเนขึ้นต้นด้วย การโห่ ๓ ลา และว่า “เอยเหยลอยมา ฉันลอยมา...” ไม่มีจาก ท�ำนองว่า มาจากที่อื่น มาที่ หรือ มาถึง ที่นี่) เช่น “เอยเหยลอยมา ฉันก็ลอยมาสระพัง คิดถึงแก้วตา ฉันจึงมาหาร้อยชั่ง ไม่รักเขาหลวง (เอ้อว่า) ไม่ห่วงเขาวัง ปรานีพี่มั่ง จะอยู่สระพังแล้วเอย” สมัยก่อนมีเล่นตั้งแต่เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์และข้ามฝั่งไปเล่น ถึงตะนาวศรี ปัจจุบันมีเล่นอยู่ที่อ�ำเภอชะอ�ำ แถบต�ำบลนายาง, บางเก่า 134 พื้นภูมิเพชรบุรี
บ บด ก., ว. ถูกเมฆบัง, บ่ายมาก เช่นว่า ไปกันเถอะ แดดบดแล้ว เป็นต้น บ้วน ก. อาการของปลาบางชนิด ที่โผล่ขึ้นพ้นน�้ำว่า “บ้วน”, ฮุบ บอม, บ็อม น. หลุม, แอ่ง บิดตะกูด ว. เลี่ยง, ไม่ยอมท�ำตาม เช่น บิดตะกูดพูดประสมว่าลมจับ (นิ.เขาลูกช้าง) โบ้ย ก. เกี่ยง เช่น เรื่องยาก ๆ โบ้ยให้กูทุกที เบา ก., ว. เยี่ยว (เป็นค�ำสุภาพ), บ้า, สติไม่ดี เบ๋ย ว. เสียสติ, ปัญญาอ่อน ป ประแดะ น. มีดพกด้ามงอคล้ายด้ามปืนพก ปรึง ว. รก, เกะกะ, เลอะเทอะ, ปรึงเปรอะ หรือ เปรอะปรึง ก็ใช้ ปลาข้าวคั่ว น. ปลาร้า ปลายน�้ำ น. ยอดน�้ำ เรียกส่วนบนของแม่น�้ำ - ล�ำคลองว่าปลายน�้ำ เช่น คนบ้านแหลมเรียกคน บ้านลาด - ท่ายาง ว่า คนปลายน�้ำ ปลูกต้นมะพูด ส�ำ. พูดมาก ปะล่อมปะแล่ม ก. กล้อมแกล้ม ปะหวะ น., ก. การเลี้ยงวัว - ควาย โดยแบ่งลูกวัว - ควาย ตามข้อตกลง ส่วนมาก ลูกตัวแรกเป็นของคนเลี้ยง ตัวที่ ๒ เป็นของเจ้าของสลับอย่างนี้ เรื่อยไป ปะหัง น. ภาชนะสานด้วยไม้ไผ่ ตั้งไว้กับพื้นส�ำหรับใส่หญ้า - ฟาง ให้วัว - ควายกิน ปุ ก. ฟู ปุหรั่น ว. โบราณ เป็นลม ๆ ส�ำ. เดี๋ยวดี, เดี๋ยวร้าย เป๋อ, เป๋อป๋า, เป๋อเหลอ ว. เหม่อ, เผลอ, ท�ำหน้าตาเซ่อแสดงว่าไม่รู้เรื่อง เปิ่ง น., ว. เวิ้ง, เป็นเพิงดิน หรือหินธรรมชาติที่เว้าเข้าไป เปิ่งหม่าง ว. เปิ่น, เชย เปิด น. รอบหนึ่งของวัวลานพวงหนึ่ง เรียกว่า ๑ เปิด แป็ม ก. กะแป่ม, แพลม, ผลิออก แปล็บ ว. กะล่อน แป้ว ว. แหว่ง, พร่อง โป้ ว. ใหญ่, โป้ง ไปแรง ก. ไปออกแขก หรือติดแรงท�ำนา เป็นต้น เช่น โอ้นึกถึงพึ่งบุญ ท่านขุนแพ่ง ไปนาแรงรับแขกแรกวสันต์ (นิ.เมืองเพชร) ภูมิประชา 135
ผ ผกกะได ก. ยกบันไดไปซ่อน หรือเก็บหลังลงจากเรือนแล้ว ผมกะเพร่า น. ผมโปร่งฟูเหมือนผมที่สระใหม่ ๆ ผล็อบแผล็บ ว. ท�ำลับ ๆ ล่อ ๆ ผลุบผลับ ว. ลุกลน, ลุกลี้ลุกลน ผักบุ้ง น. ชื่อมันเทศชนิดหนึ่ง ใบคล้ายใบผักบุ้ง ผั้ง น. ผึ้งชนิดหนึ่งตัวขนาดแมลงวัน มีปีกลาย ไม่กลัวไฟ เวลาจะตีผึ้ง ชนิดนี้ต้องใช้น�้ำพ่น ผ่าหมาก น., ก. เตะตรงลูกอัณฑะ, พยานที่ให้การเป็นประโยชน์แก่ฝ่ายตรงกันข้าม ผ้าหนังโก น. ผ้าซับประจ�ำเดือน ย้อมด้วยมะเกลือเพื่อให้สีคล�้ำ เพื่อไม่ให้ ดูน่ารังเกียจ ผ�ำ ว. ใกล้บูด, มีกลิ่นอับ ผีตะกละ น. ผีกระสือ ผึด ว. ป่อง, พองขึ้น เช่น นอนพุงผึดอยู่นั่น แผ่อีแหล็ด ว. นอนแบบอย่างหมดแรง ฝ ฝนสะ ก. ฝนหยุดตก ฝนสิม ก. ฝนตกเล็กน้อย ฝักมะรุม น. งูทะเลชนิดหนึ่ง มีพิษอ่อน ฝิง ก. ผิง เช่น ฝิงไฟ ฝี่ น. ซอกเล็ก ๆ เฝือ ว. เบื่อหน่าย, สับสน เฝือก น. ไม้ไผ่ที่ท�ำเป็นแผงกั้นทางเดินของปลาในน�้ำตื้น ไผ่ที่ท�ำเป็นซี่ หรือ เป็นแผง - เป็นแผ่นใช้ห่อศพ, อุปกรณ์ใช้ดามกระดูกและข้อ ฟางที่ ฟั่นขดเป็นรูปเหลี่ยมใช้เป็นอุปกรณ์ละเลงขี่วัว - ควายเพื่อยาลาน พ พรรค์ น. พรรค, แบบ, พวก, เช่น ช่างกระไรใจฉันเป็นพรรค์นี้ (นิ.เขาลูกช้าง) พระหน่อ น. ลักษณนามเรียกกันเล่น ๆ เช่น สามพระหน่อนี่จะออกไปไหน? มักใช้กับเด็กชาย หรือชายหนุ่ม พระอันดับ น., ว. ไปเป็นคณะเพื่อให้ครบองค์ประชุม, ไปเป็นคณะให้เขาส�ำเร็จประโยชน์ โดยไม่มีความส�ำคัญอะไร พรุ้ง น. พรุ่งนี้ พ่อคุณ น. ตา (พ่อของแม่), แก่ หรือ พ่อแก่ ก็ใช้ พอช�ำลา, พอท�ำลา ว. ห่าม, พอให้สุกเล็กน้อย (กรณีเนื้อ, ปลา) พ้อม น. ภาชนะสานด้วยไม่ไผ่ ส�ำหรับใส่ข้าวเปลือก พอดีพอร้าย ว. อาจเป็นไปได้ 136 พื้นภูมิเพชรบุรี
