The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1-เล่มวรรณคดี-2562

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by n.tames98, 2021-10-31 23:05:59

1-เล่มวรรณคดี-2562

1-เล่มวรรณคดี-2562

สามัคคีเภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖

๏ สุดท่ีจะกล้ันโท มนโศกอาลัย
ถ้วนหนา้ มิว่าใคร ขณะเหน็ บ เว้นคน
สตฟิ น้ื ประทังตน
๏ แก้ไขและได้คนื บกกรก็โกนหวั
จึง่ ราชบรุ ษุ กล สริ ิเปล่าประจานตวั
ผมิ ลกั จะหลาบจาํ
๏ เสื่อมสสี ะผมเผ้า ปนพลันประกาศทํา
เป็นเยีย่ งประหยดั กลัว ดจุ ราชโองการ
ขณะยลทิชาจารย์
๏ เสรจ็ กิจประการกลั สรศพั ทป์ ระสาสันทน์
ป๎พพาชนียกรรม อรุ ะขอ้ นพิไรพรรณน์
กุธะเกลยี ดก็เสียดสี
๏ แน่นหนา้ มหาชน พิเคราะห์ข้างพิจารณ์ดี
สุดแสนจะสงสาร ณ หทัยก็ให้ของ
กลเล่ห์และทาํ นอง
๏ บางคนกมลอ่อน นรสนิ้ บ สงสยั
บางพวกวสิ ยั ฉนั ชคฤห์ฐานม่งุ ไป
บรุ รัฐวชั ชี
๏ บางเหล่ากเ็ ปน็ กลาง
บางหมู่กรุณมี

๏ พราหมณ์วัสสการเส
ทา่ ทางละอย่างผอง

๏ ปลงอาตมน์ ริ าศรา
สเู่ ทศสถานไกล

วสั สการพราหมณใ๑ ชว๎ าทศิลป์ยกยํองกษตั ริยล๑ ิจฉวี เพื่อหวังจะพ่งึ บรมโพธสิ มภาร

วสันตดิลก ฉนั ท์ ๑๔

๏ ขา้ แตพ่ ระจอมจุฬมกฎุ บรสิ ทุ ธิกําจาย

ปรากฎพระยศระบรุ ะบาย ตระบะเบิกระบือบุณย์

๏ เมตตาทยาลุศุภกรรม อุปถมั ภะการุณย์

สรรเสริญเจริญพระคุณสนุ ทรพูนพิบูลงาม

๏ เปรียบปานมหรรณพนที ทะนุทปี่ ระทงั ความ

ร้อนกายกระหายอทุ กยาม นรหากประสบเห็น

๏ เอบิ อม่ิ กระหย่ิมหทยคราว ระอผุ า่ วกผ็ ่อนเย็น

ยังอุณหมุญจนะและเป็น สุขปีตดิ ีใจ

๏ อันข้าพระองค์กษณะนี้ ภยมีจะร้อนใด

ย่ิงกว่าและหามนุษไหน จะเสมอเสมือนตน

ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหสั ลงั เจะยามา ๑๐๐

สามคั คีเภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๖

๏ ใครเ่ ปลื้องประเทืองประณุททกุ ข์ ภยมุขประมวลดล
ไร้ญาตแิ ละขาดมิตรสกล ชนผจู้ ะดดู าย
และกแ็ ก่ชรากาย
๏ โดยเดยี วเพราะอาดุร ณ แด อนุสร บ ห่อนเหน็
ทีซ่ ึ่งจะพงึ สรณะหมาย รมวิ ่าพระองค์เป็น
กรณุ ามหาศาล
๏ ทราบขา่ วขจรกิรติบา อภโิ พธสิ มภาร
เอกอัครกษตั ริยส์ ุขุมเพญ็ นจิ กาลปรารมภ์

