เจ้าหน้าทบี่ ริหารงานทว่ั ไป
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ
ประกอบดว้ ยเนื้อหา หนา้
ความรู้มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ………………………………………………………………………………1
พระราชบญั ญัติระเบียบข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ ...........................4
ถาม-ตอบ พระราชบัญญตั ิมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล พ.ศ. 2548......................................................11
แนวขอ้ สอบความรูค้ วามสามารถท่วั ไป
การคิดวเิ คราะห์ สืบเสาะหาข้อมลู และการสรปุ ผล....................................................................21
แนวขอ้ สอบภาษาไทย…………………………………………………………………………………………………….30
ความรคู้ วามสามารถทางดา้ นตัวเลข (คณติ ศาสตร์) …………………………………………………………..44
แนวขอ้ สอบภาษาอังกฤษ…………………………………………………………………..…………………………..72
แนวขอ้ สอบการใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอรส์ านกั งาน ( Microsoft office )
แนวข้อสอบ Microsoft Words ..............................................................................................101
แนวข้อสอบ Microsoft Excel ................................................................................................120
แนวขอ้ สอบเจา้ หน้าที่บรหิ ารงานท่ัวไป
การประกันคุณภาพการศกึ ษา...................................................................................................124
การบริหารทรัพยากรบคุ คล......................................................................................................128
ความรเู้ กย่ี วกบั งานธุรการ งานสารบรรณ งานบรหิ ารท่ัวไป………………………………………………148
แนวขอ้ สอบการเงนิ และบญั ชี...................................................................................................163
แนวขอ้ สอบพัสดุ……………………………………………………………………………………………….…………180
แนวขอ้ สอบ งบประมาณ จัดซอื้ จดั จา้ ง……………………………………………………………….………….188
แนวขอ้ สอบเจ้าหน้าท่บี รหิ ารงานทว่ั ไป……………………………………………………………….………….195
แนวขอ้ สอบ ข่าวเหตกุ ารณป์ ัจจุบนั สงั คม เศรษฐกจิ การเมือง เดือน พฤษภาคม 2565…..…………………...206
แนวข้อสอบ ข่าวเหตุการณ์ปัจจบุ ัน สงั คม เศรษฐกจิ การเมอื ง เดือน มถิ นุ ายน 2565…….…………...….......209
แนวข้อสอบ ขา่ วเหตุการณป์ ัจจบุ นั สงั คม เศรษฐกจิ การเมือง เดือน กรกฎาคม 2565…..………….............213
เทคนคิ การสอบสัมภาษณ์ .........................................................................................................................217
Brain Media 1
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ
ประวตั ิของมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล จัดตั้งขึน้ เปน็ สถาบันอุดมศึกษาระดบั ปริญญาคร้ังแรก เม่ือวนั ที่
27 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2518 โดยพระราชบัญญัติวทิ ยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา พ.ศ. 2518 ใชช้ อ่ื วา่
“วิทยาลัยเทคโนโลยแี ละอาชีวศึกษา” และโอนวิทยาลัยเทคนิค วทิ ยาลยั เกษตรกรรม และวิทยาลัยตา่ งๆ
ในสังกัดกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร เขา้ มาสงั กัด ตอ่ มาพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอ
ดลุ ยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวา่ “ราชมงคล” เมอื่ วนั ท่ี 15 กนั ยายน พ.ศ. 2531
(วนั ราชมงคล) พร้อมท้ังมีพระราชบญั ญัติเปล่ียนชอื่ วทิ ยาลัยเทคโนโลยแี ละอาชวี ศกึ ษาเป็นสถาบนั
เทคโนโลยรี าชมงคล พ.ศ. 2532 ทาให้วิทยาลยั เทคโนโลยีและอาชวี ศกึ ษา ได้รับการเปล่ียนชอ่ื ใหม่เปน็
"สถาบนั เทคโนโลยีราชมงคล"
ในระยะตอ่ มาได้มกี ารตราพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซ่งึ กาหนดให้
สถาบนั การศึกษาที่เปิดสอนระดบั ปรญิ ญาต้องเป็นนิติบุคคล ทาให้สถาบันเทคโนโลยรี าชมงคลเรมิ่ มีแนวคดิ
ในการยกฐานะเปน็ มหาวทิ ยาลยั นิติบุคคล กระทั่งเม่ือวันท่ี 18 มกราคม พ.ศ. 2548 พระราชบัญญตั ิ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. 2548 ไดป้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นผลให้มีมหาวทิ ยาลยั
เทคโนโลยีราชมงคลเกดิ ขน้ึ ใหม่ จานวน 9 แห่ง เป็นสถาบนั อุดมศึกษาด้านวิชาชีพและเทคโนโลยี จดั
การศึกษาดา้ นวิชาชพี ชน้ั สูงทีเ่ นน้ การปฏบิ ัติ ผลติ ครูวชิ าชีพ และใหผ้ ูส้ าเร็จอาชีวศกึ ษามโี อกาสในการศึกษา
ต่อด้านวิชาชีพเฉพาะทางระดับปริญญาเปน็ หลัก
เจา้ หน้าที่บริหารงานท่ัวไป มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ
Brain2Media
เจา้ หนา้ ท่ีบริหารงานทั่วไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ
Brain Media 3
ผบู้ ริหารมหาวิทยาลัย
รองศาสตราจารย์ ดร.ประมุข อณุ หเลขกะ
อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
เจ้าหน้าทบ่ี รหิ ารงานทัว่ ไป มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain4Media
พระราชบญั ญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 แก้ไขเพ่มิ เติม
1. ผู้ท่ปี ระกอบวชิ าชพี ซึ่งทาหน้าทีห่ ลกั ทางดา้ นการเรียนการสอนและสง่ เสริมการเรยี นรขู้ อง
ผูเ้ รยี น ดว้ ยวิธกี ารต่างๆ ในสถานศึกษาของรัฐ หมายถึงบคุ คลในขอ้ ใด
ก. ขา้ ราชการ ข. คณาจารย์
ค. บคุ ลากรทางการศึกษา ง. อาจารย์
2. บุคลากรทางการศกึ ษา หมายถงึ บุคคลในข้อใด
ก. ผู้บริหารการสถานศกึ ษา
ข. ผบู้ ริหารการศึกษา
ค. ผสู้ นับสนนุ การศึกษาซ่ึงเป็นผู้ทาหน้าทใี่ ห้บริการหรอื ปฏิบตั ิเกยี่ วเนอ่ื งกบั การจัดกระบวนการ
เรียกการสอน
ง. ถกู ทุกข้อ
3. หน่วยงานการศึกษา หมายถึงขอ้ ใด
ก. สถานศึกษา ข. สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา
ค. สานักงานการศึกษานอกโรงเรียน ง. ถกู ทกุ ข้อ
4. ข้อใดถูกต้อง
ก. ศนู ย์การศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย ก็คอื สถานศึกษาตามทีก่ าหนดในพระราชบัญญตั ินี้
ข. สถานพฒั นาเด็กปฐมวัยเป็นสถานศึกษาตามที่กาหนดในพระราชบญั ญตั ินี้
ค. โรงเรียนคอื สถานศึกษาตามทกี่ าหนดในพระราชบัญญตั ินี้
ง. ถูกทกุ ข้อ
5. คณะกรรมการตาแหนง่ ประธานกรรมการ ก.ค.ศ. คอื บคุ คลในข้อใด
ก. นายกรฐั มนตรี ข. ก.ค.ศ.
ค. ก.พ.ร ง. ก.ค.
6. ผ้ดู ารงตาแหนง่ ประธานกรรมการ ก.ค.ศ. คือบคุ คลในขอ้ ใด
ก. นายกรฐั มนตรี ข. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. เลขาธกิ าร ก.พ. ง. เลขาธกิ ารครุ ุสภา
7. ท่านเหน็ ว่าขอ้ ใดถกู ต้องเกี่ยวกับองคป์ ระกอบของ ก.ค.ศ.
ก. ก.ค.ศ. ประกอบด้วยกรรมการทมี่ าจากการแตง่ ตั้งทงั้ หมด
ข. ก.ค.ศ. ประกอบดว้ ยกรรมการที่มาจากการเลือกต้ัง
ค. ก.ค.ศ. ประกอบด้วยกรรมการทม่ี าจากการแต่งตง้ั จากการเลอื กตัง้
เจ้าหน้าทบี่ ริหารงานท่ัวไป มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain Media 5
ง. ก.ค.ศ. ประกอบดว้ ยกรรมการโดยตาแหนง่ และกรรมการทง้ั ทีม่ าจากการแต่งต้ังและจากการ
เลอื กตง้ั
8. บคุ คลในตาแหน่งตามข้อใดเป็นกรรมการโดยตาแหนง่ ใน ก.ค.ศ.
ก. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน
ข. เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ค. เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ง. ถกู ทุกขอ้
9. ขอ้ ใดไม่เปน็ ลักษณะต้องหา้ มของผู้ทรงคุณวฒุ ใิ นคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศกึ ษา
ก. มสี ญั ชาติไทย
ข. เป็นผู้ดารงตาแหนง่ ทางการเมอื ง
ค. เป็นสมาชิกสภาท้องถน่ิ หรือผ้บู รหิ ารท้องถน่ิ
ง. เปน็ เจ้าหน้าท่ี ที่ปรกึ ษา หรอื ผู้มตี าแหนง่ บรหิ ารในพรรคการเมือง
10. กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิ และกรรมการผแู้ ทนขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา มวี าระอยู่
ใน ตาแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 2 ข. 3
ค. 4 ง. 5
11. องคป์ ระชมุ ของการประชุม ก.ค.ศ. ต้องเปน็ ไปตามข้อใด
ก. ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่ห้อยกวา่ 1 ใน 3 ของจานวนกรรมการทั้งหมด
ข. ตอ้ งมีกรรมการมาประชมุ ไม่ห้อยกว่ากง่ึ หนง่ึ ของจานวนกรรมการทัง้ หมด
ค. ต้องมีกรรมการมาประชมุ ไมห่ ้อยกว่า 2 ใน 3 ของจานวนกรรมการทงั้ หมด
ง. ตอ้ งมกี รรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า3 ใน4ของจานวนกรรมการท้งั หมด
12. ข้อใดไมถ่ ูกต้องเกี่ยวกับการปฏบิ ัตใิ นการประชุมของ ก.ค.ศ.
ก. ถ้าประธานไม่อยู่ในทป่ี ระชมุ รองประธานทาหนา้ ท่ีแทน
ข. เมอื่ มเี รื่องพจิ ารณาเกยี่ วกับตวั กรรมการผใู้ ดโดยเฉพาะ กรรมการผู้น้นั ไมม่ สี ทิ ธเิ ขา้ ประชมุ
ค. ในการพิจารณาในเร่ืองใด ถา้ มีกรณเี ขา้ ข่ายท่ีกฎหมายกาหนดวา่ กรรมการผ้นู ั้นมีส่วนไดเ้ สีย
กรรมการผู้น้นั ไมม่ ีสิทธเิ ข้าประชุม
ง. ประธานไมส่ ามารถพิจารณาในเรื่องใด ถา้ มีกรณเี ข้าข่ายที่กฎหมายกาหนดวา่ กรรมการผูน้ นั้ มี
ส่วนไดเ้ สีย กรรมการผ้นู ัน้ ไม่มีสทิ ธิเขา้ ประชุม
13. การปฏบิ ตั ใิ นข้อใดไมถ่ ูกต้องตามอานาจหนา้ ทีข่ อง ก.ค.ศ.
ก. ออก กา ก.ค.ศ. เก่ียวกบั การบรหิ ารงานของข้าราชการครแู ละบุคลาการทางการศึกษา
เจ้าหนา้ ท่บี ริหารงานทว่ั ไป มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ
Brain6Media
ข. ต้งั อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา
ค. อนมุ ตั ใิ ห้ปรบั อัตราเงินเดือนข้าราชการและบคุ ลากรทางการศึกษา
ง. กาหนดเง่ือนไขการบรรจุและแตง่ ตง้ั บุคคลเพ่อื ปฏบิ ัติหน้าทใ่ี นตาแหนง่ ขา้ ราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา
14. ผูบ้ งั คบั บัญชาของข้าราชการของสานักงานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการ
ศึกษา คอื บคุ คลในข้อใด
ก. ประธานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา
ข. เลขานกุ ารคณะกรรมการข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา
ค. เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
15. บคุ คลตามข้อใดเป็นผู้บรหิ ารราชการในสานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา
ก. รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธกิ าร
ข. ประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ค. เลขาธกิ ารสานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา
ง. ผู้อานวยการสานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษา
16. การตัง้ อ.ก.ค.ศ. เปน็ อานาจหน้าท่ขี องบคุ คลหรอื หนว่ ยงานในขอ้ ใด
ก. ก.ค.ศ.
ข. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร
ค. ประธานคระกรรมการข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา
ง. เลขาธิการสานกั งานคณะกรรมการข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา
17. ขอ้ ใดไม่ใช่อานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการสถานศึกษา
ก. กากบั ดแู ลการบรหิ ารงานบคุ คลในสถานศึกษา
ข. ใหข้ ้อคิดเหน็ เกีย่ วกบั การบริหารงานบุคคล ของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาใน
สถานศกึ ษาตอ่ ผู้บริหารสถานศกึ ษา
ค. พัฒนาระบบขอ้ มลู และจัดทาแผนอตั รากาลังคนสาหรับข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการ
ศึกษา ในสถานศึกษาต่อผบู้ ริหารสถานศึกษา
ง. เสนอความตอ้ งการจานวนและอัตราตาแหนง่ ของขา้ ราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษาใน
สถานศกึ ษาต่อผูบ้ ริหารสถานศึกษา
18. ผูซ้ ึง่ จะเขา้ รบั ราชการเป็นข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาต้องมอี ายไุ ม่ตา่ กว่าก่ีปี
ก. 18 ปีบริบรู ณ์ ข. 20 ปีบริบูรณ์
ค. 25 ปบี รบิ รู ณ์ ง. 30 ปีบรบิ รู ณ์
19. การเพ่ิมเงินคา่ ครองชพี ชั่วคราวให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษากระทาไดต้ าม
ขอ้ ใด
เจ้าหน้าที่บรหิ ารงานทั่วไป มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ
Brain Media 7
ก. ตราเป็นพระราชบญั ญัติ ข. ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
ค. ประกาศเป็นกฎกระทรวง ง. ดาเนินการไดโ้ ดยมติคณะรัฐมนตรี
20. ตาแหน่งของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาในขอ้ ใดเป็นตาแหนง่ ผบู้ ริหาร
สถานศึกษา
ก. อธิบดี ข. อาจารย์
ค. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ง. ศาสตราจารย์
21. ตาแหน่งของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาในขอ้ ใดเปน็ ตาแหนง่ ซง่ึ มีหนา้ ทเ่ี ปน็
ผู้สอนใน หนว่ ยงานการศึกษา
ก. ศาสตราจารย์ ข. ผู้อานวยการสถานศึกษา
ค. ผอู้ านวยการสานักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา ง. อธิการบดี
22. ตาแหน่งในขอ้ ใดเปน็ ตาแหน่งทางวชิ าการของคณาจารย์
ก. อาจารย์ ข. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์
ค. ศาสตราจารย์ ง. ถูกทุกขอ้
23. หนว่ ยงานหรอื บคุ คลตามข้อใดเป็นผมู้ ีอานาจหน้าทใ่ี นการตรวจสอบการกาหนดตาแหน่งและ
การ ใชต้ าแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใหเ้ หมาะสม
ก. ก.ค.ศ.
ข. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. ประธานคณะกรรมการข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธิการสานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา
24. หน่วยงานหรือบุคคลตามข้อใดเปน็ ผดู้ าเนนิ การสอบแข่งขันเพ่อื บรรจุและแต่งต้ังบุคคลเข้ารบั
ราชการเปน็ ขา้ ราชการครูและบุคคลากรทางการศกึ ษา
ก. ก.ค.ศ. ข. อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นท่กี ารศกึ ษา
ค. ผู้อานวยการสถานศึกษา ง. คณะกรรมการสถานศึกษา
25. กรณที จี่ าเปน็ ตอ้ งบรรจุหรือแตง่ ต้ังบุคคลท่ีมคี วามเช่ียวชาญระดบั สูงเข้ารบั ราชการเป็นขา้ ราชการ
เลขาธกิ ารสานกั งานคณะกรรมการข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ครูและบุคลากรทางการ
ศึกษาตอ้ งอนมุ ตั จิ ากบคุ คลหรือหนว่ ยงานในขอ้ ใด
ก. ก.ค.ศ.
ข. รฐั มนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร
ค. ประธานคณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา
ง. เลขาธกิ ารสานักงานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา
26. การจา้ งบุคคลเข้าปฏบิ ัติงานเป็นบคุ ลากรทางการศกึ ษา โดยมีสัญญาจา้ งและไม่บรรจุใหเ้ ป็น
ขา้ ราชการสามาถกระทาไตเ้ พียงข้อใด
เจ้าหน้าที่บรหิ ารงานทัว่ ไป มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ
Brain8Media
ก. ไม่สามารถกระทาได้
ข. สามารถกระทาไดเ้ ป็นอานาจของ ก.ค.ศ.
