The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือแบบเรียนบรรเลงอักษรสัญจรเมืองตรัง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kanyanat Petprasit, 2022-11-15 04:28:43

หนังสือเเบบเรียนสามัคคีเภทคำฉันท์

หนังสือแบบเรียนบรรเลงอักษรสัญจรเมืองตรัง

หนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน

บรรเลงอักษร

สั ญ จ ร เ มื อ ง ต รั ง

๑ชั้นมัธยมศึกษาปีที่

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย
บรรเลงอักษร สัญจรเมืองตรัง
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตามหลักสูตรเเกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
จัดพิมพ์โดย
๑.นางสาวกัญญาณัฐ เพ็ชรประสิทธิ์
๒.นางสาวภัทรวดี โพธิ์วิจิตร
๓.นางสาวมุฑิตา มุลินิน

คำนำ

หนังสือเรียน บรรเลงอักษร สัญจรเมืองตรัง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ เล่มนี้
จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาประวัติความเป็นมา ความเป็นอยู่
ของผู้คนจังหวัดตรัง และร่วมกันสืบสานมรดกทางภูมิปัญญา,วัฒนธรรม
ที่สืบทอดกันมาช้านานให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

ซึ่งจะมีเนื้อเรื่องชวนศึกษาซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณลักษณะด้านการคิด
วิเคราะห์ และการคิดมิติอื่นๆ เช่นการคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดสังเคราะห์
การคิดประเมินค่า และการคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งเกิดความซาบซึ้ง และ
ตระหนักรู้คุณค่าของมรดกภูมิปัญญา,วัฒนธรรมของชาวจังหวัดตรัง

เนื้อหาในเล่มนอกจากประกอบไปด้วยเรื่องราวประวัติความเป็นมาที่แฝงอยู่
ด้วยมรดกภูมิปัญญา,วัฒนธรรมที่ล้ำค่าของชาวจังหวัดตรังแล้วนั้น ยังประกอบ
ไปด้วยเนื้อหาหลักการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมพื้นบ้านที่สอดคล้องกับตัวชี้-
วัดในหลักสูตรอีกด้วย

เพื่อฝึกทักษะการอ่านและการคิดในลักษณะต่าง ๆ คณะผู้จัดทำหวังเป็น
อย่างยิ่งว่าหนังเรียนเล่มนี้จะมีประโยชน์แก่การจัดการเรียนรู้ภาษาไทยตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

หากมีข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงหนังสือเรียน คณะผู้จัดทำขอน้อบรับด้วย
ความขอบคุณและจะนำไปพัฒนาคุณภาพของหนังสือเรียนเล่มนี้ต่อไป



คณะผู้จัดทำ

สารบัญ หน้า

เรื่อง ๖
ตัวละคร ๗
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
บทนำ ๘
การอ่าน ๙
บทที่ ๑ เล่าขาน ตำนานเมืองตรัง ๑๓
๑๕
บรรเลงอักษร..สัญจร อำเภอเมือง ๑๗
-เรื่องที่ ๑ การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว ๑๘
๒๑
การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ๒๕
ลักษณะคำปีะพันธ์ประเภทร้อยกรอง ๒๖
กาพย์ยานี ๑๑ ๒๗
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ๒๘
-เรื่องที่ ๒ การอ่าน
การอ่านจับใจความ
-เรื่องที่ ๓ มารยาทในการอ่าน
-กิจกรรมที่ ๑อ่านออกเสียง…เรียงความตรัง
-กิจกรรมที่ ๒ ฝึกเปล่งเสียง…สำเนียงใส
-กิจกรรมที่ ๓ ไอ้เกล้อเขา…เราเข้าใจ
-เเบบทดสอบหลังเรียนบทที่ ๑

สารบัญ หน้า
๓๗
เรื่อง ๔๒
การเขียน ๔๕
บทที่ ๒ วัฒนธรรมล้ำค่า เด่นสง่าเมืองตรัง ๕๑
๕๘
บรรเลงอักษร..สัญจร ตำบลทุ่งยาว
-เรื่องที่ ๑ การคัดลายมือ
-เรื่องที่ ๒ การเขียนย่อความ
-กิจกรรมที่ ๔ลายมือ…สื่อรัก
-เเบบทดสอบหลังเรียนบทที่ ๒

บทที่ 3 ดำรงคุณค่า ลิเกป่าโนราห์โกลน ๖๖
บรรเลงอักษร..สัญจร อำเภอสิเกา ๖๘
ลิเกป่า ๗๐
โนราห์โกลน ๗๖
อธิบายขยายความรู้ ๘๖
๘๗
-กิจกรรมที่ ๕รู้เรื่องคำคล้องจอง…โยงคำพ้องไวพจน์ ๙๐
-กิจกรรมที่ ๖กาพย์ยานี ๑๑ นี้เป็นเช่นไร ๙๒
-กิจกรรมที่ ๗วิเคราะห์คุณค่า..โนราห์โกลน
-เเบบทดสอบหลังเรียนบทที่ ๓

ภาคผนวก ๙๘

เเนะนำตัวละคร

มาเรียม

ลูกพะยูนน้อยที่ผลัดหลงจากอ้อมอกของแม่พะยูนสู่ขวัญใจ
ชาวไทยถูกค้นพบที่จังหวัดกระบี่และถูกนำตัวมาอนุบาลในสภาวะ
ธรรมชาติ ท่ามกลางการเฝ้าดูแลประคบประหงมของเจ้าหน้าที่
ด้วยความรักและความเอ็นดูจนได้ฉายาว่า "นางฟ้าน้อยแห่งท้อง
ทะเล"

เพียงขวัญ

เด็กสาวชาวเหนือ วัย 13 ปี ที่เดินทางท่องเที่ยวภาคใต้
ในช่วงปิดภาคเรียนกับครอบครัว ชอบการผจญภัย ใส่ใจธรรมชาติ
อีกทั้งไม่เคยขาดเรื่องการรับประทานอาหารอร่อย บ่อยครั้งที่กินจนตัว
อวบอ้วน



เเนะนำตัวละคร

เฟยเฟย

หญิงสาวชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีบรรพบุรุษสืบสานประเพณีที่งาม
อย่างเคร่งครัด



12/10/65
บันทึกการเดินทาง เด็กหญิงเพียงขวัญ
ครอบครัวของฉัน คุณพ่อ คุณเเม่เเละน้องชายเเละฉันได้ออกเดินทาง
ท่องเที่ยว ในช่วงปิดภาคเรียนฉันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะในครั้งนี้
คุณพ่อจะพาฉันขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งเเรกเพื่อพาครอบครัวของเราไปหาคุณลุง
เอกชัยเพื่อนสนิทของคุณพ่อที่ฉันเคยเจอเมื่อวัยเด็ก
คุณลุงเอกชัยเคยมาทำงานอยู่ที่อำเภอเเม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เเต่ก็ได้
ออกจากงานกลับไปอยู่บ้านเกิดจังหวัดตรังคุณลุงเอกเป็นคนที่ใจดีเเละมี
เมตตา
กับฉันมากๆ
อีกทั้งคุณลุงยังพร่ำพูดถึง อาหารอร่อยๆเช่นหมูย่างเมืองตรังที่กรอบนอก
นุ่มใน กลิ่นหอมเย้ายวนใจฟังคุณลุงเล่าที่ไรก็น้ำลายไหลทุกๆครั้ง เเหล่งรวม
ร้านอาหารที่รายล้อมไปด้วย ทะเล ภูเขา ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์เสน่ห์
ของบ้านเกิดคุณลุง ให้ฉันฟังอยู่บ่อยๆ
การเดินทางอันเเสนมหัศจรรย์ของฉันจึงได้เริ่มต้นขึ้น...


เช้าตรู่วันหนึ่ง ขณะที่เพียงขวัญ กำลังเดินทางออกจากท่าอากาศยาน
บ้านโป่งพร้อมกับครอบครัว ไปยังจังหวัดตรัง



ขณะเดินทางเพียงขวัญ ได้ฝันถึง พะยูนน้อยเพศเมีย ที่กำลังเพลิดเพลิน
กับความงดงามของท้องทะเลอันแสนกว้างไกลอย่างสำราญใจและขับขาน
บรรเลงเพลงที่มีเอกลักษณ์สนุกสนานแต่เพียงขวัญก็ฟังไม่เข้าใจว่ามีความ
หมายว่าอย่างไร จึงอยากที่จะเอ่ยปากถาม…………

และแล้วก็ไม่ทันกาล ท่านผู้โดยสารโปรดทราบขณะนี้เครื่องบินศรีตรัง
แอรไลน์ ได้ลงจอด ณ ท่าอากาศยานตรัง เป็นที่เรียบร้อย ได้โปรดตรวจเช็ค
สัมภาระของท่าน ก่อนลงจากเครื่องด้วยค่ะ……. คุณแม่ปลุกเพียงขวัญตื่น
จากความฝัน ปล่อยให้เพียงขวัญ งงงวยกับความฝันที่แสนเหมือนจริงนั้น



หลังจากเครื่องบินลงจอด เพื่อนๆของคุณพ่อก็อาสามารับครอบครัว
ของเพียงขวัญด้วยความเป็นกันเอง และบอกว่าจะพาไปทานติ่มซำ เเละชวน
ลิ้มรสหมูย่างเมืองตรังอันเเสนขึ้นชื่อ

เมื่อได้ยินดังนั้นทำให้เด็กน้อยยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เเละเริ่มที่จะลืม
เลือนฝันของเธอไป

จนกระทั่ง……



ในระหว่างทาง ที่คุณลุงเอกชัยกำลังพาครอบครัวของเพียงขวัญไป
รับประทานอาหารเช้า ในตัวเมืองตรังนั้น เพียงขวัญ ก็เหลือบไปเห็นพะยูนน้อยที่
เธอได้ฝันถึงขณะอยู่บนเครื่องบิน กำลังยิ้มร่าให้เธออยู่ โดยถัดมาด้านขวาของ
พะยูนน้อยตัวนั้น ก็เป็นวงเวียนรูปปั้นพะยูนที่ถูกสร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์สวยงาม

เพียงขวัญได้เเต่คิดเเละสงสัย เเละหันไปชี้ให้คุณเเม่ดู ว่าเธอเห็นพะยูนลอยอยู่
บนถนน เเต่คุณเเม่นึกว่าเพียงขวัญพูดเล่นจึงไม่ได้สนใจมากนัก เเละกลับไป
สนทนากลับคุณลุงต่อ

มาเรียม : ยินดีต้อนรับ เข้าสู่เมืองตรังใจกว้าง ที่สร้างเเต่ความดี
เราชื่อ "ภูติน้อยมาเรียม"

เพียงขวัญ : สวัสดีเราชื่อเพียงขวัญ ทำไมเราถึงเห็นมาเรียมอยู่คนเดียว
ในขณะที่คนอื่นๆไม่เห็นเธอละ
...เพียงขวัญถามมาเรียมด้วยความสงสัย...

