The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอน ท33102 หน่วยที่ 1 (2-65)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by siripa_26, 2023-03-18 04:21:19

แผนการสอน ท33102 หน่วยที่ 1 (2-65)

แผนการสอน ท33102 หน่วยที่ 1 (2-65)

แบบฝึกทักษะ เรื่อง คุณค่าสังคม คำชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาข้อความต่อไปนี้ว่ามีคุณค่าด้านสังคมอย่างไร โดยนำตัวเลือกที่กำหนดให้ เติมหน้าข้อความ ก. ความสำคัญของการคมนาคมทางน้ำ ข. การร้อยกรองดอกไม้ ค. การเทียบเวลาในสมัยก่อน ง. การแต่งกายของสตรีไทยในอดีต จ. การไว้ทรงผมของสตรี ฉ. การทำเครื่องหอมจากดอกไม้ชนิดต่าง ๆ ช. ประเพณีการเห่เรือ ...........๑. ยามสองฆ้องยามย่ำ ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง เสียงปี่มีครวญแครง เหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน ...........๒. หางไก่ว่ายแหวกว่าย หางไก่คล้ายไม่มีหงอน คิดอนงค์องเอวอร ผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร ...........๓. เพียนทองงามดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย กระแหแหห่างชาย ดั่งสายสวาทคลาดจากสม ............๔. เรือชัยไวว่องวิ่ง รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม เสียงเส้าเร้าระดม ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน ............๖. พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย พายอ่อนหยับจับงามงอน ............๗. ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง เหมือนอุบะนวลละออง เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม .............๘. นาวาแน่นเป็นขนัด ล้วนรูปสัตว์แสนยากร เรือริ้วทิวธงสลอน สาครลั่นครั้นครื้นฟอง ..............๙. ลำดวนหวนหอมตรลบ กลิ่นอายอบสบนาสา นึกถวิลกลิ่นบุหงา รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง .............๑๐. สรมุขมุขสี่ด้าน เพียงพิมานผ่านเมฆา ม่านกรองทองรจนา หลังคาแดงแย่งมังกร


เฉลยแบบฝึกทักษะ เรื่องคุณค่าด้านสังคม คำชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาข้อความต่อไปนี้ว่ามีคุณค่าด้านสังคมอย่างไร โดยนำตัวเลือกที่กำหนดให้ เติมหน้าข้อความ ก. ความสำคัญของการคมนาคมทางน้ำ ข. การร้อยกรองดอกไม้ ค. การเทียบเวลาในสมัยก่อน ง. การแต่งกายของสตรีไทยในอดีต จ. การไว้ทรงผมของสตรี ฉ. การทำเครื่องหอมจากดอกไม้ชนิดต่างๆ ช. ประเพณีการเห่เรือ .....ค......๑. ยามสองฆ้องยามย่ำ ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง เสียงปี่มีครวญแครง เหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน .....จ.....๒. หางไก่ว่ายแหวกว่าย หางไก่คล้ายไม่มีหงอน คิดอนงค์องเอวอร ผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร .....ง......๓. เพียนทองงามดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย กระแหแหห่างชาย ดั่งสายสวาทคลาดจากสม .....ช.......๔. เรือชัยไวว่องวิ่ง รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม เสียงเส้าเร้าระดม ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน .....ก.......๖. พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย พายอ่อนหยับจับงามงอน ......ข......๗. ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง เหมือนอุบะนวลละออง เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม ......ช.......๘. นาวาแน่นเป็นขนัด ล้วนรูปสัตว์แสนยากร เรือริ้วทิวธงสลอน สาครลั่นครั้นครื้นฟอง ......ฉ........๙. ลำดวนหวนหอมตรลบ กลิ่นอายอบสบนาสา นึกถวิลกลิ่นบุหงา รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง ......ช.......๑๐. สรมุขมุขสี่ด้าน เพียงพิมานผ่านเมฆา ม่านกรองทองรจนา หลังคาแดงแย่งมังกร


