นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สรปุ เเกล่นม กับ Com Sci
1. ครูให้นักเรียนท�ากิจกรรมสรุปความรู้ประจ�า Èลิ ปน ตวั นอ้ ย
หน่วยที่ 2 เล่นเกมกับ Com Sci เร่ือง ศิลปน
ตัวน้อย โดยให้นักเรียนใช้โปรแกรมภาษา กติกา
Scratch ในการสรา้ งภาพพนื้ หลังของชน้ิ งาน
โดยวาดภาพขนึ้ มาใหม่ หรอื จะเลอื กจาก Library ใหน้ กั เรยี นใชโ้ ปรแกรมภาษา Scratch ในการสรา้ งภาพพนื้ หลงั
ก็ได้ จากนั้นให้นักเรียนเขียนโปรแกรมสร้าง ของชน้ิ งาน โดยวาดภาพขน้ึ มาใหม่ หรอื จะเลอื กจาก Library กไ็ ด้
ภาพตา่ งๆ เช่น ภาพวงกลม ภาพสามเหลย่ี ม แลว้ ใหน้ กั เรียนเขยี นโปรแกรมสรา้ งภาพต่าง ๆ เช่น ภาพวงกลม
ภาพหกเหลีย่ ม ภาพสามเหลยี่ ม ภาพหกเหลยี่ ม
2. นักเรียนตรวจสอบตนเองโดยการบอก เครอ่ื งมอื การเขยี น
สัญลักษณที่ตรงกับระดับความสามารถ โปรแกรมวาดภาพ สามารถเลอื กได้
ของตนเองเก่ียวกับความรู้ท่ีได้ในการเรียน จากเมนู “เพ่มิ ส่วนขยาย”
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง การออกแบบ
และเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย
µÃǨÊͺµ¹àͧ กิจกรรม สรปØ ความรป้Ù ระจา� หนว่ ยท่ี 2
หลงั จากเรยี นจบหนว ยนแี้ ลว้ ใหบ้ อกสญั ลกั ษณท์ ต่ี รงกบั ระดบั ความสามารถของตนเอง
รายการ เกณฑ์
1. สามารถออกแบบการเขียนโปรแกรม ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง
ดว้ ยการเขยี นขอ้ ความและผังงานได้
2. สามารถเขียนโปรแกรมโดยใชภ้ าษา
Scratch ได้
3. สามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดขน้ึ
ของโปรแกรมได้
55
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 55
เกร็ดแนะครู กจิ กรรม ทา้ ทาย
ในการท�ากิจกรรมสรปุ ความรู้ประจ�าหน่วยที่ 2 เลน่ เกมกบั Com Sci เรอ่ื ง ครูให้นักเรียนสร้างนิทานคนละ 1 เร่ือง โดยใช้การเขียน
ศิลปนตัวน้อย ครูให้นักเรียนที่วาดรูปเดียวกันน�าโปรแกรมที่เขียนข้ึนมา โปรแกรมภาษา Scratch เข้ามาช่วยในการจัดท�านิทาน
เปรียบเทียบกันว่า นักเรียนมีหลักการในการเขียนโปรแกรมเหมือนกันหรือไม่ โดยนกั เรยี นสามารถออกแบบนทิ านไดต้ ามความสนใจของนกั เรยี น
เน่ืองจากในการเขียนโปรแกรมอาจมีวิธีการเขียนท่ีแตกต่างกันแต่สามารถ และตกแต่งให้สวยงาม จากนั้นให้นักเรียนสรุปขั้นตอนการจัดท�า
ได้ผลลัพธเดียวกันได้ขึ้นอยู่กับประสบการณและความสามารถของผู้เขียน นิทานลงในกระดาษท่ีครูแจกให้ และจัดเตรียมขอ้ มูลเพ่อื น�าเสนอ
โปรแกรม นิทานที่ตนเองสร้างข้ึนตามรูปแบบท่ีนักเรียนคิดว่าน่าสนใจ
อย่างอสิ ระบรเิ วณหนา้ ชน้ั เรียน
T92
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
สรุป สาระส�าคัญ ขน้ั สรปุ
การออกแบบ การออกแบบ การตรวจสอบข้อผิดพลาด 3. ครสู มุ่ ตวั แทนนกั เรยี นหรอื ใหน้ กั เรยี นทม่ี คี วาม
โปรแกรมด้วยการ โปรแกรมด้วยการ ทเี่ กิดข้นึ โดยการตรวจสอบ สมัครใจออกมาพูดถึงเน้ือหาสาระที่ได้เรียนรู้
ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง การออกแบบ
เขยี นขอ้ ความ เขียนผงั งาน การทา� งานทีละขัน้ ตอน และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยอาจสุ่ม
ออกมาท้ังหมด 3 คน แลว้ ใหน้ ักเรียนพดู สรปุ
คนละหัวข้อ ได้แก่ การออกแบบโปรแกรม
การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Scratch และ
การตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม
การออกแบบ การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด
โปรแกรม ของโปรแกรม
กาโปรอรอแกกแรบมบอยแ่าลงะงเ่าขยยี น
การกา� หนด การเขยี นโปรแกรมด้วย การเขียน
ตัวแปร ภาษา Scratch โปรแกรม
หาคา่ ค.ร.น.
การเขยี นโปรแกรม การเขยี นโปรแกรม
แบบวนซ�า้ แบบมเี งอ่ื นไข
56
ภาพจาก หนงั สือเรยี น หนา 56
ขอ้ สอบเน้น การคดิ เกร็ดแนะครู
สครปิ ต์ (Script) เปน ส่วนใดของโปรแกรม Scratch ครูอาจสุ่มตัวแทนนักเรียนหรือหานักเรียนที่มีความสมัครใจออกมาพูดถึง
1. เปน็ พ้ืนที่แสดงผลลัพธก ารทา� งาน เนื้อหาสาระท่ีได้เรียนในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง การออกแบบและเขียน
2. เปน็ การแสดงพิกดั ตา� แหน่งของตวั ละคร โปรแกรมอย่างง่าย โดยอาจสุ่มออกมาท้ังหมด 3 คน แล้วให้นักเรียนพูดสรุป
3. เปน็ ตวั กา� หนดลักษณะทา่ ทางของตัวละคร คนละหวั ขอ้ ไดแ้ ก่ การออกแบบโปรแกรม การเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษา Scratch
4. เปน็ พื้นท่ีในการวางบลอ็ กค�าส่งั สา� หรับเขียนโปรแกรม และการตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม
(วเิ คราะหค์ �าตอบ สคริปต (Script) เป็นส่วนประกอบที่ส�าคัญ
ของโปรแกรม Scratch โดยมีหน้าทก่ี ารท�างาน คอื เมือ่ ตอ้ งการ
เขียนโปรแกรมสามารถน�าบล็อกค�าส่ังต่างๆ ของโปรแกรม
Scratch มาวางในพืน้ ที่การทา� งาน ดังน้นั ตอบข้อ 4.)
T93
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สรปุ กิจกรรม
เสริมสรางการเรียนรู
4. ครใู หน้ กั เรยี นทา� กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งการเรยี นรู้
ในหนังสือเรียน หน้า 57 โดยให้นักเรียน ให้นักเรียนพิจารณาสถานการณ์ตอไปนี้ แล้วน�าไปออกแบบผังงาน
พิ จ า ร ณ า ส ถ า น ก า ร ณ เ กี่ ย ว กั บ ก า ร เ ขี ย น และเขยี นคา� สงั่ ควบคมุ การทา� งานใหส้ มบรู ณ ์โดยใช ้โปรแกรมภาษา Scratch
โปรแกรมแสดงรายการข้อมูลตามข้อมูล
ท่ีรับเข้ามา แล้วให้นักเรียนออกแบบผังงาน สถานการณ์ : ปูต้องการเขียนโปรแกรมแสดงรายการ
และเขียนค�าสั่งควบคุมการท�างานให้สมบูรณ ข้อมูล (List) ตามข้อมูลท่ีผู้ใช้งานป้อนเข้ามา โดยจะ
โดยใช้โปรแกรมภาษา Scratch กา� หนดจ�านวนขอ้ มูลทร่ี บั เขา้ หรือไม่กา� หนดก็ได้
ผังงานของโปรแกรม คือ
บันทกึ ลงในสมดุ
ค�าสัง่ ท่ีใช้ในการเขยี นโปรแกรม ไดแ้ ก่ ..................................................................
.............................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................
57
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 57
เกร็ดแนะครู ข้อสอบเน้น การคดิ
หลงั จากนกั เรยี นทา� กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งการเรยี นรเู้ สรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ครอู าจ การใช้รูปภาพหรือสัญลักษณ์แทนข้อความในการออกแบบ
ให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนสลับกันตรวจสอบความถูกต้องของโปรแกรมท่ีเพ่ือน ขั้นตอนการเขยี นโปรแกรมเรียกวา่ อะไร
เขยี นขนึ้ วา่ ถกู ตอ้ งและตรงตามทโ่ี จทยต อ้ งการหรอื ไม่ ถา้ หากพบวา่ เพอื่ นเขยี น
โปรแกรมไม่ถูกต้องให้เพื่อนน�ากลับไปแก้ไข แล้วตรวจสอบข้อผิดพลาด 1. การวาดภาพ
ของโปรแกรมของเพ่ือนอกี ครงั้ จนกวา่ โปรแกรมจะถกู ต้องตรงตามตอ้ งการ 2. การเขียนผังงาน
3. การเขียนบรรยาย
4. การเขยี นรหสั ภาพ
(วิเคราะห์คา� ตอบ การใช้รูปภาพหรือสัญลักษณแทนข้อความ
ในการออกแบบขน้ั ตอนการทา� งานของโปรแกรม เรยี กวา่ การเขยี น
ผังงาน ดงั นน้ั ตอบข้อ 2.)
T94
นา� สอน สรุป ประเมนิ
ชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด เฉลย ขน้ั สรปุ
เรอ่ื ง การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย
5. นักเรียนท�าชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอื่ ง
คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นพิจารณาสถานการณ์ จากน้ันเขยี นผงั งานและโปรแกรมโดยใช้ภาษา Scratch ใหถ้ กู ตอ้ ง การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย
โดยให้นักเรียนพิจารณาสถานการณที่ก�าหนด
ให้นกั เรียนเขยี นโปรแกรมรับคา่ อายุและแสดงช่วงวัย ดงั น้ี ให้เก่ียวกับโปรแกรมรับค่าอายุและแสดง
ช่วงวัย จากนั้นเขียนผังงานและโปรแกรม
- อายุ 3-5 ปี = วัยเด็กตอนต้น - อายุ 6-9 ปี = วัยเดก็ ตอนกลาง ควบคุมการท�างานโดยใช้โปรแกรมภาษา
Scratch ซึ่งหลังจากนักเรียนเขียนโปรแกรม
- อายุ 10-12 ปี = วยั เดก็ ตอนปลาย - อายุ 13-15 ปี = วัยรุ่นตอนตน้ เสร็จเรียบร้อยแล้วให้นักเรียนตอบค�าถาม
เกยี่ วกบั ปญ หาในการเขยี นโปรแกรมทน่ี กั เรยี น
- อายุ 16-18 ปี = วยั ร่นุ ตอนกลาง - อายุ 19-22 ปี = วัยรนุ่ ตอนปลาย พบ
- อายมุ ากกวา่ 22 ปี = วัยผใู้ หญ่
1. ออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนผงั งาน
2. เขยี นโปรแกรมโดยใช้ภาษา Scratch
3. นักเรยี นพบปัญหาในการเขียนโปรแกรมหรือไม่ จงอธบิ าย
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
....................................................................................................... ......................................................................
4. นักเรยี นมีวิธแี ก้ไขปัญหาอย่างไร
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
....................................................................................................... ......................................................................
ภาพจาก
แผนการสอน ที่ 21
หน่วยที่ 1
ข้อสอบเนน้ การคิด เกร็ดแนะครู
เพราะเหตใุ ด จงึ ตอ้ งมกี ารตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดในการทา� งาน ในการท�าชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) ครูอาจใหน้ กั เรยี นจับคแู่ ละช่วยกนั
ของโปรแกรมอยเู่ สมอ ทา� งาน โดยหลงั จากเขยี นโปรแกรมเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั พจิ ารณา
ตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรมทเี่ ขียนขนึ้ หากพบขอ้ ผดิ พลาดใหน้ กั เรยี น
1. สามารถเขียนโปรแกรมไดเ้ รว็ ขน้ึ ชว่ ยกนั แก้ไขจนกวา่ จะไดโ้ ปรแกรมทถ่ี กู ต้องตรงตามความตอ้ งการ
2. ชว่ ยใหโ้ ปรแกรมที่เขียนเปน็ ไปตามความต้องการ
3. ทา� ให้โปรแกรมมีความเรียบร้อย อา่ นง่าย สบายตา
4. เป็นการตรวจสอบวา่ โปรแกรมเหมอื นกับของเพือ่ นหรือไม่
(วเิ คราะหค์ า� ตอบ การตรวจสอบข้อผิดพลาดในการท�างานของ
โปรแกรมอยู่เสมอ จะท�าให้โปรแกรมทีเขียนข้ึนถูกต้องและเป็น
ไปตามความตอ้ งการของผใู้ ชง้ าน ดงั นนั้ ตอบข้อ 2.)
T95
นา� สอน สรุป ประเมนิ
ขนั้ สรปุ แบบทดสอบ ไดค ะแนน คะแนนเตม็ 4. จากภาพ Script A และ B มเี ง่อื นไขการทาํ งานตา งกนั อยางไร
»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃչ̷٠èÕ 2
6. นกั เรยี นทา� แบบทดสอบประจา� หนว่ ยการเรยี นรู้ 10
ท่ี 2 ในแบบฝกหดั หนา้ 40-43 โดยในตอน
ท่ี 1 ใหน้ กั เรียนทา� แบบทดสอบโดยนา� ความรู้ ตอนที่ 1 Script A Script B
จากเน้ือหาที่เรียนมาตอบค�าถามให้ถูกต้อง
โดยให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบตัวอักษร วง ลอมรอบตัวอักษร ก. ข. ค. หรือ ง. หนา คําตอบท่ีถูกตอ ง ก. Script A ทําซ้ําตามจาํ นวนรอบท่กี ําหนด
หนา้ คา� ตอบทถ่ี กู ตอ้ ง สว่ นตอนท่ี 2 ใหน้ กั เรยี น 1. ขอใดไมใชประโยชนข องการออกแบบโปรแกรม Script B ทาํ ซ้ําจนกระท่งั มีเงือ่ นไขสั่งใหหยุด
เขียนโปรแกรมตรวจสอบสภาพอากาศที่มี
การแสดงผลออกทางหน้าจอ ก. เพือ่ ใหแ กไขขอ ผิดพลาดของโปรแกรมไดงายขึ้น ข. Script A ทาํ ซํ้าจนกระท่งั มเี งอื่ นไขสง่ั ใหห ยุด
ข. เพอ่ื ใชอธบิ ายการทาํ งานอยางเปน ลําดบั ขน้ั ตอน Script B ทําซา้ํ ตามจํานวนรอบทก่ี ําหนด
ค. เพอื่ ใหเ ห็นลําดบั ขนั้ ตอนการทํางานของโปรแกรม
ง. เพ่อื ฝก การออกแบบโปรแกรมดวยขอความและผงั งาน ค. Script A ทาํ ซ้าํ แบบไมมีท่สี นิ้ สดุ
2. จาก Script มีเง่ือนไขการทาํ งานอยางไร Script B ทาํ ซาํ้ จนกระทั่งมเี ง่อื นไขสั่งใหห ยดุ
เฉฉบลับย ง. Script A ทาํ ซํ้าจนกระทั่งมีเงอ่ื นไขสั่งใหห ยุด เฉฉบลับย
Script B ทําซ้าํ แบบไมม ีทสี่ น้ิ สุด
41
ก. ถา …เปนจริง แลว… (if…then…) 5. จาก Script คา x, y, z คือขอ ใด
ข. ถา …ไมเปนจรงิ แลว … (if…else…) ก. 5, 10, 15
ค. ถา…ไมเปนจรงิ แลว…เปน จริง แลว… (if…else…then…) ข. 5, 10, 0
ง. ถา…เปน จรงิ แลว…ถาไมเปนจรงิ แลว … (if…then…else…) ค. 3, 10, 5
3. ขอ ใดไมใชประโยชนข องการเขียนโปรแกรมแบบวนซํ้า แทนการเขียนคาํ สั่ง ง. 5, 10, 5
โปรแกรมเดมิ ซาํ้ กนั หลาย ๆ คร้งั
ก. ทําใหโ ปรแกรมมีความซับซอนมากขน้ึ 6. จาก Script โปรแกรมจะไดร ูปภาพตามขอใด ข.
ข. ชว ยใหเขยี นโปรแกรมไดง ายและสะดวก ก.
ค. ไมตองเขียนขอความคําสั่งเดิม ๆ หลายครง้ั
ง. ทําใหโปรแกรมมคี วามกระชบั สามารถตรวจสอบความผิดพลาดไดง าย ค. ง.
40
7. จาก Script หมายถึงขอใด ตอนท่ี 2 ไดค ะแนน คะแนนเตม็
ก. สรางตวั แปรช่อื number 10
ข. แสดงผลคาของตวั แปร number
ค. ปรับคาตวั แปร number เพิ่มขึ้น 1 คา อา นสถานการณท่กี ําหนด แลวเขยี นผังงานและโปรแกรม Scratch ลงในกรอบ
ง. กําหนดคาเริม่ ตน ใหก บั ตัวแปร number = 1 โปรแกรมนจ้ี ะรับอุณหภมู เิ ปน องศาเซลเซยี ส
- อุณหภูมิสูงกวา 30 องศาเซลเซียส จะแสดงขอความวา “อากาศรอน”
8. Script ใดทกี่ าํ หนดใหน ําขอ ความท่รี ับเขา มาเกบ็ ไวใ นตวั แปร - อุณหภมู อิ ยใู นชวง 25-30 องศาเซลเซียส จะแสดงขอความวา “อากาศกาํ ลงั ดี”
- อุณหภมู ิตํ่ากวา 25 องศาเซลเซยี ส จะแสดงขอ ความวา “อากาศเย็น”
ก. ข. เขยี นผงั งาน ตดิ ภาพโปรแกรม Scratch
เรมิ่ ตน
ค. ง. รับคาอณุ หภมู ิ
9. จาก Script หมายถงึ ขอ ใด อุณหหภรอืูมไิ <ม 25 ไมใช
ก. ถา ตัวเลขหารดว ย 5 แลวเทา กับ 0 ใหเพิ่มคา number ขน้ึ 1 ใช อุณหภมู ิ 25-30 ไมใ ช
เฉฉบลับย ข. ถาตวั เลขหารดว ย 5 แลว เศษเทา กบั 0 ใหเ พม่ิ คา number ขึน้ 1 อากาศเย็น หรือไม
ใช อณุ หหภรูมือิไ>ม 25
ค. ถา ตวั เลขคณู ดวย 5 แลว เศษเทากับ 0 ใหแ สดงตัวเลขลงในรายการ ใช เฉฉบลบั ย
list_number อากาศกําลังดี
อากาศรอ น
ง. ถา ตัวเลขหารดวย 5 แลว เศษเทากบั 0 ใหแสดงตัวเลขลงในรายการ
list_number แสดงอากาศ
จบ
10. ขอใดไมใ ชข ัน้ ตอนการตรวจสอบขอผิดพลาดของโปรแกรม เกณฑก ารใหค ะแนน คะแนนตอ ขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑการตดั สนิ
รายการประเมิน
ก. ทดสอบการทํางานของโปรแกรม 1. เขยี นผังงานของโปรแกรมตามสถานการณท่ีกาํ หนดได 5 10 • 6 คะแนนขึน้ ไป = ผา น
2. เขยี นโปรแกรมทใี่ ชภ าษา Scratch ตามสถานการณท ก่ี าํ หนดได 5 • ตาํ่ กวา 6 คะแนน = ปรบั ปรงุ
10
ข. ตรวจสอบการทํางานของคาํ สง่ั ทลี ะคําสง่ั คะแนนเตม็
ค. ทดลองสมุ เปล่ยี นคา ตา ง ๆ ในโปรแกรมจนกวาจะไดผ ลท่ตี อ งการ ตารางบนั ทกึ คะแนน ประจําหนวยการเรียนรทู ี่ 2
ง. เมอื่ พบจดุ ทที่ าํ ใหโ ปรแกรมไมเ ปน ไปตามตอ งการใหแ กไ ขขอ ผดิ พลาดนนั้ ตวั ชีว้ ดั แบบฝก หดั ผลการประเมนิ คณุ ภาพ รวมคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
จนกวาจะไดโปรแกรมตามทีต่ อ งการ ว 4.2 ป.5/2 เต็ม ได กิจกรรม แบบทดสอบ เตม็ ได 4321
60 เต็ม ได เต็ม ได 100
เกณฑการใหคะแนน รายการประเมนิ คะแนนตอขอยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑการตดั สนิ 20 20
เลอื กคําตอบท่ีถกู ตอง (10 ขอ ) 1 1 • 6 คะแนนขึน้ ไป = ผาน เกณฑการตดั สนิ : ชว งคะแนนรอยละ 80-100 = 4 70-79 = 3 60-69 = 2 50-59 = 1
คะแนนเตม็ 10 • ตาํ่ กวา 6 คะแนน = ปรบั ปรงุ หมายเหตุ : นําคะแนนเตม็ ของแตละตัวชวี้ ัดมาหาคารอ ยละ เพือ่ ประเมนิ ระดบั คุณภาพ เชน
2480 × 100 = 70
4ภ2าพจาก คะแนนเต็ม 40 ทาํ ได 28 คะแนน ถา คะแนนเตม็ 100 ทําไดร อ ยละ 43
ดังนัน้ รอยละ 70 เทียบไดกับระดับคุณภาพ 3
แบบฝก หัด
หน้า 40-43
เกร็ดแนะครู ข้อสอบเนน้ การคดิ
ครใู หน้ กั เรยี นทา� แบบทดสอบประจา� หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง การออกแบบ โปรแกรมภาษา Scratch มลี กั ษณะอยา่ งไร
และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยให้นักเรียนตอบค�าถามและเขียนโปรแกรม
ภาษา Scratch เพ่ือเป็นการทบทวนความรู้จากเนื้อหาท่ีได้เรียนมา เพื่อเป็น (วิเคราะห์ค�าตอบ เป็นโปรแกรมที่ผู้เรียนสามารถสร้างชิ้นงาน
การวัดระดับความเข้าใจของนักเรยี น ได้อย่างงา่ ยดาย ไม่ว่าจะเป็น การสร้างนิทาน การสรา้ งเกมและ
การสร้างโปรแกรมเพื่อนา� ไปใช้ประโยชนใ นด้านตา่ งๆ โดยการใช้
บลอ็ กค�าสั่งในการเขยี นโปรแกรมควบคมุ การท�างาน)
T96
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
แบบทดสอบหลงั เรียน ขนั้ สรปุ
หน่วยกำรเรยี นรู้ที 2 ตรวจสอบผล
คำชแ้ี จง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 7. ครูสรุปเน้ือหา เรื่อง การแก้ปญหาโดยใช้
เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ พรอ้ มถามคา� ถามจากเนอื้ หา
1. ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยชนข์ องการออกแบบโปรแกรม 5. จาก Script ค่า x, y, z คือข้อใด เพอื่ เปน็ การทบทวนความรขู้ องนกั เรยี นกอ่ นทา�
ก. เพ่อื ให้เห็นลาดบั ข้นั การทางานของโปรแกรม ก. 5, 10, 15 แบบทดสอบหลังเรยี น
ข. เพือ่ ใหแ้ กไ้ ขข้อผดิ พลาดของโปรแกรมไดง้ ่ายขึน้ ข. 5, 10, 0
ค. เพือ่ ใช้อธิบายการทางานอยา่ งเปน็ ลาดบั ข้ันตอน ค. 3, 10, 5 8. ครูให้นักเรียนท�าแบบทดสอบหลังเรียน
ง. เพ่ือฝึกการออกแบบโปรแกรมด้วยข้อความและผงั งาน ง. 5, 10, 5 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่ือง การออกแบบและ
เขียนโปรแกรมอย่างง่าย
2. จาก Script มีเง่ือนไขการทางานอย่างไร 6. จาก Script โปรแกรมจะได้รปู ภาพตามขอ้ ใด
ก. ข. ขน้ั ประเมนิ
ก. ถา้ .....เปน็ จรงิ แลว้ ….. (if…..then…..) ค. ง.
ข. ถ้า.....ถา้ ไม่จริงแล้ว..... (if…..else…..)
ค. ถ้า.....เป็นจรงิ แล้ว.....ถ้าไมจ่ รงิ แลว้ ..... 7. จาก Script หมายถึงข้อใด ตารางการวัดและประเมินผล
ก. สรา้ งตัวแปรชือ่ number วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
(if…..then…..else…..) ข. แสดงผลค่าของตัวแปร number
ง. ถ้า.....ถา้ ไมจ่ ริงแลว้ .....เป็นจรงิ แล้ว..... ค. ปรับคา่ ตัวแปร number เพิ่มขน้ึ 1 ค่า ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ
ง. กาหนดค่าเร่มิ ต้นให้กับตัวแปร number = 1 หลงั เรยี น หลงั เรยี น
(if…..else…..then…..) 8. Script ใดทกี่ าหนดใหน้ าขอ้ ความท่ีรับเขา้ มาเกบ็ ไว้ในตัวแปร
3. ข้อใดไม่ใชป่ ระโยชนข์ องการเขียนโปรแกรมวนซ้า แทน ก.
ข.
