The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวทางปฏิบัติในการประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เหมาะสมกับกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา เป็นรายงานการติดตามผลดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม ภาวะผู้สูงอายุ และการเรียนรู้วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์แนวปฏิบัติของเครือข่ายพระนักพัฒนา และกระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา ในการสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ของพื้นที่ต้นแบบ (Model) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา และประเมินผลกระทบของพื้นที่ต้นแบบ (Model) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by MCU Books, 2021-03-02 08:59:40

เครือข่ายพระนักพัฒนากับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์

แนวทางปฏิบัติในการประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เหมาะสมกับกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา เป็นรายงานการติดตามผลดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม ภาวะผู้สูงอายุ และการเรียนรู้วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์แนวปฏิบัติของเครือข่ายพระนักพัฒนา และกระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา ในการสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ของพื้นที่ต้นแบบ (Model) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา และประเมินผลกระทบของพื้นที่ต้นแบบ (Model) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงของเครือข่ายพระนักพัฒนา

Keywords: คุณภาพชีวิต, เครือข่ายพระนักพัฒนา, ชุมชนพื้นที่สูง

เครอื ข่ายพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ

มองจำกด฾ำนหน฾ำแล฾วดูคล฾ำยมีแว฽นตำขนำดใหญ฽ สวมอยู฽ อีกจุดหนึ่งคือ พระธำตุ
จอมแจ฾ง จุดชมวิวบนเนินเขำท่ีประดิษฐำน “พระธำตุจอมแจ฾ง” อีกหน่ึงในพระ
ธำตศุ ักดิ์สทิ ธส์ิ ำํ คญั ของเมืองน้ี

ในบริเวณชุมชนวัดจันทรแ นอกจำกจะมีโครงกำรหลวงวัดจันทรแแล฾ว ก็ยังมี
พ้ืนท่ีท่ีเป็นแหล฽งท฽องเที่ยวท่ีนักท฽องเที่ยวหลำยคนร฾ูจักกันดี อย฽ำงเช฽น ปุำสนวัด
จันทรแ โดยองคแกำรอุตสำหกรรมปุำไม฾ หรือท่ีร฾ูจักกันว฽ำ “ออป. วัดจันทรแ” ที่มี
บรรยำกำศรม฽ ร่นื ดว฾ ยแนวต฾นสนที่ปลกู อย฽ูโดยรอบ นกั ทอ฽ งเที่ยวสำมำรถปใ่นจักรยำน
ไปตำมเส฾นทำง ชมทิวทัศนแปุำไม฾ ท฽ุงนำเขียวขจี อ฽ำงเก็บนํ้ำท่ีมีควำมงดงำมเป็น
อย฽ำงมำก โดยเฉพำะในช฽วงหน฾ำหนำว ท่ียำมเช฾ำจะมีสำยหมอกล฽องลอยอย฽ูเหนือ
ผืนนํ้ำและสำมำรถชมวิวทิวทัศนแของชุมชนวัดจันทรแได฾ที่จุดชมวิวบนเนินเขำ ที่
ประดิษฐำน “พระธำตุจอมแจ฾ง” ซ่ึงเป็นอีกหนึ่งพระธำตุศักดิ์สิทธ์ิของเมืองน้ี โดย
จะได฾มองเห็นชุมชนวัดจันทรแอันมีฉำกหลังเป็นเทือกเขำทอดยำว ท฽ำมกลำงปุำสน
และทงุ฽ นำอนั เขยี วขจี

ปุำสนบ฾ำนวัดจันทรแ อํำเภอกัลยำณิวัฒนำ ดํำเนินงำนโดยองคแกำร
อุตสำหกรรมปุำไม฾ เมื่อคร้ังท่ีพระองคแเสด็จพระรำชดํำเนินเยี่ยมรำษฎร ที่ บ฾ำนวัด
จันทรแ และ หม฽ูบ฾ำนใกล฾เคียง เม่ือวันที่ 18 กุมภำพันธแ 2522 ทรงพบว฽ำรำษฎรมี
ควำมแร฾นแค฾น ไม฽มีเส฾นทำงคมนำคม เชื่อมกับอํำเภอ ด฾อยโอกำสทำงกำรศึกษำ
และสุขภำพอนำมยั ผลผลิตข฾ำวสํำหรับบริโภคมีไม฽พอเพียงตลอดท้ังปี แต฽หม฽ูบ฾ำน
อย฽ูในสภำพแวดล฾อมซ่ึงอุดมด฾วยทรัพยำกรธรรมชำติ โดยเฉพำะทรัพยำกรปุำไม฾ท่ี
ยังคงสภำพสมบูรณแ จึงทรงมีพระกระแสรับส่ังให฾ ม.จ.ภีศเดช รัชนี องคแ
ผ฾ูอํำนวยกำรโครงกำรหลวง หำทำงช฽วยเหลือรำษฎร ตํำบลบ฾ำนจันทรแ ซึ่งใน
ขณะน้ันมอี ย฽ดู ว฾ ยกัน 15 หมู฽บำ฾ น และประชำกรส฽วนใหญ฽เป็นชำวเขำเผ฽ำกะเหร่ียง
โดยให฾คํำนึงถึงกำรอนุรักษแสภำพแวดล฾อมไว฾ด฾วย องคแผู฾อํำนวยกำรโครงกำรหลวง
ได฾นํำพระรำชกระแสรับสั่ง หำรือกับหน฽วยงำนท่ีเก่ียวข฾องและให฾มีกำรจัดตั้ง
คณะกรรมกำรบริหำรโครงกำรหลวงบ฾ำนวัดจันทรแ หรือ องคแกำรอุตสำหกรรมปุำไม฾
(อ.อ.ป.) เป็นหน่งึ ในคณะกรรมกำรจัดตัง้ โครงกำรหลวง

โครงกำรหลวงวัดจันทรแ ตั้งอยู฽ในอํำเภอกัลยำณิวัฒนำ จ. เชียงใหม฽
ก฽อกำํ เนดิ ข้นึ หลังจำกที่พระบำทสมเด็จพระเจ฾ำอย฽ูหัว ได฾เสด็จพระรำชดํำเนินเย่ียม
เยียนรำษฎรชำวเขำในเขตหม฽ูบ฾ำนวัดจันทรแ พระองคแทรงทรำบถึงควำมยำกลํำบำก

-96-

เครอื ขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของกลมุ่ ชาติพันธุ์

ของชำวเขำในพ้ืนท่ี จึงมีพระรำชดํำริให฾มีกำรพัฒนำบ฾ำนวัดจันทรแและหม฽ูบ฾ำน
ใกล฾เคียงเพ่ือก฽อ ต้ัง “ศูนยแพัฒนำโครงกำรหลวงวัดจันทรแ”ขึ้น เพื่อช฽วยให฾สร฾ำง
อำชีพ สร฾ำงรำยได฾ ให฾รำษฎร เพื่อให฾มีควำมเป็นอย฽ูที่ดีขึ้น พระองคแทรงทรำบถึง
ควำมยำกลำํ บำกของชำวเขำในพืน้ ท่ี จึงมีพระรำชดํำริให฾มีกำรพัฒนำบ฾ำนวัดจันทรแ
และหมู฽บ฾ำนใกล฾เคียงเพื่อก฽อ ต้ัง “ศูนยแพัฒนำโครงกำรหลวงวัดจันทรแ” ขึ้น เพ่ือ
ช฽วยให฾สร฾ำงอำชีพ สร฾ำงรำยได฾ ให฾รำษฎร เพื่อให฾มีควำมเป็นอยู฽ที่ดีข้ึนท่ีนี่เป็น
แหล฽งท฽องไฮไลตแมีทิวทัศนแ ธรรมชำติ สวยงำมของปุำสนที่ใหญ฽ที่สุดในประเทศ
ไทย ในช฽วงฤดูหนำวดินแดนกลำงหุบเขำแห฽งน้ี จะถูกปกคลุมไปด฾วยม฽ำนหมอก
และสำยลมอันหนำวเย็น ไม฽ว฽ำใครก็ตำมที่ได฾มำเยือนสถำนท่ีแห฽งน้ี คงไม฽พ฾นหลง
เสน฽หแกับควำมงำม ท่ีมองเห็นอย฽ูตรงหน฾ำ ภำพสำยหมอกลอยพริ้วปกคลุมทิวสน
และอำ฽ งเกบ็ น้ำํ รวมทัง้ สสี นั สดสวยของใบเมเปิล้ ท่ีพรอ฾ มใจกันผลัด เปลี่ยนสีในช฽วง
ปลำยปี บวกกับธรรมชำติอันอุดมงดงำมและไมตรีจิตของชำวพื้นถ่ิน ทั้งหมดนี้จะ
ยังคงตรำตรึงอย฽ใู นควำมประทับใจของผ฾ูทีไ่ ดไ฾ ปเยือน

พ.ศ.2522 พระบำทสมเด็จพระเจ฾ำอย฽ูหัวได฾เสด็จพระรำชดํำเนินเย่ียม
เยียนรำษฎรชำวเขำใน เขตหม฽ูบ฾ำนวัดจันทรแ ทรงทรำบถึงควำมทุกขแยำกของ
ชำวเขำในพ้ืนที่ ตลอดจนเส฾นทำงคมนำคมก็ไม฽เอื้ออํำนวยต฽อกำรดํำรงชีวิต จึงมี
พระรำชดํำริให฾มีกำรพัฒนำบ฾ำนวัดจันทรแและหมู฽บ฾ำนใกล฾เคียง จัดต้ังศูนยแพัฒนำ
โครงกำรหลวงวัดจันทรแขึ้นเพ่ือยกระดับคุณภำพชีวิตของรำษฎร ในพื้นที่ ส฽งเสริม
อำชีพเกษตรกรรมปลูกพืชผักและผลไม฾เมืองหนำวศูนยแ พัฒนำโครงกำรหลวงวัด
จันทรแ มีพื้นท่ีรับผิดชอบ 153,592 ไร฽ ครอบคลุมพื้นท่ีจังหวัดเชียงใหม฽ 19
หมู฽บ฾ำน และพ้ืนที่จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน 2 หมู฽บ฾ำน ประชำกรในพื้นท่ีเป็นชำวเขำ
เผ฽ำปกำเกอญอ (กะเหรี่ยง) จํำนวน 1,823 ครัวเรือน ลักษณะภูมิประเทศเป็น
พ้ืนที่ปุำสนและปุำเต็งรังขนำดใหญ฽ที่อุดมสมบูรณแ อย฽ูสูงจำกระดับน้ํำทะเล 960
เมตร

“ศูนยแพัฒนำโครงกำรหลวงวัดจันทรแ” หรือ “โครงกำรหลวงวัดจันทรแ” นั้น
กํำเนิดข้ึนภำยหลังจำกที่พระบำทสมเด็จพระเจ฾ำอย฽ูหัวได฾เสด็จพระรำช ดํำเนิน
เยี่ยมรำษฎรชำวเขำในเขตหม฽ูบ฾ำนวัดจันทรแ เม่ือวันท่ี 17 กุมภำพันธแ 2522 และ
ไดท฾ รงทรำบถึงควำมทกุ ขแยำกของชำวเขำในพ้ืนท่ี จึงมีพระรำชดํำริให฾มีกำรพัฒนำ
บำ฾ นวดั จนั ทรแและหม฽ูบ฾ำนใกล฾เคียง เพ่ือให฾รำษฎรมีควำมเป็นอย฽ูที่ดีข้ึน โดย จัดตั้ง

-97-

เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของกลุ่มชาติพนั ธุ์

คณะกรรมกำรบริหำร “ศูนยแพัฒนำโครงกำรหลวงวัดจันทรแ” ซึ่งมีหม฽อมเจ฾ำภีศเดช
รัชนี เป็นองคแประธำนกรรมกำร ผู฾ว฽ำรำชกำรจังหวัดเชียงใหม฽ เป็นรองกรรมกำร
และผ฾ูแทนจำกหน฽วยงำนต฽ำงๆ ที่เก่ียวข฾องร฽วมกันเป็นกรรมกำร อำทิ สํำนักงำน
คณะกรรมกำรวิจัยแห฽งชำติ กรมชลประทำน องคแกำรอุตสำหกรรมปุำไม฾ กรม
ส฽งเสริมกำรเกษตร กรมพัฒนำทดี่ นิ เป็นตน฾

แหล฽งท฽องเที่ยวชื่อดังในพื้นท่ี เช฽น “ปำงอุเงน฾อย” หรือพ้ืนท่ีส฽วนปศุสัตวแ
ของโครงกำรหลวงวัดจันทรแ เหตุท่ีเรียกว฽ำปำงอเุงน฾อย ก็เพรำะมีอ฽ำงเก็บนํ้ำขนำด
ย฽อมๆ แวดลอ฾ มด฾วยปุำสน มีโรงเลี้ยงกระต฽ำย และฝูงแกะเดินเล฽นอย฽ูท฽ำมกลำงทุ฽ง
หญ฾ำและปุำสน หำกมำเยอื นท่ีโครงกำรหลวงวดั จันทรแ หรอื แม฾แต฽ในบริเวณชุมชน
วัดจันทรแ นอกจำกจะเป็นกำรมำท฽องเท่ียวกระจำยรำยได฾แก฽ชุมชน ซึ่งเป็นกำร
ช฽วยเหลือชำวบ฾ำนในพื้นท่ีได฾อีกทำงหน่ึงแล฾ว ก็ยังได฾มำรํำลึกถึงพระมหำ
กรุณำธิคุณของพระบำทสมเด็จพระเจ฾ำอย฽ูหัว ผ฽ำนโครงกำรส฽วนพระองคแที่ช฽วย
พัฒนำควำมเป็นอยู฽ของชำวบ฾ำนในพ้ืนท่ี ซึ่งเป็นเพียงส฽วนเล็กๆ เท฽ำนั้น ที่
พระองคทแ รงทำํ เพ่ือประชำชนชำวไทย

ในพ้ืนที่ของ อ.กัลยำณิวัฒนำ (ที่รู฾จักกันในนำม “ปุำสนวัดจันทรแ”) แต฽
เดิมน้ันเป็นท่ีอยู฽ของชำวปกำเกอะญอ ในภำยหลัง ก็มีคนเมืองเข฾ำมำอยู฽อำศัย
ร฽วมกันกับชำวปกำเกอะญอ กลำยเป็นชุมชนบ฾ำนจันทรแ หรือชุมชนบ฾ำนวัดจันทรแ
ในเวลำต฽อมำ โดยชำวปกำเกอะญอเรียกดินแดนน้ีว฽ำ “มือเจะคี” ซ่ึงมีควำมหมำย
ว฽ำ “ตน฾ น้ํำแม฽แจ฽ม” เนื่องจำกปุำไม฾ที่น่ีเป็นต฾นกํำเนิดของลํำห฾วยเล็กๆ หลำยสำย
ที่ไหลไปรวมกันเป็นต฾นน้ํำแม฽แจ฽ม และไหลไปรวมกับแม฽นํ้ำปิง ก฽อนท่ีจะรวมปิง
วัง ยม น฽ำน กลำยเป็นแม฽นํ้ำเจ฾ำพระยำ เส฾นเลือดสำยใหญ฽ของคนภำคกลำง ด฾วย
ภูมิประเทศในบรเิ วณนี้สว฽ นใหญจ฽ ะเป็นเนนิ เขำและภูเขำท่ีสลับซับซ฾อน เป็นปุำสน
เขำ สนสองใบ และสนสำมใบ ทํำให฾ชำวบ฾ำนส฽วนใหญ฽มีกำรประกอบอำชีพ
ทำงกำรเกษตร ทั้งพืชไร฽ พืชผัก และไม฾ผลเมืองหนำว ทำงศูนยแพัฒนำโครงกำร
หลวงวัดจันทรแ จึงได฾เข฾ำมำช฽วยพัฒนำกำรประกอบอำชีพของชำวบ฾ำนให฾มีรำยได฾
เพ่ิมมำกขึ้น

ในสว฽ นของแหล฽งทอ฽ งเท่ียวทำงธรรมชำติ นกั ท฽องเทยี่ วก็สำมำรถเข฾ำไปเดิน
ปุำศึกษำธรรมชำติ ชมวิวทะเลหมอก ชมกอไผ฽ยักษแ เข฾ำไปเท่ียวนํ้ำตกห฾วยฮ฽อม
และพักผ฽อนบริเวณอ฽ำงเก็บน้ํำของกรมชลประทำน ที่สํำคัญก็คือ ดงสนสำมใบที่

-98-

เครอื ข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกล่มุ ชาตพิ ันธ์ุ

ข้ึนอยู฽ตำมธรรมชำติในบริเวณพ้ืนที่ของโครงกำร ที่เป็นเอกลักษณแของอํำเภอ
กัลยำณวิ ัฒนำ

เส฾นทำงท่ี 2 เส฾นทำงตำมรอยพ฽อหลวง ร.9 บ฾ำนแสนคํำลือ อํำเภอปำงมะ
ผำ฾ จังหวัดแม฽ฮอ฽ งสอน เส฾นทำงท฽องเที่ยวเชิงศำสนำและวัฒนธรรมแห฽งน้ี มีอำศรม
พระบณั ฑิตอำสำ 2 แห฽ง คอื อำศรมบำ฾ นแสนคำํ ลือ ตำํ บลถ้ำํ ลอด และอำศรมบ฾ำน
ลุกปำุ กอ฿ ตำํ บลสบปุอง มขี อ฾ มลู รำยละเอียดพืน้ ฐำนที่นำ฽ สนใจ ดงั น้ี

อํำเภอปำงมะผ฾ำเป็นแหล฽งอำรยธรรมเก฽ำแก฽มำต้ังแต฽ยุคก฽อนประวัติศำสตรแ
ดังปรำกฏร฽องรอยกำรอย฽ูอำศัยของมนุษยแในถํ้ำต฽ำงๆ ในพื้นที่อํำเภอปำงมะผ฾ำกว฽ำ
70 ถ้ํำ ค฾นพบโลงศพ โบรำณท่ีเรียกว฽ำ “โลงผีแมน” จํำนวนหลำยร฾อยโลง
ตลอดจนข฾ำวของเคร่ืองใช฾ เช฽น หม฾อดินเผำ ลำยเชือกทำบ เคร่ืองมือขวำนหิน
เครอื่ งประดับที่ทํำด฾วยสัมฤทธิ์ และลูกปใดต฽ำงๆ เป็นต฾น ในสมัยสงครำมโลกครั้งที่
2 กองทหำรญ่ีปุนได฾ตัดถนนจำกเมืองปำยไปยังจังหวัดแม฽ฮ฽องสอนเพ่ือเข฾ำส฽ู
ประเทศเมียนมำ ต฽อมำพ฽อค฾ำประชำชนได฾ใช฾เส฾นทำงนี้ในกำรติดต฽อไปมำโดยมี
จดุ พกั คำ฾ งแรมบรเิ วณท่ีหว฾ ยแม฽อูมอง ไหลลงน้ํำลำงเรียกว฽ำ “สบปุอง” และบริเวณ
ท่ีพักค฾ำงแรมเรียกว฽ำ “ปำงมะผ฾ำ” เป็นภำษำของชำวไทยใหญ฽เพรำะจุดที่พักแรม
นี้สำมำรถหำมะนำวมำปรุงอำหำรได฾ “ปำง” แปลว฽ำท่ีพักแรม “มะผ฾ำ” หรือ
“หมำกผ฾ำ” แปลว฽ำมะนำว “ปำงมะผ฾ำ” จงึ หมำยถงึ บริเวณท่ีพักแรมที่มีต฾นมะนำว
อย฽ูเป็นจํำนวนมำก ในรัศมี 20 กิโลเมตร รอบบ฾ำนสบปุองหรือปำงมะผ฾ำ เป็น
ภูเขำสลับซับซ฾อนมี ชำวไต (ไทใหญ฽) มูเซอ ลีซอ ตั้งบ฾ำนเรือนอยู฽เป็นหย฽อมๆ
และแทบจะตัดขำดจำกโลกภำยนอกโดยสิน้ เชงิ จนปี พ.ศ. 2520 ทำงรำชกำรได฾
ตัดถนนให฾ดีขึ้น บรรดำชำวพ้ืนรำบ ชำวเขำ จำก ต฽ำงอํำเภอ/จังหวัดและชนกลุ฽ม
นอ฾ ยผห฾ู ลบหนเี ขำ฾ เมอื งจำกประเทศเมยี นมำ ได฾อพยพเขำ฾ มำต้ังรกรำกทํำมำหำกิน
ม ำ ก ข้ึ น ต ำ ม ลํ ำ ดั บ เ นื่ อ ง จ ำ ก เ ป็ น พ้ื น ท่ี ที่ มี ค ว ำ ม อุ ด ม ส ม บู ร ณแ ข อ ง
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล฾อม กรมกำรปกครอง กระทรวงมหำดไทยจึงได฾
แบ฽งแยกเขตกำรปกครองต้ังก่ิงอํำเภอปำงมะผ฾ำ แยกกำรปกครองจำกอํำเภอเมือง
แม฽ฮ฽องสอน เม่ือ พ.ศ. 2530 และได฾ยกฐำนะเป็นอํำเภอปำงมะผ฾ำ เม่ือวันที่ 5
ธันวำคม พ.ศ. 2539 คํำขวัญประจํำอํำเภอ “ถิ่นผีแมน แดนร฾อยถํ้ำ งำมล้ํำ
ขุนเขำ รวมเผำ฽ ชำวดอย”

-99-

เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาติพันธุ์

บ฾ำนแสนคํำลือ ต้ังอย฽ูหม฽ูที่ 2 ตํำบลถ้ํำลอด อํำเภอปำงมะผ฾ำ จังหวัด
แม฽ฮ฽องสอน ในเส฾นทำงหลวงชนบทหมำยเลข 4014 ชำวบ฾ำนส฽วนใหญ฽เป็นชำว
มเู ซอแดง เม่อื สมยั ประมำณ ช฽วงปี พ.ศ.2497 – 2527 ตำ฽ งให฾ควำมเคำรพนับถือ
ชำยผู฾หน่ึงช่ือว฽ำ แสนคํำลือ เขำจัดเป็นผ฾ูนํำมูเซอแดงคนแรกในเขตจังหวัด
แม฽ฮ฽องสอน ที่มีชื่อเสียงโด฽งดังมำก พระบำทสมเด็จพระเจ฾ำอยู฽หัวฯ รัชกำลท่ี 9
เคยเสดจ็ เย่ียมเยอื นหมบ฽ู ำ฾ นแสนคำํ ลือ ซงึ่ แสนคำํ ลือเองก็ได฾มีโอกำสพูดคุยสนทนำ
กับพระองคแท฽ำนอย฽ำงสนิทสนมด฾วย กล฽ำวกันว฽ำ แสนคํำลือเป็นมูเซอแดงท่ีเกิด
แถบอํำเภอเชียงดำว จังหวัดเชียงใหม฽ ก฽อนจะอพยพมำทำงหัวแม฽ละ เขตพ้ืนท่ี
ตำํ บลเวียงแหง แลว฾ เขำ฾ ส฽ูเขตอำํ เภอปำย จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน พ฽อเฒ฽ำชำวมูเซอเล฽ำ
ว฽ำ สมัยสงครำมโลกคร้ังที่สอง หมู฽บ฾ำนแสนคํำลือ ได฾ต้ังอย฽ูในพ้ืนท่ีจังหวัดแม฽อ฽อง
สอนตอนบน สมัยนั้น หมู฽บ฾ำนแสนคํำลือ จัดเป็นหม฽ูบ฾ำนมูเซอแดงที่มีขนำดใหญ฽
กว฽ำหม฽บู ฾ำนมูเซอแดงอ่ืนๆ ในเขตจงั หวัดแมฮ฽ อ฽ งสอน

ก฽อนมำอยท฽ู ห่ี มูบ฽ ฾ำนแสนคำํ ลอื ปจใ จุบัน พวกเขำอพยพโยกย฾ำยหมู฽บ฾ำนบ฽อย
มำก ซงึ่ มรสำเหตุมำจำกกำรทม่ี สี มำชิกภำยในหม฽ูบ฾ำนปุวยไข฾ตำย สมัยน้ัน เชื่อว฽ำ
เป็นกำรกระทํำของภูตผี และต฾องกำรไปหำท่ีดินอันอุดมสมบูรณแทํำกินใหม฽ท่ีดีกว฽ำ
เดิมหม฽ูบ฾ำนแสนคํำลือเคยตั้งอยู฽ท่ี หนองหลวงเขตชำยแดนไทย-พม฽ำ แล฾วย฾ำยมำ
อย฽ูท่ีห฾วยมะหลอด ประมำณปี พ.ศ.2500 จำกน้ันย฾ำยมำอยู฽ท่ีบริเวณดอยใกล฾กับ
บ฾ำนเมืองแพม ประมำณปี พ.ศ.2503 จำกเมืองแพมย฾ำยไปสู฽บริเวณ โหลำง
ประมำณปี พ.ศ.2507 ช฽วงเวลำที่โยกย฾ำยกันไปมำอย฽ูบริเวณเขตพ้ืนท่ีอํำเภอปำย
และเขตพื้นที่กิ่งอํำเภอปำงมะผ฾ำอยู฽นี้ มีชำวบ฾ำนประมำณ 40-50 หลังคำเรือน
ช฽วงปี พ.ศ.2519-2525 ชำวมูเซอแดงจำกหมู฽บ฾ำนแสนคํำลือ รวมทั้งท่ีหมู฽บ฾ำน
อ่ืนๆ ได฾ทรำบข฽ำวจำกทำงรำชกำรว฽ำจะจัดสรรท่ีดินทํำกินให฾ในเขตพ้ืนที่โครงกำร
หมู฽บ฾ำนวนำหลวง ซ่ึงอยู฽ติดกับตัวกิ่งอํำเภอปำงมะผ฾ำในปใจจุบัน 1 กิโลเมตร พวก
เขำอพยพมำจำกดอย รวมท้งั ชำวบำ฾ นจำกหมูบ฽ ฾ำนแสนคำํ ลอื ด฾วยท่ีอพยพกันมำกว฽ำ
ครึ่งหนึง่ ของหม฽บู ำ฾ นแสนคำํ ลือ กอ็ พยพย฾ำยมำสู฽ชุมชนหมู฽บ฾ำนใหม฽น้ีด฾วย และเขำ
ไดเ฾ สียชวี ิตด฾วยควำมชรำ ณ หมู฽บ฾ำนวนำหลวง แห฽งนี้ เม่ือปี พ.ศ.2530 กล฽ำวกัน
ว฽ำเม่ือเขำตำยน้ันมีอำยุเกินกว฽ำ 100 ปี และหลังเขำตำยไปแล฾วได฾เกิดอำเพศไฟ
ปุำโหมไหม฾เผำพลำญ หม฽ูบ฾ำนวนำหลวงเกือบหมด จนกระทั่งทำงรำชกำรและ
หน฽วยงำนอนื่ ๆ ตอ฾ งเข฾ำมำให฾ควำมช฽วยเหลอื

-100-

เครือข่ายพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาติพันธ์ุ

หมู฽บ฾ำนแห฽งนี้มีลำนเฮลิคอปเตอรแข้ึนลงถึงสำมลำนเลย 29 แต฽เดิมท่ีนี่
ประสบปญใ หำเรอ่ื งนํ้ำกินนํ้ำใช฾ไม฽สำมำรถทํำกำรเกษตรกรรมใดๆได฾ แต฽มำวันน้ีทุก
บ฾ำนมีน้ํำกิน น้ํำใช฾ได฾อย฽ำงสะดวกสบำยไฟฟูำใช฾ได฾ทั้งพลังงำนแสงอำทิตยแและ
พลังงำนนํ้ำ สำมำรถใช฾ไฟฟูำได฾อย฽ำงตลอดทั้งวันแถมมือถือก็ยังมีสัญญำณใช฾ได฾
ในบำงจุดอีกดว฾ ย ในหม฽บู ฾ำนมลี ำนประเพณี ชำวลำห฽ูส฽วนหน่ึงยังคงนับถือผีอยู฽ ซ่ึง
เป็นควำมเชื่ออันเก฽ำแก฽ที่ มำแต฽บรรพชนอย฽ำงช฾ำนำน ถ฾ำมีคนไหนปุวยจะนํำ
เคร่ืองเซ฽นไหว฾มำ บนบำนศำลกล฽ำว ท่ีลำนประเพณีแห฽งน้ี อย฽ำงเช฽น ก฾อนหิน
คอนไม฾ และผ฾ำสขี ำวสีเหลือง เปรยี บไดเ฾ หมือนกับวัดของชำวลำห฽ู และท่ียึดเหนี่ยว
จติ ใจ

กำรเสด็จมำของในหลวงรัชกำลท่ี 9 ในคร้ังนั้นส฽งผลให฾ควำมเป็นอยู฽ของ
พสกนิกรชำวลำหู฽ท่ีนี่ดีขึ้น ชำวบ฾ำนส฽วนหนึ่งได฾ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงมำเป็น
แบบอย฽ำงในกำรดํำเนินชีวิต และประกอบอำชีพปลูกพืชผักในพ้ืนท่ี แต฽ยังประสบ
ปใญหำเรือ่ งกำรขนสง฽ และกำรจํำหนำ฽ ย จึงได฾เพียงแค฽รับประทำนกันแต฽ในครัวเรือน
เท฽ำน้นั หวงั ว฽ำในอนำคตกำรท฽องเที่ยวชุมชนของชำวลำหู฽ที่น่ีจะเป็นที่นิยมขึ้นด฾วย
สภำพพืน้ ท่ี เพรำะอย฽ไู ม฽ห฽ำงจำกอํำเภอปำย

หม฽ูบ฾ำนต้ังอย฽ูสูงเหนือระดับนํ้ำทะเลปำนกลำง 900 – 920 เมตร เรำ
สำมำรถเดินทำงเข฾ำส฽ูหมู฽บ฾ำนแสนคํำลือได฾ สองเส฾นทำง คือ จำกอํำเภอปำงมะผ฾ำ
ผำ฽ นมำทำงหม฽ูบ฾ำนแม฽ละนำและยำปุำแหน จำกหม฽ูบ฾ำนยำปุำแหนข้ึนดอยเร่ือยไป
ตำมทำงถนนท่ีผ฽ำนกลำงหมู฽บ฾ำน แล฾วเลี้ยวซ฾ำยลงส฽ูหม฽ูบ฾ำนมูเซอห฾วยแห฾ง จำก
หม฽ูบ฾ำนยำปุำแหนถึงหมู฽บ฾ำนห฾วยแห฾งเป็นระยะทำง 7 กิโลเมตร จำกหมู฽บ฾ำนห฾วย
แห฾งไปสู฽บ฾ำนแอโกเ เป็นระยะทำง 6 กิโลเมตร จำกบ฾ำนแอโกเถ฾ำไปตำมทำง
รถยนตแจะใช฾ระยะทำง 4.5 กิโลเมตร จึงจะถึงหมู฽บ฾ำนแสนคํำลือ แต฽ถ฾ำเดินตำม
ทำงเท฾ำข฾ำมลํำนำ้ํ ลำง ตัดข้ึนเนินไปจะใช฾เวลำประมำณ 15 นำที อีกเส฾นทำงหน่ึง
คือ เร่ิมออกจำกอํำเภอปำงมะผ฾ำ ไปสู฽หม฽ูบ฾ำนถํ้ำลอด จำกหม฽ูบ฾ำนถํ้ำลอดไปสู฽
หม฽ูบ฾ำนห฾วยแห฾ง และจำกหมู฽บ฾ำนห฾วยแห฾งไปสู฽หม฽ูบ฾ำนแอโกเ และหมู฽บ฾ำนแสนคํำ
ลือตำมลํำดบั รวมระยะทำงประมำณ 28 กิโลเมตร

