๑๔๗
สมยั พระร่วง เจา้ ของและคนงานโรงตม้ กลัน่ สุราจังหวดั นครนายกเปน็ ผู้ขุดพบเม่ือปี พ.ศ.2495 ณ
บรเิ วณโรงงานซง่ึ ต้งั อยูใ่ กล้วดั นางหงษ์ ตำบลทา่ ชา้ ง อำเภอเมืองนครนายก โดยขดุ พบแตพ่ ระเศยี รไม่มี
องค์
กอ่ นทจ่ี ะขุดพบ ได้เกิดเหตุกระทะตม้ กล่ันสุราไดเ้ กิดระเบิดข้นึ สนน่ั หวัน่ ไหว หลกั ขากนัน้ หลวงพอ่ เศยี ร
นครไดเ้ ข้าฝันครูจงั (ไมท่ ราบนามสกลุ ) ผู้ท่ไี ด้รบั สัมปทานการตม้ กลน่ั สุรา ในสมยั น้ันว่า “พวกเองต้มเหลา้
บนศรี ษะให้เอากขู ึน้ มา” ครูจังกับลูกน้องจงึ ได้ทำการขดุ ตรงนน้ั ลกึ ประมาณ 6 ศอก ก็ยังไม่พบอะไรเกิด
ความทอ้ แท้
คดิ จะเลกิ ขุด จงึ ได้ใชเ้ หลก็ แหลมแทงตรงไปตามทีข่ ดุ กพ็ บว่ามขี องแข็งจึงได้ลงมอื ขุดต่อไป กไ็ ด้พบเศียร
พระพทุ ธรปู ขนาดใหญ่ ตอ้ งใชค้ นหามถึง 4 คน จึงเอาข้นึ จากหลมุ ได้ หลังจากนัน้ ได้นำเศยี รพระพุทธรูป
น้ไี ปไวท้ ี่โรงเรียนนายกพิทยาหลายปี (ปจั จบุ นั โรงเรียนแห่งนยี้ ุบไปแล้ว) จนทำให้กจิ การของโรงเรยี นแห่งนี้
เจรญิ ขึ้นตามลำดับ ต่อมามผี ู้ทักท้วงวา่ ไมค่ วรเกบ็ รักษาเศียรพระพุทธรูปไวท้ โี่ รงเรยี น จึงไดน้ ำไป
ประดิษฐานไวท้ ่ี
วดั บญุ นาครกั ขิตาราม
ในปี พ.ศ. 2511 นางผล รอดอุไร เศรษฐนี ีจากกรงุ เทพมหานครนำกฐินมาทอดทว่ี ัดบุญนาค -
ได้เหน็ เศยี รพระพทุ ธรูปที่ไม่มีองค์ จึงเกิดความสลดใจ มีศรัทธาสรา้ งองค์พระและอุโบสถถวายเจ้าคณะ
จงั หวัดนครนายกในสมัยน้ัน จงึ ไดถ้ วายพระนามพระพุทธรปู องคน์ ้ีว่า “หลวงพ่อเศียรนคร” ตั้งแตบ่ ัดนั้น
เป็นต้นมา
รอยพระพุทธบาทเขานางบวช
เป็นรอยพระพุทธบาทจำลอง ประดิษฐานอยู่ในมณฑปยอดเขานางบวช ต้งั อยใู่ นท้องทีต่ ำบล
สาริกา อำเภอเมอื งนครนายก หา่ งจากตวั จังหวัดประมาณ 9 กิโลเมตร เขานางบวชสูงประมาณ 100
เมตร มบี นั ไดคอนกรตี จากเชงิ เขามณฑป 248 ขั้น
รอยพระพุทธบาทนี้ สร้างไวต้ ้ังแต่ พ.ศ.2461 มีประชาชนไปนมัสการกนั อย่างหนาแนน่ ใน
เทศกาลกลางเดือน 5 ทุกปี
เมอื งโบราณดงละคร
ต้งั อย่ทู ่ตี ำบลดงละคร อำเภอเมืองนครนายก หา่ งจากตัวจังหวัดไปทางทิศใตร้ ะยะทางประมาณ
9 กิโลเมตร เปน็ สถานทต่ี ัง้ เมืองโบราณสมยั ขอมมีอำนาจ มีแนวกำแพงเปน็ เนนิ ดนิ และคเู มืองปรากฏอยู่
ชาวบา้ นเรยี กวา่ “สนั คูเมือง” ลกั ษณะของเมืองเป็นกำแพงสูงประมาณ 3 เมตร กวา้ งประมาณ 350
เมตร ยาว 550 เมตร และมีคลู ้อมรอบ 4 ด้าน และยังเรียกวา่ “เมืองลบั แล” ทว่ี ่าเป็นเมืองลบั แลนนั้
๑๔๘
เห็นจะเปน็ เพราะเรื่องเลา่ เชิงนิยายปรมั ปราที่วา่ เมืองน้ีเคยเปน็ เมืองของราชินขี อมซง่ึ เปน็ ทีร่ โหฐาน ผู้อน่ื
ไมส่ ามารถจะเข้าออกไดโ้ ดยง่ายนกั ประกอบกับลักษณะของบริเวณเมืองมีต้นไมส้ ูง ๆ ข้ึนอยทู่ ่วั ไป ใคร
เขา้ ไปเดินแล้วอาจหลงทาง หาทางออกไม่ได้ จะตอ้ งวนเวยี นอยู่ในดงนนั้ เอง ภายหลังจึงเรียกว่า “ดง
ละคร” ทา่ นผ้เู ฒ่าผู้แก่เคยเล่า
ใหฟ้ งั ว่า วนั ดี คืนดี จะได้ยนิ เสยี งกระจับป่ี สซี อ เสยี งมโหรขี บั กลอ่ มคล้ายๆ กับมกี ารเล่นละครกนั ในวัง
ชาวบ้านจงึ เรียกวา่ “ดงละคร” ดงละครไดถ้ ือว่าเป็นโบราณสถานและเปน็ แหลง่ ท่องเที่ยวทาง
ประวัตศิ าสตรข์ องจังหวดั นครนายก โดยไดม้ กี ารข้ึนทะเบยี นเปน็ โบราณสถานตัง้ แตป่ ี พ.ศ. 2478 แต่
ยงั ไมม่ ีการประกาศขอบเขตที่แนน่ อน และเม่ือมกี ารประกาศเป็นโบราณสถาน ดงละครยังคงมีสภาพทถี่ ูก
ทอดท้ิง ประชาชนเข้าไปทำมาหากินและขดุ พบโบราณวตั ถโุ ดยบังเอญิ และทำลายโบราณวัตถโุ ดย
ร้เู ท่าไม่ถึงการณ์เป็นจำนวนมาก จนกระทั่งในสมัย นายดุสิต บุญธรรม เปน็ ชาวจงั หวัดนครนายก และ
เป็นรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ไดเ้ สนอให้ทางกรมศลิ ปากรดำเนินการขดุ ค้นหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรท์ ี่ดงละคร เม่ือ ปี พ.ศ.2515
และได้มีการพบโบราณวตั ถุจำนวนหนึง่ เมื่อ ปี พ.ศ. 2519 ไดม้ กี ารพบโบราณวัตถุเพิ่มเตมิ กรม
ศิลปากรเรียบเรยี งรายงานเป็นเบอื้ งตน้ ไว้ แตไ่ ม่ได้เป็นทีแ่ พร่หลายไปทว่ั
จนกระทัง่ ปี พ.ศ.2532 ได้มีการขดุ สำรวจและพบเคร่ืองมือ, เครอื่ งประดบั แตย่ งั ไม่มีผลสรปุ
เรือ่ งเมืองดงละครวา่ เปน็ มาอยา่ งไร ซง่ึ อาจต้องใช้เวลาพสิ ูจน์ตอ่ ไป
ศาลเจา้ พ่อขุนด่าน
ศาลเจ้าพ่อขนุ ดา่ น ต้ังอยบู่ นชะงอ่ นหินเขาชะโงก ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จงั หวัดนครนายก
เปน็ สถานทศี่ ักดิส์ ิทธ์ิ มีประชาชนเคารพนับถือ ตามประวัตขิ นุ ดา่ นเป็นชื่อตำแหน่งนายด่าน ซงึ่ ขณะน้นั
ตรงกับรชั สมยั สมเด็จพระนเรศวร ฯ เจา้ พอ่ ขนุ ด่านอยู่ในบริเวณเขาชะโงกจงั หวดั นครนายก ตามประวัติ
๑๔๙
เทา่ ที่สืบไดน้ ัน้ กลา่ ววา่ "ขุนดา่ น" เปน็ เพยี งตำแหน่ง คือเป็นนายดา่ นขณะน้ัน เม่ือสมเด็จพระนเรศวรทรง
ก้กู รงุ ศรีอยุธยา กลบั คนื มาจากพม่าได้แลว้ ( พ.ศ. ๒๑๒๗ ) อกี ๓ ปตี ่อมา พ.ศ. ๒๑๓๐ พมา่ ก็ยกกองทพั
เข้าประชดิ กรุงศรีอยธุ ยา เป็นศึกใหญ่เขา้ มาถงึ ชานพระนคร คาดวา่ ศกึ ครง้ั น้กี รงุ ศรอี ยธุ ยา ตอ้ งเสยี แก่พม่า
เพราะ พมา่ ต้ังล้อมกรุง เปน็ เวลานาน สมเด็จพระนเรศวรก็ทรงทำแต่เพยี ง ออกปล้นคา่ ยพม่าแคน่ ัน้ ใน
ครงั้ น้ี
นกั พระสัตถา พระเจา้ กรงุ ละแวก เจ้าแผน่ ดนิ เขมรกส็ ง่ กองทัพเข้ามาในปราจนี บุรี ทางปราจนี บรุ ีไมม่ ีกำลงั
ต่อตา้ นจงึ ตกอยู่ในปกครองของเขมรโดยงา่ ย เขมรแบ่งกำลัง สว่ นหนึง่ ไวท้ ่ปี ราจีนบรุ ี ใหท้ ำหนา้ ท่ีกวาด
ตอ้ นผ้คู นขนทรัพยส์ มบัติ และกเ็ คลอ่ื นกองทัพส่วนใหญเ่ ข้ามา นครนายก ซึ่งขณะนัน้ "ขุนด่าน" เป็นนาย
ด่าน
ซง่ึ ขุนดา่ นไม่ยอมให้กองทพั เขมรผา่ นเข้ามาง่าย ๆ แมจ้ ะมกี ำลงั น้อย ไดต้ ่อสจู้ นเหน็ วา่ เหลอื วสิ ยั ทจ่ี ะตอ่ สู้
ต่อไป จึงได้รวบรวมคนที่เหลืออยเู่ ขา้ มาตั้งอยู่ทางเขาชะโงก กองทัพเขมรเขา้ เมืองนครนายกได้ ยดึ เมืองไว้
แลว้ ก็ทำการกวาดตอ้ นผูค้ น ขนทรัพย์สมบัตไิ ปเช่นเดยี วกับทกี่ ระทำในปราจีนบุรี ในระหวา่ งนมี้ ีผู้คน
หลบหนอี อกไปจากเมือง ทำใหข้ ุนดา่ นได้ซ่องสุมชายฉกรรจ์ สว่ นผคู้ นพลเมอื งอืน่ ๆ จดั ใหซ้ ่มุ ซอ่ นหลบภัย
อย่ซู อกเขา ครั้นเม่ือพมา่ ไม่สามารถ จะตีกรงุ ศรีอยุธยาได้ต้องถอยกลบั ไปทางกรุงศรีอยุธยา จึงได้ส่ง
กองทพั ไทยในความควบคุมของพระศรีไสยณรงค์ออกมารบเขมร สว่ นทางนครนายกขุนด่านก็นำกำลังเขา้
โจมตเี ขมร ในทส่ี ดุ เขมรก็ถอยไปจากนครนายกและปราจนี บรุ ี เมอื่ ขุนดา่ นเสยี ชวี ติ ลงชาวจงั หวดั
นครนายกมีความเชื่อวา่ ทา่ นเป็นเทพารักษ์
ทม่ี ีผ้นู บั ถือมากจึงตงั้ ศาลบริเวณเขาชะโงก ในสมยั สงครามโลกครั้งที่ ๒ ทหารญ่ปี ุ่นไปตง้ั คา่ ยอยู่ ได้ทำลาย
ศาลทำใหล้ ม้ ตายโดยหาสาเหตุไม่ได้เปน็ จำนวนมาก ผลงาน ขนุ ด่านเปน็ ผ้เู สยี สละป้องกันเมืองนครนายก
ไว้ นบั เปน็ วรี บุรุษของชาวจงั หวัดนครนายก
ศาลเจา้ พ่อองครักษ์
๑๕๐
ศาลเจา้ พ่อองครักษต์ ั้งอยทู่ ี่หมู่ 7 บ้านคลองศาลเจา้ ตำบลสนั ทรายมูล อำเภอองครักษ์ จงั หวดั
นครนายก ศาลเจ้าพอ่ องครักษ์น้นั เป็นศาลที่เกา่ แก่คเู่ มืองนครนายก มปี ระวตั คิ วามเปน็ มานับตั้งแต่สมัย
รชั กาลท่ี 5 เป็นท่ีเคารพศรทั ธาของชาวนครนายกและผทู้ ่ีสญั จรผ่านไปมา ศาลแห่งน้ีนอกจากมคี วาม
ศักด์สิ ิทธทิ์ เี่ ลื่องลือแล้วยังมตี ำนาน เปน็ ท่มี าของช่อื อำเภอองครักษ์ในปัจจบุ นั อา้ งอิงจากหนงั สอื
วฒั นธรรมเพื่อการพฒั นาการทางประวัตศิ าสตร์ เอกลักษณ์ และภูมปิ ัญญาจงั หวดั นครนายก เผยแพรโ่ ดย
กรมศลิ ปากร มเี รอื่ งเลา่ วา่ ครั้งทีพ่ ระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ไดเ้ สด็จประพาสโดยเสดจ็ พระ
ราชดำเนินทางชลมารคไปยงั จังหวัดปราจีนบรุ ี โดยเสด็จผ่านตามแมน่ ้ำนครนายกและประทบั แรม ณ
บรเิ วณริมแมน่ ้ำนครนายกซึ่งเปน็ ทตี่ งั้ ของศาลเจ้าพ่อองครักษ์ในปัจจบุ ัน ระหวา่ งทป่ี ระทับอยนู่ ายทหาร
ราชองครักษ์ไดป้ ่วยและถงึ แก่กรรมลง
(บางแห่งบอกวา่ นายทหารราชองครักษไ์ ด้ต่อสกู้ บั ช้างทจ่ี ะเข้ามาทำร้ายพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้า
เจา้ อยูห่ วั จนตัวราชองครักษ์ถึงแก่ความตาย) พระองคจ์ ึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหต้ ั้งศาลขนึ้ เพ่ือเปน็
อนุสรณ์ และดว้ ยเหตุที่บรเิ วณหน้าศาลเปน็ วงั นำ้ วน น้ำไหลเช่ยี วกราก จึงมคี วามเชอื่ วา่ มีจระเข้เจา้ พ่อ
องครักษ์อาศัยอยู่ หากจะนำเรือผา่ นหรือสญั จรไปมาในบริเวณน้ำดังกล่าว จะต้องทำพิธีเซน่ ไหวด้ ้วย
มะพรา้ วออ่ นเสยี กอ่ นจึงจะผา่ นได้อยา่ งปลอดภัย สำหรับทางราชการถือวา่ น้ำตรงวงั นำ้ วนนี้เป็นน้ำ
ศักด์สิ ิทธ์ิ จงึ ไดน้ ำน้ำศักดสิ์ ิทธ์ิไปทำพิธีสรงน้ำมรู ธาภิเษก เมื่อคราวประกอบพระราชพธิ ีบรมราชาภิเษก
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั รัชกาลท่ี 9
ศาลเจ้าพ่อองครกั ษ์เป็นสง่ิ ศักด์ิสิทธิ์ท่ชี าวนครนายกและประชาชนทว่ั ไปให้ความเคารพนับถือยำ
เกรง และมากราบไหวข้ อพร เป็นทพ่ี ่ึงทางด้านจิตใจของชาวจังหวดั นครนายกอยู่ไม่ขาด ปจั จุบนั กลุ่มชาว
ไทยจีนในอำเภอองครักษ์ไดร้ ่วมกันบรู ณะศาลเจ้าพ่อองครักษ์อย่างงดงาม กว้างขวางตามแบบศิลปะจนี
เพือ่ รองรบั ชาวนครนายก และผูเ้ ดินทางจำนวนมากทผ่ี า่ นมาแวะกราบสกั การะขอพรเจ้าพอ่ องครักษ์
บงึ พระอาจารย์
บึงพระอาจารย์ ตง้ั อย่ทู ีต่ ำบลพระอาจารย์ อำเภอองครักษ์ เปน็ บงึ ใหญ่มีมาแต่โบราณกาล กวา้ ง
