The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by doung9, 2021-09-19 11:53:52

คู่มือครู ป.6

คู่มือครู ป.6

คมู่ ือครู

Teacher Script

เทคโนโลยี ป.6

(วทิ ยำกำรคำ� นวณ)

ชัน้ ประถมศกึ ษาปที่ 6

กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551

ผูเ้ รียบเรยี งหนงั สอื เรียน ผตู้ รวจหนังสือเรียน บรรณาธกิ ารหนงั สอื เรยี น
นายณัฐภัทร แกว้ รัตนภทั ร์ ดร.จารุมน หนูคง นายอาทร นกแกว้
นายเอญิ สุริยะฉาย
นายเบนยามิน วงษ์ประเสริฐ
นางสาววรรณกาญจน ์ บญุ ยก

ผเู้ รยี บเรยี งคู่มอื ครู บรรณาธิการคู่มือครู
นายเอกพิศิษฏ ์ อุตรา นางสาวศศธิ ร คงอยู่

พิมพค รัง้ ที่ 1
สงวนลิขสิทธต์ิ ามพระราชบัญญตั ิ

รหัสสินคา 1648049

ค�ำแนะน�ำกำรใช้

คู่มือครูรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการค�านวณ) ป.6
จัดท�าขึ้นเพื่อให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางวางแผนการจัดการเรียนการ
สอน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและประกันคุณภาพผู้เรียน
ตามนโยบายของสา� นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน (สพฐ.)

Chapter Overview นา� นา� สอน โซน 1สรปุ ประเมนิ

โครงสรา้ งแผนและแนวทางการประเมนิ ผ้เู รยี น ขน้ั นาํ 1 ¡ÒÃá¡»Œ Þ˜ ËÒ˹Nj ¡ÒÃàÃչ̷٠Õè â´Â㪌
ประจา� หนว่ ยการเรียนรู้ à˵¼Ø Åàª§Ô µÃáÐ
กระตนุ ความสนใจ
Chapter Concept Overview 2. ครูถามคําถามประจําหนวยการเรียนรูกับ

สรุปสาระส�าคัญประจา� หน่วยการเรียนรู้ นักเรียนวา เหตุผลเชิงตรรกะชวยในการ
แกป ญหาไดอ ยางไร
3. ครถู ามคาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น
วา ในชีวิตประจําวันนักเรียนเคยพบเจอ
กับปญหาใดบาง และนักเรียนมีวิธีในการ
แกป ญหาน้ันอยางไร
(แนวตอบ คําตอบของนักเรียนขึ้นอยูกับ
ดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ปญหาการมา
โรงเรียนสาย ซ่ึงสามารถแกปญหาไดโดย
การตั้งนาฬก าปลุกใหป ลกุ เร็วข้นึ )

à˵ؼÅàªÔ§µÃáÐ
ª‹ÇÂ㹡ÒÃá¡Œ»˜ÞËÒ

ä´ŒÍÂÒ‹ §äÃ

แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู ตัวช้ีวดั
คําตอบของนักเรียนข้ึนอยูกับดุลยพินิจของ
ว 4.2 ป.6/1 ใชเหตุผลเชงิ ตรรกะในการอธบิ ายและออกแบบวิธีการแกปญหาทีพ่ บในชีวติ ประจําวนั
ครูผูสอน เชน การนําเหตุผลเชิงตรรกะมาชวย ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 2
ในการพิจารณาหาสาเหตุของปญหาและหาวิธีการ
แกปญ หา

โซน 1 ช่วยครูจัด เกร็ดแนะครู

กำรเรียนกำรสอน ในการเรยี นการสอน เร่ือง การแกปญหาโดยใชเหตุผลเชงิ ตรรกะ ครูควร
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้แก่ผู้สอน เนนการสอนโดยอธิบายถึงการแกปญหาตางๆ โดยใชเหตุผลเชิงตรรกะเขามา
โดยแนะนา� ขนั้ ตอนการสอน และการจัดกิจกรรมอยา่ งละเอยี ด ชว ยในการแกป ญ หา ซงึ่ ครอู าจสอนใหน กั เรยี นรจู กั การนาํ กฎเกณฑห รอื เงอ่ื นไข
เพ่ือให้นกั เรียนบรรลผุ ลสมั ฤทธ์ติ ามตัวชว้ี ดั ตางๆ มาใชในการพิจารณาแกปญ หา โดยอาจใชแ นวคิดการทํางานแบบลําดบั
การทํางานแบบมีเงอ่ื นไข หรือการทํางานแบบวนซํ้าเขา มาชวยในการแกปญ หา
น�ำ สอน สรุป ประเมนิ เพอ่ื ใหนักเรยี นสามารถนาํ ความรนู น้ั ไปแกป ญหาในชวี ิตประจาํ วนั ได

โซน 3

โซน 2

T6

โซน 2 ชว่ ยครเู ตรียมสอน ส่ือ Digital

ประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ท่ีเป็นประโยชน์เพ่ือ การแนะนา� แหลง่ คน้ ควา้ จากสอ่ื Digital ตา่ ง ๆ
ชว่ ยลดภาระในการสอนของครผู สู้ อน
แนวทางการวดั และประเมินผล
เกรด็ แนะครู
การเสนอแนะแนวทางในการวดั และประเมนิ ผลนกั เรยี นทส่ี อดคลอ้ ง
ความรเู้ สรมิ สา� หรบั คร ู ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ สงั เกต แนวทางการจดั กบั แผนการสอน
กจิ กรรมเพื่อประโยชน์ในการจดั การเรยี นการสอน

นกั เรียนควรรู้

ความรเู้ พม่ิ เตมิ จากเนอื้ หา เพอ่ื ใหค้ รนู า� ไปใชอ้ ธบิ ายใหน้ กั เรยี น

โดยใชห้ นังสอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) ป.6 และแบบฝกหดั รายวิชาพืน้ ฐาน เทคโนโลยี
(วทิ ยาการคํานวณ) ป.6 ของบรษิ ทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จ�ากดั เป็นสือ่ หลกั (Core Material) ประกอบการสอนและการ
จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 โดยคมู่ อื ครมู อี งคป์ ระกอบทง่ี า่ ย
ตอ่ การใชง้ าน ดงั น้ี

โซน 1 นา� น�า สอน สรปุ ประเมนิ โซน 3 ชว่ ยครเู ตรียมนกั เรยี น

1 ¡ÒÃá¡Œ»Þ˜ ËÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹÷ŒÙ Õè ตัวช้ีวัด ว 4.2 ป.6/1 ขน้ั นาํ ประกอบด้วยแนวทางการจัดกิจกรรมและเสนอแนะ
แนวข้อสอบ เพือ่ อ�านวยความสะดวกใหแ้ ก่ครูผู้สอน
ลองทําดูâ´ÂãªàŒ ˵¼Ø ÅàªÔ§µÃáРกระตนุ ความสนใจ
4. ครูใหนักเรียนในชั้นเรียนทํากิจกรรมลองทํา กิจกรรม 21st Century Skills
รานนํ้าดื่มแหงหนงึ่ มีโพรโมชนั พเิ ศษ ซือ้ นา้ํ ดืม่ ราคาขวดละ 10 บาท
จํานวน 4 ขวด แถมฟรี 1 ขวดทันที ดูในแบบฝกหัด หนา 2 เพ่ือเปนการนําเขาสู กิจกรรมท่ีให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้มาสร้างชิ้นงาน
การเรียนการสอน เรื่อง การแกปญหาโดยใช หรอื ทา� กจิ กรรมรวบยอด เพอ่ื ใหเ้ กดิ คณุ ลกั ษณะทร่ี ะบใุ นทกั ษะ
ถาแพรมเี งิน 130 บาท ตอ งการซื้อนํ้าด่ืมจาํ นวน 16 ขวด แพรควร เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ โดยการใหน กั เรยี นพจิ ารณา แหง่ ศตวรรษที ่ 21
วางแผนการซ้ือนา้ํ ดมื่ อยางไร เพื่อหาวิธีการเลือกซ้ือน้ําดื่มใหไดจํานวน
16 ขวด ดวยเงิน 130 บาท ขอ้ สอบเน้นการคิด
5. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงวิธีการ
แกปญหากิจกรรมลองทําดูจนไดขอสรุปวา ตัวอย่างข้อสอบท่ีมุ่งเน้นการคิด มีท้ังปรนัย-อัตนัย พร้อม
มีการนําเหตุผลเชิงตรรกะเขามาชวยในการ เฉลยอยา่ งละเอียด
แกปญหา
กจิ กรรมท้าทาย
«é×Í 4 ¢Ç´
เฉฉบลับย á¶Á¿ÃÕ 1 ¢Ç´ เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรม เพอ่ื ตอ่ ยอดสา� หรบั นกั เรยี น
ที่เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและต้องการท้าทายความสามารถใน
(แนวคาํ ตอบ) ระดบั ทสี่ ูงข้ึน

ซ้ือ 13 ขวด................................................................ กิจกรรมสร้างเสริม

แถมฟรี 3 ขวด............................................... เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรมซอ่ มเสรมิ สา� หรบั นกั เรยี นที่
ควรได้รบั การพัฒนาการเรยี นรู้
2

ภาพจาก

แบบฝกหดั
หหนนา้ ้าท2ี่ 4

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

พจิ ารณาภาพทก่ี ําหนดให ขอ ใดถกู ตอ ง ในการทํากิจกรรมลองทําดูในแบบฝกหัด หนา 2 เพื่อเปนการนําเขาสู
บทเรียนใหนักเรียนเกิดความสนใจในการเรียนรู เรื่อง การแกปญหาโดยใช
+ = 30 เหตุผลเชิงตรรกะ ครูอาจตองมีการแนะนําแนวคิดหรือวิธีการคิดเพื่อแกปญหา
÷ =5 ใหกับนักเรียน โดยท่ีครูไมจําเปนตองสนใจคําตอบของนักเรียนวา นักเรียน
× =4 แตล ะคนตอบผิดหรอื ตอบถูก แตหลงั จากทน่ี ักเรยี นตอบคําถามแลว ครอู าจตอ ง
มกี ารเฉลยคาํ ตอบทีถ่ กู ตองใหก ับนักเรยี นดว ย
โซน 31. คอื 10 2. คือ 30
3. คือ 16 4. คือ 8

(วเิ คราะหค ําตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดใหสามารถวิเคราะห
ไดวา เมื่อ × = 4 ฉะนนั้ = 2 และ = 4 และเมือ่
÷ = 5 จะทําใหทราบวา = 20 ฉะนนั้ = 10 ดังนน้ั
ตอบขอ 1.) โซน 2

T7

ความรเู้ สรมิ

อธิบายความร้เู พิ่มเติมทีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั บทเรยี น

ค�ำอธิบายรายวิชา

เทคโนโลยี (วิทยาการค�ำนวณ) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลาเรยี น 40 ช่วั โมง / ปี
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6

ศกึ ษาเกย่ี วกบั การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ยโดยใชโ้ ปรแกรม Scratch ศกึ ษาการแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตผุ ล
เชงิ ตรรกะ การใชง้ านอนิ เทอรเ์ นต็ การคน้ หาขอ้ มลู โดยใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ การประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ศกึ ษาการใชง้ านเทคโนโลยี
สารสนเทศและความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยี
โดยอาศัยกระบวนการเรยี นรโู้ ดยใชเ้ ทคนคิ ตามแนวคดิ เชงิ คำ� นวน (Computational Thinking Process) วัฏจกั ร
การเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) วธิ กี ารสอนโดยเนน้ กระบวนการกลมุ่ (Group Process-Bass
Instruction) วิธีการสอนโดยใช้การอภิปรายกลุ่มย่อย (Small Group Discussion) การสอนโดยใช้กรณีตัวอย่าง (Case)
วธิ กี ารสอนโดยใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing) เพอ่ื เนน้ ใหผ้ เู้ รยี นไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิ ฝกึ ทกั ษะการคดิ เผชญิ สถานการณ์
การแกป้ ญั หา วางแผนการเรยี นรู้ ตรวจสอบการเรยี นรู้ และสรา้ งองคค์ วามรใู้ หมด่ ว้ ยตนเองผา่ นกระบวนการคดิ และปฏบิ ตั ิ
โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ มที กั ษะการคดิ เชงิ คำ� นวณ การคดิ วเิ คราะห์ แกป้ ญั หาเปน็ ขน้ั ตอนและเปน็ ระบบ
มที กั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ รกั ษาขอ้ มลู สว่ นตวั และการสอ่ื สารเบอ้ื งตน้ ในการแกป้ ญั หาทพี่ บในชวี ติ จรงิ ไดอ้ ยา่ ง
มปี ระสทิ ธภิ าพ ตลอดจนนำ� ความรคู้ วามเขา้ ใจในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ และนำ� เทคโนโลยใี หมท่ เี่ กดิ ขน้ึ ไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ สงั คม
และการดำ� รงชวี ติ จนสามารถพฒั นากระบวนการคดิ และจนิ ตนาการ ความสามารถในการแกป้ ญั หาและการจดั การทกั ษะในการ
สอื่ สาร และความสามารถในการตดั สนิ ใจ และเปน็ ผทู้ ม่ี จี ติ วทิ ยาศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์

ตวั ชว้ี ดั
ว 4.2 ป.6/1 ใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการอธบิ ายและออกแบบวธิ ีการแก้ปญั หาทพ่ี บในชีวติ ประจ�ำวนั
ว 4.2 ป.6/2 อ อกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย เพอ่ื แกป้ ญั หาในชวี ติ ประจำ� วนั ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรมและ

แก้ไข
ว 4.2 ป.6/3 ใช้อนิ เทอร์เนต็ ค้นหาข้อมูลอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
ว 4.2 ป.6/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศท�ำงานร่วมกันอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าท่ีของตน เคารพในสิทธิของผู้อื่น

แจง้ ผู้เกีย่ วขอ้ งเม่อื พบข้อมูลหรือบุคคลที่เหมาะสม
รวม 4 ตัวช้วี ัด

Pedagogy

คมู่ ือครรู ายวชิ าพ้นื ฐาน

เทคโนโลยี (วทิ ยำกำรคำ� นวณ) ป.6 จัดท�าข้ึนเพ่ือให้ครูน�าไปใช้เป็นแนวทางวางแผนการสอนเพื่อพัฒนา

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยครูสามารถวางแผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี
(วทิ ยาการค�านวณ) ชน้ั ประถมศึกษาปท ่ี 6 (ฉบบั อนุญาต) ที่ทางบรษิ ทั อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จ�ากดั จัดพมิ พ์จ�าหนา่ ยเพอ่ื ให้สอดคลอ้ ง
กบั มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชีว้ ดั กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลย ี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลาง
การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ (Instructional Design) สอดคล้องตามรูปแบบการเรียนรู้
ทีส่ �าคญั 6 รปู แบบ คอื รูปแบบการสอนแบบ 5Es รูปแบบการสอนแบบกระบวนการคิดเชงิ คา� นวณ รูปแบบการสอนแบบเนน้ กระบวน
การกลมุ่ รปู แบบการสอนแบบใชก้ ารอภปิ รายกลมุ่ ยอ่ ย รปู แบบการสอนแบบใชก้ รณตี วั อยา่ ง และรปู แบบการสอนแบบใชก้ ารแสดงบทบาท
สมมติ โดยมรี ายละเอียด ดงั นี้

รูปแบบกำรสอนแบบสบื เสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)

ดว้ ยจดุ ประสงคข์ องการจดั การเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กรEะeตnnggุ้นaคg1วeาmมeสnนt ใจ
เพอื่ ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นไดพ้ ฒั นาวธิ คี ดิ ทงั้ ความคดิ เปน็ เหตเุ ปน็ ผล คดิ สรา้ งสรรค ์ สา� รวeExจpแlลorะaคt้นioหnา
คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะส�าคัญในการค้นคว้าหาความรู้ และมี Elaขยาย
ความสามารถในการแกป้ ญั หาอย่างเปน็ ระบบ ผูจ้ ดั ท�าจึงได้เลือกใช้
ตeEvรaวluจaสtiอoบnผล
รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความร ู้ (5Es Instructional Model) าม ้รูtion
ซ่ึงเป็นข้ันตอนการเรียนรู้ที่มุ่งให้นักเรียนได้มีโอกาสสร้างองค์ 52
ความรู้ด้วยตนเองผ่านกระบวนการคิดและการลงมือท�า โดยใช้
5Es

กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือส�าคัญเพื่อการพัฒนา ควาbมoเrขa4้าtioใจn Exอ3pธlaิบnาaยคว
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะการเรียนรู้แห่ง
ศตวรรษท ี่ 21

วิธสี อน (Teaching Method)

ผู้จัดท�าเลือกใช้วิธีสอนท่ีหลากหลาย เช่น การทดลอง การสาธิต การอภิปรายกลุ่มย่อย เพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้
รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ให้เกิดประสิทธิภาพมากท่ีสุด ซึ่งจะเน้นใช้วิธีสอน
โดยใช้สถานการณ์จ�าลอง เน่ืองจากเป็นวิธีสอนท่ีมุ่งพัฒนาให้นักเรียนเกิดองค์ความรู้จากประสบการณ์ตรงโดยการคิดและ
การลงมือท�าด้วยตนเอง อนั จะชว่ ยให้นกั เรียนมคี วามรูแ้ ละเกดิ ทักษะมากข้ึน

เทคนคิ กำรสอน (Teaching Technique)

ผจู้ ดั ทา� เลอื กใชเ้ ทคนคิ การสอนทห่ี ลากหลายและเหมาะสมกบั เรอ่ื งทเ่ี รยี น เพอ่ื สง่ เสรมิ วธิ สี อนใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขนึ้
เช่น การใชค้ �าถาม การเลน่ เกม เพ่ือนช่วยเพอ่ื น ซึง่ เทคนคิ การสอนตา่ ง ๆ จะช่วยให้นกั เรยี นเกดิ การเรียนร้อู ย่างมีความสขุ
ในขณะท่เี รยี น และสามารถปฏิบตั กิ ิจกรรมได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ รวมทง้ั ไดพ้ ฒั นาทักษะในศตวรรษที่ 21 อกี ดว้ ย

รูปแบบการสอนแบบกระบวนการคดิ เชิงคำ�นวณ (Computational Thinking Process)

เลอื กใชก้ ระบวนการคดิ เชงิ คำ� นวณ เนอ่ื งจากเปน็ กระบวนการเรยี นรทู้ ใี่ หผ้ เู้ รยี นใชท้ กั ษะมงุ่ เนน้ การคดิ เชงิ ตรรกะมากขนึ้
ซง่ึ ผู้เรยี นจะสามารถอธิบายการคิดเชงิ ค�ำนวณอยา่ งเป็นระบบ หรอื เปน็ การแก้ปญั หาอย่างเปน็ ล�ำดับขัน้ ตอน โดยการเข้าใจ
ปญั หาและวธิ กี ารในการแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ระบบ เพอื่ ใหไ้ ดม้ าซง่ึ วธิ กี ารแกป้ ญั หาทที่ ง้ั มนษุ ยแ์ ละคอมพวิ เตอรส์ ามารถเขา้ ใจ
รว่ มกันได้ ซึ่งประกอบการใช้ทกั ษะยอ่ ย 4 ทกั ษะ ดงั น้ี

1 แนวคิดการแยกยอ่ ย (Decomposition) 2 แนวคดิ การจดจ�ำรูปแบบ (Pattern Recognition)

แนวคิดการแยกย่อยน้ีเป็นการแตกปัญหาใหญ่ให้เป็น แนวคิดการจดจ�ำรูปแบบเป็นการก�ำหนดแบบแผนจาก
ปญั หาย่อยที่มีขนาดเล็ก เพอื่ ให้สามารถจดั การไดง้ า่ ยขน้ึ ปญั หายอ่ ย ๆ จากปญั หาทมี่ รี ปู แบบทหี่ ลากหลาย โดยปญั หา
ตา่ ง ๆ มกั มคี วามคลา้ ยคลงึ กนั กลา่ วคอื เพอ่ื ดคู วามเหมอื น
ความแตกต่างของรูปแบบการเปลี่ยนแปลง ท�ำให้ทราบ
แนวโนม้ เพอ่ื ท�ำนายผลลพั ธ์ขา้ งหนา้ ได้

3 แนวคิดเชิงนามธรรม (Abstraction) 4 แนวคดิ การออกแบบข้นั ตอน (Algorithm Design)
แนวคิดเชิงนามธรรม เพื่อหาแนวคิดรวบยอดของแต่ละ แนวคิดการออกแบบขั้นตอนในการแก้ปัญหาเป็นการ
ปัญหาย่อย เป็นการมุ่งเน้นความส�ำคัญของปัญหาโดย ออกแบบขั้นตอนการแก้ปัญหาด้วยการคิดเชิงอัลกอริทึม
ไม่สนใจรายละเอียดที่ไม่จ�ำเป็น เพื่อให้สามารถเข้าใจ เป็นความคิดพ้ืนฐานในการสร้างชุดของล�ำดับข้ันตอน
ถึงแก่นแท้ของปัญหา ทักษะนี้เทียบเท่ากับการคิด วิธีง่าย ๆ ท่ีทุกคนสามารถน�ำไปใช้ในการแก้ปัญหาที่มี
สงั เคราะห์ จนไดม้ าซึ่งแบบจำ� ลอง เชน่ แบบจำ� ลองทาง ลักษณะแบบเดียวกันได้ ท�ำให้ทราบว่าต้องท�ำอะไรก่อน
คณิตศาสตร์ในรปู ของสมการหรอื สูตร อะไรหลงั

รูปแบบการสอนโดยเนน้ กระบวนการกลุ่ม (Group Process–Based Instruction)

เนอื่ งจากเป็นกระบวนการในการท�ำงานร่วมกนั ของบุคคลต้ังแต่ 2 คนขน้ึ ไป โดยมวี ัตถปุ ระสงคร์ ว่ มกัน และมีการ
ด�ำเนนิ งานร่วมกัน โดยผนู้ ำ� กลุ่มและสมาชิกกลุม่ ต่างกท็ �ำหนา้ ทขี่ องตนอย่างเหมาะสม และมกี ระบวนการทำ� งานที่ดี เพอ่ื นำ�
กล่มุ ไปสวู่ ตั ถุประสงค์ท่ีก�ำหนดไว้
การเปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรกู้ ระบวนการทำ� งานกลมุ่ ทด่ี ี จะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ทกั ษะทางสงั คม และขยายขอบเขต
ของการเรยี นรู้ให้กว้างขวางขนึ้

รปู แบบการสอนโดยใชก้ ารอภปิ รายกลุ่มย่อย (Small Group Discussion)

เนอื่ งจากเปน็ กระบวนการทผี่ สู้ อนใชใ้ นการชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรตู้ ามวตั ถปุ ระสงคท์ ก่ี ำ� หนด โดยการจดั ผเู้ รยี น
เป็นกลมุ่ เลก็ ๆ ประมาณ 4-8 คน และใหผ้ เู้ รียนในกลมุ่ พูดคุยแลกเปล่ยี นขอ้ มูล ความคิดเห็น และประสบการณ์ในประเดน็
ทก่ี �ำหนด และสรุปผลการอภปิ รายออกมาเปน็ ข้อสรปุ ของกล่มุ
การเรียนรู้แบบใชก้ ารอภิปรายกล่มุ ย่อย จะชว่ ยใหผ้ ูเ้ รยี นมีส่วนรว่ มในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างท่ัวถงึ มีโอกาสแสดง
ความคดิ เห็นและแลกเปลีย่ นประสบการณ์ อนั จะช่วยให้ผเู้ รยี นเกิดการเรียนรู้ในเรือ่ งทีเ่ รียนกวา้ งขนึ้

รปู แบบการสอนโดยใชก้ รณตี ัวอย่าง (Case)

เนอื่ งจากเปน็ กระบวนการทผี่ สู้ อนใชใ้ นการชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรตู้ ามวตั ถปุ ระสงคท์ ก่ี ำ� หนด โดยใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษา
เร่ืองที่สมมติขึ้นจากความเป็นจริงและตอบประเด็นค�ำถามเกี่ยวกับเรื่องนั้น แล้วน�ำค�ำตอบและเหตุผลท่ีมาของค�ำตอบน้ัน
มาใช้เปน็ ขอ้ มูลในการอภิปราย เพ่ือใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนร้ตู ามวัตถปุ ระสงค์
การเรียนรู้แบบใช้กรณีตัวอย่าง จะช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนการเผชิญและแก้ปัญหาโดยไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาจริง
เปน็ วิธกี ารทเี่ ปิดโอกาสให้ผู้เรยี นได้วเิ คราะห์ และเรยี นรูค้ วามคิดของผู้อน่ื ทำ� ให้ผู้เรยี นมีมมุ มองในการใช้ชวี ิตทีก่ วา้ งขนึ้

รูปแบบการสอนโดยใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing)

เลอื กใชว้ ธิ กี ารสอนโดยใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing) เนอ่ื งจากเปน็ กระบวนการทผ่ี สู้ อนใชใ้ นการชว่ ยให้
ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรตู้ ามวตั ถปุ ระสงคท์ กี่ ำ� หนด โดยการใหผ้ เู้ รยี นสวมบทบาทในสถานการณซ์ ง่ึ มคี วามใกลเ้ คยี งกบั ความเปน็ จรงิ
และแสดงออกตามความรู้สึกนึกคิดของตน และน�ำเอาการแสดงออกของผู้แสดง ทั้งทางด้านความรู้ ความคิด ความรู้สึก
และพฤติกรรมทีส่ ังเกตพบมาเป็นข้อมลู ในการอภิปราย เพอ่ื ให้ผเู้ รียนเกดิ การเรียนรู้ตามวตั ถุประสงค์
วิธกี ารสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ เป็นวิธีการที่มุ่งเนน้ ให้ผูเ้ รียนได้เรียนรกู้ ารเอาใจเขามาใส่ใจเรา เกิดความ
เขา้ ใจในความรสู้ กึ และพฤตกิ รรมทงั้ ของตนเองและผอู้ น่ื หรอื เกดิ ความเขา้ ใจในเรอ่ื งตา่ ง ๆ เกยี่ วกบั บทบาทสมมตทิ ตี่ นแสดง
ซงึ่ การแสดงบทบาทสมมติให้มีประสิทธภิ าพประกอบไปดว้ ย 6 ขน้ั ตอน ดงั น้ี

12 3 45 6

การเตรียมการ การเรม่ิ บทเรยี น การเลือกผแู้ สดง การเตรียม การแสดง การวเิ คราะห์อภิปราย
เปน็ การกำ� หนด ผ้สู อนสามารถ ควรเลอื กผแู้ สดงใหเ้ หมาะสม ผู้สงั เกตการณ์ เมอ่ื ผสู้ อนใหเ้ รมิ่ การ ผลการแสดง
วตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะให้ กระต้นุ ความสนใจ กบั บทบาท เพอื่ ชว่ ยให้ ผู้สอนควรเตรียม แสดงและสงั เกตการ เปน็ ขน้ั ตอนทชี่ ว่ ยใหผ้ เู้รยี น
ชดั เจน และ ของผเู้ รยี นได้ การแสดงเป็นไปอยา่ ง ผรู้ บั ชมและ แสดงอยา่ งใกลช้ ดิ เกิดการเรียนรทู้ ชี่ ดั เจน
สรา้ งสถานการณ ์ หลายวธิ ี เช่น ราบร่นื ตามวัตถุประสงค์ได้ ทำ� ความเขา้ ใจกับ ไมค่ วรมกี ารขดั การ ตามวัตถุประสงค์
และบทบาทสมมติ โยงประสบการณ์ อยา่ งรวดเร็ว หรือเลือก ผู้ชมว่า การแสดง แสดงกลางคนั นอกจาก โดยใหผ้ ู้เรียนอภิปราย
ทจี่ ะชว่ ยสนอง ใกลต้ วั ผู้เรียน ผู้แสดงทม่ี ีลักษณะตรงกนั บทบาทสมมต ิ กรณที ม่ี ปี ญั หาเมอื่ ความรูป้ ระเดน็ ตา่ ง ๆ
วตั ถปุ ระสงคน์ น้ั หรือประสบการณ์ ขา้ มกับบทบาททีก่ ำ� หนดให้ จัดขนึ้ มิใชม่ ุง่ การแสดงออกนอกทาง ที่ไดจ้ ากการสังเกต
โดยสถานการณแ์ ละ ที่ผู้เรยี นได้รับจาก เพอื่ ชว่ ยให้ผเู้ รยี นคนน้ันได้ ท่ีความสนุก ผสู้ อนอาจจำ� เปน็ ตอ้ ง การแสดง กรณที ก่ี าร
บทบาทสมมติ การเรยี นครงั้ กอ่ น รบั ประสบการณ์ใหม่ แตม่ ่งุ ทีจ่ ะให้เกดิ ใหค้ ำ� แนะนำ� บา้ ง อภิปรายเปน็ ไปอย่างมี
ทกี่ ำ� หนดขน้ึ ควรมี กอ่ นเข้าสู่เรื่องท่ีจะ ได้ทดลองแสดงพฤติกรรม การเรียนร้ ู เมอื่ การแสดงดำ� เนนิ ไป ประสิทธภิ าพ ผเู้ รยี น
ความใกลเ้ คยี งกบั ศกึ ษา ใหม ่ ๆ และเกดิ ความเข้าใจ เป็นสำ� คญั พอสมควรแลว้ ผสู้ อน เสนอแนะแนวคิดและ
ความเปน็ จรงิ ในความรู้สึกและพฤตกิ รรม ควรตดั บทยตุ กิ ารแสดง แนวทางอ่นื  ๆ เพ่ิมเตมิ
ของผทู้ ม่ี ลี กั ษณะแตกตา่ งไป ไมค่ วรใหก้ ารแสดง ที่แตกต่างไปจากเดมิ
จากตน ยดื ยาว เยนิ่ เยอ้
จะทำ� ใหผ้ ชู้ มเกดิ
ความเบอ่ื หนา่ ย

Teacher Guide Overview

เทคโนโลยี (วิทยาการค�ำนวณ) ป.6

หน่วย ตัวชี้วัด ทกั ษะท่ีได้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมิน ส่อื ทีใ่ ช้
การเรยี นรู้