หม฽ูบ฾ำนแสนคํำลือ ตั้งอยู฽บนเนินยอดเขำสูง สำมำรถมองเห็นทิวทัศนแ
รอบๆ ได฾ดี ทำงรำชกำรเรียกหม฽ูบ฾ำนแสนคํำลือ ในควำมหมำยท่ีครอบคลุมถึง
ชมุ ชนหยอ฽ มบำ฾ นแอโกเ ซงึ่ อยู฽ตดิ ชำยเนนิ เขำท่ีเปน็ ทีต่ ้งั ของหมู฽บำ฾ นแสนคํำลือ กำร

-101-

เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ

ท่ีหมู฽บ฾ำนข้ึนมำต้ังอยู฽บนเนินเขำเช฽นน้ีทํำให฾ห฽ำงไกลจำกแหล฽งน้ํำ ซึ่งในฤดูแล฾งท่ี
นํ้ำมีน฾อยทั้งหมู฽บ฾ำนแสนคํำลือ ยำปุำแทน และผำเจริญ จะมีปใญหำเรื่องน้ํำ
คล฾ำยกัน กำรที่หมู฽บ฾ำนแสนคํำลือ มีขนำดและประชำกรน฾อยกว฽ำบ฾ำนแอโกเ ที่ตั้ง
อย฽ูชำยเนนิ เขำลกู เดียวกนั ทำํ ใหส฾ ถำนทห่ี นว฽ ยงำนรำชกำรต฾องตั้งที่บ฾ำนแอโกเ และ
ชำวมเู ซอแดงแสนคำํ ลอื ตอ฾ งลงมำใช฾บรกิ ำรที่บ฾ำนแอโกเขำ฾ งล฽ำงดว฾ ย

พระรำชดํำริในพระองคแสมเด็จพระนำงเจ฾ำ ฯ มีรำยละเอียดพระรำชดํำริ
ให฾จัดตั้งหมู฽บ฾ำนตำมยทุ ธศำสตรแกำรปูองกนั ชำยแดนแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อควำมม่ังคง
ตำมแนวชำยแดน เพรำะทรงเป็นห฽วงในควำมปลอดภัยของรำษฎรและควำมม่ันคง
ปลอดภัยของประเทศเป็นอย฽ำงมำก กองทัพภำคท่ี 3 โดยกรมทหำรรำบท่ี 21
รักษำพระองคแ ฯ จึงได฾ทํำกำรรวบรวมรำษฎรชำวไทยภูเขำที่อำศัยอยู฽กระจัด
กระจำยในแต฽ละพื้นที่ให฾มำอย฽ูรวมกัน แล฾วจัดต้ังเป็นหม฽ูบ฾ำนตำมแนวชำยแดน
และได฾ดํำเนินงำนฝึกกํำลังประชำชนมำตั้งแต฽ปี 2524 จนถึงปใจจุบันรวม 8 ครั้ง
จำกรำษฎร 24 หม฽ูบ฾ำน จํำนวน 1,620 คน และระหว฽ำงกำรฝึกประชำชนก็ได฾
ดํำเนินกำรไปพร฾อมกับกำรลำดตระเวนตำมแนวชำยแดนโดยใช฾ม฾ำทำงยุทธวิธีและ
กำรบรรทุกต฽ำง ทํำกำรลำดตระเวนไปยังช฽องทำงที่สํำคัญ และพักแรมในปุำ
ตระเวนเฝำู ตรวจปูองกนั กำรลักลอบตดั ไมท฾ ํำลำยปุำ ปูองกันและปรำบปรำมยำเสพ
ติด และได฾ดํำเนินกำรจัดที่ดินทํำกินและที่อยู฽อำศัยให฾แก฽รำษฎร พร฾อมทั้งจัดระบบ
กำรพัฒนำที่เหมำะสมกับสภำพพ้ืนท่ีให฾รำษฎรได฾ประกอบอำชีพมีรำยได฾ที่แน฽นอน
ม่ันคงและสำมำรถพ่ึงตนเองได฾ (วันทพ่ี ระรำชทำน 17 กุมภำพันธแ 2544)

พระบำทสมเด็จพระมหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร พร฾อม
ด฾วย สมเด็จพระนำงเจ฾ำสิริกิต์ิ พระบรมรำชินีนำถ พระบรมรำชชนนีพันปีหลวง
และ พระบำทสมเด็จพระวชิรเกล฾ำเจ฾ำอยู฽หัว ขณะทรงดํำรงพระอิสริยยศ สมเด็จ
พระบรมโอรสำธิรำช สยำมมกุฎรำชกุมำร เสด็จพระรำชดํำเนิน ไปยังบ฾ำนแอโกเ
ตำํ บลปำงมะผ฾ำ อํำเภอเมืองแมฮ฽ ฽องสอน จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน ซึ่งเป็นหมู฽บ฾ำนมูเซอ
แดง โดยมีผ฾ูว฽ำรำชกำรจังหวัดแม฽ฮ฽องสอน ผู฾กํำกับกำรตํำรวจภูธรจังหวัด
แม฽ฮ฽องสอน และนำยอํำเภอเมืองแม฽ฮ฽องสอน เฝูำทูลละอองธุลีพระบำทรับเสด็จ
พร฾อมทั้งชำวบำ฾ นในบำ฾ นแอโกเ และท่ีมำจำกบำ฾ นแสนคํำลอื กับหม฽ูบำ฾ นใกล฾เคยี ง

พระบำทสมเด็จพระมหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร มีพระ
รำชปฏิสันถำรกับผู฾มำเฝูำทูลละอองธุลีพระบำทแล฾วเสด็จพระรำชดํำเนินไปทรง

-102-

เครือขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลมุ่ ชาติพันธุ์

บัญชำกำรปฏิบัติงำนของหน฽วยแพทยแพระรำชทำน สมเด็จพระนำงเจ฾ำสิริกิติ์
พระบรมรำชินีนำถ พระบรมรำชชนนีพันปีหลวง และ พระบำทสมเด็จพระวชิร
เกล฾ำเจ฾ำอย฽ูหัว ขณะทรงดํำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสำธิรำช สยำม
มกฎุ รำชกมุ ำร พระรำชทำนสมุด ดินสอ กับขนมหวำนแก฽เดก็ พระบำทสมเด็จพระ
มหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร พระรำชทำนต฾ูยำและยำประจํำบ฾ำน
แก฽โรงเรียนและพระรำชทำนอำหำรกระป฻องแก฽ตํำรวจชำยแดนที่ปฏิบัติรำชกำร
ประจํำอย฽ู ณ หม฽ูบ฾ำนแห฽งน้ัน จนเวลำ 14.00 น. จึงได฾ประทับเสวยพระกระยำ
หำรกลำงวัน (ข฾ำวห฽อ) ท่ีริมลํำธำรในบริเวณบ฾ำนแอโกเ หลังจำกเสวยพระกระยำ
หำรแลว฾ ทอดพระเนตรกำรแสดงระบํำของชำวมเู ซอแดงที่จดั ถวำย

จำกน้ัน พระบำทสมเด็จพระมหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร
รัชกำลท่ี 9 ทรงพระดํำเนินขึ้นไปยังบ฾ำนแสนคํำลือ ซึ่งอยู฽บนยอดเขำสูงจำกบ฾ำน
แอโกเข้ึนไปอีกประมำณ 400 ฟุต พร฾อมด฾วยผู฾ใหญ฽บ฾ำน เสด็จขึ้นไปประทับใน
บ฾ำนผใู฾ หญบ฽ ำ฾ น มีพระรำชดํำรัสด฾วยประมำณ 30 นำที จึงเสด็จพระรำชดํำเนินไป
บ฾ำนปำงปุำคำ อำํ เภอแมร฽ ิม จังหวัดเชียงใหม฽ตอ฽ ไป

บริเวณด฾ำนหน฾ำโรงเรียนตํำรวจตระเวนชำยแดนชมรมอนุรักษแศิลปไทย
อนุสรณแบ฾ำนแสนคํำลือที่นี่ มีศำลำท่ีสร฾ำงไว฾เป็นอนุสรณแถึงกำรเสด็จมำของ
พระบำทสมเด็จพระมหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร รัชกำลที่ 9
พร฾อมดว฾ ยพระปรมำภิไธยตดิ ตัง้ อยู฽

ด฾ำนในอำคำรของโรงอำหำร มีภำพพระบรมฉำยำลักษณแอยู฽มำกมำย จำก
คํำบอกเล฽ำของชำวบ฾ำน ชำยในภำพท฽ำนคือพ฽อเฒ฽ำแสนคํำลือ เป็นชำวลำหู฽ เป็น
ผน฾ู ำํ ของชมุ ชน ทกุ คนในหมูบ฽ ำ฾ นนี้รักทำ฽ นกนั ทกุ คน ชำวบำ฾ นตอบเปน็ เสียงเดียวว฽ำ
พอบ฾ำนไหนไม฽มีข฾ำวจะกิน พ฽อเฒ฽ำแสนคํำลือจะรีบหำมำให฾ ในควำมที่เป็นคนท่ีมี
นํ้ำใจช฽วยเหลือทุกคนในหม฽ูบ฾ำน จึงเป็นท่ีรักของทุกคน แม฾วันนี้พ฽อเฒ฽ำแสนคํำลือ
ได฾จำกลำโลกนี้ไปนำนแล฾ว แต฽คุณงำมควำมดีของพ฽อเฒ฽ำแสนคํำลือ ยังเป็นท่ี
จดจํำและบอกตอ฽ มำรนุ฽ ตอ฽ ร฽ุนจนถงึ ทุกวนั นี้ บ฾ำนน฾อยหลังนี้คงเป็นตัวแทนถึงว฽ำครั้ง
หน่ึง ณ สถำนท่ีแห฽งนี้พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพลอดุลยเดช เคยได฾
เสด็จมำ พ฽อเฒ฽ำแสนคํำลือได฾น฾อมถวำยนํ้ำจัณฑแซึ่งเป็นเครื่องปรุงยำจำกพ฽อเฒ฽ำ
แสนคำํ ลือ

-103-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพนั ธ์ุ

อำศรมบ฾ำนลุกปุำก฿อ ตํำบลสบปุอง อํำเภอปำงมะผ฾ำ จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน
บ฾ำนลุกปุำก฿อ ต้ังอย฽ูเลขท่ี 105 หม฽ูท่ี 5 ต.สบปุอง อ.ปำงมะผ฾ำ จ.แม฽ฮ฽องสอน
บ฾ำนลุกปุำก฿อเป็นชนเผ฽ำกะเหรี่ยง และมีหย฽อมบ฾ำนในเขตบริกำรอีกหน่ึงหมู฽บ฾ำน
คือบ฾ำนหนองขำวเปน็ ชนเผำ฽ มูเซอ โรงเรยี นบ฾ำนลุกปุำกอ฿ ตั้งอยู฽ห฽ำงจำกบ฾ำนน้ํำริน
ระยะทำง 9 กิโลเมตร กำรเดินทำงสะดวกในฤดูแล฾งกว฽ำฤดูอื่น เป็นหย฽อมบ฾ำน
บริวำรของบ฾ำนแม฽อูมอง เป็นชำวเขำเผ฽ำกะเหรี่ยงขำว ต้ังช่ือตำมลักษณะ
ธรรมชำติ “ลุกปุำก฿อ” เป็นคํำภำษำไทยใหญ฽ “ลุก” หมำยถึง หลุมหรือบ฽อ ส฽วน
คํำว฽ำ “ปุำก฿อ” คือบริเวณที่มีต฾อก฿อข้ึนมำก ต฽นก฿อเป็นต฾นปำลแมปุำชนิดหนึ่ง ใบ
ของมันสำมำรถนํำมำมุงหลังคำบ฾ำนได฾ ชำวกะเหร่ียงนิยมเรียกที่นี่ว฽ำ “แมแพคี”
ซ่ึงคํำว฽ำ “แมแพ” ภำษำกะเหรี่ยง หมำยถึง ต฾นไผ฽ชนิดหน่ึง ส฽วนคํำว฽ำ “คี”
หมำยถึงบริเวณต฾นนํ้ำ “แมแพคี” จึงหมำยควำมว฽ำรวมกันได฾ว฽ำ บริเวณต฾นนํ้ำที่มี
ไม฾ไผ฽ แมแพข้ึนอยู฽ท่ัวไป ปใจจุบันมีจํำนวนครัวเรือนประมำณ 36 หลังคำเรือน
บ฾ำนเรอื นสรำ฾ งบนทีล่ ำดเชงิ เขำ

สถำนท่ีท฽องเท่ียวในเส฾นทำง อำทิ พิพิธภัณฑแบ฾ำนไร฽ ตั้งอย฽ูที่บ฾ำนไร฽ ม.3
ต.สบปอุ ง อ.ปำงมะผ฾ำ จ.แม฽ฮ฽องสอน สืบเน่ืองจำกโครงกำรโบรำณคดีบนพ้ืนท่ีสูง
ในอํำเภอปำงมะผ฾ำ จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน ระยะท่ี 1-2 ซึ่งดํำเนินกำรต้ังแต฽ปี พ.ศ.
2544-2549 และโครงกำรจัดกำรมรดกทำงโบรำณคดีที่เพิงผำบ฾ำนไร฽ และเพิงผำ
ถํ้ำลอด อํำเภอปำงมะผ฾ำ จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน ในปี พ.ศ. 2549-2551นํำทีมโดย
รศ.ดร. รศั มี ชทู รงเดช เขำ฾ ไปสํำรวจและขุดค฾นทำงโบรำณคดีในพ้ืนที่หม฽ูบ฾ำนบ฾ำน
ไร฽ ส฽งผลให฾ชำวบ฾ำนในท฾องที่เกิดควำมสนใจถึงกระบวนกำรศึกษำทำงโบรำณคดี
และประวตั ิศำสตรแของท฾องถ่นิ

จำกกำรตระหนักถึงควำมสํำคัญนี้ ผ฾ูใหญ฽บ฾ำน ซัวหยี้ แซ฽หัน หรือที่
ชำวบ฾ำนเรียกกันว฽ำ พ฽อหลวง จึงมีแนวคิดในกำรจัดต้ังพิพิธภัณฑแข้ึนภำยใน
หม฽บู ฾ำน โดยใช฾อำคำรอเนกประสงคแซึ่งตั้งอยู฽ใจกลำงหมู฽บ฾ำนเป็นอำคำรพิพิธภัณฑแ
ทั้งน้ีได฾รับควำมร฽วมมือจำกโครงกำรทำงโบรำณคดีทั้ง 2 โครงกำรข฾ำงต฾น จัดกำร
อบรมเชิงปฏิบัติกำร เพื่อก฽อต้ังพิพิธภัณฑแ จํำนวน 4 ครั้ง ซ่ึงเป็นกำรจัดอบรม
ให฾กับทั้งผู฾ใหญ฽และเยำวชนในท฾องถิ่น ให฾เข฾ำใจถึงควำมสํำคัญของชุมชน กำร
จัดตั้งและกำรดูแลพิพิธภัณฑแ ทั้งยังจัดกิจกรรมเพื่อเผยแพร฽ประชำสัมพันธแ
พิพิธภัณฑแให฾กับหมู฽บ฾ำนข฾ำงเคียง นอกจำกนี้ยังได฾รับกำรสนับสนุนจำกกองทุน

-104-

เครอื ขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพนั ธ์ุ

เอกอัครรำชทูต เพื่อกำรอนุรักษแวัฒนธรรม สถำนทูตสหรัฐอเมริกำ ประจํำประเทศ
ไทย ประจํำปี 2549 ส฽งผลให฾มีกำรปรับปรุงเนื้อหำภำยในพิพิธภัณฑแ และต้ังเป็น
ศูนยขแ อ฾ มูลบำ฾ นไร฽ข้นึ

ภำยในพพิ ธิ ภณั ฑแ นำํ เรื่องรำวทำงประวัติศำสตรแและวัฒนธรรมของผู฾คนใน
ทอ฾ งถิน่ เปน็ ตัวกำํ หนดทิศทำงและหวั ขอ฾ ในกำรจัดแสดง อกี ทั้งยังเล฽ำเรื่องท้ังในอดีต
ปใจจุบัน และส่ิงท่ีอำจเปลี่ยนแปลงไปในอนำคต ผ฽ำนปูำยนิทรรศกำร สิ่งของ
เคร่ืองใช฾ท่ีจัดแสดงอย฽ูภำยใน ทั้งที่เป็นโบรำณวัตถุจำกกำรขุดค฾น และเครื่องใช฾
ปใจจุบัน อำทิ แคนม฾ง เครื่องตัดยำเส฾น ตำช่ังยำ ก฿อกแป หีบตีข฾ำว เป็นต฾น ซ่ึง
ได฾รับบริจำคจำกชำวบ฾ำนในชุมชน โดยมีเยำวชนในชุมชนรับหน฾ำท่ีเป็นเจ฾ำบ฾ำน
นอ฾ ยเป็นผน฾ู ำํ ชมภำยในพพิ ธิ ภณั ฑแ

นอกจำกกำรเข฾ำชมภำยในพิพิธภัณฑแแล฾ว ผู฾มำเยี่ยมเยือนสำมำรถเดินทำง
ไปยังแหล฽งโบรำณคดีเพิงผำบ฾ำนไร฽ ซึ่งเป็นแหล฽งโบรำณสมัยก฽อนประวัติศำสตรแ
อำยุประมำณ 10,600 – 9,700 ปีมำแล฾ว เป็นแหล฽งโบรำณคดีประเภทแหล฽งฝใง
ศพ หลักฐำนทำงโบรำณคดีท่ีสํำคัญได฾แก฽ โครงกระดูกมนุษยแ โลงไม฾ ภำพเขียนสี
บนผนังถํ้ำ เศษภำชนะดินเผำ เคร่ืองมือเหล็ก ฯลฯ โดยเจ฾ำบ฾ำนน฾อยจะเป็นผู฾
นํำเข฾ำไปยังแหล฽งโบรำณคดีอย฽ำงปลอดภัยและแทรกเกร็ดควำมร฾ูในท฾องถ่ิน ท่ี
สนุกสนำนระหวำ฽ งกำรเดนิ ทำงอกี ด฾วย

ถ้ำํ น้ํำลอด ตงั้ อยท฽ู ต่ี ำํ บลถ้ำํ ลอด อํำเภอปำงมะผ฾ำ จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน เป็น
แหล฽งโบรำณคดีสํำคัญและเป็นหนึ่งใน Unseen Thailand อยู฽ในควำมดูแลของ
เขตรักษำพันธุแสัตวแปุำล฽ุมแม฽นํ้ำปำย เป็นถํ้ำท่ีมีน้ํำไหลผ฽ำนกลำง จะต฾องนั่งแพเข฾ำ
ไปชม ภำยในถ้ํำน้ํำลอดมีขนำดใหญ฽มำก มีถ้ํำที่น฽ำสนใจหลำยจุด คือ ถ้ํำลอด ซึ่ง
มลี ำํ ห฾วยช่อื นำ้ํ ลำง ไหลลอดภเู ขำไปทะลุออกอีกด฾ำนหน่ึง ทํำให฾เกิดเป็นถํ้ำที่มีหิน
งอกหินย฾อยสวยงำม จำกกำรพบเคร่ืองมือเครื่องใช฾โบรำณในถ้ํำ เป็นแหล฽ง
โบรำณคดีท่ีสํำคัญ อย฽ูในควำมดูแลของเขตรักษำพันธแุสัตวแปุำลุ฽มแม฽น้ํำปำย ท่ีถํ้ำน้ี
จะมลี ํำหว฾ ยชื่อ นํำ้ ลำงไหล ลอดผ฽ำนภูเขำเข฾ำไปและทะลุไหลออกอีกด฾ำนหนึ่ง ทํำ
ให฾ท่ีน่ีเกิดเป็นถ้ํำ มีหินงอก หินย฾อยสวยงำมมำกเลยทีเดียว และยังพบเคร่ืองมือ
เครือ่ งใช฾ในสมัยโบรำณภำยในถำ้ํ อกี ด฾วย คำดวำ฽ ถ้ำํ นนี้ ำ฽ จะมอี ำยรุ ำว 2,000 ปี

ถ้ํำเสำหินหลวง เป็นถํ้ำท่ีมีขนำดกว฾ำงขวำงและมีหินงอกหินย฾อยสวยงำม
ตระกำรตำเลยค฽ะ ต฽อมำคือ ถํ้ำต฿ุกตำ ช่ือนี้มำจำกลักษณะรูปร฽ำงท่ีคล฾ำยกับตุ฿กตำ

-105-

เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุ

เพรำะมีหนิ งอกที่เปน็ ปมุ เล็กๆ เรียงกันอย฽ูเยอะแยะมำกมำย ถํ้ำนี้จะเป็นถ้ํำที่กว฾ำง
และยำวท่ีสุดในถํำ้ นํ้ำลอด และท่ีผนังถำ้ํ ยังมีภำพเขยี นสมยั กอ฽ นประวัติศำสตรแ ถํ้ำผี
แมน นอกจำกมีหินงอกหินย฾อยที่สวยงำมแล฾ว ยังสำมำรถพบเศษภำชนะดินเผำ
เมล็ดพืช เคร่ืองมือหิน ซีกฟใน และกระดูกของมนุษยแ รวมไปถึงโลงผีแมน ท่ีเป็น
ท฽อนไม฾ท่ีถูกขุดตรงส฽วนกลำงออก จนเป็นร฽องขนำดใหญ฽ ไว฾สํำหรับใส฽อำหำรให฾
สัตวเแ ล้ียง มที ง้ั ขนำดเลก็ และใหญต฽ ฽ำงกนั

สันนิษฐำนได฾ว฽ำ ถํ้ำมีอำยุประมำณ 2,000 ปีแล฾ว ภำยในถํ้ำมีควำมยำว
ประมำณ 1 กโิ ลเมตร ภำยในถำํ้ ยงั ประกอบด฾วยห฾องโถงใหญอ฽ กี 3 ห฾อง ได฾แก฽ ถ้ํำ
เสำหินหลวง เป็นถ้ํำท่ีมีขนำดกว฾ำงและมีหินงอกหินย฾อยสวยงำม ถ้ํำต฿ุกตำ ท่ีเรียก
กนั ตำมลักษณะรูปร฽ำงคล฾ำยตกุ฿ ตำของหินงอกที่เป็นปุมเล็ก ๆ เรียงรำยอยู฽มำกมำย
ถ้ํำนี้เป็นถ้ํำท่ีกว฾ำงและยำวที่สุดในถํ้ำลอด อีกด฾ำนหนึ่งของผนังถํ้ำยังปรำกฏ
ภำพเขียนสมัยกอ฽ นประวัติศำสตรแ และถํ้ำสุดท฾ำยที่อย฽ูด฾ำนทำงออกคือ ถํ้ำผีแมน ที่
นอกจำกมีหินงอกหินย฾อยสวยงำมแล฾ว ยังพบเศษภำชนะดิน เผำ เมล็ดพืช
เครอ่ื งมอื หนิ ซกี ฟนใ และกระดูกของมนุษยแ รวมท้ังโลงผีแมนอีกด฾วย โลงผีแมนนี้มี
ลักษณะเป็นท฽อนไมท฾ ่ีถูกขดุ ตรงส฽วนกลำงออกจนเปน็ รอ฽ งคล฾ำยเรอื หรอื รำงไม฾ มีไว฾
ใช฾ใส฽อำหำรให฾สัตวแเลี้ยง มีท้ังขนำดเล็กและใหญ฽ โดยโลงขนำดใหญ฽จะถูกวำงอยู฽
บนคำนโดยใช฾เสำ 4-6 ต฾น ต้ังกับพ้ืนถํ้ำ และเสำแต฽ละคู฽เจำะเป็นช฽องเพ่ือสอดใส฽
คำนไว฾วำงพำดโลงผแี มน

มูเซอดํำบ฾ำนจ฽ำโบ฽ บ฾ำนจ฽ำโบ฽เป็นหมู฽บ฾ำนเล็กๆ บนดอยสูง ตั้งอยู฽ที่ตํำบล
ปำงมะผ฾ำ อํำเภอปำงมะผ฾ำ จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน เป็นหม฽ูบ฾ำนท฽องเท่ียววิถีชุมชนที่
นำ฽ สนใจ และเต็มไปด฾วยธรรมชำติที่สวยงำม ภูเขำโอบล฾อม หำกมำช฽วงฤดูหนำวก็
จะไดส฾ มั ผัสทะเลหมอกหรือดพู ระอำทติ ยแข้นึ ยำมเชำ฾ ภำยในหม฽ูบ฾ำนทั้งสองฝใ่งถนน
ขนำบไปด฾วยบ฾ำนเรือนไม฾แบบชำวเขำดั้งเดิม และวิถีชนเผ฽ำและกิจกรรมท่ี
น฽ำสนใจทั้งกำรร฾องรํำทํำเพลงเต฾น “จะคึ” เป็นกำรเต฾นลำหู฽ร฽วมกับชำวบ฾ำน ฟใง
เสยี งแคนทีม่ นี ํ้ำเตำ฾ เปน็ สว฽ นหน่ึงในเครอื่ งดนตรี เพรำะชำวบำ฾ นมคี วำมเชื่อว฽ำคนลำ
หเู฽ กดิ จำกนํำ้ เต฾ำ

บ฾ำนจ฽ำโบ฽ต้ังอย฽ูบนเขำสูงประมำณ 900 ม. บริเวณโดยรอบของหม฽ูบ฾ำน
เปน็ เทือกเขำหินปูน บรรยำกำศธรรมชำติสดุ ๆไปเลยค฽ะ หม฽ูบ฾ำนในวงล฾อมของหุบ
เขำ บรรยำกำศภำยในหม฽ูบ฾ำนท้ังสองฝใ่งถนนขนำบไปด฾วยบ฾ำนเรือนไม฾แบบ

-106-

เครือข่ายพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

ชำวเขำดั้งเดิม ชำวบ฾ำนในชุมชนบ฾ำนจ฽ำโบ฽ท่ีอย฽ูในปใจจุบันเป็นชำวลำหู฽ท่ีย฾ำยมำ
จำกห฾วยยำวโดยกำรนํำของนำยจำโบ฽ ไพรเนติธรรม ช่ือของ ชุมชนจ฽ำโบ฽มำจำก
ช่ือของผู฾นํำหม฽ูบ฾ำน คนในชุมชนล฾วนเกี่ยวดองเป็นญำติกันทั้งหมด ยังคงใช฾ภำษำ
และเครื่องแตง฽ กำยแบบลำห฽ู ซง่ึ แบ฽งออกเป็น 3 ชำติพันธุแยอ฽ ย คอื มเู ซอดํำ มูเซอ
แดงและมูเซอเหลือง แตกต฽ำงกันตำมควำมเชื่อ และกำรแต฽งกำย ชุมชนบ฾ำนจ฽ำ
โบ฽ คอื เชอื้ สำยมเู ซอดำํ ซึ่งชำวมูเซอดํำจะใช฾คํำเรียกว฽ำ “จ฽ำ” คํำนํำหน฾ำเพศชำย
ส฽วน “นำ” จะเป็นคํำเรียกผ฾ูหญิง อำชีพหลักของคนในชุมชน คือทํำไร฽และเลี้ยง
สตั วแ อำชพี รอง คือเกบ็ ของปำุ ขำย และรบั จำ฾ งทวั่ ไป

กจิ กรรมหัตถกรรมงำนจกั สำน ต฽อจำกได฾ฟใงเสียงแคนอันไพเรำะกันไปแล฾ว
ชำวบ฾ำนมีกิจกรรมหัตถกรรม ไม฽ว฽ำจะเป็นกำรเย็บผ฾ำด฾วยมือ ซึ่งถือว฽ำเป็น
เอกลักษณแ รวมถึงงำนจักสำน ผลิตภัณฑแจำกไม฾ไผ฽ ตะกร฾ำ ตำแหลว (กันผี) ท่ีให฾
นกั ท฽องเทย่ี วได฾เรียนรก฾ู ันอกี ด฾วย หำกใครอยำกสมั ผสั วิถีชีวิตชำวลำห฽ู และอยำกด่ืม
ดํ่ำบรรยำกำศท่ีบ฾ำนจ฽ำโบ฽หลำยวันแล฾วละก็ ชำวบ฾ำนก็มีโฮมสเตยแ 22 หลังคืนละ
200 บำทต฽อคนอำหำรมื้อละ 100 ต฽อคน เปิดไว฾ให฾บริกำรแก฽นักท฽องเที่ยวให฾ได฾
ใกล฾ชิดกับธรรมชำติอย฽ำงแท฾จริง นอกจำกน้ี บ฾ำนจ฽ำโบ฽ยังมีกิจกรรมต฽ำงๆ อำทิ
เดินปุำขึ้นภูผำหมอก ชมไร฽หมุนเวียน ชมคอกหมูรวม เดินผ฽ำนไร฽สมุนไพร ถํ้ำผี
และแมน (โรงไม฾ 2500 กวำ฽ ป)ี หัวละ 50 บำทตอ฽ จุด (รวมไกดแ) เป็นต฾น บ฾ำนจ฽ำ
โบ฽จะเป็นชุมชนทม่ี ขี นำดเลก็ แตแ฽ ฝงไว฾ดว฾ ยรอยยิ้มและคํำทักทำยอยำ฽ งเป็นมิตร

กำรดํำเนินงำนด฾ำนกำรเพิ่มรำยได฾เกษตรวิถีพุทธของเครือข฽ำยพระ
นกั พฒั นำบนพนื้ ท่สี ูง

ปใญหำในด฾ำนเกษตรกรรมของกล฽ุมชำติพันธแุบนพื้นที่สูงในพื้นที่ต฾นแบบ
อำํ เภอเวยี งปำุ เปำู อำํ เภอแม฽สรวย และอํำเภอเมืองเชยี งรำย พบว฽ำ

1. ปใญหำผลผลิตรำคำตกต่ํำ เนื่องจำกผลผลิตหลักท่ีได฾จำกกำรปลูก
ข฾ำวโพด ข฾ำวดอย และผลผลิตท่ีได฾จำกำรปลูกพืชหน฾ำแล฾ง เช฽น พริก ผักกำด
มะเขือม฽วง เมื่อเก็บเกี่ยวแล฾ว ขำดแหล฽งในกำรนํำไปจํำหน฽ำย ต฽ำงคนต฽ำงทํำและ
หำแหล฽งจํำหน฽ำยเอง ทํำให฾ผลผลิตตกค฾ำงมำกท่ีจะนํำไปสู฽กำรขำดทุน เน่ืองจำก
ท่ีน้ีปลูกข฾ำวเป็นหลักและใช฾สำรเคมีท่ีเป็นป฻ุยชีวภำพท่ีมีรำคำสูง เมื่อได฾ผลผลิต
ออกมำนำํ ไปจํำหนำ฽ ยไม฽คุม฾ ทุน ทำํ ใหข฾ ำดทนุ

-107-

เครอื ข่ายพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของกล่มุ ชาตพิ นั ธุ์