พอถูไถ ว. ใช้แก้ขัดได้ พะเรอ ว. ท�ำส่ง ๆ, ท�ำอย่างขอไปที, ท�ำอย่างไม่หวังผล เช่น นาพะเรอ (นาที่ไม่หวังผลนัก ถ้าเสียไม่ได้ผลก็ให้วัว - ควายกิน) แต่ตาล พะเรอ หมายถึง ท�ำตาลมาก, ท�ำตาลอย่างหวังผลเลิศ พะเรอ, พะเรอเกียน ว. มาก, เหลือหลาย พับผ่า, พับเผื่อย ว., อุ. ฟ้าผ่า (เป็นค�ำสบถ) พิ่น ๆ ว. หมิ่น หรือเฉียดไป พุ ก., ว. ผุดขึ้น, น�้ำที่ผุดขึ้น เรียกน�้ำที่ผุดขึ้นว่า น�้ำพุ เรียกสถานที่ที่น�้ำผุดขึ้นว่า พุ ตัวอย่างสถานที่ในจังหวัดเพชรบุรี เช่น พุเขมร, พุไทร, พุมะซาง, พุบอน, พุน�้ำร้อน เป็นต้น (สถานที่เช่นนี้ ผู้ไม่เข้าใจจะไปแก้ให้ สลับกันเสีย เช่น เป็น น�้ำพุร้อน เป็นต้น ความจริง น�้ำพุร้อน กับ พุน�้ำร้อน นั้นต่างกัน แต่เกี่ยวเนื่องกัน) พุงกะทิ น. หน้าท้อง, ส่วนที่ดีที่สุด พุงเนื้อ น. เครื่องในวัว - ควาย พุม ว. เหมาะสม, สง่า, ภาคภูมิ พู ก. วัวร้องเรียกหากัน พูดกระดวน ก. พูดกระแทกกระทั้น พูดกระทอก ว. พูดกระโชกโฮกฮาก เพ น. พวก เช่น ทั้งเพ ว่า ทั้งพวก เพลงพวงมาลัย น. เพลงพื้นเมืองภาคกลาง เล่นอยู่ ๕ จังหวัด คือ กาญจนบุรี, นครปฐม, เพชรบุรี, ราชบุรีและอ่างทอง บางท่านเชื่อว่ามีต้นก�ำเนิด ที่เพชรบุรี แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ เพลงพวงมาลาสั้น (เพลง พวงมาลัยเร็ว) และเพลงพวงมาลัยยาว (เพลงพวงมาลัยช้า) เพลง พวงมาลัยสั้นจะขึ้นต้นด้วย เอ้อระเหย และลงท้ายด้วย เอย เช่น เอ้อระเหยลอยมา ลอยมาจากหลังเขา น้องจะอยู่กับแม่ น้องจะแก่เสียเปล่า ไปอยู่กับเรา เสียเถอะแม่สาวน้อยเอย (ลูกคู่รับ) เพลงพวงมาลัยยาว ท่วงท�ำนองช้ากว่าและไม่จ�ำเป็นต้องขึ้นต้นด้วย “เอ้อระเหยลอยมา” เสมอไป เนื้อร้องจะมีหลายวรรค (ไม่ก�ำหนด) เช่น โอระชาโยนชา ฉันจะว่าไปใหม่ ผิดบ้างพลั้งหนา ฉันขอขมาทุกคนไป ลุงจ๋าลุงจ๊ะ ลุงมาธุระอะไร จูงหมาโมโม มาผูกโซ่ไวไว ฯลฯ พ่อคิ้วโก่งหางไก่ เชิญมาไวไวเถิดเอย ภูมิประชา 137
เพลงพาดตาล น. เพลงพื้นเมืองของคนท�ำตาลโตนด มีที่มาจากเพลงโคราช บางคนเรียกว่า เพลงเหนือ เนื้อร้อง เช่น เดือนสิบเอ็ดน�้ำนอง เดือนสิบสองน�้ำทรง ถึงเดือนอ้ายเดือนยี่ น�้ำก็ปรี่ไหลลง...เอย ไปตัดไม้พะองมาพาดตาล พอตัดเสร็จสรรพก็กลับมาบ้าน ไปจับไอ้โพเทียมนอก ไอ้ดอกเทียมใน บอกกับแม่อีหนู เอ็งต้องชูหน้าไว้ ฯลฯ เพลงนี้ใช้ร้องบนต้นตาล บางท้องที่จึงเรียกว่า เพลงยอดตาล ก็มี เพลงเรือเมืองเพชร น. เป็นเพลงเรือที่ต่างไปจากเพลงเรือของภาคกลาง หรือลุ่มน�้ำ เจ้าพระยาที่แทรกด้วยค�ำ ฮ้าไฮ้... ชะชะ โดยที่เพลงเรือเมืองเพชร จะขึ้นต้นด้วย เฮละโล้สาระพา เช่น ผู้น�ำ หรือต้นเสียง : เฮละโล ลูกเรือ : เอ้า ! สารพะพา ผู้น�ำ : เฮโลสาระพา ลูกเรือ : สาระพาเฮโล ผู้น�ำ : สวัสดีพี่น้อง ลูกเรือ : ผมจะร้องชมสาว ผู้น�ำ : คนที่หน้าขาว ลูกเรือ : ผมยาวประบ่า ฯลฯ เพศ น. ขนบธรรมเนียม, ความเป็นอยู่ เช่น ไปดูเพศบ้านเขามั่ง แพว ก. โผล่ เช่น ไม่แพวมาเลย, แตะต้อง เช่น แม่เลี้ยงดูมิให้อันใดแพว (ขุนช้าง - ขุนแผน) แพ้ว ก. ผูก หรือติดตั้งไว้ในที่สูง เช่น ทุกถิ่นเถื่อนทุ่งแถวแพ้วจังหัน (นิ.เมืองเพชร) ฟ ฟันแลง น. ฟันผุ, ฟันแลงกิน ฟันแมงกิน ก็ใช้ ฟันอ้อย น. การเล่นฟันอ้อยที่พิงราวไว้ตามจ�ำนวนที่พนันกัน ผู้ชนะ (ฟันขาด) ได้อ้อยเป็นรางวัล ฟาด ว.,ก. ละม้าย เช่น ลูกคนแรกหน้าตาฟาดไปทางพ่อ เป็นต้น, ใช้แทน กิริยาอื่นได้ตามที่พูดต้องการ หรือผู้ฟังรู้กันในบริบท เช่น ฟาดเรี่ยม, ฟาดสองขั้น อาจจะหมายถึง กิน, เอา หรือ ได้รับ เป็นต้น ฟาดตัว ก. ท�ำพิธีปัดเป่า หรือบอกกล่าวเจ้าผี ให้หายจากอาการเจ็บป่วย ฟีบ ว. แฟบ, แบน, ลีบ ฟุม น. ฝอย, ขยะ เช่น ฟุมฝอยหมอยบ้ามีถมไป (มณีพิชัย) ฟู ๆ น. เป็นเสียงเรียกของเจ้าของวัวให้วัวมากินหญ้า 138 พื้นภูมิเพชรบุรี