๏ หวังเพ่ือพะพิงบพิตรพง่ึ
มอบกายถวายชวี ติ ปราณ

ฯลฯ

วัสสการพราหมณ๑ตั้งใจสอนพระกุมาร จนเป็นท่ีไว๎วางใจของทุกคน เมื่อเห็นวําเวลาผํานไป

พอสมควร วัสสการพราหมณ๑จึงดําเนนิ การตามแผนท่วี างไว๎

ภุชงคประยาต ฉนั ท์ ๑๒

๏ ทชิ งคช์ าติฉลาดยล คะเนกลคะนึงการ

กษตั รยิ ์ลจิ ฉววี าร ระวังเหือดระแวงหาย

๏ เหมาะแก่การณจ์ ะเสกสรร ปวัตน์วัญจโนบาย

มลา้ งเหตุพเิ ฉทสาย สมคั รสนธ์สิ โมสร

๏ ณ วนั หนึ่งลถุ งึ กา ลศกึ ษาพิชากร

กมุ ารลจิ ฉววี ร เสดจ็ พรอ้ มประชมุ กัน

๏ ตระบัดวัสสการมา สถานราชเรยี นพลนั

ธ แกลง้ เชญิ กุมารฉัน สนทิ หนึง่ พระองคไ์ ป

๏ ลุหอ้ งหับรโหฐาน ก็ถามการณ์ ณ ทนั ใด

มลิ ้ีลับอะไรใน กถาเชน่ ธ ปจุ ฉา

๏ จะถูกผดิ กระไรอยู่ มนษุ ยผ์ กู้ ระทาํ นา

และคโู่ คกจ็ งู มา ประเทยี บไถมิใชห่ รือ

๏ กมุ ารลิจฉวีขตั ตยิ ์ ก็รบั อรรถอออือ

กสกิ เขากระทาํ คือ ประดุจคาํ พระอาจารย์

๏ ก็เท่าน้นั ธ เชญิ ให้ นิวัตในมิชา้ นาน

ประสทิ ธิศ์ ิลป์ประศาสน์สาร สมัยเลิกลเุ วลา

๏ อุรสลจิ ฉวสี รร พชวนกนั เสดจ็ มา

และต่างซักกุมารรา ชองค์น้นั จะเอาความ

ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหัสลัง เจะยามา ๑๐๑

สามคั คเี ภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖

๏ พระอาจารยส์ ิเรยี กไป ณ ขา้ งใน ธ ไต่ถาม
อะไรเธอเสนอตาม วจีสตั ย์กะส่าํ เรา
รวากย์วาทตามเลา
๏ กมุ ารนนั้ สนองสา วภาพโดยคดมี า
เฉลยพจนก์ ะครูเสา มเิ ชือ่ ในพระวาจา
และต่างองค์ก็พาที
๏ กุมารอน่ื กส็ งสยั จะพูดเปลา่ ประโยชนม์ ี
สหายราช ธ พรรณนา รผลเห็น บ เป็นไป
ธ พดู แท้ก็ทาํ ไม
๏ ไฉนเลยพระครเู รา จะถามนอก บ ยากเยน็
เลอะเหลวนักละลว้ นนี ธ คดิ อ่านกะทา่ นเป็น
ละแนช่ ดั ถนดั ความ
๏ เถอะถึงถ้าจะจริงแม้ มกิ ลา้ อาจจะบอกตาม
แนะชวนเขา้ ณ ขา้ งใน ไถลแสรง้ แถลงสาร
ก็สอดคล้องและแคลงดาล
๏ ชะรอยวา่ ทิชาจารย์ อุบัตขิ ึน้ เพราะขุ่นเคือง
รหสั เหตุประเภทเหน็ ประดามีนริ ันดรเ์ นือง
มลายปลาตพินาศปลงฯ
๏ และทา่ นมามุสาวาท
พจจี รงิ พยายาม กาลอนุกรม
ท่านทวิชงค์
๏ กมุ ารราชมิตรผอง วทิ ยะยง
พิโรธกาจวิวาทการณ์ เอกกมุ าร
พราหมณไป
๏ พิพธิ พนั ธไมตรี หอ้ งรหุฐาน
กะองค์น้นั ก็พลันเปลือง ความพิสดาร
โทษะและไข
มาณวก ฉันท์ ๘ ครูจะเฉลย
๏ ลว่ งลปุ ระมาณ ภตั กะอะไร
ดี ฤ ไฉน
หน่งึ ณ นยิ ม ยง่ิ ละกระมงั
เมื่อจะประสทิ ธิ์
เชิญวรองค์ ๑๐๒

๏ เธอจรตาม
โดยเฉพาะใน
จึง่ พฤฒถิ าม
ขอ ธ ประทาน

๏ อย่าตแิ ละหลู่
เธอน่ะเสวย
ในทนิ น่ี
พอหฤทยั

ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหสั ลัง เจะยามา

สามคั คีเภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖

๏ ราช ธ กเ็ ลา่ เค้า ณ ประโยค
ตนบริโภค แลว้ ขณะหลัง
วาทะประเทือง เรือ่ งสิประทงั
อาคมยัง สิกขสภา
ราชอุรส
๏ เสร็จอนศุ าสน์ ตา่ ง ธ กม็ า
ลจิ ฉวิหมด ทา่ นพฤฒิอา
ถามนยมาน รภกระไร
จารยปรา แจง้ ระบมุ วล
จริงหฤทยั
๏ เธอก็แถลง เมอ่ื ตรไิ ฉน
ความเฉพาะลว้ น เหตุ บ มิสม
ตา่ ง บ มิเชือ่ เรอื่ งนฤสาร
จึ่งผลใน ก่อนกร็ ะดม
แตกคณะกลม
๏ ขนุ่ มนเคือง คบดจุ เดมิ
เช่นกะกุมาร
เลกิ สละแยก กลห์เหตุยยุ งเสริม
เกลยี ว บ นิยม นฤพัทธก่อการณ์
ทนิ วารนานนาน
อเุ ปน็ ทรวิเชียร ฉนั ท์ ๑๑ ธ กเ็ ชิญเสด็จไป
๏ ทิชงคเ์ จาะจงเจตน์ รฤหาประโยชน์ไร
เสาะแสดง ธ แสร้งถาม
กระหน่าํ และซา้ํ เติม นะ่ แน่ะข้าสดับตาม
๏ ละครั้งระหว่างครา พจแจง้ กระจายมา
ก็เพราะทา่ นสแิ สนสา
เหมาะท่าทิชาจารย์ วและสุดจะขัดสน
๏ บ ห่อนจะมีสา พิเคราะหเ์ ชือ่ เพราะยากยล
ธ ก็ควรขยายความ
กระนัน้ เสมอนยั น่ะแนะ่ ข้าจะขอถาม
๏ และบ้างก็พูดวา่ วจลือระบอื มา

ยุบลระบลิ ความ
๏ ละเมดิ ติเตียนท่าน

รพดั ทลทิ ภา
๏ จะแน่มิแน่เหลือ

ณ ท่ี บ มคี น
๏ และบ้างก็กล่าวว่า

เพราะทราบคดีตาม

ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ สั ลัง เจะยามา ๑๐๓

สามัคคเี ภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๖

๏ ติฉินเยาะหมิ่นท่าน กเ็ พราะท่านสิแสนสา
รพันพิกลกา ยพิลกึ ประหลาดเปน็
มนเชอื่ เพราะไปุเหน็
๏ จะจริงมิจรงิ เหลือ ธ กค็ วรขยายความ
ผขิ ้อ บ ลําเคญ็ วนเค้าคดีตาม
นยสุดจะสงสัย
๏ กุมารองค์เสา ครุ ทุ า่ นจะถามไย
กระทู้พระครูถาม ระบแุ จง้ กะอาจารย์
พระกมุ ารโน้นขาน
๏ กค็ าํ มิควรการณ์ เฉพาะอยู่กะกันสอง
ธ ซักเสาะสบื ใคร ธ มิทันจะไตรต่ รอง
พฤฒิครูและวู่วาม
๏ ทวิชแถลงว่า เหมาะเจาะจงพยายาม
ยุบลกะตูกาล บ มิดปี ระเดตน
ทรุ ทิฐิมานจน
๏ กุมารพระองคน์ ้นั ธิพิพาทเสมอมา
ก็เชอ่ื ณ คาํ ของ ทชิ ครมู ิเรียกหา
ชกมุ ารทชิ งค์เชญิ
๏ พโิ รธกุมารองค์ ฉวิมติ รจติ เมนิ
ยคุ รเู พราะเอาความ คณะหา่ งก็ต่างถือ
พลลน้ เถลิงลอื
๏ ก็พ้อและต่อพษิ มนฮกึ บ นึกขามฯ
ลโุ ทสะสืบสน

๏ และฝาุ ยกมุ ารผู้
ก็แหนงประดารา

๏ พระราชบตุ รลจิ
ณ กันและกนั เหนิ

๏ ทะนงชนกตน
ก็หาญกระเหมิ ฮือ

วัสสการพราหมณ๑ได๎ยุยงจนพระกุมารแตกสามัคคี พระบิดาของกุมารแตํละองค๑เช่ือคําพระโอรส

ตาํ งกก็ นิ แหนงแคลงใจกนั จากนนั้ วัสสการพราหมณ๑ลองตีกลองเรียกประชุม กษัตริย๑เพิกเฉย จากน้ันจึงสํง

