The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กิจกรรมการถอดบทเรียนโดยใช้แนวคิดการท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นฐาน (Community-based Tourism : CBT) เกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของความเป็นปกาเกอะญอ องค์ประกอบของกระบวนการเรียนรู้ของการท่องเที่ยวโดยชุมชน พบว่า 1. ศักยภาพของพื้นที่และทรัพยากร ชุมชนมีฐานทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ 2. ศักยภาพของคนและองค์กร ชุมชนมีองค์กรและหน่วยงานภาครัฐในการให้การสนับสนุน มีปราชญ์ท้องถิ่น และมีจิตอาสาพัฒนาชุมชน 3. การบริหารจัดการ ชุมชนมีกฎกติกาในการจัดการสิ่งแวดล้อม ศิลปวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว 4. การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม กิจกรรมการท่องเที่ยวสร้างการเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมชาวปกาเกอะญอ และ 5. ผลกระทบการท่องเที่ยว ผลกระทบด้านบวก คือ ชุมชนมีจิตสำนึกรักวัฒนธรรม การพึ่งพาตนเอง ส่วนผลกระทบด้านลบ ทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของท้องถิ่น กิจกรรมการถอดบทเรียนโดยใช้แนวคิดการพัฒนาสินค้าโอทอป (OTOP) พบว่า การใช้หลักปรัชญา OVOP 3 ประการ ได้แก่ 1. ภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สากล (Local Yet Global) 2. ลดการพึ่งพาจากภาครัฐ (Self-reliance and Creativity) 3. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development), การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน มีเงื่อนไข 3 อย่าง คือ 1. คุณภาพสินค้าคงที่ 2. สินค้าผลิตสม่ำเสมอ 3. สินค้าผ่านการรับรองมาตรฐาน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวให้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืนในอนาคต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by MCU Books, 2020-12-30 10:26:28

การพัฒนาชุมชนน่าเที่ยวและผลิตภัณฑ์บนพื้นที่สูง

กิจกรรมการถอดบทเรียนโดยใช้แนวคิดการท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นฐาน (Community-based Tourism : CBT) เกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของความเป็นปกาเกอะญอ องค์ประกอบของกระบวนการเรียนรู้ของการท่องเที่ยวโดยชุมชน พบว่า 1. ศักยภาพของพื้นที่และทรัพยากร ชุมชนมีฐานทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ 2. ศักยภาพของคนและองค์กร ชุมชนมีองค์กรและหน่วยงานภาครัฐในการให้การสนับสนุน มีปราชญ์ท้องถิ่น และมีจิตอาสาพัฒนาชุมชน 3. การบริหารจัดการ ชุมชนมีกฎกติกาในการจัดการสิ่งแวดล้อม ศิลปวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว 4. การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม กิจกรรมการท่องเที่ยวสร้างการเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมชาวปกาเกอะญอ และ 5. ผลกระทบการท่องเที่ยว ผลกระทบด้านบวก คือ ชุมชนมีจิตสำนึกรักวัฒนธรรม การพึ่งพาตนเอง ส่วนผลกระทบด้านลบ ทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของท้องถิ่น กิจกรรมการถอดบทเรียนโดยใช้แนวคิดการพัฒนาสินค้าโอทอป (OTOP) พบว่า การใช้หลักปรัชญา OVOP 3 ประการ ได้แก่ 1. ภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สากล (Local Yet Global) 2. ลดการพึ่งพาจากภาครัฐ (Self-reliance and Creativity) 3. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development), การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน มีเงื่อนไข 3 อย่าง คือ 1. คุณภาพสินค้าคงที่ 2. สินค้าผลิตสม่ำเสมอ 3. สินค้าผ่านการรับรองมาตรฐาน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวให้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืนในอนาคต

Keywords: การท่องเที่ยว,ผลิตภัณฑ์ชุม,ชนชน,ปกาเกอะญอ

การพัฒนาชมุ ชนนา่ เท่ยี วและผลติ ภณั ฑบ์ นพน้ื ทส่ี งู

อาศรมของวัดบ้านห้วยบงเป็นศูนย์กลางชุมชน มีระบบจัดการให้เกิดกระบวนการ
เรยี นรู้ระหว่างชาวบ้านกับนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน มีการสร้างจิตสํานึกเร่ืองการ
อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม ท้ังในส่วนของชาวบ้าน นักท่องเที่ยว
และผู้มาเยือน

5. ผลกระทบการท่องเท่ียว พบว่า ผลกระทบด้านบวก ส่งผลให้ชุมชน
มีจิตสํานึกเกิดการพัฒนาตนเอง พึ่งพาตนเอง คิดเป็นทําเป็น มีความพยายามใน
การเรียนรู้พัฒนา เกิดรายได้เพิ่มข้ึนมีการรวมตัวกัน สร้างความเข้มแข็งในชุมชน
นําไปสู่การพัฒนาที่ย่ังยืน ส่วนผลกระทบด้านลบ เกิดปัญหาด้านส่ิงแวดล้อม อาทิ
จาํ นวนขยะทีเ่ พิม่ มากข้ึนจากนักท่องเที่ยว การใช้นํ้า ระบบนิเวศธรรมชาติ การรับ
วัฒนธรรมที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว เกิดกระแสการเลียนแบบ มีความขัดแย้งทาง
ความคิด เสียความเป็นส่วนตัวในการท่ีจะต้องรองรับนักท่องเท่ียว และที่สําคัญคือ
อาจถึงกับสูญเสียเอกลักษณ์ของท้องถ่ิน หากมีการตอบสนองความต้องการของ
นักท่องเทยี่ วมากเกนิ ไป

2. กิจกรรมการถอดบทเรียนโดยใช้แนวคิดการพัฒนาสินค้าโอทอป
(OTOP) จากผลการจัดเวทีสนทนากลุ่ม (Focus Group) และการสัมภาษณ์เชิง
ลึก (In-depth interview) โดยใช้กระบวนการ OVOP เพ่ือวิเคราะห์ ภูมิปัญญา
ท้องถ่ินสู่ระดับสากล (Local to International) การพ่ึงตนเองและคิดอย่าง
สร้างสรรค์ (Self-Reliance Creativity) และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
(Human Resource Development) มีผลสรุปดงั น้ี