ค. กระทาไตต้ ามระเบียบท่ี ก.ค.ศ. กาหนดโดยความเหน็ ชอบของกระทรวงการคลงั
ง. สามารถกระทาไตเ้ ป็นอานาจของรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
27. ใครเป็นผูส้ ง่ั บรรจุแตง่ ตง้ั บคุ คลให้ดารงตาแหน่งผอู้ านวยการสานักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษา
ก. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการ
ข. ประธานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
ค. เลขาธิการสานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน
28. ใครเป็นผสู้ ง่ั บรรจแุ ละแตง่ ต้ังบคุ คลใหด้ ารงตาแหนง่ ผู้อานวยการสถานศกึ ษา
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ข. ผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษา
ค. เลขาธกิ ารสานักงานคณะกรรมการข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน
29. ใครเป็นผสู้ งั่ บรรจุและแตง่ ตงั้ บุคคลใหด้ ารงตาแหน่งศึกษานิเทศก์
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร
ข. ประธานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
ค. เลขาธิการสานักงานคณะกรรมการข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน
30. ใครเปน็ ผสู้ ั่งบรรจแุ ละแต่งตัง้ บุคคลให้ดารงตาแหนง่ ครู
ก. ผูอ้ านวยการสถานศึกษา
ข. ประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา
ค. เลขาธกิ ารสานักงานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน
31. การบรรจแุ ละแตง่ ต้งั ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาซึง่ ไม่ไดส้ ังกัดเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษ
ใคร เป็นผ้สู ่ังบรรจุและแตง่ ต้ัง
ก. ผบู้ งั คบั บญั ชาสงู สดุ ของสว่ นราชการที่ผู้น้ันสังกัดอยู่
ข. ประธานคณะกรรมการข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
ค. เลขาธิการสานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน
32. บคุ คลทีจ่ ะไดร้ ับการบรรจุแต่งตั้งในตาแหน่งครู ตอ้ งเตรียมความพรอ้ มและพัฒนาในตาแหนง่
ครูผู้ ชว่ ยเปน็ เวลาตามข้อใด
เจ้าหน้าทบี่ รหิ ารงานทว่ั ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain Media 9
ก. 6 เดอื น ข. 1 เดือน
ค. 2 เดือน ง. 3 เดอื น
33. ข้อใดถูกต้องในการพิจารณาเลอ่ื นขัน้ เงนิ เดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ก. เปน็ อานาจของผบู้ งั คับบญั ชาทีจ่ ะพิจารณาโดยอิสระ
ข. ใหผ้ ู้บงั คับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการขั้นพิจารณา
ค. เป็นอานาจของผู้อานวยการสถานศึกษาทงั้ การพิจารณาและสงั่
ง. คณะกรรมการสถานศึกษาเป็นผูพ้ จิ ารณา
34. ข้าราชการครูละทิ้งหน้าท่ีตดิ ตอ่ กนั ในคราวเดียวโดยไม่มีเหตุผลอนั สมควรเป็นเวลานานเกนิ
กว่าก่ี วัน เป็นความผดิ วนิ ัยอย่างรา้ ยแรง
ก. 3 วนั ข. 7 วนั
ค. 15 วนั ง. 30 วนั
35. การกระทาตามข้อใดของข้าราชการครูเป็นความผดิ ทางวนิ ัย
ก. สมัครรับเลอื กต้ังเป็นสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร
ข. ช่วยพรรคการเมืองหาเสียง
ค. ทาตนไมเ่ ป็นตวั อยา่ งที่ดแี กผ่ เู้ รียน
ง. ทุกข้อเป็นความผิดทางวนิ ยั
36. โทษทางวนิ ยั ขา้ ราชการครตู ้องดาเนินการตามขอ้ ใด
ก. 4 สถาน ข. 5 สถาน
ค. 6 สถาน ง. 7 สถาน
37. การลงโทษทางวนิ ัยขา้ ราชการครูต้องดาเนินการตามข้อใด
ก. ต้องทาเปน็ คาสั่ง ข. ตอ้ งทาเปน็ ประกาศของสถานศกึ ษา
ค. ต้องทาเปน็ ประกาศกระทรวง ง. ต้องประกาศในราชกจิ จานุเบกษา
38. ข้อใดไม่ใช่โทษทางวินยั ของขา้ ราชการครู
ก. ทัณฑ์บน ข. ภาคทัณฑ์
ค. ตัดเงนิ เดอื น ง. ไลอ่ อก
39. การยบั ยงั การอนญุ าตข้าราชการครลู าออก ยับยังไตไ้ ม่เกินกีวันนบั ตงั แตว่ นั ลาออก
ก. 30วนั ข. 60วนั
ค. 90วัน ง. 120วัน
40. การอทุ ธรณค์ าส่งั ลงโทษลดขน้ั เดอื นข้าราชการครตู ้องอุทธรณ์ภายในกว่ี นั แตว่ ันทีไ่ ด้รับแจง้
คาสั่ง
ก. 30 วัน ข. 60 วนั
ค. 90 วนั ง. 120วนั
เจ้าหน้าทีบ่ รหิ ารงานทัว่ ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ
Brain1M0 edia
เฉลยพระราชบัญญตั ริ ะเบียบข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 แก้ไขเพมิ่ เติม
1. ก 11. ข 21. ก 31. ก
2. ง 12. ง 22. ง 32. ค
3. ง 13. ค 23. ก 33. ข
4. ง 14. ค 24. ข 34. ค
5. ข 15. ง 25. ก 35. ง
6. ข 16. ก 26. ค 36. ข
7. ง 17. ค 27. ง 37. ก
8. ง 18. ก 28. ข 38. ก
9. ก 19. ข 29. ง 39. ค
10. ค 20. ก 30. ก 40. ก
เจ้าหนา้ ท่ีบรหิ ารงานทวั่ ไป มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain Media 11
ถาม-ตอบ พระราชบญั ญตั ิ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. ๒๕๔๘
มาตรา ๑ พระราชบัญญตั นิ ี้เรยี กวา่ “พระราชบัญญตั มิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ.
๒๕๔๘”
ถาม พระราชบัญญัตนิ เ้ี รียกว่า
ตอบ พระราชบญั ญตั ิมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล พ.ศ. ๒๕๔๘
มาตรา ๒ พระราชบัญญตั ิน้ใี ห้ใช้บังคบั ตงั้ แตว่ ันถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา เปน็ ตน้ ไป
ถาม พระราชบญั ญัตนิ ้ีให้ใชบ้ ังคบั เม่ือใด
ตอบ ตัง้ แต่วันถัดจากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เปน็ ต้นไป
มาตรา ๓ ใหย้ กเลกิ
(๑) พระราชบญั ญัติวิทยาลัยเทคโนโลยแี ละอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๑๘
(๒) พระราชบญั ญัตเิ ปลยี่ นช่อื วทิ ยาลยั เทคโนโลยแี ละอาชีวศึกษาเป็นสถาบันเทคโนโลยรี าชมงคล
พ.ศ. ๒๕๓๒
ถาม มาตรา ๓ ให้ยกเลิกพระราชบญั ญัติใดบ้าง
ตอบ พระราชบญั ญัติวทิ ยาลยั เทคโนโลยแี ละอาชวี ศึกษา พ.ศ. ๒๕๑๘ และพระราชบัญญัตเิ ปลย่ี นชอื่
วิทยาลัยเทคโนโลยแี ละอาชวี ศกึ ษาเปน็ สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล พ.ศ. ๒๕๓๒
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั ินี้
“มหาวทิ ยาลยั ” หมายความวา่ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี
“สภามหาวิทยาลยั ” หมายความวา่ สภามหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตามพระราชบัญญัติน้ี
“สภาวชิ าการ” หมายความว่า สภาวชิ าการมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตามพระราชบญั ญัติ
น้ี
“สภาคณาจารยแ์ ละขา้ ราชการ” หมายความว่า สภาคณาจารย์และข้าราชการมหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีราชมงคลตามพระราชบัญญตั นิ ้ี
“วิทยาเขต” หมายความวา่ เขตการศึกษาของมหาวทิ ยาลัยท่ีมคี ณะ สถาบัน สานัก วทิ ยาลยั หรือ
ส่วนราชการทเ่ี รียกชื่ออย่างอื่นที่มฐี านะเทียบเท่าคณะ ต้งั แตส่ องส่วนราชการข้ึนไปต้งั อยู่ในเขตการศกึ ษา
นัน้ ตามทีส่ ภามหาวทิ ยาลยั กาหนด
ถาม ในพระราชบญั ญตั นิ ี้ “มหาวิทยาลัย” หมายความว่า
ตอบ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตามพระราชบัญญัติน้ี
ถาม ในพระราชบัญญัตนิ ี้ “สภามหาวิทยาลยั ” หมายความว่า
ตอบ สภามหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลตามพระราชบัญญตั นิ ้ี
ถาม ในพระราชบญั ญัติน้ี “สภาวิชาการ” หมายความวา่
ตอบ สภาวชิ าการมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี
ถาม ในพระราชบญั ญัตนิ ้ี “สภาคณาจารยแ์ ละขา้ ราชการ” หมายความวา่
ตอบ สภาคณาจารยแ์ ละขา้ ราชการมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลตามพระราชบญั ญัติน้ี
เจ้าหน้าที่บรหิ ารงานทว่ั ไป มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ
Brain1M2 edia
ถาม ในพระราชบญั ญัติน้ี “วทิ ยาเขต” หมายความว่า
ตอบ เขตการศึกษาของมหาวิทยาลัยทีม่ ีคณะ สถาบัน สานกั วิทยาลยั หรือส่วนราชการท่ีเรยี กช่อื อยา่ งอ่ืนท่ี
มฐี านะเทยี บเท่าคณะ ตั้งแตส่ องส่วนราชการข้ึนไปตง้ั อยู่ในเขตการศึกษานัน้ ตามท่ีสภามหาวิทยาลัยกาหนด
มาตรา ๕ ให้สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคลตามพระราชบัญญัติสถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล พ.ศ.
๒๕๑๘ เป็นมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ จานวน ๙ แหง่ ดังน้ี
(๑) มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ี
(๒) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ
(๓) มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
(๔) มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร
(๕) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลรตั นโกสินทร์
(๖) มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา
(๗) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ัย
(๘) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ
(๙) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน
ให้มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลแต่ละแห่งตามวรรคหนึ่งเปน็ นิติบคุ คลและเป็นสว่ นราชการ
ตามกฎหมายว่าดว้ ยวธิ ีการงบประมาณในสงั กดั สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวง
ศึกษาธิการ
ถาม สถาบันเทคโนโลยรี าชมงคลตามพระราชบญั ญัติสถาบันเทคโนโลยรี าชมงคล พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็น
มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลตามพระราชบัญญัตนิ ้ี จานวน ๙ แห่งคือที่ใดบ้าง
ตอบ ๑) มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี
(๒) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
(๓) มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลตะวันออก
(๔) มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร
(๕) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรตั นโกสนิ ทร์
(๖) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
(๗) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั
(๘) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภูมิ
(๙) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน
ถาม ให้มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลแตล่ ะแห่งตามวรรคหน่ึงเปน็ นติ บิ คุ คลและเปน็ ส่วนราชการตามใด
ตอบ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ ีการงบประมาณในสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา กระทรวง
ศกึ ษาธิการ
มาตรา ๖ ใหร้ ัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ ารรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และมีอานาจ
ออกกฎกระทรวง และประกาศ เพื่อปฏิบตั กิ ารตามพระราชบญั ญัตนิ ี้
กฎกระทรวง และประกาศนั้น เมือ่ ได้ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคบั ได้
ถาม ผู้ใดรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี
ตอบ รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการ
เจ้าหน้าท่บี รหิ ารงานท่ัวไป มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain Media 13
ถาม กฎกระทรวง และประกาศนั้นใชบ้ ังคับได้เมื่อใด
ตอบ เม่ือไดป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๗ ใหม้ หาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษาดา้ นวชิ าชีพและเทคโนโลยี มีวัตถุประสงค์ให้
การศกึ ษา สง่ เสรมิ วิชาการและวชิ าชพี ชน้ั สงู ทเ่ี นน้ การปฏบิ ัติ ทาการสอน ทาการวจิ ยั ผลติ ครูวชิ าชพี
ให้บริการทางวิชาการในด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแก่สังคม ทะนุบารงุ ศิลปะและวัฒนธรรม และ
อนรุ กั ษส์ ิ่งแวดล้อม โดยให้ผสู้ าเร็จอาชีวศึกษามโี อกาสในการศกึ ษาต่อดา้ นวิชาชพี เฉพาะทางระดบั ปริญญา
เป็นหลกั
ถาม มหาวทิ ยาลยั เป็นสถาบันอุดมศึกษาด้านวชิ าชีพและเทคโนโลยี มีวตั ถุประสงคใ์ ด
ตอบ ให้การศกึ ษา สง่ เสรมิ วิชาการและวชิ าชพี ชนั้ สงู ทีเ่ น้นการปฏิบตั ิ ทาการสอน ทาการวจิ ยั ผลิตครู
วชิ าชีพ ให้บรกิ ารทางวิชาการในดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแกส่ งั คม ทะนบุ ารุงศลิ ปะและวัฒนธรรม
และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ถาม ผู้ใดได้ศึกษาต่อด้านวิชาชพี เฉพาะทางระดับปริญญาเปน็ หลัก
ตอบ ผสู้ าเรจ็ อาชวี ศกึ ษา
มาตรา ๘ มหาวทิ ยาลัยอาจแบ่งส่วนราชการ ดังน้ี
(๑) สานกั งานอธกิ ารบดี
(๒) สานกั งานวทิ ยาเขต
(๓) บัณฑิตวิทยาลัย
(๔) คณะ
(๕) สถาบนั
(๖) สานกั
(๗) วิทยาลยั
มหาวิทยาลยั อาจให้มีส่วนราชการท่เี รยี กชื่ออยา่ งอืน่ ทีม่ ฐี านะเทยี บเท่าคณะ เพอ่ื ดาเนนิ การ ตาม
วตั ถุประสงค์ในมาตรา ๗ เปน็ ส่วนราชการในมหาวทิ ยาลัยอีกได้
สานกั งานอธิการบดแี ละสานักงานวิทยาเขต อาจแบ่งสว่ นราชการเป็นกองหรอื สว่ นราชการ ท่ี
เรยี กชอ่ื อยา่ งอื่นที่มฐี านะเทยี บเทา่ กอง
บณั ฑิตวิทยาลยั อาจแบ่งสว่ นราชการเป็นสานกั งานคณบดี กองหรือส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออยา่ ง
อนื่ ทมี่ ฐี านะเทยี บเท่ากอง
คณะ อาจแบง่ ส่วนราชการเป็นสานกั งานคณบดี ภาควิชา กองหรือส่วนราชการทเ่ี รยี กช่ืออยา่ งอนื่
ทม่ี ฐี านะเทยี บเทา่ ภาควิชาหรือกอง
สถาบัน สานักหรอื สว่ นราชการที่เรียกชื่ออย่างอน่ื ทีม่ ีฐานะเทยี บเท่าคณะ อาจแบ่งสว่ นราชการ
เป็นสานักงานผู้อานวยการ กองหรอื ส่วนราชการท่ีเรียกชือ่ อย่างอ่ืนทีม่ ฐี านะเทียบเท่ากอง
วิทยาลัย อาจแบง่ ส่วนราชการเปน็ สานักงานผู้อานวยการ ภาควชิ า กองหรอื ส่วนราชการ ที่
เรียกช่อื อย่างอืน่ ที่มฐี านะเทยี บเท่าภาควิชาหรือกอง
เจา้ หน้าท่ีบรหิ ารงานท่วั ไป มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain1M4 edia
สานกั งานคณบดี สานักงานผู้อานวยการ ภาควชิ า กองหรือสว่ นราชการทเ่ี รยี กชือ่ อย่างอ่ืนทีม่ ี
ฐานะเทียบเทา่ ภาควชิ าหรือกอง อาจแบ่งส่วนราชการเปน็ งานหรือส่วนราชการท่เี รยี กชอื่ อย่างอ่ืนทีม่ ฐี านะ
เทียบเท่างาน
ถาม มหาวิทยาลยั อาจแบ่งส่วนราชการใดบา้ ง
ตอบ (๑) สานกั งานอธิการบดี
(๒) สานักงานวิทยาเขต
(๓) บณั ฑติ วิทยาลยั
(๔) คณะ
(๕) สถาบนั
(๖) สานัก
(๗) วทิ ยาลัย
ถาม เพื่อดาเนนิ การตามวัตถุประสงคใ์ นมาตรา ๗ เป็นสว่ นราชการในมหาวทิ ยาลยั อีกได้ให้ทาอย่างไร
ตอบ มหาวิทยาลยั อาจให้มีส่วนราชการท่เี รียกชอื่ อยา่ งอ่นื ที่มีฐานะเทยี บเทา่ คณะ
ถาม ผู้ใดอาจแบ่งส่วนราชการเปน็ กองหรือส่วนราชการ ทเ่ี รียกชื่ออยา่ งอน่ื ทีม่ ฐี านะเทยี บเท่ากอง
ตอบ สานกั งานอธิการบดีและสานักงานวิทยาเขต
ถาม คณะอาจแบ่งสว่ นราชการเป็นสานักงานคณบดี ภาควิชา กองหรอื สว่ นราชการท่ีเรยี กชอื่ อย่างอื่นท่ี
เป็นอยา่ งไร
ตอบ มีฐานะเทียบเท่าภาควชิ าหรอื กอง
ถาม สถาบนั สานกั หรอื สว่ นราชการทเ่ี รยี กชอื่ อยา่ งอ่ืนที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ อาจแบง่ ส่วนราชการเป็น
อยา่ งไร
ตอบ แบง่ เปน็ สานักงานผู้อานวยการ กองหรือส่วนราชการทเ่ี รยี กชื่ออยา่ งอ่ืนท่มี ีฐานะเทียบเทา่ กอง
ถาม ผู้ใดอาจแบ่งสว่ นราชการเป็นงานหรือสว่ นราชการท่ีเรียกชอื่ อยา่ งอ่ืนที่มฐี านะเทยี บเท่างาน
ตอบ สานักงานคณบดี สานักงานผ้อู านวยการ ภาควชิ า กองหรอื ส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอน่ื ที่มีฐานะ