ขําวใหพ๎ ระเจ๎าอชาตศัตรูยกกองทัพมาตีแคว๎นวัชชี

สทั ธรา ฉันท์ ๒๑

๏ ลําดบั นั้นวัสสการพราหมณ์ ธ ก็ยุศิษยตาม

แตง่ อุบายงาม ฉงนงํา

๏ ปวงโอรสลจิ ฉวีดาํ รณิ วริ ุธก็สาํ

คญั ประดจุ คาํ ธ เสกสรร

ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหัสลัง เจะยามา ๑๐๔

สามคั คเี ภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๖

๏ ไปุเหลอื เลยสกั พระองค์อัน มลิ ะปิยะสหฉันท์
ขาดสมคั รพนั ธ์ ก็อาดรู
พระชนกอดิศูร
๏ ตา่ งองค์นําความมิงามทลู ปวัตต์คิ วาม
แหง่ ธ โดยมูล ลุวรบดิ รลาม
ณ เหตผุ ล
๏ แตกร้าวกา้ วรา้ ยก็ปูายปาม นฤวิเคราะหเสาะสน
ทลี ะนอ้ ยตาม เพราะหมายใด
กษณะตรเิ หมาะไฉน
๏ ฟ๎น่ เฝอื เช่อื นยั ดนัยตน สะดวกดาย
สืบจะหมองมล พจนยปุ ริยาย
บ เว้นครา
๏ แท้ท่านวัสสการใน สหกรณประดา
เสรมิ เสมอไป ชทง้ั หลาย
มติ รภิทนะกระจาย
๏ หลายอย่างต่างกล ธ ขวนขวาย ก็เป็นไป
วญั จโนบาย พระราชหฤทยวิสัย
ระวงั กันฯ
๏ คร้นั ล่วงสามปีประมาณมา
ลิจฉวีรา ตระหนกั เหตุถนดั ครัน
พจักส่พู นิ าศสม
๏ สามคั คีธรรมทาํ ลาย จะสมั ฤทธ์ิมนารมณ์
สรรพเสือ่ มหายน์ และอตุ สาหแห่งตน
ประชมุ ขัตติย์มณฑล
๏ ตา่ งองค์ทรงแคลงระแวงใน กษัตริยส์ สู่ ภาคาร
ผู้พโิ รธใจ สดับกลองกระหมึ ขาน
ณ กิจเพ่ือเสดจ็ ไป
สาลนิ ี ฉนั ท์ ๑๑ จะเรยี กหาประชุมไย
๏ พราหมณ์ครรู ู้สังเกต ก็ขลาดกลวั บ กลา้ หาญ
และกลา้ ใครมิเปรยี บปาน
ราชาวัชชสี รร ประชุมชอบกเ็ ชญิ เขา
๏ ยนิ ดีบัดนี้กิจ

เริม่ มาดว้ ยปรากรม
๏ ใหล้ องตีกลองนดั

เชญิ ซึง่ สํา่ สากล
๏ วชั ชภี ูมีผอง

ทกุ ไทไ้ ปุเอาภาร
๏ ต่างทรงรบั สง่ั วา่

เราใชเ่ ปน็ ใหญ่ใจ
๏ ทา่ นใดทเี่ ป็นใหญ่

พอใจใครใ่ นการ

ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหัสลงั เจะยามา ๑๐๕

สามคั คีเภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖

๏ ปรกึ ษาหารอื กนั ไฉนน้ันก็ทําเนา
จักเรียกประชุมเรา บ แลเหน็ ประโยชนเ์ ลย
และทกุ องค์ ธ เพิกเฉย
๏ รบั ส่ังผลักไสส่ง สมคั รเขา้ สมาคมฯ
ไปไุ ด้ไปดั่งเคย

อปุ ๎ฏฐิตา ฉนั ท์ ๑๑ ชนะคลอ่ งประสบสม
๏ เหน็ เชิงพเิ คราะหช์ ่อง ธ ก็ลอบแถลงการณ์
คมดลประเทศฐาน
พราหมณเ์ วทอุดม อภเิ ผ้ามคธไกร
๏ ให้วลั ลภชน สนวา่ กษตั รยิ ์ใน
วลหล้าตลอดกนั
กราบทลู นฤบาล คณะแผกและแยกพรรค์
๏ แจ้งลกั ษณสา ทเสมือนเสมอมา
ขณะไหนประหนึ่งครา
วัชชีบุรไก ก็ บ ไดส้ ะดวกดี
๏ บดั น้สี ิก็แตก พยุห์ยาตรเสด็จกรี
รยิ ยุทธโดยไว
ไปเุ ปน็ สหฉนั
๏ โอกาสเหมาะสมยั

นีห้ ากผจิ ะหา
๏ ขอเชญิ วรบาท

ธาทพั พลพี
ฯลฯ

ชาวแคว๎นวัชชีตํางกันหนีตาย แตํกษัตริย๑ลิจฉวีกลับทรงเฉยไมํสนใจท่ีจะยกทัพตํอต๎าน ทําให๎

กองทัพพระเจ๎าอชาตศัตรเู ข๎าเมืองได๎อยาํ งสะดวก

วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘

๏ ข่าวเศิกเอกิ อึง ทราบถึงบดั ดล

ในหมผู่ คู้ น ชาวเวสาลี

แทบทุกถน่ิ หมด ชนบทบูรี

อกสัน่ ขวัญหนี หวาดกลวั ท่ัวไป

๏ ตื่นตาหนา้ เผอื ด หมดเลือดสน่ั กาย

หลบลห้ี นีตาย วุ่นหวั่นพรนั่ ใจ

ซุกครอกซอกครวั ซ่อนตัวแตกภยั

เขา้ ดงพงไพร ทิง้ ย่านบา้ นตน

ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหัสลัง เจะยามา ๑๐๖

สามคั คเี ภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖

๏ เหลอื จักห้ามปราม ชาวคามลา่ ลาด
พันหัวหนา้ ราษฎร์ ขนุ ด่านตาํ บล
หารอื แก่กัน คิดผนั ผ่อนปรน
จักไม่ให้พล มาคธขา้ มมา
ปุาวร้องทันที
๏ จึง่ ใหต้ ีกลอง รุกเบยี นบฑี า
แจง้ ขา่ วไพรี วชั ชีอาณา
เพือ่ หมู่ภูมี ปอู งกันฉันใด
ชมุ นุมบญั ชา ไปมุ สี ักองค์
เพื่อจักเสด็จไป
๏ ราชาลจิ ฉวี เรียกนัดทาํ ไม
อนั นกึ จํานง กลา้ หาญเห็นดี
ต่างองคด์ ํารสั ขดั ข้องข้อไหน
ใครเป็นใหญ่ใคร ตามเร่ืองตามที
เปน็ ใหญย่ ังมี
๏ เชิญเทอญทา่ นตอ้ ง รุกปราศอาจหาญ
ปรึกษาปราศรยั ความแขงอาํ นาจ
ส่วนเราเลา่ ใช่ แกง่ แยง่ โดยมาน
ใจอย่างผู้ภี วชั ชรี ฐั บาล
แม้แตส่ กั องค์ฯ
๏ ตา่ งทรงสําแดง
สามคั คีขาด ตยิ รัชธํารง
ภมู ศิ ลจิ ฉวี นคเรศวสิ าลี
บ่ ชุมนุมสมาน พเิ คราะหเ์ หตุ ณ ธานี
ขณะเศกิ ประชิดแดน
อินทรวเิ ชียร ฉันท์ ๑๑ และมินึกจะเกรงแกลน
๏ ป่นิ เขตมคธขตั รณทัพระงบั ภัย
บ มิทําประการใด
ยั้งทัพประทับตรง บรุ วา่ งและร้างคน
๏ ภูธร ธ สังเกต สยคงกระทบกล
ลุกระนีถ้ นดั ตา
แหง่ ราชวชั ชี
๏ เฉยดู บ ร้สู กึ

