วงั ปารุสกวัน
สภาพความเป็นอยูข่ องชาวบา้ น เสน้ ทางรถยนต์ รถโดยสาร และการขนส่งสินค้า
ในมณฑลอสิ าน ปี พ.ศ.๒๔๔๙ ในสมัยกอ่ น
การเดนิ ทางหรือขนสง่ สนิ คา้ เป็นการขนสง่ โดยใช้แรงคน และสัตวเ์ ป็นพาหนะบรรทุกสนิ ค้า
49
จอมพล สมเด็จฯ เจ้าฟา้ จกั รพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพิษณโุ ลกประชานาถ
ด้านการทหาร
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ
กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงปฏิบัติ
พระกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์ยิ่งแก่
กองทัพไทย ในขณะที่ทรงด�ารงต�าแหน่ง
เสนาธิการทหารบก ซง่ึ เป็นต�าแหน่งส�าคัญใน
การรบ ทรงวางรากฐานการศกึ ษาของทหารบก
และทรงรเิ รมิ่ จดั ตง้ั โรงเรยี นเสนาธกิ ารทหารบก
รนุ่ แรก (วนั กอ่ ตงั้ โรงเรยี นเมอ่ื วนั ที่ ๓ เมษายน
พ.ศ.๒๔๕๒ ยังถือเป็นวันคล้ายวันสถาปนา
โรงเรียนเสนาธิการทหารบกด้วย) โดยใช้
หลักสูตรการศึกษา ๒ ปี เช่นเดียวกับ
พระรูป จอมพล สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ
กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เสนาธิการทหารบก
(ทรงฉายครง้ั สุดท้าย เมอื่ ปี พ.ศ.๒๔๖๓)
พระเจา้ วรวงศ์เธอ พระองค์เจา้ จลุ จักรพงษ์
ทรงชดุ เครือ่ งแบบนายรอ้ ยประถม
50
วังปารสุ กวัน
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลก ต่างประเทศ และทรงเป็นพระอาจารย์สอน
ประชานาถ ทอดพระเนตรการซอ้ มสวนสนามในฐานะ ดว้ ยพระองค์เอง อกี ทั้งยงั ทรงเรียบเรียงต�ารา
ผ้อู �านวยการซอ้ มรบ พ.ศ.๒๔๕๙ เรอ่ื ง “พงศาวดารยทุ ธศลิ ปะ” และเอกสารอน่ื ๆ
พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ม ง กุ ฎ เ ก ล ้ า เจ้าอยู่หัว เ ป ็ น ต� า ร า ศึ ก ษ า ใ น ช ่ ว ง แ ร ก ใ ห ้ โ ร ง เ รี ย น
เสด็จเป็นองค์ประธานตรวจพลสวนสนาม โดยมี เสนาธิการทหารบกอีกเป็นจ�านวนมาก โดย
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลก สอดแทรกวิชาพงศาวดารและวิชาภูมิศาสตร์
ประชานาถ เป็นผู้อ�านวยการประลองยุทธ์น�าเสด็จ เกี่ยวกับประเทศสยามเข้าไปในหลักสูตร
นกั เรยี นทหารทกุ ระดบั ชน้ั เนอ่ื งจากทรงเหน็ วา่
พงศาวดารจะเป็นเคร่ืองมือช่วยปลุกใจให้
นกั เรยี นทหารรกั บา้ นเมอื ง ซงึ่ สง่ิ ตา่ งๆ เหลา่ น้ี
ยังคงได้รับการน�ามาใช้เป็นแนวทางใน
การพัฒนาโรงเรียนเสนาธิการทหารบกมา
จนถงึ ปัจจบุ ัน
นอกจากน้ี พระองค์ยังทรงริเริ่ม
จัดให้มีการฝึกประลองยุทธ์เป็นประจ�าทุกปี
สมเดจ็ ฯ เจ้าฟ้าจกั รพงษภ์ วู นาถ กรมหลวงพิษณโุ ลกประชานาถ กา� ลงั กม้ ลงทอดพระเนตร
แผนการฝึกซ้อมประลองยุทธ์
51
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ จักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพษิ ณโุ ลกประชานาถ
เพอื่ ฝกึ ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาเหน็ ภาพการรบสมยั ใหม ่
และการแก้ปัญหาให้ถูกต้องตามหลักยุทธวิธ ี
ขณะเดียวกันก็ฝึกเจ้าหน้าท่ีเรียนรู้งานต้ังแต่
การระดมพลจนถึงการอ�านวยการยุทธ และ
ฝึกทหารให้รู้จักหน้าท่ีของตนในสนามรบ
การใช้อาวุธ ภูมิประเทศ ตลอดจนวิธีปฏิบัติ
ต่อเชลยศึก นอกจากนั้น พระองค์ยังทรง
เขียนบทความจากเหตุการณ์ที่เกิดทั้งในและ
ต่างประเทศในช่วงเวลานั้นลงในหนังสือพิมพ์
ยุทธโกษ ซ่ึงเป็นหนังสือพิมพ์รายเดือนของ
ทหาร เพื่อให้นักเรียน ทหาร และประชาชน
ทว่ั ไปได้ศกึ ษา
นกั เรยี นนายรอ้ ยสวนสนามที่พระบรมมหาราชวงั
52
วงั ปารสุ กวนั
ประชาชนเฝา้ ชมการสวนสนามท่หี น้ากระทรวงกลาโหม
การบรหิ ารจดั การและทรงวางรากฐาน กองบงั คบั การโรงเรยี นนายรอ้ ยชน้ั ประถม
โรงเรียนนายร้อยทหารบก ในคราวที่ กองบงั คับการโรงเรยี นนายรอ้ ยชัน้ มธั ยม
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ท ร ง ใ ห ้ ต้ั ง โ ร ง เ รี ย น น า ย ร ้ อ ย ช้ั น มั ธ ย ม
ขึ้นที่ถนนราชด�าเนินนอกเพ่ิมข้ึนจากโรงเรียน
นายร้อยช้ันประถม และทรงเสด็จมาเปิด
โรงเรียนนายร้อยช้ันมัธยม เมื่อวันท่ี ๒๖
ธันวาคม พ.ศ.๒๔๕๒ น้ัน พระองค์ทรง
เป็นก�าลังส�าคัญในการบริหารจัดการและ
วางรากฐานหลักสูตรให้แก่โรงเรียน รวมทั้ง
ทรงเป็นพระอาจารย์สอนด้วยพระองค์เอง
53
จอมพล สมเด็จฯ เจา้ ฟ้าจกั รพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
ทรงก่อตั้งห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่ สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟ้าจักรพงษ์ภวู นาถ กรมหลวงพิษณโุ ลก
