7. ลักษณะพเิ ศษของสญั ญำประกันภยั
1. กำรเปิดเผยข้อควำมจรงิ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 865 บญั ญัติ
เก่ียวกับการเปิดเผยความจริงพอสรุปไดว้ ่า หากผู้เอาประกันภยั ไมเ่ ปดิ เผยความจรงิ ทง้ั หมด ด้วยเกรง
วา่ จะตอ้ งชาระค่าเบยี้ ประกันสูง หากความจริงปรากฏขน้ึ ภายหลงั จะมผี ลให้สัญญา นั้นเปน็ โมฆียะ ผทู้ ่มี ี
หนา้ ท่เี ปดิ เผยความจรงิ น้นั หากเปน็ การประกนั วนิ าศภยั หากเป็นการประกันชวี ติ ผเู้ ปิดเผยความจรงิ
คือ ผเู้ อาประกนั ชีวิต กรณที ่เี อา ชีวิตของผ้อู น่ื ไปทาประกนั นนั้ ผถู้ ูกเอาชีวติ ไปทาประกันจะต้องเป็นผู้
เปดิ เผยความจริง
กลบั
7. ลกั ษณะพเิ ศษของสัญญำประกนั ภยั
2. เวลำท่จี ะต้องเปิดเผยควำมจริง เวลาที่ผเู้ อาประกนั ภัยจะตอ้ งเปิดเผยความจริงเร่ิม
ตงั้ แต่ขัน้ ตอนของการเสนอ หรอื ยืน่ ใบคาขอเอาประกนั และตลอดมาจนถึงผูร้ ับประกันภัยออก กรมธรรม์
ประกันภัย จากนัน้ ก็จะหมดหนา้ ท่ีทีจ่ ะเปดิ เผยความจริง แม้ว่าภายหลงั จะมคี วามจริง บางอย่างปรากฏ
ขึ้นมาก็ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งเปิดเผยอีก
3. ผลของกำรไม่เปดิ เผยควำมจรงิ ผลท่เี กดิ ข้ึนหากผู้เอาประกนั ภยั ไมเ่ ปดิ เผยความจรงิ กค็ ือ
สัญญา ประกันภยั น้นั จะเปน็ โมฆียะ และมกี ารบอกลา้ งดังนี้
3.1 ผ้มู สี ทิ ธิบอกล้ำง ไดแ้ ก่ ผู้รบั ประกันภยั การบอกลา้ งจะต้องกระทาภายใน 1 เดอื น หลังจาก
ทราบความจรงิ หรือภายใน 5 ปนี บั แต่วันทาสัญญาน้นั
3.2 กำหนดเวลำ
กลบั
7. ลักษณะพิเศษของสญั ญำประกันภัย
3.3 ผ้ทู ี่จะรบั กำรบอกล้ำง ผเู้ อาประกันภยั หากผ้เู อาประกันภัยเสยี ชีวิตแล้ว ให้บอกลา้ งแก่
ผูร้ ับประโยชน์ ถา้ ผรู้ ับประโยชน์ยังเปน็ ผู้เยาวใ์ หบ้ อกลา้ งแกผ่ แู้ ทนโดยชอบธรรม ของผูร้ ับประโยชน์น้นั
3.4 ผลของกำรบอกลำ้ ง
- ในการประกนั วินาศภัยเมือ่ มกี ารบอกล้างผรู้ บั ประกันภยั จะต้องคืนค่าเบ้ียประกนั แก่ผ้เู อา
ประกนั ภยั และถา้ เกดิ ภัยข้นึ ผู้รับประกันภัยกไ็ มต่ ้องจา่ ยคา่ สนิ ไหมทดแทน
- ในการประกนั ชีวิต เมื่อมีการบอกล้างผู้รับประกันภยั จะตอ้ งคนื คา่ ไถ่ถอนกรมธรรมป์ ระกนั ภยั
ใหแ้ ก่ผเู้ อาประกันภยั หรอื ทายาทของผนู้ ้ัน โดยไมต่ อ้ งจา่ ยคืนคา่ เบ้ยี ประกันภัยเหมอื นกับการประกนั
วินาศภัย
4. ควำมรู้ของผู้รับประกันภัย หากผเู้ อาประกันภยั ไมเ่ ปิด เผยความจรงิ หรอื แถลงข้อความอัน
เปน็ เท็จ และผรู้ บั ประกันภัยมาทราบความภายหลงั จะสง่ ผลให้ สัญญาเปน็ โมฆียะได้ กลบั
8. ขอ้ แตกตำ่ งของสัญญำประกันภยั กบั สญั ญำอ่ืนๆ
สัญญำประกนั ภยั นนั้ จะมลี ักษณะ และสำระสำคัญต่ำงจำกสัญญำประเภทอ่นื ดังต่อไปน้ี
1. สญั ญำประกันภยั กบั กำรพนนั ขนั ตอ่ ตำ่ งกนั ดังน้ี
1.1 การพนนั นัน้ ผเู้ ลน่ การพนนั มีจดุ ประสงคท์ จี่ ะเสีย่ งโชคในเรื่องใดเรอื่ งหนึ่ง หรือ ในเหตกุ ารณ์
ท่ีอาจจะเกิดหรือไม่เกดิ ส่วนการประกันภยั ผู้เอาประกันภยั มีจดุ ประสงคจ์ ะหาทาง บรรเทาความเสยี หาย
ท่ีตนเองจะได้รบั หากเกิดเหตกุ ารณข์ ึน้
1.2 การพนันน้ันจะพนนั กันในเรอื่ งใดก็ได้ หากมผี ู้เลน่ ด้วย สว่ นสัญญาประกันภัย ผู้เอา
ประกนั ภัยจะทาไดก้ ต็ ่อเม่ือตนเองมสี ว่ นได้เสียในสิ่งน้ันเทา่ นัน้
1.3 การพนันผเู้ ลน่ จะเล่นวธิ ใี ดก็ได้ และจานวนเงนิ เท่าใดก็ได้ สว่ นการประกันภยั ผู้เอา
ประกันภัยจะทาสัญญาประกนั ภัยได้เพียงเพือ่ ความเสยี หายทแี่ ท้จริงหรอื ไม่เกินจานวนเงิน ท่ีเอาประกัน
เท่านั้น กลบั
8. ขอ้ แตกตำ่ งของสญั ญำประกนั ภัยกบั สัญญำอ่นื ๆ
สญั ญำประกันภยั นั้นจะมลี ักษณะ และสำระสำคญั ตำ่ งจำกสัญญำประเภทอ่ืน ดังต่อไปนี้
2. สัญญำประกนั ภัยกับกำรค้ำประกนั สัญญำประกนั ภยั กบั กำรคำ้ ประกันมลี กั ษณะท่ี
ใกล้เคยี งกนั คอื “กำรประกนั ลกู หนี้ไม่ใชห้ น”ี้ คือ
2.1 ในการประกันภัยผูร้ บั ประกันภัยจะตอ้ งเปน็ บริษทั ทไ่ี ดร้ บั อนญุ าตให้ประกอบ กจิ การ
ประกนั ภัยสว่ นการคา้ ประกันผู้คา้ ประกนั เปน็ ใครกไ็ ดท้ ี่เจา้ หน้ียอมรับ
2.2 การชาระหน้ีของการประกนั ภยั ใชห้ ลกั การชดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทน สว่ นในการ คา้ ประกนั
หากลูกหนไี้ มช่ าระหนี้ ผูค้ า้ ประกนั อาจมีข้อต่อรอง หรอื บอกปดั ใหเ้ จ้าหน้บี งั คบั เอาจาก ลกู หน้ีก่อน
กลบั
8. ข้อแตกตำ่ งของสัญญำประกนั ภยั กับสญั ญำอ่นื ๆ
สญั ญำประกันภยั น้นั จะมลี กั ษณะ และสำระสำคญั ต่ำงจำกสญั ญำประเภทอ่ืน ดงั ต่อไปนี้
3. สัญญำประกันภยั กับกำรเก็งกำไร หำกพจิ ำรณำแล้วกำรเก็งกำไรมีข้อแตกตำ่ งจำกสญั ญำ
ประกันภัย ดงั น้ี
3.1 การเกง็ กาไรเป็นการโอนความเสียหายไปยงั ผอู้ ื่น
3.2 ในการซอ้ื ขายสินคา้ การเปล่ยี นแปลงหรือการขน้ึ ลงของราคาสินคา้ เปน็ เรื่อง ธรรมดา
จึงไมถ่ อื วา่ เปน็ การเส่ยี งภยั