ฤๅคิดจะตอบแทน
๏ นิ่งเงียบสงบงํา

ปรากฏประหนง่ึ ใน
๏ แน่โดยมิพักสง

ท่านวัสสการจน

ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ สั ลัง เจะยามา ๑๐๗

สามัคคเี ภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖

๏ ภนิ ทพ์ ทั ธสามคั คิยพรรคพระราชา
ชาวลิจฉววี า รจะพ้องอนัตถ์ภยั
รกกาลขว้างไป
๏ ลูกข่างประดาทา ดจุ กนั ฉะนั้นหนอ
หมุนเลน่ สนกุ ไฉน กลแหยย่ ดุ พี อ
จะมริ ้าวมิรานกัน
๏ ครูวสั สการแส่ ธรุ ะจบ ธ จึ่งบญั
ป่น๎ ปวุ น บ เหลอื หลอ พทแกล้วทหารหาญ
ฬคุ ะเนกะเกณฑ์การ
๏ ครั้นทรงพระปรารภ จรเขา้ นครบร
ชานายนกิ ายสรร อดิศูรบดีศร
ทวิ รงุ่ สฤษฎพ์ ลนั
๏ เรง่ ทําอุฬมุ ปเ์ ว พยุหาธิทพั ขันธ์
เพ่อื ขา้ มนทธี าร พลข้าม ณ คงคา
พิศเนืองขนัดคลา
๏ เขารับพระบัณฑูร ลิบเุ รศสะดวกดายฯ
ภาโรปกรณ์ตอน
นวิ ิสาลี
๏ จอมนาถพระยาตรา พลมากมาย
โดยแพและพ่วงป๎น ก็ลพุ น้ หมาย
พระนครตน
๏ จนหมดพหลเนื่อง มนอกเต้น
ขึน้ ฝ่ง๎ ลเุ วสา ตะละผู้คน
มจลาจล
จิตรปทา ฉันท์ ๘ อลเวงไป
๏ นาครธา มขุ มนตรี
รกุ เภทภัย
เหน็ รปิ ุมี ทรปราศรัย
ขา้ มตริ ชล ขณะน้หี นอ
ม่งุ จะทลาย

๏ ต่างก็ตระหนก
มเิ วน้
ทว่ั บุรคา
เสยี งอลวน

๏ สรรพสกล
ตรอมมนภี
บางคณะอา
ยังมกิ ระไร

ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ สั ลงั เจะยามา ๑๐๘

สามัคคเี ภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
พระทวารม่ัน
๏ ควรบรบิ าล อริก่อนพอ
ตา้ นปะทะกัน ชสภารอ
ขตั ติยรา วรโองการ
ดํารจิ ะขอ ก็จะไดท้ าํ
รัสภูบาล
๏ ทรงตริไฉน กเ็ คาะกลองขาน
โดยนยดํา ดจุ กลองพัง
เสวกผอง ประลโุ สตท้าว
อาณตั ิปาน ขณะทรงฟ๎ง
และละเลยดัง
๏ ศพั ทอโุ ฆษ ธุระกับใคร
ลจิ ฉวีด้าว ณ สภาคาร
ตา่ ง ธ กเ็ ฉย บุรทว่ั ไป
ไท้มิอินัง และทวารใด
สจิ ะปดิ มีฯ
๏ ตา่ งก็ บ คลา
แมพ้ ระทวาร นคร
รอบทิศด้าน
เห็นนรไหน อะไร
สทั ทุลวกิ กีฬิต ฉันท์ ๑๙
มคธ
๏ จอมทพั มาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยหุ กรี
ธาส่วู สิ าลี และโดย

๏ โดยทางอันพระทวารเปิดนรนิกร ประยุทธ์
ฤๅรอจะต่อรอน
ณ เดิม
๏ เบอื้ งน้นั ท่านคุรุวสั สการทิชก็ไป
นาํ ทัพชเนนทร์ไท ประสงค์

๏ เข้าปราบลิจฉวขิ ตั ติยร์ ัฐชนบท ตรดิ ู
สเู่ งื้อมพระหัตถห์ มด

๏ ไปพุ กั ต้องจะกะเกณฑน์ ิกายพหลโรย
แรงเปลืองระดมโปรย

๏ ราบคาบเสรจ็ ธ เสด็จลุราชคฤหอุต
คมเขตบุเรศดุจ

๏ เรอื่ งต้นยุกตกิ แ็ ตจ่ ะต่อพจนเตมิ
ภาษติ ลขิ ติ เสรมิ

๏ ปรุงโสตเป็นคตสิ นุ ทราภรณจง
จบั ข้อประโยชนต์ รง

ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหัสลัง เจะยามา ๑๐๙

สามคั คีเภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖

อนิ ทรวเิ ชียร ฉันท์ ๑๑ ชอชาตศัตรู
๏ อนั ภบู ดรี า วประเทศสะดวกดี
วรราชวชั ชี
ไดล้ ิจฉวีภู ฑอนัตถ์พนิ าศหนา
๏ แลสรรพบรรดา คณะแตกและตา่ งมา
หสโทษพิโรธจอง
ถงึ ซึง่ พิบตั บิ ี ทนสิน้ บปรองดอง
๏ เห้ียมนน้ั เพราะผันแผก ตรมิ ลักประจักษเ์ จือ
รสเลา่ ก็ง่ายเหลอื
ถอื ทิฐิมานสา คติโมหเป็นมลู
๏ แยกพรรคสมรรคภิน ยนภาวอาดูร
ยศศักดิเสื่อมนาม
ขาดญาณพจิ ารณ์ตรอง ครุ ุวัสสการพราหมณ์
๏ เชื่ออรรถยบุ ลเอา กลงํากระทาํ มา
พเิ คราะห์คิดพนิ ิจปรา
เหตหุ าก ธ มากเมือ ธุสมคั รภาพผล
๏ จ่ึงดาลประการหา สกุ ภาวมาดล
บ นริ าศนริ ันดร
เสยี แดนไผทสูญ คยพรรคสโมสร
๏ ควรชมนิยมจัด คณุ ไร้ไฉนดล
เพราะฉะน้ันแหละบุคคล
เป็นเอกอุบายงาม ธรุ ะเกย่ี วกะหมู่เขา
๏ พุทธาทบิ ัณฑติ มุขเปน็ ประธานเอา
บมิเหน็ ณฝาุ ยเดยี ว
รภสรรเสริญสา นรอนื่ กแ็ ลเหลียว
๏ ว่าอาจจะอวยผา มิตรภาพผดุงครอง
ทมผ่อนผจงจอง
ดีสู่ ณ หมู่ตน มนเมอ่ื จะทาํ ใด
๏ หม่ใู ดผิสามคั ลกุ ็ปน๎ ก็แบง่ ไป
สุจรติ นิยมธรรม์
ไปุปราศนิราศรอน
๏ พร้อมเพรยี งประเสริฐครัน

