วรรณคดีวิจักษ์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖
รายวชิ าภาษาไทยพื้นฐาน ท ๓๓๑๐๑
ภาษาไทคยรมนู.๖ หิครสัูนิหลัสงัลัง เเจจะยะายมาามา ผดิ คพรลาชู ด!าตนวั เลาขญไม่สกาามรารถถกู แสดงในรูปแบบที่ระบุ
โรงเรยี นเบญจมราชทู ศิ จงั หวดั ปตั ตานี
พมิ พค์ รงั้ ที่ ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๒
โรงเรียนเบญจมราชทู ศิ จงั หวดั ป๎ตตานี
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหัสลงั เจะยามา ๑
คานา
เอกสารประกอบการเรียนการสอนวรรณคดีวิจักษ์ รายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน ท ๓๓๑๐๑ ชั้น
มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ เล่มนี้ เป็นเอกสารประกอบการเรียนรู้ที่สอดคล้องตามมาตรฐานการเรียนรู้หลักสูตรการ
แกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
เอกสารประกอบการเรียนการสอนวรรณคดีวิจักษ์ รายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน ท ๓๓๑๐๑ ช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ ๖ เล่มน้ี ประกอบด้วย ๕ บทเรียน ดังน้ี บทนําแนวทางการพิจารณาคุณค่าวรรณคดีและ
วรรณกรรม วรรณคดีวิจักษ์ ๑ สามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ วรรณคดีวิจักษ์ ๒ กาพย์เห่เรือ
วรรณคดวี จิ ักษ์ ๓ ขุนช้างขุนแผน ตอน ขนุ ชา้ งถวายฎีกา และวรรณคดวี ิจกั ษ์ ๔ สามคั คีเภทคาํ ฉนั ท์
ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารประกอบการเรียนการสอนวรรณคดีวิจักษ์ รายวิชาภาษาไทย
พื้นฐาน ท ๓๓๑๐๑ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์และอํานวยความสะดวก ในการจัด
กิจกรรมการเรียนร้ขู องข้าพเจา้ ตลอดปีการศึกษา และเพื่อให้กิจกรรมการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมาก
ย่ิงข้ึนต่อไป
(นายนิหสั ลงั เจะยามา)
ครูชํานาญการพเิ ศษ
โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จงั หวดั ป๎ตตานี
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหัสลัง เจะยามา ๒
สารบญั หนา้
๔
เร่อื ง ๕
การพิจารณาคณุ คา่ ของวรรณคดี ๖
๘
การใชโ้ วหาร ๙
การใช้ภาพพจน์ ๑๑
การใชล้ ลี าการประพนั ธ์ (รสวรรณคดี) ๑๒
การใชศ้ ลิ ปะการประพนั ธ์ ๑๓
วรรณคดวี จิ กั ษ์ ๑ สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ๑๖
ความเปน็ มา/ประวัตผิ แู้ ต่ง ๒๘
ลักษณะคําประพนั ธ/์ เรื่องย่อ ๓๕
เน้อื เรอื่ ง ๓๖
บทวิเคราะห์ ๓๘
วรรณคดีวจิ กั ษ์ ๒ กาพยเ์ หเ่ รอื ๓๙
ความเปน็ มา/ประวัตผิ ู้แต่ง ๕๓
ลกั ษณะคาํ ประพันธ/์ เร่ืองย่อ ๕๙
เน้อื เร่อื ง ๖๐
บทวเิ คราะห์ ๖๑
วรรณคดวี จิ ักษ์ ๓ เสภาเรื่องขุนชา้ งขนุ แผน ตอน ขนุ ช้างถวายฎีกา ๖๗
ความเป็นมา/ประวัติผแู้ ต่ง ๘๔
ลกั ษณะคําประพันธ/์ เร่ืองย่อ ๙๑
เน้อื เรือ่ ง ๙๒
บทวิเคราะห์ ๙๒
วรรณคดวี ิจักษ์ ๔ สามัคคเี ภทคาฉันท์ ๙๕
ความเป็นมา/ประวัตผิ แู้ ต่ง ๑๑๔
ลักษณะคําประพันธ์/เร่ืองย่อ ๑๑๙
เนอ้ื เร่ือง
บทวิเคราะห์
บรรณานกุ รม
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหัสลงั เจะยามา ๓
วรรณคดวี ิจกั ษ์
แนวทางการพจิ ารณาคณุ ค่าวรรณคดีและวรรณกรรม
การพจิ ารณาคณุ คา่ ของวรรณคดี
วรรณคดี หมายถึง หนงั สือที่ไดร้ บั การยกยอ่ งว่าแตง่ ดีมีคุณค่า เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ ซึ่ง
สะท้อนภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนสมัยน้ันๆ เนื้อเรื่องมักสอดแทรกแนวคิด คติและปรัชญาชีวิต ทําให้
ผู้อ่านเกิดความรู้ ความรู้สึกร่วม ดังนั้นวรรณคดีจึงมีคุณค่าทั้งในด้านประวัติศาสตร์ สังคม อารมณ์และคติ
สอนใจ รวมท้งั มีคุณคา่ ในด้านวรรณศิลป์ จึงควรอา่ นโดยหลักการพจิ ารณาวรรณคดี ดงั ตอ่ ไปนี้
๑. อา่ นอยา่ งพินิจพิจารณา คือ การอ่านโดยใช้การวิเคราะห์ ช่ือเร่ือง ผู้แต่ง ไปจนถึงเน้ือหาและ
รวมถึงประวตั ิของผเู้ ขยี นซึ่งจะทาํ ให้เข้าใจเนอ้ื หา มลู เหตขุ องการแตง่ แรงบันดาลและสิง่ ทแ่ี ฝง
๒. ค้นหาความหมายพนื้ ฐาน คือ ความหมายตามตัวอักษร ผู้อ่านสามารถค้นหาได้จากข้อความท่ี
ผูแ้ ตง่ ได้แฝงเรน้ ของเร่ืองวา่ ใคร ทาํ อะไร ทไี่ หน ผลเป็นอย่างไร
๓. อารมณ์บทประพนั ธ์ คือ การรับรู้อารมณ์ความรู้สกึ ของผเู้ ขียนที่สอดแทรกในบทประพันธ์
๔. การค้นหาความหมายของบทประพันธ์ มหี ลกั การดังน้ี
๑) ค้นหาความหมายตามตวั หนังสือ คอื ความหมายตามศพั ท์พจนานกุ รม เช่น
พยายามต่อสู้ ผจญคนมักโกรธด๎วย ไมตรี
คนช่วั ตํอต้งั
ผจญหมทํู รชนดี ทรัพย๑เผื่อ แผนํ า
หยดุ ดว๎ ยสัตยา
ผจญคนจิตโลภมี ชอบ
(โคลงโลกนติ ิ)
ผจญอสัตยใ๑ หย๎ ้ัง
ถอดความ “พยายามเอาชนะผู้ที่มีอารมณ์โกรธด้วยการผูกไมตรี เอาชนะความชั่วด้วยการทํา
ความดตี อบ เอาชนะคนทม่ี ีจติ เห็นแก่ตัวด้วยการเผ่ือแผใ่ หแ้ ละเอาชนะความไม่ซ่ือสัตยด์ ว้ ยความซ่ือสัตย์”
๒) ค้นหาความหมายแฝง คอื ความหมายทตี่ ้องตีความ เชน่
ภพน้ีมใิ ชหํ ลา๎ หงสท๑ อง เดียวเอย
กากเ็ จ๎าของครอง รํวมด๎วย
เมาสมมุติจองหอง หนิ ชาติ
แลว๎ นํา้ มิตรโลกมว๎ ย หมดส้นิ สุขศานต๑
(อังคาร กัลยาณพงศ)๑
ความหมายแฝงของโคลงบทน้ีคือ “โลกนี้มิใช่แต่เป็นเพียงท่ีอยู่ของคนช้ันสูงเท่าน้ัน” โดย
ใช่ “หงส์” เป็นสัญลักษณ์แทนชนชั้นสูง ส่วน “กา” แทนคนช้ันล่าง ซ่ึงก็ร่วมอาศัยอยู่บนโลกด้วย
เชน่ กนั ดงั นนั้ ถา้ ยดึ ติดแบง่ ชนช้นั โดยไม่มนี ํา้ ใจเอือ้ อาทรต่อกันแล้วโลกก็จะขาดสนั ติสุข
๓) ค้นหาขอ้ คดิ ทเ่ี ป็นประโยชน์ คอื การคน้ หาความรู้สึกของผู้แต่ง ซ่ึงไม่จําเป็นต้องตรง
กบั ความรสู้ ึกของผู้อา่ น แตผ่ ูอ้ ่านรสู้ กึ อยา่ งนั้นเพราะมีเหตุผลอย่างไรและมีคาํ ใดที่บ่งชใ้ี หผ้ อู้ ่านคดิ อย่างนน้ั
ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ สั ลัง เจะยามา ๔
แนวทางการพิจารณาคณุ ค่าวรรณคดีและวรรณกรรม ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖
การใชโ้ วหาร
โวหาร หมายถงึ การใช้ถ้อยคําอย่างมชี ั้นเชิง เปน็ การแสดงข้อความในทํานองตา่ งๆ เพ่ือให้ข้อความ
ทเี่ รยี บเรียง มวี ธิ ีการ มชี ั้นเชิงและมศี ลิ ปะ เพื่อสื่อใหผ้ ้รู ับสารรบั สารได้อย่างชดั เจนและลกึ ซึ้ง ดังน้ี
๑) บรรยายโวหาร คือ การใช้คําอธิบายเรื่องราวรายละเอียดให้เข้าใจตามลําดับเหตุการณ์
เพือ่ ให้ผอู้ ่านได้รบั ความรู้ ความเขา้ ใจในเร่ืองนั้นๆ อย่างละเอยี ด แจ่มแจง้ เช่น
อันเกาะแกว๎ พสิ ดารสถานนี้ โภชนาสาลกี ็มีถม
แตคํ ราวหลวั ครัง้ สมทุ รโคดม มาสรา๎ งสมสกิ ขาสมาทาน
เธอทําไรํไว๎ทร่ี ิมภเู ขาหลวง คร้นั แตกรวงออกมาเลําเปน็ ข๎าวสาร
ไดส๎ บื พชื ยดื อยูแํ ตบํ รู าณ คดิ อํานเอาเดยี วมาเหลียวไป
(พระอภัยมณี : สนุ ทรภํ)ู
๒) อธิบายโวหาร คอื การอธบิ ายหรอื บรรยายเร่ืองราว เพ่ือให้ผู้อ่านได้เข้าใจในเรื่องนั้นๆ ซ่ึงจะใช้
สาํ หรบั การใหค้ าํ นิยาม ความแตกตา่ ง การชส้ี าเหตแุ ละผลลัพธ์ท่สี มั พันธก์ นั การอธิบายตามลําดบั เชน่
พอขณะมารดามาสงํ ทุกข๑ รอ๎ งปลุกเขา๎ ไปถึงในหอ๎ ง
จงึ รีบมาเร็วไวดงั ใจปอง รักษาจนแสงทองสวาํ งฟา้
ไมํตายคลายคืนฟ้นื ขึ้นได๎ กูขอแมํไว๎พอเห็นหน๎า
แตํพอให๎เคลือ่ นคลายหลายเวลา จงึ จะสงํ มารดาน้นั คืนไป
(ขุนช๎างขนุ แผน)
๓) พรรณนาโวหาร คือ การอธิบายความหมายโดยสอดแทรกอารมณ์ความรู้สึก หรือให้
รายละเอียดอย่างลึกซึ้งของผแู้ ต่งลงไปในเรื่องนน้ั ๆ ทาํ ให้เกดิ อารมณส์ ะเทอื นใจคล้อยตาม เช่น
สามยอดตลอดระยะระยบั วะวะวบั สลบั พรรณ
ชํอฟ้าตระการกลจะหยัน จะเยาะยั่วทิฆมั พร
บราลพี ลิ าศศภุ จรญู นภศูลประภสั สร
ดุจกวกั นภาลัย
หางหงสผ๑ จงพิจติ รงอน
(สามัคคเี ภทคาํ ฉนั ท๑ : ชิต บรุ ทตั )
๔) เทศนาโวหาร คือ การกล่าวสั่งสอนอย่างมีเหตุผลประกอบ หรือชักจูงให้ผู้อ่านเห็นคล้อยตาม
ชีแ้ นะคุณและโทษ สิง่ ท่คี วรปฏิบัติ หรอื แสดงทัศนะในข้อสงั เกต เชน่
บัดเดยี๋ วดังหง่งั เหงงํ วังเวงเเวํว สะด๎ุงเเล๎วเหลยี วเเลชะเเงห๎ า
เห็นโยคขี ่ีรง๎ุ พงํุ ออกมา ประคองพาขึน้ ไปจนบนบรรพต
มนั เเสนสดุ ลกึ ลาํ เหลือกาํ หนด
เเลว๎ สอนวาํ อยําไว๎ใจมนุษย๑
อนั เถาววลั ย๑พันเกย่ี วที่เลย้ี วลด กไ็ มํคดเหมือนหนึง่ ในนําใจคน
(พระอภยั มณี : สนุ ทรภํ)
ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหสั ลงั เจะยามา ๕
แนวทางการพิจารณาคณุ คา่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖
๕) สาธกโวหาร คือ การยกตัวอย่างหรือเรื่องราวมาประกอบเพ่ือเพ่ิมรายละเอียดหรือส่งที่น่ารู้
น่าสนใจลงไปในอความทําใหเ้ ขา้ ใจชดั เจนย่งิ ขนึ้ เช่น
พระตรโี ลกนาถแผว๎ เผด็จมาร
เฉกพระราชสมภาร พน่ี ๎อง
เสดจ็ ไร๎พริ ิยะราญ อรนิ าศ ลงนา
เสนอพระยศยินก๎อง เกยี รติท๎าวทุกพาย
(ลิลติ ตะเลงพําย)
๖) อุปมาโวหาร คือ โวหารที่กล่าวเปรียบเทียบ มักใช้คู่กับอุปไมย อุปมาเป็นสิ่งที่ยกข้อความ
มาเปรยี บ สว่ น อุปไมย คอื ขอ้ ความทีเ่ ปรียบกบั สิ่งอน่ื ให้เขา้ ใจแจ่มแจ้ง เชน่
สูงระหงทรงเพรยี วเรยี วรูด งามละม๎ายคล๎ายอูฐกะหลาป๋า
พิศแตํหวั จรดเท๎าขาวแตตํ า สองแก๎มกลั ยาด่งั ลูกยอ
จมกู ละม๎ายคลา๎ ยพรา๎ ขอ
ค้ิวกงํ เหมือนกงเขาดดี ฝ้าย ลําคอโตตนั สน้ั กลม
หกู ลวงดวงพักหักงอ (ระเดนํ ลันได : พระมหามนตร)ี
การใช้ภาพพจน์
ภาพพจน์ หมายถงึ กลวิธีการนําเสนอโดยการพลิกแพลงภาษาให้แปลกออกไปทําให้ผู้อ่านเกิดภาพ
ในใจ เกดิ ความประทบั ใจ ความรู้สกึ สะเทือนใจ เป็นการเปรียบเทยี บให้เหน็ ภาพอย่างชัดเจน ดังนี้
๑) อุปมา (simile) คือ การเปรียบเทียบส่ิงหนึ่งกับอีกส่ิงหน่ึงที่มีสภาพท่ีแตกต่างกัน แต่มี
ลักษณะเด่นร่วมกันและใช้คําที่มีความหมายว่า เหมือนหรือคล้าย ได้แก่คําว่า เหมือน เสมือน ดัง ดั่ง
คล้าย ดูราว เหมือนดั่ง ดุจ ประดุจ ประหนึ่ง ละม้าย เสมอ ปาน เพียง ราว ราวกับ พ่าง เทียบ
เทียม เฉก เชน่ ฯลฯ เชน่
๛ลกู คนนล้ี ะม้ายพ่อ ๛เธอว่ายน้ําเก่งเหมือนปลา
๛เพลงน้ไี พเราะราวกับเพลงจากสวรรค์ ๛ดวงหนา้ นวลกระจา่ งดจุ ดวงจนั ทร์
๒) อุปลักษณ์ (metaphor) คือ การเปรียบเทียบด้วยการกล่าวสิ่งหนึ่งเป็นอีกส่ิงหน่ึงเป็นการ
เปรียบเทียบที่ไม่กล่าวตรง ๆ ใช้การกล่าวเป็นนัยให้เข้าใจ เป็นการเปรียบเทียบโดยนําเอาลักษณะสําคัญ
ของสิ่งที่ต้องการเปรียบเทียบ มาเปรียบเทียบทันทีโดยโดยไม่ต้องมีคําเช่ือมโยง ไม่ต้องใช้คําแสดงการ
เปรยี บเทยี บ ไม่มคี ําแสดงความหมายวา่ เหมือน ปรากฏอยู่ เชน่
๛กฬี าเป็นยาวเิ ศษ ๛ทหารเป็นรั้วของชาติ
๛ทองกวาวทงิ้ ไรน่ ามาอย่ปู าุ คอนกรีต ๛ครู คอื แม่พิมพ์ของชาติ
ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ ัสลงั เจะยามา ๖
แนวทางการพิจารณาคณุ คา่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖
๓) บุคลาธิษฐาน (personification) คือ การสมมุติให้สิ่งท่ีไม่มีชีวิต ไม่มีความคิด ส่ิงที่เป็น
นามธรรม หรือสัตว์ให้มีสติป๎ญญา อารมณ์หรือกิริยาอาการ เหมือนมนุษย์เพื่อให้ส่ิงเหล่าน้ันเกิด
ปรากฏการณเ์ สมอื นเปน็ สิง่ มีชวี ิตที่มคี วามรู้สกึ นกึ คิดข้ึนมา เชน่
๛เสียงรถไฟหวดี ร้องครวญครางมาแต่ไกล
๛พระจันทร์ย้ิมทกั ทายกบั หมู่ดาวบนท้องฟูา
๛ต้นอ้อหยอกล้อกับสายลมอย่างสนกุ สนาน
๔) ปฏิพจน์ (paradox) คือ การใช้ถ้อยคําท่ีมีความหมายตรงกันข้าม หรือขัดแย้งกัน ภาพพจน์
ประเภทนผ้ี ู้รบั สารจะตอ้ งมีความสามารถในการวิเคราะห์ความหมาย หรอื ตคี วามจึงจะเข้าใจไดด้ ี เชน่
๛ความรทู้ ว่ มหัว เอาตัวไม่รอก ๛เล็กดรี สโต
๛ความขมข่นื อันหวานช่นื ๛ไมง้ ามกระรอกเจาะ
๛นา้ํ ร้อนปลาเป็นน้ําเยน็ ปลาตาย ๛แพ้เปน็ พระชนะเปน็ มาร
๕) อติพจน์ (hyperbole) คือ การกล่าวเกินจริง ซึ่งเป็นความรู้สึกหรือความคิดของผู้กล่าวที่
ต้องการย้ําความหมาย ให้ผู้ฟ๎งรู้สึกว่าหนักแน่นจริงจัง เน้นความรู้สึกให้เด่นชัดและน่าสนใจ โดยไม่เน้น
ความเป็นจรงิ เพราะตอ้ งการ ให้ผู้รับ สารเกิดความซาบซึ้งและประทบั ใจ เชน่
๛การบินไทยรักคุณเทา่ ฟาู ๛ลาํ บากเลอื ดตาแทบกระเด็น
๛เหนอ่ื ยสายตวั แทบขาด ๛แมจ้ ะเอาชา้ งมาฉดุ ฉนั กไ็ ม่ไป
๛เธอรอ้ งไห้นา้ํ ตาจะเปน็ ๛คดิ ถึงเธอทุกลมหายใจเข้าออก
๖) สทั พจน์ (onomatopoeia) คือ การใชถ้ ้อยคาํ ทีเ่ ลยี นเสยี งธรรมชาติ การใช้ภาพพจน์ประเภท
นไ้ี มว่ า่ จะเป็นการพูดหรือการเขียน จะช่วยสื่อให้ผู้รับสารรู้สึกเหมือนได้ยินเสียง โดยธรรมชาติของสิ่งนั้น ๆ
และเห็นกิรยิ าอาการของสงิ่ น้ัน ๆ ด้วย เช่น
๛ลมพดั กงิ่ ไมร้ ะหลงั คาบ้านดงั แกรกกรากน่ากลวั
๛มันดังจอกโครม ๆ มนั ดัง จอก ๆ จอก ๆ โครม ๆ
๛เสียงลงิ ค่างบา่ งชะนีวะหวดี โหวย กระหึ่มโหยห้อยไม้นา่ ใจหาย
๗) สัญลักษณ์ (symbol) คือ การเปรียบเทียบท่ีเรียกสิ่งหน่ึงส่ิงใดโดยใช้คําอ่ืนแทน คําที่ใช้เรียก
น้นั เกดิ จากการเปรียบเทยี บและตคี วาม ซง่ึ ใช้กนั มานานจนเปน็ ทเี่ ขา้ ใจกนั สัญลักษณ์ท่นี ิยมใชม้ ดี งั น้ี
๛ดอกหญ้า หมายถึง ความต้อยตํ่า
๛รวงขา้ ว หมายถึง ความอ่อนนอ้ มถ่อมตน
๛หญา้ แพรก หมายถึง ความงอกงามทางสติป๎ญญาและความรู้
๛นา้ํ ค้าง หมายถึง ความบริสุทธ์ิ
๛นกขมน้ิ หมายถงึ ผทู้ ่รี ่อนเร่พเนจร
๛ผ้งึ มด หมายถงึ ความขยนั อดทน
ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ ัสลัง เจะยามา ๗
แนวทางการพิจารณาคณุ คา่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖
การใชล้ ลี าการประพันธ์ (รสวรรณคดี)
ลีลาการประพันธ์ หมายถึง รสของความไพเราะอันเกิดจากการใช้ถ้อยคําให้เกิดความงดงามและ
เกิดอารมณ์ ดังนี้
๑. เสาวรจนีย์ (บทชมโฉม) คือการเล่าชมความงามของตัวละครในเร่ือง ซ่ึงอาจเป็นตัวละครที่เป็น
มนษุ ย์ อมนษุ ย์ หรอื สัตว์ซ่ึงการชมน้ีอาจจะเป็นการชมความเก่งกล้าของกษัตริย์ ความงามของปราสาทราช
วงั หรอื ความเจรญิ รุ่งเรืองของบ้านเมือง เช่น บทชมโฉมนางมทั มา โดยทา้ วชัยเสนราํ พันไว้
เสียงเจ๎าสิเพรากวาํ ดุรยิ างคะดีดใน
ฟากฟา้ สรุ าลยั สรุ ศพั ทะเริงรมย๑
ยามเดินบนเขนิ ขัด กละนัจจะนําชม
กรายกรก็เร๎ารม ยะประหนึง่ ระบําสรวย
ยามนงั่ กน็ ่งั เรียบ และระเบียบเขนิ ขวย
แขนอํอนฤเปรยี บดว๎ ย ธนุกงํ กระชับไว๎
พศิ โฉมและฟ๓งเสียง ละก็เพียงจะขาดใจ ...
(พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล๎าเจา๎ อยูหํ วั )
๒. นารีปราโมทย์ (บทเก้ียว โอ้โลม) คือการกล่าวข้อความแสดงความรัก ทั้งท่ีเป็นการพบกันใน
ระยะแรกๆ และในโอโ้ ลมปฏิโลมกอ่ นจะถงึ บทสงั วาสนนั้ ด้วย
พ่ผี ิดพ่ีก็มาลุแกโํ ทษ จะคมุ โกรธคุมแคน๎ ไปถึงไหน
ความรักพย่ี งั รักระงมใจ อยาํ ตัดไมตรีตรึงให๎ตรอมตาย
วําพลางทางแอบเขา๎ แนบอก ประคองยกของสําคญั ม่นั หมาย
เจ๎าเน้ือทิพยห๑ ยบิ ช่ืนอารมณช๑ าย ขอสบายสกั หนํอยอยําโกรธา
(ขนุ ช๎างขุนแผน)
๓. พิโรธวาทงั (บทตดั พอ้ ) คอื การกล่าวข้อความแสดงอารมณ์ไม่พอใจ ตั้งแต่น้อยไปจนมาก จึงเร่ิม
ต้งั แต่ ไม่พอใจ โกรธ ตดั พอ้ ประชดประชัน กระทบกระเทียบเปรียบเปรย เสียดสี และดา่ ว่าอยา่ งรุนแรง
บทตัดพ้อที่แสดงท้งั อารมณร์ ักและแค้นของ อังคาร กัลยาณพงศ์ จากบทกวี เสยี เจา้
จะเจ็บจําไปถงึ ปรโลก ฤๅรอยโศกรร๎ู า๎ งจางหาย
จะเกดิ ก่ีฟา้ มาตรมตาย อยําหมายวําจะให๎หวั ใจ
(อังคาร กลั ยาณพงศ๑)
ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหสั ลงั เจะยามา ๘
แนวทางการพิจารณาคณุ คา่ วรรณคดีและวรรณกรรม ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖
๔. สัลลาปังคพิไสย(บทโศก) คือ การกล่าวข้อความแสดงอารมณ์โศกเศร้า อาลัยรัก หรือบทโศก
อันว่าด้วยการจากพรากส่ิงอันเป็นที่รัก เช่น ตอนท่ีนางวันทอง ครํ่าครวญอาลัยรักต้นไม้บ้านขุนช้าง อัน
แสดงใหเ้ ห็นวา่ นางไมต่ ้องการตามขนุ แผนไป แต่เพราะขนุ แผนรา่ ยมนตส์ ะกด นางได้รํ่าลาตน้ ไม้กอ่ นจากไป
ลาํ ดวนเอยจะดํวนไปกอํ นแล๎ว ทงั้ เกดแก๎วพิกุลยส่ี ํุนสี
จะโรยร๎างหํางกล่ินมาลี จําปเี อย๐ ก่ปี ีจะมาพบ
(พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล๎านภาลัย)
การใชศ้ ิลปะการประพันธ์
ศิลปะการประพันธ์ หมายถึง รูปแบบหรือวิธีการแต่งคําประพันธ์ในวรรณคดี เพ่ือให้วรรณคดีมี
ความไพเราะและงดงาม ซ่ึงพอจะสรปุ ได้ ดังน้ี
๑. การใชส้ มั ผสั สระ คือ ตอ้ งเปน็ สระเสยี งเดยี วกันและเสยี งพยัญชนะสะกดมาตราเดียวกัน
ชะแวงแฝงฝง่๓ แนบ ชะวาดแอบแปบปนปลอม
เหมอื นพ่แี นบแอบถนอม จอมสวาทนาฏบังอร
กาพยเ๑ หเํ รอื
๒. การใช้สัมผัสอักษร (สัมผัสพยัญชนะ) คือ พยัญชนะเสียงเดียวกันจะสัมผัสได้ และอักษรตํ่า
สัมผัสกนั ได้เพราะจัดเปน็ เสยี งเดยี วกนั (ท ธ ฑ ฒ สามารถสมั ผสั กบั ถ ฐ ได้ เป็นต้น) เช่น
เงยี บสตั ว๑จตุบททวบิ าท ดาวดาษเดือนสวาํ งกระจาํ งไข
นํา้ คา๎ งกระเซน็ เย็นเย็อกใจ สงดั เสยี งคนใครไมพํ ูดจา
ขนุ ชา๎ งขนุ แผน
๓. การเลน่ เสียงวรรณยกุ ต์ คือ การเล่นเสยี งสูง-ต่าํ หรือการใชเ้ สียงดนตรี เชน่ ธรณีน่นี ี้ เปน็ พยาน
ธรณนี ่นี ี้ เป็นพยาน
เรากศ็ ิษย๑มอี าจารย๑ หน่งึ บ๎าง
เราผดิ ทํานประหาร เราชอบ
เราบํผดิ ทาํ นมลา๎ ง ดาบนี้ คนื สนอง
(ศรปี ราชญ๑)
๔. การซ้ําคาํ คอื การใชค้ าํ ๆเดียวกันซํ้าในหลายๆจุด มี ๒ แบบ เปน็ คําซ้ําและไม่เป็นคําซํ้า
แกม๎ ช้าํ ชํา้ ใครต๎อง อันแกม๎ น๎องชํ้าเพราะชม
ปลากทุกทุกข๑อกกรม เหมือนทกุ ข๑พี่ทจ่ี ากนาง
กาพย๑เหเํ รอื
ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ ัสลัง เจะยามา ๙
แนวทางการพิจารณาคณุ คา่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖
๕. การเล่นคาํ คือ การเอาคําพอ้ งเสียงมาใชใ้ นหลายๆแหง่ ของบทประพันธ์
วาํ พลางทางชมคณานก โผนผกจบั ไม๎องึ ม่ี
เบญจวรรณจบั วลั ยช๑ าลี เหมือนวันพี่ไกลสามสุดามา
อเิ หนา
๖. ปฏปิ จุ ฉา (คาํ ถามเชงิ วาทศิลป)์ คอื คาํ ถามท่ีไม่ต้องการคําตอบแต่พดู ใหค้ ิด เช่น
พลางอาํ นวยอวยพรถาวรสวสั ด์ิ จงกําจัดภัยพาลเถดิ หลานแก๎ว
ใครปองร๎ายหมายมาดจงคลาดแคล๎ว ใหผ๎ ํองแผว๎ ภญิ โญเดโชชยั
พระอภัยมณี
๗. คาํ ไวพจน์ หรือการหลากคํา คือ คําท่ีเขยี นตา่ งกนั แต่มคี วามหมายเหมือน
อดั อึดฮึดฮัดดว๎ ยขัดใจ เมอื่ ไรตะวนั จะลบั หล๎า
เขา๎ หอ๎ งหวนละห๎อยคอยเวลา จนสรุ ิยาเลย้ี วลบั เมรุไกร
ขุนชา๎ งขุนแผน
๘. การใช้คําครลุ หุ คอื การใช้คาํ ท่เี สียงหนกั และเสียงเบา
ชะรอยวําทิชาจารย๑ ธ คดิ อํานกะทาํ นเป็น
รหัสเหตปุ ระเภทเห็น ละแนชํ ดั ถนดั ความ
สามคั คเี ภทคาํ ฉันท๑
๙. คาํ อพั ภาส คอื คําซ้ําทกี่ รอ่ นเสยี งพยางคห์ น้า เช่น ระเรอ่ื ย ระริน วะวาว วะวบั
...พอประจวบจวนพญาพาฬมฤคราช สะด๎งุ พระทยั ไหวหวาดวะหวดี วิง่ วนแวะเข๎าข๎างทาง
พระทรวงนางสนั่ ระรัวรกิ เต๎นดง่ั ตปี ลา ทรงพระกนั แสงโศกาไห๎พไิ รร่ําวํากรรมเอ๐ยกรรม...
มหาเวสสนั ดรชาดก
๑๐. การใชจ้ นิ ตภาพ คือ การใช้ประสาทสัมผัสในการจินตนาการ อันได้แก่ รูป (ภาพ สี แสง การ
เคลอื่ นไว) รส กล่ิน และเสียง
นาวาแนํนเป็นขนดั ล๎วนรปู สตั วแ๑ สนยากร
เรือรวิ้ ทวิ ธงสลอน สาครลัน่ ครั่นครนื้ ฟอง
กาพยเ๑ หํเรอื
ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหัสลัง เจะยามา ๑๐
สามกก๊ ตอน กวนอูไปรบั ราชการกบั โจโฉ
การอ่านออกเสียงเร่ือง สามก๊ก ตอนกวนอูไปรับราชการกับโจโฉ จะต้องอ่านอย่างถูกต้อง
เหมาะสม วิเคราะหว์ ิจารณ์ ตามหลกั การวิจารณ์เบื้องตน้ และลักษณะเดน่ โดยเช่ือมโยงกับการเรียนรู้
ทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของสังคมจีนในอดีต คุณค่าด้านวรรณศิลป์และสังเคราะห์ข้อคิด เพื่อ
นาํ ไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จรงิ
มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วัด อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้อย่างถกู ต้อง
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ ไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องทอ่ี ่าน
วเิ คราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑ การวิจารณเ์ บือ้ งต้น
วิเคราะหล์ กั ษณะเด่นของวรรณคดเี ชอ่ื มโยงกับการเรียนรู้
ม.๔-๖/๒ ทางประวัตศิ าสตรแ์ ละวิถีชวี ิตของสงั คมในอดตี
วิเคราะห์และประเมนิ คณุ ค่าด้านวรรณศิลปข์ องวรรณคดี
ม.๔-๖/๓ และวรรณกรรมในฐานะท่เี ป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
สงั เคราะหข์ ้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือนาํ ไป
ม.๔-๖/๔ ประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหสั ลัง เจะยามา ๑๑
วรรณคดวี จิ กั ษ์ ๑
สามกก๊ ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ
ความเปน็ มา
สามก๊กไม่ใช่พงศาวดารสามัญ จีนเรียกว่า “สามก๊กจี่” แปลว่าจดหมายเหตุเร่ืองสามก๊ก ซึ่ง
นกั ปราชญจ์ ีนคนหนงึ่ ชือ่ ล่อกวนตง เลือกเอาเรื่องในพงศาวดารตอนหน่ึงมาแต่งโดยประสงค์จะให้เป็นตํารา
สําหรับศึกษาอุบายการเมือง และการสงคราม ซึ่งแต่งดีอย่างยิ่ง จึงเป็นหนังสือเรื่องหนึ่งท่ีเป็นที่ยอมรับใน
ประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ
ต้ น ตํ า น า น ข อ ง ห นั ง สื อ ส า ม ก๊ ก นั้ น เ ดิ ม เ ร่ื อ ง ส า ม ก๊ ก เ ป็ น นิ ท า น สํ า ห รั บ เ ล่ า กั น
เมอื่ ถึงสมยั ราชวงศถ์ งั (พ.ศ.๑๑๖๑ - ๑๔๔๙) เกิดมีการเล่นงิ้วขึ้นในประเทศจีน พวกงิ้วก็ชอบเอาเร่ืองสาม
ก๊กไปเล่นด้วยเรื่องหนึ่ง ต่อมาถึงราชวงศ์ไต้เหม็ง (พ.ศ.๑๙๑๑ - ๒๑๘๖) นักปราชญ์จีนผู้หน่ึงชื่อล่อกวนตง
คิดแต่งหนังสือเรื่องสามก๊กข้ึน ๑๒๐ ตอน ต่อมานักปราชญ์จีนอีก ๒ คน คนหนึ่งช่ือเม่าจงกัง และกิม
เสีย่ ถา่ ยช่วยกันแต่งและตรวจรวมท้งั แตง่ คําอธบิ ายเพมิ่ เตมิ และจัดพิมพ์หนงั สอื เร่ืองสามกก๊ ข้ึน
ตํานานการแปลหนังสือสามก๊กเป็นภาษาไทยมีคําบอกเล่าสืบกันมาว่า ราว พ.ศ.๒๓๔๕ ในสมัย
รัชกาลท่ี ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟูาจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน)
เป็นผู้อํานวยการแปลสามก๊กเป็นภาษาไทย เนื่องจากสมัยนั้นผู้ที่มีความเช่ียวชาญทางภาษาไทยยังไม่รู้จัก
ภาษาจีนดี ส่วนผู้ท่ีรู้จักภาษาจีนดีแต่ก็ไม่ชํานาญภาษาไทย ดังน้ันการแปลเรื่องสามก๊กน้ีจึงต้องมีผู้ร่วม
ทาํ งานกนั สอฃฝาุ ย ฝุายหน่ึงแปลความจากภาษาจนี มาเป็นภาษาไทยก่อน แล้วผู้ชํานาญในทางภาษาไทยจึง
เรยี บเรียงแต่งใหเ้ ป็นภาษาไทยทม่ี ีสํานวนโวหารสละสลวยและเหมาะสม
สามก๊กฉบับแปลภาษาไทยจึงเป็นวรรณคดีที่มีสํานวนโวหารยอดเย่ียม ซึ่งเป็นหนังสือแปล
พงศาวดารท่ีดีกว่าเรื่องอ่ืน ๆ เพราะใช้ถ้อยคําและเรียงความเรียบร้อยสม่ําเสมอ อ่านเข้าใจง่าย จึงใช้
หนังสือสามก๊กเปน็ แบบสาํ หรับหดั เรียงความในโรงเรียนมาชา้ นาน มสี ํานวนท่คี ัดลอกกันไว้หลายสํานวน แต่
สํานวนท่ีนํามาตีพิมพ์ครั้งแรกท่ีโรงพิมพ์ของหมอบลัดเลย์ มิชชันนารีอเมริกา เป็นสํานวนท่ีได้สอบกับ
ต้นฉบับของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ และออกพิมพ์จําหน่ายครั้งแรก ใน พ.ศ.๒๔๐๘ ใน
รชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว
วรรณคดสี โมสรจงึ ไดย้ กยอ่ งสามก๊กให้เปน็ “ยอดแหง่ ความเรียงประเภทนทิ าน”
“ยังมไิ ด้อ่านสามกก๊ อย่าพึงคิดการใหญ่”
ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ สั ลงั เจะยามา ๑๒
สามก๊ก ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
ประวตั ผิ ู้แต่ง (ผู้แปล)
เจา้ พระยาพระคลงั (หน) มนี ามเดมิ วา่ “หน” เป็นบุตรเจ้าพระยาบดินทร์สุรินทร์ฦาชัย (บุญมี) กับ
ท่านผู้หญิงเจริญ รับราชการมาต้ังแต่สมัยธนบุรี มีบรรดาศักดิ์เป็น “หลวงสรวิชิต” นายด่านเมืองอุทัยธานี
ต่อมาในสมยั รชั กาลท่ี ๑ ได้ตามเสด็จพระราชดําเนินไปในการสงครามมาโดยตลอด นอกจากจะเป็นนักรบ
ที่กล้าหาญแล้ว เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ยงั มคี วามสามารถในการแต่งคําประพันธ์ได้ดีเย่ียมทุกประเภท ไม่
ว่าจะเป็นร้อยแก้วหรือร้อยกรอง เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ถึงแก่อสัญกรรมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ
พุทธยอดฟาู จุฬาโลกมหาราช เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๔๘
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) มีความสามารถเป็นพิเศษในการประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง งาน
ประพันธ์ท่ีสําคัญได้แก่ นิยายเรื่อง ราชาธิราช สามก๊ก ร่ายยาวมหาชาติเวสสันดรชาดก (กัณฑ์กุมารและ
กณั ฑม์ ัทรี) บทมโหรเี รอ่ื งกากี ลิลติ เพชรมงกฎุ และอเิ หนาคําฉนั ท์
ลักษณะคาประพันธ์
เร่ืองสามก๊กเรียบเรียงด้วยคําประพันธ์ประเภทความเรียงร้อยแก้ว โดยแปลจากภาษาจีนมาเป็น
ภาษาไทยแล้วเรียบเรยี งใหม่ ใชป้ ระโยคกะทัดรัด ไมม่ ีศพั ทย์ าก ภาษาไม่ซับซ้อน การพรรณนาเด่นชัด มีบท
อปุ มาอุปไมยที่ลึกซึ้งคมคาย
เรือ่ งย่อ
ในปลายสมัยราชวงศ์ฮ่ัน รัชกาลพระเจ้าเลนเต้ ได้มีกลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองท่ีทําให้ประชาชนเดือน
ร้อนไปทั่ว ชาวเมืองสามคนได้แก่ เล่าป่ี กวนอู และเตียวหุย ท้ังสามเป็นพ่ีน้องร่วมสาบานกัน ได้ปราบโจร
โพกผ้าเหลืองได้ พระเจ้าแผน่ ดนิ จงึ ปูนบาํ เหน็จให้เล่าปี่ไปครองเมืองๆ หน่ึง โดยมีกวนอูและเตียวหุยไปเป็น
ทหารเอกและขุนพลหนุ่มชื่อโจโฉก็ปราบโจรโพกผ้าเหลืองได้แตกพ่ายเช่นกัน ต่อมาเม่ือพระเจ้าเหียนเต้ได้
ครองราชย์ได้ต้ังต๋ังโต๊ะคนอธรรมเป็นอุปราช โดยมีลิโปูเป็นทหารเอก ชาวเมืองเดือดร้อนไปท่ัวจากความ
อธรรมของตั๋งโต๊ะ มีผู้ทําอุบายให้ลิโปผิดใจกับกับตั๋งโต๊ะ และฆ่าต๋ังโต๊ะตาย โจโฉจึงเข้ามากุมอํานาจย ก
กองทัพไปปราบหัวเมืองต่างๆ มีอํานาจมาก ต่อมาภายหลังได้เป็นเจ้าเมืองกุนจิ๋วและสู้รบกับเล่าป่ีอยู่เสมอ
เล่าปี่พ่ายแพ้โจโฉเสมอ แต่เมื่อได้ขงเบ้งมาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งขงเบ้งแนะนําให้เป็นพันธมิตรกับซุนกวนผู้มี
อํานาจในดินแดนแถบลุ่มนํ้าแยงซีเกียงทางใต้และร่วมมือกับจิวยี่ขุนพลของซุนกวนตีทัพโจโฉแตกพ่าย แต่
ภายหลังเล่าปี่กับฝุายซุนกวนกลายเป็นปฏิป๎กษ์กัน ทําให้สู้รบกัน เม่ือพระเจ้าเหียนเต้สิ้นพระชนม์แผ่นดิน
จีนจึงแบ่งออกเป็นสามก๊กดังน้ี ๑. จ๊กก๊ก ของเล่าป่ี ๒. วุ่ยก๊ก ของทายาทโจโฉ ๓. ง่อก๊ก ของซุนกวน
ทง้ั สามกก๊ ทําสงครามกนั เปน็ เวลาถึง ๖๐ ปี จึงรวมอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์องค์เดียวกัน เร่ือง
สามกก๊ ตอน กวนอไู่ ปรบั ราชกาลกบั โจโฉ เป็นตอนท่ี ๒๒ มเี นื้อเรอ่ื งโดยสังเขปดงั นี้
ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ สั ลงั เจะยามา ๑๓
สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๖
ในสมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้โจโฉต้ังตัวเป็นมหาอุปราชสําเร็จราชการแผ่นดินและคิดกําจัดเล่าปี่ ซึ่ง
ขณะน้ันครองเมืองซีจ๋ิวอยู่ เล่าป่ีหนีไปพํานักล้ีภัยอยู่ที่เมืองกิจ๋ิว ฝุายโจโฉเม่ือเข้ายึดเมืองซีจิ๋วของเล่าป่ีได้ก็
ยกไปตีเมืองแห่ฝือของกวนอู โจโฉส่งทหารไปล่อให้กวนอูไล่ตามออกมานอกเมืองและล้อมจับตัวกวนอูไว้
เตียวเลี้ยว (ทหารฝุายโจโฉ) ซ่ึงกวนอูเคยช่วยชีวิตไว้เป็นผู้เข้าไปเกลี้ยกล่อมกวนอูให้ไปอยู่กับโจโฉ กวนอู
ยอมจํานนแต่ขอเง่ือนไขเป็นสัญญา ๓ ข้อ จากโจโฉ คือ ๑. ขอให้ได้เป็นข้าพระเจ้าเห้ียนเต้ ๒. ขอให้ได้
ปรนนิบัติและคุ้มครองพี่สะใภ้ท้ังสอง ๓. ขอไปหาเล่าปี่ทันทีเมื่อรู้ว่าอยู่ที่ใด แต่แรกโจโฉไม่ยอมรับเงื่อนไข