ประมาณ 1 เส้น ยาวประมาณ 20 เส้น ปจั จบุ นั มีสภาพต้นเขิน มเี ร่ืองเลา่ เก่ียวกบั ความเปน็ มาของบึง
พระอาจารย์วา่ มีพระภิกษุรูปหนึง่ เกง่ กลา้ ในทางไสยศาสตร์ แปลงรา่ งเป็นจระเขใ้ หญ่ให้สามเณรลูกศิษย์ดู
และสง่ั ไวว้ ่า ให้เอาน้ำมนต์ในบาตรซ่งึ อาจารยเ์ ตรยี มไว้รดร่างอาจารยจ์ ะได้กลับกลายร่างคนตามเดิม
ครน้ั อาจารย์กระโจนลงนำ้ กลายเป็นจระเขย้ ักษแ์ ล้ว สามเณรเห็นก็ตกใจทำบาตรน้ำมนตห์ กแล้ววงิ่ หนไี ป
อาจารยจ์ ึงรบั กรรมต้องเปน็ จระเข้อยทู่ กุ วนั น้ี น้ำในบงึ พระอาจารย์น้ี ทางราชการถอื วา่ มคี วามศักดส์ิ ิทธ์ิ
จึงได้นำไปทำพิธีสรงนำ้ มรู ธาภิเษก เมอ่ื คราวประกอบพระราชพิธีบรมราชาภเิ ษกของพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยหู่ ัว รชั กาลท่ี 9
เชน่ เดียวกับนำ้ จากวงั นำ้ วนบริเวณหนา้ ศาลเจา้ พ่อองครักษ์ด้วย
๑๕๑
โรงเรียนนายร้อยพระจลุ จอมเกลา้
โรงเรยี นนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ช่อื ยอ่ : จปร. ตง้ั อย่ทู บี่ ริเวณเขาชะโงก เขตอำเภอเมือง
นครนายก และอำเภอบ้านนา มอี าณาบริเวณประมาณ 21,13 ไร่ อยูห่ า่ งจากตัวจังหวัดประมาณ 14
กโิ ลเมตร และหา่ งจากกรงุ เทพมหานครโดยทางหลวงสายพหลโยธินและทางหลวงสาย 33 (หนิ กอง –
นครนายก) เปน็ ระยะทางรวมประมาณ 140 กิโลเมตร เป็นสถาบันการศึกษาทางทหาร ใน
ระดบั อดุ มศึกษาในสงั กดั กองทัพบก ผทู้ ่ีศึกษาในโรงเรยี นนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกลา้ เรียกวา่ นักเรียนนาย
รอ้ ย (นนร.) ตน้ ไม้สัญลักษณ์ประจำโรงเรยี นนายร้อยพระจุลจอมเกลา้ คือ จำปสี ิรินธร กำเนิดขน้ึ พรอ้ มๆ
กบั (กรมทหารมหาดเล็กราชวลั ลภรกั ษาพระองค์) โดยเร่มิ จากการจดั ต้งั ทหารมหาดเล็กเดก็ ท่ีเรียกว่า
"ทหารมหาดเล็กไล่กา" จำนวน 12 คน ในชว่ งตน้ รัชกาลพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว ตอ่ มา
ไดข้ ยายกำลงั ขึน้ โดยฝึกขา้ หลวงเดมิ ใหเ้ ปน็ ทหารมหาดเล็กสมทบกบั พวกมหาดเล็กไล่การวม 24 คน จงึ
เรียกทหารในชุดนีว้ า่ "ทหาร 2 โหล" และต่อมาได้เพ่มิ จำนวนทหารมหาดเล็กเป็น 72 คน แต่งตง้ั เปน็ กอง
ทหารมหาดเลก็ สำหรบั รักษาพระองค์อยา่ งใกล้ชิด
พ.ศ. 2414 โปรดเกล้าฯ ให้ขยายกองทหารมหาดเล็กออกเป็นกองร้อย เรยี กวา่ "กอมปานี"
(Company) ถึง 6 กองร้อย จดั ต้งั เปน็ "กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์"
พ.ศ. 2415 โปรดเกล้าฯ ใหจ้ ัดตั้งสถานท่สี อนวิชาการและระเบียบการข้ึนในกรมทหารมหาดเลก็
รวมทัง้ ให้มีการสอนวิชาภาษาองั กฤษและภาษาไทยด้วย เรียกสถานศึกษาว่า "คะเดต็ ทหารมหาดเลก็ "
สว่ นนกั เรียนเรียกว่า "คะเดต็ " (Cadet)
พ.ศ. 2423 โปรดเกล้าฯ ให้จัดต้งั กรมทหารหน้าขึน้ (ซ่ึงต่อมาไดว้ ิวัฒนาการเป็นกรมยทุ ธนาธิ
การ) จงึ กำเนิด "คะเด็ตทหารหนา้ " ขนึ้ อีกแห่งหนึ่ง ได้เร่งปรับปรงุ กิจการทหารโดยลำดับ เม่ือเจรญิ
กว้างขวางและเป็นแบบแผนขึ้นบา้ งแล้ว จงึ โปรดเกล้าฯ ใหส้ มเด็จพระเจ้านอ้ งยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรงั ษสี ว่าง
วงศ์ กรมพระยาภาณุพันธวุ งศ์วรเดช จัดต้งั โรงเรียนสอนวิชาทหารสำหรับทหารบกท่วั ไปขึน้ โดยให้ใชพ้ ื้นที่
บรเิ วณหลงั พระราชวงั สราญรมย์เป็นสถานทตี่ ้ัง (ปจั จบุ ันเป็นทีต่ ง้ั ของกรมแผนทท่ี หาร) โดยรวมคะเดต็
ทหารมหาดเล็ก คะเด็ตทหารหนา้ นักเรยี นแผนท่ี และส่วนที่เป็นทหารสก๊อตเขา้ ดว้ ยกนั ใชช้ ่อื รวมว่า
"คะเด็ตสกลู " สำหรับนกั เรียนเรยี กวา่ "คะเดต็ " มนี ายพันเอกนคิ าล วอลเกอร์ (Nical Walger) เปน็ ผ้บู ังคบั
การคนแรก
วันท่ี 5 สิงหาคม พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว ไดเ้ สด็จมาทรง
กระทำพิธีเปิดโรงเรียนคะเด็ตสกูล
๑๕๒
วันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2431 ไดต้ ราข้อบงั คบั ขนานนามโรงเรยี นคะเดต็ สกูลเสยี ใหมว่ า่
"โรงเรียนทหารสราญรมย"์
วันท่ี 6 ตุลาคม พ.ศ. 2440 ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหก้ องโรงเรยี นนายสิบมาสมทบด้วย
เปล่ียนช่ือโรงเรียนเปน็ "โรงเรยี นสอนวิชาทหารบก"
วนั ท่ี 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2441 ไดเ้ ปลยี่ นชอ่ื โรงเรียนเป็น "โรงเรยี นทหารบก" เปดิ โอกาสให้
รับบุคคลสามัญทม่ี คี ุณสมบัติตามข้อกำหนดเข้าเป็นนักเรยี นนายรอ้ ยไดต้ ่อมามีผสู้ นใจเข้ารับการศึกษาเพม่ิ
มากข้ึน จงึ โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายนกั เรยี นนายสิบไปสังกัดกองพลทหารบกตามเดมิ และ เม่ือ 26พฤษภาคม
2446 ไดเ้ ปล่ยี นชื่อโรงเรียนเปน็ "โรงเรยี นนายรอ้ ยทหารบก" เปดิ การสอนใน 2 แผนก คอื โรงเรียนนาย
รอ้ ยช้ันปฐม และโรงเรยี นนายรอ้ ยชั้นมัธยม
5 ปถี ดั มา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว ทรงเหน็ ว่าสถานทีโ่ รงเรียนนายร้อย
ทหารบกคับแคบไปแล้วไมเ่ พียงพอแก่การที่จะผลติ นักเรียนเพ่มิ ขนึ้ ทนั กบั ความต้องการของสถานการณ์ใน
เวลานั้น ซง่ึ ขาดแคลนนายทหาร จึงโปรดเกล้าฯ ให้ซื้อท่ีดนิ ติดถนนราชดำเนนิ นอก เป็นเนือ้ ที่ประมาณ
30 ไรเ่ ศษ ดำเนนิ การก่อสรา้ งโรงเรยี นนายร้อยชัน้ มัธยม (ส่วนโรงเรยี นนายรอ้ ยช้ันปฐมยังคงอยู่ ณ
โรงเรยี นทหาร –
สราญรมยเ์ ดมิ ) เสร็จแลว้ พระองค์ไดเ้ สดจ็ พระราชดำเนนิ มาทรงกระทำพิธีเปิดโรงเรียนเม่ือ 26 ธนั วาคม
2452 โรงเรยี นนายร้อยชั้นปฐม และโรงเรียนนายร้อยชั้นมธั ยมได้ดำเนินการมาด้วยดี ต่อมาเศรษฐกิจ
ของชาตติ กต่ำ กระทรวงกลาโหมจงึ ใหร้ วมโรงเรียนนายรอ้ ยทัง้ สองนเ้ี ขา้ ดว้ ยกนั เรียกชื่อวา่ "โรงเรยี นนาย
รอ้ ย -ทหารบก" อยู่ภายใต้การกำกบั ดูแลของกรมยุทธศึกษาทหารบก
วันท่ี 26 มีนาคม พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั ไดเ้ สด็จมาพระราชทาน
กระบแ่ี ก่นกั เรยี นนายร้อยทหารบกทจี่ บการศึกษาช้ันสงู สดุ เป็นคร้งั แรก และจากนนั้ เปน็ ต้นมา
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานกระบี่แก่นักเรียนนายร้อยที่จบ
การศกึ ษาข้ันสงู สุดทกุ ปี
พ.ศ. 2477 ไดม้ กี ารจดั ตั้งโรงเรยี นเทคนคิ ทหารบกขนึ้ ในกรมยทุ ธศึกษาทหารบก เพ่ือผลิต
นายทหารบางเหลา่ ทีเ่ ป็นเหล่าสายเทคนิค
วันท่ี 2 ธนั วาคม พ.ศ. 2485 – วนั ท่ี 14 มกราคม พ.ศ.2487 ได้มกี ารผลติ นักเรยี นนายรอ้ ย
หญงิ ขนึ้ 1 ร่นุ จำนวน 28 คนและมีร่นุ เดยี ว
วนั ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2485 - พ.ศ. 2487 ได้มกี ารผลิตนกั เรยี นนายร้อยสำรองขึ้น 3 ร่นุ
และได้เปิดหลกั สูตรอีกครัง้ หนึง่ ต้ังแต่ 30 เมษายน 2499 อีก 6 รุ่น รวม 9 รุ่น
ตัง้ แต่ พ.ศ.2510 กองทพั บกไดก้ ำหนดนโยบายท่จี ะยา้ ยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกลา้ ไปยัง
สถานทีต่ ัง้ แห่งใหม่ เนื่องจากโรงเรยี นนายร้อยพระจลุ จอมเกลา้ บริเวณถนนราชดำเนนิ นอก
กรงุ เทพมหานคร อย่ใู นสภาพแออัด ขาดสถานที่ฝึกศึกษา เล่นกฬี า และพกั ผ่อนท่ีเพยี งพอ ไม่มสี ภาพ
ส่งิ แวดล้อมทเ่ี หมาะสำหรับการเปน็ โรงเรียนนายร้อยหลกั ของประเทศ กองทัพบกจึงได้พิจารณาสถานที่ท่ี
จะต้งั โรงเรียนนายร้อยฯ แห่งใหม่หลายจงั หวัด เชน่ จงั หวดั กาญจนบุรี ประจวบครี ีขนั ธ์ สระบุรี ลพบรุ ี
และพระนครศรีอยธุ ยา แตม่ ีปัญหาเก่ียวกบั ท่ีดินทกุ แห่ง จนเมือ่ เดือน ธนั วาคม พ.ศ. 2523
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวทรงทราบอุปสรรคข้อขดั ข้องของโครงการน้ี จึงทรงมีพระราชดำริใหโ้ รงเรียน
นายร้อยฯ แหง่ ใหมม่ าตัง้ อยู่ ณ บริเวณเขาชะโงก เขตอำเภอเมืองนครนายก และอำเภอบ้านนา จังหวัด
นครนายก เน่อื งจากท่ดี นิ บริเวณนเ้ี ปน็ ที่ดินของกองทพั บก ตามพระราชกฤษฎีกาฯ พ.ศ.2484 อยแู่ ล้ว
๑๕๓
ประกอบกบั มีความกว้างขวางพอเพยี ง มีสภาพภูมิประเทศและสง่ิ แวดลอ้ มเหมาะสม กลา่ วคอื มีเทือกเขา
ลอ้ มรอบ ดา้ นทิศตะวนั ตก ทิศเหนอื และทศิ ตะวนั ออก บรเิ วณตอนกลางและทางด้านใต้เป็นทร่ี าบ ซึ่งมี
พ้นื ท่ีพอเพียงทีจ่ ะสามารถใช้ก่อสรา้ งอาคารสว่ นราชการ สถานทฝ่ี ึกนักศึกษา และการกีฬา พร้อมทง้ั ส่วน
บริการ ส่วนทีพ่ กั อาศัย และส่วนประกอบต่าง ๆ ได้อยา่ งสมบูรณ์ นอกจากนี้ มปี ญั หาเก่ียวกบั ราษฎรนอ้ ย
กว่าจงั หวดั อื่น ๆ ฯพณฯ พลเอกเปรม ตณิ สูลานนท์ นายกรัฐมนตรใี นฐานะผ้บู ญั ชาการทหารบกขณะนน้ั
จึงได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรบั พระราชทานพระราชดำรนิ ้ี มาเปน็ นโยบายของกองทัพบก กำหนด
ระยะเวลาก่อสรา้ ง 5 ปี เรม่ิ แตป่ งี บประมาณ 2524 แล้วเสร็จสมบูรณ์ ในปี พ.ศ.2529 วงเงิน
งบประมาณ 1,623.4 ล้านบาท และกองทัพบกได้กราบบงั คมทูลอัญเชญิ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัว
เสดจ็ พระราชดำเนนิ ทรงประกอบพธิ วี างศลิ าฤกษ์โรงเรียนนายร้อย – พระจลุ จอมเกลา้ แห่งใหม่ ณ เขา
ชะโงก จงั หวัดนครนายก เมื่อวันท่ี 5 สงิ หาคม พ.ศ.2524
หอ้ งสมุดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
ในห้วงสงครามมหาเอเซียบูรพา ประเทศไทยไดท้ ำสัญญาเปน็ พันธมติ รไมตรีกับฝา่ ยญี่ปุ่น เม่อื
21 ธนั วาคม 2484 ในปี พ.ศ. 2486 ฝา่ ยพนั ธมติ รได้ทำการโจมตที างอากาศต่อทห่ี มายใน
กรงุ เทพมหานครอย่างหนัก ทางราชการจึงคดิ แผนการย้ายเมืองหลวงไปอยู่ ณ สถานท่ีแห่งใหมใ่ นเขต จ.