1 - ใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ - ท ักษะการคดิ อยา่ งมี - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น - หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน
ในการอธิบายและ วิจารณญาณ - ตรวจแบบฝกึ หดั เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ)
การแก้ปัญหา ออกแบบวธิ ีการ - ทักษะการท�ำงานรว่ มกัน - ตรวจใบงาน ป.6
โดยใช้เหตุผล แกป้ ญั หาที่พบในชีวติ - ทักษะการส่อื สาร - ต รวจชิ้นงาน/ภาระงาน - แ บบฝกึ หัดรายวิชาพ้ืนฐาน
ประจ�ำวัน - ทักษะความคดิ สร้างสรรค์ 8 (รวบยอด) เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ)
เชงิ ตรรกะ (ว 4.2 ป.6/1)
ชว่ั โมง
- ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน ป.6
- ส ังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน - แบบทดสอบก่อนเรยี น
รายบคุ คล - แบบทดสอบหลงั เรียน
- สงั เกตพฤติกรรมการท�ำงานกล่มุ - ใบงาน
- สงั เกตคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

2 - ออกแบบและเขยี น - ทกั ษะการคดิ อยา่ งมี - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น - หนังสอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐาน
โปรแกรมอย่างงา่ ย วจิ ารณญาณ - ตรวจแบบฝึกหดั เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ)
การออกแบบ เพอื่ แก้ปัญหาในชีวิต - ทักษะการท�ำงานรว่ มกนั - ตรวจใบงาน ป.6
และเขยี น ประจำ� วนั ตรวจหาขอ้ - ทักษะการสือ่ สาร - ต รวจชิน้ งาน/ภาระงาน - แบบฝกึ หดั รายวิชาพนื้ ฐาน
โปรแกรม ผดิ พลาดของโปรแกรม - ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ 16 (รวบยอด) เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ)
อย่างงา่ ย และแก้ไข - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน ป.6
(ว 4.2 ป.6/2) ช่ัวโมง - ส งั เกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน - แบบทดสอบก่อนเรียน

รายบคุ คล - แบบทดสอบหลังเรยี น
- สงั เกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม - ใบงาน
- ส ังเกตคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด

3 - ใชอ้ นิ เทอร์เน็ตค้นหา - ทักษะการคดิ อยา่ งมี - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น - หนังสือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน
ข้อมูลอย่างมี วจิ ารณญาณ - ตรวจแบบฝกึ หัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ)
การใชง้ าน ประสิทธิภาพ - ทักษะการท�ำงานรว่ มกนั - ตรวจใบงาน ป.6
อนิ เทอร์เน็ต (ว 4.2 ป.6/3) - ทักษะการสอ่ื สาร 8 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - แ บบฝึกหัดรายวิชาพนื้ ฐาน
- สังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ)
อยา่ งมี ช่ัวโมง รายบุคคล ป.6
ประสิทธภิ าพ
- ส งั เกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม - แบบทดสอบกอ่ นเรียน
- ส งั เกตคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - แบบทดสอบหลงั เรียน
- ใบงาน

4 - ใ ช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ - ท ักษะการคิดอย่างมี - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - ห นงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน
ท�ำงานรว่ มกันอย่าง วจิ ารณญาณ - ตรวจแบบฝกึ หัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ)
ความปลอดภยั ปลอดภัย เขา้ ใจสิทธิ - ทกั ษะการท�ำงานร่วมกัน - ตรวจใบงาน ป.6
ในการใช้งาน และหนา้ ท่ขี องตน - ทกั ษะการสือ่ สาร - ตรวจชิน้ งาน/ภาระงาน - แ บบฝกึ หดั รายวิชาพื้นฐาน
เคารพในสิทธิของผอู้ น่ื 6 (รวบยอด) เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ)
เทคโนโลยี แจง้ ผู้เก่ียวขอ้ งเม่ือพบ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน ป.6
สารสนเทศ ข้อมูลหรือบุคคลท ี่ ชว่ั โมง - ส ังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน - แบบทดสอบกอ่ นเรียน
เหมาะสม
(ว 4.2 ป.6/4) รายบุคคล - แบบทดสอบหลงั เรียน
- สังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงานกลุ่ม - ใบความรู้
- สงั เกตคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - ใบงาน
- ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

หมายเหตุ : 2 ชั่วโมงทเ่ี หลือใชส้ �ำหรบั การสอบกลางภาคหรอื การสอบปลายภาค ทง้ั นยี้ ดื หยุ่นไดต้ ามดุลยพินิจของครูผสู้ อน

สำรบัญ

Chapter Title Chapter Chapter Teacher
Concept Overview Script
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 กำรแกป้ ญหำโดยใช้เหตุผล Overview T4-T37
เชงิ ตรรกะ T3
T2
• เหตผุ ลเชิงตรรกะกบั การแก้ปญหา
• แนวคิดในการแก้ปญหา T8-T17
ทา้ ยหนว่ ยการเรียนรู้ท ี่ 1 T18-T30
T31-T37
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 กำรออกแบบและเขียน
โปรแกรมอย่ำงงำ่ ย T38 T39 T40-T97

• การออกแบบโปรแกรม T44-T55
• การเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษา Scratch T56-T83
• การตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม T84-T92
ท้ายหน่วยการเรียนรู้ท ี่ 2 T93-T97

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 3 กำรใช้งำนอนิ เทอรเนต็ T98 T99 T100-T139
อย่ำงมปี ระสิทธิภำพ
T140 T141 T103-T115
• การค้นหาข้อมลู โดยใช้อินเทอร์เนต็ T116-T125
• การกา� หนดขอบเขตการคน้ หา T126-T134
• การประเมนิ ความน่าเชือ่ ถือ T135-T139
ทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ ี 3
T142-T183
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 ควำมปลอดภยั ในกำรใชง้ ำน
เทคโนโลยีสำรสนเทศ T146-T163
T164-T175
• การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ T176-T183
• การติดตง้ั ซอฟต์แวร์จากอนิ เทอรเ์ นต็
ทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้ท ี่ 4 T184

บรรณำนกุ รม

Chapter Concept Overview

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1

เหตผุ ลเชิงตรรกะกับกำรแกป้ ญหำ

การใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปญหา เป็นการน�า ¹éíÒྪà á¾ÃäËÁ µŒ¹¡ÅÒŒ ä´Œ¤Ðá¹¹
กฎเกณฑ์หรือเง่ือนไขต่าง ๆ ที่ครอบคลุมทุกกรณีของปัญหา ª¹Ð¾ÅÍÂãÊ µÍº»˜ÞËÒä´Œ ¡ÒŒ ¹ä´¤Œ Ðá¹¹ ¹ÍŒ ¡ÇÒ‹ ¡ŒÒ¹
น้ัน ๆ มาใช้ในการแก้ปญั หา เพ่อื ตรวจสอบความสมเหตุสมผล áµä‹ Á‹ä´Œ·Õè 1 ÁÒ¡¡ÇÒ‹ ¡ŒÒ¹·¡Ø »‚ Ãͧ¨Ò¡á¾ÃäËÁ
ของการแก้ปัญหา หรือเพ่ือพิจารณาความเป็นไปได้ในการ ¾ÅÍÂãÊäÁ‹à¤Â
แก้ปัญหา ยกตวั อย่างเช่น การนา� เหตผุ ลเชงิ ตรรกะไปใชใ้ นการ ä´·Œ ÊÕè ´Ø ·ŒÒ 1 ÅÒí ´Ñº
แกป้ ญั หาการทายลา� ดบั ผลการแขง่ ขนั ตอบปญั หาภาษาองั กฤษ
จากบทสัมภาษณข์ องผ้เู ข้าแข่งขัน ดังน้ี

แนวคดิ ในกำรแก้ปญ หำ 2. แนวคิดการท�างานแบบมีเง่ือนไข เป็นการแก้
ปญั หาตา่ ง ๆ โดยมเี งอื่ นไขเปน็ ตวั กา� หนด ซงึ่ กอ่ นทจ่ี ะลงมอื
1. แนวคิดการท�างานแบบล�าดับ เป็นการแก้ปัญหา แก้ปัญหาโดยใช้แนวคิดการท�างานแบบมีเงื่อนไข จะต้อง
ที่มีการก�าหนดขั้นตอนการท�างานเป็นเร่ืองราวต่อเนื่องกัน ทา� ความเขา้ ใจเงอื่ นไขตา่ ง ๆ ใหช้ ดั เจนกอ่ น จงึ จะนา� เหตผุ ล
ไปเร่ือย ๆ โดยจะตอ้ งทา� งานขัน้ ตอนแรกใหส้ �าเร็จกอ่ นจงึ จะ เชงิ ตรรกะมาชว่ ยในการพจิ ารณาแกป้ ญั หาเพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์
ทา� งานขั้นตอนถดั ไปได ้ เช่น การทา� ความสะอาดห้องนอน ตามเง่ือนไขที่ก�าหนด เช่น การท้ิงขยะลงถังตามประเภท
ของขยะ

3. แนวคดิ การทา� งานแบบวนซ�า้ เปน็ การแก้ปญั หาท่ีมีลักษณะเดียวกนั หลาย ๆ คร้งั จนกระทั่งได้ผลลพั ธต์ ามต้องการ ซ่งึ อาจ
มีการก�าหนดจา� นวนคร้งั การทา� งานทแ่ี น่นอนหรือไม่แนน่ อนก็ได ้ เชน่ การวงิ่ รอบสนามจนกวา่ จะพอใจ การใช้ขันตักนา้� อาบจนกว่า
สบูจ่ ะหมด

àÃèÔÁµ¹Œ ÇèÔ§Ãͺ·èÕ 3 Ë嫯 Çè§Ô àÃèÔÁµŒ¹ 㪢Œ ѹµ¡Ñ ¹éíÒ ËÂØ´ÍÒº¹éíÒ

T2

Chapter Overview

แผนกำรจดั สอื่ กำรเร�ยนรู้ จ�ดประสงค วธ� �สอน ประเมนิ ทกั ษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ
กำรเรย� นรู้ อันพงึ ประสงค

แผนฯ ที่ 1 - แบบทดสอบก่อนเรยี น 1. อ ธิบายวธิ กี ารแก้ปญั หา - แบบสืบเสาะ - ตรวจแบบฝกหัด - ทักษะการคิดอย่าง - มีวนิ ัย
เหตุผล - หนังสอื เรยี นรายวิชา ทพี่ บในชวี ติ ประจา� วนั หาความร้ ู - ตรวจใบงาน มีวจิ ารณญาณ - ใฝ่เรยี นรู้
เชิงตรรกะ - ทักษะการท�างาน - มงุ่ มั่นใน
กับการแกป ญ หา พน้ื ฐานเทคโนโลยี โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ (5Es Instructional - ประเมินการ รว่ มกัน การท�างาน
(วทิ ยาการค�านวณ) ป.6 ได้ (K) Model) นา� เสนอผลงาน
- แบบฝกหัดรายวชิ า 2. อ อกแบบการแกป้ ญั หา - แบบกระบวนการ - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการสือ่ สาร
4 พื้นฐานเทคโนโลย ี ในชีวิตประจ�าวนั ได้ กลุ่ม การทา� งาน - ท ักษะความคิด
ชั่วโมง (วิทยาการค�านวณ) ป.6 โดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ - ใ ชเ้ ทคนิค รายบคุ คล สรา้ งสรรค์
- ใบงาน เร่อื ง ต่อยอดการ (P) ตามแนวคดิ - ส ังเกตพฤติกรรม
แกป้ ญั หาด้วยเหตุผล 3. ย กตัวอยา่ งการแก้ปัญหา เชิงคา� นวณ การท�างานกลมุ่
เชิงตรรกะ โดยใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะ - ส งั เกตคณุ ลักษณะ
ในชวี ิตประจ�าวนั ได้ (A) อันพึงประสงค์

แผนฯ ท่ี 2 - แบบทดสอบหลังเรยี น 1. อธิบายกระบวนการ - แบบสบื เสาะ - ตรวจแบบฝกหัด - ท ักษะการคิดอย่าง - มวี ินัย
แนวคิดในการ - ห นงั สือเรยี นรายวิชา ทา� งานหรือการแก้ หาความร ู้ - ตรวจชิน้ งาน/ มวี ิจารณญาณ - ใฝเ่ รียนรู้
แกป ญหา พ้ืนฐานเทคโนโลย ี ปัญหา โดยใช้แนวคิด (5Es Instructional ภาระงาน - ท กั ษะการท�างาน - มุ่งม่นั ใน
(วทิ ยาการคา� นวณ) ป.6 แบบต่าง ๆ ได ้ (K) Model) (รวบยอด) ร่วมกนั การท�างาน
4 - แ บบฝก หัดรายวิชา 2. ออกแบบกระบวนการ - แบบกระบวนการ - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการสอ่ื สาร
พนื้ ฐานเทคโนโลยี ท�างานหรอื การแก้ กลมุ่ หลังเรียน - ทกั ษะความคิด
ชวั่ โมง (วทิ ยาการคา� นวณ) ป.6 ปญั หา โดยใชแ้ นวคิด - ใ ช้เทคนคิ - ประเมินการ สรา้ งสรรค์

- ช ิ้นงาน/ภาระงาน แบบต่าง ๆ ได้ (P) ตามแนวคดิ นา� เสนอผลงาน
(รวบยอด) เรื่อง 3. ยกตวั อยา่ งการแกป้ ัญหา เชงิ คา� นวณ - สังเกตพฤติกรรม
การแกป้ ัญหาโดยใช้ โดยใชแ้ นวคดิ การท�างาน การทา� งาน
เหตุผลเชงิ ตรรกะ แบบต่าง ๆ ในชวี ิต รายบุคคล
ประจ�าวันได ้ (A) - สงั เกตพฤติกรรม
การท�างานกล่มุ
- สงั เกตคณุ ลกั ษณะ
อันพงึ ประสงค์

T3

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 4เวลา ช่ัวโมง

เหตุผลเชิงตรรกะกบั การแก้ปญั หา

1. มาตรฐาน/ตัวชวี้ ัด

ตัวช้วี ัด
ว 4.2 ป.6/1 ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการอธบิ ายและออกแบบวิธกี ารแก้ปัญหาทพ่ี บในชวี ิตประจ�ำวนั

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายวธิ ีการแกป้ ญั หาท่พี บในชวี ิตประจำ� วัน โดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะได้ (K)
2. ออกแบบการแก้ปญั หาในชวี ิตประจ�ำวันได้ โดยใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ (P)
3. ยกตวั อย่างการแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในชวี ิตประจำ� วันได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้

- การแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นข้นั ตอนจะช่วยใหแ้ กป้ ญั หาได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
- การใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะเป็นการนำ� กฎเกณฑ์ หรือเง่อื นไขท่ีครอบคลุมทกุ กรณมี าใช้พิจารณาในการแก้ปัญหา

4. สาระสำ� คญั /ความคดิ รวบยอด

เหตผุ ลเชงิ ตรรกะกับการแก้ปญั หา เปน็ การนำ� หลกั การ กฎเกณฑห์ รอื เง่อื นไขท่คี รอบคลมุ ทกุ กรณมี าใชเ้ พ่อื ตรวจสอบ
ความสมเหตสุ มผลหรอื พจิ ารณาความเปน็ ไปไดข้ องการมงุ่ หาคำ� ตอบและแกป้ ญั หา

5. สมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสำ� คัญของผู้เรยี น ทกั ษะ 4Cs คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. ท ักษะการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ 1. มวี นิ ัย
2. ความสามารถในการคดิ (Critical Thinking) 2. ใฝเ่ รียนรู้
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 3. มุ่งมั่นในการทำ� งาน
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 2. ทักษะการทำ� งานรว่ มกัน
(Collaboration Skill)

3. ท ักษะการสือ่ สาร
(Communication Skill)

4. ท กั ษะความคิดสร้างสรรค์
(Creative Thinking)

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
วธิ ีการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม และวธิ ีการสอนโดยใช้เทคนิคตามแนวคิดเชงิ ค�ำนวณ

T4

นำ� นำ� สอน สรปุ ประเมนิ

แบบทดสอบก่อนเรียน ขนั้ นำ�

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ

คาชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ค รูให้นักเรียนภายในชั้นเรียนท�ำแบบทดสอบ
ก่อนเรียน เรื่อง การแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผล
1. เหตุผลเชงิ ตรรกะช่วยในการแก้ปัญหาได้อย่างไร 6. หากนักเรยี นไดร้ ับมอบหมายใหจ้ ัดโตะ๊ อาหาร โดยตอ้ งวางจาน เชิงตรรกะ เพ่ือเป็นการทบทวนความรู้ และ
ก. ช่วยเพิม่ เงื่อนไขในการแก้ปัญหา วดั พนื้ ฐานความรกู้ อ่ นทจ่ี ะเรมิ่ เรยี นเนอ้ื หาใหม่
ข. ช่วยปอ้ งกันปัญหาไมใ่ หเ้ กดิ ข้ึนอกี
ค. ชว่ ยเพ่มิ ความซบั ซ้อนในการแกป้ ัญหา วางช้อนสอ้ ม ตกแตง่ โตะ๊ อาหาร และปผู ้าปูโต๊ะ นกั เรยี นควรเลือก
ง. ชว่ ยตรวจสอบความสมเหตุสมผลในการแก้ปญั หา ทาสง่ิ ใดก่อน จงึ จะประหยัดเวลามากท่สี ุด
ก. วางช้อนสอ้ มเพื่อความสะดวกในการตักอาหาร
2. ปุม้ ปู ปลา เปรย้ี ว เป็นพีน่ อ้ งกนั เปร้ียวบอกวา่ เขามีพ่ีหนงึ่ คน ข. ปผู า้ คลมุ โต๊ะ เพ่อื คลุมหน้าโต๊ะ ป้องกนั รอยขีดขว่ นต่าง ๆ
มนี ้องสองคน ปูบอกว่าเขามพี สี่ ามคน ปลาบอกว่า เขามีนอ้ ง ค. ตกแต่งโตะ๊ อาหาร เพ่อื สร้างบรรยากาศในการ
หนงึ่ คน ใครอายมุ ากทีส่ ดุ รบั ประทานอาหาร
ก. ปมุ้ ง. วางจานเพือ่ เปน็ การกาหนดตาแหน่งของผนู้ ั่งรบั ประทาน
ข. ปู อาหารให้แนน่ อน
ค. ปลา 7. ขอ้ ใดเป็นการทางานแบบวนซา้ ทม่ี จี านวนครงั้ แนน่ อน
ง. เปรี้ยว ก. ปยุ รบั ประทานยาตามที่หมอสัง่ จนกวา่ จะหายป่วย
ข. บอลวิง่ ออกกาลงั กายรอบสนามไปเรือ่ ย ๆ
3. บาส บอล เบล และบมี หลงทางอยูใ่ นป่า เบลจาได้ว่า จนกระท่งั เหน่ือย
ทางออกต้องผา่ นแมน่ ้า แต่ไมผ่ า่ นถา้ และศาลา บาสจาได้ ค. แดนโดนทาโทษให้เกบ็ ขยะในสนามไปเร่อื ย ๆจนครบ100 ช้นิ
วา่ มีถ้าอยเู่ สน้ ทางที่ 1 และ 4 บอลจาไดว้ า่ เสน้ ทางท่ี 2, 3 ง. แบมเกบ็ เงนิ วันละ 10บาทไปเรื่อย ๆจนกว่าจะพอซ้อื หนังสอื
และ 4 มีแมน่ ้าไหลผ่าน บีมจาได้ว่ามีศาลาอย่เู สน้ ทางท่ี 3 การ์ตนู
ทางออกคอื เสน้ ทางใด 8. ฝนกินขนมจานวน 3 ชนิ้ สามารถเขยี นการทางานแบบวนซา้ ที่มี
ก. เสน้ ทางที่ 1 จานวนครงั้ แนน่ อนไดอ้ ยา่ งไร
ข. เส้นทางท่ี 2 ก. เริ่มต้น > กนิ ขนม > หยุดกิน
ค. เสน้ ทางที่ 3 ข. เริ่มตน้ > กินขนม 3 ชน้ิ > หยุดกนิ
ง. เส้นทางท่ี 4 ค. เร่มิ ตน้ > กินขนมช้นิ ที่ 1 > กินขนมชนิ้ ที่ 3 > หยดุ กนิ
ง. เริม่ ตน้ > กนิ ขนมชิน้ ที่ 1 > กินขนมชิน้ ที่ 2 > กินขนม
4. แนวคิดในการแก้ปัญหามีความสาคัญ ยกเวน้ ขอ้ ใด ชนิ้ ที่ 3 > หยดุ กิน
ก. ช่วยให้แกป้ ญั หาได้อย่างเปน็ ขัน้ ตอน 9. งานใดเหมาะกับการใชแ้ นวคิดการทางานแบบเงอ่ื นไขมาก ท่ีสดุ
ข. ชว่ ยสรา้ งเงอื่ นไขให้กบั ปัญหาต่าง ๆ ก. การทาขนมเค้ก
ค. ช่วยออกแบบกระบวนการแก้ปัญหาไดอ้ ย่างชดั เจน ข. การอาบนา้ โดยใชข้ ัน
ง. ช่วยใหก้ ารแก้ปัญหาสามารถทาได้งา่ ยและมปี ระสิทธิภาพ ค. การรดน้าต้นไม้จานวน 10 ตน้
ง. การตรวจสอบคะแนนสะสมในบตั รสมาชิก
5. ข้อใดบอกข้ันตอนการทาพซิ ซ่าไดถ้ กู ต้อง 10. ปูมีนดั สง่ ของให้ลกู คา้ เวลา 15.00 น. หากปเู ดนิ ทางโดย
ก. นวดแป้ง > ทาใหแ้ ปง้ เปน็ แผน่ > อบพิซซ่า > รถจกั รยานยนตจ์ ะใช้เวลา 15 นาที หากเดนิ ทางโดยรถยนต์
ตกแต่งหน้าพซิ ซา่ จะใชเ้ วลา 40 นาที ถ้าขณะนเี้ ปน็ เวลา 14.30 น. ปูควร
ข. นวดแป้ง > ตกแต่งหน้าพิซซ่า > ทาให้แป้งเป็นแผ่น เดนิ ทางดว้ ยวธิ ีใด จงึ จะส่งของให้ลกู คา้ ทนั
> อบพซิ ซา่ ก. รถยนต์ ข. รถจกั รยานต์ยนต์
ค. นวดแปง้ > ทาใหแ้ ป้งเป็นแผน่ > ตกแตง่ หน้าพิซซ่า> ค. ทันทง้ั 2 วิธี ง. ไม่ทันทั้ง 2 วธิ ี
อบพซิ ซา่
ง. ทาให้แป้งเป็นแผ่น > นวดแป้ง > ตกแต่งหน้าพิซซ่า
> อบพิซซา่

เฉลย

1. ง 2. ก 3. ข 4. ข 5. ค 6. ข 7. ข 8. ข 9. ง 10. ข

ภาพจาก

แผนการสอน ที่ 1

หน่วยท่ี 1

ขอ้ สอบเน้น การคิด

เมอ่ื พบกับปัญหา สง่ิ แรกท่นี กั เรยี นควรท�ำคือขอ้ ใด
1. ลงมอื แก้ปัญหา
2. วางแผนแก้ปญั หา
3. น�ำเสนอแนวทางการแกป้ ัญหา
4. พจิ ารณาและท�ำความเข้าใจกบั ปัญหา
(วิเคราะหค์ ำ� ตอบ เมอื่ นกั เรยี นพบกบั ปญั หาใดๆ สง่ิ แรกทนี่ กั เรยี น
ควรท�ำ คือ พิจารณาและท�ำความเข้าใจกับปัญหา เพื่อน�ำมา
วเิ คราะหว์ า่ ปญั หาทจ่ี ะตอ้ งแกไ้ ขมอี ะไรบา้ ง จากนน้ั จงึ ดำ� เนนิ การ
วางแผนการแก้ปญั หาตอ่ ไป  ดงั นั้น ตอบข้อ 4.)

T5

นา� น�า สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นำ� 1 ¡ÒÃá¡»Œ Þ˜ ËÒ˹Nj ¡ÒÃàÃչ̷٠Õè â´Â㪌
à˵¼Ø Åàª§Ô µÃáÐ
กระตนุ้ ควำมสนใจ

2. ครูถามค�าถามประจ�าหน่วยการเรียนรู้กับ
นักเรียนว่า เหตุผลเชิงตรรกะช่วยในการ
แก้ปัญหาได้อย่างไร

3. ครถู ามคา� ถามกระตนุ้ ความสนใจของนกั เรยี น
ว่า ในชีวิตประจ�าวันนักเรียนเคยพบเจอ
กับปัญหาใดบ้าง และนักเรียนมีวิธีในการ
แกป้ ัญหาน้นั อย่างไร
(แนวตอบ ค�าตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับ
ดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น ปัญหาการมา
โรงเรียนสาย ซ่ึงสามารถแก้ปัญหาได้โดย
การตั้งนาฬกาปลุกใหป้ ลุกเรว็ ข้นึ )

à˵¼Ø ÅàªÔ§µÃáÐ
ªÇ‹ Â㹡ÒÃá¡»Œ Þ˜ ËÒ

ä´ÍŒ ÂÒ‹ §äÃ

แนวตอบ คำ� ถำมประจำ� หนว ยกำรเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ดั

ค�าตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ ว 4.2 ป.6/1 ใชเ หตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและออกแบบวธิ กี ารแกปญ หาท่พี บในชีวิตประจําวนั
ครูผู้สอน เช่น การน�าเหตุผลเชิงตรรกะมาช่วย ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 2
ในการพิจารณาหาสาเหตุของปัญหาและหาวิธีการ
แก้ปญั หา

เกร็ดแนะครู

ก่อนเร่ิมการเรียนการสอน เร่ือง การแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ
ครอู าจใหน้ กั เรยี นในชน้ั เรยี นชว่ ยกนั ยกตวั อยา่ งปญั หาทนี่ กั เรยี นพบชวี ติ ประจา� วนั
ขนึ้ มา แล้วชว่ ยกันตอบคา� ถามวา่ นักเรียนจะมีวิธใี นการแกไ้ ขปัญหาน้นั อยา่ งไร
จากนั้นครูจึงอธิบายให้นักเรียนฟังว่า วิธีการแก้ปัญหาที่นักเรียนตอบมาน้ัน
มกี ารน�าเหตผุ ลเชงิ ตรรกะเขา้ มาช่วยในการแกป้ ัญหาอย่างไรบา้ ง

T6

นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ

1 ¡ÒÃá¡Œ»Þ˜ ËÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹÷ŒÙ Õè ตัวชี้วัด ว 4.2 ป.6/1 ขนั้ นำ�

ลองทาํ ดู â´ÂãªàŒ ˵ؼÅàª§Ô µÃáРกระตนุ้ ควำมสนใจ

รานนํ้าด่ืมแหงหนง่ึ มโี พรโมชันพเิ ศษ ซือ้ นํา้ ดมื่ ราคาขวดละ 10 บาท 4. ครูให้นักเรียนในช้ันเรียนท�ากิจกรรมลองท�า
จาํ นวน 4 ขวด แถมฟรี 1 ขวดทนั ที ดูในแบบฝกหัด หน้า 2 เพ่ือเป็นการน�าเข้าสู่
การเรียนการสอน เร่ือง การแก้ปัญหาโดยใช้
ถาแพรมเี งิน 130 บาท ตองการซื้อนํา้ ดมื่ จํานวน 16 ขวด แพรควร เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ โดยการใหน้ กั เรยี นพจิ ารณา
วางแผนการซือ้ น้ําด่ืมอยา งไร เพื่อหาวิธีการเลือกซื้อน้�าด่ืมให้ได้จ�านวน
16 ขวด ดว้ ยเงนิ 130 บาท

5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงวิธีการ
แก้ปัญหากิจกรรมลองท�าดูจนได้ข้อสรุปว่า
มีการน�าเหตุผลเชิงตรรกะเข้ามาช่วยในการ
แก้ปญั หา

«Í×é 4 ¢Ç´
เฉฉบลบั ย á¶Á¿ÃÕ 1 ¢Ç´

(แนวคําตอบ)

ซอื้ 13 ขวด................................................................

แถมฟรี 3 ขวด...............................................

2

ภาพจาก

แบบฝกหดั
หหนน้าา้ ท2ี่ 4

ขอ้ สอบเนน้ การคิด เกร็ดแนะครู

พิจารณาภาพทก่ี า� หนดให้ ข้อใดถกู ต้อง ในการท�ากิจกรรมลองท�าดูในแบบฝกหัด หน้า 2 เพ่ือเป็นการน�าเข้าสู่
บทเรียนให้นักเรียนเกิดความสนใจในการเรียนรู้ เร่ือง การแก้ปัญหาโดยใช้
+ = 30 เหตุผลเชิงตรรกะ ครูอาจต้องมีการแนะน�าแนวคิดหรือวิธีการคิดเพื่อแก้ปัญหา
÷ =5 ให้กับนักเรียน โดยท่ีครูไม่จ�าเป็นต้องสนใจค�าตอบของนักเรียนว่า นักเรียน
× =4 แตล่ ะคนตอบผิดหรือตอบถูก แตห่ ลังจากที่นกั เรยี นตอบค�าถามแลว้ ครอู าจตอ้ ง
มีการเฉลยคา� ตอบทถ่ี กู ตอ้ งให้กบั นักเรยี นด้วย
1. คือ 10 2. คอื 30
3. คือ 16 4. คอื 8 T7

(วิเคราะห์คา� ตอบ จากตัวเลือกที่ก�าหนดให้สามารถวิเคราะห์
ไดว้ า่ เมอ่ื × = 4 ฉะนัน้ = 2 และ = 4 และเมื่อ
÷ = 5 จะท�าใหท้ ราบวา่ = 20 ฉะนั้น = 10 ดงั นั้น
ตอบข้อ 1.)

