เครอื ข่ายพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ
มองจำกดำนหนำแลวดูคลำยมีแวนตำขนำดใหญ สวมอยู อีกจุดหนึ่งคือ พระธำตุ
จอมแจง จุดชมวิวบนเนินเขำท่ีประดิษฐำน “พระธำตุจอมแจง” อีกหน่ึงในพระ
ธำตศุ ักดิ์สทิ ธส์ิ ำํ คญั ของเมืองน้ี
ในบริเวณชุมชนวัดจันทรแ นอกจำกจะมีโครงกำรหลวงวัดจันทรแแลว ก็ยังมี
พ้ืนท่ีท่ีเป็นแหลงทองเที่ยวท่ีนักทองเที่ยวหลำยคนรูจักกันดี อยำงเชน ปุำสนวัด
จันทรแ โดยองคแกำรอุตสำหกรรมปุำไม หรือท่ีรูจักกันวำ “ออป. วัดจันทรแ” ที่มี
บรรยำกำศรม ร่นื ดว ยแนวตนสนที่ปลกู อยูโดยรอบ นกั ทอ งเที่ยวสำมำรถปใ่นจักรยำน
ไปตำมเสนทำง ชมทิวทัศนแปุำไม ทุงนำเขียวขจี อำงเก็บนํ้ำท่ีมีควำมงดงำมเป็น
อยำงมำก โดยเฉพำะในชวงหนำหนำว ท่ียำมเชำจะมีสำยหมอกลองลอยอยูเหนือ
ผืนนํ้ำและสำมำรถชมวิวทิวทัศนแของชุมชนวัดจันทรแไดที่จุดชมวิวบนเนินเขำ ที่
ประดิษฐำน “พระธำตุจอมแจง” ซ่ึงเป็นอีกหนึ่งพระธำตุศักดิ์สิทธ์ิของเมืองน้ี โดย
จะไดมองเห็นชุมชนวัดจันทรแอันมีฉำกหลังเป็นเทือกเขำทอดยำว ทำมกลำงปุำสน
และทงุ นำอนั เขยี วขจี
ปุำสนบำนวัดจันทรแ อํำเภอกัลยำณิวัฒนำ ดํำเนินงำนโดยองคแกำร
อุตสำหกรรมปุำไม เมื่อคร้ังท่ีพระองคแเสด็จพระรำชดํำเนินเยี่ยมรำษฎร ที่ บำนวัด
จันทรแ และ หมูบำนใกลเคียง เม่ือวันที่ 18 กุมภำพันธแ 2522 ทรงพบวำรำษฎรมี
ควำมแรนแคน ไมมีเสนทำงคมนำคม เชื่อมกับอํำเภอ ดอยโอกำสทำงกำรศึกษำ
และสุขภำพอนำมยั ผลผลิตขำวสํำหรับบริโภคมีไมพอเพียงตลอดท้ังปี แตหมูบำน
อยูในสภำพแวดลอมซ่ึงอุดมดวยทรัพยำกรธรรมชำติ โดยเฉพำะทรัพยำกรปุำไมท่ี
ยังคงสภำพสมบูรณแ จึงทรงมีพระกระแสรับส่ังให ม.จ.ภีศเดช รัชนี องคแ
ผูอํำนวยกำรโครงกำรหลวง หำทำงชวยเหลือรำษฎร ตํำบลบำนจันทรแ ซึ่งใน
ขณะน้ันมอี ยดู ว ยกัน 15 หมูบำ น และประชำกรสวนใหญเป็นชำวเขำเผำกะเหร่ียง
โดยใหคํำนึงถึงกำรอนุรักษแสภำพแวดลอมไวดวย องคแผูอํำนวยกำรโครงกำรหลวง
ไดนํำพระรำชกระแสรับสั่ง หำรือกับหนวยงำนท่ีเก่ียวของและใหมีกำรจัดตั้ง
คณะกรรมกำรบริหำรโครงกำรหลวงบำนวัดจันทรแ หรือ องคแกำรอุตสำหกรรมปุำไม
(อ.อ.ป.) เป็นหน่งึ ในคณะกรรมกำรจัดตัง้ โครงกำรหลวง
โครงกำรหลวงวัดจันทรแ ตั้งอยูในอํำเภอกัลยำณิวัฒนำ จ. เชียงใหม
กอกำํ เนดิ ข้นึ หลังจำกที่พระบำทสมเด็จพระเจำอยูหัว ไดเสด็จพระรำชดํำเนินเย่ียม
เยียนรำษฎรชำวเขำในเขตหมูบำนวัดจันทรแ พระองคแทรงทรำบถึงควำมยำกลํำบำก
-96-
เครอื ขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของกลมุ่ ชาติพันธุ์
ของชำวเขำในพ้ืนท่ี จึงมีพระรำชดํำริใหมีกำรพัฒนำบำนวัดจันทรแและหมูบำน
ใกลเคียงเพ่ือกอ ต้ัง “ศูนยแพัฒนำโครงกำรหลวงวัดจันทรแ”ขึ้น เพื่อชวยใหสรำง
อำชีพ สรำงรำยได ใหรำษฎร เพื่อใหมีควำมเป็นอยูที่ดีขึ้น พระองคแทรงทรำบถึง
ควำมยำกลำํ บำกของชำวเขำในพืน้ ท่ี จึงมีพระรำชดํำริใหมีกำรพัฒนำบำนวัดจันทรแ
และหมูบำนใกลเคียงเพื่อกอ ต้ัง “ศูนยแพัฒนำโครงกำรหลวงวัดจันทรแ” ขึ้น เพ่ือ
ชวยใหสรำงอำชีพ สรำงรำยได ใหรำษฎร เพื่อใหมีควำมเป็นอยูที่ดีข้ึนท่ีนี่เป็น
แหลงทองไฮไลตแมีทิวทัศนแ ธรรมชำติ สวยงำมของปุำสนที่ใหญที่สุดในประเทศ
ไทย ในชวงฤดูหนำวดินแดนกลำงหุบเขำแหงน้ี จะถูกปกคลุมไปดวยมำนหมอก
และสำยลมอันหนำวเย็น ไมวำใครก็ตำมที่ไดมำเยือนสถำนท่ีแหงน้ี คงไมพนหลง
เสนหแกับควำมงำม ท่ีมองเห็นอยูตรงหนำ ภำพสำยหมอกลอยพริ้วปกคลุมทิวสน
และอำ งเกบ็ น้ำํ รวมทัง้ สสี นั สดสวยของใบเมเปิล้ ท่ีพรอ มใจกันผลัด เปลี่ยนสีในชวง
ปลำยปี บวกกับธรรมชำติอันอุดมงดงำมและไมตรีจิตของชำวพื้นถ่ิน ทั้งหมดนี้จะ
ยังคงตรำตรึงอยใู นควำมประทับใจของผูทีไ่ ดไ ปเยือน
พ.ศ.2522 พระบำทสมเด็จพระเจำอยูหัวไดเสด็จพระรำชดํำเนินเย่ียม
เยียนรำษฎรชำวเขำใน เขตหมูบำนวัดจันทรแ ทรงทรำบถึงควำมทุกขแยำกของ
ชำวเขำในพ้ืนที่ ตลอดจนเสนทำงคมนำคมก็ไมเอื้ออํำนวยตอกำรดํำรงชีวิต จึงมี
พระรำชดํำริใหมีกำรพัฒนำบำนวัดจันทรแและหมูบำนใกลเคียง จัดต้ังศูนยแพัฒนำ
โครงกำรหลวงวัดจันทรแขึ้นเพ่ือยกระดับคุณภำพชีวิตของรำษฎร ในพื้นที่ สงเสริม
อำชีพเกษตรกรรมปลูกพืชผักและผลไมเมืองหนำวศูนยแ พัฒนำโครงกำรหลวงวัด
จันทรแ มีพื้นท่ีรับผิดชอบ 153,592 ไร ครอบคลุมพื้นท่ีจังหวัดเชียงใหม 19
หมูบำน และพ้ืนที่จังหวัดแมฮองสอน 2 หมูบำน ประชำกรในพื้นท่ีเป็นชำวเขำ
เผำปกำเกอญอ (กะเหรี่ยง) จํำนวน 1,823 ครัวเรือน ลักษณะภูมิประเทศเป็น
พ้ืนที่ปุำสนและปุำเต็งรังขนำดใหญที่อุดมสมบูรณแ อยูสูงจำกระดับน้ํำทะเล 960
เมตร
“ศูนยแพัฒนำโครงกำรหลวงวัดจันทรแ” หรือ “โครงกำรหลวงวัดจันทรแ” นั้น
กํำเนิดข้ึนภำยหลังจำกที่พระบำทสมเด็จพระเจำอยูหัวไดเสด็จพระรำช ดํำเนิน
เยี่ยมรำษฎรชำวเขำในเขตหมูบำนวัดจันทรแ เม่ือวันท่ี 17 กุมภำพันธแ 2522 และ
ไดท รงทรำบถึงควำมทกุ ขแยำกของชำวเขำในพ้ืนท่ี จึงมีพระรำชดํำริใหมีกำรพัฒนำ
บำ นวดั จนั ทรแและหมูบำนใกลเคียง เพ่ือใหรำษฎรมีควำมเป็นอยูที่ดีข้ึน โดย จัดตั้ง
-97-
เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของกลุ่มชาติพนั ธุ์
คณะกรรมกำรบริหำร “ศูนยแพัฒนำโครงกำรหลวงวัดจันทรแ” ซึ่งมีหมอมเจำภีศเดช
รัชนี เป็นองคแประธำนกรรมกำร ผูวำรำชกำรจังหวัดเชียงใหม เป็นรองกรรมกำร
และผูแทนจำกหนวยงำนตำงๆ ที่เก่ียวของรวมกันเป็นกรรมกำร อำทิ สํำนักงำน
คณะกรรมกำรวิจัยแหงชำติ กรมชลประทำน องคแกำรอุตสำหกรรมปุำไม กรม
สงเสริมกำรเกษตร กรมพัฒนำทดี่ นิ เป็นตน
แหลงทองเที่ยวชื่อดังในพื้นท่ี เชน “ปำงอุเงนอย” หรือพ้ืนท่ีสวนปศุสัตวแ
ของโครงกำรหลวงวัดจันทรแ เหตุท่ีเรียกวำปำงอเุงนอย ก็เพรำะมีอำงเก็บนํ้ำขนำด
ยอมๆ แวดลอ มดวยปุำสน มีโรงเลี้ยงกระตำย และฝูงแกะเดินเลนอยูทำมกลำงทุง
หญำและปุำสน หำกมำเยอื นท่ีโครงกำรหลวงวดั จันทรแ หรอื แมแตในบริเวณชุมชน
วัดจันทรแ นอกจำกจะเป็นกำรมำทองเท่ียวกระจำยรำยไดแกชุมชน ซึ่งเป็นกำร
ชวยเหลือชำวบำนในพื้นท่ีไดอีกทำงหน่ึงแลว ก็ยังไดมำรํำลึกถึงพระมหำ
กรุณำธิคุณของพระบำทสมเด็จพระเจำอยูหัว ผำนโครงกำรสวนพระองคแที่ชวย
พัฒนำควำมเป็นอยูของชำวบำนในพ้ืนท่ี ซึ่งเป็นเพียงสวนเล็กๆ เทำนั้น ที่
พระองคทแ รงทำํ เพ่ือประชำชนชำวไทย
ในพ้ืนที่ของ อ.กัลยำณิวัฒนำ (ที่รูจักกันในนำม “ปุำสนวัดจันทรแ”) แต
เดิมน้ันเป็นท่ีอยูของชำวปกำเกอะญอ ในภำยหลัง ก็มีคนเมืองเขำมำอยูอำศัย
รวมกันกับชำวปกำเกอะญอ กลำยเป็นชุมชนบำนจันทรแ หรือชุมชนบำนวัดจันทรแ
ในเวลำตอมำ โดยชำวปกำเกอะญอเรียกดินแดนน้ีวำ “มือเจะคี” ซ่ึงมีควำมหมำย
วำ “ตน น้ํำแมแจม” เนื่องจำกปุำไมที่น่ีเป็นตนกํำเนิดของลํำหวยเล็กๆ หลำยสำย
ที่ไหลไปรวมกันเป็นตนน้ํำแมแจม และไหลไปรวมกับแมนํ้ำปิง กอนท่ีจะรวมปิง
วัง ยม นำน กลำยเป็นแมนํ้ำเจำพระยำ เสนเลือดสำยใหญของคนภำคกลำง ดวย
ภูมิประเทศในบรเิ วณนี้สว นใหญจ ะเป็นเนนิ เขำและภูเขำท่ีสลับซับซอน เป็นปุำสน
เขำ สนสองใบ และสนสำมใบ ทํำใหชำวบำนสวนใหญมีกำรประกอบอำชีพ
ทำงกำรเกษตร ทั้งพืชไร พืชผัก และไมผลเมืองหนำว ทำงศูนยแพัฒนำโครงกำร
หลวงวัดจันทรแ จึงไดเขำมำชวยพัฒนำกำรประกอบอำชีพของชำวบำนใหมีรำยได
เพ่ิมมำกขึ้น
ในสว นของแหลงทอ งเท่ียวทำงธรรมชำติ นกั ทองเทยี่ วก็สำมำรถเขำไปเดิน
ปุำศึกษำธรรมชำติ ชมวิวทะเลหมอก ชมกอไผยักษแ เขำไปเท่ียวนํ้ำตกหวยฮอม
และพักผอนบริเวณอำงเก็บน้ํำของกรมชลประทำน ที่สํำคัญก็คือ ดงสนสำมใบที่
-98-
เครอื ข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกล่มุ ชาตพิ ันธ์ุ
ข้ึนอยูตำมธรรมชำติในบริเวณพ้ืนที่ของโครงกำร ที่เป็นเอกลักษณแของอํำเภอ
กัลยำณวิ ัฒนำ
เสนทำงท่ี 2 เสนทำงตำมรอยพอหลวง ร.9 บำนแสนคํำลือ อํำเภอปำงมะ
ผำ จังหวัดแมฮอ งสอน เสนทำงทองเที่ยวเชิงศำสนำและวัฒนธรรมแหงน้ี มีอำศรม
พระบณั ฑิตอำสำ 2 แหง คอื อำศรมบำ นแสนคำํ ลือ ตำํ บลถ้ำํ ลอด และอำศรมบำน
ลุกปำุ กอ฿ ตำํ บลสบปุอง มขี อ มลู รำยละเอียดพืน้ ฐำนที่นำ สนใจ ดงั น้ี
อํำเภอปำงมะผำเป็นแหลงอำรยธรรมเกำแกมำต้ังแตยุคกอนประวัติศำสตรแ
ดังปรำกฏรองรอยกำรอยูอำศัยของมนุษยแในถํ้ำตำงๆ ในพื้นที่อํำเภอปำงมะผำกวำ
70 ถ้ํำ คนพบโลงศพ โบรำณท่ีเรียกวำ “โลงผีแมน” จํำนวนหลำยรอยโลง
ตลอดจนขำวของเคร่ืองใช เชน หมอดินเผำ ลำยเชือกทำบ เคร่ืองมือขวำนหิน
เครอื่ งประดับที่ทํำดวยสัมฤทธิ์ และลูกปใดตำงๆ เป็นตน ในสมัยสงครำมโลกครั้งที่
2 กองทหำรญ่ีปุนไดตัดถนนจำกเมืองปำยไปยังจังหวัดแมฮองสอนเพ่ือเขำสู
ประเทศเมียนมำ ตอมำพอคำประชำชนไดใชเสนทำงนี้ในกำรติดตอไปมำโดยมี
จดุ พกั คำ งแรมบรเิ วณท่ีหว ยแมอูมอง ไหลลงน้ํำลำงเรียกวำ “สบปุอง” และบริเวณ
ท่ีพักคำงแรมเรียกวำ “ปำงมะผำ” เป็นภำษำของชำวไทยใหญเพรำะจุดที่พักแรม
นี้สำมำรถหำมะนำวมำปรุงอำหำรได “ปำง” แปลวำท่ีพักแรม “มะผำ” หรือ
“หมำกผำ” แปลวำมะนำว “ปำงมะผำ” จงึ หมำยถงึ บริเวณท่ีพักแรมที่มีตนมะนำว
อยูเป็นจํำนวนมำก ในรัศมี 20 กิโลเมตร รอบบำนสบปุองหรือปำงมะผำ เป็น
ภูเขำสลับซับซอนมี ชำวไต (ไทใหญ) มูเซอ ลีซอ ตั้งบำนเรือนอยูเป็นหยอมๆ
และแทบจะตัดขำดจำกโลกภำยนอกโดยสิน้ เชงิ จนปี พ.ศ. 2520 ทำงรำชกำรได
ตัดถนนใหดีขึ้น บรรดำชำวพ้ืนรำบ ชำวเขำ จำก ตำงอํำเภอ/จังหวัดและชนกลุม
นอ ยผหู ลบหนเี ขำ เมอื งจำกประเทศเมยี นมำ ไดอพยพเขำ มำต้ังรกรำกทํำมำหำกิน
ม ำ ก ข้ึ น ต ำ ม ลํ ำ ดั บ เ นื่ อ ง จ ำ ก เ ป็ น พ้ื น ท่ี ที่ มี ค ว ำ ม อุ ด ม ส ม บู ร ณแ ข อ ง
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอม กรมกำรปกครอง กระทรวงมหำดไทยจึงได
แบงแยกเขตกำรปกครองต้ังก่ิงอํำเภอปำงมะผำ แยกกำรปกครองจำกอํำเภอเมือง
แมฮองสอน เม่ือ พ.ศ. 2530 และไดยกฐำนะเป็นอํำเภอปำงมะผำ เม่ือวันที่ 5
ธันวำคม พ.ศ. 2539 คํำขวัญประจํำอํำเภอ “ถิ่นผีแมน แดนรอยถํ้ำ งำมล้ํำ
ขุนเขำ รวมเผำ ชำวดอย”
-99-
เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาติพันธุ์
บำนแสนคํำลือ ต้ังอยูหมูที่ 2 ตํำบลถ้ํำลอด อํำเภอปำงมะผำ จังหวัด
แมฮองสอน ในเสนทำงหลวงชนบทหมำยเลข 4014 ชำวบำนสวนใหญเป็นชำว
มเู ซอแดง เม่อื สมยั ประมำณ ชวงปี พ.ศ.2497 – 2527 ตำ งใหควำมเคำรพนับถือ
ชำยผูหน่ึงช่ือวำ แสนคํำลือ เขำจัดเป็นผูนํำมูเซอแดงคนแรกในเขตจังหวัด
แมฮองสอน ที่มีชื่อเสียงโดงดังมำก พระบำทสมเด็จพระเจำอยูหัวฯ รัชกำลท่ี 9
เคยเสดจ็ เย่ียมเยอื นหมบู ำ นแสนคำํ ลือ ซงึ่ แสนคำํ ลือเองก็ไดมีโอกำสพูดคุยสนทนำ
กับพระองคแทำนอยำงสนิทสนมดวย กลำวกันวำ แสนคํำลือเป็นมูเซอแดงท่ีเกิด
แถบอํำเภอเชียงดำว จังหวัดเชียงใหม กอนจะอพยพมำทำงหัวแมละ เขตพ้ืนท่ี
ตำํ บลเวียงแหง แลว เขำ สูเขตอำํ เภอปำย จังหวัดแมฮองสอน พอเฒำชำวมูเซอเลำ
วำ สมัยสงครำมโลกคร้ังที่สอง หมูบำนแสนคํำลือ ไดต้ังอยูในพ้ืนท่ีจังหวัดแมออง
สอนตอนบน สมัยนั้น หมูบำนแสนคํำลือ จัดเป็นหมูบำนมูเซอแดงที่มีขนำดใหญ
กวำหมบู ำนมูเซอแดงอ่ืนๆ ในเขตจงั หวัดแมฮ อ งสอน
กอนมำอยทู ห่ี มูบ ำนแสนคำํ ลอื ปจใ จุบัน พวกเขำอพยพโยกยำยหมูบำนบอย
มำก ซงึ่ มรสำเหตุมำจำกกำรทม่ี สี มำชิกภำยในหมูบำนปุวยไขตำย สมัยน้ัน เชื่อวำ
เป็นกำรกระทํำของภูตผี และตองกำรไปหำท่ีดินอันอุดมสมบูรณแทํำกินใหมท่ีดีกวำ
เดิมหมูบำนแสนคํำลือเคยตั้งอยูท่ี หนองหลวงเขตชำยแดนไทย-พมำ แลวยำยมำ
อยูท่ีหวยมะหลอด ประมำณปี พ.ศ.2500 จำกน้ันยำยมำอยูท่ีบริเวณดอยใกลกับ
บำนเมืองแพม ประมำณปี พ.ศ.2503 จำกเมืองแพมยำยไปสูบริเวณ โหลำง
ประมำณปี พ.ศ.2507 ชวงเวลำที่โยกยำยกันไปมำอยูบริเวณเขตพ้ืนท่ีอํำเภอปำย
และเขตพื้นที่กิ่งอํำเภอปำงมะผำอยูนี้ มีชำวบำนประมำณ 40-50 หลังคำเรือน
ชวงปี พ.ศ.2519-2525 ชำวมูเซอแดงจำกหมูบำนแสนคํำลือ รวมทั้งท่ีหมูบำน
อ่ืนๆ ไดทรำบขำวจำกทำงรำชกำรวำจะจัดสรรท่ีดินทํำกินใหในเขตพ้ืนที่โครงกำร
หมูบำนวนำหลวง ซ่ึงอยูติดกับตัวกิ่งอํำเภอปำงมะผำในปใจจุบัน 1 กิโลเมตร พวก
เขำอพยพมำจำกดอย รวมท้งั ชำวบำ นจำกหมูบ ำนแสนคำํ ลอื ดวยท่ีอพยพกันมำกวำ
ครึ่งหนึง่ ของหมบู ำ นแสนคำํ ลือ กอ็ พยพยำยมำสูชุมชนหมูบำนใหมน้ีดวย และเขำ
ไดเ สียชวี ิตดวยควำมชรำ ณ หมูบำนวนำหลวง แหงนี้ เม่ือปี พ.ศ.2530 กลำวกัน
วำเม่ือเขำตำยน้ันมีอำยุเกินกวำ 100 ปี และหลังเขำตำยไปแลวไดเกิดอำเพศไฟ
ปุำโหมไหมเผำพลำญ หมูบำนวนำหลวงเกือบหมด จนกระทั่งทำงรำชกำรและ
หนวยงำนอนื่ ๆ ตอ งเขำมำใหควำมชวยเหลอื
-100-
เครือข่ายพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาติพันธ์ุ
หมูบำนแหงนี้มีลำนเฮลิคอปเตอรแข้ึนลงถึงสำมลำนเลย 29 แตเดิมท่ีนี่
ประสบปญใ หำเรอ่ื งนํ้ำกินนํ้ำใชไมสำมำรถทํำกำรเกษตรกรรมใดๆได แตมำวันน้ีทุก
บำนมีน้ํำกิน น้ํำใชไดอยำงสะดวกสบำยไฟฟูำใชไดทั้งพลังงำนแสงอำทิตยแและ
พลังงำนนํ้ำ สำมำรถใชไฟฟูำไดอยำงตลอดทั้งวันแถมมือถือก็ยังมีสัญญำณใชได
ในบำงจุดอีกดว ย ในหมบู ำนมลี ำนประเพณี ชำวลำหูสวนหน่ึงยังคงนับถือผีอยู ซ่ึง
เป็นควำมเชื่ออันเกำแกที่ มำแตบรรพชนอยำงชำนำน ถำมีคนไหนปุวยจะนํำ
เคร่ืองเซนไหวมำ บนบำนศำลกลำว ท่ีลำนประเพณีแหงน้ี อยำงเชน กอนหิน
คอนไม และผำสขี ำวสีเหลือง เปรยี บไดเ หมือนกับวัดของชำวลำหู และท่ียึดเหนี่ยว
จติ ใจ
กำรเสด็จมำของในหลวงรัชกำลท่ี 9 ในคร้ังนั้นสงผลใหควำมเป็นอยูของ
พสกนิกรชำวลำหูท่ีนี่ดีขึ้น ชำวบำนสวนหนึ่งไดยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงมำเป็น
แบบอยำงในกำรดํำเนินชีวิต และประกอบอำชีพปลูกพืชผักในพ้ืนท่ี แตยังประสบ
ปใญหำเรือ่ งกำรขนสง และกำรจํำหนำ ย จึงไดเพียงแครับประทำนกันแตในครัวเรือน
เทำน้นั หวงั วำในอนำคตกำรทองเที่ยวชุมชนของชำวลำหูที่น่ีจะเป็นที่นิยมขึ้นดวย
สภำพพืน้ ท่ี เพรำะอยไู มหำงจำกอํำเภอปำย
หมูบำนต้ังอยูสูงเหนือระดับนํ้ำทะเลปำนกลำง 900 – 920 เมตร เรำ
สำมำรถเดินทำงเขำสูหมูบำนแสนคํำลือได สองเสนทำง คือ จำกอํำเภอปำงมะผำ
ผำ นมำทำงหมูบำนแมละนำและยำปุำแหน จำกหมูบำนยำปุำแหนข้ึนดอยเร่ือยไป
ตำมทำงถนนท่ีผำนกลำงหมูบำน แลวเลี้ยวซำยลงสูหมูบำนมูเซอหวยแหง จำก
หมูบำนยำปุำแหนถึงหมูบำนหวยแหงเป็นระยะทำง 7 กิโลเมตร จำกหมูบำนหวย
แหงไปสูบำนแอโกเ เป็นระยะทำง 6 กิโลเมตร จำกบำนแอโกเถำไปตำมทำง
รถยนตแจะใชระยะทำง 4.5 กิโลเมตร จึงจะถึงหมูบำนแสนคํำลือ แตถำเดินตำม
ทำงเทำขำมลํำนำ้ํ ลำง ตัดข้ึนเนินไปจะใชเวลำประมำณ 15 นำที อีกเสนทำงหน่ึง
คือ เร่ิมออกจำกอํำเภอปำงมะผำ ไปสูหมูบำนถํ้ำลอด จำกหมูบำนถํ้ำลอดไปสู
หมูบำนหวยแหง และจำกหมูบำนหวยแหงไปสูหมูบำนแอโกเ และหมูบำนแสนคํำ
ลือตำมลํำดบั รวมระยะทำงประมำณ 28 กิโลเมตร
หมูบำนแสนคํำลือ ตั้งอยูบนเนินยอดเขำสูง สำมำรถมองเห็นทิวทัศนแ
รอบๆ ไดดี ทำงรำชกำรเรียกหมูบำนแสนคํำลือ ในควำมหมำยท่ีครอบคลุมถึง
ชมุ ชนหยอ มบำ นแอโกเ ซงึ่ อยูตดิ ชำยเนนิ เขำท่ีเปน็ ทีต่ ้งั ของหมูบำ นแสนคํำลือ กำร
-101-
เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ
ท่ีหมูบำนข้ึนมำต้ังอยูบนเนินเขำเชนน้ีทํำใหหำงไกลจำกแหลงน้ํำ ซึ่งในฤดูแลงท่ี
นํ้ำมีนอยทั้งหมูบำนแสนคํำลือ ยำปุำแทน และผำเจริญ จะมีปใญหำเรื่องน้ํำ
คลำยกัน กำรที่หมูบำนแสนคํำลือ มีขนำดและประชำกรนอยกวำบำนแอโกเ ที่ตั้ง
อยูชำยเนนิ เขำลกู เดียวกนั ทำํ ใหส ถำนทห่ี นว ยงำนรำชกำรตองตั้งที่บำนแอโกเ และ
ชำวมเู ซอแดงแสนคำํ ลอื ตอ งลงมำใชบรกิ ำรที่บำนแอโกเขำ งลำงดว ย
พระรำชดํำริในพระองคแสมเด็จพระนำงเจำ ฯ มีรำยละเอียดพระรำชดํำริ