3.3 การทาสัญญาซ้ือขายเป็นเรอ่ื งของการซอ้ื ขายสนิ คา้ ไม่ใช่เร่ืองชดเชยความ เสยี หาย
กลบั
หนว่ ยท่ี 3
กำรประกนั วินำศภัย
กลบั
1. ควำมหมำยของกำรประกันวินำศภัย
ตามพระราชบญั ญตั ิการประกันวินาศภัย มาตรา 4 ไดใ้ ห้ความหมายของการประกันวินาศภยั ไว้วา่ หมายถึง
“ความเสยี หายอยา่ งใดๆ บรรดาท่ีจะพึงประมาณเปน็ เงนิ ได้ และหมายความรวม ถึงความสูญเสยี ในสทิ ธิ ผลประโยชน์
หรือรายได้ดว้ ย”
เมอื่ พจิ ารณาบทบัญญัติมาตรา 861 กับมาตรา 869 และพระราชบญั ญัติประกนั วินาศภยั มาตรา 4 แล้ว
กล่าวไดว้ า่ “สญั ญาประกนั ภัยเป็นสัญญาซง่ึ ผู้รับประกันภยั จะจา่ ยคา่ สนิ ไหม ทดแทนใหแ้ ก่ผู้เอาประกนั วินาศภัยเมือ่ มี
ความเสียหายใดๆ เกดิ ขึ้น ซงึ่ รวมถงึ ความสูญเสยี ในสทิ ธิ ผลประโยชนห์ รอื รายได้ ท่อี าจจะประมาณความเสียหายหรือ
ความสญู เปลา่ เหล่าน้ันเปน็ เงนิ ได้ โดยผเู้ อาประกันวนิ าศภัยตกลงจะสง่ คา่ เบยี้ ประกนั ใหแ้ กผ่ รู้ บั ประกนั ภยั เปน็ การตอบ
แทน" สัญญา ประกันภัยทที่ ากนั มาก ไดแ้ ก่ การประกนั อัคคภี ัย การประกนั ภยั ทางทะเล การประกนั ภัยขนส่ง การ
ประกนั อบุ ัติเหตตุ ่างๆ ฯลฯ
กลบั
2. หลกั เกณฑ์ทีใ่ ชใ้ นกำรประกันวินำศภัย
หลกั เกณฑท์ ี่ใช้ในการประกนั วินาศภยั ทุกแบบจะใช้หลกั เกณฑท์ ่เี หมือนกนั โดยแยกเป็น กลบั
หัวขอ้ ใหญ่ๆ ดงั น้ี
1. สทิ ธิของผรู้ ับประกันวนิ ำศภยั ผูร้ บั ประกันภยั เป็นผู้ยอมรบั เข้าเส่ยี งภยั แทนผ้เู อา
ประกันภยั ตามสัญญาประกันภยั มีสทิ ธิท่ีจะกระทาได้ พอสรุปดงั น้ี
1.1 สิทธิในการขอรับค่าเบีย้ ประกัน
1.2 สิทธิใหผ้ ู้เอาประกันภยั หรอื ผรู้ บั ประโยชนใ์ ชค้ ่าสินไหมทดแทน
1.3 สทิ ธิในการรบั ชว่ งสทิ ธขิ องผเู้ อาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ เมื่อเกิดภัย
1.4 สทิ ธิเรยี กใหผ้ ู้เอาประกนั ภัยหาประกัน
1.5 สทิ ธเิ กี่ยวกับซากทรพั ย์
2. หลกั เกณฑท์ ี่ใชใ้ นกำรประกนั วินำศภัย
1.6 สิทธิบอกเลิกสัญญาประกันวนิ าศภัย สิทธกิ ารบอกเลิกสญั ญาประกันวินาศภัย
จาแนกได้ 2 ประการ ได้แก่
- สทิ ธิตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ เปน็ การบอกเลกิ เมือ่ ผูเ้ อา
ประกนั ภยั ตอ้ งคาพพิ ากษาให้เป็นบคุ คลล้มละลาย (กรณีท่ีผเู้ อาประกันภัย ส่งเบย้ี ประกนั ไปแล้ว
เต็มจานวน ผรู้ ับประกนั ภยั จะบอกเลกิ สัญญาก่อนท่ี ระยะเวลานัน้ สิน้ สดุ ลงไมไ่ ด้)
- สิทธิท่ีกาหนดอยูใ่ นสัญญาประกันวินาศภัย เปน็ การบอกเลกิ สญั ญาในกรณี
ที่เปน็ ไปตามกฎเกณฑแ์ ละวิธกี ารท่รี ะบุไวใ้ นกรมธรรมป์ ระกนั ภัย ทั้งน้จี ะ ต้องกลา่ วใหผ้ เู้ อา
ประกันภัยทราบล่วงหนา้
กลบั
2. หลักเกณฑท์ ่ีใช้ในกำรประกนั วินำศภัย
2. หนำ้ ที่และควำมรบั ผิดชอบของผูร้ ับประกนั ภัย ตามสญั ญาประกนั วินาศภัย ผู้รบั ประกันภยั มี
หนา้ ท่แี ละความรับผิดชอบ ดังตอ่ ไปน้ี
2.1 หน้าที่ใชค้ ่าสนิ ไหมทดแทน
วธิ ีการจ่ายค่าสนิ ไหมทดแทน ในวิธกี ารจ่ายคา่ สินไหมทดแทนน้ัน ใหจ้ ่ายตามที่ เสียหายจริง แตไ่ มเ่ กินวงเงนิ
ท่เี อาประกัน การจ่ายคา่ สินไหมทดแทนน้นั นอกจากจะจา่ ยใหก้ ับความเสยี หายโดยตรงแลว้ ยงั ตอ้ งจ่ายค่า
สนิ ไหมทดแทนในกรณดี ังต่อไปน้ดี ว้ ย
- ค่าสนิ ไหมทดแทนเพอ่ื ความบบุ สลายอันเกดิ แก่ทรัพย์สินนั้น
- คา่ สินไหมทดแทนสาหรับคา่ ใชจ้ า่ ยในการรกั ษาทรพั ยส์ ินไวไ้ ม่ใหว้ นิ าศ กรณีท่ีผูเ้ อาประกนั ภัยทา
สัญญาประกันภัยไวห้ ลายรายในวัตถุเดยี วกนั หรือทเ่ี รียกว่า “การประกันภัยซอ้ น” ไดว้ างหลักปฏิบตั ไิ วด้ ังนี้
(ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 870 และมาตรา 871) กลบั
2. หลักเกณฑ์ที่ใชใ้ นกำรประกันวนิ ำศภัย
1. หากเปน็ วัตถุสง่ิ เดยี วกนั ถอื เปน็ การประกนั ภยั ซอ้ น
2. การประกนั ภัยซ้อนน้ันเกิดข้นึ หากผู้เอาประกนั ภัยเปน็ บคุ คลคนเดียวกันถือเปน็
การประกันภยั ซอ้ น หากผเู้ อาประกนั ภยั เป็นคนละคนกันแมจ้ ะเป็นวัตถเุ ดียวกนั กไ็ มจ่ ัดเปน็ การ ประกนั ภยั ซ้อน
3. ในการประกันภัยซ้อนนน้ั เหตแุ หง่ ความเสยี หายเดียวกนั เชน่ นาง สุภาภรณน์ าบ้านไป
ทาประกนั อคั คภี ยั ไว้กับบริษทั หนึง่ และนาทรพั ย์สินเดียวกนั นไ้ี ปทาประกัน โจรกรรมไว้กับอกี บรษิ ทั หนง่ึ ไม่ถอื เป็น
การประกันภัยซอ้ น เพราะเปน็ การประกันภัยคนละเรอื่ งกนั
4. การประกนั ภัยไวก้ บั ผูร้ บั ประกนั ภัยเพยี งรายเดยี วแมจ้ ะเอาประกันเกนิ มูลคา่ ของทรัพยส์ ิน กไ็ มถ่ อื ว่า
เปน็ การประกนั ภัยซ้อน ซ่งึ จะต่างจากการนาทรพั ย์สินเดียวกนั ไป ประกันภัยกับหลายบริษัทจะถอื เป็นการ
ประกันภัยซ้อน
5. หากมีสัญญาประกนั ภัยเพยี งรายเดียวทีอ่ ยใู่ นระหว่างอายสุ ญั ญา สว่ นสญั ญา ประกนั ภัย
อ่ืนยังไมถ่ ึงเวลาเริ่มตน้ หรอื พน้ เวลาสิน้ สดุ ไปแลว้ เชน่ นีไ้ มถ่ ือเปน็ สัญญาประกันภัยซอ้ น กลบั
2. หลักเกณฑท์ ่ีใช้ในกำรประกนั วินำศภัย