แบบทดสอบหลังเรียน เรื่องกาพย์เห่เรือ ๑. เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรทรงนิพนธ์ กาพย์เห่เรือขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๑. เพื่อขับเห่ในกระบวนเรือเสด็จประพาสทางชลมารค ๒. เพื่อขับเห่ในกระบวนเรือเสด็จในเทศกาลลอยพระประทีป ๓. เพื่อขับเห่ในคราวตามเสด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลที่พระพุทธบาทสระบุรี ๔. เพื่อขับเห่ในกระบวนเรือเสด็จไปพระราชทานผ้าพระกฐิน ๒. ข้อความเกี่ยวกับกาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรข้อใดไม่ถูกต้อง ๑. เป็นคำประพันธ์ที่แต่งด้วยกาพย์ยานีสลับกับโคลงสี่สุภาพบทต่อบท ๒. ได้รับยกย่องว่าเป็นเลิศทางด้านแสดงบทนิราศ ๓. เนื้อความบางตอนแฝงความนัยที่เกี่ยวกับชีวประวัติของพระองค์ไว้ได้อย่างแยบยล ๔ สะท้อนค่านิยม วัฒนธรรม และสภาพสังคม ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาให้เห็นอย่างเด่นชัด ๓. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับคำประพันธ์ที่ใช้ในกาพย์เห่เรือ ๑. กาพย์เห่เรือใช้คำประพันธ์ ๒ ชนิด คือ กาพย์ยานี ๑๑ และโคลงสี่สุภาพ ๒. เรียงร้อยกันในลักษณะที่เรียกกว่า กาพย์ห่อโคลง ๓. ขึ้นต้นด้วยโคลง ๑ บท แล้วตามด้วยกาพย์ยานี ๔. ถูกทุกข้อ ๔. กาพย์เห่เรือในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร (เจ้าฟ้ากุ้ง) ในรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ สมัยอยุธยาตอนปลาย ทรงแต่งไว้ทั้งหมดกี่เรื่อง ๑. ๑ เรื่อง ๒. ๒ เรื่อง ๓. ๓ เรื่อง ๔. ๔ เรื่อง ๕. กาพย์เห่เรือใดที่ไม่ได้แต่งโดยเจ้าฟ้ากุ้ง ๑. บทเห่ชมเรือ ชมปลา ๒. บทเห่ชมไม้ ชมนก ๓. บทเห่ชมการฟ้อน ๔. ไม่มีข้อถูก ๖. ข้อใดเป็นลักษณะเด่นของคำประพันธ์นี้ พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย พายอ่อนหยับจับงามงอน ๑. ใช้สำนวนกะทัดรัด มีความหมายเด่นชัด เข้าใจง่าย ๒. ใช้ถ้อยคำเกลี้ยงเกลาสละสลวย ไพเราะด้วยการสัมผัสและทำให้เกิดภาพพจน์ ๓. การพรรณนาความรู้สึกลึกซึ้งและแยบคายมาก ๔. เกิดอารมณ์สะเทือนใจ


๗. ข้อใดมีการเล่นอักษร มีสำนวนอุปมาอุปไมย ๑. เนื้ออ่อนอ่อนแต่ชื่อ เนื้อน้องหรืออ่อนทั้งกาย ใครต้องข้องจิตชาย ไม่วายนึกตรึกตรึงทรวง ๒. แก้วช้ำช้ำใครต้อง อันแก้มน้องช้ำเพราะชม ปลาทุกทุกข์อกตรม เหมือนทุกข์ที่พี่จากนาง ๓. รอนรอนสุริยโอ้ อัสดง เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง ค่ำแล้ว ๔. เพรางายวายเสพรส แสนกำสรดอดโอชา อิ่มทุกข์อิ่มชลนา อิ่มโศกาหน้านองชล ๘. ข้อใดไม่ถูกต้อง ๑. ร้อยกรอง ประเภทกาพย์เห่เรือ จบด้วย กาพย์ห่อโคลง ๒. กาพย์เห่เรือ ๑ บท ประกอบด้วย โคลงสี่สุภาพนำ ๑ บท แล้วกาพย์ยานี ๑๑ ไม่จำกัดจำนวนบท ๓. กาพย์เห่เรือ ๑ บท ประกอบด้วย โคลงสี่สุภาพนำ ๑ บท แล้วกาพย์ยานี ๑๑ จำนวน ๑ บท ๔. โดยให้กาพย์ยานี ๑๑ บทแรก มีเนื้อความเดียวกันกับโคลงสี่สุภาพที่นำกาพย์ ๙. ข้อใดไม่ถูกต้องในการพิจารณาคุณค่าทางวรรณศิลป์ ๑. การชมขบวนเรือในเวลาเช้า ได้พรรณนาไว้อย่างละเอียด พิสดาร ๒. การชมฝูงปลาในเวลาสายอุปมาอุปไมยอย่างแจ่มชัดและกินใจอย่างยิ่ง ๓. การชมพรรณนาดอกไม้ในเวลาเช้า สอดใส่ความรู้สึก และอารมณ์ให้ผู้อ่านคล้อยตาม ๔. การชมฝูงนกในเวลาเย็น อุปมาอุปไมยแจ่มชัด เด่นชัด ๑๐. ข้อใดถูกต้องในการพิจารณาคุณค่าด้านสังคม ๑. สะท้อนภาพชีวิตคนไทยด้านการคมนาคมแสดงการสัญจรทางน้ำให้เห็นว่าเมืองไทยมีแม่น้ำลำคลอง มาก ๒. แสดงถึงประเพณีการแต่งกาย ผู้หญิงห่มผ้าสไบคลุมไหล่ ๓. การไว้ทรงผม ผู้หญิงนิยมไว้ผมยาวประบ่า ๔. ทุกข้อรวมกัน ๑๑. ข้อใดไม่ปรากฏชื่อเรือ ๑. สรมุขมุขสี่ด้าน เพียงพิมานผ่านเมฆา ม่านกรองทองรจนา หลังคาแดงแย่งมังกร ๒. สุวรรณหงส์ทรงพู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์ เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม ๓. สมรรถชัยไกรกาบแก้ว แสงแวววับจับสาคร เรียบเรียงเคียงคู่จร ดั่งร่อนฟ้ามาแดนดิน ๔. กรีธาหมู่นาเวศ จากนคเรศโดยสาชล เหิมหื่นชื่นกระมล ยลมัจฉาสารพันมี