เทียบเทา่ ภาควชิ าหรือกอง
มาตรา ๑๑ มหาวทิ ยาลัยจะปฏิเสธการรบั ผูใ้ ดเข้าศึกษาในมหาวทิ ยาลยั หรอื ยุติหรอื ชะลอ
การศกึ ษาของนักศึกษาผู้ใดด้วยเหตุเพยี งวา่ ผูน้ ั้นขาดแคลนทนุ ทรัพย์เพอื่ จ่ายคา่ ธรรมเนียมการศึกษาต่าง ๆ
แก่มหาวทิ ยาลยั มิได้
หลักเกณฑ์การพิจารณาว่านักศกึ ษาผ้ใู ดขาดแคลนทนุ ทรัพย์ ใหเ้ ป็นไปตามระเบยี บที่สภา
มหาวิทยาลัยกาหนด
ถาม มหาวิทยาลยั จะปฏเิ สธการรบั ผ้ใู ดเข้าศึกษาในมหาวทิ ยาลยั หรอื ยุติหรือชะลอการศึกษาของนักศึกษา
ผู้ใดด้วยเหตุใด
เจ้าหนา้ ท่ีบรหิ ารงานทว่ั ไป มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ
Brain Media 15
ตอบ เหตุว่าผนู้ ้นั ขาดแคลนทุนทรัพย์เพือ่ จา่ ยคา่ ธรรมเนียมการศึกษาตา่ ง ๆ แกม่ หาวทิ ยาลัยไมไ่ ด้
ถาม หลักเกณฑก์ ารพจิ ารณาว่านกั ศึกษาผูใ้ ดขาดแคลนทุนทรพั ย์ ใหเ้ ป็นไปตามใด
ตอบ ตามระเบียบทสี่ ภามหาวทิ ยาลยั กาหนด
มาตรา ๑๓ บรรดาอสงั หาริมทรพั ยท์ ี่มหาวิทยาลัยได้มาโดยมีผ้อู ุทศิ ให้หรอื ได้มาโดยการซอ้ื หรือ
แลกเปลีย่ นจากรายไดข้ องมหาวิทยาลัยตัง้ แต่วันท่ีพระราชบญั ญตั นิ ้ีใชบ้ งั คบั ไมถ่ ือเป็นที่ราชพัสดแุ ละให้
เป็นกรรมสิทธขิ์ องมหาวิทยาลัย
ถาม บรรดาอสงั หาริมทรพั ย์ท่ีมหาวิทยาลยั ได้มาอยา่ งไร
ตอบ ได้มาโดยมีผ้อู ุทศิ ใหห้ รือไดม้ าโดยการซื้อหรือแลกเปล่ียนจากรายได้ของมหาวิทยาลัยต้งั แต่วนั ท่ี
พระราชบัญญัตินี้ใชบ้ งั คับ
มาตรา ๑๘ การประชุมสภามหาวทิ ยาลัย ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวทิ ยาลยั
ถาม การประชมุ สภามหาวทิ ยาลยั ให้เปน็ ไปตามใด
ตอบ ตามขอ้ บังคบั ของมหาวิทยาลัย
มาตรา ๒๐ วาระการดารงตาแหน่ง และการพ้นจากตาแหน่งของกรรมการสภาวชิ าการตลอดจน
การประชมุ และการดาเนินงานของสภาวิชาการ ใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบังคบั ของมหาวิทยาลยั
ถาม วาระการดารงตาแหนง่ และการพน้ จากตาแหน่งของกรรมการสภาวชิ าการตลอดจนการประชมุ และ
การดาเนนิ งานของสภาวิชาการ ให้เปน็ ไปตามใด
ตอบ ตามข้อบังคับของมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๒๒ ให้มหาวิทยาลัยแต่ละแหง่ มีสภาคณาจารย์และขา้ ราชการ ประกอบด้วย ประธานสภา
คณาจารยแ์ ละขา้ ราชการ และกรรมการสภาคณาจารย์และข้าราชการซง่ึ เลอื กจากคณาจารยป์ ระจาและ
ขา้ ราชการของมหาวทิ ยาลัย
จานวน คณุ สมบตั ิ หลกั เกณฑ์และวิธีการได้มา วาระการดารงตาแหน่ง และการพ้นจากตาแหน่ง
ของประธานสภาคณาจารยแ์ ละข้าราชการ และกรรมการสภาคณาจารย์และขา้ ราชการตามวรรคหนึ่ง
ตลอดจนการประชุมและการดาเนินงานของสภาคณาจารยแ์ ละขา้ ราชการ ใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ บงั คบั ของ
มหาวิทยาลัย
ถาม สภาคณาจารย์และข้าราชการมหาวทิ ยาลัยแต่ละแห่ง ประกอบด้วย
ตอบ ประธานสภาคณาจารย์และขา้ ราชการ และกรรมการสภาคณาจารยแ์ ละขา้ ราชการซึง่ เลือกจาก
คณาจารยป์ ระจาและขา้ ราชการของมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๒๔ ให้มอี ธิการบดีเป็นผบู้ งั คบั บญั ชาและรบั ผิดชอบการบรหิ ารงานของมหาวิทยาลัยแต่ละ
แห่ง และอาจมรี องอธิการบดี หรอื ผู้ชว่ ยอธกิ ารบดี หรือจะมที ัง้ รองอธิการบดี และผู้ช่วยอธกิ ารบดีตาม
จานวนท่สี ภามหาวทิ ยาลยั แตล่ ะแหง่ กาหนด เพื่อทาหน้าที่และรับผดิ ชอบตามท่ีอธิการบดีมอบหมายก็ได
ถาม ผใู้ ดเปน็ ผูบ้ งั คบั บัญชาและรบั ผิดชอบการบริหารงานของมหาวิทยาลยั แตล่ ะแห่ง
ตอบ อธกิ ารบดี
เจ้าหน้าท่บี รหิ ารงานทัว่ ไป มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain1M6 edia
มาตรา ๒๙ ในวทิ ยาเขต ให้มรี องอธกิ ารบดีคนหนงึ่ ซง่ึ สภามหาวิทยาลัยแตง่ ตงั้ โดยคาแนะนาของ
อธิการบดีเป็นผ้บู ังคับบัญชาและรับผดิ ชอบการบริหารงานของวิทยาเขตใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ขอ้ บงั คบั และประกาศของมหาวทิ ยาลัย และปฏิบตั ิหน้าที่อ่ืนตามท่อี ธิการบดมี อบหมาย
ถาม ในวิทยาเขตใหม้ ีผใู้ ด ซึง่ สภามหาวทิ ยาลัยแต่งตั้งโดยคาแนะนาของอธิการบดีเป็นผู้บงั คบั บัญชาและ
รับผิดชอบการบริหารงานของวิทยาเขตใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย ระเบยี บ ข้อบงั คับ และประกาศของ
มหาวิทยาลยั
ตอบ รองอธกิ ารบดีคนหนึง่
มาตรา ๓๐ ในวิทยาเขต ให้มีคณะกรรมการประจาวิทยาเขตคณะหนง่ึ
องค์ประกอบ จานวน คุณสมบตั ิ หลกั เกณฑ์และวิธีการไดม้ า วาระการดารงตาแหนง่ และการพน้
จากตาแหนง่ ของกรรมการประจาวิทยาเขต ตลอดจนการประชุมของคณะกรรมการประจาวทิ ยาเขตและ
การจดั ระบบบริหารงานในวทิ ยาเขต ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวทิ ยาลัย ท้งั น้ี ตอ้ งมีกรรมการทเ่ี ปน็
ผทู้ รงคุณวฒุ ซิ ึ่งแตง่ ตงั้ จากบคุ คลภายนอกไมน่ ้อยกว่าหนงึ่ ในสาม
ถาม มาตรา ๓๐ ในวทิ ยาเขต ใหม้ ผี ใู้ ดประจาวทิ ยาเขตคณะ
ตอบ คณะกรรมการ
มาตรา ๓๖ ในคณะให้มีคณบดีเป็นผบู้ ังคบั บญั ชาและรับผดิ ชอบงานของคณะ และจะให้มรี อง
คณบดีตามจานวนท่ีสภามหาวิทยาลัยกาหนด เพ่ือทาหนา้ ท่แี ละรบั ผิดชอบตามที่คณบดีมอบหมายกไ็ ด้
คณุ สมบตั ิ การแต่งต้ัง วาระการดารงตาแหน่ง และการพ้นจากตาแหนง่ ของคณบดีและรองคณบดี
ตามวรรคหนง่ึ และการรกั ษาราชการแทน ให้นามาตรา ๓๔ มาใช้บังคบั โดยอนโุ ลม
ถาม ใหผ้ ้ใู ดเป็นผ้บู งั คบั บัญชาและรับผดิ ชอบงานของคณะ
ตอบ คณบดี
ถาม คณุ สมบัติ การแต่งต้งั วาระการดารงตาแหน่ง และการพน้ จากตาแหน่งของคณบดีและรองคณบดตี าม
วรรคหนง่ึ และการรักษาราชการแทน ให้นามาตราใดมาใช้
ตอบ มาตรา ๓๔ มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม
มาตรา ๔๐ ในสถาบนั หรอื สานกั ให้มผี ูอ้ านวยการสถาบันหรือผ้อู านวยการสานักเปน็
ผบู้ ังคับบัญชาและรับผิดชอบงานของสถาบนั หรือสานัก แล้วแต่กรณี และจะให้มรี องผู้อานวยการสถาบัน
หรอื รองผู้อานวยการสานักตามจานวนท่ีสภามหาวิทยาลยั กาหนด เพือ่ ทาหน้าที่และรบั ผิดชอบตามท่ี
ผอู้ านวยการสถาบันหรือผอู้ านวยการสานกั มอบหมายก็ได้
คณุ สมบตั ิ การแตง่ ต้ัง วาระการดารงตาแหนง่ และการพน้ จากตาแหน่งของผู้อานวยการสถาบัน
หรือผูอ้ านวยการสานัก และรองผอู้ านวยการสถาบันหรอื รองผอู้ านวยการสานกั ตามวรรคหนึง่ และการ
รักษาราชการแทน ใหน้ ามาตรา ๓๔ มาใชบ้ ังคับโดยอนุโลม
ถาม ผู้ใดเปน็ ผบู้ งั คบั บัญชาและรับผดิ ชอบงานของสถาบนั หรอื สานกั
ตอบ สถาบนั หรือสานกั ใหม้ ีผู้อานวยการสถาบันหรือผูอ้ านวยการสานัก
มาตรา ๔๑ ในสถาบันหรอื สานัก ให้มีคณะกรรมการประจาสถาบันหรอื สานกั แล้วแต่กรณี
องคป์ ระกอบ จานวน คุณสมบัติ หลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารได้มา อานาจและหน้าที่ วาระการดารง
ตาแหนง่ และการพ้นจากตาแหน่งของกรรมการประจาสถาบนั หรือสานัก ตลอดจนการประชุมของ
เจ้าหนา้ ท่บี รหิ ารงานท่วั ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ
Brain Media 17
คณะกรรมการประจาสถาบนั หรือคณะกรรมการประจาสานกั และการจัดระบบบรหิ ารงานในสถาบันหรือ
สานัก ใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบงั คับของมหาวทิ ยาลยั
ถาม ในสถาบันหรือสานักให้มีผู้ใดประจาสถาบันหรือสานกั
ตอบ คณะกรรมการประจาสถาบันหรือสานัก
ถาม องค์ประกอบ จานวน คุณสมบตั ิ หลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการได้มา อานาจและหนา้ ท่ี วาระการดารง
ตาแหนง่ และการพน้ จากตาแหน่งของกรรมการประจาสถาบันหรือสานัก ตลอดจนการประชมุ ของ
คณะกรรมการประจาสถาบนั หรอื คณะกรรมการประจาสานัก และการจดั ระบบบรหิ ารงานในสถาบนั หรือ
สานัก ใหเ้ ปน็ ไปตามใด
ตอบ ตามขอ้ บังคับของมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๔๔ ผูด้ ารงตาแหนง่ อธิการบดี คณบดี ผอู้ านวยการ และหวั หนา้ ส่วนราชการที่เรยี กชือ่
อยา่ งอน่ื ท่มี ีฐานะเทยี บเท่าคณะ จะดารงตาแหนง่ ดงั กลา่ วเกินหนง่ึ ตาแหนง่ ในขณะเดียวกันมไิ ด้
ผดู้ ารงตาแหนง่ ตามวรรคหนึง่ จะรกั ษาราชการแทนตาแหน่งอนื่ อีกหน่งึ ตาแหน่งก็ได้ แตต่ ้องไมเ่ กนิ
หนึ่งร้อยแปดสิบวัน
ถาม ในมาตรา ๔๔ ผูใ้ ดจะดารงตาแหนง่ ดังกลา่ วเกินหนึ่งตาแหน่งในขณะเดียวกนั ไม่ได้
ตอบ ผู้ดารงตาแหน่งอธกิ ารบดี คณบดี ผอู้ านวยการ และหัวหน้าส่วนราชการท่เี รยี กชื่ออย่างอน่ื ที่มฐี านะ
เทยี บเท่าคณะ
มาตรา ๔๖ ใหผ้ รู้ กั ษาราชการแทนตามท่บี ัญญัติไวใ้ นพระราชบญั ญัตนิ ้มี ีอานาจและหน้าท่ี
เช่นเดยี วกบั ผซู้ ึ่งตนแทน
ในกรณที ่ีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคบั คาส่งั หรอื มติคณะรัฐมนตรี แต่งตง้ั ใหผ้ ดู้ ารงตาแหน่งใดเปน็
กรรมการหรือให้มีอานาจและหนา้ ทอี่ ย่างใด ใหผ้ ูร้ ักษาราชการแทนทาหนา้ ท่ีกรรมการ หรือมีอานาจและ
หน้าที่เชน่ เดยี วกบั ผู้ดารงตาแหนง่ น้นั ในระหวา่ งทร่ี ักษาราชการแทนดว้ ย
ถาม ในกรณีใดผ้รู กั ษาราชการแทนทาหนา้ ที่กรรมการ หรือมีอานาจและหน้าทเี่ ช่นเดยี วกับผ้ดู ารงตาแหน่ง
นัน้ ในระหวา่ งทร่ี ักษาราชการแทนด้วย
ตอบ กรณีทกี่ ฎหมาย ระเบยี บ ข้อบังคับ คาส่งั หรอื มติคณะรฐั มนตรี แต่งตง้ั ให้ผดู้ ารงตาแหนง่ ใดเป็น
กรรมการหรือให้มีอานาจและหนา้ ที่
ถาม ผู้รักษาราชการแทนตามที่บญั ญัตไิ วใ้ นพระราชบญั ญัติน้ีมีอานาจและหนา้ ที่ใด
ตอบ มีอานาจและหน้าทเ่ี ช่นเดยี วกบั ผู้ทตี่ นแทน
มาตรา ๔๗ เพอ่ื ประโยชนใ์ นความร่วมมอื ด้านวชิ าการและการใชท้ รัพยากรร่วมกันของ
มหาวทิ ยาลัย ใหม้ ีคณะกรรมการอธกิ ารบดี ประกอบดว้ ย อธกิ ารบดีของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล
ทุกแหง่ เป็นกรรมการ
ให้กรรมการตามวรรคหนึง่ เลือกกรรมการคนหนง่ึ เป็นประธานกรรมการ และเลอื กกรรมการอีกคน
หนง่ึ เป็นเลขานกุ าร
การประชุมของคณะกรรมการอธิการบดี ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บท่คี ณะกรรมการอธกิ ารบดีกาหนด
ถาม คณะกรรมการอธกิ ารบดี ประกอบดว้ ย
เจ้าหนา้ ท่บี ริหารงานทั่วไป มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain1M8 edia
ตอบ อธกิ ารบดีของมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลทกุ แหง่ เปน็ กรรมการ
ถาม ให้กรรมการตามวรรคหนึ่งเลอื กผู้ใดเป็นประธานกรรมการ และเลขานุการ
ตอบ กรรมการคนหนึง่ เป็นประธานกรรมการ และกรรมการอีกคนหน่ึงเป็นเลขานุการ
ถาม การประชมุ ของคณะกรรมการอธิการบดี ใหเ้ ป็นไปตามใด
ตอบ ตามระเบยี บที่คณะกรรมการอธิการบดีกาหนด
มาตรา ๔๙ คณาจารยป์ ระจาในมหาวทิ ยาลัยมีตาแหนง่ ทางวชิ าการ ดงั น้ี
(๑) ศาสตราจารย์
(๒) รองศาสตราจารย์
(๓) ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์
(๔) อาจารย์
คุณสมบตั ิ หลักเกณฑ์ และวธิ ีการแตง่ ตงั้ และถอดถอนคณาจารยป์ ระจาตามวรรคหนึ่งใหเ้ ป็นไป
ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบนั อดุ มศึกษา
ศาสตราจารย์น้ัน จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งต้งั โดยคาแนะนาของสภามหาวิทยาลยั
ถาม คณาจารยป์ ระจาในมหาวทิ ยาลยั มตี าแหน่งทางวิชาการคอื ผ้ใู ดบา้ ง
ตอบ (๑) ศาสตราจารย์
(๒) รองศาสตราจารย์
(๓) ผู้ช่วยศาสตราจารย์
(๔) อาจารย์
ถาม คณุ สมบตั ิ หลกั เกณฑ์ และวิธีการแต่งตงั้ และถอดถอนคณาจารย์ประจาตามวรรคหนง่ึ ให้เป็นไปตามใด
ตอบ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบียบขา้ ราชการพลเรอื นในสถาบันอุดมศกึ ษา
ถาม ศาสตราจารยน์ ั้น จะทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ แต่งต้งั โดย
ตอบ คาแนะนาของสภามหาวทิ ยาลยั
มาตรา ๕๐ ศาสตราจารย์พิเศษน้ัน จะทรงพระกรณุ าโปรดเกล้า ฯ แต่งตง้ั โดยคาแนะนาของสภา
มหาวทิ ยาลยั จากผ้ซู งึ่ มิได้เป็นคณาจารย์ประจาของมหาวิทยาลยั
คุณสมบตั แิ ละหลักเกณฑ์ในการแต่งตง้ั ศาสตราจารยพ์ เิ ศษ ใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบังคับของ
มหาวิทยาลัย
ถาม ศาสตราจารย์พเิ ศษน้นั จะทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ตง้ั โดย
ตอบ คาแนะนาของสภามหาวิทยาลัยจากผู้ทีไ่ มได้เปน็ คณาจารย์ประจาของมหาวิทยาลัย
ถาม คณุ สมบตั ิและหลักเกณฑใ์ นการแตง่ ตงั้ ศาสตราจารย์พิเศษ ใหเ้ ปน็ ไปตามใด
ตอบ ตามขอ้ บังคบั ของมหาวทิ ยาลยั
มาตรา ๕๔ ปรญิ ญามสี ามชั้น คือ
ปริญญาเอก เรียกว่า ดุษฎบี ณั ฑิต ใช้อักษรยอ่ ด.
เจา้ หน้าท่ีบรหิ ารงานท่ัวไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ
Brain Media 19
ปริญญาโท เรียกว่า มหาบัณฑิต ใช้อักษรย่อ ม.
ปริญญาตรี เรยี กวา่ บณั ฑิต ใช้อักษรย่อ บ.
ถาม ปริญญามสี ามชนั้ คอื
ตอบ ปรญิ ญาเอก เรียกว่า ดุษฎีบณั ฑิต ใชอ้ ักษรย่อ ด.
ปรญิ ญาโท เรียกว่า มหาบณั ฑิต ใช้อกั ษรยอ่ ม.
ปรญิ ญาตรี เรยี กว่า บัณฑิต ใช้อักษรย่อ บ.
มาตรา ๕๕ มหาวิทยาลัยมีอานาจให้ปริญญาในสาขาวิชาท่มี ีการสอนในมหาวทิ ยาลยั
การกาหนดใหส้ าขาวชิ าใดมีปรญิ ญาชั้นใด และจะใช้อักษรย่อสาหรบั สาขาวิชานนั้ อย่างไร ให้ตรา
เปน็ พระราชกฤษฎกี า
ถาม ในมาตรา ๕๕ มหาวทิ ยาลัยมอี านาจใด
ตอบ อานาจให้ปรญิ ญาในสาขาวิชาท่ีมกี ารสอนในมหาวทิ ยาลัย
ถาม การกาหนดใหส้ าขาวชิ าใดมปี รญิ ญาชัน้ ใด และจะใช้อักษรย่อสาหรับสาขาวิชานัน้ ต้องทาอย่างไร
ตอบ ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
มาตรา ๕๖ สภามหาวทิ ยาลัยอาจออกข้อบังคบั ใหผ้ ้สู าเรจ็ การศกึ ษาชน้ั ปรญิ ญาตรีได้รบั ปริญญา
เกียรตินยิ มอนั ดบั หนึ่ง หรอื ปริญญาเกยี รตินยิ มอันดบั สองได้
ถาม ผู้ใดอาจออกข้อบังคับให้ผู้สาเร็จการศึกษาช้นั ปรญิ ญาตรีไดร้ บั ปริญญาเกยี รตินิยมอันดับหน่งึ หรือ
ปรญิ ญาเกียรตนิ ยิ มอนั ดับสองได้
ตอบ สภามหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๖๐ สภามหาวิทยาลัยอาจกาหนดให้มีตรา เครอื่ งหมาย หรอื สญั ลกั ษณข์ องมหาวิทยาลยั
หรือส่วนราชการในมหาวิทยาลัยได้ โดยทาเป็นข้อบงั คบั ของมหาวทิ ยาลยั และประกาศในราชกิจจานเุ บกษา
สภามหาวทิ ยาลัยอาจกาหนดใหม้ เี ครื่องแบบ เคร่อื งหมาย หรือเครอ่ื งแตง่ กายนกั ศกึ ษาได้ โดยทา
เป็นข้อบงั คับของมหาวทิ ยาลยั และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ถาม สภามหาวิทยาลยั อาจกาหนดให้อะไรบ้าง โดยทาเปน็ ข้อบงั คับของมหาวิทยาลัยและประกาศในราช
กิจจานุเบกษา
ตอบ ตรา เคร่ืองหมาย หรอื สญั ลักษณ์ของมหาวทิ ยาลัย หรือสว่ นราชการในมหาวิทยาลยั
ถาม สภามหาวิทยาลยั อาจกาหนดใหม้ เี คร่ืองแบบ เครื่องหมาย หรอื เครื่องแต่งกายนักศึกษาได้ โดยทาแบบ
ใด
ตอบ ทาเป็นข้อบังคับของมหาวิทยาลยั และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๖๘ การนบั วาระการดารงตาแหนง่ ของอธิการบดี คณบดี ผอู้ านวยการสถาบนั
ผู้อานวยการสานกั และหวั หน้าภาควชิ า ใหน้ บั วาระการดารงตาแหนง่ ตามพระราชบญั ญัตินีเ้ ป็นวาระแรก
ถาม การนบั วาระการดารงตาแหน่งของอธกิ ารบดี คณบดี ผู้อานวยการสถาบัน ผ้อู านวยการสานัก และ
หวั หน้าภาควิชา นับอยา่ งไร
ตอบ นบั วาระการดารงตาแหน่งตามพระราชบญั ญัตินีเ้ ป็นวาระแรก
เจา้ หน้าทบ่ี รหิ ารงานท่ัวไป มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ
Brain2M0 edia
มาตรา ๗๔ ให้ผไู้ ดร้ ับประกาศนยี บตั รชนั้ สงู ตามพระราชบัญญัตสิ ถาบันเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ.