ฟู่ฟ่า ว. หรูหรา, ท�ำตัวเด่นผิดจากปกติ แฟ้ม น. ภาชนะสานเป็นรูปหอยแครง ส�ำหรับใส่สิ่งของต่าง ๆ เช่น แฟ้ม โพล่โย้ยานอยู่ยาบยาบ หัวปลาอ้างาบดังกาบไผ่ (ขุนช้าง - ขุนแผน) เฟื้อ น. ต้นกกช้าง, ต้นกกธูปฤๅษี คนเพชรบุรีเรียกว่า เฟื้อ ไฟเย็น น. การเล่นแกล้งคนหลับ (หรือคนพาซื่อ - เชื่อง่าย) โดยใช้ผงหัวไม้ขีด ซุกตามซอกเล็บ แล้วใช้ไฟจุดให้ไหม้เข้าไปถึงเนื้อ ม มดตะหุน น. ปลวก จิงหัน, จิงหุน, จิงกะหัน, จิงกะหุน หรือ ดินละหุน ก็เรียก มอ น. เนินเขาเล็ก ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของเขาลูกใหญ่ ม่อง, ม่องเท่ง, ม่องอีกกูด ก.ตาย มองท่า ก., ว. ท่าทางจะ, เห็นทีจะ เช่น เขามองท่าไม่พอใจอยู่นะ มอบ น. เครื่องสานให้พอดีกับปาก ส�ำหรับสวมปากสัตว์ เช่น ม้า วัว ฯลฯ เพื่อป้องกันการใช้ปาก เช่น กิน หรือกัด เป็นต้น มะเขือช่อ น. มะเขือพวง มะระขี้นก น. มะไห่, มะระชนิดผลเล็ก มันยั่ง ว. มันย่อง, เรียกอาหารที่มันลอยหน้าว่า มันยั่ง มั้ง ว. กระมัง เช่น งานนี้ยังไม่พร้อมมั้ง มั่น ว. ล�่ำ, ล�่ำสัน ม้าน ว. พืชที่ไม่งอกงาม ชะงักงัน ไม่มีผล เช่น ข้าวม้าน เป็นต้น ม่าย ก. อาการที่วัว ๒ ตัว เดินเอียงข้างเข้าหากันท�ำนองท้าทาย และ เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กัน มิ ก., ว. เหม่อ, ซึม เช่น นั่งมิ หรือในวรรณคดี อาทิ แล้วว่าเจ้าเล่าก็ช่าง นั่งมึนมิ ห้ามแล้วสิอย่าให้ลงไปดิน (ขุนช้าง - ขุนแผน) มีหัว ว. รู้จักคิด, ฉลาด มุตโต น., ก. เรียกคนที่ส�ำเร็จในวิชานั้น ๆ จนเชื่อมั่นในตนเอง เช่น สามารถคิด กลอนสดได้ทุกเรื่องว่า มุตโต (จากภาษาบาลี มุตฺโต แปลว่า พ้นแล้ว บางท่านว่ามาจาก อุตโตทัย ซึ่งเป็นชื่อต�ำราร้อยกรอง ก็มี) เช่น ไม่ได้เรียนมุตโตคิดโวหาร (นิ.เขาลูกช้าง) เม่ง ก. นอน มักใช้กับเด็ก ๆ เม็ดน�้ำค้าง น. สิ่งที่กลึง หรือท�ำเป็นรูปกลมบนยอดเจดีย์ เม็ดมะเขือ น. ข้าวชนิดหนึ่งเมล็ดป้อมเล็ก ใช้เป็นอาหารนก เม็ดมะระ น. ปุ่มเล็ก ๆ บนเขากวาง เม็ดอีโป้ง น. เมล็ดตาล, ใช้เป็นอุปกรณ์การเล่นอีกาคาบไข่ เมื่อไร ว. ก็หาไม่ เช่น กลัวเสียเมื่อไรล่ะ หรือ ใช่กูจะเกรงฤทธา ศักดานิ้วเพชรมึงเมื่อไร (รามเกียรติ์ ร.๑) แม่คุณ น. ยาย, บางคนเรียก แม่ใหญ่ แมงกะชุน, แมงกระชุน น. แมลงปอ, บางท้องที่เรียกเฉพาะลูกแมลงปอที่อยู่ในน�้ำ ภูมิประชา 139
แมงจิ่งทุย, แมงอี้ทุย น. แมลงปอ แมวโป้ น. แมวตัวโต ๆ (โป้ = ใหญ่, โต เช่น นิ้วโป้) แมวหง่าว น. แมวแก่ตัวผู้ที่ตัวใหญ่หน้าตาหน้ากลัว ไม่ได้ต�ำบล ส�ำ. ไม่รู้อะไร, ไม่ได้ต�ำบลสนธยา, ไม่ได้ต�ำบลต้นคอ ก็ว่า ไม่นักเลง ว. ไม่ชอบ, ไม่มีนิสัยในด้านนั้น ๆ ไม่เป็นกิน ว. ไม่อร่อย ไม่รู้จักหม้อข้าวหม้อแกง ว. ไม่รู้ - ไม่เป็น การบ้านการเรือน ไม่มีด้วงมีแมง ว. ไม่เคยผ่านมือชาย หมายถึงหญิงบริสุทธิ์ ไม้กันหมา ส�ำ, น. ผู้ติดตามรู้เห็นที่สามารถเป็นพยานได้, เครื่องป้องกันตนเอง เครื่องเพิ่มศักดิ์ศรี - คุณค่า ไม้ก�ำปัด น. ไม้กวาด, ไม้กวาดที่ท�ำจากต้นขัดมอน หรือไม้พุ่มบางชนิด ย ยง ก. พรวนดิน เช่น ยงข้าวโพด หมายถึง พรวนดินโคนข้าวโพด น่าจะเป็น เสียงหดสั้นของค�ำว่า โยง ยัดพลุ ก. กินจุ, กินเข้าไปเกินขนาด เช่น ก�ำลังหิว รับประทานอาหารจุ เหมือน เขาว่ายัดพลุยัดจังหัน (นิ.