๑๒. เรียมทนทุกข์แต่เช้า ถึงเย็น มาสู่สุขคืนเข็ญ หม่นไหม้ ชายใดจากสมรเป็น ทุกข์เท่า เรียมเลย จากคู่วันเดียวได้ ทุกข์ปิ้มปานปี ประพันธ์ข้างต้นใช้ภาพพจน์ชนิดใด ๑. อุปมา ๒. อติพจน์ ๓. อุปลักษณ์ ๔. บุคลาธิษฐาน ๑๓. ข้อใดไม่มีคำที่หมายถึง “ผู้หญิง” ๑. ชะแวงแฝงฝั่งแนบ ชะวาดแอบแปบปนปลอม เหมือนพี่แอบแนบถนอม จอมสวาทนาฏบังอร ๒. หางไก่ว่ายแหวกว่าย หางไก่คล้ายไม่มีหงอน คิดอนงค์องค์เอวอร ผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร ๓. เพรางายวายเสพรส แสนกำสรดอดโอชา อิ่มทุกข์อิ่มชลนา อิ่มโศกาหน้านองชล ๔. ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง เหมือนอุบะนวลละออง เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม ๑๔. ข้อใดกล่าวถึงชื่อพรรณไม้มากที่สุด ๑. เต็งแต้วแก้วกาหลง บานบุษบงส่งกลิ่นอาย หอมอยู่ไม่รู้หาย คล้ายกลิ่นผาเจ้าตาตรู ๒. สาวหยุดพุทธชาด บานเกลื่อนกลาดดาษดาไป นึกน้องกรองมาลัย วางให้พี่ข้างที่นอน ๓. พิกุลบุนนาคบาน กลิ่นหอมหวานซ่านขจร แม้นนุชสุดสายสมร เห็นจะวอนอ้อนพี่ชาย ๔. พุดจีบกลีบแสล้ม พิกุลแกมแซมสุกรม หอมชวยรวยตามลม เหมือนกลิ่นน้องต้องติดใจ ๑๕. ข้อใดสะท้อนภาพการแต่งกายของสตรีไทยในอดีตอย่างชัดเจน ๑. เต็งแต้วแก้วกาหลง บานบุษบงส่งกลิ่นอาย หอมอยู่ไม่รู้หาย คล้ายกลิ่นผาเจ้าตาตรู ๒. งามทรงวงดั่งวาด งามมารยาทนาดกรกราย งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล ๓. เพียนทองงามดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย กระแหแหห่างชาย ดั่งสายสวาทคลาดจากสม ๔. ปลาสร้อยลอยล่องชล ว่ายเวียนวนปนกันไป เหมือนสร้อยทรงทรามวัย ไม่เห็นเจ้าเศร้าบ่วาย


เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน เรื่องกาพย์เห่เรือ ๑. ๓ ๒. ๑ ๓. ๔ ๔. ๒ ๕. ๓ ๖. ๑ ๗. ๓ ๘. ๓ ๙. ๓ ๑๐. ๔ ๑๑. ๑ ๑๒. ๒ ๑๓. ๓ ๑๔. ๑ ๑๕. ๓


ผลการประเมินการทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่องกาพย์เห่เรือ คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนแล้วขีด ✓ ลงในช่องคะแนนที่ตรงกับ พฤติกรรมตามรายการที่สังเกต ที่ ชื่อ - สกุล คะแนนเต็ม ๑๕ คะแนน ระดับ ผลการประเมิน คะแนนที่ได้ ผ่าน ไม่ผ่าน


ที่ ชื่อ - สกุล คะแนนเต็ม ๑๕ คะแนน ระดับ ผลการประเมิน คะแนนที่ได้ ผ่าน ไม่ผ่าน เกณฑ์การประเมิน ๗ – ๙ คะแนน หมายถึง ดี ๔ – ๖ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑ – ๓ คะแนน หมายถึง ปรับปรุง ผลการประเมิน ระดับดี จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับพอใช้ จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับปรับปรุง จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. เกณฑ์การประเมิน ระดับ “ดี” ขึ้นไป คือ ผ่าน สรุปผลการประเมิน ผ่าน จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ไม่ผ่าน จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ลงชื่อ ..................................................... ผู้ประเมิน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร)


แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนแล้วขีด ✓ ลงในช่องคะแนนที่ตรงกับรายการประเมิน ที่ ชื่อ รายการประเมิน รวม ผลการ ประเมิน กระบวนการ ทำงานกลุ่ม การรับฟัง ความคิดเห็น การแสดง ความคิดเห็น ความสามัคคี ผ่าน ไม่ผ่าน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16


ที่ ชื่อ รายการประเมิน รวม ผลการ ประเมิน กระบวนการ ทำงานกลุ่ม การรับฟัง ความคิดเห็น การแสดง ความคิดเห็น ความสามัคคี ผ่าน ไม่ผ่าน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16 ระดับคุณภาพ เป็นดังนี้ คะแนน ๑๓ - ๑๖ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๙ - ๑๒ หมายถึง ดี คะแนน ๕ - ๘ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ หมายถึง ปรับปรุง ผลการประเมิน ระดับดีมาก จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับดี จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับพอใช้ จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับปรับปรุง จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. เกณฑ์การประเมิน ระดับ “ดี” ขึ้นไป คือ ผ่าน สรุปผลการประเมิน ผ่าน จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ไม่ผ่าน จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ลงชื่อ ..................................................... ผู้ประเมิน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร)


เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ประเด็นการประเมิน พฤติกรรม/ระดับคะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ กระบวนการทำงานกลุ่ม วางแผน การทำงานตามที่ ได้รับมอบหมายได้ สำเร็จตาม วัตถุประสงค์ ตรงเวลา และมี ผลงานที่ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ วางแผน การทำงานตามที่ ได้รับมอบหมายได้ สำเร็จตาม วัตถุประสงค์ ตรงเวลา แต่ผลงานยังไม่ดี เท่าที่ควร ทำงานตามที่ได้รับ มอบหมายได้ แต่ไม่ตรงต่อเวลา และผลงาน ยังไม่ดีนัก ขาดการวางแผน ในการทำงาน และผลงานไม่ดี เท่าที่ควร การรับฟังความคิดเห็น เคารพ การตัดสินใจ ให้เกียรติในความ คิดเห็นและรับฟัง ความคิดเห็น ของผู้อื่นทุกครั้ง เคารพ การตัดสินใจ ในความคิดเห็น และรับฟังความ คิดเห็นของผู้อื่น เคารพ การตัดสินใจ ในความคิดเห็น และรับฟังความ คิดเห็นของผู้อื่น บ้าง ไม่ค่อยรับฟัง ความคิดเห็น ของผู้อื่น การแสดงความคิดเห็น แสดงความคิดเห็น ที่เป็นประโยชน์ สำหรับการเรียน และมีความ สร้างสรรค์ทุกครั้ง แสดงความ คิดเห็นที่เป็น ประโยชน์สำหรับ การเรียนและมี ความสร้างสรรค์ อย่างสม่ำเสมอ แสดงความคิดเห็น ที่เป็นประโยชน์ สำหรับการเรียน และมีความ สร้างสรรค์บ้าง แสดงความคิดเห็น ที่เป็นประโยชน์ สำหรับการเรียน บ้าง ความสามัคคี มีความเป็น อันหนึ่ง อันเดียวกัน แบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ โดยยุติธรรม มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ และเสียสละต่อกัน มีความเป็น อันหนึ่ง อันเดียวกัน แบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ ค่อนข้าง ขาด ความเป็น อันหนึ่ง อันเดียวกัน แบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ ไม่ทั่วถึง ขาดความเป็น อันหนึ่งอัน เดียวกัน แบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ ไม่เสมอภาค


แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนแล้วขีด ✓ ลงในช่องคะแนนที่ตรงกับ พฤติกรรมตามรายการที่สังเกต ที่ ชื่อ-สกุล รายการประเมิน รวม ผลการ ประเมิน มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่น ในการทำงาน ผ่าน ไม่ผ่าน ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๙


ที่ ชื่อ-สกุล รายการประเมิน รวม ผลการ ประเมิน ซื่อสัตย์ สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ ผ่าน ไม่ผ่าน ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๙ เกณฑ์การประเมิน ๗ – ๙ คะแนน หมายถึง ดี ๔ – ๖ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑ – ๓ คะแนน หมายถึง ปรับปรุง ผลการประเมิน ระดับดี จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับพอใช้ จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับปรับปรุง จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. เกณฑ์การประเมิน ระดับ “ดี” ขึ้นไป คือ ผ่าน สรุปผลการประเมิน ผ่าน จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ไม่ผ่าน จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ลงชื่อ ..................................................... ผู้ประเมิน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร)


