The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์ ชั้น ป3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ดลพฤกษ์ ทันเจริญ, 2020-10-11 06:10:08

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์ ชั้น ป3

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์ ชั้น ป3

การแสดงข้ันตอนวธิ ีการแกป้ ัญหาการตอ่ บลอ็ กโดยการบอกเลา่

1. นำหมายเลข 5 วางแนวตั้งเพ่ือเป็นหวั เปด็ หันด้านตรงขา้ มมุมฉากออกทางขวา
2. นำหมายเลข 6 มาต่อหมายเลข 5 เปน็ คอในแนวต้ัง
3. นำหมายเลข 4 มาต่อหมายเลข 6 วางในแนวให้เหล่ียมอยู่ลา่ ง
4. นำหมายเลข 3 มาต่อหมายเลข 4 วางใหด้ า้ นขนานกบั หมายเลข 4 พอดี
5. นำหมายเลข 7 มาต่อหมายเลข 3 วางให้ดา้ นขนานกับหมายเลข 3 พอดี
6. นำหมายเลข 1 มาต่อเปน็ ตัวออกมาทางซ้ายของหมายเลข 7
7. นำหมายเลข 1 มาวางต่อเปน็ ตวั เหมือนหมายเลข 2

การแสดงข้นั ตอนวธิ กี ารแกป้ ญั หาการตอ่ บลอ็ กโดยการวาดภาพ

9n

ชือ่ -นามสกุล................................................................ ช้นั ป.3 เลขท่.ี ............

การแสดงข้ันตอนวิธีการแก้ปัญหาการตอ่ บลอ็ ก
โดยการใช้สัญลกั ษณ์ (Flowchart)

เริม่ ต้น

หมายเลข 5 วางแนวตงั้ เพ่ือเป็นหวั เป็ด หนั ด้านตรงข้ามมุมฉากออกทางขวา
นาหมายเลข 6 มาต่อหมายเลข 5 เปน็ คอเป็ดในแนวต้งั
นาหมายเลข 4 มาต่อหมายเลข 6 วางในแนวใหเ้ หล่ียมอยู่ลา่ ง
นาหมายเลข 3 มาต่อหมายเลข 4 วางให้ดา้ นขนานกบั หมายเลข 4 พอดี
นาหมายเลข 7 มาต่อหมายเลข 3 วางให้ด้านขนานกับหมายเลข 3 พอดี
นาหมายเลข 1 มาต่อเป็นตัวออกมาทางซ้ายของหมายเลข 7
นาหมายเลข 1 มาวางต่อเปน็ ตวั เหมอื นหมายเลข 2

จบการทางาน

ช่อื -นามสกลุ ................................................................ ชั้น ป.3 เลขท่.ี ............

12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......

ลงช่อื
(

ตำแหนง่

13. บนั ทึกผลหลังการสอน
 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2

การเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย

เวลา 8 ชั่วโมง

1. ผลการเรยี นรู้

1. เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเบอื้ งตน้

2. เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นข้ันตอนและเป็น

ระบบ

3. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสาร

เบือ้ งต้นในการแก้ปญั หาทพี่ บในชีวติ จรงิ ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ

4. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา การ

จดั การทกั ษะในการสอ่ื สาร ความสามารถในการตัดสนิ ใจ

5. เพ่ือให้ผู้เรยี นเป็นผมู้ จี ิตวิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตร์

และเทคโนโลยอี ย่างสรา้ งสรรค์

2. สาระการเรยี นรู้

2.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
1) การเขยี นโปรแกรมเป็นการรา้ งลำดับของคำสัง่ ให้คอมพวิ เตอร์ทำงาน

2) ตัวอยา่ งโปรแกรม เช่น เขียนโปรแกรมทส่ี ง่ั ใหต้ วั ละครทำงานซ้ำไม่สนิ้ สุด

3) การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด ทำไดโ้ ดยตรวจสอบคำสัง่ ที่แจง้ ขอ้ ผิดพลาด หรอื หากผลลัพธ์ไม่เปน็ ไป

ตามทีต่ ้องการให้ตรวจสอบการทำงานทลี ะคำส่ัง

4) ซอฟต์แวรห์ รือส่อื ท่ใี ชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เช่น ใชบ้ ตั รคำสั่งแสดงการเขยี นโปรแกรม, Code.org

3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

การเขยี นโปรแกรม หมายถงึ การเขยี นชุดคำสั่งดว้ ยภาษาทางคอมพวิ เตอร์ เพื่อแสดงลำดับ

ขน้ั ตอนให้คอมพิวเตอร์ โดยการเขียนโปรแกรม ควรมลี ำดบั การเขียนที่เรียงลำดบั ชดั เจน เพอ่ื ให้

คอมพวิ เตอร์ทำงานตามท่ีสง่ั และตามเงอ่ื นไขท่ีกำหนดไดอ้ ยา่ งถูกต้อง โดยเรามักเรยี กขั้นตอนการเขียน

โปรแกรมวา่ การโคด้ ด้งิ (Coding)

การเขยี นโปรแกรมให้คอมพวิ เตอรท์ ำงานตามข้ันตอนท่ีได้ออกแบบไวน้ นั้ บางคร้ังจะเกิดปญั หา

ซงึ่ ปัญหาทเี่ กิดขึน้ จากการเขยี นโปรแกรมในแต่ละขั้นตอนของคำสั่งน้นั เราเรยี กวา่ ข้อผดิ พลาด (Bug) สว่ น

การตรวจสอบข้อผิดพลาดและแก้ไขขอ้ ผดิ พลาดทเี่ กดิ ขน้ึ น้ัน เราจะเรยี กว่า Debugging คำสัง่ จะแจ้งเตอื น

ข้อผดิ พลาดทเี่ กิดขึน้ เพอ่ื ให้มีการทบทวนแกไ้ ขข้อผิดพลาดนั้น พรอ้ มทัง้ แนะนำวธิ ีการแก้ไขก่อนทจี่ ะ

ดำเนินการต่อไป

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี ินยั

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง โปรแกรมของฉนั

6. การวัดและการประเมนิ ผล

รายการวดั วธิ ีวัด เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน

6.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ ประเมินตามสภาพจรงิ

- แบบทดสอบก่อนเรยี น กอ่ นเรยี น กอ่ นเรยี น

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2

เร่ือง การเขียนโปรแกรม

อยา่ งง่าย

6.2 การประเมินระหวา่ งการจัด - ตรวจใบงานที่ 2.1.1 - แบบประเมินใบงาน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

กจิ กรรม เขยี นคำส่งั ขนั้ ตอน ที่ 1.1.1 เรอื่ ง

1) การเขียนโปรแกรมสง่ั การนบั เหรียญ การแกป้ ัญหาโดยใช้

ใหต้ ัวละครทำงาน - ตรวจแบบฝึกหัด แนวคิดเชิงคำนวณ

หน้า 21 - 25 (การ - ใบงานที่ 1.1.1 เรอ่ื ง

เขียนโปรแกรมสงั่ ให้ การแก้ปัญหาโดยใช้

ตัวละครทำงานซำ้ ไมม่ ี แนวคิดเชงิ คำนวณ

สน้ิ สุด) - แบบฝึกหดั เรอื่ ง

- ประเมินการนำเสนอ การแกป้ ัญหาโดยใช้

เรอ่ื ง โปรแกรมช่วยให้ แนวคดิ เชิงคำนวณ

ชวี ิตง่ายข้นึ

2) การตรวจสอบและ - ตรวจกิจกรรมฝึกทักษะ - แแบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2
การแก้ไขขอ้ ผดิ พลาด ท่ี 2, 3 กจิ กรรมฝึกทกั ษะ ผา่ นเกณฑ์
จากการเขียนโปรแกรม - ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ การตรวจสอบหา

ที่ 3 ข้อผดิ พลาดของ
- ชิ้นงาน/ภาระงาน โปรแกรม
- แบบประเมนิ
(รวบยอด) โปรแกรม
ของฉนั กจิ กรรมฝึกทักษะ

รายการวัด วิธีวดั เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

ท่ี 3

- แบบประเมิน

ช้ินงาน/ภาระงาน

(รวบยอด) โปรแกรม

ของฉนั

3) คุณลักษณะ - สงั เกตความมีวินัย - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
อนั พึงประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่ัน
ในการทำงาน คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
6.3 การประเมินหลังเรียน - ตรวจแบบทดสอบ
1) แบบทดสอบหลังเรยี น หลังเรียน อนั พึงประสงค์
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2
เร่ือง การเขยี นโปรแกรม - แบบทดสอบ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
อย่างง่าย
หลังเรยี น

2) การประเมนิ ชิ้นงาน/ - ตรวจชิ้นงาน/ - แบบประเมินชน้ิ งาน/ - ระดบั คุณภาพ 2
ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์
เรื่อง โปรแกรมของฉัน

7. กจิ กรรมการเรียนรู้
นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอื่ ง การเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย

เร่ืองที่ 1 : การแกป้ ญั หาในชวี ติ ประจำวัน เวลา 4 ชวั่ โมง

วิธกี ารสอนแบบกระบวนการกล่มุ (Group Process)
เทคนคิ ตามแนวคดิ เชงิ คำนวณ

ขน้ั นำ

กระต้นุ ความสนใจ (20 นาท)ี
1. นักเรียนทำกิจกรรมลองทำดู ในแบบฝึกหดั (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 หนา้ 18

เพอ่ื เปน็ การทบทวนความร้เู ดิมกอ่ นเข้าสู่บทเรยี น
2. ครูนำนักเรียนสนทนาทบทวนความรเู้ รอื่ ง การเขียนคำส่ังให้โปรแกรมทำงานอยา่ งเปน็ ลำดับขั้นตอน

(Algorithm) โดยเปดิ วีดิทศั น์ https://www.youtube.com/watch?v=cDA3_5982h8
ให้นักเรยี นดูและร่วมกนั สรปุ ความรูท้ ่ีไดจ้ ากวดี ีโอว่า “ในการทเ่ี ราจะเขยี นคำสงั่ ให้คอมพิวเตอรท์ ำงาน
ไดน้ น้ั เราจำเปน็ อย่างย่ิงทจ่ี ะต้องเขียนลำดับขั้นตอนการทำงาน หรอื อัลกอริทึม (Algorithm)
ออกมาให้ชัดเจน เพ่ือลดปญั หาหรือการทำงานท่ีผดิ พลาด อลั กอริทึมที่ดคี วรมีลำดับขั้นตอนการ
ทำงาน ทง้ั กอ่ นและหลังท่ชี ดั เจน เขา้ ใจลำดับขนั้ ตอนง่ายและไม่กำกวม”
3. ครถู ามคำถามประจำหัวข้อ การเขยี นโปรแกรมสั่งให้ตวั ละครทำงาน หนา้ 27 ในหนังสือเรยี น
(วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 ว่า “การเขยี นโปรแกรมมปี ระโยชน์ในชีวติ ประจำวนั
อยา่ งไรบ้าง”

ขั้นสอน

สำรวจคน้ หา (20 นาที)
1. ครนู ำนกั เรียนศึกษาเนื้อหาในหนงั สือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่อื ง

การเขยี นโปรแกรมสัง่ ให้ตัวละครทำงาน หน้า 27–28 โดย การเขียนโปรแกรม หมายถึง การเขียน
ชดุ คำส่งั ด้วยภาษาคอมพวิ เตอร์ เพื่อแสดงลำดบั ข้ันตอนให้คอมพิวเตอร์หรือตัวละครทำงานตามท่ี
ออกแบบไว้ เรียกข้ันตอนการเขยี นโปรแกรมน้วี า่ การโคด้ ดิ้ง (Coding)
2. แบ่งกลุ่มนักเรยี นในห้องเรยี น ออกเป็น 2 กลมุ่ ครูเตรยี มบัตรคำสั่ง (ไปข้างหน้า 20 แผ่น หันซ้าย 10
แผ่น หันขวา 10 แผน่ หรอื ตามจำนวนนักเรยี น) โดยแบ่งบัตรคำสัง่ ให้กลุ่มละเท่า ๆ กนั ให้นักเรยี น
แบ่งกลุ่ม 2 กลุ่ม จากนั้นให้แต่ละกล่มุ วางโปรแกรมคำส่งั เพ่อื สง่ั ใหเ้ จ้าซอมบ้ีเดนิ ไปเกบ็ ดอกทานตะวัน
จากสถานการณ์ตวั อย่างตามภาพที่ 2.3 หนา้ 29 ในหนังสือเรยี น โดยมบี ตั รคำสั่งดังน้ี

3. ครูชี้ใหน้ ักเรียนเห็นว่า วางบตั รคำส่ังแบบไหนถูกต้อง จากนั้นครูบอกกับนักเรียนวา่ “เราสามารถ
ตรวจคำตอบได้อีกวิธีหนึง่ คือ การลองทำในเวบ็ ไซต์ Code.org”

อธบิ ายความรู้ (20 นาที)
4. ครูใหน้ ักเรยี นเปิดเว็บไซต์ Code.org เพอื่ เขา้ สรู่ ะบบ แล้วเขา้ ไปทีร่ ายการหลักสูตร โดยเลือก คอรส์ 3

อายุ 8–18 ปี มบี ทเรียน 21 บทเรยี น

5. ครูนำนกั เรยี นศึกษาเนื้อหาในหนงั สอื เรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 เรือ่ ง การ
เขยี นโปรแกรมสัง่ ให้ตัวละครทำงาน (1.1ขน้ั ตอนการเขียนโปรแกรม) หนา้ 29 – 30 และครูชี้แจงใน
สว่ นของเกรด็ น่ารู้ใหน้ ักเรยี นฟังในหนา้ 30 ควบคู่กบั การสอนเขียนโปรแกรมในเวบ็ Code.org ไป
พรอ้ ม ๆ กัน ในสว่ นน้ีให้ครนู ำนกั เรยี นเขยี นโปรแกรมไปถึงบทท่ี 2 เขาวงกต ตอนท่ี 4

6. ครูนำนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรปุ ความรู้ท่ีไดจ้ ากการจดั กิจกรรม ตวั อย่างประเด็นการอภปิ ราย
- ถ้าต้องการสัง่ ใหซ้ อมบเ้ี ดนิ ไปข้างหนา้ 5 ครง้ั จะต้องวางคำสงั่ อย่างไร (แนวคำตอบ / วางคำสั่งไป
ขา้ งหน้า จำนวน 5 บล็อก)
- แต่ถ้านักเรยี นต้องการวางคำสง่ั ไปข้างหน้า 100 ครั้ง นกั เรยี นกต็ อ้ งเสยี เวลาในการวางคำสั่งไป
ขา้ งหน้า จำนวน 100 บลอ็ ก แต่ในทางการเขียนโปรแกรมแลว้ มคี ำสง่ั โดยการใชบ้ ลอ็ ก "ทำซ้ำ
(Loop)" เพื่อชว่ ยให้สามารถแก้ปญั หาไดอ้ ย่างรวดเรว็ ยิง่ ขึ้น

7. นกั เรียนทำแบบฝึกหดั รายวชิ า (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 หนา้ 19-20 เรอื่ ง การ
เขียนโปรแกรมสั่งให้ตวั ละครทำงาน หรอื ครูอาจใหน้ ักเรยี นทำเป็นการบ้าน