การใช้หลกั แนวคิดพื้นฐาน หรอื หลกั ปรชั ญา OVOP 3 ประการ ได้แก่
1. ภูมิปัญญาท้องถ่ินสู่สากล (Local Yet Global) คือการผลิตหรือ
สร้างสินค้าให้ได้มาตรฐานในระดับสากล แต่ยังคงสะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่น ไม่ว่า
จะเปน็ รูป รส กล่ิน สี เอาไว้
2. ลดการพ่ึงพาจากภาครัฐ (Self-reliance and Creativity ) คนใน
ชุมชนจะต้องพึ่งพาตนเองได้ ไม่ผูกติดกับนโยบายของภาครัฐ มีอิสระในการคิด
สร้างสรรค์ และตัดสินใจด้วยตนเอง เน้นไปท่ีการรวมตัวกันของคนชุมชนเป็นหลัก
ในการสร้างสินค้าของชุมชนโดยใช้ผลิตผลทางเกษตรในพื้นท่ีมาเป็นวัตถุดิบหลัก
ในการดาํ เนนิ ธุรกจิ เพ่ือใหเ้ กิดการพง่ึ พาตนเองใหม้ ากท่สี ดุ

-145-

การพัฒนาชุมชนนา่ เทยี่ วและผลติ ภณั ฑบ์ นพนื้ ทส่ี ูง

3. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development)
ชมุ ชนมคี วามกล้าท้าทายและมวี ิสยั ทศั น์กวา้ งไกลสามารถเปน็ ผู้นาํ ของชมุ ชนได้

การพฒั นาผลิตภณั ฑ์ชมุ ชน มีเงอ่ื นไข 3 อย่าง คือ
1. คุณภาพสินค้าคงที่ มีการรักษามาตรฐานของสินค้าอยู่เสมอ ทั้งใน
ด้านรสชาติ เมื่อเป็นสินค้าประเภทอาหารหรือเคร่ืองดื่ม ด้านคุณภาพสินค้า เมื่อ
เป็นสนิ ค้าประเภทผลิตภัณฑ์ เปน็ ตน้
2. สินค้าผลิตสมํ่าเสมอ เพราะ OVOP มีคุณลักษณะอยู่ระหว่าง
อุตสาหกรรมขั้นพ้ืนฐาน (Primary Industry) และอุตสาหกรรมข้ันทุติยะ
(Secondary Industry) ทน่ี าํ ผลผลิตจากอตุ สาหกรรมขนั้ พื้นฐานมาแปรรูป
3. สินค้าผ่านการรับรองมาตรฐาน และทดลองขายในตลาดก่อนอย่าง
น้อย 2-3 ปี โดยชุมชนต้องอดทนรอ และศึกษาการทําบัญชีและเงินสดหมุนเวียน
ดว้ ย กระทั่งเมือ่ มีการถามหาสินคา้ เกดิ ขน้ึ ตลาดกจ็ ะตามมาแบบปากต่อปาก
ดังนั้น การเน้นการสร้างความรู้และแรงบันดาลใจให้ผู้คนอยากมา
ท่องเท่ียว เพื่อให้คนอื่นๆ ได้มาสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถ่ิน และทําให้
รายไดเ้ กดิ การกระจายไปถงึ ชมุ ชน ซึง่ จากการเยยี่ มชมการทําผลิตภัณฑ์และพูดคุย
กับชุมชน พบว่า การพัฒนาสินค้าชุมชนมีทิศทางท่ีดีเพราะมีหลายภาคส่วน
สนับสนุน และยังหวังว่าชุมชนแห่งน้ีจะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและย่ังยืนต่อไป
ในอนาคต
อําเภอกัลยาณิวัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวท่ีมีช่ือเสียงแห่งหนึ่งของ
จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ศูนย์พัฒนา
โครงการหลวงวดั จนั ทร์ อา่ งเกบ็ นํ้า ของปาุ สนที่ใหญ่ทส่ี ดุ ในประเทศไทย นํ้าพุร้อน
นา้ํ ตก และอทุ ยานแห่งชาติห้วยน้ําดัง และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่น วัด
จันทร์ ซ่ึงเป็นวัดเก่าแก่ของอําเภอกัลยาณิวัฒนา เป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุ
จอมแจง้ พระธาตศุ ักดิ์สทิ ธ์ิสําคัญ และมีวิหารท่ีเป็นแลนด์มาร์ค คือ “วิหารแว่นตา
ดํา” หรือ “วิหารเรย์แบน” วัดห้วยบง อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นวัดท่ี
ได้รับการฟื้นฟูข้ึนมาใหม่ ได้จัดวัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้วิถีวัฒนธรรมท้องถ่ิน จัดตั้ง
ศูนย์ปกาเกอะญอศึกษา โดยมีการสร้างแหล่งเรียนรู้ผ่านภาพจิตรกรรมฝาผนัง
บริเวณศาลาบาตรรอบพระวิหาร วัดห้วยบง จํานวนกว่า 50 ภาพ เพื่อถ่ายทอดวิถี
ชีวิตและวัฒนธรรมของชาวปกาเกอะญอ และแหล่งเรียนรู้ท่ีเป็นอาคารบ้านเรือน

-146-

การพัฒนาชมุ ชนนา่ เทีย่ วและผลติ ภณั ฑบ์ นพนื้ ทสี่ ูง

ของชาวปกาเกอะญอ พร้อมท้ังภายในมีการจัดแสดงสื่อท่ีเป็นวิถีชีวิต เครื่องมือ
เครื่องใช้ในชีวิตประจําวันและการทํามาหากิน และคติความเช่ือของชาวปกา
เกอะญอในด้านต่างๆ โดยมีกลุ่มประชาชน หน่วยงานและสถานศึกษาต่างๆ ที่
สนใจเขา้ มาแวะเย่ยี มชมเรยี นรู้วิถีปกาเกอะญอ

