The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานวิจัยเชิงพื้นที่ สพป.ชม.3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

รายงานวิจัยเชิงพื้นที่ สพป.ชม.3

รายงานวิจัยเชิงพื้นที่ สพป.ชม.3

41

2) ทีมประสานกาหนดวธิ กี ารและเคร่ืองมือรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล
3) ทมี ประสานอบรมวธิ ีการร้จู ักนกั เรียนเปน็ รายบุคคลในกรณีทย่ี ังไม่เคยเข้ารบั การ
อบรม
4) ครูทป่ี รึกษาดาเนินการรวบรวมขอ้ มูลรายบุคคลของนักเรียน
5) หากข้อมูลท่ีได้จากการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลมีครบถ้วนต่อการนาไปใช้ใน
การคดั กรองนกั เรยี นใหด้ าเนนิ การสรปุ รายงานผลไปตามลาดับ หากข้อมูลไม่ครบถ้วนเพียงพอสาหรับ
การคัดกรองให้ทบทวนและปรับวิธีการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลเพ่ิมเดิม ซ่ึงสรุปเป็นข้ันตอนการ
รจู้ กั นกั เรียนเป็นรายบคุ คล ไดด้ ังภาพประกอบ 3 (กรมสขุ ภาพจติ , 2547, หนา้ 5)

ภาพประกอบ 3 การดาเนนิ งานรู้จกั นกั เรียนเปน็ รายบุคคล
2. การคดั กรองนักเรียน

การคัดกรองนักเรียนเป็นการจัดแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มตามพฤติกรรม ซ่ึงอาจ
แบ่งเป็น 2 - 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปกติ กลุ่มเส่ียง และกลุ่มมีปัญหา โดยพิจารณาการจัดกลุ่มจาก
การศกึ ษาและวเิ คราะหข์ อ้ มลู การรู้จกั นักเรียนเป็นรายบคุ คล ซ่ึงโรงเรียนควรจัดทาเกณฑ์การคัดกรอง
เอง เพ่ือใหเ้ ปน็ ไปในแนวทางเดยี วกันของโรงเรียน (กรมสขุ ภาพจติ , 2547, หน้า 35)

ข้ันตอนการปฏบิ ตั ิ การคัดกรองนักเรยี นโดยการจัดแบ่งตามพฤติกรรมที่ได้จาก
การศึกษาและรจู้ กั นักเรียนเป็นรายบุคคล มีขน้ั ตอนการปฏิบัติ ดังนี้

1. ทีมประสานงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนประชุมครูเพ่ือร่วมกันกาหนด
ปรบั ปรงุ พฒั นาเกณฑ์การคดั กรองนกั เรยี นใหส้ อดคล้องกับสภาพของนักเรียนของแต่ละโรงเรียนหรือ
ในแตล่ ะพน้ื ท่ี

2. ทีมประสานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน พิจารณาคัดเลือกเครื่องมือท่ีใช้ในการ
คดั กรองนกั เรยี น

3. ทีมประสานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนอบรมแนวทางการคัดกรองนักเรียนให้
ครปู ระจาช้นั ครูท่ีปรึกษา ในกรณที ี่ครูประจาชัน้ ครูท่ปี รกึ ษายังไมเ่ คยผ่านการอบรบ


42

4. ครูประจาชนั้ ครูท่ีปรึกษาดาเนินการคัดกรองนักเรียน โดยใช้แบบบันทึกคัดกรอง
รายบุคคล

5. ครูประจาช้ัน ครูที่ปรึกษาสรุปผลจากแบบคัดกรองนักเรียน โดยแยกนักเรียน
ออกเป็น 3 กลุ่ม คอื

5.1 กลุ่มปกติ หมายถึง นักเรียนท่ีไม่มีพฤติกรรมที่เป็นปัญหาและส่งผล
กระทบต่อชีวิตประจาวันของตนเองหรือสังคมสว่ นรวมในดา้ นลบ

5.2 กลุ่มเสี่ยง หมายถึง นักเรียนท่ีมีพฤติกรรมเบ่ียงเบนไปจากปกติ เช่น
เก็บตัว แสดงออกเกินขอบเขต การปรับตัวทางเพศไม่เหมาะสม ทดลองส่ิงเสพติด ผลการเรียน
เปล่ียนแปลงไปในทางลบ

5.3 กลุ่มมีปัญหา หมายถึง นักเรียนมีพฤติกรรมที่เป็นปัญหาชัดเจน มี
ผลกระทบตอ่ วิถชี ีวติ ประจาวนั ของตนเองหรอื ต่อสงั คมสว่ นรวมในดา้ นลบ

6. ครปู ระจาชนั้ ครูท่ีปรึกษารายงานผลการคดั กรองนกั เรยี น
7. นาผลการประเมินไปปรับปรุงแก้ไขพัฒนาและดูแลช่วยเหลือนักเรียนต่อไป ซ่ึง
สามารถสรุปกระบวนการในการคดั กรองนักเรียน ไดด้ งั ภาพประกอบ 4

ภาพประกอบ 4 การดาเนินการคดั กรองนักเรียน
3. การส่งเสรมิ และการพัฒนานกั เรยี น

การสง่ เสรมิ และพัฒนานักเรียนเป็นการจัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนานักเรียนด้วย
วิธีการและเคร่ืองมือที่หลากหลาย เพื่อให้นักเรียนได้รับการพัฒนาเป็นบุคคลท่ีมีคุณภาพ สามารถ
ปรับตัวเผชิญภัยปัญหาและสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามวัยของตนเองได้อย่างปกติ การจัดกิจกรรม


43

สง่ เสรมิ และพฒั นานกั เรียนมรี ูปแบบท่ีหลากหลายท่ีครูประจาช้ัน ครูที่ปรึกษา สามารถเลือกใช้ได้ตาม
สภาพและความเหมาะสม (กรมสุขภาพจิต, 2547, หนา้ 55) เช่น

1) การจัดกิจกรรมโฮมรูม เป็นกิจกรรมที่จัดในห้องเรียนให้มีลักษณะเหมือนบ้าน
เพ่ือให้ครูและนักเรียนมีความคุ้นเคยประหน่ึงเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน เป็นบริการที่จัดให้
นักเรยี นทกุ คน

2) การประชุมผู้ปกครองช้ันเรียน (Classroom meeting) การประชุมผู้ปกครอง
นักเรียนเป็นการพบปะกันระหว่างครูประจาช้ัน ครูที่ปรึกษากับผู้ปกครองนักเรียน เพื่อสร้าง
ความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และร่วมมือร่วมใจกันดูแลช่วยเหลือนักเรียนระหว่างบ้าน โรงเรียนและ
ผ้ปู กครองนกั เรียน

3) กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งส่งเสริมพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง เพ่ือ
การค้นพบศักยภาพตนเองและพัฒนาให้เต็มศักยภาพ มุ่งเน้นส่งเสริม ด้านระเบียบวินัย หน้าท่ีความ
รบั ผดิ ชอบ การบาเพญ็ ประโยชน์ให้ชุมชน สังคม และประเทศชาติ

ข้อควรตระหนักในการจดั กิจกรรมส่งเสรมิ และพฒั นานกั เรยี น
ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนานักเรียนของโรงเรียนนั้น ส่ิงท่ีครูประจาช้ัน
หรือครูท่ีปรึกษาพึงตระหนักและควรระมัดระวัง (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.
2547. หนา้ 48) ได้แก่
1) การจัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนา ครูประจาช้ันหรือครูที่ปรึกษา ควร
ระมัดระวังคาพูดที่ก่อให้เกิดความรู้สึกทางลบหรือการต่อต้านจากผู้ปกครอง เช่น การตาหนินักเรียน
หรอื ผปู้ กครอง การแจง้ ข้อบกพร่องของนักเรียนในที่ประชมุ
2) ครูประจาชนั้ หรอื ครูท่ีปรึกษาควรใช้คาพูดท่ีแสดงถึงความเข้าใจ ในตัวนักเรียน
แสดงถึงความหว่ งใยความเอาใจใสข่ องครทู ่มี ีต่อนักเรยี นทุกคน
3) ครูประจาช้ันหรือครูท่ีปรึกษาควรนากิจกรรมท่ีช่วยกระตุ้นให้ผู้ปกครอง
ตระหนักในความรบั ผิดชอบและตอ้ งการปรับปรงุ แก้ไขในส่วนทบ่ี กพร่องของนักเรียนรว่ มกับโรงเรยี น
4) การจัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาศักยภาพนักเรียนควรเป็นกิจกรรมหลากหลาย
ตามความสนใจของนกั เรยี น เชน่ ดนตรี กีฬา ศิลปะ เป็นตน้
การส่งเสริมและพัฒนานักเรียนเป็นการสนับสนุนให้นักเรียน ทุกคนที่อยู่ในความ
ดูแลของครูประจาชัน้ หรือครทู ปี่ รกึ ษาให้ได้รับการพัฒนาการเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ มีความภาคภูมิใจ
ในตนเอง ซ่ึงจะช่วยปูองกันมิให้นักเรียนท่ีอยู่ในกลุ่มปกติกลายเป็นนักเร่ียนกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มท่ีมี
ปัญหา และเป็นการช่วยให้นักเรียนกลุ่มเส่ียง หรือกลุ่มท่ีมีปัญหากลับมามีพฤติกรรมที่ดีข้ึนตามท่ี
โรงเรยี นหรือชมุ ชนคาดหวงั
4. การปอ้ งกนั ช่วยเหลอื และแก้ไข
การปูองกันและแก้ไขปัญหานักเรียนเป็นกระบวนการท่ีต่อเนื่องจากการรู้จัก
นกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล และการคัดกรองนกั เรียน ซ่ึงหากครูประจาชั้นและครูที่ปรึกษาพบว่า นักเรียน
มีพฤติกรรมอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มท่ีมีปัญหา จาเป็นอย่างยิ่งที่ครูต้องให้ความดูแลเอาใจใส่อย่าง
ใกล้ชิด และหาวิธีช่วยเหลือที่เหมาะสมกับลักษณะของปัญหา โดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่าง
บคุ คล เพอ่ื ช่วยให้นักเรยี นมีคณุ ภาพและเปน็ คนดีของสงั คมต่อไป


44

การจดั กจิ กรรมปอ้ งกนั ช่วยเหลือและแกไ้ ขปัญหานกั เรียน
ในการจัดกิจกรรมปูองกันช่วยเหลือและแก้ไขปัญหานักเรียนนั้น ครูประจาชั้นหรือ
ครูท่ีปรึกษาควรให้ความเอาใจใส่กับนักเรียนทุกคนท่ีเท่าเทียมกันแต่สาหรับนักเรียนกลุ่มเส่ียงและ
กลมุ่ ท่ีมีปัญหานั้นจาเป็นอย่างย่ิงที่ต้องให้ความเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษและหาความช่วยเหลือ
ทั้งการปูองกันและแก้ปัญหาโดยไม่ปล่อยปละละเลย นักเรียนจนกลายเป็นปัญหาของสังคมและ
ประเทศชาติ การปูองกันช่วยเหลือและแก้ไขปัญหา ของนักเรียนมีเทคนิคและวิธีการท่ีหลากหลาย
เช่น
1) การให้คาปรึกษาเบื้องต้น เป็นการช่วยเหลือและปูองกันปัญหาของนักเรียนทั้ง
ด้านความคิดและการปฏิบัติตนของนักเรียน โดยมุ่งหวังให้นักเรียนมีการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมไป
ในทางทดี่ ีงามและพงึ ประสงค์
2) กิจกรรมในชั้นเรียน การจัดกจิ กรรมในช้นั เรียนเปน็ การจัดกจิ กรรมเพื่อการปรับ
พฤติกรรมนักเรียน ทั้งรายบุคคลและรายกลุ่มในชั้นเรียน โดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญหรือการเรียนรู้
แบบมีส่วนร่วม โดยเลอื กวธิ กี ารหรอื เทคนิคการจดั กจิ กรรมให้เหมาะสมกบั สภาพปัญหา
3) กิจกรรมเพ่ือนช่วยเพ่ือน(Buddy) เป็นกิจกรรมท่ีครูจัดให้นักเรียนได้ดูแล
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งอาจจัดเป็นคู่หรือเป็นกลุ่ม โดยการคัดเลือกนักเรียนท่ีมีจุดแข็งด้าน
สัมพันธภาพ หรือมีความม่ันคงทางอารมณ์ หรือมีความเป็นผู้นา และมีความสามารถเฉพาะด้านที่จะ
นาไปใช้ในการดูแลช่วยเหลือเพ่ือน เช่น ความสามารถทางด้านการเรียน ด้านดนตรี ศิลปะ กีฬาหรือ
ทักษะการส่ือสาร เป็นตน้
4) การสอื่ สารกับผู้ปกครอง เป็นการช่วยเหลือนักเรียนโดยอาศัยความร่วมมือจาก
ผู้ปกครองด้วยวิธีการต่างๆ เช่น โทรศัพท์สนทนา การเชิญผู้ปกครองมาพบเพ่ือปรึกษาหารือร่วมกัน
การส่งหนังสือแจ้งทางไปรษณยี ์ เป็นต้น ซึ่งล้วนต้องอาศัยทักษะการสื่อสาร ดังน้ัน ครูจึงจาเป็นต้องมี
ทักษะการส่อื สารท่มี ีประสิทธิภาพ ทราบถึงจิตวิทยาการสื่อสารหรือเทคนิคการส่ือสารท่ีเหมาะสมกับ
สาระหรือวัตถุประสงคท์ ่จี ะสื่อใหผ้ ู้ปกครองทราบหรือเข้าใจ
5) กจิ กรรมซ่อมเสริม เป็นกิจกรรมเพ่ือแก้ปัญหาด้านการเรียนของนักเรียน ซ่ึงครู
ประจาชัน้ /ครทู ีป่ รกึ ษาและผ้ทู ่ีรบั ผดิ ชอบจาเป็นต้องร่วมมอื ร่วมใจกันวางแผนการสอนซ่อมเสริมให้แก่
นักเรียนที่เรียนอ่อน เรียนช้าหรือเรียนไม่ทันเพ่ือนในสาระต่างๆ ซึ่งอาจจะแยกประเภทของปัญหา
ด้านการเรียนจากสาเหตุท่ีแตกต่างกัน เช่น เรียนช้าจากข้อจากัดทางความสามารถ เชาวน์ปัญญา
หรือจากปญั หาพฤตกิ รรมอารมณ์ของเด็ก เป็นตน้ แลว้ จึงดาเนินการแกไ้ ขสาเหตุของปัญหาตอ่ ไป
6) กิจกรรมเสริมหลักสูตร เป็นกิจกรรมในโรงเรียนท่ีจัดเพิ่มเติมนอกเวลาเรียน
เพ่ือสง่ เสริมการเรียนรศู้ ักยภาพในด้านต่างๆ ของนักเรียน นอกเหนือจากท่ีหลักสูตรกาหนดไว้ทั้งด้าน
การส่งเสริม การปูองกันและการแก้ไขปัญหาด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การเข้าค่ายอบรม การ
จัดตัง้ ชมรมส่งเสรมิ สขุ ภาพกาย สุขภาพจติ
7) การเย่ียมบ้านนักเรียน เป็นการแสดงถึงความร่วมมือระหว่างบ้านกับโรงเรียน
ในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนและทาให้ครูได้พบเห็นสภาพความเป็นจริงของนักเรียนท่ีแวดล้อมด้วย
ครอบครัวและชุมชน ซ่ึงเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้ครูสามารถประเมินสาเหตุของปัญหาแล้ว
ดาเนินการชว่ ยเหลอื นกั เรยี นได้อยา่ งเหมาะสมต่อไป


45

5. การสง่ ต่อนกั เรยี น
ในการปูองกนั ช่วยเหลอื และแก้ไขปญั หานกั เรียนโดยครูประจาช้ัน/ครูที่ปรึกษาตาม

กระบวนการปูองกันและช่วยเหลือนักเรียนนั้น ในกรณีท่ีมีปัญหายากต่อการช่วยเหลือนักเรียนแล้ว
นักเรียนมีพฤติกรรมไม่ดีข้ึน ก็ควรส่งต่อนักเรียนไปให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน กรณีท่ีเด็กมี
ความสามารถพิเศษหรือเด็กอัจฉริยะ เด็กที่มีความต้องการพิเศษ เด็กด้อยโอกาส ก็ควรส่งต่อ
ผู้เช่ียวชาญเฉพาะด้านหรือหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เพ่ือให้นักเรียนได้รับการส่งเสริมพัฒนาและ
ช่วยเหลืออยา่ งถูกทางและรวดเร็วขน้ึ

การส่งตอ่ นกั เรียนแบ่งเปน็ 2 ลักษณะ คอื การสง่ ตอ่ ภายในและการส่งต่อภายนอก
(กรมสขุ ภาพจติ , 2547, หน้า 132-155)

ภาพประกอบ 5 การดาเนินงานส่งตอ่ ภายใน


46

ภาพประกอบ 6 การดาเนินงานสง่ ตอ่ ภายนอก
3.6 ผลสาเร็จของระบบดแู ลชว่ ยเหลือนักเรยี น

การดาเนินงานตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพนั้น บุคลากรและ
หน่วยงานท่เี กีย่ วข้องตอ้ งคานงึ ถงึ และให้ความสาคญั ในการดาเนินงาน ดังน้ี (สานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน, 2547, หนา้ 55)

1. บคุ ลากรทุกคนตระหนักถงึ ความสาคัญของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรยี น
2. ผรู้ ับผิดชอบวางระบบและดาเนนิ งานตามระบบได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ
3. ระบบดแู ลช่วยเหลือนักเรยี นสามารถบูรณาการเข้ากับภารกจิ หลกั ของโรงเรียนได้
4. สรา้ งบรรยากาศการทางานแบบมีสว่ นร่วมและเป็นประชาธปิ ไตย
5. มีสารสนเทศของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรยี น
6. มีข้อมูลการนิเทศ กากับ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดาเนินงาน สรุป
รายงาน
7. ประชาสัมพนั ธ์การดาเนนิ งานอยา่ งเป็นระบบและต่อเน่ือง
สรุปได้ว่า องค์ประกอบและการดาเนินงานการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียน
มีกระบวนการดาเนินงานทั้งด้านการส่งเสริม การปูองกัน และการแก้ไขปัญหานักเรียน โดยวิธีการ


47

และเคร่ืองมือที่หลากหลายและเหมาะสมเพื่อใช้ในการดาเนินงาน และต้องมีการประสาน
ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับครูท่ีเกี่ยวข้องหรือบุคลากรและองค์กรภายนอก เพื่อพัฒนานักเรียนให้
เป็นคนดีคนเกง่ ปลอดภยั จากสารเสพติดและมีความสุขในการดารงชีวิตอยู่ในสังคมโดยมีครูประจาชั้น
และครูท่ีปรึกษาเป็นบุคลากรสาคัญในการดาเนินงานตามกระบวนการระบบการดูแลช่วยเหลือ
นกั เรียน

4. แนวคดิ เกี่ยวกบั การจัดทาข้อเสนอเชงิ นโยบาย
แนวคิดเก่ียวกับการจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อนาไปสู่การกาหนดเป็นกรอบข้อเสนอเชิง

นโยบาย ประกอบด้วย ความหมายและความสาคัญของข้อเสนอเชิงนโยบาย ลักษณะสาคัญข้อเสนอ
เชิงนโยบาย/ องคป์ ระกอบของขอ้ เสนอเชิงนโยบาย และกระบวนการจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบาย โดย
มรี ายละเอยี ดดังน้ี

4.1 ความหมายและความสาคญั ของขอ้ เสนอเชิงนโยบาย
วิโรจน์ สารรัตนะ (2556, หน้า 15) กล่าวว่า ข้อเสนอเชิงนโยบาย เป็นผลจากการวิจัย

เชิงนโยบาย ในบางกรณีเรียกว่า ข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์ หรือบางกรณีเรียกว่าข้อเสนอแผนที่
ยุทธศาสตร์ หรืออื่น ๆ ตามความเหมาะสม โดยการวิจัยเชิงนโยบาย (Policy Research) เป็น
กระบวนการศึกษาปัญหาพ้ืนฐานทางสังคมเพ่ือให้ได้ข้อเสนอท่ีเน้นการปฏิบัติที่เป็นไปได้ (possible
action oriented recommendations) ที่ผู้กาหนดนโยบายสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจเพ่ือ
แก้ปัญหาท่มี ปี ระสทิ ธผิ ล และนาไปสู่อนาคตที่ดขี นึ้ กว่าในปัจจุบนั

ทิพย์วรรณ สุขใจรุ่งวัฒนา (2557, หน้า 10) ให้คานิยาม ข้อเสนอเชิงนโยบาย หมายถึง
กระบวนการศึกษารวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบเพ่ือให้ได้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลและข้อเสนอต่าง ๆ
จากผลการวิจยั เชงิ นโยบายตลอดจนแนวทางปฏิบตั ิท่อี าจจะเป็นไปได้ในการแกป้ ัญหาหรอื การพัฒนา
ในเร่ืองใดเร่ืองหนึ่งในระดับนโยบายที่ผู้วิจัยจะสื่อสารแก่บุคลากรท่ีทาหน้าทีในการตัดสินใจ เพื่อให้
เกดิ การขบั เคลอ่ื น หรอื ปรับปรงุ แกไ้ ขนโยบาย กลยทุ ธ์หรอื โครงการต่าง ๆ ต่อไป

รัตนาภรณ์ สมบูรณ์ (2556, หน้า 22) ได้ให้ความหมาย ข้อเสนอเชิงนโยบาย ว่า
หมายถงึ ขอ้ เสนอแนะจากผลการวจิ ัย นโยบายเพื่อการปฏิบัติในเชิงนโยบาย ซึ่งมีองค์ประกอบสาคัญ
คือ วัตถุประสงค์ (policy objectives) แนวการดาเนินงานของนโยบาย (policy means) และกลไก
ของนโยบาย (policy mechanism)

วิโรจน์ สารรัตนะ (2556, หน้า 20) ได้กล่าวถึง ความสาคัญของข้อเสนอเชิงนโยบายว่า
ข้อเสนอเชิงนโยบายนาไปสู่การแก้ปัญหาที่มีประสิทธิผล และอนาคตท่ีดีกว่าปัจจุบัน ไม่อยู่กับท่ีหรือ
ถอยหลงั และ ไม่เปน็ ข้อเสนออยา่ งเป็นแผนปฏิบัติการ ประเด็นเล็กประเด็นน้อยข้อเสนอเชิงนโยบาย
มีความสาคญั โดยเป็นการนาเสนอ ประเด็นหลกั และประเด็นรองท่ีขยายความให้เข้าใจถึงแนวปฏิบัติ
ท่เี ป็นไปได้ สามารถแกป้ ัญหาได้อย่างมีประสิทธิผล นาไปสู่การเกิดสิ่งท่ีดีขึ้นกว่าเดิม (better future)
ทงั้ นี้จะตอ้ งนาเสนอ ใหง้ า่ ยต่อการทาความเขา้ ใจ มคี วามกระชบั และมคี วามชดั เจน

จากการศึกษาความหมายและความสาคัญข้อเสนอเชิงนโยบาย สรุปได้ว่า ข้อเสนอเชิง
นโยบาย เป็นกระบวนการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ข้อมูลจากวิเคราะห์ผล ซ่ึง
นาไปส่กู ารแก้ปญั หาที่มปี ระสทิ ธิผล เพือ่ ใชป้ ระกอบการตัดสินใจในการแก้ปญั หาที่มีประสิทธผิ ล


48

4.2 ลักษณะสาคัญขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย/องค์ประกอบของข้อเสนอเชิงนโยบาย
วิโรจน์ สารรัตนะ (2556, หน้า 35-42) กล่าวถึง ลักษณะสาคัญของข้อเสนอเชิงนโยบาย