โรงเรียนนายร้อยชั้นมัธยม เพื่อให้นักเรียน ประชานาถ ขณะด�ารงต�าแหน่งเสนาธิการทหารบก
พิสูจน์ทดลองด้วยตนเอง โดยทรงเห็นว่า
ครูไม่ควรสอนให้ท่องแบบนกแก้วนกขุนทอง สว่ นหน่ึงของกบฏ ร.ศ.๑๓๐ ในคกุ
แตค่ วรสอนดว้ ยตวั อยา่ งจรงิ เนน้ การออกไปเหน็ ภาพถา่ ยราวปี พ.ศ.๒๔๖๑
ของจรงิ และทรงเพม่ิ วชิ าตา่ งๆ เขา้ ไปในหลกั สตู ร
เช่น วิชาคณิตศาสตร ์ วทิ ยาศาสตร์ การเมอื ง
และการฝึกภาคสนาม เป็นตน้
นอกจากน้ี ยังทรงเปิดโอกาสให้
สามญั ชนสอบเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยได้
(เดิมรับแต่เฉพาะพระบรมวงศานุวงศ์ บุตร
ข้าราชการ และบุตรนายทหารสัญญาบัตร)
แม้ต่อมาจะกลายเป็นสาเหตุส�าคัญท�าให้กลุ่ม
นายทหาร ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพระองค์เกือบ
ทงั้ หมดรว่ มมอื กับผใู้ กลช้ ิดกบั พระองค ์ คดิ กอ่
กบฏ เมอ่ื ป ี พ.ศ.๒๔๕๔ (กบฏ ร.ศ.๑๓๐) เพอ่ื
ยดึ อา� นาจเปลย่ี นแปลงการปกครองจากระบอบ
สมบรู ณาญาสทิ ธริ าชยเ์ ปน็ ระบอบประชาธปิ ไตย
ทม่ี พี ระมหากษตั รยิ อ์ ยู่ใต้กฎหมาย อย่างไรก็ดี
การที่พระองค์ทรงเป็นท่ีรักใคร่เทิดทูนของ
ลกู ศษิ ยเ์ ปน็ อยา่ งยง่ิ จงึ ทรงลว่ งรแู้ ผนการนจี้ าก
ลกู ศษิ ย ์ ทา� ใหพ้ ระองคส์ ามารถทา� ลายแผนการ
และจับกุมผู้ที่คิดเปล่ียนแปลงการปกครอง
ทง้ั คณะไดโ้ ดยละมอ่ ม โดยมผี ตู้ อ้ งค�าพพิ ากษา
54
วังปารุสกวัน
ศาลทหาร ๙๑ คน ในจา� นวนนมี้ ที หารถกู ปลด สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลก
และถกู ถอดยศ ๒๒ นาย และพลเรอื นถกู จา� คกุ ประชานาถ เสนาธิการทหารบก ฉายร่วมกับคณะ
๑ คน แตไ่ ดร้ บั การอภยั โทษในภายหลงั เหตกุ ารณ์ นายทหารในกรมเสนาธกิ ารทหารบก
ครั้งน้ีท�าให้พระองค์ขอลาออกจากต�าแหน่ง
เสนาบดีกระทรวงกลาโหมที่รักษาการอยู่ใน
ขณะนน้ั แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
เจา้ อยหู่ วั ไมพ่ ระราชทานพระบรมราชานญุ าต
โดยให้เหตุผลว่า ทรงเช่ือมั่นว่าพระอนุชา
ไม่ทรงมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการดังกล่าว
โรงเรียนเทฆ็ นคิ ทหารบก (ตกึ แดง)
(เท็ฆนคิ สะกดตามต้นฉบบั )
การสวนสนามในการประลองยทุ ธท์ ี่ราชบรุ ี พ.ศ.๒๔๕๙
55
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจ้าฟ้าจกั รพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพษิ ณโุ ลกประชานาถ
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๔ นาย Charles Van Den Born นักบินชาวเบลเยยี ม ไดน้ า� เคร่อื งบินรุ่น Henri Farman IV
บนิ แสดงที่สนามมา้ สระปทมุ ให้ชาวสยามชมเปน็ ครงั้ แรก
ทรงรเิรม่ิ กจิ การการบนิ เมอ่ื ป ี พ.ศ.๒๔๕๔
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวง
พษิ ณโุ ลกประชานาถ ทรงมโี อกาสเสดจ็ ประทบั
เป็นผู้โดยสารเครือ่ งบนิ ล�าแรกทเ่ี ดินทางมาถึง
ไทย และท�าการบินแสดงท่ีสนามม้าสระปทุม
ท�าให้ทรงเล็งเห็นประโยชน์ของกิจการการบิน
ในราชการทหารและพลเรอื น จงึ ทรงตงั้ “กองบนิ
ทหารบก” ขน้ึ เมอื่ วนั ท ี่ ๒๗ มนี าคม พ.ศ.๒๔๕๗
และทรงเลือกดอนเมืองเป็นท่ีตั้งส�าคัญของ
สนามบนิ เนอื่ งจากเปน็ ทดี่ อน นา้� ไมท่ ว่ ม จากนั้น
ก�าลังทางอากาศก็ได้พัฒนาก้าวหน้าข้ึน
56
วงั ปารสุ กวัน
เครอ่ื งบินลา� แรกทมี่ าแสดงในสยาม
เปน็ ลา� ดับ และยกฐานะเปน็ “กองทพั อากาศ”
เม่ือวันที ่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๐
ตอ่ มา เมอ่ื ป ี พ.ศ.๒๔๖๒ ทรงมพี ระดา� ริ
ให้น�าเครื่องบินไปทดลองการคมนาคมทาง
อากาศระหว่างดอนเมืองกับจันทบุรี โดย
ท�าการทดลองบินขนส่งถุงไปรษณีย์ รวมทั้ง
แสดงการบนิ เพอื่ หารายไดม้ าซอ้ื เครอ่ื งบนิ เพม่ิ
เตรียมขนส่งถุงไปรษณีย์จากท่าอากาศยานดอนเมือง
ไปยงั สนามบนิ เนนิ พลอยแหวน จังหวัดจนั ทบรุ ี
57
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพษิ ณโุ ลกประชานาถ
กองทหารอาสา เม่ือวันที่ ๑๙ มิถนุ ายน พ.ศ.๒๔๖๑ ทหารอาสาทั้งหมด
เดนิ ทางลงเรอื ทก่ี รงุ เทพ โดยเรอื “ศรสี มทุ ” “กลา้ ทะเล”
ทรงตั้งกองทหารอาสา เม่ือปี พ.ศ. และ “สุครีพครองเมือง” ไปที่เกาะสีชัง เพ่ือลงเรือ
๒๔๖๐ ด้วยพระปรีชาสามารถของจอมพล “เอมไปร์” เมื่อวันท่ี ๒๐ มิถุนายน เวลา ๑๐.๒๐ น. และ
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวง ออกเดินทางสู่ฝร่ังเศส ซึ่งเดินทางถึงเมืองมาร์แซลส์
พษิ ณโุ ลกประชานาถ ในการประเมนิ สถานการณ์ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๑
