สูจิบัตร โครงการนำเสนอผลงานสร้างสรรค์ด้านศิลปกรรมระดับชาติ มหกรรมวัฒนธรรมท้องถิ่นร่วมสมัย ครั้งที่ 3

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ 72

มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคิด

ศรัทธามหาเจดีย์ เปน� ผลงานสร้างสรรค์ทางด้านนาฏยศิลป์ ท่ีได้รับแรงบันดาลใจ จากวัดเจดีย์หอย
อําเภอลาดหลุมแก้ว หน่ึงในสถานท่ีสําคัญประจําจังหวัดปทุมธานี ซ่ึงเป�นแหล่งธรณีวิทยาของซากดึกดําบรรพ์
หอยนางรมยักษ์ขนาดใหญ่ท่ีอยู่ในชั�นดิน อันนํามาสู่การก่อสร้างมหารามัญเจดีย์ ท่ีสะท้อนให้เห็นถึงวีถีแห่งศรัทธา
ในพระพุ ทธศาสนา โดยมีการนําซากหอยนางรมยักษ์มาก่อสร้างเปน� เจดีย์ นําเสนอในรูปแบบนาฏยศิลป์ร่วมสมัย
4 องกก์ ารแสดง ประกอบด้วย

องก์ 1 ปทมุ ธานี
องก์ 2 หอยนางรม
องก์ 3 มหารามัญเจดีย์
องก์ 4 วิถแี ห่งศรทั ธา

รายช่ือนกั แสดง 2. นางสาวอรสินี ค้ากระบือ
4. นางสาวอรุณรตั น์ ทรงประโคน
1. ดร.ธาํ มรงค์ บุญราช 6. นายกฤษณะ ทองวัน
3. นางสาวลกั ษมกี านต์ มองพมิ าย
5. นางสาววรรณดี ลาวิลาศ

รายช่ือนกั ดนตรี

1. อาจารยย์ ุวรัตน์ นักทาํ นา
2. อาจารยช์ าญชัย ชังเหย่ียว

73 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ

มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

นอ้ มสดุดี เจา้ ฟ�ามหาจกั รสี ิรนิ ธร
Paying Homage to Prince Maha Chakri Sirindhorn

นายพเิ ชษฐ์ อ่อนสาํ ลี นางพนารตั น์ ศลี แสน

นายสมศกั ด์ิ บวั บุตร นายทลู ทองใจ ซ่ึงรัมย์

นายสทิ ธชิ ัย ตงั� จิตพฒั นกุล

วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปนครราชสีมา

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ 74

มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคิด

สมเด็จพระกนิษฐาธิ ราชเจ้ า กรมสมเด็จพ ระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุ ม ารี
เสด็จพระราชดําเนินปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื�นท่ีจังหวัดสุรินทร์ ณ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ
จากท่ีพระองค์เสด็จพระราชดําเนินเย่ียมราษฎรในครั�งนั�น จึงทําให้ประชาชนในเขตพ�ืนท่ีอําเภอสําโรงโทบ
มีความจงรักภักดีปลาบปล�ืมปิติ และตื�นตันใจในพระมหากรุณาธิคุณ ชาวอีสาน ต่างพากันจัดเตรียมเคร่ืองสมมา
นําถวายเพ่ือเฝ�าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ ซ่ึงเคร่ืองสมมาน�ี ประกอบไปด้วย เส่ือนอน หมอนขิต ผ้าซ่ิน
ผ้าไหม จึงทําให้ผู้วิจัย เกิดแรงบันดาลใจจากความปลาบปล�ืมปิติของประชาชน ในการเตรียมส่ิงของเพ่ือเฝ�ารับเสด็จ
นํามาสร้างสรรค์การแสดงพ�ืนบ้านเพ่ือเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ

สยามบรมราชกมุ ารี ในการแสดงชุด นอ้ มสดุดี เจา้ ฟ�ามหาจกั รี สริ นิ ธร

รายช่ือนกั แสดง 2. นางสาวพิชชาภรณ์ เศรษฐจาํ นงค์
4. นางสาวสุนิสา ศรนี วกลุ
1. นางสาวกรรณกิ าร์ นาเมืองรักษ์ 6. นางสาวนฤมล บุตรดี
3. นางสาววิชาฎา กงพาน
5. นางสาวพรศิริ โพธ์ศิ รี

75 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ

มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

โคราชน้อมวนั ทา สาํ นึกพระมหากรุณาธคิ ณุ
Korat’s Utmost Appreciation for the Royal Grace

นายพงศกร ทพิ ยะสุขศรี นางสาวหฤทยั นยั โมกข์
นางสาวกนกวรรณ แคว้นคอนฉมิ วา่ ท่ี ร.ต. พงศธร กณั หา

นายคทายุทธ์ ผาผง
วิทยาลยั นาฏศิลปนครราชสีมา

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ 76

มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคิด

สถาบันพระมหากษัตริย์ เป�นเสาหลักให้กับชาติบ้านเมืองมาตั�งแต่สมัยโบราณ จวบจนปัจจุ บัน

ทําให้ประเทศไทยสามารถรักษาความเปน� ไทย ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ตราบจนปัจจุ บัน พระบรมวงศ์ทุกๆ

พระองค์ ธ ทรงเปน� ศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยและดํารงอยู่ภายใต้ทศพิธราชธรรม ทรงเปน� ผู้นําการพัฒนาประเทศ
ในทุกด้าน ทําให้ประเทศไทยเปน� ประเทศท่ีพัฒนาไปสู่ความ “ม่ันคง ม่ังค่ัง ย่ังยืน” จนก่อให้เกิดเปน� พลังท่ีสําคัญย่ิง

ในการ ผลักดนั ให้ประเทศไทย ยืนหยัดอยู่ในสงั คมแหง่ อารยประเทศไดอ้ ยา่ งสงา่ งาม
ชาวจังหวัดนครราชสีมาต่างน้อมสํานึกในพระมหากรุ ณาธิคุณ อันหาท่ีสุดไม่ได้ของสถาบัน

พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศ์ทุก ๆ พระองค์ จึงหลอมรวมดวงใจ ถวายความจงรักภักดี ต่อสถาบัน
พระมหากษัตริย์ท่ีทรงห่วงใยต่อพสกนิกรถ้วนท่ัวกัน ส่งผลให้ดํารงชีวิตความเปน� อยู่ท่ีดีเสมอมา คณะผู้สร้างสรรค์
ผลงานจึงเกิดแรงบันดาลใจท่ีจะน้อมถวายความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวจังหวัดนครราชสีมา ผ่านกระบวนการ
สร้างสรรค์ผลงานนาฏยประดิษฐ์โดยใช�ศิลปะการแสดงท้องถ่ินของจังหวัดนครราชสีมาเปน� ส่ือกลางในการถ่ายทอด
ความจงรักภักดี ท่มี ีตอ่ สถาบันพระมหากษตั รยิ แ์ ละนอ้ มสํานึกในพระมหากรุณาธิคณุ อนั หาท่สี ดุ มไิ ด้

รายช่ือนกั แสดง 2. นางพิชชาภรณ์ เศรษฐจาํ นงค์
4. นางสาวนฤมล บุตรดี
1. นางสาวขวัญฤทัย นาโม 6. นางสาวนิทธ์ฌิ า คําจนั ทร์ดี
3. นางสาวลักษิกา รักตะขบ 8. นางสาวจิรภิญญา จันทร์สุข
5. นางสาวภัทรธิดา ปานดับใหม่ 10. นางสาวกมลรัตน์ ฝอดสงู เนนิ
7. นางสาวอําพวา สวนวิจติ ร์ 12. นางสาวนิพาพร เครือไชย
9. นางสาวภัทราภรณ์ เกล�ียงกล่นิ 14. นางสาวกิตติยาภรณ์ แสงคํา
11. นางสาวณฐมน ไพเมือง 16. นางสาวปิยะภรณ์ ท่าไคร้
13. นางสาวอมรรตั น์ อว้ นซิน 18. นางสาววริ งรอง เสมาภักดี
15. นางสาวณฐั ธดิ า ชมดอน 20. นางสาวรชั นีกรณ์ พลพศิ าล
17. นางสาวปรียาภรณ์ เวชประชา 22. นายนราวชิ ญ์ ทองนอก
19. นางสาวศริ กิ าญจนา วุฒิยาสาร 24. นายสิทธิชัย โภคาศรี
21. นายวษิ ณุ สัมฤทธ์ิ 26. นายณฏั ฐภูศิษฏ์ โพธฺ์เงนิ
23. นายณฐกร อ่ึงบาํ เหน็จ 28. นายศุภณัฐ ภเู ต้าทอง
25. นายสรายุทธ เสริมทรัพย์ 30. นายรพภี ทั ร กาศรัมย์
27. นายอภมิ ุข โชรมั ย์ 32 นายศภุ ชัย พรมหีต
29. นายนวมินทร์ เสาวรส
31. นายราเชนร์ ปาทาน