ดังนี้ ข้อเสนอเชิงนโยบายควรเป็นข้อเสนอใหม่ ๆ กระบวนทัศน์ใหม่ ๆ หลักๆ ท่ีเช่ือว่า หากปฏิบัติ
แล้วจะช่วยแก้ปัญหาท่ีเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิผล นาไปสู่อนาคตที่ดีกว่าในปัจจุบัน ข้อเสนอเชิง
นโยบายเป็นข้อเสนอที่เพิ่มขึ้น (added on) จากงานประจา(routine work) ไม่เป็นประเด็น เล็ก ๆ
น้อย ๆ หรือเป็นประเด็นงานประจาท่ี อัดแน่นจนขาดจุดเน้นสาคัญ กลายเป็นแผนปฏิบัติการ
(action plan) ของหน่วยงานท่ีรวมทุกอย่างไว้ การนาเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อพัฒนา จาแนก
ออกเป็น ข้อเสนอเพ่ือการปฏิบัติในระยะส้ัน 1-2 ปี เพื่อการปฏิบัติระยะปานกลาง 3-5 ปี และเพ่ือ
การปฏบิ ตั ริ ะยะยาว 5 ปี ข้ึนไป

การเขียน “ข้อเสนอเชิงนโยบาย” แนะนาให้ศึกษารูปแบบการนาเสนอ “แผน
ยุทธศาสตร์” “แผนเชิงนโยบาย” ของหน่วยงานท่ีมีมาตรฐาน มีรูปแบบการน าเสนอที่ดีในแนวคิด
หลัก ๆ กระชับ เข้าใจง่าย สื่อความหมาย ไม่เยินเย่อ ไม่สับสน หรือนาแนวคิดท่ีดีมาใช้กับการเขียน
“ข้อเสนอเชิงนโยบาย” ในงานวิจัยได้ โดยเป็นข้อเสนอนาไปสู่การแก้ปัญหาที่มีประสิทธิผลและ
อนาคตท่ีดกี ว่าปจั จุบนั ไมอ่ ยกู่ ับท่ี หรอื ถอยหลงั และไม่เป็นข้อเสนออย่างเป็นแผนปฏิบัติการประเด็น
เล็กประเดน็ นอ้ ย องค์ประกอบของข้อเสนอเชิงนโยบาย

ผลจากการวิจัยเชิงนโยบายจะทาให้ได้ “ข้อเสนอเชิงนโยบาย” (บางกรณีเรียกว่า
ข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์ หรือบางกรณีเรียกว่าข้อเสนอแผนทียุทธศาสตร์ หรืออ่ืน ๆ ตามความ
เหมาะสม) ที่มีองค์ประกอบอยา่ งน้อย 2 องค์ประกอบ คือ

1) วัตถปุ ระสงคข์ องนโยบาย (policy objective)
2) แนวทางของนโยบาย (policy means)
บางกรณีอาจกาหนดเปน็ 3 องค์ประกอบ คือ
1) วัตถุประสงค์ของนโยบาย (policy objective)
2) แนวทางของนโยบาย (policy means)
3) กลไกของนโยบาย (policy mechanism) ที่จะทาให้การนาแนวทางนโยบายไป
ปฏิบัติ บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่กาหนด เช่น การออกกฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือกฎหมาย การ
จดั ตั้งหน่วยงานเฉพาะการใชเ้ ทคนคิ การบรหิ ารแนวใหม่ การสนับสนนุ จากต้นสังกัด เปน็ ต้น
รัตนาภรณ์ สมบูรณ์ (2556, หน้า 30) ได้ให้ความหมาย ข้อเสนอเชิงนโยบาย ว่า
หมายถึง ข้อเสนอแนะจากผลการวิจัย นโยบายเพื่อการปฏิบัติในเชิงนโยบาย ซ่ึงมีองค์ประกอบสาคัญ
คือ วัตถุประสงค์ (policy objectives) แนวการดาเนินงานของนโยบาย (policy means) และกลไก
ของนโยบาย (policy mechanism)
พร้ิมเพรา วราพันธ์พิพิธ (2556, หน้า 33) ทาการวิจัยเร่ือง ข้อเสนอเชิงนโยบายเพ่ือ
ความเป็นเลิศของสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ได้ให้คานิยาม ข้อเสนอ
เชิงนโยบาย หมายถึง สาระเกี่ยวกับนโยบายที่ผู้วิจัยได้พัฒนาข้ึนจากกระบวนการวิจัยเชิงนโยบาย
แบบมีส่วนร่วมเพื่อเป็นแนวทางของสถานศกึ ษาขั้นพืน้ ฐานสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัด
การศึกษาให้มีคุณภาพ ในระดับความเป็นเลิศองค์ประกอบคือ วัตถุประสงค์ของนโยบาย (policy
objective) แนวทางของนโยบาย (policy means) และกลไกของนโยบาย (policy mechanism)


49

จากการศึกษาลักษณะสาคัญข้อเสนอเชิงนโยบาย และองค์ประกอบของข้อเสนอเชิง
นโยบาย สามารถสรุปได้ว่า ข้อเสนอเชิงนโยบายมีลักษณะเป็นข้อเสนอใหม่ กระบวนทัศน์ใหม่ โดย
สามารถจาแนกออกเป็น ข้อเสนอเพ่ือการปฏิบัติในระยะสั้น 1-2 ปี เพ่ือการปฏิบัติระยะปานกลาง
3-5 ปี และเพ่ือการปฏิบัติระยะยาว 5 ปี ขึ้นไป และมีองค์ประกอบ 3 องค์ประกอบ ได้แก่
วัตถุประสงค์ของนโยบาย แนวทางของนโยบาย และกลไกของนโยบาย

4.3 กระบวนการจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบาย
วิโรจน์ สารรัตนะ (2556, หน้า 42-50) ได้กล่าวถึง กระบวนการในการจัดทาข้อเสนอเชิง

นโยบาย โดยมขี น้ั ตอน 2 ขัน้ ตอนดังนี้
ข้ันตอนท่ี 1 การกาหนดหรือจัดทา “ข้อเสนอเชิงนโยบาย” ควรออกแบบเป็นวิธี

วทิ ยาการวิจยั แบบผสม (Mixed Methodology) เพ่อื ใหไ้ ด้ขอ้ มลู จากหลากหลายแหล่ง ไดแ้ ก่
1) ข้อมูลจากการศึกษาบริบทของหน่วยงานหรือพ้ืนที่ที่ทาการวิจัย (contextual

study /survey study) เป็นการวิจัยเชิงสารวจภายในสถาบันหรือภายในพื้นท่ีท่ีกาหนด เช่น เขต
พน้ื ท่ีการศกึ ษา จงั หวัด ภูมภิ าค หรือประเทศ เปน็ ตน้ เพือ่ ใหท้ ราบสภาพปัญหาและข้อเสนอแนะ โดย
ใช้แบบสอบถามแบบปลายเปิดและปลายปดิ ถอื เปน็ ข้อมูลจากบริบทท่เี ป็นจรงิ จากคนในพ้ืนท่ีถือเป็น
ข้อมูลแบบล่างขึ้นบน (bottom-up) เพ่ือโอกาสได้ข้อเสนอแนะท่ีเปิดกว้างอย่างเป็นอิสระของผู้ตอบ
ควรเป็นแบบสอบถามแบบ ปลายเปิด

2) ข้อมูลจากการศึกษากรณีตัวอย่างที่ประสบผลสาเร็จ (outstanding/best
practice) อาจเป็นการศึกษาเฉพาะกรณี (case study) เพ่ือหาข้อสรุปรูปแบบการพัฒนาที่ประสบ
ผลสาเร็จว่ามี วัตถุประสงค์ของนโยบาย (policy objective) และแนวทางของนโยบาย (policy
means) อะไรและอยา่ งไร ซ่งึ หากจะใหม้ คี วามหลากหลาย ควรเป็นการศึกษาพหุกรณี (multi-cases
study) ถอื เปน็ ข้อมูลเชงิ เปรียบเทยี บ มจี ุดมุ่งหมายเพื่อนานโยบายทดี่ ีมาใช้

3) ข้อมูลเชิงวิชาการจากทฤษฎี นโยบาย/แผน และผลงานวิจัย จากที่ศึกษาไว้
จากการ วิเคราะห์เน้ือหา (content analysis) เพิ่มเติม ถือเป็นข้อมูลจากภายนอกแบบบนลงสู่ล่าง
(top- down) โดยท้ัง 3 กรณีดังกล่าวข้างต้นน้ี จะทาให้ได้แหล่งข้อมูลจากทั้งบริบทที่เป็นจริง จาก
กรณีตวั อย่างท่ีประสบผลสาเร็จ จากข้อมูลเชิงวิชาการ และแหล่งข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ
หรอื ผู้คณุ วุฒทิ างวชิ าการ/ทางปฏิบัติประกอบด้วย ข้อมูลจากในแหล่งที่ 3 และแหล่งที่ 4 เห็นได้ว่า
แหล่งดังกล่าว ผู้วิจัยจะนามาสังเคราะห์ เพื่อกาหนดเป็น "ร่างข้อเสนอเชิงนโยบาย” ใน 2
องค์ประกอบสาคัญ คือ 1) วัตถุประสงค์ท่ีคาดหวังให้ เกิดขึ้น และ 2) แนวทางปฏิบัติเพ่ือให้บรรลุ
วัตถุประสงค์ โดยในข้ันตอนการสังเคราะห์ข้อมูลจาก 3 - 4 แหล่ง มาเป็นร่างข้อเสนอเชิงนโยบายน้ี
ผู้วิจัยอาจอาศัยหลักการมีส่วนร่วม โดยจัดการสัมมนา เชิงปฏิบัติการของ “ผู้มีส่วนได้เสีย” เพ่ือให้มี
การระดมสมองของคนท่ีเก่ียวข้องหลายฝุาย ซ่ึงจะทาให้ได้ ข้อเสนอเชิงนโยบายท่ีผ่านการกล่ันกรอง
ไดด้ ีกวา่ ทีผ่ วู้ จิ ยั จะจดั ทาเพยี งลาพงั

ขนั้ ตอนท่ี 2 คาดคะเนโอกาสในการปฏิบัติของข้อเสนอเชิงนโยบาย การคาดคะเนโอกาส
ในการปฏิบัตขิ องขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย หากพิจารณาจากแนวคิดด้ังเดิม “ผู้วิจัยเป็นผู้ดาเนินการวิจัย”
ดงั นี้

1) การวเิ คราะหอ์ านาจของผมู้ สี ่วนได้เสยี ทีจ่ ะมีอิทธพิ ลต่อการตัดสนิ ใจนโยบาย


50

2) การวิเคราะห์ศักยภาพขององค์การ
3) การคาดการณ์ถงึ ผลกระทบทจี่ ะเกิดขึน้
4) การคาดคะเนโอกาสในการปฏบิ ัติ
5) การจัดเตรียมให้ข้อเสนอแนะสุดท้าย กิจกรรมเหล่านี้สามารถนาเอาหลักการมี
ส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้เสียมาแทนได้ กล่าวคือ เปลี่ยนจากการที่ “ผู้วิจัย” เป็นผู้ศึกษาวิเคราะห์ใน
องค์ประกอบ ด้านต่าง ๆ ด้วยตนเอง ไปเป็นใช้ “หลักการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้เสีย” มาร่วม
กนั คดิ ร่วมกนั วเิ คราะห์ และรว่ มกนั ให้ข้อเสนอแนะแทน โดยใช้ข้อมูลท่ีได้จากการวิจัยในข้ันตอนแรก
มาใช้ประกอบการพิจารณาเสมอื นเป็นการวเิ คราะห์อิทธิพล และท่าทีการสนับสนุนของผู้มีส่วนได้เสีย
ไปด้วยในตัว ขณะเดียวกันก็พิจารณาถึงความเป็นไปได้ไปด้วย จากเกณฑ์ที่กาหนดใช้ประกอบการ
พิจารณา เช่น เกณฑ์ความเป็นไปได้ (feasible) และเกณฑ์การยอมรับ (acceptable) เป็นต้น ถือ
เป็น “การวิจัยเชิงนโยบายแบบมีส่วนร่วม”(Participatory Policy Research: PPR) โดยใช้กิจกรรม
ตามความเหมาะสมและตามศักยภาพ เช่น การสัมภาษณ์เชิงลึก (in-depth interview) การ
อภิปรายกลุ่มเปูาหมาย (focus group discussion) การสัมมนากลุ่มย่อย (small group
seminar) การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (operational seminar) การประชาพิจารณ์ (public
hearing) เปน็ ตน้
นอกจากน้ี อานาจ ชนะวงศ์ (2552, หน้า 43-51) ได้ทาการศึกษาเร่ือง ข้อเสนอเชิง
นโยบายเพอ่ื ความมี ประสทิ ธิผลเชิงระบบในการดาเนินงานของ คณะกรรมการสถานศึกษาในจังหวัด
กาฬสินธ์ุ ได้จาแนก กระบวนการจัดทาข้อเสนอเชงิ นโยบายเปน็ 2 ระยะ โดยมีรายละเอยี ดดงั นี้
ระยะที่ 1 เป็นข้ันตอนการร่างข้อเสนอเชิงนโยบาย (Developing tentative policy
recommendations) จากประชากร และกลุ่มตัวอย่างจาแนกตามวัตถุประสงค์ การวิจัยแต่ละ
ประเด็นที่แตกต่างกัน ดังน้ี
1) การศึกษาความเหมาะสม และข้อเสนอเพ่ือปรับปรุงองค์ประกอบ คณุ สมบตั ิ
กระบวนการสรรหา อานาจหนา้ ท่ี และบทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษาและการศึกษา ปญั หา
และ แนวทางแกไ้ ขตามอานาจหนา้ ท่ี และบทบาทของคณะกรรมการสถานศกึ ษา
2) การศึกษาความคดิ เหน็ ต่อคุณภาพ การบริหารและการจัดการของโรงเรียนใน
เขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา
ระยะท่ี 2 เปน็ ขนั้ ตอนการวิเคราะห์ ขอ้ เสนอเชิงนโยบาย (Analysis of
recommendations) ทไ่ี ดร้ ับการวจิ ยั ในขัน้ ตอนที่ 1 ไปวเิ คราะห์ข้อเสนอแนะโดยการประชุม
ผู้ทรงคุณวุฒเิ พื่อยืนยนั รา่ งข้อเสนอแนะให้ เป็นขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย

5. งานวจิ ัยท่ีเก่ยี วข้อง
ณิชกานต์ แก้วจันทร์ (2564, หน้า 138 - 148) ได้ศึกษาเก่ียวกับความพร้อมในการ

จัดการเรียนการสอน และความคาดหวังประสิทธิผลการศึกษาในระบบการเรียนการสอนออนไลน์ใน
ทรรศนะของนักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษา 1) เพื่อ
ศกึ ษาสภาพการเรียนการสอนออนไลน์ของกลุ่มตัวอย่าง 2) เพื่อศึกษาปัจจัยความพร้อมด้านผู้เรียนที่
ส่งผลต่อการเรียนการสอนออนไลน์ 3) เพ่ือศึกษาความพร้อมด้านการเรียนการสอนที่ส่งผลต่อการ


51

เรียนการสอนออนไลน์ 4) เพ่ือศึกษาการเรียนการสอนออนไลน์ท่ีส่งผลต่อความคาดหวังประสิทธิผล
การศึกษา โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างนักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยา
เขตสารสนเทศ จานวน 350 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์และแบบเอกสาร การ
วิเคราะห์ข้อมูลแสดงในรูปของ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบ
สมมติฐานด้วยการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple regression) ผลการศึกษาพบว่า (1) กลุ่ม
ตัวอย่างให้ความสาคัญกับปัจจัยด้านคุณภาพและประสบการณ์ของผู้สอน ในการเรียนการสอน
ออนไลน์มากที่สุด (2) ความพร้อมด้านผู้เรียนส่งผลต่อการเรียนออนไลน์ อย่างมีนัยสาคัญ ท่ีระดับ
0.05 (3) ความพร้อมด้านการเรียนการสอนออนไลน์ส่งผลต่อการเรียนการสอนออนไลน์ อย่างมี
นัยสาคัญท่ีระดับ 0.05 (4) การเรียนการสอนออนไลน์ส่งผลต่อความคาดหวังประสิทธิผลการศึกษา
อย่างมี นัยสาคญั ท่ีระดบั 0.05

กมลพร กัลยาณมิตร (2564, หน้า 402 - 422) ได้ศึกษาเกี่ยวกับ การนากลยุทธ์การ
บริหาร สู่การปฏิบัติ ในรูปแบบความปกติใหม่ (New Normal) บทความวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือ
ศึกษา 1) การนากลยุทธ์การบริหารสู่การปฏิบัติใน รูปแบบความปกติใหม่ (New Normal) 2) แนว
ทางการนากลยุทธ์การบริหารสู่การปฏิบัติใน รูปแบบความปกติใหม่ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดย
ศึกษาจากผู้ให้ข้อมูลสาคัญ ได้แก่ ผู้บริหาร ระดับนโยบายของภาครัฐและภาคเอกชน และผู้บริหารที่
เป็นเจ้าของธุรกิจ ท่ีปรึกษา ภาคอุตสาหกรรม และพนักงานลูกจ้างบริษัท รวมจานวน 12 คน โดย
วิธีการคัดเลือกแบบเจาะจง เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง เก็บ
รวบรวมข้อมูลโดย วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก การวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย 3 ข้ันตอน คือ การ
ลดทอนข้อมูล การแสดงข้อมูล และการสร้างข้อสรุป โดยวิธีการเชิงพรรณนา ผลการวิจัย พบว่า 1)
กลยุทธ์ ด้านวิสัยทัศน์ผู้นา โดยผู้นาองค์การต้องมีวิสัยทัศน์และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้
อย่าง มั่นคง 2) กลยุทธ์การบริหารการเปล่ียนแปลง โดยสร้างความมั่นคงทางอารมณ์มาเป็นแรง
ขับเคล่ือนในการสร้างผลงาน 3) กลยุทธ์การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยใช้ความ อุดม
สมบูรณ์ของประเทศไทย เช่น เกษตรกรรม อาหาร การสาธารณสุข การท่องเท่ียว เป็นต้น มาเป็น
โอกาสและปัจจัยเสริมให้ผู้บริหารนามาสร้างความได้เปรียบ 4) กลยุทธ์การสร้าง ความสุขในการ
ทางาน โดยผู้บริหารต้องสามารถสร้างความสมดุลและความสุขให้บุคลากร 5) กลยุทธ์การรักษา
ความสามารถในการแข่งขันโดยผู้บริหารสามารถรับมือกับการเปล่ียนแปลง อย่างฉับพลันของ
เทคโนโลยีดิจิทัลแล้วนามาสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน 6) กลยุทธ์การสร้างคุณค่า โดย
ผู้บรหิ ารต้องสร้างคุณค่าให้แก่สินค้าและบริการในการเข้าถึงและสร้างความ ไว้วางใจแก่ผู้บริโภคผ่าน
เทคโนโลยีด้านแนวทางการนากลยทุ ธก์ ารบรหิ ารส่กู ารปฏิบัติในรปู แบบความปกติใหม่ พบว่า องค์การ
ต้องปรับเปลี่ยนนาเทคโนโลยีเข้ามาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการดาเนินธุรกิจแบบสร้างพันธมิตร
การตัดสินใจต้องฉับไวและยืดหยุ่น พร้อมปรับเปล่ียนตามสถานการณ์ มองหาช่องทางธุรกิจใหม่ ๆ
เพม่ิ ชอ่ งทางความหลากหลายทางการตลาด เน้นคุณภาพ สร้างความแตกต่าง ความปลอดภัยจากโรค
ระบาด และมกี ารวางแผนเพ่ือเตรียมรับมือความไม่แนน่ อนในปจั จุบันและอนาคต

พัชราภรณ์ ดวงช่ืน (2563, หน้า 783 - 795) ได้ศึกษาเกี่ยวกับการบริหารจัดการศึกษา
รับความปกตใิ หมห่ ลงั วิกฤตโควิด – 19 มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื นาเสนอแนวทางการบริหารจัดการศึกษาใน
การเตรียมรับความ ปกติใหม่ (New normal) ที่จะเกิดขึ้นหลังวิกฤตโควิด - 19 สาหรับผู้บริหาร


52

สถานศึกษา ท่ีตอ้ งบรหิ ารจดั การศึกษาภายใตร้ ูปแบบการดาเนินชีวิตอย่างใหม่ที่แตกต่างจากอดีต อัน
เน่ืองจากมีบางสิ่งมากระทบ จนแบบแผนและแนวทางปฏิบัติท่ีคนในสังคมคุ้นเคยอย่างเป็นปกติและ
เคยคาดหมายล่วงหน้าได้ต้องเปล่ียนแปลงไปสู่วิถีใหม่ เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม การใส่แมส
ฯลฯ เปน็ ตน้ ผู้บริหารจงึ ตอ้ งมีการบรหิ ารจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับความปกติใหม่โดยมีแนวทางใน
การบริหาร ได้แก่ การเตรียมความพร้อมในการเรียนการสอนออนไลน์ด้านอุปกรณ์และเทคโนโลยี
การออกแบบหลักสูตรโดยคานึงถึงความแตกต่างของนักเรียนแต่ละคน การบริหารจัดการโรงเรียน
และครใู หป้ ระสบความสาเร็จ ในการจัดการเรียนรู้ มีการหารือและวางแผนร่วมกันของบุคคลท่ีมีส่วน
เก่ียวข้องในทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้ กาหนดนโยบาย ผู้บริหารสถานศึกษา ครู บุคลากรทางศึกษา
ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจและภาคประชาสังคม พ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมถึงการเตรียมความพร้อมทั้ง
ทางด้านรา่ งกายและจิตใจของครูและนักเรียน

มนธิชา ทองหัตถา (2564, หน้า 43 - 52) ได้ศึกษาเกี่ยวกับสภาพการจัดการเรียนรู้
แบบออนไลน์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) ของครู
กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีวัตถุประสงค์เพ่ือ
1) ศึกษาแอปพลิเคชันที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์ของครูและ 2) ศึกษาปัญหาที่ครูพบใน
การจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ
โรงเรียนปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จานวน 17 คน เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่
แบบสอบถามวิธีการวจิ ัยน้เี ปน็ การวจิ ัยเชงิ สารวจวเิ คราะหข์ ้อมูลโดยใช้สถติ ิเชงิ พรรณนา ผลการศึกษา
พบว่า 1) แอปพลิเคชันท่ีครูนิยมใช้ในการจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์มากที่สุด คือ แอปพลิเคชันไลน์
(Line) คิดเป็นร้อยละ 88.23 และ Google Meet น้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 23.53 และ 2) ปัญหา
ท่ีครพู บในการจดั การเรยี นรู้แบบออนไลน์คือ ปญั หาดา้ นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สัญญาณอินเทอร์เน็ต
และโปรแกรมท่ีใช้สาหรับการเรียนแบบออนไลน์ถูกพบมากที่สุด ปัญหาทางด้านการเงิน ปัญหาด้าน
พฤติกรรมของนักเรียน เช่น การบริหารจัดการเวลาและความรับผิดชอบต่อตนเองของนักเรียน
นอกจากนั้นปัญหาด้านครอบครัว ยังทาให้นักเรียนบางส่วนต้องทางานเพ่ือแบ่งเบาภาระครอบครัว
ขณะอยูบ่ า้ น

6. บรบิ ทสานกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาเชยี งใหม่ เขต 3

สภาพปจั จบุ ัน

สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 เป็นหน่วยงานท่ีอยู่ภายใต้

การกากับดูแลของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ซ่ึงมีหน่วยงานทางการศึกษาและ

สถานศึกษาทีอ่ ยใู่ นสงั กดั ครอบคลมุ เขตพ้นื ท่ี 5 อาเภอ ซง่ึ อยู่ทางทศิ เหนือของจงั หวดั เชยี งใหม่ คือ

1. อาเภอฝาง เป็นท่ตี ้งั ของสานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษา

2. อาเภอแม่อาย ตัง้ อยู่ทางทิศเหนือของเขตพืน้ ที่การศึกษา ห่างจากท่ตี ้ังของ

สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประมาณ 13 กโิ ลเมตร

3. อาเภอไชยปราการ ตงั้ อยูท่ างทิศใตข้ องเขตพืน้ ที่การศึกษา ห่างจากท่ีต้งั ของสานักงานเขต