2. ปใญหำควำมแห฾งแล฾ง เนื่องจำกบ฾ำนดอยล฾ำนอย฽ูบนพ้ืนที่เป็นดอยสูง มี
สภำพอำกำศดี มีกำรปลูกข฾ำวโพด มะเขือเทศ กำแฟ และยำงพำรำเป็นบำงส฽วน
จึงทํำให฾ได฾ผลผลิตท่ีดี โดยเฉพำะกำรปลูกกำแฟที่น้ีจะเข฾ำร฽วมกับโครงกำรหลวง
และบริษัทเอกชนจึงทํำให฾มีรำยได฾ท่ีดี แต฽พอถึงฤดูร฾อนท่ีว฽ำงเว฾นจำกกำรเพำะปลูก
จะแห฾งแล฾ง นํ้ำแห฾งไม฽เพียงพอต฽อกำรกินกำรใช฾ และกำรทํำเกษตร ประกอบกับ
เกดิ ไฟปำุ หมอกควันและฝนุ เต็มกระจำยท่ัวทัง้ บำ฾ นดอยล฾ำน

3. ปใญหำกำรบุกรุกพ้ืนท่ีปุำ เนื่องจำกหมู฽บ฾ำนมังกำล฽ำน้ี มีหลำยบ฾ำนอย฽ู
ร฽วมกัน ได฾แก฽ บ฾ำนแม฽ปงกลำง บ฾ำนสวนได฾ บ฾ำนแม฽นำงสรวง บ฾ำนปำงแก฾วเมำ
และชำวบ฾ำนมังกำล฽ำส฽วนมำกจะเป็นชำติพนั ธแจนี ฮ฽อหรือจีนยนู ำน รองลงมำจะเป็น
อำขำ฽ ลีซอและไทยล่ือ อำชพี ส฽วนใหญ฽ คอื กำรทํำเกษตร มีกำรปลูกข฾ำว ข฾ำวโพด
ปลูกชำและเล้ียงสัตวแ ปใญหำที่พบมีหลำยด฾ำน เช฽น ปใญหำกำรแย฽งที่ดินทํำกิน
ปญใ หำกำรลักลอบตดั ต฾นไม฾ ปใญหำกำรขำดนํำ้ อุปโภคบรโิ ภค ปญใ หำและปใญหำกำร
บกุ รกุ ปุำสงวน

4. ปใญหำกำรแปรรูปผลผลิต เน่ืองจำกท่ีน้ีมีพื้นที่ต้ังอยู฽บนดอยสูง กำร
เพำะปลูกส฽วนมำกจะปลูกชำและรับจ฾ำงเก็บใบชำเป็นหลัก เม่ือได฾ผลผลิตมำกจึง
ต฾องกำรจะนํำมำแปรรูปเพื่อนํำมำจํำหน฽ำยในกำรเพิ่มรำยได฾ แต฽ไม฽มีควำมรู฾ จึงจะ
ตอ฾ งกำรทจี่ ะเรยี นร฾ูในกำรแปรรปู ใบชำออกมำเปน็ อำหำรท่หี ลำกหลำย

5. ปใญหำผลผลติ ลน฾ ตลำด เนอื่ งจำกที่น้ีอย฽ูบนพ้ืนท่ีสูง กำรทํำกำรเกษตรท่ี
เป็นพืชเศรษฐกิจ เช฽น กำแฟ มะละหวำน ล้ินจ่ี มะเขือเทศ และผักต฽ำงๆ ทํำให฾
บำงปีท่ีมีผลผลิตออกมำมำกไม฽รู฾จะนํำไปทํำอะไร ทํำให฾ผลผลิตเน฽ำเสียจึงทํำให฾
ขำดทนุ หรอื ไกก฾ ํำไรนอ฾ ย

6. ปญใ หำขำดควำมรู฾ในด฾ำนกำรเกษตร เน่ืองจำกท่ีน้ีมีกำรทํำเกษตรในกำร
ปลูกกำแฟ อำรำมิก฾ำเป็นหลัก รองลงมำปลูกข฾ำวไว฾กิน ปลูกข฾ำวโพดไว฾เล้ียงสัตวแ
และปลูกมะเขือเทศไว฾ขำด จงึ ยังไม฽มีควำมร฾ใู นกำรทํำเกษตรแบบวิถีพุทธมีลักษณะ
อย฽ำงไร

ดังนั้น จะเห็นว฽ำคนบนพื้นที่สูง มีปใญหำและอุปสรรคแในแต฽ละแห฽งท่ีไม฽
แตกต฽ำงกัน คือ บริบทพ้ืนท่ีส฽วนใหญ฽เป็นดอยสูง ไม฽ใช฽พ้ืนรำบจึงมีควำมเข฾ำใจว฽ำ
จะยำกต฽อกำรจัดกำรเกษตรแบบวิถีพุทธ ขำดควำมรู฾ในกำรทํำเกษตรแบบวิถีพุทธ
ขำดควำมรใ฾ู นกำรทํำป฻ุยอนิ ทรียแ ขำดพันธพแ ชื ในกำรเพำะปลูก กำรคัดเลือกพืชพันธแ

-108-

เครือข่ายพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกล่มุ ชาตพิ นั ธุ์

ใหเ฾ หมำะสมกับดินและกำรเลือกปลูกพชื เศรษฐกิจท่ีดูแลงำ฽ ย ขำดควำมรใ฾ู นกำรแปร
รูปผลผลิตทำงเกษตรที่ออกมำให฾ได฾หลำกหลำย ขำดงบประมำณในกำรสนับสนุน
กำรดํำเนินงำนในด฾ำนกำรเกษตร ท่ีสํำคัญชนเผ฽ำต฽ำงๆ ที่ได฾รับควำมร฾ูในด฾ำนกำร
ทํำเกษตรแบบวิถีพุทธยังมีควำมเช่ือด่ังเดิมของตน ยำกต฽อกำรเปลี่ยนแปลงต฽อ
แนวคิดใหม฽ๆ ในด฾ำนกำรเกษตรแบบวิถีพุทธ เพรำะเห็นว฽ำมีรำยได฾ที่น฾อยและช฾ำ
มำกกว฽ำจะเห็นผล บำงแห฽งมีปใญหำกำรขำดน้ํำอุปโภคบริโภคไว฾ใช฾ในฤดูแล฾ง
ในช฽วงเดือนมีนำคม-พฤษภำคม และปใญหำขำดควำมร฽วมมือในกำรปูองกันไฟฟูำ
ปุำและกำรร฽วมมือในกำรเผำทุกชนิดในฤดูแล฾ง ท้ังยังมีปใญหำกำรแย฽งที่ดินทํำกิน
ปใญหำกำรลักลอบตัดต฾นไม฾และปญใ หำกำรบกุ รุกปุำสงวน

จำกกำรติดตำมผลกำรดํำเนินงำนในด฾ำนเกษตรกรรมของกล฽ุมชำติพันธุแบน
พ้ืนท่ีสูง และจำกข฾อมูลที่ได฾จำกกำรสัมภำษณแกล฽ุมผ฾ูนํำชุมชน ทั้ง 7 แห฽ง โดยแต฽
ละแห฽งมปี ใญหำและอปุ สรรคใแ นกำรปฏิบตั ิงำนทแี่ ตกตำ฽ งกัน คือ

1. ปใญหำขำดควำมร฾ใู นกำรทํำเกษตรแบบวถิ ีพุทธ
2. ปใญหำขำดควำมรู฾ในกำรทำํ ปุย฻ อินทรียแ
3. ปใญหำขำดพันธแพืชในกำรเพำะปลูก กำรคัดเลือกพืชพันธแให฾เหมำะสม
กับดนิ กำรเลอื กปลูกพืชเศรษฐกจิ ท่ดี แู ลง฽ำย
4. ปญใ หำในกำรขำดควำมร฾ูในกำรแปรรูปผลผลิตทำงเกษตรที่ออกมำให฾ได฾
หลำกหลำย
5. ปใญหำขำดงบประมำณในกำรสนับสนุนกำรดํำเนินงำนในด฾ำน
กำรเกษตร
6. ปใญหำท่ีมีควำมเช่ือด่ังเดิมของตนในกำรใช฾ปุ฻ยชีวภำพ ท่ียำกต฽อกำร
เปล่ยี นแปลงต฽อกำรมำใชป฾ ฻ุยอินทรยี แ เพรำะเห็นว฽ำได฾ผลผลิตทน่ี อ฾ ยช฾ำและไม฽งำม
7. ปใญหำท่ีไม฽มีกำรรวมตัวในกำรก฽อตั้งกำรจัดจํำหน฽ำยผลผลิตทำงกำร
เกษตรรว฽ มกนั
8. ปใญหำกำรขำดนํ้ำอุปโภคบริโภคไว฾ใช฾ในฤดูแล฾ง ในช฽วงเดือนมีนำคม-
พฤษภำคม
9. ปใญหำขำดควำมร฽วมมือในกำรปูองกันไฟฟูำปุำ กำรร฽วมมือในกำรเผำ
ทุกชนิดในฤดูแล฾ง คอื ในชว฽ งเดือนมีนำคม-พฤษภำคม
10. ปใญหำกำรแย฽งทดี่ ินทำํ กิน

-109-

เครอื ข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของกล่มุ ชาติพันธุ์

11. ปใญหำกำรลักลอบตัดตน฾ ไม฾
12. ปใญหำกำรบกุ รกุ ปุำสงวน
ดังน้ัน จึงเห็นว฽ำกำรแก฾ไขปใญหำในด฾ำนเกษตรกรรมของกล฽ุมชำติพันธแุบน
พ้ืนท่ีสูง ท่ีกลุ฽มพระเครือข฽ำยนักพัฒนำ ท่ีพระนักพัฒนำบนพื้นที่สูงจะต฾องเข฾ำไป
แกป฾ ใญหำโดยจะต฾องดํำเนนิ กำร ดงั น้ี
1. ปใญหำในด฾ำนกำรเกษตรของของกล฽ุมชำติพันธุแบนพื้นที่สูง อำศรมแม฽
ปูนน฾อย มำจำกผลผลิตที่ได฾จำกกำรปลูกและเก็บเกี่ยวมำแล฾ว ต฽ำงคนต฽ำงขำยหำ
แหล฽งจํำหน฽ำยเอง ทํำให฾ผลผลิตตกค฾ำงมำกท่ีจะนํำไปส฽ูกำรขำดทุน ดังนั้น จะ
ดํำเนินกำรโดยจดั ตัง้ กล฽ุมเกษตรภำยในหม฽ูบ฾ำนเพ่ือกำรจํำหน฽ำยและหำแหล฽งตลำด
เชิญนักโภชนำกรมำให฾ควำมรู฾ในด฾ำนแปรรูปอำหำร จัดทํำโครงกำรจัดต้ังร฾ำนค฾ำ
ชุมชน
2. ปญใ หำท่พี บ คอื ที่นี้ปลูกข฾ำวเป็นหลักและใช฾สำรเคมีที่เป็นปุ฻ยชีวภำพที่
มีรำคำสูง เมื่อได฾ผลผลิตออกมำนํำไปจํำหน฽ำยไม฽คุ฾มทุน ทํำให฾ขำดทุน ดังน้ัน จะ
ดํำเนินกำรโดยร฽วมกันหำรือกับผ฾ูใหญ฽บ฾ำนหำแนวทำงใหม฽ให฾เกษตรกรในหมู฽บ฾ำน
หันกลับมำใช฾ป฻ุยอินทรียแแทนปุ฻ยชีวภำพ เชิญนักเกษตรตํำบลหรือเกษตรอํำเภอมำ
ให฾ควำมรู฾ในกำรใช฾ปุ฻ยอินทรียแท่ีประหยัดและลดต฾นทุน ให฾เกษตรกรเข฾ำอบรมกำร
ทำํ ปย฻ุ อินทรยี แ
3. ในฤดรู อ฾ นที่ว฽ำงเวน฾ จำกกำรเพำะปลูกจะแห฾งแล฾ง นํ้ำแห฾งไม฽เพียงพอต฽อ
กำรกินกำรใช฾และกำรทํำเกษตร ประกอบกับเกิดไฟปุำ หมอกควันและฝุนเต็ม
กระจำยทั่วทั้งบ฾ำนดอยล฾ำน ดังน้ัน จะดํำเนินกำรโดยเชิญนักปุำไม฾มำให฾ควำมร฾ูใน
กำรปูองกันไฟปุำและกำรปูองกันไฟปุำ ให฾ชำวบ฾ำนในชุมชนเข฾ำรับกำรอบรมและ
ปฏบิ ัติในกำรปูองกันไฟปุำ จัดตัง้ หนว฽ ยงำนควบคุมไฟปุำในหม฽บู ำ฾ น
4. ปใญหำท่ีพบมีหลำยด฾ำน เช฽น ปใญหำกำรแย฽งท่ีดินทํำกิน ปใญหำกำร
ลักลอบตัดต฾นไม฾และปใญหำกำรบุกรุกปุำสงวนปใญหำกำรขำดน้ํำอุปโภคบริโภค
ปใญหำกำรแย฽งที่ดินทํำกิน ได฾ดํำเนินกำรแก฾ปใญหำ ดังน้ี จัดประชุมวำงแผนกับ
ชุมชนเพ่ือหำข฾อสรุปแบ฽งปในแนวเขตที่ดิน เชิญหน฽วยงำนท่ีมีส฽วนเก่ียวข฾อง เช฽น
ทหำร หน฽วยงำนท่ีดิน หน฽วยงำนปุำไม฾ มำร฽วมกันจัดแบ฽งท่ีดินทํำกิน และกํำหนด
นโยบำย ผู฾รับผิดชอบ เพ่ือดูแลกำรใช฾ประโยชนแในท่ีดิน และสภำพแวดล฾อม
ปใญหำกำรลักลอบตัดต฾นไม฾และปใญหำกำรบุกรุกปุำสงวน ได฾ดํำเนินกำรแก฾ปใญหำ

-110-

เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์

ดงั น้ี จัดประชุมร฽วมกบั ชำวบ฾ำน หน฽วยงำนปุำไม฾ เพ่ือกํำหนดเขตปุำ แบ฽งออกเป็น
เขตท่ีทํำกิน เขตปุำใชส฾ อย และเขตอนุรักษแและต฾นนํ้ำ 2. กํำหนดกติกำ มำตรกำร
ลงโทษร฽วมกัน หำกมีใช฽ผ฽ำฝืน ปใญหำกำรขำดน้ํำอุปโภคบริโภค ได฾ดํำเนินกำร
แก฾ปใญหำ ดังนี้ จัดประชุมหำรือร฽วมกับชำวบ฾ำนในชุมชน ร฽วมกันหำงบประมำณ
ในกำรกอ฽ สรำ฾ งถังเก็บน้ํำขนำดใหญ฽ ที่จุนํ้ำได฾ 20,000 ลิตร ไว฾ใช฾ในชุมชน จัดทํำ
ระบบประปำภูเขำในชุมชน ให฾ชำวบ฾ำนติดมิเตอรแน้ํำแต฽ละบ฾ำน เพื่อให฾ใช฾น้ํำอย฽ำง
ประหยดั

5. กำรเพำะปลูกส฽วนมำกจะปลูกชำและรับจ฾ำงเก็บใบชำเป็นหลัก เม่ือได฾
ผลผลติ มำกจงึ ต฾องกำรจะนำํ มำแปรรูปเพอื่ นํำมำจำํ หน฽ำยในกำรเพมิ่ รำยได฾ แต฽ไม฽มี
ควำมรู฾ จงึ จะต฾องกำรทจี่ ะเรยี นรใ฾ู นกำรแปรรปู ใบชำออกมำเป็นอำหำรที่หลำกหลำย
ดังนั้น จะดํำเนินกำรโดยเชิญวิทยำกรจำกหน฽วยงำนโภชนำกรเกษตรตํำบลหรือ
จังหวัดมำให฾ควำมรู฾ในกำรแปรรูปอำหำร เขำ฾ รบั กำรอบรมจำกหน฽วยงำนท่ีให฾ควำมร฾ู
ในด฾ำนกำรแปรรูปอำหำร เช฽น วิทยำลัยอำชีวศึกษำหรือวิทยำลัยสำรพัดช฽ำงใน
จงั หวดั

6. เน่ืองจำกที่น้ีอยู฽บนพ้ืนท่ีสูง กำรทํำกำรเกษตรท่ีเป็นพืชเศรษฐกิจ เช฽น
กำแฟ มะละหวำน ลิ้นจ่ี มะเขือเทศ และผักต฽ำงๆ ทํำให฾บำงปีท่ีมีผลผลิตออกมำ
มำกไม฽ร฾ูจะนํำไปทํำอะไร ทํำให฾ผลผลิตเน฽ำเสียจึงทํำให฾ขำดทุนหรือไก฾กํำไรน฾อย
ดงั นั้น จะดํำเนินกำรโดยเชิญนักโภชนำกรของเกษตรตํำบลหรืออํำเภอมำจัดอบรม
กำรแปรรูปอำหำร ศึกษำดูงำนในหน฽วยงำนที่ทํำกำรแปรรูปอำหำร เช฽น โครงกำร
หลวง

7. กำรทํำเกษตรในกำรปลูกกำแฟอำรำมิก฾ำเป็นหลัก รองลงมำปลูกข฾ำวไว฾
กิน ปลูกข฾ำวโพดไว฾เลี้ยงสัตวแ และปลูกมะเขือเทศไว฾ขำด จึงยังไม฽มีควำมร฾ูในกำร
ทำํ เกษตรแบบวิถพี ุทธมีลักษณะอยำ฽ งไร ดังน้ัน จะดํำเนินกำรโดยเชิญนักเกษตรกร
ที่ประสพควำมสํำเร็จในกำรทํำเกษตรวิถีพุทธมำให฾ควำมรู฾ ศึกษำดูงำนเกษตรกรท่ี
ประสพควำมสำํ เรจ็ ในกำรทำํ เกษตรวิถพี ุทธ แนะนํำแหล฽งข฾อในกำรศึกษำหำควำมร฾ู
ในกำรเกษตรวิถีพุทธจำกส่ือต฽ำง ๆ เช฽น หนังสือกำรทํำเกษตรวิธีพุทธหรือเกษตร
ทฤษฎใี หม฽ ของหนว฽ ยงำนเกษตรหรือค฾นควำ฾ ข฾อมลู ทำงอนิ เตอรแเน็ต

โดยสรุป กำรดํำเนินกำรแก฾ไขปใญหำในด฾ำนเกษตรกรรมของกล฽ุมชำติพันธุแ
บนพ้ืนที่สูงในพื้นท่ีต฾นแบบ เวียงปุำเปูำ แม฽สรวย เมืองเชียงรำย ของเครือข฽ำย

-111-

เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพันธ์ุ

พระนักพัฒนำ ใน 3 อํำเภอ ทั้ง 7 แห฽ง ได฾ดํำเนินกำรแก฾ปใญหำในด฾ำน
เกษตรกรรมของกล฽มุ ชำตพิ ันธุแบนพ้นื ที่สูง ดงั นี้

1. ให฾ควำมร฾ูในเรอื่ งของกำรทํำเกษตรวิถพี ุทธ
2. ให฾ควำมร฾ใู นกำรทํำปุ฻ยอินทรียแ
3. หำแหลง฽ พนั ธแพืชเศรษฐกจิ ในกำรเพำะปลกู ให฾ให฾เหมำะสมกับดินที่ปลกู
4. สรรหำงบประมำณจำกหนว฽ ยงำนของรฐั บำลและเอกชน
5. ให฾ควำมร฾ูในกำรในเรื่องของประโยชนแและโทษของกำรใช฾ป฻ุยชีวภำพ
และป฻ยุ อินทรียแ
6. ขอควำมร฽วมมือคนในชุมชนปฏิบัติตำมกฎ ระเบียบของทำงปุำไม฾ใน
กำรใช฾ที่ดนิ ทำํ งำนเขตปำุ ใช฾สอย และเขตอนุรกั ษแและต฾นนำํ้
7. รว฽ มกนั กบั ชำวบำ฾ นในกำรระดมทุนในกำรจัดหำถงั เก็บน้ำํ ขนำดใหญ฽ ที่จุ
น้ำํ ได฾ 20,000 ลติ ร ไวใ฾ ชใ฾ นชมุ ชน

กำรดํำเนินงำนด฾ำนกำรดูแลผู฾สูงอำยุของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำบนพื้นท่ี
สูง

จำกกำรศกึ ษำกลมุ฽ ภำวะผสู฾ งู อำยุในหม฽ูบ฾ำนทั้ง 4 แห฽ง ผู฾วิจัยได฾เดินทำงไป
ปฏิบัติงำนภำคสนำมในหม฽ูบ฾ำนชำวเขำ โดยได฾ทํำกำรศึกษำวิจัยข฾อมูลต฽ำงๆ ท่ี
เก่ียวกับบริบทชุมชน และกำรดํำเนินงำนด฾ำนภำวะผ฾ูสูงอำยุของกลุ฽มชำติพันธแุบน
พื้นที่สูงในพื้นท่ีต฾นแบบของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำ โดยกำรจัดประชุมระดม
ค ว ำ ม คิ ด เ พ่ื อ วิ เ ค ร ำ ะ หแ ผ ล ก ำ ร ดํ ำ เ นิ น ง ำ น ข อ ง เ ค รื อ ข฽ ำ ย พ ร ะ นั ก พั ฒ น ำ แ ล ะ
กระบวนกำรดแู ลผูส฾ งู อำยุของกล฽ุมชำตพิ นั ธุแบนพ้ืนที่สูงของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำ
บนพ้ืนที่สูง ณ อำศรมพระบัณฑิตอำสำบ฾ำนปุำคำ ตํำบลม฽อนปิ่น อํำเภอฝำง
จังหวดั เชียงใหม฽ มผี ลสรปุ ดังน้ี

อำศรมพระธรรมจำริกบ฾ำนห฾วยปง ตํำบลแม฽นะ อํำเภอเชียงดำว จังหวัด
เชียงใหม฽ตั้งอยู฽หมู฽ที่ 5 บ฾ำนห฾วยปง ตํำบลแม฽นะ อํำเภอเชียงดำว จังหวัด
เชยี งใหม฽ แบง฽ ออกเปน็ 2 หย฽อมบ฾ำน คือบ฾ำนมเู ซอและบำ฾ นปะหล฽อง มีข฾อมูลเชิง
บรบิ ทดงั นี้

นำยมหำใจ กรแสง เล฽ำว฽ำ “บ฾ำนมูเซอ (ลำหู฽) แห฽งน้ี เป็นชำวเขำเผ฽ำ
มูเซอแดง (ล฽ำห฽ูญี) และมูเซอดํำ (ล฽ำห฽ูนะ) อย฽ูรวมกัน เมื่อเดินทำงไปถึงหม฽ูบ฾ำน

-112-

เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกล่มุ ชาติพันธุ์

มูเซอแดงจะอยหู฽ ัวบำ฾ นหรือต฾นทำง มูเซอดํำอย฽ูท฾ำยบ฾ำน มีถนนลูกรัง รถยนตแแล฽น
ผ฽ำนไปมำได฾ โดยบ฾ำนเรือนปลูกสร฾ำงอย฽ูสองข฾ำงถนน จำกหัวบ฾ำนถึงท฾ำยบ฾ำนยำว
ประมำณ 200 เมตรเศษ ลักษณะของหมู฽บ฾ำน มีถนนกว฾ำงประมำณ 5 เมตร มี
ควำมยำวถนนไปถึงบ฾ำนปะหล฽องประมำณ 350 เมตร พื้นที่สองข฾ำงถนน มีกำร
ปลูกสร฾ำงบ฾ำนเรียงรำยไปโดยไม฽มีร้ัวกั้น ก฽อนถึงหม฽ูบ฾ำนจะมีศำลำเล็กๆ เป็นเพิง
หมำแหงนอย฽ูด฾ำนซ฾ำยของถนนเข฾ำหมู฽บ฾ำน เม่ือเดินทำงถึงหมู฽บ฾ำนแล฾ว จะพบเห็น
ศูนยแกำรเรียนชุมชนชำวไทยภูเขำแม฽ฟูำหลวง บ฾ำนห฾วยปง สังกัดหน฽วยงำน
กำรศึกษำนอกโรงเรียน (กศน.) ต้ังอยู฽ด฾ำนซ฾ำยติดกับถนนเข฾ำหมู฽บ฾ำน ห฽ำงออกไป
ประมำณ 80 เมตรมีบ฾ำนพิธีกรรม (หอเหย฽) อย฽ูกลำงหม฽ูบ฾ำน ซึ่งตั้งอยู฽ริมถนน
ทำงดำ฾ นซ฾ำยเช฽นกนั ทำ฾ ยหม฽ูบ฾ำนเปน็ กลุ฽มบำ฾ นมเู ซอดํำ มโี บสถแครสิ ตนแ กิ ำยโปรเตส
แต฿นทแ สำขำคริสตจักรควำมรอด (Salvation Church) ตั้งอย฽ูในลักษณะท่ี
สังเกตเห็นได฾ง฽ำย”

นำยแดง ปยูุ ่ี กลำ฽ วว฽ำ “หว฾ ยปงแห฽งนี้ เป็นช่อื หม฽บู ฾ำนที่ต้ังขึน้ โดยเรียกตำม
ช่อื ลํำห฾วย ซง่ึ ในอดตี มีหญำ฾ ปงข้นึ อยูข฽ ำ฾ งลํำห฾วยจํำนวนมำก เดิมทีเป็นปุำเขำและ
มคี นไทยพืน้ เมือง (คนเมอื ง) เขำ฾ มำบุกเบิกพ้ืนที่ทํำกินในปี พ.ศ.2522 จํำนวน 3
ครัวเรือน ปี พ.ศ. 2523 มเู ซอแดง จำกอํำเภอแมอ฽ ำยยำ฾ ยเข฾ำมำอยู฽ 6 ครัวเรือนปี
พ.ศ. 2530 ปะหล฽อง จำกอํำเภอฝำง ย฾ำยเข฾ำมำอยู฽ 12 ครัวเรือน หลังจำกน้ันมี
มูเซอแดงจำกบ฾ำนแกน฾อย และหมู฽บ฾ำนอ่ืนๆ ในท฾องที่อํำเภอเชียงดำว มูเซอดํำ
จำกหม฽ูบ฾ำนต฽ำงๆ ในท฾องท่ีอํำเภอแม฽อำยย฾ำยเข฾ำมำเพ่ิมข้ึน ปใจจุบันท่ีดินทํำกิน
แห฽งใหม฽ท่ีต฾องบุกเบิกปุำทํำไม฽ได฾ เพรำะมีเจ฾ำหน฾ำที่ดูแลตรวจสอบอย฽ูเสมอ จึงทํำ
ใหก฾ ำรยำ฾ ยถ่ินจำกหมบ฽ู ฾ำนอ่ืนเข฾ำมำอย฽ใู นหม฽ูบ฾ำนมีไม฽มำกนัก จะมีกำรย฾ำยก็เฉพำะ
ผช฾ู ำยหน฽ุมจำกหมู฽บ฾ำนอ่ืนแต฽งงำนกับหญิงสำว แล฾วเข฾ำมำอยู฽ด฾วยกันตำมประเพณี
เท฽ำน้นั ”

นำยแดง ปูุยี่ กล฽ำวว฽ำ “สุขภำพอนำมัยของมูเซอแดงและมูเซอดํำ
โดยท่ัวไปสว฽ นใหญ฽มีสุขภำพดี แข็งแรง ควำมเจ็บปุวยท่ีเกิดขึ้น เน่ืองจำกโรคชนิด
ต฽ำงๆ มีอยู฽บ฾ำงเป็นธรรมดำ เช฽นโรคทำงเดินหำยใจ โรคทำงเดินอำหำร โรคขำด
สำรอำหำร เป็นต฾น ในอดีต เมื่อเกิดควำมเจ็บปุวย มูเซอมีควำมเช่ือว฽ำ ถูกผีร฾ำย
กระทํำ จะใช฾วิธีรักษำโดยให฾หมอผีทํำพิธีปใดเปุำและเซ฽นไหว฾ ให฾ผีได฾ออกไปอยู฽ที่
อ่ืน ไปให฾ไกลไม฽ต฾องมำรบกวน ทํำให฾ไม฽สบำยอีก ปใจจุบัน มูเซอหันมำรับกำร

-113-

เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลุม่ ชาตพิ นั ธ์ุ

รักษำพยำบำลจำกสถำนีอนำมัย โรงพยำบำลและคลินิกกันมำก หำกเจ็บปุวย
เล็กน฾อย จะหำซ้ือยำจำกกองทุนยำหมู฽บ฾ำน ซ่ึงมีนำยแดง ปุูยี่ ทํำหน฾ำที่เป็น
อำสำสมัครสำธำรณสุขประจํำหม฽ูบ฾ำน (อ.ส.ม.) กรณีเจ็บปุวยมำกก็จะเดินทำงไป
รับกำรรักษำที่โรงพยำบำลอํำเภอเชียงดำว หรือโรงพยำบำลนครพิงคแ จังหวัด
เชียงใหม฽ สํำหรับเรื่องกำรคุมกํำเนิด หญิงมีสำมีจะเดินทำงไปรับกำรตรวจและฉีด
ยำคุมกํำเนิดหรือ ขอยำมำรับประทำนท่ีบ฾ำน จำกสถำนีอนำมัยบ฾ำนแม฽อ฾อ ซึ่งอย฽ู
ห฽ำงจำกหมู฽บ฾ำนห฾วยปงประมำณ 10 กิโลเมตร แต฽บำงคนก็ไปฉีดยำคุมกํำเนิดท่ี
คลินกิ ในอํำเภอเชียงดำว อัตรำคร้ังละ 50 บำท โดยฉีด 3 เดือนตอ฽ 1 คร้ัง

พระอนงคแ อนงคฺ โณ (อำทู)฽ กล฽ำววำ฽ “โครงกำรพระธรรมจำริกส฽วนภูมิภำค
เป็นองคแกรที่เข฾ำมำดํำเนินงำนด฾ำนกำรเผยแพร฽พระพุทธศำสนำ เม่ือปีพ.ศ.2547
มีอำศรมพระธรรมจำริกต้ังอย฽ูห฽ำงจำกหมู฽บ฾ำนมูเซอประมำณ 200 เมตรเศษ และ
อย฽ูห฽ำงจำกหม฽ูบ฾ำนปะหล฽องประมำณ 150 เมตร พื้นที่อำศรม 1 ไร฽เศษ อำศรม
ประกอบด฾วย ส่ิงก฽อสร฾ำงวัตถุถำวร คือโบสถแ ก฽ออิฐถือปูน หลังคำมุงกระเบ้ือง 1
หลัง และกุฏิที่พักสงฆแ 1 หลัง โรงครัวช่ัวครำว 1 หลัง อำศรมตั้งอยู฽ริมถนน จำก
หมู฽บ฾ำนมเู ซอไปยังหมู฽บ฾ำนปะหล฽อง พื้นท่ีที่อยู฽ติดอำศรมจะเป็นพื้นที่เพำะปลูกพืช
ของชำวบ฾ำนปะหล฽อง ซ่ึงมีกำรปลูกข฾ำวโพดและถ่ัวลิสงทุกปี ปใจจุบัน อำศรมพระ
ธรรมจำริก มีพระธรรมจำริกปฏิบัติงำนประจํำ 1 รูป และมีสำมเณรชนเผ฽ำปะ
หล฽อง 1 รูป (สำมเณรกำํ ลงั เรียนหนงั สืออย฽ูในศูนยแกำรเรียนชุมชนชำวไทยภูเขำฯ
บ฾ำนห฾วยปง) พระธรรมจำริกมีภำรกิจหลักคือ กำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำใน
หมู฽บ฾ำนห฾วยปง ท้ังหยอ฽ มบ฾ำนมูเซอและหยอ฽ มบำ฾ นปะหล฽อง และมีหม฽ูบ฾ำนบริวำรที่
อยู฽ในควำมรับผิดชอบ คือบ฾ำนแม฽จร (ปะหล฽อง) บ฾ำนท฽ำข้ีเหล็ก (กะเหร่ียง) และ
บ฾ำนปำงแดงนอก (ปะหล฽อง) กำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำของพระธรรมจำริกได฾มี
รปู แบบและวิธีกำรดํำเนินงำนตำมแนวทำงท่ีโครงกำรพระธรรมจำริกกํำหนดไว฾ ซึ่ง
พระธรรมจำริกได฾รับกำรอบรมและศึกษำหำควำมร฾ูเพ่ิมเติมจำกคู฽มือปฏิบัติงำน ซึ่ง
ประกอบด฾วยนโยบำย และวิธีปฏิบัติงำนให฾ชำวบ฾ำนเกิดศรัทธำเล่ือมใส รวมทั้งกำร
จัดกิจกรรมในวันสํำคัญทำงพระพุทธศำสนำ วันสํำคัญของชำติ และวันสํำคัญตำม
ประเพณีของชนเผำ฽ ด฾วย นอกจำกน้ี พระธรรมจำรกิ ยงั มบี ทบำทสํำคัญในกำรแก฾ไข
ปใญหำควำมต฾องกำรหรือควำมเดือดร฾อนของชำวบ฾ำนท้ัง 2 หย฽อมบ฾ำน เช฽น เร่ือง