๒๕๑๘ เป็นผไู้ ด้รบั ประกาศนียบตั รบัณฑติ ตามพระราชบัญญัติน้ี
ถาม ให้ผใู้ ดเป็นผู้ได้รบั ประกาศนยี บัตรบัณฑิตตามพระราชบญั ญัติน้ี
ตอบ ผไู้ ดร้ บั ประกาศนยี บัตรชนั้ สงู ตามพระราชบัญญตั สิ ถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล พ.ศ. ๒๕๑๘
มาตรา ๗๕ ในระหว่างทย่ี ังไม่มพี ระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ขอ้ บงั คับ ประกาศและระเบียบ
เพือ่ ปฏิบตั ิการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ใหน้ าพระราชกฤษฎีกา ข้อบังคับ ประกาศและระเบียบ ซึ่งออกตาม
พระราชบญั ญัติสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. ๒๕๑๘ ท่ใี ชอ้ ย่ใู นวันทีพ่ ระราชบญั ญัติน้ีประกาศในราช
กจิ จานุเบกษามาใชบ้ ังคับโดยอนุโลม
ในกรณีท่ีมปี ญั หาเกยี่ วกับการปฏิบตั ิการ อานาจหน้าที่ของผดู้ ารงตาแหน่ง หรอื หน่วยงานตา่ ง ๆ
ตามทก่ี าหนดไวใ้ นบทเฉพาะกาลน้ี ให้รฐั มนตรีเปน็ ผ้มู ีอานาจตีความและวินิจฉยั ชข้ี าด
ถาม ใหน้ าพระราชกฤษฎีกา ขอ้ บงั คับ ประกาศและระเบยี บ ซง่ึ ออกตามพระราชบญั ญัติสถาบันเทคโนโลยี
ราชมงคล พ.ศ. ๒๕๑๘ ทใ่ี ชอ้ ยใู่ นวันทพ่ี ระราชบญั ญัตนิ ีป้ ระกาศในราชกิจจานเุ บกษามาใชบ้ งั คบั โดย
อนุโลมเมอื่ ใด
ตอบ ระหวา่ งท่ียงั ไม่มีพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ขอ้ บังคับ ประกาศและระเบียบ เพื่อปฏบิ ตั ิการตาม
พระราชบญั ญัตินี้
ถาม กรณที ี่มีปญั หาเก่ียวกบั การปฏบิ ัตกิ าร อานาจหนา้ ท่ขี องผู้ดารงตาแหน่ง หรือหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ตามท่ี
กาหนดไว้ในบทเฉพาะกาลน้ี ใหผ้ ใู้ ดมอี านาจตคี วามและวินิจฉยั ชีข้ าด
ตอบ รัฐมนตรี
เจ้าหน้าท่ีบรหิ ารงานท่วั ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ
Brain Media 21
แนวขอ้ สอบความรูค้ วามสามารถทว่ั ไป
การคิดวเิ คราะห์ สืบเสาะหาขอ้ มูล และการสรปุ ผล
การคดิ วเิ คราะห์
ความหมายของการการคิดวิเคราะห์
การคิดวเิ คราะห์ (Critical Thinking) พจนานกุ รมฉบับเฉลิมพระเกียรติพทุ ธศักราช 2530 (2530:
492) คาว่า คิดหมายถึง นกึ คิด ระลกึ ตรึกตรอง สว่ นคาวา่ วเิ คราะห์หมายถึงว่า ดู สงั เกต ใคร่ครวญ อย่าง
ละเอยี ดรอบครอบในเรื่องราวตา่ งๆ อยา่ งมเี หตุผล โดยหาส่วนดี ส่วนบกพร่อง หรอื จดุ เด่นจดุ ดอ้ ยของเรื่อง
นน้ั ๆ แลว้ เสนอแนะสงิ่ ทด่ี ีที่ท่ีเหมาะสมอยา่ งยุตธิ รรม มีนักการศกึ ษาหลายท่านไดใ้ ห้ความหมายของการ
คดิ ไวด้ ังนี้
Bloom, 1656 (อา้ งถึงใน ลว้ น สายยศและอังคณา สายยศ, 2539 : 41-44 ) ให้ความหมายการ
คิดวเิ คราะห์ เป็นความสามารถในการแยกแยะเพ่ือหาส่วนย่อยของเหตุการณ์เร่ืองราวหรือเน้อื หาต่างๆ ว่า
ประกอบด้วยอะไร มีความสาคัญอยา่ งไร อะไรเปน็ เหตอู ะไรเปน็ ผล และท่เี ปน็ อย่างนั้นอาศยั หลกั การของ
อะไร
Dewey ,1933 (อา้ งถึงในชานาญ เอ่ยี มสาอาง, 2539 : 51) ให้ความหมายการคิดวิเคราะห์
หมายถึง การคดิ อย่างใครค่ รวญ ไตรต่ รอง โดยอธิบายขอบเขตการคิดวิเคราะหว์ ่าเป็นการคิดท่เี ร่มิ ต้นจาก
สถานการณ์ท่มี ีความยุง่ อยาก และสิ้นสุดลงดว้ ยสถานการณท์ ีม่ คี วามชดั เจน
Russel, 1956 (อ้างถงึ ใน วไิ ลวรรณ ปิยปกรณ์, 2540 : 25) ใหค้ วามหมายการคิดวเิ คราะหเ์ ป็น
การคิดเพ่อื แก้ปญั หาชนดิ หนึ่งโดยผู้คิดจะตอ้ งใชก้ ารพิจารณาตดั สินในเร่อื งราวต่างๆว่าเห็นดว้ ยหรือไม่เหน็
ด้วย การคดิ วิเคราะห์จงึ เปน็ กระบวนการประเมินหรือการจัดหมวดหมโู่ ดยอาศยั เกณฑท์ ่ีเคยยอมรบั กันมา
แตก่ ่อนๆ แล้วสรปุ หรือพจิ ารณาตัดสนิ
ลกั ษณะของการคิดวเิ คราะห์
เสง่ยี ม โตรัตน์ (2546 : 28) กลา่ วถงึ ลักษณะของการคดิ วเิ คราะหข์ องการคดิ วิเคราะห์ ไว้ว่า การ
คดิ วเิ คราะหป์ ระกอบด้วยองค์ประกอบหลกั 2 องคป์ ระกอบ คอื ทกั ษะในการจดั ระบบข้อมลู ความเช่อื ถอื
ได้ของข้อมลู และการใชท้ ักษะเหลา่ น้นั อย่างมปี ัญญาเพื่อการชนี้ าพฤติกรรมดังนนั้ การคิดวเิ คราะห์จึงมี
ลักษณะต่อไปน้ี
เจ้าหน้าที่บรหิ ารงานทวั่ ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ
Brain2M2 edia
1. การคดิ วเิ คราะห์จะไม่เปน็ เพียงการร้หู รือการจาข้อมลู เพียงอยา่ งเดยี ว เพราะการคดิ วเิ คราะห์จะ
เป็นการแสวงหาข้อมลู และการนาขอ้ มูลไปใช้
2. การคดิ วิเคราะหไ์ มเ่ พียงแต่การมที ักษะเทา่ นัน้ แต่การคิดวเิ คราะหจ์ ะต้องเก่ียวกบั การใชท้ ักษะ
อยา่ งต่อเนอื่ ง
3. การคดิ วเิ คราะหไ์ มเ่ พยี งแต่การฝกึ ทักษะอย่างเดยี วเทา่ นั้น แต่จะต้องมีทักษะทจ่ี ะต้องคานึงถงึ
ผลทยี่ อมรบั ได้
เกรียงศักดิ์ เจรญิ วงศ์ศักด์ิ (2546 : 15-16) กลา่ วถงึ ลกั ษณะของการคิดวเิ คราะห์และกิจกรรมที่
เกย่ี วข้องกับการคิดวเิ คราะห์ไว้วา่ การจัดกจิ กรรมต่างๆ ทปี่ ระกอบเป็นการคิดวิเคราะหแ์ ตกตา่ งไปตาม
ทฤษฎี การเรยี นรู้ โดยท่ัวไปสามารถแยกแยะกจิ กรรมท่เี ก่ยี วข้องกบั การคดิ วเิ คราะห์ ได้ดังน้ี
1. การสังเกต จากการสังเกตข้อมูลมากๆ สามารถสรา้ งเป็นข้อเทจ็ จรงิ ได้
2. ข้อเทจ็ จรงิ จากกการรวบรวมข้อเท็จจริง และการเช่อื มโยงขอ้ เทจ็ จริงบางอย่างที่ขาดหายไป
สามารถทาให้มีการตีความได้
3. การตคี วาม เปน็ การทดสอบความเที่ยงตรงของการอ้างอิง จึงทาให้เกดิ การตง้ั ขอ้ ตกลงเบ้อื งตน้
4. การต้งั ข้อตกลงเบ้ืองต้น ทาใหส้ ามารถมีความคิดเหน็
5. ความคิดเห็น เปน็ การแสดงความคดิ จะต้องมหี ลักและเหตุผลเพ่อื พัฒนาข้อวิเคราะห์
สุวิทย์ มูลคา (2548 : 23-24) ได้จาแนกลักษณะของการคิดวิเคราะห์ ไว้เป็น 3 ด้าน คือ
1. การวิเคราะหส์ ว่ นประกอบ เปน็ ความสามารถในการแยกแยะคน้ หาสว่ นประกอบทีส่ าคัญของสง่ิ
หรือเรอื่ งราวตา่ งๆ เช่น การวิเคราะห์ส่วนประกอบของพชื หรอื เหตุการณ์ต่างๆตวั อย่างคาถาม เชน่ อะไร
เปน็ สาเหตสุ าคัญของการระบาดไข้หวดั นกในประเทศไทย
2. การวิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ เปน็ ความสามารถในการหาความสัมพนั ธข์ องสว่ นสาคญั ตา่ งๆ โดย
ระบคุ วามสัมพนั ธ์ระหวา่ งความคดิ ความสัมพันธใ์ นเชงิ เหตุผล หรอื ความแตกต่างระหว่างขอ้ โตแ้ ยง้ ที่
เกย่ี วข้องและไม่เก่ียวขอ้ ง ตวั อยา่ งคาถาม เชน่ การพฒั นาประเทศกบั การศึกษามีความสมั พันธ์กันอย่างไร
3. การวิเคราะห์หลกั การ เปน็ ความสามารถในการหาหลกั ความสัมพนั ธส์ ว่ นสาคัญในเรื่องนัน้ ๆ วา่
สมั พันธ์กนั อยู่โดยอาศัยหลักการใด ตัวอยา่ งคาถาม เชน่ หลักการสาคัญของศาสนาพทุ ธ ได้แกอ่ ะไร
จะเหน็ ไดว้ า่ การวิเคราะหน์ น้ั จะต้องกาหนดส่งิ ทจ่ี ะต้องวเิ คราะห์ กาหนดจุดประสงค์ทีต่ ้องการจะ
วเิ คราะห์ แล้วจึงวิเคราะห์อย่างมหี ลักเกณฑ์ โดยใชว้ ิธกี ารพจิ ารณาแยกแยะ เทคนิควิธีการในการวเิ คราะห์
เจ้าหน้าท่ีบริหารงานท่วั ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ
Brain Media 23
เพือ่ รวบรวมประเด็นสาคัญหาคาตอบใหก้ บั คาถาม โดยมีลกั ษณะของการคิดวเิ คราะห์ความสัมพันธ์
วเิ คราะห์ความสาคญั และวิเคราะห์หลกั การของเรอ่ื งราวหรือเหตกุ ารณ์ต่างๆ
1. การคิดวิเคราะหค์ วามสัมพันธ์ได้แก่ การเช่ือมโยงข้อมลู ตรวจสอบแนวคิดสาคญั และความเปน็
เหตุเปน็ ผล แล้วนามาหาความสัมพนั ธแ์ ละขอ้ ขัดแยง้ ในแต่ละสถานการณไ์ ด้
2. การคดิ วิเคราะห์ความสาคัญ ได้แก่ การจาแนกแยกแยะความแตกต่างระหวา่ งขอ้ เท็จจริงและ
สมมติฐานแลว้ นามาสรุปความได้
3. การคดิ วิเคราะห์หลักการ ได้แก่ การวิเคราะห์รปู แบบ โครงสรา้ ง เทคนคิ วิธกี ารและการ
เช่ือมโยงความคิดรวบยอด โดยสามารถแยกความแตกตา่ งระหวา่ งข้อเทจ็ จรงิ และทศั นคติของผ้เู ขยี นได้
องค์ประกอบของการคิดวเิ คราะห์
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน (2548 : 52) กล่าวว่า องค์ประกอบของการคดิ
วิเคราะห์ประกอบดว้ ย
1. การตคี วาม ความเขา้ ใจ และให้เหตุผลแกส่ ิ่งที่ต้องการวิเคราะห์เพื่อแปลความของสงิ่ นัน้ ขน้ึ กับ
ความรูป้ ระสบการณแ์ ละคา่ นิยม
2. การมีความรู้ความเข้าใจในเรือ่ งที่จะวเิ คราะห์
3. การชา่ งสังเกต สงสยั ชา่ งถาม ขอบเขตของคาถาม ท่เี กย่ี วขอ้ งกับการคดิ เชงิ วิเคราะหจ์ ะยดึ หลกั
5 W 1 H คอื ใคร (Who) อะไร (What) ที่ไหน (Where) เมอื่ ไร (When)ทาไม (Why) อย่างไร (How)
4. การหาความสัมพนั ธเ์ ชิงเหตผุ ล (คาถาม) คน้ หาคาตอบไดว้ า่ อะไรเปน็ สาเหตุให้เรอื่ งน้ันเช่อื ม
กบั สิง่ นี้ได้อยา่ งไร เร่ืองน้ีใครเกย่ี วขอ้ ง เมื่อเกดิ เรอื่ งนี้สง่ ผลกระทบอยา่ งไรมีองค์ประกอบใดบ้างทน่ี าไปสสู่ ิ่ง
นนั้ มวี ิธกี าร ข้ันตอนการทาใหเ้ กดิ ส่ิงนอ้ี ย่างไร มแี นวทางแกไ้ ขปัญหาอย่างไรบา้ ง ถา้ ทาเชน่ นจ้ี ะเกดิ อะไร
ข้ึนในอนาคต ลาดับเหตุการณน์ ีด้ ูวา่ เกดิ ขึ้นได้อย่างไรเขาทาส่งิ นไ้ี ด้อยา่ งไร ส่งิ นเ้ี กย่ี วข้องกับส่ิงท่ีเกิดขึ้นได้
อย่างไร
และมผี ลสืบเน่อื งต่อไปคือ ทาใหก้ ารสรปุ ประเด็นทต่ี ้องการทัง้ หลายขาดความชัดเจน หรืออาจ
ผิดพลาดตามไปดว้ ย ความสามารถในการให้เหตุผลอยา่ งถูกตอ้ งประกอบดว้ ย
1. วตั ถุประสงค์และเป้าหมายของการให้เหตุผล วตั ถุประสงค์และเปา้ หมายของการใหเ้ หตุผลต้อง
มคี วามชัดเจนโดยปกติการให้เหตผุ ลในเรือ่ งต่างๆบคุ คลจะต้องใหเ้ หตุผลทีส่ อดคล้องกับวตั ถุประสงคห์ รือ
เป้าหมายของเรื่องน้ัน เช่นในการเขียนเรียงความ งานวิจยั การอภิปราย ฯลฯถา้ วัตถปุ ระสงค์หรือเป้าหมาย
ท่กี าหนดไว้มีความชดั เจน การให้เหตผุ ลกจ็ ะเป็นเร่ืองงา่ ย แตถ่ า้ ไม่ชัดเจน หรอื มีความสลับซบั ซ้อน จะต้อง
เจ้าหน้าท่ีบริหารงานท่ัวไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ
Brain2M4 edia
ทาใหช้ ัดเจนการใหเ้ หตผุ ลก็จะเป็นเรอื่ งงา่ ย หรอื อาจจะตอ้ งแบง่ แยกออกเป็นข้อย่อยๆเพ่ือลดความ
สลับซับซ้อนลง และนอกจากนี้เป็นเปา้ หมายจะตอ้ งมคี วามสาคัญและมองเห็นวา่ สามารถจะทาใหส้ าเรจ็ ได้
จรงิ ๆ
2. ความคดิ เหน็ หรอื กรอบความจรงิ ท่ีนามาอา้ ง เมื่อมกี ารให้เหตผุ ล ตอ้ งมีความคดิ เห็นหรือกรอ
ของความจริงท่ีนามาสนบั สนนุ ถ้าสิง่ ที่นามาอา้ งมขี ้อบกพร่อง การใหเ้ หตผุ ลกจ็ ะผิดพลาดหรอื บกพรอ่ งตาม
ไปด้วย ความคิดเห็นที่แคบเฉพาะตวั ซง่ึ อาจเกดิ จากอคติหรือการเทียบเคยี งท่ีผดิ ทาใหก้ ารให้เหตผุ ลทาได้
ในขอบเขตอนั จากดั เที่ยงตรง และมีเสถยี รภาพ
3. ความถูกต้องของสง่ิ ท่ีอ้างอิง การอา้ งอิงขอ้ มลู ขา่ วสาร เหตกุ ารณ์ หรอื สง่ิ ต่างๆ มีหลกั การอยู่วา่
ส่ิงทีน่ ามาอา้ งจะตอ้ งมีความชัดเจน มคี วามสอดคลอ้ ง และมีความถูกต้องแน่นอนถ้าส่ิงที่นามาอ้างผดิ พลาด
การสรปุ ผลหรือการสรา้ งกฎเกณฑต์ ่างๆ ทเ่ี ป็นผลสบื เนอ่ื งย่อมผดิ พลาดด้วย สิง่ ที่ตอ้ งระมดั ระวงั ก็คอื ต้อง
เข้าใจข้อจากดั ของข้อมูลตา่ งๆลองหาข้อมลู อืน่ ๆที่มีลกั ษณะตรงกนั ข้าม หรือขดั แย้งกบั ข้อมูลทีเ่ รามีอยบู่ ้าง
วา่ มีหรือไม่และกต็ อ้ งแนใ่ จว่าขอ้ มลู ที่ใชอ้ า้ งนัน้ มคี วามสมบูรณเ์ พียงพอดว้ ยขอ้ มูลขา่ วสารที่ไมม่ ีความ
ถกู ต้อง มีการบดิ เบอื นหรือการนาเสนอเพยี งบางสว่ นและปิดบงั หรือมเี จตนาปลอ่ ยปละละเลยในบางส่วน
ทาให้การนาไปอา้ งอิงหรือเผยแพรข่ าดความสมบูรณก์ ่อให้เกดิ ความไดเ้ ปรยี บเสยี เปรยี บหรือสรา้ งความ
เสยี หายต่อบคุ คลองค์การหรือสงั คมได้ดังนน้ั การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลขา่ วสารกอ่ นทจ่ี ะนาไปใช้
ประโยชน์ในการอ้างองิ ทุกๆเรือ่ งจงึ เปน็ เรื่องท่ีควรจะกระทาดว้ ยความรอบคอบและระมัดระวังเป็นอย่างย่ิง
4. การสรา้ งความคดิ หรือความคดิ รวบยอด การให้เหตุผลจะตอ้ งอาศยั การสรา้ งความคิดหรอื
ความคดิ รวบยอด ซึง่ มีตวั ประกอบท่ีสาคญั คือทฤษฎี กฎ หลักการ อนั เป็นตัวประกอบสาคญั ของการสร้าง
ความคดิ หรือความคิดรวบยอดถ้าหากเขา้ ใจผิดพลาดในเรื่องของทฤษฎี กฎ หรอื หลักการต่างๆ ดงั ท่ีกล่าว
มาแลว้ การสรา้ งความคิดหรือความคดิ รวบยอดก็จะผิดพลาด การให้เหตุผลก็จะไม่ถกู ต้องดว้ ย ดงั น้ันเม่ือ
สรา้ งความคดิ หรือความคิดรวบยอดขึ้นมาได้แลว้ จะตอ้ งแสดงหรืออธิบาย เพอ่ื บ่งบอกออกมาให้ชัดเจน
ลักษณะของความคดิ รวบยอดที่ดีจะต้องมีความกระจา่ งมีความเชือ่ มโยงสัมพนั ธ์มคี วามลึกซง้ึ และมีความ
เป็นกลางไม่โน้มเอยี งไปทางใดทางหน่งึ
5. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งเหตุผลกับสมมตฐิ าน การให้เหตผุ ลขน้ึ อยูก่ ับสมมตฐิ านเมื่อใดมีการ
กาหนดสมมตฐิ านขนึ้ มาในกระบวนการแก้ปัญหา ต้องแน่ใจว่าสมมุติฐานนั้น กาหนดขึ้นจากสิ่งทเ่ี ป็นความ
จริงและจากหลกั ฐานท่ปี รากฏอยู่ ความบกพร่องในการให้เหตุผลสามารถเกิดข้นึ ไดเ้ ม่ือบุคคลไปติดยึดในสม
ตฐิ านที่ตงั้ ขึ้น จนทาให้ความคิดเหน็ โนม้ เอียงหรือผดิ ไปจากสภาพท่คี วรจะเปน็ สมมตฐิ านที่ดีจะต้องมีความ