ชวั่ โมงที่ 2

ขน้ั สอน

อธิบายความรู้ (20 นาที)
1. ครูนำนักเรยี นสนทนาทบทวนความรูเ้ ดมิ ในเร่ือง การเขียนโปรแกรมส่ังให้ตวั ละครทำงาน (1.1

ขั้นตอนการเขยี นโปรแกรม) ในคาบท่ีผ่านมา
2. นักเรยี นทำใบงานท่ี 2.1.1 เขียนคำสัง่ ขั้นตอนการนบั เหรยี ญใหค้ รบถ้วน จากน้ันใหเ้ พ่ือนรว่ มชั้นทำ

ตามคำส่งั ที่ตนเองเขียนเพอื่ เป็นการตรวจคำส่งั วา่ ถกู ตอ้ งและชัดเจนหรอื ไม่ และให้นกั เรียนอธิบาย
ข้นั ตอนการเขยี นโปรแกรมจากสถานการณท์ ี่กำหนดให้
3. ครสู ุ่มนกั เรียน 3–5 คน มาอธิบายแนวคดิ ในการเขยี นคำสัง่ ควบคมุ การนบั เหรยี ญจากใบงานท่ี 2.1.1

4. ครูชใ้ี ห้นักเรยี นเห็นว่า “เมื่อมีการใช้บลอ็ กคำสั่งแบบเดมิ ซ้ำกันในลกั ษณะเรียงตอ่ กนั ควรเปลยี่ นมาใช้
บล็อกคำสัง่ ทำงานซำ้ แทน โดยการกำหนดตัวเลขตามจำนวนรอบท่ีทำซ้ำจะชว่ ยใหก้ ารเขียนโปรแกรม
ง่ายและสะดวกมากยิ่งข้นึ ”
ขยายความเข้าใจ (40 นาท)ี

5. ครนู ำนักเรยี นศึกษาเนื้อหาในหนงั สอื เรยี น (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่อื ง การ
เขยี นโปรแกรมสงั่ ใหต้ ัวละครทำงาน (1.1การเขียนโปรแกรม)หนา้ 31 ควบคกู่ ับการสอนเขียน
โปรแกรมในเวบ็ Code.org ไปพร้อม ๆ กนั ในส่วนน้ใี ห้
ครนู ำนักเรียนเขยี นโปรแกรมไปถงึ บทที่ 2 เขาวงกต ตอนท่ี 5 ไปจนถงึ บทที่ 3 ศิลปนิ

6. นักเรยี นทำกจิ กรรมฝึกทกั ษะ ในหนงั สือเรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2
7. ครูนำนักเรียนศึกษาเนื้อหาในหนงั สอื เรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เรอ่ื ง

การเขยี นโปรแกรมส่ังให้ตัวละครทำงาน (1.2 ตัวอยา่ งการเขียนโปรแกรมสั่งให้ตวั ละครทำงานซ้ำไม่
สนิ้ สุด) หนา้ 34 –35 โดยครูต้งั คำถามท้าทายการคิดข้ันสงู กบั นกั เรยี นว่า “เม่ือโปรแกรมท่ีเขยี นคำสั่ง
เกดิ ข้อผิดพลาด ทำใหก้ ารสัง่ งานไม่เปน็ ไปตามท่ตี ้องการ นักเรยี นมีวิธีในการแก้ปัญหานอี้ ยา่ งไร”
8. ครนู ำนักเรียนร่วมกนั อภิปรายสรปุ ความรูท้ ่ีไดจ้ ากการจัดกิจกรรม ตัวอย่างประเด็นการอภปิ ราย

• คำส่ังลปู (Loop) คอื อะไร (แนวคำตอบ / คำสง่ั ควบคมุ ให้ทำงานซ้ำ ในส่วนทเ่ี รากำหนด)
• ให้นักเรยี นดูภาพปริศนาและช่วยกันเขียนคำส่งั โดยใช้บล็อกคำส่ังท่กี ำหนดให้

(แนวคำตอบ ภาพด้านลา่ ง)

9. นกั เรียนทำแบบฝกึ หัดรายวิชา (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 หน้า 21-22 เรือ่ ง การ
เขียนโปรแกรมส่งั ใหต้ วั ละครทำงานซำ้ ไม่มีส้ินสุด หรือ ครอู าจใหน้ ักเรียนทำเปน็ การบ้าน

ชั่วโมงที่ 3

ขั้นสอน

ขยายความเขา้ ใจ (60 นาท)ี
1. ครนู ำนักเรียนสนทนาทบทวนความร้เู ดิมในเรื่อง การเขียนโปรแกรมส่ังให้ตวั ละครทำงาน

(1.2ตวั อย่างการเขยี นโปรแกรมสั่งใหต้ ัวละครทำงานซ้ำไม่สิ้นสดุ ) ในคาบท่ผี า่ นมา
2. นักเรียนเขียนโปรแกรมในเว็บ Code.org จากบทท่ี 5 ศิลปิน: Functions ไปจนถงึ บทที่ 13 ผ้งึ : ลปู

ซอ้ นลูป (Nested Loops) ในระหว่างนี้ครอู าจจะแทรกความรู้ในเร่ือง เง่ือนไข คือ ข้อกำหนด
ข้อบังคับ หรอื กฏเกณฑท์ ี่ใช้ร่วมกัน
3. นกั เรียนทำกิจกรรมฝึกทกั ษะ ในหนงั สือเรยี น (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 หนา้ 36
ลงในสมุด
4. ครูสมุ่ นักเรียน 3 –5 คน มาอธิบายแนวคดิ ในการเขียนคำสั่งเพื่อพาซอมบี้เดินทางไปยงั ดอกทานตะวนั
จากในกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ ในหน้า 36
5. ครูนำนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายสรุปความรทู้ ไี่ ดจ้ ากการจัดกิจกรรม ตัวอยา่ งประเด็นการอภปิ ราย

• ใหน้ ักเรยี นยกตวั อย่างเง่ือนไข ทีพ่ บเหน็ ในชวี ิตประจำวัน (แนวคำตอบ / เงื่อนไขในการเล่น
เกม เช่น เลน่ เกมไม่เกินวันละ 5 นาที จะไดร้ ับเพชร จำนวน 10 เมด็ , เง่อื นไขในการเขา้ ใช้
งาน Facebook ต้องมีอายุไม่ต่ำกวา่ 13ปี เป็นต้น)

• ครเู ปดิ ประเด็นกบั นักเรยี นว่า “ครูใหน้ ักเรียนลองนำความรเู้ กี่ยวกับการเขียนโปรแกรม โดย
นำคำสั่งลูป และเงื่อนไข มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาในชีวติ ประจำวันวา่ จะสามารถเขียน
โปรแกรมแก้ปัญหาใดได้บ้าง แล้วคาบต่อไปมาพูดคุยแลกเปลยี่ นกัน”

6. นักเรยี นทำแบบฝึกหดั (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 หน้า 23-25 (การเขียนโปรแกรม
สง่ั ใหต้ วั ละครทำงานซำ้ ไมม่ ีสิ้นสดุ ) หรอื ครูอาจให้นักเรียนทำเป็นการบ้าน

ชวั่ โมงท่ี 4

ขน้ั สอน

ขยายความเขา้ ใจ (40 นาที)
1. ครนู ำนักเรียนสนทนาทบทวนความรู้เดิม จากคาบที่แล้วทคี่ รเู ปดิ ประเดน็ กับนกั เรียนว่า “ครใู ห้

นกั เรียนลองนำความรูเ้ กยี่ วกับการเขยี นโปรแกรม โดยนำคำสั่งลูป และเงื่อนไข มาประยุกต์ใช้ในการ
แก้ปญั หาในชีวิตประจำวนั ว่าจะสามารถเขียนโปรแกรมแก้ปัญหาใดได้บ้าง”
2. ใหน้ กั เรียนศึกษาสถานการณ์ทีก่ ำหนด จากกิจกรรมฝึกทักษะท่ี 1 โปรแกรมชว่ ยให้ชวี ติ ง่ายขน้ึ ใน
แบบฝึกหัด (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 หนา้ 29 หรือครอู าจจะใหน้ ักเรียน
แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3–5 คน โดยใหน้ ักเรียนเขยี นคำสั่ง ช่วยคดั แยกเส้อื ผ้า จำนวน 100 ช้ิน ในรูปแบบ

แผนผัง โดยให้ประยุกต์ใช้ความรู้ทเ่ี รยี นมาในการเขยี นโปรแกรมนี้ และบอกประโยชน์ของการใชค้ ำส่งั
ลปู ในการทำงานแบบวนซ้ำได้ แล้วออกมานำเสนอแนวคดิ โปรแกรมของกลุม่ ตนเอง มเี วลาการ
นำเสนอกลุ่มละ 5–7 นาที

ขนั้ สรปุ

ตรวจสอบผล (20 นาที)
1. ครนู ำนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายสรปุ ความรู้ที่ได้จากการจดั กจิ กรรม ตวั อย่างประเด็นการอภปิ ราย ให้

นักเรยี นช่วยยกตวั อย่างถึงเหตกุ ารณห์ รือรูปแบบของปัญหาทีพ่ บเจอในชีวติ ประจำวนั ท่ีจะนำมาเขยี น
โปรแกรมเพ่ือแกไ้ ขปญั หา หรือชว่ ยให้การทำงานสะดวกสบายมากยง่ิ ข้ึน

เร่อื งที่ 2 : การตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม เวลา 4 ชวั่ โมง

วธิ กี ารสอนแบบกระบวนการกลุ่ม (Group Process) เทคนิคตามแนวคิดเชิงคำนวณ

ขน้ั นำ

กระตุ้นความสนใจ (20 นาท)ี
1. ครใู หน้ ักเรยี นทำกจิ กรรม “ช่วยตรวจคำตอบให้หนอ่ ยนะ” โดยครูเขยี นโจทยแ์ ละคำตอบขน้ึ บน

กระดาน จำนวน 5 ข้อ ดงั นี้ 26 + 30 = 50
35 + 35 = 70
54 - 24 = 34
19 - 4 = 14
10 x 2 = 20

2. นกั เรียนชว่ ยตรวจคำตอบว่ามีข้อใดถูก ข้อใดผดิ บ้าง และข้อที่ผิด ผิดตรงไหน จะแก้ใหถ้ ูกได้อย่างไร
โดยครูรอฟังคำตอบจากนักเรียน และแสดงวิธีทำในข้อทผี่ ิดอย่างละเอยี ดทีละขัน้ ตอนเพือ่ หาจุดทผี่ ิด
และแก้ไขให้ถูกตอ้ ง ดังนี้
26 + 30 = 50 (ผดิ คำตอบทถ่ี ูกต้องคือ 56)
35 + 35 = 70 (ถูกต้อง)
54 - 24 = 34 (ผดิ คำตอบทถี่ ูกตอ้ งคือ 30)
19 - 4 = 14 (ผิด คำตอบท่ถี ูกตอ้ งคือ 15)
10 x 2 = 20 (ถูกต้อง)

3. ครนู ำนักเรียนสนทนาเพ่ือกระตุ้นความสนใจของนกั เรียน “จากในชวี ติ ประจำวัน หรือการเรียน การ
ทำการบา้ น การทำข้อสอบ เรากอ็ าจจะเจอกบั ความผดิ พลาดที่เกิดข้ึนได้ แต่เราจะมวี ธิ ีทำอย่างไรทจ่ี ะ
ลดความผดิ พลาดได้บ้าง” (แนวคำตอบ การคดิ อยา่ งรอบคอบ, การตรวจสอบให้ถว้ นถ่ี เป็นต้น)

4. ครกู ลา่ วเพ่ือเชอื่ มโยงเข้าสบู่ ทเรียนวา่ “แมก้ ระทั่งในการเขียนโปรแกรม เขยี นคำสง่ั ใหโ้ ปรแกรมหรือ
คอมพิวเตอร์ทำงาน เราเองก็อาจจะพบเจอกับความผิดพลาดทีเ่ กดิ ข้นึ ได้ เช่น บางทีคนเขียน
โปรแกรมอาจจะต้ังใจทำไว้แบบนี้ แต่โปรแกรมที่แสดงออกมาไม่เปน็ อย่างท่ีคาดหวงั เอาไว้ หรอื
ผลลัพธ์ไมไ่ ด้เป็นอยา่ งทค่ี ดิ เอาไว้ ส่ิงท่เี กิดขน้ึ น้ี เราเรียกวา่ ข้อผดิ พลาด (bug)

5. ครตู ง้ั คำถามประจำเร่ืองกบั นักเรียนวา่ “เพราะเหตใุ ด จึงต้องมีการตรวจสอบข้อผิดพลาดของ
โปรแกรม”

ขนั้ สอน

สำรวจค้นหา (40 นาท)ี
1. ครนู ำนักเรียนศึกษาเนื้อหาในหนงั สอื เรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่ือง การ

ตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม (2.1 การตรวจสอบคำสง่ั ขน้ั ตอนการทำงานของโปรแกรม) หนา้

37-39 ครเู น้นประเดน็ สำคัญในเรอ่ื งน้ี คือ เม่อื เขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ รยี บรอ้ ยแล้ว จะตอ้ งทำ
การตรวจสอบโปรแกรมวา่ ทำงานได้ตรงตามความตอ้ งการหรือไม่ หากโปรแกรมไม่สามารถทำงาน
ตามทต่ี ้องการได้ ให้กลับไปแก้ไขและทดสอบใหม่ ทำจนกว่าจะไดผ้ ลลัพธ์ตามทต่ี อ้ งการ
2. นกั เรียนทำกิจกรรมฝกึ ทกั ษะท่ี 2 วาดภาพตามคำสัง่ ในแบบฝึกหดั รายวิชาพนื้ ฐาน เทคโนโลยี
(วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 หนา้ 30-31
3. ครนู ำนกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายสรุปความรู้ที่ไดจ้ ากการจดั กิจกรรม “จากกจิ กรรม วาดภาพตามคำสงั่
ท่ีนกั เรียนได้ทำน้นั จะเห็นได้วา่ การเขียนคำส่ัง หรือการแสดงขั้นตอนการทำงาน (Algorithm) ท่ี
ชัดเจน จะยิ่งทำให้ไดผ้ ลลพั ธ์ทถ่ี กู ต้องตามความต้องการ ดังน้นั อัลกอริทมึ ท่ีดีควรจะต้องไม่มี
ขอ้ ผิดพลาด (bug) ”
4. นกั เรียนทำแบบฝึกหดั (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 หนา้ 26-27 (การตรวจสอบ
ขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม) หรือครอู าจให้นกั เรียนทำเปน็ การบา้ น

ชัว่ โมงท่ี 2

ข้ันสอน

อธบิ ายความรู้ (60 นาท)ี
1. ครูนำนักเรียนสนทนาทบทวนความร้เู ดิมในเรื่อง การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม ในคาบที่

ผา่ นมา (2.1 การตรวจสอบคำสง่ั ขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม)
2. ครูชใ้ี หน้ ักเรยี นเหน็ วา่ “เราสามารถตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม และแก้ไขในจุดที่บกพร่อง

ของโปรแกรมได้ โดยสามารถทำในเว็บไซต์ Code.org บทท่ี 14 ผงึ้ : การดีบั๊ก”
3. จากนน้ั ครูสมุ่ นักเรยี น 3–5 คน มาอธิบายแนวคดิ ในการตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม และ