ใหจัดตั้งหมูบำนตำมยทุ ธศำสตรแกำรปูองกนั ชำยแดนแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อควำมม่ังคง
ตำมแนวชำยแดน เพรำะทรงเป็นหวงในควำมปลอดภัยของรำษฎรและควำมม่ันคง
ปลอดภัยของประเทศเป็นอยำงมำก กองทัพภำคท่ี 3 โดยกรมทหำรรำบท่ี 21
รักษำพระองคแ ฯ จึงไดทํำกำรรวบรวมรำษฎรชำวไทยภูเขำที่อำศัยอยูกระจัด
กระจำยในแตละพื้นที่ใหมำอยูรวมกัน แลวจัดต้ังเป็นหมูบำนตำมแนวชำยแดน
และไดดํำเนินงำนฝึกกํำลังประชำชนมำตั้งแตปี 2524 จนถึงปใจจุบันรวม 8 ครั้ง
จำกรำษฎร 24 หมูบำน จํำนวน 1,620 คน และระหวำงกำรฝึกประชำชนก็ได
ดํำเนินกำรไปพรอมกับกำรลำดตระเวนตำมแนวชำยแดนโดยใชมำทำงยุทธวิธีและ
กำรบรรทุกตำง ทํำกำรลำดตระเวนไปยังชองทำงที่สํำคัญ และพักแรมในปุำ
ตระเวนเฝำู ตรวจปูองกนั กำรลักลอบตดั ไมท ํำลำยปุำ ปูองกันและปรำบปรำมยำเสพ
ติด และไดดํำเนินกำรจัดที่ดินทํำกินและที่อยูอำศัยใหแกรำษฎร พรอมทั้งจัดระบบ
กำรพัฒนำที่เหมำะสมกับสภำพพ้ืนท่ีใหรำษฎรไดประกอบอำชีพมีรำยไดที่แนนอน
ม่ันคงและสำมำรถพ่ึงตนเองได (วันทพ่ี ระรำชทำน 17 กุมภำพันธแ 2544)
พระบำทสมเด็จพระมหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร พรอม
ดวย สมเด็จพระนำงเจำสิริกิต์ิ พระบรมรำชินีนำถ พระบรมรำชชนนีพันปีหลวง
และ พระบำทสมเด็จพระวชิรเกลำเจำอยูหัว ขณะทรงดํำรงพระอิสริยยศ สมเด็จ
พระบรมโอรสำธิรำช สยำมมกุฎรำชกุมำร เสด็จพระรำชดํำเนิน ไปยังบำนแอโกเ
ตำํ บลปำงมะผำ อํำเภอเมืองแมฮ องสอน จังหวัดแมฮองสอน ซึ่งเป็นหมูบำนมูเซอ
แดง โดยมีผูวำรำชกำรจังหวัดแมฮองสอน ผูกํำกับกำรตํำรวจภูธรจังหวัด
แมฮองสอน และนำยอํำเภอเมืองแมฮองสอน เฝูำทูลละอองธุลีพระบำทรับเสด็จ
พรอมทั้งชำวบำ นในบำ นแอโกเ และท่ีมำจำกบำ นแสนคํำลอื กับหมูบำ นใกลเคยี ง
พระบำทสมเด็จพระมหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร มีพระ
รำชปฏิสันถำรกับผูมำเฝูำทูลละอองธุลีพระบำทแลวเสด็จพระรำชดํำเนินไปทรง
-102-
เครือขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลมุ่ ชาติพันธุ์
บัญชำกำรปฏิบัติงำนของหนวยแพทยแพระรำชทำน สมเด็จพระนำงเจำสิริกิติ์
พระบรมรำชินีนำถ พระบรมรำชชนนีพันปีหลวง และ พระบำทสมเด็จพระวชิร
เกลำเจำอยูหัว ขณะทรงดํำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสำธิรำช สยำม
มกฎุ รำชกมุ ำร พระรำชทำนสมุด ดินสอ กับขนมหวำนแกเดก็ พระบำทสมเด็จพระ
มหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร พระรำชทำนตูยำและยำประจํำบำน
แกโรงเรียนและพระรำชทำนอำหำรกระปองแกตํำรวจชำยแดนที่ปฏิบัติรำชกำร
ประจํำอยู ณ หมูบำนแหงน้ัน จนเวลำ 14.00 น. จึงไดประทับเสวยพระกระยำ
หำรกลำงวัน (ขำวหอ) ท่ีริมลํำธำรในบริเวณบำนแอโกเ หลังจำกเสวยพระกระยำ
หำรแลว ทอดพระเนตรกำรแสดงระบํำของชำวมเู ซอแดงที่จดั ถวำย
จำกน้ัน พระบำทสมเด็จพระมหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร
รัชกำลท่ี 9 ทรงพระดํำเนินขึ้นไปยังบำนแสนคํำลือ ซึ่งอยูบนยอดเขำสูงจำกบำน
แอโกเข้ึนไปอีกประมำณ 400 ฟุต พรอมดวยผูใหญบำน เสด็จขึ้นไปประทับใน
บำนผใู หญบ ำ น มีพระรำชดํำรัสดวยประมำณ 30 นำที จึงเสด็จพระรำชดํำเนินไป
บำนปำงปุำคำ อำํ เภอแมร ิม จังหวัดเชียงใหมตอ ไป
บริเวณดำนหนำโรงเรียนตํำรวจตระเวนชำยแดนชมรมอนุรักษแศิลปไทย
อนุสรณแบำนแสนคํำลือที่นี่ มีศำลำท่ีสรำงไวเป็นอนุสรณแถึงกำรเสด็จมำของ
พระบำทสมเด็จพระมหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร รัชกำลที่ 9
พรอมดว ยพระปรมำภิไธยตดิ ตัง้ อยู
ดำนในอำคำรของโรงอำหำร มีภำพพระบรมฉำยำลักษณแอยูมำกมำย จำก
คํำบอกเลำของชำวบำน ชำยในภำพทำนคือพอเฒำแสนคํำลือ เป็นชำวลำหู เป็น
ผนู ำํ ของชมุ ชน ทกุ คนในหมูบ ำ นนี้รักทำ นกนั ทกุ คน ชำวบำ นตอบเปน็ เสียงเดียววำ
พอบำนไหนไมมีขำวจะกิน พอเฒำแสนคํำลือจะรีบหำมำให ในควำมที่เป็นคนท่ีมี
นํ้ำใจชวยเหลือทุกคนในหมูบำน จึงเป็นท่ีรักของทุกคน แมวันนี้พอเฒำแสนคํำลือ
ไดจำกลำโลกนี้ไปนำนแลว แตคุณงำมควำมดีของพอเฒำแสนคํำลือ ยังเป็นท่ี
จดจํำและบอกตอ มำรนุ ตอ รุนจนถงึ ทุกวนั นี้ บำนนอยหลังนี้คงเป็นตัวแทนถึงวำครั้ง
หน่ึง ณ สถำนท่ีแหงนี้พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพลอดุลยเดช เคยได
เสด็จมำ พอเฒำแสนคํำลือไดนอมถวำยนํ้ำจัณฑแซึ่งเป็นเครื่องปรุงยำจำกพอเฒำ
แสนคำํ ลือ
-103-
เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพนั ธ์ุ
อำศรมบำนลุกปุำก฿อ ตํำบลสบปุอง อํำเภอปำงมะผำ จังหวัดแมฮองสอน
บำนลุกปุำก฿อ ต้ังอยูเลขท่ี 105 หมูท่ี 5 ต.สบปุอง อ.ปำงมะผำ จ.แมฮองสอน
บำนลุกปุำก฿อเป็นชนเผำกะเหรี่ยง และมีหยอมบำนในเขตบริกำรอีกหน่ึงหมูบำน
คือบำนหนองขำวเปน็ ชนเผำ มูเซอ โรงเรยี นบำนลุกปุำกอ฿ ตั้งอยูหำงจำกบำนน้ํำริน
ระยะทำง 9 กิโลเมตร กำรเดินทำงสะดวกในฤดูแลงกวำฤดูอื่น เป็นหยอมบำน
บริวำรของบำนแมอูมอง เป็นชำวเขำเผำกะเหรี่ยงขำว ต้ังช่ือตำมลักษณะ
ธรรมชำติ “ลุกปุำก฿อ” เป็นคํำภำษำไทยใหญ “ลุก” หมำยถึง หลุมหรือบอ สวน
คํำวำ “ปุำก฿อ” คือบริเวณที่มีตอก฿อข้ึนมำก ตนก฿อเป็นตนปำลแมปุำชนิดหนึ่ง ใบ
ของมันสำมำรถนํำมำมุงหลังคำบำนได ชำวกะเหร่ียงนิยมเรียกที่นี่วำ “แมแพคี”
ซ่ึงคํำวำ “แมแพ” ภำษำกะเหรี่ยง หมำยถึง ตนไผชนิดหน่ึง สวนคํำวำ “คี”
หมำยถึงบริเวณตนนํ้ำ “แมแพคี” จึงหมำยควำมวำรวมกันไดวำ บริเวณตนนํ้ำที่มี
ไมไผ แมแพข้ึนอยูท่ัวไป ปใจจุบันมีจํำนวนครัวเรือนประมำณ 36 หลังคำเรือน
บำนเรอื นสรำ งบนทีล่ ำดเชงิ เขำ
สถำนท่ีทองเท่ียวในเสนทำง อำทิ พิพิธภัณฑแบำนไร ตั้งอยูที่บำนไร ม.3
ต.สบปอุ ง อ.ปำงมะผำ จ.แมฮองสอน สืบเน่ืองจำกโครงกำรโบรำณคดีบนพ้ืนท่ีสูง
ในอํำเภอปำงมะผำ จังหวัดแมฮองสอน ระยะท่ี 1-2 ซึ่งดํำเนินกำรต้ังแตปี พ.ศ.
2544-2549 และโครงกำรจัดกำรมรดกทำงโบรำณคดีที่เพิงผำบำนไร และเพิงผำ
ถํ้ำลอด อํำเภอปำงมะผำ จังหวัดแมฮองสอน ในปี พ.ศ. 2549-2551นํำทีมโดย
รศ.ดร. รศั มี ชทู รงเดช เขำ ไปสํำรวจและขุดคนทำงโบรำณคดีในพ้ืนที่หมูบำนบำน
ไร สงผลใหชำวบำนในทองที่เกิดควำมสนใจถึงกระบวนกำรศึกษำทำงโบรำณคดี
และประวตั ิศำสตรแของทองถ่นิ
จำกกำรตระหนักถึงควำมสํำคัญนี้ ผูใหญบำน ซัวหยี้ แซหัน หรือที่
ชำวบำนเรียกกันวำ พอหลวง จึงมีแนวคิดในกำรจัดต้ังพิพิธภัณฑแข้ึนภำยใน
หมบู ำน โดยใชอำคำรอเนกประสงคแซึ่งตั้งอยูใจกลำงหมูบำนเป็นอำคำรพิพิธภัณฑแ
ทั้งน้ีไดรับควำมรวมมือจำกโครงกำรทำงโบรำณคดีทั้ง 2 โครงกำรขำงตน จัดกำร
อบรมเชิงปฏิบัติกำร เพื่อกอต้ังพิพิธภัณฑแ จํำนวน 4 ครั้ง ซ่ึงเป็นกำรจัดอบรม
ใหกับทั้งผูใหญและเยำวชนในทองถิ่น ใหเขำใจถึงควำมสํำคัญของชุมชน กำร
จัดตั้งและกำรดูแลพิพิธภัณฑแ ทั้งยังจัดกิจกรรมเพื่อเผยแพรประชำสัมพันธแ
พิพิธภัณฑแใหกับหมูบำนขำงเคียง นอกจำกนี้ยังไดรับกำรสนับสนุนจำกกองทุน
-104-
เครอื ขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพนั ธ์ุ
เอกอัครรำชทูต เพื่อกำรอนุรักษแวัฒนธรรม สถำนทูตสหรัฐอเมริกำ ประจํำประเทศ
ไทย ประจํำปี 2549 สงผลใหมีกำรปรับปรุงเนื้อหำภำยในพิพิธภัณฑแ และต้ังเป็น
ศูนยขแ อ มูลบำ นไรข้นึ
ภำยในพพิ ธิ ภณั ฑแ นำํ เรื่องรำวทำงประวัติศำสตรแและวัฒนธรรมของผูคนใน
ทอ งถิน่ เปน็ ตัวกำํ หนดทิศทำงและหวั ขอ ในกำรจัดแสดง อกี ทั้งยังเลำเรื่องท้ังในอดีต
ปใจจุบัน และส่ิงท่ีอำจเปลี่ยนแปลงไปในอนำคต ผำนปูำยนิทรรศกำร สิ่งของ
เคร่ืองใชท่ีจัดแสดงอยูภำยใน ทั้งที่เป็นโบรำณวัตถุจำกกำรขุดคน และเครื่องใช
ปใจจุบัน อำทิ แคนมง เครื่องตัดยำเสน ตำช่ังยำ ก฿อกแป หีบตีขำว เป็นตน ซ่ึง
ไดรับบริจำคจำกชำวบำนในชุมชน โดยมีเยำวชนในชุมชนรับหนำท่ีเป็นเจำบำน
นอ ยเป็นผนู ำํ ชมภำยในพพิ ธิ ภณั ฑแ
นอกจำกกำรเขำชมภำยในพิพิธภัณฑแแลว ผูมำเยี่ยมเยือนสำมำรถเดินทำง
ไปยังแหลงโบรำณคดีเพิงผำบำนไร ซึ่งเป็นแหลงโบรำณสมัยกอนประวัติศำสตรแ
อำยุประมำณ 10,600 – 9,700 ปีมำแลว เป็นแหลงโบรำณคดีประเภทแหลงฝใง
ศพ หลักฐำนทำงโบรำณคดีท่ีสํำคัญไดแก โครงกระดูกมนุษยแ โลงไม ภำพเขียนสี
บนผนังถํ้ำ เศษภำชนะดินเผำ เคร่ืองมือเหล็ก ฯลฯ โดยเจำบำนนอยจะเป็นผู
นํำเขำไปยังแหลงโบรำณคดีอยำงปลอดภัยและแทรกเกร็ดควำมรูในทองถ่ิน ท่ี
สนุกสนำนระหวำ งกำรเดนิ ทำงอกี ดวย
ถ้ำํ น้ํำลอด ตงั้ อยทู ต่ี ำํ บลถ้ำํ ลอด อํำเภอปำงมะผำ จังหวัดแมฮองสอน เป็น
แหลงโบรำณคดีสํำคัญและเป็นหนึ่งใน Unseen Thailand อยูในควำมดูแลของ
เขตรักษำพันธุแสัตวแปุำลุมแมนํ้ำปำย เป็นถํ้ำท่ีมีน้ํำไหลผำนกลำง จะตองนั่งแพเขำ
ไปชม ภำยในถ้ํำน้ํำลอดมีขนำดใหญมำก มีถ้ํำที่นำสนใจหลำยจุด คือ ถ้ํำลอด ซึ่ง
มลี ำํ หวยช่อื นำ้ํ ลำง ไหลลอดภเู ขำไปทะลุออกอีกดำนหน่ึง ทํำใหเกิดเป็นถํ้ำที่มีหิน
งอกหินยอยสวยงำม จำกกำรพบเคร่ืองมือเครื่องใชโบรำณในถ้ํำ เป็นแหลง
โบรำณคดีท่ีสํำคัญ อยูในควำมดูแลของเขตรักษำพันธแุสัตวแปุำลุมแมน้ํำปำย ท่ีถํ้ำน้ี
จะมลี ํำหว ยชื่อ นํำ้ ลำงไหล ลอดผำนภูเขำเขำไปและทะลุไหลออกอีกดำนหนึ่ง ทํำ
ใหท่ีน่ีเกิดเป็นถ้ํำ มีหินงอก หินยอยสวยงำมมำกเลยทีเดียว และยังพบเคร่ืองมือ
เครือ่ งใชในสมัยโบรำณภำยในถำ้ํ อกี ดวย คำดวำ ถ้ำํ นนี้ ำ จะมอี ำยรุ ำว 2,000 ปี
ถ้ํำเสำหินหลวง เป็นถํ้ำท่ีมีขนำดกวำงขวำงและมีหินงอกหินยอยสวยงำม
ตระกำรตำเลยคะ ตอมำคือ ถํ้ำต฿ุกตำ ช่ือนี้มำจำกลักษณะรูปรำงท่ีคลำยกับตุ฿กตำ
-105-
เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุ
เพรำะมีหนิ งอกที่เปน็ ปมุ เล็กๆ เรียงกันอยูเยอะแยะมำกมำย ถํ้ำนี้จะเป็นถ้ํำที่กวำง
และยำวท่ีสุดในถํำ้ นํ้ำลอด และท่ีผนังถำ้ํ ยังมีภำพเขยี นสมยั กอ นประวัติศำสตรแ ถํ้ำผี
แมน นอกจำกมีหินงอกหินยอยที่สวยงำมแลว ยังสำมำรถพบเศษภำชนะดินเผำ
เมล็ดพืช เคร่ืองมือหิน ซีกฟใน และกระดูกของมนุษยแ รวมไปถึงโลงผีแมน ท่ีเป็น
ทอนไมท่ีถูกขุดตรงสวนกลำงออก จนเป็นรองขนำดใหญ ไวสํำหรับใสอำหำรให
สัตวเแ ล้ียง มที ง้ั ขนำดเลก็ และใหญต ำงกนั
สันนิษฐำนไดวำ ถํ้ำมีอำยุประมำณ 2,000 ปีแลว ภำยในถํ้ำมีควำมยำว
ประมำณ 1 กโิ ลเมตร ภำยในถำํ้ ยงั ประกอบดวยหองโถงใหญอ กี 3 หอง ไดแก ถ้ํำ
เสำหินหลวง เป็นถ้ํำท่ีมีขนำดกวำงและมีหินงอกหินยอยสวยงำม ถ้ํำต฿ุกตำ ท่ีเรียก
กนั ตำมลักษณะรูปรำงคลำยตกุ฿ ตำของหินงอกที่เป็นปุมเล็ก ๆ เรียงรำยอยูมำกมำย
ถ้ํำนี้เป็นถ้ํำท่ีกวำงและยำวที่สุดในถํ้ำลอด อีกดำนหนึ่งของผนังถํ้ำยังปรำกฏ
ภำพเขียนสมัยกอ นประวัติศำสตรแ และถํ้ำสุดทำยที่อยูดำนทำงออกคือ ถํ้ำผีแมน ที่
นอกจำกมีหินงอกหินยอยสวยงำมแลว ยังพบเศษภำชนะดิน เผำ เมล็ดพืช
เครอ่ื งมอื หนิ ซกี ฟนใ และกระดูกของมนุษยแ รวมท้ังโลงผีแมนอีกดวย โลงผีแมนนี้มี
ลักษณะเป็นทอนไมท ่ีถูกขดุ ตรงสวนกลำงออกจนเปน็ รอ งคลำยเรอื หรอื รำงไม มีไว
ใชใสอำหำรใหสัตวแเลี้ยง มีท้ังขนำดเล็กและใหญ โดยโลงขนำดใหญจะถูกวำงอยู
บนคำนโดยใชเสำ 4-6 ตน ต้ังกับพ้ืนถํ้ำ และเสำแตละคูเจำะเป็นชองเพ่ือสอดใส
คำนไววำงพำดโลงผแี มน
มูเซอดํำบำนจำโบ บำนจำโบเป็นหมูบำนเล็กๆ บนดอยสูง ตั้งอยูที่ตํำบล
ปำงมะผำ อํำเภอปำงมะผำ จังหวัดแมฮองสอน เป็นหมูบำนทองเท่ียววิถีชุมชนที่
นำ สนใจ และเต็มไปดวยธรรมชำติที่สวยงำม ภูเขำโอบลอม หำกมำชวงฤดูหนำวก็
จะไดส มั ผัสทะเลหมอกหรือดพู ระอำทติ ยแข้นึ ยำมเชำ ภำยในหมูบำนทั้งสองฝใ่งถนน
ขนำบไปดวยบำนเรือนไมแบบชำวเขำดั้งเดิม และวิถีชนเผำและกิจกรรมท่ี
นำสนใจทั้งกำรรองรํำทํำเพลงเตน “จะคึ” เป็นกำรเตนลำหูรวมกับชำวบำน ฟใง
เสยี งแคนทีม่ นี ํ้ำเตำ เปน็ สว นหน่ึงในเครอื่ งดนตรี เพรำะชำวบำ นมคี วำมเชื่อวำคนลำ
หเู กดิ จำกนํำ้ เตำ
บำนจำโบต้ังอยูบนเขำสูงประมำณ 900 ม. บริเวณโดยรอบของหมูบำน
เปน็ เทือกเขำหินปูน บรรยำกำศธรรมชำติสดุ ๆไปเลยคะ หมูบำนในวงลอมของหุบ
เขำ บรรยำกำศภำยในหมูบำนท้ังสองฝใ่งถนนขนำบไปดวยบำนเรือนไมแบบ
-106-
เครือข่ายพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ
ชำวเขำดั้งเดิม ชำวบำนในชุมชนบำนจำโบท่ีอยูในปใจจุบันเป็นชำวลำหูท่ียำยมำ
จำกหวยยำวโดยกำรนํำของนำยจำโบ ไพรเนติธรรม ช่ือของ ชุมชนจำโบมำจำก
ช่ือของผูนํำหมูบำน คนในชุมชนลวนเกี่ยวดองเป็นญำติกันทั้งหมด ยังคงใชภำษำ
และเครื่องแตง กำยแบบลำหู ซง่ึ แบงออกเป็น 3 ชำติพันธุแยอ ย คอื มเู ซอดํำ มูเซอ
แดงและมูเซอเหลือง แตกตำงกันตำมควำมเชื่อ และกำรแตงกำย ชุมชนบำนจำ
โบ คอื เชอื้ สำยมเู ซอดำํ ซึ่งชำวมูเซอดํำจะใชคํำเรียกวำ “จำ” คํำนํำหนำเพศชำย
สวน “นำ” จะเป็นคํำเรียกผูหญิง อำชีพหลักของคนในชุมชน คือทํำไรและเลี้ยง
สตั วแ อำชพี รอง คือเกบ็ ของปำุ ขำย และรบั จำ งทวั่ ไป
กจิ กรรมหัตถกรรมงำนจกั สำน ตอจำกไดฟใงเสียงแคนอันไพเรำะกันไปแลว
ชำวบำนมีกิจกรรมหัตถกรรม ไมวำจะเป็นกำรเย็บผำดวยมือ ซึ่งถือวำเป็น
เอกลักษณแ รวมถึงงำนจักสำน ผลิตภัณฑแจำกไมไผ ตะกรำ ตำแหลว (กันผี) ท่ีให
นกั ทองเทย่ี วไดเรียนรกู ันอกี ดวย หำกใครอยำกสมั ผสั วิถีชีวิตชำวลำหู และอยำกด่ืม
ดํ่ำบรรยำกำศท่ีบำนจำโบหลำยวันแลวละก็ ชำวบำนก็มีโฮมสเตยแ 22 หลังคืนละ
200 บำทตอคนอำหำรมื้อละ 100 ตอคน เปิดไวใหบริกำรแกนักทองเที่ยวใหได
ใกลชิดกับธรรมชำติอยำงแทจริง นอกจำกน้ี บำนจำโบยังมีกิจกรรมตำงๆ อำทิ
เดินปุำขึ้นภูผำหมอก ชมไรหมุนเวียน ชมคอกหมูรวม เดินผำนไรสมุนไพร ถํ้ำผี
และแมน (โรงไม 2500 กวำ ป)ี หัวละ 50 บำทตอ จุด (รวมไกดแ) เป็นตน บำนจำ
โบจะเป็นชุมชนทม่ี ขี นำดเลก็ แตแ ฝงไวดว ยรอยยิ้มและคํำทักทำยอยำ งเป็นมิตร
กำรดํำเนินงำนดำนกำรเพิ่มรำยไดเกษตรวิถีพุทธของเครือขำยพระ
นกั พฒั นำบนพนื้ ท่สี ูง
ปใญหำในดำนเกษตรกรรมของกลุมชำติพันธแุบนพื้นที่สูงในพื้นที่ตนแบบ
อำํ เภอเวยี งปำุ เปำู อำํ เภอแมสรวย และอํำเภอเมืองเชยี งรำย พบวำ
1. ปใญหำผลผลิตรำคำตกต่ํำ เนื่องจำกผลผลิตหลักท่ีไดจำกกำรปลูก
ขำวโพด ขำวดอย และผลผลิตท่ีไดจำกำรปลูกพืชหนำแลง เชน พริก ผักกำด
มะเขือมวง เมื่อเก็บเกี่ยวแลว ขำดแหลงในกำรนํำไปจํำหนำย ตำงคนตำงทํำและ
หำแหลงจํำหนำยเอง ทํำใหผลผลิตตกคำงมำกท่ีจะนํำไปสูกำรขำดทุน เน่ืองจำก
ท่ีน้ีปลูกขำวเป็นหลักและใชสำรเคมีท่ีเป็นปุยชีวภำพท่ีมีรำคำสูง เมื่อไดผลผลิต
ออกมำนำํ ไปจํำหนำ ยไมคุม ทุน ทำํ ใหข ำดทนุ
-107-
เครอื ข่ายพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของกล่มุ ชาตพิ นั ธุ์
2. ปใญหำควำมแหงแลง เนื่องจำกบำนดอยลำนอยูบนพ้ืนที่เป็นดอยสูง มี
สภำพอำกำศดี มีกำรปลูกขำวโพด มะเขือเทศ กำแฟ และยำงพำรำเป็นบำงสวน
จึงทํำใหไดผลผลิตท่ีดี โดยเฉพำะกำรปลูกกำแฟที่น้ีจะเขำรวมกับโครงกำรหลวง
และบริษัทเอกชนจึงทํำใหมีรำยไดท่ีดี แตพอถึงฤดูรอนท่ีวำงเวนจำกกำรเพำะปลูก
จะแหงแลง นํ้ำแหงไมเพียงพอตอกำรกินกำรใช และกำรทํำเกษตร ประกอบกับ
เกดิ ไฟปำุ หมอกควันและฝนุ เต็มกระจำยท่ัวทัง้ บำ นดอยลำน
3. ปใญหำกำรบุกรุกพ้ืนท่ีปุำ เนื่องจำกหมูบำนมังกำลำน้ี มีหลำยบำนอยู
รวมกัน ไดแก บำนแมปงกลำง บำนสวนได บำนแมนำงสรวง บำนปำงแกวเมำ
และชำวบำนมังกำลำสวนมำกจะเป็นชำติพนั ธแจนี ฮอหรือจีนยนู ำน รองลงมำจะเป็น
อำขำ ลีซอและไทยล่ือ อำชพี สวนใหญ คอื กำรทํำเกษตร มีกำรปลูกขำว ขำวโพด
ปลูกชำและเล้ียงสัตวแ ปใญหำที่พบมีหลำยดำน เชน ปใญหำกำรแยงที่ดินทํำกิน
ปญใ หำกำรลักลอบตดั ตนไม ปใญหำกำรขำดนํำ้ อุปโภคบรโิ ภค ปญใ หำและปใญหำกำร
บกุ รกุ ปุำสงวน
4. ปใญหำกำรแปรรูปผลผลิต เน่ืองจำกท่ีน้ีมีพื้นที่ต้ังอยูบนดอยสูง กำร
