แมพ่ ิมพโ์ ลหะเบอื้ งต้น
(รหสั วิชา 20102-2201)
คานา
หนงั สอื เรยี นวชิ า แมพ่ มิ พโ์ ลหะเบอ้ื งตน้ รหสั วชิ า 20102-2201 เรยี บเรยี งขน้ึ เพอ่ื
ประกอบการเรยี นการสอน ตามหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.) พทุ ธศกั ราช 2562
ของสานกั งานคณะกรรมการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เน้อื หาเล่มน่มี เี น้อื หาทงั้ หมด 4 หน่วยการเรยี น ประกอบดว้ ย (1) พน้ื ฐานเกย่ี วกบั
แมพ่ มิ พโ์ ลหะ (2) โครงสรา้ งและสว่ นประกอบของแมพ่ มิ พโ์ ลหะ (3) ชน้ิ สว่ นมาตรฐานของ
แมพ่ มิ พโ์ ลหะ (4) เครอ่ื งปัม๊ และอุปกรณ์ชว่ ยในงานแมพ่ มิ พ์
หน่วยที่1 พ้นื ฐานเก่ียวกบั แมพ่ ิมพโ์ ลหะ สารบญั
หน่วยท่ี 2 โครงสร้างและส่วนประกอบของแม่พมิ พโ์ ลหะ
หน่วยที่ 3 ชิ้นส่วนมาตรฐานของแมพ่ มิ พโ์ ลหะ หน้า
หน่วยท่ี 4 เคร่ืองป๊ัมและอุปกรณ์ช่วยในงานแมพ่ มิ พ์ 1
39
69
125
1
หน่วยท่ี 1
พนื้ ฐานเก่ียวกบั แมพ่ ิมพโ์ ลหะ
หวั เรื่อง
1. แมพ่ มิ พท์ ี่ใชใ้ นการผลิต
2. การข้นึ รูปโลหะ
3. พ้ืนฐานเกี่ยวกบั แม่พิมพโ์ ลหะ
4. ชนิดของแม่พิมพโ์ ลหะ
สมรรถนะประจำหน่วย
1. แสดงความรู้เกี่ยวกบั พ้ืนฐานแมพ่ ิมพโ์ ลหะ
วตั ถุประสงค์
หลงั จากศึกษาบทเรียนน้ีแลว้ นกั ศึกษาสามารถ
1. บอกชื่อของแมพ่ ิมพท์ ี่ใชใ้ นการผลิตได้
2. อธิบายกระบวนการข้นึ รูปโลหะได้
3. บอกความหมายของแมพ่ ิมพโ์ ลหะได้
4. บอกขอ้ ดีและขอ้ จากดั ของการอดั โลหะได้
5. บอกลกั ษณะพึงประสงคข์ องแม่พิมพโ์ ลหะได้
6. จาแนกชนิดของแมพ่ ิมพโ์ ลหะตามลกั ษณะการข้ึนรูปได้
7. จาแนกชนิดของแมพ่ มิ พโ์ ลหะตามลกั ษณะงานได้
คุณธรรม จริยธรรม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีมนุษยสัมพนั ธ์
2. ความมีวินยั
3. ความรับผดิ ชอบ
4. ความซ่ือสตั ยส์ ุจริต เสียสละ อดทน
2
5. ความสนใจใฝ่รู้
ในช่วงหลายปี ท่ีผ่านมา จะพบว่าอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ทาจากโลหะและพลาสติกใน
ประเทศไทยไดม้ ีการพฒั นามากยง่ิ ข้ึน ซ่ึงผลิตภณั ฑท์ ี่ทาการผลิตไดแ้ ก่ผลิตภณั ฑท์ ่ีใชใ้ นชีวิตประจาวนั และ
ผลิตภณั ฑท์ ่ีใชใ้ นโรงงานอุตสาหกรรม เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์และอะไหล่ของเคร่ืองจกั ร และ
ชิ้นส่วนของผลิตภณั ฑเ์ คร่ืองใชไ้ ฟฟ้า
รูปที่ 1.1 ชิ้นส่วนของรถยนต์
ท่ีมา: http://www.9engineer.com/index.php?m=article&a=show&article_id=418
รูปท่ี 1.2 ชิ้นส่วนของเคร่ืองซกั ผา้ ไฟฟ้า
ที่มา: http://www.lg.com
3
1. แม่พมิ พ์ทใ่ี ช้ในกำรผลติ
1.1 แม่พิมพ์ข้ึนรูปโลหะ ซ่ึงใช้ในการข้ึนรูปโลหะแผ่น และโลหะก้อน เช่น แม่พิมพ์ตัด (Cutting
die) แม่พิมพด์ ดั งอข้ึนรูป (Bending die) แม่พิมพล์ ากข้ึนรูป (Drawing die) แม่พิมพท์ ุบข้ึนรูป (Forging die)
แมพ่ ิมพอ์ ดั ข้ึนรูป (Extrusion die) แม่พิมพ์รีดข้ึนรูปเส้นลวด (Wire extrusion die)
รูปที่ 1.3 แมพ่ มิ พต์ ดั โลหะ
ท่ีมา: http://www.tatc.ac.th/external_newsblog.php?links=4435#
4
รูปที่ 1.4 แมพ่ มิ พด์ ดั งอ
ท่ีมา: https://www.indiamart.com/proddetail/press-bending-die-14433888673.html
รูปที่ 1.5 แม่พมิ พล์ ากข้ึนรูป
ท่ีมา: https://www.sohu.com/a/253056528_748306
รูปที่ 1.6 แมพ่ ิมพท์ ุบข้ึนรูป
ที่มา: https://www.clubgti.com
5
รูปท่ี 1.7 แม่พมิ พอ์ ดั ข้ึนรูป
ที่มา: https://www.ullrich.com.au/products
รูปท่ี 1.8 แม่พมิ พร์ ีดข้ึนรูปเสน้ ลวด
ท่ีมา: https://www.indiamart.com/proddetail/tungsten-carbide-guides-16051751630.html
1.2 แม่พิมพข์ ้ึนรูปวสั ดุที่ไม่ใช่โลหะ เช่นแมพ่ ิมพท์ ี่ใชใ้ นการข้ึนรูปยาง พลาสติก และเซรามิค
รูปท่ี 1.9 แม่พมิ พข์ ้ึนรูปพลาสติก
ที่มา: http://iskakalip.com/haber/kalip-nedir.html
6
รูปที่ 1.10 แมพ่ ิมพเ์ ซรามิค
ที่มา: https://www.indiamart.com/linkcomposites-pune/dow-corning-rubber.html
1.3 แมพ่ ิมพง์ านหล่อโลหะข้ึนรูป เช่นแม่พมิ พส์ าหรับงานฉีดโลหะ (Die casting)
รูปที่ 1.11 แมพ่ ิมพฉ์ ีดโลหะ
ที่มา: http://novelmould.com
รูปที่ 1.12 เครื่องจกั รในงานแมพ่ มิ พฉ์ ีดโลหะ
ท่ีมา: https://images.app.goo.gl/yQ5GaQAjBakxMC696
7
2. กำรขึน้ รูปโลหะ
2.1 กระบวนการข้นึ รูปโลหะ (Metal forming process)
กระบวนการข้ึนรูปโลหะ หมายถึง กระบวนการผลิตท่ีเปล่ียนรูปร่างของวตั ถุดิบให้เป็ นผลิตภัณฑ์
(Product) ท่ีมีรูปร่างตามตอ้ งการ โดยใชแ้ มพ่ ิมพห์ รือเครื่องมือเฉพาะ (Die หรือ Forming tool) ในการข้ึนรูป
ในขณะที่วตั ถุดิบอยู่ในสภาวะของแขง็ โดยไม่มีการเสียเศษ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงองคป์ ระกอบภายใน
ของวสั ดุน้ัน ๆ จึงเรียกว่าเป็ น “งานข้ึนรูปโลหะ (Metal forming process) หรืองานเปลี่ยนรูปโลหะในช่วง
การเปลี่ยนรูปแบบถาวร (Metal deformation process)”
รูปที่ 1.13 ตวั อยา่ งชิ้นงานท่ีผา่ นกระบวนการข้ึนรูปโลหะ
ท่ีมา: http://thai.deepdrawn-parts.com
2.2 ลกั ษณะของงานข้ึนรูปโลหะ
งานข้นึ รูปโลหะเป็นกระบวนการเปล่ียนรูปร่างของวสั ดุ โดยจะเปลี่ยนรูปร่างในสภาวะที่เป็นของแขง็
ซ่ึงวสั ดุยงั มีค่าความแข็งแรงสูง ดงั น้นั แม่พิมพจ์ ึงตอ้ งมีความแขง็ แรง ทนทาน มีคุณภาพสูง และโดยทว่ั ไป