นา� น�า สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นำ� เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ 1. à˵¼Ø Åàª§Ô µÃáÐ
สามารถนาํ ไปใช ¡ºÑ ¡ÒÃá¡»Œ Þ˜ ËÒ
กระตนุ้ ควำมสนใจ ในชีวิตประจําวนั
การใชเหตุผลเชิงตรรกะ เปนการนํา
6. ครูถามค�าถามส�าคัญประจ�าหัวข้อกับนักเรียน ไดอ ยา งไร กฎเกณฑหรือเงื่อนไขที่ครอบคลุมทุกกรณีมาใช
ในชั้นเรียนว่า เหตุผลเชิงตรรกะสามารถ เพื่อตรวจสอบความสมเหตุสมผล หรือพิจารณา
น�าไปใช้ในชวี ิตประจา� วนั ได้อยา่ งไร ความเปน ไปไดของการแกปญหา

ขนั้ สอน สถานการณ ในงานสัปดาหวชิ าการของโรงเรยี นแหง หนง่ึ ไดมีการสง
ตวั แทนนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปท ี่ 6 จาํ นวน 5 คน เขา รว มการแขงขนั
สำ� รวจคน้ หำ ตอบปญหาวิชาภาษาอังกฤษ เมื่อจบการแขงขันจึงมีการสัมภาษณเพ่ือ
สอบถามผลการแขงขัน และไดรับคาํ ตอบ ดงั นี้
1. ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 3-4 คน ศกึ ษา
สถานการณต วั อย่างจากหนังสอื เรยี น หนา้ 3 ¹íÒé ྪà á¾ÃäËÁ µ¹Œ ¡ÅŒÒä´Œ¤Ðá¹¹
เกี่ยวกับการแข่งขันตอบปัญหาภาษาอังกฤษ ª¹Ð¾ÅÍÂãÊ µÍº»˜ÞËÒä´Œ ¡ŒÒ¹ä´Œ¤Ðá¹¹ ¹ÍŒ ¡ÇÒ‹ ¡ŒÒ¹
โดยให้นักเรียนอ่านบทสัมภาษณของนักเรียน ᵋäÁä‹ ´·Œ èÕ 1 ÁÒ¡¡ÇÒ‹ ¡ŒÒ¹·Ø¡»‚ Ãͧ¨Ò¡á¾ÃäËÁ
แตล่ ะคน ¾ÅÍÂãÊäÁà‹ ¤Â
ä´·Œ ÕÊè ´Ø ·ÒŒ  1 ÅÒí ´ºÑ
2. ให้นักเรียนทุกคนในกลุ่มช่วยกันวิเคราะหว่า
จากบทสัมภาษณของนักเรียนในการแข่งขัน
ตอบปญั หาวชิ าภาษาองั กฤษนกั เรยี นแตล่ ะคน
ได้ล�าดับท่ีเท่าไรบ้าง โดยที่นักเรียนยังไม่ได้ดู
วิธีการแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ
ในหนงั สือเรียน

แนวตอบ คำ� ถำมสำ� คญั ประจำ� หวั ขอ้ 3

ค�าตอบของนักเรียนข้ึนอยู่กับดุลยพินิจของ ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 3
ครูผสู้ อน เช่น การนา� เหตผุ ลเชงิ ตรรกะเขา้ ไปชว่ ย
ในการแก้ปญั หาตา่ งๆ ที่พบในชวี ติ ประจา� วนั เชน่
ปัญหาการเรยี น ปญั หาในการเลือกซอื้ สนิ ค้า

เกร็ดแนะครู ขอ้ สอบเนน้ การคดิ

กอ่ นเขา้ สบู่ ทเรยี นครอู าจเลา่ สถานการณป ญั หางา่ ยๆ ทพี่ บในชวี ติ ประจา� วนั ข้อใดกลาวถึงการน�าเหตุผลเชิงตรรกะมาใช้ในการแก้ปัญหา
ใหน้ ักเรยี นฟัง แล้วใหน้ กั เรียนในช้ันเรียนรว่ มกนั แก้ปญั หา โดยการน�ากฎเกณฑ ไดถ้ ูกต้องท่ีสุด
หรอื เงื่อนไขต่างๆ มาใชใ้ นการพจิ ารณา จากนน้ั ครจู ึงนา� นักเรยี นเข้าสบู่ ทเรียน
ดว้ ยการเลา่ สถานการณต วั อยา่ ง ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 3 ใหน้ กั เรยี นฟงั แลว้ จงึ ให้ 1. การตัดสนิ ใจแก้ปัญหาอยา่ งถกู วิธี
นักเรียนในช้ันเรียนช่วยกันวิเคราะหผลการแข่งขันก่อนที่จะเริ่มเรียนเกี่ยวกับ 2. การแกป้ ญั หาเฉพาะหน้าอยา่ งรวดเร็ว
การวิเคราะหเ ง่ือนไขตา่ งๆ เพือ่ นา� ไปสู่การแก้ปญั หาโดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ 3. การน�ากฎเกณฑตา่ งๆ มาใชใ้ นการแก้ปญั หา
4. การแก้ปญั หาโดยอาศยั หลกั การทางวิทยาศาสตร

(วิเคราะห์ค�าตอบ การนา� เหตผุ ลเชงิ ตรรกะมาใชใ้ นการแกป้ ญั หา
เปน การนา� กฎเกณฑห์ รอื เงอ่ื นไขทคี่ รอบคลมุ มาใชใ้ นการตรวจสอบ
ความสมเหตสุ มผล หรอื พจิ ารณาความเปน ไปไดใ้ นการแกป้ ญั หา
ดังนั้น ตอบข้อ 3.)

T8

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

จากบทสมั ภาษณข องนกั เรยี นดงั กลา ว สามารถนาํ มาวเิ คราะห ขน้ั สอน
โดยใชเหตุผลเชิงตรรกะเพื่อหาผลการแขงขันตอบปญหาวิชา
ภาษาองั กฤษ ดงั นี้ สำ� รวจคน้ หำ

¹éÒí ྪê¹Ð¾ÅÍÂãÊ เหตผุ ล 3. นักเรียนแต่ละคนพิจารณาวิธีการวิเคราะห
ᵋäÁä‹ ´Œ·èÕ 1 1. นํา้ เพชรไมไดท่ี 1 ผลการแข่งขันตอบปัญหาวิชาภาษาอังกฤษ
จากบทสัมภาษณของน�้าเพชรและพลอยใส
2. นาํ้ เพชรชนะพลอยใส จากหนงั สือเรยี น หนา้ 4
3. พลอยใสแพน าํ้ เพชร
4. นกั เรยี นทกุ คนในแตล่ ะกลมุ่ อภปิ รายรว่ มกนั วา่
นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มสามารถวิเคราะหผล
การสัมภาษณของน้�าเพชรและพลอยใสได้
เหมือนกับในหนงั สือเรียนหรือไม่

น้ําเพชร พลอยใส แพรไหม ก้าน ต้นกล้า

✗ ✗ลําดับที่ 1 1 3 ผลลพั ธท ไ่ี ดจ ากเหตผุ ล
ขางตน
ลําดับที่ 2 • น้ําเพชรไมมีโอกาส
ไดลําดับที่ 1 และ
ลําดับท่ี 3 ลาํ ดบั ท่ี 5
• พลอยใสไมมีโอกาส
ลําดับที่ 4 ✗2 ไดล าํ ดบั ท่ี 1
ลําดับที่ 5

¾ÅÍÂãÊ
äÁà‹ ¤Âä´Œ·èÕÊØ´·ŒÒÂ

น้ําเพชร พลอยใส แพรไหม ก้าน ต้นกล้า เหตผุ ล
4. พลอยใสไมเคยได
✗ลําดับที่ 1 ✗ ที่สุดทาย
ผลลพั ธท ไ่ี ดจ ากเหตผุ ล
ลําดับที่ 2 ขางตน
• พลอยใสไมมีโอกาส
ลําดับที่ 3 ไดลาํ ดับที่ 5

ลําดับที่ 4 ✗ ✗4

ลําดับที่ 5

4

ภาพจาก หนังสอื เรยี น หนา 4

ขอ้ สอบเน้น การคดิ เกร็ดแนะครู

พิจารณาขอ้ ความทก่ี �าหนดให้ ข้อใดสรุปไดถ้ ูกต้องทสี่ ุด ครูอธิบายข้ันตอนการวิเคราะหล�าดับผู้ชนะในการแข่งขันตอบปัญหาวิชา
ภาษาอังกฤษให้นักเรียนฟังทีละขั้นตอน โดยครูอาจอธิบายให้นักเรียนฟังว่า
A สงู กวา B แตเตีย้ กวา C สวน D สูงเทา กับ E แตเต้ียกวา B ในการวิเคราะหล�าดับผู้ชนะนักเรียนจะต้องน�าบทสัมภาษณหรือเงื่อนไขของ
นักเรียนมาวิเคราะหทีละคนเพ่ือหาล�าดับผลการแข่งขัน ซ่ึงจะต้องวิเคราะห
1. A สูงทสี่ ดุ ไปเรอ่ื ยๆ จนกระทั่งไดผ้ ลลพั ธข องการแขง่ ขัน
2. C เตย้ี กว่า A
3. B สงู กวา่ D และ E
4. D เต้ยี กวา่ A และ E
(วเิ คราะหค์ า� ตอบ จากโจทยท์ กี่ า� หนดใหส้ ามารถเรยี งตามลา� ดบั
ส่วนสูงจากมากไปนอ้ ยได ้ ดงั นี้ C A B D และ E
ตามล�าดับ ฉะนั้นเม่ือพิจารณาตัวเลือกท่ีก�าหนดให้จะเห็นได้ว่า
ข้อที่สามารถสรุปได้ถูกต้อง คือ B สูงกว่า D และ E ดังนั้น
ตอบขอ้ 3.)

T9

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน á¾ÃäËÁµÍº»˜ÞËÒ เหตผุ ล
ä´ŒÁÒ¡¡ÇÒ‹ ¡ÒŒ ¹·¡Ø »‚ 5. แพรไหมตอบปญ หา
สำ� รวจคน้ หำ
ไดม ากกวา กา นทกุ ป
5. นักเรียนแต่ละคนพิจารณาวิธีการวิเคราะห 6. กานตอบปญหาได
ผลการแข่งขันตอบปัญหาวิชาภาษาอังกฤษ นอยกวาแพรไหม
จากบทสัมภาษณของแพรไหมและต้นกล้า น้ําเพชร พลอยใส แพรไหม ก้าน ต้นกล้า ทุกป
จากหนังสือเรียน หนา้ 5
✗ลําดับท่ี 1 ✗ ✗ 6 ผลลพั ธท ไี่ ดจ ากเหตผุ ล
6. นกั เรยี นทกุ คนในแตล่ ะกลมุ่ อภปิ รายรว่ มกนั วา่
นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มสามารถวิเคราะหผล
การสัมภาษณของแพรไหมและต้นกล้าได้
เหมอื นกบั ในหนงั สอื เรียนหรือไม่

ลําดับท่ี 2 ขา งตน
• แพรไหมไมม โี อกาส
ลําดับท่ี 3 ไดล ําดบั ที่ 5

ลําดับท่ี 4 • กานไมมโี อกาสได
ลาํ ดบั ท่ี 1
✗ ✗ ✗ลําดับท่ี 5 5

µ¹Œ ¡ÅŒÒä´Œ¤Ðá¹¹ เหตุผล
¹ÍŒ ¡NjҡҌ ¹ 7. ตนกลาไดคะแนน
นอ ยกวากา น
8. กานไดค ะแนน
มากกวา ตน กลา
น้ําเพชร พลอยใส แพรไหม ก้าน ต้นกล้า 9. แพรไหมไดล าํ ดบั ท่ี1

✗ลําดับท่ี 1 ✗ 9 ✗ ✗ 7 10. ตน กลา ไดล าํ ดบั ท่ี 5

ลําดับท่ี 2 ผลลพั ธท ไ่ี ดจ ากเหตผุ ล
ขา งตน
ลําดับท่ี 3 • ตน กลา ไมม โี อกาสได

ลําดับท่ี 4 ลาํ ดับที่ 1
• กานไมม โี อกาสได
✗ ✗ ✗ลําดับท่ี 5 ✗8 10 ลําดับที่ 5

หมายเหตุ : เมอ่ื พิจารณาแถวของลําดับท่ี 1 และลําดบั ที่ 5 แลว พบวา เหลือเพียงแพรไหมในแถวลาํ ดบั ท่ี 1

และตนกลา ในแถวลาํ ดบั ท่ี 5 เทา นัน้ ดงั นน้ั แพรไหมจงึ ไดล ําดบั ที่ 1 และตน กลาไดลําดบั ท่ี 5 5

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 5

ความรูเสริม ข้อสอบเน้น การคดิ

การแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะหรือการคิดแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล ข้อใดไมใชประโยชน์ของการน�าเหตุผลเชิงตรรกะมาใช้ในการ
เป็นการแก้ปัญหาอย่างหนึ่งท่ีลดโอกาสในการเกิดข้อผิดพลาด หรือถ้าหาก แกป้ ัญหา
มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นก็จะเกิดขึ้นน้อยที่สุด โดยเมื่อนักเรียนฝกการแก้ปัญหา
โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะจนเกิดความเคยชินแล้ว จะท�าให้นักเรียนไม่เช่ือเรื่อง 1. กอ้ งเปน็ คนคดิ อยา่ งมีระบบ
อะไรงา่ ยๆ หรอื ถา้ จะเชอ่ื เรอ่ื งใดเรอื่ งหนง่ึ เรอ่ื งนนั้ จะตอ้ งมเี หตแุ ละผลเพยี งพอ 2. พริม้ ท�าการบ้านส�าเร็จไดด้ ้วยตนเอง
ท่ีจะท�าให้เช่อื ถือได้ 3. ปล้ืมทา� งานส�าเร็จโดยไม่มีขอ้ ผิดพลาด
4. ตา่ ยสามารถแกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล

(วิเคราะหค์ �าตอบ การท�าการบ้านส�าเร็จได้ด้วยตนเองไม่ใช่
ประโยชน์ของการน�าเหตุผลเชิงตรรกะมาใช้ในการแก้ปัญหา
เนอ่ื งจากมไิ ดแ้ สดงใหเ้ หน็ วา่ การบา้ นทท่ี า� สา� เรจ็ นน้ั ถกู ตอ้ งหรอื ไม ่
ดงั นัน้ ตอบข้อ 2.)

T10

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

หลังจากทราบวา แพรไหมไดลําดับท่ี 1 และตนกลาได ขน้ั สอน
ลําดับท่ี 5 ในการแขงขันตอบปญหาวิชาภาษาอังกฤษ จึงแสดง
ใหเห็นวา แพรไหมไมมีโอกาสไดลําดับที่ 2, 3, 4 และ 5 สำ� รวจคน้ หำ
สวนตนกลา ไมม ีโอกาสไดลําดบั ที่ 1, 2, 3 และ 4
7. ครูให้นักเรียนพิจารณาการตัดส่ิงท่ีไม่จ�าเป็น
น้ําเพชร พลอยใส แพรไหม ก้าน ต้นกล้า ออกหลังจากพบว่า แพรไหมได้ล�าดับที่ 1
และต้นกล้าได้ล�าดับที่ 5 เพื่อเป็นการจ�ากัด
สงิ่ ทต่ี อ้ งสนใจในการวเิ คราะหเ พอื่ แกไ้ ขปญั หา

8. นกั เรยี นพจิ ารณาการนา� บทสมั ภาษณข องกา้ น
มาวิเคราะหใ หม่ เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลลพั ธท่ีตอ้ งการ

✗ลําดับท่ี 1 ✗ ✗✗

ลําดับท่ี 2 ✗✗

ลําดับท่ี 3 ✗✗

ลําดับท่ี 4 ✗✗

✗ ✗ ✗ ✗ลําดับท่ี 5

หลงั จากทราบลาํ ดบั ท่ี 1 และลาํ ดบั ท่ี 5 แลว จงึ ดาํ เนนิ การหา
ลาํ ดบั ท่ี 2, 3 และ 4 ดังนี้
¡ŒÒ¹ä´Œ¤Ðá¹¹
Ãͧ¨Ò¡á¾ÃäËÁ 1 ÅÒí ´Ñº

น้ําเพชร พลอยใส แพรไหม ก้าน ต้นกล้า หมายความวา
ถาแพรไหมได
✗ลําดับที่ 1 ✗ ✗✗ ลาํ ดับที่ 1 กานจะ
✗ ตองไดลําดบั ที่ 2
✗ ✗ ✗ลําดับที่ 2 โดยทน่ี าํ้ เพชรและ
✗✗ พลอยใสตอ งไมไ ด
ลําดับที่ 3 ✗ ✗✗ ลาํ ดับที่ 2 ดวย
ลําดับที่ 4 ✗ ✗✗
ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา
✗ ✗ ✗ลําดับที่ 5

6

6

ขอ้ สอบเนน้ การคิด ความรูเสริม

พิจารณาขอ้ ความท่ีก�าหนดให้ ขอ้ ใดเปนจริง การคิดเชิงตรรกะ (Logical Thinking) เป็นการให้ความส�าคัญกับ
การวิเคราะหหาเหตุผลในการแก้ปัญหา แสดงล�าดับขั้นตอนของเรื่องราว
ถ้า A เปน เลขคู และ B เปน เลขคี่ แลว้ AB + 1 เทากบั เทาใด อย่างชัดเจน เพ่ือน�าไปสู่การตัดสินใจเลือกวิธีในการแก้ปัญหาอย่างถูกวิธี
และมเี หตุมผี ล
1. ตดิ ลบ
2. เปน็ ศนู ย
3. เป็นเลขคู่
4. เปน็ เลขค่ี
(วเิ คราะหค์ �าตอบ จากโจทย์ท่ีก�าหนดให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่า
AB เปนเลขค ่ี เนอื่ งจาก B เปน เลขค ี่ แล้วเลขค่บี วกด้วย 1 จะมี
ค่าเปน เลขค่ ู ดังนน้ั ตอบข้อ 3.)

T11

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ¹íéÒྪê¹Ð¾ÅÍÂãÊ
áµä‹ Á‹ä´Œ·Õè 1
สำ� รวจคน้ หำ
น้ําเพชร พลอยใส แพรไหม ก้าน ต้นกล้า หมายความวา
9. นักเรียนพิจารณาการน�าบทสัมภาษณของ นา้ํ เพชรไดลําดบั
นา�้ เพชรมาวเิ คราะหใ หม่ จากนนั้ สรปุ รว่ มกนั ✗ลําดับท่ี 1 ✗ ✗✗ ท่ี 3 สวนพลอยใส
ภายในกลุ่มว่า ผลการแข่งขันตอบปัญหา ✗ ไดลาํ ดบั ท่ี 4
วิชาภาษาอังกฤษที่ได้จากการน�าเหตุผล ✗ ✗ ✗ลําดับท่ี 2
เชิงตรรกะมาใช้ในการพิจารณาแก้ปัญหาได้ ✗✗
ค�าตอบเช่นเดียวกันกับท่ีนักเรียนคิดไว้ ลําดับท่ี 3 ✗✗ ✗✗
ตอนแรกหรือไม่ ✗✗
✗ลําดับท่ี 4 ✗
10. นักเรียนร่วมกันวิเคราะหว่า เพราะเหตุใด
การเรียงล�าดับท่ีนักเรียนคิดไว้ตอนแรก ✗ ✗ ✗ลําดับท่ี 5
จงึ ไมเ่ หมอื นกบั คา� ตอบทไี่ ดจ้ ากการแกป้ ญั หา
โดยใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะ เมื่อพิจารณาบทสมั ภาษณของนักเรียนอกี ครง้ั จงึ สามารถ
สรุปผลการแขงขันไดว า
11. ครูให้นักเรียนสแกน QR Code เร่ือง
เหตุผลเชิงตรรกะกับแนวคิดเชิงค�านวณ á¾ÃäËÁ
ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 7 เพอื่ ศกึ ษาความเหมอื น ¡ÒŒ ¹
และความแตกต่างของแนวคิดเชิงค�านวณ
และเหตผุ ลเชิงตรรกะ

¹éíÒྪÃ
¾ÅÍÂãÊ
µŒ¹¡ÅÒŒ

ภาพท่ี 1.1 ตวั อยา งการแกป ญ หาโดยใชเ หตุผลเชงิ ตรรกะ 7
เหตผุ ลเชิงตรรกะกบั แนวคดิ เชงิ คํานวณ

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 7

ส่ือ Digital กิจกรรม 21st Century Skills

ครูให้นักเรียนสแกน QR Code เร่ือง เหตุผลเชิงตรรกะกับแนวคิด ครูเตรียมปัญหาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับสถานการณตัวอย่าง
เชิงค�านวณ จากหนังสือเรียน หน้า 7 จากนั้นจึงให้นักเรียนศึกษาความรู้ ในหนังสือเรียน หรืออาจเป็นสถานการณท่ีต้องแก้ปัญหาโดยใช้
เพม่ิ เตมิ จากวดิ โี อที่สแกนได้ เหตุผลเชิงตรรกะมาให้นักเรียนในชั้นเรียนแก้ปัญหาก็ได้ โดยให้
นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนท�ากิจกรรมเพื่อแก้ปัญหานั้นให้ส�าเร็จ
ซึ่งสถานการณท่ีครูก�าหนดให้กับนักเรียนจะมีเพียงสถานการณ
เดยี วหรอื หลายสถานการณกไ็ ด้

T12

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ใบงานที่ 1.1.1 เฉลย ขนั้ สอน
เร่ือง ตอ่ ยอดการแกป้ ัญหาดว้ ยเหตผุ ลเชงิ ตรรกะ
อธบิ ำยควำมรู้
คาช้ีแจง : ให้นักเรียนอ่านสถานการณ์เรื่องผลการแข่งขันตอบปัญหาภาษาอังกฤษในหนังสือเรียน แล้วตอบ
คาถามตอ่ ไปน้ี 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มพิจารณาสถานการณ
ตัวอย่างในหนังสือเรียนอีกครั้ง เพ่ือศึกษา
1. นกั เรียนมแี นวคดิ หรอื วธิ ีการแกป้ ัญหาจากสถานการณ์ท่ีกาหนดใหอ้ ย่างไร จงอธิบาย อยา่ ง กระบวนการ แนวคิด หรือวิธีการแก้ปัญหา
ละเอียดโดยใชภ้ าพ สัญลกั ษณ์ หรือข้อความ ของสถานการณ จากน้ันเขียนแนวคิดหรือวิธี
การแก้ปัญหาและตอบค�าถามลงในใบงาน
ตัวอย่างการอธิบายการแก้ปัญหาด้วยขอ้ ความอยา่ งคร่าว ๆ ที่ 1.1.1 เรอื่ ง ตอ่ ยอดการแกป้ ญั หาดว้ ยเหตผุ ล
เชิงตรรกะ
เริ่มตน้ > อ่านเงอ่ื นไข > ตรวจสอบเง่ือนไข > แสดงผลการแขง่ ขนั > จบการทางาน
2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาน�าเสนอ
ตัวอยา่ งวธิ กี ารแก้ปัญาโดยใชข้ ้อความ ผลงานจากการท�าใบงาน โดยแสดงถงึ วธิ ีการ
พิจารณาสถานการณ เง่ือนไขต่างๆ แนวคิด
1. เร่มิ ต้น หรือวิธีการแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ
2. อ่านเง่อื นไขทั้งหมด ตามที่แต่ละกลุ่มได้ระดมความคิดเห็นร่วมกัน
3. เขยี นแนวทางท่ีเปน็ ไปไดท้ ้ังหมดลงในตาราง ในการทา� กิจกรรมกล่มุ
4. อา่ นเงื่อนไขอีกคร้ัง
5. ตัดสงิ่ ท่เี ปน็ ไปไม่ได้ออก 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงแนวคิด
6. ตรวจสอบวา่ ได้คาตอบครบหรอื ยัง หากยงั ไม่ครบให้กลับไปอา่ นเงอื่ นไขใน หรือวิธีการแก้ปัญหา และการตอบค�าถาม
ขอ้ 4 และตดั ส่ิงทีเ่ ปน็ ไปไมไ่ ด้ออกในข้อ 5 และมาตรวจสอบอกี คร้งั หากครบ ของนักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ว่า มคี วามแตกตา่ งกนั
แล้วใหส้ รุปผลการแข่งขัน อย่างไร และหาขอ้ สรปุ รว่ มกัน
7. สรปุ ผลการแข่งขัน
8. จบการทางาน

2. เมอื่ นกั เรียนอ่านและพจิ ารณาเง่อื นไขครบทัง้ หมดแล้วเพียง 1 รอบ นกั เรยี นสามารถรูผ้ ลการ
แขง่ ขนั ตอบปัญหาภาษาอังกฤษไดเ้ ลยหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
.......ไ..ม..่ส...า..ม..า..ร..ถ..ร..ู้ผ...ล..ไ..ด..ท้...ัน..ท...ี.เ..พ..ร..า..ะ..เ..ม..อื่...อ..่า..น...เ.ง..่ือ..น...ไ.ข...ค..ร..้งั..แ..ร..ก...จ..ะ..ท...ร..า..บ..ผ...ล..เ.พ...ีย..ง..ผ..ทู้...ไี่ .ด...้ล..า..ด..ับ...ท...ี่ .1....แ..ล..ะ...........
.ล..า..ด..บั...ท...่ี .5....ค..ือ..แ...พ...ร..ไ.ห...ม..แ..ล...ะ..ต..้น...ก...ล..้า...ท...า..ใ.ห...้ต..้อ...ง..อ..่า..น...เ.ง..่อื ..น...ไ.ข...ซ..า้..อ..ีก...ค..ร..ั้ง..โ.ด...ย..เ.ง..่ือ...น..ไ..ข..ท..จี่..ะ...ห..า..ล...า..ด..ับ...อ..ืน่....ๆ....ไ.ด...้ .
.ค..ือ....ก..า้..น...ไ.ด...ค้ ..ะ..แ...น..น...ร..อ..ง..จ..า..ก...แ..พ...ร..ไ.ห...ม....1...ล..า..ด...บั ....แ..ส...ด..ง..ว..า่ ..ก..้า..น...ไ.ด...ล้ ..า..ด..ับ...ท...ี่ .2....เ.พ...ร..า..ะ..แ..พ...ร..ไ..ห..ม...ไ.ด...้ล..า..ด..ับ...ท...่ี .1......
.จ..า..ก..น...นั้ ..จ...ะ..เ.ห...็น..ต...า..แ..ห...น..ง่..ว..่า..ง..อ..ีก....2....ล..า..ด...ับ..ค..ือ....ล..า..ด...บั ..ท...่ี.3....แ..ล...ะ...4....โ.ด...ย..เ.ม...่ือ..อ...่า..น..เ..ง.่ือ...น..ไ..ข....น..้า..เ.พ...ช...ร..ช..น...ะ.พ...ล..อ...ย...
.ใ.ส....แ..ต...ไ่ .ม...่ไ.ด..ท้...่ี.1....ก..จ็...ะ..ส..า..ม...า..ร..ถ..ท...ร..า..บ..ไ..ด..เ้..ล..ย..ว..า่..น...้า..เ.พ...ช..ร..ไ..ด..ล้...า.ด...ับ...ท..ี่..3...แ..ล...ะ..แ..พ...ร..ไ..ห..ม...ไ.ด..ล้..า..ด...บั ..ท...่ี..4...................

3. จากสถานการณ์ที่กาหนดให้ นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใด จึงต้องใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการ
แกป้ ญั หา
………เพ…ร…าะ…ส…ถ…าน…ก…า…รณ……์มีเ…ง่ือ…น…ไ…ขม…า…ให…้…เร…า…จงึ…ต…อ้ …งใ…ชเ้…ห…ต…ุผล…เ…ชงิ…ต…ร…รก…ะ…ม…าช…ว่ …ยพ…ิจ…า…ร…ณ…าเ…งื่อ…น…ไ…ข…เพ…่ือ………
…ตร…ว…จส…อ…บ…ค…วา…ม…ส…ม…เห…ต…ุส…มผ…ล…แ…ล…ะ…พ…จิ า…ร…ณ…า…คว…า…ม…เป…็น…ไป…ไ…ด…้ขอ…ง…ก…าร…แ…กป้…ญั…ห…า……………………………………

4. หากสถานการณท์ ่ีกาหนด ขาดเง่อื นไข “ต้นกลา้ ไดค้ ะแนนน้อยกวา่ กา้ น” นกั เรียนคิดวา่ เราจะ
สามารถแก้ปญั หาไดห้ รือไม่ เพราะเหตใุ ด
………แ…ก้ป…ัญ…ห…า…ไ…ม่ไ…ด…้ เ…พร…า…ะ…หา…ก…ข…าด…เ…งื่อ…น…ไข…ต…้น…ก…ล…้าไ…ด้ค…ะ…แ…น…น…นอ้…ย…ก…ว…า่ ก…้า…น…จ…ะ…ไม…ส่ …าม…า…รถ…ท…ร…า…บไ…ด…้ ……
…เล…ย…ว่า…ต…น้ …ก…ล…า้ อ…ย…ลู่ …าด…บั …ท…เ่ี ท…า่…ไ…ร …ซ…่งึ …หา…ก…ไม…่ท…ร…าบ…ล…า…ด…บั …ขอ…ง…ต…้นก…ล…้า…ก…จ็ …ะไ…ม…ส่ …าม…า…รถ…ต…ัด…แ…นว…ท…า…งท…ี่ ………
…เป…น็ …ไป…ไ…ม…่ได…้อ…อ…ก…แ…ละ…แ…ก…ป้ …ญั …ห…าต…่อ…ไม…่ไ…ด้………………………………………………………………………………………

ภาพจาก

แผนการสอน ที่ 1

หนว่ ยท่ี 1

ขอ้ สอบเนน้ การคดิ เกร็ดแนะครู

พิจารณาข้อความทีก่ �าหนดให้ ข้อใดสรุปได้ถกู ตอ้ งทีส่ ดุ ในการท�าใบงานท่ี 1.1.1 เรอ่ื ง ต่อยอดการแก้ปัญหาด้วยเหตผุ ลเชิงตรรกะ
กิ่ง พริ้ม เปรี้ยว และต้อม เป็นนักเรียนอยู่ในชมรมเดียวกัน ครูควรให้นักเรียนได้ลงมือท�าใบงานด้วยตนเองก่อน โดยครูจะต้องแนะน�า
ซง่ึ แตล่ ะคนอายหุ า่ งกนั 1 ป โดยมคี นทอ่ี ายมุ ากกวา่ ตอ้ ม 1 คน การทา� ใบงานใหน้ กั เรยี นฟงั กอ่ นวา่ ใบงานนตี้ อ่ เนอื่ งมาจากสถานการณต วั อยา่ ง
อายุน้อยกวา่ ต้อม 2 คน อายมุ ากกว่าพร้มิ 3 คน และอายนุ ้อย ในหนังสอื เรยี น โดยให้นักเรียนพิจารณาโจทยแ ลว้ ตอบค�าถามตามความเข้าใจ
กว่าเปรีย้ ว 1 คน ใครอายุมากทีส่ ุด ของตนเองก่อนแล้วจึงเฉลยค�าตอบร่วมกันในช้ันเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ฝก
การคดิ แกป้ ญั หาดว้ ยตนเอง โดยนกั เรยี นจะตอ้ งมกี ารพจิ ารณาเพอ่ื หาเหตผุ ลตา่ งๆ
1. กิง่ 2. พริม้ 3. เปรย้ี ว 4. ตอ้ ม มาใช้ในการตอบค�าถาม ซึ่งเป็นการฝกการแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ
(วิเคราะหค์ �าตอบ คนทอี่ ายนุ อ้ ยทส่ี ดุ คอื พรมิ้ เนอ่ื งจากมคี นอายุ ของนักเรยี น
มากกว่าพริ้ม 3 คน สว่ นเปรี้ยวมอี ายมุ ากกว่าพร้ิม 1 ป  เนือ่ งจาก
โจทยบ์ อกวา่ มคี นอายนุ อ้ ยกวา่ เปรย้ี ว 1 คน สว่ นคนทอี่ ายมุ ากกวา่ T13
เปรี้ยว 1 ป คือ ต้อม เนื่องจากมีคนอายุน้อยกว่าต้อม 2 คน
ซง่ึ สามารถเรยี งตามลา� ดบั อายจุ ากมากไปนอ้ ย ดงั น ้ี กง่ิ ตอ้ ม
เปรี้ยว พร้ิม ดงั นน้ั ตอบข้อ 1.)