พนื้ ท่ีการศึกษา ประมาณ 25 กิโลเมตร

4. อาเภอเชยี งดาว ตัง้ อยู่ทางทิศใต้ของเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษา หา่ งจากท่ีตัง้ ของสานักงานเขต


53

พื้นทกี่ ารศึกษา ประมาณ 70 กโิ ลเมตร
5. อาเภอเวียงแหง ตัง้ อยู่ทางทศิ ตะวันตกเฉียงใต้ของเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษา หา่ งจากทตี่ ัง้

ของสานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษา ประมาณ 150 กิโลเมตร
ท่ตี ้ังและอาณาเขต
สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาเชียงใหม่ เขต 3 ต้งั อยู่บนถนนโชตนา เลขที่ 177
หมู่ 12 ตาบลแม่สูน อาเภอฝาง จงั หวัดเชียงใหม่ มอี าณาเขตตดิ ต่อดังน้ี
ทศิ เหนอื ติดตอ่ กับ สาธารณรัฐแหง่ สหภาพพมา่
ทิศใต้ ตดิ ต่อกับ อาเภอแมแ่ ตง จงั หวัดเชียงใหม่
ทศิ ตะวันออก ติดตอ่ กับ อาเภอพรา้ ว จังหวัดเชยี งใหม่

อาเภอเวยี งปาุ เปูา จังหวดั เชยี งราย
อาเภอแมส่ รวย จังหวัดเชียงราย
ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ต่อกับ สาธารณรัฐแหง่ สหภาพพม่า
อาเภอปาย จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน
การคมนาคม
การคมนาคมและการติดต่อระหว่างสถานศึกษาเป็นไปด้วยความยากลาบาก เน่ืองจาก
สถานศึกษาส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร ห่างไกล โดยสถานศึกษาท่ีตั้งอยู่ห่างจากสานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ที่ไกลท่ีสุดมีระยะทางเกือบ 200 กิโลเมตร และ
มีสถานศกึ ษาท่ีต้ังอยบู่ นภเู ขาสงู อีกจานวนมาก สง่ ผลใหน้ กั เรยี นจานวนหนึ่งซง่ึ เขา้ เรียนในสถานศึกษา
ที่อยู่ห่างไกลจากชุมชนของตนไม่สะดวกต่อการเดินทางไป-กลับในวันเดียว ต้องเข้าพักนอน
ในโรงเรียน ซ่ึงต้องเป็นธุระจัดหาท่ีพักให้ตามสภาพความขาดแคลนในรูปแบบของโรงเรียนพักนอน
จานวน 13 โรงเรียน เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กในพื้นท่ีให้ได้รับการศึกษาอย่างท่ัวถึง
ตามนโยบายของสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
การจดั การศึกษาของสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา
การจัดการศึกษาของสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 มีความ
ซับซ้อนเน่ืองจากมีพื้นที่รับผิดชอบถึง 4,893 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา
ปุาไม้ และเป็นเขตชายแดนซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศพม่าเป็นแนวยาวกว่า 100 กิโลเมตร จาก
อาเภอฝาง อาเภอแม่อาย อาเภอเชียงดาว จนถึงอาเภอเวียงแหง
สภาพบริบทในการจัดการศึกษาของสานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต
3 ประกอบไปด้วยนักเรียนท่ีมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ มีความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม
ขนบธรรมเนียมประเพณี สังคม และภาษาท่ีใช้ในการส่ือสาร และจานวนหนึ่งยังเป็นผู้อพยพจาก
ประเทศเพ่ือนบ้านที่เข้ามาขายแรงงาน ทาให้มีเด็กวัยเรียนจานวนมากที่ไม่มีเอกสารทางทะเบียน
ราษฎร์ ส่งผลกระทบต่อการให้บริการการจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐานทาให้มีความยุ่งยากและซับซ้อน
มากข้ึน ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนทุกช่วงช้ันต่ากว่าระดับมาตรฐานประเทศใน
สาระวชิ าหลกั คอื ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา และภาษาองั กฤษ


54

ข้อมลู พ้ืนฐาน

ตาราง 2 แสดงจานวนโรงเรียนในสังกัดและนอกสังกดั สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชยี งใหม่
เขต 3

อาเภอ โรงเรยี นสงั กัด สพป.ชม.3 โรงเรียน โรงเรยี น สพม. โรงเรียน ตชด. การ
ประถม ม.ต้น ม.ปลาย รวม ขนาดเลก็ พกั นอน เอกชน ศกึ ษา
พเิ ศษ
ฝาง 28 20 1 49 17 0161
แม่อาย 23 12 1 36 3 5- -2 -
ไชยปราการ 13 8 0 21 15 015- 1
เชยี งดาว 22 16 1 39 7 7242 -
เวยี งแหง 6 3 0 9 0 11-1 1
-
รวม 92 59 3 154 42 13 5 15 6
2

ทม่ี า : กล่มุ นโยบายและแผน สพป.เชยี งใหม่ เขต 3 ข้อมลู ณ วนั ท่ี 25 มถิ ุนายน 2564

ตาราง 3 แสดงจานวนโรงเรยี นขนาดเลก็ จาแนกรายอาเภอ

อาเภอ จานวนโรงเรียน โรงเรยี นขนาดเล็ก
ทง้ั หมด
ฝาง จานวน รอ้ ยละ
แม่อาย 49
ไชยปราการ 36 17 11.04
เชยี งดาว 21
เวียงแหง 39 3 1.95
รวม 9
154 15 9.74

7 4.55

0 0.00

42 27.28

ทมี่ า : กลุ่มนโยบายและแผน สพป.เชยี งใหม่ เขต 3 ข้อมลู ณ วันท่ี 25 มิถนุ ายน 2564


55

ตาราง 4 แสดงจานวนนกั เรียนจาแนกตามระดับทจี่ ัดการเรียนการสอน

ระดบั ชัน้ ชาย หญงิ รวม ห้องเรียน
อ.1 327 269 596 43
อ.2 1,617 1,637 3,254 175
อ.3 1,989 1,883 3,872 184
3,933 3,789 7,722 402
รวมปฐมวยั 2,691 2,474 5,165 225
ป. 1 2,595 2,329 4,924 223
ป.2 2,471 2,289 4,760 216
ป.3 2,335 2,155 4,490 207
ป.4 2,179 1,951 4,130 202
ป.5 1,929 1,917 3,846 191
ป.6 14,200 13,115 27,315 1,264
1,221 1,174 2,395 91
รวมประถม 1,065 1,080 2,145 88
ม.1 914 1,014 1,928 80
ม.2 3,200 3,268 6,468 259
ม.3 38 52 90 5
25 40 65 4
รวม ม.ต้น 31 33 64 4
ม.4 94 125 219 13
ม.5 21,427 20,297 41,724 1,938
ม.6

รวม ม.ปลาย
รวมท้ังสนิ้

ท่มี า : กลุ่มนโยบายและแผน สพป.เชยี งใหม่ เขต 3 ข้อมลู ณ วนั ที่ 25 มถิ ุนายน 2564


56

ตาราง 5 แสดงจานวนขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาในสงั กัดสานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษา
ประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3

บคุ ลากร จานวน (คน)

ข้าราชการปฏบิ ตั หิ นา้ ทใี่ นสานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา 1
3
* ผอ.สพป. 13
35
* รอง ผอ.สพป. 2
11
* ศกึ ษานิเทศก์
136
* บคุ ลากรทางการศกึ ษา 27
2,024
* ลูกจ้างประจา 113
42
* ลกู จ้างชว่ั คราว 31
21
ข้าราชการครปู ฏิบตั ิหน้าที่ในสถานศกึ ษา 307

* ผู้อานวยการโรงเรยี น

* รองผอู้ านวยการโรงเรยี น

* ข้าราชการครู

* พนักงานราชการ

* ลกู จา้ งประจา

* ลกู จ้างรายเดือนนกั การภารโรง

* ลูกจา้ งรายเดอื นนักการภารโรง (จากโครงการคนื ครฯู )

* ลูกจา้ งชั่วคราว (งบ สพฐ.) ดังน้ี

- ครธู รุ การ จานวน 154 คน

- ครูพี่เลยี้ งเด็กพิการ จานวน 59 คน

- ครูวิกฤต จานวน 68 คน

- ครูวิทย-์ คณติ จานวน 22 คน

- ครผู ทู้ รงคุณคา่ จานวน 4 คน

ท่ีมา : กลุ่มนโยบายและแผน สพป.เชียงใหม่ เขต 3 ขอ้ มลู ณ วันที่ 25 มถิ ุนายน 2564


57

ผลการจดั การศึกษา ปีการศึกษา 2563

ตาราง 6 แสดงการเปรยี บเทียบผลการประเมนิ (NT) ปี 2560-2563 ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 3

สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาเชยี งใหม่ เขต 3

ดา้ น ปีการศึกษา
2563 2562 2561 2560
41.21 48.01 46.43 47.24
ดา้ นภาษา 46.22 46.61 43.16 37.25

ดา้ นคานวณ

ดา้ นเหตผุ ล - - 42.14 42.03

ทม่ี า : กลุ่มนเิ ทศ ติดตามฯ สพป.เชียงใหม่ เขต 3 ข้อมลู ณ วนั ที่ 7 พฤษภาคม 2564

ตาราง 7 แสดงการเปรียบเทียบผลการทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น (O-Net) ชัน้ ประถมศกึ ษา
ปที ี่ 6 ปกี ารศึกษา 2562-2563 สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาเชยี งใหม่ เขต 3

ปกี ารศึกษา 2563 เปรยี บเทยี บ

วชิ าทจ่ี ัดสอบ รหสั เปรยี บเทยี บคะแนนกบั ระดับสพฐ.และประเทศ ระดบั เขตพ้ืนท่ี
วิชา 2563 2562 เพมิ่ /ลด
ระดบั ระดบั สพฐ. ระดบั ประเทศ

เขตพ้นื ที่ คะแนน เพิม่ /ลด คะแนน เพ่มิ /ลด

ภาษาไทย 61 51.17 54.96 -3.79 56.02 -5.03 51.17 44.45 6.72

ภาษาอังกฤษ 63 33.47 38.87 -5.40 43.55 -10.08 33.47 27.51 5.96

คณิตศาสตร์ 64 25.95 28.59 -2.64 29.99 -4.04 25.95 28.99 -3.04

วทิ ยาศาสตร์ 65 35.36 37.64 -2.28 38.78 -3.42 35.36 32.54 2.82

คา่ เฉลี่ย 36.49 40.02 -3.53 42.13 -5.64 36.49 33.3 3.12

7

ทีม่ า : กลุ่มนิเทศ ติดตามฯ สพป.เชียงใหม่ เขต 3 ขอ้ มูล ณ วนั ท่ี 7 พฤษภาคม 2564

ตาราง 8 แสดงการเปรยี บเทียบผลการทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน (O-Net) ช้นั มธั ยมศกึ ษา
ปีที่ 3 ปกี ารศึกษา 2562-2563 สานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาเชยี งใหม่ เขต 3

ปกี ารศึกษา 2563 เปรยี บเทยี บ
ระดบั เขตพ้นื ที่
วิชาทีจ่ ดั สอบ รหัส เปรียบเทียบคะแนนกับระดบั สพฐ.และประเทศ
วชิ า
ระดบั ระดบั สพฐ. ระดับประเทศ 2563 2562 เพมิ่ /ลด

เขตพื้นที่ คะแนน เพ่ิม/ลด คะแนน เพิ่ม/ลด

ภาษาไทย 91 52.18 55.18 -3.00 54.29 -2.11 52.18 53.23 -1.05
ภาษาอังกฤษ 93 28.97 29.12 -0.15
คณติ ศาสตร์ 94 28.97 34.14 -5.17 34.38 -5.41 22.25 23.25 -1.00
วทิ ยาศาสตร์ 95 28.76 29.62 -0.86
22.25 25.82 -3.57 25.46 -3.21 33.04 33.81 -0.77
ค่าเฉล่ยี
28.76 30.17 -1.41 29.98 -1.22

33.04 36.33 -3.29 36.03 -2.99

ทมี่ า : กลุ่มนิเทศ ติดตามฯ สพป.เชียงใหม่ เขต 3 ข้อมูล ณ วนั ที่ 7 พฤษภาคม 2564


บทท่ี 3
วิธีดาเนนิ การวิจัย

การวิจัยคร้ังน้ี เป็นการวิจัยเชิงนโยบายเพื่อจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการศึกษา
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ระดับสานักงาน
เขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 มีวัตถปุ ระสงค์ ดงั นี้

1) เพื่อวเิ คราะหส์ ภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดสานักงานเขตพืน้ ท่ี
การศึกษาประถมศกึ ษาเชยี งใหม่ เขต 3

2) เพ่อื พัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสงั กัดสานักงานเขตพืน้ ท่ี
การศึกษาประถมศึกษาเชยี งใหม่ เขต 3

3) เพอื่ จัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายการจดั การศึกษาในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของ
โรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (Covid-19) ของสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่
เขต 3

มีการดาเนินการวจิ ยั แบง่ ออกเปน็ 3 ขัน้ ตอน คอื
ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์สภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่
การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (Covid-19) โดยคณะผู้วิจัยดาเนินการสอบถามผู้บริหารสถานศึกษา นาข้อมูลมาวิเคราะห์
จัดทาเป็นสารสนเทศการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในเขตพ้ืนที่การศึกษา ด้านการบริหารจัดการ
การจัดการเรียนรู้ และการดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียน
ข้ันตอนที่ 2 การพัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาของสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา
2019 (Covid-19) โดยการประชุมระดมความคิด (Brainstorming) นาผลการวิเคราะห์ในข้ันตอน
ที่ 1 มาประชุมระดมความคิดของคณะวิจัย เพ่ือกาหนดแนวทางการจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนา
สถานศกึ ษาทุกลกั ษณะ ในด้านการบรหิ ารจัดการเรียนรู้ และการดแู ลช่วยเหลือนักเรยี น
ขั้นตอนท่ี 3 การจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการศึกษาในระดับสานักงานเขตพ้ืนที่
การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (Covid-19) โดยการสัมมนาองิ ผูเ้ ชยี่ วชาญ (Connoisseurship) เพื่อจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบาย
การจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19)
ในระดับสานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาเชยี งใหม่ เขต 3
คณะผูว้ จิ ัยได้สรุปขน้ั ตอนในการดาเนนิ การวจิ ยั ดังตาราง 9


59

ตาราง 9 การวจิ ัยเชิงนโยบายเพอื่ จดั ทาข้อเสนอเชงิ นโยบายการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่

ระบาดของโรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 (Covid-19) ระดับสานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษา

ประถมศกึ ษาเชยี งใหม่ เขต 3

ขน้ั ตอน กลมุ่ ผ้ใู ห้ข้อมูล วธิ ีดาเนินการ ผลท่ีได้รับ

ขนั้ ตอนที่ 1 ผบู้ รหิ าร สอบถามกลุ่มผู้ให้ข้อมลู เพอื่ สภาพการจดั การศกึ ษา

การวเิ คราะห์สภาพ สถานศึกษา/ นาข้อมลู มาวิเคราะห์ จดั ทา ด้านการบริหารจัดการ

การจัดการศกึ ษา ครผู ู้สอน เป็นสารสนเทศการจดั การจัดการเรียนรู้ และ

ของสถานศกึ ษา การศกึ ษาของสถานศกึ ษาใน การดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น

เขตพื้นที่การศึกษา ด้านการ ของสถานศกึ ษาในสังกัด

บรหิ ารจัดการ การจดั การ สานักงานเขตพ้นื ที่

เรยี นรู้ และการดแู ลช่วยเหลือ การศึกษาประถมศึกษา

นกั เรียน เชยี งใหม่ เขต 3

ในสถานการณก์ ารแพร่

ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัส

โคโรนา 2019 (COVID - 19)

ขั้นตอนที่ 2 คณะผู้วิจัย นาผลการวิเคราะห์ในข้ันตอน แนวทางการจัดการศึกษา

การพัฒนาแนว ที่ 1 มาประชมุ ระดมความคดิ ในสถานการณก์ ารแพร่

ทางการจัดการศึกษา (Brainstorming) ของ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั

ของสถานศึกษา คณะวจิ ัย เพ่ือกาหนด โคโรนา 2019 (COVID - 19)

แนวทางการจดั การศึกษา เพื่อพัฒนาสถานศึกษาทุก

เพ่ือพฒั นาสถานศึกษาทุก ลกั ษณะ ในดา้ นการบรหิ าร

ลกั ษณะ ในด้านการบรหิ าร จดั การเรียนรู้ และการดูแล

จดั การเรียนรู้ และการดแู ล ช่วยเหลอื นกั เรียน

ชว่ ยเหลอื นกั เรียน

ขัน้ ตอนท่ี 3 ผ้เู ช่ยี วชาญ การสัมมนาองิ ผเู้ ชี่ยวชาญ ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายการจดั

การจดั ทาข้อเสนอเชงิ (Connoisseurship) เพือ่ การศึกษาในสถานการณ์

นโยบายการจดั จดั ทาข้อเสนอเชงิ นโยบาย การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ

การศึกษาในระดบั การจัดการศึกษาใน เชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019

สานักงานเขตพน้ื ที่ สถานการณ์การแพรร่ ะบาด (COVID - 19) ในระดับ

การศึกษา ของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา สานักงานเขตพ้ืนที่

2019 (COVID - 19) ในระดบั การศึกษาประถมศกึ ษา

สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษา เชียงใหม่ เขต 3

ประถมศึกษาเชยี งใหม่ เขต 3


60

คณะผู้วิจัยได้ดาเนินการวิจัย เร่ือง ข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการศึกษาในสถานการณ์การ
แพรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา
เชียงใหม่ เขต 3 มีรายละเอียดของการดาเนนิ การวจิ ัยในแตล่ ะขัน้ ตอน ดังน้ี

ขนั้ ตอนท่ี 1 การวิเคราะห์สภาพการจดั การศึกษาในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรค

ตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ของโรงเรียนในสังกัดสานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษา

ประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3

การวิเคราะห์สภาพการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโร

นา 2019 (Covid-19) ของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต

3 คณะผู้วิจยั ไดด้ าเนินการ ดังน้ี

กลุ่มผู้ใหข้ อ้ มูลทใี่ ช้ในการวิเคราะหส์ ภาพการจดั การศกึ ษา เป็นผู้บริหารโรงเรียน/ครูผู้สอน

สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 จานวน 154 คน แบ่งรายละเอียด

ดังน้ี

1.1 โรงเรียนขนาดเลก็ จานวน 42 โรงเรยี น

1.2 โรงเรียนขนาดกลาง จานวน 101 โรงเรียน

1.3 โรงเรยี นขนาดใหญ่ จานวน 9 โรงเรียน

1.4 โรงเรยี นขนาดใหญ่พเิ ศษ จานวน 1 โรงเรียน

1.5 โรงเรียนคุณภาพระดับประถมศกึ ษา จานวน 1 โรงเรียน

เครื่องมอื ท่ใี ช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
เครอื่ งมือทใี่ ช้ในการศึกษาสภาพการจดั การศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ

โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 เป็นแบบสอบถาม ทมี่ ลี ักษณะเป็นแบบสอบถามแบบเลือกตอบและแบบ
ปลายเปดิ (ดังรายละเอยี ดในภาคผนวก ก) แบง่ เป็น 5 ตอน คือ

ตอนที่ 1 ข้อมลู พืน้ ฐานของโรงเรียน
ตอนที่ 2 การดาเนินงานด้านการบริหารจัดการ ด้านการจัดการเรียนรู้ และด้าน
การดูแลช่วยเหลอื นักเรยี น
ตอนที่ 3 นโยบายการจัดการศกึ ษาและรปู แบบวธิ กี ารพัฒนาโรงเรยี น
ตอนท่ี 4 กรณศี กึ ษาแนวทาง/รปู แบบของโรงเรยี นที่จดั การศึกษาโดดเดน่
ตอนที่ 5 ปัญหาและอุปสรรคในการจดั การศึกษาภายใต้สถานการณ์การแพร่
ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (Covid-19) ของโรงเรยี น


61

การสร้างและหาประสิทธภิ าพของเครอื่ งมือทใี่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ดาเนนิ การดังน้ี
1) ศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฏี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องท่ีครอบคลุมเร่ืองการจัด

การศึกษา ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ปัจจัยที่เก่ียวข้องกับการจัด
การศึกษา

2) สรา้ งแบบสอบถามตามขอบเขตเน้ือหาท่ีครอบคลุมการจัดการศึกษาด้านการบริหาร
จดั การ ดา้ นการจดั การเรียนรู้ และดา้ นการดแู ลช่วยเหลือนักเรียน

3) นาร่างแบบสอบถามดังกล่าวเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญพิจารณาตรวจสอบความตรงเชิง
เนื้อหา (Content Validity) โดยการพิจารณาความสอดคล้องของข้อคาถามกับนิยามตัวแปรท่ีศึกษา
ไดค้ า่ ความเที่ยงตรง ระหว่าง 0.80 – 1.00 และปรับเปลย่ี นภาษาในข้อทซ่ี ้าซ้อน ปรับสานวนภาษาให้
กระชบั

4) ปรับปรุงแก้ไขแบบสอบถามตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญและจัดทา
แบบสอบถามฉบับสมบูรณเ์ พอ่ื นาไปใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูลต่อไป

การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
1) ทาหนังสือเพ่ือขอความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมลู โดยแนบแบบสอบถาม และ

ชอ่ งทางการกรอกผ่าน Google form
2) ส่งแบบสอบถามถึงทุกโรงเรียนในสังกัดผ่านทาง My Office ของสานักงานเขตพื้นท่ี

การศึกษาประถมศกึ ษาเชยี งใหม่ เขต 3
3) เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เพ่ือนามาวเิ คราะห์

การวเิ คราะห์ขอ้ มลู
1) ตรวจความสมบูรณ์ของข้อมูลตามแบบสอบถาม จัดระเบียบข้อมูล และวิเคราะห์

ข้อมลู
2) วเิ คราะห์ขอ้ มลู โดยใช้สถิติการวเิ คราะห์ ดังนี้
2.1) ข้อมลู พื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะหข์ อ้ มูลโดยการหาความถี่และรอ้ ยละ
2.2) ข้อมูลจากคาถามปลายเปิด วิเคราะห์ด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content

Analysis)
3) วเิ คราะห์ข้อมูลจากเอกสาร สารสนเทศที่เกี่ยวข้องเพ่ือนาสู่การสร้างแนวทางการจัด

การศกึ ษาในข้นั ตอนตอ่ ไป

ขนั้ ตอนที่ 2 การพัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
ติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา
ประถมศกึ ษาเชยี งใหม่ เขต 3

การศึกษาในข้ันตอนท่ี 2 หลังจากได้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นตอนที่ 1 ซ่ึงประกอบไป
ด้วยข้อมูลการดาเนินงานการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ของโรงเรียนในสังกัดตามกรอบการวิเคราะห์ด้านการบริหารจัดการ ด้านการจัดการเรียนรู้


62

และด้านการดูแลชว่ ยเหลอื ผูเ้ รียน คณะผ้วู ิจยั นาผลการวจิ ยั มาร่วมประชมุ ระดมสมอง เพื่อจัดทาแนว
ทางการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019

กลุ่มผู้ให้ข้อมูลที่ใช้ในการพัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาของโรงเรียนในสังกัดสานักงาน
เขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 คือ ทีมนักวิจัยของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 จานวน 21 คน

เครอ่ื งมอื ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่
1) (ร่าง) แนวทางการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ

ไวรสั โคโรนา 2019
2) ประเด็นประชุมระดมความคิด 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการ ด้านการจัดการ

เรยี นรู้และดา้ นการดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี น
3) แบบวิเคราะหแ์ นวทางการจัดการศกึ ษาเพื่อพฒั นาสถานศกึ ษาทุกลักษณะ ในด้าน

