The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวทางปฏิบัติในการประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เหมาะสมกับกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา เป็นรายงานการติดตามผลดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม ภาวะผู้สูงอายุ และการเรียนรู้วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์แนวปฏิบัติของเครือข่ายพระนักพัฒนา และกระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา ในการสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ของพื้นที่ต้นแบบ (Model) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา และประเมินผลกระทบของพื้นที่ต้นแบบ (Model) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by MCU Books, 2021-03-02 08:59:40

เครือข่ายพระนักพัฒนากับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์

แนวทางปฏิบัติในการประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เหมาะสมกับกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา เป็นรายงานการติดตามผลดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม ภาวะผู้สูงอายุ และการเรียนรู้วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์แนวปฏิบัติของเครือข่ายพระนักพัฒนา และกระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา ในการสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ของพื้นที่ต้นแบบ (Model) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา และประเมินผลกระทบของพื้นที่ต้นแบบ (Model) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา

Keywords: คุณภาพชีวิต, เครือข่ายพระนักพัฒนา, ชุมชนพื้นที่สูง

เครอื ขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกล่มุ ชาติพนั ธ์ุ

กำรเผยแผพ฽ ระพทุ ธศำสนำแกช฽ ำวเขำในลักษณะน้ี ถอื เป็นเรอื่ งใหม฽ในสมัย
นน้ั คณะผ฾ดู ำํ เนนิ กำรจึงไดใ฾ ชโ฾ ครงกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำแก฽ชำวเขำ โดยคณะ
พระธรรมจำริก เมื่อปี พ.ศ.2508 เป็นโครงกำรทดลองหรือโครงกำรนํำร฽อง เพ่ือ
สะสมประสบกำรณแต฽ำงๆ ที่ได฾รับมำปรับปรุงแก฾ไข และพัฒนำข฾อบกพร฽องต฽ำง
ๆ ในกำรวำงแผนจัดทำํ เปน็ โครงกำรถำวร

โ ค ร ง ก ำ ร ท ด ล อ ง ไ ด฾ ถู ก นํ ำ เ ส น อ ข อ รั บ ค ว ำ ม เ ห็ น ช อ บ จ ำ ก ก ร ม
ประชำสงเครำะหแ ซ่ึงกรมประชำสงเครำะหแได฾ให฾ควำมเห็นชอบดํำเนินกำรได฾
ภำยหลังจำกท่ีได฾มีกำรศึกษำหำข฾อมูลภำคสนำม ท่ีหมู฽บ฾ำนม฾งทับเบิก ต.วังบำล
อ.หล฽มเก฽ำ จ.เพชรบูรณแ และที่บ฾ำนม฾งปุำยำบ อ.ด฽ำนซ฾ำย จ.เลย ในเขต
พ้ืนที่ของนิคมสร฾ำงตนเองสงเครำะหแชำวเขำจังหวัดเพชรบูรณแ พิษณุโลกและเลย
โดยพระธรรมกิตติโสภณ เจ฾ำอำวำสวัดเบญจมบพิตรได฾มอบหมำยให฾พระศรีวิสุทธิ
วงศแ คณะกรรมกำรวัฒนธรรมทำงจิตใจ กระทรวงศึกษำธิกำรร฽วมกับเจ฾ำหน฾ำท่ีของ
กองสงเครำะหแชำวเขำศึกษำข฾อมูลและวิเครำะหแควำมเป็นไปได฾ ตลอดจนจัดทํำ
โครงกำรทดลองขึ้นมำนํำเสนอเพื่อขอรับควำมเห็นชอบดังกล฽ำว สํำหรับกำร
ดํำเนินกำรในสว฽ นของคณะสงฆแ พระธรรมกิตติโสภณได฾นํำร฽ำงโครงกำรเสนอต฽อท่ี
ประชมุ คณะอนุกรรมกำรวฒั นธรรมสำขำทำงจิตใจได฾รับทรำบเบื้องต฾นและนํำเข฾ำสู฽
ที่ประชุมคณะกรรมกำรมหำเถรสมำคมเพ่ือทรำบแนวทำงดํำเนินกำรของโครงกำร
พระธรรมจำริก

โครงกำรนํำร฽องปี พ.ศ.2508 จึงเกิดข้ึนเพื่อทดลองสร฾ำงควำมสัมพันธแ
ทำงด฾ำนจิตใจกับชำวเขำ โดยให฾สอดคล฾องกับกำรดํำเนินงำนตำมโครงกำรพัฒนำ
และสงเครำะหแชำวเขำ และเพื่อรวบรวมข฾อมูลและข฾อสนเทศ ในกำรศึกษำหำวิธีท่ี
จะดํำเนินกำรเปน็ โครงกำรระยะยำวตอ฽ ไป

ในช฽วงปี พ.ศ. 2509 - 2529 นับได฾ว฽ำโครงกำรพระธรรมจำริก ได฾ก฾ำว
เข฾ำสู฽ “มิติใหม฽” ของกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำบนพ้ืนที่สูง ซ่ึงนอกจำกจะทํำ
กำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำเป็นภำรกิจหลักแล฾วพระธรรมจำริกยังได฾ปฏิบัติหน฾ำท่ี
คล฾ำยๆ กับเป็น “นักพัฒนำ” พระธรรมจำริกได฾เข฾ำไปมีบทบำทหลำยๆ ด฾ำนใน
กำรพัฒนำ กล฽ำวได฾ว฽ำเป็นกำรเผยแผ฽ศำสนำเชิงรุก เพรำะแทนท่ีพระสงฆแจะ
ประจํำอยู฽ท่ีวัดหรืออำศรมรอให฾ชำวบ฾ำนมำหำ ตำมที่พระภิกษุพื้นรำบส฽วนหน่ึงถือ
ปฏิบัติอย฽ู แต฽พระธรรมจำริกกลับปฏิบัติแตกต฽ำงออกไป เพรำะได฾ออกไปหำ

-46-

เครอื ข่ายพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์

ชำวบ฾ำนและร฽วมกับชำวบ฾ำนในกำรแก฾ไขปใญหำชุมชนจึงทํำให฾พระธรรมจำริกมี
บทบำทโดดเด฽นในกิจกรรมกำรพัฒนำอ่ืน ๆ เช฽น กำรศึกษำ กำรสำธำรณสุขกำร
อนำมัย กำรพัฒนำชุมชน นอกเหนือจำกภำรกิจทำงด฾ำนกำรพัฒนำจิตใจ โดย
ใช฾หลักธรรมทำงศำสนำ

กิจกรรมที่สํำคัญประกำรหน่ึงของพระธรรมจำริก ได฾แก฽กำรผสมผสำน
ระหว฽ำงคติควำมเชื่อด้ังเดิมของชำวเขำกับพุทธศำสนำ ดังจะเห็นได฾จำกกำรท่ี
พิธกี รรมหลำยพิธีกรรมของชำวเขำได฾เริ่มมีพระภิกษุเข฾ำไปมีส฽วนร฽วมโดยพระภิกษุ
จะเปน็ ผ฾สู วดมนตแในพธิ ขี ้นึ บำ฾ นใหม฽ พิธีแต฽งงำน พิธีศพ พิธีเลี้ยงผีหมู฽บ฾ำน เป็น
ต฾น ซง่ึ แสดงให฾เหน็ วำ฽ ชำวเขำไดย฾ อมรบั เอำพระพุทธศำสนำเข฾ำไปผสมผสำนกับ
พธิ กี รรมตำมคติควำมเชอ่ื ดง้ั เดมิ

นอกจำกกำรผสมผสำนระหว฽ำงคติควำมเชื่อด้ังเดิมกับพระพุทธศำสนำแล฾ว
กิจกรรมทำงด฾ำนกำรแลกเปล่ียนวัฒนธรรม โดยกำรนํำผ฾ูนํำหม฽ูบ฾ำนพื้นรำบ ผู฾นํำ
เยำวชน และชำวบ฾ำนท่ัวไปขึ้นไปร฽วมพิธีกรรมที่สํำคัญประจํำปีของชำวเขำแต฽ละ
เผ฽ำ และกำรนํำผู฾นํำชำวเขำ ผ฾ูนํำเยำวชน และชำวเขำลงจำกเขำ มำร฽วมใน
กิจกรรมของพิธีกรรมที่สํำคัญของชำวบ฾ำนพ้ืนรำบ ทํำให฾เห็นควำมแตกต฽ำง
ระหวำ฽ งพิธีกรรมของแต฽ละพ้ืนที่และกลุ฽มชำติพันธุแท่ีแตกต฽ำงกัน พระธรรมจำริกจึง
ได฾ริเริ่มกิจกรรมที่เรียกว฽ำ “กำรตัดผี” ซ่ึงเป็นกิจกรรมท่ีส฽งผลให฾ชำวเขำตัดขำด
จำกคติควำมเช่ือด้ังเดิมอย฽ำงสิ้นเชิง ในเรื่องกำรนับถือผีต฽ำง ๆ ซ่ึงจะต฾องมีกำร
เซน฽ ไหวป฾ ระจํำปี หรือมีกำรเซน฽ ไหวท฾ กุ ครง้ั ทมี่ เี หตุกำรณแผดิ ปกตเิ กิดข้นึ

ในปี พ.ศ.2514 ได฾มีกำรจัดตั้งศูนยแอบรมพระพุทธศำสนำแก฽พระภิกษุ
สำมเณรชำวเขำขึ้นที่วัดศรีโสดำ จ.เชียงใหม฽ เพื่อรวบรวมภิกษุสำมเณรชำวเขำที่
อยู฽กระจัดกระจำยในจังหวัดต฽ำงๆ ในภำคเหนือให฾มำอย฽ูร฽วมกัน เป็นศูนยแกลำง
ของกำรสร฾ำงบุคลำกร พระภิกษุสำมเณรชำวเขำ ซ่ึงนอกจำกจะเป็นกำรยกระดับ
กำรศึกษำของภิกษุสำมเณรในทำงโลกและทำงธรรมแล฾ว ศูนยแอบรมฯ ยังทํำ
หนำ฾ ทีส่ รำ฾ งบคุ ลำกร โดยเฉพำะภิกษุสำมเณรชำวเขำให฾แก฽โครงกำรพระธรรมจำริก
อยำ฽ งตอ฽ เน่ือง

ปี 2510 - 2525 ซึ่งเป็นช฽วงกำรก฽อเหตุกำรณแไม฽สงบขึ้นในภำคเหนือ
โดยเฉพำะพนื้ ท่บี นภเู ขำจำกภยั ควำมวน฽ุ วำยของลัทธิทำงกำรเมืองขณะน้ัน มีส฽วน
ทํำให฾โครงกำรพระธรรมจำริกหยุดกำรขยำยตัวในหลำยจังหวัดเช฽น จังหวัด

-47-

เครือข่ายพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกลมุ่ ชาติพันธ์ุ

เพชรบรู ณแ พิษณุโลก เชียงรำย น฽ำน และตำก ทํำให฾โครงกำรต฾องขยำยอำศรม

ฯ ออกไปในจังหวดั อน่ื ที่ไม฽มเี หตุกำรณแร฾ำย จำกกำรขยำยตัวของโครงกำรในบำง

จงั หวัด ทำํ ให฾โครงกำรพระธรรมจำริกและหน฽วยพัฒนำและสงเครำะหแชำวเขำ ซ่ึง

แต฽เดิมปฏิบัติร฽วมกันเริ่มแยกตัวออกจำกกัน เน่ืองจำกควำมจํำกัดในเร่ือง

งบประมำณและบุคลำกร

จำกระบบกำรคัดเลอื กพระภิกษุจำกจงั หวัดตำ฽ งๆ เขำ฾ มำเป็นพระธรรมจำริก

ตำมเปูำหมำยท่ีได฾ตั้งไว฾ของมูลนิธิเผยแผ฽พระพุทธศำสนำแก฽ชนถิ่นกันดำร และ

กำรขำดกำรสร฾ำงจิตสํำนึกในกำรปฏิบัติงำนให฾แก฽พระธรรมจำริก หลักสูตรกำร

ฝึกอบรมที่ยังปรับตัวไม฽ได฾ กำรกล่ันกรองบุคลำกรที่ยังขำดควำมเข฾มงวดและเป็น

ระบบ ตลอดจนกำรให฾ค฽ำนิตยภัตตอบแทนในกำรปฏิบัติงำนค฽อนข฾ำงต่ํำ ก฽อให฾เกิด

ผลกระทบต฽อโครงกำรพระธรรมจำริก อำทิ

กำรท่ีพระธรรมจำริกบำงส฽วน ขำดกำรอุทิศทุ฽มเทให฾กับโครงกำร ซ่ึง

พระภิกษุเหล฽ำน้ีอำจจะติดภำรกิจนิมนตแจนทํำให฾กำรปฏิบัติงำนในหน฾ำที่พระธรรม

จำริกไม฽ตอ฽ เนอื่ งไมเ฽ ปน็ ไปตำมเปูำหมำยและวัตถปุ ระสงคแ

กำรที่พระธรรมจำริกบำงส฽วน ม฽ุงเน฾นกำรพัฒนำวัตถุมำกกว฽ำกำรพัฒนำ

จิตใจ ซ่ึงเป็นผลสืบเน่ืองมำจำกค฽ำนิยม เกินกํำลังควำมสำมำรถของผ฾ูมีจิต

ศรัทธำในชุมชนจะสนับสนุนได฾ จนต฾องออกไปหำกำรสนับสนุนจำกนอกชุมชน

ทํำให฾เกิดขำดกำรประสำนงำนและควำมควำมร฽วมมือจำกชำวบ฾ำนในชุมชน ใน

เรื่องนี้สมเด็จพระวันรัตได฾ให฾โอวำท เม่ือปี พ.ศ.2508 ในพิธีเปิดกำรอบรม

ปฐมนิเทศพระธรรมจำริกว฽ำ “นึกถึงว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งขาติ มีโอกาส

ช่วยเหลือคนคนเดียว ดีกว่าเราสร้างโบสถ์หน่ึงหลังไว้ในพระพุทธศาสนา.. ช่วยให้

คนดขี ึ้นคนหนึง่ ดกี ว่าการสรา้ งโบสถห์ นง่ึ หลงั ไว้ในพระพทุ ธศาสนา เพราะเราสร้าง

คนให้เป็นคนดีแล้วคนดีนั้น อาจจะสร้างความดีให้แก่ประเทศชาติ ศาสนา ตลอด

ตอ่ ไป..”

กำรท่ีพระธรรมจำริกบำงรูป ประพฤติปฏิบัติไม฽สมกับที่เป็นผู฾ที่อย฽ูในสมณ

เพศ จนทํำให฾ชำวเขำทั่วไปเสื่อมศรัทธำ กำรประพฤติปฏิบัติแบบนี้ถือว฽ำเป็นเรื่อง

ส฽วนตวั แตถ฽ ำ฾ เป็นเหตุกำรณแท่ีเกิดข้ึนกับชำวบ฾ำนท่ียังไม฽มีควำมเลื่อมใส หรือกํำลัง

จะเกิดมีควำมเล่ือมใสศรัทธำในพระพุทธศำสนำ ถือเป็นกำรทํำลำยภำพพจนแของ

องคแกรโดยส฽วนรวม จึงมีกระบวนกำรทบทวนวิธีกำรคัดเลือก กล่ันกรองที่

-48-

เครือขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของกลุ่มชาติพนั ธุ์

เ ห ม ำ ะ ส ม สํ ำ ห รั บ พ ร ะ ภิ ก ษุ ที่ มี ห น฾ ำ ที่ ห รื อ พ ร ะ ภิ ก ษุ ผ฾ู ท่ี จ ะ อ ำ ส ำ ส มั ค ร เ ข฾ ำ ม ำ
ปฏบิ ัติงำนพระธรรมจำรกิ

พระธรรมจำริกบำงรูปยังปฏิบัติศำสนกิจไม฽ครบถ฾วนสมบูรณแทํำให฾ชำวเขำ
เกิดควำมเคลือบแคลง ไม฽เล่ือมใส ตลอดจนเป็นจุดอ฽อนให฾แก฽ผู฾ไม฽ประสงคแดีโจมตี
เกิดควำมเสียหำยแกส฽ ว฽ นรวมได฾ ปญใ หำดังกล฽ำวนี้โครงกำรพระธรรมจำริกจึงต฾องมี
กำรทบทวนวิธีกำรสํำหรับกำรคัดเลือกบุคลำกรที่มีควำมประสงคแจะปฏิบัติงำน
โครงกำรพระธรรมจำรกิ ในแตล฽ ะปี

กล฽ำวไดว฾ ำ฽ กำรปฏบิ ตั ิงำนของโครงกำรพระธรรมจำริกในช฽วง พ.ศ.2530 -
2535 เป็นกำรปฏิบัติภำรกิจที่แตกต฽ำงจำกท่ีเคยปฏิบัติอย฽ูเดิม ซึ่งเป็นภำรกิจท่ียึด
แนวปฏิบัติตำมท่ีได฾รับมอบหมำยให฾ปฏิบัติ และถือเป็นภำรกิจในกำรปฏิบัติงำน
โดยโครงกำรพระธรรมจำริก ได฾ริเริ่มกำรปฏิบัติงำนพัฒนำจิตใจชำวเขำบนท่ีสูง
และถือว฽ำเป็น “โครงกำรนํำร฽อง” อันได฾แก฽กำรจัดให฾มี “โครงกำรกำรปฏิบัติงำน”
ตำ฽ งๆ ซึ่งเป็นโครงกำรกำรปฏิบัติงำนที่มีลักษณะท่ีเป็น “รูปธรรม” มำกกว฽ำกำร
ปฏิบัติงำนที่เคยปฏิบัติอยู฽ตำมปกติ และโครงกำรต฽ำงๆ ส฽วนใหญ฽ท่ีมีอย฽ู ล฾วนแต฽
เป็นโครงกำรที่มีควำมสัมพันธแกับวิถีชีวิตของชำวบ฾ำน หรือในกำรดํำรงชีวิต
ประจํำวัน เปูำหมำยหลักของโครงกำรพระธรรมจำริกในช฽วงน้ี ยังคงยึดถือ
เปูำหมำยเดิมอยู฽ ซึ่งก็คือ “กำรพัฒนำจิตใจ” โดยกำรใช฾กำรเผยแผ฽
พระพุทธศำสนำเป็นแกนนํำ และมีโครงกำรต฽ำงๆ ที่มีอยู฽เป็นกิจกรรมเสริมอันจะ
นํำไปส฽ู “กำรพฒั นำคุณภำพชีวติ ”

กำรปฏิบัติงำนของโครงกำรพระธรรมจำริก ในช฽วงปี พ.ศ.2509 - 2529
และกำรปฏบิ ัติงำนในชว฽ งปี พ.ศ.2530 - 2535 พบว฽ำ เป็น “กำรย฾อนรอยอดีต”
กลับไปสู฽ยุคท่ีพระสงฆแเคยเป็นองคแกรที่สํำคัญและมีบทบำทสูงในชุมชนในอดีต
ก฽อนท่ีสภำวะทำงเศรษฐกิจสังคมยุคใหม฽ มีส฽วนทํำให฾พระสงฆแลดบทบำท
ควำมสํำคัญลงมำเร่ือยๆ ต้ังแต฽สิ้นสุดสงครำมโลกคร้ังท่ี 2 เป็นต฾นมำ โดยเฉพำะ
ในเขตชุมชนเมือง และกำรแพร฽กระจำยควำมเจริญส฽ูชุมชนชนบท ท่ีมีกำร
คมนำคมเขำ฾ ถงึ ในปใจจุบนั 29

ถึงแม฾ว฽ำ กำรดํำเนินกำรโครงกำรพระธรรมจำริกท่ีผ฽ำนมำจะประสบ
ควำมสำํ เรจ็ ในหลำยด฾ำน แต฽โครงกำรพระธรรมจำริกก็ยังคงประสบกับปใญหำต฽ำงๆ

29 เพงิ่ อ฾ำง, หน฾ำ 132.

-49-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของกล่มุ ชาติพันธ์ุ

ในกำรปฏิบัติงำน ซ่ึงบำงปใญหำก็ได฾มีควำมพยำยำมในกำรแก฾ไขและกํำลัง
ดํำเนนิ กำรอย฽ู และบำงปใญหำก็เป็นปญใ หำท่ีเกดิ ขนึ้ ใหม฽

ตัวอย฽ำงของปใญหำท่ีได฾รับกำรแก฾ไขให฾ลุล฽วงไปด฾วยดีในระดับหนึ่งได฾แก฽
ปใญหำที่เกี่ยวกับปใญหำกำรไม฽รู฾ภำษำไทย กำรเขียนภำษำไทย ซ่ึงเป็นปใญหำที่
กล฽ำวไดว฾ ำ฽ เปน็ อปุ สรรคของโครงกำรพระธรรมจำริก ในกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำ
เพื่อกำรพัฒนำจิตใจของชำวเขำ แต฽ปใญหำน้ีก็ถูกแก฾ไขโดยหลำยหน฽วยงำนของ
รัฐท่ีเก่ียวข฾อง เช฽น กำรจัดให฾มีถนนหนทำงหรือเส฾นทำงลํำลองเข฾ำถึงหม฽ูบ฾ำน
ชำวเขำ ทํำให฾กำรขยำยบริกำรทำงด฾ำนกำรศึกษำของรัฐลงสู฽หมู฽บ฾ำนชำวเขำมีเพ่ิม
มำกข้ึน ตลอดจนกำรริเริ่มโครงกำรสอนหนังสือให฾แก฽เด็กเยำวชนและผู฾ใหญ฽ ได฾มี
สว฽ นช฽วยใหป฾ ญใ หำนี้บรรเทำเบำบำงลงไปได฾ในระดับหนึง่

ปใญหำอีกปใญหำหน่ึงซึ่งเป็นปใญหำท่ีพระธรรมจำริกบำงส฽วน มองเห็นว฽ำ
เป็นปใญหำในกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำให฾แก฽ชำวเขำได฾แก฽ ปใญหำควำมยำกจน
แต฽โดยข฾อเท็จจริงแล฾วชุมชนโดยทั่ว ๆ ไป โดยเฉพำะชำวกะเหร่ียง ซึ่งเป็น
ชำวเขำที่มีระบบเศรษฐกิจแบบกำรยังชีพ ท่ีมีอำหำรเพียงพอแก฽กำรบริโภค
อำจจะขำดแคลนบ฾ำง แต฽ก็ชดเชยได฾โดยกำรพึ่งพำจำกอำหำรในปุำหรือกำรไป
รับจ฾ำงแรงงำนในเมือง

ปใญหำอีกประกำรหน่ึงคือ บุคลำกรพระธรรมจำริกท่ีปฏิบัติงำนอยู฽ตำม
อำศรมฯ ต฽ำงๆ มีบำงส฽วนที่ไม฽อุทิศเวลำให฾กับงำน บำงรูปประพฤติปฏิบัติตัวไม฽
เหมำะสม ไมส฽ ํำรวม ทั้งสองประกำรพบว฽ำ เป็นปใญหำสํำคัญท่ีส฽งผลให฾ชำวเขำเกิด
ควำมเสื่อมศรัทธำ กำรเส่ือมศรัทธำของชำวเขำไม฽ใช฽กำรเส่ือมศรัทธำท่ีมีต฽อบุคคล
แต฽เป็นกำรเสื่อมศรัทธำต฽อส฽วนรวม อย฽ำงไรก็ดี ปใญหำดังกล฽ำวโครงกำรพระธรรม
จำริกก็จัดทํำโครงกำรจัดกำรศึกษำระดับอุดมศึกษำแก฽พระธรรมจำริก และเป็นที่
คำดว฽ำโครงกำรจัดกำรศึกษำในระดับอุดมศึกษำนี้ จะช฽วยแก฾ไขปใญหำกำรไม฽อุทิศ
ตัวให฾กับกำรปฏิบัติงำนได฾ในระดับหน่ึง เน่ืองจำกหลักสูตรกำรศึกษำน้ีได฾ให฾
ควำมสำํ คัญกับกำรปฏิบตั งิ ำนในภำคสนำมสงู กวำ฽ ผลของกำรศกึ ษำในช้ันเรียน ส฽วน
พระธรรมจำริกที่ประพฤติปฏิบัติตนไม฽เหมำะสมนั้น โครงกำรฯ ได฾เร่ิมนํำเอำกฎ
วินัยของสงฆมแ ำใช฾อยำ฽ งเขม฾ งวด

ปใญหำอีกประกำรหนึ่งของกำรปฏิบัติงำนพระธรรมจำริก ก็คือปใญหำกำร
ขำดแคลนนํ้ำของอำศรมพระธรรมจำริก มีสำเหตุมำจำกกำรเลือกที่ตั้งอำศรมฯ

-50-

เครือข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

ซง่ึ พระธรรมจำริกผ฾ูคัดเลือกสถำนท่ีตั้งอำศรมฯ มักจะใช฾ควำมร฾ูสึกส฽วนตัวในกำร
ต้ังอำศรมฯ ที่นิยมปฏิบัติกันในพื้นรำบ คือกำรเลือกที่ตั้งอำศรมฯ จะอย฽ูใน
บริเวณที่สูงมองดูเด฽น เพรำะคิดว฽ำวัดจะต฾องตั้งอยู฽สูงกว฽ำหม฽ูบ฾ำน เพรำะวัดเป็น
สถำนที่ศักดิ์สิทธ์ิ โดยไม฽คํำนึงถึงกำรใช฾ประโยชนแนํ้ำ จำกลํำห฾วยต฽ำงๆ ที่มีอย฽ู
ซ่ึงทํำให฾เกิดปใญหำกำรขำดแคลนน้ํำ โดยเฉพำะในฤดูแล฾งบำงปี ซึ่งทำง
โครงกำรฯ ก็ได฾พยำยำมแก฾ไขปใญหำกำรต้ังอำศรมฯ บนเนินเขำของพระธรรม
จำริกอยู฽ โดยกำรออกขอ฾ กำํ หนดในกำรเลือกท่ีตั้งอำศรมฯ ให฾มีควำมเหมำะสม
สอดคล฾องกบั สภำพควำมเปน็ จรงิ ของภมู ปิ ระเทศ

โครงกำรพระธรรมจำริกเป็นโครงกำรร฽วมระหว฽ำงภำครัฐบำล ท่ีจัดสรร
งบประมำณผ฽ำนกรมประชำสงเครำะหแ สังกัดกระทรวงมหำดไทย กระทรวงแรงงำน
และสวัสดิกำรสังคม และกรมกำรศำสนำ กระทรวงศึกษำธิกำรและภำคเอกชน
และผู฾มจี ิตศรัทธำบริจำคจตุปใจจยั ตำ฽ งๆ เพื่อสนบั สนนุ กำรปฏิบัติงำนโครงกำรพระ
ธรรมจำริก งบประมำณท่ีทำงรำชกำรจัดสรรให฾กับโครงกำร และเงินบริจำคจำกผู฾
มีจติ ศรัทธำที่สนบั สนุนโครงกำรฯ จำกดอกผลของมูลนิธิเผยแผ฽พระพุทธศำสนำ
แก฽ชนถิ่นกันดำรในแต฽ละปี แต฽อย฽ำงไรก็ดี งบประมำณเหล฽ำน้ีก็มีจํำนวนไม฽มำก
นัก ทํำให฾กำรปฏิบัติงำนโครงกำรพระธรรมจำริกไม฽สำมำรถจะขยำยงำนเพิ่มข้ึน
อยำ฽ งรวดเรว็ ได฾ ดงั นนั้ โครงกำรพระธรรมจำริก จึงได฾นํำเสนอโครงกำรต฽ำงๆ ใน
ส฽วนของกำรพัฒนำจิตใจชำวเขำ ทำงด฾ำนกำรศึกษำผ฽ำนกรมกำรศำสนำ
กระทรวงศึกษำธกิ ำร เพ่ือรบั กำรสนับสนุนในด฾ำนงบประมำณเป็นกรณีพิเศษและ
ได฾จัดทํำงบประมำณ โดยมีวัตถุประสงคแเพ่ือให฾งำนพระธรรมจำริกได฾ขยำย
ขอบเขตกำรปฏบิ ัตงิ ำนที่กว฾ำงขวำงครอบคลุมหมู฽บำ฾ นชำวเขำมำกขน้ึ

ควำมพยำยำมอย฽ำงหนึ่งของกำรศึกษำเพื่อวำงแผนกำรสงเครำะหแและ
พัฒนำก็คอื กำรแบง฽ กล฽ุมชำวเขำออกตำมลักษณะต฽ำงๆ แต฽ยังไม฽เห็นพ฾องกันนัก
เช฽น กำรแบ฽งกลุ฽มตำมลักษณะภำษำของชำติพันธแุ กำรแบ฽งกล฽ุมตำมลักษณะ
ประเพณีของพวกปลูกฝิ่นและไม฽ปลูกฝ่ิน กำรแบ฽งกล฽ุมตำมระยะเวลำของกำรตั้ง
หมู฽บ฾ำน โดยใช฾ควำมสูงจำกระดับนํ้ำทะเล กำรแบ฽งกล฽ุมตำมระบบกำรเกษตร
แบบหมุนเวยี น และแบบโค฽น-เผำ เปน็ ต฾น แต฽สํำหรับกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำ
แก฽ชนถ่ินกันดำรของคณะพระธรรมจำริก แบ฽งกลุ฽มชำวเขำตำมลักษณะควำมเช่ือ
ทำงจิตใจ ออกเปน็ 2 กลมุ฽ คือ

-51-

เครือข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกลมุ่ ชาตพิ ันธุ์

1. กล฽ุมชำวเขำท่ีได฾รับอิทธิพลทำงพระพุทธศำสนำ ได฾แก฽ กะเหรี่ยงถิ่น
ขมุ และลัวะ เป็นต฾น กลุ฽มนี้มีจํำนวนประมำณ 60% ของชำวเขำท้ังหมดใน
ประเทศไทย มีควำมต฾องกำรและเรียกร฾องให฾ส฽งพระธรรมจำริกข้ึนไปตั้งอำศรมฯ
ตำมหมู฽บ฾ำน เพื่อเป็นท่ีพ่ึงทำงใจ แต฽ทำงพระธรรมจำริกยังขำดงบประมำณที่จะ
จดั บุคลำกรให฾เพียงพอทวั่ ถึงได฾

2. กลุ฽มชำวเขำที่พระพุทธศำสนำยังเข฾ำไม฽ถึงทำงจิตใจ ได฾แก฽ม฾ง เย฾ำ
มูเซอ ลีซอ และอีก฾อ เป็นต฾น กลุ฽มนี้มีระบบกำรเกษตรแบบโค฽น-เผำ แล฾ว
เคลื่อนย฾ำย อันเป็นกำรทํำลำยปุำ ต฾นนํ้ำลํำธำร ปลูกฝิ่นเป็นพืชเงินสด ยังยึด
มัน่ ในควำมเชอื่ ถอื ประเพณีด้งั เดมิ และแยกตวั เอง กลุม฽ นจี้ ำํ เปน็ ตอ฾ งส฽งพระธรรม
จำรกิ ทไ่ี ด฾รับกำรอบรมเป็นพเิ ศษขน้ึ ไปปฏิบัติงำนโดยเฉพำะ