-114-

เครอื ข่ายพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของกลุม่ ชาติพันธุ์

กำรขอสัญชำติไทย กำรขอไฟฟูำ (solar cell) กำรจัดตั้งกล฽ุมอำชีพ และกำรจัด
งำนกีฬำระหว฽ำงหม฽ูบำ฾ น เป็นต฾น”

บ฾ำนแม฽ฝำงหลวง ตํำบลศรีดงเย็น อํำเภอไชยปรำกำร จังหวัดเชียงใหม฽
พระมนตรี ปโุ ฺญกุสโล (สภำวนำกุล) กล฽ำวว฽ำ “อำศรมพระธรรมจำริกบ฾ำนแม฽ฝำง
หลวง ต.ศรีดงเย็น อํำเภอไชยปรำกำร จังหวัดเชียงใหม฽ หมู฽บ฾ำนแม฽ฝำงหลวง
แห฽งน้ี เร่ิมก฽อตั้งเมื่อประมำณปี พ.ศ.2516 ตั้งอย฽ูหม฽ูที่ 10 เป็นหย฽อมบ฾ำนหน่ึง
ของบำ฾ นหัวฝำย ตํำบลศรีดงเยน็ อํำเภอไชยปรำกำร จังหวัดเชียงใหม฽ ประกอบไป
ด฾วยกล฽ุมชำติพันธุแมูเซอแดงหรือเรียกตัวเองว฽ำลำห฽ูยี ซึ่งอพยพถ่ินฐำนมำจำก
อำํ เภอเวยี งปำุ เปำู โดยกำรนํำของ “จะผู฽ แอจ฽ู” ประชำกรกลุ฽มแรกที่เข฾ำมำตั้งถ่ิน
ฐำนเป็นกล฽ุมเครือญำติของ “จะผู฽ แอจู฽” อพยพมำจำกอํำเภอเวียงปุำเปูำ จังหวัด
เชียงรำย ในอดีตมี 5 หลังคำเรือน มีประชำกรประมำณ 20-25 คน หม฽ูบ฾ำนแห฽ง
นี้ต้ังอยู฽ติดกับลํำห฾วยแม฽ฝำงหลวง เม่ือประมำณ 20 ปีก฽อน ยังไม฽มีช่ือหม฽ูบ฾ำน มี
ช่ือเรียกว฽ำ “บ฾ำนมูเซอแดง” จนกระท้ังถึงปี พ.ศ.2536 ได฾มีกำรสํำรวจหม฽ูบ฾ำน
จึงตั้งช่ือเป็นทำงกำรว฽ำ บ฾ำนแม฽ฝำงหลวง ตำมช่ือลํำห฾วยขุนฝำงหลวง เม่ือทำง
หน฽วยงำนทำงรำชกำรมำสํำรวจประชำกรจึงกํำหนดให฾เป็นหมู฽บ฾ำนบริวำรหน่ึงของ
หมู฽บ฾ำนหัวฝำย มีกำรแต฽งตั้งผู฾ใหญ฽บ฾ำน ส฽วนคณะกรรมกำรผู฾ช฽วย และสมำชิก
อ.บ.ต. อยู฽ท่ีบ฾ำนหัวฝำย และในหย฽อมบ฾ำนใกล฾เคียง แต฽ในบ฾ำนแม฽ฝำงหลวงไม฽มี
ผู฾นํำที่เป็นทำงกำร จึงได฾มีกำรคัดเลือกแต฽งต้ังผู฾นํำหมู฽บ฾ำนอย฽ำงไม฽เป็นทำงกำรข้ึน
เพ่อื ควบคมุ ดแู ลและประสำนงำนกบั หมบ฽ู ำ฾ นหลัก ในอดตี พ้นื ทที่ ำํ กำรเกษตรใช฾ปลูก
ข฾ำวไร฽ข฾ำวนำ งำ พริก และฝิ่น ปใจจุบันจํำนวนประชำกรเพ่ิมข้ึน ชำวบ฾ำนส฽วน
หน่ึงจึงปรับเปลี่ยนรูปแบบกำรปลูกพืชเศรษฐกิจทดแทน เช฽น ข฾ำวโพด ขิง ล้ินจี่
ลํำไย มะม฽วง พร฾อมทั้งมีกำรนํำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข฾ำมำใช฾ เช฽น รถไถนำ
เครื่องตัดหญ฾ำ เครื่องพ฽นยำ ปุ฻ยเคมี ยำฆ฽ำแมลง เป็นต฾น พ้ืนท่ีทํำกินใช฾ทํำ
กำรเกษตรแบบซ้ํำท่ีเดิมทุกปี ไม฽สำมำรถหมุนเวียนและขยำยพ้ืนที่ทํำกินได฾อีก
เพรำะเจ฾ำหน฾ำทีก่ รมปุำไมไ฾ ดม฾ ำสํำรวจเพื่อวำงหลกั แดนห฾ำมขยำยพื้นที่และห฾ำมบุก
รุกปุำไม฾ทํำให฾แต฽ละครอบครัวที่เป็นเจ฾ำของเดิมอยู฽แล฾วไม฽ให฾ขยำยพื้นท่ีทํำกินเข฾ำ
ไปในเขตพ้ืนที่ปุำ พื้นที่ทํำกินเร่ิมขำดควำมอุดมสมบูรณแเน่ืองจำกกำรทํำเกษตร
แบบซํ้ำที่ ทํำใหต฾ ฾องใช฾ป฻ยุ และสำรเคมีช฽วยในกำรเพำะปลกู มำกขึ้น สภำพแวดล฾อม
ปุำไม฾ไมห฽ นำแน฽นเหมอื นเดมิ หนำ฾ ดินจืดหมดปุ฻ยธรรมชำติ ด฾ำนสภำพภูมิอำกำศมี

-115-

เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

กำรเปล่ียนแปลงในบำงฤดูกำล ควำมสัมพันธแระหว฽ำงชำวบ฾ำนกับผู฾นํำท่ีเป็น
ทำงกำร ซ่ึงเป็นคนพ้ืนรำบอำศัยอย฽ูอีกหมู฽บ฾ำนหน่ึง ชำวบ฾ำนให฾ควำมเห็นว฽ำมัก
ไมไ฽ ดร฾ ับกำรดูแลเอำใจใส฽มำกนัก ส฽วนชำวบ฾ำนมีควำมสัมพันธแท่ีดีกับผู฾นํำในชุมชน
ท่ีไม฽เป็นทำงกำรซึ่งอำศัยอย฽ูในหมู฽บ฾ำน เพรำะเป็นเครือญำติเดียวกัน ชำวบ฾ำนให฾
ควำมเช่ือถือมำกกว฽ำผู฾นํำท่ีเป็นทำงกำร กำรสื่อควำมหมำยสำมำรถเข฾ำใจกันอย฽ำง
ท่ัวถึง เม่ือมีปใญหำจะร฽วมมือกันปรึกษำ เช่ือฟใงแนวคิดกันทุกฝุำยไม฽ใช฾อํำนำจ
สว฽ นตวั เพรำะผนู฾ ํำชุมชนที่ไมเ฽ ป็นทำงกำร คือคนทีถ่ กู คดั เลือกจำกชำวบำ฾ นเองและ
เป็นผ฾ูอำวุโสของชุมชน ผู฾นํำที่ไม฽เป็นทำงกำรและผ฾ูนํำอำวุโสในหมู฽บ฾ำนมีอํำนำจ
หน฾ำท่ีในกำรดูแลควำมสงบเรียบร฾อยในหม฽ูบ฾ำนและเป็นผู฾ประสำนงำนกับผ฾ูนํำที่
เป็นทำงกำร นํำข฽ำวสำรข฾อมูลนโยบำยของรัฐมำสู฽ชุมชน รับผิดชอบกิจกรรม
ประเพณีของเผำ฽ และงำนพัฒนำต฽ำงๆ ในชุมชน คอยสอดส฽องดูแลตักเตือนควำม
ประพฤตทิ ี่ไม฽ดขี องคนในชมุ ชน”

อำศรมพระบัณฑิตอำสำบ฾ำนปุำคำ ตั้งอย฽ูในหม฽ูบ฾ำนปุำคำ นำยจะต฽อ
พัฒนำพฤษำคีรี กล฽ำวว฽ำ “หม฽ูบ฾ำนแห฽งนี้เร่ิมก฽อต้ังหมู฽บ฾ำน เมื่อประมำณปี
พุทธศักรำช 2480 ซ่ึงเดมิ ทชี ำวบ฾ำนก฽อนที่จะมำสร฾ำงถิ่นฐำนที่บ฾ำนปุำคำชำวบ฾ำน
มถี ่นิ กํำเนิดเดิม ตั้งอยู฽ที่หม฽ูบ฾ำนคุ฾ม ดอยอ฽ำงขำง กำรประกอบอำชีพ คือ กำรปลูก
ข฾ำวไร฽ ข฾ำวนำ สำเหตุที่พำกันมำอย฽ูท่ีบ฾ำนปุำคำ เพรำะท่ีบ฾ำนค฾ุม ดอยอ฽ำงขำง มี
สภำพอำกำศที่หนำวเย็นไม฽เอ้ืออํำนวยในกำรปลูกข฾ำว จึงไม฽สำมำรถที่จะทํำกำร
ปลูกขำ฾ วไร฽ไว฾บริโภคได฾ ซึ่งชำวบ฾ำนในหม฽ูบ฾ำนส฽วนมำกได฾พำกันเดินเท฾ำข฾ำมภูเขำ
สงู จำกบำ฾ นคุ฾ม ดอยอำ฽ งขำง มำปลูกข฾ำวไร฽ท่ีปุำคำ ระยะทำงห฽ำงกันถึงประมำณ 5
กิโลเมตร เป็นหนทำงท่ีไกล จึงเกิดกำรอพยพย฾ำยถิ่นฐำนมำจำกดอยอ฽ำงขำง
แบ฽งเป็น 3 กลุ฽ม กล฽ุมที่ 1 อยู฽ท่ีบ฾ำนปุำคำ กล฽ุมที่ 2 อย฽ูที่หลักสำ (หัวน้ํำห฾วยงู)
กล฽มุ ท่ี 3 อย฽ูทห่ี ฾วยแมก฽ ะและ ตอ฽ มำทงั้ สองกลมุ฽ ก็ย฾ำยมำอย฽ูกับกล฽ุมท่ี 1 คือบ฾ำนปุำ
คำ เพรำะจะได฾ไม฽ต฾องเดินไปกลับจำกอ฽ำงขำงกับปุำคำเพื่อปลูกข฾ำวไร฽ มีกลุ฽มของ
นำยจะเสือย฾ำยจำกบ฾ำนค฾ุมเข฾ำมำอยู฽ที่บ฾ำนปุำคำ เป็นกล฽ุมแรก มีบ฾ำนเรือน
ประมำณ 10 หลัง สมัยนั้นไม฽มีผ฾ูนํำหรือผ฾ูใหญ฽บ฾ำน แต฽มีผ฾ูนํำทำงศำสนำชนเผ฽ำ
มูเซอดํำ (ลำหู฽นะ) และชำวบ฾ำนก็อยู฽รวมกันเป็นหมู฽บ฾ำนปุำคำ สมัยก฽อนบริเวณ
หมู฽บ฾ำนน้ีมีหญ฾ำคำข้ึนเป็นจํำนวนมำก ชำวบ฾ำนจึงนํำมำใช฾เป็นหลังคำบ฾ำน จึงได฾
ช่ือหม฽ูบ฾ำนว฽ำ “บ฾ำนปุำคำ” และพำกันเรียกช่ือหม฽ูบ฾ำนว฽ำ บ฾ำนปุำคำ จนมำถึง

-116-

เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

ปใจจุบันต฽อมำ เจ฾ำหน฾ำที่ของรัฐมำเก็บข฾อมูลในหมู฽บ฾ำน สร฾ำงโรงเรียนให฾กับเด็ก
และเริ่มมีไฟฟูำเข฾ำมำ พระบำทสมเด็จพระเจ฾ำอย฽ูหัว (รำชกำลท่ี 9) เคยเสด็จมำ
หม฽ูบ฾ำนปุำคำ จำกน้ันเจ฾ำหน฾ำท่ีของรัฐ ก็เข฾ำมำแต฽งต้ังผู฾นํำในหมู฽บ฾ำนตำม
กฎหมำย และหม฽ูบ฾ำนปุำคำกค็ อ฽ ยๆพฒั นำไปตำมลำํ ดับ

สภำพทำงสังคม หมู฽บ฾ำนปุำคำมีประชำกรส฽วนใหญ฽เป็นชำวเขำเผ฽ำมูเซอ
ดํำ (ลำหู฽นะ) และมีชนเผ฽ำอื่นที่ได฾เข฾ำมำอำศัยในหม฽ูบ฾ำน บำงคนเข฾ำมำอย฽ูเพรำะ
แต฽งงำนกับคนในหมู฽บ฾ำนปุำคำ ส฽วนบำงคนก็เข฾ำมำอยู฽เพรำะย฾ำยถิ่นฐำนจำก
หม฽ูบ฾ำนอ่ืนมำสร฾ำงบ฾ำนในหม฽ูบ฾ำนปุำคำ ซึ่งชนเผ฽ำอื่นที่เข฾ำมำอย฽ูจะมีจํำนวนน฾อย
กว฽ำชนเผ฽ำมูเซอดํำ (ลำห฽ูนะ) เช฽น อีก฾อ (อำข฽ำ) ปะหล฽อง (ดำละอั้ง) คนเมือง
จีนฮอ฽ มเู ซอแดง (ลำหูน฽ ะ)

นำยจะหำ จํำรัสคีรีไพร กล฽ำวว฽ำ “ระบบเครือญำติของชำวบ฾ำนปุำคำนั้น
ส฽วนใหญ฽จะเป็นชำวเขำ เผำ฽ มเู ซอดํำ (ลำห฽นู ะ) แต฽งงำนกับคนชนเผ฽ำเดียวกันเป็น
ส฽วนมำก จะมีบำงหลังในส฽วนน฾อยท่ีจะแต฽งงำนกับชนเผ฽ำอื่นและคนต฽ำงถ่ิน คนใน
หมู฽บ฾ำนส฽วนใหญ฽จะเป็นพี่น฾องกัน มูเซอดํำ (ลำห฽ูนะ) บ฾ำนปุำคำนิยมอยู฽กันแบบ
ครอบครวั ขยำย บำ฾ นหนึ่งหลังอยกู฽ ันหลำยคน บำงหลังมีสมำชิกในครัวเรือนสิบกว฽ำ
คน ผู฾ชำยจะเป็นบุตรเขยมำอย฽ูบ฾ำนฝุำยหญิง มีส฽วนน฾อยเม่ือบุตรหลำนแต฽งงำน
แลว฾ อำจจะแยกตัวไปอยูเ฽ ป็นครอบครวั เดย่ี ว แตจ฽ ะตัง้ บ฾ำนเรือนอำศัยอย฽ูใกล฾กับบ฾ำน
ของบดิ ำมำรดำ ในระหวำ฽ งเครือญำติกันบุตรหลำนจะให฾ควำมเคำรพนับถือผ฾ูอำวุโส
กว฽ำ มกี ำรไปมำหำสกู฽ นั ชมุ ชนในแต฽ละพนื้ ทแี่ ต฽ละแห฽งวิถีกำรดํำรงชีวิต และควำม
เช่ือท่ีแตกต฽ำงกันไป เพรำะมำจำกกำรสืบทอดจำกบรรพบุรุษที่ไม฽เหมือนกัน กำร
กระทํำใดๆ ในควำมเชื่อท่ีในที่ต฽ำงๆ หรือที่เรียกว฽ำ พิธีกรรม เพ่ือที่จะให฾ชำวบ฾ำน
ไดม฾ ีกำรจดั กำรทำํ พธิ กี รรมทำงควำมเชื่อ โดยเฉพำะพิธีกรรมในวันศีล มูเซอดํำ(ลำ
หนู฽ ะ) ถือวำ฽ เป็นพธิ ีกรรมอย฽ำงหนึ่งท่ีสํำคญั ที่ผเู฾ ฒำ฽ ผูแ฾ ก฽ หยุดงำนเพ่ือท่ีจะทํำบุญรับ
ศีล และไปประกอบพิธีกรรมที่จัดเตรียม น้ํำ เทียน เข฾ำไปในหอแหย฽ เพ่ือบูชำ
สักกำระตำมควำมเช่ือมูเซอดํำ(ลำหู฽นะ) ชำวบ฾ำนจะหยุดงำนทํำไร฽ ทํำนำ ทํำสวน
และพักผ฽อนอยู฽ที่บ฾ำน เพื่อจะทํำพิธีกรรมที่ หอแหย฽ในวันศีลตอนเย็น นํำน้ํำมำ
เพื่อล฾ำงมือ ให฾แก฽ผู฾เฒ฽ำผู฾แก฽ และผ฾ูนํำศำสนำ กำรรดนํ้ำล฾ำงมือน้ัน ชำวบ฾ำนถือว฽ำ
เปน็ กำรล฾ำงบำปไปในตัว เพื่อเป็นกำรล฾ำงบำปในส่ิงต฽ำงๆ ที่มือได฾ทํำลงไป และก็
มีกำรเต฾นรํำในหอแหย฽กันอย฽ำงสนุกสนำน ควำมเจ็บปุวยและกำรปูองกันกำรรักษำ

-117-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของกลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุ

ปใจจุบัน มูเซอดํำ (ลำห฽ูนะ) เม่ือไม฽สบำยเกิดกำรเจ็บปุวย ก็จะไปใช฾บริกำร
สำธำรณสุขท่ีโรงพยำบำลส฽งเสริมสุขภำพตํำบลม฽วงชุม และมีกำรรักษำตำมควำม
เชือ่ ในกล฽ุมที่นับถือผีบรรพบุรุษ ก็จะมีวิธีกำรแบบด้ังเดิมของเผ฽ำตนเองที่ยังมีให฾
เห็น คือ กำรทํำบุญเมื่อไม฽สบำย ที่บ฾ำนปูุจอง แต฽ทุกศำสนำในหมู฽บ฾ำนถ฾ำเจ็บปุวย
ไม฽สบำยก็จะไปหำหมอท่ีโรงพยำบำลกัน แต฽พิธีกรรมจะมีเฉพำะกลุ฽มท่ีนับถือผี
บรรพบุรุษในหย฽อมบ฾ำนของตนเอง เพรำะบ฾ำนปุูจองและรองปูุจองมีสำมหย฽อม
บ฾ำนท่แี บง฽ กนั ไว฾ เวลำทํำบญุ ทำํ พธิ ีกรรมของแต฽ละหยอ฽ มบำ฾ น”

พระจิรพงศแ สุจิตฺโต กล฽ำวว฽ำ “อำศรมพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำบ฾ำน
ปุำคำ มหำวทิ ยำลยั มหำจฬุ ำลงกรณรำชวทิ ยำลัย วทิ ยำเขตเชียงใหม฽ โดยโครงกำร
พระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ ได฾ส฽งจัดให฾พระนักวิจัยและนิสิตปฏิบัติศำสนกิจ
ชุมชนบ฾ำนปุำคำ ตั้งแต฽พุทธศักรำช 2549 เป็นต฾นมำ โดยได฾คัดเลือกพระนักวิจัย
และนิสิตจำกมหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย ส฽วนกลำง และส฽วนวิทยำ
เขตต฽ำงๆ เข฾ำมำปฏิบัติศำสนกิจ ในกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำบนพื้นที่สูง โดย
นํำเอำคุณธรรมและหลักธรรม ที่คนไทยยึดถือปฏิบัตินับถือสืบเน่ืองมำแต฽โบรำณ
กำล เป็นเคร่ืองชี้นํำประชำชนในสังคมให฾มีวิถีชีวิตที่ถูกต฾องและสวยงำม และเผย
แผ฽หลกั ธรรมทำงพระพุทธศำสนำทุกสำรทิศ เพ่อื ให฾สงั คมไทย ได฾ยึดหลักธรรมทำง
พระพุทธศำสนำ เป็นวิถีทำงดํำเนินและเป็นศำสนำประจํำชำติ โดยมีคณะสงฆแ
และหนว฽ ยงำนท่ีเกย่ี วข฾องท้งั ภำครฐั และเอกชน ทํำหน฾ำท่ีส฽งเสรมิ ทํำนบุ ำํ รุง และสืบ
ทอดไปสู฽ประชำชนบนพ้ืนที่สูง เป็นกำรเผยแผ฽และประชำสัมพันธแ โดยจัดส฽งพระ
บณั ฑติ อำสำ ไปปฏิบตั ิศำสนกิจ ในกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำ เพ่ือให฾พระบัณฑิต
อำสำเข฾ำไปมีบทบำท ในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต ท้ังด฾ำนวัตถุและจิตใจให฾แก฽
ชุมชนบ฾ำนปุำคำ เพื่อให฾เด็ก เยำวชน และประชำชน นํำหลักธรรมทำง
พระพุทธศำสนำมำใช฾ปฏิบัติในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต ให฾เกิดควำมร฾ูค฽ูคุณธรรม
เป็นคนดมี ีคณุ ภำพในสังคม”

บ฾ำนห฾วยปุำกล฾วย ต.แม฽นำวำง อํำเภอแม฽อำย จังหวัดเชียงใหม฽ อำศรม
พระบณั ฑติ อำสำ ตง้ั อย฽ใู นบำ฾ นหว฾ ยปุำกล฾วย นำยดำเยละ เกียรติสกุลไพศำล กล฽ำ
ว฽ำ “หมู฽บ฾ำนแห฽งน้ี ต้ังอยู฽ในเขตตํำบลแม฽นำวำง อํำเภอแม฽อำย จังหวัดเชียงใหม฽
หม฽ูบ฾ำนแห฽งน้ีก฽อตั้งตั้งแต฽ในปี พ.ศ.2509 ได฾มีผ฾ูเฒ฽ำชำวลำห฽ู 4 คน คือ “จะกู
จะเต฿ำะ” “ปุอู ยู฽ ประหวำ฽ ” “จะฟไู ล จะใจ” และ “ยำโหล แสนคำํ ปำ” จำกดอย

-118-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพันธุ์

กู฽หมื่น ทั้ง 4 คนได฾ปรึกษำกันว฽ำ หมู฽บ฾ำนท่ีอย฽ูเดิมนั้นประสบปใญหำที่ทํำกินไม฽
เพียงพอ จึงตกลงย฾ำยเข฾ำมำอย฽ูบริเวณปุำกล฾วยในหุบเขำและมีห฾วยน้ํำไหลผ฽ำน
ทำงช฽องเขำ จึงพำกันย฾ำยลูกบ฾ำนท่ีดอยก฽ูหมื่นเข฾ำมำสร฾ำงหม฽ูบ฾ำนในหุบเขำ และ
ได฾เรียกชื่อหมู฽บ฾ำนตำมลักษณะพื้นที่ว฽ำ “บ฾ำนห฾วยปุำกล฾วย” ต฽อมำมีสมำชิก
หมู฽บ฾ำนเพิ่มขึ้น ทํำให฾ท่ีอยู฽อำศัยไม฽เพียงพอต฽อควำมต฾องกำร เพรำะหมู฽บ฾ำน
ต้ังอย฽ูในหุบเขำไม฽สำมำรถขยำยออกไปได฾ และห฽ำงไกลจำกทำงคมนำคม มีควำม
ยำกลํำบำกในกำรติดต฽อกบั หมูบ฽ ฾ำนอนื่ และพ้นื ท่ีเป็นปุำตน฾ นํำ้ ของคนไทยพ้ืนรำบที่
ใช฾ในกำรอุปโภคและบริโภคและทํำกำรเกษตรกรรม ชำวบ฾ำนจึงพำกันย฾ำยออกมำ
จำกหุบเขำดงั กลำ฽ วมำต้ังหมู฽บ฾ำนบริเวณใกล฾กับหม฽ูบ฾ำนคนไทยพ้ืนรำบคือบ฾ำนท฽ำปุู
ระยะทำงห฽ำงกัน 5 กิโลเมตร แตย฽ ังใช฾ชื่อหม฽บู ำ฾ นเดมิ คอื หว฾ ยปุำกล฾วย”

จำกกำรสำํ รวจ พบวำ฽ สภำพหม฽บู ฾ำนและประชำกร พื้นท่ีปุำในหมู฽บ฾ำนเป็น
ปุำไผ฽ โดยรอบหม฽ูบ฾ำนมีภูเขำโอบล฾อม แต฽บริเวณทำงทิศตะวันตกเป็นพื้นที่
ค฽อนข฾ำงรำบ เป็นพื้นที่สวนส฾มของคนพื้นรำบเป็นส฽วนใหญ฽ มีลํำห฾วย 3 สำย คือ
ห฾วยปุำกล฾วย ห฾วยหวำย และห฾วยหลวง ชำวบ฾ำนสำมำรถใช฾อุปโภคบริโภค และ
ใช฾เพื่อกำรเกษตรอย฽ำงเพียงพอตลอดปี ในลํำห฾วยชำวบ฾ำนสำมำรถหำปลำมำ
รับประทำน ในพ้ืนที่ปุำยังมีควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพอย฽ูมำก พบมีผ฾ูพบเห็น
สัตวแปุำ เช฽น เก฾ง แต฽ปใจจุบันพื้นที่ปุำธรรมชำติที่อย฽ูใกล฾นำและใกล฾ลํำห฾วย มีกำร
ตัดไม฾และถำงปุำเพ่ือทํำกำรเกษตรจนพ้ืนท่ีปุำรอบบริเวณหมู฽บ฾ำนและใกล฾ลํำห฾วย
ค฽อนข฾ำงโล฽งเตียน สภำพภูมิอำกำศค฽อนข฾ำงเย็นตลอดปี สังคมวัฒนธรรมและวิถี
ชวี ิตของชำวบ฾ำนทีม่ ีควำมเรียบงำ฽ ย ในสังคมมูเซอมีกำรดํำเนินชีวิตไปตำมแบบวิถี
ชวี ิตดงั้ เดิมทีย่ ังตอ฾ งพง่ึ พำทรัพยำกรธรรมชำติ มีควำมเพียงพอในกำรดํำรงชีพ โดย
ยังออกหำของปุำมำรับประทำนและออกล฽ำสัตวแ ผ฾ูเฒ฽ำคนแก฽อยู฽บ฾ำนเล้ียงดูบุตร
หลำน กำรดํำเนินชวี ติ เป็นแบบพึ่งพำกนั อำศัย

พระนิมิตร จิรธมฺโม กล฽ำวว฽ำ “ชำวมูเซอมีควำมเช่ือในเร่ืองของผีต฽ำงๆ
มำกมำย ภตู ผวี ิญญำณในสถำนทีต่ ำ฽ งๆ ได฾แก฽ ผีเรือน ผีประจํำหมู฽บ฾ำน ผีปุำ ผีนำ
ผีไร฽ ซึ่งจะมีกำรประกอบพิธีกรรมแต฽ละอย฽ำงให฾ถูกต฾อง หำกประกอบพิธีกรรมไม฽
ถูกต฾อง พวกเขำมีควำมเชื่อว฽ำผีอำจทํำให฾เกิดควำมเจ็บปุวยและทํำให฾ชีวิตไม฽มี
ควำมรุ฽งเรือง นอกจำกให฾ควำมเชื่อถือเร่ืองภูติผีปีศำจ ชำวมูเซอยังนับถือเทพเจ฾ำ
หรือพระเจ฾ำทชี่ ำวมเู ซอใหช฾ ื่อว฽ำ “ถอื ซำ” ซง่ึ เช่อื วำ฽ เป็นผู฾สร฾ำงโลกและมนุษยแ เป็น

-119-

เครือข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของกลุ่มชาติพันธุ์

ผ฾ูที่มีควำมดีงำมและบริสุทธิ์ และมีกำรสร฾ำงวัดเป็นท่ีพักและประกอบพิธีกรรม
ต฽ำงๆ ให฾กับเทพเจ฾ำหรือพระเจ฾ำที่มีนำมว฽ำ “ถือซำ” โดยชำวมูเซอจะมำประกอบ
พิธีทุกวัน 14 ค่ํำ และ 15 ค่ํำ โดยจะมีกำรเต฾นจะคึ นํำโดย “ปุูจอง” “ลำซอ”
“อำจำ” “ชำลำ” และตำมด฾วยกล฽ุมชำวบ฾ำน หน฽ุมสำว และเด็ก มีกำรตีโมงตี
กลองยำว ตีฉ่ิง ตีฉำบให฾จังหวะเป็นท่ีสนุกสนำน หลังจำกกำรเต฾นจะคึเสร็จส้ินลง
ชำวบ฾ำนจะรวมตัวกันที่สถำนที่แห฽งหน่ึงเรียกว฽ำ “หอเหย฽” ปุูจอง ลำซอ อำจำ
ชำลำ และคะแซปำ จะร฽วมกันจุดเทียนธูป กรวดน้ํำ สวดมนตแ และตีโมงเป็น
จังหวะๆ จนกว฽ำจะเสร็จพิธี กฎข฾อห฾ำมและข฾อปฏิบัติในวันศีลวันพระของมูเซอใน
วัน 15 ค่ํำ คือ ไม฽ฆ฽ำสัตวแ ไม฽กินเนื้อ ไม฽ด่ืมเหล฾ำ ไม฽ออกไปทํำงำน ส฽วนผู฾นํำคน
สำํ คัญของหมบู฽ ฾ำน ได฾แก฽ ปุูจอง ลำซอ อำจำ ชำลำ จะต฾องนอนท่ีวัดหรือหอเหย฽
เป็นเวลำ 2 คืน คือ วัน 14 ค่ํำ 15 คํ่ำ ปใญหำส฽วนใหญ฽เป็นปใญหำเกี่ยวกับกำร
แพร฽ระบำดของยำเสพติด และปใญหำทำงด฾ำนกำรศึกษำของเด็กและเยำวชนใน
หม฽ูบ฾ำนท่ีต฾องเดินทำงไปศึกษำเล฽ำเรียนที่อื่น ทํำให฾เยำวชนบำงคนไม฽ไปเรียน
หนงั สอื ”