การสู้รบในสงครามโลกคร้ังท่ี ๑ จงึ ถวาย เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๒ กองทหารอาสาพร้อม
ค�าแนะน�าแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ธงชัยเฉลิมพล จ�านวน ๑ กองร้อย ๑๓๘ คน ได้รับเชิญ
เจา้ อย่หู วั ใหท้ รงสง่ กองทหารอาสาไปร่วมรบ จากรัฐบาลฝร่ังเศสให้ร่วมเดินสวนสนามฉลองชัยชนะ
กั บ ฝ่ า ย สั ม พั น ธ มิ ต ร ใ น ยุ โร ป จ น ไ ด ้ รั บ ผ่านประตูชัยในกรงุ ปารีส
ชั ย ช น ะ ร ่ ว ม กั บ พั น ธ มิ ต ร ป ร ะ เ ท ศ อ่ื น ๆ
ท�าให้ไทยเป็นท่ีรู้จักของนานาประเทศมากข้ึน
และทรงได้รับพระราชทานยศเป็น “จอมพล”
ขณะพระชนมายไุ ดเ้ พยี ง ๓๕ พรรษา ต่อมา
พระองคย์ งั ทรงเปน็ ผเู้ สนอใหก้ อ่ สรา้ งอนสุ าวรยี ์
ทหารอาสาข้ึนท่ีบริเวณใกล้ท้องสนามหลวง
เม่ือปี พ.ศ.๒๔๖๒ เพ่ือเป็นเกียรติแก่ทหาร
ท่ีเสียชวี ติ ในสมรภูมริ บ
อนุสาวรยี ท์ หารอาสาในอดตี และปัจจุบนั
58
ทรงตัง้ ค่ายทหารบกแห่งแรก จอมพล วังปารุสกวัน
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวง
พิษณุโลกประชานาถ ทรงริเริ่มก่อสร้างค่าย คา่ ยจักรพงษ์ จงั หวดั ปราจนี บุรี ในอดตี
ทหารบกแหง่ แรก บรเิ วณดงพระราม หลงั เสดจ็
ตรวจกิจการทหารที่จังหวัดปราจีนบุรี โดย
พระองค์ทรงเห็นว่า เป็นชัยภูมิท่ีเหมาะกับ
การเปน็ ทตี่ งั้ หนว่ ยทหาร และเสดจ็ มาทรงเปดิ
ค่ายแหง่ นเี้ มอื่ ป ี พ.ศ.๒๔๖๒ พรอ้ มประทาน
นามว่า “ค่ายจักรพงษ์” ทั้งยังประทานตรา
ประจ�าพระองค์ “จักรกับกระบอง” เป็น
สัญลกั ษณ์ประจา� ค่าย
ค่ายจักรพงษ์ จงั หวัดปราจนี บรุ ี ปจั จุบนั
59
จอมพล สมเด็จฯ เจ้าฟา้ จกั รพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
ด้านการทตู
จอมพล สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์
ภวู นาถ กรมหลวงพษิ ณโุ ลกประชานาถ ทรงเปน็
ผบู้ กุ เบกิ การทตู ยคุ แรกๆ ระหวา่ งไทยกบั รสั เซยี
โดยทรงเป็นเจ้าฟ้าพระองค์แรกที่เสด็จไป
ทรงศึกษาที่รัสเซีย ตามพระราชประสงค์ของ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทที่ รงตอ้ งการสานพระราชไมตรกี บั ซารน์ โิ คลสั
ที่ ๒ แห่งรัสเซีย และเป็นผู้แทนพระองค์
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในงานพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกสมเดจ็ พระเจา้ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และซารน์ โิ คลสั
ที่ ๒ ระหวา่ งเสดจ็ พระราชดา� เนนิ เยอื นรสั เซยี ปี พ.ศ. ๒๔๔๐
จอรจ์ ท ี่ ๕ แหง่ สหราชอาณาจกั ร เมอื่ ป ี พ.ศ. ๒๔๕๔
นอกจากน้ี การที่พระองค์ทรงมีส่วน
ในการส่งกองทหารอาสาไปร่วมรบในสมรภูมิ
ยุโรป ซึ่งฝ่ายสมั พนั ธมิตรไดร้ ับชัยชนะ ทา� ให้
ไทยเป็นที่รู้จักของนานาประเทศในฐานะ
ประเทศท่ีมีอิสรภาพ และเสรีภาพ ทั้งยังมี
60
วังปารุสกวนั
กองทหารอาสาพรอ้ มธงชัยเฉลมิ พล จ�านวน ๕๕ คน มีรอ้ ยเอกหม่อมเจ้านิตยากร เป็นผ้บู งั คบั กอง ไดร้ บั เชญิ จาก
รฐั บาลอังกฤษใหร้ ว่ มเดินสวนสนามฉลองชัยชนะในกรงุ ลอนดอน
61
จอมพล สมเด็จฯ เจา้ ฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพษิ ณโุ ลกประชานาถ
ซารน์ ิโคลสั ท่ี ๒ เมอื่ ยังดา� รงพระยศเป็นสมเดจ็ พระยุพราช เมอื่ คราวเสดจ็ เยือนไทย
(ถ่ายท่ีพระราชวังบางปะอิน องค์ท่ี ๒ จากซา้ ย)
ความเจริญก้าวหน้าทางอารยธรรมทัดเทียม การควบคมุ ตวั เจา้ หนา้ ทกี่ ารทตู แทนการจบั กมุ
นานาประเทศ ดังจะเห็นได้จากทรงปลดคน กอ่ นส่งตัวออกนอกประเทศ
เยอรมนั และออสเตรยี ซง่ึ เปน็ ชาตศิ ตั รอู อกจาก
ราชการไทยท้ังหมด เพื่อแสดงความจริงใจ
ต่อฝ่ายสัมพันธมิตร ทรงให้ดูแลและอ�านวย
ความสะดวกแกเ่ ชลยศกึ เปน็ อยา่ งดี โดยใช้วธิ ี
62
วงั ปารสุ กวนั
นกั บนิ และทหารอาสาไทยเขา้ รว่ มรบในฝรัง่ เศส สมยั สงครามโลกคร้งั ท่ี ๑
63
จอมพล สมเด็จฯ เจา้ ฟา้ จักรพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพษิ ณุโลกประชานาถ
ดา้ นสาธารณสุข
จอมพล สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์
ภวู นาถ กรมหลวงพษิ ณโุ ลกประชานาถ ทรงเปน็
ผคู้ วบคมุ การกอ่ สรา้ งโรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ ์ ซงึ่ เปน็
ทตี่ ง้ั สภากาชาดสยาม หรือสภากาชาดไทยใน
ปจั จบุ นั (ทรงรบั หนา้ ทต่ี อ่ จาก จอมพล พระเจา้
บรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช ซึ่ง
ส้ินพระชนม์ก่อนการก่อสร้างแล้วเสร็จ) และ
ยังทรงด�ารงต�าแหน่งอุปนายกผู้อ�านวยการ
สภากาชาดสยามพระองคแ์ รก (ป ี พ.ศ.๒๔๕๗-
๒๔๖๓) ทรงสรา้ งความเจรญิ ใหแ้ กส่ ภากาชาด