มกั จะมีขนาดใหญ่ รวมถึงเครื่องปั๊มก็ยงั ต้องสามารถส่งผ่านแรงได้มากเพียงพอในการข้ึนรูปโลหะได้
กระบวนการข้นึ รูปโลหะจึงเป็นกระบวนการท่ีมีตน้ ทุนการผลิตสูง และเหมาะสมหรือคมุ้ ทนั ในกรณีที่มีการ
ผลิตสูง (Mass production) นอกจากน้ันจะพบว่า ชิ้นงานที่ผ่านการข้ึนรูปแล้ว จะมีค่าความแข็งแรง
(Strength) เพ่ิมข้ึนเนื่องจากสมบตั ิของความเครียดแขง็ (Strain hardening) ของวสั ดุเอง ดงั น้นั หากชิ้นงานท่ี
8
ผ่านการข้ึนรูปแลว้ จะตอ้ งนามาข้ึนรูปในข้นั ตอนต่อไปอีก จะตอ้ งใชแ้ รงในการข้ึนรูปท่ีมากข้ึน เน่ืองจาก
ชิ้นงานมีความแขง็ แรงมากข้ึนจากสมบตั ิของความเครียดแขง็
รูปที่ 1.14 สมบตั ิของความเครียดแขง็ (Strain hardening) ของวสั ดุ
ท่ีมา: https://www.semanticscholar.org/
3. พื้นฐำนเกย่ี วกบั แม่พมิ พ์โลหะ
การผลิตชิ้นงานในงานเครื่องมือกล สามารถผลิตไดห้ ลายวิธี และใช้เครื่องจกั รกลไดห้ ลายประเภท
ข้ึนอยู่กับเงื่อนไขและปัจจัยหลาย ๆ ประการ เช่น การผลิตชิ้นงานโลหะแผ่น (Sheet Metal) ท่ีมีรูปร่าง
เหมือนกนั ขนาดเท่ากนั ท่ีมีจานวนมากกว่า 1 ชิ้น สามารถเลือกตดั สินใจเลือกวิธีการผลิตและเครื่องจกั รกล
ไดห้ ลายประเภทและหลายวิธี แต่ถา้ ผูผ้ ลิตไม่สามารถตดั สินใจได้ สามารถใชต้ ารางต่อไปน้ีเป็นหลกั เกณฑ์
ช่วยในการตดั สินใจ
ตำรำงที่ 1.1 ปริมาณการผลิตชิ้นงาน จานวนและหลกั เกณฑ์การเลือกกรรมวิธีการผลิตดว้ ยเครื่องมือกลและ
เครื่องจกั รกลประเภทต่าง ๆ
ปริมำณ จำนวน (ชิน้ ) รำยกำร
นอ้ ยมาก 1 – 500 ควรผลิตดว้ ยมือ หรือเครื่องจกั รในงานเครื่องมือกล
ตวั อยา่ ง กรรไกรตดั โลหะ เคร่ืองเจาะ เคร่ืองกลึง เครื่องกดั
นอ้ ย 501 – 5,000 ใชแ้ ม่พิมพต์ ดั งา่ ย ๆ Blanking Die และ Piercing Die เคร่ืองจกั รแบบ
Universal
ปานกลาง 5,001-50,000 ใชเ้ คร่ืองจกั รแบบ Universal, แม่พิมพแ์ บบตอ่ เน่ือง, Progressive
Die การป้อนแผน่ งาน ป้อนดว้ ยมือ
9
มาก 50,001 –100,000 แมพ่ ิมพ์ แบบต่อเน่ือง, Progressive Die การป้อนแผน่ งาน
ป้อนแบบอตั โนมตั ิ
มากที่สุด > 1,000,000 ใชแ้ ม่พมิ พแ์ บบตอ่ เน่ือง ระบบทุกอยา่ งเป็นแบบอตั โนมตั ิ
จากตารางท่ี 1.1 การเลือกกรรมวิธีการผลิตชิ้นงานดว้ ยกรรมวิธีต่าง ๆ และเคร่ืองจกั รกลชนิดต่าง ๆ
ข้ึนอยู่กบั ปริมาณการผลิตชิ้นงาน ชุดเคร่ืองมือกลที่ใช้ในการผลิตชิ้นงานจานวนมากจะใช้แม่พิมพ์หรือ
แม่พิมพป์ ๊ัมข้นึ รูปโลหะ (Metal Die)
3.1 ความหมายของแม่พิมพโ์ ลหะ
แม่พิมพโ์ ลหะ คือ ชุดเคร่ืองมือที่สร้างข้ึนเพ่ือใชใ้ นการผลิตชิ้นส่วนหรือผลิตภณั ฑ์โลหะโดยการอดั
โลหะ ซ่ึงกรรมวิธีน้ีเป็นการผลิตชิ้นส่วนจานวนมาก (Mass Production) ลกั ษณะรูปร่างเหมือนกนั สามารถ
ผลิตชิ้นงานไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ผลิตภณั ฑท์ ี่ไดจ้ ากกรรมวิธีการอดั โลหะ เป็นผลิตภณั ฑท์ ี่นามาใชเ้ ป็นเคร่ืองใช้
โดยตรงหรือใชเ้ ป็นชิ้นส่วนของเครื่องใชใ้ นชีวิตประจาวนั และเป็นชิ้นส่วนของผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรมอ่ืน
ๆ เป็นจานวนมาก
รูปที่ 1.15 แมพ่ มิ พโ์ ลหะ
ที่มา: https://www.fibro.de/en/standardparts/product-groups/diesets/
ชิ้นส่วนหรือชิ้นงานที่ไดจ้ ากการอดั โลหะ ใชก้ นั อย่างกวา้ งขวางในรถยนต์ รถจกั รยาน นาฬิกา กลอ้ ง
ถ่ายรูป เครื่องเขียน ภาชนะประจาโต๊ะอาหาร และอุตสาหกรรมอื่น ๆ อาจกล่าวไดว้ ่าส่ิงของเคร่ืองใชต้ ่าง ๆ
รอบตวั เราส่วนใหญ่จะเป็นผลผลิตของการอดั โลหะ
10
การอดั โลหะใชก้ นั อย่างกวา้ งขวางท่ีสุดในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ จากรูปที่ 1.16 เป็นตวั อย่างของ
ชิ้นส่วนรถยนตน์ งั่ ในส่วนโครงสร้างหลกั ประกอบดว้ ยแหวนและตวั จบั ยดึ จานวนมาก ในตวั รถท้งั หมดจะ
ประกอบดว้ ยชิ้นส่วนต่าง ๆ เป็นจานวนพนั หรือหม่ืนชิ้นที่ไดม้ าจากการอดั โลหะ
ในการผลิตรถยนต์บริษทั หน่ึงอาจผลิตรถหลายชนิด ซ่ึงชิ้นส่วนของรถแต่ละชนิดก็แตกต่างกัน
ฉะน้นั ชิ้นส่วนรวมท้งั หมดจึงมีจานวนมาก
รูปท่ี 1.16 ตวั อยา่ งชิ้นส่วนท่ีไดจ้ ากการอดั โลหะ
ท่ีมา: เกษม เลิศรัตน์ และมทั สึโอะ มิยากาวา, 2527.
รองลงไปคืออุตสาหกรรมผลิตเคร่ืองใช้ไฟฟ้า ตวั อย่างเช่น เคร่ืองรับโทรทศั น์ วิทยุ ไฟแสงสว่าง
ตู้เย็น และอื่น ๆ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกี่ยวกับกับการส่ือสารโทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์ ซ่ึงมีชิ้นส่วน
11
อิเล็กทรอนิกส์มากมาย เช่น รีเลย์ สวิตช์ ทรานซิสเตอร์ ไอซี และอื่น ๆ อุปกรณ์เหล่าน้ีตอ้ งการชิ้นส่วนท่ีมี
ความเที่ยงตรงสูงในการสร้าง
รูปที่ 1.17 เป็นท่ีเยบ็ กระดาษ (Stapler) และชิ้นส่วนซ่ึงมีอยู่ 8 ชิ้น 2 ชิ้นทาดว้ ยพลาสติก และอีก 6 ชิ้น
ทาจากการอดั โลหะ
ชิ้นส่วนท่ีไดจ้ ากการอดั โลหะใชก้ นั อย่างกวา้ งขวางในการทาผลิตภณั ฑช์ นิดต่าง ๆ ต้งั แต่ขนาดเล็ก
จนถึงขนาดใหญ่ เช่น ชิ้นส่วนของนาฬิกา โทรศพั ทม์ ือถือ เครื่องบิน รถยนต์ รถไฟ รถไฟฟ้า เรือ
ความสาคญั ของกรรมวิธีการอดั โลหะนบั วนั จะมีความสาคญั มากข้ึนตามลาดบั ซ่ึงเป็นฐานอนั สาคญั
ของการพฒั นาอุตสาหกรรมในอนาคต
รูปท่ี 1.17 ชิ้นส่วนที่เยบ็ กระดาษ ผลิตโดยวธิ ีอดั โลหะแผน่
ท่ีมา: เกษม เลิศรัตน์ และมทั สึโอะ มิยากาวา, 2527.