การบรหิ ารจดั การ ดา้ นการจัดการเรยี นรแู้ ละด้านการดูแลช่วยเหลอื นกั เรียน

การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
1) ทาหนังสอื เชิญทีมนักวิจัย จานวน 21 คน ให้เขา้ รว่ มประชุมตามกาหนด
2) เร่ิมการประชุมโดยผู้ประสานงานวิจัย กล่าวชี้แจงความเป็นมา และวัตถุประสงค์

ในการวิจัย รวมทั้งนาเสนอวัตถุประสงค์ในการระดมสมอง และวิเคราะห์แนวทางการจัดการศึกษา
ในโรงเรยี นแต่ละลกั ษณะ

3) ดาเนนิ การประชุมเพื่อระดมสมอง จัดทาแนวทางการจัดการศึกษาในสถานการณ์การ
แพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019

4) สรปุ แนวทางการพัฒนาการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 ของสานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาเชียงใหม่ เขต 3

วิเคราะห์ข้อมูล ใช้การวิเคราะห์เชิงเน้ือหา (Content Analysis) โดยการวิเคราะห์แนว
ทางการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสถานศึกษาทุกลักษณะในด้านการบริหารจัดการ ด้านการจัดการ
เรยี นรูแ้ ละด้านการดแู ลช่วยเหลอื นักเรยี น โดยใช้แบบวิเคราะห์แนวทางการจดั การศกึ ษา

ข้ันตอนที่ 3 การจัดทาขอ้ เสนอเชิงนโยบายการจดั ศกึ ษาในสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคตดิ เชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ของสานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษา
เชียงใหม่ เขต 3

การดาเนินงานในข้ันตอนท่ี 3 หลังจากได้ผลการวิจัยในขั้นตอนที่ 1 และ2 คณะผู้วิจัย
นาผลการวิจัยมาจัดทา “(ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019” เพื่อเสนอใหผ้ ู้เชีย่ วชาญพิจารณาวพิ ากษ์และให้ข้อเสนอแนะ

กลุ่มผู้เชีย่ วชาญที่ใช้ในการจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการศึกษาในระดับสานักงาน
เขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 จานวน 15 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง
แบง่ เปน็ 3 ด้าน ตามคุณสมบัตทิ ี่กาหนดไว้ ดงั นี้


63

1) ด้านการบริหารจัดการ เป็นผู้บริหารการศึกษาและผู้บริหารสถานศึกษา ที่มีวุฒิ
การศึกษาไม่ต่ากวา่ ปรญิ ญาโท ดา้ นการบรหิ ารการศึกษา จานวน 5 คน

2) ด้านการจัดการเรียนรู้ เป็นศึกษานิเทศก์ท่ีมีประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการ
หลกั สูตรและการจัดการเรียนรู้ และครูผู้สอนที่มีผลงานการจัดการเรียนการสอนที่เป็นเลิศ จานวน 5
คน

3) ด้านการดูแลและช่วยเหลือนักเรียน เป็นศกึ ษานิเทศก์ท่ีมีประสบการณ์ด้านระบบดูแล
ช่วยเหลือนักเรียนและผู้บริหารสถานศึกษาท่ีมีผลงานเป็นเลิศด้านการดูแลและช่วยเหลือนักเรียน
จานวน 5 คน

เครอ่ื งมอื ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ได้แก่
1) ประเด็นการสัมมนาเร่ือง ข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการศึกษาในสถานการณ์การ

แพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ของสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา
ประถมศกึ ษาเชียงใหม่ เขต 3

2) แบบวิเคราะห์ผลการสมั มนาอิงผ้เู ชี่ยวชาญและข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการศึกษา
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา
ประถมศกึ ษาเชียงใหม่ เขต 3

การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
1) ทาหนังสือเชิญผู้เชี่ยวชาญ ทั้ง 15 คน ซ่ึงเป็นผู้ให้ข้อมูลหลักให้เข้าร่วมประชุม

วิพากษต์ ามวัน และเวลาที่กาหนด พร้อมทั้งส่งสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูล และ “(ร่าง) ข้อเสนอเชิง
นโยบายการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019” ให้
ผเู้ ชย่ี วชาญ ลว่ งหนา้ ทุกคน

2) เริ่มการประชมุ โดยผู้คณะผู้วิจัย กล่าวชี้แจงความเป็นมา และวัตถุประสงค์ในการ
วิจัย และสรุปผลการวิจัย รวมทั้งนาเสนอวัตถุประสงค์ในการประชุมวิพากษ์ “(ร่าง) ข้อเสนอเชิง
นโยบาย การจัดการศกึ ษาในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019”

3) ดาเนินการประชุมโดยเสนอให้ผู้เชี่ยวชาญ ได้พิจารณาประเมินตามประเด็นท่ี
กาหนดไว้ใน “(ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติด
เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019” โดยให้ผเู้ ช่ียวชาญเสนอความคิดตามประเด็นที่กาหนดอยา่ งเปิดกวา้ ง

4) สรุปประเด็นที่ได้รับจากการประชุม และผู้เช่ียวชาญส่งแบบประเมิน “(ร่าง)
ข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019”

การวิเคราะห์ข้อมูล คณะผู้วิจัยใช้การวิเคราะห์เน้ือหา เพื่อกาหนดข้อเสนอเชิงนโยบายการ
จัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ของ
สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาเชยี งใหม่ เขต 3


บทท่ี 4
ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู

การวจิ ัย “ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3” มีวัตถุประสงค์ดังนี้
1) เพ่ือวิเคราะห์สภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 2) เพ่ือพัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัด
สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 3) เพื่อจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายการจัด
การศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ของสานักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 คณะผู้วิจัยได้ดาเนินการวิเคราะห์ข้อมูล และขอนาเสนอผล
การวเิ คราะหข์ ้อมลู ตามข้นั ตอนการดาเนินการวจิ ัยแบง่ ออกเปน็ 3 ตอน คือ

ตอนท่ี 1 ผลการวิเคราะห์สภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา
2019 (Covid-19)

ตอนท่ี 2 ผลการพัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาของสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา
2019 (Covid-19)

ตอนที่ 3 ผลการจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการศึกษาในระดับสานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (Covid-19)

โดยมีรายละเอียดดังตอ่ ไปนี้

ตอนท่ี 1 ผลการวิเคราะห์สภาพการจัดการศึกษาในสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส
โคโรนา 2019 (Covid-19)

คณะผวู้ จิ ยั ได้ดาเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้บริหารสถานศึกษา/ครูผู้สอนเก่ียวกับสภาพ
การจัดการศกึ ษาของสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ใน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) โดยนาเสนอผลการ
วิเคราะหข์ อ้ มลู 2 สว่ น ดงั น้ี


65

สว่ นท่ี 1 สภาพขอ้ มูลพน้ื ฐานของสถานศึกษาในสังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาเชยี งใหม่ เขต 3

ตาราง 10 แสดงข้อมูลพ้ืนฐานของสานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3
จาแนกตามลกั ษณะของโรงเรียน และประเภทของโรงเรยี น

ลักษณะ จานวน ประเภทโรงเรียน
โรงเรียน
โรงเรยี นขนาดเลก็ ( จานวนนักเรยี นนอ้ ยกว่า 120) รร.ทัว่ ไป รร.คณุ ภาพ
โรงเรยี นขนาดกลาง (จานวนนักเรียน 120 – 719) 42
โรงเรียนขนาดใหญ่ (จานวนนกั เรยี น 720 – 1,680) 101 41 1
โรงเรียนขนาดใหญพ่ ิเศษ (จานวนนกั เรียนมากกว่า 1,680) 10 92 9
82
รวม 1
10
154
142 12

จากตาราง 10 สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 แบ่งโรงเรียน
ออกเป็น 4 ประเภท ตามจานวนนกั เรียน โดย โรงเรยี นขนาดเลก็ 42 โรงเรียน โรงเรียนขนาดกลาง
101 โรงเรยี น โรงเรยี นขนาดใหญ่ 10 โรงเรยี น และ โรงเรยี นขนาดใหญพ่ เิ ศษ จานวน 1 โรงเรียน
เม่ือจาแนกตามลักษณะของโรงเรียนพบว่า มีโรงเรียนคุณภาพ ระดับประถมศึกษา จานวน 12
โรงเรียน เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก 1 โรงเรียน โรงเรียนขนาดกลาง 9 โรงเรียน และโรงเรียนขนาด
ใหญ่ 2 โรงเรยี น

ตารางท่ี 11 แสดงจานวนโรงเรยี นในสังกดั ท่ีใชร้ ูปแบบการจัดการเรยี นการสอน 5 On ในชว่ ง
สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 จาแนกตามขนาด

จานวน รปู แบบการจัดการเรียนการสอน
โรงเรยี น
ลักษณะ On On On On On

site Hand Line Demand Air

โรงเรยี นขนาดเลก็ (จานวนนักเรยี นนอ้ ยกวา่ 120) 42 0 42 12 29 0
โรงเรยี นขนาดกลาง (จานวนนกั เรยี น 120 – 719) 101
โรงเรยี นขนาดใหญ่ (จานวนนกั เรยี น 720 – 1,680) 10 0 101 71 55 0
โรงเรยี นขนาดใหญพ่ เิ ศษ (จานวนนักเรยี นมากกว่า 1,680) 1
154 0 10 10 10 0
รวม
011 1 0

0 154 94 95 0

จากตาราง 11 แสดงจานวนโรงเรียนในสังกัด ท่ีใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอน 5 On
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 พบว่า โรงเรียนขนาดเล็ก โรงเรียน
ขนาดกลาง โรงเรียนขนาดใหญ่และโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ ใช้รูปแบบการเรียนการสอนผสมผสาน
On Hand, On Line, และ On Demand


66

สว่ นท่ี 2 สภาพการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษาในสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาประถมศึกษาเชยี งใหม่ เขต 3 ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั
โคโรนา 2019 (COVID - 19) แบง่ ตามลกั ษณะของสถานศกึ ษา ดงั นี้

2.1 สถานศกึ ษาขนาดเล็ก
1) ดา้ นการบรหิ ารจัดการ โดยยดึ ปจั จยั การบริหาร 4M (Man, Money, Material,

Management)
1.1) ด้านบุคคล (Man) สถานศึกษามีการบริหารจัดการด้านบุคคล ในช่วง

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) โดยมีการจัดประชุม
บุคลากรในโรงเรียนและชุมชนในการกาหนดแนวทางการดาเนินงานร่วมกัน มีการกาหนดข้อตกลง
บทบาทหน้าท่ีของครู นักเรียน และผู้ปกครองอย่างชัดเจน มีการปรับแนวทางในการจัดกิจกรรมการ
เรียนการสอน โดยมอบหมายให้ครูประจาช้ันเป็นผู้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ โดยเน้น
สาระการเรียนรู้ภาษาไทยและคณิตศาสตร์เป็นหลัก มีการควบรวมบางช้ันเรียนเนื่องจากอัตรากาลัง
ครูไม่เพียงพอ และครูรับผิดชอบงานสอนที่ไม่ตรงกับความรู้ความสามารถ จึงส่งเสริมให้ครูและ
บุคลากรทางการศึกษาเข้ารับการอบรมพัฒนาด้านการผลิตสื่อการเรียนการสอนที่สามารถนามาใช้
ประกอบการสอนได้ และผู้บริหารสถานศึกษามีการนิเทศ กากับ ติดตามให้คาปรึกษาอย่างต่อเน่ือง
และร่วมกันแกไ้ ขปญั หา

1.2) ด้านงบประมาณ (Money) สถานศึกษามีการบริหารจัดการด้าน
งบประมาณในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดย
การประชมุ ช้ีแจงงบประมาณ และปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพ่ือนามาใช้ในการจัดการเรียนการ
สอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) มีการใช้เงิน
อุดหนุนหมวดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและเงินค่าจัดการเรียนการสอน (รายหัว) มาใช้จ่ายเป็นค่าจัดซื้อ
ส่ือ วัสดุอุปกรณ์ ฯลฯ และมีการกากับติดตามการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เกิด
ความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพที่สุด แต่งบประมาณท่ีได้รับจัดสรรก็ไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการ
จึงมีการประสานขอความร่วมมอื จากหนว่ ยงานอื่นหรือองค์กรเอกชน

1.3) ด้านวัสดุ อุปกรณ์ และส่ิงอานวยความสะดวก (Material) สถานศึกษามี
การบริหารจัดการด้านวัสดุ อุปกรณ์ และส่ิงอานวยความสะดวกในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยการประชุมช้ีแจงให้คณะครู ผู้ปกครอง และ
คณะกรรมการสถานศึกษาให้รับทราบร่วมกันถึงส่ิงที่สถานศึกษายังขาดแคลน มีการบริหารจัดการ
งบประมาณเท่าที่มีอย่างจากัดและคุ้มค่าที่สุดตามบริบทของสถานศึกษา รวมถึงจัดหาส่ือ วัสดุ
อุปกรณ์เก่ียวกับการจัดการเรียนการสอนเท่าที่จาเป็นก่อน เช่น กระดาษ หมึก เครื่องพิมพ์
อินเทอร์เน็ต เป็นต้น และได้รับการสนับสนุนเพ่ิมเติมจากองค์กรภายนอก เช่น เทศบาลตาบล
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในการช่วยเหลือเร่ืองวัสดุ อุปกรณ์ตามมาตรการการป้องกันการแพร่
ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) นอกจากนี้ครูผู้สอนยังมีความเสียสละวัสดุ
อปุ กรณ์ และสิ่งอานวยความสะดวกสว่ นตัวในการจดั การเรยี นรใู้ นรปู แบบตา่ งๆ


67

1.4) ด้านการบริหารจัดการ (Management) สถานศึกษามีการบริหารจัดการ
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยการประชุม
ชี้แจงนโยบายการจัดการศึกษา แนวปฏิบัติ/หนังสือส่ังการ คาสั่งศูนย์ควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ข่าว
ความเคล่ือนไหวต่าง ๆ เก่ียวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID - 19) ทั้งรูปแบบการประชุมรวมกันในห้องประชุมโดยปฏิบัติตามมาตรการการเฝ้าระวัง
ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) อย่างเคร่งครัด การประชุม
รูปแบบออนไลน์ด้วยโปรแกรม Google Meet, Line, Facebook ฯลฯ มีการประชาสัมพันธ์ แนะนา
และเชิญชวนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนเข้ารับวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติด
เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูและบุคลากรพัฒนาตนเองอย่าง
ต่อเน่ือง ร่วมกันศึกษานโยบายการจัดการศึกษาเพื่อวางแผน ออกแบบการจัดการเรียนรู้ใน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ตามบริบทของ
สถานศกึ ษา ใหค้ รอบคลมุ ตัวช้ีวัดท่ีต้องรู้และควรรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีการ
นิเทศ กากับ ติดตาม ช่วยเหลือการดาเนินงานของครูผู้สอนจากผู้บริหารสถานศึกษา อานวยความ
สะดวก สนับสนุนส่ือ วัสดุ อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอน ครูผู้สอนรายงานผลการจัดการเรียน
การสอนรายสัปดาห์ เพ่อื ทราบถงึ ความกา้ วหน้า อุปสรรคและหาแนวทางปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นอย่าง
ต่อเนอ่ื ง

2) ด้านการจัดการเรยี นการสอน
สถานศกึ ษามกี ารจัดการเรยี นการสอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค

ติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) รูปแบบ ON-HAND ON-DEMAND และ ON-LINE โดยมี
รายละเอยี ดดังตอ่ ไปน้ี

2.1) การจัดการเรยี นการสอนรปู แบบ ON-HAND
ระดับปฐมวัย เนน้ การจดั ทาใบงานเพอ่ื ฝกึ พัฒนาการท้ัง 4 ด้านของนักเรียน

อยา่ งต่อเน่ือง ส่วนระดับประถมศึกษาเน้นใบงานสาระการเรียนรู้ภาษาไทยและคณิตศาสตร์เป็นหลัก
โดยวิเคราะห์เช่ือมโยงตัวชี้วัดท่ีต้องรู้และควรรู้ ครูออกแบบและจัดทาใบงาน ใบความรู้ แบบฝึกหัด
ให้กับนักเรียน เป็นรายสัปดาห์ มีการนัดหมายมารับและส่งใบงานตามเวลาที่กาหนดให้ แต่ก็พบ
ปญั หานกั เรียนและผ้ปู กครองไมม่ ารบั และส่งใบงานตามนัดหมาย ครูจึงต้องนาใบงานไปส่งให้นักเรียน
ทาที่บ้าน มีการโทรศัพท์ติดตามงานหรือตั้งกลุ่มไลน์ของห้องเรียน เพื่อเพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสาร
ระหวา่ งผู้ปกครองและครูผ้สู อน นอกจากนี้ยังพบปัญหานักเรียนไม่มีสมาธิในการเรียนรู้ ไม่ตั้งใจทาใบ
งาน เพราะไม่เข้าใจ ผู้ปกครองบางคนก็ไม่เข้าใจในเนื้อหาจึงไม่สามารถแนะนาหรืออธิบายเพ่ิมเติม
ให้กับนักเรียนได้หรือผู้ปกครองบางคนก็ทาใบงานแทนนักเรียน ครูผู้สอนจึงต้องออกเย่ียมบ้าน
นักเรียนบ่อยข้ึนเพ่ือชี้แจงทาความเข้าใจกับผู้ปกครองและช่วยอธิบายความรู้ เพ่ิมเติมเก่ียวกับการทา
ใบงาน

2.2) การจดั การเรยี นการสอนรปู แบบ ON-DEMAND
เมื่อครูผู้สอนสร้างช่องทางในการติดต่อส่ือสารกับผู้ปกครองและนักเรียน

แล้ว หากผู้ปกครองและนักเรียนกลุ่มใดสามารถติดต่อผ่านช่องทาง Facebook หรือ Line ได้
ครูผู้สอนจึงสร้างเป็นกลุ่มช้ันเรียน และได้ใช้ช่องทางกลุ่มน้ันในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรูปแบบ


68

On demand ขึ้น โดยครูผู้สอนจะนาคลิปการสอนท้ังจาก Youtube หรือคลิปท่ีคุณครูสร้างขึ้นเอง
อัพโหลดเข้าไปในกลุ่มเพ่ือให้นักเรียนได้เรียนรู้เพ่ิมเติมประกอบการทาใบงาน แต่ก็พบปัญหาในเรื่อง
อุปกรณ์สือ่ สารของผปู้ กครองท่ไี มส่ ามารถรองรบั แอพพลเิ คช่นั หรือสัญญาณอนิ เทอร์เน็ตที่ไมเ่ สถียร

2.3) การจดั การเรียนการสอนรปู แบบ ON-LINE
ส่วนใหญ่จดั การเรยี นการสอนรูปแบบ ON-LINE ให้กับนักเรียนควบคู่ไปกับ

การเรยี นการสอนรปู แบบ ON-HAND โดยจดั เปน็ การเรียนการสอนเสริมใหก้ บั นักเรียนท่มี ีความพร้อม
ตามวันเวลาที่นักเรียนส่วนใหญ่สะดวก เช่น เวลาค่าที่ผู้ปกครองกลับมาจากการทางาน แต่การจัด
กิจกรรมการเรียนการสอนในรูปแบบ On line ก็ไม่ค่อยประสบความสาเร็จ เนื่องจากปัญหาในเร่ือง
ความพร้อมของอุปกรณ์และสัญญาณอินเทอร์เน็ต บางพ้ืนท่ีอยู่บนดอย ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และ
ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีฐานะยากจนไม่สามารถจัดหาอุปกรณ์ ICT ที่จะใช้ในการเรียน On line ให้กับ
นกั เรยี นได้

3) ด้านการดูแลช่วยเหลือนกั เรยี น
สถานศึกษามีการดาเนินการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในช่วงสถานการณ์การ

แพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยมีการประชุมครูและบุคลากร
ทางการศกึ ษาเพ่ือสรา้ งความตระหนกั ในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนด้านการเรียนรู้ในสถานการณ์การ
แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) มีการคัดกรอง แบ่งกลุ่มหรือประเภท
นักเรียน ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาดาเนินการเยี่ยมบ้านเพื่อให้ความช่วยเหลือนักเรียนรายบุคคล
แจกใบความรู้ ใบงาน พร้อมทั้งอธิบายให้ความรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับเนื้อหาในใบความรู้และใบงาน มอบ
เงินค่าอาหารกลางวัน แจกอาหารเสริม (นม) และมีการกากับติดตาม ช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง หาก
นักเรียนขาดเรียนหรือขาดส่งใบงาน ครูติดตามหาสาเหตุ เพ่ือหาทางการแก้ไขร่วมกับผู้ปกครอง
นอกจากนย้ี งั มีการตดิ ต่อประสานงานกับหน่วยงานในชุมชนเพื่อช่วยกันดูแลสอดส่องป้องกันการแพร่
ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 โดยส่งต่อขอ้ มูลข่าวสารที่เปน็ ปจั จุบนั

2.2 สถานศึกษาขนาดกลาง
1) ดา้ นการบริหารจดั การ โดยยึดปจั จยั การบริหาร 4M (Man, Money, Material,

Management)
1.1) ด้านบุคคล (Man) สถานศึกษามีการบริหารจัดการด้านบุคคลในช่วง

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยมีการประชุมวาง
แผนการทางานร่วมกันของครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาท่ีมีครบทุกระดับชั้นและหลากหลาย
วิชาเอกเพ่ือกาหนดแนวทางหรือรูปแบบในการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนและ
สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) มีการส่งเสริมให้ครูและ
บคุ ลากรทางการศกึ ษาเกิดความตระหนักเห็นความสาคัญในการดูแลตนเองตามมาตรการแพร่ระบาด
ของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID - 19) การเดนิ ทางข้ามจังหวัดให้มีการรายงานต่อผู้บริหาร
สถานศึกษาทราบและต้องมีการกักตัวตามมาตรการการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา 2019 (COVID - 19) มีการส่งเสริม สนับสนุน ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้ารับการ
ประชุม อบรม ในด้านการนาเทคโนโลยี มาประยุกต์ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การใช้
โปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ ในการผลิตสื่อและการสอนออนไลน์ เช่น Google meet, Google Form,


69

Live Worksheets เป็นต้น มีการนิเทศ กากับ ติดตาม ให้คาปรึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกับคณะ
ครแู ละบุคลากรทางการศึกษาในการแก้ไขปัญหาท่ีเกิดขึ้นในขณะจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพราะ
สถานการณ์ไมป่ กติ

1.2) ดา้ นงบประมาณ (Money) สถานศกึ ษามกี ารบริหารจัดการดา้ นงบประมาณ
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID - 19) ซงึ่ งบประมาณท่ี
ใช้ในการดาเนินงานคอ่ นข้างเพยี งพอและสามารถสนบั สนุนการดาเนนิ การได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากน้ี
ยังไดร้ ับการสนบั สนนุ งบประมาณจากชมรมผู้ปกครอง ศิษย์เก่าและหน่วยงานอ่ืนหรือองค์กรเอกชน
สถานศกึ ษาใชเ้ งินอดุ หนนุ หมวดกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี นและเงนิ ค่าจดั การเรยี นการสอน (รายหัว) ซึ่งมี
การขออนมุ ัตปิ รับแผนการใชจ้ ่ายงบประมาณกบั ทางคณะกรรมการสถานศึกษา เพ่อื นางบประมาณ
ตา่ งๆ มาใช้ในการจัดซื้อสื่อ วสั ดอุ ุปกรณ์