ผู้หวงั เจริญตน
๏ พงึ หมายสมัครเป็น

ธูรทั่ว ณ ตวั เรา
๏ ควรยกประโยชนย์ นื่

ดูบา้ งและกลมเกลียว
๏ ยั้งทฐิ มิ านหย่อน

อารีมิมหี มอง
๏ ลาภผลสกลบรร

ตามน้อยและมากใจ

ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ สั ลัง เจะยามา ๑๑๐

สามัคคีเภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖

๏ พึงมรรยาทยึด สุประพฤตสิ งวนพรรค์
รื้อรษิ ยาอนั อปุ เฉทไมตรี
ผิบไรส้ มคั รมี
๏ ด่ังน้นั ณ หมูใ่ ด รววิ าทระแวงกัน
พรอ้ มเพรยี งนิพัทธ์นี สยคงประสบพลัน
หติ ะกอบทวกิ าร
๏ หวงั เทอญมิต้องสง มนอาจระรานหาญ
ซึ่งสขุ เกษมสนั ต์ กเ็ พราะพร้อมเพราะเพรยี งกัน
นรสงู ประเสรฐิ ครนั
๏ ใครเล่าจะสามารถ เฉพาะมีชวี คี รอง
หักล้าง บ แหลกลาญ ผวิ ใครจะใคร่ลอง
พลหักกเ็ ต็มทน
๏ ปุวยกลา่ วอะไรฝงู สละลี้ ณ หมู่ตน
ฤๅสรรพสัตวอ์ นั บ มิพรอ้ มมเิ พรยี งกนั
สุขทั้งเจริญอนั
๏ แมม้ ากผิก่งิ ไม้ ลไุ ฉน บ ได้มี
มดั กาํ กระน้ันปอง พภยันตรายกลี
ติประสงค์ก็คงสม
๏ เหลา่ ไหนผิไมตรี คณะเปน็ สมาคม
กจิ ใดจะขวายขวน ภนิพัทธรําพงึ
ผิวมีก็คาํ นึง
๏ อยา่ ปรารถนาหวัง จะประสบสุขาลัยฯ
มวลมาอบุ ตั ิบรร

๏ ปวงทุกข์พบิ ตั ิสรร
แมป้ ราศนยิ มปรี

๏ ควรชนประชุมเชน่
สามัคคิปรารม

๏ ไปมุ ีกใ็ ห้มี
เนอ่ื งเพือ่ ภยิ โยจงึ

ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหัสลงั เจะยามา ๑๑๑

สามัคคเี ภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๖

คาอธบิ ายศพั ทแ์ ละข้อความ คาอธบิ าย
คาศัพท์/ขอ้ ความ ถอ้ ยคํา
กถา เหตุแหง่ การทะเลาะ
กลหเ์ หตุ ชาวนา
กสิก ทั่วไป
ไกวล พระเจา้ แผน่ ดิน
ขัตตยิ ์ เรอ่ื ง
คดี ไป
คม ผูเ้ ป็นใหญใ่ นหมู่ชน
ชเนนทร์ ยากจน
ทลิทภาว ทว่ั บ้านท่ัวเมือง
ทั่วบรุ คาม ทวชิ ทชิ งค์ ทชิ าจารย์ ทวิชงค์ ...>>ผูเ้ กิดสองครั้ง คือ พราหมณ์ กล่าวคือ
ทิช เกิดเป็นคนโดยทว่ั ไปคร้ังหนง่ึ และเกิดเปน็ พราหมณ์โดยตําแหน่งอกี คร้ัง
วนั
ทนิ เมืองของข้าศกึ
นครบร เคา้ ความ ความหมาย
นย, นัย ใจความสําคัญ (มาน = หัวใจ)
นยมาน ฝงู ชน
นรนกิ ร เนืองๆ เสมอ เนอื่ งกัน
นฤพัทธ, นพิ ัทธ์ ไมม่ ีสาระ
นฤสาร กลบั
นวิ ัติ ไมเ่ ปน็ ผล
นรี ผล มอบให้หมด
ประเด การสงั่ สอน
ประศาสน์ ความเพียร
ปรากรม ตกแตง่ ให้ไพเราะน่าฟง๎
ปรุงโสต หายไป
ปลาต ความเป็นไป (ปวัตติ์)
ปวตั น์ ผูเ้ ฒ่า ...>>วัสสการพราหมณ์
พฤฒิ

ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ สั ลงั เจะยามา ๑๑๒

สามคั คีเภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๖

คาศพั ท์/ขอ้ ความ คาอธิบาย
พเิ ฉท ทาํ ลาย การตัดขาด
พชิ ากร วิชาความรู้
พทุ ธาทิบัณฑิต ผู้รู้
ภัต ข้าว
ภาโรปกรณ์ เครอื่ งมอื ตามที่ไดร้ บั มอบหมาย
ภินทพ์ ัทธสามัคคยิ การแตกสามัคคี ภนิ ท์ แปลว่า แตกแยก, พัทธ แปลว่า ผกู พัน, สามคั คิย
แปลว่า สามคั คี
ภยิ โย ย่ิงขนึ้ ไป
ภรี กุ ขลาด กลวั
ภมู ศิ พระราชา
มน ใจ
มนารมณ์ สมดังท่ีคิดหรือสมดังใจ
มาน ความถือตวั
ยกุ ติ ยุติ จบสิน้
รหุฐาน ทีส่ งัด ทล่ี ับ (รโหฐาน)
ลกั ษณสาสน จดหมาย
เลา รปู ความ ขอ้ ความ เค้า
วญั จโนบาย อบุ ายหลอกลวง
วลั ลภชน คนสนทิ
วริ ุธ ผิดปกติ
สมรคคภินทน การแตกสามคั คี
สมัครภาพ ความสมคั รสมานสามัคคี
สหกรณ หมเู่ หลา่
สา่ํ หมู่ พวก
สิกขสภา หอ้ งเรียน
สุขาลยั ที่ที่มีความสุข
เสาวน ฟง๎
เสาวภาพ สภุ าพ ละมนุ ละม่อน

ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหัสลัง เจะยามา ๑๑๓

สามคั คีเภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖

คาศพั ท์/ข้อความ คาอธิบาย
หายน์, หายน
หติ ะ ความเส่อื ม
เห้ียมนั้น ประโยชน์
อนัตถ์ เหตนุ นั้
อนุกรม ไม่เปน็ ประโยชน์
อภเิ ผ้า ตามลาํ ดับ
อาคม ผ้เู ป็นใหญ่
อุปเฉทไมตรี มา, มาถงึ
อรุ ส ตดั ไมตรี
อุฬุมป์เวฬุ ลกู ชาย (โอรส)
เอาธรู แพไมไ้ ผ่
เอาภาร เอาใจใส่เป็นธรุ ะ
รบั ภาระ รับผิดชอบ