3.2 ขอ้ ดีและขอ้ จากดั ของการอดั โลหะ
3.2.1 ขอ้ ดีของการอดั โลหะ
การอดั โลหะซ่ึงใชผ้ ลิตชิ้นงานเป็นจานวนมากในอุตสาหกรรมน้นั มีลกั ษณะที่เปรียบเทียบกบั การ
แปรรูปโลหะโดยวิธีอ่ืน เช่น การแปรรูปโดยเครื่ องมือกล (Machining) การเชื่อมประสาน (Welding) และ
การหล่อ (Casting) ดงั ต่อไปน้ี
3.2.1.1 ทาวสั ดุใหเ้ ป็นรูปร่างโดยใชแ้ รงขนาดหนกั
12
การอดั โลหะเป็นกรรมวิธีการเปล่ียนรูป (Deformation Processing) โดยเปลี่ยนรูปโลหะหรือวสั ดุอ่ืน
ดว้ ยแรงขนาดหนกั โดยอดั โลหะหรีอวสั ดุในระหว่างแม่พิมพ์ (Die) โดยใชเ้ ครื่องอดั โลหะหรือวสั ดุจะ ถูก
ทาใหเ้ ปล่ียนรูปตามลกั ษณะของแมพ่ มิ พซ์ ่ึงทาเป็นรูปร่างที่ตอ้ งการ ดงั รูป 1.18
รูปที่ 1.18 แมพ่ ิมพอ์ ดั ดดั
ท่ีมา: เกษม เลิศรัตน์ และมทั สึโอะ มิยากาวา, 2527.
เพ่ือให้ชิ้นงานซ่ึงเปล่ียนรูปไปตามลกั ษณะของแม่พิมพใ์ ห้ไดร้ ูปร่างและขนาดท่ีถูกตอ้ ง จึงจาเป็ น
จะตอ้ งทาแม่พิมพใ์ หม้ ีความถูกตอ้ งเที่ยงตรงดว้ ยกรรมวิธีเปลี่ยนรูปโดยใชแ้ รงขนาดหนกั นอกจากวิธีการ
อดั โลหะดงั กล่าวแลว้ ก็มีวิธี การตี (Forging) การรีด (rolling) เอก็ ซท์ รูชนั่ (Extrusion) การรีดเส้นลวด (Wire
Drawing) การรีดข้ึนรูป (Roll Forming) รูปที่ 1.19
13
รูปที่ 1.19 การแปรรูปชนิดต่าง ๆ
ที่มา: เกษม เลิศรัตน์ และมทั สึโอะ มิยากาวา, 2527.
3.2.1.2 ทาไดร้ วดเร็ว
ในวิธีการอดั โดยปกติเราสามารถทางานข้นั ตอนเดียวสาเร็จในช่วงชกั เดียว (One Stroke) ของเคร่ือง
อดั โดยไม่ตอ้ งใช้ความร้อน ดังน้ันวงจรทางานจึงส้ันมากกว่าวิธีอื่น จึงทาให้สามารถผลิตชิ้นงานได้เป็ น
จานวนมากและราคาถูก
3.2.1.3 ทาภาชนะรูปลึกหรือดดั โดยใชโ้ ลหะแผน่ เดียว
ผซู้ ่ึงไม่คุน้ เคยกบั งานอดั โลหะจะไม่เชื่อวา่ ลกั ษณะงานดงั รูป 1.20 น้นั ทามาจากโลหะแผ่นเดียว และ
อาจจะกลา่ วไดว้ า่ งานดงั กลา่ วน้ีไมส่ ามารถทาไดโ้ ดยวิธีอ่ืนนอกจากวธิ ีอดั โลหะ
14
รูปที่ 1.20 ตวั อยา่ งงานดดั ท่ีซบั ซอ้ น
ท่มี ำ: http://www.hydrosolutionsofduluth.com/metalforming.html
3.2.1.4 ทาชิ้นงานไดจ้ านวนมากโดยมีรูปร่างและคุณภาพเหมือนกนั
เนื่องจากเราไดท้ ารูปร่างท่ีตอ้ งการไวท้ ี่แม่พิมพ์ ดงั น้นั จึงสามารถทาชิ้นงานท่ีมีลกั ษณะเดียวกนั ได้
เป็นจานวนมาก และสามารถทาชิ้นงานที่มีคณุ ภาพสม่าเสมอ
3.2.1.5 ทาไดง้ ่ายและไมต่ อ้ งการความชานาญ
เราสามารถผลิตชิ้นงานที่มีคุณภาพเหมือนกนั ไดง้ ่ายโดยวิธีอดั โลหะ ซ่ึงโดยทวั่ ไปแลว้ จะเป็ นการ
ยากและตอ้ งอาศยั ความชานาญท่ีจะทางานรูปร่างแปลก ๆ และใหค้ วามเที่ยงตรงสูงโดยเฉพาะอยา่ งย่ิง ถา้ จะ
ทาโดยตดั แปรรูปดว้ ยเครื่องมีอกล
3.2.1.6 ใชว้ สั ดุไดเ้ ตม็ ท่ี
เน่ืองจากเราทาชิ้นงานหน่ึงชิ้นจากโลหะหน่ึงแผ่น การเสียเศษจึงน้อยมากทาใหค้ ่าวสั ดุลดลง ดงั รูป
1.21 การอดั ดดั แผน่ เปล่า (Blanking) แกนหมอ้ แปลงไฟฟ้า ดงั รูป 1.22 จะไมม่ ีการเสียเศษโลหะ
15
รูปที่ 1.21 ความแตกต่างในการวธิ ีผลิตงานดดั
ท่ีมา: เกษม เลิศรัตน์ และมทั สึโอะ มิยากาวา, 2527.
รูปที่ 1.22 ตวั อยา่ งการใชว้ สั ดุโดยไม่เสียเศษ
ที่มา: เกษม เลิศรัตน์ และมทั สึโอะ มิยากาวา, 2527.
3.2.1.7 ไดช้ ิ้นงานท่ีแขง็ แรง
16
ชิ้นงานที่ไดจ้ ากการอดั โลหะจะแข็งแรงเพราะไม่มีรอยต่อเหมือนกบั การทาโดยวิธีเครื่องมือกลและ
เชื่อมประสาน นอกจากน้นั ยงั บางและเบา
3.2.2 ขอ้ จากดั ของการอดั โลหะ
แมพ่ มิ พ์ (Die) เป็นกญุ แจสาคญั สาหรับความละเอียดเที่ยงตรงในงานอดั โลหะ ความสาคญั ของ ความ
เท่ียงตรงและประสิทธิภาพในการผลิตของแม่พิมพอ์ ดั โลหะจะมีความสาคญั เช่นเดียวกนั กบั เครื่อง มือท่ีใช้
ในงานเครื่องมือกล
ชิ้นงานแต่ละชิ้นตอ้ งการแม่พิมพเ์ ฉพาะชิ้นงานน้ัน ฉะน้นั ในการทางานชิ้นใหม่จึงตอ้ งทาแม่พิมพ์
ข้นึ มาเฉพาะงานชิ้นน้นั การทาแม่พมิ พเ์ ป็นงานยากกินเวลาและราคาแพง ฉะน้นั ส่ิงที่สาคญั ในงานอดั โลหะ
ก็คือการทาแม่พิมพอ์ ย่างรวดเร็วและราคาถูกเท่าท่ีจะทาได้ ความสาเร็จของการอดั โลหะประการ หน่ึงก็คือ
การใชแ้ มพ่ ิมพแ์ ละการบารุงรักษาท่ีเหมาะสม
แมว้ ่ากรรมวิธีการอดั โลหะจะมีข้อดีอยู่หลายประการดังกล่าวมาแลว้ ก็ตาม แต่ก็ยงั มีขีดจากัดใน
กรรมวธิ ีบางประการ การไม่ตระหนกั ถึงขดี จากดั ของกรรมวิธีจะทาใหช้ ิ้นงานที่ไดผ้ ดิ ไปจากที่ไดค้ าดหวงั ไว้
ซ่ึงจะทาใหเ้ กิดปัญหาได้ ขดี จากดั บางประการของการอดั โลหะมีดงั ต่อไปน้ี
3.2.2.1 ลกั ษณะของรอยตดั
ลักษณะของรอยตัด ดังรูป 1.23 (ก) เป็ นการตดั ชนิดอัดตดั แผ่นเปล่า (Blanking) ซ่ึงเป็ นลกั ษณะ
เฉพาะตวั ของการตดั แบบน้ี ซ่ึงจะไมเ่ หมือนกบั การตดั โดยวธิ ีเคร่ืองมีอกล ดงั รูป 1.23 (ข)
3.2.2.2 ลกั ษณะของแผน่ เปลา่
การทาชิ้นงานจากการอดั โลหะจะทาจากแผน่ งานที่มีลกั ษณะเป็ นแผ่นเดี่ยว (Single Sheet) ชิ้นงานท่ี
ตอ้ งการแผน่ เปล่าที่ไมไ่ ช่แผน่ เด่ียวไม่สามารถทาไดใ้ ดยวธิ ีอดั โลหะ
ในกรณีของรูป 1.24 (ก) อาจใชว้ ิธีเชื่อมสองส่วนเขา้ ดว้ ยกนั อยา่ งไรก็ตาม ถา้ มีการเปลี่ยนแปลงตาม
รูป 1.24 (ข) กส็ ามารถทาชิ้นงานน้นั โดยวิธีอดั โลหะได้
17
รูปท่ี 1.23 การเปรียบเทียบรอยตดั
ที่มา: เกษม เลิศรัตน์ และมทั สึโอะ มิยากาวา, 2527.