1.3) ด้านวสั ดุ อปุ กรณ์ และส่ิงอานวยความสะดวก (Material) สถานศึกษามีการ
บริหารจัดการด้านวัสดุ อุปกรณ์ และส่ิงอานวยความสะดวกในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยดาเนินการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับการป้องกัน
โรคติดต่อ เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ น้ายาฆ่าเชื้อ เป็นต้น เพ่ือจัดทาประจาตามจุดต่างๆ
รอบบริเวณโรงเรียน นอกจากท่ีทางสถานศึกษาได้จัดซื้อแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจาก
องค์กรภายนอก เช่น เทศบาลตาบล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล เป็นต้น ส่วนในด้านส่ือ วัสดุ
อุปกรณ์ท่ตี อ้ งใชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบ ON-LINE สถานศึกษามีการสารวจความ
พร้อมของอปุ กรณ์การส่อื สารและอนิ เทอร์เน็ตของนกั เรียน ผูป้ กครอง ครู เพ่ือจัดสรรงบประมาณและ
สิ่งอานวยความสะดวกให้

1.4) ด้านการบริหารจัดการ (Management) สถานศึกษามีการบริหารจัดการ
ในช่วงสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยมีการบริหาร
จัดการแบบมีส่วนร่วมเน้นการทางานเป็นทีม มีการประชุมร่วมกันของผู้บริหารโรงเรียน คณะครูและ
บุคลากรทางการศกึ ษาเพอื่ เตรียมความพรอ้ มและวางแผนในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มีการปรับหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่นเหมาะสมตาม
ตัวช้ีวัดต้องรู้และควรรู้ สร้างความเข้าใจให้กับคณะครูในการเปล่ียนวิธีการจัดการเรียนการสอนให้
สอดคล้องกับสถานการณ์ และเน้นการประเมินผลตามสภาพจริงของนักเรียน บริหารจัดการเรียนรู้
ด้วยรูปแบบท่ีหลากหลายให้นักเรียนสามารถเข้าถึงและได้เรียนรู้อย่างท่ัวถึง มีการบริหารจัดการนิเทศ
ภายในในแต่ละระดับช้ันอย่างเป็นระบบ

2) ดา้ นการจดั การเรียนการสอน
สถานศกึ ษามกี ารจดั การเรยี นการสอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค

ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) รูปแบบ ON-HAND ON-DEMAND และ ON-LINE โดยมี
รายละเอียดดงั ต่อไปนี้

2.1) การจัดการเรยี นการสอนรปู แบบ ON-HAND
ระดบั ปฐมวยั เน้นการจัดทาใบงานเพอ่ื ฝึกพัฒนาการทั้ง 4 ด้านของนักเรียน

อยา่ งตอ่ เนือ่ ง สว่ นระดับประถมศึกษา ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1-3 เน้นใบงานสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
และคณิตศาสตรเ์ ป็นหลัก ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4-6 เนน้ ใบงานสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คณิตศาสตร์


70

วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาและภาษาอังกฤษ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเน้นรายวิชาพื้นฐานเป็นหลัก
โดยวิเคราะห์เช่ือมโยงตัวชี้วัดที่ต้องรู้และควรรู้ ครูออกแบบและจัดทาใบงาน ใบความรู้ แบบฝึกหัด
ใหก้ ับนักเรียน ส่วนในสาระการเรียนรู้อื่นๆ คุณครูร่วมกันวางแผนวิเคราะห์ตัวชี้วัดในแต่ละสาระการ
เรียนรู้และจัดทาใบงานเชิงบูรณาการ ให้หนึ่งใบงานสอดคล้องกับตัวช้ีวัดมากกว่า 1 กลุ่มสาระการ
เรียนรู้ เพ่อื เปน็ การลดจานวนใบงานทน่ี กั เรียนต้องนากลับไปทาที่บา้ นเป็นรายสัปดาห์ มีการนัดหมาย
มารับและสง่ ใบงานตามเวลาท่ีกาหนดให้ แตก่ พ็ บปัญหานักเรียนและผู้ปกครองไม่มารับและส่งใบงาน
ตามนดั หมาย ครจู งึ ต้องนาใบงานไปสง่ ให้นักเรียนทาท่บี า้ น มกี ารโทรศัพท์ติดตามงานหรือตั้งกลุ่มไลน์
ของห้องเรียน เพ่ือเพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ปกครองและครูผู้สอน นอกจากนี้ยังพบ
ปัญหานักเรียนไม่เข้าใจการทาใบงาน ผู้ปกครองก็ไม่เข้าใจในเนื้อหาจึงไม่สามารถแนะนาหรืออธิบาย
เพิม่ เตมิ ให้กบั นักเรยี นได้ ครูผสู้ อนจึงต้องออกเยี่ยมบ้านนักเรียนหรือออกไปจัดการเรียนการสอนตาม
หย่อมบ้านเพ่ือชว่ ยอธบิ ายความรเู้ พ่มิ เติมเกี่ยวกับการทาใบงาน

2.2) การจดั การเรียนการสอนรูปแบบ ON-DEMAND
ระดับปฐมวัย นอกจากการเรียนรูปแบบ On-Hand โดยครูจัดส่งใบงาน/

ใบกิจกรรม ท่ีโรงเรียนจัดทาขึ้นไปยังเด็ก ผ่านผู้ปกครองแล้ว ครูยังมีการสร้างช่องทาง Group Line
ของแต่ละห้องเรียนเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่างครูกับผู้ปกครองและเด็ก รวมถึงใช้เป็นช่องทาง
ในการนาคลิปการสอนต่างๆ ทั้งจาก Youtube หรือคลิปท่ีคุณครูสร้างขึ้นเอง อัพโหลดเข้าไปในกลุ่ม
เพ่ือให้นักเรียนได้เรียนรู้เพิ่มเติม ทั้งน้ี ได้เน้นย้าผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กอยู่หน้าจอนานเกิน ๑ ช่ัวโมง
และตอ้ งอยูใ่ นความดแู ลของผูป้ กครอง เช่นเดียวกับระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เม่ือครูผู้สอน
สร้างช่องทางในการติดต่อส่ือสารกับผู้ปกครองและนักเรียนแล้ว หากผู้ปกครองและนักเรียนกลุ่มใด
สามารถติดต่อผ่านช่องทาง Facebook หรือ Line ได้ ครูผู้สอนจึงสร้างเป็นกลุ่มชั้นเรียน และได้ใช้
ช่องทางกลุ่มนั้นในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรูปแบบ On demand ข้ึน โดยครูผู้สอนจะนาคลิป
การสอนท้ังจาก Youtube หรือคลิปที่คุณครูสร้างข้ึนเอง อัพโหลดเข้าไปในกลุ่มเพ่ือให้นักเรียนได้
เรียนรู้เพ่ิมเติมประกอบการทาใบงาน แต่ก็พบปัญหาในเร่ืองอุปกรณ์สื่อสารของผู้ปกครองที่ไม่
สามารถรองรับแอพพลิเคชั่นหรอื สัญญาณอินเทอรเ์ น็ตทไ่ี มเ่ สถยี ร

2.3) การจดั การเรยี นการสอนรปู แบบ ON-LINE
ระดบั ประถมศกึ ษา ส่วนใหญ่จัดการเรียนการสอนรูปแบบ ON-LINE ให้กับ

นักเรียนควบคู่ไปกับการเรียนการสอนรูปแบบ ON-HAND โดยจัดเป็นการเรียนการสอนเสริมให้กับ
นักเรียนที่มีความพร้อมตามวันเวลาที่นักเรียนส่วนใหญ่สะดวก เช่น เวลาค่าที่ผู้ปกครองกลับมาจาก
การทางาน ส่วนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนมีความพร้อมในการเรียนรูปแบบ ON-LINE
แล้ว ครผู สู้ อนจะจัดตารางเรียนใหน้ ักเรยี นเข้าเรียนตามวนั เวลาทีก่ าหนด แต่การจัดกิจกรรมการเรียน
การสอนในรูปแบบ On line ก็ไม่ค่อยประสบความสาเร็จ เน่ืองจากปัญหาในเร่ืองความพร้อมของ
อุปกรณ์และสัญญาณอินเทอร์เน็ต บางพื้นท่ีอยู่บนดอย ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และผู้ปกครองส่วน
ใหญ่มีฐานะยากจนไมส่ ามารถจัดหาอปุ กรณ์ ICT ทจ่ี ะใช้ในการเรยี น On line ให้กับนกั เรยี นได้

3) ดา้ นการดูแลช่วยเหลือนกั เรียน
สถานศึกษามีการดาเนินการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในช่วงสถานการณ์การ

แพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยมีการประชุมครูและบุคลากร


71

ทางการศึกษาเพอื่ สร้างความตระหนกั ในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนด้านการเรียนรู้ในสถานการณ์การ
แพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) มีการดาเนินการคัดกรอง แบ่งกลุ่มหรือ
ประเภทนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาดาเนินการเย่ียมบ้านเพื่อให้ความช่วยเหลือนักเรียน
รายบุคคล แจกใบความรู้ ใบงาน พรอ้ มทงั้ อธิบายใหค้ วามรูเ้ พ่มิ เติมเกย่ี วกับเน้ือหาในใบความรู้และใบ
งาน มอบเงินค่าอาหารกลางวัน แจกอาหารเสริม (นม) และมีการกากับติดตาม ช่วยเหลืออย่าง
ต่อเนื่อง หากนักเรียนขาดเรียนหรือขาดส่งใบงาน ครูติดตามหาสาเหตุ เพื่อหาทางการแก้ไขร่วมกับ
ผูป้ กครองอย่างทันท่วงที นอกจากนีย้ งั มกี ารตดิ ต่อประสานงานกับหน่วยงานในชุมชนเพื่อช่วยกันดูแล
สอดส่องป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 โดยส่งต่อข้อมูลข่าวสารท่ีเป็น
ปจั จบุ ัน

2.3 สถานศึกษาขนาดใหญ่
1) ด้านการบรหิ ารจดั การ โดยยึดปจั จยั การบริหาร 4M (Man, Money, Material,

Management)
1.1) ด้านบุคคล (Man) สถานศึกษามีการบริหารจัดการด้านบุคคลในช่วง

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยมีการบริหารจัดการ
ด้านบุคคลโดยเน้นการบริหารแบบมีส่วนร่วม มีการกระจายอานาจหน้าท่ีรับผิดชอบภายในองค์กร
อย่างเป็นระบบ มกี ารจัดประชุมช้ีแจงให้ครูและบุคลากรปฏิบัติงานตามมาตรการป้องกันและควบคุม
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด มีการ
ดาเนินการตามนโยบายของคณะกรรมการควบคุมโรคตดิ ตอ่ จังหวดั เชยี งใหม่ และรว่ มมอื กับสานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาในการวางแผนและบริหารจัดการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คณะครูและ
บุคลากรทางการศึกษาร่วมกันพิจารณาจัดรูปแบบการสอนให้นักเรียนสามารถเข้าถึงการเรียนการ
สอนท่ีมีคุณภาพ เหมาะสมตามบริบทได้อย่างต่อเนื่อง วางแผน สนับสนุน ส่งเสริม อานวยความ
สะดวกให้กับครูผู้สอนและผู้ปกครองทางานร่วมกันอย่างมีความสุข มีการกากับ ติดตาม และให้
คาปรึกษา โดยไม่สร้างภาระเพ่ิมเติม มีการรายงานผลการจัดการเรียนการสอนประจาวัน ส่งเสริมให้
ครูและบคุ ลากรทางการศึกษาเข้ารับการพัฒนาตนเองด้านการนาแพลตฟอร์มและโปรแกรมประยุกต์
ต่าง ๆ มาใช้ผลิตส่อื การเรียนการสอนท่หี ลากหลาย บรหิ ารจัดการช้ันเรียนออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ
สรุปปัญหาและประเมินผลร่วมกันระหว่างครูและนักเรียน ครูและครู ครูและผู้บริหาร มีการ
ดาเนินการอยา่ งเปน็ ระบบและรายงานผลการดาเนินการให้ผู้บริหารสถานศึกษาทราบเป็นระยะ และ
สถานศกึ ษามจี านวนครูและบุคลากรเพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการ
สอนแบบผสมผสาน ทั้งรูปแบบ ONLINE และรปู แบบ ON-HAND

1.2) ด้านงบประมาณ (Money) สถานศึกษามีการบริหารจัดการด้าน
งบประมาณในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดย
การประชุมช้ีแจงงบประมาณ ร่วมกันปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณและขออนุมัติการใช้
งบประมาณจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพื่อนามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในช่วง
สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยใช้เงินอุดหนุนหมวด
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและเงินค่าจัดการเรียนการสอน (รายหัว) มาใช้จ่ายเป็นค่าจัดซ้ือส่ือ วัสดุ
อุปกรณ์ ฯลฯ ให้ถูกต้องตามระเบียบและมีการกากับติดตามการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตาม


72

วัตถุประสงค์ เกิดความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพท่ีสุด นอกจากนี้สถานศึกษายังได้รับความช่วยเหลือ
จากชมรมผู้ปกครอง ศษิ ยเ์ ก่า หน่วยงานอื่นหรือองค์กรเอกชนต่างๆ อยเู่ สมอ

1.3) ด้านวัสดุ อุปกรณ์ และส่ิงอานวยความสะดวก (Material) สถานศึกษามี
การบริหารจัดการด้านวัสดุ อุปกรณ์ และสิ่งอานวยความสะดวกในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยการประชุมชี้แจงให้คณะครู ผู้ปกครอง และ
คณะกรรมการสถานศึกษาให้รับทราบร่วมกันถึงส่ิงที่สถานศึกษายังขาดแคลน มีการบริหารจัดการ
งบประมาณเท่าท่ีมีอย่างจากัดและคุ้มค่าที่สุดตามบริบทของสถานศึกษา รวมถึงจัดหาส่ือ วัสดุ
อุปกรณ์เก่ียวกับการจัดการเรียนการสอนเท่าท่ีจาเป็นก่อน เช่น กระดาษ หมึก เคร่ืองพิ มพ์
อินเทอร์เน็ต เป็นต้น และได้รับการสนับสนุนเพ่ิมเติมจากองค์กรภายนอก เช่น เทศบาลตาบล
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในการช่วยเหลือเรื่องวัสดุ อุปกรณ์ตามมาตรการการป้องกันการแพร่
ระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)

1.4) ด้านการบริหารจัดการ (Management) สถานศึกษามีการบริหารจัดการ
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยการประชุม
ชี้แจงนโยบายการจัดการศึกษา แนวปฏิบัติ/หนังสือส่ังการ คาส่ังศูนย์ควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ข่าว
ความเคล่ือนไหวต่าง ๆ เก่ียวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019
(COVID - 19) ท้ังรูปแบบการประชุมรวมกันในห้องประชุมโดยปฏิบัติตามมาตรการการเฝ้าระวัง
ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) อย่างเคร่งครัด การประชุม
รูปแบบออนไลน์ด้วยโปรแกรม Google Meet, Line, Facebook ฯลฯ มีการประชาสัมพันธ์ แนะนา
และเชิญชวนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนเข้ารับวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติด
เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูและบุคลากรพัฒนาตนเองอย่าง
ตอ่ เน่ือง มีการนเิ ทศ กากบั ตดิ ตาม ชว่ ยเหลอื การดาเนินงานของครูผู้สอนจากผู้บริหารสถานศึกษา มี
การจัดช่องทางการสือ่ สารทกุ ห้องเรียน โดยมีทมี บริหารแล ทีมวิชาการเข้าไปมีส่วนร่วมในการแนะนา
ให้การช่วยเหลืออานวยความสะดวก สนบั สนนุ สื่อ วสั ดุ อุปกรณใ์ นการจัดการเรียนการสอน ครูผู้สอน
รายงานผลการจดั การเรียนการสอนรายสัปดาห์ เพ่ือทราบถึงความก้าวหน้า อุปสรรคและหาแนวทาง
ปรับปรงุ พัฒนาให้ดขี ้นึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง

2) ดา้ นการจัดการเรยี นการสอน
สถานศึกษามีการจัดการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค

ติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) รูปแบบ ON-HAND ON-DEMAND และ ON-LINE โดยมี
รายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปนี้

2.1) การจัดการเรยี นการสอนรปู แบบ ON-HAND
ระดับปฐมวยั เน้นการจดั ทาใบงานเพอื่ ฝกึ พัฒนาการท้ัง 4 ด้านของนักเรียน

อยา่ งต่อเน่ือง สว่ นระดับประถมศึกษา ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1-3 เน้นใบงานสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
และคณิตศาสตร์เป็นหลัก ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4-6 เน้นใบงานสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาและภาษาอังกฤษ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเน้นรายวิชาพื้นฐานเป็นหลัก
โดยวิเคราะห์เชื่อมโยงตัวชี้วัดที่ต้องรู้และควรรู้ ครูออกแบบและจัดทาใบงาน ใบความรู้ แบบฝึกหัด
ให้กับนักเรียน ส่วนในสาระการเรียนรู้อื่นๆ คุณครูร่วมกันวางแผนวิเคราะห์ตัวช้ีวัดในแต่ละสาระการ


73

เรียนรู้และจัดทาใบงานเชิงบูรณาการ ให้หน่ึงใบงานสอดคล้องกับตัวชี้วัดมากกว่า 1 กลุ่มสาระการ
เรยี นรู้ เพอื่ เป็นการลดจานวนใบงานที่นักเรียนต้องนากลับไปทาที่บ้านเป็นรายสัปดาห์ หรือออกแบบ
ใบกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ ให้นักเรียนเรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ ท่ีบ้านแทนการทาใบงาน
ซึ่งถือว่าเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) มีการนัดหมายมารับและส่งใบงาน
ตามเวลาทีก่ าหนดให้ แต่ก็พบปญั หานกั เรยี นและผปู้ กครองไม่มารับและส่งใบงานตามนัดหมาย ครูจึง
ตอ้ งนาใบงานไปส่งให้นักเรียนทาที่บ้าน มีการโทรศัพท์ติดตามงานหรือตั้งกลุ่มไลน์ของห้องเรียน เพื่อ
เพ่ิมช่องทางการติดต่อส่ือสารระหว่างผู้ปกครองและครูผู้สอน นอกจากนี้ยังพบปัญหานักเรียนไม่มี
สมาธิในการเรียนรู้ ไม่ตั้งใจทาใบงาน เพราะไม่เข้าใจ ผู้ปกครองบางคนก็ไม่เข้าใจในเน้ือหาจึงไม่
สามารถแนะนาหรืออธิบายเพ่ิมเติมให้กับนักเรียนได้หรือผู้ปกครองบางคนก็ทาใบงานแทนนักเรียน
ครูผู้สอนจึงต้องออกเยี่ยมบ้านนักเรียนบ่อยขึ้นเพื่อช้ีแจงทาความเข้าใจกับผู้ปกครองและช่วยอธิบาย
ความรเู้ พิม่ เตมิ เกีย่ วกับการทาใบงาน

2.2) การจัดการเรยี นการสอนรูปแบบ ON-DEMAND
ระดับปฐมวัย นอกจากการเรียนรูปแบบ On-Hand โดยครูจัดส่งใบงาน/

ใบกิจกรรมที่โรงเรียนจัดทาข้ึนไปยังเด็ก ผ่านผู้ปกครองแล้ว ครูยังมีการสร้างช่องทาง Group Line
ของแต่ละห้องเรียนเป็นช่องทางติดต่อส่ือสารระหว่างครูกับผู้ปกครองและเด็ก รวมถึงใช้เป็นช่องทาง
ในการนาคลิปการสอนต่างๆ ทั้งจาก Youtube หรือคลิปท่ีคุณครูสร้างข้ึนเอง อัพโหลดเข้าไปในกลุ่ม
เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้เพ่ิมเติม ท้ังนี้ ได้เน้นย้าผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กอยู่หน้าจอนานเกิน ๑ ชั่วโมง
และต้องอยูใ่ นความดแู ลของผูป้ กครอง เช่นเดียวกับระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เมื่อครูผู้สอน
สร้างช่องทางในการติดต่อส่ือสารกับผู้ปกครองและนักเรียนแล้ว หากผู้ปกครองและนักเรียนกลุ่มใด
สามารถติดต่อผ่านช่องทาง Facebook หรือ Line ได้ ครูผู้สอนจึงสร้างเป็นกลุ่มชั้นเรียน และได้ใช้
ช่องทางกลุ่มนั้นในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรูปแบบ On demand ขึ้น โดยครูผู้สอนจะนาคลิป
การสอนท้ังจาก Youtube หรือคลิปการสอน Project 14 ของสสวท.หรือคลิปที่คุณครูสร้างข้ึนเอง
อัพโหลดเข้าไปในกลุ่มเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้เพิ่มเติมประกอบการทาใบงาน แต่ก็พบปัญหาในเรื่อง
อปุ กรณ์สอื่ สารของผปู้ กครองทีไ่ มส่ ามารถรองรบั แอพพลิเคชนั่ หรอื สัญญาณอินเทอร์เน็ตท่ีไมเ่ สถียร

2.3) การจัดการเรยี นการสอนรูปแบบ ON-LINE
เนื่องจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ ON-HAND และ ON-

DEMAND เป็นการสือ่ สารทางเดยี ว ทาให้คุณครูมีความพยายามท่ีจะจัดกิจกรรมการเรียนการสอนใน
รูปแบบ On line ในระดับประถมศึกษา ส่วนใหญ่จัดการเรียนการสอนรูปแบบ ON-LINE ให้กับ
นักเรียนควบคู่ไปกับการเรียนการสอนรูปแบบ ON-HAND โดยจัดเป็นการเรียนการสอนเสริมให้กับ
นักเรียนท่ีมีความพร้อมตามวันเวลาที่นักเรียนส่วนใหญ่สะดวก เช่น เวลาค่าท่ีผู้ปกครองกลับมาจาก
การทางาน ส่วนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนมีความพร้อมในการเรียนรูปแบบ ON-LINE
แล้ว ครูผสู้ อนจะจัดตารางเรียนให้นกั เรียนเขา้ เรียนตามวนั เวลาทก่ี าหนด แต่การจัดกิจกรรมการเรียน
การสอนในรูปแบบ On line ก็ไม่ค่อยประสบความสาเร็จ เน่ืองจากปัญหาในเรื่องความพร้อมของ
อุปกรณ์และสัญญาณอินเทอร์เน็ต บางพ้ืนที่อยู่บนดอย ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และผู้ปกครองส่วน
ใหญ่มีฐานะยากจนไม่สามารถจัดหาอุปกรณ์ ICT ที่จะใช้ในการเรียน On line ให้กับนักเรียนได้


74

นอกจากน้ียังพบปัญหานักเรียนเสพติดสื่อออนไลน์หรือเกมส์ออนไลน์ต่างๆ เนื่องจากผู้ปกครองต้อง
ออกไปทางาน ทาใหไ้ ม่มีเวลาดูแลนกั เรยี นได้ตลอดเวลา

3) ดา้ นการดแู ลช่วยเหลือนักเรียน
สถานศึกษามีการดาเนินการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในช่วงสถานการณ์การ

แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยมีการประชุมครูและบุคลากร
ทางการศกึ ษาเพอ่ื สรา้ งความตระหนักในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนด้านการเรียนรู้ในสถานการณ์การ
แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) มีการดาเนินการคัดกรอง แบ่งกลุ่มหรือ
ประเภทนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาดาเนินการเยี่ยมบ้านเพื่อให้ความช่วยเหลือนักเรียน
รายบุคคล แจกใบความรู้ ใบงาน พร้อมทง้ั อธบิ ายให้ความร้เู พมิ่ เติมเกี่ยวกับเน้ือหาในใบความรู้และใบ
งาน มอบเงินค่าอาหารกลางวัน แจกอาหารเสริม (นม) และมีการกากับติดตาม ช่วยเหลืออย่าง
ต่อเน่ือง หากนักเรียนขาดเรียนหรือขาดส่งใบงาน ครูติดตามหาสาเหตุ เพ่ือหาทางการแก้ไขร่วมกับ
ผ้ปู กครองอย่างทันท่วงที นอกจากนยี้ ังมีการตดิ ตอ่ ประสานงานกับหน่วยงานในชุมชนเพ่ือช่วยกันดูแล
สอดส่องป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 โดยส่งต่อข้อมูลข่าวสารท่ีเป็น
ปัจจบุ ัน