ข้อสุดท้าย เตียวเลี้ยวจึงยกนิทานเรื่องอิเยียงผู้กตัญํูมาเล่า เพ่ือช้ีให้เห็นว่ากวนอูนั้นเป็นคนกตัญํูมาก
หากโจโฉเลย้ี งดูอยา่ งดีอาจผูกใจกวนอูไว้ได้ โจโฉจึงยอมรับเงื่อนไขของกวนอู โจโฉพากวนอูไปถวายตัวเป็น
ทหารเหี้ยนเต้ และให้กวนอูกับพี่สะใภ้ทั้งสองอยู่อย่างสุขสบาย แต่กวนอูก็มิได้มีนํ้าใจตอบสนองโจโฉ กลับ
แสดงวา่ ยงั จงรักภัคดีต่อเล่าปี่อย่างแนบแน่น โจโฉคิดน้อยใจแต่ก็เช่ือว่ากวนอูเป็นคนกตัญํูคงจะไม่จากไป
จนกว่าจะไดต้ อบแทนบุญคุณกอ่ น
ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ ัสลัง เจะยามา ๑๔
สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
ตัวละครสามก๊ก ตอน กวนอไู ปรับราชการกบั โจโฉ
ตัวละครฝา่ ยโจโฉ (วุยก๊ก)
โจโฉ เทยี หยก งักจนิ้ กุยแก ซนุ ฮก มอกาย เตยี วเล้ยี ว
ลเิ ตยี น เคาทู ซหิ ลง อิก๋ิม แฮหวั ตุ้น แฮหัวเอย๋ี น
ตวั ละครฝา่ ยโจโฉ (วยุ ก๊ก)
เลา่ ปี่ กวนอู เตียวหุย กําฮหู ยิน บฮิ หู ยนิ มา้ เท้ง
ตนั เต๋ง เตยี นหอ้ ง บิต๊ก บิฮอง ซุนเขียน กันหยง
ตวั ละครฝา่ ยโจโฉ (วุยกก๊ )
ซุนกวน อว้ นเส้ียว อ้วนถาํ
ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหัสลัง เจะยามา ๑๕
สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๖
สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรับราชการกบั โจโฉ
(โจโฉยกทพั ไปปราบเลา่ ป)่ี
โจโฉจงึ ออกจากพระราชวงั กลับมาบ้านแลว้ ปรึกษาเทยี หยกว่า ตงั สินกับพวกหา้ คนซงึ่ คิดร้ายเรานั้น
เราก็ฆ่าเสียแล้ว ยังแต่เล่าปี่กับม้าเท้ง เราจะคิดประการใดจึงจะได้ตัวมาฆ่าเสีย เทียหยกจึงว่า ม้าเท้งไปอยู่
เมืองเสเหลียงนั้นมีทหารเป็นอันมาก ถ้าท่านจะยกกองทัพไปตีเอาบัดนี้เมืองเราก็ เป็นกังวลอยู่ ขอให้ท่าน
เร่งแตง่ ผู้มีสติป๎ญญาไปเกล้ียกล่อมหาตัวม้าเท้งกลับเข้ามา อย่าให้ทันม้าเท้งรู้ว่าท่านจับตังสินกับพวกเพ่ือน
ฆ่าเสีย ข้าพเจ้าเห็นว่าม้าเท้งไม่แจ้งเนื้อความท้ังนี้ก็จะเข้ามา จึงจับฆ่าเสียก็จะได้โดยง่าย อันเล่าป่ีนั้นไปอยู่
เมืองชีจิ๋ว ซ่องสุมทหารจะคอยรับกองทัพท่าน บัดน้ีทหาร อ้วนเส้ียวกับทหารเราก็ยังต้ังรอกันอยู่
ณ ตําบลกัวต่อ เห็นเล่าป่ีจะให้มีหนังสือไปคิดกับอ้วนเสี้ยวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าท่านยกกองทัพไปรบ
เล่าป่ี ดีรา้ ยอว้ นเส้ียวจะยกมาตีเมอื งฮโู ต๋เป็นม่ันคง ผู้ใดซึ่งจะต้านทานอ้วนเส้ียวได้น้ันขัดสน โจโฉจึงตอบว่า
เล่าป่ีน้ันเป็นคนมีสติป๎ญญา ถ้าละไว้ช้าก็จะมีกําลังมากข้ึน อุปมาเหมือนลูกนกอันขนปีกยังไม่ขึ้นพร้อม แม้
เราจะนิ่งไว้ให้อยู่ในรังฉะน้ี ถ้าขนข้ึนพร้อมแล้วก็จะบินไปทางไกลได้ ซึ่งจะจับตัวนั้นเห็นจะได้ความขัดสน
อ้วนเส้ยี วนน้ั มีทหารมากกจ็ ริง แต่สติป๎ญญานอ้ ย ถึงจะคิดประการใดเรากไ็ ม่กลวั
ขณะนั้นพอกุยแกเข้ามา โจโฉจึงปรึกษาว่า เราจะยกกองทัพไปรบเล่าป่ี ณ เมืองชีจิ๋ว ฝุายทิศ
ตะวันออก แต่คิดเกรงอยู่ข้างฝุายทิศเหนือ เกลือกอ้วนเสี้ยวรู้ จะยกกองทัพมาโจมตีเอาเมืองฮูโต๋ ท่านจะ
คิดเห็นประการใด กุยแกจึงว่า อันความคิดอ้วนเส้ียวน้ัน ถ้าจะทําการส่ิงใดก็รวดเร็ว จะใช้ผู้ใดอ้วนเสี้ยวมัก
คิดสงสยั มิวางใจ ประการหน่ึงทหารท้ังปวงก็แก่งแย่งกัน จึงจะยกมาตีเมืองฮูโต๋ ก็เห็นจะไม่สมความคิด อัน
เล่าป่ีนั้นก็พึ่งได้กลับไปอยู่เมืองชีจิ๋ว แล้วทหารของเราก็ติดไปด้วย ซึ่งจะคิดการศึกไปน้ัน เห็นทหารท้ังปวง
ยังไม่พร้อมเป็นใจเดียวกัน ครั้นจะนิ่งไว้ทหารก็จะเป็นใจประนอมกันเข้า ขอเร่งยกกองทัพไปตีเมืองชีจ๋ิว
เสียก่อน โจโฉได้ฟ๎งดังน้ันก็มีความยินดี จึงตอบกุยแกว่า ซ่ึงเราถามนี้แกล้งจะดูความคิดท่าน ท่านว่ามาก็
เหมือนนาํ้ ใจเราคิด แลว้ โจโฉก็เกณฑท์ หารได้ประมาณยีส่ ิบหมนื่ ยกออกจากเมืองฮโู ต๋
ฝุายม้าใช้รู้ว่าโจโฉยกมา จึงรีบไปเมืองชีจิ๋วบอกเน้ือความแก่ซุนเขียนว่า บัดนี้กองทัพโจโฉยกมา
ซุนเขียนแจ้งดังน้ันก็ไปบอกแก่กวนอู ณ เมืองแห้ฝือ ตามคําม้าใช้ แล้วว่าให้จัดแจงทหารไว้ให้พร้อม แล
ซุนเขียนก็ไปเมืองเสียวพ่าย บอกเน้ือความแก่เล่าปี่ เล่าปี่แจ้งดังน้ันจึงว่า เราจะให้มีหนังสือไปถึงอ้วนเสี้ยว
อีก ให้ยกกองทัพมาช่วย จึงจะต้านทานโจโฉได้ เล่าป่ีก็แต่งหนังสือไปให้อ้วนเส้ียว ซุนเขียนก็รับเอาหนังสือ
ไปถึงเมืองกิจ๋ิว จึงเข้าไปหาเตียนห้อง เล่าเน้ือความให้ฟ๎งทุกประการ แล้วว่าท่านจงช่วยพาเข้าไปหา
อ้วนเส้ยี ว เตียนห้องได้ฟ๎งดังนั้นก็พาซุนเขียนเข้าไปถึงอ้วนเส้ียว ซุนเขียนคํานับแล้วส่งหนังสือให้ อ้วนเสี้ยว
อา่ นแจ้งแลว้ มไิ ดต้ อบประการใด แกล้งทาํ เป็นทุกข์
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหสั ลงั เจะยามา ๑๖
สามกก๊ ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๖
เตียนห้องเห็นหน้าอ้วนเส้ียวน้ันเศร้าหมองจึงถามว่า วันน้ีข้าพเจ้าเห็นท่านไม่สบายนั้นมีวิตกส่ิงใด
หรอื อว้ นเสี้ยวจึงบอกว่า เราน้ีใกล้จะตายอยู่แล้ว จึงไม่มีความสบาย เตียนห้องจึงว่า เหตุใดท่านเจรจาเป็น
ความอัปมงคล อ้วนเส้ียวจึงว่า ชีวิตเราจะตายวันน้ีพรุ่งนี้ก็ไม่รู้ เราวิตกถึงบุตรห้าคน เห็นว่าบุตรคนสุดท้อง
นั้นมีสติป๎ญญาอยู่บ้าง แต่อายุยังเด็กนัก บัดน้ีก็ปุวยหนักอยู่ เราจึงไม่มีความสบาย จึงคิดการสิ่งใดมิได้
เตียนหอ้ งจงึ ตอบว่า คนทง้ั ปวงก็ลือชาปรากฏว่า ท่านเป็นใหญ่อยู่ในหัวเมืองฝุายเหนือ เหตุใดท่านมาคิดย่อ
ท้อ จะมาตีตัวตายก่อนไข้นั้นไม่ควร บัดน้ีโจโฉก็ยกกองทัพไปตีเมืองชีจ๋ิว เมืองฮูโต๋น้ันหามีผู้ใดอยู่รักษาไม่
เล่าปี่กใ็ หห้ นังสือมาขอกองทัพทา่ นไปช่วย ถ้าท่านยกกองทัพไปโจมตีเมือง ฮูโต๋คร้ังนี้เห็นจะได้โดยง่าย อ้วน
เส้ียวจึงตอบว่า เราก็แจ้งอยู่ว่าคร้ังน้ีได้ทีทาการศึก แต่ใจเราน้ันเป็นห่วงอยู่ถึงบุตร ถ้าบุตรเป็นอันตรายข้าง
หลังชีวิตเราก็จะตายด้วย ประการหนึ่งมาทว่าจะยกไปก็ไม่มีชัยชนะ ด้วยเหตุไม่สบาย แล้วสั่ง ซุนเขียนว่า
ครงั้ น้เี ราไม่ยกไปแล้ว จงไปบอกแกเ่ ล่าปีเ่ ถิด ถ้าอับจนเขา้ ก็ใหม้ าหาเรา เราจะชว่ ยทาํ นบุ าํ รุงมิให้ขดั สน
เตียนห้องได้ยินอ้วนเสี้ยวว่าดังน้ันก็โกรธจึงว่า เสียดายคร้ังน้ีได้ทีอยู่แล้ว ควรหรือมาคิดเป็นห่วง
ด้วยลูกเล็กเด็กน้อย เตียนห้องทอดใจใหญ่เดินกระทืบเท้าออกไป ซุนเขียนก็ลาอ้วนเส้ียวกลับไปเมือง
เสียวพ่าย แจ้งเน้ือความแก่เล่าป่ีตามคําอ้วนเส้ียวว่า เล่าปี่ได้ฟ๎งดังน้ันก็ตกใจจึงปรึกษาซุนเขียนว่า โจโฉยก
กองทัพมาครง้ั น้ี เราจะคิดอ่านรบพงุ่ ปูองกันประการใด
เตียวหุยจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า อันทัพโจโฉยกมาคร้ังนี้ ถ้าจะละให้ตั้งลงได้ ก็จะมีกําลังทําการศึกคิดร้าย
แก่เรา บัดน้ีกองทัพโจโฉก็ยกมาใกล้เมืองเราแล้ว เวลาค่ําวันน้ีข้าพเจ้าจะอาสาคุมทหารยกออกไปโจมตี
กองทพั โจโฉอยา่ ใหต้ ง้ั ม่ัน ลงได้ เหน็ โจโฉจะเสยี ทีเป็นมนั่ คง เลา่ ป่ไี ดฟ้ ๎งดังนน้ั จงึ ว่า น้องเราแต่ก่อนมาเห็นว่า
ไม่มีความคิด มีแต่ฝีมือรบพุ่งกล้าหาญ เราพึ่งได้เห็นความคิดน้องเรา ทํากลอุบายจับเล่าต้ายได้คร้ังหนึ่ง มา
ครั้งน้ีจะยกออกโจมตีกองทัพโจโฉมิให้ต้ังมั่นลงได้น้ันต้องใจเรานัก แล้วเล่าป่ีก็ให้เกณฑ์ทหารเตรียมไว้
สาํ หรับเล่าปก่ี องหนึง่ จดั ทหารไวส้ าหรบั เตยี วหยุ กองหนึง่
ฝุายโจโฉยกกองทัพมาใกล้จะถงึ เมืองเสียวพ่าย พอเกดิ ลมพายใุ หญ่พัดหนกั ธงชยั ซ่งึ ป๎กมาบนเกวียน
น้ันหักทบลง โจโฉเห็นวิปริตดังน้ัน ก็ให้หยุดทหารต้ังค่ายมั่นไว้ แล้วถามท่ีปรึกษาว่า ซึ่งลมพายุพัดมาถูก
ธงชัยเราหักลงท้งั นี้ จะเหน็ ดีแลรา้ ยประการใด ซุนฮกจึงว่า ซ่ึงเกิดพายุใหญ่พัดธงชัยหักทบลงมานั้น เป็นลม
ตะวันออก เวลาค่าวันน้ีดีร้ายเล่าป่ีจะยกออกมาปล้นค่ายเราเป็นมั่นคง พอมอกายเข้ามาว่าแก่โจโฉว่า ลม
ตะวนั ออกพดั มาถกู ธงชัยหักนัน้ ข้าพเจา้ เห็นว่ากลางคืนวันน้ีจะมีผ้มู าปลน้ คา่ ย
โจโฉได้ฟ๎งซุนฮกกับมอกายว่าต้องคํากันดังนั้นจึงว่า ซ่ึงเกิดลมมาท้ังนี้หากเทพดาสําแดงเหตุให้รู้
เพราะบุญของเรา โจโฉจึงให้แบ่งทหารเป็นสิบเอ็ดกอง กองหนึ่งให้อยู่รักษาค่าย แปดกองน้ันให้นายทหาร
เอกคุมทหารเลวยกแยกออกไปซุ่มอยู่นอกค่ายท้ังแปดทิศ ถ้าเห็นกองทัพผู้ใดยกมาปล้นค่าย ก็ให้ทหารท้ัง
แปดกองตีกระหนาบล้อมเข้ามา สองกองน้ันให้แยกกันไปต้ังสกัดอยู่ปากทางเมืองชีจิ๋วกองหนึ่ง เมืองแห้ฝือ
กองหน่งึ
ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ ัสลัง เจะยามา ๑๗
สามกก๊ ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
คร้ันเวลาสองยาม เล่าป่ีกับเตียวหุยก็คุมทหารออกมาจากเมืองเสียวพ่าย เตียวหุยน้ันคิดกาเริบว่า
ครั้งกอ่ นทํากลอุบายจับเล่าต้ายได้ ครั้งน้ีเล่าปี่ก็สรรเสริญความคิดเป็นอันมาก เตียวหุยจึงข่ีม้าคุมทหารเป็น
กองหน้า ยกเข้าไปตีปล้นค่ายโจโฉ เตียวหุยเห็นคนในค่ายน้ันน้อย แล้วได้ยินเสียงทหารภายนอกโห่ร้องอื้อ
อึง ท้ังคบเพลงิ ก็สวา่ งขนึ้ เป็นอนั มาก จงึ คิดว่าดรี า้ ยโจโฉจะคดิ กลอุบาย ก็พาทหารกลับออกมาหาเลา่ ปี่
พอพบเตยี วเลยี้ ว เคาทู อิกมิ๋ ลิเตียน ซหิ ลง งักจิ้น แฮหัวตุ้น แฮหัวเอ๋ียนคุม ทหารตีกระหนาบล้อม
เข้ามาท้งั แปดทศิ ได้รบพุง่ ฆ่าฟน๎ กนั เป็นสามารถ แลทหารซึง่ เตยี วหุยคมุ มาน้นั เป็นทหารเดิมของโจโฉก็แตก
เข้าหานายทหารท้ังแปดกองนั้น ยังเหลือทหารซึ่งสนิทอยู่ประมาณส่ีสิบเศษ เตียวหุยรบพุ่งปูองกันเป็น
สามารถ แลว้ พาทหารส่ีสิบเศษนั้นรบฝุาออกมาได้ จึงคิดแต่ในใจว่า ครั้นจะไปหาเล่าปี่แลไปเมืองชีจ๋ิว เมือง
แหฝ้ ือบัดนกี้ ไ็ มไ่ ด้เห็นทหารโจโฉจะไปตง้ั สกดั อยู่ปากทาง จงึ พาทหารท้ังปวงหนขี ึน้ ไปอยูบ่ นเขาบองเอ๋ียงสนั
(เล่าป่แี ตกทพั หนโี จโฉไปอาศยั อยู่กับอ้วนเส้ยี ว)
ฝุายเล่าปี่น้ันข่ีม้าคุมทหารยกหนุนเตียวหุยเข้าไป ครั้นได้ยินเสียงทหารโห่ร้องอ้ืออึงล้อมค่ายโจโฉ
เข้ามา เล่าป่ีจึงคิดว่าเตียวหุยเข้าไปปล้นค่ายนั้น ดีร้ายจะเสียทีแก่โจโฉ พอแลเห็นแฮหัวตุ้นคุมทหารเข้ามา
ตัดเอาทหารเล่าป่ีไปได้ประมาณก่ึงหน่ึง เล่าปี่เห็นดังนั้นก็โกรธ จึงขับม้าเข้ารบด้วยแฮหัวตุ้น พอแฮหัวเอ๋ีย
นคมุ ทหารตีกระหนาบเข้ามา เลา่ ปีก่ ข็ ับม้ารบพุ่งปอู งกนั เป็นสามารถ ทหารเล่าปล่ี ม้ ตายบ้าง เข้าหาโจโฉบ้าง
เหลือทหารซ่ึงสนิทอยู่ประมาณสามสิบเศษ เล่าป่ีจึงพาทหารรบฝุาออกมาจะกลับไปเมืองเสียวพ่าย แลเห็น
แสงเพลิงในเมืองสว่างข้ึน เล่าปี่จึงคิดว่าทหารโจโฉเข้าตีเอาเมืองได้แล้ว จึงขับม้าพาทหารหนีไปถึงปากทาง
เมืองชีจ๋ิวแลเมืองแห้ฝือ เห็นทหารโจโฉต้ังสกัดอยู่ท้ังสองทางเป็นอันมาก จึงคิดว่าครั้งน้ีโจโฉยกมาทําการ
ใหญ่หลวง เรากับเตียวหุยต่างคนต่างแตกไป แลกวนอูซึ่งอยู่รักษาครอบครัวในเมือง แห้ฝือน้ัน ก็ยังไม่ได้รู้
เหตุว่าดีแลร้าย ซ่ึงอ้วนเสี้ยวสั่งมาแก่ซุนเขียนว่า ขัดสนประการใดก็ให้ไปหาเถิดจะช่วยธุระนั้น ครั้งน้ีจําจะ
ไปอาศยั อว้ นเสยี้ วอยู่กอ่ น จึงจะได้คดิ การต่อไป แล้วเลา่ ป่ีก็พาทหารรีบหนีจะไปทางเมืองกิจิ๋ว พอพบลิเตียน
คมุ ทหารสกัดทางอยู่ เลา่ ป่ีตกใจมไิ ดค้ ดิ อา่ นส้รู บประการใด จึงทิ้งทหารสามสิบเศษเสีย ขับม้าหนีเอาตัวรอด
ลิเตียนนน้ั จับเอาทหารเล่าป่ีไว้ไดส้ ้ิน
ขณะเม่อื เล่าปีค่ วบม้าหนีไปนนั้ ทั้งกลางวันกลางคืนได้ทางประมาณพันเส้น ครั้นถึงเมืองเซียงจิ๋วจึง
บอกแก่นายประตูว่า เราจะเข้าไปหาอ้วนถํา เจ้าเมืองซึ่งเป็นบุตรอ้วนเส้ียว นายประตูก็เอาเน้ือความเข้าไป
บอกแก่อ้วนถํา อ้วนถํามีความยินดี จึงออกมาคํานับรับเล่าปี่เข้าไป เล่าปี่จึงเล่าเน้ือความแต่หลังให้อ้วนถา
ฟง๎ ทกุ ประการ แล้ววา่ เราจะไปอาศัยอยู่กบั อว้ นเสยี้ วผู้เป็นบิดาทา่ น จะไดค้ ดิ อ่านกาํ จัดโจโฉเสีย
ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ สั ลงั เจะยามา ๑๘
สามกก๊ ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๖
อ้วนถาได้ฟง๎ ดังน้ันก็มีความสงสารเป็นอันมาก ก็ให้แต่งโต๊ะเลี้ยง แล้วจัดแจงท่ีอยู่ให้เล่าป่ีอาศัย จึง
แต่งหนังสือบอกไปถึงบิดาตามคาเล่าปี่ ใหม้ า้ ใชถ้ อื ไปก่อน แล้วให้ทหารปูองกันรักษาเล่าปี่ไปภายหลัง ม้าใช้
มาถงึ เมืองกิจิ๋ว กเ็ อาหนังสอื นน้ั เข้าไปให้แก่อ้วนเส้ียว อ้วนเสี้ยวแจ้งเน้ือความก็มีใจยินดี จึงพาทหารออกมา
คอยรับเล่าปี่อยนู่ อกเมอื ง ครนั้ เห็นเลา่ ปีม่ าถึง อ้วนเส้ยี วจึงไปจูงเอามือเล่าปี่ ถ้อยทีถ้อยคํานับกันแล้วพาเล่า
ปเ่ี ขา้ มาในเมือง อ้วนเสย้ี วจงึ ว่าแก่เล่าปว่ี ่า ท่านให้ซุนเขียนมาขอกองทัพนั้น บุตรเราปุวยหนักอยู่ จึงมิได้ยก
ไปช่วยทา่ น ท่านอย่าน้อยใจแก่เราเลย เรามีความวิตกอยู่มิได้ขาด บัดน้ีท่านเสียเมืองไปแก่โจโฉ แต่ตัวท่าน
ได้มาเห็นหน้ากนั นีเ้ รามคี วามยนิ ดนี กั
เล่าป่ีจึงว่า คร้ังนี้ข้าพเจ้าเป็นคนอนาถา ซึ่งท่านนับถือน้ีคุณหาที่สุดไม่ แต่ก่อนนั้นข้าพเจ้าก็แจ้งอยู่
ว่า น้ําใจท่านกว้างขวางอารี เลี้ยงทหารมิให้อนาทร ข้าพเจ้าก็คิดอยู่ว่าจะมาพ่ึงอยู่ให้ท่านใช้ จะได้ช่วยกัน
กาํ จัดโจโฉเสีย บัดนี้เสียทแี ก่โจโฉมาแต่ตัว แต่น้องข้าพเจ้าท้ังสองกับครอบครัวยังไม่รู้ว่าเป็นตายประการใด
ซึ่งข้าพเจ้ามาหาท่านแต่ผู้เดียวนี้ มีความอัปยศแก่คนท้ังปวงเป็นอันมาก ครั้งน้ีข้าพเจ้าจะขอกินน้ําสบถอยู่