การเขยี นคาสั่งโปรแกรมเดิมซ้ากนั หลายๆ คร้ัง ค. ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หดั รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ
ก. ทาให้โปรแกรมมีความซับซอ้ นมากข้ึน
ข. ชว่ ยใหก้ ารเขียนโปรแกรมได้ง่าย สะดวก ง. ตรวจชนิ้ งาน/ ชนิ้ งาน/ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ
ค. ไมต่ อ้ งเขยี นข้อความคาสงั่ เดมิ ๆ หลายครั้ง 9. จาก Script หมายถงึ ข้อใด ภาระงาน ภาระงาน
ง. ทาให้โปรแกรมมีความกระชบั สามารถตรวจสอบ (รวบยอด) รวบยอด
ความผดิ พลาดได้งา่ ย ก. ถ้าตวั เลขหารดว้ ย 5 แลว้ เทา่ กบั 0 ใหเ้ พ่ิมค่า
number ข้ึน 1 ประเมนิ แบบ ระดบั คุณภาพ 2
4. จากภาพ Script A และ B มเี งอ่ื นไขการทางานต่างกัน การนา� เสนอ ประเมนิ ผ่านเกณฑ
อยา่ งไร Script A Script B ข. ถา้ ตวั เลขหารด้วย 5 แลว้ เศษเทา่ กับ 0 ใหเ้ พิม่ ค่า การนา� เสนอ
number ขึ้น 1 ผลงาน ผลงาน
ก. Script A ทาซา้ ตามจานวนรอบที่กาหนด
Script B ทาซา้ จนกระท่ังมีเงอ่ื นไขสัง่ ให้หยดุ ค. ถ้าตัวเลขคูณด้วย 5 แล้วเศษเท่ากบั 0 ใหแ้ สดง สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2
ตัวเลขลงในรายการ list_number การทา� งาน พฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ
ข. Script A ทาซา้ จนกระทง่ั มีเงอื่ นไขสง่ั ใหห้ ยดุ รายบคุ คล
Script B ทาซ้าตามจานวนรอบที่กาหนด ง. ถ้าตวั เลขหารดว้ ย 5 แล้วเศษเทา่ กับ 0 ใหแ้ สดง
ตัวเลขลงในรายการ list_number
ค. Script A ทาซา้ แบบไมม่ ีท่ีส้นิ สุด
Script B ทาซ้าจนกระท่ังมเี ง่ือนไขส่งั ใหห้ ยุด 10. ขอ้ ใดไมใ่ ชข่ ั้นตอนการตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม
ก. ทดสอบการทางานของโปรแกรม
ง. Script A ทาซ้าจนกระทง่ั มเี งื่อนไขสงั่ ให้หยดุ ข. ตรวจสอบการทางานของคาส่ังทลี ะคาส่งั
Script B ทาซา้ แบบไม่มีทส่ี ิ้นสุด ค. ทดลองเปลยี่ นค่าในโปรแกรมจนกว่าจะไดผ้ ลทตี่ ้องการ
ง. เม่ือพบจุดทท่ี าให้โปรแกรมไม่เปน็ ไปตามตอ้ งการให้
เฉลย แก้ไขขอ้ ผิดพลาดนั้น จนกวา่ จะไดโ้ ปรแกรมตามทีต่ อ้ งการ
1. ง 2. ค 3. ก 4. ก 5. ข 6. ค 7. ค 8. ข 9. ง 10. ค สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2
การทา� งานกลมุ่ พฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ
ภาพจาก
แผนการสอน ท่ี 12
หน่วยท่ี 1
ขอ้ สอบเน้น การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล
การออกแบบโปรแกรมเปน ขนั้ ตอนทใ่ี ชส้ �าหรับอธบิ ายเรื่องใด ครูสามารถประเมินการน�าเสนอผลงาน สังเกตพฤติกรรมการท�างาน
1. การอธิบายเรื่องราวตา่ งๆ รายบุคคล และสังเกตพฤติกรรมการท�างานกลุ่มของนักเรียน โดยศึกษา
2. การอธิบายเร่อื งราวในชวี ติ ของนกั เรียน เกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการน�าเสนอผลงาน แบบสังเกต
3. การอธิบายภาพรวมการทา� งานของโปรแกรม พฤติกรรมการท�างานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการท�างานกลุ่มท่ี
4. การอธบิ ายขั้นตอนการท�างานต่างๆ ของโปรแกรม แนบมาทา้ ยการแผนจดั การเรียนรู้ท่ี 4 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2
อย่างเป็นขั้นตอน
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
(วเิ คราะห์คา� ตอบ การออกแบบโปรแกรมเปน็ ขน้ั ตอนทใ่ี ชส้ า� หรบั
อธิบายขั้นตอนการท�างานต่างๆ ของโปรแกรมอย่างเป็นข้ันตอน คาชแ้ี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ คาชแ้ี จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องท่ี คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องท่ี
ซง่ึ สามารถทา� ไดท้ ง้ั การเขยี นขอ้ ความและผงั งาน ดงั นน้ั ตอบขอ้ 4.) ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน
ตรงกับระดับคะแนน
ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 การทางาน การมี
32 32 ตามที่ไดร้ ับ ส่วนรว่ มใน
ลาดับท่ี รายการประเมนิ การแสดง การยอมรับ มอบหมาย การปรบั ปรุง รวม
1 1 การแสดงความคิดเห็น ลาดับท่ี ชื่อ–สกลุ ความคิดเหน็ ฟงั คนอนื่ ความมนี า้ ใจ ผลงานกลุม่ 15
ของนกั เรยี น คะแนน
1 ความถกู ต้องของเนื้อหา 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ นื่
2 ความคิดสร้างสรรค์
3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหน้าที่ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย 321321321321321
4 การนาไปใช้ประโยชน์
5 การตรงต่อเวลา 4 ความมนี ้าใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
รวม
ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................... ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............/.................../................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ
เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ให้ 1 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดีมาก
14–15 ดีมาก 11–13 ดี เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ
11–13 ดี 8–10 พอใช้ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
8–10 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง 14–15 ดมี าก
ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง 11–13 ดี
8–10 พอใช้
T97
Chapter Concept Overview
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3
กำรคน้ หำขอ้ มูลโดยใช้อนิ เทอรเน็ต
การค้นหาข้อมูลต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตนักเรียนจะ การคน้ หาโดยใชค้ า� สา� คัญ
ต้องเรียนรู้เก่ียวกับเทคนิคต่าง ๆ ท่ีใช้ในการค้นหาข้อมูลบน การค้นหาโดยระบชุ นิดของไฟล์
อินเทอร์เน็ต เพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ีตรงตามความต้องการภายใน
ระยะเวลาอันรวดเรว็ โดยเทคนคิ ในการคน้ หาข้อมูล มีดงั นี้
การคน้ หาโดยการใชเ้ ครอ่ื งหมายหรอื สญั ลักษณ์
การคน้ หาโดยใช้ตัวด�าเนินการ การคน้ หาภายในเว็บไซตท์ ี่กา� หนด
กำรก�ำหนดขอบเขตกำรคน้ หำ
ในการคน้ หาขอ้ มลู ในแตล่ ะครงั้ โปรแกรมคน้ หาจะแสดงขอ้ มลู ท่ี
เกยี่ วขอ้ งกบั คา� คน้ หาทผี่ ใู้ ชง้ านปอ นเขา้ ไปเปน็ จา� นวนมาก ดงั นนั้ เพอ่ื
ให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้
ข้อมูลตรงตามความต้องการมากท่ีสุด ผู้ใช้จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการ
กา� หนดขอบเขตการคน้ หาทไี่ ดจ้ ากโปรแกรมคน้ หา ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี
กำรประเมินควำมนำ เช่ือถอื
ในการคน้ หาขอ้ มูลในแตล่ ะคร้งั โปรแกรมคน้ หาจะแสดงข้อมลู ที่เกย่ี วข้องกบั คา� ค้นหาทผ่ี ใู้ ช้งานปอนเขา้ ไปเป็นจา� นวนมาก
ดงั นัน้ เพ่ือให้ผ้ใู ชง้ านสามารถใชง้ านอนิ เทอรเ์ นต็ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพและได้ข้อมลู ตรงตามความตอ้ งการมากท่ีสุด ผใู้ ช้จะตอ้ ง
เรียนรเู้ กยี่ วกบั การกา� หนดขอบเขตการค้นหาท่ีไดจ้ ากโปรแกรมคน้ หา ดังตวั อยา่ งต่อไปน้ี
1. พจิ ารณาเว็บไซตท์ ีน่ ่าเชื่อถอื ได้
2. ระบุช่อื ผู้เขียนหรือผู้ให้ข้อมูล
3. ระบวุ ันทเี่ ผยแพรแ่ ละครง้ั ท่ปี รบั ปรงุ
4. บอกวัตถุประสงคใ์ นการจดั ท�า
5. อ้างองิ แหลง่ ท่ีมา
T98
Chapter Overview
แผนกำรจดั ส่ือกำรเรย� นรู้ จด� ประสงค วธ� ส� อน ประเมนิ ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ
กำรเรย� นรู้ อนั พึงประสงค
แผนฯ ท่ี 1 - แบบทดสอบกอ่ นเรียน 1. อ ธิบายเทคนคิ การค้นหา - แ บบสืบเสาะ - ตรวจแบบฝก หดั - ท ักษะการคิดอย่าง - มวี ินัย
การคน หา - หนงั สอื เรียนรายวิชา ข้อมลู แบบต่าง ๆ หาความร้ ู - สงั เกตพฤติกรรม มีวิจารณญาณ - ใฝ่เรยี นรู้
ขอมลู โดยใช พน้ื ฐานเทคโนโลยี ในการคน้ หาขอ้ มลู ได ้ (5Es Instructional การท�างาน - ทกั ษะการทา� งาน - ม ุ่งมัน่ ใน
อนิ เทอรเ นต็ (วทิ ยาการคา� นวณ) ป.6 (K) Model) รายบุคคล รว่ มกนั การทา� งาน
- แ บบฝกหัดรายวิชา 2. ใชเ้ ทคนิคการค้นหา - เ ทคนิคการสอน - สงั เกตคุณลักษณะ - ทักษะการสอ่ื สาร
3 พืน้ ฐาน เทคโนโลย ี ข้อมลู แบบต่าง ๆ ด้วยเกม อนั พงึ ประสงค์
(วิทยาการคา� นวณ) ป.6 ได้เหมาะสมกับสิง่ - เทคนคิ ตามแนวคดิ
ชว่ั โมง ทีต่ ้องการค้นหาได้ (P) เชิงคา� นวณ
3. เหน็ ประโยชนข์ อง - ใ ชก้ รณตี ัวอยา่ ง
เทคนิคการคน้ หาข้อมลู
แบบต่าง ๆ และนา� ไป
ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ
ประจา� วนั ได ้ (A)
แผนฯ ท่ี 2 - หนังสอื เรยี นรายวิชา 1. อ ธิบายวิธกี ารคน้ หา - แ บบสบื เสาะ - ตรวจแบบฝกหัด - ทักษะการคิดอย่าง - มีวินัย
การกาํ หนด พืน้ ฐานเทคโนโลย ี ขอ้ มูลโดยใช้การ หาความร ู้ - ตรวจใบงาน มวี จิ ารณญาณ - ใฝ่เรียนรู้
ขอบเขต (วิทยาการค�านวณ) ป.6 ก�าหนดขอบเขตการ (5Es Instructional - ป ระเมนิ การ - ท ักษะการทา� งาน - มุ่งมั่นใน
การคนหา - แบบฝกหดั รายวชิ า คน้ หาหรือการค้นหา Model) นา� เสนอผลงาน ร่วมกนั
พื้นฐานเทคโนโลยี ขน้ั สูงได ้ (K) - เทคนิคการสอน - สงั เกตพฤตกิ รรม การท�างาน
2 ดว้ ยเกม การท�างาน - ทักษะการส่อื สาร
(วทิ ยาการค�านวณ) ป.6 2. คน้ หาขอ้ มลู โดยใชก้ าร
ชัว่ โมง - ใบงาน เรอ่ื ง นกั ข่าว ก�าหนดขอบเขตการ - เ ทคนิคตามแนวคดิ รายบุคคล
ตวั น้อย คน้ หาหรอื การคน้ หา เชิงคา� นวณ - สงั เกตพฤตกิ รรม
ขน้ั สูงได้ (P) - ใชบ้ ทบาทสมมติ การทา� งานกลุ่ม
3. เห็นประโยชนข์ องการ - ส ังเกตคุณลกั ษณะ
กา� หนดขอบเขตการ อนั พึงประสงค์
ค้นหาหรอื การคน้ หา
ขัน้ สงู และนา� ไป
ประยกุ ต์ใช้ในชีวิต
ประจ�าวนั ได ้ (A)
แผนฯ ที่ 3 - แบบทดสอบหลงั เรยี น 1. อธบิ ายหลกั การประเมิน - แ บบกระบวน - ตรวจแบบฝก หัด - ท กั ษะการคิดอยา่ ง - มีวนิ ยั
การประเมนิ - หนงั สือเรียนรายวิชา ความน่าเชือ่ ถอื การกลุ่ม - ตรวจใบงาน มวี ิจารณญาณ - ใฝ่เรยี นรู้
ความนาเชื่อถอื พน้ื ฐานเทคโนโลยี ของข้อมลู ได ้ (K) - เทคนิคตามแนวคิด - ตรวจแบบทดสอบ - ทกั ษะการทา� งาน - มงุ่ ม่นั ใน
(วิทยาการค�านวณ) ป.6 2. ประเมินความนา่ เชอ่ื ถอื เชงิ ค�านวณ หลงั เรยี น
3 - แ บบฝกหดั รายวิชา ของขอ้ มูลได ้ (P) - ใช้กรณีตัวอยา่ ง - ประเมินการ รว่ มกัน การท�างาน
- ใ ชบ้ ทบาทสมมติ นา� เสนอผลงาน - ทักษะการสือ่ สาร
ชวั่ โมง พน้ื ฐานเทคโนโลยี 3. เ ห็นความส�าคัญ
(วิทยาการค�านวณ) ป.6 ของการประเมิน - สงั เกตพฤตกิ รรม
- ใ บงาน เรือ่ ง เชือ่ ได้ ความนา่ เชื่อถือ การทา� งาน
หรอื ไม่ ของขอ้ มูล (A) รายบคุ คล
- ส งั เกตพฤตกิ รรม
การท�างานกลุ่ม
- สงั เกตคุณลักษณะ
อนั พงึ ประสงค์
T99
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 3เวลา ช่ัวโมง
การคน้ หาขอ้ มูลโดยใช้อนิ เทอร์เน็ต
1. มาตรฐาน/ตัวชีว้ ดั
ตัวชว้ี ัด
ว 4.2 ป.6/3 ใช้อินเทอรเ์ นต็ ในการค้นหาขอ้ มูลอย่างมีประสิทธภิ าพ
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายเทคนิคการค้นหาขอ้ มลู แบบตา่ ง ๆ ในการค้นหาขอ้ มลู ได้ (K)
2. ใช้เทคนคิ การคน้ หาข้อมูลแบบต่าง ๆ ไดเ้ หมาะสมกับสงิ่ ที่ตอ้ งการค้นหาได้ (P)
3. เหน็ ประโยชนข์ องเทคนิคการค้นหาข้อมลู แบบต่าง ๆ และน�ำไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำ� วันได้ (A)
3. สาระการเรียนรู้
- การใชเ้ ทคนคิ การคน้ หาข้นั สูง เช่น การใชต้ วั ด�ำเนนิ การ การระบุรปู แบบของขอ้ มูลหรือชนิดของไฟล์
4. สาระส�ำคัญ/ความคดิ รวบยอด
อนิ เทอร์เนต็ เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอรข์ นาดใหญท่ ค่ี รอบคลมุ ไปทว่ั โลก เราสามารถใชง้ านอินเทอร์เนต็ เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู
ทต่ี รงตามความตอ้ งการภายในระยะเวลาอนั รวดเรว็ โดยใชเ้ ทคนคิ การคน้ หาขอ้ มลู แบบตา่ ง ๆ ดงั นี้ การคน้ หาโดยใชค้ ำ� สำ� คญั
การคน้ หาโดยระบชุ นดิ ของไฟล์ การคน้ หาโดยระบปุ ระเภทของเวบ็ ไซต์ การคน้ หาโดยใชเ้ ครอื่ งหมายหรอื สญั ลกั ษณ์ การคน้ หา
โดยใชต้ วั ดำ� เนนิ การ
5. สมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรยี นและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำ� คญั ของผ้เู รียน ทักษะ 4Cs คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. ทักษะการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ 1. มีวินัย
2. ความสามารถในการคดิ (Critical Thinking) 2. ใฝ่เรยี นรู้
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มงุ่ มน่ั ในการท�ำงาน
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 2. ท กั ษะการทำ� งานร่วมกัน
(Collaboration Skill)
3. ท ักษะการสื่อสาร
(Communication Skill)
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : วธิ กี ารสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) วิธีการ
สอนโดยใชเ้ ทคนคิ การสอนด้วยเกม วิธกี ารสอนโดยใช้เทคนิคตามแนวคิดเชงิ ค�ำนวณ และวธิ ีการสอนโดยใช้กรณตี วั อย่าง
T100
นำ� นำ� สอน สรปุ ประเมนิ
แบบทดสอบกอ่ นเรียน ขน้ั นำ�
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 กระตนุ้ ความสนใจ
คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ค รูให้นักเรียนภายในช้ันเรียนท�ำแบบทดสอบ
กอ่ นเรียน เร่อื ง การใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งมี
1. ขอ้ ใดคอื ประโยชน์ของเทคนคิ การค้นหาขอ้ มูล 6. หากนกั เรยี นตอ้ งการเขา้ สกู่ ารคน้ หาข้นั สูง นกั เรียนตอ้ ง ประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการทบทวนความรู้
ก. การต้งั คาถามกบั เหตุการณ์บางอยา่ ง เลือกคาส่ังใดกอ่ น และวัดพ้ืนฐานความรู้ก่อนท่ีจะเร่ิมเรียน
ข. เพอ่ื ใหไ้ ด้ข้อมลู ภายในระยะเวลา ก. เพิม่ เตมิ เน้อื หาใหม่
อนั รวดเร็ว ข. ขา่ วสาร
ค. เพ่ือใหไ้ ด้ข้อมลู ทมี่ ีประโยชนแ์ ละ ค. การต้ังคา่
สรา้ งสรรค์ ง. เครื่องมอื
ง. ถกู ทกุ ข้อ
7. หากนกั เรียนตอ้ งการค้นหาขอ้ มลู ทเ่ี ผยแพรต่ ้ังแตป่ ี
2. ข้อใดเป็นเทคนิคการค้นหาข้อมลู พ.ศ. 2560-2562 ควรป้อนข้อมูล พ.ศ. หลงั คาใด
ก. การค้นหาโดยใชต้ วั เลข ก. อปั เดตล่าสดุ
ข. การคน้ หาโดยใชค้ าประสม ข. คาที่ปรากฏ
ค. การคน้ หาโดยใช้ตวั ดาเนินการ ค. คาใด ๆ เหลา่ น้ี
ง. การคน้ หาโดยระบปุ ระเภทของเวบ็ ไซต์ ง. จานวนตั้งแต่ ... ถงึ ...
3. ปูควรใชเ้ ทคนิคใดในการคน้ หาเฉพาะไฟล์ที่ นามสกลุ 8. ขอ้ ใดคอื เวบ็ ไซต์ที่เกย่ี วขอ้ งกบั การการศกึ ษา
.pdf เทา่ นน้ั ก. เวบ็ ไซตท์ ลี่ งทา้ ยด้วย .com
ก. การคน้ หาโดยใช้คาสาคญั ข. เว็บไซตท์ ่ีลงทา้ ยด้วย .co.th
ข. การค้นหาโดยระบชุ นดิ ของไฟล์ ค. เวบ็ ไซตท์ ลี่ งทา้ ยด้วย .ac.th
ค. การคน้ หาโดยระบปุ ระเภทของเวบ็ ไซต์ ง. เวบ็ ไซต์ท่ลี งท้ายดว้ ย .or.th
ง. การค้นหาโดยใช้เครอื่ งหมายหรอื
สัญลกั ษณ์ 9. ข้อใดเปน็ การประเมินความนา่ เชอื่ ถอื ของข้อมลู ที่ไดจ้ าก
อินเทอร์เนต็
4. หมตู อ้ งการคน้ หาขอ้ มลู เกย่ี วกับของขวัญวันเกดิ ก. ตรวจสอบว่ามกี ารระบุประเภทของขอ้ มูล
โดยไม่ต้องการใหม้ คี าว่าตุก๊ ตาแสดงขึ้นมา หมูควร ข. ตรวจสอบว่ามีผใู้ ชง้ านแชร์ขอ้ มูลหลายคน
ใช้คาคน้ หาว่าอย่างไร ค. ตรวจสอบว่ามีการระบุวันทเ่ี ผยแพรแ่ ละครั้งที่
ก. ของขวญั วนั เกิด -ต๊กุ ตา ปรบั ปรุง
ข. ของขวญั วันเกดิ ไมต่ ุก๊ ตา ง. ตรวจสอบวา่ มกี ารกล่าวถึงประโยชน์และโทษ
ค. ของขวัญวนั เกิด NOTตุ๊กตา ของขอ้ มลู
ง. ของขวญั วันเกิด ท่ไี มใ่ ช่ตุ๊กตา
10. การกระทาของใครทที่ าใหไ้ ดข้ ้อมูลท่ีนา่ เชือ่ ถือ
5. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ขอ้ มลู พ้นื ฐานของเวบ็ ไซต์ ก. เอห้ าขอ้ มูลจากเว็บไซตท์ ี่ไมม่ ีการอา้ งอิง
ก. ทอ่ี ยูเ่ วบ็ ไซต์ ข. เจหาเลือกขอ้ มูลที่เผยแพรเ่ มือ่ 10 ปที แ่ี ล้ว
ข. ทม่ี าของข้อมลู ค. เป้หาขอ้ มลู จากเว็บไซต์ทเี่ ก่ยี วข้องกับการศึกษา
ค. วันทเ่ี ผยแพรข่ อ้ มลู ง. เมย์หาขอ้ มลู จากเพจทม่ี ีคนเขา้ มาแสดงความ
ง. ชอื่ หวั ขอ้ ของเว็บไซต์ คิดเหน็ ไว้
เฉลย 6. ก 7. ค 8. ง 9. ค 10. ค
1. ง 2. ค 3. ข 4. ก 5. ข
ภาพจาก
แผนการสอน ที่ 31
หน่วยที่ 1
ขอ้ สอบเน้น การคิด
หากนักเรียนต้องการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต นักเรียน
ไมส่ ามารถใช้โปรแกรมใดได้
1. Firefox
2. Photoshop
3. Google Chrome
4. Internet Explorer
(วเิ คราะห์คำ� ตอบ จากตัวเลือกท่ีก�ำหนดให้สามารถวิเคราะห์
ไดว้ า่ โปรแกรม Firefox, Google Chrome และ Internet Explorer
เป็นโปรแกรมท่ีสามารถใช้ในการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตได้
ส่วนโปรแกรม Photoshop เป็นโปรแกรมท่ีใช้ในการแก้ไข
และตกแต่งรูปภาพ ดงั นั้น ตอบข้อ 2.)
T101
นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นำ� 3˹Nj ¡ÒÃàÃչ̷٠èÕ ¡าร㪧Œ า¹Í¹Ô à·Íรà ¹µç
ÍÂÒ‹ §ÁปÕ รÐส·Ô ¸ÀÔ Ò¾
กระตนุ้ ควำมสนใจ
2. ครูถามค�าถามประจ�าหน่วยการเรียนรู้
กับนักเรียนว่า การค้นหาข้อมูลอย่างมี
ประสิทธิภาพมลี กั ษณะอยา่ งไร
3. ครถู ามคา� ถามกระตนุ้ ความคดิ ของนกั เรยี นวา่
หากนกั เรยี นตอ้ งการคน้ หาขอ้ มลู เพอื่ นา� ขอ้ มลู
มาใช้ในการท�าการบ้านหรือท�ารายงาน
นักเรียนจะค้นหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลใด
จงึ จะสะดวกทีส่ ดุ
(แนวตอบ อนิ เทอร์เน็ต)
4. ครถู ามคา� ถามกับนักเรียนตอ่ ว่า เพราะเหตุใด
นักเรียนจึงเลือกใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหา
ข้อมูล
(แนวตอบ อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งข้อมูล
ขนาดใหญ่ มีการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เอา
ไว้มากมายและหลากหลายประเภท ท�าให้
การสืบค้นข้อมูลท�าได้อย่างสะดวกและ
รวดเร็ว)
การ¤้นËา¢้อมÙÅ
อย่างมีประสิทธิภาพ
มีÅÑกɳะอยา่ งäร
แนวตอบ คำ� ถำมประจำ� หนว ยกำรเรยี นรู้ ตัวชี้วัด
คา� ตอบของนกั เรยี นขนึ้ อยกู่ บั ดลุ ยพนิ จิ ของครู ว 4.2 ป.6/3 ใชอ นิ เทอรเน็ตในการคนหาขอมูลอยางมปี ระสิทธิภาพ
ผสู้ อน เชน่ ผลลพั ธข์ องโปรแกรมจะตอ้ งเปน็ ไปตาม ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 58
ความตอ้ งการ
เกร็ดแนะครู ขอ้ สอบเนน้ การคิด
การเรยี นการสอนในหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรอื่ ง การใชง้ านอนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งมี ขอ้ ใดไมใ่ ชเ่ หตผุ ลของการทอี่ นิ เทอรเ์ นต็ เปน แหลง่ ในการคน้ หา
ประสิทธิภาพ ครูควรเน้นให้นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้เทคนิคต่างๆ ขอ้ มูลท่ีไดร้ บั ความนิยมมากที่สดุ
ในการคน้ หาขอ้ มลู เพอื่ ใหน้ กั เรยี นสามารถคน้ หาขอ้ มลู ไดต้ รงตามความตอ้ งการ
มากท่ีสุด และควรสอนให้นักเรียนรู้จักการประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล 1. มขี ้อมลู รวมกนั อยูจ่ า� นวนมาก
กอ่ นที่จะนา� ข้อมูลมาใช้ เพ่อื ให้ได้ขอ้ มลู ทีถ่ กู ตอ้ งเป็นจริง 2. ทกุ ขอ้ มูลเปน็ ข้อมลู จรงิ ท้ังหมด
3. สะดวกสบายในการค้นหาขอ้ มลู
4. ใชร้ ะยะเวลาอนั รวดเรว็ ในการค้นหาขอ้ มูล
(วเิ คราะหค์ �าตอบ จากตัวเลือกท่ีก�าหนดให้สามารถวิเคราะห์
ได้ว่า ข้อท่ีไม่ใช่เหตุผลของการที่อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งในการ
ค้นหาข้อมูลท่ีได้รับความนิยมมากท่ีสุด คือ ทุกข้อมูลเป็นข้อมูล
จรงิ ทงั้ หมด เนอื่ งจากขอ้ มลู ทอี่ ยบู่ นอนิ เทอรเ์ นต็ บางขอ้ มลู อาจเปน็
ขอ้ มูลเท็จกไ็ ด ้ เพราะบางข้อมลู ไม่มกี ารบอกแหล่งทม่ี าของข้อมลู
หรอื ไมม่ กี ารบอกขอ้ มลู ของผเู้ ผยแพรเ่ อาไวด้ ว้ ย ดงั นนั้ ตอบขอ้ 2.)
T102
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
การคน หาขอ มูล 1. ¡ารค¹Œ Ëา¢ŒÍÁÙÅâ´Â㪌 ขน้ั สอน
โดยใชเทคนคิ Í¹Ô à·Íรà¹çµ
ตา ง ๆ มีขอ ดี สำ� รวจคน้ หำ
อินเทอรเน็ต เปนเครือขายคอมพิวเตอร
อยา งไร ขนาดใหญครอบคลุมไปท่ัวโลก อีกทั้งยังเปน 1. ครูถามค�าถามส�าคัญประจ�าหัวข้อกับนักเรียน
แหลง รวบรวมขอ มลู ทมี่ ขี อ มลู หลากหลายประเภท วา่ การคน้ หาขอ้ มลู โดยใชเ้ ทคนคิ ตา่ งๆ มขี อ้ ดี
และมีแนวโนมท่ีจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังน้ัน เราจึงควรเรียนรู อย่างไร
การใชงานอินเทอรเน็ต เพ่ือใหไดขอมูลที่ตรงตามความตองการ
ภายในระยะเวลาอนั รวดเรว็ โดยใชเ ทคนคิ การคน หาขอ มลู แบบตา ง ๆ 2. ครูเล่าสถานการณ์สมมติให้นักเรียนฟงว่า
เทคนคิ 1การคน หาขอมูล วันหนึ่ง เด็กชาย ก. ต้องหาข้อมูลเก่ียวกับ
เปนวิธีการที่ ใช ในการคนหาเพื่อใหไดขอมูลที่ตรงกับความ ประวัติความเป็นมาของวันสงกรานต์ ซ่ึงเป็น
ตองการมากที่สุด ซึ่งในการคนหาขอมูลจะใชบริการจากเว็บไซต วันส�าคัญของประเทศไทย โดยเด็กชาย ก.
สําหรับสืบคน (Search Engine) โดยมีเทคนิคในการคนหาขอมูล ไดค้ น้ หาโดยใชเ้ วบ็ ไซตส์ า� หรบั คน้ หาแลว้ พมิ พ์
ดังน้ี ค�าค้นหาว่า สงกรานต์ ปรากฏว่า ผลลัพธ์
1. การคน หาโดยใชคําสําคญั การคน้ หาไมใ่ ชส่ งิ่ ทเ่ี ดก็ ชาย ก. ตอ้ งการ จากนนั้
คียเวิรด (Keyword) เปนการคนหาขอมูลโดยการพิมพ ครถู ามนกั เรยี นวา่ หากนกั เรยี นเปน็ เดก็ ชาย ก.
คําที่ตรงประเด็น กระชับ และตรงตามความตองการ เพ่ือคนหา นกั เรียนจะแกป้ ญหานีอ้ ย่างไร
ขอ มูลบนเวบ็ ไซต (แนวค�าตอบ ค�าตอบขึ้นอยู่กับประสบการณ์
ของผเู้ รยี น เชน่ พมิ พค์ า� คน้ หาทเ่ี ฉพาะเจาะจง
มากขนึ้ เชน่ วนั สงกรานต ์ ประวตั วิ นั สงกรานต)์
3. นกั เรยี นศกึ ษาเกยี่ วกบั เทคนคิ การคน้ หาขอ้ มลู
ในหนังสือเรียน หน้า 59-67
อธบิ ำยควำมรู้
1. ครูอธิบายให้นักเรียนฟงว่า การค้นหาข้อมูล
โดยใช้ค�าส�าคัญเป็นการค้นหาข้อมูลโดยการ
พิมพ์ค�าท่ีตรงประเด็น กระชับ และตรงตาม
ความต้องการลงในเว็บไซตส์ า� หรับสืบคน้ เช่น
เวบ็ ไซต์ Google
การ¤้นËา¢อ้ มÙÅâ´ยใช้¤าí สíา¤ÞÑ เชน่
ช×อè เรอè× ง ชè×อ¼้Ùáตง่ ¤íาËร×อÇÅสี นÑé æ
ทèีเกèียÇ¢อ้ งกѺเรèอ× งทสèี นใ¨
59 แนวตอบ คำ� ถำมส�ำคญั ประจำ� หวั ข้อ
ภาพจาก หนงั สือเรยี น หนา 59 แนวตอบของนกั เรยี นขน้ึ อยกู่ บั ดลุ ยพนิ จิ ของครู
ผู้สอน เชน่ ชว่ ยให้ค้นหาข้อมูลไดต้ รงตามต้องการ
ท�าให้การค้นหาข้อมูลใชเ้ วลาอันรวดเรว็
ขอ้ สอบเน้น การคดิ นักเรียนควรรู
หากนักเรียนต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผักและผลไม้ท่ีมี 1 เทคนิค หมายถึง วิธีการที่มีเฉพาะวิชานั้นๆ เช่น ในการเขียนโปรแกรม
สีเขยี ว นักเรยี นจะใชค้ า� สา� คัญใดในการคน้ หา คอมพิวเตอร์ ก็จะมีวิธีการในการเขียนโปรแกรมให้สั้นลง เพื่อประหยัดเวลา
ในการประมวลผล หรือการวาดภาพในวิชาศิลปะ ก็จะมกี ารสะบดั ข้อมือในการ
1. ผกั สเี ขยี ว วาดภาพด้วยพู่กนั เพื่อให้ภาพมคี วามอ่อนหวานข้นึ
2. ผลไมส้ เี ขียว
3. ผักและผลไม้
4. ผกั และผลไมส้ เี ขียว
(วเิ คราะหค์ า� ตอบ การค้นหาข้อมูลจะต้องพิมพ์ค�าส�าคัญที่ตรง
ประเด็นกับสิ่งที่ต้องการค้นหา เพราะฉะน้ันหากต้องการค้นหา
ข้อมูลเกี่ยวกับผักและผลไม้ท่ีมีสีเขียว จากตัวเลือกท่ีก�าหนดให้
กค็ วรใชค้ า� คน้ หาวา่ ผกั และผลไมส้ เี ขยี ว จงึ จะตรงประเดน็ ในการ
ค้นหามากท่ีสุด ดงั นน้ั ตอบขอ้ 4.)
T103
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ตÑÇอย่าง การ¤น้ Ëาâ´ยใช้¤าí สาí ¤ÑÞ
อธบิ ำยควำมรู้ ถาตองการคนหาขอมูลเกี่ยวกับวันสงกรานตวา วันสงกรานต
มีประวัติความเปนมาอยางไร และกิจกรรมที่ควรทําในวันสงกรานต
2. ครูถามค�าถามกับนักเรียนว่า ถ้านักเรียน มีอะไรบา ง จะสามารถคน หาไดดว ยคาํ คน หา ดงั นี้
ต้องการค้นหาข้อมูลเก่ียวกับวันสงกรานต์ว่า
วันสงกรานต์มีประวัติความเป็นมาอย่างไร วันสงกรานต ประวตั ิวนั สงกรานต
นักเรียนจะพิมพ์ค�าค้นหาโดยใช้ค�าส�าคัญ
ว่าอะไร
(แนวตอบ วันสงกรานต์ ประวัตวิ ันสงกรานต์)
3. นกั เรยี นเปด เครอ่ื งคอมพวิ เตอรจ์ ากนน้ั พมิ พค์ า�
ค้นหาค�าว่า “ประวัติวันสงกรานต์” ลงใน
โปรแกรมค้นหา แล้วตรวจสอบว่า ผลลัพธ์
ท่ีนักเรยี นได้จากค�าส�าคญั น้ีเป็นอย่างไร
ภาพท่ี 3.1 วิธีการคน หาโดยใชค าํ สําคัญ
60
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 60
เกร็ดแนะครู กจิ กรรม สร้างเสรมิ
ในการเรียนการสอนเกี่ยวกับการค้นหาโดยใช้ค�าส�าคัญ ท่ีต้องการค้นหา ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 2-3 คน จากนนั้ ครแู จกกระดาษ
ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติวันสงกรานต์ ก่อนที่ครูจะให้นักเรียนพิมพ์ค�าค้นหาค�าว่า ท่ีมีสถานการณ์เก่ียวกับการค้นหาข้อมูลที่ครูเตรียมไว้ให้กับ
ประวัติวันสงกราต์ ครูอาจให้นักเรียนค้นหาค�าว่า สงกรานต์ ก่อน แล้วจึงน�า นกั เรยี น แลว้ ใหน้ กั เรยี นในกลมุ่ ชว่ ยกนั วเิ คราะหว์ า่ จากสถานการณ์
ขอ้ มลู ทไี่ ดม้ าจากคา� คน้ หาทง้ั 2 คา� มาเปรยี บเทยี บกนั วา่ ไดข้ อ้ มลู ตามทต่ี อ้ งการ ทคี่ รกู า� หนดใหค้ วรใชค้ า� คน้ หาวา่ อะไร (นกั เรยี นในแตล่ ะกลมุ่ จะได้
หรือไม่ โดยให้นักเรยี นอภปิ รายรว่ มกนั ในชนั้ เรยี น สถานการณ์ที่แตกต่างกัน) และหลังจากที่นักเรียนทุกกลุ่ม
ได้ค�าตอบเรียบร้อยแล้ว ครูจึงให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมา
เล่าสถานการณ์พร้อมท้ังค�าส�าคัญที่ใช้ในการค้นหาบริเวณ
หน้าชั้นเรียน โดยให้เพ่ือนที่เหลือในชั้นเรียนช่วยกันวิเคราะห์
คา� ตอบของกลมุ่ เพอ่ื นวา่ ถกู ต้องหรอื ไม่
T104
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
2. การคนหาโดยระบุชนิดของไฟล ขน้ั สอน
เปนการคนหาขอมูลโดยการเจาะจงชนิดของไฟลขอมูล
อธบิ ำยควำมรู้
ท่ีเราตองการ ซ่ึงการคนหาแบบนี้จะตองอาศัยการคนหาโดยใชคํา
สาํ คัญรว มดว ย 4. ครูอธิบายให้นักเรียนฟงว่า การค้นหาข้อมูล
ตÑÇอย่าง การ¤้นËาâ´ยระºชØ น´ิ ¢องä¿Å์ โดยระบุชนิดของไฟล์เป็นการเจาะจงชนิด
ของไฟล์ท่ีจะค้นหา เช่น ถ้านักเรียนต้องการ
ถา ตอ งการคน หาขอ มลู เกย่ี วกบั วนั สงกรานต โดยตอ งการทจ่ี ะคน หา ข้อมูลที่เป็นรูปภาพ นักเรียนจะต้องค้นหา
เฉพาะไฟลท นี่ ามสกลุ .PDF เทา นนั้ จะสามารถคน หาไดด ว ยคาํ คน หา ดงั น้ี ข้อมูลทเี่ ปน็ ไฟลร์ ปู ภาพ เชน่ ไฟลท์ ่มี ีนามสกุล
.JPG .PNG
วนั สงกรานต filetype:PDF
5. นักเรียนพิมพ์ค�าค้นหาว่า วันสงกรานต์
filetype:PDF ลงในโปรแกรมค้นหา แล้ว
ตรวจสอบว่า ผลลัพธ์ที่นักเรียนได้จาก
คา� ส�าคัญน้ีเป็นอยา่ งไร
ภาพที่ 3.2 วิธีการคน หาโดยระบชุ นิดของไฟล
61
ภาพจาก หนงั สือเรยี น หนา 61
ขอ้ สอบเนน้ การคดิ ความรูเสริม
หากนกั เรยี นตอ้ งการคน้ หาขอ้ มลู เกยี่ วกบั ภาพกระตา่ ย นกั เรยี น ชนิดของไฟล์หรือนามสกุลไฟล์ (File Type) เป็นตัวท่ีใช้ในการบ่งบอกว่า
จะใช้ค�าค้นหาใดจงึ จะเหมาะสมท่ีสดุ ขอ้ มลู นนั้ เปน็ ขอ้ มลู ประเภทใด เชน่ ถา้ หากไฟลน์ นั้ เปน็ ไฟลท์ ม่ี นี ามสกลุ ไฟลเ์ ปน็
.jpg หรือ .gif แสดงว่าไฟล์งานน้ันเป็นไฟล์รูปภาพ หรือถ้าหากเป็นไฟล์ที่มี
1. กระตา่ ย นามสกุลไฟลเ์ ปน็ .docx แสดงว่าไฟล์งานนัน้ เป็นไฟล์เอกสาร
2. กระต่าย (รูปภาพ)
3. กระตา่ ย.File Type
4. กระต่าย filetype:gif
(วเิ คราะหค์ �าตอบ ในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกระต่ายโดยการ
เจาะจงชนิดของไฟล์ว่า ต้องการไฟล์ที่เป็นรูปภาพ เพราะฉะนั้น
จงึ ตอ้ งใชค้ า� คน้ หาวา่ กระตา่ ย filetype:gif ตามรปู แบบการคน้ หา
โดยระบชุ นิดของไฟล ์ ดงั นน้ั ตอบขอ้ 4.)