มาเรียม :เพราะเธอเป็นเด็กดี มีเมตตา เราจึงอยากเป็นเพื่อนกับเธอ
หลังจากนี้มาเรียมจะอาสาเป็นไกด์นำเที่ยว ให้กับเพียงขวัญเองนะ
รับรองได้ว่าได้ทั้งความสนุกเเละความรู้ไปพร้อมกันเลยทีเดียวเชียว



บทที่ ๑

เล่าขาน...ตำนานเมืองตรัง

ตรัง

ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้

ท ๑.๑ ม.๑/๒ จับใจความสำคัญ อ่านจับใจความสื่อต่าง ๆ
จากเรื่องที่อ่าน เช่น
ท ๑.๑ ม.๑/๕ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว
และบทร้อยกรองได้ถูกต้องเหมาะสมกับเรื่อง นิทานพื้นบ้าน
ที่อ่าน บทความ



เล่าขาน...ตำนานเมืองตรัง

มาเยือนถิ่นเมืองตรัง ของเด่นดังยังมากมี

หาซื้อได้หลายที่ ล้วนสิ่งดีมีมากมาย

ตื่นนอนตอนฟ้าสาง ร้านหมูย่างวางแผงขาย

รวมชนคนหญิงชาย จุดที่หมายร้านกาแฟ

ติ่มซำนำหมูย่าง ออกเสริฟวางช่างหอมแท้

รสชาติว่าหรอยแน่ ดื่มกาแฟกลิ่นละมุน

ฝีมือความชำนาญ เราสืบสานรุ่นสู่รุ่น

อร่อยเป็นเดิมทุน รอรับคุณด้วยยินดี

บรรเลงอักษร สัญจร@อำเภอเมือง

รู้จริงไม่หลอก มาเรียมจะบอกให้

เมืองตรัง ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าค้าขายกับต่างประเทศ
เป็นเมืองแรกที่มีต้นยางพารา โดยพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี
(คอซิมบี้ ณ ระนอง) ได้นำพันธุ์มาจากมาเลเซียมาปลูกเป็นแห่งแรก
ของภาคใต้ เมื่อปี พ.ศ. 2442 และถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย
ชาวตรังใจกว้าง สร้างแต่ความดี แม้จะเหมือนกับคำขวัญจังหวัดอื่น
ตรงที่เป็นข้อธรรมะ เป็นนามธรรม แต่เป็นข้อธรรมะที่ไม่ได้บัญญัติไว้ใน
หมวดธรรมโดยตรง เป็นการมุ่งเน้นคุณค่าทางด้านประชาธิปไตยมากกว่า
คุณค่าทางด้านศีลธรรมดังที่ปรากฏในคำขวัญของจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะ
วรรคแรก ชาวตรังใจกว้าง ซึ่งถือเป็นความหมายหลัก ส่วนวรรคหลัง
สร้างแต่ความดี เป็นความหมายรองที่ตามมา
คำขวัญ "ชาวตรังใจกว้าง สร้างแต่ความดี" จะเกิดก่อหน่อเนื้อมาจาก
เหตุปัจจัยใดก็ตาม แต่ความหมายที่มุ่งเน้นคุณค่าทางด้านประชาธิปไตย
คือความเป็นเอกลักษณ์ของคำขวัญจังหวัดตรัง คุณค่าแห่งความเป็นคนใจ
กว้าง ใจใหญ่ ใจยาว ใจไม่คับแคบ ย่อมฝังเร้นซึมลึก อยู่ในความเป็นคน
ตรังไม่มากก็น้อย เพียงพอที่จะบอกว่า นี่แหละ นิสัยใจคออันเป็น
เอกลักษณ์ของคนเมืองตรัง



อธิบาย ขยายความรู้

การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว

การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว หมายถึง การอ่านถ้อยคำที่มีผู้เรียบเรียงหรือประพันธ์ไว้
โดยเปล่งเสียงและวางจังหวะเสียงให้เ ป็นไปตามความนิยมและเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน
มีการใช้ลีลาของเสียงไปตามเจตนารมณ์ของผู้ประพันธ์เพื่อถ่ายทอดอารมณน ั้นๆ ไปสู่ผู้ฟัง
ซึ่งจะทำใหผู้ฟังเกิดอารมณร่วมคล้อยตามไปกับเรื่องราวหรือรสของบทประพันธ์ที่อ่าน
๑.๑ หลักเกณฑ์ในการอ่าน

หลักเกณฑ์ทั่วไปในการอานออกเสียงร้อยแก้ว มีดังนี้
๑. ก่อนอ่านควรศึกษาเรื่องที่อ่านให้เข้าใจโดยศึกษาสาระสำคัญของเรื่องและข้อความทุก
ข้อความเพื่อจะแบ่งวรรคตอนในการอ่านได้อย่างเหมาะสม
๒. อ่านออกเสียงดังพอเหมาะกับสถานที่และจำนวนผู้ฟังให้ผู้ฟังได้ยินทั่วกันไม่ดัง
หรือค่อยจนเกินไป
๓. อ่านให้คล่องฟังรื่นหู และออกเสียงให้ถูกต้องตามอักขรวิธี ชัดถ้อยชัดคำ โดยเฉพาะ
ตัว ร ล หรือคำควบกล้ำ ต้องออกเสียงให้ชัดเจน
๔. อ่านออกเสียงใหเ ป็นเสียงพูดอย่างธรรมชาติที่สุด
๕. เน้นเสียงและถ้อยคำตามน้ำหนักความสำคัญของใจความ ใช้เสียงและจังหวะให้เป็น
ตามเนื้อเรื่อง เช่น ดุ อ้อนวอน จริงจัง โกรธ เป็นต้น
๖ .อ่านออกเสียงให้เหมาะกับประเภทของเรื่อง รู้จักใส่อารมณ์ให้เหมาะสมตามเนื้อเรื่อง
๗. ขณะที่อ่านควรสบสายตาผู้ฟังในลักษณะที่เป็นธรรมชาติ
๘. การอ่านในที่ประชุม ต้องจับหรือถือบทอ่านให้เหมาะสมและยืนทรงตัวในท่าที่สง่า



๑.๒ วิธีการอ่าน

ในการฝึกอ่านออกเสียงข้อความที่เป็นร้อยแก้วจะใช้เครื่องหมายแบ่งวรรคตอนใน

การอ่านเพื่อเป็นการเว้นช่วงจังหวะการอ่านดังนี้
เครื่องหมาย / หมายถึง การหยุดเว้นช่วงจังหวะสั้นๆ
เครื่องหมาย // หมายถึง การหยุดเว้นช่วงจังหวะที่ยาวกว่าเครื่องหมาย /
เครื่องหมาย _ (ขีดเส้นใต้) หมายถึง การเน้นหรือการเพิ่มน้ำหนักของเสียง

การอ่านออกเสียงข้อความที่เป็นร้อยแก้วมีวิธีการอ่าน ๒ วิธี ดังนี้

๑. วิธีการอ่านแบบบรรยาย ๒.วิธีการอ่านแบบพรรณนาให้เห็นภาพ

๑. วิธีการอ่านแบบบรรยาย ออกเสียงให้ถูกต้องชัดถ้อยชัดคำ เว้นวรรคตอนให้เหมาะสม
เน้นเสียงและถ้อยคำตามน้ำหนักความสำคัญของใจความ เพื่อจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าถึง
จุดมุ่งหมายของเรื่องได้ดี
ตัวอย่าง การอ่านออกข้อความร้อยเเก้วโดยวิธีการอ่านเเบบบรรยาย

บทความเรื่อง เรียงความตรัง

ตรัง /เป็นจังหวัดในภาคใต้ของประเทศไทย/ ตรังหรือเมืองทับเที่ยงเป็น
จังหวัดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของภาคใต้//ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าค้าขาย

กับต่างประเทศ/เป็นศูนย์กลางการคมนาคมไปสู่จังหวัดนครศรีธรรมราช//
ตรังเป็นจังหวัดแรกที่มีต้นยางพารามาปลูก/โดยพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศร
ภักดี/(คอซิมบี้/ณ/ระนอง)/นำพันธุ์ยางพารามาจากมาเลเซีย//สำหรับผู้ที่
หลงใหลบรรยากาศของหาดทราย/ชายทะเล/กลุ่มเกาะ/และอาหารอร่อยแล้ว
ไม่มีใครไม่คิดถึงตรัง//ตรังหรือเมืองทับเที่ยงเมืองท่าค้าขายที่เจริญรุ่งเรือง
มาตั้งแต่อดีต/และเติบโตต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน/