อย่างไรก็ตาม ชุมชนบ้านจันทร์ แม้จะมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม
และธรรมชาติที่สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเท่ียวที่สําคัญของอําเภอกัลยาณิ
วัฒนาได้หลายแห่ง แต่ยังขาดการพัฒนาปรับปรุงพ้ืนท่ี บุคลากร และสารสนเทศ
ในการนําเสนอแหล่งท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเท่ียว การท่องเที่ยวของ
อาํ เภอกัลยาณิวัฒนาเติบโตไปตามกระแสนิยมอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะความงดงามและ
ความสงบของแหลง่ ท่องเทย่ี วทยี่ ังไม่ถูกรบกวนมากนัก แต่ด้วยเส้นทางยากลําบาก
ในอดีตทําให้การเดินทางเข้ามาค่อนข้างยาก ประกอบกับต้ังอยู่ไม่ไกลจากแหล่ง
ท่องเท่ียวท่ีมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก คือ อําเภอปาย จึงทําให้อําเภอกัลยาณิ
วัฒนาเป็นเหมือนทางผ่าน ไม่สามารถเป็นจุดรวมหรือศูนย์กลางการท่องเท่ียว
เรียกว่าเป็น Unseen ในแถบนี้ได้ ประกอบกับการท่องเท่ียวยังไม่ได้สร้างการ
เรียนรู้และเปิดโอกาสให้คนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการนําเสนอเรื่องราวของ
ตนเอง จึงเป็นที่มาของการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน ท่ีนําเสนอกิจกรรมการ
อนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม กิจกรรมการท่องเที่ยวในชุมชน การบริการโฮมสเตย์ และ
กิจกรรมการเรียนรู้ของคนในชุมชน ท้ังเกษตรกร ผู้สูงอายุ เยาวชน และวัด เข้าสู่
การบรหิ ารจดั การการท่องเท่ยี วทีเ่ กดิ จากการมสี ่วนรว่ ม

ผลผลิตในชุมชนส่วนใหญ่ เป็นผลผลิตทางด้านการเกษตร อาทิ กาแฟ
ชา และผลไม้เมืองหนาว เช่น อโวคาโด เสาวรส เคพกูสเบอร์รี่ และพืชผักต่างๆ
แต่ส่วนใหญ่ เป็นการจําหน่ายในรูปแบบผลผลิตสด ไม่ได้มีการแปรรูปผลผลิตใน
รูปแบบอ่ืนๆ ทําให้ไม่สามารถเก็บผลผลิตได้นาน ต้องจําหน่ายตามราคาท่ีตลาด
กําหนด และมีช่องทางการตลาดท่ีแคบ ดังน้ัน จึงมีความต้องการในการพัฒนา
ฝมี อื และเครื่องมือในการแปรรูปผลผลิตและพัฒนาช่องทางการตลาดให้กว้างขวาง
มากขน้ึ

อย่างไรก็ตาม ชุมชนห้วยบงยังขาดเครื่องดื่มท่ีมีเอกลักษณ์ในการ
ให้บริการนักท่องเท่ียว จึงควรหาสินค้าท่ีเป็นจุดเริ่มต้นก่อนเป็นอันดับแรก จาก
ผลผลิตในชุมชน เช่น ชา กาแฟ ท่ีเป็นพืชที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถ่ิน ท้ังทางด้าน

-147-

การพฒั นาชุมชนนา่ เท่ียวและผลิตภณั ฑบ์ นพน้ื ทส่ี งู

ภูมิศาสตร์และภูมิปัญญาชาวบ้านเหล่านี้ เม่ือได้วัตถุดิบและเนื้อหาที่จะเป็นสิ่งต้ัง
ต้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนเพ่ือการท่องเท่ียว แล้วกระบวนการต่อไปคือการ
แปรรูปและยกระดับ โดยเลือกใช้กระบวนการท่ีไม่ซับซ้อนและประหยัดที่สุดก่อน
เช่น การค่ัวกาแฟ จึงนําไปสู่กระบวนการทดลองได้เร่ิมข้ึนไปพร้อม ๆ กับการ
เรียนรู้ของชาวบ้าน ท่ีร่วมกันในทุกข้ันตอน หลังจากนั้นจึงเป็นการเรียนรู้ วิธีการ
และเทคนิคในการค่ัวกาแฟ การศึกษาคุณสมบัติเพื่อจัดทําการประชาสัมพันธ์ ซึ่ง
เมื่อทราบถึงคุณลักษณะสําคัญของผลิตภัณฑ์แล้ว ข้ันตอนต่อไปคือการพัฒนา
ระบบการผลิตที่มีมาตรฐาน และการค้นหาข้อมูลประกอบ เช่น คุณลักษณะของ
รสชาติเฉพาะ สรรพคุณท่ีเป็นประโยชน์ ข้อมูลทางพันธ์ุพืช และการพัฒนาแหล่ง
ผลิตและแหล่งเรียนรู้ ตลอดจนบรรจุภัณฑ์และการรักษาผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับ
มาตรฐานสนิ ค้าใหเ้ ป็นทย่ี อบรับในระดับอําเภอว่า หากได้มาที่อําเภอกัลยาณิวัฒนา
จะตอ้ งได้ดื่มกาแฟหว้ ยบง สิง่ น้ีถือเป็นหวั ใจสาํ คัญของการยกระดับมาตรฐานสนิ ค้า

อีกประการหน่ึง ส่วนหน่ึงของชาวบ้านห้วยบง ตําบลบ้านจันทร์
ประกอบอาชีพวิสาหกิจชุมชนด้านหัตถกรรม เช่น ผ้าทอแบบปกาเกอะญอ เครื่อง
จกั สาน สินค้าของทร่ี ะลกึ แต่ยังขาดชอ่ งทางการจําหนา่ ยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ตามความต้องการของตลาด ดังน้ัน จึงมีความต้องการพัฒนาสินค้าเหล่านี้ให้เป็นท่ี
ตอ้ งการของตลาดและเพิม่ ช่องทางการจําหน่ายให้มากข้ึน

นอกจากนแ้ี ลว้ ชาวบ้านห้วยบง ตําบลบ้านจันทร์ ยังมีกลุ่มชาวบ้านท่ีมี
ภูมิปัญญาความรู้ดา้ นยาสมนุ ไพรและการนวดแผนโบราณ แต่ยังขาดแหล่งสถานที่
การใหบ้ ริการและสถานประกอบการภายในชุมชน และขาดการประชาสัมพันธ์ไปสู่
สังคมในวงกว้างมากข้ึน ดังนั้น ส่ิงสําคัญของกระบวนการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ชุมชนเพื่อการท่องเท่ียว คือ ต้องเริ่มจากค้นหาข้อมูลเสียก่อน ทั้งจากการระดม
ความคิด การลงพื้นที่เพ่ือสํารวจ การลงพูดคุยกับผู้รู้ เจ้าของภูมิปัญญา เจ้าของ
ทรัพยากร โดยทําในรูปแบบกระบวนการมีส่วนร่วม จากกระบวนการน้ี ทําให้
เห็นอัตลักษณ์ของชุมชนชัดเจนข้ึน เป็นการเริ่มต้นกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ชมุ ชนเพือ่ การทอ่ งเทย่ี วทม่ี ีอัตลกั ษณแ์ ละเชอื่ มโยงกบั แหล่งท่องเท่ยี วของชุมชน