รูปท่ี 1.24 ชิ้นงานท่ีดดั แปลงสาหรับการอดั โลหะ
ที่มา: เกษม เลิศรัตน์ และมทั สึโอะ มิยากาวา, 2527.
3.2.2.3 ระยะห่างระหวา่ งรูกบั ขอบของชิ้นงาน
ดงั ไดก้ ล่าวมาแลว้ ว่าการอดั โลหะเป็นการเปล่ียนแปลงรูปแผ่นงานโดยใชแ้ รง ฉะน้นั ในกรณีท่ีรูถูก
เจาะใกลก้ บั ขอบของงานมากเกินไป ขอบงานจะโป่ งออกเม่ือทาการอดั เจาะ (Piercing) และทาให้ขอบงาน
ไม่แข็งแรง จงจาเป็ นตอ้ งขยายระยะทางระหว่างขอบงานและรูให้กวา้ งข้ึน หรือจะทารอยบาก (Notch)
แทนที่จะทาเป็นรูก็จะใชง้ านไดเ้ ช่นเดียวกนั รูป 1.25
18
รูปที่ 1.25 การพิจารณาออกแบบตาแหน่งรูเจาะ
ท่ีมา: เกษม เลิศรัตน์ และมทั สึโอะ มิยากาวา, 2527.
3.2.2.4 ลกั ษณะการดดั
การดดั ท่ีมีขาดดั (Bend Leg) ส้นั จะดดั ไดย้ ากรอยดดั จะยดื และทาใหร้ ูท่ีอยใู่ กลร้ อยดดั (Bend Line) เบ้ียว
รูป 1.26 จึงจาเป็นตอ้ งใหข้ อบของรูอยหู่ ่างรอยดดั ประมาณ 2 เท่า ของความหนาของแผน่ งาน
รูปที่ 1.26 ขอบของรูอยหู่ ่างรอยดดั ประมาณ 2 เท่า ของความหนาของแผน่ งาน
ท่ีมา: เกษม เลิศรัตน์ และมทั สึโอะ มิยากาวา, 2527.
3.2.2.5 งานอดั ข้นึ รูปลึก
19
การอดั ข้ึนรูปเป็ นงานท่ีค่อนขา้ งยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งการอดั ข้ึนรูปลึก (Deep Drawing) เน่ืองจาก
ความหนาของผนงั ชิ้นงานจะเปลี่ยนไป ฉะน้นั ถา้ ชิ้นส่วนที่ตอ้ งการความเที่ยงตรงเกี่ยวกบั ขนาดค่อนขา้ งสูง
จะตอ้ งทาการอดั รีด (Ironing) หลงั จากทาการอดั ข้นึ รูปแลว้
รูปร่างและขนาดของชิ้นงานอดั ข้ึนรูปจะข้ึนอยู่กับลกั ษณะและขนาดของพ้นั ช์ รูป 1.27 แสดงการ
กาหนดขนาดรัศมีมมุ กน้ ที่ไม่เหมาะสม
รูปที่ 1.27 ลกั ษณะของรัศมีมมุ กน้ ที่ไมเ่ หมาะสม
ที่มา: เกษม เลิศรัตน์ และมทั สึโอะ มิยากาวา, 2527.
3.3 ลกั ษณะพงึ ประสงคข์ องแม่พิมพโ์ ลหะ
แม่พิมพเ์ ป็นเครื่องมือท่ีใชใ้ นการเปล่ียนรูปวสั ดุใหเ้ ป็นรูปทรงที่ตอ้ งการ ส่วนประกอบของแม่พิมพ์
มิใช่จะมีเฉพาะตวั พ้นั ช์และดายเท่าน้นั แต่ยงั มีส่วนประกอบอื่น ๆ อีก เพราะว่าแม่พิมพไ์ ม่ใช่ใช้เฉพาะอดั
วสั ดุแคเ่ พียงอยา่ งเดียวเทา่ น้นั แตจ่ ะตอ้ งผลิตชิ้นงานที่มีคุณภาพสูงจึงตอ้ งมีส่วนประกอบอ่ืน เพอ่ื จะทาใหส้ ่ิง
ดงั กล่าวแลว้ เป็นไปได้
3.3.1 ผลิตชิ้นงานให้ไดล้ กั ษณะและขนาดตามคุณภาพท่ีตอ้ งการ (ซ่ึงรูปร่างของพ้นั ช์และดาย
จะตอ้ งเหมาะสม)
3.3.2 การกาหนดตาแหน่งของชิ้นงานจะต้องเท่ียงตรงและเหมาะสม (ต้องมีอุปกรณ์กาหนด
ตาแหน่ง)
3.3.3 ชิ้นงานและเศษงาน (scraps) ท่ีอดั แลว้ ตอ้ งกาจดั ให้พน้ จากพ้นั ช์และดาย และกาจดั ออก
ภายนอกแมพ่ ิมพไ์ ดง้ ่าย (ตอ้ งมีอปุ กรณ์กาจดั )
3.3.4 ประกอบติดกบั เครื่องอดั ไดง้ ่ายและมน่ั คงไม่เคลื่อนที่ขณะทางาน (ตอ้ งมีส่วนประกอบยึด
จบั )
3.3.5 ทนทานต่อการสึกหรอ และประมาณอายุการใช้งานไดใ้ ดยการประมาณจานวนชิ้นงานท่ี
ผลิตได้ (พ้นั ชแ์ ละดายตอ้ งทนต่อการสึกหรอ)
3.3.6 ง่ายตอ่ การซ่อมบารุง (ชิ้นส่วนของแมพ่ มิ พส์ ามารถถอดเปล่ียนได้ ในกรณีท่ีเกิดแตกหกั และ
ตอ้ งการซ่อม)
20
3.3.7 มีความปลอดภยั ในขณะทางาน
3.3.8 ง่ายตอ่ การปฏิบตั ิงานและมีประสิทธิภาพสูง
3.3.9 จานวนตาแหน่งทางาน (Working Stages) ใหม้ ีนอ้ ยท่ีสุดเท่าท่ีจะทาได้
การทาแม่พิมพไ์ ม่ใช่มีความยากเฉพาะในตวั พ้นั ช์และดายมีลกั ษณะและขนาดที่ถูกตอ้ งเท่าน้ัน แต่
จะตอ้ งทาแมพ่ ิมพใ์ หม้ ีลกั ษณะท่ีพึงประสงคด์ งั กลา่ วดว้ ยโครงสร้างที่งา่ ย ๆ
สิ่งที่พึงประสงคใ์ นงานอดั โลหะของแต่ละโรงงานจะแตกต่างกนั ท้งั น้ีก็เน่ืองจากสิ่งประกอบหลาย
ประการ เช่น ชนิดและความสามารถของเครื่องอัด อุปกรณ์ประกอบ ความชานาญประสบการณ์ของ
ผปู้ ฏิบตั ิงานและการบารุงรักษา
ตวั อยา่ งเช่น การทาแหวนแบน (Washer) ดงั รูป 1.28 (ก)
การออกแบบทาแม่พิมพท์ าไดถ้ ึง 3 วิธี ดงั รูป 1.28 (ข) จะใชว้ ิธีไหนน้นั ข้ึนอยู่กบั ลกั ษณะของเคร่ือง
อดั อปุ กรณ์ประกอบ จานวนการผลิต ความเท่ียงตรงของชิ้นงาน และราคาของแม่พิมพ์
รูปที่ 1.28 วิธีการตา่ ง ๆ ในการอดั แหวนแบน
ที่มา: เกษม เลิศรัตน์ และมทั สึโอะ มิยากาวา, 2527.
ในการสร้างและออกแบบแมพ่ ิมพ์ ถา้ ผสู้ ร้างไม่ไดศ้ ึกษาสภาพรายละเอียดต่าง ๆ ที่เก่ียวขอ้ งกบั การใช้
แม่พิมพ์ของโรงงานน้ัน อาจจะเกิดปัญหาและอุปสรรคนานาประการได้ ฉะน้ันจงต้องมีการวางแผน
ล่วงหนา้ อยา่ งเพยี งพอกบั วิศวกรประจาโรงงานอดั โลหะ (Stamping Shop) ก่อนที่จะลงมือทาแมพ่ ิมพ์
4. ชนิดของแม่พมิ พ์โลหะ
21
4.1 แบ่งตามลกั ษณะการข้ึนรูป
แม่พมิ พป์ ั๊มข้ึนรูปโลหะ แบ่งออกไปไดห้ ลายชนิด ตามลกั ษณะของงานท่ีทาการปั๊มข้ึนรูป รวมถึงงาน
ปั๊มข้ึนรูปโลหะขณะร้อน (Hot Working) หรือสภาพร้อน เช่น งาน Drop Forging ที่ตอ้ งใชแ้ มพ่ ิมพท์ าการป๊ัม
ข้ึนรูปกอ้ นโลหะ ขณะที่กอ้ นโลหะร้อนแดงหรือมีอุณหภูมิสูง ตวั อยา่ งงาน เช่น เพลาขอ้ เหวย่ี ง (Crank Shaft)
และขอ้ ต่อหรือกา้ นสูบ (Connecting Rod) ของเครื่องยนต์ เป็นตน้ ในงานอตุ สาหกรรมแม่พมิ พโ์ ดยทว่ั ไป จะ
ใชแ้ ม่พิมพส์ าหรับปั๊มข้ึนรูปโลหะแผน่ (Sheet Metals) ลกั ษณะการป๊ัมข้ึนรูปโลหะแผ่น แบ่งออกไดเ้ ป็น 2
ประเภทใหญ่ ๆ คอื
4.1.1 งานปั๊มตดั ขาด (Cutting Die) ลกั ษณะและตวั อยา่ งงาน ดงั รูปตอ่ ไปน้ี
รูปที่ 1.29 ตวั อยา่ งงานป๊ัมตดั ขาด
ที่มา: เกษม เลิศรัตน์ และมทั สึโอะ มิยากาวา, 2527.