๑๐

๒. วิธีการอ่านแบบพรรณนาให้เห็นภาพ ควรออกเสียงให้เป็นเสียงพูดอย่างธรรมชาติ
ที่สุดใช้น้ำเสียงและอารมณ์ในการอ่านให้เหมาะสมกับเนื้อความบทสนทนาและบทบรรยายใช้
น้ำเสียงแตกต่างกัน เน้นเสียงใช้เสียงและจังหวะให้เป็นไปตามเนื้อเรื่อง
ตัวอย่าง การอ่านออกข้อความร้อยเเก้วโดยวิธีการอ่านเเบบพรรณนาให้เห็นภาพ

บทความเรื่อง เรียงความตรัง
ฉันเป็นสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ อยู่ในลำคลอง/ฉันไหลผ่านบ้านเรือน/ชุมชน
ต่างๆ//บางครั้งมีผู้คนทิ้งขยะลงมาใส่ฉัน/ทำให้ตัวฉันมีกลิ่นเหม็น/เป็นที่
รังเกียจของคนทั่วไป//แม้แต่สัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ร่วมกับฉันอย่างมีความสุข/ก็
พลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วย//บางตัวก็ป่วยไข้หายใจพะงาบๆ/เขา
พยายามพูดกับฉันว่า//“โอย!/น้ำจ๋า/ช่วยไหลแรงๆ//พาพวกฉันให้พ้นไปจาก
บริเวณนี้ทีเถอะ/พวกฉันอยากไปอยู่ในที่ที่มีน้ำสะอาดกว่านี้”//“เอาเถอะ/ฉัน
จะพยายามพาพวกเธอไปอาศัยอยู่ที่ทะเลอันกว้างใหญ่/พวกเธอจะได้มีน้ำสะ
อาดๆ อยู่/อดทนหน่อยนะ//ฉันเองก็ไม่อยากอาศัยอยู่ที่นี่เหมือน
กัน”//ว่าแล้วฉันก็ไหลลงไปสู่ทะเลอันกว้างใหญ่/โดยมีฝูงปลาประคองตัวลอย
ตามไป/ก่อนจากกันปลาตัวหนึ่งหันมาพูดกับฉันว่า//“ขอบคุณมากสายน้ำผู้
อารี/พวกฉันจะไม่ลืมพระคุณของท่านเลย”//“ไม่เป็นไรหรอก/เราต้องพึ่งพา
อาศัยกันอยู่แล้ว”/ฉันตอบ//แล้วฝูงปลาก็ว่ายน้ำจากไป//

๑๑

ข้อสังเกต

จากวิธีการอ่านแบบบรรยายและแบบพรรณนาให้เห็นภาพข้างต้นจะเห็นได้ว่ามีวิธีการ
อ่านที่แตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับเนื้อหาและจุดมุ่งหมายของผู้ส่งสาร ดังนั้น ผู้อ่านควร
ทำความเข้าใจเนื้อหาและเจตนาของผู้ส่งสารก่อนอ่านสารนั้น แล้วจึงถ่ายทอดด้วยถ้อยคำที่
ถูกต้อง ชัดเจน เว้นจังหวะให้เหมาะสมหากต้องใช้น้ำเสียง อารมณ์ประกอบการอ่าน ควร
เลือกใช้ให้สอดคล้องตามเนื้อเรื่องเพื่อให้การสื่อสารเกิดประสิทธิภาพและผู้อ่านสามารถเกิด
อารมณ์ความรู้สึกคล้อยตาม




๑๒

การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง

การอ่านออกเสียงร้อยกรอง เป็นการอ่านที่มุ่งให้เกิดความเพลิดเพลินซาบซึ้งในรส
ของบทประพันธ์ซึ่งจะต้องอ่านอย่างมีจังหวะลีลาและท่วงทำนองตามลักษณะของคำ
ประพันธ์แต่ละชนิดการอ่านบทร้อยกรองอ่านได้ ๒ แบบดังนี้

อ่านออกเสียงธรรมดา เป็นการอ่านออกเสียงพูดตามปกติเหมือนอ่านร้อยแก้ว แต่
มีจังหวะวรรคตอนมีการเน้นสัมผัสตามลักษณะบังคับของคำประพันธ์แต่ละชนิด

อ่านทำนองเสนาะ เป็นการอ่านมีสำเนียงสูงต่ำ หนัก เบา ยาว สั้น เป็นทำนอง
เหมือนเสียงดนตรีมีการเอื้อนเสียง เน้นสัมผัสตามจังหวะลีลาและท่วงทำนองที่แตกต่างไป
ตามลักษณะบังคับของคำประพันธ์ชนิดต่างๆให้ชัดเจนไพเราะเหมาะสมทำให้ผู้ฟังเกิด
อารมณ์คล้อยตาม

๒.๑ หลักเกณฑ์ในการอ่าน
หลักทั่วไปของการอ่านออกเสียงร้อยกรองที่ควรคำนึงถึง มีดังต่อไปนี้

๑. ศึกษาลักษณะบังคับของคำประพันธ์แต่ละชนิดที่จะอ่านให้เข้าใจแจ่มแจ้ง เช่น
การแบ่งจังหวะจำนวนคำสัมผัส เสียงวรรณยุกต์ เสียงหนักเบา เป็นต้น

๒.อ่านให้ถูกต้องตามลักษณะบังคับของคำประพันธ์ชนิดนั้นๆ
๓. อ่านออกเสียงคำให้ชัดเจน ถูกต้องโดยเฉพาะคำที่ออกเสียง ร ล และคำควบกล้ำ
๔. อ่านเสียงดังพอสมควรที่ผู้ฟังจะได้ยินทั่วถึงไม่ดังหรือค่อยจนเกินไป
๕.อ่านมีจังหวะวรรคตอน รู้จักทอดจังหวะ เอื้อนเสียงหรือหลบเสียง
๖. คำที่รับสัมผัสกัน ต้องอ่านเน้นเสียงให้ชัด ถ้าเป็นสัมผัสนอกต้องทอดเสียงให้มี
จังหวะยาวกว่าธรรมดา

๑๓

๗. อ่านเอื้อสัมผัสในเพื่อเพิ่มความไพเราะเช่น
อันรักษาศีลสัตย์กตเวที อ่านว่า กัด-ตะ-เว-ที เพื่อให้สัมผัสกับ สัตย์
ข้าขอเคารพอภิวันท์ อ่านว่า อบ-พิ-วัน เพื่อให้สัมผัสกับ เคารพ
ไม่มีกษัตริย์ครองปฐพี อ่านว่า ปัด-ถะ-พี เพื่อให้สัมผัสกับ กษัตริย์
คิดถึงบาทบพิตรอดิศร อ่านว่า อะ-ดิด-สอน เพื่อให้สัมผัสกับ บพิตร

๘. คำที่มีพยางค์เกินให้อ่านเร็วและเบา เพื่อให้เสียงไปตกอยู่พยางค์ที่ต้องการ
๙. มีศิลปะในการใช้เสียง รู้จักเอื้อนเสียงให้เกิดความไพเราะ และใช้เสียงแสดงความ
รู้สึกให้เหมาะกับข้อความ เพื่อรักษาบรรยากาศของเรื่องที่อ่าน
๑๐. เมื่ออ่านถึงตอนจะจบบทต้องเอื้อนเสียงและทอดจังหวะให้ช้าลงจนกระทั่งจบบท
๒.๒ วิธีการอ่าน
ในการอ่านทำนองเสนาะจากคำประพันธ์จะมีเครื่องหมายแบ่งวรรคตอนในการอ่าน
ดังนี้
เครื่องหมาย / หมายถึง การหยุดเว้นช่วงจังหวะสั้นๆ
เครื่องหมาย // หมายถึง การหยุดเว้นช่วงจังหวะที่ยาวกว่าเครื่องหมาย /

๑๔

ลักษณะคำประพันธ์ประเภทร้อยกรอง

๑.กลอนสุภาพ
กลอนสุภาพ คือ กลอนแปดเป็นคำประพันธ์ที่นิยมแต่งกันมาแต่โบราณ
กลอนสุภาพมีหลายชนิด ได้แก่ สักวา ดอกสร้อย เสภานิราศ เพลงยาวซึ่งแต่ละชนิดมี-
ลักษณะบังคับที่ต่างกันแต่กลอนทุกชนิดมีลีลาหรือกระบวนความบรรยายทำนองเดียวกัน
ดังเช่น
กลอนสุภาพ (กลอนแปด) บทหนึ่งมี ๒ บาท ซึ่ง ๑ บาท จะมี ๒ วรรคโดยมี-
วรรคละ ๗-๙ คำ
วรรคแรก เรียกว่า วรรคสดับ วรรคที่สอง เรียกว่า วรรครับ วรรคที่สาม เรียกว่า-
วรรครอง และวรรคที่สี่เรียกว่า วรรคส่ง
การอ่านกลอนสุภาพ นิยมอ่านเสียงสูง ๒ วรรค และเสียงต่ำ ๒ วรรค
การแบ่งจังหวะวรรคในการอ่าน แบ่งดังนี้
วรรคละ ๗ คำ อ่าน ๒/๒/๓ ** / ** / ***
วรรคละ ๘ คำ อ่าน ๓/๒/๓ *** / ** / ***
วรรคละ ๙ คำ อ่าน ๓/๓/๓ *** / *** / ***

กลอนสุภาพ (กลอนแปด)

กลอนสุภาพ/แปดคำ/ประจำบ่อน// อ่านสามตอน/ทุกวรรค/ประจักษ์แถลง//

ตอนต้นสาม/ตอนสอง/ต้องแสดง// ตอนสามแจ้ง/สามคำ/ครบจำนวน//

กำหนดบท/ระยะ/กะสัมผัส// ให้ฟาดฟัด/ชัดความ/ตามกระสวน//

วางจังหวะ/กะทำนอง/ต้องกระบวน// จึงจะชวน/ฟังเสนาะ/เพราะจับใจ//

(ประชุมลำนำ : หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก))

