The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอน ท33102 หน่วยที่ 1 (2-65)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by siripa_26, 2023-03-18 04:21:19

แผนการสอน ท33102 หน่วยที่ 1 (2-65)

แผนการสอน ท33102 หน่วยที่ 1 (2-65)

6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด ๖.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ ๑ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ๑. นักเรียนทบทวนเนื้อหาเรื่องเนื้อหากาพย์เห่เรือที่ได้เรียนไปเมื่อคาบที่ผ่านมา ๒. นักเรียนดูแผนภูมิตัวอย่างคำประพันธ์เรื่องกาพย์เห่เรือ แล้วให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ว่า บทประพันธ์ดังกล่าวใช้ภาษาอย่างไร มีความไพเราะหรือไม่ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ ๓. ครูอธิบายเสริมจากคำตอบนักเรียนว่ากาพย์เห่เรือมีลักษณะการแต่งโดยเริ่มจากโคลงหนึ่งบท ตามด้วยกาพย์ยานี ๑๑ ซึ่งในการแต่งมีความงามทางด้านภาษาโดยยกตัวอย่างความงามจากตัวอย่างประกอบ ขั้นสอน ๑. นักเรียนทำแบบแบบทดสอบก่อนเรียนจากแบบฝึกทักษะที่ 2 ชุดสืบสาวรรณศิลป์ จากนั้นศึกษา เนื้อหาใบความรู้เรื่องคุณค่าด้านวรรณศิลป์ในแบบฝึกทักษะ ๒. นักเรียนแข่งกลุ่มช่วยกันวางแผนและกำหนดขอบเขตในการศึกษาคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของ เรื่องกาพย์เห่เรือจากหนังสือเรียน นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ดังนี้ กลุ่มที่ ๑ บทชมกระบวนเรือ กลุ่มที่ ๒ บทชมปลา กลุ่มที่ ๓ บทชมไม้ กลุ่มที่ ๔ บทชมนก กลุ่มที่ ๕ บทเห่ครวญ ๓. นักเรียนสรุปความรู้เป็นองค์ความรู้ของกลุ่มเพื่อเตรียมนำเสนอในคาบถัดไปโดยครูคอยชี้แนะ และให้คำแนะนำแก่นักเรียน ขั้นสรุป ครูและนักเรียนสรุปเนื้อหาร่วมกันอีกครั้งโดยครูจะสรุปเนื้อหาโดยภาพรวมให้นักเรียนฟังเกี่ยวกับ ประเด็นวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ คาบที่ ๒-๓ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ๑. นักเรียนและครูร่วมกันทบทวนความรู้เรื่องประเด็นที่ใช้ในการวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ เช่น การใช้ ภาษา โวหาร รสวรรณคดีโดยครูเปิดสื่อนำเสนอเรื่องคุณค่าด้านวรรณศิลป์โดยให้นักเรียนร่วมกันตอบคำถาม ขั้นสอน ๑. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้าคุณค่าด้านวรรณศิลป์ตามที่รับผิดชอบ โดยในคาบแรก สองกลุ่มแรกจะเป็นผู้นำเสนอและคาบถัดไปเป็นการนำเสนอของกลุ่มที่ ๓-๕ ๒. ในระหว่างที่กลุ่มนำเสนอ เพื่อนๆ ต่างกลุ่มบันทึกและสอบถามข้อสงสัยเพิ่มเติม ๓. เมื่อนักเรียนนำเสนอเนื้อหาครบทุกกลุ่มแล้ว ครูให้นักเรียนเล่นเกมปริศนาวรรณศิลป์โดยครู


ขอตัวแทนนักเรียนของแต่ละกลุ่มออกมาหน้าชั้นเรียนเพื่อหยิบบัตรปริศนาเกี่ยวกับวรรณศิลป์ อาทิ โวหารภาพพจน์ รสวรรณคดี แล้วให้ใบ้ให้เพื่อนๆ ฟัง จากนั้นช่วยกันหาบทเห่เรือที่เกี่ยวข้องกับคุณค่า วรรณศิลป์ดังกล่าว กลุ่มไหนตอบได้จะได้คะแนนจากการเล่นเกม ข้อละ 1 คะแนน 4. ให้ทำแบบฝึกทักษะเรื่องการวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ จากนั้นเฉลยคำตอบร่วมกัน ขั้นสรุป นักเรียนร่วมกันสรุปคุณค่าด้านวรรณศิลป์ที่ปรากฏอยู่ในเรื่องอีกครั้งเป็นแผนที่ความคิดบนกระดาน คาบที่ ๔ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน นักเรียนหยิบสลากและครูร่วมกันทบทวนความรู้เรื่องคุณค่าด้านวรรณศิลป์ที่ปรากฏอยู่ในเรื่องกาพย์เห่เรือ ขั้นสอน 1. นักเรียนเล่นเกม“วรรณศิลป์ง่ายนิดเดียว” ซึ่งเป็นเกมที่สรุปและทบทวนความรู้ให้แก่นักเรียน โดยครูมีกระดานวรรณศิลป์ให้ซึ่งกระดานนี้ประกอบด้วยรสวรรณคดีไทย โวหารภาพจน์ บทร้อยกรองให้แล้วช่วยกันพิจารณาว่า เป็นความหมายหรือวรรณศิลป์แบบใด กลุ่มใดทำเสร็จและถูกต้องที่สุดจะได้คะแนนและค้นหาผู้ชนะ 2. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนจากนั้นครูเฉลยคำตอบให้นักเรียนฟัง ขั้นสรุป ๑. ครูนักเรียนและครูสรุปเนื้อหาเรื่องคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของกาพย์เห่เรือร่วมกัน 8. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ๑. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทยวรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ๒. แบบฝึกทักษะที่ 2 ชุด สืบสาววรรณคดี 3. กระดานเกมวรรณศิลป์ 4. ภาพประกอบเรื่องกาพย์เห่เรือ 5. แผนภูมิและตัวอย่างกาพย์เห่เรือ 6. วิดีโอการเสด็จทางชลมารคและกระบวนเรือ 7. ห้องสมุด 8. อินเตอร์เน็ต 9. หลักฐานการเรียนรู้(ภาระงาน) แบบฝึกทักษะ 10. การวัดและประเมินผล เครื่องมือ วิธีการวัด เกณฑ์การประเมิน ๑. แบบฝึกทักษะฯ ๒. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียน รายบุคคล ๓. แบบสังเกตการทำงานกลุ่ม ๔. แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๕. แบบประเมินสมรรถนะของผู้เรียน 1. ตรวจแบบฝึกทักษะ ๒. สังเกตพฤติกรรมการเรียน รายบุคคล ๓. สังเกตการทำงานกลุ่ม ๔. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๕. ประเมินสมรรถนะของผู้เรียน 1. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 2. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 3. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 4. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 5. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป


11. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................................ ............... ............................................................................................................................. ............... ............... ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ลงชื่อ..................................................ผู้ตรวจ (นายไพโรจน์ ขวัญคง) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