-148-

การพฒั นาชมุ ชนนา่ เทย่ี วและผลิตภัณฑบ์ นพนื้ ทส่ี ูง

ข้อเสนอแนะต่อการขับเคลื่อนงาน/ข้อเสนอแนะ

ต่องานวิจัย/งานพัฒนา/เชิงนโยบาย

1. ด้านภาครัฐ ควรจะมีการกําหนดให้มีหน่วยงานท่ีรับผิดชอบเก่ียวกับ
การพัฒนาสินค้าหน่ึงตําบลหน่ึงผลิตภัณฑ์เพ่ือรองรับ OTOP หลายระดับ ได้แก่
OTOP ระดับรากหญ้า, OTOP ระดับ SMEs, OTOP ระดับส่งออก โดยให้
หน่วยงานใดหน่วยงานหน่ึงรับผิดชอบในการพัฒนาศักยภาพดังกล่าว เนื่องจาก
OTOP ในแต่ละระดับมีปัญหาและระดับการพัฒนาแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังเป็น
การปอู งกนั การเกิดความทับซอ้ นในการดาํ เนนิ งานของภาครฐั เอง

2. ด้านตลาดและผลิตภัณฑ์ ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ OTOP มีโอกาส
ทําตลาดในกลุ่มอาเซียนแตกต่างกัน เน่ืองจากพฤติกรรมผู้บริโภคแต่ละประเทศ
แตกต่างกัน บางประเทศเน้นอุปโภค บริโภคสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ท่ีหรูหรา มีตรา
ยี่ห้อท่ีดี เช่น สิงคโปร์ บรูไน ฟิลิปปินส์ ฉะนั้น หากต้องการทําการตลาดในกลุ่ม
ประเทศนี้ จะต้องมคี วามพิถีพิถันในการพัฒนาด้านบรรจุภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ให้มี
มูลค่าเพ่ิมเพ่ือเป็นการกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภค บางประเทศเน้นการอุปโภค
บริโภค สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ราคาไม่แพง เน้นสินค้าท่ีใช้ในชีวิตประจําวัน เช่น
ลาว พม่า กัมพูชา เป็นต้น ฉะนั้นผู้ประกอบการจะต้องแสดงให้ผู้บริโภคใน
ประเทศดงั กลา่ วเห็นถงึ ความคุ้มค่า และประโยชน์ในสนิ คา้ และผลิตภัณฑ์

3. ดา้ นการบริหารจัดการ ภาครัฐและหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ควรจะมีการ
เร่งพัฒนาความรู้ทักษะให้แก่ผู้ประกอบการ ในด้านภาษาอังกฤษ ด้านการบริหาร
จัดการ ด้านระบบบัญชี ด้านกฎระเบียบและข้ันตอนการส่งอ อก เพ่ือให้
ผู้ประกอบการสามารถแข่งขนั กับผู้ประกอบการประเทศอน่ื ๆ ได้

4. ด้านการผลติ ภาครฐั และหนว่ ยงานที่เกี่ยวขอ้ ง รวมท้ังผู้ประกอบการ
ควรจะสนับสนนุ ให้ผู้ประกอบการสินค้าหนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ์สร้างมาตรฐานใน
การผลิตสินค้า นอกจากนี้สินค้าหนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ์บางประเภทเป็นการนํา
ภูมิปัญญาท้องถ่ินมาพัฒนาเป็นสินค้าแล ะผลิตภัณฑ์ เพ่ือปูองกันการ
ลอกเลียนแบบและการทําซ้ํา ภาครัฐและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องควรจะมีการ
สนับสนุนให้ผู้ประกอบการสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จดลิขสิทธิ์ หรือสิทธิบัตร
ไว้

-149-

การพฒั นาชุมชนนา่ เทย่ี วและผลติ ภณั ฑบ์ นพนื้ ทส่ี ูง

แนวทางการพฒั นาและการขยายผลต่อยอด

1. การพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน (Community tourism
development) ชาวบ้านในชุมชนห้วยบงจะต้องเร่ิมต้นข้ันตอน ดังนี้ การค้นหา
ความเป็นตนเองท่ีเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตน (Identity) การให้ความสําคัญกับการ
ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Ecotourism) การผสมผสานกับการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม
(Cultural tourism) การใช้สังคมสารสนเทศ (Social Media) ผ่านช่องทาง
ออนไลน์ (Online) คุณภาพของนักท่องเท่ียว (Quality of tourists) คนเป็น
ศูนย์กลางการพัฒนา (People-centered development) การเรียนรู้วัฒนธรรม
(Cultural learning) ผลกระทบการท่องเท่ียว (Tourism impact) และการ
ประชาสมั พันธก์ ารท่องเทย่ี ว (Tourism public relations)

2. การกําหนดวิสัยทัศน์ในการจัดการท่องเท่ียวโดยชุมชน ดังน้ี การ
ท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่สิ่งที่ดีในชุมชนสู่สังคมภายนอก การ
ทอ่ งเท่ียวทาํ ให้เกดิ ผลกระทบทางสังคม วัฒนธรรม และส่ิงแวดล้อม การท่องเที่ยว
เป็นกระบวนการเรียนรู้ระหว่างคน วฒั นธรรม กบั ธรรมชาติ

3. การพัฒนาการท่องเท่ียวท่ีต้องการให้ชุมชนมีส่วนร่วมและได้
ประโยชน์จากการท่องเทีย่ ว ต้องมีหลกั การ ดงั น้ี ความต้องการท่ีแท้จริงของชุมชน
การมีสว่ นรว่ มของสมาชกิ ในชมุ ชน ชุมชนรวมตัวกันเป็นกลุ่ม ชมรม สมาคม หรือ
องค์กร รูปแบบ เน้ือหา กิจกรรมของการท่องเท่ียวมีความเท่าเทียม กฎกติกาของ
ชมุ ชน มาตรฐานการทอ่ งเที่ยวโดยชมุ ชน กระบวนการเรียนรู้รว่ มกันระหว่างชุมชน
และนักท่องเท่ียว การจัดสรรรายได้ท่ีเป็นธรรม การท่องเที่ยวเป็นอาชีพเสริมหรือ
อาชพี รอง องค์กรชุมชนมคี วามเขม้ แขง็