เพชรบรู ณ์ ในวนั ท่ี 10 มกราคม 2487 นกั เรียนนายร้อยทุกหลกั สูตรและทกุ คน จงึ ได้ออกเดนิ ทางจาก
กรุงเทพมหานครไปขน้ึ รถไฟที่สถานีรถไฟสามเสน ไปลงทีส่ ถานีรถไฟตะพานหิน จ.พิจติ ร จากนั้นเดินเทา้
ตอ่ ไปอกี 112 ก.ม. เขา้ สู่หมู่บ้านปา่ แดง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เปดิ ทำการสอนนกั เรยี นนายร้อยอยู่ไม่นาน
พอต้นปี พ.ศ. 2488 ไดเ้ คลอื่ นย้ายมาอยูใ่ น จ.พระนครศรีอยุธยา จนกระท่ังสงครามสงบในเดือน
กันยายน 2488 โรงเรยี นนายร้อยจงึ ได้กลบั มาอยู่ ณ สถานทต่ี ั้งเดิม
พ.ศ. 2489 กระทรวงกลาโหมได้ดำเนนิ การปรับปรุงหลักสูตรของโรงเรยี นนายร้อย เป็น
หลักสตู รการศกึ ษา 5 ปีตามแบบอยา่ งโรงเรยี นนายร้อยทหารบกของสหรฐั อเมริกา
วนั ท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2491 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดลุ ยเดชทรงพระกรุณา
โปรดเกลา้ ฯ พระราชทานนามโรงเรยี นนายร้อยแทนช่ือเดิมว่า "โรงเรยี นนายร้อยพระจุลจอมเกล้า"
วนั ท่ี 24 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2491 มีพระราชบญั ญัติกำหนดวทิ ยฐานะผูส้ ำเร็จการศึกษาจาก
โรงเรียนนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกลา้ ใหไ้ ด้วทิ ยฐานะวทิ ยาศาสตร์บณั ฑติ ใชอ้ ักษรย่อวา่ วทบ. (ทบ.)
ต่อมาโรงเรยี นนายร้อย พระจุลจอมเกลา้ ณ ถนนราชดำเนินนอกอย่ใู นสภาพแออดั ดว้ ยมจี ำนวน
นกั เรยี นนายร้อยเพิ่มข้นึ สถานท่ฝี กึ ศกึ ษา เล่นกีฬา และสถานท่พี ักผอ่ นไมเ่ พยี งพอ ขาดสภาพสง่ิ แวดลอ้ ม
สำหรับการเปน็ โรงเรียนนายรอ้ ยหลักของประเทศ ความทราบถึงพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั จงึ มี
พระราชดำรใิ หโ้ รงเรยี นนายร้อยพระจลุ จอมเกลา้ มีสถานที่ตง้ั แหง่ ใหม่ ณ บริเวณเขาชะโงก อำเภอเมือง
จงั หวัดนครนายก โรงเรียนนายร้อยแห่งน้ไี ด้กระทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ 5 สงิ หาคม 2524 โดย
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั และพลเอกหญิงสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (ขณะ
ดำรงพระยศพนั เอก) ไดเ้ สดจ็ ฯ มากระทำพธิ ี 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 ขา้ ราชการ ลูกจ้าง นกั เรยี นนาย
ร้อย พร้อมดว้ ยศิษย์เกา่ ไดพ้ ร้อมใจกนั เดินเท้าออกจากโรงเรียนนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกล้าสถานท่ีตั้งเดิม
เข้าสู่สถานทต่ี ้งั แห่งใหม่ โดยมีพลเอกหญงิ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์
ประธานในการนำกำลังพลเข้าสู่สถานท่ตี ั้งแหง่ ใหม่ด้วยความเรยี บร้อยพร้อมเพรยี งกัน
๑๕๔
วนั ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2529 พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั เสด็จพระราชดำเนนิ ทรงเปิด
โรงเรยี นนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกล้า จงั หวัดนครนายก ถือเป็นการเปดิ โรงเรียนนายรอ้ ยแหง่ ใหมอ่ ยา่ งเป็น
ทางการ และได้ดำเนนิ การสอนมาจนถึงปจั จุบนั
โรงเรยี นนายร้อยพระจุลจอมเกลา้ เปน็ แหล่งผลิตนายทหารหลักของกองทัพบก ออกมารับใช้
ประเทศชาติ เปน็ ระยะเวลาอันยาวนานถึง 100 กวา่ ปี คนแลว้ คนเลา่ ทีห่ ลอ่ หลอมออกมาจากเป้า
เดยี วกัน ต่างประสบความสำเรจ็ ในชีวิตที่แตกตา่ งกันออกไป ทง้ั นส้ี ดุ แท้แตว่ ถิ ชี วี ิตของแตล่ ะบคุ คล
โรงเรยี นนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกลา้
ห้องสมุดโรงเรยี นนายร้อยพระจลุ จอมเกลา้
โรงเรยี นเตรียมทหาร
โรงเรียนเตรยี มทหาร (Armed Forces Academies Preparatory School) (AFAPS) ตั้งอยทู่ ี่
เลขที่ 9 หมูท่ ่ี 10 ตำบลศรีกะอาง อำเภอบ้านนา จงั หวัดนครนายก เปน็ สถาบันการศึกษาระดับ
มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สงั กัดสถาบันวิชาการปอ้ งกันประเทศกองบญั ชาการกองทัพไทย และเป็น
สถาบนั การศึกษาแห่งเดียวในประเทศไทย ท่ีเปน็ ศนู ยร์ วมเบ้ืองตน้ สำหรับผู้ทีจ่ ะเข้าศึกษาตอ่ ในโรงเรยี น
นายร้อยพระจลุ จอมเกลา้ โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ และโรงเรยี นนายร้อยตำรวจ
ผทู้ ศี่ กึ ษาในโรงเรียนเตรียมทหาร เรยี กวา่ นักเรยี นเตรียมทหาร (นตท.)
ประวัติ
เมอื่ วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 ฯพณฯ จอมพล ถนอม กติ ตขิ จร ขณะน้นั ดำรงตำแหน่ง
รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงกลาโหมได้เสนอดำริตอ่ สภากลาโหมวา่ หากจะรวมโรงเรียน ท่ีอยใู่ นระดับ
การศกึ ษาเดียวกนั จากกองทัพตา่ ง ๆ เปน็ สถาบันเดียวกันก็จะเป็นการประหยดั งบประมาณของชาติ ทงั้
ยังทำใหผ้ ู้ศึกษามีโอกาสได้รจู้ ักค้นุ เคย มีความสนทิ สนมกลมเกลียว มีความสามัคคีเปน็ น้ำหนง่ึ ใจเดียวกัน
มีความคดิ จิตใจรว่ มกัน แตเ่ ยาวว์ ยั ซ่งึ จะส่งผลใหบ้ ุคคลเหล่านี้ สามารถประสานงานกนั ได้ดว้ ยดีและ
ปฏบิ ัตงิ านรว่ ม กันอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ สภากลาโหมไดเ้ ห็นชอบ ในดำรนิ เี้ ปน็ เอกฉันท์ ในขนั้ แรกใหร้ วม
๑๕๕
โรงเรียนเตรียมนายร้อย โรงเรียนเตรียมนายเรอื และโรงเรยี นเตรยี มนายเรอื อากาศ เปน็ โรงเรียนเตรียม
ทหาร สงั กัดกรมการศึกษาวิจัย กองบัญชาการทหารสูงสุด เมื่อวนั ที่ 27 มกราคม 2501 จงึ ถือว่าวนั ท่ี
27 มกราคมของทกุ ปี เป็นวันคล้าย
วันสถาปนาโรงเรยี น เตรียมทหาร ผูบ้ ัญชาการคนแรกคอื พลเอก ปยิ ะ สวุ รรณพิมพ์ ซง่ึ ถือวา่ เปน็ ปชู นยี ์
บุคคลของโรงเรยี นเตรยี มทหาร ในปี พ.ศ. 2506 กรมตำรวจไดข้ อให้โรงเรยี นเตรยี มทหาร รับนักเรียน
เพือ่ เข้าศึกษาต่อในโรงเรียน นายรอ้ ยตำรวจด้วย โรงเรยี น เตรียมทหารจึงเป็นศนู ย์รวมเบื้องต้น สำหรับ
นาย ทหาร นายตำรวจ สมบรู ณ์ครบถว้ ยตามอดุ มการณ์ท่วี ่า "ความสามคั คี กลมเกลยี ว เปน็ พลงั อนั
สำคญั ของชาต"ิ ในระยะแรกนัน้ โรงเรยี นเตรยี มทหารยงั ไม่มที ีต่ ้ังถาวรไดใ้ ช้อาคารโรงเรยี นนาย ร้อยพระ
จุลจอมเกล้า ถนนราชดำเนินนอก กรงุ เทพมหานคร เป็นสถานทเี่ รยี นชว่ั คราวตอ่ มาเมื่อวนั ท่ี 8 มกราคม
2504 โรงเรยี นเตรียมทหารได้จดั ให้มพี ิธีวางศลิ าฤกษ์สรา้ ง โรงเรยี นเตรยี มทหาร ข้ึน ณ เลขท่ี 1875
ถนนพระราม 4 แขวงลุมพนิ ี เขตปทมุ วนั กรุงเทพมหานคร ซ่ึงเดิมเป็นทตี่ ั้งของกองสัญญาณทหารเรือ มี
พน้ื ทปี่ ระมาณ 35 ไร่ 3 งาน 47 ตารางวา หลังจากไดส้ รา้ งโรงเรยี นเสร็จเรยี บรอ้ ยแล้ว ได้ยา้ ยมาอยู่ท่ี
พระราม 4 เม่ือวันท่ี 21 ธนั วาคม 2504 ในปี พ.ศ. 2522 กองพนั ทหารสอื่ สาร กองบัญชากร
กองทัพบกและกองรอ้ ยทหารสอื่ สาร ซอ่ มบำรุงเขตหลงั กองบญั ชาการกองทัพบก ได้ย้ายออกจากพ้ืนท่ที ่ี
อย่ตู ่อ เน่ืองกนั โรงเรยี นเตรียมทหารจึงไดร้ ับพ้นื นที่ทางดา้ นทิศตะวนั ตกและทิศเหนือเพ่ิม อกี 91 ไร่ 62
ตารางวา รวมเปน็ 127 ไร่ 9 ตารางวา
ในปี พ.ศ. 2537 พลอากาศเอก วรนาถ อภจิ ารี ผบู้ ญั ชาการทหารสูงสดุ ในเวลาน้ันไดพ้ ิจารณาวา่
สภาพแวดล้อมตา่ ง ๆ ของโรงเรยี นเตรยี มทหารได้ เปล่ยี นแปลงไป พืน้ ท่โี ดยรอบกลายเป็นย่านชมุ ชน
หนาแนน่ ท้งั ยังมีสภาพแวดลอ้ มเป็นมลพษิ อีกท้ังพน้ื ทีข่ องโรงเรียนเตรยี มทหารมขี ้อจำกัดต่อการเพิ่มขีด
ความ สามารถในการผลติ นักเรยี นเตรยี มทหาร และการพัฒนาโรงเรียนเตรยี มทหารด้านต่าง ๆ ในอนาคต
จงึ ได้ปรึกษากบั สำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตรยิ ์ ซงึ่ เปน็ เจ้าของพน้ื ทตี่ ั้งโรงเรยี นเตรียมทหาร ถงึ
การยา้ ยที่ตัง้ โรงเรียนเตรยี มทหาร ไปยงั สถานท่ตี ้ังแหง่ ใหม่ทเ่ี หมาะสม ซึง่ ไดร้ บั การสนบั สนุนการ กอ่ สรา้ ง
จากสำนักงานทรพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษัตรยิ โ์ ดยได้มอบใหบ้ ริษัท คริสเตยี น นีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด
(มหาชน) ซ่งึ เปน็ บริษัทในเครือของสำนกั งานทรัพย์สนิ ส่วนพระมหากษัตริย์ดำเนนิ การศึกษาความ เป็นไป
ได้ต่าง ๆ ของโครงการยา้ ยโรงเรยี นเตรียมทหาร รวมทง้ั เสนอแนะพื้นท่ีตั้งโครงการ ในท่ีสุดได้เลือกพื้นท่ี