4.1.2 งานปั๊มข้ึนรูป (Forming Die) ลกั ษณะและตวั อยา่ งงาน ดงั รูปต่อไปน้ี
22
รูปที่ 1.30 ตวั อยา่ งงานปั๊มข้ึนรูป
ท่ีมา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
4.2 แบง่ ตามลกั ษณะงาน
จากลกั ษณะการปั๊มข้ึนรูปชิ้นงานดงั กล่าวขา้ งตน้ สามารถแบ่งออกไดต้ ามลกั ษณะของการป๊ัมข้ึนรูป
ชิ้นงานที่เหมือน ๆ กนั ไดด้ งั ต่อไปน้ี
4.2.1 งานกดตดั (Shearing)
เป็นการกดตดั ข้ึนรูปชิ้นงาน โดยใหแ้ รงกดแก่พิมพผ์ หู้ รือพิมพเ์ มีย กดกระแทกลงบนแผน่ งานใหข้ าด
ออกมาเป็นรูปร่างชิ้นงานใหข้ าดออกมาเป็ นรูปร่างชิ้นงาน งานข้ึนรูปประเภทน้ียงั แบ่งออกเป็ นชนิดต่าง ๆ
ดงั ต่อไปน้ี
4.2.1.1 Shearing เป็นงานกดตดั ข้ึนรูปโดยทว่ั ๆ ไป โดยใชค้ มตดั ของพิมพผ์ ูก้ บั พิมพเ์ มีย
ทาการตดั เฉือนเน้ือโลหะให้ขาดออกจากกนั เท่าน้ัน เพื่อให้ชิ้นงานมีขอบเรียบหรือเพื่อให้ไดข้ นาดตาม
ตอ้ งการ
รูปที่ 1.31 งานปั๊มตดั ขาด Shearing
ท่ีมา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
23
4.2.1.2 Bevel Shearing เป็นงานกดตดั ริมขอบของชิ้นงานโดยมีคมตดั ดา้ นบน ทามมุ เอียง
กบั แนวดิ่ง ใชค้ มตดั ของพิมพผ์ ู้ (Punch) ทาการตดั เฉือนชิ้นงาน เช่น ตบแต่งขอบของชิ้นงาน
รูปท่ี 1.32 งานกดตดั ชิ้นงานใหม้ ีมุมเอียง
ท่ีมา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
4.2.1.3 Blanking เป็นงานกดตดั ข้ึนรูปโดยใช้คมตดั ของพิมพผ์ แู้ ละพิมพเ์ มียกดกระแทก
ลงบนแผน่ งานใหข้ าดออกจากกนั โดยส่วนท่ีถกู ตดั ออก เรียกวา่ Blanking หรือ ชิ้นงาน
4.2.1.4 Piercing เป็นงานกดตดั ข้ึนรูปท่ีมีลกั ษณะเหมือนกบั งาน Blanking แต่จะแตกตา่ ง
กนั ที่การใชช้ ิ้นงาน งาน Blanking จะใชแ้ ผ่นที่ถูกกดตดั ออกมาเป็ นชิ้นงาน แต่งาน Piercing จะใชร้ ูที่ถูกกด
ตดั ไปใชง้ าน รูที่ถูกกดตดั และนาไปใชง้ านเรียกวา่ Piercing เศษวสั ดุท่ีถูกตดั ออก จากรูเรียกวา่ "Slug" หรือ
เศษวสั ดุ
รูปท่ี 1.33 งานกดตดั ท่ีตอ้ งการใชร้ ู หรือตอ้ งการใชแ้ ผน่
ที่มา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
24
4.2.1.5 Notching เป็นงานกดตดั ข้ึนรูปที่ใช้คมตดั ของพิมพผ์ แู้ ละพิมพเ์ มียกดตดั บนแผ่น
งานเพยี งบางส่วนเท่าน้นั ดงั รูป
รูปที่ 1.34 งานกดตดั แบ่งส่วน
ท่ีมา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
4.2.1.6 Slitting เป็นการกดตดั ข้ึนรูปชิ้นงาน โดยใชค้ มตดั ของพมิ พผ์ ูแ้ ละพิมพเ์ มีย กดตดั
ไปตามความยาวของชิ้นงาน ใหช้ ิ้นงานขาดแยกออกจากกนั แต่ไม่ขาดออกท้งั หมด ดงั รูป
รูปท่ี 1.35 ชิ้นงานท่ีกดตดั แบบแบง่ ส่วน
ที่มา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
25
4.2.1.7 Parting or Separating เป็นงานกดตดั ข้ึนรูป ตดั แยกชิ้นงานที่มีรูปร่างสมมาตรตดั
ออกเป็น 2 ส่วนเท่ากนั
รูปที่ 1.36 ชิ้นงานท่ีกดตดั ไดแ้ บบสมมาตร
ท่ีมา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
4.2.1.8 Perforating เป็ นงานกดตดั ข้ึนรูปที่ใช้ ชุดแม่พิมพช์ ุดเดียว แต่มีพิมพผ์ ูแ้ ละพิมพ์
เมียหลายตวั ทาการตดั เจาะรูหลายรูพร้อมกนั นิยมทากนั โดยทว่ั ไป ชิ้นงานมีระยะห่างของรูและขนาดของรู
เทา่ กนั
รูปท่ี 1.37 ชิ้นงานที่กดตดั ไดแ้ บบกดตดั คร้ังเดียวไดร้ ูหลาย ๆ รู
ท่ีมา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
26
4.2.1.9 Shaving เป็นการกดตดั ตบแต่งขอบของชิ้นงานท่ีผ่านการ Shearing หรือ Cutting
มาแลว้ เพือ่ ใหข้ อบของชิ้นงานเรียบและไดข้ นาด
รูปท่ี 1.38 การกดตดั ข้ึนรูปแบบกดตดั แตง่ ขอบ
ที่มา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
4.2.1.10 Trimming เป็นงานกดตดั ตบแต่งขอบชิ้นงานท่ีผา่ นการกดรีดข้ึนรูปมาแลว้ ให้ได้
ขนาดตามตอ้ งการ
รูปที่ 1.39 การกดตดั ข้นึ รูปแบบกดตดั แตง่ ขอบ
ท่ีมา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
27
4.2.2 งานพบั และงานป๊ัมข้นึ รูป (Bending and Forming)
เป็นงานกดอดั ข้ึนรูป โดยใหแ้ รงกดแก่ชุดพิมพผ์ ูห้ รือพิมพเ์ มียกดกระแทกลงบนแผน่ งาน ทาใหแ้ ผ่น
งานมีรูปร่างโคง้ งอ ตามรูปร่างลกั ษณะของพิมพผ์ แู้ ละพิมพเ์ มีย งานพบั แบ่งออกไดต้ ามลกั ษณะการกดพบั
ข้นึ รูปดงั น้ี
4.2.2.1 งานอดั พบั (Bending) เป็ นการพบั แผ่นงานตรง ให้มีรูปร่างเป็ นรูปตวั V หรือ U
โดยใช้แรงกดจาก Punch กดกระแทกลงบนแผ่นงานให้พบั งอ มีลกั ษณะรูปร่างตามช่องว่างของ Die ดงั
ตวั อยา่ งการกดพบั ข้นึ รูป และตวั อยา่ งของชิ้นงานดงั ต่อไปน้ี
รูปที่ 1.40 งานอดั พบั ข้นึ รูปและตวั อยา่ งชิ้นงาน
ที่มา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
28
4.2.2.2 งานป๊ัมข้ึนรูป (Forming) เป็นการกดอดั ข้ึนรูปชิ้นงานโดยพิมพผ์ แู้ ละพิมพเ์ มียกด
กระแทกลงบนโลหะแผน่ เรียบใหม้ ีรูปร่างและขนาดตามลกั ษณะของพมิ พผ์ แู้ ละพมิ พเ์ มีย
รูปที่ 1.41 การปั๊มข้ึนรูปชิ้นงาน
ท่ีมา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
4.2.2.3 งานอดั พบั ขอบ (Flanging) เป็นการใชแ้ ม่พิมพก์ ดพบั ใหโ้ คง้ เวา้ ตามตวั อย่างดงั รูป
รูปที่ 1.42 การกดอดั ข้นึ รูปชิ้นงานแบบกดพบั ขอบ และตวั อยา่ งชิ้นงาน
ที่มา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
29
4.2.2.4 งานกดอดั บานรู (Burring) เป็ นการกดอดั ข้ึนรูปดว้ ยชุดแม่พิมพ์ โดยพิมพผ์ ูแ้ ละ
พิมพเ์ มีย กดกระแทกลงบนแผ่นงานท่ีผ่านการกดตดั รูมาเรียบร้อยแลว้ ใหบ้ ริเวณขอบของรูขยายและบาน
ออก
รูปท่ี 1.43 ลกั ษณะการกดอดั บานรู
ที่มา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
4.2.2.5 งานอดั มว้ นขอบ (Curling) เป็นการกดอดั มว้ นที่ปลายขอบของชิ้นงาน ให้โคง้ งอ
เขา้ หรือโคง้ งอออก ซ่ึงชิ้นงานน้นั ไดผ้ า่ นการข้นึ รูปดว้ ยการกดอดั ข้ึนรูปมาก่อน
รูปที่ 1.44 ลกั ษณะการกดอดั มว้ นขอบ
ท่ีมา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
30
4.2.2.6 งานอดั พบั บิด (Twisting) เป็นงานกดอดั ข้ึนรูป โดยใชพ้ ิมพผ์ ูแ้ ละพิมพเ์ มีย กดอดั