ทาํ การด้วยทา่ นกว่าจะสาํ เร็จ อ้วนเสย้ี วไดฟ้ ง๎ ดังนั้นกม็ คี วามยนิ ดี จงึ จัดแจงเครื่องอุปโภคแลเคร่ืองบริโภคให้
เป็นอันมาก ทํานบุ ํารุงเลา่ ป่ไี วใ้ นเมืองกิจ๋วิ
(เตยี วเล้ียวอาสาโจโฉไปเกลยี้ กลอ่ มกวนอู)
ฝุายโจโฉในเวลากลางคืนนั้น คุมทหารเข้าตีเอาเมืองเสียวพ่ายได้ แลยกกองทัพไปตีเมือง ชีจ๋ิว แล
บิต๊ก บฮิ อง กนั หยง ซ่ึงเลา่ ปี่ใหร้ กั ษาเมอื งจึงคดิ กันว่า ทัพโจโฉยกมาคร้ังน้ีใหญ่หลวงนัก เห็นเราจะต้านทาน
มิได้ ก็พากนั หนอี อกจากเมือง แตต่ ันเตง๋ เห็นจวนตัว จงึ เปิดประตเู มืองออกไปรับโจโฉให้เป็นความชอบไว้ โจ
โฉเห็นดังนั้นก็มีความยินดียกทหารเข้าไป จึงกําชับทหารมิให้ทําอันตรายแก่ชาวเมือง แล้วปรึกษาแก่ทหาร
ท้งั ปวงว่า เราจะยกกองทัพไปตเี อาเมืองแห้ฝือ ท่านทง้ั ปวงจะเหน็ เป็นประการใด
ซุนฮกจึงว่า ข้าพเจ้ารู้กิตติศัพท์ว่า เล่าปี่ให้กวนอูรักษาครอบครัวอยู่เมืองแห้ฝือ ซ่ึงท่านจะยก
กองทัพไปตีนั้นควรนัก ถ้าละไว้อ้วนเส้ียวก็จะยกมาพาเอาครอบครัวเล่าปี่ไป โจโฉจึงตอบว่า อันกวนอูน้ันมี
ฝีมอื กล้าหาญชํานาญในการสงคราม เราจะใคร่ไดต้ วั มาเล้ียงเป็นทหาร เราจะแต่งคนให้ไปเกลี้ยกล่อมกวนอู
จึงจะได้ กุยแกจงึ ว่าอนั น้ําใจกวนอนู นั้ ซ่ือสัตย์ต่อเล่าปี่นัก ซึ่งจะให้คนไปเกลี้ยกล่อมเห็นกวนอูจะมิลงใจด้วย
แลผู้ใดซึง่ จะไปเกลีย้ กลอ่ มนั้นกวนอูก็คงจะฆ่าเสยี
เตียวเลี้ยวจึงว่า ข้าพเจ้ากับกวนอูได้รู้จักกันมา ครั้งนี้ข้าพเจ้าจะขออาสาไปเกลี้ยกล่อมกวนอูให้ได้
เทียหยกจึงว่า ซ่ึงเตียวเลี้ยวจะรับอาสาไปเกล้ียกล่อมกวนอูนั้น เห็นกวนอูจะไม่มา ข้าพเจ้าจะขออาสา
ล่อลวงให้กวนอูออกจากเมืองแห้ฝือแล้ว ถ้าเห็นกวนอูสิ้นความคิดลงเม่ือใด จึงให้เตียวเล้ียวไปเกลี้ยกล่อม
เห็นจะไดโ้ ดยงา่ ย
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหสั ลงั เจะยามา ๑๙
สามกก๊ ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖
โจโฉจึงถามเทยี หยกว่า ท่านจะคดิ ล่อลวงประการใด เทียหยกจึงว่า ท่านจับทหารเล่าปี่ไว้ได้เป็นอัน
มาก จงให้บําเหน็จรางวัลให้ถงึ ขนาด แล้วส่งั ใหท้ าํ ตามคาํ เรา จงึ ปล่อยเข้าไปในเมือง ใหบ้ อกว่าหนีกลับมาได้
ถ้าเราจะทําการก็ให้เป็นใส้ศึกอยู่เมือง แล้วให้แต่งทหารไปรบล่อ ถ้ากวนอูไล่ออกมานอกเมืองแล้ว จึงให้
ทหารซ่งึ ซุ่มอยูท่ ัง้ สองข้างลอ้ มไว้ จงึ แตง่ ใหผ้ มู้ สี ติปญ๎ ญาไปเกลยี้ กล่อมกวนอเู ห็นจะได้โดยง่าย โจโฉเห็นชอบ
ด้วย จึงใหเ้ อาทหารเล่าป่ีซ่ึงจับไว้ได้น้ันประมาณสี่สิบคน แล้วให้บําเหน็จรางวัลเป็นอันมาก จึงสั่งเน้ือความ
ตามคาเทียหยกว่าทุกประการ ทหารทั้งปวงก็เข้าไปหากวนอใู นเมืองแห้ฝือ แลว้ บอกวา่ ข้าพเจ้าหนีโจโฉมาได้
กวนอไู ด้ฟง๎ ดังนัน้ ก็มไิ ด้มคี วามสงสัย จงึ เอาไวใ้ ชส้ อยอยู่
ครัน้ เวลาสามยาม โจโฉจงึ ให้แฮหัวตุน้ คมุ ทหารหา้ พันเป็นกองซ่มุ แลว้ ส่งั ซิหลงกบั เคาทูว่า ถ้ากวนอู
ไล่แฮหัวตุ้นออกมาก็ให้ยกทหารต้ังสกัดไว้ คอยรบปูองกันอย่าให้กวนอูเป็นอันตราย นายทหารท้ังสามคนก็
ยกไปเมืองแห้ฝือ โจโฉก็คุมทหารยกตามไปตั้งอยู่แต่ไกล แฮหัวตุ้นคุมทหารมาตั้งอยู่ใกล้เชิงกําแพงเมือง
แหฝ้ อื
ฝุายกวนอูเห็นกองทัพมาตั้งประชิดอยู่ดังนั้นก็มิได้ยกออกรบพุ่ง ให้ทหารขึ้นรักษาหน้าที่ไว้ม่ันคง
แฮหวั ตุ้นมิไดเ้ ห็นกวนอยู กออกมารบ จงึ ให้ทหารเลวร้องต่อล้อด่ากวนอูเป็นข้อหยาบช้า กวนอูได้ยินดังนั้นก็
โกรธ จึงคมุ ทหารสามพนั เปิดประตเู มืองออกมารบแฮหัวต้นุ ได้สิบเพลง แฮหัวตุ้นแกล้งชักม้าหนี กวนอูมิได้รู้
กลอุบายก็ขับม้าไล่ไปทางไกลเมืองประมาณสองร้อยเส้น กวนอูได้คิดขึ้นมากลัวว่าทหารโจโฉจะยกเข้าทา
ร้ายเมืองแหฝ้ อื จงึ พาทหารกลับมา
พอได้ยินเสียงประทัด แล้วแลเห็นเคาทูกับซิหลงคุมทหารออกมารบสกัดไว้ทั้งซ้ายขวา กวนอูก็ขับ
ม้าเข้ารบพุ่งเป็นสามารถ ซิหลง เคาทูก็รับรองปูองกันอยู่ กวนอูจะกลับเข้าไปในเมือง พอพบแฮหัวตุ้นคุม
ทหารมารบอ้อมสกัดทางไว้ ซิหลงกับเคาทูก็รบตีกระหนาบเข้ามา กวนอูน้ันปูองกันลูกเกาทัณฑ์ไว้เป็น
สามารถ จะกลบั เข้าเมืองกไ็ มไ่ ด้ จะหลกี ไปข้างทางซ้ายขวา ทหารก็หนุนหนาเข้ามา แต่รบปูองกันอยู่นั้นจน
ใกลพ้ ลบคํ่า กวนออู ดิ โรยกาํ ลงั ลง จงึ คมุ ทหารหนไี ปถึงเนินเขาแห่งหน่ึง ก็ข้ึนหยุดพักอยู่บนเขาน้ัน แฮหัวตุ้น
ซหิ ลง เคาทู เหน็ ดงั น้ันก็คมุ ทหารเข้าลอ้ มเชิงเขาไว้
ฝุายทหารเล่าป่ีซ่ึงเข้าไปหากวนอูนั้น คร้ันเวลาพลบค่ํามิได้เห็น กวนอูกลับเข้าเมือง ก็ชักชวนกัน
เปดิ ประตูออกมาหวังจะรับโจโฉ ม้าใช้เห็นดังน้ันก็เอาเน้ือความมาบอกแก่โจโฉ โจโฉมีความยินดีก็คุมทหาร
เข้าเมอื งแหฝ้ ือ แลว้ ใหเ้ อาเพลิงเผาเมืองข้ึน หวังจะให้กวนอูเสียน้ําใจ จึงส่ังให้ทหารรักษาครอบครัวเล่าป่ีไว้
จงดี แลว้ โจโฉก็กลบั มาเกณฑ์ทหารหนุนเข้าล้อมกวนอูไว้ กวนอูเห็นแสงเพลิงในเมืองสว่างขึ้นก็ตกใจ คิดถึง
ครอบครัวเล่าป่ี จึงคมุ ทหารลงมาถึงเชิงเขา ทหารโจโฉรบสกัดไว้ลงมามิได้ แล้วร้ือกลับขึ้นบนเขาเป็นหลาย
ครัง้ จนรุ่งข้ึนกวนอูจึงขี่ม้าพาทหารลงไปใกล้จะถึงเชิงเขา พอเห็นเตียวเล้ียวข่ีม้าถือง้าวขึ้นมา กวนอูจึงถาม
วา่ ท่านจะมารบกับเราหรือ เตียวเล้ียวจึงตอบว่า ข้าพเจ้าจะมารบกับท่านหามิได้ ซึ่งข้าพเจ้าขึ้นมานี้หวังจะ
แทนคุณท่าน แลว้ เตียวเลี้ยวก็ลงจากม้าเอาง้าวน้ันวางไว้ เข้าไปคํานับกวนอู กวนอูเห็นดังน้ันก็ลงจากม้ารับ
คํานับเตียวเลี้ยวแล้วถามเตียวเล้ียวว่า โจโฉใช้มาเกล้ียกล่อมเราหรือ เตียวเล้ียวจึงตอบว่า ท่านได้มีคุณ
ชว่ ยชีวติ ข้าพเจ้าไว้ บัดน้ที ่านมคี วามทุกขใ์ หญ่หลวง ข้าพเจา้ จึงอุตสา่ หข์ ้นึ มาหวังจะแทนคุณทา่ น
ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ สั ลงั เจะยามา ๒๐
สามกก๊ ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
กวนอจู ึงถามวา่ ท่านคดิ ถึงคณุ เรานน้ั จะขึน้ มาช่วยเป็นกาํ ลงั เราหรือ เตยี วเล้ียวก็ว่าหามิได้ กวนอูจึง
ว่า ท่านจะมาเกลี้ยกล่อมแลช่วยเราก็หามิได้ ซ่ึงท่านขึ้นมานี้ด้วยเหตุสิ่งใดเล่า เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า ท่านกับ
เล่าปี่ เตียวหุยมีความรักกันเป็นอันมาก บัดน้ีเล่าป่ีกับเตียวหุยแตกไป ท่านก็ยังไม่รู้เหตุว่าเป็นแลตาย เวลา
คืนนี้ มหาอุปราชยกกองทัพเข้าตีเมืองแห้ฝือได้ แล้วสั่งแก่ทหารท้ังปวงมิให้ทําอันตรายแก่อาณาประชา
ราษฎร อันครอบครัวของเล่าป่ีนั้น ก็แต่งให้ทหารไปพิทักษ์รักษามิให้ผู้ใดทําอันตรายได้ ข้าพเจ้าเห็นว่า
มหาอปุ ราชมใี จเมตตาผกู ความรักท่านถึงเพียงน้ี จงึ เอาเนือ้ ความมาแจ้งแก่ท่าน
กวนอูได้ฟ๎งดังน้ันก็โกรธ จึงว่าแก่เตียวเล้ียวว่า เดิมเราถามตัวว่าจะเกล้ียกล่อมหรือ ตัวว่าหามิได้
แลตวั มาว่ากลา่ วดงั น้ี จะว่าไม่เกลย้ี กล่อมน้ันตัวจะประสงคส์ ง่ิ ใดเลา่ แล้ววา่ เราอยใู่ นท่ีนี้ก็เป็นท่ีคับขันอยู่ ซ่ึง
เราจะเข้าด้วยผู้ใดนอกจากเล่าป่ีน้ันอย่าสงสัยเลย ตัวเราก็มิได้รักชีวิต อันความตายอุปมาเหมือนนอนหลับ
ทา่ นเรง่ กลบั ไปบอกแก่โจโฉให้ตระเตรยี มทหารไว้ให้พร้อม เราจะยกลงไปรบ
เตียวเล้ียวได้ฟ๎งดังนั้นก็หัวเราะแล้วตอบว่า ซึ่งท่านว่าทั้งน้ีโทษมีอยู่กับตัวท่านถึงสามประการ คน
ทง้ั ปวงจะล่วงครหานินทาท่านได้ กวนอูจึงว่า ตัวเราถือความสัตย์ม่ันคงอยู่ว่า ถึงตัวจะตายก็มิได้เข้ากับผู้ใด
ซ่งึ ท่านวา่ มโี ทษสามประการน้ัน ดว้ ยเหตุสงิ่ ใดบ้าง เตียวเล้ียวจึงตอบว่า เดิมท่านกับเล่าปี่เตียวหุยได้สาบาน
ไว้ต่อกันว่า เป็นพ่ีน้องร่วมสุขแลทุกข์เป็นชีวิตอันเดียวกัน ถ้าผู้ใดตายก็จะตายด้วย คร้ังนี้เล่าปี่กับเตียวหุย
แตกไป ท่านก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แลบัดนี้ทหารก็น้อยนัก ซึ่งจะยกลงไปรบน้ัน ถ้าท่านเป็นอันตรายถึง
สน้ิ ชวี ติ ฝุายเลา่ ปเ่ี ตยี วหุยยังมชี ีวติ อยจู่ ะเทยี่ วตามหาท่าน หวงั จะช่วยกนั คิดการต่อไป เม่ือท่านตายเสียแล้ว
เล่าป่ีเตียวหุยก็จะตายด้วย ซึ่งท่านสาบานไว้ต่อกันก็จะมิเสียความสัตย์ไปหรือ คนทั้งปวงก็จะล่วงนินทาว่า
ความคิดท่านนอ้ ย
ประการหนง่ึ เล่าป่กี ม็ อบครอบครวั ไวใ้ ห้ทา่ นรักษา ถ้าท่านตายเสยี ภรรยาเลา่ ปท่ี งั้ สองนั้นจะพึ่งผู้ใด
เล่า อันตรายก็จะมีต่างๆ การซึ่งเล่าป่ีปลงใจไว้แก่ท่านน้ันก็จะไม่เสียไปหรือ ข้าพเจ้าเห็นไม่ชอบเป็นสอง
ประการ
อีกประการหนึง่ นัน้ ท่านกม็ ีฝีมอื กล้าหาญ แล้วแจ้งใจในขนบธรรมเนียมโบราณมาเป็นอันมาก เหตุ
ใดท่านจึงไม่รักษาชีวิตไว้คอยท่าเล่าปี่ จะได้ช่วยกันคิดการทํานุบํารุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถึงมาตรว่า
ท่านจะได้ความลาบาก ก็อุปมาเหมือนหนึ่งลุยเพลิงอันลุก แลข้ามพระมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ก็จะลือชา
ปรากฎชอื่ เสียงท่านไปภายหน้า ว่าเป็นชาติทหารมีใจสัตย์ซื่อกตัญํูต่อแผ่นดิน ซ่ึงท่านจะมานะลงไปรบพุ่ง
กบั โจโฉ ถ้าชีวิตทา่ นตายเสียคร้งั นกี้ จ็ ะไมม่ ชี ่อื ปรากฎไป ข้าพเจา้ เหน็ โทษมีสามประการฉะนี้ ขา้ พเจ้าจงึ ว่า
(กวนอขู อคามัน่ สัญญาแลว้ ยอมไปอยกู่ ับโจโฉ)
กวนอูได้ฟ๎งดังน้ัน ก็น่ิงตรึกตรองอยู่เป็นช้านาน คร้ันเห็นชอบด้วยจึงว่า ท่านว่าดังนี้ก็ควรแล้ว แล
โทษซ่ึงมีสามประการน้ัน จะให้เราทําประการใด เตียวเลี้ยวจึงว่า มหาอุปราชให้ทหารล้อมท่านไว้เป็นอัน
มาก ถ้าท่านมิสมัครเข้าด้วย เห็นชีวิตท่านจะถึงแก่ความตายหาประโยชน์มิได้ ขอให้ท่านอยู่กับมหาอุปราช
กอ่ นเถดิ จะไดม้ ีประโยชนส์ ามประการ
ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ สั ลงั เจะยามา ๒๑
สามกก๊ ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖
ประการหนึ่ง ซึ่งท่านสาบานไว้กับเล่าป่ีเตียวหุยว่า จะช่วยกันทํานุบํารุงแผ่นดิน ความสัตย์ข้อน้ีจะ
ได้คงอยู่
ประการหนง่ึ ทา่ นจะได้อยปู่ ฏิบตั ริ ักษาพ่สี ะใภท้ ้งั สองมใิ ห้เป็นอนั ตรายสิ่งใดได้ เป็นสองประการ
อีกประการหน่ึงน้ัน ตัวท่านก็ฝีมือกล้าหาญมีสติป๎ญญา จะได้คิดการทํานุบํารุงพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้
ครองราชย์สมบัติสืบไป ข้าพเจา้ เห็นมีประโยชน์สามประการฉน้ี จงึ เตอื นสติท่านใหด้ าํ ริ ดจู งควร
กวนอูจึงตอบว่า ซึ่งท่านว่ามีประโยชน์แก่เราสามประการนั้นก็จริงอยู่ แต่เราจะขอสัญญาไว้สาม
ประการบ้าง ถ้ามหาอุปราชยอม เราจงึ จะถอดเกราะออกเสีย แล้วจะลงไปหามหาอุปราช แม้ความประการ
ใดขาดแต่ข้อหนึง่ เรากจ็ ะสูต้ ายเสีย ถึงมาตรว่าคนทั้งปวงจะครหานินทาเราก็ตามเถิด เตียวเลี้ยวจึงว่า มหา
อุปราชน้ันนํ้าใจกว้างขวางอารีนัก มักสมาคมด้วยผู้มีสติป๎ญญา ถ้าท่านจะว่าประการใดมหาอุปราชก็คงจะ
ยอม ซง่ึ ท่านจะขอสญั ญาสามประการน้ัน คอื ข้อใดบา้ ง
กวนอูจึงว่า เดิมเราได้สาบานกันไว้กับเล่าป่ีเตียวหุยว่า จะช่วยกันทํานุบํารุงพระเจ้าเหี้ยนเต้ แล
อาณาประชาราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งเราจะสมัคเข้าด้วยน้ัน เราจะขอเป็นข้าพระเจ้าเห้ียนเต้ประการ
หน่ึง เราจะขอปฏิบัติพี่สะใภ้เราทั้งสอง แลอย่าให้ผู้ใดเข้าออกกล้ากรายเข้าถึงประตูท่ีอยู่ได้ จะขอเอาเบี้ย
หวัดของเลา่ ป่ซี ึง่ เคยได้รบั พระราชทานนั้น มาให้แก่พี่สะใภ้เราท้ังสองประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง ถ้าเรารู้
ว่าเลา่ ปี่อยูแ่ หง่ ใดตาํ บลใด ถงึ มาตรว่าเรามิได้ลามหาอุปราช เราก็จะไปหาเล่าป่ี แม้มหาอุปราชจะห้ามเราก็
ไม่ฟ๎ง แลเน้ือความสามประการน้ี ท่านจงเอาไปบอกแก่มหาอุปราชเถิด ถ้ายอมตามคําเรา เราจะลงไปหา
เตยี วเลี้ยวก็ลากวนอูแล้วขึน้ มา้ กลบั มาแจง้ เนือ้ ความแกโ่ จโฉทุกประการ
โจโฉได้ฟ๎งดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าแก่เตียวเลี้ยวว่า ซ่ึงกวนอูไม่ยอมด้วยเรานั้น เราเป็นถึงมหา
อุปราช กวนอูจะยอมเป็นข้า พระเจ้าเห้ียนเต้ก็เหมือนเป็นบ่าวเรา ถ้าเราบังคับบัญชาราชการประการใด
กวนอูก็จะไม่ขัดได้ กับซ่ึงกวนอวู ่าจะปฏบิ ัตริ ักษาพ่สี ะใภ้ท้งั สอง มิให้ผู้ใดแปลกปลอมเข้าไปถึงประตูที่อยู่น้ัน
เราก็จะยอม ทกุ วันนี้อยา่ ว่าแต่ภรรยาเลา่ ป่เี ลย ถงึ ภรรยาผู้น้อยลงไปเราก็มิได้ให้ทําหยาบช้า ซึ่งกวนอูจะขอ
เอาเบยี้ หวดั เล่าปใ่ี ห้แกพ่ ี่สะใภ้น้นั เราจะใหท้ วีขึ้นอีก แต่ข้อซ่ึงกวนอูรู้ว่าเล่าป่ีอยู่แห่งใดมิได้ลาเราก่อนจะไป
หากันนั้น โจโฉส่ันศีรษะะไม่ยอม แล้วว่าเมื่อกวนอูเอาสัญญาฉะน้ี เราจะเอามาเล้ียงไว้ให้มีกําลังจะได้
ประโยชนส์ ง่ิ ใดเล่า
เตยี วเล้ียวจึงว่า มหาอุปราชไม่แจ้งหรือ ในนิทาน อิเยียงซึ่งมีมาแต่ก่อนว่า เดิมอิเยียงอยู่กับต๋งหาง
ซึ่งเป็นเจ้าเมือง ต๋งหางเล้ียงอิเยียงเป็นทนายใช้สอย คร้ันอยู่มายังมีคิเปฺกเจ้าเมืองหน่ึงนั้น ยกกองทัพมารบ
ฆ่าต๋งหางตาย คิเปฺกได้อิเยียงไปไว้ จึงตั้งอิเยียงเป็นขุนนางที่ปรึกษา อิเยียงมีความสุขมาเป็นช้านาน แล้ว
เซียงจูเจ้าเมอื งหั้นก๊กกย็ กทพั มารบฆ่าคิเปฺกตาย อิเยียงนั้นมีใจเจ็บแค้นเป็นอันมาก จึงไปยังเมืองหั้นก๊กแล้ว
เข้าซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ จะลอบทาร้ายเซียงจูให้ถึงแก่ความตาย เซียงจูจับได้ถึงสองครั้งมิได้เอาโทษ ให้
ปล่อยอิเยียงเสีย ครั้นอยู่มาอิเยียงลอบเข้าไปซ่อนอยู่ถึงท่ีข้างใน หมายจะฆ่าเซียงจูเสีย เซียงจูก็จับได้อีกจึง