ผลบังคับของกำรทำสญั ญำประกนั ภัยซ้อน ใหถ้ ือปฏบิ ัตติ ามมาตรา 871 ดังนี้
1. ถำ้ ไดเ้ อำประกนั ภยั ไวพ้ รอ้ มกัน หรือในวันเดยี วกนั ผูร้ ับประกันแต่ละรายต้องร่วมกนั ชดใชค้ า่ เสยี หาย
ตามสว่ นความรบั ผดิ ทร่ี ับประกันไว้ เชน่ นายสมชาย นาบา้ นไปทาประกนั อคั คีภยั ไว้กบั บริษทั ก จานวน 100,000
บาท บริษทั ข จานวน 200,000 บาท บรษิ ทั ค จานวน 300,000 บาท รวมเป็นเงนิ ประกันภยั ท้ังส้นิ 600,000 บาท
เม่อื เกดิ ไฟไหม้เสยี หาย 300,000 บาท บริษัทผรู้ ับประกนั ภยั จะตอ้ งชดใช้คา่ เสยี หาย ดังนี้
บรษิ ัท ก ตอ้ งชดใช้ 300,000x100,000 = 50,000 บำท
600,000
บริษัท ข ตอ้ งชดใช้ 300,000x200,000 = 100,000 บำท
600,000
บริษทั ค ตอ้ งชดใช้ 300,000x300,000 = 150,000 บำท
600,000 กลบั
2. หลักเกณฑท์ ่ใี ช้ในกำรประกนั วนิ ำศภัย
ผลบังคับของกำรทำสัญญำประกนั ภัยซอ้ น ให้ถอื ปฏบิ ตั ิตามมาตรา 871 ดงั นี้
2. ถำ้ ได้ประกันภยั ไวต้ ำ่ งวันกนั ใหล้ าดบั การจ่ายคา่ สินไหมทดแทนตามลาดับการทา ประกนั ภยั ตาม
จานวนเงินท่รี บั ประกนั ภยั ไว้ เชน่ นายสมชาย นาบา้ นไปทาประกันอัคคภี ยั ไว้กับ บรษิ ัท ก จานวน 100,000 บาท
บรษิ ทั ข จานวน 200,000 บาท บรษิ ทั ค จานวน 300,000 บาท รวมเป็นเงินประกันภยั ท้งั สนิ้ 600,000 บาท โดย
วนั ท่ีทาประกนั ภยั นน้ั ได้ทากับบริษัท ก กอ่ น จากน้ันจึงทากบั บริษัท ข และบรษิ ัท ค ตามลาดบั เมือ่ เกดิ ไฟไหม้
เสียหาย 300,000 บาท บริษทั ผู้รับประกนั ภยั ตอ้ งจา่ ยคา่ สนิ ไหมทดแทน ดังนี้ บรษิ ทั ก ชดใช้ 100,000 บาท บริษทั
ข ชดใช้ 200,000 บาท รวมเปน็ 300,000 บาท เทา่ กับจานวนความเสยี หาย ดังนั้น บริษัท ค ไมต่ อ้ ง ชดใช้เนื่องจากผู้
เอาประกนั ภยั ไดร้ บั การชดใชต้ ามจานวนทเ่ี สยี หายจรงิ แลว้
กลบั
2. หลักเกณฑ์ที่ใชใ้ นกำรประกันวินำศภัย
กำรขอลดคำ่ สนิ ไหมทดแทน ผู้รบั ประกนั ภัยมสี ทิ ธทิ ่จี ะขอลดคา่ สินไหมทดแทนเมือ่ สามารถ
พสิ จู น์ไดว้ ่าราคาแหง่ มูลประกนั ภัยนน้ั สงู มากเกนิ ไป แต่ทัง้ นี้ผู้รับประกนั ภยั ก็จะต้องคนื คา่ เบยี้ ประกัน
ใหแ้ ก่ผู้เอาประกนั ภัยตามสว่ นของจานวนคา่ สนิ ไหมทดแทนทีจ่ ะขอลด ในการ คืนค่าเบี้ยประกันนี้
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 บังคับใหค้ ดิ ดอกเบ้ียรอ้ ยละ 7.5 ต่อปี ให้แกผ่ ้เู อาประกันภยั ดว้ ย
ขอยกเวน้ ในการชดใช้คา่ สินไหมทดแทน บางกรณที ี่ผูร้ บั ประกนั ภัยไม่ตอ้ งชดใชค้ ่า สนิ ไหม
ทดแทน ซง่ึ แยกเป็น 2 กรณี คือ
- ภยั ที่เกิดข้ึนนนั้ เกดิ เพราะความประมาทเลนิ เลอ่ อยา่ งร้ายแรงของผูเ้ อา ประกันภัย
หรอื ผู้รับประโยชน์
- ภยั ท่เี กิดข้ึนนน้ั เกิดจากความไมส่ มประกอบในเนอ้ื แหง่ วัตถทุ เ่ี อาประกันภัย
กลบั
2. หลกั เกณฑท์ ี่ใช้ในกำรประกนั วนิ ำศภัย
2.2 หน้าท่สี ง่ มอบกรมธรรมป์ ระกันภัย
2.3 หนา้ ทค่ี ืนคา่ เบีย้ ประกนั การคนื ค่าเบยี้ ประกนั ของผรู้ ับประกนั ภัย แบง่ ออก ดังน้ี
- ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยใ์ ห้คืนไดใ้ นกรณีดงั นี้
1. การเลกิ สัญญาทว่ั ๆ ไป
2. ผเู้ อาประกนั ภัยขอเลกิ สญั ญาตามมาตรา 872
3. ผ้เู อาประกันภัยขอลดจานวนเงนิ ทเ่ี อาประกนั ภยั ตามมาตรา 873
4. ผู้รับประกนั ภยั ขอลดคา่ สนิ ไหมทดแทนตามมาตรา 874
- ตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย 2510 บญั ญัตไิ วใ้ นมาตรา 21 วรรค 4 ให้ผรู้ บั ประกนั ภยั คืนประกนั ภยั
ขอเลกิ สญั ญาเพราะมกี ารกาหนด จานวนเงนิ ทเี่ อาประกันภยั ไว้สงู กว่าราคาทรพั ยส์ นิ มาก จนถงึ กบั ทาง ราชการมีคาส่งั
ใหล้ ดจานวนคา่ เบยี้ ประกนั
กลบั
2. หลกั เกณฑ์ที่ใชใ้ นกำรประกันวินำศภัย
- ตามทร่ี ะบุไวใ้ นกรมธรรม์ประกนั ภัยรถยนต์ ฉบับมาตรฐานได้กาหนดการ
คนื เบี้ยประกันไว้ 2 กรณี คอื
1. ค่สู ัญญาฝา่ ยใดฝา่ ยหนึง่ ขอบอกเลิกสัญญา
2. ระหวา่ งเวลาทเ่ี อาประกันภัยได้มีการเรยี กร้องค่าเสียหายเกิดขน้ึ
2.4 หนา้ ที่ออกค่าใช้จ่ายในการตีราคาทรพั ย์ ประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มาตรา 878 ทีบ่ ญั ญตั ิไว้วา่
“ค่ำใช้จ่ำยในกำรตรี ำคำวนิ ำศภยั นัน้ ผรู้ ับประกนั ภยั ตอ้ ง เปน็ ผู้ออก”
กลบั
3. สทิ ธิของผู้เอำประกันวนิ ำศภัย
ผเู้ อำประกันวนิ ำศภยั เป็นผทู้ นี่ ำทรัพยส์ นิ มำทำประกันมีสิทธิ ดังตอ่ ไปน้ี
3.1 สิทธิเรยี กใหผ้ ูร้ ับประกันภัยใช้ค่าสนิ ไหมทดแทน
3.2 สทิ ธขิ อลดเบย้ี ประกันภัย
- สทิ ธิขอลดเบีย้ ประกนั ตามมาตรา 864 หมายถึงกรณีทใี่ นการตกลงสญั ญา คกู่ รณีได้ยกเอาภยั
บางอยา่ งขนึ้ มาเป็นหลกั ในการกาหนดค่าเบีย้ ประกัน ต่อมาความเสย่ี งภยั นั้นได้หมดไปแต่ยงั คงอยู่ในอายขุ องสัญญา ผู้
เอาประกันภยั มสี ิทธิท่ีจะขอลดค่าเบย้ี ประกนั ได้
- สทิ ธิขอลดเบี้ยประกันตามมาตรา 873 เป็นการขอลดเบ้ยี ประกนั ปรากฏว่าราคาของทรพั ยท์ เ่ี อา