แก้ไขในจดุ ทบ่ี กพร่องของโปรแกรม ในเว็บ Code.org
4. นักเรียนทำกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ ในหนังสอื เรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 หน้า 40
5. ครนู ำนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายสรปุ ความรูท้ ีไ่ ดจ้ ากการจดั กิจกรรม ตวั อย่างประเดน็ การอภปิ ราย

• บก๊ั (bug) คืออะไร (แนวคำตอบ ข้อผดิ พลาดที่เกดิ ข้ึน)
• ดีบ๊กั (debugging) คอื อะไร (แนวคำตอบ การแก้ไขจุดบกพรอ่ งทเ่ี กดิ ขึ้น)
• ให้นักเรียนดูภาพและช่วยกันดคู ำสัง่ ว่าถกู หรือไม่ ถา้ ไมถ่ ูกจะแก้อยา่ งไรใหถ้ ูก โดยใชบ้ ลอ็ ก

คำสง่ั ท่ีกำหนดให้

(แนวคำตอบ ภาพดา้ นลา่ ง)

6. นักเรยี นทำแบบฝึกหัด (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หน้า 28 (การตรวจสอบ
ข้อผิดพลาดของโปรแกรม) เป็นการบ้าน

ชว่ั โมงที่ 3

ขน้ั สอน

อธบิ ายความรู้ (50 นาท)ี
1. ครูนำนักเรียนสนทนาทบทวนความรู้เดมิ ในเร่ือง การตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม (2.1 การ

ตรวจสอบคำส่งั ที่แจง้ ขอ้ ผิดพลาด)
2. ครูนำนกั เรยี นศึกษาเนื้อหาในหนงั สอื เรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรื่อง การ

ตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม (2.2 การนำแนวคดิ เชิงคำนวณมาใช้ในการตรวจสอบ
ข้อผิดพลาด) หน้า 41–42 คือ การตรวจสอบการทำงานของโปรแกรมทีละคำส่งั ทีละขั้นตอน โดยใช้
แนวคดิ การแยกส่วนประกอบ คำสัง่ ของโปรแกรมออกเปน็ ย่อย ๆ หรือเรียกวา่ (Decomposition)
และพูดคยุ แลกเปลีย่ นความคิดเหน็ ในกิจกรรมฝกึ ทักษะ หน้า43
3. นกั เรยี นทำกจิ กรรมฝึกทกั ษะท่ี 3 แก้ไขอย่างไรดี ในแบบฝึกหดั (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการ
เรยี นรู้ท่ี 2 หน้า 32-33
4. ครูสมุ่ นกั เรยี น 3–5 คน มาอธิบายแนวคิดการตรวจสอบการทำงานทลี ะคำสั่งและการแก้ไขคำสง่ั ให้
ถกู ต้องจากกิจกรรมฝึกทักษะที่ 3
ขยายความเขา้ ใจ (10 นาท)ี
5. ครนู ำนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายสรุปความร้ทู ่ไี ดจ้ ากการจดั กิจกรรมวา่ “การเขียนโปรแกรมทุกครัง้
จะต้องทำการตรวจสอบ ทดสอบเพ่ือหาข้อผดิ พลาด และเม่ือพบข้อผิดพลาด จะต้องทำการแกไ้ ข
โปรแกรมใหไ้ ดผ้ ลลัพธ์ท่ีถูกตอ้ ง”

ช่วั โมงท่ี 4

ขัน้ สอน

ขยายความเข้าใจ (40 นาท)ี
1. ครนู ำนักเรยี นสนทนาทบทวนความรู้เดมิ “จากความรู้ทเ่ี ราไดเ้ รยี นมาเกีย่ วกบั เร่ือง การเขยี น

โปรแกรมอย่างงา่ ย ครูอยากใหน้ ักเรยี นลองนำความรทู้ ่ีได้ เชน่ การใชค้ ำสั่งวนซำ้ (loop)
การตรวจสอบหาข้อผิดพลาด (bug) และการแก้ไขข้อผิดพลาด (debugging) มาประยกุ ต์ใชใ้ นการ
เขยี นโปรแกรมเพอ่ื แกป้ ญั หาในชีวิตประจำวัน ลงในชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) โปรแกรมของฉัน”
2. ให้นักเรียนแบง่ กลุม่ กลมุ่ ละ 3–5 คน ทำชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) โปรแกรมของฉัน เมือ่ เขยี น
โปรแกรมเสร็จแล้วแลกเปล่ียนกับเพ่ือนระหว่างกล่มุ เพือ่ เป็นการตรวจสอบหาข้อผิดพลาดของ
โปรแกรม และนำกลับมาทำการแก้ไขโปรแกรมใหส้ มบรู ณแ์ ละนำเสนอแนวคิดและขน้ั ตอนหน้าช้นั
เรยี น เวลาการนำเสนอกล่มุ ละ 5–7 นาที
3. นกั เรียนทำแบบทดสอบทา้ ยบท ประจำหนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 หน้า 34-37 ในแบบฝกึ หัด (วิทยาการ
คำนวณ) ป.3 เพื่อเปน็ การตรวจสอบความรูท้ ีไ่ ดห้ ลังเรยี น

ข้นั สรุป

ตรวจสอบผล (20 นาที)
1. นักเรยี นตรวจสอบตนเอง หลงั จากเรยี นจบหนว่ ยน้ี ในหนังสอื (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการ

เรียนรู้ที่ 2 หน้า 43
2. ครูนำนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายสรปุ ความรู้ท่ไี ด้จากการเรียนร้เู รือ่ ง การเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โดย

สรปุ สาระสำคญั ในหนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 หน้า 44
3. นกั เรียนทำกิจกรรมเสริมสร้างการเรยี นรู้ ในหนงั สือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี

2 หนา้ 45

8. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 เรื่อง การเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
2) แบบฝึกหัด (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 เร่ือง การเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
3) ใบงานท่ี 2.1.1 เขียนคำสัง่ ขนั้ ตอนการนบั เหรียญ
4) ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง โปรแกรมของฉัน
5) วดี ทิ ัศน์ https://www.youtube.com/watch?v=cDA3_5982h8
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอรเ์ นต็

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2

คำช้ีแจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. การเขียนโปรแกรมคำสงั่ ลปู ตอ้ งการใหโ้ ปรแกรมทำอะไร 7. จากคำตอบในข้อ 6. โปรแกรมท่ีถกู ต้องตรงกับข้อใด
ก. ทำงานซ้ำ
ข. เรมิ่ ทำงาน ก. เดินไปข้างหนา้ 2 คร้งั หนั ขวา แลว้ เดินไปข้างหน้า
ค. ทำงานเพียงครงั้ เดียว 4 คร้งั

2. ขอ้ ใดเปน็ กิจกรรมทไี่ มเ่ หมาะสมในการใช้คำสงั่ การทำงาน ข. เดินไปขา้ งหน้า 1 ครัง้ แล้วหันขวา ทำแบบนี้ 7 คร้ัง
วนซำ้ ค. เดนิ ไปข้างหน้า หนั ขวา 2 คร้งั จากนั้นเดนิ ไป
ก. การนับจำนวนนกั เรียน จำนวน 100 คน
ข. การวาดภาพววิ ธรรมชาติ จำนวน 5 สถานท่ี ขา้ งหนา้ 4 คร้ัง
ค. การชงกาแฟสตู รหวานน้อยจำนวน 50 แกว้ 8. จากภาพคำสง่ั โปรแกรม สามารถเขียนคำสั่งแบบวนซำ้ ได้ตามข้อใด

3. ถ้าหากตอ้ งการเขยี นโปรแกรมสำหรับปลกู ตน้ ไม้ แต่ ก. ข. ค.
ผลลัพธไ์ ม่ถูกตอ้ งตามท่ตี ้องการ ขอ้ ผิดพลาดนี้เรียกวา่ อะไร
ก. บั๊ก (bug) 9. จากคำตอบในขอ้ 8. ขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ งเกีย่ วกบั คำสงั่ ในโปรแกรม
ข. ลูป (loop) ก. ซอมบ้ีเดนิ ไปขา้ งหน้า 3 ครัง้
ค. ดบี ก๊ั (debug) ข. ซอมบ้เี ดนิ ไปข้างหนา้ 5 ครงั้
ค. ซอมบีเ้ ดนิ ไปข้างหนา้ 6 คร้ัง และหันขวา 2 ครง้ั
4. ขอ้ ใดเรยี งลำดับการต้มไข่ได้ถกู ต้องท่สี ุด
ก. ปลอกเปลอื กไข่ ตม้ นำ้ ใหเ้ ดือด นำไขล่ งไปตม้ 10. ข้อใดอธิบายความหมายของคำสง่ั และ
ล้างเปลอื กไข่
ข. ล้างเปลือกไข่ ตม้ นำ้ ให้เดือด นำไข่ลงไปตม้ ไดถ้ กู ต้องทส่ี ุด
ปลอกเปลอื กไข่
ค. นำไขล่ งไปตม้ ต้มน้ำให้เดือด ล้างเปลือกไข่
ปลอกเปลือกไข่

5. จากภาพถ้าตอ้ งการให้นกแดงเดนิ ทางไปหาหมเู ขยี วไดส้ ำเร็จ
ต้องใช้คำสัง่ ใด

ก. ข. ค. ก. เดินไปข้างหน้า 99 ครั้ง และเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ
ไมส่ ิ้นสดุ
6. จากภาพคำสัง่ โปรแกรม สามารถเขียนคำสัง่ แบบวนซ้ำได้
ตามขอ้ ใด ข. เดิน ไป ข้างห น้ า 99 ค รั้ง
และเดนิ ไปข้างหน้าจนกว่าจะถึงดอกทานตะวัน

ค. เดินไปข้างหน้ามากกว่า 99 ครัง้ และเดนิ ไปข้างหน้า
เรอื่ ย ๆ ไมส่ ้นิ สุด

ก. ข. ค.

เฉลย

1. ก 2. ข 3. ก 4. ข 5. ค 6. ข 7. ก 8. ก 9. ข 10. ข

แบบทดสอบหลังเรยี น

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี 2

คำชแี้ จง: ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. การเขยี นโปรแกรมคำสง่ั ลูป ตอ้ งการใหโ้ ปรแกรมทำอะไร 6. จากภาพคำสัง่ โปรแกรม สามารถเขยี นคำสัง่ แบบวนซ้ำได้
ตามขอ้ ใด
ก. ทำงานซำ้
ก. ข. ค.
ข. เร่ิมทำงาน

ค. ทำงานเพยี งครั้งเดียว

2. ขอ้ ใดอธิบายความหมายของคำสง่ั และ

ได้ถกู ตอ้ งทส่ี ดุ 7. จากคำตอบในขอ้ 6. โปรแกรมท่ีถูกตอ้ งตรงกบั ข้อใด
ก. เดินไปข้างหน้า 99 คร้ัง และเดินไปข้างหน้า ก. เดนิ ไปข้างหนา้ 2 ครัง้ หนั ขวา แลว้ เดนิ ไปข้างหน้า
4 ครั้ง
เร่ือย ๆ ไม่สน้ิ สดุ ข. เดนิ ไปข้างหนา้ 1 ครง้ั แล้วหนั ขวา ทำแบบน้ี 7 ครง้ั
ข. เดินไปข้างหน้า 99 ค. เดินไปข้างหนา้ หนั ขวา 2 ครง้ั จากน้ันเดนิ ไป
ขา้ งหน้า 4 ครั้ง
คร้ัง และเดินไปข้างหน้าจนกว่าจะถึงดอก
ทานตะวนั 8. จากภาพถ้าตอ้ งการให้นกแดงเดนิ ทางไปหาหมเู ขียวได้สำเร็จ
ค. เดินไปข้างหน้ามากกว่า 99 คร้ัง และเดินไป ตอ้ งใช้คำสัง่ ใด
ข้างหนา้ เรอ่ื ย ๆ ไม่สิ้นสดุ
3. ถา้ หากตอ้ งการเขยี นโปรแกรมสำหรบั ปลกู ตน้ ไม้ แต่ ก. ข. ค.
ผลลพั ธไ์ มถ่ ูกตอ้ งตามท่ีตอ้ งการ ข้อผิดพลาดน้เี รยี กวา่ อะไร
ก. บ๊ัก (bug) 9. จากคำตอบในขอ้ 8. ข้อใดกลา่ วถกู ตอ้ งเกีย่ วกบั คำสั่งในโปรแกรม
ข. ลปู (loop) ก. ซอมบ้เี ดนิ ไปขา้ งหนา้ 3 ครั้ง
ค. ดบี ั๊ก (debug) ข. ซอมบีเ้ ดนิ ไปขา้ งหนา้ 5 ครั้ง
4. ขอ้ ใดเรียงลำดับการล้างจานไดถ้ ูกตอ้ งทีส่ ดุ ค. ซอมบเ้ี ดนิ ไปขา้ งหนา้ 6 ครงั้ และหันขวา 2 ครงั้
ก. เขยี่ เศษอาหาร ลา้ งนำ้ เปลา่ ล้างดว้ ยน้ำยาล้างจาน
ข. ลา้ งนำ้ เปลา่ ล้างด้วยนำ้ ยาลา้ งจาน เขีย่ เศษอาหาร 10. ขอ้ ใดเปน็ กิจกรรมทไี่ มเ่ หมาะสมในการใช้คำสั่งการทำงาน
ค. เขีย่ เศษอาหาร ลา้ งนำ้ เปลา่ ล้างด้วยนำ้ ยาลา้ งจาน วนซ้ำ
ลา้ งน้ำเปลา่ ก. การนับจำนวนนักเรยี น จำนวน 100 คน
5. จากภาพคำสงั่ โปรแกรม สามารถเขียนคำสัง่ แบบวนซำ้ ได้ ข. การวาดภาพวิวธรรมชาติ จำนวน 5 สถานท่ี
ตามข้อใด ค. การชงกาแฟสูตรหวานนอ้ ยจำนวน 50 แกว้

ก. ข. ค.