พบั และบิดแผน่ งาน ใหเ้ ป็นชิ้นงานที่มีรูปร่างโคง้ งอตามความตอ้ งการ ตวั อยา่ งการกดพบั และชิ้นงานดงั รูป
รูปท่ี 1.45 แมพ่ ิมพอ์ ดั พบั บิดและ ตวั อยา่ งชิ้นงาน
ที่มา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
4.2.2.7 งานกดอดั สันนูน (Beading) เป็ นการกดอัดข้ึนสันนูนที่ชิ้นงาน เพ่ือเพิ่มความ
แขง็ แรงใหก้ บั ชิ้นงาน
รูปท่ี 1.46 แม่พิมพก์ ดอดั สันนูน
ที่มา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
31
4.2.2.8 งานอดั เขา้ รูป (Embossing) เป็ นการกดอดั แผ่นงาน โดยให้แรงกดแก่พิมพ์ผูก้ ด
กระแทกบนแผ่นงานให้เกิดรอยกดต้ืน ๆ ซ่ึงความหนาของแผ่นงานไม่เปลี่ยนแปลง ดังตวั อย่างในรูป
ดา้ นลา่ งต่อไปน้ี
รูปท่ี 1.47 ชิ้นงานที่กดอดั ข้ึนรูปไดจ้ าก แม่พมิ พอ์ ดั เขา้ รูป
ที่มา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
4.2.2.9 งานอดั ย่นขนาด (Reducing or necking) เป็ นการกดอัดลดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
ของงานรูปทรงกระบอก ใหม้ ีรูปร่างลดลงเหมือนคอขวดดงั รูป
รูปที่ 1.48 การกดอดั ข้ึนรูปแบบ Reduce
ท่ีมา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
32
4.2.3 งานกดรีด (Drawing)
เป็นการข้ึนรูปโลหะแผ่นงาน โดยใหแ้ รงกดแก่พิมพผ์ ูก้ ดรีดแผ่นงานให้ไหลผา่ นพิมพเ์ มีย ในขณะที่
พิมพผ์ กู้ ดรีดแผน่ งาน แผน่ งานก็จะถูกกดเหยียบมิใหแ้ ผ่นงานถูกกดรีดไหลอยา่ งอิสระ (ในบางตาราเรียกวา่
"งานอดั ยดื ")
รูปที่ 1.49 ชุดแม่พมิ พก์ ดรีดข้ึนรูป และตวั อยา่ งชิ้นงาน
ที่มา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
4.2.3.1 งานกดรีดข้ึนรูปลึก (Deep Drawing or Redrawing) เป็ นการข้ึนรูปชิ้นงานที่มีค่า
ความลึกมาก หรือเป็นการกดรีดข้ึนรูปต่อจากการกดรีดข้ึนรูปในคร้ังแรก ซ่ึงจะทาใหค้ วามลึกเพิ่มข้ึน และ
พ้ืนท่ีหนา้ ตดั จะลดลง
รูปที่ 1.50 ลกั ษณะการกดรีดข้ึนรูปลึกและชิ้นงาน
ท่ีมา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
33
4.2.3.2 งานกดรีดข้ึนรูปสวนทาง (Reverse Redrawing) เป็ นการกดรีดข้ึนรูปต่อจากการ
กดรีดข้นึ รูปคร้ังแรกแต่ทิศทางการกดรีดข้ึนรูปจะสวนทางกนั ดงั รูป
รูปท่ี 1.51 ชุดแมพ่ มิ พก์ ดรีดข้นึ รูปสวนทาง
ที่มา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
4.2.3.3 งานกดรีดผนงั (Ironing) เป็นการกดรีดขนาดความหนาผนงั ดา้ นขา้ งของชิ้นงาน
ใหม้ ีความหนาลดลง แตข่ นาดความหนาของผวิ หนา้ ยงั เท่าเดิมและเรียบ
รูปที่ 1.52 ชุดแมพ่ ิมพก์ ดรีดผนงั ชิ้นงาน
ที่มา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
34
4.2.4 งานอดั ไหล (Extrusion)
เป็นการข้ึนรูปโลหะ โดยให้แรงกดแก่พิมพผ์ กู้ ดกระแทกกอ้ นโลหะที่ใส่ไวใ้ นช่องวา่ งของพิมพเ์ มีย
(Die Orifice) ให้เน้ือโลหะเคลื่อนตวั เขา้ ไปในช่องว่างของพิมพ์เมีย (แบบ Forward) หรือเคล่ือนตวั เขา้ หา
พิมพผ์ ู้ (แบบ Backward) หรือชุดแม่พิมพบ์ างชุดกอ้ นโลหะอาจถูกกดกระแทก ให้บางส่วนไหลเคลื่อนตวั
เขา้ ไปในช่องวา่ งของพมิ พเ์ มีย บางส่วนไหลเคลื่อนที่เขา้ พมิ พผ์ ู้ (แบบ Forward and Backward)
รูปท่ี 1.53 การกดอดั ข้ึนรูปชิ้นงานแบบไหลแบบต่าง ๆ
ที่มา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
4.2.4.1 งานอดั ลดขนาดความยาว (Upsetting) เป็นการกดอดั เน้ือโลหะ เพื่อให้ความยาว
ของแทง่ โลหะลดลง แตม่ ีบางส่วนของชิ้นงานมีพ้ืนที่หนา้ ตดั เพ่มิ ข้นึ และรูปร่างเปล่ียนไป
รูปท่ี 1.54 การกดอดั ข้ึนรูป แบบ Upsetting
ท่ีมา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
35
4.2.4.2 งานป๊ัมทาขนาด (Sizing) เป็ นการใช้พิมพ์ผูแ้ ละพิมพ์เมีย กดกระแทกอัดเน้ือ
โลหะใหช้ ิ้นงานมีขนาดท่ีถูกตอ้ งเที่ยงตรงมากข้นึ
รูปท่ี 1.55 การกดอดั ข้นึ รูปแบบ Sizing
ที่มา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
4.2.4.3 งานปั๊มทาหวั (Heading) เป็นการกดอดั ข้ึนรูปทางดา้ นปลายของชิ้นงาน เช่น หัว
สลกั เกลียว หวั รีเวท
รูปที่ 1.56 ลกั ษณะการกดอดั แบบ Heading
ท่ีมา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
36
4.2.4.4 งานอดั เหรียญ (Coining) เป็นการกดอดั ชิ้นงาน โดยที่ชิ้นงานถูกพิมพผ์ แู้ ละพิมพ์
เมียอดั ใหเ้ น้ือชิ้นงานยบุ ตวั ข้ึนเป็นลวดลาย รูปร่างลกั ษณะเหมือนกบั พิมพผ์ พู้ มิ พเ์ มีย
รูปท่ี 1.57 ตวั อยา่ งเหรียญที่ปั๊มข้ึนรูปได้ และชุดแม่พมิ พท์ ่ีใชป้ ั๊มข้นึ รูป
ท่ีมา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
4.2.4.5 งานอดั ปรับความตรง (Straightening) เป็นงานกดอดั แผน่ งานใหม้ ีค่าความตรงมาก
ข้ึนดงั รูป
รูปท่ี 1.58 ลกั ษณะการกดอดั ปรับความตรง และตวั อยา่ งชิ้นงาน
ท่ีมา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
37
4.2.4.6 งานตีข้ึนรูป (Drop Forging) เป็นการข้นึ รูปชิ้นงานโดยท่ีกอ้ นโลหะที่จะทาข้ึนรูป
จะถกู Heat จนมีความร้อนสูง อยใู่ นสภาพของแขง็ แต่สามารถข้ึนรูปไดง้ า่ ย โดยใชแ้ รงในการข้นึ รูปต่า กอ้ น
โลหะจะถูกป้อนเขา้ พิมพเ์ มีย และถูกกดกระแทกข้ึนรูป ตวั อย่างชิ้นงาน เช่น เพลาขอ้ เหว่ียงของเคร่ืองยนต์
(Crank Shaft)
รูปท่ี 1.59 ชุดแมพ่ ิมพแ์ ละลกั ษณะการกดอดั ข้ึนรูปแบบ Drop Forging
ที่มา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
4.2.5 งานกดอดั ข้ึนรูปประเภทอื่น ๆ และงานกดอดั ที่ใชก้ รรมวธิ ีพิเศษ
4.2.5.1 งานอัดขยายขนาด (Bulging) เป็ นงานกดอัดข้ึนรูปที่ตอ้ งการให้บางส่วนของ
ชิ้นงาน รูปทรงกระบอกโตกวา่ ส่วนอ่ืน ใชว้ ธิ ีการใส่สารตวั กลางเขา้ ไปในภาชนะทรงกระบอก สารตวั กลาง
มีของเหลว อากาศ เช่น ข้ีผ้ึง ไข ยาง วิธีการข้ึนรูปโดยให้แรงกดแก่พิมพผ์ ู้ พิมพผ์ ูจ้ ะกดกระแทกลงบนสาร
ตวั กลาง สารตวั กลางจะไปดนั ใหผ้ ิวดา้ นขา้ งของชิ้นงานขยายไปสมั ผสั กบั ผวิ ดา้ นขา้ งของพมิ พเ์ มีย
รูปที่ 1.60 ชุดแม่พมิ พแ์ ละการกดอดั ข้ึนรูป แบบ Bulging
ที่มา: ณฐั วุฒิ อินสุ, 2559.