รอบด้าน อันเป็นประโยชน์แก่ประชาชน ซ่ึง
เจ็บป่วยไดเ้ ป็นอย่างดี
64
วังปารุสกวัน
ด้านการขา่ ว ทง้ั น้ี เพอ่ื รกั ษาความมนั่ คงหรอื ประโยชนแ์ หง่ รฐั
จอมพลสมเดจ็ ฯเจา้ ฟา้ จกั รพงษภ์ วู นาถ และให้รัฐบาลน�ามาประกอบการพิจารณา
กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงนิพนธ์ ในการกา� หนดนโยบายแหง่ ชาติ
แนวทางการท�างานของนายทหารท่ีท�าหน้าที่ ความผกู พนั ของสา� นกั ขา่ วกรองแหง่ ชาติ
เสนาธิการไว้ในหนังสือพงศาวดารยุทธศิลปะ กบั พระองคจ์ งึ ไมใ่ ชแ่ คเ่ พยี งทพี่ ระองคท์ า่ นเปน็
ว่า “การท่ีจะให้แม่ทัพและผู้บัญชาการทราบ เจา้ ของวงั ปารสุ กวนั ซงึ่ เปน็ ทต่ี ง้ั สา� นกั งานของ
เหตุการณ์ให้รอบคอบ ท้ังให้ค�าส่ังไปถึงทัน สา� นักข่าวกรองแหง่ ชาติ ตัง้ แต่ปี พ.ศ.๒๔๙๗
เวลา และผู้รับเข้าใจแจ่มแจ้ง นี่แหละเป็น เท่าน้ัน แต่แนวพระด�าริเก่ียวกับหน้าที่ของ
หน้าท่ีของเสนาธิการ” ค�าว่า “เสนาธิการ” เสนาธิการยังสัมพันธ์กับการท�างานของ
ราชบัณฑิตยสถานให้ค�าจ�ากัดความไว้ว่า ส�านักข่าวกรองแห่งชาติท่ีให้ความส�าคัญกับ
“เสนาธิการ คือ ผู้ปฏิบัติและประสานงาน การผลิตรายงานแจ้งเตือนแก่ผู้ใช้ข่าวที่ต้องมี
ระหว่างผู้บังคับบัญชากับหน่วยทหาร ความถูกต้องและทันการณ์ เพ่ือความมั่นคง
ท�าหน้าท่ีรายงานเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งฝ่ายตน ของชาติและประชาชน
และฝ่ายข้าศึก เพ่ือให้ผู้บังคับบัญชาตกลงใจ
ไดอ้ ยา่ งรอบคอบ” ซึง่ เปน็ แนวคิดทีส่ อดคล้อง
กบั งานขา่ วกรอง (Intelligence) อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั
ทั้งน้ี งานข่าวกรองตามพระราชบัญญัติ
ข่าวกรองแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๒ บัญญัติไว้ว่า
“การขา่ วกรอง” หมายความวา่ การดา� เนนิ การ
เพื่อให้ทราบถึงความมุ่งหมาย ก�าลัง
ความสามารถ และความเคลื่อนไหว รวมทั้ง
วิถีของบุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์การใด
ท้ังภายในประเทศ และต่างประเทศท่ีอาจ
กระท�าการอันเป็นพฤติการณ์เป็นภัยคุกคาม สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลก
ประชานาถ ทรงฉลองพระองค์ครุยปฐมจุลจอมเกล้า
65
จอมพล สมเด็จฯ เจ้าฟา้ จักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
»ÃÐÇµÑ ÇÔ Ñ§»ÒÃÊØ ¡Ç¹Ñ
66
วังปารสุ กวนั
ทม่ี าของชื่อวัง “ปารสุ กวัน”
นามของส่ิงปลูกสร้างต่าง ๆ และ
พ ร ะ ร า ช อุ ท ย า น ใ น เ ข ต พ ร ะ ร า ช วั ง ดุ สิ ต
ล้วนแต่เป็นชื่อท่ีเกี่ยวข้องกับสรวงสวรรค์
ทั้งส้ิน ไม่ว่าจะเป็นพระที่นั่งอัมพรสถาน
พระที่น่ังวิมานเมฆ วังปารุสกวันก็เช่นกัน
คา� วา่ “ปารสุ กวนั ” แปลวา่ สวนมะปราง
ซ่ึงในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนากล่าวว่า
บนสวรรค์ชั้น “ดาวดึงส์” ซึ่งเป็นท่ีประทับ
ของพระอินทร์มีสวนท่ีสวยงาม ๔ แห่ง
มีช่ือว่า สวนนันทวัน (สวนหรือป่าแห่ง
ความร่ืนรมย์) สวนจิตรลดา (สวนหรือป่า
เถาไม้เลื้อย) สวนมิสกวัน (สวนหรือป่าไม้
หลากชนิด) และสวนปารุสกวัน (สวนหรือ
ป่ามะปราง)
67
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจ้าฟา้ จกั รพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพษิ ณุโลกประชานาถ
68
วังปารุสกวัน
วงั ปารสุ กวนั ตงั้ อยบู่ นถนนราชดา� เนนิ
นอก แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
ตามหลักฐานท่ีปรากฏในหนังสือกระทรวง
โยธาธกิ ารท ี่ ๖๖/๑๓๕๙ ลงวนั ท ี่ ๒๒ ธนั วาคม
รัตนโกสินทรศก (ร.ศ.) ๑๒๒ ระบุว่า
“พระต�าหนักสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ
กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ พร้อมท้ัง
เรือนครัวและโรงม้า ก่อสร้างขึ้นท่ีต�าบล
สวนฝร่ัง ข้างถนนคอเส้ือ (ถนนพิษณุโลก)”
ภายในวงั ประกอบดว้ ย พระตา� หนัก ๒ องค์
คือ พระต�าหนักปารุสกวัน (บางคร้ังเรียก
“พระต�าหนักสวนปารุสกวัน”) อยู่ด้านทิศใต้
69
จอมพล สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณโุ ลกประชานาถ
พระตำ� หนักจติ รลดำ
พระต�ำหนักปำรสุ กวนั
และพระต�าหนักจิตรลดา (บางคร้ังเรียก นายมารโี อ ตามญั โญ สถาปนกิ อิตาลี
“พระตา� หนักสวนจิตรลดา”) อยูด่ ้านทิศเหนือ
พระต�าหนักปารสุ กวนั เรมิ่ สร้างต้งั แต่
ปี พ.ศ. ๒๔๔๖ โดยมสี ถาปนกิ ชาวอติ าลี ๓ คน
คือ นายมารีโอ ตามัญโญ นายสก็อตส์ และ
นายเบยโ์ รเลรี ชว่ ยกนั ออกแบบเปน็ แบบวลิ ลา
อิตาเลียน เม่ือแรกสร้างเป็นอาคารก่ออิฐ