บทวิเคราะห์ สามัคคีเภทคาฉนั ท์
สามคั คีเภทคําฉนั ท์ มีเน้อื หาทเี่ ป็นคตสิ อนใจ เนน้ ให้เหน็ สามัคคธี รรมเปน็ หลัก

๑. คุณคา่ ดา้ นเนื้อหา
๑.๑ รูปแบบ สามัคคีเภทคําฉันท์แต่งด้วยคําประพันธ์ประเภทฉันท์ชนิดต่างๆ จํานวน ๑๘ ชนิด

และกาพย์ ๒ ชนิด ลกั ษณะคาํ ประพนั ธ์ทีผ่ ้แู ต่งเลอื กใช้มคี วามสอดคล้องและใหอ้ ารมณ์เหมาะสมกับเน้ือหา
๑.๒ องคป์ ระกอบของเรื่อง
๑.๒.๑ สาระ มุ่งชี้ให้เห็นโทษของการแตกความสามัคคีที่จะนํามาซ่ึงความเสียหายในหมู่

คณะและประเทศชาติ ดังเช่นกษัตริย์ลิจฉวีแตกความสามัคคีกัน หลังจากพระเจ้าอชาตศัตรูแห่งแคว้นมคธ
ให้วัสสการพราหมณ์ไปยุแยงให้กษัตริย์ลิจฉวีแตกความสามัคคี แสดงให้เห็นการเอาชนะแคว้นท่ีมีอํานาจ
มากกว่าได้ เพราะการใช้สติป๎ญญามใิ ช่กําลงั

๑.๒.๒ โครงเร่ือง กล่าวถึงพระเจ้าอชาตศัตรูที่มีพระราชประสงค์จะปราบแคว้นวัชชีจึง
ทรงปรึกษากับวัสสการพราหมณ์ นํากลอุบายและเนรเทศวัสสการพราหมณ์ออกจากเมือง ไปยังแคว้นวัชชี
ทําหน้าที่เป็นครูสอนศิลปะวิทยาแก่พระโอรสท้ังหลาย และเป็นผู้พิจารณาพิพากษาคดีจนเป็นท่ีไว้วางพระ
ราชหฤทยั วนั หน่งึ วัสสการพราหมณ์จงึ ออกอุบายยยุ งบรรดาพระโอรส จนในท่ีสดุ ต่างก็ขัดเคืองและไม่พอใจ
ซ่งึ กันและกนั หลงั จากเวลาผา่ นไป ๓ ปี วัสสการพราหมณ์ประเมินสถานการณ์ว่ากษัตริย์ลิจฉวีทุกพระองค์
แตกสามคั คกี ันแล้ว จึงแจง้ ข่าวให้พระเจา้ อชาตศัตรูยกทัพมาตแี ควน้ วัชชี ซ่งึ กส็ ามารถยึดไดอ้ ย่างง่ายดาย

ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ ัสลัง เจะยามา ๑๑๔

สามัคคีเภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖

๑.๒.๓ ตัวละคร
๑) พระเจ้าอชาตศัตรู เป็นกษัตริย์ท่ีมีพระปรีชาสามารถในการปกครอง

บา้ นเมืองทรงตัง้ อยู่ในทศพิธราชธรรม มคี วามรอบคอบและฉลากหลกั แหลม เมื่อจะยกทัพไปตีเมืองก็ทรงหา
กลอบุ ายตดั ทอนกําลงั ของกษตั ริยล์ ิจฉวี เพื่อมิให้เสยี เลือดเนอื้ ไพรพ่ ลเป็นจาํ นวนมาก ดังตวั อย่าง ความวา่

ศึกใหญํใครจํ ะพยายาม รบเร๎าเอาตาม
กาํ ลงั กห็ นักก็หนา รอกํอนผอํ นหา

จาํ จักหกั ด๎วยป๓ญญา
อุบายทาํ ลายมูลความ

๒) วสั สการพราหมณ์ มีความจงรกั ภักดีตอ่ พระเจ้าอชาตศัตรู เป็นผู้ที่มีความรัก
ชาติบ้านเมอื งของตนอยา่ งแรงกล้า ยอมเสยี สละทกุ อย่างเพอ่ื ชาตบิ า้ นเมอื ง ดงั ตวั อย่าง ความวา่

ไปเ่ ห็นกะเจบ็ แสบ ชวิ แทบจะทาํ ลาย
มอบสตั ย๑สมรรถหมาย มนม่นั มหิ วั่นไหว
ผิถวลิ สะดวกใด
หวงั แผน ณ แผนํ ดนิ บ มิเลีย่ งจะเบ่ยี งเบอื น
เกือ้ กิจสฤษฏ๑ไป

๓) กษัตริย์ลิจฉวี เป็นกษัตริย์ที่เคยต้ังมั่นอยู่ในอปริหานิยธรรม ๗ อันหมายถึง
ธรรมแห่งความเจริญของหมู่คณะ แต่ภายหลังต่างก็ทรงขาดวิจารณญาณ เมื่อบรรดาพระโอรสทูลเรื่องราว
ท่ีวัสสการพราหมณ์ยุแหย่ก็ทรงเชื่อ มีทิฐิมานะจนเกินเหตุ ไม่ยอมหันหน้าเข้าปรึกษาหารือกัน ขาดความ
สามัคคปี รองดอง ดังตวั อยา่ ง ความว่า

ตํางทรงสาํ แดง ความแขงอํานาจ
สามัคคขี าด แกํงแยํงโดยมาน
ภูมิศลิจฉวี วัชชีรฐั บาล
บํ ชุมนมุ สถาน แมแ๎ ตสํ กั องค๑ ฯ

๑.๒.๔ ฉากและบรรยากาศ ผู้แต่งจินตนาการฉากและบรรยากาศ โดยเลือกใช้คําอย่าง
พิถีพิถันและเลือกประเภทฉันท์ได้เหมาะสมกับเน้ือเร่ืองในแต่ละตอน ทําให้การพรรณนาเห็นภาพของฉาก
และบรรยากาศอันงดงามของบา้ นเมือง การบรรยายการจดั กระบวนทัพต้องมโี หรพราหมณ์นมิ ติ ดูฤกษ์ยาม

๑.๒.๕ กลวิธีการแต่ง ผู้แต่งเลือกสรรคําฉันท์ท่ีมีลีลาท่วงทํานองมาใช้ได้อย่างเหมาะสม
กบั เนื้อเรือ่ งแตล่ ะตอน การดาํ เนนิ เรื่องจึงชวนให้นา่ ติดตาม รวมท้งั การนาํ ถ้อยคําและโวหารมาประกอบ ทํา
ใหเ้ กิดอารมณค์ วามรู้สึกคลอ้ ยตามถอ้ ยคาํ นํ้าเสยี ง จังหวะและลีลา จนเกิดจินตนาการภาพได้อย่างชดั เจน

ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหสั ลงั เจะยามา ๑๑๕

สามคั คีเภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๖

๒. คณุ ค่าดา้ นวรรณศิลป์
๒.๑ การสรรคา เป็นการเลอื กใชค้ าํ ลกั ษณะต่างเพอ่ื ความคดิ และความรู้สึก
๒.๑.๑ การเลอื กใช้คาได้ถูกต้องตรงตามความหมายที่ต้องการ มีการใช้คําที่ประณีตเป็น

พิเศษ เม่อื กล่าวถึงสง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ พระมหากษตั รยิ ์ ครู อาจารย์ จะใช้คาํ ศพั ท์ภาษาบาลสี ันสกฤต ความวา่

พรอ๎ มเบญจางคประดษิ ญส๑ ฤษฎิสดุดี

กายจติ วจไี ตร ทวาร

ไหว๎คุณองคพ๑ ระสุคตอนาวรณญาณ

ยอดศาสดาจารย๑ มนุ ี

อกี คุณสทุ รธรรมคัมภิรวิธี

พุทธพจน๑ประชุมตรี ปฎิ ก

ท้ังคณุ สงฆพิสุทธศาสนดิลก

สมั พทุ ธสาวก นกิ ร

๒.๑.๒ การเลือกใช้คาโดยคานึงถึงเสียง ผู้แต่งได้ดัดแปลงฉันท์บางชนิดให้มีความ
แตกต่างไปจากเดมิ ทาํ ใหม้ คี วามไพเราะมากขนึ้ สามาคเี ภทคาํ ฉันท์มกี ารใชค้ าํ ที่มีเสยี งเสนาะ

๑) การใช้คาทีเ่ ลน่ เสยี งหนกั เบา ฉันท์ กาํ หนดเสียงหนักเบา ไว้แน่นอนเป็นแบบ
แผนท่ยี ึดถือกัน ถ้าอา่ นเป็นทาํ นองเสนาะ ก็จะทําใหร้ ู้สกึ ถึงรสไพเราะของเน้ือความ ดังตัวอยา่ ง ความว่า

ชะรอยวาํ ทชิ าจารย๑ ธ คิดอํานกะทาํ นเป็น
รหสั เหตุประเภทเห็น ละแนชํ ดั ถนัดความ
มกิ ล๎าอาจจะบอกความ
และทาํ นมามสุ าวาท ไถลแสรง๎ แถลงสาร
พจีจรงิ พยายาม

๒) การเล่นเสียงสัมผัส ปรากฏท้ังสัมผัสนอกและสัมผัสในโดยเฉพาะสัมผัสในมี
ทง้ั สัมผสั สระและพยญั ชนะอย่างแพรวพราว ดังตวั อยา่ ง ความว่า

เปรียบปานมหรรณพนที ทะนทุ ี่ประทังความ
รอ๎ นกายกระหายอุทกยาม นรหากประสบเหน็
ระอผุ ําวกผ็ ํอนเยน็
เอิบอม่ิ กระหยิ่มหทยคราว สขุ ปีตกิ ด็ ีใจ
ยังอณุ หมุญจนะและเปน็

ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ สั ลงั เจะยามา ๑๑๖

สามัคคีเภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖

แตกร๎าวกร๎าวรา๎ ยก็ปา้ ยปาม ลวุ รบดิ รลาม
ทลี ะนอ๎ ยตาม ณ เหตผุ ล
นฤวิเคราะหเสาะสน
ฟน่๓ เฝือเชอื่ นัยดนยั ตน เพราะหมายใด
สบื จะหมองมล

๓) การเล่นคา เพือ่ เน้นความหมายใหม้ คี วามหมายชัดเจน ดงั ตวั อย่าง ความว่า

บางคนกมลออํ น อุระข๎อนพไิ รพรรณน๑
บางพวกพสิ ัยฉนั กธุ เกลยี ดก็เสยี ดสี
พเิ คราะห๑ขา๎ งพจิ ารณาดี
บางเหลาํ กเ็ ป็นกลาง ณ หทยั ก็ใหข๎ อง
บางหมกูํ รุณมี

๒.๒ ลลี าการประพนั ธ์หรอื รสวรรณคดี
๒.๒.๑ พโิ รธวาทงั บทแสดงความโกรธเกร้ียวของพระเจ้าอชาตศัตรูที่แสร้งโกรธวัสสการ-

พราหมณ์อยา่ งรนุ แรง ทําให้เกดิ ความสมจรงิ ดงั บทประพันธ์ ความว่า

ทา๎ วกท็ รงแสดงพระองค๑ ธ ปาน

ประหน่งึ พระราชหทยั ลุดาล พิโรธจึง

ผนั พระกายกระทืบพระบาทและอึง

พระศพั ทสหี นาทพงึ สยองภยั

เอออุเหมํนะมึงชชิ าํ งกระไร

ทุทาสสถลุ ฉะนี้ไฉน กม็ าเปน็

๒.๒.๒ สัลลาปังคพิสัย บทแสดงความเศร้าโศกเสียใจ เมื่อวัสสการพราหมณ์ถูกทําโทษ

ดังบทประพนั ธ์ ความว่า

หมํูญาติอมาตย๑มิต รสนทิ และเสนา

สังเวช ณ เหตุสา หสลว๎ นสลดใจ

สุดท่จี ะกล้นั โท มนโศกอาลยั

ถว๎ นหน๎ามิวาํ ใคร ขณะเหน็ บ เวน๎ คน

ภาษาไทย ม.๖ ครูนิหสั ลัง เจะยามา ๑๑๗

สามคั คีเภทคาฉันท์ ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖

๓. คุณคา่ ด้านสังคม
๓.๑ สะท้อนวัฒนธรรมของคนในสังคม
๓.๑.๑ สะท้อนภาพการปกครองโดยระบอบสามัคคีธรรม และการประพฤติตาม

หลกั ธรรม ๗ ประการ (อปรหิ านยิ ธรรม) ประกอบด้วย
๑) เม่อื มีภารกจิ กป็ ระชุมปรกึ ษาหารือกนั โดยไมเ่ บือ่ หนา่ ยการประชมุ
๒) เข้าประชมุ พรอ้ มกัน เลกิ ประชมุ พร้อมกัน ร่วมกนั ประกอบกจิ อันควรกระทํา
๓) ยดึ มนั่ ในจารีตประเพณอี ันดงี าม ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามโดยไมด่ ดั แปลง
๔) เมอ่ื ผใู้ หญ่ใหโ้ อวาทสั่งสอน ผ้นู ้อยยอมปฏิบัติตามด้วยความเคารพ
๕) ไมท่ าํ รา้ ยขม่ เหงบุตรและภรรยาผู้อ่นื
๖) ไม่ลบหลู่ดูแคลนเจดียสถานท่ีคนเคารพสักการะและทําพิธีบวงสรวง
ตามประเพณี
๗) ใหค้ วามคุ้มครองปูองกันพระอรหันตใ์ นแคว้นวชั ชี