ตำบลศรีกะอาง อำเภอบ้านนา จงั หวดั นครนายก เปน็ ท่ตี ้งั โรงเรียนเตรียมทหารแห่งใหม่ ไดร้ บั การ
สนับสนุนจากกองทพั บก เจา้ ของพ้ืนท่มี อบพ้ืนท่ีใหด้ ำเนนิ การ ประมาณ 2,460 ไร่ เป็นผลใหโ้ ครงการ
ก่อสร้าง โรงเรียนเตรยี มทหารแหง่ ใหม่เกิดขึ้น โครงการก่อสรา้ งโรงเรยี นเตรียมทหารแห่งใหม่ ได้เรมิ่
ดำเนินการมาต้ังแต่ เดือนสงิ หาคม 2539 และได้รบั พระมหากรณุ าธคิ ุณจาก พลเอกหญิงสมเดจ็ พระเทพ
รตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ าร เสดจ็ พระราชดำเนนิ ทรงวางศลิ าฤกษ์ เมื่อวันอังคาร ที่ 27 มกราคม
2541 ตอ่ มากองบัญชาการทหารสงู สดุ ไดม้ คี ำส่ังใหเ้ คลอื่ นย้ายโรงเรยี น เตรยี มทหารมายังท่ีตั้งแห่งใหม่
ณ เลขที่ 185 หมู่ 5 ตำบลศรีกะอาง อำเภอบา้ นนา จังหวัดนครนายก กำหนดระยะเวลา ต้งั แต่ 1
กมุ ภาพันธ์ 2543 และให้สามารถเปดิ การศึกษาไดใ้ นเดือนพฤษภาคม 2543 โดย มีพิธีเคลื่อนยา้ ย
โรงเรยี นเตรียมทหาร เข้าสู่ที่ตั้งในวันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม 2543 วนั ศกุ ร์ที่ 15 กันยายน 2543
พลเอกหญงิ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี
เสด็จพระราชดำเนนิ ทรงประกอบพธิ เี ปดิ โรงเรียน
๑๕๖
สญั ญลักษณป์ ระจำโรงเรยี น
เคร่ืองหมายจกั รดาว เป็นสัญลกั ษณ์ของโรงเรียนเตรยี มทหาร ประกอบด้วย คบเพลงิ หมายถึง
การศกึ ษาและความร่งุ โรจน์ ชอ่ ชัยพฤกษ์ หมายถึง เคร่อื งหมายช้ันยศนายพลของกองทัพบกและตำรวจ
จักรเวียนซา้ ย หมายถึง เคร่ืองหมายชนั้ ยศนายพลของกองทพั เรือ ดาวหา้ แฉก หมายถงึ เครอ่ื งหมายชน้ั
ยศ
นายพลของกองทัพอากาศ
สีประจำโรงเรยี น
แดง นำ้ เงิน ฟ้า เลือดหมู สีแดง คือ เหล่าทหารบก สีนำ้ เงิน คือ เหลา่ ทหารเรือ สฟี ้า คือ เหลา่
ทหารอากาศ สีเลือดหมู คือ เหล่าตำรวจ
แหล่งท่องเทีย่ ว
อุทยานแหง่ ชาติเขาใหญ่
อทุ ยานแห่งชาติเขาใหญ่ หรือ ป่าเขาใหญ่ นบั เป็นปา่ แหง่ แรกและแหง่ เดียวในประเทศที่มีบรกิ าร
อำนวยความสะดวกทางการท่องเท่ียวอย่างพรั่งพร้อมทุกด้าน นบั แต่ส่งิ แรก คือ มธี รรมชาติหลายแบบ
สวยงามตลอดปี มีที่พกั ท่ีจัดเลย้ี งสงั สรรค์ ทจ่ี ัดประชุมสมั มนา มีอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ใชค้ รบครัน
อทุ ยานแหง่ ชาติเขาใหญ่มีเนอ้ื ท่ีท้ังหมดประมาณ 2,168 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพ้ืนท่ีของ
4 จงั หวดั คือ จังหวัดนครนายก นครราชสมี า ปราจีนบุรี และสระบุรี ประมาณร้อยละ 24 ของพื้นที่ปา่
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต้ังอยู่ท่บี รเิ วณหนองขงิ ตำบลหินตั้ง อำเภอเมืองนครนายก จงั หวดั นครนายก
ประกอบดว้ ยทีท่ ำการอทุ ยานแหง่ ชาติเขาใหญ่และบ้านพักของกรมปา่ ไม้ โรงแรม ร้านอาหารและสนาม
กอลฟ์ ของการท่องเทย่ี วแห่งประเทศไทย
อทุ ยานแห่งชาติเขาใหญ่ มภี ูมิประเทศสวยงาม ประกอบด้วย ป่าดบิ ป่าโปรง่ ธารนำ้ น้ำตก สตั ว์
ป่า และพันธ์ุไมป้ ่านานาชนิด ยอดเขาสูงทส่ี ดุ ในเทือกเขาใหญ่ คอื ยอดเขาเขียว ต้งั อยใู่ นเขตจงั หวัด
นครนายก มีความสงู จากระดับนำ้ ทะเลประมาณ 1,292 เมตร นอกจากนมี้ นี ำ้ ตกที่สวยงามมชี อ่ื เสียงของ
อทุ ยานแหง่ ชาติเขาใหญ่หลายแห่ง ตงั้ อยู่ในเขตจังหวัดนครนายก ได้แก่ นำ้ ตกเหวสุวัต นำ้ ตกกองแก้ว
น้ำตกผากลว้ ยไม้ นำ้ ตกเหวไทรน้ำ นำ้ ตกเหวประทุน น้ำตกผากระจาย นำ้ ตกผาชมพู นำ้ ตกผาตาด
น้ำตกมะนาว น้ำตกตาดตาภู่ นำ้ ตกตาคง และน้ำตกเหวนรก หรือนำ้ ตกสามธดิ า ซงึ่ เปน็ นำ้ ตกขนาดใหญ่
มคี วามสวยงามมากเพ่ิงเปิดเป็นจดุ ท่องเท่ยี วพร้อมกับการสรา้ งถนนสายปราจีนบุรี – เขาใหญ่ และเปน็
แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วทส่ี ำคญั อกี แห่งหนึ่งของอทุ ยานแหง่ ชาติเขาใหญ่
๑๕๗
ปจั จบุ ันการคมนาคม ไปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีความสะดวกมาก เพราะมีถนน 2 สาย ท่ตี ัด
เขา้ สูเ่ ขาใหญ่ นักท่องเทีย่ วจากกรงุ เทพมหานคร และจากจังหวัดข้างเคยี งสามารถเดนิ ทางกันแบบเปน็
วงรอบได้
ทางสายแรก คือ จากกรุงเทพฯ – สระบุรี – มวกเหล็ก – กลางดง – แยกเข้าถนนธนะรชั ต์สูย่ อด
เขาใหญ่ รวมระยะทาง 205 กโิ ลเมตร (เป็นทางสายเก่า)
ทางสายที่ 2 คือ จากกรุงเทพฯ – รังสิต – นครนายก – ปราจีนบรุ ี – เขาใหญ่ ระยะทาง 167
กโิ ลเมตร
เขอื่ นขนุ ดา่ นปราการชล
เขื่อนขุนด่านปราการชลเป็นเข่ือนคอนกรีตบดอัด (Roller Concrete หรือ RCC Dam) ที่ใหญ่
ท่ีสุดในประเทศไทยและยาวที่สุดในโลก มีความสูง ๙๓ เมตร ยาว ๒,๕๙๔ เมตร ระดับสันเขื่อน +
๑๑๒ เมตร ที่ระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) พ้ืนผิวอ่าง ๓,๐๘๗ ไร่ สามารถเก็บกักน้ำได้ ๒๒๔
ล้านลูกบาศก์เมตร การก่อสร้างเป็นการผสมผสานเทคโนโลยี๒ รปู แบบ ระหว่างเทคโนโลยีการกอ่ สร้าง
เขื่อนดินและเทคโนโลยีการก่อสร้างเข่ือนคอนกรีต มีปริมาตรคอนกรีตบดอัดหรือ RCC มากที่สุดในโลก
คอื มีปริมาตรถึง ๔.๘๔ ล้านลูกบาศกเ์ มตรทีใ่ ชซ้ ีเมนตผ์ งผลติ ในประเทศจากแหล่งผลติ จงั หวดั สระบุรี เถ้า
ลอยลิกไนต์จากโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์แม่เมาะ จังหวัดลำปางซึ่งเป็นการนำวัสดุเหลือท้ิงมาใช้ให้เกิด
ประโยชน์อย่างคุม้ คา่ ส่วนวัสดุทรายและหนิ ยอ่ ยจากแหลง่ หินในอา่ งเก็บน้ำบริเวณนำ้ ท่วม
เข่ือนขนุ ดา่ นปราการชลมีองค์ประกอบหลกั ดังนี้
๑. เขือ่ นหลกั (RCC-B) ระดับสันเขื่อน + ๑๑๒ เมตร(รทก.) ยาว ๑,๔๓๗ เมตร สงู ๙๓
เมตร
๒. เขอื่ นรอง (RCC-S) ระดบั สันเขือ่ น + ๑๑๒ เมตร(รทก.) ยาว ๑,๑๕๗ เมตร สูง ๘๕
เมตร
๓. เขอ่ื นดินปิดช่องเขาต่ำ (Saddle Dam) ระดบั สันเขือ่ น + ๑๑๔ เมตร(รทก.) ยาว ๓๕๐
เมตร สงู ๔๖ เมตรปริมาตรเขอื่ นดนิ ๑.๒ ลา้ นลูกบาศก์เมตร
๔. อา่ งเก็บน้ำ (Reservoir)ปรมิ าณนำ้ เก็บกกั ปกติ ๒๒๔ ลา้ นลูกบาศกเ์ มตร
๕. อาคารประกอบ ประกอบด้วย
๕.๑ อาคารระบายน้ำลน้ (Spillway) เปน็ อาคารคอนกรตี เสริมเหลก็
ตั้งอยูบ่ นสนั เขอ่ื นทำหน้าทเ่ี ปน็ อาคารระบายนำ้ ลน้ มลี กั ษณะ
เป็นรางเท สามารถระบายน้ำได้สงู สุด๑,๔๕๔ ลูกบาศกเ์ มตร
ตอ่ วินาที ผา่ นช่องระบาย ๔ ชอ่ ง ซ่งึ ควบคุมด้วย Radial
Gate ๔ ชุด ขนาดชดุ ละ ๑๐.๐๐ x ๘.๔๐ เมตร
๕.๒ อาคารระบายนำ้ ลงลำนำ้ เดิม (River Outlet) เป็นอาคาร
คอนกรตี เสริมเหล็ก ทำหนา้ ท่ีระบายนำ้ จากอ่างเก็บนำ้ ลงคลอง
ท่าด่านตามวัตถปุ ระสงค์ของการใช้นำ้ ในกิจกรรมต่างๆ ทกี่ ำหนด
สามารถระบายน้ำ ได้ ๔๒ ลูกบาศกเ์ มตรต่อวนิ าที
๕.๓ อาคารระบายน้ำ (Bottom Outlet) เปน็ อาคารคอนกรีต
๑๕๘
เสริมเหล็กตัง้ อยดู่ า้ นซา้ ยของอาคารระบายน้ำลงลำน้ำเดมิ
ออกแบบไวเ้ พ่อื ทำหน้าท่รี ะบายน้ำออกจากอ่างเกบ็ น้ำ
จากระดบั น้ำเตม็ อา่ ง ใหเ้ หลือครง่ึ หนง่ึ ของอา่ งเกบ็ น้ำได้
ภายใน ๑๐ วนั ในกรณมี ีเหตจุ ำเป็น เพือ่ ชว่ ยบรรเทาปัญหา
นำ้ หลากหรอื นำ้ ท่วมท่ีเกิดขึ้นในล่มุ นำ้ นครนายกสามารถระบายน้ำ
ได้ ๑๘๒ ลกู บาศกเ์ มตรตอ่ วนิ าที
๕.๔ อาคารสง่ นำ้ เขา้ คลองชลประทาน (Irrigtion Outlet) เป็นอาคาร
คอนกรีตเสรมิ เหลก็ ตง้ั อยทู่ างฝ่ังซ้ายของเข่ือนขุนด่านปราการชล
ทำหนา้ ท่สี ง่ นำ้ เขา้ สรู่ ะบบส่งน้ำ พื้นทีส่ ง่ นำ้ ๒๐,๐๐๐ ไร่ สามารถ
สง่ น้ำเขา้ คลองได้ ๖.๐๕ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ท่ีมาแห่งชื่อเขื่อนขนุ ดา่ นปราการชล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานชื่อเข่ือนคลองท่าด่าน ว่า “เข่ือนขุนด่านปราการ
ชล” เม่ือวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๔๙ ตามช่อื ของบคุ คลสำคัญในประวัติศาสตร์สมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา นามว่า
“ขุนหาญพิทักษ์ไพรวัน” หรือที่เรียกขานกันในนาม “ขุนด่าน” ตำแหน่งผู้ดูแลเขตแดนประจำเมืองหน้า
ด่าน และได้พระราชทานพระราชกระแสให้มีการติดป้ายโลหะจารึกประวัติของขุนหาญพิทักษ์ไพรวัน ณ
บริเวณเขอื่ นเพื่อระลกึ ถึงคุณงามความดีและเชิดชูเกยี รตขิ องทา่ นให้ปรากฏ ดงั ความจารึกต่อไปนี้
ขุนด่านเป็นตำแหน่งผู้ดูแลเขตแดนประจำเมืองหน้าด่านในสมัยกรุงศรีอยุธยาในตำนานท้องถิ่น