ถือปนู ๒ ชั้น ตอ่ มาต่อเติมเป็น ๓ ชน้ั
ส่วนพระต�าหนักจิตรลดาเป็นอาคาร
ก่ออิฐถือปูน ๒ ชั้น ออกแบบโดยสถาปนิก
ชาวอิตาลีท่ีปฏิบัติงานในกรมโยธาธิการ
พระสถิตนิมานการ เจ้ากรมโยธาธิการ เป็น
ผู้ควบคุมการก่อสรา้ ง
70
วงั ปารสุ กวัน
ภ า ย น อ ก พ ร ะ ต� า ห นั ก ป า รุ ส ก วั น
ซุ้มประตูและหน้าต่างประดับด้วยลายปูนปั้น
ที่งดงามด้วยศิลปะนูนต่�าเป็นลายดอกไม้
งบประมาณการก่อสร้างวังปารุสกวัน ปจั จบุ นั วงั ปารสุ กวนั ด้านทิศใต้เป็นที่ท�าการ
เป็นงบประมาณส่วนหน่ึงของงบการสร้าง ของส�านักข่าวกรองแห่งชาติ โดยพระต�าหนัก
พระราชวงั ดสุ ติ จากพระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองค์ ปารสุ กวนั ไดน้ า� มาใชเ้ ปน็ พพิ ธิ ภณั ฑว์ งั ปารสุ กวนั
ในพระคลังข้างที่ ใช้งบประมาณครั้งแรก ส่วนวังปารุสกวันด้านทิศเหนือเป็นที่ท�าการ
ประมาณ ๗๐,๐๐๐ บาท โดยการก่อสร้าง ของกองบัญชาการต�ารวจนครบาล โดยตัว
แล้วเสร็จประมาณปี พ.ศ.๒๔๔๘ และได้มี พระต�าหนักจิตรลดาอยู่ในความดูแลของ
พระราชพธิ ขี น้ึ พระตา� หนกั เมอ่ื วนั ท ี่ ๕ เมษายน พิพิธภัณฑ์ต�ารวจ ในสังกัดกองสารนิเทศ
พ.ศ.๒๔๔๙ สา� นกั งานตา� รวจแหง่ ชาติ
71
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจ้าฟ้าจกั รพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
พระตำหนกั ปารุสกวัน หอ งเตรียมเครื่องเสวย
ช้นั ลาง
หองเสวย หอ งทรงพระสำราญ
หองรบั แขกของหมอ มคทั ริน (หองเฉลียงใหญ)
หองมหาดเล็ก
สหวอนงพรับระแอขงกค หองนอนแขก
ทองพระโรง หอ งของพระโอรสบญุ ธรรม
หองน้ำ
ที่เทียบรถ
พระตชภำ้ัานหยลนใ่นากั พงปเราปะรต็นสุ �าหกหว้อนันงกั ชรป้ันับาร๒แสุ ขกกวแนั หลมหะออหมงค้นอัทองรนิน หองน้ำ
ทรงพระส�าราญ ะปโรระงกระอหเบบ้อียดงง้วรยับหหแอ ้อขงผงกกั โทผถอ้ังงนใขขหออญงงห่ มอม หอ (งหทอรงงแพดรงะ)อักษรใหม
ใช้เป็นท้องพร
ส่วนพระองค์ และของหมอ่ มคทั รนิหอ หงเสอ้ วงยเชสัน้ วบยน
มีเฉลียงใหญ่ส�าหรับพักผ่อนและเล่นกีฬา
ในร่ม และยังมีห้องชุดส�าหรับรับแขก และ พหรอะงอขงอคงจ เลุลฯน พหรอะงอพงรคะจ พลุ ีเ่ฯลี้ยหง องน้ำ
ใสชม้เเปด็น็จทฯี่ปเรจะ้าทฟหับอ้างขจทอักรงงรพพพระรงอษะกั โ์ภษอรูวรเนดสิมาบถุญกธรรมรมหขลอวงง
พษิ ณโุ ลกประชานาถ หองบรรทมพระองคจ ุลฯ
72
วงั ปารสุ กวัน
สว่ นชน้ั ทสี่ องเปน็ ทอ่ี ยขู่ องหมอ่ มคทั รนิ
ลักษณะเป็นห้องชุด ประกอบด้วย ห้องนอน
หอ้ งแตง่ ตวั หอ้ งนา�้ หอ้ งนงั่ เลน่ สว่ นตวั หอ้ งเสวย
และห้องชุดท่ีประทับของพระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ประกอบด้วย ห้อง
บรรทม ห้องของเล่น ห้องพระพ่ีเล้ียง และ
หอ้ งสรง นอกจากนี้ ยงั มหี อ้ งทรงพระอกั ษรเดมิ
และมีห้องทรงพระอักษรใหม่ (ห้องแดง)
ชั้นท่ีสามเป็นห้องชุดส่วนพระองค์
ของสมเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ จกั รพงษภ์ วู นาถ กรมหลวง
พิ ษ ณุ โ ล ก ป ร ะ ช า น า ถ ป ร ะ ก อ บ ด ้ ว ย
73
จอมพล สมเด็จฯ เจา้ ฟา้ จกั รพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
หอ้ งบรรทม ห้องแต่งพระองค์ และห้องสรง
มีห้องพระและห้องพระบรมอัฐิที่ชั้นน้ีด้วย
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
จุลจักรพงษ์ ทรงเขียนบรรยายถึงพระต�าหนัก
ปารุสกวันไว้ว่า “ช้ันล่างนั้น ทางด้านหน้ามี
ท้องพระโรงติดอยู่กับท่ีจอดรถ เป็นห้องโถง
ซึ่งมมี หาดเล็กเวรประจา� อยสู่ องคนเสมอ เปน็
ห้องท่ีมโี ทรศพั ทแ์ ละมีสมดุ ลงนาม ซึ่งคนท่ีมา
เฝ้าพ่อ จะลงนามเฝ้าได้เสมอ ต่อจากน้ันก็มี
ห้องรับแขกขนาดใหญ่ของพ่อ ห้องรับแขก
ขนาดเล็กส�าหรับแม่ ถัดจากนั้นก็เป็นห้อง
เสวยใหญ่ ซึ่งพ่อได้ออกเงินส่วนพระองค์
มิใชน่ ้อย จัดทา� ฝาเปน็ ไมข้ ดั มนั และสลักอยา่ ง
งดงาม ท�าตามแบบห้องกินข้าวอย่างบ้านผู้ดี
74
วงั ปารุสกวัน
อังกฤษดึกดา� บรรพ์ ต่อจากนั้นไปอกี ก็มหี ้อง
เฉลียงใหญ่ มีโต๊ะบิลเลียด ซ่ึงมีฝาปิด จึงใช้
เป็นโต๊ะเล่นปิงปองได้ด้วย ใต้ห้องนอนและ
ห้องเลน่ ของข้าพเจ้าน้นั ทีช่ ้ันลา่ งเปน็ หมู่ห้อง
อันอยู่แยกตามล�าพัง มีห้องนั่ง ห้องนอน
ห ้ อ ง น�้ า พ ร ้ อ ม เ ฉ พ า ะ ส� า ห รั บ ใ ช ้ รั บ แ ข ก
ตามธรรมเนยี มวงั เจา้ นายไทย หอ้ งหบั สา� หรบั
ม ห า ด เ ล็ ก ข ้ า ห ล ว ง บ น ต� า ห นั ก ย ่ อ ม ไ ม ่ มี
ถ้าจะต้องนอนอยู่บนต�าหนักก็ย่อมนอนกัน
ตามเฉลียง ท่ีอยู่ของเขาน้ันก็อยู่ตามโรงแถว
ในบรเิ วณวงั แมห้ อ้ งเครอื่ งเสวยทงั้ ของไทยและ
ของฝรง่ั ก็อยู่แยกออกจากตัวต�าหนักผิดกับ
ธรรมเนยี มของฝร่ัง...”