4. การประเมินความเป็นไปได้ของการจัดการท่องเท่ียวโดยชุมชน คือ
ผู้นําชุมชนและแกนนําชุมชน การมีส่วนร่วมของประชาคมในชุมชน การจัดต้ัง
องค์กรภายในชุมชน การพิจารณาอัตลักษณ์เฉพาะถ่ินหรือของดีในชุมชน ความ
พร้อมของผู้ท่สี นใจจะเกี่ยวข้องกับกิจกรรมท่องเท่ียว การเสริมสร้างบรรยากาศการ
เรยี นรูจ้ ากประสบการณจ์ รงิ ประสบการณท์ กั ษะในการจัดการท่องเทีย่ วโดยชุมชน

5. การเตรียมความพร้อมของการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน ควรมี
กระบวนการทํางาน 10 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 การให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวให้
ชมุ ชนพิจารณาทงั้ ด้านบวกและลบ ขัน้ ที่ 2 การสร้างการมสี ่วนร่วมของกลุ่มองค์กร

-150-

การพัฒนาชุมชนนา่ เท่ียวและผลติ ภณั ฑบ์ นพืน้ ทส่ี งู

ในชุมชน ข้ันท่ี 3 การศึกษาชุมชนร่วมกับชาวบ้าน ข้ันที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูล
SWOT Analyze รว่ มกันทงั้ ในดา้ นศักยภาพ ข้อจํากดั โอกาส และความเสี่ยง ขั้น
ท่ี 5 การพัฒนาศักยภาพและแก้ไขจุดอ่อน ขั้นท่ี 6 การวางรูปแบบการบริหาร
จัดการท่องเที่ยว ขั้นที่ 7 การประสานงานกับหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ข้ันท่ี 8 การ
ทดลองดําเนินกิจกรรมการท่องเท่ียว ข้ันท่ี 9 การประเมินผลการท่องเท่ียว ข้ันท่ี
10 การปรบั ปรงุ แก้ไขข้อบกพรอ่ งและการพัฒนาองค์กรและบคุ ลากร

6. หลักการในการพิจารณาหาแนวทางในการสร้างมูลค่าเพ่ิมของ
ผลิตภัณฑ์ชุมชนและการบริการ คือ การเพิ่มมูลค่า จะต้องพิจารณาจากความ
ต้องการและรสนิยมของผู้บริโภคเป็นหลัก ผลิตภัณฑ์หรือบริการ เช่น ผลิตภัณฑ์
นวัตกรรมใหม่ (Innovative Product) ผลิตภัณฑ์ปรับปรุงใหม่โดยการ
ปรับเปล่ียน ดัดแปลง (Replacement Product of Modify Product)
ผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบหรือการลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์ (Imitative or Me-
too-Product) การพิจารณาวัตถุดิบ คัดเลือกวัตถุดิบที่มีเร่ืองราวที่จะสร้าง
มูลค่าเพิ่ม การพิจารณาวิธีกระบวนการผลิต หรือวิธีการผลิต ที่อาจจะดัดแปลงให้
เกิดคุณค่ามากข้ึน การออกแบบบรรจุภัณฑ์หรือการนําเสนอให้ผู้บริโภครับรู้ถึง
คุณค่าของผลิตภัณฑ์ต้ังแต่สัมผัสแรก การพิจารณาสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงบริการ
ให้กับผลิตภัณฑ์ หรือเพ่ิมผลิตภัณฑ์ให้กับบริการ การสร้างแบรนด์ เป็นประเด็นที่
สําคัญทส่ี ุด ในการเสริมสร้างคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ต้องดําเนินควบคู่กับการสื่อสาร
แบรนด์ การโฆษณา การพิจารณาสร้างมูลค่าเพ่ิมเร่ืองการนําผลิตภัณฑ์และบริการ
น้ัน ให้เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเปูาหมาย และการรักษามาตรฐานหรือคุณภาพ การ
สรา้ งมาตรฐานให้กบั สนิ ค้าและบริการให้มมี าตรฐานอยูเ่ สมอเปน็ เร่ืองสําคัญ

-151-

การพฒั นาชมุ ชนนา่ เท่ยี วและผลติ ภัณฑบ์ นพนื้ ทส่ี ูง

บรรณานุกรม

-152-

การพฒั นาชุมชนนา่ เที่ยวและผลิตภัณฑบ์ นพืน้ ทส่ี ูง

กรรวี กันเงนิ . “ความคาดหวงั และความพงึ พอใจของนักท่องเทย่ี วชาวไทยทีม่ ีต่อ
การพัฒนาสถานทีท่ ่องเทีย่ วในจังหวัดกาญจนบุรี”. วทิ ยานิพนธป์ ริญญา
ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑติ . บัณฑติ วทิ ยาลัย : มหาวทิ ยาลัยศิลปากร,
2550.

กรวรรณ สังขกร. แหลง่ ท่องเทยี่ วและการทอ่ งเทยี่ วตลาดใหม่. (เอกสาร
ประกอบการประชุมเสวนา “การผลิตอาหารปลอดภัยเพอ่ื ตอบสนองตลาด
ใหมท่ างการท่องเทย่ี วในเขตภาคเหนือตอนบน” จดั โดย โครงการ
กระบวนการสรา้ งความเข้มแขง็ ของเครือข่ายวิจยั ของศูนย์ภาคีเครอื ข่าย
วจิ ยั ลา้ นนา สถาบนั วิจยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ณ โรงแรมลําปางเวยี งทอง จ.ลาํ ปาง 9 กรกฎาคม
2555), (เอกสารอัดสาํ เนา).

กระทรวงการทอ่ งเที่ยวและกฬี า. ยทุ ธศาสตรก์ ารทอ่ งเทย่ี ว พ.ศ. 2558-2560.
กรุงเทพมหานคร: กระทรวงการท่องเท่ยี วและกฬี า, 2558.

กาญจนา แสงลิ้มสุวรรณ และศรนั ยา แสงล้ิมสวุ รรณ. การทอ่ งเทย่ี วเชงิ มรดก
วฒั นธรรมอยา่ งยง่ั ยนื . Executive Journal, (October – Decenber
2012): 141 – 142.