ชัดเจน สามารถตดั สนิ ใจ และมีเสถยี รภาพเช่นเดียวกัน
6. การลงความเห็น การให้เหตผุ ลในทกุ ๆเรื่อง จะต้องแสดงถงึ ความเข้าใจดว้ ยการสรุปและให้
ความหมายของขอ้ มูล ลกั ษณะการให้เหตุผลนัน้ โดยธรรมชาตจิ ะเปน็ กระบวนการต่อเน่ืองทเี่ ชือ่ มโยงกนั อยู่
เจา้ หน้าท่ีบรหิ ารงานทัว่ ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ
Brain Media 25
ระหวา่ งเหตุกบั ผล เชน่ เพราะวา่ ส่งิ น้เี กิดสิ่งน้ันจึงเกิดข้นึ หรอื เพราะว่าสิง่ นเี้ ปน็ อย่างน้สี ิง่ ทเี่ กดิ ขน้ึ จากส่ิงนี้
จึงเป็นอยา่ งนนั้ ถ้าความเข้าใจในข้อมลู เบือ้ งตน้ ผิดพลาดการใหเ้ หตุผลย่อมผดิ พลาดด้วย ทางออกท่ีดีก็คือ
การลงความเห็นจะทาไดก้ ต็ ่อเมือ่ มหี ลักฐานบ่งบอกอย่างชดั เจน จะตอ้ งตรวจสอบความเห็นน้ันสอดคล้อง
หรือไมส่ อดคล้องกับสมมติฐานข้อไหนและมีอะไรเป็นตัวช้ีนาอยอู่ ีกบา้ ง ซ่ึงอาจทาให้การลงความเหน็
ผิดพลาด
7. การนาไปใช้ เมื่อมีข้อสรปุ แล้วจะต้องมีการนาไปใช้หรือมีผลสืบเน่อื ง จะต้องมีความคิดเห็น
ประกอบว่าข้อสรปุ ท่เี กดิ ขน้ึ น้ัน สามารถนาไปใช้ไดม้ ากน้อยเพียงใด ควรจะนาไปใช้ลักษณะใดจึงจะถูกต้อง
ลักษณะใดไมถ่ ูกต้อง โดยพยายามคดิ ถึงทุกสงิ่ ที่อาจเปน็ ผลต่อเนอื่ งท่ีสามารถเกิดข้ึนได้ดังนนั้ จะเห็นได้ว่า
การคดิ วเิ คราะห์ที่ดหี รือมีมาตรฐาน ในอนั ดับแรกจะต้องร้จู ักการให้เหตผุ ลท่ีถูกต้อง ซ่ึงต้องอาศยั
องคป์ ระกอบหลายอย่าง ตามท่ไี ด้แสดงรายละเอยี ดมาแล้ว เรือ่ งที่สาคัญและเป็นหัวใจของการคิดวิเคราะห์
อีกเรื่องหน่งึ ก็คอื เทคนิคการตงั้ คาถาม เพื่อการวเิ คราะห์เปน็ การบอกให้ทราบวา่ นักคิดวิเคราะห์จะตอ้ งใช้
คาถามอย่างไร เพ่ือเป็นการนาความคิดไปสู่เปา้ หมายที่ตอ้ งการ ซ่งึ มีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
เทคนิคการตัง้ คาถามเพื่อการคดิ วเิ คราะห์ เป็นเร่ืองที่มคี วามสาคัญพอๆกบั ความสามารถในการให้
เหตุผลอย่างถูกตอ้ ง การตง้ั คาถามท่ดี จี ะช่วยสง่ เสริมใหก้ ารใช้เหตผุ ลเปน็ ไปด้วยความสะดวก มรี ะบบและ
ชว่ ยแก้ปัญหาได้ นกั คดิ วเิ คราะห์ต้องมคี วามสามารถในการตงั้ คาถามหลายๆแบบ คาถามท่ีต้องการคาตอบ
กว้าง ๆ ต้องการหลายๆ คาตอบ คาถามต้องการคาตอบเดียวแต่มีความลกึ ซึ้ง ลกั ษณะคาถามทีจ่ ะชว่ ยให้
คดิ หาเหตผุ ลในระดับลึก หรือมีเหตุผลจากการใชป้ ญั ญาของการคิดวิเคราะหน์ ัน้ จะตอ้ งมีคุณสมบัติ 8
ดังต่อไปน้ี
1. ความชดั เจน (Clarity) ความชดั เจนของปัญหาเป็นจดุ เร่ิมตน้ สาคญั ของการคิด เช่น ตัวอย่าง
ของปญั หาทต่ี ้ังขึ้นมาเพ่ือตรวจสอบความชัดเจน เช่นยังมเี รื่องอะไรอีกในสว่ นนีท้ ีเ่ รายงั ไม่ร้สู ามารถ
ยกตวั อย่างมาอา้ งองิ ได้หรือไม่ สามารถอธิบายขยายความส่วนนั้นให้มากขึ้นไดห้ รือไม่
2. ความเท่ียงตรง (Accuracy) เป็นคาถามทบ่ี อกวา่ ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ถูกต้องตรงกัน
หรือไม่ เช่น จรงิ หรอื เปน็ ไปได้หรอื ทาไมถึงเป็นไปได้ สามารถตรวจสอบไดห้ รือไม่ตรวจสอบอย่างไร เราจะ
หาข้อมูลหลกั ฐานได้อย่างไร ถ้าตรงนัน้ เป็นเรื่องจรงิ เราจะทดสอบมนั ได้อย่างไร
3. ความกระชบั ความพอดี (Precision) เปน็ ความกะทัดรดั ความเหมาะสม ความสมบูรณข์ อง
ขอ้ มลู เชน่ จาเปน็ ตอ้ งหาข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องน้ีอีกหรอื ไม่ ทาให้ดดู กี ว่าน้ีได้อีกหรอื ไม่ ทาใหก้ ระชบั กว่าน้ี
ไดอ้ ีกหรือไม่
4. ความสัมพนั ธเ์ ก่ยี วข้อง (Relevance) เป็นการตั้งคาถามเพ่ือคิดเชื่อมโยงหาความสมั พนั ธ์ เช่น
ส่ิงนัน้ เกี่ยวขอ้ งกับปัญหาอย่างไร มนั เกิดสง่ิ ต่างๆ ขน้ึ ตรงนั้นได้อย่าง ผลทเี่ กดิ ข้ึนตรงน้นั มนั มที ี่มาอย่างไร
ตรงส่วนนน้ั ช่วยใหเ้ ราเข้าใจอะไรไดบ้ า้ ง
เจา้ หน้าท่ีบริหารงานท่ัวไป มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ
Brain2M6 edia
5. ความลึก (Depth ) หมายถึงความหมายในระดับทล่ี กึ ความคิดลกึ ซงึ้ การตั้งคาถามที่สามารถ
เชือ่ มโยงไปยงั การคดิ หาคาตอบทลี่ ึกซึ้ง ถือว่าคาถามนน้ั มีคุณค่ายง่ิ เชน่ ตัวประกอบอะไรบ้างทีท่ าใหต้ รงน้ี
เปน็ ปัญหาสาคัญ อะไรทท่ี าให้ปญั หาเร่อื งนีม้ ันซับซ้อน สงิ่ ใดบา้ งทเี่ ป็นความลาบากหรือความยุ่งยากทเ่ี รา
จะตอ้ งพบ
6. ความกวา้ งของการมอง (Breadth ) เป็นการทดลองเปล่ียนมมุ มอง โดยให้ผูอ้ ่ืนชว่ ยเชน่ จาเปน็
จะต้องมองสิง่ น้จี ากด้านอ่นื คนอนื่ ดว้ ยหรือไม่ มองปญั หานโี้ ดยใชว้ ิถที างอื่นๆ บา้ งหรือไม่ ควรจะให้
ความสาคัญของความคิดเหน็ จากบุคคลอืน่ หรอื ไม่ ยงั มขี ้อมลู อะไรในเร่ืองน้ีอกี หรือไม่ท่ีไม่นามากลา่ วถึง
7. หลักตรรกวิทยา (Logic ) มองในด้านของความคิดเหน็ และการใช้เหตุผล เชน่ ทุกเรื่องทเ่ี รารู้ เรา
เขา้ ใจตรงกันหมดหรอื ไม่ ส่ิงท่ีพูดมหี ลักฐานอา้ งองิ หรอื ไม่ สิ่งท่สี รปุ นนั้ เปน็ เหตุผลที่สมบูรณ์หรือไม่ สงิ่ ท่ี
กลา่ วอา้ งมีขอบข่ายครอบคลุมรายละเอียดทั้งหมดหรอื ไม่
8. ความสาคัญ (Significance ) ซ่ึงหมายถึง การต้งั คาถามเพอ่ื ตรวจสอบวา่ สิ่งเหลา่ นัน้ มี
ความสาคัญอยา่ งแทจ้ ริงหรอื ไม่ ทัง้ น้เี นื่องจากในบางครั้งพบว่า ความสาคัญเป็นสิง่ ท่ีเราตอ้ งการจะใหเ้ ป็น
มากกว่าเปน็ ความสาคัญจริงๆ เชน่ ส่วนไหนของความจริงที่สาคญั ทีส่ ุด ยงั มเี รื่องอื่น ๆ ท่ีมีความสาคญั อยู่
อกี หรือไม่ น่ีคอื ปัญหาท่ีสาคัญที่สุดในเรื่องน้ีใช่หรือไม่ ตรงน้ีเปน็ จุดสาคัญท่ีควรให้ความสนใจหรือเปลา่
ดังนั้นจะเหน็ ได้ว่า การคิดวเิ คราะห์จะเกดิ ความสมบรู ณ์ได้นนั้ นอกจากจะต้องอาศยั ความสามารถ
ในการให้เหตผุ ลอย่างถูกตอ้ งแลว้ เร่อื งของเทคนิคการตั้งคาถามเพ่อื การวิเคราะห์กม็ ีความสาคัญท่ีไมย่ ่งิ
หยอ่ นกวา่ กัน โดยท่ีองค์ประกอบทงั้ สองสว่ นนจ้ี ะทางานประสานสมั พนั ธ์กันอยา่ งกลมกลืนในทกุ ๆ ข้นั ตอน
ของกระบวนการคิดวิเคราะห์ ส่วนประกอบท้ังสองสว่ นจะตอ้ งไปดว้ ยกัน คุณค่า ความสวยงาม ความลงตวั
รวมท้ังประโยชน์อย่างสมบรู ณ์จงึ จะเกดิ ขน้ึ ได้
การสืบเสาะหาข้อมูล (Information Seeking)
คาจากดั ความ : ความใฝ่รเู้ ชงิ ลกึ ทจ่ี ะแสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ ภมู หิ ลงั ประวตั คิ วาม
เปน็ มา ประเดน็ ปัญหา หรอื เร่ืองราวต่าง ๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งหรือจะเปน็ ประโยชน์ในการปฏิบตั ิงาน
หาข้อมลู ในเบ้อื งต้น
* ใช้ข้อมูลท่ีมอี ยู่ หรอื หาจากแหล่งขอ้ มูลท่มี ีอย่แู ล้ว
* ถามผู้เกีย่ วข้องโดยตรงเพอ่ื ใหไ้ ด้ข้อมูล
ระดับที่ ๒ แสดงสมรรถนะระดบั ที่ ๑ และสบื เสาะคน้ หาข้อมลู
* สบื เสาะคน้ หาข้อมลู ดว้ ยวิธีการทมี่ ากกว่าเพยี งการตง้ั คาถามพืน้ ฐาน
เจา้ หนา้ ทบ่ี ริหารงานทวั่ ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ
Brain Media 27
* สบื เสาะคน้ หาข้อมลู จากผู้ท่ีใกล้ชดิ กบั เหตุการณห์ รอื เรื่องราวมากที่สุด
แสวงหาข้อมลู เชงิ ลกึ
* ต้งั คาถามเชิงลกึ ในประเดน็ ท่ีเกี่ยวข้องอยา่ งต่อเน่อื งจนได้ทีม่ าของสถานการณ์ เหตุการณ์
ประเดน็ ปญั หา หรือค้นพบโอกาสทจ่ี ะเป็นประโยชน์ต่อการปฏบิ ัติงานตอ่ ไป
* แสวงหาขอ้ มูลดว้ ยการสอบถามจากผู้รู้อนื่ เพิ่มเตมิ ท่ีไม่ได้มีหน้าทเี่ กยี่ วข้องโดยตรงในเรอื่ งนนั้
ระดับที่ ๔ : แสดงสมรรถนะระดับท่ี ๓ และสืบคน้ ข้อมูลอย่างเป็นระบบ
* วางแผนเก็บขอ้ มูลอยา่ งเป็นระบบ ในชว่ งเวลาท่กี าหนด
* สบื คน้ ข้อมลู จากแหลง่ ข้อมูลทแ่ี ตกต่างจากกรณีปกติธรรมดาโดยทว่ั ไป
* ดาเนินการวจิ ยั หรอื มอบหมายใหผ้ อู้ ่ืนเก็บข้อมูลจากหนังสอื พิมพ์ นติ ยสาร ระบบสบื คนั โดย
อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนแหลง่ ข้อมูลอื่น ๆ เพ่ือประกอบการทาวจิ ยั วางระบบการสบื คน้ เพื่อ
หาข้อมลู อยา่ งต่อเนื่อง
* วางระบบการสบื คน้ รวมท้ังการมอบหมายให้ผู้อ่ืนสบื คน้ ข้อมูล เพ่ือให้ได้ข้อมูลทีทนั เหตุการณ์
อย่างต่อเน่ือง
ระดบั ของการสบื เสาะหาความรู้ (Level of inquiry) แบง่ เปน็ 4 ระดับ คอื
1) การสบื เสาะหาความรู้แบบยนื ยัน (Confirmed Inquiry) เป็นการสืบเสาะหาความรทู้ ี่ให้
ผเู้ รยี นเปน็ ผ้ตู รวจสอบความรู้หรอื แนวคิด เพ่ือยนื ยนั ความรู้หรือแนวคดิ ที่ถกู คน้ พบมาแล้ว โดยครูเป็นผู้
กาหนดปญั หาและคาตอบ หรือองคค์ วามรู้ทค่ี าดหวังใหผ้ ู้เรียนคน้ พบ และให้ผ้เู รียนทากิจกรรมท่กี าหนดใน
หนังสอื หรือใบงาน หรอื ตามท่ีครบู รรยายบอกกล่าว
2) การสืบเสาะหาความรู้แบบนาทาง (Directed Inquiry) เป็นการสืบเสาะหาความรู้ท่ีให้
ผเู้ รียนค้นพบองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเอง โดยครูเป็นผูก้ าหนดปญั หา และสาธติ หรอื อธิบายการสารวจ
ตรวจสอบ แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นปฏิบตั กิ ารสารวจตรวจสอบตามวธิ กี ารท่กี าหนด
3) การสืบเสาะหาความรู้แบบชีแ้ นะแนวทาง (Guided Inquiry) เป็นการสบื เสาะหา
ความรทู้ ่ใี ห้ผ้เู รียนค้นพบองค์ความรใู้ หมด่ ้วยตนเอง โดยผเู้ รยี นเปน็ ผ้กู าหนดปัญหา และครเู ปน็ ผ้ชู ี้แนะแนว
ทางการสารวจตรวจสอบ รวมทงั้ ใหค้ าปรึกษาหรือแนะนาให้ผู้เรียนปฏบิ ตั ิการสารวจตรวจสอบ
เจ้าหน้าท่ีบรหิ ารงานทัว่ ไป มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ
Brain2M8 edia
4) การสืบเสาะหาความรแู้ บบเปดิ (Open Inquiry) เป็นการสบื เสาะหาความร้ทู ่ีให้
ผ้เู รียนค้นพบองค์ความร้ใู หม่ด้วยตนเอง โดยใหผ้ ู้เรยี นมีอสิ ระในการคิด เป็นผูก้ าหนดปัญหา ออกแบบ และ
ปฏบิ ตั ิการสารวจตรวจสอบดว้ ยตนเอง
การสรุปความ
หลกั สาคญั ของการสรปุ ความและ ย่อความ มขี ้ันตอนสาคัญๆ ดังนี้
1. พจิ ารณาเร่ืองที่จะย่อและเร่ืองทจ่ี ะสรปุ ความว่าเปน็ งานเขียนประเภท
ใด เช่น บทความ ความเรยี ง และเร่ืองเล่า ฯลฯ ถา้ เร่ืองทีจ่ ะย่อหรือสรุปความไม่มชี ื่อเร่อื ง ตอ้ งต้ังชอื่
เรื่องขึน้ เองใหม่ ถา้ เร่อื งท่ีจะย่อหรือสรุปความเป็นบทร้อยกรองต้องเปลย่ี นเป็นบทรอ้ ยแกว้
2. อา่ นเร่ืองทีจ่ ะย่อหรือสรปุ ใหล้ ะเอียด ๒ รอบเพ่ือพิจารณาใจความแต่ละตอน แล้วจับ
ใจความรวมของเร่ืองน้นั ให้ได้ว่าเร่อื งนน้ั เนน้ ความคิดสาคญั คอื ประเด็นหลักของเรื่อง บันทกึ ไว้
3. อ่านทบทวนอีกครงั้ แล้วตั้งคาถามเพ่ือหาคาตอบใหไ้ ดว้ ่า เรอื่ งอะไร ใคร ทาอะไร ที่
ไหน เม่อื ไร และอย่างไร บนั ทึกไว้ สาหรบั การสรปุ ความนัน้ จะนาคาตอบจากคาถามมาเรียบเรียงใหม่
ใหส้ ละสลวย กะทัดรัด ชดั เจน ไดใ้ จความสาคัญครบถ้วน
4. แยกข้อความออกเปน็ เรอื่ งย่อยๆ พยายามทาความเข้าใจใหม่ เมื่ออ่านจนเขา้ ใจดแี ล้ว จงึ จบั
ใจความของเรื่องยอ่ ยๆ ใหไ้ ด้ว่า เร่อื งแตล่ ะตอนเปน็ เร่ืองราวเก่ยี วกบั อะไร และมคี วามสัมพันธ์กบั
ประเด็นหลักของเร่ืองอยา่ งไร การอ่านอย่างละเอียดเชน่ นี้ จะช่วยใหจ้ ับใจความของเรื่องแตล่ ะเรือ่ งได้
ถกู ต้องชดั เจน
5. นาใจความจากประเด็นหลักข้อ ๒ และใจความคาตอบข้อ ๓ – ๔ มาเรยี บเรยี งใหม่ เพือ่ การ
ยอ่ ความ โดยยดึ หลกั ดงั นี้
5.1 ลาดบั เร่ือง อาจสบั เปลย่ี นการวางหัวขอ้ สาคญั ในข้ันตอนการลาดับเรื่องก็ได้ ไม่
จาเป็นตอ้ งตรงตามแบบเดิมเสมอไป การลาดบั เรอ่ื งใหม่น้ันย่อมแลว้ แต่ผยู้ ่อจะเหน็ เหมาะสมว่า การลาดบั
เรื่องใดกอ่ นหลงั สาคัญหรือไม่สาคญั ควรจะทาใหผ้ ู้อา่ นเข้าใจง่ายขึน้ แตก่ ็ยงั คงต้องถูกต้องตรง
ความหมายเดิมทกุ ประการ
5.2 ใชส้ านวนการเขยี นของผยู้ ่อเอง คือ นาใจความสาคญั ท่ไี ด้มาเรียบเรียงใหมด่ ้วย
สานวนของผยู้ ่อ ไม่ควรดึงข้อความแตล่ ะประเด็นมาเรยี งติดต่อกัน แตค่ วรจะเขยี นใหม่ใหม้ ีการลาดบั
ความและเช่ือมความอย่างสละสลวย
เจ้าหนา้ ท่ีบรหิ ารงานทวั่ ไป มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain Media 29
5.3 ขอ้ ความทไ่ี ด้จากการย่อ จะเป็นขอ้ ความทเ่ี ขยี นอธบิ าย หรือเร่ืองเลา่ หา้ มมี
ขอ้ ความอยใู่ นเครอื่ งหมายอญั ประกาศ ไมใ่ ชส้ รรพบรุ ุษที่ ๑ และที่ ๒ ปะปนอยูใ่ นข้อความทยี่ ่อ
แลว้ ใหใ้ ช้ไดเ้ ฉพาะสรรพนามบุรษุ ท่ี ๓ ในกรณีทีม่ คี วามจาเปน็ ต้องเอ่ยถึงตัวผเู้ กีย่ วขอ้ งในเรื่องนนั้ ให้ใช้
ช่อื โดยตรง
5.4 การใชร้ าชาศพั ท์ ถา้ ขอ้ ความเดิมใชร้ าชาศพั ท์ เม่อื ย่อแล้วยงั คงต้องใชร้ าชาศัพท์น้นั
ไวด้ งั เดมิ จะเปลี่ยนเป็นภาษารอ้ ยแก้วธรรมดาไม่ได้
5.5 การใช้อักษรย่อ ไมค่ วรใช้พร่าเพร่ือ ยกเว้นอกั ษรย่อที่คนทวั่ ไปรจู้ ักกัน
ดี เช่น พ.ศ. ค.ศ. กทม. ส.ค.ส. เป็นต้น ในกรณีท่ีช่อื เตม็ ยาวมาก กใ็ หช้ า้ เต็มไวใ้ นการเขยี นคร้ัง
แรก พรอ้ มระบุตวั อักษรยอ่ ไวด้ ้วย เมอ่ื ใช้ครั้งตอ่ ไปก็ใช้เพียงอกั ษรย่อเท่านน้ั เช่น สานกั งาน
คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน (สพฐ.)