เพำะปลูกสวนมำกจะปลูกชำและรับจำงเก็บใบชำเป็นหลัก เม่ือไดผลผลิตมำกจึง
ตองกำรจะนํำมำแปรรูปเพื่อนํำมำจํำหนำยในกำรเพิ่มรำยได แตไมมีควำมรู จึงจะ
ตอ งกำรทจี่ ะเรยี นรูในกำรแปรรปู ใบชำออกมำเปน็ อำหำรท่หี ลำกหลำย
5. ปใญหำผลผลติ ลน ตลำด เนอื่ งจำกที่น้ีอยูบนพ้ืนท่ีสูง กำรทํำกำรเกษตรท่ี
เป็นพืชเศรษฐกิจ เชน กำแฟ มะละหวำน ล้ินจ่ี มะเขือเทศ และผักตำงๆ ทํำให
บำงปีท่ีมีผลผลิตออกมำมำกไมรูจะนํำไปทํำอะไร ทํำใหผลผลิตเนำเสียจึงทํำให
ขำดทนุ หรอื ไกก ํำไรนอ ย
6. ปญใ หำขำดควำมรูในดำนกำรเกษตร เน่ืองจำกท่ีน้ีมีกำรทํำเกษตรในกำร
ปลูกกำแฟ อำรำมิกำเป็นหลัก รองลงมำปลูกขำวไวกิน ปลูกขำวโพดไวเล้ียงสัตวแ
และปลูกมะเขือเทศไวขำด จงึ ยังไมมีควำมรใู นกำรทํำเกษตรแบบวิถีพุทธมีลักษณะ
อยำงไร
ดังนั้น จะเห็นวำคนบนพื้นที่สูง มีปใญหำและอุปสรรคแในแตละแหงท่ีไม
แตกตำงกัน คือ บริบทพ้ืนท่ีสวนใหญเป็นดอยสูง ไมใชพ้ืนรำบจึงมีควำมเขำใจวำ
จะยำกตอกำรจัดกำรเกษตรแบบวิถีพุทธ ขำดควำมรูในกำรทํำเกษตรแบบวิถีพุทธ
ขำดควำมรใู นกำรทํำปุยอนิ ทรียแ ขำดพันธพแ ชื ในกำรเพำะปลูก กำรคัดเลือกพืชพันธแ
-108-
เครือข่ายพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกล่มุ ชาตพิ นั ธุ์
ใหเ หมำะสมกับดินและกำรเลือกปลูกพชื เศรษฐกิจท่ีดูแลงำ ย ขำดควำมรใู นกำรแปร
รูปผลผลิตทำงเกษตรที่ออกมำใหไดหลำกหลำย ขำดงบประมำณในกำรสนับสนุน
กำรดํำเนินงำนในดำนกำรเกษตร ท่ีสํำคัญชนเผำตำงๆ ที่ไดรับควำมรูในดำนกำร
ทํำเกษตรแบบวิถีพุทธยังมีควำมเช่ือด่ังเดิมของตน ยำกตอกำรเปลี่ยนแปลงตอ
แนวคิดใหมๆ ในดำนกำรเกษตรแบบวิถีพุทธ เพรำะเห็นวำมีรำยไดที่นอยและชำ
มำกกวำจะเห็นผล บำงแหงมีปใญหำกำรขำดน้ํำอุปโภคบริโภคไวใชในฤดูแลง
ในชวงเดือนมีนำคม-พฤษภำคม และปใญหำขำดควำมรวมมือในกำรปูองกันไฟฟูำ
ปุำและกำรรวมมือในกำรเผำทุกชนิดในฤดูแลง ท้ังยังมีปใญหำกำรแยงที่ดินทํำกิน
ปใญหำกำรลักลอบตัดตนไมและปญใ หำกำรบกุ รุกปุำสงวน
จำกกำรติดตำมผลกำรดํำเนินงำนในดำนเกษตรกรรมของกลุมชำติพันธุแบน
พ้ืนท่ีสูง และจำกขอมูลที่ไดจำกกำรสัมภำษณแกลุมผูนํำชุมชน ทั้ง 7 แหง โดยแต
ละแหงมปี ใญหำและอปุ สรรคใแ นกำรปฏิบตั ิงำนทแี่ ตกตำ งกัน คือ
1. ปใญหำขำดควำมรใู นกำรทํำเกษตรแบบวถิ ีพุทธ
2. ปใญหำขำดควำมรูในกำรทำํ ปุย อินทรียแ
3. ปใญหำขำดพันธแพืชในกำรเพำะปลูก กำรคัดเลือกพืชพันธแใหเหมำะสม
กับดนิ กำรเลอื กปลูกพืชเศรษฐกจิ ท่ดี แู ลงำย
4. ปญใ หำในกำรขำดควำมรูในกำรแปรรูปผลผลิตทำงเกษตรที่ออกมำใหได
หลำกหลำย
5. ปใญหำขำดงบประมำณในกำรสนับสนุนกำรดํำเนินงำนในดำน
กำรเกษตร
6. ปใญหำท่ีมีควำมเช่ือด่ังเดิมของตนในกำรใชปุยชีวภำพ ท่ียำกตอกำร
เปล่ยี นแปลงตอกำรมำใชป ุยอินทรยี แ เพรำะเห็นวำไดผลผลิตทน่ี อ ยชำและไมงำม
7. ปใญหำท่ีไมมีกำรรวมตัวในกำรกอตั้งกำรจัดจํำหนำยผลผลิตทำงกำร
เกษตรรว มกนั
8. ปใญหำกำรขำดนํ้ำอุปโภคบริโภคไวใชในฤดูแลง ในชวงเดือนมีนำคม-
พฤษภำคม
9. ปใญหำขำดควำมรวมมือในกำรปูองกันไฟฟูำปุำ กำรรวมมือในกำรเผำ
ทุกชนิดในฤดูแลง คอื ในชว งเดือนมีนำคม-พฤษภำคม
10. ปใญหำกำรแยงทดี่ ินทำํ กิน
-109-
เครอื ข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของกล่มุ ชาติพันธุ์
11. ปใญหำกำรลักลอบตัดตน ไม
12. ปใญหำกำรบกุ รกุ ปุำสงวน
ดังน้ัน จึงเห็นวำกำรแกไขปใญหำในดำนเกษตรกรรมของกลุมชำติพันธแุบน
พ้ืนท่ีสูง ท่ีกลุมพระเครือขำยนักพัฒนำ ท่ีพระนักพัฒนำบนพื้นที่สูงจะตองเขำไป
แกป ใญหำโดยจะตองดํำเนนิ กำร ดงั น้ี
1. ปใญหำในดำนกำรเกษตรของของกลุมชำติพันธุแบนพื้นที่สูง อำศรมแม
ปูนนอย มำจำกผลผลิตที่ไดจำกกำรปลูกและเก็บเกี่ยวมำแลว ตำงคนตำงขำยหำ
แหลงจํำหนำยเอง ทํำใหผลผลิตตกคำงมำกท่ีจะนํำไปสูกำรขำดทุน ดังนั้น จะ
ดํำเนินกำรโดยจดั ตัง้ กลุมเกษตรภำยในหมูบำนเพ่ือกำรจํำหนำยและหำแหลงตลำด
เชิญนักโภชนำกรมำใหควำมรูในดำนแปรรูปอำหำร จัดทํำโครงกำรจัดต้ังรำนคำ
ชุมชน
2. ปญใ หำท่พี บ คอื ที่นี้ปลูกขำวเป็นหลักและใชสำรเคมีที่เป็นปุยชีวภำพที่
มีรำคำสูง เมื่อไดผลผลิตออกมำนํำไปจํำหนำยไมคุมทุน ทํำใหขำดทุน ดังน้ัน จะ
ดํำเนินกำรโดยรวมกันหำรือกับผูใหญบำนหำแนวทำงใหมใหเกษตรกรในหมูบำน
หันกลับมำใชปุยอินทรียแแทนปุยชีวภำพ เชิญนักเกษตรตํำบลหรือเกษตรอํำเภอมำ
ใหควำมรูในกำรใชปุยอินทรียแท่ีประหยัดและลดตนทุน ใหเกษตรกรเขำอบรมกำร
ทำํ ปยุ อินทรยี แ
3. ในฤดรู อ นที่วำงเวน จำกกำรเพำะปลูกจะแหงแลง นํ้ำแหงไมเพียงพอตอ
กำรกินกำรใชและกำรทํำเกษตร ประกอบกับเกิดไฟปุำ หมอกควันและฝุนเต็ม
กระจำยทั่วทั้งบำนดอยลำน ดังน้ัน จะดํำเนินกำรโดยเชิญนักปุำไมมำใหควำมรูใน
กำรปูองกันไฟปุำและกำรปูองกันไฟปุำ ใหชำวบำนในชุมชนเขำรับกำรอบรมและ
ปฏบิ ัติในกำรปูองกันไฟปุำ จัดตัง้ หนว ยงำนควบคุมไฟปุำในหมบู ำ น
4. ปใญหำท่ีพบมีหลำยดำน เชน ปใญหำกำรแยงท่ีดินทํำกิน ปใญหำกำร
ลักลอบตัดตนไมและปใญหำกำรบุกรุกปุำสงวนปใญหำกำรขำดน้ํำอุปโภคบริโภค
ปใญหำกำรแยงที่ดินทํำกิน ไดดํำเนินกำรแกปใญหำ ดังน้ี จัดประชุมวำงแผนกับ
ชุมชนเพ่ือหำขอสรุปแบงปในแนวเขตที่ดิน เชิญหนวยงำนท่ีมีสวนเก่ียวของ เชน
ทหำร หนวยงำนท่ีดิน หนวยงำนปุำไม มำรวมกันจัดแบงท่ีดินทํำกิน และกํำหนด
นโยบำย ผูรับผิดชอบ เพ่ือดูแลกำรใชประโยชนแในท่ีดิน และสภำพแวดลอม
ปใญหำกำรลักลอบตัดตนไมและปใญหำกำรบุกรุกปุำสงวน ไดดํำเนินกำรแกปใญหำ
-110-
เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์
ดงั น้ี จัดประชุมรวมกบั ชำวบำน หนวยงำนปุำไม เพ่ือกํำหนดเขตปุำ แบงออกเป็น
เขตท่ีทํำกิน เขตปุำใชส อย และเขตอนุรักษแและตนนํ้ำ 2. กํำหนดกติกำ มำตรกำร
ลงโทษรวมกัน หำกมีใชผำฝืน ปใญหำกำรขำดน้ํำอุปโภคบริโภค ไดดํำเนินกำร
แกปใญหำ ดังนี้ จัดประชุมหำรือรวมกับชำวบำนในชุมชน รวมกันหำงบประมำณ
ในกำรกอ สรำ งถังเก็บน้ํำขนำดใหญ ที่จุนํ้ำได 20,000 ลิตร ไวใชในชุมชน จัดทํำ
ระบบประปำภูเขำในชุมชน ใหชำวบำนติดมิเตอรแน้ํำแตละบำน เพื่อใหใชน้ํำอยำง
ประหยดั
5. กำรเพำะปลูกสวนมำกจะปลูกชำและรับจำงเก็บใบชำเป็นหลัก เม่ือได
ผลผลติ มำกจงึ ตองกำรจะนำํ มำแปรรูปเพอื่ นํำมำจำํ หนำยในกำรเพมิ่ รำยได แตไมมี
ควำมรู จงึ จะตองกำรทจี่ ะเรยี นรใู นกำรแปรรปู ใบชำออกมำเป็นอำหำรที่หลำกหลำย
ดังนั้น จะดํำเนินกำรโดยเชิญวิทยำกรจำกหนวยงำนโภชนำกรเกษตรตํำบลหรือ
จังหวัดมำใหควำมรูในกำรแปรรูปอำหำร เขำ รบั กำรอบรมจำกหนวยงำนท่ีใหควำมรู
ในดำนกำรแปรรูปอำหำร เชน วิทยำลัยอำชีวศึกษำหรือวิทยำลัยสำรพัดชำงใน
จงั หวดั
6. เน่ืองจำกที่น้ีอยูบนพ้ืนท่ีสูง กำรทํำกำรเกษตรท่ีเป็นพืชเศรษฐกิจ เชน
กำแฟ มะละหวำน ลิ้นจ่ี มะเขือเทศ และผักตำงๆ ทํำใหบำงปีท่ีมีผลผลิตออกมำ
มำกไมรูจะนํำไปทํำอะไร ทํำใหผลผลิตเนำเสียจึงทํำใหขำดทุนหรือไกกํำไรนอย
ดงั นั้น จะดํำเนินกำรโดยเชิญนักโภชนำกรของเกษตรตํำบลหรืออํำเภอมำจัดอบรม
กำรแปรรูปอำหำร ศึกษำดูงำนในหนวยงำนที่ทํำกำรแปรรูปอำหำร เชน โครงกำร
หลวง
7. กำรทํำเกษตรในกำรปลูกกำแฟอำรำมิกำเป็นหลัก รองลงมำปลูกขำวไว
กิน ปลูกขำวโพดไวเลี้ยงสัตวแ และปลูกมะเขือเทศไวขำด จึงยังไมมีควำมรูในกำร
ทำํ เกษตรแบบวิถพี ุทธมีลักษณะอยำ งไร ดังน้ัน จะดํำเนินกำรโดยเชิญนักเกษตรกร
ที่ประสพควำมสํำเร็จในกำรทํำเกษตรวิถีพุทธมำใหควำมรู ศึกษำดูงำนเกษตรกรท่ี
ประสพควำมสำํ เรจ็ ในกำรทำํ เกษตรวิถพี ุทธ แนะนํำแหลงขอในกำรศึกษำหำควำมรู
ในกำรเกษตรวิถีพุทธจำกส่ือตำง ๆ เชน หนังสือกำรทํำเกษตรวิธีพุทธหรือเกษตร
ทฤษฎใี หม ของหนว ยงำนเกษตรหรือคนควำ ขอมลู ทำงอนิ เตอรแเน็ต
โดยสรุป กำรดํำเนินกำรแกไขปใญหำในดำนเกษตรกรรมของกลุมชำติพันธุแ
บนพ้ืนที่สูงในพื้นท่ีตนแบบ เวียงปุำเปูำ แมสรวย เมืองเชียงรำย ของเครือขำย
-111-
เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพันธ์ุ
พระนักพัฒนำ ใน 3 อํำเภอ ทั้ง 7 แหง ไดดํำเนินกำรแกปใญหำในดำน
เกษตรกรรมของกลมุ ชำตพิ ันธุแบนพ้นื ที่สูง ดงั นี้
1. ใหควำมรูในเรอื่ งของกำรทํำเกษตรวิถพี ุทธ
2. ใหควำมรใู นกำรทํำปุยอินทรียแ
3. หำแหลง พนั ธแพืชเศรษฐกจิ ในกำรเพำะปลกู ใหใหเหมำะสมกับดินที่ปลกู
4. สรรหำงบประมำณจำกหนว ยงำนของรฐั บำลและเอกชน
5. ใหควำมรูในกำรในเรื่องของประโยชนแและโทษของกำรใชปุยชีวภำพ
และปยุ อินทรียแ
6. ขอควำมรวมมือคนในชุมชนปฏิบัติตำมกฎ ระเบียบของทำงปุำไมใน
กำรใชที่ดนิ ทำํ งำนเขตปำุ ใชสอย และเขตอนุรกั ษแและตนนำํ้
7. รว มกนั กบั ชำวบำ นในกำรระดมทุนในกำรจัดหำถงั เก็บน้ำํ ขนำดใหญ ที่จุ
น้ำํ ได 20,000 ลติ ร ไวใ ชใ นชมุ ชน
กำรดํำเนินงำนดำนกำรดูแลผูสูงอำยุของเครือขำยพระนักพัฒนำบนพื้นท่ี
สูง
จำกกำรศกึ ษำกลมุ ภำวะผสู งู อำยุในหมูบำนทั้ง 4 แหง ผูวิจัยไดเดินทำงไป
ปฏิบัติงำนภำคสนำมในหมูบำนชำวเขำ โดยไดทํำกำรศึกษำวิจัยขอมูลตำงๆ ท่ี
เก่ียวกับบริบทชุมชน และกำรดํำเนินงำนดำนภำวะผูสูงอำยุของกลุมชำติพันธแุบน
พื้นที่สูงในพื้นท่ีตนแบบของเครือขำยพระนักพัฒนำ โดยกำรจัดประชุมระดม
ค ว ำ ม คิ ด เ พ่ื อ วิ เ ค ร ำ ะ หแ ผ ล ก ำ ร ดํ ำ เ นิ น ง ำ น ข อ ง เ ค รื อ ข ำ ย พ ร ะ นั ก พั ฒ น ำ แ ล ะ
กระบวนกำรดแู ลผูส งู อำยุของกลุมชำตพิ นั ธุแบนพ้ืนที่สูงของเครือขำยพระนักพัฒนำ
บนพ้ืนที่สูง ณ อำศรมพระบัณฑิตอำสำบำนปุำคำ ตํำบลมอนปิ่น อํำเภอฝำง
จังหวดั เชียงใหม มผี ลสรปุ ดังน้ี
อำศรมพระธรรมจำริกบำนหวยปง ตํำบลแมนะ อํำเภอเชียงดำว จังหวัด
เชียงใหมตั้งอยูหมูที่ 5 บำนหวยปง ตํำบลแมนะ อํำเภอเชียงดำว จังหวัด
เชยี งใหม แบง ออกเปน็ 2 หยอมบำน คือบำนมเู ซอและบำ นปะหลอง มีขอมูลเชิง
บรบิ ทดงั นี้
นำยมหำใจ กรแสง เลำวำ “บำนมูเซอ (ลำหู) แหงน้ี เป็นชำวเขำเผำ
มูเซอแดง (ลำหูญี) และมูเซอดํำ (ลำหูนะ) อยูรวมกัน เมื่อเดินทำงไปถึงหมูบำน
-112-
เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกล่มุ ชาติพันธุ์
มูเซอแดงจะอยหู ัวบำ นหรือตนทำง มูเซอดํำอยูทำยบำน มีถนนลูกรัง รถยนตแแลน
ผำนไปมำได โดยบำนเรือนปลูกสรำงอยูสองขำงถนน จำกหัวบำนถึงทำยบำนยำว
ประมำณ 200 เมตรเศษ ลักษณะของหมูบำน มีถนนกวำงประมำณ 5 เมตร มี
ควำมยำวถนนไปถึงบำนปะหลองประมำณ 350 เมตร พื้นที่สองขำงถนน มีกำร
ปลูกสรำงบำนเรียงรำยไปโดยไมมีร้ัวกั้น กอนถึงหมูบำนจะมีศำลำเล็กๆ เป็นเพิง
หมำแหงนอยูดำนซำยของถนนเขำหมูบำน เม่ือเดินทำงถึงหมูบำนแลว จะพบเห็น
ศูนยแกำรเรียนชุมชนชำวไทยภูเขำแมฟูำหลวง บำนหวยปง สังกัดหนวยงำน
กำรศึกษำนอกโรงเรียน (กศน.) ต้ังอยูดำนซำยติดกับถนนเขำหมูบำน หำงออกไป
ประมำณ 80 เมตรมีบำนพิธีกรรม (หอเหย) อยูกลำงหมูบำน ซึ่งตั้งอยูริมถนน
ทำงดำ นซำยเชนกนั ทำ ยหมูบำนเปน็ กลุมบำ นมเู ซอดํำ มโี บสถแครสิ ตนแ กิ ำยโปรเตส
แต฿นทแ สำขำคริสตจักรควำมรอด (Salvation Church) ตั้งอยูในลักษณะท่ี
สังเกตเห็นไดงำย”
นำยแดง ปยูุ ่ี กลำ ววำ “หว ยปงแหงนี้ เป็นช่อื หมบู ำนที่ต้ังขึน้ โดยเรียกตำม
ช่อื ลํำหวย ซง่ึ ในอดตี มีหญำ ปงข้นึ อยูข ำ งลํำหวยจํำนวนมำก เดิมทีเป็นปุำเขำและ
มคี นไทยพืน้ เมือง (คนเมอื ง) เขำ มำบุกเบิกพ้ืนที่ทํำกินในปี พ.ศ.2522 จํำนวน 3
ครัวเรือน ปี พ.ศ. 2523 มเู ซอแดง จำกอํำเภอแมอ ำยยำ ยเขำมำอยู 6 ครัวเรือนปี
พ.ศ. 2530 ปะหลอง จำกอํำเภอฝำง ยำยเขำมำอยู 12 ครัวเรือน หลังจำกน้ันมี
มูเซอแดงจำกบำนแกนอย และหมูบำนอ่ืนๆ ในทองที่อํำเภอเชียงดำว มูเซอดํำ
จำกหมูบำนตำงๆ ในทองท่ีอํำเภอแมอำยยำยเขำมำเพ่ิมข้ึน ปใจจุบันท่ีดินทํำกิน
แหงใหมท่ีตองบุกเบิกปุำทํำไมได เพรำะมีเจำหนำที่ดูแลตรวจสอบอยูเสมอ จึงทํำ
ใหก ำรยำ ยถ่ินจำกหมบู ำนอ่ืนเขำมำอยใู นหมูบำนมีไมมำกนัก จะมีกำรยำยก็เฉพำะ
ผชู ำยหนุมจำกหมูบำนอ่ืนแตงงำนกับหญิงสำว แลวเขำมำอยูดวยกันตำมประเพณี
เทำน้นั ”
นำยแดง ปูุยี่ กลำววำ “สุขภำพอนำมัยของมูเซอแดงและมูเซอดํำ
โดยท่ัวไปสว นใหญมีสุขภำพดี แข็งแรง ควำมเจ็บปุวยท่ีเกิดขึ้น เน่ืองจำกโรคชนิด
ตำงๆ มีอยูบำงเป็นธรรมดำ เชนโรคทำงเดินหำยใจ โรคทำงเดินอำหำร โรคขำด
สำรอำหำร เป็นตน ในอดีต เมื่อเกิดควำมเจ็บปุวย มูเซอมีควำมเช่ือวำ ถูกผีรำย
กระทํำ จะใชวิธีรักษำโดยใหหมอผีทํำพิธีปใดเปุำและเซนไหว ใหผีไดออกไปอยูที่
อ่ืน ไปใหไกลไมตองมำรบกวน ทํำใหไมสบำยอีก ปใจจุบัน มูเซอหันมำรับกำร
-113-
เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลุม่ ชาตพิ นั ธ์ุ
รักษำพยำบำลจำกสถำนีอนำมัย โรงพยำบำลและคลินิกกันมำก หำกเจ็บปุวย
เล็กนอย จะหำซ้ือยำจำกกองทุนยำหมูบำน ซ่ึงมีนำยแดง ปุูยี่ ทํำหนำที่เป็น
อำสำสมัครสำธำรณสุขประจํำหมูบำน (อ.ส.ม.) กรณีเจ็บปุวยมำกก็จะเดินทำงไป
รับกำรรักษำที่โรงพยำบำลอํำเภอเชียงดำว หรือโรงพยำบำลนครพิงคแ จังหวัด
เชียงใหม สํำหรับเรื่องกำรคุมกํำเนิด หญิงมีสำมีจะเดินทำงไปรับกำรตรวจและฉีด
ยำคุมกํำเนิดหรือ ขอยำมำรับประทำนท่ีบำน จำกสถำนีอนำมัยบำนแมออ ซึ่งอยู
หำงจำกหมูบำนหวยปงประมำณ 10 กิโลเมตร แตบำงคนก็ไปฉีดยำคุมกํำเนิดท่ี
คลินกิ ในอํำเภอเชียงดำว อัตรำคร้ังละ 50 บำท โดยฉีด 3 เดือนตอ 1 คร้ัง
พระอนงคแ อนงคฺ โณ (อำทู) กลำววำ “โครงกำรพระธรรมจำริกสวนภูมิภำค
เป็นองคแกรที่เขำมำดํำเนินงำนดำนกำรเผยแพรพระพุทธศำสนำ เม่ือปีพ.ศ.2547
มีอำศรมพระธรรมจำริกต้ังอยูหำงจำกหมูบำนมูเซอประมำณ 200 เมตรเศษ และ
อยูหำงจำกหมูบำนปะหลองประมำณ 150 เมตร พื้นที่อำศรม 1 ไรเศษ อำศรม
ประกอบดวย ส่ิงกอสรำงวัตถุถำวร คือโบสถแ กออิฐถือปูน หลังคำมุงกระเบ้ือง 1
หลัง และกุฏิที่พักสงฆแ 1 หลัง โรงครัวช่ัวครำว 1 หลัง อำศรมตั้งอยูริมถนน จำก
หมูบำนมเู ซอไปยังหมูบำนปะหลอง พื้นท่ีที่อยูติดอำศรมจะเป็นพื้นที่เพำะปลูกพืช
ของชำวบำนปะหลอง ซ่ึงมีกำรปลูกขำวโพดและถ่ัวลิสงทุกปี ปใจจุบัน อำศรมพระ
ธรรมจำริก มีพระธรรมจำริกปฏิบัติงำนประจํำ 1 รูป และมีสำมเณรชนเผำปะ
หลอง 1 รูป (สำมเณรกำํ ลงั เรียนหนงั สืออยูในศูนยแกำรเรียนชุมชนชำวไทยภูเขำฯ
บำนหวยปง) พระธรรมจำริกมีภำรกิจหลักคือ กำรเผยแผพระพุทธศำสนำใน
หมูบำนหวยปง ท้ังหยอ มบำนมูเซอและหยอ มบำ นปะหลอง และมีหมูบำนบริวำรที่
อยูในควำมรับผิดชอบ คือบำนแมจร (ปะหลอง) บำนทำข้ีเหล็ก (กะเหร่ียง) และ
บำนปำงแดงนอก (ปะหลอง) กำรเผยแผพระพุทธศำสนำของพระธรรมจำริกไดมี
รปู แบบและวิธีกำรดํำเนินงำนตำมแนวทำงท่ีโครงกำรพระธรรมจำริกกํำหนดไว ซึ่ง
พระธรรมจำริกไดรับกำรอบรมและศึกษำหำควำมรูเพ่ิมเติมจำกคูมือปฏิบัติงำน ซึ่ง
ประกอบดวยนโยบำย และวิธีปฏิบัติงำนใหชำวบำนเกิดศรัทธำเล่ือมใส รวมทั้งกำร
จัดกิจกรรมในวันสํำคัญทำงพระพุทธศำสนำ วันสํำคัญของชำติ และวันสํำคัญตำม
ประเพณีของชนเผำ ดวย นอกจำกน้ี พระธรรมจำรกิ ยงั มบี ทบำทสํำคัญในกำรแกไข
ปใญหำควำมตองกำรหรือควำมเดือดรอนของชำวบำนท้ัง 2 หยอมบำน เชน เร่ือง
-114-
เครอื ข่ายพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของกลุม่ ชาติพันธุ์
กำรขอสัญชำติไทย กำรขอไฟฟูำ (solar cell) กำรจัดตั้งกลุมอำชีพ และกำรจัด
งำนกีฬำระหวำงหมูบำ น เป็นตน”
บำนแมฝำงหลวง ตํำบลศรีดงเย็น อํำเภอไชยปรำกำร จังหวัดเชียงใหม
พระมนตรี ปโุ ฺญกุสโล (สภำวนำกุล) กลำววำ “อำศรมพระธรรมจำริกบำนแมฝำง
หลวง ต.ศรีดงเย็น อํำเภอไชยปรำกำร จังหวัดเชียงใหม หมูบำนแมฝำงหลวง
แหงน้ี เร่ิมกอตั้งเมื่อประมำณปี พ.ศ.2516 ตั้งอยูหมูที่ 10 เป็นหยอมบำนหน่ึง
ของบำ นหัวฝำย ตํำบลศรีดงเยน็ อํำเภอไชยปรำกำร จังหวัดเชียงใหม ประกอบไป
ดวยกลุมชำติพันธุแมูเซอแดงหรือเรียกตัวเองวำลำหูยี ซึ่งอพยพถ่ินฐำนมำจำก