ไกรฤกษ์ ปน่ิ แก้ว. แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรม. กรงุ เทพมหานคร: ภาควชิ าการ
จัดการธุรกจิ ระหวา่ งประเทศ, 2556.

จิตตินุช วัฒนะ. การศึกษาเพือ่ กาํ หนดอตั ลกั ษณถ์ นนวฒั นธรรม (ถนนคนเดนิ )
ของจงั หวดั พษิ ณโุ ลก. วารสารวทิ ยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั นเรศวร. (ปีท่ี 7 ฉบบั ที่ 2 เมษายน – กันยายน 2555):
71 – 80.

จิตตมิ า ดํารงวฒั นะ และคณะ. “การประเมนิ ศกั ยภาพความพร้อมรองรบั การ
ทอ่ งเท่ียวโดยชมุ ชนด้านการเรยี นรู้ กรณศี ึกษา : ผ้นู ําชุมชน อาํ เภอพปิ นู
จงั หวดั นครศรธี รรมราช”. วารสาร มหาจฬุ านาครทรรศน.์ (ปีท่ี 5 ฉบับท่ี
1 มกราคม – มิถุนายน 2561): 58 – 69.

จุฑารัตน์ สทิ ธสิ นั ติกลุ . “กระบวนการจัดความรู้ด้านการทอ่ งเทีย่ วเชงิ สุขภาพบ้าน
แม่กําปอง อําเภอแม่ออน จงั หวดั เชียงใหม่”. ปรญิ ญารฐั ประศาสนศาสตร
มหาบณั ฑติ . บัณฑิตวทิ ยาลยั :

-153-

การพัฒนาชุมชนนา่ เทยี่ วและผลติ ภัณฑบ์ นพ้ืนทส่ี ูง

มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่, 2557.
จุฑามาศ วศิ าลสิงห์. โครงการศกึ ษาภาพลักษณ์ดา้ นการท่องเทย่ี วของประเทศไทย

ในสายตาของนกั ทอ่ งเทย่ี วชาวตา่ งชาต.ิ กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ยูเรก้า
คอนซัลต้ิง จํากัด, 2555.
ฉลองศรี พิมลสมพงศ.์ การวางแผนและพัฒนาตลาดการทอ่ งเทย่ี ว.
กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร,์ 2542.
ดวงกมล เวชวงค.์ กระบวนการนาํ เสนออัตลกั ษณท์ างชาตพิ นั ธยุ์ วนในบรบิ ทของ
การทอ่ งเทย่ี วผา่ นหอวฒั นธรรมพนื้ บ้านและตลาดทา่ น้ํา : ศกึ ษากรณี
ชมุ ชนยวน ตําบลตน้ ตาล อาํ เภอเสาไห้ จังหวดั สระบรุ .ี วารสารวิทย
บริการ. (ปที ี่ 22 ฉบบั ท่ี 3 กันยายน-ธนั วาคม 2554) : 130 – 149.
ทรงคุณ จนั ทจร และคณะ. คณุ คา่ อตั ลกั ษณศ์ ลิ ปวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ กบั การนาํ มา
ประยุกตเ์ ปน็ ผลติ ภณั ฑท์ ้องถนิ่ เพื่อเพม่ิ มลู คา่ ทางเศรษฐกจิ และการ
ท่องเทยี่ วเชิงวฒั นธรรมภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ภาคกลาง และภาคใต.้
รายงานวจิ ัย. สถาบนั วิจัยศลิ ปะและวฒั นธรรมอสี าน มหาวิทยาลัย
มหาสารคาม ไดร้ ับทนุ อุดหนนุ การวจิ ยั จากสํานักงานศิลปวฒั นธรรม
รว่ มสมยั กระทรวงวฒั นธรรม, 2552.
ทิชากร เกสรบัว. “แนวทางการพฒั นาสินค้าหนึ่งตําบลหนงึ่ ผลิตภณั ฑ์ (One
Tambon One Product : OTOP) เพอ่ื การส่งออกในตลาดอาเซียน”.
วารสารมนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร.์ (30 (2) พฤษภาคม – สิงหาคม
2556): 155 – 174.
นภาพร วศิ วกุล. การท่องเทยี่ วเชิงนเิ วศ. กรงุ เทพมหานคร: ภมู ศิ าสตร์การ
ทอ่ งเทยี่ วประเทศไทย โครงการตํารามหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ,
2555.
นคิ ม จารมุ ณี. การท่องเที่ยวและการจัดการอุตสาหกรรมการท่องเทีย่ ว.
กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์กรมการศาสนา, 2535.
ปาจรีย์ ผลประเสรฐิ . แผนงานวจิ ยั แนวทางการพฒั นาและส่งเสรมิ การทอ่ งเทย่ี ว
เพอื่ สะท้อนอัตลกั ษณจ์ งั หวดั กําแพงเพชร. สักทอง : วารสารการ
สงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั กําแพงเพชร, (Vol 15,
No 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2552) : 19 – 35.

-154-

การพัฒนาชุมชนนา่ เที่ยวและผลติ ภัณฑบ์ นพืน้ ทสี่ งู

เปรมจติ ทาบุร.ี “กลยทุ ธ์การตลาดการท่องเทีย่ วจังหวัดร้อยเอด็ ”. วทิ ยานพิ นธ์
ปริญญาบรหิ ารธุรกจิ มหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย :
มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2549.

พระมหาบญุ พเิ ชษฐ์ จนั ทร์เมือง. การจัดการการทอ่ งเทย่ี วในพระอารามหลวง
ชน้ั เอก ในเกาะรตั นโกสนิ ทร.์ สารนพิ นธ์ปรญิ ญาวทิ ยาศาสตรมหาบัณฑิต.
บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ, 2553.