1. ผลการจัดการเรียนการสอน (ม.6/1) 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกความหมายของวรรณศิลป์ ลักษณะของวรรณศิลป์ได้... 1.2 ทักษะกระบวนการ ....นักเรียนยกตัวอย่าง และวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์จากเรื่อง กาพย์เห่เรือ ทำแบบฝึกทักษะได้ผ่านเกณฑ์ในระดับดีมาก... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนทุกคนมีความใฝ่รู้ มุ่งมั่นในการเรียนผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ - 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ - 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/2) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกความหมายของวรรณศิลป์ ลักษณะของวรรณศิลป์ได้... 1.2 ทักษะกระบวนการ ....นักเรียนยกตัวอย่าง และวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์จากเรื่อง กาพย์เห่เรือไ ทำกิจกรรมในแบบฝึกทักษะได้ผ่านเกณฑ์ในระดับดีมาก... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนทุกคนมีความใฝ่รู้ มุ่งมั่นในการเรียนผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ - 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนกลุ่มอ่อน 4-5 คน ส่งงานไม่ตรงเวลา ต้องเน้นย้ำและ สร้างความตระหนักในการเรียน.... 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...ครูเพิ่มตัวอย่างจากสื่ออื่น ๆ เพิ่มเติมให้นักเรียนศึกษาเพื่อความ เข้าใจในการวิเคราะห์วรรณศิลป์จากเรื่องกาพย์เห่เรือมากขึ้น... 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...สร้างความตระหนักทางการเรียนให้แก่นักเรียนที่ส่งงานไม่ตรง เวลาซึ่งนักเรียนรับฟังและสามารถทำงานย้อนหลังจนครบถ้วน... ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/3) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกความหมายของวรรณศิลป์ ลักษณะของวรรณศิลป์ได้... 1.2 ทักษะกระบวนการ ....นักเรียนยกตัวอย่าง และวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์จากเรื่อง กาพย์เห่เรือได้ผ่านเกณฑ์ในระดับดีมาก... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนทุกคนมีความใฝ่รู้ มุ่งมั่นในการเรียนผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ - 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนกลุ่มอ่อน ส่งงานไม่ตรงเวลา ต้องเน้นย้ำและสร้าง ความตระหนักในการเรียน.... 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...ครูเพิ่มตัวอย่างจากสื่ออื่น ๆ เพิ่มเติมให้นักเรียนศึกษาเพื่อ ความเข้าใจในการวิเคราะห์วรรณศิลป์จากเรื่องกาพย์เห่เรือมากขึ้น... 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...สร้างความตระหนักทางการเรียนให้แก่นักเรียนที่ส่งงานไม่ตรง เวลาซึ่งนักเรียนรับฟังและสามารถทำงานย้อนหลังจนครบถ้วน... ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/8) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกความหมายของวรรณศิลป์ ลักษณะของวรรณศิลป์ได้... 1.2 ทักษะกระบวนการ ....นักเรียนยกตัวอย่าง และวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์จากเรื่อง กาพย์เห่เรือได้ผ่านเกณฑ์ในระดับดีมาก... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนกลุ่มเก่ง และกลุ่มปานกลางมีความใฝ่รู้ มุ่งมั่น ในการเรียนผ่านเกณฑ์ในระดับดีมาก นักเรียนกลุ่มอ่อนยังต้องสร้างความตระหนักในการเรียนต่อไป... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ ...นักเรียนกลุ่มอ่อนหลายคนยังวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องของโวหารภาพพจน์ที่ยังสับสนอยู่... 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนกลุ่มอ่อนส่งงานไม่ตรงเวลา ต้องเน้นย้ำและสร้างความ ตระหนักในการเรียน .... 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...จากการที่นักเรียนยังวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์จากเรื่องกาพย์ เห่เรือไม่ถูกต้อง ครูแก้ปัญหาโดยการอธิบายเพิ่มเติมโดยสอนซ่อมเสริม ทั้งนี้นักเรียนห้องนี้เป็นนักเรียนประจำ ชั้นจึงมีเวลาที่ทบทวนความรู้ให้ในคาบอื่น ๆ เช่น คาบชุมนุม คาบโฮมรูม รวมถึงการใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน วิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีเพื่อให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น... 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...สร้างความตระหนักทางการเรียนให้แก่นักเรียนที่ส่งงานไม่ตรง เวลาซึ่งนักเรียนรับฟังและสามารถทำงานย้อนหลังจนครบถ้วน... ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/10) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกความหมายของวรรณศิลป์ ลักษณะของวรรณศิลป์ได้... 1.2 ทักษะกระบวนการ ....นักเรียนกลุ่มเก่งสามารถยกตัวอย่าง และวิเคราะห์คุณค่าด้าน วรรณศิลป์จากเรื่องกาพย์เห่เรือได้ผ่านเกณฑ์ในระดับดีมาก นักเรียนกลุ่มปานกลางผ่านเกณฑ์ในระดับดี และ นักเรียนกลุ่มอ่อนหลายคนยังไม่ผ่านการประเมินในระดับพอใช้... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนกลุ่มเก่ง และกลุ่มปานกลางมีความใฝ่รู้ มุ่งมั่น ในการเรียนผ่านเกณฑ์ในระดับดีมาก นักเรียนกลุ่มอ่อนผ่านเกณฑ์ในระดับพอใช้และยังต้องสร้างความ ตระหนักในการเรียนต่อไป... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ ..นักเรียนกลุ่มอ่อนหลายคนยังวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ไม่ถูกต้อง.. 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนกลุ่มอ่อนส่งงานไม่ตรงเวลา ต้องเน้นย้ำและสร้างความ ตระหนักในการเรียน .... 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...จากการที่นักเรียนยังวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์จากเรื่องกาพย์ เห่เรือไม่ถูกต้อง ครูแก้ปัญหาโดยการอธิบายเพิ่มเติมโดยการสอนซ่อมเสริมในคาบที่ครูและนักเรียนว่างตรงกัน และการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีเพื่อให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น... 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...สร้างความตระหนักทางการเรียนให้แก่นักเรียนที่ส่งงานไม่ตรง เวลาซึ่งนักเรียนรับฟังและสามารถทำงานย้อนหลังจนครบถ้วน... ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/12) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกความหมายของวรรณศิลป์ ลักษณะของวรรณศิลป์ได้... 1.2 ทักษะกระบวนการ ....นักเรียนกลุ่มเก่งสามารถยกตัวอย่าง และวิเคราะห์คุณค่าด้าน วรรณศิลป์จากเรื่องกาพย์เห่เรือได้ผ่านเกณฑ์ในระดับดีมาก นักเรียนกลุ่มปานกลางผ่านเกณฑ์ในระดับดี และ นักเรียนกลุ่มอ่อนหลายคนยังไม่ผ่านการประเมินในระดับพอใช้ 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนกลุ่มเก่ง และกลุ่มปานกลางมีความใฝ่รู้ มุ่งมั่น ในการเรียนผ่านเกณฑ์ในระดับดีมาก นักเรียนกลุ่มอ่อนผ่านเกณฑ์ในระดับพอใช้และยังต้องสร้างความ ตระหนักในการเรียนต่อไป... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ ..นักเรียนกลุ่มอ่อนหลายคนยังวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ไม่ถูกต้อง.. 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนกลุ่มอ่อนส่งงานไม่ตรงเวลา ต้องเน้นย้ำและสร้างความ ตระหนักในการเรียน 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...จากการที่นักเรียนยังวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์จากเรื่องกาพย์ เห่เรือไม่ถูกต้อง ครูแก้ปัญหาโดยการอธิบายเพิ่มเติมโดยการสอนซ่อมเสริมในคาบที่ครูและนักเรียนว่างตรงกัน และการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีเพื่อให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...สร้างความตระหนักทางการเรียนให้แก่นักเรียนที่ส่งงานไม่ตรง เวลาซึ่งนักเรียนรับฟังและสามารถทำงานย้อนหลังจนครบถ้วน ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. (นายไพโรจน์ ขวัญคง) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย


ความเห็นของรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารวิชาการ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................ .............................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................... ........................................... (นางสาวเพริศพิศ คูหามุข) รองผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา ความเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. (นายนพปฎล มุณีรัตน์) ผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


ภาคผนวก


แบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี เรื่องกาพย์เห่เรือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ชุดที่ 2 สืบสาววรรณศิลป์ โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษายะลา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน


สาระ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย อย่างเห็นคุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๔-๖/๔ วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีในฐานะที่เป็น มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ


คำชี้แจงการใช้แบบฝึกทักษะ (สำหรับครู) ก่อนให้นักเรียนใช้แบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ชุดที่ ๒ เรื่อง สืบสาววรรณศิลป์ ครูควรอ่านคำชี้แจงในการใช้แบบฝึกทักษะแต่ละเล่มอย่างละเอียด และปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้ ๑. แบบฝึกทักษะ เล่มที่ ๒ เรื่อง สืบสาววรรณศิลป์ 4 ชั่วโมง ๒. ครูเตรียมแบบฝึกให้เพียงพอกับจำนวนนักเรียน ๓. ครูศึกษาเนื้อหาและลำดับขั้นตอนของแบบฝึกให้เข้าใจชัดเจน ๔. ครูอธิบายให้นักเรียนทราบวัตถุประสงค์ในการทำแบบฝึกทักษะ เพื่อให้นักเรียน เห็นประโยชน์และคุณค่าของการทำแบบฝึกทักษะ ๕. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน ๑๐ ข้อ ก่อนศึกษาเนื้อหา ๖. การทำแบบฝึกทักษะแต่ละครั้งนักเรียนควรมีส่วนร่วม เช่น อภิปรายร่วมกัน ตรวจผลงานและ สรุปองค์ความรู้ด้วยตนเอง ๗. ครูบันทึกผลคะแนนทุกครั้งที่นักเรียนทำแบบฝึกทักษะ เพื่อสังเกตพัฒนาการของนักเรียน ๘. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน จำนวน ๑๐ ข้อ


คำชี้แจงการใช้แบบฝึกทักษะ (สำหรับนักเรียน) แบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ชุดที่ 2 เรื่อง สืบสาววรรณศิลป์ เบื้องต้นที่นักเรียนจะได้ศึกษาต่อไปนี้ เป็นแบบฝึกที่นักเรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเองโดยปฏิบัติตาม คำแนะนำดังต่อไปนี้ ๑. แบบฝึกทักษะ เรื่อง สืบสาววรรณศิลป์ นี้ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ๒. ศึกษาสาระ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด และจุดประสงค์การเรียนรู้ให้เข้าใจ ๓. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน ๑๐ ข้อ ใช้เวลา ๑๐ นาที ลงในกระดาษคำตอบ ๔. ศึกษาใบความรู้ เรื่อง วิเคราะห์วรรณคดีกาพย์เห่เรือ ทำแบบฝึกทักษะที่ ๑ – 3 หากนักเรียน ไม่เข้าใจให้ย้อนกลับไปอ่านเนื้อหาแบบฝึกใหม่อีกครั้ง หรือขอคำแนะนำจากครูผู้สอน ๕. ตรวจคำตอบด้วยตนเองหรือแลกเปลี่ยนกันตรวจโดยครูเป็นผู้แนะนำ ๖. ทำแบบทดสอบหลังเรียน จำนวน ๑๐ ข้อ ใช้เวลา ๑๐ นาที ลงในกระดาษคำตอบ


แบบทดสอบก่อนเรียนแบบฝึกทักษะ สืบสาววรรณศิลป์ คำชี้แจง นักเรียนอ่านข้อคำถาม และคำตอบให้ละเอียด แล้วทำเครื่องหมายกากบาท ( ) ทับอักษร ก, ข, ค หรือ ง ลงในกระดาษคำตอบที่ตรงกับตัวเลือกที่นักเรียนเห็นว่าถูกต้องที่สุด เพียงข้อเดียว ๑. ฉันทลักษณ์ข้อใดใกล้เคียงกับคำประพันธ์ที่ยกมามากที่สุด “ รวยรินกลิ่นรำเพย คิดพี่เคยเชยกลิ่นปราง นั่งแนบแอบเอวบาง ห่อนแหห่างว่างเว้นวัน ” ก. คชสีห์ทีผาดเผ่น ดูดั่งเป็นเห็นขบขัน ราชสีห์ที่ยืนยัน คั่นสองคู่ดูยิ่งยง ข. ปลากรายว่ายเคียงคู่ เคล้ากันอยู่ดูงามดี แต่นางห่างเหินพี่ เห็นปลาเคล้าเศร้าใจจร ค. นกแก้วแจ้วแจ่มเสียง จับไม้เรียงเคียงคู่สอง เหมือนพี่นี้ประคอง รับขวัญน้องต้องมือเบา ง. เวรามาทันแล้ว จึงจำแคล้วแก้วโกมล ให้แค้นแสนสุดทน ทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย ๒. คำประพันธ์ข้อใดไม่มีการใช้คำไวพจน์ ก. พิศพรรณปลาว่ายเคล้า คิดถึงเจ้าเศร้าอารมณ์ มัตสยายังรู้ชม สมสาใจไม่พามา ข. ปลาเสือเหลือที่ตา เลื่อมแหลมกว่าปลาทั้งปวง เหมือนตาสุดาดวง ดูแหลมล้ำขำเพราคม ค. งามทรงวงดั่งวาด งามมารยาทนาดกรกราย งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล ง. เพรางายวายเสพรส แสนกำสรดอดโอชา อิ่มทุกข์อิ่มชลนา อิ่มโศกาหน้านองชล ๓. ข้อใดมีการใช้กลวิธีการเล่นคำ ก. ยามสองฆ้องยามย่ำ ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง ข. งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล ค. สาลิกามาตามคู่ ชมกันอยู่สู่สมสมร ง. เสียงสรวลระรี่นี้ เสียงแก้วพี่ ฤาเสียงใคร ๔. การพรรณนาเนื้อความข้อใดใช้กลวิธีแตกต่างไปจากพวก ก. สาลิกามาตามคู่ ชมกันอยู่สู่สมสมร แต่พี่นี้อาวรณ์ ห่อนเห็นเจ้าเศร้าใจครวญ ข. มะลิวัลย์พันจิกจวง ดอกเป็นพวงร่วงเรณู หอมมาน่าเอ็นดู ชูชื่นจิตคิดวนิดา ค. แมลงภู่คู่เคียงว่าย เห็นคล้ายคล้ายน่าเชยชม คิดความยามเมื่อสม สนิทเคล้าเจ้าเอวบาง