เฉลย

1. ก 2. ข 3. ก 4. ค 5. ก 6. ข 7. ก 8. ค 9. ข 10. ข

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 เวลา 8 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย เวลา 4 ช่ัวโมง
เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมสั่งให้ตัวละครทำงาน ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 3
รายวชิ า คอมพิวเตอร์ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

1. ผลการเรียนรู้
1. เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเบือ้ งต้น
2. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นข้ันตอนและเป็น
ระบบ
3. เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการส่ือสาร
เบอ้ื งต้นในการแกป้ ัญหาที่พบในชีวิตจรงิ ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
4. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา การ
จดั การทกั ษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตดั สินใจ
5. เพื่อใหผ้ ู้เรียนเป็นผมู้ ีจิตวิทยาศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มในการใช้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายข้นั ตอนการเขียนโปรแกรมและการเขียนโปรแกรมแบบวนซำ้ สง่ั ใหต้ วั ละครทำงานใน
สถานการณ์ทกี่ ำหนดได้ (K)
2. แสดงข้ันตอนการเขยี นโปรแกรมสง่ั ใหต้ ัวละครทำงานซำ้ ไม่ส้ินสดุ ได้ (P)
3. เหน็ ประโยชนข์ องการใชค้ ำส่งั ลูปในการทำงานแบบวนซำ้ ได้ (A)

3. สาระสำคญั
การเขยี นโปรแกรม หมายถึง การเขยี นชดุ คำส่ังด้วยภาษาทางคอมพิวเตอร์ เพอ่ื แสดงลำดับขัน้ ตอนให้

คอมพิวเตอร์ โดยการเขียนโปรแกรม ควรมีลำดับการเขียนท่ีเรียงลำดับชัดเจน เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
ตามที่ส่ัง และตามเง่ือนไขท่ีกำหนดได้อย่างถูกต้อง โดยเรามักเรียกขั้นตอนการเขียนโปรแกรมว่า การโค้ดดิ้ง
(Coding)

การเขียนโปรแกรมสั่งให้ตัวละครทำงานซ้ำไม่สิ้นสุด โดยท่ัวไปการทำงานของโปรแกรมคอมพิวเตอร์
จะทำงานเรียงตามลำดับ ต้ังแต่คำสงั่ แรกไปถึงคำสั่งสดุ ทา้ ย แต่เราสามารถใหค้ อมพิวเตอร์
ทำงานซ้ำ ๆ ทชี่ ดุ คำส่ังใดก็ได้ โดยใช้คำส่ังควบคมุ ใหท้ ำงานซำ้ เรยี กวา่ คำสั่งลูป (Loop)
4. สาระการเรียนรู้

1) การเขียนโปรแกรม
2) การเขยี นโปรแกรมสงั่ ใหต้ ัวละครทำงานซ้ำไมส่ น้ิ สดุ
5. รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน
1) วิธีการสอนแบบสาธิต

2) วิธกี ารสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น

ความสามารถในการส่อื สาร

 ความสามารถในการคิด

 ความสามารถในการแก้ปัญหา

 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ

 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. ทกั ษะ 4 Cs

ทกั ษะการคดิ วจิ ารณญาณ (Critical Thinking)

ทกั ษะการทำงานร่วมกนั (Collaboration Skill)

ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill)

ทักษะความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking)

8. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  ซอื่ สตั ย์ สุจริต

 มีวนิ ยั  ใฝเ่ รียนรู้

 อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง  มุ่งม่นั ในการทำงาน

 รกั ความเป็นไทย  มีจิตสาธารณะ

9. การจดั กระบวนการเรียนรู้

ชัว่ โมงที่ 1

1. นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน เรื่อง การเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย เพือ่ เป็นการวดั พน้ื ฐานความรู้
กอ่ นเรียน

ขน้ั นำ
กระตุ้นความสนใจ (20 นาที)

1. นกั เรยี นทำกจิ กรรมลองทำดู ในแบบฝกึ หัด (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 หนา้ 18
เพ่อื เป็นการทบทวนความรเู้ ดิมกอ่ นเข้าส่บู ทเรียน

2. ครนู ำนกั เรียนสนทนาทบทวนความร้เู รอ่ื ง การเขียนคำส่ังให้โปรแกรมทำงานอยา่ งเปน็ ลำดบั ขั้นตอน
(Algorithm) โดยเปิดวดี ิทศั น์ https://www.youtube.com/watch?v=cDA3_5982h8
ให้นักเรยี นดแู ละรว่ มกนั สรปุ ความรู้ทไ่ี ดจ้ ากวดี ีโอว่า “ในการทเ่ี ราจะเขยี นคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
ได้น้ัน เราจำเป็นอย่างยิ่งทจี่ ะต้องเขยี นลำดับขัน้ ตอนการทำงาน หรือ อัลกอรทิ ึม (Algorithm)
ออกมาใหช้ ัดเจน เพื่อลดปญั หาหรือการทำงานทผี่ ดิ พลาด อลั กอริทึมที่ดคี วรมีลำดบั ขัน้ ตอนการ
ทำงาน ทัง้ ก่อนและหลงั ท่ชี ัดเจน เข้าใจลำดับข้นั ตอนง่ายและไม่กำกวม”

3. ครูถามคำถามประจำหวั ข้อ การเขียนโปรแกรมส่ังให้ตัวละครทำงาน หนา้ 27 ในหนังสือเรียน
(วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 ว่า “การเขียนโปรแกรมมปี ระโยชน์ในชวี ิตประจำวัน
อย่างไรบ้าง”

ขั้นสอน
สำรวจคน้ หา (20 นาท)ี

1. ครูนำนกั เรียนศึกษาเน้ือหาในหนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เร่อื ง การ
เขยี นโปรแกรมสั่งใหต้ ัวละครทำงาน หน้า 27–28 โดย การเขยี นโปรแกรม หมายถึง การเขยี น
ชุดคำสัง่ ดว้ ยภาษาคอมพวิ เตอร์ เพื่อแสดงลำดบั ข้นั ตอนให้คอมพวิ เตอร์หรือตัวละครทำงานตามท่ี
ออกแบบไว้ เรียกข้นั ตอนการเขียนโปรแกรมน้วี ่า การโคด้ ด้ิง (Coding)

2. แบ่งกลมุ่ นักเรยี นในหอ้ งเรยี น ออกเป็น 2 กลุม่ ครเู ตรยี มบัตรคำสั่ง (ไปข้างหน้า 20 แผน่ หันซ้าย 10
แผน่ หันขวา 10 แผ่นหรือตามจำนวนนกั เรยี น) โดยแบ่งบัตรคำสัง่ ให้กลุม่ ละเทา่ ๆ กนั ให้นกั เรยี น
แบ่งกลมุ่ 2 กลุ่ม จากน้ันใหแ้ ต่ละกล่มุ วางโปรแกรมคำสงั่ เพือ่ ส่ังใหเ้ จ้าซอมบเี้ ดนิ ไปเกบ็ ดอกทานตะวนั
จากสถานการณต์ ัวอยา่ งตามภาพที่ 2.3 หน้า 29 ในหนังสือเรียน โดยมบี ตั รคำสงั่ ดังนี้

3. ครชู ้ใี ห้นักเรยี นเห็นวา่ วางบัตรคำสั่งแบบไหนถูกต้อง จากน้ันครบู อกกับนกั เรียนวา่ “เราสามารถ
ตรวจคำตอบได้อีกวิธหี นงึ่ คือ การลองทำในเว็บไซต์ Code.org”
อธิบายความรู้ (20 นาที)

4. ครูให้นักเรียนเปดิ เว็บไซต์ Code.org เพอื่ เขา้ ส่รู ะบบ แล้วเข้าไปที่รายการหลักสตู ร โดยเลอื ก คอรส์ 3
อายุ 8–18 ปี มบี ทเรยี น 21 บทเรยี น

5. ครูนำนักเรียนศึกษาเน้ือหาในหนังสือเรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 เรื่อง การ
เขียนโปรแกรมสงั่ ให้ตวั ละครทำงาน (1.1ขั้นตอนการเขยี นโปรแกรม) หนา้ 29 – 30 และครชู ีแ้ จงใน
ส่วนของเกรด็ นา่ รู้ใหน้ กั เรยี นฟงั ในหนา้ 30 ควบคูก่ บั การสอนเขยี นโปรแกรมในเวบ็ Code.org ไป
พรอ้ ม ๆ กนั ในส่วนน้ใี หค้ รนู ำนักเรยี นเขียนโปรแกรมไปถงึ บทท่ี 2 เขาวงกต ตอนท่ี 4

6. ครูนำนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายสรุปความรู้ท่ไี ดจ้ ากการจัดกิจกรรม ตัวอยา่ งประเดน็ การอภิปราย

- ถา้ ต้องการสงั่ ให้ซอมบ้เี ดนิ ไปข้างหนา้ 5 ครง้ั จะตอ้ งวางคำสัง่ อย่างไร (แนวคำตอบ / วางคำสงั่ ไป
ขา้ งหน้า จำนวน 5 บล็อก)
- แตถ่ า้ นักเรียนต้องการวางคำส่ังไปขา้ งหน้า 100 คร้ัง นกั เรียนก็ต้องเสยี เวลาในการวางคำส่งั ไป
ขา้ งหนา้ จำนวน 100 บล็อก แตใ่ นทางการเขยี นโปรแกรมแลว้ มคี ำสัง่ โดยการใชบ้ ล็อก "ทำซำ้
(Loop)" เพ่ือชว่ ยใหส้ ามารถแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างรวดเร็วย่งิ ขึ้น
7. นักเรยี นทำแบบฝึกหัด (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 หนา้ 19-20 เรอื่ ง การเขยี น
โปรแกรมสง่ั ใหต้ วั ละครทำงาน หรอื ครอู าจใหน้ กั เรียนทำเป็นการบ้าน

ชัว่ โมงที่ 2
ข้ันสอน

อธบิ ายความรู้ (20 นาท)ี
1. ครนู ำนกั เรยี นสนทนาทบทวนความรูเ้ ดิมในเรื่อง การเขยี นโปรแกรมสงั่ ใหต้ ัวละครทำงาน (1.1

ขนั้ ตอนการเขียนโปรแกรม) ในคาบท่ผี ่านมา
2. นกั เรยี นทำใบงานท่ี 2.1.1 เขียนคำสัง่ ขัน้ ตอนการนับเหรยี ญ จากนัน้ ใหเ้ พื่อนร่วมชั้นทำตามคำส่งั ที่

ตนเองเขยี นเพื่อเปน็ การตรวจคำสัง่ วา่ ถูกต้องและชดั เจนหรือไม่ และให้นักเรยี นอธิบายขั้นตอนการ
เขยี นโปรแกรมจากสถานการณท์ ี่กำหนดให้
3. ครสู ุ่มนกั เรียน 3–5 คน มาอธิบายแนวคดิ ในการเขียนคำสงั่ ควบคมุ การนบั เหรยี ญจากใบงานท่ี 2.1.1
4. ครูชใ้ี หน้ ักเรยี นเหน็ วา่ “เมื่อมีการใชบ้ ลอ็ กคำสงั่ แบบเดิมซำ้ กนั ในลักษณะเรียงต่อกัน ควรเปลีย่ นมาใช้
บล็อกคำสง่ั ทำงานซำ้ แทน โดยการกำหนดตวั เลขตามจำนวนรอบทีท่ ำซำ้ จะช่วยให้การเขียนโปรแกรม
ง่ายและสะดวกมากยิ่งข้นึ ”
ขยายความเขา้ ใจ (40 นาที)
5. ครูนำนกั เรียนศึกษาเน้ือหาในหนังสอื เรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง การ
เขียนโปรแกรมสงั่ ให้ตวั ละครทำงาน (1.1การเขียนโปรแกรม)หนา้ 31 ควบคกู่ ับการสอนเขยี น
โปรแกรมในเว็บ Code.org ไปพร้อม ๆ กนั ในสว่ นน้ีให้
ครนู ำนกั เรยี นเขียนโปรแกรมไปถึงบทท่ี 2 เขาวงกต ตอนท่ี 5 ไปจนถงึ บทท่ี 3 ศลิ ปนิ
6. นักเรยี นทำกจิ กรรมฝึกทกั ษะ ในหนงั สอื เรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2
7. ครนู ำนักเรียนศึกษาเนื้อหาในหนงั สอื เรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอื่ ง การ
เขียนโปรแกรมส่งั ใหต้ ัวละครทำงาน (1.2 ตัวอยา่ งการเขียนโปรแกรม สัง่ ให้ตัวละครทำงานซ้ำไม่
สิ้นสุด) หน้า 34 –35 โดยครตู ้งั คำถามท้าทายการคดิ ขั้นสูงกับนกั เรียนว่า “เมื่อโปรแกรมท่เี ขยี นคำสัง่
เกิดขอ้ ผิดพลาด ทำใหก้ ารส่ังงานไมเ่ ป็นไปตามทีต่ ้องการ นักเรียนมวี ิธใี นการแก้ปญั หานี้อย่างไร”
8. ครูนำนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายสรุปความรูท้ ่ีไดจ้ ากการจดั กิจกรรม ตัวอยา่ งประเดน็ การอภิปราย

• คำส่งั ลูป (Loop) คอื อะไร (แนวคำตอบ / คำสั่งควบคมุ ให้ทำงานซ้ำ ในสว่ นทเ่ี รากำหนด)
• ให้นักเรยี นดูภาพปริศนาและชว่ ยกันเขียนคำสง่ั โดยใชบ้ ลอ็ กคำส่งั ทีก่ ำหนดให้

(แนวคำตอบ ภาพดา้ นลา่ ง)

9. นักเรียนทำแบบฝึกหัด (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 หนา้ 21-22 เรอื่ ง การเขยี น
โปรแกรมสั่งใหต้ วั ละครทำงานซ้ำไม่มสี ิ้นสดุ หรือครูอาจให้นกั เรียนทำเปน็ การบ้าน
ช่วั โมงที่ 3

ขนั้ สอน
ขยายความเข้าใจ (60 นาที)

1. ครนู ำนกั เรยี นสนทนาทบทวนความรูเ้ ดมิ ในเร่ือง การเขียนโปรแกรมสั่งใหต้ วั ละครทำงาน
(1.2ตวั อย่างการเขยี นโปรแกรมสั่งให้ตวั ละครทำงานซ้ำไมส่ ้ินสดุ ) ในคาบทผ่ี ่านมา

2. นกั เรียนเขยี นโปรแกรมในเว็บ Code.org จากบทที่ 5 ศลิ ปิน: Functions ไปจนถึงบทที่ 13 ผึ้ง: ลูป
ซอ้ นลปู (Nested Loops) ในระหว่างนี้ครอู าจจะแทรกความรใู้ นเร่อื ง เงื่อนไข คือ ข้อกำหนด
ข้อบงั คบั หรอื กฏเกณฑ์ท่ใี ชร้ ่วมกัน

3. นกั เรียนทำกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ ในหนงั สือเรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 หนา้ 36
ลงในสมดุ

4. ครูส่มุ นกั เรยี น 3 –5 คน มาอธบิ ายแนวคดิ ในการเขียนคำสั่งเพื่อพาซอมบเ้ี ดนิ ทางไปยงั ดอกทานตะวนั
จากในกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ ในหนา้ 36

5. ครนู ำนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายสรุปความร้ทู ่ีไดจ้ ากการจดั กิจกรรม ตัวอย่างประเด็นการอภิปราย

• ให้นักเรยี นยกตวั อย่างเงื่อนไข ท่ีพบเห็นในชวี ิตประจำวนั (แนวคำตอบ / เงื่อนไขในการเล่น
เกม เชน่ เลน่ เกมไมเ่ กินวนั ละ 5 นาที จะได้รับเพชร จำนวน 10 เม็ด, เงื่อนไขในการเขา้ ใช้
งาน Facebook ตอ้ งมอี ายุไม่ต่ำกวา่ 13ปี เปน็ ต้น)

• ครูเปดิ ประเดน็ กบั นักเรยี นวา่ “ครใู หน้ กั เรียนลองนำความรู้เก่ียวกับการเขียนโปรแกรม โดย
นำคำส่งั ลปู และเงื่อนไข มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปญั หาในชีวติ ประจำวนั ว่าจะสามารถเขียน
โปรแกรมแกป้ ัญหาใดได้บ้าง แลว้ คาบต่อไปมาพูดคุยแลกเปล่ยี นกัน”