2.4 สถานศึกษาขนาดใหญ่พเิ ศษ
1) ด้านการบริหารจดั การ โดยยึดปจั จัยการบริหาร 4M (Man, Money, Material,

Management)
1.1) ด้านบุคคล (Man) สถานศึกษามีการบริหารจัดการด้านบุคคลในช่วง

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยมีการบริหารจัดการ
ด้านบุคคลโดยเน้นการบริหารแบบมีส่วนร่วม มีการกระจายอานาจหน้าท่ีรับผิดชอบภายในองค์กร
อย่างเป็นระบบ มีการแบ่งการบริหารจัดการเป็นระดับสายชั้น มีการจัดประชุมชี้แจงให้ครูและ
บุคลากรปฏิบัติงานตามมาตรการป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด มีการดาเนินการตามนโยบายของคณะกรรมการควบคุม
โรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ และร่วมมือกับสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาในการวางแผนและบริหาร
จัดการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คณะครูและบุคลากรทางการศึกษาร่วมกันพิจารณาจัดรูปแบบ
การสอนใหน้ ักเรียนสามารถเขา้ ถงึ การเรียนการสอนที่มีคุณภาพ เหมาะสมตามบริบทได้อย่างต่อเน่ือง
มีทีมงานบริหารและทีมงานวิชาการที่ช่วยวางแผน สนับสนุน ส่งเสริม อานวยความสะดวกให้กับ
ครูผู้สอนและผู้ปกครองทางานร่วมกันอย่างมีความสุข มีการกากับ ติดตาม และให้คาปรึกษา โดยไม่
สร้างภาระเพิ่มเติม มีการรายงานผลการจัดการเรียนการสอนประจาวัน ส่งเสริมให้ครูและบุคลากร
ทางการศกึ ษาเขา้ รับการพัฒนาตนเองด้านการนาแพลตฟอร์มและโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ มาใช้ผลิต
สื่อการเรียนการสอนทห่ี ลากหลาย บริหารจัดการชั้นเรียนออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ สรุปปัญหาและ
ประเมินผลร่วมกันระหว่างครูและนักเรียน ครูและครู ครูและผู้บริหาร มีการดาเนินการอย่างเป็น
ระบบและรายงานผลการดาเนนิ การใหผ้ ู้บรหิ ารสถานศึกษาทราบเป็นระยะ และสถานศึกษามีจานวน
ครูและบุคลากรเพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน
ทัง้ รูปแบบ ONLINE และรปู แบบ ON-HAND


75

1.2) ด้านงบประมาณ (Money) สถานศึกษามีการบริหารจัดการด้าน
งบประมาณในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดย
การประชมุ ช้แี จงงบประมาณร่วมกันปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณและขออนุมัติการใช้งบประมาณ
จากคณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพื้นฐาน เพื่อนามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์
การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยใช้เงินอุดหนุนหมวดกิจกรรม
พัฒนาผู้เรียนและเงินค่าจัดการเรียนการสอน (รายหัว) มาใช้จ่ายเป็นค่าจัดซ้ือสื่อ วัสดุอุปกรณ์ ฯลฯ
ให้ถูกต้องตามระเบียบและมีการกากับติดตามการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เกิด
ความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพที่สุด นอกจากนี้สถานศึกษายังได้รับความช่วยเหลือจากชมรม
ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า ชุมชน หน่วยงานอ่ืนหรือองค์กรเอกชนต่างๆ อยู่เสมอ เนื่องจากชุมชนในเขต
บริการมีความเข้มแข็งและเห็นความสาคัญของการศึกษา พร้อมที่จะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ
สถานศกึ ษาอย่เู สมอ

1.3) ด้านวัสดุ อุปกรณ์ และส่ิงอานวยความสะดวก (Material) สถานศึกษามี
การบริหารจัดการด้านวัสดุ อุปกรณ์ และส่ิงอานวยความสะดวกในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยการประชุมช้ีแจงให้คณะครู ผู้ปกครอง และ
คณะกรรมการสถานศึกษาให้รับทราบร่วมกันถึงส่ิงที่สถานศึกษายังขาดแคลน มีการบริหารจัดการ
งบประมาณเท่าที่มีอย่างจากัดและคุ้มค่าท่ีสุดตามบริบทของสถานศึกษา รวมถึงจัดหาสื่อ วัสดุ
อุปกรณ์เก่ียวกับการจัดการเรียนการสอนเท่าท่ีจาเป็นก่อน เช่น กระดาษ หมึก เคร่ืองพิมพ์
อินเทอร์เน็ต เป็นต้น และได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากองค์กรภายนอก เช่น เทศบาลตาบล
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในการช่วยเหลือเร่ืองวัสดุ อุปกรณ์ตามมาตรการการป้องกันการแพร่
ระบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)

1.4) ด้านการบริหารจัดการ (Management) สถานศึกษามีการบริหารจัดการ
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยการประชุม
ช้ีแจงนโยบายการจัดการศึกษา แนวปฏิบัติ/หนังสือส่ังการ คาส่ังศูนย์ควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ข่าว
ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID - 19) ทั้งรูปแบบการประชุมรวมกันในห้องประชุมโดยปฏิบัติตามมาตรการการเฝ้าระวัง
ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) อย่างเคร่งครัด การประชุม
รปู แบบออนไลน์ด้วยโปรแกรม Google Meet, Line, Facebook ฯลฯ มีการประชาสัมพันธ์ แนะนา
และเชิญชวนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนเข้ารับวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติด
เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูและบุคลากรพัฒนาตนเองอย่าง
ต่อเนอ่ื ง มีการนเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม ช่วยเหลอื การดาเนินงานของครูผู้สอนจากผู้บริหารสถานศึกษา มี
การจัดช่องทางการสื่อสารทกุ หอ้ งเรยี น โดยมที มี บรหิ ารแล ทีมวิชาการเข้าไปมีส่วนร่วมในการแนะนา
ใหก้ ารชว่ ยเหลอื อานวยความสะดวก สนับสนุนสอ่ื วัสดุ อุปกรณใ์ นการจัดการเรียนการสอน ครูผู้สอน
รายงานผลการจัดการเรียนการสอนรายสัปดาห์ เพื่อทราบถึงความก้าวหน้า อุปสรรคและหาแนวทาง
ปรบั ปรุงพฒั นาใหด้ ีขึ้นอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง


76

2) ด้านการจัดการเรยี นการสอน
สถานศกึ ษามีการจัดการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค

ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) รูปแบบ ON-HAND ON-DEMAND และ ON-LINE โดยมี
รายละเอยี ดดังต่อไปน้ี

2.1) การจดั การเรียนการสอนรูปแบบ ON-HAND
ระดับปฐมวัย เนน้ การจัดทาใบงานเพ่ือฝกึ พฒั นาการท้ัง 4 ด้านของนักเรียน

อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง มีการใช้ส่ือ Learning box ร่วมด้วย ส่วนระดับประถมศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3
เน้นใบงานสาระการเรียนรู้ภาษาไทยและคณิตศาสตร์เป็นหลัก ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4-6 เน้นใบงาน
สาระการเรียนรภู้ าษาไทย คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาและภาษาอังกฤษ ระดับมัธยมศึกษา
ตอนต้นเน้นรายวิชาพื้นฐานเป็นหลกั โดยวเิ คราะห์เช่ือมโยงตัวช้ีวัดที่ต้องรู้และควรรู้ ครูออกแบบและ
จดั ทาใบงาน ใบความรู้ แบบฝึกหัดให้กับนักเรียน ส่วนในสาระการเรียนรู้อ่ืนๆ คุณครูร่วมกันวางแผน
วิเคราะห์ตัวช้ีวัดในแต่ละสาระการเรียนรู้และจัดทาใบงานเชิงบูรณาการ ให้หนึ่งใบงานสอดคล้องกับ
ตัวช้ีวัดมากกว่า 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ เพื่อเป็นการลดจานวนใบงานท่ีนักเรียนต้องนากลับไปทาท่ี
บ้านเป็นรายสัปดาห์ หรือออกแบบใบกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ ให้นักเรียนเรียนรู้ผ่าน
กิจกรรมต่างๆ ที่บ้านแทนการทาใบงาน ซึ่งถือว่าเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active
Learning) มีการนดั หมายมารบั และส่งใบงานตามเวลาท่ีกาหนดให้ โดยสลับวันในการมารับและส่งใบ
งานของแต่ละระดับช้ัน เพ่ือเป็นลดความแออัด ซ่ึงในการดาเนินงานก็พบปัญหานักเรียนและ
ผู้ปกครองบางส่วนไม่มารับและส่งใบงานตามนัดหมาย ครูจึงต้องนาใบงานไปส่งให้นักเรียนทาที่บ้าน
มีการโทรศัพท์ติดตามงานหรือต้ังกลุ่มไลน์ของห้องเรียน เพื่อเพ่ิมช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่าง
ผู้ปกครองและครูผู้สอน นอกจากนี้ยังพบปัญหานักเรียนไม่มีสมาธิในการเรียนรู้ ไม่ตั้งใจทาใบงาน
เพราะไม่เข้าใจ ผู้ปกครองบางคนก็ไม่เข้าใจในเน้ือหาจึงไม่สามารถแนะนาหรืออธิบายเพ่ิมเติมให้กับ
นักเรยี นไดห้ รือผปู้ กครองบางคนกท็ าใบงานแทนนักเรียน ครูผู้สอนจึงต้องออกเย่ียมบ้านนักเรียนบ่อย
ขึน้ เพอ่ื ชีแ้ จงทาความเขา้ ใจกับผปู้ กครองและช่วยอธบิ ายความรู้เพ่ิมเตมิ เกีย่ วกบั การทาใบงาน

2.2) การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ ON-DEMAND
ระดับปฐมวัย นอกจากการเรียนรูปแบบ On-Hand โดยครูจัดส่งใบงาน/

ใบกิจกรรมที่โรงเรียนจัดทาข้ึนไปยังเด็ก ผ่านผู้ปกครองแล้ว ครูยังมีการสร้างช่องทาง Group Line
ของแต่ละห้องเรียนเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่างครูกับผู้ปกครองและเด็ก รวมถึงใช้เป็นช่องทาง
ในการนาคลิปการสอนต่างๆ ทั้งจาก Youtube หรือคลิปท่ีคุณครูสร้างขึ้นเอง อัพโหลดเข้าไปในกลุ่ม
เพ่ือให้นักเรียนได้เรียนรู้เพ่ิมเติม ท้ังน้ี ได้เน้นย้าผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กอยู่หน้าจอนานเกิน ๑ ชั่วโมง
และตอ้ งอยูใ่ นความดูแลของผู้ปกครอง เช่นเดียวกับระดับประถมศึกษา เมื่อครูผู้สอนสร้างช่องทางใน
การติดตอ่ ส่อื สารกับผ้ปู กครองและนักเรยี นแล้ว หากผปู้ กครองและนกั เรียนกลุ่มใดสามารถติดต่อผ่าน
ช่องทาง Facebook หรือ Line ได้ ครูผู้สอนจึงสร้างเป็นกลุ่มชั้นเรียน และได้ใช้ช่องทางกลุ่มนั้นใน
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรูปแบบ On demand ขึ้น โดยครูผู้สอนจะนาคลิปการสอนท้ังจาก
Youtube หรอื คลปิ การสอน Project 14 ของสสวท.หรือคลิปท่ีคุณครูสร้างขึ้นเอง อัพโหลดเข้าไปใน
กล่มุ เพอื่ ใหน้ ักเรยี นได้เรียนรเู้ พิม่ เติมประกอบการทาใบงาน แต่ก็พบปัญหาในเรื่องอุปกรณ์ส่ือสารของ
ผู้ปกครองทไี่ มส่ ามารถรองรบั แอพพลิเคชัน่ หรือสญั ญาณอนิ เทอร์เนต็ ที่ไม่เสถียร


77

2.3) การจดั การเรียนการสอนรูปแบบ ON-LINE
เน่ืองจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ ON-HAND และ

ON-DEMAND เป็นการสื่อสารทางเดียว ทาให้คุณครูมีความพยายามที่จะจัดกิจกรรมการเรียนการ
สอนในรูปแบบ ON-LINE ในระดบั ประถมศกึ ษา ซ่ึงการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ ON-LINE ให้กับ
นักเรียนควบคู่ไปกับการเรียนการสอนรูปแบบ ON-HAND โดยจัดเป็นการเรียนการสอนเสริมให้กับ
นักเรียนท่ีมีความพร้อมตามวันเวลาท่ีนักเรียนส่วนใหญ่สะดวก เช่น เวลาค่าท่ีผู้ปกครองกลับมาจาก
การทางาน ท้ังนี้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ON-LINE ก็ขึ้นอยู่กับคุณครูแต่ละท่านและ
นักเรียนในแต่ละระดับชั้น แต่การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรูปแบบ On line ก็ไม่ค่อยประสบ
ความสาเร็จ เน่ืองจากปัญหาในเรื่องความพร้อมของอุปกรณ์และสัญญาณอินเทอร์เน็ต บางพื้นท่ีอยู่
บนดอย ไมม่ ีสัญญาณโทรศพั ท์ และผู้ปกครองบางส่วนมีฐานะยากจนไม่สามารถจัดหาอุปกรณ์ ICT ที่
จะใช้ในการเรยี น On line ใหก้ ับนกั เรียนได้

3) ด้านการดแู ลช่วยเหลือนกั เรียน
สถานศึกษามีการดาเนินการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในช่วงสถานการณ์การ

แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยมีการประชุมครูและบุคลากร
ทางการศึกษาเพ่ือสร้างความตระหนักในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนด้านการเรียนรู้ในสถานการณ์การ
แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) มีการดาเนินการคัดกรอง แบ่งกลุ่มหรือ
ประเภทนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาในแต่ละระดับช้ันดาเนินการเยี่ยมบ้านเพ่ือให้ความ
ช่วยเหลือนกั เรยี นรายบุคคล แจกใบความรู้ ใบงาน พร้อมท้ังอธิบายให้ความรู้เพ่ิมเติมเกี่ยวกับเน้ือหา
ในใบความรู้และใบงาน มอบเงินค่าอาหารกลางวัน แจกอาหารเสริม (นม) และมีการกากับติดตาม
ช่วยเหลืออยา่ งต่อเนื่อง หากนักเรียนขาดเรยี นหรือขาดส่งใบงาน ครูติดตามหาสาเหตุ เพ่ือหาทางการ
แก้ไขร่วมกับผู้ปกครองอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังมีการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานในชุมชน
เพ่ือช่วยกันดูแลสอดส่องป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 โดยส่งต่อข้อมูล
ข่าวสารทเี่ ปน็ ปัจจุบัน

2.5 สถานศกึ ษาทีเ่ ป็นโรงเรยี นคณุ ภาพ ระดับประถมศกึ ษา
1) ด้านการบรหิ ารจดั การ โดยยึดปจั จัยการบริหาร 4M (Man, Money, Material,

Management)
1.1) ด้านบุคคล (Man) สถานศึกษามีการบริหารจัดการด้านบุคคลในช่วง

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยมีจานวนครูและ
บุคลากรเพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ท้ัง
รูปแบบ ONLINE และรูปแบบ ON-HAND มีการบริหารจัดการด้านบุคคลโดยเน้นการบริหารแบบมี
ส่วนร่วม มีการกระจายอานาจหน้าท่ีรับผิดชอบภายในองค์กรอย่างเป็นระบบ มีการแบ่งการบริหาร
จดั การเปน็ ระดับสายชนั้ มีการจดั ประชุมชแ้ี จงใหค้ รแู ละบคุ ลากรปฏิบตั งิ านตามมาตรการป้องกันและ
ควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด มี
การดาเนินการตามนโยบายของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ และร่วมมือกับ
สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาในการวางแผนและบริหารจัดการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คณะครู
และบุคลากรทางการศึกษาในแต่ละระดับสายช้ันร่วมกัน พิจารณาจัดรูปแบบการสอนให้นักเรียน


78

สามารถเข้าถึงการเรียนการสอนท่ีมีคุณภาพ เหมาะสมตามบริบทได้อย่างต่อเนื่อง มีทีมงานบริหาร
และทีมงานวิชาการที่ช่วยวางแผน สนับสนุน ส่งเสริม อานวยความสะดวกให้กับครูผู้สอนและ
ผู้ปกครองทางานร่วมกันอย่างมีความสุข มีการกากับ ติดตาม และให้คาปรึกษาในลักษณะของการ
นิเทศออนไลน์ โดยไม่สร้างภาระเพิ่มเติม คุณครูทุกคนมีการรายงานผลการจัดการเรียนการสอน
ประจาวัน สถานศกึ ษาส่งเสรมิ ใหค้ รูและบคุ ลากรทางการศึกษาเขา้ รับการอบรมพัฒนาตนเองด้านการ
นาแพลตฟอร์มและโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ มาใช้ผลิตสื่อการเรียนการสอนที่หลากหลาย ทั้งการ
อบรมออนไลน์และการอบรมท่ีสถานศกึ ษาจัดขึ้น โดยนาครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนที่
มีความรู้ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์มาแลกเปล่ียนเรียนรู้และสร้างส่ือการเรียนการสอนออนไลน์
ร่วมกัน มีการบริหารจัดการชั้นเรียนออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ มีการประชุม Plc เพื่อสรุปปัญหา
ประเมนิ ผลและหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างครูและนักเรียน ครูในแต่ละสายช้ัน และครูใน
แต่ละสาระการเรียนรู้รวมทั้งครูและผู้บริหารสถานศึกษาอย่างสม่าเสมอ และดาเนินการอย่างเป็น
ระบบ รวมทั้งรายงานผลการดาเนินงานต่างๆ ให้ผ้บู รหิ ารสถานศึกษาทราบเป็นระยะๆ

1.2) ด้านงบประมาณ (Money) สถานศึกษามีการบริหารจัดการด้าน
งบประมาณในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดย
การประชมุ ชแ้ี จงงบประมาณร่วมกันปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณและขออนุมัติการใช้งบประมาณ
จากคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพ่ือนามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยใช้เงินอุดหนุนหมวดกิจกรรม
พัฒนาผู้เรียนและเงินค่าจัดการเรียนการสอน (รายหัว) รวมทั้งได้รับการจัดสรรงบประมาณ(งบ
ดาเนินงานจากโครงการโรงเรียนคุณภาพ) มาใช้จ่ายเป็นค่าจัดซื้อส่ือ วัสดุอุปกรณ์ ฯลฯ ที่จาเป็นใน
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้กับนักเรียนในสถานการณ์ท่ีไม่ปกติ โดยดาเนินการเบิกจ่ายให้
ถูกต้องตามระเบียบและมีการกากับติดตามการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เกิด
ความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพที่สุด นอกจากน้ีสถานศึกษายังได้รับความช่วยเหลือจากชมรม
ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า ชุมชน หน่วยงานอ่ืนหรือองค์กรเอกชนต่างๆ อยู่เสมอ เน่ืองจากชุมชนในเขต
บรกิ ารทมี่ ีความเข้มแข็งและเห็นความสาคัญของการศกึ ษา พร้อมท่ีจะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ
สถานศึกษาอยูเ่ สมอ

1.3) ด้านวัสดุ อุปกรณ์ และส่ิงอานวยความสะดวก (Material) สถานศึกษามี
การบริหารจัดการด้านวัสดุ อุปกรณ์ และส่ิงอานวยความสะดวกในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยการประชุมชี้แจงให้คณะครู ผู้ปกครอง และ
คณะกรรมการสถานศึกษาให้รับทราบร่วมกันถึงส่ิงท่ีสถานศึกษายังขาดแคลน มีการบริหารจัดการ
งบประมาณเท่าท่ีมีอย่างจากัดและคุ้มค่าท่ีสุดตามบริบทของสถานศึกษา รวมถึงจัดหาสื่อ วัสดุ
อุปกรณ์เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนเท่าที่จาเป็นก่อน เช่น กระดาษ หมึก เครื่องพิมพ์
อินเทอร์เน็ต เป็นต้น และได้รับการสนับสนุนเพ่ิมเติมจากองค์กรภายนอก เช่น เทศบาลตาบล
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในการช่วยเหลือเร่ืองวัสดุ อุปกรณ์ตามมาตรการการป้องกันการแพร่
ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID - 19)

1.4) ด้านการบริหารจัดการ (Management) สถานศึกษามีการบริหารจัดการ
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยการประชุม


79

ช้ีแจงนโยบายการจัดการศึกษา แนวปฏิบัติ/หนังสือสั่งการ คาสั่งศูนย์ควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ข่าว
ความเคล่ือนไหวต่าง ๆ เก่ียวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID - 19) ทั้งรูปแบบการประชุมรวมกันในห้องประชุมโดยปฏิบัติตามมาตรการการเฝ้าระวัง
ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) อย่างเคร่งครัด การประชุม
รูปแบบออนไลน์ด้วยโปรแกรม Google Meet, Line, Facebook ฯลฯ มีการประชุมออนไลน์
ผู้ปกครองในแต่ละระดับช้ันเป็นประจาทุกเดือน เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างครูและ
ผู้ปกครองในการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์ท่ีไม่ปกติ มีการประชาสัมพันธ์ แนะนาและเชิญ
ชวนให้ครแู ละบุคลากรทางการศึกษาทุกคนเข้ารบั วคั ซนี ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโค
โรนา 2019 (COVID - 19) สง่ เสรมิ สนบั สนุนใหค้ รูและบคุ ลากรพฒั นาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยมีการ
นิเทศภายใน กากบั ตดิ ตาม ช่วยเหลือการดาเนินงานของครูผู้สอนจากผู้บริหารสถานศึกษา มีการจัด
ชอ่ งทางการส่ือสารทุกห้องเรียน โดยมที ีมบรหิ ารแล ทีมวิชาการเข้าไปมีส่วนร่วมในการแนะนาให้การ
ช่วยเหลืออานวยความสะดวก สนับสนุนสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอน ครูผู้สอน
รายงานผลการจัดการเรยี นการสอนรายสัปดาห์ เพื่อทราบถึงความก้าวหน้า อุปสรรคและหาแนวทาง
ปรับปรงุ พฒั นาให้ดีข้นึ อยา่ งตอ่ เน่ือง

2) ด้านการจัดการเรียนการสอน
สถานศกึ ษามีการจดั การเรยี นการสอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค

ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) รูปแบบ ON-HAND ON-DEMAND และ ON-LINE โดยมี
รายละเอยี ดดังต่อไปน้ี

2.1) การจดั การเรียนการสอนรูปแบบ ON-HAND
ระดบั ปฐมวยั เน้นการจดั ทาใบงานเพอ่ื ฝกึ พฒั นาการทั้ง 4 ด้านของนักเรียน

อย่างต่อเน่ือง จัดทาใบความรู้ และมอบหมายใบงานประจาหน่วยการเรียน จัดกิจกรรมการเสริม
ทกั ษะ ระดับปฐมวยั ฝึกอา่ นพยัญชนะไทย และฝึกคัดพยญั ชนะไทย ฝึกนับเลข และฝึกคัดเลขไทย
และเลขอารบกิ ฝึกอ่าน A-Z และฝึกคัดพยัญชนะภาษาอังกฤษ ส่วนระดับประถมศึกษา ชั้น
ประถมศกึ ษาปีท่ี 1-3 เนน้ ใบงานสาระการเรียนรภู้ าษาไทยและคณติ ศาสตร์เป็นหลัก โดยมีการสารวจ
ความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆ จัดการเรียนการสอนในรูปแบบ ON-HAND
สาหรบั นักเรียนกลมุ่ ท่ไี ม่มีความพรอ้ มและอปุ กรณ์ในการเรียน มีการแจกเอกสารใบงานให้นักเรียนใน
รปู แบบ Drive True สว่ นชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4-6 เนน้ ใบงานสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาและภาษาอังกฤษ โดยวิเคราะห์เช่ือมโยงตัวช้ีวัดที่ต้องรู้และควรรู้ ครู
ออกแบบและจัดทาใบงาน ใบความรู้ และนัดหมายให้ผู้ปกครองมารับเอกสารในรูปแบบ Drive True
จัดตารางสอนและตารางเรียน โดยยึดแนวทางตามนโยบายของ สพฐ. ที่ไม่ต้องการให้นักเรียนหรือ
ผู้ปกครองเครียดมากเกินไป และมอบหมายงานหรือกิจกรรมให้สอดคล้องกับกิจวัตรประจาวันของ
นกั เรยี น ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ เนน้ รายวิชาพ้ืนฐานเป็นหลัก โดยวิเคราะห์เชื่อมโยงตัวชี้วัดที่ต้องรู้
และควรรู้ ครูออกแบบและจัดทาใบงาน ใบความรู้ แบบฝึกหัดให้กับนักเรียน ส่วนในสาระการเรียนรู้
อ่ืนๆ คุณครูร่วมกันวางแผนวิเคราะห์ตัวชี้วัดในแต่ละสาระการเรียนรู้และจัดทาใบงานเชิงบูรณาการ
ใหน้ กั เรยี นเรยี นร้ผู า่ นกจิ กรรมต่างๆ ที่บ้านแทนการทาใบงาน ซึ่งถือว่าเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
เชงิ รุก (Active Learning) ซงึ่ วิธีการจัดการเรียนการสอนในลักษณะน้ี จะรองรับนักเรียนในกลุ่มท่ีไม่