ถามอิเยียงว่า ตัวจะทําอันตรายเรา ๆ จับได้ถึงสองครั้งแล้วก็มิได้เอาโทษ เราให้ปล่อยตัวเสียตัวก็มิได้
หลาบจาํ รือ้ จะมาทาํ รา้ ยเราอกี เรากจ็ ับตัวได้ แลตัวผกู ใจแคน้ เราน้นั ดว้ ยเหตสุ ่งิ ใด อิเยียงจงึ บอกวา่
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหสั ลงั เจะยามา ๒๒
สามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖
เดิมข้าพเจ้าอยู่กับต๋งหาง ต๋งหางเลี้ยงข้าพเจ้าเป็นทนายใช้สอย คร้ันคิเปฺกยกไปฆ่าต๋งหางเสีย เอา
ตัวข้าพเจ้าไปตั้งให้เป็นขุนนางท่ีปรึกษา ได้ความสุขเป็นอันมาก ครั้นนี้ท่านยกไปฆ่าคิเปฺก ซึ่งเป็นนายมีคุณ
แกข่ า้ พเจา้ เสยี ขา้ พเจ้ามีใจเจ็บแค้นอยู่ คิดอ่านมาหวังจะทําอันตรายท่าน หวังจะแทนคุณคิเปฺก ซ่ึงท่านจับ
ข้าพเจ้าได้ถึงสองครั้งแล้วปล่อยเสียนั้น ข้าพเจ้ายังไม่หายแค้น จึงลอบเข้ามาจะทําร้ายท่านอีกท่านก็จับได้
แลโทษข้าพเจ้าน้ีก็ถึงตายตามท่านจะโปรดเถิด เซียงจูจึงว่า เราจะปล่อยเสียตัวจะคิดทําร้ายเราอีกหรือไม่
อิเยียงจึงว่า ท่านปล่อยข้าพเจ้าเสียข้าพเจ้าก็ยังจะคิดร้ายแก่ท่านกว่าจะสําเร็จ ข้าพเจ้าจึงจะหายแค้น ถ้า
ท่านเอน็ ดขู ้าพเจ้า ข้าพเจา้ จะขอเส้ือซ่ึงท่านใส่ แม้ท่านโปรดให้ ข้าพเจ้าจะได้ส้ินความพยาบาทท่าน เซียงจู
ได้ฟ๎งดังน้ันก็คิดว่า อิเยียงน้ีมีนํ้าใจกตัญํู จะใคร่ได้อิเยียงไว้จึงถอดเสื้อให้อิเยียง อิเยียงก็คํานับรับเอาเสื้อ
มา จึงถอดกระบี่ออกฟ๎นเส้ือเสียสามที แล้วว่าแก่เซียงจูว่า ข้าพเจ้าได้แทนคุณคิเปฺกแล้ว อิเยียงก็เอากระบ่ี
เชอื ดคอตาย
อนั น้าํ ใจกวนอูนัน้ ถา้ ผู้ใดมคี ณุ แลว้ เหน็ จะเป็นเหมือนอิเยยี ง อันเลา่ ป่กี ับกวนอูนั้นมิได้เป็นพ่ีน้องกัน
ซ่ึงมีความรักกันนั้น เพราะได้สาบานต่อกัน เล่าป่ีเป็นแต่ผู้น้อย เลี้ยงกวนอูไม่ถึงขนาด กวนอูยังมีนํ้าใจ
กตัญํูตอ่ เล่าป่ี จงึ คิดจะติดตามมิได้ท้งิ เสยี อันมหาอปุ ราชมีวาสนากว่าเล่าปี่เป็นอันมาก ถ้าท่านได้กวนอูมา
ไว้ทาํ นุบํารงุ ใหถ้ ึงขนาด เหน็ กวนอจู ะมกี ตญั ํูตอ่ ท่านย่ิงนัก
โจโฉจึงว่าแก่เตียวเล้ียวว่า ท่านว่ากล่าวท้ังน้ีก็ชอบนัก จงเร่งขึ้นไปบอกแก่กวนอูว่า ซึ่งสัญญาสาม
ประการน้ันเรายอมแล้ว ท่านจงเร่งพากวนอูลงมาเถิด เตียวเล้ียวจึงลาโจโฉข้ึนไปบอกแก่กวนอู กวนอูจึงว่า
ถ้ามหาอุปราชยอมดังนั้นแล้ว ท่านจงลงไปบอกให้กองทัพซึ่งล้อมเราไว้นั้นเลิกไปเสีย เราจะเข้าไปแจ้ง
เนื้อความแก่พ่ีสะใภ้ทั้งสองคนก่อน ถ้าไม่เป็นอันตรายแล้ว จึงจะไปหามหาอุปราช เตียวเล้ียวก็ลงไปบอก
แกโ่ จโฉตามคํากวนอวู า่ โจโฉได้ฟ๎งดังนั้นก็ให้ม้าใช้ไปส่ังทหารซึ่งล้อมกวนอูไว้นั้นให้เลิกทัพถอยมา ซุนฮกจึง
ว่าแกโ่ จโฉวา่ ซ่ึงกวนอูยอมแก่ท่านคร้ังน้ีเกลือกเป็นกลอุบาย โจโฉจึงตอบว่า กวนอูเป็นคนมีความสัตย์ เห็น
จะไม่คดิ อ่านล่อลวงเรา
ฝุายกวนอูคร้ันเห็นทหารโจโฉถอยไป ก็พาทหารเข้าไปในเมืองแห้ฝือ เห็นราษฎรท้ังปวงปรกติอยู่
จึงเข้าไปคํานับพี่สะใภ้ท้ังสองแล้วว่า ข้าพเจ้าเสียทีทําให้พี่ตกใจได้ความเดือดร้อนน้ันโทษข้าพเจ้าผิดนัก
พี่สะใภ้ทั้งสองจึงถามว่า เจ้ายังแจ้งว่าเล่าปี่น้ันพลัดไปอยู่แห่งใด กวนอูจึงบอกว่ายังไม่แจ้ง พ่ีสะใภ้จึงว่า
โจโฉก็ได้เมืองแห้ฝือแล้ว เจ้าจะคิดอ่านประการใด กวนอูจึงบอกเน้ือความให้ฟ๎งทุกประการ แล้วว่าบัดนี้
ข้าพเจ้าเข้ามาปรึกษาด้วย พี่ทั้งสองจะเห็นประการใด นางกําฮูหยินจึงว่าเวลาคืนน้ีโจโฉเข้าในเมืองได้ พี่น้ี
เกรงอยู่ว่าจะเป็นอันตรายต่างๆ เป็นเดชะบุญของเรา โจโฉกําชับทหารมิให้แปลกปลอมเข้ามาถึงประตูได้
ครั้งน้เี จา้ กบั พ่ีก็อย่ใู นเงอ้ื มมอื โจโฉ แลเจ้าจะยอมเขา้ อยู่ด้วยเขาน้ัน ด้วยความจําเป็นก็ตามเถิด แต่พ่ีเกรงอยู่
ข้อหนง่ึ ว่า ถา้ รวู้ ่าเล่าป่ีอยู่แหง่ ใดเรากจ็ ะพากนั ไปหา เกลอื กโจโฉจะมิให้ไป
ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ สั ลัง เจะยามา ๒๓
สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖
กวนอูจึงตอบว่า ข้อน้ีพ่ีทั้งสองอย่าวิตกเลย แม้ว่ารู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดเราจะพากันไปหา ถึงมาตร
ว่าโจโฉจะขัดขวางไว้ ข้าพจ้าจะคิดอ่านแก้ไขไปให้จงได้ แล้วกวนอูก็ลาพ่ีสะใภ้ท้ังสอง พาทหารประมาณ
สามสิบคนออกไปถึงหน้าค่ายโจโฉโจโฉเห็นกวนอูมาก็มีความยินดีจึงออกไปรับกวนอูเข้ามากวนอูจึงคํานับ
โจโฉแล้ววา่ ตวั ขา้ พเจา้ เป็นเชลยทา่ นมไิ ด้ฆ่าเสีย แลว้ บอกไปรบั ขา้ พเจ้าถงึ นอกคา่ ยน้นั คุณหาทสี่ ดุ มไิ ด้
โจโฉได้ฟ๎งดังนั้นจึงว่าแก่กวนอูว่า เราก็แจ้งอยู่ว่าท่านมีความสัตย์แลกตัญํู บัดนี้เรากับท่านได้พบ
กันเราก็มีความยนิ ดี กวนอูจงึ ตอบว่าเตียวเลี้ยวไปบอกข้าพเจ้าว่า มหาอุปราชรับปฏิญญาณทั้งสามประการ
แล้วข้าพเจ้าก็มีความยินดี เห็นว่าถึงนานไปเมื่อหน้ามหาอุปราชก็จะไม่คืนคํา โจโฉจึงว่า ซ่ึงปฏิญญาณของ
ท่านนั้น เราได้ออกปากรับแล้ว ถงึ จะเป็นประการใดเราก็มิให้เสียวาจา กวนอูได้ฟ๎งดังน้ันก็มีความยินดีจึงว่า
แม้ขา้ พเจ้ารู้วา่ เล่าปี่อยู่ที่ใด ถึงมาตรว่าเป็นทางกันดารจะต้องข้ามพระมหาสมุทรแลลุยเพลิงก็ดี ข้าพเจ้าจะ
ไปหาเลา่ ปใี่ ห้ จงได้ แม้ขา้ พเจ้ายังมทิ ันลามหาอุปราชก็ดี ขอท่านให้อภัยแก่ข้าพเจ้า อย่าเคืองด้วยเน้ือความ
ข้อน้ีเลย โจโฉจึงว่า ซึ่งท่านรู้ข่าวเล่าป่ีแล้วจะไปหาก็ตามเถิด แต่ให้ท่านตรึกตรองดูให้เห็นควรก่อน แล้ว
โจโฉกใ็ หก้ วนอูกนิ โต๊ะ แล้ววา่ พรุ่งน้เี ชา้ เราจะยกกลับไปเมอื งฮูโต๋
กวนอูเข้าไปบอกพี่สะใภ้แล้ว ก็จัดแจงสิ่งของทั้งปวงแล้วออกมา ครั้นเวลาเช้าโจโฉก็ยกทหารไป
กวนอูจึงให้พ่ีสะใภ้ท้ังสองข้ึนข่ีรถตามกองทัพโจโฉไป เวลาคํ่าถึงท่ีประทับตําบลใด โจโฉจึงให้กวนอูกับ
ภรรยาเล่าปี่ท้ังสองคนน้ันอยู่เรือนเดียวกัน หวังจะให้กวนอูคิดทําร้ายพ่ีสะใภ้ นํ้าใจจะได้แตกออกจากเล่าปี่
จะได้เป็นสทิ ธ์ิแก่ตัว ฝุายกวนอูให้พ่ีสะใภ้ทั้งสองนอนห้องข้างใน ตัวน้ันก็นั่งจุดเทียนดูหนังสือ รักษาพี่สะใภ้
อยู่นอกประตูยังรุ่ง มิได้ประมาทสักเวลาหนึ่ง จนถึงเมืองฮูโต๋ โจโฉรู้ดังน้ันก็เกรงใจกวนอูว่ามีความสัตย์แล
กตัญํตู อ่ เลา่ ป่ี โจโฉจึงให้กวนอูกับภรรยาเล่าปี่ไปอยู่ ณ ตึกสองหลังมีชานกลาง กวนอูจึงให้พี่สะใภ้ทั้งสอง
คนนนั้ อยตู่ ึกหนึง่ แล้วให้ทหารทแี่ ก่ชราอยรู่ กั ษาประมาณสิบคน ตัวนั้นอยู่ตกึ หน่งึ ระวังรักษาพ่สี ะใภท้ งั้ สอง
(โจโฉพยายามผกู ใจกวนอูแตไ่ ม่สาเรจ็ )
ครัน้ อยู่มาวนั หน่งึ โจโฉจึงพากวนอเู ขา้ ไปเฝูาพระเจ้าเห้ยี นเต้แล้วทูลว่า กวนอูคนน้ีมีฝีมือพอจะเป็น
ทหารได้ พระเจ้าเห้ียนเต้ก็มีความยินดีจึงตั้งกวนอูเป็นนายทหาร โจโฉกับกวนอูก็ลากลับมาบ้าน โจโฉจึงให้
เชิญกวนอูกินโต๊ะ จัดแจงให้กวนอูน่ังท่ีสูงกว่าขุนนางท้ังปวง แล้วให้เครื่องเงินเครื่องทองแลแพรอย่างดีแก่
กวนอูเป็นอันมาก กวนอูรับเอาส่ิงของน้ันแล้วก็ลาโจโฉกลับมาท่ีอยู่ จึงบอกเน้ือความท้ังปวงแก่พี่สะใภ้แล้ว
เอาสิ่งของน้ันให้
ฝุายโจโฉทํานบุ ารงุ กวนอูมไิ ด้อนาทร สามวันแตง่ โต๊ะไปให้ครงั้ หน่ึง ห้าวันครั้งหนึ่ง แล้วจัดหญิงสาว
ที่รูปงามสิบคนให้ไปอยู่ปฏิบัติกวนอู หวังจะผูกน้ําใจไว้ให้กวนอูหลง กวนอูให้หญิงสิบคนไปอยู่ท่ีพ่ีสะใภ้ใช้
สอย ครัน้ ถึงสามวนั กวนอจู ึงไปเยอื นพสี่ ะใภ้ครัง้ หนึง่ นง่ั อยแู่ ตน่ อกประตูแลว้ ถามวา่ พอี่ ย่ปู รกติอยู่หรือ หรือ
ปวุ ยไข้ประการใดบา้ ง พี่สะใภจ้ งึ ตอบว่า ปรกติอยู่มิได้ปุวยไข้ประการใด เจ้ารู้ข่าวเล่าปี่บ้างหรือไม่ กวนอูว่า
ไม่แจ้ง แล้วคํานับพี่สะใภ้กลับมา โจโฉรู้กิตติศัพท์ว่า กวนอูปฏิบัติพ่ีสะใภ้โดยสุจริตดังน้ัน ก็สรรเสริญกวนอู
ว่ามคี วามสัตย์หาผู้เสมอมิได้
ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ สั ลงั เจะยามา ๒๔
สามกก๊ ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖
คร้ันอยู่มาวันหนึ่ง โจโฉให้เชิญกวนอูมากินโต๊ะ เห็นกวนอูห่มเส้ือขาด โจโฉจึงเอาเส้ืออย่างดีให้
กวนอู กวนอูรับเอาเส้ือแล้ว จึงเอาเส้ือใหม่นั้นใส่ชั้นใน เอาเส้ือเก่าน้ันใส่ช้ันนอก โจโฉเห็นดังนั้นก็หัวเราะ
แลว้ ถามว่า เอาเสื้อใหมใ่ สช่ ัน้ ในนัน้ กลวั จะเก่าไปหรอื กวนอูจึงว่าเสื้อเก่าน้ีของเล่าปี่ให้ บัดนี้เล่าปี่จะไปอยู่ท่ี
ใดมไิ ด้แจ้ง ขา้ พเจา้ จึงเอาเสือ้ ผืนน้ใี ส่ชั้นนอก หวังจะดตู ่างหนา้ เลา่ ป่ี คร้ันจะเอาเสอ้ื ใหมน่ ้ันใส่ช้ันนอก คนทั้ง
ปวงจะครหานินทาว่าได้ใหม่แล้วลืมเก่า โจโฉได้ยินดังน้ันก็สรรเสริญกวนอูว่ามีกตัญํูนัก แต่คิดเสียใจอยู่
กวนอูก็ลาโจโฉกลับมาที่อยู่
คร้นั อย่มู าวนั หนงึ่ หญิงคนใช้มาบอกแก่กวนอูว่า บัดน้ีพี่สะใภ้ทั้งสองร้องไห้รักกันอยู่ ด้วยเหตุส่ิงใด
มิได้แจ้ง กวนอไู ด้ฟง๎ ดังน้นั กต็ กใจจงึ เข้าไปถึงริมประตูแล้วถามว่าพี่ทั้งสองร้องไห้ด้วยเหตุสิ่งใด นางกําฮูหยิน
จงึ ตอบว่า คนื นี้พฝ่ี ๎นเหน็ เลา่ ปี่ตกหลุมลง คร้นั ตืน่ ขึ้นมาก็ตกใจจึงแก้ฝน๎ แก่นางบิฮูหยิน เห็นพร้อมกันว่าเล่าป่ี
ตายแล้วพ่ีจึงร้องไห้รัก กวนอูได้ฟ๎งดังน้ัน พิเคราะห์ดูเห็นฝ๎นผิดประหลาด สาคัญว่าเล่าป่ีเป็นอันตรายก็
ร้องไห้ด้วย แล้วกวนอูจึงคิดกลอุบาย ว่าแก่พี่สะใภ้ทั้งสองหวังจะให้คลายความทุกข์ จึงว่าฝ๎นน้ันจะสาคัญ
เอาเป็นแน่มิได้ ด้วยพี่ทั้งสองมีนํ้าใจคิดถึงเล่าป่ีอยู่ จึงเผอิญให้ฝ๎นท้ังนี้ ใช่เล่าป่ีจะเป็นอันตรายอย่างน้ันหา
มิได้ พี่ทั้งสองอย่าเศร้าโศกเลย พอคนใช้โจโฉมาบอกกวนอูว่า มหาอุปราชให้เชิญไป กวนอูก็ลาพี่สะใภ้ไป
หาโจโฉ โจโฉเห็นหน้ากวนอูน้ันเศร้าหมองจึงถามว่า วันน้ีเราเห็นท่านไม่สบาย มีทุกข์สิ่งใดหรือ กวนอูบอก
ว่า พี่สะใภ้ข้าพเจ้าท้ังสองคิดถึงเล่าปี่ ด้วยมิรู้ว่าเป็นหรือตายแล้วชวนกันร้องไห้ ข้าพเจ้าก็กล้ันนํ้าตามิได้
โจโฉได้ฟ๎งดังน้ันก็ปลอบโยนกวนอู แล้วก็ชวนกินโต๊ะ หวังจะให้คลายความทุกข์ กวนอูเสพสุราเมา มิได้
เกรงใจโจโฉ เอามือจับหนวดของตัวเข้าแล้วจึงว่า เกิดมาเป็นชายไม่ได้ทํานุบํารุงแผ่นดิน ทั้งเล่าป่ีผู้พี่นั้นก็มี
คุณมา ถ้าเราจะเอาใจออกหากบัดนี้ ก็หาผู้ใดจะนับถือว่าเป็นชายไม่ โจโฉได้ฟ๎งดังน้ันก็คิดว่า กวนอูยังมีใจ
สตั ยซ์ ่ือตอ่ เลา่ ป่ีอยู่ โจโฉทําเป็นไม่ได้ยินจงึ แกลง้ ถามกวนอูวา่ หนวดของทา่ นประมาณสักก่ีเส้น กวนอูจึงตอบ
ว่าหนวดของขา้ พเจ้าประมาณหลายรอ้ ยเส้นคร้นั ถงึ เทศกาลหนาวกห็ ลน่ ไปบ้างขา้ พเจ้าจึงทําถุงใส่ไว้ โจโฉได้
ฟง๎ ดังนนั้ จงึ เอาแพรขาวอยา่ งดที าํ ถงุ ให้กวนอูสาํ หรบั ใส่หนวดกวนอูรบั เอาถุงนน้ั แลว้ จึงลากลับมาทอ่ี ยู่
ครั้นเวลาเชา้ กวนอเู ข้าไปเฝาู พระเจา้ เหี้ยนเต้ทอดพระเนตรเห็นกวนอูใส่ถุงหนวดดังนั้นจึงตรัสถาม
ว่า ถุงใส่ส่ิงใดแขวนอยู่ที่คอน้ัน กวนอูจึงทูลว่า ถุงนี้มหาอุปราชให้ข้าพเจ้าสาหรับใส่หนวดไว้ แล้วกวนอูก็
ถอดถวายให้ทอดพระเนตร พระเจ้าเหี้ยนเต้เห็นหนวดกวนอูยาวถึงอก เส้นเลอียดงามเสมอกัน แล้วตรัส
สรรเสริญว่า กวนอูนี้หนวดงาม จึงพระทานชื่อว่า บีเยียงก๐ง แปลภาษาไทยว่าเจ้าหนวดงาม แล้วก็เสด็จข้ึน
โจโฉกับ ขุนนางทั้งปวงแลกวนอูก็ออกจากท่ีเฝูา มาถึงประตู วังกวนอูก็ข้ึนม้าตามโจโฉไป ครั้นถึงหน้าบ้าน
กวนอูก็ลาโจโฉจะมาท่อี ยู่
โจโฉเหน็ ม้ากวนอูผอม จึงถามวา่ เหตใุ ดมา้ จึงผอมไมส่ มตัวท่าน กวนอูจึงตอบว่า ม้าตัวนี้มีกําลังน้อย
ทานกําลังข้าพเจ้ามิได้จึงผอม โจโฉได้ฟ๎งดังน้ันจึงให้ทหารไปเอาม้าเซ็กเธาว์มา แล้วถามกวนอูว่า ม้าตัวน้ี
เป็นของผใู้ ดทา่ นรจู้ ักหรอื ไม่ กวนอจู ึงว่ามา้ ตัวนีข้ องลโิ ปูข้าพเจ้ารู้จักอยู่ โจโฉก็ให้จัดแจงเครื่องม้าพร้อมแล้ว
กใ็ หก้ วนอู กวนอมู ีความยนิ ดี ลงจากม้าคกุ เข่าลงคํานับแลว้ ว่า ซงึ่ มหาอปุ ราชให้ม้าตัวนี้แก่ข้าพเจ้าน้ันคุณหา
ทีส่ ดุ มไิ ด้
ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ ัสลัง เจะยามา ๒๕
สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
โจโฉได้ฟ๎งดังน้ันก็คิดกริ่งใจจึงถามว่า เราให้เงินทองส่ิงของแก่ท่านมาเป็นอันมากก็ไม่ยินดี ท่านไม่
วา่ ชอบใจแลมีความยินดีเหมอื นเราให้ม้าตัวนี้ เหตุไฉนท่านจึงรักม้าอันเป็นสัตว์เดียรัจฉานมากกว่าทรัพย์ส่ิง
สนิ อีกเลา่ กวนอูจงึ ตอบว่า ข้าพเจ้าแจง้ ว่าม้าเซก็ เธาว์ตัวนี้มีกําลังมาก เดินทางได้วันละหม่ืนเส้น แม้ข้าพเจ้า
รู้ข่าวว่าเล่าป่ีอยู่ท่ีใด ถึงมาตรว่าไกลก็จะไปหาได้โดยเร็ว เหตุฉะน้ีข้าพเจ้าจึงมีความยินดี ขอบคุณ
มหาอุปราชมากกวา่ ให้ส่งิ ของทงั้ ปวง
โจโฉได้ฟ๎งดังนั้นยิ่งมีความน้อยใจ แล้วคิดว่าเราเสียทีท่ีทํานุบารุงกวนอูด้วยยศศักด์ิศฤงคารบริวาร
กวนอูก็คิดรักเล่าปี่อยู่มิได้ขาด กวนอูก็ลาโจโฉไปท่ีอยู่ โจโฉจึงถามเตียวเล้ียวว่า เราเล้ียงกวนอูก็ถึงขนาด
ฉะน้ีแล้ว กวนอูยังมีน้ําใจผูกพันรักเล่าปี่อยู่ เราจะคิดอ่านประการใดกวนอูจึงจะเอาใจออกหากเล่าปี่
เตียวเลี้ยวจึงว่า ขอให้งดอยู่สักเวลาหน่ึงก่อน ข้าพเจ้าจะไปว่ากล่าวลองความคิดกวนอูดูว่า จะมีใจสัตย์ซ่ือ
ต่อเลา่ ปีเ่ ที่ยงแท้หรือ หรือจะคดิ อ่านยกั ยา้ ยประการใดบา้ ง
ครั้นเวลารุ่งเช้าเตียวเล้ียวจึงไปหากวนอู ถ้อยทีถ้อยคํานับกัน เตียวเล้ียวจึงว่าแก่กวนอูว่า ต้ังแต่
มหาอุปราชได้ท่านมาไว้ก็มีความยินดี ทํานุบํารุงท่านเป็นอันมาก เพราะมีความเมตตาท่าน กวนอูจึงว่าทุก
วันนี้มหาอุปราชชุบเลี้ยงเราจึงได้มีความสุข คุณนั้นก็มีเป็นอันมาก แต่จะได้วายคิดถึงเล่าปี่นั้นหามิได้