6. นักเรยี นทำแบบฝึกหดั (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 หนา้ 23-25 (การเขียนโปรแกรม
สงั่ ใหต้ วั ละครทำงานซ้ำไมม่ ีส้ินสดุ ) หรือครอู าจให้นักเรยี นทำเป็นการบา้ น

ชวั่ โมงท่ี 4
ขน้ั สอน

ขยายความเขา้ ใจ (40 นาท)ี
1. ครนู ำนกั เรียนสนทนาทบทวนความรเู้ ดมิ จากคาบท่ีแลว้ ทคี่ รเู ปิดประเด็นกับนักเรยี นวา่ “ครูให้

นกั เรยี นลองนำความร้เู กีย่ วกับการเขียนโปรแกรม โดยนำคำสงั่ ลูป และเง่ือนไข มาประยุกต์ใช้ในการ
แก้ปัญหาในชีวิตประจำวนั วา่ จะสามารถเขียนโปรแกรมแก้ปญั หาใดได้บ้าง”
2. ให้นักเรียนศึกษาสถานการณ์ท่ีกำหนด จากกจิ กรรมฝึกทักษะที่ 1 โปรแกรมช่วยใหช้ ีวติ งา่ ยขนึ้ ใน
แบบฝึกหัด (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 หนา้ 29 หรอื ครูอาจจะใหน้ ักเรียน
แบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3–5 คน โดยใหน้ ักเรยี นเขยี นคำสงั่ ช่วยคัดแยกเสอื้ ผา้ จำนวน 100 ชิ้น ในรูปแบบ
แผนผัง โดยให้ประยุกตใ์ ช้ความรทู้ ่ีเรยี นมาในการเขียนโปรแกรมน้ี และบอกประโยชน์ของการใช้คำสัง่
ลูปในการทำงานแบบวนซ้ำได้ แล้วออกมานำเสนอแนวคิดโปรแกรมของกล่มุ ตนเอง มีเวลาการ
นำเสนอกลมุ่ ละ 5–7 นาที
ขนั้ สรุป
ตรวจสอบผล (20 นาที)
1. ครนู ำนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายสรปุ ความรูท้ ่ีได้จากการจดั กิจกรรม ตวั อย่างประเดน็ การอภปิ ราย ให้
นกั เรยี นช่วยยกตัวอยา่ งถึงเหตุการณห์ รือรปู แบบของปัญหาที่พบเจอในชีวติ ประจำวนั ท่ีจะนำมาเขียน
โปรแกรมเพ่ือแก้ไขปญั หา หรือชว่ ยให้การทำงานสะดวกสบายมากยิ่งขน้ึ
10. สื่อแหลง่ การเรียนรู้

1) หนังสือเรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3

2) แบบฝกึ หัด (วิทยาการคำนวณ) ป.3

3) วดี ทิ ศั น์ https://www.youtube.com/watch?v=cDA3_5982h8

4) ใบงานที่ 2.1.1 เขียนคำส่ังขนั้ ตอนการนับเหรียญ

11. การวัดและการประเมนิ ผล

11.1 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กจิ กรรม

จดุ ประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เครอ่ื งมอื การประเมนิ เกณฑ์การประเมิน
แบบประเมนิ ใบงานท่ี นกั เรยี นเขยี นอธบิ าย
1.อธบิ ายขั้นตอนการ ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 เขยี น 2.1.1 ลำดับขน้ั ตอนการทำงาน
ของโปรแกรมได้ในระดับ
เขยี นโปรแกรมและการ คำสง่ั ข้นั ตอนการนบั เหรียญ แบบประเมิน คณุ ภาพ พอใช้ขึน้ ไป ถือ
แบบฝึกหดั (การเขยี น วา่ ผ่าน
เขยี นโปรแกรมแบบวน โปรแกรมสงั่ ให้ตวั
ละครทำงานซำ้ ไม่มี นักเรียนแสดงขั้นตอนการ
ซ้ำส่งั ใหต้ ัวละครทำงาน สนิ้ สดุ ) ใช้คำสง่ั การทำงานซำ้ ไดใ้ น
แบบประเมินการ ระดบั คุณภาพ พอใช้ขึน้ ไป
ในสถานการณ์ท่ี นำเสนอ ถือวา่ ผ่าน

กำหนดให้ได้ (K) นักเรยี นบอกประโยชน์
ของการใชค้ ำสั่งลูปในการ
2.แสดงขั้นตอนการเขียน ตรวจแบบฝกึ หดั หนา้ 21 - ทำงานแบบวนซ้ำได้ ใน
ระดับคุณภาพ พอใช้ขึน้ ไป
โปรแกรมสั่งใหต้ ัวละคร 25 (การเขยี นโปรแกรมส่งั ให้ ถือวา่ ผา่ น

ทำงานซ้ำไม่สิ้นสดุ ได้ (P) ตัวละครทำงานซำ้ ไมม่ ีสน้ิ สดุ )

3.เหน็ ประโยชนข์ องการ ประเมนิ การนำเสนอ เร่ือง
ใช้คำสัง่ ลปู ในการทำงาน โปรแกรมช่วยให้ชีวติ งา่ ยขน้ึ
แบบวนซ้ำได้ (A)

11.2 แบบประเมินใบงานที่ 2.1.1 เร่อื ง เขียนคำสงั่ ขนั้ ตอนการนับเหรียญ

ประเด็นในการประเมนิ 3 เกณฑ์การให้คะแนน 1
2

1.ความถกู ต้องของ เนอ้ื หาถูกตอ้ ง มี เนื้อหาถูกตอ้ ง แตม่ ี เนือ้ หาถูกตอ้ ง แตม่ ี

เนื้อหา รายละเอียดครบถ้วนทุก รายละเอยี ดไม่ถูกต้อง รายละเอียดไม่ถูกต้อง

ประเดน็ ตามสถานการณ์ 1 ตำแหน่ง 2 ตำแหน่งขนึ้ ไป

ทก่ี ำหนด

2.ความชัดเจนในคำสง่ั เขียนขัน้ ตอนคำส่ัง เขยี นขน้ั ตอนคำสง่ั เขยี นขน้ั ตอนคำสง่ั

ควบคุมการทำงาน ควบคมุ การทำงาน โดยมี ควบคมุ การทำงาน โดยมี ควบคุมการทำงาน โดยมี

การเรยี งลำดบั ถูกต้อง การเรียงลำดบั ถูกต้อง การเรียงลำดบั ถูกต้อง

ชัดเจนมาก เม่ือ เมือ่ แลกเปลีย่ นกับเพื่อน เมือ่ แลกเปลี่ยนกบั เพอ่ื น

แลกเปลี่ยนกับเพอื่ นแล้ว แลว้ เพื่อนสามารถทำตาม แล้วเพอื่ นสามารถทำตาม

เพื่อนสามารถทำตาม ขั้นตอนไดบ้ างส่วนตอ้ ง ข้ันตอนได้บางสว่ นตอ้ ง

ประเด็นในการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน

3 21

ขั้นตอนได้ครบถ้วน นำกลบั มาแกค้ ำส่งั ใหม่ 1 นำกลบั มาแก้คำส่งั ใหม่ 2

รอบ รอบขึน้ ไป

3.การอธบิ ายแนวคิดการ อธบิ ายแนวคดิ การเขียน อธบิ ายแนวคิดการเขียน อธิบายแนวคดิ การเขียน
เขียนโปรแกรมและการ โปรแกรมและการใช้
เขียนโปรแกรมแบบวนซ้ำ คำสงั่ ให้ทำงานวนซำ้ ใน โปรแกรมและการใช้ โปรแกรมได้ แต่ไม่

การเขียนโปรแกรม คำสัง่ ให้ทำงานวนซำ้ ใน สามารถอธบิ ายได้วา่
พรอ้ มทงั้ ให้เหตุผล
ประกอบอย่าง การเขยี นโปรแกรม ให้ เมื่อใดควรมีการใช้คำส่ัง
สมเหตุสมผล
เหตุผลประกอบได้เพยี ง ใหท้ ำงานวนซ้ำในการ

บางส่วน เขยี นโปรแกรม

เกณฑ์การตดั สิน /ระดับคุณภาพ

คะแนน 7 – 9 หมายถงึ ดี
พอใช้
คะแนน 5 – 6 หมายถงึ ปรับปรงุ

ต่ำกวา่ 5 หมายถึง

11.3 แบบตรวจประเมนิ แบบฝกึ หัด (การเขยี นโปรแกรมสงั่ ให้ตัวละครทำงานซ้ำไม่มีสิ้นสดุ )

ประเด็นในการประเมนิ 3 เกณฑ์การให้คะแนน 1
2

1.ความถูกต้องของ เนื้อหาถูกตอ้ ง มี เนือ้ หาถูกต้อง แตม่ ี เนื้อหาถูกต้อง แตม่ ี

เนือ้ หา รายละเอยี ดครบถ้วนทุก รายละเอยี ดบางสว่ นไม่ รายละเอียดบางส่วนไม่

ประเด็นตามสถานการณ์ ถูกต้อง 1 จุด ถูกต้อง 2 จดุ ข้ึนไป

ท่กี ำหนด

2.การเลือกใช้คำส่งั เลอื กใช้คำสง่ั ควบคุมการ เลือกใชค้ ำส่งั ควบคมุ การ เลือกใช้คำส่ังควบคมุ การ

ควบคมุ การทำงานแบบ ทำงานแบบวนซ้ำได้ ทำงานแบบวนซ้ำได้ ทำงานแบบวนซำ้ ได้แต่ยัง

วนซ้ำ ถกู ต้อง และใชบ้ ลอ็ ก ถกู ต้อง แตย่ งั สามารถ ไมถ่ ูกตอ้ งทัง้ หมด

คำส่ังไดน้ ้อยทส่ี ุด เลือกใช้บล็อกคำสงั่ ได้

น้อยกว่าที่เขียนมา

3.ความชดั เจนในการ เขยี นขนั้ ตอนคำสง่ั เขียนข้ันตอนคำสัง่ เขียนขน้ั ตอนคำสงั่

เขียนคำสง่ั ควบคุมการ ควบคมุ การทำงานถกู ต้อง ควบคมุ การทำงานถกู ต้อง ควบคุมการทำงานถูกต้อง

ทำงาน ชัดเจนทั้งหมด ชัดเจน แต่มีบางสว่ นตอ้ ง ชดั เจน แต่มบี างส่วนตอ้ ง

นำกลับมาแก้คำสง่ั ใหม่ 1 นำกลบั มาแกค้ ำสงั่ ใหม่ 2

รอบ รอบข้นึ ไป

เกณฑ์การตัดสิน /ระดบั คุณภาพ

คะแนน 7 – 9 หมายถงึ ดี
พอใช้
คะแนน 5 – 6 หมายถงึ ปรบั ปรุง

ต่ำกว่า 5 หมายถึง

11.4 แบบประเมินการนำเสนอ

รายการประเมิน คุณภาพผลงาน
4321

1. รปู แบบโปรแกรมถูกต้องตามท่ีโจทย์กำหนด
2. อธิบายลำดับข้นั ตอนการทำงานของโปรแกรมไดอ้ ย่างเขา้ ใจ
3. บอกถึงประโยชน์ของการใช้คำสั่งลปู ในการทำงานแบบวนซ้ำ
4. ควบคุมเวลาในการนำเสนอได้อยา่ งเหมาะสม
5. การมีส่วนร่วมการทำงานในกล่มุ

รวม

เกณฑ์การตัดสนิ /ระดับคุณภาพ หมายถึง ดีมาก
คะแนน 18 – 20 หมายถงึ ดี
คะแนน 14 – 17 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 10 – 13 หมายถงึ ปรับปรงุ
ต่ำกว่า 10

ใบงานท่ี 2.1.1
เรอื่ ง เขยี นคำสั่งขัน้ ตอนการนบั เหรียญ
คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนเขียนคำส่งั ขน้ั ตอนการนับเหรียญ จากนน้ั ให้เพ่อื นร่วมช้นั ทำตามคำส่งั ที่ตนเองเขียน
เพ่ือเปน็ การตรวจคำสัง่ ว่าถูกตอ้ งและชัดเจนหรือไม่

คำส่งั ข้นั ตอนการนบั เหรียญ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................................................................................................... ....
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.............................................................................................................................................................. ................

ใบงานท่ี 2.1.1 เฉลย
เร่ือง เขียนคำสัง่ ข้ันตอนการนับเหรยี ญ

คำช้ีแจง : ให้นักเรียนเขียนคำสงั่ ขนั้ ตอนการนับเหรยี ญ จากนั้นให้เพ่ือนรว่ มชนั้ ทำตามคำสัง่ ทีต่ นเองเขยี น
เพ่อื เป็นการตรวจคำสง่ั วา่ ถูกตอ้ งและชดั เจนหรือไม่

คำสง่ั ข้ันตอนการนับเหรยี ญ

...1.....เ..ร..ม่ิ ...ต...้น....ม...ีเ.ง..ิน.....0....บ...า..ท................................................................................... .................................................
...2......ห...ย...ิบ...เ.ห...ร...ีย..ญ....ส..บิ...บ...า...ท....อ...อ...ก..ม...า....แ..ล...ะ...น..ับ...จ...ำ..น...ว..น...เ.ห...ร...ยี ..ญ....ท...่ีห...ย...ิบ..อ...อ...ก...ม..า....=....2.....เ.ห...ร..ีย...ญ...............................
...3......แ...ป...ล...ง..ค..า่...จ..ำ..น...ว...น...เ.ง..นิ....1...0....+...1...0....=....2..0....บ...า...ท....จ...า..ก...น...ัน้ ..เ..ข...ีย..น...จ...ำ..น...ว..น...เ.ง..นิ...ไ..ว..้ .2...0....บ...า..ท..................................
...4......ห...ย...ิบ...เ.ห...ร...ีย..ญ....ห...้า..บ...า..ท.....อ..อ...ก...ม...า...แ...ล...ะ..น...บั...จ...ำ..น...ว..น...เ.ห...ร...ยี ..ญ....ท...ห่ี...ย...ิบ..อ...อ...ก...ม..า....=....3..เ..ห...ร..ยี...ญ.................................
...5......แ...ป...ล...ง..ค..า่...จ..ำ..น...ว...น...เ.ง..ิน....5...+...5..+...5....=.....1..5... .บ...า..ท.....จ..า..ก...น...้นั ...เ.ข...ีย...น...จ..ำ..น...ว...น...เ.ง..นิ ...ไ..ว..้ .1...5....บ...า..ท...................................
...6......ห...ย...ิบ...เ.ห...ร...ีย..ญ....ส..อ...ง..บ...า..ท.....อ...อ..ก...ม...า....แ..ล...ะ..น...บั...จ...ำ..น...ว..น...เ..ห...ร..ีย..ญ....ท...ห่ี...ย...บิ ...อ..อ...ก...ม...า...=....2....เ.ห...ร...ีย..ญ..............................
......978.............แหแ......ปปย......ิลลบ......งงเ..ห..คค....รา่่า......ียจจ....ำำญ....นน....บ..วว....า..นน..ท....เเ..งง....อิินน....อ....12..ก....++..ม....12า....+....=แ..1....ล..+4..ะ...1...นบ.....=.ับา.....ท.จ..4..ำ....จ.น.บ...า..ว.า.ก...นท..น...เ...หน้ั..จ....รเา....ขีย.ก...ีย..ญน....น..นั้ .ท...จ..เ.่หี..ำข....ยน.ยี....ิบ.ว.น....นอ.จ.....อเำ..ง...นก.ิน....มว..ไ...น.วา....้.เ...=4ง....นิ ....บ4..ไ...วา...เ.ท.้ ห..4....ร....บ.ีย.....ญา.....ท.....................................................................
...1...0......น...ำ..จ...ำ..น...ว..น...ท...่ีเ.ข...ีย...น...ไ.ว...ม้ ..า...ร..ว..ม...ก...นั ......2..0...+...1..5...+..4...+...4....=....4...3....บ...า..ท..................................................................