กล่าวถึงขุนด่านเมืองนครนายกว่า มีนามเดิมว่า “หาญ” เป็นบุตรของขุนพิจิตรไพรสณฑ์ซ่ึงเป็นนายด่าน
และหัวหน้าหมู่บ้านทางทิศตะวันออก แขวงเมืองนครนายก เม่ือบิดาถึงแก่กรรมแล้ว นายหาญได้รับ
หน้าทีส่ ืบต่อจากบิดา โดยได้รบั พระราชทานบรรดาศกั ด์วิ ่า “ขุนหาญพทิ ักษ์ไพรวนั ”
ในปีพุทธศักราช ๒๑๓๐ รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระยาละแวกเจ้าเมืองเขมร ส่ง
กองทัพมาตีเมืองปราจีนบุรีและเมืองนครนายกเพ่ือกวาดต้อนผู้คนและปล้นทรัพย์สิน ขุนด่าน(หาญ) ผู้น้ี
รีบแจ้งข่าวไปยังกรุงศรีอยุธยา พร้อมกับได้รวบรวมกำลังคนดักซุ่มโจมตีและสกัดกองทัพพระยาละแวก
ไม่ให้ผ่านไปโดยง่ายแม้จะมีกำลังน้อยกว่า แต่ก็ทำให้กองทัพพระยาละแวกได้รับความเสียหาย โดย
สามารถยันทัพพระยาละแวกไว้จนกรุงศรีอยุธยาส่งกำลังมาช่วย กองทัพเขมรจึงแตกพ่ายไปในที่สุด คุณ
ความดีที่ขุนหาญพิทักษ์ไพรวันได้กระทำในครั้งนั้น ได้รับการยกยอ่ งสรรเสริญจากชาวเมืองนครนายกเป็น
อย่างมาก เม่อื ถึงแก่กรรมชาวบ้านจงึ ไดส้ ร้างศาลแล้วนำอัฐิของท่านไปบรรจุไว้บริเวณหุบเขาชะโงก ตำบล
พรหมณี อำเภอเมืองนครนายก จังหวดั นครนายก เรยี กกนั ว่า “ศาลเจา้ พ่อขนุ ด่าน”
๑๕๙
ท้ังน้ี เม่ือวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๔๙ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
โปรดกระหม่อม พระราชทานช่ือเข่ือนคลองท่าด่านว่า “เข่ือนขุนด่านปราการชล” และได้พระราชทาน
พระราชกระแสให้มีการติดป้ายโลหะ จารึกประวัติของขุนหาญพิทักษ์ไพรวัน ณ บริเวณเขื่อน เพ่ือระลึก
ถงึ คุณงามความดีและเชิดชูเกียรติคุณของท่านให้ปรากฏ โดยต่อมากรมชลประทาน สำนักราชเลขาธิการ
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครนายก
และผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันดำเนินการจัดสร้างรูปหล่อสำริด “ขุนหาญพิทักษ์ไพรวัน” พร้อมก่อสร้าง
อาคารอนุสาวรีย์ซ่ึงเป็นท่ีประดิษฐานรูปหล่อสำริดขุนหาญพิทักษ์ไพรวัน บริเวณฝั่งขวาของหัวงานเขื่อนฯ
โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดแพรคลุมป้าย
อนุสาวรยี ์ขนุ หาญพิทกั ษ์ไพรวัน (ศาลเจา้ พ่อขนุ ด่าน) เมอ่ื วันท่ี ๓ ตุลาคม ๒๕๕๗
เข่ือนขุนด่านปราการชลนอกจากจะช่วยป้องกันอุทกภัยด้วยการเก็บกักน้ำท่ีไหลลงมาจาก
เทือกเขาไม่ให้มาสมทบกับปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ลุ่มน้ำนครนายกแล้วยังเป็นที่เก็บกักน้ำและจัดสรรน้ำ
ให้กับพ้ืนท่ีลุ่มน้ำนครนายกและพ้ืนที่ใกล้เคียงในฤดูแล้งให้เพียงพอเพื่อการอุปโภคบริโภคและการ
เพาะปลูกได้ตลอดปี ด้วยกำลังการส่งน้ำเพื่อการเกษตรให้แก่พื้นท่ี รวม ๑๘๕,๐๐๐ ไร่ รวมท้ังการ
ผลักดันน้ำเค็มเพ่ือรักษาระบบนิเวศน์ของลุ่มน้ำบางปะกงนอกจากนี้ปริมาณน้ำที่ส่งจากเขื่อนขุนด่าน
ปราการชลยังช่วยรักษาระดับน้ำใต้ดินและให้ความชุ่มช้ืนกับดินทำให้ไม่เกิดกรดกำมะถันจนกลายเป็นดิน
เปรี้ยว นอกจากนี้ อ่างเก็บน้ำยังเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุสัตวน์ ้ำและการทำประมง ได้แก่ ปลาชนิดตา่ ง ๆ และ
กุ้งก้ามกรามปัจจุบันมีการปล่อยสัตว์น้ำไปแล้วมากกว่า ๑๐ ล้านตัว ซึ่งจะให้ผลผลิตถึง ๕๘,๐๐๐
กิโลกรมั ตอ่ ปี และเป็นแหล่งท่องเท่ียวเชงิ อนุรักษ์
ท่ีสำคญั ของจังหวดั นครนายก
ศนู ย์ภูมริ กั ษ์ธรรมชาติ
ศูนย์ภมู ริ ักษ์ธรรมชาติเป็นศูนยก์ ารเรียนรทู้ ่ีก่อตั้งข้นึ โดยมลู นิธิชยั พัฒนาไดจ้ ดั ซ้ือท่ดี ินจำนวน ๑๔
ไร่ ๒ งาน๑๘ ตารางวา ซึ่งอย่หู ลังเขอ่ื นขุนดา่ นปราการชล บา้ นท่าด่าน ตำบลหินต้ัง อำเภอเมือง
จงั หวัดนครนายก เม่ือวันที่ ๒๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช
กุมารีพระราชทานพระราชานุมตั ิใหม้ ลู นธิ ิชยั พัฒนารว่ มกบั สมาคมนักเรยี นเกา่ วชิราวธุ วทิ ยาลยั ในพระบรม
ราชูปถัมภ์ดำเนินการจัดทำศูนยน์ ทิ รรศการแสดงแนวคิดและทฤษฎกี ารพฒั นาในพระบาทสมเด็จพระ
เจา้ อยหู่ ัวและพระราชทานช่ือโครงการว่า “ศนู ย์ภูมิรกั ษ์ธรรมชาติ” เมื่อวนั ที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ.
๒๕๔๕
เดิมท่ีดินเป็นทุ่งนา ได้มีการนำหินจากการระเบิดภูเขาเพ่ือสร้างเข่ือนขุนด่านปราการชล มาถม
ปรับพน้ื ท่ี ปลกู ต้นไมแ้ ละสร้างอาคารตา่ ง ๆ โดยมแี นวคดิ ในการพัฒนาพน้ื ที่ ดังน้ี
๑. ดิน : อยา่ ปอกเปลือก เปลือยดนิ ใหห้ ม่ ดิน
๒. นำ้ : ขุดรอ่ งนำ้ เพ่ือสรา้ งความชมุ่ ชน้ื ตามแนวคดิ “ฝายชะลอความชุ่มชื้น”
๓. ปา่ : ปลูกปา่ ๓ อยา่ ง ประโยชน์ ๔ อย่าง ปลกู ปา่ ๕ ชนั้ : สูง กลาง เต้ีย เร่ียดนิ
ใต้ดนิ
๔. ฅน: ปลกู ต้นไมใ้ นใจฅน
๑๖๐
ภายในบริเวณของศนู ย์จดั แบ่งการแสดงแนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาตนเองตามแนวพระราชดำริ
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวออกเปน็ ๔ ภาค คอื ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และภาคใต้ โดยจดั เปน็ จดุ เรียนรู้ ๒๒ จดุ ดงั น้ี
จดุ ที่ ๑ เป็นจุดทแ่ี สดงแนวคิดในการลดค่าใชจ้ ่ายในครัวเรือนซึ่งอยู่ ๑ ใน ๓ เสาเข็มตน้ แรกที่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเน้น คือ การพออยู่ พอกิน พอใช้ ซ่ึงมีการแสดงผลิตภัณฑ์ท่ีใช้ใน
ครวั เรือนที่ทำขึ้นเอง เช่น สบู่ ยาสระผม ครีมบำรงุ ผิว ฯลฯ ซ่ึงสามารถลดรายจ่ายไดถ้ ึง ๗๐%รวมถึง
ความรเู้ กี่ยวกับประโยชนข์ องพืชสมุนไพรไทยอีกหลากหลายชนิด
จุดท่ี ๒ น้ำแดดเดียว เป็นเกร็ดความรู้เก่ียวกับการนำน้ำมาตากแดดเพียงวันเดียวเพื่อให้
แสงแดดช่วยจัดเรียงโมเลกุลของน้ำ จะมีลักษณะเป็นผลึกคริสตัล สามารถดูดซึมเอาแร่ธาตุสารอาห าร
และออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น และยังช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย แต่ถ้าคืนเดือนหงาย
สามารถนำตากแสงจนั ทร์ได้กลายเปน็ นำ้ สรุ ิยันจนั ทรา
จุดที่ ๓ หญ้าแฝก แบ่งเป็น ๒ กลุ่ม คือ แฝกลุ่มกับแฝกดอน แต่ที่นิยมกันได้แก่แฝกลุ่ม
เพราะรากมีความยาวกว่าแฝกดอน และสามารถอยู่ได้ทั้งน้ำท่วมและแล้ง หญ้าแฝกจะช่วยยึดการ
พังทลายของหน้าดิน ทำให้ดินดี เก็บความชื้นและยังช่วยดักตะกอนไม่ให้ไหลลงไปทับถมยังแหล่งน้ำ
ต่างๆ ระบบรากจะยาวตรงลงในแนวดงิ่ แตกออกด้านขา้ ง เรยี กวา่ กำแพงทมี่ ชี ีวติ
จุดท่ี ๔ การห่มดิน เป็นการใช้ธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยหลักการประหยัด เรียบ
งา่ ย โดยการนำเศษไม้ เศษฟาง เศษหญ้าแห้งมาคลุมบริเวณโคนต้น ประโยชน์ของการห่มดินคอื เป็น
ทอ่ี ยู่อาศัยของจุลินทรีย์ เป็นอาหารให้สัตว์หน้าดิน เช่น ไส้เดือน ก้ิงกือ ฯลฯ ซึ่งช่วยพรวนดินและถ่าย
มูลเป็นปุ๋ยให้พืช การห่มดินยังช่วยเก็บรักษาความช้ืน และเมื่อย่อยสลายจะกลายเป็นฮิวมัสซึ่งเป็นปุ๋ย
ใหก้ ับพืช
จุดท่ี ๕การบำบัดอุจจาระ ปัสสาวะ “เร่ืองขี้ ขี้”เป็นวิธีการเอาธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์
สูงสุด โดยใช้กระบวนการหมักที่อุณหภูมิ ๖๐-๗๐c จะหมดกลิ่นภายใน ๑๕ วันและหมดเช้ือภายใน
๒๘ วนั
จุดท่ี ๖ โซนไม้ไผ่ มีรับสงั่ จากสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่าต้องการให้
มโี ซนหน่ึงในการจัดแสดงแนวคดิ เรื่องของไผ่ เพราะไผ่มีความสำคญั กับวิถชี ีวติ คนไทยตั้งแตเ่ กดิ จนถงึ ตาย
ซึ่งสอดคลอ้ งกับแนวพระราชดำริของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั ในเรื่องพออยู่ พอกิน พอใช้
จุดท่ี ๗ ป่าเปียกป้องกันไฟ ในฤดูแล้งมักจะเกิดไฟป่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งว่า
วิธีการปอ้ งกนั ไฟป่าท่ดี ีท่ีสดุ คือ ใหป้ า่ เปยี กป้องกันตัวเองจากไฟปา่ ซ่ึงมี ๖ วธิ ี คือ
๑. ใช้แนวคลองสง่ น้ำและแนวพืชชนดิ ต่าง ๆ
๒. สรา้ งแนวกนั ไฟปา่ โดยใช้นำ้ จากระบบชลประทาน
๓. ปลกู ไมโ้ ตเรว็ คลุมร่องนำ้
๔. ใชฝ้ ายชะลอความชุ่มชน้ื
๕. สร้างภเู ขาปา่ โดยคอ่ ย ๆ ปลอ่ ยนำ้ ใหไ้ หลซึมลงสูด่ นิ
๖. ปลกู ต้นกลว้ ยเปน็ แนวห่างกนั ๒ เมตร
จุดท่ี ๘ ตะบันน้ำ เป็นการใช้แรงดันน้ำจากที่สูงปล่อยลงไปโดยใช้ CHECK วาวล์ เพิ่มแรงดัน
ของน้ำ
๑๖๑
จุดท่ี ๙ ป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับส่ังว่าการท่ี