T105
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 3. การคนหาภายในเวบ็ ไซตท่กี ําหนด
เปน การคน หาขอ มลู โดยการพมิ พช อื่ เวบ็ ไซต หรอื ประเภท
อธบิ ำยควำมรู้
ของเว็บไซตตามท่ีตองการลงในชองคนหา เพื่อใหไดขอมูลจาก
6. นักเรียนในช้ันเรียนอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับ แหลงขอมูลท่ีตองการ เชน เว็บไซตหนวยงานของรัฐ (.go.th)
ประเภทของเว็บไซต์ว่า เว็บไซต์ท่ีอยู่บน เวบ็ ไซตท างการศกึ ษา (.ac.th) เวบ็ ไซตข ององคก รทไ่ี มห วงั ผลกาํ ไร
อนิ เทอร์เนต็ มีก่เี วบ็ ไซต์ อะไรบา้ ง (.or.th) เวบ็ ไซตทางการคา (.co.th) เวบ็ ไซตท างการทหาร (.mi.th)
ตÑÇอยา่ ง การ¤้นËาâ´ยระºเØ Ç็ºä«ต์ทèีกíาËน´
7. ครูอธิบายให้นักเรียนฟงเกี่ยวกับการค้นหา
ข้อมูลภายในเว็บไซต์ว่า เป็นการค้นหาข้อมูล ถาตองการคนหาขอมูลเกี่ยวกับวันสงกรานต โดยตองการท่ีจะ
โดยการระบุชื่อเว็บไซต์ท่ีต้องการค้นหาลงใน คนหาจากเว็บไซตหนวยงานของรัฐเทานั้น จะสามารถคนหาไดดวย
โปรแกรมค้นหาด้วย คําคนหา ดงั น้ี วันสงกรานต Site : m-culture.go.th
8. นกั เรยี นพมิ พ์ค�าคน้ หาวา่ วนั สงกรานต์ Site :
m-culture.go.th ลงในโปรแกรมค้นหา
แล้วตรวจสอบว่า ผลลัพธ์ท่ีนักเรียนได้จาก
คา� สา� คญั นเ้ี ป็นอย่างไร
62 ภาพท่ี 3.3 วธิ ีการคน หาในเวบ็ ไซตท กี่ าํ หนด
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 62
ความรูเสริม ขอ้ สอบเนน้ การคดิ
ในการเข้าใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ จะมีที่อยู่เว็บไซต์ปรากฏอยู่ เช่น www. หากต้องการข้อมูลเก่ียวกับการปองกันโรคไข้หวัดใหญ่
google.com ซึ่งในที่อยู่เว็บไซต์นี้จะปรากฏส่วนท่ีส�าคัญอยู่ 2 ส่วน คือ จากเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข จะใช้ค�าค้นหาในข้อใดในการ
โดเมนเนม และนามสกลุ โดยจากตวั อยา่ ง www.google.com โดเมนเนม คือ คน้ หาข้อมลู
google และนามสกุล คอื .com ซ่งึ ในการตง้ั ชื่อโดเมนเนมการใช้ตัวพิมพเ์ ล็ก
และตัวพิมพ์ใหญ่ถือเป็นตัวเดียวกัน น่ันคือ www.google.com และ www. 1. โรคไขห้ วัดใหญ่
GOOGLE.com เป็นเวบ็ ไซต์เดียวกัน 2. โรคไข้หวัดใหญส่ าธารณสขุ
3. โรคไข้หวดั ใหญ่ Site : moph.go.th
4. โรคไข้หวดั ใหญ่ Site : กระทรวงสาธารณสุข
(วิเคราะหค์ า� ตอบ หากต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคไข้หวัด
ใหญ่จากเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข ควรพิมพ์ค�าค้นหาว่า
โรคไข้หวัดใหญ่ Site : moph.go.th เพ่ือให้ได้ข้อมูลตรงตาม
ท่ีตอ้ งการ ดงั นั้น ตอบขอ้ 3.)
T106
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
4. การคนหาโดยการใชเครอ่ื งหมายหรือสัญลกั ษณ ขน้ั สอน
เปนการคน หาขอ มลู โดยการนาํ เครอ่ื งหมายหรอื สญั ลกั ษณ
อธบิ ำยควำมรู้
มาใช ซง่ึ เครอื่ งหมายหรอื สญั ลกั ษณท ส่ี ามารถนาํ มาชว ยในการคน หา
ขอ มูล มีดงั นี้ 9. ครูอธิบายให้นักเรียนฟงว่า เคร่ืองหมาย
หรือสัญลักษณ์สามารถช่วยในการค้นหา
1) อญั ประกาศหรอื เครอื่ งหมายคําพูด “ ” เปนการ ข้อมูลให้ได้ข้อมูลตามท่ีต้องการได้ โดย
คน หาขอมลู ท่ตี อ งการใหแสดงผลทุกคําในประโยค เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่น�ามาใช้ ได้แก่
ตÑÇอย่าง การ¤น้ Ëาâ´ยการใชอ้ ÞÑ ประกาÈ สญั ลกั ษณอ์ ญั ประกาศหรอื เครอ่ื งหมายคา� พดู
เครอื่ งหมายบวก และเครื่องหมายลบ
ถาตองการคนหาขอมูลเก่ียวกับสถานที่ทองเท่ียวในวันสงกรานต
จะสามารถคน หาไดดว ยคําคนหา ดงั น้ี 10. นักเรยี นพมิ พค์ า� คน้ หาว่า “สถานที่ท่องเท่ียว
ในวันสงกรานต์” ลงในโปรแกรมค้นหา
“สถานท่ที องเท่ียวในวนั สงกรานต” แล้วตรวจสอบว่า ผลลัพธ์ที่นักเรียนได้จาก
คา� ส�าคัญนี้เป็นอยา่ งไร
ภาพท่ี 3.4 วิธกี ารคน หาโดยการใชอัญประกาศ
63
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 63
ข้อสอบเนน้ การคดิ เกร็ดแนะครู
ถ้านักเรียนต้องการค้นหาข้อมูลเก่ียวกับธงชาติไทย โดยไม่ การให้นักเรียนค้นหาข้อมูลโดยการใช้สัญลักษณ์อัญประกาศ ครูอาจ
ต้องการให้ผลลัพธ์แยกค�าออกจากกัน จะต้องพิมพ์ค�าค้นหาตรง ใหน้ กั เรยี นไดศ้ กึ ษาความแตกตา่ งของผลลพั ธจ์ ากการคน้ หาวา่ ถา้ คน้ หาดว้ ยคา�
กับข้อใด ค้นหาท่ีมีสัญลักษณ์อัญประกาศกับค�าค้นหาที่ไม่มีสัญลักษณ์อัญประกาศจะได้
ผลลพั ธอ์ อกมาหมือนหรอื แตกตา่ งกันอย่างไร
1. ธงชาตไิ ทย
2. “ธงชาตไิ ทย”
3. ธงชาติ + ไทย
4. ธงชาติ AND ไทย
(วิเคราะหค์ �าตอบ การค้นหาข้อมูลถ้าไม่ต้องการให้ผลลัพธ์ท่ีได้
จากการค้นหาแยกค�าออกจากกัน จะต้องพิมพ์ค�าค้นหาไว้ภาย
ในเครื่องหมายอัญประกาศ เพ่ือให้แสดงข้อมูลท่ีต้องการทุกค�า
ในประโยค ดังนัน้ ตอบข้อ 2.)
T107
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2) เคร่ืองหมายบวก (+) เปนการคนหาขอมูลท่ีตองการ
ใหป รากฏคาํ เหลา นน้ั ในหนา เวบ็ เพจพรอ มกนั กอ นเครอ่ื งหมายบวก
อธบิ ำยควำมรู้ จะตองเวน วรรค 1 ครั้ง และหลังเคร่อื งหมายบวกตอ งไมเวน วรรค
ตÇÑ อย่าง การ¤้นËาâ´ยการใชเ้ ¤รè×องËมายºÇก
11. นักเรียนพิมพ์ค�าค้นหาว่า วันสงกรานต์ +
นางสงกรานต์ ลงในโปรแกรมค้นหา ถาตองการคนหาขอมูลเกี่ยวกับวันสงกรานตและนางสงกรานต
แล้วตรวจสอบว่า ผลลัพธ์ที่นักเรียนได้จาก โดยตองการใหมีคําวา วันสงกรานตและนางสงกรานตบนเว็บไซตน้ัน
คา� สา� คญั นเี้ ป็นอย่างไร จะสามารถคนหาไดด ว ยคําคนหา ดังนี้
วนั สงกรานต +นางสงกรานต
ภาพที่ 3.5 วธิ กี ารคนหาโดยการใชเ คร่ืองหมายบวก
64
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 64
เกร็ดแนะครู ขอ้ สอบเน้น การคิด
ก่อนท่ีครูจะให้นักเรียนพิมพ์ค�าค้นหาโดยการใช้เครื่องหมายบวกลง หากต้องการให้โปรแกรมค้นหาแสดงผลทุกค�าในประโยค
ในโปรแกรมค้นหา ครูอาจอธิบายให้นักเรียนฟงก่อนว่า การค้นหาโดยการใช้ จะตอ้ งใช้เทคนคิ ใดในการคน้ หา
เคร่ืองหมายบวก เป็นการคน้ หาที่ต้องการให้ปรากฏค�าคน้ หาขึน้ พร้อมกัน เช่น
ถ้าต้องการค้นหาค�าว่า สัตว์ปาและสัตว์เล้ียงพร้อมกันจะต้องพิมพ์ค�าค้นหาว่า 1. ใชเ้ ครื่องหมายบวก
สัตว์ปา +สัตว์เล้ียง โดยก่อนที่จะพิมพ์เคร่ืองหมายบวกจะต้องเว้นวรรค 2. ใช้ตัวดา� เนนิ การ OR
1 ครง้ั ดว้ ย 3. ระบปุ ระเภทของเว็บไซต์
4. ใชเ้ ครอ่ื งหมายอัญประกาศ
(วิเคราะห์ค�าตอบ การคน้ หาขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการใหป้ รากฏคา� คน้ หา
หลายๆ ค�าในหน้าเว็บเพจพร้อมกันจะต้องใช้เทคนิคการค้นหา
โดยใช้เครือ่ งหมายบวก ดังนั้น ตอบขอ้ 1.)
T108
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
3) เครอ่ื งหมายลบ (-) เปน การคน หาขอ มลู โดยการระบคุ าํ ขนั้ สอน
ทไี่ มต อ งการใหป รากฏบนเวบ็ ไซต โดยมเี งอื่ นไขวา กอ นเครอ่ื งหมาย
ลบจะตอ งเวน วรรค 1 ครัง้ และหลงั เคร่อื งหมายลบตอ งไมเวน วรรค อธบิ ำยควำมรู้
ตÑÇอย่าง การ¤้นËาâ´ยการใชเ้ ¤ร×èองËมายź
12. นักเรียนพิมพ์ค�าค้นหาว่า วันสงกรานต์ -
ถา ตอ งการคน หาขอ มลู เกย่ี วกบั วนั สงกรานต แตไ มต อ งการขอ มลู ภาคเหนือ ลงในโปรแกรมค้นหา แล้ว
วันสงกรานตข องภาคเหนอื จะสามารถคน หาไดดวยคําคนหา ดงั นี้ ตรวจสอบว่า ผลลัพธ์ท่ีนักเรียนได้จาก
ค�าส�าคัญนเี้ ป็นอยา่ งไร
วนั สงกรานต -ภาคเหนอื
13. นักเรียนในช้ันเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ
ผลลัพธ์การค้นหาโดยการใช้เครื่องหมาย
หรือสัญลักษณ์ท้ัง 3 ประเภท ว่าผลลัพธ์
ที่ได้จากค�าค้นหาท่ีมีการใช้เครื่องหมายหรือ
สัญลักษณ์นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร
และผลลัพธข์ องแต่ละค�าคน้ หาเปน็ อยา่ งไร
ภาพท่ี 3.6 วธิ กี ารคน หาโดยการใชเครอื่ งหมายลบ
65
ภาพจาก หนังสือเรยี น หนา 65
ข้อสอบเนน้ การคดิ เกร็ดแนะครู
ขอ้ ใดเปน ลักษณะของคา� คน้ หาท่ดี ี ก่อนท่ีครูจะให้นักเรียนพิมพ์ค�าค้นหาโดยการใช้เครื่องหมายลบลง
1. ใช้ค�าไพเราะ ในโปรแกรมค้นหา ครูอาจอธิบายให้นักเรียนฟงก่อนว่า การค้นหาโดยการใช้
2. ใช้ค�าศัพท์ยากๆ เครื่องหมายลบ เป็นการค้นหาท่ีระบุค�าที่ไม่ต้องการให้ปรากฏบนโปรแกรม
3. ใชค้ �าสน้ั และกระชบั คน้ หา เชน่ ถา้ ตอ้ งการคน้ หาข้อมลู เกยี่ วกับ สุนัข แตไ่ มต่ ้องการขอ้ มลู เกย่ี วกับ
4. ใช้ค�ากว้างๆ ไม่เจาะจง โรคพิษสุนัขบ้า จะต้องพิมพ์ค�าค้นหาว่า สุนัข -โรคพิษสุนัขบ้า และก่อนท่ีจะ
พมิ พเ์ ครอ่ื งหมายลบจะต้องเว้นวรรค 1 ครง้ั เช่นเดยี วกบั การค้นหาโดยการใช้
(วเิ คราะหค์ า� ตอบ การใช้ค�าค้นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงตาม เครือ่ งหมายบวก
ความตอ้ งการมากท่ีสุดจะต้องใช้ค�าค้นหาที่ส้ัน กระชับ และตรง
ประเด็นท่ีจะค้นหา จึงจะท�าให้ได้ข้อมูลตามที่ต้องการ ดังน้ัน
ตอบข้อ 3.)
T109
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 5. การคนหาโดยการใชต ัวดาํ เนนิ การ
เปน การคน หาขอ มลู โดยการใชต วั ดาํ เนนิ การในการเชอื่ มคาํ
อธบิ ำยควำมรู้
ซ่งึ ตัวดําเนนิ การทใี่ ชในการคนหาขอ มูล มีดังน้ี
14. ครูอธิบายให้นักเรียนฟงว่า ตัวด�าเนินการ 1) ตัวดําเนินการ AND เปนตัวดําเนินการท่ีจะใชเม่ือ
AND หรือ OR สามารถน�ามาช่วยในการ
ค้นหาข้อมูลให้ได้ข้อมูลตามที่ต้องการได้ ตอ งการคน หาคําสําคญั เพม่ิ ขน้ึ
โดยตัวด�าเนินการ AND จะใช้เมื่อต้องการ ตÑÇอย่าง การ¤้นËาâ´ยการใชต้ ÑÇ´าí เนนิ การ AND
ค้นหาค�าส�าคัญเพิ่ม เช่น ถ้าต้องการค้นหา
ข้อมูลเก่ียวกับต้นไม้และสัตว์ปานักเรียน ถาตองการคนหาขอมูลเกี่ยวกับกิจกรรมท่ีควรทําในวันสงกรานต
สามารถใช้ค�าคน้ วา่ ตน้ ไม้ AND สัตว์ปา ได้ จะสามารถคนหาไดด ว ยคําคน หา ดังน้ี
15. นกั เรียนพมิ พค์ า� คน้ หาว่า วันสงกรานต์ AND วนั สงกรานต AND กิจกรรม
กจิ กรรม ลงในโปรแกรมคน้ หา แลว้ ตรวจสอบ
ว่า ผลลัพธ์ที่นักเรียนได้จากค�าส�าคัญนี้เป็น
อย่างไร
ภาพท่ี 3.7 วธิ กี ารคน หาโดยการใชต ัวดําเนนิ การ AND
66
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 66
เกร็ดแนะครู ขอ้ สอบเน้น การคิด
ครูควรอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเก่ียวกับการใช้ตัวด�าเนินการ AND ว่า ขอ้ ใดแสดงถึงการคน้ หาข้อมูลเกี่ยวกับดนิ สอและสไี ดถ้ ูกตอ้ ง
ตัวด�าเนนิ การ AND เป็นตวั ด�าเนินการทจี่ ะนา� มาใช้เมอื่ ต้องการค้นหาคา� ส�าคญั 1. ดนิ สอสี
เพ่ิม ซึง่ จะมลี กั ษณเชน่ เดยี วกบั การค้นหาข้อมลู โดยใชเ้ ครื่องหมายบวก นั่นคือ 2. “ดินสอสี”
ผลลัพธ์ท่ีได้จากโปรแกรมค้นหาจะปรากฏค�าส�าคัญที่ต้องการค้นหา โดยค�า 3. ดินสอ AND สี
เหลา่ นนั้ อาจไม่ไดเ้ รยี งเปน็ ประโยคเดยี วกัน 4. “ดินสอ” AND “ส”ี
(วิเคราะหค์ �าตอบ หากตอ้ งการคน้ หาขอ้ มลู เกย่ี วกบั ดนิ สอและสี
ในเวลาเดียวกันจะต้องใช้ตัวด�าเนินการ AND หรือเคร่ืองหมาย
บวกมาชว่ ยในการคน้ หา อกี ทง้ั ยงั จะตอ้ งใสส่ ญั ลกั ษณอ์ ญั ประกาศ
ใหก้ บั คา� วา่ ดนิ สอ และคา� วา่ ส ี ดว้ ย เพอื่ ปอ งกนั ไมใ่ หผ้ ลลพั ธแ์ สดง
คา� วา่ ดนิ สอ และคา� ว่า ส ี ติดกัน ดังนั้น ตอบขอ้ 4.)
T110
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
2) ตวั ดาํ เนนิ การ OR เปน ตวั ดาํ เนนิ การทจ่ี ะใชเ มอ่ื ตอ งการ ขนั้ สอน
ใหแสดงขอมลู ใดขอมลู หนึ่งท่พี ิมพคําคน หาลงไป
ตÇÑ อย่าง การ¤้นËาâ´ยการใชต้ ÑÇ´íาเนนิ การ OR อธบิ ำยควำมรู้
ถาตองการคนหาขอมูลเกี่ยวกับกิจกรรมในวันสงกรานต โดย 16. ครูอธิบายให้นักเรียนฟงว่า ตัวด�าเนินการ
ตอ งการใหเ วบ็ ไซตแ สดงขอ มลู การสรงนา้ํ พระ หรอื การรดนา้ํ ดาํ หวั ผูใหญ OR จะใช้เม่ือต้องการให้โปรแกรมค้นหา
จะสามารถคนหาไดด ว ยคําคน หา ดังนี้ แสดงเว็บไซต์ที่มีค�าใดค�าหน่ึงของค�าค้นหา
เช่น ถ้านักเรียนพิมพ์ค�าว่า รถยนต์ OR
สรงนาํ้ พระ OR รดน้ําดาํ หัวผูใหญ รถจักรยานยนต์ โปรแกรมค้นหาจะแสดง
เวบ็ ไซตท์ มี่ คี า� วา่ รถยนตห์ รอื รถจกั รยานยนต์
บนหนา้ จอ
17. นักเรียนพิมพ์ค�าค้นหาว่า สรงน�้าพระ OR
รดน้�าด�าหัวผู้ใหญ่ ลงในโปรแกรมค้นหา
แล้วตรวจสอบว่า ผลลัพธ์ท่ีนักเรียนได้จาก
คา� ส�าคัญนี้เปน็ อย่างไร
ภาพที่ 3.8 วิธกี ารคนหาโดยการใชตวั ดําเนินการ OR
67
ภาพจาก หนังสือเรยี น หนา 67
ขอ้ สอบเนน้ การคิด เกร็ดแนะครู
ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์จากการค้นหาขอ้ มลู โดยใชเ้ ทคนคิ ต่างๆ หลังจากนักเรียนศึกษาเก่ียวกับการค้นหาโดยใช้ตัวด�าเนินการ OR
1. ได้ขอ้ มลู ที่หลากหลาย เสร็จเรียบร้อยแล้ว ครูควรอธิบายให้นักเรียนเข้าใจความแตกต่างระหว่างการ
2. มีขอ้ มลู ตรงตามตอ้ งการ ใช้ตัวดา� เนินการ AND และตวั ด�าเนินการ OR วา่ มีความแตกตา่ งกันอยา่ งไร
3. ประหยดั เวลาในการสืบคน้ เพือ่ ใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจเก่ยี วกับการค้นหาข้อมลู โดยใชต้ ัวดา� เนินการมากข้นึ
4. ไดป้ ระเภทของข้อมลู ตามตอ้ งการ
(วเิ คราะห์ค�าตอบ จากตัวเลือกท่ีก�าหนดให้จะเห็นได้ว่า ข้อท่ี
ไม่ใช่ประโยชนข์ องการค้นหาขอ้ มลู โดยใชเ้ ทคนคิ ตา่ งๆ คือ ข้อ 1.
ไดข้ อ้ มลู ทหี่ ลากหลาย เนอื่ งจากการคน้ หาขอ้ มลู ดว้ ยการใชเ้ ทคนคิ
ต่างๆ จะไดข้ ้อมลู ตามท่ีเราค้นหาเทา่ นั้น ดังน้ัน ตอบขอ้ 1.)
T111
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 3 ¡ÒÃ㪌§Ò¹Í¹Ô à·ÍÃà ¹çµË¹Ç‹ ¡ÒÃàÃÕ¹÷ŒÙ Õè ตวั ช้วี ัด ว 4.2 ป.6/3
ขยำยควำมเขำ้ ใจ ลองทําดู ÍÂÒ‹ §ÁÕ»ÃÐÊÔ·¸ÀÔ Ò¾
1. นักเรียนท�ากิจกรรมลองท�าดูในแบบฝกหัด
หน้า 44 เก่ียวกับการใช้งานอินเทอร์เน็ต
โดยให้นักเรียนพิจารณาภาพท่ีก�าหนดให้
แลว้ ตอบคา� ถามวา่ ควรใชค้ า� คน้ หาใดจงึ จะได้
ผลลพั ธ์ตามภาพทีก่ �าหนด
พจิ ารณารปู ภาพ แลว ตอบคาํ ถามวา ควรใชค าํ คน หาใดจงึ จะไดผ ลลพั ธต ามภาพ
ทกี่ าํ หนด
เฉฉบลบั ย
ผกั สเี ขียว................................................................................................................. เตา เตามะเฟอ ง.................................................................................................................
รถยนตส ีแดง................................................................................................................. ผูห ญงิ อมุ เด็ก แมอ มุ ลูก.................................................................................................................
44
ภาพจาก
แบบฝกหัด
หน้าท4่ี 4
เกร็ดแนะครู ข้อสอบเนน้ การคดิ
หลงั จากนกั เรยี นทา� กจิ กรรมลองทา� ดใู นแบบฝก หดั หนา้ 44 เสรจ็ เรยี บรอ้ ย ในการคน้ หาขอ้ มลู หากใชค้ �าค้นหาว่า “ดอกดาวเรอื ง” จะได้
แล้ว ครูอาจให้นักเรียนในชั้นเรียนอภิปรายค�าตอบร่วมกันเกี่ยวกับค�าค้นหา ผลลัพธ์อยา่ งไร
ท่ีนักเรียนแต่ละคนคิดไว้ จากน้ันครูจึงให้นักเรียนในชั้นเรียนสรุปร่วมกันว่า
ถ้าตอ้ งการคน้ หาขอ้ มลู ใหไ้ ดภ้ าพตามท่ีกา� หนดนักเรยี นควรใช้คา� คน้ หาใด 1. โปรแกรมค้นหาแสดงรายการเวบ็ ไซตท์ ี่มไี ฟลน์ ามสกุล .pdf
2. โปรแกรมคน้ หาแสดงรายการเวบ็ ไซตท์ มี่ คี �าวา่
T112
ดอกดาวเรอื ง ทง้ั หมด
3. โปรแกรมคน้ หาแสดงรายการเว็บไซต์การศกึ ษาทเ่ี ก่ยี วกับ
ดอกดาวเรอื ง
4. โปรแกรมค้นหาแสดงรายการเวบ็ ไซต์หนว่ ยงานของรัฐ
ทีม่ เี นอื้ หาเกี่ยวกับดอกดาวเรือง
(วิเคราะหค์ า� ตอบ หากพมิ พค์ า� คน้ หาคา� วา่ “ดอกดาวเรอื ง” ลงบน
โปรแกรมคน้ หา ผลลพั ธ์ท่ไี ด้จากการคน้ หา คือ โปรแกรมคน้ หา
แสดงรายการเว็บไซต์ท่ีมีค�าว่า ดอกดาวเรือง ท้ังหมด ดังนั้น
ตอบข้อ 2.)
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
Ẻ½ƒ¡ËÑ´ การคน หาขอ มลู โดยใช คะแนนเตม็ 2. พจิ ารณาภาพ แลว ตอบคาํ ถามตอ ไปน้ี โดยกาํ หนดใหพ น้ื ทที่ แ่ี รเงาเปน ขน้ั สอน
อนิ เทอรเนต็ ขอ มูลที่ตอ งการ และพ้นื ท่ที ไี่ มแรเงาเปนขอมลู ทไ่ี มตองการ (5 คะแนน)
15 1. ขยำยควำมเขำ้ ใจ
1. อา นสถานการณท่กี ําหนด แลวบอกวา ควรใชเ ทคนคิ การคนหาขอมลู ขวอันงเขกวดิ ัญ ตุกตา 2. นกั เรยี นท�าแบบฝก หัด เรื่อง การคน้ หาขอ้ มลู
แบบใด และควรใชคําคนหาใดในการหาขอมูล (5 คะแนน) โดยใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต โดยข้อ 1. ใหน้ ักเรยี นอ่าน
สถานการณ์ท่ีก�าหนดให้แล้วบอกว่า ควรใช้
1. แพรตองการคนหาสถานทปี่ ลูกปา ชายเลน ท่อี ยูในจังหวัดสมทุ รสาคร 1) จากภาพ นกั เรยี นคดิ วาผูค นหาตอ งการคนหาอะไร เทคนิคการค้นหาข้อมูลรูปแบบใด และต้อง
หรือจังหวดั สมุทรสงครามก็ได ตองการของขวญั วนั เกิดท่ีไมใชตกุ ตา..................................................................................................................................................................................................................... พิมพ์ค�าค้นหาใดในการค้นหาข้อมูล ข้อ 2.
เทคนิคการคนหาขอมลู ที่ใช คอื การคน หาโดยใชตวั ดาํ เนินการ OR.......................................................................................................................... ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาภาพทก่ี า� หนดให้ แลว้ บอก
โดยพมิ พค าํ คนหาวา ปลูกปา ชายเลน สมทุ รสาคร OR สมทุ รสงคราม.............................................................................................................................................................. ว่าผู้ค้นหาต้องการค้นหาอะไร ใช้เทคนิคใด
ในการค้นหา และควรพิมพ์ค�าค้นหาว่า
2. เจงตอ งการคนหาวิธีการทาํ เคก ชอ็ กโกแลตหนา น่มิ 2) ใชเ ทคนิคการคนหาขอมูลแบบใด อะไร และขอ้ 3. ให้นักเรยี นพจิ ารณาคา� ถาม
เทคนคิ การคนหาขอ มลู ทใ่ี ช คอื การคนหาโดยใชคาํ สาํ คญั.......................................................................................................................... การคนหาโดยใชเคร่อื งหมายลบ..................................................................................................................................................................................................................... ที่ก�าหนดให้แล้วตอบค�าถาม พร้อมท้ังบอก
โดยพมิ พค ําคนหาวา วิธีการทําเคก ชอ็ กโกแลตหนาน่มิ.............................................................................................................................................................. ด้วยว่า นักเรียนใช้เทคนิคใดในการค้นหา
เฉฉบลับย 3) คขอวงรขพวญัมิ วพนั คเกําิดคน -ตหกุ าตวาา อยางไรเฉฉบลับย ขอ้ มลู
3. มะนาวตองการคน หาขอ มลู เก่ยี วกบั โซอ าหาร โดยเลือกคน หาจาก .....................................................................................................................................................................................................................
เว็บไซตท างการศกึ ษาเทานัน้
เทคนิคการคนหาขอมูลทีใ่ ช คือ การคน หาโดยระบเุ วบ็ ไซตท ่ีกาํ หนด.......................................................................................................................... 2. กิจกรรม
โดยพมิ พคาํ คนหาวา โซอ าหาร Site:ac.th..............................................................................................................................................................