เขาลูกช้าง) ยัน, ยันเต ว. อย่างโจ่งแจ้งโดยไม่ฟังเหตุผล เช่น เข้าข้างกันยันเต ยัย น. ค�ำน�ำหน้าหญิงทั่วไป (แทนค�ำว่า ยาย ของภาษากลาง) โดยหญิง ทั่วไปใช้ ยัย ส่วนค�ำว่า ยาย ใช้ในที่นับถือ หรือเป็นยายจริง ๆ ยา ก. ฉาบ, ทา เช่น ยาลาน ยาบกกล้วย น. เชือกที่ท�ำมาจากกาบกล้วย ย่าม น. เรียกอัณฑะของเด็กชาย ยิ้ม ก. ขัน ยิ้มกระปุม ก. อมยิ้ม ยิ้มหัวเราะ ว. ชอบใจ ยี่โป้ น. ผ้าขาวม้า เช่น ได้แต่ฉวยผ้ายี่โป้โอ้ยามเข็ญ (นิ.เขาลูกช้าง) ยึด ก. ปล�้ำ, ข่มขืนกระท�ำช�ำเรา ยืน น. เรียกวาระการลุกขึ้นร้องเพลงพื้นเมืองแต่ละครั้งว่า ยืน เช่น ร้องได้ ๒ ยืน ก็เลิก ยื้ม ก. ยืม เยียวงัว, เยี่ยววัว น. น�้ำตาลที่เคี่ยวพอเดือด มีสีและมีกลิ่นเหมือนเยี่ยววัว, น�้ำตาลปุบปับ (จากเสียงเดือด) ก็เรียก เย้อ น. ยาย โย่ น. แม่ โยมอุปัฏฐาก น. ภรรยาของผู้ที่บวชเป็นพระ ไย่, ย่าย เกลี่ย หรือขยี้ของที่จับเป็นกระจุกให้กระจาย 140 พื้นภูมิเพชรบุรี
ร รถรุน น. รถเข็น รอ น., ก. หลักปักกันกระแสน�้ำ, รองน�้ำ เช่น รอน�้ำฝน = รองน�้ำฝน รองเที่ยง ก. เข้าร่วม, เข้าประสม, ตามไปด้วย รักแร้แดง น. ซอกขาหน้าของสัตว์ (ตรงกับที่ตั้งของหัวใจ) รังแครังคัด ส�ำ. รังเกียจ รา ก. ดึง, รั้งเอาไว้ ร่างร้า น. ร่างร้าน รุน ก. เข็น, ดัน รุบริบ ว. กระวนกระวาย, วุ่นวายใจ รูสลัก น. รูพังเหย, รูลับของแย้ (เป็นรูที่ ๒ – ๓ ซึ่งซ่อนไว้) เมื่อศัตรูเข้า ทางหน้ารูปกติ ที่จะกระทุ้งรูลับซึ่งอยู่ที่ผิวดินหนีไปได้ เรียด ว., น. เสมอกัน, เครื่องรีด หรือรูดหวาย เป็นต้น ให้เสมอกัน เรี่ยม, เรี่ยมเชี่ยม ว. สะอาด, เกลี้ยง เรื่องกะโหลกกะลา น. เรื่องไม่เป็นเรื่อง แร่งแห น. เครื่องปิดของลับของเด็กหญิงท�ำด้วยเงิน นาก หรือทองตามฐานะ โรงทึม น. ที่เก็บศพ, ฌาปนสถาน ล ลงเม็ด ก. (ฝน) เริ่มตก ลงหัว ก. (มัน เป็นต้น) ออกหัว ล้น ว. มีอารมณ์, มีจริตกิริยาวาจาเกินกว่าระดับปกติไปในทางลบ ละไป ว. ใช้ประกอบ หรือขยายกริยา หรือกริยาวิเศษณ์ เช่น เก่งเกินละไป ลั่ว น. พลั่วด้ามยาวใช้ส�ำหรับท�ำนา ใช้ตักดินโดยใช่เท้าถีบประกอบ ลู่หลี่ ว. ฉุนเฉียว, หงุดหงิดง่าย, มีปัญหา หลู่หลี่ ก็ใช้ ลูกกระเจียบ น. ลูกไก่ ลูกกระซีด น. ลูกแย้ (สียังซีด - จาง ไม่เหมือนแย้ขนาดใหญ่) ลูกกะติ๋ง น. ลูกหมา ลูกขี้โป้ง น. เมล็ดตาลแก่แห้งที่ไม่มีเนื้อใน (ใช้เล่นกาคาบไข่) อีโป้ง ก็เรียก ลูกต�ำชวด น. มะขามป้อม ลูกต�ำเยี่ยว น. ผลเล็บเหยี่ยว ลูกกะแหมะ น. ลูกวัวขนาดเล็กยังกินนมแม่ ลูกกะแอ น. ลูกวัว - ควาย ขนาดเล็กยังกินนมแม่ ลูกกะเหลิง น. ลูกวัวที่อดนมแล้ว (ก�ำลังเล่นร่าเริง) ลูกเกิด ว. มีความคิดในทางที่ดี หรือเก่งเอง ลูกสอน ว. ไม่มีความคิดที่ดี หรือเก่งเอง ต้องบอกต้องเตือน เลา น., ว. สีเทา, เทา ภูมิประชา 141
ไล่ทหาร ก. จับทหาร (ดูจับทหาร) ไล่ราว น., ว. การล่าสัตว์โดยใช้คนจ�ำนวนมาก ท�ำเสียงดัง ตีป่าเป็นหน้ากระดาน (คนที่ท�ำดังนี้เรียกว่า ลูกราว) และมีพรานคอยดักยิงสัตว์ที่หนี ออกมา ว วงเล็บ น. ชื่อสิ่วชนิดหนึ่ง มีรูปรอยเหมือนวงเล็บ วั่ง ว. อาการขึ้นเงาชัดเจน เช่น เป็นเงาวั่ง, เสียงแจ่มใสกังวาน เช่น พระองค์นี้เสียงวั่ง, น�้ำนองกระจายเป็นวงกว้าง เช่น ทุ่งนาปีนี้ น�้ำวั่งไปหมด วันซื้น น. วานซืน วัวลาน น. การแข่งขันวัวโดยผูกวัวหลายตัวด้วยเชือกเส้นเดียวกันเข้ากับหลัก ไล่ให้วิ่งไปรอบ ๆ วัวตัวส�ำคัญ ๒ ตัว คือ วัวรอง ซึ่งอยู่ล�ำดับที่ ๒ ของพวง (นับจากนอก) และวัวนอก ซึ่งอยู่รอบนอกสุดเป็นวัวที่ ท้าแข่ง (เจ้าของเป็นคนละคนกับ วัวพวง ที่เป็นฝ่ายรับท้า) การแพ้ชนะดูที่ วัวนอก สามารถวิ่งชนะวัวรองโดยไม่ต้อง ถูกลากไป และขึ้นอยู่กับจ�ำนวนรอบวิ่งที่ตกลงกัน การวิ่งจน