5.6 ข้อความทเ่ี ปน็ พลความ รายละเอยี ดตา่ งๆ ตวั อย่างที่อา้ งองิ ถ้อยคาที่
ฟุ่มเฟอื ย เย่ินเย้อ ให้ตดั ท้ิงไป
5.7 การใช้ประโยคและคาเชอ่ื ม การใช้ประโยคท่ดี ี ควรใชป้ ระโยสั้น ความหมาย
ตรง เต็มความ ชัดเจน กะทัดรดั ใจความเด่นชัด ส่วนคาเชื่อมควรใชบ้ พุ บท หรือสนั ธาน เพ่ือให้ความ
ชดั เจน สละสลวย ตรงตามจดุ มุ่งหมายของเร่ืองท่ีต้องการยอ่
5.8 ใจความทยี่ ่อแลว้ ควรเขียนติดต่อเป็นยอ่ หน้าเดยี วกัน ไมต่ ้องย่อหน้าตามข้อความ
เดิม นอกจากความเดิมทจ่ี ะย่อเปน็ เรอ่ื งตา่ งๆ กันไป ไมเ่ กี่ยวข้องกนั และแยกจากกันเป็นตอนๆ ไว้แล้ว
6. ความยาวของเร่ืองที่ย่อน้นั ไมจ่ ากัดความยาวหรือขนาด เพื่อดูว่าเร่อื งทยี่ ่อมเี น้ือหาสาระ
ของเร่ืองทจี่ ะนามาย่อ
7. เม่อื เรยี บเรียงเร่ืองย่อเสรจ็ แลว้ โปรดทบทวนอีกครั้ง เพ่ือดูว่าเร่อื งท่ียอ่ มเี น้ือความ
ต่อเนื่องกนั ดหี รือไม่ มีข้อความสาคญั ตอนใดที่ตกหลน่ หรือมขี ้อความตอนใดที่ผดิ เพี้ยนไปจากเร่ือง
เดิม จะได้แก้ไขให้ถกู ต้อง
เจา้ หนา้ ท่ีบรหิ ารงานทั่วไป มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain3M0 edia
แนวขอ้ สอบภาษาไทย
การสรุปเหตุผลเชิงตรรกะ
1.บอระเพด็ มีรสขม ยานข้ี ม ฉะนัน้
ก.ยานเี้ ป็นบอระเพด็ ข.ของขมเป็นยา
ค.บอระเพด็ เปน็ ยา ง.ยังสรุปแนน่ อนไมไ่ ด้
2.เดก็ ฉลาดกินปลา สาครโง่ ฉะนนั้
ก.สาครกินเนื้อ ข.สาครไม่อา่ นหนังสอื
ค.สาครไม่ชอบกินปลา ง.ยงั สรปุ แนน่ อนไม่ได้
3.ด.ช.บอล เป็นคนชอบขโมยของเพอื่ นในหอ้ งเสมอ หนังสือ ด.ญ.แพรวหาย ฉะนน้ั
ก. ด.ช.บอลเป็นคนขโมย ข. ด.ญ.แพรวทาหาย
ค. เพือ่ นในห้องเป็นคนขโมย ง. ยงั สรุปแน่นอนไม่ได้
4.สดุ าเป็นคนมคี ุณธรรม
ก.ครูเป็นคนมีคณุ ธรรม ข.ครูตอ้ งมคี ณุ ธรรม
ค.คนมีคุณธรรม คนหน่งึ เปน็ ครู ง.ยงั สรุปแน่นอนไม่ได้
5.อากาศร้อน เพราะฝนไม่ตก วันนฝ้ี นไม่ตก ฉะนนั้
ก.อากาศ ข.อากาศอบอุน่
ค.อากาศเย็น ง.ยังสรปุ แนน่ อนไม่ได้
6.สมพงษจ์ ะไปทาบุญทีว่ ดั หรือจัดงานเลี้ยงในวนั เกดิ ของเขาแตส่ มพงษ์ไปทาบุญที่วัด ฉะนัน้
ก.สมพงษ์ไม่มีเงนิ
ข.สมพงษ์ไมจ่ ัดงานเลีย้ ง
ค.สมพงษ์ไปทาบุญที่วดั ตอนเช้าตอนเย็นจดั งานเล้ยี ง
ง.ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
7.คนไทย จบั ปลาเก่ง ชาตรีจับปลาเกง่
ก.ชาตรเี ป็นคนลาว ข.ชาตรไี ม่ใชเ่ ชือ้ สายไทย
ค.ชาตรีไม่มีเทคนคิ ง.ยังสรุปแน่นอนไมไ่ ด้
8.การไม่ออกกาลงั กาย ทาให้อ้วน สมศกั ด์ิอ้วน ฉะนั้น
ก.สมศักด์ิไม่ออกกาลงั กาย ข.สมศักดเ์ิ ปน็ คนกินจุ
ค.สมศักด์ิกินอาหารประเภทไขมันมาก ง.ยังสรุปแนน่ อนไมไ่ ด้
9.พอ่ เป็นหมอ แม่เป็นหมอ ฉะน้ัน ลูกเปน็ อะไร
ก.เปน็ ข้าราชการ ข.เป็นหมอ
ค.เปน็ เดก็ ง.ยงั สรุปแน่นอนไมไ่ ด้
เจา้ หน้าท่บี ริหารงานท่ัวไป มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ
Brain Media 31
10.แดงประหยดั จึงเปน็ เศรษฐี ขาวอยากเปน็ เศรษฐี ฉะน้นั
ก.ขาวตอ้ งประหยัด ข.ขาวต้องเปน็ พอ่ ค้า
ค.ขาวตอ้ งอยอู่ ย่างพอเพียง ง.ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
11.คนทกุ คนตอ้ งตาย สมศรเี ป็นคน ฉะน้ัน
ก.สมศรีตอ้ งถูกเผาแนๆ่ ข.สมศรีต้องตาย
ค.สมศรไี ม่ใชค่ น ง.ยงั สรปุ แนน่ อนไม่ได้
12.ความรักทาให้คนตาบอด ตาบอดทาให้มองไม่เหน็ ฉะน้ัน
ก.คนตาบอดจะมีความรกั ข.ความรักทาให้มองไม่เหน็
ค.ความรกั และคนตาบอดเปน็ ของคูก่ นั ง.ยังสรุปแน่นอนไมไ่ ด้
13.ถา้ ราคาน้ามนั แพง แดงจะเลิกใช้รถยนต์ แดงเลิกใชร้ ถยนต์
ก.แดงไม่มีเงินซื้อน้ามนั ข.แดงประหยดั
ค.ราคาน้ามนั แพง ง.ยงั สรุปแนน่ อนไมไ่ ด้
14.ประชากรในจังหวดั ขอนแก่นมอี าชพี เกษตรกรรม ปัจจุบัน จงั หวดั ขอนแก่นมีโรงงานอุตสาหกรรม
เพมิ่ ขน้ึ ฉะน้นั
ก.ที่ดินทาการเกษตรลดลง
ข.รายได้ดา้ นการเกษตรจงั หวดั ขอนแก่นลดลง
ค.ประชาชนในจงั หวดั ขอนแก่นเลิกอาชีพการเกษตรกรรมทางานโรงงาน
ง.ยังสรปุ แนน่ อนไมไ่ ด้
15. A เดินทางซ้ายของ B และ C C เดินทางซ้ายของ B ใครเดินกลาง
ก.B ข.C
ค.A ง.ยงั สรุปแน่นอนไม่ได้
16.น้าขนุ่ ปลาจะตาย ปลาตาย ฉะนั้น
ก.น้าขุ่น ข.นา้ ขาดออกซเิ จน
ค.ปลาเปน็ โรค ง.ยังสรปุ แน่นอนไม่ได้
17.ถ้าฝนตก ฉนั จะไมอ่ อกไปเทยี่ ว วันนฉ้ี ันอยทู่ บ่ี ้าน
ก.ฝนตก ข.ฉันไม่สบาย
ค.ฉนั ทาการบ้านไมเ่ สร็จ ง.ยังสรปุ แนน่ อนไมไ่ ด้
18.พ่อไปทางาน แม่ไปทางาน ลูกไปโรงเรียน สรปุ วา่ ใครอยู่บ้าน
ก.ปกู่ บั ยา่ ข.ตากับยาย
ค.คนใช้ ง.ยงั สรุปแนน่ อนไม่ได้
19.ฤดมู รสมุ ทาใหฝ้ นตกหนัก ฝนตกหนักทาใหน้ า้ ทว่ ม แตว่ ันน้ีนา้ ไมท่ ่วม ฉะนั้น
ก.วนั นีไ้ มใ่ ชฝ่ น ข.วันนไ้ี มใ่ ชม่ รสุม
ค.วันนไี้ ม่มีฝน ง.ยงั สรุปแน่นอนไมไ่ ด้
เจ้าหน้าทบ่ี รหิ ารงานทั่วไป มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain3M2 edia
20.สนุ ัขเปน็ สตั วท์ ่เี หา่ เจ้าเปานอนและไมเ่ หา่ ฉะนนั้
ก.เจา้ เปาไม่ใชส่ นุ ัข ข.เจ้าเปาเปน็ สนุ ขั
ค.เจา้ เปาขี้เกยี จเห่า ง.ยงั สรุปแน่นอนไม่ได้
21.คนกรุงเทพฯ ทุกคนเปน็ คนขยนั นาย A เปน็ คนกรงุ เทพฯ ฉะน้ัน
ก.นาย A อาจเป็นคนขยนั ข.นาย A เป็นคนขยัน
ค.นาย A จะต้องรวย ง.ยงั สรปุ แนน่ อนไมไ่ ด้
22.นาย ก มากต็ ่อเมื่อ นาย ข มา นาย ข มาก็ต่อเม่ือนาย ค ไม่มา ดังน้นั
ก.นาย ก มาคนเดยี ว ข.นาย ข มาคนเดียว
ค.นาย ค มาคนเดยี ว ง.ยงั สรปุ แนน่ อนไม่ได้
23.พจี่ บั ปลาด้วยสวงิ น้องจบั ปลาดว้ ยแห ไดม้ ากมาย ฉะนั้น
ก.บรเิ วณทีพ่ ่ีกับนอ้ งอยมู่ ีปลาจานวนมาก ข.ในน้ามีปลาอุดมสมบูรณ์
ค.ปลาถกู จับดว้ ยสวิงและแห ง.ยงั สรปุ แนน่ อนไม่ได้
24.หยดุ วันเสาร์-อาทิตยน์ ี้ เขาจะไปชลบรุ หี รอื ไปกรงุ เทพฯ แต่เขาไปกรงุ เทพฯ
ก.เขาไปชลบุรี ข.เขา้ ไปโรงเรยี น
ค.เขาพักผ่อนอยู่ทีบ่ ้าน ง.ยังสรปุ แนน่ อนไมไ่ ด้
25.เมอื ง A อยเู่ หนือ B เมือง B อยใู่ ตเ้ มอื ง C เมอื ง C อยเู่ หนือเมือง D และเมือง A อยู่ใต้เมือง E ฉะนั้น
เมืองอะไรอยู่เหนอื สดุ
ก.เมือง A ข.เมือง B
ค.เมือง C ง.เมือง E
26.จระเขเ้ ป็นสตั วท์ ดี่ รุ ้าย สัตว์เลี้ยงทุกชนิดไมด่ ุรา้ ย ฉะน้นั
ก.จระเข้ไมใ่ ช่สตั ว์เลย้ี ง ข.สัตว์เลีย้ งทกุ ชนิดไมเ่ ป็นจระเข้
ค.สัตวเ์ ล้ียงทุกชนิดเปน็ จระเข้ ง.ยงั สรุปแน่นอนไม่ได้
27.ชาวอสี านเปน็ คนไทย ชาวมหาสารคามเปน็ ชาวอีสาน ฉะนัน้
ก.ชาวมหาสารคามเปน็ คนไทย ข.ชาวไทยอยูท่ ี่มหาสารคาม
ค.ชาวไทยคอื ชาวอสี าน ง.ยงั สรุปแน่นอนไมไ่ ด้
28.ดาเปน็ ลกู ของแดง เขียวเป็นลูกเขยของแดง ฉะน้ัน
ก.ดาเปน็ สามขี องเขียว ข.ดากับเขียวเปน็ พี่น้องกนั
ค.ดาเป็นผู้หญิง ง.ยงั สรปุ แน่นอนไมไ่ ด้
29.ปริมมอี ายแุ ก่กว่านินแต่อ่อนกวา่ เมย์ นนิ มีอายแุ ก่กวา่ โบว์ เมย์แกก่ วา่ โบว์อยากทราบวา่ ใครอายุน้อย
ทสี่ ุด
ก.ปรมิ ข.โบว์
ค.เมย์ ง.นิน
เจา้ หน้าทบ่ี รหิ ารงานทว่ั ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภูมิ
Brain Media 33
30. วนั นีอ้ ากาศเย็นจัด เพราะลมพัดแรง แต่อากาศไม่เย็น ฉะนัน้
ก. อากาศอบอ่นุ ข. อากาศร้อน
ค. ลมพัดไมแ่ รง ง. ยงั สรปุ แนน่ อนไม่ได้
ความเข้าใจภาษา
31.”มีความรับผิดชอบ ทาหน้าท่ีเพ่ือหน้าท่ี ทางานให้เสร็จทนั การ ยึดม่นั ในผลประโยชนข์ องประเทศชาติ
และความถูกต้องเปน็ ธรรม”มีความหมายเกี่ยวขอ้ งกบั ข้อใด
ก.คุณธรรม ข.คณุ คา่
ค.คา่ นิยม ง.ถกู ทกุ ข้อ
32.จากข้อ 31 ใช้โวหารใดในการเขียน
ก.บรรยายโวหาร ข.พรรณนาโวหาร
ค.เทศนาโวหาร ง.อธิบายโวหาร
อา่ นขอ้ ความตอ่ ไปนแ้ี ลว้ ตอบคาถามข้อ 33-35
“ในโลกวัตถขุ องเรานี้ ข้าพเจ้ารูส้ ึกวา่ ผู้คนมวั แตด่ ้นิ รนแสวงหาความมง่ั คั่งทางเศรษฐกิจราวกับผูค้ น
กาลงั ต่อสู้กันเอง เพียงเพ่ือจะแย่งชงิ เอาผลประโยชน์กัน ความจริงแลว้ ผลประโยชนน์ ี้ควรจะเก่ยี วข้อง
โดยตรงกับความสุขของมนษุ ย์ และแหลง่ กาเนิดของความสขุ แนๆ่ ”
33.ขอ้ ความนีเ้ น้นความสาคัญอย่างไร
ก.วัตถุ ข.ความสขุ
ค.ผลประโยชน์ ง.ความร่ารวย
34.ผเู้ ขียนมีความต้องการอย่างไร
ก. ต้องการใหค้ นแสวงหาความมง่ั คง ข. ตอ้ งการให้คนไดร้ บั ผลประโยชน์
ค. ตอ้ งการให้คนมีเศรษฐกจิ ดี ง. ต้องการให้แสวงหาความสุขท่แี ท้จรงิ
35.ขอ้ ความน้ีมีความหมายใกล้เคยี งกับสานวนใดมากที่สดุ
ก. ลมื ตาอ้าปาก ข. ทาบญุ เอาหน้า
ค. สตั วโ์ ลกเปน็ ไปตามกรรม ง. เห็นกงจกั รเป็นดอกบัว
อา่ นข้อความตอ่ ไปน้แี ล้วตอบคาถามขอ้ 36-38
“บุหรี่และเหลา้ เป็นสารที่ทาให้ผ้สู บู และด่ืมเกดิ การตดิ ได้ แต่ทางการแพทยเ์ ห็นว่าเปน็ เรื่องท่ีสังคม
ไมร่ งั เกียจสามารถเลิกได้ง่ายกว่า โดยไมท่ าให้เกิดการคล้มุ คลัง่ แตอ่ ย่างใด แต่ถือวา่ เป็นส่ิงไม่ดีท้งั น้นั เพราะ
ทาให้เสยี สุขภาพและทรัพย์ การทร่ี ฐั บาลอนุญาตให้มีการปลูกยาสูบ ตลอดจนขยายโรงงานสุรา-ยาสูบได้
เพราะรฐั บาลเปน็ ผผู้ กู ขาดสินคา้ ทง้ั สองประเภทน้ี และนารายได้มาใชใ้ นการพฒั นาประเทศ แต่มิไดส้ ่งเสริม
ใหป้ ระชาชนสูบบหุ รแ่ี ละด่มื สารประเภทตา่ งๆ”
เจา้ หน้าทบ่ี ริหารงานทว่ั ไป มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain3M4 edia
36.คาถามข้อใดไมเ่ ก่ียวข้องกับข้อความขา้ งต้น
ก. เหตใุ ดรฐั บาลจึงมสี ว่ นส่งเสรมิ บหุ ร่ี-เหล้า
ข. บุหร่ีและเหลา้ เก่ียวข้องกบั การพัฒนาประเทศหรือไม่
ค. เหตุใดรฐั บาลจึงผกู ขาดสินคา้ บุหร่ีและเหล้า
ง. บหุ ร่ี-เหลา้ อยูใ่ นกลุ่มยาเสพติดดว้ ยหรือไม่
37.ข้อความนช้ี ป้ี ระเดน็ สาคัญเรอื่ งใด
ก. บุหร่แี ละเหลา้ เป็นการช่วยพัฒนาประเทศชาตทิ างหนึ่ง
ข. บหุ รแี่ ละเหลา้ เปน็ สารที่มีผลใหผ้ ู้สบู และดื่มเกิดการติดได้
ค. รัฐบาลเป็นผผู้ ูกขาดสินค้าบหุ รี่และเหลา้
ง. รฐั บาลมไิ ด้ส่งเสริมให้ประชาชนสบู บุหรีแ่ ละด่มื สุรา
38.ขอ้ ความน้ใี ห้ข้อคิดแก่ผู้อา่ นอยา่ งไร
ก. บุหรี่และเหล้าเป็นยาเสพติดทค่ี นในสังคมไม่รังเกียจ
ข. บหุ รแ่ี ละเหล้านารายได้มาใชใ้ นการพฒั นาประเทศ
ค. บหุ ร่ีและเหล้าจดั เป็นยาเสพติดประเภทที่ไมร่ า้ ยแรงเทา่ ใดนกั
ง. บหุ รี่และเหล้าจัดเปน็ ยาเสพติดที่ประชาชนพงึ หลีกเลีย่ ง
อา่ นขอ้ ความตอ่ ไปนแ้ี ล้วตอบคาถามข้อ 39-41
“ คนทม่ี ิได้ชว่ ยกันพัฒนาเศรษฐกิจของชาติอย่างเดียว แต่คนยังช่วยพฒั นาดา้ นสงั คมให้แก่ชาติ
การท่จี ะพัฒนาด้านสังคมแห่งชาตไิ ทยให้ก้าวหน้าไปย่อมต้องอาศยั การศึกษาอีกเชน่ กันประชาชนที่ไดร้ ับ
การศึกษาก็มีส่วนชว่ ยพัฒนาสงั คม
39. ขอ้ ความขา้ งต้นมลี กั ษณะงานเขียนประเภทใด
ก. เสนอแนะ ข. คาสั่ง
ค. ช้นี า ง. วิจารณ์
40.ใจความสาคัญของข้อความข้างต้นคืออะไร
ก. แนวทางพัฒนาสงั คมแหง่ ชาติ ข. แนวทางพฒั นาการศึกษาแหง่ ชาติ
ค. การพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมของชาติ ง. การพัฒนาสังคมและการศึกษาของชาติ
41.จากข้อความข้างตน้ การพัฒนาประเทศขน้ึ อยกู่ ับสิง่ ใด
ก. การพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม ข. การพัฒนาสังคมและการศกึ ษา
ค. การพัฒนาการศึกษา ง. การพัฒนาสงั คม
เจ้าหนา้ ทบ่ี ริหารงานทัว่ ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ
Brain Media 35
อ่านข้อความต่อไปน้แี ล้วตอบคาถามขอ้ 42-45
“แตก่ ่อนเรามดื บอด เด๋ียวนเี้ รามองเหน็ แล้ว ตาราเก่าๆความเช่อื เดิมทีค่ รอบงาเราดงั โซต่ รวนไดถ้ กู
หกั ออกแล้ว ท่เี ขาสะกดเราไว้ด้วยอภินหิ ารอนั อ้างว่าศกั ด์สิ ิทธิ์มหัศจรรย์ต่างๆซ่ึงเปน็ ดงั เมฆหมอกให้เรา