๑๕

สำหรับกลอนสักวา ดอกสร้อยและนิราศ จะแบ่งวรรคในการอ่านเหมือนการอ่าน

กลอนสุภาพข้างต้นดังตัวอย่างต่อไปนี้

๒.กลอนสักวา

สักวา/หวานอื่น/มีหมื่นแสน// ไม่เหมือนแม้น/พจมาน/ที่หวานหอม//

กลิ่นประเทียบ/เปรียบดวง/พวงพะยอม// อาจจะน้อม/จิตโน้ม/ด้วยโลมลม//

แม้นล้อลาม/หยามหยาบ/ไม่ปลาบปลื้ม// ดังดูดดื่ม/บอระเพ็ด/ต้องเข็ดขม//

ผู้ดีไพร่/ไม่ประกอบ/ชอบอารมณ์// ใครฟังลม/เมินหน้า/ระอาเอย//

(สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน : พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ)

ส่วนกลอนหก อ่านเว้นจังหวะ ดังนี้ **/**/**
วรรคละ ๖ คำ อ่าน ๒/๒/๒
คือแข/ส่องสรวง/ดวงจักษ์//
๓.กลอนหก ยั่วรัก/ยิ่งเร่ง/ใจร้อน//
นางเหลือบ/นัยนา/มาแล//
(กนกนคร : กรมหมื่นพิทยาลงกรณ)
สบเนตร/นางยิ้ม/พริ้มพักตร์//

๑๖

๔. กาพย์ยานี ๑๑
เป็นกาพย์ที่มีลีลาไพเราะ จังหวะ กระบวนการอ่านเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับ

การพรรณนา ชมความงามและการบรรยายปลุกเร้าอารมณ์
กาพย์ยานี ๑๑ มีจำนวนคำในแต่ละบาท ๑๑ คำ การอ่านกาพย์ยานี ๑๑ ในบาทโท

นั้นนิยมอ่านเสียงสูงกว่าปกติจึงจะเกิดความไพเราะการแบ่งจังหวะวรรคในการอ่าน
มีดังนี้

วรรคหน้า ๕ คำ อ่าน ๒/๓ **/***
วรรคหลัง๖ คำ อ่าน ๓/๓ ***/***

กาพย์ยานี ๑๑
เรื่อยเรื่อย/มารอนรอน// ทิพากร/จะตกต่ำ//
สนธยา/จะใกล้ค่ำ// คำนึงหน้า/เจ้าตราตรู//
เรื่อยเรื่อย/มาเรียงเรียง// นกบินเฉียง/ไปทั้งหมู่//
ตัวเดียว/มาพลัดคู่// เหมือนพี่อยู่/ผู้เดียวดาย//

(กาพย์เห่เรือ : เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร)
๕.กาพย์ฉบัง ๑๖

กาพย์ฉบัง ๑๖ จะอ่านเสียงสูงเสมอกันทุกวรรค หรือจะอ่านวรรคที่ ๒ ให้ต่ำกว่า
วรรคแรกและวรรคหลัง ๑ บันไดเสียงก็ได้

จังหวะของกาพย์ฉบัง วรรคที่มี ๖ คำจะแบ่ง ๒/๒/๒ ** /** / **
เป็นส่วนใหญ่แต่บางวรรคก็ต้องดูเนื้อความเป็นหลักอาจแบ่งจังหวะเป็น ๒/๔ ** /****
เพราะคำที่กวีใช้ควรอ่านให้เสียงต่อเนื่องกัน ส่วนวรรคที่มี ๔ คำ ให้แบ่งจังหวะเป็น
๒/๒ ** /**

๑๗

๖.กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘

กาพย์สุรางคนางค์๒๘ จะอ่านเสียงกลางๆเสมอกันยกเว้นวรรคที่ ๔ อ่านเสียงสูง

กว่าวรรคอื่นๆบันไดเสียงหรือเพิ่มความไพเราะโดยอ่านวรรคที่ ๒ และวรรคที่ ๖ เสียงต่ำ

กว่าวรรคแรก ๑ บันไดเสียงหรือวรรคที่ ๒ อ่านเหมือนเดิมแต่อ่านวรรคที่ ๖ เสียงต่ำ

เพียงวรรคเดียวก็ได้จังหวะของกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘จะอยู่กลางวรรคทุกวรรคเป็น-

๒/๒

กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘

วันนั้น/จันทร//

มีดารากร// เป็นบริวาร//

เห็นสิ้น/ดินฟ้า// ในป่า/ท่าธาร//

มาลี/คลี่บาน// ใบก้าน/อรชร//

(กาพย์พระไชยสุริยา : สุนทรภู่)

๑๘

๗.โคลงสี่สุภาพ

โคลงสี่สุภาพ บทหนึ่งมี ๓๐ คำโดย ๑ บทมี ๔ บาท วรรคหน้าในบาทที่๑-๔

มี ๕ คำส่วนวรรคหลังมี ๒ คำ แต่บาทที่ ๔ วรรคหลังจะมี ๔ คำ (อาจมีคำสร้อย

๒ คำในบาทที่ ๑ และ ๓)

การอ่านโคลงสี่สุภาพ นิยมอ่านออกเสียงต่ำที่ท้ายวรรคบาทที่ ๒ ออกเสียงสูงที่ท้าย

วรรคหน้าของบาทที่ ๓ และทอดเสียงที่ท้ายวรรคแรกของแต่ละบาท นิยมอ่านด้วยระดับ

เดียวกันทั้งบท แต่บางคำจะขึ้นลงสูงต่ำตามเสียงของวรรณยุกต์ ยกเว้นวรรคแรกของบาท

ที่ ๓ จะอ่านเสียงสูงกว่าทุกวรรค ๑ บันไดเสียง

โดยปกติ โคลงสี่สุภาพมีการแบ่งจังหวะในการอ่าน ดังนี้

** / ***/ ** /( ** )/

** / *** / **/

** / *** / ** /( ** )/

** / *** / ** / **//

โคลงสี่สุภาพ

เสียงฦๅ/เสียงเล่าอ้าง/ อันใด/พี่เอย/

เสียงย่อม/ยอยศใคร/ ทั่วหล้า/

สองเขือ/พี่หลับใหล/ ลืมตื่น/ฤๅพี่/

สองพี่/คิดเองอ้า/ อย่าได้/ถามเผือ//

(ลิลิตพระลอ : ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)

บางกรณี จำเป็นต้องอ่านรวบคำ ๓ คำ จาก ๒/๓ เป็น ๓/๒ เช่น คำว่า

“เลื้อยบ่ทำ”และ “ชูแต่หาง”ดังนี้

๑๙

นาคี/มีพิษเพี้ยง/ สุริโย/
เลื้อยบ่ทำ/เดโช/ แช่มช้า/
พิษน้อย/หยิ่งโยโส/ แมลงป่อง/
ชูแต่หาง/เองอ้า/ อวดอ้าง/ฤทธี/
(โคลงโลกนิติ : กรมพระยาเดชาดิศร)

การฝึกอ่านออกเสียงให้มีประสิทธิภาพ จะต้องยึดหลักเกณฑ์ของภาษาเป็นสำคัญ
โดยมีพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกอบ ควรเอาใจใส่การอ่าน
ออกเสียงคำอ่านที่มี ร ล คำควบกล้ำรวมถึงเสียงวรรณยุกต์ต่างๆต้องให้มีเสียงดังฟังชัด
รู้จักเลือกใช้น้ำเสียงให้สอดคล้องเหมาะสมกับข้อความที่อ่าน ตลอดจนรู้จักเน้นเสียงใน
ข้อความสำคัญต่างๆ ด้วย

นอกจากนี้ผู้อ่านควรเตรียมศึกษาบทที่จะอ่าน เพื่อจัดแบ่งวรรคตอนในการอ่านให้
เหมาะสม รวมทั้งควรหมั่นฝึกฝนท่าทางขณะอ่านให้ถูกต้องอยู่เสมอเพื่อให้เกิดความมั่นใจ
และสร้างความชื่นชมให้แก่ผู้ฟังทั่วไป

๒๐

การอ่านจับใจความสำคัญ

ความหมายของการอ่านจับใจความสำคัญ
การอ่านจับใจความสำคัญ หมายถึง การอ่านที่มุ่งค้นหาสาระของข้อความหรือเรื่อง-

ราวต่างๆว่าข้อความหรือเรื่องราวนั้นเกี่ยวกับสิ่งใดมีเหตุการณ์ที่สำคัญอะไรบ้าง ส่วนใด
เป็นใจความสำคัญและส่วนใดเป็นส่วนขยายใจความสำคัญของเรื่องการอ่านจับใจความ
สำคัญถือเป็นวิธีการที่ช่วยให้ผู้อ่านสามารถแยกส่วนประกอบอื่นๆ หรือที่เรียกว่า"พลความ"
ของเรื่องได้ พลความหรือส่วนขยายใจความ หมายถึง ประโยคที่ช่วยขยายเนื้อความของ
ใจความสำคัญเพื่อสนับสนุนหรือแสดงตัวอย่าง เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจมากขึ้น ซึ่งใน
แต่ละย่อหน้าอาจมีพลความอยู่หลายๆ ประโยคก็ได้

จุดมุ่งหมายของการจับใจความสำคัญ
๑. สามารถบอกรายละเอียดของเรื่องราวที่อ่านได้อย่างชัดเจน
๒. สามารถปฏิบัติตามคำสั่งและคำแนะนำได้
๓. เพื่อฝึกการอ่านเร็วและสามารถตอบคำถามได้ถูกต้อง
๔. สามารถสรุปหรือย่อเรื่องที่อ่านได้
๕. อ่านแล้วสามารถคาดการณ์ และหาความจริง แสดงข้อคิดเห็นได้

หลักการอ่านจับใจความสำคัญ
การอ่านจับใจความสำคัญ เป็นการอ่านงานเขียนอย่างละเอียดเพื่อพิจารณาหา