75
จอมพล สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
“ห้องเครื่องอาหารฝร่ังน้ัน พ่อเคยมี สองชั้น รถยนต์อยู่ในโรงข้างล่าง คนขับรถมี
กุ๊กฝรั่งชาติรุสเซียสองคน ฝรั่งสองคนนี้มีจีน หอ้ งหบั ของตนชนั้ บนเหนอื โรงรถ บรรดาคนท่ี
หนมุ่ ๆ เปน็ ผชู้ ว่ ยสองสามคน สว่ นเครอ่ื งไทยนนั้ ทา� งานรบั ใชพ้ อ่ น้ัน ตา่ งมญี าตพิ นี่ อ้ งลกู หลาน
ก็อยู่แยกไปอีกเรือนหนึ่ง มีผู้หญิงเป็นคนท�า ของตนทั้งพอ่ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย มาอยเู่ ต็ม
ส่วนที่มหาดเล็ก ข้าหลวงญาติพ่ีน้องบริวาร ท้ังหมดโดยมติ ้องเสียคา่ เช่าเลย...”
ของเขาอาศัยอยู่กันน้ัน เป็นส่วนหนึ่งของ
บรเิ วณวงั มกี า� แพงรอบแยกออกไป ซง่ึ ในสมยั
เมื่อข้าพเจ้าเป็นเด็กๆ เรียกกันว่า อัมพะวา
ในอัมพะวาน้ัน ยังมโี รงมา้ มมี ้าของพอ่ อยรู่ าว
๖ ตวั เทา่ ทจี่ า� ได้ คนเลยี้ งมา้ สมยั นนั้ มักจะเป็น
ชาวมลายูเช่นเดียวกับคนท�าสวน และชาว
มลายูเหล่านั้นก็มีโรงแถวของเขาอยู่ต่างหาก
นอกจากน้ัน ยังมีโรงรถยนต์ ซึ่งท�าเป็นเรือน
76
วงั ปารสุ กวนั
ที่เทยี บรถ
77
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจ้าฟา้ จกั รพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพษิ ณุโลกประชานาถ
78
วังปารสุ กวนั
79
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจ้าฟา้ จกั รพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพษิ ณุโลกประชานาถ
80
วังปารสุ กวนั
81
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจ้าฟา้ จกั รพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพษิ ณุโลกประชานาถ
82
วังปารสุ กวนั
83
ที่เทียบรถ
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
พระตำหนกั ปารุสกวนั ช้นั ๒ หมหออ มงคนัทอรนิน หอ งน้ำ
ระเบียง หองพกั ผอนของหมอม หอ(งหทอรงงแพดรงะ)อักษรใหม
หองเสวยชนั้ บน
หองทรงพระอกั ษรเดิม พหรอะงอขงอคงจเลุลฯน พหรอ ะงอพงรคะจ พลุ ีเ่ฯลีย้ หง อ งนำ้
หอ งบรรทมพระองคจุลฯ
“ชนั้ สองมหี อ้ งแตง่ ตวั แม ่ หอ้ งนา้� ของแม่
ห้องเขียนหนังสือของแม่ และห้องสีเขียว
ซ่ึงเป็นห้องที่มีเปียโนและเครื่องตกแต่ง
อนั เปน็ ของแมโ่ ดยเฉพาะ...”
“ต่อจากนั้นก็มีห้องที่เราเรียกกันว่า
ห้องแดง เพราะทาสีอย่างฉูดฉาด ห้องนั้น
แตเ่ ดิมเป็นห้องเฉลียง แต่พ่อได้จัดท�าฝาอย่าง
แน่นหนาและเสริมหลังคาจนกลายเป็นห้อง
จริงๆ ข้ึนอีกห้องหน่ึง ห้องนั้นเป็นห้อง
เขียนหนังสือของพอ่ ...ในระหวา่ งทา่ มกลางหอ้ ง
เหลา่ นมี้ หี อ้ งหนงึ่ ทค่ี อ่ นขา้ งเลก็ เปน็ หอ้ งเสวยชนั้ บน
84
วังปารุสกวัน
หอ้ งนอนหมอ่ มคัทรนิ
ห้องที่มีเปียโนและเคร่อื งตกแต่ง
พ่อมักเสวยอาหารเช้าและกลางวันสองต่อสอง
กบั แมใ่ นหอ้ งนนั้ เมอื่ กอ่ นสรา้ งชน้ั สาม หอ้ งทอ่ี ยู่
ถัดจากห้องเสวยชั้นบนเป็นห้องบรรทม และ
ขา้ พเจา้ ไดเ้ กิดทีห่ อ้ งนัน้ ...”
“อีกมุมหน่ึงของต�าหนักเป็นท่ีอยู่ของ
85
จอมพล สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพษิ ณโุ ลกประชานาถ
ขา้ พเจา้ มหี อ้ งนอนและหอ้ งเลน่ ...”