รู้แพ้รู้ชนะกันของวัวลานพวงหนึ่งเรียกว่า เปิด หนึ่ง ว้าน น. เมื่อวาน วิบ ก. รู้สึกโกรธ วี ก., น. เหวี่ยงไม้ เป็นต้น กราดไปรอบ ๆ, ผึ้งมิ้ม ผึ้งแมลงหวี่ ก็เรียก วิ่งกระโดด น. การเล่นกระโดดเชือก วืด ว. ผ่านไปโดยผิดเป้าหมาย, ชวด วูบ ว. หมดสติไปชั่วขณะ, รู้สึกหวิวไหวจะหมดสติ, ลุกโพลงแล้วดับไป แว่ว ก., ว. ได้ยินข่าว เช่น แว่วมาว่าเขาได้มรดกก้อนใหญ่ ศ ศรนารายณ์ น. ชื่อหนึ่งของงูกะปะ, ชื่อหนึ่งของงูแมวเซา (เพราะที่หัวถึงต้นคอ มีลายเป็นรูปลูกศร), ชื่อป่านชนิดหนึ่ง, ชื่อว่านชนิดหนึ่ง ศอกก�ำ น. ระยะตั้งแต่ข้อศอกถึงปลายมือที่ก�ำ ส สง ว. เรียกวิธีพายเรือแบบสั้น ๆ ถี่ ๆ ว่า พายสง ตรงกันข้ามกับพายยาว สนน น. ถนน สนัด ว. ถนัด, ใหญ่ เช่น เห็นปลาแมลงภู่ตัวสนัดเลย สมปัด น. ก�ำปัด, ชื่อไม้พุ่มสูงราว ๑ เมตร ใช้มัดรวมกันเป็นไม้กวาด สมวย ว. ฉมวย, โชคดี 142 พื้นภูมิเพชรบุรี
สระโอ น. เหล็กรูปสระโอ ๒ ชั้น ใช้ขูดกรีดลงไปในโคลนเพื่อจับปลาหลด หรือปลาตัวที่แบน ๆ สลึงอย่าบังบาท ส�ำ. เป็นเด็กต้องให้โอกาสผู้ใหญ่ สังตะเกย น. หญ้าตะเกย, หญ้าเจ้าชู้ สั่ว น., ว. ไม่ดี, ของชั้นต�่ำ, ของคุณภาพเลว สะ ก. หยุด ใช้กับฝน สะเพร่า ว. ผมโปร่งฟูแบบผมที่สระแล้วใหม่ ๆ, กะเพร่า ก็เรียก ส�ำ ก. หมก, หรือกองทิ้งไว้ สิม ก. อาการที่ฝนตกปรอย ๆ, ซึม เช่น เหงื่อสิม สู ส. สรรพนามบุรุษที่ ๑ เป็นค�ำเก่า ยังใช้อยู่หลายท้องที่ เส็ง ว. ซีด, เศร้า, ไม่สบายใจ เช่น หน้าเส็ง เสด็จอีเก้ง ก. ตาย เสมอ ว., สัน. ต่างก็, ล้วนแต่, เพียง แค่ เช่น เสมอสัก ๑๐ บาท ก็พอสู้ เป็นต้น เสียม น. เครื่องสานใช้เก็บเมล็ดข้าว ฯลฯ พับเก็บได้ เสื้ออุ่น น. เสื้อกันหนาว แสงอน ว. มีจริตจะก้าน (เป็นคนละค�ำกับ แสนงอน) เช่น นางคนหนึ่งขาย ดอกแคดูแสงอน (นิ.เขาลูกช้าง) ห หมอ ส. เขา, มัน เช่น หมอเป็นคนอย่างนั้นเอง แต่ถ้ามีงานหมอก็ช่วยท�ำงาน อย่างเข้มแข็ง หม้ออ๋วย น. หม้ออวย, หม้ออ่วย ก็เรียก หง�ำ ก., ว. แย่งอาหารกัน ใช้กับต้นไม้, ไม่งอกงาม เรียกพืชที่อยู่ในร่มว่า ไม้หง�ำ หงุงหงิง ก. ว. อ้อน, งอแง หนอกงัว, หนอกวัว น. ผึ้งชนิดหนึ่งมีรังเป็นรูปหนอกวัว หน้าเม้, หน้าโม้ น. หน้าผาก, หน้าแง หน้าเม้า น. หน้าอูม, แก้มยุ้ย หนึก น. ว. วัวที่ตอนไม่ลง, เหนียวแข็งจนเคี้ยวยาก, คนขรึม ๆ แต่ดื้อรั้น ไม่ยอมคน, ถี่เหนียว หนึม ว. อาการปวดหนึบ ๆ ผสมกับชา หมาหริ่ง น. สัตว์คล้ายอีเห็น สีน�้ำตาลคล�้ำ มีกลิ่นสาบแรงมาก หมาหรึ่ง ก็เรียก หมากกะฉุด น. การเล่นชนิดหนึ่ง มีเบี้ยไว้ส�ำหรับเดินสะดุดด้วยเท้าข้างเดียว หมากกะเถ็ก น. การเล่นชนิดหนึ่ง ใช้วิธีกระโดดตามตารางด้วยขาข้างเดียว หมากกะโหล น. ไมโครโฟน ชั้ว ก็เรียก หมากเม่า น. ไม้ชนิดหนึ่งมีผลออกเป็นช่อ รสเปรี้ยวคล้ายเล็บเหยี่ยว หมาสองราง ส�ำ. เรียกคนที่กินอยู่คอยรับใช้ทั้ง ๒ ฝ่าย, ว่าหมา ๒ ราง (คนชนบทจะใช้ไม้ไผ่ เป็นต้น ท�ำเป็นรางอาหารส�ำหรับใส่ให้หมากิน) ภูมิประชา 143
หมิบ ก. หยิบเอาเมื่อเจ้าของเผลอ หมู่ น. ช่วง, เวลา เช่น หมู่นี้ไม่ว่าง หยก ก., ว. ใช้เบ็ดตกปลา หรือกบ โดยขยับเหยื่อขึ้นลงเบา ๆ คล้ายเหยื่อโดด, เบา, ถ้าพูดว่า หยก ๆ หมายถึง เมื่อกี้ หยอก ว. ย่อย เช่น หยอกอยู่เมื่อไร หย่อง ก., ว. ยอง ๆ, เช่น นั่งหย่อง, ยางหย่อง หยาบเหย่อ ว. เลินเล่อ, ไม่รอบคอบ หริก ก. ดัดจริตดีดดิ้น หรี่ ว. หรือ, ค�ำลงท้ายค�ำถาม ใช้ เหร่, เหร่อ, เหรี่ย, เหยี่ย ก็มี (ขึ้นอยู่กับท้องที่) หลบสาก ส�ำ. เกียจคร้าน หล่อ ก. ริน เช่น หล่อน�้ำให้แก้วหนึ่ง หลู่หล่า ว. ชอบท�ำเสียงเอะอะโวยวาย, ชอบส่งเสียงดัง หลู่หลี่ ว. ฉุดฉิด, ฉุนเฉียว, มีปัญหา ลู่หลี่ ก็ใช้ ห่วย ว. ไม่ดี, เลว