ประกันนัน้ ลดลงไปมากถงึ ขนาดวา่ ทรัพยส์ นิ นน้ั ได้รบั ความเสียหายโดยส้นิ เชงิ ผูเ้ อาประกนั ไมอ่ าจคดิ ค่าเสียหายสูง
เหมือนกบั ตอนทท่ี าสัญญาใหม่ ๆ
3.3 สิทธิขอลดจานวนเงินซึ่งเอาประกนั ภัย
3.4 สทิ ธิเรียกใหผ้ ้รู ับประกันภัยหาหลักประกัน เมื่อผ้รู บั ประกันภัยตอ้ ง คาพิพากษาให้เปน็ บุคคลลม้ ละลาย กลบั
3. สทิ ธขิ องผู้เอำประกันวนิ ำศภยั
3.5 สทิ ธิบอกเลิกสญั ญาประกนั วินาศภยั สทิ ธิการบอกเลกิ สญั ญาประกนั ภัยนน้ั มี 3 ประการ ดงั นี้
1. สิทธบิ อกเลกิ สัญญาตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์
- มาตรา 782 บญั ญัตวิ า่ ผเู้ อาประกันภยั สามารถบอกเลกิ สัญญาใดตราบใดท่ียงั ไม่ถงึ กาหนดเวลา
เรมิ่ ตน้ ของสญั ญา
- มาตรา 786 บัญญัตวิ ่าผเู้ อาประกันภัยสามารถบอกเลกิ สญั ญา เมอื่ ศาลพิพากษาใหผ้ ูร้ ับ
ประกันภยั เปน็ บุคคลลม้ ละลาย
2. สทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญาตามพระราชบญั ญตั ิประกนั ภยั พ.ศ. 2510
- มาตรา 21 วรรค 4 บญั ญตั ิวา่ ผูเ้ อาประกนั ภยั สามารถบอกเลกิ สัญญา ไดเ้ มื่อผ้รู บั ประกนั ภัยออก
กรมธรรม์ประกันภยั โดยใชแ้ บบหรอื ข้อความ ท่นี ายทะเบยี นยงั มไิ ด้ใหค้ วามเหน็ ชอบ
กลบั
3. สิทธขิ องผูเ้ อำประกนั วนิ ำศภยั
- มาตรา 30 (1) เม่อื อธิบดกี รมทะเบยี นการคา้ มคี าสงั่ ใหล้ ดจานวนเงนิ ซงึ่ เอา
ประกนั ภยั หรอื ลดทุนประกนั ภยั ลง หลังจากท่ีตรวจพบว่าราคา ทรัพยส์ ินท่เี อาประกนั ภัยมีมูลคา่ น้อย
กว่าจานวนเงินซึ่งเอาประกนั มาก กฎหมายเปิดโอกาสใหผ้ ู้เอาประกนั ภัยตัดสินใจว่าจะบอกเลิกสัญญา
หรอื จะทาประกนั ภัยต่อไป
3. สทิ ธิบอกเลิกสัญญาตามท่รี ะบุไวใ้ นกรมธรรม์ประกันภยั
กลบั
4. หนำ้ ท่แี ละควำมรับผิดชอบของผเู้ อำประกันภยั
ผู้เอำประกนั ภัยมีหน้ำที่และควำมรับผดิ ชอบ ดังตอ่ ไปน้ี
4.1 หนา้ ที่ชาระเบยี้ ประกนั ภยั
4.2 หนา้ ทบ่ี อกกลา่ วผูร้ บั ประกนั ภัยเม่ือเกิดวินาศภัย
4.3 หนา้ ทปี่ ฏิบตั ิตามเงื่อนไขในสัญญา
กลบั
5. สทิ ธิและควำมรบั ผดิ ในสว่ นทีเ่ ก่ียวกับกำรโอนวตั ถุท่ีเอำประกนั ภยั
และกำรโอน กรมธรรม์ประกนั ภัย
เกย่ี วกับกำรโอนวัตถุที่เอำประกนั ภยั และกำรโอนกรมธรรมป์ ระกันภยั มี รายละเอยี ดดงั นี้
5.1 การโอนวตั ถทุ ่เี อาประกัน กฎหมายไดบ้ ัญญัติเก่ียวกับการโอนวตั ถุที่เอาประกัน
ไว้ดงั นี้
- เมื่อผูเ้ อาประกนั ภยั ไดท้ าพนิ ัยกรรมยกวตั ถทุ เ่ี อาประกันใหแ้ กผ่ ู้ใด ผนู้ น้ั สามารถเข้ารับสิทธิ
ตามสัญญาประกันภยั ของผทู้ าพนิ ยั กรรมทกุ ประการ การโอนเช่นนี้จดั เป็นการโอนทางพินัยกรรม
- หากผูเ้ อาประกันภัยต้องการโอนวัตถุท่ีเอาประกันใหแ้ ก่ผใู้ ด ต้องแจ้งใหผ้ ้รู ับ
ประกนั ภัยทราบอาจดว้ ยวาจาหรอื ลายลักษณ์อกั ษรตามแตผ่ เู้ อาประกันภัยจะเลอื กปฏบิ ตั ิ ซึ่งการโอน
เชน่ น้จี ัดเปน็ การโอนทางนิตกิ รรม
กลบั
5. สิทธิและควำมรับผดิ ในสว่ นท่เี กย่ี วกบั กำรโอนวัตถุท่ีเอำประกันภยั
และกำรโอน กรมธรรมป์ ระกนั ภัย
5.2 การโอนกรมธรรม์ประกนั ภยั การโอนกรมธรรมป์ ระกันภยั หมายถงึ การเปลย่ี น
ตัวผ้รู ับประกนั ภัยคนเดมิ มาเปน็ ผู้รับประกันภัยคนใหม่ ผ้รู บั ประกันภยั คนใหมจ่ ะต้องเขา้ รับชว่ ง ความ
รับผิดตอ่ ผ้เู อาประกนั ภัยตามสัญญาประกันภัยทม่ี ีอยู่เดิม
กลบั
6. สิทธแิ ละควำมรบั ผิดของผู้รับประโยชน์
ผรู้ บั ประโยชน์ หมายถงึ บคุ คลผู้จะพงึ ได้ รบั ค่าสินไหมทดแทนหรอื รบั จานวนเงนิ ทผ่ี ้รู บั ประกนั ภยั ใชใ้ หส้ าหรบั
สทิ ธิและความรับผดิ ของผู้รบั ประโยชน์มีดงั น้ี
6.1 สทิ ธิของผรู้ บั ประโยชน์ สิทธขิ องผู้รบั ประโยชน์นน้ั มีอยูป่ ระการเดยี วคอื การ ไดร้ ับคา่ สนิ ไหม
ทดแทนจากผรู้ ับประกนั ภัยเมือ่ เกดิ ภยั ข้ึน การใช้สิทธขิ องผรู้ บั ประโยชน์จะต้อง ปฏบิ ตั ติ ามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 374 ได้แก่
- ต้องแสดงเจตนาไปยงั ผรู้ บั ประกันภยั วา่ ตนจะถือเอาประโยชนจ์ ากสัญญา ประกันภัย
- เรยี กรอ้ งค่าสินไหมทดแทน โดยการเรยี กรอ้ งคา่ สินไหมทดแทนนีจ้ ะกระทาไปพรอ้ มกบั การ
แสดงเจตนาตามที่กลา่ วข้างต้น
6.2 ความรับผดิ ของผูร้ บั ประโยชน์ ความรบั ผิดหรือหนา้ ที่ทีผ่ รู้ ับประโยชนจ์ ะต้องกระทาคอื จะตอ้ ง
บอกกลา่ ววนิ าศภยั แกผ่ ้รู ับประกันภยั กลบั
7. อำยุควำม
สทิ ธเิ รยี กรอ้ งทีม่ อี ำยุควำม 2 ปี มีดังตอ่ ไปนี้
- การเรยี กรอ้ งขอค่าสนิ ไหมทดแทนของผู้เอาประกันภัย (นบั แต่วนั เกดิ วินาศภัย)
- การเรียกรอ้ งของผรู้ บั ประกันภัยให้ผ้เู อาประกันภัยจา่ ยคา่ เบยี้ ประกัน
( โดยเริ่มนับ ตงั้ แตว่ ันทถี่ ึงกาหนดชาระ )
- การเรยี กคืนคา่ เบ้ยี ประกันของผูเ้ อาประกนั ภยั ซ่งึ อาจเน่อื งดว้ ยสาเหตตุ ่าง ๆ เช่น สญั ญา
เป็นโมฆะ มกี ารบอกเลิกสัญญา เป็นต้น
กลบั
8. กำรประกนั ค้ำจุน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 887 วรรคแรก บัญญตั ิไวว้ ่า “การ