80

มคี วามพรอ้ มในด้านอุปกรณ์ อินเตอรเ์ น็ต หรอื ตดิ ขัดปญั หาในดา้ นอ่ืนๆ โดยครูประจาวิชาจะจัดทาใบ
ความรู้ ใบงาน และแจ้งให้ผู้ปกครองมารับในรูปแบบ Drive Thru ถ้านักเรียนในกลุ่มน้ีมีข้อสงสัย
หรือไม่เข้าใจในเน้ือหาสามารถติดต่อผ่านช่องทางต่าง ๆ และโทรสอบถามครูประจาวิชาได้โดยตรง
ซ่ึงในการดาเนินงานก็พบปัญหานักเรียนและผู้ปกครองบางส่วนไม่มารับและส่งใบงานตามนัดหมาย
ครจู ึงต้องนาใบงานไปสง่ ให้นักเรยี นทาท่ีบ้าน มีการโทรศัพท์ติดตามงานหรือต้ังกลุ่มไลน์ของห้องเรียน
เพ่ือเพม่ิ ชอ่ งทางการตดิ ต่อส่ือสารระหวา่ งผปู้ กครองและครผู ูส้ อน นอกจากนี้ยังพบปัญหานักเรียนไม่มี
สมาธิในการเรียนรู้ ไม่ตั้งใจทาใบงาน เพราะไม่เข้าใจ ผู้ปกครองบางคนก็ไม่เข้าใจในเน้ือหาจึงไม่
สามารถแนะนาหรืออธิบายเพิ่มเติมให้กับนักเรียนได้หรือผู้ปกครองบางคนก็ทาใบงานแทนนักเรียน
ครูผู้สอนจึงมกี ารประชุมออนไลน์ผู้ปกครองอย่างสม่าเสมอเพื่อช้ีแจงทาความเข้าใจกับผู้ปกครองและ
ช่วยอธบิ ายความรเู้ พ่มิ เติมเก่ยี วกบั การทาใบงาน

2.2) การจัดการเรยี นการสอนรูปแบบ ON-DEMAND
ระดับปฐมวัย นอกจากการเรียนรูปแบบ On-Hand โดยครูจัดส่งใบงาน/

ใบกิจกรรมที่โรงเรียนจัดทาขึ้นไปยังเด็ก ผ่านผู้ปกครองแล้ว ครูยังมีการสร้างช่องทาง Group Line
ของแต่ละห้องเรียนเป็นช่องทางติดต่อส่ือสารระหว่างครูกับผู้ปกครองและเด็ก รวมถึงใช้เป็นช่องทาง
ในการนาคลิปการสอนต่างๆ ท้ังจาก Youtube หรือคลิปที่คุณครูสร้างขึ้นเอง อัพโหลดเข้าไปในกลุ่ม
เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้เพ่ิมเติม เช่น กิจกรรมลองดูหนูทาได้ เป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับหน่วยการ
เรียนแต่ละสัปดาห์และกิจกรรมเกี่ยวกับกิจวัตรประจาวัน เช่น สาธิตการล้างมือ การสวมหน้ากาก
อนามัย การทางานบ้าน โดยให้เด็กดูคลิปวีดิโอและปฏิบัติกิจกรรมจากนั้นส่งรูปภาพหรือวีดิโอส่งใน
กลุ่มไลน์ห้องเรียน กิจกรรมขยับกายวันละนิดจิตแจ่มใส เป็นกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย
ใหเ้ ด็กได้ออกกาลังกายเสริมสรา้ งรา่ งกายใหแ้ ข็งแรงและเพื่อประเมินพัฒนาการเด็กโดย ความร่วมมือ
กนั ระหวา่ งบา้ นและโรงเรยี น โดยให้เด็กดูคลปิ วีดโิ อและปฏิบัติกิจกรรมจากนั้นส่งรูปภาพหรือวีดิโอส่ง
ในกลมุ่ ไลน์ห้องเรียน กิจกรรมประดิดประดอยหนูน้อยคนเก่ง เป็นกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการให้เด็ก
ไดป้ ฏบิ ตั กิ ิจกรรมสร้างสรรค์เก่ียวกับศิลปะ เช่น วาดภาพ การฉีก ตัด ปะ การป้ันดินน้ามัน และเพ่ือ
ประเมินพัฒนาการเด็กโดยความร่วมมือกันระหว่างบ้านและโรงเรียน โดยให้เด็กดูคลิปวีดิโอและ
ปฏิบัติกิจกรรมจากนั้นส่งรูปภาพหรือวีดิโอส่งในกลุ่มไลน์ห้องเรียน กิจกรรมนิทานมหัศจรรรย์ เป็น
กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการเด็กและเพ่ือประเมินพัฒนาการเด็กโดยความร่ วมมือกันระหว่างบ้านและ
โรงเรียน โดยให้เด็กดูคลิปวีดิโอการเล่านิทานของครูโดยเนื้อหานิทานสอดคล้องกับหน่วยการเรียน
ประจาสัปดาห์และส่งรูปภาพหรือวีดิโอการร่วมกิจกรรมส่งในกลุ่มไลน์ห้องเรียน ท้ังนี้ ได้เน้นย้า
ผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กอยู่หน้าจอนานเกิน ๑ ช่ัวโมง และต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง
เช่นเดียวกับระดับประถมศึกษา นักเรียนที่มีอุปกรณ์ในการเรียน แต่ไม่สามารถเรียนออนไลน์ตาม
เวลาที่กาหนดได้ เนื่องจากอุปกรณ์เป็นของบิดา มารดา หรือผู้ปกครองซ่ึงต้องนาไปใช้ในการทางาน
ทางระดับสายช้ันก็มีการสร้างกลุ่มเพจ Facebook แต่ละสายช้ันขึ้น เพื่อใช้สื่อสาร และมอบหมาย
งานในแต่ละวชิ า รวมทงั้ นาคลปิ การสอนท้ังจาก Youtube หรอื คลิปการสอน Project 14 ของสสวท.
หรือคลิปท่ีคุณครูสร้างขึ้นเอง อัพโหลดเข้าไปในกลุ่มเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้เพิ่มเติมประกอบการทา
ใบงาน แต่ก็พบปัญหาในเรื่องอุปกรณ์ส่ือสารของผู้ปกครองท่ีไม่สามารถรองรับแอพพลิเคช่ันหรือ
สญั ญาณอินเทอร์เนต็ ทไี่ ม่เสถียร


81

2.3) การจดั การเรยี นการสอนรูปแบบ ON-LINE
เนื่องจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ ON-HAND และ

ON-DEMAND เป็นการสื่อสารทางเดียว ทาให้คุณครูมีความพยายามที่จะจัดกิจกรรมการเรียนการ
สอนในรูปแบบ ON-LINE ในระดับปฐมวัย จัดกิจกรรมทบทวนบทเรียนตามหน่วยการเรียนประจา
สัปดาห์และพบปะนักเรียน ผ่านแอปพลิเคชั่น Line โดยใช้วิธีวีดิโอคอลในกลุ่มไลน์ห้องเรียน สัปดาห์
ละ 1 คร้ัง ส่วนระดับประถมศึกษา เป็นการจัดการเรียนการสอนตามตารางสอนท่ีกาหนด โดย
ครูผู้สอนในแต่ละรายวิชาจะจัดทาสื่อการสอนในรูปแบบ Online ท้ังท่ีเป็นเนื้อหาในบทเรียน เกม
ตา่ ง ๆ และการสร้างปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนโดยผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ โปรแกรมหรือเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ครู
นามาใช้ในการสอน ผ่านชอ่ งทางการส่ือสารดว้ ยเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ต ผา่ นระบบ Web Conference
เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบสองทาง ที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน โดยใช้ Google App For
Education , Microsoft Office 365 For Education , Zoom , MS TEAM , Google Classroom
, Google Meet และโปรแกรมประยุกต์อื่น ๆ ตามความเหมาะสม ทั้งนี้รูปแบบการจัดกิจกรรมการ
เรียนการสอน ON-LINE ก็ข้ึนอยู่กับคุณครูแต่ละท่านและนักเรียนในแต่ละระดับช้ัน และในระดับ
มัธยมศึกษาตอนต้น มีการจัดการเรียนการสอนผ่านรูปแบบ Online ให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ตอนต้น โดยมีวิธีการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบ Video Conference โดยใช้ Google Meet
เป็นหลัก และมี Application อื่นๆท่ีใช้ในการจัดกิจกรรม ส่งงานแบบฝึกหัด และวัดความเข้าใจใน
คาบเรียน อาทิเช่น Google Classroom , Liveworksheet , Quizizz , KAHOOT , Quizlet ,
Socrative , Class Dojo , Mentimetor , Wordwall , Padlet เป็นต้น นอกจากน้ียังมีการจัด
กิจกรรมคลินิกสัญจรออนไลน์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยนักเรียนท่ีมีปัญหา ติดขัด สงสัย หรือ
อยากสะท้อนผลในเรื่องต่างๆ สามารถเข้าไปบันทึกข้อมูลในลิงก์ท่ีครูประจาชั้นส่งไว้ให้ และทางครู
มัธยมศึกษาตอนต้น จะหยิบยกประเด็นปัญหาเหล่านั้น มาร่วมกันหาวิธีการแก้ไขปัญหา นักเรียน
สามารถเขา้ ไปบนั ทึกผลไดต้ ลอดเวลาโดยไมม่ ีการปดิ รบั ข้อมลู

3) ด้านการดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น
สถานศึกษามีการดาเนินการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในช่วงสถานการณ์การ

แพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยมีการประชุมครูและบุคลากร
ทางการศึกษาเพื่อสรา้ งความตระหนักในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนด้านการเรียนรู้ในสถานการณ์การ
แพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) มีการดาเนินการคัดกรอง แบ่งกลุ่มหรือ
ประเภทนักเรียน มีการมอบเงินค่าอาหารกลางวัน แจกอาหารเสริม (นม) และมีการกากับติดตาม
ช่วยเหลอื อยา่ งตอ่ เนือ่ ง หากนักเรยี นขาดเรยี นหรือขาดส่งใบงาน ครูติดตามหาสาเหตุ เพ่ือหาทางการ
แก้ไขร่วมกับผู้ปกครองอย่างทันท่วงที โดยมีการจัดกิจกรรมคลินิกครูสัญจรออนไลน์ ในทุกๆสัปดาห์
เพื่ออัพเดตแจ้งข่าวสารกับผู้ปกครองและนักเรียนในแต่ละระดับชั้น โดยลักษณะกิจกรรมจะเป็น
เหมือนการประชุมระหว่างผู้ปกครอง ครู และนักเรียน ในช่วงเย็นของวันใดวันหนึ่ง ครูประจาช้ัน
จะแจ้งข่าวสารต่างๆ แจ้งสถิติการเข้าช้ันเรียน และการส่งงานในรายวิชาต่างๆของนักเรียน เพื่อให้
ผู้ปกครองได้กาชับ ดูแล นักเรียนในการเข้าช้ันเรียนและการส่งงาน ตลอดจนสะท้อนผลปัญหาท่ี
เกิดข้ึนของผู้ปกครอง และหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆร่วมกัน นอกจากน้ียังมีการติดต่อประสานงานกับ


82

หนว่ ยงานในชมุ ชนเพอื่ ช่วยกนั ดูแลสอดส่องป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019
โดยส่งต่อข้อมลู ขา่ วสารทเี่ ป็นปจั จบุ นั

ตอนที่ 2 ผลการพัฒนาแนวทางการจดั การศึกษาในสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส
โคโรนา 2019 (COVID - 19)

คณะผู้วิจัยได้นาผลการวิเคราะห์ในตอนที่ 1 มาเป็นแนวทางในการกาหนดประเด็นในการ
ประชุมระดมความคิด (Brainstorming) โดยทีมวิจัยของสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา
เชียงใหม่ เขต 3 เพื่อกาหนดแนวทางการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสถานศึกษาทั้ง 5 ลักษณะ คือ
โรงเรียนขนาดเล็ก โรงเรียนขนาดกลาง โรงเรียนขนาดใหญ่ โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษและโรงเรียน
คุณภาพ ระดับประถมศึกษา คณะผู้วิจัยขอนาเสนอแนวทางการจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาสถานศึกษา
แยกเป็น 3 ประเดน็ ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการ ด้านการจัดการเรียนรู้ และด้านการดูแลช่วยเหลือ
นกั เรยี น รายละเอียดดงั นี้

ด้านท่ี 1 แนวทางการบริหารจดั การศกึ ษาในสถานศึกษาสงั กดั สานักงานเขตพนื้ ที่
การศกึ ษาประถมศกึ ษาเชียงใหม่ เขต 3 ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัส
โคโรนา 2019 (COVID - 19)

1.1 สถานศึกษาขนาดเลก็
1) ด้านการบริหารจัดการ
1.1) ด้านบุคคล (Man)
1.1.1) กาหนดข้อตกลง บทบาทหนา้ ท่ขี องผู้บริหารสถานศึกษา ครู

นักเรยี น และผู้ปกครองอยา่ งชดั เจน
1.1.2) ในกรณีท่ีครูไมค่ รบช้ัน ให้จัดการเรียนการสอนแบบคละชั้น

โดยจัดทาคาสั่งมอบหมายงานใหช้ ดั เจน
1.1.3) สง่ เสรมิ ให้ครูและบคุ ลากรทางการศึกษาเข้ารับการอบรมพัฒนา

ตนเอง เพ่ือปรับเปลีย่ นรูปแบบการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนใหส้ อดคล้องกับสถานการณ์ทไี่ มป่ กติ
1.1.4) ประชาสัมพันธ์ แนะนาและเชญิ ชวนให้ครูและบุคลากรทางการ

ศกึ ษาทกุ คนเขา้ รับวัคซีนปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)
1.2) ด้านงบประมาณ (Money)
1.2.1) ประชมุ ชแี้ จงงบประมาณ และปรบั แผนการใชจ้ า่ ยงบประมาณ

เพอ่ื นามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในชว่ งสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา
2019 (COVID - 19) โดยผ่านความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน

1.2.2) ประสานขอรับการสนับสนนุ จากชุมชน หน่วยงานอ่ืนหรอื องค์กร
เอกชน


83

1.3) ด้านวสั ดุ อปุ กรณ์ และสง่ิ อานวยความสะดวก (Material)
1.3.1) บริหารจดั การงบประมาณเท่าที่มีอย่างจากัดให้คุ้มค่าท่ีสุดตามบริบท

ของสถานศกึ ษา โดยจดั หาสื่อ วสั ดุ อปุ กรณเ์ กยี่ วกบั การจดั การเรยี นการสอนเท่าทจ่ี าเป็นก่อน
1.3.2) ระดมทรัพยากร ท้ังจากหนว่ ยงานภายในและหน่วยงานภายนอก

1.4) ดา้ นการบรหิ ารจัดการ (Management)
1.4.1) ประชุมช้ีแจงแนวนโยบายการจัดการศึกษา แนวปฏิบัติ/หนังสือส่ัง

การ คาส่ังศูนย์ควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ข่าวความเคล่ือนไหวต่าง ๆ เก่ียวกับสถานการณ์การแพร่
ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) เพ่ือสร้างความเข้าใจร่วมกันของผู้มีส่วน
เกี่ยวข้องทกุ ฝา่ ย

1.4.2) ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา อานวยความสะดวก สนับสนนุ สือ่ วัสดุ
อปุ กรณ์ในการจดั การเรยี นการสอนให้กับคณะครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา

1.4.3) สถานศกึ ษามกี ารนิเทศภายในอยา่ งเป็นระบบ เพ่ือใหค้ วามช่วยเหลือ
ซง่ึ กนั และกนั ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนของครูและบุคลากรทางการศกึ ษา

2) ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน
สถานศึกษามกี ารจดั การเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค

ติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) รูปแบบ ON-HAND ON-DEMAND และ ON-LINE โดยมี
รายละเอยี ดดังตอ่ ไปน้ี

2.1) การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ ON-HAND
2.1.1) ครูผู้สอนระดบั ปฐมวัย ออกแบบและจดั ทาใบงานทเ่ี นน้ การฝกึ

พัฒนาการทงั้ 4 ด้านของนักเรยี นอย่างต่อเนื่อง
2.1.2) ครูผู้สอนระดบั ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ออกแบบและจดั ทาใบงาน

โดยวิเคราะห์เช่อื มโยงตวั ชว้ี ัดท่ตี อ้ งรแู้ ละควรรู้ เนน้ สาระการเรียนรู้ภาษาไทยและคณิตศาสตรเ์ ป็น
หลกั เพื่อใหน้ กั เรยี นอา่ นออก เขยี นไดแ้ ละคิดเลขเปน็

2.1.3) ครผู ู้สอนระดับช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4-6 ออกแบบและจดั ทาใบงาน
โดยวิเคราะห์เชอ่ื มโยงตวั ชวี้ ัดท่ีตอ้ งร้แู ละควรรู้ เน้นสาระการเรียนรภู้ าษาไทย คณติ ศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศกึ ษาและภาษาองั กฤษเป็นหลกั

2.1.3) กาหนดการรบั และสง่ ใบงานตามความสะดวกของผู้ปกครอง
โดยคานงึ ถึงความปลอดภยั เป็นสาคัญ

2.1.4) ครูผสู้ อนโทรศัพท์ติดตามงานหรือตั้งกลุม่ ไลนข์ องห้องเรยี น เพ่อื เพ่มิ
ช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างผูป้ กครองและครผู ้สู อน

2.2) การจดั การเรยี นการสอนรูปแบบ ON-DEMAND
2.2.1) ครูผู้สอนคัดเลือกคลิปการสอนจาก Youtube หรือคลิปท่คี รผู ้สู อน

สร้างขึน้ เอง โดยวเิ คราะหเ์ ชอ่ื มโยงตัวช้ีวดั ทตี่ ้องร้แู ละควรรูก้ ่อนอพั โหลดเข้าไปในกลุ่ม Facebook
หรือ Line

2.2.2) ครผู ้สู อนออกแบบใบความรู้และใบงานประกอบการเรียนรจู้ ากคลิป
การสอน


84

2.3) การจดั การเรียนการสอนรปู แบบ ON-LINE
2.3.1) ครูผู้สอนจดั การเรียนการสอนรูปแบบ ON-LINE โดยเป็นการสอน

เสรมิ ใหก้ บั นักเรียนทีม่ คี วามพร้อมตามวนั เวลาท่นี ักเรยี นส่วนใหญ่สะดวก ซงึ่ อาจจะเป็นตอนเยน็ หรอื
วนั หยดุ ท่ีผูป้ กครองไม่ได้ออกไปทางาน

3) ดา้ นการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
3.1) สถานศึกษาจดั ประชมุ ครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อสรา้ งความ

ตระหนักในการดแู ลช่วยเหลอื นักเรยี นด้านการเรยี นรู้ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้ือ
ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)

3.2) สรา้ งช่องทางการติดต่อใหน้ ักเรยี นอย่างหลากหลาย เชน่ โทรศพั ท์ Line
Facebook เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ชอ่ งการเรียนรู้ ตดิ ตอ่ สอบถามปญั หา และให้ความรเู้ พม่ิ เตมิ แก่นักเรียน
สอนซอ่ มเสรมิ ใหแ้ กน่ ักเรยี นที่ยงั ไมบ่ รรลวุ ตั ถุประสงค์ เปน็ รายบคุ คล

3.3) ประสานความร่วมมอื กับผูป้ กครองในการดูแลนกั เรียนระหวา่ งครู
จัดกิจกรรมการเรียนรู้ และให้ผปู้ กครองมีสว่ นร่วมในการประเมนิ การเรยี นรู้ของเดก็ รว่ มกบั ครู
เพอ่ื นาสู่การพฒั นานักเรียนร่วมกนั

3.4) จัดหาทุนการศึกษา อาหารเสริมนม อาหารกลางวัน ให้ความช่วยเหลือ
นกั เรยี นและผปู้ กครองอย่างต่อเน่อื ง

3.5) จดั ทาแบบคดั กรอง วิเคราะหน์ กั เรียน จัดกลุ่ม วเิ คราะห์นักเรยี น
เปน็ รายบคุ คล นามาสังเคราะห์และแก้ปัญหาใหแ้ กน่ ักเรยี นเป็นรายบุคคล หาวิธีการแนวทางใน
การส่งเสรมิ นักเรียน

3.6) ครแู ละบุคลากรทางการศึกษาดาเนนิ การเยีย่ มบ้านเพื่อพดู คยุ ตดิ ตาม
สอบถามปจั จยั ความเสี่ยงตา่ งๆ กับผู้ปกครองและร่วมกันแก้ไขปัญหา

3.7) ติดต่อประสานงานกับหนว่ ยงานในชุมชนเพ่ือชว่ ยกันดแู ลสอดส่องป้องกนั
การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 ดว้ ยการสง่ ต่อข้อมลู ข่าวสารทีเ่ ปน็ ปัจจบุ นั

1.2 สถานศกึ ษาขนาดกลาง
1) ด้านการบริหารจดั การ
1.1) ด้านบุคคล (Man)
1.1.1) มกี ารประชมุ วางแผนการทางานร่วมกนั ของครผู ้สู อนและบุคลากร

ทางการศกึ ษา เพื่อกาหนดแนวทางหรือรูปแบบในการจัดการเรียนรู้ใหเ้ หมาะสมกบั บริบทของ
โรงเรียนและสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)

1.1.2) สรา้ งความตระหนักให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เห็น
ความสาคัญในการดูแลตนเองและปฏิบัติตามมาตรการแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019
(COVID - 19)

1.1.3) สง่ เสริม สนับสนนุ ให้ครแู ละบุคลากรทางการศึกษาเข้ารับการประชมุ
อบรม ในดา้ นการนาเทคโนโลยี มาประยกุ ต์ในการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน การใช้โปรแกรม
ประยุกตต์ ่าง ๆ ในการผลิตส่ือและการสอนออนไลน์ เชน่ Google meet, Google Form,
Live Worksheets เป็นต้น


85

1.1.4) มกี ารนเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม ให้คาปรึกษาอย่างต่อเน่ือง เพื่อร่วมกับ
คณะครูและบุคลากรทางการศกึ ษาในการแกไ้ ขปัญหาท่เี กิดขนึ้ ในขณะจดั กิจกรรมการเรียนการสอน
ในสถานการณท์ ไ่ี ม่ปกติ

1.2) ด้านงบประมาณ (Money)
1.2.1) มกี ารประชุมช้ีแจงงบประมาณและขออนุมัตปิ รับแผนการใช้จ่าย

งบประมาณกับทางคณะกรรมการสถานศึกษา เพือ่ นางบประมาณต่างๆ มาใชใ้ นการจัดซื้อสอื่ วัสดุ
อุปกรณ์