หวิด ก. วัดเบ็ดขึ้นเมื่อปลากินเหยื่อ หวีด ก., ว. อด, ไม่ได้, ชวด หอยโข่ง น. ผึ้งชนิดหนึ่ง มีรังเป็นรูปหอยโข่ง หะ ก. ดักหน้า, สกัดหน้า เช่น เฮ้ย ! วัวหนีช่วยกันหะไว้ หักคอม้า ก. พับใบตาลครึ่งทางเป็นรูปคล้ายคอม้า เพื่อใช้มุงหลังคา หัวหมู น. ไม้รูปคล้ายหัวหมูส�ำหรับสวมผาลไถนา หัวยังไม่หมดไขล ส�ำ. ยังอ่อนวัยมาก หางยาม น. ปลายคันไถบริเวณมือจับ หิ้ม ก. ตัด, เล้ม หีบ ก. หนีบ หึ ก. ไม่, เปล่า ฮึอึ้ ก็ใช้ เหม่ ว. เลอะเทอะ, มอมแมม เหรา น. แมงดาไฟ, แมงดาทะเลชนิดเล็กหางมีขน มีพิษกินไม่ได้ เห่เรือบก น. การเล่นเห่เรือบนบก โดยพัฒนามาจากเพลงเรือ ส�ำหรับท้องถิ่น ที่ไม่มีเรือ ไม่มีน�้ำ หรือจัดท�ำขึ้นเพื่อการแสดง (ดูที่เพลงเรือ เมืองเพชร) เหละ ก. ดุ, เหะ หรือ เอะ ก็ใช้ เหละหละ ก. เรื่อยเปื่อย เหอะ ว. ค�ำขานรับ เฮอะ ก็ใช้ บางแห่งถือว่าสุภาพ เหือก ว. เป็นค�ำด่า (ห่า + เกือก) แหงะ ก. เงยหน้าขึ้นดู แห้น ก. แทะ 144 พื้นภูมิเพชรบุรี
แหน่ ว. แน้, เสียงบอกอาการห้าม, หรือเอ็ด แหม่ง, แหม่ง ๆ ก. ทะแม่ง, มีพิรุธ, มีกลิ่นไม่ดี แหย็ง น., ว. ต้นไม้ที่งอกบนไม้อื่น (ส่วนมากเกิดจากนกกาที่กินเมล็ดพืชและ มาถ่ายมูลไว้) เช่น โพแหย็ง หมายถึง ต้นโพที่ขึ้นบนต้นตาล เป็นต้น, ไม่งอกงาม เช่น ตาลแหย็ง โหก ก., ว. เป็นค�ำร้องห้ามวัวให้หยุด หรือวิ่งกลับ, หก โหกไม่กลับ ส�ำ. ไม่ฟังใคร, สอนไม่ได้ โหง ก. กระดกภาชนะ เช่น กระบอกน�้ำ เป็นต้น ขึ้นเพื่อดื่ม, กระโหง ก็ว่า โหล่ ว. สุดท้าย, บ๊อง (เช่น โหล่ ๆ ว่า บ๊อง ๆ), เชย, เปิ่น โหลน น. ลื่อ, ลูกของเหลน โหว่ง ว. เป็นช่องกลวง, โหว่ โหวงเหวง ว. รู้สึกหวิวไหว. รู้สึกไม่สมบูรณ์เต็มที่ ใหม่กริบ ว. ใหม่จริง ๆ อ อยู่ ๆ ว. จู่ ๆ, อยู่ดี ๆ อยู่อ�ำเภอเมีย ส�ำ. เมียเป็นใหญ่ อ้วนนกเขา ส�ำ. หมายถึงคนที่มีโครงร่างเล็ก แต่มีเนื้อมีหนัง ถึงอ้วนก็ดูไม่อ้วน เรียกว่า อ้วนนกเขา อ่วย น. หมออวย, หม้ออ๋วย ก็เรียก ออ น. ค�ำน�ำหน้าชื่อ เช่น ออแดง เป็นต้น ออก ก. เดินไปทาง, ท�ำงาน อ่อน ส. หล่อน, เช่น เมื่อคราวนั้นขวัญใจอ่อนไปหึง (นิ.เขาลูกช้าง) อ่อนหวาน ว. ใช้เป็นลูกเล่นว่า หวานน้อยไป, พูดไม่ไพเราะ (เทียบอ่อนเค็ม อ่อนเปรี้ยว ฯลฯ) อาจ ว. คึกคัก, กระสัน, บอกอาการติดสัด อีกึง น. ปลาน�้ำกร่อยชนิดหนึ่ง คล้ายปลาแขยง อีจังเอ๊ย อุ. อนิจจังเอ๊ย อีตัว น. ชิ้นส่วนที่ส�ำคัญ หรือตัวเล่นที่ดีที่สุดของการเล่นชนิดนั้น ๆ อี้ทุย น. แมลงปอ, จิ่งทุย, แมงกะชุน, จิ่งยม หรือ แมงลม ก็เรียก อีพุ้ย น. นกกางเขน เช่น ทั้งอีพุ้ยกุ๋ยแซจับแคบน (นิ.เขาหลวง) อีเมี้ย น. แม่, อีนม หรือ โย่ ก็เรียก อีเร่ออีเต่อ ว. รุ่มร่าม อีเหม็น น. ต้นดีเหม็น (ใบใช้ห่อขนมตาล เมื่อสุกแล้วมีกลิ่นหอม) อีแหร็ดแถ็ดแถ่ ก. ท�ำดีดดิ้น อึ้ง ว. ใช้ประกอบค�ำว่า หนัก เป็น หนักอึ้ง ภูมิประชา 145
อุดตะคุด ก. คุดคู้ (อาจจะมาจากพุทธสาวกรูปหนึ่ง ชื่อพระอุปคุตซึ่งไปจ�ำพรรษา อยู่ใต้ทะเล) อุ้นลุ้น ว. อ้วนเตี้ย อุบหนิก ว. อุบเงียบ อุกขิดตะขัก ว. ขลุกขลัก, อีหลุกขลุกขลัก (เลียนเสียงมาจากบทสวดชัยมงคลคาถา บทที่ ๔ ที่ขึ้นต้นว่า อุกฺขิตฺตขคฺคมติหตฺถสุทารุณนฺตํ) เอ้ ว. ตัวส�ำคัญ เช่น ฉันไม่ใช่ตัวเอ้เป็นเมธี (นิ.