ง. จำปาหนาแน่นเนื่อง คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม คิดคะนึงถึงนงราม ผิวเหลืองกว่าจำปาทอง ๕. คำประพันธ์ข้อใดให้จินตภาพที่แตกต่างไปจากพวก ก. เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน โจนตามคลื่นฝืนฝ่าฟอง ดูยิ่งสิงห์ลำพอง เป็นแถวท่องล่องตามกัน ข. เรือม้าหน้ามุ่งน้ำ แล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง เพียงม้าอาชาทรง องค์พระพายผายผันผยอง ค. เรือชัยไวว่องวิ่ง รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม เสียงเส้าเร้าระดม ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน ง. นาคาหน้าดังเป็น ดูเขม้นเห็นขบขัน มังกรถอนพายพัน ทันแข่งหน้าวาสุกรี ๖. คำประพันธ์ข้อใดมีลักษณะเด่นทั้งด้านวรรณศิลป์และด้านสังคมมากที่สุด ก. หางไก่ว่ายแหวกว่าย หางไก่คล้ายไม่มีหงอน คิดอนงค์องค์เอวอร ผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร ข. เพียนทองงามดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย กระแหแหห่างชาย ดั่งสายสวาทคลาดจากสม ค. ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง เหมือนอุบะนวลละออง เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม ง. สาวหยุดพุทธชาด บานเกลื่อนกลาดดาษดาไป นึกน้องกรองมาลัย วางให้พี่ข้างที่นอน ๗. “นวลจันทร์เป็นนวลจริง เจ้างามพริ้งยิ่งนวลปลา คางเบือนเบือนหน้ามา ไม่งามเจ้าเบือนชาย" คำประพันธ์ข้างต้นนี้ ใช้ศิลปะในการแต่งแบบใด ก. เล่นคำ ข. ใช้คำซ้ำ ค. สัมผัสสระ ง. สัมผัสอักษร สัตวาน่าเอ็นดู คอยหาคู่อยู่เอกา เหมือนพี่ที่จากมาครวญหาเจาเศร้าเสียใจ ๘.บทประพันธ์ข้างต้นเป็นรสวรรณคดีใด ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์ ค. พิโรธวาทัง ง. สัลลาปังคพิไสย ๙. ข้อใดไม่ได้ใช้ภาพพจน์อุปมา ก. สุวรรณหงส์ทรงพู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์ เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม ข. น้ำเงินคือเงินยวง ขาวพรายช่วงสีสำอาง ไม่เทียบเปรียบโฉมนาง งามเรืองเรื่อเนื้อสองสี ค. งามทรงวงดั่งวาด งามมารยาทนาดกรกราย


งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล ง. ดุเหว่าเจ่าจับร้อง สนั่นก้องซ้องเสียงหวาน ไพเราะเพราะกังวาน ปานเสียงน้องร้องสั่งชาย “เรือครุฑยุดนาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาผันผยอง พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอ้เห่มา” ๑๐. บทประพันธ์ข้างต้นเป็นโวหารภาพพจน์ใด ก. อุปมา ข. อุปลักษณ์ ค. สัทพจน์ ง. อติพจน์


ใบความรู้ เรื่อง วรรณศิลป์ ความหมายของวรรณศิลป์ วรรณศิลป์ มีความหมาย ตามพจนานุกรรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ว่า “ศิลปะในการแต่ง หนังสือ ศิลปะทางวรรณกรรม วรรณกรรมที่ถึงขั้นวรรณคดี,หนังสือที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี จากความหมายนี้ การพิจารณาคุณค่าด้านวรรณศิลป์ต้องศึกษาตั้งแต่การเลือกชนิดคำประพันธ์ให้ เหมาะสมกับประเภทของงานเขียน การรู้จักตกแต่งถ้อยคำให้ไพเราะสละสลวยอันเป็นลักษณะเฉพาะของ ภาษากวี และทำให้ผู้อ่านเกิดความสะเทือนอารมณ์ภาษากวีเพื่อสร้างความงดงามไพเราะแก่บทร้อยแก้วหรือ ร้อยกรองนั้น วรรณศิลป์หรือความงามของงานประพันธ์มีหลักสำคัญอยู่ ๓ ประการ ดังนี้ ๑. การสรรคำ ๒. การเรียบเรียงถ้อยคำ ๓. การใช้โวหารภาพพจน์ ๑. การสรรคำ การสรรคำ คือการเลือกใช้คำให้ถูกต้องตรงตามความหมาย เหมาะแก่เนื้อเรื่อง ฐานะของบุคคลใน เรื่องโวหารและรูปแบบคำประพันธ์ ตลอดจนคำนึงถึงความงามด้านเสียง ดังนี้ ๑. ๑ การเลือกใช้คำให้ถูกต้องตรงตามความหมายที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น “วิไลเตรียมอาหารกลางวัน เธอตัดผักคะน้าเป็นท่อนยาวๆ หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นๆ แล้วบดจนละเอียด แล่เนื้อวัวเป็นแผ่นบางๆ และซอยกระเทียมเป็นชิ้นเล็กๆ” ๑.๒ เลือกใช้คำที่เหมาะสมแก่เนื้อเรื่องและฐานะของบุคคลในเรื่อง ตัวอย่างเช่น “ทั่วประเทศเขตแคว้นแดนพริบพรี เหมือนจะชี้ไปไม่พ้นแต่ต้นตาล ที่พวกทำน้ำโตนดประโยชน์ทรัพย์ มีดสำหรับเหน็บข้างอย่างทหาร พะองยาวก้าวตีนปีนทะยาน กระบอกตาลแขวนก้นคนละพวง” (นิราศเมืองเพชร ของ สุนทรภู่) ผู้ประพันธ์เลือกสรรคำใช้ได้เหมาะสมแก่เรื่อง ซึ่งเกี่ยวกับการประกอบอาชีพทำน้ำตาลโตนดของคน เมืองเพชร ทำให้ผู้อ่านที่ไม่เคยเห็นนึกภาพได้อย่างชัดเจน ๑.๓ เลือกใช้คำให้เหมาะสมแก่ลักษณะของคำประพันธ์ คำจำนวนมากใช้ได้ทั้งในร้อยแก้ว และร้อยกรอง แต่คำบางคำใช้เฉพาะแต่ในคำประพันธ์เท่านั้น ตัวอย่างเช่น “เพรางายวายเสพรส แสนกำสรดอดโอชา อิ่มทุกข์อิ่มชลนา อิ่มโศกาหน้านองชล” (กาพย์เห่เรือ ของ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร) ๑.๔ เลือกใช้คำไวพจน์ให้ถูกต้องตรงตามความหมายที่ต้องการ “คำไวพจน์” หมายถึง คำที่เขียนต่างกันแต่มีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน คำที่เป็นไวพจน์ของกันนั้น หลายคำ ไม่อาจใช้แทนกันได้เสมอไป เช่น “มืดสิ้นแสงเทียนประทีปส่อง ก็ผ่องแสงจันทร์กระจ่างสว่างส่ง บุปผชาติสาดเกสรขจรลง บุษบงเบิกแบ่งระบัดบาน เรณูนวลหวนหอมมารวยริน พระพายพัดประทิ่นกลิ่นหวาน เฉื่อยฉิวปลิวรสสุมามาลย์ ประสานสอดกอดหลับระงับไป”


๑.๕ เลือกใช้คำโดยคำนึงถึงเสียง ๑.๑. ๕ คำเลียนเสียงธรรมชาติ คำเลียนเสียงธรรมชาติในบทประพันธ์ทำให้ผู้อ่านเห็นภาพ ชัดเจนและเกิดความรู้สึกคล้อยตาม เช่น “กลองทองตีครุ่มครึ้ม เดินเรียง ท้าตะเติงเติงเสียง ครุ่มครื้น เสียงปี่รี่เรื่อยเพียง การเวก แตร้นแตร่นแตรฝรั่งขึ้น หวู่หวู้เสียงสังข์” (กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ของ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร) เป็นคำเลียนเสียงกลอง เสียงแตร และเสียงสังข์ ๑.๕.๒ คำที่เล่นวรรณยุกต์ เช่น “ฝูงลิงใหญ่น้อยกระจุ้ย ชะนีอุ่ยอุ้ยร้องหา ฝูงค่างหว่างพฤกษา ค่างโจนไล่ไขว่ปลายยาง” (กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ของ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร) ๑.๕.๓ คำที่เล่นเสียงสัมผัส คนไทยเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน ชอบพูดจาให้คล้องจองกันดังจะเห็น ได้จากสำนวน พังเพย สุภาษิต ชื่อเฉพาะ คำขวัญ ที่มีเสียงสัมผัสคล้องจองกัน เช่น สำนวน พังเพย สุภาษิต - กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง -กลืนไม่เข้าคายไม่ออก - ข้าวยากหมากแพง - ขุดด้วยปาก ถากด้วยตา - จับดำถลำแดง - เจ้าชู้ไก่แจ้ - ผัวเมียผิดกันอย่าพ้อง พี่น้องผิดกันอย่าพลอย -หูป่าตาเถื่อน ชื่อเฉพาะ - มูลบทบรรพกิจ วาหนิติ์กร อักษรประโยค สังโยคพิธาน ไวพจน์พิจารณ์ พิศาลการันต์ (ชื่อ แบบเรียน ๖ เล่ม ของ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)) - เจริญกรุง บำรุงเมือง เฟื่องนคร คำขวัญ - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ - สะอาดกายเจริญวัย สะอาดใจเจริญสุข - เมตตาเป็นทุน เกื้อหนุนชุมชน - มั่นคงด้วยรากฐาน บริการด้วยน้ำใจ ๑.๕.๔ คำที่เล่นเสียงหนักเบา เพื่อให้บทร้อยแก้วหรือบทร้อยกรองฟังไพเราะ กวีมักใช้เสียงหนักเบาและ จังหวะอันเกิดจากวิธีอ่าน ทำให้เข้าถึงความหมายที่แท้จริงของกวีบทนั้นๆ บทร้อยกรองประเภทฉันท์ที่กำหนดเสียงหนักเบาได้แก่คำครุและคำลหุ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ คำที่พิมพ์ตัวหนาเป็นคำลหุ อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ โขดเขินศิขรเขา ณ ลำเนาพนาลัย สูงลิ่วละลานนั- ยนพ้นประมาณหมาย ยอดมัวสลัวเมฆ รุจิเรขเรียงราย เลื่อมเลื่อมศิลาลาย ก็สลับระยับสี (อิลราชคำฉันท์ ของ พระยาศรีสุนทรโวหาร(ผัน))