อำํ เภอเวยี งปำุ เปำู โดยกำรนํำของ “จะผู แอจู” ประชำกรกลุมแรกที่เขำมำตั้งถ่ิน
ฐำนเป็นกลุมเครือญำติของ “จะผู แอจู” อพยพมำจำกอํำเภอเวียงปุำเปูำ จังหวัด
เชียงรำย ในอดีตมี 5 หลังคำเรือน มีประชำกรประมำณ 20-25 คน หมูบำนแหง
นี้ต้ังอยูติดกับลํำหวยแมฝำงหลวง เม่ือประมำณ 20 ปีกอน ยังไมมีช่ือหมูบำน มี
ช่ือเรียกวำ “บำนมูเซอแดง” จนกระท้ังถึงปี พ.ศ.2536 ไดมีกำรสํำรวจหมูบำน
จึงตั้งช่ือเป็นทำงกำรวำ บำนแมฝำงหลวง ตำมช่ือลํำหวยขุนฝำงหลวง เม่ือทำง
หนวยงำนทำงรำชกำรมำสํำรวจประชำกรจึงกํำหนดใหเป็นหมูบำนบริวำรหน่ึงของ
หมูบำนหัวฝำย มีกำรแตงตั้งผูใหญบำน สวนคณะกรรมกำรผูชวย และสมำชิก
อ.บ.ต. อยูท่ีบำนหัวฝำย และในหยอมบำนใกลเคียง แตในบำนแมฝำงหลวงไมมี
ผูนํำที่เป็นทำงกำร จึงไดมีกำรคัดเลือกแตงต้ังผูนํำหมูบำนอยำงไมเป็นทำงกำรข้ึน
เพ่อื ควบคมุ ดแู ลและประสำนงำนกบั หมบู ำ นหลัก ในอดตี พ้นื ทที่ ำํ กำรเกษตรใชปลูก
ขำวไรขำวนำ งำ พริก และฝิ่น ปใจจุบันจํำนวนประชำกรเพ่ิมข้ึน ชำวบำนสวน
หน่ึงจึงปรับเปลี่ยนรูปแบบกำรปลูกพืชเศรษฐกิจทดแทน เชน ขำวโพด ขิง ล้ินจี่
ลํำไย มะมวง พรอมทั้งมีกำรนํำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเขำมำใช เชน รถไถนำ
เครื่องตัดหญำ เครื่องพนยำ ปุยเคมี ยำฆำแมลง เป็นตน พ้ืนท่ีทํำกินใชทํำ
กำรเกษตรแบบซ้ํำท่ีเดิมทุกปี ไมสำมำรถหมุนเวียนและขยำยพ้ืนที่ทํำกินไดอีก
เพรำะเจำหนำทีก่ รมปุำไมไ ดม ำสํำรวจเพื่อวำงหลกั แดนหำมขยำยพื้นที่และหำมบุก
รุกปุำไมทํำใหแตละครอบครัวที่เป็นเจำของเดิมอยูแลวไมใหขยำยพื้นท่ีทํำกินเขำ
ไปในเขตพ้ืนที่ปุำ พื้นที่ทํำกินเร่ิมขำดควำมอุดมสมบูรณแเน่ืองจำกกำรทํำเกษตร
แบบซํ้ำที่ ทํำใหต องใชปยุ และสำรเคมีชวยในกำรเพำะปลกู มำกขึ้น สภำพแวดลอม
ปุำไมไมห นำแนนเหมอื นเดมิ หนำ ดินจืดหมดปุยธรรมชำติ ดำนสภำพภูมิอำกำศมี
-115-
เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ
กำรเปล่ียนแปลงในบำงฤดูกำล ควำมสัมพันธแระหวำงชำวบำนกับผูนํำท่ีเป็น
ทำงกำร ซ่ึงเป็นคนพ้ืนรำบอำศัยอยูอีกหมูบำนหน่ึง ชำวบำนใหควำมเห็นวำมัก
ไมไ ดร ับกำรดูแลเอำใจใสมำกนัก สวนชำวบำนมีควำมสัมพันธแท่ีดีกับผูนํำในชุมชน
ท่ีไมเป็นทำงกำรซึ่งอำศัยอยูในหมูบำน เพรำะเป็นเครือญำติเดียวกัน ชำวบำนให
ควำมเช่ือถือมำกกวำผูนํำท่ีเป็นทำงกำร กำรสื่อควำมหมำยสำมำรถเขำใจกันอยำง
ท่ัวถึง เม่ือมีปใญหำจะรวมมือกันปรึกษำ เช่ือฟใงแนวคิดกันทุกฝุำยไมใชอํำนำจ
สว นตวั เพรำะผนู ํำชุมชนที่ไมเ ป็นทำงกำร คือคนทีถ่ กู คดั เลือกจำกชำวบำ นเองและ
เป็นผูอำวุโสของชุมชน ผูนํำที่ไมเป็นทำงกำรและผูนํำอำวุโสในหมูบำนมีอํำนำจ
หนำท่ีในกำรดูแลควำมสงบเรียบรอยในหมูบำนและเป็นผูประสำนงำนกับผูนํำที่
เป็นทำงกำร นํำขำวสำรขอมูลนโยบำยของรัฐมำสูชุมชน รับผิดชอบกิจกรรม
ประเพณีของเผำ และงำนพัฒนำตำงๆ ในชุมชน คอยสอดสองดูแลตักเตือนควำม
ประพฤตทิ ี่ไมดขี องคนในชมุ ชน”
อำศรมพระบัณฑิตอำสำบำนปุำคำ ตั้งอยูในหมูบำนปุำคำ นำยจะตอ
พัฒนำพฤษำคีรี กลำววำ “หมูบำนแหงนี้เร่ิมกอต้ังหมูบำน เมื่อประมำณปี
พุทธศักรำช 2480 ซ่ึงเดมิ ทชี ำวบำนกอนที่จะมำสรำงถิ่นฐำนที่บำนปุำคำชำวบำน
มถี ่นิ กํำเนิดเดิม ตั้งอยูที่หมูบำนคุม ดอยอำงขำง กำรประกอบอำชีพ คือ กำรปลูก
ขำวไร ขำวนำ สำเหตุที่พำกันมำอยูท่ีบำนปุำคำ เพรำะท่ีบำนคุม ดอยอำงขำง มี
สภำพอำกำศที่หนำวเย็นไมเอ้ืออํำนวยในกำรปลูกขำว จึงไมสำมำรถที่จะทํำกำร
ปลูกขำ วไรไวบริโภคได ซึ่งชำวบำนในหมูบำนสวนมำกไดพำกันเดินเทำขำมภูเขำ
สงู จำกบำ นคุม ดอยอำ งขำง มำปลูกขำวไรท่ีปุำคำ ระยะทำงหำงกันถึงประมำณ 5
กิโลเมตร เป็นหนทำงท่ีไกล จึงเกิดกำรอพยพยำยถิ่นฐำนมำจำกดอยอำงขำง
แบงเป็น 3 กลุม กลุมที่ 1 อยูท่ีบำนปุำคำ กลุมที่ 2 อยูที่หลักสำ (หัวน้ํำหวยงู)
กลมุ ท่ี 3 อยูทห่ี วยแมก ะและ ตอ มำทงั้ สองกลมุ ก็ยำยมำอยูกับกลุมท่ี 1 คือบำนปุำ
คำ เพรำะจะไดไมตองเดินไปกลับจำกอำงขำงกับปุำคำเพื่อปลูกขำวไร มีกลุมของ
นำยจะเสือยำยจำกบำนคุมเขำมำอยูที่บำนปุำคำ เป็นกลุมแรก มีบำนเรือน
ประมำณ 10 หลัง สมัยนั้นไมมีผูนํำหรือผูใหญบำน แตมีผูนํำทำงศำสนำชนเผำ
มูเซอดํำ (ลำหูนะ) และชำวบำนก็อยูรวมกันเป็นหมูบำนปุำคำ สมัยกอนบริเวณ
หมูบำนน้ีมีหญำคำข้ึนเป็นจํำนวนมำก ชำวบำนจึงนํำมำใชเป็นหลังคำบำน จึงได
ช่ือหมูบำนวำ “บำนปุำคำ” และพำกันเรียกช่ือหมูบำนวำ บำนปุำคำ จนมำถึง
-116-
เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ
ปใจจุบันตอมำ เจำหนำที่ของรัฐมำเก็บขอมูลในหมูบำน สรำงโรงเรียนใหกับเด็ก
และเริ่มมีไฟฟูำเขำมำ พระบำทสมเด็จพระเจำอยูหัว (รำชกำลท่ี 9) เคยเสด็จมำ
หมูบำนปุำคำ จำกน้ันเจำหนำท่ีของรัฐ ก็เขำมำแตงต้ังผูนํำในหมูบำนตำม
กฎหมำย และหมูบำนปุำคำกค็ อ ยๆพฒั นำไปตำมลำํ ดับ
สภำพทำงสังคม หมูบำนปุำคำมีประชำกรสวนใหญเป็นชำวเขำเผำมูเซอ
ดํำ (ลำหูนะ) และมีชนเผำอื่นที่ไดเขำมำอำศัยในหมูบำน บำงคนเขำมำอยูเพรำะ
แตงงำนกับคนในหมูบำนปุำคำ สวนบำงคนก็เขำมำอยูเพรำะยำยถิ่นฐำนจำก
หมูบำนอ่ืนมำสรำงบำนในหมูบำนปุำคำ ซึ่งชนเผำอื่นที่เขำมำอยูจะมีจํำนวนนอย
กวำชนเผำมูเซอดํำ (ลำหูนะ) เชน อีกอ (อำขำ) ปะหลอง (ดำละอั้ง) คนเมือง
จีนฮอ มเู ซอแดง (ลำหูน ะ)
นำยจะหำ จํำรัสคีรีไพร กลำววำ “ระบบเครือญำติของชำวบำนปุำคำนั้น
สวนใหญจะเป็นชำวเขำ เผำ มเู ซอดํำ (ลำหนู ะ) แตงงำนกับคนชนเผำเดียวกันเป็น
สวนมำก จะมีบำงหลังในสวนนอยท่ีจะแตงงำนกับชนเผำอื่นและคนตำงถ่ิน คนใน
หมูบำนสวนใหญจะเป็นพี่นองกัน มูเซอดํำ (ลำหูนะ) บำนปุำคำนิยมอยูกันแบบ
ครอบครวั ขยำย บำ นหนึ่งหลังอยกู ันหลำยคน บำงหลังมีสมำชิกในครัวเรือนสิบกวำ
คน ผูชำยจะเป็นบุตรเขยมำอยูบำนฝุำยหญิง มีสวนนอยเม่ือบุตรหลำนแตงงำน
แลว อำจจะแยกตัวไปอยูเ ป็นครอบครวั เดย่ี ว แตจ ะตัง้ บำนเรือนอำศัยอยูใกลกับบำน
ของบดิ ำมำรดำ ในระหวำ งเครือญำติกันบุตรหลำนจะใหควำมเคำรพนับถือผูอำวุโส
กวำ มกี ำรไปมำหำสกู นั ชมุ ชนในแตละพนื้ ทแี่ ตละแหงวิถีกำรดํำรงชีวิต และควำม
เช่ือท่ีแตกตำงกันไป เพรำะมำจำกกำรสืบทอดจำกบรรพบุรุษที่ไมเหมือนกัน กำร
กระทํำใดๆ ในควำมเชื่อท่ีในที่ตำงๆ หรือที่เรียกวำ พิธีกรรม เพ่ือที่จะใหชำวบำน
ไดม ีกำรจดั กำรทำํ พธิ กี รรมทำงควำมเชื่อ โดยเฉพำะพิธีกรรมในวันศีล มูเซอดํำ(ลำ
หนู ะ) ถือวำ เป็นพธิ ีกรรมอยำงหนึ่งท่ีสํำคญั ที่ผเู ฒำ ผูแ ก หยุดงำนเพ่ือท่ีจะทํำบุญรับ
ศีล และไปประกอบพิธีกรรมที่จัดเตรียม น้ํำ เทียน เขำไปในหอแหย เพ่ือบูชำ
สักกำระตำมควำมเช่ือมูเซอดํำ(ลำหูนะ) ชำวบำนจะหยุดงำนทํำไร ทํำนำ ทํำสวน
และพักผอนอยูที่บำน เพื่อจะทํำพิธีกรรมที่ หอแหยในวันศีลตอนเย็น นํำน้ํำมำ
เพื่อลำงมือ ใหแกผูเฒำผูแก และผูนํำศำสนำ กำรรดนํ้ำลำงมือน้ัน ชำวบำนถือวำ
เปน็ กำรลำงบำปไปในตัว เพื่อเป็นกำรลำงบำปในส่ิงตำงๆ ที่มือไดทํำลงไป และก็
มีกำรเตนรํำในหอแหยกันอยำงสนุกสนำน ควำมเจ็บปุวยและกำรปูองกันกำรรักษำ
-117-
เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของกลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุ
ปใจจุบัน มูเซอดํำ (ลำหูนะ) เม่ือไมสบำยเกิดกำรเจ็บปุวย ก็จะไปใชบริกำร
สำธำรณสุขท่ีโรงพยำบำลสงเสริมสุขภำพตํำบลมวงชุม และมีกำรรักษำตำมควำม
เชือ่ ในกลุมที่นับถือผีบรรพบุรุษ ก็จะมีวิธีกำรแบบด้ังเดิมของเผำตนเองที่ยังมีให
เห็น คือ กำรทํำบุญเมื่อไมสบำย ที่บำนปูุจอง แตทุกศำสนำในหมูบำนถำเจ็บปุวย
ไมสบำยก็จะไปหำหมอท่ีโรงพยำบำลกัน แตพิธีกรรมจะมีเฉพำะกลุมท่ีนับถือผี
บรรพบุรุษในหยอมบำนของตนเอง เพรำะบำนปุูจองและรองปูุจองมีสำมหยอม
บำนท่แี บง กนั ไว เวลำทํำบญุ ทำํ พธิ ีกรรมของแตละหยอ มบำ น”
พระจิรพงศแ สุจิตฺโต กลำววำ “อำศรมพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำบำน
ปุำคำ มหำวทิ ยำลยั มหำจฬุ ำลงกรณรำชวทิ ยำลัย วทิ ยำเขตเชียงใหม โดยโครงกำร
พระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ ไดสงจัดใหพระนักวิจัยและนิสิตปฏิบัติศำสนกิจ
ชุมชนบำนปุำคำ ตั้งแตพุทธศักรำช 2549 เป็นตนมำ โดยไดคัดเลือกพระนักวิจัย
และนิสิตจำกมหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย สวนกลำง และสวนวิทยำ
เขตตำงๆ เขำมำปฏิบัติศำสนกิจ ในกำรเผยแผพระพุทธศำสนำบนพื้นที่สูง โดย
นํำเอำคุณธรรมและหลักธรรม ที่คนไทยยึดถือปฏิบัตินับถือสืบเน่ืองมำแตโบรำณ
กำล เป็นเคร่ืองชี้นํำประชำชนในสังคมใหมีวิถีชีวิตที่ถูกตองและสวยงำม และเผย
แผหลกั ธรรมทำงพระพุทธศำสนำทุกสำรทิศ เพ่อื ใหสงั คมไทย ไดยึดหลักธรรมทำง
พระพุทธศำสนำ เป็นวิถีทำงดํำเนินและเป็นศำสนำประจํำชำติ โดยมีคณะสงฆแ
และหนว ยงำนท่ีเกย่ี วของท้งั ภำครฐั และเอกชน ทํำหนำท่ีสงเสรมิ ทํำนบุ ำํ รุง และสืบ
ทอดไปสูประชำชนบนพ้ืนที่สูง เป็นกำรเผยแผและประชำสัมพันธแ โดยจัดสงพระ
บณั ฑติ อำสำ ไปปฏิบตั ิศำสนกิจ ในกำรเผยแผพระพุทธศำสนำ เพ่ือใหพระบัณฑิต
อำสำเขำไปมีบทบำท ในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต ท้ังดำนวัตถุและจิตใจใหแก
ชุมชนบำนปุำคำ เพื่อใหเด็ก เยำวชน และประชำชน นํำหลักธรรมทำง
พระพุทธศำสนำมำใชปฏิบัติในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต ใหเกิดควำมรูคูคุณธรรม
เป็นคนดมี ีคณุ ภำพในสังคม”
บำนหวยปุำกลวย ต.แมนำวำง อํำเภอแมอำย จังหวัดเชียงใหม อำศรม
พระบณั ฑติ อำสำ ตง้ั อยใู นบำ นหว ยปุำกลวย นำยดำเยละ เกียรติสกุลไพศำล กลำ
วำ “หมูบำนแหงน้ี ต้ังอยูในเขตตํำบลแมนำวำง อํำเภอแมอำย จังหวัดเชียงใหม
หมูบำนแหงน้ีกอตั้งตั้งแตในปี พ.ศ.2509 ไดมีผูเฒำชำวลำหู 4 คน คือ “จะกู
จะเต฿ำะ” “ปุอู ยู ประหวำ ” “จะฟไู ล จะใจ” และ “ยำโหล แสนคำํ ปำ” จำกดอย
-118-
เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพันธุ์
กูหมื่น ทั้ง 4 คนไดปรึกษำกันวำ หมูบำนท่ีอยูเดิมนั้นประสบปใญหำที่ทํำกินไม
เพียงพอ จึงตกลงยำยเขำมำอยูบริเวณปุำกลวยในหุบเขำและมีหวยน้ํำไหลผำน
ทำงชองเขำ จึงพำกันยำยลูกบำนท่ีดอยกูหมื่นเขำมำสรำงหมูบำนในหุบเขำ และ
ไดเรียกชื่อหมูบำนตำมลักษณะพื้นที่วำ “บำนหวยปุำกลวย” ตอมำมีสมำชิก
หมูบำนเพิ่มขึ้น ทํำใหท่ีอยูอำศัยไมเพียงพอตอควำมตองกำร เพรำะหมูบำน
ต้ังอยูในหุบเขำไมสำมำรถขยำยออกไปได และหำงไกลจำกทำงคมนำคม มีควำม
ยำกลํำบำกในกำรติดตอกบั หมูบ ำนอนื่ และพ้นื ท่ีเป็นปุำตน นํำ้ ของคนไทยพ้ืนรำบที่
ใชในกำรอุปโภคและบริโภคและทํำกำรเกษตรกรรม ชำวบำนจึงพำกันยำยออกมำ
จำกหุบเขำดงั กลำ วมำต้ังหมูบำนบริเวณใกลกับหมูบำนคนไทยพ้ืนรำบคือบำนทำปุู
ระยะทำงหำงกัน 5 กิโลเมตร แตย ังใชชื่อหมบู ำ นเดมิ คอื หว ยปุำกลวย”
จำกกำรสำํ รวจ พบวำ สภำพหมบู ำนและประชำกร พื้นท่ีปุำในหมูบำนเป็น
ปุำไผ โดยรอบหมูบำนมีภูเขำโอบลอม แตบริเวณทำงทิศตะวันตกเป็นพื้นที่
คอนขำงรำบ เป็นพื้นที่สวนสมของคนพื้นรำบเป็นสวนใหญ มีลํำหวย 3 สำย คือ
หวยปุำกลวย หวยหวำย และหวยหลวง ชำวบำนสำมำรถใชอุปโภคบริโภค และ
ใชเพื่อกำรเกษตรอยำงเพียงพอตลอดปี ในลํำหวยชำวบำนสำมำรถหำปลำมำ
รับประทำน ในพ้ืนที่ปุำยังมีควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพอยูมำก พบมีผูพบเห็น
สัตวแปุำ เชน เกง แตปใจจุบันพื้นที่ปุำธรรมชำติที่อยูใกลนำและใกลลํำหวย มีกำร
ตัดไมและถำงปุำเพ่ือทํำกำรเกษตรจนพ้ืนท่ีปุำรอบบริเวณหมูบำนและใกลลํำหวย
คอนขำงโลงเตียน สภำพภูมิอำกำศคอนขำงเย็นตลอดปี สังคมวัฒนธรรมและวิถี
ชวี ิตของชำวบำนทีม่ ีควำมเรียบงำ ย ในสังคมมูเซอมีกำรดํำเนินชีวิตไปตำมแบบวิถี
ชวี ิตดงั้ เดิมทีย่ ังตอ งพง่ึ พำทรัพยำกรธรรมชำติ มีควำมเพียงพอในกำรดํำรงชีพ โดย
ยังออกหำของปุำมำรับประทำนและออกลำสัตวแ ผูเฒำคนแกอยูบำนเล้ียงดูบุตร
หลำน กำรดํำเนินชวี ติ เป็นแบบพึ่งพำกนั อำศัย
พระนิมิตร จิรธมฺโม กลำววำ “ชำวมูเซอมีควำมเช่ือในเร่ืองของผีตำงๆ
มำกมำย ภตู ผวี ิญญำณในสถำนทีต่ ำ งๆ ไดแก ผีเรือน ผีประจํำหมูบำน ผีปุำ ผีนำ
ผีไร ซึ่งจะมีกำรประกอบพิธีกรรมแตละอยำงใหถูกตอง หำกประกอบพิธีกรรมไม
ถูกตอง พวกเขำมีควำมเชื่อวำผีอำจทํำใหเกิดควำมเจ็บปุวยและทํำใหชีวิตไมมี
ควำมรุงเรือง นอกจำกใหควำมเชื่อถือเร่ืองภูติผีปีศำจ ชำวมูเซอยังนับถือเทพเจำ
หรือพระเจำทชี่ ำวมเู ซอใหช ื่อวำ “ถอื ซำ” ซง่ึ เช่อื วำ เป็นผูสรำงโลกและมนุษยแ เป็น
-119-
เครือข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของกลุ่มชาติพันธุ์
ผูที่มีควำมดีงำมและบริสุทธิ์ และมีกำรสรำงวัดเป็นท่ีพักและประกอบพิธีกรรม
ตำงๆ ใหกับเทพเจำหรือพระเจำที่มีนำมวำ “ถือซำ” โดยชำวมูเซอจะมำประกอบ
พิธีทุกวัน 14 ค่ํำ และ 15 ค่ํำ โดยจะมีกำรเตนจะคึ นํำโดย “ปุูจอง” “ลำซอ”
“อำจำ” “ชำลำ” และตำมดวยกลุมชำวบำน หนุมสำว และเด็ก มีกำรตีโมงตี
กลองยำว ตีฉ่ิง ตีฉำบใหจังหวะเป็นท่ีสนุกสนำน หลังจำกกำรเตนจะคึเสร็จส้ินลง
ชำวบำนจะรวมตัวกันที่สถำนที่แหงหน่ึงเรียกวำ “หอเหย” ปุูจอง ลำซอ อำจำ
ชำลำ และคะแซปำ จะรวมกันจุดเทียนธูป กรวดน้ํำ สวดมนตแ และตีโมงเป็น
จังหวะๆ จนกวำจะเสร็จพิธี กฎขอหำมและขอปฏิบัติในวันศีลวันพระของมูเซอใน
วัน 15 ค่ํำ คือ ไมฆำสัตวแ ไมกินเนื้อ ไมด่ืมเหลำ ไมออกไปทํำงำน สวนผูนํำคน
สำํ คัญของหมบู ำน ไดแก ปุูจอง ลำซอ อำจำ ชำลำ จะตองนอนท่ีวัดหรือหอเหย
เป็นเวลำ 2 คืน คือ วัน 14 ค่ํำ 15 คํ่ำ ปใญหำสวนใหญเป็นปใญหำเกี่ยวกับกำร
แพรระบำดของยำเสพติด และปใญหำทำงดำนกำรศึกษำของเด็กและเยำวชนใน
หมูบำนท่ีตองเดินทำงไปศึกษำเลำเรียนที่อื่น ทํำใหเยำวชนบำงคนไมไปเรียน
หนงั สอื ”
หลงั จำกนนั้ นักวจิ ัยและนิสิตไดไปพูดคุยกับผูใหญบำน เพ่ืออธิบำยวิธีกำร
ข้ันตอนกำรจัดประชุมชำวบำน เพื่อทํำสํำมะโนปใญหำ ขอควำมอนุเครำะหแควำม
รวมมือกำรจัดทํำกิจกรรม ใหชวยแปลใหกับชำวบำน โดยไดรวมนัดแนะกำร
ประชุมเพ่ือกำรทํำสํำมะโนปใญหำในวันท่ี 15 กุมภำพันธแ พ.ศ. 2562 เวลำ
ประมำณ 09.00 น.- 11.00น. และแจงประชำสัมพันธแใหชำวบำนไดรับทรำบ
และมำรวมประชุมกันตำมท่ีนัดหมำย โดยกำรประชุมนั้นนัดกันที่ศำลำประชำคม
ของหมูบำน เมื่อถึงวันท่ีนัดประชุมกันเพ่ือทํำสํำมะโนปใญหำ ในวันท่ีวันท่ี 15
กุมภำพันธแ พ.ศ. 2562 เวลำประมำณ 09.00น.- 11.00น. เมื่อตัวแทนของ
ครวั เรอื นมำรว มประชมุ แลว ผูใหญบ ำนกเ็ ร่มิ ดํำเนินกำรรวมกับนักวิจัยและนิสิต ใน
กำรจัดประชุมคร้ังน้ีไดมีเจำหนำท่ีจำกองคแกำรบริหำรสวนตํำบลมอนปิ่นมำรวมทํำ
กิจกรรมดวย ก็ไดมีกำรแนะนํำตัว จำกนั้นจึงแจงใหชำวบำนที่มำรวมประชุมไดรับ
ทรำบถึงวัตถปุ ระสงคแท่ีนัดกนั ประชมุ ในครัง้ นี้ เพื่อทํำกำรสํำมะโนปใญหำของชุมชน
บำนปำุ คำ วำ ในปจใ จบุ นั นีม้ ีปใญหำอะไรบำง ในกำรประชุมครั้งนี้มีชำวบำนเขำรวม
ประชุมทั้งหมด 52 คน เพรำะกอนเร่ิมประชุมก็จะมีกำรลงชื่อเขำรวม เพ่ือ
ตอ งกำรทรำบจํำนวนผูเขำรว มประชุม
-120-
เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกล่มุ ชาติพันธ์ุ
กำรประชุมครั้งนี้ เม่ือผูเขำรวมประชุมไดรับทรำบและเขำใจวัตถุประสงคแ
แลว นักวจิ ยั และนิสิตจงึ ใหผเู ขำ รว มประชุมแบง กลุม โดยแบง เปน็ 5 กลมุ กลุมละ
10 คน 3 กลุม กลุมละ 11 คน 2 กลุม ซึ่งในกำรแบงกลุมน้ัน นักวิจัยและนิสิต
ไดข อใหชำวบำ นแบง กลุมกันเองวำ ใครจะอยกู ลุมกับใครก็ได โดยแจกกระดำษและ
ปำกกำให จำกนั้นจึงใหแ ตล ะกลุมเขยี นชือ่ สมำชิกกลุมของตนเองและเขียนปใญหำ