ลองแพ ปน เขา
4. แกว ตอ งการคน หาชอ่ื ทีพ่ กั ในจงั หวัดกาญจนบุรี โดยท่พี ักนั้นตอ งไมใช
โรงแรม 1) จากภาพ นักเรียนคิดวาผูคน หาตอ งการคนหาอะไร
เทคนิคการคน หาขอ มลู ทใี่ ช คือ การคน หาโดยใชเ ครอ่ื งหมายลบ.......................................................................................................................... ตอ งการคน หากิจกรรม ทเ่ี ปนกจิ กรรมลองแพหรือปนเขาก็ได.....................................................................................................................................................................................................................
โดยพมิ พค าํ คน หาวา ทพ่ี ักกาญจนบุรี -โรงแรม..............................................................................................................................................................
2) ใชเ ทคนคิ การคนหาขอ มูลแบบใด
5. จมุ ตอ งการคน หาไฟลแบบฝก หัดวิชาคณิตศาสตร โดยเลอื กคนหา
เฉพาะไฟลท่มี ีนามสกลุ .doc เทานนั้ การใชตัวดําเนินการ OR.....................................................................................................................................................................................................................
เทคนิคการคน หาขอ มูลที่ใช คือ การคน หาโดยระบชุ นดิ ของไฟล..........................................................................................................................
โดยพิมพค ําคน หาวา แบบฝก หดั วิชาคณิตศาสตร filetype:doc.............................................................................................................................................................. 3) ควรพิมพค าํ คนหาวา อยา งไร
45 กิจกรรม ลอ งแพ OR ปนเขา.....................................................................................................................................................................................................................
46
3. ตอบคําถามโดยใชเทคนิคการคนหาขอมูลแบบตาง ๆ พรอมทั้งบอก
เทคนิคการคนหาขอ มูล (5 คะแนน)
1. เพลงทมี่ เี นอ้ื รอ งวา ชช้ี าตไิ ทยเนาวถ น่ิ เจรญิ วฒั นธรรม มชี อ่ื เพลง
วา อะไร
เพลงดอกไมข องชาติ (การคนหาโดยใชเ ครอื่ งหมายอญั ประกาศ)...................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................
2. นอกจากกลว ย ขา วโพด มะมวงสุก ฟก ทอง สับปะรด ยงั มีผกั และ
ผลไมชนดิ ใดท่ีมีสเี หลอื งอีกบา ง จงบอกมา 3 ชนดิ
ขนนุ ทเุ รยี น มะยงชิด (การคนหาโดยใชเ ครอื่ งหมายลบ)...................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................... เฉฉบลับย
3. เว็บไซตทางการศึกษาไดกลาวถึงนิยามของสนามแมเหล็กวา
อยา งไร
บรเิ วณทีแ่ ทง แมเหลก็ สงอาํ นาจการดงึ ดดู ไปถึง (การคนหาโดยระบุ...................................................................................................................................................................................................................................
เว็บไซตท่ีกาํ หนด)...................................................................................................................................................................................................................................
4. บุคคลทีเ่ คยพูดคําวา ดิฉันภมู ิใจทเ่ี ปนผหู ญงิ ไทย บนเวทีประกวด
นางงามจักรวาล มีชือ่ วาอะไร
ภรณทพิ ย นาคหริ ญั กนก (การคน หาโดยใชเครื่องหมายอญั ประกาศ)...................................................................................................................................................................................................................................
5. ชอื่ สตั วป า สงวนทเ่ี ปน นก มรี ปู รา งอว นปอ ม คอสน้ั คอื สตั วช นดิ ใด
นกแตว แลวทองดํา (การคน หาโดยใชเ คร่อื งหมายบวก)...................................................................................................................................................................................................................................
เกณฑการใหคะแนน รายการประเมนิ คะแนนตอขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตัดสนิ
1. ตีความจากสถานการณท กี่ าํ หนด บอกเทคนคิ ในการคน หา 1 5 • 9 คะแนนขึ้นไป = ผา น
ขอ มูลและพิมพคาํ คนหาได (5 ขอ ยอย) 2.5 5 • ต่ํากวา 9 คะแนน = ปรบั ปรงุ
2. ตคี วามจากภาพทกี่ ําหนด บอกเทคนคิ ในการคนหาขอมลู 15
และพิมพคาํ คน หาได (2 ขอยอ ย)
3. ตอบคําถามเกย่ี วกับเทคนิคการคน หาขอ มูล
ในการหาคาํ ตอบไดจ ากโจทยท ีก่ าํ หนด (5 ขอยอ ย)
คะแนนเตม็ 15
47 ภาพจาก
แบบฝกหัด
จาก แบบฝก หดั หนา 4 หนา้ 45-47
กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู
ครใู หน้ กั เรยี นในชน้ั เรยี นทา� กจิ กรรมรว่ มกนั โดยครเู ตรยี มบตั รคา� ก่อนที่ครูจะให้นักเรียนลงมือท�าแบบฝกหัด ในแบบฝกหัด หน้า 45-47
เกยี่ วกบั คา� คน้ หาโดยใช้เทคนิคต่างๆ ไวจ้ า� นวน 6-10 ใบ จากนน้ั ครูอาจทบทวนเกี่ยวกับการค้นหาข้อมูลโดยใช้เทคนิคต่างๆ ให้นักเรียนฟง
ครชู บู ัตรคา� ขึ้นมา 1 ใบ แล้วใหน้ ักเรียนช่วยกันตอบว่า บัตรคา� นี้ อีกครั้งก่อนว่า เทคนิคการค้นหาข้อมูลแต่ละเทคนิคจะให้ผลลัพธ์การค้นหา
ใช้เทคนิคการค้นหาแบบใด และผลลัพธ์ท่ีได้จากการค้นหาเป็น อย่างไร แลว้ จงึ ให้นักเรียนลงมือทา� แบบฝกหดั โดยใหน้ กั เรียนเฉลยร่วมกันหลัง
อย่างไร เพ่ือเป็นการทบทวนความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เทคนิคใน จากท�าแบบฝก หัดแต่ละขอ้ เสร็จ
การค้นหาขอ้ มูลบนอินเทอร์เน็ต
T113
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ¡Ô¨¡รรÁ Com Sci
½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ
ขยำยควำมเขำ้ ใจ
1. ใหน กั เรยี นพิจารณาสถานการณต อไปน้ี แลว ใชคําคน หาในการคน หา
3. นักเรียนท�ากิจกรรมฝกทักษะ Com Sci ขอมลู ตามตอ งการ โดยใหบันทึกขอ มลู ท่ีไดลงในสมดุ
ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 68 โดยในขอ้ 1. ใหน้ กั เรยี น
พิจารณาสถานการณ์เกี่ยวกับการค้นหาข้อมูล สถานการณ : โปตองการคนหาขอมูลเก่ียวกับประวัติของวัน
เกี่ยวกับประวัติของวันคริสต์มาส โดยให้ คริสตมาส โดยขอมูลน้ันจะตองเปนขอมูลท่ีมาจากเว็บไซต
นักเรียนใช้ค�าค้นหาในการค้นหาข้อมูลตาม ทางการศกึ ษาเทา นน้ั เนอื่ งจากจะตอ งนาํ ขอ มลู ไปนาํ เสนอหนา
สถานการณ์ท่ีก�าหนด แล้วบันทึกผลลัพธ์ท่ีได้ เสาธงในวันคริสตม าส
จากการค้นหาลงในสมุด
ตดิ ภาพ
บนั ทึกลงในสมุด
68
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 68
เกร็ดแนะครู กจิ กรรม ท้าทาย
ในการทา� กจิ กรรมฝกทกั ษะ Com Sci ในหนังสอื เรียน หนา้ 68 ครูควรให้ ครใู ห้นกั เรียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 3 คน รว่ มกนั คิดสถานการณ์
นกั เรียนใช้โปรแกรมค้นหาในการคน้ หาข้อมูลตามค�าคน้ หาทน่ี กั เรียนคิดไว้ด้วย เกี่ยวกับผลลัพธ์ในการค้นหาว่า แต่ละกลุ่มต้องการค้นหาอะไร
เพื่อเป็นการตรวจสอบความถูกต้องของนักเรียนเองว่า ค�าค้นหาที่นักเรียนคิด หลังจากนักเรียนทุกกลุ่มคิดสถานการณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ไว้นั้นได้ผลลัพธ์ในการค้นหาตามที่โจทย์ต้องการหรือไม่ และหลังจากนักเรียน ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาเล่าสถานการณ์ของกลุ่มตนเอง
ในชน้ั เรยี นทา� กจิ กรรมฝก ทกั ษะ Com Sci เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ใหน้ กั เรยี นอภปิ ราย ให้เพ่ือนกลุ่มอ่ืนฟงบริเวณหน้าชั้นเรียน โดยให้นักเรียนกลุ่มอื่น
ร่วมกนั เกี่ยวกับคา� ตอบของนักเรียน ที่เหลือในชั้นเรียนช่วยกันคิดค�าค้นหาแล้วเขียนลงในกระดาษ
ท่ีครูแจกให้ เม่ือนักเรียนออกมาเล่าสถานการณ์ครบทุกกลุ่มแล้ว
ครูและนักเรียนเฉลยค�าตอบร่วมกันว่าค�าค้นหาของแต่ละกลุ่ม
คืออะไร
T114
นา� สอน สรุป ประเมิน
2. ใหนักเรียนพิจารณาขอมูลตอไปน้ี แลวบอกวา ควรใชคําคนหาใดใน ขน้ั สอน
การคนหาขอมูล โดยบนั ทกึ คาํ ตอบลงในสมุด
ขยำยควำมเขำ้ ใจ
1. คนหาขอมลู เก่ียวกับประวัตคิ วามเปนมาของวัดพระแกว
2. คน หาขอ มลู เกยี่ วกบั สถานทท่ี อ งเทย่ี วในภาคเหนอื ทไ่ี มใ ชว ดั 4. นักเรียนท�ากิจกรรมฝกทักษะ Com Sci
3. คนหาขอ มลู เกยี่ วกับวันสาํ คัญโดยเนน วนั แมแ หง ชาติ ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 69 โดยในขอ้ 2. ใหน้ กั เรยี น
4. คนหาขอมลู เก่ยี วกับอาหารไทยหรืออาหารตา งชาติ พจิ ารณาขอ้ มลู ทกี่ า� หนดใหแ้ ลว้ บอกวา่ ควรใชค้ า�
5. คน หาขอ มลู เก่ียวกบั ภาพถายทมี่ ีนามสกลุ .JPG ค้นหาใดในการค้นหาข้อมูล โดยให้นักเรียน
บนั ทึกคา� ตอบลงในสมดุ
ขนั้ สรปุ
ตรวจสอบผล
นักเรียนในชั้นเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ
การค้นหาข้อมูลโดยใช้อินเทอร์เน็ตว่า ในการ
ค้นหาข้อมูลโดยใช้อินเทอร์เน็ตมีเทคนิคใดบ้าง
และแตล่ ะเทคนิคมวี ิธกี ารใชอ้ ย่างไร
ขน้ั ประเมนิ
ตรวจสอบผล
ตารางการวดั และประเมินผล เกณฑก์ ารประเมิน
วธิ กี าร เครือ่ งมอื ประเมนิ ตาม
สภาพจรงิ
ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ
กอ่ นเรยี น กอ่ นเรยี น
ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หดั รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2
การทา� งาน พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์
รายบคุ คล
ทกั ษะการเรียนรูในศตวรรษท่ี 21 2. ทักษะการแกป ญ หา 69
1. ทักษะการคิดอยา งมีวิจารณญาณ
3. ทกั ษะการใชค อมพิวเตอร ภาพจาก หนงั สือเรียน หนา 69
ขอ้ สอบเนน้ การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล
ข้อใดกล่าวถึงอนิ เทอร์เน็ตได้ถกู ตอ้ ง ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการท�างานรายบคุ คลของนักเรียน โดยศกึ ษา
1. ผเู้ ขา้ ใช้งานจะต้องมกี ารลงช่ือเข้าใชง้ านทุกครงั้ เกณฑ์การวัดและประเมินผลจากแบบสังเกตพฤติกรรมการท�างานรายบุคคล
2. ใช้แลกเปลย่ี นข้อมลู และทา� งานรปู แบบต่างๆ ได้ ทีแ่ นบมาท้ายการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3
3. จดั ตั้งข้นึ เพือ่ ระดมมวลชนในการเปลยี่ นแปลง
ทางการเมือง แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล
4. เครอื ขา่ ยภายในองคก์ รซึ่งสามารถใชแ้ จง้ ขา่ วสารขอ้ มลู
ต่างๆ ได้ คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี
(วิเคราะหค์ �าตอบ อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ตรงกับระดับคะแนน
ขนาดใหญ่ท่ีครอบคลุมไปท่ัวโลก ซ่ึงเป็นแหล่งรวบรวมและ
แลกเปล่ยี นขอ้ มูลในรปู แบบต่างๆ มากมาย ดงั น้ัน ตอบขอ้ 4.) ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32
1 การแสดงความคดิ เห็น
2 การยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของผู้อน่ื
3 การทางานตามหน้าที่ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย
4 ความมนี า้ ใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............/.................../................
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
T115
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 2เวลา ชั่วโมง
การกำ� หนดขอบเขตการค้นหา
1. มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ดั
ตวั ชีว้ ดั
ว 4.2 ป.6/3 ใช้อนิ เทอร์เน็ตในการค้นหาขอ้ มูลอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายวิธีการค้นหาขอ้ มลู โดยใช้การก�ำหนดขอบเขตการค้นหาหรอื การค้นหาขนั้ สูงได้ (K)
2. ค้นหาขอ้ มลู โดยใชก้ ารก�ำหนดขอบเขตการค้นหาหรือการค้นหาขนั้ สูงได้ (P)
3. เหน็ ประโยชน์ของการกำ� หนดขอบเขตการคน้ หาหรอื การค้นหาขน้ั สงู และน�ำไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจ�ำวนั ได้ (A)
3. สาระการเรียนรู้
- การจัดล�ำดับผลลัพธจ์ ากการคน้ หาของโปรแกรมค้นหา
4. สาระสำ� คัญ/ความคดิ รวบยอด
การคน้ หาขอ้ มลู ในแตล่ ะครงั้ โปรแกรมคน้ หาจะแสดงขอ้ มลู จากคำ� คน้ หาเปน็ จำ� นวนมาก เพอื่ ใหผ้ ใู้ ชง้ านสามารถใชง้ าน
อนิ เทอรเ์ นต็ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและไดข้ อ้ มลู ตรงตามความตอ้ งการมากทสี่ ดุ ผใู้ ชจ้ ะตอ้ งเรยี นรเู้ กยี่ วกบั การกำ� หนดขอบเขต
การคน้ หา เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ตรงตามตอ้ งการ
5. สมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรียนและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รียน ทกั ษะ 4Cs คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. ทกั ษะการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ 1. มวี นิ ัย
2. ความสามารถในการคิด (Critical Thinking) 2. ใฝ่เรียนรู้
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. มุ่งมัน่ ในการท�ำงาน
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 2. ท กั ษะการทำ� งานรว่ มกัน
(Collaboration Skill)
3. ท ักษะการสอ่ื สาร
(Communication Skill)
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : วิธกี ารสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) วธิ ีการ
สอนโดยใช้เทคนิคการสอนด้วยเกม วธิ ีการสอนโดยใชเ้ ทคนิคตามแนวคิดเชงิ ค�ำนวณ และวธิ ีการสอนโดยใชบ้ ทบาทสมมติ
T116
นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ
การกาํ หนดขอบเขต 2. ¡าร¡า� ˹´¢Íºà¢µ¡ารค¹Œ Ëา1 ขน้ั นำ�
การคน หาชว ยให
ขอมูลในอินเทอรเน็ตที่ไดจากโปรแกรม กระตนุ้ ควำมสนใจ
การคน หามี คน หามีอยูเปนจาํ นวนมาก โดยในโปรแกรมคน หา
ประสทิ ธภิ าพอยา งไร จะแสดงเว็บไซตตาง ๆ ที่เก่ียวของกับคําคนหาท่ี 1. ครูทบทวนความรู้เดิมที่เรียนในช่ัวโมงท่ีแล้ว
ผูใชงานปอนเขาไป โดยโปรแกรมคนหาจะแสดง เก่ียวกับเทคนิคการค้นหาข้อมูลแบบต่างๆ
ขอ มูลพนื้ ฐานของเวบ็ ไซต ดงั นี้ โดยใหน้ กั เรยี นอภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั ผลลพั ธ์
จากการใช้เทคนิคในการค้นหาข้อมูล
1 ช่อื หัวขอของเว็บไซต 2 2
2. ครูถามค�าถามส�าคัญประจ�าหัวข้อกับนักเรียน
ทีอ่ ยเู ว็บไซต ว่า การก�าหนดขอบเขตการค้นหาช่วยให้การ
คน้ หามปี ระสทิ ธภิ าพอยา่ งไร
3 วนั ท่เี ผยแพรข อมูล 4ตวั อยา งขอ มลู
ขน้ั สอน
ภาพที่ 3.9 ตวั อยางขอมูลพ้ืนฐานของเว็บไซตท แี่ สดงบนโปรแกรมคนหา
สำ� รวจคน้ หำ
เนอื่ งจากในการคน หาขอ มลู ในแตล ะครงั้ โปรแกรมคน หาจะแสดง
ขอมูลที่เกี่ยวของกับคําคนหาท่ีผูใชงานปอนเขาไปเปนจํานวนมาก 1. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาตวั อยา่ งขอ้ มลู พนื้ ฐานของ
ดงั นนั้ เพอ่ื ใหผ ใู ชง านสามารถใชง านอนิ เทอรเ นต็ ไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ เว็บไซต์ท่ีแสดงบนโปรแกรมค้นหาในหนังสือ
และไดขอมูลตรงตามความตองการมากที่สุด ผู ใชจะตองเรียนรู เรียน หน้า 70 จากน้ันให้นักเรียนอภิปราย
เกย่ี วกบั การกาํ หนดขอบเขตการคน หาทไ่ี ดจ ากโปรแกรมคน หา ดงั นี้ ร่วมกันว่า ข้อมูลพ้ืนฐานของเว็บไซต์ท่ีแสดง
บนโปรแกรมคน้ หาประกอบด้วยอะไรบา้ ง
2. นกั เรยี นศกึ ษาความรเู้ พมิ่ เตมิ จากมมุ Com Sci
ในหนังสอื เรยี น เกยี่ วกบั การน�าขอ้ มลู ทค่ี ้นหา
ได้จากอนิ เทอรเ์ น็ตมาใชง้ าน
มØม Com Sci แนวตอบ คำ� ถำมส�ำคัญประจำ� หัวข้อ
การนําขอมูลท่ีคนหาไดจากอินเทอรเน็ตมาใชงาน ไมควรคัดลอกขอมูลมา ค�าตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครู
โดยตรง แตใหพ จิ ารณาสาระสําคัญของขอ มลู ทีไ่ ดมา แลวนํามาเรียบเรียงใหม ผสู้ อน เชน่ ท�าใหไ้ ด้ข้อมลู ที่ตรงตามความต้องการ
โดยใชภาษาของตนเอง พรอ มทงั้ อางองิ แหลง ที่มาของขอมูลตนฉบบั ดวย ของผ้ใู ช้งาน
70
ภาพจาก หนังสอื เรียน หนา 70
ขอ้ สอบเนน้ การคิด นักเรียนควรรู
แต้วต้องการค้นหาข้อมูลเก่ียวกับสภาวะโลกร้อนท่ีมีความ 1 ขอบเขตการคน้ หา เปน็ การกา� หนดกรอบในการคน้ หาขอ้ มลู หรอื เปน็ การ
ถูกต้องและทันสมัยท่ีสุด แต้วจะต้องก�าหนดขอบเขตการค้นหา เจาะจงว่า ต้องการข้อมูลมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากต้องการให้ผลลัพธ์ของการ
อย่างไร คน้ หาขอ้ มลู ตรงตามความตอ้ งการมากทส่ี ดุ กจ็ ะตอ้ งกา� หนดขอบเขตการคน้ หา
ให้แคบที่สดุ
1. ค้นหาจากเวบ็ ไซต์ท่ีทันสมยั 2 ท่อี ยู่เว็บไซต์ เรียกอีกอยา่ งหนึ่งว่า Uniform Resource Locator หรือ URL
2. กา� หนดชว่ งเวลาทีเ่ ผยแพร่ข้อมลู เมอื่ นกั เรยี นตอ้ งการเขา้ สเู่ วบ็ ไซตจ์ ะตอ้ งพมิ พท์ อี่ ยเู่ วบ็ ไซตใ์ หถ้ กู ตอ้ ง ถา้ พมิ พผ์ ดิ
3. พิจารณาชือ่ หวั เรื่องให้ตรงตามท่ีต้องการ อาจจะไมส่ ามารถเข้าสูเ่ วบ็ ไซต์ท่ตี ้องการได้
4. เลอื กเวบ็ ไซตท์ เ่ี ป็นของหนว่ ยงานที่เชอื่ ถือได้
(วิเคราะห์คา� ตอบ การก�าหนดระยะเวลาที่เผยแพร่ข้อมูล
ให้ถูกต้องจะท�าให้ได้รับข้อมูลท่ีเผยแพร่ในช่วงเวลาท่ีต้องการ
ซึ่งจากโจทย์แต้วต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะโลกร้อนท่ีมี
ความถกู ตอ้ งและทนั สมยั ทสี่ ดุ แตว้ จะตอ้ งกา� หนดชว่ งเวลาใหเ้ ปน็
ปจจุบันทีส่ ดุ ดังนน้ั ตอบขอ้ 2.)
T117
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน www.google.com
สำ� รวจคน้ หำ 1. พมิ พคําคนหาทตี่ องการคน หาลงบนโปรแกรม
3. ครูให้นักเรียนศึกษาเก่ียวกับการก�าหนด คนหา แลว กดคนหา จากนน้ั จะปรากฏหนา ตางแสดงผลลัพธ
ขอบเขตการค้นหาในการใช้งานโปรแกรม ของโปรแกรมคน หา ดงั นี้
คน้ หา ในหนงั สือเรียน หนา้ 71-74
อธบิ ำยควำมรู้
1. ครูอธิบายขั้นตอนการก�าหนดขอบเขตการ
ค้นหาในขั้นตอนท่ี 1 และขั้นตอนท่ี 2
ให้นักเรียนฟงทีละข้ันตอนว่า ในขั้นตอนท่ี 1
นักเรียนจะต้องพิมพ์ค�าค้นหาท่ีต้องการลงบน
โปรแกรมค้นหา และเมื่อโปรแกรมค้นหา
แสดงผลลัพธ์การค้นหาแล้วให้ปฏิบัติตาม
ขน้ั ตอนที่ 2 คอื คลกิ ทคี่ า� วา่ ตง้ั คา่ บนหนา้ ตา่ ง
แสดงผลลัพธ์ของโปรแกรมค้นหา แล้วเลือก
การคน้ หาข้นั สงู
2. คลิก “การต้ังคา” บนหนาตา งแสดงผลลัพธข อง
โปรแกรมคนหา แลวเลือก “การคน หาขน้ั สูง”
1
2
71
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 71
เกร็ดแนะครู ขอ้ สอบเนน้ การคดิ
หลังจากครูอธิบายขั้นตอนการก�าหนดขอบเขตการค้นหาในข้ันตอนที่ 1 ข้อใดกล่าวถึงประโยชน์ของการก�าหนดขอบเขตการค้นหา
และข้ันตอนที่ 2 ให้นักเรียนฟงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครูอาจสาธิตข้ันตอน ได้ถูกต้องมากทส่ี ดุ
การกา� หนดขอบเขตใหน้ กั เรยี นดู โดยใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั ติ ามทคี่ รสู อนทลี ะขน้ั ตอน
ซง่ึ หากพบวา่ มนี กั เรยี นคนใดทไ่ี มส่ ามารถทา� ไดค้ รอู าจคอยแนะนา� ขนั้ ตอนใหก้ บั 1. ข้อมูลมคี วามทนั สมยั ท่สี ดุ
นกั เรยี นอีกคร้ัง หรอื ใหเ้ พอ่ื นช่วยเพ่อื นกไ็ ด้ 2. ไฟล์ข้อมูลมีนามสกุลเดียวกัน
3. แหลง่ ขอ้ มูลทไ่ี ด้มคี วามนา่ เชื่อถอื
4. ขอ้ มลู ท่ไี ดต้ รงตามความตอ้ งการที่สุด
(วเิ คราะหค์ า� ตอบ การก�าหนดขอบเขตการค้นหาเป็นการระบุ
ข้อมูลท่ีผู้ใช้ต้องการลงในโปรแกรมค้นหา เพ่ือให้ได้ข้อมูลที่ตรง
ตามความตอ้ งการมากที่สุด ดังน้ัน ตอบข้อ 4.)
T118
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
3. เมอ่ื พบกบั หนา ตา งการคน หาขนั้ สงู แลว ใหก รอก ขนั้ สอน
ขอ มูลการคนหา ดังนี้ อธบิ ำยควำมรู้
1 2. ครูอธิบายให้นักเรียนฟงต่อว่า หลังจากเลือก
การค้นหาขั้นสูงแล้ว จะพบกับหน้าต่างการ
ค้นหาขนั้ สูง ใหน้ กั เรียนกรอกข้อมูลการค้นหา
ลงในกรอบท่ี 1 และกรอบที่ 2 โดยในกรอบ
ที่ 1 จะเป็นการบอกว่า ต้องการตัดหรือ
ต้องการให้แสดงผลจากค�าค้นหาใด ส่วน
ในกรอบที่ 2 เป็นการเลือกการจัดเรียงข้อมูล
โดยจะมีการจัดเรียงตามภาษา จัดเรียงตาม
พื้นท่ีการท�างาน จัดเรียงตามเวลา จัดเรียง
ตามต�าแหน่งที่ตั้งของเว็บไซต์ และลิขสิทธ์ิ
ของข้อมลู
2
ภาพท่ี 3.10 ขั้นตอนการกาํ หนดขอบเขตการคนหาดวยโปรแกรมคน หา
72
ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 72
ขอ้ สอบเน้น การคิด เกร็ดแนะครู
ข้อใดเปนการปฏิบัติท่ีไม่ถูกต้องเก่ียวกับการน�าข้อมูล หลังจากครูอธิบายเกี่ยวกับการกรอกข้อมูลการค้นหาให้นักเรียนฟงเสร็จ
บนอินเทอรเ์ นต็ มาใช้งาน เรียบร้อยแล้ว ครูอาจให้นักเรียนลองกรอกข้อมูลลงในช่องว่างต่างๆ ตามที่
นกั เรยี นต้องการ แล้วสังเกตผลลพั ธ์ที่ได้จากการคน้ หาว่า ผลลัพธเ์ ป็นอย่างไร
1. น�าข้อมูลทไ่ี ดม้ าใช้ทนั ที และผลลพั ธ์ที่ไดแ้ ตกต่างจากการคน้ หาขอ้ มูลโดยใชเ้ ทคนิคตา่ งๆ หรือไม่
2. อา้ งอิงแหลง่ ท่ีมาของข้อมลู
3. นา� ข้อมลู ท่ีได้มาเรียบเรียงใหม่
4. อา้ งองิ ชอื่ ผู้เขยี นหรอื ผู้รวบรวม
(วิเคราะหค์ า� ตอบ การนา� ขอ้ มลู จากอนิ เทอรเ์ นต็ มาใชง้ านจะตอ้ ง
มีการอ้างอิงด้วยว่า ใครเป็นผู้ให้ข้อมูล และข้อมูลท่ีได้มาจาก
แหลง่ ขอ้ มลู หรอื เวบ็ ไซตใ์ ด และเมอ่ื ไดข้ อ้ มลู มาแลว้ จะตอ้ งนา� ขอ้ มลู
มาเรยี บเรยี งใหม่ให้เป็นภาษาของตนเอง ดงั นน้ั ตอบข้อ 1.)