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่องแต่งบทร้อยกรองประเภทกาพย์และโคลง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ๖ รหัส ท ๓๓๑๐๒ เรื่อง แต่งบทร้อยกรองประเภทกาพย์และโคลง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๒ คาบ ผู้สอน ครูสิริภา แสงสมัคร ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ พลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ๒. ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด ม. ๔-๖/๔ แต่งบทร้อยกรอง ๓. สาระสำคัญ กาพย์เป็นร้อยกรองประเภทที่บังคับจำนวนคำ จำนวนวรรค บังคับสัมผัส ไม่มีข้อบังคับเกี่ยวกับ วรรณยุกต์ หรือรูปวรรณยุกต์ กาพย์ยานี ๑๑ เป็นบทร้อยกรองที่กำหนดจำนวนคำ บาทละ ๑๑ คำ วรรคหน้า มี ๕ คำวรรคหลังมี ๖ คำ กาพย์ยานี ๑ บท มี ๒ บาท มีจำนวนคำ ๒๒ คำ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ความสามารถ (K) 4.1.1 นักเรียนบอกลักษณะคำประพันธ์กาพย์ยานี 11 ได้ถูกต้อง 4.1.2 นักเรียนบอกลักษณะคำประพันธ์โคลงสี่สุภาพ 4.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) 4.2.1 นักเรียนแต่งกาพย์ยานี 11 ได้ 4.2.2 นักเรียนแต่งโคลงสี่สุภาพได้ 4.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 4.3.1 มีวินัย 4.3.2 ใฝ่เรียนรู้ 4.3.3 มุ่งมั่นในการทำงาน ๕. สาระการเรียนรู้ 5.1 ลักษณะคำประพันธ์และฉันทลักษณ์ของกาพย์ยานี 11 5.2 ลักษณะคำประพันธ์และฉันทลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพ 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด ๖.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูให้นักเรียนดูแผนผังกาพย์ยานี ๑๑ พร้อมตัวอย่าง จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันพิจารณาว่า ฉันทลักษณ์ที่ปรากฏนั้นมีลักษณะอย่างไร โดยให้นักเรียนร่วมกันอธิบาย ขั้นสอน ๑. ครูให้นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่องกาพย์ยานี ๑๑ จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนฟัง ๒. ให้นักเรียนเลือกแถบประโยคเป็นวรรคต่าง ๆ ๓ วรรคที่กำหนด เติมในช่องว่างให้เป็น กาพย์ยานี ๑๑ ครูใช้คำถามดังนี้ ๑) เหตุใดจึงเลือกเช่นนี้ (เพราะมีคำสัมผัสระหว่างวรรคที่ ๑ “ตา” กับคำที่ ๓ ของวรรคถัดไปคือ “ค่า” และคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ “วิต” ต้องสัมผัสกับคำว่า “ปลิด” ในวรรคที่ ๓ ถัดไป) ๒) วรรคสุดท้ายไม่มีคำสัมผัสกับวรรคที่ ๓ เลย ถูกต้องหรือไม่ (ถูกต้อง จะไม่มีก็ได้เพราะ ไม่บังคับสัมผัส แต่ถ้ามีคำสัมผัสคล้องจองกันก็จะยิ่งไพเราะมากขึ้น) ๔. ให้นักเรียนอ่านบทร้อยกรองของกำชัย ทองหล่อ ในแผนภูมิดังนี้ ให้นักเรียนอ่านให้เข้าใจในเนื้อหาของบทร้อยกรอง ให้ฝึกร้องเป็นทำนองเสนาะอย่างไพเราะ น่าฟัง ด้วยการฝึกแบ่งวรรคตอนให้ถูกต้องแล้วช่วยกันหาคำสัมผัส (บังคับ) คือ นำ - คำ , คลาย - หมาย, แสดง - ระแวง (สัมผัสระหว่างบท), นั้น - สำคัญ, ระแวง - จัดแจง ๓. นักเรียนและครูร่วมกันแต่งกาพย์ยานี ๑๑ พร้อมกัน จากนั้นร่วมกันประเมินและแสดง ความคิดเห็นถึงผลงานการแต่ง ขั้นสรุป สรุปเนื้อหาเรื่องกาพย์ยานีร่วมกันอีกครั้ง คาบที่ ๒ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ครูเขียนแผนผังกาพย์ยานี ๑๑ ให้นักเรียนดูจากนั้นทบทวนบทเนื้อหาเกี่ยวกับฉันทลักษณ์ (๑) จ้องฆ่าฟันบั่นทำร้าย (๒) อย่าได้ไปปลดปลิด (๓) รู้คุณค่าของชีวิต คนดีมีเมตตา (๒) (๑) (๓) กาพย์ยานีลำนำ สิบเอ็ดคำจำอย่าคลาย วรรคหน้าห้าคำหมาย วรรคหลังหกยกแสดง ครุลหุนั้น ไม่สำคัญอย่าระแวง สัมผัสต้องจัดแจง ให้ถูกต้องตามวิธี