หลงั จำกนนั้ นักวจิ ัยและนิสิตได฾ไปพูดคุยกับผู฾ใหญ฽บ฾ำน เพ่ืออธิบำยวิธีกำร
ข้ันตอนกำรจัดประชุมชำวบ฾ำน เพื่อทํำสํำมะโนปใญหำ ขอควำมอนุเครำะหแควำม
ร฽วมมือกำรจัดทํำกิจกรรม ให฾ช฽วยแปลให฾กับชำวบ฾ำน โดยได฾ร฽วมนัดแนะกำร
ประชุมเพ่ือกำรทํำสํำมะโนปใญหำในวันท่ี 15 กุมภำพันธแ พ.ศ. 2562 เวลำ
ประมำณ 09.00 น.- 11.00น. และแจ฾งประชำสัมพันธแให฾ชำวบ฾ำนได฾รับทรำบ
และมำร฽วมประชุมกันตำมท่ีนัดหมำย โดยกำรประชุมนั้นนัดกันที่ศำลำประชำคม
ของหม฽ูบ฾ำน เมื่อถึงวันท่ีนัดประชุมกันเพ่ือทํำสํำมะโนปใญหำ ในวันท่ีวันท่ี 15
กุมภำพันธแ พ.ศ. 2562 เวลำประมำณ 09.00น.- 11.00น. เมื่อตัวแทนของ
ครวั เรอื นมำรว฽ มประชมุ แล฾ว ผ฾ูใหญบ฽ ฾ำนกเ็ ร่มิ ดํำเนินกำรร฽วมกับนักวิจัยและนิสิต ใน
กำรจัดประชุมคร้ังน้ีได฾มีเจ฾ำหน฾ำท่ีจำกองคแกำรบริหำรส฽วนตํำบลม฽อนปิ่นมำร฽วมทํำ
กิจกรรมด฾วย ก็ได฾มีกำรแนะนํำตัว จำกนั้นจึงแจ฾งให฾ชำวบ฾ำนที่มำร฽วมประชุมได฾รับ
ทรำบถึงวัตถปุ ระสงคแท่ีนัดกนั ประชมุ ในครัง้ นี้ เพื่อทํำกำรสํำมะโนปใญหำของชุมชน
บ฾ำนปำุ คำ วำ฽ ในปจใ จบุ นั นีม้ ีปใญหำอะไรบ฾ำง ในกำรประชุมครั้งนี้มีชำวบ฾ำนเข฾ำร฽วม
ประชุมทั้งหมด 52 คน เพรำะก฽อนเร่ิมประชุมก็จะมีกำรลงชื่อเข฾ำร฽วม เพ่ือ
ตอ฾ งกำรทรำบจํำนวนผู฾เข฾ำรว฽ มประชุม

-120-

เครอื ขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกล่มุ ชาติพันธ์ุ

กำรประชุมครั้งนี้ เม่ือผ฾ูเข฾ำร฽วมประชุมได฾รับทรำบและเข฾ำใจวัตถุประสงคแ
แล฾ว นักวจิ ยั และนิสิตจงึ ให฾ผ฾เู ขำ฾ รว฽ มประชุมแบง฽ กลุ฽ม โดยแบง฽ เปน็ 5 กลมุ฽ กล฽ุมละ
10 คน 3 กลุ฽ม กลุ฽มละ 11 คน 2 กล฽ุม ซึ่งในกำรแบ฽งกลุ฽มน้ัน นักวิจัยและนิสิต
ไดข฾ อให฾ชำวบำ฾ นแบง฽ กล฽ุมกันเองวำ฽ ใครจะอยก฽ู ลุ฽มกับใครก็ได฾ โดยแจกกระดำษและ
ปำกกำให฾ จำกนั้นจึงใหแ฾ ตล฽ ะกล฽ุมเขยี นชือ่ สมำชิกกล฽ุมของตนเองและเขียนปใญหำ
ต฽ำงๆท่ีพบในชุมชน โดยกำรทํำกิจกรรมเจ฾ำหน฾ำท่ีจำกองคแกำรบริหำรส฽วนตํำบล
ม฽อนป่ิน และนักวิจัยและนิสิตก็จะเข฾ำไปช฽วยกันดูแต฽ละกลุ฽ม เน่ืองจำกชำวบ฾ำน
ที่มำร฽วมประชมุ บำงคนเขยี นหนงั สอื ไมเ฽ ป็นและไม฽ค฽อยทรำบปใญหำเขำก็จะบอกว฽ำ
ไม฽มีปใญหำ นักวิจัยและนิสิตจึงได฾เสนอคํำถำม เช฽น นํ้ำในกำรทํำกำรเกษตร
เพียงพอไหม เป็นต฾น จึงทํำให฾ได฾ทรำบประเด็นปใญหำต฽ำงๆร฽วมกับชำวบ฾ำน
นักวิจัยและนิสิตก็พยำยำมประยุกตแใช฾ควำมร฾ู มีกำรสอบถำมจำกตัวแทนกลุ฽ม
รว฽ มกันอีกครั้งหนง่ึ เพ่ือเรยี งลำํ ดับปใญหำ เพอื่ จัดทํำโครงกำรในลำํ ดบั ต฽อไป

จำกกำรผลกำรจัดประชุมได฾นํำไปสู฽กำรจัดทํำโครงกำร จิตอำสำร฽วมกัน
พัฒนำทํำควำมสะอำดบ฾ำนปุำคำ ณ บ฾ำนปุำคำ หมู฽ท่ี 11 ตํำบลม฽อนป่ิน อํำเภอ
ฝำง จังหวัดเชียงใหม฽ ในช่ือโครงกำรว฽ำ จิตอำสำร฽วมกันพัฒนำทํำควำมสะอำด
บ฾ำนปำุ คำ โดยคณะกรรมกำรหม฽ูบ฾ำนปุำคำ กำรฝึกภำคปฏิบัติภำคสนำมงำนสังคม
สงเครำะหแชุมชน เป็นอีกวิชำหน่ึงในกระบวนกำรเรียนกำรสอนในระดับปริญญำตรี
ทต่ี ฾องกำรใหน฾ ักวิจัยและนิสติ ไดเ฾ รียนรูเ฾ ก่ยี วกับกำรปฏบิ ตั ิงำนจริงในชุมชนของคณะ
สังคมศำสตรแ สำขำสังคมสงเครำะหแ เป็นวิชำชีพท่ีมีลักษณะของศำสตรแและศิลป฼ที่
ต฾องอำศัยองคแประกอบหลำยด฾ำนในกำรประยุกตแใช฾หลักควำมร฾ู ให฾เกิดประโยชนแ
ตำมสภำพทำงสังคม จำกกำรได฾มำปฏิบัติงำนกำรฝึกภำคปฏิบัติภำคสนำมงำน
สงั คมสงเครำะหแชุมชนบ฾ำนปุำคำ นกั วจิ ยั และนสิ ิตไดส฾ ังเกตและสอบถำมจำกคนใน
ชุมชนเพ่อื ค฾นหำ องคแควำมรู฾เกี่ยวกบั ด฾ำนตำ฽ งๆในหมู฽บำ฾ นปำุ คำ จำกนั้นได฾มีกำรสํำ
มะโนปใญหำเพื่อจัดทํำโครงกำรที่ต฾องอำศัยควำมร฽วมมือในกำรทํำกิจกรรมร฽วมกับ
ชำวบ฾ำนในชุมชนของหม฽ูบ฾ำนปุำคำ ดังนั้น นักวิจัยและนิสิตจึงจัดทํำโครงกำร จิต
อำสำร฽วมกันพัฒนำทํำควำมสะอำดบ฾ำนปุำคำ เพ่ือเป็นศูนยแรวมกำรร฽วมแรงร฽วมใจ
ของคนในชุมชนร฽วมกับเด็กนักเรียนตํำรวจตระเวนชำยแดนอำโอยำม฽ำ เพื่อสร฾ำง
จิตสํำนึกท่ีดีช฽วยกันรักษำควำมสะอำดในชุมชน และทํำลำยแหล฽งเพำะพันธแุของ
เชื้อโรคที่อำจจะเกิดโรคตำมมำ ด฾วยปใญหำขยะที่เกิดขึ้นนักวิจัยและนิสิตจึงได฾

-121-

เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ติ ของกลุ่มชาติพันธ์ุ

ตระหนกั ในกำรดํำเนนิ กำรจดั กจิ กรรมทีเ่ กิดประโยชนแ เพอื่ ควำมสะอำดของหม฽ูบ฾ำน
ชุมชนบ฾ำนปุำคำ ลักษณะกิจกรรมเป็นกำรดํำเนินงำนแบบมีส฽วนร฽วมของนักวิจัย
และนิสิตฝึกงำน สำขำสังคมสงเครำะหแชำวบ฾ำนในชุมชนบ฾ำนปุำคำ และเด็ก
นกั เรียนตํำรวจตระเวนชำยแดนอำโอยำมำ฽

โครงกำรจิตอำสำร฽วมกันพัฒนำทํำควำมสะอำดบ฾ำนปุำคำ ผ฾ูเข฾ำร฽วม
โครงกำร นักวิจยั และนิสิตสำขำสังคมสงเครำะหแ ชำวบ฾ำนในชุมชนบ฾ำนปุำคำ เด็ก
นกั เรยี นอำโอยำมำ฽ รวม 95 คน ระยะเวลำดํำเนนิ กำร วนั ท่ี 22 กมุ ภำพันธแ 2562
เวลำ 09.00 น. – 11.00 น. ณ บ฾ำนปุำคำ หมู฽ท่ี 11 ตํำบลม฽อนป่ิน อํำเภอฝำง
จงั หวดั เชียงใหม฽ ขน้ั ตอนกำรดํำเนนิ งำน

1. นดั วันเวลำกับชำวบ฾ำนบ฾ำนปุำคำ นักเรียนตํำรวจตระเวนชำยแดนอำโอ
ยำม฽ำ เพือ่ ดํำเนนิ กิจกรรม ชว฽ ยกันเก็บขยะในชมุ ชนบำ฾ นปำุ และกวำดถนนร฽วมกนั

2. ดํำเนินกำรตำมโครงกำรท่ีได฾เสนอร฽วมกับชำวบ฾ำนและผ฾ูใหญ฽บ฾ำนบ฾ำน
ปุำคำ

3. สรุปกำรทํำกจิ กรรมร฽วมกัน
ต฽อจำกนั้น ในประเด็นเก่ียวกับภำวะผ฾ูสูงอำยุ ได฾มีกำรจัดทํำโครงกำร
อบรมให฾ควำมรู฾กำรดูแลสุขภำพผ฾ูสูงอำยุ ณ ศำลำอเนกประสงคแบ฾ำนปุำคำ หมู฽ท่ี
11 ตํำบลม฽อนป่ิน อํำเภอฝำง จังหวัดเชียงใหม฽ ช่ือโครงกำร: อบรมให฾ควำมร฾ูกำร
ดแู ลสขุ ภำพผู฾สงู อำยุ โดยคณะกรรมกำรหม฽บู ำ฾ นปุำคำ
จำกกำรสํำรวจสภำพควำมเป็นอย฽ูของผ฾ูสูงอำยุ โดยมีแบบสอบถำมท่ีใช฾
สัมภำษณแเวลำนักวิจัยและนิสิตได฾ลงพ้ืนท่ีเย่ียมผู฾สูงอำยุ และพูดคุยด฾วย บำงคน
นักวิจัยและนิสิตก็สำมำรถส่ือสำรกันเข฾ำใจแต฽ผู฾สูงอำยุบำงคนนักวิจัยและนิสิตก็มี
ล฽ำมช฽วยแปลเวลำท่ีสนทนำกัน นักวิจัยและนิสิตก็ได฾ทรำบถึงวิถีชีวิตควำมเป็นอยู฽
ของผู฾สูงอำยุส฽วนใหญ฽จะเป็นครอบครัวขยำยท่ีอยู฽ด฾วยกันหลำยคน คอยช฽วยเหลือ
ดูแลกัน ปใญหำที่นักวิจัยและนิสิตพบส฽วนใหญ฽จะเป็นปใญหำเก่ียวกับเร่ืองสุขภำพ
ของผู฾สูงอำยุ หมู฽บ฾ำนปุำคำก็มีผ฾ูสูงอำยุจํำนวนมำก ด฾วยควำมเสื่อมของวัยทํำให฾
ผู฾สูงอำยุมีควำมเส่ียงในหลำยๆด฾ำนเกิดข้ึนตำมมำ บำงคนก็มีโรคภัยไข฾เจ็บต฽ำงๆ
โรคประจํำตัวที่มีหลำยสำเหตุในกำรปุวย กำรรับประทำนอำหำรก็เป็นส฽วนหนึ่งที่มี
ควำมสํำคัญเพรำะเป็นส฽วนหนึ่งในกำรดํำเนินชีวิตท่ีต฾องมีกำรรับประทำนอำหำร
กำรออกกํำลังกำย กำรดูแลเอำใจใส฽สุขภำพของผ฾ูสูงอำยุบนดอยก็ยังขำดควำมรู฾

-122-

เครอื ข่ายพระนักพัฒนากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์

ควำมเข฾ำใจในกำรดํำเนินชีวิต กำรได฾รู฾เท฽ำทันทํำให฾ได฾รับกำรรักษำหรือปฏิบัติตน
อย฽ำงถูกต฾องเหมำะสม เพื่อปูองกันกำรเกิดโรคแทรกซ฾อนมำกมำยท่ีตำมมำ เช฽น
โรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษแ อัมพำต) โรคหลอดเลือดหัวใจ ซ่ึงอำจร฾ำยแรงถึง
ขั้นเสียชีวิต ด฾วยควำมใส฽ใจและให฾ควำมสํำคัญเก่ียวกับสุขภำพของผู฾สูงอำยุ เพ่ือ
ควำมปลอดภยั และปอู งกันภำวกำรณแเจ็บปวุ ยฉุกเฉิน

นักวิจัยและนิสิตจึงได฾เป็นผู฾ประสำนงำนกับทำงโรงพยำบำลส฽งเสริม
สุขภำพม฽วงชุม โดยขอเจ฾ำหน฾ำที่ท่ีมีควำมรู฾ควำมสำมำรถ มำอบรมให฾ควำมร฾ูแก฽
ผ฾ูสูงอำยุบ฾ำนปุำคำ ผู฾สูงอำยุจะได฾มีควำมร฾ูควำมเข฾ำใจในกำรนํำควำมร฾ูมำเป็นส฽วน
หนึ่งในกำรดํำเนินชีวิต นักวิจัยและนิสิตจึงจัดทํำโครงกำร อบรมให฾ควำมร฾ูกำรดูแล
สุขภำพผ฾ูสูงอำยุ เพื่อคุณภำพชีวิตท่ีดีข้ึนของผู฾สูงอำยุ ในกำรดูแลรักษำสุขภำพ
ของตัวเองต฽อไป มีวัตถุประสงคแ ดังน้ี

1. เพ่อื ใหผ฾ ู฾สูงอำยไุ ดอ฾ บรมมคี วำมรู฾เข฾ำควำมใจในกำรดูแลสุขภำพตนเอง
2. เพือ่ ให฾ผส฾ู ูงอำยุได฾มคี วำมสำมคั คีกนั ในกำรรวมกลุม฽ ทำํ กจิ กรรมรว฽ มกนั
3. เพอ่ื ใหผ฾ ฾สู งู อำยไุ ดม฾ สี ุขภำพกำยและสุขภำพจิตทีด่ ี ในกำรดํำเนนิ ชวี ติ
ลักษณะกิจกรรมเป็นกำรดํำเนินงำนแบบมีส฽วนร฽วมของนักวิจัยและนิสิต
ฝกึ งำน สำขำสงั คมสงเครำะหแและผู฾สงู อำยบุ ฾ำนปุำคำ
ผเ฾ู ข฾ำร฽วมโครงกำร ผ฾สู งู อำยุบ฾ำนปำุ คำ หมทู฽ ี่ 11 ตํำบลม฽อนปิ่น อํำเภอฝำง
จังหวัดเชียงใหม฽ จํำนวน 78 คน ระยะเวลำดํำเนินกำร วันท่ี 1 มีนำคม 2562
เวลำ 09.00 น. – 11.00 น. ณ ศำลำอเนกประสงคแบ฾ำนปุำคำ หมู฽ที่ 11 ตํำบล
มอ฽ นปิ่น อำํ เภอฝำง จงั หวัดเชยี งใหม฽ มขี ั้นตอนกำรดำํ เนนิ งำน ดังน้ี
1. เย่ียมผ฾ูสูงอำยุ พบปะพูดคยุ โดยใช฾แบบสอบถำม กำรสํำรวจสภำพควำม
เป็นอยู฽ของผู฾สูงอำยุ ผ฾ูสูงอำยุบำงคนนักวิจัยและนิสิตก็ไปเยี่ยมด฾วยตนเองท่ีพอ
ส่ือสำรพูดคุยกันได฾ แต฽บำงคนนักวิจัยและนิสิตต฾องของชำวบ฾ำนช฽วยเป็นล฽ำมช฽วย
แปลภำษำใหก฾ บั นักวิจยั และนิสิต
2. พูดคุยแจ฾งให฾ผ฾ูใหญ฽บ฾ำนรับทรำบเพื่อขออนุญำตจัดกิจกรรม และ
อธิบำยลักษณะเก่ียวกับกำรจัดทํำโครงกำรอบรมให฾ควำมรู฾กำรดูแลสุขภำพให฾กับ
ผสู฾ ูงอำยใุ นหมู฽บำ฾ นปุำคำ ขอใหช฾ ฽วยแปลในกำรทํำกิจกรรมเพ่อื ใหก฾ ำรสือ่ สำรมีควำม
เข฾ำใจมำกยง่ิ ขึ้น และชว฽ ยประชำสัมพันธปแ ระกำศผำ฽ นเสยี งตำมสำยในวันเวลำท่ีนัด
แนะกันไว฾

-123-

เครือข่ายพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพนั ธุ์

3. ประสำนงำนขอวทิ ยำกรอบรมให฾ควำมรู฾ ในตอนแรกนักวิจัยและนิสิตได฾
ประสำนงำนขอวิทยำกรท่ีองคแกำรบริหำรส฽วนตํำบลม฽อนปิ่น ท่ีกองสำธำรณสุขและ
สง่ิ แวดลอ฾ มแต฽เจ฾ำหนำ฾ ท่ีแนะนำํ ให฾ไปขอวิทยำกรทโ่ี รงพยำบำลส฽งเสริมสุขภำพบ฾ำน
ม฽วงชุม นักวิจัยและนิสิตก็ได฾เดินทำงไปติดต฽อขอวิทยำกรที่โรงพยำบำลส฽งเสริม
สุขภำพบำ฾ นม฽วงชมุ

4. นัดวันเวลำกับผู฾สูงอำยุบ฾ำนปุำคำ หมู฽ที่ 11 ตํำบลม฽อนปิ่น อํำเภอฝำง
จังหวดั เชียงใหม฽

5. ดํำเนินกำรตำมโครงกำร วิทยำกร นำยย่ิงยง พงศแนิรันดรแ นักวิชำกำร
สำธำรณสุขชํำนำญกำร ผ฾ูรับผิดชอบโครงกำร นำยจะต฽อ พัฒนำพฤกษำคีรี
ผ฾ใู หญบ฽ ำ฾ นปำุ คำ และคณะกรรมกำรหมูบ฽ ฾ำนปุำคำ มีสำระสํำคัญในกำรส฽งเสริมแนว
ทำงกำรดแู ลผสู฾ งู อำยใุ นชุมชน

จำกผลกำรประชุมกล฽ุมมีข฾อคิดเห็น คือ กลุ฽มยังขำดบุคลำกรในกำร
ขับเคลื่อนกำรจัดกิจกรรมในกลุ฽ม และขำดกำรจัดกิจกรรม หรือกล฽ุมสร฾ำงรำยได฾
หรืออำชีพเสริมให฾กับสมำชิก และมีข฾อเสนอแนะ ให฾มีกำรรวมกลุ฽มควรมีบุคลำกร
ท่ีสำมำรถช฽วยในกำรจัดกิจกรรมได฾ ควรมีกำรจัดกิจกรรมให฾กับผู฾สูงอำยุ เช฽น กำร
อบรมให฾ควำมร฾เู ก่ียวกบั สุขภำพ เป็นตน฾

โดยสรปุ จำกกำรสำํ รวจสภำพควำมเป็นอย฽ูของผู฾สูงอำยุ และกำรสัมภำษณแ
พูดคุยกับผ฾ูสูงอำยุด฾วยตัวเองบำงคนและมีล฽ำมช฽วยแปล นักวิจัยและนิสิตจึงได฾รับรู฾
ถึงควำมเป็นอย฽ูของผู฾สูงอำยุ โดยส฽วนใหญ฽จะเป็นครอบครัวขยำยอยู฽ด฾วยกันหลำย
คน ส฽วนใหญ฽ได฾รับเบี้ยยังชีพผู฾สูงอำยุถ฾ำมีสัญชำติไทย ปใญหำที่พบส฽วนใหญ฽เป็น
ปใญหำสุขภำพ บำงคนเล฽ำว฽ำสมัยก฽อนไม฽ค฽อยเจ็บปุวยเหมือนสมัยปใจจุบัน ส฽วน
หนึ่งอำจเป็นเพรำะว฽ำสำรเคมีท่ีเขำฉีดพ฽นผัก ทํำให฾มีอำกำรปวดตำมเนื้อตัว ร฾ูสึก
เจ็บท฾อง เท฽ำที่สังเกตดูสุขภำพช฽องปำกส฽วนใหญ฽มีฟในท่ีแข็งแรงเพรำะชอบทำน
หมำก กำรพูดคุยกับผ฾ูสูงอำยุในบำงครั้งอำจมีควำมยำกลํำบำกเล็กน฾อยเวลำพูด
ดังนั้นกำรพูดคุยสอบถำมนอกจำกภำษำที่ต฾องขอควำมช฽วยเหลือให฾มีล฽ำมช฽วยแปล
แล฾วทเ่ี ป็นอุปสรรคในกำรสื่อสำรกนั กจ็ ะเป็นกำรเคี้ยวหมำกของผู฾สูงอำยุ เพรำะบำง
รำยจะไม฽ค฽อยพูดเยอะเพรำะอำจไม฽ค฽อยสะดวกพูดคุย เท฽ำท่ีพูดคุยก็ทรำบว฽ำทำง
โรงพยำบำลส฽งเสริมสุขภำพก็จะมีโครงกำรท่ีมำตรวจสุขภำพให฾ บำงท฽ำนก็ได฾ไป
รักษำดวงตำที่โรงพยำบำล ควำมต฾องกำรส฽วนใหญ฽ก็ยังมีควำมต฾องกำรได฾รับเบี้ยยัง

-124-

เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ

ชีพที่เพ่ิมขึ้นแต฽ก็ไม฽ค฽อยระบุจํำนวนตัวเลขที่ชัดเจน แค฽บอกว฽ำอยำกได฾รับเพ่ิม
รำยจ฽ำยก็ไมค฽ อ฽ ยทรำบว฽ำแตล฽ ะเดือนเทำ฽ ไหร฽เพรำะไม฽ได฾จดไว฾ แต฽จะประมำณให฾ว฽ำ
เดอื นละหนึ่งพนั หรือสองพนั ดำ฾ นสขุ ภำพจติ ใจเท฽ำที่สังเกตพูดคยุ ก็มคี วำมปกติดี

กำรดํำเนินงำนด฾ำนกำรส่ือสำรวัฒนธรรมของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำบน
พืน้ ท่ีสงู

แนวทำงต฽อกำรประยุกตแกำรสื่อสำรวัฒนธรรม และผลกำรดํำเนินกำรด฾ำน
วัฒนธรรมของกลุ฽มชำติพันธุแบนพื้นท่ีสูงในพื้นท่ีต฾นแบบ สบเมย แม฽ลำน฾อย
ขนุ ยวม เมืองแมฮ฽ อ฽ งสอน ดังนี้

1. อำศรมบ฾ำนแม฽ทะลุ ตํำบลสบเมย อํำเภอสบเมย ผลลัพธแท่ีได฾จำก
แนวทำงปฏบิ ตั ิในกำรประยกุ ตกแ ำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ชำวบ฾ำนในชุมชนสำมำรถ
อ฽ำน เขยี นภำษำท฾องถ่นิ ได฾ มีควำมสำมัคคี มีอำชีพท่ีสุจริตและควำมมั่งคงในชีวิต
เพิ่มขึ้น อย฽ำงไรก็ตำม มีสภำพและปใญหำในกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ เรื่องของ
ภำษำในกำรสื่อสำร ขำดทุนสนับสนุนรวมและอุปกรณแในกำรนํำไปเผยแผ฽หรือจัด
กิจกรรม โดยมีแนวทำงต฽อกำรประยุกตแกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ จัดกำรอบรม
บคุ ลำกรด฾ำนภำษำท฾องถิ่น เช฽น ภำษำปำเกอะญอ เป็นต฾น เพิ่มจํำนวนบุคลำกรท่ี
ช฽วยเผยแผ฽วัฒนธรรม และต฾องกำรพระภิกษุเพิ่มขึ้น เพ่ือจัดกำรอบรมศีลธรรม
ภำยในวดั ของชมุ ชนเป็นประจำํ

2. อำศรมบ฾ำนแม฽แลบ ตํำบลแม฽ลำน฾อย อํำเภอแม฽ลำน฾อย ผลลัพธแที่ได฾
จำกแนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ชำวบ฾ำนในชุมชน
สำมำรถเรียนร฾ูและเข฾ำใจหลักธรรมะที่จะนํำไปใช฾ในชีวิตประจํำวันมำกขึ้น และ
สนับสนุนกิจกรรมของอำศรม แม฾ชำวบ฾ำนบำงคนนับถือคริสตแ แต฽ก็ยังใส฽บำตร
ชำวบ฾ำนสำมำรถอย฽ูร฽วมกันได฾โดยไม฽มีควำมขัดแย฾ง อย฽ำงไรก็ตำม มีสภำพและ
ปใญหำในกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ เร่ืองของภำษำท่ีใช฾ในกำรส่ือสำร โดยมี
แนวทำงต฽อกำรประยกุ ตกแ ำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ทํำให฾ชำวบ฾ำนดูเป็นตัวอย฽ำง นํำ
ปฏิบตั ิ พัฒนำจิตใจ ไมย฽ อ฽ ทอ฾ ต฽อกำรทำํ ควำมเพยี ร ไหวพ฾ ระสวดมนตทแ ุกวนั

3. อำศรมบำ฾ นแมโ฽ กปี่ อำศรมบ฾ำนแม฽หำด และอำศรมหัวแม฽ลำก฿ะ ต้ังอย฽ู
ในตํำบลแม฽ยวมน฾อย อํำเภอขุนยวม ผลลัพธแท่ีได฾จำกแนวทำงปฏิบัติในกำร
ประยุกตแกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ชำวบ฾ำนมีควำมรู฾และเข฾ำใจในหลักธรรมและ

-125-

เครอื ข่ายพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

พระพุทธศำสนำมำกข้ึน มีควำมสำมัคคีเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันในกำรทํำกิจกรรม
ต฽ำงๆ ท่ีชุมชนจัดข้ึน และช฽วยเหลือซ่ึงกันและกัน อย฽ำงไรก็ตำม มีสภำพและ
ปใญหำในกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ชำวบ฾ำนบำงคนไม฽เข฾ำใจภำษำไทย ต฾องใช฾
ภำษำถ่ินถ฽ำยทอด จึงทํำให฾กำรส่ือสำรยังไม฽สัมฤทธิ์ผลเท฽ำท่ีควร อำศรมบ฾ำนแม฽
หำดยังขำดพระนักพัฒนำมำอยู฽ประจํำ ส฽วนอำศรมหัวแม฽ลำก฿ะยังขำดพระ
นักพัฒนำและอำศรม โดยมีแนวทำงต฽อกำรประยุกตแกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ จัด
กิจกรรมที่รวมพลังชุมชนสมํ่ำเสมอ จัดหำพระนักพัฒนำท่ีสำมำรถส่ือสำรภำษำถ่ิน
เขำ฾ ไปประจำํ อำศรม ให฾ชำวบำ฾ นในชุมชนได฾เข฾ำร฽วมกิจกรรมที่หม฽ูบ฾ำนใกล฾เคียงที่
มีพระนกั พฒั นำและอำศรมอยู฽

4. อำศรมสวนอ฾อย ต้ังอย฽ูในตํำบลแม฽เงำ อํำเภอขุนยำม ผลลัพธแที่ได฾จำก
แนวทำงปฏิบตั ิในกำรประยกุ ตกแ ำรส่ือสำรวัฒนธรรม คอื ชำวบ฾ำนในชุมชนมีควำมร฾ู
และเข฾ำใจหลักพุทธศำสนำมำกขัน มีควำมสำมัคคีและมิตรไมตรีต฽อกันในชุมชน
อยำ฽ งไรก็ตำม มีสภำพและปใญหำในกำรส่อื สำรวฒั นธรรม คือ บำงครงั้ ควำมคิดเห็น
ของคนในชุมชนยังมีควำมคิดที่แตกต฽ำงกัน โดยมีแนวทำงต฽อกำรประยุกตแกำร
สื่อสำรวัฒนธรรม คือ ประชุมทํำควำมเข฾ำใจกับคนในชุมชน และจัดกิจกรรมรวม
พลังของคนในชุมชน เช฽น ปลูกต฾นไม฾ บวชปุำ หล฽อพระพุทธรูป สร฾ำงเจดียแทรำย
และพฒั นำอำศรม

5. อำศรมบ฾ำนสล฽ำเจียงตอง ตั้งอย฽ูในตํำบลเสำหิน อํำเภอเมืองแม฽สะเรียง
ผลลัพธแที่ได฾จำกแนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ชำวบ฾ำน
ในชุมชนได฾รับกำรพัฒนำทั้งวัตถุและจิตใจ ทํำให฾ชำวบ฾ำนมีควำมสุข เก้ือกูลและ
ดูแลกันและกันภำยในชุมชน อย฽ำงไรก็ตำม มีสภำพและปใญหำในกำรส่ือสำร
วัฒนธรรม คือ ชำวบ฾ำนต฾องทํำงำนหำเลี้ยงชีพ บำงครั้งไม฽ค฽อยมีเวลำ จึงต฾องจัด
กิจกรรมในเวลำวันสํำคัญทำงศำสนำและของชำติ โดยมีแนวทำงต฽อกำรประยุกตแ
กำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ เรียนร฾ูวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณีของชำวบ฾ำนให฾เข฾ำใจ
และประยุกตแหลักธรรมเข฾ำกับประเพณี พิธีกรรมต฽ำงๆ ของชำวบ฾ำน เช฽น หลัก
จำคะ คือ ควำมเสียสละ มี 2 ควำมหมำย คือ อำมิสจำคะ กำรเสียสละสิ่งของให฾
คนอน่ื และกเิ ลสจำคะ กำรสละกเิ ลสหรอื ควำมไม฽ดใี นใจ เช฽นควำมโลภ ควำมโกรธ
ออกไป ให฾ชำวบ฾ำนได฾สละควำมตระหนี่เห็นแก฽ตัว โดยกำรสละสิ่งของ ช฽วยกันใน
กำรทํำบุญวันเข฾ำพรรษำ วันออกพรรษำ และวันสํำคัญอื่นๆ หลักกำรครองชีวิตค฽ู

-126-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพันธ์ุ

สมชีวิธรรม 4 เพื่อให฾เกิดควำมม่ันคงในสถำบันครอบครัว ได฾แก฽ สมสัทธำ มี
ศรทั ธำเสมอกัน สมสีลำ มีศลี เสมอกัน สมจำคำ มจี ำคะเสมอกัน และสมปใญญำ มี
ปใญญำสมกัน ส฽วนมำกจะเป็นหลักธรรมที่เกี่ยวข฾องกับวิถีชีวิตของชำวบ฾ำนใน
ชุมชน เชน฽ ศลี 5 ทศิ 6 กิรยิ ำวัตถุ 10 เปน็ ต฾น