๑.๖ เลือกคำโดยคำนึงถึงคำพ้องเสียงและคำซ้ำ เมื่อนำคำพ้องเสียงมาเรียบเรียงหรือร้อยกรองเข้า ด้วยกัน จะทำให้เกิดเสียงไพเราะ เพิ่มความพิศวง น่าฟัง หากใช้ในบทพรรณนาหรือบทคร่ำครวญยิ่งทำให้ สะเทือนอารมณ์ สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง ยามสาย สายบ่หยุดเสน่ห์หาย ห่างเศร้า กี่คืนกี่วันวาย วางเทวษ ราแม่ ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉันใด (ลิลิตตะเลงพ่าย ของ สมเด็จมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส) หัวลิงหมากเรียกไม้ ลางลิง ลางลิงหูลิงลิง หลอกชู้ ลิงไต่กะไดลิง ลิงห่ม ลิงโลดฉวยชมผู้ ฉีกคว้าประสาลิง (กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ของ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร) ๒. การเรียบเรียงถ้อยคำ การเรียบเรียงคำ คือการจัดวางคำที่เลือกสรรแล้วให้มาเรียงร้อยกันอย่างต่อเนื่องตามจังหวะ ตามโครงสร้างภาษา หรือตามฉันทลักษณ์ ซึ่งมีหลายวิธีเช่น - จัดลำดับความคิดหรือถ้อยคำจากสิ่งสำคัญจากน้อยไปมาก จนถึงสิ่งสำคัญสูงสุดอันเป็นจุดสุดขั้น - จัดลำดับความคิดหรือถ้อยคำจากสิ่งสำคัญน้อยไปหามาก แต่กลับหักมุมความคิดผู้อ่านเมื่อถึงจุด สุดขั้น - จัดลำดับคำให้เป็นคำถามแต่ไม่ต้องการคำตอบหรือมีคำตอบอยู่ในตัวคำถามแล้ว - เรียงถ้อยคำเพื่อให้ผู้อ่านแปลความหมายไปในทางตรงข้ามเพื่อเจตนาเยาะเย้ย ถากถาง - เรียงคำวลี ประโยค ที่มีความสำคัญเท่าๆกัน เคียงขนานกันไป ๓. การใช้โวหารภาพพจน์ คือ การพลิกแพลงภาษาที่ใช้พูดหรือเขียนเพื่อทำให้ผู้อ่านเห็นภาพพจน์ได้อารมณ์ความรู้สึก หรือได้ ข้อคิดลึกซึ้งชัดเจนเป็นพิเศษ มีอยู่ ๙ ลักษณะดังนี้ ๓.๑ โวหารภาพพจน์แบบอุปมาโวหาร เป็นการเปรียบเทียบของสองสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกันโดยใช้คำ ว่า เหมือน ดัง เฉก เช่น ราว ประหนึ่ง กล เป็นคำเชื่อมเพื่อแสดงการเปรียบเทียบอยู่เสมอ ดังตัวอย่าง "พี่หมายปองน้องดุจปองปาริกชาติ มณฑาไท้เทวราชในสวนสวรรค์ " (ที่มา : เพลงยาว เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร) "สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์" (ที่มา : นิราศภูเขาทอง) ๓.๒ โวหารภาพพจน์แบบอุปลักษณ์โวหาร เป็นการเปรียบเทียบเชื่อมโยงความคิดหนึ่งกับความคิด หนึ่งมักมีคำว่า เป็น คือ เป็นคำเชื่อม ดังตัวอย่าง "....ลูกคือดวงใจของพ่อแม่...." "....ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยาชูกำลัง..." ๓.๓ โวหารภาพพจน์แบบปฏิพากย์โวหาร เป็นการเปรียบเทียบโดยการใช้คำตัดกัน หรือคำตรงกัน ข้ามกัน ดังตัวอย่าง "....ตัวเป็นไทยใจเป็นทาส..." "...เธอหัวเราะทั้งน้ำตา..." "...ถึงตัวไกลใจยังอยู่กับน้อง..."


๓.๔ บุคคลวัตหรือบุคลาธิษฐาน เป็นการเปรียบเทียบโดยการสมมุติสิ่งต่างๆ ให้มีกิริยาอาการเหมือน มนุษย์ มีอารมณ์ความรู้สึก ดังตัวอย่าง "....ฟ้าร้องไห้...." "...ทะเลครวญ..." "....ดวงตะวันยิ้มแย้ม..." ๓.๕ อวพจน์หรืออติพจน์โวหาร เป็นการกล่าวเปรียบเทียบโดยการกล่าวให้ผิดจากความเป็นจริง ถ้ากล่าวเกินจริงเรียกว่า อติพจน์ ถ้ากล่าวน้อยกว่าความเป็นจริงเรียกว่า อวพจน์ดังตัวอย่าง อติพจน์ = เหนื่อยสายตัวแทบขาด อวพจน์ = มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว การใช้คำภาษากวี ภาษากวีเป็นกลุ่มคำพิเศษที่กวีได้เลือกสรรหรือดัดแปลงมาสำหรับคำประพันธ์ โดยเฉพาะ ไม่ใช้ในภาษาสามัญปกติทั่วไป การใช้พิเศษนี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้คำประพันธ์นั้นสูงส่งสง่างามมี พลัง มีความหมายลึกซึ้งตามที่กวีรู้สึกทำให้คำประพันธ์บทนั้นมีความงดงามด้วยรสคำ ดังตัวอย่าง พระฝืนทุกข์เทวษกล้ำ แกล่ครวญ ขับคชบทจรจวน จักเพล้ บรรลุพนมทวน เถื่อนที่ นั้นนา เหตุอนาถหนักเอ้ อาจให้ชนเห็น (ที่มา : ลิลิตตะเลงพ่าย เพิ่มเติม : กวีเลือกใช้คำเฉพาะในบทร้อยกรอง เช่น เทวษ บทจร พนม คช ซึ่งเป็นภาษาที่ไม่ใช้ เป็นคำสามัญในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ๓.๖ สัทพจน์โวหาร เป็นโวหารที่สร้างภาพพจน์ โดยการใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติดังตัวอย่าง เกือบรุ่งฝูงช้างแซ่ แปร๋นแปร๋น กรวดป่ามาแกร๋นแกร๋น เกริ่นหย้าน ฮูมฮูมอุ่มอึงแสน สนั่นรอบขอบแฮ คึกคึกทึกสะเทือนสะท้าน ถิ่นไม้ไพรพนม ๓.๗ โวหารภาพพจน์แบบนามนัย เป็นการใช้คำหรือวลีซึ่งบ่งลักษณะหรือคุณสมบัติของสิ่งใด สิ่งหนึ่งแทนอีกสิ่งหนึ่ง คล้ายๆ สัญลักษณ์ แต่ต่างกันตรงที่ นามนัยนั้นจะดึงเอาลักษณะบางส่วนของสิ่งหนึ่งมากล่าว ให้หมายถึงส่วนทั้งหมด ดังตัวอย่าง เมืองโอ่ง : จังหวัดราชบุรี เมืองย่าโม : จังหวัดนครราชสีมา ฉัตร : กษัตริย์ ๓.๗ โวหารภาพพจน์แบบสัญลักษณ์ เป็นการเรียกชื่อสิ่งๆ หนึ่งโดยใช้คำอื่นมาแทนไม่เรียกตรงๆ ส่วน ใหญ่คำที่นำมาแทนจะเป็นคำที่เกิดจากการเปรียบเทียบและตีความซึ่งใช้กันมานานจนเป็นที่เข้าใจและรู้จักกัน โดยทั่วไป ดังตัวอย่าง เมฆ หมอก : อุปสรรค สีดำ : ความตาย, ความชั่ว ดอกไม้ : ผู้หญิง เพชร : ความแข็งแกร่ง