............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................................................................................................... ....
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.............................................................................................................................................................. ................

12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......

ลงช่อื
(

ตำแหนง่

13. บนั ทึกผลหลังการสอน
 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 เวลา 8 ช่ัวโมง
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 การเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย เวลา 4 ชั่วโมง
เรอ่ื ง การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 3
รายวชิ า คอมพิวเตอร์ กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

1. ผลการเรยี นรู้
1. เพื่อใหผ้ ูเ้ รียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเบอื้ งตน้
2. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็น
ระบบ
3. เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการส่ือสาร
เบือ้ งตน้ ในการแก้ปญั หาท่พี บในชวี ติ จริงไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
4. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา การ
จดั การทกั ษะในการสอื่ สาร ความสามารถในการตดั สินใจ
5. เพ่ือให้ผู้เรียนเป็นผู้มจี ิตวิทยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. ตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรมได้ (K)
2. แก้ไขข้อผดิ พลาดจากการเขียนโปรแกรมได้ (P)
3. นำความรู้และประโยชน์ที่ได้รับเกยี่ วกบั เร่ือง การตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม มาประยุกต์ใช้
ในชีวติ ประจำวนั ได้ (A)

3. สาระสำคัญ
การเขยี นโปรแกรมใหค้ อมพวิ เตอรท์ ำงานตามขนั้ ตอนทไ่ี ด้ออกแบบไว้นน้ั บางครั้งจะเกดิ ปญั หา ซง่ึ

ปญั หาท่เี กิดขึน้ จากการเขยี นโปรแกรมในแต่ละข้ันตอนของคำส่งั นน้ั เราเรยี กว่า ข้อผดิ พลาด (Bug) ส่วนการ
ตรวจสอบข้อผดิ พลาดและแก้ไขข้อผดิ พลาดท่เี กิดขน้ึ นนั้ เราจะเรียกว่า Debugging คำสั่งจะแจ้งเตือน
ข้อผิดพลาดท่ีเกิดขึ้น เพอื่ ให้มีการทบทวนแกไ้ ขข้อผิดพลาดนน้ั พร้อมทัง้ แนะนำวธิ ีการแก้ไขก่อนที่จะ
ดำเนินการต่อไป
4. สาระการเรียนรู้

1) การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม
2) การตรวจสอบการทำงานทีละคำสง่ั
5. รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน
1) วธิ ีการสอนแบบสาธติ
2) วิธีการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

6. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน
ความสามารถในการส่ือสาร
 ความสามารถในการคดิ
 ความสามารถในการแก้ปัญหา
 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

7. ทกั ษะ 4 Cs ซอื่ สตั ย์ สุจรติ
ทกั ษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking) ใฝ่เรยี นรู้
ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน (Collaboration Skill)  ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
ทกั ษะการสื่อสาร (Communication Skill) มจี ติ สาธารณะ
ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)

8. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
 รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์

 มวี ินัย

 อยู่อยา่ งพอเพยี ง

รกั ความเป็นไทย

9. การจดั กระบวนการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 1
ขั้นนำ

กระตุ้นความสนใจ (20 นาท)ี
1. ครใู ห้นักเรยี นทำกิจกรรม “ช่วยตรวจคำตอบให้หนอ่ ยนะ” โดยครูเขียนโจทย์และคำตอบขน้ึ บน

กระดาน จำนวน 5 ข้อ ดังนี้ 26 + 30 = 50
35 + 35 = 70
54 - 24 = 34
19 - 4 = 14
10 x 2 = 20

2. นักเรยี นช่วยตรวจคำตอบวา่ มีข้อใดถกู ข้อใดผิดบา้ ง และข้อทีผ่ ิด ผิดตรงไหน จะแก้ให้ถูกได้อยา่ งไร
โดยครูรอฟังคำตอบจากนักเรียน และแสดงวธิ ที ำในข้อท่ีผิดอย่างละเอยี ดทีละขั้นตอนเพอ่ื หาจุดท่ผี ดิ
และแก้ไขให้ถกู ตอ้ ง ดังน้ี
26 + 30 = 50 (ผิด คำตอบทถี่ ูกตอ้ งคือ 56)
35 + 35 = 70 (ถูกต้อง)

54 - 24 = 34 (ผิด คำตอบท่ีถูกต้องคือ 30)
19 - 4 = 14 (ผิด คำตอบที่ถูกต้องคือ 15)
10 x 2 = 20 (ถกู ต้อง)
3. ครนู ำนกั เรียนสนทนาเพื่อกระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียน “จากในชวี ติ ประจำวัน หรอื การเรยี น การ
ทำการบา้ น การทำข้อสอบ เราก็อาจจะเจอกบั ความผดิ พลาดท่เี กดิ ขนึ้ ได้ แตเ่ ราจะมีวธิ ีทำอย่างไรท่จี ะ
ลดความผิดพลาดได้บ้าง” (แนวคำตอบ การคิดอยา่ งรอบคอบ, การตรวจสอบใหถ้ ว้ นถี่ เป็นต้น)
4. ครกู ลา่ วเพื่อเชือ่ มโยงเข้าสู่บทเรยี นวา่ “แมก้ ระทัง่ ในการเขียนโปรแกรม เขยี นคำสง่ั ใหโ้ ปรแกรมหรอื
คอมพวิ เตอร์ทำงาน เราเองก็อาจจะพบเจอกบั ความผดิ พลาดที่เกิดขนึ้ ได้ เชน่ บางทีคนเขยี น
โปรแกรมอาจจะต้งั ใจทำไวแ้ บบน้ี แต่โปรแกรมที่แสดงออกมาไม่เปน็ อย่างที่คาดหวงั เอาไว้ หรอื
ผลลพั ธ์ไมไ่ ด้เปน็ อยา่ งท่ีคิดเอาไว้ สิ่งทีเ่ กิดขึ้นน้ี เราเรยี กวา่ ข้อผิดพลาด (bug)
5. ครตู ัง้ คำถามประจำเรื่องกับนักเรยี นว่า “เพราะเหตุใด จงึ ต้องมีการตรวจสอบข้อผิดพลาดของ
โปรแกรม”
ข้ันสอน
สำรวจค้นหา (40 นาท)ี
1. ครนู ำนกั เรยี นศึกษาเนื้อหาในหนงั สือเรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การ
ตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม (2.1 การตรวจสอบคำส่งั ข้ันตอนการทำงานของโปรแกรม) หน้า
37-39 ครูเน้นประเดน็ สำคัญในเร่ืองน้ี คือ เมอื่ เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ รียบรอ้ ยแลว้ จะตอ้ งทำ
การตรวจสอบโปรแกรมว่า ทำงานไดต้ รงตามความตอ้ งการหรอื ไม่ หากโปรแกรมไม่สามารถทำงาน
ตามที่ต้องการได้ ให้กลับไปแก้ไขและทดสอบใหม่ ทำจนกว่าจะไดผ้ ลลัพธต์ ามทต่ี ้องการ
2. นกั เรยี นทำกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะที่ 2 วาดภาพตามคำสง่ั ในแบบฝกึ หดั (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วย
การเรยี นรู้ท่ี 2 หน้า 30-31
3. ครูนำนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายสรุปความรู้ที่ได้จากการจดั กิจกรรม “จากกิจกรรม วาดภาพตามคำส่งั
ทีน่ ักเรียนได้ทำน้ัน จะเห็นได้วา่ การเขียนคำสั่ง หรือการแสดงขนั้ ตอนการทำงาน (Algorithm) ท่ี
ชัดเจน จะยงิ่ ทำให้ไดผ้ ลลัพธ์ทถี่ ูกต้องตามความต้องการ ดังน้นั อัลกอริทึมท่ีดีควรจะต้องไมม่ ี
ข้อผิดพลาด (bug) ”
4. นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 หน้า 26-27 (การตรวจสอบ
ข้อผดิ พลาดของโปรแกรม) หรอื ครูอาจให้นักเรียนทำเป็นการบา้ น

ชวั่ โมงท่ี 2
ขั้นสอน

อธิบายความรู้ (60 นาที)
1. ครูนำนกั เรียนสนทนาทบทวนความรู้เดมิ ในเรื่อง การตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม ในคาบท่ี

ผ่านมา (2.1 การตรวจสอบคำสั่งขนั้ ตอนการทำงานของโปรแกรม)

2. ครูชใ้ี ห้นกั เรียนเหน็ ว่า “เราสามารถตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม และแก้ไขในจุดทีบ่ กพร่อง
ของโปรแกรมได้ โดยสามารถทำในเว็บไซต์ Code.org บทท่ี 14 ผง้ึ : การดบี ัก๊ ”

3. จากน้ันครูสมุ่ นักเรยี น 3–5 คน มาอธิบายแนวคดิ ในการตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม และ
แก้ไขในจดุ ท่บี กพร่องของโปรแกรม ในเว็บ Code.org

4. นักเรยี นทำกจิ กรรมฝึกทกั ษะ ในหนังสอื เรยี น (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 หน้า 40
5. ครนู ำนักเรียนรว่ มกันอภิปรายสรุปความรู้ที่ไดจ้ ากการจัดกิจกรรม ตวั อย่างประเด็นการอภปิ ราย

• บั๊ก (bug) คืออะไร (แนวคำตอบ ข้อผดิ พลาดที่เกิดขนึ้ )
• ดบี ๊ัก (debugging) คืออะไร (แนวคำตอบ การแก้ไขจดุ บกพร่องที่เกดิ ขน้ึ )
• ใหน้ ักเรยี นดภู าพและชว่ ยกันดูคำสงั่ ว่าถกู หรือไม่ ถา้ ไมถ่ ูกจะแก้อย่างไรใหถ้ ูก โดยใช้บลอ็ ก

คำสัง่ ทีก่ ำหนดให้

(แนวคำตอบ ภาพด้านล่าง)

6. นักเรียนทำแบบฝึกหัด (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 หน้า 28 (การตรวจสอบ
ขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม) เป็นการบา้ น
ชวั่ โมงท่ี 3

ขั้นสอน
อธบิ ายความรู้ (50 นาท)ี

1. ครนู ำนกั เรียนสนทนาทบทวนความรูเ้ ดิมในเรื่อง การตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม (2.1 การ
ตรวจสอบคำส่งั ที่แจ้งขอ้ ผดิ พลาด)

2. ครูนำนกั เรยี นศึกษาเน้ือหาในหนังสือเรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เร่อื ง การ
ตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม (2.2 การนำแนวคดิ เชิงคำนวณมาใช้ในการตรวจสอบ

ข้อผดิ พลาด) หน้า 41–42 คือ การตรวจสอบการทำงานของโปรแกรมทลี ะคำสงั่ ทลี ะข้ันตอน โดยใช้
แนวคดิ การแยกส่วนประกอบ คำสั่งของโปรแกรมออกเปน็ ย่อย ๆ หรือเรียกวา่ (Decomposition)
และพูดคยุ แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ ในกจิ กรรมฝกึ ทักษะ หน้า43
3. นักเรียนทำกจิ กรรมฝึกทักษะท่ี 3 แก้ไขอย่างไรดี ในแบบฝึกหัด (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการ
เรยี นร้ทู ี่ 2 หน้า 32-33
4. ครสู ุ่มนักเรยี น 3–5 คน มาอธิบายแนวคิดการตรวจสอบการทำงานทลี ะคำส่ังและการแก้ไขคำสง่ั ให้
ถูกต้องจากกจิ กรรมฝึกทักษะที่ 3
ขยายความเข้าใจ (10 นาที)
5. ครนู ำนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายสรปุ ความรู้ทไ่ี ด้จากการจดั กิจกรรมว่า “การเขียนโปรแกรมทกุ ครงั้
จะตอ้ งทำการตรวจสอบ ทดสอบเพื่อหาข้อผดิ พลาด และเมื่อพบขอ้ ผดิ พลาด จะต้องทำการแกไ้ ข
โปรแกรมให้ได้ผลลัพธ์ท่ีถูกตอ้ ง”

ชวั่ โมงท่ี 4

ขัน้ สอน
ขยายความเขา้ ใจ (40 นาที)

1. ครูนำนกั เรียนสนทนาทบทวนความรเู้ ดิม “จากความรู้ทีเ่ ราได้เรยี นมาเกีย่ วกบั เรื่อง การเขียน
โปรแกรมอยา่ งง่าย ครูอยากให้นักเรียนลองนำความรู้ท่ีได้ เชน่ การใชค้ ำสั่งวนซ้ำ (loop)
การตรวจสอบหาข้อผดิ พลาด (bug) และการแก้ไขข้อผิดพลาด (debugging) มาประยกุ ต์ใชใ้ นการ
เขยี นโปรแกรมเพือ่ แก้ปัญหาในชีวิตประจำวนั ลงในช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) โปรแกรมของฉนั ”

2. ให้นักเรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 3–5 คน ทำช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) โปรแกรมของฉนั เม่อื เขยี น
โปรแกรมเสร็จแลว้ แลกเปลีย่ นกบั เพ่ือนระหวา่ งกลมุ่ เพือ่ เป็นการตรวจสอบหาข้อผดิ พลาดของ
โปรแกรม และนำกลบั มาทำการแกไ้ ขโปรแกรมให้สมบรู ณ์และนำเสนอแนวคิดและขน้ั ตอนหนา้ ช้นั
เรียน เวลาการนำเสนอกลุ่มละ 5–7 นาที

3. นักเรียนทำแบบทดสอบทา้ ยบท ประจำหน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 หนา้ 34-37 ในแบบฝกึ หดั (วิทยาการ
คำนวณ) ป.3 เพื่อเป็นการตรวจสอบความรู้ทไ่ี ด้หลงั เรียน

ขั้นสรุป
ตรวจสอบผล (20 นาที)

1. นกั เรียนตรวจสอบตนเอง หลังจากเรียนจบหนว่ ยนี้ ในหนังสอื เรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3 หน่วย
การเรียนรู้ที่ 2 หน้า 43

2. ครนู ำนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายสรุปความรู้ทไ่ี ดจ้ ากการเรียนรู้เร่อื ง การเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดย
สรุปสาระสำคัญในหนังสือเรยี น (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 หน้า 44

3. นักเรยี นทำกจิ กรรมเสรมิ สร้างการเรยี นรู้ ในหนังสือเรยี น (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่
2 หน้า 45

10. สื่อแหลง่ การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ป.3
2) แบบฝกึ หดั (วิทยาการคำนวณ) ป.3
3) ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอ่ื ง โปรแกรมของฉัน