6. อำศรมบ฾ำนห฾วยผึ้ง ต้ังอยู฽ในตํำบลห฾วยผำ อํำเภอเมืองแม฽ฮ฽องสอน
ผลลัพธแท่ีได฾จำกแนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ กำร
ดํำรงอัตลักษณแในสังคมวัฒนธรรมไว฾ โดยมีพระภิกษุผู฾เป็นนักพัฒนำเป็นแรง
ขบั เคลอื่ น มวี ัดหรอื อำศรมเป็นจุดศูนยแกลำงและเป็นเบ฾ำหลอมของคนในชุมชนให฾
มีควำมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สมัครสมำนสำมัคคีกัน อย฽ำงไรก็ตำม มีสภำพและ
ปใญหำในกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ ทักษะด฾ำนของพระนักพัฒนำในกำรส่ือสำร
ภำษำของกล฽ุมชำติพันธแุ โดยมีแนวทำงต฽อกำรประยุกตแกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ
ต฾องบูรณำกำรบนพ้ืนฐำนกำรแสวงหำจุดร฽วม สงวนจุดต฽ำง สมำนเสวนำให฾กับ
ชำวบ฾ำนในชุมชนได฾เรียนเรียนร฾ูเข฾ำใจสื่อที่ได฾ถ฽ำยทอด พระนักพัฒนำเองก็ต฾องมี
กำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำเชิงรุกโดยนํำหลักทฤษฎีกำรสอน 4 ส. มำใช฾ คือ
สทั ทสั สนำ (แจ฽มแจ฾ง) สมำทปนำ (จูงใจ) สมุเตชนำ (แก฾วกล฾ำ) สัมปหังสนำ (ร฽ำ
เริง) และหลักกัลยำณมิตธรรม 7 คือ เป็นท่ีรัก เป็นที่เคำรพ เป็นท่ียกย฽อง รู฾จัก
ชี้แจง เป็นผู฾อดทน พูดด฾วยคํำลึกซึ้งได฾ ไม฽ชักนํำไปในทำงเสื่อม รวมท้ังกำรสร฾ำง
เครอื ข฽ำยกำรเผยแผ฽พระพทุ ธศำสนำด฾วย

7. อำศรมบ฾ำนปุำหมำก ตั้งอย฽ูในตํำบลห฾วยปูลิง อํำเภอเมืองแม฽ฮ฽องสอน
ผลลัพธแท่ีได฾จำกแนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ ชำวบ฾ำน
ในชุมชนอนรุ กั ษแ สบื ทอดวฒั นธรรมของบรรพบรุ ษุ ตง้ั แตอ฽ ดีตถึงปจใ จบุ ัน อย฽ำงไรก็
ตำม มีสภำพและปใญหำในกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ เป็นพื้นท่ีท่ีเข฾ำถึงยำกลํำบำก
โดยเฉพำะอย฽ำงยิ่งในช฽วงฤดูฝน ต฾องใช฾รถขับเคลื่อนส่ีล฾อถึงจะเข฾ำถึงในพ้ืนที่ได฾
หรือต฾องผูกโซ฽กับล฾อรถ สํำหรับแนวทำงต฽อกำรประยุกตแกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ
ส฽งพระนักพัฒนำเข฾ำไปอยู฽ประจํำอำศรม เพื่อช฽วยสนับสนุนสั่งสอนหลักธรรมแก฽
ชำวบำ฾ นในชุมชนอยู฽เป็นประจำํ

โดยสรุป ผลลัพธแท่ีได฾จำกแนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแกำรส่ือสำร
วัฒนธรรม คอื ชำวบำ฾ นในชมุ ชนสำมำรถอ฽ำน เขียนภำษำถ่ินไดด฾ ีขึ้น มคี วำมรู฾และ
เข฾ำใจหลักธรรมพระพุทธศำสนำมำกข้ึน มีควำมสำมัคคี มีอำชีพที่สุจริตและควำม

-127-

เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์

ม่ังคงในชีวิตเพ่ิมข้ึน ชำวบ฾ำนร฽วมสนับสนุนกิจกรรมของอำศรม แม฾ชำวบ฾ำนบำง
คนนับถือศำสนำคริสตแ แต฽ก็ยังใส฽บำตรและทํำบุญ ชำวบ฾ำนในชุมชนอนุรักษแ สืบ
ทอดวัฒนธรรมของบรรพบุรุษตั้งแต฽อดีตถึงปใจจุบัน อย฽ำงไรก็ตำม มีสภำพและ
ปใญหำในกำรส่ือสำรวัฒนธรรม คือ เร่ืองของภำษำในกำรสื่อสำรภำษำถ่ินกับ
ชำวบ฾ำนในชุมชน ขำดทุนสนับสนุนและอุปกรณแในกำรนํำไปเผยแผ฽หรือจัด
กิจกรรม ขำดพระภิกษุอย฽ูประจํำอำศรม หลำยพื้นท่ีเข฾ำถึงยำกลํำบำก โดยเฉพำะ
อย฽ำงย่ิงในช฽วงฤดูฝน โดยมีแนวทำงต฽อกำรประยุกตแกำรสื่อสำรวัฒนธรรม คือ
จัดกำรอบรมบุคลำกรด฾ำนภำษำท฾องถ่ิน เช฽น ภำษำปำเกอะญอ เป็นต฾น เพ่ิม
จํำนวนบุคลำกรที่ช฽วยเผยแผ฽วัฒนธรรม และต฾องกำรพระภิกษุท่ีสำมำรถสื่อสำร
ภำษำถนิ่ ประจํำอำศรมเพ่มิ ขึ้น จัดกำรอบรมศลี ธรรมแกช฽ ำวบำ฾ น เยำวชนภำยในวัด
ของชมุ ชนเป็นประจํำ พระนักพฒั นำปฏิบตั ใิ ห฾ชำวบำ฾ นดูเป็นตัวอย฽ำงและนํำปฏิบัติ
อย฽ำงสมํ่ำเสมอ จัดกิจกรรมที่รวมพลังชุมชนสมํ่ำเสมอ เช฽นปลูกต฾นไม฾ บวชปุำ
หล฽อพระพุทธรูป สร฾ำงเจดียแทรำยและพัฒนำอำศรม เป็นต฾น ประยุกตแหลักธรรม
เขำ฾ กับประเพณี พิธกี รรมต฽ำงๆ ของชำวบ฾ำน เช฽น หลักจำคะ หลักกำรครองชีวิต
ค฽ู (สมชวี ิธรรม4) ศลี 5 ทศิ 6 กริ ยิ ำวัตถุ 10 กัลยำณมติ ธรรม 7 เปน็ ต฾น

กำรดํำเนินงำนด฾ำนเศรษฐกิจพอเพียงของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำบน
พน้ื ทสี่ ูง

บ฾ำนแม฽คิงต้ังอยู฽ที่หมู฽ที่ 4 ตํำบลนำแก อํำเภองำว จังหวัดลํำปำง เป็น
ชุมชนเล็ก ๆ ท่ีตั้งอยู฽ในก฽อต้ังเม่ือ พ.ศ. 2504 เริ่มแรกมีเพียง 2 ครอบครัวคือ
ครอบครัว แม฽อ฾ยุ มี กบั พ฽ออุย฾ หลำ฾ และครอบครัวของแม฽อุ฾ยคํำ กับพ฽ออ฾ุยดำ ปูดูซึ่ง
ทั้งหมดเสียชีวิตไปหมดแล฾ว ยังเหลือแต฽ลูกหลำนท่ีสืบทอดวงศแตระกูลมำจนถึง
ปใจจุบัน ซึ่งสองครอบครัวดังกล฽ำวอพยพมำจำก อํำเภอสันกํำแพง จังหวัด
เชียงใหม฽ จำกน้ันมีครอบครัวจำกบ฾ำนอ่ืนอพยพมำอย฽ูด฾วยปใจจุบันมีจํำนวน 23
หลังคำเรือน ประชำกรหมู฽บ฾ำนแม฽คิงเป็นกล฽ุมชำติพันธุแกะเหรี่ยงและเผ฽ำเย฾ำ
ชำวบ฾ำนยังคงอนุรักษแประเพณีพิธีกรรมต฽ำง ๆ ของชนเผ฽ำไว฾แต฽ก็ไม฽ได฾ทรงไว฾ซ่ึง
คุณค฽ำอย฽ำงเดิมเหมือนในอดีต ซึ่งถือว฽ำเป็นสิ่งที่สํำคัญมำก ในกำรก฽อให฾เกิดควำม
สำมัคคกี ันในชมุ ชน

-128-

เครอื ข่ายพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลุม่ ชาตพิ ันธุ์

สภำพท่ัวไปของชุมชน บ฾ำนแม฽คิงเป็นหมู฽บ฾ำนบริวำรของหมู฽บ฾ำนแม฽ฮ฽ำง
บ฾ำนแม฽ฮ฽ำงเป็นเมืองเก฽ำสมัยคนไทยอพยพมำจำกเมืองเชียงแสน ได฾มำสร฾ำงบ฾ำน
แปงเมืองอย฽ูท่ีนี่รำว พ.ศ. 1702 ต้ังข้ึนมำประมำณไม฽ตํ่ำกว฽ำ 300 ปี เป็นภูเขำ
ส฽วนใหญ฽ และมที ี่รำบน฾อยเปน็ ปุำตน฾ น้ํำ ตั้งอยใู฽ นบรเิ วณบนพื้นทส่ี ูง มีอำกำศหนำว
สว฽ นใหญ฽มอี ำชพี ทํำกำรเกษตรกร ปลูกชำ ปลูกข฾ำว ปลูกข฾ำวโพด เล้ียงสัตวแ และ
รับจ฾ำงทั่วไปเป็นต฾น โดยอำชีพต฽ำง ๆ จะประกอบอำชีพตำมฤดูกำล ในช฽วงฤดู
ฝนชำวเยำ฾ จะปลูกข฾ำวไวบ฾ รโิ ภคและข฾ำวโพดเพ่ือไว฾ขำย ฤดูหนำวต้ังแต฽ปลำยเดือน
ธันวำคมเป็นต฾นไป ชำวบ฾ำนแม฽คิงส฽วนหน่ึงมีอำชีพรับจ฾ำงทํำงำนให฾กับอนุรักษแต฾น
นํ้ำ อำชีพรองท่ีชำวบ฾ำนทํำประจํำคือ รับจ฾ำงทั่วไปรำยได฾ที่ชำวบ฾ำนได฾ส฽วนมำก
เป็นรำยได฾จำกกำรขำยพืชผลทำงกำรเกษตรโดยส฽วนมำกจะอย฽ูในช฽วงเดือน
ธันวำคม-กุมภำพันธแ หลักจำกเก็บเกี่ยวผลผลิตทำงกำรเกษตรเรียบร฾อยแล฾ว เวลำ
ว฽ำงชำวบ฾ำนโดยเฉพำะผู฾หญิงที่เป็นแม฽บ฾ำน เยำวชนก็จะไปหำรับจ฾ำงนํำค฽ำแรงมำ
จุนเจือครอบครัว และทอเส้ือผ฾ำ,กระเป฻ำเพื่อเอำไว฾ใช฾และใส฽ในงำนประเพณีหรือ
ตำมเทศกำลสว฽ นหนึ่งกน็ ำํ ไปขำยเพอ่ื นำํ เงนิ ทไ่ี ดม฾ ำจนุ เจอื ครอบครัว

พระอดิรัญ ธมฺมโชโต ซึ่งเป็นพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำทํำหน฾ำท่ี
เผยแ ผ฽พระพุทธศำส นำให฾แ ก฽ชำวเขำ เพื่อช฽วยพัฒนำจิตใจ ตำมแ นว
พระพุทธศำสนำ แนะนํำและสร฾ำงจิตสํำนึกในกำรอนุรักษแปุำต฾นน้ํำลํำธำร สั่งสอน
ช้ีให฾เหน็ ถงึ หลักกำรดูแลสุขภำพพื้นฐำนและพิษภัยของยำเสพติด ให฾ชุมชนเข฾ำมำ
มสี ฽วนร฽วมในกำรจัดกิจกรรมท่ีอำศรมให฾มำกขึ้น กำรเป็นแบบอย฽ำงท่ีดีให฾กับชุมชน
จดั อำศรมใหม฾ คี วำมสะอำดร฽มรนื่ เหมำะแก฽กำรเป็นศูนยแพัฒนำด฾ำนจิตใจของชุมชน
ให฾ชำวบ฾ำนได฾ร฾ูจักพิธีกรรมทำงพระพุทธศำสนำเพ่ือให฾คนในชุมชน มีกิจกรรมที่
เกี่ยวกับวันสํำคัญของชำติ เช฽น วันเฉลิมพระชนมพรรษำ วันลอยกระทง เป็นต฾น
ซ่งึ กิจกรรมท่ีเข฾ำมำสอดแทรกโดยส฽วนใหญ฽ก็จะเป็นกำรไหว฾พระสวดมนตแ เจริญจิต
ทํำสมำธิ เป็นต฾น เพื่อให฾อำศรมบ฾ำนแม฽คิงเป็นท่ีพ่ึงของชำวบ฾ำนได฾ นอกจำกนี้
พระบัณฑิตอำสำมีหน฾ำท่ีอบรมนักเรียนให฾เป็นคนดีมีคุณธรรม ให฾ชุมชนชำวเขำมี
กำรเปลี่ยนแปลงทำงด฾ำนวัฒนธรรม กำรดูแลสุขภำพในทำงแพทยแสมัยใหม฽และ
แบบพื้นบ฾ำน กำรสร฾ำงวัฒนธรรมทำงสังคม ชำวเขำยังมีควำมเช่ือเกี่ยวกับอํำนำจ
เหนือธรรมชำติ วิญญำณต฽ำงๆ บ฾ำนพิธีกรรม คือชุมชนด้ังเดิม ให฾เกิดกำร
เปลี่ยนแปลงในเร่ืองทัศนคติ ควำมเช่ือ ประเพณี พิธีกรรม และพฤติกรรมใน

-129-

เครอื ขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชีวิตของกล่มุ ชาติพนั ธุ์

กล฽ุมชำวเขำเน่ืองจำกกำรพัฒนำนํำควำมเจริญและเทคโนโลยีเข฾ำมำส฽ูวิถีชีวิตของ
ชำวเขำ นอกจำกนี้พระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำ ยังอบรมในเรื่องของคุณธรรม
พื้นฐำน เข฽น ประหยัด อดออม อดทน และควำมตรงต฽อเวลำ ได฾เรียนร฾ูส่ิงท่ี
แตกต฽ำงและได฾ศึกษำจำกกำรปฏิบัติจริง กำรทํำงำนอย฽ำงจริงจังและกำรทํำงำน ท่ี
ไมค฽ ํำนึงถึงผลลพั ธแทจ่ี ะได฾รับแตท฽ ํำงำนอย฽ำงเต็มที่ เป็นแนวทำงในกำรใช฾ชีวิตที่พึง
ระวังต฽อควำมเสยี่ งทัง้ หลำย นอกจำกนี้ยังมีโครงกำรสนับสนุน จัดหำด฾ำนปใจจัยสี่
เพื่อรวบรวม เช฽น ผ฾ำนวม เส้ือผ฾ำ ยำสำมัญประจํำบ฾ำน ข฾ำวสำร ฯ เพื่อให฾
พระสงฆแ เพื่อนํำไปแจกจำ฽ ยใหก฾ ับชำวบ฾ำนที่ประสบภัยทำงธรรมชำติ

แนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแใช฾หลักพุทธธรรมเพื่อกำรพัฒนำเศรษฐกิจ
ชุมชนแบบพอเพียงที่เหมำะสมกับกลุ฽มชำติพันธแบนที่สูงของเครือข฽ำยพระ
นักพัฒนำ ณ อำศรมบ฾ำนแม฽คิง ตํำบลนำแก คือกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำตำม
หลักธรรมคํำสอนของพระพุทธเจ฾ำ ตำมคํำสอนของพระพุทธศำสนำ สุขของ
คฤหัสถแท่ีประกอบกำรแห฽งควำมสุข 4 ประกำรคือ หลักอัตถิสุข คือกำรได฾รับ
ควำมสุขจำกกำรมีทรพั ยแ ตำมกํำลงั ควำมสำมำรถที่หำมำได฾ โภคสุขอันเกิดจำกกำร
บริโภคทรัพยแท่ีเกิดประโยชนแกับตน กำรเลี้ยงดูบุคคลอ่ืนและกำรทํำประโยชนแต฽อ
สังคมรวมถึงชุมชน หลักพุทธธรรมอนณสุขอันเป็นควำมสุขท่ีปรำศจำกกำรเป็น
หนี้ ไม฽มีควำมทุกขแกำยและใจ และอนวัชชสุข สุขที่เกิดจำกกำรทํำประพฤติท่ีเกิด
โทษ ทั้งกำยกรรม วจีกรรม มโนกรรมท่ีสุจริต มีควำมบริสุทธแและมีควำมม่ันใจใน
กำรดํำเนินชีวิตของตนและครอบครัว รณรงคแ ลด ละ เลิก อบำยมุข ส฽งเสริม
สนับสนุนประสำนงำนและจัดสวัสดิกำรสังคมสงเครำะหแบนพื้นท่ีสูง กำรสร฾ำง
จิตสํำนึกในกำรอนุรักษแทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล฾อมในกับคนในชุมชนใน
กำรสํำนึกรักบ฾ำนเกิดของตนเอง กำรให฾กำรศึกษำด฾ำนภำษำดี ตำมระบอบ
ประชำธิปไตย รวมถึงกำรอนุรักษแฟ้ืนฟูวัฒนธรรมประเพณีภูมิปใญญำชนเผ฽ำ
รวมถึงชุมชนมีหลักธรรมกำรใช฾หลักธรรม อตฺตำหิ อตฺตโน นำโถ คือตนเป็นท่ีพึ่ง
แห฽งตนที่ม฽ุงเน฾นให฾พึ่งพำตนเองเป็นหลักในกำรทํำมำหำกินเล้ียงชีพ กำรสร฾ำง
ฐำนะให฾กับครอบครัว กำรรักษำทรัพยแที่หำมำได฾และกำรจ฽ำยด฾วยควำมจํำเป็น
รวมถึงสอนใหค฾ นในชมุ ชนเป็นทีพ่ ่งึ ของผ฾ูอนื่ ในสังคมด฾วยเพอ่ื ใหช฾ ุมชนบ฾ำนแม฽คิงมี
กำรพฒั นำในลกั ษณะของเศรษฐกจิ พอเพียงของชมุ ชน

-130-

เครอื ขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของกลุ่มชาติพนั ธ์ุ

บ฾ำนขุนแหงก฽อต้ังหม฽ูบ฾ำนมำตั้งแต฽ปีพุทธศักรำช 2511 ซึ่งประกอบไป
ด฾วยกล฽ุมชำติพันธุแเย฾ำและกลุ฽มชำติพันธแุไทล้ือ ซึ่งกลุ฽มชำติพันธแุท้ังสองได฾อพยพ
เข฾ำมำด฾วยกัน 3 กล฽ุม ประกอบด฾วยกลุ฽มแรกเป็นกล฽ุมชำวเย฾ำบ฾ำนห฾วยทรำยใต฾
อํำเภอนครไท จังหวัดพิษณุโลก ได฾อพยพย฾ำยถ่ินฐำนเข฾ำมำอย฽ูท่ีบ฾ำนห฾วยลุ
ตํำบลปงเตำ อํำเภองำว จังหวัดลํำปำง โดยกำรนํำของนำยฟูย฽ำน แซ฽ลี โดยมี
เครือญำติที่ย฾ำยมำด฾วยจํำนวน 10 ครัวเรือนสำเหตุที่ย฾ำยมำคือหนีภัยคอมมิวนิสตแ
ในปพี ุทธศกั รำช 2511 กล฽ุมชำวเย฾ำทง้ั 10 ครวั เรือนเหล฽ำน้ีได฾อพยพย฾ำยถ่ินฐำน
ออกจำกบ฾ำนห฾วยลุเข฾ำมำอย฽ูที่บ฾ำนขุนแหง และตั้งถ่ินฐำนนับแต฽น้ันเป็นต฾นมำ
จำกน้ันกลุ฽มท่ี2 อพยพมำจำกบ฾ำนวังหลวง ตํำบลฝำยกวำง อํำเภอเชียงคํำ
จังหวัดพะเยำ โดยกำรนํำของนำยเจียมจั๋น และนำยเจียมฟุูง แซ฽ลี โดยพำ
ชำวบ฾ำนจํำนวน 20 ครัวเรือน อพยพเข฾ำมำสมทบกับกลุ฽มแรกที่ตั้งถ่ินฐำนอยู฽
ก฽อนแลว฾ สำเหตุที่อพยพย฾ำยถ่นิ ฐำน คือหนีภยั คอมมวิ นสิ ตแและแสวงหำพน้ื ที่ทํำกิน
แห฽งใหม฽ และกลุ฽มที่3 อพยพมำจำกประเทศลำว โดยนำงตะออน แซ฽จเำว
พรอ฾ มด฾วยกลุ฽มชำวเยำ฾ จำํ นวน 5 ครัวเรือน ท่ีไดอ฾ พยพเข฾ำมำสมบทกับกล฽ุมชำวเย฾ำ
ทั้งสองกล฽ุมก฽อนหน฾ำ ซ่ึงชำวเย฾ำกลุ฽มน้ีได฾อพยพเข฾ำมำในปีพุทธศักรำช 2513
และถอื เป็นชำวเย฾ำกลุ฽มสดุ ท฾ำย หลังจำกนั้นกลุ฽มชำวเย฾ำทั้งสำมกล฽ุมก็ได฾ต้ังถิ่นฐำน
และอำศยั อยูท฽ บี่ ฾ำนขนุ แหงมำจนถึงปใจจุบัน

อำชีพหลักของคนในชุมชนบ฾ำนขุนแหง คือ อำชีพปลูกพืชไร฽ เช฽น ขิง
ข฾ำวโพดเล้ยี งสตั วแ ถ่ังแดง ขำ฾ วก่ํำ ขำ฾ วไร฽ รวมถงึ พชื สวน ได฾แก฽ มะขำม ลํำไยและ
มะม฽วง กำรสนับสนุนเครือข฽ำยพระนักพัฒนำและชุมชน กำรรับกำรสนับสนุน
จำกหนว฽ ยงำนของรฐั และเอกชน ด฾วยบ฾ำนขุนแหง เป็นหม฽ูบ฾ำนที่มีรอยต฽อ ติดกับ
จังหวัดพะเยำ เป็นเส฾นทำงที่ลํำเลียงยำเสพติด หรือเป็นจุดพักยำ ทํำให฾เป็น
หมู฽บ฾ำนที่มีกำรแพร฽ ระบำดของยำเสพติด และไม฾เถ่ือน ท่ีถูกลักลอบตัดไม฾
เนื่องจำกชุมชน อย฽ูในเขตปุำอนุรักษแ ต฽อทำงชุมชนได฾มีกำรแต฽งต้ังคณะกรรม
หม฽ูบ฾ำน คอยสอดส฽องและดูแล ไม฽ให฾เกิดปใญหำทั้งยำเสพติด และไม฾เถื่อน
ปจใ จุบนั ชุมชนมคี วำมเขม฾ แข็งพอสมควร มีกำรรว฽ มมอื กนั ระหวำ฽ ง คนในชุมชนและ
หน฽วยงำนของรัฐเข฾ำมำดูแลร฽วมกันจัดให฾มีกำรประชุมประจํำเดือนของหมู฽บ฾ำนใน
ทุกๆเดือน โดยใช฾โรงเรียนเป็นสถำนที่ประชุม เพื่อทํำควำมเข฾ำใจและรับทรำบ
รวมถึงกำรแก฾ไขปใญหำร฽วมกนั ในทกุ ๆฝำุ ยเปน็ ต฾น นอกจำกน้ี ชำวบ฾ำนขุนแหงยัง

-131-

เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์

นับถือผี ยึดถือในบรรพบุรุษท่ีมีควำมเหนียวแน฽น ซึ่งเป็นควำมเชื่อที่ยำกต฽อกำร
เปลี่ยนแปลง อำชีพชำวบ฾ำนประกอบอำชีพในเกษตรกรรมเป็นหลัก ส฽วนใหญ฽
ชำวบ฾ำนประกอบอำชีพกสิกรรรมปลูกข฾ำวโพด ขิง ฟใกทอง หำของปุำตำม
ฤดูกำลโดยกำรนํำไปขำยข฾ำงนอกหม฽ูบ฾ำน เล้ียงหมู เป็ด ไก฽ ถักทอเสื้อผ฾ำโดยกำร
นํำออกไปขำยบำงส฽วน โดยมีศูนยแสงเครำะหแชำวเขำให฾กำรช฽วยเหลือและดูแลใน
กำรนํำไปขำยให฾กบั ตลำดข฾ำงนอก ออกไปประกอบอำชีพรบั จำ฾ งข฾ำงนอก

สภำพปใญหำของชุมชนจำกกำรพูดคุยกับผ฾ูนํำชุมชน ปใญหำของกำร
อนรุ กั ษปแ ระเพณีและวัฒนธรรมของคนรุน฽ หลงั กบั ควำมเปล่ยี นแปลงของเด็กรุ฽นใหม฽
ในปใจจุบัน ชำติพันธุแเย฾ำคงเหลือแค฽ช่ือเท฽ำน้ันเช฽นพิธีกรรมตรุษจีนของกลุ฽มชำติ
พันธุแเย฾ำ และพิธีเทศนแตำมใบลำน ของชำติพันธุแไทล้ือ สมัยก฽อนมีกำรเข฾ำร฽วม
กจิ กรรมอย฽ำงพร฾อมเพรียงกันร฽วมกิจกรรมอย฽ำงสำมัคคี ชุมชนให฾ควำมสํำคัญอย฽ำง
มำก เพรำะชำวบ฾ำนถือว฽ำเป็นพิธีกรรมที่สร฾ำงควำมศักดิ์สิทธิ์ สร฾ำงควำมเป็นสิริ
มงคลให฾กับผู฾เข฾ำร฽วมพิธีกรรม ระลึกถึงบุญคุณของผ฾ูมีพระคุณบรรเทำควำม
เจ็บปุวย ลดควำมร฾อนร฽ุมในจิตใจทุกคนจะมำร฽วมกิจกรรมด฾วยควำมศรัทธำมีกำร
ช฽วยเหลอื ซึ่งกันตลอดมำ แต฽ปใจจุบันเกิดกำรเปลยี่ นแปลงอย฽ำงเหน็ ได฾ชัดขำดควำม
สนใจ ควำมร฽วมมอื กันของคนในชุมชน ขำดศรัทธำต฽อพิธีมีกำรพึ่งส่ิงภำยนอกจำก
เดิมชุมชนเล้ียงหมูเล้ียงไก฽และต฾มเหล฾ำเอง กำรใช฾จ฽ำยมีปริมำณท่ีเน฾นควำม
พอเพียง ตำมมีตำมเกิด ปใจจุบันคนเข฾ำร฽วมกิจกรรมก็น฾อยลง เน฾นกิจกรรมที่
สนุกสนำนมำกว฽ำควำมสร฾ำงเสริมคุณงำมควำมดีให฾กับตนเอง ขำดควำมเชื่อมั่น
เชื่อถือ ควำมภูมิใจในกลุ฽มชำติพันธแุของตนเอง ส่ิงเหล฽ำน้ีได฾เกิดข้ึนกับสังคม
ชนบทท่ีตั้งอยู฽ในถ่ินทุรกันดำรห฽ำงไกลจำกควำมเจริญและได฾รับผลกระทบ อย฽ำง
หลีกเลี่ยงไม฽ได฾ ทํำให฾วิถีชุมชนที่เคยสงบสุขมีควำมสัมพันธแกันเหน่ียวแน฽น มีกำร
พ่ึงพำซ่ึงกันและกัน มำวันนี้สังคมเหล฽ำนี้กํำลังจะเลือนหำยไปจำกสังคมชนบท
ชำวบ฾ำนกํำลังจะประสบแต฽ควำมทุกขแทำงกำยและใจ กลำยเป็นสังคมธุรกิจโดยมี
เงินเป็นตัวตั้ง ทํำให฾เกิดหนี้สินท฽วมตัว ทํำให฾ส฽งผลถึงสุขภำพร฽ำงกำย อำรมณแ
สังคมและจติ ใจอยำ฽ งรุนแรง

สรุปแนวทำงปฏิบัติในกำรประยุกตแใช฾หลักพุทธธรรมเพื่อกำรพัฒนำ
เศรษฐกิจชุมชนแบบพอเพียงท่ีเหมำะสมกับกลุ฽มชำติพันธแบนท่ีสูงของเครือข฽ำย
พระนักพัฒนำ ณ อำศรมพระบัณฑิตอำสำบ฾ำนขุนแหง ตํำบลปงเตำ คือ กำร

-132-

เครือขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ิตของกลมุ่ ชาติพันธ์ุ

จัดทํำโครงกำรพระบัณฑิตอำสำฯ โดยส฽งพระบัณฑิตรูปแรกเข฾ำไปปฏิบัติศำสนกิจ
รูปแรก คือ พระปรีชำ แสนพรม คุตฺตจิตโต พระนิสิตจำกวิทยำลัยขอนแก฽น สอน
ศีลธรรม จริยธรรมในโรงเรียน และอบรมชำวบ฾ำนในโอกำสท่ีเอ้ืออํำนวยให฾กับพี่
น฾องชำวเขำชำวเย฾ำ ในระยะเวลำ 1 ปี บ฾ำนเป็นศูนยแรวมของกำรเรียนรู฾ด฾ำนพุทธ
ศำสนำให฾กับชุมชนบ฾ำนขุนแหง ส่ังสอนให฾ชำวบ฾ำนขุนแหงนํำหลักศีล 5
หลักธรรม ทิฏฐธัมมิกัตถะ ซ่ึงประกอบไปด฾วยอุฏฐำนสัมปทำคือควำม
ขยันหม่ันเพียรในกำรปฏิบัติหน฾ำที่กำรงำนอำชีพในแนวทำงท่ีสุจริต หลักอำรักข
สัมปทำเป็นกำรรักษำทรัพยทแ ห่ี ำมำได฾ด฾วยควำมขยันหม่ันเพียร ด฾วยควำมขยันและ
กำรพ่ึงพำตนเอง รู฾จักกินร฾ูจักใช฾ทรัพยแที่หำมำได฾ให฾เกิดประโยชนแที่สูงสุด กัลยำณ
มิตตตำเป็นกำรคบคนดี เลือกคบคนท่ีน฽ำคบหำผ฾ูมีศีล ศรัทธำ จำคะ ปใญญำ ตำม
หลักมงคลชวี ติ 38 ประกำร ไมค฽ บคนพำลท่ีพำไปในทำงที่ผิด เสียทรัพยแ เสียเวลำ
เสียประโยชนแรวมถึงเสียสุขภำพ อันเป็นเหตุไม฽สำมำรถปฏิบัติธรรม ในข฾ออุฏฐำน
สัมปทำได฾ อำรักขสัมปทำ และสมชีวิตำซ่ึงเป็นกำรเล้ียงชีวิตแต฽พอเพียงคือมีกำร
กํำหนดรำยรบั และรำยจำ฽ ย เป็นกำรอยู฽อย฽ำงพอดี สมรำยได฾ มีมำกใช฾มำกมีน฾อยใช฾
น฾อย รวมถึงหลักธรรมโภควิภำคท่ีประกอบไปด฾วย 4 รูปแบบซ่ึงทำงบ฾ำนขุนแหง
ใช฾หลักดังน้ี 1) กำรใช฾จ฽ำยเพ่ือเลี้ยงบุคคลที่ควรบํำรุงรักษำ เช฽นบิดำ มำรดำ บุตร
และภรรยำของตนเอง รวมถงึ มิตรสหำยที่มีสว฽ นรว฽ มในกจิ กรรม งำนบญุ กำรใช฾เงิน
ท่ีหำมำได฾จำกกำรทํำงำนโดยแบ฽งออกเป็น 2 ส฽วนนํำมำเป็นทุนและเก็บไว฾ใช฾ใน
ยำมทจ่ี ํำเป็น กำรใชจ฾ ำ฽ ยเพือ่ เล้ยี งตนเอง เลยี้ งบุคคลที่อยู฽ในควำมดูแล กำรแบ฽งปใน
เพื่อสังคมที่เป็นประโยชนแต฽อสำธำรณะ รวมถึงควำมสัมพันธแในด฾ำนจิตใจ เช฽นไม฽
ลุ฽มหลงมัวเมำ ไม฽กังวลจนเกิดควำมทุกขแ เป็นควำมพร฾อมในกำรพัฒนำคุณภำพ
ชีวิตท่ีดีเพื่อพัฒนำศักยภำพได฾ และกำรเคำรพนับถือซึ่งกันและกันระหว฽ำงคนใน
ชุมชน กำรไหว฾พระสวดมนตปแ ระจำํ ทุกวันพระ