ขั้นสอน ๑. นักเรียนและครูจับคู่เพื่อช่วยกันแต่งกาพย์ยานี ๑๑ จำนวน ๒ บท โดยมีเนื้อหาเลียนจากเรื่อง กาพย์เห่เรือ ซึ่งใช้โคลงสี่สุภาพนำหนึ่งบท ตามด้วยกาพย์ยานี ๑๑ ๒. นักเรียนร่วมกันทบทวนเนื้อหาเรื่องโคลงสี่สุภาพให้นักเรียนฟังโดยให้ดูแผนผังบนกระดาน และใบความรู้พร้อมให้ดูตัวอย่างจากเรื่องกาพย์เห่เรือ ๓. นักเรียนแต่ละคู่ช่วยกันแต่งคำประพันธ์ประเภทโคลง จำนวน ๑ บท และกาพย์ยานี ๑๑ จำนวน ๒ บท โดยมีทำนองการแต่งคล้ายกับกาพย์เห่เรือซึ่งครูช่วยดูแล ให้คำปรึกษาและเสนอแนะเพิ่มเติม ขั้นสรุป ครูทบทวนเนื้อหาให้นักเรียนฟังอีกครั้งและนำตัวอย่างโคลง กาพย์ที่แต่งเสร็จแล้วให้นักเรียนคู่อื่น ๆ ดูเพื่อเสนอและและชื่นชมในผลงาน ๘. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ๑. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทยวรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ๒. ใบความรู้เรื่องกาพย์ยานี ๑๑ ๓. ใบความรู้ เรื่องโคลงสี่สุภาพ ๔. แผนผังกาพย์ยานี ๑๑ ๕. แผนผังโคลงสี่สุภาพ ๖. ห้องสมุด ๗. อินเทอร์เน็ต 9. หลักฐานการเรียนรู้(ภาระงาน) ผลงานการแต่งคำประพันธ์ 10. การวัดและประเมินผล เครื่องมือ วิธีการวัด เกณฑ์การประเมิน ๑. แบบประเมินการแต่งคำประพันธ์ 2.แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรายบุคคล 3. แบบประเมินการแต่งคำประพันธ์ 4. แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5. แบบประเมินสมรรถนะของผู้เรียน 1. ตรวจผลงานการแต่งคำประพันธ์ 2. สังเกตพฤติกรรมการเรียนรายบุคคล 3. ประเมินการแต่งคำประพันธ์ 4. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5. ประเมินสมรรถนะของผู้เรียน 1. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 2. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 3. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 4. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 5. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป


11. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ............................................................................................................................. ............................. ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............... ............... ............................................................................................................................. ............... ............... ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................................................................ ... ลงชื่อ..................................................ผู้ตรวจ (นายไพโรจน์ ขวัญคง) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/1,๖/2,๖/3,๖/๘,๖/10,๖/ และ ๖/๑๒) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกลักษณะคำประพันธ์กาพย์ยานี 11 และได้ถูกต้อง โคลงสี่สุภาพได้ถูกต้อง โดยกิจกรรมคาบนี้เป็นการถามตอบเกี่ยวกับลักษณะคำประพันธ์ภายในคาบ 1.2 ทักษะกระบวนการ ....จากการจัดการเรียนการสอนครั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมการ จัดการเรียนการสอน จากเดิมที่ให้นักเรียนแต่งกาพย์ยานี 11 และโคลงสี่สุภาพรายบุคคลเป็นการร่วมกันแต่ง ในห้องซึ่งนักเรียนกลุ่มเก่งให้ความร่วมมือในการจัดการเรียนการสอนดี ช่วยตอบคำถาม ช่วยคิดหาคำ ส่วน นักเรียนกลุ่มอ่อนยังไม่ค่อยร่วมแสดงความเห็นมากนัก ทั้งนี้เรื่องการแต่งคำประพันธ์เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์....นักเรียนกลุ่มเก่งและกลุ่มปานกลางมีวินัย ใฝ่เรียนรู้อยู่ใน ระดับีดและดีมาก แต่นักเรียนกลุ่มอ่อนหลายคนยังต้องสร้างความตระหนักในการร่วมกิจกรรมการเรียน การสอนเพื่อให้ผ่านคุณลักษณะอันพคงประสงค์ 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ - 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...ครูนำตัวอย่างข้อสอบโอเน็ตเกี่ยวกับเรื่องโคลงสี่สุภาพมาให้นักเรียน ศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นตัวอย่างข้อสอบในตัวชี้วัดนี้ 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. (นายไพโรจน์ ขวัญคง) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ความเห็นของรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารวิชาการ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. (นางสาวเพริศพิศ คูหามุข) รองผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา ความเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษา ................................................................................................................................................................... ........... ....................................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. (นายนพปฎล มุณีรัตน์) ผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