ข้อเท็จจริงที่นำเสนอ รวมถึงทรรศนะ ข้อคิดเห็น อารมณ์ น้ำเสียงของผู้เขียนที่มีต่อเรื่อง
ที่นำเสนอและในกรณีที่ข้อความที่อ่าน มีความยาวเป็นย่อหน้าหรือหลายๆย่อหน้า ผู้อ่าน
สามารถพิจารณาข้อความสำคัญโดยมีหลักการอ่านจับใจความสำคัญดังต่อไปนี้

๒๑

๑. พิจารณาจากชื่อเรื่อง แล้วอ่านย่อหน้าแรกและย่อหน้าสุดท้าย ซึ่งจะทำให้ทราบว่า
บทความนี้เสนอเรื่องอะไรอย่างกว้างๆ

๒. พิจารณาหาใจความสำคัญไปที่ละย่อหน้า ซึ่งส่วนใหญ่ใจความสำคัญของแต่ละ
ย่อหน้าอาจปรากฏอยู่ในตำแหน่งต้น ตำแหน่งกลาง หรือตำแหน่งท้ายของย่อหน้า

๓. พยายามพิจารณาตัดรายละเอียดปลีกย่อย เช่น คำอธิบาย ตัวอย่าง การให้
เหตุผลเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องสนับสนุนความคิดหลักของเรื่อง

๔. เมื่ออ่านจบควรทบทวนหรือตั้งคำถาม ถามตนเองว่า เรื่องที่อ่านเป็นเรื่องอะไร
และพยายามตอบให้ได้ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ด้วยวิธีใด จากนั้นจึงบันทึก
ใจความสำคัญไว้เพื่อศึกษาเพิ่มเติมต่อไป

ใจความสำคัญและพลความ
งานเขียนในแต่ละย่อหน้าจะประกอบด้วยใจความ 2 ส่วนคือ

๑. ใจความสำคัญ
๒. พลความ

ใจความสำคัญคือ ข้อความที่เด่นสุดในย่อหน้า เป็นแก่นของย่อหน้าที่สามารถ
ครอบคลุมเนื้อความในประโยคอื่นๆ ในแต่ละย่อหน้าจะมีประโยคใจความสำคัญเพียง
ประโยคเดียวหรืออย่างมากไม่เกิน 2 ประโยค

ลักษณะของใจความสำคัญ
๑. เป็นข้อความที่ทำหน้าที่คลุมใจความของข้อความอื่นๆ ในตอนนั้นๆได้หมด
๒. ย่อหน้าหนึ่งหนึ่งๆส่วนมากจะมีเพียงประการเดียว
๓. ส่วนมากมีลักษณะเป็นประโยค อาจจะเป็นประโยคเดียวหรือประโยคซ้อนก็ได้
๔. ส่วนมากจะปรากฎอยู่ต้นข้อความ

๒๒

ตำแหน่งของใจความสำคัญ ประโยคใจความสำคัญปรากฎได้ 4 ตำแหน่ง คือ
๑. ตำแหน่งต้นย่อหน้า
๒. ตำแหน่งท้ายย่อหน้า
๓. ตำแหน่งทั้งต้นและท้ายย่อหน้า
๔. ตำแหน่งกลางย่อหน้า

๑. ตำแหน่งต้นย่อหน้า เป็นจุดที่พบใจความสำคัญของเรื่องมากที่สุด
ประโยคใจความสำคัญ + ข้อความขยาย ( สังเกตได้ว่าข้อความที่ตามมามีเนื้อความ
ขยายคำสำคัญในประโยคใจความสำคัญ และมีคำเชื่อมหน้าข้อความขยาย คำว่า เพราะ
เช่น ได้แก่ ประการที่หนึ่ง ฯลฯ
ตัวอย่างเช่น ชาวตรังใจกว้าง สร้างแต่ความดี คือ ความเป็นเอกลักษณ์ของคำขวัญ
จังหวัดตรัง บอกคุณค่าแห่งความเป็นคนใจกว้าง ใจใหญ่ ใจยาว ใจไม่คับแคบ มีศีลธรรม
อันดี ย่อมฝังเร้นซึมลึกอยู่ในความเป็นคนตรังไม่มากก็น้อย เพียงพอที่จะบอกว่า นี่แหละ
นิสัยใจคออันเป็นเอกลักษณ์ของคนเมืองตรัง

๒. ตำแหน่งท้ายย่อหน้า โดยผู้เขียนจะบอกรายละเอียด หรือประเด็นย่อยมาก่อนแล้ว
สรุปด้วยประโยคที่เก็บประเด็นสำคัญไว้ภายหลัง
ข้อความขยาย + ประโยคใจความสำคัญ ( สังเกตได้ว่าประโยคใจความสำคัญจะมีคำ-
เชื่อม "จึง" เป็นประโยคตบท้ายข้อความ)
ตัวอย่างเช่น พะยูน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่อาศัยอยู่ในทะเล เชื่อว่าพะยูนเคยอาศัย
หากินอยู่บนบก และมีบรรพบุรุษที่ใกล้เคียงกับบรรพบุรุษของช้าง เมื่อราว 55 ล้านปี
มาแล้วสายพันธุ์ของพะยูนได้มีวิวัฒนาการลงไปอยู่ในน้ำและไม่กลับขึ้นมาอยู่บนบกอีกเลย
พะยูนจึงเป็นเช่นเดียวกับพวกโลมาและปลาวาฬ

๒๓

๓. ตำแหน่งทั้งต้นและท้ายย่อหน้า
ประโยคใจความสำคัญ + ข้อความขยาย + ประโยคใจความสำคัญ ( สังเกตได้ว่า
ประโยคใจความสำคัญต้นย่อหน้ากับประโยดใจความสำคัญท้ายย่อหน้ามีเนื้อความตรงกัน

ตัวอย่างเช่น หมูย่างเมืองตรัง นับเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สำคัญด้านอาหาร
และโภชนาการอันนำไปสู่การประกอบอาชีพสร้างรายได้และชื่อเสียงของจังหวัดตรัง โดยมี
กระบวนการการผลิตที่อาศัยความรู้ในการประกอบอาหารอย่างมีรายละเอียดขั้นตอนใน
การปฏิบัติ มีเทคนิควิธีการและเคล็ดลับในการปรุงรสชาติที่กลมกล่อม หอม หวาน อร่อย
ทั้งยังมีการสืบทอดด้านการประกอบอาชีพของครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นและมีการต่อยอดระบบ
การผลิตและการบริหารจัดการได้ เช่น บรรจุภัณฑ์ การจำหน่ายทางระบบออนไลน์
เป็นต้น ผลิตภัณฑ์หมูย่างเมืองตรัง จึงเป็นสินค้า OTOP ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นจนเป็น
เอกลักษณ์ โดยได้มีการจัดงานเทศกาลหมูย่างจังหวัดตรังเป็นประจำทุกปี

๔. ตำแหน่งกลางย่อหน้า
ข้อความเกริ่นนำ ( มีเนื้อความอ้างถึงสิ่งที่มีผู้กล่าวไว้ในลักษณะที่เข้าใจผิด ) + ประโยค
ใจความสำคัญ ( มีเนื้อความแย้งข้อความเกริ่นนำ ) + ข้อความขยาย ( มีเนื้อความ
ขยายประโยดใจความสำคัญ)
ตัวอย่างเช่น ขณะนี้ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใดในจังหวัดตรังท่านจะต้องใช้บริการ รถตุ๊กๆหัวกบ
เป็นรถโดยสาร ซึ่งแน่ละเราต้องยกเว้นในกรณีที่ท่านนำยานพาหนะของท่านมาเอง เพราะ
ท่านไม่สามารถใช้บริการรถโดยสารได้ ยกเว้นแต่ท่านไม่ได้นำรถมาเอง

๒๔

กิจกรรมที่ ๑ อ่านออกเสียง.... เรียงความตรัง

ตำนานเล่าขาน “เขาสามบาตร” มีเรื่องเล่าว่า “ยายจัน” ซึ่งมีบ้านอยู่บริเวณเขา
สามบาตรและเป็นผู้มีฐานะมั่งคั่งได้รวบรวมทรัพย์สมบัติเพื่อไปสมทบการสร้างพระบรมธาตุ
เจดีย์ที่นครศรีธรรมราชเช่นกันแต่เมื่อได้ทราบว่า องค์พระธาตุได้สร้างเสร็จสิ้นไปแล้วจึงนำ
ทรัพย์สมบัติจำนวนสามบาตพระ ไปฝังไว้ในถ้ำที่เขาสามบาตรแล้วผูกเป็นปริศนาคำกลอน
บอกที่ซ่อนสมบัติเอาไว้ว่า “ขึ้นต้นขาม (ต้นมะขาม) ข้ามต้นทึง(ต้นกระทิง)ถึงต้นขอย
(ต้นข่อย) คอยลงมา ไม้ค่าวาขัดดอก ใครคิดตก กินไม่รู้สิ้นเลย” “และเล่ากันว่ามี
เจ้านายคนหนึ่ง

ขี่ช้างมาแก้ปริศนานั้นตกจึงได้เอาสมบัติไปหมดแล้ว จากเรื่องราวข้างต้นแสดงให้
เห็นว่า การก่อสร้างพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชในอดีตเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่จนเป็นที่
เล่าขานกันไปทั่วทั้งภาคใต้ตำนานนิทานจำนวนมากต่างกล่าวอ้างถึงความเกี่ยวข้องกับ
การก่อสร้างพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชโดยถ้ำพระพุทธใน อ.รัษฎา จ.ตรัง ก็มี
เรื่องเล่าทำนองนี้ เช่นกัน