ผลลัพธแท่ีได฾จำกประยุกตแใช฾หลักพุทธธรรมเพ่ือกำรพัฒนำเศรษฐกิจชุมชน
แบบพอเพียงทเ่ี หมำะสมกบั กล฽มุ ชำติพันธแบนทสี่ งู ของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำ ร฾ูจัก
กำรกิน กำรใช฾ กำรดํำรงชีวิตที่มีควำมสุขตำมหลัก “หัวใจเศรษฐี” จำกหลักพุทธ
ธรรมดังกล฽ำวเป็นส฽วนหน่ึงของหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตำมหลักปใจจัย 4 ที่
ประกอบไปด฾วย ที่อยู฽อำศัย อำหำร ยำรักษำโรค เครื่องน฽ุงห฽ม ทํำให฾ชำวบ฾ำนใน

-133-

เครอื ข่ายพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวิตของกลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ

ชุมชนบ฾ำนขุนแหงอย฽ูร฽วมกันได฾ดี ไม฽มีควำมขัดแย฾ง และมีควำมสำมัคคีเก้ือกูลกัน
ชว฽ ยเหลือซงึ่ กนั และกนั กำรอยรู฽ ว฽ มกนั ในสังคมอยำ฽ งมีควำมสขุ

แนวปฏิบัติของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำและกำรอนุรักษแสิ่งแวดล฾อมของ
กลม฽ุ ชำตพิ ันธุแบนพ้ืนท่ีสูง

ในพื้นที่ต฾นแบบ อํำเภอฮอด อํำเภอแม฽แจ฽ม อํำเภอแม฽สะเรียง มีแนว
ปฏิบัติด฾ำนกำรฟื้นฟูส่ิงแวดล฾อม โดยกำรท่ีพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำได฾
รณรงคแให฾ควำมรู฾ชำวบ฾ำนผ฽ำนกำรประสำนงำนกับศูนยแพัฒนำชำวเขำ ซ่ึงมำให฾
ควำมรู฾กับชำวบ฾ำน เร่ืองกำรไม฽ใช฾ยำฆ฽ำแมลง กำรไม฽ใช฾สำรเคมีในกำรทํำ
กำรเกษตร เน่ืองจำกพบว฽ำจำกกำรเจ็บปุวยของชำวบ฾ำนในพื้นท่ี พบมีสำรเคมี
ตกคำ฾ งในเลอื ดของกลมุ฽ เกษตรกร ซึง่ เปน็ ผลมำจำกกำรใช฾สำรเคมีประเภทป฻ุย และ
ยำฆ฽ำแมลงและวัชพชื รวมถึงกำรใช฾สำรเคมีเหล฽ำนั้นส฽งผลต฽อสิ่งแวดล฾อมท่ีพบเจอ
คือพบสำรปนเปื้อนในดิน ในแหล฽งนํ้ำ เกษตรตํำบลแจ฾งว฽ำแม฾ในพ้ืนท่ีกำรเกษตรที่
เกษตรกรหยุดกำรใช฾สำรเคมีกํำจัดศัตรูพืชมำไม฽น฾อยกว฽ำ 3 ปี ยังสำมำรถตรวจพบ
สำรเคมีตกค฾ำงในดินได฾ ชี้ให฾เห็นว฽ำหำกเกษตรกรต฾องกำรผลิตเชิงอินทรียแอย฽ำง
แท฾จริง อำจต฾องใช฾เทคนิคกำรฟ้ืนฟูปรับปรุงคุณภำพดินเพื่อเร฽งกำรสลำยตัวของ
สำรเคมีที่ตกค฾ำงอย฽ูอีกทำงหนึ่งด฾วย ซ่ึงพระบัณฑิตอำสำได฾ประสำนหน฽วยงำน
รำชกำรที่เก่ยี วขอ฾ งมำชว฽ ยดำํ เนินกำรและให฾ควำมร฾ูเป็นระยะอย฽ำงต฽อเน่ือง ในพื้นท่ี
ต฾นแบบน้ันเดิมชำวบ฾ำนนิยมปลูกพืชเชิงพำณิชยแ พืชล฾มลุกตำมกระแสหลักของ
ตลำด ปลูกแบบพืชไร฽ เช฽น กะหล่ํำปลี ถั่วแดง ข฾ำวโพด ใช฾ยำฆ฽ำแมลง ปุ฻ย ยำ
ปรำบศัตรูพืช ใช฾สำรเคมีมำก โดยได฾ให฾แง฽คิดกับชำวบ฾ำนว฽ำ พื้นที่ก็พ้ืนที่เรำ
แรงงำนกแ็ รงงำนเรำ ชีวิตกช็ ีวิตดังนัน้ เรำจึงไม฽ควรเอำชีวิตไปเสี่ยง ปลูกผักทุกคร้ัง
ก็ขำดทุนทุกครั้ง เปูนหนี้สินพอกพูน นอกจำกตัวเองแล฾ว ยังก฽อให฾เกิดอันตรำยต฽อ
ผู฾อื่น และเป็นบำปติดตัว พระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำแนะนํำให฾ชำวบ฾ำน
เพือ่ ให฾ชำวบ฾ำนเปล่ียนทัศนคติ เปล่ียนวิถีชีวิตหันกลับมำปลูกพืชยืนต฾นเพ่ือบริโภค
เป็นพืชสวน เช฽น กำรเพำะกล฾ำอโวคำโด เพำะกล฾ำกำแฟ เสำวรสให฾กับชำวบ฾ำน
อีกด฾วย รวมถึงส฽งเสริมให฾ชำวบ฾ำนปลูกต฾นอโวคำโดก฽อน ซ่ึงเป็นพืชพำณิชยแ มี
รำคำดกี ว฽ำจะโตจนเก็บเก่ียวผลผลิตได฾ใช฾ระยะเวลำ 5 ปี ระหว฽ำงน้ันให฾ปลูกกำแฟ
เสริมในสวน ซึ่งใช฾ระยะเวลำในกำรเก็บเก่ียว 2 ปี ควรปลูกเสำวรส เสริมซ่ึงใช฾

-134-

เครอื ขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชีวติ ของกล่มุ ชาติพันธุ์

ระยะเวลำในกำรเก็บเกี่ยว 1 ปี นอกจำกนั้นยังแนะนํำให฾ชำวบ฾ำนดูแลสวน และ
เพมิ่ เตมิ ดว฾ ยกำรปลูกลำํ ไย มะม฽วง และกล฾วย เน฾นกำรบริโภคในครัวเรือนเป็นหลัก
ที่เหลือจงึ จํำหน฽ำย เป็นกำรใช฾หลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง เน฾นกำรปลูกพืชเพื่อ
ยังชีพ พืชผักสวนครัว เน฾นบริโภคเหลือถึงนํำมำขำย และเน฾นงดเว฾นกำรใช฾
สำรเคมี

กำรพัฒนำ (development) กำรพัฒนำปรับปรุงส่ิงท่ีเป็นอย฽ูให฾ดีขึ้น เป็น
กำรเร฽งหรือเพม่ิ ประสทิ ธภิ ำพใหไ฾ ด฾ผลผลติ ทดี ีขนึ้ กำรพัฒนำทรัพยำกรจะต฾องมีกำร
นํำเทคโนโลยที ่กี ฾ำวหน฾ำมำใช฾ควบคู฽กับกระบวนกำรพัฒนำทุกขั้นตอน ทั้งยังรวมถึง
กำรพฒั นำเทคนิควิธที ่ีทํำให฾ใช฾ทรัพยำกรในปริมำณน฾อยแต฽ได฾ผลผลิตที่เพ่ิมมำกขึ้น
และมีประสิทธิภำพสูงข้ึนด฾วย มีแนวปฏิบัติและกระบวนกำรฟ้ืนฟูสิ่งแวดล฾อมของ
เครือขำ฽ ยพระนักพฒั นำบนพื้นทีส่ ูง ดังนี้

ในด฾ำนกำรพัฒนำ (development) ในพื้นท่ีต฾นแบบ อํำเภอฮอด อํำเภอ
แม฽แจ฽ม อํำเภอแม฽สะเรียง มีแนวปฏิบัติด฾ำนพัฒนำส่ิงท่ีเป็นอย฽ูให฾ดีข้ึน ดังนี้คือ
กำรจัดตั้งธนำคำรข฾ำว ดว฾ ยพระบัณฑติ อำสำได฾รบั ทรำบขอ฾ มลู จำกชำวบ฾ำนเร่ืองข฾ำว
ไม฽พอกินพอใช฾ จึงได฾ริเร่ิมนํำข฾ำวเปลือกที่ชำวบ฾ำนมำถวำยเพื่อทํำบุญซ่ึงเป็นข฾ำว
ใหม฽ (ขอเป็นข฾ำวเปลือกแทนข฾ำวสำร) โดยได฾ต้ังเป็นกองทุนออมข฾ำว รับบริจำค
ข฾ำวเปลือกจัดทํำบุญทอดผ฾ำปุำข฾ำวเปลือก นํำผลประโยชนแที่เกิดจำกกำรให฾ก฾ูข฾ำว
มำใชเ฾ ป็นทุนดํำเนินกำร ธนำคำรข฾ำวเป็นกำรรวมกลุ฽มกันของชำวบ฾ำนภำยใต฾กำร
แนะนำํ ของพระบณั ฑติ อำสำพฒั นำชำวเขำ และหนว฽ ยงำนรำชกำรท่ีเกี่ยวข฾อง เช฽น
โครงกำรหลวง พฒั นำสงั คม เกษตรอำํ เภอ เปน็ ต฾น เพ่ือช฽วยเหลือซึ่งกันและกันกัน
ภำยในชุมชน ถือเป็นลักษณะเพ่ือนช฽วยเพื่อนชุมชนช฽วยชุมชนโดยมีทำงส฽วนงำน
ที่เก่ียว ข฾องและพระบัณฑิตอำสำพัฒนำชำวเขำเป็นผู฾คอยเสนอแนะแนวทำงใน
กำรปฏิบัติให฾เกิดประโยชนแสูงสุด โดยเน฾นหลักกำรสงเครำะหแชำวบ฾ำนที่ยำกไร฾ ใน
ชุมชนได฾มำก฾ูยืมข฾ำวจำกธนำคำรข฾ำวไปใช฾บริโภค และทํำพันธแุ(เช้ือ) สํำหรับ
กำรเกษตรในฤดทู ำํ นำ ใหค฾ นในชุมชนชว฽ ยกันดแู ล โดยมกี ฎเกณฑตแ ฽ำง ๆ ที่ชุมชน
ไดต฾ กลงร฽วมกันและถอื ไดถ฾ ือปฏบิ ัติภำยในชมุ ชน

กำรปูองกัน (protection) กำรปูองกนั ค฾ุมครองทรัพยำกรที่สำมำรถเกิดข้ึน
ใหม฽ได฾เอง เพื่อให฾มีอัตรำในกำรนํำทรัพยำกรมำใช฾อยู฽ในระดับที่สำมำรถเกิดข้ึนมำ
ทดแทนได฾ทัน ซึ่งจะช฽วยให฾มีทรัพยำกรน้ันไว฾ใช฾อย฽ำงย่ังยืนท้ังยังรวมถึงกำร

-135-

เครอื ขา่ ยพระนักพฒั นากบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของกลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ

ปอู งกันทรัพยำกรที่มีแนวโน฾มจะเพิ่มข้ึนอย฽ำงรวดเร็วให฾อย฽ูในระดับที่เหมำะสม ไม฽
เกดิ กำรลกุ ลำมจนทํำใหส฾ ภำวะสิ่งแวดลอ฾ มเสยี สมดลุ ไป กำรปูองกันน้ีอำจทํำได฾โดย
กำรใช฾มำตรกำรต฽ำง ๆ ต้ังแต฽กำรใช฾กฎหมำย กำรประชำสัมพันธแให฾ควำมร฾ู และ
ควำมเข฾ำใจแก฽ประชำชนในกำรใช฾ทรัพยำกรอย฽ำงเหมำะสม เพ่ือมีทรัพยำกร
เกดิ ข้ึนหมุนเวียนสํำหรับใช฾งำนได฾อย฽ำงย่ังยืนสืบไป มีแนวปฏิบัติและกระบวนกำร
ฟืน้ ฟสู ่ิงแวดล฾อมของเครอื ข฽ำยพระนกั พัฒนำบนพ้ืนทส่ี ูง ดงั น้ี

ในพื้นท่ีต฾นแบบ อํำเภอฮอด อํำเภอแม฽แจ฽ม อํำเภอแม฽สะเรียง มีแนว
ปฏิบัติด฾ำนกำรปูองกัน คือกำรทํำแนวกันไฟ ท่ีผ฽ำนมำบริเวณพื้นท่ี อ.แม฽สะเรียง
จะไมม฽ ไี ฟไหม฾ หรอื ไมม฽ ไี ฟปำุ มำหลำยปี มีแต฽ก฽อนทจี่ ะทํำกำรเกษตรก็จะมีกำรถำง
ไร฽ และจะทำํ แนวกันไฟอยำ฽ งดี จะดูแลปุำอย฽ำงดี ถ฾ำมีกำรเผำปุำเพื่อเตรียมกำรทํำ
กำรเกษตรก็จะมีชำวบ฾ำนอำสำมำช฽วยกันดูแล ทํำแนวกันไฟอย฽ำงดีปูองกันไฟลำม
ปุำเขำ฾ หมูบ฽ ำ฾ น เปน็ อยำ฽ งดี

กำรสงวน (preservation) กำรเก็บสงวนทรัพยำกรไว฾ไม฽ให฾มีกำรนํำมำใช฾
งำน เนื่องจำกทรัพยำกรนั้นกํำลังจะหมดหรือสูญส้ินไป ทรัพยำกรบำงชนิดเมื่อ
สงวนไปในระยะเวลำหน่ึงแล฾วอำจจะทํำให฾เกิดกำรเพิ่มข้ึนจนสำมำรถนํำมำกใช฾
ใหม฽ได฾ ซึ่งเมื่อถึงเวลำดังกล฽ำวอำจมีกำรอนุญำตให฾นํำทรัพยำกรมำใช฾ได฾ โดยมี
กฎเกณฑแหรือมำตรกำรต฽ำง ๆ ควบคุม มีแนวปฏิบัติและกระบวนกำรฟื้นฟู
ส่งิ แวดล฾อมของเครอื ขำ฽ ยพระนักพฒั นำบนพ้นื ทีส่ งู ดังนี้

1) กำรบวชปุำ เปน็ แนวทำงรกั ษำปุำไม฾ให฾ย่ังยืนพร฾อมไปกับกำรเรียกขวัญ
กํำลังใจของชำวบ฾ำน ซึ่งจุด ประสงคแของกำรบวชปุำที่สํำคัญคือกำรช฽วยอนุรักษแ
สิ่งแวดล฾อมให฾ปุำไม฾ และลํำธำรมีควำมอุดมสมบูรณแ ไม฽ถูกนํำไปใช฾จนหมด หรือ
ผลกระทบกับสิ่งแวดล฾อมอ่ืน ๆ ด฾วยปุำ โดยเฉพำะปุำต฾นน้ํำมีควำมสํำคัญกับ
ชุมชนบนพื้นท่ีสูง ซ่ึงจะเป็นพื้นท่ีท่ีมีควำมอุดมสมบูรณแมำก จนต฾องมีควำม
พยำยำมในกำรดแู ลรกั ษำให฾มีปุำไม฾ มีนํ้ำ มีปลำได฾กินได฾ใช฾กันไปนำน ๆ รวมถึง
เป็นกำรสร฾ำงจิตสํำนึกท่ีดี ให฾แก฽คนในชุมชนอีกด฾วย โดยประยุกตแพิธีกรรมทำง
ศำสนำมำใช฾กับธรรมชำติ ในกำรจัดพิธี บวชปุำโดยทํำพิธีเชิญเทวดำอำรักษแ ผี
ปุำ ผีเขำ (ผีปฺกกะโล฾ง) ทํำพิธีเซ฽นสังเวยเทพำรักษแ เจ฾ำปุำเจ฾ำเขำ ให฾รับรู฾และให฾
มำอยู฽ในปุำไม฾ ดูแลต฾นไม฾ หำกมีผู฾ใดมำตัดไม฾ ทํำลำยปุำ ขอให฾ผ฾ูน้ันมีอันเป็นไป
ต฽ำง ๆ ซ่งึ เปน็ เร่ืองของหมอเวทมนตรแท่ีจะนํำมำกล฽ำว เมื่อเสร็จพิธีเซ฽นสังเวยแล฾ว

-136-

เครือข่ายพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลมุ่ ชาติพันธุ์

ก็เป็นพิธีสงฆแ เริ่มจำกไหว฾พระรัตนตรัย สมำทำนศีลอำรำธนำพระปริตรพระสงฆแ
เจิมต฾นไม฾ เสร็จแล฾วพระสงฆแ จะห฽มผ฾ำเหลืองให฾ต฾นไม฾ พระสงฆแเจริญชัยมงคล
คำถำ จำกนนั้ ประพรมนำํ้ พระพุทธมนตตแ ำมต฾นไมท฾ ีบ่ วชไว฾ เปน็ เสรจ็ พธิ ี

2) กำรบวชปลำ กำรบวชปลำเป็นกำรรณรงคแให฾ชำวบ฾ำน โดยให฾ข฾อคิด
เร่ืองของกำรไม฽จับปลำในบริเวณขุนน้ํำ จะมีปลำอยู฽กับเรำไปตลอด เพรำะปลำ
มันก็จะขยำยพันธแุโดยธรรมชำติ แต฽ถ฾ำหลุดออกจำกตรงน้ีไปเรำสำมำรถเอำไปทํำ
พันธแุปลำ เอำไปบริโภค โดยใช฾หลักกำรง฽ำย ๆ เป็นข฾อตกลงในชุมชนว฽ำ ใน
บริเวณรัศมีพ้ืนท่ีท่ีขุนนํ้ำ ไม฽ไม฽จับปลำ ใช฾หลักคิดเดียวกับกำรบวชปุำ เป็นกำร
ประยุกตแพิธีกรรมทำงศำสนำมำใช฾กับธรรมชำติ ในกำรจัดพิธีบวชปลำโดยทํำพิธี
เชิญเทวดำอำรักษแผีต฾นน้ํำ ทํำพิธีเซ฽นสังเวยเทพำรักษแ ให฾รับรู฾และให฾มำอยู฽ในปลำ
ดแู ลขนุ นํ้ำ หำกมผี ฾ใู ดมำตดั จบั ปลำ ขอให฾ผู฾นนั้ มีอนั เป็นไปต฽ำง ๆ แต฽ถ฾ำนอกพื้นที่
ที่สำมำรถจับได฾ ชำวบ฾ำนเห็นด฾วยอย฽ำงเป็นเอกฉันทแ ในปใจจุบันปลำเยอะมำก มี
เพยี งพอต฽อกำรบรโิ ภคในชมุ ชน

3) กำรบวชขุนน้ํำมีลักษณะเหมือนกับสืบชะตำแม฽น้ํำ ใช฾เรียกขวัญกํำลัง
และตอ฽ ชะตำชวี ติ คน สรำ฾ งมิติของควำมศักดิ์สทิ ธ์ิในเชงิ พทุ ธศำสนำให฾แก฽ธรรมชำติ
ในลกั ษณะเดียวกบั กำรบวชปุำ ประยุกตแพิธีกรรมทำงศำสนำมำใช฾กับธรรมชำติ ใน
กำรจัดพิธี บวชขุนนํ้ำโดยทํำพิธีเชิญเทวดำอำรักษแ ผีต฾นน้ํำ ทํำพิธีเซ฽นสังเวย
เทพำรักษแ เจ฾ำปุำเจ฾ำเขำ ผีต฾นนํ้ำที่ดูแลรักษำต฾นน้ํำ หำกมีผ฾ูใดมำใช฾นํ้ำ ทํำลำยปุำ
ต฾นน้ํำ หรอื ทํำกำรอนั ใดท่ีมิดีมงิ ำมเกยี่ วกับตน฾ น้ํำ ขอให฾ผนู฾ นั้ มีอันเป็นไปต฽ำง ๆ

ในช฽วงปีแรก ๆ ทเี่ ข฾ำมำอยใ฽ู นพนื้ ที่ พระอำจำรยแ เห็นชำวบ฾ำนไปทํำไร฽
ข฾ำวบนปุำที่เป็นขุนน้ํำ(ปุำต฾นนํ้ำ) พอเข฾ำปีท่ี 2 น้ํำในลํำห฾วยก็แห฾งขอด น้ํำไม฽มี
ใช฾ภำยในชุมชน จึงพยำยำมสร฾ำงควำมตระหนักด฾วยกำรชี้ให฾เห็นถึงปใญหำว฽ำถ฾ำ
ชำวบ฾ำนไปปลกู ขำ฾ ว ทํำไร฽ข฾ำวที่ขุนน้ํำ เหนือหม฽ูบ฾ำนซึ่งเป็นแหล฽งต฾นนํ้ำ จะส฽งผล
ตอ฽ ลกู หลำนเรำจะไมม฽ นี ำ้ํ ใช฾ นํ้ำกิน หม฽ูบ฾ำนเรำจะอย฽ูได฾อย฽ำงไร เพรำะขุนน้ํำก็จะ
เหือดแห฾ง จึงแนะนํำให฾ชำวบ฾ำนทํำไร฽ข฾ำวในพ้ืนที่ที่ตํ่ำกว฽ำขุนน้ํำ ข฾ำงล฽ำงหมู฽บ฾ำน
ลงไป ซึ่งผลปรำกฏ 6 ปีท่ีผ฽ำนมำปุำไม฾ ท่ีเป็นปุำขุนน้ํำ เป็นปุำหม฽ูบ฾ำนก็ยังเขียว
ชุ฽มชน่ื เหมอื นเดิม เพรำะชำวบ฾ำนนึกถึงลูกถึงหลำนในอนำคต กำรบวชนํ้ำ คือกำร
ดูแลรักษำต฾นนํำ้ ไมท฽ ํำลำย ไมไ฽ ปรบกวนไม฽เอำไปทํำกำรเกษตร ไม฽ขุดสระ ไม฽ทํำ
เขื่อนปล฽อยใหไ฾ หลไปตำมธรรมชำติ ไมเ฽ ข฾ำไปรบกวนพน้ื ทข่ี ุนนํำ้

-137-

เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชีวติ ของกล่มุ ชาตพิ นั ธุ์

กำรแบ฽งเขต (Zoning) หมำยถึง กำรจัดแบ฽งกล฽ุมหรือประเภทของ
ทรัพยำกรเพ่ือให฾สำมำรถดํำเนินกำรอนุรักษแได฾ผลดีขึ้น กำรดํำเนินกำรน้ีอำจมีกำร
แบ฽งพ้นื ท่คี วบคุมเพอ่ื ใหม฾ สี ภำวะท่ีเหมำะสมสํำหรับกำรเปลี่ยนแปลงของทรัพยำกร
มีแนวปฏบิ ัตแิ ละกระบวนกำรฟื้นฟสู ่งิ แวดล฾อมของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำบนพื้นท่ี
สูง ในพื้นที่ต฾นแบบ อํำเภอฮอด อํำเภอแม฽แจ฽ม อํำเภอแม฽สะเรียง มีแนวปฏิบัติ
ด฾ำนกำรแบ฽งเขตเพอื่ แบง฽ พน้ื ทคี่ วบคมุ เป็นโซนอนุรกั ษแ ดังนี้

1) กำรบวชปุำ เป็นแนวทำงรักษำปุำให฾ย่ังยืนพร฾อมไปกับกำรเรียกขวัญ
กํำลังใจของชำวบ฾ำน ซ่ึงจุดประสงคแของกำรบวชปุำท่ีสํำคัญคือกำรช฽วยอนุรักษแ
สิ่งแวดลอ฾ ม ใหป฾ ุำไม฾ และลำํ ธำรมีควำมอดุ มสมบรู ณแ รวมไปถึงกำรสร฾ำงจิตสํำนึกที่
ดี ให฾แก฽คนในชุมชนอีกด฾วย โดยประยุกตแพิธีกรรมทำงศำสนำมำใช฾กับธรรมชำติ
ในกำรจดั พธิ ี บวชปำุ โดยทํำพธิ เี ชิญเทวดำอำรักษแ ผปี ำุ ผีเขำ (ผีปฺกกะโล฾ง) ทํำพิธี
เซ฽นสังเวยเทพำรกั ษแ เจำ฾ ปุำเจ฾ำเขำ ใหร฾ บั ร฾แู ละให฾มำอยใู฽ นปำุ ไม฾ ดูแลต฾นไม฾ หำกมี
ผู฾ใดมำตัดไม฾ ทํำลำยปุำ ขอให฾ผ฾ูน้ันมีอันเป็นไปต฽ำง ๆ ซ่ึงเป็นเรื่องของหมอเวท
มนตรแท่ีจะนํำมำกล฽ำว เม่ือเสร็จพิธีเซ฽นสังเวย แล฾วก็เป็นพิธีสงฆแ เร่ิมจำกไหว฾พระ
รัตนตรัย สมำทำนศลี อำรำธนำพระปริตรพระสงฆแเจิมต฾นไม฾ เสร็จแล฾วพระสงฆแ จะ
ห฽มผ฾ำเหลืองให฾ต฾นไม฾ พระสงฆแเจริญชัยมงคลคำถำ จำกน้ันประพรมน้ํำพระพุทธ
มนตตแ ำมตน฾ ไม฾ท่ีบวชไวเ฾ ปน็ เสร็จพิธี

2) กำรบวชปลำ กำรบวชปลำเป็นกำรรณรงคแให฾ชำวบ฾ำน โดยให฾ข฾อคิด
เร่ืองของกำรไม฽จับปลำในบริเวณขุนน้ํำ จะมีปลำอย฽ูกับเรำไปตลอด เพรำะปลำ
มันก็จะขยำยพันธแุโดยธรรมชำติ แต฽ถ฾ำหลุดออกจำกตรงนี้ไปเรำสำมำรถเอำไปทํำ
พันธแุปลำ เอำไปบริโภค โดยใช฾หลักกำรง฽ำย ๆ เป็นข฾อตกลงในชุมชนว฽ำ ใน
บริเวณรัศมีพ้ืนท่ีท่ีขุนนํ้ำ ไม฽ไม฽จับปลำ ใช฾หลักคิดเดียวกับกำรบวชปุำ เป็นกำร
ประยุกตแพิธีกรรมทำงศำสนำมำใช฾กับธรรมชำติ ในกำรจัดพิธีบวชปลำโดยทํำพิธี
เชิญเทวดำอำรักษแผีต฾นน้ํำ ทํำพิธีเซ฽นสังเวยเทพำรักษแ ให฾รับร฾ูและให฾มำอย฽ูในปลำ
ดแู ลขุนนำ้ํ หำกมีผูใ฾ ดมำตัดจับปลำ ขอให฾ผนู฾ ัน้ มีอนั เป็นไปต฽ำง ๆ แต฽ถ฾ำนอกพื้นท่ี
ท่ีสำมำรถจับได฾ ชำวบ฾ำนเห็นด฾วยอย฽ำงเป็นเอกฉันทแ ในปใจจุบันปลำเยอะมำก มี
เพียงพอตอ฽ กำรบริโภคในชมุ ชน

3) กำรบวชขุนนํ้ำ มีลักษณะสืบชะตำแม฽นํ้ำที่ใช฾เรียกขวัญกํำลังและต฽อ
ชะตำชีวิตคน สร฾ำงมิติของควำมศักดิ์สิทธิ์ในเชิงพุทธศำสนำให฾แก฽ธรรมชำติ ใน

-138-

เครอื ขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ของกลมุ่ ชาติพันธุ์

ลักษณะเดียวกับกำรบวชปุำ ประยุกตแพิธีกรรมทำงศำสนำมำใช฾กับธรรมชำติ ใน
กำรจัดพิธี บวชขุนนํ้ำโดยทํำพิธีเชิญเทวดำอำรักษแ ผีต฾นนํ้ำ ทํำพิธีเซ฽นสังเวย
เทพำรักษแ เจ฾ำปุำเจ฾ำเขำ ผีต฾นน้ํำที่ดูแลรักษำต฾นน้ํำ หำกมีผู฾ใดมำใช฾นํ้ำ ทํำลำยปุำ
ต฾นนํ้ำ หรือทํำกำรอันใดที่มิดีมิงำมเก่ียวกับต฾นนํ้ำ ขอให฾ผ฾ูน้ันมีอันเป็นไปต฽ำง ๆ
ในชว฽ งปแี รก ๆ ท่ีเข฾ำมำอยู฽ในพื้นที่ พระอำจำรยแ เห็นชำวบ฾ำนไปทํำไร฽ข฾ำวบน
ปุำท่ีเป็นขุนนํ้ำ(ปุำต฾นนํ้ำ) พอเข฾ำปีท่ี 2 น้ํำในลํำห฾วยก็แห฾งขอด นํ้ำไม฽มีใช฾
ภำยในชุมชน จึงพยำยำมสร฾ำงควำมตระหนักด฾วยกำรช้ีให฾เห็นถึงปใญหำว฽ำถ฾ำ
ชำวบำ฾ นไปปลูกข฾ำว ทํำไร฽ข฾ำวท่ีขุนน้ํำ เหนือหมู฽บ฾ำนซ่ึงเป็นแหล฽งต฾นนํ้ำ จะส฽งผล
ตอ฽ ลกู หลำนเรำจะไม฽มีนำํ้ ใช฾ นำ้ํ กนิ หม฽ูบ฾ำนเรำจะอย฽ูได฾อย฽ำงไร เพรำะขุนนํ้ำก็จะ
เหือดแห฾ง จึงแนะนํำให฾ชำวบ฾ำนทํำไร฽ข฾ำวในพ้ืนท่ีที่ตํ่ำกว฽ำขุนนํ้ำ ข฾ำงล฽ำงหมู฽บ฾ำน
ลงไป ซึ่งผลปรำกฏ 6 ปีท่ีผ฽ำนมำปุำไม฾ ที่เป็นปุำขุนน้ํำ เป็นปุำหม฽ูบ฾ำนก็ยังเขียว
ชุ฽มชนื่ เหมือนเดิม เพรำะชำวบ฾ำนนึกถึงลูกถึงหลำนในอนำคต กำรบวชน้ํำ คือกำร
ดแู ลรกั ษำตน฾ นํ้ำ ไม฽ทำํ ลำย ไม฽ไปรบกวนไมเ฽ อำไปทํำกำรเกษตร ไม฽ขุดสระ ไม฽ทํำ
เข่ือนปล฽อยให฾ไหลไปตำมธรรมชำติ ไมเ฽ ขำ฾ ไปรบกวนพื้นที่ขนุ นํ้ำ