ประกนั ภยั ค้าจุน คือสญั ญาประกนั ภยั ซึ่งผู้รับประกันภยั ตกลงวา่ จะใช้คา่ สนิ ไหมทดแทนในนาม
ของผูเ้ อาประกนั ภัยเพ่อื ความวนิ าศภยั อนั เกดิ ข้นึ แก่บคุ คลอีกคนหนึง่ และซึง่ ผู้เอาประกนั ภยั จะ
ตอ้ งรับผิดชอบ” จงึ อาจกลา่ วได้ว่า ประกันภัยค้าาจนุ เปน็ การประกนั วนิ าศภัยอยา่ งหน่ึงที่มิไดม้ ี
วตั ถุ ในการประกันภัยเป็นทรพั ยส์ นิ เท่านนั้ แตเ่ ป็นการประกันความรบั ผิดที่ผเู้ อาประกนั ภัย
จะตอ้ ง รบั ผดิ ชอบด้วย
กลบั
9. กำรประกันภัยรับขน
การประกันภัยรับขน เป็นสญั ญาประกันภัยท่ีผรู้ ับประกนั ภัยใหค้ วามคมุ้ ครองวนิ าศ
ภยั ทกุ อย่างที่จะเกิดข้นึ แกข่ องทข่ี นสง่ ต้ังแตผ่ ู้ขนส่งไดร้ บั ของไปจนของนน้ั ถึงมอื ผ้รู บั ตราส่ง
(ผ้รู ับของ) โดยจานวนคา่ สนิ ไหมทดแทนนนั้ ใหก้ าหนดตามราคาของท่ขี นส่ง ณ ตาบล
ปลายทาง
กลบั
10. กำรประกนั ภัยต่อ
การประกันภัยตอ่ เป็นการประกนั ภัยความรบั ผดิ ของผรู้ บั ประกันภยั คนแรก ที่มกี ารโอน สว่ นหนง่ึ
หรือทงั้ หมดของการประกนั ภัยนั้นใหบ้ ริษัทอน่ื บรษิ ทั ที่โอนการเสีย่ งให้ บรษิ ัทอน่ื เรยี กว่า “บรษิ ัทผู้เอา
ประกนั ภยั ต่อ (Ceding Company)” ส่วนบรษิ ทั ทย่ี อมรบั โอนการ เส่ยี งภยั ไว้ เรียกวา่ “บริษัทผู้รับประกนั ภัย
ตอ่ (Reinsurer)”
วัตถุประสงค์ของกำรประกันภยั ต่อ
1. ช่วยใหบ้ ริษทั กระจายการเส่ียงภัยเพิ่มขึ้นและสามารถรบั ประกนั ภัยรายใหญๆ่ ได้
2. ช่วยใหค้ วามค้มุ ครองแก่ผู้ถือกรมธรรม์มากขึน้
3. ชว่ ยในการปรับปรุงจานวนเบย้ี ประกัน
4. ชว่ ยให้เกิดการแลกเปลยี่ นธุรกิจระหวา่ งบรษิ ทั รบั ประกนั ภยั
5. ช่วยในการจดั สรรเงินสารองสาหรบั เบ้ียประกนั ภยั ทย่ี ังไมถ่ อื เปน็ รายได้ กลบั
หน่วยใบท่ี 4
ประเภทของกำรประกนั วนิ ำศภยั
กลบั
1. กำรประกันอคั คีภยั
การประกันอัคคภี ัยเปน็ การประกนั วนิ าศภัยอย่างหน่ึงท่ีมีความแตกต่างไปจากการประกัน วนิ าศภัยทวั่ ไป
ในบางเรอื่ ง
กรมธรรมป์ ระกนั อคั คภี ัย ถอ้ ยคาและคาบรรยายในกรมธรรม์ประกันอคั คีภัยมคี าจากัดความดงั ต่อไปน้ี
1. กรมธรรมป์ ระกนั ภยั หมายความถึง ใบคาขอเอาประกันภยั ตารางกรมอ 3 เงื่อนไข ขอ้ ยกเวน้
ขอ้ กาหนด เอกสารแนบทา้ ย ข้อระบบพิเศษ ขอ้ รบั รอง และใบสลกั หลงั กรมธรรม์ ประกันภัย ซึง่ ถือเปน็ ส่วนหน่งึ แหง่
สญั ญาประกันภัยเดยี วกัน
2. บรษิ ัท หมายความถึง ผู้รบั ประกนั ภัยตามกรมธรรม์ประกันภยั ฉบับนี้
3. ผู้เอำประกันภยั หมายความถงึ บคุ คลหรอื นิตบิ คุ คล ตามทปี่ รากฏชอ่ื เป็นผเู้ อา ประกนั ภัยในหน้าตาราง
กรมธรรม์ ซ่ึงตกลงจะชาระเบ้ียประกันภยั ใหแ้ กบ่ ริษทั
4. ควำมเสยี หำย หมายความถึง การสูญเสยี หรอื เสยี หายไมว่ ่าทัง้ หมดหรือบางสว่ น อันเกิดจากภัยทไี่ ด้รับ
ความค้มุ ครองท่ีเกิดขน้ึ แก่ทรพั ยส์ นิ ทีเ่ อาประกนั ภยั ภายใตก้ รมธรรม์ ประกนั ภยั ฉบบั น้ี
กลบั
1. กำรประกนั อคั คภี ัย
5. ควำมเสยี หำยสบื เนอ่ื ง หมายความถึง ความเสยี หายทางการเงินซ่งึ เป็นผลสบื เนือ่ ง และนอกเหนอื จาก
ความเสยี หายทางวตั ถุอนั เกิดจากภัยทีเ่ อาประกันภัยไว้
6. อคั คภี ัย หมายความถึง ไฟไหม้ หรอื ฟา้ ผา่ หรือการระเบดิ ของแก๊สเฉพาะทไี่ ด้ กาหนดไวว้ า่ ได้รบั ความ
คุ้มครองตามกรมธรรมป์ ระกนั ภัยฉบบั นี้
กลบั
1. กำรประกนั อคั คีภัย
ควำมคุ้มครองตำมกรมธรรม์ประกนั อัคคีภัย ทรพั ยส์ นิ ท่เี อำประกนั ภยั ไว้ไดร้ บั ควำมเสียหำย เน่ืองจำก
1. ไฟไหม้ แตไ่ ม่รวมถงึ ควำมเสยี หำย
1. จากแรงระเบดิ อันเป็นผลมาจากไฟไหม้ เวน้ แตแ่ รงระเบิดของแกส๊ ทีใ่ ช้สาหรับทาแสงสว่าง
หรอื ประโยชนเ์ พือ่ การอยอู่ าศัย
2. จากโดยตรงหรอื โดยออ้ มจากแผน่ ดนิ ไหว
3. ตอ่ ทรัพยส์ ินที่เอาประกันอนั เกดิ จากการบดู เน่าหรอื การระอุตามธรรมชาติหรอื การลกุ ไหม้ข้ึน
เองเฉพาะท่ีเกิดจากตัวทรพั ยส์ นิ นั้นเองเทา่ น้ัน หรอื การทที่ รัพย์สินนนั้ อยู่ ในระหวา่ งกรรมวิธีใดๆ ซงึ่ ใชค้ วามรอ้ นหรอื
การทาให้แห้ง
กลบั
1. กำรประกันอคั คีภยั
ควำมคมุ้ ครองตำมกรมธรรมป์ ระกันอัคคีภัย ทรัพย์สนิ ทเ่ี อำประกนั ภัยไว้ได้รับควำมเสยี หำย เน่อื งจำก
1. ไฟไหม้ แต่ไม่รวมถึงควำมเสยี หำย
1.1 จากแรงระเบิด อนั เป็นผลมาจากไฟไหม้ เวน้ แต่แรงระเบดิ ของแก๊สทใ่ี ช้สาหรับทาแสงสว่างหรอื
ประโยชน์เพอ่ื การอยอู่ าศัย
1.2 จากโดยตรงหรอื โดยออ้ มจากแผ่นดินไหว
1.3 ตอ่ ทรัพย์สนิ ที่เอาประกันอันเกดิ จากการบดู เนา่ หรือการระอุตามธรรมชาติหรอื การลุกไหมข้ น้ึ เอง
เฉพาะท่ีเกิดจากตวั ทรพั ย์สินน้นั เองเทา่ นนั้ หรือการทท่ี รพั ยส์ นิ นั้นอยู่ ในระหว่างกรรมวธิ ใี ดๆ ซึ่งใชค้ วามรอ้ นหรอื การทา
ให้แหง้
2. ฟำ้ ผำ่
3. แรงระเบดิ ของแก๊สทีใ่ ช้สำหรบั ทำแสงสว่ำงหรือประโยชนเ์ พ่อื กำรอยู่อำศยั เทำ่ น้นั แต่ ไม่รวมถงึ ควำม