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ Com Sci
½ƒ¡·¡Ñ ÉÐ
อธบิ ำยควำมรู้
ใหนักเรียนพิจารณาสถานการณที่กําหนดให แลวตอบคําถามวา
4. ครูมอบหมายให้นักเรียนท�ากิจกรรมฝกทักษะ ของขวญั ทแี่ ตล ะคนไดร บั คือสงิ่ ใด โดยบนั ทกึ คําตอบลงในสมุด
Com Sci ในหนงั สอื เรียน หน้า 8 เป็นการบ้าน สถานการณ คุณครใู หข องขวัญกับโป ปู เกง และแพรไหม คนละ 1
โดยให้นักเรียนพิจารณาสถานการณที่ก�าหนด กลอง โดยของขวญั ทคี่ ุณครูมอบใหน้นั เปนของเลน ประเภทตา ง ๆ ดังนี้
ให้ แล้วตอบค�าถามว่า ของขวัญที่แต่ละคน
ไดร้ บั คอื สง่ิ ใด พรอ้ มทง้ั เขยี นคา� ตอบลงในสมดุ รถเตา รถจักรยาน เครื่องบิน เรอื
แล้วน�ามาสง่ ในชว่ั โมงถดั ไป

5. ครูและนักเรียนทบทวนความรู้เดิมที่เรียน
ในช่ัวโมงที่แล้ว เรื่อง เหตุผลเชิงตรรกะกับ
การแก้ปญั หา

6. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 คน เพื่ออธิบายแนวคิด
หรือวิธีการแก้ปัญหาของกิจกรรมฝกทักษะ
Com Sci ที่สัง่ เป็นการบ้าน และสรปุ รว่ มกนั
จากนน้ั ให้นักเรยี นสง่ การบา้ น

ของขวัญที่โปไดม ีลกั ษณะเปน พาหนะชนิดหน่งึ

ของขวญั ท่ีปูไดเปนพาหนะทางบก

ของขวัญท่เี กง ไดทํามาจากไม

ของขวญั ทแี่ พรไหมไดส ามารถเเลนในน้าํ ได

ทกั ษะการเรียนรูในศตวรรษท่ี 21 2. ทักษะการคดิ เชงิ คาํ นวณ

8 1. ทกั ษะการแกป ญหา

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 8

เกร็ดแนะครู ข้อสอบเนน้ การคดิ

ครูให้นักเรียนท�ากิจกรรมฝกทักษะ Com Sci โดยครูเล่าสถานการณ พิจารณาภาพทีก่ า� หนดให้ แลว้ วเิ คราะห์วา
ให้นักเรียนฟังก่อน ซ่ึงครูจะต้องบอกกับนักเรียนก่อนว่า ของขวัญแต่ละชิ้นน้ัน ภาพลูกเตาที่เกิดข้ึนจะตรงกบั ขอ้ ใด
คอื อะไร แลว้ จึงให้นกั เรยี นในช้ันเรียนรว่ มกันวเิ คราะหว ่า ของขวญั ที่ครมู อบให้
กบั นกั เรยี นแตล่ ะคนนน้ั คอื อะไร เพอื่ ใหน้ กั เรยี นไดฝ้ ก การแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตผุ ล 1. 2.
เชิงตรรกะ
3. 4.

T14 (วเิ คราะห์คา� ตอบ เมอื่ นา� ภาพทกี่ า� หนดใหม้ าประกอบเปน ลกู เตา
แลว้ จะพบว่า ถา้ ใช้ภาพแตงโมเปน หลักในการพจิ ารณา ภาพทอี่ ยู่
ด้านซ้ายและขวาจะตะแคง เน่ืองจากการพับไปด้านข้างเพื่อให้
เกิดเปนลูกเตา ส่วนภาพท่ีอยู่ด้านบนและด้านล่างจะมีลักษณะ
เช่นเดิม ดงั นัน้ ตอบข้อ 2.)

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

¡จ¨Ô บั ¡คÃูร Ãาํ Áวง½มƒ¡า·ต¡ÑรฐÉาÐน·Õè 1 Creating ไดค ะแนน คะแนนเตม็ ขนั้ สอน
Evaluating
Analyzing 10 ขยำยควำมเขำ้ ใจ
Applying
Understanding 1. ครูบอกกบั นักเรียนว่า ในช่วั โมงทแ่ี ลว้ ครูได้ให้
Remembering นักเรียนใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา
การตอบปญั หาวชิ าภาษาองั กฤษไปแลว้ ในวนั
อา นสถานการณแ ละวเิ คราะหเ งอื่ นไขทกี่ าํ หนด แลว ตอบคาํ ถามใหถ กู ตอ ง นเี้ รามาลองใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในสถานการณ
อนื่ ๆ ดูบ้าง
สถานการณ งานแขงขันรําวงมาตรฐานของโรงเรียนแหงหนึ่งมีผูเขา
แขงขัน 5 ทมี คอื เพริศแพรว พริง้ พราย พรรณราย ประกายแสง และ 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม (กลุ่มเดิม) อ่าน
แวววาว แตละทมี มผี ูร ําฝา ยชายและผรู ําฝา ยหญิงอยางละ 1 คน โดยมี สถานการณและเง่ือนไขในกิจกรรมฝกทักษะ
รายชอ่ื ผรู าํ ฝา ยชายและผรู าํ ฝา ยหญงิ ทไี่ มเ รยี งตามชอ่ื ทมี และไมเ รยี งตามคู ที่ 1 เรอ่ื ง จบั คูร่ า� วงมาตรฐาน ในแบบฝก หัด
ดังน้ี หนา้ 10 จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นในกลมุ่ รว่ มกนั จบั คู่
ผู้ร�าฝายชายและฝายหญิงตามสถานการณ
ผรู าํ ฝา ยชาย เดช ปอง ชัย เพยี ว พงษ และเงื่อนไขท่ีก�าหนด และตอบค�าถามลงใน
แบบฝก หัด
เฉฉบลบั ย ผูรําฝายหญิง แกว ปอน ปลา นก ฝน วเิ คราะหว า ผรู าํ แตล ะคนอยทู มี ใด และคกู บั ใคร โดยขดี ✓ลงในตาราง
เพ่ือแสดงส่งิ ทเ่ี ปนไปได และกา ✗ เพอ่ื ตดั สง่ิ ท่ีเปนไปไมไ ด 3. ครถู ามนกั เรยี นวา่ จากสถานการณท ก่ี า� หนดให้
เงื่อนไข • เพียวอยทู ีมพริง้ พราย นักเรยี นคดิ วา่ เพราะเหตุใด จึงตอ้ งใชเ้ หตุผล
• เดชและพงษไ มไดอ ยทู มี แวววาว เชิงตรรกะในการแก้ปัญหาน้ี จากนั้นครู
• แกว และชยั อยทู ีมเดยี วกัน และนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุป
• ปอนอยูคนละทีมกับปองและเพยี ว รว่ มกนั

• ทมี พรรณรายมผี รู าํ ฝา ยชายและผรู าํ
ฝายหญิงทมี่ ชี ื่อขึ้นตนดว ยตัวอกั ษร
เดียวกัน

• นกไมไ ดค กู ับพงษและไมไ ดอยู
ทมี เพรศิ แพรวและทีมพร้งิ พราย

10 ชื่อสมาชิก เดช ปอง ชัย เพยี ว พงษ แกว ปอ น ปลา นก ฝน
ช่อื ทีม
เพรศิ แพรว ✗

พร้งิ พราย ✓

พรรณราย ✗

ประกายแสง ✗

แวววาว ✗ เฉฉบลบั ย

สรุปผลการจับคขู องผรู ําแตละทีมได ดังนี้

ชอ่ื ทีม ช่อื ผูร ําฝายชาย ช่อื ผรู ําฝา ยหญิง

เพรศิ แพรว พงษ ปอ น..................................................................................... .....................................................................................
พร้ิงพราย
พรรณราย เพียว ฝน..................................................................................... .....................................................................................
ประกายแสง
แวววาว ปอง ปลา..................................................................................... .....................................................................................

เดช นก..................................................................................... .....................................................................................

ชยั แกว..................................................................................... .....................................................................................

เกณฑการใหคะแนน คะแนนตอขอยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตัดสิน
รายการประเมนิ

ใชเ หตุผลเชิงตรรกะในการแกป ญหาได 10 • 6 คะแนนขึน้ ไป = ผา น
คะแนนเต็ม 10 • ต่ํากวา 6 คะแนน = ปรบั ปรงุ

ทกั ษะการเรียนรใู นศตวรรษท่ี 21 11
1. ทกั ษะการแกปญ หา
2. ทกั ษะการคิดเชงิ คํานวณ

ภาพจาก

แบบฝก หดั
หน้า 10-11

ข้อสอบเน้น การคิด เกร็ดแนะครู

การแก้ปญั หาโดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะมคี วามส�าคัญอยา งไร การท�ากิจกรรมฝกทักษะที่ 1 ในแบบฝกหัด ครูอาจให้นักเรียนจ�าลอง
1. สรา้ งเง่อื นไขในการแกป้ ัญหา สถานการณการจับคู่ร�าวงมาตรฐาน โดยการให้ตัวแทนนักเรียนชาย 5 คน
2. แกป้ ัญหาส�าเรจ็ เปน็ ไปตามต้องการ และนักเรียนหญิง 5 คน แสดงบทบาทสมมติเป็นผู้ร�าฝายชายและฝายหญิง
3. กา� หนดขอบเขตของการแก้ปัญหาไดง้ ่าย จากนั้นให้นักเรียนในชั้นเรียนช่วยกันพิจารณาเงื่อนไขท่ีก�าหนดให้ แล้วจึง
4. ออกแบบกระบวนการแก้ปัญหาใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ จับคู่ผู้ร�าฝายชายและผู้ร�าฝายหญิงให้ส�าเร็จก่อนท่ีจะลงมือท�ากิจกรรม
(วเิ คราะห์ค�าตอบ การแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ในแบบฝกหัด

เปนการน�าเงื่อนไขที่ครอบคลุมทุกกรณีมาแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งจะ
ชว่ ยใหก้ ารแกป้ ญั หานน้ั สา� เรจ็ ลลุ ว่ งและเปน ไปตามความตอ้ งการ
ดงั นนั้ ตอบข้อ 2.)

T15

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน Ẻ½ƒ¡Ë´Ñ เหตผุ ลเชิงตรรกะ คะแนนเต็ม 2. พจิ ารณาสถานการณท ก่ี ําหนดให แลวตอบคาํ ถาม (20 คะแนน)
กบั การแกปญ หา
ขยำยควำมเขำ้ ใจ 30

4. ครูให้นักเรียนท�าแบบฝกหัด เรื่อง เหตุผล 11. เลือกหนาลูกเตามาเติมลงในชองวางของตารางใหถูกตอง โดยใน สถานการณ
เชิงตรรกะกับการแก้ปัญหา ในแบบฝกหัด แตละแถวท้ังแนวต้ังและแนวนอน ตองมีหนาลูกเตาครบท้ัง 6 หนา ในการเลือกประธานกลมุ ของอําเภอหน่งึ มีผูสมัครจํานวน 4 คน
หน้า 3-5 เพื่อทบทวนความรู้ของนักเรียน และหนาลูกเตา ตองไมซ า้ํ กัน (10 คะแนน) แตละคนเปนตัวแทนของหมูบานแตละหมูบาน ดังนี้ หมูบานสุขสันต
โดยในขอ้ 1 ใหน้ กั เรยี นเลอื กหนา้ ลกู เตา มาเตมิ หมูบานสขุ เจรญิ หมูบา นสุขอดุ ม และหมูบานสขุ สวรรค ตามลําดับ
ลงในชอ่ งวา่ งของตารางใหถ้ กู ตอ้ งตามเงอ่ื นไข 1) ผูสมัครแตละคนมีชือ่ ดังนี้ มานพ สมชาย กนก และบุญสง
ที่ก�าหนด โดยในแต่ละแถวทั้งแนวตั้งและ หนา ลกู เตาท่กี าํ หนด 2) อาชีพของผูสมัครแตละคน คือ นักธุรกิจ กํานัน ผูใหญบาน
แนวนอนต้องมีหน้าลูกเตาครบท้ัง 6 หน้า
และหน้าลูกเตาไม่ซ�้ากัน และขา ราชการบํานาญ
3) มีผูสมัคร 1 คน จบการศึกษาระดับปริญญาเอก อีก 1 คน
5. ขอ้ 2. ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั พจิ ารณาสถานการณ จบการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาโท และอกี 2 คน จบการศกึ ษาระดบั
ท่ีก�าหนดให้แล้ววิเคราะหว่า ตัวแทนของ ปรญิ ญาตรี
หมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านชื่ออะไร ท�าอาชีพอะไร เฉฉบลับย เฉฉบลบั ย 4) ผูสมัครของหมูบานสุขอุดมมีอาชีพเปนนักธุรกิจ สวนผูสมัคร
และจบการศกึ ษาระดบั ใด
ของหมูบา นสขุ สนั ตเ ปน ขาราชการบํานาญ
5) บุญสงจบการศึกษาระดับปรญิ ญาตรี แตไมไ ดเปน ตวั แทนของ
หมบู า นสขุ สนั ต และไมเคยเปนกาํ นนั
6) หมูบา นสขุ เจริญสงมานพเปนตัวแทน
7) กนกมอี ายุ 42 ป และไมไดเปนตัวแทนของหมบู า นสุขสวรรค
สวนสมชายมีอายุ 66 ป
8) คนท่ีเปนนักธุรกจิ จบการศึกษา
ระดบั ปรญิ ญาเอกมอี ายุ
42 ป
9) ตวั แทนทเ่ี ปน กํานนั จบ
การศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี

3 4

จากสถานการณ ใหวิเคราะหเพ่ือหาช่ือตัวแทน อาชีพ อายุ และ เฉฉบลบั ย
การศึกษาของตัวแทนแตละหมูบาน โดยเขียนแนวคิดที่เปนไปไดตาม
เงื่อนไขทเ่ี ก่ียวของ

จากขอ 6) หมบู า นสุขเจรญิ สง มานพเปนตัวแทน................................................................................................................................................................................................................................................
แลว พจิ ารณาดขู อ 4) บอกวา หมบู า นสขุ อดุ มมตี วั แทนทาํ อาชพี เปน นกั ธรุ กจิ สว น................................................................................................................................................................................................................................................
หมบู านสขุ สนั ตเ ปนขา ราชการบํานาญ................................................................................................................................................................................................................................................
ขอ 5) บอกวา บุญสง ไมไดเ ปนตวั แทนของหมบู านสขุ สนั ต แสดงวาบุญสงเปน................................................................................................................................................................................................................................................
ตวั แทนของหมูบ านสุขอดุ มหรอื หมบู านสขุ สวรรค หมบู านใดหมบู านหนึง่................................................................................................................................................................................................................................................
ขอ 7) บอกวา กนกไมไดเปน ตวั แทนของหมบู านสขุ สวรรค และนาํ ขอ มูลขอ 8)................................................................................................................................................................................................................................................
และขอ 9) มาประกอบ จะไดวา กนกเปน นักธุรกิจ จบปริญญาเอก มอี ายุ 42 ป................................................................................................................................................................................................................................................
ดังน้ัน กนกเปนตัวแทนของหมูบานสุขอุดม บุญสงเปนตัวแทนของหมูบาน................................................................................................................................................................................................................................................
สุขสวรรค จบปริญญาตรี อาชีพผูใหญบาน สมชายเปนตัวแทนของหมูบาน................................................................................................................................................................................................................................................
สขุ สนั ต จบปรญิ ญาโท เปน ขา ราชการบาํ นาญ อายุ 66 ป และมานพเปน ตวั แทน................................................................................................................................................................................................................................................
ของหมูบา นสุขเจริญ จบปริญญาตรี อาชพี กํานนั................................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................................

หมบู า น สุขสันต สุขเจรญิ สุขอดุ ม สุขสวรรค

ชือ่ ตวั แทน สมชาย มานพ กนก บญุ สง......................................................... ............................................ ............................................ ............................................

อาชพี ขาราชการบาํ นาญ กํานนั นักธรุ กจิ ผใู หญบา น......................................................... ............................................ ............................................ ............................................
อายุ 66 - 42 -......................................................... ............................................ ............................................ ............................................
การศึกษา ปริญญาโท ปรญิ ญาตรี ปรญิ ญาเอก ปริญญาตรี......................................................... ............................................ ............................................ ............................................

เกณฑการใหคะแนน รายการประเมนิ คะแนนตอ ขอ ยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตดั สิน
1. ใชเหตุผลเชิงตรรกะในการแกปญหาได 0.5 10 • 13 คะแนนขึน้ ไป = ผา น
2. ระบุแนวคดิ โดยใชเ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกปญ หาได 20 • ตํา่ กวา 13 คะแนน = ปรับปรงุ
30
คะแนนเต็ม
5
ภาพจาก

แบบฝก หดั
หนา้ 3-5 จาก แบบฝกหดั หนา 12

นักเรียนควรรู ข้อสอบเน้น การคดิ

1 แถว (Row) เป็นแถบข้อมูลหรือสิ่งอ่ืนใดที่เรียงต่อกันในแนวนอนไปทีละ หากนักเรียนได้รับมอบหมายให้ท�าความสะอาดภาชนะใส
บรรทัด เชน่ การเขียนหนังสือ ทีจ่ ะมีลกั ษณะการเขียนไปทีละบรรทดั อาหาร นักเรียนจะเลือกทา� ความสะอาดสง่ิ ใดกอน เพือ่ ใหภ้ าชนะ
ใสอ าหารสะอาดท่ีสุด

1. ชอ้ นกลาง
2. จานใสข่ ้าว
3. แก้วใสน่ �้าหวาน
4. ถว้ ยใสข่ นมหวาน

(วเิ คราะหค์ �าตอบ จากตัวเลือกที่ก�าหนดให้สามารถวิเคราะห์
ได้ว่า สิ่งท่ีควรล้างก่อนเปนอันดับแรก คือ แก้วใส่น้�าหวาน
เน่ืองจากแก้วเปนภาชนะใส่อาหารที่สกปรกน้อยท่ีสุด ดังนั้น
ตอบขอ้ 3.)

T16

นา� สอน สรุป ประเมิน

¡เÔ¨ช¡ยี ÃรÃกÁฬี ½าพƒ¡า·เพÑ¡ÉลินзèÕ 2 Creating ไดค ะแนน คะแนนเต็ม ขนั้ สอน
Evaluating
Analyzing 10 ขยำยควำมเขำ้ ใจ
Applying
Understanding 6. ครพู ดู ทบทวนความรจู้ ากชว่ั โมงทแ่ี ลว้ จากนน้ั
Remembering ให้นกั เรียนแบ่งกลุ่ม (กล่มุ เดิม) แสดงบทบาท
สมมติเป็นผู้คุมกองเชียร โดยให้นักเรียน
อา นสถานการณแ ละวเิ คราะหเง่อื นไขทีก่ ําหนด จากนน้ั ระบายสีแดงลงใน แต่ละกลุ่มร่วมกันอ่านสถานการณในกิจกรรม
ตารางใหถกู ตอง ฝกทักษะที่ 2 เรื่อง เชียรกีฬา พาเพลิน
ในแบบฝก หดั หนา้ 12 แลว้ ใหน้ กั เรยี นระบายสี
สถานการณ ในการแขงขันกีฬาจะมีกองเชียรนักกีฬานั่งอยูท่ีอัฒจันทร ลงในตารางให้ถกู ตอ้ งตามเงอื่ นไข
จํานวนหนง่ึ แตล ะคนจะถือปา ยจํานวน 1 แผน เพอื่ ชูปายแสดงตัวอักษรหรอื
รูปตาง ๆ โดยปาย 1 แผนจะมี 2 ดา น คือ ดา นที่เปนสีแดงและดา นทเี่ ปน สขี าว

เงือ่ นไข • ตัวเลขที่อยูในชองแนวนอนเรียกวาแถวและตัวเลขท่ีอยูในชอง
แนวตั้งเรียกวาคอลัมน
• ตัวเลขท่ีอยูในชองของแตละแถวและคอลัมนจะแสดงจํานวน
นกั เรยี นท่ีตองชูปา ยสแี ดง
• หากมีตัวเลขท่ีอยูในแถวเดียวกันหรืออยูในคอลัมนเดียวกัน
เฉฉบลบั ย มากกวา 2 ตัว จะตองชูปายสขี าวคั่นกบั สีแดงอยางนอย 1 แผน

ตวั อยาง ขน้ั สรปุ

เลข 2 และเลข 1 อยูในคอลมั นเ ดยี วกนั หมายความวา จะมนี ักเรียนชูปา ยสแี ดงบนอฒั จันทร ตรวจสอบผล
ในคอลมั นน ตี้ ิดกนั จํานวน 2 คน และเวน ที่อยางนอ ย 1 ชอง จึงชูปายสีแดงอกี 1 คน
นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ที่เรียนมา
เลข 1 และเลข 1 อยูในแถว 2112 1. จากเง่อื นไข ใหระบายสตี ามตัวเลขทกี่ าํ หนด ท้ังหมดเกี่ยวกับการแก้ปัญหาด้วยเหตุผลเชิง
เดียวกัน หมายความวาจะมี 411114 ตรรกะ
นั ก เ รี ย น ชู ป  า ย สี แ ด ง บ น 4 3
อัฒจันทรในแถวน้ีจํานวน 1 22 24142
คน และเวน ทอี่ ยา งนอ ย1 ชอ ง 11
จงึ ชปู ายสแี ดงอกี 1 คน 11
6

12 111 ขนั้ ประเมนิ
5
3 เฉฉบลับย ตรวจสอบผล

11 ตารางการวดั และประเมินผล
3 วธิ ีการ เคร่ืองมือ

2. นกั เรียนมีขัน้ ตอนในการแกปญ หาจากสถานการณทก่ี าํ หนด ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ เกณฑก์ ารประเมนิ
ไดอ ยางไร จงเขียนอธบิ าย (แนวคําตอบ) กอ่ นเรียน กอ่ นเรยี น ประเมนิ ตาม
สภาพจริง
ทดลองระบายสีโดยดูเง่ือนไขท่ีโจทยกําหนดใหวา ในแตละชองสามารถ...................................................................................................................................................................................................................................

ระบายสไี ดต ดิ กันกี่ชอ ง...................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................... ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หดั รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ

...................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................... ตรวจใบงาน ใบงาน ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ

เกณฑก ารใหคะแนน คะแนนตอขอ ยอย คะแนนรายขอ เกณฑการตดั สนิ
รายการประเมิน

ใชเ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกปญหาได (2 ขอยอย) 5 10 • 6 คะแนนขึน้ ไป = ผาน ประเมนิ แบบ ระดับคณุ ภาพ 2
คะแนนเตม็ 10 • ต่ํากวา 6 คะแนน = ปรับปรงุ การนา� เสนอ ประเมนิ ผ่านเกณฑ
การนา� เสนอ
ทักษะการเรียนรใู นศตวรรษท่ี 21 13 ผลงาน ผลงาน
1. ทักษะการแกป ญหา
2. ทักษะการคดิ เชิงคํานวณ

สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2
การท�างาน พฤติกรรม ผ่านเกณฑ
รายบุคคล
ภาพจาก
สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2
แบบฝกหดั การทา� งานกลมุ่ พฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ
หน้า 12-13

ข้อสอบเนน้ การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล

หนยุ ชอบเลน โทรศพั ทม์ อื ถอื จนดกึ และตนื่ สาย ทา� ใหม้ าโรงเรยี น ครูสามารถประเมินการน�าเสนอผลงาน สังเกตพฤติกรรมการท�างาน
ไมทัน และหลับในคาบเรียนเปนประจ�า หนุยควรแก้ปัญหาน้ี รายบคุ คล และพฤติกรรมการทา� งานกลมุ่ ของนกั เรยี น โดยศึกษาเกณฑก ารวัด
อยางไร และประเมินผลจากแบบประเมินการน�าเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรม
การท�างานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการท�างานกลุ่มท่ีแนบมาท้าย
1. เข้านอนตงั้ แต่หวั ค�่า แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1
2. อ่านหนังสอื ก่อนนอน
3. จดั กระเปา ตามตารางเรียน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่
4. ดืม่ นมกอ่ นนอนเพอ่ื ให้หลบั สบาย
คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ คาช้ีแจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องท่ี
(วิเคราะห์คา� ตอบ เม่ือพิจารณาจากโจทย์ท่ีก�าหนดให้แล้วพบว่า ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน
ปญั หาของสถานการณน์ ้ี คอื หนยุ่ ตน่ื สายและหลบั ในคาบเรยี น ซง่ึ ตรงกับระดับคะแนน
ปญั หาเหลา่ นเ้ี กดิ จากการเล่นโทรศัพทม์ อื ถือจนดกึ ทา� ใหต้ ่ืนสาย
ฉะนั้นการแก้ปัญหาของสถานการณ์นี้ คือ เข้านอนต้ังแต่หัวค�่า ระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 การทางาน การมี
จะได้ตน่ื เช้าๆ ดงั น้นั ตอบขอ้ 1.) 32 32 ตามท่ไี ดร้ บั ส่วนรว่ มใน
ลาดับท่ี รายการประเมิน  การแสดง การยอมรบั มอบหมาย การปรบั ปรุง รวม
1 1 การแสดงความคดิ เหน็   ลาดับที่ ชื่อ–สกุล ความคิดเห็น ฟงั คนอน่ื ความมีนา้ ใจ ผลงานกลุม่ 15
  ของนกั เรยี น คะแนน
1 ความถูกต้องของเนื้อหา  2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผ้อู ืน่  
2 ความคิดสรา้ งสรรค์  
3 วิธีการนาเสนอผลงาน  3 การทางานตามหน้าที่ท่ีได้รับมอบหมาย   321321321321321
4 การนาไปใช้ประโยชน์  
5 การตรงต่อเวลา 4 ความมนี ้าใจ  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

รวม

ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมิน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมิน
............/................./................... ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............/.................../................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ให้ 1 คะแนน

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก

14–15 ดีมาก 11–13 ดี เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

11–13 ดี 8–10 พอใช้ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง 14–15 ดีมาก

ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ 11–13 ดี

8–10 พอใช้

T17

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 4เวลา ช่ัวโมง

แนวคดิ ในการแกป้ ัญหา

1. มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ัด

ตวั ช้ีวดั

ว 4.2 ป.6/1 ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการอธิบายและออกแบบวธิ ีการแก้ปญั หาที่พบในชีวิตประจ�ำวัน

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธบิ ายกระบวนการท�ำงานหรอื การแก้ปญั หา โดยใช้แนวคดิ แบบต่าง ๆ ได้ (K)
2. ออกแบบกระบวนการทำ� งานหรอื การแกป้ ญั หา โดยใชแ้ นวคิดแบบต่าง ๆ ได้ (P)
3. ยกตัวอยา่ งการแกป้ ัญหาโดยใชแ้ นวคดิ การทำ� งานแบบตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำ� วนั ได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้

- แนวคดิ ของการท�ำงานแบบวนซำ้� และเงื่อนไข

- การพจิ ารณากระบวนการท�ำงานทม่ี ีการท�ำงานแบบวนซ�้ำหรือเง่ือนไขเป็นวิธกี ารท่ีจะชว่ ยให้การออกแบบวิธกี าร

แกป้ ญั หาเปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ

4. สาระสำ� คัญ/ความคดิ รวบยอด

แนวคดิ ในการแกป้ ญั หา คอื แนวคดิ ทใ่ี ชใ้ นการพจิ ารณากระบวนการทำ� งานหรอื การแกป้ ญั หาตา่ ง ๆ อยา่ งเปน็ ขน้ั ตอน

ชว่ ยใหก้ ารทำ� งานและการแกป้ ญั หาสามารถทำ� ไดง้ า่ ยและมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยแนวคดิ ในการแกป้ ญั หามี 3 รปู แบบ คอื แนวคดิ

การทำ� งานแบบลำ� ดบั แนวคดิ การทำ� งานแบบมเี งอื่ นไข และแนวคดิ การทำ� งานแบบวนซำ้�

5. สมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรยี นและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรยี น ทักษะ 4Cs คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. ท กั ษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ 1. มวี นิ ยั
2. ความสามารถในการคิด (Critical Thinking) 2. ใฝ่เรียนรู้
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 3. มุ่งมั่นในการทำ� งาน
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 2. ทกั ษะการทำ� งานรว่ มกนั
(Collaboration Skill)

3. ทักษะการสอื่ สาร
(Communication Skill)

4. ท กั ษะความคิดสร้างสรรค์
(Creative Thinking)

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
วธิ ีการสอนแบบกระบวนการกลุม่ และวิธีการสอนโดยใชเ้ ทคนิคตามแนวคดิ เชิงค�ำนวณ

T18

นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ

แนวคิด 2. á¹Ç¤´Ô 㹡ÒÃá¡»Œ ˜ÞËÒ ขน้ั นำ�
ในการแกป ญหา
มีความสาํ คัญ การพิจารณากระบวนการทํางานหรือการ กระตนุ้ ควำมสนใจ
แกปญ หามหี ลายแนวคดิ เชน แนวคิดการทาํ งาน
อยางไร แบบลาํ ดับ แบบมีเง่ือนไข แบบวนซาํ้ ซ่งึ ลว นเปน 1. ครใู ห้นกั เรยี นดภู าพจ�านวน 6 ภาพ โดยเป็น
ภาพที่แสดงถึงแนวคิดการท�างานแบบล�าดับ
วธิ กี ารแกป ญ หาอยา งเปน ขน้ั ตอน ทจี่ ะชว ยใหก าร 2 ภาพ แนวคิดการท�างานแบบวนซ�า้ 2 ภาพ
และแนวคิดการท�างานแบบเงื่อนไข 2 ภาพ
ทาํ งานและการแกป ญ หาสามารถทาํ ไดง ายและมปี ระสทิ ธิภาพ จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นบอกความแตกตา่ งของภาพ
ท้งั 6 ภาพ
2.1 แนวคดิ การทาํ งานแบบลาํ ดับ
การทาํ งานแบบลําดบั คอื การทาํ งานทม่ี กี ารกาํ หนดขน้ั ตอน 2. ครูถามค�าถามส�าคัญประจ�าหัวข้อกับนักเรียน
เรยี งเปน เรอื่ งราวตอ เนอื่ งกนั ไปเรอ่ื ย ๆ โดยจะตอ งทาํ งานขนั้ ตอนแรก ว่า แนวคิดในการแก้ปัญหามีความส�าคัญ
ใหส าํ เรจ็ กอ นจงึ จะเขา สขู น้ั ตอนถดั ไปได ซง่ึ การทาํ งานตา ง ๆ มคี วาม อยา่ งไร
ตอ เน่ืองกนั ตามลาํ ดบั ข้ันตอน
ขน้ั สอน

สำ� รวจคน้ หำ

ครูให้นักเรียนศึกษาแนวคิดการท�างานแบบ
ล�าดับ โดยการพิจารณาตัวอย่างที่ก�าหนดให้
ในหนังสอื เรียน หนา้ 9-10

µÇÑ Í‹ҧ ¡Ò÷íҧҹẺÅÒí ´ºÑ

ในวนั หยดุ สดุ สปั ดาหป ตู อ งการทาํ ความสะอาดหอ งนอนของตนเอง
ปูจะตองวางแผนในการทําความสะอาดวา จะเร่ิมทําจากสวนใดกอน
โดยหอ งนอนของปมู ีองคป ระกอบ ดังภาพ

9 9 แนวตอบ คำ� ถำมส�ำคัญประจำ� หวั ข้อ

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา แนวคดิ การแกป้ ญั หาเปน วธิ แี สดงการแกป้ ญั หา
อย่างเปนล�าดับขั้นตอน ซึ่งจะช่วยให้การท�างาน
เปน ไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ

ข้อสอบเนน้ การคดิ เกร็ดแนะครู

ข้อใดอธิบายความหมายของแนวคิดการท�างานแบบล�าดับ ครูอาจอธิบายให้นักเรียนฟังก่อนว่า แนวคิดในการแก้ปัญหานั้นมี
ได้ถูกต้อง หลายแนวคิด เช่น แนวคิดการท�างานแบบล�าดับ แนวคิดการท�างานแบบ
มีเงื่อนไข แนวคิดการท�างานแบบวนซ�้า โดยทุกแนวคิดน้ันล้วนมุ่งเน้นการ
1. การทา� งานตามลา� ดับก่อนไปหลงั แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน เพ่ือให้การแก้ปัญหาและการท�างานต่างๆ เป็นไป
2. การทา� งานเดมิ ซ้า� จนกวา่ จะพอใจ อย่างมีประสิทธภิ าพ
3. การท�างานตามเงือ่ นไขหรอื โปรแกรมทีว่ างไว้
4. การท�างานเดิมจนกว่าจะได้ผลลัพธต ามเง่ือนไขทก่ี �าหนด

(วิเคราะห์ค�าตอบ แนวคิดการทา� งานแบบล�าดับ เปน การท�างาน
ที่มีการก�าหนดขั้นตอนเรียงเปนเร่ืองราวต่อเน่ืองกันไปเรื่อยๆ
จากลา� ดบั แรกไปจนถงึ ลา� ดบั สดุ ทา้ ย โดยไมม่ กี ารวนกลบั มาทา� งาน
เดมิ อกี ดงั นั้น ตอบข้อ 1.)