ตำงๆท่ีพบในชุมชน โดยกำรทํำกิจกรรมเจำหนำท่ีจำกองคแกำรบริหำรสวนตํำบล
มอนป่ิน และนักวิจัยและนิสิตก็จะเขำไปชวยกันดูแตละกลุม เน่ืองจำกชำวบำน
ที่มำรวมประชมุ บำงคนเขยี นหนงั สอื ไมเ ป็นและไมคอยทรำบปใญหำเขำก็จะบอกวำ
ไมมีปใญหำ นักวิจัยและนิสิตจึงไดเสนอคํำถำม เชน นํ้ำในกำรทํำกำรเกษตร
เพียงพอไหม เป็นตน จึงทํำใหไดทรำบประเด็นปใญหำตำงๆรวมกับชำวบำน
นักวิจัยและนิสิตก็พยำยำมประยุกตแใชควำมรู มีกำรสอบถำมจำกตัวแทนกลุม
รว มกันอีกครั้งหนง่ึ เพ่ือเรยี งลำํ ดับปใญหำ เพอื่ จัดทํำโครงกำรในลำํ ดบั ตอไป
จำกกำรผลกำรจัดประชุมไดนํำไปสูกำรจัดทํำโครงกำร จิตอำสำรวมกัน
พัฒนำทํำควำมสะอำดบำนปุำคำ ณ บำนปุำคำ หมูท่ี 11 ตํำบลมอนป่ิน อํำเภอ
ฝำง จังหวัดเชียงใหม ในช่ือโครงกำรวำ จิตอำสำรวมกันพัฒนำทํำควำมสะอำด
บำนปำุ คำ โดยคณะกรรมกำรหมูบำนปุำคำ กำรฝึกภำคปฏิบัติภำคสนำมงำนสังคม
สงเครำะหแชุมชน เป็นอีกวิชำหน่ึงในกระบวนกำรเรียนกำรสอนในระดับปริญญำตรี
ทต่ี องกำรใหน ักวิจัยและนิสติ ไดเ รียนรูเ ก่ยี วกับกำรปฏบิ ตั ิงำนจริงในชุมชนของคณะ
สังคมศำสตรแ สำขำสังคมสงเครำะหแ เป็นวิชำชีพท่ีมีลักษณะของศำสตรแและศิลปที่
ตองอำศัยองคแประกอบหลำยดำนในกำรประยุกตแใชหลักควำมรู ใหเกิดประโยชนแ
ตำมสภำพทำงสังคม จำกกำรไดมำปฏิบัติงำนกำรฝึกภำคปฏิบัติภำคสนำมงำน
สงั คมสงเครำะหแชุมชนบำนปุำคำ นกั วจิ ยั และนสิ ิตไดส ังเกตและสอบถำมจำกคนใน
ชุมชนเพ่อื คนหำ องคแควำมรูเกี่ยวกบั ดำนตำ งๆในหมูบำ นปำุ คำ จำกนั้นไดมีกำรสํำ
มะโนปใญหำเพื่อจัดทํำโครงกำรที่ตองอำศัยควำมรวมมือในกำรทํำกิจกรรมรวมกับ
ชำวบำนในชุมชนของหมูบำนปุำคำ ดังนั้น นักวิจัยและนิสิตจึงจัดทํำโครงกำร จิต
อำสำรวมกันพัฒนำทํำควำมสะอำดบำนปุำคำ เพ่ือเป็นศูนยแรวมกำรรวมแรงรวมใจ
ของคนในชุมชนรวมกับเด็กนักเรียนตํำรวจตระเวนชำยแดนอำโอยำมำ เพื่อสรำง
จิตสํำนึกท่ีดีชวยกันรักษำควำมสะอำดในชุมชน และทํำลำยแหลงเพำะพันธแุของ
เชื้อโรคที่อำจจะเกิดโรคตำมมำ ดวยปใญหำขยะที่เกิดขึ้นนักวิจัยและนิสิตจึงได
-121-
เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ติ ของกลุ่มชาติพันธ์ุ
ตระหนกั ในกำรดํำเนนิ กำรจดั กจิ กรรมทีเ่ กิดประโยชนแ เพอื่ ควำมสะอำดของหมูบำน
ชุมชนบำนปุำคำ ลักษณะกิจกรรมเป็นกำรดํำเนินงำนแบบมีสวนรวมของนักวิจัย
และนิสิตฝึกงำน สำขำสังคมสงเครำะหแชำวบำนในชุมชนบำนปุำคำ และเด็ก
นกั เรียนตํำรวจตระเวนชำยแดนอำโอยำมำ
โครงกำรจิตอำสำรวมกันพัฒนำทํำควำมสะอำดบำนปุำคำ ผูเขำรวม
โครงกำร นักวิจยั และนิสิตสำขำสังคมสงเครำะหแ ชำวบำนในชุมชนบำนปุำคำ เด็ก
นกั เรยี นอำโอยำมำ รวม 95 คน ระยะเวลำดํำเนนิ กำร วนั ท่ี 22 กมุ ภำพันธแ 2562
เวลำ 09.00 น. – 11.00 น. ณ บำนปุำคำ หมูท่ี 11 ตํำบลมอนป่ิน อํำเภอฝำง
จงั หวดั เชียงใหม ขน้ั ตอนกำรดํำเนนิ งำน
1. นดั วันเวลำกับชำวบำนบำนปุำคำ นักเรียนตํำรวจตระเวนชำยแดนอำโอ
ยำมำ เพือ่ ดํำเนนิ กิจกรรม ชว ยกันเก็บขยะในชมุ ชนบำ นปำุ และกวำดถนนรวมกนั
2. ดํำเนินกำรตำมโครงกำรท่ีไดเสนอรวมกับชำวบำนและผูใหญบำนบำน
ปุำคำ
3. สรุปกำรทํำกจิ กรรมรวมกัน
ตอจำกนั้น ในประเด็นเก่ียวกับภำวะผูสูงอำยุ ไดมีกำรจัดทํำโครงกำร
อบรมใหควำมรูกำรดูแลสุขภำพผูสูงอำยุ ณ ศำลำอเนกประสงคแบำนปุำคำ หมูท่ี
11 ตํำบลมอนป่ิน อํำเภอฝำง จังหวัดเชียงใหม ช่ือโครงกำร: อบรมใหควำมรูกำร
ดแู ลสขุ ภำพผูสงู อำยุ โดยคณะกรรมกำรหมบู ำ นปุำคำ
จำกกำรสํำรวจสภำพควำมเป็นอยูของผูสูงอำยุ โดยมีแบบสอบถำมท่ีใช
สัมภำษณแเวลำนักวิจัยและนิสิตไดลงพ้ืนท่ีเย่ียมผูสูงอำยุ และพูดคุยดวย บำงคน
นักวิจัยและนิสิตก็สำมำรถส่ือสำรกันเขำใจแตผูสูงอำยุบำงคนนักวิจัยและนิสิตก็มี
ลำมชวยแปลเวลำท่ีสนทนำกัน นักวิจัยและนิสิตก็ไดทรำบถึงวิถีชีวิตควำมเป็นอยู
ของผูสูงอำยุสวนใหญจะเป็นครอบครัวขยำยท่ีอยูดวยกันหลำยคน คอยชวยเหลือ
ดูแลกัน ปใญหำที่นักวิจัยและนิสิตพบสวนใหญจะเป็นปใญหำเก่ียวกับเร่ืองสุขภำพ
ของผูสูงอำยุ หมูบำนปุำคำก็มีผูสูงอำยุจํำนวนมำก ดวยควำมเสื่อมของวัยทํำให
ผูสูงอำยุมีควำมเส่ียงในหลำยๆดำนเกิดข้ึนตำมมำ บำงคนก็มีโรคภัยไขเจ็บตำงๆ
โรคประจํำตัวที่มีหลำยสำเหตุในกำรปุวย กำรรับประทำนอำหำรก็เป็นสวนหนึ่งที่มี
ควำมสํำคัญเพรำะเป็นสวนหนึ่งในกำรดํำเนินชีวิตท่ีตองมีกำรรับประทำนอำหำร
กำรออกกํำลังกำย กำรดูแลเอำใจใสสุขภำพของผูสูงอำยุบนดอยก็ยังขำดควำมรู
-122-
เครอื ข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์
ควำมเขำใจในกำรดํำเนินชีวิต กำรไดรูเทำทันทํำใหไดรับกำรรักษำหรือปฏิบัติตน
อยำงถูกตองเหมำะสม เพื่อปูองกันกำรเกิดโรคแทรกซอนมำกมำยท่ีตำมมำ เชน
โรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษแ อัมพำต) โรคหลอดเลือดหัวใจ ซ่ึงอำจรำยแรงถึง
ขั้นเสียชีวิต ดวยควำมใสใจและใหควำมสํำคัญเก่ียวกับสุขภำพของผูสูงอำยุ เพ่ือ
ควำมปลอดภยั และปอู งกันภำวกำรณแเจ็บปวุ ยฉุกเฉิน
นักวิจัยและนิสิตจึงไดเป็นผูประสำนงำนกับทำงโรงพยำบำลสงเสริม
สุขภำพมวงชุม โดยขอเจำหนำที่ท่ีมีควำมรูควำมสำมำรถ มำอบรมใหควำมรูแก
ผูสูงอำยุบำนปุำคำ ผูสูงอำยุจะไดมีควำมรูควำมเขำใจในกำรนํำควำมรูมำเป็นสวน
หนึ่งในกำรดํำเนินชีวิต นักวิจัยและนิสิตจึงจัดทํำโครงกำร อบรมใหควำมรูกำรดูแล
สุขภำพผูสูงอำยุ เพื่อคุณภำพชีวิตท่ีดีข้ึนของผูสูงอำยุ ในกำรดูแลรักษำสุขภำพ
ของตัวเองตอไป มีวัตถุประสงคแ ดังน้ี
1. เพ่อื ใหผ ูสูงอำยไุ ดอ บรมมคี วำมรูเขำควำมใจในกำรดูแลสุขภำพตนเอง
2. เพือ่ ใหผสู ูงอำยุไดมคี วำมสำมคั คีกนั ในกำรรวมกลุม ทำํ กจิ กรรมรว มกนั
3. เพอ่ื ใหผ สู งู อำยไุ ดม สี ุขภำพกำยและสุขภำพจิตทีด่ ี ในกำรดํำเนนิ ชวี ติ
ลักษณะกิจกรรมเป็นกำรดํำเนินงำนแบบมีสวนรวมของนักวิจัยและนิสิต
ฝกึ งำน สำขำสงั คมสงเครำะหแและผูสงู อำยบุ ำนปุำคำ
ผเู ขำรวมโครงกำร ผสู งู อำยุบำนปำุ คำ หมทู ี่ 11 ตํำบลมอนปิ่น อํำเภอฝำง
จังหวัดเชียงใหม จํำนวน 78 คน ระยะเวลำดํำเนินกำร วันท่ี 1 มีนำคม 2562
เวลำ 09.00 น. – 11.00 น. ณ ศำลำอเนกประสงคแบำนปุำคำ หมูที่ 11 ตํำบล
มอ นปิ่น อำํ เภอฝำง จงั หวัดเชยี งใหม มขี ั้นตอนกำรดำํ เนนิ งำน ดังน้ี
1. เย่ียมผูสูงอำยุ พบปะพูดคยุ โดยใชแบบสอบถำม กำรสํำรวจสภำพควำม
เป็นอยูของผูสูงอำยุ ผูสูงอำยุบำงคนนักวิจัยและนิสิตก็ไปเยี่ยมดวยตนเองท่ีพอ
ส่ือสำรพูดคุยกันได แตบำงคนนักวิจัยและนิสิตตองของชำวบำนชวยเป็นลำมชวย
แปลภำษำใหก บั นักวิจยั และนิสิต
2. พูดคุยแจงใหผูใหญบำนรับทรำบเพื่อขออนุญำตจัดกิจกรรม และ
อธิบำยลักษณะเก่ียวกับกำรจัดทํำโครงกำรอบรมใหควำมรูกำรดูแลสุขภำพใหกับ
ผสู ูงอำยใุ นหมูบำ นปุำคำ ขอใหช วยแปลในกำรทํำกิจกรรมเพ่อื ใหก ำรสือ่ สำรมีควำม
เขำใจมำกยง่ิ ขึ้น และชว ยประชำสัมพันธปแ ระกำศผำ นเสยี งตำมสำยในวันเวลำท่ีนัด
แนะกันไว
-123-
เครือข่ายพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพนั ธุ์
3. ประสำนงำนขอวทิ ยำกรอบรมใหควำมรู ในตอนแรกนักวิจัยและนิสิตได
ประสำนงำนขอวิทยำกรท่ีองคแกำรบริหำรสวนตํำบลมอนปิ่น ท่ีกองสำธำรณสุขและ
สง่ิ แวดลอ มแตเจำหนำ ท่ีแนะนำํ ใหไปขอวิทยำกรทโ่ี รงพยำบำลสงเสริมสุขภำพบำน
มวงชุม นักวิจัยและนิสิตก็ไดเดินทำงไปติดตอขอวิทยำกรที่โรงพยำบำลสงเสริม
สุขภำพบำ นมวงชมุ
4. นัดวันเวลำกับผูสูงอำยุบำนปุำคำ หมูที่ 11 ตํำบลมอนปิ่น อํำเภอฝำง
จังหวดั เชียงใหม
5. ดํำเนินกำรตำมโครงกำร วิทยำกร นำยย่ิงยง พงศแนิรันดรแ นักวิชำกำร
สำธำรณสุขชํำนำญกำร ผูรับผิดชอบโครงกำร นำยจะตอ พัฒนำพฤกษำคีรี
ผใู หญบ ำ นปำุ คำ และคณะกรรมกำรหมูบ ำนปุำคำ มีสำระสํำคัญในกำรสงเสริมแนว
ทำงกำรดแู ลผสู งู อำยใุ นชุมชน
จำกผลกำรประชุมกลุมมีขอคิดเห็น คือ กลุมยังขำดบุคลำกรในกำร
ขับเคลื่อนกำรจัดกิจกรรมในกลุม และขำดกำรจัดกิจกรรม หรือกลุมสรำงรำยได
หรืออำชีพเสริมใหกับสมำชิก และมีขอเสนอแนะ ใหมีกำรรวมกลุมควรมีบุคลำกร
ท่ีสำมำรถชวยในกำรจัดกิจกรรมได ควรมีกำรจัดกิจกรรมใหกับผูสูงอำยุ เชน กำร
อบรมใหควำมรเู ก่ียวกบั สุขภำพ เป็นตน
โดยสรปุ จำกกำรสำํ รวจสภำพควำมเป็นอยูของผูสูงอำยุ และกำรสัมภำษณแ
พูดคุยกับผูสูงอำยุดวยตัวเองบำงคนและมีลำมชวยแปล นักวิจัยและนิสิตจึงไดรับรู
ถึงควำมเป็นอยูของผูสูงอำยุ โดยสวนใหญจะเป็นครอบครัวขยำยอยูดวยกันหลำย
คน สวนใหญไดรับเบี้ยยังชีพผูสูงอำยุถำมีสัญชำติไทย ปใญหำที่พบสวนใหญเป็น
ปใญหำสุขภำพ บำงคนเลำวำสมัยกอนไมคอยเจ็บปุวยเหมือนสมัยปใจจุบัน สวน
หนึ่งอำจเป็นเพรำะวำสำรเคมีท่ีเขำฉีดพนผัก ทํำใหมีอำกำรปวดตำมเนื้อตัว รูสึก
เจ็บทอง เทำที่สังเกตดูสุขภำพชองปำกสวนใหญมีฟในท่ีแข็งแรงเพรำะชอบทำน
หมำก กำรพูดคุยกับผูสูงอำยุในบำงครั้งอำจมีควำมยำกลํำบำกเล็กนอยเวลำพูด
ดังนั้นกำรพูดคุยสอบถำมนอกจำกภำษำที่ตองขอควำมชวยเหลือใหมีลำมชวยแปล
แลวทเ่ี ป็นอุปสรรคในกำรสื่อสำรกนั กจ็ ะเป็นกำรเคี้ยวหมำกของผูสูงอำยุ เพรำะบำง
รำยจะไมคอยพูดเยอะเพรำะอำจไมคอยสะดวกพูดคุย เทำท่ีพูดคุยก็ทรำบวำทำง
โรงพยำบำลสงเสริมสุขภำพก็จะมีโครงกำรท่ีมำตรวจสุขภำพให บำงทำนก็ไดไป
รักษำดวงตำที่โรงพยำบำล ควำมตองกำรสวนใหญก็ยังมีควำมตองกำรไดรับเบี้ยยัง
-124-
เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ
ชีพที่เพ่ิมขึ้นแตก็ไมคอยระบุจํำนวนตัวเลขที่ชัดเจน แคบอกวำอยำกไดรับเพ่ิม
รำยจำยก็ไมค อ ยทรำบวำแตล ะเดือนเทำ ไหรเพรำะไมไดจดไว แตจะประมำณใหวำ
เดอื นละหนึ่งพนั หรือสองพนั ดำ นสขุ ภำพจติ ใจเทำที่สังเกตพูดคยุ ก็มคี วำมปกติดี
กำรดํำเนินงำนดำนกำรส่ือสำรวัฒนธรรมของเครือขำยพระนักพัฒนำบน
พืน้ ท่ีสงู
แนวทำงตอกำรประยุกตแกำรสื่อสำรวัฒนธรรม และผลกำรดํำเนินกำรดำน
วัฒนธรรมของกลุมชำติพันธุแบนพื้นท่ีสูงในพื้นท่ีตนแบบ สบเมย แมลำนอย
ขนุ ยวม เมืองแมฮ อ งสอน ดังนี้
1. อำศรมบำนแมทะลุ ตํำบลสบเมย อํำเภอสบเมย ผลลัพธแท่ีไดจำก
แนวทำงปฏบิ ตั ิในกำรประยกุ ตกแ ำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ชำวบำนในชุมชนสำมำรถ
อำน เขยี นภำษำทองถ่นิ ได มีควำมสำมัคคี มีอำชีพท่ีสุจริตและควำมมั่งคงในชีวิต
เพิ่มขึ้น อยำงไรก็ตำม มีสภำพและปใญหำในกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ เรื่องของ
ภำษำในกำรสื่อสำร ขำดทุนสนับสนุนรวมและอุปกรณแในกำรนํำไปเผยแผหรือจัด
กิจกรรม โดยมีแนวทำงตอกำรประยุกตแกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ จัดกำรอบรม
บคุ ลำกรดำนภำษำทองถิ่น เชน ภำษำปำเกอะญอ เป็นตน เพิ่มจํำนวนบุคลำกรท่ี
ชวยเผยแผวัฒนธรรม และตองกำรพระภิกษุเพิ่มขึ้น เพ่ือจัดกำรอบรมศีลธรรม
ภำยในวดั ของชมุ ชนเป็นประจำํ
2. อำศรมบำนแมแลบ ตํำบลแมลำนอย อํำเภอแมลำนอย ผลลัพธแที่ได
จำกแนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ชำวบำนในชุมชน
สำมำรถเรียนรูและเขำใจหลักธรรมะที่จะนํำไปใชในชีวิตประจํำวันมำกขึ้น และ
สนับสนุนกิจกรรมของอำศรม แมชำวบำนบำงคนนับถือคริสตแ แตก็ยังใสบำตร
ชำวบำนสำมำรถอยูรวมกันไดโดยไมมีควำมขัดแยง อยำงไรก็ตำม มีสภำพและ
ปใญหำในกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ เร่ืองของภำษำท่ีใชในกำรส่ือสำร โดยมี
แนวทำงตอกำรประยกุ ตกแ ำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ทํำใหชำวบำนดูเป็นตัวอยำง นํำ
ปฏิบตั ิ พัฒนำจิตใจ ไมย อ ทอ ตอกำรทำํ ควำมเพยี ร ไหวพ ระสวดมนตทแ ุกวนั
3. อำศรมบำ นแมโ กปี่ อำศรมบำนแมหำด และอำศรมหัวแมลำก฿ะ ต้ังอยู
ในตํำบลแมยวมนอย อํำเภอขุนยวม ผลลัพธแท่ีไดจำกแนวทำงปฏิบัติในกำร
ประยุกตแกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ชำวบำนมีควำมรูและเขำใจในหลักธรรมและ
-125-
เครอื ข่ายพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ
พระพุทธศำสนำมำกข้ึน มีควำมสำมัคคีเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันในกำรทํำกิจกรรม
ตำงๆ ท่ีชุมชนจัดข้ึน และชวยเหลือซ่ึงกันและกัน อยำงไรก็ตำม มีสภำพและ
ปใญหำในกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ชำวบำนบำงคนไมเขำใจภำษำไทย ตองใช
ภำษำถ่ินถำยทอด จึงทํำใหกำรส่ือสำรยังไมสัมฤทธิ์ผลเทำท่ีควร อำศรมบำนแม
หำดยังขำดพระนักพัฒนำมำอยูประจํำ สวนอำศรมหัวแมลำก฿ะยังขำดพระ
นักพัฒนำและอำศรม โดยมีแนวทำงตอกำรประยุกตแกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ จัด
กิจกรรมที่รวมพลังชุมชนสมํ่ำเสมอ จัดหำพระนักพัฒนำท่ีสำมำรถส่ือสำรภำษำถ่ิน
เขำ ไปประจำํ อำศรม ใหชำวบำ นในชุมชนไดเขำรวมกิจกรรมที่หมูบำนใกลเคียงที่
มีพระนกั พฒั นำและอำศรมอยู
4. อำศรมสวนออย ต้ังอยูในตํำบลแมเงำ อํำเภอขุนยำม ผลลัพธแที่ไดจำก
แนวทำงปฏิบตั ิในกำรประยกุ ตกแ ำรส่ือสำรวัฒนธรรม คอื ชำวบำนในชุมชนมีควำมรู
และเขำใจหลักพุทธศำสนำมำกขัน มีควำมสำมัคคีและมิตรไมตรีตอกันในชุมชน
อยำ งไรก็ตำม มีสภำพและปใญหำในกำรส่อื สำรวฒั นธรรม คือ บำงครงั้ ควำมคิดเห็น
ของคนในชุมชนยังมีควำมคิดที่แตกตำงกัน โดยมีแนวทำงตอกำรประยุกตแกำร
สื่อสำรวัฒนธรรม คือ ประชุมทํำควำมเขำใจกับคนในชุมชน และจัดกิจกรรมรวม
พลังของคนในชุมชน เชน ปลูกตนไม บวชปุำ หลอพระพุทธรูป สรำงเจดียแทรำย
และพฒั นำอำศรม
5. อำศรมบำนสลำเจียงตอง ตั้งอยูในตํำบลเสำหิน อํำเภอเมืองแมสะเรียง
ผลลัพธแที่ไดจำกแนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ชำวบำน
ในชุมชนไดรับกำรพัฒนำทั้งวัตถุและจิตใจ ทํำใหชำวบำนมีควำมสุข เก้ือกูลและ
ดูแลกันและกันภำยในชุมชน อยำงไรก็ตำม มีสภำพและปใญหำในกำรส่ือสำร
วัฒนธรรม คือ ชำวบำนตองทํำงำนหำเลี้ยงชีพ บำงครั้งไมคอยมีเวลำ จึงตองจัด
กิจกรรมในเวลำวันสํำคัญทำงศำสนำและของชำติ โดยมีแนวทำงตอกำรประยุกตแ
กำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ เรียนรูวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณีของชำวบำนใหเขำใจ
และประยุกตแหลักธรรมเขำกับประเพณี พิธีกรรมตำงๆ ของชำวบำน เชน หลัก
จำคะ คือ ควำมเสียสละ มี 2 ควำมหมำย คือ อำมิสจำคะ กำรเสียสละสิ่งของให
คนอน่ื และกเิ ลสจำคะ กำรสละกเิ ลสหรอื ควำมไมดใี นใจ เชนควำมโลภ ควำมโกรธ
ออกไป ใหชำวบำนไดสละควำมตระหนี่เห็นแกตัว โดยกำรสละสิ่งของ ชวยกันใน
กำรทํำบุญวันเขำพรรษำ วันออกพรรษำ และวันสํำคัญอื่นๆ หลักกำรครองชีวิตคู
-126-
เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพันธ์ุ
สมชีวิธรรม 4 เพื่อใหเกิดควำมม่ันคงในสถำบันครอบครัว ไดแก สมสัทธำ มี
ศรทั ธำเสมอกัน สมสีลำ มีศลี เสมอกัน สมจำคำ มจี ำคะเสมอกัน และสมปใญญำ มี
ปใญญำสมกัน สวนมำกจะเป็นหลักธรรมที่เกี่ยวของกับวิถีชีวิตของชำวบำนใน
ชุมชน เชน ศลี 5 ทศิ 6 กิรยิ ำวัตถุ 10 เปน็ ตน
6. อำศรมบำนหวยผึ้ง ต้ังอยูในตํำบลหวยผำ อํำเภอเมืองแมฮองสอน
ผลลัพธแท่ีไดจำกแนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ กำร
ดํำรงอัตลักษณแในสังคมวัฒนธรรมไว โดยมีพระภิกษุผูเป็นนักพัฒนำเป็นแรง
ขบั เคลอื่ น มวี ัดหรอื อำศรมเป็นจุดศูนยแกลำงและเป็นเบำหลอมของคนในชุมชนให
มีควำมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สมัครสมำนสำมัคคีกัน อยำงไรก็ตำม มีสภำพและ
ปใญหำในกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ทักษะดำนของพระนักพัฒนำในกำรส่ือสำร
ภำษำของกลุมชำติพันธแุ โดยมีแนวทำงตอกำรประยุกตแกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ
ตองบูรณำกำรบนพ้ืนฐำนกำรแสวงหำจุดรวม สงวนจุดตำง สมำนเสวนำใหกับ
ชำวบำนในชุมชนไดเรียนเรียนรูเขำใจสื่อที่ไดถำยทอด พระนักพัฒนำเองก็ตองมี
กำรเผยแผพระพุทธศำสนำเชิงรุกโดยนํำหลักทฤษฎีกำรสอน 4 ส. มำใช คือ
สทั ทสั สนำ (แจมแจง) สมำทปนำ (จูงใจ) สมุเตชนำ (แกวกลำ) สัมปหังสนำ (รำ
เริง) และหลักกัลยำณมิตธรรม 7 คือ เป็นท่ีรัก เป็นที่เคำรพ เป็นท่ียกยอง รูจัก
ชี้แจง เป็นผูอดทน พูดดวยคํำลึกซึ้งได ไมชักนํำไปในทำงเสื่อม รวมท้ังกำรสรำง
เครอื ขำยกำรเผยแผพระพทุ ธศำสนำดวย
7. อำศรมบำนปุำหมำก ตั้งอยูในตํำบลหวยปูลิง อํำเภอเมืองแมฮองสอน
ผลลัพธแท่ีไดจำกแนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ ชำวบำน
ในชุมชนอนรุ กั ษแ สบื ทอดวฒั นธรรมของบรรพบรุ ษุ ตง้ั แตอ ดีตถึงปจใ จบุ ัน อยำงไรก็
ตำม มีสภำพและปใญหำในกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ เป็นพื้นท่ีท่ีเขำถึงยำกลํำบำก
โดยเฉพำะอยำงยิ่งในชวงฤดูฝน ตองใชรถขับเคลื่อนส่ีลอถึงจะเขำถึงในพ้ืนที่ได
หรือตองผูกโซกับลอรถ สํำหรับแนวทำงตอกำรประยุกตแกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ
สงพระนักพัฒนำเขำไปอยูประจํำอำศรม เพื่อชวยสนับสนุนสั่งสอนหลักธรรมแก
ชำวบำ นในชุมชนอยูเป็นประจำํ
โดยสรุป ผลลัพธแท่ีไดจำกแนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแกำรส่ือสำร
วัฒนธรรม คอื ชำวบำ นในชมุ ชนสำมำรถอำน เขียนภำษำถ่ินไดด ีขึ้น มคี วำมรูและ
เขำใจหลักธรรมพระพุทธศำสนำมำกข้ึน มีควำมสำมัคคี มีอำชีพที่สุจริตและควำม
-127-
เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์
ม่ังคงในชีวิตเพ่ิมข้ึน ชำวบำนรวมสนับสนุนกิจกรรมของอำศรม แมชำวบำนบำง
คนนับถือศำสนำคริสตแ แตก็ยังใสบำตรและทํำบุญ ชำวบำนในชุมชนอนุรักษแ สืบ
ทอดวัฒนธรรมของบรรพบุรุษตั้งแตอดีตถึงปใจจุบัน อยำงไรก็ตำม มีสภำพและ
ปใญหำในกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ เร่ืองของภำษำในกำรสื่อสำรภำษำถ่ินกับ
ชำวบำนในชุมชน ขำดทุนสนับสนุนและอุปกรณแในกำรนํำไปเผยแผหรือจัด
กิจกรรม ขำดพระภิกษุอยูประจํำอำศรม หลำยพื้นท่ีเขำถึงยำกลํำบำก โดยเฉพำะ
อยำงย่ิงในชวงฤดูฝน โดยมีแนวทำงตอกำรประยุกตแกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ
จัดกำรอบรมบุคลำกรดำนภำษำทองถ่ิน เชน ภำษำปำเกอะญอ เป็นตน เพ่ิม
จํำนวนบุคลำกรที่ชวยเผยแผวัฒนธรรม และตองกำรพระภิกษุท่ีสำมำรถสื่อสำร
ภำษำถนิ่ ประจํำอำศรมเพ่มิ ขึ้น จัดกำรอบรมศลี ธรรมแกช ำวบำ น เยำวชนภำยในวัด
ของชมุ ชนเป็นประจํำ พระนักพฒั นำปฏิบตั ใิ หชำวบำ นดูเป็นตัวอยำงและนํำปฏิบัติ
อยำงสมํ่ำเสมอ จัดกิจกรรมที่รวมพลังชุมชนสมํ่ำเสมอ เชนปลูกตนไม บวชปุำ
หลอพระพุทธรูป สรำงเจดียแทรำยและพัฒนำอำศรม เป็นตน ประยุกตแหลักธรรม
เขำ กับประเพณี พิธกี รรมตำงๆ ของชำวบำน เชน หลักจำคะ หลักกำรครองชีวิต
คู (สมชวี ิธรรม4) ศลี 5 ทศิ 6 กริ ยิ ำวัตถุ 10 กัลยำณมติ ธรรม 7 เปน็ ตน
กำรดํำเนินงำนดำนเศรษฐกิจพอเพียงของเครือขำยพระนักพัฒนำบน
พน้ื ทสี่ ูง
บำนแมคิงต้ังอยูที่หมูที่ 4 ตํำบลนำแก อํำเภองำว จังหวัดลํำปำง เป็น
ชุมชนเล็ก ๆ ท่ีตั้งอยูในกอต้ังเม่ือ พ.ศ. 2504 เริ่มแรกมีเพียง 2 ครอบครัวคือ
ครอบครัว แมอยุ มี กบั พออุย หลำ และครอบครัวของแมอุยคํำ กับพออุยดำ ปูดูซึ่ง
ทั้งหมดเสียชีวิตไปหมดแลว ยังเหลือแตลูกหลำนท่ีสืบทอดวงศแตระกูลมำจนถึง
ปใจจุบัน ซึ่งสองครอบครัวดังกลำวอพยพมำจำก อํำเภอสันกํำแพง จังหวัด
เชียงใหม จำกน้ันมีครอบครัวจำกบำนอ่ืนอพยพมำอยูดวยปใจจุบันมีจํำนวน 23
หลังคำเรือน ประชำกรหมูบำนแมคิงเป็นกลุมชำติพันธุแกะเหรี่ยงและเผำเยำ
ชำวบำนยังคงอนุรักษแประเพณีพิธีกรรมตำง ๆ ของชนเผำไวแตก็ไมไดทรงไวซ่ึง
คุณคำอยำงเดิมเหมือนในอดีต ซึ่งถือวำเป็นสิ่งที่สํำคัญมำก ในกำรกอใหเกิดควำม
สำมัคคกี ันในชมุ ชน
-128-
เครอื ข่ายพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลุม่ ชาตพิ ันธุ์
สภำพท่ัวไปของชุมชน บำนแมคิงเป็นหมูบำนบริวำรของหมูบำนแมฮำง
บำนแมฮำงเป็นเมืองเกำสมัยคนไทยอพยพมำจำกเมืองเชียงแสน ไดมำสรำงบำน
แปงเมืองอยูท่ีนี่รำว พ.ศ. 1702 ต้ังข้ึนมำประมำณไมตํ่ำกวำ 300 ปี เป็นภูเขำ
สวนใหญ และมที ี่รำบนอยเปน็ ปุำตน น้ํำ ตั้งอยใู นบรเิ วณบนพื้นทส่ี ูง มีอำกำศหนำว
สว นใหญมอี ำชพี ทํำกำรเกษตรกร ปลูกชำ ปลูกขำว ปลูกขำวโพด เล้ียงสัตวแ และ
รับจำงทั่วไปเป็นตน โดยอำชีพตำง ๆ จะประกอบอำชีพตำมฤดูกำล ในชวงฤดู
ฝนชำวเยำ จะปลูกขำวไวบ รโิ ภคและขำวโพดเพ่ือไวขำย ฤดูหนำวต้ังแตปลำยเดือน
ธันวำคมเป็นตนไป ชำวบำนแมคิงสวนหน่ึงมีอำชีพรับจำงทํำงำนใหกับอนุรักษแตน
นํ้ำ อำชีพรองท่ีชำวบำนทํำประจํำคือ รับจำงทั่วไปรำยไดที่ชำวบำนไดสวนมำก
เป็นรำยไดจำกกำรขำยพืชผลทำงกำรเกษตรโดยสวนมำกจะอยูในชวงเดือน
ธันวำคม-กุมภำพันธแ หลักจำกเก็บเกี่ยวผลผลิตทำงกำรเกษตรเรียบรอยแลว เวลำ
วำงชำวบำนโดยเฉพำะผูหญิงที่เป็นแมบำน เยำวชนก็จะไปหำรับจำงนํำคำแรงมำ
จุนเจือครอบครัว และทอเส้ือผำ,กระเปำเพื่อเอำไวใชและใสในงำนประเพณีหรือ
ตำมเทศกำลสว นหนึ่งกน็ ำํ ไปขำยเพอ่ื นำํ เงนิ ทไ่ี ดม ำจนุ เจอื ครอบครัว
พระอดิรัญ ธมฺมโชโต ซึ่งเป็นพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำทํำหนำท่ี
เผยแ ผพระพุทธศำส นำใหแ กชำวเขำ เพื่อชวยพัฒนำจิตใจ ตำมแ นว
พระพุทธศำสนำ แนะนํำและสรำงจิตสํำนึกในกำรอนุรักษแปุำตนน้ํำลํำธำร สั่งสอน
ช้ีใหเหน็ ถงึ หลักกำรดูแลสุขภำพพื้นฐำนและพิษภัยของยำเสพติด ใหชุมชนเขำมำ
มสี วนรวมในกำรจัดกิจกรรมท่ีอำศรมใหมำกขึ้น กำรเป็นแบบอยำงท่ีดีใหกับชุมชน
จดั อำศรมใหม คี วำมสะอำดรมรนื่ เหมำะแกกำรเป็นศูนยแพัฒนำดำนจิตใจของชุมชน
ใหชำวบำนไดรูจักพิธีกรรมทำงพระพุทธศำสนำเพ่ือใหคนในชุมชน มีกิจกรรมที่
เกี่ยวกับวันสํำคัญของชำติ เชน วันเฉลิมพระชนมพรรษำ วันลอยกระทง เป็นตน
ซ่งึ กิจกรรมท่ีเขำมำสอดแทรกโดยสวนใหญก็จะเป็นกำรไหวพระสวดมนตแ เจริญจิต
ทํำสมำธิ เป็นตน เพื่อใหอำศรมบำนแมคิงเป็นท่ีพ่ึงของชำวบำนได นอกจำกนี้
พระบัณฑิตอำสำมีหนำท่ีอบรมนักเรียนใหเป็นคนดีมีคุณธรรม ใหชุมชนชำวเขำมี
กำรเปลี่ยนแปลงทำงดำนวัฒนธรรม กำรดูแลสุขภำพในทำงแพทยแสมัยใหมและ
แบบพื้นบำน กำรสรำงวัฒนธรรมทำงสังคม ชำวเขำยังมีควำมเช่ือเกี่ยวกับอํำนำจ
เหนือธรรมชำติ วิญญำณตำงๆ บำนพิธีกรรม คือชุมชนด้ังเดิม ใหเกิดกำร
เปลี่ยนแปลงในเร่ืองทัศนคติ ควำมเช่ือ ประเพณี พิธีกรรม และพฤติกรรมใน
-129-
เครอื ขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชีวิตของกล่มุ ชาติพนั ธุ์
กลุมชำวเขำเน่ืองจำกกำรพัฒนำนํำควำมเจริญและเทคโนโลยีเขำมำสูวิถีชีวิตของ
ชำวเขำ นอกจำกนี้พระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ ยังอบรมในเรื่องของคุณธรรม
พื้นฐำน เขน ประหยัด อดออม อดทน และควำมตรงตอเวลำ ไดเรียนรูส่ิงท่ี
แตกตำงและไดศึกษำจำกกำรปฏิบัติจริง กำรทํำงำนอยำงจริงจังและกำรทํำงำน ท่ี
ไมค ํำนึงถึงผลลพั ธแทจ่ี ะไดรับแตท ํำงำนอยำงเต็มที่ เป็นแนวทำงในกำรใชชีวิตที่พึง
ระวังตอควำมเสยี่ งทัง้ หลำย นอกจำกนี้ยังมีโครงกำรสนับสนุน จัดหำดำนปใจจัยสี่
เพื่อรวบรวม เชน ผำนวม เส้ือผำ ยำสำมัญประจํำบำน ขำวสำร ฯ เพื่อให
พระสงฆแ เพื่อนํำไปแจกจำ ยใหก ับชำวบำนที่ประสบภัยทำงธรรมชำติ
แนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแใชหลักพุทธธรรมเพื่อกำรพัฒนำเศรษฐกิจ
ชุมชนแบบพอเพียงที่เหมำะสมกับกลุมชำติพันธแบนที่สูงของเครือขำยพระ
นักพัฒนำ ณ อำศรมบำนแมคิง ตํำบลนำแก คือกำรเผยแผพระพุทธศำสนำตำม
หลักธรรมคํำสอนของพระพุทธเจำ ตำมคํำสอนของพระพุทธศำสนำ สุขของ
คฤหัสถแท่ีประกอบกำรแหงควำมสุข 4 ประกำรคือ หลักอัตถิสุข คือกำรไดรับ
ควำมสุขจำกกำรมีทรพั ยแ ตำมกํำลงั ควำมสำมำรถที่หำมำได โภคสุขอันเกิดจำกกำร
บริโภคทรัพยแท่ีเกิดประโยชนแกับตน กำรเลี้ยงดูบุคคลอ่ืนและกำรทํำประโยชนแตอ
สังคมรวมถึงชุมชน หลักพุทธธรรมอนณสุขอันเป็นควำมสุขท่ีปรำศจำกกำรเป็น
หนี้ ไมมีควำมทุกขแกำยและใจ และอนวัชชสุข สุขที่เกิดจำกกำรทํำประพฤติท่ีเกิด
โทษ ทั้งกำยกรรม วจีกรรม มโนกรรมท่ีสุจริต มีควำมบริสุทธแและมีควำมม่ันใจใน
กำรดํำเนินชีวิตของตนและครอบครัว รณรงคแ ลด ละ เลิก อบำยมุข สงเสริม
สนับสนุนประสำนงำนและจัดสวัสดิกำรสังคมสงเครำะหแบนพื้นท่ีสูง กำรสรำง
จิตสํำนึกในกำรอนุรักษแทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอมในกับคนในชุมชนใน
กำรสํำนึกรักบำนเกิดของตนเอง กำรใหกำรศึกษำดำนภำษำดี ตำมระบอบ
ประชำธิปไตย รวมถึงกำรอนุรักษแฟ้ืนฟูวัฒนธรรมประเพณีภูมิปใญญำชนเผำ
รวมถึงชุมชนมีหลักธรรมกำรใชหลักธรรม อตฺตำหิ อตฺตโน นำโถ คือตนเป็นท่ีพึ่ง
แหงตนที่มุงเนนใหพึ่งพำตนเองเป็นหลักในกำรทํำมำหำกินเล้ียงชีพ กำรสรำง
ฐำนะใหกับครอบครัว กำรรักษำทรัพยแที่หำมำไดและกำรจำยดวยควำมจํำเป็น
รวมถึงสอนใหค นในชมุ ชนเป็นทีพ่ ่งึ ของผูอนื่ ในสังคมดวยเพอ่ื ใหช ุมชนบำนแมคิงมี
กำรพฒั นำในลกั ษณะของเศรษฐกจิ พอเพียงของชมุ ชน
-130-
เครอื ขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพนั ธ์ุ
บำนขุนแหงกอต้ังหมูบำนมำตั้งแตปีพุทธศักรำช 2511 ซึ่งประกอบไป
ดวยกลุมชำติพันธุแเยำและกลุมชำติพันธแุไทล้ือ ซึ่งกลุมชำติพันธแุท้ังสองไดอพยพ
เขำมำดวยกัน 3 กลุม ประกอบดวยกลุมแรกเป็นกลุมชำวเยำบำนหวยทรำยใต
อํำเภอนครไท จังหวัดพิษณุโลก ไดอพยพยำยถ่ินฐำนเขำมำอยูท่ีบำนหวยลุ
ตํำบลปงเตำ อํำเภองำว จังหวัดลํำปำง โดยกำรนํำของนำยฟูยำน แซลี โดยมี
เครือญำติที่ยำยมำดวยจํำนวน 10 ครัวเรือนสำเหตุที่ยำยมำคือหนีภัยคอมมิวนิสตแ
ในปพี ุทธศกั รำช 2511 กลุมชำวเยำทง้ั 10 ครวั เรือนเหลำน้ีไดอพยพยำยถ่ินฐำน
ออกจำกบำนหวยลุเขำมำอยูที่บำนขุนแหง และตั้งถ่ินฐำนนับแตน้ันเป็นตนมำ
จำกน้ันกลุมท่ี2 อพยพมำจำกบำนวังหลวง ตํำบลฝำยกวำง อํำเภอเชียงคํำ
จังหวัดพะเยำ โดยกำรนํำของนำยเจียมจั๋น และนำยเจียมฟุูง แซลี โดยพำ
ชำวบำนจํำนวน 20 ครัวเรือน อพยพเขำมำสมทบกับกลุมแรกที่ตั้งถ่ินฐำนอยู
กอนแลว สำเหตุที่อพยพยำยถ่นิ ฐำน คือหนีภยั คอมมวิ นสิ ตแและแสวงหำพน้ื ที่ทํำกิน
แหงใหม และกลุมที่3 อพยพมำจำกประเทศลำว โดยนำงตะออน แซจเำว
พรอ มดวยกลุมชำวเยำ จำํ นวน 5 ครัวเรือน ท่ีไดอ พยพเขำมำสมบทกับกลุมชำวเยำ
ทั้งสองกลุมกอนหนำ ซ่ึงชำวเยำกลุมน้ีไดอพยพเขำมำในปีพุทธศักรำช 2513
และถอื เป็นชำวเยำกลุมสดุ ทำย หลังจำกนั้นกลุมชำวเยำทั้งสำมกลุมก็ไดต้ังถิ่นฐำน
และอำศยั อยูท บี่ ำนขนุ แหงมำจนถึงปใจจุบัน
อำชีพหลักของคนในชุมชนบำนขุนแหง คือ อำชีพปลูกพืชไร เชน ขิง
ขำวโพดเล้ยี งสตั วแ ถ่ังแดง ขำ วก่ํำ ขำ วไร รวมถงึ พชื สวน ไดแก มะขำม ลํำไยและ
มะมวง กำรสนับสนุนเครือขำยพระนักพัฒนำและชุมชน กำรรับกำรสนับสนุน
จำกหนว ยงำนของรฐั และเอกชน ดวยบำนขุนแหง เป็นหมูบำนที่มีรอยตอ ติดกับ
จังหวัดพะเยำ เป็นเสนทำงที่ลํำเลียงยำเสพติด หรือเป็นจุดพักยำ ทํำใหเป็น
หมูบำนที่มีกำรแพร ระบำดของยำเสพติด และไมเถ่ือน ท่ีถูกลักลอบตัดไม
เนื่องจำกชุมชน อยูในเขตปุำอนุรักษแ ตอทำงชุมชนไดมีกำรแตงต้ังคณะกรรม
หมูบำน คอยสอดสองและดูแล ไมใหเกิดปใญหำทั้งยำเสพติด และไมเถื่อน
ปจใ จุบนั ชุมชนมคี วำมเขม แข็งพอสมควร มีกำรรว มมอื กนั ระหวำ ง คนในชุมชนและ
หนวยงำนของรัฐเขำมำดูแลรวมกันจัดใหมีกำรประชุมประจํำเดือนของหมูบำนใน
ทุกๆเดือน โดยใชโรงเรียนเป็นสถำนที่ประชุม เพื่อทํำควำมเขำใจและรับทรำบ
รวมถึงกำรแกไขปใญหำรวมกนั ในทกุ ๆฝำุ ยเปน็ ตน นอกจำกน้ี ชำวบำนขุนแหงยัง
-131-
เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์
นับถือผี ยึดถือในบรรพบุรุษท่ีมีควำมเหนียวแนน ซึ่งเป็นควำมเชื่อที่ยำกตอกำร
เปลี่ยนแปลง อำชีพชำวบำนประกอบอำชีพในเกษตรกรรมเป็นหลัก สวนใหญ
ชำวบำนประกอบอำชีพกสิกรรรมปลูกขำวโพด ขิง ฟใกทอง หำของปุำตำม
ฤดูกำลโดยกำรนํำไปขำยขำงนอกหมูบำน เล้ียงหมู เป็ด ไก ถักทอเสื้อผำโดยกำร
นํำออกไปขำยบำงสวน โดยมีศูนยแสงเครำะหแชำวเขำใหกำรชวยเหลือและดูแลใน
กำรนํำไปขำยใหกบั ตลำดขำงนอก ออกไปประกอบอำชีพรบั จำ งขำงนอก
สภำพปใญหำของชุมชนจำกกำรพูดคุยกับผูนํำชุมชน ปใญหำของกำร
อนรุ กั ษปแ ระเพณีและวัฒนธรรมของคนรุน หลงั กบั ควำมเปล่ยี นแปลงของเด็กรุนใหม
ในปใจจุบัน ชำติพันธุแเยำคงเหลือแคช่ือเทำน้ันเชนพิธีกรรมตรุษจีนของกลุมชำติ
พันธุแเยำ และพิธีเทศนแตำมใบลำน ของชำติพันธุแไทล้ือ สมัยกอนมีกำรเขำรวม
กจิ กรรมอยำงพรอมเพรียงกันรวมกิจกรรมอยำงสำมัคคี ชุมชนใหควำมสํำคัญอยำง
มำก เพรำะชำวบำนถือวำเป็นพิธีกรรมที่สรำงควำมศักดิ์สิทธิ์ สรำงควำมเป็นสิริ
มงคลใหกับผูเขำรวมพิธีกรรม ระลึกถึงบุญคุณของผูมีพระคุณบรรเทำควำม
เจ็บปุวย ลดควำมรอนรุมในจิตใจทุกคนจะมำรวมกิจกรรมดวยควำมศรัทธำมีกำร
ชวยเหลอื ซึ่งกันตลอดมำ แตปใจจุบันเกิดกำรเปลยี่ นแปลงอยำงเหน็ ไดชัดขำดควำม
สนใจ ควำมรวมมอื กันของคนในชุมชน ขำดศรัทธำตอพิธีมีกำรพึ่งส่ิงภำยนอกจำก
เดิมชุมชนเล้ียงหมูเล้ียงไกและตมเหลำเอง กำรใชจำยมีปริมำณท่ีเนนควำม
พอเพียง ตำมมีตำมเกิด ปใจจุบันคนเขำรวมกิจกรรมก็นอยลง เนนกิจกรรมที่
สนุกสนำนมำกวำควำมสรำงเสริมคุณงำมควำมดีใหกับตนเอง ขำดควำมเชื่อมั่น
เชื่อถือ ควำมภูมิใจในกลุมชำติพันธแุของตนเอง ส่ิงเหลำน้ีไดเกิดข้ึนกับสังคม
ชนบทท่ีตั้งอยูในถ่ินทุรกันดำรหำงไกลจำกควำมเจริญและไดรับผลกระทบ อยำง
หลีกเลี่ยงไมได ทํำใหวิถีชุมชนที่เคยสงบสุขมีควำมสัมพันธแกันเหน่ียวแนน มีกำร
พ่ึงพำซ่ึงกันและกัน มำวันนี้สังคมเหลำนี้กํำลังจะเลือนหำยไปจำกสังคมชนบท
ชำวบำนกํำลังจะประสบแตควำมทุกขแทำงกำยและใจ กลำยเป็นสังคมธุรกิจโดยมี
เงินเป็นตัวตั้ง ทํำใหเกิดหนี้สินทวมตัว ทํำใหสงผลถึงสุขภำพรำงกำย อำรมณแ
สังคมและจติ ใจอยำ งรุนแรง
สรุปแนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแใชหลักพุทธธรรมเพื่อกำรพัฒนำ
เศรษฐกิจชุมชนแบบพอเพียงท่ีเหมำะสมกับกลุมชำติพันธแบนท่ีสูงของเครือขำย
พระนักพัฒนำ ณ อำศรมพระบัณฑิตอำสำบำนขุนแหง ตํำบลปงเตำ คือ กำร
-132-
เครือขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาติพันธ์ุ
จัดทํำโครงกำรพระบัณฑิตอำสำฯ โดยสงพระบัณฑิตรูปแรกเขำไปปฏิบัติศำสนกิจ
รูปแรก คือ พระปรีชำ แสนพรม คุตฺตจิตโต พระนิสิตจำกวิทยำลัยขอนแกน สอน
ศีลธรรม จริยธรรมในโรงเรียน และอบรมชำวบำนในโอกำสท่ีเอ้ืออํำนวยใหกับพี่
นองชำวเขำชำวเยำ ในระยะเวลำ 1 ปี บำนเป็นศูนยแรวมของกำรเรียนรูดำนพุทธ
ศำสนำใหกับชุมชนบำนขุนแหง ส่ังสอนใหชำวบำนขุนแหงนํำหลักศีล 5
หลักธรรม ทิฏฐธัมมิกัตถะ ซ่ึงประกอบไปดวยอุฏฐำนสัมปทำคือควำม
ขยันหม่ันเพียรในกำรปฏิบัติหนำที่กำรงำนอำชีพในแนวทำงท่ีสุจริต หลักอำรักข
สัมปทำเป็นกำรรักษำทรัพยทแ ห่ี ำมำไดดวยควำมขยันหม่ันเพียร ดวยควำมขยันและ
กำรพ่ึงพำตนเอง รูจักกินรูจักใชทรัพยแที่หำมำไดใหเกิดประโยชนแที่สูงสุด กัลยำณ
มิตตตำเป็นกำรคบคนดี เลือกคบคนท่ีนำคบหำผูมีศีล ศรัทธำ จำคะ ปใญญำ ตำม
หลักมงคลชวี ติ 38 ประกำร ไมค บคนพำลท่ีพำไปในทำงที่ผิด เสียทรัพยแ เสียเวลำ
เสียประโยชนแรวมถึงเสียสุขภำพ อันเป็นเหตุไมสำมำรถปฏิบัติธรรม ในขออุฏฐำน
สัมปทำได อำรักขสัมปทำ และสมชีวิตำซ่ึงเป็นกำรเล้ียงชีวิตแตพอเพียงคือมีกำร
กํำหนดรำยรบั และรำยจำ ย เป็นกำรอยูอยำงพอดี สมรำยได มีมำกใชมำกมีนอยใช
นอย รวมถึงหลักธรรมโภควิภำคท่ีประกอบไปดวย 4 รูปแบบซ่ึงทำงบำนขุนแหง