๓.๑.๒ สะทอ้ นภาพการพพิ ากษาและลงโทษ การลงโทษสมัยโบราณ มีการโบย การโกน
ผมประจาน และการประกาศขับไล่ตามพระราชโองการ (เนรเทศ) ดังตัวอยา่ ง ความว่า

เสอ่ื มสีสะผมเผา๎ สิรเิ ปลาํ ประจานตัว
เป็นเย่ยี งประหยดั กลวั ผิมลกั จะหลาบจาํ
ปนพลนั ประกาศทาํ
เสร็จกจิ ประการกลั ป์ ดจุ ราชโองการ
ป๓พพาชนียกรรม

๓.๒ สะท้อนแนวคิดของคนในสังคม สังคมจะต้องมีความสามัคคีจึงจะอยู่รอดได้ เม่ือใดก็ตามท่ี
ความเป็นปึกแผ่นความเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันของคนในชาติถูกทําลาย เม่ือน้ันบ้านเมืองก็จะรําส่ําระสาย
ขาดความเปน็ เอกภาพต่างคนต่างหวาดระแวง ขาดความไว้ใจ ทําให้ฝุายตรงข้ามมีโอกาสโจมตีง่าย นับเป็น
อุทาหรณ์ที่เป็นเคร่ืองเตือนใจว่า การคบคนและวางใจบุคคลอื่นต้องใช้วิจารณญาณไตร่ตรองให้รอบคอบ
มิฉะน้ันจะนําผลร้ายมาสู่ตนได้เหมือนบรรดากษัตริย์ลิจฉวีแห่งแคว้นวัชชีที่มิได้ทรงไตร่ตรองเหตุผลให้
รอบคอบ ทรงหลงกลศัตรรู บั วัสสการพราหมณไ์ ว้ เปน็ เหตใุ หเ้ สียแควน้ วชั ชใี นทสี่ ดุ

วรรณคดีมรดกเร่ืองสามัคคีเภทคําฉันท๑ นอกจากเน้ือหาของเรื่องจะให๎ข๎อคิดคติเตือนใจเหมาะสม
กับสถานการณ๑ป๓จจุบันแล๎ว ยังให๎คุณคําด๎านการใช๎ถ๎อยคําได๎อยํางไพเราะลึกซึ้ง การพรรณนาทําให๎เกิด
อารมณ๑ ความร๎ูสึกตามเนื้อเรื่อง ลีลาของฉันท๑ทุกบทก็มีความไพเราะในตัวเอง การใช๎ลักษณะฉันท๑
สอดคล๎องกับเน้ือหาทุกบท ถ๎าอํานออกเสียงทํานองเสนาะ จะเกิดเสียงไพเราะย่ิงข้ึน ทําให๎จดจําเนื้อหาได๎
งาํ ยขนึ้ ให๎ความรเู๎ ก่ยี วกบั ศัพท๑ภาษาบาลีสันสกฤตและยงั เปน็ การอนรุ ักษ๑วัฒนธรรมทางภาษาได๎อกี ด๎วย

ภาษาไทย ม.๖ ครนู หิ ัสลัง เจะยามา ๑๑๘

ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖

บรรณานกุ รม

โกวทิ ตง้ั ตรงจติ . ๒๕๕๐. คยุ เฟอื่ งเรื่องสามก๊ก. กรงุ เทพมหานคร : สุวรี ิยาสาส์น.
ดวงมน จติ รจ์ าํ นงค์. ๒๕๔๑. สนุ ทรียภาพในภาษาไทย. พิมพค์ รง้ั ที่ ๓. กรงุ เทพมหานคร : ศยาม.
ดวงมน จิตร์จํานงค์. ๒๕๔๔. คุณค่าและลักษณะเด่นของวรรณคดีไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น.

พิมพค์ รัง้ ท่ี ๒. กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์.
ธเนศ เวศรภ์ าดา. ๒๕๔๙. หอมโลกวรรณศิลป์. กรงุ เทพมหานคร : ปาเจรา.
นหิ สั ลัง เจะยามา. ๒๕๕๘. เอกสารประกอบการเรียนการสอนปรับพน้ื ฐาน ภาษาไทย ช้ันม.๔. ป๎ตตานี :

โรงเรยี นเบญจมราชูทิศ จังหวัดปต๎ ตานี.
ภาสกร เกิดออ่ น, ระวีวรรณ อินทรประพนั ธ์ และคณะ. ๒๕๕๘. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย

วรรณคดีและวรรณกรรม ม.๖. พิมพค์ ร้ังท่ี ๔. กรุงเทพมหานคร : อกั ษรเจริญทศั น.์
รืน่ ฤทยั สจั จพนั ธ์ุ. ๒๕๔๙. สนุ ทรียภาพแห่งชวี ติ . กรงุ เทพมหานคร : ณ เพชร.
ร่ืนฤทัย สัจจพันธ์ุ. ๒๕๕๐. เล่าเร่ืองขุนช้างขุนแผน ฉบับสมบูรณ์. พิมพ์คร้ังท่ี ๓. กรุงเทพมหานคร :

พิมพค์ ํา.
เรืองเดช ธมิ ะโน. ๒๕๕๖. กาพยเ์ หเ่ รอื ฉบบั การต์ ูน. ปทมุ ธานี : สกายบุ๊กส.์
ศุภร บุนนาค, สุริยา รัตนกุล. ๒๕๔๘. สุนทรียภาพจากเจ้าฟ้ากุ้ง. พิมพ์ครั้งท่ี ๒. กรุงเทพมหานคร :

สถาพรบุ๊คส์.
สถาบนั ทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. ๒๕๕๖. ขอ้ สอบโอเน็ต ภาษาไทย ม.๖. (ออนไลน)์ . สืบคน้ จาก :

http://www.niets.or.th/th/ [๘ มถิ ุนายน ๒๕๕๙].
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ. ๒๕๕๕. คู่มือครูวรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๖.

กรุงเทพมหานคร : พฒั นาคุณภาพวิชาการ.
สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน. ๒๕๕๒. ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระ

การเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑.
กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย.
สํานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน. ๒๕๕๖. หนังสือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน ภาษาไทย วรรณคดี
วจิ ักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๖. พมิ พค์ รั้งที่ ๓. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว.
เอกรัตน์ อุดมพร. ๒๕๔๖. วรรณคดีสมยั สโุ ขทัย. กรุงเทพมหานคร : พัฒนาศึกษา.

ภาษาไทย ม.๖ ครูนหิ สั ลงั เจะยามา ๑๑๙

ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหสั ลงั เจะยามา ๑๒๐

ภาษาไทย ม.๖ ครนู ิหสั ลงั เจะยามา ๑๒๑


Click to View FlipBook Version