T119
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 11 กรอกขอ มลู คาํ คน หาตา ง ๆ ทตี่ อ งการคน หา โดยบอกวา ตอ งการ
ตัดหรือตอ งการใหแ สดงผลคําใด
อธบิ ำยควำมรู้
2 เลอื กการจดั เรยี งขอ มลู โดยจะมกี ารจดั เรยี งตามภาษา จดั เรยี ง
3. ครูให้นักเรียนดูตัวอย่างการก�าหนดช่วงป ตามพน้ื ทที่ ตี่ อ งการ จดั เรยี งตามเวลา จดั เรยี งตามตาํ แหนง ทตี่ ง้ั
ของผลลัพธก์ ารคน้ หา จากนน้ั ครูจงึ อธบิ ายให้ ของเวบ็ ไซต จดั เรยี งตามชนิดของไฟล และลิขสิทธข์ิ องขอมลู
นักเรียนฟงว่า ตัวอย่างนี้เป็นการค้นหาข้อมูล
เกยี่ วกบั เทศกาลสงกรานตท์ ไ่ี มม่ ขี อ้ มลู เกย่ี วกบั
ประวัติวันสงกรานต์ ซ่ึงจะเป็นไฟล์ประเภท
ใดก็ได้ท่ีเผยแพร่ตั้งแต่ป พ.ศ. 2560-2563
และจะต้องเป็นข้อมูลท่ีได้มาจากหน่วยงาน
ของรฐั เท่าน้ัน
ตÑÇอยา่ ง การกาí Ëน´ช่Çงป‚¢อง¼ÅÅพÑ ธก์ าร¤้นËา
ถา ตองการคนหาขอ มูลเกยี่ วกับเทศกาลสงกรานตท ไี่ มม กี ารแสดง
ขอมูลเกี่ยวกับประวัติวันสงกรานต ซึ่งจะเปนไฟลประเภทใดก็ไดท่ี
เผยแพรตั้งแต พ.ศ. 2560-2563 และจะตองเปนขอมูลที่มาจากแหลง
ขอ มูลของหนวยงานรฐั เทา นนั้ จะสามารถจัดลาํ ดบั ผลลัพธการคนหาได
ดังนี้
1
2563
73
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 73
ความรูเสริม กิจกรรม สรา้ งเสริม
การก�าหนดช่วงปของผลลัพธ์การค้นหา เป็นการก�าหนดว่าต้องการข้อมูล ครเู ลา่ สถานการณเ์ กย่ี วการคน้ หาขอ้ มลู ใหน้ กั เรยี นฟง จากนน้ั
ที่เผยแพร่ในช่วงปใดบ้าง โดยการก�าหนดช่วงปของผลลัพธ์การค้นหาแบบน้ี ครจู งึ ใหน้ กั เรยี นคน้ หาขอ้ มลู ดว้ ยวธิ กี ารกา� หนดขอบเขตการคน้ หา
จะช่วยใช้ผู้ใช้งานได้ข้อมูลที่มีความทันสมัย ทันเหตุการณ์และเป็นปจจุบัน ตามสถานการณ์ท่ีครูเล่าให้นักเรียนฟง โดยสถานการณ์ มีดังนี้
ซึ่งจะทา� ให้ไดข้ อ้ มูลทต่ี รงตามความตอ้ งการของผใู้ ช้งาน สถานการณ์ ก้านต้องการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ปาสงวน ท่ีมี
การเผยแพรไ่ วไ้ มเ่ กนิ 5 ป จากเวบ็ ไซตข์ องหนว่ ยงานรฐั เพอ่ื ความ
ถกู ตอ้ งและนา่ เชือ่ ถือมากที่สดุ
T120
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน
อธบิ ำยควำมรู้
4. นักเรียนพิมพ์ค�าค้นหาตามตัวอย่างในหนังสือ
2 เรยี นแลว้ ตรวจสอบวา่ ผลลพั ธท์ ไี่ ดเ้ ปน็ อยา่ งไร
5. นักเรียนในช้ันเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับ
ผลลัพธ์ที่นักเรียนแต่ละคนได้รับว่า นักเรียน
แต่ละคนจะได้ผลลัพธ์การค้นหาเหมือน
หรอื แตกตา่ งกันอยา่ งไรบา้ ง
หลงั จากกาํ หนดการจดั ลาํ ดบั ผลลพั ธก ารคน หาของโปรแกรมคน หา
เสร็จเรียบรอยแลว โปรแกรมคนหาจะแสดงผลลัพธจากการกําหนด
ขอบเขตการคนหา ดังน้ี
2563
ภาพท่ี 3.11 ตัวอยางผลลพั ธจ ากการกาํ หนดขอบเขตการคน หา
74
ภาพจาก หนังสือเรยี น หนา 74
กจิ กรรม สรา้ งเสรมิ เกร็ดแนะครู
ครูให้นักเรียนในช้ันเรียนร่วมกันก�าหนดสถานการณ์เก่ียวกับ หลงั จากนกั เรยี นพมิ พค์ า� คน้ หาตามตวั อยา่ งหนงั สอื เรยี นเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้
การกา� หนดขอบเขตการค้นหาประมาณ 3-4 สถานการณ์ จากน้ัน ครอู าจใหน้ กั เรยี นนา� ผลลพั ธท์ น่ี กั เรยี นไดก้ บั ผลลพั ธท์ ปี่ รากฏอยใู่ นหนงั สอื เรยี น
ให้นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่มตามจ�านวนสถานการณ์ท่ีนักเรียน มาเปรียบเทียบกนั ว่า ผลลพั ธ์ทีไ่ ด้มคี วามเหมือนหรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร
ช่วยกันคิด แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันก�าหนดขอบเขต
การค้นหาข้อมูลและวิเคราะห์ถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นว่า ได้ผลลัพธ์
ตรงตามที่ต้องการหรือไม่
T121
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ¡Ô¨¡รรÁ Com Sci
½ƒ¡·¡Ñ ÉÐ
ขยำยควำมเขำ้ ใจ
ใหนักเรียนพิจารณาสถานการณท่ีกําหนดให แลวตอบคําถามวา
1. ครูใหน้ กั เรียนท�ากิจกรรมฝก ทักษะ Com Sci ควรกําหนดขอบเขตการคนหาอยา งไร
ในหนังสือเรียน หน้า 75 โดยให้นักเรียน สถานการณ : ถา ตองการคน หาขอ มลู เก่ยี วกบั วันพอ แหงชาตทิ ี่ตอ งมี
พิจารณาสถานการณ์ท่ีก�าหนดให้เกี่ยวกับ กิจกรรมที่ทําในวันพอแหงชาติดวย โดยขอมูลท่ีไดมานั้นจะตองเปน
การคน้ หาขอ้ มลู เกยี่ วกบั วนั พอ่ แหง่ ชาติ แลว้ ให้ ขอ มลู ทม่ี าจากหนว ยงานราชการเทา นนั้ เพอื่ ความนา เชอ่ื ถอื ของขอ มลู
นักเรียนตอบค�าถามว่า ควรก�าหนดขอบเขต
การคน้ หาอยา่ งไรเพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ตามตอ้ งการ
ทกุ คาํ เหลา นี้ : บันทึกลงในสมดุ
คาํ หรอื วลที ีต่ รงตามน้ี :
คําใด ๆ เหลาน้ี : ถึง
ไมม ีคําเหลาน้ี :
จํานวนต้งั แต :
ไซตหรอื โดเมน :
ประเภทไฟล :
ทกั ษะการเรยี นรูในศตวรรษที่ 21 2. ทกั ษะการแกป ญหา 75
1. ทกั ษะการคิดอยา งมวี ิจารณญาณ
3. ทกั ษะการใชคอมพวิ เตอร
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 75
เกร็ดแนะครู ข้อสอบเนน้ การคดิ
หลังจากนกั เรยี นท�ากจิ กรรมฝก ทกั ษะ Com Sci ในหนังสือเรยี น หนา้ 75 เพราะเหตุใด การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตจึงต้องมีการ
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ครูอาจให้นักเรียนพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่า ก�าหนดขอบเขตการค้นหาใหช้ ัดเจน
นักเรียนแต่ละคนมีวิธีการก�าหนดขอบเขตการค้นหาเหมือนหรือแตกต่างกัน
ผลลพั ธ์ทไ่ี ด้เปน็ อยา่ งไร และตรงตามทโ่ี จทยต์ อ้ งการหรอื ไม่ 1. เพื่อใหไ้ ดข้ ้อมลู ท่ที ันสมัย
2. เพื่อให้ไดข้ อ้ มลู จ�านวนมาก
3. เพ่อื ใหไ้ ด้ขอ้ มลู ตรงตามความตอ้ งการ
4. เพอื่ ใหข้ อ้ มูลทีไ่ ด้มีความถูกต้องชดั เจน
(วิเคระห์ค�าตอบ การก�าหนดขอบเขตการค้นหาอย่างชัดเจน
จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้ข้อมูลที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด
ดังนัน้ ตอบข้อ 3.)
T122
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
เฉลย ขน้ั สอน
ใบงานที่ 3.2.1 ขยำยควำมเขำ้ ใจ
เรื่อง นกั ข่าวตวั นอ้ ย
นกั เรียนเลือกสบื คน้ ข่าวประเภท.......................................................................................................... 2. นักเรียนจับคู่กันท�ากิจกรรมในใบงานที่ 3.2.1
เรอื่ ง นกั ขา่ วตวั นอ้ ย โดยใหน้ กั เรยี นคน้ หาขอ้ มลู
หวั ขอ้ ขา่ ว:............................................................................................................................................. เก่ียวกับข่าวประเภทต่างๆ จากอินเทอร์เน็ต
เช่น ขา่ วเศรษฐกิจ ขา่ วสิง่ แวดล้อม ข่าวกฬี า
วนั ทีเ่ ผยแพรข่ า่ ว ......................................... วันทีส่ ืบค้น .......................................... ซ่ึงต้องเป็นข่าวท่ีมาจากเว็บไซต์ทางการค้าที่
เกดิ ขึ้นในระยะเวลาไมเ่ กิน 1 สปั ดาห์ นบั จาก
(แปะภาพข่าว) วันท่ีได้รับมอบหมายงาน โดยครูให้นักเรียน
สมมตบิ ทบาทเปน็ นกั ขา่ ว และออกมานา� เสนอ
ขา่ วหน้าช้ันเรยี นในช่วั โมงถดั ไป
3. ครูให้นักเรียนแต่ละคู่ออกมาน�าเสนอข่าว
ที่เตรียมมา พร้อมท้ังบอกแหล่งที่มาของ
ขอ้ มลู และบอกวธิ กี ารคน้ หาโดยใชก้ ารกา� หนด
ขอบเขตการค้นหา พรอ้ มให้เหตผุ ล
ข้อมลู ข่าว/รายละเอยี ดข่าว
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
แหล.ง่ ..ท..ีม่...า..:.............................…..…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…..…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…..….....
นักเรยี นกรอกข้อมลู ในคาค้นหาขนั้ สูงวา่ อย่างไร............................................................................
ภาพจาก
แผนการสอน ที่ 1
หน่วยท่ี 1
ขอ้ สอบเนน้ การคดิ เกร็ดแนะครู
การกระทา� ใดเปนการใช้งานอนิ เทอร์เนต็ ได้อย่างเหมาะสม ในการใหน้ กั เรยี นจบั คกู่ นั ทา� ใบงานที่ 3.2.1 เกยี่ วกบั การคน้ หาขา่ วประเภท
1. ไมใ่ ช้อินเทอรเ์ นต็ ทุกวนั ต่างๆ ครอู าจก�าหนดใหน้ กั เรียนแต่ละคนหาข่าวมาคนละ 1 ขา่ ว กอ่ น จากน้ัน
2. ใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ค้นหาขอ้ มูลข่าวสาร จึงให้นักเรียนแต่ละคู่ช่วยกันพิจารณาว่าจะเลือกข่าวใดมาใช้ในการท�าใบงาน
3. ใช้อินเทอรเ์ นต็ เพือ่ ผลประโยชน์ทางธุรกิจ ซ่ึงในใบงานนักเรียนจะต้องมีการระบุขอบเขตที่นักเรียนใช้ในการค้นหา
4. ใช้อนิ เทอร์เนต็ ในการท�าร้ายผู้อ่นื ใหไ้ ดร้ ับความเสยี หาย ข้อมูลดว้ ย
(วเิ คราะหค์ า� ตอบ จากตัวเลือกที่ก�าหนดให้สามารถวิเคราะห์
ได้ว่า ข้อที่เป็นการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสมท่ีสุด คือ
การใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ เพอ่ื คน้ หาขอ้ มลู ขา่ วสาร เปน็ การใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็
ใหเ้ กิดประโยชน์ ไมท่ �าให้ผอู้ น่ื เดือดรอ้ น ดงั น้นั ตอบข้อ 2.)
T123
นา� สอน สรุป ประเมนิ
ขนั้ สรปุ Ẻ½¡ƒ ËÑ´ การกําหนดขอบเขตการคนหา คะแนนเต็ม
ตรวจสอบผล 15
1. ครใู ห้นักเรยี นทา� แบบฝกหัด เรอ่ื ง การก�าหนด 1. เขยี นขอมูลพื้นฐานของเวบ็ ไซตล งในชองวาง (4 คะแนน)
ของเขตการค้นหา ในแบบฝกหัด หน้า 48
โดยในข้อ 1. ให้นักเรียนเขียนข้อมูลพ้ืนฐาน ช่อื หวั ขอของเว็บไซต....................................................................................... ท่อี ยเู ว็บไซต.......................................................................................
ของเว็บไซต์ที่แสดงบนโปรแกรมค้นหาลงใน
ช่องว่างให้ถูกต้อง และข้อ 2. ให้นักเรียนใส่ ประวัตวิ ันลอยกระทง 2563 รวมความรู ที่มา เพลง นางนพมาศ …
เคร่ืองหมายถูกลงในช่องว่างหน้าข้อความ
ทถ่ี ูกต้อง และใสเ่ ครอ่ื งหมายผิดลงในช่องว่าง https://www.springnews.co.th/thailand
หน้าขอ้ ความทผ่ี ิด
1 พ.ย. 2563 - ประวตั วิ นั ลอยกระทง 2563 รวมความรู ท่ีมา เพลงประจําเทศกาล นางนพมาศ ตาํ นานทา วศรี
จุฬาลกั ษณ ฯลฯ รวมกิจกรรมแหง สายนา้ํ เพ่อื ตอบแทนคณุ แมค งคา …
วนั ท่เี ผยแพรข อ มลู....................................................................................... ตัวอยา งขอมูล.......................................................................................
เฉฉบลบั ย 2. ขีด ✓ หนา ขอ ความทีถ่ กู และกา ✗ หนาขอความทีผ่ ดิ เก่ยี วกบั
การคน หาข้ันสูง (5 คะแนน)
✗ 1.............................. หากไมตองการใหคําวา ดอกไม ปรากฏอยูในผลลัพธ
การคน หา ใหก รอกคําวา ดอกไม ลงในชอ งคาํ หรือวลีที่
ตรงตามน:ี้
✓ 2.............................. วธิ กี ารเขา สหู นา ตา งการคน หาขน้ั สงู คอื พมิ พค าํ คน หาที่
ตอ งการลงบนโปรแกรมคนหา คลกิ เลอื กการต้ังคา แลว
เลือกการคนหาขน้ั สงู
✗ 3.............................. เราไมส ามารถระบปุ พ.ศ. ท่ีตอ งการคนหาได
✓ 4.............................. เราสามารถระบุประเภทของเว็บไซตได โดยการกรอกที่
ไซตหรอื โดเมน:
✗ 5.............................. เราสามารถเลือกขอ มูลตามภาคตาง ๆ ในประเทศไทยได
โดยคลกิ เลือกที่ ภมู ิภาค:
48
ภาพจาก
แบบฝกหดั
หน้าท4่ี 48
เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา้ งเสริม
ก่อนท่ีครูจะให้นักเรียนท�าแบบฝกหัด ครูอาจทบทวนความรู้เกี่ยวกับ ครูเตรียมขอบเขตการค้นหาไว้ให้กับนักเรียน 2-3 ตัวอย่าง
การก�าหนดขอบเขตการค้นหาข้อมูลก่อน จากน้ันจึงให้นักเรียนลงมือท�า จากน้ันให้นักเรียนช่วยกันท�านายผลลัพธ์ว่า ผลลัพธ์ท่ีได้จาก
แบบฝกหัดด้วยตนเอง หลังจากนักเรียนท�าแบบฝกหัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว โปรแกรมค้นหาจะเป็นอย่างไร แล้วจึงให้นักเรียนพิมพ์ขอบเขต
ครูใหน้ กั เรยี นในชั้นเรยี นร่วมกนั เฉลยคา� ตอบในแบบฝก หัด การค้นหาตามท่ีครูก�าหนดให้ลงในโปรแกรมค้นหา แล้ว
ตรวจสอบว่า ผลลัพธ์ทไ่ี ดน้ ัน้ ตรงกับทนี่ กั เรยี นทา� นายไว้หรอื ไม่
T124
นา� สอน สรุป ประเมนิ
3. พิจารณาสถานการณท่ีกําหนด แลวกรอกขอมูลลงในหนาตาง ขนั้ สรปุ
การคน หาขัน้ สูง (6 คะแนน)
1. มุนินตองการคนหาขอมูลเก่ียวกับวัฏจักรนํ้าเปนไฟลรูปแบบ ตรวจสอบผล
.pdf โดยตอ งคน หาจากเวบ็ ไซตท เ่ี กยี่ วขอ งกบั การศกึ ษาเทา นน้ั
และมีการเผยแพรขอ มลู ภายในระยะเวลาไมเกนิ 5 ป 2. ครูให้นักเรียนท�าแบบฝกหัด ในแบบฝกหัด
หน้า 49-50 โดยให้นักเรียนพิจารณา
คน หาหนา เวบ็ ทม่ี ี… วฏั จกั รนํ้า สถานการณ์ที่ก�าหนดให้ในแต่ละข้อ แล้ว
ทุกคาํ เหลานี:้ กา� หนดขอบเขตการคน้ หาโดยการเตมิ คา� ตอบ
คาํ หรือวลที ตี่ รงตามนี:้ ลงในหนา้ ตา่ งการคน้ หาขั้นสูงที่ก�าหนดให้
คําใด ๆ เหลา น:้ี
ไมมีคําเหลานี้: เฉฉบลบั ย ขนั้ ประเมนิ
จํานวนตง้ั แต:
ภาษา: 2558 ถงึ 2562 2. ปาใจตองการคนหาสถานท่ีทองเท่ียวในประเทศไทยท่ีไมใช ตรวจสอบผล
ภูมิภาค: ภาษาใดกไ็ ด ทะเลและนํ้าตก โดยตองคนหาจากเว็บไซตท่ีเปนหนวยงาน
ไซตห รือโดเมน: ภูมภิ าคใดกไ็ ด ของรฐั และมกี ารเผยแพรขอมูลภายในระยะเวลาไมเกนิ 2 ป ตารางการวัดและประเมินผล
ประเภทไฟล: .ac.th วธิ ีการ เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน
.pdf
49 ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หดั ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
คน หาหนา เวบ็ ท่มี ี… ตรวจใบงาน ใบงาน ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ทกุ คาํ เหลาน:้ี สถานท่ีทองเที่ยวในประเทศไทย ประเมนิ แบบ ระดับคณุ ภาพ 2
การนา� เสนอ ประเมนิ ผ่านเกณฑ์
คาํ หรอื วลที ตี่ รงตามนี้: การนา� เสนอ
ผลงาน ผลงาน
คําใด ๆ เหลา น้ี:
ไมมคี ําเหลา น้:ี ทะเล นา้ํ ตก
เฉฉบลบั ย ภาษา: ภาษาใดก็ได สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคณุ ภาพ 2
จาํ นวนตงั้ แต: 2561 ถึง 2562 การทา� งาน พฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์
รายบุคคล
ภูมภิ าค: ภูมิภาคใดกไ็ ด
ไซตหรือโดเมน: .go.th สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2
การทา� งานกลมุ่ พฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์
ประเภทไฟล: รปู แบบใดก็ได
เกณฑการใหค ะแนน รายการประเมนิ คะแนนตอ ขอ ยอย คะแนนรายขอ เกณฑการตดั สนิ
1. บอกขอ มลู พน้ื ฐานของเวบ็ ไซตได (4 ขอ ยอย)
2. เขา ใจวธิ กี ารใชการกําหนดขอบเขตการคนหาหรอื 1 4 • 9 คะแนนขน้ึ ไป = ผา น
1 5 • ตาํ่ กวา 9 คะแนน = ปรบั ปรุง
การคน หาข้ันสงู (5 ขอยอ ย)
3. กรอกขอ ความคาํ คน หาลงในหนาตา งการคนหาขนั้ สงู ได 3 6
(2 ขอยอ ย) 15
คะแนนเต็ม
50
ภาพจาก
แบบฝกหัด
หนา้ 49-50
ขอ้ สอบเน้น การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล
ข้อใดกล่าวถงึ โปรแกรมค้นหาไดถ้ กู ตอ้ ง ครูสามารถประเมินการน�าเสนอผลงาน สังเกตพฤติกรรมการท�างาน
1. การโอนย้ายข้อมลู ในเครือ่ งเเม่ขา่ ย รายบคุ คล และสงั เกตพฤตกิ รรมการทา� งานกล่มุ ของนักเรียน โดยศกึ ษาเกณฑ์
2. บริการโอนย้ายข้อมลู ในเครือ่ งสว่ นบุคคล การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการน�าเสนอผลงาน แบบสังเกต
3. การโอนย้ายข้อมลู จากเครื่องสว่ นบุคคลไปยังเคร่อื งแม่ข่าย พฤตกิ รรมการทา� งานรายบคุ คลและแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทา� งานกลมุ่ ทแี่ นบ
4. บริการคน้ หาขอ้ มูลโดยนา� ค�าค้นหาไปเปรียบเทยี บกบั มาทา้ ยแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3
เวบ็ ไซต์เพอื่ หาคา� น้ัน
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่
(วิเคราะหค์ �าตอบ โปรแกรมค้นหา หรือ Search Engine
เป็นบริการค้นหาข้อมูลโดยน�าค�าค้นหาไปเปรียบเทียบกับเว็บไซต์ คาชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ คาช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี คาชี้แจง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งที่
เพ่อื หาคา� เหลา่ นนั้ ดังนัน้ ตอบขอ้ 4.) ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกับระดับคะแนน
ตรงกับระดับคะแนน
ระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 การทางาน การมี
32 32 ตามท่ีได้รับ สว่ นร่วมใน
ลาดับที่ รายการประเมิน การแสดง การยอมรบั มอบหมาย การปรบั ปรุง รวม
1 1 การแสดงความคิดเหน็ ลาดบั ท่ี ชื่อ–สกลุ ความคดิ เหน็ ฟังคนอืน่ ความมีนา้ ใจ ผลงานกล่มุ 15
ของนักเรยี น คะแนน
1 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา 2 การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผู้อน่ื
2 ความคดิ สรา้ งสรรค์
3 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหน้าท่ีทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 321321321321321
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์
5 การตรงต่อเวลา 4 ความมีน้าใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
รวม
ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
............/................./................... ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............/.................../................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมนิ
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑก์ ารให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ให้ 1 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดีมาก
14–15 ดีมาก 11–13 ดี เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
11–13 ดี 8–10 พอใช้ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง 14–15 ดีมาก
ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง 11–13 ดี
8–10 พอใช้
T125
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 3เวลา ช่ัวโมง
การประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถอื
1. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ดั
ตัวช้ีวัด
ว 4.2 ป.6/3 ใชอ้ ินเทอร์เนต็ ในการคน้ หาข้อมูลอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายหลักการประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มูลได้ (K)
2. ประเมินความนา่ เชอื่ ถอื ของข้อมลู ได้ (P)
3. เหน็ ความสำ� คญั ของการประเมินความน่าเชื่อถอื ของข้อมูล (A)
3. สาระการเรยี นรู้
- การค้นหาอยา่ งมีประสิทธภิ าพ เป็นการคน้ หาขอ้ มูลทไ่ี ด้ตรงตามความต้องการในเวลาทีร่ วดเรว็ จากแหล่งข้อมูล
ทนี่ ่าเชือ่ ถือหลายแหลง่ และข้อมลู มีความสอดคล้องกัน
4. สาระสำ� คัญ/ความคดิ รวบยอด
ในการสบื คน้ ขอ้ มลู จากแหลง่ ตา่ ง ๆ จะตอ้ งมกี ารประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มลู เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทถี่ กู ตอ้ ง และตรงตาม
ความตอ้ งการ โดยหลกั การประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู ไดแ้ ก่ พจิ ารณาเวบ็ ไซตท์ น่ี า่ เชอื่ ถอื ได้ ระบชุ อื่ ผเู้ ขยี นหรอื ผใู้ ห้
ขอ้ มลู ระบวุ นั ทเี่ ผยแพรแ่ ละครงั้ ทป่ี รบั ปรงุ อา้ งองิ แหลง่ ทม่ี า และบอกวตั ถปุ ระสงคใ์ นการทำ�
5. สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รียน ทักษะ 4Cs คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. ทกั ษะการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ 1. มวี ินยั
2. ความสามารถในการคิด (Critical Thinking) 2. ใฝเ่ รียนรู้
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มงุ่ ม่นั ในการทำ� งาน
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 2. ทักษะการทำ� งานร่วมกัน
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี (Collaboration Skill)
3. ทักษะการสอื่ สาร
(Communication Skill)
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : วธิ ีการสอนแบบกระบวนการกลมุ่ วิธกี ารสอนโดยใชเ้ ทคนิคตามแนวคดิ
เชิงค�ำนวณ วิธกี ารสอนโดยใช้กรณตี วั อยา่ ง และวธิ กี ารสอนโดยใชบ้ ทบาทสมมติ
T126
นา� น�า สอน สรปุ ประเมนิ
การประเมินความ 3. ¡าร»ระàÁÔ¹คÇาÁ¹‹าàªÍè× ¶Í× ขนั้ นำ�
นาเชื่อถือของขอ มลู เครือขายอินเทอรเน็ตเปนพื้นที่อิสระเสรีที่
กอ นนําขอมูลมาใช ผูคนตางก็สามารถสรางขอมูลแลวอัปโหลดเขาสู 1. ครูยกตัวอย่างบทความที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต
มีประโยชนอยา งไร ระบบอินเทอรเน็ตได ซึ่งขอมูลบางสวนท่ีอยูบน ใหน้ กั เรียนดู โดยเปน็ บทความท่เี ขยี นเกินจรงิ
อินเทอรเน็ตอาจจะเปนขอมูลที่ไมถูกตองก็ได หรอื มคี วามไมน่ ่าเชื่อถอื
ดังนั้น กอนท่ีเราจะนําขอมูลจากอินเทอรเน็ตมาใชจะตองประเมิน
ความนาเช่ือถือของขอมูลดวยวา ขอมูลท่ีจะนํามาใชน้ันมีความ 2. ครูให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์บทความที่ครู
นาเช่ือถือเพียงใด โดยการประเมินความนาเชื่อถือของขอมูลที่ได ยกตัวอย่างให้ฟงว่า บทความน้ันเชื่อถือได้
จากอนิ เทอรเน็ต สามารถทําได ดังนี้ หรอื ไม่ เพราะเหตุใด
1. พจิ ารณาเวบ็ ไซตทีน่ า เชอ่ื ถือได (แนวตอบ ค�าตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับ
การพจิ ารณาเวบ็ ไซตว า เวบ็ ไซตน น้ั เชอ่ื ถอื ไดห รอื ไม สามารถ ดลุ ยพนิ ิจของครูผู้สอน)
พิจารณาไดจากสวนทายของช่ือเว็บไซต ดงั น้ี
3. ครูบอกกับนักเรียนว่า อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่
ลงทายดว ย ความหมาย ระดบั ความนาเชอ่ื ถอื อสิ ระทผ่ี คู้ นตา่ งกส็ ามารถสรา้ งขอ้ มลู อปั โหลด
.go.th เวบ็ ไซตท ่ีเปนหนว ยงานของรฐั มาก หรือแชร์ข้อมูลต่างๆ ลงในอินเทอร์เน็ตได้
เว็บไซตทางการศึกษา มาก ซ่ึงข้อมูลบางส่วนอาจจะไม่เป็นความจริงก็ได้
.ac.th, .edu เว็บไซตข ององคกรที่ไมหวังผลกาํ ไร พอใช ดังน้ัน ก่อนที่เราจะน�าข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
.or.th เวบ็ ไซตท างการคา นอย มาใช้หรือเผยแพร่ นักเรียนจะต้องประเมิน
เว็บไซตท างการทหาร มาก ความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มูลก่อน
.co.th, .com
.mi.th 4. ครูถามค�าถามส�าคัญประจ�าหัวข้อกับนักเรียน
ว่า การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล
มมØ Com Sci ก่อนน�าขอ้ มูลมาใชม้ ีประโยชนอ์ ยา่ งไร
การคนหาขอมูลอยางมีประสิทธิภาพ จะตองคนหามาจากแหลงขอมูลท่ี ขน้ั สอน
นาเชื่อถอื หลาย ๆ แหลงขอมลู โดยขอ มูลทีค่ น หาน้ันจะตองมคี วามสอดคลอง
เปน เรอ่ื งเดยี วกัน 1. ครูอธิบายให้นักเรียนฟงเก่ียวกับการประเมิน
ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู ดว้ ยวิธกี ารพิจารณา
76 เว็บไซตท์ ี่น่าเชอ่ื ถือได้
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 76 2. ครูให้นักเรียนค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
เกยี่ วกบั เวบ็ ไซตท์ เี่ ชอ่ื ไดว้ า่ มเี วบ็ ไซตอ์ ะไรบา้ ง
3. นกั เรยี นศกึ ษาความรเู้ พม่ิ เตมิ จากมมุ Com Sci
ในหนังสือเรียน หน้า 76 เก่ียวกับการค้นหา
ขอ้ มูลอย่างมีประสทิ ธภิ าพ
แนวตอบ คำ� ถำมสำ� คัญประจ�ำหวั ขอ้
ค�าตอบของนักเรียนข้ึนอยู่กับดุลยพินิจของครู
ผู้สอน เช่น ช่วยให้ข้อมูลท่ีค้นหามีความถูกต้อง
เชอ่ื ถอื ได้
ข้อสอบเน้น การคิด ความรูเสริม
การปฏิบัติตนของใครเปนการกระท�าอันได้มาซึ่งข้อมูลท่ีมี เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นการเชื่อมต่อกันของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ความนา่ เชือ่ ถือมากทสี่ ุด จา� นวนมากทค่ี รอบคลมุ ไปทว่ั โลก โดยอาศยั โครงสรา้ งระบบสอ่ื สารโทรคมนาคม
เป็นตัวกลางในการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร อินเทอร์เน็ตประกอบด้วย
1. นชุ เชอื่ เร่อื งวญิ ญาณจากคา� บอกเลา่ ของบรรพบุรุษ เครือข่ายย่อยเป็นจ�านวนมากต่อเชื่อมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นสังคมเครือข่าย
2. เนยลดน้�าหนักโดยการอดอาหารตามบทความในเวบ็ ไซต์ ขนาดใหญ่ที่ผูใ้ ชง้ านสามารถตดิ ตอ่ ส่ือสารกันได้ทว่ั โลก
สาธารณะ T127
3. ไนทเ์ ชือ่ วา่ ตะไครส้ ามารถลดอาการอกั เสบไดจ้ ากขอ้ มูล
ที่ส่งมาในอเี มล
4. แนนค้นคว้าบทความเก่ยี วกับเช้ือไวรัสจากเว็บไซต์
ของกระทรวงสาธารณสขุ
(วเิ คราะหค์ า� ตอบ แนนค้นคว้าบทความเกี่ยวกับเช้ือไวรัสจาก
เว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นข้อมูลท่ีมีความน่าเชื่อถือ
เน่ืองจากเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นเว็บไซต์หน่วยงาน
ของรฐั ทเ่ี ช่ือถือได้ ดังนน้ั ตอบขอ้ 4.)