38
4.2.5.2 Stretch Draw Forming เป็ นการข้ึนรูปชิ้นงาน โดยมี Clamp ยึดปลายท้งั สองขา้ ง
ของชิ้นงานไว้ หลกั การของการข้ึนรูป คือ การทาให้โลหะยืดตวั ออกจนอยู่ในช่วงของ Plastic range ขณะ
เดียวกบั ท่ีโลหะจะถูกข้ึนรูปโดย Punch และดว้ ยวธิ ีน้ีกส็ ามารถป้องกนั การเกิด Spring Back ได้
รูปที่ 1.61 การกดอดั ข้นึ รูป แบบดึงลากข้ึนรูป
ท่ีมา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
4.2.5.3 Hydro Forming เป็ นการข้ึนรูปที่มี Punch เท่าน้ันท่ีจะเป็ นตวั กาหนดรูปร่างของ
ชิ้นงานใชข้ องเหลวแทน Die ซ่ึงมีหนา้ ท่ีในการอดั โลหะใหม้ ีรูปร่างตามลกั ษณะของ Punch การข้ึนรูปชนิด
น้ีนิยมใชก้ บั การข้นึ รูปชิ้นงานที่มีรูปร่างยงุ่ ยาก
รูปที่ 1.62 การกดอดั ข้ึนรูปชิ้นงาน แบบใชข้ องเหลวแทนพิมพเ์ มีย
ที่มา: ณฐั วฒุ ิ อินสุ, 2559.
39
หน่วยที่ 2
โครงสรา้ งและสว่ นประกอบของแม่พมิ พ์
โลหะ
หวั เรื่อง
1. องคป์ ระกอบของการอดั โลหะ
2. ชนิดของแม่พมิ พต์ ดั
3. ส่วนประกอบของของแม่พมิ พโ์ ลหะ
สมรรถนะประจำหน่วย
1. แสดงความรู้เกี่ยวกบั โครงสร้างและส่วนประกอบของแม่พมิ พโ์ ลหะ
วตั ถปุ ระสงค์
หลงั จากศึกษาบทเรียนน้ีแลว้ นกั ศึกษาสามารถ
1. บอกองคป์ ระกอบของการอดั โลหะได้
2. บอกชนิดของแมพ่ มิ พต์ ดั ได้
3. บอกส่วนประกอบของของแมพ่ มิ พโ์ ลหะได้
คุณธรรม จริยธรรม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีมนุษยส์ มั พนั ธ์
2. ความมีวนิ ยั
3. ความรับผดิ ชอบ
4. ความซื่อสตั ยส์ ุจริต เสียสละ อดทน
5. ความสนใจใฝ่รู้
40
แม่พิมพป์ ั๊มโลหะจดั เป็นเคร่ืองมือ (Tool) ที่ใชใ้ นการข้ึนรูป (Form) ใหก้ บั ข้ึนงานท้งั ที่เป็นโลหะแผ่น
(Sheet Metal) หรือเป็นกอ้ นโลหะ (Metal Block) ดงั น้นั แม่พิมพจ์ ะตอ้ งมีโครงสร้างท่ีแข็งแรงกว่าวสั ดุท่ีจะ
นามาข้ึนรูป เน่ืองจากเป็ นงานข้ึนรูปในลกั ษณะท่ีเป็ นการข้ึนรูปเยน็ (Cold Work) แม่พิมพป์ ๊ัมโลหะจดั ว่า
เป็นเครื่องมือข้ึนรูปอีกชนิดหน่ึงท่ีไม่สามารถทางานดว้ ยตวั มนั เองได้ เนื่องจากจะตอ้ งใช้แรงมากระทาต่อ
การทางานมากดงั น้นั จึงตอ้ งมีการนามาทางานร่วมกบั เคร่ืองปั๊ม (Press) ซ่ึงจะเป็ นตน้ กาลงั ให้แม่พิมพป์ ั๊ม
โลหะทางานข้นึ รูปกบั วสั ดุจนเกิดเป็นข้นึ งานตามที่ตอ้ งการ
แม่พมิ พก์ ดตดั และอดั ข้นึ รูป คือ แม่พิมพป์ ั๊มข้ึนรูปโลหะ ใชส้ าหรับปั๊มข้นึ รูปโลหะแผน่ พลาสติก ผา้
และสารสังเคราะห์อ่ืน ๆ ท่ีเป็นแผ่น แม่พิมพก์ ดตดั และอดั ข้ึนรูปมีความสาคญั ต่ออุตสาหกรรมการผลิตอ่ืน
ๆ เช่น ยานยนต์ เครื่องใชไ้ ฟฟ้าภายในบา้ นและสานกั งาน และของเดก็ เล่น เช่น หมอ้ หุงขา้ วไฟฟ้า มีชิ้นส่วน
หลายชิ้นส่วนท่ีผลิตดว้ ยแม่พมิ พก์ ดตดั และแม่พมิ พก์ ดอดั ข้ึนรูป มีฝาใน หมอ้ ใน หมอ้ นอก
รูปที่ 2.1 หมอ้ หุงขา้ วไฟฟ้า และชิ้นส่วนตา่ ง ๆ
ที่มา: https://www.aroma-housewares.com/kitchen/appliances/ARC-747-1NG.html
41
1. องค์ประกอบของกำรอดั โลหะ
แม่พิมพก์ ดตดั และอดั ข้ึนรูป จะใชส้ าหรับป๊ัมข้ึนรูปชิ้นงานท่ีมีลกั ษณะต่างกนั คือ แม่พิมพก์ ดตดั ใช้
สาหรับงานปั๊มตดั ขาด แม่พิมพก์ ดอดั ข้ึนรูปใชก้ บั งานปั๊มข้ึนรูป ซ่ึงในการผลิตชิ้นงานในงานกดตดั และป๊ัม
ข้นึ รูปโลหะ จะตอ้ งมีส่ิงที่เก่ียวขอ้ ง หรือปัจจยั ที่เกี่ยวขอ้ งดงั ตอ่ ไปน้ี
1.1 ชุดแม่พมิ พ์ (Die) คือแม่พิมพป์ ั๊มข้ึนรูปโลหะแผน่ ท้งั แม่พิมพก์ ดตดั และแม่พิมพก์ ดอดั ข้ึนรูป จะ
มีส่วนประกอบท่ีสาคญั 2 ส่วนคือ
1. ชุดพิมพผ์ ู้ (Punch)
2. ชุดพมิ พเ์ มีย (Die)
รูปที่ 2.2 ตวั อยา่ งของชุดแม่พมิ พท์ ่ีใชใ้ นงานกดตดั ชิ้นงาน และเศษวสั ดุ
A คอื แผน่ วสั ดุงาน B คอื ชุดพิมพผ์ ู้ C คอื ชุดพิมพเ์ มีย
ที่มา : สุวิช มาเทศน์, 2542.
ตวั อย่างของชุดแม่พิมพท์ ี่ใชใ้ นงานกดอดั ข้ึนรูปดงั รูปที่ 2.3 ซ่ึงชุดแม่พิมพจ์ ะประกอบดว้ ย ชิ้นส่วน
ต้ังแต่ Punch Holder จนถึง Blank Holder ส่วนชุดพิมพ์เมียจะประกอบด้วย Gage Plate ลงไปจนถึง Die
Holder
42
รูปที่ 2.3 ตวั อยา่ งชุดแมพ่ มิ พท์ ี่ใชใ้ นการกดอดั ข้ึนรูป
ที่มา : สุวิช มาเทศน์, 2542.