เสยี หำยจำกกำรระเบดิ ของแกส๊ จำกแผ่นดินไหว
4. ควำมเสยี หำยเนอ่ื งจำกภยั เพ่มิ พเิ ศษที่ไดร้ ะบุไวช้ ัดเจนในกรมธรรมป์ ระกันภยั กลบั
1. กำรประกนั อคั คภี ยั
ควำมรับผิดชอบของบริษทั ภำยใต้กรมธรรมฉ์ บบั นจ้ี ะไม่เกิน
1. จานวนเงินท่ีเอาประกนั ภยั ไว้ทั้งหมด หรือจานวนเงินทเ่ี อาประกนั ไวต้ ามรายการแตล่ ะ รายการในขณะที่
เกดิ ความเสียหาย
2. จานวนเงินเอาประกันภยั ท่คี งเหลอื อยภู่ ายหลังจากหกั มลู ค่าความเสยี หายทเ่ี กดิ ขน้ึ ในระหว่างระยะเวลาที่
เอาประกนั ภัยเดียวกนั
ภัยที่ไมไ่ ดร้ ับควำมคุม้ ครอง กรมธรรม์ประกันอัคคีภยั จะไม่คมุ้ ครองภยั ดังตอ่ ไปนี้
1. ความเสยี หายซงึ่ เกดิ จากสงคราม การรุกราน การกระทาทม่ี งุ่ ร้ายของศตั รูตา่ งชาติ หรือการกระทาท่ีมุ่งรา้ ย
คล้ายสงคราม ไมว่ ่าจะมีการประกาศสงครามหรือไม่ก็ตาม หรอื สงคราม กลางเมอื ง การแขง็ ข้อ การกบฏ การจลาจล
การนดั หยดุ งาน การกอ่ ความว่นุ วาย การกระทาของ ผกู้ ่อการรา้ ย การปฏวิ ตั ิ การรฐั ประหาร การประกาศกฎอยั การศึก
หรือเหตกุ ารณใ์ ดๆ ซึง่ จะเป็น เหตใุ หม้ กี ารประกาศหรือคงไวซ้ ง่ึ กฎอยั การศกึ
กลบั
1. กำรประกันอคั คภี ยั
2. ความเสยี หายท่ีเป็นผลโดยตรง หรือโดยออ้ มจากสาเหตุดังนี้
3. การแผร่ ังสี หรือการแพร่กมั มนั ตรังสีจากเชอ้ื เพลิง นวิ เคลยี รห์ รอื จากการนวิ เคลยี รเ์ ด อนั เนื่องมาจากการ
เผาไหมข้ องเชอื้ เพลงิ นิวเคลยี ร์
4. การระเบิดของกัมมันตรงั สี หรอื ส่วนประกอบของนวิ เคลียรห์ รอื ทรพั ย์อันตรายอน” อาจเกิดจากการระเบดิ
ในกระบวนการนวิ เคลยี ร์ได้
5. ความเสียหายตอ่ ทรพั ยส์ ินซง่ึ เกดิ ข้ึนในขณะทผ่ี เู้ อาประกันสามารถเรยี กร้องค่าเสยี หายหรือมสี ทิ ธไิ ด้รับการ
ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันทางทะเล
6. ทรพั ย์สินต่อไป เว้นแต่จะไดร้ ะบุไว้โดยชดั แจง้ เปน็ อย่างอนื่ ในกรมธรรม์ประกันภยั ฉบับน้ี
7. สนิ ค้าที่อยใู่ นการดูแลรักษาของผเู้ อาประกนั ในฐานะผ้รู ับฝากทรัพย์
8. เงนิ แท่งหรอื เงนิ รู้ประพรรณ หรอื ทองคาแทง่ หรือทองรปู้ ระพรรณ หรืออญั มณี
9. โบราณวตั ถหุ รอื สาเนาเอกสาร แบบแปลน แผนผงั ภาพเขยี น รูปออกแบบ ลวดลายแบบหรือแบบแมพ่ ิมพ์
หรือแม่พมิ พ์
กลบั
1. กำรประกันอคั คภี ยั
11. หลกั ประกันหนส้ี ิน หลกั ทรพั ย์ เอกสารสาคัญต่างๆ ไปรษณียากร อากรแสตมป์ เงินตรา ธนบตั ร เช็ค สมดุ
บัญชี หรอื สมุดหนังสือเก่ยี วกบั ธรุ กิจใดๆ
12. วตั ถรุ ะเบดิ
13. ไดนาโม หม้อแปลงไฟฟา้ เครือ่ งกาเนดิ ไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้า แผงควบคุมไฟฟ้า อปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ หรือ
เคร่อื งใช้ไฟฟา้ อืน่ ๆ ซ่ึงไดร้ ับความเสยี หายเน่ืองจากหรอื เพราะการ เดินเครอ่ื งเกนิ กาลัง หรือการได้รบั กระแสไฟฟ้าเกนิ
กาลงั หรือไฟฟ้าลดั วงจร รวมถึงไฟฟา้ ลัดวงจร จากฟ้าผา่ เฉพาะเคร่ืองทเ่ี กดิ การเสียหายในกรณดี งั กลา่ ว
14. ความเสยี หายต่อเนือ่ งใดๆ ทกุ ชนดิ เวน้ แตก่ ารสูญเสยี รายไดจ้ ากคา่ เชา่ ท่ีได้ระบไุ วใ้ นกรมธรรมป์ ระกันภัย
ฉบบั นวี้ า่ ได้รบั ความคุ้มครอง
15. ความเสียหายจากการเผาทรัพยส์ นิ โดยคาสั่งเจา้ หน้าท่ี หรือพนักงานผู้มีอานาจตามกฎหมาย
กลบั
1. กำรประกนั อัคคภี ัย
เงื่อนไขทว่ั ไปในกำรรบั ประกนั ภยั มีดังต่อไปนี้
1. กำรประกันทรพั ยส์ ินตำ่ กว่ำมูลคำ่ แทจ้ ริง
2. กำรตกเปน็ โมฆยี ะของกรมธรรมป์ ระกันภัย
3. หน้ำทใ่ี นกำรรักษำสิทธิของบริษัทเพอื่ รบั ชว่ งสิทธิ
4. กำรผดิ คำรับรอง
5. เงอื่ นไขกำรเรียกร้องและชดใช้คำ่ สินไหมทดแทน
5.1 หน้าทีข่ องผู้เอาประกนั ภัยในการเรียกร้องคา่ สนิ ไหมทดแทน เมื่อเกิดความเสียหายข้นึ มีดงั นี้
- เมื่อเกิดภยั ข้ึนต้องแจ้งใหบ้ ริษัททราบพร้อมกบั สง่ หลักฐานและเอกสาร
- ต้องแสดงหรือจัดหาหรอื แจง้ หรอื มอบใหบ้ ริษัท ซ่ึงพยานหลกั ฐาน รายการเพมิ่ เติม ขอ้
พสิ ูจนแ์ ละข้อความเกีย่ วกับการเรยี กรอ้ งและดับเพลงิ หรอื สาเหตุท่ีทาใหเ้ กิดอคั คภี ยั
- จะต้องดาเนนิ การและยินยอมให้บรษิ ัทหรือตัวแทนกระทาการใดๆ ทเี่ หมาะสม ในการ
ปอ้ งกันความเสยี หายอันอาจเพมิ่ ขึน้ กลบั
1. กำรประกนั อัคคภี ยั
5.2 การชดใช้โดยการเลอื กทา การสรา้ งให้ใหมห่ รือจดั หาทรัพย์สนิ มาทดแทน
5.3 การประกันภยั ซา้ ซ้อนและการรว่ มเฉลี่ยการชดใชค้ ่าสนิ ไหมทดแทน
5.4 สทิ ธิของบริษัทในซากทรพั ยส์ ินที่ไดร้ บั ความเสยี หาย
5.5 การทุจรติ บรษิ ทั มีสทิ ธิปฏิเสธการชดใช้คา่ สนิ ไหมทดแทนในความเสยี หาย เน่ืองจากการทจุ รติ
ของผู้เอาประกนั ภัย
5.6 การระงับขอ้ พิพาทโดยอนุญาโตตลุ าการ
6. กำรระงบั ไปแหง่ สัญญำประกนั ภัย ควำมคุ้มครองตำมกรมธรรม์ประกันภยั ฉบับน้ีเป็นอนั ต้องระงบั ไปทันทีเมือ่
6.1 การคา้ หรือการผลติ ทีด่ าเนนิ การภายใตส้ ิ่งปลูกสร้างหรือทรพั ยส์ นิ ทเ่ี ก็บไวใ้ นสถานที่