77 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ

มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

คกุ คาม
Sexual harassment Contemporary Dance

นางสาวเกศนี แสงขจรสมบตั ิ นางสาวกนกพร นนทเดชะ

นายกญั ญาณฐั อนรุ กั ษร์ ุง่ โรจน์ นายดาน่เี อล ซากราเก้น

อาจารยท์ ่ปี รกึ ษา อาจารยพ์ ชิ ญาภา วศิ ษิ ฎศ์ ิลป์ อาจารย์ธรี เนตร วโิ รจนส์ กลุ

สาขาส่ือสารการแสดง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ 78

มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคิด

ผู้สร้างสรรค์ต้องการสะท้อนสังคมในปัจจุ บันของการคุกคามทางเพศ ดังในข่าวหรือหนังสือพิมพ์ท่ีได้รับ
การสนใจหรือการแก้ไขปัญหาของการคุกคามทางเพศเปน� เพียงกลุ่มคนเฉพาะภาคส่วน จึงเล็งเห็นถึงปัญหานี�เปน� เร่ือง
ท่ีไม่ควรจะเพิกเฉยหรือควรเกิดขึ�นกับใครก็ตาม โดยผู้สร้างสรรค์นําเสนอผ่านประสบการณ์และความรู้สึกของเหย่ือ

ทงั� เพศหญิงและเพศชาย จากการเกบ็ รวบรวมข้อมูลจากบทสัมภาษณ์
รูปแบบการแสดงเปน� การเต้นร่วมสมัยผสมการสัมภาษณ์เชิงสารคดี เพ่ือให้เห็นถึงข้อเท็จจริงของปัญหา

การคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) ในปัจจุ บนั

รายช่ือนกั แสดง 7. นายนนทวชั ลาวิไล
8. นายธาดา วฒั นวนั ยู
1. นางสาวรชิ ชศ์ รัณ พทิ ักษ์เดชาโชติ 9. นางสาวสนุ ิสา ยงยุทธ
2. นางสาวบณั ฑิตา กรรณสูต 10. นางสาวเกศนี แสงขจรสมบัติ
3. นางสาวเกศนี แสงขจรสมบตั ิ 11.. นางสาวปิยธิดา ศลิ ปะศร
4. นางสาวสธันยนันท์ แจ้งพร 12.. นายฐิตวิ ชั ร์ ลิมปะวิโรจน์
5. นายภรู นิ ทร์ เยน็ เยือก
6. นางสาวศิรนิ ภา สงิ ห์สาย

79 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ

มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

ปลด - ละ – วาง
un-control

อาจารยพ์ ชิ ญาภา วศิ ษิ ฏศ์ ลิ ป์
สาขาส่ือสารการแสดง คณะนเิ ทศศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรปี ทมุ

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ 80

มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคิด

จากข่าวสถานการณ์บ้านเมือง ณ ปัจจุ บันท่ีเกิดขึ�น ส่งผลให้เห็นถึงการการเมืองการปกครองต่าง ๆ
ความเหล่ยี มล�ํา ความไม่เปน� ธรรม และวกิ ฤตปัญหา ท่ไี มส่ ามารถแกไ้ ขปัญหาได้อย่างย่งั ยืน การเปล่ยี นแปลงท่ที ําให้รู้
ถึงความไม่เสมอภาค การใชอ� ํานาจในทางท่ีผิด ส่งผลต่อการดํารงชีวิตของคนประชาชนจํานวนมาก ผลกระทบท่ีมี
ต่อสภาพเศรษฐกิจและสภาพจิตใจ ผู้สร้างสรรค์จึงหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาวิเคราะห์และถ่ายทอดผ่านการแสดง
ท่ีจะได้สะท้อนให้เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกท่ีมีต่อภายใต้การอํานาจ การละท�ิง และการปล่อยวางเปน� ทางโดยนําเสนอ
ผ่านการเต้นรว่ มสมัย

รายช่ือนกั แสดง

อาจารย์พชิ ญาภา วิศษิ ฏ์ศลิ ป์

สาขาดรุ ยิ างคศลิ ป์

30 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2564

รายช่ือผลงานท่ผี า่ นการคดั เลือก

- ธีม แอนท์ อมิ โพรไวส์เซซ่ัน "ลาวสมเดจ็ " สาํ หรับไวโอลินและกตี าร์
- บทประพันธเ์ พลง "ศิวิไลแหง่ อสี าน"
- บทประพนั ธเ์ พลง "เส�ยี วหน่งึ แห่งความสขุ " สําหรบั ไวโอลนิ และเปียโน
- การเรยี บเรียงเพลง "น�าํ ตาลาไทร" แนวดนตรีสมยั นยิ ม
- บทประพนั ธเ์ พลงเทดิ พระเกยี รตฯิ สําหรบั เฟรนฮอรน์ และเปียโน
- บทประพนั ธเ์ พลง “รวมใจเปน� หน่งึ ” แนวดนตรีสมัยนยิ ม
- บทประพันธเ์ พลง "เชียงรายยูไนเตด็ " สําหรบั แจ๊สรว่ มสมัย
- บทประพนั ธเ์ พลง “รัก” สําหรบั อลั โตแ้ ซก� โซโฟน และเปียโน
- บทประพันธเ์ พลง “ในแผ่นดนิ ไทย”

สําหรับดนตรรี ว่ มสมัยและขับรอ้ งประสานเสยี ง
- บทประพนั ธเ์ พลง “อรุณเบิกฟ�า” สําหรบั คลาริเนต็ ไวโอลนิ และเปียโน
- การสรา้ งสรรคบ์ ทเพลง "เต้นโค" สาํ หรบั แซกโซโฟนควอเตต
- การเรยี บเรียงบทเพลงสุดสะแนน สําหรบั แคนและไวโอลิน
- บทประพนั ธเ์ พลง "เอช เอ เอส ที" สาํ หรับ สแนร์ดรมั
- บทประพนั ธเ์ พลง "มินมิ ัลฟาร์ม"
- บทประพันธเ์ พลง "อ�มึ ...ดาว" สําหรบั ดนตรีสมยั นิยม
- บทประพนั ธเ์ พลงภริ มยส์ ุรางค์ สามชัน� สําหรบั เด่ยี วระนาดทุ้ม

รายช่ือผลงานท่ผี า่ นการคดั เลอื ก (ตอ่ )

การสรา้ งสรรคเ์ พลงเด่ยี วพระยาโศก สามชัน� สําหรบั จะเข้ -
การสรา้ งสรรคท์ างเด่ยี วจะเข้ เพลงพญานาคสามชั�น -

การสร้างสรรคเ์ พลงเด่ยี วกลอ่ มนารี สามชัน� สาํ หรับซออู้ -
การสรา้ งสรรค์มิตเิ สียงสําหรับวงเคร่อื งสายไทย -

การสร้างสรรคเ์ พลงฉ่งิ มุลง่ ชนั� เดียว สาํ หรบั เด่ยี วระนาดเอก -
การสร้างสรรคเ์ พลงเด่ยี วนกขม�ิน สามชนั� สาํ หรบั จะเข้ -
การสร้างสรรคเ์ พลงเด่ยี วสารถี สามชั�น สาํ หรบั ขมิ -
บทประพันธเ์ พลงระบาํ "ซ�อตเธ่ยี เจตอยโหมน่ " -

77 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

ธมี แอนท์ อมิ โพรไวสเ์ ซซัน "ลาวสมเดจ็ " สาํ หรับไวโอลนิ และกตี าร์
MUSIC CREATIVE : THEME AND IMPROVISATION "LAO SOMDET"
FOR VIOLIN AND GUITAR

ผูช้ ่วยศาสตราจารยว์ เิ ชียร ธนลาภประเสรฐิ

สาขาดรุ ิยางคศิลป์ คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยราชภฎั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ 78
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคดิ

การบูรณาการแนวคดิ ทฤษฎดี นตรีสากลผสมผสานทฤษฎดี นตรีไทยนาํ มาสร้างความคดิ สร้างสรรคใ์ หม่ ๆ
มุ่งสู่ยุคท่ีหลากหลายของดนตรียอดนิยม ด้วยการยอมรับรูปแบบการอนุรักษ์ท่ีคงไว้ซ่ึงทํานองเดิมของบทเพลง
สร้างสรรค์ผลงานใหม่ ในบทเพลงลาวสมเด็จท่ีทรงคุณค่าในรูปแบบท่วงทํานองด้วยการใช�บันเสียงเพนทาโทนิค
เมเจอร์ (Pentatonic Major Scale) โนต้ เพยี ง 5 ตวั เท่านนั� มที ่มี าจากบันไดเสยี งเมเจอร์โดยการตัดตัวโน้ตท่ี 4 และ 7
ออก สร้างสรรค์ทํานองเพ่ือส่ือสารอารมณ์ได้อย่างชัดเจนมาบรรเลงในรูปแบบดนตรีรูปแบบวง ดูเอ็ท (Duet)
สร้างท่วงทํานองประสานเสียงของเมโลดี�ในรูปแบบคีตปฏิภาณท่ีจัดเรียงใหม่อย่างมีเอกลักษณ์ตามแนวคิดของทฤษฎี
ดนตรสี ากล พรอ้ มขอบเขตความคดิ สร้างสรรค์ของรูปแบบคอร์ดทบเจด็ ในระบบทางเดินคอร์ด สอง, หา้ , หน่ึง (i V I)
ในสไตล์ดนตรีแจ๊สผสมผสานกันอย่างลงตัว เพ่ือสร้างผลงานใหม่ท่ียังคงรักษาท่วงทํานองของบทเพลง ตลอดจน
อนุรกั ษ์สร้างรูปแบบการร่วมสมยั ท่คี งไว้ในรูปแบบของวัฒนธรรมรว่ มสมัย

รายช่ือนกั แสดง

กีตาร์ไฟฟ�า ผูช้ ่วยศาสตราจารยว์ เิ ชียร ธนลาภประเสรฐิ
ไวโอลนิ นางสาวมลั ลิกา ธนลาภประเสริฐ

79 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

บทประพนั ธ์เพลง "ศวิ ไิ ลแหง่ อสี าน"
MUSIC COMPOSITION: "CIVILIZED OF E-SAN"

ดร. วศิ วุ ฒั น์ พฤกษวานชิ

สาขาวชิ าเคร่ืองเป่ าลมไม้ วทิ ยาลัยดรุ ิยางคศลิ ป์ มหาวทิ ยาลัยมหิดล

ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ศุภปรชั สนั ตธิ รรมารกั ษ์

สาขาดนตรีตะวันตกศกึ ษา วิทยาลยั การดนตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏบา้ นสมเดจ็ เจ้าพระยา

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ 80
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคิด

เน่ืองด้วยสถานการณ์โควิดท่ียังแพร่ระบาดอยู่ในปัจจุ บันจึงจําเปน� ท่ีจะต้องปรับขั�นตอนการบันทึกเสียง
ผลงานสร้างสรรค์ชุดน�ี โดยสามารถแบ่งได้ 3 ลักษณะคือ 1. เคร่ืองดนตรีท่ีทําการบันทึกเสียงในห้องอัดเสียง
ได้แก่ อัลโตแซกโซโฟนและทรอมโบน 2. เคร่ืองดนตรีท่ีถูกบันทึกเสียงมาก่อนหน้าและนํามาดัดแปลงไวใ้ นบรบิ ทของบท
ประพันธ์ ได้แก่ ระนาดเอก ฉ่ิง ฉาบ และกลองยาว 3. เสียงสังเคราะห์ท่ีมาจากคอมพิวเตอร์ ได้แก่ ออร์แกน ซินธิ
ไซเซอร์ กตี ารไ์ ฟฟ�า กีตาร์เบสไฟฟ�า และกลองชุด จงึ ทาํ ให้เกดิ เปน� ผลงานสร้างสรรค์ท่อี อกแสดงในรูปแบบมัลติมีเดีย
ซ่ึงเข้ากบั สถานการณ์ในยุคปัจจุ บนั

รายช่ือนกั แสดง

ดร. วศิ ุวฒั น์ พฤกษวานิช
ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ศุภปรชั สันติธรรมารักษ์

81 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

บทประพนั ธ์เพลง "เสีย� วหน่งึ แหง่ ความสขุ " สาํ หรบั ไวโอลนิ และเปียโน
MUSIC COMPOSITION: "SHARDS OF HAPPINESS"
FOR VIOLIN AND PIANO

ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ประพนั ธศ์ กั ด์ิ พุม่ อนิ ทร์

สาขาวิชาดรุ ยิ างคศาสตร์สากล คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ 82
มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคดิ

ความสุข เปน� อารมณ์ความรูส้ ึกท่ีมนุษย์ทุกคนปรารถนา มนุษยเ์ ราจะจดจําเร่ืองราวความสขุ ท่ปี ระทับใจ
ได้ดีไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านมานานเท่าไร ซ่ึงความทรงจําน�ีจะหล่อเล�ียงจิตใจผู้คนให้ต่อสู้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความหวัง
บทเพลง “เส�ียวหน่ึงแห่งความสุข สําหรับ ไวโอลินและเปียโน” จะบรรยายอารมณ์แห่งความสุขถ่ายทอดลงบนเคร่ือง

ดนตรีไวโอลินและเปียโน ในรูปแบบคีตลักษณ์บทเพลง 2 ท่อน (Binary Form) โดยให้แนวทํานองหลักบรรเลง

ดว้ ยไวโอลนิ และประกอบคลอทาํ นองดว้ ยเปียโน เน้นรูปแบบของการดําเนนิ คอรด์ แบบนอกบันไดเสียงและการใช�คอร์ด
แทนเพ่ือสร้างบรรยากาศความเปน� ดนตรีโรแมนติกและผสมสไตล์แบบ Cool Jazz ซ่ึงการซ�ําทวนของกระสวนจังหวะ
(Rhythmic Pattern) ท่ีเหมือนกันในหลายครั�งแต่มีการเปล่ียนแปลงเสียงประสานท่ีไม่ซ�ํากัน และจัดวางการตําแหน่ง
โน้ตในคอร์ด (Voicing) สนับสนุนแนวทํานองหลักให้โดดเด่น จุ ดประสงค์เพ่ือให้เปน� เพลงบรรเลงท่ีฟังให้อารมณ์

ผอ่ นคลาย เกดิ สมาธิ และจนิ ตนาการ

รายช่ือนกั แสดง

ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ศักด์ิ พุ่มอินทร์

83 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

การเรียบเรียงเพลง "น�ําตาลาไทร" แนวดนตรีสมยั นยิ ม
MUSIC CREATIVE :"NAM TA LA ZAI" FOR POPULAR MUSIC

ผูช้ ่วยศาสตราจารยม์ ณเฑยี ร รุง่ หริ ญั
อาจารยว์ รนาฎ อนิ ถารต

สาขาดรุ ิยางคศิลป์ คณะมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั วไลยอลงกรณ์
ในพระบรมราชูปถมั ภ์

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ 84
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคดิ

การนําบทเพลงลูกทุ่งซ่ึงมีกล่ินอายของวรรณคดีไทย “น�ําตาลาไทร” มาสร้างสรรค์ในรูปแบบใหม่ มีการ
ใช�หลักการผสมผสานระหว่างดนตรีลูกทุ่ง ดนตรีไทยเดิม และดนตรีตะวันตก เพ่ือให้เหมาะสมกับวงดนตรีในยุค
ปัจจุ บัน อีกทงั� ยังเปน� การจุ ดประกายงานดนตรีสรา้ งสรรค์ให้กบั คนรุ่นใหม่ ๆ ไดม้ แี รงบันดาลใจในการสรา้ งสรรค์งาน
เพ่อื เปน� การพัฒนาตนเองและยังสืบสานวฒั นธรรมไทยในรูปแบบสมัยใหม่ได้

โดยสรุปผู้ประพันธ์มีความคิดท่ีจะเรียบเรียงเพลงน�ีให้มีความสนุกสนาน ทันสมัย มีท่อนท่ีโชว์ทักษะเปียโน

กับกตี าร์เบส มีการนาํ รูปแบบของดนตรไี ทยเดมิ และดนตรีแนวแจ๊ส มาผสมผสานเกดิ เปน� สาํ เนยี งใหมใ่ นรูปแบบรว่ มสมัย
รวมทั�งมีการนํากล่ินอายดนตรีไทยเดิมมาประยุกต์ใช�เปน� ท่อนท่ีเล่นพร้อมกัน มีการเปล่ียนอัตราจังหวะหลายครั�ง
เพ่ือเพ่ิมลกู เล่น มกี ารเล่นล้อ เล่นขัดในบางทอ่ นแบบดนตรีไทยเดิมเพ่อื ให้เพลงมคี วามนา่ สนใจย่งิ ขนึ�

กลอง รายช่ือนกั แสดง
กีตาร์
คยี บ์ อร์ด นายศตวรรษ คงหอม
กตี ารเ์ บส นายภาธร พรา้ เพรยี ง
นางสาวสิริพร เวสสวัสด์ิ
นายนพนพิ นธ์ ภัทรภูริพลชัย

85 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

บทประพนั ธ์เพลงเทดิ พระเกยี รตฯิ สําหรบั เฟรนฮอรน์ และเปียโน
SONG OF HONOR FOR FRENCH HORN AND PIANO