เขาลูกช้าง) เอ้เต, เอ้เตตันเย ว. นั่ง หรือนอนตามสบาย (ค�ำหลังน่าจะตัดมาจากบทสวด เอเต จญฺเ จ สมฺพุทฺธา...) เอาแรง ว. ติดแรงกันในการลงแขกท�ำนา เป็นต้น เอ้า อุ. ค�ำบอกให้ลงมือ เช่น เอ้า ! วิ่งได้ เอา ว. ใช้เสริมกิริยาแสดงว่าถูกกระท�ำ เช่น เดี๋ยวมันเตะเอา เอ๊า อุ. อ้าว เช่น เอ๊า ! ยังไม่ล้างหน้าอีก เอาเข้าจริง ๆ ว. ครั้นถึงเวลา เอิ้น ก. บอก, เรียก ด้วยเสียงอันดัง เอี่ย ว. เปลี้ย, หมดแรง เช่น มานอนเอี่ยอยู่นี่เอง เอี้ยง ก., ว. เมียง, เลียบเคียง เช่น เขาหลบไปสักครู่ก็ค่อย ๆ เอี้ยงมาอีก โอ ๆ น. เสียงเรียกหมาให้มาหา, โม, หรือ โม้ ก็ใช้ แอ็นตะแม็น, แอ็นละแม็น ว. อ้อยอิ่งไม่กระฉับกระเฉง, ไม่มั่นคง, ไม่แข็งแรง เช่น พูดเตือนว่า ถือให้ดีอย่าท�ำแอ็นตะแม็น เดี๋ยวของตกแตก ไอ้พั้ว น. พ่อ ฮ ฮีบ ก. หนีบ, หีบ ฮึ ว. ค�ำปฏิเสธหมายถึงไม่หรือเปล่า, หึ, หึอึ้ ก็ใช้ ฮืด ก. อยาก ฮึอึ้ ว. ค�ำปฏิเสธ ใช้ ฮึอือ, เฮอะเออ ก็มี ฮือ ก. ทะเลาะวิวาทในงานวัด เป็นต้น เช่น งานวัดนี้มีคนฮือกัน ฮู้ดอัว น., ว. เสียงวัวตัวผู้ร้องท้าทายกัน, ท้าทายกัน (ใช้กับวัว) เฮอะ ค�ำขานรับ, เหอะ, (ดูที่ เหอะ) บางแห่งถือว่าไม่สุภาพ เฮอะเฮอ อุ. ค�ำอุทานแบบไม่จริงจังนัก 146 พื้นภูมิเพชรบุรี
ส่วนที่ ๒ วรรณกรรมเพชรบุรี วรรณกรรมเพชรบุรี ในที่นี้หมายถึง วรรณกรรมที่คนเพชรบุรีเขียน หรือผู้อื่นเขียนถึง เมืองเพชรบุรี จะกล่าวโดยสรุปรวม ๆ กันไปทั้งวรรณกรรมร้อยแก้วและร้อยกรอง โดยมุ่งเน้น วรรณกรรมที่ส�ำคัญ โดยยกเว้นที่จะกล่าวถึงวรรณกรรมร่วมสมัย ซึ่งยังไม่สามารถรวบรวมได้ ในขณะนี้ ดังนี้ ๑. นิราศเมืองเพชรบุรี แต่งเป็นกลอนจ�ำนวน ๘๙ บท หม่อมภิมเสน หรือหม่อมพิมเสน เป็นผู้แต่งกลอนการเดินทางจากกรุงศรีอยุธยามาเพชรบุรี เข้าใจว่าแต่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตอนปลาย สมัยนั้นไม่เรียกว่า นิราศ แต่เรียกว่า เพลงยาว ตัวอย่างกลอนในนิราศเมืองเพชรบุรี ๑.๑ กล่าวถึงบางตะเครา ก็ลุถึงปากน�้ำบางตะเครา ยิ่งแลเปล่าเศร้าใจใฝ่หา จรดลตามชลมารคมา หมายตามณฑปวัดเขาดิน เข้าใจว่าบางตะเครา คือ เขาตะเครา ปัจจุบัน (ซึ่งเรียกกันมานานแล้ว) หาใช่เดิมเรียก เขาตะคริว ดังที่มีผู้สันนิษฐาน และที่นิราศเมืองเพชรของสุนทรภู่ (ฉบับพิมพ์ทั่วไป) แก้เป็น เขาตะคริว เพราะคนของโรงพิมพ์ไม่เข้าใจไปแก้ค�ำว่า ตะเคราเป็นตะคริว เอง ผู้เขียนได้ตรวจสอบ ฉบับตัวเขียนในหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งมีอยู่ ๖ ฉบับ ล้วนเป็นเขาตะเคราทั้งหมด ไม่มีฉบับใดเขียนว่า เขาตะคริว (ผู้สงสัยกรุณาไปตรวจสอบดูได้) ๑.๒ กล่าวถึงพลับพลาที่ตั้งไว้รับเสด็จ ครั้นรุ่งเช้าเศร้าใจลงเรือน้อย ค่อยลอยพายไปถึงเพชรบุรีศรี เขาตั้งพลับพลาไว้ใกล้บุรี สถิตที่พระราชฐานา แสดงว่าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินสมัยกรุงศรีอยุธยาโปรดเสด็จเมืองเพชรบ่อย ๆ (เช่น สมเด็จพระนเรศวรฯ, พระเอกาทศรถ, พระเจ้าเสือ) จนต้องมีพลับพลาตั้งไว้เป็นทางการ ๒. นิราศเมืองเพชร สุนทรภู่แต่งในสมัยรัชกาลที่ ๓ เป็นกลอนแบบสุนทรภู่ (เน้นสัมผัสใน แบบกลบทมธุรสวาทีส่วนมาก) ฉบับพิมพ์จ�ำหน่ายทั่วไปเป็นกลอน ๒๐๙ บท มีต้นฉบับตัวเขียน อยู่ในหอสมุดแห่งชาติ ๖ ฉบับ มีฉบับที่มีกลอนยาวถึง ๒๔๖ บท และ ๒๔๙ บท อยู่ ๒ ฉบับ คือ ฉบับหมายเลข ๗ และ ๙ (ซึ่งอาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว ได้น�ำมาเผยแพร่ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๙ : ๒๐๐ ปี สุนทรภู่) มีกลอนที่ต่างกันบ้างใน ๖ ฉบับนี้ เมื่อช�ำระส่วนที่ต่างจะเป็นกลอนฉบับสมบูรณ์ถึง ๒๕๐ บทพอดี แสดงว่าสุนทรภู่ได้เพิ่มเติมแก้ไขนิราศเมืองเพชรหลายครั้ง ภูมิประชา 147