T19

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ปทู ราบวา ในการทาํ ความสะอาดตอ งเรมิ่ ทาํ ความสะอาดในบรเิ วณ
ทีอ่ ยสู ูงกอน แลวจงึ ไลลงมาจนถงึ บริเวณทอ่ี ยตู ่ําทสี่ ดุ ดงั นัน้ สามารถ
อธบิ ำยควำมรู้ เรียงลําดบั ขั้นตอนการทาํ ความสะอาดได ดังนี้

1. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า จากตัวอย่าง 1. กวาดหยากไยบ นเพดาน
การทา� ความสะอาดหอ้ งนอนของปนู นั้ ปจู ะเรมิ่ 2. ทาํ ความสะอาดตู
ทา� ความสะอาดจากบรเิ วณทอี่ ยสู่ งู กอ่ น แลว้ จงึ 3. เช็ดหนาตา ง
ไลล่ งมาจนถงึ บรเิ วณทอ่ี ยตู่ า่� สดุ ซงึ่ การทา� งาน
แบบนี้เป็นการท�างานที่มีการก�าหนดขั้นตอน 4. ทาํ ความสะอาดชน้ั วางของ
การท�างานก่อน-หลังอยา่ งชัดเจน โดยจะตอ้ ง
ท�างานในข้ันตอนแรกให้ส�าเร็จก่อนแล้วจึงจะ
ท�างานในข้นั ตอนถัดไป

2. ครถู ามคา� ถามทา้ ทายการคดิ ขน้ั สงู กบั นกั เรยี น
วา่ เพราะเหตใุ ด เราจงึ ไมค่ วรสวมรองเทา้ กอ่ น
สวมเสอื้ และกางเกง
(แนวตอบ เน่ืองจากถ้าหากสวมรองเท้าก่อน
อาจท�าใหใ้ ส่กางเกงไดไ้ ม่สะดวก และกางเกง
อาจเปอ นได)้

5. เปล่ยี นผาปทู ่ีนอน

6. กวาดและถพู ื้น

ภาพท่ี 1.2 ตวั อยางการทํางานแบบลาํ ดับ

¤Ó¶ÒÁ·ŒÒ·Ò¡ÒäԴ¢¹éÑ ÊÙ§

เพราะเหตใุ ด เราจงึ ไมควรใสรองเทากอ นสวมเสอ้ื และกางเกง

10

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 10

เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทา้ ทาย

ครูอาจอธิบายให้นักเรียนฟังเกี่ยวกับข้ันตอนในการท�าความสะอาดบ้าน ครูอาจน�าโจทยสถานการณหรือปัญหาท่ีใช้แนวคิดการ
กอ่ นวา่ ในการทา� ความสะอาดบา้ นนกั เรยี นจะตอ้ งเรม่ิ ทา� ความสะอาดในบรเิ วณ แก้ปัญหาแบบล�าดับท่ีแตกต่างจากในหนังสือเรียนมาให้นักเรียน
ที่อยู่สูงก่อน แล้วจึงไล่ลงมาถึงบริเวณท่ีอยู่ต�่าสุด จากน้ันครูจึงให้นักเรียน ได้ลองฝกเขียนวิธีการแก้ปัญหาโดยใช้แนวคิดแบบล�าดับลงบน
แต่ละคนลองเขียนผังงานแสดงข้ันตอนการท�าความสะอาดบ้านลงในสมุด กระดาษท่ีครูแจกให้ หลังจากนักเรียนเขียนวิธีการแก้ปัญหา
เม่ือนักเรียนท�าเสร็จแล้วครูอาจสุ่มนักเรียนออกมาแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ครูอาจสุ่มนักเรียนให้ออกมาอธิบายวิธีการ
ขน้ั ตอนการท�าความสะอาดบริเวณหน้าชั้นเรยี น แกป้ ญั หาของตนเองหนา้ ชนั้ เรยี น

T20

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

¡¨Ô ¡ÃÃÁ Com Sci ขน้ั สอน
½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ
อธบิ ำยควำมรู้
ใหนักเรียนพิจารณาภาพท่ีกําหนดให แลวเรียงลําดับขั้นตอนการ
ผูกเชือกรองเทาใหถ ูกตอง 3. ครใู ห้นักเรียนท�ากิจกรรมฝกทักษะ Com Sci
ในหนังสือเรียน หน้า 11 โดยให้นักเรียน
พจิ ารณาภาพการผกู เชอื กรองเท้าทีก่ า� หนดให้
แลว้ ใหน้ กั เรยี นเรยี งลา� ดบั ขน้ั ตอนการผกู เชอื ก
รองเทา้ ใหถ้ กู ตอ้ ง หลงั จากนกั เรยี นทา� กจิ กรรม
ฝก ทกั ษะเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ครอู าจสมุ่ นกั เรยี น
ออกมาเฉลยค�าตอบหนา้ ชัน้ เรยี น

123

456

78

ลาํ ดับการผกู เชือกรองเทา ท่ีถูกตอง คือ

บันทกึ ลงในสมดุ

ทักษะการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 2. ทักษะการคิดเชิงคํานวณ 11
1. ทักษะการแกปญ หา

ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 11

กิจกรรม สร้างเสริม เกร็ดแนะครู

กอ่ นทค่ี รจู ะใหน้ กั เรยี นทา� กจิ กรรมฝก ทกั ษะ Com Sci ครอู าจ ครอู าจใหน้ ักเรียนทา� กิจกรรมฝกทกั ษะ Com Sci โดยใหน้ ักเรยี นพจิ ารณา
เตรียมรองเท้าชนิดที่มีเชือกผูกหรืออุปกรณอ่ืนใดที่สามารถ ภาพท่ีก�าหนดให้ แล้วเรียงล�าดับข้ันตอนการผูกเชือกรองเท้าให้ถูกต้อง ซึ่ง
ผูกเชือกได้ให้กับนักเรียน จากน้ันครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ครูอาจให้นักเรียนแต่ละคนลองท�ากิจกรรมด้วยตนเองก่อน แล้วจึงน�าค�าตอบ
ละ 4-5 คน แล้วให้นักเรยี นในแตล่ ะกลุ่มผลัดกันผูกเชอื กรองเท้า ของตนเองมาอภิปรายร่วมกับเพ่ือนในชั้นเรียนว่า ข้ันตอนการผูกเชือกรองเท้า
เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ข้ันตอนการผูกเชือกรองเท้าจาก ท่ีถกู วธิ นี ั้นท�าอย่างไร
การปฏบิ ัติจริง

T21

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 2.2 แนวคดิ การทํางานแบบมีเง่อื นไข

อธบิ ำยควำมรู้ การทํางานแบบมีเง่ือนไข คือ การทํางานหรือกิจกรรมที่มี
เงอื่ นไขเปน ตวั กาํ หนด ซงึ่ เราจะตอ งเขา ใจเงอ่ื นไขตา งๆ ใหช ดั เจนกอ น
4. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นฟงั วา่ การแกป้ ญั หาโดยใช้ จงึ นาํ เหตผุ ลเชงิ ตรรกะมาชว ยพจิ ารณา เพอ่ื ใหไ ดผ ลลพั ธต ามเงอ่ื นไข
แนวคิดการท�างานแบบมีเงื่อนไขนักเรียน ที่กําหนด
จะต้องเข้าใจเงื่อนไขต่างๆ ที่ก�าหนดไว้ให้ µÇÑ ÍÂÒ‹ § ¡Ò÷Òí §Ò¹áººÁÕà§×è͹ä¢
ชดั เจนกอ่ น แลว้ จงึ นา� เหตผุ ลเชงิ ตรรกะมาชว่ ย
ในการพิจารณาแก้ไขปัญหา ท่ีบา นของพลอยใสมีขยะจาํ นวนมาก พลอยใสจงึ ตอ งการแยกขยะ
เพือ่ ทง้ิ ลงในถังขยะทีร่ องรบั ขยะแตละประเภท โดยมีเง่ือนไข ดงั น้ี
5. ครูให้นักเรียนพิจารณาเงื่อนไขในการทิ้งขยะ
ลงถังจากตัวอย่างการท�างานแบบมีเงื่อนไข 1. ถาเปน ขยะรีไซเคลิ จะตองนํามาใสถังสีเหลอื ง
ในหนังสือเรียน หน้า 12 พร้อมทั้งวิเคราะห 2. ถา เปนขยะที่ยอยสลายได จะตอ งนํามาใสถ งั สีเขียว
ขยะแต่ละประเภทท่ีก�าหนดให้ว่า เป็นขยะ 3. ถาเปนขยะท่วั ไป จะตองนํามาใสถงั สีนํา้ เงนิ
ประเภทใด 4. ถา เปน ขยะอันตราย จะตอ งนาํ มาใสถังสแี ดง

¡ÃдÒÉ ËÅÍ´ä¿

¶Ø§¢¹Á àÈÉÍÒËÒÃ

12

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 12

เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา้ งเสรมิ

ครูอาจอธบิ ายให้นกั เรยี นฟังวา่ แนวคดิ การทา� งานแบบมเี งื่อนไข เป็นการ ครใู ห้นักเรียนแบง่ กลุ่ม กล่มุ ละ 3-4 คน ชว่ ยกนั ยกตวั อยา่ ง
ทา� งานหรอื กจิ กรรมทม่ี เี งอื่ นไขเปน็ ตวั กา� หนด ซงึ่ นกั เรยี นจะตอ้ งทา� ความเขา้ ใจ กิจวัตรประจ�าวัน หรือเหตุการณที่พบเห็นในชีวิตประจ�าวันที่มี
กับเงอ่ื นไขต่างๆ ใหช้ ดั เจนกอ่ น แล้วจึงนา� เหตผุ ลเชิงตรรกะเขา้ มาชว่ ยในการ ลกั ษณะเปน็ การทา� งานแบบมเี งอื่ นไขมากลมุ่ ละ 1 ตวั อยา่ ง จากนนั้
พจิ ารณาหาวิธกี ารแกป้ ญั หา เพอ่ื ให้ไดผ้ ลลัพธตามเงอื่ นไขทีก่ า� หนด ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมาน�าเสนอหน้าช้นั เรยี น

ความรูเสริม

แนวคดิ การทา� งานแบบมเี งอ่ื นไข จะมกี ารเปรยี บเทยี บหรอื ตรวจสอบขอ้ มลู
เพ่ือหาวิธีในการท�างานท่ีถูกต้อง และเป็นไปตามความต้องการของเงื่อนไข
หรอื ทศิ ทางการทา� งานทต่ี อ้ งการ โดยผลลพั ธข องการเปรยี บเทยี บหรอื ตรวจสอบ
ข้อมูลตามเงื่อนไขมีความเป็นไปได้ 2 ทิศทาง คือ ผลท่ีให้ค่าเป็นจริง (True)
และผลทใ่ี ห้ค่าเปน็ เทจ็ (False)

T22

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

เมอ่ื พจิ ารณาเงอ่ื นไขทก่ี าํ หนดให แลว สามารถแยกขยะเพอื่ ทงิ้ ลงใน ขน้ั สอน
ถังขยะท่รี องรบั ขยะแตละประเภทได ดังน้ี
อธบิ ำยควำมรู้

6. ครอู ธบิ ายใหน้ ักเรียนฟงั ว่า เมอื่ นกั เรยี นทราบ
แล้วว่า ขยะแต่ละชนิดเป็นขยะประเภทใด
นักเรียนก็จะสามารถแยกขยะลงในถังขยะ
ที่รองรับได้ เช่น ขยะกระดาษ เป็นขยะ
ทส่ี ามารถรไี ซเคลิ ไดจ้ งึ ตอ้ งทง้ิ ลงในถงั สเี หลอื ง
หรือขยะเศษอาหารเป็นขยะท่ีสามารถย่อย
สลายได้จึงตอ้ งทิง้ ลงในถงั สเี ขยี ว

¢ÂÐÃÕä«à¤ÅÔ ¢ÂзèÂÕ Í‹ ÂÊÅÒÂä´Œ
¡ÃдÒÉ໹š ¢ÂÐÃÕä«à¤ÔÅ àÈÉÍÒËÒÃ໚¹¢ÂзÕè‹ÍÂÊÅÒÂä´Œ
¨§Ö µŒÍ§¹Òí ÁÒãÊ‹¶§Ñ ÊÕàËÅ×ͧ ¨§Ö µÍŒ §¹Òí ÁÒãʶ‹ ѧÊÕà¢ÂÕ Ç

¢ÂзèÇÑ ä» ¢ÂÐÍ¹Ñ µÃÒÂ
¶§Ø ¢¹Á໹š ¢ÂзÑèÇä» ËÅÍ´ä¿à»¹š ¢ÂÐÍ¹Ñ µÃÒÂ
¨§Ö µÍŒ §¹Òí ÁÒãÊ‹¶§Ñ Ê¹Õ Òéí à§¹Ô ¨Ö§µŒÍ§¹íÒÁÒãʶ‹ §Ñ ÊÕá´§

ภาพท่ี 1.3 ตัวอยางการทาํ งานแบบมีเงอื่ นไข

13

ภาพจาก หนังสือเรยี น หนา 13

กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู

ครูอาจเตรียมบัตรภาพหรือวัสดุท่ีจะน�ามาใช้เป็นขยะ เช่น ครูอธิบายเก่ียวกับวิธีการแยกขยะเพ่ือท้ิงลงในถังขยะท่ีรองรับขยะ
ขวดน�้าพลาสตกิ กระดาษหนงั สอื พมิ พ ถุงขนม มาไว้ใหน้ ักเรยี น แต่ละประเภทให้นักเรียนฟังว่า ในการแยกขยะนักเรียนจะต้องมีการพิจารณา
ท�ากิจกรรมภายในช้ันเรียน โดยครูอาจหยิบบัตรภาพหรือวัสดุ ก่อนว่า ขยะช้ินนั้นเป็นขยะประเภทใด แล้วขยะประเภทน้ันจะต้องท้ิงลงใน
ทจ่ี ะนา� มาใชเ้ ปน็ ขยะขนึ้ มา 1 ชนิ้ แลว้ ใหน้ กั เรยี นในชน้ั เรยี นรว่ มกนั ถังขยะสีใด ซ่ึงวิธีการคิดแบบนี้จะมีการน�าแนวคิดการท�างานแบบมีเงื่อนไข
วิเคราะหวา่ ขยะชิ้นนัน้ เปน็ ขยะประเภทใด และควรท้งิ ลงถังขยะ เขา้ มาช่วยในการพิจารณาแก้ปัญหา
สีใด

T23

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ Com Sci
½ƒ¡·¡Ñ ÉÐ
อธบิ ำยควำมรู้
ใหน กั เรยี นพจิ ารณาสถานการณท ก่ี าํ หนดให แลว ใชแ นวคดิ การทาํ งาน
7. ครูให้นกั เรียนทา� กจิ กรรมฝกทกั ษะ Com Sci แบบมีเง่ือนไขมาชวยในการแกป ญหา และตอบคําถามลงในสมุด
โดยให้นักเรียนพิจารณาสถานการณที่ก�าหนด
ให้ แลว้ ใชแ้ นวคิดการทา� งานแบบมีเงือ่ นไขมา สถานการณ : ปเู ขา รว มการแขง ขนั วงิ่ ประจาํ โรงเรยี นซงึ่ มรี ะยะทาง
ช่วยในการแก้ปัญหา โดยครูอาจก�าหนดเวลา 3 กโิ ลเมตร โดยมเี งอื่ นไขวา
ท่ีปูใช้ในการวิ่ง แล้วให้นักเรียนพิจารณาว่า
ปูจะได้รับรางวัลหรือไม่ ถ้าได้รับรางวัลจะได้ • ถา เขา เสน ชยั ภายในระยะเวลา 25 นาที จะไดร บั เหรยี ญทอง
รบั เหรียญชนิดใด • ถา เขา เสน ชยั ภายในระยะเวลา 26-30 นาที

จะไดร ับเหรยี ญเงิน
• ถา เขา เสน ชยั ภายในระยะเวลา 31-35 นาที

จะไดรับเหรียญทองแดง
• ถาเกนิ ระยะเวลาท่ีกําหนด จะไมไ ดร ับรางวัล

แนวคดิ การทาํ งานแบบมเี งอ่ื นไข

บนั ทกึ ลงในสมดุ

ทกั ษะการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 2. ทักษะการคิดเชิงคาํ นวณ

14 1. ทักษะการแกปญหา

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 14

เกร็ดแนะครู ข้อสอบเนน้ การคดิ

ครูให้นักเรียนท�ากิจกรรมฝกทักษะ Com Sci โดยให้นักเรียนพิจารณา พิจารณาสถานการณท์ ีก่ �าหนดให้ ใชแ้ นวคดิ ใดในการแกป้ ัญหา
สถานการณท่ีก�าหนดให้ แล้วจึงน�าแนวคิดการท�างานแบบมีเง่ือนไขมาช่วย
ในการแก้ปัญหา ซ่ึงหลังจากท่ีนักเรียนในชั้นเรียนท�ากิจกรรมฝกทักษะ เปรย้ี วตอ้ งการแยกกระดาษตา งๆ ออกจากกนั โดยกระดาษขาว
Com Sci เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ครจู งึ สมุ่ นกั เรยี นออกมาแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ใสไว้ในกลอง A สวนกระดาษสใี สไว้ในกลอง B
การน�าแนวคิดการท�างานแบบมีเงื่อนไขมาใช้ในการแก้ปัญหาของสถานการณ
ตามทน่ี ักเรียนได้วิเคราะหม า 1. ล�าดับ
2. วนซา�้
T24 3. มเี งอื่ นไข
4. มเี รอ่ื งราว
(วเิ คราะห์คา� ตอบ จากสถานการณ์ที่ก�าหนดให้เปร้ียวจะต้อง
พิจารณากระดาษที่มีอยู่ โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าเปนกระดาษขาว
จะตอ้ งใส่ไว้ในกล่อง A แตถ่ า้ เปนกระดาษสจี ะตอ้ งใสไ่ วใ้ นกล่อง
B ซงึ่ การพจิ ารณาเงอ่ื นไขนนั้ เปน การคดิ โดยใชแ้ นวคดิ การทา� งาน
แบบมเี งอ่ื นไข ดังนั้น ตอบข้อ 3.)

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

2.3 แนวคิดการทาํ งานแบบวนซํา้ ขน้ั สอน

การทาํ งานแบบวนซาํ้ คอื การทาํ งานหรอื กจิ กรรมทม่ี ลี กั ษณะ อธบิ ำยควำมรู้
เดียวกันหลาย ๆ คร้ัง จนกระท่ังไดผลลัพธตามเง่ือนไขท่ีกําหนด
ซง่ึ อาจมกี ารกาํ หนดจาํ นวนครง้ั การทาํ งานทแ่ี นน อนหรอื ไมแ นน อน 8. ครูอธบิ ายให้นักเรียนฟงั วา่ แนวคิดการทา� งาน
ก็ได แบบวนซ้�ามีทั้งแบบท่ีมีจ�านวนคร้ังแน่นอน
µÇÑ ÍÂÒ‹ § ¡Ò÷íҧҹẺǹ«éÒí ·ÕÁè ¨Õ Òí ¹Ç¹¤Ãé§Ñ á¹¹‹ ͹ และไม่แน่นอน

9. นักเรียนดูภาพตัวอย่างการท�างานแบบวนซ้�า
ทมี่ จี า� นวนครง้ั แนน่ อนจากหนงั สอื เรยี น หนา้ 15
จากนั้นครูชี้ให้นักเรียนเห็นว่า ภาพด้านบน
เป็นการท�างานที่มีลักษณะเดียวกันหลายๆ
ครงั้ ซงึ่ สามารถนา� มาเขยี นเปน็ การทา� งานแบบ
วนซา้� ได้ดงั ภาพด้านล่าง

àÃÔèÁµ¹Œ ÇÔ§è Ãͺ·Õè 1 ÇÔè§Ãͺ·èÕ 2 ÇÔè§Ãͺ·Õè 3 ËÂØ´Çè§Ô

จากภาพ จะเห็นวา มีการวิง่ ซ้าํ กันจาํ นวน 3 รอบ จงึ สามารถ
นาํ เสนอโดยใชแ นวคดิ การทาํ งานแบบวนซํา้ ได ดังนี้

3

àÃÔèÁµ¹Œ ÇÔè§ 3 Ãͺ ËÂØ´ÇÔè§

ภาพที่ 1.4 การทาํ งานแบบวนซา้ํ ทมี่ จี ํานวนครัง้ แนน อน 15

ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 15

ข้อสอบเนน้ การคดิ เกร็ดแนะครู

พจิ ารณาขอ้ ความทกี่ า� หนดให้ เปน แนวคดิ การทา� งานแบบวนซา้� ครอู ธิบายใหน้ กั เรียนฟังวา่ แนวคิดการทา� งานแบบวนซ้า� อาจมกี ารก�าหนด
รูปแบบใด จ�านวนคร้ังการท�างานที่แน่นอนหรือไม่แน่นอนก็ได้ โดยการท�างานแบบวนซ�้า
ท่ีมีจ�านวนคร้ังแน่นอนจะมีการก�าหนดจ�านวนครั้งในการท�างานซ้�าไว้ โดยเม่ือ
กล้าตักนา้� ใสกะละมัง 15 ขัน น�า้ จงึ จะเตม็ กะละมัง ทา� งานจนครบจ�านวนคร้ังท่กี �าหนดแลว้ จงึ หยดุ ท�างาน จากน้นั ครจู งึ ให้นกั เรยี น
ดูตัวอย่างการทา� งานแบบวนซา�้ ทม่ี จี �านวนครั้งแนน่ อนจากในหนังสอื เรยี น
1. มเี งื่อนไข
2. มีล�าดบั ชดั เจน T25
3. มจี า� นวนคร้ังแน่นอน
4. มจี า� นวนครั้งไมแ่ น่นอน
(วิเคราะหค์ �าตอบ จากโจทย์ท่กี �าหนดให้จะเหน็ ไดว้ า่ การที่กลา้
จะตอ้ งตกั นา้� ใสก่ ะละมงั จา� นวน 15 ขนั เปน การกา� หนดจา� นวนครงั้
ในการท�างานทีแ่ น่นอน นน่ั คอื เมือ่ กลา้ ตกั นา�้ ครบ 15 ขัน แลว้ น้�า
จะเต็มกะละมังทันที ซ่ึงเปนการท�างานแบบวนซ�้าท่ีมีจ�านวนคร้ัง
แนน่ อน ดงั นั้น ตอบขอ้ 3.)

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน µÑÇÍ‹ҧ ¡Ò÷íҧҹẺǹ«Òíé ·ÕÁè Õ¨íҹǹ¤Ã§éÑ äÁ‹á¹¹‹ ͹

อธบิ ำยควำมรู้ .....

10. นักเรียนดูภาพตัวอย่างการท�างานแบบวนซ้�า àÃÔèÁµŒ¹ 㪌¢Ñ¹µ¡Ñ ¹éíÒ ãªŒ¢¹Ñ µ¡Ñ ¹íéÒ Ë嫯 ÍÒº¹Òéí
ท่ีมีจ�านวนคร้ังไม่แน่นอนจากหนังสือเรียน
หน้า 16 จากนั้นครูชี้ให้นักเรียนเห็นว่า
ภาพด้านบนเป็นภาพท่ีแสดงถึงการใช้ขัน
ตกั นา�้ อาบโดยไมท่ ราบจา� นวนครงั้ วา่ จะตอ้ ง
ใช้ขันตักน้�าก่ีครั้งเพ่ืออาบน้�าจนกว่าสบู่
จะหมด ดังนั้นจึงสามารถน�ามาเขียนเป็น
การทา� งานแบบวนซา้� ได้ดังภาพดา้ นลา่ ง

11. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นฟงั วา่ แนวคดิ การทา� งาน
แบบวนซ้�าจะช่วยลดขั้นตอนในการท�างาน
หรอื การแกป้ ัญหาต่างๆ ใหส้ น้ั ลงได้

จากภาพ จะเห็นวา มีการใชขันตักน้ําเพ่ืออาบน้ําจนกวาสบู
จะหมด ซึ่งไมทราบจํานวนครั้งที่แนนอน จึงสามารถนําเสนอโดยใช
แนวคดิ การทํางานแบบวนซา้ํ ได ดังนี้

àÃÔèÁµŒ¹ 㪌¢¹Ñ µ¡Ñ ¹éíÒ ËÂØ´ÍÒº¹éíÒ

ภาพที่ 1.5 การทาํ งานแบบวนซา้ํ ท่มี จี ํานวนครงั้ ไมแ นน อน

ÁÁØ Com Sci

แนวคิดการทํางานแบบวนซ้ํา ชวยใหสามารถออกแบบกระบวนการ
ทํางานไดอยางกระชับ ชัดเจน และไมซ ํา้ ซอน

16

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 16

เกร็ดแนะครู ขอ้ สอบเนน้ การคิด

ในการเรียนการสอนเกย่ี วกับ การทา� งานแบบวนซ�า้ ท่ีมีจา� นวนครงั้ แนน่ อน การปฏิบัติตนของบุคคลใด เปนการท�างานแบบวนซ้�าที่มี
ครูอาจให้นักเรียนพิจารณาภาพการใช้ขันตักน�้าจากหนังสือเรียนก่อน จากน้ัน จ�านวนคร้งั ไมแนนอน
ครจู งึ ถามนกั เรยี นวา่ นกั เรยี นคดิ วา่ ในการใชข้ นั ตกั นา้� เปน็ การทา� งานแบบวนซา�้
หรือไม่ อย่างไร โดยหลังจากท่ีนักเรียนตอบค�าถามเสร็จแล้ว ครูจึงอธิบาย 1. แกว้ แปรงฟนั จนกว่าฟนั จะสะอาด
การท�างานแบบวนซ�า้ ทม่ี ีจา� นวนครัง้ แน่นอนให้นกั เรยี นฟัง 2. ก้านใชด้ นิ สอวาดภาพตามขนั้ ตอนทค่ี รูสอน
3. ก่ิงเกบ็ ของเล่นลงกลอ่ งตามประเภทของของเลน่
4. ก้อยนา� หนังสือจา� นวน 5 เล่ม ใสล่ งในกระเปาทีละเลม่

(วเิ คราะหค์ า� ตอบ จากตัวเลือกที่ก�าหนดให้สามารถวิเคราะห์
ไดว้ า่ การแปรงฟนั จนกวา่ ฟนั จะสะอาด เปน การทา� งานแบบวนซา�้
ทม่ี จี า� นวนครงั้ ไมแ่ นน่ อน เน่อื งจากไมไ่ ดม้ ีการกา� หนดจา� นวนครงั้
ในการแปรงฟนั วา่ จะต้องแปรงฟนั กี่ครงั้ ฟันจงึ จะสะอาด ดงั นั้น
ตอบข้อ 1.)