ผูช้ ่วยศาสตราจารยว์ งศว์ รศิ นพิ ฐิ วทิ ยา

สาขาดรุ ิยางคศิลป์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์
ในพระบรมราชูปถัมภ์

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ 86
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคดิ

บทเพลงสร้างสรรค์การเด่ียวฮอร์นพร้อมเปี ยโน เพ่ือเชิดชู พระเกียรติสมเด็จพระราชปิ ตุจฉา
เจ้าฟ�าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุ รีราชสิรินธร ท่ีได้ทรงจัดตั�งมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์
ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยผู้ประพันธ์ได้เลือกใช�ปี พ.ศ. ท่ีสมเด็จเจ้าฟ�าประสูติ ปี พ.ศ. ท่ีก่อตั�งมหาวิทยาลัย ปี พ.ศ.
ท่ีสมเด็จเจ้าฟ�าสิ�นพระชนม์ และสิริพระชนมายุ มาใช�แทนระดับเสียงต่าง ๆ ประกอบกับการนําเทคนิคพ�ืนฐาน
และเทคนิคขั�นสูงของฮอร์น มาจัดวางในช่วงต่าง ๆ ของบทเพลง เช่น เทคนิคแฮนด์ สต๊อป (Hand Stopped) อาร์
เปจโจ (arpeggio) และการรวั ริมฝีปาก (Lip Til) เปน� ต้น เพ่อื เปน� บทเพลงท่ใี ช�ในการพัฒนาทักษะของผู้บรรเลงฮอร์น
และแสดงความสามารถของผูบ้ รรเลงเด่ยี ว

รายช่ือนกั แสดง

ผูช้ ่วยศาสตราจารย์วงศ์วริศ นิพฐิ วิทยา
นายนนทวัฒน์ จิตตอ์ าํ ไพ

87 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

บทประพนั ธ์เพลง “รวมใจเปน� หน่งึ ” แนวดนตรสี มยั นยิ ม
MUSIC COMPOSITION: “UNITY HEARTS” POPULAR MUSIC

ผูช้ ่วยศาสตราจารยจ์ รี ะพนั ธ์ ออ่ นเถ่อื น
ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัศรณั ย์ ทฤษฎคิ ณุ

นายนครนิ ทร์ จนั ทะออ่ น

วิทยาลัยการดนตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจา้ พระยา

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ 88
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคิด

รวมใจเปน� หน่งึ เปน� บทเพลงประเภทสมัยนิยมท่ีสร้างสรรค์ข�ึนเพ่อื สงั คมภายใต้วิกฤตการณ์การแพร่ระบาด
ของไวรัสโคโรนา 2019 ท่ีคนท่ัวโลก และโดยเฉพาะประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติดังกล่าว เน�ือหาของบทเพลง
มคี วามหมายของการใหก้ ําลังใจ สง่ เสริมรูร้ ักสามัคคีของคนในสังคมเพ่อื ฝ่ าฟันให้ผ่านพ้นวกิ ฤตดิ งั กล่าวไปได้

การประพันธ์ทํานองเพ่ือการขับร้องแบบเพลงลูกทุ่งไทยจากบันไดเสียงเพนตาโทนิค การประพันธ์คําร้อง
โดยยึดกฏเกณฑ์ฉันทลักษณ์ของคําประพันธ์ไทย เพ่ือให้บทเพลงมีการสัมผัสคําคล้องจอง สละสลวยด้วยภาษาท่ีใช�
การเรียบเรียงดนตรีโดยการผสมผสานการบรรเลงระหว่างเคร่ือดนตรีไทยและตะวันตกประสานเสียงและสอดแทรกกับ
เสยี งขบั ร้องทําให้เกิดความหนาแน่นของเสยี งดนตรี และลลี าจังหวะท่ที ันสมัย

รายช่ือนกั แสดง

รอ้ งนํา นายณฐั พล ปาลวงษพ์ านิช
Piano ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พมิ ลมาศ พร้อมสุขกุล
ขลุย่ ผูช้ ่วยศาสตราจารย์อมั รนิ ทร์ แรงเพ็ชร
Guitar Bass ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกชัย พุหิรัญ
Guitar ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนัง ปานช่วย
ระนาดเอก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนาธิป เผ่าพันธุ์
Guitar Solo อาจารย์ภาคภมู ิ เต๋ียวงษส์ ุวรรณ์
Drum set ผูช้ ่วยศาสตราจารย์พนัส ต้องการพานิช

89 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

บทประพนั ธ์เพลง "เชียงรายยูไนเตด็ " สําหรบั แจ๊สรว่ มสมยั
MUSIC COMPOSITION: "CHIANGRAI UNITED" FOR JAZZ TRIO

อาจารยด์ เิ รก เกตพุ ระจนั ทร์

โปรแกรมวชิ าศิลปกรรมศาสตร์ คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั เชียงราย

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ 90
มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคิด

สโมสรฟุ ตบอลเชียงรายยูไนเต็ด (Chiangrai United Footbal Club) ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุ ตบอลอาชีพ
ของสมาคมฟุ ตบอลแห่งประเทศไทย มาตั�งแต่จากระดับภูมิภาคจนไปสู่การแข่งขันระดับสูงสุดของประเทศ
ด้วยจิตวิญญาณความมุ่งม่ันและแรงสนับสนุนของผู้คนในท้องถ่ิน จึงส่งผลให้ทีมฟุ ตบอลภูธรจากภาคเหนือแห่งนี�
กลายมาเปน� สโมสรชัน� นําของประเทศไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ทัง� น�จี ากการท่ผี ู้ประพันธ์มคี วามช่ืนชอบในกีฬาฟุ ตบอลเปน� ทุนเดิมอยู่แล้ว จงึ สง่ ผลให้ได้รบั แรงบันดาลใจ
พื�นฐานนํามาสู่การสร้างสรรค์ผลงานทางดนตรี โดยรูปแบบการประพันธ์จะมุ่งเน้นการพรรณนาถึงบรรยากาศ
เหตุการณ์ สถานท่ี และความประทบั ใจจากเร่อื งราวของทมี ฟุ ตบอลดงั กล่าว

รายช่ือนกั แสดง

ร้องนํา นายณฐั พล ปาลวงษพ์ านิช
Piano ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พิมลมาศ พร้อมสขุ กุล
ขลุ่ย ผู้ช่วยศาสตราจารย์อมั รนิ ทร์ แรงเพช็ ร
Guitar Bass ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกชัย พุหิรัญ
Guitar ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนงั ปานช่วย
ระนาดเอก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนาธิป เผา่ พันธุ์
Guitar Solo อาจารย์ภาคภูมิ เต๋ียวงษ์สวุ รรณ์
Drum set ผูช้ ่วยศาสตราจารย์พนัส ต้องการพานิช

91 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

บทประพนั ธเ์ พลง “รัก” สาํ หรบั อลั โตแ้ ซก� โซโฟน และเปียโน
MUSIC COMPOSITION: "LOVE" FOR AlLTO SAXOPHONE AND PIANO

อาจารยว์ รเชษฐ์ วรพุทธนิ นั ท์
ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ประพนั ธศ์ กั ด์ิ พุม่ อนิ ทร์

สาขาวชิ าดุริยางคศิลป์ตะวนั ตก วทิ ยาลัยดรุ ยิ างคศลิ ป์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ 92
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคดิ

ความรัก เป�นอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ ท่ีมีใจผู กพันด้วยความห่วงใย เสน่หา ชอบและผู กพัน
ฉันชู้สาว เปน� ส่ิงหล่อเลี�ยงและชโลมจิตใจของมนุษย์ทุกคน ความรักเปน� ส่ิงท่ีเกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักท่ี
แท้จริงคือ ความปรารถนาดีต่อคนท่ีตนรักให้มีความสุข รวมถึงรักในส่ิงต่าง ๆ ท่ีอยู่รอบตัว ซ่ึงยากท่ีจะนิยาม
ความหมาย บทเพลงแห่งรักสําหรับแซก� โซโฟนอัลโตและเปียโน เปน� ผลงานสร้างสรรค์ท่ีสะท้อนอารมณ์ ณ ช่วงเวลา
หน่ึง ของผู้ประพันธ์เพลงทั�ง 2 คนท่ีมีความรักในเสียงดนตรีเหมือนกัน ถ่ายทอดผ่านเคร่ืองดนตรีแซก� โซโฟน
และเปียโน เพ่ือให้ผู้ฟังเกิดจินตนาการท่ีหลากหลาย ตามแต่ละบุคคลจะเสกสรรปั�นแต่ง โดยให้แนวทํานองหลักสอด
ประสานกันของเคร่ืองดนตรีแซก� โซโฟนและเปียโน ในบันไดเสียง A Major แต่วางคอร์ดเร่ิมด้วยคีย์ทางไมเนอร์