หายใจไม่ออกให้รสู้ ึกมัวเมา มึนงง และอึมครึมนั้น บดั น้เี ราไดร้ ับความสวา่ งและแสงอาทิตยท์ างวิทยาการซ่ึง
อทุ ยั ข้นึ แล้ว เราเหน็ ทวิ ทัศนแ์ ห่งภูมภิ าคต่างๆอยา่ งกระจ่างแจ้ง ด้วยดวงตาของเราเองแล้วไมต่ อ้ งอาศยั ผู้
ทรงฤทธิเ์ ดชเวทมนต์หรือชนช้ันปกครองท่สี ูงส่งต่อไปอกี แล้ว
42.ผ้เู ขียนบทความนแี้ สดงความรูส้ กึ อยา่ งไร
ก. ดีใจ ข. พอใจ
ค. สุขใจ ง. โล่งใจ
43.โซต่ รวนในบทความนีห้ มายถงึ อะไร
ก. ความเชอื่ ข. ความผกู พนั
ค. การบงั คบั ง. ความสว่าง
44.ควรต้ังช่อื บทความนว้ี ่าอย่างไร
ก. หลุดพน้ ข. ความมดื มน
ค. วถิ ีคน้ พบแสงสวา่ ง ง. แสงสว่างแหง่ ปัญญา
45.ท่กี ล่าวว่า “เราหายใจไมอ่ อก” หมายความว่าอย่างไร
ก. ถูกสะกด ข. มัวเมา
ค. ขาดอิสระ ง. มืดมน
อ่านข้อความตอ่ ไปนแ้ี ลว้ ตอบคาถามข้อ 46-47
“จงเคารพและเขา้ ใจในการดารงอยู่ของแต่ละสงั คม จงเคารพในกระบวนความคดิ และการ
ตดั สนิ ใจของคนแต่ละกล่มุ แลว้ เราจะพบความเปน็ หนง่ึ ของแต่ละผคู้ น เหมือนตน้ ไม้ทุกต้นย่อมมยี อดของ
มนั เอง”
46. “เหมือนต้นไม้ทุกตน้ ย่อมมยี อดของมันเอง” คานี้หมายถึงข้อใด
ก. ความคิดและการตัดสนิ ใจของคนในกลุ่ม
ข. ความเป็นไปและคงอย่ตู ามลักษณะสังคมทกุ สังคม
ค. ลกั ษณะเฉพาะของสงั คมท่ีแตกต่างกนั
ง. เอกลักษณข์ องแตล่ ะบคุ คลในสงั คม
47.ขอ้ ความขา้ งต้นเหมาะสมทจ่ี ะเปน็ บทสรปุ ของบทบรรยายเรือ่ งใด
ก. การทางานร่วมกนั ข. การพฒั นาสังคม
ค. เสรภี าพสว่ นบคุ คล ง. ศักยภาพของมนุษย์
เจา้ หนา้ ที่บรหิ ารงานทั่วไป มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ
Brain3M6 edia
อ่านข้อความตอ่ ไปนแ้ี ล้วตอบคาถามข้อ 48-49
“ผหู้ ญงิ วนั นน้ี อกจากจะต้องเล้ยี งลกู ดูแลบ้านเรอื น เข้าครัวทาอาหารใหท้ ุกคนรับประทานยงั
จะตอ้ งทางานนอกบ้านหนกั เท่าเทียมกบั ผูช้ ายอีก”
48.ขอ้ ใดเปน็ น้าเสยี งของผเู้ ขียนขอ้ ความข้างต้น
ก. ไมพ่ อใจที่ผู้หญิงต้องทางานหนกั แต่พอใจที่ทางานไดเ้ ท่าเทยี มกบั ผูช้ าย
ข. คอ่ นข้างพอใจผหู้ ญงิ ในปัจจบุ นั ที่ต้องรบั ภาระหนักในปัจจบุ ัน
ค. เหน็ ใจผู้หญิงในปัจจบุ ันท่ีต้องรบั ภาระหนักในปัจจบุ ัน
ง. ภูมใิ จท่ีผู้หญิงสามารถทางานหนักได้เท่าเทยี มกบั ผู้ชาย
49.ขอ้ ใดเปน็ สาระสาคัญของขอ้ ความข้างตน้
ก. เกิดเป็นหญิงแทจ้ ริงแสนลาบาก ต้องทุกขย์ ากกวา่ ชายเปน็ หลายเทา่
ข. ในโลกยุคใหม่หญงิ ยังไมเ่ ท่าเทียมชายอย่างแทจ้ รงิ
ค. สตรีสมัยใหมบ่ กพรอ่ งท้ังงานในบา้ นและนอกบ้าน
ง. เกิดเปน็ เพศแม่ต้องดแู ลท้ังงานในบา้ นและนอกบา้ น
50.เขาควรจะไดร้ ับเลอื กเป็นประธานในครนั้ น้ี ฉันก็ตงั้ ใจจะเลือกเขาแต่แอ๋มไปได้ยินมาวา่ เขาพฤติกรรม
เบอื้ งหลังไมส่ ะอาดนัก ฉันก็เลยตอ้ งคิดหนัก มีความรูส้ ึกเหมือน.....................
สานวนขอ้ ใดทเ่ี หมาะสมจะนามาเตมิ ลงในช่องว่าง
ก. กนิ นา้ ไม่เผื่อแล้ง ข. กินน้าเหน็ ปลิง
ค. กนิ ปนู รอ้ นท้อง ง. กินอยกู่ บั ปากอยากอยู่กับท้อง
51.พอไดร้ ับข้อสอบเขาก็ก้มหน้าก้มตาทาทันที เพราะจิตใจของเขา.............อยูท่ ีข่ อ้ สอบเทา่ นั้น
ก. หมกมนุ่ ข. ครุ่นคดิ
ค. จดจ่อ ง. ม่งุ มน่ั
52.ไหว้พระพุทธอยา่ ให้ตดิ แค่เศษโลหะหรอื อิฐปูนไหวพ้ ระธรรม..................
ก. อยา่ ใหต้ ิดแค่ธปู เทียน ข. อยา่ ให้ติดแค่ผา้ เหลอื ง
ค. อยา่ ให้ตดิ แค่คัมภรี ์ ง. อย่าใหต้ ิดแค่ตัวพระสงฆ์
53.คาตอบขอ้ ใดเหมาะสมท่สี ุดในการสนทนา
หนุ่มใต้ : แกงไตปลาปักษ์ใต้อรอ่ ยมากนะครับไมล่ องชิมดหู รอครับ
สาวเหนือ : ....................................................................................
ก. ดจู ากทคี่ ุณทานกท็ ราบแล้วว่านา่ จะอร่อย ข. ดฉิ นั เคยทานมาแลว้ ค่ะ
ค. ทาจากอะไรกลิน่ แปลกเชียว ง. ดิฉันทานเผ็ดจัดไม่ได้ค่ะ
54.ขอ้ ใดเป็นความทีแ่ สดงความคิดเหน็
ก. ถา้ เปน็ ตอ้ หนิ ชนดิ รุนแรงจะปวดตา ปวดศีรษะมาก คล่นื ไส้ และอาเจยี น
ข. ผปู้ ่วยตอ้ หินจะมีอาการตามัว สญู เสียลานสายตา
ค. ตอ้ หินเกิดจากความดนั ในสายตาเพ่ิมสูงข้ึนจนทาลายประสาทตา
เจ้าหน้าท่ีบริหารงานทั่วไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ
Brain Media 37
ง. การรกั ษาต้อหนิ ควรใชย้ าหยอดตาและยารับประทานรว่ มกนั
55.สานวนใดเติมลงในช่องว่างไดอ้ ย่างเหมาะสม
“คุณสัญญางานที่ผมใหค้ ณุ ทา ผมลงทุนไปหลายล้านนะครับ คุณจะทาแบบ.................................
ไม่ไดน้ ะครับ
ก. สุกเอาเผากิน ข. หมายน้าบอ่ หน้า
ค. ผักชีโรยหน้า ง. เหยียบขีไ้ ก่ไม่ฝ่อ
56.คาในข้อใดที่เตมิ ลงในช่องวา่ งของขอ้ ความต่อไปนี้ได้เหมาะสมทีส่ ดุ
“พ่อแม.่ ....................ลกุ ..................นงั่ คอยดลู กู ท่ีกาลงั ดา..............ดาวา่ ยอยใู่ นสระว่ายน้า
ก. ผดุ ผดุ ผุด ข. ผุด ผุด ผลุด
ค. ผลุด ผลุด ผุด ง. ผลุด ผลดุ ผลดุ
57.ขอ้ ใดมีคาทเี่ หมาะสมทจ่ี ะเติมลงในช่องวา่ งตามลาดับ
“หญิงสาวสวยทย่ี นื ใกลๆ้ เขา........เขามากเขาจอ้ งมองเธอออย่นู านพอสมควรในทีส่ ดุ เขากต็ ัดสนิ ใจ
..........เขา้ ไปถามเวลาถือโอกาสจบั มอื เธอแต่เธอ..........และเดินหนีเขาไป”
ก. บาดตา ทาท่า สะบัดมือ ข. บาดตา ทาที สะบดั มอื
ค. ตอ้ งตา ทาทา่ สลดั มือ ง. ต้องตา ทาที สะบดั มือ
58.ฉนั สนับสนนุ เธอเต็มที่ มีความหมายวา่ อย่างไร
ก. ยกยอ ข. สรรเสริญ
ค. เขา้ ขา้ ง ง. สง่ เสรมิ
59.เราไม่ได้เป็นกาฝาก เสยี ทเี ดยี ว มคี วามหมายอยา่ งไร
ก. ยากจน ข. ไร้ค่า
ค. ต่าตอ้ ย ง. ไรศ้ ักดศ์ิ รี
60.เขาเปน็ คนเจา้ ถ้อยร้อยความมคี วามหมายว่าอยา่ งไร
ก. พดู ดี ข. หลักแหลม
ค. พูดเก่ง ง. พูดคมคาย
61.ท่านนายก.....................นาฬิกาข้อมือเรือนใหม่
ก. ผกู ข. คลอ้ ง
ค. สวม ง. ใส่
62.......................เลขขอ้ น้ี ยากจงั
ก. โจท ข. โจษ
ค. โจทย์ ง. โจทก์
63.เขาเหน็ คนร้าย................ตาเขาเอง
ก. กบั ข. ดว้ ย
ค. โดย ง. ตอ่
เจ้าหนา้ ทบ่ี รหิ ารงานทว่ั ไป มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain3M8 edia
64.ถา้ ฝนตกไม.่ ..............น้าก็ไมท่ ่วม.............อย่างนี้
ก. หนัก,มาก ข. แรง,เจ่งิ
ค. หนัก,เจงิ่ ง. แรง,มาก
65.กรณุ าอยา่ งจอดรถ........ทางจราจร
ก. ขัดขวาง ข. กีดขวาง
ค. ขวาง ง. ขวางกน้ั
66.วดั นี้มีแมช่ ีจานวน 5 .................
ก. องค์ ข. คน
ค. รปู ง. ตน
67.ประชาชนถวายภัตตาหารเพล...............พระภกิ ษสุ งฆ์
ก. แก่ ข. แด่
ค. ต่อ ง. สาหรับ
68.เขาคิดเลข.................วิธนี ไ้ี ม่ถกู
ก. โดย ข. จาก
ค. ดว้ ย ง. สาหรบั
69.อบต.ใหเ้ ขายืมเงนิ ................ไปราชการ
ก. ทดรองจ่าย ข. สารองจ่าย
ค. งบประมาณ ง. ทดลองจา่ ย
70.เจา้ หนา้ ทีธ่ รุ การ....................หนงั สือเสนอหัวหนา้
ก. เกษียร ข. เกษยี น
ค. เกษยี ณ ง. เกสยี ร
นอนใหด้ ีมสี ตสิ ริ ิเรา
อย่าชมเชาอย่จู นแจ้งแสพยบั
71.มคี าเปน็ ก่ีพยางค์ ข. 10 พยางค์ ค. 12 พยางค์ ง. 14 พยางค์
ก. 6 พยางค์ ข. 10 พยางค์ ค. 12 พยางค์ ง. 14 พยางค์
ข. 8 คา ค. 10 คา ง. 13 คา
72.มีคาตายกพี่ ยางค์
ก. 6 พยางค์
73.มคี าครุกค่ี า
ก. 5 คา
เจ้าหนา้ ทบ่ี ริหารงานท่ัวไป มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ
Brain Media 39
74.มคี าลหกุ ี่คา ข. 8 คา ค. 10 คา ง. 13 คา
ก. 5 คา
1.ถ้าจติ ใจบริสุทธ์ิมนั่ คง จะทาหรอื พูด
2.ในสภาพชวี ิต
3.ความสขุ ความสาเร็จยอ่ มเป็นของคนนั้น เสมือนเงาตดิ ตามตวั
4.มนุษยม์ ีใจเป็นตวั ช้ีนา จะทางานสาเรจ็ ไดด้ ว้ ยใจ
75. เรียงลาดับข้อความต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
ก. 2 4 1 3 ข. 4 1 2 3
ค. 2 1 4 3 ง. 1 4 2 3
1.ท่ีดงี ามสร้างสรรค์
2.ชาวพทุ ธในสมยั ปจั จบุ นั อาจจะอนุวัตรตามคตินี้
3.ตามหลักทาน ศีล ภาวนาน้ันนั้น
4.โดยใช้วันหยดุ งานเป็นวันสาหรับทากจิ กรรมตา่ งๆ
76. เรยี งลาดบั ข้อความต่อไปน้ีให้ถกู ต้อง
ก. 2 1 4 3 ข. 2 4 1 3
ค. 3 4 2 1 ง. 2 3 4 1
1.ความพอของเขาจะเป็นความพอทม่ี ีไปได้ตลอดชีวติ
2.ฉะน้ันผู้ทร่ี จู้ ักพอ
3.ไมม่ โี ทษอันใดทย่ี ิง่ ใหญ่ไปกวา่ มีความโลภไม่สิ้นสุด
4.ไม่มภี ัยอนั ใดทยี่ ิง่ ใหญ่ไปกวา่ ความไมร่ ู้จักพอ
77. เรยี งลาดบั ข้อความต่อไปนใี้ หถ้ ูกต้อง
ก. 1 3 2 4 ข. 2 3 4 1
ค. 4 3 2 1 ง. 4 1 2 3
1.ดนตรีก็เปรยี บเสมือน “ยาใจ”
2.ถ้าเปรยี บยาวา่ สามารถรักษาโรคภัยไขเ้ จ็บทางกายให้ทเุ ลาเบาบางลงได้
3.รวมถงึ ดนตรีสากลคลาสิกที่เปน็ ผลงานของคตี กวที ี่มีช่ือเสียงของโลกดว้ ย
4.ทช่ี ่วยผ่อนคลายปลกุ ปลอบใหเ้ กดิ ความสุขใจได้เช่นเดียวกัน
เจา้ หนา้ ทบ่ี รหิ ารงานทว่ั ไป มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain4M0 edia
78. เรียงลาดับข้อความต่อไปนี้ใหถ้ กู ต้อง
ก. 2 1 4 3 ข. 1 4 3 2
ค. 1 2 3 4 ง. 2 3 1 4
1.แนวทางแก้ไขปัญหาหากรว่ มมือกนั ทากจ็ ะเปน็ เรื่องดีมาก
2.ฉะนั้นโดยภาพรวมแล้ว
3.เมอ่ื แบ่งสว่ นรบั ผิดชอบกนั และกจ็ ะงา่ ยเขา้
4.ปญั หาทเี่ คยยากๆ
79. เรยี งลาดับข้อความต่อไปนี้ใหถ้ กู ต้อง
ก. 4 3 2 1 ข. 2 1 4 3
ค. 2 3 4 1 ง. 3 2 4 1
1.ถา้ ปลอ่ ยปละละเลยจะเกิดความเสยี หาย
2.หน่วยงานต้องทาใหเ้ กิดความประทับใจในคร้งั แรก
3.ซงึ่ จะตรงึ ใจไปนานแก่ผู้มาติดต่อ
4.ทาใหล้ กู คา้ จะไม่ติดต่อกลับมาอีก
80. เรียงลาดบั ขอ้ ความต่อไปน้ีให้ถูกต้อง
ก. 3 4 2 1 ข. 2 3 1 4
ค. 2 4 3 1 ง. 2 1 3 4
81.คาประพันธใ์ นข้อใดไม่มีการเลน่ คา
ก. เห็นรอหกั เหมือนหนึ่งรักพ่ีรอรา แต่รอท่าร้ังทกุ ขม์ าตามทาง
ข. ถึงบางซ่อนเหมือนเขาซ่อนสรมพ่ี ซอ่ นไวน้ ีด้ อกระฆังเหน็ กวา้ งขวาง
ค. ถงึ บางพังนา้ พังลงตลง่ิ โอชา่ งจรงิ เหมอื นเขาวา่ อนจิ จาเอ๋ย
ง. ปะ๊ โท่นป๊ะโท่นป๊ะโทน่ โท่น บุรษุ สโิ อนสะเอวไหว
82.ข้อใดเป็นบาลที ้ังสองคา
ก. สญั ญา,สญั ฐาน ข. ศานติ ศาสนา
ค. อกั ขระ ,อัศจรรย์ ง. ภิกษุ,วิปสั สนา
83.ข้อใดอ่านออกเสยี งเหมือนกันทุกคา
ก. อุดมการณ์ อดุ มคติ อดุ มศึกษา ข. อรไท อรนชุ อรดี
ค. เกษตรกร จิตรกรรม อนั ตรธาร ง. สมดลุ สมญา สมการ
84.ข้อใดไม่ใช่ประโยคคาถาม
ก. เราจะชว่ ยกันรกั ษาความสะอาดได้อยา่ งไร ข. ทาไมทหารจงึ ปฎิวัติ
ค. ไมม่ ีใครรวยเทา่ กบั น้องพอใจ ง. ใครเป็นแกนนาพรรคประชาธิปัตย์
เจา้ หนา้ ทบ่ี ริหารงานทัว่ ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ
Brain Media 41
85.ขอ้ ใดเป็นประโยคความเดียว ข. สมศรจี ะไปกรุงเทพฯหรือภูเกต็
ก. เขาสอบตกเพราะขาดเรยี นบอ่ ย ง. พอ่ และแม่ไปทาบญุ ทว่ี ดั
ค. สนุ ทรถกู หมาวดั กัด
ข. เธอจะไปวัดหรือไปโรงเรียน
86.ขอ้ ใดเป็นประโยคความรวม ง. พรุ่งนฉ้ี นั จะไปโรงเรยี น
ก. ผมเห็นตารวจจบั ขโมย
ค. เขาตั้งใจเรยี นเลยสอบไดท้ ี่หน่ึง ข. แมวถูกรถชนตาย
ง. กวา่ ถวั่ จะสุก งาก็ไหมเ้ สยี แล้ว
87.ข้อใดเปน็ ประโยคความซ้อน
ก. เขาเล่นการพนันจนไม่มีทรัพยส์ นิ
ค. เพราะเขาขยันเรยี น เขาจึงได้รบั รางวัล
จากขอ้ 88-90 ข้อใดให้ความหมายไมถ่ ูกต้องกับคาราชาศัพท์
88. ก. หอ้ งน้า – ห้องสรง ข. หวี – พระสาง
ค. หลานสาว – พระภาตยิ ะ ง. หอ้ งรบั แขก – ทอ้ งพระโรง
89. ก.ไรจกุ – พระอรุ า ข. รม่ – พระกลด
ค. รปู ถา่ ย – พระบรมฉายาลักษณ์ ง. รองเทา้ – ฉลองพระบาท
90. ก. อก – พระอรุ า ข. แหนบ– พระคยุ หฐาน
ค. เหง่อื – พระเสโท ง. หู – พระกรรณ
91.กนิ แกลบกินรา หมายความว่า........