ใชหลักดังน้ี 1) กำรใชจำยเพ่ือเลี้ยงบุคคลที่ควรบํำรุงรักษำ เชนบิดำ มำรดำ บุตร
และภรรยำของตนเอง รวมถงึ มิตรสหำยที่มีสว นรว มในกจิ กรรม งำนบญุ กำรใชเงิน
ท่ีหำมำไดจำกกำรทํำงำนโดยแบงออกเป็น 2 สวนนํำมำเป็นทุนและเก็บไวใชใน
ยำมทจ่ี ํำเป็น กำรใชจ ำ ยเพือ่ เล้ยี งตนเอง เลยี้ งบุคคลที่อยูในควำมดูแล กำรแบงปใน
เพื่อสังคมที่เป็นประโยชนแตอสำธำรณะ รวมถึงควำมสัมพันธแในดำนจิตใจ เชนไม
ลุมหลงมัวเมำ ไมกังวลจนเกิดควำมทุกขแ เป็นควำมพรอมในกำรพัฒนำคุณภำพ
ชีวิตท่ีดีเพื่อพัฒนำศักยภำพได และกำรเคำรพนับถือซึ่งกันและกันระหวำงคนใน
ชุมชน กำรไหวพระสวดมนตปแ ระจำํ ทุกวันพระ
ผลลัพธแท่ีไดจำกประยุกตแใชหลักพุทธธรรมเพ่ือกำรพัฒนำเศรษฐกิจชุมชน
แบบพอเพียงทเ่ี หมำะสมกบั กลมุ ชำติพันธแบนทสี่ งู ของเครือขำยพระนักพัฒนำ รูจัก
กำรกิน กำรใช กำรดํำรงชีวิตที่มีควำมสุขตำมหลัก “หัวใจเศรษฐี” จำกหลักพุทธ
ธรรมดังกลำวเป็นสวนหน่ึงของหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตำมหลักปใจจัย 4 ที่
ประกอบไปดวย ที่อยูอำศัย อำหำร ยำรักษำโรค เครื่องนุงหม ทํำใหชำวบำนใน
-133-
เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ
ชุมชนบำนขุนแหงอยูรวมกันไดดี ไมมีควำมขัดแยง และมีควำมสำมัคคีเก้ือกูลกัน
ชว ยเหลือซงึ่ กนั และกนั กำรอยรู ว มกนั ในสังคมอยำ งมีควำมสขุ
แนวปฏิบัติของเครือขำยพระนักพัฒนำและกำรอนุรักษแสิ่งแวดลอมของ
กลมุ ชำตพิ ันธุแบนพ้ืนท่ีสูง
ในพื้นที่ตนแบบ อํำเภอฮอด อํำเภอแมแจม อํำเภอแมสะเรียง มีแนว
ปฏิบัติดำนกำรฟื้นฟูส่ิงแวดลอม โดยกำรท่ีพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำได
รณรงคแใหควำมรูชำวบำนผำนกำรประสำนงำนกับศูนยแพัฒนำชำวเขำ ซ่ึงมำให
ควำมรูกับชำวบำน เร่ืองกำรไมใชยำฆำแมลง กำรไมใชสำรเคมีในกำรทํำ
กำรเกษตร เน่ืองจำกพบวำจำกกำรเจ็บปุวยของชำวบำนในพื้นท่ี พบมีสำรเคมี
ตกคำ งในเลอื ดของกลมุ เกษตรกร ซึง่ เปน็ ผลมำจำกกำรใชสำรเคมีประเภทปุย และ
ยำฆำแมลงและวัชพชื รวมถึงกำรใชสำรเคมีเหลำนั้นสงผลตอสิ่งแวดลอมท่ีพบเจอ
คือพบสำรปนเปื้อนในดิน ในแหลงนํ้ำ เกษตรตํำบลแจงวำแมในพ้ืนท่ีกำรเกษตรที่
เกษตรกรหยุดกำรใชสำรเคมีกํำจัดศัตรูพืชมำไมนอยกวำ 3 ปี ยังสำมำรถตรวจพบ
สำรเคมีตกคำงในดินได ชี้ใหเห็นวำหำกเกษตรกรตองกำรผลิตเชิงอินทรียแอยำง
แทจริง อำจตองใชเทคนิคกำรฟ้ืนฟูปรับปรุงคุณภำพดินเพื่อเรงกำรสลำยตัวของ
สำรเคมีที่ตกคำงอยูอีกทำงหนึ่งดวย ซ่ึงพระบัณฑิตอำสำไดประสำนหนวยงำน
รำชกำรที่เก่ยี วขอ งมำชว ยดำํ เนินกำรและใหควำมรูเป็นระยะอยำงตอเน่ือง ในพื้นท่ี
ตนแบบน้ันเดิมชำวบำนนิยมปลูกพืชเชิงพำณิชยแ พืชลมลุกตำมกระแสหลักของ
ตลำด ปลูกแบบพืชไร เชน กะหล่ํำปลี ถั่วแดง ขำวโพด ใชยำฆำแมลง ปุย ยำ
ปรำบศัตรูพืช ใชสำรเคมีมำก โดยไดใหแงคิดกับชำวบำนวำ พื้นที่ก็พ้ืนที่เรำ
แรงงำนกแ็ รงงำนเรำ ชีวิตกช็ ีวิตดังนัน้ เรำจึงไมควรเอำชีวิตไปเสี่ยง ปลูกผักทุกคร้ัง
ก็ขำดทุนทุกครั้ง เปูนหนี้สินพอกพูน นอกจำกตัวเองแลว ยังกอใหเกิดอันตรำยตอ
ผูอื่น และเป็นบำปติดตัว พระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำแนะนํำใหชำวบำน
เพือ่ ใหชำวบำนเปล่ียนทัศนคติ เปล่ียนวิถีชีวิตหันกลับมำปลูกพืชยืนตนเพ่ือบริโภค
เป็นพืชสวน เชน กำรเพำะกลำอโวคำโด เพำะกลำกำแฟ เสำวรสใหกับชำวบำน
อีกดวย รวมถึงสงเสริมใหชำวบำนปลูกตนอโวคำโดกอน ซ่ึงเป็นพืชพำณิชยแ มี
รำคำดกี วำจะโตจนเก็บเก่ียวผลผลิตไดใชระยะเวลำ 5 ปี ระหวำงน้ันใหปลูกกำแฟ
เสริมในสวน ซึ่งใชระยะเวลำในกำรเก็บเก่ียว 2 ปี ควรปลูกเสำวรส เสริมซ่ึงใช
-134-
เครอื ขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชีวติ ของกล่มุ ชาติพันธุ์
ระยะเวลำในกำรเก็บเกี่ยว 1 ปี นอกจำกนั้นยังแนะนํำใหชำวบำนดูแลสวน และ
เพมิ่ เตมิ ดว ยกำรปลูกลำํ ไย มะมวง และกลวย เนนกำรบริโภคในครัวเรือนเป็นหลัก
ที่เหลือจงึ จํำหนำย เป็นกำรใชหลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง เนนกำรปลูกพืชเพื่อ
ยังชีพ พืชผักสวนครัว เนนบริโภคเหลือถึงนํำมำขำย และเนนงดเวนกำรใช
สำรเคมี
กำรพัฒนำ (development) กำรพัฒนำปรับปรุงส่ิงท่ีเป็นอยูใหดีขึ้น เป็น
กำรเรงหรือเพม่ิ ประสทิ ธภิ ำพใหไ ดผลผลติ ทดี ีขนึ้ กำรพัฒนำทรัพยำกรจะตองมีกำร
นํำเทคโนโลยที ่กี ำวหนำมำใชควบคูกับกระบวนกำรพัฒนำทุกขั้นตอน ทั้งยังรวมถึง
กำรพฒั นำเทคนิควิธที ่ีทํำใหใชทรัพยำกรในปริมำณนอยแตไดผลผลิตที่เพ่ิมมำกขึ้น
และมีประสิทธิภำพสูงข้ึนดวย มีแนวปฏิบัติและกระบวนกำรฟ้ืนฟูสิ่งแวดลอมของ
เครือขำ ยพระนักพฒั นำบนพื้นทีส่ ูง ดังนี้
ในดำนกำรพัฒนำ (development) ในพื้นท่ีตนแบบ อํำเภอฮอด อํำเภอ
แมแจม อํำเภอแมสะเรียง มีแนวปฏิบัติดำนพัฒนำส่ิงท่ีเป็นอยูใหดีข้ึน ดังนี้คือ
กำรจัดตั้งธนำคำรขำว ดว ยพระบัณฑติ อำสำไดรบั ทรำบขอ มลู จำกชำวบำนเร่ืองขำว
ไมพอกินพอใช จึงไดริเร่ิมนํำขำวเปลือกที่ชำวบำนมำถวำยเพื่อทํำบุญซ่ึงเป็นขำว
ใหม (ขอเป็นขำวเปลือกแทนขำวสำร) โดยไดต้ังเป็นกองทุนออมขำว รับบริจำค
ขำวเปลือกจัดทํำบุญทอดผำปุำขำวเปลือก นํำผลประโยชนแที่เกิดจำกกำรใหกูขำว
มำใชเ ป็นทุนดํำเนินกำร ธนำคำรขำวเป็นกำรรวมกลุมกันของชำวบำนภำยใตกำร
แนะนำํ ของพระบณั ฑติ อำสำพฒั นำชำวเขำ และหนว ยงำนรำชกำรท่ีเกี่ยวของ เชน
โครงกำรหลวง พฒั นำสงั คม เกษตรอำํ เภอ เปน็ ตน เพ่ือชวยเหลือซึ่งกันและกันกัน
ภำยในชุมชน ถือเป็นลักษณะเพ่ือนชวยเพื่อนชุมชนชวยชุมชนโดยมีทำงสวนงำน
ที่เก่ียว ของและพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำเป็นผูคอยเสนอแนะแนวทำงใน
กำรปฏิบัติใหเกิดประโยชนแสูงสุด โดยเนนหลักกำรสงเครำะหแชำวบำนที่ยำกไร ใน
ชุมชนไดมำกูยืมขำวจำกธนำคำรขำวไปใชบริโภค และทํำพันธแุ(เช้ือ) สํำหรับ
กำรเกษตรในฤดทู ำํ นำ ใหค นในชุมชนชว ยกันดแู ล โดยมกี ฎเกณฑตแ ำง ๆ ที่ชุมชน
ไดต กลงรวมกันและถอื ไดถ ือปฏบิ ัติภำยในชมุ ชน
กำรปูองกัน (protection) กำรปูองกนั คุมครองทรัพยำกรที่สำมำรถเกิดข้ึน
ใหมไดเอง เพื่อใหมีอัตรำในกำรนํำทรัพยำกรมำใชอยูในระดับที่สำมำรถเกิดข้ึนมำ
ทดแทนไดทัน ซึ่งจะชวยใหมีทรัพยำกรน้ันไวใชอยำงย่ังยืนท้ังยังรวมถึงกำร
-135-
เครอื ขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ
ปอู งกันทรัพยำกรที่มีแนวโนมจะเพิ่มข้ึนอยำงรวดเร็วใหอยูในระดับที่เหมำะสม ไม
เกดิ กำรลกุ ลำมจนทํำใหส ภำวะสิ่งแวดลอ มเสยี สมดลุ ไป กำรปูองกันน้ีอำจทํำไดโดย
กำรใชมำตรกำรตำง ๆ ต้ังแตกำรใชกฎหมำย กำรประชำสัมพันธแใหควำมรู และ
ควำมเขำใจแกประชำชนในกำรใชทรัพยำกรอยำงเหมำะสม เพ่ือมีทรัพยำกร
เกดิ ข้ึนหมุนเวียนสํำหรับใชงำนไดอยำงย่ังยืนสืบไป มีแนวปฏิบัติและกระบวนกำร
ฟืน้ ฟสู ่ิงแวดลอมของเครอื ขำยพระนกั พัฒนำบนพ้ืนทส่ี ูง ดงั น้ี
ในพื้นท่ีตนแบบ อํำเภอฮอด อํำเภอแมแจม อํำเภอแมสะเรียง มีแนว
ปฏิบัติดำนกำรปูองกัน คือกำรทํำแนวกันไฟ ท่ีผำนมำบริเวณพื้นท่ี อ.แมสะเรียง
จะไมม ไี ฟไหม หรอื ไมม ไี ฟปำุ มำหลำยปี มีแตกอนทจี่ ะทํำกำรเกษตรก็จะมีกำรถำง
ไร และจะทำํ แนวกันไฟอยำ งดี จะดูแลปุำอยำงดี ถำมีกำรเผำปุำเพื่อเตรียมกำรทํำ
กำรเกษตรก็จะมีชำวบำนอำสำมำชวยกันดูแล ทํำแนวกันไฟอยำงดีปูองกันไฟลำม
ปุำเขำ หมูบ ำ น เปน็ อยำ งดี
กำรสงวน (preservation) กำรเก็บสงวนทรัพยำกรไวไมใหมีกำรนํำมำใช
งำน เนื่องจำกทรัพยำกรนั้นกํำลังจะหมดหรือสูญส้ินไป ทรัพยำกรบำงชนิดเมื่อ
สงวนไปในระยะเวลำหน่ึงแลวอำจจะทํำใหเกิดกำรเพิ่มข้ึนจนสำมำรถนํำมำกใช
ใหมได ซึ่งเมื่อถึงเวลำดังกลำวอำจมีกำรอนุญำตใหนํำทรัพยำกรมำใชได โดยมี
กฎเกณฑแหรือมำตรกำรตำง ๆ ควบคุม มีแนวปฏิบัติและกระบวนกำรฟื้นฟู
ส่งิ แวดลอมของเครอื ขำ ยพระนักพฒั นำบนพ้นื ทีส่ งู ดังนี้
1) กำรบวชปุำ เปน็ แนวทำงรกั ษำปุำไมใหย่ังยืนพรอมไปกับกำรเรียกขวัญ
กํำลังใจของชำวบำน ซึ่งจุด ประสงคแของกำรบวชปุำที่สํำคัญคือกำรชวยอนุรักษแ
สิ่งแวดลอมใหปุำไม และลํำธำรมีควำมอุดมสมบูรณแ ไมถูกนํำไปใชจนหมด หรือ
ผลกระทบกับสิ่งแวดลอมอ่ืน ๆ ดวยปุำ โดยเฉพำะปุำตนน้ํำมีควำมสํำคัญกับ
ชุมชนบนพื้นท่ีสูง ซ่ึงจะเป็นพื้นท่ีท่ีมีควำมอุดมสมบูรณแมำก จนตองมีควำม
พยำยำมในกำรดแู ลรกั ษำใหมีปุำไม มีนํ้ำ มีปลำไดกินไดใชกันไปนำน ๆ รวมถึง
เป็นกำรสรำงจิตสํำนึกท่ีดี ใหแกคนในชุมชนอีกดวย โดยประยุกตแพิธีกรรมทำง
ศำสนำมำใชกับธรรมชำติ ในกำรจัดพิธี บวชปุำโดยทํำพิธีเชิญเทวดำอำรักษแ ผี
ปุำ ผีเขำ (ผีปฺกกะโลง) ทํำพิธีเซนสังเวยเทพำรักษแ เจำปุำเจำเขำ ใหรับรูและให
มำอยูในปุำไม ดูแลตนไม หำกมีผูใดมำตัดไม ทํำลำยปุำ ขอใหผูน้ันมีอันเป็นไป
ตำง ๆ ซ่งึ เปน็ เร่ืองของหมอเวทมนตรแท่ีจะนํำมำกลำว เมื่อเสร็จพิธีเซนสังเวยแลว
-136-
เครือข่ายพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลมุ่ ชาติพันธุ์
ก็เป็นพิธีสงฆแ เริ่มจำกไหวพระรัตนตรัย สมำทำนศีลอำรำธนำพระปริตรพระสงฆแ
เจิมตนไม เสร็จแลวพระสงฆแ จะหมผำเหลืองใหตนไม พระสงฆแเจริญชัยมงคล
คำถำ จำกนนั้ ประพรมนำํ้ พระพุทธมนตตแ ำมตนไมท ีบ่ วชไว เปน็ เสรจ็ พธิ ี
2) กำรบวชปลำ กำรบวชปลำเป็นกำรรณรงคแใหชำวบำน โดยใหขอคิด
เร่ืองของกำรไมจับปลำในบริเวณขุนน้ํำ จะมีปลำอยูกับเรำไปตลอด เพรำะปลำ
มันก็จะขยำยพันธแุโดยธรรมชำติ แตถำหลุดออกจำกตรงน้ีไปเรำสำมำรถเอำไปทํำ
พันธแุปลำ เอำไปบริโภค โดยใชหลักกำรงำย ๆ เป็นขอตกลงในชุมชนวำ ใน
บริเวณรัศมีพ้ืนท่ีท่ีขุนนํ้ำ ไมไมจับปลำ ใชหลักคิดเดียวกับกำรบวชปุำ เป็นกำร
ประยุกตแพิธีกรรมทำงศำสนำมำใชกับธรรมชำติ ในกำรจัดพิธีบวชปลำโดยทํำพิธี
เชิญเทวดำอำรักษแผีตนน้ํำ ทํำพิธีเซนสังเวยเทพำรักษแ ใหรับรูและใหมำอยูในปลำ
ดแู ลขนุ นํ้ำ หำกมผี ใู ดมำตดั จบั ปลำ ขอใหผูนนั้ มีอนั เป็นไปตำง ๆ แตถำนอกพื้นที่
ที่สำมำรถจับได ชำวบำนเห็นดวยอยำงเป็นเอกฉันทแ ในปใจจุบันปลำเยอะมำก มี
เพยี งพอตอกำรบรโิ ภคในชมุ ชน
3) กำรบวชขุนน้ํำมีลักษณะเหมือนกับสืบชะตำแมน้ํำ ใชเรียกขวัญกํำลัง
และตอ ชะตำชวี ติ คน สรำ งมิติของควำมศักดิ์สทิ ธ์ิในเชงิ พทุ ธศำสนำใหแกธรรมชำติ
ในลกั ษณะเดียวกบั กำรบวชปุำ ประยุกตแพิธีกรรมทำงศำสนำมำใชกับธรรมชำติ ใน
กำรจัดพิธี บวชขุนนํ้ำโดยทํำพิธีเชิญเทวดำอำรักษแ ผีตนน้ํำ ทํำพิธีเซนสังเวย
เทพำรักษแ เจำปุำเจำเขำ ผีตนนํ้ำที่ดูแลรักษำตนน้ํำ หำกมีผูใดมำใชนํ้ำ ทํำลำยปุำ
ตนน้ํำ หรอื ทํำกำรอนั ใดท่ีมิดีมงิ ำมเกยี่ วกับตน น้ํำ ขอใหผนู นั้ มีอันเป็นไปตำง ๆ
ในชวงปีแรก ๆ ทเี่ ขำมำอยใู นพนื้ ที่ พระอำจำรยแ เห็นชำวบำนไปทํำไร
ขำวบนปุำที่เป็นขุนน้ํำ(ปุำตนนํ้ำ) พอเขำปีท่ี 2 น้ํำในลํำหวยก็แหงขอด น้ํำไมมี
ใชภำยในชุมชน จึงพยำยำมสรำงควำมตระหนักดวยกำรชี้ใหเห็นถึงปใญหำวำถำ
ชำวบำนไปปลกู ขำ ว ทํำไรขำวที่ขุนน้ํำ เหนือหมูบำนซึ่งเป็นแหลงตนนํ้ำ จะสงผล
ตอ ลกู หลำนเรำจะไมม นี ำ้ํ ใช นํ้ำกิน หมูบำนเรำจะอยูไดอยำงไร เพรำะขุนน้ํำก็จะ
เหือดแหง จึงแนะนํำใหชำวบำนทํำไรขำวในพ้ืนที่ที่ตํ่ำกวำขุนน้ํำ ขำงลำงหมูบำน
ลงไป ซึ่งผลปรำกฏ 6 ปีท่ีผำนมำปุำไม ท่ีเป็นปุำขุนน้ํำ เป็นปุำหมูบำนก็ยังเขียว
ชุมชน่ื เหมอื นเดิม เพรำะชำวบำนนึกถึงลูกถึงหลำนในอนำคต กำรบวชนํ้ำ คือกำร
ดูแลรักษำตนนํำ้ ไมท ํำลำย ไมไ ปรบกวนไมเอำไปทํำกำรเกษตร ไมขุดสระ ไมทํำ
เขื่อนปลอยใหไ หลไปตำมธรรมชำติ ไมเ ขำไปรบกวนพน้ื ทข่ี ุนนํำ้
-137-
เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชีวติ ของกล่มุ ชาตพิ นั ธุ์
กำรแบงเขต (Zoning) หมำยถึง กำรจัดแบงกลุมหรือประเภทของ
ทรัพยำกรเพ่ือใหสำมำรถดํำเนินกำรอนุรักษแไดผลดีขึ้น กำรดํำเนินกำรน้ีอำจมีกำร
แบงพ้นื ท่คี วบคุมเพอ่ื ใหม สี ภำวะท่ีเหมำะสมสํำหรับกำรเปลี่ยนแปลงของทรัพยำกร
มีแนวปฏบิ ัตแิ ละกระบวนกำรฟื้นฟสู ่งิ แวดลอมของเครือขำยพระนักพัฒนำบนพื้นท่ี
สูง ในพื้นที่ตนแบบ อํำเภอฮอด อํำเภอแมแจม อํำเภอแมสะเรียง มีแนวปฏิบัติ
ดำนกำรแบงเขตเพอื่ แบง พน้ื ทคี่ วบคมุ เป็นโซนอนุรกั ษแ ดังนี้
1) กำรบวชปุำ เป็นแนวทำงรักษำปุำใหย่ังยืนพรอมไปกับกำรเรียกขวัญ
กํำลังใจของชำวบำน ซ่ึงจุดประสงคแของกำรบวชปุำท่ีสํำคัญคือกำรชวยอนุรักษแ
สิ่งแวดลอ ม ใหป ุำไม และลำํ ธำรมีควำมอดุ มสมบรู ณแ รวมไปถึงกำรสรำงจิตสํำนึกที่
ดี ใหแกคนในชุมชนอีกดวย โดยประยุกตแพิธีกรรมทำงศำสนำมำใชกับธรรมชำติ
ในกำรจดั พธิ ี บวชปำุ โดยทํำพธิ เี ชิญเทวดำอำรักษแ ผปี ำุ ผีเขำ (ผีปฺกกะโลง) ทํำพิธี
เซนสังเวยเทพำรกั ษแ เจำ ปุำเจำเขำ ใหร บั รแู ละใหมำอยใู นปำุ ไม ดูแลตนไม หำกมี
ผูใดมำตัดไม ทํำลำยปุำ ขอใหผูน้ันมีอันเป็นไปตำง ๆ ซ่ึงเป็นเรื่องของหมอเวท
มนตรแท่ีจะนํำมำกลำว เม่ือเสร็จพิธีเซนสังเวย แลวก็เป็นพิธีสงฆแ เร่ิมจำกไหวพระ
รัตนตรัย สมำทำนศลี อำรำธนำพระปริตรพระสงฆแเจิมตนไม เสร็จแลวพระสงฆแ จะ
หมผำเหลืองใหตนไม พระสงฆแเจริญชัยมงคลคำถำ จำกน้ันประพรมน้ํำพระพุทธ
มนตตแ ำมตน ไมท่ีบวชไวเ ปน็ เสร็จพิธี
2) กำรบวชปลำ กำรบวชปลำเป็นกำรรณรงคแใหชำวบำน โดยใหขอคิด
เร่ืองของกำรไมจับปลำในบริเวณขุนน้ํำ จะมีปลำอยูกับเรำไปตลอด เพรำะปลำ
มันก็จะขยำยพันธแุโดยธรรมชำติ แตถำหลุดออกจำกตรงนี้ไปเรำสำมำรถเอำไปทํำ
พันธแุปลำ เอำไปบริโภค โดยใชหลักกำรงำย ๆ เป็นขอตกลงในชุมชนวำ ใน
บริเวณรัศมีพ้ืนท่ีท่ีขุนนํ้ำ ไมไมจับปลำ ใชหลักคิดเดียวกับกำรบวชปุำ เป็นกำร
ประยุกตแพิธีกรรมทำงศำสนำมำใชกับธรรมชำติ ในกำรจัดพิธีบวชปลำโดยทํำพิธี
เชิญเทวดำอำรักษแผีตนน้ํำ ทํำพิธีเซนสังเวยเทพำรักษแ ใหรับรูและใหมำอยูในปลำ
ดแู ลขุนนำ้ํ หำกมีผูใ ดมำตัดจับปลำ ขอใหผนู ัน้ มีอนั เป็นไปตำง ๆ แตถำนอกพื้นท่ี
ท่ีสำมำรถจับได ชำวบำนเห็นดวยอยำงเป็นเอกฉันทแ ในปใจจุบันปลำเยอะมำก มี
เพียงพอตอ กำรบริโภคในชมุ ชน
3) กำรบวชขุนนํ้ำ มีลักษณะสืบชะตำแมนํ้ำที่ใชเรียกขวัญกํำลังและตอ
ชะตำชีวิตคน สรำงมิติของควำมศักดิ์สิทธิ์ในเชิงพุทธศำสนำใหแกธรรมชำติ ใน
-138-
เครอื ขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลมุ่ ชาติพันธุ์
ลักษณะเดียวกับกำรบวชปุำ ประยุกตแพิธีกรรมทำงศำสนำมำใชกับธรรมชำติ ใน
กำรจัดพิธี บวชขุนนํ้ำโดยทํำพิธีเชิญเทวดำอำรักษแ ผีตนนํ้ำ ทํำพิธีเซนสังเวย
เทพำรักษแ เจำปุำเจำเขำ ผีตนน้ํำที่ดูแลรักษำตนน้ํำ หำกมีผูใดมำใชนํ้ำ ทํำลำยปุำ
ตนนํ้ำ หรือทํำกำรอันใดที่มิดีมิงำมเก่ียวกับตนนํ้ำ ขอใหผูน้ันมีอันเป็นไปตำง ๆ
ในชว งปแี รก ๆ ท่ีเขำมำอยูในพื้นที่ พระอำจำรยแ เห็นชำวบำนไปทํำไรขำวบน
ปุำท่ีเป็นขุนนํ้ำ(ปุำตนนํ้ำ) พอเขำปีท่ี 2 น้ํำในลํำหวยก็แหงขอด นํ้ำไมมีใช
ภำยในชุมชน จึงพยำยำมสรำงควำมตระหนักดวยกำรช้ีใหเห็นถึงปใญหำวำถำ
ชำวบำ นไปปลูกขำว ทํำไรขำวท่ีขุนน้ํำ เหนือหมูบำนซ่ึงเป็นแหลงตนนํ้ำ จะสงผล
ตอ ลกู หลำนเรำจะไมมีนำํ้ ใช นำ้ํ กนิ หมูบำนเรำจะอยูไดอยำงไร เพรำะขุนนํ้ำก็จะ
เหือดแหง จึงแนะนํำใหชำวบำนทํำไรขำวในพ้ืนท่ีที่ตํ่ำกวำขุนนํ้ำ ขำงลำงหมูบำน
ลงไป ซึ่งผลปรำกฏ 6 ปีท่ีผำนมำปุำไม ที่เป็นปุำขุนน้ํำ เป็นปุำหมูบำนก็ยังเขียว
ชุมชนื่ เหมือนเดิม เพรำะชำวบำนนึกถึงลูกถึงหลำนในอนำคต กำรบวชน้ํำ คือกำร
ดแู ลรกั ษำตน นํ้ำ ไมทำํ ลำย ไมไปรบกวนไมเ อำไปทํำกำรเกษตร ไมขุดสระ ไมทํำ
เข่ือนปลอยใหไหลไปตำมธรรมชำติ ไมเ ขำ ไปรบกวนพื้นที่ขนุ นํ้ำ
กำรประยุกตแใชหลักพุทธธรรมในกระบวนกำรฟ้ืนฟูสิ่งแวดลอมที่ของ
เครอื ขำ ยพระนกั พัฒนำบนพืน้ ทีส่ ูง