๒๕

กิจกรรมที่ ๒ ฝึกเปล
่งเสียง ........ สำเนียงใส

จังหวัดตรังถิ่นใต้ สะตอ
คนบ่มธรรมใจคอ ซื่อถ้วน
ยอมหักไม่ยอมงอ หลีกชั่ว
ใจอิ่มกายเอมอ้วน แกร่งกล้าเกินใคร
ศรีตรัง
ชวนหลีกภัยศักดิ์ใต้ ถิ่นนี้
เป็นหนึ่งในคนดัง ฤทธิ์ยิ่ง
นายกใหญ่กำลัง เฉียบใช้ในสภา
ปากเก่งหวานระรี้ ของตรัง
ยางพาราก้อนนี้ ถิ่นใกล้
พันธุ์แพร่หลายไปยัง ขายง่าย
ยางดีค่ามากฟัง อยู่ได้ปลูกยาง
คนร่ำรวยในใต้ งามตา
นางศรีตรังช่อช้อย ซ่อนไซ้
ชวนหมู่ภมรมา ตรังพ่อ
บุปผาเด่นธิดา แต่งน้องเคียงชม
ชายหนุ่มชอบกรายใกล้

๒๖

กิจกรรมที่ ๓ ไอ้เกลอเขา ...เราเข้าใจ

(จับใจความสำคัญ
นิทานไอ้เกลอเขา)



เมื่อไอ้เกลอเล ไปวังเกลอเขา เพื่อไปเยี่ยมเยือนไอ้เกลอเขา ก็ได้ของฝากเป็น-
มูสัง หรือชะมดติดมือกลับบ้านไปหนึ่งตัว โดยไอ้เกลอเขาบอกไอ้เกลอเลเชิงหยอกกันตาม
ประสาเกลอว่า มูสัง เป็นสัตว์เลี้ยงง่าย มันกินเพียงขี้ไก่ก็อยู่ได้แล้ว

ด้วยวิถีชีวิตคนอยู่ทะเลที่ไม่เคยรู้จักมูสังจึงนำไปขังไว้ในคอกไก่ตามคำของไอ้เกลอ
เขาแต่แล้วก็ต้องสูญเสียไก่ไปทั้งเล้าเพราะถูกมูสังกิน ต่อมาเมื่อไอ้เกลอเขามา วังเกลอเล
บ้างควายเล หรือปูทะเลขนาดใหญ่ก็เป็นของแปลกใหม่ที่ไอ้เกลอเลฝากให้เพื่อนหอบหิ้ว
กลับบ้านพร้อมทั้งคำแนะนำเชิงหยอกจากอีกเช่นกันว่าเจ้าควายเลตัวนี้กินน้ำเยี่ยวเป็น
อาหาร และถ้าถูกมันฟัน (ปูหนีบ) ก็ให้รีบกัดเขา (ก้าม) อีกข้างของมันทันที เมื่อกลับถึง
บ้านไอ้เกลอเขาก็จับเจ้าควายเลใส่กะละมังเอาไว้ บอกให้ภรรยาไปเยี่ยวใส่กะละมังเพื่อ
เลี้ยงเจ้าควายเลตามคำของไอ้เกลอเล ครั้นเวลาค่ำนางก็ไปให้อาหารสัตว์เลี้ยงตามที่สามี
บอก

ปูทะเลขนาดใหญ่หรือควายเลของไอ้เกลอเล เมื่อมีอะไรเข้าใกล้ตัวมันก็จะหนีบเอา
โดยสัญชาตญาณป้องกันตัว นางจึงต้องเรียกสามีให้มาช่วย ไอ้เกลอเขาก็รีบก้มหน้าลง
เพื่อจะกัดเขาอีกข้างของมันทันที ตามคำแนะนำของไอ้เกลอเล ก็เลยถูกก้ามอีกข้างหนึ่ง
ของเจ้าควายเลหนีบแก้มเข้าให้ ในขณะที่ก้ามอีกข้างหนึ่งก็ยังไม่ปล่อย

สุดท้ายของเรื่องเมื่อไอ้เกลอทั้งสองมาพบกันอีกประโยคที่สัพยอกกันว่า มึงเสียไก่
แค่ตัวสองตัวจะเป็นไรไป…กูทั้งเจ็บทั้งเหม็น ในบางแห่งจึงให้ชื่อนิทานเรื่องนี้ว่า ทั้งเจ็บทั้ง
เหม็น

๒๗

แบบทดสอบหลังเรียนบทที่ ๑

๑. การเรียกชื่อกลอนประเภทต่างๆ ใช้สิ่งใดเป็นหลัก
๑. รูปแบบการแต่ง
๒. คำคล้องจองในแต่ละบท
๓. จำนวนคำหรือพยางค์ในการแต่ง
๔. เสียงวรรณยุกต์ในตำแหน่งของกลอน

๒. ข้อใดกล่าวถึงลักษณะกลอนสุภาพได้ถูกต้อง
๑. กลอนมีคำในแต่ละวรรคมีจำนวนตั้งแต่ ๕ - ๘ คำ
๒. กลอนมีหลายประเภทแต่ชื่อเรียกมีเพียงชื่อเดียว
๓. กลอนเป็นร้อยกรองที่แต่งไม่ยากแต่คนไทยไม่ค่อยนิยม
๔. กลอนเป็นร้อยกรองประเภทบังคับคณะ สัมผัส และเสียงวรรณยุกต์

๓. ข้อใดเรียงลำดับชื่อวรรคของกลอนได้ถูกต้อง
๑. วรรคสดับ วรรคสอง วรรครับ วรรคส่ง
๒. วรรครับ วรรคสดับ วรรครอง วรรคส่ง
๓. วรรครับ วรรครอง วรรคสดับ วรรคส่ง
๔. วรรคสดับ วรรครับ วรรครอง วรรคส่ง

๔. ข้อใดมีทั้งสัมผัสสระ และสัมผัสอักษร
๑. ขุนช้างเรียกว่าแม่วันทอง
๒. คิดถึงยามปลูกรักมักเป็นเตย
๓. สาลิกาเจ้าก็ร้องอย่างนั้นบ้าง
๔. ชมแต่เตยแตกหนามเมื่อยามโซ

๒๘

แบบทดสอบหลังเรียนบทที่ ๑

๕. เสียงวรรณยุกต์ที่บังคับในคำสุดท้ายในแต่ละวรรคข้อใดไม่ถูกต้อง
๑. คำสุดท้ายวรรคที่ ๑ ไม่นิยมเสียงสามัญ
๒. คำสุดท้ายวรรคที่ ๒ ไม่นิยมเสียงจัตวา
๓. คำสุดท้ายวรรคที่ ๓ ไม่นิยมเสียงจัตวา
๔. คำสุดท้ายวรรคที่ ๔ นิยมเสียงสามัญ

๖. ลักษณะบังคับของกลอนสุภาพในเรื่องใดที่ไม่ได้มีการบังคับใช้ เป็นแต่เพียงความนิยม
๑. คณะ
๒. สัมผัส
๓. ความยาว
๔. เสียงวรรณยุกต์

๗. การอ่านออกเสียงให้ ไพเราะมีกลวิธีอย่างไร
๑. อ่านออกเสียงให้ถูกต้องตามอักขรวิธี
๒. อ่านออกเสียงให้ถูกต้องตามลักษณะของงานเขียน
๓. อ่านออกเสียงโดยเน้นอารมณ์ความรู้สึกเพื่อสื่อไปยังผู้ฟัง
๔. อ่านออกเสียงถูกต้องชัดเจนสอดแทรกอารมณ์ตามลักษณะของเรื่องที่อ่าน

๘. การฝึกอ่านบทร้อยกรองเรื่องใดมีความสำคัญมากที่สุด
๑. อักขรวิธี
๒. วรรคตอน
๓. การเอื้อนเสียง
๔. ทำนองลีลา ลักษณะคำประพันธ์

๒๙

แบบทดสอบหลังเรียนบทที่ ๑

๙. การปรับระดับเสียงที่สูงหรือต่ำเกินไปให้พอดีกับระดับเสียงของตนเรียกว่าอย่างไร
๑. การรวบคำ
๒. การครั่นเสียง
๓. การหลบเสียง
๔. การทอดเสียง

๑๐. “ วิชาเหมือนสินค้า อันมีค่าอยู่เมืองไกล ต้องยากลำบากไป จึงจะได้สินค้ามา ”
ถ้าปฏิบัติตามบทร้อยกรองนี้ จะเกิดผลอย่างไร

๑. ได้สินค้า
๒. ได้เดินทาง
๓. ได้ทรัพย์สิน
๔. ได้ความสำเร็จ
๑๑. ข้อใดคือสาระสำคัญของการอ่านจับใจความสำคัญ
๑. อ่านเพื่อความรู้
๒. อ่านเพื่อความบันเทิง
๓. อ่านเพื่อหาสาระสำคัญของเรื่อง
๔. อ่านเพื่อค้นหาแนวทางในการดำเนินชีวิต
๑๒. ข้อใดไม่ใช่จุดมุ่งหมายของการอ่านจับใจความสำคัญ
๑. อ่านเพื่อย่อเรื่องสรุปเรื่อง
๒. อ่านเพื่อสามารถจำคำประพันธ์ชนิดต่าง ๆ ได้
๓. อ่านเพื่อสามารถปฏิบัติตามคำสั่งและคำแนะนำได้
๔. อ่านเพื่อสามารถคาดการณ์ และหาความจริง แสดงข้อคิดเห็นได้

๓๐

แบบทดสอบหลังเรียนบทที่ ๑

๑๓. ประโยคใจความสำคัญ หมายถึงอะไร
๑. ประโยคตอนต้นของเรื่อง
๒. ประโยคตอนท้ายของเรื่อง
๓. ประโยคบอกที่มาของเรื่อง
๔. ประโยคที่สรุปเรื่องนั้นไว้ทั้งหมด

อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ ๑๔
แม่ค้าซื้อผลไม้จากชาวสวนมาขายที่ตลาด เขาซื้อมามาก ๆ เอาใส่รถหรือเรือมาขายให้
กับเรา
๑๔. จากข้อความข้างต้น ข้อใดคือใจความสำคัญ

๑. แม่ค้า
๒. ใส่รถหรือเรือ
๓. เขาซื้อมามาก ๆ เอาใส่รถหรือเรือ
๔. แม่ค้าซื้อผลไม้จากชาวสวนมาขายที่ตลาด

“ ซินแสเป็นคำจีนที่มีความหมายหลายอย่างจะแปลว่าครูก็ได้แปลว่าหมอรักษาคนไข้ก็ได้
กระทั่งหมอดูก็ยังเรียกกันว่าเป็นซินแสหรือจะเป็นผู้มีวิชาหรือผู้รู้ก็เรียกเป็นซินแสได้ ”
๑๕. จากข้อความคำสำคัญคือข้อใด

๑. ครู
๒. หมอ
๓. ซินแส
๔. ผู้มีวิชา

๓๑

แบบทดสอบหลังเรียนบทที่ ๑

ท่านพุทธทาสภิกขุกล่าวว่า เมื่อมีปัญหาใดๆ เวลาจะคิดจะพูดจะทำอะไร ควรพูด ในขณะ

ที่น้ำชายังไม่ล้นถ้วย หมายถึง เวลาเช้ามืด เวลาตื่นนอนยังไม่ได้เรื่องราวหรือปัญหาต่างๆ

ในชีวิตประจำวัน ”

๑๖. เมื่อมีปัญหาใดๆ ให้พูดหรือทำในเวลาใด

๑. เช้ามืด

๒. กลางวัน

๓. ก่อนนอน

๔. ตอนเย็นหลังจากเสร็จธุระแล้ว

อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ ๑๗ – ๑๙

“หิ่งห้อยมีอวัยวะทำแสงอยู่บริเวณส่วนท้องด้านล่าง เพศผู้มีอวัยวะทำแสง ๒ ปล้อง

เพศเมียมี ๑ ปล้อง แต่บางชนิดตัวเต็มวัยเพศเมียมีรูปร่างลักษณะคล้ายหนอน มีอวัยวะ

ทำแสงด้านข้างของลำตัวเกือบทุกปล้อง แสงของหิ่งห้อยเกิดจากปฏิกิริยาของสารลูซิ

เฟอริน (Luciferin) ที่อยู่ในอวัยวะทำแสงกับออกซิเจน มีเอนไซม์ลูซิเฟอริน (Luciferase)

เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาและมีสารอดีโนซีนไตรฟอสเฟต (Adenosine Triphosphate, ATP) เป็น

ตัวให้พลังงานทำให้เกิดแสง หิ่งห้อยกระพริบแสงเพื่อการผสมพันธุ์และการสื่อสารซึ่งกัน

และกัน”

(หนังสือมหัศจรรย์พืชและสัตว์ : ชมรมบ้านวิทยาศาสตร์)

๑๗. จากข้อความมีคำสำคัญกี่คำ

๑. ๒ คำ

๒. ๓ คำ

๓. ๔ คำ

๔. ๕ คำ ๓๒

แบบทดสอบหลังเรียนบทที่ ๑

๑๘. คำสำคัญที่พบในข้อความนี้คืออะไร
๑. หิ่งห้อย ปฏิกิริยา ซิเฟอริน เอนไซม์
๒. หิ่งห้อย อวัยวะทำแสง ผสมพันธุ์ สื่อสาร
๓. ปฏิกิริยา ซิเฟอริน เอนไซม์ อดีโนซีนไตรฟอสเฟต
๔. หิ่งห้อย ซิเฟอริน ออกซิเจน อดีโนซีนไตรฟอสเฟต

๑๙. อวัยวะที่ทำให้เกิดแสงอยู่ในบริเวณไหนของหิ่งห้อย
๑. ส่วนด้านล่างของส่วนท้องหิ่งห้อย
๒. ส่วนบริเวณขาของหิ่งห้อย
๓. ส่วนปลายหางของหิ่งห้อย
๔. ส่วนหัวของหิ่งห้อย
พฤกษากาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
(กฤษณาสอนน้องคําฉันท์ : สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส)

๒๐. คำสำคัญของบทประพันธ์นี้คือข้อใด
๑. ชั่วดี
๒. กาสร
๓. นรชาติ
๔. โททนต์

๓๓

บทที
่ ๒

วัฒนธรรมล้ำค่า เด่นสง่าเมืองตรัง

ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้

ท ๒.๑ ม.๑/๑ คัดลายมือบรรจงครึ่ง คัดลายมือตัวบรรจงครึ่ง
บรรทัด บรรทัดตามรูปแบบตัวอักษร
ท ๒.๑ ม.๑/๕ เขียนย่อความจากเรื่อง ไทย
ที่อ่าน
เขียนย่อความจากเรื่องต่างๆ
เช่นตำนานไหว้พระจันทร์



…“อันมนุษย์มีสุขทุกข์มีพบพราก
ดั่งจันทร์จากกลมเด่นกลับดับแสงไข

ยากสมบูรณ์พร้อมพรั่งสมดั่งใจ
หวังคนไกลพันลี้ร่วมชี้ชม”…

บรรเลงอักษร สัญจร @อำเภอปะเหลียน

รู้จริงไม่หลอก มาเรียมจะบอกให้

ชาวไทยเชื้อสายจีนในเมืองตรังได้ถือปฏิบัติประเพณีของ
บรรพบุรุษมาโดยต่อเนื่อง เมื่อถึงช่วงเทศกาลก็จะจัดให้มีกิจกรรม
โดยพร้อมเพรียงกัน และยึดมั่นในวัฒนธรรมของตนอย่างเหนียวแน่นเช่นเดียว
กับอำเภอเมืองปะเหลียนมีประวัติยาวนานหลายชั่วอายุคน ประกอบกับหลักฐาน
ทางประวัติศาสตร์ก็ไม่สามารถค้นหาได้จึงเป็นเพียงแต่คำบอกเล่าต่อ ๆ กันมา
และเป็นข้อสันนิษฐานที่พอจะรับฟังได้ คือ "ปะเหลียน" เป็นสถานที่ที่มี
ทรัพยากรมาก มาจากคำว่า "ปะ" แปลว่า พบหรือเจอ และ "เหลียน" แปลว่า
สิ่งที่มีค่า เพี้ยนมาจากคำว่า เหรียญ คือของมีค่า

"ปะเหลียน" เพี้ยนมาจากคำในภาษามาเลย์จากเดิมว่า
"ปราเลียน" แปลว่า ทอง

ปะเหลียนเป็นชื่อตำบลหนึ่งของอำเภอที่ติดต่อกับทิวเขาบรรทัดซึ่งกั้น
แดนระหว่างจังหวัดตรังกับจังหวัดพัทลุง ในสมัยก่อนชาวพัทลุงได้อพยพเจ้ามา
อยู่ในพื้นที่ตำบลปะเหลียนเป็นจำนวนมาก สำหรับที่ว่าการอำเภอปัจจุบัน ตั้งอยู่
ที่บ้านท่าข้าม หมู่ที่ 1 ตำบลท่าข้าม ซึ่งสมัยก่อนเป็นท่าเรือสำคัญที่ใช้ติดต่อ
คมนาคมกับจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันและมลายูหรือประเทศมาเลเซียใน
ปัจจุบัน

๓๖

อำเภอปะเหลียน
มีประเพณีของชาวไทย
เชื้อสายจีนอะไรที่น่าเรียนรู้
บ้างหรอมาเรียม ?

ตามมาเรียมมาซิ

จะพาไปรู้จักกับเจ้าถิ่นอำเภอ
ปะเหลียน สาวหมวยเพื่อนเล่น
อีกคนของมาเรียมที่น่าจะให้

ความรู้เรื่องประเพณีของ
ชาวปะเหลียนได้อย่างดี

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเฟยเฟย

ฉันเป็นชาวไทยเชื้อสายจีน
บรรพบุรุษของฉันมาจากเมืองจีน
อาก๋งของฉันเเต่งงานกับชาวไทย
บ้านของเรานั้นจึงยังคงสืบทอด
วัฒนธรรมประเพณีของชาวจีนอยู่

๓๗

ประเพณีไหว้พระจันทร์

ประเพณี "ไหว้พระจันทร์” หรือเรียกเป็นภาษาจีนว่า "ตงชิวโจ่ย” เป็นงาน
เทศกาลอันเก่าแก่ที่ชาวทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรังซึ่งเป็นชาวไทยเชื้อ
สาย "จีนแต้จิ๋ว” ได้ถือปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนานกว่า ๑๐๐ ปีแล้ว
อันจะตรงกับ "วันเพ็ญเดือนแปด” ตามปฏิทินของจีน โดยเฉพาะการที่ชาวทุ่งยาว
จะพร้อมใจกันจัดโต๊ะไหว้พระจันทร์ ไว้หน้าบ้านเรือนของตนเอง หรือเรียงราย
ตลอดสองข้างถนนรอบ "ตลาดเทศบาลตำบลทุ่งยาว” อันถือเป็นภาพที่สวยงาม
และมีมนต์เสน่ห์ยิ่งนัก จนถือได้ว่าเป็นชุมชนเพียงแห่งเดียวของประเทศไทย
ในขณะนี้ ที่ยังคงยึดถือธรรมเนียมดังกล่าวนี้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ชาวทุ่งยาวอีกส่วนหนึ่งยังจะแต่งกายด้วย "ชุดกี่เผ้า”
แบบโบราณ (ภาษาจีนกลางเรียก ฉีเผา) โดยเป็นชุดของสตรีแมนจู ในสมัย
ราชวงศ์ชิง (ค.ศ.๑๖๔๔-๑๙๑๑) ซึ่งขณะนั้นปกครองแบบ ๘ แว่นแคว้น หรือ
เรียกกันว่า "ปาฉี” ส่วนเสื้อผ้าที่มีลักษณะเป็นชุดยาวตลอดลำตัวเรียกกันว่า "เผา”
จึงเป็นที่มาของ ”ชุดฉีเผา”หรือ "กี่เผ้า” อันสวยงาม ซึ่งก็ยิ่งทำให้บรรยากาศ
ของงานเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งวัฒนธรรมแบบจีนๆ มากยิ่งขึ้น