รสทางวรรณคดีไทย รสทางวรรณคดีที่ มีอยู่ ๔ ชนิด คือ เสาวรจนี นารีปราโมทย์ พิโรธวาทัง สัลลาปังคพิไสย ๑) เสาวรจนี (เสาว ว. ดี, งาม. + รจนี ก. ตกแต่ง, ประพันธ์; ว. งาม) รสนี้เป็นการชมความงาม ชมโฉม พร่ำพรรณาแลบรรยายถึงความงามแห่งนาง ทั้งตามขนบกวีเก่าก่อนแลในแบบฉบับส่วนตัว ตัวอย่างเช่น ...หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดาย ควรจะนับว่าชายโฉมยง ทนต์แดงดั่งแสงทับทิม เพริศพริ้มเพรารับกับขนง เกศาปลายงอนงามทรง เอวองค์สารพัดไม่ขัดตา... จากบทข้างต้น เป็นการกล่าวชมรูปโฉมของวิหยาสะกำ ซึ่งถูกสังคามาระตาสังหาร กล่าวว่าวิหยา สะกำนั้น เป็นชายหนุ่มรูปงาม ฟันนั้นเป็นแสงแวววาวสีแดงราวกับแสงของทับทิม ซึ่งตัดรับกับคิ้ว รวมทั้งปลาย เส้นผมซึ่งงอนงามขึ้นเป็นทรงสวยงาม รับกับทรวดทรงองค์เอวของวิหยาสะกำ ๒) นารีปราโมทย์ (นารี น. หญิง + ปราโมทย์ น. ความบันเทิงใจ, ความปลื้มใจ, ปราโมช ก็ว่า) คือ การทำให้ "นารี" นั้น ปลื้ม "ปราโมทย์" ซึ่งรูปแบบหนี่งก็คือ การแสดงความรักผ่านการเกี้ยวแล โอ้โลมปฏิโลม. อันคำว่า "โอ้โลมปฏิโลม" นี้ ความหมายอันแท้จริงของคำก็คือ การใช้มือลูบไปตาม (โอ้) แนวขน (โลมา) และย้อน (ปฏิ) ขนขึ้นมา เมื่อโอ้โลมไปมา ในเบื้องปลาย นารีก็จักปรีดาปราโมทย์ ในตอนที่ศึกษา มี เพียงแค่ตอนที่อิเหนากำลังสั่งลาจากนางจินตะหรา ซึ่งเมื่ออ่านดูแล้วบางทีอาจจะไม่ถึงกับเป็นการ โอ้โลมปฏิโลมเท่าใดนัก เพียงจะจัดไว้ ณ ที่นี้ เนื่องเพราะเป็นบทที่แสดงถึงความรัก กล่าวคือ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์เทวัญอสัญหยา โลมนางพลางกล่าววาจา จงผินมาพาทีกับพี่ชาย ซึ่งสัญญาว่าไว้กับนวลน้อง จะคงครองไมตรีไม่หนีหน่าย มิได้แกล้งกลอกกลับอภิปราย อย่าสงกาว่าจะวายคลายรัก จากบทข้างต้น ก็คือบทที่อิเหนาได้บอกกล่าวกับจินตะหรา ว่าตนไปก็คงไปเพียงไม่นาน ขอจินตะหราอย่าร้องไห้โศกเศร้าเลย ๓) พิโรธวาทัง (พิโรธ ก. โกรธเกรี้ยว ไม่สบอารมณ์ + วาทัง น. วาทะ คำพูด) คือการแสดงความ โกธรแค้นผ่านการใช้คำตัดพ้อต่อว่าให้สาใจ ทั้งยังสำแดงความน้อยเนื้อต่ำใจ, ความผิดหวัง, ความแค้นคับอับ จิต แลความโกรธกริ้ว ตามออกมาด้วย เหมือนกล้วยกับเปลือก. กวีมักตัดพ้อและประชดประเทียดเสียดแลสี เจ็บดังฝีกลางกระดองใจ อ่านสนุกดีไซร้แฮ! ตัวอย่างของรสพิโรธวาทังนี้ก็มีอยู่มากมาย ที่จะยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างก็จะมี เมื่อนั้น พระผู้ผ่านไอศูรย์สูงส่ง ประกาศิตสีหนาทอาจอง จะณรงค์สงครามก็ตามใจ ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร จากอาสน์แท่นทองผ่องใส พนักงานปิดม่านทันใด เสด็จเข้าข้างในฉับพลันฯ ในบทที่ยกมานี้ เป็นตอนที่ท้าวดาหาได้ฟังความจากราชทูตของเมืองกะหมังกุหนิง ที่กล่าวไว้ว่าถ้า ท้าวดาหาไม่ยอมยกบุษบาให้กับวิหยาสะกำ ก็ขอให้เตรียมบ้านเมืองไว้ให้ดี เพราะเมืองกะ-หมังกุหนิงจะยกทัพ มารบ เมื่อท้าวดาหาได้ฟังก็โกรธเดือดดาลทันใด จึงบอกไปว่าจะมารบก็มา แล้วก็ลุกออกไปทันที ๔) สัลลาปังคพิไสย (สัลล น. ความโศกโศกาเศร้าร่ำน้ำตานอง, ความเจ็บปวดแปลบ ๆ แลบแล่น ในเนื้อใจ, การครวญคร่ำรำพันรำพึง / สัลลาป น. การพูดจากัน + องค์ น. บท, ชิ้น อัน, ตัว + พิไสย น. ความสามารถ ฤาจะแผลงมาจาก วิสัย ซึ่งแปลว่า ธรรมชาติของสิ่งนั้น ๆ ฤาสันดาน ก็อาจเป็นได้) คือ การโอด


คร่ำครวญ หรือบทโศกอันว่าด้วยการจากพรากสิ่งอันเป็นที่รัก. มีใช้ให้เกลื่อนกล่นไปในบรรดานิราศ (ก. ไปจาก , ระเหระหน, ปราศจาก, ปราศจากความหวัง, ไม่มีความต้องการ, หมดอยาก, เฉยอยู่) เนื่องเพราะกวี อันมี ท่านสุนทรภู่นำเริ่ดบรรเจิดรัศมีอยู่ที่หน้าขบวน จำต้องจรจากนางอันเป็นที่รัก อกจึงหนักแลครวญคร่ำจำนรรจ์ ประหนึ่งหายห่างกันไปครึ่งชีวิต ในตอนนี้ก็มีเช่นกัน เป็นบทที่อิเหนากำลังชมนกชมไม้ระหว่างจะไปดาหา ว่าพลางทางชมคณานก โผนผกจับไม้อึงมี่ เบญจวรรณจับวัลย์ชาลี เหมือนวันพี่ไกลสามสุดามา นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา จากพรากจับจากจำนรรจา เหมือนจากนางสการะวาตี แขกเต้าจับเต่าร้างร้อง เหมือนร้างห้องมาหยารัศมี นกแก้วจับแก้วพาที เหมือนแก้วพี่ทั้งสามสั่งความมา ฯลฯ จากบทข้างบน จะเห็นได้ว่าอิเหนากำลังโศกเศร้าอย่างหนัก จะเรียกว่าอยู่ในขั้นโคม่าเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะมองอะไร ก็นึกถึงแต่นางทั้งสามที่ตนรัก อันได้แก่ จินตะหรา มาหยารัศมี และสการะวาตี มองสิ่งใด ก็สามารถเชื่อมโยงกับนางทั้งสามได้หมด


แบบฝึกที่ ๑ เรื่อง โวหารและรสวรรณคดี ให้นักเรียนพิจารณาบทประพันธ์ต่อไปนี้ว่ามีศิลปะในการประพันธ์อย่างไร โดยนำตัวเลือกใส่หน้า บทประพันธ์ให้ถูกต้อง ก. อุปมา ข. อุปลักษณ์ ค. อติพจน์ ง. การเล่นคำ จ. การเล่นเสียงสัมผัส ฉ. สัทพจน์ ช. สัมผัสข้ามวรรค ซ. การเลือกใช้คำที่เหมาะแก่เนื้อเรื่องและฐานะของบุคคล ฌ. การซ้ำคำ ................ ๑. น้ำเงินคือเงินยวง ขาวพรายช่วงสีสำอาง ไม่เทียบเปรียบโฉมนาง ผิวงามเรื่อเนื้อสองสี ................ ๒. เรือครุฑยุดนาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาผันผยอง พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอ้เห่มา ................ ๓. รอนรอนสุริยโอ้ อัสดง เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง ค่ำแล้ว รอนรอนจิตจำนง นุชพี่ เพียงแม่ เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ว คลับคล้ายเรียมเหลียว ................ ๔. แก้มช้ำช้ำใครต้อง อันแก้มน้องช้ำเพราะชม ปลาทุกทุกข์อกตรม เหมือนทุกข์พี่ทที่จากนาง ................. ๕. สมรรถชัยไกรกาบแก้ว แสงแวววับจับสาคร เรียบเรียงเคียงคู่จร ดั่งร่อนฟ้ามาแดนดิน .................. ๖. สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์ เพียงหงส์ทรงพรหมมินทร์ ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม .................. ๗. เพียนทองงามดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย กระแหแหห่างชาย ดั่งสายสวาทคลาดจากสม ................ ๘. เรียมทนทุกข์แต่เช้า ถึงเย็น มาสู่สุขคืนเข็ญ หม่นไหม้ ชายใดจากสมรเป็น ทุกข์เท่าเรียมเลย จากคู่วันเดียวได้ ทุกข์ปิ้มปานปี


................ ๙. พิศพรรณปลาว่ายเคล้า คลึงกัน ถวิลสุดาดวงจันทร์ แจ่มหน้า มัตสยาย่อมพัวพัน พิศวาส ควรฤพรากน้องช้า ชวดเคล้าคลึงสม ................ ๑๐. แต่เช้าเท่าถึงเย็น กล้ำกลืนเข็ญเป็นอาจิณ ชายใดในแผ่นดิน ไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ ................ ๑๑. โนรีสีปานชาด เหมือนช่างฉลาดวาดแต้มลาย ไม่เท่าเจ้าโฉมฉาย ห่มตาดพรายกรายกรมา ตอนที่ 2 จงบอกรสวรรณคดีไทยที่ปรากฏในคำประพันธ์ต่อไปนี้ ๑. สัตวาน่าเอ็นดู คอยหาคู่อยู่เอกา เหมือนพี่ที่จากมา ครวญหาเจาเศร้าเสียใจ ............................................................................................................................. .......... ๒. สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์ เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม ............................................................................................................................. .......... ๓. เรียมทนทุกข์แต่เช้า ถึงเย็น มาสู่สุขคืนเข็ญ หม่นไหม้ ชายใดจากสมรเป็น ทุกข์เท่าเรียมเลย จากคู่วันเดียวได้ ทุกข์ปิ้มปานปี ............................................................................................................................. .......... ๔. งามทรงวงดั่งวาด งามมารยาทนาดกรกราย งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล ............................................................................................................................. ..........