โดยใชก� ารประสานเสยี งของเปียโนแบบ Broken Chord และ Block Chord

รายช่ือนกั แสดง

Saxophone อาจารย์วรเชษฐ์ วรพุทธินันท์
Piano ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ศักด์ิ พุม่ อินทร์

93 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

บทประพนั ธ์เพลง “ในแผน่ ดนิ ไทย”
สําหรบั ดนตรรี ว่ มสมยั และขบั รอ้ งประสานเสียง
MUSIC COMPOSITION : LAND OF HERITAGE
FOR CONTEMPORARY MUSIC AND CHORUS

ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.รุจภิ าส ภธู นญั นฤภทั ร

สาขาวิชาดนตรสี ากล คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยราชภฏั พระนครศรีอยุธยา

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ 94
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคิด

ผลงานสร้างสรรค์ทางดนตรีในรูปแบบของบทเพลงร่วมสมัยไทยท่ีมีการผสมผสานเคร่ืองดนตรีไทย ใน
ลีลาจังหวะท่ีสนุกสนาน วิถีชีวิต การละเล่นไทย รอยย�ิม และคําว่า “สวัสดี” มีคําร้องเปน� ภาษาไทย เพ่ือการส่ือสาร

ถึงคุณค่าศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ และความอุ ดมสมบูรณ์ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญา
ส่งิ แวดล้อมทอ้ งถ่ิน อัตลกั ษณค์ วามเปน� ไทยผ่านผลงานสรา้ งสรรค์ทางดนตรี

รายช่ือนกั แสดง

ร้องประสานเสียง ยุทธการ ปานเจริญ, อุษณีย์ อุดมคุณธรรม,
คงยศ วงษว์ กิ ย์กรณ,์ รุจิภาส ภูธนญั ณฤภทั ร

นักดนตรี รุจิภาส ภธู นญั ณฤภทั ร

บนั ทึกเสยี งเคร่อื งดนตรี เปียโน ระนาด เคร่อื งกํากบั จังหวะดนตรีไทย
โดยเสียงแซมพลิง (Sound sampling) ผ่านระบบมิดิ (MIDI) ปรบั มติ ิสยี ง
ดว้ ยคอมพวิ เตอร์ การผสมเสียง (Mix) โดย คงยศ วงษ์วิกย์กรณ์

95 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

บทประพนั ธ์เพลง “อรุณเบกิ ฟ�า” สําหรบั คลารเิ น็ต ไวโอลิน และเปียโน
MUSIC COMPOSITION:“DAWN” FOR VIOLIN, CLARINET, AND PIANO

นางสาวภทั รา พงษแ์ สงสรุ ยิ ะ

ศิลปินอสิ ระ

แนวความคดิ

บทประพันธ์เพลง “อรุณเบิกฟ�า” เป�นชิ�นงานสําหรับวงเคร่ืองดนตรี 3 ช�ินบรรเลง ได้แก่ คลาริเน็ต
ไวโอลิน และเปียโน มีความยาวเพลงประมาณ 7 นาที ซ่ึงในรูปแบบดนตรีพรรณนา บรรยายถึงภาพบรรยายกาศใน
เวลารุ่งสาง และเป�นการบอกเล่าประสบการณ์ของผู้ประพันธ์จากการมองผ่านหน้าต่างห้อง โดยจะบรรยาย
ถึงแสงอาทิตย์ท่ีค่อย ๆ สว่างข�ึน สะท้อนและตกกระทบกับองค์พระพุ ทธรูปสัมฤทธ์ิปางสมาธิท่ีสูงกว่า 69 เมตร
นามว่า “พระพุ ทธธรรมกายเทพมงคล” ประดิษฐาน ณ วัดปากน�ํา ภาษีเจริญ โดยผู้ประพันธ์ได้มีการใช�ทํานอง
เพลง “ลาวเส่ยี งเทียน” ซ่ึงเปน� เพลงไทยเดิม มาผสมผสานไปกบั การเรียบเรยี งเสยี งประสานแบบดนตรีสากลสมัยใหม่

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ 96
มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

การสรา้ งสรรคบ์ ทเพลง "เต้นโค" สาํ หรบั แซกโซโฟนควอเตต
MUSIC CREATIVE :"TENT CO" FOR SAXOPHONE QUARTET

ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.คมสนั ต์ วงคว์ รรณ์

สาขาวิชาสังคมวัฒนธรรมและการพฒั นามนุษย์ คณะศลิ ปศาสตร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

แนวความคิด

การแสดงหนังตะลุงปัจจุ บันทุกคณะมีลําดับขั�นตอนในการแสดงเหมือนกันจนถือเป�นธรรมเนียมนิยม
การออกรูปพระอิศวรหรือรูปโค รูปพระอิศวรของหนังตะลุงถือเปน� รูปศักด์ิสิทธ์ิ และเปน� เทพเจ้าแห่งความบันเทิง
พระอิศวรทรงโคอุ สุภราชหรือนนทิ หนังเรียกรูปพระอิศวรว่ารูปพระโคหรือรูปโค เพลงเต้นโค เป�นเพลงท่ีใช�
ประกอบการออกรูปพระอิศวร ผู้สร้างสรรค์จึงนําบทเพลงดังกล่าวมาเรียบเรียงสําหรับแซกโซโฟนควอเตต
โดยการใชเ� ทคนคิ ของการบรรเลงป่ีในและทฤษฎีทางดนตรสี ากล ผสมกับทฤษฎีดนตรีพื�นบา้ นภาคใต้

97 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

การเรยี บเรียงบทเพลงสดุ สะแนน สําหรบั แคนและไวโอลนิ
MUSIC CREATIVE: "SUDSANAEN" FOR KHAEN & VIOLIN

อาจารยส์ ญั ชัย ดว้ งบุง้

วทิ ยาลัยดรุ ยิ างคศลิ ป์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม

อาจารยว์ ศิ นี วงศว์ ริ ุฬห์

วิทยาลัยดรุ ยิ างคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ 98
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคดิ

การนําเอาบทเพลงดนตรีอีสานมาทําการเรียบเรียงให้เป�นโน้ตสากล ในรูปแบบแคนและไวโอลินดูโอ้
นอกจากเปน� การผสมผสานระหว่างเคร่ืองดนตรีพื�นบ้านอีสานกับเคร่ืองดนตรีสากลแล้ว ยังสร้างความเข้าใจในดนตรี
อีสานให้เปน� ท่ีรู้จักและมีการเผยแพร่มากข�ึน โดยเฉพาะเยาวชนไทย นักดนตรีในสาขาอ่ืน ๆ คนนอกวัฒนธรรม
รวมถึงชาวต่างชาติ ก็จะสามารถเข้าใจและบรรเลงบทเพลงดนตรีอีสานผ่านโน้ตเพลงสากลท่ีใช�เป�นส่ือกลาง
โดยการกําหนดโครงสร้างของเพลง (Form), ความเร็วในการบรรเลง (Tempo marking), การกําหนดรายละเอียด

ของเสียง (Articulation) รวมทั�งมีการนําเทคนิคของไวโอลินมาประยุกต์ใช�สําหรับบรรเลงบทเพลง “ลายสุดสะแนน”
อกี ด้วย

รายช่ือนกั แสดง

แคน นายสัญชัย ดว้ งบุ้ง
ไวโอลิน นางสาววิศนี วงศ์วิรุฬห์

99 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

บทประพนั ธ์เพลง "เอช เอ เอส ท"ี สาํ หรบั สแนรด์ รมั
MUSIC COMPOSITION: “H.A.S.T” FOR SNARE DRUM

ผูช้ ่วยศาสตราจารยพ์ นสั ตอ้ งการพานชิ

สาขาดนตรีตะวันตก วทิ ยาลัยการดนตรี มหาวิทยาลยั ราชภัฏบา้ นสมเดจ็ เจา้ พระยา

แนวความคดิ

การสร้างสรรค์ผลงานรู ปแบบใหม่จากแนวคิดเดิมท่ีผู ้เล่นสแนร์ดรัมต้องใช�มือในการควบคุมไม้กลองเพ่ือ
บรรเลงให้เกิดเสียง แต่ผู้ประพันธ์ได้เพ่ิมเปน� การบรรเลงด้วยมือทั�ง 2 ข้างและการใช�นิ�วมือต่าง ๆ ซ่ึงเปน� การใช�
กล้ามเน�ือมัดเล็ก ในการบรรเลงลงบนกลองสแนร์อีกด้วย โดยมีการเพ่ิมการบันทึกโน้ตเดิมเปน� บรรทัด 5 เส้น 2 ชุด
แบ่งเปน� มือขวา 1 ชุด มือซ�าย 1 ชุด และระบุเส้นของบรรทัด 5 เส้นเปน� นิ�ว 5 น�ิว (น�ิวโป�ง, นิ�วชี�, นิ�วกลาง, น�ิวนาง,
นิ�วก้อย) โดยผู้ประพนั ธ์ ได้ทาํ ดนตรปี ระกอบ(Backing Track) สําหรับการบรรเลงครงั� นดี� ้วย