เตยี วเล้ียวจึงตอบว่า ธรรมดาเกิดมาเป็นชายให้รู้จักท่ีหนักท่ีเบา ถ้าผู้ใดมิได้รู้จักที่หนักที่เบา คนท้ังปวงก็จะ
ลว่ งติเตียนว่าผู้น้ันหามีสติป๎ญญาไม่ อันมหาอุปราชน้ีมีนํ้าใจเมตตาท่าน ทํานุบํารุงท่านย่ิงกว่าเล่าปี่อีก เหตุ
ใดทา่ นจงึ มีใจคิดถงึ เล่าปีอ่ ยู่
กวนอูจึงว่า ซึ่งมหาอุปราชมีคุณแก่เราก็จริงอยู่ แต่จะเปรียบเล่าป่ีนั้นยังมิได้ ด้วยเล่าปี่น้ันมีคุณแก่
เราก่อน ประการหน่ึงก็ได้สาบานไว้ต่อกันว่าเป็นพี่น้อง เราจึงได้ต้ังใจรักษาสัตย์อยู่ ทุกวันนี้เราก็คิดถึงคุณ
มหาอุปราชอยู่มิได้ขาด ถึงมาตรว่าเราจะไปจากก็จะขอแทนคุณเสียก่อนให้มีช่ือปรากฏไว้เราจึงจะไป
เตียวเลี้ยว ได้ฟ๎งดังน้ันจึงถามกวนอูว่า ถ้าเล่าปี่ถึงแก่ความตายแล้ว ท่านจะอยู่กับมหาอุปราชหรือ หรือจะ
คิดประการใด กวนอูจึงตอบว่า ตัวเราเกิดมาเป็นชายรักษาสัตย์มิให้เสียวาจา ถึงมาตรว่า เล่าปี่จะถึงแก่
ความตาย เราก็จะตายไปตามความทีไ่ ดส้ าบานไว้
เตียวเลี้ยวเห็นกวนอูน้ันมีใจสัตย์ซ่ือต่อเล่าปี่อยู่เป็นม่ันคง ก็ลากลับมา จึงเอาเน้ือความทั้งปวงบอก
แก่โจโฉทุกประการ โจโฉได้ฟ๎งดังนั้นก็ทอดใจใหญ่มีความวิตก ซึ่งจะเอากวนอูไว้ให้ขาดจากเล่าปี่ก็ไม่สมคิด
แลว้ สรรเสรญิ กวนอวู า่ มีความสตั ย์ซอ่ื มนั่ คงนกั ซนุ ฮกจึงว่าแก่โจโฉว่า อันความคิดกวนอูนั้นจะแทนคุณมหา
อปุ ราชเสียก่อนแล้วจึงจะไปจาก ถ้ามีศึกมาก็อย่าให้กวนอูออกอาสา แม้กวนอูยังไม่มีความชอบก็จะอยู่ด้วย
มหาอุปราช โจโฉได้ฟง๎ ดงั น้นั กเ็ ห็นชอบด้วย
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหสั ลัง เจะยามา ๒๖
สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
คาอธิบายศพั ท์และข้อความ คาอธบิ าย
คาศพั ท/์ ข้อความ
กริ่งใจ คลางแคลงใจ
กนิ โต๊ะ กนิ เลีย้ งด้วยอาหารอย่างดโี ดยนง่ั ล้อมวงกนั ท่ีโต๊ะ ปจ๎ จบุ นั ใชค้ วามหมาย
รมุ ทาํ ร้าย
กนิ นํา้ สบถ ดม่ื น้าํ สาบาน ซ่งึ อาจเป็นนํา้ พุทธมนต์ นา้ํ เทพมนตรห์ รือสรุ าผสมเลอื ดทผี่ ู้
ร่วมสาบานกรีดให้หยดลงแล้วดืม่ ประกอบกับคาํ ปฏญิ าณ
เกลอื ก หากวา่
ตอ้ งใจ ถกู ใจ
ตตี ัวตายกอ่ นไข้ กงั วล ทุกข์ร้อนหรอื หวาดกลวั ในเร่อื งทยี่ ังไม่เกิดขึ้น
แตง่ โต๊ะเล้ียง จัดอาหารเลย้ี ง
ทอดใจใหญ่ ถอนใจดวยความสน้ิ หวัง
เบย้ี หวดั ส่งิ ตอบแทนความชอบทีใ่ ห้แก่ทหารท่อี อกจากประจาํ การเป็นรายเดือน
ปลงใจ ไว้วางใจ
เป็นใจประนอมกันเข้า คดิ เห็นตรงกนั
ผกู ความรกั มีใจผูกพนั ดว้ ยความรัก
มหาราชอุปราช ในเร่อื งนี้หมายถงึ โจโฉ
มาตรวา่ แมว้ า่
มา้ ใช้ คนท่มี ีหน้าทส่ี ง่ สารโดยขี่ม้าไปอยา่ งรวดเรว็
เมอื่ หนา้ ต่อไปภายหนา้
ยังไมแ่ จ้ง ยงั ไมร่ แู้ น่ชดั
ลงใจดว้ ย ยอมปลงใจ ยอมเข้าข้าง
เส้น มาตราวัดความยาวแบบโบราณ ๑ เส้น = ๒๐ วา
อัปยศ ไร้ยศ ปราศจากยศ เส่ือมเสยี ช่อื เสยี ง นา่ อบั อายขายหน้า
เอาใจออกหาก หา่ งเหนิ ไป ไมร่ ่วมมอื รว่ มใจเหมือนเดิม ออกหากคอื ออกมาตา่ งหาก (เอา
ใจออกห่าง)
ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหสั ลงั เจะยามา ๒๗
สามก๊ก ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖
บทวิเคราะห์ สามก๊ก ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ
สามก๊ก เป็นพงศาวดารจีนแต่งเป็นความเรียงร้อยแก้วแบบบรรยายโวหาร มีเนื้อหาเก่ียวกับการ
ปกครอง กลอุบาย การทําสงคราม
๑. คณุ คา่ ด้านเน้อื หา
๑.๑ รูปแบบ สามก็กเป็นยอดวรรณคดีความเรียงประเภทนิทาน เป็นวรรณคดีร้อยแก้วแปลจาก
ภาษาจีนเปน็ ภาษาไทย มีสาํ นวนโวหารเปรยี บเทยี บลึกซึง้ คมคายและมคี ติธรรม
๑.๒ องค์ประกอบของเรื่อง
๑.๒.๑ สาระ ตอนที่เรียนกล่าวถึงโจโฉต้ังตัวเป็นมหาอุปราชในสมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้
ต้องการกาํ จดั เล่าป่ี ซึ่งครองเมอื งชจี ๋วิ และเข้ายึดครองเมืองได้สําเร็จ เล่าปี่หนีไปเมืองกิจ๋ิว จากนั้นโจโฉก็ยก
ทัพไปตีเมืองแหฝูอของกวนอู เม่ือโจโฉจับกวนอูได้และให้เตียวเลี้ยวเกลี้ยกล่อมกวนอูให้มาอยู่ด้วย กวนอู
ยอมจํานนดว้ ยสญั ญา ๓ ขอ้ โจโฉยอมรับเง่อื นไขของกวนอู โจโฉทําตามสญั ญาทใี่ หก้ วนอูท้ัง ๓ ข้อ เอาใจใส่
กวนอูและพี่สะใภ้ของกวนอูอย่างดี แต่กวนอูก็ไม่ได้มีน้ําใจตอบโจโฉ ยังคงซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเล่าป่ี
อย่างแนบแน่น โจโฉคิดน้อยใจแต่ก็เช่ือในความกตัญํูของกวนอู ว่าคงจะไม่หนีไปจนกว่าจะได้ตอบแทน
บญุ คณุ ความซือ่ สตั ย์ กตัญํู และการใช้กลอบุ ายเจรจาโนม้ น้ําวเปน็ สิง่ สําคัญของเรอื่ งในตอนน้ี
๑.๒.๒ โครงเรอ่ื ง การลําดับเหตุการณ์ต่างๆ แต่ละข้ันตอนในเร่ืองสอดคล้องสัมพันธ์กัน
จนแสดงให้เห็นถึงแนวคิดท่ีผู้แต่งต้องการส่ือออกมาได้อย่างชัดเจน ในเร่ืองความซื่อสัตย์ของกวนอู สามก๊ก
ตอนท่ีเรียนเป็นการทําสงครามของโจโฉกับเล่าป่ีและกวนอู โจโฉมีทหารเอกคอยให้คําปรึกษาและวางกล
อุบายในการศึก จนสามารถเอาชนะเล่าปี่และเกลี้ยกล่อมให้กวนอูเข้ามาอยู่ฝุายตน แต่ในที่สุดโจโฉก็ไม่
สามารถชนะใจกวนอูผมู้ คี วามซอ่ื สัตย์จงรักภกั ดตี ่อเลา่ ปไี่ ด้
๑.๒.๓ ฉากและบรรยากาศ เร่ืองสามก๊ก สมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้เกิดความแตกแยกแย่งชิง
อํานาจกัน ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ เป็นช่วงท่ีโจโฉมีอํานาจต้ังตัวเป็นมหาอุปราชและเป็นผู้สําเร็จ
ราชการแทนพระเจ้าแผน่ ดนิ โจโฉขายอิทธพิ ลยกทพั ไปปราบหัวเมืองต่างๆ
๑.๒.๔ ตัวละคร
๑) กวนอู เป็นชาวเมืองฮอตั๋งไกเหลียง เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเล่าป่ีและเตียว
หุย มีง้าวยาวสิบเอ็ดศอก หนักแปดสิบสองชั่งเป็นอาวุธประจํากาย เป็นบุรุษผู้มีหนวดงามและรูปงาม
ลกั ษณะนสิ ยั และพฤตกิ รรมทีเ่ ด่นชัดของกวนอูทีป่ รากฏในเน้ือเร่อื งตอนน้ี ดงั นี้
๑.๑) เป็นผู้ท่ีมีความซื่อสัตย์และกตัญญูต่อผู้มีบุญคุณ ดังตอนที่เตียว
เล้ยี วลองถามความคิดของกวนอทู ม่ี ตี อ่ โจโฉ กวนอตู อบไป ความว่า
“...ซึ่งมหาอปุ ราชมีคณุ แกํเราก็จรงิ อยํู แตํจะเปรียบเลําป่ีนั้นยังมิได๎ ด๎วยเลําปี่
นั้นมคี ณุ แกเํ รากํอน ประการหนง่ึ ก็ได๎สาบานไวต๎ ํอกันวําเป็นพี่น๎อง เราจึงได๎ตั้งใจรักษา
สตั ย๑อยํู ทุกวนั นีเ้ รากค็ ิดถึงคุณมหาอุปราชอยํูมิได๎ขาด ถึงมาตรวําเราจะไปจากก็จะขอ
แทนคุณเสียกอํ นให๎มชี ่อื ปรากฏไวเ๎ ราจึงจะไป...”
ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหัสลัง เจะยามา ๒๘
สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
๑.๒) เป็นผูม้ คี วามชานาญในการรบ กวนอูเป็นที่มีความกล้าหาญ เด็ด
เดีย่ วมคี วามชํานาญในการสู้รบ และมีความเชื่อมัน่ ในฝมี ือการรบของตนเอง ดังจะเห็นได้จากตอนที่โจโฉช่ืน
ชมฝีมือการรบของกวนอูให้เหลา่ ทหารฟ๎ง และต้องการกวนอูมาร่วมทัพด้วย เต้ียวเลียวเกล้ียกล่อมกวนอูให้
มารบั ราชการกบั โจโฉ โดยกลา่ วถงึ ความสามารถของกวนอูในการสรู้ บ
๒) โจโฉ เป็นชาวเมืองตันลิว และอยู่ในตระกูลขุนนางมาก่อน โจโฉเป็นผู้มี
สติป๎ญญาเฉลยี วฉลาดและมคี วามเปน็ ผู้นํา แต่ในขณะเดียวกันก็เปน็ ผู้มีเล่ห์เหล่ียมกลอุบาย โดยตอน กวนอู
ไปรับราชการกบั โจโฉ ไดแ้ สดงลักษณะนิสยั และพฤตกิ รรมของโจโฉท่ีเด่นชัด ดงั น้ี
๒.๑) เป็นผู้ท่ีชานาญในการวางกลศึก โจโฉสามารถวิเคราะห์การศึก
และวางกลอุบายการศึกทซ่ี บั ซ้อนจนฝุายข้าศกึ คดิ ไมถ่ งึ กวา่ ข้าศึกจะรตู้ ัวก็ตกหลุมพราง เสียเปรียบโจโฉเสีย
แล้ว ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากตอนที่โจโฉยกทพั ไปโจมตเี มืองชีจิว๋ ของเลา่ ป่ี
๒.๒) เป็นผู้ท่ีมีวาจาสัตย์ เม่ือโจโฉรับปากเร่ืองใดแล้วก็มิได้คืนคํา
ดงั ที่โจโฉรบั สัญญา ๓ ขอ้ เพอ่ื ให้กวนอยู นิ ยอมรบั ราชการอยกู่ บั โจโฉ โจโฉก็ได้กระทําตามสัญญาท่ีรับปากไว้
เมื่อกวนอูขอคํามัน่ ในสัญญาจากโจโฉ โจโฉจงึ กล่าวยํา้
๒.๓) เป็นผู้ท่ีช่ืนชอบผู้มีความซ่ือสัตย์ นับเป็นลักษณะนิสัยที่เด่นมาก
ในตอนนี้ โจโฉมีความปรารถนาท่ีจะได้กวนอูมารับราชการเพ่ือเป็นกําลังแก่ตนเองสืบไป จึงพยายามทําทุก
อย่างเพื่อผูกใจกวนอู และแมว้ ่าโจโฉจะไม่สามารถเหนยี่ วร้งั กวนอูได้ โจโฉก็ยงั สรรเสริญในความซ่ือสัตย์และ
กตัญํูที่กวนอมู ตี ่อเล่าป่ีเสมอ ดังเช่น ตอนที่โจโฉชวนกวนอูมากินโต๊ะ โจโฉเห็นเส้ือกวนอูขาด จึงให้เสื้อตัว
ใหมแ่ ก่กวนอู แต่กวนอูกลับสวมเสื้อตัวเก่าทับเสื้อตัวใหม่ไว้ โดยให้เหตุผลท่ีสะเทือนใจโจโฉ แต่โจโฉก็ยังไม่
วานสรรเสริญในความซ่ือสัตย์และกตัญํทู ก่ี วนอมู ตี อ่ เลา่ ป่ี
๑.๒.๕ กลวิธีการแต่ง ผู้แต่งใช้กลวิธีบรรยายเล่าเร่ืองอย่างละเอียด บางตอนให้ตัวละคร
เป็นผูเ้ ลา่ เรอื่ งด้วยบทสนทนานาํ ซ่ึงจากบทสนทนานี้ทาํ ใหผ้ ูอ้ า่ นไดท้ ราบเรอ่ื งราวความเปน็ มาของเร่ือง
๒. คณุ ค่าด้านวรรณศิลป์
๒.๑ การสรรคา สามก๊กเป็นวรรณคดีท่ีได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดของความเรียงประเภทนิทาน
เพราะแตง่ ดที ง้ั เนอื้ เรอื่ งและสํานวนทแี่ ปลเปน็ ไทย ด้วยการเลอื กใช้ถอ้ ยคําไดอ้ ย่างไพเราะ
๒.๑.๑ การเลอื กใช้คาไดถ้ กู ตอ้ งตรงตามความหมายท่ีต้องการ กวีใช้คําได้ตรง
ความหมายและถ้อยคาํ ทใี่ ช้กไ็ ม่ใช่ศัพท์ยาก อา่ นแล้วจะเขา้ ใจสถานการณ์ไดท้ ันที มีความไพเราะ สละสลวย
เรยี บง่าย ดังตวั อยา่ ง ความวา่
“...กวนอูได๎ฟ๓งดังน้ันก็โกรธ จึงวําแกํเตียวเล้ียววํา เดิมเราถามตัววําจะเกล้ีย
กล่อมหรอื ตัววาํ หามิได๎ แลตัวมาวํากลําวดังนี้ จะวําไมํเกลี้ยกลํอมนั้นตัวจะประสงค๑สิ่ง
ใดเลํา แลว๎ วาํ เราอยใูํ นทีน่ ก้ี เ็ ป็นท่ีคับขันอยํู ซึง่ เราจะเขา๎ ดว๎ ยผ๎ใู ดนอกจากเลาํ ป่ี...”
ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ ัสลงั เจะยามา ๒๙
สามกก๊ ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖
๒.๑.๒ การเลือกใช้คาท่ีเหมาะแก่เน้ือเรื่องและฐานะของบุคคล เช่น ตอนท่ีกวนอูไปเข้า
ไปเฝูาพระเจ้าเห้ียนเต้ซึ่งเป็นกษัตริย์ ผู้แต่งใช้คําราชาศัพท์ได้ถูกต้องเหมาะสมแก่เน้ือเรื่องและฐานะของ
บคุ คลในเร่ือง ดงั ตัวอยา่ ง ความวา่
“...ครั้นเวลาเช๎ากวนอูเข๎าไปเฝ้า พระเจ๎าเห้ียนเต๎ทอดพระเนตรเห็นกวนอูใสํ
ถุงหนวดดังน้ันจึงตรัสถามวํา ถุงใสํสิ่งใดแขวนอยํูท่ีคอน้ัน กวนอูจึงทูลวํา ถุงน้ีมหา
อุปราชให๎ข๎าพเจ๎าสําหรับใสํหนวดไว๎แล๎วกวนอูก็ถอดถวายให๎ทอดพระเนตร พระเจ๎า
เหี้ยนเตเ๎ หน็ หนวดกวนอยู าวถงึ อกเสน๎ ละเอียดงามเสมอกันแล๎วตรัสสรรเสริญวํากวนอู
นีห้ นวดงาม จึงพระราชทานชือ่ วํา บเี ยยี งเกง๐ แปลภาษาไทยวํา เจ๎าหนวดงาม...”
๒.๑.๓ การเลือกใช้คาได้เหมาะสมกับลักษณะคาประพันธ์ ผู้แต่งใช้ภาษาความเรียง
นทิ านประเภทรอ้ ยแก้ว ใชถ้ อ้ ยคาํ และเรียงความเรียบรอ้ ยสมา่ํ เสมอ อ่านเขา้ ใจงา่ ย ไม่มีศัพทย์ าก
๒.๒ การใช้โวหาร ผู้แตง่ เลอื กใชถ้ ้อยคําได้อย่างเหมาะสมกับเนื้อเร่ือง ทาํ ให้มองเห็นภาพชดั เจน
๒.๒.๑ บรรยายโวหาร เป็นลักษณะการให้รายละเอียดของเนื้อเรื่อง เพ่ือเล่าเหตุการณ์
ดังตอนท่ที ีโ่ จโฉยกทพั ไปโจมตเี มอื งชีจิ๋วของเล่าป่ี แลว้ แบ่งทหารเปน็ กองๆเพื่อปอู งกนั ขา้ ศึกโจมตี ความว่า
“...โจโฉจึงแบํงทหารเปน็ สิบเอด็ กอง กองหนง่ึ ให๎อยูํรักษาคําย แปดกองน้ันให๎
ทหารเอกคุมทหารเลวยกแยกออกไปซุํมอยูํนอกคํายท้ังแปดทิศ ถ๎าเห็นกองทัพผ๎ูใดมา
ปล๎นคําย ก็ให๎ทหารท้ังแปดกองตีกระหนาบล๎อมเข๎ามา สองกองน้ันให๎แยกกันไปตั้ง
สกดั อยปูํ ากทางเมืองชจี ว๋ิ กองหนึ่งเมืองแหฝ๎ อ้ กองหนึ่ง...”
๒.๒.๒ อุปมาโวหาร เป็นความเปรียบท่ีเข้าใจง่ายทําให้เกิดภาพท่ีชัดเจนขึ้น เช่น ตอน
ทีโ่ จโฉคดิ หาหนทางกาํ จัดเล่าปโี่ ดยกลา่ วเปรียบเล่าปว่ี า่ เหมอื นลูกนก ความว่า
“...เลําปี่น้ันเป็นคนมีสติป๓ญญา ถ๎าละไว๎ช๎าก็จะมีกําลังมากขึ้น อุปมาเหมือน
ลูกนกอันขนปีกยังไมํขึ้นพร๎อม แม๎เราจะน่ิงไว๎ให๎อยูํในรังฉะน้ี ถ๎าขนขึ้นพร๎อมแล๎วก็จะ
บินไปทางไกลได๎ ซ่ึงจะจับตัวน้นั เห็นจะไดค๎ วามชดั เจน...”
ตอนที่กวนอูปฏิเสธท่ีจะไปรับราชการกับโจโฉ เตียวเลี้ยวพยายามหาเหตุผลโน้มน้ําวใจกวนอู โดย
กล่าวเปรียบความลําบากท่ีกวนอูต้องเผชิญว่าเหมือนการลุยไฟและการข้ามมหาสมุทรท่ีกว้างใหญ่ หากทํา
ไดก้ ็จะเป็นที่รูจ้ ักสรรเสริญในภายภาคหน้า ความวา่
“...เหตุใดทํานจึงไมํรักษาชีวิตไว๎คอยเลําป่ี จะได๎ชํวยกันคิดการทํานุบํารุง
แผํนดนิ ให๎อยูเํ ย็นเปน็ สขุ ถึงมาตรวาํ ทาํ นจะได๎ความลําบากกอ็ ุปมาเหมือนหน่ึงลุยเพลิง
อนั ลุก แลข๎ามมหาสมทุ รอันกวา๎ งใหญํ ก็จะลือชาปรากฏชอื่ เสียงทาํ นไปภายหนา๎ ...”
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหสั ลงั เจะยามา ๓๐
สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๖
และตอนท่ีทหารโจโฉล้อมจับกวนอูไว้ เตยี วเลี้ยวขมี่ า้ เข้ามาหาเพอ่ื เกลยี้ กล่อมให้กวนอูเข้าฝุายโจโฉ
กวนอูได้ฟ๎งเตียวเล้ียวก็โกรธกล่าวตอบโต้ว่าหากตายก็ไม่เสียดายชีวิต โดยเปรียบว่าความตายเหมือนการ
นอนหลับ ความว่า
“...ซ่ึงเราจะเข๎าด๎วยผู๎ใดนอกจากเลําป่ีน้ันอยําสงสัยเลย ตัวเราก็มิได๎รักชีวิต
อนั ความตายอุปมาเหมอื นนอนหลบั ทํานเรํงกลบั ไปบอกแกํโจโฉให๎ตระเตรียมทหารไว๎
ใหพ๎ รอ๎ ม เราจะยกลงไป...”