ก. โง่ ข. เนรคุณ
ค. ทาไดค้ ล่อง ง. เสยี เปรยี บ
92.สานวนในข้อใดตา่ งจากข้ออ่ืน
ก. วานรได้แก้ว ข. ตาบอดไดแ้ วน่
ค. ไก่ได้พลอย ง. คางคกขน้ึ วอ
93.ยงั ไม่ทนั ว่าอะไรเลย แก้ตวั เปน็ พลั วัน สงสัยจะ......................................
ก. กนิ บา้ นกนิ เมือง ข. กินน้าพรกิ ถ้วยเดียว
ค. กินนาเหน็บลิง ง. กนิ ปูนรอ้ นท้อง
94.เรือ่ งของหญงิ คนนี้ ฉันไมข่ อยุ่งเก่ียวอกี ...................................
ก. ชวั่ เจ็ดทดี เี จ็ดหน ข. ชั่วชา่ งชี ดชี า่ งสงฆ์
ค. ชา้ เปน็ การ นานเปน็ คุณ ง. ชายสามโบสถ์ หญิงสามผวั
95.เขาทาตวั เป็น.................เราจงึ ไม่ไว้วางใจ
ก. จบั ปลาสองมอื ข. ก้างขวางคอ
ค. เหยียบเรอื สองแคบ ง. นกสองหัว
เจ้าหน้าท่บี ริหารงานทัว่ ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ
Brain4M2 edia
96.ตอ่ หนา้ ทาดี ลับหลงั ทาชว่ั
ก. ร้รู ักษาตัวรอดเป็นยอดดี ข. ผักชโี รยหนา้
ค. ต่อหน้ามะพลบั หลับหลงั ตะโก ง. มะกอกสามตะกร้าปาไมถ่ ูก
97.คาบลูกคาบดอก
ก. กาลังดาเนินการ ข. กาลงั ลม้ เลิก
ค. กาลงั เดอื ดร้อน ง. กาลังจะประสบผล
98.ชีปล่อยปลาแหง่
ก. แสรง้ ทาวา่ ใจบุญ ข. ทาบุญไม่ถกู ทาง
ค. ถอื ประโยชนจ์ ากผู้อื่น ง. ไมร่ ูว้ า่ สิ่งใดควรไมค่ วร
99.ตีววั กระทบคราด
ก. วา่ กล่าวหรือทาโทษผ้หู นึ่งเพ่อื กระทบกระเทือนถึงอกี ผ้หู นึ่ง
ข. ตวี ัวเพอ่ื ให้คราดนา
ค. ทาใหผ้ หู้ นึง่ เจ็บปวดโดยมิไดเ้ จตนา
ง. ลงโทษผ้หู น่ึงผู้ใดโดยท่เี ขามิไดก้ ระทาผดิ
100.แกว่งเท้าหาเส้ียน
ก. ชอบหาเร่อื งเหลวไหล
ข. ชอบไปหาทุกข์
ค. ชอบนนิ ทาวา่ ร้าย
ง. ชอบสนบั สนุนคนเลว
เจา้ หนา้ ที่บรหิ ารงานทัว่ ไป มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain Media 43
เฉลยข้อสอบภาษาไทย
ขอ้ ท1ี่ ง ขอ้ ท่ี 26 ก ขอ้ ท5ี่ 1 ค ขอ้ ท7่ี 6 ข
ขอ้ ท2ี่ ค ขอ้ ท่ี 27 ก ขอ้ ท5่ี 2 ค ขอ้ ท7ี่ 7 ก
ขอ้ ท3่ี ง ขอ้ ท่ี 28 ง ขอ้ ท5ี่ 3 ง ขอ้ ท7ี่ 8 ก
ขอ้ ท4่ี ง ขอ้ ที่ 29 ข ขอ้ ท5่ี 4 ง ขอ้ ท7่ี 9 ข
ขอ้ ท5่ี ง ขอ้ ท่ี 30 ง ขอ้ ท5ี่ 5 ก ขอ้ ท8ี่ 0 ข
ขอ้ ท6ี่ ข ขอ้ ท่ี 31 ก ขอ้ ท5ี่ 6 ก ขอ้ ท8ี่ 1 ค
ขอ้ ท7่ี ง ขอ้ ท่ี 32 ค ขอ้ ท5่ี 7 ง ขอ้ ท8ี่ 2 ข
ขอ้ ท8ี่ ง ขอ้ ที่ 33 ค ขอ้ ท5่ี 8 ง ขอ้ ท8ี่ 3 ค
ขอ้ ท9่ี ง ขอ้ ท่ี 34 ง ขอ้ ท5ี่ 9 ข ขอ้ ท8ี่ 4 ค
ขอ้ ท1ี่ 0 ง ขอ้ ที่ 35 ก ขอ้ ท6ี่ 0 ง ขอ้ ท8่ี 5 ง
ขอ้ ท1ี่ 1 ข ขอ้ ท่ี 36 ง ขอ้ ท6่ี 1 ง ขอ้ ท8่ี 6 ค
ขอ้ ท1ี่ 2 ง ขอ้ ที่ 37 ก ขอ้ ท6่ี 2 ค ขอ้ ท8่ี 7 ค
ขอ้ ท1่ี 3 ค ขอ้ ที่ 38 ง ขอ้ ท6ี่ 3 ข ขอ้ ท8่ี 8 ค
ขอ้ ท1ี่ 4 ก ขอ้ ที่ 39 ก ขอ้ ท6ี่ 4 ก ขอ้ ท8่ี 9 ก
ขอ้ ท1่ี 5 ง ขอ้ ที่ 40 ค ขอ้ ท6ี่ 5 ข ขอ้ ท9ี่ 0 ข
ขอ้ ท1ี่ 6 ง ขอ้ ที่ 41 ค ขอ้ ท6่ี 6 ข ขอ้ ท9่ี 1 ง
ขอ้ ท1่ี 7 ง ขอ้ ที่ 42 ง ขอ้ ท6่ี 7 ข ขอ้ ท9ี่ 2 ง
ขอ้ ท1่ี 8 ง ขอ้ ท่ี 43 ค ขอ้ ท6ี่ 8 ก ขอ้ ท9ี่ 3 ง
ขอ้ ท1่ี 9 ง ขอ้ ท่ี 44 ง ขอ้ ท6่ี 9 ก ขอ้ ท9ี่ 4 ข
ขอ้ ท2่ี 0 ง ขอ้ ที่ 45 ค ขอ้ ท7่ี 0 ข ขอ้ ท9่ี 5 ง
ขอ้ ท2่ี 1 ข ขอ้ ที่ 46 ง ขอ้ ท7่ี 1 ค ขอ้ ท9่ี 6 ค
ขอ้ ท2่ี 2 ง ขอ้ ท่ี 47 ง ขอ้ ท7ี่ 2 ก ขอ้ ท9ี่ 7 ค
ขอ้ ท2่ี 3 ค ขอ้ ท่ี 48 ค ขอ้ ท7ี่ 3 ง ขอ้ ท9่ี 8 ก
ขอ้ ท2่ี 4 ง ขอ้ ท่ี 49 ก ขอ้ ท7่ี 4 ก ขอ้ ท9่ี 9 ก
ขอ้ ท2่ี 5 ง ขอ้ ที่ 50 ข ขอ้ ท7ี่ 5 ก ขอ้ ท1ี่ 00 ข
เจ้าหน้าท่บี รหิ ารงานทวั่ ไป มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain4M4 edia
ความรคู้ วามสามารถทางด้านตวั เลข (คณติ ศาสตร์)
อนกุ รมธรรมดา
คาชแี้ จง ใหพ้ จิ ารณาหาตวั เลขตวั ถัดไปในอนกุ รม
1. 2 , 5 , 10 , 17, …… 3. 24 ง. 26
ก. 20 ข. 22
ตอบ ข้อ ง.
เฉลย แนวคดิ อนกุ รมชดุ นี้อยูใ่ นระบบ n2 + 1 เมอื่ n = 1,2,3
12 +1 = 2
22 +1 = 5
32 +1 = 10
42 +1 = 17 ( หรอื เพ่ิมขึ้นคร้ังละ 3,5,7,9,…… ตามลาดบั )
52 +1 = 26
2. 1, 8, 27, 64, 125,….
ก. 150 ข. 210 ค. 216 ง 250
ตอบ ค.
เฉลย แนวคดิ อนกุ รมชุดน้ีอยใู่ นระบบ n3 เมือ่ n = 1,2,3,4,…
13,23 =33 ,43,53,63
1 ,8, 27, 64, 125, 216
เพราะฉะน้นั ตัวถดั ไปคือ 216
3. 3, 5, 8, 13, 21,……. ง. 63
ก. 34 ข. 42 ค. 46
ตอบ ก.
เฉลย แนวคดิ อนุกรมชุดนี้อยู่ในระบบการบวก
3+5 = 8
5+8 = 13
8+13 = 21
13+21 = 34
( ตัวถัดไปเกดิ จาดเอาตัวสดุ ท้ายบวกตัวทางซ้ายมอื 21+13 = 34 )
4. 1, 5, 5, 25, 125,….
ก. 2,500 ข. 2,700 ค. 3,000 ง. 3,125
ตอบ ง.
เฉลย แนวคดิ อนกุ รมชุดน้ีอยูใ่ นระบบการคณู
1x5 = 5
เจ้าหน้าทบี่ ริหารงานทว่ั ไป มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ
Brain Media 45
5x5 = 25
5x25 = 125
25x125 = 3,125
ตัวถัดไปเกิดจากเอาตวั สุดทา้ ยคูณตัวทางซ้ายมือ 25x125 = 3,125
5. 3, 4, 10, 33, ……
ก. 150 ข. 166 ค. 170 ง. 136
ตอบ ง.
เฉลย แนวคดิ อนกุ รมชดุ นี้อยู่ในระบบบวกหนึง่ แล้วคูณด้วย n เมอ่ื n = 1,2,3,4,…
3+1x1 = 4
4+1x2 =10
10+1x3 = 33
33+1x4 = 136
6. 56, 55, 51, 42,…
ก. 20 ข. 21 ค. 22 ง. 26
ตอบ ง.
เฉลย แนวคดิ อนุกรมชุดนอี้ ย่ใู นระบบการลบดว้ ย n2 เมอ่ื n = 1,2,3,4,….
56-12 = 55
55-22 = 51
51-32 = 42
42-42 = 26
7. 3, 6, 15, 42,…..
ก. 120 ข. 121 ค. 122 ง. 123
ตอบ ง.
เฉลย แนวคดิ อนุกรมชุดนอ้ี ยใู่ นระบบคูณด้วย 3 แลว้ ลบด้วย 3
3x3-3 = 6
6x3-3 = 15
15x3-3 = 42
42x3-3 = 123
8. 2, 20, 180, 1440, ….
ก. 9,800 ข. 9,980 ค. 10,000 ง. 10,080
ตอบ ง.
เฉลย แนวคดิ อนกุ รมชดุ นอ้ี ยู่ในระบบการคณู
เจา้ หน้าที่บริหารงานทว่ั ไป มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ
Brain4M6 edia
2 x10 = 20
20x9 = 180
180x8= 1440
1440x7 = 10,080
9. 1,000 ,900 ,700 ,400,….
ก. 0 ข. 1 ค. 2 ง. 3
ตอบ ก.
เฉลย แนวคดิ อนุกรมชดุ น้อี ยใู่ นระบบการลบ
1,000-100 = 900
900-200 = 700
700-300 = 400
400-400 = 0
10. 1, -4, -9 ,-14 ,…
ก. -15 ข. -16 ค. -17 ง. -19
ตอบ ง.
เฉลย แนวคดิ อนุกรมชดุ น้ีอย่ใู นระบบลบด้วย 5
1-5 = -4
-4-5 = -9
-9-5 = -14
-14-5 = -19
11. 1, 21, 51, 91, …
ก. 140 ข. 141 ค. 142 ง. 143
ตอบ ข.
เฉลย แนวคิด อนุกรมชดุ น้ีอยู่ในระบบการบวก
1+20 = 21
21+30 = 51
51+40 =91
91+50 = 141
12. 1 , 1, 1, 1,…. ค. 2 ง. 3
5 4 32
ก. 0 ข. 1
ตอบ ข.
เฉลย แนวคดิ อนุกรมชุดน้อี ยู่ในการลบดว้ ย 1 ท่ีส่วน
เจา้ หน้าที่บริหารงานทวั่ ไป มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Brain Media 47
1 =1
5−1 4
1 =1
4−1 3
1 =1
3−1 2
1 =1=1
2−1 1
13. 1, 4, 27, 256,……. ข. 3,121 ค. 3,122 ง. 3,125
ก. 3,120 27 256 3125
ตอบ ง.
เฉลย แนวคดิ 1 4
11 22 33 44 55
14. 1, 4, 13, 40,…
ก. 120 ข. 121 ค. 122 ง. 123
ค. -118 ง. -119
ตอบ ข.
เฉลย แนวคิด 1+31 = 4
4+32 = 13
13+33 = 40
40+34 = 121
15. 1, -2, -11, -38, …..
ก. -116, ข. -117
ตอบ ง.
เฉลย แนวคดิ 1-31 =-2
-2-32 = -11
-11-33 = -38
-38-34 = -119
16. 0.01, 0.02, 0.03, 0.04, ….
เจ้าหนา้ ทีบ่ ริหารงานท่วั ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ
Brain4M8 edia
ก. 0.01 ข. 0.02 ค. 0.03 ง. 0.05
ง. 7
ตอบ ง.
10
เฉลย แนวคดิ อนกุ รมชดุ นี้อย่ใู นระบบการบวก
0.01+0.01 = 0.02
0.02+0.01 = 0.03
0.03+0.01 = 0.04
0.04+0.01 = 0.05
17. 1 , 2 , 3 , 4 ,…… ค. 6
2 468 10
ก. 4 ข. 5
10 10
ตอบ ข.
เฉลย แนวคดิ
1+1 = 2 3+1 = 4
2+2 4 6+2 8
2+1 = 3 4+1 = 5
4+2 6 8+2 10
18. 4, 6, 9, 13,…. ค. 17 ง. 18
ก. 15 ข. 16
ตอบ ง.
เฉลย แนวคดิ
4+2 = 6
6+3 = 9
9+4 = 13
13+5 = 18
19. 2, 8, 20, 44, 92, …. ค. 187 ง. 188
ก. 185 ข. 186 20 44 92 188
เฉลย ง.
แนวคิด 2 8
+6 +12 +24 +48 +96
x2 x2 x2 x2
ค. 127
∴ ตวั ถัดไปคือ 92 + ( 48x2 ) = 188
20. 3, 10, 29, 66, …..
ก. 125 ข. 126 ง. 128
เจ้าหน้าท่บี รหิ ารงานท่วั ไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ
Brain Media 49
เฉลย ค.
แนวคิด อนกุ รมชุดนอี้ ยู่ในระบบ n3 + 2 เม่อื n = 1,2,3,…
13 + 2 = 3
23 + 2 = 10
33 + 2 = 29
43 + 2 = 66
53 + 2 = 127
∴ ตวั ถดั ไป คือ 127
อนุกรมแบบผสม ค. 6 ง. 7
21. 1, 2, 5, 4, 9,……… +2
ก. 4 ข. 5
เฉลย ค.
แนวคดิ ประกอบดว้ ยอนุกรมย่อย 2 ชุด สลบั กันอย่ดู ังน้ี
+2
125496
+4 +4
∴ ตัวถดั ไป คือ 6
22. 15, -2, 10, -5, 5,………
ก. -5 ข. -6 ค. -7 ง. -8
-5
เฉลย ง.
แนวคดิ -5
15 -2 10 -5 5 -8
ชุดแรก ลดลงทีละ 5 -3 -3
15 10 5 ชุดทส่ี อง ลดลงทีละ 3
-2 -5 -8 ∴ ตัวถดั ไป คือ -8
23. 9, 18, 6, 24, 3, 30, ………
ก. 0 ข. 1 ค. 2 ง. 3
เฉลย ก.
เจ้าหนา้ ทบี่ รหิ ารงานท่ัวไป มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