คนเข้าไปบกุ รกุ ปา่ แบง่ ออกเปน็ ๓ กลุ่มหลักๆ คือ ตัดไม้มาทำบา้ น ทำเครอ่ื งเรอื น ไม่มีเงิน จึงต้องไป
รับจ้างตัดไม้ทำลายป่า และตัดไม้มาทำเป็นถ่าน เป็นฟืน เพ่ือเป็นการป้องกันก็ให้คนปลูกป่า ๓ อย่าง
ประโยชน์ ๔ อย่างในท่ีดนิ ของตนเอง คือ
๑. ป่าพออยู่ เปน็ ไมท้ สี ามารถนำมาสรา้ งบา้ นได้ เช่น สัก ตะเคียน ยางนา ชิงชนั
๒. ปา่ พอกิน ปลกู ผลไม้ หรือไม้กนิ ไดเ้ พอื่ กินและขายมรี ายได้
๓. ป่าพอใช้ ปลูกไม้โตเรว็ เชน่ ไม้ไผ่ กระถินเทพา สำหรับนำมาทำถ่าน ทำฟืน
เมื่อมปี ่า ๓ อยา่ งน้ี ปา่ ไม้ก็จะอดุ มสมบรู ณ์ เรยี กวา่ “พอรม่ เย็น” ดินจะดี น้ำจะดี
จุดที่ ๑๐ ฝายชะลอความชุ่มชื้น เน่ืองจากธรรมชาติของภูเขามักจะมีลำธาร พระบาทสมเด็จ
–
พระเจ้าอยู่หัวรบั สั่งว่า ในฤดูฝนน้ำก็จะไหลพาตะกอนดินไปหมด ฤดูแลง้ ไม่มีน้ำทำให้ป่าชุ่มชื้น ถ้าชะลอ
น้ำไว้โดยการใช้วัสดุธรรมชาติ เชน่ เศษกิ่งไม้ เศษหินนำมากั้นไว้ก็จะช่วยชะลอน้ำได้ ป่าก็จะมีความชุ่ม
ชื้น และยังช่วยดักตะกอนดินไม่ให้ไหลลงไปทำให้แหล่งน้ำท่ีอยู่ด้านล่างต้ืนเขิน การทำฝายชะลอน้ำ
แบ่งเปน็ ฝายช่ัวคราว เป็นการนำเศษก่ิงไม้มาทำเป็นฝายฝายกึ่งถาวร ใชก้ ระสอบทรายมากั้น และฝาย
ถาวร ใชซ้ ีเมนต์ซงึ่ แล้วแตค่ วามลาดชนั และกระแสนำ้
จุดท่ี ๑๑ การปลูกต้นไม้ในใจคน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับส่ังกับเจ้าหน้าท่ีกรมป่าไม้
เมอ่ื
ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ วา่ เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ควรจะ “ปลูกต้นไม้ในใจคน” เสียกอ่ น แล้วคนเหล่าน้นั ก็จะพากัน
ปลกู ต้นไม้ลงในแผ่นดินและรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง
จุดที่ ๑๒ ภาคกลาง เกษตรทฤษฎีใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับส่ังพระราชทานแก่
เกษตรกรโดยตรงเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๓๘ เพื่อให้เกษตรกรบริหารพ้ืนที่การทำกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สามารถพ่งึ ตนเองได้ไม่วา่ จะเกิดสภาวะทางธรรมชาติใด ๆ เกษตรกรกอ้ ยู่ได้ โดยกำหนดพ้ืนท่ี ๑๕ ไร่ซ่ึง
เป็นการเฉล่ียการถือครองท่ีดินของเกษตรกรขณะน้ัน โดยให้มีการแบ่งพ้ืนที่เป็น๔ ส่วน แต่สามารถ
ยืดหยุ่นได้ตามสภาพพ้นื ท่ีของแต่ละภูมภิ าค ดงั นี้
ส่วนที่ ๑ ขดุ สระนำ้ ๓๐ % ในพื้นท่ี ๔.๕ ไร่ ลึก ๔ เมตร จะสามารถจุนำ้ ได๑้ ๙,๒๐๐
ลกู บาศก์เมตร ซง่ึ จะนำไปใช้ดังน้ี
- น้ำใช้อปุ โภคบรโิ ภค ๕,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตร
- น้ำที่ใช้ในการทำนา ๕,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตร
- นำ้ ที่ใช้ในพชื ไร่ พืชสวน ๕,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร
- นำ้ ที่ระเหย ๔,๒๐๐ ลกู บาศก์เมตร
ส่วนที่ ๒ เป็นพืน้ ท่ีสำหรบั ทำนาขา้ ว ๓๐ % ในพื้นท่ี ๔.๕ ไร่
สว่ นที่ ๓ เป็นพืน้ ทส่ี ำหรับปลูกพชื ไร่ พชื สวน เชน่ การปลกู ปา่ ๓ อยา่ ง เพื่อประโยชน์ ๔
อย่าง ๓๐ % ในพ้นื ท่ี ๔.๕ ไร่
ส่วนที่ ๔ เป็นส่วนของทีอ่ ย่อู าศัยและโรงเรือนตา่ ง ๆ ๑๐ % ในพ้ืนที่ ๑.๕ ไร่
จุดที่ ๑๓ ภาคอีสาน การส่งเสริมอาชีพเสริม เป็นการแสดงการส่งเสริมอาชีพในพื้นท่ีท่ีมีน้ำ
น้อย เชน่ การปลกู ผัก จะต้องเลอื กผักทต่ี ้องการนำ้ นอ้ ย เช่น ถัว่ ฟกั ทอง เป็นต้น
๑๖๒
จุดที่ ๑๔ ธนาคารข้าว เป็นแนวคิดทีพ่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวพระราชทานให้กับเกษตรกร
ซ่ึงพระองค์ท่านได้เปรียบธนาคารข้าวเหมือนกับธนาคารท่ีเราฝากเงิน คือ ถ้าปีไหนฝนดีได้ข้าวมาก ก็
เปรยี บเหมอื นเรามีเงนิ มาก พอมเี งินมากเราก็ไปฝากธนาคาร แลว้ ถ้าปไี หนแลง้ ไม่มีข้าว หรือได้ขา้ วน้อยก็
เปรียบเหมือนเราไม่มีเงิน เรากต็ ้องไปท่ีธนาคารเพื่อเบิกเงนิ มาใช้ เช่นเดยี วกันถา้ ปไี หนฝนดี มีขา้ วมากก็
เอาไปฝากไว้ท่ีธนาคารข้าว ปไี หนฝนแล้งไม่มีข้าวก็ไปเบิกมา ทั้งน้ีเพอื่ ป้องกันปญั หาการขาดแคลนข้าวไว้
บริโภคนั่นเอง
จดุ ที่ ๑๕ การเล้ียงปศุสัตว์ เป็นเรอื่ งของการส่งเสริมการเล้ยี งปศุสัตว์ และการนำมูลของสัตว์ไป
ทำปุ๋ยชวี ภาพ
จุดที่ ๑๖ สายลม แสงแดด เป็นการบำบัดน้ำเสียโดยการขุดร่องน้ำ ระบายน้ำที่ใช้แล้วให้ไหล
มาตามร่องน้ำ และขุดบ่อตกตะกอนเป็นระยะตลอดร่องน้ำเพื่อให้ของเสียตกตะกอน ในร่องน้ำปลูกพืช
น้ำเพื่อกรองของเสีย ระหว่างน้ำไหลก็จะสัมผัสกับลม เท่ากับเป็นการเติมออกซิเจนลงในน้ำและให้ร่อง
น้ำผ่านบรเิ วณทม่ี แี สงแดดเพ่อื ฆา่ เชอ้ื โรค น้ำเสยี ก็จะกลายเปน็ นำ้ ดี
จดุ ที่ ๑๗ การทำปุย๋ ใช้เอง เนอื่ งเพราะเกษตรกรสว่ นหนง่ึ มีฐานะยากจน แต่ก็ต้องใชป้ ุ๋ยในการ
ผลิต จึงส่งเสรมิ ใหม้ กี ารทำปุ๋ยใช้เอง ซ่งึ มี ๒ สตู ร คอื
๑. ปยุ๋ แห้ง (แหง้ ชาม) หรือปยุ๋ หมักชวี ภาพ มีสว่ นประกอบ คือ มลู สตั ว์ ๑ กระสอบแกลบ
ดบิ ๑ กระสอบ รำ ๒ กิโลกรมั นำ้ หมกั ชวี ภาพ อตั ราส่วน ๑ : ๕๐
วิธีทำ นำสว่ นผสมทงั้ หมดคลุกเคลา้ ให้เข้ากัน เก็บใส่กระสอบ หรือต้ังกองทง้ิ ไว้ประมาณ ๗ วัน
ก็สามารถนำมาใช้ได้
๒. ปุ๋ยนำ้ (นำ้ ชาม) หรอื นำ้ หมักชวี ภาพ มีส่วนประกอบ คือ ผัก ผลไม้ เศษอาหารฯลฯ
๓ ส่วน กากนำ้ ตาลหรือน้ำตาลทรายแดง ๑ ส่วน น้ำเปลา่ ๑๐ สว่ น
วิธีทำ นำสว่ นผสมทุกอย่างมาหมักใส่ถังท่ีมีฝาปิดมิดชิด หมักไว้อยา่ งน้อย ๓ เดือนจึงสามารถ
นำมาใชไ้ ด้ในอตั ราส่วน นำ้ หมัก ๑ สว่ น ผสมกับนำ้ ๒๐๐ ส่วน
จุดท่ี ๑๘ การเผาถ่าน นอกจากจะเป็นการประยุกต์ให้เห็นเกี่ยวกับเรื่องพออยู่ พอกิน พอใช้
แล้ว ยงั เก่ียวเน่ืองกับการปลูกปา่ ๓ อยา่ ง ประโยชน์ ๔ อย่าง โดยนำเศษกิ่งไม้เล็ก ๆ ที่ได้จากการตัด
แต่งก่ิงมาทำถ่าน ทำฟืน ส่วนการเผาถ่านก็เผาด้วยเตาถังน้ำมัน ๒๐๐ ลิตร สามารถควบคุมอุณหภูมิ
หน้าเตาได้ จะทำให้มีขี้เถ้าน้อย และจะได้เป็นถ่านเยอะ ซึ่งถ้าควบคุมไฟดี ๆ ถ่านจะไม่มีควัน ส่วนท่ีได้
จากควันจะเปน็ น้ำสม้ ควันไม้ สามารถนำไปไล่แมลงได้
จดุ ที่ ๑๙ การทำน้ำมนั ไบโอดีเซล เปน็ การทำน้ำมันไบโอดเี ซลจากน้ำมนั ทีใ่ ช้แลว้ ในครัวเรอื น ซ่ึง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ทรงใช้นำ้ มันปาล์มมาทำน้ำมันไบโอดีเซลเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๘ ทศี่ ูนย์การศึกษา
พัฒนาพิกุลทอง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งได้ยื่นจดสิทธิบัตร ณ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
ในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว ชอ่ื ที่แสดงถึงการประดษิ ฐ์ คือ “การใช้น้ำมันปาล์ม
กล่นั บรสิ ทุ ธเ์ิ ปน็ น้ำมันเชอ้ื เพลงิ เครอื่ งยนตด์ เี ซล” สทิ ธบิ ตั รเลขท่ี ๑๐๗๖
จุดท่ี ๒๐ ทฤษฎีแก้มลิงเกิดข้ึนจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเม่ือคร้ังพระชนมายุ๙ พรรษา
ไดเ้ ห็นลิงกนิ กล้วยแลว้ เกบ็ ไว้ในกระพงุ้ แก้ม ไดม้ ีพระราชกระแสอธิบายว่า “ลงิ โดยทั่วไปถา้ เราส่งกลว้ ยให้
ลงิ จะรีบปอกเปลือก เอาเข้าปากเคี้ยว แล้วนำไปเก็บไว้ที่แก้มก่อน ลิงจะทำอย่างนี้จนกล้วยหมดหวี หรือ
เต็มกระพุ้งแก้มจากนนั้ จะคอ่ ยๆ นำออกมาเค้ียวและกลืนกินภายหลัง”เปรียบเหมอื นถ้ามีน้ำมากจะเก็บไว้
๑๖๓
ตามคลอง หรือ หนองบึง ขุดคลองหรือทำข้ึนมาใหม่เหมือนกับลิงกินกล้วย น้ำก็จะไมไ่ หลท่วมเปรอะไป
หมด พอถึงฤดูแล้งไม่มีน้ำก็เอาน้ำที่แก้มลิงมาใช้ก็จะลดปัญหาการขาดแคลนน้ำได้ นี้คือ พระอัจฉริยะ
ภาพของพระองค์
จุดที่ ๒๑โครงการแกล้งดิน เกิดข้ึนเม่ือคราวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ทรงเยี่ยม
ราษฎรในเขตจังหวัดนราธิวาส ในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ทรงพบว่าหลังจากมีการชักน้ำออกจากพื้นท่ีพรุเพ่ือจะ
ไดม้ ีพ้นื ท่ใี ช้ทำการเกษตรและเปน็ การบรรเทาอุทกภยั น้นั ปรากฏวา่ ดนิ ในพ้ืนทพ่ี รุแปรสภาพเป็นดนิ เปรี้ยว
จัด ทำให้เพาะปลูกไม่ได้ผล จึงมีพระราชดำริให้ส่วนราชการต่างๆ พิจารณาหาแนวทางในการปรับปรุง
พื้นที่พรุที่มนี ้ำแช่ขังตลอดปใี ห้เกดิ ประโยชน์ในทางการเกษตรมากท่ีสุดและใหค้ ำนึงถึงผลกระทบต่อระบบ