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2. ระบุชื่อผเู ขียนหรอื ผูใหขอ มูล
ขอมูลท่ีมีการระบุช่ือผูเขียนหรือผูใหขอมูลไว จะทําให
4. ครูให้นักเรียนศึกษาวิธีการประเมินความ
น่าเชื่อถือของข้อมูลเก่ียวกับการระบุชื่อ ผคู น หาขอ มลู ทราบวา ขอ มลู นน้ั จดั ทาํ ขนึ้ โดยใคร หรอื มใี ครเปน ผูให
ผู้เขียนหรือผู้ให้ข้อมูล การระบุวันที่เผยแพร่ ขอ มลู ไว
และครั้งท่ีปรับปรุง การอ้างอิงแหล่งที่มา
แ ล ะ ก า ร บ อ ก วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค ์ ใ น ก า ร จั ด ท� า 3. ระบุวันท่เี ผยแพรแ ละครั้งทปี่ รบั ปรงุ
ในหนังสือเรียน หน้า 77 และหลังจากนกั เรียน ขอมูลที่มาจากแหลงขอมูลท่ีมีการระบุวันท่ีเผยแพรและ
ศึกษาข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นักเรียน
ในชนั้ เรียนพดู คุยแลกเปลยี่ นความคิดเห็นกัน ครง้ั ทปี่ รบั ปรงุ จะทาํ ใหผ ทู ค่ี น หาขอ มลู ทราบวา ขอ มลู นนั้ จดั ทาํ และ
มีการปรับปรุงเม่ือใด เพื่อใชประกอบการพิจารณาในการเลือกใช
5. ครถู ามคา� ถามทา้ ทายการคดิ ขนั้ สงู กบั นกั เรยี น ขอ มูลทีท่ นั สมยั และเปน ปจจบุ ันมากทส่ี ุด
ว่า เพราะเหตุใด การค้นหาข้อมูลโดยใช้
อนิ เทอรเ์ นต็ จงึ สะดวกสบายมากกวา่ การคน้ หา 4. อางองิ แหลง ท่ีมา
ข้อมูลดว้ ยวธิ อี ืน่ การอา งองิ แหลง ทมี่ าของขอ มลู เปน การอา งองิ วา ขอ มลู ทนี่ าํ
(แนวตอบ ค�าตอบของนักเรียนข้ึนอยู่กับ
ดุลยพินิจของครูผ้สู อน เช่น การคน้ หาขอ้ มลู มาเสนอในเวบ็ ไซตน นั้ ๆ นาํ มาจากแหลง ขอ มลู ใดบา ง เพอื่ ใชในการ
บนอินเทอร์เน็ตสามารถท�าได้ทุกท่ีทุกเวลา พิจารณาวา ขอ มูลนนั้ มีความนา เชื่อถอื มากนอยเพียงใด
ท่ตี ้องการคน้ หาขอ้ มลู )
5. บอกวัตถุประสงคในการจัดทาํ
การบอกวัตถุประสงคในการจัดทําเปนการแสดงใหเห็นวา
ขอมลู นน้ั จดั ทําข้ึนดวยเหตุผลใด
¤Ó¶ÒÁ·ÒŒ ·Ò¡Òä´Ô ¢¹éÑ ÊÙ§
เพราะเหตุใด การคนหาขอมูลโดยใชอินเทอรเน็ตจึงสะดวก
สบายมากกวาการคน หาขอ มลู ดวยวธิ อี ่ืน
77
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 77
ความรูเสริม ข้อสอบเนน้ การคิด
การเขียนอ้างอิงแหล่งท่ีมาของข้อมูล เป็นการให้เกียรติแก่ผู้เขียนเดิม ขอ้ ใดไม่ใชค่ วามน่าเชือ่ ถอื ของข้อมลู ท่ีได้มาจากอนิ เทอรเ์ นต็
แสดงถงึ การรบั รลู้ ขิ สทิ ธทิ์ างปญ ญาของผอู้ นื่ อกี ทง้ั ยงั เปน็ การแสดงเจตนาบรสิ ทุ ธ์ิ 1. แสดงจ�านวนผู้เขา้ ชมเว็บไซต์
ของผเู้ ขยี นวา่ ไมไ่ ดข้ โมยความคดิ หรอื ลอกเลยี นแบบขอ้ มลู ของผอู้ นื่ ซง่ึ หากไมม่ ี 2. ระบวุ ันเวลาในการเผยแพรข่ ้อมูล
การเขยี นอา้ งองิ แลว้ เจา้ ของผลงานมาพบในภายหลงั หรอื มกี ารตรวจพบวา่ ขอ้ มลู 3. มีชอ่ งทางให้ผอู้ ่านสามารถแสดงความคิดเหน็ ได้
น้นั มีการลอกเลียนแบบมาจากผอู้ ่นื อาจทา� ให้เกิดผลเสียรา้ ยแรงได้ 4. บอกวตั ถุประสงคใ์ นการสร้างหรือเผยแพร่ข้อมลู
(วเิ คราะหค์ า� ตอบ จากตัวเลือกท่ีก�าหนดให้สามารถวิเคราะห์
ไดว้ ่า ข้อทไี่ ม่ใชค่ วามนา่ เชือถือของขอ้ มูลท่ไี ด้มาจากอนิ เทอรเ์ น็ต
คือ การแสดงจ�านวนผ้เู ข้าชมเวบ็ ไซต ์ เน่อื งจากการแสดงจา� นวน
ผูเ้ ข้าชมเว็บไซตไ์ ม่ได้บง่ บอกวา่ ข้อมลู ท่อี ย่ภู ายในเว็บไซตม์ คี วาม
นา่ เชื่อถอื ดงั นั้น ตอบขอ้ 1.)
T128
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ใบงานที่ 3.3.1 เฉลย ขนั้ สอน
เร่อื ง เชื่อถือไดห้ รอื ไม่ 6. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม เพื่อท�า
กจิ กรรมในใบงานท่ี 3.3.1 เรอื่ ง เชอ่ื ถอื ไดห้ รอื ไม่
คาช้แี จง : ให้นกั เรียนจับกลุ่มแล้วสำรวจข้อมูลทีละฐำน โดยใหเ้ วลำสำรวจข้อมลู ฐำนละ 5 นำที โดยครแู บง่ กจิ กรรมออกเปน็ ฐานทงั้ หมด 4 ฐาน
ซ่ึงแตล่ ะฐานจะเปดหนา้ เว็บไซตไ์ ว้ 1 เว็บไซต์
จำกนัน้ ประเมินควำมน่ำเช่ือถือของเว็บไซตแ์ ต่ละฐำนลงในใบงำน จากน้ันให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส�ารวจข้อมูล
ทลี ะฐาน แล้วตอบค�าถามลงในใบงาน โดยให้
ฐานที่ 1 เวลาในการส�ารวจข้อมูลฐานละ 5 นาที
ช่ือเวบ็ ไซต์ .......h..t..t.p...:./../.w...w...w.....c..l.e..o...t.h...a..i.l.a..n..d....c..o..m..../..h..e..a...l.t.h.../.p...m....-.2..5...h...t.m....l..................................... เมื่อครบเวลาท่ีก�าหนดแล้วครูจึงให้สัญญาณ
หวั ขอ้ เว็บไซต์ ..P...M.....2...5...ต...้อ..ง..ห...น..ำ้..ก...ำ..ก...N...9..5....แ..ล..ว้...ล..ะ่........................................................................... เสียงเพอื่ ใหน้ ักเรียนเปล่ียนฐาน (ครูควรเลือก
เว็บไซต์ท่ีเช่ือถือได้และเชื่อถือไม่ได้คละกัน
สำรวจเว็บไซต์ เพ่ือให้นักเรียนวิเคราะห์และประเมินความ
น่าเชอ่ื ถอื )
ประเภทของเว็บไซตม์ ีควำมน่ำเชื่อถือ ระบุช่ือผ้เู ขยี นหรือผู้ให้ขอ้ มูล
7. เมอื่ นกั เรยี นสา� รวจขอ้ มลู ครบทกุ ฐานแลว้ ครสู มุ่
ระบวุ นั ที่เผยแพร่และครัง้ ท่ีปรับปรงุ อำ้ งอิงแหล่งทีม่ ำ เรียกนักเรียน 1 กลุ่ม ออกมาหน้าชั้นเรียน
เพ่ือวิเคราะห์และประเมินความน่าเช่ือถือของ
บอกวัตถปุ ระสงคใ์ นกำรจดั ทำ ข้อมูลในฐานที่ 1 ที่นักเรียนได้ไปส�ารวจมา
จากนน้ั ครถู ามเพอ่ื นกลมุ่ อนื่ วา่ มกี ารวเิ คราะห์
สรปุ ผลกำรสำรวจ: เว็บไซตน์ ม้ี ีควำมนำ่ เช่อื ถอื หรอื ไม่ เพรำะเหตใุ ด และประเมินความน่าเชื่อถือที่เหมือนหรือ
.ไ.ม...่น..ำ่..เ..ช..่อื..ถ...ือ...เ..พ..ร..ำ..ะ..ส...ว่ ..น...ท..้ำ..ย..ข...อ..ง..ช..อื่...เ.ว..บ็...ไ.ซ...ต..ไ์.ม...่ไ.ด...เ้.ป...น็ ..ข...อ..ง..ห...น..ว่..ย...ง.ำ..น...ห...ร.อื...อ..ง..ค...์ก..ร..ใ.ด...อ..ง..ค..์ก...ร..ห..น...ึ่ง..ม..กี...ำ..ร.ระบุ แตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร จากนนั้ ครสู มุ่ เรยี ก
.ช..่ือ...ผ..ู้เ.ข..ีย...น..ข...อ้ ..ม...ูล...แ...ต..่ช..่ือ...ผ..ู้เ.ข...ีย..น...เ.ป..็น...เ.พ...ีย..ง..น...ำ..ม..ส...ม..ม...ต..ิ.ไ..ม..่ส...ำ..ม..ำ..ร..ถ..ต...ร..ว..จ..ส..อ...บ..ไ..ด..ว้..่ำ..ผ...ู้เ.ข..ีย...น..ม...คี ..ว..ำ..ม...น..ำ่..เ.ช...่อื ..ถอื นักเรียนกลุ่มอ่ืนๆ เพื่อวิเคราะห์และประเมิน
.เ.พ...ยี ..ง..ใ.ด................................................................................................................................................ ความน่าเชื่อถือของข้อมูลในฐานต่อๆ ไป
จนครบ
ฐานท่ี 2
ชอื่ เว็บไซต์ ...h..t..t.p...s.:./../..w...w...w....t..h..a..i.h..e...a..l.t..h...o..r...t.h.../.C...o..n...t.e..n...t./..4..7..5...3..-.แ...น..ะ...ว..ธิ ..ีป..อ้...ง.ก...นั ..ไ..ฟ...ป..่ำ...h...t.m....l..........
หัวข้อเว็บไซต์ ...แ...น..ะ..ว..ิธ..ปี...อ้...ง.ก...นั ..ไ..ฟ...ป..่ำ..................................................................................................
สำรวจเวบ็ ไซต์
ประเภทของเวบ็ ไซตม์ คี วำมนำ่ เชื่อถอื ระบุช่อื ผู้เขียนหรือผใู้ ห้
ขอ้ มูล
ระบวุ ันท่ีเผยแพรแ่ ละครั้งท่ปี รับปรุง อ้ำงอิงแหลง่ ทีม่ ำ
บอกวัตถุประสงค์ในกำรจดั ทำ
สรุปผลกำรสำรวจ: เว็บไซตน์ ีม้ คี วำมน่ำเช่อื ถือหรือไม่ เพรำะเหตใุ ด
.น..ำ่..เ.ช...อ่ื ..ถ..ือ....เ.พ...ร..ำ..ะ..ส...ว่ ..น..ท...้ำ..ย..ข...อ..ง..ช..่อื..เ..ว..็บ..ไ..ซ..ต...เ์ .ป...น็ ..ข...อ..ง..อ..ง..ค..์ก...ร..ท..่ีไ..ม..่ห...ว..ัง..ผ..ล...ก..ำ..ไ.ร....ม..กี...ำ..ร..ร..ะ..บ..ชุ...ื่อ..ผ..เู้..ข..ีย..น....แ..ล...ะ.
.บ..อ...ก..แ..ห...ล..่ง..ท...่มี ..ำ..ข...อ..ง..ข..้อ..ม...ลู..ว..่ำ..ม...ำ..จ..ำ..ก..ก...ร..ม..ป...อ้ ..ง..ก..นั...แ..ล...ะ..บ...ร.ร..เ..ท..ำ..ส...ำ..ธ..ำ..ร..ณ...ะ..ภ...ัย..ซ..ง่ึ..ม...ีค..ว..ำ..ม...น..ำ่..เ.ช...อ่ื ..ถ..ือ............
ฐานท่ี 3
ชื่อเวบ็ ไซต์ .......h...t.t..p..:./../.t..h..e..s..i.s..2..5..5...0...b..l..o..g..s..p..o...t..c..o...m.../..2..0..1...6../..0..1../..5...h..t..m............................................
หัวข้อเวบ็ ไซต์ ..lด...่ว..น...!!...ก..ร..ม..อ...ุต..ไุ..ม..เ่..ค..ย..พ...ย..ำ..ก...ร..ณ...แ์..บ...บ...น..ใี้..น..ร..อ...บ..5...ป..ี........................................................
สำรวจเวบ็ ไซต์
ประเภทของเวบ็ ไซต์มคี วำมน่ำเชื่อถือ ระบชุ ื่อผูเ้ ขียนหรอื ผ้ใู หข้ ้อมลู
ระบวุ นั ท่ีเผยแพร่และครั้งท่ปี รับปรงุ อ้ำงองิ แหล่งทม่ี ำ
บอกวัตถุประสงค์ในกำรจดั ทำ
สรุปผลกำรสำรวจ: เวบ็ ไซตน์ ม้ี คี วำมนำ่ เชื่อถอื หรือไม่ เพรำะเหตใุ ด
.ไ..ม..่น...ำ่ ..เ.ช..ื่อ...ถ..ือ....เ.พ...ร..ำ..ะ..ส..่ว..น...ท..้.ำ.ย...ข..อ..ง..ช...่อื ..เ.ว..บ็...ไ.ซ...ต..ไ์..ม..ไ่..ด..้เ..ป..น็...ข..อ..ง..ห...น..่ว...ย..ง..ำ..น..ห...ร..อื ..อ...ง.ค...์ก..ร..ใ..ด..อ..ง..ค...์ก..ร..ห...น..ึ่ง..........
.ม...ีก..ำ..ร..ร..ะ..บ...ชุ ..ือ่..ผ...ู้เ.ข..ีย...น..ข...อ้ ..ม..ลู....แ...ต..ช่..ือ่...ผ..ู้เ.ข...ีย..น...เ.ป..็น...เ.พ...ยี..ง..น...ำ..ม..ส...ม..ม...ต..ิ.ไ..ม..ส่...ำ..ม..ำ..ร..ถ..ต...ร..ว..จ..ส..อ...บ..ไ..ด..ว้..ำ่..ผ...เู้ .ข..ีย..น.........
.ม...คี ..ว..ำ..ม..น...่ำ..เ.ช...่ือ..ถ..อื...เ.พ...ีย..ง..ใ.ด.....................................................................................................................
ฐานที่ 4
ช่ือเวบ็ ไซต์ ....h..t..t.p...s.:./../..w...w...w.....p...r.d....g..o.....t.h.../.e...w...t._..n...e..w...s....p...h..p..?..n...id...=..1...5..1..1..5...4..&...f.i.l.e..n...a..m...e...=..p...r.d.............
หวั ขอ้ เวบ็ ไซต์ ..ท...ฤ..ษ...ฎ...ี .แ..ก...ล..ง้..ด..ิน....อ...นั ..เ..น..่ือ...ง.ม...ำ..จ..ำ..ก..พ...ร..ะ..ร..ำ..ช...ด..ำ..ร..ิ..........................................................
สำรวจเวบ็ ไซต์
ประเภทของเว็บไซต์มีควำมน่ำเช่ือถอื ระบุชื่อผ้เู ขียนหรอื ผู้ใหข้ อ้ มลู
ระบวุ ันที่เผยแพรแ่ ละครง้ั ที่ปรับปรุง อ้ำงอิงแหล่งทีม่ ำ
บอกวัตถุประสงค์ในกำรจัดทำ
สรุปผลกำรสำรวจ: เวบ็ ไซต์นมี้ ีควำมนำ่ เชอ่ื ถอื หรือไม่ เพรำะเหตใุ ด
น...่ำ..เ.ช...่อื ..ถ..ือ....เ.พ...ร..ำ..ะ..ส..่ว...น..ท...้ำ..ย..ข..อ...ง..ช..ือ่..เ..ว..บ็ ..ไ..ซ..ต...เ์ .ป...็น..ข..อ...ง..ห..น...่ว..ย..ง..ำ..น...ร..ัฐ...ไ..ม..ม่..กี...ำ..ร..ร..ะ..บ...ชุ ..่ือ..ผ...ูเ้ .ข..ยี..น....แ...ต..่ม...ีก..ำ..ร..อ..้ำ..ง.อิง
แ...ห..ล...ง่ ..ท..่ีม...ำ..จ..ำ..ก..ส...ำ..น..ัก..ง..ำ..น...ค..ณ....ะ..ก..ร..ร..ม...ก..ำ..ร..พ...ิเ.ศ..ษ...เ.พ...อ่ื..ป...ร..ะ..ส...ำ..น..ง..ำ..น...โ.ค..ร..ง..ก...ำ..ร..อ..นั...เ.น..อ่ื...ง..ม..ำ..จ..ำ..ก...พ..ร..ะ...ร..ำ..ช..ด..ำ..ร. ิ
ซ...ึ่ง..เ.ป..็น...อ..ีก...ห..น...่ว..ย..ง..ำ..น...ร..ฐั ..ท...่มี ..ีค..ว...ำ..ม..น...่ำ..เ.ช..่ือ...ถ..ือ...........................................................................................
ภาพจาก
แผนการสอน ท่ี 1
หน่วยที่ 1
ขอ้ สอบเนน้ การคิด เกร็ดแนะครู
ข้อมลู จากเวบ็ ไซต์ใดเปน เวบ็ ไซต์ทม่ี คี วามนา่ เชอ่ื ถอื มากทีส่ ุด ในการท�าใบงานเก่ียวกับการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล ซึ่งมีการ
1. เวบ็ ไซต์ ก. เป็นเวบ็ ไซต์ของหน่วยงานของรัฐ แบง่ กจิ กรรมออกเปน็ ฐานทัง้ หมด 4 ฐาน หากหอ้ งเรียนไม่เออ้ื อา� นวยแก่การจดั
2. เว็บไซต์ ข. มกี ารบอกจา� นวนผเู้ ขา้ ชมเว็บไซต์ ฐานกจิ กรรม ครอู าจเปลี่ยนเปน็ การเปด หน้าเว็บไซต์ไวบ้ นกระดานทีละเวบ็ ไซต์
3. เวบ็ ไซต์ ค. ไดร้ บั ความนยิ มจากผูใ้ ชง้ านจา� นวนมาก แลว้ ใหน้ กั เรยี นในชนั้ เรยี นศกึ ษาขอ้ มลู แตล่ ะเวบ็ ไซตไ์ ปพรอ้ มๆ กนั กไ็ ด้ เพอื่ เปน็
4. เว็บไซต์ ง. ให้ผูเ้ ขา้ ใชง้ านเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะใชง้ านได้ การประหยดั เวลาที่ใชใ้ นการทา� กิจกรรม
(วเิ คราะห์คา� ตอบ จากตัวเลือกที่ก�าหนดให้สามารถวิเคราะห์
ไดว้ า่ เวบ็ ไซตท์ มี่ คี วามนา่ เชอื่ ถอื มากทสี่ ดุ คอื เวบ็ ไซต ์ ก. เนอื่ งจาก
เป็นเว็บไซต์ของหน่วยงานของรัฐ ซ่ึงเป็นเว็บไซต์ที่เช่ือถือได ้
ดังน้นั ตอบขอ้ 1.)
T129
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ¡Ô¨¡รรÁ Com Sci
½ƒ¡·¡Ñ ÉÐ
8. นักเรียนท�ากิจกรรมฝกทักษะ Com Sci
เกย่ี วกบั การประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มลู ใหนักเรียนทําเครื่องหมาย ✓ หนาขอท่ีเปนการกระทําที่ทําใหได
ในหนังสือเรียน หน้า 78 โดยให้นักเรียน ขอ มลู ทนี่ า เชอ่ื ถอื และทาํ เครอ่ื งหมาย ✗ หนา ขอ ทเี่ ปน การกระทาํ ทที่ าํ ให
ท�าเคร่ืองหมายถูกหน้าข้อที่เป็นการกระท�า ไดข อมลู ทีไ่ มน าเชือ่ ถือ
ท่ีท�าให้ได้ข้อมูลท่ีน่าเช่ือถือ และท�า
เครื่องหมายผิดหน้าข้อท่ีเป็นการกระท�า
ทที่ า� ใหไ้ ดข้ ้อมลู ท่ีไม่นา่ เชือ่ ถอื
……………………….. 1. โปคน หาขอมูลจากหลาย ๆ เวบ็ ไซต แลว
นาํ ขอ มลู มาเปรยี บเทียบกนั
……………………….. 2. ปา งคน หาขอ มลู จากเวบ็ ไซตท เ่ี ปน หนว ยงาน
ของรัฐ
บ…ัน……ท…ึก…ล…งใ…น…ส…ม..ุด3. ปอ มคน หาขอ มลู โดยเลอื กขอ มลู ทจี่ ดั ทาํ ขนึ้
เมอ่ื 10 ปท่ีแลว
……………………….. 4. ปูคนหาขอมูลโดยการพิจารณาวา ขอมูล
ที่ไดนนั้ มาจากแหลง ขอ มูลใดบาง
……………………….. 5. ปลาคนหาขอมูลโดยนําขอมูลมาจากเพจ
ทมี่ คี นเขา มาแสดงความคดิ เห็นไว
……………………….. 6. กุง คน หาขอมลู เก่ียวกบั การหา ค.ร.น.
จากเวบ็ ไซตท ีเ่ กี่ยวขอ งกบั การศึกษา
ทกั ษะการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 2. ทกั ษะการแกป ญหา
1. ทกั ษะการคิดอยา งมวี จิ ารณญาณ
78 3. ทกั ษะการรูเ ทา ทันเทคโนโลยี
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 78
เกร็ดแนะครู ขอ้ สอบเน้น การคดิ
หลังจากนักเรียนท�ากิจกรรมฝกทักษะ Com Sci เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้นักเรียนบอกวิธีการพิจารณาความน่าเช่ือถือของข้อมูลท่ีอยู่
ครูให้นักเรียนในช้ันเรียนร่วมกันเฉลยค�าตอบทีละข้อ เพื่อเป็นการตรวจสอบ บนเวบ็ ไซตต์ า่ งๆ
ความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับการประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลท่ีได้มา
จากอินเทอรเ์ นต็ และเป็นการทบทวนความรู้ของนักเรียนอีกดว้ ย (วเิ คราะหค์ �าตอบ การน�าข้อมูลจากเว็บไซต์มาใช้งานจะต้อง
พจิ ารณาความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู โดยการเลอื กเวบ็ ไซตท์ เ่ี ชอ่ื ถอื ได ้
เช่น เว็บไซต์ของหน่วยงานของรัฐ เว็บไซต์ทางการศึกษา
ซึ่งในเว็บไซต์นั้นจะต้องมีการระบุช่ือผู้เขียนหรือผู้ให้ข้อมูล ระบุ
วนั ทีเ่ ผยแพรแ่ ละครั้งที่ปรับปรุง มีการอ้างอิงแหลง่ ที่มาของข้อมลู
และบอกวตั ถปุ ระสงคใ์ นการจัดทา� )
T130
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
¡Ô¨¡ÃÃÁ½ƒ¡·Ñ¡ÉзÕè 1 Creating ไดค ะแนน คะแนนเต็ม ขน้ั สอน
จรงิ หรือไม Evaluating
Analyzing 20 9. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 5 กลุ่ม
Applying จากนั้นให้นักเรียนท�ากิจกรรมฝกทักษะท่ี 1
Understanding เรือ่ ง จรงิ หรอื ไม่ ในแบบฝก หดั หน้า 53-55
Remembering โดยให้แตล่ ะกลุ่มเลือกหวั ขอ้ ที่สนใจ หรอื จบั
สลากเลือกหัวขอ้ ในแบบฝกหัด 1 หัวข้อ
เลือกหัวขอที่สนใจ 1 หัวขอ และทําการสืบคนขอมูลในอินเทอรเน็ต 3. ผลการคน หา
อยางนอย 2 เว็บไซต จากน้ันตอบคําถามเพ่ือพิสูจนวาหัวขอท่ีนักเรียน ช่ือเวบ็ ไซตที่ 1 https://www.thairath.co.th/content/553227............................................................................................................................................................................. 10. ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั
เลอื กเปนความจริงหรอื ไม สรปุ ขอ มลู จากเวบ็ ไซตที่ 1 เรอ่ื งทตี่ นเองไดร้ ับเปน็ เวลา 20 นาที จากนน้ั
ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานา� เสนอหนา้ ชนั้
ÇÒ§â·ÃÈѾ·äÇŒã¡ÅÈŒ ÕÃÉÐàÇÅҹ͹ ÍѹµÃÒ¨ÃÔ§ โทรศพั ทจ ะมกี ารสง คลน่ื สัญญาณไปยงั สถานฐี าน ซึ่งทําใหรางกายดูดซบั...................................................................................................................................................................................................................................... เรียน โดยมปี ระเดน็ ในการนา� เสนอ ดงั นี้
ËÃ×ÍäÁ‹ คลนื่ เหลา นอี้ ยตู ลอดเวลา เมื่อสะสมเปน ระยะเวลานาน จะสง ผลกระทบตอ...................................................................................................................................................................................................................................... 1) หวั ขอ้ ทน่ี กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู คอื เรอ่ื งอะไร
ÇÒ§ä¿áªç¡äÇŒã¹Ã¶ àÊèÂÕ §ä¿äËÁ¨Œ Ã§Ô ËÃÍ× äÁ‹ สขุ ภาพ เชน ทาํ ใหร สู กึ หลบั ยาก เนอื่ งจากสญั ญาณกระทบตอ ระบบประสาท...................................................................................................................................................................................................................................... 2) นกั เรยี นใชค้ า� คน้ หาใดบ้าง
¡Ô¹à¹×éÍÂÒ‹ §ºÍ‹  æ Á¤Õ ÇÒÁàÊÕÂè §à»š¹âäÁÐàÃç§¨Ã§Ô และสมอง...................................................................................................................................................................................................................................... 3) หลงั จากสบื คน้ แลว้ หวั ขอ้ ทน่ี กั เรยี นเลอื ก
ËÃ×ÍäÁ‹ เปน็ จริงหรอื ไม่
ËÅѧ¨Ò¡ÍÍ¡¡Òí Å§Ñ ¡ÒÂàÊÃç¨ äÁ¤‹ ÇÃÍÒº¹íéÒ·¹Ñ ·Õ ...................................................................................................................................................................................................................................... 4) นักเรียนค้นหาข้อมูลทั้งหมดก่ีเว็บไซต์
¨Ã§Ô ËÃ×ÍäÁ‹ อะไรบา้ ง
àÅ‹¹â·ÃÈ¾Ñ · ã¹·ÕèÁ״໚¹àÇÅÒ¹Ò¹ àÊèÂÕ §µÒºÍ´ เวบ็ ไซตท ี่นกั เรียนเลือกมคี วามนาเช่อื ถอื หรือไม เพราะเหตุใด 5) แต่ละเว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือหรือไม่
¨ÃÔ§ËÃÍ× äÁ‹ เฉฉบลบั ย หนนาเงัชส่ือถอื พือมิ เพพทรเ่ีาปะนเปทน รี่ เจูวบ็กั ไมซกีตาขรอรงะไบทชุยอื่ รผฐั ใู หซข ึ่งอ เมปลูน ชคอ อื งโดทรร.สทเุัศมนธแวลงะศเพปานนผชิ ผู เลลศิติเฉฉบลบั ย เพราะเหตุใด
......................................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................................
ซ่ึงเปนผูเชี่ยวชาญดานวิศวกรรมไฟฟา โทรคมนาคม และมีการระบุวันท่ี......................................................................................................................................................................................................................................
เผยแพร......................................................................................................................................................................................................................................
1. หวั ขอทีน่ กั เรียนสนใจคือหวั ขอใด (แนวคําตอบ) ......................................................................................................................................................................................................................................
วางโทรศพั ทไ วใ กลศ รี ษะเวลานอน อนั ตรายจรงิ หรอื ไม................................................................................................................................................................................................................................... ชอ่ื เว็บไซตท ี่ 2 https://www.voicetv.co.th/read/308451.............................................................................................................................................................................
สรุปขอมลู จากเวบ็ ไซตที่ 2
2. นกั เรยี นสบื คน ขอมูลในอินเทอรเน็ต โดยใชคาํ คน หาวาอยา งไร
การวางโทรศัพทไวใกลศีรษะไมไดทําใหเสี่ยงตอการเปนเน้ืองอก แตอาจ......................................................................................................................................................................................................................................
วางโทรศพั ทไวใ กลศีรษะ อนั ตราย ทําใหเกิดอันตรายตอสุขภาพในระยะยาว โดยหากใชโทรศัพทตอเน่ืองเปน......................................................................................................................................................................................................................................
เวลาครงึ่ ช่วั โมงตอ วัน นานเปนเวลา 10 ป จะมคี วามเสีย่ งเพิ่มขนึ้ 40%......................................................................................................................................................................................................................................
วางโทรศพั ทไวใ กลศ ีรษะ site:co.th ......................................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................................
53 54
เวบ็ ไซตท่ีนกั เรยี นเลอื กมคี วามนาเชือ่ ถือหรือไม เพราะเหตุใด
นาเชอื่ ถือ เพราะเปน เว็บไซตข อง Voice TV ซง่ึ เปน ชองโทรทศั นช องหน่ึง......................................................................................................................................................................................................................................
มีการระบชุ อื่ ผูใหข อมูล คอื รศ. ดร.เจษฎา เดน ดวงบรพิ นั ธ ซง่ึ เปน อาจารย......................................................................................................................................................................................................................................
ประจาํ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลัย และมี......................................................................................................................................................................................................................................
การระบุวนั ทีเ่ ผยแพร......................................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................................
4. สรปุ ผลการคน หา
จากการคนหาขอมูลทั้งหมด หัวขอท่ีนักเรียนเลือกเปนความจริง
หรือไม เพราะเหตุใด
✓ จริง ไมจริง เฉฉบลบั ย
เพราะโทรศัพทจะมีการสงคล่ืนสัญญาณกับสถานีฐานอยูตลอดเวลา ซึ่ง...................................................................................................................................................................................................................................
รางกายของเราจะมีการซึมซับคลื่นสัญญาณเหลานี้ โดยหากรับคล่ืน...................................................................................................................................................................................................................................
สัญญาณเหลาน้ีในระยะยาว จะสงผลทําใหเกิดอันตรายตอสุขภาพ เชน...................................................................................................................................................................................................................................
นอนหลับยาก แตจะไมสงผลที่เปนอนั ตรายถึงข้นั เปน เนื้องอกหรอื มะเร็ง...................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................
เกณฑก ารใหคะแนน คะแนนตอ ขอยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑการตดั สิน
รายการประเมนิ
2 •• 12 คะแนนขึน้ ไป = ผาน
1. ระบุหวั ขอทสี่ นใจได 3 ต่ํากวา 12 คะแนน = ปรับปรงุ
2. คนหาขอ มูลโดยใชคาํ คน หาได
3. สรปุ ขอมูลจากเว็บไซตท่เี ลือกและประเมิน 5 10
ความนา เชือ่ ถือของขอมลู ได (2 ขอ ยอย) 5
4. สรุปผลการคน หาขอมูลไดถ กู ตอ ง
คะแนนเตม็ 20
ทักษะการเรียนรใู นศตวรรษที่ 21 2. ทกั ษะการแกปญ หา 55
1. ทกั ษะการคแกิดปอยญ า หงามีวจิ ารณญาณ
32. ทักษะการรคเูดิ ทเาชทิงคนั าํเทนควณโนโลยี ภาพจาก
แบบฝก หัด
จาก แบบฝก หัด หนา 4 หนา้ 53-55
ขอ้ สอบเนน้ การคดิ เกร็ดแนะครู
การกระทา� ของใครทีท่ �าใหไ้ ดข้ อ้ มลู ท่ีนา่ เชอ่ื ถือ การแบ่งกลุ่มเพื่อท�ากิจกรรมฝกทักษะท่ี 1 ในแบบฝกหัด หน้า 53-55
1. เอห้ าขอ้ มูลจากเว็บไซตท์ ่ีไม่มกี ารอ้างอิง ครูอาจให้นักเรียนมีการแบ่งหน้าที่การท�างานของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม
2. เจนเลือกข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อ 10 ปทีแ่ ลว้ ให้ชัดเจนว่า นักเรียนแต่ละคนมีหน้าท่ีอะไรบ้าง เพื่อเป็นการประเมิน
3. เปห าขอ้ มูลจากเว็บไซต์ที่เกีย่ วขอ้ งกบั การศกึ ษา ความรับผิดชอบของนักเรียนแต่ละคน และเม่ือนักเรียนออกมาน�าเสนองาน
4. เมยห์ าข้อมูลจากเพจทมี่ คี นเขา้ มาแสดงความคดิ เหน็ ไว้ ในหัวข้อของตนเอง ให้นักเรียนบอกด้วยว่า ในการท�างานครั้งนี้นักเรียน
ประสบปญหาใดบ้างและมวี ธิ ีการแก้ปญ หาน้ันอย่างไร
(วิเคราะหค์ �าตอบ จากตัวเลือกท่ีก�าหนดให้สามารถวิเคราะห์
ได้ว่า การกระท�าของเปเป็นการกระท�าที่ท�าให้ได้ข้อมูลที่มี
ความน่าเชือ่ ถอื ที่สดุ เนือ่ งจากเปหาข้อมลู จากเว็บไซต์ทเ่ี ก่ียวข้อง
กับการศกึ ษา ซึ่งเป็นเวบ็ ไซต์ท่ีเชอ่ื ถือได ้ ดงั นนั้ ตอบข้อ 3.)