11. การวัดและการประเมนิ ผล

11.1 การประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรม

จดุ ประสงค์ วธิ กี ารประเมิน เคร่อื งมือการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ

1.ตรวจสอบข้อผดิ พลาดของ ตรวจกิจกรรมฝกึ ทักษะที่ แบบประเมนิ กิจกรรมฝกึ นักเรยี นหาข้อผดิ พลาด

โปรแกรมได้ (K) 2, 3 ทกั ษะการตรวจสอบหา ของโปรแกรมได้ในระดับ

ขอ้ ผิดพลาดของ คุณภาพ พอใช้ ข้ึนไป

โปรแกรม ถอื วา่ ผ่าน

2.แกไ้ ขข้อผิดพลาดจากการ ตรวจกิจกรรมฝึกทักษะที่ แบบประเมินกิจกรรมฝกึ นกั เรยี นแก้ไข

เขียนโปรแกรมได้ (P) 3 ทักษะที่ 3 ขอ้ ผดิ พลาดจากการ

เขียนโปรแกรม โดย

แสดงขน้ั ตอนได้ในระดบั

คณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไป

ถอื วา่ ผ่าน

3.นำความรู้และประโยชน์ท่ี ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบ แบบประเมนิ ชิ้นงาน/ นกั เรยี นนำความรแู้ ละ

ได้รับเกี่ยวกบั เรื่อง การ ยอด) เรอ่ื ง โปรแกรม ภาระงาน (รวบยอด) ประโยชนท์ ี่ได้รับมา

ตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดของ ของฉนั โปรแกรมของฉนั ออกแบบโปรแกรมเพ่ือ

โปรแกรม มาประยุกตใ์ ชใ้ น ประยกุ ต์ใชใ้ น

ชีวติ ประจำวนั ได้ (A) ชีวติ ประจำวันไดใ้ น

ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขึน้

ไป ถอื วา่ ผา่ น

11.2 แบบประเมนิ กจิ กรรมฝึกทกั ษะการตรวจสอบหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม

ประเด็นในการประเมิน 3 เกณฑ์การให้คะแนน 1
2

1.การตรวจสอบหา หาคำสั่งทผี่ ดิ พลาด หรอื หาคำสงั่ ท่ีผิดพลาด หรอื หาคำสั่งทีผ่ ดิ พลาด หรือ

ข้อผดิ พลาดของ คำส่งั ที่ทำใหโ้ ปรแกรมไม่ คำสั่งทที่ ำใหโ้ ปรแกรมไม่ คำสั่งที่ทำใหโ้ ปรแกรมไม่

โปรแกรม สามารถทำงานไดต้ าม สามารถทำงานไดต้ าม สามารถทำงานไดต้ าม

ผลลัพธ์ท่คี าดหวงั ไว้ ผลลพั ธ์ที่คาดหวงั ไว้ ผลลพั ธท์ ีค่ าดหวงั ไว้

ครบถ้วนทุกตำแหนง่ บางสว่ นยงั ไม่ครบถว้ นขาด บางสว่ นยงั ไมค่ รบถว้ นขาด

1 ตำแหนง่ 2 ตำแหน่งข้นึ ไป

2.ความชัดเจนในคำสัง่ เขยี นขนั้ ตอนคำสั่งควบคุม เขียนขน้ั ตอนคำสัง่ ควบคมุ เขียนขั้นตอนคำส่ังควบคมุ

ควบคมุ การทำงาน การทำงานถกู ต้องชัดเจน การทำงานถูกต้องชัดเจน การทำงานถูกต้องชัดเจน

มาก เม่ือแลกเปลีย่ นกับ เมือ่ แลกเปลย่ี นกับเพอื่ น เมอื่ แลกเปลีย่ นกับเพอ่ื น

เพื่อนแลว้ เพ่อื นสามารถทำ แล้ว เพื่อนสามารถทำตาม แลว้ เพื่อนสามารถทำตาม

ตามขั้นตอนได้ครบถ้วน ข้นั ตอนไดบ้ างสว่ นต้องนำ ข้ันตอนไดบ้ างส่วนต้องนำ

กลับมาแก้คำสง่ั ใหม่ 1 กลับมาแกค้ ำสง่ั ใหม่ 2

รอบ รอบข้ึนไป

3.การอธิบายแนวคิดของ อธบิ ายแนวคดิ ของรูปแบบ อธบิ ายแนวคิดของรูปแบบ อธบิ ายแนวคิดการเขยี น

รปู แบบโปรแกรมท่ีเขียน โปรแกรมที่เขียนด้วย โปรแกรมที่เขยี นดว้ ย โปรแกรมได้ แต่ไม่บอกว่า

ดว้ ยตนเอง และจากที่ ตนเอง และจากที่ ตนเอง และจากท่ี การดำเนินการของ

กำหนดให้ กำหนดให้ โดยบอกไดต้ าม กำหนดให้ แต่ยงั ขาด โปรแกรมนนั้ มีรูปแบบและ

ประเด็นดังนี้ ประเด็นใดประเดน็ หนง่ึ ไป ผลลพั ธ์ทจี่ ะออกมาเป็น

1)โปรแกรมมรี ปู แบบ อยา่ งไร

อยา่ งไร

2)โปรแกรมน้นั มีผลลพั ธ์

อย่างไร

3)ใหเ้ หตุผลประกอบอย่าง

สมเหตสุ มผล

เกณฑ์การตดั สิน /ระดับคณุ ภาพ

คะแนน 7 – 9 หมายถงึ ดี
พอใช้
คะแนน 5 – 6 หมายถึง ปรบั ปรุง

ต่ำกวา่ 5 หมายถงึ

11.3 แบบประเมนิ กจิ กรรมฝึกทักษะที่ 3

ประเดน็ ในการประเมนิ 3 เกณฑ์การให้คะแนน 1
หาคำส่งั ทีผ่ ดิ พลาด หรอื 2 หาคำส่งั ท่ผี ดิ พลาด หรือ
1.การตรวจสอบหา คำสั่งท่ที ำใหโ้ ปรแกรมไม่ คำสง่ั ที่ทำให้โปรแกรมไม่
ขอ้ ผดิ พลาดของ สามารถทำงานไดต้ าม หาคำสงั่ ท่ผี ดิ พลาด หรือ สามารถทำงานได้ตาม
โปรแกรม ผลลพั ธ์ที่คาดหวงั ไว้ คำสัง่ ทท่ี ำให้โปรแกรมไม่ ผลลัพธ์ทค่ี าดหวังไว้
ครบถ้วนทุกตำแหน่ง สามารถทำงานไดต้ าม บางส่วนยงั ไม่ครบถว้ นขาด
ผลลัพธ์ทค่ี าดหวังไว้ 2 ตำแหนง่ ข้ึนไป
2.การแก้ไขข้อผิดพลาด แกไ้ ขข้ันตอนคำสัง่ ควบคมุ บางสว่ นยงั ไม่ครบถ้วนขาด แก้ไขขนั้ ตอนคำสงั่ ควบคุม
จากการเขียนโปรแกรม การทำงานท่ผี ดิ พลาดให้ 1 ตำแหน่ง การทำงานทีผ่ ิดพลาดให้
ถกู ต้อง และชัดเจน แก้ไขขน้ั ตอนคำส่งั ควบคมุ ถกู ต้อง แต่บางส่วนยังไม่
ครบถ้วนทกุ ตำแหน่ง การทำงานท่ผี ดิ พลาดให้ ครบถว้ นขาด 2 ตำแหนง่
ถูกต้อง แต่บางสว่ นยังไม่ ขนึ้ ไป
3.การอธบิ ายแนวคดิ ของ อธิบายแนวคดิ ของรูปแบบ ครบถว้ นขาด 1 ตำแหน่ง อธบิ ายแนวคิดการเขยี น
โปรแกรมได้ แต่ไม่บอกวา่
รปู แบบโปรแกรมทีเ่ ขยี น โปรแกรมทีเ่ ขียนด้วย อธบิ ายแนวคิดของรปู แบบ การดำเนนิ การของ
โปรแกรมทเี่ ขยี นดว้ ย โปรแกรมนน้ั มรี ูปแบบและ
ด้วยตนเอง และจากที่ ตนเอง และจากท่ี ตนเอง และจากที่ ผลลพั ธท์ จี่ ะออกมาเป็น
กำหนดให้ แตย่ งั ขาด อยา่ งไร
กำหนดให้ กำหนดให้ โดยบอกได้ตาม ประเด็นใดประเด็นหนึ่งไป

ประเดน็ ดงั นี้

1)โปรแกรมมีรูปแบบ

อย่างไร

2)โปรแกรมนั้นมีผลลพั ธ์

อยา่ งไร

3)ให้เหตุผลประกอบอย่าง

สมเหตุสมผล

เกณฑ์การตัดสนิ /ระดับคณุ ภาพ

คะแนน 7 – 9 หมายถงึ ดี
พอใช้
คะแนน 5 – 6 หมายถึง ปรบั ปรงุ

ตำ่ กว่า 5 หมายถึง

11.4 แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

คำชแ้ี จง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ลงในช่อง

ที่ตรงกบั ระดับคะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อันพงึ ประสงคด์ า้ น 32 1

1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาตแิ ละรอ้ งเพลงชาติได้

กษัตรยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทีส่ ร้างความสามัคคีปรองดองและเปน็ ประโยชน์

ตอ่ โรงเรียน

1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถอื ปฏิบัติตามหลกั ศาสนา

1.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมที่เก่ียวกับสถาบนั พระมหากษตั ริย์ตามท่โี รงเรยี นจัดข้ึน

2. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ 2.1 ให้ขอ้ มูลทถี่ กู ต้องและเปน็ จริง

2.2 ปฏิบตั ใิ นสิ่งท่ถี ูกตอ้ ง

3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของครอบครวั

มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจำวัน

4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชนแ์ ละนำไปปฏิบัตไิ ด้

4.2 รู้จกั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม

4.3 เช่ือฟังคำสั่งสอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้

4.4 ตง้ั ใจเรยี น

5. อยอู่ ย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รพั ย์สินและสง่ิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั

5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คุณคา่

5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงนิ

6. มุง่ มัน่ ในการทำงาน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย

6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพื่อให้งานสำเรจ็

7. รักความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สำนึกในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย

7.2 เห็นคุณคา่ และปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย

8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จกั ช่วยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครูทำงาน

8.2 รจู้ ักการดแู ลรักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดลอ้ มของหอ้ งเรียน

และโรงเรียน

ลงชอ่ื ..................................................ผปู้ ระเมนิ
............/.................../................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
พฤติกรรมที่ปฏิบัตชิ ัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 51-60 ดีมาก
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน 41-50 ดี
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางคร้ัง 30-40 พอใช้
ปรับปรงุ
ต่ำกวา่ 30

11.5 แบบประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอื่ ง โปรแกรมของฉัน

รายการประเมิน คุณภาพผลงาน
4321

1. รปู แบบโปรแกรมถูกต้องตามท่ีโจทย์กำหนด

2. อธิบายลำดบั ขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมได้อยา่ งเข้าใจ

3. นำความรู้และประโยชน์จากการเรียน คำส่ังลปู การตรวจสอบหา

ขอ้ ผดิ พลาดและการแกไ้ ขโปรแกรม มาประยุกต์ใชใ้ นโปรแกรม

4. ควบคุมเวลาในการนำเสนอได้อย่างเหมาะสม

5. การมีสว่ นร่วมการทำงานในกลุ่ม

รวม

เกณฑ์การตัดสนิ /ระดับคณุ ภาพ หมายถึง ดีมาก
คะแนน 18 – 20 หมายถึง ดี
คะแนน 14 – 17 หมายถึง พอใช้
คะแนน 10 – 13 หมายถึง ปรับปรุง
ต่ำกว่า 10

ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
เรือ่ ง โปรแกรมของฉนั

คำชแ้ี จง : ออกแบบคำสัง่ ให้โปรแกรมทำงาน โดยนำความร้มู าประยกุ ต์ใชใ้ นให้ครบถ้วน จากนนั้ แลกเปลย่ี น
กบั เพื่อนเพ่ือเปน็ การตรวจสอบหาขอ้ ผดิ พลาดของคำสัง่ และนำกลับมาทำการแก้ไขคำส่ังใหส้ มบูรณ์

ปัญหาทพ่ี บเจอและอยากแก้ไข
....................................................................................................................................... ................................
................................................................................................... ....................................................................
.................................................................................................. .....................................................................
.................................................................................................................................................. .....................
.............................................................................................................. .........................................................
............................................................................................................. ..........................................................
...................................................................................................................................................................... .

ชอื่ โปรแกรม..........................................................................................................................................................
โปรแกรมทำอะไรได้บ้าง.......................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ขียนแผนผงั คำสงั่ ใหโ้ ปรแกรมทำงานลงในน้ี
เร่ิมตน้

สิ้นสุด

คำสง่ั มีข้อผิดพลาดหรือไม่ ไม่มี มี
แก้ไข
เขยี นคำสงั่ ทผี่ ิดพลาด / แก้ไข ลงในน้ี
คำสั่งที่ผดิ พลาด

ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เฉลย
เรอ่ื ง โปรแกรมของฉนั

คำชแ้ี จง : ออกแบบคำส่ังให้โปรแกรมทำงาน โดยนำความร้มู าประยกุ ตใ์ ช้ในใหค้ รบถว้ น จากน้นั แลกเปล่ยี น
กบั เพ่ือนเพ่ือเปน็ การตรวจสอบหาข้อผดิ พลาดของคำสั่ง และนำกลบั มาทำการแก้ไขคำส่ังให้สมบรู ณ์

ปญั หาทพ่ี บเจอและอยากแกไ้ ข
.........................................ค..ำ..ต...อ..บ...ข..อ..ง..น...ัก..เ..ร..ยี ..น..ข...ึ้น..อ...ย..ู่ก...บั ..ด...ุล..ย..พ...ิน...จิ ..ข..อ...ง..ค..ร..ูผ..ูส้...อ..น...............................................
.......................................................................................................................................................................
................................................................ .......................................................................................... .............
............................................................................................................................. ..........................................
.......................................................................................................................................................................
........................................................................... .......................................................................................... ..
.................................................................................................................................................................... ...