“ในสมยั ทพ่ี อ่ อยทู่ ต่ี กึ ปารสุ กน์ นั้ ชน้ั สาม
มีเพียง ๔ ห้อง มีห้องบรรทมส�าหรับพ่อ
กว้างขวางมาก ติดกับห้องบรรทมมีห้อง
แตง่ พระองคข์ องพอ่ ใหญพ่ อใช ้ และมหี อ้ งสรง
ต่อจากนั้นอีกด้านหนึ่งมีห้องพระและห้อง
เกบ็ พระบรมอฐั อิ ยตู่ ดิ หอ้ งบรรทมอกี ดา้ นหนง่ึ
นอกจากนั้น ยังมีดาดฟ้าใหญ่ ๒ ข้าง...”
พระตำหนกั ปารุสกวนั ช้ัน ๓
ดาดฟา
ระเบียง หองแตงพระองค เดิมเปน หอ งสรง
เดิมเปนหองพระ และ หองบรรทม
หอ งเก็บพระบรมอฐั ิ
ดาดฟา ระเบียง
86
วังปารสุ กวัน
หอ้ งบรรทมสมเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ จกั รพงษ์ภวู นาถ กรมหลวงพษิ ณโุ ลกประชานาถ
87
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจ้าฟา้ จกั รพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพษิ ณุโลกประชานาถ
88
วังปารุสกวัน
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า บอ่ น�้ำพขุ ้ำงพระตำ� หนักปำรุสกวนั
จุลจักรพงษ์ ยังได้ทรงพรรณนาความผูกพัน
และความร่มร่ืนในวังปารุสกวันไว้ว่า “สวน
ขนาดใหญ่ของบริเวณวังปารุสก์ในสมัยน้ัน
เปน็ ทเ่ี ลน่ อนั วเิ ศษอยา่ งยง่ิ สา� หรบั เดก็ ผชู้ าย แมแ้ ต่
ธรรมชาติจะเป็นพ้ืนราบเช่นกรุงเทพฯ ทั่วไป
ถงึ กระนน้ั กย็ งั อตุ สา่ หม์ ี “ภเู ขา” ไวถ้ งึ สามลกู ...
มที ง้ั ถา�้ อนั ใหญแ่ ละเกอื บมดื ทง้ั มนี า้� พ ุ นา้� ตก
สวนนน้ั ยงั มคี ลองกวา้ งและยาวตลอดบรเิ วณวงั
ต่อจากนั้นยังมีสระน�้าขนาดใหญ่สองสระ
ในสวนนั้น แม่มีสัตว์ต่างๆ เลี้ยงไว้มาก...
ในท่ามกลางสวน มีต้นไมล้ อ้ มรอบหนาทึบ...”
89
จอมพล สมเด็จฯ เจา้ ฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพษิ ณโุ ลกประชานาถ
ภเู ขาสามลกู ทก่ี ลา่ วถงึ หากสนั นษิ ฐาน
จากสง่ิ ทป่ี รากฏปจั จบุ นั เขาลกู ทหี่ นงึ่ ทเี่ รยี กวา่
เขากระโจม น่าจะเป็นเนินพลับพลาท่ีประทับ
ท่ยี กสงู ภายใต้พลับพลาเปน็ โถงโล่ง คลา้ ยถา้�
ปัจจุบัน มีผู้เรียกว่า “เทวาลัย” โดยไม่ทราบ
ที่มาของช่ือนี้ แต่อาจจะเป็นเพราะลักษณะ
สถาปัตยกรรมรูปปั้นหัวราชสีห์แบบยุโรป
รปู ปนู ปน้ั เปน็ ใบหนา้ ของผปู้ กปกั รกั ษาโดยรอบ
และท่ีอยู่เหนือทางเข้าด้านล่างพลับพลาของ
เขากระโจมน้ี ได้ระบุปีทีส่ รา้ ง ร.ศ.๑๓๐ (พ.ศ.
๒๔๕๔) ซ่ึงเป็นปีเดียวกับที่คณะนายทหาร
ช้ันผู้น้อยเตรียมก่อการเปล่ียนแปลงทาง
การปกครอง แตส่ มเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ จกั รพงษภ์ วู นาถ
กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงล่วงรู้
และทา� การจบั กมุ ได้เสยี กอ่ น
90
วงั ปารุสกวนั
สถาปัตยกรรมรูปปนั้ หวั ราชสีห์แบบยโุ รปและรปู ปัน้ ใบหนา้ ของผ้ปู กปกั รกั ษาอย่เู หนอื ทางเข้าดา้ นลา่ ง
พลบั พลาของเขากระโจม
91
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจ้าฟ้าจกั รพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพษิ ณุโลกประชานาถ
ศำลำแปดเหล่ยี ม ขำ้ งพระต�ำหนักจติ รลดำ
ภูเขาอีกลูกหน่ึงน่าจะเป็น “เขามอ”
ซ่ึงอยู่ทางทิศเหนือของพระต�าหนักปารุสกวัน
เพราะเปน็ เขาทก่ี อ่ เปน็ ถา�้ มนี า้� ตก ประดบั ดว้ ย
ไม้ดัดและไม้ยืนต้น ซึ่งมีต้นไม้เก่าคือ ต้นปีบ
และตน้ พกิ ลุ ตอ่ จากเขามอ มสี ระนา�้ อย ู่ ๒ แหง่
น่าจะเปน็ สระน้�า ซง่ึ มีศาลาแปดเหลี่ยมท่ีผุพงั
ทอ่ี ยใู่ นเขตของกองบญั ชาการตา� รวจนครบาล
และสระใกลพ้ ระตา� หนกั จติ รลดาปัจจบุ ัน
สว่ นภเู ขาลกู ทสี่ าม นา่ จะเปน็ เนนิ แทน่
นา้� พสุ งู ในสวนแบบตะวนั ตก ทางตะวนั ตกของ
วงั ปารสุ กวนั ดา้ นบนกอ่ เปน็ ถา้� เลก็ ๆ ภายในถา�้
92
วงั ปารุสกวนั
มีตุ๊กตาหญิงยุโรป ๒ คน จากถ�้าจะมีน�้าตก
ไหลลงท่ีรองรับคล้ายใบบัววิกตอเรียสู่อ่าง
เบ้ืองล่าง ถัดจากเนินสวนนี้ไปด้านหลัง
จะเปน็ คลองเมง่ เส็ง เขาแห่งนถี้ ูกร้ือท�าลายไป
ขณะที่มีการก่อสร้างกองบัญชาการต�ารวจ
นครบาล
พระตา� หนกั จติ รลดา
93
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจ้าฟา้ จกั รพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพษิ ณุโลกประชานาถ
การต่อเติมและซ่อมแซมต่าง ๆ
เกย่ี วกบั พระตา� หนกั นน้ั เบกิ จากพระคลงั ขา้ งท่ี
ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาของจอมพล
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวง
พษิ ณุโลกประชานาถ กราบบังคมทลู พระบาท
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันท่ี