จากตัวอย่างความเปรียบที่ยกมาจะเห็นได้ว่าเป็นความเปรียบแบบอุปมา คือ ส่ิงหรือข้อความท่ียก
มาเปรียบเทยี บกบั ส่งิ ที่กําลงั กล่าวถึง เพอ่ื ทาํ ให้เข้าใจส่งิ ทีก่ ําลังกล่าวถึงได้อยา่ งชัดเจนและลึกซง้ึ ยงิ่ ขึ้น
๒.๒.๓ การใชส้ านวนโวหาร การคนไทยเป็นคนเจา้ บทเจ้ากลอนชอบพูดจาให้เป็นสํานวน
ตา่ งๆ จึงปรากฏในเร่ืองสามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ ได้แก่ “ได้ใหม่แล้วลืมเก่า” ตอนท่ีกวนอู
กล่าวกบั โจโฉถึงเหตทุ ่ีเอาเสือ้ ใหมโ่ จโฉให้ใสช่ นั้ ใน แล้วเอาเส้ือเกา่ ใสช่ ั้นนอก ความว่า
“...กวนอูจึงวําเส้ือเกํานี้ของเลําปี่ให๎ บัดน้ีเลําปี่จะไปอยํท่ีใดมิได๎แจ๎ง ข๎าพเจ๎า
จึงเอาเสอื้ ผืนนี้ใสชํ ัน้ นอก หวังจะดูตํางหน๎าเลําป่ี ครั้นจะเอาเส้ือใหมํน้ันใสํชั้นนอก คน
ทัง้ ปวงจะครหานนิ ทาวาํ ได๎ใหมแํ ลว๎ ลืมเกํา...”
และอีกสํานวนที่ปรากฏ คือ “ตีตัวตายก่อนไข้” ป๎จจุบันใช้ “ตีตนไปก่อนไข่” ตอนท่ีอ้วนเส้ียว
แกลง้ ทาํ เปน็ ทุกข์ เตียนหอ้ งจึงกล่าวกับอว้ นเส้ียว ความวา่
“...คนทงั้ ปวงก็ลอื ชาปรากฏวาํ ทาํ นเปน็ ผใ๎ู หญํอยํูในหัวเมืองฝ่ายเหนือ เหตุใด
ทํานมาคดิ ยํอท๎อจะมาตตี นกํอนไข๎น้นั ไมํควร...”
๓. คณุ ค่าดา้ นสงั คม
๓.๑ สะท้อนแนวคิดเกย่ี วกบั การทาสงครามของคนจีน
๓.๑.๑ การทาสงครามนั้นมิใช่ใช้กาลังทหารเพียงอย่างเดียว การทําสงคราม นอกจาก
การใช้กําลังทหารยังต้องอาศัยสติป๎ญญาและเล่ห์เหล่ียมกลอุบายเป็นสําคัญ จึงจะสามารถเอาชนะข้าศึก
ศัตรูได้ เช่น ตอนท่ีเทียหยกวางกลอุบายล่อลวงให้กวนอูออกจากเมืองแห้ฝือ เพ่ือให้ทหารโจโฉเข้ายึดเมือง
แห้ฝือ และกท็ าํ ไดส้ าํ เร็จ ดงั ความในสามก๊ก ตอน กวนอไู ปรับราชการกบั โจโฉ ความว่า
“...เทียหยกจึงวํา ม๎าเท๎งไปอยํูเมืองเสเหลียงน้ันมีทหารเป็นอันมาก ถ๎าทํานจะ
ยกกองทพั ไปตเี อาบดั น้เี มืองเราก็เปน็ กงั วลอยูํ ขอให๎ทํานเรํงแตํงต้ังผู๎มีสติป๓ญญาไปเกลี้ย
กลํอมหาตัวม๎าเท๎งกลับเข๎ามาอยําให๎ทันม๎าเท๎งร๎ูวําทํานจับตังสินกับพวกเพื่อนฆําเสีย
ข๎าพเจา๎ เห็นวาํ มา๎ เทง๎ ไมแํ จ๎งเนือ้ ความท้งั นี้ก็จะเข๎ามาจึงจบั ฆําเสยี กจ็ ะไดโ๎ ดยงาํ ย...”
ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ ัสลงั เจะยามา ๓๑
สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๖
๓.๑.๒ บุคลิกภาพของผู้นา ผู้นําที่ย่ิงใหญ่และประสบความสําเร็จ นอกจากจะต้องมี
สตปิ ๎ญญาเฉลียวฉลาด เชยี่ วชาญในการรบแล้ว ควรมีความพยายามและความอดทนในการทําการที่มุ่งหวัง
เช่น ตอนทโี่ จโฉใช้ความเพียรพยายามอดทนและใช้จิตวทิ ยาเป็นอย่างมากในการผูกมัดใจกวนอูให้เกิดความ
จงรกั ภักดตี อ่ ตนเอง ซึ่งโจโฉก็ทําได้สําเรจ็ ขั้นหน่ึง แมก้ วนอูจะยังคงซื่อสัตย์จงรกั ภกั ดีต่อเลา่ ป่ีไม่คลาย แต่ก็รู้
สํานึกในบุญคุณของโจโฉและพร้อมที่จะตอบแทนคุณในภายภาคหน้า ดังความในสามก๊ก ตอน กวนอูไปรับ
ราชการกบั โจโฉ ความว่า
“...โจโฉจึงถามเทียหยกวํา ทํานจะคิดลํอลวงประการใด เทียหยกจึงวํา ทําน
จับทหารเลําปี่ไว๎ได๎เป็นอันมาก จงให๎บําเหน็จรางวัลให๎ถึงขนาด แล๎วสั่งให๎ทําตามคํา
เรา จงึ ปลอํ ยเข๎าไปในเมืองให๎บอกวาํ หนีกลบั มาได๎ ถา๎ เราจะทําการก็ให๎เป็นไส๎ศึกอยูํใน
เมอื ง แล๎วให๎แตงํ ทหารไปรบลํอ ถา๎ กวนอไู ลํออกมานอกเมืองแล๎ว จึงให๎ทหารซ่ึงซํุมอยู
ทง้ั สองขา๎ งลอ๎ มไว๎ จงึ แตํงให๎ผ๎ูสติปญ๓ ญาไปเกลยี้ กลอํ มกวนอูเห็นจะไดโ๎ ดยงําย...”
๓.๑.๓ ความสาคัญของนักการทูต นักการทูตมีความสําคัญในการช่วยราชการบ้านเมือง
แมก้ ระทงั่ ในยามศึกสงคราม ผ้ทู ่จี ะทําหน้าท่ีทางการทูตต้องเป็นผู้ท่ีมีสติป๎ญญาเฉลียวฉลก มีโวหารทางการ
พดู เป็นเลศิ ดงั เชน่ เตียวเลยี้ วท่ีสามารถโนม้ นา้ํ วใจให้กวนอยู อมรับราชการกับโจโฉได้เปน็ ผลสําเร็จ ดังความ
ในสามก๊ก ตอน กวนอไู ปรบั ราชการกับโจโฉ ความว่า
“...เตยี วเล้ียวจงึ ตอบวาํ เดิมทํานกับเลําปี่ เตียวหุยได๎สาบานไว๎ตํอกันวํา เป็น
พี่น๎องรํวมสุขแลทุกข๑เป็นชีวิตอันเดียวกัน... เม่ือทํานตายเสียแล๎ว เลําปี่เตียวหุยก็จะ
ตายด๎วย ซ่ึงทํานสาบานไว๎ตํอหน๎ากันก็จะมิเสียความสัตย๑ไปหรือ คนท้ังปวงก็จะลํวง
นนิ ทาวาํ ความคิดทํานน๎อย... เตียวเล้ียวจึงวํา มหาอุปราชให๎ทหารล๎อมทํานไว๎เป็นอัน
มาก ถ๎าทํานสมัครเข๎าด๎วยเหน็ ชวี ิตทํานจะถึงแกคํ วามตายหาประโยชน๑มิได๎ ขอให๎ทําน
อยูํกับมหาอุปราชกอํ นเถิด จะได๎มปี ระโยชนส๑ ามประการ...”
๓.๑.๔ พลังของความสามัคคีช่วยให้บ้านเมืองอยู่รอดปลอดภัยจากข้าศึกศัตรู ในการ
ทําสงครามถ้ามีความเป็นนํ้าหน่ึงใจเดียวกันย่อมเกิดพลังในการต่อสู้ข้าศึก แต่หากขาดซึ่งความสามัคคีแล้ว
ย่อมเสียทีขา้ ศกึ โดยง่าย เช่น การที่อ้วนเส้ียวไม่ส่งทหารไปช่วยเล่าปี่ เป็นเหตุหนึ่งที่ทําให้เล่าปี่ปราชัย หรือ
การท่ีบติ ๊ก บฮิ อง กันหยง ท้ิงเมืองเพราะคิดว่าสู้โจโฉมิได้ และตันเต๋งกลับเปิดประตูรับโจโฉเป็นเหตุให้โจโฉ
ยดึ เมอื งชีจว๋ิ ไดง้ ่าย
ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหัสลงั เจะยามา ๓๒
สามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๖
๓.๒ สะท้อนค่านยิ มในการประพฤติปฏิบัติของคนในสงั คม
๓.๒.๑ ค่านิยมเร่ืองความซื่อสัตย์ สะท้อนให้เห็นค่านิยมความซื่อสัตย์ได้เด่นชัดที่สุด ดัง
ความในสามกก๊ ตอน กวนอไู ปรบั ราชการกับโจโฉ ความวา่
“...โจโฉร๎ูดงั นน้ั ก็เกรงใจกวนอูวํามีความสัตย๑แลกกตัญ๒ูเลําปี่ โจโฉจึงให๎กวน
อูกับภรรยาเลาํ ปีไ่ ปอยํู ณ ตกึ สองหลงั มีชานกลาง กวนอูจึงให๎พี่สะใภ๎ท้ังสองคนนั้นอยํู
ตึกหลัง แล๎วให๎ทหารท่ีแกํชราอยูํรักษาประมาณสิบคน ตัวนั้นอยํูตึกหนึ่งระวังรักษา
พี่สะใภ๎ท้ังสอง...”
๓.๒.๒ ค่านิยมความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ การโจโฉส่งทหารไปล่อให้กวนอูไล่
ตามออกมานอกเมืองและล้อมจับตัวกวนอูไว้ เตียวเลี้ยวทหารฝุายโจโฉซ่ึงกวนอูเคยช่วยชีวิตไว้เป็นผู้เข่ไป
เจรจาเกล้ียกล่อมกวนอูให้ไปอยู่กับโจโฉ กวนอูยอมจํานวน แต่ขอเง่ือนไขเป็นสัญญา คือ ขอให้ได้เป็นข้า
ของพระเจา้ เหี้ยนเต้ ดังความในสามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ ความวา่
“...กวนอูจึงวํา เดิมเราได๎สาบานกันไว๎เลําปี่ เตียวหุยวําจะชํวยกันทํานุบํารุง
พระเจ๎าเหยี้ นเต๎แลอาณาประชาราษฎร๑ให๎อยูํเป็นสุข ซ่ึงเราจะสมัครเข๎าด๎วยนั้น เราจะ
ขอพระเจ๎าเหยี้ นเต๎ประการหน่ึง...”
๓.๒.๓ ค่านิยมความกตัญญูรู้คุณ ตอนท่ีเตียวเล้ียวกล่าวถึงลักษณะนิสัยของกวนอู ดัง
ความในสามกก๊ ตอน กวนอไู ปรับราชการกบั โจโฉ ความว่า
“...อนั นา้ํ ใจกวนอนู ้ัน ถ๎าผ๎ูใดมีคุณแล๎วจะเห็นเป็นเหมือนอิเยียง อันเลําป่ีกับกวน
อูนั้นมิได๎เป็นพ่ีน๎องกัน ซ่ึงมีความรักกันนั้น เพราะได๎สาบานตํอกัน เลําป่ีเป็นแตํผู๎น๎อย
เล้ียงกวนอูไมถํ งึ ขนาด กวนอูยงั มนี ้ําใจกตญั ๒ูตํอเลาํ ป่ี จงึ คดิ จะตดิ ตามมิได๎ทง้ิ เสยี ...”
๓.๓ สะทอ้ นความเช่ือของคนในสังคม
๓.๓.๑ ความเชื่อในโชคลาง แม้โจโฉจะเป็นแม่ทัพท่ีมีความสามารถในการรบเมื่อยกทัพ
มาเกิดพายุพัดธงชัยหัก ก็ต้องพึ่งคําทํานายทายทัก จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องสําคัญของการรบแบบโบราณท่ี
ตอ้ งถือฤกษย์ ามและโชคลาง ดงั ความในสามกก๊ ตอน กวนอูไปรบั ราชการกับโจโฉ ความว่า
“...ฝ่ายโจโฉยกกองทัพมาใกล๎จะถึงเมืองเสียวพําย พอเกิดลมพายุใหญํพัดหนัก
ธงชัยซ่ึงป๓กมาบนเกวียนน้ันหักทบลง โจโฉเห็นวิปริตดังนั้นก็ให๎หยุดทหารตั้งคํายม่ันไว๎
แลว๎ ถามทป่ี รึกษาวาํ ซ่ึงลมพายุพัดมาถูกธงชัยเราหักลงท้ังนี้ จะเห็นดีแลร๎ายประการใด
ซนุ ฮกจงึ วาํ ซ่งึ เกดิ พายใุ หญพํ ดั ธงชัยหักทบลงมาน้ันเป็นลมตะวันออก เวลาคํ่าวันน้ีดีร๎าย
เลําป่ีจะยกออกมาปล๎นคํายเราเป็นม่ันคง พอมอกายเข๎ามาวําแกํโจโฉวํา ลมตะวันออก
พดั มาถกู ธงชยั หักน้นั ข๎าพเจ๎าเหน็ วํากลาํ วคนื วันนจ้ี ะมีผู๎มาปล๎นคําย...”
ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ ัสลัง เจะยามา ๓๓
สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖
๓.๓.๒ ความเช่ือในเร่ืองความฝัน เมื่อนางบิฮูหยินและกําฮูหยินเล่าความฝ๎นของนาง
เก่ยี วกบั เล่าปใ่ี ห้กวนอูฟ๎ง กวนอูกเ็ กดิ วิตก ดงั ความในสามกก๊ ตอน กวนอูไปรบั ราชการกับโจโฉ ความวา่
“...นางกําฮูหยินจึงตอบวํา คืนนี้พี่ฝ๓นเห็นเลําป่ีตกหลุมลง คร้ันตื่นขึ้นมาก็
ตกใจจึงแก๎ฝ๓นนางกําฮูหยิน เห็นพร๎อมกันวําเลําป่ีตายแล๎วพี่จึงร๎องไห๎รัก กวนอูได๎ฟ๓ง
ดังนั้น พเิ คราะหด๑ ูเห็นฝน๓ ผิดประหลาด สาํ คญั เลาํ ปี่เปน็ อนั ตรายกร็ อ๎ งไหด๎ ว๎ ย...”
๓.๓.๓ ความเช่ือเรือ่ งบุญกรรมท่ีตนได้กระทาไว้ แสดงใหเ้ ห็นความเชอ่ื เรอ่ื งบุญกรรมท่ี
ได้กระทํามา ดงั ความในสามก๊ก ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ ความวา่
“...แล๎ววําบัดนข้ี า๎ พเจ๎าเข๎ามาปรกึ ษาดว๎ ย พท่ี ง้ั สองจะเห็นประการใด นางกําฮู
หยินจึงวําเวลาคืนนี้โจโฉเข๎าในเมืองได๎ พี่น้ีเกรงอยูํวําจะเป็นอันตรายตํางๆ เป็นเดชะ
บุญของเรา...”
๓.๔ สะท้อนขนบธรรมเนียมประเพณีตา่ งๆของสังคมจีน
๓.๔.๑ การจัดเล้ียง การจัดงานเล้ียงเป็นเอกลักษณ์ของคนจีน ในสังคมจีนไม่ว่าจะใน
โอกาสใด มักจะจัดงานเลยี้ งเปน็ ประจําจนกลายเป็นประเพณีไปโดยปริยาย
๓.๔.๒ การให้ของกานัล การให้ของกํานัลเป็นสิ่งท่ีชาวจีนนิยมทํากันในเกือบทุกโอกาส
จากเร่ืองจะเห็นไดว้ า่ โจโฉให้เคร่ืองเงิน เคร่ืองทอง เส้ือผ้าดีๆ และให้ผ้าแพรขาวอย่างดีแก่กวนอู เพื่อทําถุง
ใสห่ นวด การให้ของกํานัลเช่นน้เี ปน็ กลวิธหี น่ึงของชาวจนี นยิ มกระทาํ เพื่อเป็นเคร่ืองผูกใจ
สามก๏กตอนที่เรียนเป็นตอนที่เน๎นคุณธรรม จริยธรรมของตัวละคร เชํน ความจงรักภักดี ความ
ซ่ือสัตย๑ ความกตัญ๒ู การยึดถือสัจจะ ซึ่งถือเป็นคํานิยมที่ทุกสังคมยกยํองเพียงแตํในแตํละสังคมให๎
ความสําคัญมากน๎อยตํางกัน สํวนข๎อคิดและแนวคิดที่ได๎จากพฤติกรรมของตัวละครก็เป็นลักษณะที่สังคม
ยอมรับและยังคงทันสมยั อยูเํ สมอ
ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ สั ลงั เจะยามา ๓๔
กาพย์เห่เรอื
การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองเรื่อง กาพย์เห่เรือ จะต้องอ่านอย่างถูกต้อง ไพเราะเหมาะสม
วิเคราะห์วิจารณ์ ตามหลักการวิจารณ์เบื้องต้น และลักษณะเด่น โดยเชื่อมโยงกับการเรี ยนรู้ทาง
ประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของสังคมในอดีต คุณค่าด้านวรรณศิลป์ในฐานะท่ีเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของ
ชาติ มีการสังเคราะห์ข้อคิด เพ่ือนําไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง และท่องจําบทอาขยานที่มีคุณค่า เพื่อ
นาํ ไปใช้อ้างองิ
มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้อยา่ งถูกต้อง ไพเราะ
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ และเหมาะสมกับเรื่องทีอ่ ่าน
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑ วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวิจารณ์
ม.๔-๖/๒ เบอื้ งต้น
ม.๔-๖/๓ วเิ คราะหล์ ักษณะเด่นของวรรณคดีเชอื่ มโยงกับการเรียนร้ทู าง
ม.๔-๖/๔ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละวิถชี วี ติ ของสังคมในอดตี
ม.๔-๖/๖ วเิ คราะหแ์ ละประเมินคณุ ค่าด้านวรรณศิลปข์ องวรรณคดแี ละ
วรรณกรรมในฐานะทเี่ ป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชาติ
สังเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือนําไปประยุกต์
ใชใ้ นชวี ิตจรงิ
ท่องจําและบอกคุณคา่ บทอาขยานตามท่ีกาํ หนด และบทร้อยกรอง
ทมี่ ีคุณคา่ ตามความสนใจและนาํ ไปใชอ้ า้ งอิงประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริง
ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ สั ลัง เจะยามา ๓๕
วรรณคดีวิจักษ์ ๒
กาพยเ์ หเ่ รือ
ความเปน็ มา
เรือพระราชพิธีและประเพณีเห่เรือ เป็น “มรดกทางวัฒนธรรม” เป็นงานศิลปะอันทรงคุณค่าสูง
อันเปน็ ความภาคภูมิใจในชาติได้อย่างยอดเยี่ยม “เรือพระราชพิธี” มิใช่เป็นเพียงสมบัติของชาติไทยเท่านั้น
แต่เป็นสมบัติอันล้ําค่าของโลกด้วย เรือพระราชพิธีประกอบด้วยศิลปะหลายประเภทคือ ศิลปะนาวา
สถาป๎ตยกรรมในการออกแบบรูปทรงลําเรือ อันบรรเจิดตระการตาและได้ประโยชน์ใช้สอยอย่างสมบูรณ์
ศิลปะจิตรกรรมในการออกแบบลวดลายและสีสันอันสวยสดงดงาม มีท่วงท่าประณีตอ่อนระทวยแต่สง่าภูมิ
ฐาน ศิลปะประติมากรรม อันได้แก่ การแกะสลักให้เกิดการต้ืนลึกมีแสงและเงา มีท่วงทํานอง เน้นการทอด
จงั หวะของลวดลายทําให้ท่อนไม้ซึ่งไม่มีชีวิต ดุจมีชีวิตเคล่ือนไหวได้ราวกับส่ิงมีชีวิตจริง เม่ือพายกระทบนํ้า
และกระทบแสงอาทิตย์เกิดประกายระยับจับตา ฝีพายท่านกบินพายพร้อมกันประหน่ึงหงส์เหิรโผบินเหนือ
ท้องนา้ํ ดว้ ยท่วงทา่ อันสงา่ ประกอบด้วยเพลงเห่อันไพเราะประทับใจในภาพดุจดั่งสวรรค์ เคล่ือนคล้อยลอย
เล่ือนมายงั พ้ืนนาํ้ ใน ดังนนั้ เรือพระราชพธิ ี หรอื ขบวนเรอื พยหุ ยาตราชลมารค จงึ เปน็ เอกในโลกนี้
เดิมบทเห่เรือเจ้าฟูาธรรมธิเบศรเป็นบทเห่เรือเล่นและเป็นบทเห่เรือท่ีเก่าแก่ท่ีสุดที่ยังหลงเหลืออยู่
ทรงพระนพิ นธเ์ พ่อื ใชเ้ ปน็ บทเหเ่ รือของพระองค์เอง เม่ือคร้ังตามเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศพระราช
บิดาไปนมัสการพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์นํามาเป็นบทเห่เรือหลวง การพาย
เรือหลวงพลพายจะพายจังหวะช้าซ่ึงแตกต่างจากการพายเห่เรือเล่น แต่ก็มีการใช้สัญญาณให้เกิดความ
พรอ้ มเพรยี งเหมือนกนั
การเห่เรือของไทยแสดงถึงความเก่าแก่สืบทอดมายาวนาน จนแสดงความเป็นไทยได้อย่างแจ่มชัด
และสะท้อนภาพวิถีชีวิตของคนไทยที่ผูกพันกับสายนํ้า มีการติดต่อสัญจรทางนํ้า และสร้างความบันเทิง
ในขณะประกอบกิจกรรมทางน้ํา เพื่อความพร้อมเพรียง และผ่อนคลายไปในเวลาเดียวกัน จนพัฒนา
กลายเป็นพธิ กี รรมทขี่ รึมขลงั ในป๎จจุบนั
ประวตั ผิ ู้แตง่
เจ้าฟูาธรรมาธิเบศ กรมขุนเสนาพิทักษ์ หรือเรียกติดปากว่าเจ้าฟูากุ้ง เจ้าฟูาองค์หน่ึงของอยุธยา
พระองค์มีพระปรีชา สามารถหลายด้านไม่ว่าจะเป็นด้านการทหาร การช่างและโดยเฉพาะด้านวรรณกรรม