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ 100
มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

บทประพนั ธเ์ พลง "มนิ มิ ัลฟารม์ "
MUSIC COMPOSITION: "MINIMAL FARM"

ดร.นวเทพ นพสวุ รรณ

สาขาวิชาดนตรสี ากล ภาควชิ านาฏดุริยางคศลิ ป์ คณะศลิ ปกรรมศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยเทคโนยรี าชมงคลธญั บุรี

แนวความคิด

เกษตรพอเพียงในพ�ืนท่ี 1 ไร่ เป�นการทําเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร
ไม้ดอกไม้ผล ขุดบ่อเล�ียงปลา เลี�ยงเป�ด เล�ียงไก่ สามารถทํากินและสร้างรายได้ ตามรอยพระราชดําริปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลท่ี 9 บทเพลงน�ีเปน� ดนตรีแบบมินิมอล (Minimal music) เปน� การประพันธ์
ดนตรีท่ีเรียบง่าย ใช�วัตถุดิบน้อย แต่แฝงไว้ด้วยแนวคิด เทคนิค สามารถบรรยายถึงการทําเกษตรพอเพียง
ท่ีนําส่ิงเล็ก ๆ น้อย ๆ มาผสมผสานอย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ บทเพลง “มินิมอลฟาร์ม” ประพันธ์ข�ึนสําหรับ
บรรเลงด้วยวงสตริงควอร์เท็ต (String quartet) ใช�บันไดเสียงเพนตาโทนิก (Pentatonic scale) ทําให้เกิดสําเนียงไทย
ส่อื ถึงประเทศไทยท่ที ําอาชีพเกษตรกรมาตงั� แตอ่ ดีตจนปัจจุ บัน

101 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

บทประพนั ธเ์ พลง "อม�ึ ...ดาว" สาํ หรบั ดนตรสี มยั นิยม
MUSIC COMPOSITION: “UMM….DAO” POPULAR MUSIC

อาจารยก์ ติ ตณิ ฐั ต.เทยี นประเสรฐิ

สาขาวชิ าดรุ ยิ างคศลิ ป์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์
ในพระบรมราชูปถัมภ์

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ 102
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคดิ

ผลงานสร้างสรรค์น�ีเป�นบทเพลง “อ�ึม...ดาว” ของวงอ�ิมพ์ ท่ีได้รับความนิยมสูงสุดเม่ือปี 2540

ประสบความสําเร็จในช่วงเวลานัน� ปรากฏอยูใ่ นอัลบัม� ซน -Teen มรี ูปแบบในสไตล์ดนตรีแนวป�อป โดยการนาํ คําร้อง
ในตอนจบของท่อนสร้อยท่ีร้องว่า อ�ึม….ดาว มาเปน� ช่ือเพลงในท่อนท่ีติดหูเพ่ือจดจําบทเพลงนี�มีการใช�เทคนิคของ
การขับร้องการเรียบเรียงเนื�อร้อง คําร้อง ท่วงทํานอง ผู้สร้างสรรค์งานมีแนวคิดการนํา บทเพลง “อึ�ม...ดาว” มา

เรียบเรียงเสียงประสานใหม่ โดยนําแนวคิดทฤษฎีดนตรีมาประยุกต์ใช�ในรูปแบบทฤษฎีดนตรีแจ๊ส โดยผู้ประพันธ์ได้นํา
คอร์ดทบเจ็ดในรูปแบบ สอง ห้า หน่ึง (i V I) มาผสมผสานเพ่ือให้เกิดความร่วมสมัยและสอดคล้องกับอารมณ์ของ
บทเพลง รูปแบบการแสดงท่ีใช�เคร่ืองดนตรีเพียงสองชิ�นท่ีเรียกว่า ดูเอท ระหว่างเสียงร้อง (voice) และกีตาร์ (guitar)
ทาํ ให้บทเพลงมีสีสนั ชัดเจนด้วยคอรด์ ท่หี ลากหลายพร้อมทว่ งทาํ นองท่สี มบูรณ์มากย่งิ ขึ�น

รายช่ือนกั แสดง

อาจารย์กิตตณิ ฐั ต.เทียนประเสริฐ
นายธนดล เฉลยทรัพย์

103 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

บทประพนั ธเ์ พลงภริ มยส์ รุ างค์ สามชัน� สําหรบั เด่ยี วระนาดทมุ้
MUSIC COMPOSITION: PIROM SURANG SAM
CHAN FOR RANAD TOOM SOLO

ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วงศว์ สนั ต์ วสนั ตสรุ ยี ์

ภาควชิ าดนตรไี ทย วิทยาลัยการดนตรี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจา้ พระยา

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ 104
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคิด

เพลงภิรมยส์ ุรางค์ สามชัน� ตามแนวคิดท่ผี ู้สรา้ งสรรคไ์ ดท้ ําการนําเสนอนีเ� ปน� การประพันธท์ างเด่ยี วระนาด
ทมุ้ ข�ึนใหม่จากทํานองตน้ รากของเพลงดังกล่าวท่มี ีมาแต่โบราณ โดยใชห� ลกั การ

แปลทํานองประกอบกบั ประสบการณแ์ ละจินตนาการของผู้สรา้ งสรรค์เองโดยคาํ นงึ ถึงกลวธิ ีพเิ ศษ
ในการบรรเลงและอัตลักษณ์ของสํานวนระนาดทุ้มทัง� 3 ประการเปน� สําคัญ ดังท่ีรองศาสตราจารย์พิชิต
ชัยเสรี ได้แสดงทัศนะไว้ในการบรรยายในงาน 100 ปี ขุนบรรจงทุ้มเลิศ (ปล่ัง ประสานศัพท์) ดําเนินจัดงานโดยศูนย์
สงั คีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ จํากดั (มหาชน) ความตอนหน่งึ วา่
“ระนาดทุ้ม ผมถือว่าเปน� วิวัฒนาการของดนตรีไทยท่ีสูงท่ีสุดอย่างหน่ึง เปน� ส่วนเติมเต็มของดนตรีไทย
ทําให้ช่องว่างระหว่างระนาดเอกและฆ้องวงใหญ่นั�นหายไป ระนาดทุ้มจึงเป�นผลิต และเป�นผลท่ีเราต้องยกย่อง
ภูมิปัญญาไทยจริง ๆ... ระนาดทุ้มมีลักษณะสํานวนท่ีเด่นชัดอยู่ 3 อย่าง คือ 1. ล่วงหน้า 2. ล้าหลัง และ
3. อีหลักอีเหล่ือ ล่วงหน้าคือลงก่อน ซ่ึงสร้างความพิศวง มากกว่าจะเปน� การตลก รู้สึกน่าท่ึง ถ้าเปน� ล้าหลัง จะย้อย
ไปข้างหลัง กลอนต่อไปต้องตัดลงให้พอดี ต้องคิดกันเปน� การมาก ทีน�ีอีหลักอีเหล่ือ ยากท่ีสุด จังหวะจะไปหรือไม่ไป

ตแี ค่ 5 วนิ าที บางทีเรยี นกนั ตัง� อาทิตย์นงึ ยังตีไมไ่ ด”้ (พิชิต ชัยเสรี, 2540)
โครงสร้างเด่ียวระนาดทุ้ม เพลงภิรมย์สุรางค์ สามชั�น ท่ีได้ประพันธ์ข�ึนใหม่น�ีประกอบไปด้วยกัน 2 ท่อน

(บรรเลง 4 เท่ียว โดยไม่ซ�ําทํานองกัน) ทัง� น�ีความพิเศษประการหน่ึงของทางเพลงดังกล่าวคือการสอดแทรกสําเนียง
จีนในท้ายท่อน 1 ในเท่ียวกลับช่วง 2 จังหวะสุดท้าย ซ่ึงผู้สร้างสรรค์ได้รับแรงบันดาลใจจากการตีความในสําเนียง
เพลงดังกล่าวจากเด่ียวระนาดเอก เพลงภิรมย์สุรางค์ สามชั�น ทางครูเอกสิทธ์ิ การคุณี ผู้ซ่ึงเปน� ครูและถือเปน� ปูชนีย
บุคคลท่ีผู้วจิ ยั ใหค้ วามเคารพสรรเสริญ

ระนาดทุ้ม รายช่ือนกั แสดง

กลองสองหน้า ครูอภิเดช รูอ้ ยู่
ฉ่ิง นายสภุ ทั รชัย สืบสกลุ
ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วงศ์วสนั ต์ วสันตสุรีย์