ชื่อโปรแกรม.................................................................................................... ......................................................
โปรแกรมทำอะไรได้บ้าง.......................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

เขยี นแผนผงั คำสง่ั ใหโ้ ปรแกรมทำงานลงในน้ี
เรม่ิ ตน้

คำตอบของนกั เรยี นข้นึ อยู่กับดลุ ยพนิ จิ ของครผู ้สู อน

สิ้นสุด

คำส่ังมขี ้อผดิ พลาดหรอื ไม่ ไม่มี มี
แก้ไข
เขียนคำส่งั ท่ีผดิ พลาด / แก้ไข ลงในน้ี
คำส่งั ทผ่ี ิดพลาด

12. ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ ลงชอื่ )
( .......
13. บันทึกผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้ ตำแหนง่

 ด้านสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤตกิ รรมทม่ี ปี ัญหาของนักเรยี นเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อุปสรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3

อนิ เทอร์เน็ตและเทคโนโลยสี ารสนเทศ

เวลา 2 ชั่วโมง

1. ผลการเรยี นรู้

1. เพอื่ ให้ผู้เรียนมคี วามรูค้ วามเข้าใจในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเบ้ืองต้น

2. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็น

ระบบ

3. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสาร

เบอื้ งต้นในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจรงิ ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ

4. เพ่ือให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา การ

จดั การทกั ษะในการส่อื สาร ความสามารถในการตัดสินใจ

5. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนเป็นผู้มจี ิตวิทยาศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์

และเทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์

2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

1) อินเทอร์เนต็ เปน็ เครือขา่ ยขนาดใหญ่ช่วยให้การติดต่อส่อื สารทำไดส้ ะดวกและรวดเร็ว และ

เป็นแหล่งข้อมูลความรู้ที่ช่วยในการเรยี นและการดำเนนิ ชีวติ

2) เวบ็ เบราวเ์ ซอรเ์ ปน็ โปรแกรมสำหรบั อา่ นเอกสารบนเว็บเพจ

3) การสบื คน้ ข้อมูลบนอินเทอร์เนต็ ทำไดโ้ ดยใช้เว็บไซตส์ ำหรับสบื ค้น และต้องกำหนดคำค้น

ท่ีเหมาะสมจึงจะไดข้ ้อมูลตามตอ้ งการ

4) ขอ้ มูลความรู้ เชน่ วิธที ำอาหาร วธิ พี ับกระดาษเป็นรปู ตา่ ง ๆ ข้อมลประวัตศิ าสตร์ชาติไทย

(อาจเป็นความรู้ในวชิ าอืน่ ๆ หรอื เร่อื งทเ่ี ปน็ ประเดน็ ทส่ี นใจในชว่ งเวลานัน้ )

5) การใช้อนิ เทอร์เนต็ อย่างปลอดภยั ควรอย่ใู นการดูแลของครู หรอื ผูป้ กครอง

6) การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เชน่ ปกปอ้ งข้อมูลสว่ นตวั

7) ขอความชว่ ยเหลอื จากครูหรือผปู้ กครอง เมื่อเกิดปญั หาจากการใช้งาน เม่ือพบขอ้ มูลหรือบคุ คล

ท่ที ำให้ไม่สบายใจ

8) การปฏิบตั ติ ามข้อตกลงในการใชอ้ นิ เทอร์เน็ตจะทำให้ไมเ่ กิดความเสียหายตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื เชน่

ไมใ่ ชค้ ำหยาบ ล้อเลยี น ดา่ ทอ ทำให้ผอู้ ่นื เสียหายหรือเสยี ใจ

9) ข้อดีและข้อเสยี ในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร

3. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

อนิ เทอร์เน็ตคือ เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ที่เชือ่ มตอ่ กนั ครอบคลมุ ไปทั่วโลก และเปน็ แหล่งข้อมูลท่ี ชว่ ย

ในการเรียนและดำเนนิ ชวี ิต การใช้อนิ เทอร์เน็ตในการสบื ค้นข้อมูลจากเวบ็ เบราวเ์ ซอรต์ า่ ง ๆ โดย

การใช้คำคน้ หา(Keyword) ท่ีตรงประเด็นและกระชบั เพ่ือใหไ้ ด้ผลลพั ธท์ ร่ี วดเร็วและตรงตามความต้องการ

และยงั ต้องคำนึงถงึ ขอ้ ตกลงในการใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต

เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology) คือ การใชง้ านเทคโนโลยี ใชจ้ ดั เกบ็

ประมวลผล แลกเปลย่ี น หรือเผยแพรใ่ นรปู แบบตา่ ง ๆ การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั

และข้อดีข้อเสยี จากการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินัย

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง อนิ เทอร์เน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศ

6. การวัดและการประเมินผล

รายการวดั วธิ วี ดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมนิ

6.1 การประเมินก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ ประเมนิ ตามสภาพจริง

- แบบทดสอบก่อนเรยี น กอ่ นเรียน กอ่ นเรียน

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3

เรือ่ ง อนิ เทอร์เน็ตและ

เทคโนโลยสี ารสนเทศ

6.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจัด - ตรวจแบบฝึกหัด เร่อื ง - แบบฝึกหัด เร่อื ง รอ้ ยละ 50 ผา่ นเกณฑ์

กจิ กรรม อินเทอรเ์ นต็ อนิ เทอร์เน็ต

1) อนิ เทอรเ์ นต็

- ตรวจกจิ กรรมฝึกทักษะ - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2

เรื่อง ค้นหาพารูจ้ กั กิจกรรมฝกึ ทักษะ ผา่ นเกณฑ์

- ตรวจแบบฝกึ หัด เรื่อง เร่ือง ค้นหาพารูจ้ กั

การใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต - แบบฝกึ หดั เรือ่ ง

- ตรวจแบบฝึกหดั เร่อื ง การใช้อินเทอรเ์ น็ต

ข้อตกลงในการใช้ - แบบฝกึ หัดเรอื่ ง

อินเทอรเ์ น็ต ข้อตกลงในการใช้

อินเทอรเ์ น็ต

รายการวดั วธิ วี ัด เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมิน
2) เทคโนโลยีสารสนเทศ
- ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ ระดับคุณภาพ 2
3) คุณลักษณะ กลุ่ม
อนั พงึ ประสงค์ เสนอกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หัด เรือ่ ง - แบบฝกึ หดั เร่ือง
6.3 การประเมินหลังเรียน เทคโนโลยสี ารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศ
1) แบบทดสอบหลังเรยี น
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 - แบบประเมิน
เร่ือง อนิ เทอร์เนต็ และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ ชน้ิ งาน/ภาระงาน
2) การประเมินชนิ้ งาน/
ภาระงาน (รวบยอด) (รวบยอด) โปรแกรม
เรอ่ื ง อินเทอรเ์ นต็ และ
เทคโนโลยสี ารสนเทศ ของฉนั

- สังเกตความมวี ินยั - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2

ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ มั่น คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์

ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์

- ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

หลงั เรยี น หลังเรียน

- ตรวจชน้ิ งาน/ - แบบประเมนิ ชิ้นงาน/ - ระดบั คณุ ภาพ 2

ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) ผา่ นเกณฑ์

7. กิจกรรมการเรยี นรู้
นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่อื ง อินเทอรเ์ น็ตและเทคโนโลยสี ารสนเทศ

เรอื่ งที่ 1 : อินเทอรเ์ น็ต เวลา 1 ชว่ั โมง

วิธกี ารสอนแบบกระบวนการกลมุ่ (Group Process)
เทคนิคตามแนวคิดเชงิ คำนวณ

ขน้ั นำ

1.ครสู อบถามนักเรียนวา่ ถ้านักเรยี นอยากไปเทย่ี ว นักเรยี นสามารถหาข้อมูลตา่ งๆของสถานท่เี ทีย่ วได้
อย่างไร (แนวการตอบ : ตามดลุ ยพนิ ิจของนักเรยี น)

2.ครอู ธบิ ายวา่ นอกจากแหล่งข้อมูลท่นี ักเรียนได้ตอบมา ยังมีแหลง่ ข้อมูลทเ่ี ป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ คอื
อินเทอร์เน็ต นกั เรยี นรู้จกั อนิ เทอร์เน็ตหรือไม่ แล้วอินเทอร์เนต็ ใชง้ านอยา่ งไร

3.ครูใหน้ กั เรยี นจับคู่ ให้แตล่ ะคู่เขียนข้อมลู สถานที่ทอ่ งเทีย่ วท่ีอยากไปมาคู่ละ 1 สถานทแี่ ละเขยี นข้อมูล
ของสถานที่ทเ่ี ลือกลงในกระดาษ ครูให้เวลา 5 นาที

4.เมอื่ หมดเวลาครสู ุ่มถามนักเรียนว่าเลอื กที่ไหนและมขี ้อมลู อะไรบา้ ง ข้อมลู ที่ไดค้ รบเพยี งพอและ
ถูกต้องหรอื ไม่

5.นักเรียนรูห้ รือไมว่ า่ หากเราใช้อนิ เทอร์เนต็ ในการค้นหาข้อมูลจะช่วยให้การหาข้อมลู ตา่ ง ๆ ง่าย
สะดวก และรวดเร็วยงิ่ ข้ึน

ข้ันสอน

1. ครถู ามนักเรียน ร้หู รอื ไมว่ ่า อินเทอรเ์ นต็ เปน็ เครือขา่ ยคอมพิวเตอรท์ เี่ ชื่อมกันทั่วโลก ทำใหก้ าร
ติดตอ่ สื่อสารมีความสะดวก รวดเร็วมากขน้ึ และเรายงั สามารถใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาขอ้ มลู
ตา่ ง ๆ ท่ีต้องการทราบอีกดว้ ย และถามคำถามประจำหนว่ ยวา่ อินเทอร์เน็ตมสี ่วนชว่ ยใหน้ กั เรยี นรู้
อะไรบา้ ง หนา้ 46

2. นกั เรียนศึกษาเร่ืองการใช้อินเทอรเ์ นต็ และการสบื คน้ ข้อมูลโดยการใช้บรกิ ารอินเทอร์เน็ตจาก
หนงั สอื เรยี นรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ ป.3) หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3
เรอ่ื ง การสบื ค้นขอ้ มลู โดยใชอ้ ินเทอร์เนต็ หน้า 47 และถามคำถามประจำหัวข้อว่า นักเรียนคดิ ว่า
การกำหนดคำคน้ มผี ลตอ่ การค้นหาขอ้ มลู ทางอนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งไร

3. ให้นักเรียนเขา้ ใช้งานอนิ เทอร์เนต็ โดยมกี ารสืบคน้ 2 แบบคือ การสืบคน้ แบบIndex Directory
และ การสบื คน้ แบบSearch Engine ให้นกั เรียนเลือกใชก้ ารสืบค้นแบบSearch Engine หนา้ 48

4. นกั เรยี นเขา้ ใช้งานอินเทอรเ์ น็ตจากหนงั สอื เรียนโดยเปิดเว็บเบราว์เซอร์ และเขา้ ใชง้ านเวบ็ ไซตท์ ี่
ใหบ้ ริการในการสบื ค้น หนา้ ท่ี 49 และปฏิบัติตามขนั้ ตอนการคน้ หาผลลัพธ์จากหนงั สอื เรียน

5. จากนนั้ แลกเปล่ียนกบั เพื่อนว่าข้อมลู ท่ีไดร้ ับต่างกันหรือไม่อย่างไร ถา้ ตา่ งกนั นักเรยี นคดิ ว่าเพราะ
เหตุใดผลลัพธท์ ่ไี ด้จึงต่างกนั (แนวการตอบ : เกดิ จากคำทใ่ี ชใ้ นการคน้ หาตา่ งกัน)

6. ครูเสริมเกร็ดนา่ รู้หน้า 50 วา่ การใช้คำคน้ หาท่แี ตกตา่ งกัน จะทำให้ไดผ้ ลลัพธจ์ ากการคน้ หาท่ี
แตกตา่ งกนั ดังนัน้ ควรใช้คำค้นหาทต่ี รงประเด็นและกระชับ เพ่ือให้ได้ผลลพั ธท์ ่รี วดเรว็ และตรงตาม
ความตอ้ งการ

7. ครูใหน้ กั เรียนทำกจิ กรรมฝกึ ทักษะหน้า 51 บนั ทึกลงสมดุ เพื่อทบทวนความรู้
8. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนถามข้อสงสัยและสอนเรื่อง ข้อตกลงในการใช้งานอนิ เทอร์เนต็ ว่าหลังจาก

การใชง้ านอนิ เทอร์เน็ตแลว้ นักเรียนตอ้ งรจู้ ักข้อตกลงในการใชง้ านอนิ เทอร์เนต็ ท่ีถกู วธิ ีด้วย จาก
หนงั สอื เรยี น(วิทยาการคำนวณ)ป.3 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรอื่ ง ข้อตกลงในการใช้อนิ เทอร์เน็ต หนา้
52
9. นกั เรียนทำกจิ กรรมฝกึ ทักษะ หนา้ 53 เร่อื งข้อตกลงในการใช้งานอินเทอรเ์ น็ต บนทึกลงในสมดุ
10. จากนน้ั ครูใหน้ ักเรยี นทำกิจกรรมฝึกทักษะ จากหนงั สอื แบบฝกึ หดั (วิทยาการคำนวณ) ป.3 หน้า
42 เรื่อง ค้นหาพาร้จู ัก ใหน้ ักเรียนทุกคนจบั กลมุ่ กลุ่มละ 3 คน
หัวข้อดงั นดี้ ังน้ี

ตอนที่ 1 ใหน้ ักเรยี นสืบค้นโดยใช้คำคน้ หาที่กำหนดให้ และบนั ทกึ ผลลัพธ์
ตอนที่ 2 ครูให้นักเรยี นแข่งกนั โดยครกู ำหนดภาพผลลัพธม์ าให้ ตาม
ให้หาคำค้นหา ให้สอดคล้องตามรูป (ครูสามารถยกตัวอยา่ งภาพอนื่ เพือ่ ใหเ้ ดก็ ได้
ความรูท้ ีห่ ลากหลายนอกเหนือจากกจิ กรรมฝกึ ทักษะ กลมุ่ ไหนหาคำตอบไดก้ ่อน ยก
มือตอบและอธิบายวิธกี ารค้นหาใหเ้ พ่ือนฟัง ครูใหค้ ะแนนกล่มุ ทีค่ ้นหาได้เรว็ ทีส่ ดุ
และถูกต้อง
ตอนที่ 3 ตอบคำถามเรือ่ ง ใช้อนิ เตอรเ์ น็ตคน้ หาความรู้ในหอ้ งเรียนและสง่ ท้าย
คาบ

ขั้นสรุป

1. ครสู ่มุ ถามนักเรียนเกย่ี วกบั เร่ือง อินเทอรเ์ นต็ เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจ และสรปุ เสริมความรู้ให้
นักเรยี นเพม่ิ เติมวา่ นักเรยี กสามารถสบื ค้นขอ้ มูลตา่ ง ๆ ได้ท้ังข้อมูลตวั หนงั สือ รูปภาพ วีดโิ อ และ
อ่นื ๆ อกี มากมายจากการเข้าใช้อินเทอร์เน็ต เพราะอนิ เทอรเ์ น็ตเป็นเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรท์ ี่
เชอื่ มต่อกันทว่ั โลก ทำให้การตดิ ต่อส่ือสารสะดวก รวดเรว็ และการสืบค้นข้อมูลถ้าต้องการสืบคน้
ขอ้ มูลให้ไดผ้ ลลพั ธ์ตามต้องการ นกั เรยี นจะตอ้ งใชค้ ำคน้ หาทต่ี รงประเด็น ชัดเจน

2. นอกจากนักเรียนจะเขา้ ใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตเป็นแล้ว นักเรียนต้องปฏิบตั ติ ามข้อตกลงของการใช้
อินเทอรเ์ นต็ ด้วย

3. ครูให้นกั เรียนทำกจิ กรรมลองทำดู และแบบฝึกหดั (วทิ ยาการคำนวณ ) ป.3หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3
เร่อื ง อนิ เทอรเ์ น็ต หนา้ 38-39 เพือ่ ส่งในคาบถดั ไป


Click to View FlipBook Version