"วันไหว้พระจันทร์” ซึ่งตรงกับวันสารทกลางฤดูใบไม้ร่วงนั้น มีการเล่าสืบต่อ
กันมาว่า จักรพรรดิจีนสมัยโบราณจะทำพิธีเซ่นไหว้พระอาทิตย์ ในฤดูใบไม้ผลิ
และจะทำพิธีไหว้พระจันทร์ ในฤดูใบไม้ร่วง อีกทั้งการ "ไหว้พระจันทร์” ยังถือ
เป็นการไหว้เพื่อรำลึกถึง "องค์ไทอิมเนี้ย” เทพผู้ให้ความสงบสุขแก่สรรพสิ่งในโลก
และถือว่าเป็นเทพที่มีสิริโฉมงดงามที่สุดองค์หนึ่ง ที่จะเสด็จมาโปรดสัตว์โลกในคืน
พระจันทร์เต็มดวงของเดือนแปด

๓๘

ประเพณีไหว้พระจันทร์

นอกจากนั้น วันดังกล่าวนี้ยังเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์จีน ตอนที่ "จูง่วนเจียง”
ผู้นำชาวจีนสมัยนั้น ได้สร้างประเพณีนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอุบายในการปฏิบัติปลดแอกชาว
จีน ออกจากการปกครองของชาวมองโกล ในสมัยราชวงศ์หยวน ซึ่งตรงกับ
พ.ศ.๑๙๑๑ หรือสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีของไทย โดยในการปกครองของชาว
มองโกลสมัยนั้น ได้ตั้งกฎไว้ว่า ชาวจีน ๓ ครอบครัว ต้องเลี้ยงดูชาวมองโกลอย่างดี
๑ คน มีการริบอาวุธชาวจีนไว้ทั้งหมด และห้ามตีเหล็กทำอาวุธ พร้อมทั้งให้มีเพียงมีด
หั่นผัก ๑ เล่ม ใช้รวมกัน ๕ ครอบครัว ความคิดที่จะกู้ชาติของชาวจีนที่รักความ
อิสระ เกิดขึ้นในรูปของการแอบตั้งขบวนการใต้ดิน

โดยการกำหนดให้ "วันไหว้พระจันทร์” คือ วันเพ็ญเดือนแปด เป็นวันทำการ
ปฏิวัติ หรือเป็นวันดีเดย์ของชาวจีนในการยึดอำนาจคืนจากชาวมองโกล โดยให้แต่ละ
ครอบครัวทำอาวุธ และแอบซ่อนเอกสารนัดหมายไว้ใน หรือใต้ "ขนมโก๋” หรือ
"ขนมเปี๊ยะ” ที่มีขนาดใหญ่ไส้หนาเป็นพิเศษ พร้อมกับให้มีธรรมเนียมแลกเปลี่ยนขนม
กันระหว่างญาติมิตร พร้อมทั้งยังให้มีการจัดงานประเพณีขึ้น เพื่อเป็นการตบตาชาว
มองโกล จนกระทั่งทุกอย่างสัมฤทธิผล

๓๙

ประเพณีไหว้พระจันทร์

ชาวทุ่งยาวมีบรรพบุรุษเป็น "ชาวแต้จิ๋ว” ที่อพยพมาจากประเทศจีนแผ่นดิน
ใหญ่ ส่วนหนึ่งมาขึ้นที่ฝั่งท่าเรือแหลมหยงสตาร์ ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน
และอีกส่วนหนึ่งมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือทุ่งหญ้าคา (บ้านทอนนาหมู่ในปัจจุบัน) ชาวจีน
กลุ่มดังกล่าวได้รวมตัวกันก่อตั้งเป็นชุมชน เรียกว่า "ปาดังด้า” (บ้านทุ่งยาวใน
ปัจจุบัน) ทำให้ชุมชนแห่งนี้มีอายุมายาวนานจนถึงปัจจุบันกว่า ๑๐๐ ปีแล้ว
ดังนั้นด้วยเหตุที่ชาวทุ่งยาวมีบรรพบุรุษเป็นชาวจีนทุกๆคนจึงให้ความสำคัญกับ
ประเพณีวัฒนธรรมของชาวจีนที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ "ประเพณีไหว้พระจันทร์”

เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสาน "ประเพณีไหว้พระจันทร์” ให้คงอยู่สืบไป
อีกทั้งเพื่อเป็นสื่อกลางให้ชาวไทยเชื้อสายจีนได้มาร่วมกันรำลึกถึงบรรพบุรุษ
"เทศบาลตำบลทุ่งยาว” จึงได้มีการจัดงานดังกล่าวนี้ขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยตลอด
ทั้ง ๕ วันจะมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การแสดงบนเวทีของเด็กและเยาวชนที่
เป็นลูกหลานชาวทุ่งยาว การเดินขบวนพาเหรด การแข่งขันกิน "ขนมกุยช่าย” ซึ่ง
เป็นขนมขึ้นชื่อของตำบลทุ่งยาว รวมทั้งการจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรม
ความเป็นมาของชุมชน

ประวัติความเป็นมาเรื่อง
ประเพณีไหว้พระจันทร์ค่อนข้าง
ยาว เเละในตำราก็อ่านยาก

งั้นเราลองมาเรียนรู้วิธี
การย่อความเเละการคัดลายมือ

ให้อ่านง่ายสวยงามกันเถอะ

๔๐

อธิบาย ขยายความรู้

การคัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด

๑. ความหมายของการคัดลายมือ
การคัดลายมือ เป็นการฝึกเขียนตัวอักษรไทยให้ถูกต้องตามหลักการเขียนคำไทย

ซึ่งต้องคำนึงถึงความถูกต้องของอักษรไทย เขียนให้อ่านง่ายมีช่องไฟมีวรรคตอน
ตัวอักษรเสมอกัน วางพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ให้ถูกที่ ตัวสะกด การันต์ถูก
ต้อง และลายมือสวยงาม การคัดลายมือมีแบบการคัดหลายแบบ
ซึ่งแบ่งได้ ๒ ประเภท คือ ตัวเหลี่ยม และตัวกลมหรือหัวมน
๒. ลักษณะของการคัดลายมือ

การคัดลายมือมี ๓ ลักษณะ คือ
๑. การคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด เหมาะสำหรับนักเรียนชั้นประถม-

ศึกษาปีที่ ๑ และ ๒ เนื่องจากเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อและการประสานระหว่างตากับมือ
ยังพัฒนาไม่เต็มที่

๒. การคัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด เหมาะสำหรับนักเรียนชั้นประถม-
ศึกษาปีที่ ๓ และ ๔ เนื่องจากจะมีการประสานระหว่างกล้ามเนื้อและตาเพิ่มมากขึ้น

๓. การคัดลายมือหวัดแกมบรรจง เป็นการคัดลายมือหวัดแต่ให้อ่านออก
การเขียนลายมือหวัดแกมบรรจงเป็นการเขียนที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งผู้เขียนจะต้อง
เขียนให้อ่านง่าย มีช่องไฟ เว้นวรรคตอน ถูกต้อง และเขียนด้วยลายมือที่สวยงาม
โดยคัดให้รวดเร็ว สวยงาม ถูกต้อง และน่าอ่าน

๔๒

๓. หลักการคัดลายมือ
๑. นั่งตัวตรง เขียนด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายวางบนกระดาษที่จะเขียนเพื่อมิให้

กระดาษเลื่อนไปมา ข้อศอกขวาวางบนโต๊ะขณะเขียน สายตาห่างจากกระดาษที่เขียน
ประมาณ ๑ ฟุต

๒. จับดินสอหรือปากกาให้ถูก โดยดินสอหรือปากกาจะอยู่ที่หัวแม่มือกับนิ้วชี้
และนิ้วกลาง ส่วน นิ้วนางกับนิ้วก้อยงอไว้ในฝ่ามือ

๓. เขียนตัวอักษรให้ถูกส่วน ตัวอักษรตั้งตรง การเขียนพยัญชนะไทยทุกตัว
ต้องเริ่มเขียนหัวก่อน ยกเว้นตัว ก และ ธ ซึ่งไม่มีหัว เว้นช่องไฟและวรรคตอน
ให้พองาม วางเครื่องหมายต่าง ๆ ให้ถูกต้องตามตำแหน่ง

๔. วางพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ให้ถูกต้องตามตำแหน่ง ซึ่งสระทุกตัว
มีตำแหน่งที่สัมพันธ์กับพยัญชนะ เช่น

๔.๑ สระที่อยู่หน้าพยัญชนะ ได้แก่ เ- แ- โ- ใ- ไ-
๔.๒ สระที่อยู่หลังพยัญชนะ ได้แก่ -ะ -า
๔.๓ สระที่อยู่เหนือพยัญชนะ ได้แก่ - ิ - ี - ึ - ื
๔.๔ ไม้หันอากาศ ( - ั) ไม้ไต่คู้ ( - ็) นิคหิต ( - ) จะวางเหนือ
พยัญชนะตรงกลาง
๔.๕ สระที่อยู่ใต้พยัญชนะ ได้แก่ -ุ –ู

๔๓

ตัวอักษรแบบกระทรวงศึกษาธิการ

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. ภาษาไทย
สาระที่ควรรู้ คู่มือการเรียนการสอนภาษาไทย ระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ :
โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด, ๒๕๕๓.

๔๔


Click to View FlipBook Version