ใบความรู้ เรื่องกาพย์ยานี ๑๑ แผนผังกาพย์ยานี ๑๑ ตัวอย่าง กาพย์ยานีลำนำ สิบเอ็ดคำจำอย่าคลาย วรรคหน้าห้าคำหมาย วรรคหลังหกยกแสดง ครุลหุนั้น ไม่สำคัญอย่าระแวง สัมผัสต้องจัดแจง ให้ถูกต้องตามวิธี ลักษณะบังคับของกาพย์ยานี ๑๑ ๑. คณะ กาพย์ยานี ๑๑ ประกอบด้วย ๒ บาท คือ บาทเอก และบาทโท บาทหนึ่งแบ่ง ออกเป็น ๒ วรรค วรรคแรกมี ๕ คำ วรรคหลัง ๖ คำ ๒. สัมผัส สัมผัสนอก บังคับไว้ดังนี้ - คำสุดท้ายของวรรคแรกส่งสัมผัสมายังคำที่ ๓ ของวรรคที่ ๒ และคำสุดท้าย ของวรรคที่ ๓ ส่งสัมผัสมายังคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ในวรรคที่ ๔ สัมผัสข้อนี้แต่เดิมไม่บังคับเพิ่งจะ นิยมให้สัมผัสกันในภายหลัง - คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ซึ่งอยู่ในบาทเอก ส่งสัมผัสยังคำสุดท้ายของวรรค ที่ ๓ ซึ่งอยู่ในบาทโท - ถ้าแต่งมากกว่า ๑ บท ต้องให้คำสุดท้ายของแต่ละบทสัมผัสกับคำสุดท้ายใน วรรคที่ ๒ ของบทต่อไป สัมผัสใน กาพย์นิยมให้มีสัมผัสในเช่นเดียวกับกลอน การแบ่งคำภายในวรรค เพื่อให้เกิดสัมผัส ในจะแบ่งวรรคหน้าเป็น ๒ ช่วง ช่วงแรก ๒ คำ ช่วงหลัง ๓ คำ และวรรคหลังแบ่งออกเป็นช่วงละ ๓ คำ


ใบความรู้ เรื่องโคลงสี่สุภาพ แผนผัง ตัวอย่าง เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่ สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ ลิลิตพระลอ ลักษณะคำประพันธ์ ๑. บท บทหนึ่งมี ๔ บาท (หนึ่งบรรทัดคือหนึ่งบาท) แต่ละบาทแยกเป็น ๒ วรรค เรียกวรรคหน้ากับวรรคหลัง แบ่งเป็นวรรคหน้า ๕ คำ วรรคหลัง ๒ คำ เฉพาะบาทที่ ๔ หรือบาทสุดท้ายกำหนดให้วรรคหลังมี ๔ คำ ๒. คำสร้อย เฉพาะบาท ๑ กับบาท ๓ อนุญาตให้มีคำเพิ่มต่อท้ายวรรคหลังได้ อีกบาท ละ ๒ คำ เรียก คำสร้อย หรือสร้อยคำ นิยมให้ลงท้ายด้วยคำดังนี้ เฮย แฮ ฮา รา ฤๅ นา นอ พ่อ แม่ พี่ เอย ฯลฯ ๓. เอก – โท คือ คำกำหนดบังคับเสียง อันเป็นลักษณะพิเศษของโคลง คำเอก คือ คำที่กำกับด้วยรูปวรรคยุกต์เอก เช่น แก่ ค่า ใส เฉพาะคำเอกนี้ในโคลงอนุญาตให้ใช้คำตาย แทนได้ คำตาย คือ คำที่สะกดในแม่ กก กด กบ เช่น ปิด ฉาก นัด พบ สวัสดิ์ ศิริ คำโท คือ คำที่กำกับด้วยรูปวรรณยุกต์โท เช่น ร้อง ไห้ ไม้ ล้ม ต้ม ข้าว โคลงสี่สุภาพ กำหนดบังคับให้แต่ ละบทต้องใช้คำเอก-โท (ดูแผนผัง) กรณีที่ไม่สามารถหาพยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์ตามต้องการได้ให้ใช้ เอกโทษ และโทโทษ เอกโทษ และโทโทษ คืออะไร? คำเอกคำโท หมายถึงพยางค์ที่บังคับด้วยรูปวรรณยุกต์เอก และรูปวรรณยุต์โท กำกับอยู่ในคำนั้น โดยมี ลักษณะบังคับไว้ดังนี้ คำเอก ได้แก่ พยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์เอกบังคับ เช่น ล่า เก่า ก่อน น่า ว่าย ไม่ ฯลฯ และให้รวมถึงคำ ตายทั้งหมดไม่ว่าจะมีเสียงวรรณยุกต์ใดก็ตาม เช่น ปะ พบ รึ ขัด ชิด (ในโคลงและร่ายใช้ คำตาย แทนคำเอก ได้)