แบบฝึกทักษะที่ 3 เรื่อง คุณค่าด้านวรรณศิลป์จากเรื่องกาพย์เห่เรือ คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านและพิจารณาความงามด้านวรรณศิลป์ของบทประพันธ์ที่กำหนด ๑. รอนรอนสุริยโอ้ อัสดง เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง ค่ำแล้ว รอนรอนจิตจำนง นุชพี่ เพียงแม่ เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ว คลับคล้ายเรียมเหลียว ๒. แก้มช้ำช้ำใครต้อง อันแก้มน้องช้ำเพราะชม ปลาทุกทุกข์อกกรม เหมือนทุกข์พี่ที่จากนาง


๓. ไก่ฟ้ามาตัวเดียว เดินท่องเที่ยวเลี้ยวเหลี่ยมเขา เหมือนพรากจากนงเยาว์ เปล่าใจเปลี่ยวเหลียวหานาง ๔. แต่เช้าเท่าถึงเย็น กล้ำกลืนเข็ญเป็นอาจิณ ชายใดในแผ่นดิน ไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ ๕. เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน โจนตามคลื่นฝืนฝ่าฟอง ดูยิ่งสิงห์ลำพอง เป็นแถวท่องล่องตามกัน


แบบทดสอบหลังเรียนแบบฝึกทักษะที่ 2 สืบสาววรรณศิลป์ คำชี้แจง นักเรียนอ่านข้อคำถาม และคำตอบให้ละเอียด แล้วทำเครื่องหมายกากบาท ( ) ทับอักษร ก, ข, ค หรือ ง ลงในกระดาษคำตอบที่ตรงกับตัวเลือกที่นักเรียนเห็นว่าถูกต้องที่สุด เพียงข้อเดียว ๑. ข้อใดมีการใช้กลวิธีการเล่นคำ ก. ยามสองฆ้องยามย่ำ ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง ข. งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล ค. สาลิกามาตามคู่ ชมกันอยู่สู่สมสมร ง. เสียงสรวลระรี่นี้ เสียงแก้วพี่ ฤาเสียงใคร ๒. คำประพันธ์ข้อใดไม่มีการใช้คำไวพจน์ ก. พิศพรรณปลาว่ายเคล้า คิดถึงเจ้าเศร้าอารมณ์ มัตสยายังรู้ชม สมสาใจไม่พามา ข. ปลาเสือเหลือที่ตา เลื่อมแหลมกว่าปลาทั้งปวง เหมือนตาสุดาดวง ดูแหลมล้ำขำเพราคม ค. งามทรงวงดั่งวาด งามมารยาทนาดกรกราย งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล ง. เพรางายวายเสพรส แสนกำสรดอดโอชา อิ่มทุกข์อิ่มชลนา อิ่มโศกาหน้านองชล ๓. ฉันทลักษณ์ข้อใดใกล้เคียงกับคำประพันธ์ที่ยกมามากที่สุด “ รวยรินกลิ่นรำเพย คิดพี่เคยเชยกลิ่นปราง นั่งแนบแอบเอวบาง ห่อนแหห่างว่างเว้นวัน ” ก. คชสีห์ทีผาดเผ่น ดูดั่งเป็นเห็นขบขัน ราชสีห์ที่ยืนยัน คั่นสองคู่ดูยิ่งยง ข. ปลากรายว่ายเคียงคู่ เคล้ากันอยู่ดูงามดี แต่นางห่างเหินพี่ เห็นปลาเคล้าเศร้าใจจร ค. นกแก้วแจ้วแจ่มเสียง จับไม้เรียงเคียงคู่สอง เหมือนพี่นี้ประคอง รับขวัญน้องต้องมือเบา ง. เวรามาทันแล้ว จึงจำแคล้วแก้วโกมล ให้แค้นแสนสุดทน ทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย ๔.ข้อใดมีการใช้กลวิธีการเล่นคำ ก. ยามสองฆ้องยามย่ำ ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง ข. งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล ค. สาลิกามาตามคู่ ชมกันอยู่สู่สมสมร ง. เสียงสรวลระรี่นี้ เสียงแก้วพี่ ฤาเสียงใคร


5. การพรรณนาเนื้อความข้อใดใช้กลวิธีแตกต่างไปจากพวก ก. สาลิกามาตามคู่ ชมกันอยู่สู่สมสมร แต่พี่นี้อาวรณ์ ห่อนเห็นเจ้าเศร้าใจครวญ ข. มะลิวัลย์พันจิกจวง ดอกเป็นพวงร่วงเรณู หอมมาน่าเอ็นดู ชูชื่นจิตคิดวนิดา ค. แมลงภู่คู่เคียงว่าย เห็นคล้ายคล้ายน่าเชยชม คิดความยามเมื่อสม สนิทเคล้าเจ้าเอวบาง ง. จำปาหนาแน่นเนื่อง คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม คิดคะนึงถึงนงราม ผิวเหลืองกว่าจำปาทอง ๖. บทประพันธ์ข้างต้นเป็นรสวรรณคดีใด ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์ ค. พิโรธวาทัง ง. สัลลาปังคพิไสย ๗. คำประพันธ์ข้อใดมีลักษณะเด่นทั้งด้านวรรณศิลป์และด้านสังคมมากที่สุด ก. หางไก่ว่ายแหวกว่าย หางไก่คล้ายไม่มีหงอน คิดอนงค์องค์เอวอร ผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร ข. เพียนทองงามดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย กระแหแหห่างชาย ดั่งสายสวาทคลาดจากสม ค. ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง เหมือนอุบะนวลละออง เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม ง. สาวหยุดพุทธชาด บานเกลื่อนกลาดดาษดาไป นึกน้องกรองมาลัย วางให้พี่ข้างที่นอน ๘. “นวลจันทร์เป็นนวลจริง เจ้างามพริ้งยิ่งนวลปลา คางเบือนเบือนหน้ามา ไม่งามเจ้าเบือนชาย" คำประพันธ์ข้างต้นนี้ ใช้ศิลปะในการแต่งแบบใด ข. เล่นคำ ข. ใช้คำซ้ำ ค. สัมผัสสระ ง. สัมผัสอักษร สัตวาน่าเอ็นดู คอยหาคู่อยู่เอกา เหมือนพี่ที่จากมาครวญหาเจาเศร้าเสียใจ ๙ .“เรือครุฑยุดนาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาผันผยอง พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอ้เห่มา” บทประพันธ์ข้างต้นเป็นโวหารภาพพจน์ใด ก. อุปมา ข. อุปลักษณ์ ค. สัทพจน์ ง. อติพจน์


๑๐. ข้อใดไม่ได้ใช้ภาพพจน์อุปมา ก. สุวรรณหงส์ทรงพู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์ เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม ข. น้ำเงินคือเงินยวง ขาวพรายช่วงสีสำอาง ไม่เทียบเปรียบโฉมนาง งามเรืองเรื่อเนื้อสองสี ค. งามทรงวงดั่งวาด งามมารยาทนาดกรกราย งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล ง. ดุเหว่าเจ่าจับร้อง สนั่นก้องซ้องเสียงหวาน ไพเราะเพราะกังวาน ปานเสียงน้องร้องสั่งชาย


เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนแบบฝึกทักษะที่ 2 สืบสาววรรณศิลป์ ๑. ค ๒. ก ๓. ข ๔. ก ๕. ข ๖. ข ๗. ก ๘. ง ๙. ข ๑๐.ค


เฉลยแบบทดสอบหลังเรียนแบบฝึกทักษะที่ 2 สืบสาววรรณศิลป์ ๑. ข ๒. ก ๓. ค ๔. ข ๕. ก ๖. ง ๗. ข ๘. ข ๙. ค ๑๐.ข


เฉลยแบบฝึกที่ ๑ เรื่อง วิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ตอนที่ 1 ๑. .......ข......... ๒. ........ฉ........ ๓. .......ฌ......... ๔. ........ง........ ๕. ........จ......... ๖. .........ก......... ๗. .........ก......... ๘. ........ค........ ตอนที่ 2 ๑. ..............สัลปังคพิสัย........................... ๒. ................เสาวรจนีย์.......................... ๓. ................สัลปังคพิสัย....................... ๔. ................เสาวรจนีย์...........................


เฉลยแบบฝึกทักษะที่ 2 เรื่อง คุณค่าภาษาศิลป์จากเรื่องกาพย์เห่เรือ ๑. รอนรอนสุริยโอ้ อัสดง เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง ค่ำแล้ว รอนรอนจิตจำนง นุชพี่ เพียงแม่ เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ว คลับคล้ายเรียมเหลียว ความงามของบทประพันธ์ข้างต้น ได้แก่ ๑) การเล่นสัมผัสใน (สัมผัสพยัญชนะ) เช่น รอน-รอน / โอ้-อัส(ดง) / ลับ-ลง-แล้ว / นง-นุช / พี่-เพียง / เรื่อย-เรื่อย-เรียม / คลับ-คล้าย ทำให้เกิดเสียงไพเราะ ๒) การเล่นคำซ้ำหน้าบาทครบทั้ง ๔ บาทของโคลง ได้แก่ รอนรอน / เรื่อยเรื่อย / รอนรอน / เรื่อยเรื่อย ทำให้เกิดเสียงไพเราะ ๓) การใช้คำน้อยแต่สื่อความหมายมากและตรึงใจ เช่น วรรคสุดท้ายที่ว่า “คลับคล้ายเรียมเหลียว” วรรคนี้ใช้คำน้อยเพียง ๔ คำ แต่สื่อภาพและอารมณ์ความรู้สึกของกวีได้ชัดเจนว่า มีจิตจดจ่อและคิดถึงแต่หญิง คนรักตลอดเวลา เมื่อเห็นใคร “คลับคล้าย” ว่าจะเป็นหญิงคนรัก กวีก็เรียบ “เหลียว” หันไปมองทันที ๒. แก้มช้ำช้ำใครต้อง อันแก้มน้องช้ำเพราะชม ปลาทุกทุกข์อกกรม เหมือนทุกข์พี่ที่จากนาง ความงามของบทประพันธ์ข้างต้น ได้แก่ ๑) การนำชื่อปลามาเล่นคำพ้องเสียงเพื่อสื่ออารมณ์ความรู้สึกของกวี ได้แก่ - ปลาแก้มช้ำ-แก้มน้องช้ำ (เมื่อกล่าวถึงปลาชื่อ “ปลาแก้มช้ำ” กวีก็โยงไปถึงหญิงคนรักว่า นึกถึง แก้มของนางที่ “ช้ำ” เพราะกวีเชยชม) - ปลาทุก-ทุกข์อก (เมื่อกล่าวถึงปลาชื่อ “ปลาทุก” กวีก็โยงถึงความรู้สึก “ทุกข์อกกรม” ของตัวกวี เองที่ทุกข์เพราะต้องพรากจากหญิงคนรักมา) ๒) การเล่นสัมผัสใน (สัมผัสพยัญชนะ) ได้แก่ ช้ำ-ช้ำ-ชม / ทุก-ทุกข์ ทำให้เกิดเสียงไพเราะ ๓) การเล่นสัมผัสใน (สัมผัสสระ) ได้แก่ ช้ำ-ช้ำ / ทุก-ทุกข์ / พี่-ที่ ทำให้เกิดเสียงไพเราะ ๔. ไก่ฟ้ามาตัวเดียว เดินท่องเที่ยวเลี้ยวเหลี่ยมเขา เหมือนพรากจากนงเยาว์ เปล่าใจเปลี่ยวเหลียวหานาง ความงามของบทประพันธ์ข้างต้น ได้แก่ ๑) การเล่นสัมผัสใน (สัมผัสพยัญชนะ) ได้แก่ ท่อง-เที่ยว / เลี้ยว-เหลี่ยม / เปล่า-เปลี่ยว ทำให้เกิด เสียงไพเราะ ๒) การเล่นสัมผัสใน (สัมผัสสระ) ได้แก่ ฟ้า-มา / เที่ยว-เลี้ยว / พราก-จาก / เปลี่ยว-เหลียว ทำให้ เกิดเสียงไพเราะ