พจนา สวนศรี. เอกสารการสอนชุดวชิ า หนว่ ยที่ 8-15 การจดั การนนั ทนาการ

และการทอ่ งเทยี่ วทางธรรมชาต.ิ นนทบรุ :ี
มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2546.
พรทพิ ย์ กิจเจริญไพศาล. การศกึ ษาทรพั ยากรท่องเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรมของชมุ ชน
ชาวมอญเพอื่ ส่งเสรมิ การทอ่ งเทย่ี วเชิงนเิ วศในจงั หวดั ปทมุ ธาน.ี ปริญญา
วทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑิต. บัณฑิตวิทยาลยั
มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ, 2553.
พระมหาสุทิตย์ อาภากโร (อบอุ่น) และคณะ. “การพฒั นาแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วประเภท
วัดในกรงุ เทพมหานคร”. ประชาคมวิจัย. (ฉบบั ท่ี 95 ปที ี่ 16 เดือน
มกราคม - กมุ ภาพันธ์ 2554) : 51.
พมิ พ์ลภสั พงศกรรังศลิ ป์. “การจดั การการทอ่ งเที่ยวชุมชนอย่างย่ังยนื : กรณศี ึกษา
บา้ นโคกไคร จังหวดั พังงา”. วารสารฉบบั มนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และ
ศลิ ปะ, (กนั ยายน - ธันวาคม 2557): 650-665.
แพรวพโยม พัวเจริญ. การศึกษาอตั ลกั ษณแ์ ละคณุ ค่าของมรดกทางวัฒนธรรม
เพลงโคราชสู่กจิ กรรมการทอ่ งเทยี่ วเชิงสร้างสรรคส์ าํ หรบั นักท่องเทยี่ ว
เยาวชน. เอกสารประกอบการประชมุ วชิ าการเสนอผลงานวิจยั ระดับ
บณั ฑติ ศึกษาแหง่ ชาตคิ ร้ังท่ี 23 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ระหว่างวนั ท่ี 23-24 ธันวาคม 2554.
ปาจรยี ์ ผลประเสริฐ. แผนงานวจิ ยั แนวทางการพฒั นาและสง่ เสรมิ การทอ่ งเทยี่ ว
เพื่อสะทอ้ นอตั ลกั ษณ์ จงั หวดั กาํ แพงเพชร. สกั ทอง : วารสารการ
สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกําแพงเพชร, (Vol 15, No 2
กรกฎาคม – ธันวาคม 2552) : 19 – 35.
ปวณี า ทองบญุ ยัง. รูปแบบการทอ่ งเทยี่ วเชิงนเิ วศวฒั นธรรมและประวตั ศิ าสตร์

-155-

การพฒั นาชมุ ชนนา่ เที่ยวและผลิตภณั ฑบ์ นพ้ืนทส่ี ูง

ชมุ ชนบ้านบาก ตาํ บลบา้ นบาก อําเภอดอนตาล จงั หวดั มุกดาหาร.
วารสารวจิ ัยเพือ่ การพฒั นาเชงิ พนื้ ที.่ (ปีที่ 5 ฉบับท่ี 4
มนี าคม-เมษายน 2556) : 99 – 115.
มนัส สุวรรณ และคณะ. คมู่ ือการบรหิ ารและจดั การการท่องเทยี่ วในพนื้ ที่
รบั ผิดชอบขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล (อบต.) และสภาตาํ บล (สต.),
ม.ป.ท., 2541.
มลั ลกิ า ตน้ สอน. กลยทุ ธธ์ รุ กจิ (Business Strategy). พมิ พ์ครง้ั ที่ 2.
กรุงเทพมหานคร : บริษัท เอ็กซเปอร์ เนต็ , 2544.
รัชนี เพช็ ร์ช้าง. รปู แบบการจดั การท่องเท่ียวอทุ ยานแหง่ ชาตลิ าํ นํ้านา่ น อาํ เภอ
ทา่ ปลา จังหวดั อุตรดิตถ.์ วารสารวิจยั เพ่ือการพฒั นาเชงิ พน้ื ท่.ี (ปีท่ี 4
ฉบบั ท่ี 4 มีนาคม-เมษายน 2555) : 91 – 106.
วทัญญู ใจบริสุทธิ์. การศกึ ษาโครงการหนง่ึ ตาํ บลหนงึ่ ผลติ ภัณฑ์ (OTOP) ภายใต้
วาทกรรมความเปน็ สนิ ค้า. กรงุ เทพมหานคร: สถาบนั เอเชียตะวนั ออก
ศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2560.
วรพงศ์ ผกู ภู่. “ผลิตภณั ฑช์ มุ ชนเพอื่ การท่องเทยี่ ว”. ออนไลน.์ แหล่งข้อมูล:
https://www.randdcreation.com/content/4738/การพฒั นา
ผลติ ภัณฑช์ ุมชน เพ่ือการท่องเที่ยว. [24 พฤศจิกายน 2563].
วรรณา วงษ์วานชิ . ภูมิศาสตรก์ ารทอ่ งเทย่ี ว. พิมพ์คร้งั ท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร:
โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, 2546.
วารัชต์ มธั ยมบรุ ษุ . “รปู แบบการทอ่ งเทีย่ วในประเทศไทย”. ขอ้ มลู ออนไลน์
[แหล่งขอ้ มลู ] :
www.estudytourism.com/TourismJournal/TourismModelIntha
iland.pdf [10 กมุ ภาพันธ์ 2555].
วชิ ชานันท์ ผอ่ งศรี และสมพงษ์ ธงไชย. การสรา้ งสรรคร์ ูปแบบการท่องเทยี่ วเชงิ
บรู ณาการพน้ื ท่ี อ.โขงเจยี ม จ.อบุ ลราชธาน.ี Environment and
Natural Resources Journal, (Vol.5, No.2, Dec 2007) :
164 – 172.
วรี ะพล ทองมา และ นวนจนั ทร์ ทองมา. กลยทุ ธ์การบรหิ ารจัดการธรุ กจิ การ
ท่องเท่ียวโดยชมุ ชนบนพนื้ ทส่ี งู ในจงั หวดั เชียงใหม.่ กรุงเทพมหานคร :

-156-

การพฒั นาชมุ ชนนา่ เท่ยี วและผลติ ภณั ฑบ์ นพนื้ ทสี่ ูง

สํานักงานการวจิ ัยแหง่ ชาติ, 2551.
วีระพล ทองมา และ ประเจต อํานาจ. ผลทเี่ กดิ ขนึ้ จากการจัดกจิ กรรมการ

ทอ่ งเทีย่ วตอ่ ประชาชนในพนื้ ท่ตี ําบลแมแ่ รม อาํ เภอแมร่ มิ จงั หวดั
เชยี งใหม.่ เชยี งใหม:่ รายงานผลการวิจยั มหาวิทยาลยั แม่โจ,้
2547.
ศริ วิ รรณ เสรีรัตน์ และคณะ. การบรหิ ารการตลาดยคุ ใหม.่ กรุงเทพมหานคร :
ธีระฟลิ ์มและไซเท็กซ,์ 2541.
สดุ แดน วิสุทธลิ กั ษณ์ และคณะ. ท่องเทยี่ วสร้างสรรค:์ เครอื่ งมือสาํ คญั นําไปสู่
ชมุ ชนย่ังยนื . รายงานวจิ ยั . องค์การบริหารการพัฒนาพนื้ ที่พเิ ศษเพอ่ื การ
ทอ่ งเที่ยวอยา่ งย่งั ยนื (องค์การมหาชน), 2554.
สุรพงษ์ เพช็ ร์หาญ. “การพฒั นาชุมชนโอทอปนวตั วิถีและส่งเสรมิ การทอ่ งเทยี่ ว
ด้วยระบบภมู ิสารสนเทศศาสตร์ จงั หวดั ลาํ ปาง”. วารสารโครงงาน
วทิ ยาการคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศ. (ปที ่ี 5 ฉบับท่ี
1 มกราคม – มถิ ุนายน 2562): 65 – 74.
เสรี วงศ์มณฑา. กลยทุ ธท์ างการตลาด : การวางแผนการตลาด. กรุงเทพมหานคร
: ธรี ะฟลิ ์มและไซเทก็ ซ์, 2543.
สินธ์ุ สโรบล, บรรณาธิการ. การทอ่ งเทย่ี วโดยชมุ ชน : แนวคดิ และประสบการณ์
พนื้ ทภ่ี าคเหนอื = Community-based tourism. เชยี งใหม่ :
สาํ นักงานกองทนุ สนบั สนนุ การวิจัย, 2546.
สุดแดน วิสทุ ธิลักษณ์ และคณะ. ทอ่ งเทยี่ วสร้างสรรค:์ เครอ่ื งมือสาํ คญั นาํ ไปสู่
ชมุ ชนย่งั ยนื . รายงานวจิ ัย. องค์การบริหารการพฒั นาพน้ื ที่พิเศษเพื่อการ
ทอ่ งเทย่ี วอย่างยั่งยนื (องค์การมหาชน), 2554.
สถุ ี เสริฐศร.ี “แนวทางการจัดการท่องเทยี่ วอย่างยัง่ ยืนในชุมชนคลองโคน อําเภอ
เมือง จังหวัดสมทุ รสงคราม”.วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ .
บณั ฑติ วทิ ยาลยั : มหาวิทยาลยั กรุงเทพ, 2559.
สาํ นกั พัฒนาแหล่งท่องเท่ียว. คมู่ อื การทอ่ งเทยี่ วโดยชมุ ชน. กรงุ เทพมหานคร:
กระทรวงการทอ่ งเที่ยวและกีฬา 2550.
อดลุ ย์ จาตรงตกุล. การบรหิ ารการตลาด กลยทุ ธ์ และยทุ ธวธิ .ี กรงุ เทพมหานคร :
โรงพมิ พ์มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, 2543.

-157-

การพฒั นาชมุ ชนนา่ เทีย่ วและผลติ ภณั ฑบ์ นพ้ืนทส่ี งู

ฉลองศรี พิมลสมพงษ์. การวางแผนและพัฒนาตลาดการทอ่ งเทย่ี ว.
กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร,์ 2542.

อภิวฒั น์ ปนั ทะธง และคณะ. การพฒั นาสื่อสง่ิ พมิ พเ์ พอื่ การทอ่ งเทยี่ วเชงิ
วัฒนธรรมของชมุ ชนรอบอทุ ยานประวตั ศิ าสตรส์ โุ ขทยั . วารสารวิชาการ
ศิลปะสถาปตั ยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร. (ปีท่ี 3 ฉบบั ที่ 1
เมษายน – กันยายน 2555): 114 – 125.

เอนก ชิตเกษร และพรรณนชุ ชัยปินชนะ. โครงการวจิ ยั และพฒั นาหมบู่ า้ น
เศรษฐกจิ พอเพยี งใหเ้ ปน็ แหลง่ ท่องเทยี่ ว : กรณศี กึ ษา บา้ นไรป่ ุาคา ตําบล
ทา่ ตมุ้ อาํ เภอปาุ ซาง จงั หวดั ลาํ พนู . รายงานวจิ ยั . เครือข่ายบรหิ ารการวิจัย
ภาคเหนอื ตอนบน สานกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา, 2552.
(เอกสารอัดสําเนา).

Alastair M. Morrison. Hospitality and Travel Marketing.
New York: Delmar Publisher, 1989.

Bulter R.W.. “The Concept of a Tourist Area Cycle of Evaluation :
Implication for Management of Resources”. Canadian
Geographer, 1980.

Hiramatsu, M., One Village. One Product Spreading throughout
the World. Oita Japan: Office: Oita OVOP International
Exchange Promotion Committee, 2008.

Holloway J. Christopher. The Business of Tourism. Plymouth:
Macdonald and Even Ltd, 1983.

Kotler Philip & Armstrong Gary. Principles of marketing. Prentice
Hall (Englewood Cliffs, N.J., 1994.

Mcintosh. Tourism-Principles, Practices, Philosophies. Fifth
edition. New York : Wiley and son,Inc., 1986.

Murayama, H.. International OVOP Policy Association, The7th
International OVOP in Vietnam. IOPA (International OVOP
Policy Association) annual conference, 2010.

Tanwattana, P. and Korkietpitak, W.. “The background to

-158-

การพัฒนาชุมชนนา่ เทีย่ วและผลติ ภณั ฑบ์ นพ้นื ทสี่ งู

understanding One Tumbon One Product in Thailand” in
Significance of the regional one-product policy: How to use
the OVOP/OTOP movements. Hiroshi Murayama (eds.).
Pathumthani: Thammasat Printing House, 2012.
Stanley C. Plog. “Why Destination Areas Rise and Fall in
Popularity”. The Comell Hotel and Restaurant
Administration Quarterly, (14 (February 1974) : 13 – 16.
Yamazaki, J.. A Comparative Analysis of One Village One Product
(OVOP) and its Reliability in International Development.
Thesis (MA). Institute of Social Studies, The Hague, 2010.

-159-

An incredibly poignant piece of work

เครอื ขา่ ยวจิ ยั ภมู ภิ าค: ภาคเหนือ ภายใต้โครงการ
“การบรหิ ารจดั การเครอื ขา่ ยการวจิ ยั ภมู ภิ าค: ภาคเหนือ”

สาํ นักงานการวจิ ยั แหง่ ชาติ


Click to View FlipBook Version