๒.๑ ตัวอย่างกลอนในนิราศเมืองเพชร (เฉพาะที่หาอ่านได้ยาก) ข้ามยี่สารบ้านสองพี่น้องแล้ว คิดถึงแก้วเนตรน้องสองสุดา เสียดายเอยเคยรักสมัครมาด เหตุเพราะทาสที่สนิทริษยา จึงเหินห่างทางสวาทให้คลาดคลา จนนาวาเข้าชะวากปากตะบูน เป็นกลอนที่แต่งแทรก ๑ บทเศษ มีในฉบับตัวเขียนหมายเลข ๗ ๒.๒ กล่าวถึงสุนทรภู่มีเชื้อสายเป็นพราหมณ์เมืองเพชร มาลงเรือเมื่อจะล่องแรมสองค�่ำ ต้องไปร�่ำลาพราหมณ์ตามวิสัย ไปวอนว่าท่านยายค�ำให้น�ำไป บ้านประตูไม้ไผ่แต่ไรมา เป็นถิ่นฐานบ้านพราหมณ์รามราช ล้วนโคตรญาติย่ายายฝ่ายวงศา เทวฐานศาลสถิตย์อิศวรา เสาชิงช้าก็ยังเห็นเป็นส�ำคัญ ทั้งโบสถ์บ้านฐานที่ยังมีอยู่ แต่ท่านผู้ญาติกานั้นอาสัญ เพราะกรุงแตกแยกย้ายพลัดพรายกัน จึงสิ้นพันธุ์พงศาเอกากาย ที่เหล่ากอหลอเหลือในเนื้อญาติ เป็นเชื้อชาติชาวพริบพรียังมีหลาย แต่สิ้นผู้ปู่ย่าพวกตายาย ญาติทั้งหลายมิได้รู้เรื่องบูราณ แต่ตัวเราเข้าใจได้ไถ่ถาม จึงแจ้งความเทือกเถาจนเอาวสาน จะบอกเล่าเผ่าพงศ์พวกวงศ์วาน ก็เกรงท่านทั้งหลายละอายครัน จึงกรวดน�้ำร�ำพึงไปถึงญาติ ซึ่งสิ้นชาติชนมาม้วยอาสัญ ขอกุศลผลส่งให้พงศ์พันธุ์ สู่สวรรค์นฤพานส�ำราญใจ บ้านโคตรญาติสุนทรภู่ที่เป็นพราหมณ์ (บ้านประตูไม้ไผ่) น่าจะอยู่แถววัดพริบพรีหรือ วัดสนามพราหมณ์ (สามพราหมณ์) เพราะมีเสาชิงช้าอยู่ (สมัย ร.๘ ยังเห็นซาก สมัย ร.๙ ได้สร้าง ขึ้นใหม่ในที่เดิม โดยพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานวางศิลาฤกษ์ ฐานเสาชิงช้า เมื่อ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐) ๓. นิราศเขาลูกช้าง เป็นนิราศกลอน ผู้แต่งคือ นายต่วน ชาวเพชรบุรี เป็นข้าราชการ สมัยพระเพชรพิไสยศรีสวัสดิ์ (เทียน) เป็นเจ้าเมือง ความว่านายต่วนไปเตรียมจัดตั้งที่รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า รัชกาลที่ ๕ ซึ่งจะเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาทจ�ำลอง ณ เขาลูกช้าง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๙ จ�ำนวนกลอน ๔๔๕ บท เนื่องจากผู้แต่งเป็นชาวเพชรบุรี นิราศเรื่องนี้จึงใช้ภาษาพื้นเมืองเพชรบุรีจ�ำนวนมาก ดังอ้างไว้ในส่วนที่ ๑ ว่าด้วยภาษา เพชรบุรีแล้ว 148 พื้นภูมิเพชรบุรี
ตัวอย่างกลอนในนิราศเขาลูกช้าง ๓.๑ กล่าวถึงวัดท่าไชยศิริ พอถึงวัดท่าไชยอยู่ในป่า อันวัดวานั้นไซร้ก็ใหญ่กว้าง ดูน่ากลัวร้อยแปดทั้งแรดช้าง ทั้งเสือสางข้างอารามงามจะมี ถึงนามวัดน่าอัศจรรย์ใจ ชื่อท่าไชยได้มีไชยเมื่อไรนี่ หรือว่าใครรบรอต่อตี รบกันมาถึงนี่จึงมีไชย อยากจะถามใครดูให้รู้ชัด ว่านามวัดนี้ตั้งแต่ครั้งไหน คนนับถือลือชามาแต่ไร ท�ำไฉนจะได้รู้แต่บูราณ สมเด็จพระปรมินทร์บดินทร์เดช ซึ่งโปรดเกศร่มเกล้าเจ้าสถาน ยังเสวยตามจริตกิจโบราณ ชลธารที่หน้าวัดท่าไชย ฯ ๓.๒ กล่าวถึงพระยาชลยุทธโยธิน ซึ่งเป็นนายทหารฝรั่งที่รับราชการในประเทศไทย ซึ่งตามเสด็จในคราวนั้นด้วย ไปด้วยกันสองคนพระชลยุทธ ฤทธิรุทธนายทหารชาญสมร แต่นามเมืองของเขานั้นชื่อลันดอน ตัวต้องจรมาอยู่เขตประเทศไทย ๓.๓ เสด็จไปทรงนมัสการพระพุทธบาทจ�ำลองวัดเขาลูกช้าง พระจักรพงศ์ลงจากม้าที่นั่ง ประทับยังบนยอดคีรีศรี จุดธูปเทียนบุปผาไม่ช้าที อัญชุลีรอยบาทพระศาสดา ฝ่ายพระองค์พงศ์กษัตริย์ตรัสประภาษ ว่าพระบาทรอยนี้ดีนักหนา ก็ควรที่กราบไหว้ได้บูชา เป็นสง่ารุ่งเรืองกับเมืองเพชร ๔. นิราศเขาหลวง เป็นนิราศกลอนจ�ำนวน ๖๙ บท แต่งโดยขุนวรการ กล่าวความว่า เดินทางจากตัวเมืองเพชรบุรีไปยังเขาหลวง ประมาณว่าแต่งในปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ (ไม่ทราบ พ.ศ. แน่นอน) ตัวอย่างกลอน (เล่นค�ำผวน) ว่าพ่อจ๋าฉันมาไม่มิได้ นึกหวั่นใจพรั่นตัวฉันกลัวผี พี่ไปด้วยก็ได้เป็นไรมี ไปลงถ�้ำหินปลีเถิดพี่ชาย ไอ้คนนั้นมันก็เก่งรู้เพลงหญิง มันว่าจริงชื่อนั้นฉันก็หมาย ถ้าลงถ�้ำหินปลีทีสบาย กลัวจะว่าพี่ชายถ�้ำนี้ดี นางผู้หญิงนึกอายระคายเขิน ก็รีบเดินขึ้นหน้าพากันหนี ไอ้ผู้ชายร้องว่าแน่แพ้ฉันซี ถูกไอ้ถ�้ำหินปลีสิเปิดปรึง ภูมิประชา 149