นิเวศด้วย การแปรสภาพเป็นดินเปรี้ยวจัด เนื่องจากดินมีลักษณะเป็นเศษอินทรียวัตถุ หรือซากพืชเน่า
เปือ่ ยอยขู่ า้ งบนและมรี ะดับความลึก ๑ – ๒ เมตร เปน็ ดินเลนสีเทาปนน้ำเงนิ ซ่งึ มีสารประกอบกำมะถนั ท่ี
เรียกว่า สารประกอบไพไรท์มาก ดังนั้น เมื่อดินแห้ง สารไพไรท์จะทำปฏิกิริยากับอากาศปลดปล่อยกรด
กำมะถันออกมา ทำให้ดินแปรสภาพเป็นดินกรดจัดหรือเปร้ียวจัด ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอัน
เน่ืองมาจากพระราชดำริ จึงได้ดำเนินการสนองพระราชดำริโครงการ “แกล้งดิน” เพื่อศึกษาการ
เปล่ียนแปลงความเป็นกรดของดิน เริ่มจากวิธีการ “แกล้งดินให้เปรี้ยว” ด้วยการทำให้ดินแห้งและเปียก
สลับกันไป เพ่ือเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของดิน ซ่ึงจะไปกระตุ้นให้สารไพไรท์ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนใน
อากาศ ปลดปล่อยกรดกำมะถันออกมา ทำให้ดินเป็นกรดจัดจนถึงข้ัน “แกล้งดินให้เปร้ียวสุดขีด”
จนกระทั่งถึงจุดท่ีพืชไม่สามารถเจริญงอกงามได้ จากนั้นจึงหาวิธีการปรับปรุงดินดังกล่าวให้สามารถปลูก
พืชวิธีการแก้ไขปัญหาดินเปร้ียวจัดตามแนวพระราชดำริ “แกล้งดิน” มาจากการเลียนแบบสภาพ
ธรรมชาติของพ้ืนที่ภาคใต้ ซ่ึงมีฤดูแล้ง ๔ เดือน ฤดูฝน ๘ เดือน การทดลองใช้วิธีร่นระยะเวลาช่วงแล้ง
และช่วงฝนในรอบปีให้สั้นลง ปล่อยให้ดินแห้ง ๑ เดือน และขังน้ำให้ดินเปียกนาน ๒ เดือน ปีหน่ึงจึงมี
ภาวะดนิ แห้งและดนิ เปียก ๔ รอบ เหมือนมฤี ดูแล้งสลับกับฤดูฝน ปีละ ๔ ครั้ง เมื่อดินเปร้ียวจัดให้ใช้ปูน
ขาวหรอื การระบายนำ้ เขา้ เจอื จากความเปรี้ยว หรอื ใชค้ วบค่กู นั ทั้งนแ้ี ลว้ แตค่ วามเหมาะสมของพ้นื ท่ี
จุดที่ ๒๒ ในบริเวณบ่อน้ำ : การบำบัดน้ำเสียตามแนวพระราชดำริ “อธรรมปราบอธรรมให้เป็น
ธรรมะ” สืบเนื่องมาจากแนวพระราชดำริจากบึงมักกะสัน ซ่ึงเป็นบึงขนาดใหญ่อยู่ในกลาง
กรุงเทพมหานครเป็นบึงท่ีได้รับน้ำเสียจากชุมชนรอบข้าง และพ้ืนที่ใกล้เคียง ในบึงเต็มไปด้วยผักตบชวา
ดงั นั้น ในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวทรงมีรับสง่ั ใหท้ ำการบำบัดนำ้ เสียในบึงมกั กะสนั
ท่ีเรียกว่า“อธรรมปราบอธรรมให้เป็นธรรมะ”โดยทำการศึกษาพบว่าทุก๔๒วัน ผักตบชวาจะขยายพันธุ์
เป็น ๓ เท่า ถา้ ไม่มกี ารบริหารจัดการผักตบชวาจะแพรพ่ ันธเุ์ ต็มแหลง่ น้ำไปหมด จึงใหศ้ ึกษาธรรมชาติของ
ผกั ตบชวาพบว่ามีรากหนาแน่น ก้านและใบมีความอวบนำ้ สามารถดูดโลหะหลักและสารพิษได้ดี จงึ ทำเป็น
ทุ่นลอยล้อมรอบผักตบชวา เพื่อไม่ให้ขยายพันธ์ุออกไปภายนอกได้ และทุกๆ ๔๒ วัน ให้นำผักตบชวา
บางส่วนออกไปเพ่ือให้ผักตบชวารุ่นใหม่ได้ดูดซับของเสียต่อไป ทรงรับส่ังเปรียบผักตบชวาเป็นวัชพืช
เหมอื นเปน็ อธรรม น้ำเสียเป็นอธรรม ทรงนำเอาผักตบชวามาบำบัดน้ำเสียให้เป็นนำ้ ดี คือ ธรรมะ
๑๖๔
ศูนยภ์ มู ิรกั ษ์ธรรมชาติ
น้ำตกวังตะไคร้ วงั ตะไครเ้ ป็นของกรมหมื่นนครสวรรคศ์ ักด์ิพนิ จิ และหม่อมราชวงศห์ ญิง
พันธ์ุทพิ ย์บริพัตร เป็นอุทยานทีไ่ ด้รบั การตกแต่งด้วยพนั ธุ์ไม้ดอกไมป้ ระดับนานาพนั ธุ์ใน เนื้อท่ี 1,500 ไร่
มถี นนให้นำรถยนต์เข้าชมในบริเวณได้ เปดิ รบั นกั ท่องเทีย่ วทว่ั ไป ท้ังประเภทเชา้ ไปเยน็ กลบั และประเภท
คา้ งแรม โดยคดิ คา่ ผ่านประตู ดงั น้ี นกั ท่องเท่ียวคนละ 10 บาท รถยนต์ รถกระบะ รถตู้ รถสองแถว คัน
ละ 100 บาท (ผ้โู ดยสารไมเ่ กนิ 4 คน) มากกว่า 4 คน คิดเพ่ิมตามจำนวนคนๆ ละ 10 บาท รถบัส คน
ละ 10 บาท
นำ้ ตกวงั ตะไคร้
นำ้ ตกสาริกา เปน็ น้ำตกขนาดใหญ่ สายนำ้ ไหลตกจากหน้าผาเป็นทอดๆ ถึง 9 ชั้น แตค่ ุณ
สามารถเทีย่ วได้แคช่ ั้นที่ 1-4 เทา่ น้นั นะจ๊ะ ความโดดเด่นของน้ำตกสาริกาเป็นน้ำตกท่ีค่อนข้างสูง และ
สายน้ำทิง้ ตัวลงมาสเู่ บอื้ ลา่ งอย่างสวยงามมาก ผาทสี่ งู ทสี่ ดุ ประมาณ 200 เมตร แต่ละชน้ั มอี ่างรบั นำ้ และ
มนี ้ำมากในฤดฝู น ซึง่ ชนั้ ทีเ่ หมาะแก่การเล่นน้ำและนั่งปิกนิคริมน้ำตกก็คือชั้นท่ี 1ส่วนฤดแู ล้งน้ำแหง้
บริเวณด้านลา่ งของนำ้ ตกมีบริการหอ้ งอาบนำ้ ร้านอาหาร ร้านขายของท่รี ะลึก
๑๖๕
นำ้ ตกสารกิ า
นำ้ ตกนางรอง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ มีชอ่ื เสยี งเคียงคู่
กันมาเลยกบั น้ำตกสารกิ า แม้น้ำตกนางรองจะไม่สูงเท่าน้ำตกสารกิ า แต่กม็ ีความสวยงามไมน่ ้อยหนา้ กัน
เพราะมสี ายนำ้ ไหลลดหลั่นผา่ นช้นั หินลงมาเปน็ ช้ันๆ และมีแอ่งใหล้ งเลน่ น้ำกันอย่างสนุกสนาน ในชว่ งฤดู
ฝนกระแสนำ้ จากน้ำตกนางรองจะไหลเชย่ี วมาก ควรระมดั ระวงั ในการลงเลน่ น้ำ การจดั บริเวณภายในเป็น
ระเบยี บสะอาดตา และมบี ้านพกั บริการ
นำ้ ตกนางรอง
พิพธิ ภณั ฑพ์ น้ื บ้านไทยพวน ตงั้ อยู่ที่ วดั ฝง่ั คลอง ต.เกาะหวาย อ.ปากพลี จ.นครนายก เป็นท่ี
รวบรวมขา้ วของเครือ่ งใช้ของชาวไทยพวนในอดีต ซง่ึ เปน็ ชาวไทยเช้ือสายจนี ในมณฑลยูนาน ที่อพยพเข้า
มาตงั้ รกรากเม่ือราว 200 ปกี ่อน เชน่ ผา้ ซนิ่ ไทยพวน โมห่ ิน ถังตม้ กาแฟโบราณ อปุ กรณใ์ นการทำนา
เคร่ืองมือทอผ้า เป็นต้น
๑๖๖
พิพธิ ภณั ฑ์พ้ืนบ้านไทยพวน
อทุ ยานพระพฆิ เนศ ตงั้ อยบู่ รเิ วณส่แี ยกประชาเกษม หมู่ 11 ถ.นครนายก-นำ้ ตกสารกิ า ต.สาริกา
อ.เมือง จ.นครนายก เป็นทปี่ ระดษิ ฐานเทวรปู พระพฆิ เณศ ขนาดใหญ่ มีความสงู ถงึ 9 เมตร สถานทีแ่ ห่ง
น้จี ดั สรา้ งโดย พระราชพิพัฒน์โกศล หรอื หลวงพ่อเณร เจา้ อาวาสวดั ศรีสุดาราม บางขุนนนท์ กรงุ เทพฯ
ภายใน อทุ ยานพระพฆิ เณศ ผู้ศรัทธาจะพบกบั ความอลังการของเทวรูปพระพฆิ เนศขนาดมหึมา
สวนสีดา อทุ ยานพระพฆิ เณศ
สวนสดี าหรอื นครนายกอทุ ยาน เป็นสถานท่ีท่องเทีย่ วของเอกชนตัง้ อย่ใู นเขตอำเภอเมือง
นครนายก รมิ เสน้ ทางไปนำ้ ตกนางรอง ต้งั อยรู่ ะหว่างอุทยานวงั ตะไคร้กบั นำ้ ตกนางรอง ห่างจากตวั
จงั หวดั ประมาณ 17 กิโลเมตร เดมิ สวนสดี า เปน็ สวนผลไม้ของเอกชน แตภ่ ายหลังเจา้ ของเดิมดูแลไม่
ทั่วถึง และได้ถึงแก่กรรมลง จงึ ได้มีเอกชนในรปู ของห้างหุ้นสว่ นจำกดั รบั ชว่ งเขา้ นนิ การดัดแปลงให้เป็น
สถานทีท่ ่องเทย่ี วพกั ผ่อนและจัดประชมุ สมั มนา เช่นเดียวกับวงั ตะไคร้ โดยไดเ้ ปิดใหบ้ ริการแก่
นักทอ่ งเทย่ี ว ตั้งแต่ พ.ศ. 2522
สวนสดี า
๑๖๗
น้ำตกวังมว่ ง
ตั้งอยู่ท่ตี ำบลนาหินลาด อำเภอปากพลี เปน็ นำ้ ตกท่ีมคี วามสวยงามอีกแห่งหนง่ึ อยู่ห่างจากทว่ี า่
การอำเภอปากพลี ประมาณ 16 กโิ ลเมตร การเดนิ ทางสะดวก เพราะมีถนนลาดยางแอสฟัลท์ ไปจนถึง
บรเิ วณน้ำตก น้ำตกวังมว่ งเป็นน้ำตกท่ีไหลผา่ นธารหินเป็นระยะๆ แล้วรวมตกลงอ่างรบั น้ำสุดท้าย มีถำ้
น้ำตก และสภาพแวดลอ้ มยงั คงสภาพตามธรรมชาติอยา่ งสมบูรณ์
นำ้ ตกวงั ม่วง
นำ้ ตกแม่ปล้อง
ตงั้ อยทู่ ตี่ ำบลหินตั้ง อำเภอเมืองนครนายก เส้นทางเดียวกับทางไปนำ้ ตกนางรอง โดยต้อง
เดินทางแยกจากเส้นทางข้างตน้ ทว่ี ดั นางรองหรือเดินทางจากวงั ตะไคร้ลดั เลาะไปตามรมิ ลำธารไป
ประมาณ 5 กิโลเมตร
นำ้ ตกลานรักหรอื น้ำตกตาดหินกอง
ต้ังอย่ใู นเขตอำเภอเมืองนครนายก เสน้ ทางเดยี วกบั ทางไปน้ำตกสาริกาและนำ้ ตกนางรอง โดย
แยกด้านซา้ ยท่กี ิโลเมตรท่ี 8 และเดินทางต่อด้วยถนนลกู รัง ประมาณ 5 กโิ ลเมตร จะถึงบริเวณน้ำตก
นำ้ ตกตาดหินกอง เป็นนำ้ ตกท่มี คี วามสวยงามแปลกจากน้ำตกแหง่ อืน่ ๆ คือ เป็นนำ้ ตกท่ไี หลผา่ น
ธารหินและลานหนิ เช่นเดยี วกับนำ้ ตกวงั มว่ ง แตช่ ว่ งสุดท้ายน้ำจะไหลพ่งุ เป็นทางยาวผา่ นลานหนิ กว้าง
เลียบเชิงเขาเตีย้ ๆ สวยงามมาก
๑๖๘
นำ้ ตกลานรกั หรอื นำ้ ตกตาดหนิ กอง
พระพทุ ธบาท 4 รอย
เป็นโบราณวัตถอุ ันเกา่ แก่มีคุณคา่ ทางศิลปะ แสดงถงึ ความประณตี งดงามในการประดิษฐแ์ บะการ
หลอ่ ของฝมี อื ช่างไทยสมัยโบราณซ่ึงประดิษฐานไว้ ณ มณฑปวดั ทองย้อย อำเภอบานนา ทกุ วันข้ึน 15
คำ่ เดือน 3 ทางวัดจะจัดให้มีงานนมสั การเป็นประจำทุกปี
พระพุทธบาท 4 รอย
นำ้ ตกกะอาง
ตงั้ อยู่ทตี่ ำบลบ้านพร้าว อำเภอบ้านนา แยกจากถนนสุวรรณศร เย้อื งสถานีตำรวจภูธรอำเภอ
บ้านนาเปน็ ถนนลาดยางถึงน้ำตกกะอาง ประมาณ 15 กโิ ลเมตร ลกั ษณะเปน็ ลานหนิ กว้างมีนำ้ ตกไหล
ผ่านตามชอ่ งหนิ นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคยี งมีพระพุทธรปู ปางสมาธิ ก่อด้วยอิฐ ประดษิ ฐานอยบู่ นเนินเขา