1. หลักอิทัปปใจจยตำ หรือ ปฏิจจสมุปบำท มีหลักกำรวำควำมเป็นไป
ของโลกและชีวิตดํำเนินไปตำมกระแสแหงเหตุผล ข้ึนตอเหตุปใจจัยในกระบวน
กำรของธรรมชำตเิ อง ไมมีผูสรำง ผูบันดำล และไมเป็นไปลอย ๆ โดยบังเอิญผล
ท่ีตองกำร ไมอำจใหสํำเร็จเพียงดวยควำมหวังควำมปรำรถนำ แตตองสํำเร็จดวย
กำรลงมือกระทํำ คือ บุคคลจะตองพ่ึงตนดวยกำรทํำเหตุปใจจัยท่ีจะใหผลสํำเร็จท่ี
ตองกำรนัน้ เกดิ ข้ึน และจดั กำรกบั สิง่ ท้งั หลำยดวยปญใ ญำ
2. หลักเร่ืองกรรมกับกำรอนุรักษแสิ่งแวดลอม หรือหลักกฎแหงกรรม คือ
กฎธรรมชำติขอหน่ึงที่วำดวยกำรกระทํำ และผลแหงกำรกระทํำ ทํำดียอมไดรับ
ผลดี ทํำช่ัว ยอมไดรับผลช่ัว เป็นตน กรรมใดใครกอ ตนเองเทำนั้นท่ีจะไดรับผล
ของส่ิงที่กระทํำ
3. หลักเรื่องเมตตำกับกำรอนุรักษแส่ิงแวดลอม เมตตำ หมำยถึงไมตรี
ควำมรัก ควำมปรำรถนำดี ควำมเห็นอกเห็น ใจ ควำมเขำใจดีตอกัน ควำมใสใจ
หรอื ตองกำรสรำงเสรมิ ประโยชนสแ ขุ แกเ พ่อื นมนุษยแ สัตวแท้งั หลำย และสิ่งแวดลอม
-139-
เครือขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์
และดวยจิตเมตตำจึงกอใหเกิดกำรอนุรักษแเพื่อรักษำฟื้นฟูส่ิงแวดลอมเพื่อควำมอยู
รอดปลอดภัยของคนและสัตวแทั้งหลำยสืบไป คุณคำของเมตตำตอส่ิงแวดลอม คือ
กำรใหทำน แบงปในส่ิงของ กำรใหอภัยทำน กำรกระทํำประโยชนแสุขแกเขำ โดย
กำรไมเ บียดเบยี นชีวิต เป็นตน
แนวปฏบิ ัติของเครอื ขำ ยพระนักพัฒนำในกำรพัฒนำคณุ ภำพชีวิตของกลุม
ชำตพิ ันธุบแ นพน้ื ท่ีสูง
กำรดํำเนินงำนดำนกระบวนกำรพัฒนำแหลงทองเท่ียวทำงศำสนำและ
วั ฒ น ธ ร ร ม ข อ ง ก ลุ ม ช ำ ติ พั น ธุแ บ น พ้ื น ที่ สู ง ใ น พื้ น ที่ ต น แ บ บ ข อ ง เ ค รื อ ข ำ ย พ ร ะ
นักพัฒนำ เป็นกำรทํำงำนท่ีสอดคลองกับบทบำทหนำที่หลักของพระธรรมจำริก
และพระบัณฑิตอำสำในดำนตำงๆ โดยผูวิจัยไดดํำเนินกำรจัดเวทีประชุมกำร
ดํำเนินงำนดำนกระบวนกำรพัฒนำแหลงทองเที่ยวทำงศำสนำและวัฒนธรรม 2
เสนทำง จำกผลกำรจัดประชุมระดมควำมคิดเพื่อวิเครำะหแผลกำรดํำเนินงำนของ
เครือขำยพระนักพัฒนำและกระบวนกำรสงเสริมกำรทองเท่ียวชุมชนของกลุมชำติ
พันธุแบนพ้ืนที่สูงของเครือขำยพระนักพัฒนำบนพื้นท่ีสูง ณ อำศรมพระบัณฑิต
อำสำ 2 เสน ทำง มีผลสรปุ ดงั น้ี
เสนทำงท่ี 1 เสนทำงทองเท่ียวอำศรมพระบัณฑิตอำสำอํำเภอกัลยำณิ
วัฒนำ จังหวัดเชียงใหม ไดแก วัดบำนจันทรแ ตํำบลบำนจันทรแ วัดหวยบง ตํำบล
บำนจนั ทรแ อำศรมบำนหนองแดง ตํำบลบำนจนั ทรแ
เสนทำงที่ 2 เสนทำงตำมรอยพอหลวง ร.9 บำนแสนคํำลือ อํำเภอปำงมะ
ผำ จังหวัดแมฮองสอน ไดแก อำศรมบำนแสนคํำลือ ตํำบลถํ้ำลอด และอำศรม
บำ นลกุ ปำุ ก฿อ ตำํ บลสบปอุ ง
แนวปฏิบัติของเครือขำยพระนักพัฒนำและกระบวนกำรเพิ่มรำยไดเกษตร
วิถีพุทธของกลุมชำติพันธแุบนพื้นที่สูงในพ้ืนท่ีตนแบบ เวียงปุำเปูำ แมสรวย เมือง
เชียงรำย ผลกำรวเิ ครำะหพแ บวำพระนักพฒั นำไดด ํำเนินกำรในแตละดำ น ดงั นี้
1. สงเสริมใหควำมรูทำงดำนกำรเกษตร โดยกำรสงเสริมใหควำมรูในกำร
ทำํ เกษตรแบบวถิ พี ุทธ ใหค วำมรกู ำรปลกู พชื ท่ีดูแลงำย และเป็นพืชที่สำมำรถสรำง
รำยได เชน กำรปลูกกำแฟ อโวคำโด เป็นตน โดยมีกำรเช่ือมโยงเป็นเครือขำย
กับพระบัณฑิตที่ทํำเกษตรแบบวิถีพุทธกับอำศรมบำนดอยลำน ตํำบลวำรี อํำเภอ
-140-
เครอื ขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธ์ุ
แมสรวย จังหวัดเชียงรำย และหำแหลงสนับสนุนหรือเขำรวมกับจำกหนวยงำน
ตำงๆ เชน โครงกำรหลวง หรือเครือขำยทำงกำรเกษตรอํำเภอหรือจังหวัด และ
หนวยงำนทำงกำรเกษตรของเอกชน เป็นตน เชิญหนวยงำนดำนเกษตรของรัฐ มำ
ใหควำมรูในกำรทํำเกษตรแบบวิถีพุทธ หรือเกษตรแบบทฤษฎีใหมที่ถูกตอง อัน
เปน็ ประโยชนแตอ กำรดำํ เนินชวี ิตและเปน็ เพิ่มรำยไดท ่ียั่งยนื
2. สงเสริมดำนคุณธรรม ใหคนในแกชุมชน มีคุณธรรม ซ่ือสัตยแสุจริต
ขยันอดทน แบง ปในกัน เชน โครงกำรเสรมิ สรำงควำมรกั ควำมสำมัคคี ผูนํำชุมชน
กจิ กรรมสำนสมั พันธแ สรำงควำมสำมัคคีภำยในหมบู ำน
3. สงเสริมในดำนอำชีพ โดยผูนํำในพ้ืนที่ เชน ผูใหญบำน กํำนัน หรือ
แกน นำํ ชุมชน ควรเป็นแบบอยำ งทีด่ ใี นกำรทํำเกษตรแบบวิถพี ุทธ สวนในเครือขำย
พระนักพัฒนำตองใหควำมรวมมือในกำรสนับสนุน สงเสริมใหเกษตรในกลุมชำติ
พันธแบนพื้นท่ีสูงในกำรทํำเกษตรแบบวิถีพุทธ มีควำมรูในดำนเกษตรกรรมแบบวิถี
พุทธ และใหเกิดภูมิปใญญำของตนเองในกำรประกอบอำชีพ โครงกำรพัฒนำ
ผลิตภณั ฑแจำกภูมปิ ใญญำทอ งถน่ิ เปน็ สินคำ เอกลักษณแประจํำหมูบำน
4. สงเสริมในใหคนในชุมชนพัฒนำตนเอง เชน รูจักกำรประมำณตน พอ
อยู พอกินและพ่ึงพำตนเองไดขยันหมั่นเพียร อดออม ไมฟุมเฟือย ดํำเนินชีวิต
ดวยสติปใญญำ พยำยำมพัฒนำชีวิตดำนเศรษฐกิจดวยกำรพึ่งตนเองเป็นหลัก รูจัก
กำรใชจำยทรัพยแท่ีหำไดมำและรักษำทรัพยแท่ีไดมำ ไมโลภ รูจักกำรเล้ียงชีวิตแต
พอเหมำะพอดีกบั ตนเอง รจู ักเลือกคบหำมิตรที่ดี รูจักเสวนำคบคนดีที่เก้ือกูลกัน มี
ชีวิตเรียบงำยสมถะพอประมำณสอดคลองกับสภำพแวดลอม สรำงภูมิคุมกันใหกับ
ตนเองตอโลกในยุคโลกำภิวัตนแไมใหลุมหลงในวัตถุนิยมและบริโภคนิยม พึงพอใจ
ในส่งิ ทต่ี นมีอยู
5. สงเสริมดำนบํำรุงรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอม โดยกำร
เชิญหนวยงำนดำนเกษตรของรัฐ มำใหควำมรูในกำรทํำปุยอินทรียแ เขำรับกำร
อบรมในหนว ยงำนเกษตรตํำบลหรือจงั หวัดท่ีใหควำมรูในกำรทํำปุยอินทรียแ ศึกษำดู
งำนของเกษตรกรทใี่ ชป ยุ อนิ ทรียแในกำรทํำเกษตรท่ีประสบควำมสำํ เรจ็
โดยสรุป แนวปฏิบัติของเครือขำยพระนักพัฒนำและกระบวนกำรเพ่ิม
รำยไดเกษตรวิถีพุทธของกลุมชำติพันธุแบนพื้นที่สูงในพ้ืนที่ตนแบบ เวียงปุำเปูำ
แมสรวย เมืองเชียงรำย ของเครือขำยพระนักพัฒนำ ผลกำรวิเครำะหแแนวปฏิบัติ
-141-
เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลุ่มชาติพนั ธ์ุ
พบวำพระนักพัฒนำไดดํำเนินกำรหลำยดำน คือ สงเสริมใหควำมรูทำงดำน
กำรเกษตร สงเสริมดำนคุณธรรม สงเสริมในดำนอำชีพ สงเสริมในใหคนในชุมชน
พัฒนำตนเอง และสง เสรมิ ดำ นบำํ รุงรักษำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสิง่ แวดลอ ม
แนวปฏิบัติของเครือขำยพระนักพัฒนำและกำรดูแลผูสูงอำยุของกลุมชำติ
พันธุแบนพื้นทสี่ งู มีผลสรปุ ดังนี้
1. บทบำทหนำท่ีของพระธรรมจำริกและพระบัณฑิตอำสำดำนกำรเผยแผ
พระพทุ ธศำสนำบทบำทหนำท่ีของพระธรรมจำริกและพระบัณฑติ อำสำดำนกำรเผย
แผพระพุทธศำสนำในหมูบำนชำวเขำ มีมำกมำยหลำยดำน แตท่ีสํำคัญที่สุดคือ
ดำนกำรเผยแผหลักธรรมคํำสอนของพระพุทธศำสนำ โดยมีจุดประสงคแเพื่อให
ชำวเขำมีควำมรู ควำมเขำ ใจ เกิดกำรยอมรับและนํำเอำหลักธรรมไปเป็นแนวทำง
ปฏิบัติในชีวิตประจํำวันได บทบำทหนำท่ีของคณะพระธรรมจำริก โครงกำรพระ
ธรรมจำริกสวนภูมิภำค และพระบัณฑิตอำสำ ไดกํำหนดแนวทำงไวดังนี้กิจวัตร
ประจำํ วนั บิณฑบำตเป็นกิจวัตร นํำทํำวัตรสวดมนตแเย็น ทํำอำศรมใหสะอำดรมร่ืน
ปฏิบัติตนตำมวินัยของพระสงฆแอยำงเครงครัด กำรเผยแผธรรมะ เทศนแเสียงตำม
สำย สอนศลี ธรรมในโรงเรียน (พระพุทธศำสนำ) ชักจูงชำวบำนมำสวดมนตแปฏิบัติ
ธรรม ถือศีล 8 สรำงแกนนํำชำวพุทธ แนะนํำ สงเสริมศำสนพิธีที่ใชใน
ชีวิตประจํำวัน เชน กำรรับนิมนตแ กำรแตงงำน จัดงำน, ศำสนพิธีวันสํำคัญทำง
ศำสนำและของชำติ กำรศึกษำวิจัย ศึกษำและฝึกพูดภำษำชำวเขำเผำท่ีปฏิบัติงำน
ศกึ ษำวัฒนธรรมประเพณีตำมที่ไดรับมอบหมำย เขียนรำยงำนวิจัยและรวมประชุม
เร่ืองที่วิจัยทุกเดือน และกำรสังคมสงเครำะหแและพัฒนำ จัดตั้งและพัฒนำกลุม
ตำงๆในหมบู ำน (เยำวชน แมบำ น ผสู งู อำยุ กลุมอำชีพ ฯลฯ) สงเสริมสนับสนุน
องคแกรในหมูบำนใหเขมแข็ง ประสำนงำนกับองคแกรในทองถิ่นทั้งภำครัฐและ
เอกชนท่ีเกี่ยวของ ใหคํำแนะนํำปรึกษำดำนกำรดํำเนินงำนแกองคแกรในทองถิ่น
สงเครำะหบแ คุ คลและครอบครวั ท่ที ุกขแยำกเดือดรอน (คนยำกจน คนพิกำร ผูสูงอำยุ
ผปู ระสบภยั )
2. กำรจัดทํำยุทธศำสตรแกำรขับเคล่ือนงำนพระธรรมจำริกและพระบัณฑิต
อำสำ มดี งั น้ี
ยุทธศำสตรแท่ี 1 กำรนํำหลักธรรมเพ่ือพัฒนำคุณภำพชีวิตของบุคคล
ครอบครัวและชุมชนใหเขมแข็ง มี 3 กลยุทธแ คือ สงเสริมกำรนํำหลักธรรมไป
-142-
เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ
ปฏิบัติ สงเสริมกำรมีสวนรวมในกำรพัฒนำชุมชน สงเสริมสุขอนำมัยและ
สำธำรณสขุ ข้นั พนื้ ฐำน
ยุทธศำสตรแที่ 2 กำรบริหำรจัดกำรองคแกรและทรัพยำกรมนุษยแ มี 5 กล
ยุทธแ คือ กำรสรรหำพระธรรมจำริก กำรพัฒนำศักยภำพบุคลำกรในองคแกร สรำง
ขวัญกํำลังใจ กำรพัฒนำกำรบริหำรงำนโครงกำรพระธรรมจำริก กำรจัดระบบ
บรกิ ำรเทคโนโลยสี ำรสนเทศใหเกิดประโยชนแสูงสดุ
ยุทธศำสตรแที่ 3 กำรอนรุ กั ษฟแ ื้นฟแู ละพฒั นำวัฒนธรรมประเพณี ทรัพยำกร
และสิ่งแวดลอมของทองถ่ิน มี 2 กลยุทธแ คือ สงเสริมกำรสรำงจิตสํำนึกใหชุมชน
ฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณี ทรัพยำกรและสิ่งแวดลอม สรำงภำคีเครือขำยในกำร
อนุรักษศแ ลิ ปะ วัฒนธรรม ทรัพยำกรและส่ิงแวดลอ ม
ยุทธศำสตรแที่ 4 กำรขยำยพ้ืนที่ปฏิบัติงำนใหครอบคลุมบนพื้นที่สูง มี 4
กลยุทธแ คือ เสริมสรำงศักยภำพพระธรรมจำริกสัญจรและแกนนํำ สงเสริม
สนับสนุนกำรเผยแผพระพุทธศำสนำบนพ้ืนที่สูง สรำงขวัญกํำลังใจและสนับสนุน
กำรปฏิบัติงำนเผยแผของแกนนํำ เพ่ิมหมูบำนกำรปฏิบัติงำนเผยแ ผ
พระพุทธศำสนำบนพนื้ ที่สูง
ยุทธศำสตรแท่ี 5 กำรสรำงเครือขำยภำคีหนุนเสริม มี 4 กลยุทธแ คือ สรำง
กระบวนกำรกำรวำงแผนแบบมีสวนรวม ประสำนงำนควำมรวมมือภำคีระดับตำงๆ
กำรสรำงพลังขับเคลอื่ นชุมชนรว มกัน กำรติดตำมและประเมินผลรว มกนั
สรุปไดวำ บทบำทหนำท่ีของพระธรรมจำริกที่ปฏิบัติภำรกิจประจํำอยูใน
หมูบ ำนท่มี ีจดุ มุงหมำยสำํ คัญคอื กำรเผยแผพระพุทธศำสนำแกชำวเขำน้ัน จะตอง
ปฏิบัติงำนตำมนโยบำยเชิงรุก ตำมบทบำทหนำที่ของพระธรรมจำริกท่ีกํำหนดไว
และตำมยทุ ธศำสตรแกำรขับเคลอื่ นงำนพระธรรมจำริกท้งั 5 ยุทธศำสตรแ
วิธีกำรเผยแผพระพุทธศำสนำของพระธรรมจำริกและพระบัณฑิตอำสำใน
หมูบำนชำวเขำ โดยเฉพำะในหมูบำนหวยปง ไดกํำหนดวิธีกำรเผยแผเป็นแนว
ปฏิบตั ิ 2 ดำน คอื กำรเผยแผเ ชงิ รุกและเชิงรบั
1. เชิงรุก หมำยถึง กำรท่ีพระธรรมจำริกและพระบัณฑิตอำสำปฏิบัติงำน
โดยมุงเดินหนำหำกัลยำณมิตร ไมอยูแตในอำศรม เป็นพระประเภทคันถธุระ
พบปะกับชำวบำนที่เป็นชำวเขำอยูเป็นประจํำมิไดขำด มิใชพระประเภทวิปใสสนำ
ธุระ ท่ีมุงควำมสงบเพื่อควำมหลุดพนจำกกิเลส มีวิธีกำรเผยแผเชิงรุกดังนี้คือ กำร
-143-
เครือข่ายพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลุม่ ชาติพนั ธุ์
สรำงศรัทธำของชำวเขำ กำรสรำงศำสนทำยำท และกำรขยำยหมูบำนปฏิบัติงำน
สวนกำรปฏิบัติงำนกับชุมชน พระธรรมจำริกและพระบัณฑิตอำสำไดรวมกับ
เจำหนำท่ีพัฒนำสังคมหนวยที่ 13 จังหวัดเชียงใหม ประจํำอํำเภอเชียงดำว ครู
สอนเรยี นของศูนยกแ ำรเรียนชมุ ชนชำวไทยภูเขำแมฟ ำู หลวงบำนหวยปง จํำนวน 2
คน และนักวิจัย ไดจัดประชุมรวมกับชำวเขำในหมูบำน 2 ครั้งๆ แรก จัดประชุม
เฉพำะชนเผำมูเซอ ครั้งท่ีสอง จัดประชุมเฉพำะชนเผำปะหลอง ซึ่งมีลักษณะ
วิธีกำร และผลของกำรประชุม ในกำรประชุมชำวบำนในเชิงภำวะสรำงสรรคแ
(Appreciate Influence Control คํำยอ AIC) ผูวิจัยไดปรึกษำหำรือกับพระ
ธรรมจำริกและพระบัณฑิตอำสำกับผูนํำของหมูบำน เร่ืองกำรคนหำปใญหำของ
ชุมชนเพ่ือเป็นขอมูลเบ้ืองตนสํำหรับใชในกำรคิดวิเครำะหแ กำรวำงแผน และกำร
ดํำเนินงำนเพ่อื แกไขปญใ หำของชมุ ชนตอไป เน่ืองจำกหมูบำนหวยปง มี 2 หยอม
บำน คือ บำนมูเซอและบำนปะหลอง ดังน้ัน กำรคนหำปใญหำชุมชนดวยวิธีกำร
เชญิ ตัวแทนชำวบำ นมำประชมุ ในดำนกำรพฒั นำคุณภำพชีวิตของผูสูงอำยุในเร่ือง
อำชีพเสริม ตองกำรใหหนวยงำนของทำงรำชกำรเขำไปสงเสริมอำชีพรอง เชน
กำรเล้ียงสกุ ร กำรเพำะเห็ด กำรทำํ ปยุ ชีวภำพ กำรทอผำ กำรจักสำน เป็นตน เร่ือง
สุขภำพอนำมัย ตองกำรใหหนวยงำนดำนกำรสงเสริมสุขภำพไดจัดอบรมควำม รู
แกชำวบำนในเร่ืองตำงๆ อำทิ เร่ือง กำรปูองกันโรคติดตอ เร่ืองอำหำรและ
โภชนำกำร น้ํำด่ืม กำรตรวจสุขภำพ กำรวำงแผนครอบครัว กำรขำดสำรอำหำร
ฯลฯ และเร่ืองสวัสดิกำรสังคม ชำวบำนท่ีเป็นคนชรำ คนพิกำร คนยำกจน ท่ี
เดือดรอนชวยตนเองไมได ยังไมไดรับควำมชวยเหลือ ซึ่งมีท้ังผูที่ไดและยังไมได
สัญชำตไิ ทย แมผูไดสัญชำติไทยแลว ยังไมมีแมแตรำยเดียวที่ไดรับเบี้ยยังชีพรำย
เดือน
2. เชิงรับ กำรเผยแผพระพุทธศำสนำเชิงรับของพระธรรมจำริกและพระ
บัณฑิตอำสำ อำจแบงออกเป็นกำรปรับปรุงอำศรมใหสะอำดรมรื่น กำรรับกิจ
นมิ นตแ กำรชว ยเหลือผูทุกขแยำกเดือดรอน กำรสรำงควำมสำมัคคีปรองดองกันใน
หมูบำน เชน กำรปรับปรุงอำศรมใหสะอำดรมรื่น อำศรมพระธรรมจำริกและพระ
บัณฑิตอำสำเป็นศำสนสถำนท่ีเป็นสำธำรณะ อำศรมพระธรรมจำริกบำนหวยปง
เป็นอำศรมท่ีสรำงข้ึนเมื่อปี พ.ศ.2547 นับวำเป็นอำศรมแหงใหม กำรสรำง
ถำวรวัตถุเป็นศำสนสถำนที่ม่ันคงและเกิดประโยชนแ จึงยังอยูในชวงระยะเวลำของ
-144-
เครอื ขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์
กำรดํำเนินงำน ยังไมเสร็จสมบูรณแ กำรปลูกไมยืนตนรอบบริเวณท่ีดินของอำศรม
ไดดํำเนินกำรแลว ตนไมยังไมเจริญเติบโตมำกนัก พ้ืนที่ของอำศรมไดมีส่ิงปลูก
สรำงคือโบสถแ กุฏิ หองครัว และหองสุขำ ลำนอำศรมมีพื้นท่ีวำงสํำหรับกำรเลน
กีฬำของเดก็ และเยำวชน ซึ่งไปเลนกันเป็นประจํำแทบทุกวัน กำรชวยเหลือผูทุกขแ
ยำกเดือดรอน พระธรรมจำริกบำนหวยปงไดศึกษำระดับปริญญำตรีสำขำสังคม
สงเครำะหแศำสตรแจบกำรศึกษำตำมหลักสูตรแลว จึงมีควำมรูควำมสำมำรถในกำร
ปฏิบัติงำนดำนสังคมสงเครำะหแ กำรชวยเหลือผูทุกขแยำกเดือดรอนโดยเฉพำะคน
ยำกจน คนพกิ ำรและคนชรำ พระธรรมจำริกไดชวยเหลอื ตำมหลักและวิธีกำรสังคม
สงเครำะหแ เมื่อไดขอมูลขอเท็จจริงแลวไดสงเรื่องตอ (refer case) ไปยัง
หนวยงำนที่รับผิดชอบ คอื ศนู ยพแ ัฒนำสังคมหนวยที่ 13 จังหวัดเชียงใหม ประจํำ
อำํ เภอเชียงดำว และหนวยงำนทองถ่ินคือ องคแกำรบริหำรสวนตํำบลแมนะ อํำเภอ
เชียงดำว ผลกำรชวยเหลือคือ ศูนยแพัฒนำสังคมหนวยท่ี 13 ไดสนับสนุนดำน
อำชีพโดยมอบลูกสุกร 10 ตัวมำใหคนยำกจนเลี้ยงไวบริโภคหรือขำยตอไป สวน
กำรชวยเหลอื ดำนเบี้ยยงั ชีพใหแกค นชรำและคนพิกำรยังไมไ ดร ับ เปน็ ตน
แนวปฏิบัติของเครือขำยพระนักพัฒนำและกระบวนกำรส่ือสำรวัฒนธรรม
เพื่อกำรเรียนรูของกลุมชำติพันธแุบนพื้นที่สูงในพื้นที่ตนแบบ สบเมย แมลำนอย
ขุนยวม เมืองแมฮองสอนของเครือขำยพระนักพัฒนำตำมกรอบทฤษฎีกำรสื่อสำร
ของเดวิด เค เบอรโแ ล พบวำ
1. กำรสอื่ สำรของพระนกั พัฒนำ (Sender) เป็นกำรทํำงำนเชิงรุกมำกกวำ
เชิงรับ เพื่อสรำงควำมสัมพันธแท่ีดีใหแกชุมชน โดยเฉพำะกำรทํำงำนเชิงรุกนั้น
พระนักพัฒนำไมใชเป็นกำรเดินทำงเขำไปชวยเหลืออนุเครำะหแหรือเผยแผธรรมะ
เพียงครั้งหรือสองคร้ังแลวไมไปอีกเลย แตตองเดินทำงเขำไปชุมชนนั้นๆ อยำง
ตอ เน่อื ง เขำ ไปเขำ ชว ยกลุมชำติพันธแุไมเฉพำะดำนศำสนำ แตตองทํำทุกเร่ืองและ
ทุกมิติท่ีเกี่ยวของกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชำวบำนในชุมชน ดังท่ี
พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพลอดุลยเดชฯ ในหลวงรัชกำลที่ 9 ไดให
แนวทำงในกำรทํำงำนไวคือ เขำใจ เขำถึง และพัฒนำ โดยพระนักพัฒนำตอง
เขำใจชำวบำนในชุมชน เขำถึงวิถีชีวิต และพัฒนำชำวบำนในชุมชนใหมีสัมมำ
อำชีพฉะน้ัน พระนักพัฒนำไมเพียงแตเขำไปสั่งสอนอบรมสั่งสอนชำวบำนใน
ชมุ ชนเทำ นั้น แตยังไดเ ขำไปสงเครำะหแชำวบำ นดว ยวัตถุสิ่งของที่จํำเป็นไปตอกำร
-145-