105 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

การสร้างสรรค์เพลงเด่ยี วพระยาโศก สามชั�น สําหรบั จะเข้
MUSIC CREATIVE : THEME AND VARIATION
"PRA YA SOK" FOR JA-KAE

ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.รชั วชิ มุสกิ ารุณ

หลกั สูตรศลิ ปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวชิ าดนตรีไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภฏั สงขลา

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ 106
มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคิด

เพลงพระยาโศก สามชั�น เปน� เพลงท่ีนิยมนํามาประพันธ์ทํานองสําหรับการเด่ียวด้วยเคร่ืองดนตรีไทย
หลายประเภท ทั�ง ดีด สี ตี เป่ า โดยนัยของท่วงทํานองเพลงท่ีประกอบด้วยกลุ่มเสียง (Mode) ท่ีมีความพลิกผัน

ขัดแย้งอยู่ตลอดเพลง ทําให้การตีความอารมณ์เพลงพระยาโศกสําแดงไปในทางความ “โส-กะ” คือ โศกสลด
เศร้ารันทด กลัดกลุ้ม ประกอบกับช่ือเพลงว่า “พระยา”หรือ “พญา” เป�นสัญญะบ่งบอกถึงบุคลิกทางดนตรี
(Music Character) ท่ีต้องเสง่ียมงามท่ามกลางความระทมทุกข์อย่างพระยาผู้สูงศักด์ิ (Lord) พร้อมกับการขจัด
ปริเทวนานั�นด้วยปัญญาอย่างพญา (Chieftain) ผู้เปน� ดังนายท้ายเรือข้ามฟากกลางมรสุม เปน� ท่ีมาของแนวคิด
การนําเทคนิคการเด่ียวจะเข้ เรียบเรียงข�ึนเพ่ือสร้างจิตภาพการเกิดข�ึน ตั�งอยู่ และดับไปของความทุกข์ท่ีดําเนินอยู่
ภายในทํานองเพลงพระยาโศก สามชั�น วิธีนําเสนอใช�การบรรเลงด้วยวงจะเข้หมู่ เพ่ือทําให้ภาพความย่ิงใหญ่
ของความเปน� พระยาในบทเพลงชัดเจนขึน�

รายช่ือนกั แสดง

อาจารย์ชนะชัย บริรักษ์ อาจารย์ณัฐธิดา พ่วงแกว้
นายจริพัฒน์ นิลทอง เด็กชายณภทั ร ศริ ิวฒั น์
เด็กหญิงกุศลิน เสียงใส

107 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

การสรา้ งสรรคท์ างเด่ยี วจะเข้ เพลงพญานาคสามชัน�
MUSIC CREATIVE : THEME AND VARIATION
THE CREATION OF SOLO CHA KHE ON
“PHAYA NAK SAMCHAN”

อาจารย์ ดร.ชนะชัย กอผจญ

สาขาดนตรศี กึ ษา วิทยาลยั นาฏศิลป สถาบันบณั ฑิตพฒั นศิลป์

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ 108
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคิด

เพลงพญานาคเถา เป�นผลงานการประพันธ์ข�ึนโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ณรงค์ชัย ปิฎกรัชต์
ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงนาคราช ชั�นเดียว แนวคิดในการตั�งช่ือเพลงพญานาคมีท่ีมาจากช่ือเพลงเดิม
ท่ีนําเค้าโครงมาประพันธ์ คือ เพลงนาคราช โดยให้ความสําคัญกับคําว่า “นาค” เม่ือได้ประพันธ์ทํานองขึ�นใหม่ และ
สร้างสรรค์ให้มีทางเปล่ียนถึง 3 ทาง ในอัตราจังหวะสองชั�น และชั�นเดียว ซ่ึงเปรียบเหมือนกับว่าทํานองเพลงมีขนาด
ใหญ่ขึน� จึงตงั� ช่ือเพลงท่ตี นประพันธข์ �นึ ใหม่ว่า “พญานาค”

ในการสร้างสรรค์ทํานองทางเด่ียว ผู้วิจัยนําทํานองหลักเพลงพญานาค สามชั�น มาสร้างสรรค์เปน� ทาง
เด่ียวจะเข้ ซ่ึงเปน� เคร่ืองดนตรีไทยประเภทเคร่ืองดีด ท่ีรวบรวมวิธีการบรรเลง และกลวิธีต่าง ๆ สามารถแฝงกลเม็ด
เดด็ พรายท่ีเปน� เอกลักษณ์ของจะเขไ้ ด้อย่างหลากหลาย เช่น สะบดั ปริบ และ ขยี� เปน� ตน้ สามารถใหค้ วามรู้สกึ เหมือน
สายน�ํา หรือ ละอองน�ําท่ีพวยพุ ่งฟุ ้งกระจายชโลมลงมายังผืนแผ่นดินจึงเกิดข�ึนเปน� แนวคิดและแรงบันดาลใจในการ
สร้างสรรค์ทางเด่ยี วจะเข้ เพลงพญานาค สามชัน� โดยกําหนดให้ท่วงทํานองทัง� เท่ยี วหวาน และเท่ยี วเกบ็ มีลกั ษณะโดด
เด่นท่ีแตกต่างกันอย่างส�ินเชิง กล่าวคือ ไม่ได้ใช�การซ�ําทํานองเหมือนการกําหนดท่วงทํานองหลัก เพ่ือเปน� การแสดง
ความสามารถของผูบ้ รรเลง และเพ่ือแสดงถึงอรรถรสในการบรรเลงให้ดาํ เนินทํานองตามความตอ้ งการของผูว้ ิจัยท่ีจะ
แสดงให้ผูท้ ่รี บั ฟังไดร้ บั อรรถรสของจนิ ตนาการเก่ยี วกับเร่อื งพญานาคพน่ น�าํ

การสร้างสรรค์ทํานองทางเด่ียวจะเข้เพลงพญานาค สามชั�น ผู้วิจัยยึดลูกตกเสียงเดิมจากทํานองหลัก
จนกระท่ังการกําหนดบันไดเสียง และทางทั�ง 7 ก็ยังคงยึดตามทํานองหลักดังเดิม หากแต่ผู้สร้างสรรค์ทางเด่ียวจะมี

จินตนาการเข้ามาเปน� หลักแล้วนําไปประยุกต์ใช�ในการประพันธ์ท่วงทํานอง หรือ แฝงกลเม็ดเด็ดพรายต่าง ๆ ไว้ใน
ท่วงทํานองเพลงก็สุดแท้แต่ความรู้ ความเช่ียวชาญ และประสบการณ์ของผู้สร้างสรรค์ท่ีมีจินตนาการจนกระท่ังเกิด
ความสําเริงใจ (Delight) และสามารถถ่ายทอดออกมาในรูปบทเพลงท่ีแฝงไปด้วยกลเม็ดเด็ดพรายเพ่ือให้เคร่ืองดนตรี
ท่ีบรรเลงนัน� มีความปล่งั จําเพาะมากย่งิ ข�ึน

รายช่ือนกั แสดง

จะเข้ อาจารย์บรรพต โปทา
โทน รํามะนา นายทศพร คาํ ดีสวัสด์ิ
ฉ่งิ นายณฐั วุฒิ แสงหิรัญ

109 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมร่วมสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

การสร้างสรรคเ์ พลงเด่ยี วกลอ่ มนารี สามชั�น สาํ หรบั ซออู้
MUSIC CREATIVE : THEME AND VARIATION
"KLOMNAREE" FOR SAW-U

ผูช้ ่วยศาสตราจารยต์ งั� ปณธิ าน อารยี ์

ภาควิชาดนตรไี ทย วิทยาลัยการดนตรี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ 110
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคดิ

การบรรเลงด่ียวซออู้ในขั�นต้นท่ีมีมาแต่โบราณนั�น ส่วนมากมักเปน� เพลงท่ีมีความยาวมากกว่า 1 ท่อน
และแต่ละบทเพลงไม่ต่ํากว่า 4 จังหวะทั�งสิ�น เช่น เพลงต้นเพลงฉ่ิง สามชั�น เปน� เพลง 2 ท่อน เพลงสารถี สามชั�น
เป�นเพลง 3 ซ่ึงในแต่ละเพลงนั�นผู้บรรเลงต้องมีพื�นฐานทักษะ มีความเข้าใจในเร่ืองรูปแบบทํานองบทเพลง
ช่องไฟเพลง จังหวะ เปน� อย่างดี ต้องอาศัยเวลาในการฝึกทักษะการเด่ียวกว่าจะทําให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจดังกล่าว
การเด่ยี วซออู้ครัง� น�จี ะใชบ� ทเพลงกลอ่ มนารี สามชั�น เปน� เพลงทอ่ นเดยี วมเี ท่ยี วหวานและเท่ยี วเก็บ ซ่ึงไดส้ รา้ งสรรค์ทาง
เด่ียวสาํ หรับซออู้