T131
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน Ẻ½¡ƒ ËÑ´ การประเมนิ ความนาเช่อื ถือ คะแนนเตม็
11. ครใู หน้ กั เรยี นทา� แบบฝก หดั เรอ่ื ง การประเมนิ 10
ความน่าเช่ือถือ ในแบบฝกหัด หน้า 51-52
โดยให้นักเรียนพิจารณาข้อมูลจากเว็บไซต์ 1. สํารวจขอมูลจากเว็บไซตท ก่ี าํ หนดให แลวตอบคาํ ถาม
ท่กี �าหนดให้ในแบบฝกหัด หน้า 51 แลว้ ตอบ
ค�าถามลงในแบบฝก หดั หน้า 52 http://www.aksornreandee.ac.th
อักษรเรยี นดี
ประเภทของขอ มูล อานแลว 120,000 คร้งั
เผยแพรเมอ่ื วนั ท่ี 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
ผใู หข อ มูล : รศ. ดร.นฤมล ใจดี ปรบั ปรุงลา สดุ เม่ือวนั ที่ 19 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2562
ขอมูลทอ่ี ยรู อบตัวเรา สามารถแบง ไดเปน 5 ประเภท ดังน้ี เฉฉบลบั ย
1) ขอมูลอักขระ เปนขอมูลท่ีประกอบดวยตัวอักษรภาษาไทยหรือภาษาตางประเทศ
เชน ชอื่ -นามสกุล ประวัติโรงเรยี น หรอื ขอความท่เี ปน ตวั เลขซ่ึงไมสามารถนาํ ไปใช 1. ผลการสํารวจเวบ็ ไซต
คํานวณได เชน ปา ยทะเบยี นรถ บา นเลขที่ เลขประจําตวั นักเรียน
2) ขอ มลู ภาพ เปนขอมูลทม่ี ลี กั ษณะเปน ภาพแบบตา ง ๆ ทเี่ รามองเหน็ เชน ภาพวาด 1) เนื้อหาทเี่ วบ็ ไซตน าํ เสนอมีหัวขอ วาอยา งไร
ภาพถาย ภาพเคลอื่ นไหว ประเภทของขอมลู.....................................................................................................................................................................................................................
3) ขอ มลู ตวั เลข เปน ขอ มลู ทป่ี ระกอบดว ยตวั เลข 0-9 ทเ่ี ราสามารถนาํ ไปใชค าํ นวณหรอื
ประมวลผลได เชน ราคาสนิ คา จํานวนเงนิ คะแนนสอบวชิ าตาง ๆ 2) เวบ็ ไซตเปน ของหนวยงานหรือองคกรใด
4) ขอมูลเสยี ง เปนขอมลู ทีเ่ กิดจากการไดยนิ เชน เสยี งคนพูด เสียงสตั วร อง เสียงจาก
ปรากฏการณธ รรมชาติ เสียงจากอุปกรณเ ทคโนโลยตี า ง ๆ
5) ขอ มูลอ่นื ๆ เปนขอ มลู ท่ีนอกเหนือจากขอ มลู ทง้ั 4 ประเภททกี่ ลาวมาขา งตน เชน
ขอมลู กล่ิน ขอมลู รสชาติ ขอ มลู เกีย่ วกับอุณหภูมิ
เอกสารอา งองิ
ณัฐภทั ร แกวรัตนภัทร. (2562). หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร เทคโนโลยี (วทิ ยาการ
คํานวณ) ชน้ั ประถมศึกษาปท่ี 5. พิมพค ร้ังที่ 2. กรุงเทพมหานคร : ไทยรม เกลา .
เวบ็ ไซตทางการศกึ ษา.....................................................................................................................................................................................................................
51 3) เวบ็ ไซตระบุชอื่ ผเู ขียนหรอื ไม ถา มีใหร ะบุชือ่ ผเู ขียน
รศ. ดร.นฤมล ใจดี.....................................................................................................................................................................................................................
4) เว็บไซตร ะบุวันทีเ่ ผยแพรห รือไม ถามีใหร ะบุวนั ทเ่ี ผยแพร
วนั ท่ี 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2560.....................................................................................................................................................................................................................
5) เวบ็ ไซตม ีการอางองิ แหลงทม่ี าของขอมูลหรือไม
มีการอา งองิ แหลง ทมี่ าของขอ มลู.....................................................................................................................................................................................................................
เฉฉบลบั ย 6) เว็บไซตบอกวัตถุประสงคในการจัดทําหรือไม ถามีใหระบุ
วตั ถปุ ระสงค
ไมมี.....................................................................................................................................................................................................................
2. สรุปผลการสํารวจเวบ็ ไซต
นักเรียนคิดวา เว็บไซตน ้ีมีความนาเชื่อถือหรือไม เพราะเหตุใด
✓ นา เชอื่ ถือ ไมน า เช่ือถอื
เพราะ เปนเวบ็ ไซตทางการศกึ ษา มกี ารกลา วถงึ ช่ือผูใหขอ มูล คือ.............................................................................................................................................................................................................
รศ. ดร.นฤมล ใจดี มกี ารระบวุ ันท่เี ผยแพรอ ยางชดั เจน และมีแหลงอา งองิ...................................................................................................................................................................................................................................
ขอ มลู อยางครบถวน...................................................................................................................................................................................................................................
เกณฑการใหค ะแนน รายการประเมนิ คะแนนตอ ขอ ยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑการตัดสิน
1. บอกรายละเอียดของเวบ็ ไซตและประเมนิ ความนา เช่ือถอื 5 10 • 6 คะแนนข้ึนไป = ผา น
ของขอมูลได (2 ขอยอย) • ตา่ํ กวา 6 คะแนน = ปรบั ปรงุ
คะแนนเต็ม
10
52
ภาพจาก
แบบฝก หดั
หน้า 51-52
เกร็ดแนะครู ข้อสอบเนน้ การคิด
ในการท�าแบบฝกหัด เรื่อง การประเมินความน่าเชื่อถือ ในแบบฝกหัด ข้อใดคือเว็บไซตท์ ีเ่ ก่ียวข้องกบั การศกึ ษา
หน้า 51-52 ครูอาจสุ่มนักเรียนออกมาอ่านข้อมูลจากเว็บไซต์ท่ีก�าหนดให้ 1. เว็บไซตท์ ี่ลงทา้ ยด้วย .com
ในแบบฝกหดั หนา้ 51 ก่อน แล้วจึงใหน้ กั เรยี นลงมือทา� แบบฝก หดั ดว้ ยตนเอง 2. เวบ็ ไซต์ที่ลงท้ายดว้ ย .co.th
เมอ่ื นกั เรยี นทกุ คนทา� เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ครจู งึ ใหน้ กั เรยี นในชนั้ เรยี นรว่ มกนั เฉลย 3. เวบ็ ไซต์ที่ลงท้ายด้วย .ac.th
คา� ตอบในแบบฝกหัด หน้า 52 4. เวบ็ ไซตท์ ล่ี งทา้ ยดว้ ย .or.th
(วเิ คราะหค์ า� ตอบ จากตัวเลือกท่ีก�าหนดให้สามารถวิเคราะห์
ได้วา่ ขอ้ 1. เว็บไซต์ทล่ี งท้ายด้วย .com เป็นเวบ็ ไซตท์ างการค้า
ข้อ 2. เว็บไซต์ท่ีลงท้ายด้วย .co.th เป็นเว็บไซต์ทางการค้า
ข้อ 3. เว็บไซต์ท่ีลงท้ายด้วย .ac.th เป็นเว็บไซต์ทางการศึกษา
และข้อ 4. เว็บไซต์ท่ีลงท้ายด้วย .or.th เป็นเว็บไซต์ขององค์กร
ทีไ่ มห่ วังผลก�าไร ดงั นั้น ตอบข้อ 3.)
T132
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
¡Ô¨¡เÃชÃก็ Áกอ½น¡ƒ แ·ช¡Ñ รÉ Ð·èÕ 2 Creating ไดค ะแนน คะแนนเตม็ ขน้ั สอน
Evaluating
Analyzing 20 12. ครูให้นักเรียนอ่านสถานการณ์ท่ีก�าหนดให้
Applying ในกจิ กรรมฝก ทกั ษะที่ 2 เรอ่ื ง เชค็ กอ่ นแชร์
Understanding ในแบบฝกหัด หน้า 56 จากนั้นครูถาม
Remembering นักเรยี นวา่ ถ้าหากนักเรยี นเป็นตวง นกั เรยี น
จะเลือกท�าส่ิงใดก่อน ระหว่างเช็คกับแชร์
ใหน กั เรยี นอานสถานการณที่กําหนด แลว ตอบคาํ ถามตอไปนี้ เพราะเหตุใด จากน้ันครูให้นักเรียนเขียน
คา� ตอบลงในกิจกรรมฝกทกั ษะที่ 2 ข้อ 1
ตวงไดร บั ขอ ความทางสือ่ ออนไลน
จากแตว ตวงเกิดความสงสัยวาแตวไดขอมูลน้ีมา 13. ครูแบ่งนกั เรยี นออกเปน็ 2 กลมุ่ คือ กล่มุ ที่
จากใคร แตวบอกวาขอความนี้ถูกสงตอกันมาโดย เลือกเช็ค และกลุ่มที่เลือกแชร์ จากนั้น
“ไมทราบแหลง ท่ีมา ครูให้นักเรียนกลุ่มที่เลือกเช็ค ตอบค�าถาม
ËÇÁ¡¹Ñ â¹ EM Ball ŧã¹áÁ¹‹ éíÒá·¹ ในกิจกรรมฝกทักษะท่ี 2 ข้อ 2 และข้อ 3
¡ÒÃÅÍ¡Ãз§ à¾Íè× Å´¢ÂÐã¹áÁ¹‹ íÒé áÅÐ ใบแบบฝกหัด หน้า 57 ตามล�าดับ แล้วให้
เฉฉบลับย á¡Œ»˜ÞËÒ¹íéÒ๋ÒàÊÕ ʋ§µ‹Í¢ŒÍ¤ÇÒÁ¹éÕ¶ŒÒ “ นักเรียนกลุ่มที่เลือกแชร์ ตอบค�าถาม
ข้อ 3 และให้นักเรียนกลุ่มที่เลือกแชร์ก่อน
ÍÂÒ¡ª‹ÇÂâÅ¡¢Í§àÃÒ เช็คข้อมูลในข้อ 2 แล้วพิจารณาอีกคร้ังว่า
จะแชรข์ อ้ มลู หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
1. หากนักเรยี นเปน ตวง นักเรยี นจะทําส่ิงใดกอ นระหวา ง
14. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายร่วมกัน
(แนวคําตอบ) ในประเดน็ เรอ่ื ง EM Ball วา่ สามารถนา� ไปใส่
ในแม่น�้าได้หรือไม่ จนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า
✓ เช็ก แชร EM Ball หากน�าไปใส่ในแม่น�้า จะท�าให้
น�้าเน่าเสียยิ่งกว่าเดิม จากน้ันครูจึงสุ่ม
เพราะ ไมทราบวาขอ มลู ท่ไี ดมามคี วามนาเชอื่ ถือหรอื ไม.......................................................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นชว ยตวงเชก็ ขอ มลู จากเวบ็ ไซตท น่ี า เชอื่ ถอื เพอื่ ความแนใ จ นักเรียนออกมาตอบค�าถามว่า หากเราแชร์
กอนท่จี ะแชรข อ มูล ข้อมูลน้ีไปโดยไม่เช็คข้อมูลก่อนจะส่งผล
.................................................................................................................................................................................................................... • EM Ball คืออะไร และชวยแกปญหาน้ําเสียไดจริงหรือไม กระทบตอ่ ใครบ้าง และส่งผลกระทบอยา่ งไร
เพราะเหตุใด
นักเรยี นท่ตี อบวา เชก็ ใหไปตอบคาํ ถามในขอ 2. และขอ 3.
นักเรยี นทีต่ อบวา แชร ใหไปตอบคําถามในขอ 3. EM Ball คอื ลกู บอลท่ีประกอบดว ยจลุ นิ ทรยี ช นิดดี แตไมส ามารถแก...........................................................................................................................................................................................................................
ปญ หานํ้าเสยี ได ในชว งแรกคุณภาพน้าํ จะดขี น้ึ แตเมือ่ ผานไป 2-3 วนั...........................................................................................................................................................................................................................
56 คุณภาพน้าํ จะแยล ง เพราะจุลนิ ทรียใ น EM Ball จะเพ่ิมจาํ นวนมากข้นึ...........................................................................................................................................................................................................................
ทําใหนาํ้ กลับมาเนา เสยี มากกวา เดมิ...........................................................................................................................................................................................................................
เฉฉบลบั ย
หลงั จากทน่ี ักเรยี นเช็กขอมลู แลว นกั เรียนจะแชรข อมูลตอหรือไม
เพราะเหตุใด
ไมแชร เพราะ EM Ball ไมสามารถแกไขปญ หานํ้าเสียได......................................................................................................................................................................................................................................
3. หากขอมูล เรื่อง EM Ball ท่ีนักเรียนแชรเปนขอมูลท่ีผิด จะสง
ผลกระทบตอ ใคร อยางไร และนกั เรยี นจะมวี ธิ ีแกไ ขปญหาอยางไร
กระทบตอ ผหู ลงเชอื่ โดยผหู ลงเชอ่ื อาจนาํ EM Ball ไปโยนลงแมน าํ้ แทนการ......................................................................................................................................................................................................................................
ลอยกระทง และอาจสง ผลทําใหน ํา้ เนาเสยี ตามมา วธิ ีแกไ ขปญหา คือ ลบ......................................................................................................................................................................................................................................
ขอมูลผิดท่ีเคยแชร แลวนําขาวที่ถูกตองและมีความนาเชื่อถือแชรใหเพื่อน ๆ......................................................................................................................................................................................................................................
รบั ทราบ......................................................................................................................................................................................................................................
เกณฑก ารใหค ะแนน รายการประเมนิ คะแนนรายขอ เกณฑก ารตดั สิน
1. บอกเหตุผลในการเลอื กวาจะเช็กหรือแชรขอมลู ได 4 • 12 คะแนนขน้ึ ไป = ผา น
2. คนหาขอ มลู และบอกเหตผุ ลวาจะเชก็ หรอื แชรขอมลู หลงั จากตรวจสอบแลวได 8 • ต่ํากวา 12 คะแนน = ปรับปรุง
3. บอกผลกระทบและแนวทางแกไ ข หากมกี ารแชรขอ มูลท่ีผดิ ได
8
คะแนนเตม็ 20
ทกั ษะการเรยี นรูในศตวรรษที่ 21 2. ทกั ษะการแกป ญ หา 57
1. ทกั ษะการคแกดิ ปอยญ าหงามวี ิจารณญาณ
32. ทักษะการรคูเิดทเาชทงิ คันาํเทนควณโนโลยี
ภาพจาก
แบบฝก หดั
หนา้ 56-57
กิจกรรม สรา้ งเสริม เกร็ดแนะครู
ครูอาจเตรียมบทความหรือข้อมูลท่ีมีการแชร์ต่อกันบน กอ่ นทค่ี รแู ละนกั เรยี นจะรว่ มกนั อภปิ รายในประเดน็ เรอื่ ง EM Ball ครอู าจให้
อินเทอร์เน็ต 3-4 ตัวอย่าง จากนั้นให้นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม นกั เรยี นในชน้ั เรยี นคน้ หาขอ้ มลู บนอนิ เทอรเ์ นต็ เกยี่ วกบั EM Ball กอ่ น โดยเวบ็ ไซต์
ตามจ�านวนข้อมูลท่ีครูเตรียมไว้ แล้วให้นักเรียนใช้อินเทอร์เน็ต ทใ่ี ชใ้ นการสบื คน้ จะตอ้ งเปน็ เวบ็ ไซตท์ เ่ี ชอื่ ถอื ได้ จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี นจงึ รว่ มกนั
ในการคน้ หาขอ้ มลู แลว้ บอกวา่ ขอ้ มลู ทกี่ ลมุ่ ตนเองไดร้ บั เปน็ ขอ้ มลู อภปิ รายโดยใชเ้ ว็บไซตท์ ่แี ต่ละคนสบื คน้ มาเป็นแหล่งอา้ งอิง
ทถ่ี กู ตอ้ งเชอ่ื ถอื ไดห้ รอื ไม่ ถา้ ไมถ่ กู ตอ้ งแลว้ ขอ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ งคอื อะไร
เม่ือนักเรียนทุกกลุ่มท�ากิจกรรมเสร็จแล้ว ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม
ออกมานา� เสนอขอ้ มูลของกลุ่มตนเองบรเิ วณหน้าชน้ั เรยี น
T133
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สรปุ เเกล่นม กับ Com Sci
1. ครูมอบหมายให้นักเรียนท�ากิจกรรมสรุป เล่นเกม TETRIS กนั เถอะ
ความรปู้ ระจ�าหน่วยท่ี 3 เลม่ เกมกบั Com Sci
เรอ่ื ง เลม่ เกม TETRIS กนั เถอะ โดยครใู หน้ กั เรยี น กติกา
ปอ นคา� ส�าคัญวา่ เกม TETRIS ลงบนโปรแกรม
ค้นหา จากนั้นให้นักเรียนเล่มเกม TETRIS 1. ใหนักเรียนปอ นคําสาํ คัญ เกม TETRIS ลงบนโปรแกรมคนหา
โดยน�าบล็อกท่ีก�าหนดให้มาเรียงต่อกัน 2. เลน เกม TETRIS โดยนําบล็อกที่กําหนดใหมาเรยี งตอกนั โดยแถวใด
หากแถวใดที่บล็อกอยู่เต็มแถว แถวนั้น
ก็จะหายไป ซ่ึงบล็อกท่ีก�าหนดให้สามารถ ทม่ี บี ลอ็ กอยเู ตม็ แถว แถวนนั้ กจ็ ะหายไป ซง่ึ บลอ็ กทก่ี าํ หนดใหส ามารถ
เปลีย่ นรูปรา่ งไดด้ ว้ ยการหมนุ เปล่ยี นรปู รางไดโดยการหมุน
2. ครูให้นักเรียนท�ากิจกรรมตรวจสอบตนเอง
โ ด ย ก า ร บ อ ก สั ญ ลั ก ษ ณ ์ ที่ ต ร ง กั บ ร ะ ดั บ
ความสามารถของตนเองเกี่ยวกับการใช้งาน
อินเทอร์เน็ตอย่างมีประสทิ ธภิ าพ
µÃǨÊͺµ¹àͧ กิจกรรม สรปุ ความรปู้ ระจา� หนว่ ยที่ 3
หลงั จากเรยี นจบหนว ยนแี้ ลว ใหบ อกสญั ลกั ษณท ต่ี รงกบั ระดบั ความสามารถของตนเอง
รายการ เกณฑ
ดี พอใช ควรปรบั ปรงุ
1. สามารถคนหาขอมูลโดยใชอินเทอรเน็ตได 79
อยา งมีประสิทธิภาพ
2. รูจักการคนหาขอมูลโดยใชเทคนิคการคนหา
ขอ มูลขัน้ สูง
3. สามารถจัดลําดับผลลัพธท่ีไดจากการคนหา
ของโปรแกรมคน หา
4. พิจารณาเลือกใชขอมูลจากแหลงขอมูลบน
อินเทอรเนต็ ทน่ี าเชอื่ ถอื
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 79
เกร็ดแนะครู ข้อสอบเน้น การคิด
ในการทา� กจิ กรรมเลม่ เกมกบั Com Sci ครอู าจอธบิ ายกตกิ าในการเลม่ เกม รศั มคี น้ หาขอ้ มลู เดยี วกนั จากหลายแหลง่ แตไ่ ดข้ อ้ มลู ไมต่ รงกนั
ใหน้ กั เรียนฟงก่อน จากน้นั จงึ ใหน้ ักเรียนลงมอื ท�ากิจกรรม โดยการใหน้ กั เรียน รศั มคี วรท�าอย่างไร
ปอ นคา� คา้ หาวา่ เกม TETRIS ลงบนอนิ เทอรเ์ นต็ แล้วใหน้ กั เรยี นทา� กจิ กรรมนน้ั
เปน็ เวลา 5 นาที เพอ่ื เป็นการผอ่ นคลายหลังการเรียนการสอน 1. เลือกข้อมูลที่ทันสมัยท่สี ดุ
2. เลอื กขอ้ มูลท่ีคิดว่าถูกตอ้ ง
3. เปรียบเทยี บข้อมลู แลว้ เลือกข้อมูลทีต่ รงกันมากทสี่ ดุ
4. เปรยี บเทียบข้อมลู แลว้ เลอื กข้อมลู ที่อ่านแล้วเข้าใจ
มากท่ีสุด
(วิเคราะหค์ า� ตอบ จากตัวเลือกท่ีก�าหนดให้สามารถวิเคราะห์
ได้ว่า หากเกิดกรณีที่ข้อมูลจากหลายแหล่งไม่ตรงกัน ให้น�า
ข้อมูลท้ังหมดที่หาไดม้ าเปรียบเทยี บกัน แลว้ เลือกข้อมูลทตี่ รงกัน
หรอื สอดคลอ้ งกนั มากท่สี ุด ดงั นนั้ ตอบข้อ 3.)
T134
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
สรปุ สาระสา� คญั ขน้ั สรปุ
อญั ประกาศ เคร่ืองหมายบวก ตวั ด�าเนนิ การ ตัวด�าเนนิ การ 3. ครูพูดสรุปเก่ียวกับการเรียนการสอนในหน่วย
เครื่องหมายลบ AND OR การเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การใช้งานอินเทอร์เน็ต
อย่างมีประสิทธิภาพ จากน้ันครูสุ่มตัวแทน
การคน้ หาโดยการ การค้นหาโดยการใช้ นักเรียนหรือให้นักเรียนที่มีความสมัครใจ
ใชเ้ คร่อื งหมายหรือ ตัวดา� เนนิ การ ออกมาพูดถึงเน้ือหาสาระที่ได้เรียนรู้ใน
หน่วยการเรียนรู้นี้ โดยให้นักเรียนพูดสรุป
สญั ลกั ษณ์ คนละหัวข้อ ได้แก่ การค้นหาข้อมูลโดยใช้
อินเทอร์เน็ต การก�าหนดขอบเขตการค้นหา
และการประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือ
การคน้ หาโดยระบุ การคน้ หาข้อมูล การค้นหาภายใน
ชนิดของไฟล์ โดยใชอ้ นิ เทอร์เน็ต เว็บไซต์ทีก่ า� หนด
การค้นหาโดย
ใชค้ �าส�าคญั
กอายรใา่ ชง้งมาปี นรอะินสเิททธอภิราเ์ นพต็
การก�าหนดขอบเขต การประเมิน พิจารณาเวบ็ ไซต์
การค้นหา ความนา่ เช่ือถือ ที่น่าเช่ือถือได้
ระบุชือ่ ผู้เขียน
หรือผู้ ให้ข้อมลู
เปน็ การก�าหนดการคน้ หา บอกวัตถุประสงค์ อา้ งอิง ระบวุ ันท่เี ผยแพร่
เพอื่ ให้ได้ข้อมูลตรงตาม ในการจดั ทา� แหลง่ ทม่ี า และครง้ั ที่ปรบั ปรุง
ความต้องการมากทสี่ ุด
80
ภาพจาก หนงั สอื เรียน หนา 80
กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู
ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน จากนนั้ ครแู จกกระดาษ ครูอาจสุ่มตัวแทนนักเรียนหรือหานักเรียนที่มีความสมัครใจออกมาพูดถึง
แผ่นใหญใ่ หก้ บั นกั เรยี นกลมุ่ ละ 1 แผ่น แล้วให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ เนอ้ื หาสาระทไ่ี ดเ้ รยี นในหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง การใชง้ านอนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งมี
ช่วยกันระดมความคิดเกี่ยวกับความรู้ท่ีได้จากการเรียนในหน่วย ประสทิ ธภิ าพ โดยอาจสุม่ ออกมาทงั้ หมด 3 คน แลว้ ใหน้ กั เรียนพดู สรปุ คนละ
การเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างมีประสิทธิภาพ หัวข้อ ซึ่งได้แก่ การค้นหาข้อมูลโดยใช้อินเทอร์เน็ต การก�าหนดขอบเขต
โดยให้นักเรียนสรุปความรู้ท่ีได้ออกมาเป็นผังมโนทัศน์ (Mind การคน้ หา และการประเมินความนา่ เชอื่ ถอื
Map) เมอ่ื เสรจ็ แลว้ จงึ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานา� เสนอความรู้
ทแี่ ตล่ ะกลุ่มไดร้ บั บริเวณหน้าชั้นเรียน
T135
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สรปุ กิจกรรม
เสริมสรางการเรียนรู
4. ครใู หน้ กั เรยี นทา� กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งการเรยี นรู้
ในหนังสือเรียน หน้า 81 โดยให้นักเรียน ใหนักเรียนพิจารณาขอความตอไปนี้ จากนั้นพูดคุยแลกเปล่ียน
พิจารณาข้อความที่ก�าหนดให้ จากน้ัน ความคิดเห็นกนั ในหอ งเรยี น แลว ปฏิบัตกิ ิจกรรมตามทก่ี ําหนดให
ให้นักเรียนพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
ภายในช้ันเรียน แล้วปฏิบัติกิจกรรมท่ีก�าหนด
ให้เกี่ยวกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ
1. ใหน ักเรียนกาํ หนดหัวขอ เรือ่ งทต่ี อ งการศกึ ษา
เรอื่ งทตี่ อ งการศกึ ษา คือ .................................................................................................................................
2. ใหนกั เรยี นคน หาขอมลู เกย่ี วกับเร่ืองทน่ี กั เรยี นตอ งการคน หา
คําคนหา คือ ..........................................................................................................................................................................