T26

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

¡Ô¨¡ÃÃÁ Com Sci ขนั้ สอน
½ƒ¡·¡Ñ ÉÐ
อธบิ ำยควำมรู้
ใหนกั เรยี นพจิ ารณาสถานการณตอไปนี้ แลว ตอบคาํ ถามวา เปน การ
ทํางานแบบวนซาํ้ หรือไม และเปน การทํางานแบบวนซ้ํารปู แบบใด 12. ครใู หน้ กั เรยี นทา� กจิ กรรมฝก ทกั ษะ Com Sci
โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาสถานการณ
1. โปร บั ประทานอาหารโดยตกั อาหาร ที่ก�าหนดให้ แล้วตอบค�าถามว่า เป็นการ
เขาปากจนกวาจะอ่มิ ทา� งานแบบวนซา้� หรอื ไม่ และเปน็ การทา� งาน
แบบวนซ้�ารูปแบบใด โดยให้นักเรียนบันทึก
................................................................................................................................................ ลงในสมุด

2. โปจ ดั หนังสอื เรยี นใสกระเปานกั เรียน 13. ครใู หน้ กั เรยี นนา� ใบงานท่ี 1.1.1 เรอ่ื ง ตอ่ ยอด
ทลี ะเลม จนครบทุกวบชิ ันทาึกลงในสมดุ................................................................................................................................................ การแกป้ ญั หาเชงิ ตรรกะ ทน่ี กั เรยี นเคยทา� ไว้
มาฉายลงบนโปรเจกเตอรหรือบนกระดาน
3. ปคู ุยกับเพอื่ นขณะเรยี นหนงั สือจึงโดน เพ่ือใหน้ กั เรียนพจิ ารณาว่า วธิ กี ารแก้ปญั หา
ลงโทษใหค ัดลายมอื จาํ นวน 4 หนา ท่ีนักเรียนเขียนไว้ในใบงานน้ีใช้วิธีการ
แกป้ ญั หารปู แบบใดบา้ ง
................................................................................................................................................

4. ปเู ลน เกมทายตัวเลข โดยตอ งทายตัวเลข
ใหถ กู ตองภายใน 3 ครัง้

................................................................................................................................................

ทกั ษะการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 2. ทกั ษะการคิดเชิงคาํ นวณ 17
1. ทกั ษะการแกป ญ หา

ภาพจาก หนงั สอื เรียน หนา 17

กจิ กรรม สร้างเสริม เกร็ดแนะครู

หลังจากท่ีนักเรียนได้เรียนรู้เก่ียวกับแนวคิดการท�างานแบบ ครูให้นักเรียนท�ากิจกรรมฝกทักษะ Com Sci โดยให้นักเรียนพิจารณา
วนซา้� ไปแลว้ ครอู าจหาโจทยท เี่ กย่ี วขอ้ งกบั แนวคดิ นม้ี าใหน้ กั เรยี น สถานการณท่ีก�าหนดให้ แล้ววิเคราะหวา่ ในแตล่ ะสถานการณเป็นการท�างาน
ท�า หรอื ครูอาจให้นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 3-4 คน ชว่ ยกันระดม แบบวนซ�้าที่มีจ�านวนคร้ังแน่นอนหรือไม่แน่นอน โดยหลังจากที่นักเรียนทุกคน
ความคิดเพ่ือยกตัวอย่างกิจกรรมในชีวิตประจ�าวันท่ีใช้แนวคิด ท�ากจิ กรรมฝก ทกั ษะ Com Sci เสร็จเรยี บร้อยแล้ว ครจู ึงให้นักเรยี นในช้ันเรยี น
การท�างานแบบวนซ�้า โดยหลังจากนักเรียนแต่ละกลุ่มระดม ร่วมกันเฉลยคา� ตอบ เพอื่ เปน็ การทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี น
ความคดิ เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ครใู หต้ วั แทนของแตล่ ะกลมุ่ ออกมาพดู
อธบิ ายตัวอยา่ งน้ันบรเิ วณหนา้ ชั้นเรยี น

T27

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ¡¨Ôต¡ามÃตÃดิÁช½ีวƒ¡ติ ·ล¡ÑุงพÉลзèÕ 3 Creating ไดค ะแนน คะแนนเตม็
Evaluating
ขยำยควำมเขำ้ ใจ Analyzing 10
Applying
1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน จากน้ัน Understanding
ครูอ่านสถานการณจ ากกจิ กรรมฝก ทกั ษะท่ี 3 Remembering
เรอื่ ง ตามตดิ ชวี ติ ลงุ พล ในแบบฝก หดั หนา้ 14
ใหน้ กั เรยี นฟงั แลว้ ครถู ามคา� ถามกบั นกั เรยี นวา่ อานและวเิ คราะหสถานการณทก่ี าํ หนด แลว ตอบคาํ ถาม
มีช่วงใดบ้างที่สามารถใช้แนวคิดการท�างาน
รูปแบบต่างๆ มาใช้ในการอธิบายการด�าเนิน ลุงพลมีอาชีพขับรถสงพัสดุ ในแตละวันลุงพลจะตื่นนอนในตอนเชา 2. สถานการณชวงใดท่ีสามารถใชแนวคิดการทํางานแบบมีเง่ือนไข
ชีวิตของลุงพลได้ โดยครูให้นักเรียนในแต่ละ อาบนา้ํ รบั ประทานอาหารเชา และออกไปทาํ งาน ในการเดนิ ทางไปทาํ งาน ในการอธบิ ายได
กลุ่มช่วยกันวิเคราะหและเขียนค�าตอบลงใน ถาหากรถติดลุงพลจะน่ังรถจักรยานยนตสาธารณะ แตถารถไมติดลุงพล
แบบฝก หดั จะนงั่ รถสองแถวประจาํ ทาง เมอื่ ถงึ ทที่ าํ งาน ลงุ พลเรมิ่ ทาํ งานโดยยกกลอ ง 1) ถารถติดลงุ พลจะนงั่ รถจักรยานยนตส าธารณะ แตถา รถไมต ิดลงุ พลจะ...................................................................................................................................................................................................................................
พัสดุขึ้นรถกระบะทีละกลอง เมื่อพัสดุเต็มรถกระบะ จึงขับรถไปสงพัสดุ น่ังรถสองแถวประจําทาง...................................................................................................................................................................................................................................
2. หลังจากนักเรียนแต่ละกลุ่มท�ากิจกรรมฝก ตามสถานที่ตาง ๆ เมื่อสงครบแลวจึง 2) ถายกกลองพัสดุข้ึนรถเต็มแลว ใหขับรถไปสงได แตถากลองพัสดุยัง...................................................................................................................................................................................................................................
ทักษะท่ี 3 เสรจ็ เรยี บร้อยแล้ว ครใู ห้นักเรียน นาํ รถกระบะกลบั มาที่ทาํ งาน เลกิ งาน ไมเต็มรถ ใหยกกลองพัสดุตอ จนกวา จะเต็ม...................................................................................................................................................................................................................................
แต่ละกลมุ่ ออกมานา� เสนอหน้าช้นั เรยี น กลบั บา น รบั ประทานอาหารเยน็ อาบนาํ้ 3) ถา สงพัสดคุ รบแลว ใหน าํ รถกลบั มาคนื แตถ า ยงั ไมค รบ ใหสงพัสดตุ อ...................................................................................................................................................................................................................................
เฉฉบลับย และเขา นอน จนกวา จะครบ...................................................................................................................................................................................................................................

1. สถานการณชวงใดท่ีสามารถใชแนวคิดการทํางานแบบลําดับใน
การอธบิ ายได

สามารถตอบไดห ลากหลายรปู แบบ ขน้ึ อยกู บั การวเิ คราะหส ถานการณข อง...................................................................................................................................................................................................................................
นกั เรยี น โดยคณุ ครตู อ งคาํ นงึ วา แนวคดิ การทาํ งานแบบลาํ ดบั จะตอ งมกี าร...................................................................................................................................................................................................................................
กําหนดกอ น-หลังอยา งชัดเจน โดยจะตอ งทาํ งานในข้นั แรกใหส ําเร็จกอ น...................................................................................................................................................................................................................................
จงึ จะเร่ิมทาํ ในขนั้ ถดั ไปได...................................................................................................................................................................................................................................
ตวั อยา ง : ตืน่ นอน อาบนํ้า รบั ประทานอาหารเชา เดนิ ทางไป...................................................................>.....................................>................................................................................>...........................................
ทาํ งาน เรม่ิ ทาํ งาน เลกิ งาน กลบั บา น รบั ประทานอาหารเยน็.........................>...........................................>...................................>........................................>...............................................................................>.....
อาบนา้ํ เขานอน..........................>.........................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................

14

................................................................................................................................................................................................................................... เฉฉบลบั ย

3. สถานการณชวงใดที่สามารถใชแนวคิดการทํางานแบบวนซํ้าใน
การอธบิ ายได

1) การยกกลอ งพัสดขุ นึ้ รถกระบะทีละกลอ งจนกวาจะเต็มรถกระบะ...................................................................................................................................................................................................................................
2) การขับรถสงพัสดุตามสถานที่ตาง ๆ จนกวาจะครบ...................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................

เกณฑการใหค ะแนน คะแนนตอขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑการตดั สิน
รายการประเมิน

ใชเ หตผุ ลเชิงตรรกะในการอธบิ ายและออกแบบวิธกี าร 10 • 6 คะแนนข้ึนไป = ผาน
แกป ญ หาแบบตา ง ๆ ได • ตํ่ากวา 6 คะแนน = ปรับปรงุ

คะแนนเตม็ 10

ทกั ษะการเรยี นรูในศตวรรษที่ 21
1. ทักษะการแกป ญ หา
2. ทักษะการคดิ เชิงคาํ นวณ 15

ภาพจาก ขอ้ สอบเนน้ การคดิ

แบบฝกหัด พจิ ารณาสถานการณท์ ก่ี า� หนดให้ เปน การใชแ้ นวคดิ การทา� งาน
หน้า 14-15 รูปแบบใด

เกร็ดแนะครู แจนยืนแจกใบปลิวประชาสัมพันธ์กิจกรรมวันวิทยาศาสตร์
ของโรงเรียนใหก้ บั นักเรียนจา� นวน 100 ใบ
ก่อนที่ครูจะให้นักเรียนท�ากิจกรรมฝกทักษะท่ี 3 เร่ือง ตามติดชีวิตลุงพล
ครูอาจพูดทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับแนวคิดการท�างานแบบล�าดับ แนวคิด 1. ลา� ดับ
การท�างานแบบมีเง่ือนไข และแนวคิดการท�างานแบบวนซ้�าก่อน เพื่อเป็น 2. มเี งอ่ื นไข
การทบทวนความรู้ของนักเรียน ให้นักเรียนสามารถท�ากิจกรรมฝกทักษะใน 3. วนซ�า้ ทมี่ จี �านวนคร้งั แน่นอน
แบบฝกหดั ได้ 4. วนซา�้ ท่ีมจี �านวนคร้ังไม่แน่นอน
(วิเคราะห์คา� ตอบ จากโจทยท์ กี่ า� หนดใหจ้ ะเหน็ ไดว้ า่ แจนจะตอ้ ง
T28 ยืนแจกใบปลิวซ�้าๆ แบบเดิมจ�านวน 100 ครั้ง ซึ่งมีการก�าหนด
จ�านวนคร้ังในการทา� งานซ�า้ อยา่ งชัดเจน ดงั นั้น ตอบข้อ 3.)

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

Ẻ½¡ƒ Ë´Ñ แนวคิดในการแกป ญหา คะแนนเตม็ 2. พจิ ารณาสถานการณท กี่ าํ หนด แลว ใชแนวคดิ การทาํ งานแบบมเี งอื่ นไข ขนั้ สอน
มาแกปญหา (10 คะแนน)
20 ขยำยควำมเขำ้ ใจ
1. ˌͧÊÁ´Ø ¢Í§âçàÃÂÕ ¹áË‹§Ë¹§Öè ¨´Ñ ·íÒ¡¨Ô ¡ÃÃÁ ᨡ˹ѧÊÍ× ã˹Œ ŒÍ§ÍÒ‹ ¹
1. ดูภาพและพิจารณาขอความท่ีกําหนดให แลวเรียงลําดับขั้นตอน à¾×èÍÅØŒ¹ÃÒ§ÇÑŪش˹ѧÊ×ÍÍ‹Ò¹¹Í¡àÇÅÒ â´Âà§×è͹䢢ͧ¡ÒÃä´ŒÃѺ 3. ครูให้นักเรียนท�าแบบฝกหัด เรื่อง แนวคิด
การรีดเสอื้ นักเรียนโดยใชแนวคดิ การทาํ งานแบบลาํ ดบั (5 คะแนน) ÃÒ§ÇÅÑ Á´Õ §Ñ ¹Õé ในการแก้ปัญหา ในแบบฝกหัด หน้า 6-9
1) ໚¹ÊÁÒª¡Ô ¢Í§ËÍŒ §ÊÁØ´äÁ¹‹ ŒÍ¡ÇÒ‹ 1 »‚ ดงั น้ี ข้อ 1. เป็นแนวคดิ การท�างานแบบลา� ดับ
Ã´Õ àÊÍé× ¹Ñ¡àÃÂÕ ¹ 2) Á¢Õ ŒÍÁÅÙ ¡ÒÃÂÁ× Ë¹§Ñ ÊÍ× ¨Ò¡ËŒÍ§ÊÁØ´äÁ‹¹ÍŒ ¡ÇÒ‹ 40 ¤Ãéѧ ให้นักเรียนพิจารณาภาพและข้อความที่
ÁÕ¢Ñ¹é µÍ¹Í‹ҧäùР3) äÁÁ‹ Õ»ÃÐÇѵ¡Ô Ò÷íÒ¼´Ô ¡®ÃÐàºÂÕ º¢Í§ËÍŒ §ÊÁ´Ø ઋ¹ ¡Òä¹× ˹ѧÊÍ× ก�าหนดให้ แล้วล�าดับขั้นตอนการการรีด
ªÒŒ ¡Ç‹ÒÇѹ·è¡Õ íÒ˹´ เส้ือนักเรียนให้ถูกต้อง ข้อ 2. เป็นแนวคิด
«èÖ§ÊÒÁÒöʋ§ÃÒª×Íè à¾×èÍÅØŒ¹ÃºÑ ÃÒ§ÇÅÑ ä´Œ·èաŋͧ˹Ҍ ˌͧÊÁØ´ การท�างานแบบมีเง่ือนไข ให้นักเรียน
อ่านสถานการณและเงื่อนไขท่ีก�าหนดให้
จากสถานการณ มนี ักเรียนสงรายชอื่ เพ่ือลนุ รับรางวลั ดังน้ี แลว้ ตอบคา� ถามใหถ้ กู ตอ้ ง และขอ้ 3. เปน็ แนวคดิ
การท�างานแบบวนซ้�า ให้นักเรียนพิจารณา
เฉฉบลบั ย ชอ่ื ´.Þ.¡Ò¹¾ÅÙ ãºà¢ÂÕ Ç....................................................................... ชื่อ ´.ª.àÃÇµÑ àËÅÒ‹ ´Õ....................................................................... เฉฉบลับย สถานการณที่ก�าหนดให้ แล้วบอกว่าเป็นการ
ระยะเวลาการเปน สมาชกิ ระยะเวลาการเปน สมาชิก ท�างานแบบวนซ้�าหรือไม่ และเป็นการท�างาน
• รดี แขนเสอ้ื 1. พรมนํา้ ที่เส้อื นกั เรยี น................................................................................................................. ของหอ งสมุด 1 »‚ 2 à´×͹...................................................................... ของหอ งสมุด 15 à´Í× ¹...................................................................... แบบวนซ�้ารปู แบบใด
• รดี ตวั เสอ้ื ดา นหนา ยืมหนงั สือจากหองสมดุ 43...........................ครง้ั ยืมหนังสือจากหอ งสมดุ 35...........................คร้งั
• รดี ปกเสอ้ื ................................................................................................................. ประวตั กิ ารทาํ ผิดกฎระเบียบ ประวัติการทําผิดกฎระเบียบ
• รดี ตัวเสื้อดา นหลัง ของหองสมุด äÁÁ‹ Õ...................................................................... ของหองสมดุ äÁ‹ÁÕ......................................................................
• พรมนํ้าทเ่ี สอ้ื นกั เรียน 2. รดี ปกเส้อื.................................................................................................................
ชอ่ื ´.Þ.à¢ÁÔ¡Ò ã¨´Õ.................................................................... ชอ่ื ´.ª.¸ÒÇ¹Ô Ê¢Ø Êѹµ....................................................................
6 ................................................................................................................. ระยะเวลาการเปนสมาชิก ระยะเวลาการเปน สมาชกิ
ของหองสมดุ 11 à´Í× ¹...................................................................... ของหอ งสมุด 15 à´Í× ¹......................................................................
3. รีดตวั เส้ือดานหนา................................................................................................................. ยืมหนังสือจากหอ งสมุด 50...........................คร้ัง ยืมหนังสือจากหองสมุด 40...........................ครงั้
ประวตั ิการทําผดิ กฎระเบียบ ประวตั กิ ารทําผดิ กฎระเบยี บ
................................................................................................................. ของหองสมดุ äÁÁ‹ Õ...................................................................... ของหองสมดุ äÁÁ‹ Õ......................................................................

4. รีดตวั เส้อื ดา นหลัง................................................................................................................. นักเรียนคนใดบางท่ีมีสิทธิ์ไดรับรางวัลจากกิจกรรม แจกหนังสือให
นองอาน กานพลูและธาวนิ 7................................................................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................

5. รดี แขนเสอื้.................................................................................................................

.................................................................................................................

2. âçáÃÁºŒÒ¹ÊǹÁÕ¹âºÒÂãËŒ¾¹Ñ¡§Ò¹áÊ´§¢ŒÍ¤ÇÒÁº¹à¤Ò¹àµÍÏ 3. อานสถานการณที่กําหนด แลวบอกวาเปนการทํางานแบบวนซ้ํา
à¾è×ÍÊ×èÍÊÒáѺÅÙ¡¤ŒÒ·Õè¨ÐࢌÒÁҾѡ â´ÂÁÕ¢ŒÍ¤ÇÒÁ·Õ赋ҧ¡Ñ¹ã¹áµ‹ÅÐ หรอื ไม และเปนการทาํ งานแบบวนซาํ้ รูปแบบใด (5 คะแนน)
ª‹Ç§àÇÅÒ ´§Ñ ¹éÕ 1. นหิ นา ลงมอื วาดภาพและ
àÇÅÒ 08.00-11.59 ¹. áÊ´§¢ŒÍ¤ÇÒÁ Good Morning ระบายสตี นไมจ นเสร็จ
àÇÅÒ 12.00-17.59 ¹. áÊ´§¢ÍŒ ¤ÇÒÁ Good Afternoon
àÇÅÒ 18.00-23.59 ¹. áÊ´§¢ŒÍ¤ÇÒÁ Good Evening ไมเปนการทาํ งานแบบวนซ้ํา.........................................................................................................
¹Í¡à˹×ͨҡàÇÅÒ·èÕ¡íÒ˹´ áÊ´§¢ŒÍ¤ÇÒÁ Closed
.........................................................................................................
เฉฉบลบั ย 1) ถา ลงุ นกและครอบครวั เดนิ ทางมาถงึ ทโ่ี รงแรมบา นสวน เวลา เฉฉบลบั ย
11.50 น. พนกั งานจะแสดงขอความอยา งไร .........................................................................................................
8
Good Morning.................................................................................................................................................................................................................... .........................................................................................................

.................................................................................................................................................................................................................... 2. จอมทพั วา ยนา้ํ จากขอบสระฝง
หนึง่ ไปยงั ขอบสระอีกฝง หนึ่ง
2) ถานักทองเที่ยวชาวตางชาติเดินทางมาถึงท่ีโรงแรมบานสวน
เวลา 18.30 น. พนักงานจะแสดงขอ ความอยา งไร เปนการทาํ งานแบบวนซํ้า.........................................................................................................
ทม่ี จี าํ นวนคร้ังไมแนนอน.........................................................................................................
Good Evening....................................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................
....................................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................
3) ถา โปแ ละบอยเดนิ ทางมาถงึ ทโ่ี รงแรมบา นสวน เวลา 14.50 น.
เพ่ือนําสัมภาระเขามาเก็บและออกไปรับประทานอาหาร 3. เขตแดนตอตัวตอรูปสุนัขจน
ขา งนอกตอ แลว กลบั เขา มาใหมอ กี ครงั้ เวลา 22.40 น. โปแ ละ ครบท้ัง 15 ชนิ้
บอยจะเจอขอ ความตอ นรบั อยา งไรบา ง
เปนการทํางานแบบวนซา้ํ.........................................................................................................
Good Afternoon และ Good Evening.................................................................................................................................................................................................................... ท่ีมีจํานวนครัง้ แนน อน.........................................................................................................

.................................................................................................................................................................................................................... .........................................................................................................

4) ถานํา้ ฝนและเพ่อื น ๆ เดินทางมาถงึ ท่ีโรงแรมบานสวน เวลา .........................................................................................................
06.45 น. พนักงานจะแสดงขอความอยา งไร
เกณฑการใหคะแนน รายการประเมนิ คะแนนตอ ขอยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตัดสิน
Closed.................................................................................................................................................................................................................... 1. ระบแุ นวคิดการทํางานแบบลาํ ดบั ได 5 • 16 คะแนนขนึ้ ไป = ผาน
2. ระบุแนวคิดการทํางานแบบมเี ง่ือนไขได (2 ขอยอ ย)
.................................................................................................................................................................................................................... 3. ระบแุ นวคิดการทาํ งานแบบวนซํ้าได 5 10 • ต่ํากวา 16 คะแนน = ปรบั ปรงุ
5
คะแนนเต็ม 20

ภาพ9จาก
แบบฝก หดั
จาก แบบฝก หดั หนา 4 หน้า 6-9

ขอ้ สอบเนน้ การคิด เกร็ดแนะครู

แนวคิดการทา� งานแบบลา� ดับมีลกั ษณะอย่างไร หลังจากที่นักเรียนท�าแบบฝกหัดแต่ละข้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครูอาจสุ่ม
1. มีเง่อื นไขการท�างานชัดเจน นกั เรียน 2-3 คน ออกมาชว่ ยกนั เฉลยคา� ตอบบรเิ วณหน้าช้นั เรยี น โดยมีครคู อย
2. มีการทา� งานเดมิ ซ้า� หลายครั้ง ตรวจสอบความถูกต้องให้กับนักเรียนอีกครั้งหน่ึง หรือครูอาจจะเป็นคนเฉลย
3. สามารถท�างานขา้ มข้ันตอนได้ ค�าตอบให้นักเรียนฟังเองก็ได้เพ่ือเป็นการตรวจสอบความถูกต้องในการท�า
4. ทา� งานเรียงลา� ดับเป็นเรื่องราวต่อกนั ไป แบบฝกหดั ของนักเรียน
(วเิ คราะหค์ �าตอบ แนวคิดการท�างานแบบล�าดับเปนการท�างาน

ทมี่ กี ารกา� หนดขนั้ ตอนการทา� งานเรยี งเปน เรอ่ื งราวตอ่ กนั ไปเรอ่ื ยๆ
โดยจะตอ้ งทา� งานขน้ั ตอนแรกใหส้ า� เรจ็ กอ่ นแลว้ จงึ ทา� งานขน้ั ตอน
ถดั ไป ดงั น้นั ตอบขอ้ 4.)

T29

นา� สอน สรุป ประเมนิ

ขน้ั สรปุ 1 9

ตรวจสอบผล เเกล่นม กับ Com Sci 7

1. ครูให้นักเรียนท�ากิจกรรมสรุปความรู้ 2 เกมทางของฉัน
ประจ�าหนว่ ยที่ 1 เลม่ เกมกับ Com Sci เรอ่ื ง กตกิ า
เกมทางของฉัน ในหนังสือเรียน หน้า 18 พจิ ารณาการเดินทางของ
โดยให้นักเรียนพิจารณาเส้นทางการเดิน โปจ ากสถานการณท่ี 92 กม. เชยี งใหม
ของโปจากสถานการณที่ก�าหนดให้ โดยผู้ ลาํ ปาง
ที่ตอบถูกคนแรกเป็นผู้ชนะ
กําหนดใหโดยผทู ่ีตอบถกู 109 กม. 178 กม. 73 กม. 113 กม. 164 กม. 76 กม. แพร
2. นักเรียนตรวจสอบตนเอง โดยการบอก คนแรกจะเปนผูชนะ 337 กม.
สัญลักษณที่ตรงกับระดับความสามารถของ สถานการณ โปจะเดนิ ทาง ตาก
ตนเองเกี่ยวกับความรู้ท่ีได้ในการเรียนหน่วย พิษณุโลก
การเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง การแก้ปัญหาโดยใช้
เหตผุ ลเชิงตรรกะ ไปที่จงั หวัดเชยี งใหม โดย 185 กม.
มีเงอ่ื นไขวา ตอ งเลอื ก
พจิ ติ ร
นครสวรรค

เสน ทางท่ีสน้ั ทส่ี ุดในการ อยธุ ยา
กรงุ เทพฯ
3 เดินทาง
4
5
กิจกรรม สรปุ ความรปู ระจาํ หนว ยที่ 1
µÃǨÊͺµ¹àͧ

หลงั จากเรยี นจบหนว ยนแ้ี ลว ใหบ อกสญั ลกั ษณท ตี่ รงกบั ระดบั ความสามารถของตนเอง

รายการ เกณฑ

ดี พอใช ควรปรบั ปรงุ

1. ใชเ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแกปญ หา
2. แกป ญ หาแนวคิดการทาํ งานแบบลําดบั

แบบมเี ง่อื นไข และแบบวนซ้ํา
3. นําความรูไปใชประโยชนในชวี ิตประจาํ วนั

18

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 18

เกร็ดแนะครู ข้อสอบเน้น การคดิ

ในการทา� กจิ กรรมเลม่ เกมกบั Com Sci ครอู าจอธบิ ายกตกิ าในการเลม่ เกม เพราะเหตุใดจงึ ตอ้ งมกี ารนา� แนวคิดตา งๆ มาใชใ้ นการแกป้ ัญหา
ใหน้ กั เรยี นฟงั กอ่ น จากนน้ั จงึ ใหน้ กั เรยี นในชนั้ เรยี นชว่ ยกนั หาคา� ตอบ โดยนกั เรยี น 1. เปน็ แนวทางในการแกป้ ัญหาอนื่
ท่ีตอบค�าถามได้เป็นคนแรกถือว่าเป็นผู้ชนะ ซึ่งหลังจากที่นักเรียนท�ากิจกรรม 2. ชว่ ยใหแ้ กป้ ัญหาได้อยา่ งเปน็ ขน้ั ตอน
เสร็จเรียบร้อยแล้วครูอาจอธิบายให้นักเรียนฟังว่า กิจกรรมนี้ใช้แนวคิดในการ 3. ท�าใหแ้ กป้ ัญหาได้ตรงตามความต้องการ
ท�างานแบบใดบ้าง 4. สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ในขนั้ ตอนเดยี ว

(วิเคราะห์ค�าตอบ การน�าแนวคิดต่างๆ ไม่ว่าจะเปนแนวคิด
การท�างานแบบล�าดับ แนวคิดการท�างานแบบมีเง่ือนไข
หรือแนวคิดการท�างานแบบวนซ้�ามาใช้ในการแก้ปัญหาต่างๆ
จะชว่ ยใหส้ ามารถแกป้ ญั หาไดป้ ระสบผลสา� เรจ็ ตามความตอ้ งการ
ดังนัน้ ตอบขอ้ 3.)

T30

นา� สอน สรุป ประเมนิ

ÊÃ»Ø ÊÒÃÐÊÒí ¤ÑÞ ขนั้ สรปุ

การนาํ กฎเกณฑตา ง ๆ ตรวจสอบผล
มาใช ในการแกปญหา
3. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนหรือให้นักเรียนที่มี
ความสมัครใจออกมาพูดถึงเนื้อหาสาระท่ีได้
เรยี นรใู้ นหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง การแกป้ ญั หา
โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ โดยให้นักเรียน
พดู สรุปคนละหัวข้อ ได้แก่ เหตผุ ลเชิงตรรกะ
กับการแก้ปญั หา และแนวคดิ ในการแกป้ ญั หา

เหตุผลเชงิ ตรรกะ
กบั การแกป ญ หา

¡àÒËõá¼Ø ¡Å»Œ à˜Þª§Ô ˵ÒÃâô¡ÂÐ㪌

แนวคิดในการ
แกป ญหา

แนวคิดการทาํ งาน แนวคิดการทาํ งาน แนวคดิ การทํางาน
แบบลาํ ดบั แบบมเี ง่อื นไข แบบวนซํ้า

19

ภาพจาก หนงั สอื เรียน หนา 19

กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู

ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน จากนนั้ ครแู จกกระดาษ ครูอาจสุ่มตัวแทนนักเรียนหรือหานักเรียนที่มีความสมัครใจออกมาพูดถึง
แผ่นใหญ่ใหก้ ับนกั เรียนกลมุ่ ละ 1 แผน่ แลว้ ให้นักเรียนแตล่ ะกล่มุ เน้ือหาสาระที่ไดเ้ รยี นในหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรื่อง การแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตผุ ล
ช่วยกันระดมความคิดเก่ียวกับความรู้ที่ได้จากการเรียนในหน่วย เชงิ ตรรกะ โดยอาจสมุ่ ออกมาทงั้ หมด 2 คน แลว้ ใหน้ กั เรยี นพดู สรปุ คนละหวั ขอ้
การเรียนรูท้ ่ี 1 เร่อื ง การแก้ปัญหาโดยใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะ โดยให้ ซง่ึ ไดแ้ ก่ เหตุผลเชงิ ตรรกะกบั การแกป้ ญั หา และแนวคิดในการแกป้ ัญหา
นักเรียนสรุปความรู้ที่ได้ออกมาเป็นผังมโนทัศน (Mind Map)
เมื่อเสร็จแล้วจึงให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาน�าเสนอความรู้
ที่แตล่ ะกลมุ่ ได้รับบริเวณหนา้ ชน้ั เรยี น

T31

นา� สอน สรุป ประเมนิ

ขนั้ สรปุ กิจกรรม
เสริมสรางการเรียนรู
ตรวจสอบผล
1. ใหนักเรียนพิจารณาสถานการณที่กําหนดให แลวพูดคุยแลกเปลี่ยน
4. ครใู หน้ กั เรยี นทา� กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งการเรยี นรู้
ในหนังสือเรียน หน้า 20 โดยในข้อ 1. ความคดิ เห็นกนั ในชน้ั เรียน พรอมท้งั บันทกึ คําตอบลงในสมุด
ให้นักเรียนพิจารณาสถานการณเก่ียวกับ
การเดินทางไปหาคุณปาโดยรถไฟฟาของปู สถานการณ : ในวันหยุดปูตองเดินทางไปหาคุณปาโดยรถไฟฟา จากจุด A
ในวันหยุดท่ีก�าหนดให้ ซ่ึงปูจะต้องเลือก ไปยังจุด C ปจู ะเลือกเสนทางใดที่สน้ั ทสี่ ดุ และเสยี คาใชจา ยนอ ยทส่ี ุด
เสน้ ทางทีส่ ้นั ท่สี ุด และเสียคา่ ใชจ้ า่ ยน้อยทีส่ ุด
แล้วให้นักเรียนในช้ันเรียนพูดคุยแลกเปล่ียน C
ความคิดเห็นกันในช้ันเรียน พร้อมทั้งบันทึก D
คา� ตอบลงในสมุด

BE

F

A หมายเหตุ : คือ สถานีรถไฟฟา

รถไฟฟา อตั ราคาโดยสาร
เร่มิ ตน สถานตี อ ไป
สายสเี ขยี ว
สายสนี ํา้ เงนิ 10 บาท 3 บาท
สายสเี หลือง
สายสีสม 15 บาท 5 บาท
สายสแี ดง
20 บาท 6 บาท
20
30 บาท 8 บาท
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 20
35 บาท 8 บาท

เกร็ดแนะครู ขอ้ สอบเน้น การคดิ

การท�ากิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้ในข้อ 1. ของนักเรียน ครูอาจถาม พจิ ารณาภาพทก่ี �าหนดให้ แล้วบอกวา ภาพท่หี ายไปคือภาพใด
ค�าถามกับนักเรียนในชั้นเรียนก่อนเพื่อน�าเข้าสู่กิจกรรมเก่ียวกับการเดินทาง
โดยรถไฟฟาก่อน จากน้ันครูจึงให้นักเรียนลงมือท�ากิจกรรมฝกทักษะ โดยให้ ?
นักเรียนเลือกเส้นทางท่ีสั้นท่ีสุด และเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดในการเดินทาง
จากจุด A ไปจุด C 1. 2. 3. 4.