ทเ่ี อาประกนั ภยั ได้มีการเปลยี่ นแปลงไปจากท่ไี ด้ระบไุ วใ้ นตารางกรมธรรม์
6.2 ทรัพยส์ ินซง่ึ เอาประกนั ภยั ไว้ ถกู โยกย้ายไปยังสถานที่อนื่ นอกจากท่ีระบุไวใ้ นตารางกรมธรรม์
6.3 กรรมสทิ ธ์ใิ นทรพั ย์สนิ ซ่งึ เอาประกันภัยไว้ ถูกโยกยา้ ยไปยังสถานที่อื่นนอก
จากที่ระบไุ วใ้ นตารางกรมธรรม์ กลบั
1. กำรประกนั อคั คภี ัย
6.4 สง่ิ ปลูกสร้างทีร่ ะบุไว้ในตารางกรมธรรมห์ รอื ส่วนใดส่วนหนึ่งของสง่ิ ปลูกสรา้ ง
พังทลายหรอื เคล่อื นไปจากท่ีเดมิ
6.5 ผู้เอาประกันภยั ไม่ชาระเบยี้ ประกนั ภยั เม่อื พ้นกาหนด 60 วัน นบั แต่วันเรมิ ตน้ ระยะเวลาเอาประกนั
7. กำรบอกเลิกกรมธรรมป์ ระกนั ภัย เป็นดังนี้
7.1 บรษิ ทั อาจบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยฉบบั น้ีโดยไม่จาเป็นตอ้ งคืนเบีย้ ประกันภยั หาผ้เู อา
ประกันภัยทุจริต
7.2 บริษทั อาจบอกเลิกกรมธรรมป์ ระกนั ภัยฉบบั นไี้ ด้ดว้ ยการบอกกล่าวล่วงหนา้ เป็นหนังสอื ไมน่ อ้ ยกว่า
15 วนั ในกรณีน้ีบริษทั จะคนื เบย้ี ประกันภยั ให้แกผ่ ู้เอาประกันภยั โดยหักเบยี้ ประกนั ภัยสาหรบั ระยะเวลาที่กรมธรรม์
ประกันภยั ฉบับนไี้ ดใ้ ช้บังคบั มาแล้วออกตามสว่ น
7.3 ผู้เอาประกนั ภัยอาจบอกเลกิ กรมธรรม์ประกันภยั ฉบบั นีไ้ ด้ โดยแจ้งให้บริษัท ทราบเปน็ หนังสือและมี
สิทธไิ ดร้ บั เบีย้ ประกันภยั คืน หลงั จากหกั เบย้ี ประกนั ภัยสาหรับระยะเวลาท่ี กรมธรรมป์ ระกันภยั ฉบบั นไี้ ด้ใช้บังคับมาแล้วออก
กลบั
1. กำรประกันอัคคภี ยั
8. อำยคุ วำม ควำมรบั ผดิ ของผเู้ อำประกนั เอำควำมเสียหำยตำมกรมธรรมส์ ้ินสุดลงในทุกกรณีหำกผู้เอำ
ประกนั ภยั มไิ ด้ดำเนนิ คดที ำงศำลหรือยน่ื ข้อพิพำทใหอ้ นุญำโตตุลำกำรชี้ขำดภำยในกำหนดระยะเวลำสองปี นบั แตเ่ กดิ
ควำมเสยี หำย
9. กำรบอกกลำ่ ว และกำรตดิ ตอ่ ระหว่ำงผ้เู อำประกนั ภัยและบริษัทในเรือ่ งเก่ยี วกับกรมธรรมป์ ระกนั ภยั ตอ้
กระทำเป็นหนงั สือจงึ จะมผี ลบงั คับได้
กลบั
1. กำรประกนั อคั คภี ยั
กำรประกนั อัคคีภยั สำหรับทีอ่ ย่อู ำศัย
ความคุ้มครอง กรมธรรม์ประกนั อัคคภี ยั สาหรบั ท่อี ยอู่ าศยั จะใหค้ วามค้มุ ครองความเสียหาย ท่เี กดิ จาก
1. ไฟไหม้ รวมถึงไฟปา่ พมุ่ ไม้ พงรก และการเผาป่าเพือ่ ปราบพ้นื ที่
2. ฟ้าผ่า รวมถงึ ความเสียหายท่ีเกิดขึ้นต่อเคร่อื งไฟฟา้ และอุปกรณไ์ ฟฟ้าท่เี กดิ จากการ ลดั วงจรเนอ่ื งจาก
ฟ้าผ่า
3. การระเบดิ ทุกชนิด
4. ภยั จากยานพาหนะ จากการชนโดยยานพาหนะต่างๆ รวมถึงชา้ ง มา้ ววั ควาย แตต่ ้องไม่ใช่
ยานพาหนะของผู้เอาประกนั ภัยเอง
5. ภยั จากอากาศยานหรือวตั ถุที่ตกจากอากาศยาน (หมายรวมถงึ จรวดและยานอวกาศ ดว้ ย) ดว้ ย
การชนหรือตกใส่
6. ภัยเนอื่ งจากน้า
7. เกิดขนึ้ โดยอุบตั เิ หตุ
กลบั
1. กำรประกนั อคั คีภยั
8. จากการปลอ่ ย ร่วั ไหล ล้น
9. จากทอ่ น้า ถงุ นา้ รวมถึงน้าฝนทผี่ า่ นเข้าทางอากาศท่ีชารุด
10. ไม่รวมถึงน้าทว่ ม และท่อประปาทแ่ี ตกนอกอาคาร
ภยั ทซี่ ือ้ เพ่ิมเติมได้
1. ภยั จากลมพายุ 9. ภยั ระอทุ ม่ี กี ารลกุ ไหม้ ระเบิด
2. ภยั จากลกู เหบ็ 10. ภยั ตอ่ เครอ่ื งไฟฟ้า
3. ภัยจากควัน
4. ภยั จากแผน่ ดนิ ไหว
5. ภยั น้าทว่ ม
6. ภยั จลาจลและนัดหยุดงาน
7. ภัยเนื่องจากป่าเถ่อื นและการกระทาดว้ ยเจตนารา้ ย
8. ภยั ระอุ
กลบั
1. กำรประกนั อคั คีภยั
กำรกำหนดจำนวนเงินเอำประกันภยั ผูเ้ อำประกนั ภัยสำมำรถเลอื กกำรกำหนดจำนวน เงนิ เอำประกนั ภยั ได้ 2 แบบ คอื
1. แบบปกติ โดยการกาหนดจานวนเงินเอาประกนั ตามมูลค่าทแี่ ทจ้ รงิ ของทรัพย์สนิ (Actual Cash Value)
2. แบบการชดใชต้ ามมลู ค่าทรพั ย์สนิ ทเี่ ป็นของใหม่ (Replacement Cost Valuation New For Old)
กลบั
1. กำรประกันอัคคีภยั
กำรชดใชค้ ่ำสินไหมทดแทน
1. การกาหนดจานวนเงนิ เอาประกนั ภยั ตามมลู ค่าท่แี ทจ้ ริงของทรพั ยส์ นิ บรษิ ทั จะชดใช้ ค่าสนิ ไหมทดแทนตาม
มลู ค่าท่แี ทจ้ ริงของทรัพย์สิน (มูลค่าที่แท้จริงของทรัพยส์ ิน = มูลค่าทรพั ย์ สินที่เป็นของใหม่ หักด้วยคา่ เส่อื มราคา ณ เวลา
และสถานท่ีที่เกดิ ความเสยี หาย)
2. การกาหนดจานวนเงินเอาประกันภัยตามมลู คา่ ของทรพั ยส์ นิ ท่เี ป็นของใหม่ บริษัทจะ ชดใชค้ า่ สินไหมทดแทน
ตามมลู ค่าทรัพย์สินที่เป็นของใหม่ ณ เวลาและสถานท่ที ี่เกิดความเสยี หาย
กลบั
2. ประเภทของกำรประกนั ภยั ทำงทะเลและกำรขนส่ง
กำรประกนั ภัยทำงทะเลและกำรขนส่งแบง่ ออก เป็นประเภทต่ำงๆ ดังน้ี
1. การประกันภัยตัวเรอื (Hull Insurance)
2. การประกนั ภยั สินค้า (Cargo Insurance)
วัตถทุ เี่ อำประกันภัยได้ บทบญั ญตั ิมาตรา 3 แห่ง The Marine Insurance Act 1906 ใน กาหนดเก่ยี วกบั วตั ถทุ ี่
สามารถเอาประกันภัยทางทะเลได้ มดี ังน้ี
1. เรือ สินค้า และอสงั หารมิ ทรัพย์อืน่ ๆ ซงึ่ ตกอยู่ภายใตก้ ารเสี่ยงภัยทางทะเล
2. คา่ ระวาง รายได้ หรอื ค่าจา้ งท่ีได้จากการขนส่ง