๙ กันยายน ร.ศ.๑๒๔ (พ.ศ.๒๔๔๘) และวนั ท่ี
๑๒ พฤษภาคม ร.ศ.๑๒๙ (พ.ศ.๒๔๕๓)
กราบบังคมทูลขอพระราชทานเงิน เพ่ือ
ท�าบานหน้าต่างกระจกพระต�าหนักปารุสกวัน
กับขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต และ
ขอพระราชทานเงินหลวงในการต่อเติมเฉลียง
ของพระต�าหนักท้ัง ๒ ช้ัน ตามล�าดับ
94
วงั ปารสุ กวัน
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ
กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงถือว่า
วังปารุสกวันเป็นเสมือนบ้านของหลวง ไม่ใช่
ของส่วนพระองค์ ดังเช่นที่ปรากฏข้อความ
ในพระราชหัตถเลขาถึงพระบาทสมเด็จ
พ ร ะ จุ ล จ อ ม เ ก ล ้ า เจ ้ า อ ยู ่ หั ว ล ง วั น ที ่
๙ กันยายน ร.ศ.๑๒๕ (พ.ศ.๒๔๔๙)
ว่า “บ้านน้ีเปนบ้านหลวง เพราะฉะนั้นการที่
ท�าน้ันเป็นประโยชน์แก่หลวงและตัวบ้านเอง
ก็ย่อมตกเป็นของหลวงอยู่เอง” และ
พระราชหัตถเลขา ลงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม
ร.ศ.๑๒๙ (พ.ศ.๒๔๕๓) วา่ “บา้ นนเ้ี ปนบา้ นหลวง
สมควรต้องขอรับพระราชทานพระบรม
ราชานุญาตเสียก่อน กับถ้าโปรดเกล้าฯ
พ ร ะ ร า ช ท า น เ งิ น ห ล ว ง ใ น ค ่ า ท� า ไ ด ้ ด ้ ว ย
ก็จะเปนพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้”
95
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ จกั รพงษภ์ ูวนาถ กรมหลวงพษิ ณุโลกประชานาถ
เม่ือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
เจา้ อยูห่ ัว เสดจ็ ขึน้ เสวยราชย์ ทรงพระกรณุ า
โปรดเกลา้ ฯ พระราชทานพระตา� หนกั จติ รลดา
อนั เปน็ ทป่ี ระทบั เดมิ ทอี่ ยใู่ นบรเิ วณวงั ปารสุ กวนั
ด้านเหนือ เพื่อแลกเปลี่ยนกับท่ีดินบริเวณ
ท่าวาสกุ รขี องสมเดจ็ ฯ เจา้ ฟ้าจักรพงษภ์ วู นาถ
กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ และทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยายมราช
(ปั้น สุขุม) เป็นผู้อ�านวยการจัดซ่อมแซม
วังปารุสกวันและพระต�าหนักพระราชทาน
แก่สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟ้าจักรพงษ์ภวู นาถ กรมหลวง
พิษณุโลกประชานาถ เม่ือปี พ.ศ.๒๔๕๔
ประตูโดยรอบก�าแพงวังให้ติดตราจักรและ
กระบอง อันเป็นตราประจ�าพระองค์ของ
96
พระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำพระเจ้ำอยู่หัว วงั ปารสุ กวนั
เ ส ด็ จ ก ลั บ จ ำ ก บ� ำ เ พ็ ญ พ ร ะ กุ ศ ล ที่ วั ง ป ำ รุ ส ก วั น
เม่ือวันที่ ๒๑ กันยำยน พ.ศ.๒๔๖๓ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวง
พิษณุโลกประชานาถ ซ่ึงได้เสด็จประทับอยู่
ณ พระต�าหนักปารุสกวันตลอดพระชนมาย ุ
และเสดจ็ ทวิ งคต เมื่อวนั ที่ ๑๓ มถิ ุนายน พ.ศ.
๒๔๖๓ ณ สิงคโปร์ โดยพระโกศทองน้อยของ
พระองค์ได้ประดิษฐานบ�าเพ็ญพระราชกุศล
ท่ชี นั้ ๒ พระต�าหนักจิตรลดา
พระโกศเวลำประดิษฐำนอยู่เหนือพระแท่นทอง ภำยใต้เศวตฉัตร ๕ ช้ัน ในท้องพระโรงวงั ปำรสุ กวนั
เมือ่ วันท่ี ๒๒ กันยำยน พ.ศ.๒๔๖๓
97
จอมพล สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณโุ ลกประชานาถ
ในหนังสือเกิดวังปารุสก์ พระนิพนธ์
ในพระเจ้าวรวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าจลุ จกั รพงษ์
ก ล ่ า ว ถึ ง ก า ร แ ล ก ที่ ดิ น ที่ ท ่ า ว า สุ ก รี ไ ว ้ ว ่ า
“การที่พ่อไม่มีวังใหญ่ท่ีจะเป็นมรดกได้น้ัน
เรอ่ื งราวเปน็ อยา่ งนี้ แต่เดิมทลู หมอ่ มปู่ได้ทรง
กะท่ีดินแถวท่ีเป็นท่าวาสุกรีบัดน้ี เพ่ือจะ
เป็นที่วังของพ่อ ต�าหนัก ๒ ต�าหนักท่ีอยู่ใน
บรเิ วณวงั ปารสุ กบ์ ดั น้ี ไดท้ รงสรา้ งขน้ึ เพอ่ื รกั ษา
เป็นของหลวง และทูลหม่อมลุงได้ประทับ
อ ยู ่ ท่ี ต� า ห นั ก ใ ก ล ้ พ ร ะ ล า น พ ร ะ บ ร ม รู ป
เรยี กวา่ ตา� หนกั จติ รลดา ส่วนพ่ออยู่ทตี่ �าหนัก
ปารสุ ก์ ทง้ั สองตา่ งแยกกนั อยแู่ ละมกี า� แพงกน้ั
เข้าใจกันว่า พ่อจะย้ายไปอยู่ท่าวาสุกรี
ทลู หมอ่ มลงุ จะทรงยา้ ยไปอยวู่ งั จนั ทร์ เวลานนั้
ได้เพียงแต่ก่อฐานรากตัวตึก แต่บังเอิญ
ทูลหมอ่ มปูก่ ส็ วรรคต
เ ม่ื อ ทู ล ห ม ่ อ ม ลุ ง เ ส ด็ จ ขึ้ น ค ร อ ง
ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ท่านก็ได้ทรง
ย้ายจากต�าหนักจิตรลดาไปประทับอยู่ใน
พระราชวงั หลวงหรอื พระราชวงั ดสุ ติ การสรา้ ง
ตา� หนกั ท่ีวงั จนั ทร์กเ็ ปน็ อนั เลิก พ่อกค็ วรจะได้
รับเงินตามธรรมเนียม เพ่ือสร้างวังของท่าน
ที่ท่าวาสุกรี และวังน้ันคงจะได้รับนามว่า
วังพิษณุโลก เช่นเดียวกับวังสุโขทัย หรือ
98