กล฽ำวได฾ว฽ำ โครงกำรพระธรรมจำริก เป็นโครงกำรท่ีเกิดขึ้นมำจำกควำม
ร฽วมมือระหว฽ำงภำคเอกชนและภำครัฐบำล เร่ิมต฾นโครงกำรตั้งแต฽ ปี พ.ศ.2508
มูลนิธิเอเชีย (Asia Foundation) ได฾มอบเงินสนับสนุน “โครงกำรนํำร฽อง”
หรือ “โครงกำรทดลอง” กำรพัฒนำจิตใจ โดยกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำโดยคณะ
สงฆแที่เรียกว฽ำ “คณะพระธรรมจำริก” ตลอดระยะเวลำประมำณ 2 เดือน ของ
กำรปฏิบัติงำนในหมู฽บ฾ำนชำวเขำเม่ือ ปี พ.ศ.2508 ในขณะท่ีกรม
ประชำสงเครำะหแ ได฾ให฾ควำมสะดวกด฾ำนกำรเดินทำง จัดสร฾ำงอำศรมพระธรรม
จำริกถวำยควำมสะดวกในระหว฽ำงปฏิบัติงำน ตลอดจนกำรอํำนวยควำมสะดวกใน
กำรเดินทำงกลับกรุงเทพฯ ส฽วนประชำชนท่ัวๆ ไป เริ่มเข฾ำมำมีบทบำทใน
โครงกำรพระธรรมจำริกเมื่อปี พ.ศ.2509 เมื่อโครงกำรพระธรรมจำริก ได฾
ประกอบพิธีบรรพชำ/อุปสมบทชำวเขำข้ึนท่ีวัดเบญจมบพิตร กรุงเทพฯ
ประชำชนได฾เข฾ำมำมีส฽วนร฽วมในกำรทํำบุญ โดยกำรรับเป็นเจ฾ำภำพในกำร
บรรพชำ/อุปสมบทชำวเขำเป็นรูป ๆ ตำมแต฽จะมีจิตศรัทธำ และวิธีกำรดังกล฽ำว
ได฾ถอื ปฏบิ ัติสืบต฽อมำจนถงึ ปใจจุบัน

นอกจำกกำรเป็นเจ฾ำภำพในกำรบรรพชำอุปสมบทชำวเข ำที่วัดเบญจม
บพติ ร กรงุ เทพฯ แล฾วประชำชนทั่ว ๆ ไปที่มีจิตศรัทธำ ได฾มีกำรบริจำคจตุปใจจัย
ต฽ำงๆ ให฾แก฽โครงกำรพระธรรมจำริกเป็นประจํำทุกๆ ปี เพ่ือช฽วยเหลือในกำร
ดํำเนินกำรของโครงกำรฯ โดยกำรบริจำคผ฽ำนโครงกำรพระธรรมจำริกโดยตรง
หรือบรจิ ำคผำ฽ นกรมประชำสงเครำะหแ

-52-

เครือขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของกลุ่มชาติพนั ธ์ุ

ต฽อมำ ในปี พ.ศ.2514 เม่ือมีกำรจัดตั้งศูนยแอบรมพระพุทธศำสนำแก฽ภิกษุ
สำมเณรชำวเขำขึ้น ท่ีวัดศรีโสดำ บริเวณเชิงดอยสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม฽
ซง่ึ เป็นศูนยแกลำงในกำรบรหิ ำรงำนพระธรรมจำริก ระดับภูมิภำคและเป็นแหล฽งรวม
ของ พระภิกษุ สำมเณรชำวเขำ กำรบริจำคจตุปใจจัยต฽ำง ๆ นอกจำกจะมีกำร
บริจำคที่โครงกำรพระธรรมจำริก กรมประชำสงเครำะหแแล฾ว ประชำชนผู฾มีจิต
ศรัทธำยังสำมำรถบริจำคจตุปใจจัยได฾ ที่ศูนยแฝึกอบรมพระพุทธศำสนำแก฽ภิกษุ
สำมเณรชำวเขำ วัดศรีโสดำ และผ฾ูสนับสนุนโครงกำรพระธรรมจำริก ท่ีมีบทบำท
สํำคัญในกำรดํำเนินกำรได฾แก฽ มูลนิธิเผยแผ฽พระพุทธศำสนำแก฽ชนถ่ินกันดำร ท่ี
จดทะเบียนมูลนิธิฯ เมื่อปี พ.ศ.2514 โดยมีวัตถุประสงคแเพ่ือนํำดอกผลมำใช฾
สนับสนุนกำรปฏิบัติงำนของโครงกำรพระธรรมจำริก มำต้ังแต฽เร่ิมจดทะเบียน
จนถงึ ปใจจบุ นั

ในส฽วนของภำครัฐบำล ได฾เร่ิมจัดสรรงบประมำณสํำหรับโครงกำรพระ
ธรรมจำริกมำต้ังแต฽ปีงบประมำณ 2509 เป็นต฾นมำ โดยผ฽ำนทำงกรม
ประชำสงเครำะหผแ ฾เู ปน็ เจ฾ำของเร่ือง และต฽อมำเมื่อโครงกำรพระธรรมจำริก จัดให฾
มีกำรเรียนกำรสอนแก฽พระภิกษุสำมเณรชำวเขำ ที่ศูนยแฝึกอบรมพระพุทธศำสนำ
แก฽ภิกษุสำมเณรชำวเขำ วัดศรีโสดำ จังหวัดเชียงใหม฽ รัฐบำลก็ได฾จัดสรร
งบประมำณสํำหรับกำรดํำเนินกำรเก่ียวกับกำรศึกษำ โดยผ฽ำนทำงกรมกำรศึกษำ
กระทรวงศึกษำธิกำรสนับสนุนด฾ำนโครงกำรกำรศึกษำของพระภิกษุและสำมเณร
ชำวเขำ และผ฽ำนทำงกรมกำรศึกษำนอกโรงเรียนเพื่อสนับสนุนกำรศึกษำของ
ภิกษสุ ำมเณรชำวเขำทีด่ ฾อยโอกำส

ปใจจุบันโครงกำรพระธรรมจำริกมีอำศรมฯ ท่ีปฏิบัติงำนครอบคลุม
ชำวเขำท้ัง 9 เผ฽ำ อันได฾แก฽ กะเหร่ียง ม฾ง เย฾ำ ลีซอ อีก฾อ มูเซอ ลัวะ
ถ่ิน และขมุ และยังรวมไปถึงคนไทยและคนเผ฽ำอื่น ท่ีต้ังหมู฽บ฾ำนอำศัยอยู฽ใน
บริเวณข฾ำงเคยี ง เชน฽ ไทยลอื้ ไทยใหญ฽ จนี ฮ฽อ เป็นตน฾

จำกโครงกำรนํำร฽องในปี พ.ศ.2508 ได฾ให฾ข฾อเสนอแนะท่ีเก่ียวกับกำร
เขำ฾ ถึงจติ ใจชำวเขำ ในแง฽ของกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำ ควำมยำกง฽ำยในกำร
เข฾ำถึงจำกกำรจัดลํำดับชำวเขำเผ฽ำม฾ง เป็นเผ฽ำที่เข฾ำถึงได฾ง฽ำยท่ีสุด รองลงไป
ได฾แก฽ชำวเขำเผ฽ำเย฾ำกะเหร่ียง อีก฾อ มูเซอ และลีซอ ตำมลํำดับ นี่เป็นกำร
เสนอแนะข฾อค฾นพบเมื่อปี พ.ศ.2508 หรือเกือบ 30 ปีมำแล฾ว โดยคณะพระ

-53-

เครอื ข่ายพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของกล่มุ ชาตพิ ันธุ์

ธรรมจำริกรุ฽นแรกท่ีปฏิบัติงำนในหม฽ูบ฾ำนชำวเขำ 10 หมู฽บ฾ำน แยกเป็น เผ฽ำม฾ง 2
หมู฽บ฾ำน กะเหร่ียง 1 หมู฽บ฾ำน ลีซอ 1 หม฽ูบ฾ำน มูเซอ 2 หมู฽บ฾ำน เย฾ำ 2
หม฽ูบำ฾ น อกี อ฾ 1 หม฽บู ฾ำน และหมบู฽ ำ฾ นผสมมเู ซอ-มง฾ 1 หมบู฽ ำ฾ น

กำรสรปุ โครงกำรวำ฽ ดว฾ ยควำมยำกง฽ำยในกำรเข฾ำถึงชำวเขำท้ัง 6 เผ฽ำ ของ
พระธรรมจำริกร฽ุนแรกท่ีใช฾เวลำในกำรปฏิบัติงำนในหม฽ูบ฾ำนชำวเขำประมำณ 2
เดือน เม่ือปี พ.ศ.2508 ทํำให฾กำรจัดตั้งอำศรมของโครงกำรพระธรรมจำริกใน
ระยะเวลำต฽อมำ ได฾เน฾นหนักกำรจัดต้ังอำศรมฯ ตำมลํำดับควำมยำกง฽ำยของกำร
เข฾ำถงึ ชำวเขำแต฽ละเผ฽ำดังกล฽ำว จนกระท่ังเมื่อเกิดเหตุกำรณแไม฽สงบขึ้นในจังหวัด
น฽ำน พะเยำ เชียงรำย เพชรบูรณแ และตำก เมื่อปี พ.ศ.2510 ทํำให฾โครงกำร
พระธรรมจำริกจํำเป็นจะต฾องถอนอำศรมฯ ท่ีจัดตั้งในหมู฽บ฾ำนชำวเขำเผ฽ำม฾งและ
เย฾ำ ที่ถูกจัดลํำดับให฾อยู฽ในลํำดับ 1 และ 2 ในจังหวัดดังกล฽ำว โดยได฾เน฾นมำ
ขยำยตั้งอำศรมพระธรรมจำริกในหม฽ูบ฾ำนชำวเขำเผ฽ำกะเหรี่ยงท่ีถูกจัดลํำดับให฾อย฽ู
ในลำํ ดับท่ี 3 ในจังหวัดเชยี งใหม฽ และจงั หวัดแม฽ฮอ฽ งสอนแทน ในเวลำต฽อมำ

หลังจำกเหตุกำรณแไม฽สงบบนพื้นที่สูงสงบลงในปี พ.ศ.2525 จำกกำร
ดํำเนินนโยบำยของรัฐบำล ภำยใต฾กำรปฏิบัติตำมนโยบำย 66/2523 ส฽งผลให฾
ชำวเขำเผ฽ำม฾งเปล่ียนรูปแบบของกำรตั้งถ่ินฐำนใหม฽ จำกเดิมที่เป็นชุมชนที่มี
ขนำดไม฽ใหญ฽นัก กลำยมำเป็นชุมชนที่มีขนำดใหญ฽ข้ึนมำ ทํำให฾จํำนวนของ
หม฽ูบ฾ำนม฾งมีจํำนวนลดลง มีส฽วนทํำให฾กำรตั้งอำศรมพระธรรมจำริกในหม฽ูบ฾ำน
ชำวเขำเผ฽ำม฾งลดลงจำกท่ีเคยอนุมำนว฽ำ พวกเขำเป็นกล฽ุมชำวเขำท่ีมีกำรเข฾ำถึง
ได฾งำ฽ ยที่สดุ ในจํำนวนชำวเขำทงั้ 6 เผ฽ำเมอ่ื ปี พ.ศ.2508

ปใจจุบันนี้ ถึงแม฾ว฽ำจะไม฽มีกำรอนุมำนถึงควำมยำกง฽ำยของกำรเผยแผ฽
พระพุทธศำสนำแก฽ชำวเขำอีกแล฾วก็ตำม แต฽ก็สำมำรถที่จะใช฾จุดที่ตั้งของอำศรม
พระธรรมจำริก มำใช฾ในกำรอนุมำนควำมยำกง฽ำยในกำรเข฾ำถึงชำวเขำแต฽ละเผ฽ำ
ได฾เช฽นกนั

จำกจํำนวนอำศรมพระธรรมจำริกที่ออกปฏิบัติงำนกับชำวเขำ ตำมหม฽ูบ฾ำน
ชำวเขำในจังหวัดเชียงใหม฽ แม฽ฮ฽องสอน ลํำพูน ลํำปำง เชียงรำย พะเยำ
น฽ำน สุโขทัย ตำก กํำแพงเพชร อุทัยธำนี กำญจนบุรี เลย แพร฽ รวม
14 จังหวัด 183 อำศรม ในปี พ.ศ.2537 พบว฽ำมีอำศรมพระธรรมชุมชน
ชำวเขำเผ฽ำกะเหรย่ี งและเผ฽ำถิ่นมำกกว฽ำชำวเขำเผ฽ำอ่ืนๆ และจัดลํำดับควำมสํำคัญ

-54-

เครอื ข่ายพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

ให฾ชำวเขำท้ังสองเผ฽ำ อย฽ูในลํำดับแรกของกำรจัดตั้งโครงกำรต฽ำงๆ ตลอดจนกำร

ขยำยกำรจัดตั้งอำศรมพระธรรมจำริกในหม฽ูบ฾ำนของท้ังสองเผ฽ำก฽อนและจะ

เน฾นหนักในกล฽ุมของชำวเขำเผ฽ำม฾งและเย฾ำ ที่มีกำรต้ังถ่ินฐำนเป็นชุมชนท่ีมีขนำด

ใหญใ฽ นปใจจุบันดว฾ ยเช฽นกนั

สํำหรับชำวเขำเผ฽ำอ่ืน อันได฾แก฽ชำวเขำเผ฽ำมูเซอ ลีซอ ขมุ ลัวะและ

อีก฾อ ท่ียังมีกำรจัดตั้งอำศรมพระธรรมจำริกอยู฽น฾อยแห฽ง กำรปฏิบัติงำนหรือกำร

ขยำยเพิ่มเติมอำศรมฯ อยู฽ในระดับปกติแบบค฽อยเป็นค฽อยไป เพรำะต฾องมีกำร

ศึ ก ษ ำ วิ จั ย ถึ ง พ ฤ ติ ก ร ร ม ก ำ ร ย อ ม รั บ ข อ ง ก ลุ฽ ม ดั ง ก ล฽ ำ ว ท่ี มี ต฽ อ ก ำ ร เ ผ ย แ ผ฽

พระพุทธศำสนำ เพื่อจะได฾วำงยุทธศำสตรแให฾ตรงเปูำหมำยอย฽ำงมีประสิทธิภำพ

และเหมำะสมมำกที่สดุ

บทบำทของพระธรรมจำริกท่ีดํำเนินกำรอย฽ูในปใจจุบัน ล฾วนแล฾วแต฽เป็น

บทบำทของสงฆแในอดีตท่ีมีต฽อชุมชนเกือบท้ังสิ้น ถ฾ำไม฽นับรวมกรณีที่พระธรรม

จำริกได฾เข฾ำไปมีบทบำท ในกำรแก฾ไขปใญหำของชุมชนที่เป็นปใญหำใหม฽ ๆ เช฽น

ปใญหำยำเสพตดิ หรือกำรเพมิ่ ควำมรท฾ู ำงโลกให฾แกพ฽ ระสงฆแ เพ่ือเพิ่มพูนควำมร฾ูให฾

ทันกับควำมเปลี่ยนแปลงต฽ำง ๆ ที่เกิดข้ึน และเป็นกำรสร฾ำงบุคลำกรผ฾ูเผยแผ฽

พระพทุ ธศำสนำใหม฾ ีคุณภำพที่ทดั เทียมกับผ฾ูเผยแผ฽ศำสนำอ่ืน

กำรขยำยพ้นื ทีป่ ฏบิ ตั งิ ำนของโครงกำรได฾ส฽งผลกระทบที่รุนแรงต฽อโครงกำร

พระธรรมจำริก โดยเฉพำะปใญหำกำรขำดแคลนบุคลำกรอำสำสมัครขึ้นไป

ปฏิบัติงำนพระธรรมจำริกตำมอำศรมในหมู฽บ฾ำน ซึ่งเห็นได฾จำกกำรเปิดรับสมัคร

พระภิกษุท่ีมีควำมประสงคแจะเข฾ำร฽วมปฏิบัติงำนเป็นพระธรรมจำริก ซ่ึงอย฽ู

ปฏบิ ัตงิ ำนในหมู฽บ฾ำนชำวเขำปี พ.ศ.2537 มีพระภิกษุสำมเณรมำย่ืนแสดงควำม

จํำนงใหม฽ไม฽ถึง 30 รูป นับว฽ำเป็นจํำนวนท่ีน฾อยมำก และเมื่อเปรียบเทียบ

อัตรำส฽วนระหว฽ำงพระภิกษุสำมเณรที่มำจำกท่ีอ่ืนกับสังกัดวัดศรีโสดำ ซ่ึง

ปฏิบัติงำนในโครงกำรพระธรรมจำริกในปี พ.ศ.2537 ท่ีมีท้ังหมดจํำนวน 348

รปู แล฾ว พระเณรสงั กัดวดั ศรโี สดำ มีจํำนวนเพยี ง 141 รปู โดยเป็นพระสงฆแ 31

รูป สำมเณร 110 รูป คิดเป็นร฾อยละเพียง 40.52 เท฽ำนั้น ยังไม฽ถึงครึ่งหนึ่ง
ของจํำนวนพระธรรมจำริกท่ีปฏบิ ตั ิงำนทัง้ หมด30

30 เพิ่งอ฾ำง, หน฾ำ144-152.

-55-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์

ดังนั้น โครงกำรฝึกอบรมบุคลำกรระยะยำว (โดยใช฾เวลำ 4 ปี) ซึ่งเป็น
โครงกำรร฽วมระหว฽ำงโครงกำรพระธรรมจำริกกับวิทยำลัยครูเชียงใหม฽ สหวิทยำลัย
ล฾ำนนำ ในกำรผลิตบุคลำกรของโครงกำรพระธรรมจำริก ซึ่งโครงกำรน้ีมีส฽วน
สํำคัญในกำรแก฾ไขปใญหำกำรขำดแคลนบุคลำกรของโครงกำรพระธรรมจำริก
เพรำะเป็นโครงกำรท่ีคำดหวังไว฾ว฽ำ ภำยหลังจำกโครงกำรนี้ได฾เริ่มต฾นไปแล฾วเป็น
เวลำ 4 ปี จะมีพระภิกษุสำมเณรของโครงกำรพระธรรมจำริก ที่กํำลังศึกษำทำง
โลกในระดับอุดมศึกษำอย฽ูปฏิบัติงำนโครงกำรพระธรรมจำริกบนภูเขำ อย฽ำงน฾อยปี
ละประมำณ 160 รูป หมุนเวียนอย฽ูตลอดเวลำ แต฽โดยข฾อเท็จจริง จํำนวนของ
พระภิกษุสำมเณรท่ีเข฾ำรับกำรศึกษำตำมโครงกำรนี้ ในปใจจุบันมีจํำนวนตํ่ำกว฽ำ
เปูำหมำยที่ได฾กำํ หนดไว฾ (ปลี ะประมำณ 50 รปู )

อย฽ำงไรก็ดี ในกำรออกปฏิบัติงำนของพระธรรมจำริกตำมโครงกำรปี พ.ศ.
2537 พบว฽ำ มีพระภิกษุสำมเณรชำวเขำออกปฏิบัติงำนรวมกันทั้งสิ้น 179 รูป
โดยเป็นพระภิกษุสำมเณรชำวเขำจำกวัดอื่น ๆ ที่มิใช฽วัดศรีโสดำ เข฾ำมำร฽วม
ปฏิบัติงำนรวม 38 รูป เป็นพระภิกษุ 29 รูป และสำมเณร 9 รูป ทํำให฾
จํำนวนร฾อยละของพระภิกษุสำมเณรชำวเขำ เพิ่มข้ึนเป็น ร฾อยละ 51.44 จำก
จํำนวนของพระภิกษสุ ำมเณร ผูร฾ ฽วมโครงกำรพระธรรมจำริกท้งั หมด 348 รูป

โครงกำรพัฒนำบุคลำกรของโครงกำรพระธรรมจำริกนอกจำกจะแก฾ไข
ปใญหำกำรขำดแคลนพระธรรมจำริกท่ีปฏิบัติงำนในหม฽ูบ฾ำนชำวเขำได฾แล฾ว ยังจะ
แก฾ไขปใญหำที่สํำคัญอีกประกำรหน่ึง อันได฾แก฽ ปใญหำพระธรรมจำริกไม฽อยู฽
ปฏิบัติงำนที่อำศรมฯ เป็นประจํำ เพรำะมีกิจนิมนตแอย฽ูบ฽อย ๆ ในแต฽ละเดือน
เน่ืองจำกโครงกำรจัดกำรศึกษำระดับอุดมศึกษำของโครงกำรพระธรรมจำริกน้ัน
ได฾ให฾ควำมสํำคัญกับกำรปฏิบัติงำนภำคสนำม ซ่ึงเป็นส฽วนหน่ึงของวิชำเอก
มำกกว฽ำกำรสอบข฾อเขียน ซึ่งถือว฽ำเป็นวิชำรอง นั่นก็หมำยควำมว฽ำพระภิกษุ
สำมเณรทอี่ ย฽ูในโครงกำรน้ี จะต฾องสอบผ฽ำนกำรปฏิบัติงำนภำคสนำมด฾วย จึงจะมี
สทิ ธิรับปริญญำบตั รได฾

กำรปรับเปลี่ยนกำรปฏิบัติงำนท่ีเร่ิมใช฾โครงกำรต฽ำงๆ แทนกำรปฏิบัติ
ภำรกิจแบบเดิม นับว฽ำโครงกำรพระธรรมจำริกได฾ปรับปรุงตัวเองเข฾ำสู฽กำร
ปฏิบัติงำนที่เป็น “รูปธรรม” ท่ีชัดเจนมำกย่ิงขึ้น ไม฽ว฽ำจะเป็นโครงกำรท่ี
เก่ียวข฾องกับกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำ หรือโครงกำรอ่ืนที่เกี่ยวข฾องกับกำรพัฒนำ

-56-

เครือข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาติพนั ธุ์

ต฽ำง ๆ ซึ่งแต฽ละโครงกำรจะมีวัตถุประสงคแและเปูำหมำยท่ีชัดเจน มีวิธีกำร
ปฏบิ ัตทิ เ่ี ปน็ รูปธรรม เป็นกำรปฏบิ ัติงำนในรปู แบบที่ “ทันสมยั ” สอดคล฾องกับ
โลกในยุค “โลกำภวิ ตั นแ”

วัตถุประสงคแกำรดํำเนินงำนเผยแผ฽ของพระธรรมจำริกท่ีได฾ดํำเนินกำรมำ
จนถึงปจใ จุบัน มี 6 ประกำรสํำคัญ คอื

1. เพื่อวำงรำกฐำนของพระพทุ ธศำสนำ อันเป็นศำสนำประจํำชำติไทยลง
บนจิตใจของชำวเขำเผำ฽ ต฽ำงๆ โดยทั่วถงึ

2. เพ่ือสร฾ำงควำมสัมพันธแทำงจิตใจ ให฾ชำวเขำเกิดควำมรู฾สึกเป็นพวก
เดียวกันกับคนไทย รกั และหวงแหนแผ฽นดนิ ที่ตนอย฽ูอำศัยทํำมำหำกนิ

3. เพ่ืออบรมศีลธรรมและจริยธรรมแก฽ชำวเขำ ให฾เป็นพลเมืองดี ทํำ
ประโยชนแแกป฽ ระเทศ ช฽วยรักษำควำมสงบเรยี บร฾อยทำงชำยแดน

4. เพ่ือให฾กำรสงเครำะหแช฽วยเหลือ ในกำรแก฾ไขปใญหำเดือดร฾อนเฉพำะ
หน฾ำและให฾ควำมรู฾ในประกำรต฽ำง ๆ แก฽ชำวเขำ เพ่ือพัฒนำควำมเป็นอยู฽ในชีวิต
ให฾ดีขนึ้ เป็นพลเมอื งท่มี คี ุณภำพ

5. แนะนํำส่ังสอนให฾ชำวเขำช฽วยกันรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและ
สง่ิ แวดล฾อมเพื่อประโยชนแแก฽สว฽ นรวมและลกู หลำนของตนในอนำคต

6. ร฽วมมือกับทำงรำชกำรในกำรสร฾ำงควำมสํำนึกแก฽ชำวเขำ ให฾เกิดควำม
จงรักภักดีต฽อชำติ ศำสนำ และพระมหำกษัตริยแ อันเป็นผลดีต฽อควำมมั่นคงของ
ชำติ

ในปี พ.ศ.2543 มหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย วิทยำเขต
เชียงใหม฽ ได฾จัดทํำโครงกำรพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ (ธรรมจำริก) โดยกำร
สนับสนุนงบประมำณจำกสํำนักงำนงบประมำณแผ฽นดินทํำให฾โครงกำรพระบัณฑิต
อำสำได฾เริ่มโครงกำรตั้งแต฽ปี พ.ศ.254331 โดยเป็นผู฾รับผิดชอบโครงกำรร฽วม
ประสำนงำนกับโครงกำรพระธรรมจำริกส฽วนภูมิภำค ซ่ึงเป็นโครงกำรท่ีทํำงำน
พัฒนำคุณภำพชีวิตแก฽ชำวเขำอย฽ำงต฽อเน่ือง จำกกำรดํำเนินงำนของโครงกำรพระ
บัณฑิตอำสำที่ผ฽ำนมำ ได฾คัดเลือกนิสิตจำกมหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำช

31 คณะทำํ งำนโครงกำรบัณฑติ อำสำพฒั นำชำวเขำ (พระธรรมจำริก). สรปุ กำรสมั มนำพระบัณฑติ อำสำพฒั นำ
ชำวเขำ (ธรรมจำริก) คร้ังที่ 1/2543. (เชียงใหม฽: มหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย วิทยำเขต
เชียงใหม฽ 2544), เอกสำรอดั สำํ เนำ.

-57-

เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ิตของกลุม่ ชาติพนั ธ์ุ

วิทยำลัย วิทยำเขตต฽ำง ๆ อำสำมำเป็นพระบัณฑิตนักพัฒนำบนพื้นท่ีสูง

ทํำงำนรว฽ มกบั พระธรรมจำรกิ ในเขตทุรกันดำร เพื่อเสริมสร฾ำงพลัง เน฾นศักยภำพใน

กำรทำํ งำนให฾มีประสทิ ธิภำพมำกยง่ิ ขน้ึ กำรจัดส฽งพระบัณฑิตอำสำที่จะไปพัฒนำ

บนพ้ืนท่ีสูงจํำเป็นอย฽ำงย่ิง ที่ต฾องคัดสรรพระที่มีควำมรู฾ในกำรเผยแผ฽

พระพุทธศำสนำ มีเทคนิค วิธีกำร ในกำรทํำงำนกำรเผยแผ฽หลักธรรมที่

หลำกหลำยทุกรูปแบบ กำรทํำงำนเป็นพระนักพัฒนำบนพื้นที่สูงกับพ้ืนที่รำบมี

ควำมแตกต฽ำงกันมำก เพรำะกำรทํำงำนของพระนักพัฒนำบนพ้ืนที่สูงต฾องทํำงำน

แบบเชิงรุกมำกกวำ฽ เชงิ รับ เนื่องจำกควำมแตกตำ฽ งในด฾ำนส่ิงแวดล฾อม วัฒนธรรม

ประเพณี ควำมเชอ่ื ทศั นคติ และมีภำษำเป็นตัวของตัวเอง บำงชำติพันธแุ มี

ควำมรู฾ควำมเข฾ำใจในด฾ำนพระพุทธศำสนำน฾อย มีควำมเชื่อในศำสนำบรรพบุรุษ

ด้ังเดมิ ของชนเผำ฽ อยำ฽ งเหนียวแนน฽

ผลจำกกำรที่จัดส฽งพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ (ธรรมจำริก) เริ่มตั้งแต฽

ปี พ.ศ. 2543 - 2544 ในเบ้ืองต฾นจัดให฾ขึ้นปฏิบัติงำนอย฽ูกับพระธรรมจำริกใน

ท฾องที่ ที่มีอำศรมพระธรรมจำริกตั้งอย฽ูในเขตจังหวัดเชียงใหม฽ แพร฽ ลํำปำง

เชียงรำย แม฽ฮ฽องสอน น฽ำน และพะเยำ กำรทํำงำนร฽วมกันทั้งพระธรรมจำริก

และพระบัณฑิตอำสำในข้ันต฾น เป็นกำรเพ่ิมบุคลำกรในกำรปฏิบัติงำน แต฽ไม฽

สำมำรถทีจ่ ะขยำยฐำนพ้ืนที่ในกำรในกำรทํำงำนให฾ครอบคลุมพ้ืนท่ีหมู฽บ฾ำนชำวเขำ

มำกขึ้นได฾ เป็นกำรทํำงำนเดิมท่ีเคยทํำมำก฽อนหน฾ำนั้นแล฾ว เพรำะเกิดแนวคิดใน

เบื้องต฾นที่ว฽ำ ไม฽ควรที่จะส฽งพระบัณฑิตอำสำอยู฽ในหม฽ูบ฾ำนรูปเดียวตำมลํำพัง

เพรำะยังไม฽มีควำมร฾ู ประสบกำรณแในกำรทํำงำนบนพื้นท่ีสูง ควรท่ีจะให฾เรียนรู฾

หลักกำรทํำงำนจำกพระธรรมจำริกและทํำงำนร฽วมกัน เพื่อให฾กำรทํำงำนเพ่ิม

ประสิทธิภำพมำกย่ิงข้ึน แต฽จำกกำรทํำงำนในช฽วงแรกมีเป็นบำงแห฽ง กำรทํำงำน

ไม฽ค฽อยรำบรื่นนัก เพรำะแนวคิดไม฽ตรงกันและไม฽สำมำรถที่ปรับแนวคิด

ประสบกำรณแเข฾ำหำกันได฾ แต฽โดยภำพรวมของกำรปฏิบัติงำนของพระนักพัฒนำ

บนพื้นที่สูงนับว฽ำประสบผลสํำเร็จเป็นท่ีน฽ำพอใจในระดับหนึ่ง ตัวช้ีวัดคือ ในแต฽ละ

อำศรมมีกำรจัดกิจกรรมหลำกหลำยมำกขึ้น ส฽งเสริมให฾ชำวบ฾ำน องคแกรท฾องถ่ิน

เข฾ำมำมีบทบำทในกำรจัดกิจกรรมของอำศรม มีรูปแบบในกำรเผยแผ฽หลักธรรม

ของพระพุทธศำสนำในรูปแบบต฽ำงๆ ชำวบ฾ำนมีควำมร฾ูควำมเข฾ำใจใน

พระพทุ ธศำสนำมำกขึ้น

-58-

เครอื ขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ

หลังจำกกำรจดั สง฽ พระบณั ฑิตอำสำขึน้ ไปปฏิบัติศำสนกิจตำมหมู฽บ฾ำนในถิ่น
ทุรกันดำรโดยกำรฝใงตัวกับชำวบ฾ำนตลอดเวลำ ได฾มีกำรสํำรวจข฾อมูลชุมชน ตลอด
ถึงรับทรำบสภำพปญใ หำแต฽ละพนื้ ที่ สำมำรถสรุปได฾ดงั น้ี

1. ด฾ำนกำรประกอบอำชีพ ชำวบ฾ำนส฽วนใหญ฽ประกอบอำชีพเกตรกรรมใน
ไร฽นำ หลงั จำกเก็บเกย่ี วข฾ำวเสรจ็ ไม฽มีอำชพี เสรมิ รองรับ ทำํ ใหไ฾ มม฽ ีรำยได฾ กอปรกับ
ไมส฽ ำมำรถท่ีจะขยำยท่ที ํำกนิ ได฾ ทด่ี ินท่ีใช฾เพำะปลูกเสื่อมคุณภำพ ต฾องใช฾สำรเคมี
ประเภทต฽ำงๆ ทํำให฾เพิ่มรำยจ฽ำยมำกขึ้น ทํำให฾มีกำรอพยพแรงงำนออกจำก
หมบ฽ู ำ฾ น โดยเฉพำะวยั แรงงำนตอ฾ งออกไปทํำงำนต฽ำงถน่ิ ในแตล฽ ะปีเปน็ จํำนวนมำก

2. ด฾ำนกำรสอ่ื สำร เนอ่ื งพระบัณฑติ สว฽ นใหญ฽เปน็ คนพ้ืนรำบ ในชุมชนบำง
แห฽ง กำรติดต฽อสื่อสำรกับชำวบ฾ำนวัยกลำงคนข้ึนไปมีควำมลํำบำก เนื่องจำกพูด
ภำษำไทยไมค฽ อ฽ ยได฾ ทํำใหม฾ ผี ลกระทบโดยตรงต฽อกำรเผยแผห฽ ลักธรรม และกำรจัด
กิจกรรม

3. คุณภำพชีวิตบำงชุมชนอย฽ูในเกณฑแต่ํำ เยำวชนไม฽ได฾รับกำรศึกษำ
เด็กขำดสำรอำหำร ฐำนะชำวบ฾ำนค฽อนข฾ำงยำกจน มีโรคภัยมำเบียดเบียน ใน
บำงแหง฽ หน฽วยงำนของรฐั บริกำรดำ฾ นสถำนศึกษำ อนำมยั ยงั เข฾ำไปไมท฽ วั่ ถงึ

4. ขำดอุปกรณแกำรเผยแผ฽ กำรทํำงำนต฾องอำศัยสื่อนํำมำประกอบ
เพื่อท่ีจะชักจูง ดึงดูดควำมสนใจในกำรเข฾ำร฽วมกิจกรรม เช฽น ส่ือธรรมะ เพลง
ธรรมะ พระพุทธประวัติ เพอ่ื ใชเ฾ กีย่ วกบั ดำ฾ นกำรอบรมคุณธรรม

5. งบประมำณในกำรสนับสนุนกำรจัดกิจกรรมมีน฾อย หม฽ูบ฾ำนท่ีพระ
บัณฑิตอำสำขึ้นไปปฏิบัติงำน ล฾วนแต฽เป็นบ฾ำนของกลุ฽มชำติพันธแต฽ำงๆ ควำม
ศรัทธำในพระสงฆแยังมีน฾อย พระนักพัฒนำบนพื้นท่ีสูงเองยังไม฽สำมำรถที่จะหำ
แหล฽งทุนในท฾องถิ่นหรือที่อ่ืนได฾ กอปรกับชำวบ฾ำนสนับสนุนให฾ได฾แต฽แรงงำน
เท฽ำนน้ั

6. ด฾ำนกำรส฽งพระบัณฑิตเข฾ำในพื้นท่ี กำรจัดส฽งบุคลำกรซ้ํำซ฾อนกับ
โครงกำรพระธรรมจำริก เพรำะจะเป็นกำรใช฾กํำลังบุคลำกรไม฽ค฾ุมค฽ำ เพรำะยังมี
หมู฽บ฾ำนอีกจํำนวนมำกที่ต฾องกำรให฾พระนักพัฒนำบนพ้ืนท่ีสูงเข฾ำพัฒนำในชุมชน
ของตนเอง

7. สถำนท่ีปฏิบัติงำน ท่ีผ฽ำนมำโครงกำรได฾ส฽งพระบัณฑิตอำสำกระจำยใน
พ้ืนท่ีกว฾ำงเกินไป อำศรมพระธรรมจำริกแต฽ละแห฽งอยู฽ไกลกันมำกจนไม฽สำมำรถท่ี

-59-

เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชีวิตของกล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุ

จะติดต฽อประสำนงำน และร฽วมกิจกรรมได฾ ทํำให฾ต฽ำงคนต฽ำงทํำงำน ไม฽มีกำร

ทำํ งำนเป็นทมี ขำดทปี่ รึกษำในกำรทำํ งำน กำรออกตรวจเยี่ยมเป็นไปด฾วยควำม

ลำํ บำก ทํำให฾ยำกแก฽กำรติดตำมประเมินผล

โครงกำรพระธรรมจำริกได฾สรุปปใญหำท่ีมีผลกระทบต฽อแผนกำรเผยแผ฽

พระพทุ ธศำสนำเป็นหัวขอ฾ ใหญๆ฽ ได฾ ดงั นี้

1. ปใญหำกำรเคล่ือนย฾ำยถ่ินฐำน ชำวเขำมีกำรอพยพเคล่ือนย฾ำยท้ังใน

ประเทศและจำกนอกประเทศในอัตรำค฽อนข฾ำงสูง จำกรำยงำนกำรสํำรวจ

ประชำกรชำวเขำ พ.ศ.2528 จังหวัดตำกของสํำนักงำนสถิติแห฽งชำติพบว฽ำ

ประชำกรชำวเขำที่มีอำยุ 11 ปีข้ึนไป ในช฽วง พ.ศ.2523–2528 ร฾อยละ 10.8

หรือประมำณ 4,478 คน ได฾ย฾ำยถิ่นฐำนอย฽ำงน฾อย 1 คร้ัง และย฾ำยมำจำก

ตำ฽ งประเทศ รอ฾ ยละ 15.2 ของผ฾ยู ำ฾ ยถ่ิน ลักษณะกำรตั้งถ่ินฐำนมักกระจำยเป็น

หย฽อมบ฾ำนเล็กๆ ห฽ำงไกลเส฾นทำงคมนำคม ปใจจุบันกำรอพยพจำกนอกประเทศ

ทวีจำํ นวนสงู ขนึ้ อยำ฽ งรวดเร็ว โดยขำดระบบกำรควบคมุ ท่ีเหมำะสม ส฽งผลกระทบ

ตอ฽ กำรทำํ ลำยปุำ ตน฾ นํ้ำลำํ ธำร และกำรเรยี กรอ฾ งสัญชำตไิ ทยเพอื่ สิทธติ ำ฽ ง ๆ

2. ปใญหำกำรทํำลำยทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล฾อม ระบบ

กำรเกษตรของชำวเขำกลุ฽มที่ทํำไร฽เลื่อนลอยแบบโค฽นเผำแล฾วเคลื่อนย฾ำย เป็น

ต฾นเหตุอย฽ำงหน่ึงของกำรบุกรุกทํำลำยปุำ ต฾นนํ้ำลํำธำร จำกกำรเปรียบเทียบ

โดยภำพถ฽ำยจำกดำวเทยี ม ของฝำุ ยแผนทภี่ ำพถ฽ำยทำงอำกำศและดำวเทียม กอง

จัดกำร กรมปุำไม฾ พ.ศ.2528 พบว฽ำในปี พ.ศ.2525 พื้นที่ปุำในภำคเหนือมี

54,847,500 ไร฽ และปี พ.ศ.2528 ลดลงเหลือ 52,878,750 ไร฽ พ้ืนท่ีถูกบุกรุก

ใน 3 ปี ประมำณ 2,268,750 ไร฽ หรือเฉลี่ยปีละ 756,250 ไร฽ ซึ่งเป็นอัตรำ

กำรทำํ ลำย ทรัพยำกรธรรมชำติและสิง่ แวดล฾อมท่ีนำ฽ วิตก

3. ปใญหำกำรปลูกฝ่ินเป็นพืชเงินสดทำงเศรษฐกิจ สํำหรับกลุ฽มชำวเขำท่ี

ปลูกฝิ่นเป็นประเพณี จำกกำรสํำรวจพื้นท่ีทํำกำรปลูกฝิ่นและผลิตฝิ่นของ

สํำนักงำน ป.ป.ส. เม่ือปี พ.ศ.2529–2530 พบว฽ำ มีพ้ืนที่ปลูกฝ่ินใน 8 จังหวัด

ภำคเหนือ ประมำณ 23,470 ไร฽ มีผลผลิตกว฽ำ 20 ตัน ซ่ึงเป็นอำชีพที่ผิด

กฎหมำย

4. ปใญหำควำมยำกจน ชำวเขำส฽วนใหญ฽ประกอบอำชีพทำงกำรเกษตร

แบบเลี้ยงตวั เองและครอบครัวเป็นหลัก ขำดควำมร฾ูในกำรเกษตรแผนใหม฽ผลผลิต

-60-

เครอื ขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ติ ของกลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ

น฾อยห฽ำงไกลคมนำคม สภำพเศรษฐกิจอย฽ูในระดับต่ํำ รำยได฾ของชำวเขำในปี
พ.ศ.2529 มีรำยได฾เฉลี่ย 15,472 บำทต฽อครอบครัว หรือ 2,789 บำทต฽อคน
ชำวเขำในจังหวดั นำ฽ น มีรำยได฾เฉลีย่ ต่ํำสุด 4,005 บำทต฽อครอบครัว หรือ 276
บำทต฽อคน

5. ปใญหำกำรศึกษำ ชำวเขำส฽วนใหญ฽ยังได฾รับกำรศึกษำน฾อยและไม฽
ท่ัวถึง จำกกำรสํำรวจของสํำนักงำนสถิติแห฽งชำติ เม่ือปี พ.ศ.2526 ใน 320
หม฽ูบ฾ำน ในเขตพ้ืนท่ีศูนยแพัฒนำและสงเครำะหแชำวเขำ พบว฽ำยังมีผ฾ูไม฽ได฾รับ
กำรศกึ ษำสงู ถงึ ร฾อยละ 26

6. ปใญหำกำรเพ่ิมประชำกร ชำวเขำมีอัตรำกำรเพิ่มของประชำกรสูง
ท้ังโดยธรรมชำติและกำรอพยพจำกนอกประเทศ จำกกำรสํำรวจประชำกรชำวเขำ
ในจังหวัดตำก ปี พ.ศ.2528 พบว฽ำมีอัตรำกำรเพิ่มถึงร฾อยละ 3.1 ต฽อปี ซึ่งสูง
กว฽ำอัตรำกำรเพ่ิมโดยเฉลี่ยของประชำกรไทยทั่วประเทศ ปี พ.ศ.2529 พบว฽ำมี
อตั รำกำรเพม่ิ รอ฾ ยละ 3.5

7. ปใญหำกำรสำธำรณสุข จำกดัชนีทำงสำธำรณสุขของประชำกร มี
อัตรำเกิด 55.5 ต฽อ 1,000 อัตรำกำรตำย 20 ต฽อ 1,000 และอัตรำกำรตำยของ
ทำรก 81.8 ต฽อ 1,000 ท้ังนี้เน่ืองจำกกำรเจ็บปุวย กำรติดฝิ่น และปใญหำ
โภชนำกำร

8. ปใญหำกำรพัฒนำของภำครำชกำร จำกตัวเลขที่สํำรวจในปี พ.ศ.
2530 โดยกระทรวงศึกษำธิกำรรำยงำนว฽ำ มีหน฽วยงำนของรัฐประมำณ 31
กรมจำก 11 กระทรวง เข฾ำไปมีบทบำทพัฒนำชำวเขำผ฽ำนหน฽วยงำนระดับล฽ำง
168 หน฽วยงำน ส฽งผลกระทบต฽อนโยบำย กำรประสำนงำน ตลอดจนบุคลำกรท่ี
ไปปฏิบตั งิ ำน

9. ปญใ หำกำรเผยแผ฽ของศำสนำอ่นื จำกทํำเนยี บองคแกำรพัฒนำชำวเขำ
ในประเทศไทยภำคเอกชน ซึง่ จดั พมิ พโแ ดยมูลนธิ กิ ำรศึกษำเพอ่ื ชวี ติ และสังคม ในปี
พ.ศ.2533 พบว฽ำ มีองคแกำรเผยแผ฽ศำสนำของนิกำยต฽ำงๆ อันมิใช฽ศำสนำ
ประจํำชำติไทย อยู฽ไม฽น฾อยกว฽ำ 24 องคแกำร ท่ีข้ึนไปคลุกคลีกับชำวเขำเผ฽ำต฽ำงๆ
โดยขำดระบบกำรควบคมุ ดูแลที่เหมำะสม ทุกนิกำยต฽ำงใช฾กลวิธีทุกวิถีทำงท่ีจะชัก
จูงชำวเข฾ำเป็นสมำชิกองคแกำรของตนให฾ได฾มำกท่ีสุด ในบำงครั้ง ได฾มีกำรนํำเอำ
สถำบันพระมหำกษัตรยิ แมำใช฾เปน็ เครอื่ งมือโฆษณำชวนเช่ือ

-61-

เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ ันธ์ุ

ปใญหำดังกล฽ำวนี้เป็นบทสรุปจำกกำรดํำเนินงำนของโครงกำรพระธรรม
จำริกกว฽ำ 30 ปีที่ผ฽ำนมำ ซึ่งในช฽วงเวลำดังกล฽ำว นโยบำยของรัฐมีควำมพยำยำม
ในกำรปกปูองควำมเป็นรัฐชำติจำกภัยคอมมิวนิสตแเป็นหลัก และแสดงออกในรูป
ของกำรสงเครำะหพแ ฒั นำ และไม฽ได฾มีนโยบำยโดยตรงในกำรพัฒนำชุมชนพ้ืนท่ีสูง
ส฽ูระบบทุนนิยมกำรค฾ำ เน่ืองจำกไม฽เล็งเห็นศักยภำพที่เพียงพอในกำรผนวกรวม
เป็นส฽วนหนึ่งในกำรพัฒนำประเทศสู฽ควำมทันสมัย นโยบำยของรัฐจึงมีบทบำท
ทำงอ฾อมในกำรเร฽งรัดควำมตื่นตัวต฽อกระแสกำรพัฒนำ และได฾ผนวกรวมชุมชน
พื้นท่ีสูงให฾เข฾ำเป็นส฽วนหนึ่งของระบบทุนนิยม พร฾อมกับแปรสภำพชุมชนส฽ูควำม
เป็นทุนนิยมรอบนอกหรือทนุ นิยมบรวิ ำร (Peripheral Capitalism)

กำรเปลี่ยนแปลงโดยท่ัวไปน้ันเป็นปกติ แต฽เมื่อผนวกกับนโยบำยของรัฐที่
มุ฽งกำรพัฒนำจะเป็นปใจจัยสํำคัญท่ีจะเป็นตัวกํำหนดทิศทำงควำมเปลี่ยนแปลงให฾
เกิดข้ึนท้ังโดยตรงและโดยอ฾อม กำรพัฒนำและกำรเปล่ียนแปลงต฽ำงๆ เป็นไปได฾
ท้ังทำงบวกและทำงลบ เช฽นเดียวกับปรำกฏกำรณแอื่นๆ ที่ส฽งผลต฽อควำม
เปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตผู฾คน ประเพณีวัฒนธรรม ตลอดจนระบบควำมคิดควำม
เชื่อบำงประกำร ซงึ่ พอสรุปไดด฾ ังนี้

ด฾ำนกำรเกษตร เม่ือมีกำรปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตกำรทํำกำรเกษตรแบบพอยัง
ชีพมำสู฽กำรปลูกพืชเศรษฐกิจท่ีตอบสนองต฽อระบบตลำดภำยนอก ซึ่งเน฾นกำร
จํำหน฽ำยเป็นหลัก ทํำให฾เกษตรกรบนพ้ืนท่ีสูงต฾องพ่ึงพำทุนในกระบวนกำรผลิตทุก
ขั้นตอน ตั้งแต฽กำรซื้อพันธุแพืช อุปกรณแทำงกำรเกษตร กำรบํำรุงดูแลพืชด฾วย
สำรเคมี ซ่ึงได฾ส฽งผลกระทบต฽อปใญหำที่หลำกหลำย เช฽นปใญหำหน้ีสินในกรณีรำคำ
ผลผลิตตกตํ่ำ และเน่ืองจำกปใญหำจำกกำรท่ีชำวบ฾ำนส฽วนใหญ฽ไม฽มีควำมเข฾ำใจใน
เรื่องกลไกกำรตลำด ส฽งผลต฽อกำรอพยพเข฾ำมำสู฽เมืองเพ่ือเป็นแรงงำนรับจ฾ำง อีก
ท้ังกำรเกษตรที่ใช฾สำรเคมีจะก฽อให฾เกิดกำรตกค฾ำงของสำรเคมี ซึ่งจะส฽งผลกระทบ
ต฽อสภำพแวดล฾อมโดยตรง และก฽อให฾เกิดควำมขัดแย฾งเก่ียวกับกำรใช฾และกำร
จดั กำรทรพั ยำกรทต่ี อ฽ เนือ่ งกนั ระหว฽ำงชมุ ชน ส฽วนในระยะยำวกำรเปลี่ยนแปลงของ
ระบบนิเวศจะส฽งผลกระทบต฽อควำมสมดุลและควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพบน
พน้ื ที่สูง

ด฾ำนกำรปกครอง ชุมชนบนพื้นท่ีสูงมีระบบกำรปกครองตำมจำรีตด้ังเดิมท่ี
โครงสร฾ำงและเข฾มแข็ง ในแต฽ละชุมชนมีผู฾นํำทำงศำสนำ พิธีกรรม ซ่ึงชำวบ฾ำนให฾

-62-

เครอื ขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ

ควำมนับถือ มีกลุ฽มผ฾ูอำวุโสเป็นท่ีปรึกษำ และมีพฤติกรรมท่ีเคำรพต฽อกฎเกณฑแ
ต฽ำงๆ ในกำรอย฽ูร฽วมกันตำมจำรีตของชุมชน แต฽เมื่อทำงรำชกำรส฽งเสริมรูปแบบ
กำรปกครองแบบทำงกำร โดยมีผู฾ใหญ฽บ฾ำน ผู฾ช฽วยผู฾ใหญ฽บ฾ำน คณะกรรมกำร
หมู฽บ฾ำน เพ่ือทํำหน฾ำที่ดํำเนินนโยบำยจำกทำงรำชกำร ทํำให฾บทบำทของผู฾นํำ
ชุมชนแบบดงั้ เดมิ ลดควำมสำํ คัญลง ทำํ ให฾ชมุ ชนที่เคยพง่ึ พำตนเองไดใ฾ นระดับหนึ่ง
ของกำรปกครอง จำํ เป็นตอ฾ งอำศัยพึ่งพำเจำ฾ หนำ฾ ที่รัฐมำกขึน้

ด฾ำนสังคม กำรดํำรงอย฽ูของชุมชนในอดีตอำศัยพึ่งพิงอย฽ูกับควำมอุดม
สมบูรณแของธรรมชำติ กำรใช฾ทรัพยำกรและประยุกตแใช฾ภูมิปใญญำให฾เหมำะสมได฾
ในระดับหนึ่งในกำรดํำรงชีวิตของชุมชนให฾ย่ังยืน ส่ิงสำธำรณูปโภคจำกภำยนอก
เป็นควำมฟุมเฟือยท่ีเข฾ำสู฽ชุมชน โดยกำรดํำเนินนโยบำยกำรพัฒนำของรัฐ ที่เน฾น
กำรพัฒนำด฾ำนโครงสร฾ำงพื้นฐำนและสำธำรณูปโภค ชำวชุมชนส฽วนหน่ึงเดิน
ทำงเข฾ำส฽ูสังคมเมืองที่มีกำรแข฽งขันสูง สินค฾ำในเมืองหลั่งไหลเข฾ำส฽ูชุมชน สังคม
แบบพอยังชีพส฽วนใหญ฽เปล่ียนเข฾ำส฽ูสังคมบริโภคนิยมแบบสังคมเมืองมำกขึ้น
เร่ือยๆ มกี ำรแข฽งขันทำงดำ฾ นวัตถุและสะสมควำมมง่ั คง่ั และแบง฽ แยกตวั เองสู฽สังคม
ท่ีมีชนชั้นท่ีเน฾นควำมเป็นปใจเจกชนสูง เครื่องอํำนวยควำมสะดวกต฽ำงๆ เป็น
มำตรฐำนคุณภำพชีวิต โดยขำดกำรเรียนรู฾และกำรปรับตัวท่ีเท฽ำทันต฽อควำม
เปลี่ยนแปลง กระแสค฽ำนิยมในกำรบรโิ ภควัตถเุ กดิ ขึน้ อยำ฽ งรวดเร็วจนยำกที่จะสร฾ำง
ควำมเข฾ำใจเก่ียวกับวัตถุที่ถูกต฾องได฾ ทํำให฾ฐำนะกำรครองชีพท่ีมีอย฽ูอย฽ำงค฽อนข฾ำง
เท฽ำเทียมในอดีต มีระดับควำมสูงตํ่ำมำกขึ้นตำมค฽ำนิยมทำงวัตถุ คนในชุมชนส฽วน
ใหญ฽ต฽ำงดิ้นรนขวนขวำยเพ่ือให฾ได฾มำซ่ึงฐำนะทำงสังคมที่เท฽ำเทียม เกิดกำรกู฾หน้ี
ยมื สนิ ค฽ำนยิ มท่ดี ีในสังคมอดตี ถูกละเลยและทอดทิ้งผู฾ด฾อยโอกำสทำงสังคมที่อย฽ูใน
ชุมชน แม฾ว฽ำระบบสำธำรณูปโภคต฽ำงๆ จะดีขึ้น แต฽ก็ได฾ก฽อปใญหำตำมมำอย฽ำง
มำกมำย เช฽น ปใญหำยำเสพติดในชุมชน ปใญหำกำรละเมิดศีลธรรมจริยธรรมอันดี
งำมในชุมชน ปใญหำกำรอพยพโยกย฾ำยเป็นแรงงำนรำคำถูกและเร฽ร฽อนในสังคม
เมือง

ด฾ำนวัฒนธรรมประเพณี ชุมชนบนพื้นท่ีสูงในอดีตมีควำมเช่ือในเร่ืองผี
(Animism) หรือเทพเจ฾ำที่ปกปใกรักษำธรรมชำติ ประเพณีวัฒนธรรมต฽ำงๆ ก็จะ
เช่ือมโยงสัมพันธแกับควำมเช่ือเดิมเหล฽ำนี้ ไม฽ว฽ำจะเป็นประเพณีวิถีชีวิตในรอบปี
ประเพณีในกำรรักษำพยำบำลตำมแบบภูมิปใญญำเดิม เช฽น กำรรักษำกำรเจ็บปุวย

-63-

เครอื ข่ายพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ติ ของกลมุ่ ชาติพันธ์ุ

ดว฾ ยยำสมนุ ไพรและกำรเลี้ยงผี เม่อื กำรพัฒนำเริ่มเข฾ำไปในชุมชน มีกำรนํำศำสนำ
อ่ืนๆเข฾ำไปเผยแพร฽มำกข้ึน ทำํ ใหช฾ ำวเขำจํำนวนมำกเปลี่ยนแปลงควำมเชื่อเดิม มี
คนจํำนวนน฾อยท่ียังยึดถือควำมเช่ือเดิมอย฽ำงเหนียวแน฽น ส฽วนใหญ฽ได฾ปรับตัวและ
ผสมผสำนควำมเชื่อเดิมเข฾ำกับศำสนำใหม฽ท่ีเข฾ำมำในชุมชน ปใจจัยส฽วนหนึ่ง
เกิดข้ึนจำกนโยบำยรวมพวกของภำครัฐและกำรได฾รับประโยชนแและโอกำสทำง
สังคมท่ีองคแกรทำงศำสนำหยิบย่ืนให฾ ส฽งผลต฽อประเพณีพิธีกรรมตำมควำมเชื่อ
บำงอย฽ำงทเ่ี ลือนหำย และในบำงชุมชนได฾เกิดข฾อขัดแย฾งทำงควำมเช่ือที่มีอย฽ูอย฽ำง
หลำกหลำยในชุมชน วัฒนธรรมบำงอย฽ำง เช฽น กำรแต฽งกำย ซ่ึงเคยเป็น
เอกลักษณแประจํำเผ฽ำ ภูมิปใญญำในกำรผลิตสิ่งทอ และกำรประดับเคร่ืองเงิน เป็น
ต฾น ซึ่งมีควำมสัมพันธแกับควำมเชื่อและตํำนำนของชนเผ฽ำก็เริ่มลดน฾อยลงใน
ปใจจุบัน คนรุ฽นใหม฽หันไปนิยมน฽ุงห฽มตำมแบบสังคมเมืองมำกขึ้น ทํำให฾
ศิลปวัฒนธรรมในกำรแต฽งกำยท่ีสืบทอดมำในอดีตค฽อยๆเลือนหำยไปจำกชุมชน
แต฽อำจพบเห็นได฾จำกงำนประเพณีพิธีกรรมประจํำปีหรือกำรแสดงเท฽ำนั้น
เช฽นเดียวกับโครงสร฾ำงบ฾ำนท่ีเป็นเอกลักษณแประจํำเผ฽ำก็ปรับเปลี่ยนส฽ูรูปทรงบ฾ำน
แบบสมัยใหม฽ และใช฾วัสดุอุปกรณแท่ีสั่งมำจำกภำยนอก จำกสภำพปใจจุบันร฽องรอย
เอกลักษณขแ องบ฾ำนเรือนในอดตี ได฾ค฽อยๆ หำยไป32

ปนัดดำ บุณยสำระนัย ได฾กล฽ำวถึงควำมเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนจำกทิศทำง
และกระบวนกำรในกำรพัฒนำไดส฾ ง฽ ผลสำํ คัญทงั้ ในทำงบวกและทำงลบต฽อชุมชนใน
ลักษณะท่ใี กลเ฾ คยี งกนั คอื

ผลในเชิงบวก
- ชุมชนบนพน้ื ทีส่ งู มรี ะบบโครงสรำ฾ งพน้ื ฐำนทำงสำธำรณปู โภค เช฽น ถนน
ไฟฟูำ น้ํำประปำ โทรศัพทแ ฯลฯ
- ประชำกรมีโอกำสได฾รับกำรบริกำรด฾ำนกำรศึกษำ กำรสำธำรณสุขและ
กำรประกอบอำชีพ กำรได฾รบั ข฾อมูลขำ฽ วสำรจำกรฐั มำกขึ้น
- ประชำชนในพื้นที่สูงได฾รับและเกิดประสบกำรณแในกำรทํำงำนร฽วมกับ
หน฽วยงำนรัฐและเอกชน และองคแกรระหว฽ำงประเทศ ทํำให฾เกิดควำมร฾ูและทักษะ
ตำ฽ งๆ ทจ่ี ะนำํ ไปใชใ฾ นกำรปรบั ตวั และวถิ ชี ีวติ ให฾เข฾ำกบั สังคมกระแสหลักมำกขึน้
ผลในเชิงลบ

32 ปนัดดำ บณุ ยสำระนยั . อ฾ำงแล฾ว, หน฾ำ 147-150.

-64-

เครอื ขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ

- สภำพสังคมวัฒนธรรม และภูมิปใญญำบนพื้นที่สูงท่ีมีควำมหลำกหลำย
สูญหำยไปด฾วยกำรผสมกลมกลืนไปกับกระแสวัฒนธรรมไทยจำกส฽วนกลำงซ่ึงเป็น
กำรพัฒนำกระแสหลกั อย฽ำงรวดเร็ว

- กำรพัฒนำท่ีมองว฽ำชุมชนบนพ้ืนท่ีสูงเต็มไปด฾วยปใญหำ จึงเร่ิม
กระบวนกำรด฾วยกำรแก฾ไขปใญหำ โดยไม฽ได฾เน฾นกระบวนกำรกำรมีส฽วนร฽วมและ
สร฾ำงควำมเข฾มแข็งให฾กับชุมชน กำรพัฒนำนั้นจึงมีทิศทำงจำกบนส฽ูล฽ำง ส฽งผล
กระทบรุนแรงต฽อชุมชนแบบเดียวกับท่ีเคยเกิดขึ้นมำแล฾วในพื้นที่ภำคอื่นๆ ของ
ประเทศ คือ ชุมชนท฾องถิ่นขำดควำมเข฾มแข็งภำยใน โครงสร฾ำงพื้นฐำนท่ี
พัฒนำขึ้น ระบบสำธำรณูปโภคมำกมำยในชุมชนไม฽ได฾ส฽งเสริมให฾ชุมชนเกิดควำม
เขม฾ แขง็ อย฽ำงท่คี ิดไว฾ แตก฽ ลับเป็นปใจจัยบ่ันทอนควำมเข฾มแข็งและควำมยั่งยืนของ
ชุมชนไว฾กับกำรพัฒนำจำกภำยนอกและสังคมใหญ฽มำกเกินไป เห็นได฾จำกกำรดูด
ดึงทรัพยำกรในชุมชนท฾องถ่ินส฽ูสังคมเมือง เช฽น กำรอพยพแรงงำนรุ฽นหน฽ุมสำว
และทรพั ยำกรธรรมชำติท่ีถูกลดิ รอนจำกคนภำยนอก33

ควำมจริงในเร่ืองท่ีมีกลุ฽มชนจํำนวนมำกอำศัยอยู฽บนพ้ืนที่สูงในเขตภูเขำ
ภำคเหนอื และชำยแดนแถบตะวันตกของประเทศไทย และควำมร฾ูท่ีมีกำรผลิตภำพ
ควำมเป็นชนเผ฽ำท่ีหลำกหลำยกระจัดกระจำยกัน มีควำมไม฽เป็นเอกภำพ ประกอบ
ไปด฾วยกลุ฽มชนท่ีมีควำมเช่ือ วัฒนธรรม ประเพณี ภำษำและเครื่องแต฽งกำยท่ี
แตกต฽ำงกัน ประกอบทำงกำรเกษตร มีควำมเป็นอย฽ูที่ยำกจนข฾นแค฾น ด฾อยกำร
พฒั นำ ปลูกพืชเสพติด ทํำลำยปำุ และไมม฽ ีสญั ชำติควำมเป็นไทย นำํ ไปสู฽ควำมเช่ือ
ที่ทำํ ให฾รัฐมองเห็นว฽ำจะเป็นสำเหตุท่ีก฽อให฾เกิดควำมไม฽มั่นคงในด฾ำนสถำนภำพและ
สทิ ธิทพ่ี งึ มีพึงได฾ อนั จะสง฽ ผลกระทบต฽อควำมมัน่ คงของประเทศชำติในลํำดับต฽อไป
รัฐบำลจึงไดก฾ ำํ หนดนโยบำยให฾มีกำรผนวกรวมกลุ฽มชนในพื้นที่สูงเข฾ำเป็นส฽วนหน่ึง
ของกำรสรำ฾ งรฐั ชำติไทย ดงั จะเหน็ ได฾จำกมตคิ ณะรฐั มนตรี เมื่อวันท่ี 7 กุมภำพันธแ
พ.ศ. 2532 ท่ีมีหลักกำรม฽ุงให฾กลุ฽มชนบนพ้ืนท่ีสูงได฾รับอนุญำตให฾อยู฽ในประเทศ
ไทยอยำ฽ งเป็นระเบียบ ได฾รับกำรพัฒนำด฾ำนเศรษฐกิจและสังคมในระดับที่เพียงพอ
แก฽ควำมจํำเป็นพื้นฐำนเพ่ือเตรียมควำมพร฾อมส฽ูระบบกำรปกครองและกำรพัฒนำ
ต฽อไป และจำกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันท่ี 11 กุมภำพันธแ พ.ศ.2535 ได฾อนุมัติ
แผนแม฽บทเพอ่ื กำรพฒั นำชมุ ชน ส่ิงแวดลอ฾ มและกำรควบคุมพชื เสพติดบนพื้นท่ีสูง

33 เพงิ่ แล฾ว, หน฾ำ 151-152.

-65-

เครือข่ายพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาติพันธ์ุ

พ.ศ.2535 – 2539 ซ่ึงเป็นเครื่องมือสํำคัญสํำหรับกำรบริหำรของกระทรวง ทบวง
กรมต฽ำงๆ นอกจำกนั้นในกำรดํำเนินงำนของรัฐ ได฾มีคณะกรรมกำรดูแล
รับผิดชอบตำมลำํ ดับ ต้ังแต฽ระดบั ชำติได฾แก฽ คณะกรรมกำรอํำนวยกำรแก฾ไขปใญหำ
ควำมม่ันคงแห฽งชำติเก่ียวกับชำวเขำและกำรปลูกพืชเสพติด (อสข.) ระดับภำค
ได฾แก฽ คณะกรรมกำรศูนยแอํำนวยกำรประสำนงำนแก฾ไขปใญหำชำวเขำและกํำจัด
กำรปลูกพืชเสพติด กองทัพภำคท่ี 3 (ศอ.ชข.ทภ.3) ระดับจังหวัดได฾แก฽
คณะกรรมกำรชำวเขำจงั หวัด และระดบั อํำเภอได฾แก฽ คณะกรรมกำรชำวเขำอํำเภอ

นอกจำกนโยบำยกำรดํำเนินงำนด฾ำนชำวเขำของภำครัฐแล฾ว ภำพรวม
โดยทั่วไปนั้นชุมชนในพ้ืนท่ีสูง ซ่ึงเป็นส฽วนหน่ึงของกำรพัฒนำประเทศภำยใต฾
แผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห฽งชำติทั้ง 8 ฉบับ ตลอดระยะเวลำร฽วม 3
ทศวรรษของกำรพัฒนำชำวเขำที่ผ฽ำนมำ หน฽วยงำนเป็นจํำนวนมำกท้ังภำครัฐและ
เอกชนได฾เข฾ำไปดํำเนินงำนด฾ำนกำรพัฒนำชำวเขำ ได฾เกิดควำมเปลี่ยนแปลงอย฽ำง
มำกมำกหลำยด฾ำน แม฾จะเกิดผลดีในบำงส฽วนจำกกำรได฾รับควำมสะดวกสบำยใน
บริกำรข้ันพื้นฐำนจำกรัฐบริกำรมำกข้ึน เช฽น กำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน กำรอนำมัย
สำธำรณสุข สำธำรณูปโภคข้ันพ้ืนฐำน ไฟฟูำ นํ้ำประปำ ในขณะเดียวกันก็สร฾ำง
ควำมย฽ุงยำกให฾กับชุมชนชำวเขำหลำยด฾ำน เช฽น กำรปรับเปล่ียนวิถีชีวิตให฾เข฾ำกับ
สงั คมใหญ฽ ปรับเปล่ยี นวธิ กี ำรทำํ มำหำกนิ ชำวบ฾ำนไม฽สำมำรถดํำรงชีวิตอย฽ำงเรียบ
ง฽ำยต฽อไปได฾ จึงพบว฽ำมีคนร฽ุนใหม฽จํำนวนมำกได฾กลำยเป็นแรงงำนอพยพเข฾ำเมือง
เพื่อหำรำยได฾ชว฽ ยเหลือครอบครัวและแสวงหำประสบกำรณแจำกสงั คมเมืองมำกขึน้

กองสงเครำะหแชำวเขำ กล฽ำวถึงแนวโน฾มของปใญหำในอนำคตว฽ำปใญหำกำร
อพยพแรงงำนชำวเขำ จำกผลของควำมเจริญทำงด฾ำนเศรษฐกิจและสังคมที่
แพร฽กระจำยไปส฽ูสังคมชำวเขำ และภำวะจํำกัดของทรัพยำกรธรรมชำติท่ีใช฾เป็น
ปใจจยั กำรผลติ ทำงกำรเกษตรบนพ้นื ท่ีสงู ทํำใหช฾ ำวเขำบำงส฽วนเคล่ือนย฾ำยลงมำหำ
งำนทํำในชุมชนเมือง ซ่ึงจำกกำรสํำรวจของกองสงเครำะหแชำวเขำ กรม
ประชำสงเครำะหแ เมื่อปี พ.ศ.2537 พบว฽ำมีชำวเขำจํำนวน 28,261 คน อพยพ
เคล่ือนย฾ำยแรงงำนอย฽ำงเป็นระบบ ขำดกำรเตรียมพร฾อมท้ังด฾ำนกำรปรับตัว กำร
รู฾จักสิทธิหน฾ำที่ กำรขำดฝีมือแรงงำน จึงทํำให฾ถูกเอำรัดเอำเปรียบ ถูกล฽อลวงไป
ทํำงำนท่ีไม฽ถูกต฾องตำมกฎหมำย และก฽อให฾เกิดปใญหำสังคมแก฽ชุมชนโดยรวม ท่ี

-66-

เครอื ขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์

สัมพันธแเชื่อมโยงกับปใญหำโรคเอดสแ ปใญหำโสเภณี ปใญหำกำรเสพและค฾ำยำเสพ
ตดิ อย฽ำงแยกไม฽ออก

ตลอด 40 ปีท่ีผ฽ำนมำ คณะสงฆแได฾กลำยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรัฐใน
ลกั ษณะท่ีเป็นฝุำยตำมจนกล฽ำวได฾ว฽ำเปน็ ส฽วนขยำยของรัฐ โดยได฾ทํำงำนตอบสนอง
นโยบำยของรัฐนำนำประกำร เร่ิมต้ังแต฽นโยบำยต฽อต฾ำนคอมมิวนิสตแ คณะสงฆแได฾
กลำยเป็นกระบอกเสียงโจมตีคอมมิวนิสตแให฾แก฽รัฐบำล ในอีกด฾ำนหน่ึงก็เกิด
โครงกำรพระธรรมจำริก เพ่ือนํำชำวเขำให฾เข฾ำส฽ูร฽มเงำพุทธศำสนำแทนที่จะไป
สมำทำนลัทธิดังกล฽ำว34 กำรเผยแพร฽พุทธศำสนำแบบทำงกำรในชุมชนพ้ืนที่สูง
เร่ิมต฾นด฾วยกำรสร฾ำงสํำนึกของควำมเป็นไทยโดยคณะสงฆแน้ี ยังดํำเนินกำรต฽อมำ
โดยมีจุดหมำยหลักคือให฾ชำวเขำหันมำสมำทำนพุทธศำสนำ แต฽ลึกลงไปกว฽ำนั้นก็
คือต฾องกำรกำรสร฾ำงควำมสํำนึกในควำมเป็น “ไทย” เพรำะควำมเช่ือของทำงกำร
น้ันมีอย฽ูว฽ำควำมเป็นพุทธกับควำมเป็นไทยนั้นแยกจำกกันไม฽ออก ตรำบใดที่
ชำวเขำยงั ไม฽ได฾นบั ถอื พทุ ธ ก็ยำกท่ีเขำจะสํำนึกตนว฽ำเป็นคนไทย ดังน้ันจึงอำจก฽อ
ปใญหำควำมมั่นคงในชำติได฾ คือเป็นเคร่ืองมือของ “ต฽ำงชำติ” ซึ่งก็ได฾แก฽
คอมมิวนิสตแน่ันเอง35 แต฽ในปใจจุบันภัยจำกลัทธิคอมมิวนิสตแหมดลงแล฾ว แต฽มีภัย
รูปแบบใหม฽มำกมำยที่คุกคำมต฽อชุมชนบนพ้ืนที่สูง ในขณะเดียวกับที่พระสงฆแ
ยังคงอำศัยอยู฽และเป็นที่พึ่งให฾กับชุมชนที่มีลักษณะพลวัต กำรปรับตัวต฽อกระแส
กำรเปลีย่ นแปลงเป็นปใญหำสำํ คัญที่ทำ฾ ทำยเหลำ฽ พุทธบุตรทง้ั ในปใจจบุ นั และอนำคต

ดงั ได฾กลำ฽ วมำท้ังหมดนเี้ ปน็ ประเด็นแนวคิดและอรรถำธิบำยปรำกฏกำรณแที่
จะนํำไปส฽ูกำรศึกษำทํำควำมเข฾ำใจต฽อกระแสกำรเปล่ียนแปลงในชุมชนพื้นที่สูงให฾
ชดั เจนมำกยิ่งขนึ้ เพอื่ นำํ ผลกำรศึกษำน้ีไปสู฽กำรวำงแผนกำรพัฒนำที่สอดคล฾องกับ
กำรเปลี่ยนแปลงของชุมชน และกำรพัฒนำท่ีไม฽ละเลยต฽อศักดิ์ศรี สิทธิและอัต
ลักษณแของชุมชนทส่ี ่งั สมสืบต฽อกันมำ และอีกประเด็นหน่ึงน้ันคือกำรสนับสนุนกำร
ปฏิบัติงำนของพระสงฆแให฾มีประสิทธิภำพและประสิทธิผลย่ิงข้ึน ในฐำนะพระนัก
เผยแผ฽และพระนกั พฒั นำทอ่ี ยู฽ใกล฾ชิดและเคียงขำ฾ งชมุ ชนอย฽ำงแท฾จรงิ

34 พระไพศำล วิสำโล, พุทธศำสนำไทยในอนำคต แนวโน฾มและทำงออกจำกวิกฤต, (กรุงเทพมหำนคร:
มลู นิธสิ ดศรี-สฤษด์ิวงศแ 2546), หน฾ำ 87.
35 เพิ่งอำ฾ ง, หนำ฾ 70.

-67-

เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลุ่มชาตพิ ันธ์ุ

บทท่ี 5

กำรพฒั นำพืน้ ทสี่ งู
ของเครอื ขำ฽ ยพระนกั พัฒนำ

-68-

เครอื ขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชีวติ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์

กำรดำํ เนนิ งำนดำ฾ นสง่ิ แวดลอ฾ มของเครือขำ฽ ยพระนักพัฒนำบนพืน้ ทส่ี งู

แนวปฏิบัติและกระบวนกำรฟื้นฟูส่ิงแวดล฾อมของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำ
บนพ้ืนท่ีสูง : พื้นที่ต฾นแบบ อํำเภอฮอด อํำเภอแม฽แจ฽ม อํำเภอแม฽สะเรียง มีผล
กำรศกึ ษำ ดังน้ี

1. พ้ืนท่ีต฾นแบบในอํำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม฽ คือ อำศรมพระบัณฑิต
อำสำพัฒนำชำวเขำบ฾ำนดอกแดง ตํำบลบ฽อสลี สร฾ำงเม่ือปี พ.ศ.2537 ทำงทิศใต฾
ของหม฽ูบ฾ำน เดิมทีท่ีแห฽งนี้ชำวบ฾ำนได฾ช฽วยกันแพ฾วถำงไว฾เป็นที่รับเสด็จพระรำชินี
แต฽เกิดพำยุพระองคแไม฽สำมำรถที่จะเสด็จลงได฾ใช฾เวลำถึง 2 คร้ัง ต฽อมำลุงวอแฮได฾
เข฾ำไปทํำสวน พระมหำฐำนันดร เขมปโฺโญ,ดร. เห็นว฽ำสถำนท่ีแห฽งน้ีควรสร฾ำง
เป็นที่พักสงฆแและสร฾ำงเป็นวัดในอนำคต จึงได฾ปรึกษำกับลุงวอแฮ ไตโถ และ
ชำวบ฾ำน เม่ือตกลงกันวันที่ 17 มีนำคม พ.ศ.2537 จึงได฾มอบเงินให฾นำยมำนะ
มอื แป ผ฾ใู หญบ฽ ำ฾ นลูกเขยลุงวอแฮ 11,000 บำท ให฾เอำรถแทรกเตอรแมำปรับพ้ืนที่
ประมำณ 2 ไร฽ ทำํ ถนนขนึ้ ไปและได฾กํำหนดรอบๆ เขำเป็นแนวเขตของที่พักสงฆแ
คือทศิ เหนอื และทศิ ตะวันตกติดถนนเข฾ำหมู฽บ฾ำน ทิศตะวันออกติดสวนชำวบ฾ำน ทิศ
ใต฾ด฾ำนหน่ึงติดถนนเข฾ำหม฽ูบ฾ำนอีกด฾ำนหน่ึงติดปุำบริเวณรอบ ๆ เขำ มีเน้ือท่ี
ประมำณ 100 ไร฽ เมอ่ื กำํ หนดเขตแลว฾ กไ็ ด฾พัฒนำตำมลำํ ดบั ชำวบ฾ำนท่ีเป็นกํำลังใน
กำรสร฾ำงคือ นำยสุรพล ครองเชิดชู นำยสิทธิพล (ซิปิ) จํำปีศรีโสภำ นำยวอแฮ
ธํำรงพนำ และนำยใหม฽ บงกชศรีจินดำ ปใจจุบันมีเสนำสนะที่จํำเป็นคือศำลำ
บำํ เพ็ญบุญขนำดใหญ฽ 1 หลงั กฏุ ิ 7 หลัง ห฾องนํ้ำ 2 หลัง และโรงครัวท่ียัง
กอ฽ สร฾ำงไมเ฽ สรจ็ 1 หลงั และมีสถำนวี ทิ ยใุ นกำรเผยแผ฽ธรรมะ

อำศรมบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ บ฾ำนแม฽ลอง ตํำบลบ฾ำนทับ อํำเภอแม฽
แจ฽ม จังหวัดเชียงใหม฽ บ฾ำนแม฽ลอง หม฽ูที่ 3 ตํำบลบ฾ำนทับ อํำเภอแม฽แจ฽ม
จังหวัดเชียงใหม฽ เป็นหม฽ูบ฾ำนชำวเขำเผ฽ำกะเหรี่ยงตั้งประมำณ 80 ปี อพยพมำ
จำกบริเวณใกล฾เคียงเนื่องจำกเกิดโรคระบำด โดยมีผ฾ูนํำหรือหัวหน฾ำเผ฽ำที่นับถือ
(หมอผ)ี ของชำวบ฾ำนเป็นผู฾ก฽อตั้งหม฽ูบ฾ำน กำรตั้งหม฽ูบ฾ำนมีกำรต้ังชื่อหมู฽บ฾ำนตำม
ชื่อลํำห฾วยแม฽ลองไหลผ฽ำนหรือตำมภูเขำที่ใกล฾เคียง ผ฾ูใหญ฽บ฾ำนคนแรกคือ นำย
สมบูรณแ กลงจันทรแ ซ่ึงเป็น คนพ้ืนรำบที่ทำงอํำเภอแม฽แจ฽มเป็นผ฾ูแต฽งต้ังขึ้น
เนื่องจำกประชำชนบ฾ำนแม฽ลองไม฽ร฾ูหนังสือ ต฽อมำเม่ือปี พ.ศ.2527 ทำงกอง

-69-

เครอื ข่ายพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลุม่ ชาตพิ นั ธ์ุ

กำํ กับกำรตํำรวจตระเวนชำยแดนท่ี 33 ไดจ฾ ัดตั้งโรงเรยี นตำํ รวจตระเวนชำยแดนได฾
เปิดทํำกำรสอนชั้นประถมศึกษำปีท่ี 1 – 6 ประชำชนพอที่จะมีควำมร฾ูและมี
ควำมสำมำรถที่จะปกครองเป็นผู฾นํำได฾ จึงมีกำรเลือกต้ังผู฾ใหญ฽บ฾ำนข้ึนมำใหม฽ คือ
นำยกิตติ (อินตำ) ช่ืนสุขเลิศเกษม จนถึงปใจจุบัน และในปใจจุบันนี้ ได฾ดํำรง
ตำํ แหนง฽ เปน็ กํำนนั ตํำบลบ฾ำนทบั ไดป฾ กครองในตํำบลบ฾ำนทับท้ังหมดรวมแล฾วมี 13
หม฽ูบ฾ำน รวมถึงหม฽ูบ฾ำนแม฽ลองด฾วยประกอบไปด฾วย 2 หย฽อมบ฾ำน คือ บ฾ำนแม฽
ลองเหนอื และบำ฾ นแมล฽ องใต฾

อำศรมบ฾ำนพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำบ฾ำนแม฽ลอง ก฽อต้ังในปี พ.ศ.
2553 โดยกำรนํำของคณะมูลนิธิพิทักษแประชำชำติร฽วมกับวิศวกรรม
มหำวิทยำลัยเชียงใหม฽คณะครูโรงเรียนตํำรวจตระเวนชำยแดนที่ 33 บ฾ำนแม฽ลอง
ตลอดจนประชำชนบ฾ำนแม฽ลอง เพ่ือดํำเนินกำรสร฾ำงศำสนสถำนพระพุทธศำสนำ
(สํำนักสงฆแ) ซึ่งมีวัตถุประสงคแ คือ เป็นศำสนพิธีที่ประกอบกิจกรรมทำง
พระพุทธศำสนำและเป็นศูนยแกลำงทำงด฾ำนจิตใจของพุทธศำสนิกชนชำวบ฾ำนแม฽
ลองและหมู฽บ฾ำนใกล฾เคียง ทั้งนี้ชำวบ฾ำนโดยส฽วนมำกให฾กำรสนับสนุนในกำรสร฾ำง
บ฾ำนแม฽ลองมีอำณำเขตดังนี้ทิศเหนือ ติดกับหม฽ูบ฾ำนขุนปอน/ห฾วยวอก ทิศใต฾ ติด
กับหมู฽บำ฾ นข้กี ระต฽ำย/ทุ฽งแก/สันขนุน ทิศตะวันออก ติดกับศูนยแพัฒนำเด็กเล็กบ฾ำน
แม฽ลองและปุำชุมชน ทิศตะวันตก ติดกับหน฽วยจัดกำรต฾นนํ้ำแม฽ลอง จึงจัดหำ
สถำนท่ใี นกำรกอ฽ สร฾ำงเสร็จในเดือนตุลำคม พ.ศ. 2553 กำรก฽อสร฾ำงอำศรมจึงต฾อง
สร฾ำงกฏุ ขิ ึ้นมำ 1 หลัง และห฾องน้ํำห฾องสุขำจํำนวน 1 หลัง โดยกำรสนับสนุนของ
มูลนิธิพิทักษแประขำชำติร฽วมกับโรงเรียนตํำรวจตระเวนชำยแดนบ฾ำนแม฽ลองและ
ชำวบำ฾ นแม฽ลอง ต฽อมำทำงคณะครโู รงเรยี นตํำรวจตระเวนชำยแดนบ฾ำนแม฽ลองและ
ทำงมูลนิธิพิทักษแประชำชำติได฾ทํำหนังสือขอพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ กับ
ทำงโครงกำรพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ มหำวิทยำมหำจุฬำลงกรณรำช
วิทยำลัย วิทยำเขตเชียงใหม฽ วัดสวนดอก มำจํำพรรษำและมำปฏิบัติศำสนกิจซ่ึง
ตอนนั้นไดม฾ ี พระไพวัลยแ สุจติ โต ซ่ึงเปน็ พระบัณฑิตอำสำฯ รูปแรกและมีพระภิกษุ
สำมเณรจำกวัดศรีโสดำจํำนวน 2 รูป ซึ่งเป็นพระธรรมจำริกได฾มำจํำพรรษำ ในปี
พ.ศ. 2553 ต฽อมำได฾มี พระสมหวัง ผลญำโณ พระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ
รูปทสี่ อง เปน็ ผ฾กู ฽อต้งั บุกเบิกและพัฒนำ ซ่งึ เปน็ พระบัณฑติ อำสำพฒั นำชำวเขำ รูป
สองมำปฏิบัติศำสนกิจ และต฽อมำทำงคณะครูโรงเรียนตํำรวจตระเวนชำยแดนบ฾ำน

-70-

เครือข่ายพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ติ ของกลุม่ ชาติพนั ธ์ุ

แม฽ลอง ได฾มอบที่ดินซ่ึงเป็นศูนยแเด็กเล็กเป็นที่ว฽ำงเปล฽ำ เพรำะได฾เอำเด็กเล็ก
ทั้งหมดย฾ำยไปทํำกำรสอนท่ีโรงเรียน และต฽อมำทำงโรงเรียนได฾มอบที่ดินไว฾ให฾กับ
ทำงอำศรม ทำงอำศรมจึงบรู ณะใหมจ฽ งึ ทำํ อำคำรเป็นพื้นท่ีศำลำบํำเพ็ญบุญ 1 หลัง
ห฾องนํ้ำ 1 หลัง มีห฾องอำบน้ํำ 1 ห฾อง ห฾องสุขำ 2 ห฾อง และต฽อมำในปี พ.ศ.
2555 ได฾ทํำกำรก฽อสร฾ำงกุฏิขึ้นมำอีกสองหลังพร฾อมทั้งได฾ก฽อสร฾ำงศำลำไว฾สํำหรับ
เก็บของใช฾ในชุมชนอีกจํำนวนหนึ่งหลังและโรงครัว (หอฉัน) ช่ัวครำวอีกจํำนวน
หน่ึงหลัง ตอ฽ มำในปี พ.ศ. 2556 ไดท฾ ำํ กำรก฽อสร฾ำงซุ฾มปูำยอำศรมและบูรณะศำลำ
บำํ เพ็ญบุญโดยได฾ปูพื้นด฾วยกระเบื้องและต฽อมำปี พ.ศ. 2557 ได฾สร฾ำงห฾องนํ้ำเพิ่ม
อีกหนึ่งหลัง มี 4 ห฾องเพ่ือไว฾รองรับศรัทธำญำติโยมที่มำร฽วมทํำบุญและสร฾ำงเสร็จ
เปน็ ที่เรียบร฾อย ปี พ.ศ. 2558 ได฾บูรณะศำลำบํำเพ็ญบุญอำศรมบ฾ำนแม฽ลองแห฽งที่
สองโดยซ฽อมแซมโดยกำรปูพื้นด฾วยกระเบ้ืองและในปี พ.ศ. 2559 ได฾ทํำกำร
ก฽อสร฾ำงกํำแพงและทํำประตูเหล็ก ปี พ.ศ. 2560 สร฾ำงห฾องสรงน้ํำ(ห฾องอำบนํ้ำ)
และหอฉนั (โรงครัว) ปี พ.ศ. 2561 ทํำร฽องน้ำํ หน฾ำอำศรมและหน฾ำโรงเรียน พ้ืนที่
ประมำณประมำณ 5 ไรก฽ ว฽ำๆ (เขำหน่งึ ลูก)

อำศรมพระธรรมจำริกบ฾ำนแม฽ตูม ตํำบลปำงหินฝน อํำเภอแม฽แจ฽ม จังหวัด
เชียงใหม฽ บ฾ำนแม฽ตูม ต้ังอยู฽หมู฽ท่ี 5 ตํำบลปำงหินฝน อํำเภอแม฽แจ฽ม จังหวัด
เชียงใหม฽ มีลํำนํ้ำแม฽ตูมและลํำน้ํำแม฽ศึกเป็นแม฽น้ํำสำยสํำคัญท่ีไหลผ฽ำนตํำบลทำง
ทิศใต฾และเหนือตำมลำํ ดับ ซึ่งบ฾ำนแมต฽ ูมเป็นต฾นนำํ้ ของลํำน้ำํ ทสี่ ำํ คัญท้งั สองสำย มี
นํ้ำไหลผ฽ำนตลอดท้ังปี และมีลํำห฾วยที่ใช฾บริโภค แต฽มักจะประสบปใญหำกำรขำด
แคลนนํำ้ ในฤดูแลง฾ เนือ่ งจำกนํำ้ มปี รมิ ำณนอ฾ ยและไม฽มีท่กี ักเก็บพนื้ ทีโ่ ดยทัว่ ไปเป็น
ภูเขำและหุบเขำ มีควำมลำดชันของภูเขำ สูงกว฽ำระดับน้ํำทะเล 800 – 1,000
เมตรโดยประมำณ และเป็นพ้ืนที่ภูเขำประมำณ ร฾อยละ 90 ของพื้นท่ีทั้งหมด ปุำ
ไม฾ยังมีควำมอุดมสมบูรณแมำกและเป็นต฾นนํ้ำท่ีสํำคัญของอํำเภอและจังหวัด แร฽
ธรรมชำตเิ คยมกี ำรสำํ รวจและให฾สมั ปทำนแตใ฽ นปจใ จบุ ันไดย฾ กเลกิ ไปแลว฾

อำศรมบ฾ำนแม฽ข้ีมูกน฾อย ตํำบลบ฾ำนทับ อํำเภอแม฽แจ฽ม จังหวัดเชียงใหม฽
บ฾ำนแม฽ขี้มูกน฾อยเป็นหม฽ูบ฾ำนที่ตั้งอย฽ูบริเวณเนินเขำในพื้นที่ตํำบลบ฾ำนทับ อํำเภอ
แม฽แจ฽ม จังหวัดเชียงใหม฽ ซึ่งแต฽เดิมเป็นหย฽อมบ฾ำนของบ฾ำนสองธำร (แม฽ข้ีมูก)
ตอ฽ มำในปี พ.ศ.2543 ได฾แยก ออกมำเป็นหมู฽ท่ี 13 หม฽ูบ฾ำนแม฽ขี้มูกน฾อยก฽อตั้งมำ
100 กว฽ำปีมำแล฾ว บริเวณท่ีตั้งมีสภำพเป็นเนินเขำ โดยมีกำรสร฾ำงท่ีอย฽ูอำศัย

-71-

เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลุม่ ชาติพนั ธ์ุ

ลดหล่ันไปตำมไหล฽เขำ ซ่ึงสมัยก฽อนบริเวณน้ีเป็นบริเวณท่ีค฽อนข฾ำงอุดมสมบูรณแ
ชำวบ฾ำนจึงย฾ำยมำต้ังถิ่นฐำนบริเวณน้ี เริ่มแรกน้ันมีเพียง 10 หลัง โดยผ฾ูท่ีมำต้ัง
บ฾ำนเรอื นเปน็ คนแรกคอื นำยก฽อวิละ ซงึ่ ไดอ฾ ำศัยอยท฽ู บ่ี ฾ำนห฾วยวอก ตํำบลบ฾ำนทับ
อำํ เภอแมแ฽ จ฽ม จ.เชียงใหม฽ ห฽ำงจำกกนั ประมำณ 5 กิโลเมตร จำกนั้นญำติพ่ีน฾องก็
ไดอ฾ พยพยำ฾ ยตำมกันมำต้ังบ฾ำนเรือนเพิ่มขึ้นจึงเกิด เป็นหม฽ูบ฾ำนในเวลำต฽อมำ จำก
กำรที่ในสมัยนั้นบริเวณหม฽ูบ฾ำนมีพ้ืนท่ี ๆ หน่ึงมีสภำพโล฽งเตียน ชำวบ฾ำนจึงเรียก
หม฽ูบ฾ำนน้ีว฽ำ ต฽ำลอโปโกล฾ะ (ภำษำกะเหร่ียง) แต฽เนื่องจำกมีห฾วยขี้มูกน฾อยอยู฽ใกล฾
หมู฽บ฾ำน ชำวบ฾ำนจึงเรียกชื่อหมู฽บ฾ำนนี้ว฽ำ “บ฾ำนแม฽ข้ีมูกน฾อย” บ฾ำนแม฽ข้ีมูกน฾อยมี
แหลง฽ ต฾นนำ้ํ อยแู฽ หล฽งเดียว คือ ห฾วยแม฽ ข้มี ูกน฾อยซ่ึงเป็นแหลง฽ นํำ้ ทีช่ ำวบ฾ำนใช฾ใน
กำรอุปโภคบริโภคและยังสำมำรถใช฾ในกำรเกษตรได฾อีกด฾วย ประชำกรส฽วนใหญ฽ยัง
ยดึ อำชพี ทำํ ไรข฽ ฾ำว และปลูกข฾ำวโพดเล้ียงสัตวแเป็นหลัก อำชีพแต฽เดิมนั้นชำวบ฾ำน
แม฽ขี้มูกน฾อยประกอบอำชีพเพียงกำรทํำไร฽ทํำนำเท฽ำน้ัน ต฽อมำเม่ือประมำณสิบกว฽ำ
ปีมีกำรขยำยตัวของกำรปลูกข฾ำวโพดเลี้ยงสัตวแ มีวิธีกำรปลูกที่ง฽ำยไม฽ต฾องดูแลมำก
ทํำให฾ชำวบ฾ำนเร่ิมหันมำปลูกข฾ำวโพดเลี้ยงสัตวแมำกข้ึนเพื่อหำรำยได฾เพ่ิม จำกน้ัน
เม่ือไม฽ก่ีปีที่ผ฽ำนมำก็มำกำรนํำหอมแดงมำปลูกเพิ่มในพ้ืนท่ีบ฾ำนแม฽ขี้มูกน฾อย ซ่ึงมี
รำคำค฽อนข฾ำงดี ทํำให฾ฐำนะทำงเศรษฐกิจของหม฽ูบ฾ำนจัดอย฽ูในระดับปำนกลำง
(เปรียบเทียบกับหมู฽บ฾ำนอื่นในตํำบลบ฾ำนทับ) ซ่ึงปใจจุบันนี้ระบบกำรผลิตของ
หมู฽บ฾ำนแม฽ข้ีมูกน฾อยส฽วนใหญ฽มีกำรทํำไร฽แบบกึ่งถำวร ไม฽ใช฽ไร฽หมุนเหมือน
สมัยก฽อนท่ีจะมกี ำรหมุนเวียนระหวำ฽ ง 5 - 6 ปี ซ่ึงจะไม฽ส฽งผลกระทบต฽อธรรมชำติ
แหล฽งนํ้ำ ร฽วมท้ังกำรขยำยตัวของกำรปลูกพืชเชิงเดียวมีข฾ำวโพดกับหอมแดง ทํำ
ให฾ชำวบ฾ำนมีกำรถำงปุำเพ่ือปลูกพืชเชิงเด่ียว เม่ือเก็บเกี่ยวมีกำรเผำเพื่อเตรียม
พ้ืนที่ ปลูกใหม฽ ใส฽ปุ฻ยเคมีแล฾วลงข฾ำวโพด ทํำเช฽นน้ีจนเม่ือแร฽ธำตุในดินหมดไป
ชำวบ฾ำนก็ยิ่งใช฾ป฻ุยเคมี เมื่อที่ดินผืนนั้น เริ่มให฾ผลผลิตไม฽มำกพอ ก็จะถำงปุำท่ีอื่น
แล฾วทํำซำ้ํ เปน็ วัฏจักร และยังส฽งผลกระทบตอ฽ ระบบนํำ้ สภำพดนิ สภำพปำุ อีกด฾วย

สภำพปใญหำส่ิงแวดล฾อมภำยในชุมชน จำกกำรที่ได฾อย฽ูสัมภำษณแพระ
บัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ และแกนนํำชำวบ฾ำนในพ้ืนที่บ฾ำนแม฽ข้ีมูกน฾อย พอจะ
สรุปประเดน็ ปใญหำต฽ำง ๆ ทีเ่ กิดขน้ึ ในชุมชนไดด฾ งั นี้ ปญใ หำกำรขำดแคลนนํ้ำเป็น
ปใญหำท่ีเกิดขึ้นมำนำน เน่ืองจำกกำรขำดกำรจัดกำรที่ดี พ้ืนที่บ฾ำนแม฽ข้ีมูกน฾อยมี
ควำมสมบูรณแพอสมควรเนื่องจำกเป็นปุำต฾นนํ้ำ แม฾มีกำรขุดสระนํ้ำเพ่ือส฽งน้ํำให฾กับ

-72-

เครือขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกล่มุ ชาตพิ ันธุ์

คนในชุมชน แต฽ในช฽วงเดือนเมษำยนชำวบ฾ำนก็ยังขำดนํ้ำ ต฾องมีกำรเปิดปิดนํ้ำใน
เวลำเช฾ำและเย็นเพ่ือแก฾ปใญหำเฉพำะหน฾ำ แต฽ครัวเรือนท่ีอยู฽ท฾ำยหม฽ูบ฾ำนก็ยังขำด
นํ้ำอยู฽ดี ปใญหำกำรขำดแคลนน้ํำ จึงเป็นปใญหำที่ต฾องมีกำรแก฾ไขให฾ยั่งยืนและตรง
จดุ เช฽นควรมีกำรปลูกต฾นกล฾วยให฾มำกขึ้นในบริเวณปุำ ต฾นนํ้ำ เป็นต฾น และปใญหำ
กำรตดั ไม฾และกำรบุกรุกปุำ เน่ืองหม฽ูบ฾ำนแม฽ข้ีมูกน฾อยมีอำณำเขตท่ีติดกับปุำต฾นน้ํำ
ซ่ึงต฾องอนุรักษแไว฾แต฽ก็มีชำวบ฾ำน บำงส฽วนที่ยังรุกปุำต฾นนํ้ำเพ่ือทํำกำรเพำะปลูก
และมีบำงคนท่ีเข฾ำไปตัดไม฾ในบริเวณใกล฾กับปุำต฾นนํ้ำ ซึ่งกำรตัดไม฾และกำรบุกรุก
ปำุ ในบรเิ วณใกล฾กบั ปำุ ตน฾ นํ้ำน้ัน ย฽อมสง฽ ผลกระทบต฽อระบบนิเวศนแโดยตรง และยัง
ส฽งผลกระทบตอ฽ ควำมมัน่ คงของลูกหลำนอีกด฾วย

อำศรมพระบัณฑติ อำสำพัฒนำชำวเขำบ฾ำนห฾วยผักกูด ตํำบลแม฽ศึก อํำเภอ
แม฽แจ฽ม จังหวัดเชียงใหม฽ บ฾ำนห฾วยผักกูด ตํำบลแม฽ศึก อํำเภอแม฽แจ฽ม จังหวัด
เชียงใหม฽ ซึ่งก฽อตั้งมำเม่ือ ปี พ.ศ. 2000 บ฾ำนห฾วยผักกูดเป็นหมู฽บ฾ำนชำวเขำเผ฽ำ
กะเหร่ียงปะกำกะญอ เดิมช่ือหมู฽บ฾ำน คือ ห฾วยพระกู เวลำคนต฽ำงถิ่นถำมชำวบ฾ำน
ว฽ำ บ฾ำนผักห฾วยกูด เมื่อสมัยก฽อนพ้ืนที่ปุำบ฾ำนห฾วยผักกูดมีจํำนวนช฾ำงปุำมำกมำย
ชำวบ฾ำนเล้ียงช฾ำงท่ีขึ้นทะเบียนกว฽ำ 60 เชือก จึงมีกำรนํำช฾ำงออกรับจ฾ำงตำม
สถำนท่ีท฽องเที่ยว และรีสอรแต รวมถึงตำมปำงช฾ำง กระจำยไปในที่ต฽ำง ๆ ท้ัง
จังหวัดเชียงใหม฽และในจังหวัดใกล฾เคียงเพ่ือรองรับอุตสำหกรรมกำรท฽องเท่ียว จน
ปจใ จุบนั เหลือชำ฾ งอย฽ูในหม฽ูบำ฾ น 9 เชือก (ลกู ช฾ำง 3 ตวั )

อำศรมบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำบ฾ำนแม฽ลิดปุำแก฽ ตํำบลแม฽เหำะ อํำเภอ
แมส฽ ะเรียง จงั หวัดแม฽ฮ฽องสอน บ฾ำนแม฽ลิดปุำแก฽ ต้ังอย฽ูหมู฽ที่ 1 ต.แม฽เหำะ อํำเภอ
แม฽สะเรียง จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน เป็นชุมชนบนพ้ืนท่ีรำบสูงหรือชำวไทยภูเขำเผ฽ำ
กะเหร่ียงโดยมีชื่อเรียกเป็นภำษำปำเก฽อะญอว฽ำ“เบำะเด”แปลว฽ำปุำแก฽ เม่ือ
ประมำณ 100 ปีได฾แยกมำจำกบ฾ำนสลี มีจํำนวน 6 ครอบครัวคือครอบครัวนำยเป
คอื ,นำยเปอะนำ,นำยคือคู,นำยชำว,ู นำยชอเลโด,และครอบครัวนำยผำปลำ ต฽อมำก็
มจี ำํ นวนคนย฾ำยมำเพ่ิมข้ึนอีก มีอำณำเขตตดิ ตอ฽ กนั ดงั นี้ ทิศเหนือติดต฽อกับบ฾ำนแม฽
ลิดน฾อย ทิศตะวันตกติดต฽อกับบ฾ำนสลีทิศใต฾ติดต฽อกับบ฾ำนแม฽ลำยและบ฾ำนปำงช฾ำง
ทิศตะวันออกติดต฽อกับบ฾ำนแม฽ลิดหลวง ไม฽มีโรงเรียนประจํำหมู฽บ฾ำนเด็กต฾อ ง
เดินทำงไปเรียนท่ีโรงเรียนบ฾ำนแม฽ลิดหลวงห฽ำงจำกหมู฽บ฾ำนประมำณ 3 กิโลเมตร
เป็นโรงเรียนมัธยม มีนักเรียน 270 คน และโรงเรียนบ฾ำนสุดห฾วยนำ อย฽ูห฽ำงจำก

-73-

เครือขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกลมุ่ ชาตพิ ันธุ์

หม฽ูบ฾ำนประมำณ 6 กิโลเมตร เป็นโรงเรียนประถมมีนักเรียนประมำณ 70 คน
ชำวบ฾ำน มีอำชีพทํำไร฽ ทํำนำและทํำสวนเช฽นกำรปลูกกำแฟ กะหล่ํำ ปลี มะเขือ
เทศ ลิ้นจ่ี และพืชผักสวนครัว บ฾ำนแม฽ลิดปุำแก฽มีเส฾นทำงคมนำคมเข฾ำสู฽หม฽ูบ฾ำน
สองจุดด฾วย กันคือ 1 .เส฾นทำงจำกเชียงใหม฽ ฮอด แม฽สะเรียง ถึงสะพำนห฾วยแม฽
ลิดเลี้ยวขวำเข฾ำไปประมำณ 15 กิโลเมตร 2.เส฾นทำงจำกเชียงใหม฽ ฮอด แม฽สะ
เรียง ถึงปูอมจุดตรวจ ต.แม฽เหำะเลยไป 500 เมตรเลี้ยวขวำ เข฾ำมำประมำณ 10
กิโลเมตร และห฽ำงจำกอํำเภอแม฽สะเรียงประมำณ 30 กิโลเมตร ปใจจุบันมีผู฾นํำใน
หม฽ูบ฾ำนคือ นำยบุญเอง ปองบุญเกษม ผู฾ใหญ฽บ฾ำนแม฽ลิดปุำแก฽หม฽ูที่ 1 นำยพะ
เหล฽โพ ขจรไพรพฤกษแ นำยประหยัด บะหล฽ำน เป็นผู฾นํำประเพณี นำยวิทยำ
ปองพรศักดิ์ เป็นสมำชิก อบต. หม฽ู 1 และนำงสำวอุษำ ปองปใญญำสุนทร ครู
สอนศนู ยแเด็กเล็กบ฾ำนแมล฽ ิดปุำแก฽

อำศรมบ฾ำนแม฽ลิดปุำแก฽ ก฽อตั้งเม่ือประมำณปี พ.ศ.2537 ชำวบ฾ำนได฾รับ
ควำมเมตตำจำกท฽ำนเจ฾ำอำวำสวัดดอยเกิ้ง ได฾มำเผยแพร฽พระพุทธศำสนำแก฽
ชำวบำ฾ นจนสำมำรถสรำ฾ งสํำนักสงฆแบ฾ำนแม฽ลิดปุำแก฽ขึ้นและส฽งพระขึ้นไปจํำพรรษำ
และปฏบิ ตั ิศำสนกิจ ปี 2546 ไมม฽ พี ระขึน้ ไปจํำพรรษำอยู฽ ช฽วงปพี .ศ. 2547 ทำง
โครงพระบณั ฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ ได฾ส฽งพระอำจำรยแดํำรง ธีรวโรข้ึนไปอยู฽ จึง
ได฾เปล่ียนชื่อจำกสํำนักสงฆแบ฾ำนแม฽ลิดปุำแก฽ เป็นอำศรมพระบัณฑิตอำสำพัฒนำ
ชำวเขำ มีเสนำสนะสํำคัญได฾แก฽ ศำลำบํำเพ็ญบุญ 1 หลัง กุฏิ 2 หลัง
ห฾องนํ้ำ 1 หลัง จํำนวน 3 ห฾อง โรงครัว 1 หลัง ห฾องนํ้ำ และศำลำพระ
เจ฾ำทันใจ 1 หลัง ปใจจุบันมีพระอธิกำรพิเดช จนฺทวณฺโณ พระบัณฑิตอำสำ
พัฒนำชำวเขำประจํำอำศรม

อำศรมบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ บ฾ำนแม฽สวรรคแหลวง ตํำบลแม฽เหำะ
อํำเภอแม฽สะเรียง จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน บ฾ำนแม฽สวรรคแหลวงตั้งอย฽ูหม฽ูท่ี 3 ต.แม฽
เหำะ อ.แม฽สะเรียง จ.แม฽ฮ฽องสอน ต้ังเม่ือประมำณ 300 ปีมีนำยก฽อแกว฽
นำยทุยตือ นำยเนโพ ดูแลปกครอง นำยก฽อแกว฽เป็นผู฾นํำที่มีควำมกล฾ำหำญได฾นํำ
ชำวบ฾ำนไปร฽วมกับหมู฽บ฾ำนแม฽สำมแลบ รบกับพม฽ำท่ีมำรุกรำนใช฾อำวุธปืนเพียง 1
กระบอกสำมำรถเอำชนะพม฽ำได฾ ขณะนั้นมีประชำกรประมำณ 190 คน มี
จํำนวน 60 ครอบครัว ต฽อมำเกิดโรคระบำดข้ึนต฾องอพยพออกไปต้ังหม฽ูบ฾ำนอย฽ูท่ี
อ่นื บำ฾ นแมส฽ วรรคแหลวงมีทรัพยำกรธรรมชำติ ที่อดุ มสมบูรณแ มีแหล฽งน้ํำสํำคัญคือ

-74-

เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลุ่มชาติพนั ธุ์

ลํำห฾วยแม฽สวรรคแหลวง และสัตวแปุำหลำยชนิดอำศัยอย฽ูทั้งนกและชะนีท่ีเป็นสัตวแ
ประจำํ ถ่นิ ไม฽มีกำรฆ฽ำและทํำร฾ำยจำกคนในหม฽ูบ฾ำน ด฾ำนทิศเหนือติดบ฾ำนสะลี ทิศ
ตะวันออกติดบ฾ำนแม฽ลิดปุำแก฽ ทิศใต฾ติดบ฾ำนแม฽สวรรคแน฾อย ตํำบลแม฽เหำะ ทิศ
ตะวันตกติดห฾วยเดื่อ ตำํ บลปำุ แปุ อํำเภอแมส฽ ระเรียง ชำวบ฾ำนประกอบอำชีพกสิกร
รมพืชเชิงเดี่ยวท้ังกำรปลูกกะหล่ํำปลี ถั่วแดง พริก ทํำไร฽ข฾ำว ทํำนำ และเลี้ยง
ปศสุ ตั วแ ควำมเชื่อทำงศำสนำ เชือ่ ทั้งในเรื่องผีผสมพุทธ และคริสตแ

อำศรมบำ฾ นแมส฽ วรรคหแ ลวง ตง้ั ขึน้ เมือ่ พ.ศ.2548 ชำวบ฾ำนได฾ประสำนพระ
ดํำรง ธีรวโร พระบัณฑิตอำสำอำศรมบ฾ำนแม฽ลิดปุำแก฽ ท฽ำนได฾ประสำนไปยัง
โครงกำรพระบณั ฑติ อำสำ ทำงโครงกำรได฾สง฽ พระพิเชษฐแ ปภสสฺ รจิตโฺ ต มำเป็นพระ
บัณฑิตอำสำใช฾พื้นที่ปุำช฾ำเก฽ำใกล฾โรงเรียน 12 ไร฽ ต้ังอำศรม ได฾สร฾ำงเสนำสนะ
ช่ัวครำวหลังจำกนั้นก็ได฾ส฽งพระบัณฑิตอำสำเข฾ำมำประจํำอย฽ำงต฽อเนื่องปใจจุบันมี
เสนำสนะ คือศำลำบํำเพ็ญบุญ 1 หลัง ห฾องนํ้ำ 2 ห฾อง 1 หลังและกุฏิไม฾ 1 หลัง
โรงครัวขนำดเล็กทย่ี ังไม฽มนั่ คงนกั 1 หลัง ปจใ จุบนั มี พระครูวสิ ิฐเจติยำภิบำล เป็น
พระบัณฑติ อำสำ

จำกผลกำรกำรดํำเนินงำนด฾ำนส่ิงแวดล฾อมบนพ้ืนที่สูง ในพ้ืนที่ต฾นแบบ
อํำเภอฮอด อํำเภอแม฽แจ฽ม อํำเภอแม฽สะเรียงของพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ
ชำวบำ฾ น และแกนนำํ ชุมชนเก่ียวกับสถำนกำรณแปใญหำด฾ำนสิ่งแวดล฾อมบนพ้ืนท่ีสูง
ในพื้นที่ต฾นแบบ อํำเภอฮอด อํำเภอแม฽แจ฽ม อํำเภอแม฽สะเรียง สำมำรถสรุปได฾ว฽ำ
ปญใ หำบนพ้ืนทีส่ ูงทส่ี ง฽ ผลกระทบตอ฽ สิ่งแวดลอ฾ ม ดงั นี้

1. ประชำกรบนพ้ืนที่สูงท่ัวไปมีสภำพยำกจน ชำวบ฾ำนส฽วนใหญ฽มีอำชีพ
เกษตรกรท่ัวไป มีรำยได฾เฉล่ียเพียงปีละ 31,126 บำทต฽อครัวเรือน ซึ่งตํ่ำกว฽ำ
คำ฽ เฉลยี่ รำยได฾ของเกษตรกรในภำคเหนือกว฽ำเท฽ำตัว (69,373 บำทต฽อครัวเรือนต฽อ
ปี) สำเหตุสํำคัญเกิดจำกเกษตรกรสร฾ำงผลผลิตได฾น฾อย ต฾นทุนกำรผลิตสูง ในขณะ
ท่ีรำคำผลผลิตค฽อนข฾ำงต่ํำและค฽อนข฾ำงผันผวน นอกจำกนี้เกษตรกรยังมีช฽องทำง
กำรตลำดน฾อย และไมม฽ ีโอกำส สรำ฾ งรำยได฾นอกภำคกำรเกษตรเท฽ำทค่ี วร

2. มีระบบกำรผลิตท่ีใช฾สำรเคมีเกษตรอย฽ำงไม฽เหมำะสม ทํำให฾เกิดกำร
ปนเป้ือนของสำรเคมี เกษตร เกิดกำรตกค฾ำงท้ังในผลผลิตและในส่ิงแวดล฾อมท้ังดิน
และนํ้ำ สำเหตุส฽วนใหญ฽เน่ืองมำจำกเกษตรกรบนพ้ืนที่สูงยังขำดควำมรู฾และทักษะ

-75-

เครอื ข่ายพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของกล่มุ ชาตพิ ันธุ์

ในกำรเพำะปลูกที่เหมำะสม และส฽งผลกระทบต฽อระบบทรัพยำกรนํ้ำและผ฾ูท่ีอย฽ู
อำศัยบนพน้ื รำบด฾วย

3. พื้นที่ทํำกินเสื่อมโทรม พ้ืนท่ีทํำกำรเกษตรบนพ้ืนท่ีสูงส฽วนใหญ฽มี
ลักษณะเป็นพ้ืนท่ีที่มีควำมลำดเทมำก ทํำให฾เกิดปใญหำกำรชะล฾ำงพังทลำยหน฾ำดิน
โดยเฉพำะในระบบกำรทํำกำรเกษตรแบบตัดและเผำ ที่เปิดหน฾ำดินโล฽งรับแรง
ปะทะกับเมด็ ฝนโดยตรง และไม฽มีระบบชะลอกำร ไหลของนํ้ำฝนท่ีไหลบ฽ำไปตำม
ควำมลำดชัน หน฾ำดินท่ีถูกชะล฾ำงไปทุกปีทํำให฾พื้นท่ีเกษตรเหลือแต฽ดินชั้นล฽ำงท่ีมี
ควำมอุดมสมบูรณแตํ่ำ ขำดองคแควำมร฾ูด฾ำนกำรจัดระบบอนุรักษแดิน รวมถึงขำดกำร
ฟื้นฟูปำุ และกำรอนุรักษแปำุ (ปำุ ต฾นนํ้ำ ปุำชุมชน )

4. ปใญหำกำรบุกรุกเพื่อหำพื้นท่ีทํำกินใหม฽ สำเหตุเกิดจำกกำรที่ผลผลิตต฽อ
พื้นที่ต่ํำ ข฾ำว และอำหำรท่ีผลิตได฾ไม฽เพียงพอต฽อกำรบริโภค หรือผลผลิตที่ได฾ไม฽
พอสํำหรับขำยเป็นรำยได฾เลี้ยงครอบครัว จึงต฾อง เพิ่มผลผลิตโดยกำรเพิ่มพ้ืนที่
ปลูก นอกจำกนี้ยังเกิดจำกกำรเพ่ิมข้ึนของประชำกรในครัวเรือน กำรอพยพเข฾ำมำ
ของ ประชำกรจำกนอกประเทศและจำกพ้ืนรำบของประเทศไทย ทํำให฾เกิดกำรบุก
รกุ พนื้ ทป่ี ำุ เพ่มิ มำกข้ึน

5. ปญใ หำกำรขำดแคลนนํ้ำ สถำนกำรณแภัยแล฾งเกิดข้ึนเห็นได฾อย฽ำงชัดเจน
ในช฽วง 10 ปีท่ีผ฽ำนมำก฽อให฾เกิดผลกระทบต฽อกำรดํำรงชีวิตของประชำชน
โดยเฉพำะชำวบ฾ำนบนพืน้ ท่ีสูงซึ่งประกอบอำชีพหลัก คือเกษตรกรรม ภำวะภัยแล฾ง
ดังกล฽ำว จะเกิดข้ึนเป็นสองช฽วงคือ ช฽วงฤดูหนำวต฽อเน่ืองถึงฤดูร฾อน ปลำยเดือน
ตลุ ำคม เปน็ ต฾นไปจะมีปริมำณฝนลดลง และชว฽ งทส่ี องคอื ช฽วงกลำงฤดูฝนประมำณ
ปลำยเดือนมิถุนำยนถึงเดือนกรกฎำคมจะมีฝนท้ิงช฽วง ทํำให฾เกิดกำรขำดแคลนน้ํำ
เพือ่ กำรอุปโภคบริโภคและขำดแคลนน้ํำเพ่ือทํำกำรเกษตร ขำดองคแควำมร฾ูด฾ำนกำร
จดั ระบบอนุรกั ษนแ ้ํำ

6. ปใญหำหมอกควันจำกกำรเตรียมแปลงเกษตร ด฾วยชำวบ฾ำนในพ้ืนท่ีมี
กำรถำงปุำเพื่อทํำไร฽ ข฾ำวไร฽ ข฾ำวโพด และกํำจัดขยะด฾วยกำรเผำถือเป็นปใญหำ
สํำคัญท่ีเกิดข้ึนเป็นประจํำทุกปี ส฽งผลกระทบต฽อสุขภำพอนำมัยของประชำชนท้ัง
ในพื้นท่ี และกระทบตอ฽ ประชำชนในวงกว฾ำง เป็นอย฽ำงมำก รวมทั้งยังส฽งผลเสียต฽อ
กำรทํำอำชีพกำรเกษตรโดยตรง ทํำให฾ดินเสื่อมโทรม เกิดกำรชะล฾ำงพังทลำยของ
หน฾ำดินทํำให฾เกิดดินสไลดแคุณภำพดินลดลงขำดควำมอุดมสมบูรณแ เกษตรกร

-76-

เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลุ่มชาติพนั ธุ์

จะต฾องใช฾ปุ฻ยมำกขึ้นในกำรบํำรุงต฾นพืช มีกำรใช฾สำรเคมีกํำจัด วัชพืชในกำร
เพำะปลกู พชื เพ่ิมมำกขึน้ สง฽ ผลให฾ต฾นทุนกำรผลิตสูงข้ึน ในขณะท่ีได฾ผลผลิตต่ํำกว฽ำ
ทคี่ วรจะเปน็

กำรดํำเนินงำนด฾ำนกำรฟ้ืนฟูส่ิงแวดล฾อมของพระบัณฑิตอำสำพัฒนำ
ชำวเขำในพ้ืนที่ต฾นแบบอํำเภอฮอด อํำเภอแม฽แจ฽ม อํำเภอแม฽สะเรียง จึงต฾อง
คํำนึงถึงกำรแก฾ไขปใญหำเพ่ือกำรฟื้นฟูส่ิงแวดล฾อมแบบบูรณำกำร ท้ังควำมร฽วมมือ
จำกเครือข฽ำยที่เกี่ยวเป็นภำคีพัฒนำร฽วมแล฾วยังต฾องดํำเนินงำนเพ่ือแก฾ไขปใญหำใน
ทุกมิติอันส฽งผลต฽อกำรไม฽เบียดเบียนบุกรุกทรัพยำกรธรรมชำติละสิ่งแวดล฾อม ต฾อง
คํำนงึ ถึงควำมละเอียดอ฽อนของปใญหำ พยำยำมสร฾ำงควำมสมดุลของกำรพัฒนำทั้ง
ทำงด฾ำนเศรษฐกิจ สังคม ค฽ำนิยมและกำรอนุรักษแทรัพยำกรธรรมชำติไปพร฾อม ๆ
กัน เน฾นกำรบริโภคเศรษฐกิจจำกกำรใช฾ทรัพยำกร ธรรมชำติอย฽ำงเหมำะสม เพื่อ
สร฾ำงสังคมควำมเป็นอยู฽ที่มีควำมสุขแบบพอเพียง รวมถึงกำรสร฾ำงแนวทำงกำร
ฟ้ืนฟูท่ีเช่ือมโยงกับกำรสร฾ำงแหล฽งทรัพยำกรท่ีเป็นอำหำร และส่ิงจํำเป็นในกำรใช฾
ประโยชนแอ่ืน ๆ ร฽วมด฾วย อำทิกำรปรับรูปแบบกำรใช฾ประโยชนแพื้นที่เพ่ือให฾เกิด
ควำมเหมำะสมและใชท฾ รพั ยำกรเหล฽ำน้นั ใหไ฾ ดอ฾ ยำ฽ งย่ังยืนมำกขึ้น เช฽น ในพื้นที่ต฾น
น้ํำบนพ้ืนท่ีสูงในอดีตเคยเป็นพ้ืนที่ปุำไม฾ท่ีสมบูรณแทํำหน฾ำท่ีเป็นต฾นนํ้ำลํำธำรปกติ
ตำมธรรมชำติ แต฽เมอื่ มผี ูค฾ นเพม่ิ มำกขึ้นได฾บุกรุกปุำเพ่ือนํำมำเป็นพ้ืนท่ีปลูกข฾ำวไร฽
เพ่ือบริโภคและข฾ำวโพดเพื่อสร฾ำงสร฾ำงรำยได฾ ทํำให฾เกิดกำรบุกรุกอย฽ำงกว฾ำงขวำง
จนเกิดผลกำรกระทบต฽อดินและน้ํำ จึงต฾องใช฾กุศโลบำย และแฝงไว฾ซ่ึงควำมเช่ือ
ผนวกกับแนวทำงของหลักธรรมทำงพระพุทธศำสนำ ท่ีชำวบ฾ำนสำมำรถนํำไปใช฾
ในชีวิตประจํำวนั เชน฽ หลกั พทุ ธธรรมท่ีว฽ำดว฾ ย อิทัปปใจจยตำ หรอื ปฏจิ จสมุปบำท
ในกำรอนุรักษพแ น้ื ทีป่ ุำต฾นน้ำํ หรือขนุ นํ้ำ ด฾วยกำรบวชปำุ บวชน้ํำ บวชปลำ รวมถึง
สง฽ เสริมสนับสนนุ ประสำนงำนหนว฽ ยงำนทเ่ี กี่ยวข฾องมำให฾ควำมร฾ู เพ่ือสร฾ำงผลผลิต
อ่ืน ๆ เน฾นกำรเปลี่ยนทัศนคติเร่ืองกำรปลูกพืชเชิงเดี่ยว ปลูกผัก และพืชเชิง
พำณิชยแ เช฽น กะหล่ํำ มำเป็นต฾นไม฾ท่ีปลูกเพื่อพยุงรำยได฾ทำงเศรษฐกิจ ซึ่งจะทํำ
ให฾เกษตรกรสำมำรถดํำรงชีวิตอยู฽อย฽ำงมีควำมสุขแบบพอเพียงไม฽เบียดเบียด
ธรรมชำตแิ ละสิ่งแวดลอ฾ ม กำรปรับเปล่ยี นกำรใช฾ประโยชนแพ้ืนท่ีและระบบกำรผลิต
เป็นรูปแบบท่ีต฾องกำรกำรดํำเนินงำนร฽วมกันจำกหลำยฝุำย ท้ังชำวบ฾ำนที่เป็น
เกษตรกรผ฾ูครอบครองพ้ืนท่ี เจ฾ำหน฾ำท่ีรัฐท่ีเป็นผ฾ูดูแลพื้นที่ เป็นผ฾ูท่ีมีควำมรู฾ในกำร

-77-

เครือขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ

ส฽งเสริมกำรเกษตรท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล฾อม และภำคประชำสังคมอื่น ๆ เพรำะ
เกษตรกรผู฾ครอบครองพื้นท่ีนั้นไม฽สำมำรถจะดํำเนินกำรได฾ตำมลํำพัง จึงจะเห็นถึง
พฒั นำกำรและผลสัมฤทธิ์ทจี่ ะเกดิ ข้ึนตำมวัตถปุ ระสงคแท่ตี ้ังไว฾

กำรดํำเนินงำนด฾ำนกำรฟื้นฟูสิ่งแวดล฾อมของพระบัณฑิตอำสำพัฒนำ
ชำวเขำในพื้นที่ต฾นแบบอํำเภอฮอด อำํ เภอแมแ฽ จ฽ม อํำเภอแม฽สะเรียง มดี ังน้ี

1. กำรจัดกำรขยะในชุมชน ด฾วยปใญหำขยะเป็นปใญหำใหม฽ที่เกิดข้ึนใน
ชุมชน จำกกำรเข฾ำพ้ืนที่มำก็เริ่มพบเห็นปใญหำเร่ืองกำรจัดกำรขยะ เพรำะปริมำณ
ขยะมีเพิ่มมำกขึ้นเร่ือย ๆ จึงเกิดกิจกรรมกำรให฾ควำมร฾ูในเรื่องกำรจัดกำรขยะและ
กำรลดปริมำณขยะในครัวเรือน ซึ่งส฽งผลกระทบต฽อชุมชน นํำไปสู฾เร่ืองของกำร
จัดกำรขยะอย฽ำงเป็นระบบ พัฒนำไปสู฽กำรจัดทํำบ฽อขยะ โดยผ฽ำน กำรจัดทํำถัง
ขยะในชมุ ชน แหล฽งชุมชน ตำมครัวเรือน บริเวณทำงแยก ในชุมชน โดยร฽วมกับ
กลมุ฽ เยำวชนลม฽ุ น้ํำแม฽ลิด

2. กำรบวชปุำ พระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำกล฽ำวว฽ำกำรบวชปุำ มี
ควำมสํำคัญเป็นอันดับต฾น ๆ ของกำรพัฒนำบนพ้ืนที่สูง เพรำะเป็นกำรยับยั้งกำร
ทํำลำยธรรมชำติ และช฽วยอนุรักษแส่ิงแวดล฾อมเป็นกำรรักษำปุำไม฾ท่ีเป็นต฾นนํ้ำลํำ
ธำรให฾อุดมสมบูรณแ รกั ษำปำุ ไม฾ทเ่ี ปน็ ต฾นน้ํำลำํ ธำรให฾อุดมสมบูรณแ สร฾ำงควำมสํำนึก
ให฾แกช฽ มุ ชนในกำรดูแลรักษำสภำพธรรมชำติ กำรบวชปุำมีวิธีคิดและวิธีกำรปฏิบัติ
คล฾ำยคลึงกับ “พิธีสืบชะตำแม฽น้ํำ หรือ สืบชะตำคน” ด฾วยกำรต฽ออำยุให฾เจริญ
ยั่งยืนสืบไป เร่ิมต฾นจำกกำรท่ีพระบัณฑิตอำสำ ร฽วมกับชำวบ฾ำน ในพ้ืนท่ีต฾นแบบ
สํำรวจต฾นไม฾ท่ีมีขนำดใหญ฽ และเกรงว฽ำน฽ำจะถูกลักลอบตัด หรือเป็นต฾นไม฾ท่ีมี
คุณคำ฽ มีขนำดเหมำะสมที่จะนํำไปขำย หรือไปใช฾ประโยชนแ กำรบวชให฾ต฾นไม฾ต฾น
ไหนบ฾ำง ก็ข้ึนอย฽ูกับควำมเช่ือและเจตนำของชุมชน ของชำวบ฾ำนเอง บวชได฾
ตั้งแต฽ต฾นไม฾ขนำดเล็ก กลำง ใหญ฽ แต฽ส฽วนมำกจะเน฾นต฾นไม฾ที่ขนำดใหญ฽ มี
ควำมสํำคัญต฽อกำรดํำรงชีพของส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศ สิ่งแวดล฾อม แม฾กระท่ัง
ต฾นไม฾ในปุำที่ผ฽ำนกำรรุกทํำลำย เพรำะจะสำมำรถฟื้นคืนสภำพเป็นปุำสมบูรณแได฾
ในเวลำเพียงไมก฽ ปี่ ี ถ฾ำไม฽ถกู รบกวนอีก เพรำะชำวบ฾ำนเชื่อว฽ำ ผืนปุำที่ผ฽ำนพิธีบวช
เป็นเสมือนดินแดนอันศักด์ิสิทธ์ิ ไม฽ว฽ำผู฾ใดก็ไม฽อำจเข฾ำไปทํำลำยได฾ ทํำให฾ต฾นไม฾มี
โอกำสเตบิ โต และสำยนำํ้ ท่ีเกิดจำกปุำตน฾ น้ํำ ก็จะฟ้ืนคืนชีวิตอกี คร้งั หน่ึง

-78-

เครอื ขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

กำรบวชปุำถือเป็นควำมร฽วมมือกันของคนในชุมชน ท่ีร฽วมมือร฽วมแรงร฽วม
ใจกัน ในกำรดูแลรักษำปุำและแหล฽งต฾นน้ํำลํำธำรด฾วย เน฾นพ้ืนที่รอบ ๆ ขุนนํ้ำ
รัศมี 1 กิโลเมตร เพ่ือรักษำปุำต฾นนํ้ำ และมีกำรบวชต฾นไม฾บริเวณปุำรอบขุนน้ํำมี
อำณำบริเวณหลำยรอ฾ ยไร฽ พระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำจะชักชวนชำวบ฾ำนให฾
ร฽วมมือกันจัดเตรียมเคร่ืองเซ฽นสังเวยเจ฾ำปุำเจ฾ำเขำซ่ึง มีข฾ำวเหนียวสุก 1 ปใ้น ,
กล฾วยสุก 1 ลูก และหมำกคํำ พลูใบ เตรียมเครื่องบวช มีผ฾ำเหลืองตำมจํำนวน
ต฾นไม฾ ด฾ำยสำยสิญจนแ บำตรนำํ้ มนตแ นำ้ํ ขม้ินส฾มปอุ ย จัดสรำ฾ งศำลเพียงตำ สํำหรับ
อัญเชิญรุกขเทวดำมำอำศัยเฝูำต฾นไม฾ เมื่อถึงวันกระทํำพิธี (ซึ่งกํำหนดแล฾วแต฽
ควำมเหมำะสม) ก็โยงด฾ำยสำยสิญจนแไปตำมปุำและต฾นไม฾วกกลับมำยังสถำนที่
ประกอบพิธี โดยพธิ กี รรมจะเริ่มจำกอำจำรยทแ ่เี ป็นหมอเวทยแมนตแ ทํำพิธีเซ฽นสังเวย
เช฽น เทพำรักษแ ผีปุำ ผีเขำ ให฾รับร฾ูและให฾มำอยู฽ในปุำไม฾ ดูแลต฾นไม฾หำกมีผู฾ใดมำ
ตดั ไม฾ ทำํ ลำยปำุ ขอใหผ฾ น฾ู ัน้ มอี ันเปน็ ไปต฽ำง ๆ จำกนัน้ กบ็ อกแม฽ธรณีโดยใช฾หมำก
พลูตำมประเพณี เมื่อเสร็จพิธีเซ฽นสังเวยแล฾ว จำกน้ันก็จะเป็นพิธีสงฆแ ทำง
พระพทุ ธศำสนำเริม่ จำกไหวพ฾ ระรัตนตรัย สมำทำนศีล อำรำธนำพระปริตรพระสงฆแ
เจิมพระพุทธมนตแ เสร็จแล฾วพระสงฆแจะห฽มผ฾ำเหลืองให฾ต฾นไม฾เช฽นเดียวกับกำรบวช
พระ ส฽งผลให฾สถำนภำพของคนและต฾นไม฾เปล่ียนไป นับเป็นกำรนํำควำมเช่ือทำง
ศำสนำมำประยุกตแใช฾ในกำรดูแลรักษำปุำต฾นนํ้ำ และพระสงฆแเจริญชัยมงคลคำถำ
จำกนนั้ ประพรมนำํ้ พระพุทธมนตแตำมตน฾ ไม฾ทีบ่ วชไว฾ เป็นอันเสร็จพิธี ในปีแรกที่ท่ี
มกี จิ กรรมบวชปำุ พบวำ฽ ชำวบำ฾ นใหค฾ วำมสนใจเขำ฾ รว฽ มจํำนวนมำก หลังจำกที่มีกำร
ทํำพิธีกรรมทำงศำสนำ มีกำรสวดมนตแ พระอำจำรยแจึงได฾สำนต฽อโครงกำรพัฒนำ
สิ่งแวดล฾อมต฽อเลยวันนั้นเลยในวันที่เรำเริ่มบวชปุำวันแรก เพรำะเรำจะไม฽บวชปุำ
อยำ฽ งเดยี วเรำจะทํำกิจกรรมตอ฽ ยอดไปอีกเพื่อทำํ ใหช฾ ุมชนหม฽ูบ฾ำนของเรำมีปุำ มีนํ้ำ
มีอำหำรกินตลอดปี ลูกหลำนไม฽อดอยำกไม฽ลํำบำก ชำวบ฾ำนก็เห็นดีเห็นชอบ
ดํำเนินกิจกรรมมำตลอดทุกปี นอกจำกกิจกรรมบวชปุำแล฾ว กิจกรรมที่ทํำควบคู฽ไป
ด฾วยกันตลอดคือ กิจกรรมปลูกปุำร฽วมกับชุมชน และเครือข฽ำย เพ่ือปลูกฝใงกำรรัก
ธรรมชำตแิ ละควำมรสู฾ ึกเป็นสว฽ นหนึ่งกับธรรมชำติ

3) กำรทํำแนวกันไฟในพ้ืนที่ของชุมชน เป็นกำรดํำเนินกำรระหว฽ำงเขต
หมูบ฽ ำ฾ น รอบ ๆ หม฽บู ำ฾ น เป็นชอ฽ งว฽ำงแนวยำวในปำุ ซงึ่ จะถำงปุำทํำเป็นแนวเพื่อ
กํำจัดเชื้อไฟท่ีติดไฟง฽ำย เช฽น ใบไม฾ หญ฾ำ หรือ ต฾นไม฾แห฾ง จะทํำแนวท่ีมีควำม

-79-

เครือข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกล่มุ ชาติพนั ธ์ุ

กว฾ำงมำกพอท่ีจะปูองกันไฟไม฽ให฾ลุกลำมต฽อเน่ืองในกรณีท่ีเกิดไฟปุำ เพื่อตัดช฽วง
ควำมต฽อเนือ่ งของเชื้อเพลิง เป็นกำรปูองกันไม฽ให฾ไฟลุกลำมเข฾ำไปในพ้ืนที่หม฽ูบ฾ำน
หรือปูองกนั ไมใ฽ หไ฾ ฟลุกลำมออกมำจำกพ้ืนท่ีที่กํำหนด ในปุำประเภทเต็งรังแนวกัน
ไฟอำจจะกว฾ำงเพียง 2-3 เมตร ก็อำจเพียงพอ แต฽ในปุำไผ฽หรือท฽ุงหญ฾ำนั้นแนวกัน
ไฟต฾องมีขนำดขนำดกว฾ำง 100-200 เมตร ถ฾ำน฾อยกว฽ำนี้อำจจะไม฽สำมำรถยับย้ัง
ไฟได฾ ส่ิงท่ีต฾องคํำนึงคือ แนวกันไฟในพ้ืนท่ีลำดชันน้ันจะต฾องกว฾ำงกว฽ำแนวกันไฟ
ในพ้ืนทีร่ ำบ ท่ผี ฽ำนมำ บริเวณพื้นท่ี อ.แม฽สะเรียง จะไม฽มีไฟไหม฾ หรือไม฽มีไฟปุำ
มำหลำยปี มีแต฽ก฽อนที่จะทํำกำรเกษตรก็จะมีกำรถำงไร฽ และจะทํำแนวกันไฟอย฽ำง
ดี จะดูแลปุำอย฽ำงดี ถ฾ำมีกำรเผำปุำเพื่อเตรียมกำรทํำกำรเกษตรก็จะมีชำวบ฾ำน
อำสำมำช฽วยกันดูแล ทํำแนวกันไฟอย฽ำงดีปูองกันไฟลำมปุำเข฾ำหม฽ูบ฾ำน เป็นอย฽ำง
ดี เมือ่ มไี ฟปุำเกดิ ขึน้ ก็จะมชี ำวบำ฾ น และเครือข฽ำยหม฽ูบ฾ำนที่ใกล฾เคียงมำช฽วยกันดับ
ไฟ และร฽วมกันจัดทํำแนวกันไฟเพื่อปูองกันไฟปุำลุกลำมไปในพ้ืนท่ีกำรเกษตร
หรอื บำ฾ นเรือน และจะไปช฽วยเหลือกนั ในลักษณะเครอื ขำ฽ ย เพอ่ื ช฽วยเพ่ือ เอำมอ้ื กนั

4) กำรบวชปลำที่ขุนนํ้ำ เป็นลักษณะกำรอนุรักษแปลำ บริเวณขุนน้ํำ(ต฾น
นํ้ำ) โดยพระบัณฑติ อำสำพัฒนำชำวเขำไดเ฾ ร่ิมดํำเนนิ กำรจำกจำกในหม฽ูบ฾ำนบริวำร
เช฽น บำ฾ นแม฽สะเรียงน฾อย ต.ปุำแป฻ อ.แม฽สะเรียง จ.เชียงใหม฽ ชำวบ฾ำนนิมนตแพระ
อำจำรยแเข฾ำไปบวชปุำ และได฾เห็นขุนห฾วยท่ีมีน้ํำอุดมสมบูรณแมำก มีปลำจํำนวน
มำก แสดงถึงควำมอุดมสมบูรณแของพื้นท่ี พอท่ีจะทํำกำรพัฒนำเพิ่มเติมได฾ ดังนั้น
แทนท่ีเรำจะบวชปุำอย฽ำงเดียว พระอำจำรยแคิดว฽ำเรำควรจะบวชนํ้ำ และบวชปลำ
ด฾วย พระอำจำรยแได฾แนะนํำชำวบ฾ำนว฽ำพื้นท่ีบนขุนนํ้ำน้ีมีควำมอุดมสมบูรณแ ถ฾ำเรำ
อนรุ ักษดแ แู ลรกั ษำปุำ อนุรกั ษนแ ้ํำ อนรุ กั ษปแ ลำ โดยกำรบวชท้ังปุำ บวชน้ํำ บวชปลำ
ดว฾ ย ถ฾ำเรำไม฽จับปลำในบรเิ วณนี้ จะมีปลำอย฽ูกับเรำไปตลอด เพรำะปลำถ฾ำเรำไม฽
รบกวนมนั ก็จะขยำยพันธุแโดยธรรมชำติ ถ฾ำเรำไม฽ไปจับเข฾ำบนขุนนํ้ำ ที่เรำอนุรักษแ
ไวเ฾ ปน็ เขตหวงหำ฾ ม แต฽ถ฾ำหลดุ ออกจำกตรงนี้ไปเรำสำมำรถเอำไปทํำพันธแุปลำ เอำ
ไปบริโภค พดู ง฽ำย ๆ คือ ในบริเวณรัศมีพ้ืนท่ีท่ีกล฽ำวไป ไม฽ควรจับปลำ แต฽ถ฾ำนอก
พ้ืนท่ีที่กล฽ำวมำก็ไม฽ว฽ำกัน จะทํำให฾มีชำวบ฾ำนเห็นด฾วยอย฽ำงเป็นเอกฉันทแ ปใจจุบัน
ปลำเยอะมำก มีเพยี งพอต฽อกำรบริโภคในชุมชน

5) กำรอนรุ กั ษตแ ฾นนำ้ํ โดยกำรบวชน้ํำ ในช฽วงปีแรก ๆ ท่ีเข฾ำมำอย฽ูในพื้นท่ี
พระอำจำรยแ (พระบัณฑิตอำสำ) เห็นชำวบ฾ำนไปทํำไร฽ข฾ำวบนปุำที่เป็นขุนน้ํำ(ปุำ

-80-

เครือข่ายพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ิตของกลุม่ ชาติพันธ์ุ

ต฾นนํ้ำ) พอเข฾ำปีท่ี 2 น้ํำในลํำห฾วยก็แห฾งขอด น้ํำไม฽มีใช฾ภำยในชุมชน จึง
พยำยำมสร฾ำงควำมตระหนักด฾วยกำรช้ีให฾เห็นถึงปใญหำว฽ำถ฾ำชำวบ฾ำนไปปลูกข฾ำว
ทํำไร฽ข฾ำวที่ขุนนำ้ํ เหนือหม฽ูบำ฾ นซึ่งเปน็ แหล฽งต฾นนํำ้ จะส฽งผลตอ฽ ลูกหลำนเรำจะไม฽มี
นํ้ำใช฾ น้ํำกิน หม฽ูบ฾ำนเรำจะอย฽ูได฾อย฽ำงไร เพรำะขุนนํ้ำก็จะเหือดแห฾ง จึงแนะนํำ
ให฾ชำวบ฾ำนทำํ ไร฽ขำ฾ วในพ้ืนทท่ี ี่ตํ่ำกวำ฽ ขนุ นำํ้ ขำ฾ งล฽ำงหมู฽บ฾ำนลงไป ซ่ึงผลปรำกฏ 6
ปีท่ีผ฽ำนมำปุำไม฾ ที่เป็นปุำขุนน้ํำ เป็นปุำหมู฽บ฾ำนก็ยังเขียวชุ฽มชื่นเหมือนเดิม
เพรำะชำวบ฾ำนนึกถึงลูกถึงหลำนในอนำคต กำรบวชน้ํำ คือกำรดูแลรักษำต฾นน้ํำ
ไม฽ทํำลำย ไม฽ไปรบกวนไม฽เอำไปทํำกำรเกษตร ไม฽ขุดสระ ไม฽ทํำเข่ือน ปล฽อยให฾
ไหลไปตำมธรรมชำติ ไม฽เข฾ำไปรบกวนพื้นท่ีขุนน้ํำ สอดคล฾องกับควำมเช่ือของ
ชำวบ฾ำนเก่ียวกับผีขุนน้ํำ โดยชำวบ฾ำนมีควำมเช่ือว฽ำ ถ฾ำหำกทํำสิ่งใดที่ทํำให฾ผีขุน
น้ํำโกรธ เช฽น ตัดต฾นไม฾ใหญ฽ในแหล฽งต฾นนํ้ำท่ีสิงสถิตของผีขุนนํ้ำ กำรกั้นลํำห฾วย
หรือกำรเก็บกักน้ํำไว฾ใช฾ประโยชนแตำมลํำพัง หรือปฏิบัติส่ิงอื่นใดท่ีชำวบ฾ำนเรียกว฽ำ
ขึด จะถูกลงโทษจำกผีขุนน้ํำ อำจให฾น้ํำน฾อย หรือฝนไม฽ตกต฾องตำมฤดูกำล สร฾ำง
ควำมเดือดร฾อนแกช฽ ำวบ฾ำนผูอ฾ ยู฽ ใตล฾ ำํ น้ํำนั้น ๆ

6) รณรงคแให฾ควำมร฾ูเร่ืองกำรไม฽ใช฾ยำฆ฽ำแมลง กำรไม฽ใช฾สำรเคมีในกำรทํำ
กำรเกษตร ผ฽ำนกำรประสำนงำนกับศูนยแพัฒนำชำวเขำ ซึ่งมำให฾ควำมร฾ูกับ
ชำวบ฾ำน พระบัณฑิตอำสำก็เข฾ำร฽วมหลำยคร้ัง มำให฾ควำมร฾ู รวมถึงมำลงมือปฏิบัติ
ด฾วยเดิมชำวบ฾ำนนิยมปลูกพืชเชิงพำณิชยแ พืชล฾มลุกตำมกระแสหลักของตลำด
ปลูกแบบพืชไร฽ เช฽น กะหล่ํำปลี ถ่ัวแดง ข฾ำวโพด ใช฾ยำ ใช฾สำรเคมีมำก พื้นที่ก็
พ้ืนท่ีเรำ แรงงำนก็แรงงำนเรำ ชีวิตก็ชีวิตเรำไม฽ควรเอำชีวิตไปเส่ียง ปลูกผักทุก
คร้ังก็ขำดทุนทุกคร้ัง เป็นหนี้สินพอกพูน นอกจำกตัวเองแล฾ว ยังก฽อให฾เกิดอันตรำย
ต฽อผู฾อื่น และเป็นบำปติดตัว พระบัณฑิตอำสำแนะนํำให฾ชำวบ฾ำน ให฾ควำมรู฾
ชำวบ฾ำนผ฽ำนกำรประสำนงำนกับศูนยแพัฒนำชำวเขำ ซึ่งมำให฾ควำมร฾ูกับชำวบ฾ำน
โดยมีพระบัณฑิตอำสำก็เข฾ำร฽วมทุกคร้ัง เพ่ือให฾ชำวบ฾ำนเปล่ียนทัศนคติ เปล่ียนวิถี
ชีวิตหันกลับมำปลูกพืชยืนต฾นเพ่ือบริโภค เป็นพืชสวน โดยนอกจำกมำให฾ควำมร฾ู
แล฾วยงั รวมถงึ มำลงมอื ปฏิบัติ เช฽น กำรเพำะกล฾ำอโวคำโด เพำะกล฾ำกำแฟ เสำวรส
ให฾กับชำวบ฾ำนอีกด฾วย จำกควำมรู฾ที่ เจ฾ำหน฾ำที่โครงกำรมำแนะนํำทํำให฾ทรำบว฽ำ
ธรรมชำติของพืชนี่มีหลำยประเภทจํำแนกตำมระยะเก็บเกี่ยว อำทิ พืชเก็บเกี่ยว
ระยะส้ัน พืชเก็บเกี่ยวระยะกลำง พืชเก็บเกี่ยวระยะยำว เช฽น ส฽งเสริมให฾ชำวบ฾ำน

-81-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกล่มุ ชาติพันธุ์

ปลูกต฾นอโวคำโดก฽อน ซ่งึ เป็นพชื พำณชิ ยแ มีรำคำดีกว฽ำจะโตจนเก็บเก่ียวผลผลิตได฾
ใชร฾ ะยะเวลำ 5 ปี ระหว฽ำงน้ันให฾ปลูกกำแฟเสริมในสวน ในปุำได฾ ซึ่งใช฾ระยะเวลำ
ในกำรเก็บเก่ียว 2 ปี กำรปลูกกำแฟร฽วมกับปุำไม฾ หรือไม฾โตเร็วเช฽นไม฾สวน กำร
เพำะปลูกแบบน้ีจะไม฽มีกำรตัดไม฾ทํำลำยปุำ ทํำให฾ลดกำรตัดไม฾ทํำลำยปุำ เป็นกำร
ทํำเกษตรแบบผสมผสำนในพื้นที่เดียวกัน ช฽วยสร฾ำงควำมหลำกหลำยของชีวภำพ
ของพืชและสัตวแ ซึ่งพืชและแมลงแต฽ละชนิดสำมำรถเอื้อประโยชนแหรือมีผล
เกอ้ื กูลซง่ึ กันและกนั เป็นกำรอนุรกั ษแทรัพยำกรธรรมชำติและควำมหลำกหลำยทำง
ชีวภำพ ทํำให฾สภำพนิเวศนแมีควำมช฽ุมช้ืน อีกท้ังกำรปลูกกำแฟทํำให฾มีต฾นไม฾ปก
คลุมดินซึง่ สำมำรถควบคุมวัชพืชไปในตัว พ้ืนท่ีปลูกกำแฟจึงเป็นเสมือนปุำไม฾ ซ่ึง
ได฾ให฾ทอี่ ย฽ูอำศัยแก฽สัตวแต฽ำง ๆ รวมท้ังกำรทํำให฾ดินท่ีอย฽ูใต฾ร฽มเงำต฾นกำแฟมีสภำพ
ที่เหมำะสมต฽อกำรเจริญเติบโตของพืชนํำมำซ่ึงผลตอบแทนทำงด฾ำนเศรษฐกิจและ
สิ่งแวดล฾อมทั้งในชุมชนและนอกชุมชนได฾ และเม่ือชำวบ฾ำนหรือเกษตรกร
จํำเป็นต฾องกินต฾องใช฾ ต฾องมีเงิน มีผลผลิตหมุนเวียนเพื่อก฽อให฾เกิดรำยได฾ หรือ
สำมำรถดํำรงชีพได฾ จึงควรปลูกเสำวรส ซึ่งใช฾ระยะเวลำในกำรเก็บเกี่ยว 1 ปี
นอกจำกนั้นยังแนะนํำใหช฾ ำวบำ฾ นดูแลสวน และเพ่ิมเติมด฾วยกำรปลูกลํำไย มะม฽วง
และกล฾วย เน฾นกำรบริโภคในครวั เรอื นเป็นหลกั ที่เหลือจึงจํำหน฽ำย เป็นกำรใช฾หลัก
ปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพยี ง เนน฾ กำรปลกู พชื เพือ่ ยังชีพ พืชผักสวนครัว เน฾นบริโภค
งดเว฾นกำรใช฾สำรเคมี สนับสนุนส฽งเสริม และให฾ควำมร฾ูชำวบ฾ำนเรื่อง กำรทํำปุ฻ย
หมัก ป฻ยุ ชวี ภำพ ป฻ุยพชื สด ป฻ยุ นํ้ำชวี ภำพ

7) กำรจดั ทํำธนำคำรข฾ำวของชุมชน จำกกำรสัมภำษณแบัณฑิตอำสำพัฒนำ
ชำวเขำ ว฽ำบนพ้ืนที่ดอยน้ี เม่ือก฽อนได฾เกิดปใญหำต฽ำง ๆ ในด฾ำนคุณภำพชีวิตขั้น
วกิ ฤต นั่นถือวำ฽ เปน็ ตัวฉดุ ให฾ชมุ ชนต฾องเดินถอยหลัง เพรำะควำมอดอยำกไม฽พออยู฽
พอกินมีไปท่ัวทุกหย฽อมหญ฾ำของชำวเขำบนดอย นับว฽ำเป็นปใญหำใหญ฽ท่ีกัดกร฽อน
ชุมชนไปสู฽ควำมเลวร฾ำยในกำรดํำเนินชีวิตของผ฾ูคนที่น่ี โดยเฉพำะปใญหำเร่ือง
“ฝิ่น” สิ่งเสพติดท่ีมำเยือนชุมชนต้ังแต฽อดีต โดยกำรอพยพมำของบำงกล฽ุมใน
พื้นท่ีซ่ึงมีวัฒนธรรมเพำะปลูกฝ่ินเป็นทุนเดิมอย฽ูแล฾ว ปใจจุบันกำรปลูกฝ่ินถือว฽ำผิด
กฎหมำยเลิกกำรปลูก อีกปใญหำหนงึ่ ทเี่ กิดขึ้นคือ ปใญหำพื้นที่ปุำไม฾เสื่อมโทรมในที่
บริเวณปำุ ต฾นน้ํำ อันเนื่องมำจำกกำรทํำไร฽ฝิ่นมำอย฽ำงต฽อเนื่องและยำวนำน จนเกิด
ภำวะขำดควำมสมดุลด฾ำนกำรใช฾ทรัพยำกรในพื้นที่ ทํำให฾กำรปลูกข฾ำวเพื่อไว฾เลี้ยง

-82-

เครือขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์

ชีพน้ันแทบไม฽พอกินและยังมีอุปสรรคอ่ืน ๆ ท่ีบวกกับสิ่งแวดล฾อมบนพื้นดอยมี
ควำมเปลี่ยนแปลงไปในทำงที่แย฽ลงเร่ือย ๆ จำกกำรบุรุกพื้นท่ีปุำ ไฟปุำที่ทํำลำย
หน฾ำดนิ ในที่สดุ ควำมอดอยำกก็ตำมมำและทํำให฾เกิดภำวกำรณแขำดแคลน คนบน
ดอยไม฽มีข฾ำวพอกินในครัวเรือนไปทั่วทั้งดอย เพรำะข฾ำวคือต฾นทุนทำงกำรดํำเนิน
ชีวิตของคนท่ีนี่ นำยพุส่ี สมคิดธํำรงไพร นำยอนุรักษแ พนรังสิมันตแ และนำย
สมชำย สิริสุนทรกุลศำสนำ ตัวแทน คณะกรรมกำรกองทุนธนำคำรข฾ำวบ฾ำนแม฽ขี้
มูกน฾อย เล฽ำให฾ฟงใ อีกวำ฽ ในสมัยเดก็ ๆ เขำจํำควำมได฾ว฽ำในครอบครัวของเขำจะได฾
กินข฾ำววันละแค฽สองม้ือ คือม้ือเช฾ำกับม้ือเย็นและบำงวันแทบจะไม฽มีกินเลยก็มี
และไม฽ใช฽มีแค฽ครอบครัวของเขำครอบครัวเดียวที่เจอสภำพปใญหำเช฽นน้ี ในบำง
ครอบครัวก็มีชีวิตท่ีแย฽กว฽ำน้ัน ชุนชนปกำเกอะญอนั้น ให฾ควำมสํำคัญกับเรื่องข฾ำว
มำเป็นอันดับหน่ึง กำรดํำรงชีวิตอยู฽ของปกำเกอะญอไม฽สำมำรถทิ้งข฾ำวไปได฾ ข฾ำว
และทรัพยำกรธรรมชำติของพวกเรำน้ันคือส่ิงจํำเป็นเป็นอันมำก หลังจำกท่ีพระ
บัณฑิตอำสำได฾ข฾อมูลของชำวบ฾ำนเรื่องข฾ำวไม฽พอกินพอใช฾แล฾ว จึงได฾ริเริ่มนํำ
ข฾ำวเปลือกที่ชำวบ฾ำนมำถวำยเพื่อทํำบุญซึ่งเป็นข฾ำวใหม฽ ขอเป็นข฾ำวเปลือกแทน
โดยได฾ตั้งเป็นกองทุนออมข฾ำว รับบริจำคข฾ำวเปลือก จัดทํำบุญทอดผ฾ำปุำ
ข฾ำวเปลือก นํำผลประโยชนแที่เกิดจำกกำรให฾ ก฾ูข฾ำวมำใช฾เป็นทุนดํำเนินกำร
ธนำคำรข฾ำวเป็นกำรรวมกลุ฽มกันของชำวบ฾ำนภำยใต฾กำรแนะนํำของพระบัณฑิต
อำสำพัฒนำชำวเขำ และหน฽วยงำนรำชกำรท่ีเก่ียวข฾อง โครงกำรหลวง พัฒนำ
สังคม เกษตรอํำเภอ เป็นตน฾ เพอ่ื ช฽วยเหลือซึ่งกันและกันกันภำยในชุมชน ถือเป็น
ลักษณะเพื่อนช฽วยเพื่อนชุมชนช฽วยชุมชน โดยมีทำงส฽วนงำนท่ีเก่ียวข฾องและพระ
บัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำเป็นผ฾ูคอยเสนอแนะแนวทำงในกำรปฏิบัติให฾เกิด
ประโยชนแสูงสุด โดยเน฾นหลักกำรสงเครำะหแชำวบ฾ำนที่ยำกไร฾ ในชุมชนได฾มำกู฾ยืม
ขำ฾ วจำกธนำคำรข฾ำวไปใช฾บรโิ ภค และทำํ พันธแุ(เชื้อ) สํำหรับกำรเกษตรในฤดูทํำนำ
ให฾คนในชุมชนชว฽ ยกันดแู ล โดยมกี ฎเกณฑตแ ำ฽ ง ๆ ที่ชมุ ชนได฾ตกลงร฽วมกันและถือ
ไดถ฾ อื ปฏบิ ตั ิภำยในชุมชน โครงกำรดังกล฽ำวช฽วยบรรเทำควำมอดอยำกของชุมชน
ถึงแม฾คนในชุมชนไม฽มีเงินซ้ือข฾ำว แต฽ก็ทํำให฾คนในชุมชนสำมำรถมีข฾ำวกินอย฽ู
ตลอดปี จำกกำรให฾ยืมข฾ำวจำกกองทุนข฾ำว และใช฾คืนด฾วยข฾ำว และให฾ดอกเบ้ียนิด
หน฽อยแล฾วแต฽ว฽ำในแต฽ละปีน้ันจะกํำหนดกฎเกณฑแว฽ำควรใช฾ดอกเบ้ียข฾ำวเท฽ำไหร฽
อย฽ำงไร เช฽น ในพ้ืนที่ต฾นแบบ กํำหนดให฾ธนำคำรข฾ำวให฾กำรสงเครำะหแและ

-83-

เครือข่ายพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ

ให฾บริกำรในลักษณะให฾เปล฽ำ ให฾โดยแลกแรงงำน ให฾ยืม และให฾กู฾ ดังนี้ กำรให฾
เปล฽ำเป็นกำรสงเครำะหแแก฽ ชำวบ฾ำนท่ีทุพพลภำพ หรือเป็นผ฾ูยำกไร฾ที่ไม฽สำมำรถ
ช฽วยเหลือตนเองได฾ ชรำภำพ นอกจำกน้ียังให฾กำรสงเครำะหแ แก฽ผู฾ประสบภัยต฽ำง
ๆ หรือมีควำมจํำเป็นเร฽งด฽วนที่จะต฾องรีบให฾ควำมช฽วยเหลือเพื่อ ให฾สำมำรถยังชีพ
อย฽ูได฾ เช฽น ผ฾ูประสบวำตภัย อุทกภัย แผ฽นดินถล฽ม กรณีกำรให฾ยืม เป็นกำร
ให฾บริกำรสํำหรับผู฾มีฐำนะควำมเป็นอย฽ูดีกว฽ำสองพวกแรกที่กล฽ำวมำแล฾ว กำร
ให฾บริกำรในลักษณะนี้ ชำวบ฾ำนผ฾ูขอรับบริกำรต฾องส฽งใช฾คืนข฾ำวที่ยืมไป แต฽ไม฽ต฾อง
เสียดอกเบ้ีย กำรให฾กู฾เป็นกำรให฾บริกำรแก฽ผู฾ท่ีมี ฐำนะดี แต฽ขำดแคลนข฾ำวบริโภค
หรือข฾ำวทํำพันธแุ ในบำงฤดูกำล กำรให฾บริกำรในลักษณะน้ี เสียดอกเบ้ียให฾แก฽
ธนำคำรข฾ำวด฾วย ดังนั้น ผ฾ูท่ีขอรับบริกำรจะต฾องมีขีดควำมสำมำรถสูงกว฽ำสำมพวก
แรก เพรำะจะต฾องส฽งใช฾คืนข฾ำวที่ก฾ูไปพร฾อมท้ังดอกเบ้ีย ท้ังน้ีขึ้นอย฽ู กับ
คณะกรรมกำรที่เป็นตัวแทนชำวบ฾ำนพิจำรณำ จำกผลกำรดํำเนินงำนท่ีผ฽ำนมำ
โครงกำรธนำคำรข฾ำว สำมำรถแก฾ไขปใญหำให฾กับชำวบ฾ำนได฾เป็นอย฽ำงดี พ้ืนท่ี
ต฾นแบบได฾เชิญชวนชำวบ฾ำนบริจำคข฾ำวหรือเงินเพ่ือนํำไปจัดกิจกรรมธนำคำรข฾ำว
เนื่องในโอกำสวันสํำคัญ รวมถึงช฽วยแก฾ปใญหำกำรขำดแคลนข฾ำวบริโภคของ
ชำวบ฾ำนในชุมชน ซึ่งจะทํำให฾เขำมีควำมเป็นอย฽ูที่ดีข้ึน นอกจำกน้ียังจะช฽วย
แกป฾ ญใ หำหนี้สินท่ีชำวบ฾ำนที่ยำกไร฾เหล฽ำนั้นไปก฾ูยืมเงินหรือข฾ำวมำบริโภค โดยเสีย
ดอกเบีย้ ในอตั รำสูงอีกด฾วย

8) กำรสร฾ำงเครือข฽ำยอำสำสมัครรักษแสิ่งแวดล฾อม จำกกำรที่พระบัณฑิต
อำสำพัฒนำชำวเขำ ในพื้นที่ต฾นแบบ ได฾ดํำเนินกำรเก่ียวกับกำรฟ้ืนฟูทรัพยำกร
และสิ่งแวดล฾อมในพ้ืนที่ตนเองมำระยะหน่ึง และพบว฽ำกระบวนกำรทํำงำนจะ
ก฽อใหเ฾ กดิ ประสทิ ธภิ ำพท่ีสุด และแก฾ไขปใญหำได฾ยั่งยืนที่สุด ก็คือกำรทํำให฾ชำวบ฾ำน
ในพื้นที่ตระหนักถึงปใญหำท่ีเกิดขึ้นจำกกำรกระทํำของมนุษยแที่มีผลกระทบของ
สง่ิ แวดล฾อม และกำรทํำให฾ชำวบ฾ำนมีจิตอำสำร฽วมกันในกำรทํำให฾คนในหมู฽บ฾ำน ใน
ชุมชนมีกำรปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล฾อม เพรำะกำรอนุรักษแ
สิ่งแวดล฾อมจะเป็นประโยชนแต฽อชำวบ฾ำนและลูกหลำน และทรัพยำกรเหล฽ำนั้นก็จะ
ยังคงมีอยู฽ให฾ประโยชนแกับมนุษยแต฽อไปอย฽ำงยั่งยืน แต฽จำกกำรทํำงำนท่ีผ฽ำนมำ
พบว฽ำจิตสํำนึกหรือควำมตระหนักแต฽เพียงอย฽ำงเดียวไม฽เพียงพอต฽อกำรจะฟื้นฟู
สิง่ แวดลอ฾ ม และทรพั ยำกรธรรมชำติใหก฾ ลบั คนื สภำพ ต฾องอำศัยพลังชุมชน ในกำร

-84-

เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาติพันธุ์

ปฏิบัติกำรด฾วย เปรียบเสมือนลํำธำรหลำยสำยรวมกันเป็นแม฽นํ้ำใหญ฽ท่ีมีพลัง จึง
จำํ เปน็ ต฾องมกี ำรสอื่ สำรกบั ชำวบ฾ำน กล฽ุมเปูำหมำยต฽ำง ๆ ให฾มีควำมรู฾ควำมเข฾ำใจ
ผ฽ำนกำรทํำกิจกรรมของกลุ฽มท่ีทํำงำนด฾ำนกำรอนุรักษแธรรมชำติและสิ่งแวดล฾อมใน
พ้ืนท่ีใกล฾เคียง หม฽ูบ฾ำนบริวำร รวมถึงหมู฽บ฾ำนอื่น ๆ จึงเกิดจุดเริ่มต฾นของกำร
ร฽วมมือร฽วมใจกันในกำรทํำงำนด฾ำนกำรฟื้นฟูส่ิงแวดล฾อมของกลุ฽มมดงำนหลำยๆ
กลุ฽มในลักษณะเครือข฽ำยอำสำสมัครรักษแสิ่งแวดล฾อม โดยใช฾ช่ือว฽ำ “เครือข฽ำย
อำสำสมัครรักษแสิ่งแวดล฾อม” เช฽น มำร฽วมกันทํำกิจกรรมกำรบวชปุำ กำรดับไฟ
ปุำ กำรจัดทํำแนวกันไฟ นอกจำกน้ันยังมีกำรขยำยผลทั้งด฾ำนควำมร฾ู ภูมิปใญญำ
จิตสํำนึกในส่ิงแวดล฾อมผนวกกับกำรผนึกกํำลังของชุมชนในพ้ืนที่ พื้นท่ีบริวำร
พ้ืนที่ใกล฾เคียงที่ได฾รับผลกระทบในลักษณะเดียวกัน มำทํำงำนร฽วมกัน เกิด
กระบวนกำรแลกเปลี่ยนประสบกำรณแกำรทํำงำน อุปสรรค และแนวทำงในกำร
ทํำงำน ประเด็นกำรทํำงำนแนวทำงกำรทํำงำนในอนำคต ในหลำย ๆ เร่ืองท่ี
น฽ำสนใจ เช฽น กำรจัดกำรขยะในชุมชน กำรเกษตรเชิงอนุรักษแสิ่งแวดล฾อม
กลำยเป็นจุดเร่ิมต฾นของกำรทํำงำนร฽วมกัน เกิดกระบวนกำรแลกเปลี่ยนเรียนร฾ูกำร
ทำํ งำน เรยี นรก฾ู ำรประสำนงำนกับกลุ฽มองคแกรท่ีเกี่ยวข฾อง ซ่ึงมีท้ังควำมเหมือนและ
ควำมแตกต฽ำงกันในกำรขับเคล่ือนงำนด฾ำนกำรอนุรักษแและฟ้ืนฟูส่ิงแวดล฾อม
ก฽อให฾เกิดแนวคิดท่ีสร฾ำงสรรคแในกำรพัฒนำชุมชน สังคมและสิ่งแวดล฾อม ทํำให฾
ชำวบ฾ำนมองเห็นว฽ำเร่ืองส่ิงแวดล฾อมไม฽ใช฽เรื่องไกลตัว และทุกคนสำมำรถเป็นส฽วน
หนง่ึ ในพลังชมุ ชนทส่ี ำมำรถพัฒนำดแู ลชมุ ชน สังคมและสงิ่ แวดลอ฾ มได฾อย฽ำงยัง่ ยืน

โดยสรุป สถำนกำรณแปใญหำด฾ำนส่ิงแวดล฾อมบนพ้ืนท่ีสูง พ้ืนที่ต฾นแบบ
อำํ เภอฮอด อำํ เภอแม฽แจม฽ อํำเภอแมส฽ ะเรียง พบว฽ำ พื้นท่ีปุำไม฾ถูกบุกรุกทํำลำยมำ
เป็นระยะเวลำยำวนำนจนกระท่ังเป็นพ้ืนที่โล฽งเตียน ชำวบ฾ำนมีกำรเผำพ้ืนท่ีก฽อน
กำรเพำะปลูกพืช มีปใญหำหมอกควันจำกกำรเตรียมแปลง ขำดแคลนน้ํำที่ใช฾เพ่ือ
กำรบริโภคและอุปโภค โดยเฉพำะน้ํำเพ่ือทํำกำรเพำะปลูกพืชต฾องอำศัยนํ้ำฝนเป็น
หลัก ชำวบ฾ำนในพ้ืนท่ีมักมีกำรถำงปุำเพื่อทํำไร฽ ข฾ำวไร฽ ข฾ำวโพด ปลูกผัก เช฽น
กะหลํ่ำปลี มีกำรใชส฾ ำรเคมีกำํ จดั วัชพืชในกำรเพำะปลูกพืชเพิ่มมำกข้ึน เกิดกำรชะ
ล฾ำงพังทลำยของหน฾ำดินทํำให฾เกิดดินสไลดแคุณภำพดินลดลง ไม฽มีกำรกํำหนด
ขอบเขตพนื้ ทปี่ ำุ และพื้นที่กำรเกษตร ขำดกำรฟื้นฟูปุำ และกำรอนุรักษแปุำ (ปุำต฾น
น้ํำ ปุำชุมชน) หลังจำกพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำได฾เข฾ำมำปฏิบัติภำรกิจใน

-85-

เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของกลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุ

พ้ืนที่ ได฾ดํำเนินกิจกรรมโครงกำรเกี่ยวกับกำรฟ้ืนฟูสิ่งแวดล฾อม หลังจำกที่ประสบ
ปใญหำจำกกำรสังเกตกำรลงพ้ืนท่ี กำรสํำรวจชุมชนของพระบัณฑิตอำสำพัฒนำ
ชำวเขำ นํำไปสู฽กิจกรรมร฽วมกับชุมชนเพ่ือฟ้ืนฟูส่ิงแวดล฾อม อำทิ กํำหนดเขตกำร
ใช฾ประโยชนแที่ดินควำมคุมกำรบุกรุกพื้นที่ปุำผ฽ำนกำรบวชปุำ ปลูกและฟ้ืนฟูปุำต฾น
น้ํำลํำธำร ปุำขุนนํ้ำ และระบบนิเวศ โดยกระบวนกำรมีส฽วนร฽วมของทุกภำคส฽วน
ฟนื้ ฟแู หล฽งอำหำรผำ฽ นกำรบวชนํ้ำ บวชปลำ กำรส฽งเสริมกำรปลูกไม฾ยืนต฾นทดแทน
ปุำทถี่ กู บกุ รกุ จำกกำรทำํ กำรเกษตร มีจดั ทํำแนวกนั ไฟ สง฽ เสริมกำรปลูกพืชยืนต฾นที่
ก฽อให฾เกิดรำยได฾และปลูกพืชท่ีมีระยะเวลำกำรเก็บเกี่ยวที่หลำกหลำยเพื่อมีรำยได฾
จุนเจือครอบครวั จำกกำรขำยผลผลติ ที่เหลอื จำกกำรบริโภค สนับสนุนกำรปลูกหญ฾ำ
แฝก สนับสนุนกำรฟ้ืนฟูปุำชุมชนและปลูกเสริม สนับสนุนให฾มีกำรจัดทํำฝำย
สนับสนุนกำรทํำปุ฻ยหมัก ปุ฻ยชีวภำพ ปุ฻ยพืชสด โดยกำรมีส฽วนร฽วมของชุมชน/
หน฽วยงำน จำกกำรสัมภำษณแแกนนํำชุมชน ผ฾ูนํำท฾องถิ่น พระบัณฑิตอำสำพัฒนำ
ชำวเขำ พบว฽ำ ในปใจจุบัน สภำพแวดล฾อมมีกำรเปลี่ยนแปลงไปในทิศทำงที่ดีข้ึน
ชำวบำ฾ นมแี หล฽งนำํ้ มีปุำไมท฾ ่อี ดุ มสมบูรณแ มแี หล฽งอำหำรท่ีย่ังยืนสืบต฽อถึงลูกหลำน
ตอ฽ ไป

กำรดํำเนินงำนด฾ำนกำรท฽องเที่ยวทำงศำสนำและวัฒนธรรมของเครือข฽ำย
พระนกั พัฒนำบนพ้ืนท่สี ูง

จำกผลกำรศึกษำข฾อมูลต฽ำงๆ ที่เก่ียวกับบริบทชุมชน และกำรดํำเนินงำน
ด฾ำนกำรพัฒนำแหล฽งท฽องเท่ียวทำงศำสนำและวัฒนธรรมของกลุ฽มชำติพันธุแบน
พ้ืนที่สูงในพื้นท่ีต฾นแบบของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำอํำเภอสะเมิง อํำเภอกัลยำณิ
วัฒนำ จังหวัดเชียงใหม฽ อํำเภอปำย อํำเภอปำงมะผ฾ำ จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน มี
รำยละเอียดของเส฾นทำงทอ฽ งเทีย่ ว 2 เส฾นทำง ดงั นี้

เส฾นทำงที่ 1 เส฾นทำงท฽องเที่ยวอำศรมพระบัณฑิตอำสำอํำเภอกัลยำณิ
วัฒนำ จังหวัดเชียงใหม฽ ได฾แก฽ วัดบ฾ำนจันทรแ ตํำบลบ฾ำนจันทรแ วัดห฾วยบง
ตํำบลบ฾ำนจันทรแ อำศรมบ฾ำนหนองแดง ตํำบลบ฾ำนจันทรแ มีรำยละเอียดข฾อมูลกำร
ท฽องเทีย่ วดังน้ี

-86-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกลุม่ ชาติพันธ์ุ

อํำเภอกัลยำณิวัฒนำ เป็นเขตกำรปกครองระดับอํำเภอลํำดับที่ 25 ของ
จังหวัดเชียงใหม฽ และอันดับที่ 878 ของประเทศไทย จัดต้ังเมื่อ 26 ธันวำคม
พ.ศ. 2552 มที ่วี ำ฽ กำรอํำเภออยู฽ทต่ี ํำบลแจม฽ หลวง

วดั บำ฾ นจันทรเแ ปน็ วดั ที่เกำ฽ แก฽ที่สุดในเขตตํำบลบ฾ำนจันทรแ แต฽ไม฽สำมำรถที่
จะทรำบแน฽ชัดว฽ำตั้งขึ้นเมื่อได฾ แต฽สันนิษฐำนว฽ำ สร฾ำงข้ึนมำนำนกว฽ำ 300 ปี ที่
ผำ฽ นมำ สำเหตุท่ีชือ่ วำ฽ “วดั จันทรแ” สมัยกอ฽ นบริเวณวัดบ฾ำนจันทรแเป็นปุำทึบ ไม฽มี
ผ฾ูคนอำศัยอยู฽เต็มไปด฾วยแมกไม฾นำนำชนิด โดยเฉพำะรอบๆ บริเวณหมู฽บ฾ำนเต็ม
ไปด฾วยไม฾สนจํำนวนเป็นพันๆ ไร฽ แต฽บริเวณบ฾ำนจันทรแ มีสถำนที่สร฾ำงพระสถูป
เจดียเแ ก฽ำที่ปรกั หักพัง ตลอดถึงฐำนของโบสถแแ ละวิหำรอยู฽หลำยแห฽ง ท่ีชนเผ฽ำล๊ัวะ
ท่ีมีควำมศรัทธำเลื่อมใสในพระพุทธศำสนำได฾มำสร฾ำงขึ้นในเขตตํำบลบ฾ำนจันทรแ
จำกนัน้ ชนเผ฽ำลั๊วะกอ็ พยพโยกยำ฾ ยไปตั้งถน่ิ ฐำนอ่นื ทํำใหว฾ ดั บ฾ำนจันทรแเป็นหม฽ูบ฾ำน
ร฾ำงในที่สุด ต฽อมำ มีพระธุดงคแอย฽ูรูปหนึ่งจำริกจำกประเทศพม฽ำมีนำมว฽ำ“หลวงพ฽อ
อุตตมะ” มำเห็นบริเวณวัดจันทรแเป็นสถำนท่ีสงบย่ิงนัก จึงปใกกลดบํำเพ็ญเพียร
ภำวนำ หลงั จำกท่ยี ำ฾ ยมำแลว฾ ไดป฾ ระกำศเชญิ ชวนชำวบ฾ำนในหมู฽บ฾ำนบ฾ำนใกล฾เคียง
มำช฽วยกันบูรณปฏิสังขรณแพระเจดียแ โดยมีหลวงพ฽ออุตตมะ เป็นประธำน
หลังจำกได฾ชว฽ ยกนั บรู ณะพระเจดียแใกลจ฾ ะสำํ เร็จ หลวงพ฽ออุตตมะก็ลำชำวบ฾ำน เพื่อ
ธุดงคแกลับประเทศพม฽ำ และในระหว฽ำงกำรเดินท฽ำนได฾เกิดอำพำธอย฽ำงหนักท฽ำนก็
มรณะในระหว฽ำงเดนิ ทำง

ปีพุทธศักรำช 2473 พระครูบำศรีวิชัย ได฾เดินธุดงคแมำทำงอํำเภอปำย
จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน ผ฽ำนบ฾ำนเมืองแปง อ.ปำย จ.แม฽ฮ฽องสอน ถึงวัดบ฾ำนจันทรแ
จึงไดม฾ ำพกั คำ฾ งคืนที่วดั จันทรแ เห็นพระธำตทุ ่สี ร฾ำงไวย฾ ังไม฽แล฾วเสร็จ ยังไม฽มีกำรยก
ชอ฽ ฟำู เจดียแ ซ่ึงชำวบำ฾ นพยำยำมยกยอดฉตั รแลว฾ หลำยคร้ังแต฽ไม฽สํำเร็จ เพรำะมีคน
ทนำยหรอื กล฽ำวไว฾ว฽ำพระเจดียแอยู฽ในหม฽ูบ฾ำนกะเหรี่ยง คนที่ยกยอดฉัตรต฾องเป็นคน
ท่ีมีเช้ือสำยกะเหรี่ยงเท฽ำน้ัน เม่ือครูบำเจ฾ำศรีวิชัยมำพักอำศัยในบริเวณวัดจันทรแ
จึงนํำชำวบ฾ำนมำบูรณะพระเจดียแ หลังจำกท่ีกำรบูรณะเสร็จส้ินก็มีกำรยกยอดฉัตร
โดยพระบำเจ฾ำศรวี ิชยั มกี ำรทํำบุญเฉลิมฉลองกัน 7 วัน หลังจำกเสร็จพิธีกำรยก
ยอดฉัตร มีชำวบ฾ำนกะเหรี่ยงจำกที่ต฽ำงๆ มำร฽วมเป็นจํำนวนมำก เมื่อทํำบุญพระ
เจดียแเสร็จ ครูบำเจ฾ำศรีวิชัยพร฾อมกับคณะก็จำริกไปทำงอํำเภอสะเมิง จังหวัด
เชียงใหม฽ ต฽อมำมี “พระอินทนน” ไม฽ทรำบฉำยำ มำอย฽ูประจํำวัดบ฾ำนจันทรแ

-87-

เครอื ข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของกลมุ่ ชาติพันธุ์

หลำยสิบพรรษำ ท฽ำนก็เดินจำริกต฽อไปทํำให฾วัดจันทรแขำดพระจํำพรรษำในระยะ
หนึ่ง ชำวบ฾ำนก็นิมนตแพระกร ไม฽ทรำบนำมสกุล ที่เดินทำงจำกอํำเภอเวียงแหง
จังหวดั เชยี งใหม฽ ผำ฽ นเมอื งนอ฾ ย เมืองปำย จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน ซ่ึงในสมัยนั้นมีวัด
จันทรแวัดเดียวเท฽ำนั้น ในแต฽ละปีจะมีชำวบ฾ำนจำกตํำบลแม฽แดด ตํำบลแจ฽มหลวง
และศรัทธำเขตจงั หวัดแม฽ฮอ฽ งสอน มำร฽วมทำํ บุญเปน็ ประจำํ ทุกปเี ปน็ จำํ นวนมำก

พระนิคม กิจจฺสำโร พระธรรมจำริกประจํำวัดบ฾ำนจันทรแเล฽ำว฽ำ ปี
พุทธศักรำช 2510 ทำงโครงกำรพระธรรมจำริกวัดศรีโสดำ จังหวัดเชียงใหม฽
ได฾จัดส฽งพระธรรมจำริกเข฾ำมำปฏิบัติงำนในวัดจันทรแโดยมี พระอุไร มหำวีโร เป็น
พระธรรมจำริกร฽ุนแรกได฾เข฾ำมำพัฒนำบูรณปฏิสังขรณแที่พักศำลำบํำเพ็ญบุญและมี
กำรอบรมศีลธรรมให฾แก฽ประชำชน ทั้งหลักธรรมทำงพระพุทธศำสนำพิธีกรรม
เบื้องต฾น ทํำให฾ชำวบ฾ำนในตํำบลบ฾ำนจันทรแเกิดควำมศรัทธำเล่ื อมใสใน
พระพุทธศำสนำมำกข้ึน จึงมีกำรขยำยพื้นที่และสร฾ำงอำศรมในหม฽ูบ฾ำนต฽ำงๆ
จำกนั้นได฾นิมนตแพระธรรมจำริกมำขยำยพ้ืนที่ในกำรทํำงำนเข฾ำไปในหมู฽บ฾ำนท่ีได฾
สร฾ำงอำศรมจนครบทุกอำศรม ต฽อมำ ปีพุทธศักรำช 2522 พระบำทสมเด็จพระ
เจ฾ำอย฽ูหัว ภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนำงเจ฾ำพระบรมชำรำชีนำถ สมเด็จพระ
บรมโอรสำธิสยำมบรมรำช และสมเด็จพระเทพรัตนแรัชสุดำ เสด็จเย่ียมพสกนิกร
ชำวไทยภูเขำในถ่ินทุรกันดำร มีกำรจัดต้ังศูนยแศีลปำชีพ เพื่อเสริมสร฾ำงรำยได฾จำก
กำรทอผำ฾ จำํ หน฽ำย พระสงฆเแ ขำ฾ มำจนถึงปใจจบุ ัน ซึง่ มพี ระภกิ ษุที่มำจํำพรรษำในวัด
บ฾ำนจนั ทรแ

บ฾ำนห฾วยบงเป็นหมู฽ที่ 4 ตํำบลบ฾ำนจันทรแ อํำเภอกัลยำณิวัฒนำ จังหวัด
เชียงใหม฽ เป็นหม฽ูบ฾ำนบริวำรของบ฾ำนหนองเจ็ดหน฽วย ห฽ำงกัน 1 กิโลเมตรเศษ
บ฾ำนห฾วยบง มีชื่อที่เรียกกำรในท฾องถ่ินว฽ำ “หว฽ำ ซึ๊ คี” ซ่ึงแปลว฽ำ บ฾ำนขุนบง
จำกกำรสมั ภำษณผแ ูอ฾ ำวโุ สวำ฽ เม่อื มำตง้ั รกรำกใหม฽ๆ ที่มีไม฽กี่ครอบครอบ บริเวณน้ี
เต็มไปดว฾ ยทรัพยำกรปุำไม฾ โดยเฉพำะไมบ฾ งท่ีต้งั อยก฽ู องใหญ฽ท฽ำมกลำงชุมชนแห฽ง
นี้ เมื่อมีชำวบ฾ำนเริ่มที่จะอพยพเข฾ำมำจำกตำมที่ต฽ำงๆ ทํำให฾มีกำรบุกรุกปุำท้ัง
กำรสร฾ำงบ฾ำนเรือนและกำรประกอบอำชีพมำกข้ึน ปุำท่ีเคยอุดมสมบูรณแด฾วยไม฾ปุำ
นำนำพันธแุกลับต฾องเส่ือมโทรมเพรำะมีจํำนวนประชำกรมำกข้ึน สันนิฐำนว฽ำ
หมู฽บ฾ำนก฽อตง้ั ได฾ประมำณ 160 ปีแล฾ว

-88-

เครือข่ายพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกล่มุ ชาติพันธ์ุ

ชำวบ฾ำนห฾วยบงจํำนวนไม฽น฾อยท่ีหันมำเปลี่ยนควำมเชื่อหันมำนับถือ
พระพุทธศำสนำ โดยกำรให฾พระสงฆแไปประกอบพิธีแสดงตนเป็นพุทธมำมะ
ยึดถือพระรัตนตรัย โดยพ่ึงพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆแ
ตลอดชีวิต ควบค฽ูกับกำรบูรณำกำรตำมควำมเช่ือและวิถีชนท่ียึดถือมำช฾ำนำน
ปจใ จบุ นั บ฾ำนหว฾ ยบงมชี ำวบำ฾ นบำงส฽วนไปนับถือศำสนำคริสตแ เหตุผลอย฽ำงเดียวกัน
ว฽ำมีควำมเบ่ือหน฽ำยในกำรประกอบพิธีเล้ียงผี และเช่ือว฽ำเมื่อนับถือคริสตแศำสนำ
แล฾วดวงวิญญำณไม฽สำมำรถท่ีมำเบียดเบียนครอบครัวได฾ เพรำะเมื่อนับถือศำสนำ
คริสตแแลว฾ ต฾องละทงิ้ ควำมเชือ่ เดมิ ๆ ทงั้ หมด ตลอดถึงประเพณี วัฒนธรรม ของตน
อย฽ำงสิ้นเชิง ปใจจุบันมีจํำนวนผ฾ูนับถือพุทธศำสนำจํำนวน 38 ครอบครัว นับถือ
ศำสนำครสิ ตแ จำํ นวน 1 ครอบครัว

วัดบ฾ำนห฾วยบง เร่ิมก฽อสร฾ำงเมื่อปีพุทธศักรำช 2635 โดยมีพระผัด สุจิตฺ
โต และชำวบ฾ำนที่ต฾องกำรให฾อำศรมพระธรรมจำริกต้ังอยู฽ในชุมชน พร฾อมท้ังมีพระ
ธรรมจำริกมำจํำพรรษำ เพ่ือมำอบรม ปลูกฝใงเร่ืองคุณธรรมจริยธรรมและประกอบ
พธิ กี รรมทำงพระพทุ ธศำสนำให฾กับชำวบ฾ำน โดยได฾รับควำมร฽วมมือจำกสํำนักงำน
บรหิ ำรโครงกำรพระธรรมจำรกิ สว฽ นภมู ิภำค วัดบ฾ำนหว฾ ยบง มเี นอื้ ท่ที ้งั หมด 55 ไร฽

โครงกำรศูนยแพระบัณฑิตอำสำพัฒนำรำษฎรบนพ้ืนที่สูง ปฏิบัติงำนภำยใต฾
พันธกิจท่ี 2 กำรบริกำรสังคม และพันธกิจที่ 3 อนุรักษแฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม
ประเพณีกลมุ฽ ชำตพิ นั ธบแุ นพืน้ ท่ีสูง โดยในปี 2563 วัดห฾วยบง อ.กัลยำณิวัฒนำ จ.
เชียงใหม฽ ได฾จัดวัดให฾เป็นแหล฽งเรียนรู฾วิถีวัฒนธรรมท฾องถิ่น โดยกำรเรียนรู฾ผ฽ำน
ภำพจิตรกรรมฝำผนังพระวิหำร ท่ีถ฽ำยทอดวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชำวปกำเก
อญอ และแหล฽งเรียนรู฾ในรูปแบบอำคำรบ฾ำนเรือน ซึ่งภำยในจัดแสดงเคร่ืองมือ
เคร่ืองใช฾ และคติควำมเช่ือของชำวปกำเกอญอในด฾ำนต฽ำงๆ มีกลุ฽มตัวแทน
ชมรมปกำเกอญอ มจร. และประชำชนจำกกรุงเทพฯ เข฾ำมำแวะเยี่ยมชมวิถีปกำ
เกอะญอ ตลอดถึงกล฽ุมนักเรียนโรงเรียนมัธยมกัลยำณิวัฒนำเฉลิมพระเกียรติ
เดนิ ทำงมำทัศนศึกษำโดยตลอด เพื่อกำรสร฾ำงจิตสํำนึกให฾ชุมชนตระหนักถึงคุณค฽ำ
และควำมสํำคัญภูมิปใญญำท฾องถิ่น วัฒนธรรมประเพณีอันดีงำม กำรสนับสนุน
ส฽งเสริมอนุรักษแฟ้ืนฟูภูมิปใญญำท฾องถ่ิน และวัฒนธรรมประเพณี กำรเผยแพร฽
ประชำสมั พันธวแ ฒั นธรรมประเพณขี องชุมชน

-89-

เครือขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกล่มุ ชาติพนั ธ์ุ

อำศรมพระธรรมจำริกบ฾ำนหนองแดง ก฽อตั้งข้ึนเม่ือปีพุทธศักรำช 2525
เพื่อเป็นสถำนท่ีทํำบุญ ฟใงพระธรรมเทศนำหรือประกอบพิธีทำงพระพุทธศำสนำ
เพรำะเม่ือก฽อนไปทํำบุญที่วัดจันทรแมีระยะทำงไกล ช฽วงฤดูฝนไม฽มีควำมสะดวก
และท่ีสํำคัญคนเฒ฽ำ เด็ก และเยำวชน ไม฽ค฽อยได฾ไป จำกกำรพูดคุยกันในระดับ
ผู฾นํำในชุมชนเห็นว฽ำน฽ำจะสร฾ำงศำลำบํำเพ็ญบุญข้ึนมำสัก 1 หลัง เพื่อจะได฾
นิมนตแพระธรรมจำริกมำอย฽ูประจํำหม฽ูบ฾ำน ปใจจุบันมีศำลำบํำเพ็ญบุญ กุฏิท่ีพัก
สงฆแ อำคำรเอนกประสงคแและห฾องสุขำ จำกกำรเข฾ำเผยแผ฽พระพุทธศำสนำใน
คร้ังน้ัน ทํำให฾ชำวบ฾ำนจํำนวนมำก หันเส่ือมใสในพระพุทธศำสนำแล฾วมำแสดงตน
เป็นพุทธมำมกะ ยึดถอื พระรตั นตรัยเปน็ ที่พงึ่ ตลอดชวี ติ นอกจำกน้ันมิชชั่นนำรีก็
เข฾ำมำเผยแผ฽ศำสนำคริสตแ ทํำให฾บ฾ำนหนองแดงมีท้ังผ฾ูท่ีนับถือศำสนำพุทธ คริสตแ
และเช่ือทำงบรรพบุรุษ จำกกำรเข฾ำมำเผยแผ฽พระพุทธศำสนำของพระธรรมจำริก
ตง้ั แต฽เร่มิ จนถึงปใจจุบนั มพี ระธรรมจำรกิ ในแตล฽ ะปี

บ฾ำนโปุงขำว หม฽ูที่ 6 ตํำบลบ฾ำนจันทรแ อํำเภอแม฽แจ฽ม จังหวัดเชียงใหม฽
เป็นหย฽อมบ฾ำนของบ฾ำนหนองแดง ท่ีห฽ำงกันประมำณ 5 กิโลเมตร ห฽ำงจำกวัด
บ฾ำนจันทรแประมำณ 8 กิโลเมตร เป็นหมู฽บ฾ำนเล็กๆ ในท฽ำมกลำงของปุำสนมี
แม฽นํ้ำสำยเล็กๆ ผ฽ำนหม฽ูบ฾ำน จำกกำรสัมภำษณแพำตีจอสี ย่ิงรักเพ็ญจันทรแ
เป็นฮี่โข฽ ท่ีมำตั้งรกรำกต้ังแต฽แรกเล฽ำว฽ำเดิมที่เห็นว฽ำสถำนที่แห฽งน้ีมีควำม
เหมำะสมท่ีจะตั้งบ฾ำนเรือนเพรำะมีควำมสมบูรณแท้ังแม฽น้ํำ ผืนปุำ มำคร้ังแรกมีแค฽
ไมก฽ ่คี รอบครัวแต฽นำนเข฾ำมีเพือ่ นบ฾ำนท่อี พยพมำจำกบ฾ำนจันทรแและจำกเขตจังหวัด
แมฮ฽ อ฽ งสอนอพยพเขำ฾ มำ ทํำใหม฾ ีประชำกรเพ่ิมขนึ้ ตำมลํำดับ จำกน้ันไม฽นำนเมื่อ
ประชำกรมำกทํำให฾พ้ืนท่ีแออัด ขำดพื้นที่จะทํำกิน จึงย฾ำยไปตั้งหม฽ูบ฾ำนแห฽งใหม฽
ท่หี นองแดง บำ฾ นโปุงขำวเป็นหม฽ูบำ฾ นที่มีควำมเชือ่ ของบรรพบุรุษควบคุมไปกับกำร
กำรนับถือพระพทุ ธศำสนำอย฽ำงม่งั คง ทํำใหป฾ ใจจุบนั ชำวบำ฾ นทง้ั หมดนับถอื ศำสนำ

อำศรมบ฾ำนหนองแดง ตํำบลบ฾ำนจันทรแ อํำเภอกัลยำณิวัฒนำ จังหวัด
เชียงใหม฽ หมู฽บ฾ำนหนองแดง หม฽ู 6 ตํำบลบ฾ำนจันทรแ อํำเภอแม฽แจ฽ม จังหวัด
เชียงใหม฽ ห฽ำงจำกตํำบลบ฾ำนจันทรแ 8 กิโลเมตร บ฾ำนหนองแดง เริ่มท่ีอพยพจำก
บ฾ำนโปุงขำวกำรเข฾ำมำครั้งแรกมีเพียงไม฽ก่ีคน สภำพท่ัวไปเป็นไปต฾นสนส฽วนใหญ฽
ชำวบ฾ำนประกอบอำชพี ในกำรทํำไร฽ ทำํ งำน เลี้ยงสัตวแตำมวิถีชนของกล฽ุมชำติพันธแุ
กะเหรย่ี งทั่วไป เม่ือมีชำวบ฾ำนจำกท่ีอ่ืนย฾ำยเข฾ำมำสมทบมำกข้ึน ชำวบ฾ำนมีควำม

-90-

เครือขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ติ ของกลุ่มชาติพันธ์ุ

เช่ือทำงบรรพบุรุษ แต฽เมื่อมีผ฾ูมำเผยแผ฽ศำสนำทั้งพระธรรมจำริกและมิชช่ันนำรี
ทำํ ให฾ชำวบ฾ำนหันนับถอื ทง้ั พระพทุ ธศำสนำและศำสนำครสิ ตแ ปใจจุบันมีชำวบ฾ำนนับ
ถอื ศำสนำพุทธ 80 หลังคำเรือน มีศำสนำคริสตแ 10 หลังคำเรือน มีประชำกรเป็น
หลังคำเรอื น 84 หลงั คำเรือน 104 ครอบครัว

อำศรมพระธรรมจำริกบ฾ำนหนองแดง ก฽อต้ังขึ้นเม่ือปีพุทธศักรำช 2525
เพ่ือเป็นสถำนท่ีทํำบุญ ฟใงพระธรรมเทศนำหรือประกอบพิธีทำงพระพุทธศำสนำ
เพรำะเม่ือก฽อนไปทํำบุญที่วัดจันทรแมีระยะทำงไกล ช฽วงฤดูฝนไม฽มีควำมสะดวก
และที่สํำคัญคนเฒ฽ำ เด็ก และเยำวชน ไม฽ค฽อยได฾ไป จำกกำรพูดคุยกันในระดับ
ผู฾นํำในชุมชนเห็นว฽ำน฽ำจะสร฾ำงศำลำบํำเพ็ญบุญขึ้นมำสัก 1 หลัง เพื่อจะได฾
นิมนตแพระธรรมจำริกมำอยู฽ประจํำหม฽ูบ฾ำน ปใจจุบันมีศำลำบํำเพ็ญบุญ กุฏิท่ีพัก
สงฆแ อำคำรเอนกประสงคแและห฾องสุขำ จำกกำรเข฾ำเผยแผ฽พระพุทธศำสนำใน
ครั้งน้ัน ทํำให฾ชำวบ฾ำนจํำนวนมำก หันเส่ือมใสในพระพุทธศำสนำแล฾วมำแสดงตน
เป็นพทุ ธมำมกะ ยดึ ถอื พระรัตนตรัยเป็นทีพ่ ึง่ ตลอดชวี ิต นอกจำกน้ันมิชชั่นนำรีก็
เขำ฾ มำเผยแผ฽ศำสนำคริสตแ ทํำให฾บ฾ำนหนองแดงมีทั้งผ฾ูที่นับถือศำสนำพุทธ คริสตแ
และเช่ือทำงบรรพบุรุษ จำกกำรเข฾ำมำเผยแผ฽พระพุทธศำสนำของพระธรรมจำริก
ตง้ั แต฽เรม่ิ จนถึงปจใ จบุ ัน มีพระธรรมจำรกิ ในแต฽ละปี

อำศรมบ฾ำนห฾วยปู ตํำบลแม฽แดด อํำเภอกัลยำณิวัฒนำ จังหวัดเชียงใหม฽
บ฾ำนหว฾ ยปู หมท฽ู ี่ 5 ตํำบลแมแ฽ ดด อำํ เภอกัลยำณิวัฒนำ จังหวัดเชียงใหม฽ อย฽ูห฽ำง
จำกอํำเภอแม฽แจ฽ม จังหวัดเชียงใหม฽ ประมำณ 43 กิโลเมตร บ฾ำนห฾วยปู ต้ังอยู฽
ระหว฽ำงหุบเขำแคบๆ ในเทือกเขำถนนธงชัยตะวันตก ชุมชนมีสภำพเป็นภูเขำสูง
ท่ีต้ังของชุมชนเป็นพื้นที่รำบแคบๆ ระหว฽ำงภูเขำพื้นท่ีมีควำมสูงจำก
ระดับนํ้ำทะเล 1,000 เมตร ลักษณะพื้นท่ีตั้งของชุมชนมีลักษณะบนพื้นรำบมี
ภูเขำลอ฾ มรอบ ควำมสูงและลำดชันทํำให฾เกิดน้ํำห฾วยไหลผ฽ำนชุมชน ซึ่งสำมำรถ
ใช฾ประโยชนแได฾ตลอดท้ังปี สภำพภูมิอำกำศ เน่ืองจำกสภำพภูมิประเทศของ
หมู฽บำ฾ นห฾วยปู จงึ ทํำให฾มอี ำกำศค฽อนข฾ำงดีตลอดท้ังปี เพรำะโดยรอบๆ มีปุำไม฾
ที่อดุ มสมบูรณแอยู฽ สภำพภมู ิอำกำศของบ฾ำนหว฾ ยปมู ี 3 ฤดู

บ฾ำนห฾วยปูแต฽เดิมช่ือบ฾ำนแม฽แดดหลวง แล฾วเปล่ียนชื่อเป็นบ฾ำนห฾วยปู
สมยั ผใ฾ู หญ฽ นำยพะหล฽ู อำํ ไพอภริ ูป เมอ่ื ประมำณ 50 ปีกอ฽ น คำํ ว฽ำห฾วยปูมำจำกคํำ
ว฽ำ ห฾วยพลู ซ่ึงเคยมีใบพลูมำกในบริเวณนี้ จำกกำรบันทึกข฾อควำมของเจ฾ำลำด

-91-

เครือข่ายพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ ันธ์ุ

ณ เชียงใหม฽ ปี 2497 คนก฽อตั้งหมู฽บ฾ำนเป็นคนแรกคือนำยพะเลำะเหว฽ ซึ่ง
หม฽ูบ฾ำนน้ีแต฽ก฽อนต้ังอย฽ูในตํำบลแม฽ศึก ก่ิงอํำเภอแม฽แจ฽ม จังหวัดเชียงใหม฽
ก฽อตั้งครั้งแรกมีหลังคำเรือน 13 หลังคำเรือน ประชำกร 93 คน นับถือพุทธผีอย฽ู
ได฾สร฾ำงอำศรมพระธรรมบ฾ำนห฾วยปู ปี พ.ศ. 2519 ได฾จัดต้ังโรงเรียน ในปี พ.ศ.
2517 และในปี พ.ศ. 2537 ได฾จัดสร฾ำงอนำมัย ไฟฟูำพลังนํ้ำข้ึน ปใจจุบัน
หมู฽บ฾ำนห฾วยปู ในปีพุทธศักรำช 2519 ชำวบ฾ำนห฾วยปู ได฾มีมติที่ประชุมอย฽ำง
เอกฉันทแท่ตี ฾องกำรให฾พระธรรมจำรกิ มำอยป฽ู ระจํำหม฽บู ฾ำน เพื่อที่จะมำพัฒนำท้ังวัตถุ
และจิตใจตลอดถึงเป็นสถำนท่ีเผยแผ฽หลักธรรมของพระพุทธศำสนำของชำวบ฾ำน
หลังจำกท่ชี ำวบำ฾ นห฾วยปูในสมัยนนั้ มคี วำมเช่ือในเร่ืองบรรพบรุ ษุ ในแต฽ละปีจะมีกำร
ประกอบพิธีเล้ียงผีบ฾ำน คนในครอบครัวได฾รับกำรเจ็บไข฾ได฾ปุวยชำวบ฾ำนจะมีกำร
นับถือผีควบค฽ูไปกับกำรนับถือศำสนำอ่ืน เพรำะสังคมดั้งเดิมของกล฽ุมชำติพันธแุ
กะเหรี่ยง มีกำรนับถือผีมำแต฽โบรำณ ซึ่งจะมีชื่อเรียกว฽ำ “เอำะแค” (กำรเลี้ยงผี
บ฾ำน) และกำรฉีดยำ ท่ีกะเหรี่ยงเรียกว฽ำ “แช฿ะ เก฿อะ ส่ี” ท่ีคนที่ฉีดอ฾ำงว฽ำบุคคลที่
ฉีดยำนี้แล฾วจะปลอดภัยจำกกำรเบียดเบียนของวิญญำณท้ังปวง ซ่ึงกำรมีควำมเชื่อ
ผสมผสำนไปกับกำรนับถือพระพุทธศำสนำนำนนับหลำยช฽วงอำยุคนแล฾ว จำก
หมู฽บ฾ำนห฾วยปูมีพระธรรมจำริกอย฽ูประจํำหมู฽บ฾ำน ชำวบ฾ำนได฾เริ่มที่มีควำมรู฾ควำม
เข฾ำใจในหลักธรรมและพิธีกรรมทำงพระพุทธศำสนำ มีควำมศรัทธำเลื่อมใสใน
บวรพระพุทธศำสนำ มกี ำรพัฒนำดำ฾ นวตั ถแุ ละจติ ใจควบคู฽กันไป จนทํำให฾บ฾ำน
ห฾วยปูมีควำมเจริญก฾ำวหน฾ำท้ังวัตถุและจิตเป็นลํำดับ สังเกตจำกในแต฽ละปี
ชำวบำ฾ นไดป฾ ระกอบพิธแี สดงตนเปน็ พทุ ธมำมะเป็นจํำนวนมำก ปใจจุบันมีผ฾ูนับถือ
พระพุทธศำสนำจํำนวน 59 หลังคำเรือนและนับถือศำสนำคริสตแจํำนวนนิกำย
คำทอลิก 3 หลังคำเรือน จำกกำรเข฾ำมำเผยแผ฽พระพุทธศำสนำของพระธรรม
จำริกในหมูบ฽ ำ฾ นห฾วยปู ตงั้ แตป฽ ีพทุ ธศักรำช 2519 จนถึงปจใ จบุ นั

อำศรมบ฾ำนแม฽แดดน฾อย ตํำบลแม฽แดด อํำเภอกัลยำณิวัฒนำ จังหวัด
เชียงใหม฽ บ฾ำนแม฽แดดน฾อย หมู฽ท่ี 4 บ฾ำนแม฽แดดน฾อย ตํำบลแม฽แดด อํำเภอ
กัลยำณิวัฒนำ จังหวัดเชียงใหม฽ ก฽อต้ังเป็นหม฽ูบ฾ำนประมำณ 200 กว฽ำปี กำรใช฾ช่ือ
ถือเอำชื่อแม฽นํ้ำแม฽แดด (ขุนแม฽แดด) อันเป็นต฾นน้ํำท่ีไหลผ฽ำนหม฽ูบ฾ำน บ฾ำนแม฽
แดดนอ฾ ยต้ังขึน้ เมื่อปี พ.ศ.2259 เดิมบ฾ำนแมแ฽ ดดน฾อยอยูใ฽ นตํำบลวัดจันทรแ จนถึง
ปี พ.ศ.2538 จึงได฾แยกตัวออกมำเป็นตํำบลแม฽แดด ชำวบ฾ำนแม฽แดดน฾อย

-92-

เครอื ข่ายพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

ชำวบ฾ำนแมแ฽ ดดนอ฾ ยมคี วำมเชอื่ และเคร฽งครัดใจจำรีตประเพณี จึงมผี ูน฾ ํำทำงศำสนำ
ควำมเช่ือที่สืบทอดตํำแหน฽งกันทำงสำยเลือดโดยลํำดับ ผู฾นำํ ทำงศำสนำ

ชำวบำ฾ นในหมู฽บำ฾ นแม฽แดดนอ฾ ย เดิมมคี วำมเชอ่ื และนับถือผเี ป็นพน้ื ฐำนอย฽ู
แลว฾ มกี ำรเซ฽นไหว฾บรรพบุรุษ ตำมวำระและโอกำสทำงควำมเช่ือของทำงหม฽ูบ฾ำน
และในปี พ.ศ 2523 ศำสนำพุทธก็เร่ิมเข฾ำมำในหมู฽บ฾ำน มีชำวบ฾ำนบำงกล฽ุมที่
สนใจและใหค฾ วำมเล่อื มใสในพทุ ธศำสนำก็หันมำนับถือศำสนำพุทธ ซ่ึงวัฒนำธรรม
ต฽ำงๆ ก็คงทํำเหมอื นเดิม แตม฽ บี ำงอยำ฽ ง เชน฽ กำรไหว฾บรรพบุรุษ ผู฾ที่นับถือศำสนำ
พุทธจะไม฽มกี ำรจัดพิธีกรรมไหว฾บรรพบุรุษ ส฽วนกล฽ุมที่นับถือผีก็ทํำตำมรูปแบบเดิม
แต฽ชำวบำนท้ัง 2 กลุ฽มก็อย฽ูร฽วมกันได฾มำทํำกิจกรรมร฽วมกันทำงศำสนำในวัน
สํำคญั ๆ และจึงทำํ ใหม฾ ีสถำนทปี่ ระกอบพธิ ีกรรมทำงศำสนำข้ึน โดยทำงวัดศรีโสดำ
ได฾ก฽อตั้งอำศรมพระธรรมจริกบ฾ำนแม฽แดดน฾อยข้ึนเม่ือวันที่ 1 พฤษภำคม พ.ศ.
2523 โดยควำมเห็นชอบและควำมร฽วมมือของชำวบ฾ำนด฾วย ทำงวัดศรีโสดำได฾ส฽ง
พระธรรมจรกขึ้นมำปฏิบัติงำนและเผยแพร฽ทำงพระพุทธศำสนำอบรมประพฤติ
ปฏิบัติให฾แก฽ชำวบ฾ำน มีพระธรรมจำริกที่ขึ้นมำประจํำอยู฽ท่ีอำศรมบ฾ำนแม฽แดดน฾อย
ต้ังแต฽รุน฽ แรกถึงปจใ จบุ ันมีจํำนวน 12 รปู

อำศรมบ฾ำนขุนแม฽รวม ตํำบลแจ฽มหลวง อํำเภอกัลยำณิวัฒนำ จังหวัด
เชยี งใหม฽ บำ฾ นขุนแมร฽ วม มีชอ่ื เปน็ ภำษำกะเหร่ียงว฽ำ “เหม฽โลคี” มีกำรย฾ำยเข฾ำมำ
เม่ือปี 2326 นํำโดยนำยแดดู (ไม฽ทรำบนำมสกุล) พร฾อมกับหลำนชำยอีกคน
หน่ึงช่ือนำยแชแช ย฾ำยมำจำกบ฾ำนแม฽หยอด ตํำบลแม฽ศึก อํำเภอแม฽แจ฽ม จังหวัด
เชยี งใหม฽ ซึง่ ห฽ำงจำกบำ฾ นขนุ แมร฽ วมประมำณ 20 กิโลเมตร เพรำะเห็นว฽ำสถำนที่
ที่มีควำมเหมำะสมท่ีจะตงั้ บ฾ำนเรอื น มพี ้นื ทกี่ ำรประกอบอำชีพ เพรำะมีแม฽นํ้ำแม฽
รวมไหลผ฽ำนแต฽ตำมควำมเชือ่ ของชำติพนั ธุแกะเหรยี่ งกำรสรำ฾ งบ฾ำนมิใช฽เห็นว฽ำดีแล฾ว
สร฾ำง จะต฾องมีกำรทํำนำยทำยทักวำ฽ สถำนท่ีแห฽งนี้เมื่อมำอย฽ูแล฾วจะมีควำมสุข กำร
ประกอบอำชีพจะมีควำมเจริญร฽ุงเรืองหรือไม฽ ทํำให฾นำยเดดู จะสร฾ำงบ฾ำนได฾มีกำร
ทํำพิธีกรรมตำมควำมเชอ่ื ตำมบรรพบุรุษโดยกำรนํำกระดูกไก฽มำทํำนำย โดยนํำเอำ
สว฽ นกะโหลกหวั ไกม฽ ำดู หำกกระดกู ได฾สัดส฽วนมีควำมสมบูรณแไม฽หัก ไม฽งอ มีควำม
ปรกติทุกอย฽ำง ถึงว฽ำสำมำรถสร฾ำงบ฾ำนอย฽ูแล฾วจะมีควำมสุข มีควำมเจริญร฽ุงเรือง
ได฾ จงึ จะสร฾ำงบ฾ำนเรือนตรงไหนไดบ฾ ำ฾ ง กำรเลอื กไกม฽ ำประกอบพิธีโดยไม฽เลือกไก฽
ท่ีไม฽ดี เช฽นไก฽ท่ีไข฽บนดิน ไก฽ที่กินไข฽ตัวเอง ไก฽ผ฾ูเมียขัน ไก฽ท่ีจะมำประกอบพิธี

-93-

เครือขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลมุ่ ชาตพิ ันธุ์

ทํำนำยทำยทักคือ ไก฽ดํำเพื่อหำสถำนท่ีต้ังบ฾ำนเรือน เมื่อได฾จุดตํำแหน฽งแล฾วก็ได฾
สร฾ำงบ฾ำน 1 หลัง ท่ีเรียกช่ือตำมภำษำกะเหร่ียงว฽ำ “เบลำะ” ใช฾สํำหรับประกอบ
พิธีกรรมและไว฾ต฾อนรับแขกท่ีมำเยือน เม่ือสร฾ำง “เบลำะ” เรียบร฾อย ก็จะให฾
สมำชิกหำท่ีจับจองสร฾ำงบ฾ำนบริเวณรอบๆ “เบลำะ” ตำมควำมเชื่อของกะเหรี่ยง
นั้นหำกหำจุดตํำแหน฽ง “เบลำะ” ไม฽ได฾หรือไม฽ดีก็จะต้ังรกรำกสร฾ำงบ฾ำนไม฽ได฾
เช฽นกนั ในกำรปกครองบำ฾ นน้ันจะมีกำรปกครองแบบผนู฾ ำํ ตำมธรรมชำติ

สภำพพื้นที่ของบ฾ำนขุนแม฽รวม ยังมีทรัพยำกรธรรมชำติปุำไม฾ยังมีควำม
อุดมสมบูรณแมำก จำกกำรอนุรักษแของชุมชน ลํำห฾วยทุกสำยจะมีนํ้ำไหลตลอดปี
เม่อื ปี พ.ศ. 2480 ชำวเขำเผ฽ำมง฾ เข฾ำมำอพยพตงั้ รกรำก เดิมมีเพียงไม฽ก่ีหลังแต฽ไม฽
นำนก็มีกำรอพยพตำมกันมำมำกข้ึนประมำณส่ีสิบหลัง มีกำรปลูกฝิ่นเป็นอำชีพ
หลัก และไดบ฾ กุ รุกขนำยพ้นื ทีเ่ พำะปลูกฝิน่ ในเขตอนุรักษแตน฾ นํ้ำของชำวบ฾ำน ทํำให฾
น้ํำท่ไี หลตลอดปเี ร่ิมมจี ำํ นวนลดลงเรอ่ื ยๆ ได฾เกิดปใญหำทต่ี ำมมำอย฽ำงรุนแรงหลำย
เรื่อง มีกำรล฽ำสัตวแปุำและฆ฽ำสัตวแเลี้ยงของชำวบ฾ำน โดยท่ีเอำผิดใครไม฽ได฾ กำรล฽ำ
สัตวแในเขตต฾นนํ้ำพร฾อมกับกำรจุดไฟเผ฽ำปุำทํำให฾ขุนห฾อย ขุนแม฽รวมเสียหำยมำก
ขึ้น จำกกำรปลูกฝิ่นชำวบ฾ำนขุนแม฽รวมเองบำงส฽วนเร่ิมหันมำปลูกตำมกัน
ชำวบ฾ำนส฽วนหน่ึงก็ติดยำจำกนั้น ตชด. ทรำบเร่ืองก็เข฾ำมำสืบหำข฾อมูล
ปรำบปรำม เข฾ำไปตัดฝ่นิ ในไร฽ มีกำรสอบถำมข฾อมูลเพิ่มเติมใครเป็นผู฾ท่ีปลูกฝ่ินแต฽
ก็ไม฽มีใครยอมรับ ผ฾ูที่ปลูกฝ่ินส฽วนใหญ฽เป็นชำวเขำเผ฽ำม฾งและชำวบ฾ำนขุนแม฽รวม
บำงส฽วนจงึ ทํำให฾เกิดกำรขัดแย฾งระหว฽ำงชำวบ฾ำนท่ีไม฽ได฾ปลูกฝิ่นจึงรวมตัวกันขับไล฽
ชำวเขำเผ฽ำม฾งให฾ออกจำกพ้ืนท่ี โดยมีเหตุผลว฽ำ ในเม่ือไม฽มีใครเป็นเจ฾ำของไร฽ฝิ่น
และไม฽มีใครยอบรับต฾องไม฽มีใครอย฽ูและห฾ำมไม฽ให฾ทํำไร฽ฝิ่นอีกต฽อไปอย฽ำงเด็ดขำด
ให฾ออกจำกพื้นท่ี ทีอ่ ยูอ฽ ำศัยทงั้ หมด

อำศรมฯ บำ฾ นขุนแม฽รวม เป็นกลุ฽มชำติพันธุแกะเหร่ียงที่ยึดถือและเคร฽งครัด
ในเรื่องจำรีตประเพณีของควำมเป็นปกำเกอะญออย฽ำงเสมอต฾นเสมอปลำย ก฽อนที่
จะมีพระธรรมจำริกเขำ฾ มำในชุมชน ชำวบ฾ำนขุนรวมประกอบพิธีตำมควำมเช่ือของ
ตน มคี วำมเชื่อหมอผีหรือฮโี ขเ฽ ป็นหลัก เวลำเจ็บปุวย มักจะประกอบพิธีกำรเลี้ยงผี
เป็นกำรเล้ียงดวงวิญญำณท่ีมำเบียดเบียน ควำมเช่ือทำงบรรพบุรุษและ
พระพุทธศำสนำสำมำรถที่จะผสมผสำนกันได฾ จึงทํำให฾ชำวบ฾ำนขุนแม฽รวมเมื่อถึง
เวลำงำนบุญงำนกุศลเช฽นวันสงกรำนตแ พำกันไปทํำบุญในตัวอํำเภอแม฽แจ฽ม

-94-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของกลมุ่ ชาติพนั ธุ์

จังหวัดเชียงใหม฽ แต฽ส฽วนมำกจะมำร฽วมทํำบุญท่ีวัดบ฾ำนจันทรแ เพรำะถือโอกำสไป
เย่ียมญำติพ่ีน฾อง จำกกำรไปทํำบุญที่วัดอื่นอย฽ำงต฽อเนื่อง ผู฾นํำชุมชนเล็งเห็นว฽ำ
ชำวบ฾ำนขุนแม฽รวมเป็นหม฽ูบ฾ำนขนำดใหญ฽ ควรมีกำรจัดตั้งอำศรมและไปขอ
นมิ นตพแ ระธรรมจำริกจำกโครงกำรพระธรรมจำรกิ สว฽ นภมู ภิ ำคมำประจํำหมบู฽ ฾ำน

ปีพุทธศักรำช 2519 ชำวบ฾ำนได฾นิมนตแ พระอินช฽วย ไม฽ทรำบฉำยำ
มำเป็นพระธรรมจำริกรูปแรก ชำวบ฾ำนได฾ช฽วยกันสร฾ำงศำลำบํำเพ็ญบุญและที่พัก
สงฆแ เมื่อมีพระธรรมจำริกมำอย฽ปู ระจํำในหมูบ฽ ำ฾ น ชำวบำ฾ นได฾มโี อกำสำเข฾ำอำศรม
ฟใงธรรมเทศนำ จึงเกิดควำมศรัทธำเล่ือมใสในพระพุทธศำสนำ อยำกเข฾ำพิธีแสดง
ตนเป็นพุทธมำกมะ กอปรกับเบื่อหน฽ำยกับกำรเล้ียงผีในกำรบูชำวิณญำณบรรพ
ชน เพรำะมีข้ันตอนท่ีย฽ุงยำก เบ้ืองต฾นไม฽มีใครที่จะกล฾ำท่ีจะเข฾ำพิธีแสดงตนเป็น
พุทธมำมกะ เพรำะเกรงว฽ำดวงวิญญำณบรรพชนโกรธเคืองแล฾วมำทํำร฾ำยตนและ
ครอบครัว นำยเงยดี อำภำประเสริฐและครอบครัวนำยส฽ำโท วุฒิเจริญกำร จึง
ตัดสินที่จะเลิกกำรเลี้ยงผีในบ฾ำน โดยนิมนตแพระธรรมจำริกมำประกอบพิธีในกำร
แสดงตนเปน็ พุทธมำมกะ จนถงึ ปจใ จุบันมีชำวบำ฾ นเกอื บทง้ั หมู฽บ฾ำนได฾เข฾ำมำแสดง
ตนเป็นพุทธมำมกะตำม โดยนํำเอำพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรมและ
พระสงฆเแ ปน็ ท่ีพงึ่ ของตนตลอดชีวิต

สถำนท่ีท฽องเที่ยวเส฾นทำงอํำเภอกัลยำณิวัฒนำ สถำนท่ีใกล฾เคียงกัน
นอกจำกจะมีสถำนที่ศักด์ิสิทธิ์ อันเป็นศูนยแรวมใจของชำวชุมชนก็คือ “วัดจันทรแ”
ท่ีเป็นวัดเก฽ำแก฽ของชุมชน ประดิษฐำนพระธำตุวัดจันทรแ และมีวิหำรท่ีเป็นที่รู฾จัด
ของคนทั่วไปว฽ำ “วิหำรแว฽นตำดํำ” หรือ “วิหำรเรยแแบน” ที่เมื่อมองจำกด฾ำนหน฾ำ
วิหำรแล฾วจะเห็นภำพคล฾ำยกับมีแว฽นตำขนำดใหญ฽สวมอยู฽ แหล฽งท฽องเที่ยวของ
ชุมชนวดั จนั ทรนแ ้ัน งดงำมด฾วยพ้นื ที่ท่ีธรรมชำตสิ ร฾ำงสรรคขแ น้ึ

ศูนยแกลำงของ อ.กัลยำณิวัฒนำ อย฽ูท่ีชุมชนบ฾ำนจันทรแ ซ่ึงมี “วัดจันทรแ”
เป็นศูนยแรวมแห฽งศรัทธำ วัดจันทรแ เป็นวัดเก฽ำแก฽ไม฽มีหลักฐำนแน฽ชัดว฽ำสร฾ำงใน
สมัยใด แต฽สันนิษฐำนว฽ำสร฾ำงขึ้นมำได฾กว฽ำ 300 ปีแล฾ว ซ่ึงช่ือของวัดจันทรแ บ฾ำน
จันทรแน้ัน ตำมตํำนำนเชื่อว฽ำมำจำกชื่อของ “นำยจันทรแ” (ตํำนำนหนึ่งว฽ำเป็นคน
จำกล฾ำนนำ อีกตำํ นำนหนึ่งว฽ำเป็นคนพนื้ ที่ที่น่ี) วัดจันทรแเป็นท่ีประดิษฐำนของพระ
ธำตวุ ดั จนั ทรสแ ่ิงศกั ดิ์สิทธิ์คู฽บ฾ำน ขณะท่ีวิหำรของท่ีน่ีนับว฽ำดูแปลกจำกวิหำรท่ัวๆไป
หลำยคนเรียกวิหำรหลังน้ีว฽ำ “วิหำรแว฽นตำดํำ” หรือ “วิหำรเรยแแบน” เพรำะเมือง

-95-


Click to View FlipBook Version