จดั ไดว้ า่ พระองค์ท่านทรงเปน็ คีตกวที ย่ี ง่ิ ใหญ่ในสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยาพระองคห์ นง่ึ
พระองค์ประสูติ เมื่อ พ.ศ.๒๒๔๘ ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระซึ่งเป็นพระปิตุลา (ลุง)
ของพระองค์ ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จ พระบรมโกศหรือสมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี ๓ กับกรม
หลวงอภยั นุชิต พระมเหสีใหญ่ เจา้ ฟูาธรรมธเิ บศรมีพระอนุชาตา่ งพระมารดา อกี ๒ พระองค์คือ พระเจ้าลูก
เธอเจ้าฟาู เอกทศั (พระเจ้าเอกทัศ) และพระเจ้าลกู เธอเจ้าฟาู ดอกเด่ือ (ขุนหลวงหาวดั )
ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหสั ลัง เจะยามา ๓๖
กาพย์เหเ่ รือ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖
ลุศักราช ๑๑๐๓ ปีระกา ตรีศก พ.ศ. ๒๒๘๔ เจ้าฟูาธรรมธิเบศร ได้เข้าพระราชพิธีอุปราชาภิเษก
เถลิงถวัลยราชสถิติท่ีพระมหาอุปราช เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) และอภิเษกสมรสกับ
เจ้าฟูาหญิงอินทสุดาวดี ก่อนหน้าน้ีเคยจะถูกสําเร็จโทษ เนื่องจากไปทําร้ายเจ้าฟูานเรนทร์ กรมขุน
สุเรนทรพิทักษ์ พระโอรสองค์โตในพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ เนื่องจากแกรงว่าจะเป็นศัตรูในการสืบราชสมบัติ
ซง่ึ กรมขนุ สเุ รนทรพทิ กั ษเ์ ป็นทีโ่ ปรดปรานรักใคร่ของพระเจ้าอยูห่ ัวบรมโกศ ในขณะดํารงตําแหนง่ อปุ ราช
ต่อมาเจ้าฟูานเรนทร์ ทรงออกผนวช จึงมอบราชสมบัติให้เจ้าฟูาอภัย ทําให้พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ไมพ่ อพระทัย และเกดิ การแยง่ ชงิ ราชสมบัติ
เจา้ ฟูาก้งุ ฟาู เคยเปน็ ครู่ ักกับหมอ่ มเจา้ สงั วาลย์ แต่ต่อมากลับได้รับการแต่งต้งั เป็นพระมเหสีฝุายซ้าย
ของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ซึงเป็นผู้สั่งประหารบิดาของหม่อม เจ้าสังวาลย์ ส่วนเจ้าฟูาเทพผู้เป็นแม่กลับ
กลายเป็นชายาของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล เจ้าฟูากุ้ง ภายหลังเจ้าฟูากุ้งก็ลักลอบไปมีความสัมพันธ์
กบั เจา้ ฟูานิ่มหรอื เจ้าฟูาสงั วาลย์ จงึ เกิดเป็นกาพยก์ ลอน เรื่องกากี และบทสงั วาส
ในตอนหลังทรงติดโรคผู้ชายคือสิฟิริส เม่ือโรคลุกลามไปยังเส้นประสาททําให้เดินตัวงอ หมด
คุณสมบัติการสืบทอดราชสมบัติ จึงเป็นท่ีมาของคําว่าเจ้าฟูากุ้ง และก็ถูกพระราชบิดาสําเร็จโทษโดยการ
โบยพรอ้ มเจา้ ฟาู สงั วาลย์ ข้อหาลักลอบคบชู้ แลว้ นาํ พระศพไปฝ๎งที่วัดไชยวัฒนาราม
ผลงานด้านวรรณกรรมที่พระองค์พระนิพนธ์ไว้เป็นสมบัติของชาติไทยหลายเร่ืองด้วยกัน พระองค์
ท่านทรงชํานาญ ในการประพนั ธ์ประเภทกาพยห์ อ่ โคลง งานพระนิพนธเ์ ท่าท่ที ราบมดี ังนี้
๑. กาพยเ์ ห่เรือ
๒. บทเหเ่ รื่องกากี ๓ ตอน
๓. บทเห่สงั วาสและเห่ครวญอยา่ งละบท
๔. กาพยห์ ่อโคลงนิราศธารโศก
๕. กาพยห์ อ่ โคลงนิราศธารทองแดง
๖. ลิลิตนนั โทปนันทสูตรคําหลวงทรงนพิ นธ์ พ.ศ. ๒๒๗๙ ขณะทรงผนวช
๗. ลิลิตพระมาลยั คาํ หลวงทรงนพิ นธ์ พ.ศ. ๒๒๘๐ ขณะทรงผนวช
๘. เพลงยาวบางบท
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหัสลงั เจะยามา ๓๗
กาพยเ์ หเ่ รือ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๖
ลกั ษณะคาประพนั ธ์
กาพยเ์ ห่เรอื ของเจา้ ฟูาธรรมธิเบศร มี ๒ ตอน ตอนแรกกล่าวชมกระบวนเรือ ชมปลา ชมไม้ ชมนก
และแทรกบทคร่ําครวญถงึ นางอนั เปน็ ทรี่ กั ตอนท่สี องเป็นบทเห่เรียกวา่ เหก่ ากีและเห่สังวาส ซ่ึงเป็นบทคร่ํา
ครวญถึงนางอันเป็นทร่ี กั เพียงอย่างเดยี ว
ลักษณะการแตง่ กาพยเ์ หเ่ รือประกอบดว้ ยโคลงส่สี ุภาพ ๑ บท ใช้เป็นบทนาํ กระบวนความพรรณนา
แตล่ ะตอน แล้วต่อด้วยกาพย์ยานี ๑๑ ไม่จํากัดจํานวนบทจนจบตอน แล้วข้ึนต้นตอนใหม่ด้วยโคลงสี่สุภาพ
อีก ๑ บท ตามดว้ ยกาพย์ยานี โดยเน้ือความในกาพยย์ านบี ทแรกเหมือนเนอ้ื ความในโคลงทุกประการ
ฉนั ลักษณ์โคลงส่ีสภุ าพ
ฉันลกั ษณ์กาพยย์ านี ๑๑
ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ สั ลัง เจะยามา ๓๘
กาพยเ์ หเ่ รือ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖
กาพยเ์ หเ่ รือ เห่ชมเรือ
โคลงส่ีสุภาพ ชลาลัย
ปางเสด็จประเวศดา้ ว กง่ิ แกว้
แหนแห่
ทรงรตั นพิมานชยั เพรศิ พริ้งพายทอง
พร่ังพร้อมพวกพลไกร
เรือกระบวนตน้ แพรว้ ทรงเรือตน้ งามเฉิดฉาย
พายอ่อนหยับจับงามงอน
กาพยย์ านี ๑๑ ลว้ นรปู สัตว์แสนยากร
ช้าลวะเห่ สาครล่ันคร้นั คร้ืนฟอง
ลว่ิ ลอยมาพาผันผยอง
พระเสดจ็ โดยแดนชล รอ้ งโห่เห่โอเ้ ห่มา
ก่ิงแกว้ แพรว้ พรรณราย เพยี งพิมานผา่ นเมฆา
หลงั คาแดงแย่งมังกร
นาวาแนน่ เปน็ ขนดั แสงแวววบั จบั สาคร
เรอื ริ้วทิวธงสลอน ดงั รอ่ นฟูามาแดนดิน
งามชดชอ้ ยลอยหลงั สินธุ์
เรอื ครฑุ ยุดนาคห้ิว ลนิ ลาศเลอื นเตือนตาชม
พลพายกรายพายทอง รวดเร็วจริงยงิ่ อย่างลม
หม่ ท้ายเยน่ิ เดนิ คู่กัน
สรมขุ มขุ สดี่ า้ น
ม่านกรองทองรจนา
สมรรถชัยไกรกาบแก้ว
เรยี บเรียงเคยี งคจู่ ร
สุวรรณหงส์ทรงภูห่ ้อย
เพยี งหงสท์ รงพรหมินทร์
เรือชยั ไววอ่ งวิง่
เสียงเสา้ เร้าระดม
เรอื ครุฑ เรือสรมขุ เรือชัย (เรือไชย)
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหัสลงั เจะยามา ๓๙
กาพย์เห่เรอื ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
มลู ะเห่ ดูดงั เป็นเห็นขบขัน
คชสที ีผาดเผน่ คั่นสองคู่ดูยิ่งยง
แล่นเฉื่อยฉาํ่ ลาํ ระหง
ราชสีหท์ ยี ืนยนั องค์พระพายผายผันผยอง
เรอื ม้าหน้ามุ่งนา้ํ โจนตามคล่นื ฝืนฝาฟอง
เป็นแถวทอ่ งล่องตามกัน
เพยี งม้าอาชาทรง ดเู ขมน้ เห็นขบขัน
เรือสงิ หว์ ง่ิ เผ่นโผน ทนั แข่งหนา้ วาสุกรี
เพยี งโจนไปในวารี
ดูยิ่งสงิ ห์ลําพอง มี
นาคาหนา้ ดังเป็น
กอ้ งกาหลพลแหโ่ หม
มังกรถอนพายพนั โสมนัสชน่ื รนื่ เริงพล
เลยี งผางา่ เทา้ โผน จากนคเรศโดยสาชล
ยลมัจฉาสารพันมี ฯ
นาวาหน้าอนิ ทรี
ปกี เหมือนเลอื่ นลอยโพยม
ดนตรีมอ่ี ึงอล
โหฮ่ ึกครกึ ครืน้ โครม
กรีธาหมูน่ าเวศ
เหิมหื่นชืน่ กระมล
เรือสวุ รรณหงส์ เรือคชสหี ์ เรอื ราชสหี ์
เรอื สงิ ห์ เรอื นาคา เรอื มังกร
ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหสั ลงั เจะยามา ๔๐
กาพย์เห่เรือ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖
โคลงสส่ี ุภาพ เหช่ มปลา
พศิ พรรณปลาว่ายเคล้า
คลึงกัน
ถวลิ สดุ าดวงจันทร์ แจ่มหนา้
มตั สยาย่อมพวั พัน พิศวาส
ควร ฤ พรากน้องช้า ชวดเคลา้ คลงึ ชม
กาพย์ยานี ๑๑ คดิ ถงึ เจ้าเศรา้ อารมณ์
ชา้ ลวะเห่ สมสาใจไม่พามา
เจา้ งามพร้ิงย่งิ นวลปลา
พศิ พรรณปลาว่ายเคลา้ ไมง่ ามเท่าเจา้ เบือนชาย
มัตสยายังรชู้ ม ไมเ่ หมือนนอ้ งห่มตาดพราย
ดังสายสวาทคลาดจากสม
นวลจนั ทรเ์ ป็นนวลจริง อนั แก้มนอ้ งชํา้ เพราะชม
คางเบอื นเบอื นหนา้ มา เหมอื นทุกข์พ่ที ี่จากนาง
เพยี นทองงามด่งั ทอง
กระแหแหห่างชาย
แก้มชาํ้ ชํ้าใครต้อง
ปลาทุกทุกข์อกกรม
ปลานวลจนั ทร์ ปลาคางเบอื น ปลาตะเพยี น
ปลากระแห ปลาแก้มช้าํ ปลาทกุ
ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ ัสลงั เจะยามา ๔๑
กาพย์เห่เรือ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
มลู ะเห่ ขาวพรายช่วงสีสําอาง
น้าํ เงินคอื เงินยวง งามเรอื งเร่อื เนื้อสองสี
เคลา้ กันอยู่ดูงามดี
ไมเ่ ทยี บเปรยี บโฉมนาง เห็นปลาเคล้าเศร้าใจจร
ปลากรายวา่ ยเคยี งคู่ หางไก่คล้ายไม่มีหงอน
ผมประบา่ อ่าเอยี่ มไร
แต่นางหา่ งเหนิ พี่ วา่ ยเวยี นวนปนกันไป
หางไก่ว่ายแหวกว่าย ไม่เหน็ เจา้ เศร้า บ่ วาย
เนอ้ื นอ้ งฤาอ่อนทั้งกาย
คดิ อนงค์องค์เอวอร ไม่วายนึกตรึกตรงึ ทรวง
ปลาสรอ้ ยลอยล่องชล เลอ่ื มแหลมกว่าปลาทงั้ ปวง
ดแู หลมลา้ํ ขําเพราคม
เหมอื นสร้อยทรงทรามวัย เห็นคล้ายคลา้ ยนา่ เชยชม
เนือ้ อ่อนอ่อนแต่ชือ่ สนทิ เคลา้ เจ้าเอวบาง
คดิ สดุ าอ่าองค์นาง
ใครตอ้ งข้องจติ ชาย เส้นเกศสลวยรวยกลนิ่ หอม
ปลาเสอื เหลือท่ีตา ชะวาดแอบแปบปนปลอม
จอมสวาทนาฏบังอร
เหมอื นตาสดุ าดวง วา่ ยแหวกมาในสาคร
แมลงภูค่ ่เู คยี งว่าย มาด้วยพจ่ี ะดใี จ
คิดความยามเม่ือสม
หวเี กศเพศชอ่ื ปลา
หวีเกลา้ เจา้ สระสาง
ชะแวงแฝงฝง๎่ แนบ
เหมอื นพ่บี แอบแนบถนอม
พิศดหู มู่มัจฉา
คะนึงนชุ สดุ สายสมร
ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหัสลงั เจะยามา ๔๒
กาพยเ์ หเ่ รอื ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
ปลานาํ้ เงิน ปลากราย
ปลาหางไก่ ปลาสรอ้ ย
ปลาเนือ้ อ่อน ปลาเสือ
ปลาแมลงภู่ ปลาหวเี กศ
ปลาชะแวง ปลาชะวาด
ปลาแปบ
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหัสลงั เจะยามา ๔๓
กาพยเ์ หเ่ รอื ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
โคลงสี่สภุ าพ เห่ชมไม้
เรือชายชมมิง่ ไม้
มพี รรณ
รมิ ทา่ สาครคันธ์ กลิ่นเกลย้ี ง
เพลด็ ดอกออกแกมกนั ชูช่อ
หอมหื่นรน่ื รสเพยี้ ง กลน่ิ เนื้อนวลนาง
กาพยย์ านี ๑๑ ริมท่าไสวหลากหลายพรรณ
ชา้ ลวะเห่ ส่งกล่ินเกล้ียงเพียงกล่นิ สมร
บานแสลม้ แยม้ เกสร
เรือชายชมมง่ิ ไม้ แย้มโอษฐย์ ิม้ พรม้ิ พรายงาม
เพลด็ ดอกออกแกมกนั คลก่ี ลีบเหลอื งเรืองอรา่ ม
ผิวเหลอื งกว่าจําปาทอง
ชมดวงพวงนางแย้ม ระยา้ ย้อยห้อยพวงกรอง
คดิ ความยามบงั อร เจา้ แขวนไวใ้ หเ้ รียมชม
พิกลุ แกมแซมสุกรม
จาํ ปาหนาแน่นเน่อื ง เหมอื นกลิ่นน้องต้องติดใจ
คดิ คะนึงถงึ นงราม บานเกลือ่ นกลาดดาษดาไป
วางใหพ้ ขี่ ้างทน่ี อน
ประยงค์ทรงพวงห้อย
เหมอื นอบุ ะนวลละออง
พดุ จีบกลบี แสล้ม
หอมชวยรวยตามลม
สาวหยดุ พทุ ธชาด
นึกน้องกรองมาลัย
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหสั ลงั เจะยามา ๔๔
กาพย์เห่เรือ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๖
ดอกนางแยม้ ดอกจาํ ปา ดอกประยงค์
ดอกพุดจบี ดอกพิกุล ดอกสกุ รม
ดอกสาวหยดุ ดอกพุทธชาด
มลู ะเห่ กลน่ิ หอมหวานซา่ นขจร
พิกลุ บุนนาคบาน เห็นจะวอนอ้อนพชี่ าย
บานบุษบงสง่ กล่นิ อาย
แม้นนชุ สดุ สายสมร คลา้ ยกลน่ิ ผ้าเจา้ ตาตรู
เต็งแต้วแกว้ กาหลง ดอกเปน็ พวงร่วงเรณู
ชชู ่นื จติ คิดวนดิ า
หอมอยู่ไม่รูห้ าย กล่นิ อายอบสบนาสา
มะลิวัลย์พนั จกิ จวง ราํ ไปเจา้ เศรา้ ถึงนาง
คดิ พเี่ ชยเคยกลิ่นปราง
หอมมาน่าเอ็นดู ห่อนแหห่างวา่ งเว้นวนั
ลําดวนหวนหอมตรหลบ ศรีเสาวภาคย์หลากหลายพรรณ
จะอ้อนพ่ีชี้ชมเชย
นึกถวิลกลิน่ บุหงา
รวยรินกลนิ่ ราํ เพย
น่งั แนบแอบเอวบาง
ชมดวงพวงมาลี
วนิดามาดว้ ยกนั
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหัสลงั เจะยามา ๔๕
กาพยเ์ ห่เรอื ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖
ดอกบนุ นาค ดอกเต็ง ดอกแตว้
ดอกแกว้ ดอกกาหลง ดอกมะลวิ ัลย์
ดอกจกิ จวง ดอกลาํ ดวน ดอกรําเพย
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหสั ลงั เจะยามา ๔๖
กาพยเ์ ห่เรือ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
โคลงส่ีสภุ าพ เห่ชมนก
รอนรอนสุรยิ โอ้
อสั ดง
เรอื่ ยเร่อื ยลับเมรลุ ง คา่ํ แล้ว
รอนรอนจิตตจ์ าํ นง นุชพ่ี เพียงแม่
เร่ือยเร่ือยเรียมคอยแก้ว คลบั คล้ายเรยี มเหลียว
กาพย์ยานี ๑๑ ทิพากรจะตกตํา่
ชา้ ลวะเห่ คํานึงหนา้ เจ้าตาตรู
นกบนิ เฉยี งไปทัง้ หมู่
เรือ่ ยเรือ่ ยมารอนรอน เหมอื นพีอ่ ยผู่ ้เู ดยี วดาย
สนธยาจะใกลค้ ่ํา คดิ บังอรร่อนรํากราย
เหมือนสายสวาทนาดนวยจร
เรือ่ ยเรอ่ื ยมาเรยี งเรยี ง ชมกนั อย่สู สู่ มสมร
ตวั เดียวมาพลดั คู่ ห่อนเหน็ เจ้าเศร้าใจครวญ
ไมน่ วลพักตรเ์ หมอื นทรามสงวน
เหน็ ฝูงยูงรําฟอู น ดงั่ นางฟูาหน้าใยยอง
สรอ้ ยทองย่องเยื้องกราย จบั ไม้เรยี งเคยี งคสู่ อง
รับขวัญนอ้ งต้องมือเบา
สาลกิ ามาตามคู่
แตพ่ นี่ ี้อาวรณ์
นางนวลนวลนา่ รัก
แกว้ พ่นี ้สี ดุ นวล
นกแก้วแจว้ แจ่มเสยี ง
เหมอื นพ่นี ปี้ ระคอง
นกยูง นกสร้อยทอง นกสาลิกา
นกนางนวล นกแก้ว
ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหัสลัง เจะยามา ๔๗
กาพยเ์ ห่เรอื ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖
มูละเห่ เดนิ ทอ่ งเทยี่ วเลี้ยวเหลีย่ มเขา
ไก่ฟาู มาตัวเดยี ว เปลา่ ใจเปลยี่ วเหลียวหานาง
เรยี งจบั ไม้ไซ้ปีกหาง
เหมอื นพรากจากนงเยาว์ เคยแนบขา้ งร้างแรมนาน
แขกเต้าเคลา้ คู่เคียง สนั่นก้องซ้องเสียงหวาน
ปานเสียงน้องร้องส่งั ชาย
เรยี มคะนึงถึงเอวบาง เหมือนชา่ งฉลาดวาดแตม้ ลาย
ดเุ หวา่ เจา่ จบั ร้อง ห่มตาดพรายกรายกรมา
คอยหาคู่อยู่เอกา
ไพเราะเพราะกังวาน ครวญหาเจ้าเศร้าเสยี ใจ
โนรสี ีปานชาด บ้างชมกันขันเพรยี กไพร
ล้วนหลายหลากมากภาษา
ไม่เท่าเจ้าโฉมฉาย
สตั วานา่ เอ็นดู
เหมือนพที่ ่จี ากมา
ปก๎ ษมี ีหลายพรรณ
ย่ิงฟ๎งวังเวงใจ
ไก่ฟูา นกแขกเตา้ นกดเุ หวา่
นกโนรี นกสตั วา
ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหสั ลัง เจะยามา ๔๘
กาพยเ์ หเ่ รอื ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖
โคลงสส่ี ุภาพ เห่ครวญ
เสียงสรวลระรี่น้ี
เสยี งใด
เสียงนชุ พีฤ่ าใคร ใครร่ ู้
เสียงสรวลเสยี งทรามวัย นุชพี่ มาแม่
เสยี งบังอรสมรผู้ อื่นน้นั ฤามี
กาพยานี ๑๑
เสยี งแก้วพ่ีหรือเสียงใคร
เสียงสรวลระร่ีนี้ สดุ สายใจพีต่ ามมา
เสยี งสรวลเสียงทรามวยั หอมเร่อื ยต้องคลองนาสา
เหลยี วหาเจ้าเปลา่ วังเวง
ลมชวยรวยกลิ่นนอ้ ง ทุกคืนคํ่ายา่ํ อกเอง
เคลือบเคลน้ เห็นคลา้ ยมา เหมอื นเรยี มคร่าํ ร่ําครวญนาน
จนไกแ่ ก้วแวว่ ขนั ขาน
ยามสองฆ้องยามยาํ่ ฝน๎ เห็นน้องตอ้ งติดตา
เสยี งป่มี ีครวญเครง แสนกําสรดอดโอชา
อิ่มโศกาหนา้ นองชล
ลว่ งสามยามปลายแล้ว จงึ จาํ แคลว้ แก้วโกมล
มอ่ ยหลับกลับบันดาล ทุกข์ถึงเจา้ เศรา้ เสียดาย
งามมารยาทนาดกรกราย
เพรางายวายเสพรส งามคาํ หวานลานใจถวิล
อิม่ ทุกข์อิ่มชลนา กล้ํากลนื เขญ็ เป็นอาจิณ
ไมเ่ หมือนพ่ีทีต่ รอมใจ
เวรามาทนั แล้ว
ใหแ้ ค้นแสนสดุ ทน ถงึ เย็น
หม่นไหม้
งามทรงวงด่งั วาด ทุกขเ์ ท่า เรียมเลย
งามพริ้มย้มิ แย้มพราย ทกุ ขป์ ิ้มปานปี
แตเ่ ช้าเท่าถึงเย็น
ชายใดในแผ่นดนิ
โคลงสีส่ ุภาพ
เรียมทนทกุ ข์แตเ่ ช้า
มาส่สู ุขคืนเข็ญ
ชายใดจากสมรเป็น
จากคู่วันเดียวได้
ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ สั ลงั เจะยามา ๔๙