(วิเคราะหค์ �าตอบ จากโจทย์จะเห็นได้ว่าต�าแหน่งของสีแดง
จะเคลอื่ นทเ่ี ฉยี งลงไปทางขวา ซงึ่ เมอ่ื สแี ดงเคลอ่ื นทเี่ ฉยี งลงมาเจอ
กบั สเี หลอื ง จะเกดิ การผสมสกี ลายเปน สสี ม้ และเมอ่ื สแี ดงเคลอ่ื นท่ี
ออกจากสเี หลอื งกจ็ ะกลายเปนสแี ดงดังเดิม ดงั นน้ั ตอบข้อ 3.)

T32

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

2. ใหน กั เรยี นพจิ ารณาสถานการณท กี่ าํ หนดให แลว ตอบคาํ ถามใหถ กู ตอ ง ขน้ั สรปุ

โดยบนั ทึกคาํ ตอบลงในสมุด ตรวจสอบผล

สถานการณ : โปตองการเลือกซ้ืออาหารเชา โดยมีเงือ่ นไข คอื โปจ ะตองเลอื ก 5. ครใู หน้ กั เรยี นทา� กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งการเรยี นรู้
รับประทานอาหารใหครบทั้ง 5 หมู โปจะสามารถเลือกซื้ออาหารเชาไดก่ีวิธี ในหนังสือเรียน หน้า 21 โดยในข้อ 2.
อยางไรบา ง ให้นักเรียนพิจารณาสถานการณที่ก�าหนดให้
เกี่ยวกับการเลือกซื้ออาหารเช้า โดยมีเงื่อนไข
เมนูอาหาร ก�าหนดไว้ว่า จะต้องเลือกรับประทานอาหาร
ให้ครบท้งั 5 หมู่ จากนัน้ ใหน้ ักเรียนแสดงวธิ ี
การเลือกซ้ืออาหารเช้าของโปให้ถูกต้องตาม
เงอ่ื นไขทก่ี า� หนด

สับปะรด หมทู อด ขาหมพู ะโล

แกงจดื เตาหูห มสู ับ ขา วสวย

วิธีการเลือกซื้ออาหารเชา ของโป

21

ภาพจาก หนงั สือเรียน หนา 21

ขอ้ สอบเน้น การคดิ เกร็ดแนะครู

พิจารณาสถานการณ์ทีก่ า� หนดให้ ม้าตัวใดวง่ิ ได้เร็วท่สี ุด การทา� กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งการเรยี นรใู้ นขอ้ 2. ของนกั เรยี น ครอู าจใหน้ กั เรยี น
ในชนั้ เรยี นรว่ มกนั วเิ คราะหก อ่ นวา่ อาหาร 5 หมู่ ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง และใหน้ กั เรยี น
มา้ ตัวท่ี 1 ในเวลา 1 นาที ว่ิงได้ 40 เมตร ช่วยกนั ยกตวั อย่างอาหารในแตล่ ะหมู่ เชน่ หมู่ที่ 1 โปรตนี ได้แก่ เน้อื สัตว ไข่
มา้ ตัวที่ 2 ในเวลา 3 นาที ว่ิงได้ 90 เมตร ถ่ัว จากนัน้ จึงใหน้ ักเรียนลงมอื ท�ากจิ กรรมเสริมสร้างการเรียนรู้
ม้าตัวท่ี 3 ในเวลา 4 นาที ว่ิงได้ 120 เมตร
T33
1. ม้าตวั ที่ 1 2. ม้าตัวที่ 2
3. มา้ ตัวท่ี 3 4. มา้ ตวั ที่ 2 และ 3

(วเิ คราะหค์ �าตอบ จากโจทย์ท่ีก�าหนดให้ เม่ือพิจารณาแล้ว
จะพบว่า ในเวลา 1 นาที ม้าตัวที่ 1 สามารถวิ่งได้ 40 เมตร
มา้ ตัวที่ 2 สามารถวิ่งได ้ 30 เมตร และมา้ ตวั ท่ ี 3 สามารถวงิ่ ได้
30 เมตร ดังน้นั จงึ สามารถวเิ คราะหไ์ ดว้ ่า มา้ ตัวท่ีวงิ่ เรว็ ทสี่ ดุ คือ
มา้ ตวั ที ่ 1 ดังน้นั ตอบข้อ 1.)

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สรปุ ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เฉลย

ตรวจสอบผล เรอื่ ง การแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ

6. ครใู ห้นักเรียนท�าชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) คาชี้แจง: ใหน้ ักเรยี นอา่ นเงื่อนไขท่ีกาหนดให้ แลว้ ตอบคาถามลงในตารางใหถ้ ูกต้อง จากนนั ใหน้ ักเรยี นเขยี น
โดยให้นักเรียนพิจารณาเง่ือนไขที่ก�าหนดให้
แล้วให้นักเรียนตอบค�าถามลงในตาราง แนวคิดในการแกป้ ัญหา โดยอาจเขียนบอกเลา่ วาดภาพ หรือใช้สญั ลักษณ์ พร้อมทงั บอกดว้ ยวา่ นักเรียนใช้
ใหถ้ กู ต้อง จากนนั้ ให้นักเรียนเขยี นแนวคิดใน
การแกป้ ญั หาอยา่ งละเอยี ด โดยอาจใชร้ ปู แบบ แนวคดิ ใดในการแก้ปญั หา
การเขียนบอกเล่า การวาดภาพ หรือการใช้
สัญลักษณก็ได้ พร้อทั้งบอกแนวคิดท่ีนักเรียน เงือ่ นไข
ใชใ้ นการแกป้ ัญหาด้วย 1. บา้ น 4 หลงั อย่ตู ดิ กนั แตล่ ะหลังมเี จ้าของบ้านชื่อนวล โอม กลา้ และต้น โดยท่ีชื่อเจ้าของบา้ นไมเ่ รยี ง

ตามลาดบั ก่อน-หลัง และบา้ นแตล่ ะหลังจะทาสบี า้ น เลยี งสัตว์ และปลูกต้นไมห้ นา้ บ้านอยา่ งใดอย่าง

หนงึ่ ไม่ซากัน

2. สตั ว์เลยี งทงั 4 ชนิด มีสุนัขและกระรอกรวมอยดู่ ว้ ย

3. นวลอยู่บ้านหลงั ท่ี 2 และปลูกตน้ โมกไว้หนา้ บ้าน สว่ นตน้ อยู่บ้านตดิ กบั นวลและทาสบี ้านเปน็ สฟี า้

4. คนทีอ่ ยบู่ ้านสีเหลืองออ่ นจะปลกู ตน้ จาปีไว้หนา้ บา้ น และเลยี งแมว สว่ นคนทอ่ี ยู่บา้ นสีขาว มักจะมา

เลน่ กับกระรอกท่ีหน้าบา้ นทุกเช้าและเย็น

5. กล้าอยบู่ า้ นสีขาวหลังสดุ ทา้ ย ปลกู ต้นมะยมไว้หนา้ บา้ น ส่วนต้นเลยี งนก และแขวนกรงนกไว้ใต้ตน้

มะม่วง

6. โอมอยบู่ ้านหลังแรกท่ีมีสีเหลอื งอ่อน ซ่ึงอยตู่ ิดกับบา้ นสีชมพูทม่ี ตี น้ โมกปลูกไว้หน้าบ้าน

จากเงื่อนไขด้านบน สามารถนาข้อมลู มาใส่ในตารางเพ่ือตามหาลักษณะเฉพาะของบ้านแต่ละหลงั ได้ ดงั นี

บ้านหลงั ที่ 1 2 3 4

ชือ่ เจา้ ของบา้ น โอม นวล ต้น กลา้

สีบา้ น เหลอื งอ่อน ชมพู ฟ้า ขาว

สัตวเ์ ลยี ง แมว สนุ ัข นก กระรอก

ตน้ ไม้ จาปี ตน้ โมก ต้นมะมว่ ง ต้นมะยม

1. นกั เรียนมีแนวคิดหรอื วิธีการแกป้ ญั หาจากสถานการณท์ ี่กาหนดให้อยา่ งไร จงอธิบายอยา่ งละเอียดโดย

การเขียนบอกเลา่ วาดภาพ หรอื ใช้สัญลักษณ์

ตัวอย่างการเขยี นแนวคิดการทางานโดยการเขยี นบอกเลา่

1. เรม่ิ ต้น
2. อ่านเง่ือนไข
3. ใสข่ ้อมูลในตาราง
4. ตรวจสอบว่าขอ้ มูลในตารางครบหรือไม่ ถ้าไมค่ รบให้กลบั ไปอ่านเง่ือนไขและใส่ขอ้ มูลในตารางอีก

ถ้าครบแลว้ ใหจ้ บการทางาน
5. จบการทางาน

2. แนวคดิ หรือวธิ ีการแกป้ ญั หาทนี่ ักเรยี นเขียน เป็นแนวคดิ การทางานแบบใด จงอธิบาย
...ก...า..ร..แ..ก..้ป...ัญ...ห...า..ด..ัง..ก...ล..่า..ว...ส...า..ม..า..ร..ถ..อ...ธ..ิบ...า..ย..ไ.ด...โ้ .ด...ย..ใ..ช..แ้..น...ว..ค..ดิ...ก..า..ร..ท...า..ง..า..น..แ..บ...บ...ว..น..ซ...า...แ..ล. .ะ..แ...บ..บ...ม...ีเ.ง..่ือ..น...ไ.ข....เ.ร..ิ่ม...ต..้น...........
...จ...า..ก..ก..า..ร..อ...่า..น..เ..ง.ื่อ...น..ไ..ข..แ...ร..ก...แ...ล..ะ..ใ..ส..่ข...้อ..ม..ลู...ใ.น...ต..า..ร..า..ง...จ...า..ก..น...ัน..ท...า..ก..า..ร..ต...ร..ว..จ..ส..อ...บ..เ..ง.ื่อ...น. .ไ.ข...ว..่า..ข..้อ..ม...ูล..ใ..น..ต...า..ร..า..ง..ค..ร..บ............
...ห...ร..ือ..ย...ัง...ห...า..ก..ย..ัง..ใ..ห..ว้..น...ซ..า..ก...ล..บั...ไ.ป...อ..่า..น...เ.ง..ื่อ..น...ไ.ข..อ...ีก..ค...ร..ัง...โ.ด...ย..จ..ะ..ต...ร..ว..จ..ส...อ..บ...ไ.ป...เ.ร..อ่ื..ย....ๆ....จ..น...ก..ว..่า..ข...อ้ ..ม..ลู...ใ.น...ต..า..ร..า..ง..จ..ะ..........
...เ..ต..ม็ ....จ..ึง..จ..ะ...จ..บ..ก...า..ร..ท..า..ง..า..น...................................................................................... .................................................

ภาพจาก

แผนการสอน ท่ี 1

หนว่ ยที่ 1

เกร็ดแนะครู ข้อสอบเน้น การคดิ

ครูใหน้ กั เรียนทา� ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) โดยครอู าจใหน้ กั เรียนจบั คู่ ข้อใดแสดงข้นั ตอนในการสวมรองเทา้ ผา้ ใบได้ถูกต้องท่ีสดุ
หรือจับกลุ่มกันท�างาน เพื่อให้นักเรียนได้ทบทวนความรู้ และสร้างปฏิสัมพันธ 1. ใส่รองเทา้ ใสถ่ งุ เท้า ผูกเชือกรองเท้า
ระหว่างเพ่ือน อีกท้ังนักเรียนยังได้มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน 2. ใส่ถุงเทา้ ใส่รองเทา้ ผูกเชือกรองเท้า
อีกด้วย 3. ใส่ถุงเทา้ ผูกเชือกรองเทา้ ใสร่ องเท้า
4. ผกู เชอื กรองเท้า ใส่ถุงเทา้ ใสร่ องเท้า

(วเิ คราะห์คา� ตอบ ในการสวมรองเท้าผ้าใบจะต้องเริ่มจาก
ใสถ่ ุงเท้า ใส่รองเท้า แลว้ จงึ ผูกเชือกรองเทา้ ทง้ั นีก้ ารไม่ผูกเชอื ก
รองเทา้ กอ่ นใสร่ องเทา้ เพราะจะทา� ใหร้ องเทา้ ไมก่ ระชบั เมอ่ื ใสแ่ ลว้
อาจหลุดออกได้ ดงั น้ัน ตอบข้อ 2.)

T34

นา� สอน สรุป ประเมนิ

แบบทดสอบ ไดคะแนน คะแนนเตม็ 4. แนวคดิ ในการแกปญ หามีความสําคัญอยางไร ขน้ั สรปุ
»ÃШÒí ˹‹Ç¡ÒÃàÃչ̷٠èÕ 1 ก. ชว ยสรา งเง่ือนไขใหก ับปญ หาตาง ๆ
10 ข. ชว ยกําหนดขอบเขตของวิธกี ารแกปญ หา ตรวจสอบผล
ค. ชวยออกแบบกระบวนการแกป ญ หาใหมีความซบั ซอ น
ตอนที่ 1 ง. ชวยใหการแกป ญหาสามารถทําไดงายและมีประสทิ ธิภาพ 7. ครูให้นักเรียนท�าแบบทดสอบประจ�าหน่วย
การเรียนรู้ท่ี 1 ตอนท่ี 1 ในแบบฝกหัด
วง ลอ มรอบตวั อกั ษร ก. ข. ค. หรือ ง. หนา คําตอบทีถ่ กู ตอ ง 5. ขอใดบอกขนั้ ตอนการหงุ ขาวไดถกู ตอ ง หนา้ 16-18 โดยใหน้ กั เรยี นนา� ความรจู้ ากเนอื้ หา
ก. ตวงขา วสาร > ตวงน้ําใหเหมาะสม > หงุ ขาว > ลางขาวใหสะอาด ท่ีเรียนมาตอบค�าถามให้ถูกต้อง โดยให้
1. เหตุผลเชงิ ตรรกะชว ยในการแกปญ หาได ยกเวน ขอใด ข. ตวงขา วสาร > ตวงนา้ํ ใหเ หมาะสม > ลา งขา วสารใหส ะอาด > หงุ ขา ว นักเรียนวงกลมล้อมรอบตัวอักษรหน้าค�าตอบ
ก. ชว ยพจิ ารณาสาเหตุของปญหา ค. ตวงขา วสาร > หงุ ขา ว > ตวงนาํ้ ใหเ หมาะสม > ลา งขา วสารใหส ะอาด ทถี่ กู ต้อง
ข. ชว ยเพิ่มเงอื่ นไขในการแกปญหา ง. ตวงขา วสาร > ลา งขา วสารใหส ะอาด > ตวงนาํ้ ใหเ หมาะสม > หงุ ขา ว
ค. ชวยพิจารณาความเปน ไปไดของการแกปญ หา
ง. ชว ยตรวจสอบความสมเหตสุ มผลในการแกปญ หา 6. หากนักเรียนไดรับมอบหมายใหเปลี่ยนผาปูที่นอน กวาดพื้น ถูพ้ืน และ
กวาดหยากไยบนเพดาน นักเรียนควรเลือกทําส่ิงใดกอน จึงจะประหยัด เฉฉบลบั ย
2. หมูบานพอดีอยูเหนือหมูบานพอใจ หมูบานพอใจอยูใตหมูบานพอเพียง เวลามากท่ีสุด
หมูบานพอเพียงอยูเหนือหมูบานพองาม และหมูบานพอดีอยูใตหมูบาน ก. เปล่ียนผา ปูท่นี อน เพราะเปนที่กักเกบ็ ฝนุ มากทสี่ ุด
เฉฉบลับย พองาม หมูบานอะไรอยูเหนอื สุด ข. ถูพ้ืน เพราะระหวางรอใหพืน้ แหง จะไดไ ปทาํ ความสะอาดบริเวณอื่น
ก. หมูบา นพอดี ข. หมบู า นพอใจ ค. กวาดพนื้ เพราะทาํ ใหก ารทาํ ความสะอาดบรเิ วณอนื่ ๆ สะดวกมากขนึ้
ค. หมูบ านพอเพียง ง. หมูบา นพองาม ง. กวาดหยากไยบนเพดาน เพราะหยากไยจะไดตกลงมาสูพื้นลางและ
ทาํ ความสะอาดตามลาํ ดับ
3. เอก ออ น แอน และอรมวี ชิ าทชี่ อบและอาชพี ในฝน โดยไมเ รยี งตามชอ่ื ดงั น้ี
วิชาท่ีชอบ : คณิตศาสตร วทิ ยาศาสตร วิทยาการคํานวณ ภาษาองั กฤษ 7. เจนแจกใบปลวิ ประชาสมั พนั ธง านวนั ลอยกระทงไปเรอ่ื ย ๆ จนหมด จดั เปน
อาชพี ในฝน : นกั รอ ง ทนายความ พธิ กี ร นกั ออกแบบโปรแกรม โดยแอนชอบ แนวคิดการทาํ งานแบบใด
เรยี นวชิ าคณติ ศาสตรแ ละไมช อบรอ งเพลง เอกไมช อบเรยี นวชิ าภาษาองั กฤษ ก. การทํางานแบบลําดับ
อรมวี ชิ าทช่ี อบกบั อาชพี ในฝน เกย่ี วขอ งกบั คอมพวิ เตอร ออ นและแอนอยาก ข. การทํางานแบบมีเง่ือนไข
มอี าชพี อยใู นวงการบันเทิง วชิ าและอาชพี ท่ีเอกชอบตรงกบั ขอ ใด ค. การทาํ งานแบบวนซํา้ ท่ีมีจํานวนครั้งแนนอน
ก. วทิ ยาการคาํ นวณ ออกแบบโปรแกรม ง. การทาํ งานแบบวนซ้าํ ทมี่ ีจาํ นวนครัง้ ไมแนน อน
ข. วทิ ยาศาสตร ทนายความ 17
ค. ภาษาองั กฤษ นักรอ ง
ง. คณิตศาสตร พธิ กี ร

16

8. แฟงปลกู ตน ไมจ าํ นวน 3 ตน สามารถเขยี นการทาํ งานแบบวนซาํ้ ทมี่ จี าํ นวน
ครงั้ แนน อนไดอ ยา งไร
ก. เริม่ ตน > ปลกู ตนไม > หยดุ ปลูก
ข. เรมิ่ ตน > ปลูกตนไม 3 ตน > หยดุ ปลกู
ค. เรม่ิ ตน > ปลูกตน ท่ี 1 > ปลกู ตน ท่ี 3 > หยดุ ปลกู
ง. เร่ิมตน > ปลูกตนท่ี 1 > ปลูกตน ท่ี 2 > ปลกู ตน ที่ 3 > หยดุ ปลูก

9. ขอ ใดเหมาะกับการใชแ นวคดิ การทาํ งานแบบมเี งือ่ นไขมากทส่ี ดุ
ก. การแตง ตัวไปโรงเรยี น
ข. การรอยลกู ปด เพื่อทําสรอยคอ
ค. การสังเกตไฟจราจรกอนขามถนน
ง. การแจกนมกลองใหนกั เรยี นในตอนเชา

เฉฉบลับย 10. ครมู านะกาํ หนดเงอ่ื นไขในการสอบวชิ าภาษาไทย โดยถา นกั เรยี นไดค ะแนน
ตํ่ากวา 10 คะแนน ถือวาสอบไมผ า น ถาปลาไดคะแนนสอบ 10 คะแนน
และเอไ ดค ะแนนสอบ 17 คะแนน จากขอ ความขอใดกลาวไดถูกตอง
ก. ปลาและเอสอบผา น
ข. ปลาและเอสอบไมผ าน
ค. ปลาสอบไมผ าน เอส อบผาน
ง. ปลาสอบผาน เอสอบไมผ าน

เกณฑการใหคะแนน คะแนนตอขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตัดสนิ
รายการประเมนิ 1 10 • 6 คะแนนขึน้ ไป = ผา น
10 • ตาํ่ กวา 6 คะแนน = ปรับปรุง
เลอื กคาํ ตอบทถ่ี ูกตอ ง (10 ขอ )
คะแนนเตม็ ภาพจาก

18 แบบฝกหัด
จาก แบบฝก หัด หนา 4 หนา้ 16-18

ขอ้ สอบเนน้ การคิด เกร็ดแนะครู

ข้อใดเปน แนวคิดการท�างานแบบมเี งอ่ื นไข ครใู หน้ กั เรยี นทา� แบบทดสอบประจา� หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง การแกป้ ญั หา
1. กิง่ ตน่ื นอนแต่เช้า โดยใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ โดยให้นักเรียนตอบคา� ถามเพอื่ เป็นการทบทวนความรู้
2. แก้มแยกขยะทุกครงั้ กอ่ นทงิ้ ลงถังขยะ จากเน้อื หาที่ได้เรียนมา เพื่อเปน็ การวดั ระดบั ความเขา้ ใจของนกั เรียน
3. แตม้ ใชข้ ันตักนา้� อาบจนกว่าสบูจ่ ะหมด
4. แตวชว่ ยแมล่ า้ งจานโดยล้างแก้วน้า� กอ่ น
(วเิ คราะห์คา� ตอบ จากตวั เลอื กทก่ี า� หนดใหจ้ ะเหน็ ไดว้ า่ กจิ กรรม

ที่เปนแนวคิดการท�างานแบบมีเงื่อนไข คือ แก้มแยกขยะทุกครั้ง
ก่อนทิ้งลงถังขยะ เนื่องจากจะต้องมีการพิจารณาเงื่อนไขก่อนว่า
ขยะที่จะท้ิงน้ันเปนขยะประเภทใด และจะทิ้งลงในถังขยะสีใด
ดงั นัน้ ตอบขอ้ 2.)

T35

นา� สอน สรุป ประเมนิ

ขน้ั สรปุ ตอนที่ 2 ไดคะแนน คะแนนเตม็

ตรวจสอบผล 10

8. ครูให้นักเรียนท�าแบบทดสอบประจ�าหน่วย พิจารณาสถานการณ แลว ตอบคาํ ถาม
การเรยี นรทู้ ่ี 1 ตอนท่ี 2 ในแบบฝก หดั หนา้ 19 1. เกง มคี าํ ถามมาใหเ พอื่ น ๆ ชว ยกนั คดิ วา “ตอนเกง อายุ 6 ขวบ นอ งชายมอี ายุ
โดยให้นักเรียนพิจารณาสถานการณที่ก�าหนด
ให้ แล้วใช้เหตุผลเชิงตรรกะมาพิจารณา ครง่ึ หนงึ่ ของเกง แลว ถา ตอนนเี้ กง อายุ 70 ป นอ งชายของเกง จะมอี ายเุ ทา ไร”
เพื่อหาค�าตอบของปัญหา โดยให้นักเรียน
บนั ทกึ ค�าตอบทถี่ ูกตอ้ งลงในแบบฝก หัด 67 ป เพราะตอนเกง อายุ 6 ขวบ นองชายมีอายคุ ร่ึงหนง่ึ ของเกง น่ันคือ 3 ป..................................................................................................................................................................................................................................................
แสดงวา เกง กับนองชายหางกนั 3 ป ตอนนี้เกงอายุ 70 ป แสดงวา 70-3 =..................................................................................................................................................................................................................................................
67 ป..................................................................................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................................................................................. เฉฉบลับย

2. พอมาสงโจซอมเตะฟุตบอลที่สนามฟุตบอลในโรงเรียน โดยโจเริ่มซอมเตะ
ฟุตบอลเวลา 14.25 น. ใชเวลาในการซอมเตะฟุตบอล 1 ชว่ั โมง 45 นาที
โจจะเลิกซอมเตะฟตุ บอลในเวลาใด

เรมิ่ ซอ มทีเ่ วลา 14.25 น. และใชเ วลาซอ ม 1 ชวั่ โมง 45 นาที ดังนัน้ จะเลกิ ซอ ม..................................................................................................................................................................................................................................................
เตะฟตุ บอลในเวลา 16.10 น...................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

เกณฑการใหค ะแนน รายการประเมิน คะแนนตอ ขอ ยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตดั สิน
ลาํ ดับการทาํ งานแบบมเี ง่อื นไขไดถ ูกตอง (2 ขอยอย) 5 10 • 6 คะแนนข้ึนไป = ผา น
10 • ตาํ่ กวา 6 คะแนน = ปรบั ปรุง
คะแนนเต็ม

ตารางบันทกึ คะแนน ประจําหนว ยการเรียนรทู ี่ 1

ตัวชี้วดั แบบฝก หดั ผลการประเมนิ คณุ ภาพ รวมคะแนน ระดับคุณภาพ
เตม็ ได กิจกรรม แบบทดสอบ เตม็ ได 4321
ว 4.2 ป.6/1 เตม็ ได เต็ม ได
50 100
30 20

เกณฑการตัดสิน : ชวงคะแนนรอยละ 80-100 = 4 70-79 = 3 60-69 = 2 50-59 = 1
หมายเหตุ : นําคะแนนเตม็ ของแตละตวั ช้ีวดั มาหาคารอ ยละ เพ่ือประเมินระดบั คุณภาพ เชน
4280 × 100 = 70
คะแนนเตม็ 40 ทําได 28 คะแนน ถาคะแนนเต็ม 100 ทาํ ไดร อ ยละ 19
ดงั น้นั รอยละ 70 เทยี บไดก ับระดบั คณุ ภาพ 3

ภาพจาก

แบบฝก หัด
หน้าท1่ี 49

เกร็ดแนะครู ขอ้ สอบเน้น การคดิ

ในการท�าแบบทดสอบประจ�าหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ตอนท่ี 2 ครูอาจให้ แนวคิดการท�างานแบบวนซ้า� มลี กั ษณะอยางไร
นักเรียนรวมกลุ่มกันท�างาน เพื่อให้นักเรียนช่วยกันน�าเหตุผลเชิงตรรกะมาใช้
ในการแก้ปัญหาจากสถานการณท่ีก�าหนดให้ โดยหลังจากท่ีนักเรียนท�า (วิเคราะห์คา� ตอบ การท�างานแบบวนซ้�า เปนการท�างานหรือ
แบบทดสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วครูจึงสุ่มนักเรียนออกมาน�าเสนอความคิดเห็น ทา� กิจกรรมทม่ี ลี ักษณะเดยี วกันหลายๆ ครัง้ จนกระทั่งได้ผลลพั ธ์
บริเวณหนา้ ชนั้ เรียน ตามเงื่อนไขท่กี �าหนด ซึง่ อาจมกี ารกา� หนดจา� นวนคร้ังการทา� งาน
ทแ่ี นน่ อนหรอื ไมแ่ นน่ อนกไ็ ด)้