1.2 เคร่ืองกดอดั (Press Machine) เป็นเคร่ืองจกั รกลตน้ กาลงั ท่ีให้แรงกดกบั ชุดแม่พิมพ์ โดยตอ้ งนา
ชุดแม่พิมพป์ ระกอบเขา้ กบั เครื่องอดั เพ่ือทาการกดตดั และกดอดั ข้ึนรูปชิ้นงาน การเลือกเคร่ืองกดอดั ใชใ้ น
การกดตดั และกดอดั ข้ึนรูปชิ้นงานกบั แม่พิมพแ์ ต่ละชนิด จะตอ้ งพิจารณาที่ลกั ษณะการข้ึนรูปชิ้นงานขนาด
ของชิ้นงาน ฯลฯ เคร่ืองกดอดั โดยทว่ั ไป มีส่วนประกอบที่สาคญั คือ ส่วนที่อยกู่ บั ท่ี และส่วนท่ีเคลื่อนท่ี
รูปท่ี 2.4 เครื่องกดอดั ท่ีใชใ้ นงานกดตดั และงานกดอดั ข้ึนรูป
ที่มา: http://www.digvijayengineers.com/product/c-type-mechanical-power-press
43
1.3 อุปกรณ์ป้อนงำน (Materials Handling Equipment) เป็นอุปกรณ์ป้อนงานเขา้ ไปในชุดแม่พิมพ์
เพ่อื ทาการป๊ัมข้ึนรูป อุปกรณ์ป้อนงานท่ีกลา่ วถึง เป็นอปุ กรณ์ที่ใชส้ าหรับการป๊ัมข้ึนรูปชิ้นงานแบบอตั โนมตั ิ
วิธีการป้อนชิ้นงาน อาจใชร้ ะบบนิวเมติกส์ ไฮดรอลิค Robot การป้อนดว้ ยลกู กลิ้ง ฯลฯ
รูปที่ 2.5 การป้อนแผน่ งานเขา้ ชุดแม่พิมพโ์ ดยใชล้ ูกกลิ้ง (การป้อนแบบอตั โนมตั ิ)
http://www.hisada-g.co.jp/en/strength
1.4 แผ่นงำนหรือวัสดุงำน (Stock strip) คือแผ่นวสั ดุที่ตดั หรือเตรียมไวเ้ พื่อท่ีจะป้อนเขา้ ในชุด
แม่พิมพเ์ พื่อทาการปั๊มข้ึนรูป ลกั ษณะของแผ่นงานอาจจะเป็นแผ่นยาว แผ่นยาวเป็ นมว้ น ดงั รูปที่ 2.5 แผ่น
กลม แผน่ เหลี่ยม ท้งั น้ีข้นึ อยกู่ บั ปริมาณการผลิต และการปั๊มข้ึนรูปชิ้นงานดงั รูปท่ี 2.6 เป็นการป้อนแผ่นงาน
เขา้ ในชุดแมพ่ ิมพแ์ บบทีละแผน่
รูปท่ี 2.6 ตวั อยา่ งการป้อนแผน่ งานเขา้ ชุดแมพ่ ิมพแ์ บบทีละแผน่
ท่ีมา : สุวิช มาเทศน์, 2542.
44
2. ชนดิ ของแม่พมิ พ์ตดั
แม่พมิ พต์ ดั ท่ีนิยมใชก้ นั ทวั่ ไป แบง่ เป็นประเภทหลกั ๆ ได้ 3 ประเภทคือ
2.1 แม่พิมพต์ ดั แบบเดี่ยว (Single die) ซ่ึงเป็ นแม่พิมพท์ ่ีใช้ตดั ชิ้นงาน ท่ีมีเส้นคมตดั เส้นเดียว (Cut off
die) หรือเส้นคมตดั สองเส้น (Parting die) หรือเส้นคมตดั เหมือนกบั รูปแบบของชิ้นงานที่ถูกตดั (Blanking
die) ซ่ึงแบง่ ไดเ้ ป็น 2 ชนิดคอื แม่พมิ พต์ ดั แบบเดี่ยว (Conventional single die) และแมพ่ มิ พต์ ดั แบบเดี่ยวชนิด
กลบั ดา้ น (Inverted single die) แม่พิมพต์ ดั แบบเดียวชนิดธรรมดาจะมีพนั ช์อยู่ดา้ นบนและดายอยู่ดา้ นล่าง
ส่วนแมพ่ มิ พต์ ดั แบบเดี่ยวชนิดกลบั ดา้ นจะมีพนั ชอ์ ยดู่ า้ นล่างและดายอยดู่ า้ นบน
รูปที่ 2.7 แม่พมิ พต์ ดั แบบเดี่ยว
ท่ีมา : http://furnitureanddecorny.com/
2.2 แม่พิมพ์ตดั แบบต่อเนื่อง (Progressive Die) แม่พิมพ์ชนิดน้ีจะเป็ นแม่พิมพ์ท่ีใช้ในการตัดข้ึนรูป
ชิ้นงานอย่างต่อเน่ือง โดยชิ้นงานที่ถูกตดั จะอยบู่ นแผน่ ป้อนชิ้นงาน (Strip) ตลอดเวลาท่ีมีการตดั จนกระทงั่
ถึงข้นั ตอนสุดทา้ ยขอการตดั จึงจะถกู ตดั หลุดออกมาเป็นชิ้นงาน
45
รูปท่ี 2.8 แมพ่ มิ พต์ ดั แบบต่อเน่ือง
ท่ีมา : http://songpaasa.com/
2.3 แม่พิมพ์ตัดแบบผสมรวม (Compound Die) ซ่ึงเป็ นแม่พิมพ์ตดั ชนิดนาเอาแม่พิมพต์ ดั แบบเด่ียว
จานวน 2 ชุดมาวางอยใู่ นศนู ยก์ ลางเดียวกนั และตดั เพียงคร้ังเดียวไดช้ ิ้นงานออกมา
รูปท่ี 2.9 แม่พมิ พต์ ดั แบบผสมรวม
ที่มา : http://furnitureanddecorny.com
46
3. ส่วนประกอบของแม่พมิ พ์โลหะ
แม่พิมพก์ ดตดั (Punching Die) คือ แม่พิมพป์ ๊ัมข้ึนรูปโลหะแผ่น ท่ีใชป้ ั๊มข้ึนรูปชิ้นงาน แบบป๊ัมตดั
ขาดหรือปั๊มชิ้นงานใหข้ าดออกจากกนั เป็นบางส่วน การป๊ัมหรือการกดตดั แผ่นงานใหข้ าดออกจากกนั ไดน้ ้ัน
โดยใชค้ มตดั Punch และคมตดั Die ร่วมกนั การแบ่งชนิดและการเรียกชื่อแมพ่ ิมพก์ ดตดั ชนิดต่าง ๆ จะแบ่งตาม
ลักษณะการกดตัด (Shearing) ซ่ึงมีแม่พิมพ์กดตดั (Shearing Die) แม่พิมพ์ตดั เฉียง (Bevel Shearing Die)
แม่พิมพ์กดตัดแผ่น (Blanking Die) แม่พิมพ์กดตัดแต่งขอบ (Trimming Die) แม่พิมพ์ตัดเฉพาะส่วน
(Notching Die, Slitting Die) แม่พิมพ์ตัดแบ่งส่วน (Separating or Parting Die) แม่พิมพ์กดตัดรู (Piercing
Die) Perforating Die และ Shaving Die เป็นตน้
การกดตดั ข้ึนรูปชิ้นงาน ชิ้นงานท่ีตอ้ งการ เศษวสั ดุ ท่ีทาการกดตดั ดว้ ยชุดแม่พมิ พด์ งั กล่าว สามารถดู
ไดจ้ ากรูปในบทนา งานกดตดั ที่มีลกั ษณะใกลเ้ คียงและคลา้ ยคลึงกนั คือ งานท่ีทาการกดตดั ดว้ ย Blanking
Die และ Piercing Die ซ่ึงการกดตดั ดว้ ยชุดแม่พิมพท์ ้งั สอง จะมีลกั ษณะที่เหมือนกนั จะแตกต่างกนั ท่ีส่วนที่
ตอ้ งการนาไปใชง้ านกบั ส่วนที่เป็นเศษวสั ดุ ซ่ึงงานท้งั สองจะมีชื่อเรียกเฉพาะ ดงั รูปต่อไปน้ี
รูปท่ี 2.10 การกดตดั ชิ้นงานดว้ ย Blanking Die และ Piercing Die
ท่ีมา : สุวิช มาเทศน์, 2542.
3.1 ส่วนประกอบของแมพ่ มิ พก์ ดตดั แบบเด่ียว
47
แม่พิมพ์กดตัด นอกจากจะมีส่วนประกอบหลัก ๆ อยู่ 2 ส่วน คือ ชุดพิมพ์ผู้ และ ชุดพิมพ์เมีย
ส่วนประกอบอื่น ๆ มีช่ือการใชง้ านและการทางานดงั รูป และรายละเอียดตอ่ ไปน้ี
รูปที่ 2.11 ส่วนประกอบของแมพ่ มิ พก์ ดตดั
ที่มา : สุวชิ มาเทศน์, 2542.
จากรูปชิ้นส่วนท่ี 1 2 3 8 9 10 11 (A, C) และ 12 คือส่วนประกอบของชุดพิมพเ์ มีย, ชิ้นส่วนท่ี 4
5 6 และ 11B คอื ชิ้นส่วนของชุดพิมพผ์ ู้
หนา้ ท่ีของส่วนประกอบต่าง ๆ ของชุดแมพ่ ิมพก์ ดตดั มีดงั ต่อไปน้ี