กำรประยุกตแใช฾หลักพุทธธรรมในกระบวนกำรฟ้ืนฟูสิ่งแวดล฾อมที่ของ
เครอื ขำ฽ ยพระนกั พัฒนำบนพืน้ ทีส่ ูง

1. หลักอิทัปปใจจยตำ หรือ ปฏิจจสมุปบำท มีหลักกำรว฽ำควำมเป็นไป
ของโลกและชีวิตดํำเนินไปตำมกระแสแห฽งเหตุผล ข้ึนต฽อเหตุปใจจัยในกระบวน
กำรของธรรมชำตเิ อง ไม฽มีผู฾สร฾ำง ผ฾ูบันดำล และไม฽เป็นไปลอย ๆ โดยบังเอิญผล
ท่ีต฾องกำร ไม฽อำจให฾สํำเร็จเพียงด฾วยควำมหวังควำมปรำรถนำ แต฽ต฾องสํำเร็จด฾วย
กำรลงมือกระทํำ คือ บุคคลจะต฾องพ่ึงตนด฾วยกำรทํำเหตุปใจจัยท่ีจะให฾ผลสํำเร็จท่ี
ต฾องกำรนัน้ เกดิ ข้ึน และจดั กำรกบั สิง่ ท้งั หลำยด฾วยปญใ ญำ

2. หลักเร่ืองกรรมกับกำรอนุรักษแสิ่งแวดล฾อม หรือหลักกฎแห฽งกรรม คือ
กฎธรรมชำติข฾อหน่ึงที่ว฽ำด฾วยกำรกระทํำ และผลแห฽งกำรกระทํำ ทํำดีย฽อมได฾รับ
ผลดี ทํำช่ัว ย฽อมได฾รับผลช่ัว เป็นต฾น กรรมใดใครก฽อ ตนเองเท฽ำนั้นท่ีจะได฾รับผล
ของส่ิงที่กระทํำ

3. หลักเรื่องเมตตำกับกำรอนุรักษแส่ิงแวดล฾อม เมตตำ หมำยถึงไมตรี
ควำมรัก ควำมปรำรถนำดี ควำมเห็นอกเห็น ใจ ควำมเข฾ำใจดีต฽อกัน ควำมใส฽ใจ
หรอื ต฾องกำรสร฾ำงเสรมิ ประโยชนสแ ขุ แกเ฽ พ่อื นมนุษยแ สัตวแท้งั หลำย และสิ่งแวดล฾อม

-139-

เครือขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์

และด฾วยจิตเมตตำจึงก฽อให฾เกิดกำรอนุรักษแเพื่อรักษำฟื้นฟูส่ิงแวดล฾อมเพื่อควำมอย฽ู
รอดปลอดภัยของคนและสัตวแทั้งหลำยสืบไป คุณค฽ำของเมตตำต฽อส่ิงแวดล฾อม คือ
กำรให฾ทำน แบ฽งปในส่ิงของ กำรให฾อภัยทำน กำรกระทํำประโยชนแสุขแก฽เขำ โดย
กำรไมเ฽ บียดเบยี นชีวิต เป็นต฾น

แนวปฏบิ ัติของเครอื ขำ฽ ยพระนักพัฒนำในกำรพัฒนำคณุ ภำพชีวิตของกล฽ุม
ชำตพิ ันธุบแ นพน้ื ท่ีสูง

กำรดํำเนินงำนด฾ำนกระบวนกำรพัฒนำแหล฽งท฽องเท่ียวทำงศำสนำและ
วั ฒ น ธ ร ร ม ข อ ง ก ลุ฽ ม ช ำ ติ พั น ธุแ บ น พ้ื น ที่ สู ง ใ น พื้ น ที่ ต฾ น แ บ บ ข อ ง เ ค รื อ ข฽ ำ ย พ ร ะ
นักพัฒนำ เป็นกำรทํำงำนท่ีสอดคล฾องกับบทบำทหน฾ำที่หลักของพระธรรมจำริก
และพระบัณฑิตอำสำในด฾ำนต฽ำงๆ โดยผู฾วิจัยได฾ดํำเนินกำรจัดเวทีประชุมกำร
ดํำเนินงำนด฾ำนกระบวนกำรพัฒนำแหล฽งท฽องเที่ยวทำงศำสนำและวัฒนธรรม 2
เส฾นทำง จำกผลกำรจัดประชุมระดมควำมคิดเพื่อวิเครำะหแผลกำรดํำเนินงำนของ
เครือข฽ำยพระนักพัฒนำและกระบวนกำรส฽งเสริมกำรท฽องเท่ียวชุมชนของกล฽ุมชำติ
พันธุแบนพ้ืนที่สูงของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำบนพื้นท่ีสูง ณ อำศรมพระบัณฑิต
อำสำ 2 เสน฾ ทำง มีผลสรปุ ดงั น้ี

เส฾นทำงท่ี 1 เส฾นทำงท฽องเท่ียวอำศรมพระบัณฑิตอำสำอํำเภอกัลยำณิ
วัฒนำ จังหวัดเชียงใหม฽ ได฾แก฽ วัดบ฾ำนจันทรแ ตํำบลบ฾ำนจันทรแ วัดห฾วยบง ตํำบล
บ฾ำนจนั ทรแ อำศรมบ฾ำนหนองแดง ตํำบลบ฾ำนจนั ทรแ

เส฾นทำงที่ 2 เส฾นทำงตำมรอยพ฽อหลวง ร.9 บ฾ำนแสนคํำลือ อํำเภอปำงมะ
ผ฾ำ จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน ได฾แก฽ อำศรมบ฾ำนแสนคํำลือ ตํำบลถํ้ำลอด และอำศรม
บำ฾ นลกุ ปำุ ก฿อ ตำํ บลสบปอุ ง

แนวปฏิบัติของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำและกระบวนกำรเพิ่มรำยได฾เกษตร
วิถีพุทธของกล฽ุมชำติพันธแุบนพื้นที่สูงในพ้ืนท่ีต฾นแบบ เวียงปุำเปูำ แม฽สรวย เมือง
เชียงรำย ผลกำรวเิ ครำะหพแ บว฽ำพระนักพฒั นำไดด฾ ํำเนินกำรในแต฽ละดำ฾ น ดงั นี้

1. ส฽งเสริมให฾ควำมร฾ูทำงด฾ำนกำรเกษตร โดยกำรส฽งเสริมให฾ควำมรู฾ในกำร
ทำํ เกษตรแบบวถิ พี ุทธ ใหค฾ วำมรกู฾ ำรปลกู พชื ท่ีดูแลง฽ำย และเป็นพืชที่สำมำรถสร฾ำง
รำยได฾ เช฽น กำรปลูกกำแฟ อโวคำโด เป็นต฾น โดยมีกำรเช่ือมโยงเป็นเครือข฽ำย
กับพระบัณฑิตที่ทํำเกษตรแบบวิถีพุทธกับอำศรมบ฾ำนดอยล฾ำน ตํำบลวำรี อํำเภอ

-140-

เครอื ขา่ ยพระนักพัฒนากบั การพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธ์ุ

แม฽สรวย จังหวัดเชียงรำย และหำแหล฽งสนับสนุนหรือเข฾ำร฽วมกับจำกหน฽วยงำน
ต฽ำงๆ เช฽น โครงกำรหลวง หรือเครือข฽ำยทำงกำรเกษตรอํำเภอหรือจังหวัด และ
หน฽วยงำนทำงกำรเกษตรของเอกชน เป็นต฾น เชิญหน฽วยงำนด฾ำนเกษตรของรัฐ มำ
ให฾ควำมรู฾ในกำรทํำเกษตรแบบวิถีพุทธ หรือเกษตรแบบทฤษฎีใหม฽ที่ถูกต฾อง อัน
เปน็ ประโยชนแตอ฽ กำรดำํ เนินชวี ิตและเปน็ เพิ่มรำยไดท฾ ่ียั่งยนื

2. ส฽งเสริมด฾ำนคุณธรรม ให฾คนในแก฽ชุมชน มีคุณธรรม ซ่ือสัตยแสุจริต
ขยันอดทน แบง฽ ปในกัน เช฽น โครงกำรเสรมิ สร฾ำงควำมรกั ควำมสำมัคคี ผู฾นํำชุมชน
กจิ กรรมสำนสมั พันธแ สร฾ำงควำมสำมัคคีภำยในหมบู฽ ฾ำน

3. ส฽งเสริมในด฾ำนอำชีพ โดยผ฾ูนํำในพ้ืนที่ เช฽น ผ฾ูใหญ฽บ฾ำน กํำนัน หรือ
แกน฽ นำํ ชุมชน ควรเป็นแบบอยำ฽ งทีด่ ใี นกำรทํำเกษตรแบบวิถพี ุทธ ส฽วนในเครือข฽ำย
พระนักพัฒนำต฾องให฾ควำมร฽วมมือในกำรสนับสนุน ส฽งเสริมให฾เกษตรในกลุ฽มชำติ
พันธแบนพื้นท่ีสูงในกำรทํำเกษตรแบบวิถีพุทธ มีควำมร฾ูในด฾ำนเกษตรกรรมแบบวิถี
พุทธ และให฾เกิดภูมิปใญญำของตนเองในกำรประกอบอำชีพ โครงกำรพัฒนำ
ผลิตภณั ฑแจำกภูมปิ ใญญำทอ฾ งถน่ิ เปน็ สินคำ฾ เอกลักษณแประจํำหมู฽บ฾ำน

4. ส฽งเสริมในให฾คนในชุมชนพัฒนำตนเอง เช฽น ร฾ูจักกำรประมำณตน พอ
อย฽ู พอกินและพ่ึงพำตนเองได฾ขยันหมั่นเพียร อดออม ไม฽ฟุมเฟือย ดํำเนินชีวิต
ด฾วยสติปใญญำ พยำยำมพัฒนำชีวิตด฾ำนเศรษฐกิจด฾วยกำรพึ่งตนเองเป็นหลัก ร฾ูจัก
กำรใช฾จ฽ำยทรัพยแท่ีหำได฾มำและรักษำทรัพยแท่ีได฾มำ ไม฽โลภ รู฾จักกำรเล้ียงชีวิตแต฽
พอเหมำะพอดีกบั ตนเอง รจ฾ู ักเลือกคบหำมิตรที่ดี ร฾ูจักเสวนำคบคนดีที่เก้ือกูลกัน มี
ชีวิตเรียบง฽ำยสมถะพอประมำณสอดคล฾องกับสภำพแวดล฾อม สร฾ำงภูมิค฾ุมกันให฾กับ
ตนเองต฽อโลกในยุคโลกำภิวัตนแไม฽ให฾ล฽ุมหลงในวัตถุนิยมและบริโภคนิยม พึงพอใจ
ในส่งิ ทต่ี นมีอยู฽

5. ส฽งเสริมด฾ำนบํำรุงรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล฾อม โดยกำร
เชิญหน฽วยงำนด฾ำนเกษตรของรัฐ มำให฾ควำมรู฾ในกำรทํำปุ฻ยอินทรียแ เข฾ำรับกำร
อบรมในหนว฽ ยงำนเกษตรตํำบลหรือจงั หวัดท่ีให฾ควำมร฾ูในกำรทํำป฻ุยอินทรียแ ศึกษำดู
งำนของเกษตรกรทใี่ ชป฾ ย฻ุ อนิ ทรียแในกำรทํำเกษตรท่ีประสบควำมสำํ เรจ็

โดยสรุป แนวปฏิบัติของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำและกระบวนกำรเพ่ิม
รำยได฾เกษตรวิถีพุทธของกล฽ุมชำติพันธุแบนพื้นที่สูงในพ้ืนที่ต฾นแบบ เวียงปุำเปูำ
แม฽สรวย เมืองเชียงรำย ของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำ ผลกำรวิเครำะหแแนวปฏิบัติ

-141-

เครือขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของกลุ่มชาติพนั ธ์ุ

พบว฽ำพระนักพัฒนำได฾ดํำเนินกำรหลำยด฾ำน คือ ส฽งเสริมให฾ควำมร฾ูทำงด฾ำน
กำรเกษตร ส฽งเสริมด฾ำนคุณธรรม ส฽งเสริมในด฾ำนอำชีพ ส฽งเสริมในให฾คนในชุมชน
พัฒนำตนเอง และสง฽ เสรมิ ดำ฾ นบำํ รุงรักษำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสิง่ แวดลอ฾ ม

แนวปฏิบัติของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำและกำรดูแลผู฾สูงอำยุของกลุ฽มชำติ
พันธุแบนพื้นทสี่ งู มีผลสรปุ ดังนี้

1. บทบำทหน฾ำท่ีของพระธรรมจำริกและพระบัณฑิตอำสำด฾ำนกำรเผยแผ฽
พระพทุ ธศำสนำบทบำทหน฾ำท่ีของพระธรรมจำริกและพระบัณฑติ อำสำด฾ำนกำรเผย
แผ฽พระพุทธศำสนำในหมู฽บ฾ำนชำวเขำ มีมำกมำยหลำยด฾ำน แต฽ท่ีสํำคัญที่สุดคือ
ด฾ำนกำรเผยแผ฽หลักธรรมคํำสอนของพระพุทธศำสนำ โดยมีจุดประสงคแเพื่อให฾
ชำวเขำมีควำมร฾ู ควำมเขำ฾ ใจ เกิดกำรยอมรับและนํำเอำหลักธรรมไปเป็นแนวทำง
ปฏิบัติในชีวิตประจํำวันได฾ บทบำทหน฾ำท่ีของคณะพระธรรมจำริก โครงกำรพระ
ธรรมจำริกส฽วนภูมิภำค และพระบัณฑิตอำสำ ได฾กํำหนดแนวทำงไว฾ดังนี้กิจวัตร
ประจำํ วนั บิณฑบำตเป็นกิจวัตร นํำทํำวัตรสวดมนตแเย็น ทํำอำศรมให฾สะอำดร฽มร่ืน
ปฏิบัติตนตำมวินัยของพระสงฆแอย฽ำงเคร฽งครัด กำรเผยแผ฽ธรรมะ เทศนแเสียงตำม
สำย สอนศลี ธรรมในโรงเรียน (พระพุทธศำสนำ) ชักจูงชำวบ฾ำนมำสวดมนตแปฏิบัติ
ธรรม ถือศีล 8 สร฾ำงแกนนํำชำวพุทธ แนะนํำ ส฽งเสริมศำสนพิธีที่ใช฾ใน
ชีวิตประจํำวัน เช฽น กำรรับนิมนตแ กำรแต฽งงำน จัดงำน, ศำสนพิธีวันสํำคัญทำง
ศำสนำและของชำติ กำรศึกษำวิจัย ศึกษำและฝึกพูดภำษำชำวเขำเผ฽ำท่ีปฏิบัติงำน
ศกึ ษำวัฒนธรรมประเพณีตำมที่ได฾รับมอบหมำย เขียนรำยงำนวิจัยและร฽วมประชุม
เร่ืองที่วิจัยทุกเดือน และกำรสังคมสงเครำะหแและพัฒนำ จัดตั้งและพัฒนำกล฽ุม
ต฽ำงๆในหมบู฽ ฾ำน (เยำวชน แม฽บำ฾ น ผสู฾ งู อำยุ กล฽ุมอำชีพ ฯลฯ) ส฽งเสริมสนับสนุน
องคแกรในหมู฽บ฾ำนให฾เข฾มแข็ง ประสำนงำนกับองคแกรในท฾องถิ่นทั้งภำครัฐและ
เอกชนท่ีเกี่ยวข฾อง ให฾คํำแนะนํำปรึกษำด฾ำนกำรดํำเนินงำนแก฽องคแกรในท฾องถิ่น
สงเครำะหบแ คุ คลและครอบครวั ท่ที ุกขแยำกเดือดร฾อน (คนยำกจน คนพิกำร ผ฾ูสูงอำยุ
ผ฾ปู ระสบภยั )

2. กำรจัดทํำยุทธศำสตรแกำรขับเคล่ือนงำนพระธรรมจำริกและพระบัณฑิต
อำสำ มดี งั น้ี

ยุทธศำสตรแท่ี 1 กำรนํำหลักธรรมเพ่ือพัฒนำคุณภำพชีวิตของบุคคล
ครอบครัวและชุมชนให฾เข฾มแข็ง มี 3 กลยุทธแ คือ ส฽งเสริมกำรนํำหลักธรรมไป

-142-

เครือขา่ ยพระนกั พัฒนากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

ปฏิบัติ ส฽งเสริมกำรมีส฽วนร฽วมในกำรพัฒนำชุมชน ส฽งเสริมสุขอนำมัยและ
สำธำรณสขุ ข้นั พนื้ ฐำน

ยุทธศำสตรแที่ 2 กำรบริหำรจัดกำรองคแกรและทรัพยำกรมนุษยแ มี 5 กล
ยุทธแ คือ กำรสรรหำพระธรรมจำริก กำรพัฒนำศักยภำพบุคลำกรในองคแกร สร฾ำง
ขวัญกํำลังใจ กำรพัฒนำกำรบริหำรงำนโครงกำรพระธรรมจำริก กำรจัดระบบ
บรกิ ำรเทคโนโลยสี ำรสนเทศให฾เกิดประโยชนแสูงสดุ

ยุทธศำสตรแที่ 3 กำรอนรุ กั ษฟแ ื้นฟแู ละพฒั นำวัฒนธรรมประเพณี ทรัพยำกร
และสิ่งแวดล฾อมของท฾องถ่ิน มี 2 กลยุทธแ คือ ส฽งเสริมกำรสร฾ำงจิตสํำนึกให฾ชุมชน
ฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณี ทรัพยำกรและสิ่งแวดล฾อม สร฾ำงภำคีเครือข฽ำยในกำร
อนุรักษศแ ลิ ปะ วัฒนธรรม ทรัพยำกรและส่ิงแวดลอ฾ ม

ยุทธศำสตรแที่ 4 กำรขยำยพ้ืนที่ปฏิบัติงำนให฾ครอบคลุมบนพื้นที่สูง มี 4
กลยุทธแ คือ เสริมสร฾ำงศักยภำพพระธรรมจำริกสัญจรและแกนนํำ ส฽งเสริม
สนับสนุนกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำบนพ้ืนที่สูง สร฾ำงขวัญกํำลังใจและสนับสนุน
กำรปฏิบัติงำนเผยแผ฽ของแกนนํำ เพ่ิมหมู฽บ฾ำนกำรปฏิบัติงำนเผยแ ผ฽
พระพุทธศำสนำบนพนื้ ที่สูง

ยุทธศำสตรแท่ี 5 กำรสร฾ำงเครือข฽ำยภำคีหนุนเสริม มี 4 กลยุทธแ คือ สร฾ำง
กระบวนกำรกำรวำงแผนแบบมีส฽วนร฽วม ประสำนงำนควำมร฽วมมือภำคีระดับต฽ำงๆ
กำรสร฾ำงพลังขับเคลอื่ นชุมชนรว฽ มกัน กำรติดตำมและประเมินผลรว฽ มกนั

สรุปได฾ว฽ำ บทบำทหน฾ำท่ีของพระธรรมจำริกที่ปฏิบัติภำรกิจประจํำอย฽ูใน
หมูบ฽ ฾ำนท่มี ีจดุ ม฽ุงหมำยสำํ คัญคอื กำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำแก฽ชำวเขำน้ัน จะต฾อง
ปฏิบัติงำนตำมนโยบำยเชิงรุก ตำมบทบำทหน฾ำที่ของพระธรรมจำริกท่ีกํำหนดไว฾
และตำมยทุ ธศำสตรแกำรขับเคลอื่ นงำนพระธรรมจำริกท้งั 5 ยุทธศำสตรแ

วิธีกำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำของพระธรรมจำริกและพระบัณฑิตอำสำใน
หมู฽บ฾ำนชำวเขำ โดยเฉพำะในหม฽ูบ฾ำนห฾วยปง ได฾กํำหนดวิธีกำรเผยแผ฽เป็นแนว
ปฏิบตั ิ 2 ด฾ำน คอื กำรเผยแผเ฽ ชงิ รุกและเชิงรบั

1. เชิงรุก หมำยถึง กำรท่ีพระธรรมจำริกและพระบัณฑิตอำสำปฏิบัติงำน
โดยมุ฽งเดินหน฾ำหำกัลยำณมิตร ไม฽อย฽ูแต฽ในอำศรม เป็นพระประเภทคันถธุระ
พบปะกับชำวบ฾ำนที่เป็นชำวเขำอยู฽เป็นประจํำมิได฾ขำด มิใช฽พระประเภทวิปใสสนำ
ธุระ ท่ีมุ฽งควำมสงบเพื่อควำมหลุดพ฾นจำกกิเลส มีวิธีกำรเผยแผ฽เชิงรุกดังนี้คือ กำร

-143-

เครือข่ายพระนักพฒั นากบั การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของกลุม่ ชาติพนั ธุ์

สร฾ำงศรัทธำของชำวเขำ กำรสร฾ำงศำสนทำยำท และกำรขยำยหมู฽บ฾ำนปฏิบัติงำน
ส฽วนกำรปฏิบัติงำนกับชุมชน พระธรรมจำริกและพระบัณฑิตอำสำได฾ร฽วมกับ
เจ฾ำหน฾ำท่ีพัฒนำสังคมหน฽วยที่ 13 จังหวัดเชียงใหม฽ ประจํำอํำเภอเชียงดำว ครู
สอนเรยี นของศูนยกแ ำรเรียนชมุ ชนชำวไทยภูเขำแมฟ฽ ำู หลวงบ฾ำนห฾วยปง จํำนวน 2
คน และนักวิจัย ได฾จัดประชุมร฽วมกับชำวเขำในหมู฽บ฾ำน 2 ครั้งๆ แรก จัดประชุม
เฉพำะชนเผ฽ำมูเซอ ครั้งท่ีสอง จัดประชุมเฉพำะชนเผ฽ำปะหล฽อง ซึ่งมีลักษณะ
วิธีกำร และผลของกำรประชุม ในกำรประชุมชำวบ฾ำนในเชิงภำวะสร฾ำงสรรคแ
(Appreciate Influence Control คํำย฽อ AIC) ผู฾วิจัยได฾ปรึกษำหำรือกับพระ
ธรรมจำริกและพระบัณฑิตอำสำกับผู฾นํำของหม฽ูบ฾ำน เร่ืองกำรค฾นหำปใญหำของ
ชุมชนเพ่ือเป็นข฾อมูลเบ้ืองต฾นสํำหรับใช฾ในกำรคิดวิเครำะหแ กำรวำงแผน และกำร
ดํำเนินงำนเพ่อื แก฾ไขปญใ หำของชมุ ชนต฽อไป เน่ืองจำกหม฽ูบ฾ำนห฾วยปง มี 2 หย฽อม
บ฾ำน คือ บ฾ำนมูเซอและบ฾ำนปะหล฽อง ดังน้ัน กำรค฾นหำปใญหำชุมชนด฾วยวิธีกำร
เชญิ ตัวแทนชำวบำ฾ นมำประชมุ ในด฾ำนกำรพฒั นำคุณภำพชีวิตของผู฾สูงอำยุในเร่ือง
อำชีพเสริม ต฾องกำรให฾หน฽วยงำนของทำงรำชกำรเข฾ำไปส฽งเสริมอำชีพรอง เช฽น
กำรเล้ียงสกุ ร กำรเพำะเห็ด กำรทำํ ปย฻ุ ชีวภำพ กำรทอผ฾ำ กำรจักสำน เป็นต฾น เร่ือง
สุขภำพอนำมัย ต฾องกำรให฾หน฽วยงำนด฾ำนกำรส฽งเสริมสุขภำพได฾จัดอบรมควำม ร฾ู
แก฽ชำวบ฾ำนในเร่ืองต฽ำงๆ อำทิ เร่ือง กำรปูองกันโรคติดต฽อ เร่ืองอำหำรและ
โภชนำกำร น้ํำด่ืม กำรตรวจสุขภำพ กำรวำงแผนครอบครัว กำรขำดสำรอำหำร
ฯลฯ และเร่ืองสวัสดิกำรสังคม ชำวบ฾ำนท่ีเป็นคนชรำ คนพิกำร คนยำกจน ท่ี
เดือดร฾อนช฽วยตนเองไม฽ได฾ ยังไม฽ได฾รับควำมช฽วยเหลือ ซึ่งมีท้ังผ฾ูที่ได฾และยังไม฽ได฾
สัญชำตไิ ทย แม฾ผู฾ได฾สัญชำติไทยแล฾ว ยังไม฽มีแม฾แต฽รำยเดียวที่ได฾รับเบี้ยยังชีพรำย
เดือน

2. เชิงรับ กำรเผยแผ฽พระพุทธศำสนำเชิงรับของพระธรรมจำริกและพระ
บัณฑิตอำสำ อำจแบ฽งออกเป็นกำรปรับปรุงอำศรมให฾สะอำดร฽มรื่น กำรรับกิจ
นมิ นตแ กำรชว฽ ยเหลือผ฾ูทุกขแยำกเดือดร฾อน กำรสร฾ำงควำมสำมัคคีปรองดองกันใน
หมู฽บ฾ำน เช฽น กำรปรับปรุงอำศรมให฾สะอำดร฽มรื่น อำศรมพระธรรมจำริกและพระ
บัณฑิตอำสำเป็นศำสนสถำนท่ีเป็นสำธำรณะ อำศรมพระธรรมจำริกบ฾ำนห฾วยปง
เป็นอำศรมท่ีสร฾ำงข้ึนเมื่อปี พ.ศ.2547 นับว฽ำเป็นอำศรมแห฽งใหม฽ กำรสร฾ำง
ถำวรวัตถุเป็นศำสนสถำนที่ม่ันคงและเกิดประโยชนแ จึงยังอยู฽ในช฽วงระยะเวลำของ

-144-

เครอื ขา่ ยพระนกั พฒั นากบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์

กำรดํำเนินงำน ยังไม฽เสร็จสมบูรณแ กำรปลูกไม฾ยืนต฾นรอบบริเวณท่ีดินของอำศรม
ได฾ดํำเนินกำรแล฾ว ต฾นไม฾ยังไม฽เจริญเติบโตมำกนัก พ้ืนที่ของอำศรมได฾มีส่ิงปลูก
สร฾ำงคือโบสถแ กุฏิ ห฾องครัว และห฾องสุขำ ลำนอำศรมมีพื้นท่ีว฽ำงสํำหรับกำรเล฽น
กีฬำของเดก็ และเยำวชน ซึ่งไปเล฽นกันเป็นประจํำแทบทุกวัน กำรช฽วยเหลือผู฾ทุกขแ
ยำกเดือดร฾อน พระธรรมจำริกบ฾ำนห฾วยปงได฾ศึกษำระดับปริญญำตรีสำขำสังคม
สงเครำะหแศำสตรแจบกำรศึกษำตำมหลักสูตรแล฾ว จึงมีควำมร฾ูควำมสำมำรถในกำร
ปฏิบัติงำนด฾ำนสังคมสงเครำะหแ กำรช฽วยเหลือผ฾ูทุกขแยำกเดือดร฾อนโดยเฉพำะคน
ยำกจน คนพกิ ำรและคนชรำ พระธรรมจำริกได฾ช฽วยเหลอื ตำมหลักและวิธีกำรสังคม
สงเครำะหแ เมื่อได฾ข฾อมูลข฾อเท็จจริงแล฾วได฾ส฽งเรื่องต฽อ (refer case) ไปยัง
หน฽วยงำนที่รับผิดชอบ คอื ศนู ยพแ ัฒนำสังคมหน฽วยที่ 13 จังหวัดเชียงใหม฽ ประจํำ
อำํ เภอเชียงดำว และหน฽วยงำนท฾องถ่ินคือ องคแกำรบริหำรส฽วนตํำบลแม฽นะ อํำเภอ
เชียงดำว ผลกำรช฽วยเหลือคือ ศูนยแพัฒนำสังคมหน฽วยท่ี 13 ได฾สนับสนุนด฾ำน
อำชีพโดยมอบลูกสุกร 10 ตัวมำให฾คนยำกจนเลี้ยงไว฾บริโภคหรือขำยต฽อไป ส฽วน
กำรช฽วยเหลอื ด฾ำนเบี้ยยงั ชีพให฾แกค฽ นชรำและคนพิกำรยังไมไ฽ ดร฾ ับ เปน็ ตน฾

แนวปฏิบัติของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำและกระบวนกำรส่ือสำรวัฒนธรรม
เพื่อกำรเรียนร฾ูของกล฽ุมชำติพันธแุบนพื้นที่สูงในพื้นที่ต฾นแบบ สบเมย แม฽ลำน฾อย
ขุนยวม เมืองแม฽ฮ฽องสอนของเครือข฽ำยพระนักพัฒนำตำมกรอบทฤษฎีกำรสื่อสำร
ของเดวิด เค เบอรโแ ล พบว฽ำ

1. กำรสอื่ สำรของพระนกั พัฒนำ (Sender) เป็นกำรทํำงำนเชิงรุกมำกกว฽ำ
เชิงรับ เพื่อสร฾ำงควำมสัมพันธแท่ีดีให฾แก฽ชุมชน โดยเฉพำะกำรทํำงำนเชิงรุกนั้น
พระนักพัฒนำไม฽ใช฽เป็นกำรเดินทำงเข฾ำไปช฽วยเหลืออนุเครำะหแหรือเผยแผ฽ธรรมะ
เพียงครั้งหรือสองคร้ังแล฾วไม฽ไปอีกเลย แต฽ต฾องเดินทำงเข฾ำไปชุมชนนั้นๆ อย฽ำง
ตอ฽ เน่อื ง เขำ฾ ไปเขำ฾ ชว฽ ยกล฽ุมชำติพันธแุไม฽เฉพำะด฾ำนศำสนำ แต฽ต฾องทํำทุกเร่ืองและ
ทุกมิติท่ีเกี่ยวข฾องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชำวบ฾ำนในชุมชน ดังท่ี
พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพลอดุลยเดชฯ ในหลวงรัชกำลที่ 9 ได฾ให฾
แนวทำงในกำรทํำงำนไว฾คือ เข฾ำใจ เข฾ำถึง และพัฒนำ โดยพระนักพัฒนำต฾อง
เข฾ำใจชำวบ฾ำนในชุมชน เข฾ำถึงวิถีชีวิต และพัฒนำชำวบ฾ำนในชุมชนให฾มีสัมมำ
อำชีพฉะน้ัน พระนักพัฒนำไม฽เพียงแต฽เข฾ำไปสั่งสอนอบรมสั่งสอนชำวบ฾ำนใน
ชมุ ชนเทำ฽ นั้น แต฽ยังไดเ฾ ข฾ำไปสงเครำะหแชำวบำ฾ นดว฾ ยวัตถุสิ่งของที่จํำเป็นไปต฽อกำร

-145-


Click to View FlipBook Version