1.2.2) ดาเนินการเบิกจา่ ยให้ถกู ต้องตามระเบยี บของทางราชการ
โดยคานงึ ถงึ ความจาเป็นและความคมุ้ ค่าใหม้ ากที่สุด

1.2.3) ประสานขอรับการสนบั สนุนงบประมาณท่ีจาเป็นต้องใช้ในช่วง
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) จากชมรมผู้ปกครอง
ศษิ ยเ์ ก่า ชมุ ชนหรือหนว่ ยงานอื่น

1.3) ด้านวัสดุ อุปกรณ์ และสิ่งอานวยความสะดวก (Material)
1.3.1) สารวจความพรอ้ มของอุปกรณ์การสือ่ สารและอนิ เทอร์เนต็ ของ

นักเรยี น ผปู้ กครอง ครู เพ่ือจัดสรรงบประมาณและสิ่งอานวยความสะดวกตามความจาเป็น
1.3.2) ดาเนินการจดั หา จัดซื้อวัสดอุ ปุ กรณ์เกีย่ วกับการป้องกนั โรคตดิ ต่อ

เชน่ หนา้ กากอนามยั เจลแอลกอฮอล์ น้ายาฆ่าเช้อื เป็นต้น ให้เพยี งพอต่อการใชง้ าน
1.3.3) ประสานขอรับการสนับสนนุ วสั ดุ อปุ กรณต์ า่ งๆ เพิ่มเติมจากองคก์ ร

ภายนอก เชน่ เทศบาลตาบล โรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพตาบล เป็นตน้
1.4) ดา้ นการบริหารจดั การ (Management)
1.4.1) มกี ารบริหารจดั การแบบมสี ว่ นร่วม เน้นการทางานเปน็ ทีม
1.4.2) ดาเนินการประชุมร่วมกนั ระหว่างผูบ้ รหิ ารโรงเรียน คณะครูและ

บคุ ลากรทางการศึกษาเพ่ือเตรียมความพร้อมและวางแผนในการรบั มอื กับสถานการณ์การแพรร่ ะบาด
ของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)

1.4.3) ปรับหลกั สตู รใหม้ ีความยดื หยุ่นเหมาะสมตามตัวช้ีวัดต้องรแู้ ละควรรู้
1.4.4) สร้างความเขา้ ใจใหก้ ับคณะครใู นการเปลี่ยนวธิ ีการจดั การเรียน
การสอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และเน้นการประเมินผลตามสภาพจรงิ ของนักเรยี น
1.4.5) บริหารจดั การเรียนรู้ด้วยรูปแบบท่ีหลากหลายให้นักเรียนสามารถ
เขา้ ถึงและได้เรียนรู้อย่างทัว่ ถึง
1.4.6) ดาเนนิ การนเิ ทศภายในในแตล่ ะระดับชัน้ อย่างตอ่ เน่ืองและเป็น
ระบบ
2) ด้านการจดั การเรียนการสอน
สถานศึกษามีการจดั การเรยี นการสอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) รูปแบบ ON-HAND ON-DEMAND และ ON-LINE โดยมี
รายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้


86

2.1) การจัดการเรียนการสอนรปู แบบ ON-HAND
2.1.1) ครผู ู้สอนระดับปฐมวยั ควรออกแบบและจดั ทาใบงานท่ีเน้นการฝึก

พฒั นาการท้งั 4 ด้านของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง
2.1.2) ครผู ู้สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ควรออกแบบและจัดทาใบ

งานโดยวเิ คราะหเ์ ช่ือมโยงตวั ชี้วัดท่ีต้องรแู้ ละควรรู้ เนน้ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทยและคณิตศาสตรเ์ ป็น
หลัก เพอ่ื ใหน้ กั เรียนอ่านออก เขียนได้และคิดเลขเปน็

2.1.3) ครผู สู้ อนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4-6 ควรออกแบบและจดั ทาใบงาน
โดยวิเคราะห์เช่อื มโยงตวั ช้ีวัดที่ต้องรูแ้ ละควรรู้ เน้นสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย คณิตศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศึกษาและภาษาอังกฤษ

2.1.4) ครผู สู้ อนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ควรออกแบบและจดั ทาใบงาน
โดยวเิ คราะหเ์ ชื่อมโยงตัวชี้วดั ท่ตี อ้ งรแู้ ละควรรู้ เนน้ รายวิชาพน้ื ฐานเป็นหลกั

2.1.5) ครผู สู้ อนในแต่ละระดับช้ันร่วมกนั วางแผนวเิ คราะห์ตัวชว้ี ัดในแตล่ ะ
สาระการเรียนรูแ้ ละจดั ทาใบงานแบบบรู ณาการ ให้หนง่ึ ใบงานสอดคลอ้ งกบั ตวั ช้ีวดั มากกวา่ 1 กล่มุ
สาระการเรยี นรู้ เพ่ือเปน็ การลดชนิ้ งานทนี่ กั เรียนต้องนากลับไปทาท่ีบา้ นเป็นรายสัปดาห์

2.1.6) มกี ารนดั หมายมารับและสง่ ใบงานตามวันเวลาท่ีผปู้ กครองสะดวก
2.1.7) มกี ารโทรศัพทต์ ิดตามงานหรือต้ังกล่มุ ไลน์ของห้องเรยี น เพ่อื เพมิ่ ช่อง
ทางการตดิ ตอ่ สื่อสารระหวา่ งผปู้ กครองและครูผู้สอน
2.1.8) มกี ารออกเยย่ี มบ้านนักเรียนหรือออกไปจัดการเรยี นการสอนตาม
หย่อมบา้ นเพือ่ ชว่ ยอธิบายความรู้เพมิ่ เติมเกี่ยวกบั การทาใบงาน
2.2) การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ ON-DEMAND
2.2.1) ครผู สู้ อนสร้างช่องทางการติดต่อสื่อสาร Group Line ของแต่ละ
ห้องเรยี น เพ่ือเป็นช่องทางติดต่อส่อื สารระหว่างครกู บั ผปู้ กครองและนักเรียนและเป็นชอ่ งทาง ใน
การนาคลปิ การสอนต่างๆ ท้ังจาก Youtube หรอื คลิปที่คุณครูสร้างขึน้ เอง อพั โหลดเขา้ ไปในกล่มุ
เพอื่ ใหน้ ักเรยี นไดเ้ รียนรู้เพิ่มเตมิ
2.2.2) ครผู ู้สอนคัดเลือกคลิปการสอนจาก Youtube หรอื คลิปที่ครผู สู้ อน
สร้างขึ้นเอง โดยวเิ คราะห์เชื่อมโยงตัวชี้วดั ทีต่ อ้ งรแู้ ละควรรู้กอ่ นอัพโหลดเข้าไปในกลุ่ม Facebook
หรือ Line
2.2.3) ครผู สู้ อนออกแบบใบความรูแ้ ละใบงานประกอบการเรียนร้จู ากคลปิ
การสอน
2.2.4) ควรเน้นย้าผ้ปู กครองไม่ควรให้เดก็ ปฐมวยั อยู่หนา้ จอนานเกิน 1
ชัว่ โมง และตอ้ งอยูใ่ นความดูแลของผู้ปกครอง
2.2.5) ส่งเสรมิ และสนับสนนุ ใหค้ รูผสู้ อนพัฒนาตนเองเกีย่ วกบั การผลติ สือ่
ออนไลน์
2.3) การจัดการเรียนการสอนรปู แบบ ON-LINE
2.3.1) สารวจความพร้อมของนกั เรียนและผู้ปกครองก่อนจัดการเรยี น
การสอนรปู แบบ ON-LINE เพ่อื ให้ความชว่ ยเหลือตามความต้องการจาเป็น


87

2.3.2) จัดการเรียนการสอนรูปแบบ ON-LINEให้กบั นกั เรยี นควบคู่ไปกับ
การเรยี นการสอนรูปแบบ ON-HAND โดยจดั เปน็ การเรียนการสอนเสริมให้กบั นักเรยี นที่มีความพรอ้ ม
ตามวนั เวลาที่นักเรียนส่วนใหญ่สะดวก เชน่ เวลาค่าท่ผี ้ปู กครองกลับมาจากการทางาน

2.3.3) ครูผูส้ อนควรจัดตารางเรียนที่มคี วามยืดหย่นุ เพื่อให้นกั เรียนเขา้ ถึง
การเรียนแบบ ON-LINE ให้มากท่ีสุด

2.3.4) ส่งเสริมและสนบั สนุนใหค้ รูเขา้ รบั การพฒั นาตนเองเก่ียวกบั
การจัดการเรยี นการสอน ON-LINE

3) ดา้ นการดแู ลช่วยเหลือนกั เรียน
3.1) มกี ารประชุมครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาเพ่ือสรา้ งความตระหนกั ใน

การดูแลช่วยเหลอื นกั เรียนดา้ นการเรียนร้ใู นสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา
2019 (COVID - 19)

3.2) จัดทาแบบคดั กรอง วเิ คราะหน์ ักเรียน จดั กลุ่ม วเิ คราะห์นักเรยี นเป็น
รายบคุ คล นามาสงั เคราะห์และแก้ปญั หาให้แกน่ ักเรยี นเป็นรายบุคคล หาวธิ ีการแนวทางในการ
สง่ เสรมิ นักเรียน

3.3) ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาดาเนินการเยีย่ มบ้านเพ่ือใหค้ วามชว่ ยเหลอื
นักเรยี นรายบคุ คล แจกใบความรู้ ใบงาน พร้อมทง้ั อธิบายให้ความรู้เพ่ิมเติมเกี่ยวกับเนอ้ื หาใน
ใบความรแู้ ละใบงาน

3.4) จดั หาทนุ การศกึ ษา มอบเงนิ ค่าอาหารกลางวัน แจกอาหารเสริม (นม)
เพ่อื ใหค้ วามชว่ ยเหลอื นักเรียนและผู้ปกครองในเบอ้ื งตน้

3.5) มีการกากบั ติดตาม ชว่ ยเหลือนกั เรียนอย่างต่อเนื่อง หากนักเรยี นขาดเรียน
หรือขาดสง่ ใบงาน ครคู วรตดิ ตามหาสาเหตุ เพื่อหาทางการแกไ้ ขร่วมกบั ผู้ปกครองอย่างทันท่วงที

3.6) มีการตดิ ต่อประสานงานกับหนว่ ยงานในชมุ ชนเพ่ือชว่ ยกันดแู ลสอดส่อง
ป้องกันการแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 ดว้ ยการส่งต่อข้อมลู ข่าวสารทีเ่ ปน็ ปจั จบุ ัน

3.7) ประสานงานกับเจ้าหน้าทีส่ าธารณสขุ องค์การบริหารสว่ นตาบล (อบต.)
แจ้งขา่ วสารประชาสมั พนั ธ์การปอ้ งกนั ตัวเองตามช่องทางต่าง ๆ ใหค้ าปรึกษาแกท่ ุกคนในวธิ ีการและ
แนวทางการปฏิบัติตน และประสานงานหนว่ ยงานท่ีรบั ผิดชอบเพื่อใหค้ วามชว่ ยเหลอื ต่อไป

1.3 สถานศกึ ษาขนาดใหญ่
1) ด้านการบริหารจัดการ
1.1) ดา้ นบคุ คล (Man)
1.1.1) เนน้ การบรหิ ารแบบมีส่วนร่วม กระจายอานาจหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบ

ภายในองค์กรอยา่ งเป็นระบบ
1.1.2) จดั ประชุมชแ้ี จงให้ครูและบุคลากรปฏิบตั ิงานตามมาตรการป้องกัน

และควบคุมสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อยา่ ง
เครง่ ครดั ดาเนนิ การตามนโยบายของคณะกรรมการควบคุมโรคติดตอ่ จังหวัดเชยี งใหม่ และรว่ มมือ
กบั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาในการวางแผนและบริหารจัดการใหเ้ ป็นไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ


88

1.1.3) คณะครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษารว่ มกนั พจิ ารณาจัดรปู แบบ
การสอนให้นักเรียนสามารถเขา้ ถงึ การเรียนการสอนที่มีคุณภาพ เหมาะสมตามบริบทได้อยา่ งต่อเนอ่ื ง

1.1.4) มอบหมายให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาจัดการเรยี นการสอน
โดยใชร้ ูปแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน ทง้ั รูปแบบ ONLINE และรปู แบบ ON-HAND เพื่อให้
นกั เรียนเขา้ ถึงการเรยี นร้ใู ห้มากที่สดุ

1.1.5) วางแผน สนบั สนนุ ส่งเสรมิ อานวยความสะดวกให้กบั ครผู ูส้ อน
และผูป้ กครองทางานร่วมกนั อยา่ งมีความสุข

1.1.6) สง่ เสริมใหค้ รแู ละบุคลากรทางการศึกษาเข้ารบั การพัฒนาตนเอง
ด้านการนาแพลตฟอร์มและโปรแกรมประยกุ ตต์ ่าง ๆ มาใช้ผลิตส่อื การเรียนการสอนทีห่ ลากหลาย
บรหิ ารจดั การชัน้ เรียนออนไลนใ์ ห้มีประสทิ ธิภาพ

1.1.7) มกี ารสรุปปญั หาและประเมินผลรว่ มกนั ระหวา่ งครแู ละนักเรยี น
ครแู ละครู ครูและผูบ้ ริหารสถานศึกษา

1.2) ดา้ นงบประมาณ (Money)
1.2.1) มกี ารประชมุ ชแ้ี จงงบประมาณร่วมกัน เพ่ือปรับแผนการใชจ้ ่าย

งบประมาณและขออนมุ ัติการใช้งบประมาณจากคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน
1.2.2) ใช้เงนิ อุดหนนุ หมวดกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นและเงนิ ค่าจัดการเรียน

การสอน (รายหวั ) มาใช้จา่ ยเป็นค่าจดั ซ้อื สื่อ วัสดุอุปกรณ์ ฯลฯ โดยดาเนนิ การเบกิ จา่ ยให้ถกู ต้องตาม
ระเบียบของทางราชการ

1.2.3) มีการกากับติดตามการใชจ้ า่ ยงบประมาณให้เปน็ ไปตามวตั ถุประสงค์
เกิดความคุ้มค่าและมปี ระสทิ ธภิ าพทส่ี ดุ

1.2.4) ขอรับการสนบั สนุนและความช่วยเหลือจากชมรมผ้ปู กครอง ศิษย์
เก่า ชุมชน หนว่ ยงานอนื่ หรอื องค์กรเอกชนต่างๆ

1.3) ด้านวสั ดุ อุปกรณ์ และส่งิ อานวยความสะดวก (Material)
1.3.1) มกี ารประชุมชีแ้ จงกบั คณะครู ผปู้ กครอง และคณะกรรมการ

สถานศึกษาขนั้ พื้นฐานเกีย่ วกับวสั ดุ อุปกรณท์ ต่ี ้องใช้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในสถานการณ์
ทไี่ ม่ปกติ เพื่อหาแนวทางร่วมกัน

1.3.2) สารวจความพร้อมของอปุ กรณ์การสือ่ สารและอนิ เทอร์เนต็ ของ
นกั เรียน ผู้ปกครอง ครู เพ่ือจัดสรรงบประมาณและสิ่งอานวยความสะดวกตามความจาเปน็

1.3.3) จดั สรรงบประมาณในการจัดซอ้ื สื่อ วัสดุ อุปกรณ์เกี่ยวกบั การ
จดั การเรยี นการสอนเทา่ ทีจ่ าเป็นกอ่ น

1.3.4) ขอรบั การสนับสนุนเพิ่มเติมจากองค์กรภายนอก เชน่ เทศบาลตาบล
โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพหรอื องคก์ รเอกชน ในเร่ืองวัสดุ อปุ กรณ์ทจ่ี าเป็นต้องใช้ในการดาเนนิ งาน
ตามมาตรการการป้องกนั การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)

1.4) ด้านการบรหิ ารจัดการ (Management)
1.4.1) มกี ารประชมุ ชแ้ี จงนโยบายการจัดการศกึ ษา แนวปฏบิ ัติ/หนังสอื

ส่ังการ คาส่งั ศูนย์ควบคมุ โรคติดต่อจงั หวัด ขา่ วคราวความเคลือ่ นไหวตา่ ง ๆ เกยี่ วกับ สถานการณ์


89

การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID - 19) ทั้งรปู แบบการประชุมรวมกันในห้อง
ประชุมโดยปฏบิ ตั ติ ามมาตรการการเฝ้าระวงั ป้องกนั การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID - 19) อย่างเครง่ ครดั การประชุมรปู แบบออนไลน์ดว้ ยโปรแกรม Google Meet, Line,
Facebook ฯลฯ

1.4.2) มกี ารประชาสมั พนั ธ์ แนะนาและเชิญชวนให้ครูและบคุ ลากรทาง
การศึกษาทุกคนเขา้ รับวคั ซีนปอ้ งกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)

1.4.3) สง่ เสรมิ สนับสนุนให้ครแู ละบุคลากรเขา้ รบั การอบรมพัฒนาตนเอง
อยา่ งต่อเน่อื ง

1.4.4) มีการนเิ ทศ กากับ ติดตาม ชว่ ยเหลือการดาเนินงานของครผู ู้สอน
โดยผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาและทีมงานวชิ าการ

1.4.5) สนับสนนุ สื่อ วสั ดุ อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนสาหรบั ครู
และนกั เรียน

1.4.6) ครผู ู้สอนรายงานผลการจดั การเรียนการสอนรายสัปดาห์ เพื่อทราบ
ถึงความก้าวหนา้ อุปสรรคและหาแนวทางปรบั ปรุงพัฒนาให้ดีขน้ึ อยา่ งต่อเนื่อง

2) ดา้ นการจัดการเรยี นการสอน
สถานศกึ ษามีการจัดการเรยี นการสอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค

ติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) รูปแบบ ON-HAND ON-DEMAND และ ON-LINE โดยมี
รายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปน้ี

2.1) การจดั การเรยี นการสอนรูปแบบ ON-HAND
2.1.1) ครผู สู้ อนระดับปฐมวยั ควรออกแบบและจดั ทาใบงานท่ีเน้นการฝึก

พฒั นาการทัง้ 4 ดา้ นของนักเรยี นอย่างต่อเนอื่ ง
2.1.2) ครผู สู้ อนระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1-3 ควรออกแบบและจดั ทา

ใบงานโดยวิเคราะห์เชื่อมโยงตัวช้ีวดั ท่ีต้องรู้และควรรู้ เนน้ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทยและคณิตศาสตร์
เป็นหลัก เพ่อื ให้นักเรยี นอ่านออก เขยี นไดแ้ ละคิดเลขเปน็

2.1.3) ครผู ู้สอนชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4-6 ควรออกแบบและจัดทาใบงาน
โดยวเิ คราะห์เชอ่ื มโยงตัวชี้วัดที่ตอ้ งรู้และควรรู้ เนน้ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย คณติ ศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศึกษาและภาษาองั กฤษ

2.1.4) ครผู ้สู อนระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ควรออกแบบและจดั ทาใบงาน
โดยวิเคราะหเ์ ชอื่ มโยงตวั ชีว้ ัดที่ต้องรูแ้ ละควรรู้ เน้นรายวิชาพนื้ ฐานเป็นหลกั

2.1.5) ครูผูส้ อนในแต่ละระดับชนั้ ร่วมกันวางแผนวิเคราะห์ตวั ชวี้ ดั ใน
แตล่ ะสาระการเรียนร้แู ละจัดทาใบงานแบบบูรณาการ ให้นักเรยี นเรยี นรูผ้ ่านกิจกรรมต่างๆ ทบี่ ้าน
แทนการทาใบงาน ซ่ึงถือว่าเป็นการจัดกจิ กรรมการเรียนร้เู ชิงรุก (Active Learning)

2.1.6) มีการนัดหมายมารบั และสง่ ใบงานตามวันเวลาที่ผ้ปู กครองสะดวก
2.1.7) มีการโทรศัพทต์ ิดตามงานหรือต้งั กลุม่ ไลน์ของห้องเรยี น เพือ่ เพ่มิ
ช่องทางการติดต่อส่ือสารระหวา่ งผ้ปู กครองและครผู ้สู อน


90

2.1.8) มีการออกเยย่ี มบ้านนักเรียนหรอื ออกไปจัดการเรียนการสอนตาม
หย่อมบ้านเพื่อชว่ ยอธิบายความรูเ้ พมิ่ เตมิ เกย่ี วกับการทาใบงาน

2.2) การจดั การเรียนการสอนรูปแบบ ON-DEMAND
2.2.1) ครูผสู้ อนสร้างช่องทางการติดต่อสอ่ื สารของแตล่ ะห้องเรยี น เพื่อ

เปน็ ช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่างครูกับผ้ปู กครองและนักเรียนและเป็นช่องทางในการนาคลิป
การสอนตา่ งๆ อัพโหลดเขา้ ไปในกลุ่มเพ่อื ใหน้ ักเรยี นไดเ้ รยี นรู้เพ่มิ เติม

2.2.2) ครผู ูส้ อนคัดเลือกคลปิ การสอนจาก Youtube หรอื คลปิ ที่ครผู ูส้ อน
สรา้ งข้นึ เอง โดยวเิ คราะห์เชอื่ มโยงตวั ช้วี ัดท่ตี อ้ งรู้และควรรู้ก่อนอพั โหลดเขา้ ไปในกลุม่ Facebook
หรือ Line

2.2.3) ครูผู้สอนออกแบบใบความร้แู ละใบงานประกอบการเรียนรูจ้ าก
คลิปการสอน

2.2.4) เนน้ ยา้ ผปู้ กครองไม่ควรใหเ้ ด็กปฐมวยั อยู่หนา้ จอนานเกิน 1 ชวั่ โมง
และต้องอย่ใู นความดูแลของผู้ปกครอง

2.2.5) ส่งเสริมและสนับสนนุ ให้ครูผู้สอนพฒั นาตนเองเกี่ยวกบั การผลิตสอ่ื
ออนไลน์

2.3) การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ ON-LINE
2.3.1) สารวจความพร้อมของนักเรียนและผูป้ กครองก่อนจัดการเรียน

การสอนรปู แบบ ON-LINE เพอ่ื ให้ความช่วยเหลือตามความตอ้ งการจาเป็น
2.3.2) จัดการเรียนการสอนรูปแบบ ON-LINEใหก้ ับนักเรียนควบคไู่ ปกบั

การเรยี นการสอนรูปแบบ ON-HAND โดยจดั เป็นการเรยี นการสอนเสริมให้กับนกั เรยี นที่มคี วามพร้อม
ตามวนั เวลาท่ีนกั เรียนส่วนใหญ่สะดวก เชน่ เวลาค่าท่ีผ้ปู กครองกลบั มาจากการทางาน

2.3.3) ครผู ้สู อนควรจัดตารางเรยี นที่มีความยืดหยุน่ เพื่อให้นักเรยี นเขา้ ถึง
การเรียนแบบ ON-LINE ใหม้ ากท่สี ุด

2.3.4) ส่งเสรมิ และสนบั สนุนใหค้ รเู ข้ารบั การพฒั นาตนเองเกี่ยวกบั
การจัดการเรยี นการสอน ON-LINE

2.3.5) ผปู้ กครองคอยสอดส่องดูแลนกั เรยี นร่วมกบั ครูผสู้ อน เพือ่ ป้องกัน
การเสพตดิ สื่อออนไลน์หรือเกมส์ออนไลนต์ า่ งๆ

3) ด้านการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
3.1) มกี ารประชมุ ครูและบคุ ลากรทางการศึกษาเพ่ือสรา้ งความตระหนกั ใน

การดแู ลชว่ ยเหลือนักเรยี นด้านการเรยี นรใู้ นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา
2019 (COVID - 19)

3.2) จดั ทาแบบคดั กรอง วิเคราะห์นักเรยี น จดั กลุ่ม วิเคราะห์นักเรียนเป็น
รายบคุ คล นามาสงั เคราะห์และแก้ปัญหาให้แกน่ ักเรยี นเป็นรายบุคคล หาวิธีการแนวทางใน
การส่งเสริมนกั เรียน


Click to View FlipBook Version