3. ใหน กั เรียนระบุเว็บไซตท่นี ักเรยี นคนหาขอมลู ได
เวบ็ ไซตท ่ใี ชค นหาขอมลู คอื บันทึกลงในสมดุ...................................................................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. ใหน ักเรียนนําขอมลู ทค่ี นหาไดมาสรุปใหไดใจความครบถวน
ขอ มลู ทไี่ ด สามารถสรุปไดว า
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
81
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 81
เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills
การน�าข้อมูลที่ได้จากการค้นหามาสรุปของนักเรียน ครูควรอธิบาย ครูเตรียมภาพโฆษณาท่ีมีลักษณะเกินจริงและโฆษณาท่ีเช่ือถือ
ใหน้ ักเรยี นเข้าใจก่อนว่า การสรปุ ขอ้ มลู ให้ไดใ้ จความสา� คัญของเร่อื ง นกั เรียน ได้ไว้ใหก้ ับนกั เรียน จากนั้นให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 2-3 คน
ควรมีการระบวุ า่ ใคร ท�าอะไร ทไี่ หน อยา่ งไร เพ่อื ให้ข้อมลู นน้ั มคี วามครบถ้วน ช่วยกันพิจารณาว่า ภาพโฆษณาท่ีครูแจกให้นั้นมีใจความส�าคัญ
สมบรู ณ์ และนักเรยี นไมค่ วรคัดลอกบทความของผอู้ ื่นมาใชท้ ันที จะต้องเขยี น อย่างไร และข้อมูลนั้นเช่ือถือได้หรือไม่ หลังจากนักเรียนทุกกลุ่ม
ให้เป็นส�านวนของตนเอง เพ่ือปองกันการละเมดิ ลขิ สิทธ์ิ พจิ ารณาเสรจ็ เรียบรอ้ ยแล้ว ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มออกมานา� เสนอ
ความคิดเหน็ หน้าชนั้ เรยี น
T136
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
แบบทดสอบ ไดค ะแนน คะแนนเต็ม 4. ตะวนั ตอ งการคน หาสถานทที่ อ งเทย่ี ว โดยตอ งการใหเ วบ็ ไซตแ สดงขอ มลู ใน ขน้ั สรปุ
»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹÷ٌ èÕ 3 ภาคเหนอื หรือภาคกลางกไ็ ด ตะวนั ควรใชค ําคน หาวาอยา งไร
10 ก. สถานท่ที องเทีย่ ว 5. ครูให้นักเรียนท�าแบบทดสอบประจ�าหน่วย
ข. สถานทที่ อ งเที่ยว ภาคกลาง -ภาคเหนอื การเรียนรู้ที่ 3 ตอนที่ 1 ในแบบฝกหัด
ตอนท่ี 1 ค. สถานท่ีทองเที่ยว ภาคกลาง OR ภาคเหนอื หน้า 58-60 โดยให้นักเรียนน�าความรู้จาก
ง. สถานท่ที องเที่ยว ภาคกลาง NOT ภาคเหนอื เ น้ื อ ห า ท่ี เ รี ย น ม า ต อ บ ค� า ถ า ม ใ ห ้ ถู ก ต ้ อ ง
วง ลอมรอบตวั อักษร ก. ข. ค. หรอื ง. หนา คาํ ตอบทถ่ี ูกตอ ง โดยให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบตัวอักษร
หนา้ ค�าตอบทถี่ ูกต้อง
1. ขอ ใดไมใชป ระโยชนของการใชเทคนิคการคนหาขอ มลู 5. ขอ ใดกลา วถึงขอ มูลพ้ืนฐานของเว็บไซตถ กู ตอ ง
ก. เพอื่ ใหไดขอ มลู ทมี่ ากท่ีสุด ก. ชอ่ื หวั ขอ ของเวบ็ ไซต ที่อยูเว็บไซต ตวั อยางขอมูล ทม่ี าของขอ มูล
ข. เพ่อื ใหไ ดขอมูลที่เฉพาะเจาะจง ข. ชอ่ื หวั ขอ ของเวบ็ ไซต ทอี่ ยเู วบ็ ไซต วนั ทเ่ี ผยแพรข อ มลู ตวั อยา งขอ มลู
ค. เพ่ือใหไดขอมลู ทต่ี รงตามความตอ งการ ค. ชอื่ หวั ขอ ของเวบ็ ไซต วนั ทเี่ ผยแพรข อ มลู ประเภทของขอ มลู ตวั อยา ง
ง. เพอื่ ใหไดขอมูลภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว
2. เทคนิคการคนหาขอมูลโดยใชเคร่ืองหมายหรือสัญลักษณ ประกอบดวย ขอ มลู
เครื่องหมายหรือสญั ลักษณใ ดบาง
เฉฉบลบั ย ก. เครื่องหมายบวก อญั ประกาศ จลุ ภาค ง. ช่อื หวั ขอของเว็บไซต วนั ท่ีเผยแพรขอมลู ประเภทของขอมูล เฉฉบลบั ย
ภาพของขอ มลู
ข. อัญประกาศ เครอ่ื งหมายบวก เครื่องหมายลบ
ค. สญั ประกาศ เคร่ืองหมายบวก เคร่ืองหมายลบ 6. ใหน ักเรยี นพจิ ารณาขอความตอไปนี้
ง. เคร่ืองหมายบวก เครอื่ งหมายลบ เครือ่ งหมายคูณ 1) คลกิ เลอื ก การตั้งคา
2) คลิกเลอื ก การคน หาข้นั สูง
3. เปง ควรใชเทคนิคใดในการคนหาขอ มลู ทต่ี อ งการใหแ สดงผลทุกคําใน 3) พมิ พคําคนหาทตี่ อ งการ
ประโยค 4) กรอกขอ มูลเพิม่ เติม
ก. การคน หาโดยใชตัวดําเนนิ การ
ข. การคนหาโดยใชเคร่อื งหมายลบ ขอ ใดเรียงลําดับการเขา สหู นาตางการคนหาขั้นสงู ไดถ ูกตอ ง
ค. การคน หาโดยใชเ ครอ่ื งหมายบวก ก. 3) 1) 2) 4)
ง. การคน หาโดยใชเครื่องหมายอญั ประกาศ ข. 2) 3) 1) 4)
ค. 1) 2) 3) 4)
ง. 4) 2) 3) 1)
58 59
7. ขอ ใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกบั การคน หาขัน้ สูง
ก. แสดงผลลพั ธตามภาษาได
ข. เลือกวนั ที่เผยแพรขอ มูลได
ค. แสดงผลลพั ธต ามภูมภิ าคได
ง. แสดงผลลพั ธไดอ ยา งหลากหลาย
8. ขอใดกลาวถึงสว นทายของชือ่ เว็บไซตไ มถูกตอง
ก. เว็บไซตที่ลงทายดว ย .mi.th เปน เวบ็ ไซตทางการคา
ข. เว็บไซตท ่ลี งทายดว ย .ac.th เปนเวบ็ ไซตท างการศกึ ษา
ค. เว็บไซตท ี่ลงทา ยดวย .go.th เปนเวบ็ ไซตของหนว ยงานรัฐ
ง. เวบ็ ไซตท ีล่ งทา ยดว ย .or.th เปนเวบ็ ไซตขององคกรท่ีไมห วังผลกาํ ไร
9. ขอใดกลาวถึงการประเมินความนาเช่ือถือของขอมูลไมถกู ตอง
ก. ตรวจสอบชอื่ ผเู ขยี น เพอ่ื ใหท ราบความเชี่ยวชาญและความนาเชื่อถือ
เฉฉบลบั ย ของผเู ขียน
ข. ตรวจสอบชอื่ เวบ็ ไซต เพื่อใหไ ดขอมลู ที่ถกู ตอ งตามหลกั ภาษา
ค. ตรวจสอบการอางอิงแหลงทม่ี า เพอื่ ใหรูวานาํ ขอมูลมาจากแหลง ใด
ง. ตรวจสอบวนั ท่ีเผยแพรขอ มูล เพ่อื ใหไดขอมลู ที่เปน ปจจุบนั มากที่สุด
10. การกระทาํ ของบคุ คลใดที่อาจทําใหไดขอ มูลท่ไี มนา เช่อื ถอื
ก. ปลาคนหาขอมูลโดยเลือกเว็บไซตทีม่ ีการอา งอิงแหลงท่ีมา
ข. ไกหาขอ มลู หลาย ๆ เว็บไซต แลวนําขอ มูลมาเปรียบเทียบกนั
ค. เสอื หาขอมลู จากบลอ็ กทม่ี ีนักศกึ ษาเขียนความคิดเหน็ สว นตัวไว
ง. กงุ ตรวจสอบวนั ทเ่ี ผยแพรขอมูลทุกคร้งั เพ่ือใหไ ดข อมูลท่ีทนั สมยั
เกณฑก ารใหคะแนน คะแนนตอขอยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑการตัดสิน
รายการประเมิน
1 1 • 6 คะแนนขน้ึ ไป = ผาน
เลือกคาํ ตอบที่ถูกตอง (10 ขอ ) 10 • ตาํ่ กวา 6 คะแนน = ปรับปรงุ
คะแนนเต็ม
60 ภาพจาก
แบบฝกหัด
จาก แบบฝกหัด หนา 4 หน้า 58-60
ข้อสอบเน้น การคดิ เกร็ดแนะครู
แหล่งข้อมลู ใดมีความนา่ เชือ่ ถอื น้อยทีส่ ุด ครูใหน้ กั เรยี นท�าแบบทดสอบประจา� หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรื่อง การใช้งาน
1. ครู อนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยใหน้ กั เรยี นตอบคา� ถามเพอื่ เปน็ การทบทวน
2. เพื่อน ความรจู้ ากเนอ้ื หาที่ไดเ้ รยี นมา และเป็นการวดั ระดบั ความเขา้ ใจของนกั เรียน
3. ผู้เชย่ี วชาญ
4. เอกสารในห้องสมุด
(วิเคราะหค์ า� ตอบ จากตัวเลือกท่ีก�าหนดให้สามารถวิเคราะห์
ได้ว่า เพื่อนเป็นแหล่งข้อมูลท่ีเช่ือถือได้น้อยท่ีสุด เนื่องจากเรา
ไม่สามารถทราบได้ว่า เพ่ือนน�าข้อมูลนี้มาจากแหล่งข้อมูล
ท่เี ชื่อถอื ได้หรือไม ่ ดงั น้ัน ตอบข้อ 2.)
T137
นา� สอน สรุป ประเมนิ
ขนั้ สรปุ ตอนท่ี 2 ไดคะแนน คะแนนเตม็
6. ครูให้นักเรียนท�าแบบทดสอบประจ�าหน่วย 10
การเรยี นรทู้ ่ี 3 ตอนที่ 2 ในแบบฝก หดั หนา้ 61
โดยให้พิจารณาโจทย์ท่ีก�าหนดให้แล้วตอบ อา นสถานการณ แลวตอบคาํ ถาม
ค�าถามว่า นักเรียนจะค้นหาข้อมูลด้วยวิธี หากนักเรียนไดรับมอบหมายใหทํารายงาน เรื่อง ประเพณีลอยกระทง วา มี
การใด ใช้ค�าค้นหาว่าอะไร เพราะเหตุใด ประวัติความเปนมาอยางไร โดยตองคนหาขอมูลจากอินเทอรเน็ต นักเรียนจะ
และมีวิธีการเลือกเว็บไซต์ท่ีมีความน่าเช่ือถือ คนหาขอมูลดวยวิธีใด ใชคําคนหาวาอยางไร เพราะเหตุใด และมีวิธีการเลือก
อยา่ งไร
เวบ็ ไซตทีม่ ีความนา เชอ่ื ถอื ไดอ ยางไร (แนวคําตอบ)
ใชก ารคน หาโดยใชค าํ สาํ คญั โดยใชค าํ คน หาวา ประเพณลี อยกระทง เพราะเปน คาํ...............................................................................................................................................................................................................................................................
ทกี่ ระชบั และครอบคลมุ วธิ กี ารเลอื กเวบ็ ไซตท ม่ี คี วามนา เชอ่ื ถอื ควรพจิ ารณาประเภท...............................................................................................................................................................................................................................................................
ของเวบ็ ไซตว า เปน ของหนว ยงานหรอื องคก รทม่ี คี วามนา เชอ่ื ถอื หรอื ไม โดยตรวจสอบ...............................................................................................................................................................................................................................................................
วา มกี ารระบชุ อ่ื ผแู ตง วนั ทเี่ ผยแพรข อ มลู มแี หลง อา งองิ และมกี ารบอกวตั ถปุ ระสงคใ น...............................................................................................................................................................................................................................................................
การจัดทาํ หรือไม ถาหากมีแสดงวาเวบ็ ไซตมคี วามนา เชอ่ื ถอื...............................................................................................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................................................................................... เฉฉบลบั ย
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
เกณฑก ารใหคะแนน คะแนนตอ ขอ ยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตัดสนิ
รายการประเมนิ
10 • 6 คะแนนขน้ึ ไป = ผาน
บอกวธิ กี ารคน หาขอ มูลและวิธกี ารประเมนิ ความนาเชื่อถือ 10 • ต่ํากวา 6 คะแนน = ปรบั ปรุง
ของขอ มลู ได
คะแนนเตม็
ตารางบนั ทึกคะแนน ประจาํ หนวยการเรียนรูที่ 3
ตวั ชวี้ ดั แบบฝกหดั ผลการประเมนิ คณุ ภาพ รวมคะแนน ระดบั คุณภาพ
เตม็ ได กจิ กรรม แบบทดสอบ เต็ม ได 4321
ว 4.2 ป.6/3 เตม็ ได เตม็ ได
40 100
40 20
เกณฑการตัดสนิ : ชว งคะแนนรอ ยละ 80-100 = 4 70-79 = 3 60-69 = 2 50-59 = 1
หมายเหตุ : นาํ คะแนนเต็มของแตล ะตวั ชว้ี ดั มาหาคา รอ ยละ เพ่ือประเมินระดับคณุ ภาพ เชน
4208 × 100 = 70
คะแนนเตม็ 40 ทาํ ได 28 คะแนน ถา คะแนนเต็ม 100 ทําไดร อยละ 61
ดงั นัน้ รอ ยละ 70 เทียบไดก ับระดบั คณุ ภาพ 3
ภาพจาก
แบบฝก หัด
หนา้ ท6่ี 41
เกร็ดแนะครู ข้อสอบเน้น การคิด
ในการท�าแบบทดสอบประจ�าหน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 ตอนที่ 2 ครูอาจให้ บคุ คลใดต่อไปน้นี �าข้อมลู ท่ีไมด่ ไี ปใช้งาน
นักเรียนรวมกลุ่มกันท�างาน เพื่อร่วมกันวิเคราะห์ว่า ถ้าหากนักเรียนได้รับ 1. บอลทา� รายงานโดยใช้ขอ้ มูลท่เี ผยแพร่ไวเ้ มื่อ 10 ปกอ่ น
มอบหมายให้ท�ารายงานเก่ียวกับประเพณีลอยกระทง นักเรียนจะค้นหาข้อมูล 2. บาสน�าขอ้ มูลจากการดูข่าวผา่ นโทรทัศน์ไปเลา่ ให้เพือ่ นฟง
ดว้ ยวิธีการใด ใช้ค�าค้นหาว่าอะไร และมีวิธกี ารเลือกเว็บไซตท์ ่มี คี วามน่าเชอื่ ถอื 3. เบสค้นหาข้อมลู เพือ่ ท�ารายงานจากเวบ็ ไซตห์ นว่ ยงาน
อย่างไร พรอ้ มทงั้ ให้เหตผุ ลประกอบ ของรฐั
4. บอสท�ารายงานเก่ียวกับทุเรยี น จึงไปสัมภาษณเ์ จา้ ของ
ทเุ รยี นโดยตรง
(วเิ คราะห์คา� ตอบ จากตัวเลือกที่ก�าหนดให้สามารถวิเคราะห์
ได้ว่า บุคคลที่น�าข้อมูลไม่ดีไปใช้งาน คือ บอล เน่ืองจากบอล
น�าข้อมูลที่เผยแพร่ไว้เมื่อ 10 ปก่อนไปใช้ในการท�ารายงาน
ซ่งึ ข้อมูลน้ันอาจลา้ สมยั ไปแล้ว ดงั นั้น ตอบข้อ 1.)
T138
นา� สอน สรุป ประเมิน
แบบทดสอบหลงั เรียน ขนั้ สรปุ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 7. ครูสรุปเน้ือหา เรื่อง การใช้งานอินเทอร์เน็ต
อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมถามค�าถามจาก
คาชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว เนอื้ หาเพอื่ เปน็ การทบทวนความรขู้ องนกั เรยี น
ก่อนทา� แบบทดสอบหลังเรยี น
1. ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยชนข์ องการใชเ้ ทคนิคการค้นหาขอ้ มลู 6. ใหน้ ักเรยี นพิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี
ก. เพ่ือให้ได้ขอ้ มูลทเี่ ยอะทส่ี ดุ 1) คลิกเลือก การตัง้ คา่ 2) คลิกเลือกการค้นหาขนั้ สงู 8. ครูใหนักเรียนท�าแบบทดสอบหลังเรียน
ข. เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ มูลทเ่ี ฉพาะเจาะจง 3) พิมพค์ าคน้ หาท่ีตอ้ งการ 4) กรอกข้อมูลเพม่ิ เติม หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่ือง การใช้งาน
ค. เพ่ือใหไ้ ด้ข้อมลู ทตี่ รงตามความต้องการ ขอ้ ใดเรยี งลาดับการเข้าสหู่ นา้ ตา่ งการคน้ หาข้นั สูงได้ อินเทอรเ์ นต็ อย่างมีประสทิ ธิภาพ
ง. เพือ่ ใหไ้ ดข้ อ้ มูลภายในระยะเวลาทรี่ วดเรว็ ถูกตอ้ ง
ก. 3) 1) 2) 4) ข. 2) 3) 1) 4) ขนั้ ประเมนิ
2. เทคนิคการค้นหาขอ้ มลู โดยใชเ้ ครอื่ งหมายหรือสญั ลกั ษณ์ ค. 1) 2) 3) 4) ง. 4) 2) 3) 1)
ประกอบไปดว้ ยเคร่ืองหมายหรอื สญั ลักษณใ์ ดบ้าง ตารางการวัดและประเมินผล
ก. เครือ่ งหมายบวก อญั ประกาศ จลุ ภาค 7. ขอ้ ใดกล่าวผิด เกย่ี วกบั การคน้ หาขนั้ สงู วธิ กี าร เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมิน
ข. อัญประกาศ เครือ่ งหมายบวก เคร่อื งหมายลบ ก. แสดงผลลพั ธ์ตามภาษาได้
ค. สัญประกาศ เคร่ืองหมายบวก เครอ่ื งหมายลบ ข. แสดงผลลัพธต์ ามภมู ิภาคได้ ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ง. เครอ่ื งหมายบวกเคร่ืองหมายลบเคร่ืองหมายคณู ค. เลอื กวนั ท่เี ผยแพร่ข้อมลู ได้ หลงั เรยี น หลงั เรยี น
ง. แสดงผลลัพธไ์ ดอ้ ยา่ งหลากหลาย
3. เป้งควรใชเ้ ทคนคิ ใดในการค้นหาขอ้ มลู ท่ตี ้องการให้ ตรวจใบงาน ใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แสดงผลทกุ คาในประโยค 8. ข้อใดกล่าวถึงส่วนทา้ ยของช่อื เวบ็ ไซตผ์ ิด
ก. การคน้ หาโดยใช้ตัวดาเนนิ การ ก. เวบ็ ไซต์ทลี่ งทา้ ยดว้ ย .mi.th เป็นเว็บไซต์ ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หดั ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ข. การค้นหาโดยใช้เครอื่ งหมายลบ ทางการคา้
ค. การคน้ หาโดยใช้เครอื่ งหมายบวก ข. เว็บไซต์ท่ลี งทา้ ยด้วย .ac.th เปน็ เวบ็ ไซต์ ประเมนิ แบบ ระดับคุณภาพ 2
ง. การค้นหาโดยใชเ้ คร่อื งหมายอัญประกาศ ทางการศกึ ษา การนา� เสนอ ประเมนิ ผา่ นเกณฑ์
ค. เว็บไซตท์ ล่ี งท้ายด้วย .go.th เป็นเว็บไซต์ การนา� เสนอ
4. ตะวันต้องการค้นหาสถานทที่ ่องเที่ยว โดยต้องการให้ ของหน่วยงานรัฐ ผลงาน ผลงาน
เวบ็ ไซตแ์ สดงขอ้ มลู ในภาคเหนือหรือภาคกลางกไ็ ด้ ง. เวบ็ ไซตท์ ลี่ งทา้ ยด้วย .or.th เป็นเว็บไซต์
ตะวนั ควรใช้คาค้นหาวา่ อยา่ งไร ขององค์กรที่ไมห่ วงั ผลกาไร สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดับคณุ ภาพ 2
ก. สถานทท่ี ่องเทีย่ ว การท�างาน พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์
ข. สถานทีท่ อ่ งเทีย่ วในภาคกลาง –สถานที่ 9. ข้อใดกลา่ วถึงการประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู ไม่ รายบคุ คล
ท่องเทยี่ วในภาคเหนือ ถูกตอ้ ง
ค. สถานท่ที อ่ งเทย่ี วในภาคกลาง OR สถานท่ี ก. ตรวจสอบชอ่ื ผเู้ ขยี น เพือ่ ให้ไดข้ ้อมูลท่ี สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2
ท่องเท่ยี วในภาคเหนือ ถกู ตอ้ ง เชื่อถอื ได้ การทา� งานกลมุ่ พฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์
ง. สถานทที่ ่องเทย่ี วในภาคกลาง NOT สถานที่ ข. ตรวจสอบชอื่ เวบ็ ไซต์ เพ่ือให้ได้ขอ้ มลู ที่
ท่องเทีย่ วในภาคเหนอื ถกู ต้องตามหลกั ภาษา
ค. ตรวจสอบการอ้างองิ แหล่งที่มา เพ่ือใหร้ ูว้ า่
5. ข้อใดกล่าวถึงข้อมลู พน้ื ฐานของเว็บไซตถ์ กู ต้อง นาข้อมลู มาจากแหล่งใด
ก. ช่อื หวั ขอ้ ของเวบ็ ไซต์ ทอี่ ย่เู ว็บไซต์ ตวั อยา่ ง ง. ตรวจสอบวันท่ีเผยแพร่ข้อมูล เพอ่ื ใหไ้ ด้
ข้อมูล ที่มาของข้อมูล ข้อมลู ที่เป็นปัจจบุ ันมากทส่ี ดุ
ข. ช่ือหัวข้อของเว็บไซต์ ทีอ่ ยู่เวบ็ ไซต์ วันที่
เผยแพร่ข้อมลู ตวั อย่างขอ้ มลู 10. การกระทาของบุคคลใด ทท่ี าให้ได้ขอ้ มลู ทไ่ี มน่ า่ เชอ่ื ถือ
ค. ชื่อหัวขอ้ ของเวบ็ ไซต์ วนั ทเ่ี ผยแพร่ขอ้ มลู ก. ปลาค้นหาขอ้ มลู โดยเลือกเวบ็ ไซตท์ ีม่ ี
ประเภทของขอ้ มลู ตวั อยา่ งข้อมูล การอ้างอิงแหล่งทมี่ า
ง. ชื่อหวั ข้อของเว็บไซต์ วันทเี่ ผยแพรข่ ้อมลู ข. ไกห่ าขอ้ มูลหลาย ๆ เวบ็ ไซต์แล้วนา
ประเภทของขอ้ มลู ภาพของข้อมลู ขอ้ มลู มาเปรียบเทยี บกนั
ค. เสือหาขอ้ มลู จากบลอ็ กที่มนี ักศกึ ษา
เฉลย เขยี นความคดิ เหน็ ส่วนตัวไว้
ง. กงุ้ ตรวจสอบวันท่ีเผยแพร่ขอ้ มลู ทกุ ครง้ั
เพ่ือใหไ้ ดข้ ้อมลู ทีท่ นั สมยั
1. ก 2. ข 3. ง 4. ค 5. ข 6. ก 7. ง 8. ก 9. ข 10. ค
ภาพจาก
แผนการสอน ท่ี 1
หนว่ ยท่ี 1
ขอ้ สอบเนน้ การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล
แก้วต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับข้ันตอนการท�าเจลล้างมือ ครูสามารถประเมินการน�าเสนอผลงาน สังเกตพฤติกรรมการท�างาน
ดว้ ยตนเอง แก้วควรหาข้อมลู จากแหลง่ ข้อมูลใด รายบคุ คล และสังเกตพฤติกรรมการทา� งานกลุ่มของนักเรยี น โดยศกึ ษาเกณฑ์
การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการน�าเสนอผลงาน แบบสังเกต
1. หนงั สือเรยี นวิชาวิทยาศาสตร์ พฤติกรรมการท�างานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการท�างานกลุ่ม
2. สอบถามผู้ใช้เจลล้างมือโดยตรง ทีแ่ นบมาทา้ ยแผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3
3. ข้อมูลทีแ่ ชร์ตอ่ กนั บนอินเทอรเ์ น็ต
4. เวบ็ ไซต์ของกระทรวงสาธารณสขุ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
(วเิ คราะหค์ �าตอบ ในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับข้ันตอนการท�า คาชีแ้ จง : ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องที่ คาช้ีแจง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ี คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งที่
เจลลา้ งมอื ดว้ ยตนเอง ควรรคน้ หาขอ้ มลู จากเวบ็ ไซตข์ องกระทรวง ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน
สาธารณสุข เพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีถูกต้องในการท�าเจลล้างมือ ตรงกับระดับคะแนน
ทีป่ ลอดภยั และสามารถใช้งานไดจ้ ริง ดังนนั้ ตอบขอ้ 4.)
ระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 การทางาน การมี
32 32 ตามทไ่ี ดร้ บั ส่วนร่วมใน
ลาดับท่ี รายการประเมิน การแสดง การยอมรับ มอบหมาย การปรับปรงุ รวม
1 1 การแสดงความคิดเห็น ลาดับท่ี ชอ่ื –สกุล ความคดิ เหน็ ฟังคนอ่นื ความมนี า้ ใจ ผลงานกล่มุ 15
ของนักเรยี น คะแนน
1 ความถกู ตอ้ งของเน้อื หา 2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ น่ื
2 ความคิดสร้างสรรค์
3 วิธีการนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหน้าท่ีทไี่ ดร้ ับมอบหมาย 321321321321321
4 การนาไปใช้ประโยชน์
5 การตรงต่อเวลา 4 ความมนี ้าใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
รวม
ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................... ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............/.................../................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน เกณฑก์ ารให้คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดมี าก
14–15 ดีมาก 11–13 ดี เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ
11–13 ดี 8–10 พอใช้ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
8–10 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง 14–15 ดมี าก
ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง 11–13 ดี
8–10 พอใช้
T139
Chapter Concept Overview
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4
กำรใชงำนเทคโนโลยสี ำรสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) เป็นการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม (เทคโนโลยี)
เพ่อื จัดเกบ็ คน้ หา ส่งผ่าน และประมวลผลขอ้ มลู ซึ่งขอ้ มูลทีถ่ ูกประมวลผลเรียบรอ้ ยแลว้ จะเรยี กวา่ สารสนเทศ โดยในการใช้งานเทคโนโลยี
สารสนเทศจะตอ้ งเรียนรูส้ ง่ิ ต่าง ๆ เหลา่ นี้
1. อันตรายจากการใช้งานอินเทอรเ์ น็ต การใช้งานอินเทอรเ์ น็ตอยา่ งไมร่ ะมัดระวังอาจก่อใหเ้ กิดอนั ตรายแก่ผใู้ ชง้ านได ้ โดยอนั ตราย
ทเี่ กิดข้นึ บอ่ ยคร้งั จากการใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ มดี งั นี้
การเผยแพร่ การลอ่ ลวง การหลอกลวง การกอ่ การกระท�าผิด
ขอ้ มูล เยาวชน แบบฟช ชงิ อาชญากรรมทาง กฎหมายโดยรู้
(Phishing) เท่าไม่ถงึ การณ์
ท่ไี มเ่ หมาะสม อนิ เทอรเ์ น็ต
2. แนวทางในการปองกนั อนั ตรายจากการใชง้ านอนิ เทอร์เน็ต ตัวอยา่ งเชน่
✗ ไม่เขา้ เวบ็ ไซตท์ เ่ี ผยแพรเ่ นอ้ื หาผิดกฎหมาย ✓ ตดิ ตงั้ โปรแกรมปอ้ งกนั ไวรสั
✗ ไม่เปดเผยขอ้ มลู ส่วนตัว ✓ ตง้ั รหัสผ่านในการเข้าสูร่ ะบบ
✗ ไม่หลงเช่อื ข้อมลู บนอนิ เทอรเ์ นต็ โดยงา่ ย ✓ แจง้ ผูป้ กครองเมอื่ พบการใชง้ านทไ่ี มเ่ หมาะสม
3. การกา� หนดรหสั ผา่ น เปน็ วธิ กี ารตรวจสอบตนเองในการเขา้ สรู่ ะบบและการเขา้ ใชง้ านอปุ กรณเ์ ทคโนโลยตี า่ ง ๆ เพอ่ื ปอ้ งกนั อนั ตราย
จากการใช้งานอนิ เทอร์เนต็ โดยมขี ้อแนะน�าในการก�าหนดและใช้งานรหสั ผ่านใหม้ ีความปลอดภัย ดังนี้
ขอ้ แนะน�าในการตงั้ รหัสผ่าน สง่ิ ที่ไมค่ วรนา� มาใชเ้ ปนรหสั ผา่ น
1. มีความยาวอย่างนอ้ ย 8 ตัวอักษร 1. ขอ้ มูลส่วนตวั ชอ่ื บุคคลหรอื ส่งิ ของต่าง ๆ
2. มีตัวอกั ษรพมิ พเ์ ลก็ พมิ พ์ใหญ่ ตัวเลข และสญั ลกั ษณ์ 2. ค�าทม่ี อี ยใู่ นพจนานุกรม
3. จดจา� ง่ายแตย่ ากตอ่ การคาดเดา 3. ตวั อกั ษรหรือตัวเลขทเี่ ปน็ ท่นี ิยม เชน่ 12345678, password
4. การก�าหนดสิทธ์ิในการเข้าใช้งาน เป็นการก�าหนดสิทธ์ิในการเข้าถึงข้อมูลท้ังที่อยู่บนคอมพิวเตอร์และบนอินเทอร์เน็ต เพื่อเพิ่ม
ความปลอดภัยให้กับข้อมูล เช่น การก�าหนดสิทธิ์ในการเข้าใช้งาน Google Drive เพ่ือเป็นการป้องกันผู้ไม่หวังดีเข้ามาท�าลาย ขโมย
หรอื เข้าถงึ ข้อมลู โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าต
กำรตดิ ตง้ั ซอฟตแวรจ ำกอินเทอรเนต็
อนั ตรายจากการตดิ ต้ังซอฟต์แวร์ แนวทางในการตรวจสอบและปองกนั มัลแวร์
การตรวจสอบและปอ้ งกันมัลแวร ์ สามารถท�าได ้ ดงั นี้
การน�าซอฟต์แวร์ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตมาติดตั้งบน 1. สังเกตความเรว็ ของอุปกรณ์เทคโนโลยี
เครื่องคอมพิวเตอร์ มักพบโปรแกรมมัลแวร์แฝงมาด้วย 2. ตรวจสอบความเรว็ ของเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็
โดยโปรแกรมมัลแวรม์ หี ลายประเภท ดังน้ี 3. สังเกตความผิดปกติในการใชง้ าน
4. เรยี กใชง้ านโปรแกรมมลั แวร์
มา้ โทรจนั ไวรสั 5. ระวงั การใช้งานจากอุปกรณ์เชอื่ มตอ่ ภายนอก
คอมพิวเตอร์ 6. หลกี เล่ียงการเปดไฟล์แนบจากอเี มลทีไ่ ม่รจู้ กั
7. ระวังการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะ
โปรแกรม มัลแวร์ หนอน
เรยี กคา่ ไถ่ อินเทอรเ์ น็ต
โปรแกรม
โปรแกรม ดักจบั ข้อมูล
โฆษณา
T140
Chapter Overview
แผนกำรจัด สือ่ กำรเร�ยนรู จ�ดประสงค วธ� ส� อน ประเมิน ทกั ษะท่ีได คณุ ลักษณะ
กำรเรย� นรู อันพงึ ประสงค
แผนฯ ท่ี 1 - แบบทดสอบก่อนเรียน 1. ประเมินและรูเ้ ท่าทนั - ใชบ้ ทบาทสมมติ - ตรวจแบบฝก หดั - ทักษะการคิดอย่าง - มีวินยั
การใชง าน - ห นังสือเรียนรายวชิ า การใชง้ านอินเทอรเ์ นต็ - ใช้การอภิปราย - ตรวจใบงาน มวี จิ ารณญาณ - ใฝ่เรียนรู้
เทคโนโลยี พ้ืนฐาน เทคโนโลยี ได้ (K) กลมุ่ ยอ่ ย - ป ระเมนิ การ - ท กั ษะการทา� งาน - ม ่งุ มน่ั ใน
สารสนเทศ (วิทยาการคา� นวณ) ป.6 2. ใ ชง้ านอนิ เทอรเ์ น็ต - ใช้เทคนิค นา� เสนอผลงาน ร่วมกนั การท�างาน
- แบบฝกหัดรายวชิ า ไดอ้ ย่างรูเ้ ทา่ ทัน ตามแนวคดิ เชงิ - ส ังเกตพฤติกรรม - ทักษะการสือ่ สาร
4 พื้นฐาน เทคโนโลยี และรับผิดชอบ (P,A) คา� นวณ การทา� งาน
(วทิ ยาการคา� นวณ) ป.6 รายบคุ คล
ชว่ั โมง - ใ บความรู้ เร่อื ง - ส งั เกตพฤติกรรม
การกา� หนดรหัสผ่าน การท�างานกลุ่ม
และการก�าหนดสิทธิ์ - สงั เกตคณุ ลกั ษณะ
ในการเขา้ ใช้งาน อนั พงึ ประสงค์
- ใ บงาน เร่ือง การกา� หนด
รหสั ผ่านและการกา� หนด
สทิ ธ์เิ ขา้ ใช้งาน
แผนฯ ท่ี 2 - แบบทดสอบหลังเรียน 1. อธบิ ายประเภทของ - ใ ชเ้ ทคนคิ การสอน - ตรวจแบบฝก หดั - ทกั ษะการคิดอยา่ ง - มวี นิ ัย
การติดตง้ั - ห นงั สือเรียนรายวชิ า มลั แวรแ์ ละแนวทางการ ด้วยเกม - ตรวจใบงาน มีวจิ ารณญาณ - ใฝ่เรียนรู้
ซอฟตแวร พ้นื ฐาน เทคโนโลยี ตรวจสอบและป้องกัน - ใ ช้เทคนิค - ต รวจชิน้ งาน/ - ทักษะการท�างาน - มงุ่ ม่นั ใน
จากอินเทอรเนต็ (วทิ ยาการค�านวณ) ป.6 มลั แวรไ์ ด้ (K) ตามแนวคิดเชิง
คา� นวณ ภาระงาน ร่วมกนั การท�างาน
- แบบฝกหัดรายวชิ า 2. ตรวจสอบและป้องกัน (รวบยอด)
2 พ้นื ฐาน เทคโนโลยี มัลแวร์ได ้ (P) - ต รวจแบบทดสอบ - ทกั ษะการสอื่ สาร
ชวั่ โมง (วทิ ยาการค�านวณ) ป.6 3. เห็นความส�าคญั หลงั เรียน
- ใบงาน เร่ือง ตรวจสอบ ของอันตรายจากการ - ประเมนิ การ
มลั แวร์ ติดตง้ั ซอฟแวรจ์ าก น�าเสนอผลงาน
- ช้ินงาน/ภาระงาน อนิ เทอร์เนต็ การตรวจ - สังเกตพฤตกิ รรม
(รวบยอด) เรอื่ ง สอบและป้องกันมลั แวร ์ การทา� งาน
ความปลอดภัยในการ (A) รายบคุ คล
ใชง้ านเทคโนโลยี - ส ังเกตพฤตกิ รรม
สารสนเทศ การทา� งานกลุ่ม
- สังเกตคุณลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์
T141