T36

นา� สอน สรุป ประเมิน

แบบทดสอบหลังเรียน ขนั้ สรปุ

คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว ตรวจสอบผล

1. เหตผุ ลเชิงตรรกะช่วยในการแกป้ ญั หาได้ ยกเวน้ ข้อใด 6. หากนกั เรยี นได้รบั มอบหมายให้เปล่ยี นผา้ ปทู ่นี อน กวาดพน้ื 9. ครูสรุปเน้ือหา เรื่อง การแก้ปัญหาโดยใช้
ก. ช่วยพจิ ารณาสาเหตุของปัญหา ถพู ืน้ และกวาดหยากไยบ่ นเพดาน นักเรยี นควรเลือกทาสิ่งใด เหตุผลเชิงตรรกะ พร้อมถามค�าถามจาก
ข. ช่วยเพิ่มเง่ือนไขในการแกป้ ัญหา ก่อน จึงจะประหยัดเวลามากท่ีสดุ เน้ือหาเพ่ือเป็นการทบทวนความรู้ของ
ค. ชว่ ยพจิ ารณาความเป็นไปไดข้ องการแก้ปญั หา ก. เปลีย่ นผา้ ปูท่นี อน เพราะเป็นทกี่ กั เก็บฝนุ่ มากท่ีสุด นักเรยี นกอ่ นทา� แบบทดสอบหลงั เรยี น
ง. ชว่ ยตรวจสอบความสมเหตุสมผลในการแก้ปญั หา ข. ถูพ้ืน เพราะระหว่างรอให้พื้นแห้งจะได้ไปทาความ
2. เมอื งพอดีอยเู่ หนือเมืองพอใจ เมืองพอใจอยู่ใตเ้ มอื ง สะอาดบริเวณอืน่ 10. ครูให้นักเรียนท�าแบบทดสอบหลังเรียน
พอเพยี ง เมืองพอเพยี งอย่เู หนอื เมอื งพองาม และเมือง ค. กวาดพ้ืน เพราะหากพ้ืนสะอาดแล้วจะทาให้การทา หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง การแก้ปัญหา
ความสะอาดบริเวณอืน่ ๆ สะดวกมากขน้ึ โดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ
ง. กวาดหยากไย่บนเพดาน เพราะหยากไย่จะได้ตกลงมา
พอดอี ยู่ใต้เมอื งพองาม เมอื งอะไรอยเู่ หนือสุด ท่ีบริเวณท่ีต่ากว่า และทาความสะอาดตามลาดับ ขนั้ ประเมนิ
ก. เมอื งพอดี
ข. เมอื งพอใจ 7. เจนแจกใบปลวิ ประชาสัมพนั ธง์ านวันลอยกระทงไปเร่ือย ๆ ตรวจสอบผล
ค. เมืองพอเพยี ง จนหมด จัดเปน็ แนวคดิ การทางานแบบใด
ง. เมืองพองาม ก. การทางานแบบลาดับ ตารางการวดั และประเมนิ ผล
3. ปมุ้ ปู ปลา เปร้ยี ว เป็นพ่นี อ้ งกนั เปรีย้ วบอกว่าเขามีพี่ ข. การทางานแบบมเี ง่ือนไข วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
หนึ่งคน มนี อ้ งสองคน ปูบอกวา่ เขามีพี่สามคน ปลาบอก ค. การทางานแบบวนซ้าทม่ี ีจานวนคร้ังแน่นอน
ว่าเขามีน้องหน่งึ คน ใครอายมุ ากทส่ี ดุ ง. การทางานแบบวนซา้ ทม่ี ีจานวนครงั้ ไม่แน่นอน ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ
ก. ปุ้ม ข. ปู หลงั เรียน หลงั เรยี น
ค. ปลา ง. เปรีย้ ว 8. แฟงปลกู ต้นไมจ้ านวน 3 ตน้ สามารถเขยี นการทางานแบบ
4. แนวคดิ ในการแกป้ ัญหามคี วามสาคัญอยา่ งไร วนซา้ ทีม่ ีจานวนครงั้ แนน่ อนไดอ้ ยา่ งไร
ก. ช่วยสร้างเงือ่ นไขให้กบั ปัญหาต่าง ๆ ก. เริ่มตน้ > ปลกู ต้นไม้ > หยดุ ปลูก
ข. ชว่ ยกาหนดขอบเขตของวิธกี ารแกป้ ัญหา ข. เรมิ่ ตน้ > ปลกู ต้นไม้ 3 ต้น > หยุดปลกู
ค. ช่วยออกแบบกระบวนการแก้ปญั หาใหม้ ีความ ค. เริ่มตน้ > ปลกู ต้นท่ี 1 > ปลูกต้นที่ 3 > หยดุ ปลูก ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หดั รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ
ซบั ซ้อน ง. เรมิ่ ตน้ > ปลูกตน้ ที่ 1 > ปลูกตน้ ที่ 2 > ปลูกต้นท่ี 3
ง. ชว่ ยใหก้ ารแก้ปัญหาสามารถทาไดง้ ่ายและมี > หยุดปลกู
ประสิทธิภาพ ตรวจชน้ิ งาน/ ชน้ิ งาน/ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ
5. ขอ้ ใดบอกขัน้ ตอนการหุงข้าวได้ถกู ต้อง 9. งานใดเหมาะกบั การใช้แนวคิดการทางานแบบเง่อื นไขมากท่ีสดุ ภาระงาน ภาระงาน
ก. ตวงขา้ วสาร > ตวงนา้ ให้เหมาะสม > หุงขา้ ว ก. การแตง่ ตวั ไปโรงเรียน (รวบยอด) (รวบยอด)
> ล้างขา้ วให้สะอาด ข. การร้อยลกู ปดั เพอ่ื ทาสรอ้ ยคอ
ข. ตวงข้าวสาร > ตวงนา้ ให้เหมาะสม > ลา้ งขา้ วสาร ค. การสังเกตไฟจราจรก่อนขา้ มถนน
ใหส้ ะอาด > หุงขา้ ว ง. การแจกนมให้นกั เรียนในตอนเช้า ประเมนิ แบบ ระดับคุณภาพ 2
ค. ตวงข้าวสาร > หงุ ข้าว > ตวงน้าใหเ้ หมาะสม การนา� เสนอ ประเมนิ ผ่านเกณฑ
> ล้างข้าวสารให้สะอาด 10. ครูมานะกาหนดเง่ือนไขในการสอบวชิ าภาษาไทย โดยหาก การนา� เสนอ
ง. ตวงขา้ วสาร > ล้างข้าวสารใหส้ ะอาด > นกั เรยี นไดค้ ะแนนตา่ กวา่ 10 คะแนนถือวา่ สอบตก ถา้ ปลา ผลงาน ผลงาน
ได้คะแนนสอบ 10 คะแนน และเอ๋ไดค้ ะแนนสอบ 17
ตวงนา้ ให้เหมาะสม > หุงข้าว คะแนน หมายความวา่ อยา่ งไร
ก. ปลาและเอ๋สอบผ่าน
ข. ปลาและเอส๋ อบตก สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2
ค. ปลาสอบตก เอ๋สอบผ่าน การท�างาน พฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ
ง. ปลาสอบผ่าน เอส๋ อบต รายบคุ คล
เฉลย
6. ง 7. ง 8. ข 9. ค 10. ก สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คณุ ภาพ 2
1. ข 2. ค 3. ก 4. ง 5. ง การทา� งานกลมุ่ พฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ

ภาพจาก

แผนการสอน ท่ี 1

หนว่ ยท่ี 1

ขอ้ สอบเนน้ การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล

ขอ้ ใดให้ความหมายของเหตผุ ลเชิงตรรกะได้ถูกตอ้ ง ครูสามารถประเมินการน�าเสนอผลงาน สังเกตพฤติกรรมการท�างาน
1. การคดิ แบบสรา้ งสรรคใ นการแกป้ ญั หา รายบุคคล และสังเกตพฤติกรรมการท�างานกลุ่มของนักเรียน โดยศึกษา
2. การคิดแบบเป็นขน้ั ตอนในการแก้ปัญหา เกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการน�าเสนอผลงาน แบบสังเกต
3. การล�าดบั ความคิดท่ตี ้องการแก้ปัญหาต่างๆ พฤติกรรมการท�างานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการท�างานกลุ่ม
4. การนา� กฎเกณฑหรือเงอื่ นไขมาพจิ ารณา โดยใช้เหตผุ ล ทแ่ี นบมาท้ายแผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1
ในการแกป้ ัญหา
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ
(วิเคราะหค์ �าตอบ เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ เปน การแกป้ ญั หาโดยการนา�
กฎเกณฑ์หรือเง่ือนไขท่ีครอบคุลมทุกรณีมาใช้ในการพิจารณา คาชี้แจง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ คาช้แี จง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องท่ี คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่
ซ่ึงจะใช้เหตุผลในการอธิบายวิธีแก้ปัญหา และคาดหวังว่าจะได้ ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกับระดับคะแนน
ผลลพั ธต์ ามที่คาดหวัง ดังนน้ั ตอบข้อ 4.) ตรงกับระดับคะแนน

ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 การทางาน การมี
32 32 ตามท่ไี ดร้ ับ ส่วนร่วมใน
ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ  การแสดง การยอมรบั มอบหมาย การปรบั ปรงุ รวม
1 1 การแสดงความคดิ เห็น   ลาดบั ท่ี ช่ือ–สกุล ความคดิ เหน็ ฟงั คนอื่น ความมีน้าใจ ผลงานกลุม่ 15
  ของนักเรียน คะแนน
1 ความถกู ตอ้ งของเน้อื หา  2 การยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผู้อืน่  
2 ความคิดสร้างสรรค์  
3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน  3 การทางานตามหน้าท่ีทีไ่ ด้รบั มอบหมาย   321321321321321
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์  
5 การตรงต่อเวลา 4 ความมีนา้ ใจ  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

รวม

ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................... ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............/.................../................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดีมาก

14–15 ดีมาก 11–13 ดี เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

11–13 ดี 8–10 พอใช้ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ 14–15 ดมี าก

ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ 11–13 ดี

8–10 พอใช้

T37

Chapter Concept Overview

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2

กำรออกแบบโปรแกรม

การออกแบบโปรแก1ร.ม กเาปรน็ออกกาแรบอบธโบิ ปารยแกกรามรทา� งานของโปรแกรมอย่างเป็นล�าดบั ขนั้ ตอน ซ่งึ สามารถทา� ได ้ ดงั น้ี
การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนขอ้ ความการออกแบบ
โปรแกรม
มปี ระโยชน์
อย่างไร
การออกแบบโปรแกรม เป็นการอธิบาย การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผงั งาน
การท�างานของโปรแกรมอย่างเป็นล�าดับขั้นตอน
ซงึ่ สามารถทา� ไดท้ ง้ั การเขยี นขอ้ ความและการเขยี น
ผังงาน
เป็นการ1อ.1ธิบกาารยออกกาแรบบทโ�าปรงแากนรมขดอว้ ยงกโาปรเรขยีแนกขรอ้ คมวทาม่ีใช้ภาษาพูดเพ่ือ เป็นการอธิบายการท�างานของโปรแกรมด้วยการใช้
ให้เขา้ ใจง่ายกยาริง่ ทขกา� งา้ึนารนอขอกองแโบปบรโแปกรรแมกทรใ่ีมชด้ภว้ ายษกาาพรเดู ขทียเี่ นขขา้ ใ้อจคงว่าายม เป็นการอธิบาย สัญลกั ษณ์แทนความหมายตา่ ง ๆ

ตัวอย่าง การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนขอ้ ความ ตวั อย่าง การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นผังงาน
โป้ออกแบบโปรแกรมแสดงขั้นตอนการท�างานของพัดลมด้วยการ โป้ออกแบบโปรแกรมแสดงขั้นตอนการท�างานของพัดลมด้วยการ
เขยี นขอ้ ความ ดังน้ี เขยี นผังงาน ดังนี้ เร่มิ ต้น

รบั คา่ ความแรงของ
พัดลมจากผู้ใชง้ าน

1. โปรแกรมรับคา่ ความแรงของพดั ลมจากผู้ใช้งาน ตรวจสอบ ใช่ หยุด
2. ตรวจสอบความแรงพดั ลมเบอร์อะไร วา่ ใชเ่ บอร์ 0 ใช่ ท�างานดว้ ย
1) เบอร์ 0 พัดลมหยุดทา� งาน
2) เบอร์ 1 พดั ลมมคี วามแรงลมน้อย หรอื ไม่ แรงลมน้อย
3) เบอร์ 2 พัดลมมีความแรงลมปานกลาง ไมใ่ ช่ ใช่ ท�างานดว้ ย
4) เบอร์ 3 พัดลมมคี วามแรงลมมาก
ตรวจสอบ แรงลมปานกลาง
23 ว่าใชเ่ บอร์ 1

หรือไม่
ไมใ่ ช่

ตรวจสอบ
วา่ ใช่เบอร์ 2

หรอื ไม่
ไม่ใช่

ท�างานดว้ ย
แรงลมมาก

สิ้นสุด
26 ภาพท่ี 2.1 ผงั งานแสดงขั้นตอนการทา� งานของพัดลม

กำรเขียนโปรแกรมดวยภำษำ Scratch

Scratch เปน็ ภาษาคอมพวิ เตอรช์ นดิ หนง่ึ ทม่ี คี า� สง่ั ควบคมุ ใหค้ อมพวิ เตอรท์ า� งานตามตอ้ งการ โดยจะใชค้ า� สง่ั ทเี่ ขา้ ใจงา่ ยในการสง่ั การ
ท�างาน ซ่ึงค�าสั่งแต่ละค�าสั่งจะอยู่ในรูปของบล็อกค�าสั่งและจะต้องมีการก�าหนดตัวแปรเป็นการก�าหนดค่าข้อมูลเข้า หรือระบุค่าของข้อมูล
เพอ่ื น2า�.3มากใชารใ้ นเขกียานรปโปรระแมกวรลมผแลบขบอวงนโปซร้า� แกรมตามเงือ่ นไขทก่ี �าหนด โดยสามารถเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษา Scratch ไดด้ งั นี้
ท�างากนาอรยเข่างยี ในดกโอปายรร่าแเงกขหรียนมนึ่แงซบโ้�าบปกวรันนแซจกา�้ นรเคปมรน็ บแกตบาารบเมขวจยี น�านนซควา�้�านสรง่ั อใหบ้โทปี่กร�าแหกนรมด
การเขียนโปรแกรมแบบมเี ง่ือนไข

หรเปอื ห็นยกดุ าทรา� เซขา้� ียเมนอ่ื คม�คาี าส� ส่ังงั่ ใตหร้โงปตารมแเงกอื่ รนมไขทท�าก่ี งา� าหนนอดยไว่า้ เงชใน่ ดกอายร่าเขงยี หนน่ึง ที่ระเบปไุท2น็ว�.า2ง้ กซาานกเึง่ปรตา็นใเารนขกมเาขยีโเรงปยีเนื่อขนรนคียแโนไา�ปขคกสทร�ารงั่สแ่ีรม่ังใะกใหบภหรุไโ้้ มโวาปป้ซแษรรึ่งบแาแใกบน กรSมโมปรcเีโรมดงrแย่ือaทกมนtรา�ีกcไมางhขรภา สานมรษ้าโีคางดเ�างยSื่อสมcนง่ัrไaกีโขtปใาcหhรร้โสปแมรรกแีคา้ รก�างรสมเมั่งงแอ่ื บนบไมขี
แซตบรา�้ ใคโกกงบหป�าาตนั แร้วรสาแ สเน่ัจงมขกดในซียรหงเคงม�า้ขน้โื่อ รอปแ้โ3บปมนบร รตแลูบไคแตขกาว�ากมวันร สเรมซจลโมงั่ แด�า้า�ข แ นสยทด3บดวลใีังบนนคงะนวตข�าโร้ีนสปวั้ออ่งัซมรบโด้�าแูลดทยใกตังนก่ีในันวราก� ้ีเมโหาลปร นขรสSแดตั่งก้ังc งหรแrามaรตนอภtื ่cหาแ1hษ-ทย 1าดนุ ม,S0ทกีค0cาา� r�า0รซaสเtา้�ขcก่ังเhียมโ็จนปมะอื่ คใรคี มช�าแา� คี้สวสกิาธั่�งงั่ รสี มง่ั เงอ่ื นไโขปร แ2ก รมคแา� บสบง่ัม เี งดอ่ื ังนนไขี้2 คา� ส่งั ดังนี้

1. ถ้า.....เปน็ จริงแลว้ ..... 2. ถ้า.....เปน็ จริงแล้ว.....
(if.....then.....) ถ้าไมจ่ รงิ แล้ว.....
(if.....then.....else.....)
1. ท�าซ้�าแบบไม่มีที่ 2. ทา� ซา�้ ตามจา� นวน 3. ทา� ซา�้ จนกระทง่ั มี
ส้ินสุด รอบทีก่ า� หนด เงอื่ นไขสงั่ ใหห้ ยดุ

10

ตัวอยา่ ง โปรแกรมภาษา Scratch ทีม่ กี ารทา� งานแบบวนซา�้ ตัวอยา่ ง โปรแกรมภาษา Scratch ทีม่ ีการทา� งานแบบ
มเี ง่ือนไข
โป้ต้องการเขียนโปรแกรมแสดงผลขอ้ มูลตัวเลข 1-5 โดยใช้ค�าสัง่
ปตู อ้ งการเขยี นโปรแกรมตรวจสอบคะแนนสอบวา่ สอบผา่ นหรอื ไม่
กำรแตบบรวนวซจ�้า หำขอ ผิดพลำดของโปรแกรม โดยมีเงื่อนไขว่า จะสอบผ่านก็ต่อเมื่อต้องได้คะแนนคร่ึงหนึ่งของ

ในการเขียนโปรแกรมทุกครั้งเมื่อเกิดข้อผิดพลาดของโปรแกรมเกิดขึ้นหรือคโะปแนรนแเตก็มรมไม่เป็นไปตามความต้องการ จะต้องตรวจสอบ
ขจนอ้ ผกดวิ ่าพจละาไดดทโ้ ปเี่ กรแดิ กขรนึ้ ม โตดายมกทาร่ีตตอ้ รงวกจาสรอบการทา� งานทลี ะคา� สงั่ เ3ม3อื่ พบจดุ ทท่ี า� ใหโ้ ป3ร8แกรมไมเ่ ปกาน็รเขไยี นปโปตรแการมมแบคบมวเีง่อืานมไขตอ้ งการใหแ้ กไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดนน้ั

T38

Chapter Overview

แผนกำรจดั ส่ือกำรเร�ยนรู จ�ดประสงค วธ� �สอน ประเมนิ ทักษะที่ได คณุ ลกั ษณะ
กำรเรย� นรู อนั พงึ ประสงค
แผนฯ ที่ 1
การออกแบบ - แบบทดสอบก่อนเรียน 1. อ ธิบายขัน้ ตอนการ - แบบการอภปิ ราย - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการคิด - มวี ินัย
โปรแกรม - ห นังสือเรยี นรายวชิ า ออกแบบโปรแกรมด้วย - ใ ช้เทคนิค - ประเมินการ อยา่ งมี - ใฝเ่ รียนรู้
ดว ยการเขยี น พ้นื ฐาน เทคโนโลย ี การเขยี นขอ้ ความได้ (K) ตามแนวคดิ นา� เสนอผลงาน วิจารณญาณ - มุ่งมนั่ ใน
ขอ ความ (วิทยาการค�านวณ) ป.6 2. อ อกแบบโปรแกรม เชงิ ค�านวณ - ส งั เกตพฤตกิ รรม - ท กั ษะ
- แบบฝึกหดั รายวชิ า ด้วยการเขียนขอ้ ความ การทา� งาน การท�างานร่วมกนั การทา� งาน
2
พน้ื ฐาน เทคโนโลย ี ได ้ (P) รายบุคคล - ทกั ษะการส่อื สาร
ช่วั โมง (วทิ ยาการคา� นวณ) ป.6 3. ย กตวั อยา่ งการเขยี น - สงั เกตพฤตกิ รรม - ท ักษะ
โปรแกรมอย่างงา่ ย การท�างานกลุม่ ความคิด
แผนฯ ท่ี 2 ในชวี ิตประจ�าวนั ได้ (A) - สังเกตคุณลักษณะ สร้างสรรค์
การออกแบบ อันพงึ ประสงค์
โปรแกรม
ดว ยการเขยี น - หนงั สือเรียนรายวชิ า 1. อธบิ ายข้นั ตอนการ - แบบการอภปิ ราย - ตรวจแบบฝกึ หัด - ทักษะการคิด - มีวนิ ยั
ผังงาน พน้ื ฐาน เทคโนโลย ี ออกแบบโปรแกรมดว้ ย - ใ ช้เทคนคิ - ป ระเมนิ การ อยา่ งมี - ใฝ่เรยี นรู้
(วิทยาการค�านวณ) ป.6 การเขียนผงั งานได้ (K) ตามแนวคดิ นา� เสนอผลงาน วิจารณญาณ - ม่งุ มนั่ ใน
2 - แ บบฝึกหดั รายวชิ า 2. ออกแบบผงั งานโดยการ เชิงค�านวณ - ส ังเกตพฤตกิ รรม - ทักษะการท�างาน การทา� งาน
พน้ื ฐาน เทคโนโลยี เขยี นสญั ลกั ษณแ์ ทน การทา� งาน รว่ มกัน
ช่วั โมง (วิทยาการค�านวณ) ป.6 ความหมายตา่ ง ๆ ได ้ (P) รายบุคคล - ทกั ษะการส่อื สาร
- สงั เกตพฤติกรรม - ทักษะความคิด
แผนฯ ที่ 3 3. ยกตวั อย่างการออกแบบ การทา� งานกลมุ่ สร้างสรรค์
การเขยี น โปรแกรมด้วยการเขียน - สังเกตคณุ ลักษณะ
โปรแกรม ผงั งานในชวี ติ ประจ�าวัน อนั พึงประสงค์
ดว ยภาษา ได้ (A)
Scratch
- ห นังสอื เรยี นรายวิชา 1. อธบิ ายลา� ดบั ขน้ั ตอน - แบบการอภปิ ราย - ตรวจแบบฝึกหดั - ทักษะการคิด - มวี นิ ัย
8 พื้นฐาน เทคโนโลย ี การเขยี นโปรแกรมด้วย - ใช้เทคนคิ - ตรวจใบงาน อย่างมี - ใฝเ่ รียนรู้
(วทิ ยาการค�านวณ) ป.6 Scratch ได ้ (K) ตามแนวคดิ - ประเมนิ การ วิจารณญาณ - มุ่งม่นั ใน
ช่ัวโมง - แบบฝึกหัดรายวชิ า 2. ออกแบบและสรา้ ง เชิงคา� นวณ น�าเสนอผลงาน - ทักษะการท�างาน การท�างาน
พื้นฐาน เทคโนโลยี โปรแกรมจาก Scratch - สงั เกตพฤตกิ รรม ร่วมกัน
แผนฯ ที่ 4 (วทิ ยาการคา� นวณ) ป.6 ตามขัน้ ตอนทก่ี า� หนดได้ การท�างาน - ทกั ษะการส่อื สาร
การตรวจหา - ใ บงาน เรอื่ ง ชว่ ยพ่อคา้ (P) รายบคุ คล - ทักษะความคิด
ขอ ผิดพลาด คดิ ราคา 3. เห็นประโยชน์ของ - สังเกตพฤติกรรม สรา้ งสรรค์
ของโปรแกรม การศกึ ษาโปรแกรม การท�างานกลมุ่
Scratch (A) - สงั เกตคณุ ลักษณะ
4 อนั พงึ ประสงค์

ช่ัวโมง - แบบทดสอบหลงั เรยี น 1. อธบิ ายวธิ กี ารตรวจหา - แบบการอภิปราย - ตรวจแบบทดสอบ - ท ักษะการคิด - มวี นิ ยั
- ห นังสอื เรยี นรายวิชา ข้อผดิ พลาดของ - ใช้เทคนิค หลังเรยี น อยา่ งมี - ใฝ่เรยี นรู้
พน้ื ฐาน เทคโนโลย ี โปรแกรมไดถ้ ูกตอ้ ง (K) ตามแนวคดิ - ตรวจแบบฝึกหดั วิจารณญาณ - มุ่งม่นั ใน
(วทิ ยาการคา� นวณ) ป.6 2. ตรวจสอบและแก้ไข เชิงค�านวณ - ต รวจช้นิ งาน/ - ท ักษะการทา� งาน การท�างาน
- แบบฝึกหดั รายวิชา ขอ้ ผดิ พลาดจากการ ภาระงาน รว่ มกัน
พ้ืนฐาน เทคโนโลยี เขยี นโปรแกรมได้ (P) (รวบยอด) - ทักษะการส่อื สาร
(วิทยาการคา� นวณ) ป.6 3. ป ระยุกตใ์ ชค้ วามรู้ - ประเมนิ การ - ทกั ษะความคิด
- ช น้ิ งาน/ภาระงาน และทกั ษะใน นา� เสนอผลงาน สร้างสรรค์
(รวบยอด) เรื่อง ชวี ิตประจ�าวันได้ (A) - สงั เกตพฤติกรรม
การออกแบบและเขยี น การท�างาน
โปรแกรมอย่างง่าย รายบคุ คล
- ส ังเกตพฤติกรรม
การท�างานกลุม่
- ส งั เกตคุณลักษณะ
อนั พงึ ประสงค์

T39

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 2เวลา ช่ัวโมง

การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นข้อความ

1. มาตรฐาน/ตัวชี้วดั

ตัวช้วี ดั
ว 4.2 ป.6/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย เพ่อื แก้ปัญหาในชีวติ ประจำ� วัน ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม

และแก้ไข

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธบิ ายข้ันตอนการออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนข้อความได้ (K)
2. ออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนขอ้ ความได้ (P)
3. ยกตัวอย่างการเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ยในชวี ติ ประจำ� วันได้ (A)

3. สาระการเรียนรู้

- การออกแบบโปรแกรมสามารถท�ำได้โดยเขียนเปน็ ข้อความหรือผงั งาน

4. สาระส�ำคัญ/ความคิดรวบยอด

การออกแบบโปรแกรม เปน็ การอธบิ ายการทำ� งานของโปรแกรมอยา่ งเปน็ ลำ� ดบั ขนั้ ตอน โดยการออกแบบโปรแกรมสามารถ
ทำ� ไดท้ งั้ การเขยี นขอ้ ความ และการเขยี นผงั งาน ซงึ่ การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขยี นขอ้ ความ เปน็ การอธบิ ายการทำ� งาน
ของโปรแกรมทใ่ี ชภ้ าษาพดู ทเ่ี ขา้ ใจงา่ ย

5. สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รยี น ทกั ษะ 4Cs คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. ท ักษะการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ 1. มีวนิ ัย
2. ความสามารถในการคดิ (Critical Thinking) 2. ใฝ่เรยี นรู้
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มงุ่ ม่ันในการทำ� งาน
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 2. ท ักษะการท�ำงานร่วมกนั
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (Collaboration Skill)

3. ท ักษะการสื่อสาร
(Communication Skill)

4. ท กั ษะความคิดสร้างสรรค์
(Creative Thinking)

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : วธิ กี ารสอนแบบการอภปิ ราย และวธิ ีการสอนโดยใชเ้ ทคนิคตามแนวคิด

เชงิ ค�ำนวณ

T40

นำ� นำ� สอน สรปุ ประเมนิ

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ขน้ั นำ�

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 1. ค รูให้นักเรียนภายในช้ันเรียนท�ำแบบทดสอบ
ก่อนเรียน เรื่อง การออกแบบและเขียน
คาช้ีแจง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว โปรแกรมอยา่ งงา่ ย เพอ่ื เปน็ การทบทวนความรู้
และวดั พน้ื ฐานความรกู้ อ่ นทจ่ี ะเรม่ิ เรยี นเนอ้ื หา
1. ข้อใดคือประโยชน์ของการออกแบบโปรแกรมกอ่ นทีจ่ ะ 6. กาหนดให้ a = 5, b = 10, c = 15 ถา้ d = ( a x c) + b ใหม่
เขยี นโปรแกรม
ก. เพ่อื ใช้ดูผลการทางานของโปรแกรม d จะมีค่าเท่าใด
ข. เพื่อให้โปรแกรมมคี วามซบั ซ้อนมากย่ิงข้นึ ก. 50 ข. 75
ค. เพ่ือใหเ้ หน็ ลาดบั ขัน้ การทางานของโปรแกรม ค. 85 ง. 150
ง. เพอ่ื ทดสอบการออกแบบโปรแกรมดว้ ยข้อความ
และผงั งาน 7. จาก Script x มีค่าเท่าใด

2. สถานการณข์ ้อใดไมจ่ าเปน็ ต้องเขยี นโปรแกรมวนซา้ แทน ก. 5 ข. 10
การเขยี นคาส่งั โปรแกรมเดิมซ้ากนั หลายๆ ครัง้ ค. 15 ง. 20
ก. ขน้ั ตอนการอาบนา้
ข. ขน้ั ตอนการทานอาหารเช้า 8. จาก Script หมายถงึ ข้อใด
ค. ขั้นตอนการจัดหนังสอื เข้าตู้
ง. ข้ันตอนการซอ้ื ขนมทรี่ ้านสะดวกซือ้ ก. ถ้าตวั เลขหารดว้ ย 6 แลว้ เทา่ กบั 2 ให้เพ่ิมค่า
number ขน้ึ 1
3. จากภาพ Script มีเงื่อนไขการทางานอยา่ งไร
ข. ถา้ ตัวเลขหารด้วย 6 แล้วเทา่ กับ 2 ให้เพิ่มค่า
ก. ทาซา้ แบบไม่มีทีส่ ้ินสุด number ขนึ้ 1
ข. ทาซา้ จนกระท่งั ส้นิ สดุ
ค. ทาซ้าจนกระทั่งมีเงอ่ื นไขส่งั ให้หยดุ ค. ถ้าตวั เลขคณู ดว้ ย 6 แลว้ เศษเท่ากับ 2 ให้แสดงตัวเลข
ง. ทาซ้า ๆ ตามจานวนรอบท่กี าหนดให้ ลงในรายการ list_number
4. จากภาพ Script มีเง่ือนไขการทางานอย่างไร
ง. ถ้าตัวเลขหารดว้ ย 6 แลว้ เศษเท่ากับ 2 ให้แสดงตวั เลข
ก. ทาซา้ แบบไม่มที ส่ี ้นิ สุด ลงในรายการ list_number
ข. ทาซ้าจนกระท่ังสิ้นสุด
ค. ทาซ้าตามเง่ือนไขสง่ั ให้หยดุ 9. สถานการณ์ขอ้ ใดควรใช้วธิ ีการเขียนโปรแกรมแบบมีเงอื่ นไข
ง. ทาซ้าตามจานวนรอบทีก่ าหนด ก. ปกู าลงั เขียนโปรแกรมตัดเกรด
5. จาก Script x มคี ่าเทา่ ใด ข. โป้กาลังเขยี นโปรแกรมวาดรปู สี่เหลย่ี ม
ค. ปลากาลงั เขยี นโปรแกรมวาดรูปวงกลม 5 รูป
ก. 4 ข. 5 ง. เปรย้ี วกาลังเขียนโปรแกรมแสดงข้นั ตอนการแปรงฟนั
ค. 6 ง. 7
10. ขอ้ ใดเปน็ ขัน้ ตอนการตรวจสอบและแก้ไขขอ้ ผิดพลาดของ
โปรแกรมทีถ่ ูกตอ้ ง
ก. ทดลองสุม่ เปล่ยี นค่าตา่ ง ๆ ท่ีกาหนด
ข. ทดลองสุ่มเปลีย่ นคาสั่งตา่ ง ๆ ที่ใช้เขียนโปรแกรม
ค. ทดสอบการทางานของโปรแกรม ตรวจสอบการ
ทางานของคาส่ังทีละคาสง่ั
ง. ทดสอบการทางานของโปรแกรม ขอดโู ปรแกรมของ
เพ่อื นทที่ างานได้ แล้วทาตาม

เฉลย

1. ค 2. ง 3. ค 4. ง 5. ค 6. ค 7. ข 8. ง 9. ก 10. ค

ภาพจาก

แผนการสอน ที่ 21

หน่วยท่ี 1

ข้อสอบเนน้ การคิด

ข้อใดกล่าวถึงการออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนข้อความ
ได้ถกู ตอ้ งทสี่ ดุ
1. การอธบิ ายขนั้ ตอนการท�ำงาน
2. การอธบิ ายเร่ืองราวทต่ี ้องการเผยแพร่
3. การอธิบายการเรยี นหนงั สือในแตล่ ะวนั
4. การอธิบายการท�ำงานของโปรแกรมเป็นภาษาพดู

ท่ีเข้าใจง่าย
(วเิ คราะห์คำ� ตอบ การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขยี นขอ้ ความ
เปน็ การอธบิ ายการทำ� งานของโปรแกรมทใี่ ชภ้ าษาพดู ทเี่ ขา้ ใจงา่ ย  
ดังนน้ั ตอบขอ้ 4.)

T41


Click to View FlipBook Version