ด้วยเทคนิคในการบรรเลงซออู้ต้องอาศัยทักษะในการบรรเลงอย่างมาก ผู้สร้างสรรค์ได้กําหนดมีรูปแบบ
ทํานอง สังคีตลักษณ์ กลุ่มเสียงท่ีสามารถเปน� แบบฝึกหัดท่ีดี ท่ีจะสร้างความเข้าใจรูปแบบของบทเพลงเด่ียวซออู้
อันประกอบไปด้วย “ทางโอด” ซ่ึงนิยมสร้างสรรค์คล้ายทํานองร้องและ “ทางพัน” ซ่ึงจะต้องอาศัยความเข้าใจรูปแบบ

ฉนั ทลกั ษณก์ ลอนเพลง

วิธีการสร้างสรรค์ผลงานในครัง� นี� ได้เพ่ิมเติมกลวิธีพิเศษท่ีจะมีประโยชน์ต่อการฝึกฝนบทเพลงเด่ียวซออู้
กล่อมนารี สามชั�น เช่น การพรมเปิด พรมปิด พรมจาก รูดสาย การขยี�คันชัก การลักจังหวะ ซ่ึงผู้ประพันธ์
ไดส้ รา้ งสรรค์กลวธิ ีท่ีมคี วามเหมาะสมกบั ทกั ษะของผู้เรยี นเด่ยี วซออู้ ในระดบั อุดมศกึ ษาท่ศี ึกษาวชิ าซออูอ้ ยา่ งจริงจงั

รายช่ือนกั แสดง

ซออู ้ นายกติ ติคุณ บุญจริง
ฉ่งิ นายเอ�ืออังกูร นาสารี
นางสาวอนงค์นาง สมั มาชิต
โทน-ราํ มะนา

111 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

การสรา้ งสรรคม์ ิตเิ สยี งสําหรบั วงเคร่อื งสายไทย
MUSIC CREATIVE: SOUND DIMENSION FOR THAI FIDDLE

ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สรุ พงษ์ บ้านไกรทอง
ผูช้ ่วยศาสตราจารยส์ ธุ ี จนั ทรศ์ รี

รองศาสตราจารย์ ดร.สพุ ตั รา วไิ ลลกั ษณ์

ภาควชิ าดนตรไี ทย วทิ ยาลัยการดนตรี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั บ้านสมเด็จเจ้าพระยา

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ 112
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคดิ

ผลงานสร้างสรรค์ชิ�นนี�เปน� การนําเสนอเสียงของวงเคร่ืองสายไทยท่ีถูกจัดสรรข�ึนมาใหม่โดยเพ่ิมเคร่ือง
ดนตรที ่ีมเี สยี งสงู กวา่ ซอด้วงซ่ึงเปน� เคร่ืองดนตรที ่มี ีขอบเขตเสียงสูงท่สี ุดในวงเคร่ืองสายไทยเคร่อื งเด่ียว และซอสามสาย
เสียงต่ําซ่ึงมีเสียงต่ํากว่าซอสามสายปกติเปน� คู่ 8 เพ่ือให้เกิดช่วงเสียงท่ีกว้างข�ึนทั�งเสียงสูงและเสียงต่ํา มีสมมติฐานว่า
การประสมเคร่อื งดนตรีนี�จะทําให้เกิดมิติดา้ นทาํ นองเพลง โดยใชบ� ทเพลงพระอาทติ ย์ชิงดวงเปน� กรณีศึกษา

รายช่ือนกั แสดง

ซอด้วง นายชวลิต ลนี าบวั

ซออู้ นางสาวณัฐรุจา ใจสนธิ

ซอสามสาย นายสรุ พงษ์ โคตรแกว้

ซอสามสายเสียงต่าํ นายณฐั กานต์ ก๋องแนน่

จะเข้ นายฐติ พิ งษ์ ราชวงศ์

ขลุย่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สรุ พงษ์ บา้ นไกรทอง

โทนรํามะนา นายธเนศ มลชิ ู

ฉ่งิ นางสาวเสาวลักษณ์ คาํ จันทร์

กรบั พวง นางสาวชมพูนุช จูฑะเศรษฐ์
ขับร้อง นางสาวพรนภา สังข์กล่าํ

113 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศิลปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

การสร้างสรรค์เพลงฉ่ิงมุลง่ ชัน� เดยี ว สาํ หรบั เด่ียวระนาดเอก
MUSIC CREATIVE : THEME AND VARIATION "CHING MU-LONG
CHAN DEAW" FOR RANAD EAK

ผูช้ ่วยศาสตราจารยธ์ นาธปิ เผา่ พนั ธุ์

ภาควิชาดนตรีไทย วทิ ยาลัยการดนตรี มหาวิทยาลัยราชภฏั บ้านสมเดจ็ เจ้าพระยา

การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ 114
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

แนวความคดิ

เพลงฉ่ิงมุล่ง ชั�นเดียว เปน� เพลงประเภทเพลงฉ่ิงท่ีนิยมนําเพลงนี�มาใช�ในการฝึกทักษะการบรรเลงของ
เคร่ืองดนตรีไทยต่าง ๆ รวมถึงการฝึกไล่ระนาดเอกเพ่ือให้ได้กําลังและความไหวในการบรรเลงโดยทํานองเพลง

มีลักษณะเปน� ทางพ�ืนตีเก็บทํานองทัง� เพลง จากรากฐานการไล่ระนาดเอกในเพลงมุล่งนัน� ผู้สร้างสรรค์มีแนวคิดในการ
ฝึกการบรรเลงระนาดเอกอีกรูปแบบหน่ึงโดยใช�เพลงฉ่ิงมุล่ง ชั�นเดียวมาเปน� แบบฝึกการบรรเลงระนาดเอกในรูปแบบ
เพลงเด่ียว โดยสอดแทรกกลวิธีการบรรเลงต่าง ๆ ท่สี าํ คญั ของระนาดเอกในการบรรเลงเพลงเด่ยี ว และส่ิงสําคัญเปน�
การฝึกในการบรรเลงอัตราจังหวะชั�นเดียวท่ีต้องควบคุมแนวระหว่างการบรรเลงและกลวิธีพิเศษท่ีต้องบรรเลงได้อย่าง
ถูกทํานอง ถูกจังหวะ ซ่ึงถือว่าเปน� การฝึกการบรรเลงในการตเี พลงเด่ียวชั�นไดเ้ ปน� อยา่ งดี

โครงสร้างเด่ียวระนาดเอกเพลงฉ่ิงมุล่ง ชั�นเดียว ประกอบด้วย 3 ท่อน บรรเลงท่อนละ 2 เท่ียว
ซ่ึงแต่ละเท่ียวจะบรรเลงไม่ซ�ําทํานองกัน โดยเท่ียวท่ี 1 แต่ละท่อนจะดําเนินทํานองในรูปแบบทางเก็บ ซ่ึงใช�วิธีการร้อย
เรียงกลอนระนาดเอกท่ีมีความสัมพันธ์กันในวรรคเพลงและมีการตีช�ีนําทํานอง โดยได้แนวคิดในการผู กกลอนเพลง
เร่ืองเพลงชา� จากตําราระนาดเอกของผู้สร้างสรรค์ท่ีได้รับถ่ายทอดแนวทางมาจากครูพันโทเสนาะ หลวงสุนทร ศิลปิน
แห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(ดนตรี) และในเท่ียวท่ี 2 ของแต่ละท่อนมีลักษณะการใช�กลวธิ ีการบรรเลงในรูปแบบการ
ตคี าบลกู คาบดอก ซ่ึงเปน� กลวิธกี ารบรรเลงของระนาดเอกท่ีสาํ คญั ในการบรรเลงเพลงเด่ยี วอ่ืน ๆ ต่อไป

รายช่ือนกั แสดง

ระนาดเอก นายศรัณย์ พงษ์สมบูรณ์
ฉ่งิ ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ธนาธปิ เผา่ พันธุ์

115 การนาํ เสนอผลงานสรา้ งสรรค์ทางดา้ นศลิ ปกรรมระดบั ชาติ
มหกรรมวฒั นธรรมรว่ มสมยั ครงั� ท่ี 3 ประจาํ ปี 2564

การสร้างสรรคเ์ พลงเด่ยี วนกขมน�ิ สามชั�น สาํ หรบั จะเข้
MUSIC CREATIVE : THEME AND VARIATION

"NOK KHAMIN SAM CHAN" FOR JA-KAE SOLO

อาจารย์ ดร.สกลพฒั น์ โคตรตนั ติ

สาขาวชิ าดนตรไี ทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา