The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวทางปฏิบัติในการประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เหมาะสมกับกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา เป็นรายงานการติดตามผลดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม ภาวะผู้สูงอายุ และการเรียนรู้วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์แนวปฏิบัติของเครือข่ายพระนักพัฒนา และกระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา ในการสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ของพื้นที่ต้นแบบ (Model) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา และประเมินผลกระทบของพื้นที่ต้นแบบ (Model) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by MCU Books, 2021-03-02 08:59:40

เครือข่ายพระนักพัฒนากับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์

แนวทางปฏิบัติในการประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เหมาะสมกับกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา เป็นรายงานการติดตามผลดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม ภาวะผู้สูงอายุ และการเรียนรู้วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์แนวปฏิบัติของเครือข่ายพระนักพัฒนา และกระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา ในการสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ของพื้นที่ต้นแบบ (Model) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา และประเมินผลกระทบของพื้นที่ต้นแบบ (Model) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา

Keywords: คุณภาพชีวิต, เครือข่ายพระนักพัฒนา, ชุมชนพื้นที่สูง

เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของกลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ

ดํำรงชีพของชำวบ฾ำนในชุมชนนั้นๆ ด฾วย แม฾ว฽ำกำรเดินทำงสัญจรไปมำลํำบำก
มำก โดยเฉพำะฤดูฝน อำศรมหลำยแห฽งไม฽สำมำรถเข฾ำหรือออกจำกชุมชนนั้นๆ
ได฾ เนื่องจำกว฽ำเปน็ ถนนลูกรังหรือดินโคลน อย฽ำงไรก็ตำม บำงพื้นท่ีพระนักพัฒนำ
เองยังขำดทักษะในกำรสื่อสำรภำษำถ่ิน ทํำให฾ไม฽เข฾ำใจซึ่งกันและกัน ต฾องอำศัย
ภำษำกำยช฽วยบ฾ำง หรือให฾ชำวบ฾ำนในชุมชนนั้นๆ ได฾ช฽วยสื่อควำมหมำย
นอกจำกนี้ พระนักพัฒนำเองได฾ทํำงำนด฾วยใจเต็มร฾อย โดยไม฽ได฾หวังลำภ สักกำระ
คำ฽ ตอบแทนใดๆ โดยเฉพำะอย฽ำงยิ่งงำนพระศำสนำ พระนักพัฒนำต฾องทํำงำนด฾วย
ใจรักและปณิธำน ตั้งเปูำหมำยในกำรทํำงำนแล฾วทํำสิ่งที่ตั้งใจไว฾ให฾สํำเร็จ ทํำงำน
ด฾วยควำมเสียสละ รับผิดชอบ แต฽ไม฽สำมำรถละหรือเลิกได฾ นอกเสียจำกทํำต฽อไป
เพ่อื เปน็ พทุ ธบชู ำ นอกจำกน้ีพระนักพัฒนำต฾องเข฾ำไปอยู฽จํำพรรษำในชุมชน เพื่อ
เป็นผ฾ูนํำและผู฾ประสำนในกำรช฽วยอบรมศีลธรรมและจริยธรรมผ฽ำนกิจกรรมต฽ำงๆ
เชน฽ กำรสอนศีลธรรมในโรงเรยี น กำรส฽งเสรมิ ให฾ชำวบำ฾ นในชุมชนรักษำศีล 5 กำร
สบื ชะตำปำุ สวดมนตสแ ญั จร กำรณรงคแลดละเลกิ อบำยมุข เป็นต฾น

2. เนื้อธรรม (Message) ของพระนักพัฒนำที่ทํำงำนในพื้นที่ นอกจำก
พระนกั พฒั นำตอ฾ งมีควำมร฾ูและพูดภำษำถน่ิ ไดใ฾ นระดับดีแล฾ว ต฾องสำมำรถเลือกสรร
หลักธรรมที่จะนํำไปสั่งสอนให฾เข฾ำกับภูมิปใญญำท฾องถิ่น ควำมเชื่อของชำวบ฾ำน
เพ่อื เอำไปประยุกตแใช฾ได฾จรงิ กับกำรดำํ เนนิ ชวี ติ ของชำวบ฾ำนในชุมชน เนื้อหำท่ีตรง
กบั ควำมตอ฾ งกำรของชำวบ฾ำน เป็นเร่ืองท่ีเกี่ยวข฾องกับควำมปลอดภัยในกำรดํำเนิน
ชีวติ ด฾วยกำรกำรรักษำศีล 5 หลักอิทธิบำท 4 คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสำ กำร
ช฽วยเหลือเก้ือกูลกันด฾วยหลักสังคหวัตถุธรรม ควำมกตัญโูรู฾คุณต฽อบรรพบุรุษ พ฽อ
แม฽ ครูอำจำรยแและต฽อธรรมชำติ และธรรมท่ีทํำให฾เป็นกัลยำณมิตตธรรม 7 คือ
เป็นท่ีรัก เป็นท่ีเคำรพ เป็นที่ยกย฽อง ร฾ูจักชี้แจง เป็นผ฾ูอดทน พูดด฾วยคํำลึกซ้ึงได฾
ไม฽ชักนํำไปในทำงเสื่อม เป็นต฾น ก็จะทํำให฾ชุมชนน้ันมีควำมรักสำมัคคีกัน
เพรำะฉะน้ัน พระนักพัฒนำต฾องสำมำรถเสนอเนื้อหำธรรมให฾ชำวบ฾ำนได฾เข฾ำใจ มี
ควำมสนุกสนำน เกิดศรัทธำ พัฒนำกำย จิตและสติปใญญำและนํำไปปฏิบัติใน
ชีวติ ประจํำวันอยำ฽ งอย฽ูดี มีสขุ ปจใ จุบนั น้ี เศรษฐกจิ ไมค฽ อ฽ ยดี พระนักพัฒนำต฾องให฾
ข฾อคิดในเร่ืองของกำรประหยัด อดออม ทํำบุญตำมควำมสำมำรถของตน ไม฽
ทํำบุญจนทํำให฾ตนเองเดือดร฾อน หรือสำมำรถตั้งกลุ฽มออมสัจจะชุมชนได฾ อีก
ประกำรหนึ่ง พระนักพัฒนำต฾องสร฾ำงเร่ืองเล฽ำ (Story) ให฾กับสื่อท่ีมีอย฽ู เพื่อสอน

-146-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลมุ่ ชาตพิ ันธุ์

ให฾นักเรียนหรือผู฾สนใจศึกษำน้ันได฾เข฾ำใจ ใส฽ใจ ใฝุใจ และกระจ฽ำงใจในเร่ืองรำวที่
เรำต฾องกำรสื่อ เปรียบเสมือนกับท่ีมำของศำลำหลังหน่ึงที่สร฾ำงในพระธำตุวัดปำง
หมทู ีว่ ำ฽ ศำลำกระจ฽ำงใจ หรอื แมแ฾ ต฽ปูำยหน฾ำวดั ทว่ี ำ฽ “ฝำกงำนไว฾กับแผ฽นดิน ทํำงำน
พระศำสนำ เพ่ือเป็นมำลำไว฾กบั แผน฽ ดิน” สรำ฾ งวดั หรืออำศรมเปน็ แหล฽งเรียนร฾ู เพ่ือ
เป็นพุทธบูชำ ธรรมบชู ำ สังฆบูชำ ฝำกไวเ฾ พือ่ แผ฽นดิน

3. ชอ฽ งทำงกำรสือ่ สำร (Channel) ของพระนักพัฒนำนั้นเกี่ยวข฾องกับกำร
ใช฾ส่ือและชอ฽ งทำงทจี่ ะสอื่ สำรกับชำวบ฾ำนในชุมชน โดยพระนักพัฒนำชึ่งถือว฽ำเป็น
สื่อบุคคลต฾องสำมำรถใช฾ส่ือเทคโนโลยี เพื่อส่ือสำรช฽วยชำวบ฾ำนสำมำรถพ่ึงพำ
ตนเองเลีย้ งชีพของตนได฾ดี รวมท้ังพระนักพัฒนำต฾องประยุกตแนํำหลักทฤษฎีกำร
สอน 4 ส. มำใช฾ คือ สัททัสสนำ (แจ฽มแจ฾ง) สมำทปนำ (จูงใจ) สมุเตชนำ (แก฾ว
กล฾ำ) สัมปหังสนำ (ร฽ำเริง) มำใช฾อธิบำยหลักธรรม และกำรอบรมปฏิบัติธรรมใน
วันสํำคัญต฽ำงๆ ของพระพุทธศำสนำและของชำติ เช฽น กำรทํำบุญในวันมำฆบูชำ
วิสำขบูชำ อำสำฬหบูชำ วันสงกรำนตแ วันเข฾ำพรรษำ วันพ฽อและวันแม฽ เป็นต฾น
ฉะน้ันกำรใช฾สื่อบุคคลด฾วยกำรพูดให฾ฟใง ทํำให฾ดู อย฽ูให฾เห็น ซึ่งถือว฽ำเป็นกำรเข฾ำถึง
ชำวบ฾ำนในชุมชนได฾ดียิ่งข้ึน นอกจำกนี้ พระนักพัฒนำยังใช฾สื่อเทคโนโลยีเข฾ำมำ
เปน็ เครื่องมือในกำรปฏิบัติงำนให฾เกิดผลสัมฤทธ์ิ เพรำะว฽ำเทคโนโลยีมีควำมสํำคัญ
มำกในกำรใช฾ติดต฽อส่ือสำร อำทิเช฽น กำรฉำยหนังธรรมะและหนังท่ัวไป มีกำร
จัดทํำจอหนังขนำดกลำงและขนำดใหญ฽ เอำไว฾ไปใช฾สื่อสำรธรรมะและวัฒนธรรม
กับชำวบ฾ำนในพ้ืนท่ี ทํำกิจกรรมท่ีเป็นกุศโลบำยท่ีช฽วยในกำรอนุรักษแปลำ ปุำไม฾
และต฾นนํ้ำ เช฽น กำรสืบชะตำนํ้ำ-ปุำ สืบชะตำปลำ เป็นต฾น แม฾แต฽ชำวบ฾ำนต฽ำง
ศำสนำและต฽ำงนิกำย มีชำวบ฾ำนที่นับถือพุทธ คริสตแนิกำยคำทอลิกและนิกำย
โปแทสแตนในอํำเภอขนุ ยวมยงั ทํำกจิ กรรมร฽วมกันเม่ือเห็นพระบิณฑบำต ชำวบ฾ำน
ทุกศำสนำก็ใส฽บำตรพระเหมือนกันหมด อีกประกำรหนึ่ง พระนักพัฒนำใช฾
ช฽องทำงกำรอบรมคุณธรรมศีลธรรมอย฽ำงไม฽เป็นทำงกำรด฾วยเช฽นกัน คือกำรเยี่ยม
เยือนชุมชนในโอกำสต฽ำงๆ เช฽น กำรประกอบพิธีกรรมข้ึนบ฾ำนใหม฽ งำนแต฽งงำน
งำนศพ หรือกำรเย่ียมผู฾ปุวย เป็นต฾น โดยกำรสอดแทรกหลักธรรมส่ือสำรกับ
ชำวบ฾ำนในชุมชน อำทิ เช฽น จำคะ ศีล 5 อบำยมุข ทิศ 6 อิทธิบำท 4 สมชีวิ
ธรรม และไตรลกั ษณแ ฯลฯ

-147-

เครือข่ายพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลุ่มชาติพนั ธุ์

4. ผ฾ูรับสำร (Receiver) ของพระนักพัฒนำน้ันประกอบด฾วย คนเมือง
(ล฾ำนนำ) ชำวไต(ไทใหญ฽), จีนฮ฽อ, พม฽ำ และชำวเขำเผ฽ำต฽ำงๆ ได฾แก฽ ม฾ง (แม฾ว)
ลีซู (ลีซอ), ล฽ำห฽ู (มูเซอ), ลัวะ และกะเหรี่ยง ดังน้ัน พระนักพัฒนำเองก็ต฾อง
วิเครำะหผแ ูร฾ บั สำร เพื่อหำวธิ ีทีจ่ ะเขำ฾ ไปส่ือสำรกับเปูำหมำยของตนเองในพื้นที่อย฽ำง
มีประสิทธิภำพ และพระนักพัฒนำก็ต฾องเข฾ำใจสภำพปใญหำในกำรส่ือสำรของ
ชำวบ฾ำนในพ้ืนท่ีเป็นกลุ฽มชำติพันธแุน้ันส฽วนมำกเกิดจำกประเด็นต฽อไปนี้ 1. ขำด
ทักษะในกำรส่ือสำร แต฽ละกลุ฽มชำติพันธแุมีภำษำที่ใช฾เป็นของตนเอง ทํำให฾ไม฽
สำมำรถเข฾ำใจภำษำไทยได฾ดี โดยเฉพำะชำวบ฾ำนที่มีอำยุมำกแล฾ว นอกเสียจำกท่ี
เป็นเด็กนักเรียน จึงทํำให฾มีกำรเน฾นกำรส่ังสอนศำสนำและวัฒนธรรมภำยใน
โรงเรียน 2. มีควำมร฾ูเร่ืองพุทธศำสนำที่แตกต฽ำงกัน ส฽วนมำกมีควำมเชื่อใน
ประเพณีดั่งเดิม นับถือผีบรรพบุรุษ มีค฽ำนิยมที่ผิดๆ นิยมชอบดื่มสุรำเป็นปกติ
ของวิถีชีวิต ทํำให฾พระนักพัฒนำต฾องรณรงคแให฾ลดละเลิกเหล฾ำเข฾ำพรรษำ เป็นต฾น
3. ชำวบ฾ำนถือระบบสังคมท่ีสลับซับซ฾อน สํำหรับระบบสังคมดั่งเดิมปกครองดูแล
โดยฮีโข฽หรือปูจองเป็นผู฾ดูแลลูกบ฾ำน ส฽วนศำสนำคริสตแเองก็มีหัวหน฾ำดูแล และแต฽
ละกล฽ุมชำติพนั ธุแก็มีวฒั นธรรมของตนเองในกำรรับฟใงและเรยี นร฾ู

5. กำรสร฾ำงเครือข฽ำย (Network) ของพระนักพัฒนำถือว฽ำเป็นหัวใจ
สํำคัญในกำรช฽วยในกำรส่ือสำรกระบวนกำรวัฒนธรรมเพ่ือกำรเรียนรู฾ของกลุ฽มชำติ
พันธแุได฾เป็นอย฽ำงดีและมีประสิทธิภำพมำกยิ่งขึ้น เนื่องจำกมีกำรร฽วมกล฽ุมกันของ
พระนักพัฒนำเองในชื่อกลุ฽มที่แตกต฽ำงกัน แต฽เพื่อจุดม฽ุงหมำยเดียวกัน เช฽น
เครือข฽ำยพระบัณฑิตอำสำของมหำวิทยำลัย มหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย วิทยำ
เขตเชียงใหม฽ เครือข฽ำยพระธรรมจำริก เครือข฽ำยครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน
หรือพระนักพัฒนำอื่นๆ ในพ้ืนที่ ได฾ช฽วยส฽งเสริมสนับสนุนให฾มีเครือข฽ำยของ
เยำวชนและชำวบ฾ำนกลุ฽มชำติพันธแุต฽อไป เพื่อให฾เกิดได฾เรียนร฾ู เข฾ำใจหลักธรรม
และพระพุทธศำสนำมำกขึ้น บำงแห฽งมีควำมต฾องกำรพระภิกษุเข฾ำไปอยู฽ประจํำ
อำศรม เพอ่ื เปน็ ทพี่ ึ่งทำงใจและนำํ ชำวบ฾ำนในชุมชนประกอบพิธีกรรมต฽ำงๆ เพ่ือ
ควำมรักควำมสำมัคคีของคนในชุมชม เพรำะฉะน้ัน เครือข฽ำยของพระนักพัฒนำ
สำมำรถกํำหนดยุทธศำสตรแและกลยุทธแร฽วมกับชุมชนในกำรเผยแผ฽ศำสนำและ
วัฒนธรรม เน฾นกำรทํำงำนแบบมีส฽วนร฽วมบ฾ำน วัด โรงเรียน (บวร) เพื่อให฾เกิด
ประโยชนแแ กช฽ มุ ชนน้นั ๆ อยำ฽ งแท฾จรงิ

-148-

เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของกลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุ

โดยสรุป กำรวิเครำะหแแนวปฏิบัติของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำและ
กระบวนกำรสื่อสำรวัฒนธรรมเพ่ือกำรเรียนร฾ูของกล฽ุมชำติพันธแุบนพ้ืนที่สูงในพ้ืนท่ี
ตน฾ แบบ สบเมย แมล฽ ำนอ฾ ย ขนุ ยวม เมอื งแม฽ฮ฽องสอนของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำ
ตำมกรอบทฤษฎีกำรส่ือสำรของเดวิด เค เบอรแโล ประกอบด฾วย 1.กำรส่ือสำรของ
พระนักพัฒนำ (Sender) ต฾องเป็นกำรทํำงำนเชิงรุกมำกข้ึน มีทักษะในกำรสื่อ
ภำษำถิ่นกับกลุ฽มชำติพันธุแ ทํำงำนด฾วยใจรักและมีปณิธำนท่ีชัดเจน บำงครั้งอำจ
ประสบปใญหำก็อย฽ำท฾อถอยในกำรทํำควำมเพียร และไม฽เพียงพอต฽อกำรทํำควำมดี
2.เนื้อธรรม (Message) ของพระนักพัฒนำ ควรเป็นหลักธรรมท่ีมีเนื้อหำสำระ
เก่ียวข฾องกับวิถีชีวิตของชำวบ฾ำนในชุมชน มีประโยชนแแก฽ชำวบ฾ำน ชุมชนและ
ประเทศชำติทงั้ ในปจใ จบุ นั และอนำคต 3.ช฽องทำงกำรสื่อสำร (Channel) ของพระ
นกั พัฒนำนั้นเกี่ยวข฾องกำรกำรใชส฾ ื่อเทคโนโลยีและช฽องทำงที่จะสื่อสำรกับชำวบ฾ำน
ในชุมชน ใช฾ภำษำที่เข฾ำใจง฽ำย สื่อท่ีจูงใจ มีวิธีกำรสอนท่ีหลำกหลำยและมี
ประสิทธิภำพ 4.ผ฾ูรับสำร (Receiver) ของพระนักพัฒนำต฾องมีกำรวิเครำะหแผู฾รับ
สำร เพื่อจะได฾หำวิธีท่ีจะเข฾ำไปสื่อสำรกับเปูำหมำยของตนเองในแต฽ละชุมชนให฾
เข฾ำใจแจ฽มแจ฾งในเรื่องท่ีได฾ฟใง มีแรงจูงใจในกำรพัฒนำตน มีควำมพยำยำมในกำร
ปฏิบัติ และมีควำมสุขจำกกำรเรียนร฾ูและทํำกิจกรรมทำงพุทธศำสนำ 5.กำรสร฾ำง
เครือข฽ำย (Network) ของพระนักพัฒนำที่มีหลำยกล฽ุม ได฾แก฽ พระบัณฑิตอำสำ
พัฒนำชำวเขำ พระธรรมจำริก หรือพระสงฆแนักพัฒนำอื่นๆ ในพ้ืนที่ เพื่อทํำ
เปูำหมำยเดียวกัน เป็นหัวใจสํำคัญในกำรช฽วยสนับสนุนกำรสื่อสำรกระบวนกำร
วัฒนธรรมเพื่อกำรเรียนรู฾ของกล฽ุมชำติพันธแุได฾เป็นอย฽ำงดีและมีประสิทธิภำพมำก
ยิง่ ขึ้น

แนวปฏิบัติของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำและกำรส฽งเสริมเศรษฐกิจพอเพียง
ของกล฽ุมชำติพันธุแบนพ้ืนที่สูง อํำเภองำว จังหวัดลํำปำง ประกอบด฾วย
กระบวนกำรติดตำมงำนดังน้ี

1. กระบวนกำรเตรียมควำมพรอ฾ มใหก฾ ับพระนักพัฒนำในพื้นที่ อำศรมบ฾ำน
แม฽คิง ตํำบลนำแก อํำเภองำว และอำศรมบ฾ำนขุนแหง ตํำบลปงเตำ อํำเภองำว
จังหวัดลํำปำงโดยทำงมหำวิทยำมหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย วิทยำเขตเชียงใหม฽
ได฾คดั เลอื กพระอำสำสมัครท่ีมีควำมพร฾อมในด฾ำนจิตอำสำเพื่อกำรพัฒนำ ได฾รับกำร
ฝึกฝนอบรมจำกโครงกำรพระบัณฑิตอำสำเพื่อกำรพัฒนำบนพื้นที่สูง ด฾ำนองคแ

-149-

เครอื ขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาตพิ ันธุ์

ควำมรู฾ตำมหลักทำงพระพทุ ธศำสนำกับกำรพฒั นำชีวิตและชุมชน เช฽นหลักสัปปุริส
ธรรม หลักสำรำณียธรรม หลักอปหำนิยธรรม หลักฆรำวำสธรรม หลักกรรมเพ่ือ
กำรฝึกฝนพัฒนำตนเองด฾วยควำมไม฽ประมำท กำรส฽งเสริมอำชีพหรือหลัก
สัมมำอำชวี ะตำมหลกั ปรัชญำเศรษฐกิจแบบพอเพยี งและองคคแ วำมร฾ูดำ฾ นกำรทํำงำน
ให฾สํำเร็จตำมหลักอิทธิบำทธรรม หลักประโยชนแสำมท่ีเน฾นทั้งกำรทํำประโยชนแใน
เบื้องต฾น เบ้ืองกลำงและอุดมกำรณอแ ันสูงสุดคือพระนพิ พำน

2. กระบวนกำรติดตำมงำนด฾ำนกำรประสำนงำนกับคณะสงฆแเจ฾ำคณะพระ
สังฆำธิกำร เจ฾ำหน฾ำที่ฝุำยบ฾ำนเมืองและผ฾ูนํำชุมชนและประชำชนในพื้นที่เพ่ือกำร
นำํ เอำองคแควำมรู฾เข฾ำไปจัดทํำโครงกำรเพื่อกำรพัฒนำบนพื้นท่ีสูงแบบชุมชนมีส฽วน
ร฽วมคิด ร฽วมทํำ ร฽วมดํำเนินกิจกรรม ร฽วมแบ฽งปในผลประโยชนแ ร฽วมประเมินกำร
ดํำเนินกำร และข฾อเสนอแนะต฽ำงๆ เพื่อกำรพัฒนำตำมหลักสำมัคคีธรรมทำง
พระพุทธศำสนำ มีกิจกรรมท่ีส฽งเสริมให฾ประชำชนในหมู฽บ฾ำนมีกำรดํำเนินชีวิตใน
ควำมพอเพียงอย฽ำงเป็นรูปธรรม คนในชุมชนมีกำรบริหำรจัดกำร ใช฾หลักกำร
บริหำรจดั กำรตำมหลกั ธรรมสัปปุริสธรรม 7 เป็นหลักธรรมท่ีแสดงให฾เห็น กำรรู฾จัก
เหตุ รู฾จักผล รู฾จักประมำณ รู฾จักกำล รู฾จักปฏิบัติและร฾ูจักบุคคล รวมถึงกำรร฽วมมือ
กันพัฒนำชุมชนด฾วยควำมสำมัคคีและมีกำรประสำนงำนกัน มีวิถีพอเพียง และมี
กำรดํำเนินกิจกรรมตำมระบบมำตรฐำนงำนในชุมชนเพื่อชุมชน รวมถึงกำรใช฾
หลักธรรมในกำรถำ฽ ยทอดเพ่อื สง฽ เสรมิ ในกำรพัฒนำเป็นพื้นที่สูง มีวิธีกำรส฽งเสริมให฾
ชุมชนนํำหลักธรรมมำใช฾ในกำรพัฒนำอย฽ำงมีรูปธรรม และนํำไปใช฾ในกำรดํำเนิน
ชวี ิต และกำรประยกุ ตแหลกั พทุ ธธรรมของกล฽ุมชำติพนั ธคแ นในชมุ ชนได฾

3. กระบวนกำรตดิ ตำมงำนดำ฾ นกำรดํำเนินโครงกำรกำรขับเคลื่อนเครือข฽ำย
พระนกั พัฒนำบนพื้นท่ีสูงภำยใต฾เศรษฐกิจชุมชนแบบพอเพียงพ้ืนท่ีต฾นแบบอํำเภอ
งำว ได฾มีกำรดํำเนินกำรอย฽ำงเป็นขั้นตอน ตั้งแต฽กำรถ฽ำยทอดควำมรู฾เรื่องหลักพุทธ
ธรรมท่ีจํำเป็นแก฽กำรนํำไปส฽ูกำรปฏิบัติในกำรดํำเนินชีวิต ในเรื่องของกำรทํำงำน
กำรประกอบอำชีพ กำรบริหำรจัดกำรพื้นที่ให฾เกิดประโยชนแร฽วมกันในรูปของกำร
ร฽วมกล฽ุมเป็นเครือข฽ำยกำรพัฒนำ เช฽นกล฽ุมเกษตรกรท่ีทํำกำรเพรำะปลูกร฽วมกันใน
พื้นท่ี กำรใช฾หลักธรรมเร่ืองควำมขยันหมั่นเพียรในกำรทํำงำน กำรร฾ูจักกำรกินกำร
อยู฽บริหำรจัดกำรรำยได฾และทรัพยำกรที่มีอย฽ูด฾วยหลักร฾ูจัดกินร฾ูจักใช฾จ฽ำยด฾วยควำม
ประหยัดอย฽ำงพอดีเหมำะสม และส฽งเสริมและให฾กํำลังใจซึ่งกันและกันเพื่อให฾มี

-150-

เครอื ขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

พลังในกำรคิดทํำงำนร฽วมกันอย฽ำงสร฾ำงสรรคแ ทํำให฾ระลึกช฽วยเหลือกันและกันด฾วย
ควำมห฽วงใย ควำมสมํ่ำเสมอต฽อเนื่องในกำรขยัน กำรประหยัดอดออมจนมีเงิน
หมุนเวยี นเป็นกองทนุ เพื่อใชใ฾ นกำรเป็นทนุ ในชมุ ชน กำรนํำหลักธรรมเหล฽ำน้ีมำใช฾
ในรูปของคำถำบริกรรมร฽วมกันว฽ำ อุอำกะสะ เพ่ือใช฾อย฽ำงต฽อเนื่องในทุกวันและใน
วันพระที่ทุกคนจะได฾เข฾ำมำทํำกิจกรรมที่อำศรมทั้งสองแห฽งคืออำศรมบ฾ำนแม฽คิง
ตํำบลนำแก อํำเภองำวและอำศรมบ฾ำนขุนแหง ตํำบลปงเตำ อํำเภองำว เป็น
ประจํำเพ่ือรับฟใงธรรมมะ สนทนำธรรม และประกอบพิธีทํำบุญ เช฽นกำรให฾ทำน
กำรสมำทำนเบญจศีล และกำรทํำภำวนำ ในวันพระตำมควำมเช่ือของชำวพุทธ
บริษัท รวมถึงกำรปรึกษำกำรแก฾ปใญหำของชีวิตทั้งแบบเป็นรำยบุคคล (Case
work) หรือกลุ฽ม (Group work) รวมท้ังกำรปรึกษำร฽วมกันท้ังชุมชน
(Community work) ในบำงคร้ังมีกำรปรึกษำในเรื่องกำรวำงแผนบริหำรจัดกำร
ร฽วมกันตำมหลักทำงพระพุทธศำสนำร฽วมกับพระบัณฑิตอำสำพัฒนำบนพื้นที่สูง
(Community organization administration) รวมทั้งได฾มีกำรเรียนรู฾ร฽วมกัน
แบบเชิงลึกเพื่อกำรวิเครำะหแสภำพปใญหำกำรทํำงำน กำรปรับตัวต฽อสภำพสังคมท่ี
เปล่ียนแปลงไปถึงขั้นท่ีเรียกว฽ำกำรวิจัยชุมชนร฽วมกันจำกกำรท่ีผู฾วิจัยได฾ร฽วมใน
กิจกรรมถือว฽ำเป็นกำรทํำงำนด฾ำนกำรวิจัยในชุมชนกับชำวบ฾ำนไปพร฾อมๆกัน
(Community research) จึงทํำให฾ชุมชนมีองคแควำมรู฾ซ่ึงเป็นภูมิค฾ุมกันในกำร
ปอู งกนั และแก฾ปใญหำได฾อยำ฽ งดีเยี่ยม

4. กระบวนกำรติดตำมงำนด฾ำนผลลัพธแด฾ำนกำรดํำเนินโครงกำรกำร
ขับเคลื่อนเครือข฽ำยพระนักพัฒนำบนพ้ืนที่สูงภำยใต฾เศรษฐกิจชุมชนแบบพอเพียง
พื้นที่ต฾นแบบอํำเภองำว พบว฽ำชุมชนอำศรมบ฾ำนแม฽คิง ตํำบลนำแก อํำเภองำว
ผลลัพธแที่ได฾จำกแนวทำงปฏิบัติในกำรกำรดํำเนินงำนของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำ
กล฽ุมชำติพันธแบนท่ีสูงกับกำรพัฒนำเศรษฐกิจชุมชนแบบพอเพียง อํำเภองำว
จังหวัดลํำปำง คือ แนวคิดหลักเศรษฐกิจพอเพียงคือเศรษฐกิจที่ตั้งอย฽ูบนพ้ืนฐำน
ของ ควำมพอดี พออย฽ู พอกิน พอใช฾ ยึดหลักมัชฌิมำปฏิปทำในกำรดํำเนินชีวิต
ด฾วยควำมพอประมำณ มีเหตุมีผลและมีภูมิค฾ุมกันที่ดี เศรษฐกิจพอเพียง คือ
เศรษฐกิจเป็นทำงสำยกลำง พอประมำณไม฽ขำดแคลน มีควำมมั่นคง มีคุณธรรม
ประหยัดร฾จู กั ใชใ฾ นสง่ิ ท่ีจํำเป็น ชมุ ชนบำ฾ นแมค฽ งิ มกี ำรพง่ึ พำตนเอง สร฾ำงรำยได฾และ
ใช฾ทรัพยำกรที่มีอย฽ูในชุมชนให฾เกิดประโยชนแสูงสุด รวมถึงกำรสร฾ำงเครือข฽ำย

-151-

เครือขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ติ ของกลุ่มชาติพันธ์ุ

ทํำงำนระหว฽ำงพระและคนในชุมชน สร฾ำงวัฒนธรรม สังคมและสิ่งแวดล฾อมอย฽ำง
เข฾มแข็ง เศรษฐกิจชุมชนอยู฽ที่กำรรวมตัวของคนในชุมชนในกำรประกอบอำชีพ
เช฽น กำรปลูกพืช เลี้ยงสัตวแ กำรทํำหน฽อไม฾ปี๊บ กำรทอผ฾ำเพ่ือใช฾และจํำหน฽ำยใน
ชุมชน มีร฾ำนค฾ำในชุมชนที่จัดว฽ำเป็นธุรกิจชุมชน มีกองทุนหม฽ูบ฾ำน ทุนทำงสังคม
ทนุ ทำงวฒั นธรรมและทุนส่ิงแวดล฾อม พร฾อมท้ัง หลักธรรมสัปปุริสธรรม 7 อันเป็น
หลักธรรมที่แสดงให฾เห็น 1) กำรร฾ูจักเหตุหรือธัมมัญญตำ เป็นผู฾ที่มีเหตุผล รู฾จัก
วเิ ครำะหเแ พือ่ หำสำเหตุของส่งิ ที่เกดิ ข้นึ 2) ร฾จู กั ผลหรืออัตถัญญตำเป็นกำรร฾ูจักผลที่
เกิดจำกกำรกระทํำ 3) รู฾จักตนหรืออัตตัญญตำ เข฾ำใจตน ในด฾ำนควำมรู฾ คุณธรรม
และควำมสำมำรถของตน 4) ร฾ูจักประมำณหรือมัตตัญญตำมีควำมพอดี ดํำเนิน
ชีวิตได฾อย฽ำงเหมำะสม 5) รู฾จักกำลหรือกำลัญญตำ คือแบ฽งแยกเวลำท่ีควรทํำและ
ไม฽ควรทํำอย฽ำงเหมำะสม 6) ร฾ูจักปฏิบัติหรือปริสัญญตำกำรปรับตนและแก฾ไขตน
ให฾เข฾ำกับชุมชนได฾ และ 7) รู฾จักบุคคลหรือบุคคลัญญตำ กำรเป็นผู฾รู฾จักปรับตัวให฾
เข฾ำกับผ฾ูอื่นได฾อย฽ำงเหมำะสมซ่ึงพระธรรมจำริกได฾ถ฽ำยทอดควำมรู฾และแนวคิด
เศรษฐกิจพอเพียงให฾กับชุมชน นํำไปส฽ูกำรถ฽ำยทอดหรือส฽งเสริมให฾ใช฾ในกำรพัฒนำ
เศรษฐกิจชมุ ชนบนพืน้ ท่สี ูง มีวิธีกำรส฽งเสริมให฾ชุมชนนํำหลักพุทธรรมเกี่ยวกับกำร
พัฒนำเศรษฐกิจชุมชนบนพ้ืนท่ีสูงไปใช฾ในกำรดํำเนินชีวิตถึงครอบครัวในชุมชน
บ฾ำนแม฽คิงจะมีครอบครัวท่ีนับถือศำสนำพุทธเพียง 10 ครอบครัวแต฽กลุ฽มชำติพันธแ
ชำวเย฾ำและชำวกระเหรี่ยงรวมถึงชำวไทยบนพ้ืนที่สูงในชุมชนบ฾ำนแม฽คิงได฾นํำ
หลักธรรมทำงเศรษฐกิจในกำรดํำเนินชีวิตเพ่ือพัฒนำเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชน
ไดเ฾ ป็นอยำ฽ งดี

ในขณะที่ชุมชนอำศรมบ฾ำนขุนแหง ตํำบลปงเตำ อํำเภองำว ได฾ผลลัพธแที่
ได฾จำกแนวทำงปฏิบัติในกำรกำรดํำเนินงำนของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำกล฽ุมชำติ
พนั ธบแ นทส่ี ูงกบั กำรพฒั นำเศรษฐกิจชุมชนแบบพอเพียง อํำเภองำว จังหวัดลํำปำง
คือ แนวคิดหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือหลักของควำมพอดี พออย฽ู พอกิน พอใช฾
ด฾วยควำมพอประมำณ มีเหตุมีผลและมีภูมิคุ฾มกันท่ีดี พร฾อมทั้งหลักธรรมท่ี
สอดคล฾องกับกำรพัฒนำเศรษฐกิจชุมชน กำรดํำเนินชีวิตของคนในชุมชนบ฾ำนขุน
แหงที่ชีวิตควำมเป็นอยู฽ที่เรียบง฽ำย อำศัยทรัพยำกรที่มีในท฾องถิ่นมำใช฾ให฾เกิด
ประโยชนแ รวมถึงกำรดํำเนินชีวติ โดยมีปจใ จัย 4ที่สำมำรถทํำให฾คนในชุมชนมีอยู฽ มี
กิน มีใช฾ มยี ำรักษำโรคสํำหรับรักษำในยำมฉุกเฉิน อำศรมบ฾ำนขุนแหงได฾ถ฽ำยทอด

-152-

เครอื ขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ ันธุ์

หลักธรรมในข฾อ ทิฏฐธัมมิกัตถะหรือทิฏฐธัมมิกัตถะประโยชนแ 4 (หัวใจเศรษฐี )
และส฽งเสริมให฾ชำวบ฾ำนในชุมชนบ฾ำนขุนแหงใช฾ในกำรพัฒนำเศรษฐกิจชุมชนบน
พื้นทีส่ งู อันประกอบไปด฾วยควำมขยันหมั่นเพียรในกำรทํำมำหำกิน ในกำรประกอบ
อำชพี ด฾วยควำมเพียรและมีควำมสจุ ริตเล้ียงตนและครอบครัวได฾อย฽ำงมีควำมสุข ให฾
ชำวบ฾ำนขุนแหงร฾ูจักอดออม ประหยัดทรัพยแใช฾ในสิ่งท่ีเกิดประโยชนแสูงสุดไม฽ก฽อ
หนี้สิน ไม฽เล฽นกำรพนันให฾เสียทรัพยแ มีศีล มีศรัทธำ มีจำคะ มีปใญญำในกำรเลือก
คบคนท่ีดี ไม฽สร฾ำงปใญหำและควำมเดือดร฾อนแก฽ตนเอง และร฾ูจักประเมิณ
ควำมสำมำรถของตนเองในกำรใช฾จ฽ำยท่ีพอดี สมกับรำยได฾ท่ีได฾มำตำมหลักโภค
วิภำค รวมถึงวิธีกำรส฽งเสริมให฾ชุมชนนํำหลักพุทธรรมเกี่ยวกับกำรพัฒนำเศรษฐกิจ
ชุมชนบนพนื้ ที่สงู กำรพฒั นำเศรษฐกจิ ชุมชนตำมแนวพระพุทธศำสนำเริ่มจำกกำร
พัฒนำคน ให฾คนในชุมชนบ฾ำนขุนแหงมีคุณภำพถึงจะพัฒนำชุมชนให฾ดีต฽อไปได฾
กำรเข฾ำวัดฟใงธรรมเป็นช฽องทำงของกำรแสวงหำควำมร฾ูเพื่อนํำไป สู฽กำรพัฒนำ
ชุมชนใหม฾ เี ศรษฐกจิ ท่ดี ี

โดยสรุป แนวทำงดํำเนินงำนของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำกลุ฽มชำติพันธแบน
ท่ีสูงกับกำรพัฒนำเศรษฐกิจชุมชนแบบพอเพียงอํำเภองำว จังหวัดลํำปำง ซึ่ง
ประกอบไปด฾วย อำศรมบ฾ำนแม฽คิง และอำศรมบ฾ำนขุนแหงคือ กำรนํำหลัก
เศรษฐกิจพอเพียงในแบบฉบับที่สำมำรถอธิบำยให฾กับชำวบ฾ำนในชุมชนเข฾ำใจง฽ำย
ด฾วยชำวบ฾ำนเป็นชำวเขำนับถือหลำกหลำยศำสนำ กำรนํำเสนอในรูปแบบที่เป็น
ภำษำทำงพุทธศำสนำเลย ชำวบ฾ำนอำจจะไม฽เข฾ำใจมำกนัก พระบัณฑิตอำสำควร
ถำ฽ ยทอดด฾วยกำรเชือ่ มโยงยกตัวอย฽ำงท่ีสำมำรถมองเห็นได฾อย฽ำงเปน็ รูปธรรมเพ่ือให฾
ชำวบ฾ำนในชุมชนเกิดกำรเรียนร฾ูและนํำไปใช฾ในกำรดํำรงชีวิตประจํำวันในกำรยึด
หลักเศรษฐกิจพอเพียง บนพ้ืนฐำนของควำมพอดี พออย฽ู พอกิน พอใช฾ ตำมหลัก
ของทำงสำยกลำง พอประมำณ มีเหตุผลและมีภูมิค฾ุมกัน เพ่ือให฾ชุมชนสำมำรถ
ยกระดับ พึ่งพำตนเอง ครอบครัวชุมชนและสังคม รวมถึงเป็นกำรสร฾ำงเครือข฽ำย
ของกำรทํำงำนในชุมชนไปส฽ูองคแกรชุมชนเพ่ือเป็นเคร่ืองวัดเศรษฐกิจชุมชนใน
ระดับก฾ำวหน฾ำโดยกำรใชห฾ ลักเศรษฐกิจพอเพียงอีกด฾วย

-153-

เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์

บทท่ี 6

บทสรปุ

-154-

เครอื ข่ายพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลุ่มชาตพิ ันธ์ุ

แนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแใช฾หลักพุทธธรรมในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตที่
เหมำะสมกบั กลุม฽ ชำติพนั ธบแุ นพืน้ ท่ีสูงของเครอื ข฽ำยพระนักพัฒนำ

กำรจัดแผนกลยุทธแแนวทำงกำรพัฒนำชุมชนบนพื้นท่ีสูงในกำรประชุม
ร฽วมกับพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ ในพิธีปฐมนิเทศพระบัณฑิตอำสำพัฒนำ
มหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย วิทยำเขตเชียงใหม฽ รุ฽นที่ 20 ประจํำปี
2562 ณ สถำนปฏิบัติธรรมนำนำชำติ ตํำบลปุำไผ฽ อํำเภอสันทรำย จังหวัด
เชยี งใหม฽ ระหวำ฽ งวันท่ี 1 – 3 พฤษภำคม พ.ศ.2562 กับกล฽ุมเปูำหมำยที่เป็นพระ
บัณฑิตอำสำชำวเขำ จํำนวน 33 รูป โดยใช฾หลักกำรวงจรกำรบริหำรคุณภำพเดม
ม่งิ (Deming Cycle: PDCA) จำกผลกำรจัดประชุมสรุปผลได฾ดงั น้ี

วิสัยทัศนแใหม฽ “พระพุทธศำสนำ สร฾ำงสุขส฽ูชำติพันธแุบนพ้ืนที่สูง” มีพันธ
กิจ ดังน้ี

1. เผยแผ฽พระพทุ ธศำสนำแกช฽ ุมชนบนพ้นื ทสี่ งู
2. กำรบริกำรสงั คม (กำรศกึ ษำ สงเครำะหแ ลด ละ เลิก อบำยมุข)
3. อนุรักษแฟนื้ ฟศู ลิ ปวฒั นธรรมประเพณกี ลุ฽มชำตพิ นั ธแุบนพ้นื ที่สูง
4. อนรุ กั ษแทรพั ยำกรธรรมชำติ และสง่ิ แวดล฾อม
จำกผลกำรประชุมสัมมนำ พระบัณฑิตอำสำได฾ร฽วมกันสรุปแนวทำงกำร
ประยกุ ตแใชห฾ ลกั ธรรมในกำรพฒั นำแหล฽งทอ฽ งเท่ียวทำงศำสนำและวฒั นธรรม ดงั นี้
1) แนวทำงกำรประยุกตแใช฾หลักพุทธธรรมในกำรพัฒนำสิ่งแวดล฾อมของ
เครือข฽ำยพระนักพัฒนำบนพ้ืนที่สูง ได฾นํำมำประยุกตแใช฾ในกระบวนกำรทํำงำนจริง
คอื หลักอทิ ัปปจใ จยตำ หรือ ปฏิจจสมุปบำท ควำมเชื่อเรื่องกรรม และเมตตำ ผ฽ำน
กำรอบรมส่ังสอนชำวบำ฾ นในพน้ื ที่ กำรบรรยำยธรรม กำรทํำให฾ดูเป็นตัวอยำ฽ ง
2) แนวทำงกำรประยุกตแใช฾หลักพุทธธรรมในกำรพัฒนำแหล฽งท฽องเที่ยว
ทำงศำสนำและวัฒนธรรม ได฾แก฽ กำรจัดทํำผังกำรใช฾สอยพื้นท่ีของวัดตำมบทบำท
หน฾ำท่ี เป็น 3 เขต คือ เขตพุทธำวำส เขตสังฆำวำส เขตธรณีสงฆแเพื่อให฾กำร
บริกำรชุมชนหรือเขตสำธำรณะ กำรจัดทํำแผนพัฒนำวัดท้ังในระยะสั้นและระยะ
ยำว รูปแบบกำรจัดกำรด฾ำนระบบส่ือควำมหมำย กำรจัดทํำข฾อมูลและฐำนข฾อมูล
ของวัดท่ีถูกต฾องในกำรเผยแพร฽ให฾แก฽นักท฽องเที่ยว กำรจัดทํำสื่อประชำสัมพันธแ
กิจกรรมของวัดในวันสํำคัญหรือเทศกำลสํำคัญต฽ำงๆ รูปแบบกำรจัดกำรด฾ำน

-155-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชีวติ ของกลุ่มชาตพิ ันธุ์

บุคลำกรกำรท฽องเท่ียวของวัดด฾ำนจริยธรรมกำรท฽องเที่ยวในวัด โดยยึดหลัก
กัลยำณมติ ร 7

3) แนวทำงกำรประยุกตแใช฾หลักพุทธธรรมในกำรเพ่ิมรำยได฾เกษตรวิถีพุทธ
บนพ้ืนท่ีสูงของพระเครือข฽ำยนักพัฒนำ หลักธรรมในกำรนํำมำประยุกตแใช฾ คือ
ทิฏฐธัมมิกัตถสังวัตตนิกธรรม 4 คือ ธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชนแในปใจจุบัน,
หลักธรรมอนั อำํ นวยประโยชนแสุขข้ันต฾น

4) แนวทำงกำรประยุกตแใช฾หลักพุทธธรรมในกำรดูแลผ฾ูสูงอำยุ
ประกอบด฾วย แนวทำงกำรเสริมสร฾ำงคุณภำพชีวิตท่ีดี ตำมหลักจตุรพิธพร หรือ พร
4 ประกำร คอื อำยุ วรรณะ สุขะ พละ หลักพุทธธรรมในกำรส฽งเสริมคุณภำพชีวิต
สํำหรับผ฾ูสูงอำยุ เช฽น หลักโภชเนมัญตัโุตำ คือ กำรรู฾จักประมำณในกำรบริโภค
และหลกั อำยุวฒั นธรรม 5 ธรรมที่ช฽วยให฾อำยุยนื

5) แนวทำงกำรประยุกตแใช฾หลักพุทธธรรมในกำรสื่อสำรวัฒนธรรมเพ่ือกำร
เรียนร฾ู ประกอบด฾วย กำรรณรงคแจัดกิจกรรมให฾ชำวบ฾ำนลด ละเลิกเหล฾ำและยำเสพ
ติด กำรส่ังสอนให฾ชำวบ฾ำนนำํ หลกั ศลี 5 ไปปฏิบตั ใิ นชีวิตประจํำวัน และกำรเคำรพ
นับถือซึ่งกันและกันระหว฽ำงคนในชุมชน กำรถือศีลกินเจบำงช฽วง เน฾นในเร่ืองกำร
ปฏิบัติธรรม สวดมนตแ กำรทํำบุญตำมแนวทำงของพุทธศำสนำ และกำรเข฾ำโบสถแ
ทุกวันอำทิตยแของคริสตแศำสนำ และหลักธรรมคํำสอนเป็นหลักกำรดํำเนินชีวิต
เช฽น ฆรำวำสธรรม 4 จักรธรรม 4 ทฎิ ฐธมั มกิ ัตถประโยชนแ 4 และกัลยำณมิตร 7

6) แนวทำงกำรประยุกตแใช฾หลักพุทธธรรมในกำรพัฒนำเศรษฐกิจชุมชน
แบบพอเพียง ประกอบด฾วย กำรดํำรงชีวิตที่มีควำมสุขตำมหลัก “หัวใจเศรษฐี”
จำกหลกั พุทธธรรมดังกลำ฽ วเป็นสว฽ นหน่ึงของหลักเศรษฐกิจพอเพียงตำมหลักปใจจัย
4 ที่ประกอบไปด฾วย ท่ีอยู฽อำศัย อำหำร ยำรักษำโรค เครื่องนุ฽งห฽ม หลักธรรมสุข
ของคฤหัสถแ หลักธรรม อตตำ หิ อตตโน นำโถ หลักทิฏฐธัมมิกัตถะหรือหลักธรรม
ทฏิ ฐธมั มิกตั ถะประโยชนแ 4 ประกำร (หัวใจเศรษฐี อุ อำ กำ สะ) รวมถึง หลักโภ
คำวิภำค 4

-156-

เครือขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาติพันธุ์

กำรดํำเนินงำนด฾ำนส่ิงแวดล฾อม เศรษฐกิจ กำรท฽องเที่ยว สังคม ภำวะผู฾สูงอำยุ
และกำรเรียนรวู฾ ัฒนธรรมของกลม฽ุ ชำตพิ นั ธแบุ นพื้นที่สงู ของเครือขำ฽ ยพระนักพฒั นำ

กำรดํำเนินงำนด฾ำนกำรฟื้นฟูส่ิงแวดล฾อมของพระบัณฑิตอำสำพัฒนำ
ชำวเขำในพนื้ ที่ต฾นแบบอำํ เภอฮอด อำํ เภอแม฽แจ฽ม อํำเภอแมส฽ ะเรียง มดี ังน้ี

1. กำรจัดกำรขยะในชุมชน พัฒนำไปส฽ูกำรจัดทํำบ฽อขยะ โดยผ฽ำน กำร
จัดทํำถังขยะในชุมชน แหล฽งชุมชน ตำมครัวเรือน บริเวณทำงแยก ในชุมชน
โดยร฽วมกบั กลม฽ุ เยำวชนล฽ุมนำ้ํ แม฽ลิด

2. กำรบวชปุำ เร่ิมต฾นจำกกำรที่พระบัณฑิตอำสำร฽วมกับชำวบ฾ำนในพื้นท่ี
ตน฾ แบบสำํ รวจต฾นไม฾ท่ีมขี นำดใหญ฽ และเกรงว฽ำน฽ำจะถูกลักลอบตัด หรือเป็นต฾นไม฾
ที่มีคุณค฽ำ มีขนำดเหมำะสมท่ีจะนํำไปขำย หรือไปใช฾ประโยชนแ เพรำะชำวบ฾ำน
เชือ่ วำ฽ ผืนปำุ ท่ีผ฽ำนพธิ บี วช เป็นเสมือนดนิ แดนอนั ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ ไม฽ว฽ำผู฾ใดก็ไม฽อำจเข฾ำ
ไปทํำลำยได฾ โดยเน฾นพ้ืนท่ีรอบ ๆ ขุนน้ํำ รัศมี 1 กิโลเมตร มีอำณำบริเวณหลำย
รอ฾ ยไร฽ นบั เป็นกำรนำํ ควำมเช่ือทำงศำสนำมำประยกุ ตใแ ชใ฾ นกำรดูแลรกั ษำปุำต฾นนำํ้

3. กำรทํำแนวกันไฟในพ้ืนท่ีของชุมชน เป็นกำรดํำเนินกำรระหว฽ำงเขต
หมบ฽ู ำ฾ น รอบ ๆ หมูบ฽ ำ฾ น เป็นชอ฽ งว฽ำงแนวยำวในปำุ ซ่ึงจะถำงปุำทํำเป็นแนวเพื่อ
กํำจัดเช้ือไฟที่ติดไฟง฽ำย เช฽น ใบไม฾ หญ฾ำ หรือ ต฾นไม฾แห฾ง จะทํำแนวที่มีควำม
กว฾ำงมำกพอที่จะปูองกันไฟไม฽ให฾ลุกลำมต฽อเน่ืองในกรณีที่เกิดไฟปุำ เพ่ือตัดช฽วง
ควำมต฽อเนอ่ื งของเชอ้ื เพลงิ เป็นกำรปูองกันไม฽ใหไ฾ ฟลุกลำมเขำ฾ ไปในพน้ื ทหี่ ม฽บู ำ฾ น

4. กำรบวชปลำขุนน้ํำ เป็นลักษณะกำรอนุรักษแปลำบริเวณขุนนํ้ำ (ต฾นน้ํำ)
โดยพระบัณฑิตอำสำพฒั นำชำวเขำไดเ฾ รม่ิ ดำํ เนินกำรท่ีหม฽ูบ฾ำนบริวำร เช฽น บ฾ำนแม฽
สะเรียงน฾อย ต.ปุำแป฻ อ.แม฽สะเรยี ง จ.เชยี งใหม฽ ในบรเิ วณรัศมีพ้ืนท่ีไม฽ควรจับปลำ
ปจใ จุบันปลำเยอะมำก มเี พียงพอตอ฽ กำรบรโิ ภคในชุมชน

5. กำรอนุรักษแต฾นน้ํำโดยกำรบวชขุนน้ํำ สอดคล฾องกับควำมเชื่อของ
ชำวบ฾ำนเกี่ยวกับผีขุนน้ํำ โดยชำวบ฾ำนมีควำมเช่ือว฽ำ ถ฾ำหำกทํำสิ่งใดท่ีทํำให฾ผีขุน
น้ํำโกรธ เช฽น ตัดต฾นไม฾ใหญ฽ในแหล฽งต฾นน้ํำที่สิงสถิตของผีขุนนํ้ำ กำรก้ันลํำห฾วย
หรือกำรเก็บกักนํ้ำไว฾ใช฾ประโยชนแตำมลํำพัง หรือปฏิบัติส่ิงอื่นใดที่ชำวบ฾ำนเรียกว฽ำ
ขึด จะถูกลงโทษจำกผีขนุ น้ํำ อำจให฾น้ํำนอ฾ ย หรือฝนไม฽ตกตอ฾ งตำมฤดกู ำล

6. กำรรณรงคแให฾ควำมรู฾ เรื่องกำรไม฽ใช฾ยำฆ฽ำแมลง กำรไม฽ใช฾สำรเคมีใน
กำรทํำกำรเกษตร ผ฽ำนกำรประสำนงำนกับศูนยแพัฒนำชำวเขำ โดยนอกจำกมำให฾

-157-

เครือข่ายพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพนั ธ์ุ

ควำมรู฾แล฾วยังรวมถึงมำลงมือปฏิบัติ เช฽น กำรเพำะกล฾ำอโวคำโด เพำะกล฾ำกำแฟ
เสำวรสให฾กบั ชำวบ฾ำนอีกด฾วย นอกจำกนั้นยังแนะนํำให฾ชำวบ฾ำนดูแลสวน เพ่ิมเติม
ดว฾ ยกำรปลูกลํำไย มะม฽วง และกล฾วย เน฾นกำรบริโภคในครัวเรือนเป็นหลัก ที่เหลือ
จึงจํำหน฽ำย เป็นกำรใช฾หลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง เน฾นกำรปลูกพืชเพ่ือยังชีพ
พืชผกั สวนครัว เน฾นบริโภค งดเวน฾ กำรใช฾สำรเคมี สนับสนุนส฽งเสริม และให฾ควำมรู฾
ชำวบ฾ำนเรอื่ ง กำรทำํ ปุ฻ยหมัก ปุย฻ ชวี ภำพ ปยุ฻ พืชสด ป฻ยุ นํ้ำชวี ภำพ

7. กำรจดั ทํำธนำคำรขำ฾ วของชุมชน ธนำคำรข฾ำวเป็นกำรรวมกล฽ุมกันของ
ชำวบ฾ำนภำยใต฾กำรแนะนํำของพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ และหน฽วยงำน
รำชกำรที่เกี่ยวข฾อง โครงกำรหลวง พัฒนำสังคม เกษตรอํำเภอ เป็นต฾น เพ่ือ
ช฽วยเหลือซ่ึงกันและกันกันภำยในชุมชน ถือเป็นลักษณะเพ่ือนช฽วยเพ่ือนชุมชน
ช฽วยชุมชน โดยเน฾นหลักกำรสงเครำะหแชำวบ฾ำนท่ียำกไร฾ ในชุมชนได฾มำก฾ูยืมข฾ำว
จำกธนำคำรข฾ำวไปใช฾บรโิ ภค และทํำพนั ธแ(ุ เชอ้ื ) สำํ หรับกำรเกษตรในฤดูทำํ นำ

8. กำรสร฾ำงเครือข฽ำยอำสำสมัครรักษแสิ่งแวดล฾อม โดยใช฾ช่ือว฽ำ “เครือข฽ำย
อำสำสมัครรักษแส่ิงแวดล฾อม” เช฽น มำร฽วมกันทํำกิจกรรมกำรบวชปุำ กำรดับไฟปุำ
กำรจัดทํำแนวกันไฟ นอกจำกนั้นยังมีกำรขยำยผลทั้งด฾ำนควำมรู฾ ภูมิปใญญำ
จิตสํำนึกในสิ่งแวดล฾อมผนวกกับกำรผนึกกํำลังของชุมชนในพ้ืนท่ี พื้นที่บริวำร
พ้ืนท่ีใกล฾เคียงที่ได฾รับผลกระทบในลักษณะเดียวกัน มำทํำงำนร฽วมกัน เกิด
กระบวนกำรแลกเปลย่ี นประสบกำรณแกำรทำํ งำน

กำรดำํ เนินงำนด฾ำนกำรท฽องเท่ียวเชิงศำสนำและวัฒนธรรมของพระบัณฑิต
อำสำพัฒนำชำวเขำในพ้ืนท่ีตน฾ แบบ สะเมิง กลั ยำณิวฒั นำ ปำย ปำงมะผำ฾ มดี งั นี้

1. แนวทำงกำรประยุกตแใชห฾ ลักพุทธธรรมในกำรพฒั นำแหลง฽ ทอ฽ งเท่ียวทำง
ศำสนำและวัฒนธรรม จำกผลกำรประชุมสัมมนำ พระบัณฑิตอำสำได฾ร฽วมกันสรุป
แนวทำงกำรประยุกตแใช฾หลักธรรมในกำรพัฒนำแหล฽งท฽องเที่ยวทำงศำสนำและ
วัฒนธรรม ดังนี้ แนวคิดกำรพัฒนำแหล฽งท฽องเท่ียวทำงศำสนำและวัฒนธรรม คือ
กำรเดินทำงไปทำํ บุญอยำ฽ งหนง่ึ ซึ่งก็คือกำรไปนมัสกำรสถำนท่ีศักดิ์สิทธ์ิในที่ต฽ำงๆ
เช฽นเดียวกับกำรแสวงบุญท฽องเท่ียวทำงศำสนำและวัฒนธรรมไปยังสถำนที่ต฽ำงๆ
กำรได฾ไปกรำบนมัสกำรพระธำตุ กำรได฾ไปกรำบไหว฾ส่ิงศักด์ิสิทธ์ิ รวมถึงกำรไป
นมัสกำรสถำนปฏิบัติธรรมของครูบำอำจำรยแ โดยสรุป กำรท฽องเที่ยวทำงศำสนำ
และวัฒนธรรม เป็นกำรเดินทำงไปยังพุทธสถำนโดยมีจุดมุ฽งหมำย คือ 1. เป็น

-158-

เครือข่ายพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลุ่มชาติพนั ธุ์

กำรเดินทำงไปเพ่ือบํำเพ็ญบุญกริยำวัตถุ 10 อย฽ำงใดอย฽ำงหนึ่ง 2. เป็นกำร
เดินทำงไปเพือ่ สกั กำระส่งิ ศักดส์ิ ิทธแ์ิ ละปฏิบัติธรรม ณ พุทธสถำนแห฽งใดแห฽งหน่ึง
3. เป็นกำรเดนิ ทำงไปเพ่อื เข฾ำร฽วมในศำสนพิธี งำนเทศกำลประเพณตี ฽ำงๆ

2. เปูำหมำยของกำรพัฒนำกำรท฽องเที่ยวทำงศำสนำและวัฒนธรรม คือ
กำรพฒั นำจิตวญิ ญำณและศำสนำ เพื่อสั่งสมบุญบำรมี เป็นกำรเดินทำงที่ให฾คุณค฽ำ
ทำงด฾ำนจิตใจ ทํำให฾กำรท฽องเที่ยวเป็นท่ีพ่ึงทำงด฾ำนจิตใจ เป็นกำรเดินทำงไป
ทํำบุญ และพักผ฽อนไปพร฾อมๆ กัน ด฾วยควำมเชื่อและศรัทธำในพระพุทธศำสนำ
โดยได฾ทํำกำรศึกษำวิจัยข฾อมูลต฽ำงๆ ท่ีเก่ียวกับบริบทชุมชน และกำรดํำเนินงำน
ด฾ำนกำรพัฒนำแหล฽งท฽องเท่ียวทำงศำสนำและวัฒนธรรมของกลุ฽มชำติพันธแุบน
พื้นทส่ี งู ในพน้ื ที่ต฾นแบบของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำ ซึ่งมีเส฾นทำงท฽องเที่ยวสรุปได฾
ดังนี้

เส฾นทำงที่ 1 เส฾นทำงท฽องเที่ยวอำศรมพระบัณฑิตอำสำอํำเภอกัลยำณิ
วฒั นำ จังหวัดเชยี งใหม฽ ได฾แก฽ วัดบำ฾ นจนั ทรแ ตํำบลบำ฾ นจันทรแ วัดห฾วยบง ตํำบล
บ฾ำนจันทรแ อำศรมบ฾ำนโปุงขำว ตํำบลบ฾ำนจันทรแ อำศรมบ฾ำนหนองแดง ตํำบล
บ฾ำนจันทรแ อำศรมบ฾ำนห฾วยปู ตํำบลแม฽แดด อำศรมบ฾ำนแม฽แดดน฾อย ตํำบลแม฽
แดด อำศรมบ฾ำนขุนแม฽รวม ตํำบลแจ฽มหลวง และสถำนท่ีท฽องเที่ยวเส฾นทำงอํำเภอ
กลั ยำณิวฒั นำที่น฽ำสนใจ ได฾แก฽ ปำุ สนบำ฾ นวัดจนั ทรแ โครงกำรหลวงวัดจันทรแ

เสน฾ ทำงที่ 2 เส฾นทำงตำมรอยพ฽อหลวง ร.9 บ฾ำนแสนคํำลือ อํำเภอปำงมะ
ผำ฾ จงั หวัดแม฽ฮ฽องสอน ประกอบด฾วย อำศรมพระบัณฑิตอำสำ 2 แห฽ง คือ อำศรม
บ฾ำนแสนคํำลือ ตํำบลถํ้ำลอด และอำศรมบ฾ำนลุกปุำก฿อ ตํำบลสบปุอง สถำนที่
ท฽องเท่ียวในเส฾นทำง ได฾แก฽ พิพิธภัณฑแบ฾ำนไร฽ ตํำบลสบปุอง อํำเภอปำงมะผ฾ำ
จังหวดั แมฮ฽ ฽องสอน ถ้ํำนํำ้ ลอด ตํำบลถํ้ำลอด อํำเภอปำงมะผ฾ำ จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน
บ฾ำนมเู ซอดํำบำ฾ นจำ฽ โบ฽ ตํำบลปำงมะผำ฾ อํำเภอปำงมะผ฾ำ จังหวดั แมฮ฽ ฽องสอน

กำรดํำเนินงำนด฾ำนกำรเพ่ิมรำยได฾เกษตรวิถีพุทธของพระบัณฑิตอำสำ
พัฒนำชำวเขำในพื้นท่ีต฾นแบบ เวียงปุำเปูำ แม฽สรวย เมืองเชียงรำย แม฽ฟูำหลวง
มดี งั นี้

1. กำรสร฾ำงเสริมควำมร฾ูแก฽เกษตรกรในชุมชน เช฽น เชิญเกษตรกรที่ทํำ
กำรเกษตรวิถีพุทธมำเป็นวิทยำกรมำบรรยำยให฾ควำมร฾ูในวิธีกำรทํำเกษตรวิถีพุทธ
พำไปศกึ ษำดูงำนกำรทํำเกษตรวิถีพุทธของเกษตรกรท่ีประสพควำมสํำเร็จ และกำร

-159-

เครือขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์

เข฾ำรับกำรอบรมจำกวิทยำกำรที่มำให฾ควำมรู฾ในกำรแปรรูปอำหำร ซึ่งจะทํำให฾
เกษตรกรมีควำมร฾ูและเกิดกำรเชื่อมสัมพันธแกับองคแภำยนอกที่ก฽อให฾ได฾รับควำมร฾ู
ใหม฽ๆ เก่ียวกับกำรเกษตรเพื่อนํำมำพัฒนำพื้นที่กำรเกษตร ขยำยฐำนกำรเกษตร
ของตน ซึง่ สง฽ ผลให฾มรี ำยไดเ฾ พม่ิ มำกข้ึน แสวงหำวิทยำกำรใหม฽ ๆ มีแนวคิดท่ีดีใน
กำรทํำกำรเกษตรและอนุรักษแทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล฾อม ตลอดจนหันมำ
ใชป฾ ฻ุยอินทรียแกันมำกขึน้

2. กำรเสรมิ สรำ฾ งภูมิปใญญำเกษตรกรในชมุ ชน เมื่อเกษตรกรเกิดกำรเรียนร฾ู
ฝึกอบรม และปฏิบัติทํำให฾เกิดภูมิปใญญำของตนเองและมีโอกำสท่ีจะพัฒนำตัวเอง
ได฾ เช฽น พัฒนำตลำดขำยสินค฾ำเกษตรอินทรียให฾เป็นแหล฽งสินค฾ำท่ีมีคุณภำพด฾วย
ภูมปิ ใญญำควำมรูของตวั เอง มีอสิ ระ เสรีภำพในกำรทํำมำหำกินประกอบอำชีพด฾วย
ควำมสบำยใจ หมดภำระหน้ีสินมีควำมเป็นอยู฽ท่ีดีข้ึนได฾ด฾วยตัวของตัวเอง สำมำรถ
ท่ีจะสร฾ำงควำมม่ันคงทำงด฾ำนอำหำรและกำรยกระดับให฾เป็นแหล฽งท฽องเท่ียวเชิง
นิเวศให฾แก฽ชุมชนของตนเองและพร฾อมต฽อกำรถ฽ำยทอดสู฽ตํำบลอ่ืนได฾อย฽ำงเป็น
รูปธรรม และพัฒนำให฾เป็นแหล฽งผลผลิตทำงกำรเกษตรและอำหำรที่ปลอดสำรพิษ
ได฾ มีโอกำสที่ศึกษำเล฽ำเรียนเพ่ิมวิชำควำมร฾ูและประสบกำรณแของตนอยู฽ตลอดเวลำ
และก฽อให฾เกิดกำรต฽อยอดทำงภูมิปใญญำควำมร฾ูของตนเอง เพื่อพัฒนำกำรเกษตร
ของตนเองและนํำถ฽ำยทอดแก฽บุคคลรุ฽นหลังต฽อไปได฾ และพัฒนำตนเองและ
ครอบครัวให฾เจริญก฾ำวหน฾ำมีปใจจัย 4 ในกำรดํำเนินชีวิตอย฽ำพอเพียงและยั่งยืน
โดยสำมำรถพึง่ ตนเองได฾อยำ฽ งไมเ฽ ดือดรอ฾ น

3. กำรสร฾ำงเครือข฽ำยควำมร฽วมมือ กำรสร฾ำงและพัฒนำกำรรวมกลุ฽ม โดย
จดั ตั้งศนู ยแเรียนร฾ู สร฾ำงอำชพี เสริมรำยได฾ภำยในหมู฽บ฾ำนและเครือข฽ำย กำรร฽วมกัน
กำรส฽งเสริม กำรเกษตรทฤษฎี ใหม฽ แนวทำงวิถีพุทธร฽วมกับหน฽วยงำนภำครัฐบำล
เช฽น เกษตรตํำบล เกษตรอํำเภอ เกษตรจังหวัด นักโภชนำกรเกษตร และ
ภำคเอกชน ซ่ึงจะก฽อเกษตรกรท่ีเป็นสมำชิกกลุ฽มเครือข฽ำยเกษตรกรจะให฾
ควำมสํำคัญและหันมำใช฾ปุ฻ยอินทรียแกันมำก ท้ังนี้เพรำะได฾มีกำรพบปะสังสรรคแกับ
สมำชกิ ในกล฽มุ มกี ำรบอกเล฽ำ ชกั จงู และมกี ำรแลกเปลี่ยนเรียนร฾ูทำงกำรเกษตรอย฽ู
เสมอ จึงทํำให฾มีโอกำสในกำรรับร฾ูข฽ำวสำรด฾ำนกำรเกษตรอยู฽เป็นประจํำ เป็นกำร
สร฾ำงโอกำสให฾กับเกษตรกรได฾มีกำรพัฒนำทำงกำรเกษตรท่ีดีข้ึน เพรำะฉะนั้นกำร
ใหค฾ วำมสํำคัญและส฽งเสริมองคแกรเครือข฽ำยชุมชน กำรจัดตั้งกล฽ุมทำงกำรเกษตรจึง

-160-

เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ

ถือเป็นกำรสนับสนุนสถำบันชุมชนให฾มีควำมเข฾มแข็ง ตลอดจนเป็นกำรสร฾ำง
พื้นฐำนกำรพัฒนำสินค฾ำเกษตร และระบบเศรษฐกิจไทยให฾ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยัง
สนับสนุนให฾หน฽วยงำนส฽วนท฾องถ่ินของรัฐเข฾ำมำมีบทบำทในกำรดูแล ให฾ควำมรู฾
และเป็นทป่ี รึกษำด฾ำนกำรเกษตรแกเ฽ กษตรกรอย฽ำงท่วั ถึง

4. กำรสร฾ำงภูมิคุ฾มกันของคนในชุมชน ในกำรเพ่ิมรำยได฾กำรทํำเกษตรวิถี
พุทธให฾แก฽ชุมชน เช฽น กำรดํำเนินโครงกำรจัดตลำดนัดเพื่อกำรเกษตรในชุมชน
จัดกิจกรรมฝึกอมรมอำชีพให฾กับกล฽ุมสตรีแม฽บ฾ำน และจัดนิทรรศกำรเก่ียวกับจัด
จํำหน฽ำยสินค฾ำหนึ่งผลิตภัณฑแหน่ึงตํำบล ท่ีจะส฽งผลให฾เกษตรกรในชุมชนมีรำยได฾
ซึ่งจะส฽งผลต฽อกำรขยำยธุรกิจ , กำรกระจำยผลประโยชนแ , กำรส฽งเสริมกำร
ประกอบธรุ กิจ ตอ฽ ไป

5. กำรปลูกฝใงคุณธรรม กระบวนกำรเพ่ิมรำยได฾กำรทํำเกษตรวิถีพุทธใน
ชุมชน โดยวิธีกำร เช฽น ส฽งเสริมให฾ประชำชนในชุมชนสร฾ำงจิตสํำนึกในกำร
ช฽วยเหลือกัน และเกิดกระบวนกำรพ่ึงพำช฽วยเหลือกันมีภำยในชุมชน มีควำม
ซื่อสัตยแ สุจริต ควำมอดทน ควำมเพียร และกำรใช฾สติปใญญำในกำรดํำเนินชีวิต
ส฽งเสรมิ ให฾คนในสังคมมจี รยิ ธรรม คณุ ธรรม ไมเ฽ ป็นสังคมวัตถุนิยมและบริโภคนิยม
ไม฽แก฽งแย฽งกัน ไม฽เห็นแก฽วัตถุเงินตรำ ซึ่งเป็นกำรดํำเนินชีวิตตำมหลักคํำสอนทำง
สำยกลำงของพระพุทธศำสนำ เป็นแนวทำงที่สอดคล฾องกับควำมพอดีและพอเพียง
ในแนวทำงกำรทํำเกษตรวถิ ีพุทธ ที่จะก฽อให฾เกิดกำรดํำเนินชีวิตใน “ทำงสำยกลำง”
บุคคลรู฾จักบริโภคในวัตถุต฽ำงๆด฾วยควำมพอดี กำรรู฾จักพอประมำณ (มัตตัญโุ
ตำ) ในกำรบริโภค ดํำเนินชีวิตให฾เป็นไปตำมอัตภำพของตนเอง ไม฽ทะยำนอยำก
ในสิ่งท่ีเกินตัว ร฾ูจักควบคุมจิตใจและกำรใช฾สอยต฽ำงๆ เช฽น กำรใช฾สอยทรัพยแสินท่ี
หำมำได฾ให฾ค฾ุมค฽ำ จึงจะทํำให฾ควำมโลภลดลงได฾ และเม่ือเหลือใช฾แล฾วก็สอนให฾รู฾จัก
ใหแ฾ ละแบง฽ บันกนั ท่กี ฽อใหเ฾ กดิ ประโยชนแแ ก฽ตนเองและผู฾อ่ืน ทจี่ ะนํำไปส฽ูกำรใช฾ชีวิต
ทเ่ี ปน็ สุขและยั่งยืนอยำ฽ งแท฾จรงิ

6. กำรส฽งเสริมรักษำส่ิงแวดล฾อม กำรทํำกำรเกษตรแบบวิถีพุทธของ
เกษตรกรบนพ้ืนท่ีสูงที่หันมำใช฾ป฻ุยอินทรียแ จะก฽อให฾เกิดประโยชนแในกำรช฽วย
อนุรักษแและปรับปรุงสภำพแวดล฾อมที่เส่ือมโทรมให฾สมบูรณแ ทํำให฾ห฽วงโซ฽อำหำรท่ี
ถกู ทํำลำยไปโดยสำรเคมีกลบั ฟน้ื ทํำใหป฾ ระชำชนมีอำหำรท่ีเกิดจำกธรรมชำติ เช฽น
กุ฾ง หอย ปู ปลำ กบ เขียด นก ฯลฯ ลดต฾นทุนกำรผลิต ทํำให฾เกษตรกรได฾กํำไร

-161-

เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของกล่มุ ชาติพนั ธุ์

มำกขึ้น เกษตรกรท่ียำกจนสำมำรถปลดเปลื้องหน้ีสินให฾ลดลงและหมดไปได฾
ผลผลิตปลอดภัยต฽อผู฾บริโภค ทํำให฾อัตรำกำรปุวยไข฾และเสียชีวิตของประชำชนท้ัง
ประเทศลดจํำนวนลง และประชำชนมีสุขภำพพลำนำมัยดีขึ้น ทํำให฾รัฐสำมำรถ
ประหยัดเงินงบประมำณในกำรรักษำพยำบำลลงได฾มำก และท่ีสํำคัญ แก฾ไขปใญหำ
กำรส฽งออกสินค฾ำกำรเกษตรท่ีมีสำรเคมีท่ีเป็นพิษเจือปนและถูกประเทศผ฾ูนํำเข฾ำต้ัง
ข฾อรังเกียจที่จะนํำเข฾ำสินค฾ำกำรเกษตรจำกประเทศไทย หำกปรับเปล่ียนมำใช฾กำร
ผลิตโดยวิธีเกษตรอินทรียแจะทํำให฾ประเทศส฽งออกสินค฾ำกำรเกษตรได฾มำกขึ้น ท้ัง
ปริมำณและมลู คำ฽

กำรดำํ เนนิ งำนดำ฾ นกำรดแู ลผส฾ู ูงอำยุของพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำใน
พื้นทต่ี ฾นแบบ เชยี งดำว ไชยปรำกำร ฝำง แมอ฽ ำย มดี ังน้ี

1. กำรจัดกิจกรรมให฾กับผ฾ูสูงอำยุ เช฽น กำรอบรมให฾ควำมร฾ูเก่ียวกับสุขภำพ
เปน็ ต฾น

2. กำรสํำรวจสภำพควำมเป็นอย฽ูของผู฾สูงอำยุ ส฽วนใหญ฽จะเป็นครอบครัว
ขยำยอยู฽ด฾วยกันหลำยคน ส฽วนใหญ฽ได฾รับเบี้ยยังชีพผู฾สูงอำยุถ฾ำมีสัญชำติไทย
ปใญหำที่พบส฽วนใหญเ฽ ป็นปญใ หำสขุ ภำพ สว฽ นหนงึ่ อำจเปน็ เพรำะวำ฽ สำรเคมีท่ีเขำฉีด
พ฽นผัก ทํำให฾มีอำกำรปวดตำมเนื้อตัว ร฾ูสึกเจ็บท฾อง โดยทำงโรงพยำบำลส฽งเสริม
สขุ ภำพจะมีโครงกำรท่มี ำตรวจสุขภำพให฾ฟรี

3. ควำมต฾องกำรส฽วนใหญ฽ก็ยังมีควำมต฾องกำรได฾รับเบี้ยยังชีพที่เพ่ิมข้ึน
ปใญหำเร่ืองรำยจ฽ำยที่ไม฽สำมำรถประมำณกำรได฾ เน่ืองจำกไม฽มีกำรทํำบัญชี
ครัวเรอื น พระบณั ฑติ อำสำจึงแนะนำํ วธิ กี ำรทำํ บญั ชคี รวั เรือนแบบง฽ำยๆ ให฾

4. ปใญหำด฾ำนสุขภำพจิตใจ ไม฽มีปใญหำปใญหำมำกนัก เพรำะในสังคม
ชนบทบนพน้ื ทส่ี ูง มีสถำนกำรณทแ ี่สรำ฾ งควำมเครยี ดตํำ่

กำรดํำเนินงำนด฾ำนกระบวนกำรส่ือสำรวัฒนธรรมเพื่อกำรเรียนร฾ูของพระ
บัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำในพ้ืนท่ีต฾นแบบ สบเมย แม฽ลำน฾อย ขุนยวม เมือง
แมฮ฽ อ฽ งสอน มีดังนี้

1. กจิ กรรมทำงวัฒนธรรมท่ีชำวบ฾ำนในชุมชนเข฾ำร฽วม ได฾แก฽ กำรตักบำตร
ทุกวันพระ สมำทำนศีล 5 ทุกวันพระ ทํำวัตรสวดมนตแช฽วงเข฾ำพรรษำ ทํำบุญปี
ใหม฽ รดน้ํำดํำหัวพระภิกษุสงฆแ ผู฾สูงอำยุ ผูกข฾อมือเรียกขวัญประจํำปี ทํำบุญขึ้น
บ฾ำนใหม฽ งำนแต฽ง งำนศพ ทํำควำมสะอำดพัฒนำอำศรม บ฾ำนและโรงเรียน กำร

-162-

เครือข่ายพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกล่มุ ชาติพนั ธุ์

ช฽วยสร฾ำงอำศรม กุฏิและห฾องนํ้ำ งำนบุญต฾นที่ ทอดผ฾ำปุำ สืบสำนงำนประเพณี
ของชมุ ชน ไหว฾พระสวดมนตขแ ำ฾ มปี สืบสำนงำนประเพณี ซ฽อมแซมเสนำสนะ และ
เลิกเหลำ฾ เข฾ำพรรษำ เปน็ ต฾น

2. กิจกรรมทำงวัฒนธรรมของพื้นท่ีต฾นแบบ ได฾แก฽ พิธีสรงนํ้ำพระธำตุ
ประจํำปี กำรทํำบุญตำมวันและเทศกำลสํำคัญ เป็นต฾น ทํำให฾เกิดผลลัพธแท่ีได฾จำก
แนวทำงปฏิบตั ิในกำรประยกุ ตแกำรสื่อสำรวฒั นธรรม คือ ชำวบ฾ำนในชุมชนสำมำรถ
อ฽ำนเขียนภำษำท฾องถิ่นได฾ดีขึ้น มีควำมรู฾และเข฾ำใจหลักธรรมพระพุทธศำสนำมำก
ขึ้น มีควำมสำมัคคี มีอำชีพท่ีสุจริตและควำมม่ังคงในชีวิตเพิ่มขึ้น ชำวบ฾ำนร฽วม
สนับสนุนกิจกรรมของอำศรม แม฾ชำวบ฾ำนบำงคนนับถือศำสนำคริสตแ แต฽ก็ยังใส฽
บำตรและทำํ บญุ ชำวบ฾ำนในชมุ ชนอนุรกั ษแ สบื ทอดวฒั นธรรมของบรรพบุรุษต้ังแต฽
อดีตถึงปจใ จบุ นั

3. แนวทำงกำรประยุกตแกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ จัดกำรอบรมบุคลำกร
ด฾ำนภำษำท฾องถ่ิน เช฽น ภำษำปำเกอะญอ เป็นต฾น เพ่ิมจํำนวนบุคลำกรท่ีช฽วยเผย
แผ฽วฒั นธรรม และตอ฾ งกำรพระภิกษทุ ่ีสำมำรถสือ่ สำรภำษำถิ่นประจํำอำศรมเพ่ิมขึ้น
จัดกำรอบรมศีลธรรมแก฽ชำวบ฾ำน เยำวชนภำยในวัดของชุมชนเป็นประจํำ พระ
นักพัฒนำปฏบิ ัตใิ ห฾ชำวบำ฾ นดเู ปน็ ตัวอย฽ำงและนำํ ปฏบิ ตั อิ ยำ฽ งสมํ่ำเสมอ จัดกิจกรรม
ท่ีรวมพลังชุมชนสมํ่ำเสมอ เช฽นปลูกต฾นไม฾ บวชปุำ หล฽อพระพุทธรูป สร฾ำงเจดียแ
ทรำยและพัฒนำอำศรม เปน็ ตน฾

กำรดํำเนินงำนด฾ำนเศรษฐกิจชุมชนแบบพอเพียงของพระบัณฑิตอำสำ
พัฒนำชำวเขำในพน้ื ทีต่ น฾ แบบงำว มดี งั น้ี

1. กำรประกอบอำชีพหลัก คือ เกษตรกรรม ทํำนำ ทํำไร ทํำสวน เช฽น
ปลูกข฾ำวโพด เล้ียงสัตวแ อำชีพเสริม คือ ทอผ฾ำ จักสำน ค฾ำขำย รับจ฾ำง และหำ
ของปุำขำย โดยจะปลูกพชื ตำมฤดกู ำลเพอ่ื ลดปริมำณกำรใช฾นํ้ำ เช฽น กำรทํำอำชีพ
ตำมฤดกู ำลในชว฽ งฤดฝู นชำวบ฾ำน จะปลกู ข฾ำวไว฾บริโภคและขำ฾ วโพดเพื่อไว฾ขำย ฤดู
หนำวต้ังแต฽ปลำยเดือนธนั วำคมเป็นต฾นไป

2. กำรประกอบอำชีพเสริม ชำวบ฾ำนส฽วนหนึ่งมีอำชีพรับจ฾ำงทํำงำนให฾กับ
อนรุ กั ษแตน฾ น้ํำ และทํำรบั จ฾ำงท่วั ไป รำยได฾ท่ชี ำวบ฾ำนได฾ส฽วนมำกเป็นรำยได฾จำกกำร
ขำยพืชผลทำงกำรเกษตรโดยส฽วนมำกจะอยู฽ในช฽วงเดือนธันวำคม-กุมภำพันธแ หลัก
จำกเก็บเก่ียวผลผลิตทำงกำรเกษตรเรียบร฾อยแล฾ว เวลำว฽ำงชำวบ฾ำนโดยเฉพำะ

-163-

เครือข่ายพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลุม่ ชาติพันธุ์

ผ฾ูหญิงท่ีเป็นแม฽บ฾ำนและ เยำวชน หำทํำงำนรับจ฾ำงเพ่ือนํำมำเล้ียงครอบครัว
รวมถึงกำรทอเสื้อผ฾ำ,กระเป฻ำเพ่ือเอำไว฾ใช฾และใส฽ในงำนประเพณีหรือตำมเทศกำล
ส฽วนหนง่ึ กน็ ํำไปขำยเพื่อนำํ เงนิ ที่ไดม฾ ำจนุ เจือครอบครวั

3. กำรใช฾ทรัพยำกรท฾องถนิ่ ภมู ปิ ใญญำกำรรักษำแบบแพทยแพ้ืนบ฾ำน โดยมี
หน฽วยงำนของหนว฽ ยงำนทม่ี ำสนบั สนนุ กจิ กรรมทำงวฒั นธรรมทง้ั ภำครัฐและเอกชน
เช฽น หน฽วยงำนรำชกำรของอํำเภอ เกษตรอํำเภอ ประมงอํำเภอ องคแกำรบริหำร
ส฽วนตํำบล พระธรรมจำริก พระบัณฑิตอำสำ ชุมชนบ฾ำนแม฽คิงและบ฾ำนขุนแหง
ได฾รับองคแควำมรู฾จำกกำรเรียนร฾ูท่ีวัดหรืออำศรมพระบัณฑิตอำสำ มีกำรเรียนร฾ูจำก
ภำยนอกท่หี นว฽ ยงำนของรฐั มำใหค฾ วำมรดู฾ ฾ำนสำธำรณสุขกำรดูแลตนเองเบื้องต฾น

4. พระบัณฑติ อำสำได฾นํำหลักเศรษฐกิจพอเพียง มำอธิบำยให฾กับชำวบ฾ำน
ในชุมชนให฾เขำ฾ ใจหลักธรรมด฾วยภำษำที่ง฽ำย ถ฾ำนํำเสนอในรูปแบบที่เป็นภำษำทำง
พุทธศำสนำเลย ชำวบำ฾ นในชุมชนอำจไมเ฽ ขำ฾ ใจ พระบณั ฑติ อำสำควรถ฽ำยทอดด฾วย
กำรเชื่อมโยงยกตัวอย฽ำงท่ีสำมำรถมองเห็นได฾อย฽ำงเป็นรูปธรรมเพ่ือให฾ชำวบ฾ำนใน
ชุมชน จนเกิดกำรเรียนรู฾และนํำไปใช฾ในกำรดํำรงชีวิตประจํำวันได฾ ในกำรยึดหลัก
เศรษฐกิจพอเพียง ตำมหลักของทำงสำยกลำง พอประมำณ มีเหตุผลและมี
ภมู คิ ุ฾มกัน เพ่ือให฾ชมุ ชนสำมำรถยกระดับ พึ่งพำตนเอง ครอบครัวชุมชนและสังคม
รวมถึงเป็นกำรสร฾ำงเครือข฽ำยของกำรทํำงำนในชุมชนไปส฽ูองคแกรชุมชน ให฾เกิด
ควำมก฾ำวหน฾ำโดยกำรใช฾หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งในกำรดํำเนินงำนของเครือข฽ำยพระ
นักพฒั นำกลุ฽มชำติพนั ธแบนพืน้ ทสี่ ูง

แนวปฏิบัติของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำ และกระบวนกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตของ
กลุ฽มชำตพิ นั ธบแุ นพ้ืนทีส่ งู ของเครือขำ฽ ยพระนกั พัฒนำ

แนวปฏิบัติด฾ำนกำรอนุรักษแสิ่งแวดล฾อมของพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ
มดี งั น้ี

1. กำรใช฾แบบยั่งยืน (Sustainable utilization) มีแนวปฏิบัติ ดังนี้
กำรรณรงคแให฾ควำมรู฾ เรื่องกำรไม฽ใช฾ยำฆ฽ำแมลง กำรไม฽ใช฾สำรเคมีในกำรทํำ
กำรเกษตร นอกจำกนนั้ ยังแนะนำํ ให฾ชำวบำ฾ นปลกู พืชผักผลไม฾ เพ่ิมเติม เช฽น ปลูก
ลํำไย มะม฽วง และกล฾วย พืชผักสวนครัว เน฾นกำรบริโภคในครัวเรือนเป็นหลักที่
เหลือจึงจํำหน฽ำย พระบัณฑิตอำสำได฾ปฏิบัติให฾ดูเป็นตัวอย฽ำงท่ีอำศรมพระบัณฑิต

-164-

เครอื ข่ายพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาตพิ ันธุ์

อำสำ เป็นกำรใช฾หลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง เน฾นกำรปลูกพืชเพื่อยังชีพ เพ่ือ
บริโภค และงดเว฾นกำรใช฾สำรเคมี สนับสนุนส฽งเสริม และให฾ควำมร฾ูชำวบ฾ำนเร่ือง
กำรทํำป฻ุยหมัก ป฻ุยชีวภำพ ป฻ุยพืชสด ป฻ุยนํ้ำชีวภำพ และกำรจัดตั้งเครือข฽ำย
อำสำสมัครรักษแส่ิงแวดล฾อม เป็นกำรทํำงำนในระดับเครือข฽ำยด฾ำนกำรฟื้นฟูและ
อนุรักษแสิ่งแวดล฾อมของกลุ฽มมดงำนหลำยๆกล฽ุม เช฽น มำร฽วมด฾วยช฽วยกันทํำ
กจิ กรรมกำรบวชปุำ กำรดับไฟปุำ กำรจัดทํำแนวกันไฟ นอกจำกนั้นยังมีกำรขยำย
ผลท้ังด฾ำนควำมร฾ู ภูมิปใญญำ จิตสํำนึกในสิ่งแวดล฾อมผนวกกับกำรผนึกกํำลังของ
ชุมชนในพื้นท่ี ในชุมชน ในหม฽ูบ฾ำน พื้นที่บริวำร พ้ืนที่ใกล฾เคียงที่ได฾รับ
ผลกระทบในลักษณะเดียวกัน มำทํำงำนร฽วมกัน เกิดกระบวนกำรแลกเปลี่ยน
ประสบกำรณแกำรทำํ งำน

2. กำรกักเก็บรักษำ (Storage) มีแนวปฏิบัติ ดังน้ี กำรจัดตั้งธนำคำร
ข฾ำว โดยได฾ต้ังเป็นกองทุนออมข฾ำว รับบริจำคข฾ำวเปลือก จัดทํำบุญทอดผ฾ำปุำ
ข฾ำวเปลือก นํำผลประโยชนแท่ีเกิดจำกกำรให฾ก฾ูข฾ำวมำใช฾เป็นทุนดํำเนินกำร
ธนำคำรข฾ำวเป็นกำรรวมกลุ฽มกันของชำวบ฾ำนภำยใต฾กำรแนะนํำของพระบัณฑิต
อำสำพัฒนำชำวเขำ และหน฽วยงำนรำชกำรที่เก่ียวข฾อง เช฽น โครงกำรหลวง งำน
พัฒนำสังคม เกษตรอํำเภอ เป็นตน฾

3. กำรรักษำหรือซ฽อมแซม (repair) มีแนวปฏิบัติ ดังน้ี กำรจัดกำรขยะ
ในชุมชน กำรให฾ควำมร฾ูในเรื่องกำรจัดกำรขยะ กำรคัดแยก กำรใช฾ซ้ํำและกำรลด
ปริมำณขยะในครวั เรือน

4. กำรฟ้ืนฟู (rehabilitation) มีแนวปฏิบัติ ดังน้ี กำรรณรงคแให฾ควำมรู฾
ชำวบ฾ำนผ฽ำนกำรประสำนงำนกับศูนยแพัฒนำชำวเขำ เรื่องกำรไม฽ใช฾ยำฆ฽ำแมลง
กำรไม฽ใช฾สำรเคมีในกำรทํำกำรเกษตร เพ่ือให฾ชำวบ฾ำนเปลี่ยนทัศนคติ เปล่ียนวิถี
ชีวิตหันกลับมำปลูกพืชยืนต฾นเพ่ือบริโภค เป็นพืชสวน เน฾นกำรใช฾หลักปรัชญำ
เศรษฐกิจพอเพียง เน฾นกำรปลูกพืชเพื่อยังชีพ พืชผักสวนครัว เน฾นบริโภคเหลือ
ถงึ นํำมำขำย และเน฾นงดเวน฾ กำรใช฾สำรเคมี

5. กำรพฒั นำ (development) มีแนวปฏิบัติ ดังนี้ กำรจัดตั้งธนำคำรข฾ำว
เป็นกำรรวมกลุ฽มกันของชำวบ฾ำนภำยใต฾กำรแนะนํำของพระบัณฑิตอำสำพัฒนำ
ชำวเขำ และหน฽วยงำนรำชกำรที่เกี่ยวข฾อง เช฽น โครงกำรหลวง พัฒนำสังคม
เกษตรอํำเภอ เป็นต฾น โดยเน฾นหลักกำรสงเครำะหแชำวบ฾ำนท่ียำกไร฾ ในชุมชน

-165-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ติ ของกลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ

ได฾มำกู฾ยืมข฾ำวจำกธนำคำรข฾ำวไปใช฾บริโภค และทํำพันธุแ(เช้ือ) สํำหรับกำรเกษตร
ในฤดูทํำนำ ให฾คนในชุมชนช฽วยกันดูแล โดยมีกฎเกณฑแต฽ำง ๆ ที่ชุมชนได฾ตกลง
รว฽ มกันและถอื ไดถ฾ อื ปฏิบัติภำยในชุมชน

6. กำรปูองกัน (protection) มีแนวปฏิบัติ ดังนี้ กำรทํำแนวกันไฟ โดย
ชำวบำ฾ นอำสำมำชว฽ ยกนั ดูแล ทํำแนวกนั ไฟอย฽ำงดปี อู งกันไฟลำมปุำเข฾ำหมู฽บ฾ำน

7. กำรสงวน (preservation) มีแนวปฏิบัติ ดังนี้ กำรบวชปุำ โดย
ประยุกตพแ ิธกี รรมทำงศำสนำมำใช฾กับกำรอนรุ ักษธแ รรมชำติ กำรบวชปลำ ในบริเวณ
รัศมีพ้ืนท่ีที่ขุนนํ้ำ ไม฽ไม฽จับปลำ ใช฾หลักคิดเดียวกับกำรบวชปุำ เป็นกำรประยุกตแ
พิธีกรรมทำงศำสนำมำใช฾กับธรรมชำติ กำรบวชขุนนํ้ำ ใช฾เรียกขวัญกํำลังและต฽อ
ชะตำชีวิตคน สร฾ำงมิติของควำมศักด์ิสิทธิ์ในเชิงพุทธศำสนำให฾แก฽ธรรมชำติ ใน
ลักษณะเดียวกับกำรบวชปุำ

8. กำรแบ฽งเขต (Zoning) มีแนวปฏิบัติ ดังนี้ กำรบวชปุำ กำรกํำหนด
โซนเพื่ออนุรักษแปุำ กำรบวชปลำ กำรกํำหนดโซนเพ่ืออนุรักษแปลำในเขตขุนน้ํำ
กำรบวชขนุ น้ำํ กำรกํำหนดโซนเพื่ออนรุ ักษนแ ้ํำในเขตขนุ น้ำํ

แนวปฏิบัตดิ ฾ำนกำรส฽งเสริมกำรท฽องเที่ยวเชิงศำสนำและวัฒนธรรมของพระ
บัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ มดี งั น้ี

1. กำรปรับปรุงเปล่ียนแปลงโครงสร฾ำงภำยในวัดเพ่ือรองรับนักท฽องเท่ียว
มีกำรสิ่งอํำนวยควำมสะดวก มีเอกสำรข฾อมูลเกี่ยวกับวัดไว฾แจกนักท฽องเท่ียว มี
ห฾องน้ํำสะอำดที่มีจํำนวนมำกเพียงพอ มีระบบไฟฟูำแสงสว฽ำงที่ดี มีร฾ำนจํำหน฽ำย
สินค฾ำท่ีระลึก และมีบุคลำกรที่พูดภำษำอังกฤษและภำษำอื่น ๆ ไว฾ต฾อนรับ
นักท฽องเที่ยว ช฽วยส฽งเสริมควำมเข฾ำใจอันดีระหว฽ำงคนต฽ำงชุมชน ต฽ำงวัฒนธรรม
ส฽งเสริมกำรเก้อื กลู แบ฽งปนใ ใหเ฾ กิดข้ึนในชมุ ชน

2. กำรรักษำขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมอันดีงำมที่บรรพบุรุษได฾
กระทํำติดต฽อกันมำเป็นเวลำนำน ทํำให฾เกิดควำมรักควำมสำมัคคีของคนในชุมชน
ตลอดถงึ ผู฾คนต฽ำงถ่ินต฽ำงแดนที่เดินทำงมำกรำบไหว฾บูชำพระธำตุ เป็นกำรเดินทำง
ไปสักกำระส่ิงท่ีเป็นเสมือนตัวแทนหรือเหตุกำรณแท่ีน฾อมนํำมำให฾สัมพันธแกับ
พระพทุ ธเจ฾ำ

3. กำรจัดประชุมระดมควำมคิดเพ่ือวิเครำะหแผลกำรดํำเนินงำนของ
เครือข฽ำยพระนักพัฒนำและกระบวนกำรส฽งเสริมกำรท฽องเท่ียวชุมชนของกล฽ุมชำติ

-166-

เครอื ข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของกลุม่ ชาติพนั ธุ์

พันธแุบนพื้นท่ีสูงของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำบนพื้นที่สูง ณ อำศรมพระบัณฑิต
อำสำ 2 เสน฾ ทำง มผี ลสรปุ ดังน้ี เส฾นทำงที่ 1 เส฾นทำงท฽องเที่ยวอำศรมพระบัณฑิต
อำสำอํำเภอกัลยำณิวัฒนำ จังหวัดเชียงใหม฽ และเส฾นทำงที่ 2 เส฾นทำงตำมรอยพ฽อ
หลวง ร.9 บำ฾ นแสนคํำลือ อํำเภอปำงมะผ฾ำ จังหวดั แมฮ฽ ฽องสอน

แนวปฏิบตั ิดำ฾ นกระบวนกำรเพ่ิมรำยได฾เกษตรวิถีพุทธของพระบัณฑิตอำสำ
พัฒนำชำวเขำ มดี ังนี้

1. กำรส฽งเสริมให฾ควำมร฾ูทำงด฾ำนกำรเกษตร ส฽งเสริมในด฾ำนอำชีพเสริม
รำยได฾ เช฽น กำรปลูกกำแฟ ผลไม฾เมืองหนำว โดยกำรจัดหำกล฾ำพันธุแและ
เพำะปลูกกล฾ำพนั ธุแสำํ หรับแจกจ฽ำยชำวบ฾ำนในพ้นื ท่อี ำศรม

2. กำรสง฽ เสรมิ ดำ฾ นคุณธรรม ส฽งเสริมในให฾คนในชุมชนพัฒนำตนเอง และ
สง฽ เสริมดำ฾ นบำํ รงุ รกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละส่งิ แวดล฾อม

แนวปฏิบัติด฾ำนกำรดูแลผู฾สูงอำยุของพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ มี
ดังน้ี

1. กำรสงั คมสงเครำะหแและพัฒนำ จัดต้ังและพัฒนำกล฽ุมต฽ำงๆ ในหมู฽บ฾ำน
(เยำวชน แมบ฽ ำ฾ น ผส฾ู ูงอำยุ กล฽มุ อำชีพ ฯลฯ) ส฽งเสริมสนับสนุนองคแกรในหม฽ูบ฾ำน
ให฾เข฾มแข็ง ประสำนงำนกับองคแกรในท฾องถิ่นท้ังภำครัฐและเอกชนที่เก่ียวข฾อง ให฾
คํำแนะนํำปรึกษำด฾ำนกำรดํำเนินงำนแก฽องคแกรในท฾องถ่ิน สงเครำะหแบุคคลและ
ครอบครัวทีท่ กุ ขแยำกเดือดร฾อน (คนยำกจน คนพิกำร ผูส฾ งู อำยุ ผปู฾ ระสบภยั )

2. กำรจัดประชุมระดมควำมคิดเพื่อวิเครำะหแผลกำรดํำเนินงำนของ
เครอื ข฽ำยพระนักพฒั นำและกระบวนกำรดูแลผ฾ูสูงอำยุของกล฽ุมชำติพันธุแบนพื้นที่สูง
ของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำบนพ้ืนท่ีสูง ณ อำศรมพระบัณฑิตอำสำบ฾ำนปุำคำ
ตํำบลม฽อนป่ิน อํำเภอฝำง จังหวัดเชียงใหม฽ มีผลสรุปดังน้ี กำรทํำสํำมะโนปใญหำ
ชุมชน เพื่อทํำกำรสรุปประเด็นปใญหำร฽วมกับผู฾ใหญ฽บ฾ำน และเจ฾ำหน฾ำที่จำก
องคแกำรบริหำรส฽วนตํำบลม฽อนปิ่นที่เข฾ำมำช฽วย ซึ่งกำรสรุปปใญหำจำกกำรทํำสํำมะ
โนปใญหำก็ได฾ประเด็นที่กล฽ำวมำเบื้องต฾น จำกกำรผลกำรจัดประชุมได฾นํำไปส฽ูกำร
จัดทํำโครงกำร จิตอำสำร฽วมกันพัฒนำทํำควำมสะอำดบ฾ำนปุำคำ ณ บ฾ำนปุำคำ
หมู฽ที่ 11 ตํำบลม฽อนป่ิน อํำเภอฝำง จังหวัดเชียงใหม฽ ในชื่อโครงกำรว฽ำ จิตอำสำ
ร฽วมกนั พฒั นำทำํ ควำมสะอำดบ฾ำนปุำคำ โดยคณะกรรมกำรหม฽บู ำ฾ นปุำคำ

-167-

เครือข่ายพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของกล่มุ ชาติพนั ธ์ุ

3. กำรจัดทํำโครงกำรอบรมให฾ควำมร฾ูกำรดูแลสุขภำพผ฾ูสูงอำยุ ณ ศำลำ
อเนกประสงคบแ ฾ำนปำุ คำ หม฽ทู ่ี 11 ตำํ บลมอ฽ นป่ิน อำํ เภอฝำง จังหวัดเชียงใหม฽ ชื่อ
โครงกำร: อบรมให฾ควำมรู฾กำรดูแลสุขภำพผู฾สูงอำยุ โดยคณะกรรมกำรหม฽ูบ฾ำนปุำ
คำ ร฽วมกับโรงพยำบำลส฽งเสริมสุขภำพม฽วงชุม โดยขอเจ฾ำหน฾ำท่ีที่มีควำมรู฾
ควำมสำมำรถ มำอบรมให฾ควำมรู฾แก฽ผู฾สูงอำยุบ฾ำนปุำคำ ผู฾สูงอำยุจะได฾มีควำมร฾ู
ควำมเข฾ำใจในกำรนํำควำมรู฾มำเป็นส฽วนหน่ึงในกำรดํำเนินชีวิต นักวิจัยและนิสิตจึง
จัดทํำโครงกำร อบรมให฾ควำมร฾ูกำรดูแลสุขภำพผู฾สูงอำยุ เพื่อคุณภำพชีวิตที่ดีข้ึน
ของผ฾ูสูงอำยุ ในกำรดูแลรักษำสุขภำพของตัวเองต฽อไป มีวัตถุประสงคแ ดังนี้ 1.
เพื่อให฾ผู฾สูงอำยุได฾อบรมมีควำมรู฾เข฾ำควำมใจในกำรดูแลสุขภำพตนเอง 2. เพ่ือให฾
ผสู฾ ูงอำยุได฾มคี วำมสำมัคคีกันในกำรรวมกล฽ุมทํำกิจกรรมร฽วมกัน 3. เพื่อให฾ผ฾ูสูงอำยุ
ได฾มีสุขภำพกำยและสุขภำพจิตที่ดี ในกำรดํำเนินชีวิตลักษณะกิจกรรมเป็นกำร
ดํำเนินงำนแบบมีส฽วนร฽วมของนักวิจัยและนิสิตฝึกงำน สำขำสังคมสงเครำะหแและ
ผ฾ูสงู อำยุบำ฾ นปำุ คำ

แนวปฏิบัติด฾ำนกำรส่ือสำรวัฒนธรรมเพื่อกำรเรียนร฾ูของพระบัณฑิตอำสำ
พฒั นำชำวเขำ มีดังนี้

1. กำรสื่อสำรของพระนักพัฒนำ (Sender) เป็นกำรทํำงำนเชิงรุกมำกว฽ำ
เชงิ รบั มที ักษะในกำรสือ่ ภำษำถ่นิ กบั กลุ฽มชำติพันธุแ ทํำงำนด฾วยใจรักและมีปณิธำน
ท่ชี ัดเจน

2. เน้ือธรรม (Message) ของพระนักพัฒนำ เป็นหลักธรรมท่ีมีเน้ือหำ
สำระเก่ียวข฾องกับวิถีชีวิตของชำวบ฾ำนในชุมชน มีประโยชนแแก฽ชำวบ฾ำน ชุมชน
และประเทศชำติทงั้ ในปจใ จบุ นั และอนำคต

3. ช฽องทำงกำรส่ือสำร (Channel) ของพระนักพัฒนำนั้นเกี่ยวข฾องกำร
กำรใช฾สอื่ เทคโนโลยีและช฽องทำงทจี่ ะส่อื สำรกับชำวบำ฾ นในชุมชน ใช฾ภำษำท่ีเข฾ำใจ
ง฽ำย สอ่ื ท่ีจูงใจ มวี ิธีกำรสอนที่หลำกหลำยและมปี ระสทิ ธภิ ำพ

4. ผู฾รับสำร (Receiver) ของพระนักพัฒนำต฾องมีกำรวิเครำะหแผ฾ูรับสำร
เพ่ือจะได฾หำวิธีที่จะเข฾ำไปส่ือสำรกับเปูำหมำยของตนเองในแต฽ละชุมชนให฾เ ข฾ำใจ
แจม฽ แจง฾ ในเรอ่ื งท่ไี ดฟ฾ ใง มีแรงจูงใจในกำรพัฒนำตน มีควำมพยำยำมในกำรปฏิบัติ
และมีควำมสขุ จำกกำรเรยี นรู฾และทำํ กิจกรรมทำงพุทธศำสนำ

-168-

เครอื ข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพันธุ์

5. กำรสร฾ำงเครอื ขำ฽ ย (Network) ของพระนกั พัฒนำทีม่ ีหลำยกลุ฽ม ได฾แก฽
พระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ พระธรรมจำริก หรือพระสงฆแนักพัฒนำอ่ืนๆ ใน
พื้นที่ เพื่อทํำเปูำหมำยเดียวกัน เป็นหัวใจสํำคัญในกำรช฽วยสนับสนุนกำรสื่อสำร
กระบวนกำรวัฒนธรรมเพ่ือกำรเรียนรู฾ของกล฽ุมชำติพันธุแได฾เป็นอย฽ำงดีและมี
ประสิทธิภำพมำกย่งิ ขนึ้

แนวปฏิบัติด฾ำนเศรษฐกิจชุมชนแบบพอเพียงของพระบัณฑิตอำสำพัฒนำ
ชำวเขำ มดี งั น้ี

1. กำรประยุกตแใช฾หลักพุทธธรรมในกำรพัฒนำสังคม เป็นกำรทํำงำน
พระสงฆแที่อำสำเพื่อพัฒนำทำงด฾ำนจิตใจมำกกว฽ำกำรพัฒนำด฾ำนวัตถุ กำรพัฒนำ
คนให฾ดํำรงชีวิตอย฽ูได฾ สร฾ำงทุน คุณภำพชีวิตที่ดี โดยใช฾หลักปำปณิกธรรม 3 พละ
4

2. กำรใช฾แนวคิดกำรสร฾ำงเครือข฽ำย (Networking) เป็นกำรสร฾ำง
ควำมสัมพันธแทำงสังคมที่มีลักษณะคล฾ำยใยแมงมุม ทํำหน฾ำที่เช่ือมสัมพันธแกัน
ระหว฽ำงบุคคลหลำยๆคน บนพื้นฐำนด฾ำนควำมคิด ควำมเชื่อ กำรมีส฽วนร฽วมและ
ประสบกำรณแ กำรกระทำํ พนั ธกจิ และเปูำหมำยรว฽ มกนั

3. กำรพัฒนำเศรษฐกิจตำมแนวทำงพระพุทธศำสนำ พระบัณฑิตอำสำใช฾
หลกั ธรรมคำํ สอนทใ่ี ช฾เปน็ เครื่องยดึ เหนย่ี วจติ ใจให฾กับศำสนิกชน ซ่ึงหลักธรรมท่ีใช฾
ในกำรพัฒนำเศรษฐกิจพอเพียงตำมแนวทำงพระพุทธศำสนำ ประกอบด฾วย
หลักธรรมทิฏฐธัมมิกัตถประโยชนแ 4 หลักโภคำวิภำค 4 หลักสุขของคฤหัสถแ
หลักอตตำ หิ อตตโน นำโถ หลักสัปปุริสธรรม 7 หรือหลักธรรมสัตบุรุษ 7
มัชฌิมำปฏิปทำ เพื่อเป็นหลักธรรมคํำสอนนํำไปส฽ูกำรดํำเนินชีวิตของชำวบ฾ำนใน
ชุมชน

ผลกระทบของพ้ืนท่ีต฾นแบบ (Model) ในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตของกลุ฽มชำติ
พนั ธุแบนพ้ืนทสี่ งู ของเครือขำ฽ ยพระนักพัฒนำ

ผลกระทบของพ้ืนที่ต฾นแบบ (Model) ในกำรฟ้ืนฟูสิ่งแวดล฾อมของกลุ฽ม
ชำติพันธุแบนพน้ื ท่สี ูงของเครือข฽ำยพระนกั พัฒนำ สำมำรถสรปุ ไดด฾ งั นี้

1. ผลกระทบจำกกำรจัดกำรขยะในชุมชน ปใญหำขยะเป็นปใญหำใหม฽ท่ี
เกิดข้ึนในชุมชน จำกกำรเข฾ำพ้ืนที่มำก็เริ่มพบเห็นปใญหำเร่ืองกำรจัดกำรขยะ

-169-

เครอื ข่ายพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ ันธ์ุ

เพรำะปริมำณขยะมีเพ่ิมมำกขึ้นเรื่อย ๆ จึงเกิดกิจกรรมกำรให฾ควำมร฾ูในเรื่องกำร
จัดกำรขยะและกำรลดปริมำณขยะในครัวเรือน ซึ่งส฽งผลกระทบต฽อชุมชน นํำไปสู฽
เร่ืองของกำรจัดกำรขยะอย฽ำงเป็นระบบ พัฒนำไปส฽ูกำรจัดทํำบ฽อขยะ โดยผ฽ำน
กำรจัดทํำถงั ขยะในชมุ ชน แหล฽งชุมชน ตำมครัวเรือน บริเวณทำงแยก ในชุมชน
โดยร฽วมกับกลมุ฽ เยำวชนลมุ฽ นํ้ำแม฽ลิด

2. ผลกระทบจำกกำรบวชปุำ เริ่มจำกกำรใช฾พ้ืนท่ีรอบ ๆ ขุนน้ํำ รัศมี 1
กิโลเมตร เพื่อรักษำปุำต฾นน้ํำ และมีกำรบวชต฾นไม฾ขยำยพ้ืนท่ีบริเวณปุำรอบขุนน้ํำ
มีอำณำบริเวณหลำยร฾อยไร฽ ในปีแรกที่ที่มีกิจกรรมบวชปุำ พบชำวบ฾ำนให฾ควำม
สนใจเข฾ำร฽วมจํำนวนมำก หลังจำกท่ีมีกำรทํำพิธีกรรมทำงศำสนำ มีกำรสวดมนตแ
จึงได฾สำนต฽อโครงกำรพัฒนำสิ่งแวดล฾อม และกำรทํำกิจกรรมต฽อยอดไปอีกเพื่อทํำ
ให฾ชุมชนหม฽ูบ฾ำนของเรำมีปุำ มีนํ้ำ มีอำหำรกินตลอดปี ลูกหลำนไม฽อดอยำกไม฽
ลำํ บำก ชำวบ฾ำนกเ็ ห็นดเี หน็ ชอบดํำเนนิ กิจกรรมมำตลอดทกุ ปี

3. ผลกระทบจำกกำรทํำแนวกันไฟ ระหว฽ำงเขตหมู฽บ฾ำนรอบ ๆ หม฽ูบ฾ำน
เพ่อื ปอู งกนั ไฟปุำ แต฽ท่ีผ฽ำนมำ บริเวณพ้ืนที่ อ.แม฽สะเรียง จะไม฽มีไฟไหม฾ หรือไม฽
มีไฟปุำมำหลำยปี มีแต฽ก฽อนที่จะทํำกำรเกษตรก็จะมีกำรถำงไร฽ และจะทํำแนวกัน
ไฟอย฽ำงดี จะดูแลปุำอย฽ำงดี ถ฾ำมีกำรเผำปุำเพื่อเตรียมกำรทํำกำรเกษตรก็จะมี
ชำวบ฾ำนอำสำมำช฽วยกันดูแล ทํำแนวกันไฟอย฽ำงดีปูองกันไฟลำมปุำเข฾ำหม฽ูบ฾ำน
เป็นอยำ฽ งดี ชำวบำ฾ นรกั ปุำ

4. ผลกระทบจำกกำรอนุรักษแพันธแุปลำ ท่ีขุนห฾วย (ลํำธำรในเขตหมู฽บ฾ำน)
โดยเริ่มจำกในหม฽ูบ฾ำนบริวำร เช฽น บ฾ำนแม฽สะเรียงน฾อย ต.ปุำแป฻ อ.แม฽สะเรียง จ.
เชียงใหม฽ ชำวบ฾ำนนิมนตแพระอำจำรยแเข฾ำไปบวชปุำ และได฾เห็นขุนน้ํำท่ีมีน้ํำเยอะ
มำกควำมอดุ มสมบูรณแ มปี ลำจํำนวนมำก แสดงถึงควำมอุดมสมบูรณแของพ้ืนท่ี ได฾
แนะนํำชำวบ฾ำนให฾อนุรักษแพันธุแปลำ ปใจจุบันจํำนวนปลำมีเพิ่มข้ึนเพียงพอต฽อกำร
บรโิ ภคในชุมชน

5. ผลกระทบจำกกำรอนุรักษแต฾นนํ้ำ ในช฽วงปีแรก ๆ ท่ีพระบัณฑิตอำสำ
พัฒนำชำวเขำเข฾ำมำอย฽ูในพื้นท่ี น้ํำในลํำห฾วยก็แห฾งขอด นํ้ำไม฽มีใช฾ภำยในชุมชน
จงึ พยำยำมสร฾ำงควำมตระหนกั ด฾วยกำรชี้ให฾เห็นถึงปใญหำว฽ำถ฾ำชำวบ฾ำนไปปลูกข฾ำว
ทำํ ไรข฽ ำ฾ วท่ีขนุ น้ํำ เหนือหม฽ูบ฾ำนซึง่ เปน็ แหล฽งต฾นนํ้ำ จึงแนะนํำใหช฾ ำวบ฾ำนทํำไร฽ข฾ำว

-170-

เครอื ข่ายพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกล่มุ ชาตพิ นั ธุ์

ในพื้นทีท่ ี่ต่ํำกว฽ำขุนนํำ้ ขำ฾ งล฽ำงหมู฽บ฾ำนลงไป ซึ่งผลปรำกฏ 6 ปีที่ผ฽ำนมำปุำไม฾ ท่ี
เป็นปุำขนุ นำํ้ เป็นปุำหมบู฽ ำ฾ นก็ยังเขยี วชุม฽ ช่นื

6. ผลกระทบจำกกำรให฾ควำมรู฾เร่ืองกำรไม฽ใช฾ยำฆ฽ำแมลง กำรไม฽ใช฾
สำรเคมีในกำรทํำกำรเกษตร ผ฽ำนกำรประสำนงำนกับศูนยแพัฒนำชำวเขำมำให฾
ควำมรู฾กับชำวบ฾ำน นอกจำกมำให฾ควำมร฾ูแล฾วยังรวมถึงมำลงมือปฏิบัติ เช฽น กำร
เพำะกล฾ำอโวคำโด เพำะกล฾ำกำแฟ เสำวรสให฾กับชำวบ฾ำนอีกด฾วย จำกควำมรู฾ที่
จนท.โครงกำรมำแนะนํำ ทํำให฾ทรำบว฽ำธรรมชำติของพืชน่ีมีหลำยประเภทจํำแนก
ตำมระยะเก็บเก่ียว อำทิ พืชเก็บเก่ียวระยะสั้น พืชเก็บเก่ียวระยะกลำง พืชเก็บ
เกย่ี วระยะยำว เช฽น สง฽ เสรมิ ใหช฾ ำวบ฾ำนปลูกต฾นอโวคำโดเป็นพืชพำณิชยแ มีรำคำ
ดีกว฽ำจะโตจนเก็บเกี่ยวผลผลิตได฾ใช฾ระยะเวลำ 5 ปี ระหว฽ำงนั้นให฾ปลูกกำแฟเสริม
ในสวน ซ่งึ ใช฾ระยะเวลำในกำรเก็บเกี่ยว 2 ปี แต฽ชำวบ฾ำนหรือเกษตรกรจํำเป็นต฾อง
กินต฾องใช฾ ต฾องมีเงิน มีผลผลิตหมุนเวียนเพ่ือก฽อให฾เกิดรำยได฾ หรือสำมำรถดํำรง
ชีพได฾ จึงควรปลูกเสำวรส ซ่ึงใช฾ระยะเวลำในกำรเก็บเกี่ยว 1 ปี นอกจำกนั้นยัง
แนะนํำให฾ชำวบ฾ำนดูแลสวน และเพ่ิมเติมด฾วยกำรปลูกลํำไย มะม฽วง และกล฾วย
เน฾นกำรบริโภคในครัวเรือนเป็นหลัก ท่ีเหลือจึงจํำหน฽ำย เป็นกำรใช฾หลักปรัชญำ
เศรษฐกิจพอเพยี ง เนน฾ กำรปลกู พืชเพื่อยังชีพ พืชผักสวนครัว เน฾นบริโภค งดเว฾น
กำรใช฾สำรเคมี สนับสนุนส฽งเสริม และให฾ควำมรู฾ชำวบ฾ำนเร่ือง กำรทํำป฻ุยหมัก ปุ฻ย
ชวี ภำพ ป฻ยุ พชื สด ปุย฻ น้ำํ ชวี ภำพ

7. ผลกระทบจำกกำรจัดทํำธนำคำรข฾ำวของชุมชน พ้ืนท่ีดอยแห฽งนี้
เมื่อก฽อนได฾เกิดปใญหำต฽ำง ๆ ในด฾ำนคุณภำพชีวิตข้ันวิกฤต โดยเฉพำะปใญหำเรื่อง
“ฝิ่น” สิ่งเสพติดท่ีมำเยือนชุมชนต้ังแต฽อดีต กำรอพยพมำของบำงกลุ฽มในพื้นที่
อีกปใญหำหน่ึงท่ีเกิดขึ้นคือ ปใญหำพ้ืนท่ีปุำไม฾เสื่อมโทรมในที่บริเวณปุำต฾นน้ํำ อัน
เนื่องมำจำกกำรทํำไร฽ฝิ่นมำอย฽ำงต฽อเน่ืองและยำวนำน จนเกิดภำวะขำดควำม
สมดุลด฾ำนกำรใช฾ทรัพยำกรในพ้ืนท่ี ทํำให฾กำรปลูกข฾ำวเพ่ือไว฾เลี้ยงชีพนั้นแทบไม฽
พอกินและยังมีอุปสรรคอื่น ๆ กำรบุกรุกพ้ืนท่ีปุำ ไฟปุำท่ีทํำลำยหน฾ำดิน จึงได฾
รเิ ริ่มนำํ ขำ฾ วเปลอื กที่ชำวบำ฾ นมำถวำยเพ่อื ทํำบญุ ซง่ึ เป็นขำ฾ วใหม฽ ขอเป็นข฾ำวเปลือก
แทน โดยได฾ต้ังเป็นกองทุนออมข฾ำว รับบริจำคข฾ำวเปลือก จัดทํำบุญทอดผ฾ำปุำ
ข฾ ำ ว เ ป ลื อ ก นํ ำ ผ ล ป ร ะ โ ย ช นแ ที่ เ กิ ด จ ำ ก ก ำ ร ใ ห฾ ก฾ู ข฾ ำ ว ม ำ ใ ช฾ เ ป็ น ทุ น

-171-

เครอื ข่ายพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของกลมุ่ ชาติพันธุ์

ดํำเนินกำร ธนำคำรข฾ำวเป็นกำรรวมกล฽ุมกันของชำวบ฾ำนภำยใต฾กำรแนะนํำของ
พระบณั ฑติ อำสำพฒั นำชำวเขำ และหนว฽ ยงำนรำชกำรทเี่ กี่ยวขอ฾ ง

8. ผลกระทบจำกกำรสร฾ำงเครือข฽ำยอำสำสมัครรักษแส่ิงแวดล฾อม จำกกำรท่ี
พระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำได฾ดํำเนินกำรเก่ียวกับกำรฟื้นฟูทรัพยำกรและ
สิ่งแวดล฾อมในพ้ืนท่ีตนเองมำระยะหน่ึง และพบว฽ำกระบวนกำรทํำงำนจะก฽อให฾เกิด
ประสิทธิภำพที่สุด และแก฾ไขปใญหำได฾ย่ังยืนที่สุด ก็คือกำรทํำให฾ชำวบ฾ำนในพ้ืนที่
ตระหนักถึงปใญหำทีเ่ กิดขึ้นจำกกำรกระทํำของมนุษยแที่มีผลกระทบของสิ่งแวดล฾อม
และกำรทํำให฾ชำวบ฾ำนมีจิตอำสำร฽วมกันในกำรทํำให฾คนในหมู฽บ฾ำน ในชุมชนมีกำร
ปรับเปล่ียนวิถีชีวิตท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล฾อม เพรำะกำรอนุรักษแสิ่งแวดล฾อมจะเป็น
ประโยชนแต฽อชำวบ฾ำนและลูกหลำน และทรัพยำกรเหล฽ำนั้นก็จะยังคงมีอย฽ูให฾
ประโยชนแกับมนุษยแต฽อไปอย฽ำงยั่งยืน แต฽จำกกำรทํำงำนท่ีผ฽ำนมำพบว฽ำจิตสํำนึก
หรือควำมตระหนักแต฽เพียงอย฽ำงเดียวไม฽เพียงพอต฽อกำรจะฟื้นฟูสิ่งแวดล฾อม และ
ทรัพยำกรธรรมชำติให฾กลับคืนสภำพ ต฾องอำศัยพลังชุมชน ในกำรปฏิบัติกำรด฾วย
เปรียบเสมือนลํำธำรหลำยสำยรวมกันเป็นแม฽น้ํำใหญ฽ท่ีมีพลัง จึงจํำเป็นต฾องมีกำร
ส่ือสำรกับชำวบ฾ำน กล฽ุมเปูำหมำยต฽ำง ๆ ให฾มีควำมร฾ูควำมเข฾ำใจ ผ฽ำนกำรทํำ
กิจกรรมของกล฽ุมท่ีทํำงำนด฾ำนกำรอนุรักษแธรรมชำติและสิ่งแวดล฾อมในพื้นท่ี
ใกล฾เคียง หม฽ูบ฾ำนบริวำร รวมถึงหม฽ูบ฾ำนอ่ืน ๆ จึงเกิดจุดเริ่มต฾นของกำรร฽วมมือ
ร฽วมใจกันในกำรทํำงำนด฾ำนกำรฟ้ืนฟูสิ่งแวดล฾อมของกล฽ุมมดงำนหลำยๆกลุ฽มใน
ลักษณะเครอื ข฽ำยอำสำสมคั รรกั ษสแ งิ่ แวดล฾อม

ผลกระทบของพื้นท่ีต฾นแบบ (Model) ในกำรพัฒนำแหล฽งท฽องเท่ียวทำง
ศำสนำและวัฒนธรรมของกลุ฽มชำติพันธุแบนพ้ืนที่สูงของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำ
สำมำรถสรุปไดด฾ ังนี้

1. ผลกระทบจำกนโยบำยภำครัฐ จำกกำรพัฒนำกำรท฽องเที่ยวของกำร
ท฽องเท่ียวแห฽งประเทศไทย (ททท.) จังหวัดเชียงใหม฽ ได฾เปิดโครงกำรเส฾นทำงกำร
ท฽องเทีย่ วเพื่อชุมชนโดยชุมชน ไดเ฾ ลอื กให฾อํำเภอกัลยำณวิ ฒั นำเป็นแหล฽งท฽องเท่ียว
แห฽งใหมข฽ องจงั หวดั และคำดหวงั ใหเ฾ ปน็ เสมอื นสถำนทท่ี ฽องเท่ยี วทดแทนอํำเภอปำย
ท่ีกํำลังเข฾ำส฽ูช฽วงขำลงของกำรท฽องเที่ยว ภำยหลังกำรประกำศต้ังอํำเภอกัลยำณิ
วัฒนำในปี 2552 ทํำให฾ 3 ตํำบล คือ ตํำบลแจ฽มหลวง ตํำบลบ฾ำนจันทรแ และ
ตำํ บลแม฽แดดหรอื บรเิ วณขนุ นํำ้ แจ฽มถูกรวมเข฾ำเปน็ อํำเภอกลั ยำณิวฒั นำ

-172-

เครือข่ายพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

2. ผลกระทบจำกกำรพัฒนำกำรท฽องเที่ยวในพื้นที่ของคนนอกพื้นท่ี กำร
เปิดเป็นอํำเภอแห฽งใหม฽ท่ีมีเปูำหมำยหลักชัดเจนในกำรเปิดตัวเป็นแหล฽งท฽องเท่ียว
ทำงธรรมชำติแห฽งใหม฽เพื่อแทนท่ีแหล฽งท฽องเท่ียวเดิมซ่ึงเสื่อมโทรมลงอย฽ำงรวดเร็ว
เช฽นอํำเภอปำย ไดก฾ ฽อใหเ฾ กิดผลกระทบตำมมำคือส่ิงก฽อสร฾ำงและที่อย฽ูอำศัยมำกมำย
ท่ีเกิดข้ึนในพ้ืนที่อํำเภอกัลยำณิวัฒนำ เจ฾ำของเป็นทั้งคนในพ้ืนที่และคนนอกพื้นท่ี
ที่เข฾ำมำ โดยในกล฽ุมคนในพ้ืนที่ส฽วนใหญ฽ผู฾ที่มีกํำลังหรือผันตัวเองมำเป็นนำยทุน
หน฾ำใหม฽หรือผู฾ประกอบกำรร฾ำนค฾ำ ร฾ำนอำหำร รีสอรแท ป้ใมน้ํำมัน อ฽ูซ฽อมรถ หรือ
บำ฾ นเชำ฽ นน้ั มักเปน็ กล฽ุมคนทม่ี ฐี ำนะหรือรำยได฾ท่มี ัน่ คง เชน฽ ข฾ำรำชกำร กล฽ุมคนที่
ทํำงำนกับองคแกรศำสนำ หรือเก่ียวข฾อง ตลอดจน กล฽ุมผ฾ูนํำท฾องถ่ิน เช฽น
ผู฾ใหญ฽บ฾ำน อบต. เป็นต฾น จึงจะสำมำรถลงทุนประกอบกิจกำรดังกล฽ำวได฾ ทั้งน้ี
สำํ หรบั บคุ คลภำยนอกที่เขำ฾ มำสว฽ นใหญไ฽ ด฾ซ้อื ท่ดี ินหรือมำขอเช฽ำบ฾ำนหรือพื้นท่ีเพ่ือ
ทํำกำรค฾ำธุรกิจส฽วนตัว ส฽วนใหญ฽เป็นคนในเมืองเชียงใหม฽หรือจำกอํำเภอปำยที่
สนใจเข฾ำมำทำํ ธุรกจิ ส฽วนตัวในพื้นที่ ดงั น้ัน ในพ้ืนท่ีจึงมีส่ิงก฽อสร฾ำงมำกมำยเกิดข้ึน
โดยเป็นกำรมำขอเช฽ำท่ีหรือบ฾ำนจำกนำยทุน ซ่ึงส฽วนใหญ฽เป็นกลุ฽มผ฾ูนํำ เพ่ือเปิด
ธุรกิจร฾ำนค฾ำต฽ำงๆ ท้ังนี้พ้ืนที่ท่ีเห็นกำรเปล่ียนแปลงอย฽ำงชัดเจน คือ ในพ้ืนที่วัด
จนั ทรแ ตํำบลวัดจนั ทรแ ซ่ึงส฽วนใหญ฽เป็นคนจำกต฽ำงจังหวัด ดังน้ัน จำกกำรขยำยตัว
ของกิจกำรธุรกิจต฽ำงๆ ในพ้ืนท่ี ตลอดจนกำรเกิดกลุ฽มนำยทุนหน฾ำใหม฽ ซึ่งมำจำก
กล฽ุมผู฾นํำท฾องถ่ินในพ้ืนที่ กำรเปลี่ยนมือหรือกรรมสิทธิ์ในกำรถือครองท่ีดินจึง
เกิดขึ้นตำมมำด฾วย มีกำรซื้อขำยที่ดินกันอย฽ำงกว฾ำงขวำง อีกท้ังรำคำท่ีดินในกำร
ซอื้ ขำยยังมีรำคำแพงขึน้

3. ผลกระทบจำกควำมเสื่อมโทรมจำกกำรจัดกำรกำรท฽องเท่ียว ในกำร
พัฒนำด฾ำนกำรท฽องเที่ยวในพื้นท่ีอํำเภอกัลยำณิวัฒนำโดยหน฽วยงำนของรัฐท่ี
ดํำเนินกำรด฾ำนกำรท฽องเท่ียว เช฽น มูลนิธิโครงกำรหลวงวัดจันทรแและองคแกำร
อุตสำหกรรมปุำไม฾ (ออป.) วัดจันทรแ ได฾มีกำรดํำเนินงำนในพ้ืนที่มำหลำยปีนั้น
กำรดำํ เนนิ กำร อำํ นำจ หรือกำรจัดกำรจะข้ึนตรงต฽อหนว฽ ยงำนเหล฽ำนี้เป็นหลัก ส฽วน
ชำวบำ฾ นหรอื คนในชมุ ชนท่ถี กู นํำมำเป็นแหล฽งท฽องเที่ยวนั้น บทบำทและกำรมีส฽วน
ร฽วมจงึ มีเพยี งแตก฽ ำรเป็นพนักงำนหรือลกู จ฾ำงรำยวัน ซึ่งทํำงำนในหน฽วยงำนเหล฽ำนี้
ผลประโยชนทแ ีเ่ กิดข้ึนในรูปมลู ค฽ำทำงเศรษฐกจิ กับค฽ำตอบแทนที่ชำวบ฾ำนท่ีเข฾ำไปมี
ส฽วนรว฽ มในกำรดำํ เนินกำรกำรท฽องเที่ยวดังกล฽ำว คงไม฽มำกนักเม่ือเทียบกับผลกํำไร

-173-

เครือข่ายพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลุ่มชาติพันธ์ุ

ที่ทำงหน฽วยงำนได฾รับ ในทำงกลับกันชุมชนกลับได฾รับผลกระทบต฽อกำรดํำรงชีวิต
และทรัพยำกรในพืน้ ท่ีดว฾ ย เช฽น ปญใ หำแหลง฽ ตน฾ น้ํำได฾รับควำมเสียหำยจำกกำรทิ้ง
ขยะของนักท฽องเที่ยวท่ีทำงหน฽วยงำนที่ดํำเนินกำรกำรท฽องเท่ียวได฾นํำเข฾ำไป
ท฽องเท่ียวชมธรรมชำติในเส฾นทำงและบริเวณดังกล฽ำว นอกจำกน้ัน ยังมีกำรไป
ทํำลำยพืชพรรณไม฾ที่หำยำกของชมุ ชน กระทงั่ ชุมชนต฾องดํำเนินกำรร฾องเรียน ใน
ปใจจุบันจึงมีกำรรวมกล฽ุมข้ึน เพ่ือจัดกำรท฽องเท่ียวเชิงนิเวศของชุมชนโดยชุมชน
ข้ึน เป็นลักษณะท฽องเท่ียวเชิงอนุรักษแและจัดทํำท่ีพักแบบโฮมสเตยแเพ่ือให฾
นักท฽องเที่ยวเข฾ำมำศึกษำ ท฽องเที่ยวและทํำควำมเข฾ำใจวิถีชีวิต วัฒนธรรมและ
ธรรมชำติของชุมชนอยำ฽ งแทจ฾ ริง

ผลกระทบของพ้ืนท่ีต฾นแบบ (Model) ในกำรพัฒนำกำรเพ่ิมรำยได฾วิถี
พทุ ธของกล฽มุ ชำติพนั ธแุบนพ้นื ท่ีสูงของเครือข฽ำยพระนักพฒั นำ สำมำรถสรปุ ไดด฾ งั น้ี

1. ปใญหำกำรปลูกพืชบนพื้นท่ีสูง คือ บริบทพ้ืนท่ีส฽วนใหญ฽เป็นดอยสูง
ชำวบ฾ำนส฽วนใหญ฽จึงมีควำมเข฾ำใจว฽ำจะยำกต฽อกำรจัดกำรเกษตรแบบวิถีพุทธ
เนื่องจำกขำดควำมรใ฾ู นกำรทำํ เกษตรแบบวิถีพทุ ธ ควำมรใ฾ู นกำรทำํ ป฻ยุ อินทรียแ พันธุแ
พืชในกำรเพำะปลูก กำรคัดเลือกพืชพันธแให฾เหมำะสมกับดินและกำรเลือกปลูกพืช
เศรษฐกิจที่ดูแลง฽ำย ควำมร฾ูในกำรแปรรูปผลผลิตทำงเกษตรท่ีออกมำให฾ได฾
หลำกหลำย และงบประมำณในกำรสนับสนุนกำรดํำเนินงำนในด฾ำนกำรเกษตร ท่ี
สํำคัญคือ มคี วำมเชือ่ ในกำรทำํ เกษตรแบบเดมิ ท่ีเน฾นพืชเศรษฐกิจแบบเชิงเด่ียว จึง
ยำกตอ฽ กำรเปล่ยี นแปลงแนวคิดใหม฽ๆ โดยเฉพำะในด฾ำนกำรเกษตรแบบวิถีพุทธ ที่
เน฾นกำรเกษตรแบบพอเพียง เพรำะเห็นว฽ำมีรำยได฾ท่ีน฾อยและช฾ำมำกกว฽ำจะเห็นผล
บำงแห฽งมีปใญหำกำรขำดนํ้ำอุปโภคบริโภคไว฾ใช฾ในฤดูแล฾ง ในช฽วงเดือนมีนำคม-
พฤษภำคม

2. ปใญหำควำมแห฾งแล฾งบนพ้ืนที่สูง เนื่องจำกขำดควำมร฽วมมือในกำร
ปูองกนั ไฟฟูำปุำและกำรร฽วมมือในกำรเผำทุกชนดิ ในฤดูแล฾ง ทง้ั ยังมีปใญหำกำรแย฽ง
ท่ีดินทํำกิน ปใญหำกำรลักลอบตัดต฾นไม฾และปใญหำกำรบุกรุกปุำสงวน พระ
นกั พฒั นำบนพื้นท่ีสูงจึงได฾กำรดํำเนินกำรแก฾ไขปใญหำในด฾ำนเกษตรกรรมของกลุ฽ม
ชำติพันธุแบนพื้นที่สูงในพ้ืนท่ีต฾นแบบ เวียงปุำเปูำ แม฽สรวย เมืองเชียงรำย ของ
เครือข฽ำยพระนักพัฒนำ ใน 3 อํำเภอ ทั้ง 7 แห฽ง ได฾ดํำเนินกำรแก฾ปใญหำในด฾ำน
เกษตรกรรมของกล฽ุมชำติพันธุแบนพ้ืนที่สูง ดังนี้ 1. ให฾ควำมรู฾ในเร่ืองของกำรทํำ

-174-

เครือขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชีวติ ของกลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุ

เกษตรวถิ พี ุทธ 2. ให฾ควำมร฾ูในกำรทํำป฻ุยอินทรียแ 3. หำแหล฽งพันธแพืชเศรษฐกิจใน
กำรเพำะปลูกให฾ให฾เหมำะสมกับดินท่ีปลูก 4. สรรหำงบประมำณจำกหน฽วยงำน
ของรัฐบำลและเอกชน 5. ให฾ควำมร฾ูในกำรในเร่ืองของประโยชนแและโทษของกำร
ใช฾ปุ฻ยชีวภำพและป฻ุยอินทรียแ 6. ขอควำมร฽วมมือคนในชุมชนปฏิบัติตำมกฎ
ระเบยี บของทำงปุำไม฾ในกำรใช฾ท่ีดินทํำงำนเขตปุำใช฾สอย และเขตอนุรักษแและต฾น
นำํ้ 7. ร฽วมกันกับชำวบ฾ำนในกำรระดมทุนในกำรจัดหำถังเก็บน้ํำขนำดใหญ฽ ที่จุนํ้ำ
ได฾ 20,000 ลิตร ไวใ฾ ช฾ในชุมชน

ผลกระทบของพ้ืนท่ีต฾นแบบ (Model) ในกำรดูแลผ฾ูสูงอำยุของกล฽ุมชำติ
พนั ธแุบนพืน้ ทสี่ งู ของเครือขำ฽ ยพระนกั พฒั นำ สำมำรถสรปุ ได฾ดังนี้

1. ผลกระทบจำกปใญหำสุขภำพ เน่ืองจำกผ฾ูสูงอำยุส฽วนใหญ฽ไม฽ได฾รับ
กำรศึกษำในโรงเรียน จึงอ฽ำนเขียนภำษำไทยไม฽ได฾ โดยเฉพำะสตรีท่ีมีอำยุวัย
กลำงคน และผ฾ูสงู อำยุ บำงคนพดู ภำษำไทยไมไ฽ ด฾ แม฾ว฽ำจะมีโรงเรยี นสํำหรับผ฾ูใหญ฽
(กศน.) อยู฽ในหมู฽บ฾ำน แต฽ก็มีเพียงบำงคนซึ่งมีจํำนวนน฾อยที่สนใจในกำรเรียนรู฾
ภำษำไทยและวิชำพื้นฐำนอ่ืนๆ ทํำให฾สมำชิกของหมู฽บ฾ำนยังขำดควำมรู฾ควำม
เขำ฾ ใจในกำรปูองกันโรคภยั ไข฾เจ็บ ขำดควำมร฾ูเร่ืองโภชนำกำร เรื่องสำธำรณสุขข้ัน
พื้นฐำนเก่ียวกับกำรรักษำควำมสะอำดบ฾ำนเรือน บริเวณบ฾ำน น้ํำด่ืม ส฾วม กำร
กํำจัดขยะมูลฝอยและส่ิงปฏิกูล นอกจำกนี้ เม่ือมีสมำชิกในครัวเรือนเกิดควำม
เจ็บปุวย กำรเดินทำงไปรับกำรรักษำพยำบำลก็ค฽อนข฾ำงลํำบำก โดยเฉพำะในฤดู
ฝน ถนนลนื่ ปใญหำเรอ่ื งยำเสพติดยงั คงมีผสู฾ ูงอำยทุ ตี่ ิดฝนิ่ เลิกไม฽ได฾

2. ผลกระทบจำกปใญหำกำรเขำ฾ ถงึ สวัสดิกำรภำครัฐ คนชรำท่ีได฾รับเบี้ยยัง
ชีพมี 77 คน คนพิกำรท่ีได฾รับเบ้ียยังชีพ 8 คน แต฽ยังมีผู฾สูงอำยุหรือคนชรำอำยุ
60 ปีขึ้นไป มี 15 คน คนพิกำรมี 5 คน ยังไม฽ได฾รับเบี้ยยังชีพ สำเหตุที่กล฽ุม
บุคคลเหล฽ำนี้ ปใญหำเร่ืองยังไม฽มีสัญชำติ มีประมำณ 7 หลังคำ มีบัตรสีชมพู จึง
ไม฽ได฾รบั สวสั ดิกำรควำมชว฽ ยเหลือ อำจจะเป็นเพรำะวำ฽ บำงคนไมท฽ รำบว฽ำตนมีสิทธิ
ที่พึงมีพึงได฾ บำงคนก็ยังไม฽มีสัญชำติไทย จึงทํำให฾ไม฽มีสิทธิในกำรรับสวัสดิกำร
ดงั กล฽ำว แม฾ว฽ำ สังคมระดับหมู฽บ฾ำนท่ีทํำกำรศึกษำวิจัยน้ี จะมีลักษณะที่พ่ึงพำอำศัย
กันตำมวัฒนธรรมประเพณีของชนเผ฽ำ แต฽ควำมเปล่ียนแปลงทำงสังคมท่ีเกิดข้ึนมี
ผลทํำให฾ทุกคนทุกครัวเรือนมีควำมต฾องกำรควำมสะดวกสบำยมำกข้ึน และกำร
พ่ึงพำอำศัยกันระหว฽ำงเครือญำติและเพ่ือนบ฾ำนจะมีลักษณะลดน฾อยลง กำรใช฾

-175-

เครอื ขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาติพันธุ์

จ฽ำยเงินเพ่ือซื้อส่ิงอํำนวยควำมสะดวกจึงเป็นส่ิงจํำเป็นสํำหรับชีวิต หำกจะมี
สวัสดิกำรสังคมด฾ำนกำรให฾เบ้ียยังชีพแก฽ผ฾ูสูงอำยุและคนพิกำร ย฽อมจะก฽อให฾เกิด
ประโยชนแในกำรดํำรงชีวิต แบ฽งเบำภำระแก฽บุคคลหรือครอบครัวท่ีเล้ียงดู และอีก
ประกำรหนึ่ง คือเป็นสิทธิของบุคคลที่เดือดร฾อนอย฽ูในข฽ำยที่จะได฾รับควำม
ช฽วยเหลือตำมกฎหมำยรัฐธรรมนูญ ชำวบ฾ำนไม฽ได฾รับกำรแนะนํำ กำรให฾ควำมรู฾
ควำมเขำ฾ ใจหรือกระตุ฾นจำกหน฽วยงำน องคแกรภำยนอก กำรรวมกลุ฽มจึงยังมีไม฽มำก
นกั ซึง่ เป็นจดุ ออ฽ นประกำรหนง่ึ ของกำรพฒั นำตนเองและหมบู฽ ฾ำน

3. ผลกระทบจำกปญใ หำทำงเศรษฐกิจ เน่ืองจำกรำยได฾จำกผลผลิต เป็นไป
ตำมสภำพเศรษฐกิจที่มีพ฽อค฾ำคนกลำงเป็นผ฾ูกํำหนดรำคำซ่ึงมีผลต฽อรำคำพืชผลท่ี
ไม฽แน฽นอน กำรใช฾สำรเคมีในกำรเกษตร ต฾นทุนสูงเพรำะชำวบ฾ำนยังขำดควำมรู฾
เก่ียวกับกำรทํำเกษตรอินทรียแ กำรทํำปุ฻ยหมักธรรมชำติ ไม฽ค฽อยมีคนใช฾แบบปลอด
สำรเคมี ตอ฾ งซ้อื ยำมำฉีดพ฽น ส฽วนหนึ่งอำจเป็นเพรำะว฽ำสำรเคมีท่ีเขำฉีดพ฽นผัก ทํำ
ใหม฾ อี ำกำรปวดตำมเนอื้ ตัว ร฾ูสกึ เจบ็ ทอ฾ ง

จำกผลกำรประชุมกล฽ุมมีข฾อคิดเห็น คือ กล฽ุมยังขำดบุคลำกรในกำร
ขับเคล่ือนกำรจัดกิจกรรมในกล฽ุม และขำดกำรจัดกิจกรรม หรือกล฽ุมสร฾ำงรำยได฾
หรืออำชีพเสริมให฾กับสมำชิก และมีข฾อเสนอแนะ ให฾มีกำรรวมกล฽ุมควรมีบุคลำกร
ที่สำมำรถช฽วยในกำรจัดกิจกรรมได฾ ควรมีกำรจัดกิจกรรมให฾กับผู฾สูงอำยุ เช฽น กำร
อบรมให฾ควำมรเู฾ ก่ยี วกับสุขภำพ เปน็ ตน฾

ผลกระทบของพ้ืนที่ต฾นแบบ (Model) ในกำรสื่อสำรวัฒนธรรมเพื่อกำร
เรียนร฾ูของกลุ฽มชำติพันธแุบนพื้นที่สูงของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำ สำมำรถสรุปได฾
ดงั นี้

1. ผลกระทบจำกปใญหำในกำรใช฾หลักพุทธธรรมในกำรส่ือสำรวัฒนธรรม
เพ่ือกำรเรียนรู฾ที่เหมำะสม คือ กำรใช฾ภำษำและกำรส่ือสำรกับชำวบ฾ำนในชุมชน
ชำวบ฾ำนบำงคนไม฽คอ฽ ยมีเวลำเข฾ำร฽วมกิจกรรม บำงครอบครัวมีปใญหำเล็กๆ น฾อยๆ
ภำยในครอบครวั ไมค฽ ฽อยมีพระภกิ ษมุ ำอย฽ปู ระจำํ อำศรม ชำวบ฾ำนยังไม฽สำมำรถสวด
มนตแภำษำบำลีไดค฾ ล฽อง ตอ฾ งใหท฾ ํำวัตรสวดมนตแช฾ำๆ ฤดูฝนยำกต฽อกำรเดินทำงและ
ชำวบ฾ำนต฾องทํำงำนของตนเอง ดังน้ัน พระบัณฑิตอำสำต฾องทํำงำนเชิงรุกโดย
ส฽งเสริมให฾ชำวบ฾ำนในชุมชนทํำบุญและไหว฾พระสวดมนตแทุกวันพระ 15 ค่ํำ เน฾น
ในเรอ่ื งกำรปฏิบตั ธิ รรม กำรรณรงคแจดั กิจกรรมให฾ชำวบ฾ำนลด ละเลิกเหล฾ำแหละยำ

-176-

เครือข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ

เสพติด กำรส่ังสอนให฾ชำวบ฾ำนนํำหลักศีล 5 ไปปฏิบัติในชีวิตประจํำวัน กำร
อนุรักษแประเพณีวัฒนธรรม เช฽น ตำนกเวยสลำก สรงนํ้ำพระธำตุประจํำปี เป็นต฾น
ใช฾เทคโนโลยีในกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำและหลักธรรมพื้นฐำนในกำรดํำเนิน
ชวี ติ กำรเปิดส่อื ธรรมะให฾ชำวบ฾ำนชมและยกตัวอย฽ำงผ฾ูสูงอำยุที่เป็นต฾นแบบในกำร
ปฏิบัติตน กำรเดินธรรมยำตรำ กำรอบรมนักเรียนทุกวันพระ เยี่ยมเยือนอำศรม
และหม฽ูบ฾ำนใกล฾เคียง เย่ียมชำวบ฾ำนและแจกยำรักษำรักษำโรค สมำทำนงดเหล฾ำ
เข฾ำพรรษำ ทํำแนวกันไฟปุ฻ยหมัก ซึ่งผลลัพธแที่ได฾จำกแนวทำงปฏิบัติในกำร
ประยุกตแหลักธรรมทํำให฾ชำวบ฾ำนในชุมชนมีควำมเป็นอยู฽ท่ีดีข้ึน มีควำมสำมัคคี
เก้ือกลู กนั ไมม฽ ีควำมขดั แย฾ง ร฾ูจักเก็บและอดออม ทุกคนมีส฽วนร฽วมในกิจกรรมของ
ชุมชน เยำวชนและชำวบ฾ำนในชุมชนได฾ทํำบุญ สมำทำนรักษำศีล ฟใงธรรม และ
เจริญสมำธิภำวนำ เข฾ำวัดทํำบุญมำกขึ้น เกิดควำมสัมพันธแท่ีดีระหว฽ำงพระ
นักพัฒนำกับคนในชุมชนพระนักพัฒนำกับชำวบ฾ำนและพระใกล฾เคียง มีควำม
สำมคั คีช฽วยเหลอื ซึง่ กันและกนั

2. ผลกระทบจำกปใญหำขำดทุนสนับสนุนและอุปกรณแในกำรนํำไปเผยแผ฽
หรือจัดกิจกรรม เนื่องจำกหลำยพื้นท่ีเข฾ำถึงยำกลํำบำก โดยเฉพำะอย฽ำงยิ่งในช฽วง
ฤดูฝน บุคลำกรส฽วนหนึ่งยังขำดทักษะควำมรู฾ในกำรใช฾ส่ือเทคโนโลยีเพื่อกำรสื่อสำร
ธรรมให฾เข฾ำใจง฽ำยและสื่อสำรให฾เข฾ำใจจำกควำมแตกต฽ำงทำงภำษำและวัฒนธรรม
ดังน้ัน จึงจัดให฾มีกำรเรียนร฾ูภำษำและวัฒนธรรมเพ่ือใช฾ในกำรเผยแพร฽หลักคํำสอน
ทำงศำสนำ ทํำให฾มีพระภิกษุท่ีสำมำรถสื่อสำรภำษำถ่ินประจํำอำศรมเพิ่มข้ึน และ
สำมำรถนํำไปประยุกตแใช฾ในกำรอบรมศีลธรรมแก฽ชำวบ฾ำนและเยำวชนภำยในวัด
ของชุมชนอย฽ำงสมํ่ำเสมอและมีควำมหลำกหลำยของกิจกรรมมำกขึ้น เช฽น ปลูก
ต฾นไม฾ บวชปำุ หลอ฽ พระพุทธรูป สร฾ำงเจดยี ทแ รำยและพฒั นำอำศรม เปน็ ต฾น

ผลกระทบของพ้ืนที่ต฾นแบบ (Model) ในกำรพัฒนำเศรษฐกิจพอเพียง
ของกลม฽ุ ชำตพิ ันธแบุ นพื้นท่ีสงู ของเครือข฽ำยพระนกั พัฒนำ สำมำรถสรปุ ได฾ดังน้ี

1. ผลกระทบจำกปใญหำรำคำผลผลิตตกต่ํำ เน่ืองจำกสภำพพื้นที่ส฽วนใหญ฽
เป็นภูเขำ ประชำชนส฽วนมำกมีอำชีพหลัก คือ เกษตรกรรม โดยจะปลูกพืชตำม
ฤดูกำลเพื่อลดปริมำณกำรใช฾น้ํำ รำยได฾ท่ีชำวบ฾ำนได฾ส฽วนมำกเป็นรำยได฾จำกกำร
ขำยพืชผลทำงกำรเกษตร หลังจำกเก็บเกี่ยวผลผลิตทำงกำรเกษตรเรียบร฾อยแล฾ว
จึงทํำอำชีพเสริม เช฽น รับจ฾ำง และหำของปุำขำย เพ่ือหำรำยได฾มำจุนเจือ

-177-

เครอื ข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพนั ธ์ุ

ครอบครัว ทํำให฾มีหน฽วยงำนของหน฽วยงำนท่ีมำสนับสนุนทั้งภำครัฐและเอกชน
เช฽น หน฽วยงำนรำชกำรของอํำเภอ เกษตรอํำเภอ ประมงอํำเภอ องคแกำรบริหำร
ส฽วนตํำบล พระธรรมจำริก พระบัณฑิตอำสำเข฾ำมำส฽งเสริมอำชีพเสริม คือ ทอผ฾ำ
จักสำน เล้ียงสัตวแ ในเวลำว฽ำงชำวบ฾ำน โดยเฉพำะผู฾หญิงที่เป็นแม฽บ฾ำน และ
เยำวชนช฽วยกันทอเส้ือผ฾ำ กระเป฻ำเพื่อเอำไว฾ใช฾และใส฽ในงำนประเพณีหรือตำม
เทศกำล สว฽ นหน่ึงก็นำํ ไปขำยเพอื่ หำรำยได฾

2. ผลกระทบจำกกำรประยุกตแใช฾หลักเศรษฐกิจพอเพียงในพ้ืนท่ี โดยกำร
นํำหลักเศรษฐกิจพอเพียงในแบบฉบับท่ีสำมำรถอธิบำยให฾กับชำวบ฾ำนในชุมชน
เข฾ำใจงำ฽ ย เน่ืองจำกชำวบ฾ำนเป็นชำวเขำนับถือหลำกหลำยศำสนำ กำรนํำเสนอใน
รูปแบบที่เป็นภำษำทำงพุทธศำสนำเลย ชำวบ฾ำนอำจจะไม฽เข฾ำใจมำกนัก พระ
บัณฑิตอำสำควรถ฽ำยทอดด฾วยกำรเชื่อมโยงยกตัวอย฽ำงที่สำมำรถมองเห็นได฾อย฽ำง
เป็นรูปธรรมเพ่ือให฾ชำวบ฾ำนในชุมชนเกิดกำรเรียนร฾ูและนํำไปใช฾ในกำรดํำรงชีวิต
ประจํำวันในกำรยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง บนพ้ืนฐำนของควำมพอดี พออย฽ู พอ
กิน พอใช฾ ตำมหลักของทำงสำยกลำง พอประมำณ มีเหตุผลและมีภูมิค฾ุมกัน
เพื่อให฾ชุมชนสำมำรถยกระดับ พ่ึงพำตนเอง ครอบครัวชุมชนและสังคม รวมถึง
เป็นกำรสร฾ำงเครือข฽ำยของกำรทํำงำนในชุมชนไปสู฽องคแกรชุมชนเพ่ือเป็นเคร่ืองวัด
เศรษฐกิจชมุ ชนในระดบั ก฾ำวหน฾ำโดยกำรใชห฾ ลกั เศรษฐกิจพอเพียงอีกด฾วย

สรุปได฾ว฽ำ เครือข฽ำยพระนักพัฒนำบนพ้ืนท่ีสูง ต฾องปรับเปลี่ยนวิธีกำร
ทํำงำนและวิธีกำรพัฒนำ โดยเฉพำะเรื่องกำรพัฒนำตัวบุคคล โดยเฉพำะพระ
บัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ เช฽นควรมีโครงกำรให฾ควำมร฾ูเพื่อพัฒนำศักยภำพพระ
บัณฑิตอำสำพัฒนำ ม฽ุงเน฾นท่ีพระบัณฑิตใหม฽ในเรื่ององคแควำมร฾ูในกำรทํำงำนกับ
ชุมชน อำจเป็นกำรวิธีกำรสังเครำะหแองคแควำมรู฾ที่เกิดจำกผลิตผลของกระบวนกำร
เรียนรู฾ ท่ีเกิดขึ้นในชุมชนโดยกำรจัดกำรของชุมชน เพ่ือให฾ชุมชนสำมำรถคิด
ตัดสินใจ และสำมำรถแก฾ปใญหำหรือพัฒนำส่ิงที่เกิดขึ้นหรือเกี่ยวข฾องกับชุมชนได฾
กระบวนกำรเรียนรู฾ที่จัดกำรโดยชุมชน เช฽น กำรจัดทํำเวทีชำวบ฾ำน หรือวิธีกำร
เทคนคิ กำรทํำงำนแนวใหม฽ ๆ กำรมีจติ อำสำ มีควำมอดทนต฽อควำมยำกลํำบำกใน

-178-

เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชีวติ ของกลุม่ ชาตพิ ันธุ์

กำรทํำงำนในถ่ินทุรกันดำร ในพ้ืนที่ห฽ำงไกล ในขณะเดียวกันต฾องมีโครงกำรเพ่ือ
เสริมสร฾ำงขวัญและกํำลังใจให฾พระบัณฑิตอำสำ หรือพระนักพัฒนำให฾มีควำม
เข฾มแข็ง และแนวทำงในกำรเพิ่มสวัสดิกำรในกำรทํำงำนให฾เหมำะสม จะส฽งผลต฽อ
อัตรำกำรคงอยู฽ของพระบณั ฑิตอำสำพฒั นำชำวเขำในอนำคตดว฾ ย

กำรทํำงำนด฾ำนกำรอนุรักษแและฟื้นฟูส่ิงแวดล฾อมจะไม฽สัมฤทธิผล ถ฾ำมุ฽งแต฽
แก฾ปใญหำมิติเดียว สิ่งท่ีสํำคัญที่ไม฽อำจมองข฾ำมคือปใจจัยท่ีส฽งผลต฽อกำรแก฾ปใญหำ
ตอ฾ งมองกำรแก฾ปใญหำในลักษณะองคแรวมของปใจจัยที่เก่ียวโยงสัมพันธแกันในทุก ๆ
มิติ ทั้งทำงด฾ำนเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม กำรเมือง รวมถึงต฾องอำศัยหลัก
ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งควบคู฽ไปกับกำรใชภ฾ ูมิปใญญำท฾องถิ่น เน฾นกำรทํำงำน
เชิงกำรพัฒนำทุกมิติให฾เกิดควำมเจริญอย฽ำงสมดุล ทั้งทำงด฾ำนเศรษฐกิจ สังคม
และสิ่งแวดล฾อม เพ่อื ให฾มนุษยสแ ำมำรถอย฽ูร฽วมกับสิ่งแวดล฾อมได฾อย฽ำงยั่งยืน อันเป็น
วิธกี ำรทที่ ำํ ใหก฾ ำรดํำรงชีวิตของคนและชุมชนมีควำมพอเหมำะพอสมกับธรรมชำติ
บนพ้นื ทส่ี ูง สำมำรถรองรบั กำรเปลี่ยนแปลงของโลกในด฾ำนต฽ำง ๆ โดยสร฾ำงควำม
ตระหนักถึงควำมสํำคัญของกำรสร฾ำงชุมชนท่ีมีควำมน฽ำอยู฽และมีควำมสุข ในกำร
อยร฽ู ฽วมกนั กับธรรมชำติ

กำรทํำงำนของพระสงฆแในฐำนะพระนักพัฒนำ ได฾ทํำหน฾ำที่เสมือนหนึ่ง
วิทยำกรกระบวนกำรในกำรมุง฽ หมำยฟื้นฟูควำมสัมพันธแทำงสังคมของชุมชน สำน
สัมพันธแระหว฽ำงวัดกับชุมชน ผ฽ำนกำรชักชวนให฾ชุมชนเกิดกำรเรียนร฾ูร฽วมกัน
เกย่ี วกบั สำรตั ถะต฽ำง ๆ ที่รับผิดชอบตำมพันธกิจ เครือข฽ำยพระนักพัฒนำบนพ้ืนท่ี
สูง ควรมีกำรบริหำรจัดกำร รื้อฟื้นรูปแบบกำรทํำงำนในลักษณะเครือข฽ำย (เขต /
โซน) อย฽ำงจริงจัง ควรมีกำรประชุมปรึกษำหำรือระดับกลุ฽มเขต และระดั บ
เครอื ขำ฽ ยใหญ฽ข้นึ เพ่อื ร฽วมดว฾ ยชว฽ ยกันอย฽ำงจริงจงั พร฾อมทง้ั ควรมกี ำรสนับสนุนกำร
ทํำงำนในพน้ื ทอ่ี ย฽ำงจริงจังเพ่ือกำรดํำเนนิ งำนไดอ฾ ย฽ำงยั่งยนื ตอ฽ ไป

จุดสํำคัญคือ เครือข฽ำยพระนักพัฒนำบนพื้นท่ีสูงต฾องปรับเปล่ียนวิธีกำร
ทำํ งำนและพฒั นำ มโี ครงกำรใหค฾ วำมรูเ฾ รื่องกำรทํำงำนกับชุมชน ก฽อนอื่นเครือข฽ำย
พระนกั พัฒนำบนพ้นื ทีส่ งู ตอ฾ งสนใจงำนด฾ำนกำรพฒั นำกำรท฽องเท่ยี วเชิงศำสนำและ
วัฒนธรรม เพ่ือส฽งเสริมให฾ชำวบ฾ำนในชุมชนมีรำยได฾เสริมจำกกำรท฽องเที่ยวและ
กำรพัฒนำชุมชนให฾เป็นแหล฽งท฽องเท่ียวท่ีเน฾นกำรอนุรักษแธรรมชำติและวัฒนธรรม
โดยเฉพำะกำรพฒั นำพืน้ ทีช่ มุ ชนหรือพนื้ ที่ใกล฾เคยี งให฾เป็นแหล฽งท฽องเท่ียวที่ช฽วยใน

-179-

เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธ์ุ

กำรเสริมรำยได฾จำกกำรกำรท฽องเที่ยวโดยตรงและผลิตภัณฑแของชุมชนเพ่ือเพ่ิม
รำยไดเ฾ กษตรวิถีพุทธของกลุ฽มชำติพนั ธุแบนพ้นื ทีส่ ูง สำมำรถนํำมำถอดเป็นบทเรียน
ที่ จ ะ นํ ำ ไ ป ส฽ู ใ น ก ำ ร พั ฒ น ำ ก ำ ร ทํ ำ ง ำ น ใ น โ ค ร ง ก ำ ร พ ร ะ นั ก พั ฒ น ำ บ น พื้ น สู ง
มหำวิทยำลยั มหำจุฬำลงกรณรำชวทิ ยำลยั วิทยำเขตเชยี งใหม฽ ให฾ดยี ิ่งข้ึน

-180-

เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

บรรณำนกุ รม

-181-

เครอื ขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลุม่ ชาตพิ นั ธุ์

กำญจนำ แก฾วเทพ. ภำพรวมของกำรพฒั นำองคกแ รชุมชน. กรุงเทพมหำนคร:
สํำนักงำนกองทุนสนบั สนนุ กำรวจิ ัย, 2540.

กรมพฒั นำสังคมและสวัสดิกำร. รำษฎรบนพนื้ ทสี่ งู . [Online]. Available:
http://www.dsdw2016.dsdw.go.th/page.php?module=service&
pg=servicedetail&ser_id=2 [14 มกรำคม 2561].

กล฽มุ ประสำนงำนจดั สวสั ดิกำรแก฽ชุมชนบนพน้ื ที่สงู . [Online].Available:
http://www23.brinkster.com/hilltribe/commu2.htm# [2546].

คณะทำํ งำนโครงกำรบณั ฑติ อำสำพัฒนำชำวเขำ (พระธรรมจำริก). สรุปกำร
สัมมนำพระบัณฑิตอำสำพฒั นำชำวเขำ (ธรรมจำรกิ ) ครั้งที่ 1/2543.
เชียงใหม฽: มหำวิทยำลัยมหำจฬุ ำลงกรณรำชวิทยำลัย วทิ ยำเขตเชยี งใหม฽
2544.

นิธิ เอยี วศรวี งศแ. วัฒนธรรมควำมจน. กรงุ เทพมหำนคร : แพรวสำํ นักพมิ พแ,
2542.

ปนดั ดำ บุณยสำระนัย. กลมุ฽ ชำติพนั ธสแุ ว฽ นนอ฾ ยในภมู ภิ ำคเอเชยี อำคเนยแ.
เชียงใหม฽: โชตนำพร้ิน จํำกดั 2544.

ปรชี ำ เป่ยี มพงศแสำนตแ. วิถีใหมแ฽ หง฽ กำรพัฒนำ: วิธวี ิทยำศึกษำสงั คมไทย.
กรงุ เทพมหำนคร : โครงกำรพัฒนำตํำรำ ศูนยแบริกำรเอกสำรวชิ ำกำร คณะ
เศรษฐศำสตรแ จุฬำลงกรณแมหำวทิ ยำลยั , 2543.

พระไพศำล วิสำโล. พุทธศำสนำไทยในอนำคต แนวโน฾มและทำงออกจำกวิกฤต.
กรุงเทพมหำนคร: มลู นธิ สิ ดศร-ี สฤษดวิ์ งศแ, 2546.

พระรำชวรมนุ ี. บทบำทใหม฽ของสถำบันสงฆแ. กรงุ เทพมหำนคร : มูลนิธโิ กมล
คีมทอง, 2527.

พินิจ ลำภธนำนนทแ. พระสงฆแในชนบทภำคอีสำนกบั กำรพฒั นำตำมหลัก
กำรพง่ึ ตนเอง. กรุงเทพมหำนคร : ภำควชิ ำสงั คมวทิ ยำและมำนุษยวิทยำ
บณั ฑิตวิทยำลัย จุฬำลงกรณมแ หำวิทยำลยั , 2527.

สถำบันวิจัยชำวเขำ. 30 ปีพระธรรมจำรกิ . กรุงเทพมหำนคร: มลู นิธเิ ผยแพร฽
พระพุทธศำสนำแก฽ชนถนิ่ กนั ดำร, 2532.

สมบูรณแ สุขสำํ รำญ และ พลศักด์ิ จิระไกรศริ ิ. พระพุทธศำสนำ: พระสงฆกแ ับ
วถิ ชี วี ติ สังคมไทย. กรุงเทพมหำนคร : สำํ นกั งำนเสรมิ สรำ฾ งเอกลักษณแ

-182-

เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกลมุ่ ชาติพนั ธุ์

แหง฽ ชำต,ิ 2526.
พระมหำสุทิตยแ อำภำกโร. เครือขำ฽ ย: ธรรมชำติ ควำมร฾ู และกำรจัดกำร.

กรุงเทพมหำนคร: โครงกำรเสริมสรำ฾ งกำรเรยี นรเู฾ พื่อชุมชนเปน็ สุข (สรส.),
2548.
สุภำพรรณ ณ บำงชำ฾ ง. กำรประยกุ ตหแ ลกั พุทธธรรมมำใชใ฾ นกำรพฒั นำชำว
ชนบท. กรงุ เทพมหำนคร : จฬุ ำลงกรณมแ หำวิทยำลัย, 2527.
อภชิ ยั พนั ธเสน. พทุ ธเศรษฐศำสตรแ : วิวฒั นำกำร ทฤษฏี และกำรประยกุ ตกแ บั
เศรษฐศำสตรแ สำขำตำ฽ ง ๆ. กรุงเทพมหำนคร: อมรินทรแ, 2544.
อมรำ พงศำพิชญแ. วฒั นธรรม ศำสนำ และชำตพิ นั ธแุ: วิเครำะหสแ งั คมไทยแนว
มำนษุ ยวทิ ยำ. กรงุ เทพมหำนคร: โรงพิมพจแ ุฬำลงกรณมแ หำวทิ ยำลยั
2541.
อำนันทแ กำญจนพันธแุ. กำรวจิ ยั ในมติ ิวฒั นธรรม. เชยี งใหม฽: โรงพมิ พแมิ่งเมือง
2542.
อนุชำติ พวงสํำลี, บรรณำธิกำร. ทอ฾ งถน่ิ ของเรำ : ทำํ เมอื งไทยใหน฾ ำ฽ อยแู฽ ละ
ยงั่ ยนื . กรุงเทพมหำนคร: เครอื ข฽ำยควำมร฽วมมือเพอื่ ส่ิงแวดล฾อมและ
พฒั นำไทย, 2540.
อนุชำติ พวงสำํ ลี และอรทัย อำจอ่ำํ . กำรพฒั นำเครอ่ื งชว้ี ัดคุณภำพชีวิตและ
สงั คมไทย. กรุงเทพมหำนคร: สำํ นักงำนกองทนุ สนบั สนนุ กำรวิจยั ,
2539.
อุทยั ดุลยเกษม. คู฽มอื กำรวจิ ยั เชิงคณุ ภำพเพ่ือพฒั นำงำนพฒั นำ. ขอนแกน฽ :
สถำบันวจิ ยั และพฒั นำ, 2537.
Andre Gunder Frank. Sociology of Development and
Underdevelopment of Sociology. London: Pluto Press, 1971.
Barth, F.. Ethnic groups and boundaries: the social organisation
of culture difference. London: George Allen & Unwin, 1969.
Coenen H. J. M., & Halfacre, C.. Environmental Risk Perception,
Income, and Ethnicity: Does the Netherlands Have An
Environmental Justice Problem? American Political Science
Association Annual Meeting in Atlanta. Georgia: University

-183-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

of twente Publication, 1999.
M.M. Hoogvelt. The Sociology of Developing societies. London and
Wijeyewardene Gehan. Thailand and the Tai: Versions of Ethnic

Identity”. In Wijewardene Gehan (ed.). Ethnic Groups
across National Boundaries in Mainland Southeast Asia.
ISEAS 1990: 48-72.
Wilbert E.Moore. Social Change. New Jersey: Prentice-Hall;
Engleood Cliffs, 1963.
UNESCO. “Evaluating the Quality of Life in Belgium”. Social
Indicators Research, September 8, 1980: 312.

-184-


Click to View FlipBook Version