3. ความรับผดิ ทเ่ี จ้าของหรอื ผมู้ สี ่วนไดเ้ สยี ในตัวเรือหรือสินค้าอาจต้องรบั ผดิ ชดใช้ต่อบคุ คลที่สาม
เนอื่ งจากเรอื สินค้า และอสังหาริมทรพั ย์อ่ืนๆ ได้กอ่ ให้เกิดความเสียหายแก่ชีวติ และ ร่างกายของบุคลภายนอก
กลบั
2. ประเภทของกำรประกันภยั ทำงทะเลและกำรขนสง่
บคุ คลผู้มีสทิ ธหิ รอื มสี ่วนได้ส่วนเสยี ทอี่ ำจเอำประกันภยั ทำงทะเลได้ ซง่ึ ผมู้ ีสว่ นได้สว่ นเสียดงั กลำ่ ว ไดแ้ ก่
1. เจา้ ของ
2. ผู้ครอบครอง
3. ผรู้ บั จานอง จานา
4. ผู้ขนส่ง
5. ผู้รกั ษาผลประโยชน์ของเจา้ หน้ี
6. ตัวแทน
7. ผรู้ บั ตราส่ง
กลบั
2. ประเภทของกำรประกนั ภยั ทำงทะเลและกำรขนส่ง
ภยั ท่ีคมุ้ ครองและเง่ือนไขควำมคุ้มครองในกรมธรรม์ มดี งั น้ี
1. ภัยทางทะเล (Peril Of The Sea)
2. อัคคภี ัย (Fire)
3. การทิ้งทะเล (Jettisons)
4. โจรกรรม (Thieves)
5. การกระทาโดยทจุ ริตของคนเรือ
กำรเลอื กซ้ือควำมคมุ้ ครอง การเลือกซือ้ ความคุ้มครองมีให้เลอื ก 3 แบบ โดยในแตล่ ะ แบบจะใหค้ วามค้มุ ครองไมเ่ ทา่ กนั
ดงั นี้
1. EP.A. (Free From Particular Average)
2. W.A. (Wirh Average)
3. All Risk
กลบั
2. ประเภทของกำรประกนั ภยั ทำงทะเลและกำรขนส่ง
ประเภทของกรมธรรมป์ ระกนั ภัยทำงทะเล ผู้เอำประกันสำมำรถเลือกซื้อกรมธรรม์ ประกนั ภัยทำงทะเล ได้ดังนี้
1. กรมธรรมเ์ พือ่ ความคุ้มครองแกต่ วั เรือ สนิ คา้ และค่าระวาง (Hulls , Cargoes And Bright)
2. กรมธรรม์ท่ีกาหนดระยะเวลา (Time Policy) และกรมธรรม์ท่คี มุ้ ครองเพอื่ การ ขนส่งเฉพาะคร้งั
(Voyage Policy)
3. กรมธรรม์ที่กาหนดราคาของวัตถุท่เี อาประกนั ภัย (Voyage Policy) และ กรมธรรมท์ ่ไี มก่ าหนดราคาของวัตถทุ ี่
เอาประกันภยั (Unvalued Policy)
4. กรมธรรม์ท่ีกาหนดระยะเวลาแบบพิเศษ (Special Time Policy)
5. กรมธรรม์เพอื่ ความคมุ้ ครองแก่เรอื หลายลา (Fleet Policy)
6. กรมธรรมท์ ่รี ะบชุ ่ือเรือ (Named Policy)
7. กรมธรรม์ทไี่ ม่กาหนดระยะเวลา (Open Cargo Form)
8. กรมธรรม์ทค่ี ุ้มครองทรพั ย์สนิ ท่ีอยกู่ ระจายกัน (Blanked Policy)
9. กรมธรรมท์ ่ีให้ความคุม้ ครองเปน็ พเิ ศษ (Special Hazard Policy) กลบั
2. ประเภทของกำรประกนั ภัยทำงทะเลและกำรขนสง่
ประโยชน์ของกำรประกันภัยทำงทะเล
1. ทาใหพ้ ่อคา้ ผสู้ ่งออกไมต่ ้องเสีย่ งต่อการขาดทนุ หรือการสูญเสียกาไรเน่ืองจากสนิ คา้ สญู หายหรอื เสียหายจากการ
ขนสง่
2. จาเปน็ สาหรับผูส้ ง่ั ซอื้ สนิ คา้ ในการขอเปิดเล็ตเตอรอ์ อฟเครดิตกับธนาคาร
3. ผรู้ บั การขนส่งมักรับผิดชอบในการขนสง่ อย่างมีเง่ือนไขและจากดั การประกนั ภัยทาง ทะเลจะทาใหพ้ อ่ ค้าไดร้ ับ
ความสะดวกกวา่ และไดผ้ ลดกี วา่
4. เป็นการชว่ ยระดมทนุ เพอ่ื การพัฒนาประเทศ
5. เกิดการค้าขายระหว่างประเทศมากข้นึ พ่อคา้ เห็นวา่ ความเส่ยี งในการขนสง่ นอ้ ยลง
6. หากไม่มกี ารประกนั ภัย ความเสียหายทเี่ กิดขนึ้ เปน็ ความเสียหายโดยเปลา่ ประโยชน์ แตห่ ากมีการประกนั ภัยก็
จะทาให้บรษิ ทั ประกันภัยเขา้ มาแบ่งเบาภาระความเสยี หาย .
7. การประกนั ภยั ทางทะเลช่วยให้ประชาชนซือ้ ของทไ่ี ม่มใี นประเทศได้โดยแน่ใจวา่ สนิ คา้ น้นั จะไมส่ ญู หายระหวา่ ง
การขนสง่ ซึ่งช่วยให้เกดิ การค้าระหวา่ งประเทศมากขึ้น
กลบั
3. กำรประกันภยั รถยนต์
การประกันภยั รถยนต์เปน็ การให้ความคมุ้ ครองเจา้ ของรถยนตท์ ีต่ อ้ งเสย่ี งภยั กบั ความเสยี หายตา่ งๆ เช่น ไฟไหม้ ถกู
ขโมย เป็นตน้
ประเภทของกรมธรรมป์ ระกันภยั รถยนต์ กำรประกันภยั รถยนตภ์ ำคสมคั รใจ แบ่ง ควำมคมุ้ ครองเป็น 3 ประเภทดังน้ี
1. กำรประกนั ประเภทหนง่ึ (Comprehensive Cover) ให้ความคมุ้ ครองความเสยี หายทเ่ี กิด ข้ึนตอ่ ความเสียหาย
ของรถที่เอาประกนั ภัย ไม่วา่ จะเปน็ ภัยท่เี กดิ จากการชน การควบคมุ การ โจรกรรม การจลาจล อคั คีภัย น้าท่วม ภัยจากการลกั
ทรัพยอ์ ุปกรณ์ส่วนควบของรถยนต์ ความ เสยี หายของเคร่อื งประดบั ตกแตง่ ทเี่ พิ่มข้ึน รวมไปถงึ ความเสียหายที่เกดิ แกช่ ีวิตและ
ทรพั ยส์ ินของ บคุ คลภายนอกด้วย การประกนั ประเภทหนงึ่ ใหค้ วามคมุ้ ครองกวา้ งจึงเสยี เบย้ี ประกนั แพงกว่า ประเภทอ่นื
2. กำรประกนั ประเภทสอง (Third Party Fire and Theft Cover) ใหค้ วามคุ้มครองตวั รถคันทเี่ อาประกนั ท่ีได้รบั
ความเสยี หายเนือ่ งจากถกู ไฟไหม้ และถกู ขโมย รวมไปถึงความเสยี หายทเ่ี กดิ ขนึ้ แกช่ ีวติ และทรัพยส์ นิ ของบคุ คลภายนอกเนือ่ งจาก
รถคนั ท่ีเอาประกันด้วย
3. กำรประกนั ประเภทสำม (Third Party Cover) ให้ความคุ้มครองชีวิตและทรัพยส์ นิ ของ บคุ คลภายนอกเนอ่ื งจาก
รถคนั ทเ่ี อาประกนั ภยั ในส่วนความเสยี หายของเจา้ ของรถคนั ท่เี อา ประกันภัยเจา้ ของรถจะต้องรบั ผดิ ชอบเอง นอกจากนีบ้ าง
บริษทั จะให้ความคุ้มครองเพ่มิ ไปถงึ การ ประกนั ตัวผขู้ ับขีก่ รณถี กู ดาเนนิ คดอี าญาดว้ ย
กลบั