๓) การใช้อุปมา เปรียบว่า กวีรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจที่ต้องเดินทางลำพังไม่มีหญิงคนรักมาด้วย เหมือนกับไก่ฟ้าที่เดินอยู่ตัวเดียวตามเหลี่ยมเขา เป็นการใช้อุปมาเพื่อสื่ออารมณ์ความรู้สึกให้ผู้อ่านเข้าใจ ได้ชัดเจน ๔. แต่เช้าเท่าถึงเย็น กล้ำกลืนเข็ญเป็นอาจิณ ชายใดในแผ่นดิน ไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ ความงามของบทประพันธ์ข้างต้น ได้แก่ ๑) การเล่นสัมผัสใน (สัมผัสพยัญชนะ) ได้แก่ เท่า-ถึง / กล้ำ-กลืน / ใด-ดิน ทำให้เกิดเสียงไพเราะ ๒) การเล่นสัมผัสใน (สัมผัสสระ) เช่น เช้า-เท่า / เข็ญ-เป็น / ใด-ใน / พี่-ที่ ทำให้เกิดเสียงไพเราะ ๓) การใช้อติพจน์ (การเปรียบเทียบเกินขอบเขตความเป็นจริง) เพื่อสื่ออารมณ์ความรู้สึก จากบท ประพันธ์ข้างต้น กวีกล่าวว่าความทุกข์ตรมใจของกวีที่เกิดจากความคิดถึงหญิงคนรักนั้นมีอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เช้าถึงเย็น ผู้ชายในแผ่นดินนี้ไม่มีใครทุกข์ และตรอมใจเท่ากับกวีอีกแล้ว ๕. เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน โจนตามคลื่นฝืนฝ่าฟอง ดูยิ่งสิงห์ลำพอง เป็นแถวท่องล่องตามกัน ความงามของบทประพันธ์ข้างต้น ได้แก่ ๑) การเล่นเสียงสัมผัสใน (สัมผัสพยัญชนะ) ได้แก่ เผ่น-โผน/ ฝืน-ฝ่า-ฟอง / แถว-ท่อง ทำให้เกิดเสียง ไพเราะ ๒) การเล่นเสียงสัมผัสใน (สัมผัสสระ) ได้แก่ สิงห์-วิ่ง / คลื่น-ฝืน / ยิ่ง-สิงห์ / ท่อง-ล่อง ทำให้เกิด เสียงไพเราะ ๓) การใช้คำบรรยายทำให้เกิดภาพชัดเจน ดังจะเห็นได้จากการใช้คำบรรยายภาพการเคลื่อนไหว อันทรงพลังของเรือสิงห์ว่า เรือลำนี้แล่น “โจนตามคลื่น” และเมื่อเจอคลื่นก็สามารถแล่นฝ่าไปได้อย่างทรง พลังดังที่ใช้คำว่า “ฝืนฝ่าฟอง”


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง สังเคราะห์ข้อคิดจากเรื่อง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย วิชาภาษาไทย ๖ รหัส ท ๓๓๑๐๒ ชื่อหน่วย กาพย์เห่เรือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เรื่อง สังเคราะห์ข้อคิดจากเรื่อง เวลา ๑ คาบ สอนวันที่ ผู้สอน นางสาวสิริภา แสงสมัคร ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย อย่างเห็นคุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง 2. ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด ม. ๔-๖/๔ สังเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนำไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง 3. สาระสำคัญ กาพย์เห่เรือเป็นวรรณคดีที่ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกระบวนเรือ มีบทชมปลา ชนนก ชมไม้ และบทเห่ ครวญ ซึ่งเนื้อหาของเรื่องถูกถ่ายทอดกาพย์เห่เรือด้วยภาษา สะท้อนภาพสังคมและวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยา และยังให้ข้อคิดที่มีคุณค่าสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ดังนั้น ในการอ่านจึงควรวิเคราะห์ให้เข้าใจ อย่างชัดเจนจึงจะสามารถสังเคราะห์ข้อคิดที่แฝงอยู่ในเรื่องได้อย่างครบถ้วน 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ความสามารถ 4.1.1 ลักษณะของการวิเคราะห์คุณค่าของวรรณคดีด้านสังคม 4.2 ด้านทักษะกระบวนการ 4.2.1 วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม 4.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.3.1 มีวินัย 4.3.2 ใฝ่เรียนรู้ 4.3.3 มุ่งมั่นในการทำงาน ๕. จุดประสงค์การเรียนรู้ 5.1 บอกลักษณะของคุณค่าด้านสังคมได้ 5.2 วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคมจากเรื่องกาพย์เห่เรือได้ 5.3 ยกตัวอย่างบทประพันธ์ที่สะท้อนถึงคุณค่าด้านสังคมในแง่มุมต่าง ๆ ได้ถูกต้อง 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด ๖.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ ๑ (วิธีสอนแบบกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์) ขั้นนำ 1. นักเรียนดูภาพที่ครูกำหนดให้ซึ่งได้แก่ภาพกระบวนเรือ การแต่งกายของสตรีในสมัยก่อน ๒. นักเรียนช่วยกันเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพดังกล่าวว่าสะท้อนเรื่องราวเกี่ยววัฒนธรรมหรือ เอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างไรบ้าง โดยครูคอยกระตุ้นให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ขั้นสอน ๑. นักเรียนรวมกลุ่มเดิม แล้วให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาแบบฝึกทักษะเรื่องการวิเคราะห์วิจารณ์ วรรณคดีในส่วนของใบความรู้เรื่องการพิจารณาคุณค่าวรรณคดีด้านสังคม และค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมใน ประเด็นข้อคิดของเรื่องกาพย์เห่เรือ จากหนังสือเรียน หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม และอินเทอร์เน็ต แล้วบันทึก ความรู้ที่ได้ลงในกระดาษชาร์ตของกลุ่ม จากนั้นร่วมกันสรุปสาระสำคัญ 2. นักเรียนแต่ละคนทำแบบฝึกทักษะเรื่องคุณค่าและข้อคิดจากเรื่องกาพย์เห่เรือ เมื่อทำเสร็จแล้ว ผลัดกันอภิปรายคำตอบให้เพื่อนในกลุ่มฟัง ผลัดกันซักถามข้อสงสัยและร่วมกันสรุปเป็นคำตอบของกลุ่ม และเตรียมนำเสนอหน้าชั้นเรียนในคาบต่อไป ขั้นสรุป ครูให้นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด และทบทวนเนื้อหาเกี่ยวกับการสังเคราะห์คุณค่าด้านสังคมร่วมกัน อีกครั้งเช่น วิถีไทยหรือวัฒนธรรมไทยที่ปรากฏในกาพย์เห่เรือ ได้แก่อะไรบ้าง ซึ่งมีแนวคำตอบ เช่น ประเพณีเห่เรือ การจัดกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ความสำคัญของการเดินทางทางน้ำการเทียบเวลาในสมัยก่อน คาบที่ ๒ ขั้นนำ ครูขออาสาสมัครนักเรียนจำนวน ๓ คน เพื่อทบทวนเนื้อหาเรื่องการสังเคราะห์ข้อคิดที่ได้จากการเรียนเรื่อง กาพย์เห่เรือ และถามนักเรียนว่า วิถีไทยหรือวัฒนธรรมไทยที่ปรากฏในกาพย์เห่เรือ ยังคงปรากฏอยู่ในสังคมไทยยุคปัจจุบัน หรือไม่ อย่างไร จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น ขั้นสอน ๑. นักเรียนนั่งเป็นกลุ่มโดยใช้กลุ่มเดิม จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงาน ในแบบฝึกทักษะ เรื่องคุณค่าและข้อคิดจากเรื่องกาพย์เห่เรือ โดยครูและเพื่อนกลุ่มอื่นช่วยกันตรวจสอบ ความถูกต้อง และให้ข้อเสนอแนะ ๒. นักเรียนร่วมกันตอบคำถามกระตุ้นความคิดจากการศึกษาเรื่องกาพย์เห่เรือว่านักเรียนรู้สึก ประทับใจความเป็นไทยหรือวัฒนธรรมไทยอย่างไรบ้าง โดยครูพิจารณาตามคำตอบของนักเรียนและร่วม เสนอแนะเพิ่มเติม ๓. นักเรียนเล่นเกม “คำตอบที่ไม่มีคำถาม” โดยครูอ่านบทประพันธ์แล้วให้นักเรียนแข่งกันตอบโดยที่ ครูไม่ได้ถามคำถามซึ่งเป็นการฝึกความคิดว่าเมื่อเอ่ยถึงบทประพันธ์นัhน ๆ แล้วนักเรียนนึกถึงอะไร สามารถ ประมวลความรู้อะไรได้บ้าง ๔. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนเรื่องกาพย์เห่เรือ ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้รับเป็นแผนผังความคิดร่วมกันอีกครั้ง


8. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ๑. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทยวรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ๒. แบบฝึกทักษะเรื่องการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี ๓. แบบทดสอบหลังเรียน ๔. ภาพประกอบเรื่องกาพย์เห่เรือ ๕. วิดีโอการเสด็จทางชลมารคและกระบวนเรือ ๖. ห้องสมุด ๗. อินเทอร์เน็ต 9. หลักฐานการเรียนรู้(ภาระงาน) ชิ้นงานจากการทำแบบฝึกทักษะ 10. การวัดและประเมินผล เครื่องมือ วิธีการวัด เกณฑ์การประเมิน ๑. แบบทดสอบหลังเรียน 2. แบบประเมินการทำแบบฝึกทักษะ 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียน รายบุคคล 4. แบบสังเกตการทำงานกลุ่ม 5. แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6. แบบประเมินสมรรถนะของผู้เรียน 1. ตรวจแบบทดสอบ 2. ตรวจแบบฝึกทักษะ 3. สังเกตพฤติกรรมการเรียน รายบุคคล 4. สังเกตการทำงานกลุ่ม 5. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6. ประเมินสมรรถนะของผู้เรียน 1. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 2. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 3. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 4. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 5. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป ๖. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป


บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/1) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกลักษณะของคุณค่าด้านสังคมได้... 1.2 ทักษะกระบวนการ ....นักเรียนทุกคนสามารถวิเคราะห์คุณค่าด้านสังคมจากเรื่องกาพย์เห่เรือ พร้อมยกตัวอย่างบทประพันธ์ที่สะท้อนถึงคุณค่าด้านสังคมในแง่มุมต่าง ๆ ได้ถูกต้อง... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนทุกคนมีความใฝ่รู้ มุ่งมั่นในการเรียนผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ - 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ - 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/2) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกลักษณะของคุณค่าด้านสังคมได้... 1.2 ทักษะกระบวนการ ....นักเรียนทุกคนสามารถวิเคราะห์คุณค่าด้านสังคมจากเรื่องกาพย์เห่เรือ พร้อมยกตัวอย่างบทประพันธ์ที่สะท้อนถึงคุณค่าด้านสังคมในแง่มุมต่าง ๆ ได้ถูกต้อง... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนทุกคนมีความใฝ่รู้ มุ่งมั่นในการเรียนผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ - 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ - 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/3) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกลักษณะของคุณค่าด้านสังคมได้... 1.2 ทักษะกระบวนการ ....นักเรียนทุกคนสามารถวิเคราะห์คุณค่าด้านสังคมจากเรื่องกาพย์เห่เรือ พร้อมยกตัวอย่างบทประพันธ์ที่สะท้อนถึงคุณค่าด้านสังคมในแง่มุมต่าง ๆ ได้ถูกต้อง... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนทุกคนมีความใฝ่รู้ มุ่งมั่นในการเรียนผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ - 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...การจัดกิจกรรมในการเรียนออนไลน์เกี่ยวกับการร่วมแสดง ความคิดเห็นหากเป็นการถามตอบอย่างเดียวอาจจะประสบปัญหา เช่น เสียงแทรก สะท้อน จึงมี การปรับเปลี่ยนรูปแบบของการร่วมกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น ให้นักเรียนพิมพ์ในกล่องข้อความ การส่ง สติกเกอร์ การใช้เกม ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้น... 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/8) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกลักษณะของคุณค่าด้านสังคมได้... 1.2 ทักษะกระบวนการ ....นักเรียนทุกคนสามารถวิเคราะห์คุณค่าด้านสังคมจากเรื่องกาพย์เห่เรือ พร้อมยกตัวอย่างบทประพันธ์ที่สะท้อนถึงคุณค่าด้านสังคมในแง่มุมต่าง ๆ ได้ถูกต้อง... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนทุกคนมีความใฝ่รู้ มุ่งมั่นในการเรียนผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ - 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...การจัดกิจกรรมในการเรียนออนไลน์เกี่ยวกับการร่วมแสดง ความคิดเห็นหากเป็นการถามตอบอย่างเดียวอาจจะประสบปัญหา เช่น เสียงแทรก สะท้อน จึงมี การปรับเปลี่ยนรูปแบบของการร่วมกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น ให้นักเรียนพิมพ์ในกล่องข้อความ การส่ง สติกเกอร์ การใช้เกม ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้น... 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/10) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกลักษณะของคุณค่าด้านสังคมได้... 1.2 ทักษะกระบวนการ ....นักเรียนกลุ่มเก่งและกลุ่มปานกลางสามารถวิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม จากเรื่องกาพย์เห่เรือพร้อมยกตัวอย่างบทประพันธ์ที่สะท้อนถึงคุณค่าด้านสังคมในแง่มุมต่าง ๆ ได้ถูกต้อง ส่วน นักเรียนกลุ่มอ่อนยังไม่สามารถยกตัวอย่างได้ ต้องอธิบายเพิ่มเติมจึงผ่านจุดประสงค์... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนทุกคนมีความใฝ่รู้ มุ่งมั่นในการเรียนผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ ...นักเรียนกลุ่มอ่อนยังยกตัวอย่างบทที่สะท้อนคุณค่าด้านสังคมไม่ได้ ต้องมีการสอนซ่อมเสริม อธิบายเพิ่มเติม... 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...จัดสอนซ่อนเสริมให้นักเรียนในคาบโฮมรูมเพื่อให้นักเรียนเข้าใจและ ยกตัวอย่างบทประพันธ์และผ่านจุดประสงค์... 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/1๒) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกความหมายของวรรณศิลป์ ลักษณะของวรรณศิลป์ได้... 1.2 ทักษะกระบวนการ ....นักเรียนกลุ่มเก่งสามารถยกตัวอย่าง และวิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม จากเรื่องกาพย์เห่เรือได้ผ่านเกณฑ์ในระดับดีมาก นักเรียนกลุ่มปานกลางผ่านเกณฑ์ในระดับด 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนกลุ่มเก่ง และกลุ่มปานกลางมีความใฝ่รู้ มุ่งมั่น ในการเรียนผ่านเกณฑ์ในระดับดีมาก 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ ..จากการให้นักเรียนทำแบบฝึกทักษะในคาบเรียนนักเรียนที่เข้าเรียน สามารถทำงานส่งได้ถูกต้องและส่งตรงเวลา ส่วนนักเรียนที่ไม่เข้าเรียนก็ทำงานย้อนหลังซึ่งบางครั้งก็ไม่สามารถ วัดทักษะความรู้ได้แน่นอนเพราะเป็นไปในลักษณะความไม่เที่ยงของคะแนนเนื่องจากนักเรียนอาจหาข้อมูล คำตอบจากแหล่งอื่นเพราะบางกิจกรรมครูให้ทำในคาบ... 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนกลุ่มอ่อนส่งงานไม่ตรงเวลา ต้องเน้นย้ำและสร้างความ ตระหนักในการเรียน .... 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...การแก้ปัญหาการทำกิจกรรม การส่งงานนอกเวลาสำหรับนักเรียนที่ ไม่เข้าเรียนคือต้องอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติม และปรับกิจกรรมของภาระงานหลายๆ ชุด เพื่อป้องกันการทุจริต และเพื่อทดสอบความรู้ ความเข้าใจ และทักษะกระบวนการของการวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ของ นักเรียนอย่างแท้จริง... 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...สร้างความตระหนักทางการเรียนให้แก่นักเรียนที่ส่งงานไม่ตรง เวลา... ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. (นายไพโรจน์ ขวัญคง) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ความเห็นของรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารวิชาการ ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................ .................. (นางสาวเพริศพิศ คูหามุข) รองผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา ความเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................... ... (นายนพปฎล มุณีรัตน์) ผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


ภาคผนวก


บัตรภาพประกอบการสอน : กระบวนเรือพระที่นั่ง ภาพที่ ๑ ภาพที่ ๒ ภาพที่ ๓ ภาพที่ ๔ ภาพที่ 5 ภาพที่ 6


ใบความรู้ เรื่องการพิจารณาคุณค่าวรรณคดีด้านสังคม ความหมายของการพิจารณาคุณค่าวรรณคดีด้านสังคม การพิจารณาคุณค่าด้านสังคม เป็นสิ่งที่สะท้อนจากวรรณคดีและวรรณกรรมซึ่งกวีนิยมแทรกไว้ใน เรื่องเพื่อเสริมเนื้อความให้มีความชัดเจนและสมจริงมากขึ้น นอกจากนี้ยงัแสดงถึงความรอบรู้ของกวีใน เรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในสังคม เช่น ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ การดำเนินชีวิต และค่านิยม เป็นต้น โดยการสอดแทรกไว้ในบทประพันธ์อย่างแนบเนียน ดังตัวอย่าง สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้ คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่น อยู่นา ตามแต่บาปบุญแล้ ก่อเกื้อรักษา (ที่มา : ลิลิตพระลอ) จากบทประพันธ์ข้างต้นสะท้อนถึงความเชื่อเรื่องบุญที่ได้กระทำมาอันส่งผลต่อความเป็นไปของชีวิต คุณค่าด้านสังคมจากเรื่องกาพย์เห่เรือ สะท้อนให้เห็นให้เก็บชีวิติความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และค่านิยมของคน ไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายหลายด้าน ดังนี้ ๑. การคมนาคม เมืองไทยมีแม่น้ำลำคลองมาก ในสมัยนั้นจึงใช้การคมนาคมทางน้ำเป็นสำคัญ ๒. ขนบธรรมเนียมประเพณี สะท้อนให้เห็นวัฒธรรมในการแต่งกาย การทำเครื่องหอม การไว้ทรงผม งานฝีมือของหญิงชาววังในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย เช่น “เพียนทองงามดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย กระแหแหกห่างชาย ดั่งสายสวาทคลาดจาดสม” “หวีเกศเพศซื่อปลา คิดสุดาอ่าองค์นาง หวีเกล้าเจ้าสระสาง เส้นเกศสลวยรงยกลิ่นหอม” “ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง เหมือนอุบะนวลละออง เจ้าแขวนไว้ให้เรียนชม” ๓. การบอกเวลานิยมใช้ฆ้อง กลอง เป็นเครื่องบอกเวลา เช่น “ยามสองฆ้องยามย่ำ ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง เสียงปี่มี่ครวญเครง เหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน” ๔. ความเชื่อในกฎแห่งกรรม เช่น “เวรามาทันแล้ว จึงจำแคล้วแก้วโกมล ให้แค้นแสนสุดทน ทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย” ให้ความรู้เกี่ยวกับขบวนพยุหยาตราชลมารค ทำให้รู้จักชื่อเรือพระที่นั่งต่าง ๆ ตามลำดับ รู้จักชื่อ ปลา พันธุ์ไม้ พันธุ์นก และตำนานของเทพในวรรณคดี เช่น ครุฑยุดนาค พาหนะทรงของพระนารายณ์คือครุฑ พาหนะทรงของพระพายคือม้า พาหนะทรงของพระพรหมคือหงส์ เป็นต้น


Click to View FlipBook Version