คำตาย คือ ๑. คำที่ประสมสระเสียงสั้นแม่ ก กา (ไม่มีตัวสะกด) เช่นกะ ทิ สิ นะ ขรุ ขระ เละ เปรี๊ยะ เลอะ โปะ ฯลฯ ๒. คำที่สะกดด้วยแม่ กก กบ กด เช่น เลข วัด สารท โจทย์ วิทย์ ศิษย์ มาก โชค ลาภ ฯลฯ คำโท ได้แก่ พยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์โทบังคับ ไม่ว่าจะเป็นเสียงวรรณยุกต์ใดก็ตาม เช่น ข้า ล้ม เศร้า คำเอก คำโท ใช้ในการแต่งคำประพันธ์ประเภท “โคลง” และ “ร่าย”และถือว่าเป็นข้อบังคับของ ฉันทลักษณ์ที่สำคัญมาก ถึงกับยอมให้เอาคำที่ไม่เคยใช้รูปเอก รูปโท แปลงมาใช้เอก และ โท ได้ เช่น เล่น นำมาเขียนใช้เป็น เหล้น ได้ เรียกว่า “โทโทษ” ห้าม ข้อน นำมาเขียนเป็น ฮ่าม ค่อน เรียกว่า “เอกโทษ” เอกโทษและโทโทษ นำมาใช้แก้ปัญหาได้ แต่ในปัจจุบันไม่นิยมใช้เอกโทษและโทโทษ ๔. สัมผัส ก. สัมผัสนอก หรือสัมผัสระหว่างบท อันเป็นสัมผัสบังคับ คำสุดท้ายของบาทหนึ่งคือ คำที่ ๗ ส่งสัมผัส ไปรับสัมผัสกับคำที่ ๕ ของบาทสองกับบาทสาม (ดูแผนผัง) คำสุดท้ายของบาทสอง คือ คำที่ ๗ ส่งสัมผัสไปรับ กับคำที่ ๕ ของบาทสี่ (ซึ่งตกในที่บังคับคำโทจึงต้องส่ง-รับด้วยคำโททั้งคู่) ข. สัมผัสระหว่างบท โคลงสี่สุภาพไม่เคร่งสัมผัสระหว่างบท จะมีหรือไม่มีก็ได้ หากจะมีกำหนดให้คำ สุดท้ายของบทคือคำที่ ๗ ของบาทสี่ ส่ง-รับสัมผัสไปยังคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ของบาทหนึ่งในบทถัดไป


แบบประเมินการแต่งกาพย์ยานี 11 และโคลงสี่สุภาพ รายการประเมิน ระดับคุณภาพ / ระดับคะแนน ดีมาก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรับปรุง (๑) ๑. รูปแบบ ฉันทลักษณ์ รูปแบบฉันทลักษณ์ ถูกต้อง ดีมาก รูปแบบฉันทลักษณ์ ถูกต้องเป็นส่วนมาก รูปแบบฉันท ลักษณ์ ถูกต้องเพียง บางส่วน รูปแบบฉันท ลักษณ์ ถูกต้องเป็นส่วน น้อย ๒. เนื้อหาสาระ ที่นำเสนอ เนื้อหาสาระที่ นำเสนอถูกต้อง ครบถ้วน เนื้อหาสาระที่ นำเสนอ มีสาระอยู่ ในเกณฑ์ดี เนื้อหาสาระที่ นำเสนอ มีสาระ อยู่ในเกณฑ์พอใช้ เนื้อหาสาระที่ นำเสนอ ไม่มี สาระชัดเจน ๓. ความไพเราะ การเล่นคำ เล่นอักษร เล่นสระ ความไพเราะ การเล่น คำ เล่นอักษร เล่น สระ อย่างใดอย่าง หนึ่ง อยู่ในระดับดีมาก ความไพเราะ การ เล่นคำ เล่นอักษร เล่นสระ อย่างใด อย่างหนึ่ง อยู่ในระดับดี ความไพเราะ การ เล่นคำ เล่นอักษร เล่นสระ อย่างใด อย่างหนึ่ง อยู่ใน ระดับพอใช้ ขาดความไพเราะ ไม่มีการเล่นคำ เล่นอักษร หรือเล่น สระ ขาดสัมผัส ในวรรค ๔. การเสนอ แนวความคิด การเสนอ แนวความคิด โดด เด่น แปลกใหม่ การเสนอ แนวความคิด ค่อนข้างโดดเด่น การเสนอ แนวความคิด ไม่โดดเด่น การเสนอ แนวความคิด ไม่น่าสนใจ ไม่มีความคิดใหม่ ๕. การเขียน สะกดคำ เขียนสะกดการันต์ได้ ถูกต้องตาม พจนานุกรม เขียนสะกดการันต์ได้ ถูกต้อง มีผิด ๑-๒ คำ เขียนสะกดการันต์ ถูกต้อง มีผิด ๒-๓ คำ เขียนสะกดการันต์ ถูกต้อง มีผิดเกิน ๓ คำ ระดับคุณภาพ เป็นดังนี้ คะแนน ๑๗-๒๐ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๑๓-๑๖ หมายถึง ดี คะแนน ๙-๑๒ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๕-๘ หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การประเมิน ระดับ “ดี” ขึ้นไป คือ ผ่าน


Click to View FlipBook Version