และมีศูนย์เพาะกล้าไม้กะอาง ของกรมปา่ ไมต้ ้ังอยู่ด้วย
น้ำตกกะอาง
๑๖๙
น้ำตกสลดั ได
ต้ังอยู่ในเขตอำเภอบ้านนา เส้นทางเดยี วกับทางไปน้ำตกกระอาง และต้องเดนิ เทา้ ขา้ มเทือกเขา
ไปอีกประมาณ 2.5 กิโลเมตร
พระพทุ ธฉายและนำ้ ตกพระฉาย
พระพุทธฉาย
เป็นภาพเขยี นตดิ อย่กู บั ชะโงกผาบนเขาชะโงก ต้ังอยูใ่ นเขตทอ้ งที่ตำบลพรหมณี อำเภอเมอื ง
นครนายก พระพทุ ธฉายน้ปี ระวัตเิ ปน็ อยา่ งไรไมป่ รากฏ เล่ากันวา่ สภาพเดมิ เป็นภาพพระพุทธรปู ราง ๆ
ต่อมาเมือ่ พ.ศ.2485 กรมแผนท่ีทหารบกได้เข้าไปตงั้ โรงงานหินออ่ นที่เชงิ เขาน้ี และไดเ้ ขยี นตามรอย
พระพุทธรูปเดมิ ให้เหน็ ชดั เจนขึ้น ราษฎรบริเวณนนั้ ถือว่าเปน็ สง่ิ ศกั ดิ์สิทธแิ์ หง่ หนง่ึ ของจังหวดั นครนายก
ทกุ กลางเดอื น 3 จะไปนมัสการเป็นประจำทุกปี
พระพทุ ธฉาย
นำ้ ตกพระฉาย
ต้ังอยู่ทเ่ี ขาชะโงก ตำบลพรหมณี อำเภอเมืองนครนายก เปน็ นำ้ ตกเล็ก ๆ และมแี สงสะทอ้ น
จากอ่างรับน้ำไปจับทผี่ นงั หิน เป็นภาพพระพุทธรูปยนื หรอื ท่เี รยี กว่า “พระพุทธฉาย” อย่ใู นเขตทดี่ ิน
เวนคืน ของกองทพั บก ในเขตโรงเรยี นนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกลา้ (จปร.) และทเ่ี ขาชะโงกแห่งนอ้ี ดุ มไปด้วย
หินสบู่ ซ่ึงสามารถนำไปใช้ในด้านอุตสาหกรรมได้อยา่ งดี เพราะเป็นหินสบู่ท่มี คี ุณภาพดีเยี่ยม
นำ้ ตกพระฉาย
น้ำตกทรายทองและอ่างเกบ็ น้ำทรายทอง
ตง้ั อยู่ท่ีตำบลเขาพระ อำเภอเมอื งนครนายก มที างเข้าถึงนำ้ ตก 2 ทาง ทางแรกจากทางแยก
ซ้ายมอื ท่ตี ลาดบ้านใหญ่ อำเภอเมืองนครนายก ระยะทางถึงนำ้ ตก ประมาณ 13 กโิ ลเมตร ทางทสี่ องจาก
ทางแยกโรงเรียนสาริกา อำเภอเมอื งนครนายก ระยะทางถึงนำ้ ตก ประมาณ 7 กโิ ลเมตร ทางเข้าเสน้ น้ี
๑๗๐
ถ้าคดิ รวมจากตลาดบ้านใหญ่ถึงโรงเรยี นสาริกา ประมาณ 8 กิโลเมตร จะรวมเปน็ ระยะทางทัง้ ส้นิ
ประมาณ 15 กิโลเมตร
ซึ่งก่อนถึงนำ้ ตก จะผ่านอา่ งเกบ็ น้ำทรายทอง ของกรมชลประทาน ซึ่งสวยงามมาก
นำ้ ตกทรายทอง อ่าเกบ็ น้ำทรายทอง
นำ้ ตกเหวกระถนิ
ตัง้ อยู่ในเขตอำเภอเมืองนครนายก ในเสน้ ทางไปนำ้ ตกนางรอง แต่แยกเขา้ เสน้ ทางไปวัดบ้านดง
ผ่านโรงเรียนหวั เขาแก้ว เลาะเชิงเขาไปจนสุดถนน และต้องเดินเทา้ ต่อไปอกี ประมาณ 3 กิโลเมตร จะถึง
บรเิ วณน้ำตก
นำ้ ตกเหวกระถนิ
น้ำตกโกรกทุเรียน
ตงั้ อยู่ในเขตอำเภอเมืองนครนายก เส้นทางเดยี วกับทางไปน้ำตกเหวกระถิน แต่เม่ือถึงวดั บ้านดง
แล้วไม่ตอ้ งแยกไปทางโรงเรียนหวั เขาแก้ว ให้เดินทางตรงไปเขา้ แดนปลัดจ่างเมื่อสุดถนน จะตอ้ งเดินเท้า
ตอ่ อีกประมาณ 3 กิโลเมตร จะถึงบริเวณน้ำตก สำหรบั น้ำตกโกรกทเุ รียน น้ำตกเหวกระถิน และนำ้ ตก
ตาดหินกอง เมอ่ื ถงึ ฤดูแล้งนำ้ จะนอ้ ยจนถึงไม่มนี ้ำเลย
๑๗๑
น้ำตกโกรกทุเรยี น
แมข้ นาดท่ีต้ังและจำนวนประชากร จะบ่งช้ีวา่ จังหวดั นครนายกเปน็ เพยี งจังหวัดเล็กๆไม่มคี วามสำคัญของ
ประเทศไทยกต็ าม แต่จังหวัดนครนายก ก็เป็นจังหวัดซ่งึ เป็นท่ีรจู้ กั ของคนทั่วไปอย่างแพรห่ ลาย ในแงเ่ ป็น
จงั หวดั ทีม่ ีภูมปิ ระเทศสวยงาม มากมายดว้ ยน้ำตกเป็นแหล่งทอ่ งเที่ยวสำคัญที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร
มากนัก และชาวจงั หวดั นครนายกเองกเ็ ป็นคนขยนั ขันแขง็ ในการประกอบอาชีพ มีความสามัคคี ร่วมมือ
ร่วมใจกันอยา่ งแนน่ แฟน้ เพ่ือทีจ่ ะร่วมกันกอ่ สรา้ งความเจริญให้แกท่ ้องถ่นิ ตลอดมา
๑๗๒
บรรณานุกรม
กรมศิลปากร. เมอื งโบราณดงละคร. นนทบรุ ี : บรษิ ทั ไทภูมิ พบั ลิชช่ิง จำกดั . 2558.
กลุม่ โรงเรียนมธั ยมศึกษาจงั หวดั นครนายก. ส 071 ท้องถ่นิ ของเรา 1, เอกสารเลม่ . มปท. มปป.
คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตใุ นคณะกรรมการอำนวยการจดั งานเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพธิ ีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
5 ธันวาคม 25. วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ เอกลักษณแ์ ละภูมปิ ัญญาจงั หวัด
นครนายก.
กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2545.
จังหวดั นครนายก. ประวตั ิมหาดไทยสว่ นภมู ิภาค จงั หวดั นครนายก, เอกสารเล่ม. มปท. มปป.
จังหวัดนครนายก. ม่นั คง มั่งค่ัง ยัง่ ยืน คนื ความสุขให้คนในจังหวดั นครนายก. เอกสารเล่ม. มปท. มปป.
จงั หวัดนครนายก, สำนกั งานวัฒนธรรมจังหวดั นครนายก, กระทรวงวัฒนธรรม. แหลง่ ท่องเทยี่ วทาง
วฒั นธรรม ชุมชนไทยพวน นครนายก. มปท. 2557.
จงั หวัดนครนายก. เอกสารรายงานวฒั นธรรมและประเพณีจังหวัดนครนายก, จังหวัดนครนายก. กรุงเทพฯ
:
สำนักโบราณคดแี ละพิพิธภัณฑส์ ถานแห่งชาติ, สำนกั พิมพ์สมาพันธ์ จำกดั , 2539.
บรษิ ทั วริ ยิ ะธุรกิจ จำกดั . นครนายก เท่ียวทัว่ ไทยไปกบั นายรอบรู้. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สารคดี, มปป.
มานี ชูไทย,รศ. ประวัติมสุ ลมิ คลอง 22 มสั ยิด & โรงเรียนผดงุ อสิ ลาม. มปท. มปป.
สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษานครนายก. เขอื่ นขุนด่านปราการชล ภูมิปัญญาฟ้าสกู่ ารพฒั นา
เยาวชน. เอกสารเลม่ . มปท. มปป.
สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานครนายก. พระราชดำริทีท่ รงคุณค่า พระม่ิงขวัญการศึกษา
ขั้นพ้นื ฐานนครนายก ปที ี่ 26 “27 ปี ที่ทรงงาน....สายธารแหง่ พระเมตตา เฉลิมพระเกยี รติ
60 พรรษา”. ราชบุรี : โรงพมิ พธ์ รรมรักษ์การพิมพ์ จำกดั . 2556.
หน่วยอนรุ กั ษ์สง่ิ แวดล้อมศิลปกรรมจังหวัดนครนายก. ศูนยว์ ัฒนธรรมจงั หวัดนครนายก. ประวัตศิ าสตร์
เมือง
นครนายกและแหลง่ ศิลปกรรมทีส่ ำคัญในจังหวัดนครนายก, ปราจีนบุรี : สำนักพิมพ์ละมยั การ
พมิ พ์.
มปป.
โรงเรยี นนวมราชานุสรณ์. 25 ปี นวมราชานสุ รณ.์ มปท. มปป.
โรงเรียนนวมราชานสุ รณ.์ ฉบบั เปิดหอประชมุ นวมราชานสุ รณ์(สำเนียงราชสหทัย) โรงเรียนนวมราชา
นสุ รณ์
อำเภอเมอื งนครนายก จงั หวดั นครนายก วนั ท่ี 8 กรกฎาคม 2516. มปท. มปป.
Stat.dopa.go.th./stat/statnew/upstat_age_disp.php. สบื ค้นเมื่อวันท่ี 20 กันยายน 2559.
Chariya2536.blogspot.com. สบื ค้นเม่ือวนั ที่ 4 ตุลาคม 2559.
Thai.tourismthailand.org/---/ศาลเจา้ พ่อองครักษ์---3068. สืบคน้ เม่ือวนั ที่ 4 ตลุ าคม 2559.
http://th.Wikipedia.org/wiki/จังหวดั นครนายก. สบื คน้ เม่ือวนั ที่ 6 ตลุ าคม 2559.
๑๗๓
คณะผจู้ ัดทำ
ทปี่ รกึ ษา ผู้อำนวยการสำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
1. นายไพจติ ไชยฤทธิ์ รองผอู้ ำนวยการสำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษา
รองผอู้ ำนวยการสำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษา
นครนายก
2. นายรพพี งศ์ วริ ยิ ะกุลมงคล
นครนายก
3. นางกลอยสขุ เมืองคำ
นครนายก
คณะทำงาน
1. นางวรรณวไิ ล พันธสุ์ ดี า ผ้อู ำนวยการกลมุ่ นิเทศตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศึกษา
2. นางณัฐกานต์ นวนสำเนยี ง ศกึ ษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ
3. นางจริ าวลั ย์ เรืองวฒุ ิ นักวชิ าการศกึ ษาชำนาญการพิเศษ
4. นายอานนท์ เรอื งวุฒิ นักวิชาการศึกษาชำนาญการพเิ ศษ
5. นางสาวนิพัชดา พวยอ้วน นักวิชาการศึกษาชำนาญการพเิ ศษ
6. นางสาวชญั ญา พรมออ่ น นักวิชาการศึกษาชำนาญการ
7. นายไพบลู ย์ กุลบุตร นกั วิชาการศึกษาชำนาญการ
8. นางวันประภา เนื่องจากจันทร์ นักวิชาการศึกษาชำนาญการ
9. นางธิดารตั น์ มีสาระภี นักวิชาการศึกษาชำนาญการ
10. นางสาววาสนา ฉมิ พะวงษ์ เจ้าพนักงานธรุ การ สพป.นครนายก
11. นางสาวธฤษวรรณ บุญประกอบ พนกั งานราชการ สพป.นครนายก
12. ด.ต.กฤชรตั น์ ปล้มื คดิ ผปู้ ระสานงานลกู เสือชาวบา้ น
13. นางสาวกฤตยา หนอ่ งพงษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการจดั การศึกษา
คณะบรรณาธิการกจิ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศกึ ษา
1. นางกลอยสุข เมืองคำ
ผอู้ ำนวยการกล่มุ สง่ เสริมการจัดการศกึ ษา
นครนายก พนักงานราชการ สพป.นครนายก
2. นางสาวกฤตยา หนอ่ งพงษ์ เจา้ พนักงานธรุ การ สพป.นครนายก
3. นางสาวธฤษวรรณ บุญประกอบ
4. นางสาววาสนา ฉมิ พะวงษ์